@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

กายวิเวกแบบโลกุตระ

รายละเอียด

กายวิเวกแบบโลกุตระ คือ จะเอากายไปอยู่ป่า เขา ถ้ำ ก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ เข้าใจคำว่ากายแล้ว แยกกายกับจิตออก  อย่างนี้ไม่ใช่กายแล้วเป็นอุตุ อย่างนี้เป็นพีชะแต่ไม่ใช่กาย  อยู่กับตัวเรามีชีวะอยู่แต่ไม่ใช่กาย แต่คนเข้าใจยาก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:45:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:37 )

กายวิเวกโดยออกป่าเขาถ้ำเป็นผู้ที่วิปลาส

รายละเอียด

ในปริเฉทแรก นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้มีกิเลสมากปิดบังเอาไว้แล้ว นรชนเมื่อตั้งอยู่ก็หยั่งลงในที่หลง นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวก ก็เพราะ กามทั้งหลายในโลก เป็นเรื่องที่นรชนไม่ได้ละได้ง่าย เพราะเขาไม่ได้ล้างกามมาก่อน เขาจะกินทุเรียนไม่ได้ปอกเปลือกมาก่อน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ 

กายวิเวกก็เอาร่างกายออกป่าเขาถ้ำ แล้วเชื่อว่า กายวิเวกอันแรกคือหนีจากสัมผัส หนีจากตาหูจมูกลิ้นกาย เพราะฉะนั้นความเข้าใจนี้ก็เลยเป็นผู้ที่วิปลาส คุณจะหนีจากกาม คุณก็เอาตาหูจมูกลิ้นกายไปด้วย เอาไปเข้าป่าเข้าถ้ำ ตาหูจมูกลิ้นกายคุณก็มีอยู่ในนั้น แต่คุณก็ไปสัมผัสอยู่เหมือนเดิม แต่คุณไม่ได้เรียนด้วยซ้ำไป มันก็มีกามคุณ 5 เต็มๆอย่างเก่า แล้วก็ข้ามขั้นไปนั่งหลับตาเข้าไปเลย โดยที่ไม่นำพาปฏิบัติทางตาหูจมูกลิ้นกาย คุณจะไปสัมผัสอะไรอยู่กับในป่าเขาถ้ำก็เรียนรู้เหมือนกัน แต่มันไม่เต็มสภาพเพราะเป็นที่ห่างไกลจากการปรุงแต่งแบบสังคมเต็มที่ ที่เขาปรุงแต่งกัน ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจี๋จ๋า คุณก็ไปอย่างเบาๆ ทั้งๆที่อย่างที่หยาบคุณก็ไม่ได้เรียนรู้ลองลดละมาบ้างเลย แล้วก็จะไปอยู่อย่างเบาๆ แล้วมันจะไปรู้สึกรู้สาอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:06:22 )

กายวิเวกไม่ใช่ออกป่าออกเขาถ้ำ

รายละเอียด

นี่คือผู้มิจฉาทิฏฐิทั้งหลายแหล่ กายวิเวกเขาก็ออกป่าออกเขาถ้ำแล้วก็ประพฤติอย่างที่ว่านี้แหละ ไปผู้เดียวอยู่ผู้เดียวไม่เกี่ยวกับใคร เปลี่ยนอิริยาบถรักษาตัวเองไปกินวันกินคืนไปถึงเวลาก็ตายแล้วก็จมอยู่กับความติดยึดอย่างเก่า จมอยู่ในที่หลง เกิดขึ้นมาใหม่ก็หากว่าเจอสัตบุรุษก็ดี เจอสัตบุรุษแต่ไม่ยอมรับสัตบุรุษ ยังนึกถึงแต่อาจารย์เก่าทำอย่างเก่าก็จมลงไปอีก ชาติต่อไปก็ยิ่งจมหนัก ดีไม่ดีไปเจออาจารย์เก่าแบบเก่าก็ไปด้วยกัน หนักเข้าไปใหญ่เลย ไม่ได้ไปใส่ความเขามันเป็นเช่นนั้นลางเนื้อชอบลางยา ไม่ตื่นมาซักที ต้องให้ชัดว่าคุณจะตื่นหรือจะหลับใหล ถ้าคุณจะหลับใหลก็ไปอย่างที่เขาเป็น แต่ถ้าจะตื่นก็ตื่นมาทางนี้อย่างชาวอโศก ก็ให้ชัดเจน 

เพื่อนของอาตมาชื่อ ชาคร เล่นไสยศาสตร์มาด้วยกัน เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง เขาก็ว่าไปก่อนก็แล้วกัน เราจะยังอยู่ช่วยทางนี้เขาก่อนก็ยังช่วยทางไสยศาสตร์ อาตมาเคยเล่นไสยศาสตร์มา 8 ปีแต่เขาก็ยังเล่นอยู่ของเขานี่ไม่เจอกันนานแล้ว แต่ได้ข่าวว่าเมียเขาเสียแล้วแต่ตัวเขาเองจะอยู่หรือเปล่า คนนี้จบวิทยาศาสตร์ ทำงานห้องวิจัยน้ำมันของเชลล์ ก็พูดถึงเหตุปัจจัย ว่าเคยมีเพื่อนทางนี้ เขาก็ว่าให้เราไปก่อนเถิด เขายังจะช่วยทางนี้ เหมือนสัญชัยเวรทบุตรสมัยพุทธกาล

นี่คือวิเวกแบบสงบสงัดของเขาซึ่งยังไกลไปจากวิเวก หรือที่เรียกว่าปัสสัทธิสงบที่รู้จักเหตุตายสนิทเลย ตอนนี้แหละตายสงบสมบูรณ์แบบเขายังไม่ถึง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:36:05 )

กายสงบ

รายละเอียด

ตาไม่อยาก หูไม่อยาก ลิ้นไม่อยาก จมูกไม่อยาก ไม่อยากสัมผัสกาย ไม่ใช่เพียงร่างกายอยู่นิ่ง ๆ เป็นตอตาย ๆ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 171


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:34:11 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:27:50 )

กายสงบ จิตบรรลุธรรม

รายละเอียด

กายสงบ จิตบรรลุธรรม พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นลำดับๆ เดี๋ยวนี้ต้องอธิบายลึกกว่านี้ กายสงบ จิตเป็นสุข ก็ยังไม่พ้นทุกข์สิ สำหรับพวกเรารู้เลยไปแล้ว กายสงบ จิตก็เป็นสุข ก็บรรลุธรรมอธิบายง่ายๆสำหรับคนที่ทำเท่านี้ก่อน ผู้ที่ทำได้อย่างนี้ได้แล้วก็เป็นฐาน เข้าใจคำว่ากาย คำว่าจิต แล้วก็รู้ความสงบ แต่ยังอธิบายจิตว่า จิตยังอาศัย ยังเป็นสุขอยู่ ก็เป็นระดับหนึ่ง

เมื่ออธิบายลึกเข้าไปอีก กายมี 2 อย่าง  สุข-ทุกข์ ก็เป็น 2 อย่าง ติดสุขอยู่ก็ยังไม่หมดทุกข์ ต้องดับทั้ง 2 อย่างดับเทวะจึงจะเป็นนิพพาน ดับให้ไม่เหลือตัวตนต้องดับทั้งสุขและทุกข์ จึงจะเป็นนิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:30:05 )

กายสงบ จิตสงบ

รายละเอียด

สุดยอดของกายของจิต คือขจัดพิษภัย คือกิเลสออกไปจากจิตสะอาด มีแต่เจตสิกที่สะอาดเวทนาที่สะอาด สัญญาที่สะอาด สังขารที่สะอาด คล่องแคล่วว่องไว สะอาดสงบได้อย่างพร้อมพรัก ทำให้กายและจิตสงบ เรียกถึงซับซ้อน 2 เป็น 1 กายคือจิตก็ต้องเป็นหนึ่ง ไม่มีกิเลส กายก็สงบ จิตก็สงบ สงบด้วยกันทั้งคู่ แต่กายไม่ได้หมายถึงเพียงแต่ร่างภายนอกเท่านั้นแข็งทื่อเท่านั้น ไม่ใช่ แต่ไม่มีกิเลสจะคล่องแคล่วทั้งกายวิญญัติ วจีวิญญัติ เหมือนโพธิรักษ์แสดงธรรมคล่อง เขาก็หาว่าพระอรหันต์พระอริยะอะไรไม่นิ่งเลยดิ้นไป ก็เข้าใจไปคนละทาง ก็ดิ้นสิ อาตมาคล่องน่ะ แต่ของคุณตื้อทื่อดื้อ มันคนละเรื่องคนละทางกันเลย 

ถ้าเข้าใจสภาวะแล้วจะชัดเจนยิ่งขึ้นที่อาตมาขยายความ

เมื่อสงบแล้ว ได้แล้ว ถึงพร้อมแล้ว เป็นปัญญาครบข้อที่ 3

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 18:08:39 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:17 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:15:26 )

กายสงบ จิตสงบ คือกายที่มีกิเลสน้อย

รายละเอียด

กายหมายถึงครบทั้งภายนอก ครบทั้งภายในกระทบสัมผัสภายนอกอย่างไรกิเลสของคุณก็ไม่มีเข้ามาร่วม แม้ในปัจจุบันที่ทำได้ชั่วคราวเป็นตทังคปหาน ชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังดี เราก็รู้ว่ากิเลสมันมี เรามีประสิทธิภาพธาตุรู้ รู้ว่ากิเลสโผล่หน้า หากปัญญามีฤทธิ์มากกว่ากิเลส เจอหน้ากันปั๊บ กิเลสมันก็หลบเลยนี่คือประสิทธิภาพของปัญญา 


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 14:25:37 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:14 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:12:39 )

กายสงบจิตสงบของพระพุทธเจ้าต่างจากเดียรถีย์

รายละเอียด

ไปเข้าใจกายสงบจิตสงบ กายสงบก็คือ บังคับไม่ให้ร่างกายกระดุกกระดิก กายคือร่างสรีระเคลื่อนไหวกายวิญญัติ ทำให้กายไม่กระดุกกระดิก นี่คือกายสงบแบบมิจฉาทิฏฐิ เดียรถีย์ ไม่ใช่ปัญญา ได้แค่นี้ แล้วเขาพยายามสะกดจิตให้จิตนิ่งอย่าไปรับรู้สัญญา เวทนาเห็นไหมความสงบแบบเดียรถีย์เป็นอย่างนี้ 

ส่วนความสงบของพระพุทธเจ้านั้น กายยิ่งแคล่วคล่องว่องไว กิเลสยิ่งตาย กายยิ่งคล่องแคล่วเป็น กายปาคุญญตา กิเลสสงบอีก จิตก็ยิ่งแคล่วคล่อง กายก็ยิ่งแคล่วคล่อง ไม่ใช่หมายความว่าไม่กระดุกกระดิก หยุดไปหมด กายภายนอกก็ไม่กระดุกกระดิก จิตก็ไม่นึกคิด ไม่มีสัญญา ไม่มีเวทนาก็คือสงบ ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย 

ฟังเข้าใจพอแยกกันออกชัดขึ้นไหม นี่คือปัญญาข้อที่ 3 เป็นความสงบ 2 อย่าง ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ไม่ใช่จะเข้าใจได้ง่ายๆ มันเป็นโลกุตระแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 12:12:52 )

กายสงัด

รายละเอียด

กายสงัด คุณจะต้องสำคัญคำว่ากายนี้ ข้างนอก กายนี้สัมผัส สัมผัสแล้วคุณจะเกิดอาการที่เรียกว่า กาม กิเลสทางภายนอก เรียกว่าภพภายนอก เรียกว่า กามภพ 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:25:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:04:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:16:16 )

กายสวะ

รายละเอียด

กายสวะ คือ ท่านแปลว่า ความหมักหมมแห่งร่างกาย แสดงว่า คนนี้ไม่อาบน้ำเลย ร้อยวันพันวันหมักหมมจัด เดินผ่านมาได้กลิ่นแต่ไกล ท่านแปลว่าความหมักหมมในร่างกาย ความสกปรกที่มีอยู่ในร่างกาย ฟังแล้วมันตื้นๆ นะ 

ความจริงแล้วอาสวะกิเลสหมักหมม กิเลสหมักดอง อยู่ในจิตของคุณออกมาแสดงออกทางกายเลย กายสวะ ออกมาเต็มที่เลย นี่คือการแปลของอาตมาหรือการขยายความของอาตมาเท่าที่อาตมามีภูมิรู้ในสภาวะที่พยัญชนะบาลีว่าอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:01:29 )

กายสักขี

รายละเอียด

คือ มีรูป มีนาม สัมผัสอัตตานั้นๆ ด้วยหู ด้วยตาได้แท้อยู่โทนโท่ โต้งๆกันทีเดียว ไม่ลับหู ไม่ลับตาเลย

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 207


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:36:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:16 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:33:05 )

กายสักขี

รายละเอียด

คือ การที่มีกายภายนอกปรากฏเห็นพยานหลักฐาน

ปริเฉทรูป 1 = 15 อากาสธาตุ = รูปที่กำหนดจะให้ว่าง

    ปฏิบัติศีลข้อ1  กับคนกับสัตว์

    ปฏิบัติศีลข้อ2  กับข้าวของกับพืช คุณก็จะมีกิเลสเกิดขึ้นได้  ก็ต้องเรียนรู้ไม่ให้มีทุจริตกรรม

    ปฏิบัติศีลข้อ3  เกี่ยวกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เรียกว่า กามคุณ 5 ก็ต้องเรียนรู้สัมผัสแล้วมันเกิดกิเลสอย่างไร  ถ้าคนเรียนรู้ละเอียดพวกนี้ไปหมดเลย คุณก็บรรลุอรหันต์ในตรงนี้  แค่ศีลทั้ง3 ข้อ ก็บรรลุพระอรหันต์ สมณโพธิรักษ์ย่นย่อลงมาอธิบายอย่างพิสดารอธิบายพิสดารมากและเยอะก็ย่อลง  คุณก็เข้าใจทั้งสองอย่าง  เข้าใจเบื้องต้น  ท่ามกลาง บั้นปลาย  ก็มีสุขุมรูป  จัดการกำหนดกรอบ  เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ กับของ กับพืช กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็มีภูมิธรรม มีสมรรถนะสูงขึ้น  เป็นพระอาริยะที่สูงขึ้น มันเป็นกระบวนการของการศึกษา  ก็เรียนรู้กิเลสในสิ่งเหล่านี้  จับตัวกิเลสเป็นหัวใจ ฆ่ากิเลสได้ ฆ่าได้แล้วองค์ประกอบต่างๆ เข้าร่วมแล้ว  แต่เป็นสัจจะปรุงแต่งอย่างไร  ไม่มีตัวโทษ หรือ กลิ หรือ กาลี  ไม่มีแล้วอาการเจตสิกของสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีแล้ว ก็เป็นจิตสะอาดทุกปริเฉท  ทำได้ไม่มั่วไม่มากเกิน ทำทีละหมวดหมู่  ก็จะเป็นสิ่งที่ชัดเจน  ถ้าหากทำอย่างไม่เป็นลำดับไม่มีชิ้นมีอันเลย คุณจะมีอะไรสำเร็จ  ไม่มีอะไรสำเร็จก็ต้องจัดหมวดหมู่ เรียกว่า “ปริเฉท” จัดองค์รวมเป็น 0 ได้ ล้างกิเลสได้ก็จะมีตัวอย่างมีของจริง  เช่น กิเลสไปติดสิ่งเสพติด การพนันบันเทิงเริงรมย์จัดจ้าน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:19:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:12 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:26:19 )

กายสักขี

รายละเอียด

1. เห็นได้ รู้ได้ด้วยหู ด้วยตานอก ๆ ธรรมดา ๆ แล้วว่าผู้นี้ละ หน่าย คลายจากสิ่งนอก ๆ นั้นนี้ได้จริงแล้ว

2. บุคคลที่มีหลักฐานแห่งความบริสุทธิ์ บริบูรณ์พร้อมในบางอย่างแต่ยังไม่บริสุทธิ์นอก บริสุทธิ์ในจริงอย่างบริบูรณ์พร้อมในบางอย่าง

3. องค์ประชุมที่ยืนยันทั้งรูปและนามสัมผัสอยู่หลัด ๆ โทนโท่ หรือเป็นพยานเห็นกับตา 

4. เป็นผู้มีการหยั่งรู้ธรรมอันประกอบด้วยองค์ประชุมทั้งภายนอกภายในครบครันเป็นพยานยืนยัน[ยืนยันกับตนเองได้ว่าเป็นผู้มีกายคตาสติสัมบูรณ์] 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 168

ทางเอก ภาค 2 หน้า 366

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 139

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 274


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:35:42 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:28:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:33:54 )

กายสักขี

รายละเอียด

บุคคลบางคนในโลกนี้  ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย  แล้วสำเร็จอิริยาบถอยู่  ทั้งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว  เพราะเห็นด้วยปัญญา  แต่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ หรือบุคคลที่มีหลักฐานแห่งความบริสุทธิ์ บริบูรณ์พร้อมในบางอย่างแต่ยังไม่บริสุทธิ์นอก บริสุทธิ์ในจริงอย่างบริบูรณ์พร้อมในบางอย่าง

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:23:51 )

กายสักขี

รายละเอียด

คืออยู่กับอรูปสมาบัติแต่อาสวะยังไม่หมด  คนผู้นี้จะเรียกอรหันต์ไม่ได้ กายสักขีต้องมีภายนอก ภายในยืนยัน  อาสวะจึงสิ้นได้ แต่อันนี้ อาสวะบางอย่างสิ้น อยู่ในฐานอรูปสมาบัติ  แม้อาสวะบางอย่างสิ้นก็สิ้นด้วย ปัญญา  ขอย้ำว่า ปัญญาต้องลืมตา  กายสักขี จึงมีสิ่งไม่ครบพร้อม  ที่ไม่ได้ลืมตาปฏิบัติ  แม้ลืมตาก็ตาม กายสักขี ก็ยังปฏิบัติได้ไม่ครบ  อาสวะยังไม่หมด  หมดอันไหนก็หมดด้วยปัญญา  ต้องไปเอาตัวปัญญา เป็นตัวตัดสินอีก ปัญญา หลับตา ไม่มีปัญญา มีแต่สัญญา  เห็นอยู่ในภพภูมิ  คุณหลับตาปฏิบัติ  ไม่มีปัจจุบัน มีแต่อดีตกับอนาคต หลับตาไม่มีปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:32:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:27:03 )

กายสักขี

รายละเอียด

อยู่กับอรูปสมาบัติแต่อาสวะยังไม่หมด  คนผู้นี้จะเรียกอรหันต์ไม่ได้ กายสักขีต้องมีภายนอกภายในยืนยัน  อาสวะจึงสิ้นได้ แต่อันนี้ อาสวะบางอย่างสิ้น อยู่ในฐานอรูปสมาบัติ  แม้อาสวะบางอย่างสิ้นก็สิ้นด้วย ปัญญา  ขอย้ำว่า ปัญญาต้องลืมตา  กายสักขีจึงมีสิ่งไม่ครบพร้อม  ที่ไม่ได้ลืมตาปฏิบัติ  แม้ลืมตาก็ตาม กายสักขีก็ยังปฏิบัติได้ไม่ครบ  อาสวะยังไม่หมด  หมดอันไหนก็หมดด้วยปัญญา  ต้องไปเอาตัวปัญญา เป็นตัวตัดสินอีก ปัญญา หลับตาไม่มีปัญญา มีแต่สัญญา  เห็นอยู่ในภพภูมิ  คุณหลับตาปฏิบัติ  ไม่มีปัจจุบัน มีแต่อดีตกับอนาคต หลับตาไม่มีปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 19:37:52 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 05:01:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:34:18 )

กายสักขี

รายละเอียด

มาขยายกายสักขี มาทิฏฐิปัตตะ กายสักขี พระพุทธเจ้าถึงสำทับกำชับไว้ว่าต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ถ้าคุณเริ่มด้วยสักกายสักขี คุณก็ยังเข้าใจ กาย ยังไม่สมบูรณ์แบบสมาธิบริบูรณ์ สายปัญญาก็จะมีสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าจึงต้อง สำทับว่า ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายชนิดที่พ้นวิจิกิจฉา วิจิกิจฉาเขาอธิบายกันแค่ไม่ลังเลสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ก็ได้ เป็นโครงสร้างที่หยาบ ก็ใช่ นามธรรมนั้นคือเข้าใจกาย รู้จักกาย แล้วไม่ต้องเป็นของคนอื่น เอากายของตนนี้ สัมผัสและเกิดภายนอกภายใน เราเรียนรูปนามทั้งภายนอกภายในให้สัมผัสสัมพันธ์กันครบถ้วนรู้จักรูปรู้จักนามรู้จักสภาวะ 2 เป็นภายนอกภายในก็ดี เป็นรูปเป็นนามก็ดี จนกระทั่งแยกกายแยกจิต เทวะ ก็ 2 คำว่า 2 แล้วแยกให้ละเอียด ตีแตกแยกแยะให้ละเอียด distinguish ต้องอ่านให้ถูกต้อง มีคนท้วงอาตมามา อาตมาฝรั่งแค่ไส้เดือนกิ้งกือไม่ระดับงูๆปลาๆด้วยซ้ำ ท่านจึงสำทับสายศรัทธาว่าต้องทำต้องเรียนรู้กายให้ชัด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:34:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:01 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:28:17 )

กายสักขี

รายละเอียด

ผู้ที่มีกายสักขี คืออาสวะบางอย่างหมดสิ้น คุณต้องมีความรู้เรื่องกาย คุณจึงบรรลุสิ้นอาสวะได้ ถ้าคุณไม่มีความรู้ เป็นสัมมาทิฏฐิพอ ไม่รู้กายจริง ไม่พ้นสักกายทิฏฐิ ไม่มีทางที่คุณจะเป็น กายสักขีได้เลย เพราะสังโยชน์ข้อแรก กายของตน สักกะคือของตนทิฏฐิคือความรู้ความ คุณยังแยกความเป็นกายไม่ได้ เข้าใจผิดว่า กายคือสรีระ ก็ปิดประตู ส่วนปัญญาวิมุติเป็นผู้ที่สิ้นอาสวะก็เป็นพระอรหันต์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:48:13 )

กายสักขี

รายละเอียด

ของพวกโลกีย์เป็นพวกหลับตา พวกหลับตา ไม่มีกามคุณ 5 แต่นิพพานต้องอยู่เหนือกามคุณ 5 อยู่เหนือรูปภพอรูปภพ แต่นี่ กาม คุณก็ยังไม่รู้จักไม่ได้ทำเลย แม้ว่าคุณจะมีบารมีเก่านั่งสะกดตัวเอง ก็ทำอาสวะบางอย่างที่เคยได้แล้วหมดแล้วเป็นบ้าง ก็มีกายสักขีของตนบ้าง รูปนามของตนที่เคยรู้บ้าง ในบุคคลสายนี้ กายสักขี มีรูปนามยืนยันว่า อาสวะบางอย่างของคุณดับได้แต่ไม่ได้สิ้นอาสวะ ระดับ 6 จึงดับอาสวะสิ้น ระดับ 5 คือกายสักขีไม่นับว่าอรหันต์ต้องเป็นปัญญาวิมุติจึงนับว่าเป็นอรหันต์ นอกนั้นก็อุภโตภาควิมุติ จากนั้นก็เป็นโพธิสัตว์ระดับต่างๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 261


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:11:18 )

กายสักขี เป็นไฉน 

รายละเอียด

[42] บุคคลชื่อว่ากายสักขี เป็นไฉน 

บุคคลบางคนในโลกนี้ ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แล้วสำเร็จอิริยาบถอยู่ ทั้งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้เรียกว่า กายสักขี

[42]   กตโม   จ   ปุคฺคโล   กายสกฺขี   อิเธกจฺโจ   ปุคฺคโล อฏฺฐ   วิโมกฺเข   กาเยน   ผุสิตฺวา   วิหรติ   ปญฺญาย   จสฺส  ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล กายสกฺขี ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:38:28 )

กายสักขีก็ยังไม่นับว่าเป็นอรหันต์ด้วยเหตุใด

รายละเอียด

กายสักขีก็ยังไม่นับว่าเป็นอรหันต์ จะเป็นอรหันต์ต้องนับที่ปัญญาวิมุติ ท่านก็มีตัวขยายความว่า น เหว โข ภาษาบาลี อาตมาเห็นใจที่ท่านแปลว่าไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ท่านแปลว่า มิได้ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ท่านแปลอย่างนั้นเลย ซึ่งถ้าไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายเป็นอรหันต์ไม่ได้ ผ่านไปเป็นปัญญาวิมุติไม่ได้ กายสักขีก็ยังไม่เรียกว่าอรหันต์ เพราะว่าอาสวะบางอย่างหลุดพ้นก็จริง แต่ยังไม่ถึงขีดจะยอมรับว่าเป็นอรหันต์ได้แล้ว ต้องอาสวะมากอย่างหลุดพ้นจึงถือว่าหมดอาสวะ ยังมี นัยลึกไปอีกคือ อุภโตภาควิมุติ คือหมดอนุสัยอาสวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:40:08 )

กายสักขีต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

รายละเอียด

ปัญญาอยู่ในวิโมกข์ 8 ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายจึงจะเกิดปัญญา เชื่อว่าอาจารย์มั่นอธิบายสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายไม่ได้ เพราะไม่รู้สภาวะละเอียดลออ จะแยกอาภัสราพรหม จะแยกสุภกิณหาพรหมออกจากกันได้หรือไม่ รูปีรูปานิปัสสติ กับอัชฌัตตังอรูปสัญญี พหิทารูปานิปัสสติวิโมกข์ 8 

1. ผู้มีรูป  ย่อมเห็นรูปทั้งหลาย   (รูปี รูปานิ ปัสสติ) 

2. ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปภายใน (พระไตรปิฎก เล่ม 10 ข้อ 66)   ย่อมเห็น รูปทั้งหลายในภายนอก (อัชฌัตตัง อรูปสัญญี .   เอโก พหิทธา รูปานิ ปัสสติ) . (พ่อครูแปลว่ามีสัญญาใส่ใจในอรูป)

ที่จริงต้องเรียนรู้รูปภายในภายนอกว่ามีหรือไม่มี ต้องเห็นเป็นสภาพคู่ จะขาดภายนอกหรือขาดภายในไม่ได้ แต่สายหลับตาขาดภายนอกก็โมฆะ ไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:00:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:51:10 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:29:21 )

กายสักขีต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

รายละเอียด

ทิฏฐิปัตตะ แล้วต้องมากายสักขี ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าจึงได้สำทับไว้ แต่เขาไปแปลเผินไป สายปัญญาธัมมานุสารีมาเป็นปัญญาวิมุติ เขาแปลว่าไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ที่จริงแล้วท่านสัมมาทิฏฐิทำมาแต่ต้นแล้ว จนสิ้นอาสวะ คือปัญญาวิมุติ ส่วนกายสักขี อาสวะบางอย่างสิ้นไป ต้องไปเติมสัมมาทิฏฐิ จึงทำให้เป็นปัญญาวิมุติ ส่วนสายสัมมาทิฏฐิสายธัมมานุสารีนั้นมาเป็นทิฏฐิปัตตะแล้วมาปัญญาวิมุติเลย สายศรัทธา มาแวะที่กายสักขีก่อนถึงจะเป็นปัญญาวิมุติ แล้วค่อยเป็นอุภโตภาควิมุติ  อุภโตคือ 2 ท่านใช้คำว่าสิ้นอาสวะ เป็นพระอรหันต์แต่ยังไม่ดับอนุสัยยังไม่สิ้นอนุสัย  คำว่า อนุสัยกับอาสวะมีนัยสำคัญต่างกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:51:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:24 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:30:01 )

กายสักขีบุคคล สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วย กายในเสนาสนะ อันสมควร

รายละเอียด

ผู้กายสักขีแล้ว ปัจจุบันมีสัมผัสภายนอกไหม ต้องทำด้วยปัญญาอันยิ่งของตนเอง และต้องเป็นปัจจุบันด้วย การคบหากัลยาณมิตรนั้นจะไปหลับตาคบหากันได้อย่างไร  มันต้องทั้งตาบอด  หูหนวก  จมูก ไม่ได้กลิ่น  สัมผัสไม่รู้เรื่อง ลิ้น ก็ไม่รับรสแล้ว  จะไปคบคุ้น กันอย่างไร คนที่อยู่ในเสนาสนะอันสมควร  สัมผัสสัมพันธ์กัน  มีสัปปายะ 4  เสนาสนะ มีบุคคลมีกัลยาณมิตร  มีเครื่องอาศัยร่วมกัน มีธรรมะ  พรั่งพร้อม  อย่างนี้แล้ว มันจะเกิดในปัจจุบันทั้งนั้น คุณสัมผัสแล้วก็ต้องอ่านจิตของคุณ   จิตของคุณลดกิเลสได้ไหม  หมดกิเลสไหม  สัมผัสร่วมกันกับคนอื่น คนอื่นก็จะเห็นร่วมด้วยว่า คุณติดหรือไม่ติด เขาก็จะรู้ ร่วมกันด้วยก็จะรู้ เขาบอกไม่ติด แต่กินหมากไม่ขาดปากเลย  บอกว่าไม่ติด แต่อะไรนะ  ห่างปากไม่ได้ หรือไปไหนก็กระติกน้ำหวานข้างเคียงกายสักขี  ก็มีส่วนสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายอันละเอียดอยู่บ้างอย่างหมดสิ้นไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 19:46:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:41 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:30:57 )

กายสังขาร

รายละเอียด

1. องค์รวมของการปรุงแต่งกันอยู่ของรูปนามทั้งหลายทั้งนอกและใน

2. การจัดการกับกาย 

3. องค์ประชุมหรือองค์รวมทั้งกาย วาจา ใจ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 133 , 214

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:37:00 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:29:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:34:52 )

กายสังขาร

รายละเอียด

องค์รวมของการปรุงแต่งกันอยู่ของรูปนามทั้งหลายทั้งภายนอกและภายใน ทั้งกาย-วาจา-ใจ


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:24:48 )

กายสังขาร

รายละเอียด

คุณปฏิบัติธรรม สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายใจ คุณก็จะเริ่มเจอกับ ต้นไม้ ก็จะเจอกับภายนอกก่อน เสร็จแล้ว คุณก็เรียนรู้ภายนอก ที่เรียนรู้นั้น เพื่อที่จะเรียนรู้ว่า ที่มันสังขารอยู่ภายนอกปรุงแต่งอยู่ภายนอก เรียกว่า กายสังขาร มันมีกิเลสอะไรอยู่ตรงนี้ คุณก็กำจัดก่อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:07:09 )

กายสังขาร จะรวมวจี มโน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้ที่อาตมาอธิบายให้ฟังตามลำดับเถอะ 

เริ่มสังขาร เรียนอภิสังขาร กายสังขารทำได้จริงรู้รูปนาม กายคือ 2 ภายนอกภายใน กายนี้พิสดารมาก 

กายสังขาร จะรวม วจี มโน เพราะกายขาดจิตไม่ได้ ตถาคตเรียกกายว่าคือจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง ล.16 ข.230

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:40:34 )

กายสังขารกับ มโนสังขาร 

รายละเอียด

กายสังขารกับ มโนสังขาร 

มโนกับกาย ต้องร่วมกันตลอด มโน เป็นธาตุจิตตัวที่ 3 ธาตุจิตที่เป็นตัวใหญ่เรียกว่า “วิญญาณ” ธาตุที่เป็นตัวกลางเรียกว่า “จิต” ธาตุเล็กละเอียดเราเรียกว่า “มโน” 

วิญญาณก็คือรวมใหญ่แล้วก็มาแยกจิต เอาคำว่าจิตมาแจก เรียกเจตสิก มีเยอะ ในสัญญา ในเจตนาก็มีอีกเยอะ ซึ่งไม่ต้องไปคำนึงถึง เรียนรู้แต่เพียงว่าพยัญชนะเรานั้นหมายถึงสภาวะอย่างไรก็พอแล้วไม่ต้องไปกังวล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:49:54 )

กายสังขารังปัสสัมภรัง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนไม่รู้ก็ไปนั่ง บอกว่าสงบหยุด หยุดอะไร หยุดการเคลื่อน กายสงบก็หยุดการเคลื่อนของร่าง นิ่งเฉยหยุดเข้าไป หยุด กายสังขารังปัสสัมภรัง คือปฏิบัติให้สงบทางกายสังขาร เขาก็หยุดกาย ให้หยุด ยังหยุดไม่ได้ก็ช้าลง ก้าวหนอ ย่างหนอ ก็ไปฝึกฝนอยู่แต่การเคลื่อน ไม่ได้มีการหยั่งรู้เข้าไปถึงตัวอาการของจิตเจตสิกต่างๆ มันยังไม่เข้าถึงปรมัตถ์ ไม่เข้าถึงจิตเจตสิกรูปนิพพาน มันไม่เป็นอภิธรรม 

มันไม่เข้าถึงจิต มันมีแต่การเคลื่อนภายนอก ทางกาย ทางวาจา มันไปเพียรข้างนอก เพราะฉะนั้นเขาก็ให้มันหยุดข้างนอกเฉยๆ สะกดเอาไว้ ระงับเอาไว้อย่าให้มันเคลื่อนเป็นวิญญัติ ปฏิบัติอยู่แค่ส่วนภาควิญญัติ เข้าไปไม่ถึงวิญญาณ 

เพราะฉะนั้นคำสองคำนี้ วิญญาณกับ วิญญัติ ถ้าไปเห็นความต่าง ลิงคะหรือเพศ ของมันให้ได้แล้วรู้ตัวเอง เราอย่าไปหลงแค่การเคลื่อน เราทำไม่เคลื่อนได้ ถือว่าบรรลุธรรม ก็บรรลุธรรมอย่างหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 19:37:28 )

กายสัมผัส

รายละเอียด

ความกระทบที่มาสัมผัสทางกาย

หนังสืออ้างอิง

จากอีคิวโลกุตระ หน้า 222 

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 106


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:37:51 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:29:50 )

กายสัมผัสสชาเวทนา

รายละเอียด

ความรู้สึกที่เกิดจากการแตะต้องทางกาย

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 118


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:38:31 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:30:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:15:32 )

กายสาวะ

รายละเอียด

คือความหมักหมมแห่งร่างกาย เขาแปลอย่างนั้น ก็เลยคิดว่าเป็นขี้ไคล อุจจาระปัสสาวะทำความหมักหมมให้แก่ร่างกาย แต่กายสาวะ มันประกอบไปด้วยอาสวะ มันซ้อนเป็นรูปนามอยู่ในกายเรานี่แหละ

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 04 พฤศจิกายน 2562 ( 20:13:17 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:33:03 )

กายสาวะ

รายละเอียด

กายกสาวะ คือ ความหมักหมมแห่งร่างกาย ก็ยังไม่เข้าหาอาสวะ น่าสงสาร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช   วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:26:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:41 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:51:09 )

กายสาวะ

รายละเอียด

ความหมักหมมแห่งร่างกาย มันประกอบไปด้วย อาสวะ มันซ้อนเป็นรูปธรรมอยู่ในกายเรา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:36:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:35:38 )

กายสาวะ

รายละเอียด

 คือ ความหมักหมม เขาแปลเป็นความหมักหมมของร่างกาย แต่อาตมาจะแปลว่าความหมักหมมของกิเลสในจิต สาวะคืออาสวะคือความหมักหมม ไม่ใช่สิ่งที่สะอาด หมักหมมอยู่ในกายหรือในร่างกาย ก็คือหมายถึงจิต ที่นี้เขาแปลว่าความหมักหมมแห่งร่างกาย แล้วก็แปลต่ออีกว่าเป็นความสกปรกที่มีอยู่ในร่างกาย คุณฟังดู ความสกปรกที่มีในร่างกายนี้คุณก็คงไม่เข้าถึงภายในจิต ในร่างก็ต้องผ่านร่าง แต่กายคือจิตหรือวิญญาณ กายนี้คือวิญญาณ​ที่อาตมาตั้งชื่อมาพูดกันวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:15:14 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:26 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:34:22 )

กายสำคัญคือภายใน

รายละเอียด

ถ้าไม่มีอาตมาเกิดมาก็จะไม่รู้ว่า กายนี้ คือ มีทั้งข้างในและข้างนอกและต้องสำคัญที่ภายใน กายคือจิต มโน วิญญาณ ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 230 เมื่อเขาไม่เข้าใจก็จะบอกว่าถ้าพระพุทธเจ้าบอกไว้ผิดหรือว่าแปลมาผิด หากไม่เข้าใจจะตีลังกากลับ ก็ไม่มีใครไขความว่า มันผิดพลาดไปไกลแสนไกลจากวิเวก ผิดไปไกลแสนไกล ปฏิบัติอย่างเดียรถีย์ เอาร่างกายออกป่าก็เป็นโมฆะมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่เบื้องต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:48:54 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:08 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:34:56 )

กายสิ้นสุดแล้ว แม้ทางนามธรรมใดๆก็ไม่เหลือเค้า ไม่เหลือ “รูปรอย” ใดๆ!

รายละเอียด

หรือทางนามธรรม ก็ไม่เหลือ แม้ใน“สันตติของ กรรม และกาละ (Karma and Time of Continuum)”  จึงเป็นจุด“ต้นสุดๆและปลายสุดๆ”ตามที่“มูลสูตร 10”ของพระพุทธเจ้าตรัสถึง“ต้นเค้า”และ“ปลายเค้า” ชนิดที่สุดยอดแห่ง“รากเหง้า-ปลายเงื่อน” ของทุกสรรพสิ่งในมหาจักรวาลเอกภพสุดๆ ไม่มีอะไรจะแจ้งถึงจุด“สุด”

ได้เท่านี้อีกแล้ว ที่“จิตนิยาม”หรือ“อัตตา-ปรมาตมัน”ของมนุษย์จะสามารถ“รู้ได้” และทำจนเป็นที่สุดๆจริงๆได้ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 399 หน้า 288


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:03:11 )

กายสฺส เภท

รายละเอียด

ร่างกายแตกทำลาย

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 542


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:39:08 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:30:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:30 )

กายสเภทา

รายละเอียด

 คือ ถ้าตายแล้วไม่ตั้งจิตต่อ แยกจิตเป็นอุตุนิยามไปหมดเลย ผู้ทำตายเป็นปริโยสานเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตไม่ตั้งจิตต่ออีกเลย ไม่เหลือชีวะจับตัวเป็นพีชะหรือจิตนิยามอีกเลย จึงเป็นผู้สำเร็จกิจ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เมื่อกายสเภทาสิ้นลมหายใจในชาตินี้แล้วไม่ตั้งจิตต่อคนนี้ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานตายอย่างไม่หมุนเวียนอีกเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:14:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:04 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:35:40 )

กายสเภทา

รายละเอียด

คือกายแตก   ส่วนหนึ่งก็ตายไปส่วนหนึ่ง ที่นี้คนเราตายแล้วตายเล่าด้วยร่างกาย แต่จิตวิญญาณยังไม่แตกสลาย  โดยเฉพาะยังมีกิเลสอยู่ ศาสนาพุทธต้องเรียนรู้กิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:06:22 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:23 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:36:36 )

กายสเภทา

รายละเอียด

 ตายกายแตกก็เลิกจิตวิญญาณเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมได้ นี่คือปรินิพพานเป็นปริโยสานของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:46:32 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:46 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:37:42 )

กายสเภทา ปรัมมรณา

รายละเอียด

กายสเภทา ปรัมมรณา ภายหลังจากการแตกตายไปแล้ว ไม่มีแล้วจิตวิญญาณผู้นี้ ถ้าได้ตั้งจิตตายอย่างนิพพาน 3 อย่าง สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 13:52:58 )

กายสเภทาปรัมมรณา กับปรินิพพานเป็นปริโยสาน

รายละเอียด

ผู้มีวิชชาแล้วก็ไม่ปรุงแต่ง อสังขาริกัง ไม่ปรุงแต่งแล้วก็แยกธาตุออกจากกันไป ธาตุแท้ของดินก็ไปหาดิน ธาตุน้ำก็ไปหาน้ำ ธาตุลมก็ไปหาลม ธาตุไฟก็ไปหาไฟ ธาตุชีวะแม้แต่พีชะก็ไม่เหลือกลายเป็นอุตุ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมนิยาม 5 รู้จักดินน้ำไฟลม รู้จักพืช พีชะ รู้จักจิตนิยาม แล้วก็รู้วิธีทำกรรม รู้วิธีทำกรรม รู้วิธีจะทรงไว้ ธรรมะ หรือไม่ทรงไว้ ปล่อยแยกเลย ไม่ให้มันอยู่ในสภาพทรงไว้ เป็นสภาพแยกเลย กายสเภทาปรัมมรณา ก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จบ

เพราะฉะนั้นในมูลสูตร 10 จะไม่มีใครมาอธิบายปรินิพพานเป็นปริโยสานหรอกนอกจากอาตมา ไม่มีหรอก เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปเขาจะรู้นิพานบ้าง ปรินิพพานบ้าง ยิ่งปรินิพพานเป็นปริโยสานเขาก็ไม่รู้เรื่อง นั่นแหละคือตัวสุดอวสาน สุดท้ายของการตายอย่างแยกธาตุ กายสเภทาปรัมมรณา กาย รูปนามแตก ปรัมมรณา หลังจากการตายของรูปนาม กายแตกไปแล้ว ไม่มีพีชะไม่มีชีวะ พระพุทธเจ้าเปรียบเสมือนพวงมะม่วงที่ถูกตัดขั้วตกลงมาแตกกระจาย ไม่เหลือต่อเป็นพวงมะม่วงนั้นอีกเลย พวงมะม่วงนั้นหายไปเลย ฉันใดก็ฉันนั้น พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 20:42:27 )

กายหมายถึงจิต มโน วิญญาณ

รายละเอียด

อาตมาเอาคำว่ากาย มาแยกให้ฟัง ตั้งแต่มูลกรรมฐาน 5 ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ท่านให้พิจารณาแยกกายแยกจิตผมเรานี่ มันติดกับตัวเรา ขนก็ติดกับตัวเรา เล็บ ฟัน หนัง อธิบายเล็บนี่กลางๆดี อธิบายได้ง่ายสุด กายนี้ ตถาคตหมายถึงจิต มโน วิญญาณ ไม่ได้หมายถึงแค่ร่างสรีระ ภายนอก คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังก็บอกว่า พระพุทธเจ้าอธิบายไว้จริงๆเหรอ โพธิรักษ์เอาอะไรมาพูด อาตมาโชคดีที่มีพระไตรปิฎกยืนยันเป็นหลักฐาน พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 230 ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง เล่ม 16 ข้อ 230

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิย์ที่ 3 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 11:02:38 )

กายหรือกองเจตสิกไม่แยกจากกัน

รายละเอียด

ความสัมพันธ์กันระหว่าง  เวทนา สัญญา และวิญญาณ

  พระมหา ก.  “เวทนา สัญญา และวิญญาณ ธรรม3 ประการนี้ ปะปนกัน หรือแยกจากกัน   ท่านผู้มีอายุ  อาจแยกออกแล้ว บัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้หรือไม่?”    

  พระสารีบุตร “เวทนา สัญญา และวิญญาณ ธรรม3ประการนี้ ปะปนกัน (สัง สัฏฐานัง)  ไม่แยกจากกัน (โน วิสัง สัฏฐานัง)

  ผมไม่อาจแยกออกแล้วบัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้  เพราะเวทนารู้สิ่งใด สัญญาก็จำสิ่งนั้น สัญญาจำสิ่งใด วิญญาณก็รู้แจ้งสิ่งนั้น   ฉะนั้น ธรรม 3 ประการนี้  จึงปะปนกัน  ไม่แยกจากกัน ผมไม่อาจแยกออกแล้ว  บัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้”.    

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 12   ข้อ494  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:36:12 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:48 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:40:03 )

กายะ คือประโยชน์ที่ควรได้ก่อนอื่นของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สภาวะจิตจริงๆ แม้แต่คำว่า กายะ สักกะ

สักกายะ สักกะคือตัวตน กายะคือรูปนาม กายะคือภาวะสอง ภายใน เป็นต้น 

กาย คำนี้เป็นคำต้นในศาสนาพุทธ ตั้งแต่กะ เป็นตัวแรกอายะ คือประโยชน์ กายะ คือสิ่งที่คุณได้รับเป็นตัวแรกเลยเป็นต้นตอของความรู้ทั้งหมด ถึงไม่ใช่ง่ายๆ แต่ต้องเข้าใจได้ ชาวอโศกเราพอเข้าใจได้บ้างแล้ว ข้างนอกขออภัย ยังหายากที่จะพ้นสักกายทิฏฐิ ที่เป็นข้อต้นของอาสวะ 

คำว่า กาย อาตมาอธิบายมาไม่รู้กี่ที ถ้าเผื่อว่าไม่เข้าใจคำว่ากาย แยกกายแยกจิตไม่ได้ไม่มีทางที่จะบรรลุอรหันต์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ปฐมอโศก หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:36:33 )

กายะที่ไม่มีจิตร่วมมันเป็นมิจฉาทิฏฐิ 

รายละเอียด

คนที่จะไม่ยึดถือร่าง เฉพาะร่างนี้คือสรีระ Body ไม่มีจิตร่วม ถ้ามีจิตร่วมเมื่อไหร่เราเรียกว่า กาย กายะที่ไม่มีจิตร่วมมันเป็นมิจฉาทิฏฐิ คนที่เข้าใจกายะ หรือกาย ไม่มีจิตร่วมเลย คนนั้นมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ต้น คนที่มิจฉาทิฏฐิอันนี้คือคนที่ยังไม่พ้น สักกายทิฏฐิ สังโยชน์ข้อที่ 1 คนที่เข้าใจผิดว่ากายะไม่เกี่ยวกับจิตเลยกายะคือBody คือสรีระอย่างเดียว จิตก็แยกไปอีกอย่างหนึ่งไม่เกี่ยวกัน คนเข้าใจอย่างนี้ผิดตั้งแต่ต้น เรียนรู้ปฏิบัติธรรมให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางบรรลุธรรม เพราะกระดุมเม็ดแรกคือ สักกายทิฏฐิ ที่เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 ไม่พ้น 

แล้วคนไทยนี่แหละ ภาษาคำว่า “กาย” มาเป็นภาษาไทยชัดหมดแล้ว ถ้าไปเปิดพจนานุกรมไทย กาย คือร่าง คือสรีระ คือเฉพาะBody ไม่มีจิตร่วม แต่พจนานุกรมบาลีไทยเขายังแปลอยู่ว่า กายคือองค์ประชุมของเจตสิก เวทนา สัญญา สังขาร ก็ยังใช้ได้ แต่ความรู้สึก ขนาดพจนานุกรมบาลีไทยเขายังแปลถูกอยู่ แต่คนไทยเข้าใจว่า กายคือสรีระอย่างเดียว body อย่างนั้นเลย แม้จะเรียนมาแล้วก็เผินมา เมื่อพูดถึงกายก็คืออันนั้นแหละ เพราะถ้าเข้าใจว่ากาย หนึ่งถูกต้องสัมมาทิฏฐิว่าต้องมีภายนอก ต้องมีสรีระให้เชื่อมต่อเป็นอายตนะอยู่กับภายใน ขาดกันไม่ได้ ถ้าขาดกันไม่มีกาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 11:19:39 )

กายัสสะ เภทา ปรัมมรณา

รายละเอียด

1. หลังจากการสิ้นลมแล้วร่างกายตาย

2. ภายหลังตาย กายแตกไปแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 170

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 216


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:40:45 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:33:56 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:36:45 )

กายัสสะเภทา

รายละเอียด

1. ตาย กายแตกลง , การตายของร่างกายแตกตายไป

2. การเกิดการตายทางร่างกายเนื้อหนัง , ตายลงแบบสิ้นใจตายร่างกายสลาย

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 78,107

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 83,84


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:41:38 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:34:38 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:38:29 )

กายิกทุกข์

รายละเอียด

1. ทุกข์ทางกาย

2. ทุกข์ที่เกิดจากสรีระ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 79

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 113


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:42:36 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:35:50 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:37:09 )

กายิกทุกข์คือทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ 6 ชนิด 

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็แก้ไม่ได้ในทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ 6 ชนิด 

ก.ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้  6 ชนิด (ทุกข์อันเกิดจากกาย) พระพุทธเจ้าก็แก้ไม่ได้

1. สภาวทุกข์ของการเกิดแก่เจ็บตายพระพุทธเจ้าก็แก้ไม่ได้หนีไม่พ้น 

2. นิพัทธทุกข์ ทุกข์อยู่ในสังขารปรุงแต่งของชีวิตร้อนหนาวกระหายหิวปวดปัสสาวะอุจจาระ พระพุทธเจ้าก็ อั้นเอาไว้สิ ปวดปัสสาวะก็ไม่ต้องไปถ่ายมันก็ทุกข์ 

3. อาหารปริเยฏฐิทุกข์ คือ ความทุกข์ที่ต้องทำงานต้องแสวงหาการงาน ต้องทำงาน ต้องมีกรรม เป็นทุกข์ที่ต้องทำกายกรรมวจีกรรม โดยเฉพาะมโนกรรมต้องทำงานมันเลี่ยงไม่ได้หากว่าคุณไม่ทำอะไรเลยเดี๋ยวมันก็ตาย ไม่ช้าหรอก กายก็ไม่ทำงาน วจีก็ไม่พูด คิดก็ไม่คิด ไม่ช้าหรอกเดี๋ยวก็ตาย อาหารคือเครื่องอาศัยที่ต้องแสวงหา แสวงหาอาหารมาเลี้ยงชีพแสวงหาการงานที่ต้องทำ

4. พยาธิทุกข์ ทุกข์เกิดจากอวัยวะเจ้าการทำงานไม่สมดุล ผิดปกติไป มันก็ต้องเจ็บปวด ป่วย ทรมาน อย่างนั้นอย่างนี้เป็นธรรมดา 

5. วิปากทุกข์ เป็นวิบากที่คุณสะสมไว้ ไม่ว่าเก่าหรือใหม่มันถึงรอบก็ต้องทุกข์ ก็คุณทำเองถึงไม่รู้ก็ตาม คุณก็จะต้องเป็น เหตุปัจจัยพวกนี้มันต้องเกิดทุกข์เป็นผลของมัน 

6. ทุกขขันธ์ ทุกข์ที่มีขันธ์ 5 นี้เป็นทุกข์นะ ภาราหเวปัญจขันธา ต้องเลี้ยงดูมัน ต้องดูแลมัน ต้องประคบประหงม ต้องหาอาหารมาเลี้ยงมัน มันจะต้องปวดขี้ปวดเยี่ยว ต้องไอ้นั่นไอ้นี่ มันต้องเป็นทาส คนเป็นทาสขันธ์ 5 นะ ปฏิบัติให้ตายก็พ้นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้นี้ไม่ได้พระพุทธเจ้าก็พ้นไม่ได้
 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:50:51 )

กายิกเวทนา

รายละเอียด

ความรู้สึกที่เกี่ยวเนื่องกับทางกาย

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 66


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:43:14 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:36:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:37:32 )

กายิกเวทนากับเจตสิกเวทนา

รายละเอียด

คุณรู้จักเวทนา 108  (แบ่งเป็น 2 เวทนา  ได้แก่..)

-เวทนาที่มีกายเป็นเหตุ  (กายิกเวทนา อาศัยมหาภูตรูป+นาม)  เน้นนอกและใน

-เวทนาที่มีใจเป็นเหตุ  (เจตสิกเวทนา อาศัยนามรูป).เน้นแต่ภายในจิต

กายต้องมีนอกเสมอ เป็นแต่เพียงสัญญากำหนดรู้ภายนอกก็เป็น กายิกเวทนา ส่วนกำหนดรู้ภายในก็เป็น เจตสิกเวทนา แต่ต้องมีการสัมผัสภายนอกอยู่ด้วยนะ แต่ว่าคุณไปนั่งหลับตาปิดหูจมูกลิ้นกายใจไม่มีกายภายนอกผู้นี้โมฆะจากศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:10:52 )

กายเป็นกรรมเก่าอย่างไร

รายละเอียด

คุณคนนี้คงหมายถึงร่างกายที่เราได้มาเป็นร่างกายเกิดจากกรรมเก่าของเรา มาถึงชาตินี้เราก็ได้เท่าที่เรามีบารมี ก็ได้สร้างสมบารมีมา ก็ได้มาเป็นร่างกายในชาตินี้ นั่นก็คือสิ่งที่เราสั่งสมบารมีมาแต่ปางบรรพ์ ก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีตัวแปร กรรมเก่าเป็นบารมีของเราก็มีก็ใช่ เราจะเป็นอย่างนี้ จะได้รูปร่างอย่างนี้ แต่กรรมใหม่คือพ่อแม่มี DNA มีอำนาจมีฤทธิ์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะมีส่วนของพ่อแม่ในชาตินี้ที่เป็น DNA ของพ่อแม่ ทำให้เราได้มีร่างกายตามพ่อแม่ได้ด้วย แต่ถ้าเรามีกรรมเก่าของเราเหนือชั้นกว่าพ่อแม่ เราสวยกว่าพ่อแม่หล่อกว่าพ่อแม่ แข็งแรงกว่าพ่อแม่ได้ เหมือนอย่างพระพุทธเจ้ามีสัปปุริสธรรม 7 มีมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ เหนือชั้นกว่าพ่อแม่ นี่คือกรรมเก่าก็มีฤทธิ์กรรมใหม่ก็มีผล แต่เราเกิดมายังไม่มีกรรมใหม่ มีแต่พ่อแม่เป็นอำนาจผสม จากนั้นกรรมใหม่ของเราก็จะมีฤทธิ์เดชมีอำนาจ เช่นว่าคุณเกิดมาแล้วคนก็ไม่ค่อยสวยไม่ค่อยหล่อเท่าไร ทำไปก็จะสวยจะหล่อจะผ่องใสขึ้นเท่าที่มันจะเปลี่ยนได้บ้าง ขึ้นไปได้ อย่างอาตมานี่ แต่หนุ่มๆไม่ได้หล่อขนาดนี้ เดี๋ยวนี้หล่อกว่าเดิมเยอะ จริงๆพูดอย่างนี้ก็คือ ในส่วนนี้คำว่าหล่อก็คือว่า สมัยหนุ่มหนุ่มจริงมันมีเนื้อหนังมังสา โครงสร้างมันแก้มตอบนะ หลายๆอย่างมันไม่ดูอย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้ดูว่าโหงวเฮ้งมันดูเต็มดี แต่มันก็มีความเหี่ยวไม่ตึงเหมือนหนุ่ม นัยยะหนึ่งมันก็ดีกว่าอีกนัยยะหนึ่งมันก็ไม่ดีกว่า สรุปแล้วค่อยๆศึกษาไปก็จะรู้องค์รวมที่เรียกว่ากาย ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปได้ด้วยกรรมกรรมเก่าคุณไปเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้หรอกคุณทำไปแล้ว ฉะนั้นคุณจึงต้องทำกรรมใหม่ให้ดี กรรมเก่าแล้วไปแล้ว คุณอย่าเอามาขยำเล่นเหมือนขย้ำขี้ไม่เอา ทำกรรมใหม่ รู้กรรมเก่าว่ามันบกพร่อง ต้องเปลี่ยนแปลง อันไหนดีแล้วทำให้แข็งแรงดีขึ้นยิ่งกว่าเก่า กรรมเก่าที่ทำไปแล้วดี ดีกว่านี้มีอีกไหม สอุตตรังจิตตัง ดีกว่านี้มีอีก จนถึงอนุตตรังจิตตัง ดีที่สุดแล้วดีกว่านี้ไม่มีอีก ให้มันไม่ได้ขนาดนั้นเลย แต่ละคนถามมา อาตมาชื่นใจนะมีคนรับรู้รับร่วมมาซักไซ้ไล่เรียงไต่ถาม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:58:11 )

กายเป็นความรู้ที่ควรรู้ให้ถูกขั้นต้น และปฏิบัติให้ถูก

รายละเอียด

มันเป็นทั้งตัวต้นและตัวปลายเลย ตัวปลาย ตรวจสอบ กาย ใน วิญญาณฐิติ 7 ปฏิบัติไม่ถูก มันก็เลยไม่ได้เรื่องอะไรเลย เข้าใจก็ไม่ถูก ปฏิบัติก็ไม่ถูก แล้วผลจะไปถูกตรงไหน ปฏิบัติธรรมถึงเป็นโมฆะ น่าสงสารพวกที่นั่งหลับตา ปฏิบัติออกนอกคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิไปหมด ไม่เป็นโลกุตรธรรม มันกลายเป็น เดียรถีย์ โลกียะ ออกนอกรีต นอกศาสนาพุทธ ชื่อว่าคุณเป็นศาสนาพุทธแต่มันเป็นกลองอานกะ ใบที่มันเปลี่ยนแปลงเนื้อหาไปหมดแล้ว ของเก่าที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าทิ้งไปหมด ไปเอาของปลอมมายึดถือเป็นของจริงหมดเลย เราพูดเท่าไหร่ๆก็เฉย ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ไม่เป็นไร อาตมาก็ต้องย้ำอยู่นี่แหละเพราะมันเป็น มันไม่ดีมันไม่ถูก ก็ต้องพยายาม อย่างไรก็ต้องปรับความไม่ถูกต้องให้มาหาความถูกต้องให้ได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 18:56:22 )

กายเป็นจิต แต่จิตไม่มีกายเป็นพีชะ 

รายละเอียด

กายเป็นจิต พระพุทธเจ้าก็ตรัสชัดในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 230 ท่านก็ตรัสชัด กายคือจิต คือมโน คือวิญญาณ ดีที่มีพระไตรปิฎกยืนยัน ไม่อย่างนั้นอาตมาก็ตายโดนเขาเล่นงาน กายคือจิต สำคัญที่จิต จริงๆมันก็หมายถึงร่างด้วย มันแยกกันไม่ได้กายกับจิต ถ้าแยกกันก็คือไม่เหลือกายไม่เป็นกาย  จิตของคุณไม่มีกาย เมื่อจิตของคุณไม่มีกายก็เป็น พีชะ 

คือ เป็นจิตที่ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ ไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ จิตไม่เป็นวิญญาณแล้ว ความไม่เป็นวิญญาณนี่แหละจึงสามารถไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีเวทนา ยังสามารถรู้ความจริงอีกว่า ธาตุรู้หรือธาตุที่เป็นสัญญาเป็นธาตุกำหนดรู้ มันเป็นเหตุปัจจัยเท่านั้น ศึกษาต่อว่าเหตุปัจจัยปรุงแต่งอยู่ก็เลิกธาตุนี้ ก็เป็นอุตุนิยามไปได้ แม้แต่จะมาจับตัวเป็นพีชะ ก็ไม่เอาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:53:24 )

กายเป็นจิตของตัวเอง

รายละเอียด

กาย ที่ พระพุทธเจ้าสอนในสังโยชน์ข้อแรก ก็ต้องอ่านตัวเราแล้วแยกกายแยกจิตตัวเรา เรียนรู้ความเป็นกายเป็นจิตของตัวเรา ถ้าคุณเข้าใจแยกกายแยกจิตให้ออกว่า กายนี้ อาการอย่างไร ความรู้เป็นตัวจริงคือเวทนา ตัวอาการรู้สึก ก็ต้องมีสภาพนั้นเรียกว่า รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่ารูป รู้ตัวแรกคือเวทนา เป็นตัวฐานที่สำคัญ แล้วเจตสิกที่จะใช้กำหนดรู้คือสัญญา สัญญากำหนดรู้เวทนา แล้วก็เรียนรู้เวทนาแยกเวทนาออก จาก 2 เป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 ไปจนกระทั่งแยกได้ละเอียดพระพุทธเจ้า แจกไว้ถึง 108 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:37:39 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:44:06 )

กายเป็นตัวทองคำแพงอย่างไร

รายละเอียด

คำว่าสัมผัสคือคำว่ากาย ศาสนาพระพุทธเจ้าตัวนี้แหละเป็นตัวทองคำแพง กาย คำนี้แหละเป็นตัว ทองคำแพง เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธไม่รู้จักตัวนี้ต้องแก้ไขตัวนี้ตัวกาย รู้จักก่อน โลกุตรธรรมตัวแรกคือรู้จักกาย และต่อจากนั้นก็คือรู้จักกายในกาย กายในกายก็ต่อไปเป็นเวทนา เวทนาก็คือรวมลงที่จิต เราก็แก้จิตนั้นแก้เวทนาแก้กายมันก็แก้เวทนามันก็รวมลงที่จิตแก้ได้ถ้ารู้จักความใหม่คือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ รู้จักจิต รู้จักเจตสิกแยกจิต เป็นเคหสิตเวทนา แยกเป็น เนกขัมสิตเวทนา ได้ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:09:20 )

กายเป็นนามรูปของวิญญาณอันเป็นอาหาร 1 ใน 4

รายละเอียด

ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงถึงขั้นมี“ปัญญา” ว่า ความเป็น“ภพ”เป็น “ชาติ”เป็นอย่างไร? มันก็ปฏิบัติธรรมของพุทธไม่ได้เพราะผู้ปฏิบัติไม่รู้จักรู้แจ้งอย่างสัมมาทิฏฐิในความเป็น“กาย”อันเป็น“นาม-รูป”ของ“วิญญาณ” อันเป็น“อาหาร(คือ เครื่องอาศัย)” 1 ใน 4 ของ“อาหาร 4”(พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 240)

ผู้ที่แยกวิญญาณนามรูปได้แล้วพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรที่จะศึกษาจากนั้น มันเป็นขั้นต้นของการรู้เลยในการรู้วิญญาณถ้าใครสามารถแยกวิญญาณแยกนามรูปได้ไปรอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:49:37 )

กายเรียกว่าจิต มโน วิญญาณ

รายละเอียด

กายนี้ หากเขาเข้าใจว่า กายนี้คือจิตเท่านั้น คุณยังสามารถจะทำอาสวะบางส่วน นิพพานได้ แม้ว่าคุณเข้าใจว่ากายนี้หมายถึงจิตเพียงเท่านั้น หมายถึงจิตเจตสิก หรือหมายถึงจิต มโน วิญญาณ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่ง กายนั้นตถาคตเรียกว่า จิต มโนวิญญาณ ซึ่งมันเป็นความลึกซึ้งซับซ้อนที่เจตนาจะพูดถึงส่วนใด แล้วคำเดียวกันนั้นหมายถึงอีกส่วนหนึ่ง กายหมายถึงจิต จิตหมายถึงจิต แล้วเมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดเป็นจิต คุณต้องทันต้องเร็วไวและเท่าทัน หากคุณไม่เท่าทันก็สับสน เขาพูดไปหมายถึงจิตอะไรแล้วคุณก็ยังนึกว่าเป็นร่างภายนอก ซึ่งมันไม่ใช่กายแล้ว พูดไปถึงกายที่มีดินน้ำไฟลมด้วย มีจิตด้วย เนื่องกันอยู่เป็น 2 ส่วน อะไรที่ไม่ใช่กายแล้ว เมื่อไหร่เป็นกาย แต่ไม่มีเวทนา เป็นจิต มันยังไม่ใช่จิตที่เดียวมันเป็น พีชธาตุเป็นชีวะ ยังไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึก อุตุธาตุ พีชธาตุ จิตธาตุ เราต้องเรียนรู้สามสภาวะ อุตุ พีชะ จิตให้ดีเลย แล้วทำจิตให้เป็นได้ จิตเราจะให้เป็นพีชะ จะให้เป็นอุตุ คุณต้องทำให้ได้ กรรมคือการกระทำใจในใจของเรา มนสิการ ทำได้สำเร็จ เพราะศาสนาพุทธสอนแล้ว อาตมาก็ทำได้แล้วจึงเอามาสอน เมื่อทำได้เราก็จะรู้ได้ด้วยเราเองเป็นปัจจัตตังว่า จิตเราเป็นพีชะแล้ว มีชีวิต สัมผัสกับอะไรก็รู้อยู่ แต่ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ มีแต่รู้ความจริงตามความเป็นจริงนั้น เท่านั้น สภาวะนี้แหละ พีชธาตุอันนี้แหละ จึงเป็นสภาวะจิตที่ได้อาศัยในชีวิต ไม่สุขไม่ทุกข์ตัวคำว่า ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่แหละคือฐานนิพพาน เป็นพื้นฐานของนิพพาน ต้องสั่งสมอาการไม่สุขไม่ทุกข์ นี่แหละเป็นจุดสำคัญที่สุด หัวใจแท้ของศาสนาพุทธ พอทำได้แล้วจนกระทั่งที่สุด ความสุขความทุกข์นั้นเป็นสภาวะคู่ แยกกันไม่ได้ เมื่อใดๆก็แยกกันไม่ได้ แต่คนไปหลอกตัวเองจะเอาแต่ความสุข พวกสุขนิยม พวกเทวนิยมเป็นปุถุชนก็จะเอาแต่ความสุข แต่ทุกข์นั้นก็ตามไปเล่นงานคุณอยู่ทุกเมื่อ พวกมันเล่นงานคุณหนัก แต่คุณกันทุกข์ไม่ให้เล่นงานคุณได้ก็แค่ชั่วคราว หลงว่ามันมีสุขเท่านั้นที่จะเสพ จนกระทั่งหลงได้บำเรอแต่ความสุขป้องกันหรือหาวิธี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:04:15 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:06 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:43:36 )

กายเสื่อมเพี้ยนจากโลกุตระธรรม

รายละเอียด

ภาษาไทย เมืองไทย ได้ผิดเพี้ยนไกลไปจากสัจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า 2500 กว่าปีไปไกลมากเสื่อมและเพี้ยนไปไกล ที่เพี้ยนคือเข้าใจว่ากาย คือเป็นเพียงร่างภายนอกของคน และไม่มีความรู้สึกร่วมด้วยเลย กลายเป็นหมายถึงดินน้ำไฟลม เป็นสังขารปรุงแต่งของดินน้ำไฟลม ไปเข้าใจว่าอย่างนั้น จึงต้องออกข้อสอบถามพวกเรา แล้วกายที่มีสังขารปรุงแต่งกันด้วยดินน้ำไฟลม คืออุตุธาตุหรือพีชธาตุหรือจิตธาตุ ?....อุตุธาตุ พีชธาตุ หรือจิตธาตุ ที่ถูกต้องคือจิตธาตุ แต่เมืองไทยหมายถึงเพียงดินน้ำไฟลม เห็นไหม?พวกเราแท้ๆฟังมาหูแฉะก็ยังสอบตกมากกว่าสอบได้ คิดดูไม่ง่ายมันฝั้นเฝือสับสนมานาน ไปถามข้างนอกเขาตอบถูกตามของเขาหมดเลย กายคือร่าง แยกกายแยกจิต เขาก็ว่าจิตคือธาตุรู้กายคือไม่รู้เรื่องเป็นดินน้ำไฟลม เขาจะแยกกันขาดขนาดนั้นเลย เวลาสอนในเรื่องของศาสนาพุทธอาจารย์เขาสอนแยกกายแยกจิตพระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้จักแยกกายแยกจิต เป็นมูลกรรมฐาน 5 เริ่มต้นเลยผู้มาบวชจะต้องศึกษาอุปัชฌาย์ก็สอนเรื่องมูลกรรมฐาน 5 ให้แยกกายแยกจิต จะใช้เหตุปัจจัยเป็นตัวอย่างที่จะแยกผมขนเล็บฟันหนัง จะใช้อะไรก็ได้อยากให้ถูกว่าอันไหนเป็นกายอันไหนเป็นจิต 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราชกายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:30:20 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:09 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:42:42 )

กายเอาจิตเป็นหลักขาดภายนอกไม่ได้

รายละเอียด

พิจารณากายในกายคุณเข้าใจอะไรได้ดีแค่ไหน กายต้องมีทั้งภายนอกและภายในที่ลงตัวอยู่ตลอด เห็นว่าสงบดี นั้นสงบอย่างไร คำว่าสงบก็มีนัยลึกซึ้ง สงบอย่างผิดๆ สงบไปหมายเอาแต่แค่ทางวัตถุรูปสงบ สรีระสงบหรือเอาจิตสงบ คำว่ากายนี้หมายเอาจิตเป็นหลักแต่ขาดภายนอกไม่ได้ แต่เน้นสงบ เจริญ​เอาที่จิต ข้างนอกอาจดูไม่เจริญดูไม่ดีได้ แต่ข้างในเป็นหลัก แต่ถ้าดีทั้งภายในภายนอกก็สอดคล้องกันสมบูรณ์แบบดีมาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:25:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:10 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:41:22 )

กายแตก

รายละเอียด

เมื่อกายนี้แตกก็คือส่วนของชีวิตที่คุณมีจิตวิญญาณรับรู้ภายนอก และภายในมันแตกไปส่วนหนึ่ง  เมื่อกายแตกตายจิตวิญญาณก็แยกแตกกันไป  ถามว่าชีวิตหรือชีวมวลหมดไหม  ก็ยังไม่หมด  กายแตกไปส่วนหนึ่งแต่ชีวิตไม่แตก กายแตกกับชีวิตแตก มีส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่ส่วนหนึ่ง  ที่นี้ชีวิตที่แตกทำลาย   เราจะต้องรู้จักความเป็นชีวิตของจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  25  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 19:44:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:13 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:45:08 )

กายแตกตาย ต่างหรือเหมือนกันอย่างไร

รายละเอียด

คือ กายแตก หมายถึง สภาพขององค์ประชุม  กายคือองค์ประชุม  กายไม่ได้มีแค่ 1 ทุกวันนี้ เขาหมายถึงเพียงภายนอกอย่างเดียว เป็นมหาภูตรูปอย่างเดียว ไม่มี อุปาทายรูปซึ่งมันผิด  กายต้องมีทั้งอุปาทายรูป  และมหาภูตรูป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 13:59:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 09:03:07 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:46:23 )

กายแตกตายของพระอรหันต์

รายละเอียด

คือ กายแตกตายของพระอรหันต์  แต่ละชาติท่านก็ยังไม่ยอม ปรินิพพานเป็นปริโยสาน  ท่านก็ได้ตั้งจิต  จะไปนิพพาน  ท่านก็ตั้งจิตต่อไป  ไม่ยอมให้รูปนามนี้แตกสลาย  กลายเป็นอุตุธาตุ  อุตุนิยามไปเลย          เพราะพระอรหันต์จะต้องทำจิตตัวเองให้เป็นวัตถุธาตุได้ มีปรินิพานเป็น ปริโยสานได้   จึงจะชื่อว่าเป็นพระอรหันต์   พีชนิยามเป็นจิตอาศัย ที่ไม่ทุกข์  ไม่สุข เหมือนพืช  ไม่มีบาป  ไม่มีบุญแล้ว  สิ้นบุญสิ้นบาป  เป็นคนทำกรรมใด  ก็ไม่มีบาปสิ้นบาป  เป็นคนทำกรรมใด ก็ไม่มีบาปบุญ  เป็นกรรมที่มีแต่กุศล  อาตมาบรรยายไปอาจารย์ สำนักต่างๆ  ก็ควรฟัง  จะได้ชัดเจนขึ้น  ถ้าไม่รู้แม้แต่ความหมายที่ถูก  บรรยายก็ยังไม่รู้แล้วจะให้เป็นสภาพทางนามธรรม ทำพยัญชนะที่ระบุไว้ว่า  จะบรรลุต้องแยกธาตุจิตให้เป็นอุตุนิยาม ที่พีชนิยามได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:16:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:04 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:47:00 )

กายแตกตายธรรมดา ก็ต้องจบ แต่หาก“มิจฉาทิฏฐิ” ก็ยังยึดร่างคงอยู่เป็นตัวเป็นตน ซึ่งเป็นแค่“พืช”!

รายละเอียด

เพราะไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่“ตาย”แล้วถึงขั้น”ธาตุจิต”ของคนผู้นั้นไม่มีพลังงานขั้น“จิต”อยู่ใน“ร่าง”แล้ว

อย่างเก่งอาจจะมีชีวะเหลือแค่“พืช”(ก็พอรู้กันอยู่นะ ว่า ในความเป็น“มุนุษย์พืช”ในวงการแพทย์) 

ถ้า“พลังงานพืช”นี้ไม่สามารถกลับฟื้นขึ้นมาเป็นพลังงาน“จิต”ได้อีกแล้ว “ชีวะ”นี้ก็เป็นแค่“พืช”เท่านั้น ไม่ใช่“คนหรือสัตว์หรือมนุษย์”แล้ว

แต่ผู้ที่ยัง“มิจฉาทิฏฐิ”ที่สอนกันผิดๆ ก็จะยึดว่า“ร่าง”เป็นของตน

ดังเช่นที่สอนกันในหมู่ที่“หลับตา”ทำสมาธิ หรือเทฺวนิยมส่วนใหญ่ ซึ่งไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“กาย”ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า 

ดังที่อาตมาสาธยายอยู่อย่างยากเย็นนี้ เป็นต้น

จึงพากันยึดว่า“ร่าง”ของตนเป็น“ตัวตนของตน”อยู่ 

แม้ท่านผู้นี้ตายลงไปแล้ว ท่านก็ไม่ยอมทิ้งร่างของตน

จึงยังยึด“ร่างของตน”อยู่กลายเป็น“ศพ”ที่ไม่เน่าบ้าง “นั่งสมาธิ”ตายบ้าง 

ซึ่งผู้ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน ความเป็น“ธรรมนิยาม 5”ก็จะหลงผิดมิจฉาทิฏฐิ จึงวิปลาสไปยึดเอาความไม่ใช่“กาย”ในตนแล้ว เป็น“กาย”ของตนอยู่ 

“ตายแล้ว”ก็ยังยึด“ร่าง”ที่เป็น“ศพ”ของตนอยู่ ไม่ปล่อยวางทิ้ง“ร่าง”นั้นให้เน่าไปตามปกติสามัญสัตวโลก 

ซึ่งมันก็แสดงถึงความไม่มีปัญญา ที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง แค่“การตาย”ของชีวิตก็ยังงมงายกันอยู่ 

ทั้งที่เรื่อง“การตาย”นี้แม้แต่เดรัจฉานมันก็ไม่ยึด“ร่าง”กันแล้ว

หรือคนสามัญทั่วไป ตายแล้วก็ทิ้ง“ร่าง”นั้นไป เป็นธรรมดา 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 448 หน้า 326


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:55:18 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:37:59 )

กายและเทวะต่างก็มีความเป็นสอง

รายละเอียด

ที่พูดนี้ไม่ได้หลงตัวยกตัว แต่มันเป็นสัจธรรมที่เป็นความจริงที่ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาย เรื่องเทวะ ความเป็นสอง กาย ก็มีความเป็นสอง เทวะ ก็มีความเป็นสอง กาย นี่ มีความเป็น 1 ไม่ได้ ผิด เช่นเข้าใจว่ากายคือวัตถุภายนอกเท่านั้นไม่มีจิตร่วมด้วย ไม่ได้ แล้วจิตอย่างเดียว ว่าเป็นกาย มีเหมือนกัน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เพราะเข้าใจกว่า กายคือจิตอย่างเดียว ตายไปก็มีกาย 

ที่บอกว่า คิดว่าจิตเป็นกาย แล้วหลงจิตเป็นกายอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับภายนอก ตายไปแล้วก็เลยมี กาย ไปด้วย อย่างนี้เป็นต้น มันสลับซับซ้อน เข้าใจว่ากาย เป็นภายนอกอย่างเดียว ก็ผิด เข้าใจกว่ากาย เป็นภายในอย่างเดียวก็ผิด กาย ต้องมี 2 มีทั้งภายนอกและภายใน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 09:22:38 )

กายแห่งพรหม

รายละเอียด

ภาวะแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ , ภาวะจิตวิญญาณที่ประเสริฐสุด

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 270

 


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:39:45 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:37:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:37:51 )

กายในกายมีตั้งหลายชั้น

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจกายคือ มีภายนอกกับภายใน เข้าไปตามลำดับเลย กายในกาย กายในกาย กายในกาย มันมีตั้งหลายชั้น คำว่า กาย จึงมีภายนอกอยู่ด้วยเสมอ สมมุติว่ามันมี 5 ชั้นของกาย

กายนอก มันเกี่ยวกับกายในคือจิตเพราะฉะนั้นกายนี้มีจิตกับภายนอก ล้างกิเลสที่ภายนอกได้ก็เอากายต่อมาเป็นกายใน กิเลสที่เกี่ยวข้องกับภายนอกเป็นชั้นนอกอีกคุณก็ต้องล้างกิเลสชั้นนอกก่อน ชั้นนี้ได้แล้วก็เหลือภายใน คุณก็ต้องล้างกายใน จนกว่าจะหมดที่มันไม่มีภายนอกแท้ๆได้ เรียกว่า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อย่างน้อย 3 ชั้นจึงจะไม่มีภายนอก เหลือภายในเป็น รูป เป็นภวตัณหา เป็นรูปตัณหา อรูปตัณหา ถึงจะเหลือภายในที่หมด ข้างนอกแล้วเป็นอนาคามี คุณถึงจะล้างกิเลสนี้ไปอีก เหลือข้างในเป็นอรูป แล้วก็ถึงอรูปจนหมด 

พวกที่เข้าใจว่ากายคือ มีแต่เป็นภายนอกสรีระนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว และมีเยอะอย่างเช่น คนไทยคำว่ากายหมายถึง เปลือกผิวหรือข้างนอกเท่านั้น เป็นภาษาไทยนะไม่เกี่ยวกับจิตเลย เป็นศาสนาพุทธและใช้คำว่า กาย แต่กายของเขาทำให้เข้าใจผิดว่ามันเหลือแต่เพียงภายนอกไม่มีจิตร่วมด้วยเลย จึงมิจฉาทิฏฐิ โมฆบุรุษไป กว่าจะพูดกันรู้เรื่องนี้ยากมาก 

ต่อให้เรียนเปรียญ 9 ต่อให้เรียน ดร.ทางศาสนาได้ ไม่มีทางแม้จะเรียนดร. ทางศาสนาพุทธมาในเมืองไทย ก็ไม่ใช่จะเข้าใจคำว่ากายได้ง่ายๆ ยิ่งใหญ่มากเลยคำว่ากาย   

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ถ้าคุณเข้าใจกายที่เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 ที่ต้องศึกษากันให้ได้ก่อน 

ถ้าคุณเข้าใจคำว่า กายสัมมาทิฏฐิไม่ได้เลย ปิดประตูไปเลย ศาสนาพุทธ แม้คุณเข้าใจกายถูกต้องแล้ว คุณจะไปนิพพานจริงๆคุณก็ต้องมาเรียนแยกกายแยกจิต ให้ลึกซึ้งเข้าไปถึงเวทนา เพราะฉะนั้นผู้ที่จะไปนิพพานจริงๆคือ ผู้ที่จะมาบวชเป็นภิกษุ พระพุทธเจ้าจึงมีหลักวินัยไว้เลยว่า ให้สอนสัทธิวิหาริก สอนผู้มาบวช มาบวชนี้จะต้องไปนิพพานทุกคน

ให้รู้จักการแยกกาย แยกจิต จากกรรมฐานทั้ง 5 คือ ผม ขน เล็บฟัน หนัง ให้รู้ว่ากายกับจิตมันต่างกัน กายขาดจิตไม่ได้ ทำจิตให้ไม่มีกายได้นี่คือจิตจะเป็นพีชะหรือเป็นจิตนิยาม นี่แหละคือจุดสำคัญที่จะเป็นอรหันต์ จะเป็นอาริยะได้ ตรงนี้แหละแยกกายแยกจิตอันนี้ ธรรมนิยาม 5 ต้องเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจแล้วคุณจะมาพิจารณาโพธิปักขิยธรรม แยกกาย พิจารณากายในกาย ให้เห็นเวทนาในเวทนา ให้เห็นจิตในจิต ธรรมในธรรม ขี้หมานะครับ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย 

ท่องพยัญชนะ มีแต่เหตุผลไปตามตรรกะ ไม่มีเข้าถึงเนื้อ แยกกายแยกจิตได้ แล้วแยกกายจริงๆไม่ใช่เกี่ยวกับวัตถุข้างนอก แต่เกี่ยวกับจิตที่ยังสัมพันธ์กับกายกับโลกภายนอก ไปหลับตาไม่มีสัมผัสภายนอกจึงปิดไปเลย ตัดทิ้งได้เลยโมฆะไปเลย พวกหลับตาปฏิบัติไม่ต้องพูดเลย 

เพราะฉะนั้นลืมตาแล้วต้องรู้จักสัมผัสต้องรับรู้ด้วย มันมีนอกนะแล้วกิเลสภายนอกนี่ต้องรู้ก่อน เอาออกให้ได้ก่อน ถ้าไม่ได้ก่อนแล้ว อย่าไปเริ่มต้นบันไดขั้น 2 ขั้น 3 ขั้น 4  ขั้นแรกยังไม่ได้เลยก็ผิดแล้ว 

อาตมาทำงานมา 50 ปี ยิ่งสงสารพวกนั่งหลับตา แล้วก็สงสารตรงที่ว่าไปถูกทางเถรสมาคมครอบงำ ว่าอย่ามาฟังโพธิรักษ์นะ เป็นพวกกบฏศาสนา พวกที่นอกรีต พวกทำลายศาสนา เป็นพวกเทวทัตเขาลงโทษอาตมาสารพัด ก็เลยพากันไปสู่นรกกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม #20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566  ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 11:36:30 )

กายในคุหัฏฐกสุตตนิทเทส

รายละเอียด

คือ กายก็ดี ถ้ำก็ดี  ร่างกายก็ดี  ร่างกายของตนก็ดี เรือก็ดี รถก็ดี ธงก็ดี จอมปลวกก็ดี เมืองก็ดี กระท่อมก็ดี  ฝีก็ดี หม้อก็ดี เหล่านี้เป็นของกาย   สรุปคือ กายหมายถึง  จุดสำคัญคือเอาภายนอกแต่กายไม่ได้หมายถึงว่าขาดจากภายใน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:13:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:37 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:48:08 )

กายในพระไตรปิฏกเล่มที่ 16 ข้อ 620

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นใครเข้าใจว่า กาย คือ สรีรังคือสรีระ คือร่างภายนอก ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิดักดานเลย แต่มีสรีระไหม มี เกี่ยว เป็นองค์ประชุมทั้งภายนอกและภายใน นี่ต้องมีความรู้อันนี้ 

แล้วภายในเป็นหลัก กาย เป็นเจตสิก พระพุทธเจ้ายืนยันว่า  กายคือจิต มโน วิญญาณ พระไตรปิฏกเล่มที่ 16 ข้อ 620 ศึกษาดีๆ ทุกวันนี้พุทธศาสนาได้เสื่อมได้ผิดไปไกลมากเลย เป็นปราชญ์เอกขนาดไหนที่คุณนับถือ ขออภัยอย่าหาว่าลบหลู่เลย ยังไม่สัมมาทิฏฐิ ไม่มีบรรลุอาริยะ ไม่มีบรรลุอรหันต์ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 20:46:18 )

กายไม่มีเวทนาไม่ใช่กาย

รายละเอียด

กายต้องมีเวทนา กายไม่มีเวทนาไม่ใช่กาย ถ้าแยกกายที่ไม่ใช่กายได้ ธาตุ 2 กายนอกกายในหรือคู่ อีกอันหนึ่งกับธาตุรู้แล้วแยกได้ว่า มันไม่มีความรู้สึก มันไม่ใช่วิญญาณ ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ แต่มันเป็นชีวะอยู่ เป็นชีวะแบบลักษณะพีชนิยาม อาการมันเป็นอย่างนี้เอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:26:50 )

กายไม่เป็นกายคืออย่างไร

รายละเอียด

กายไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายคือ กายต้องเป็นจิต ไอ้ตัวนี้แหละคำว่ากาย เป็น 2 สภาวะใน 1 ใน 1 นั้นเป็น 2 แยกออกเมื่อไหร่มันไม่เป็นกาย มันก็เป็นแต่จิต แต่จิตเรียกเป็นกาย 

ถ้าไม่มีเวทนาแล้วมันไม่เป็นกาย เมื่อไม่เป็นกายก็ไม่เป็นจิต ไม่เป็นวิญญาณ​ มันจึงจะเป็นนิพพานหรือเป็นอุเบกขาเวทนา เวทนาเฉยๆกลางๆ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ อย่างเก่งก็มี 1 ไม่มี 2  หรืออย่างไม่เก่งก็เป็น 0 ได้เลย อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4 วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 15:55:33 )

การ(อุป+การะ)

รายละเอียด

งาน

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 52


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:54:49 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:50:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:21 )

การrebirthเวียนตายเวียนเกิดพูดกับพวกเทวนิยมเขาไม่รู้จัก

รายละเอียด

การ rebirth เวียนตายเวียนเกิดงั้นพูดกับพวกเทวนิยมจะไม่รู้จักเหมือนกับพูดกับเด็กอินโนเซ้นท์ เขาเชื่อว่าเกิดชาติเดียวตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ก็มีพวกที่เรียนรู้การ Rebirth บ้าง แต่มันไม่ถึงที่สุด ไม่มีนิพพาน ไม่มีอมตะ ไม่มีอนัตตา ก็ต้องศึกษาให้มีความจบไปตามลำดับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในทิฏฐิ 62 ความรู้หรือทฤษฎีลัทธิที่มีความแตกต่างกัน 62 นัย ยึดอดีต 18 ยึดอนาคต 44 ครบลึกซึ้งสุดยอด อาตมาก็ยังไม่มีภูมิธรรมสมบูรณ์แบบ แต่พอรู้ ก็เอามาเล่าให้กันฟังบ้าง อาตมาไม่รู้ทั้งทิฏฐิ 62 หรอก แต่ว่าพอรู้ได้บ้างเอามาเปิดเผยกันตามแต่สมควร ไม่รีบ อาตมาอธิบายธรรมะของพระพุทธเจ้าที่อธิบายไปนี้ก็มีอีกเยอะ เอาตามกาละเทศะพอเหมาะสมควร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:12:10 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:49:08 )

การกดข่ม

รายละเอียด

ธรรมชาติ ของคนก็มีอยู่แล้ว  มันสัมผัสก็เฉยๆ กลางๆ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ชัง ไม่ได้มีกิเลสตัณหา ความอยาก จะไปทำร้ายหรือจะเอามาเป็นของตน ก็ไม่มี มันก็เฉยๆ มันก็มีของมัน เราก็ขยายความพวกนี้ให้เขาเข้าใจสภาวะ ของความว่าง  กลาง เฉย โดยปริยาย แต่ทำวางเฉยด้วยวิธีสมถะ ก็ทำได้ กดข่มได้ ทำได้เก่ง ก็ชำนาญ ทำได้นาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  ปฐมอโศก  วันจันทร์  18  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 18:53:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:29 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:49:56 )

การกดข่ม กับการแยกธาตุพีชะตอนเป็น ๆ

รายละเอียด

คือพวกกดข่ม  จะไม่ได้ดับล้างกิเลสหมดอยู่นิรันดรไม่มีทางปรินิพพาน  ต้องแยกธาตุจิต  ก็เหลือเป็นอุตุนิยาม ทำให้อาการจิตของเรามีอาการความจริงว่าเป็นธาตุอุตุได้  คุณทำได้จริงตอนเป็นๆ  คุณแยกได้ ทำจริงได้ก็จบ  แต่ถ้าไม่สามรถทำได้  ตอนมีชีวิตรู้เห็นเป็นแบบนี้  คุณจะตายแยกกาย  กายสเภทา  แล้วคุณก็แยกธาตุอุตุนี้ก่อนตายไม่ได้ ตอนตายคุณก็ทำไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:37:43 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:24 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:51:37 )

การกดข่มหรือสะกดใจเรา

รายละเอียด

คือ การดับความรู้สึกไม่ชอบใจและความโกรธลงจนนิ่งเฉยและไม่โกรธ จนกระทั่งนิ่งเฉยไม่ใส่ใจ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 21:40:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:06 )

การกรวดน้ำ

รายละเอียด

คุณจะส่งอันหนึ่งให้ไปถึงวิญญาณอีกอันหนึ่ง คุณจะทำอย่างไร เราปลูกบล็อคโคลี่หรือดอกกะหล่ำ อันนี้สวยจังเลย เอาไปต้มไปแกงก็ถวายพระ ไหว้เสร็จแล้วก็ส่งให้ผู้ตายด้วย ก็กรวดน้ำ ยะถาวาริวะหา ถามว่าดอกกะหล่ำหนีออกจากท้องพระไปแล้ว ก็ไปหาย่าและยายที่ตายไปไหม เป็นอุจจาระเศษเหลือออกไปในส้วมเท่านั้น ไม่ไปเด็ดขาด

เอานี่เลย อาตมากินแกงดอกกะหล่ำแล้วเสร็จแล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วมันจะเข้าท้องคุณไหมนี่สวดไปเลยร้อยจบ จะออกจากท้องอาตมาไปเข้าท้องคุณไหม พูดกันให้ถึงถึงอย่างนี้ ก็จะได้เลิกเชื่อสิ่งงมงายแล้วนี่เสียที กรวดน้ำไม่ใช่ของศาสนาพุทธ มันเป็นเดรัจฉานวิชาและงมงายอยู่ในศาสนาพุทธอยู่ได้ ใครทำอยู่ก็ยังงมงายอยู่ทั้งนั้น ใครเลิกได้มีความกล้าหาญมาก อาสโภ ไม่เสียเวลาทุนรอนแรงงานไปกับเรื่องไม่ได้เรื่อง แล้วปล่อยให้นายทุนหากิน เอาวิธีการสร้างหลอกล่อ ล้วงกระเป๋าคุณอยู่นั่นแหละ ทำเป็นมีพิธีการอยู่ในสังคมหลอกล่อกันอยู่นั่นแหละ มันเป็นขายขี้หน้าพระพุทธองค์ ตัวเองโง่แล้วก็ยังบอกว่าเป็นของพระพุทธเจ้าอีก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:54:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:08 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:00:10 )

การกระจายเงินของรัฐบาลพิสูจน์ประชาธิปไตยแข่งกับจีน

รายละเอียด

มองความจริงตรงนี้ออกไหมล่ะ จากพฤติกรรมของรัฐบาลที่ทำกับประชาชนนั่นแหละ มันเพื่อประชาชนเห็นแก่ประชาชน ไม่ใช่ว่าไปฮั้วกันแล้วจับกลุ่ม เอ็งรวยๆๆ ขึ้นไปหายอดไม่ใช่ แต่กระจายมาถึงประชาชน กระจายเงินของรัฐ ออกมาถึงประชาชน อย่างสุจริต ทำได้สัดส่วนตามเวลาที่ควรจะได้ 

เพราะฉะนั้นความเป็นประชาธิปไตยของไทยนี้ จะพิสูจน์ความจริงของความเป็นประชาธิปไตยแบบของพระพุทธเจ้าหรือแบบโลกุตระแข่งกันกับจีน Wait and see 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:02:03 )

การกระทบสัมผัสกันอย่างพอเหมาะ

รายละเอียด

คือสังคมชาวอโศก สมณะโพธิรักษ์อธิบายไปไม่ได้พูดเล่น พวกเรามีความเป็นอรหันต์  มีคนเป็นพระอรหันต์ มีปัญญารู้ว่าเขาแตกต่างกัน ก็ประสานกันอยู่ ช่วยกันประสาน ประสานไม่ได้ก็ปล่อยให้ผู้ที่ประสานได้  ก็จะอยู่ในสังคมนี้จะเจอคนที่ประสานได้ หรือ รู้ตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นมาประสานแต่ตัวเองเป็นคน  สังวร ระวังตัวเอง รู้ตัวเอง ก็สงบระงับ  แล้วก็อยู่อย่างพอดีมีปฏิกิริยากระทบกันอย่างพอดี  ไม่เกิดความแรงหรือรุนแรงอะไร อยู่อย่างกระทบสัมผัสกันอย่างพอเหมาะร่วมกันปรุงแต่งอยู่กันได้ สังเคราะห์ สังขารกัน ก็เกิดผลผลิตเกิดแรงงานเกิดสิ่งประดิษฐ์อะไรมา อาศัยกินใช้ชีวิตอยู่ สังคมมนุษย์ชาติก็อยู่กันอย่างนี้ สัตว์โลกก็ตาม สัตว์โลกมันไม่ต้องการ ลาภ  ยศ อะไรมาก มันต้องการแค่กิน อยู่เป็นคราวๆ กินอิ่มแล้วไม่ต้องไม่วุ่นวายอะไรกับใครมันจะขี้เกียจด้วยซ้ำไปสำหรับสัตว์  แม้แต่สิงโต แม้แต่เสือ  มันอิ่มแล้วบางที  นี่กวาง เก้งมาเดินลอยหน้าลอยตา มันก็เฉย  ก็มันอิ่มแล้ว  แต่ถ้ามันหิวขึ้นมาแล้ว ก็มันก็ต้องไปล่า

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:54:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:48 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:03:04 )

การกลับมาอยู่กับปัจจุบัน 

รายละเอียด

การกลับมาอยู่กับปัจจุบัน  คือ  การมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันที่เล็กที่สุด และเร็วที่สุด  ชีวิตของสมณะโพธิรักษ์ทุกวันนี้อยู่กับปัจจุบันที่เล็กที่สุด  และแพงที่สุด  เบาที่สุด  อยู่ที่ปัจจุบัน  อนาคต  ทุกวันนี้บอกตัวเองแล้วก็ทำตัวเอง  อดีตก็เป็นสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว  ไปทำอะไรมันไม่ได้  อนาคต  ทำอะไรมันไม่ได้  มันยังมาไม่ถึง  ก็ได้ไปวุ่นวายกับ อดีต และอนาคตเป็นคนโง่ที่สุด  เอาอดีตมาคิดปรุงก็อย่างโน้น อย่างนี้  อนาคตยังพอทำเนาว่าจะให้ดีอย่างนั้นอย่างนี้  แต่อดีตนี้  เหมือนขยำขี้  มันผ่านไปแล้ว  เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง  เป็นเรื่องการสร้างบารมี  สมณะโพธิรักษ์สร้างบารมีอันนี้  มาช่วยคน  หนักหนา เหน็ดเหนื่อย  เขาจะเข้าใจไม่ได้อย่างไร  ท่านไม่ได้มีเจตนาประสงค์ร้าย  จะทำกายกรรมร้าย  วจีร้าย มโนที่จะเป็นสิ่งร้าย  ที่แสดงออกไม่เอา  ท่านเรียนรู้ฝึกฝนมาจนเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7  พูดเป็นเรื่องธรรมดาเลย  ท่านทำมาจริง  ผ่านมาเป็นล้านชาติไม่ได้พูดมาเอาโก้เก๋  กว่าจะมาถึงโพธิสัตว์ระดับ 7  มันเป็นมาหลายล้านชาติ  แต่พวกคุณก็ฟังผ่านๆ  จะรู้สึกว่าชาติหนึ่ง  เราก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไร  จะไปล้านชาติอย่างไร แต่ท่านมันมี  อดีตของท่านไม่เหมือนพวกเรา  แต่ท่านไม่ได้ติดอดีต  แต่ก็มาถึงยุคนี้ปางนี้  ชาตินี้  ก็เอาอดีตมาพูดจริง  เพื่อเปิดเผยความจริง  ที่เปิดเผยความจริงที่เขาถือว่าไม่ควรอวดตัว  อวดตน  ก็ถือว่าท่านอวดก็แล้วกัน  ทำไมต้องอวด  เพราะท่านเอง  เจตนาต้องการบอกความจริง  ย้ำความจริง  ยืนยันความจริง จิตไม่มีสาเฐยยะ (โอ้อวด)  จิตโอ้อวดไม่มีจริงๆ แต่เขาไม่เชื่อ  ท่านก็เอาของดีที่ท่านมีบอกไปท่าทีที่พวกคุณอวดไม่กล้าอวดเท่าท่านหรอกท่านอวดแรงกว่า

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:19:01 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:09 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:18:12 )

การกลับมาเกิดของพระอรหันต์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้ระบุว่าองค์นี้มาเกิดหรือไม่ ยกตัวอย่างพระสารีบุตรมาเกิดในยุคพระพุทธเจ้าเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา แล้วพระสารีบุตรจะได้เกิดกับพระพุทธเจ้ามาก่อนที่จะเป็นพระสารีบุตรหรือไม่ ได้สั่งสมบารมีร่วมกันหรือเปล่าก็สั่งสมมาตั้งเยอะแยะแต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอก ท่านไม่ได้ตรัสบอกไว้ คนที่บอกว่าพระอรหันต์ไม่มาเกิดอีกเป็นพวกอุจเฉททิฏฐิ เขายึดถือว่าพระอรหันต์ตายแล้วสูญ อันนี้เป็นนัยยะซับซ้อนที่เป็นสิริมหามายา อรหันต์ที่ตายแล้วตั้งจิตไม่เกิด สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปณิหิตตนิพพาน นิพพาน 3 นี้สูญเลย แต่ถ้านิพพาน ยังตั้งปณิหิตตะ ตั้งพุทธภูมิ ตั้งไว้ว่าจะไปสร้างบารมีต่อ ก็แล้วแต่สิทธิของท่าน ท่านจะมีจุดหมายเจตนาอะไรของท่านก็แล้วแต่ ท่านอยากจะไปเกิดเรื่องนี้ยังข้องใจอยากจะไปรู้ ดีไม่ดีไปเกิดเป็นสัตว์บางชนิด เพราะว่ามันยังไม่แน่ใจ อยากจะรู้จริงว่ามันเป็นอย่างไรก็ไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดนั้นอีกทีก่อนตาย ก่อนปรินิพพานเป็นปริโยสาน หรือจะต่อไปอีกก็เป็นเรื่องของท่าน เรื่องตายเรื่องเกิดเป็นเรื่องส่วนตัวปัจจัตตังเป็นเรื่องของท่านจะตายหรือเกิดก็เรื่องของท่านสุดยอดเลย ใครจะไปละลาบละล้วงส่วนตัวของอรหันต์แต่ละองค์ไม่ได้ ท่านจะทำอย่างไรจะสูญเลยหรือไม่เกิดอีก เป็นแต่เพียงว่าท่านรู้จัก ลักษณะสุดยอด ของลักษณะ 4 อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา ท่านไม่อุปจยะ อีกเลย ท่านตัดสันตติ ไม่ต่อ อุปจยะไม่มี แม้แต่ชรตา อนิจจตาก็ไม่มี ถ้าต่อไปแต่ไม่พยายามเพิ่ม ไม่สร้างสัมประสิทธิ์ต่อ มันก็ ชรตา เป็นโมเมนตัมสูญหายไป แต่กระนั้นยังมีอนิจจตาได้อีก ฮึด สร้างสัมประสิทธิ์ขึ้นในวาระใดก็เพิ่มขึ้นมาอีกต่อก็ได้ เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่สุดท้าย เส้นทางเปิด ปลายเปิดให้ชรตากับอนิจจตา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 16:56:50 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:56 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:05:31 )

การกลับไปกลับมาของศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อาตมาตั้งใจเอาอัมพัฏฐสูตร มาอธิบาย ไป ซึ่งเป็นการกลับไปกลับมาระหว่างศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธ ซึ่งเดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธเนื้อหาก็กลายเป็นศาสนาพราหมณ์ไปแล้ว สมัยพระพุทธเจ้านั้นแก้ไขจากพราหมณ์มหาศาลมาเป็นพุทธ ถ้าเป็นพุทธได้แล้ว แต่ทุกวันนี้ก็กลายเป็นพระ มหาศาล เป็นเจ้าสำนักนั้นสำนักนี้ มีสัญญาต่างกันทิฏฐิต่างกันไป เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง ก็จะมีสำนักที่สัมมาทิฎฐิที่สุดอย่างเช่นพระพุทธเจ้าเอาสัมมาทิฏฐิเข้ามาแก้ไขเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ยากแสนยาก เสร็จแล้วได้แล้วมันก็กลับคืนไปเป็นเดียรถีย์เป็นพราหมณ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:50:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:06:06 )

การกลัวผี

รายละเอียด

คือจะหายกลัวผีต้องทำการพิสูจน์  เราไม่รู้เรา ก็เลยกลัวผี อย่างเช่น   ผีในที่มืด  เราไม่เห็น ก็เลยกลัวว่าจะมีผีอยู่  แต่ที่สว่างก็มีผีหลอกกันได้เยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:01:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:05 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:22:09 )

การกลัวผี

รายละเอียด

จะหายกลัวผีต้องทำการพิสูจน์ เราไม่รู้เราก็เลยกลัวผี อย่างเช่นผีในที่มืด เราไม่เห็นก็เลยกลัวว่าจะมีผีอยู่ แต่ที่สว่างก็มีหลอกกันได้เยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:43:57 )

การกลัวผี

รายละเอียด

จะหายกลัวผีต้องทำการพิสูจน์ เราไม่รู้เราก็เลยกลัวผี อย่างเช่นผีในที่มืด เราไม่เห็นก็เลยกลัวว่าจะมีผีอยู่ แต่ที่สว่างก็มีหลอกกันได้เยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:59:10 )

การกอบกู้เศรษฐกิจต้องไม่สอนให้คนไปรวย

รายละเอียด

ประเทศไทย จ้างนักเศรษฐศาสตร์มาพูดเพื่อให้ได้วิธีคิดที่เอาเปรียบมากขึ้น มันเป็นการซวยซับซ้อนไหม อย่างนี้เป็นต้น อาตมาเห็นแล้วว่าสังคมนั้นน่าสงสาร มีแต่ทับถม ทำตัวเองให้ตกต่ำไปเรื่อย ไม่เจริญทางโลกุตระเลย ทั้งที่เมืองไทยเป็นเมืองศาสนาพุทธแต่ไม่ได้เข้าใจเศรษฐศาสตร์โลกุตระ อาตมาถึงบอกว่า การไปกอบกู้เศรษฐกิจนั้นไม่ต้องไปสอนให้คนไปรวย ถ้าสอนให้คนไปรวย  ทุกคนจะต้องแย่งกันหมด คนที่แย่งในประเทศได้นอกประเทศก็ทำได้อีก คนที่เขารวยนั้นเขาแย่งชิงคนในประเทศไทย ก็แย่งชิง แล้วก็ก้าวออกไปสู้กันแย่งชิงจากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก คนที่รวยๆ ซึ่งไม่ใช่ อย่างนั้น ไม่ใช่เศรษฐีแท้แต่เป็นกระฎุมพี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:40:36 )

การกำจัดกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

รายละเอียด

เริ่มต้นอ่าน กามตัณหาเป็นอย่างนี้ กำจัดกามตัณหา เป็นเช่นนี้จนกระทั่งหมดก็เหลือภวตัณหา ก็ลดรูปของตัณหาที่มันเป็นภายใน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งหลับตาไม่มีกามาวจร มี ยังมีอวจรกับภพกาม แต่กิเลสกามของเราไม่มีแล้วหยาบ เหลือแต่กิเลสระริกอยู่ภายในที่เป็นรูป รูปคือสิ่งที่แรงภายในเรา เรารู้ของเราจนมันบางเบาเป็นอรูปไปเรื่อยๆ หมดแล้วก็เหลือแต่อรูปที่น้อยลงเรื่อยๆ คุณก็ทำให้หมดจนหมดรูปภพอรูปภพสิ้นไป คุณก็เหลือแต่ตัณหาที่เป็นวิภวตัณหา 

วิภวตัณหา คือตัณหาที่ไม่มีภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพหมด แต่เป็น ตัณหาที่เป็นตัณหาอุดมการณ์ ตัณหาของพระพุทธเจ้า ตัณหาของพระอรหันต์ ตัณหาคือความต้องการความอยากใช้ภาษามาซ้ำเท่านั้นเอง แต่เป็นตัณหาที่ไม่มีกิเลสแล้วไม่มีภพชาติแล้ว เป็นความปรารถนาดีที่จะทำสิ่งที่ดี ถ่ายทอดสิ่งที่ดี เอาสิ่งที่ได้ดีแล้วมาเปิดเผย สิ่งที่ไม่ดีออกไปหมดแล้วเหลือแต่สิ่งที่ดีเอาไว้ให้ๆๆ ก็เอาสิ่งที่ดีๆมาแจกจ่าย มาสถาปนาลงไปในมนุษยชาติ ก็วนอยู่อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 18:12:16 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:29 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:07:09 )

การกำจัดกิเลสด้วยอิริยาบท

รายละเอียด

ก็จะขอขยายความต่อ การทำการสะกดจิตเดินแล้วนั่งมันเป็นสมถะ มันได้ด้วยการสะกดจิต ได้ ไม่ใช่ว่าเราปฏิเสธว่าไม่ได้ ได้ แต่การปฏิบัติด้วยลืมตาปฏิบัติเสมอแล้วก็ล้างกิเลสไม่ใช่สะกดนะอันนี้ไม่ใช่สะกดจิต พอสัมผัสนี้กิเลสมันก็จะเกิดอาการ ก็เลือกเอาเฉพาะแต่กิเลส มากำจัด กำจัดแต่กิเลสนะ เราจะไปจับโจร เราก็ต้องไปเอาตัวโจรแท้ๆ ไม่ใช่เหมาะอาแพะหรือใครๆมาหมด อย่างพวกโจรที่ทำการมันอยู่รวมกันร้อยคน ก็เลยเหมาฆ่าหมดร้อยคน พระพุทธเจ้าไม่ทำ ท่านจะจับเอาแต่โจรที่เป็นกิเลสตัวการเอามาจัดการ กำจัดเฉพาะตัวนี้จริงๆ เมื่อกำจัดตัวนี้ได้หมดสิ้นแล้วทุกอย่างก็เป็นปกติหมดเลย เพราะการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ปฏิบัติแต่ตอนนั่งกับตอนเดิน ของท่านกำจัดทุกเมื่อ อ่านจิตเสมอ ทุกอิริยาบถ ทุกอาชีพ ทุกกรรมการงานกัมมันตะ ขณะพูดวาจา ขณะคิด สังกัปปะ ครบองค์ 4 ของมรรคมีองค์ 8 ก็จะปฏิบัติธรรมทั้ง 4 อิริยาบทไม่ใช่ทำเฉพาะนั่งกับเดิน ทำอาชีพ ทำการงานทุกอย่างจะแบกจะหามจะขน ทำอะไรก็อ่านทุกลมหายใจเข้าออกทุกเวลาจะพูดจะคิดถึงก็อ่านผัสสะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:12:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:22:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:07:51 )

การกำหนดการสันตติ หรือชรตา หรือสุทธาวาส 5 กำหนดได้อย่างไร

รายละเอียด

และสุดท้ายคือจะเกิดหรือไม่เกิด เกิดเรียก อุปจยะ ไม่เกิดเรียกว่าชรตา เสื่อมลง เสื่อมลง จะให้มีหรือไม่มีเรียกว่า สันตติ จะให้เกิด อุปจยะ ไม่ให้เกิดก็ให้มัน ชรตา ถ้าทำยังไม่ได้ก็ อนิจจตา นี่คือลักษณะของรูปสุดท้าย 4 ตัวเป็นเครื่องตัดสิน แล้วคุณก็กำหนดอยู่เหนือมันสามารถที่จะทำให้มัน อุปจยะ ให้เกิด หรือไม่ให้เกิด 

ไม่ให้เกิดมันก็เสื่อมถ้าคุณยังไม่บรรลุสูงสุด ไม่ให้เกิดสันตติ ไม่มีอะไรต่อเลย ชรตา ก็ไม่มี ให้เกิดก็ให้เกิดอย่างมีปัญญาเป็นอภินิพพัตติ เสื่อมก็ไม่ต้อง ชรตา ไม่งั้นเสียเวลา เผื่อว่าคุณไม่เป็นอรหันต์ที่ชัดเจนเลย โดยไม่ต้องไปติดอยู่ในสุทธาวาส 5 คุณตัดสันตติ ตัดผลั๊วะเลย ไม่มีอะไรโมเมนตัม ชรตาไป เป็น สุทธาวาส 5 ไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4 วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 19:17:30 )

การกำหนดมื้ออาหาร 

รายละเอียด

การกำหนดมื้ออาหาร  คือ เป็นการกำหนดมื้อในการกินอาหาร ก็ควรทำจะได้ไม่มากมายเกิน หากว่ากินทุกอย่างที่ขวางหน้ากินไม่มีมื้อไม่มีคราวก็แย่  การกินอาหารที่ชอบและไม่ชอบจับอารมณ์ควรทำ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:00:52 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:31 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:09:25 )

การกำหนดรูปนาม 4

รายละเอียด

กำหนดรู้รูปนามได้ด้วย

1. อาการ (รู้สภาพของรูปนาม)

2. ลิงคะ หรือ เพศ (รู้ลักษณะแตกต่างของรูปนาม)

3. นิมิต (รู้เครื่องหมายชี้เฉพาะของรูปนาม)

4. อุเทส (รู้ข้ออธิบายขยายความรูปและนาม)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 10 "มหาปทานสูตร" ข้อ 60

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2562 ( 20:14:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:58 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 07:39:28 )

การกำหนดรู้กาม

รายละเอียด

เมื่ออาริยสาวกใด อาริยสาวก ไม่ได้หมายความแค่พระภิกษุ แต่ฆราวาสก็เหมือนกัน พุทธสาวกทุกองค์ ทุกคน ผู้ที่กำหนดความยินดีที่เกิดในเบญจกามคุณไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรยิ่งกว่านี้ที่จะกำหนดรู้ได้ยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว คำว่าไม่มีอะไรยิ่งกว่านี้ ภาษานี้ ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีแล้ว แต่ไม่มีสิ่งที่เกินกว่าจะกำหนดรู้อะไร การกำหนดรู้กาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:50:24 )

การกำหนดรู้ด้วยสัญญา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้จักคำว่า กาย ไม่รู้จักคำว่าบุญ อย่างถูกต้อง 

ฌานก็ดี สมาธิก็ดี จึงต่างกันไปเลย เพราะคำว่ากาย คำว่าบุญ 2 คำนี้เข้าใจไปคนละทาง 

การกำหนดรู้ด้วยสัญญา การรู้ความหมายก็เรียกว่ากำหนดหมาย ก็ธาตุสัญญานี้แหละต้องกำหนด หมายรู้ สำคัญมั่นหมาย พยายามเอาภาษาไทยมาเรียกสภาวะของธรรมะโลกุตระ 

อย่างคำภาษาบาลีมาเป็นคำๆเลย แต่ของไทยมันไม่มี มันก็เลยต้องขยายความ ก็เลยมีหลายพยางค์หลายคำ 

เพราะฉะนั้นเมื่อความผิดเพี้ยนในความหมายคำว่ากาย ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้น เป็นตัวหมายถึงสภาพ 2 สภาพ ภายนอก-ภายใน สภาพธาตุคู่ ซึ่งมีภาษาคำว่า เทวะ เป็นคำกลาง หมายถึงธาตุวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:50:59 )

การกำหนดรู้“กาย”ได้ถูกต้อง ย่อมทำ“กาย-เวทนา-จิต-ธรรม”ได้สำเร็จ!

รายละเอียด

ซึ่งผู้ปฏิบัติต้องมีความรู้ในความเป็น“สัญญา” 

สามารถทำ“การกำหนดรู้”ความเป็น“กาย”สัมมาทิฏฐิ 

จึงจะทำ“กายในกาย-เวทนาในเวทนา-จิตในจิต-ธรรมในธรรม”ของตนเกิดผลถึงขั้น“นิโรธ”ได้สำเร็จ 

และต้องในขณะที่มี“วิญญาณฐีติ 7(นั่นคือ วิญญาณตั้งอยู่)” 

อันจะไม่ใช่“การดับทั้งวิญญาณ”จนกระทั่งไม่มี“ธาตุรู้”เลยเป็นอันขาด 

จึงจะทำความเป็น“สัตว์”ของตนให้หมดไปจาก“จิต”ของตนได้จริง โดยลำดับด้วย“อนุปุพพวิหาร 9”(รูปฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสัญญาเวทยิตนิโรธ 1) 

ซึ่งแตกต่างจาก“อนุปุพพนิโรธ 9”ที่มี“ความดับ” อย่างมีนัยสำคัญที่ต้องพิจารณากันให้คมๆ [พระไตรปิฎก เล่ม 11 ข้อ 355 กับข้อ 356]

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 423 หน้า 307


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 14:16:38 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:33:13 )

การก่อตั้งสัมมาสิกขา

รายละเอียด

ใครจำได้บ้าง เกิดแรกๆที่ศีรษะอโศก เกิด กศน.ก่อน เสร็จแล้วอาตมาเห็นว่าควรตั้งโรงเรียนตอนนั้นตั้งขึ้นมาปี 2531 กศน.เกิดที่แรกที่ศีรษะอโศก ปี 2533 สัมมาสิกขาเกิดที่แรกที่ปฐมอโศกปี 2537 ตามมาด้วยศีรษะอโศกและปฐมอโศก 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:02:25 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 05:06:16 )

การก้าวหน้าของชาวอโศกเป็นรูปธรรม ขณะนี้ +7 กำลังเข้า +8

รายละเอียด

เห็น ความก้าวหน้าของชาวอโศกเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นคนอื่นอาจจะเห็นยาก แต่อาตมาเห็นความก้าวหน้า อาตมาไม่ได้เป็นนักสถิติจะเอาตัวเลขมา แต่เห็นอัตราการก้าวหน้า จะพูดกันด้วยภาษา การก้าวหน้าของอโศกขณะนี้ การก้าวหน้าจะมี 1. เชิงบวก 2. เชิงคูณ 3. เชิงยกกำลัง 

ถามว่าการก้าวหน้าของชาวอโศกเป็นเลขยกกำลังหรือไม่ ...อาตมาว่ายังไม่ถึง ยกกำลังเป็นทวีคูณทีละเท่าตัวเลยนะ ขณะนี้ +7 กำลังเข้า +8 ยังไม่ถึงขั้นคูณด้วยซ้ำไป บวกมาทีละเกินครึ่ง เป็น 7 เป็น 8 ถ้าเป็น 9 เป็น 10 ก็ถ้วนเลยกลายเป็นคูณเลย อย่างนี้เป็นต้น มันก้าวหน้าได้อยู่แต่ยัง พลเมือง 7 พันล้านของโลก อโศกนี้แม้แต่ถ้าเอามวลปริมาณคนให้ได้ 777 คน ในราชธานีอโศกยังไม่ได้จนป่านนี้ เริ่มแต่ 2537 บ้านราชฯตั้งมา นี่ก็ 28 ปี ได้เท่านี้ จะให้ได้ 777 คนยังไม่ได้ ประมาณ 400-500 คนเท่านี้ แต่ก็ไม่เลวแล้ว ถ้าได้มากกว่านี้ 600-700 คนมันก็ดี เป็น 1,000 คนก็ยิ่งดีใหญ่เลย แต่อย่างว่าแหละไม่ใช่จะเข้ามาได้ง่ายๆที่นี่ คนเข้ามาก็ไม่ใช่ง่ายนะ ถ้าเข้ามาเล่นๆลองดูก็ได้ คนที่ไม่มีคุณภาพหรือคุณสมบัติอะไรมากหรอก เข้ามาที่นี่มีศีล 5 ไม่มีอบายมุข ไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นเกณฑ์พื้นฐานแค่นี้ อยู่ให้ได้เถอะ อบายมุขตัวเดียวคุณก็แย่แล้ว ยิ่งไม่กินเนื้อสัตว์ละก็ มีศีล 5 โอ้โห มันจะไหวหรือ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:10:08 )

การก้าวหน้าแบบพุทธ

รายละเอียด

ทำงานเศรษฐกิจก็ดี ทำงานการเมืองก็ดี ทำงานสังคมก็ดี รับใช้ประชาชนดี ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เรียนรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน เรียนรู้อย่างนี้จริงๆ จะมีความรู้มากความรู้น้อยก็ตาม มีทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ให้ศึกษา เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ที่มีความรู้แกนหลักพุทธศาสนา ยังเป็นมวลของคุณธรรม เป็นมวลของความรู้ เป็นมวลของศาสนา ตั้งแต่ตั้งประเทศมา คือพุทธศาสนา พระเจ้าแผ่นดินเป็นพุทธมามกะทุกพระองค์ 

เพราะฉะนั้นเมืองไทยจึงมีศาสนาอื่นๆเข้ามาตีไม่แตก ศาสนาอื่นพยายามเข้ามาแทรกแซงตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช พยายามมาจนกระทั่งบัดนี้ก็ตีไม่แตก พุทธศาสนิกชนก็ตั้ง 90% ขึ้นไปอยู่ตลอด เพราะคนมาตั้งรกรากไม่ใช่จะเป็นศาสนาอื่นมา ปลูกฝังจนกระทั่งกลายเป็นคนไทย แต่ศาสนาอื่นก็ได้อยู่อย่างนั้นแหละ ขยายไม่ออกมากกว่านั้นหรอก เพราะว่ามวลพุทธศาสนิกชนมันก็มีอัตราการก้าวหน้าแบบพุทธ ศาสนาอื่น อาตมาไม่ต้องกล่าวนาม เขาก็พยายาม ขอเป็นรกรากเป็นคนไทยไปแล้วแต่ก็ขยายไม่ทัน อัตราการก้าวหน้ามวลของชาวพุทธมีก้าวหน้ากว่าเพราะมีมวลมากกว่า เพราะฉะนั้นศาสนาอื่นยังมียังไงก็ก้าวไม่ทันเพราะศาสนาพุทธไม่เสื่อม มันมีฤทธิ์ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่17 กุมภาพันธ์ 2566  แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:46:04 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์