@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

จิตที่ไม่มีกิเลสแล้วเป็นไฉน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจิตที่ไม่มีกิเลสแล้วจึงยอดเยี่ยม เร็วไว ปราดเปรียว คล่องแคล่ว เป็นปาคุญญตา อย่างที่ว่า เพราะจิตนี้ บริสุทธิ์สะอาด เป็นจิตอ่อนไหว ไวเร็ว มุทุ ปรับปรุงง่าย เหมาะสมกับการทำการงานทุกอย่าง กัมมัญญา ยิ่งทำงานยิ่งดียิ่งเจริญยิ่งก้าวหน้าประภัสสรมากขึ้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:27:56 )

จิตที่ไม่ยินดีที่จะสอน มันเป็นอกุศลจิต

รายละเอียด

คือ 1.ขี้เกียจ 2.ดูถูกคน 3.ลืมหน้าที่ของตนเอง มันต้องเป็นเช่นนั้น อาตมาจริง มีจิตที่ไม่ยินดีที่จะสอน แต่ไม่ได้ ผิด ปณิธาน ผิดรากเหง้าอนุสัยที่อาตมาตั้งเป็นโพธิสัตว์ มันผิด จะไปทำผิดต่อไปได้อย่างไร มันต้องมาทำอย่างนี้ คุณจะไม่ไปสอนใครคุณใจดำหรือใจดี คุณเป็นคนที่มีสิ่งที่จะสอนได้อย่างดีด้วย เป็นหน้าที่ด้วย แล้วคุณจะไม่ทำ มันผิดหรือถูก มันผิด เพราะฉะนั้นเราจะไม่ทำผิด เราต้องทำสิ่งที่ถูก เรามีแวบนึง เรายังคิดไม่ดีคิดไม่ถูกต้องได้ มันแสดงความยังไม่รอบถ้วนของเรา มันโง่ลึกซึ้งนะ มันโง่จนเราคิดไม่ออกว่าเราตั้งปณิธานจิตไว้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่หยาบ เป็นวัตถุ แต่เป็นเรื่องลึก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:57:24 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:07 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:16:56 )

จิตธาตุ

รายละเอียด

ผู้ที่เป็นอาริยบุคคล จึงสามารถอยู่เหนือกรรม การควบคุมกรรมแล้วสามารถทรงธรรมสร้างกรรมนิยาม ธรรมนิยามได้สัดส่วนพอเหมาะพอดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:49:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:17:20 )

จิตนิยม

รายละเอียด

วิชาการที่ยังไม่ได้พิสูจน์เป็นเพียงบัญญัติ และเพียงความนึกคิดเข้าใจอยู่ชั้นหนึ่งเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 7


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:33:49 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:18:42 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

คือ สัตว์มีทุกข์ มีสุข 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 12:50:27 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:51 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:17:37 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

จิตนิยาม คือ สัตว์ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวจนถึงเป็นล้านเซลล์ จิตนิยามจึงจะมีความสามารถศึกษาเรื่องกรรม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 14:19:36 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:18:02 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:18:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:18:19 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

เป็นธาตุรู้ที่รู้ได้สารพัดรู้รอบโลก รู้จักรวาล เป็นผู้รู้ที่สุดคือมนุษย์ รู้ตั้งแต่โลกียะ ในระดับของวัตถุ สิ่งที่เป็นรูปธรรม สิ่งที่เป็นสสารพลังงาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:28:07 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:51 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:18:44 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

จิตนิยามจะต้องศึกษารูปนาม มีแต่รูปอย่างเดียวเป็นวัตถุ มีแต่นามอย่างเดียวไม่รู้จักรูป เหมือนพวกนั่งหลับตาสะกดจิตไปสร้างนามธรรม เป็นนิรมาณกาย เป็น มโนมยอัตตาเลอะเทอะไปหมดไม่ได้ ไม่ใช่สัจจะที่จะเอามาใช้กับมนุษย์โลกที่มีองค์ประกอบต่างๆ แบบนั้นมันไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:14:06 )

จิตนิยาม

รายละเอียด

ส่วนจิตนิยามนี้รู้มาก ทั้งผลักทั้งดูด ทั้งทำร้าย ทั้งรัก สนิทรัก ไม่ยอมพรากไม่ยอมจากอะไร ก็อยู่อย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 20:00:55 )

จิตนิยาม กับ พีชนิยาม

รายละเอียด

มันเป็นจิตนิยาม มีกายกับใจ มีร่างกับใจ พีชนิยามมีร่างกับธาตุรู้แต่ไม่ใช่จิตนิยาม พืชพันธุ์ธัญญาหาร มีอัตตา ISH มันสร้างตัวมันเองอย่างเดียว แต่ไม่ไปทำร้ายใคร ทำร้ายใครไม่เป็น แต่จิตนิยามเซลล์ชั้นต่ำ แม้ไม่เจตนาทำร้ายแต่มันทำร้าย เพราะว่ามันไม่รู้มันโง่ใครจะมาทำร้ายมัน มันก็ต้องป้องกันตัวเองฆ่าอันอื่นได้ แต่พืชนี้ไม่ไปทำร้ายอะไรตอบเลย พืชนี้ใครทำร้ายมันมันก็ไม่ตอบโต้ แต่ถ้าเป็นสัตว์แล้ว ใครไปทำร้ายมันๆ ก็ทำร้ายตอบได้ บางอย่างทำร้ายได้แรงมากเลย ไวรัสหรือเซลล์เล็กๆ มีพิษร้ายแรงมาก ความซับซ้อนพวกนี้ ความรู้ที่ศึกษาไปแล้ว จะรู้และเข้าใจ จะไปโทษมันทีเดียวไม่ได้ มันไม่รู้เรื่องหรอก แต่มันก็เป็นตัวมันเองแบบนั้นเป็นสัตว์ชั้นต่ำ เป็นสัตว์ชั้นสูงขึ้นมาก็จะเจริญรู้แล้วเห็นแก่ผู้อื่น มีความรัก 10 มิติที่สูงขึ้น ก็ค่อยๆ ศึกษาไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:00:44 )

จิตนิยามก็เป็น 2

รายละเอียด

ส่วนของพระพุทธเจ้านั้น นอกจากจะตรัสรู้เรื่องพลังงาน 2 แล้ว จิตนิยามก็เป็น 2 จิตวิญญาณหรือธาตุรู้ ที่เป็นนามธรรม มันก็ 2 ต้องมีรูปกับนามคู่กันแยกกันไม่ได้ด้วย ถ้าแยกกันก็ไม่รู้เรื่อง พวกมิจฉาทิฐิแยกกายมีแต่เพียงรูปนอก นามก็มีแต่เพียงภายในแล้วก็ไปปรุงแต่งภายในจิต นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม งานอโศกรำลึก ปี 2565 พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 20:12:10 )

จิตนิยามของพระอรหันต์ไม่มีกายได้

รายละเอียด

ต้องรู้กายอย่างสัมมาทิฏฐิ ก่อน ต้องรู้สัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิ 

สัมมาทิฏฐิของผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วตรงกันหมดไม่เป็น 2 กายถ้าเป็นพระอรหันต์ด้วยกันตรงกันหมด พวกที่อรห้อย อรเหิน อรหก อรเหว ต่างๆ จะต่างกันไปอีกเยอะ ต้องพระอรหันต์ที่สัมมาทิฏฐิตรงเป็นหลัก เพราะฉะนั้นมิจฉาทิฏฐิในคำว่า กาย มีเยอะเลยต่างกันได้เป็น 108 

เมื่อพ้นมิจฉาทิฏฐิในคำว่ากายแล้ว พ้นมิจฉาทิฏฐิในคำว่าศีลพรต ในการปฏิบัติ 

ในสัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 คำกล่าวเดียวกัน ต้องทำจิตนิยามไม่มีกาย หากจิตนิยามไม่มีกายได้ก็พ้นทุกข์พ้นสุข นับว่าเป็นอรหันต์ได้ แม้ได้ด้วยแค่ปัญญาขณะกระทบสัมผัส คุณก็ไม่ทุกข์ไม่สุขแล้วในกระทบสัมผัส ยิ่งจิตเจโต เข้าใจแล้วจัดการกระบวนการจิตไม่มีสุขมีทุกข์ได้ในจิตเป็นอุภโตภาค ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:01:54 )

จิตนิยามทำให้เป็น อุตุ พีชะได้ 

รายละเอียด

พีชนิยาม มีแค่สัญญากับสังขาร ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ มีรูป สัญญา สังขาร สามเส้านี่คือพืชหรือธาตุดินน้ำ มหาภูตรูป มี 3 เราอาศัยอันนี้ เพราะเวทนา ไม่มีทุกข์มีสุขมีบาปมีบุญมีกุศลอกุศลต่างๆ เราก็อาศัยอันนี้ ทั้งๆ ที่เรามีชีวิตเต็มๆ อยู่นี้ จิตนิยามเราก็มีอยู่เต็มที่ แต่เราทำให้เป็น อุตุ พีชะ ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:58:49 )

จิตนิยามที่พัฒนาแล้ว จะไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น

รายละเอียด

คือ พลังงานที่มีภาวะ 2 เป็นบวก เป็นลบ  พลังงานบวกลบนี้แหละเป็นสุดท้ายของอุตุนิยม  พีชนิยม  จิตนิยาม เป็นพลังงานอยู่ในโลก  ทำงานของมันตามปกติ  ตั้งแต่นิวเคลียส  มันก็มีพลังงานบวก ลบ 2อย่าง  ทำงานร่วมกัน  สังเคราะห์กันอยู่  แต่ว่าพลังงานอุตุนิยม  มันไม่เป็นตัวเอง  มันไม่มีประธาน  มันมีแต่แรงภายนอกเป็นตัวขับเคลื่อน ให้มันเป็นไปจนกระทั่งถึงพีชะ  ก็จะมีประธาน  แต่มันทำตัวของมันเอง  ต้องเป็นจินิยาม  จึงสามารถควบคุมตัวเอง  จิตนิยาที่เกเร ก็จะทำร้ายคนอื่น  จิตนิยามที่พัฒนาแล้ว ก็จะไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:54:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:22 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:19:12 )

จิตนิยามที่ยังอวิชชา ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในกรรมวิบาก

รายละเอียด

ซึ่ง “จิตนิยาม” ที่ยัง “อวิชชา” อยู่นั้นยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“กรรม” ใน “วิบาก” หรอก “กรรมวิบาก” เป็น “อจินไตย” จริงๆ แถมซ้ำมิหนำยก “กรรม” ยก “วิบาก” ให้เป็นสิทธิ์ของ “พระเจ้า”หรือเป็นของ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น” ที่ไม่ใช่ “ตนเอง” เป็น “เจ้าของ”หรือเป็น “นาย” ตนเอง แล้วให้ “พระเจ้า” คอยบัญชาบงการ “ตนเอง” ไปเสียอีกเพราะยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “กรรมเป็นของของตน” แท้ๆ แม้ “พันธุกรรม” หรือ “เผ่าพันธุกรรม” ก็เป็น “ของตนเอง” เท่านั้นและใครจะแย่งเอา “กรรม” เอา “วิบาก” ของตนเองไปจากตนเอง ก็ไม่ได้เด็ดขาดด้วย หรือ“ตน” จะแบ่ง “กรรม” ของตนเองที่ตนเองทำให้ใครๆ ก็ไม่ได้  “ตน” ทำแล้ว “ตนจะไม่เอา” ก็ไม่ได้

ดังนั้น “ความเป็นกรรมทั้งหลาย” ก็ดี“ทายาทของกรรม” ก็ดี "การเกิดใดๆ ของกรรม” ก็ดี “เผ่าพันธุ์ของกรรม” ก็ดี แม้ที่สุด “ที่พึ่งของตนแท้ๆ จริงๆ” ก็ดี ล้วนเป็น “ของตนของตนทั้งสิ้น” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 219 หน้า 181


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 12:46:17 )

จิตนิยามมีวิญญาณควบคุมขั้วบวกขั้วลบ

รายละเอียด

จนมาเป็นจิตนิยาม ก็มีประธานควบคุมบวกลบ ควบคุมตัวสัญญากับสังขาร ถ้ามีวิญญาณมาควบคุมถ้าวิญญาณยังไม่เป็นปัญญา วิญญาณก็เป็น เฉกาหรือเฉโก วิญญาณก็เป็นธาตุรู้ที่เป็นตัวตนถูกอำนาจกิเลสเป็นตัวควบคุม ถ้ามีปัญญาลดกิเลสได้แล้วจึงไม่เป็นทาสของกิเลส ควบคุมขั้วบวกขั้วลบได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต  ครั้งที่ 19 ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2  วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู (โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:13:42 )

จิตนิยามสูงสุดของมนุษยชาติ

รายละเอียด

หลักประกันที่ 1. คือ จะไม่ทำชั่วเลยไม่ว่าจะเป็นชั่วในสมมุติ สมมุติโลกยุคไหนก็ตามที่เขาสมมุติกันว่าอย่างนี้ดีอย่างนี้ชั่ว ก็จะทำดีไม่ทำชั่ว ตามที่เขาหลงใหลกันได้ ทุกกาละเทศะ จะอยู่อย่างนั้นตลอดกาลนาน นี่เป็นหลักประกันเลย จะเกิดอีกกี่ชาติก็ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีอย่างเดียว 

2. รู้จักจิตนิยามอย่างแท้จริง แล้วทำให้จิตนิยามนี้สลาย หมดตัวตนอย่างที่กล่าวไปแล้วอธิบายไปแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุจิตของตัวเองให้เป็นดินน้ำไฟลมไปได้สูงสุด หรือจะอยู่ก็อยู่อย่างได้เป็นอมตะ ไม่ทำชั่วทำแต่ดี และไม่ทุกข์ไม่สุข อยู่ไปแล้วก็ช่วยมนุษยชาติให้เป็นอย่างนี้ สูงสุด คือ หมดทุกข์หมดสุข ดีชั่วก็มีแต่ดีถ่ายเดียว เป็นคนประเสริฐค้างฟ้าเลย เป็นดาวค้างฟ้าและจะอยู่ก็อยู่อย่างเจริญจนสูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งประกาศศาสนาแล้วก็ ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนจะเป็นพระพุทธเจ้าสมัย 2 เป็นพระพุทธเจ้าสมัยเดียวแล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปทุกพระองค์ ทุกคนสูงสุดที่จุดนี้ จิตนิยามของมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมราย การพุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:03:06 )

จิตนิยามเป็นพลังงานเหนือสุด

รายละเอียด

จิตนิยามจึงเหนือที่สุด ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ครบบริบูรณ์ที่สุด สามารถรู้จักอาการของพลังงาน 2 แบบนิวเคลียส เป็นอุตุนิยาม สามารถรู้พลังงาน 2 ที่เป็นพืชยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ สามารถรู้วิญญาณ สามารถรู้จิตที่เป็นจิตนิยาม มีพลังงานที่จะทำให้พลังงานนี้ อาศัยหรือแยกธาตุเป็นอุตุ อาศัยเป็นพืชหรือแยกธาตุเป็นอุตุทำได้ ปัญญา ปัญญาปันสุข ทำได้ เขาก็ทำได้ทุกอันเพราะเขารู้ว่าต้องให้อันนี้แก่เขา เป็นจิตวิทยาของเขาที่จะช่วยคน เขาก็ทำช่วยคนเขาก็ไม่ผิดหรอก เป็นจิตวิทยาที่ทำให้เกิดการสร้างสรร เขาชื่อปัญญา นิรันดร์กุล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:38:19 )

จิตนิยามในความเป็นคน

รายละเอียด

ความเป็นคน เป็นจิตนิยาม มันเรียก 1 ไม่ได้ ถ้าทำตัวเป็น1 อยู่เป็น1 จะไม่เกิดการสังเคราะห์สังขารไม่เกิดประโยชนเกิดทุกข์เกิดโทษอะไรปลอดภัยที่สุด 1 นี่ ถ้ามันไปรุกรานใคร ก็เกิด ถ้าไปรักใครก็เกิด 2 ถ้าไม่ไปรักใครไม่ไปทำร้ายใครมันก็เป็น 1 เป็นตัวของมันอันเดียวไม่เกิดปฏิกิริยาอะไร เพราะฉะนั้นถ้าสิ่งที่เป็นหนึ่ง เป็นจิต เป็นธาตุรู้ที่เป็นอัตตาตัวเรา เราก็จะรู้สึก ในห้วงคิด จินตนาการของเรา มันจะเป็นไปจะบ้าแค่ไหนไม่บ้าแค่ไหนก็ไม่วุ่นวายกับใคร นอกจากมันจะสั่งสม ใส่ในสัญญาความจำ สะสมได้เรื่องดีก็เป็นดี สะสมความคิดไม่ได้เรื่องมันก็เละเทะ เสียพลังงานไม่เข้าท่าเปล่าๆ อะไรไปเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคนที่รู้แล้วก็ไม่เอาไม่คิดฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดไปในเรื่องที่เรารู้ว่าเป็นเรื่องกิเลสก็ไม่เอา คิดแล้วมันก็จะต้อง กรรมเป็นอันทำแม้จะเป็นมโนกรรม ทำให้เกิดความทุกข์ แต่มันไม่บอกคุณ ถ้าหากอาตมาไม่บอกก็ไม่ชัดเจน อาตมาบอกก็จะรู้ขึ้นมาบ้างก็ชัดเจนขึ้น เพราะฉะนั้นคนที่ห้ามความคิดไม่ให้คิด เพราะเขารู้ว่ามันเป็นโทษ เพราะเขาไม่รู้รายละเอียดที่จะทำได้ดียิ่งกว่านั้น เพราะฉะนั้นชาวนักปฏิบัติธรรมสาย บื้อทื่อ ก็เลยหยุดคิด ให้นั่งเฉยๆ บื้อ ใครว่าอะไรก็เฉยๆๆ ทำได้ มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ก็อยู่กับ 1 ตัวเดียว ไม่ตอบโต้อะไรก็สบาย ก็อยู่กับหนึ่งนี้ไม่ตอบโต้อะไร ใครจะอย่างไรก็ตาม มันก็เท่ากับหินก้อนหนึ่ง มันไม่ตอบโต้อะไรใคร แม้แต่พืชมันก็ไม่ตอบโต้ เพราะฉะนั้นธาตุรู้ในระดับพืชก็ยังไม่ตอบโต้ยังไม่เป็นภัยอะไรกับใคร แต่ถ้าเป็นจิต ตอบโต้นะ จิต ตั้งแต่เซลล์เดียวมันก็ตอบโต้มันสู้ได้ มันก็เอาตายเลยนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:30:53 )

จิตนิ่ง จิตไม่มีกิเลส มีมุทุภูตธาตุ ออกทางวจีกรรมกายกรรม

รายละเอียด

จิตต่างหาก นิ่ง จิตไม่มีกิเลส แต่แคล่วคล่องมาก แววไว มีมุทุภูตธาตุ ออกทางวจีกรรม กายกรรมก็เร็วไว ไม่ได้เซื่องเลย สิ่งเหล่านี้มันเป็นความเสื่อมของความรู้ความจริงของศาสนาพุทธที่มันเพี้ยนไป คนละเรื่องกันเลย อาตมานำกลับมาเพื่อยืนยันพิสูจน์ เอาพระไตรปิฎกมาอ่านก็แล้ว ก็ยาก มันเสื่อมไปไกลมาก เดี๋ยวจะต้องพูดความเสี่อมอีกหลายอย่าง 

ถามมาว่าทำอย่างไรจะกระปรี้กระเปร่ากระชุ่มกระชวยเหมือนอย่างอาตมา ก็อยู่ที่ตัวเองนั่นแหละ ทำไมเรากลายเป็นคนเซื่องซึมมันจะถูกหรือ กระชุ่มกระชวยกระปรี้กระเปร่ามันกลับแข็งแรงสดชื่นดีนะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องหลอก ไม่ใช่เรื่องพูดประเล้าประโลมนะ เป็นเรื่องจริง ถ้าไปทำเซื่องซึมมันเดี๋ยวตายไว บอกให้ทราบแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:02:01 )

จิตนิ่งของพระพุทธเจ้า หมายความว่า จิตคล่องแคล่วว่องไว

รายละเอียด

จิตคล่องแคล่ว ว่องไว ปราดเปรียว ใสสะอาดบริสุทธิ์ ถูกต้องดีหมดเลยนี่คือจิตนิ่ง ในนัยยะสำคัญของพระพุทธเจ้าเพราะมันไม่ถูกอะไรกวน มันอิสรเสรี มันบริสุทธิ์ นี่เรียกว่า นิ่ง ภาษาธรรมะยิ่งยอดของพระพุทธเจ้า 

ถ้าไปกดให้จิตมันนิ่งๆ จิตมันเป็นธาตุรู้ ไปกดให้มันหยุดให้มันอยู่เฉยๆ มันก็ผิด ผิดธรรมชาติของจิต เพราะฉะนั้นจิตที่นิ่งของพระพุทธเจ้าจึงเป็นจิตที่มี กายปาคุญญตา และ จิตปาคุญญตา หมายความว่าจิตแคล่วคล่องว่องไว นี่คือจิตนิ่ง

นี่คือการนั่งสมาธิแบบพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ต้องทำแต่แค่นั่งแต่ทำทั้งยืนเดินนั่งนอนทำได้ทั้งนั้นเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:45:05 )

จิตบรรลุแล้วมีแต่เฉยๆกลางๆ

รายละเอียด

คุณต้องอ่านสภาพ กามทีนวะคือเห็นกามเป็นโทษไม่ใช่เห็นกามเป็นคุณ เป็นกามคุณ 5 ก็ต้องพิจารณามันมีโทษ หากรังแต่จะเอร็ดอร่อยเสพติด หากอาการเป็นกามก็เป็นกามภพ ไม่พ้นภพชาติ ต้องอ่านอาการสัมผัสแตะต้องเสียดสี เย็นร้อนอ่อนแข็ง มันเป็นสุขขัลลิกะ เป็นรสอร่อยเก๊เป็นเวทนาเก๊ ไม่จริง จิตที่บรรลุแล้วสัมผัสอย่างไรก็กลางๆไม่มีอาการสุขก็ไม่มีอาการทุกข์ก็ไม่มี อร่อยก็ไม่มี มีแต่เฉยๆกลางๆ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:15:45 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:19:41 )

จิตบริสุทธิ์กับความยิ่งเล็กยิ่งใหญ่

รายละเอียด

อาตมาพูดความจริงเมื่อเวลาเหมาะสมควร ที่ควรจะบอกควรจะพูดก็พูดไปให้คนอื่นเขารู้ว่า มันเป็นไปได้นะ มันดีนะมันยากนะ จิตบริสุทธิ์อย่างนี้ดีนะ บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นไปได้อีกเรื่อย ปริโยทาตา รวมลงเป็นจิต มุทุภูตธาตุ จิต มีความสามารถสั่งสมไว้ในตนเองแล้วเอาออกมาทำการงาน กัมมนิเย กัมมัญญา ทำได้อย่างมีคุณภาพประเสริฐเลย แต่จิตก็ยังทรงสภาพเป็นจิตมหัศจรรย์ไม่บกพร่อง เหมือนกับ ความมหัศจรรย์ 8 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปหาราทสูตร ซึ่งยิ่งใหญ่มากในมนุษยชาติ 

อย่างชาวอโศกเรานี้มีความยิ่งใหญ่ แต่คนก็ไม่รู้ว่ายิ่งใหญ่ เพราะเรายิ่งเล็ก คนที่ยิ่งเล็กนี้ยิ่งใหญ่ เหมือนพูดเล่นลิ้นแต่ไม่ใช่ มันเป็นสภาวธรรมที่วิเศษจริงยิ่งใหญ่มี 2 ใน 1 มี 1 ใน 2 ยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:15:16 )

จิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส

รายละเอียด

จิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส คือ เมื่อกระทบสัมผัสอยู่ก็จิตสะอาด จิตเก่งยิ่งขึ้น  เป็นจิตมุทุเป็นจิตที่ละเอียดมาก แววไว เร็วทั้งจิตให้เป็นอย่างไร  ก็ปรับได้ด้วยตัวเองรู้ทันก็เร็วไว ประสิทธิภาพของมุทุภูตธาตุ จึงกัมมัญญา  องค์ประกอบ 5ประการของอุเบกขา จึงมีอัญญาประกอบกับกรรมทุกรรม มีปัญญา สุดยอด เป็นความฉลาดโลกุตระควบคุม แปล กัมมัญญา ว่า ทำการงานอันเหมาะควร ทำความรู้ด้วยปัญญา ทำจิตเจโตได้จริง กายกรรม  วจีกรรม ก็ปาสาทิโก อาการน่าเลื่อมใส

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 17:08:05 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:20:12 )

จิตบริสุทธิ์เป็นผลจากการปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

อาตมาขออธิบายขยายความอีกทีว่า สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นจริงแล้วอาตมาเพิ่งได้คิดว่าสมาธิจริงๆของพระพุทธเจ้านั้นจะต้องปฏิบัติจรณะ 15 และวิชชา 8 ครบจึงจะได้จิตที่เป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นจิตใจที่เกิดเป็นผลจากจรณะ 15 วิชา 8 เป็นจิตที่บริสุทธิ์ มีความก้าวหน้ามากขึ้นในการสัมผัสสัมพันธ์กับโลกได้ก็บริสุทธิ์เหมือนเก่า แต่สามารถมีวิธีมากขึ้นในการรับสัมผัส ในสิ่งที่จะทำให้เราไม่บริสุทธิ์ทำไม่ได้ อสังหิรัง ไม่มีอะไรหักล้างได้ อวินิปาตธรรมไม่แปรปรวน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 09:54:56 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:53 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:20:34 )

จิตบริสุทธิ์เป็นอย่างไร

รายละเอียด

จิตบริสุทธิ์เป็นอย่างนี้ก็ทำการสัมผัสสัมพันธ์กับคนต่างๆ เราก็เกิดอาการอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้ยังไม่เก่งยังรับลูกไม่เป็น เจอคนนี้ก็เกิดจิตไม่สงบไม่บริสุทธิ์เกิดกิเลส ดีไม่ดี นึกว่าเราดีแล้ว เจอคนนี้ซัดเข้าไป แรงเลย เรารู้สึกแรงวูบวาบของเราเองเรา อย่างต่ำนะนึกว่าเราเก่ง เก่งแล้วสัมผัสอย่างไรก็ได้ไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ไปนั่งหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ไม่สัมผัสอะไร อันนั้นอาตมาว่า พวกดักดานไปอีกนาน มันไม่ใช่ อย่างนั้นมันไม่มีทางรู้กิเลสและไม่มีทางเข้าใจไม่มีทางเกิดปัญญาที่จะรู้ทันว่า กระทบสัมผัสอย่างนี้ อย่างนี้เป็นกิเลส คนนี้มันมามุมนี้มิตินี้เหลี่ยมนี้ มานัยยะลึกซึ้งแบบนี้ แต่เราก็สะดุด มามุมนี้เราเจอเข้าแรง แสดงว่าเรานี้ไม่เก่งเลย อย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องรู้ความจริงพวกนี้เกิดจากการกระทบสัมผัส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:27:53 )

จิตปฏิสังเวที

รายละเอียด

รู้จิตของเราเองอยู่เสมอ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 42


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:34 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:20:05 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:20:50 )

จิตพระอรหันต์ มีองค์คุณ 5 นี้ตลอดเวลา

รายละเอียด

จิตพระอรหันต์ มีองค์คุณ 5 นี้ตลอดเวลา คือ ตกผลึกเป็น สมาหิโต สมาธิจึงไม่ได้มีง่ายๆ เลย แปลเป็นไทยว่า จิตตั้งมั่น จิตได้ชำระกิเลส จนกระทั่งปฏิบัติ เวทนา 108 ทุกปัจจุบัน 36 สั่งสม
อเนญชาภิสังขาร กิเลส 0 (ศูนย์) อนาคตจะมาอีกกี่อนาคต 36  เสร็จทุกปัจจุบันทำให้เป็น 0 (ศูนย์) หมด อดีตก็ 0 (ศูนย์) ปัจจุบันก็ 0 (ศูนย์) อนาคตก็ 0 (ศูนย์) พ้นอวิชชาข้อที่ 7

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 17:13:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:23 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:21:30 )

จิตฟุ้งซ่านกับคำเพ้อเจ้อ

รายละเอียด

มันเป็นอกุศลที่จิต แล้วมันก็ได้ แต่อกุศลจิตที่เข้าใจว่าเป็นเราเท่านั้น ผมขออภิปราย ถ้าเราพวกเราถือว่าหยาบแล้ว แต่ทางอภิธรรม เขาว่า แต่เกิดในจิตก็เถือว่าเพ้อเจ้อแล้ว คำว่าเพ้อเจ้อนี้เป็นคำที่มาใช้กับความหยาบภายนอก ส่วนพวกอภิธรรมก็บอกให้ไปเรียนเสียใหม่ คำที่แบบนั้นเขาเรียกว่าคำฟุ้งซ่านหรือคำว่าจริตภาษาบาลีเรียกว่า จิตตัปเขปะ แปลว่า ความฟุ้งซ่านแห่งจิต หรือเรียกว่าวิกลจริต จิตมันฟุ้งซ่านคิดพิกลพิการไป เพราะเป็นจิตของตัวเองปั้นอากาศเป็นตัวปั้นน้ำเป็นตัวไป ไปยืนยันกับรูปรสกลิ่นเสียงกับวัตถุอะไรไม่ได้เลย บางทีปั้นไป เหมือนพวกช่องส่องผีก็ใช่  พวกออกไปนอกโลกมันก็วาดภพวาดภาพนอกโลกพวก Star Wars ไม่มีตัวแบบนั้นแบบนี้ต่างๆนานาสารพัด ช่างมาดูเสียเงินเสียทองกันสนุกสนานพวก Star Wars ตัวประหลาดๆ บ้าๆบอๆ ฟุ้งซ่านไปได้เรื่อยๆ ส่องผีก็เหมือนกัน ฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆมันก็ไปเรื่อยๆนี่คือพวก จิตตัปเขปะ คือพวกความฟุ้งซ่านแห่งจิต หรือจิตวิกลจริต นี่คือวิกลจริตในจิตเท่านั้นใช่ เป็นมิจฉาวาจาเป็นทุจริตวาจาเป็นความเพ้อเจ้อ เพ้อเจ้อภาษาบาลีเรียกว่า สัมผับปลาปะ แต่นี่ไม่ใช่มันเป็น จิตตัปเขปะ คือ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ก็ไม่เป็นไร ก็น่าสงสารคนที่เข้าใจไม่ได้ก็ยึดติดไปก็ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:54:03 )

จิตฟุ้งซ่านจะดับโดยอัตโนมัติเมื่อมีสติ

รายละเอียด

จากคำถามสมณะโพธิรักษ์ ตอบว่า อาจารย์ทางฝ่าย สมถะชอบพูดอย่างนี้  ไม่จริงหรอก คุณต้องฝึกทั้งนั้น  ความฟุ้งซ่านสำหรับคนที่ไม่ได้ฝึกฝนมา จะรู้มัน ก็ยังอยู่อย่างนั้น อิทธิฤทธิ์ของสติ  พลังงานสติของคุณ มีความสามารถ  มีอิทธิฤทธิ์  อิทธิฤทธิ์ ก็แปลว่า  ความเก่ง ความสามารถ  จะเก่งได้ต้องฝึกมัน หากฝึก ศึกษา สั่งสม ปฏิบัติ จนกว่าสติจะมีฤทธิ์ อำนาจขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเอามาพูดเฉยๆ  มันจะมี  ผู้ที่มีสติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:34:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:37 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:22:00 )

จิตภาวนา

รายละเอียด

การเกิดผลทางจิต

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 99


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:28 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:20:41 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:22:15 )

จิตมีคุณสมบัติหมดสุข หมดทุกข์

รายละเอียด

มีปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมปัญญา ปภัสสรา

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:22:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:36 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:22:35 )

จิตมีปัญญากับเจโต

รายละเอียด

คือ ธาตุปัญญา ปรับมาให้จิตเราลดกิเลสตัวตนน้อยลง  ลดลงเพราะว่าปัญญาให้ประพฤติ ปัญญาพาอบรมฝึกฝน  เมื่อคนเป็นจริงทั้งเจโตและปัญญา เรียกอุภโตภาควิมุติ จิตก็เป็นจิตที่ 0 ไม่ยืดถือ  ไม่สะสมได้  ปัญญาก็รู้ว่าสะสมนี่แหละดี  ชัดเจน  มันเป็นปัญญาที่ไม่เฉโก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:35:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:58 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:23:00 )

จิตมุทุ เป็นอย่างไร

รายละเอียด

นึกออกไหม ในหมวด วิการรูป มี ลหุตา มุทุตา กัมมัญญา ปภัสรา จิตมันทำให้เบาได้สบายมันเบามันว่างมันง่าย มุทุตา… พวกเราคงจะเข้าใจขึ้น แต่คนข้างนอกที่เขาเรียนกัน อาตมาว่าเขาไม่เข้าใจเรื่อง มุทุตา มุทุจิต จิตที่ มีลักษณะทั้ง static และ Dynamic มีทั้งสภาพของศรัทธาและปัญญา มีทั้งสภาพของ เจโตและปัญญา ทั้ง 2 สภาพในจิตนี้ สะอาดจากกิเลส เป็นอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา 

เพราะฉะนั้น จิตมุทุ คือจิตที่สำเร็จผลบริสุทธิ์ สำเร็จ ปริสุทธา ปริโยทาตา สั่งสมเป็น มุทุภูตธาตุ ธาตุจิตที่สมบูรณ์ จิตนี้จะเป็นกัมมัญญา ทำงานได้อย่างเหมาะควรได้อย่างดี ได้อย่างไม่มีพิษมีภัยได้อย่างสูงสุด ทำงานไปอย่างไร จิตก็ประภัสสรตลอดกาลนาน ก็ทำให้เจริญขึ้นเรื่อย ปริสุทธาปริโยทาตา ปรับจูน มุทุกัมมัญญา ให้ได้ตาม กาละ เทศะ ฐานะ กาละคือเวลา เทศะคือภูมิประเทศ สถานที่ ฐานะคือที่เกี่ยวข้องกับคนต่างๆ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 19:01:56 )

จิตมุทุของคนที่ไม่ดีเป็นไฉน

รายละเอียด

มุทุภูตธาตุ เป็นคุณสมบัติของแกนจิต ถ้าคนที่ไม่ดี จิตมุทุ จะเป็นแกนแข็งกระด้าง ตีแตกยาก ยึดมั่นถือมั่นหนัก ดื้อดึง แน่น หนา กิเลสมันผูกตัว มัดตัว ผูกมัด เรียกว่าสังโยชน์ รัดรึงแน่น โง่ ไม่รู้ทันไม่รู้ง่าย เด๋อๆ อยู่อย่างนั้น โง่ดีดดิ้น โง่ซับซ้อน โง่ที่มันยิ่งซน ยิ่งดื้อด้านต่อต้าน ดื้อตาใส อาตมาใช้คำว่า โด้ง่าน 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:19:31 )

จิตมุทุมี 2 นัย

รายละเอียด

สมาธิโลกีย์ก็ทื่อๆ ไม่ไว แต่สมาธิโลกุตระมีมุทุ มีสองนัยคือทั้งรู้เร็วและปรับได้เร็ว คือเปลี่ยนแปลงได้เร็วไว จากเลวมาดี หรือรู้ได้เร็วด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน คู่หูของสุขกับทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:33:19 )

จิตรวมคือวิธีจับจิต ดูมันทำงานคิดได้อย่างไร ก็จับมันได้

รายละเอียด

ก็ดี ถามมา ก็ต้องหาวิธีอ่านจิตตนเสมอ จิตมันฟุ้งกระจาย ก็จับมาให้ติด ดูมันทำงาน คิดอย่างไรก็จับได้เรียกว่าจิตรวมอยู่ ฝ่ายนั่งหลับตาสมาธิ ไปสะกดจิตให้แข็งแน่น จะคิดต้องค่อยคลาย มันไม่เป็นธรรมชาติ ไปสะกดจิตให้มันแข็ง ก็หมายถึงจิตที่เป็นโลกียะ แต่ของพุทธนั้นจิตไม่รวมหรอกแต่จะอยู่อย่างที่มันเป็นแล้วทำงานตามสถานะ ชัดเจนเมื่อสัมผัสจะเอาจิตแบบไหนไปใช้อย่างไร เป็นคนจัดการกับจิตของเราได้ให้ได้สัดส่วน ไม่จำเป็นจะต้องรวมไม่จำเป็นจะต้องกระจายทั้งไม่รวมและไม่กระจาย เขาคิดในมิติของเขาที่เขาได้ทํามันก็ได้อย่างของเขาเท่านั้น แต่ของพุทธมันเป็นสามัญของจิต ถ้าอย่างนั้นมันก็จะไม่เป็นสามัญหรอกมันต้องสะกดจิตไป จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ตามวิธีของโลกีย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:03:21 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:45 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 07:23:22 )

จิตลักขณรูป 4

รายละเอียด

เป็นตัวจบของจิต ผู้ที่เป็นอรหันต์นี้จะรู้จักลักษณะทั้ง 4 นี้ คือ

1.อุปจยะ

2.สันตติ

3.ชรตา

4.อนิจจตา 

อุปจยะ คือ จิตเกิด พระอรหันต์จะรู้จักอย่างดี ท่านจะทำให้เกิดอย่างควบคุมได้ ไม่ให้เกิด ไม่ให้ต่อความเกิดสันตติ สันตติ คือ การสืบต่อ ให้มันเกิด ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ การสืบต่อที่จะไม่เจริญ เป็นอกุศลสืบต่อ คุณต้องตัดตัวนี้ก่อน แต่ลักขณรูปที่สมบูรณ์แล้ว จะให้เกิดก็ได้ จะให้ต่อหรือถ้าไม่ต่อก็ได้ พระอรหันต์ จะทำให้เกิดแต่จิตที่ดี หรือจิตที่ไม่มีบาป แต่ถ้ายังมีบาปอยู่คุณก็ต้องกำจัดทำบุญคือกำจัดกิเลส ก็ต้องเอาพลังงานมาทำ ฌาน ทำสำเร็จเรียกว่าได้เป็นพลังงานบุญของเรา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช เวทนาดอกเดียวปลิดวิญญาณ ตอน1 วันศุกร์ที่ 31มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:00:13 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:05:13 )

จิตลักขณรูป 4

รายละเอียด

เป็นตัวจบของจิต ผู้ที่เป็นอรหันต์นี้จะรู้จักลักษณะทั้ง 4 นี้ คือ 1.อุปจยะ

2.สันตติ

3.ชรตา

4.อนิจจตา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:59:56 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:44 )

จิตวิจาร

รายละเอียด

จิตมีพฤติ (จิตวิจาร)นั้น หมายถึง ภาวะของการเคลื่อนไหว การเป็น การดำเนินไป ที่จิตมันมีพฤติ จิตมันมีกริยาอยู่ ซึ่งเป็น "พฤติ" ของจิต เป็น "อาการ" ให้เราเห็นได้ รู้ภาวะจริงนี้ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย "กาย" กับ "วจี" ภายนอกอยู่ตลอดเวลา

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 21


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:14:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:14:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:07:55 )

จิตวิญญาณ

รายละเอียด

นี้ยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งจริง

แต่ผู้มี“ปัญญา”จะไม่หลงยึดว่าเป็น“ตัวเรา”

หรือเราเท่านั้นที่“รู้”เป็นหนึ่ง  หลงตนว่าใหญ่สุด

ผู้มี“ความรู้”ทาง“พยัญชนะ”ในความเป็น“ธรรมะ 2” แต่ไม่สามารถมี“ปัญญา”หยั่งรู้เข้าไปถึงความเป็น“จิตวิญญาณ”จริงๆได้ ก็เพราะ“เทฺว”หรือ“ธรรมะ2”นี้แหละ ที่บรรดา“เทฺวนิยม”ทั้งหลาย“ตีไม่แตก-แยกไม่ออก” ก็เลยต้องจำนนอยู่กับ“ความเป็นเทฺว”ที่จับตัวเป็น“ก้อนเดียว”ที่ได้แค่“ก้อนรูปธรรม” หรือมีแต่“พยัญชนะ” มีแต่“ภาษา-บัญญัติ”เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:36:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:11:18 )

จิตวิญญาณ

รายละเอียด

อาตมาก็มายืนยันว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา ผู้นี้ ผู้ใดล่ะที่มีธาตุองค์รวมต่างๆยืนยันแสดงได้ว่าเป็น สยังอภิญญาผู้นี้ก็ไม่เห็นมีใครกล้ายืนยันนอกจากอาตมา แล้วอาตมายืนยันว่าต้องการอวดหรือไม่ อาตมาก็บอกว่าอาตมาอ่านใจตัวเองเป็น อาตมาไม่มีใจที่เป็นสาเฐยจิตตัวนี้ ที่ต้องการอวดโชว์ ยืนยันความจริง แต่ขนาดยืนยันความจริงด้วยความซื่อสัตย์จริงใจป่านฉะนี้เขายังไม่เชื่ออาตมาง่ายๆ ก็ดี ไม่เชื่อง่ายนั้นดีอยู่ แต่ไม่เชื่อเลยนั่นสิ อาตมาก็ว่าเสียประโยชน์นะ ก็คงต้องใช้ภูมิปัญญาของแต่ละคนเห็นดีเห็นงามอะไรก็เอาอันนั้นไม่ต้องมาโชว์ตัวไม่ต้องบอกว่าเห็นดีกับอาตมา จะมาบอกว่าเป็นลูกศิษย์อาตมาก็ไม่ต้องไม่มีปัญหาหรอกอาตมาไม่ได้เดือดร้อนอะไร มีอิสรเสรีภาพ 100% ไม่มีอะไรเรียกร้อง เรียกร้องผู้ที่ได้แล้วไม่มานี่สิ ผู้ที่ไม่ได้นั้นไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ที่ได้แล้วไม่มานี่สิซับซ้อน ที่จริงไม่ได้เรียกไปบังคับอะไรเป็นแต่เพียง เปรยปราย ว่ามานะ ดีไม่ดีก็แต่งเพลง มีศิลปะให้ฟัง อย่างมีมารยาทสุภาพเรียบร้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:42:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:38 )

จิตวิญญาณ ธาตุรู้ เป็นตัวสำคัญ

รายละเอียด

ทำไมมันเป็นตัวอย่างอัน ประเทศไทยยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนไทยที่เป็นตัวอย่างตรงกันข้ามกันกับทักษิณที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ในขณะนี้ ขณะนี้เป็นรูปธรรมที่เป็นบทบาทแท้จริงก็คือ นายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในพฤติกรรมมนุษย์ของประเทศไทย และกระจายไปให้แก่คนในโลกได้สัมผัสได้เรียนรู้ 

ส่วนโพธิรักษ์ ทางฝ่ายนามธรรม ทางฝ่ายธรรมะ คนยังรู้ยาก ยังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่มีปัญหา เพราะรู้อยู่ว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น ไม่เป็นไร ในหลวงท่านก็ทำทางรูปธรรม ท่านประยุทธ์ก็ทำทางรูปธรรม ก็เป็นไป นี่เป็นตัวอย่างในประเทศไทย เป็นของจริง เป็นปรากฏการณ์จริงของโลก ในสังคมมนุษยชาติ ก็ค่อยๆ เป็นไป 

เพราะฉะนั้นการพัฒนามนุษยชาติในโลก เกิดขึ้น ที่อาตมาค่อยๆ อธิบายมา เปรียบเทียบอธิบายขยายความสาธยายให้ค่อยๆ เข้าใจ ตั้งแต่อินเดียกับจีน แล้วก็ไทย แล้วก็ไปหาสหรัฐ ไปหาเกาหลีเหนือ อะไรต่ออะไรต่างๆ นานา ฟังดีๆ เถอะ มันซับซ้อนลึกซึ้ง เกิดจากจิตวิญญาณเป็นตัวยิ่งใหญ่ จิตวิญญาณ ธาตุรู้ เป็นตัวสำคัญ เป็นประธานสิ่งทั้งปวง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 11:42:13 )

จิตวิญญาณ เป็นประธานสิ่งทั้งปวง

รายละเอียด

ที่เรียกว่าสิ่งทั้งปวงเพราะเราเป็นเจ้าของมันเลยตอนนี้ โดยเรียกว่าเป็นเจ้าของอัตตาเป็นเจ้าของตัวเราเอง ตัวเองจะมีชีวิตอยู่ มีกรรม มีบทบาทสร้างสรรหรือทำลาย ก็รู้ว่าจะทำลายก็ทำลายแต่กิเลส ไม่ทำลายอันอื่นเลยพระพุทธเจ้า ทำลายแต่กิเลส กิเลสหมดแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามยถากรรมหรือเปล่า  เราจะอยู่ก็ควบคุมพลังงานทำให้สร้างแต่ดีๆๆ ทำแต่ดีและสูงสุดสามารถแยกธาตุ 2 ตัวนี้ ให้สลายไปเป็นจิตนิยามให้เป็นอยู่อย่าง พีชนิยามจนแยกเป็นอุตุนิยามได้ เพราะฉะนั้นจึงสามารถจะเกิดและตายเป็นอมตบุคคล จะตายแล้วยังไม่ยอมแยกสลายเป็นอุตุธาตุ เลิกไปเลยหรือจะตายแล้วยังจะเป็น พีช ธาตุ ที่มีจิตวิญญาณคอยควบคุมส่วน พีชะ ไม่มีพลังงานระดับจิตนิยาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:36:54 )

จิตวิญญาณ เป็นพลังงานนามธรรม

รายละเอียด

ทีนี้ความรู้ทางเรื่องของจิตวิญญาณ เป็นพลังงานนามธรรม พระพุทธเจ้าตรัสรู้มา ทุกวันนี้ 2,500 กว่าปี นักวิทยาศาสตร์ของโลก ก็ยังไปไม่เท่าไหร่ แต่พวกเราชาวอโศก เรียนรู้ตามอาตมา อาตมาเป็นผู้ที่ตามพระพุทธเจ้ามาติดๆ ติดมาจนกระทั่งถึงในยุคนี้พระพุทธเจ้าไม่เหมาะสมจะเกิดก็ให้อาตมาเกิดมาสู้หน้ากับผีมารทั้งหลายแหล่ หนักหนาสาหัส แต่ก็สู้ ไม่มีถอย สู้ มันยิ่งสู้มันยิ่งดี นักสู้ สู้อย่างมีปัญญา อย่าไปสู้อย่างพวกนักกวนนักเกเร สู้อย่างคนเกเร อย่างคนอันธพาล ไม่ได้เรื่อง ต้องสู้อย่างผู้ดี เยี่ยมยอดมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:18:49 )

จิตวิญญาณ 

รายละเอียด

จิตวิญญาณ  คือ ธาตุรู้  เป็นนามธรรม ว่ามันไปยึด ยิ่งยึดข้างนอกเลย  ยึดรูปธรรม ดิน น้ำ ไฟ ลม ร่างกายมาเป็นเรา  ต้องเรียนรู้เสียก่อนว่า มันไม่ใช่จึงแยกอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ให้ได้  หากแยกไม่ได้  ไม่มีทางเป็นพระอรหันต์  แยกกายแยกจิตที่เป็นมูลกรรมฐาน 5

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:42:06 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:17:46 )

จิตวิญญาณของคนที่ยึดร่างเมื่อตายแล้วไม่เน่าเปื่อยเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

เรื่องนี้ซับซ้อนลึกซึ้ง ตั้งใจฟังดีๆ จิตวิญญาณของคน เอาหยาบๆ ก่อน ปกติสามัญเลย คนที่ยังอวิชชา เมื่อตัวเองตาย สิ้นลม ขาดลมหายใจลง เป็นปกติสามัญตื้นๆ ของคนทั่วไป พอตายลงปั๊บ จิตวิญญาณเขาจะไม่มีในร่าง จะออกจากร่างไป จิตวิญญาณหรือจิตนิยามนั้นจะออกจากร่างไปเต็มรูปเลย ก็เหลือร่างที่เป็นซากศพ แล้วซากศพนั้นเมื่อไม่มีพลังงานใดเลยของจิตนิยามเหลืออยู่ที่ซากศพ ซากศพนั้นก็จะเน่า หรือแม้ว่าซากศพนั้น มันไม่มีความชื้นไม่มีน้ำ มันไม่มีอะไรมาก มันก็จะทำปฏิกิริยาเน่าช้า เน่าช้าจนกระทั่งบางทีไม่รู้สึกว่ามันเน่า มันจะค่อยๆ แห้งลง แห้งลง แห้งลง ใช้เวลา 

ทีนี้ คนที่มีมิจฉาทิฏฐิ ว่านี่คือร่างของเรา ตายลง จิตวิญญาณควรออกจากร่าง แต่ไม่ออกยึดร่างเป็นของเรา คนๆ นี้ส่วนมาก จะยึดร่างของตนเองได้นั้น ก็คือคนที่ศึกษาเรียนรู้ คนไม่ศึกษาเรียนรู้ยึดร่างตัวเองไม่เป็น แต่คนที่มิจฉาทิฏฐินั้นจะศึกษาเรียนรู้สร้างความยึดสายหลับตายึดเก่ง ทำให้จิตวิญญาณเป็นความแน่นแข็ง ติดอยู่กับจิตวิญญาณได้เก่ง ก็จึงตายแล้วยึด เพราะฉะนั้นสายหลับตา สายเจโต พวกนี้จึงมีร่างของอาจารย์ที่ไม่เน่าเยอะ ฟังแล้ว แล้วไอ้การยึดร่างไม่เน่านี่ สัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ ... มิจฉาทิฏฐิ แต่เขาไปหลงว่าสัมมาทิฏฐิว่า นี่แหละวิเศษ นี่แหละประเสริฐ ว่ายอดว่าเก่ง เอาใส่โลงแก้ว เอาไว้กราบไหว้เคารพนับถือก็ยังมีอยู่เยอะ 

แต่แท้จริงทุกอย่างแล้วเมื่อมันได้ทุกอย่างลงตัวได้สัดส่วนพอเหมาะก็ต้องตาย ร่างกายตายก็คือตาย เช่น คนที่ไม่เข้าใจ คนที่ยังยึดร่างตัวเอง แล้วก็ไม่ยอมออกจากร่าง เมื่อไม่ยอมออกจากร่าง ยึดร่างตัวเองอยู่ ทั้งๆ ที่เป็นมนุษย์พืชแล้ว ข้างนอกไม่รับรู้สึกแล้ว ไม่มีกายแล้ว ไม่มีกายคือ ไม่มีเวทนา ไม่รับรู้สึกเลย จิต อยู่ในจิตเท่านั้นเป็นจิตระดับ พีชนิยาม เหมือนพืช แล้วทางหมอก็เรียก มนุษย์พืช ถ้ามนุษย์พืชนี้จะไม่มีเวทนา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีจิตนิยามเป็นตัวตนแล้ว เป็นพืชแล้ว เพราะฉะนั้นเราฆ่าพืชเราจะบาปไหม?... ไม่บาป

จะตีความเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่มันต้องมีนัยยะสำคัญต่างกัน อันนี้เรากำลังพูดถึงสรีระ มันจะเน่าหรือไม่เน่า แต่อันนั้นมันยึดถือนามธรรมก็เป็นเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง เป็นกาม เขาก็ยึดเป็นเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ตายแล้วต้องไม่พรากจากกัน จะต้องยึดเป็นเราอยู่นั่นแหละ ผูกพันกันต่อไปนั่นคือเมถุนสังโยค อันนี้กำลังอธิบายรูป อันนั้นมันเป็นนามธรรม ที่ยึดอยู่ ไม่พรากไม่จากกันไป ทั้งๆ ที่ควรจะพรากแล้วแต่ไม่พราก เพราะฉะนั้นเหตุปัจจัยที่กำลังอธิบายนี้เมื่อไม่พราก แล้ว มันจะมีดินน้ำไฟลมที่สังเคราะห์กันมากหรือไม่มาก แบคทีเรียเยอะหรือไม่เยอะ เมื่อมันไม่เยอะ มันก็ดูไม่เน่ามันก็เหมือนทำเนื้อตากแห้ง เนื้อย่างอะไรไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เน่า มันก็ทำปฏิกิริยากันอย่างไม่ดุเดือดไม่เน่าฉุฉะอะไร 

มันละเอียดลอออย่างนี้ คนที่ศึกษาผิดก็ไปยึดถือผิดๆ อย่างที่อธิบายไปแล้วสรุปแล้ว ว่า มันไม่ได้หมายความถึงความเก่งกาจเก่งกล้ามีความวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ มันไม่มีหรอก แต่ก็งมงาย มีกันอยู่ทั่วไป ในศาสนาอื่นๆ จะมีหรือไม่มีจะโง่เหมือนศาสนาพุทธที่ยึดถือกันอย่างนี้หรือเปล่า จีนนี่ ยึดถืออันนี้กันอีกเยอะ ไทยก็ไม่เบาไม่น้อยกว่าเขา ยึดที่มิจฉาทิฏฐิอยู่ ก็พอรู้กันว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ไม่ควร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566 วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 14:43:40 )

จิตวิญญาณของผู้อวิชชาทำสิ่งไม่มีให้มีจนลงในอุปาทาน

รายละเอียด

จิตวิญญาณแท้ของคนผู้นี้อวิชชา ไม่ได้มีฤทธิ์มีเดชมีอำนาจอะไรเลย แต่ จะบอกว่าเกิดฤทธิ์เดชเกิดอำนาจเป็นอุปาทานทั้งนั้น ก็จะขยายอุปาทานไปเอง สิ่งที่ไม่มีก็ทำให้มีจนกระทั่งลงในอุปาทาน และอุปาทานนี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุดทุกวันนี้ คือ ยึดติดสิ่งที่ไม่มีว่า มี ก็ขอ อธิบายตัวอย่างของสิ่งที่ไม่มี แต่คุณไปยึดว่า มี ตัวอย่างเดียว    

ขออธิบายแต่แค่ว่า เช่น รสอร่อย มันไม่มีแต่คุณไปอุปาทานว่ามันมี คุณก็มี ที่เขาให้ มีจริงๆ ก็มันมีมันอร่อยอยู่ทุกคำที่ไปแตะลิ้นใส่ปากก็อร่อย หรือสนุก ดูทีไรก็สนุกอยู่นี่แหละ สนุกๆ อยู่นี่แหละ มันไม่มีหรอก แต่อารมณ์ความยึดติดปรุงแต่งแบบนี้อย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นรสอร่อยทางลิ้น ไม่ว่าจะเป็นรสสนุกทางตากระทบรูป หูกระทบเสียง ข้างนอกนี้ก็ตาม คุณก็ไปยึดว่ามันมี มันก็มีแต่สิ่งกระทบเท่านั้น พ่อครูเคาะจอกน้ำ ว่า เฮ้ย! สุขไหม มันไม่มี เพราะมันเป็นพืช หรือเอาพืชมากระทบกันก็ได้ ต่อให้พืชที่มันอยู่บนต้นอยู่เลย มันยังไม่ตายมันยังเป็นชีวะอยู่เลย 

อันนี้มันตายแล้ว ต่อให้เอาสิ่งที่มันมีชีวิตอยู่เลยเป็นพืชเอามากระทบสัมผัสมันก็ไม่รู้สึก เมื่อกระทบแล้วจิตปรุงแต่งและยึดถือมันก็มี แต่แท้จริงมันไม่มี แต่คุณไปอุปาทานว่ามันมี แต่ มันไม่มีเฉยๆ มันมีแค่รู้สึก มันมีแค่เจ็บ แต่คุณไปปรุงว่า เจ็บนี่แหละมันดี โดยเฉพาะพวกมาโซคิสม์ ตัวเองเจ็บปวดนี้ โอ้โห…มันอร่อย ถ้าซาดิสม์ก็คือคนอื่นเจ็บ เช่นเราดูการตีกันของคนอื่นแล้วเจ็บนี่แหละมันส์ดี 

คนดูเขาแทงกัน ฆ่ากัน ฆ่าฟันกัน สมัยโบราณแทงกันด้วยอาวุธของอัศวิน ผู้ที่ฆ่าได้ชนะก็เก่งยอด เดี๋ยวนี้ก็เหลือมวย ชกกันเข้าไป โอ้โห…แตกเลย ชกเขาหมัดนี้ เลือดทะลักออกมาเลย โอ้โห สุดยอด เชียร์ฝ่ายไหนก็ยอดฝ่ายนั้น อำมหิตจริงๆ พวกซาดิสม์ แต่ให้ตัวเองเจ็บอย่างนั้นถ้าหากไม่ใช่มาโซคิสม์ไม่เอาหรอก ตัวเองไม่เอา แต่พวกมาโซคิสม์บอกว่ามันเจ็บที่ตัวเองนี่แหละ มันส์ดี อร่อยดี พวกนี้จะมีความสุขกับการได้มีใครทำให้เราเจ็บปวดได้ ก็มีความสุข พวกนี้รุนแรงมาก แก้ไขยาก แก้ไขลำบาก

สรุปแล้วคุณฉลวย อาตมาตอบคำถามจบแล้วและอธิบายต่อเท่านั้น ว่า คุณถอนทิ้งก็จบไปแล้ว มันไม่มีกายอะไรแล้ว ถ้าคุณไปยึดถือว่า ฟันซี่นั้นเป็นของคุณ โอ้ย เอาของฉันไปไหน คุณก็เป็นทุกข์ ว่าเป็นของของตน ปัดโธ่เอ๋ยมันขี้ออกไปหลุดออกจากก้นแล้ว ฟัน หลุดออกไปจากเหงือกแล้ว จะเป็นของตนอะไรล่ะ มันขาดชีวิตออกจากตนไปแล้วด้วย ก็พอ สำหรับคุณฉลวยถามมาคำถามนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:09:24 )

จิตวิญญาณของพระอรหันต์

รายละเอียด

จิตวิญญาณที่เป็นพระอรหันต์แล้วจึงจะอยู่ก็ได้ จะนานเป็นนิรันดร เหมือนอย่างพระอวโลกิเตศวร  ท่านตั้งปณิธานจิตว่าจะอยู่รื้อขนสัตว์  จนคนในโลกนี้หลุดพ้นไปหมดแล้ว ท่านจึงจะไปนิพพาน เป็นคนสุดท้าย  เป็นสุดยอดพระปณิธาน  พระอวโลกิเตศวรก็คือ  เป็นธรรมาธิษฐาน ชนิดหนึ่งเท่านั้นแหละ  เป็นพระพุทธเจ้า  แล้วก็ปริโยสถานไปได้สูงสุด  เก่งกว่าพระพุทธเจ้าได้อย่างไร  พระอวโลกิเตศวร ก็เป็นธรรมาธิษฐานกันไว้เท่านั้นเองเป็นธรรมาธิษฐานของพระโพธิสัตว์ที่จะพยายามรื้อขนสัตว์ให้ได้มาก ที่จริงแล้วเป็นเรื่องสุดโต่งแต่ที่จริงเป็นธรรมาธิษฐานเท่านั้น  จะบอกว่าจริงหรือไม่จริง ก็ได้ สำหรับผู้ที่เข้าใจแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:43:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:20:50 )

จิตวิญญาณของพีชะ

รายละเอียด

จิตที่มีจิตครองวิญญาณครอง ทำกรรมแล้วเป็นอันทำ ทำกรรมแล้วเป็นวิบากสั่งสม พืชยังไม่มีจิตวิญญาณครอง ทำกรรม มันทำเป็นตัวมัน มันไม่เกี่ยวกับอันอื่นไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรม เจตนาของพืชมันไม่มีเจตนาไปเกี่ยวกับใคร มันไม่มีความรู้อะไรออกนอกตัวหรือออกไป จะไปแขวะคนอื่นทำร้ายคนอื่นมันไม่มี มันจึงไม่มีกรรมวิบาก จะเรียกมันว่ามันมีความรู้สึกก็ไม่ได้  มันไม่ใช่เวทนา มันก็รู้ในตัวของมัน บักพิหล่ารู้ในตัวของมันเอง บักเหล่น ก็รู้ในตัวของมันเอง บักโม บักกล้วยก็รู้ในตัวของมันเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:15:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:59 )

จิตวิญญาณความเป็นกษัตริย์มีมาแต่ปางบรรพ์

รายละเอียด

ทางจิตวิญญาณนั้น จิตวิญญาณเกิดจิตวิญญาณของตนเอง เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณของพ่อของแม่ ลูกเกิดมาจะเอาจิตวิญญาณของพ่อแม่มาไม่ได้ ไม่มีส่วนได้เลย จิตวิญญาณของตัวเองมาอาศัยสรีระอาศัย DNA ของพ่อแม่เท่านั้นเป็นรูปธรรม จิตวิญญาณแบ่งกันไม่ได้เป็นของตน ตนรับมรดกของตนแบ่งให้ใครไม่ได้ อันนี้ไม่ง่ายที่จะเข้าใจแม้แต่ชาวพุทธ จึงเห็นใจเทวนิยมที่จะไม่เข้าใจกันได้ง่ายๆ คนที่จะไปล้มล้างกษัตริย์จะมีวิบากร้ายวิบากแย่สุดมหามหันต์ เพราะฉะนั้นทางยุโรปทางอเมริกาเขาจะคลั่งไคล้ประธานาธิบดี ประชาธิปไตยขาเดียว ประชาธิปไตยไม่มีกษัตริย์ก็ล้มล้างกันไปเยอะแล้ว ได้ข่าวมาฝรั่งเศสก็อยากจะกลับไปมีกษัตริย์อีกแล้ว แต่ก็ไม่มีแรงอะไรมากมายมันก็คงยากที่จะกลับเอาคืนเป็นระบบกษัตริย์ไปได้อีก เรื่องของกษัตริย์เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อาตมาขอยืนยันว่า ธรรมชาติของความเป็นสัตว์โลก พูดไปแล้วว่าสัตว์เดรัจฉานที่เป็นสัตว์โขลง มันก็มีหัวหน้าแน่นอน และนับถือหัวหน้า ยกย่องเชิดชูคุณธรรมความสามารถ ซึ่งตั้งแต่ใช้เขี้ยวเล็บสู้กับคนอื่นมา แล้วเขาก็ดูแลบริวารได้ ยิ่งสูงขึ้นก็ใช้คุณธรรมไม่ต้องใช้เขี้ยวเล็บใช้ความสามารถทางหอกดาบปืนอาวุธ ไม่ต้องใช้ แต่ใช้คุณธรรม คนที่เสียสละยอมเป็นคนแพ้ได้ ขอให้ได้ประโยชน์แก่ส่วนรวมก็แล้วกันให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนที่ดีที่ถูกต้องที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม พวกนี้เขาจะมาเอาชนะก็ย่อมได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:24:48 )

จิตวิญญาณจะช่วยได้แต่ตอนเป็นๆ

รายละเอียด

ไม่รู้เรื่องญาติ ต่อชีพชีวะ ไปอีกไม่รู้กี่ชาติ หรือเทวนิยมก็เรียนรู้เลอะเทอะกันสับสนผิดๆ ไปเลย ไม่รู้แจ้งว่าจะทำจิตวิญญาณอย่างไร ให้รู้จักว่านี่ ปู่ย่าตายายตอนเป็นๆ ตายไปแล้วคุณไม่ต้องไปพูดเลย ไม่มีใครสามารถที่จะไปช่วยจิตวิญญาณของปู่ย่าตายายหรือพ่อแม่ลูกก็ตาม ช่วยไม่ได้ เพราะจิตวิญญาณของใครเป็นของตนเองช่วยไม่ได้ ช่วยได้แต่เป็นๆ นี่แหละ

ทีนี้ การจะช่วยคนเป็นๆ นี่ ช่วยด้วยการให้อาหาร ให้เงินให้ทอง ให้ข้าวให้ของ ให้อะไร มันยิ่งเป็นตัวตีกลับทำให้คนไม่สามารถที่จะรู้ รู้สึก รู้เรื่องที่ลึกๆ ไม่สามารถรู้เรื่องการเกิดตัณหาอุปาทานการเกิดภพชาติ ไม่รู้ ไม่สามารถที่จะรู้ 

เพราะฉะนั้นจึงอย่าไปประคบประหงมอะไรกันมาก ให้รู้จักความพอดี ให้รู้จักความสมดุล ในการที่จะยังชีพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:46:21 )

จิตวิญญาณจะมีโอปปาติกะตอนไหน

รายละเอียด

คือมีตลอดเวลา หากไม่รู้ธรมะโบกุตระ ก็ปฏิบัติมี โอปปติกะที่เป็นสัตว์นรก เป็นโลกียะตลอด แต่ถ้ามีโลกุตระ  โอปปติกะ ก็จะเกิดเป็น โลกุตระ เป็นนิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:28:33 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:51 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:28:49 )

จิตวิญญาณที่ศึกษาได้

รายละเอียด

จิตวิญญาณต้องสัมพันธ์เกี่ยวเกาะ หากจิตวิญญาณอยู่อย่างเดี่ยวโดดๆ มันไม่ได้หรอก มันก็จะเป็นภพชาติ เป็นวิญญาณล่องลอยอยู่ในจิต ซึ่งไม่มีใครรู้เห็นด้วยเอามาพูดก็ไม่ได้ 

เทวนิยมศึกษาไม่ได้ แต่ของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาที่ศึกษาได้ แต่วิญญาณล่องลอย ศึกษาไม่ได้หรอก คุณยึดอย่าง อาฬารดาบส อุทกดาบส ยึดจิตนิ่ง ป่านนี้ก็นิ่งอยู่ในภพชาติอย่างนั้นไม่รู้กี่ล้านชาติ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาได้ ใครก็ไม่เกี่ยวกับเขา เขาก็ไม่เกี่ยวกับใคร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:44:52 )

จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างมนุษย์ที่เป็นสัมภเวสี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมาเอาจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างมนุษย์ ได้เป็นมนุษย์แล้ว มนุษย์ที่ยังไม่ได้ภูมิอาริยะ มนุษย์เหล่านี้แหละ ที่เป็นสัมภเวสี อยากเกิดในแดนอาริยะ เขาจะค่อยๆศึกษา กว่าจะมีความรู้ว่าเราอยากเกิดเป็นอาริยะก็ไม่ใช่ธรรมดา ยากนะ ไม่งั้นวนในโลกเหมือนหนอนอยู่กับกองขี้ หาว่าเทวดาน่าโง่ ขี้นี่อร่อย อบายมุขนี่อร่อย จะเป็นนักการเมืองขี้โกงได้นี่แหละอร่อย ฉันมีความสุขเพราะฉันโกงมาได้ จนป่านนี้ยังใช้แค่ดอกนะ เงินต้นไม่ได้ใช้เลย แค่ดอกไหลเป็นน้ำก๊อกก็ใช้ไม่หมดแล้ว นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปไหนก็ได้ จ้างช่างเครื่องมาไว้ดูแลอย่างดี จ้างคนขับอย่างดีไว้ คนขับไม่ดีเดี๋ยวพาไป มีสตางค์พอที่จะยังชีพไป ฝืนวิบาก เขายิ่งโกงยิ่งทำชั่วอีก อาตมาว่า ถ้าตายจะดีขึ้นกว่าเก่า ไม่ต้องมาใช้วิบากในฐานะที่มีอลังการมีทรัพย์สินเงินทองยศศักดิ์ เขาจะได้ไม่ทำชั่วเพิ่มขึ้นอีกสร้างวิบากเพิ่มขึ้นอีก อาตมาว่าตายดีกว่า พูดไปอย่างไรเขาก็ไม่ฆ่าตัวตายหรอกเขายังมีเงินทองมีอำนาจมากมาย เขาก็ไม่ฟังอาตมาด้วย ฟังอะไรรำคาญหู อยากตั๊นหน้า จะฟังทำไม สรุปแล้วสัมภเวสีคือจิตวิญญาณคุณได้ร่างแล้ว แต่คุณยังเป็นสัตว์สัมภเวสี อยากจะได้ภูมิภพของอาริยะ เป็นคนระดับอาริยะ คุณก็แสวงหา ถ้าคุณเองยังภูมิไม่ดี จบเปรียญ 9 จบดร.ทางศาสนาพุทธด้วย ก็ไม่รู้โลกุตระได้ เขาเจอพระพุทธเจ้าแลบลิ้นใส่ เขาคงนึกว่าพระพุทธเจ้านี่คงจะต่างจากคนทั่วไป ไม่เห็นจะเหาะมาเลย   แต่นี่ไม่เห็นต่างจากคนทั่วไปเลยเราจะหล่อกว่าด้วยซ้ำ 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 15:28:25 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:44 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:30:35 )

จิตวิญญาณที่เป็นสาธารณโภคี

รายละเอียด

แต่มีชาวอโศกนี้ทำถึง ทำเป็นสาธารณโภคีได้ ถึงที่ว่านี้ไม่ใช่เฉพาะหลักเกณฑ์ แต่ถึงโดยจิตวิญญาณ จิตวิญญาณที่เป็นสาธารณโภคี จึงอยู่ได้อย่างสงบเรียบร้อย สงบสบายเรียบร้อยเป็นตัวอย่างอันยิ่งใหญ่ในโลก เป็นจุดหมายปลายทางของประชาธิปไตยของคอมมิวนิสต์ของสังคมนิยมทั้งนั้น คือทุกคนไม่มีตัวตนทุกคนไม่ยึดถือเป็นตัวเราของเราทำงานเพื่อส่วนกลางเข้ากองกลางหมด เสียภาษี 100% ทุกคนทำงานแล้วไม่เอาเป็นของตัวของตน ร่วมกันกินร่วมกันใช้แบ่งแจกไป แล้วทุกคนก็สังวรตัวเองเป็นคนวรรณะ 9 เป็นคนอยู่สบายๆ ไม่ต้องยึดถืออะไรมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:49:08 )

จิตวิญญาณที่เป็นอัตตา สามารถทำให้เป็นอนัตตาได้

รายละเอียด

นี้คือ การพิสูจน์ว่า “จิตวิญญาณ” ทั้งหลายนั้นเป็น “อนัตตา”

แท้จริง คือ “ไม่มีตัวตน” เหลืออยู่ในที่ใดๆ อีกเลย ไม่ว่าในโลก ใน

เอกภพมหาจักรวาล หรือในวัฏฏสงสาร หรือในกาล

เพราะความเป็น “จิตนิยาม” หรือ “อัตตา (อาตมัน)” ของคนผู้นี้ที่

เป็น “เจ้าของอัตตาหรือจิตวิญญาณของตนเอง” 

สามารถ “จัดการ (อภิสังขาร)” หรือ “ทำใจในใจ (มนสิกโรติ)” ของตน ทำ  “อัตตา(อาตมัน)” ของตนนั่นเอง ให้แยกเป็น “อุตุธาตุ” 

นั่นคือ แตกแยกทำลายไปเป็นดินน้ำไฟลม ไม่เหลือความ

เป็น “จิตวิญญาณ” ไปเป็นที่สุดได้นิรันดร

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 221 หน้า 183


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 12:59:19 )

จิตวิญญาณที่ไม่มีตัวตนเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้ามีจิตวิญญาณบริสุทธิ์แท้จริง เป็นจิตวิญญาณที่ไม่มีตัวตน จิตวิญญาณที่สะอาด ที่เห็นแก่ประชาชนทำงานเพื่อประชาชน ซื่อสัตย์ แล้วทำงานมีสมรรถนะมีความรู้ความสามารถที่จะบริหาร ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขจริงๆ ขยันหมั่นเพียรทำ นี่คือผู้ปฏิบัติการเมืองกับประชาชนอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นพลังจิตแท้ๆ พลังแห่งความรู้ความจริงใจของมวลประชาชน ที่รู้ รู้ยิ่งเห็นจริง ทั้งการบริหารของบุคคลผู้บริหารนั้น และผลงานที่เกิดแก่ประชาชน ว่าเป็นอยู่สุขสบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูลเพิ่มพูนสุขด้วยการเสียสละ อย่างนี้แหละที่เราพูดไปอธิบายกันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:38:55 )

จิตวิญญาณที่ไม่ยึดมีอิสรเสรีภาพสุดยอด

รายละเอียด

ก็มาศึกษาให้ดีๆ ว่าเกิดมามีชีวิต ชีวิตเหมือนติดคุก เพราะหลงสุข หลงสร้างทางสวรรค์ เพราะหลงรสอร่อย รสเอร็ด รสเผ็ด รสมัน พระพุทธเจ้าจึงมาตรัสรู้และสอนให้รู้แล้วเลิกติดสิ่งเหล่านั้น ไม่มีเรื่องจริงเลย มีอะไรเขาสมมุติว่ามีอะไรดีก็ทำดีตามเขาได้ แล้วก็อยู่กับเขาไป จิตที่รู้ความจริงจนกระทั่งเป็นอนัตตา แล้วสามารถปล่อยวางจิตได้จริง จิตวิญญาณไม่ไปยึดจิตวิญญาณมีอิสรเสรีภาพสุดยอดเลย เป็นพระอรหันต์ตายแล้วก็สามารถเป็นดินน้ำไฟลมได้เลย ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรได้เลย สามารถอธิบายได้ง่ายๆอย่างนี้ 

ความจริงที่จะรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน จะไปนิพพานได้ก็เรื่องของแต่ละคน สามารถรู้ รายละเอียดของจิตเจตสิกต่างๆ พระพุทธเจ้าสอนรายละเอียดให้แยกรูปแยกนาม แยกเป็นจิตเจตสิก แยกไปถึงธาตุเวทนา แยกเวทนา 108 โลกโลกีย์เขายึดถือเป็นมโนปวิจาร 18 เป็นอย่างไร เป็นแม้คำว่าออกจากโลกีย์เป็นอย่างไร รู้จักเจตสิกธรรม มโนปวิจาร เป็นอุเบกขาคือจิตที่ปราศจากกิเลส รู้จักกิเลสแล้วทำให้กิเลสออกไปจากจิตได้ เป็นเบื้องต้น ท่ามกลางบั้นปลาย เป็นลำดับ ซึ่งยากมาก 

พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าผู้ที่ทำได้ความเป็นลำดับจึงน่าอัศจรรย์ ผู้ที่ไม่รู้ความเป็นลำดับ พูดว่า ลำดับลำดา แต่ไม่รู้ลำดับจึงได้แต่ดับเลอะเทอะ ไม่รู้กายรู้กาม ไม่ได้รู้เรื่องเหมือนมหาบัว ก็ติดยึดถืออย่างนั้น มันก็หลงได้จริงๆ เพราะมันไม่ง่าย เรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพานนั้นง่ายๆ ยิ่งต้องไปดูเวทนาในเวทนา แยกได้ จิตที่มีกิเลสทำออกจากกิเลสได้ จนเป็น เนกขัมสิตเวทนา ตัวสุดท้ายทำได้จึงเป็นเรื่องที่ยากสุดยาก แต่ก็ไม่พ้นความรู้ของมนุษย์ที่จะเรียนรู้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 08:50:04 )

จิตวิญญาณนี้ เราทำเอง เป็นเอง จัดการเองให้สูญได้

รายละเอียด

ถ้าเผื่อเป็นเจ้าผู้รู้อย่างแท้จริง ก็รู้จักการแยกแยะสังขารแยกรูปนาม จนกระทั่งสามารถทำให้รูปเป็นดินน้ำไฟลมได้ มีนามเป็นประธานที่ยิ่งใหญ่เรียกว่าพระเจ้า เรียกว่าพระพรหม เรียกว่าเป็นเจ้าจริงๆ ก็ได้ และเป็นจริงด้วยแล้วก็ทำงาน เมื่อต้องการปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็แยกธาตุให้ตัวเองสูญไปได้เลย ความจริงอันนี้จึงเป็นการชี้บ่งให้เห็นชัดเจนว่าจิตวิญญาณนี้ เราทำเอง เราจัดการเอง เราศึกษาเองเราเป็นเอง จนกระทั่งสูงสุดจิตวิญญาณไม่ใช่ของพระเจ้าที่จะมาบังคับให้อยู่ตลอดกาลนิรันดรไม่มีวันสูญ ไม่ใช่ แต่จิตวิญญาณสูญได้ จิตวิญญาณไม่ใช่ตัวตน มันปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น จิตวิญญาณแยกเป็นดินน้ำไฟลมเลยก็ได้ เป็นธาตุชีวะ ธาตุรู้สึก ธาตุวิญญาณ ธาตุเวทนา หายไปหมดเลย ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ จะปรุงแต่งสังขารกันอยู่ ก็เป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าก่อตัวกันอยู่เท่านั้น เจริญมาเป็นพืชก็ยังไม่มีเวทนา ยังไม่มีวิญญาณ พระพุทธเจ้าท่านแจงละเอียดไว้หมดแล้ว ที่อาตมาอธิบายนี้ไม่มีการจองเวรจองกรรม ไม่มีบาป ไม่มีบุญ ไม่มีกุศลอกุศลอะไร พืชพันธุ์ธัญญาหาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:35:48 )

จิตวิญญาณมีมิติซ้อนอยู่อย่างไร

รายละเอียด

ขออธิบายว่าความตายความเป็นของร่างกาย ร่างกายนี้ตาย ขาดพลังงานของชีวะที่ร่างกาย หมดลมหายใจตายทิ้งร่าง แต่จิตวิญญาณยังอยู่ ทีนี้จิตวิญญาณนี้แหละ ที่ถามมาว่ามีมิติซ้อนอยู่หรือไม่ จิตวิญญาณมีมิติซ้อนอยู่แน่นอน ตายแล้วถ้าคุณยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน หมายความว่าพระอรหันต์ที่จบจิตแล้วแตกธาตุจิตให้สลายไปไม่จับตัวกันเป็นตัวตนเรียกว่าอัตตา สลายแตกธาตุจิตตัวเองออกเป็นธาตุที่ไม่เป็นชีวะแล้วคืออุตุธาตุดินน้ำไฟลมเป็นวัตถุหมดไม่มีเชื้อของชีวะ ไม่มีความเป็นจิตนิยาม แม้แต่พีชนิยามก็ไม่เป็น แม้เป็นพีชะก็ไม่เหลือ จะเหลือบ้างก็รวมกันไม่ติดเป็นจิตนิยามอีกแล้ว เป็นอุตุนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ฟังดีๆ ที่อาตมาอธิบายนี้เป็นของอาตมาที่รู้อาตมาไม่ได้ไปเอาของใครมา เป็นความรู้ที่อาตมามีแต่ปางก่อนที่อาตมาเป็นสยังอภิญญาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็เอาความรู้พวกนี้มาพูดหาจากตำราที่ไหนไม่ได้ และอาตมาก็ขอยืนยันว่าอาตมาไม่ทำผิดจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้า สิ่งที่อาตมาพูดนี้เป็นความถูกต้องตามสัจจะธรรมพระพุทธเจ้าแน่นอน แล้วจะต้องทำให้พวกเราได้เข้าใจและพิสูจน์ด้วยตนเองให้ได้ แม้ที่สุดพิสูจน์ไปตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 10:28:18 )

จิตวิญญาณยังคงความมี“อวิชชา”อยู่

รายละเอียด

ยังไม่มี“วิชชา” ยังวนอยู่ในโลกียภูมิ

จิตวิญญาณของคนผู้นี้นี้จึงยังไม่พัฒนาออกนอก“โลกเก่า”ไปมีธาตุรู้ชนิด“อื่น”(อัญญะ) ที่แตกต่างเป็นคนละภูมิไปจาก“โลกียภูมิ” จึงยังไม่มี“อัญญธาตุ”ที่จะเป็นรากฐานพัฒนาขึ้นเป็น“อัญญา(ความรู้แบบโลกุตระ)”ได้ จึงไม่มี“ความรู้”ชนิดใหม่ที่เป็น“โลกุตรภูมิ”

“ความรู้”จึงยังไม่เข้าขั้น“ปัญญา”ที่จะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงคือตีแตกในความเป็น “ธรรมะ 2”หรือ“เทฺว”ได้ แต่อย่างใดเลย 

ชาว“เทฺวนิยม”ทั้งหลายจึงมี“ธรรมะ 2” ที่ตีไม่แตกนี้ และอยู่กับ“ธรรมะ 2”นี้ด้วย

ความจำนนแท้ๆ เพราะ“ไม่รู้ธรรมะ”ขั้นนี้ ไม่รู้“อัตตาหรืออาตมัน”ได้มากยิ่งไปกว่านี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:38:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:22 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:31:09 )

จิตวิญญาณสัมพันธ์

รายละเอียด

คนนี้จิตวิญญาณเขาแย่เต็มทีไม่มีจิตวิญญาณสัมพันธ์ให้อยู่เดียวดายกับวัตถุ คุณก็อยู่ของคุณไปเถอะคุณจะอยู่คนเดียวก็อยู่ไปเถอะ แต่ของเราเป็นมนุษย์มีวิญญาณสัมพันธ์มีความอบอุ่นมีความคบหาในการเกื้อกูลช่วยเหลือ วัตถุเราก็ไม่ได้รังเกียจแต่มนุษย์กับมนุษย์นี่แหละเป็นเรื่องของความสุดยอด ที่จะรู้จักนิพพานความเป็นอยู่ร่วมกันมีจิตวิญญาณสัมพันธ์ คุณจะเอาสั้นๆก็แล้วแต่คุณอีกหน่อยคุณก็ไปอยู่กับพวกเชน อยู่ไปจนกว่าจะตายก็เอาอย่างนั้นก็ได้ ก็แล้วแต่ความคิดต่างความคิดได้ สรุปแล้วความคิดของคุณกับความเห็นของอาตมามันต่างกัน ศึกษาให้ดีๆ มันมีความละเอียดลึกซึ้งของวิญญาณธาตุ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 12:11:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:03 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:31:32 )

จิตวิญญาณสัมภเวสีเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ที่คุณนึกมา เป็นคิดวิตถาร ที่ว่า มีสภาวะทิพย์ของทุเรียนไปถึงผู้ตายได้ มันเป็นอย่างไร สภาวะทิพย์ มันเป็นตัวตนอย่างไร คุณเดชา อัมพร อาตมาอธิบายมามากแล้วแต่ก่อนนี้ว่า การส่งอะไรก็แล้วแต่ไปถึงผู้ตาย แม้แต่พยัญชนะบาลีก็ไปแปลว่า ปรทัตตูชีวกเปรต เขาแปลว่า เปรต ผู้รอรับส่วนบุญ กินของที่เขาให้ ก็ไปแปลเป็น magical เป็นสิ่งลึกลับ เป็นทิพย์ส่งไปให้ 

อาตมาก็อธิบายแล้ว จิตวิญญาณสัมภเวสี มันไม่มีปากไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายเลย ส่งทุเรียนไปแล้วมันจะไปกินอย่างไร มันไม่มีนะ จิตวิญญาณที่มีแต่จิตวิญญาณก็ไม่มีตา หู จมูกลิ้น กาย มันก็ไม่มีปากไม่มีลิ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 05:29:34 )

จิตวิญญาณหรืออัตภาพแต่ละคนมีอวิชชามาเกิด

รายละเอียด

กว่าจะมาได้เรียนสัจจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ถึงได้รู้ว่าจิตวิญญาณมันโง่ มันอวิชชา หลงในการยึดมั่นปรุงแต่ง ต้องได้อย่างนี้ต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนี้เป็นสุขอย่างนี้เป็นทุกข์ จนกระทั่งมาบรรลุธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ถึงจะรู้ว่า อ๋อ.. สิ่งที่ได้เกิดมาเป็นอัตภาพแล้วนี่ มันมีอวิชชามา จนกว่าจะมาพบพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ค้นพบความจริงสุดยอดว่า 

จิตวิญญาณหรืออัตภาพของแต่ละอัตภาพ แต่ละคน มันสามารถเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป หมุนเวียน และที่สุดมันไม่ใช่ตัวตนจริง มันอนัตตา สามารถศึกษาจนกระทั่งทำให้จิตนิยามของเรานี้ สูญสลาย เลิกการจับตัวที่จะหมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ หมุนเวียนอยู่ในกาละของเอกภพของมหาจักรวาล เลิกเลยจิตนิยาม แยกเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:17:56 )

จิตวิญญาณเกิดได้ด้วยกรรม ดับได้ด้วยกรรม

รายละเอียด

ใช่ ส่วน จิตไม่มีเสื่อมไม่มีตายนั้นไม่ใช่ ถ้าใช่นั้นศาสนาพุทธไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสาน ศาสนาพุทธนั้นมีนิพพานและที่สุดมีปรินิพพานเป็นปริโยสานด้วย ปรินิพพานเป็นปริโยสานหมายความว่าทำลายความเป็นธาตุจิตแตกธาตุจิตให้เป็นอุตุธาตุได้เลย จิตของอัตภาพหรืออัตตาของใครของใครมันมีธาตุจิต ผู้ที่บรรลุอรหันต์ทำนิพพานได้แล้วสามารถตายในร่างกาย กายัสสะเภทา ปรัมมรณา หลังจากการตายแล้วอัตตาหรืออัตภาพนี้สลายแตกเป็นอุตุ แตกเป็นดินน้ำไฟลมเลยไม่ต้องมาจับกันต่อติดๆเลย เหมือนคนปาราชิก พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเหมือนกับกระเบื้องแตก 2 เสี่ยงแล้วเอามาต่อกันไม่ได้เหมือนกับตาลถูกตัดยอดด้วนแล้วไม่ขึ้นอีก เหมือนกับพวงมะม่วงที่หล่นออกจากขั้วแล้วหล่นกระจายเอามาต่อกันไม่ได้เหมือนเดิมอีก จบแล้วจบเลย หมดแล้วหมดเลย สูญแล้ว จิตไม่มีนิรันดร จิตไม่มีอีก สลายได้ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่เป็นเจ้าของจิต จัดการจิตให้ปรินิพพานเป็นปริโยสานเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของจิต พิสูจน์ว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของจิต เราเองเป็นเจ้าของจิตเอง พระเจ้า อย่าแหยม ไม่ใช่ของพระเจ้าเพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่เข้าใจความเป็นพระเจ้าหรือจิตนั้นคือของตนเอง เกิดได้ด้วยกรรม ดับได้ด้วยกรรม กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:52:02 )

จิตวิญญาณเป็นของตน

รายละเอียด

เพราะความเป็น“จิตวิญญาณ”มันก็อยู่ที่เรา เราเป็นเจ้าของ“จิตวิญญาณ” เราเป็นเจ้าของ“กรรม” เราเป็นเจ้าของ“การกระทำ”

อะไรจะใหญ่ยิ่งไปกว่า“จิตวิญญาณ”ในความเป็นมนุษย์ 

มนุษย์นั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับ“ธรรมนิยาม 5”ทั้งหลาย

โดยเฉพาะ “จิตนิยาม”นั้นสำคัญสุดเป็น“แกนกลาง”ของความเป็นมนุษย์ทุกคน เพราะพระองค์ทรงรู้ยิ่งว่า “จิตนิยาม”

หรือความเป็น“สัตว์”นั้น มันมี“กรรม”ที่สั่งสมเป็น“วิบาก”กันจริง จองเวรจองกรรมกัน มันต้องเกิด-ต้องตายมาใช้หนี้วิบากกันให้เป็นทุกข์ทรมานกัน ด้วยอวิชชาของสัตวโลก จึงไม่จบ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:56:12 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:43 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:32:09 )

จิตวิญญาณเป็นของตนเองสลายเองได้

รายละเอียด

สุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้วสลายจิตธาตุ ของตัวเองสลายอัตภาพของตัวเอง เป็นดินน้ำไฟลมไป ไม่เหลือความเป็นอัตภาพของตัวเอง อันนี้แหละเป็นการฟ้องว่า จิตวิญญาณเป็นทาสของพระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน แต่ของศาสนาพุทธนั้นเป็นการฟ้องเลยว่า ไม่ใช่ จิตวิญญาณของแต่ละคนแต่ละคนนั้นเป็นของตนเอง สลายจิตวิญญาณตนเอง ไม่ให้เหลือความเป็นจิตวิญญาณเลย พระเจ้ายังไม่ยุ่ง ไม่มี พิสูจน์ได้เลยว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นของจิตวิญญาณเราเลย พูดไปแล้วก็ต้องขออภัย ไม่ได้ไปข่ม ศาสนาเทวนิยมที่ยังไม่ล้างอัตตา ทำลายอัตภาพตัวเองไม่ได้ มีจิตวิญญาณนิรันดร สลัดสภาพตัวเองไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ศาสนาพุทธมีศาสนาพุทธรู้และทำได้ เรียนรู้จัดการล้างอัตภาพตัวเองได้จบความรู้อันนี้เรียกว่าอรหันต์ เป็นสุดยอด ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:20:17 )

จิตวิญญาณเป็นของเราเองไม่ใช่เป็นของพระเจ้า

รายละเอียด

มาต่ออีกคำ ตรงที่ว่า สรุปแล้ว สอุปาทิเสสนิพพานกับ อนุปาทิเสสนิพพาน ผู้ที่ยังวนยังสับสนอยู่ก็จะบอกว่า สอุปาทิเสสนิพพานคือ เสขบุคคล บุคคลที่ปฏิบัติธรรม ยังเหลือกิเลสอยู่ ยังดับกิเลสหมดสิ้นอุปาทิไม่ได้ 

ส่วน อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ผู้ที่สามารถดับเชื้อที่จะพาเกิดอีกนี้ได้แล้ว เป็นอรหันต์แล้ว ทีนี้เขาก็สับสนตรงที่ว่า เมื่อเป็นอรหันต์แล้ว มาเกิดต่อภพภูมิเป็นโพธิสัตว์อีก อ้าว แล้วไหนว่าเชื้อพาเกิดตายแล้ว เกิดอีกยังไง ทำไมเกิดเป็นโพธิสัตว์อีก คนที่ไม่รู้ตรงนี้

คนที่เรียนรู้แต่อรหันต์ ไม่เรียนรู้โพธิสัตว์ จึงบื้อตรงนี้ บื้อ แปลว่าอะไรไม่เข้าใจเอง อาตมาไม่ได้ว่าเขาโง่นะ ไม่ได้ว่าเขาไม่รู้ เขาสับสนตรงนี้ ตรงที่ว่า สอุปาทิเสสนิพพานคือยังเหลือกิเลส อนุปาทิเสสนิพพานคือไม่เหลือเชื้อเกิดแล้ว แต่จะเกิดอีกก็ต่อภพภูมิเป็นโพธิสัตว์ที่สูงขึ้นๆ แต่ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ที่ต่อภพภูมิที่สูงขึ้นไป จากอรหันต์ระดับที่ 1 แล้ว ในระดับที่ 2 จะดับ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ได้ทั้งนั้น สับสนอะไรล่ะ ใช่ไหม? 

เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่จริงจึงไปเข้าใจว่า เป็นเสขะคือ เป็นผู้ที่ยังไม่หมดเชื้อ ท่านหมดแล้วเชื้อที่จะพาเกิด แต่ท่านเกิดได้ นี้มันเป็นภาษาสิริมหามายา ท่านพาเกิดเป็นโพธิสัตว์ที่จะสูงขึ้นไปอีกแต่ละภพภูมิ แต่ท่านก็ไม่ต้องมีภพภูมิได้แล้ว ภาษาอันนี้อาจจะชัดขึ้นอีก เป็นแต่เพียงว่าท่านจะทำหรือไม่ทำ มันเป็นเรื่องอิสรเสรีภาพของบุคคลผู้นั้น นี่คืออิสรเสรีภาพที่สูงสุด พระเจ้าอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะเกิดจะตายอย่างไร อย่ามายุ่ง จะบอกว่าตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ ไม่ใช่ จิตวิญญาณเป็นของฉัน ไม่ใช่ของพระเจ้า จิตวิญญาณเป็นของเราเองทุกคน ไม่ใช่เป็นของพระเจ้า ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้า ไม่ใช่ เราทำแล้วสลายเป็นดิน น้ำไฟ ลม ไปหมดเลย 

พระเจ้าเด๋อเลย ตรวจบัญชี ทำไมคนนี้ตายแล้วไม่มา พระเจ้ารู้หรือเปล่าว่า เราไม่ได้อยู่ในบัญชีของพระเจ้า แต่เราก็เป็นจิตวิญญาณนะ แสดงว่าเราเป็นจิตวิญญาณที่นอกบัญชีพระเจ้า ตกจากบัญชีของพระเจ้า ไปถามสุวรรณ-สุวาน เฮ้ย! ดูว่าจดตกบัญชีคนนี้หรือไม่ ทางโน้นเขาจะไม่รู้เรื่องสุวรรณสุวานอะไรหรอก ทางเทวนิยมไม่รู้เรื่อง เขาก็เชื่อมั่นอยู่ว่า จิตวิญญาณเป็นของพระเจ้าทั้งหมด พระเจ้าของเราทั้งนั้น จะเกิดจะตาย และไม่ตายด้วย พระเจ้าไม่ตายด้วย ไม่มีการตายสูญ พระเจ้าไม่มีการหมด จะต้องอยู่สูงสุดอยู่กับพระเจ้า จริงๆ แล้วเขาอธิบายสูงสุดไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว แล้วจะต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกไหม เขาก็จะไม่ค่อยรู้เรื่อง 

มีศาสนาบางศาสนาที่ศึกษาว่ามีการเวียนตายเวียนเกิดอีก แต่สุดท้ายก็ต้องไปอยู่กับพระเจ้า พวกเทวนิยมที่ยังไม่รอบถ้วน ก็รู้ว่า ตายเกิดก็มี ตายไม่เกิดก็มี อะไรอย่างนี้ ตายสูญก็มี ตายไม่สูญก็มีอะไรอย่างนี้ เป็นพวกที่ยังไม่สมบูรณ์ เขาก็จะเข้าใจอย่างนั้นจริง เข้าใจยังไม่ครบ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 20:13:24 )

จิตวิญญาณเป็นตัวที่จะขับดันขับเคลื่อนทั้งรูปธรรมและนามธรรม

รายละเอียด

จิตวิญญาณเป็นตัวบงการ จิตวิญญาณเป็นตัวที่จะขับดันขับเคลื่อน ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ในบรรดามีนี่ จนออกไปเกี่ยวพันกับวัตถุและการสัมพันธ์ของมวลมนุษยชาติ ก็ออกไปจากความรู้ความจริงที่เป็นตัวจิตวิญญาณของบุคคลใดก็แล้วแต่ ที่จะมีความรู้ความจริงนั้น เป็นโลกุตระธรรมจริง เนื้อแท้จริง 

ตั้งแต่ในยุคพระพุทธเจ้าก็มีที่พระพุทธเจ้าเป็นต้น พระพุทธเจ้าก็ทำ ท่านทรงปฏิบัติในยุคของสังคมยุคนั้น เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์เด็ดขาด แล้วก็เป็นยุคทาส มีทาส มีนายทาสเด็ดขาด และเป็นยุคที่คนมนุษย์ยังไม่เข้าใจเรื่องของสิทธิมนุษยชนยังไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นยุคทาส แต่พระพุทธเจ้านั้นให้อิสรเสรีภาพแก่มนุษย์แล้ว มนุษย์มีสิทธิ์ พระพุทธเจ้าประกาศธรรมนูญของท่านเอง เมื่อประกาศธรรมนูญของท่านก็คือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้านั่นแหละ ทั้งธรรมทั้งวินัยนั่นแหละ เมื่อท่านประกาศออกไปแล้ว คนในยุคพระพุทธเจ้าที่มีภูมิปัญญาจะรับโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้าได้ก็มาทันที แล้วพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมีมวลมีปริมาณ ท่านก็ได้บริวารของท่านประมาณหนึ่ง เนื้อหาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าในยุคพระพุทธเจ้านั้น ยังเป็นสังคมยุคทาสยังเป็นสังคมยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์กัน เป็นสังคมที่มนุษย์ยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนใดๆ เลย แต่ละคนนี้ยังไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์ในการพูด มีสิทธิ์ในการแสดงออก มีสิทธิ์ในการที่จะเป็นเจ้าของสมบัติตามทางนั้นที่ตัวเองสร้างเองแท้ๆ ถูกนายทาสเอาไม่เป็นของเขาหมด มันยังไม่มีสิทธิอะไรต่างๆ นานาเลย 

ฉะนั้นการดำเนินการของพระพุทธเจ้า ก็ทำได้แต่กับคนที่มีภูมิปัญญากลุ่มหนึ่งเข้ามา แล้วก็เป็นรูปธรรม เมื่อมาอยู่ในธรรมนูญของพระพุทธเจ้าเป็นรูปธรรมที่ดี จนกระทั่งมนุษยชาติในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งเป็นรัฐใหญ่ในยุคนั้น เหมือนกับในยุคนี้มีอินเดียกับจีน เป็น 2 รัฐใหญ่ 

เมื่อพระเจ้าพิมพิสารก็ดี พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดีที่เป็น 2 แคว้นใหญ่ ยอมรับเข้าใจในอุดมการณ์ของพระพุทธเจ้า ยกให้เป็นอิสรเสรีภาพเลย ยกให้เลย ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี ซึ่งพระพุทธเจ้าให้ประชาธิปไตยแล้ว แต่คนเข้าใจคำว่า ประชาธิปไตยยังไม่ได้เพราะยังไม่มีพยัญชนะคำนี้ แต่มีพยัญชนะคำว่า ธรรมาธิปไตย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:38:50 )

จิตวิญญาณเป็นประธาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นค่าองค์รวมของคนทั้งประเทศทั้งโลกทั้งรัฐ เป็นคนที่มีจิตวิญญาณไม่ไปรุนแรงอย่างนั้น ประเทศไทยมีการชุมนุมประท้วงกันมาตั้งเท่าไหร่ ไม่มีเลือดตกยางออกไม่มีการทำร้ายรุนแรงแก่กันมันก็อย่างนี้แหละ นี่เป็นการยืนยันเป็นปรากฏการณ์แท้จิตวิญญาณเป็นประธาน ของใครคนใดคนหนึ่งแรงออกมาจนกระทั่งเขาต้องจัดการนะ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่จัดการ ก็คือประชาชนด้วยกันนั่นแหละจะจัดการ ถ้ามันแรงก็จะถูกจัดการที่จะไปทำร้ายคนนั้นคนนี้ก็ต้องถูกดูแลจัดการ แต่ขณะนี้นานวันเข้าไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นเดือนแล้วนะ มายื้อกันประท้วงกัน กี่เดือนมาแล้ว (ป๋องว่า สองเดือนแล้ว) ตั้งแต่ 13 สิงหาคม ก็ยื้อกันอยู่อย่างนี้เป็นเดือน จะออกมากันตลอดทุกวันทุกเวลามันนับเป็นครั้งคราว เดี๋ยวจะมีเซอร์ไพรส์เบิ้มๆ บอกมาก็เบิ้มๆเข้าไป คือ มันแสดงถึงพื้นฐานจิตของคนไทยโดยค่าเฉลี่ยแล้ว นี่แหละเป็นตัวอย่างประชาธิปไตย เดี๋ยวจะได้พูดกันอย่างสำคัญ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:35:16 )

จิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง

รายละเอียด

คือ “จิตวิญญาณ”เราเอง ก็ต้องพึ่งจิตวิญญาณเราเอง ถือว่า“พึ่งตนเอง”ได้ครบถ้วนในความเป็นคนแล้ว ถ้าคนเอาแต่จะพึ่ง“พระเจ้า” ไม่เชื่อในตนเอง ไม่ มั่นใจในตนเอง ว่าเราเป็น“คน”ที่สามารถทำตนให้“พ้น ภาระ”ผู้อื่นได้ “พ้นอกผู้ปกครองเลี้ยงดูเรา”ได้เป็นที่สุดจริง ก็จะเท่ากับว่า เราเป็นเด็กที่เลี้ยงไม่โตตลอดกาลเท่านั้นเอง

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม1  หน้า374


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:15:49 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:32:37 )

จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง

รายละเอียด

นี่อาตมาภูมิใจนะที่ธรรมะพุทธเจ้า แม้แต่ในยุคนี้ เอามาอธิบายให้ฟัง พวกคุณก็ยังเข้าใจได้ แล้วยังเอามาปฏิบัติตน จนสามารถเข้ามารวมกันเป็นเอกภาพ เป็นหมู่กลุ่มเดียวที่มีรูปธรรมชัดเจน นามธรรมก็มีอยู่ในนี้ด้วย เพราะนามธรรมเป็น ประธานของสิ่งทั้งปวงจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงจึงเป็นอย่างนี้จริง นามธรรมจริง รูปธรรมมันจริงๆ เป็นได้ 

คนยังไม่เคยเห็น สังคมที่สุดยอด สังคมที่ประเสริฐสุดที่เป็นสาราณียธรรม 6 อย่างนี้ ในโลกเทวนิยม ในมหาวิทยาลัยเทวนิยมทั้งหลายของตะวันตก เขาไม่มีหรอกแบบนี้ เขาคิดไม่ออกว่า มันจะมีมนุษย์อย่างนี้ ไหนว่ามีอย่างนี้เขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง แต่มนุษย์อย่างนี้แหละ จิตวิญญาณเป็นจริง จึงมีรูปธรรมที่เป็นไปตามจิตวิญญาณไม่ใช่เกิดจากการบังคับรูปธรรม ด้วยจิตวิญญาณไม่เป็น ไม่ใช่ มันคนละอย่างกัน อย่างพวกเราจิตวิญญาณเป็นจริงรูปธรรมจึงเป็นไปตาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์

วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:07:35 )

จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นนามธรรมหรือจิตวิญญาณจะเป็นประธานสิ่งทั้งปวง จะนำพาเขาไป เพราะฉะนั้นคนที่มีความรู้ที่ถูกต้อง  เป็นวิญญาณที่รู้จักใช้ แบ่งวิญญาณหรือธาตุนามธรรม นำมาใช้เป็นกุศลหรืออกุศล ก็จะใช้เป็น ก็ทำกุศล กรรมต่างๆ ที่เกิดจากกุศลกรรมมันก็เจริญพัฒนาขึ้นมา แต่แน่นอนคนที่ยังไม่เก่งทีเดียว ก็ยังมีกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ถ้าเก่งมาก กุศลก็มีมาก เจริญขึ้น เจริญเร็ว เจริญและพัฒนาขึ้นมา 

สรุปตรงนี้ก่อนว่า จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง จิตวิญญาณนำมนุษยชาติ นำสังคม นำประเทศ จิตวิญญาณนำอย่างนี้จริงๆ เพราะฉะนั้น จิตวิญญาณจึงสำคัญ จิตวิญญาณจึงสำคัญมากสำหรับมนุษย์ สำหรับสังคมมนุษยชาติ สำหรับประเทศทุกประเทศ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 11:29:08 )

จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงเป็นความรู้โลกุตระ

รายละเอียด

คนที่ไม่ได้วิปลาส ไม่ได้มีจิตใจเสื่อมต่ำอะไร ก็ไม่ไปเกี่ยวข้อง คนที่วิปลาสหรือจิตใจไม่สูง มันก็เป็นจริง เข้าไปเกี่ยวไปจนกระทั่งเห็นๆ อยู่ในสังคมมันมีทั้งนั้น ยิ่งรู้ว่าเราจะทำให้จิตใจของเราเจริญอย่างไร ศาสนา พระศาสดาแต่ละศาสดา ของศาสนาแต่ละศาสนา ศึกษาเรื่องอย่างนี้ทั้งนั้น อย่างไรเรียกว่าดี ศาสนาพระพุทธเจ้าก็ศึกษา และเอามาสอนมาบอกว่าอย่างนี้ดี นอกจากดีแล้วพระพุทธเจ้าท่านรู้เป็นโลกุตระ เป็นอัญญะอัญญา เป็นเรื่องแตกต่างที่คนส่วนใหญ่ศาสดาทั้งหลายไม่ได้มี คือโลกุตตรธรรม อันมาจาก อัญญธาตุ 

อันนี้เป็นเรื่องที่พิเศษที่สุด และเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด เพราะความรู้ที่เป็นโลกุตตรธรรม มันสามารถรู้ประธานของความเป็นมนุษย์ ประธานของความเป็นสังคม ประธานของความเป็นประเทศ ประธานของความเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ของสังคมของมวลประเทศ ของมวลชาติประเทศ หรือของมวลมนุษย์โลก สรุปเป็นประธานสิ่งทั้งปวง จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2566 ( 15:11:39 )

จิตวิญญาณเป็นสังขารธรรม

รายละเอียด

มันคืออะไรจิตวิญญาณ ท่านก็รู้ว่ามันเป็นสังขารธรรมเท่านั้นเอง เป็นสิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่แยกแล้วก็เหมือนกับธาตุวัตถุที่เป็นนิวเคลียส บวกลบ คู่กัน 

ตัวที่เป็นเจ้าของบวกลบเป็นผู้รู้ ผู้ที่ควบคุมอย่างนิวเคลียสก็มีพลังงานของเขา ใครไปเข้าใจจุดชนวนจุดระเบิดตัวนั้นได้ ปล่อยให้ไปอย่าไปควบคุม 2 ตัวนี้ก็ระเบิดแตกเป็นนิวเคลียส ตัวนี้ก็สำคัญถ้าใครไปจัดการไม่ให้มันควบคุมหรือให้มันสั่งการ ให้มันเป็นตัวควบคุมเองจัดการจะให้อยู่หรือให้เกิดหรือให้ดับ ให้อยู่หรือไม่อยู่หรือจะให้ตั้งอยู่เป็นนานเป็นประโยชน์อะไรต่ออีก พระพุทธเจ้าศึกษารู้รายละเอียดหมด แล้วก็เอามาให้คนศึกษาสร้างพลังงานตัวนี้ได้ พลังงานตัวประธาน จิตวิญญาณ เป็นประธานสิ่งทั้งปวง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:34:37 )

จิตวิญญาณเป็นไปตามกรรมของตนเองไม่ใช่เป็นทาสของพระเจ้า

รายละเอียด

จึงพิสูจน์ได้ว่า “จิตวิญญาณ” ไม่ใช่นิรันดร ทั้งไม่ใช่เป็นทาส “พระเจ้า” ไม่เป็นทาสใครใดเลย “จิตวิญญาณ” เป็นของตนเอง เป็นไปตาม “กรรม” ของตนเองบัญชา เป็นเผ่าพันธุ์ของตนเองจะเกิด-จะตาย หรือจะมีอยู่-จะสูญสลายไป ตนเอง “เป็นเจ้าของ” ตนเองทำตนเองได้จริงเป็นลำดับ ตั้งแต่ “การเกิด-การตาย” ของ “โอฬาริกอัตตา-มโนมยอัตตา-อรูปอัตตา”และพิสูจน์ “จิตนิยาม” ทำให้เป็น “อุตุนิยาม” ได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตเป็นๆ อยู่ได้จริง อย่างเป็นวิทยาศาสตร์พิสูจน์ยืนยันกันได้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือรวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 206 หน้า 172


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:03:45 )

จิตวิญญาณเราเป็นตัวพาเกิดพาตาย

รายละเอียด

จิตวิญญาณของเราเป็นตัวพาเกิดพาตาย แล้วก็วนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้ไม่มีที่แล้วไม่มีที่จบ ไม่รู้ที่จบไม่รู้ที่เจริญแท้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้จะต้องทำให้จิตวิญญาณนี้รู้จักความเจริญแท้ แม้จะวนเวียนในโลกีย์ไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็วนได้โดยที่เป็นคนดีที่ไม่มีวันตกต่ำ มีแต่จะเจริญๆๆ สูงสุดก็ได้เป็นศาสดา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:29:27 )

จิตวิญญาณแท้จริงคือสังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมามีธาตุ 2 ธาตุ

รายละเอียด

คุณก็จะรู้ว่า จิตวิญญาณเป็นเช่นนี้เอง มันเป็นอย่างไร มันเกิดมาด้วยอวิชชา เกิดมาเราไม่รู้ พอมาศึกษาเราจึงรู้ว่าแท้จริง มันคือสังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมามีธาตุ 2 ธาตุ มีนามเป็นหลัก มีจิตวิญญาณเป็นหลัก แล้วก็มีสิ่งที่เราไปร่วมสัมพันธ์เกิดการปรุงแต่งขึ้นมา เราก็รู้สิ่งที่ถูกรู้เรียกว่ารูป สิ่งที่รู้ก็เรียกว่าปัญญา หรือสัญญาที่เป็นอภิสัญญา

ถ้ามันมีกิเลส ก็ศึกษาให้ได้ว่ามันมีกิเลส แล้วแยกกิเลสออกมาให้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 18:54:44 )

จิตวิญญาณโลกุตระกับโลกียะ แยกต่างหากจากกันเป็นคนละโลก 

รายละเอียด

 นี่เป็นสิ่งที่ อาตมาพูดไปแล้ว คนเข้าใจได้มีปฏิภาณ มีภูมิปัญญาพอจะฟังแล้วเข้าใจ โดยเฉพาะมี Concept มีองค์รวมเข้าใจกว้างด้วย ดีจัง คนที่ยังไม่มี Conceptที่จะเข้าใจด้วยองค์รวมได้มากพอ ก็จะค่อยๆ เข้าใจได้ เก็บความเข้าใจไปเรื่อยๆ แต่ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาตามศึกษาสัจธรรม ไม่ว่าจะเป็นสาย เจโต เทวนิยม เขาก็พยายามศึกษาสัจธรรม เขาก็จะเก็บมาเรื่อยๆ 

อาตมาอธิบายสัจธรรม โลกุตระกับโลกียะ ที่เป็น 2 ชนิด โลกียะกับโลกุตระ เป็น 2 ชนิดที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่อันเดียวกัน ไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน ไม่ใช่ DNA เดียวกันเลย 

มันเป็นอื่นต่างหากจากกัน คนละตระกูล คนละเผ่าพันธุ์ คนละโลก ดาวคนละดวง จิตวิญญาณคนละแบบ จิตวิญญาณของโลกุตระนั้น หมดตัวตน จิตวิญญาณของโลกียะหรือเทวนิยมหรือลัทธิพระเจ้า จะต้องไปเป็นใหญ่แบบพระเจ้าหมดเลย เพราะแฝงเอาไว้แค่ ผู้เป็นใหญ่ที่สุดคืออาตมันหรือปรมาตมัน อัตตานั่นเอง ปรมาตมันก็คือ บรมอัตตานั่นเอง คือจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ลึกลับ ไม่รู้ว่าอยู่ไหน 

แต่ พระศาสดาหรือพระบุตร แฝงเอาไว้ ว่านั่นยิ่งใหญ่ ไม่มีใครไปล้มล้าง ไม่มีใครไปใหญ่เท่าอีก เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วเป็นบัญชา เป็นประกาศิต พระเจ้า คำสอนของศาสนาไหน ห้ามแตะ ห้ามแก้ ห้ามเปลี่ยนแปลง กาละ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เทศะ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ฐานะ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร โลกที่มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่เที่ยงอย่างไร ไม่เกี่ยว พระเจ้าหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่ขึ้นกับเวลาไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยองค์ประกอบ ไม่ขึ้นกับมนุษยชาติที่มันเปลี่ยนแปลงไป ไม่เกี่ยว ไม่ขึ้น ตอนนี้เขาจะมีระเบิดปรมาณู ตอนนี้เขาจะมีเครื่องมือเทคโนโลยี อะไรต่ออะไร ไม่เกี่ยวเขาจะโบราณกาลแต่ของเขาอยู่อย่างนั้น ยึดไว้อยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรใหม่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างที่พระเจ้ามีไว้เท่าไหร่ก็เท่านั้น พระเจ้าบัญญัติไว้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ของแต่ละศาสดา ของแต่ละพระเจ้า ของแต่ละศาสนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 10:45:47 )

จิตวิตักกะ

รายละเอียด

จิตดำริ หมายถึง อาการจิตที่ริเริ่มมีธาตุรู้ขึ้นมา หรือเริ่มพยายามเรียนรู้ "อาการ" วิจัยให้เห็นของ "จิตที่ดำริในกาม" บงการเราอยู่ก็แยกแยะ "วิจัยอาการ"ที่เป็นอกุศลจิตในจิตนี้ จึงรู้ "อาการ" ที่เป็น "กาม" นั้นได้

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 21


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:34:19 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:15:24 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:32:55 )

จิตวิทยาคืออะไร

รายละเอียด

จิตวิทยา คือ ความรู้เรื่องจิต ทางโลกียะ ก็ศึกษากัน แต่ไม่มีใครศึกษาเรื่องจิตได้สุดยอดเท่ากับพระพุทธเจ้า ศาสดาทุกองค์ศึกษาเรื่องจิต และพยายามสร้างจิตเป็นฐาน เป็นฐานของสิ่งที่ลึกซึ้งให้เป็นผู้ที่สูงส่ง หรือเรียกอีกคำว่าเป็นเทวดา หรือเทวะนี่แหละเป็น 2 แต่ไปหลงผิด ว่าเทวะต้องเป็น1 ทั้งที่เทวะ พยัญชนะมันแปลว่า 2 ไม่ใช่ 1 ก็เลยเป็น 1ที่ว่าดีที่สุดใหญ่ที่สุด เบ้งที่สุด ลดไม่ลงเลย จนมีนิยายว่า พระพรหมบอกว่าข้านี่แหละใหญ่ จนกระทั่งมีคนมาถามปัญหาสุดท้ายว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน ไปถามพระพรหมต่อหน้าบริวาร ถามว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าเรานี่แหละใหญ่ คนถามก็บอกว่าไม่ใช่เราถามว่าที่สุดแห่งโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็ตอบอีกว่าเรานี่แหละใหญ่ ไม่ใช่ถามว่าสามวาสองศอกคืออะไร เขาถามซ้ำอยู่ 3 ครั้งว่า ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ เรานี่แหละใหญ่ ก็ยังถามอีก ดึงแขนไปหลังม่าน ต่อหน้าบริวารเปิดเผยไม่ได้ บอกว่ามาถามอะไรกันในสิ่งที่เราตอบไม่ได้ ถ้าหากตอบว่าไม่รู้ก็เสียความเป็นพระพรหมหมด เสียพระเจ้าหมด ก็บอกว่าเธอกลับไปหาพระพุทธเจ้าเลย ท่านองค์นั้นรู้ ไปเลยเดี๋ยวนี้ คนนี้ก็เลยไม่รู้จากพระพรหมก็เลยต้องกลับมาหาพุทธเจ้า มาค้นหาว่าที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน ที่สุดของโลกก็อยู่ที่ “นิพพาน” อยู่ที่หยุดหมุนหยุดวน หยุด เราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด ก็ต้องดับให้เป็นหนึ่ง ศาสนาเทวนิยมเป็นอย่างนี้ มีแต่หนึ่งเขาไม่มีความรู้จักโค้งเลย ซื่่อตรงจริงๆ ก็เลยไม่รู้โลก ก็ควรจะต้องรู้ว่าทุกอย่างมันมีจบมันมีขั้นตอนมีส่วนเล็กส่วนใหญ่อะไรต่างๆนานา ตรงก็ดีเราก็รู้ตรง โค้งเราก็ต้องรู้โค้ง วนก็รู้วน ซ้ำซากอยู่ที่เก่าหรือขยับลงขยับขึ้น วนแต่ต่ำลงๆ เป็นก้นหอย ขยายลงต่ำไปเรื่อยๆ บานไปกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆหรือว่า วงลงแล้วเล็กลงๆ สูงขึ้นจนกระทั่งรู้ที่จบสิ้น เป็นปลายสุดของก้นหอย วนจากซ้ายไปขวาๆ คนไม่รู้ก็จะวนอยู่ที่เก่า บาปแล้วก็บุญแล้วก็บาป อยู่ในระดับเดิม วนเวียนแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองบาปหนาขึ้น บุญไม่มีเลย จิตวิทยาคือการศึกษาจิต ทางโลกเขาก็ศึกษากันเป็นวิชาไซโคโลจี้ จิตวิทยาหรือไซโคโลจี้ มันมีช่วงที่คนเขาเข้าใจว่ามีเล่ห์แฝง เช่นว่าอันนี้ใช้ไซโค มันเป็นความฉลาดแกมโกง ภาษาบาลีคือ เฉโกหรือเฉกตา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 11:13:15 )

จิตวิปลาส

รายละเอียด

คนผู้ยังโมหะ(ความหลงผิดไปตามโลกตามสังคมปุถุชน)อยู่ จิตใจของคนผู้นั้นยังไม่มีความรู้ตามสมมุติสัจจะถูกต้องเพียงพอ ยังหลงผิดในสมมุติสัจจะ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 335


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:02 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:21:20 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:33:12 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

หมายถึงเข้าไปหาจิต

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:03:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:46 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:35:38 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

เขาก็เอาสูตรที่บอกว่า จิตตวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุผู้บรรลุปฐมฌาน มีจิตสงัดจากนิวรณ์   บรรลุทุติยฌาน มีจิตสงัดจากวิตกและวิจาร บรรลุตติยฌาน มีจิตสงัดจากปีติ บรรลุจตุตตถฌาน มีจิตสงัดจากสุขและทุกข์ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากรูปสัญญา ปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากาสานัญจายตนสัญญา บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากวิญญาณัญจายตนสัญญา บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากิญจัญญายตนสัญญา (เมื่อภิกษุนั้น) เป็นโสดาบันบุคคล มีจิตสงัดจากสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาสทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับสักกายทิฏฐิเป็นต้นเป็นสกทาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์ อย่างหยาบ กามราคานุสัยปฏิฆานุสัย อย่างหยาบ และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกันกามราคสังโยชน์อย่างหยาบเป็นต้นนั้น เป็นอนาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์อย่างละเอียด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อย่างละเอียด และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับกามราคสังโยชน์อย่างละเอียดเป็นต้นนั้น เป็นอรหันตบุคคลมีจิตสงัดจากรูปราคะ อรูปราคะ มานะอุทธัจจะ อวิชชา มานานุสัย ภวราคานุสัย อวิชชานุสัย กิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับรูปราคะเป็นต้นนั้น และจากสังขารนิมิตทั้งปวงในภายนอก นี้ชื่อว่าจิตตวิเวก.

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:56:23 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:19 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:33:54 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

จิตวิเวก คือ ความสงัดภายใน จิตวิเวกภายใน

จิตวิเวก ในพระไตรปิฎกว่า จิตไม่มีเพื่อนสองเป็นจิตวิเวกจิตสงบ ความสงบจิต เป็นความสงบในความรู้สึกที่ไม่มีกิเลสทำความเดือดร้อนอยู่ในภายใน

จิตวิเวก  คือ ภิกษุผู้บรรลุปฐมฌาน  มีจิตสงัดจากนิวรณ์

-  บรรลุทุติยฌาน มีจิตสงัดจาก วิตก และวิจาร

-  บรรลุตติยฌาน  มีจิตสงัดจาก ปีติ

-  บรรลุจตุตถฌาน  มีจิตสงัดจากสุขและทุกข์

-  บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน มีจิตสงัด จากรูปสัญญาปฏิฆสัญญานานัตตสัญญา

-  บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน  มีจิตสงัดจาก อากาสานัญจายตน-สัญญา

-  บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน  มีจิตสงัดจากวิญญาณัญจายตน-สัญญา

-  บรรลุเนวสัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากิญจัญญายตนสัญญา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 90


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:54 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:22:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:34:17 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

ท่านเน้นการหลีกออกจากอาสวะอนุสัย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:54:48 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:19 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:34:41 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

คือ  จิตที่จะต้องปฏิบัติให้เกิดกิเลสลด ดับกิเลสได้ เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แล้วก็ปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิ โดยมีภายนอกสัมผัสในท้ายบทของจิตวิเวกก็บอกต้องมีภายนอก พวกที่ปฏิบัติอย่างไม่มีภายนอกคือพวกที่ไกลจากวิเวก จากที่อ่านพระไตรปิฎกไม่แตกก็จะบอกว่าทำสมาธิทำฌานมีฌาน1 2 3 4 คือจิตวิเวก แต่ท่านมีลงท้ายว่าต้องมีภายนอกในภายนอกอย่างนี้ เรียกว่าจิตวิเวกกายวิเวก เขาก็ไกลจากวิเวก โดยเอาตัวเองออกป่าเข้าถ้ำ แล้วเดินคนเดียวอยู่คนเดียวบิณฑบาตคนเดียวอยู่คนเดียวเป็นคนโมฆะ จิตวิเวกคือ นั่งสมาธิหลับตาที่จริงไม่ต้องไปนั่งหลับตาหรอก แต่ต้องทำจิตให้มันสงัดจากกาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:37:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:37 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:35:19 )

จิตวิเวก

รายละเอียด

คือ ทำจิตให้กิเลสลดลงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:43:00 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:34:57 )

จิตวิเวกของปุถุชน

รายละเอียด

ไม่มีภายนอกก็เลยข้องอยู่ในถ้ำอันไกลแสนไกล ยิ่งอุปธิวิเวกก็ปิดประตูเลยเพราะว่า อุปธิวิเวกคือ ขันธ์ คืออภิสังขาร ก็ทำไม่เป็นก็เลิกเลย นี่คือผู้ที่ไกลจากวิเวก 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:52:44 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:57 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:36:01 )

จิตวิเวกของอรหันต์

รายละเอียด

เขาเข้าใจผิดว่าต้องพ้นจากภายนอก เป็นการเข้าใจผิดไปหมดเลย มันน่าสงสัยน่างง ทำไมพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ ในความเป็นกาย มีภายนอก ที่ไม่ขาดภายใน เพราะฉะนั้นเมื่อไปเข้าใจว่า กาย นี้เป็นเพียงภายนอกไม่มีภายใน คุณก็ปฏิบัติธรรมนี้ไปไม่รอด เพราะชีวิตขาดกายไม่ได้ ต้องมีกายเสมอ ก็คือ ต้องมีภายนอกด้วยเสมอ นี่แหละศาสนาพุทธในเมืองไทยจึงไปเข้าใจผิดว่า กาย มีแต่ภายนอก แต่กายนั้นขาดภายนอกไม่ได้ ต้องมีภายนอกร่วมด้วยเสมอ แต่ในคำว่า กาย นี้แปลว่า 2 มี รูป นาม เมื่อมีรูปต้องมีนามเสมอ เพราะฉะนั้นภายนอก ต้องมีภายในร่วมด้วยเสมอตลอด ภายในคือหมวดเจตสิก 3 ในพจนานุกรมบาลีจะแปล กายว่า หมวดแห่งเวทนา หมวดแห่งสัญญา หมวดแห่งสังขาร นี้เรียกว่ากาย พระพุทธเจ้าจึงสรุปว่า กายนั้นตถาคตเรียกว่า จิต มโน วิญญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:59:10 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:36:26 )

จิตว่าง

รายละเอียด

เหมือนกับผ้าขาวเมื่อสีอะไรมาถูกอันนี้สีแดงสีดำสีเขียวก็จะรู้ แยกแยะความแตกต่างได้ชัดเจนมีอะไรที่ไม่เหมือนหรือต่างรู้ได้ ภาษาพูดมาถูกหมดทำใจทำจิตให้มีสภาวะอย่างนี้ได้ถ้าจิตใจคุณทำสภาวะอย่างนี้ได้เป็นอรหัตตมรรคได้เป็นอย่างน้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:30:12 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:07:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:36:43 )

จิตว่าง กับ จิตเพ่งเล็ง กับ จิตมีสติ อย่างไหนจะดีกว่ากัน

รายละเอียด

ก็คงติงไว้ตอนท้าย จะว่า แต่คนนี้ยังถามว่า จิตว่าง กับ จิตเพ่งเล็ง กับ จิตมีสติ อย่างไหนจะดีกว่ากัน แต่ก็ติงว่าอย่าติดกับการเปรียบเทียบ มาให้ไม่ยึดติด มีการถามความเปรียบเทียบกันว่า อย่างไหนดีกว่ากัน มันก็มีนัยยะ 3 อย่าง จิตเพ่งเล็ง จิตมีพลังงานจิตที่เพ่งไปตรงนั้น จิตว่าง ก็มี 2 นัย นัยที่ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เขาก็ว่างได้ เขาก็ทำจิตว่างแบบมิจฉาทิฏฐิ ก็คือ จิตมันทำให้มันเกิด ไม่มี 2 สภาพ มี 1 มี1 โดยวิธีการของเขา สารพัดเยอะแยะวิธี แล้วก็ทำให้ว่าง แม้แต่จะพยายามทำขณะลืมตา รู้  นิ่ง  เฉย แล้วก็ทำให้จิตว่าง เฉยนี่คือว่าง รู้ นิ่ง เฉย รู้นิ่ง ว่าง อย่างนี้ได้ หลับตาเขาก็ทำได้ เป็นจิตว่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่  9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 11:29:18 )

จิตว่างของศาสนาพุทธ คือจิตว่างจากการสัมผัสแล้วไม่ผิดศีล

รายละเอียด

อาตมาอธิบายธรรมะไปเรื่อยๆง่ายๆตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา อาตมาอธิบายศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตินะ มีพฤติกรรมกาย วาจา ใจ อย่างมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต ในชีวิตสามัญ ไม่ใช่เรื่องลึกลับว่ากว่าจะได้สมาธิต้องไปนั่งหลับตา เข้าไปในภพ มืด นี่เป็นสมาธิแล้ว ว่าง จิตว่างจากอะไรก็ไม่รู้ ที่จริงแล้วต้องว่างจากการสัมผัสแล้วไม่ผิดศีล โสดาบันก็ไม่ทำผิดศีล 5 บริสุทธิ์ในศีล 5 มีการตื่นรู้สัมผัสอะไรก็รู้ อย่างนี้ก็มีสมาธิ ไม่ใช่สมาธิคือหลับตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ในภพ นี่มันมืดไปหมดเลยศาสนาพุทธ แบบนั้นมันเป็นเดียรถีย์ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเขาก็นิยมกันแบบนั้นแหละแบบสมัยนี้แหละนิยมกันออกป่า แต่นี่ขนาด 2561 ก็เสื่อมไปมาก ทิฏฐิความเห็นเหมือนกับสมัยพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมา ศาสนาเข้าใจกันว่าต้องออกป่า ตอนนี้ก็เอาสมัยเดียรถีย์มาเป็นแบบอย่างแค่นี้ก็เข้าใจกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านเอามาฟื้นคืนกลับของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:54:23 )

จิตว่างจากกิเลสจะเป็นคนปราดเปรียวแคล่วคล่องตามวาระที่สมควร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอรหันต์ จิตว่างจากกิเลสสนิทจะมีความคล่องเหมือนลิง เพราะจิตมันเร็วเหมือนลิง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอรหันต์แล้วไม่ใช่เป็นคนเซื่องๆ ไม่ปราดเปรียว ไม่ใช่ แต่เป็นคนปราดเปรียวแคล่วคล่องตามวาระที่สมควร วาระที่สมควรจะคล่องแคล่วก็ไว วาระนี้จะเอาขนาดนี้ เราจะพูดกับเด็กเราจะพูดไวปรื๊ด ก็ไม่เหมาะ ต้องพูดพอสมควร ถ้าจะพูดกับคนโง่ต้องพูดช้าๆ หน่อย แต่พูดกับคนฉลาดอย่างพวกคุณ พูดเร็วไปเลยปรื๊ดสบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:34:28 )

จิตว่างอย่างสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

แต่ จิตว่างอย่างสัมมาทิฏฐิ คือ จิตมันว่างจากกิเลส ต้องเรียนรู้อ่านจิตที่เป็น 2 ที่มีการสัมผัสแล้วรู้ ไม่ใช่ไปหลับตา ที่จริงหลับตาก็รู้เหมือนกัน 2 อย่าง คือรู้ให้แท้จริงว่า ดับมืดไปเป็น 1 ตัวรู้มันอีกหนึ่ง มันก็เป็น 2 อยู่ดี ตัวรู้ว่าจิตเราทำให้มันดับมืด กับจิตมันดับมืดก็เป็น 2 เรียกว่า สุภกิณหะ ส่วนจิตว่างจากกิเลสนั้น เรียนรู้กิเลสอย่างตาลืมๆ นี่เลย สัมผัสแตะต้องแล้วก็รู้กิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ตั้งแต่กามภพ ในกามาวจร แล้วก็ลดกิเลสหมดแล้วก็เหลือกิเลส ในภพเป็น รูปภพ อรูปภพ อยู่ในรูปาวจร อยู่ในกามาวจรนี่แหละคือ ลืมตามีตาหูจมูก ลิ้นกายสัมผัสภายนอก แต่กามหมดแล้ว ก็เหลือกิเลสต่อมา 

สัมผัสแล้วกิเลสมันก็เลยเกิด เป็นรูปราคาะ อรูปราคะ ก็ลดมันอีก ไม่ใช่เป็นหลับตาแล้วมีรูปราคะ อรูปราคะ อันนี้ลึกซึ้งซับซ้อนคนก็ไปงมงาย เพราะว่าหลับตามันเป็นสัมภเวสีมันไม่มีรูปไม่มีนาม มันมีแต่นามอย่างเดียว เพราะฉะนั้นรายละเอียดของจิตว่างแบบสัมมาทิฏฐิก็ต้องรู้ จิตเพ่งเล็ง คือ จิตจดจ่อ เพ่งกับอะไร ส่วนมากก็เป็นสมถะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 11:33:20 )

จิตว่างอุเบกขาต้องอ่านใจตนเองออก

รายละเอียด

ถูก ที่พูดมานี้ผู้ที่ถามมานี้ต้องเข้าใจว่า จิต อาการ อุเบกขา จิตว่างๆ อทุกขมสุข ต้องอ่านใจตัวเองออก แม้จะทำได้แบบสมถะ เคหสิตอุเบกขาก็ตาม ยิ่งเนกขัมสิตอุเบกขาที่กำจัดกิเลสได้จริงแบบปรมัตถ์ ถ้าเราอ่านได้แล้วก็รู้ว่าจิตว่าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:37:15 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:41 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:37:05 )

จิตว่างโล่งเป็นตถตา

รายละเอียด

ไม่ต้องทำ จิตว่างโล่งอยู่เสมอ ไม่ต้องทำ มันเป็นแล้ว มันเป็นตถตา เป็นเช่นนั้นเอง เป็นอยู่ตลอดเวลา ที่เอามาพูดคุยก็ผสมเอาเท่านั้น แม้คนอื่นจะว่าดุ ก็ตาม แต่อาตมาก็ทำอภิสังขารปรุงแต่งเพื่อสื่อให้พวกคุณรู้เรื่อง อันนี้ถ้าคนเข้าใจได้ยากมันก็เพราะว่าเป็นสภาวะอย่างที่อาตมาพูดไม่ได้ คนที่ได้อย่างที่อาตมาเป็นก็จะรู้ว่าใช่ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:39:22 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:37:42 )

จิตสะอาดของพุทธเป็นปรมัตถธรรม

รายละเอียด

ที่บอกว่าหลับตาแล้วจะไปทำผิดศีลตรงไหนมันก็เป็นสมาธิแล้ว ความสะอาดไม่ได้หมายความตื้นๆ อย่างคุณว่า ที่คุณหลบอยู่ในถ้ำแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครเลยและบอกว่าคุณสะอาด อย่างนั้นมันตีขลุมเอาง่ายๆ 

ความสะอาดของพุทธเป็นปรมัตถธรรม จิตของคุณที่สะอาด เรียกว่า ปริสุทธา จะมีสัมผัส ตาหูจมูกลิ้นกายไปสัมผัสกับโลกธรรม แต่จิตของคุณก็สะอาดเรียกว่า บริสุทธิ์ ไม่มีเปลี่ยนแปลง นิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) จิตจะเป็นอยู่เช่นนั้นตลอดกาล นี่คือความเที่ยงแท้ของคุณสมบัติที่ได้แล้วมีศีลเป็นปกติ แต่คุณอย่าเพิ่งไปตีกินง่ายๆ ตื้นๆ ไปมัดมือแล้วจะไปตีใครได้ คิดง่ายๆ ตื้นๆ แบบนั้นมันไม่ใช่ 

คุณอิสรเสรีภาพนี่แหละแต่คุณไม่ไปตีใคร อย่าว่าแต่ตีใคร ใครมาตีคุณ คุณก็ไม่ตีตอบ เขาทำร้ายคุณ คุณไม่ทำร้ายตอบเลยด้วยซ้ำ นี่คุณสมบัติมันสูงส่งไปถึงขนาดนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 17:41:01 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์