คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
อธิบายนิดนึง สุภาพ อ่อนโยน มัทวะนี้ ใครว่าอาตมานี้สุภาพไหม อ่อนโยนไหม คนข้างนอกเขาไม่ได้ว่างั้นหรอก เขาว่าโอ้โห โพธิรักษ์นี้ไม่สุภาพ ไม่อ่อนโยนเลย มีแต่ยิงๆๆ เปรี้ยงๆๆๆๆ นี่ อาตมาพูดเป็นรูปธรรม ให้เห็นชัดๆก่อน เพราะฉะนั้น การสุภาพอ่อนโยน มันไม่ได้หมายความถึงสภาพของรูปธรรมดื้อๆ แต่มันหมายถึง สภาพที่ สุภาพ ภาษาพยัญชนะแปลว่า ภาวะที่ดี สุ ดี ภาวะที่ดี เป็นภาพที่ดี ไม่ได้แข็งกระด้าง มัทวะ อ่อน อ่อนไม่ใช่อ่อนป้อแป้ปวกเปียกไม่ใช่ อ่อนแล้ว มันก็มีสภาพต่อเนื่องไป
อ่อนแต่มีกำลัง อ่อนแต่มีพลัง อ่อนโยน อ่อนๆนะ แต่โยนไปได้ไกล โยนไปได้ให้ เป็นประโยชน์ โยนไปได้มรรคได้ผลเป็นเนื้อเป็นหนัง ไม่ใช่โยนไปแล้วหายไปเลย ไม่ได้เรื่องไม่ใช่ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นภาวะนามธรรมที่ลึกซึ้งซับซ้อน เพราะฉะนั้นเมื่อมาเป็นพยัญชนะเป็นภาษารูปธรรมแล้ว มันดูแข็งหยาบหยาบ แต่ในนัยยะ ความเป็นจริงของนามธรรมทางจิตวิญญาณ มันบริสุทธิ์ลึกซึ้ง สุภาพก็ดี อ่อนโยนก็ดี
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 11:31:52 )
รายละเอียด
ความเป็นผู้หมดโลภะ
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 311
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:14:38 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:15 )
รายละเอียด
มันเยอะ ตอบประเด็นไหนก็พูดไปได้ อาตมาก็นึกถึงลุงเพ็ญ ปัญญาพล ป้าศรี ปัญญาพล อยู่ถนนสุโขทัย อาตมาพักอยู่แม้นศรี ซอยแม้นศรี 2 บ้านเพื่อน เขาให้ที่นอนกับน้ำประปา นอกนั้นไม่มีอะไร อาตมากะเลย เก็งเวลาอาหารของเขา ไปให้ถึงพอดีเลย เขากำลังกินข้าวเลย มีโอกาสเขาจะได้เชิญ จะได้ชวนกินข้าวมากินข้าวกัน ตอนนั้นไม่มีใครรู้ชื่ออาตมาหรอก รู้แต่ว่าชื่อแป๊ก เพราะอาตมาเปิดเผยแต่ชื่อแป๊ก เป็นยังไงไม่รู้ตอนนั้นไม่อยากเปิดเผยชื่อจริง ตอนนั้นยังไม่ได้ชื่อรัก รักพงษ์ ก็ยังชื่อมงคลอยู่
พอไปถึง แหม.. ตรงพอดีเลย เขากำลังกินข้าวกัน เขาก็ชวน แป๊กมากินข้าว มันเกิด Conflict มันยังไงไม่รู้ อายเหนียม ไม่กล้าเข้าไปกิน ทั้งๆที่หิวนะ เจ้าประคุณเอ๋ย ก็เลยลาเขาออกมาด้วยท้องหิวๆ ขึ้นรถรางกลับมาถึงบ้านเพื่อน บ้านของพี่สาวชื่อสายหยุด ก็พักอยู่บ้านนั้น มีแต่ที่นอนกับน้ำประปา ไปถึงก็ต้องซัดน้ำประปาเลยแล้วก็นอน วันนั้นก็ได้ซดน้ำประปาแทนข้าว
ก็จะสื่อให้เห็นว่า วิบากของคน อย่างวิบากของอาตมา มันมีชาตินี้ปางนี้ มันน่าจะอุดมสมบูรณ์ มันไม่น่าจะอดอยาก แต่มันก็ต้องผ่านวิบาก มาเล่นงานกับเราได้ เหมือนพระพุทธเจ้าต้องมาเจอกับพระเทวทัต มาเจอกับช้างนาฬาคีรี มีพระปัญจวัคคีย์มารวนบ้าง
มันเป็นสภาวะ 2 เพราะฉะนั้นในความหมายของสภาวะ 2 ความเจริญสุดขีดขนาดไหนก็ต้องมีสภาวะสิ่งที่คานเราอยู่ ต้านเราอยู่ ถ้าใครมีมิจฉาทิฏฐิว่า ฉันจะต้องเป็นเอกไม่มีรอง ใครจะต้านเราไม่ได้ ฉันจะต้องเป็นใหญ่ คนนั้นจอมมิจฉาทิฏฐิในโลก ต้องให้มีตัวต้านตัวค้านเอาไว้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:40:41 )
รายละเอียด
จริงๆมันก็ไม่ง่าย มันก็ยาก แต่ว่ามันประเสริฐ มันสูงสุด ตามที่พระพุทธเจ้าท่าน อาตมาก็อธิบายแล้วใครฟังแล้วก็น่าจะเข้าใจ ว่าพระพุทธเจ้านี้ใช้ชีวิตของพระองค์ สุดท้ายก็มาเข้าใจถึงเรื่องของชีวิตและเข้าใจถึงเรื่องสังคมมนุษยชาติ เห็นว่าอันนี้เป็นแกนหลัก เป็นแกนเป็นแก่นของมนุษยชาติและสังคม ความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรมที่ท่านค้นพบ อันนี้ถ้าได้แล้ว มันก็เป็นหลักประกันของมนุษยชาติ หลักประกันของสังคม เป็นหิตะประโยชน์ เป็นความสุขของมวลประชาชน พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ แล้วคนทั้งโลกก็ควรจะมาเอาอย่างนี้เรียกว่าโลกานุกัมปายะ
เพราะฉะนั้นก็เผื่อแผ่เกื้อกูลโลกานุกัมปายะ อนุเคราะห์ให้คนในโลกเขาเข้าใจอย่างนี้ ว่า หิตะ ประโยชน์ที่เลิศยอดต้องมาสรุปลงอย่างนี้ จะเป็นความสุขสงบ ประเสริฐสุดอย่างนี้
อย่างนี้แหละที่เรียกว่า พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ ถ้ามีพลังงาน มีอำนาจ มีฤทธิ์แรงเรียกว่า อธิปไตย พลังงานทางกำลังสร้าง ไม่ใช่พลังงานที่จะไปสร้างอาวุธกัน แต่มาสร้างสิ่งที่ประเสริฐพืชพันธ์ุธัญญาหารนี้ เอาไปแจกจ่ายกันเกื้อกูลกันเลี้ยงคนทั้งโลก มันจะเป็นสังคมที่ยิ่งใหญ่ เป็นสังคมที่กว้างออกในโลก คนเมื่อฉลาดขึ้นจะหยุดการฆ่าแกงกัน จะหยุดแย่งชิงกัน
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 16:45:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:17:21 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:19:25 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:22:38 )
รายละเอียด
ดี ก็ยินดีต้อนรับทุกคน ซึ่งอาตมาก็ไม่อยากจะเร่งรัดแต่ละคนๆเกินไปหรอก ก็ให้สมัครใจหรือสะดวกใจตัวเอง ที่คิดว่าควรจะเข้ามาแล้ว ก็พยายามที่จะให้บ้านราชมีคนสัก 777 คน ในทะเบียนเลยนะ ไปๆมาๆก็คงจะพอถึง แต่ว่าอยากจะให้เป็นทะเบียนเลย คนสัก 777 คน ยังไม่ถึงมานาน พูดมานาน มันยากมันเย็นจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาหรอก มันยากเราก็รู้อยู่ว่ามันยาก แต่ไม่เป็นปัญหากับเรา เรามีปัญญา เราเข้าใจอยู่ ใจเย็นกับมัน มันไม่ใช่ของธรรมดามันเป็นของโลกุตระมันเหนือสามัญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2565 ( 14:02:15 )
รายละเอียด
คุณสว่างแสง ก็เป็นคนที่เข้าใจสภาวธรรมกับภาษาหรือพยัญชนะดีพอได้เลยเนาะ เข้าใจสภาวะแยกกันออกได้ดี ว่าอาตมาหมายถึงอะไร มันก็มี 2 อย่างนี่แหละที่จะพึงสื่อให้รู้กัน ในโลกมนุษย์ คือสภาวะกับภาษาหรือคำพูดพยัญชนะ สื่อกัน 2 อย่างนี้แหละ ถ้าไม่สับสน ลงตัวกันว่าพยัญชนะภาษา กับสภาวธรรมจริงๆแล้วมันอันเดียวกัน ในที่สุด ตั้งแต่พยัญชนะความมีกับความไม่มี
แล้วมันมีคืออะไร ไม่มีคืออะไร มันรวมลงเป็นหนึ่งแล้วมันก็ไม่มีหรอก มันก็รวมกันเป็นสังขารวิญญาณนามรูปอายตนะ ผัสสะ เวทนาตัณหาอุปาทาน ภพ ชาติ เท่านั้นเอง แล้วจมใน โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ มีอยู่เท่านี้ ถ้าเข้าใจปฏิจจสมุปบาททั้งหมด ก็จบ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้พระพุทธเจ้าท่านตรัสสรุปไว้ในพระไตรปิฎก อวิชชา 8
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:35:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:23:28 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:20:00 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:24:35 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นเราเข้าใจ สักกะคือ ตัวเราเองนี่แหละ มันเกี่ยวกับตัวเราไม่มีอื่น ทำที่ตัวเรา แล้วก็ทำขยายไป สักกะ แล้วก็กาย
ขอลงไปลึกนิดหนึ่ง พยัญชนะคำว่า สะ กับ กะ
สะ แปลว่าความเกี่ยวกับความเกี่ยวข้อง
กะ คือพยัญชนะตัวแรกของพยัญชนะทั้งหมด
จนกระทั่งถึงเศษวรรค ย ร ล ว ส ตัว ส เป็นตัวที่ 5
ตัวที่ 5 คือตัวที่อยู่เป็นกลางของ 9 แบ่ง 2 ข้างเป็น 4 4 ส ตัวที่ 5 คือ ส เป็นเศษส่วนที่พลังงานกำลังจะพัฒนาขึ้นไปหรือที่จะทำให้เสื่อมหรือเจริญ ก็คือตัวกลาง ย ร ล ว ส ห ฬ อํ
อํ เป็นวัฏฏะ เป็นวงวน เป็น cyclic เป็นตัวรวมที่ปรุงแต่งกันอยู่ แล้วผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้ก็แยกไม่ออก แม้กระทั่ง 2 3 จนกระทั่งเกิดเป็น cyclic order เมื่อเกิดเป็น 3 แล้วก็จะเป็นปฏิกิริยาสมบูรณ์ ถ้ายังมี 2 มันก็เป็นแค่เส้นตรง เมื่อเป็น 3 มันก็จะหมุนวน
สิ่งเหล่านี้เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรมที่ละเอียดมาก แต่เราต้องเรียน ถ้าไม่เรียนก็ไม่ง่าย แม้คุณจะไม่รู้ละเอียดเหมือนอย่างอาตมาอธิบาย คุณรู้ได้เป็นขั้นตอนเป็นขั้นๆ คุณก็บรรลุอรหันต์ไปตามลำดับ หรือเป็นอรหัตผลไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้นในขั้นต่อมาที่พูดถึงธรรมนิยาม 5 นั้น คุณต้องแยกกายแยกจิตให้ได้ ถ้าแยกกายแยกจิตไม่ชัด เมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดเป็นจิต
เมื่อไม่เป็นกายแล้ว นั่นแหละเป็นความสำเร็จ ที่หมดทุกข์หมดสุข หมดบาปหมดบุญ ไม่เป็นกายแล้ว ถ้ายังเป็นกายอยู่ ยังเป็นสุขเป็นทุกข์ ยังเป็นบาปเป็นบุญ ดีชั่ว ยังไม่ต้องไปพูดถึง มันมีแน่ มันเป็นโลกียะ แต่นี่โลกุตระ บาป บุญ หรือสุข ทุกข์ เป็นโลกุตระ
บาปบุญของโลกียะเขาอธิบายแบบของเขา แต่นี่เราอธิบายบาปบุญแบบโลกุตระ ฉะนั้นถ้าเผื่อเข้าใจอันนี้แล้ว เราจึงจะแยกกายแยกจิตได้ถูกต้อง ได้จริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 06:20:26 )
รายละเอียด
ตากระทบรูป ผู้ยังอวิชชาอยู่ก็จะมี 2 บางทีก็สุขบางทีก็ทุกข์ บางทีไม่ทุกข์ ก็อยู่เฉยๆแต่ไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วก็สุขทุกข์ใหม่ หรือกดข่มอย่างมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งมันไม่ใช่ ไปกดมันทำไม ต้องรู้ว่าไอ้สุข ไอ้ทุกข์ มันเป็นมายา มันเป็น 2 มันไม่มีจริง มันเป็นอนัตตา ไปยึดความสุขมันก็เลว ไปยึดความทุกข์มันก็เลว มันก็โง่ทั้งนั้น กว่าจะเข้าใจ กว่าจะเกิดญาณปัญญา เกิดโพธิ กว่าจะหายลึกลับ กว่าจะอรหะ พ้นอรหะ ไม่ลึกลับแล้ว
ผู้ที่พ้นแล้ว ไม่ลึกลับแล้ว ถึงชื่อว่า อรหันต แปลว่าที่สุด หมดความลึกลับไม่มีความลึกลับเป็นที่สุดแล้ว อรหันต อรหัตตาก็ค่อยๆได้ ไปทีละหน่วย อาตมาก็หยิบพยัญชนะมาสื่อสภาวะให้ละเอียดแล้วก็อย่างนี้แหละ ซึ่งจะหาคนอธิบายให้ละเอียดอย่างนี้ยาก พูดไปแล้วก็เหมือนคุยตัวแต่พูดจากความจริงที่อาตมามีสู่ฟัง อย่างจริงใจ หนึ่งเดียว ไม่มี จิต 2 ที่เป็น สาเถยยจิต จิตแฝง ไม่มี มีแต่พูดความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:34:00 )
รายละเอียด
เขาก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกอาตมาพูดนี้ เขาจะไม่รู้เรื่องเลยพวกที่เขากำลังดีดดิ้นอยู่เพื่อจะทำอะไรต่ออะไรของเขากันอยู่ ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจที่จะรู้ตัว แต่มันเป็นสัจจะเขาต้องเป็น พระเทวทัตก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองต้องเป็น นี่ก็ฉันเดียวกัน อย่างทักษิณก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเป็น ไม่รู้ตัว แต่ก็ต้องเป็น เป็นเหยื่อแร้งกาแสดงอยู่อย่างนั้น นี่ก็ยังออกมา ตอนนี้มาในนามโทนี่ ก็อยู่อย่างนั้น ก็แสดงไป แสดงออกอย่างนี้ๆไป
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เป็นการศึกษาของโลก ทั้งโลกียธรรมและโลกุตรธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:39:12 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนที่นั่งหลับตาสะกดจิตปฏิบัตินี้ก็พูดย้ำไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเที่ยวแล้ว ว่าเลิกได้แล้ว มันโมฆะ มันเป็นเดียรถีย์ มันเป็นของเก่า มันเป็นของ มิลักขะ ไม่ใช่ของอาริยกะ เป็นของคนป่า คนเถื่อน ไม่ใช่ของคนเจริญ ไม่ใช่คนเมือง เลิกได้ แต่เขาไม่เชื่อง่ายๆ ก็ไม่เป็นไร อาตมาก็จะพยายามย้ำตรงนี้ไปเรื่อยๆนี่แหละ
มีคนมาว่าด้วยซ้ำไปว่า ไปว่าเขาทำไม ขนาดว่าอยู่อย่างนี้ยังไม่โงไม่เงย ถ้าไม่แตะไม่ต้องเลยคุณก็จมลงไป อาตมาไม่ใจดำอย่างนั้นหรอก อาตมาสงสาร อาตมาเห็นใจ เขาอยากจะไปนิพพาน เขาอยากได้โลกุตรธรรม เขาอยากไปนิพพาน แต่ไปอย่างนั้นไม่มีทางได้นิพพาน มันจะไปทางไกลกันดารที่ไม่รู้เรื่อง ยิ่งแย่ใหญ่เลย ยิ่งกว่าเขาวงกต ยิ่งกว่าทางทุรกันดาร คุณก็ไม่รู้ทุกข์ วิ่งหาทุกข์ ไม่มีทางที่จะสามารถพาออกจากทุกข์ได้
แม้แต่ในภพลืมตาตั้งแต่อบายมุข ตั้งแต่กามภพ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ คุณก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องเลย
เพราะฉะนั้น นัยยะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ละเอียดหมดเลย ตั้งแต่ให้รู้จักอนุปุพพิกถา ให้ปฏิบัติทาน ปฏิบัติศีลเป็นหลัก
แต่มิจฉาทิฏฐิแล้วปฏิบัติทานก็ยิ่งสร้างภพชาติ อย่างทุกวันนี้ ปฏิบัติทานแล้วก็เป็นของได้เป็นกุศล ทานไม่ได้มีอานิสงส์ในการที่จะตัดกิเลส ทานแล้วก็ยังเป็นภพ หรือสะสม
ตั้งแต่ สาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข จนถึง ปริภุญชิตสามีติ ไว้กินชาติหน้าอยู่ในทานสูตรก็เอามาอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ที แต่พวกคุณไม่รู้จัก อาการ ลิงค นิมิต
ไม่รู้จักอาการของจิต จิตมันมีอาการ มันเป็นกิริยาของจิต อาการมันก็ละเอียดกว่ากิริยาเป็นอาการของสาเปกโข มันเป็นอย่างไรคุณก็ต้องพยายามเรียนรู้ศึกษา ถ้ายังมีหวัง
ความหวังมันเป็นอย่างไรภาษาไทย มันมีอาการ มันไม่ตัด มันต่อ นี่อย่าเอาไปแย้งกับลุงตู่นะ ลุงตู่เขาต้องไปต่อ แต่อาตมานี่ตัดนะ ฟังให้ดีเป็นปรมัตถ์นะ แต่อาตมาไม่ได้ขัดแย้งกับลุงตู่ เพราะโลกเขาก็ต้องต่อก็ต้องช่วยกัน แต่ไอ้เรื่องตัดกิเลสต้องตัดอย่างที่อาตมาพูด มันต้องตัด ถ้าไม่ตัด สาเปกโข
มันยังเหลือเชื้ออยู่ถึงขั้นปฏิพัทจิตโต หมายถึงมันยังเหลือเชื้อติดต่อผูกพันอยู่ ก็ยังมากขึ้นกว่าสาเปกโข
ยิ่งเป็น สันนิธิเปกโข ใส่เป็นคลังเลยเป็นนิธิเลย มันก็ยิ่งไปกันใหญ่สิ ยิ่งหลงผิดเลยเป็นภพเป็นชาติ เป็นโลกียทรัพย์ เป็นอะไร เอาไว้ เป็นนามธรรมของฉันของฉัน ของฉันจะได้พึ่งอันนี้แหละกินไปในชาติหน้าภพหน้า ดีไม่ดีอย่าว่าแต่กินในภพหน้าเลย แบ่งไปให้พ่อแม่ที่ตายไปแล้วได้อีก ไม่เข้าใจ กัมมัสกะ กรรมเป็นของของตนไม่เข้าใจแบ่งกรรมแบ่งวิบากกันได้อีก มันเป็นมิจฉาทิฏฐิกันไปใหญ่ มันก็ไม่มีทางบรรลุธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2
วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:56:31 )
รายละเอียด
ก็ให้เรียนรู้ตั้งแต่วัตถุว่ามันคนละชิ้นกับจิตเรานะ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันเลย แม้แต่อย่าว่าแต่วัตถุข้างนอกร่าง ข้างในร่าง ก็ให้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่กาย มันไม่ใช่เรา ให้เรียนรู้มาตั้งแต่ว่า ข้างนอกมันไม่ใช่กายไม่ใช่เราแน่นอนจริงที่มันนอกตัวเรา
แม้แต่สิ่งที่อยู่ในตัวเราข้างนอกผมขนเล็บฟันหนังมันไม่ใช่ตัวเราแล้ว แต่มันมีชีวิตที่เนื่องอยู่กับตัวเรา แต่เราไปหลงว่ามันติดอยู่กับตัวเรา ก็นึกว่าเป็นเรา มันมีชีวิตอยู่กับเรา ผมขนเล็บฟันหนัง ท่านก็ให้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่ นี่แหละถ้าเข้าใจว่ามันไม่ใช่เราหรอก เราไปยึดว่ามันเป็นเรา
ผมมันเป็นชีวิตของเรา ขาดออกไปก็เป็นคนละชิ้นไม่ใช่ของเราแล้ว แต่มันยังอยู่ในตัวเรามันก็ไม่ใช่เราหรอก คำว่าไม่ใช่เราคืออะไร ไม่ใช่เราคือมันปรุงแต่งกันจากวัตถุดินน้ำไฟลมปรุงแต่งกันเป็น พีชะ จากพีชะ ปรุงแต่งเป็นจิต พอเป็นจิตก็อวิชชาเลย ที่จริงพีชะ เมื่อมันเริ่มมีสังขาร มีสัญญากำหนดก็ปรุงแต่งกันกำหนดเอาธาตุต่างๆของคุณ มะปรางก็ปรุงแต่งเป็นมะปรางมะเขือเทศก็ปรุงแต่งเป็นมะเขือเทศ มะม่วงก็ปรุงแต่งเป็นมะม่วง ซึ่งมันซื่อสัตย์มันไม่แย่งใครหรอก มันเอามาปรุงได้ก็ทำได้ หากินไปตามสามัญ ได้เท่าที่มันได้ ถ้ามันได้ไม่เต็มที่หนักเข้ามันก็สูญพันธุ์ไปได้ ฝ่อได้ มันไม่รบราฆ่าฟัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:04:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:15:07 )
รายละเอียด
เพราะ“หลับตา”ปฏิบัตินี่แหละ จึงกลายเป็นคนติดสิ่งเสพติดอยู่ แม้แต่แค่หมากพลูบุหรี่ ที่ติดแค่“รูป,รส,กลิ่น,เสียง,สัมผัสภายนอก”เป็นกิเลส“กามคุณ 5”ต้องจัดการก่อน ก็ไม่รู้ว่าตนยังเสพติดอยู่ จึงเป็นเหมือนท่านมหาบัว ญาณสัมปันโน และหมู่พวกทั้งอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ทั้งลูกศิษย์สาย“หลับตา”กันนี่แหละ ยังไม่รู้แม้แค่ตนเสพติดอยู่แค่“กามภายนอก” ที่ต้องจัดการก่อน ซึ่ง“ผิวนอก”อันเป็น“กามภพ”ถ้าถาก“ผิวนอก”นี้ออกไปไม่ได้ก่อน แล้วเราจึงจะถาก“ผิว”ที่ต่อจาก“ผิวนอก”เข้าไปหา“ผิวใน”ซึ่งเป็น“รูปภพ-อรูปภพ”เข้าไปเป็นลำดับๆกันจริงไม่ได้เลย ในความเป็นธรรมดาโลก เช่น เดียวกัน ที่ผู้ปฏิบัติธรรมที่“หลับตา”เข้าไปปฏิบัติโดยไม่จัดการกับ“ภพภายนอก”คือ “กามภพ”ก่อนนั้น จึงไม่ใช่“การดับภพ”ไปตามลำดับของธรรมดาธรรมชาติ ซึ่งศาสนาพุทธนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นศาสนาที่เป็นไปตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง (พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109)
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 460 ข้อที่ 639
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:37:27 )
รายละเอียด
ผู้ยังไม่มี“ปัญญา”คือมีแค่“เฉโก” ยัง“ไม่รู้”แค่ลำดับว่า“นอก”ควรจะ“ก่อน” แล้วจึงจะ“ใน”เป็นที“หลัง” ก็“โง่(อวิชชา)”อยู่ตามจริงแน่ๆ ก็เป็นธรรมดา
ตามที่เขาเป็นอยู่จริง ไม่ใช่พูดผิด หรือหาความกัน แม้แต่จะเป็นการ“มีอคติ”ใดๆ ก็ไม่ใช่แน่นอน มันคือ“ความจริง”
ที่พูดนี้เป็นการพูดสาธยายตามวิชาการ ไม่ใช่เรื่องข่มกัน ว่ากัน ผู้“โง่”
อยู่ก็คือผู้ยัง“อวิชชา”แท้ ก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปให้“พ้นอวิชชา”
ให้ได้สิ! เมื่อตนยัง“โง่”อยู่จริง มันก็ต้องทำตนให้“พ้นอวิชชา”มี“วิชชา”
ให้ได้ จึงจะ“พ้นโง่” เป็นไปตาม“ความจริง”นั้นๆ จึงจะ“จริง”
“ความจริง”ของใครเป็นจริงมีจริง มันก็“จบ”กันที่“จริง”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 382 หน้า 277
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:40:38 )
รายละเอียด
แหม คุณมั่นใจทู๊กถูก แต่คุณเข้าใจพี้ดผิด ถ้าคุณมาเป็นคนที่เป็นลูกศิษย์อาตมาแล้วตั้งใจฟังแล้วช่วยอาตมานี่แหละจะช่วยประเทศชาติดังที่คุณว่ามานี้ได้เยอะเลย แล้วพุทธศาสนาประเทศชาติจะเจริญได้ดียิ่ง อาตมาเสียดายที่ไม่ได้คนอย่างคุณอีกหนึ่งคนหรือมากกว่าหนึ่งคนก็สุดวิเศษเลยนะ เสียดายจัง
อาตมานึกถึงตัวเอง สมัยหนึ่งได้เคยไปเป็นโฆษกให้จังหวัดตรัง เขาก็ดีใจอาตมาเป็นโฆษกทางโทรทัศน์มีชื่อเสียงก็เป็นโฆษกให้เขา เขามีการรวมพลคนจังหวัดตรังที่สวนลุมฯ เขาก็ให้อาตมาเขียนบทความไปลงหนังสือ อาตมาก็ไม่เคยรู้จักจังหวัดตรัง
ก็ต้องไปค้นประวัติ จากสส.บุญช่วยที่เขียนไว้ อาตมาก็เขียนร่ายเวทย์อย่างคนรู้จักจังหวัดตรัง แต่ก็จบด้วยประโยคสุดท้ายที่ว่า...เสียดายจังตรังเอ๋ยไม่เคยไป แต่สาธยายมาหมด มีอะไรดีอะไรสวยก็สาธยายแต่จบด้วยอันนี้ พูด จัง อาตมาไม่เอาอย่างพุ่มพวง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:28:12 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2563 ( 11:25:00 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:20:26 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:19:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 11:56:34 )
รายละเอียด
เพราะอาตมาทำงานชาตินี้เป็นการทำงานที่มั่นใจจริงๆว่าอาตมาเป็นตัวจริงของผู้ที่จะมาทำงานทางศาสนา มาทำไม่ใช่เล่น เหลาะแหละ ที่เป็นการทำอย่างต้องการลาภยศสรรเสริญโลกียสุข..ไม่ใช่ แต่ทำเพื่อให้เกิด ให้รู้ธรรมะ ให้คนได้ชัดเจนในธรรมะ แล้วปฏิบัติตนตามความรู้ความเข้าใจที่อาตมาให้ ให้เกิดความเป็นจริงในแต่ละคนจริงๆ ..ได้กันไหมล่ะ ...ได้
โอ้โห! ..พวกคุณพูดกันอย่างมั่นอกมั่นใจตอบกันอย่างมั่นอกมั่นใจว่าได้ธรรมะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:07:36 )
รายละเอียด
อาตมาถามซ้ำอีก คุณปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ได้หรือไม่ หรือคุณพยายามอธิบายต่อคนเป็นอรหันต์แล้วก็เอาความรู้ไปขยายต่อ เป็นโพธิสัตว์ คุณรู้ไหมตรงนี้แล้วคุณทำอย่างนี้ไหมคุณกล้าว่าคุณเป็นคนอย่างนี้ไหม คุณไม่กล้าเพราะคุณไม่มั่นใจว่าที่พูดนี้จะถูกต้อง คุณไม่มีน้ำหนักความมั่นใจเท่าอาตมาหรอก นี่อาตมาพูดอย่างแสดงธรรมใช้สำเนียงเสียงเน้นให้รู้ความจริงไม่พูดเหยาะแหยะเบาๆ เพราะอาตมามั่นใจ
อาตมาจะทำอย่างนี้ไปจนกว่าจะยังขันธ์ต่อไปไม่ไหวตายก็จบ ยังไม่ตายก็ทำไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันจะต้องให้อันนี้แก่มนุษยชาติ ไม่มีอะไรสำคัญดียิ่งกว่านี้หรอก คนอย่างพระพุทธเจ้า ท่านรู้อะไรในโลกมากมายแต่ท่านก็สอนแต่อันนี้แล้วท่านก็สิ้นพระชนม์ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว ท่านรู้อะไรอีกเยอะแยะท่านก็ไม่เอา ท่านไม่ทำอย่างอื่น ท่านมาเอางานการอันนี้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมารู้แล้วสาระสัจจะอันนี้ เสียเวลาไป 36 ปีจนกว่าจะมารู้ พระพุทธเจ้าเสียเวลาไป 29 ปี เสร็จแล้วไปหลง โลกียะ ครอบงำอีก 6 ปีก็ต้องเสียเวลาไปทางโน้นอีก 6 ปี จนอายุ 35 ปีกว่าจะรู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จึงมาประกาศศาสนา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายกาวิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:34:21 )
รายละเอียด
ซึ่งอันนี้อาตมามั่นใจ มั่นใจว่าอาตมาเกิดมาในยุคนี้แล้ว อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่รู้จักคำสอนของพระพุทธเจ้า จริงๆ แล้วก็เชื่อมั่นว่า รู้มากกว่าใคร พอที่จะให้พวกเราเป็นพระอรหันต์ได้ แล้วก็ได้มีอรหันต์เกิด บรรลุตามที่อาตมาได้นำพามา เกิดแล้ว เป็นแล้ว เสียชีวิตไปก็หลายท่าน ที่เป็นอรหันต์ไปแล้ว ที่ยังอยู่ก็มีอยู่ ที่ยังจะกำลังเป็นอรหันต์ต่อไปก็ ทำให้ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 21:27:10 )
รายละเอียด
แต่ก่อนประชาชนไม่รู้ทันก็เลยเชื่อเถรสมาคม แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเถรสมาคมคือพวกที่ยังต้องจัดการกับเงินทอนวัดเต็มไปหมด เขาก็รู้ทันแล้ว เขาก็รู้ว่าชาวอโศกไม่ใช่อย่างนั้น เขาแบ่งแยกออกได้แล้ว เถรสมาคมจะมาครอบงำความคิดประชาชนอย่างทุกวันนี้ไม่สำเร็จหรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561
ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน สวรรค์คือภพชาติของคนโง่
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:57:33 )
รายละเอียด
ก็ถึงบอกว่า ในปัจจุบันนี้ทำให้ดีๆนะ อาตมาเคยพูดไว้ว่า คุณมั่นใจไหมว่าคุณเป็นอรหันต์ คนที่เก่งๆนี่แหละ มหาบัวก็บอกว่าตนเองเป็นอรหันต์ ประกาศไปในที ไม่บอกตรงๆเป็นเพราะว่า มังกุ อุทธัจจะ มันเก้อเขิน เพราะไม่แน่ใจ แต่อาตมาบอกตรงๆไปเลยไม่ใช่ว่าหน้าด้านนะ แต่พูดความจริง อย่างยิ่งอย่างเรียบร้อย ผู้ที่มีความจริงมั่นใจในความจริงและเป็นความจริงที่ถูกต้องแล้ว มันไม่มีการกระเพื่อมมันไม่มีการสั่นไหว มันไม่มีการว่อบแวบอะไรเลยมันเต็มรูปเต็มสภาพเลยและมั่นคง ไม่เชื่อใครมาทำให้อาตมาอายุ 500 ปีรับรองจะเจริญกันไปหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:00:07 )
รายละเอียด
หลายคนก็ยังไม่แน่ไม่นอนไปไปมามายังบังคับกันไม่ได้ที่เนี่ยใจดีมั่นใจหรือยังไม่แน่ใจไม่มั่นใจหรือยังไม่เชื่อเลยเค้าเป็นธรรมดาธรรมชาติของบางคน ก็ยังไม่ได้มารับทราบแนวคิดอย่างนี้มีด้วยหรือในโลกมีตั้ง 7,000,000,000 ในโลกนี้ยังไม่ดีอีกได้ยินแล้วมีหลากหลายสีเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างเชื่อพ่อเชื่อไม่ได้อะไรต่างๆนั้นด้วยปัจจัยต่างๆอีกเยอะแยะแต่ที่มั่นใจก่อนหนึ่งเดียวแน่ชัดคนนั้นก็พักเพียงเอาอยู่ที่คน
ที่มา ที่ไป
เทศน์ก่อนเผาศพ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:58:30 )
รายละเอียด
นี่แหละประเด็นหลักเลย มั่นใจไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตา มั่นใจก็คือพยายามมีสติสัมปชัญญะ จับอาการทั้งหลายแล้วก็ดูว่าอาการมันเกิดทางใจอย่างไร กายกรรมก็ทำไปวจีกรรมก็พูดไป เราก็หัดฝึกจิตของเราให้อ่านอาการของใจขณะที่กายกรรมมี ในขณะที่วจีกรรมมี ในขณะที่ฝึกลืมตานี่แหละ ศาสนาพุทธไม่หลับตาปฏิบัติ หากหลับตาปฏิบัติพระพุทธเจ้าก็บอกว่าเหมือนกับทำตาให้บอดทำหูให้หนวก ถ้าฟังอย่างนี้แล้วพวกนั่งหลับตาปฏิบัติน่าจะสะดุ้งเฮือก หากจะหลับตาก็นอนพักผ่อนสิ จะปฏิบัติธรรมก็ต้องตื่นเต็มทั้งกาย วาจา ใจมีสติเต็ม แล้วจะมีอธิปไตยเต็ม ถึงจะเกิดปัญญาเป็นอุตระได้ ปัญญาไม่เกิดในการหลับตามีแต่สัญญา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:54:07 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:18:33 )
รายละเอียด
คนในโลก ศาสนา ศาสดาต่างๆ ศาสดาที่รู้เพียงแต่ความดีความชั่ว นั้นเป็นโลกีย์ ศาสดาที่รู้แต่การพัฒนากิริยากาย วาจา ใจ ให้ดีก็รู้แต่แค่ดี แค่ชั่ว สมมุติกันว่าดีคืออะไรชั่วคืออะไร เช่นสมมุติกันว่าคนมาจนดี คนไปรวยชั่ว เห็นไหม คนโลกีย์กับคนโลกุตรธรรมต่างกันแล้ว มาจนมันดีกันอย่างไรนะ พูดแล้วน่าหัวร่อ คนโลกีย์ ฟังก็ฟังไปอย่างนั้น เขาจะไม่เข้าใจจนถึงศรัทธาเข้าใจจนเชื่อถือ ไม่เข้าใจถึงมีศรัทธาพละ เข้าใจแค่รู้แต่ไม่เกิดสัทธรรมให้เกิดศรัทธาเชื่อถือ พวกเราฟังแล้วเกิดความเชื่อ
จนกระทั่งเกิดปัญญาไม่ใช่แค่ศรัทธา ตอนเริ่มต้นก็พอเข้าใจว่าดีนะ อย่างน้อยพระพุทธเจ้าท่านก็มาจนท่านอยู่วังเวียงท่านก็ทิ้งมา นุ่งผ้า 3 ผืน
เดินพระบาทเปล่าจนกระทั่งมีพระนิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้นได้ ผู้ที่เห็นดีตาม เราน่าจะเห็นดีตามเชื่ออย่างลำลอง เสร็จแล้วก็ศึกษาเข้าๆ มีปัญญินทรีย์ มีความเข้าใจสูงขึ้นจนเป็นปัญญาพละ เชื่ออย่างจริงๆเลยก็เอาตัวมาเป็นคนจน เอาตัวมาเป็นคนแบบนี้ เอาตัวเองเข้ามาเลยทั้งๆที่ตัวเองอยู่ทางโลกมีพร้อม เอามาทั้งความรู้ความสามารถและสมรรถนะแล้วก็เอามาสร้างสรร เอามาพัฒนาช่วยกันให้มากมากเท่าไหร่ก็ดีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงสร้างให้มากในสิ่งที่ควรสร้าง สิ่งที่ไม่ควรสร้างไม่ต้องไปเสียก็เลยไม่ต้องจ่ายพลังงานในการให้เกิดการกระทำพฤติกรรมอะไร เอามาสร้างสิ่งที่มันเจริญสิ่งที่ควรสร้างอย่างสมเหมาะสมควรในสังคม
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:58:04 )
รายละเอียด
แต่โลกนี้มันโง่ลงๆมาถึงยุคนี้มันโง่มากมันถึงไปทำสิ่งที่ผิดมากกว่าสิ่งที่ถูก เราก็ต้องรื้อฟื้นสิ่งที่ถูกมาไม่เอาสิ่งที่ผิด ง่ายๆไปยึดถือความรวยนี่มันผิดมาก จนนี่มันถูกกว่า แค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว ค่อยๆพอ ขนาดนั้น เศรษฐกิจของประเทศไทยขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสเอาไว้ แล้วเราก็เอามายืนยันสนับสนุนส่งเสริม เราทำจริงด้วยไม่ใช่แค่ปาก เราก็ทำตามที่ในหลวงตรัสนี่แหละ เขาก็ยังไม่เห็นค่าเท่าไหร่เลย ไม่เห็นเอาจริงเอาจัง เขาก็จะเห็นว่ามันจริงหรือ มาจนมันเจริญกว่าอย่างไร มันซ้อน เจริญอันนี้ไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มาซื้อ versace แล้วจะไปซื้อทำไม มันซ้อนอย่างนี้ เขาว่าเขาซื้อกระเป๋า versace Dior นี้ดีกว่า แล้วพวกเอ็งเอาอะไรมาใช้ ดีไม่ดีเอาของบังสกุลมาซักให้ใช้อีก อะไร พอเขาทิ้งแล้วก็เอามาใช้ แต่นี่ของเขาคิดมาใหม่แปลกใหม่นะ เราไม่ประหลาดนะ อะไรอย่างนี้ เราบอก เราไม่ได้ตื่นเต้นอะไรไม่แปลกอะไร ทุกวันนี้ของใหม่มันไม่จำเป็นแล้ว ของเก่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว ปัจจัยสำคัญ มันเกิน มันมีความเฟ้อจนไม่รู้จะเฟ้ออย่างไรแล้ว อันนี้ก็ยากที่เขาจะเข้าใจเพราะเขาหลงความใหม่ ความแปลก ความอวดอ้าง ค่านิยมของแฟชั่นที่เขาโง่กัน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 09:59:07 )
รายละเอียด
นี่คือสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ อย่างน้อยพวกคุณก็พิสูจน์ได้ ใครๆก็พิสูจน์ได้เพราะเป็นนามธรรม อาจจะมีคุณสมบัติหรือคุณธรรมมากน้อยดีเยี่ยมหรือไม่เยี่ยมกว่ากันสูงมากน้อยกว่ากันเท่านั้นแหละ แต่มันเป็นนามธรรมที่เป็นคุณธรรมคุณวิเศษ อย่างเช่นเรามาจนซึ่งเขามาจนไม่ได้เขาก็คงเหมือนกับเรา พวกเรามาจนสบาย นี่เป็นการยกตัวอย่างมาร่วมกันอยู่อย่างไม่ใช่พี่ไม่ใช่น้อง แต่เราก็อยู่กันอย่างครอบครัวใหญ่ โอ้โห ครอบครัวใหญ่ กินใช้ร่วมกัน เงินกระเป๋าเดียวกัน ครอบครัวเดี๋ยวนี้เขาก็แยกกันผัวเมียพ่อแม่ใช้เงินคนละกระเป๋า แต่ของพวกเรากลับไม่ใช่เลยใช้ร่วมกันและแต่ละคนไม่ได้เจตนาจะมาแย่งชิงกันเอาเปรียบเอารัดใครได้มากกว่าใคร ใครเป็นคนที่เอาเปรียบใครไม่ได้เกี่ยงไม่ได้มานั่งคิดเล็กคิดน้อยอะไรอย่างนี้สบาย มีความละอาย มีเจตนารมณ์ มีความเข้าใจด้วยปัญญาว่าอะไรควรหรือไม่ควรอะไรดีหรือไม่ดี เราก็ทำแต่สิ่งที่ดี ในนี้เขาทำอะไรกันดีๆ เราทำไม่ดีก็จะมีความละอาย มีความสำนึก มีหิริโอตตัปปะจริงๆเลย ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งความรู้ ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งความจริง..เอาน่ะ..พากันให้พิสูจน์ต่อไป
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:33:46 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:20:41 )
รายละเอียด
หลวงปู่ต้องอาศัยพวกเรา คนที่มีความรู้ตรงกันอันเดียวกัน ความชำนาญชัดเจนอันเดียวกันก็จะช่วยกันได้ดีใช่ไหม ได้ถูกต้อง จะได้ทำงานช่วยสังคมที่เป็นสังคมประเสริฐ สังคมเจริญแบบนี้ ซึ่งโลกทั้งโลกตอนนี้กำลังโน้มเอนภาษาสมัยใหม่เรียกว่ามี Trend มาเอาอย่างที่แบบพวกเราเป็น เรียกว่า civilization แต่อังกฤษเขาไม่มีโลกุตรธรรมเป็นเทวนิยม แต่คำว่าความเจริญทางภาษาอังกฤษเรียกว่า civilized เราก็เจริญเราก็ไม่มีปัญหาอะไร เราเจริญแบบโลกุตระมันก็คือความเจริญของความเป็นมนุษย์ เจริญจนเกินความเป็นโลกียะ
ที่มา ที่ไป
รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2562 ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:25:32 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:40 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:29:34 )
รายละเอียด
เป็นธรรมดาของปุถุชน ก็เกิดแล้วตายเล่า วนเวียนสูงแล้วก็ต่ำ ต่ำแล้วก็สูง มีต่ำมีสูง มีสุขมีทุกข์ เป็น“ภาวะ 2”วนเวียนอยู่ในชีวิต เกิดๆ-ตายๆ ชาติแล้วชาติเล่า สุขๆ-ทุกข์ๆ แย่ง“สมบัติผลัดกันชม”ไม่มีจบเวรภัย อยู่ตลอดกาลนาน เป็น“สุขนิยม”ถาวร
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 17 หน้า 53
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 13:36:23 )
รายละเอียด
จนกระทั่งตรวจสอบหมดเป็น 2 นัย ลักษณะของ Static กับ Dynamic เรียกเป็นภาษาสากลเลยทั้งพลังงานอุตุ พีช จิต ก็ใช้ตัวอธิบายหรือตัวชี้วัดว่า เป็นตัวตั้งกับตัวเคลื่อน
ตัวตั้งเรียกว่าสมาธิ มันก็เต็ม แน่น เป็นนิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
ปัญญาก็ตัวรู้ ตัววิมุติหลุดพ้น มุติ แปลว่ารู้ อธิมุติหรือวิมุติคือ รู้อย่างสุดยอดจบ ก็คือเจโตกับปัญญา สมาธิกับวิมุติ ก็ตรวจสอบ
ปัญญาก็รู้รอบรู้จบรู้ไม่เหลือ สัญญาเวทยิตตัง นิโรธัง โหติ ใช้สัญญาเป็นเจตสิกสำคัญทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ สัญญาเป็นเจตสิกที่ทำงานหนัก เป็นความจำ เป็นคลังก็เรียกว่าสัญญา ตัวเองเป็นตัวทำการรู้ก่อนใครเลยนะสัญญานี้ หลังใครเลยนะฝังไว้ในเซฟในเก๊ะ เป็นคลังความจำ
เพราะฉะนั้นตัวสัญญาคู่สุดท้ายเลย ส กับ อัญญา นี่ อัญญา เป็นธาตรู้โลกุตระ กับทุกอย่างเลย สก สว สย สามารถรู้ครบจบหมด ก็เป็นการสมบูรณ์ที่สุด นี่คือ มาตรวัด เจโตปริยญาณ 16
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:46:47 )
รายละเอียด
ส่วนเจโตปริยญาณ 16 นั้นเขาอธิบายกันไปเลอะเทอะ ไม่ได้เอาไปใช้เป็นมาตรวัดกิเลสในจิตเลย เช่น สราคะ สโทสะ สโมหะ ก็ทำให้กิเลสมันลดลงไป วีตราคะ วีตโทสะ วีตโมหะ ทำให้กิเลสลดได้ก็จะเป็น สังขิตตังจิตตัง (เจโต) วิกขิตตังจิตตัง (ปัญญา) ทำให้จิดเจริญมากยิ่งขึ้นเต็ม มหัคตะ หรือไม่เจริญขึ้นเป็นอมหัตตะ ดีไม่ดีเสื่อมด้วย ก็ต้องตรวจไปเรื่อยๆ ต้องให้มหัคตะให้ได้ อย่าให้เสื่อมจากมหัคตะ ที่มันเจริญได้มากได้ดีได้ยิ่งใหญ่แล้วเจริญไปสู่ความ มหะ คือมาก อัคคะ คือ เจริญเลิศยอดไปเรื่อยๆ
ทำได้ก็ตรวจสอบไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเจโตปริยญาณคือการวัด ส่วนคู่ที่ 2 คู่สุดท้าย คือ สอุตระกับอนุตระ
สอุตระคือจิตที่ดี เป็นอุตระจิต ประกอบด้วยอุตรจิต เป็นจิตที่ดี แต่ดีกว่านี้ยังมีอีก ดีเป็นโลกุตรจิตแต่ยังไม่จบ จนกว่ามันจะไม่มีดีกว่านี้อีก สุดความดีแล้วเป็นอนุตรจิต สุดอย่างไร สุด เพราะว่ามันตั้งมั่นสะอาดเป็นสมาธิ สุดเพราะมันตั้งมั่น และสุดเพราะมันหลุดพ้นจากโลกีย์จากกิเลสหมด ภาษาที่ว่าตั้งมั่นก็คือสมาธิ ภาษาที่ว่าหลุดพ้นจากกิเลสจากโลกโลกีย์ก็คือวิมุติ
เพราะฉะนั้น จิต ที่เป็นสมาธิเรียกว่า สมาธิเต็มแล้ว สมาธิที่ได้เลือกเฟ้นแล้ว ภาษากลางๆคือสมาธิ พอมาเป็นของพระพุทธเจ้าคำที่เป็นสมาธิเต็มแล้วเรียกว่า สมาหิตะหรือสมาหิโต เป็นความตั้งมั่นของจิตแล้ว
เพราะฉะนั้นคำว่าสมาธิจริงๆนี้จึงมีนัยยะสำคัญที่จะต้องเรียนรู้ว่า สมาธิเป็นสัมมาสมาธิหรือเปล่า แม้เป็นสัมมาสมาธิแล้ว จะเต็มก็ต้องปฏิบัติตามหลักจรณะ 15 วิชชา 8 แล้วจึงตกผลึกลงสั่งสมเป็นสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิของพระพุทธเจ้าเต็มท่านจึงเรียกชื่อว่า สมาหิโต และต้องตรวจสอบตัวหลุดพ้นเป็นคู่สุดท้าย เรียกว่าวิมุติกับอวิมุติ ยังมีเผลอ เอ๊! นึกว่าวิมุติแล้วนะแล้วยังมาตีท้ายครัว แวบอีก เห็นไหมพระพุทธเจ้าไม่ให้ประมาทเลย นี่คือ “เจโตปริยญาณ 16”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:05:31 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:31:42 )
รายละเอียด
แม่
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 200
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:15:15 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:49 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:22:15 )
รายละเอียด
คือ คำว่าแม่มีนี้ไม่ใช่แม่ที่คลอดลูกมาหรือแม่ออกไข่ หรือ แตกตัวออกมาก็ไม่ใช่แต่นี่เป็นสัตว์ทางจิตวิญญาณ เปลี่ยนจากสมมุติเทพเป็นอุบัติเทพ จนเป็นวิสุทธิเทพ อธิบายแล้วปฏิบัติได้ตามนี้อะไรเป็นคู่ มีศีลกับปัญญา ช่วยกันทำให้เกิดอธิจิต เป็นแม่เป็นพ่อ เหมือนล้างมือด้วยมือล้างเท้าด้วยเท้า หรือโพชฌงค์เป็นพ่อ มรรค 8 เป็นแม่ ร่วมกันทำให้เกิดสัตว์โอปปาติกะ เป็นอาริยะได้จริงๆ โดยมีสองนี้ได้ หรือมีสติปัฏฐาน 4 กับโพชฌงค์ 7 ทำให้เกิดจิตวิญญาณใหม่ได้ หรือ ปฏิจจสมุปบาท มี อวิชชาแล้วมีสังขาร มีกาย วจี สังขาร เป็นสังขารโลกีย์ พอมาเป็นสังขารโลกุตระ เป็นปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร อธิบายแล้วคนเอาไปลดกิเลสได้จริง ทำได้ก็ปัจจัตตัง เป็นคนเจริญมาเป็นคนจนคือ เจริญ ไม่ใช่คนรวยคือ คนเจริญ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71
เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:51:45 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:43 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:17:28 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติทุกวันนี้ อาตมาจึงเมื่อย ทำงานมา 50 กว่าปีแล้ว ยาก มันช่างยากเย็นพวกเราก็ได้มาขนาดนี้ แต่มันยาก ได้มาขนาดนี้ก็ภาคภูมิใจพอสมควรแล้ว ช่วยกอบกู้ทำการ รื้อขนสัตว์ ออกมาได้ขนาดนี้ นอกนั้นขนไม่ได้ รื้อไม่ได้เขาไม่ยอมให้รื้อ ไม่ยอมให้ขน เขาไม่ยอมรับเลย ไอ้เราก็ไม่ใช่คนที่จะไปเที่ยวกวนคนอื่น บังคับคนอื่นหรือไปหว่านล้อม อาตมาก็ไม่หว่านล้อมด้วย แสดงธรรมไป คัดเลือกเอา ผู้ใดที่ฟังแล้วเป็นธรรมวาทีก็มาเอา ผู้ใดไม่เห็นเป็นธรรมวาทีเขาก็ไม่เอา
เพราะฉะนั้นอาตมาคล้ายๆกับมาตามหาผู้ที่มีบารมีเท่านั้น ที่มาทำงาน ชาตินี้ปางนี้ ไม่ได้ไปพยายาม ไปหาบริวารเลย ไม่ ให้ผู้ที่รู้สึกว่า ได้ยินได้ฟังได้รับสัมผัสก็รู้แล้วมีปฏิภาณด้วยว่าอย่างนี้ใช่ อย่างนี้สนใจอย่างนี้น่าฟังแล้วก็มาฟัง กระทั่งได้มรรคได้ผลไป ฉะนั้นอาตมาจึงยืนยันได้ว่าชาวอโศกนี้คือของจริง อาตมาจึงยืนยันตัวเองได้ คนอื่นเขาไม่รับรองไม่เป็นไร แต่อาตมารู้เองก็รับรองเองว่า พวกคุณนี้คือของจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 11:13:00 )
รายละเอียด
ดังนั้น“พระเจ้า”จึงไม่มีสิทธิ์ใน“ตัวเรา”หรือ“ตัวตนของเรา”หรือ“วิญญาณของเรา” เพราะเราพิสูจน์ได้ว่า เราสามารถ“ทำอัตตาของเราเกิด-ดับ”เองได้ กระทั่งสลายความเป็น“วิญญาณ”หรือ“จิตธาตุ”ให้แตกตายสลายกลายเป็น“อุตุธาตุ” หมดสิ้นความเป็นชีวะแห่ง“อัตตา”อยู่ในวัฏฏสงสารในมหาเอกภพไปได้สัมบูรณ์นิรันดรจริงๆ โดยไม่เหลือเศษชีวะแห่ง“อัตตา”ใดๆอีกหมดสนิท ฉะนี้คือ การดับสิ้นของ“อัตตา”ที่เกิดมาเป็น“จิตนิยาม”
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 453-454 ข้อที่ 627
เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2565 ( 13:58:03 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:31:15 )
รายละเอียด
อาตมาพูดบอก ยืนยันตัวเองว่าเป็นใคร มาทำงานนี้เพื่อสืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้า พระสมณโคดม ก็อันเดียวกับของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นไปตามเหตุปัจจัยองค์ประกอบยุคสมัย มันเล็กมันน้อย แต่พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ไม่ได้ตกต่ำกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่น และองค์ประกอบมันน้อยกว่ายากกว่าพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆด้วย องค์กัสสปะ เป็นต้น บางองค์มีมาฆบูชาหลายครั้ง พระภิกษุเป็นล้านคนก็มี แต่คุณสมบัติคุณธรรมคุณวิเศษเท่ากันทุกพระองค์ แต่เหตุปัจจัยต่างๆองค์ประกอบต่างกันเท่านั้นเอง ทำอย่างนี้ก็ยากกว่า คนมากๆ เป็นคนมีกุศลบารมีเยอะ ง่ายกว่าเยอะเลย สะดวก บริวารมีมากก็ยิ่งง่าย บริวารมีน้อยก็ยิ่งยาก ซับซ้อน จึงไม่มีใครเข้าใจผิด อาตมานี้ แม้จะยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าก็เข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ยิ่งเข้าใจยิ่งกว่าอาตมา
อาตมายืนยันว่าเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แค่นั้น อาจจะมี 8 บ้างก็ไม่ขอประกาศว่าเป็นโพธิสัตว์ระดับ 8 ในชาตินี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 13:02:25 )
รายละเอียด
ใจ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 257
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:16:00 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:28 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:16:52 )
รายละเอียด
มานะกิเลส เป็นลักษณะอย่างไร การป้องกันตัวเองไว้ให้เป็นคนดีคือมานะกิเลสตัวนึง คำว่ามานะแปลว่าความถือดี คนเราที่เห็นว่าอันนี้ดี เราก็เอาดีนั้นให้ได้ แล้วเราก็ยึดดีถือดีมีไว้เป็นตัวเป็นตน ยึดถือไว้แล้วก็เอาไปฟาดคนอื่นอันนี้จะเสีย เรายึดถือของตนได้เป็นมานะกิเลสดี แต่อย่ายึดถือมานะเป็นตน ซ้อนไปอีก เราดี แต่อย่ายึดดีว่าเป็นเราจนเกินไป จนคนอื่นเขาทำไม่ดีก็จะไปซัดเขาแรง เอาจริงเอาจังแข็งจนเกินไป จนเขาทำไม่ไหว จนเขารับไม่ได้ จนเขาร่วมไม่ได้ มันก็ไม่ได้ประโยชน์ ก็ต้องดูอินทรีย์พละของแต่ละคน หย่อนให้เขาหน่อย เขายังดีอย่างที่เราต้องการไม่ได้ก็ต้องอนุโลมปฏิโลม ถ้าอาตมามีมานะกิเลสถือดียึดดี จะต้องเอาดีอย่างนี้ให้ได้ตามใจอาตมาไม่เหลือพวกคุณสักคนหรอก เพราะอาตมาต้องให้ได้เป็นอรหันต์เท่าอาตมาให้ได้ อย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรารู้ฐานะของบุคคลแต่ละฐานะ เขามีเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างไรเราก็ช่วยเขาอย่าให้ต่ำกว่ามาตรฐานนี้ให้ได้ เขาเจริญขึ้นได้ก็ดีถ้าไม่ได้ก็ค่อยๆช่วยกัน ถึงเรียกว่าให้มีทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา ไปตามลำดับ
ที่มา ที่ไป
วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 15:56:57 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:11 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:18:25 )
รายละเอียด
ความถือตัวถือตนในความดีของตน
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:22:31 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:31 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:16:24 )
รายละเอียด
1. สภาพที่ยังยึดดี มุ่งดี หมายดี ตรึงเอาดีนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย
2. ใจ
3. ตัวตน
4. ถือตัว
5. ถือตัวถือตนเป็นใหญ่ ยึดมั่นเข้าไว้อย่างไม่รู้ถูกรู้แท้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ยังเป็นเรา ยังเหลือภพที่ตนเองเสวยโดยไม่รู้เท่ารู้ทัน
6. สภาพยังมีการยึด การถือตัว ตั้งแต่ถือตัวที่เห็นแก่ตัวหยาบ ๆ เลว ๆ
7. จิตของตนยึดความเห็นความได้ ยึดปัญญา ยึดความเป็นของตน
8. การยึดจิตของตน หรือการยังเห็นแก่ตัวคือเห็นแก่จิต
9. ความเห็นสูง , ความปรารถนาสิ่งสูง
10. ความทะเยอทะยานอยากในความสูง คือสภาพที่ยังยึดดี มุ่งดี หมายดี ตรึงเอาดีนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 374, หน้า 508, หน้า 509, ทางเอก ภาค 2 หน้า 257, หน้า 355, หน้า 483, ทางเอก ภาค 3 หน้า 46, หน้า 402, สมาธิพุทธ หน้า 246, หน้า 367
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:21:14 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:59 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:21:41 )
รายละเอียด
ดื้อถือดีในความรู้ที่ตนมี
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 485
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:25:07 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:38 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:32:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:12:19 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:45 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:33:37 )
รายละเอียด
จิตวิญญาณที่เป็นผู้หลงอยู่กับความเป็นมนุษย์อันสูงอันวิเศษ คือติดยึดอยู่กับความสูง ความเลิศของตน ผู้ใดยึดมาก ยึดน้อย สูงมาก สูงน้อยเท่าใดก็เป็นตามสภาวธรรมที่ยึดนั้น ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 403
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:25:57 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:21 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:34:10 )
รายละเอียด
ศีลของฆราวาส เรียนรู้ ฆราวาส มีศีล 5 เป็นหลัก จากศีล 5 เป็นอธิศีล ในข้อที่ 1 2 3 4 5 เป็นอธิศีล คุณก็ทำของคุณเอาเอง แต่ของพระหรือนักบวชของพุทธ มี จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ชัดเจนเลย วินัย ก็อีก 227 ชัดเจนเลย ก็ต้องเป็นหลักสำคัญแล้ว เพราะสมัครเข้ามาก็มีกรอบให้ปฏิบัติได้ดียิ่งกว่า ท่านจึงเรียกว่ามาบวชนี้ มันจะบริสุทธิ์ดุจสังข์ขัดโดยส่วนเดียวดีกว่าฆราวาส ถ้าเป็นฆราวาสยิ่งคนตามใจตัวเองไม่แข็งแรงจะยาก ต้องมาบวชจะได้มีกฎระเบียบบังคับ ซึ่งเมื่อมีศีลมีวินัยแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนให้คุณปฏิบัติทีเดียวจุลศีล 26 ข้อทั้งหมด ไม่หรอก ศีลอีกหลายข้อที่คุณยังไม่ถึงคุณก็เริ่มที่ศีล 5 เหมือนกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:05:39 )
รายละเอียด
กามาวจรก็ไม่ผ่าน แล้วไปหลับตา รูปาวจร อรูปาวจร มันเป็นสัมภเวสี คุณยังติดในรส คุณยังไม่ได้เริ่มต้นปอกเปลือกเลย แล้วคุณจะกินกระพี้ต่อจากเปลือก คุณเอากามออกก่อน แล้วจะกินเนื้อรูปาวจร อรูปาวจรได้ มันต้องเอาออกก่อนจริงๆถึงจะกินได้
ถ้าคุณไม่ได้ทำ กามในกามาวจรให้เรียบร้อยก่อน คุณทำรูปาวจร อรูปาวจร มันก็เป็นเรื่องตลกทั้งนั้น เป็นเรื่องโกหกตัวเอง มันไม่ใช่ของจริง ไม่เป็นทิฏฐกาล
ผู้ที่บรรลุกามาวจร หมดกามตัณหาแล้วตั้งแต่กามาวจรคุณก็ไม่ได้หลับตา ก็ยังสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย แต่กิเลสรูปาวจรจิตอรูปาวจรมันขึ้นมา คุณก็ลดอันนี้สิ มันเป็นลำดับขั้นตอนอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นผู้ที่ทำไม่ถูกตามขั้นตอนอย่างน่าอัศจรรย์ ผิดหมด ชัดเจนขึ้นไหม
น่าสงสาร อาตมาจึงตำหนิแล้วตำหนิอีก เพราะอาตมาสงสาร เห็นใจที่เขาอยากมาปฏิบัติธรรมเพื่อไปนิพพาน แต่มันเป็นโมฆะ มันน่าเสียดาย คนมาปฏิบัติก็เยอะแยะเลย คนที่มาปฏิบัติมันมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว ก็อยากให้มาเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิ จะว่าเป็นความอยาก ก็คืออยากช่วย แต่มันน่าเสียดายที่เขาเองถูกเถรสมาคม บาปกินหัว มาว่าอาตมาเขาก็ต้องเชื่อเถรสมาคม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 19:57:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:19:48 )
รายละเอียด
อาตมาก็อธิบายให้คุณฟังนี่แหละฟังเข้าใจเท่าไหร่ ก็ไปบอกลูกสาวหรือพยายามอธิบายให้ลูกสาวเข้าใจว่า คำว่าผีนั้นที่พูดกันด้วยภาษาไทยๆว่าผี ซึ่งหมายถึงเรื่องของผีก็เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ คนที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิก็เข้าใจว่าจิตวิญญาณที่เป็นผีที่ลอยตุ๊บป่องตุ๊บป่องอยู่ข้างนอก เป็นผีเปรตผีกระสือผีบ้าๆบอๆเอามาสร้างหนังเป็นนิทานนิยายอะไรหลอกกันไป คนมันก็ยิ่งโง่หนัก ก็ยิ่งไปหลงใหลกลัวผีอย่างนี้กัน หลอกกันมานานนับเป็นพันปีแล้ว มันก็น่าเห็นใจ ถูกครอบงำทางความคิดถูกหลอกไป ก็ไปงมงายอยู่อย่างนั้น
อาตมาทั้งเทศน์และพูดมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แม้แต่ในวัดในวาก็บอกว่ามันไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่างไปสร้างเอง เป็นพวกที่คิดสร้างจะเรียกว่าเป็นศิลปินก็ ศิลเปรอะ เที่ยวไปหลอกคนให้งมงาย
แต่มันมีเชิงดีอยู่ว่า ให้กลัวผีกลัวบาปกลัวทำไม่ดีซึ่งมันซับซ้อน จะกลัวสิ่งไม่ดีคุณก็ต้องทำตัวเองปฏิบัติตนเองให้จิตใจของคุณเป็นจิตใจที่ดี อย่าให้เป็นจิตใจที่ชั่ว
จิตใจชั่วนั้นแหละคือ ผีอยู่ในคน นอกตัวคนคนที่ตายแล้วจิตวิญญาณไม่อยู่ในคนแล้ว ไม่เข้ามายุ่งอะไรได้กับคนเลย ขอประกาศเลย
ขณะนี้มีในสังคมมีคนชื่อว่า หมอปลา เป็นคนปราบผี ออกอากาศกันอยู่ จอ Amarin นี้ชอบเอามาออกกันบ่อยที่สุดเลย พอดีอาตมาฟังๆดูก็มีสัมมาทิฏฐิบ้าง แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ แกก็ยังพอมีบ้าง ก็ยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ช่วยได้พอได้คือบรรเทาไปขั้นตอนหนึ่งนะยังไม่สมบูรณ์แบบ
ผีที่เป็นจิตวิญญาณที่ไม่อยู่ในร่างคนแล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเกี่ยวข้องอะไรกับคนเป็นๆได้เลย คนโง่แล้วคนก็บอกว่าผีเข้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่จริงแล้วจิตของคุณโง่มีอุปาทานเอง เช่นจิตเข้าทรงมีผีเข้าตัวเองโง่เองตัวเองอุปาทานตัวเองว่า นี่แหละผีมันมาเป็นอย่างนี้ เข้าทรงเป็นอย่างนี้ เทวดาเข้าทรงเป็นอย่างนี้ ไปกันใหญ่เลย ก็มองว่าเทวดาหรือพระพรหมเข้าทรงก็ดูท่าทีดีเคารพกราบไหว้ เป็นผีก็ไล่กันอะไรอย่างนี้
การเข้าทรงก็ดีชักดิ้นชักงออย่างโน้นอย่างนี้ อาตมาก็เล่นมานักไสยศาสตร์ เล่นมาแต่ก่อนนี้ แต่เดี๋ยวนี้ก็รู้แล้วล่ะว่ามันบ้าของตัวเองคนเดียว ที่ดิ้นที่ทรงที่มีผีมีเจ้า มีเทวดามารพรหมหรือผีอย่างโน้นอย่างนี้เข้า จิตตัวเองเป็นทั้งนั้นเลย ไม่มีจิตวิญญาณใดๆไปเข้าใครได้ จิตวิญญาณใครๆก็เข้าใครไม่ได้
ถ้าจิตวิญญาณเข้าใครได้ พระพุทธเจ้าก็เอาจิตวิญญาณของท่านไปเข้าคนนั้นคนนี้ดีไปเลยเสร็จไปเลย จนกระทั่งครอบงำคนๆนั้นให้บรรลุธรรมไปเลย เฮอะ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:56:17 )
รายละเอียด
1. รู้จักแม่ที่เป็นธรรมาธิษฐานให้ชัด ๆ คือมายาจริง ๆ
2. มารยา สิ่งไม่ใช่สัจธรรม ไม่ใช่ความดีลงตัวเป็นที่สุดถูกแท้
บริสุทธิ์แท้
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 369
ทางเอก ภาค 3 หน้า 433
สมาธิพุทธ หน้า 367
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:26:58 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:51 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:34:43 )
รายละเอียด
มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ คือ ทั้ง 4 ตัว คือ ตลบตะแลง หลอกลวง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอารยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:46:24 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:36 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:17:46 )
รายละเอียด
เป็นเรื่องของบุคคลที่ถูกหลอกให้ตกเป็นบริวารของจอมมายา ตัวเองไปดูนักมายากลเล่นกล อยากดูว่านักมายากลที่แสดงความจริงหรือเปล่า แม้เขารู้ว่า จอมมายากลคือการหลอกชนิดหนึ่ง แต่ก็ชอบไปดู ไปดูว่าเขาจะหลอกได้เก่งขนาดไหนจับได้ก็ขายหน้าเลย แต่จอมมายากล ก็ต้องแน่ ไม่ให้จับได้ ถ้าจับได้ก็เสียเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 18:47:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:05:11 )
รายละเอียด
คำว่ามายา คือความตลบแตลง มายาคือความหลอกไม่ใช่ความจริง พวกนักมายากลก็จะเอาเรื่องไม่จริงมาหลอก แต่สิริมหามายานั้น มันเป็นความจริงไม่ใช่ความหลอก แต่เป็นความจริงที่เร็วไวเหลือเกินเหมือนนักเล่นกล ผู้ที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่าความจริงคืออะไรกันแน่ก็จะงง แต่ผู้มีสัจจะจริงแล้วแสดงออกพูดไปหรือยืนยันไป ความจริงทั้งนั้น ไม่เป็นมายา แต่ผู้ไม่รู้นั้น เขาเองเขางง เขาเหมือนว่า คนนี้พูดกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอย เขาจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เขาก็เลยโยนความผิดให้แก่ผู้แสดงความจริงคือสิริมหามายา
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:33:43 )
รายละเอียด
พวกนักมายากลกับสิริมหามายา จึงเหมือนกันที่เร็ว คนรู้ทันความจริงที่ถูกต้อง ก็เป็นสิริมหามายา ไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่เรื่องเท็จ ไม่ใช่เรื่องหลอก แต่คนที่รู้ไม่ทันนักมายากล ก็ถูกนักมายากลจอมมายาหลอกเอา เป็นความไม่จริง มายา
คำว่า มายา กับ สิริมหามายา จึงต่างกันด้วยประการฉะนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:23:01 )
รายละเอียด
ซาตาน , อกุศลจิต
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 352
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:27:38 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:43 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:35:03 )
รายละเอียด
ซึ่ง“2 หน้า”นั้นคือ“เทฺว” และ“เทฺว”ที่หมายถึง“การแยกไม่ได้”นั้นก็คือ “สุขกับทุกข์”นี่เอง ที่เป็น“คู่หู”ที่แยกกันไม่ได้เด็ดขาด
คนผู้ยังหลงอยู่ในวังวนของ“เทฺวนิยม” จะหลงติด“สุข”กันอยู่ โดยไม่มีความรู้(อวิชชา)ว่า “สุขกับทุกข์”นี้เป็น“เทฺว”ที่ตนเองหรือ“พระเจ้าเอง”นั่นเอง ยึดติด“สุขนิยม”
ไม่ได้ศึกษาแยกแยะความเป็น“เทฺว”อย่างรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“เทฺว” แม้ที่สุด“เทฺวผู้ยิ่งใหญ่”อันคือ“พระเจ้า” จึงยังหลงเชื่อว่า “พระเจ้า”เป็น“เจ้าของความสุข” และเป็น“ผู้ที่ประทานความสุขให้แก่คน” เป็น “1” ยิ่งใหญ่
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 367 หน้า 269
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:22:30 )
รายละเอียด
คือ ตัวการที่เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ทำดี
1. กิเลสมาร (กิเลสทั้งปวงล้วนเป็นมาร, มารคือ กิเลส)
2. ขันธมาร (ขันธ์ 5 ทุกข์เจ็บป่วยเป็นมาร, มารคือ เบญจขันธ์ เช่นติดรูปขันธ์)
3. อภิสังขารมาร (จิตปรุงแต่งชั่วอย่างยิ่งเป็นมาร, มารคือ อภิสังขารที่ปรุงแต่งโดยมาร -หรือสร้างก่อให้เกิดความหลงผิด ฯลฯ)
4. เทวปุตตมาร (ทำทีเป็นผู้มีจิตใจสูงที่แท้เป็นมาร, มารคือ เทพบุตรลวงโลก))
5. มัจจุมาร (ความตายทำให้หมดโอกาสทำดีเป็นมาร, มารคือ ความตาย)
ที่มา ที่ไป
อรรถกถาแปลเล่ม 21 หน้า 301
คัมภีร์วิสุทธิมรรค
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2562 ( 12:08:27 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:13:33 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:35:42 )
รายละเอียด
คือตัวการที่เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ทําดี
1. กิเลสมาร (กิเลสทั้งปวงล้วนเป็นมาร)
2. ขันธมาร (ขันธ์ 5 ทุกข์เจ็บป่วยเป็นมาร)
3. อภิสังขารมาร (จิตปรุงแต่งชั่วอย่างยิ่งเป็นมาร)
4. เทวปุตตมาร (ทําที่เป็นผู้มีจิตใจสูงที่แท้เป็นมาร)
5. มัจจุมาร (ความตายทําให้หมดโอกาสทําดีเป็นมาร)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,อรรถกถาแปลเล่ม 21 “เสกสูตร” หน้า 301
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 20:08:47 )
รายละเอียด
แล้วก็เป็นสังขาร ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้สอนลงไปอีกว่าใช่มันเป็นสังขาร แต่สังขารมันเป็นเพียงองค์ประกอบปรุงแต่งเท่านั้น จริงๆมันเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนเลย มีไหม มี แต่ที่จริง เป็นไง ไม่มี แล้วที่คนพูดอยู่นี่มีไหม มี แล้วไม่มี อนัตตาแล้ว ทำไมยังไม่ตาย มาร จึงบอกให้ตาย ตรัสรู้แล้วตายเลย มารทั้งนั้นแหละ เพราะว่ากลัวจะขยายความจริง มารมันครองอยู่ แสดงว่า มารนี้คืออัตตา มารคือ ปรมาตมัน มารคือ พระเจ้า แต่เขาไม่รู้ตัวว่า เขาเป็นมาร เพราะเขาเป็นอัตตา เป็นปรมาตมัน เป็นอัตตาที่ยิ่งใหญ่นิรันดรไม่มีสูญด้วย ไม่มีอนัตตา เห็นไหม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:51:47 )
รายละเอียด
ความโง่ซ้อน มารมันซ้อนอยู่กับเทวะ ตัวคุณเองเป็นทั้งมารและเทวะ เทวะ องค์ที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่าพระเจ้า ขออภัยภาษาวิชาการนั้น พระเจ้าก็คือมาร โดยไม่รู้เรื่อง มารหรือซาตาน ไม่รู้ว่าซาตานก็ซ้อนอยู่กับตัวเอง ในตำนานของศาสนาพุทธ พระเจ้าคือพรหม พรหมทัต แต่มารคือ คนธรรพ์ อยู่ไหน แทรกอยู่เป็นตัวหมัด ตัวเล็น อยู่ที่ขนของพญาครุฑและแอบเสพ กากี เสพเมียของพรหมทัตอยู่ตลอดกาล เสพกามอยู่ตลอดกาล แอบเสพอยู่ตรงนั้นโดยพรหมทัต ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรแทรกซ้อนอยู่ สรุปแล้วเป็นอันเดียวกันแยกให้เห็นเป็น 2 อย่างเท่านั้น นี่เป็น อจินไตย ที่เข้าใจและรู้ได้ยากมาก
เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ก็เรียนรู้ปัจจุบันในโลกนี้ เรียนรู้เทวะก็ดีมารก็ดี มันเป็นสภาพหลอกทั้งคู่ ผู้ดับเทวะ ดับมารได้แล้วก็เป็นพรหมโลก พรหมกาย เป็นผู้ที่มีธรรมกาย พรหมกายพระพุทธเจ้าตรัสในพรหมชาลสูตร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:50:24 )
รายละเอียด
(อัตถิ มาตา)
ที่มา ที่ไป
ธรรมมาธิบาย รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 25 กันยายน 2562 ( 14:20:16 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 09:00:42 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:21:14 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:12:47 )
รายละเอียด
ความเป็นมารแท้ ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 422
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:29:09 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:19 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:36:21 )
รายละเอียด
อาจาร [ความประพฤติ]
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 38
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:29:56 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:02 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:36:39 )
รายละเอียด
“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”นี้แหละ ที่ยืนยันว่า ไม่มีใครเป็น“เจ้าของอัตตา”ของเราเลย เราทำ“อัตตา”ของเราสลายไปเป็น“อุตุธาตุ” หมดสิ้นมลาย“ความเป็นจิตนิยาม” สูญหายไปจากวัฏฏสงสาร จบความเป็น“เทฺว”ในตน ไม่มีความเป็น“พระเจ้า”ในที่ใดๆทั้งนั้นที่“ตน”จะต้องไปอยู่ด้วยนิรันดร ไม่มี “ตน”ในกาลแห่งมหาเอกภพ จึงเป็นการจบสิ้น“อัตตา” สิ้น“โลก”ที่จะต้องวนเวียนกันอีก ไม่เช่นนั้น ก็จะเชื่อกันว่าเกิดมาชาติเดียว แล้วก็ตายไปอยู่กับ“พระเจ้า”นิรันดร เป็นลัทธิ“เทฺวนิยม” ไม่มี“นิพพาน”อยู่นั่นเอง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 38 หน้า 65
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 15:34:20 )
รายละเอียด
ดอกไม้ที่มีรูปร่างต่าง ๆ งดงาม
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:34:23 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:47 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:36:56 )
รายละเอียด
แต่ มาทำอย่างลืมตาเปิดปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 คุณจะได้ฌานวิสัย ไม่ใช่แค่นิสัย แต่เป็นวิสัย คิดเอาเองไม่ได้ ต้องรู้จริงเป็นธรรมจริง เป็นสัมมาทิฏฐิดีแล้วจะได้เป็นวิสัยเป็นอัตโนมัติเป็นปัจจัตตัง ฌานวิสัย ของพระพุทธเจ้ารู้ด้วยตรรกะ ด้วยความคิดเรียนรู้ด้วยภาษาไม่ได้ จะต้องปฏิบัติ คุณจะรู้แจ้งรู้จริงเป็นปัจจัตตัง ฌานวิสัย
เพราะฉะนั้นคนทุกวันนี้เข้าใจ ฌานวิสัย ที่เป็นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าซึ่งท่านตรัสไว้ในอจินไตย ข้อ 1 เลย นอกจาก ฌานวิสัย ยังมีพุทธวิสัย กรรมวิบาก โลกจินตา อจินไตย 4 นี้ ซึ่งรายละเอียดจะมีอีกมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 09:15:56 )
รายละเอียด
เริ่มจากความเป็น“2”ของ“กาย” ซึ่ง“กาย”เป็น“1”ไม่ได้
คำว่า“กาย”นั้นเป็น“องค์ประชุม” เป็น“องค์รวม” เป็น“องค์ประกอบ”ต้องมี“ภาวะ 2”ขึ้นไปเสมอ “กาย”จะไม่โดดเดี่ยวแค่ 1
“กาย”นั้นเป็นทั้ง“รูป”ที่มีทั้ง“ภายนอก”ตั้งแต่ดินน้ำลมไฟ ไปถึง“โลก-สังคม-มหาจักรวาล ฯลฯ” และเป็นทั้ง“นาม”ที่พร้อมทั้ง“ภายใน” อันคือ“จิต-มโน-
วิญญาณ-กิเลส-ปัญญา ฯลฯ”
“กาย”นั้นพระพุทธเจ้าตรัสเน้นให้ศึกษาสำคัญ เข้าหา“จิต-มโน-วิญญาณ”เลยทีเดียว เพราะ“ตัวการ”คือ “กิเลส”อยู่ในจิต คำความจากพระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 230 มีว่า “แต่ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้างฯ”
“กาย” คือ องค์ประชุม คือกอง คือหมู่ คือกลุ่ม ที่มี 2 ขึ้นไป“กาย”จึงไม่ใช่มีแต่“ภายนอก”เดี่ยวๆ เดียวๆเท่านั้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 167 หน้า 148
เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 11:31:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:58:59 )
รายละเอียด
ถ้ามาจนกันมาก gap ระยะห่างระหว่างคนจนคนรวยจะน้อยลงเรื่อย ส่วนจะให้คนไปรวยนั้น Gap ระยะห่างระหว่างคนจนกับคนรวยนั้นจะยิ่งมากขึ้นไม่มีวันจบ ถ้าให้คนเข้าใจว่าต้องมาจน Gap ช่องว่างจะลดลงเรื่อยๆ หากมาศูนย์ด้วยกันเหมือนกันนี้ก็จะไม่มีช่องว่างเลย ความร่ำรวยกับความจนนั้นไม่ได้เป็นเหตุแท้ของความสุขความทุกข์เลย คุณว่าคุณทักษิณเป็นสุขไหม มีทุกข์ไหม...ทุกข์ เขามีเงินมากไปไหนก็จ่ายได้ สบายมาก แต่เขาทุกข์หรือสุข...คุณไปหยั่งรู้ได้อย่างไร เขา pretender เสแสร้ง อกไหม้ไส้ขม … ไม่ใช่สิริมหามายาแต่นี่นรกมหามายา เป็นยอดอวิชชามากมาย ไม่ใช่สิริมหา มันคนละเรื่องกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน คำสอนจากสยังอภิญญาพาบรรลุจริง
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:06:52 )
รายละเอียด
ถ้าไม่มีอินทรีย์พละถึงขนาดนั้น ไม่มีบารมีถึงขนาดนั้นก็จะตั้งใจฟัง แม้เดี๋ยวนี้สื่อสารออกไปไกล ทำให้คนมักง่าย เราใช้สื่อสารออกไปทางโทรทัศน์ทางสื่อสารอะไรต่ออะไรพวกนี้ ก็ได้ มันก็ช้ากว่าแหละมันก็ได้น้อยกว่าแหละ ก็ถ้าเข้ามาเลยมันชัดกว่า และมาร่วมฏิบัติจะเกิดปัญญา 8 อย่างชัดเจนเลย เพราะฉะนั้นเข้ามานี่มันก็จะได้เข้ามาสู่หมู่กลุ่มจะได้ชัดเจนในเรื่องความสงบ 2 ประการลึกซึ้งขึ้น
ความสงบ 2 ประการนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ มันเข้าใจไม่ได้ง่ายๆนะจะเกิดความสงบของพระพุทธเจ้านี้ สงบของพระพุทธเจ้าต้องเป็นโลกุตระ ความสงบของพระพุทธเจ้านั้นกายกรรมยิ่งแคล่วคล่อง วจีกรรมยิ่งคล่องแคล่ว เพราะกิเลสมันหมดฤทธิ์ กิเลสมันไม่มีฤทธิ์ลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นความแคล่วคล่องของกายกรรมวจีกรรมจะเพิ่มขึ้น
ไม่ใช่เข้าใจว่ายิ่งสงบยิ่งนั่งบื้อนั่งแข็งไม่พูดไม่จาเป็นหลวงพ่อเกษมอย่างนี้เป็นต้น นั่งเฉยๆ ใครมานั่งมองเพ่งอยู่ทั้งวัน ก็ไม่พูดไม่จาอะไรเลย มันมิจฉาทิฏฐิไปไกลมันผิด โดยเฉพาะไปสายนั่งหลับตา สายออกไปนั่งบื้อๆ อย่างหลวงพ่อเกษมที่ว่านี้ ไปป่าช้า สุสานไตรลักษณ์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 18:27:09 )
รายละเอียด
จะอยู่ได้ไหมในนี้พันคน ได้สบายมาก มันอบอุ่นอิ่มเอมเกษมใสเลย เพราะพวกเรามีคุณธรรมของพระพุทธเจ้า จะเบียดเสียดกันอย่างไรก็ไม่ทะเลาะกัน มันไม่เหมือนไก่จับใส่เข่งมา มันก็จะจิกกันจนเข่งแตก แต่พวกเราปฏิบัติธรรมแล้วมันจะไม่ แม้จะถูกเบียดเบียน แม้จะถูกกดดันอะไรต่ออะไรบ้าง พวกเราก็มีความอดทน มีการอภัย มีการไม่ถือสา เห็นใจกันต่างๆนานา
ซึ่งคุณธรรมพวกนี้มันเป็นสัจจะ แล้วมันเป็นสัจจะที่แต่ละคนศึกษาดีๆแล้วจะได้ เพราะฉะนั้นคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นคุณธรรมที่บริสุทธิ์ เป็นคุณธรรมที่สุดยอดบริสุทธิ์ มันเป็นเรื่องของความดีล้วนๆเลยที่มนุษย์พึงได้พึงมีพึงเป็น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:21:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:54:01 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:47:32 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:38:21 )
รายละเอียด
อาตมาไม่ได้ทำแบบหางกะทิ หรือแบบน้ำกะทิ ที่ไม่สำคัญที่หัวเอาไปหมด มันมากไป อาตมาไม่มีพลังมากพอ แต่ก็มีเจตนาที่จะทำอยู่ เพราะฉะนั้นผู้ใดใส่ใจ ตั้งใจศึกษาฟังธรรมของอาตมา อาตมาพาทำอยู่นี้ จนกระทั่งเป็นชุมชนที่เกิด สาราณียธรรม 6 เข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนชาวอโศก ใครเข้ามาอยู่ในนี้ก็ถือว่ามาอยู่ในเมืองพระศรีอารย์แล้ว มีอาหารสัปปายะ เสนาสนะสัปปายะ บุคคลสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ อย่างแท้จริงเลยเป็นอาริยะ
อยู่กันอย่าง สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา มีลาภโดยธรรมก็เอามากินใช้ร่วมกันสุดยอดของชีวิต แล้วเป็นเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบ เท่าที่มนุษย์ชาติจะทำสำเร็จ อาตมาทำได้ประสบผลสำเร็จมานานปี
ตั้งแต่เริ่มต้นที่คิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ออกมาทำงานศาสนา สร้างชุมชนปฐมอโศกเป็นชุมชนแรกนึกว่าจะเป็นสาธารณโภคีไม่ได้ แต่ก็เป็นได้ มาจนถึงบัดนี้ 50 - 60 ปีแล้ว จนกระทั่งพวกเราชินชากับระบบนี้ แต่มันยิ่งใหญ่จริงๆ
จึงอาศัยกลุ่มหมู่ของชาวอโศกนี้แสดงธรรม ยิ่งมีโทรทัศน์มีอะไรก็เอาพวกเรานี้เป็นหน้าม้า เป็นตัวอย่าง เป็นกลุ่มที่จะพูดคุยโอภาปราศัยสาธยายด้วย ตามภูมิของพวกเรา ส่วนคนอื่นๆเขาจะทำได้ก็ตาม ตามยังไม่ได้ก็แล้วไป เหมือนกับทิ้งเขาไว้ข้างหลัง ไม่เหมือนลุงตู่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเลย อาตมาทำแล้วเหมือนยังทิ้งใครไว้ข้างหลัง
มันก็คล้ายๆอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งหรอก เห็นใจสงสารอยู่ก็พูดพาดพิงอยู่ แม้แต่คนที่มิจฉาทิฏฐิก็กล่าวพาดพิงติเตียนอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่เอาใจใส่ไม่ดูแล ไม่ว่าจะเป็นมหาบัว ธัมมชโย หรือแม้แต่สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ มหาประยุทธ์ ปยุตโต ก็กล่าวถึงท่าน สิ่งที่ควรตำหนิ นิคฺคณฺ์ห นิคฺคหารหํ อะไรที่ถูกต้องก็บอกถูกต้องซึ่งอยู่ในชาวอโศกเสียมากก็เลยไม่ได้พูดมาก ก็เลยมีแต่การตำหนิเสีย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบ ญาติธรรมสันติอโศก
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 12:12:02 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:54:33 )
รายละเอียด
ดังนั้น ถ้า“เข้าใจคำว่า‘บุญ’ถูกต้อง(สัมมาทิฏฐิ)”แล้ว “ปุพเพกตปุญญตา”
ก็จะหมายความว่า “การชำระกิเลสออกไปได้แล้วที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน” หรือ“ชาติก่อนได้ชำระกิเลสส่วนนั้นมาแล้ว”
เมื่อ“ปุพเพกตปุญญตา”หรือ“ชาติก่อนได้ชำระกิเลสส่วนนั้น
มาแล้ว” หาก“กิเลส”ส่วนที่“กำจัดได้มาแล้ว”นั้นมีคุณวิเศษถึงขั้น“สยัง(เอง)”
มันก็จะ“ทรงอยู่ (ธรรม)”ในตนเอง ขัามชาติไปมันก็จะ“มีเอง-เป็นเอง”
เป็น“ธรรมะ”ขั้น“อภิภู”คือ ขั้น“ผู้เป็นเอง”ได้แล้ว
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 500 หน้า 370
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 12:39:56 )
รายละเอียด
ภิกษุในศาสนาพุทธจึงต้องเรียนรู้การ“แยกกาย-แยกจิต” อันเป็น“มูลกรรมฐาน 5”จากพระอุปัชฌาย์ทุกรูป ให้สัมมาทิฏฐิทันทีที่เริ่มบวชขึ้นมาเป็น“องค์ภิกษุ”ในศาสนาพุทธ ถ้ายังมิจฉาทิฏฐิใน“มูลกรรมฐาน 5”ก็ไม่สามารถจะ“แยกกาย-แยกจิต”ให้เป็น“อุตุธาตุ-พีชธาตุ-จิตธาตุ”ด้วย“กรรม”ด้วย“ธรรม”ได้แน่นอน
พยายามทำความเข้าใจในนัยสำคัญของคำว่า“กาย”นี้ให้ชัดๆคมๆแม่นๆตรงๆเถิด จึงจะสามารถรู้จักความเป็น“ตัวตน”ของกิเลสได้
การกำจัดกิเลสจึงจะ“ถูกตัวตนของกิเลส(สักกาย,กายกลิ)”จริง
ไม่เช่นนั้นกิเลสก็หมดเกลี้ยงกันจริงๆไม่ได้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 285 หน้า 222
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:08:09 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561
เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 10:25:56 )
รายละเอียด
ก็ให้ไปเรื่อยๆแล้วไม่จบง่าย แล้วก็จะไม่ตายง่ายๆด้วย ...สาธุ อวดดีนะ โพธิรักษ์ทำเป็นอวดดี เดี๋ยวตายพรุ่งนี้ ไม่หายใจแล้วตายพรุ่งนี้ยุ่งเลยนะ วันนี้อาตมาได้พยายามอธิบายเรื่องความจนที่มหัศจรรย์ ความจนนี้เป็นความจนที่มหัศจรรย์ซึ่งเข้าใจกันไม่ได้ง่ายๆ มันเป็นไฉน มันเพราะอะไร และเป็นทำไม ทำไม ..ตอบ มาเป็นคนจนมาเป็นทำไม ... สบาย เอ๊ พูดอะไรมาเป็นคนจนแล้วสบาย ไปพูดกลางสนามหลวงดูซิ เจ้าข้าเอ้ยมาเป็นคนจนนี่สบายนะ คนจะมาฟังไหม มีชาวอโศกนี่แหละจะไปฟัง
เป็นทำไม มันดีอย่างไร ตอบได้แล้ว ทำไมถึงต้องมาเป็นคนจน มันก็จะมีคำตอบว่าทำไมมาเป็นคนจนมันดีอย่างไร ประเสริฐอย่างไรมาเป็นคนจน ถึงเป็นคนจนมหัศจรรย์ เป็นคนจนที่พิลึก เป็นคนจนไม่เหมือนโลกเขา เพราะโลกเขาเป็นคนจนอย่างขี้เกียจ สุรุ่ยสุร่ายผลาญพล่า เป็นคนจนอย่างทำลาย คนจนอย่างโง่ๆ แต่พวกเราไม่เลย จนอย่างฉลาด จนอย่างมีภูมิปัญญา จนอย่างอุดมสมบูรณ์ จนอย่างมหัศจรรย์ จนอย่างมีประโยชน์คุณค่าต่อโลก พูดคำว่า “โลก” ดังจัง ต่อผู้อื่น ต่อโลก
โอ้โห…มันมหัศจรรย์จริงๆนะ นอกนั้นก็ไปสรุปเข้าว่า เมืองไทยนี้มีพระเจ้าแผ่นดินตรัสว่า จงมาเอาแบบคนจน จึงเป็น The Great word เป็นคำที่ยิ่งใหญ่มากเลย ที่มนุษยชาติฟังแล้วจะต้อง ไปคิดกันนานไปคิดกันมาก แต่อาตมาไม่พูดเท่านั้น พาปฏิบัติธรรมประพฤติ พาทำให้เห็น ทำให้มีรูปธรรม ทำให้มีพฤติกรรมของการเป็นเศรษฐกิจ การเป็นการเมืองเป็นรัฐกิจเป็นสังคมกิจ ให้เห็นจริงเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มกราคม 2566 ( 12:51:55 )
รายละเอียด
อาตมาได้พยายามที่จะพูดถึงเรื่องคำว่า ความจน ชาวพุทธที่มีปัญญาเต็มที่แล้วไม่กลัวความจน กล้าจน อัปปิจฉะ เป็นคนมีน้อยๆ ไม่ต้องการมีมากๆ การที่สอนให้คนในสังคมเป็นคนไม่มีมากๆ อย่าไปสะสมมากๆ มาเป็นคนจนนี้ มันเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้แก่สังคม พวกเราเป็นคนที่ช่วยประเทศชาติด้วยการมาเป็นคนจน พวกมาเป็นคนจนคือพวกที่สร้างเศรษฐกิจสังคม ให้แก่ประเทศชาติ พวกที่ไปเป็นคนรวยนั้นคือพวกที่ไปทำลายเศรษฐกิจสังคมของประเทศชาติ คือเขามองตื้น เขามองไม่ลึกหรอก เขานึกว่าคนรวยนี่จะเป็นคนที่ มีก้อนเงินมาหมุนทำให้เกิดสะพัด จริงสิ มันก็เกิดสะพัด แล้วสะพัดแล้วได้อยู่ที่ใคร มันก็ได้อยู่ที่นายทุนนั่นแหละ มันก็กอบโกยไปอยู่ที่นายทุนนั่นแหละ มันไม่ได้เป็นของส่วนใคร มันไม่ได้สะพัดจริง เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจต้องสะพัด ซึ่งมันไม่ได้สะพัด
ลีลาของการสะพัดของนายทุนนั้น มันออกทุนไป 5 มันจะต้องได้คืนมา 10, 20 ยิ่งเก่ง เป็นอย่างนั้น แล้วคนก็ไปมองตื้นๆแล้วก็นึกว่าเป็นการเจริญ บอกว่าเป็น GDP อะไรนี่ ซึ่งอาตมาวิจัยวิจารณ์แล้วว่ามันไม่ใช่ความเจริญทางเศรษฐศาสตร์ เพราะเศรษฐศาสตร์โลกุตระแบบที่อาตมาพูดนี่ มันไม่มีในสังคมโลก มหาวิทยาลัยไหนก็ไม่ได้เรียน มีเรียนอยู่ที่สันติอโศกหรือชาวอโศกเท่านั้น ที่เรียนเศรษฐศาสตร์บทนี้ ทฤษฎีสำคัญนี้ แล้วก็ปฏิบัติได้จริงด้วย มาเป็นคนจนได้จริงด้วย สำเร็จด้วย จึงเป็นคนช่วยสังคมประเทศชาติอยู่ พวกคนที่ไปรวย รวย ไม่ต้องเอาเงินต่างประเทศ เอาเงินอยู่ในประเทศ คุณก็กอบโกยเอาเปรียบส่วนรวม ยิ่งคุณไปเอาของประเทศอื่นมาอีก โอ้โห..คุณไประราน โลภโมโทสัน ออกไปอาละวาดข้างนอกเขาอีก
ประเทศที่จะช่วยคนได้คือ ประเทศเศรษฐกิจดีนั่นคือ 1. ช่วยตนเองรอด 2. มีส่วนที่จะสะพัดให้คนอื่นได้ ในตัวเราเองก็ช่วยตัวเองหรือพึ่งกินพึ่งใช้พึ่งอยู่ได้พอ สะพัดไปช่วยคนอื่นได้ นั่นคือคนเศรษฐกิจดี คนจนที่ช่วยคนอื่นได้ สะพัดไปช่วยคนอื่นได้ นั่นคือคนที่เศรษฐกิจดี คนรวยที่สะพัดออกให้คนอื่นแบบที่เรียกว่า “อุจจาระไม่ให้สุนัขรับประทาน” พวกนี้พวกไม่มีประโยชน์คุณค่าในสังคมโลกเลย
แต่คนมองเศรษฐศาสตร์ มองเศรษฐกิจที่ละเอียดลึกซึ้งพวกนี้ไม่ออก เมืองไทยมีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เรียกว่าโพธิสัตว์เจ้า เป็นผู้ที่ตรัสว่าต้องมาเอาแบบคนจน มาขาดทุน นี่คือเศรษฐศาสตร์ที่เจริญ เศรษฐศาสตร์ที่ประเทศไทย ในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดินของประเทศไทย ตรัสในที่สาธารณะไม่ได้ไปตรัสมุบๆมิบๆอะไร ประกาศจริงๆเลย ต้องเอาแบบคนจน แต่ท่านก็ในฐานะของท่าน ท่านก็แสดงได้เท่านั้น แต่อาตมานี่ ไม่แสดงเท่านั้น อาตมาพาทำเลย จนมีความสำเร็จให้คนมาเป็นคนจนได้จริง ไม่เป็นคนที่สะสม แล้วอาตมาก็ขอยืนยันว่าพวกเรานี่เป็นพวกที่เจริญทางเศรษฐกิจ เจริญยังไง ก็เป็นคนจนสำเร็จ แล้วมาเป็นคนขายขาดทุนได้ด้วยคือกำไรของเรา จริงไหม ไม่ได้พูดปากเปล่า ไม่ได้พูดเล่นวาทะคารมให้โก้ๆ แต่ทำจริง เข้าใจจริงแล้วก็เป็นของจริงทำได้ แล้วเราก็สบาย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ ยิ่งๆขึ้น นี่คือสัจจะที่สุดยอด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 12:50:20 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:57:37 )
รายละเอียด
พระโพธิสัตว์จะรู้ว่า ถ้าเข้าใจจุดปฏิบัติของมนุษย์ มาเป็นคนจนดีกว่าเป็นคนรวย มันก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาของเศรษฐกิจได้ อย่างเช่น ชาวอโศกเรา แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จบ จบเลยสบายแล้ว ทุกวันนี้ชาวอโศกปัญหาเศรษฐกิจไม่มี
แม้แต่คุณไม่มีเงินเลยสักบาทอยู่ในนี้ คุณเดือดร้อนเรื่องเงินไหม ...ไม่ ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน คุณก็ไปเบิกส่วนกลาง เป็นสมาชิกของที่นี่แล้วมีสิทธิ์เบิกได้ คุณมีหน้าที่ทำงานไป รายได้ก็เข้าส่วนกลาง ไม่ต้องคำนวณ ไม่ต้องลงบัญชี ไม่ต้องไปจำ คนคิดดูแลบัญชีดูแลเงินวัตถุสมบัติ ถ้าเราจะทำโดยไม่ต้องไปดูแลพวกนั้น จัดสรร คุณก็ทำหน้าที่สร้างเท่านั้นเอง สร้างสิ่งที่ที่นี่เขาพากันสร้าง สิ่งใดเขาไม่พากันสร้างอย่ามาสร้าง อย่ามาสร้างสิ่งที่ไม่ควรสร้างในที่นี่ ไม่เอา เช่น ไปสร้างน้ำเหล้า เป็นต้น ที่ไม่เข้าเรื่องเข้าราว หรือแม้แต่ว่าสร้างสิ่งที่กลายเป็นเรื่องมอมเมาในสังคมเราก็ไม่เอา เราจะรู้จักสาระที่แท้จริง
ชีวิตมนุษย์ที่มาเป็นคนจน และรู้จักความจน และมาเป็นคนจนสำเร็จ เป็นผู้แก้ไขปัญหาทุกอย่างจบหมดเลย ทั้งปัญหาการเมืองทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม มาเป็นคนจนให้สำเร็จ ชาวอโศกเข้าใจและทำได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:23:09 )
รายละเอียด
ไม่ใช่ไปมีความต้องการ เป็นเปิดปากกรวย ไม่รู้จักจบสิ้นอย่างนั้น มันเป็นไปไม่ได้ด้วย แล้วก็บ้าวิ่งไล่ตามเงา โดยไม่เป็นผลสำเร็จ เหน็ดเหนื่อย หมาหอบแดดตายเปล่าด้วย การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จึงเป็นสมบัติผลัดกันชม คนนี้แย่งได้มากรวย คนนี้ได้น้อย แต่ก็ไม่ยอมหรอก จะต้องพยายามให้รวย พอได้รวยอีกคนก็จนลง ก็เป็นสมบัติผลัดกันชม พูดสั้นๆ แต่ที่จริงมีปฏิกิริยาลูกโซ่ยาวกว่านี้ อิทัปปัจจยตา แต่ก็จะเป็นทิศทางนี้
เพราะฉะนั้นคนไหนที่มาคิดให้ได้ คิดให้ได้ว่า ถ้าจะเป็นคนที่ไม่ต้องรวย จะบอกว่าจนเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีกินมีใช้ ..ไม่ใช่..ชาวอโศกที่เป็นคนจน แต่เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ไม่สิ้นไร้ไม้ตอก ดูสินี่กินได้ทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 12:13:31 )
รายละเอียด
นี่แหละคือสภาพทวนกระแสในโลกสามัญ จะต้องเป็นสุขในความรวย แต่ในโลกของโลกุตระจะเป็นสุขในความจน การไปแย่งกันรวยนั้นเป็นภัย แต่ถ้าไม่แย่งกันรวย แจกไปเลย มันก็ลดสงคราม ลดคู่ต่อสู้ ลดภัย ลดการเบียดเบียน กลายเป็นการแจกจ่ายเจือจานเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งแจกกัน ซึ่ง มันก็ใช้ภาษาอธิบายสภาวะอย่างนี้ ใครฟังแล้วเข้าใจซาบซึ้งก็ดี ใครเข้าใจแล้วเท่าไหร่ก็เท่านั้น หรือไม่เข้าใจไม่ซาบซึ้งเลยก็บังคับกันไม่ได้แต่ละคน
สัจจะที่พิสูจน์ทนต่อการพิสูจน์หรือเจริญในการพิสูจน์ มันจะบ่งชี้ตัวมันเอง ไปเรื่อยๆ ทำไปเถอะ สัจจะจริง ใครก็แล้วแต่ จะแกล้งมาทำสิ่งที่ดีก็เอา คุณแกล้งทำสิ่งที่ดีนี้ให้ได้เถอะ ทำให้ทน ทำจนกระทั่งคุณไม่ต้องกลับไปทำไม่ดีอีกแล้ว ทำอย่างนี้จนติดเลย จนได้เลย มันก็ดีไหมล่ะ มาเถอะมาแกล้งดีก็ไม่ว่ากัน อย่าไปแกล้งชั่วเลย ไม่ต้องแกล้ง แต่ดีเองเลย ดีจริงเลย สำเร็จ มันต้องอย่างนี้
แสดงว่า ลึกซึ้งมากในการมาเป็นคนจน การเป็นคนรวยนั้นตื้นมาก ใครก็รู้ใครก็อยากเป็น แต่มาเป็นคนจนนี่แหละมันสุดประเสริฐ ไม่ใช่รู้ง่าย แล้วก็มาเป็นไม่ได้ง่ายๆ ถ้ารู้แล้ว เปลี่ยนได้แล้วก็ยิ่งดีๆๆๆ และผู้ที่มาจน มันจะไม่ขาดหมู่ ถ้ามาเป็นคนจนขาดหมู่ ตาย ไม่มีประโยชน์ มีแต่เดินทางไปสู่ความตายอย่างไร้ประโยชน์ ไร้คุณค่า เหมือนพวกเชน หมดไม่เอา จนไม่เอาอะไรเลย อยู่ป่าเขาถ้ำอยู่แต่ตัวเองก็ยังเปลืองลมหายใจอากาศ ยังเปลืองอาหาร เปลืองที่ให้คนยืนคนนั่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 35 จิตวิญญาณแห่งสาธารณโภคีที่มีในชาวอโศก วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2565 ( 13:56:36 )
รายละเอียด
สรุปแล้ว เข้าใจแบบคนจน มาเป็นคนจนอย่างชัดเจนด้วยปัญญา เต็มใจมาเป็นคนจน ไม่ได้บีบบังคับเลย คุณจะมาจนก็เต็มใจมาเอง อยู่ไม่ได้ก็มา อยู่ไม่ได้ ก็กระเด็นไป มาโทษเราไม่ได้ด้วย
ทำไมโลกนี้ ต้องมีโพธิรักษ์ด้วย แล้วให้เขามาเชื่อ แล้วก็ทรมาน เขาก็อยู่ไม่รอด ไปข้างนอก แต่ลึกๆ เขาก็รู้ว่าดี แต่ทำไมทำไม่ได้ ลึกๆยอมรับ ทำไมโลกนี้ต้องให้โพธิรักษ์เกิด แล้วทำไมเราต้องมาพบโพธิรักษ์ ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ภูมิปัญญาเขารู้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสูงกว่าแต่เรายังทำไม่ได้ และมีความถือตัวว่าอยู่ในนี้ก็ไม่ได้ อาย ก็เลยขอไปอยู่ที่อื่นก่อน ซุ่มสร้างก่อน สักวันมันเหนือกว่าก็จะตั้งตนแข่ง ถ้าเหนือกว่าไม่ได้ก็ไม่มา แต่ลึกๆมีความสัมมาทิฏฐิ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:45:53 )
รายละเอียด
อาตมาใช้พระไตรปิฎกฉบับเดียวกันกับท่านทั้งหลาย ฉบับพระมหากัสสปะนี่แหละ ก็ยังเห็นร่องรอยเหล่านั้น เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็มีความเป็นจริงที่เป็น สยังอภิญญา คือ เป็นผู้รู้เองมาก มาเกิดชาตินี้อาตมาเอาความรู้เดิมมาประกาศ จนกระทั่งมันขัดแย้งกับที่เขายึดถือกันอยู่ เพราะมันได้ผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว มันหมดไปแล้วอาตมาก็ต้องเอาโลกุตรธรรมที่ถูกต้องสัมมาทิฏฐิมาประกาศลงไป อย่างที่ได้พูดไปซ้ำซาก จนเกิดเรื่อง คณะสงฆ์หมู่ใหญ่ เขาจะเอาอาตมาดับ ไม่ให้เผยแพร่ความรู้ แบบที่อาตมานำพา
ถ้าอาตมาจะเรียกว่าสู้ก็ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟัน แต่สู้ยืนหยัดยืนยัน ในความเป็นจริงที่เป็นจริงนี้มา อย่างที่ผ่านเหตุการณ์มา
มี 2 ยุค ยุค 2525 พันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ ก็เข้ามาต่อต้าน เมื่อพันตำรวจตรีอนันต์มาต่อต้าน สงฆ์หมู่ใหญ่ทางเถรสมาคมก็ได้คิด
อาตมานำพามาเป็นนานาสังวาสด้วยสัจจะ เขายังไม่สะดุด ก็นำพามาได้ อาตมานำพามาตั้งแต่ก่อนประกาศอิสระ พ.ศ. 2518
อาตมาบวช 2513 ก็ทำงานเผยแพร่มาตามแนวคิดของอาตมาแหละ เขาก็ยังไม่สะดุดอะไร เมื่อพันตำรวจตรีอนันต์ทักขึ้นมา เขาก็ได้คิด มันไม่เหมือนกับที่เขายึดถือกันนี่
พ.ศ. 2518 อาตมายิ่งมาประกาศตัวเป็นนานาสังวาส ประกาศเป็นทางการเลย ถูกตรงตามพระธรรมวินัยทุกอย่าง แล้วคนเขาก็ยังไม่รู้จักเรื่องนานาสังวาส แม้เถรสมคมก็เงอะๆงะๆงงๆ ไม่รู้จักนานาสังวาส เพราะเขาเสื่อมไปจากศาสนาพุทธเยอะ แม้ที่สุดรวมตัวกันมา จะเอาอาตมาลงให้ได้ ก็รวมตัวกันทั้งสองนิกาย เขาเป็นนิกายกันด้วยทั้งธรรมยุตและมหานิกาย 2 นิกาย เขาก็ไปรวมตัวกันซึ่งผิดพระธรรมวินัยด้วย เรียกว่าผิดหลักธรรม คณปูรกะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 ณ ราชธานีอโศก วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:39:44 )
รายละเอียด
ที่พูดแบบนี้ก็ให้เข้าใจให้ได้ว่า พวกเราที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาเรียนที่นี่ ได้มามีชีวิตอยู่ในที่นี่ บางคนมีบารมี อยู่ได้แค่ 2 ปี 3 ปี 5 ปี อยู่ไม่ถึง 6 ปี บางคนอยู่ได้ถึง 6 ปี แล้วต้องออกไป บางคนอยากจะอยู่ต่อก็ไม่ได้อยู่ บางคนอยากจะอยู่ต่อและก็อยู่ได้ อะไรพวกนี้ ซึ่งมันเป็นรายละเอียดของจิตวิญญาณ เกี่ยวกับบารมีทั้งสิ้น เพราะที่นี่อิสรเสรีภาพ ไม่ได้ไปบังคับอะไรกันเลย ไม่มีการหลอกลวงหลอกล่อให้อยู่ให้ไปอะไรทั้งนั้นเลย ไม่มี ทุกคนอิสระ ใช้ความคิดอิสระ ถึงวาระที่เราจะไปได้แล้วจบ 6 ปีแล้วคุณไปก็ไป พ่อแม่เขาจะว่าอะไรเรา หรือจะเรียนต่อที่นี่เรียนอาชีวะไปได้อีก ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ก็เรียนได้เลย อยู่ในนี้ บางคนก็ไม่ดิ้นรนไปเรียนมหาวิทยาลัย เอาแค่อาชีวะนี่ก็พอแล้ว
คนที่มองว่าทำไมอยากให้อยู่ที่นี่เหมือนอยากได้บริวาร อาตมามีภูมิธรรมสูง เลยที่จะต้องหาบริวารแล้ว เรื่องหาบริวาร ไม่หา คนจะสมัครใจมาอยู่ร่วมกับสังคมที่อาตมาอยู่นี้ อิสรเสรีภาพยิ่งใหญ่ในตัวเอง ไม่ใช่มาเป็นลิ่วล้อ ลูกแหล่ง ไม่ได้มาเป็นบริวาร ถ้าจะเรียกอย่างโก้ๆ ว่า มาเป็นลูกเป็นหลาน ไม่มีหรอกมาเป็นบริวารเป็นลูกน้อง ไม่มี อยู่อย่างลูกหลาน ไม่ใช่บริวาร เพราะฉะนั้น คนที่ไม่มีปัญญารู้ในเรื่องลึกซึ้งของปรมัตถ์พวกนี้ เขาก็มอง อาตมาก็ยืนยันพิสูจน์แล้วว่า ที่นี่ไม่ได้ไปบังคับใครให้อยู่ ไม่ได้ล่อหลอก ไม่ได้อ่อยให้อยู่ ไม่ คุณสมัครใจอยู่เอง ตั้งแต่เด็กยันแก่เฒ่า จนกระทั่งนี่ว่าจะตั้งศพกันแล้ว ตาสมศักดิ์ เพิ่งตายไป ตอน 15:00 น กว่า ก็ตั้งศพแล้วก็เอาไปเผา พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย กันได้จริงๆที่นี่ เป็นญาติธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 11:52:37 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 12:48:30 )
รายละเอียด
ก็มาเรียนรู้ความจริงว่า ธรรมชาติที่เราจะอาศัยมันก็มีให้อาศัยพอสมควร ไม่ต้องไปหลงใหลอะไรมันมาก คนที่รู้จักสาระ ไล่ เก็บกวาดสิ่งไร้สาระที่มันพาไปปรุงแต่ง ไปหลงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หลง นัจจะ คีตะ วาทิตะ เลอะเทอะมากมาย เลิก หยุดได้ เข้าหาสาระแก่นสาร ชีวิตก็มีสาระแก่นสาร
อย่างพวกเรานี่ ไม่ต้องสะสมอะไรมากมาย สาระแก่นสารเพียงพอชีวิตเบาง่ายๆ พวกนั้นที่เราเรียกว่าหมาหอบแดดยังน้อยไป พวกที่อยู่ในโลกวิ่งตะลอนๆ หมาหอบแดดยังน้อยไป นอกจากหมาหอบแดด มีบ้าหอบฟาง นั่นแหละ คนหนักกว่าหมาหอบแดด บ้าหอบฟาง สะสมไปเถอะ บ้าหอบฟางสะสม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 16:13:44 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธเรียนรู้ตัวสุขทุกข์ แล้วทำให้สุขทุกข์ปราศนาการไปจากจิต หายไปไม่เกิดในจิตเลย คนที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขเรียกว่า อทุกขมสุข ภาษาง่ายๆ ส่วนภาษาบาลีลึกซึ้งก็คืออุเบกขา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เพราะดับเหตุ คือกิเลสจนถึงอาสวะออกไปได้ จิตสะอาดเรียกว่า อุเบกขา ที่มีลักษณะ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตมันสะอาดจากกิเลสหมดสุขทุกข์
แต่การไม่สุขไม่ทุกข์ที่ทำได้โดยกิเลสไม่ออกหมด จิตไม่สะอาดเขาทำได้ เดียรถีย์ทำได้ ทำให้จิตไม่สุขไม่ทุกข์ด้วยวิธีเดียรถีย์ วิธีนั่งสะกดจิต ลืมตาก็ทำได้ สะกดจิตแบบลืมตา ให้จิตมันไม่สุขไม่ทุกข์ มีอาการช่วงที่เขาทำได้นั้นมันไม่สุขไม่ทุกข์ แต่มันไม่ได้เป็นจิตที่ไม่สุขไม่ทุกข์เพราะล้างเหตุตัวจริงไปเลย คือ อาการโง่ อาการที่เป็นกิเลส ล้างมันออกจนมันไม่มีในจิตเลย ไม่เกิดในจิตอีกเลย มันจะมีเหตุจากข้างนอกสัมผัสกระทุ้งกระแทกกระเทือนอย่างไร กิเลสก็ไม่เกิด มันมีนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งกว่ากันมากเลย อันนี้อธิบายสั้นๆ
นี่คือการเรียนรู้ธรรมะ เป็นการเรียนรู้ที่ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้า มาเรียนรู้ความติด ความยึด ความมีกิเลสอย่างนี้แหละ เรียนรู้แล้วก็ลดกิเลสมันให้ได้ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา ตาไม่ได้กระทบสัมผัส หูไม่ได้ยินเสียงพวกนั้น ซึ่งไม่รู้จะพูดยังไง มันนอกรีต มันเป็นเดียรถีย์ เดี๋ยวนี้ก็ยังหลงผิดเป็นเดียรถีย์แบบนี้เพราะความเสื่อมของศาสนาพุทธ มันเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ไว้ใน อาณิสูตร มันก็เลยไปยึดถือ
จนอาตมานำมาฟื้นคืนก็ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นอุปาทานจริงๆ มันไปหลงยึดถือตามที่กิระดั่งได้ยินมา มันเชื่อมาตั้งแต่ชาติไหนไม่รู้ว่าเห็ดฟางนี่อร่อย จิตนี้ก็ยังติดมีอุปาทานยึดถือติดตามนั้น แล้วที่เราไป มโนมยอัตตา เป็นอัตตาที่เราเกิดเอง ของเราเอง ทำเอง สำเร็จด้วยจิตของเราเอง ปรุงความสุขขึ้นมา นี่สื่อออกมา ให้เข้าใจสภาวธรรมตามภาษาที่อาตมาบอกไปว่า คุณมีสภาวะจริง อาตมายืนยันอันนี้ อาตมาบอกความจริงให้รู้ว่า ที่เขาเป็นนักปฏิบัติธรรมเรียนรู้ศาสนาพุทธกันมา เขาจะรู้จักอาการเวทนา ความรู้สึก และความรู้สึกของคุณแม้กินอาหาร คุณก็ไม่มีรสสุข รสทุกข์ ไม่มีรสสุขรสทุกข์จริงๆ อ่านอาการสุข อ่านอาการทุกข์ได้ ไม่มีอย่างตื่นๆไม่ใช่วิปลาส ไม่มีอย่างรู้ๆอยู่ว่าอาการของเวทนาที่มันเป็นอุปาทาน เป็นตัณหา มันเป็นยังไง
สุขทุกข์ในเรื่องอาหารหมดไป พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คนหมดสุขหมดทุกข์ในเรื่องอาหารนี่แหละเรียกว่าคนปฏิบัติ โภชเนมัตตัญญุตา ใน กวฬิงการาหาร มีผัสสาหาร มีมโนสัญเจตนาหาร มีนามรูปและจิตเจตสิกแล้วอ่านอาการกิเลสออกจาก โภชเนมัตตัญญุตา จากอาการที่มันหลอกในกาม ในอาหาร หลอกไปผัสสะแล้วเกิดจริง มีเจตนาที่เป็นมโนสัญเจตนาหาร ที่เป็นกามหยาบ ต้องลึกไปถึงภวตัณหา หรือเป็นวิภวตัณหา นี่คือการปฏิบัติเรียนรู้ธรรมะ ได้ของจริง ที่อาตมาอธิบายถึงนี้พาดพิงถึง กวฬิงการาหาร แล้วก็ผัสสาหาร พูดถึงอาหาร 4 แล้วเปรียบเทียบ กวฬิงการาหาร ผัวเมียมีลูกเดินทางไปด้วย เมื่ออาหารหมดก็ฆ่าลูกทำเป็นเนื้อเค็มกิน กินไปก็บ่นหาว่า ลูกไปไหน เป็นอุทาหรณ์พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบที่อาตมาเห็นว่า มันลึกซึ้งซาบซึ้งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ผัสสาหาร เหมือนวัวไม่มีหนัง แล้วมันจะแสบขนาดไหน ผัสสะนี่มันจะต้องเจ็บแสบ มันจะมีเวทนา มันจะรู้จักความเจ็บแสบรู้จักทุกข์ เหมือนวัวไม่มีหนังคือ ผัสสาหาร แล้วคนไม่มีผัสสะ เหมือนวัวไม่มีหนัง แต่คุณไม่รู้จักเจ็บจักแสบ ด้านทน ไม่รู้จักเวทนา ไปหลับตาอีกก็เลยกลายเป็นคนไม่มีผัสสะ มันซ้อนไปซ้อนมา
เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีทางที่จะปฏิบัติ มโนสัญเจตนาหาร ไม่รู้กามตัณหา ภวตัณหา เราเรียนรู้ลดจนหมดกาม ภวะ ถึงจะเป็นวิภวตัณหาที่ไม่มีภพ เป็นตัณหาที่อยู่เหนือ กาม เหนือภวะ คุณไม่ได้เรียนรู้เลย คุณหลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะไปหมดเลย ทิ้งเลยรูป นาม วิญญาณไม่มีในที่นี้ สุญโญเลย ไม่ปฏิบัติครบภาวะ 2 อย่างนี้เป็นต้น คุณชุมพลเข้าใจเรื่องอาหารแล้ว ถึงบอกว่าการปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้านี้ 3 อย่างนี้ไม่ผิด อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิดของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มี 3 อย่างนี้ไปนั่งหลับตา ผิด เป็นการปฏิบัติผิด ไม่ใช่ศาสนาพุทธ การปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธต้องมี 3 อย่างนี้เสมอ ต้องตื่นนะไม่ใช่ไปหลับตา ข้อ1นี่ก็ผิดแล้ว พอสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 แต่นี่ไม่สำรวมทั้ง 6 ไปสำรวมใจอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น โภชเนมัตตัญญุตา ไม่ต้องไปพูดถึงเลย ไม่มี นี่มันผิดเพี้ยนไปมันผิด มันเสื่อมไปจริงๆพวกหลับตาเอ้ย ต้องให้ท่านดินไทมาเรียก พี่น้อง
เอ้ย… ตื่นเถิดชาวไทยอย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเหลืองแล้วก็ดำลงด้วย ชาติจะเหลืองดำลง ที่จริงมันคนละคำอาตมาสะแลงไป ตื่นเถิดชาวไทยอย่าหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเหลืองและดำลงก็เพราะเราทั้งหลาย เป็นเพลงสมัยเก่า
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:37:09 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าทรงสอนตลอดเวลาว่า “สุขหรือทุกข์”นั้นเป็น“ความรู้สึก”
“ความรู้สึก”นี้ภาษาบาลีก็ว่า“เวทนา” ก็ต้องเรียนรู้“ของจริง”ตรงนี้
ตรงความเป็น“เวทนา”(ความรู้สึก)อันอยู่“ในจิต”นี้ “เวทนา”จึงเป็น“กรรมฐาน”หรือเป็น“ที่ตั้ง”(ฐาน)เป็น“ตำแหน่ง”ของ“งาน”ของ“การกระทำ”(กรรม)
ผู้จะเรียนรู้จาก“การกระทำ”หรือที่พูดกันว่าผู้จะ“ปฏิบัติธรรม”ก็ต้องมี“ที่ตั้ง-ตำแหน่ง”ของ“การปฏิบัติ”
พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดที่สุดในพระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 64 เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงจะมี“เวทนา”ให้เรียนรู้ ถ้าเว้น“ผัสสะ”แล้วจะ“รู้สึกได้”(มีเวทนา)
นั่นไม่เป็น“ฐานะ”(ที่ตั้งหรือตำแหน่ง)ที่จะมีได้ อ่านพระไตรปิฎก“ไม่แตก”กัน แม้ว่าท่านผู้แปล จะแปลความกันว่าอย่างนั้น แค่นั้น ยากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ผิดเพี้ยนหรอก
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 66 หน้า 81
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 20:25:32 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นมาหาตัวสำคัญของการเกิด การปรุงแต่ง การเกิดของสิ่งสำคัญของตัวเรานี่แหละ ตัวตน ที่เรียกว่า อัตตา มาเรียนรู้อันนี้ แล้วก็จัดการตัวไม่ดี สิ่งที่มันเป็นทุกข์ มันทำชั่ว ทำโทษ ทำภัย ก็จัดการมันให้ได้ มาเรียนรู้อันนี้
เมื่อเรียนรู้อันนี้ได้ก็จะชัดเจนไปถึงทุกอย่าง จะได้รู้ว่าในโลกนี้มีสิ่ง 2 สิ่งเริ่มตั้งแต่สิ่ง 2 สิ่งปรุงแต่งกันขึ้นมา แล้วก็ปรุงแต่งเป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 ปรุงแต่งรวมกันไปจนกระทั่งมาเป็นคน ไม่รู้นับตัวเลขเป็นล้านๆ ไม่รู้อะไรมารวมกันปรุงแต่งจนกระทั่งมาเป็นคนมีความรู้สึกเอง มีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร วิญญาณ ถึงขนาดนี้ นอกจากมีวิญญาณแล้วไม่พอยังมีวิญญาณโกรธ วิญญาณโลภ วิญญาณรัก ที่โหดร้ายที่รักดูดดึงผูกพันติดยึดอะไรอีก สารพัด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 15:47:22 )
รายละเอียด
ยังมีคนที่ยังไม่ตาย ยังอยู่และนับถือเขาเป็นปราชญ์ อาตมาก็พยายามส่งสัญญาณให้รู้ว่าควรเลิกได้แล้วที่ไปหลงความรู้ที่เป็น learned man มาเรียนรู้ให้สัมมาทิฏฐิ อาตมาก็ขอยืนยันพูดอย่างจริงใจว่าท่านจะเข้าใจคำว่า กายสัมมาทิฏฐิหรือยังก็ไม่รู้ อาตมาไม่แน่ใจ แต่แน่นอนว่า บุญ ท่านเป็นมิจฉาทิฐิแล้ว ท่านมีบันทึกยืนยันไว้ แต่คำว่า กาย อาตมาก็ยังไม่ชัด อาตมาก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือท่านมากเท่าไหร่ ก็อ่านอยู่บ้าง
พุทธธรรมที่เป็นคัมภีร์หลักของท่าน 3 เล่มก็ยังอยู่หลังอาตมาที่นั่งอยู่เป็นหลัก หนังสือด้านหลังอาตมาเป็นพจนานุกรมเสียส่วนใหญ่ หนังสือที่เป็นสาระตำราไม่มี มีแต่พจนานุกรมเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นหนังสืออาตมากับหนังสือของคนนั้นคนนี้บ้างนิดหน่อยเพราะคนก็ให้มามาก อะไรที่พอเอาไว้ได้ก็เอาไว้มีที่นิดเดียวก็เอาไว้ แล้วอาตมาก็ไม่ใช่คนช่างอ่านด้วย ชาตินี้ไม่ใช่นักศึกษา ไม่ใช่คนช่างอ่าน ไม่ใช่นักศีกษา ไม่ได้เรียนสูงอะไรกับเขา
เอาของดิบๆสดๆของตัวเองออกมาทั้งนั้นเลยใช้มา 52 ปีแล้ว กำลังเริ่ม 53 ปีก็ทำไป ก็ยังจะต้องขยายความลงไปในรายละเอียดอีก ไม่ใช่น้อย
ที่ถามว่ามีเคล็ดลับอะไรในการเทียบอาการ ก็ให้เทียบอาการไปเลย คุณจะเอา 0 ไปเทียบกับหาประมาณมิได้ก็เทียบ ห่างกันขนาดไหนก็เทียบหรือใกล้กันขนาดไหนก็เทียบ เทียบ 2 อันไปหมดเลยไม่มีละเว้นแล้วคุณจะเข้าใจมุมเหลี่ยมที่มันต่างกันมันมาก หรือมันน้อยมันมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ มันเข้ากับสมัยหรือไม่เข้ากับสมัย คุณจะได้เข้าใจอะไรมันควรใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ในยุคนี้ คุณจะรู้หมดเลยว่า ถ้าเอาอันนี้มาปรุงแต่งกันมันจะเป็นประโยชน์ในตอนนี้ยุคนี้ อย่างนี้เป็นต้น นี่ก็พูดไม่ยาวนัก สั้นๆ ก็คิดเอาเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:57:01 )
รายละเอียด
คุณธนินท์ ก็ลดลง แต่เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำเมาทำให้สังคมย่ำแย่ มันเป็นสิ่งเสพติด และเป็นของที่ขายได้สบาย ทำออกมาขายก็ขายได้ทำออกมาไม่มีหยุดยั้ง รัฐบาลได้ภาษีก็ดีใจแต่เสร็จแล้วคนไทยย่ำแย่ คดีที่เกิดเรื่องเกิดราวมานี้มีเหล้าเป็นเหตุปัจจัยประกอบอยู่ตลอด อาตมาว่าเกินกว่า 50% เลยนะ มีเหล้าเป็นตัวเหตุร่วมกับเขาทั้งนั้น ถ้าเข้าใจและบริหารให้หยุดโรงเหล้าให้ได้ลดปริมาณลดจำนวน อย่าขายให้มันมากอย่าทำให้มันมาก ถ้าจะให้ไม่สร้างเลยมันก็คงจะลำบาก เพราะ บางทีเขาเอามาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆอยู่บ้าง ถ้ายิ่งจำกัดมากเกินไป มันก็จะแย่งชิงกันกลายเป็นของมีราคาไปอีก มันก็ซับซ้อนหลายชั้น
เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าเรียนรู้ธรรมะ โลกุตรธรรมนี้เราจะรู้ชีวิต รู้กรอบของชีวิต ว่าชีวิตของเรานี้จะมีกรอบอยู่ โดยไม่จำเป็นจะต้องไปกระดี๊กระด๊านอกกรอบ โสดาบันก็มีกรอบ สกิทาคามีก็มีกรอบ อนาคามีก็มีกรอบ พระอรหันต์ก็มีกรอบ
คุณรู้ตัวเองได้ว่าเรามีกรอบแค่นี้สบาย สบายแล้วมีปัจจัย 4 เป็นต้น กับมีบริขารบ้าง เครื่องใช้ที่พอใช้ในวันๆหนึ่ง เครื่องใช้ที่มีใช้ก็ใช้ได้เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ขาดไม่เหลืออะไรเลยก็เป็นประโยชน์ จะบำเรอใจบ้าง เป็นเครื่องเล่นบ้างอะไรต่ออะไร เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องเล่นประกอบ พอแล้ว หรือบางคนไม่ถนัดเครื่องเล่นอย่างนี้ แต่ก็มีงาน มีดินน้ำไฟลม มีกิจให้เล่นให้เราทำ เรื่องจะไปดีดไปเต้นไปแย่งชิงทำอย่างนั้นจะได้เงินมากขึ้น จะได้ลาภยศสรรเสริญมากขึ้น เราก็ไม่ต้อง เอาลาภยศสรรเสริญอะไรมาประกอบ
ไม่เป็นลาภยศสรรเสริญ แต่เป็นของจริงที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ แค่นี้วันๆหนึ่งเราก็มีงานเต็มมือ ทำได้สบาย มีงานให้ทำทุกเวลาที่นี่ แล้วแต่คุณจะทำ ใช่ไหม ไม่มีอะไรก็เดินเก็บผักมาให้ครัว เขาก็เหลือแหล่แล้ว หรือไม่ก็ไปล้างชามในครัว มีเยอะไป ช่วยงานนั้นงานนี้ เพราะพวกเรามันมีสาธารณะ มีงานที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตามปฏิภาณปัญญา รู้ว่าตัวเองหยุดขี้เกียจ ไม่ขี้เกียจแล้วก็ช่วยกันทำงานที่มันประกอบด้วยประโยชน์ทั้งนั้น งานไร้ประโยชน์พวกเราไม่มี คือมีธรรมะกันจริงๆ
กิริยา พฤติกรรม พฤติการณ์ ที่มันไร้ค่าไร้ประโยชน์เป็นโทษด้วย หาได้ยาก ในกลุ่มสังคมอย่างสังคมเรา หาได้ยาก นี่เราดูออกนะ อ่านพฤติกรรม พฤติการณ์ ของมนุษยชาติ กิริยาของมนุษยชาติ อยู่กันอย่างไร มันกระดุกกระดิกกันอย่างไร อย่างที่แจ๊วเขาเขียนมา มีแขนมีขาข้างขวาแล้วข้างซ้ายมันก็ไม่ช่วยเราเท่าไหร่ ก็จริงนะ เราถนัดขวา ก็พูดมาซื่อๆฟังแล้วก็จริง แล้วก็ทำไป ก็ต่อว่าตัวเอง ทำไมข้างซ้ายไม่ยอมมาช่วยกันกับข้างขวา ดูๆก็น่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ แต่ อายุ 73 แล้ว พูดซื่อๆ เหมือนเด็กๆน่าเอ็นดูแล้วก็ชัดเจนในธรรมะ ในสัจธรรมนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:55:22 )
รายละเอียด
นี่ เรียนรู้สัจธรรม ไม่ใช่ไปเรียนรู้เรื่องบัญญัติ ภาษาวิจิตรพิสดาร แต่ไม่เข้าใจแม้แต่คำว่า กาย กายะ ก็ยังไม่รู้ 2 สภาพนี้รูปนาม จิตเข้าไปรู้ภาษาพยัญชนะเยอะ แต่ให้จิตนี้ไปเป็นตัวอย่างประกอบกับกาย ประกอบกับรูปนอกมี 2 สภาวะ แล้วจัดการสังขาร ต้องแต่งเป็นอภิสังขารให้มันรู้จักตัวสังขาร คือตัวที่มันทำให้เรายุ่งตัวที่ทำให้เราคิดมากเรื่องมากความรู้มาก โอ้โห เรื่องใหญ่ๆทั้งนั้นจะต้องทำงานกับสังคมกว้างขวางเท่านั้นใหญ่นะ กว้างนะ มหาศาล ไม่เสร็จสักทีหนัก โอ้โห งานเยอะ กิจเยอะ ใครแบกไว้ แต่ช่างเอ็งไปแบก ต้องพูดอย่างนี้ ก็เอาเข้ามาที่ตัวเองแล้วจัดการให้ตัวเองถ้าเพลาลงเบาลงเสียบ้างก็ดีสิ ไปรู้มากอย่างนั้นแล้วรับผิดชอบไปหมด ก็เอาเถอะเก่ง เอ็งเก่ง นี่คือคนที่ไม่รู้สภาวะจบจุดจบของจิต รูปกับนาม องค์ประกอบ 2 สภาวะ
อาตมาแค่จบ 2 สภาวะ แล้วทำงานอย่างนี้ก็งานเยอะแล้ว แล้วไม่ต้องไปหาอีก มีให้ทำงาน มีให้อธิบาย แล้วก็ไม่ต้องไปนั่งทวนไม่ต้องไปนั่งรวบรวมอีกนะ อาตมาไม่ต้อง บางทีไม่เข้าใจสงสัยก็เปิดในพระไตรปิฎกดูว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไรบ้าง เท่านั้นก็พอแล้ว หลักฐานมีแล้ว ไม่ต้องมากมาย อาตมาพึ่งแต่พระไตรปิฎก อรรถกถาจารย์ก็ไม่ได้พึ่ง ไม่ได้ไปดูถูกอรรถกถาจารย์นะ อาตมาพึ่งแต่พระไตรปิฎกก็เหลือพอแล้ว เข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเอารายละเอียดจากอรรถกถาจารย์ ก็อธิบายอย่างนี้อยู่ ไม่ได้ขัดข้องอะไรเลย
อาตมาไม่ได้รู้มากนะ แต่อาตมารู้เนื้อแท้ แก่นแท้ เนื้อหาสาระ ก็พูดได้ประโยชน์ก็เลยได้แต่คนมีประโยชน์ ชาวอโศกนี้เป็นคนรู้จักสารัตถะ รู้จักประโยชน์ รู้จักปรมัตถ์ แล้วฟังอาตมารู้เรื่องก็เลยมีจำนวนเท่านี้ แล้วคนที่รู้จักแต่สมมุติ รู้จักตรรกะ รู้จักแต่ความรู้มากความรู้เฟื่องฟูไปมีเยอะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 15:02:37 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name