@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

หนึ่งเดียวในมหาจักรวาล

รายละเอียด

“บุญ”เป็น“อุตุนิยาม”เท่านั้นแท้ๆเป็น “พลังงาน”ที่มีหน้าที่“กำจัดกิเลส”เพียงอย่างเดียวด้วย ไม่กำจัดอื่นใดเลย หรือไม่มีภัยต่อภาวะอื่นใดเลย นอกจาก“ธาตุกิเลส” “บุญ”ซื่อสัตย์ที่สุด ไม่ทำหน้าที่ผิดเลยนอกจากคนผู้เข้าใจคำว่า“บุญ”ผิดเอง “บุญ”เป็น“พลังงานของจิตวิญญาณ” ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงค้นพบ และ “ทำพลังงานทางจิต”นี้ได้ จึงเป็นศาสนาเดียวเท่านั้นในโลก ในมหาจักรวาล จริงๆและเป็น“วิทยาศาสตร์”แท้ๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:49:13 )

หนึ่งเดียวในโลกที่มีพระเจ้าแผ่นดินประกาศมาให้ศรัทธาความจน

รายละเอียด

เมืองไทยเป็นเมืองประเสริฐที่มีพระเจ้าแผ่นดินลึกซึ้งในเรื่องความจน แล้วมาประกาศให้มาเป็นคนจนเอาแบบคนจน มีที่ไหนในโลกขณะนี้ 200 ประเทศ มากน้อยก็แล้วแต่ มีประเทศไทยนี่แหละมีพระเจ้าแผ่นดินประกาศความจนให้มาศรัทธาความจนมีหนึ่งเดียวในโลก ประกาศไปทั่วโลก โพธิรักษ์ประกาศไม่ดังหรอกแต่พระเจ้าอยู่หัวประกาศแล้วดังเยอะ ขนาดนั้นคนก็ยังนั่งงงอยู่ว่าในหลวงตรัสอะไร ให้ปกครองบริหารแบบคนจนสิ นักเศรษฐศาสตร์ก็บอกว่าอะไร ท่านก็ตรัส นิ่มๆ เป็นเรื่องที่สุดยอดลึกซึ้งมาก อาตมาก็ว่าเอาเถอะ สักวันหนึ่งเขาก็จะรู้เขาก็จะเข้าใจ สักวันหนึ่ง ดอกไม้บานสะพรั่ง สักวันหนึ่งคนจริงจังจากหลากหลาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:58:42 )

หนุ่มสาวอโศก หลงหาเงิน

รายละเอียด

ลองช่วยตอบแทนอาตมาหน่อย…เพราะโลกมันแรงมาก ไม่เห็นเสน่ห์ กิเลสเยอะ ลดกิเลสบ้างเน้อ จะได้มา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:19:07 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:07:29 )

หนูตัวเล็กๆอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

ตอนนี้ไทยมีสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็เป็นมุมเหลี่ยมที่ ซาอุดิอาระเบียเขาร่ำรวยมานาน ร่ำรวยมาก มากมานาน ประเทศไทยนั้นจนๆ แล้วก็มาชัดเจนอีกว่าจะเป็นคนจนอีก แล้วมันไม่มีวันจะไปรวยหรอก ไม่ไปแข่งกับซาอุไม่มีทาง แต่ก็พยายามที่จะเป็นประโยชน์แก่กันและกัน 

เพราะฉะนั้นแม้มันจะซับซ้อน ว่า ซาอุฯ เขามีพลังของวัตถุ พลังร่ำรวยทางวัตถุ เมืองไทยไม่มี แต่เมืองไทยก็ไม่มีเจตนาที่จะไปหาทางเอาเปรียบเอารัดทางวัตถุ ยังไงๆความซับซ้อน ซาอุฯเขาจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเหมือนกับไทยนี้ไม่ได้หรอก ยัง เพราะว่าภูมิประเทศเขามันไม่เป็นใจ ไม่ได้อย่างไทย อย่างไร ก็ไม่ได้อย่างไทย มันมีหลายอย่าง พื้นภูมิประเทศด้วย คนของเขาก็ไม่มีความรู้ ไม่เอาถ่านเรื่องนี้ เขาไม่ได้มีสมรรถนะมีความชำนาญเลยในเรื่องเหล่านี้ แต่คนไทยไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ ปู่ย่าตาทวด สืบทอดกันมาก็ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันก็คนละเรื่องเลย ทางโน้นไม่รู้เรื่อง บ้านเมืองฉันเป็นดินปนทราย หาน้ำหาท่าก็ไม่ได้ ก็มีบ้างพยายามทำก็ได้แค่นั้นแหละ ก็อาศัยจากที่อื่นมา 

เพราะฉะนั้นหนูเล็กๆนี้จะช่วยราชสีห์ ไทยจะช่วยราชสีห์ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเอาอันนี้ไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้เปรียบกลับมามากๆ ไม่จำเป็นไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพราะถึงอย่างไรอย่างไรเราก็ไม่ได้ขาดแคลน เราก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร ในองค์รวมของสังคมประเทศชาติ เราก็อยู่พอกินพอใช้ เหลือกินเหลือใช้ เกื้อกูลผู้อื่นได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:32:01 )

หน้าที่กู้โลกุตระขึ้นมาใหม่หนักหนาสาหัสจริงๆ

รายละเอียด

แต่อาตมามาอยู่ในครึ่งหนึ่งของศาสนาพุทธ ครึ่งหนึ่งก็เท่ากับเต็มรูปโดยโลกุตระ แต่ครึ่งหนึ่งของศาสนานั้นเหลือโลกียะครึ่งหนึ่ง แล้วเป็นโลกียะที่เลอะเทอะ เต็มไปด้วยอบายมุข เดรัจฉานวิชชา ส่วนโลกุตระนั้นสูญแล้ว อาตมาจึงจำเป็นต้องมาด่า เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ 2.ต้องกู้โลกุตระขึ้นมาใหม่ เพราะมันไม่มีเชื้อแล้วอาตมาต้องเอาเชื้อมาปลูกขึ้นมาใหม่มันไม่ง่ายนะ เชื้อมันขาดไปแล้ว เชื้อของโลกุตระศาสนาพุทธมันขาดไปแล้ว เหลือแต่โลกียะ แล้วเป็นโลกียะที่เละเทะเต็มไปด้วยเดรัจฉานวิชากับไสยศาสตร์ ถ้าเป็นโรคก็เรียกว่าโรคที่เลยขั้นโคม่าแล้ว เหลือแต่ให้ต่อสายช่วยหัวใจถ้าถอดสายให้อาหารออก ร่างนี้ก็ตายแล้วนานแล้ว เหลือแต่ให้หัวใจเต้นอยู่และให้ท่ออาหาร มันถึงหนักหนาสาหัสจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:39:24 )

หน้าที่ของนักบวช (อภิณหปัจจเวกขณ์ 10)

รายละเอียด

คือ ธรรมที่นักบวชควรพิจารณาเนือง ๆ 10 ประการ

1. บัดนี้เราเป็นผู้มีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว

2. การเลี้ยงชีพของเราเนื่องด้วยผู้อื่น

3. อาการกาย - วาจาอย่างอื่น  ที่เราควรทำดีกว่านี้  ยังมีอีก

4. เราติเตียนตนเองด้วยศีลได้หรือไม่

5. ผู้รู้ใคร่ครวญแล้ว  ติเตียนเราด้วยศีลได้หรือไม่

6. เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น

7. เรามีกรรมเป็นของตน  ทำดีเราดี  ทำชั่วเราชั่ว

8. วันคืนล่วงไป ๆ  บัดนี้เราทำอะไรอยู่

9. เรายินดีในเรือนว่าง (จิตที่ปลอดกิเลส) หรือไม่

10. อุตตริมนุสสธรรมอันเราได้บรรลุแล้ว มีอยู่หรือไม่  ที่เราจะไม่เก้อเขิน (ตะขิดตะขวงใจ) เมื่อเพื่อนนักปฏิบัติธรรมถามในภายหลัง

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 24 “อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร”  ข้อ 48

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:14:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:20:52 )

หน้าที่ของผู้ที่จะมาทำงานศาสนา

รายละเอียด

คนที่สามารถตำหนิให้เขาดื่มคำตำหนินี้ได้ ตำหนิให้เขายอมรับได้ นี่แหละคือหน้าที่ของผู้ที่จะมาทำงานศาสนา งานศาสนานั้นเกิดมาเพื่อตำหนิคน ให้รู้ตัวว่ามันผิด มันมิจฉา มันอวิชชา 

ส่วนสิ่งที่ถูกดีแล้วสัมมาแล้วไม่ต้องไปพูดถึงมากมาย ไม่ต้องไปยกย่องว่าเป็นคนดี มีแต่สรรเสริญ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าสรรเสริญเป็นคำต่ำ ไม่พอจะทำให้ละหน่ายคลายอะไรได้ อาตมาไม่นิยมคำสรรเสริญที่จะพูดบ้างก็เป็นโอกาสที่ควรสรรเสริญ ส่วนตำหนินี้เป็นเรื่องตำหนิแล้วตำหนิอีก เหมือนช่างปั้นหม้อที่ปั้นหม้อเมื่อยังเปียกอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 19:35:54 )

หน้าที่ของผู้ที่จะเข็นธรรมจักร 4 ข้อนี้ไม่ใช่ของปุถุชน

รายละเอียด

จักร 4 (ดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ)

1. ปฏิรูปเทสวาสะ (การอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม) 

2. สัปปุริสูปัสสยะ (การคบหาสัตบุรุษ)

3. อัตตสัมมาปณิธิ (การตั้งตนไว้ชอบธรรม) 

4. ปุพเพกตปุญญตา (ความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทำแล้วในปางก่อน ไว้เป็นที่พึ่งอาศัย) 

(พตปฎ. เล่ม 21   ข้อ 31)

ทั้ง 4 ข้อนี้สัมพันธ์กัน หมายถึงผู้ที่จะ นำกงล้อของธรรมะโลกุตระนี้เข็นไปตลอดได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะเข็นธรรมจักร 4 ข้อนี้ไม่ใช่ของปุถุชนแต่เป็น 4 ข้อของผู้ที่จะเข็นธรรมจักร เกิดมาชาติไหนก็จะมาเข็นธรรมจักร 4 ข้อนี้

ท่านได้เกิดมาในสถานที่อันเหมาะสม ท่านอาจจะมาพบสัตบุรุษอื่น แล้วท่านก็จะมาช่วยเข็นธรรมจักร ถ้ามีไก่ตัวพี่ที่เป็นสัตบุรุษที่เกิดก่อน แต่ถ้าไม่มีไก่ตัวพี่ท่านก็จะตั้งตนไว้อย่างชอบเอง เพราะท่านมีปุพเพกตปุญญตาแล้ว ฉะนั้นคนที่จะมาอวดดีบอกว่าจะมาเข็นธรรมจักรนั้น อย่าพูดเสียให้ยากเลย ธรรมจักรของคุณเข็นก็เป็นธรรมจักรซิงเกอร์ ก็เข็นกันไป ผู้ที่ไม่มีปัญญารู้ทันก็จะตามกันไปจูงกันไปก็น่าสงสาร ก็เห็นอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:17:37 )

หน้าที่ของพระ คือพัฒนาปุถุชนให้เป็นพระอาริยะ

รายละเอียด

ก็ต้องยุ่งกับปุถุชนนั่นแหละ เป็นพระเป็นเจ้าก็ช่วยปุถุชน จะไปยุ่งอะไรกับพระอาริยะหรือท่านผู้เหนือกว่า หรือท่านที่บรรลุเป็นพระอาริยะ จะไปยุ่งกับท่านทำไม ท่านหลุดพ้นแล้ว ก็ต้องยุ่งกับปุถุชนยุ่งกับคนทั้งหลายสิ 

คือคนไม่รู้อะไรนี่ก็พูดไป เป็นพระแล้วไปยุ่งทำไมกับปุถุชน แล้วพัฒนาอะไร เป็นพระเป็นเจ้า เป็นผู้มีธรรมะก็มาช่วยคน ช่วยพัฒนาคน จะให้ไปพัฒนาอิฐหินดินปูน พืชพันธุ์ธัญญาหาร มันไม่ใช่ เป็นพระนั่นแหละจะต้องไปช่วยคน ที่เป็นปุถุชนให้ขึ้นมาเป็นอาริยะ ตั้งสติสัมปชัญญะดีๆ คุณที่ถามมา ทำปัญญาให้แจ้ง คนนี่แหละมันสำคัญ พระไม่ใช่จะไปพัฒนาอิฐหินดินปูน พืชพันธุ์ธัญญาหารอะไร มันไม่เกี่ยว พัฒนาคนที่เป็นปุถุชนให้เป็นอาริยะ นี่เป็นหน้าที่โดยตรงนะ คุณฟังดีๆคิดดีๆเข้าใจให้ถูกนะ

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 18:53:48 )

หน้าที่ของพระพรหมที่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่ออะไร

รายละเอียด

เพื่อศาสนาอันยิ่งยอดของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ทำเพื่อตัวตนส่วนใดส่วนหนึ่งของเราเลย นี่พูดอย่างจริงใจ จะบอกว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม ก็อวดสุดใหญ่เลยนะ อวดสุดบริบูรณ์เลยนะ ฟังธรรมะดีๆ อาตมาพูดแต่ความจริงทั้งนั้น อาตมาจะพูดความไม่จริงไม่ได้ อาตมาพูดมีแต่ความจริงทั้งนั้น แม้ว่าอาตมาตำหนิหรือใช้คำหนักว่าด่าก็ตาม อาตมาตำหนิใคร ด่าใคร ก็เป็นความจริงใจ ที่จะต้องตำหนิ เพราะท่านยังหลงความมืดงมงายเราก็ต้องช่วย อาตมาไม่ใช่คนใจดำ อาตมาเป็นคนมีเมตตาจริงๆ เกื้อกูลช่วยเหลือ ต้องทำ มันเป็นหน้าที่ของพระพรหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 11:22:33 )

หน้าที่ของพระโพธิสัตว์ต้องทำความจริงให้ปรากฏ

รายละเอียด

คุณเข้าใจถูก แล้วก็เป็นเรื่องจริง อาตมาพูดมาไม่ได้พูดเรื่องหลอก ไม่ได้เล่นลิ้น อาตมามากอบกู้หรือมาต่ออายุ จากความเชื่อมา 2,500 กว่าปีมันเสื่อมไปมากแล้ว จมมหาสมุทรไปเราก็ต้องดึงขึ้นมาด้วยว่ากอบกู้  เอาโลกุตระขึ้นมาแล้วศาสนาพุทธจะไปถึงอีก 5,000 ปี แม้มันไม่ถึงหรือมันจะไม่ถึงเป็นหน้าที่ของอาตมาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว ก็เหลือผู้ที่จะเข้าใจเอาภาระ เป็นโพธิสัตว์ที่จะสืบทอดรับผิดชอบ 

ไม่ได้พูดยกย่องเข้าข้างตัวเอง แต่ตัวเองต้องมาทำหน้าที่นี้ พูดแล้วก็เลยกระทบต่อตนเอง ต้องทำอันนี้ต่อเพราะพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แล้วศาสนาพุทธมีต้องเป็นไปต้องต่ออายุให้ถึง 5,000 ปีเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยที่ต้องเป็นเช่นนั้น แล้วเราก็เป็นผู้ที่รู้เข้าใจอันนี้ก็เห็นความสำคัญในความจริงอันนี้ ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ต้องทำความจริงให้เป็นจริงก็ต้องทำ มันเป็นหน้าที่ มันเป็นเรื่องความสำคัญในความสำคัญที่เราต้องทำ คนไม่เข้าใจอาตมาพูด ไม่ได้พูดเล่นลิ้น ไม่ได้พูดหลงตน พวกเรานี่แหละต้องทำให้ต้นพุทธะนี้เติบโต ไปถึงห้าพันปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:15:06 )

หน้าที่ของพ่อครู

รายละเอียด

หน้าที่หลวงปู่ต้องมาทำงานนี้ หลวงปู่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ประกาศไปแล้วว่าหลวงปู่เป็นใคร หลวงปู่เป็นคนที่จะมากอบกู้สังคม มาทำให้สังคมเป็นมนุษย์เจริญ อาริยมนุษย์อาริยชน มนุษย์ประเสริฐ ให้เป็นมนุษย์มีคุณค่าคุณงามความดี ไม่มีโทษภัยไม่มีความเสียหาย มีแต่ความดีงามอยู่ในประเทศ อยู่ในสังคมอยู่ในโลก ซึ่งจะต้องทำอย่างนั้น ก็รู้ตัวเองแล้วทำตัวเองมาจนกระทั่งทุกวันนี้คนก็ยังไม่ค่อยเชื่อ หลวงปู่เลยพยายามที่จะมีชีวิตนี่แหละ ให้อยู่ไปอีก อยู่ไปยืนยาว นานๆ พวกเราก็จะได้โตขึ้นไปหลวงปู่ก็จะอายุยาวขึ้นไปเรื่อย พวกเราโตเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นมา หลวงปู่ก็ยังอยู่ยังทำงานด้วย ทีนี้พวกเราก็จะมีวุฒิภาวะ มีความเจริญมีวัยวุฒิคุณวุฒิ เจริญขึ้นมารับรู้ จะได้รู้ความเป็นมนุษย์เป็นสังคมที่ดี ที่ควรจะเป็น ก็จะได้มาช่วยหลวงปู่ ตอนหลวงปู่อายุมากๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2562  ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:24:11 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:13 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:10:04 )

หน้าที่ของศาสนาพุทธโลกุตระธรรม

รายละเอียด

ผู้ที่มีจิตนิยามจะต้องเรียนรู้ทำจิตให้เป็นอุตุทำให้เป็นพีชะได้ นี่คือหน้าที่ของศาสนาพุทธ โลกุตรธรรม ถ้าแยกจิต แยกกาย แยกพีชะ อุตุไม่ได้ จิตของคุณสัมพันธ์กามาวจร กระทบสัมผัสภายนอกและคุณก็เรียนรู้จิตของคุณหมดอาการของชีวะแม้แต่อบายมุข ในกาม หมด กระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ภายนอกคุณก็เฉยๆไม่มีรสชาติไม่มีแรงดึงดูดของเราที่จะไปยุ่งกับมันได้อีก ก็เป็นอนาคามีเหลือแต่ รูปภพ อรูปภพภายในคุณก็อ่านจิตตัวเองโดยรู้จักฐานะของตัวเอง ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าต้องรู้ยิ่งเห็นจริง ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมอะไรก็ไม่รู้ เหมือนกับมหาบัวสู้มันกิเลสคู่มันจนตายเป็นคนจริงฆ่ามัน ก็ไม่รู้ฆ่าอะไรแม้แต่กิเลสอย่างหยาบ ติดหมากก็ยังไม่รู้ เพราะว่าปฏิบัติธรรมหลับตาแบบฤาษี กามข้างนอกติดก็ไม่รู้ ภพภายในก็ไม่รู้ นึกว่าตัวเองใหญ่หาเงินเข้าคลังหลวงได้มาก เป็น มานะ อติมานะไม่รู้ทั้งคู่ กามก็ใหญ่อัตตาก็ใหญ่ ไม่รู้เรื่องสำหรับมหาบัว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:52:10 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:41 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:22:18 )

หน้าที่ของสัญญา

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถทำหน้าที่ของสัญญาได้ เจตสิกของคุณคุณจัดการเลย คุณใช้สัญญาของคุณไปกำหนดรู้ทางตาไปกระทบก็กำหนดรู้ ทางหูก็กำหนด อะไรทั้งนั้นก็กำหนดรู้ คุณก็สามารถจะรู้กิเลสที่เกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย 

ถ้าไปนั่งหลับตาทีเดียว อย่างที่สายหลับตาเขาทำ อาตมาว่ามันน่าจะเข้าใจได้มันไม่ยาก ไปทำความรู้ในรูเดียวทิ้งอีก 5 รูใหญ่ เพราะคนที่รู้ทางตากระทบรูปและลดกิเลสได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่รู้ในจิตวิญญาณที่อยู่ข้างใน คุณรู้ครบด้วยทั้งนอกทั้งในด้วย มันก็ทำให้กิเลสหมดทั้งนอกทั้งใน ตาหมดกิเลส หูหมดกิเลส จมูกหมดกิเลส ลิ้นหมดกิเลส กายสัมผัสหมดกิเลส ภายในจะรู้ได้ไหม รู้

แต่ไปทำเฉพาะภายในสะกดอยู่ที่เดียวจะรู้พวกนี้ไหมข้างนอกอีก 5 ก็ไม่รู้ โง่ หลับตา โง่นิรันดร 

คำสอนของพระพุทธเจ้าจรณะ 15 วิชชา 8 มาเรียนรู้มาปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 ให้บรรลุสัทธรรม 7 แล้วเกิดฌานลืมตา ไม่ใช่ไปงมงายกับเดียรถีย์ที่มันหลอกเป็นผีหรือซาตานมันหลอกมานานแล้วว่าให้ไปหลับตาหลับตาไปทำความลึกลับไม่เคยรู้ ไม่รู้หมดไม่รู้กว้างไม่รู้มีกายสัมผัส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:58:21 )

หน้าที่ของหัวใจและหน้าที่ของสมองคืออย่างไร

รายละเอียด

สมองเป็นวัตถุเป็นที่พักเป็นคลังให้วิญญาณให้ธาตุรู้ ธาตุจิตให้อาศัย หัวใจสูบฉีดโลหิต เป็นเรื่องของรูปธรรม หัวใจเป็นที่อาศัยให้สูบฉีดโลหิตเข้ามาเลี้ยงร่างกาย หน้าที่ของหัวใจก็เป็นเรื่องของเลือด หน้าที่ของสมองก็เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 21:09:00 )

หน้าที่ของโพธิสัตว์

รายละเอียด

แล้วหน้าที่ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตว์ก็ยังมีอยู่ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโพธิสัตว์ อย่างน้อยโพธิรักษ์ก็ยังมาต่ออยู่ แล้วโพธิสัตว์อื่นๆก็ยังมีอีกเยอะแยะไป ยังไม่เกิดมาในยุคนี้ก็ยังมีอีก ก็ยังไม่ชัดเจนในตัวเองก็ยังมีอีกเยอะ ถ้าไปเรียนทางมหายานมีโพธิสัตว์เกลื่อนเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:36:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:10 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:09:28 )

หน้าที่ของโพธิสัตว์ระดับต่อไป จะต้องมาเผชิญกับความหยาบแรงกว่านี้ 

รายละเอียด

อันนี้ก็สำคัญ วางศาสตรา วางทัณฑะ วางอาวุธ อย่างพวกเรานี่วางแน่ๆเลยออกไปชุมนุมกันพร้อมหรือยัง มีอาวุธไหม ไม่มีอาวุธ มีแต่หัวใจจริงๆ ตายเป็นตาย พวกเรารู้จักความตายว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ตายก็ตายด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความจริง ด้วยความดีงามอันวิเศษ เป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเราไม่ใช่จะเป็นคนซาดิสม์ หรือจะเป็นคนมาโซคิสม์ ตายแล้วดีมันดี ไม่ใช่ ไม่ใช่เป็นคนวิปริตวิตถารแบบนั้น เราก็ไปทำอย่างที่เหมาะที่ควร ตามเหมาะตามควร มาพูดถึง โลกุตระ มีในโลกได้เพราะใคร.. เพราะพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ถ้าในโลกยุคใดปราศจากโลกุตระแล้ว และสมเหมาะสมควรที่พระพุทธเจ้าจะต้องมาประกาศลงไป แล้วโลกุตระจึงจะมีอยู่ในโลก จนกระทั่งโลกุตระเสื่อมไปเรื่อยๆ ก็จะมีพระโพธิสัตว์ที่ค่อยๆกอบกู้ช่วยมาเรื่อยๆ พระพุทธเจ้าก็หมดภาระหน้าที่ของพระองค์แล้วทุกพระองค์ ไม่มาอุบัติในยุคที่ไม่ควรเกิด 

เพราะฉะนั้นผู้ที่มาเกิดในยุคที่ไม่ควรเกิด คือยุคที่เข้าสู่กลียุคและมีคนเลวหนักแล้ว มันไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะมาทำสิ่งนี้เพราะมันจะหยาบ อย่างอาตมานี้แรง หยาบ ดูแล้วไม่งาม ถ้าเป็นพระพุทธเจ้ามาแสดงอย่างอาตมานี้เสียหมด เสียสมณสารูปของพระพุทธเจ้า ต้องปล่อยให้คนอย่างอาตมาต้องมาเกิดในยุคนี้ ต่อไปยิ่งจะแรงกว่านี้เพราะความเลวร้ายจะหนักหนาสาหัสกว่านี้ นี่ขนาดยุคที่อาตมาเกิดนี้ มันจะแรงกว่านี้ และยุคเหล่านั้นไม่ใช่หน้าที่ของอาตมา เป็นหน้าที่ของโพธิสัตว์ระดับต่อไป จะต้องมาเผชิญกับความหยาบแรงกว่านี้ 

อาตมานี้หยาบไม่ลง พูดหยาบก็ไม่ได้ มันไม่ได้จริงๆ อาตมาชาตินี้ไม่เคยพูดหยาบ แม้แต่คำว่ากูมึงที่พูดกับเพื่อน เพื่อนพูดกับอาตมานี้ก็พูดกูมึงได้ แต่อาตมาพูดไม่ออก พูดได้แต่ ลื้อ อั๊วะ เอ็ง ข้า อย่างเก่ง เอ็ง ข้า แค่นั้น กูมึงอาตมาพูดไม่ได้ชาตินี้ เพื่อนอาตมาหลายคนก็ว่าอะไรวะ เขาพูดกับอาตมาว่ากูมึง แต่อาตมาพูดกับเขาพูดกูพูดมึงไม่ออก พูดได้แต่เอ็ง ข้า ลื้อ อั๊วะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ สว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:17:58 )

หน้าที่ของไก่ตัวพี่

รายละเอียด

อาตมามายุคนี้ต้องพูดตรงๆหนักแรงๆ เพราะอาตมาเป็นพี่ในยุคนี้เป็นไก่ตัวพี่ ต้องพูดให้น้องที่หลับตาทั้งหลายตื่น อาตมามีจุดด้อย แต่ใช้จุดด้อยเพื่อทำงานก็ได้ผลอยู่ หมากพลูนั้นไม่ใช่อาหารด้วยซ้ำ ไปแต่ก็ไปติดยึดกัน อย่างมหาบัวแล้วหลงยึดถือกันว่าเป็นอรหันต์ โจรปล้นศาสนาหลอกชาวบ้านกันอยู่ สงสารแต่อย่างไรก็ต้องว่าสิ่งที่ผิด จะไปยกสิ่งที่ผิด มันจะไปถูกอย่างไร มันไม่มีทางเลี่ยง ต้องพูด จำเป็นต้องพูด ต้องทำความเข้าใจอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:21:14 )

หน้าที่ดึงศาสนาพุทธกลับ

รายละเอียด

เพราะไม่สนใจกามที่เป็นกาย ไม่มีตัวอย่างที่ละได้ตั้งแต่ต้น หากละจากกามไม่ได้อย่างชัดเจน จะไปล้างชั้นที่  2 ชั้นที่ 3 ก็หมดหวัง คุณจะไม่มีดวงตาจะไม่มีความละเอียดพอ เพราะตาหยาบคุณยังสัมผัสไม่ติด กามก็ไม่รู้จัก แล้วจะอวดเก่งไปรู้จักภพภายในก็เป็นสิ่งปลอมวิมานปลอม เพราะไม่มีดวงตาที่จะเจียระไนเพชร ต้องเจียระไนลึกเข้าไปเรื่อยๆถึงแก่นแกน แต่ยังไม่ผ่านภายนอกเลย มันก็เป็นไปไม่ได้มันเป็นอุตริที่โมฆะ ไม่มีลำดับ เป็นความหลงของเดียรถีย์จมในความหลง ไม่ว่ายุคไหนปางไหนก็เป็นเช่นนี้ ศาสนาพุทธถึงได้เสื่อมลงไปจนถึงทุกวันนี้ ผิดหมดเลย ขออภัยไม่ได้ใส่ความ หากอาตมาไม่เกิดมาจะไม่ละเอียด จะมีผู้ที่รู้บ้างแต่ไม่ชัดเจนละเอียดอย่างที่อาตมาเอามาขยายความ แล้วก็จมผิดไปตลอดกาลนาน อาตมาจึงมีหน้าที่ที่จะดึงกลับ คนที่อคติมองอาตมาว่าเป็นพวกอวดตัว เขาก็จะไม่ได้รับความรู้เลย เพราะว่าฟังอย่างอคติ ไม่เต็ม หากฟังอย่างเต็มไม่เป็นชาล้นถ้วย จะได้ เพราะเป็นธรรมะที่ละเอียดลออ 

ที่มา ที่ไป

รายกรพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:47:46 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:43 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:10:50 )

หน้าที่ฝ่ายค้านในประชาธิปไตย

รายละเอียด

ทุกวันนี้อาตมาก็พูด เรื่องของการเมืองไทยนี้มันลงตัวเรียบร้อย มันดีมากแล้ว ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ค้านไป ไม่ต้องไปดันทุรังแก้ไขรัฐธรรมนูญ คัดค้านในเรื่องเนื้อหาสาระสิ อันนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านในประชาธิปไตย ไม่ใช่คัดค้านเพื่อหาเรื่องทำลาย ถ้าอย่างนั้นไม่เจริญสักทีหรอกไปทำลายสิ่งที่มันเป็นโครงสร้าง เป็นหลักเกณฑ์แล้ว แล้วจะไปแก้ใหม่เรื่อยๆเมื่อไหร่จะได้ทำงานกันสักที คุณก็ค้านในเนื้อหาสาระการบริหารสิ อย่างนั้นถึงจะเจริญ ผู้ที่ไม่ประสีประสาในเรื่องการเมืองประชาธิปไตยพวกที่ออกมาตอนนี้ หาเรื่องขุดค้นอดีตหาเรื่องเก่ามาพูดเละ ไม่รู้จัก status quo ของสังคม 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:48:16 )

หน้าที่สำคัญของสัญญา

รายละเอียด

สัญญากำหนดรู้ต้องรู้หน้าที่ของจิตที่แจกออกเป็นเจตสิกต่างๆ หน้าที่ของสัญญาของสังขารของเจตนา หน้าที่ของทิฎฐิ หน้าที่ของมนสิการ เป็นต้น ก็รู้หน้าที่ของอาการจิตว่าทำงานตามหน้าที่อย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ายังกำหนดหน้าที่ไม่ได้ เวทนาคืออย่างไรมันก็มีอาการรู้สึก สัญญาทำหน้าที่อย่างไรก็คือทำหน้าที่กำหนดรู้หรือจดจำ หน้าที่ของสังขารก็คือการปรุงแต่งเป็นปัจจุบันขณะนั้น หน้าที่ของเจตนาต้องมีจิตที่มุ่งหมาย มันมี 3 เจตนา เจตนาเป็นกรรมเจตนาเป็นภวตัณหา เจตนาเป็นวิภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:24:22 )

หน้าที่และความสิ้นสุดของพระโพธิสัตว์เกิดเมื่อไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นท่านตรัสรู้อันนี้แล้วก็จบ เป็นพระโพธิสัตว์ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เกิดมาเวียนวน สืบทอดศาสนาไปตามหน้าที่ของแต่ละองค์ จนกระทั่งถึงวาระที่ท่านไม่เกิดอีกแล้วในโลก ปล่อยให้ศาสนาไปมีโมเมนตัมของมันไป จนกว่ามันจะสิ้นสุดหมดเชื้อของโลกุตรธรรม ก็เป็นหน้าที่ของโพธิสัตว์ในทุกยุคทุกสมัยทุกกาละ ของพระพุทธเจ้าองค์นี้มีแค่ 5,000 ปี เป็นศาสนาที่มีอายุสั้นที่สุด 5,000 ปี พระพุทธเจ้าองค์อื่นๆมีอายุยืนยาวเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านปี พระพุทธเจ้าองค์สมณโคดมมีศาสนาที่สั้นที่สุดแล้ว หมดจากพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดมในองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ จากนี้ไปศาสนาพุทธก็เหลือโมเมนตัมไป จนกว่าจะสิ้น 5,000 ปีของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็จบแล้วไม่เหลือ 5,000 ปีก็ไม่เหลือเลย ศาสนาพุทธหมดไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:05:54 )

หมดกามภพภายนอกเป็นเครื่องชี้วัดอนาคามี

รายละเอียด

สกิทาคามีก็ยังเหลื่อมอยู่กับอนาคามี จนกระทั่งหมด หมดอนาคามี เอาภพกามภพภายนอกมาเป็นเครื่องชี้วัดอันนี้ หมดกามภพภายนอก ไม่ต้องเดือดร้อนดิ้นรนอย่างหยาบ ไม่ต้องบำเรอทางนอกเลย ทางนอกขาดได้ ไม่มีเดือดร้อนไม่มีอะไรเลย ไอ้เดือดร้อนเป็นเรื่องของจิต มันก็เดือดร้อนภายใน แต่ไม่เป็นไร เรื่องภายนอกไม่ขาด ไม่ขาดสภาพภายนอก แต่อารมณ์ภายในนั้นมันก็เดือดร้อน เพราะมันยังไม่หมด ซึ่งอาการของจิต สภาพของธรรมะพวกนี้ เป็นสภาพธรรมะที่ยากมากๆเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:24:04 )

หมดกามหมดอัตตาจึงมีอายะ 3 ครบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนจึงเรียนรู้ความจริงได้ว่า ที่ปรุงแต่งจะเรียกว่าวิญญาณ จะเรียกว่าสังขาร หรือเรียกว่าอายตนะ ก็ต้องรู้ว่ามันคืออะไร สังขารก็แค่นี้ พอปรุงแต่งเหตุปัจจัยมันเป็นวิญญาณ ยิ่งมันปรุงแต่งจับตัวแน่นเป็นอายตนะมันก็เป็นอย่างนี้ ก็เรียนรู้ได้จากการมาพยายามปฏิบัติตามหลัก มีผัสสะ มีที่ตั้ง มีฐานที่จะปฏิบัติคือมีผัสสะ มีกายมีภายนอกภายในสัมผัสกัน เกิดเป็นภาวะแยกได้ ว่า อ้อ นี่คือจิต นี่คือตัณหา เวทนานั้นจิตจริงๆมันรู้จักความจริงตามความเป็นจริงมันเป็นอย่างนี้ เหตุที่เป็นอย่างนั้นคือมันโง่ เสร็จแล้วมันโง่ไปปรุงแต่งเป็นทุกข์เป็นสุขเป็นรสเป็นชาติเป็นโลกีย์มันเป็นอย่างนี้ 

เหตุที่มันเป็นอย่างงั้นเพราะโง่ อวิชชา ไปถูกครอบงำตามโลกเป็นตัณหาต้องกำจัดมัน เพราะฉะนั้นจะไปกำจัดในอุปาทานมันยากเพราะมันเป็นตัวแน่นจนตกผลึก ถ้ามันเคลื่อนไหวขึ้นมา มันรู้ได้ง่าย จับได้ง่าย ก็ต้องมาล้างที่ตัณหา 

เพราะฉะนั้นฐานที่ปฏิบัติต้องให้เกิดตัณหา มีสัมผัส มีเวทนา มีตัณหาแยกกายแยกจิตได้จับออกมาแยกภาวะ 2 ได้ จับอาการของตัณหาได้ตั้งแต่กามตัณหา หยาบข้างนอก ล้างตัณหาในกามาวจรหมด มันอวจรในโลกข้างนอก โลกแห่งกายแห่งกาม คุณก็หมดกามราคะ เหลือรูปราคะ อรูปราคะ คุณจึงจะไปล้างอันโน้นต่อ ล้างตัณหาภายในต่อ เหลือแต่รูป อรูป ล้างอรูปก็จบ ก็จึงจะเป็นลำดับอย่างมหัศจรรย์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่ประดักประเดิด ดับหน้าหลังหลังหน้าอะไรไม่เป็นลำดับไม่ใช่ เป็นลำดับราบเรียบเหมือนฝั่งทะเล วิเศษสุดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:07:14 )

หมดความสุขความทุกข์

รายละเอียด

หมดความสุขความทุกข์ คือไม่มีความสุข ความทุกข์แล้ว ก็ไม่เสียเวลาอาตมาไม่มีเสียเวลามีประโยชน์ทุกเมื่อ  ไม่มีอะไรก็ทบทวนธรรมะเพื่อจะเอามาอธิบาย บางทีนอนอยู่อะไรดีขึ้นมาก็ลุกขึ้นมาเขียนไว้  สงบก็พักไป เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็อยู่กับธรรมะ ปรุงกับธรรมะ เพื่อที่จะเอามาเปิดเผย  ยิ่งเห็นธรรมะพระพุทธเจ้าลึกซึ้งขึ้นทุกวัน อาตมายังไม่หมดที่จะรู้ความลึกซึ้งธรรมะพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึงชัดเจน อาตมาเป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์มาก็เข้าใจ ทำจิตของเราให้เป็นอุตุได้ แม้พีชะก็ไม่มีได้ นั่นแหละจึงจะสามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ถ้าคุณไม่เข้าใจก็จะไม่รู้ว่า สอนไปทำไม อุตุ พีชะ จิต ตอนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานก็อยู่กับอรูปฌานแล้วมาอยู่ รูปฌาน ตายที่วางฌาน4 แต่คุณเป็นใครใหญ่ขนาดไหนก็ไม่รู้เรื่องการแยกกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมได้ คุณแยกสอง แยกเทวะทั้งนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:47:48 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:13:20 )

หมดความเป็นความมี

รายละเอียด

ผู้มีปัญญาทำให้จิตไม่จับตัวกันอีก ไปเป็นธาตุอุตุนิยามไปเลย เสร็จสิ้นนิรันดร เพราะฉะนั้นผู้ที่ปรินิพพานเป็นปริโยสานของพระพุทธเจ้า จึงหมดภาษา จึงหมดความเป็นความมี ที่มันจะมาเกิดเป็นอัตภาพที่เรียกว่าจิตนิยามกันอีก เพราะกว่าที่มันจะกลับมาเป็นพลังงานอุตุ ไปเป็นความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า ที่วิทยาศาสตร์เขาเอามาใช้กัน พลังงานต่างๆเหล่านี้จะถูกใช้วนเวียนไปอยู่ในวัฏสงสารนี้ ถ้าไม่มีตัวจิต ตัวที่เป็นอุปาทานก็เป็นอัตภาพ มีตัวกูๆๆ พีชนิยามมันเกาะกันแล้ว มันก็เกาะกันพอสมควร แต่มันยังไม่ยึดตัวกูทีเดียว ยึดหลวมๆไม่เหมือนจิตนิยาม จิตนิยามยึดเต็มไม่ยอมแตกไม่ยอมแยก แล้วเหนียวแข็งแน่น พีชะยังไม่เหนียวไม่แข็งไม่แน่นเท่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:21:53 )

หมดความเป็นชาติได้อย่างไร

รายละเอียด

เรียนรู้ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ธาตุพีชะ จิต แล้วเรียนรู้ว่ามันปรุงแต่งกันอยู่ขนาดไหน มีพลังงานร่วมปรุงแต่ง เสร็จแล้วเร็วก็เรียนรู้แค่ให้มันไม่หยั่งลง หมดความเป็นชาติ ให้หมดความเป็นชีวิตินทรีย์ก็หมดชาติ

ไม่ให้เกิดอย่างเป็นจิตนิยาม ให้มันเกิดเป็นอย่างลดลงมาตามลำดับเป็นพีชนิยาม ซึ่งมันหมดสุขหมดทุกข์ ไม่มีพยาบาทไม่มีรักไม่มีชังไม่ก่อวิบากอีกก็ยังไม่หมด ชีวะ ดับชีวิตินทรีย์ให้ได้ แยกเป็นอุตุธาตุดินน้ำไฟลม ไม่ให้ดินน้ำไฟลมหยั่งลงในที่ๆเป็นพีชะหรือจิตนิยาม

ดินน้ำไฟลมหยั่งลงในพีชนิยามจิตนิยาม ที่เราไม่ต้องการให้หยั่งลง เรารู้เธอแล้วมาร เราพังเรือนยอดของมารแล้ว ไม่เหลือแล้ว อยู่ไม่ได้ จิตก็หายไป พีชะก็หายไป สุดท้ายก็มีแต่อุตุ ดินน้ำไฟลม ทำได้แค่นี้หมดแม้แต่ความเป็น ชีวะ ระดับพืช หมดแม้แต่ความเป็นชีวะระดับจิตหมดไปเลยไม่มีชีวะ เพราะในมหาจักรวาลนี้ดินน้ำไฟลมเป็นพื้น แล้วพัฒนาเป็นพืชเป็นจิต แล้วเป็นจิตอวิชชามาก่อน รักกันฆ่ากัน เป็นนิยายนับไม่ถ้วน ยังจะมีคนเขียนนิยายเขียนเองคิดเองด้วยความไม่เข้าใจจริง เขียนไปอีกกี่ร้อยเรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:42:06 )

หมดความเป็นทาสจึงเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ศาสนาพุทธสอนให้รู้ทั้งกาม สอนให้รู้สิ่งที่เป็น โลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข จะต้องเข้าใจเลยว่ามันมีอยู่ในโลก แล้วอย่าให้มี มันมีอยู่ในโลก แต่เราอย่าไปเป็นทาสมัน จนจิตเราชัดเจนปฏิบัติได้หมดความเป็นทาส มันก็มีอยู่ในโลกอย่างนั้น กาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสมันก็มีอยู่อย่างนั้น แต่เราไม่มีกิเลสกับมันแล้ว ไม่เป็นทาส ไม่ต้องตกเป็นทาสของกามคุณ 5 แล้ว ยิ่งเข้าไปในอัตตาก็ไม่เป็นทาสของอัตตาด้วย ถ้าข้างนอกก็เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ โลกีย สุข เราก็รู้อันนี้ เรียนรู้อันนี้ ก็ไม่เป็นทาสของลาภยศ พวกเราพูดอธิบายกันง่ายเพราะเราปฏิบัติมา มีมรรคผล เข้าใจง่าย เราไม่ได้ติดยึด หลายคนในพวกเรายังไม่เป็นอรหันต์ มันก็ยังรู้อยู่ว่าเราก็ยังมีอยู่นะ ลาภยศสรรเสริญสุข ก็ยังมี ทิ้งไม่ได้ ยังต้องมีอาศัยชื่นใจไม่ชื่นใจ ก็กำหนดรู้ของตัวตน ละออกไม่ได้ มันก็เป็นธรรมดา รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็เหมือนกัน เราสัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงโผฏฐัพพะ มันก็จะมีอาการทางจิต คนที่ชัดเจนแล้ว รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ เราสัมผัสแล้วก็ไม่มีอาการทางจิต ชอบก็ไม่ชอบไม่ผลักไม่ดูด อ่านอาการให้ดี ให้ละเอียด อ่านสามัญชีวิต สัมผัสแล้วเป็นอย่างนี้เราก็จะรู้ตัวเราว่า เราบรรลุเป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:48:22 )

หมดความโง่ หมดธาตุผี มีแต่ธาตุรู้

รายละเอียด

อย่างพระพุทธเจ้าท่านเกิดมา พอท่านรู้ตัวว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าท่านทิ้งหมดเลยยศศักดิ์ตำแหน่ง ออกมาเสมอภาคกับคนทุกคน เคยใส่รองเท้าทองคำก็ถอดพระบาท นุ่งห่มผ้าบังสุกุล ผ้าจากซากศพ นอนโคนไม้โคนไร่ไป ท่านทิ้งชัดๆเลย ท่านไม่ได้ติดยึดในสักการะ แต่ท่านก็รู้จักตามสมมติในโลกหรือปรมัตถสัจจะว่าท่านสูงจริง คนที่มีภูมิปัญญามีดวงตารู้ว่าสูงเขาก็มาเคารพ ส่วนคนที่ต้องยอมเคารพด้วยสมมติ เขาก็เคารพไปตามสมมุติ ส่วนคนไม่รู้เขาก็ลบหลู่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แลบลิ้นหลอก ดีไม่ดีด่าท่าน ท่านก็เข้าใจคน คนมันมีหลากหลายทั้งคนจะยกย่องหรือจะข่ม

หมดความโง่ หมดธาตุผี มีแต่ธาตุรู้ ธาตุฉลาด รู้ความจริงตามความเป็นจริง เทวนิยม ไม่หมดความเป็นผี ไม่หมดความเป็นซาตาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 20:58:42 )

หมดชีวิตินทรีย์ของกิเลสได้คือหมดแล้วรสโลกีย์

รายละเอียด

อาหารจึงเป็นหนึ่งในโลกโดยเฉพาะ กวฬิงการาหาร อาหาร 4 สรุปที่กวฬิงการาหาร วิญญาณที่คุณโง่ ต้องเรียนรู้วิญญาณจากนามรูป แล้วเรียนรู้ประพฤตินาม 5 รูป 28 เห็นให้จริงเลย ว่ามันมีชีวิตินทีรย์ของกิเลสตัณหา ต้องพยายามให้หมดชีวิตินทรีย์ของกิเลสไม่มีชีวิตของกิเลส แต่แน่นอนชีวิตรูปต้องมีอยู่ ในฐานะที่เรายังมีชีวิต ชีวิตรูป ต้องมีอยู่ แต่ชีวิตินทรีย์กิเลสหายหมดไปแล้ว จึงเหลือชีวิตที่ไม่มีกิเลส มันยากที่ต้องแยกอินทรีย์ของกิเลส ให้ดับหายตายเพราะฝีมือแท้ๆ จนกระทั่ง เวทนาของเรานี้รับรู้รสว่าไม่มีแล้ว หมดแล้วรสโลกีย์ รสทุกข์สุขรสอร่อยโลกีย์ทางตาหูจมูกลิ้นกาย แม้แต่กิเลสชั้นปลาย ชั้นรูป ชั้นอรูป ก็หมดสิ้นเกลี้ยง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:08:29 )

หมดตัวตนหมายถึงตัวตนของกิเลสมันหมดเกลี้ยง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในสาธารณโภคี นี้ มันจะเป็นได้ว่าเราไม่มีตัวตนก็ต้องปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง ปรมัตถธรรมถูกต้องสัมมาทิฎฐิที่แท้จริง แล้วก็ต้องลดกิเลส หมดตัวตนไม่ได้หมายความว่าร่างกายหายไป จิตวิญญาณก็หายไปที่ไหนไม่เหลือไม่ใช่ คำว่าตัวตนคำนี้ หมายถึงตัวตนของกิเลส ตัวตนของกิเลสมันหมดเกลี้ยง กิเลสยิ่งลดลง ตัวตนที่ลดลงหรือตัวตนของกิเลสยิ่งเล็กลง ตัวความเป็นจริงของตัวตนที่แท้จริงกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ของบุคคลผู้นั้นๆ ยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งมีความรู้ยิ่งมีความสามารถยิ่งมีความขยัน ยิ่งมีความเห็นแก่ผู้อื่น เพราะความเห็นแก่ตัวมันลดลง ลดลง นี่คือสัจจะมันเป็นเช่นนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:08:00 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:16 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:24:03 )

หมดตัวตนได้เกิดแสงสว่างปลายอุโมงค์ 

รายละเอียด

ส่วนตัวคู่แย้งอาตมาก็ไม่เป็นไร ก็เห็นใจท่านนะ ที่ท่านไม่อาจจะยอมรับได้ แม้ว่าท่านจะยอมรับแล้วมันยังมีอะไรเป็นชะนัก ท่านยังมีตำแหน่งมีหน้าที่ ท่านมีอะไรที่โลกยอมรับอยู่แล้วจะมาให้ยอมรับโพธิรักษ์ว่าถูกกว่าท่าน จะเหลือตัวตนหรือนี่ ท่านกลัวจะหมดตัวตน ถ้าท่านยอมรับต่อสาธารณะว่าใช่โพธิรักษ์ถูกอาตมาเองผิด โอ้โห..ตัวตนท่านหมดเลยนะ แต่ท่านจะกล้าทำให้ตัวตนท่านหมดหรือไม่ นึกถึงจิตไหม ว่าจิตตัวนี้ของใคร จะกล้าทำให้ตัวตนเราหมดไหม ถ้าเป็นคุณคุณจะกล้าไหม …อาตมามีน้ำใจเผื่อแผ่เผื่อว่าท่านจะคลายใจถ้าหากท่านคลายใจโลกนี้จะสว่างวาบ เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:50:26 )

หมดนิวรณ์ 5 ได้ทั้งตอนตื่นตอนหลับก็คืออรหันต์

รายละเอียด

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ระหว่างนั่งหลับตาไม่มีนิวรณ์กับลืมตาทำงานทำการอยู่-ไม่มีนิวรณ์  อันไหนทำง่ายกว่ากัน ... หลับตาทำง่ายกว่า นั่นก็คือความคิดของคน ถ้าคนที่ฝึกมาตามจรณะ 15 วิชชา 8 ลืมตาทำงานนี่ แล้วไม่มีนิวรณ์ ง๊ายง่าย ไปหลับตาให้ไม่มีนิวรณ์นั้นยาก เพราะสัญญามันเล่นงาน สัญญามันขึ้นมาเล่นงาน สัญญานี้มันฟุ้งไปในอดีตในอนาคต โดยเฉพาะอดีตมันเล่นงาน เคยมีอย่างนู้นอย่างนี้ก็เผลอเพลินไปเลย 

ถ้าทำงานก็เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน มันไม่มีนิวรณ์ง่ายนิวรณ์ไม่เกิดง่าย นี่มันสลับกัน คนที่ยังไม่ได้ขั้นนี้ก็จะต้องนั่งก่อน นั่งแล้วก็ค่อยมาทำงานตื่น ตื่นได้เก่งแล้วไปนั่ง ไม่ได้ ถ้าเรื้อ อาตมาเคยนั่ง ทำได้ง่าย เดี๋ยวนี้เรื้อมาหมดแล้วเรื่องนั่ง แต่มาทำงานอย่างนี้มันเป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นไปนั่งหรือไปอยู่ในภพอยู่ในภวังค์ให้มันหยุดนิ่งนี้ มันนิ่งยากกว่า ถ้าเผื่อว่าไปเป็นอย่างนั้นแล้ว ฟุ้งคิดไป ถ้าไม่กำราบให้หยุดให้หลับ   มันไม่หลับ มันจะคิดไป ปรุงไป เพราะมันเบา ไปได้นาน บางทีไปทั้งคืน แล้วไม่ต้องหลับต้องนอน ก็ยุ่ง 

1. ขณะนั่งสมาธิหลับตา แล้วก็ยังรับรู้ลมหายใจ รับรู้เสียงที่กระทบหู รับรู้ร่างกายตนเองว่ามีความปวดเมื่อยหรือไม่อย่างไร และเมื่อรู้สึกเมื่อยอยากขยับขา แต่ก็วางใจมันไป สักพักอาการเมื่อยก็หายไปเอง ก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง แล้วเมื่อเอาจิตไปคิดปรุงเรื่องธรรมะข้อนิวรณ์ทั้ง 5 อันประกอบด้วย กาม พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา..พบว่าจิตตนเองไม่มีนิวรณ์ทั้ง 5 ข้อเลย

2. และเมื่อลองสังเกตตัวเองตอนทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ตอนขับรถ ก็พบว่าขณะที่ขับรถ เราก็ถือพวงมาลัยรถ เหยียบคันเร่ง เหยียบเบรก ใส่เกียร์ ตามปกติ แล้วเราก็สังเกตว่านิวรณ์ 5 เราก็ไม่มีเช่นกันในขณะลืมตาขับรถอยู่ รู้สึกว่าสังเกตเช่นนี้จิตเราก็ตื่นรู้ดี มีปีติ มีสุข จิตเป็นหนึ่งอยู่ตลอดการทำงานนั้น 

ใช้ทั้งสองอย่าง จบ ทำให้ไม่มีนิวรณ์ทั้งสองขณะ ขณะหลับตากับขณะลืมตา ก็ไม่มีนิวรณ์ทั้งคู่ ได้อย่างเด็ดขาด คุณเป็นอรหันต์นะ ชักง่ายแล้วนะนี่ คือจะต้องมามีการสัมผัสนี่แหละ ไอ้การที่จะไปหลับตาอยู่ มันไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครหรอก คุณหลับตา คุณก็ไม่กระดุกกระดิกกายวาจา กายวาจาคุณก็สงบแล้วมีแต่ใจของคุณบ้าอยู่อย่างเดียว ถ้าคุณสงบได้คุณก็ไม่บ้าของคุณ แต่กายวาจามันไม่ได้ไปทำอะไรเลย แต่ขณะที่มันตื่นมีกายวาจานั่นแหละมันเป็นพิษเป็นภัยต่อคนอื่นได้ หรือเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ คุณก็มาทำอันนี้ให้มันเรียบร้อย ถ้าคุณทำได้ทั้งกาย วาจา ใจ คล่องแคล่วทุกอย่าง ไม่มีนิวรณ์ทั้งในตอนตื่นทั้งในตอนหลับ OK 

โดยเฉพาะกามทั้ง 5 ทวารภายนอก คุณจะต้องได้ปฏิบัติ ได้กระทำหรือว่าคุณจะต้องมีการฝึกฝน มีการรู้จริงๆ จึงจะเกิดพลังปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ สามารถที่จะมีอิทธิฤทธิ์ ธรรมฤทธิ์ของพลังปัญญา จัดการกับกิเลส มันจะฉลาด แล้วมันก็จะไล่ความโง่ออกไปหมด อย่างที่สรุปไปเมื่อกี้ ฉลาดมาโง่หาย โง่มาฉลาดหาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำราพิชัยสงคราม พรหมชาลสูตร ตอน 1 วันพุธที่ 20 กันยายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2566 ( 12:23:01 )

หมดน้ำยาที่จะแต่งเพลง

รายละเอียด

อาตมาหมดน้ำยาแล้วที่จะแต่งเพลง มันไม่ไหว เอาน่า คนแต่งเก่งๆดีๆก็มีเยอะไป อย่ามาแกล้งยอฉันว่าฉันเป็นดวงจันทร์ที่ถูกเมฆบัง ตอนนี้คนอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นอย่าไปเคลื่อนไหวให้มาก พูดไปจะสับสน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:09:20 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:11:33 )

หมดบุญหมดบาป

รายละเอียด

ไม่มีบาปเลยนั่นแหละแน่นอนแล้ว กำจัดมาตั้งแต่อภิสังขาร 1 จนกระทั่งหมดบาป ถอนอาสวะหมด ก็เป็น อปุญญะ อภิสังขารอะไรก็เป็นอปุญญะ ไม่ต้องล้างกิเลสอีกแล้ว จิตจึงเป็นจิตสะอาดทุกกรรม กรรมนั้นจึงสั่งสมลงไปเป็น อาเนญชาภิสังขาร คือเป็นจิตสะอาดที่สั่งสมลงไป เพราะฉะนั้นจิตจะ อาเนญชา ไม่หวั่นไหวเพราะจิตตั้งมั่น จิตตกผลึก ควบแน่นเข้าไป เป็นจิตตั้งมั่นที่ยิ่ง อาเนญชา ยิ่งอาเนญชาๆๆ ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องไปนั่งสะกดจิต จะสะกดจิตให้ไม่หวั่นไหว ไม่มีทางนิ่งได้ ตามที่ใครถามมาเมื่อกี้นี้ จะทำให้จิตมันนิ่งยังไง มันไม่สำเร็จ อย่างนี้สิสำเร็จถาวร สำเร็จยั่งยืนถาวรตลอดกาลเลย ได้แล้วได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:06:27 )

หมดบุญหรือสิ้นบุญ

รายละเอียด

เป็นปรมัตถธรรม เป็นความตายของ "กิเลส,บาป,อกุศล" ของ "ทุจริต,ชั่ว,ร้าย,เลว,ทราม"

บุญ มิใช่ "สมบัติ" เหมือน "กุศล" ไม่ตกผลึกสะสม

บุญ เป็นแค่ "พลังงาน" วิเศษ

บุญ ทำหน้าที่เสร็จจบกิจก็หายตัวสูญสลายไป

บุญ เป็น "วิบัติ" โดยส่วนเดียว (เอกํเสน) ที่เป็น "คุณวิเศษ" (อุตตริมนุสสธรรม) อันเกิดได้ด้วยความฉลาดที่เป็น "ปัญญา" ของ "อาริยบุคคล" เท่านั้น อย่างน้อยต้อง "สัมมาทิฏฐิ"

บุญ จะมีขึ้นในคนผู้ยังมีมิจฉาทิฏฐิในคำว่า "บุญ" ไม่ได้เลยเป็นอันขาด

บุญ สะสมไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 156-157


เวลาบันทึก 08 ธันวาคม 2562 ( 15:14:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:43 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:25:05 )

หมดบุญเป็นเรื่องดี อย่างไร

รายละเอียด

หมดบุญเป็นเรื่องดี พระอรหันต์ทุกองค์ก็หมดบุญ พระสมณะรูปหนึ่งพระโปฐิละ ก็ใช้คำว่า เราเป็นผู้สิ้นบุญสิ้นบาป อปุญญะ 

อปุญญะ ไปแปลวนว่าบาปอีก ก็คือไม่เข้าใจ แม้แต่คำว่าบุญก็ไม่เข้าใจ ยังวนเวียนอีกมันจะไปนิพพานได้อย่างไร หมดบุญแล้ว ก็ยังไปวนกลับไปเป็นบาปอีก อ้าว บุญหมดแล้วบาปก็หมดแล้ว ไม่น่าจะเข้าใจยากนะ แต่อย่างว่า บังคับความรู้ความฉลาดของคนไม่ได้ คนที่ไม่รู้ไม่ฉลาดก็ไม่รู้ไม่ฉลาดจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 5 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 17:30:56 )

หมดปัญหาเรื่องทุกข์แล้วจะทำดีไม่ทำชั่ว

รายละเอียด

สรุปลงที่เป้าหมายที่ คนศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสุขทุกข์ได้ เป็นคนหมดปัญหาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ แล้วก็มาทำสิ่งที่ควรทำดีละชั่ว คนที่หมดปัญหาเรื่องทุกข์แล้วก็จะ ทำดีไม่ทำชั่ว ทำให้ทุกข์อริยสัจนั้นดับไปความสุขที่เป็น อัลลิกะก็หมดไปด้วย

ท่านไม่เคยเรียกสุขอาริยสัจ แต่ทุกข์นี้เป็นอวิชชา ความโง่ คนประเสริฐถึงจะรู้อริยสัจ ต้องมีโลกุตรปัญญาจึงจะสามารถที่จะเรียนรู้ทุกข์แล้วเลิกความทุกข์ได้ สุขก็หมดไปด้วย เพราะทุกข์สุขเป็นเหรียญสองหน้า ดับอันใดอันหนึ่งก็ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:34:38 )

หมดพลังงานชีวิตินทรีย์ก็สลายเป็นดินน้ำไฟลม

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่าพืชมันหมดพลังงานที่เป็นพลังงานชีวิตินทรีย์ ก็สลายเป็นดินน้ำไฟลม ไม่มีพลังงานดึงดูดรักชังจะต้องไปเจอกันวาสิฏฐีจ๋า ไปอยู่สวรรค์ที่นั่นที่นี่กันนะจ๊ะ ไม่มี พืชไม่มี มันมีแต่จิตนิยามโง่ ถ้าจิตนิยามฉลาดไม่มี ถ้าจิตนิยามโง่มี ถ้าจิตนิยามฉลาดไม่มี ไม่มีจนกระทั่งเรียนรู้ความไม่มีอย่างถาวร ไม่มี จนแยกเป็นดินน้ำไฟลมได้หมดเลย ไม่กลับเวียนวนเป็นชีวะอีก แม้ดินน้ำไฟลมนี้จะจับตัวกันอีกก็ไม่ใช่อัตตาของพระอรหันต์นั้นอีก ไม่เป็นตัวเก่าแล้วก็เป็นอันใหม่ไป ซึ่งมันก็มีของมันเราจะไปเกี่ยวอะไร เราทำตัวเรา เราทำอัตตาคือตัวเราไม่ใช่ของใคร อย่าสับสนนะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:43:42 )

หมดพลังบุญ พลังฌานเข้ามาขับเคลื่อนต่อ!

รายละเอียด

คง“มี”แต่พลังงาน“ฌาน”เท่านั้นที่“อรหันต์”ผู้ยังบำเพ็ญ“โพธิสัตว์”ต่อไปต้องใช้เป็น“พลังงานช่วย‘กรรม’อยู่” แยกไม่ได้เพราะ“ฌาน”เป็น“พลังงานของจิต”ที่มีทั้งประสิทธิภาพทางปัญญา-มีทั้งแก่นแน่นทางศรัทธาในตัวเองครบบริบูรณ์ทั้ง 2 ภาวะ ชื่อว่า “มุทุธาตุ” หรือ“มุทุภูตธาตุ”และ“ฌาน”กับ“ปัญญา”คือ“กาย” คือ“คู่หู”ที่ไม่แยกกัน เป็น“ธรรมะ 2”ที่แยกไม่ได้ ดังที่ได้อธิบายมาแล้วตลอดเวลา แต่ก็แยกอธิบายคุณลักษณะของทั้ง 2 ภาวะให้รู้จักรู้แจ้งได้ชัดเจนยิ่งมั้ย?  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 78 หน้า 89


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 05:13:55 )

หมดภพแล้วอยู่ด้วยวิภวภพหรือวิภวตัณหา

รายละเอียด

หมดภพแล้ว ภาษาก็ขึ้นมาเรียกว่า วิภวภพ คือไม่มีภพ ผู้นั้นก็อยู่กับโลก อยู่กับสังขารทั้งหลาย อยู่กับมนุษยชาติ เราไม่มีแล้วก็ไปช่วยคนอื่น ในขณะที่เราไม่มีแล้ว เราก็มีความประสงค์ มีความต้องการ มีความฉันทะ มีตัณหา มีกังขาวจร มีตัณหาอยากช่วยคนอื่นปรารถนาช่วยคนอื่น ประสงค์จะช่วยคนอื่น 

พระพุทธเจ้าก็อยู่ด้วยวิภวตัณหา พระโพธิสัตว์ก็อยู่กับวิภวตัณหา  พระอรหันต์ก็อยู่กับวิภวตัณหา ถ้าพระอรหันต์นั้นไม่ประสงค์จะต่อภพไปอีกแล้ว แยกธาตุให้เป็นอุตุไปได้แล้ว ตายลงก็ตายด้วยนิพพาน 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:30:58 )

หมดสิ้นความเป็นจิตนิยามโดยจัดการวิญญาณหรืออัตตา

รายละเอียด

“วิญญาณ”หรือ“อัตตา”ของเราจึงสิ้นไม่เหลือใน“กาล” 

โดยเราจัดการ“วิญญาณ”ของตนให้กลายเป็น“ดินน้ำไฟลม”ไป หมดสิ้นความเป็น“จิตนิยาม”แม้แต่ไม่เหลือความเป็น “พีชนิยาม”อันเป็นชีวะ”ในกาล ได้สำเร็จจริง  

ฉะนั้นในกาละในเอกภพมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์มีจิตวิญญาณ รู้จักดินน้ำไฟลมอยู่ในกาละในเอกภพ แต่มันไม่รู้จักตัวเอง แม้แต่พีชะมันก็ไม่รู้จัก กาละเอกภพ เรื่องธาตุอัตตาตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:36:15 )

หมดสุขทุกข์แล้วไม่ต้องไปตามหาที่เกิด

รายละเอียด

พูดเป็นภาษาว่า พระเจ้าสร้างอีฟกับอดัมแต่คนเป็นไม่ได้ แต่นี่พูดเป็นพ่อแม่ อิตถีภาวะปุริสภาวะ ก็ปฏิบัติได้ไม่ต้องมีคู่ก็ไม่ต้องมีลูกก็เป็นโสดได้ เป็นปุริสภาวะ หมดสุขหมดทุกข์ไม่ต้องไปตามหาที่เกิด 

พ่อแม่คือพระเจ้าสร้างการเกิด ต้นตอจิตวิญญาณที่สร้างการเกิด ทำลายอันนี้ได้เท่ากับรู้จักพระเจ้า จบเลย เพราะฉะนั้นจะไปตามหาที่เกิดตามหาพระเจ้าจินตนาการอย่างเดียวเลย แต่นี่สัมผัสอาการ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณได้หมดเลย รู้ทฤษฎีทำให้เกิดก็ได้ทำให้ตายก็ได้ ทำให้เกิดได้ทำให้สูญก็ได้ 

อาตมาไม่มีปัญหาเลย เราอยากจะอยู่ก็อยู่ เราอยากจะสูญก็ทำได้พระเจ้าทำอะไรแก่เราไม่ได้ด้วย ศาสนาเทวนิยมตายไปแล้วต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้า และพระเจ้าเป็นใครเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ 

ศาสนาพุทธตีแตกสุขทุกข์ทำให้สูญได้ รู้แยกธาตุได้ด้วย ยิ่งกว่าวิทยาศาสตร์ที่เขาแยกธาตุวัตถุแต่นี่แยกธาตุนามธรรม มันก็หมดความเป็นชีวะหมดทุกข์สุข หมดวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 05:21:23 )

หมดสุขหมดทุกข์คืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าสอน

รายละเอียด

จนกระทั่งคนที่จะสัมมาทิฏฐิ มาเรียนรู้ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้รู้จักจิตวิญญาณ ความเป็นพลังงานชีวะ ที่เรียกว่า จิตนิยาม ที่เอามาสาธยาย อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม จนสามารถจัดการกับจิตตัวเองได้เรียกว่า กระทำกับจิตตัวเองเรียกว่า มนสิการ ทำกับจิตตัวเองได้อย่างเก่ง อย่างถ่องแท้ จริงแท้แยบคายละเอียดลออแยบคายเรียกว่า โยนิโส ลงไปถึงที่เกิดที่ตั้งที่เป็น สัมภวะหรือปภวะ แล้วให้จิต เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ 

สูงสุดเลย ทำใจในใจหรือทำจิตของตนเองให้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ ทำได้อย่างเก่ง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าถึงขั้นว่าทำจิตของเรานั้นให้ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข หมดทุกข์หมดสุข หมดบาปหมดบุญ หมดเลวร้าย แม้ที่สุด รู้ถึงขั้นรู้ว่าจิตวิญญาณนั้นเป็นอนัตตา จิตวิญญาณไม่ใช่ตัวตน แล้วก็ทำให้จิตวิญญาณของเราเองนี้ สลายหมดตัวตนไปได้เลย สลายเป็นดิน น้ำ ไฟลม เป็นอุตุธาตุ สลายเป็นอุตุธาตุไปได้เลย ตามคำสอนตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า 

เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์เป็นเรื่องมหัศจรรย์เหล่านั้น พระพุทธเจ้าไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งมันเป็นจริงอยู่ แต่ว่ามันไม่มีความสำคัญกับชีวิต มันไม่มีความสำคัญเท่าคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ตรัสรู้แล้วก็มาสอนให้รู้จักจิตวิญญาณ จิตเจตสิกรูปนิพพาน สามารถเรียนรู้จิตจนกระทั่งถึงดับทุกข์ดับสุขเรียกว่านิพพาน ดับทุกข์ ดับสุขได้รอบเรียกว่า ปรินิพพาน ดับทุกข์ ดับสุขแล้วก็ดับจิตวิญญาณทำให้สลายแยกธาตุไปได้เลยสมบูรณ์แบบเรียกว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25  ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:22:09 )

หมดสุขหมดทุกข์ถึงจะเป็นฐานนิพพานหรือเป็นอุเบกขา 

รายละเอียด

เขาไม่รู้ว่าสุขก็คือทุกข์ ต้องหมดสุขหมดทุกข์ถึงจะเป็นฐานนิพพาน โดยเอาคําว่าไม่สุขไม่ทุกข์มาเป็นไวพจน์ จริงๆแล้วก็เป็นอุเบกขา 

อุเบกขาคือไม่มีกิเลส สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสคืออุเบกขา จะเรียกว่าจิตมันไม่สุขไม่ทุกข์แล้วมันเป็นอุเบกขาก็ได้ เป็นภาษาแทนกัน แต่ที่จริงเป็น 0 จากสุขทุกข์ 0 จากสภาพสอง 

เทวนิยมไม่เรียนรู้สุขทุกข์ เขาเรียนรู้แค่ดีชั่ว ความดีความชั่วเป็นแค่โลกีย์ แต่ความสุขความทุกข์เป็นโลกุตระ อาตมาพูดซ้ำซาก 2 อย่างมันต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:16:02 )

หมดสุขหมดทุกข์ได้ใจก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง

รายละเอียด

มีอ่านใจตัวเอง ดีมาก ดีมาก คือการบรรยายสภาวะของตัวเองมานี่ อาตมาว่ามันน่าชื่นใจ ดีนะอ่านจิตเจตสิก อ่านอารมณ์ อ่านความรู้สึกของตนเองออก ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ อาตมาพูดไปแล้วก็ยังไม่เก่ง อธิบายยังไม่พอ อธิบายยังไงก็รู้สึกว่ามันยังไม่ถึงใจ ยังไม่ครบ มันน่าที่จะต้องอธิบายให้ได้ดีกว่านี้ มันก็ยังไม่เก่งอยู่นั่นแหละ คือพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านตรัสรู้เรื่องที่สำคัญที่สุด คือตรัสรู้ความรู้สึก ตรัสรู้เรื่องทุกข์เรื่องสุข จนกระทั่งเรามาเรียกว่าทุกขอาริยสัจ หมายความว่าสัจจะของผู้ประเสริฐ อาริยะ สัจจะของผู้เจริญ อาริยะ 

ก็คือรู้ทุกข์นี่แหละ แล้วก็รู้ทุกข์ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกับสุข มันเป็นอาการมายา 2 หน้า ที่อาตมาเอามาเปิดเผย เอามาขยายความอะไรๆจนหมดแล้ว ถ้าคุณได้รู้จักสุขและทุกข์ที่เป็นอารมณ์อาการของมนุษย์ แล้วก็รู้เหตุว่าไปยึดมั่นถือมั่นสุข ที่จริงมันเป็นทุกข์ คุณก็จะจบด้วยการว่า ปัดโธ่เอ๋ย ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ยังมีขันธ์ขึ้นมา ถ้าคุณพ้นไปได้จริงๆ แล้ว เลิก ละได้หมดแล้ว คุณจะเห็นเลยว่า มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

ถ้าคุณมามีภาวะเหมือนอาตมานะ

1. อาตมาหมดแล้วสุขทุกข์ รสสุข-รสทุกข์มันไม่มี เคยอธิบายไปแล้ว มันไม่มีจริงๆ รสสุขรสทุกข์ทางตา ก็รู้ไปอย่างนั้น รู้ มันก็ไม่มีสุขทุกข์ ทางหูได้ยินเสียง ทางกลิ่น กลิ่นยิ่งไม่ยาก อย่างเก่งก็เหม็นกับหอม แล้วมันไม่มีกลิ่นไม่มีฤทธิ์อะไรมากมาย คนก็รู้จัก อย่าไปวุ่นวายอะไรกับกลิ่นที่มันไม่ดี นอกจากแก๊สที่มีพิษ มันไม่มีกลิ่นแต่มันก็มีพิษ อันนี้คนต้องชัดเจนต้องเข้าใจ ในที่ที่มันมีอากาศที่เป็นแก๊สที่เป็นพิษเป็นภัย พิษของแก๊สอะไรหลายๆอย่าง ที่มันปรุงแต่งกันเป็นกลิ่น ในที่ที่เขาบอกว่าเป็นภัยเป็นพิษ เหมือนอย่างที่ในเมืองเขาปรุงแต่งกันอยู่ในกรุงเทพฯ 

ถ้าอยู่บ้านราช อากาศมันสังเคราะห์สะอาดสะอ้าน เป็นอากาศที่ควรจะอยู่ เป็นอากาศที่สดชื่น ได้พลังอะไรต่างๆ ไม่ว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) เสียดสีทางกาย ถ้าเรียนรู้ความรู้สึกที่สัมผัสต่างๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็ใจร่วมกัน เราเข้าใจหมดเลยว่า  อ๋อ ความรู้สึกอันนี้ ตามเวทนา ตามความรู้สึกจริงๆของมัน รู้ความรู้ที่รู้ตรงๆว่ารู้อันนี้เป็นอันนี้​ รูปเป็นเช่นนี้ มีสีมีลายมีอะไร รูปเป็นเช่นนี้ เห็นแล้วก็เป็นรูปก็เข้าใจมันเป็นเช่นนี้ เขาก็พยายามทำขึ้นมาประดิษฐ์ขึ้นมา ไปสมมุติกันว่ามันสวยหรือไม่สวย คนก็สมมุติกัน เราชัดเจนว่าไม่ต้องไปหลงสมมุติมัน ที่จริงมันก็เป็นก้อนหิน เขาเอามาเขียน​ นี่พอทำเป็นรูปอันนี้ขึ้นมาก็เลยดูมีราคา ก็แค่นั้นเอง ถ้าเราไม่ไปหลงมันก็คือก้อนหิน 

หินก้อนนี้ที่เขียนมานี้เป็นตัวอะไรนี่ (พ่อครูหยิบก้อนกรวดบนโต๊ะหน้าเวที) ก็ทำให้มันมีความมันเป็นค่านิยมของมนุษย์รูปก็ตาม เสียงก็ตาม กลิ่น รส สัมผัสเสียดสี เย็นร้อนอ่อนแข็งก็ตาม เราเข้าใจแล้ว เราก็ไม่ได้ไปติดไปยึด เราก็รู้ความจริงตามที่มันเป็นจริง รูปกลมก็กลม รูปเหลี่ยมก็เหลี่ยม อะไรคืออะไร อันนี้ใช้ประโยชน์อะไร (เช่น) อันนี้คือหิน คุณใช้ประดับก็นั้นแหละ คุณก็มอมเมา ไม่ใช้ประดับก็เอาหินไปใช้ทำอะไร มันแข็งๆ ก็ไปใช้ถมใช้อะไรก็ว่ากันไป หน้าที่ของมันตรงๆ ก็ใช้ให้มันถูกประโยชน์ มันก็จบ เราอาศัยเกิดมาก็มีชีวิตอาศัย 

แล้วเราก็ติดยึดอยู่ ไอ้สิ่งที่เราติดยึดอยู่ในชีวิตโดยที่เราไม่รู้จักสุข ไม่รู้จักทุกข์ มันก็จะต้องวนเวียนเพื่อจะเสพสุข แล้วก็ไม่รู้ว่านั่นคือตัวทุกข์ คุณวิ่งไล่เสพสุข คุณยิ่งทุกข์อยู่ตลอดกาลนาน มันไม่จบ พอรู้จักว่าสุข มันก็คือทุกข์ แล้วคุณจะเกิดมาเอาทุกข์อีกทำไม เพราะฉะนั้นพระอรหันต์เจ้ารู้แล้ว ก็จบ เลิกแล้วไม่เอาแล้ว ท่านไม่มีจิตโพธิสัตว์ ก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ที่รู้ เป็นพระอรหันต์จริงแล้ว แล้วก็ทำจิตให้ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ พระอรหันต์ขั้นที่ 1 พระอรหันต์ขี้กะโล้โท้ อาตมาอธิบายอรหันต์ถึง 6 ระดับแล้วนะ ระดับที่ 1 บรรลุแล้ว เข้าใจแล้ว มันมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เกิดอีกก็ทุกข์อย่างเก่า ผู้รู้อย่างนั้นและรู้วิธีที่ไม่เกิดอีกแล้ว ทำจิตให้แยกธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้จริง ไม่ใช่ภาษาเท่านั้นด้วย คนนี้ก็เลิก ตายแล้วปรินิพพาน กายัสเภทาปรัมมรณา ตายแล้วแยกธาตุเป็นน้ำเป็นลมไป 

ผู้ที่ทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เหมือนพระพุทธเจ้าตรัส ท่านเองชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ท่านตายแล้วจะไม่มีใครได้เห็นตถาคตอีก ตายแล้วเหมือนพวงมะม่วง ที่มีพวงมะม่วงอยู่ข้างบน ตัดขั้วตกลงมากระจายแตกไปเป็นชิ้นเป็นอันไป จะไม่มีการรวมเป็นพวงมะม่วงอีกแล้ว ฉันใด นี่ท่านยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมง่ายๆให้ฟัง นั่นแหละก็แยกกันไปดินน้ำไฟลม..เลิก วิญญาณหรืออัตภาพของผู้นั้นก็จบ มันเป็นความจบ เมื่อจบอรหันต์ก็คือจบกิจ กิจอะไร ก็กิจที่คุณจะต้องเวียนวนอยู่กับทุกข์เลิกได้เลย

พระโพธิสัตว์ที่รู้จบอรหันต์ชั้นที่ 1 จะต่อไปอีกนี่ เต็มใจจะอยู่กับทุกข์ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป โดยใจมีอุตระ อยู่เหนือมัน เหนือทุกข์ ทุกข์มันมีตั้งแต่ ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ มี 6 อย่าง แต่ทุกข์อีก 4 อย่างนั้นเป็นอรหันต์แล้วไม่มี เป็นทุกข์ที่เลี่ยงได้อีก 4 อย่างไม่มีแล้ว เลิก จบ แต่ก็มันมีทุกข์ตั้ง 6 อย่างที่เลี่ยงไม่ได้ ยังยินดีจะอยู่กันไหม อย่างอาตมาบ่น กินข้าวก็ทุกข์ ลากขันธ์ไปก็ทุกข์ แต่ก็ไม่ได้อะไร เรารู้ความจริงตามความเป็นจริง เราลากขันธ์ไป เราอยู่กับทุกข์นี้เพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ ประโยชน์ที่จะ 

1. ประโยชน์ได้สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า สืบทอดศาสนา 

2. ประโยชน์ก็เพื่อมวลมนุษยชาติที่ยังตั้งอกตั้งใจอยู่ อย่างพวกคุณนี่ หน่วยตาเป็นกอบ   นั่งตาบ้องแบ๊ว พอได้เวลาก็มานั่งกันแล้ว 

อาตมาก็อบอุ่นนะ เวลาบรรยายธรรมะก็มีคนมานั่งฟังกันเป็นร้อย ไม่ถึง 100 ก็ไม่น้อยกว่า 50 60 70 วันๆหนึ่ง เป็นร้อย สองร้อย วันเหมาะๆ ก็หลายร้อย พอวันเวลามารวมกันก็เป็นพัน 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 19:34:54 )

หมดหน้าที่บุญ ที่เหลือคือ อภิสังขาร 

รายละเอียด

ข้อต่อมา 488 หมดหน้าที่บุญ ที่เหลือคือ อภิสังขาร นั่นคือเป็นผู้ไม่มีกิเลส ไม่มีบาป ไม่มีซาตานเกิดขึ้นในจิตผู้นั้นอีกเลย ตลอดกาลนิรันดร ดังนั้นบุญก็หมดสิ้นไปด้วย เพราะพลังงานจิตก็ไม่จำเป็นที่จะต้องชำระกิเลสอีกแล้ว การปรุงแต่งจิต หรือปรุงพลังงานจิตขึ้นมาทำงานต่างๆ ที่ภาษาว่า อภิสังขารคือปรุงแต่งพลังงานจิตอยู่ตามปกติที่เป็นคนไม่ตาย ซึ่งไม่ใช่การสังขารปกติ ของปุถุชน แต่เป็นการปรุงแต่งอย่างอภิสังขารของอาริยชนแท้ๆ และเมื่อจบกิจก็ไม่ต้องเป็นบุญกันอีกแล้ว 

เพราะฉะนั้น สังขารหรืออภิสังขาร พลังงานจิตที่ทำอภิสังขารได้ต่อไป ไม่เป็นบุญกันอีกแล้ว แต่เป็น อาเนญชาภิสังขาร สั่งสมลงไปให้ตั้งมั่นแข็งแรงไม่หวั่นไหวไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นภาษาก็คือ อปุญญะ ซึ่งก็คือไม่เป็นบุญ กันอีกแล้ว แม้จะมีการสังขารก็เป็นขั้นอภิสังขาร เช่น ยังเป็นฌานอยู่ เป็นต้น ก็ได้ พลังงานจิตที่เต็มไปด้วยปัญญา ฌานคือปัญญา แล้วไม่มีบาปเกิดในจิตอีกแล้ว จึงอย่าไปแปลคำว่า อปุญญะที่เป็น อปุญญาภิสังขารว่า บาป กันอีกล่ะ เพราะท่านผู้นี้เป็นคนสิ้นบุญ สิ้นบาปแล้ว 

ซึ่งแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าใจกัน อาตมาก็เมื่อยๆ แต่เมื่อยก็ต้องทำ เพราะอาตมาเลือกงานนี้ ชีวิตของอาตมานี้ไม่มีงานอื่นที่จะทำ คนจะมาจ้างอาตมาไปทำงาน เดือนละ 50 ล้าน เดือนละ 100 ล้าน ให้เงินเดือน ไม่เอาจริง แล้วคนก็จะบอกว่าใครจะมาจ้างเอ็ง ก็จริงอีก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 12:24:43 )

หมดหน้าที่“บุญ” ที่เหลือคือ“อภิสังขาร”!

รายละเอียด

นั่นคือ เป็นผู้ไม่มี“กิเลส”ไม่มี“บาป” ไม่มี“ซาตาน”เกิดขึ้นใน“จิต”ผู้นั้นอีกเลยตลอดกาลนิรันดร ดังนั้น“บุญ”ก็หมดสิ้นไปด้วย เพราะ“พลังงานจิต”ก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง“ชำระกิเลส”อีกแล้ว การปรุงแต่งจิตหรือปรุง“พลังงานจิต”ขึ้นมาทำงานต่างๆ ที่ภาษาว่า“อภิสังขาร” คือ การปรุงแต่งพลังงานจิตอยู่ตามปกติที่เป็นคนยังไม่ตาย ซึ่งไม่ใช่“การ“สังขาร”ปกติของปุถุชน แต่เป็นการปรุงแต่งอย่าง“อภิสังขาร”ของอาริยชนแท้ๆ  และเมื่อ“จบกิจ”ก็ไม่ต้องเป็น“บุญ”กันอีกแล้ว ภาษาก็คือ “อปุญญ” ซึ่งก็คือ “ไม่เป็นบุญ”กันอีกแล้ว แม้จะมี“การสังขาร”ก็เป็นขั้น“อภิสังขาร” เช่น ยังเป็น “ฌาน”อยู่เป็นต้น ก็ได้“พลังงานจิตที่เต็มไปด้วยปัญญา”แล้ว ไม่มี“บาป”เกิดในจิตอีกแล้ว จึงอย่าไปแปลคำว่า “อปุญญ”ที่เป็น“อปุญญาภิสังขาร”นี้ว่า “บาป”กันอีกล่ะ!  เพราะท่านผู้นี้ เป็นคน“หมดสิ้นบุญสิ้นบาป”แล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 488 หน้า 362


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 15:38:10 )

หมดหมายความว่า อย่างไร

รายละเอียด

เขตของผู้ที่ดับได้รอบแรกเข้ากระแสโสดาบัน ก็เที่ยงเท่าโสดาบัน เจริญขึ้นเจริญขึ้นเป็นสกิทาคามี จะมีหลายขั้นนะสกิทาคามี จนกระทั่งหมดภูมิกามาวจร หมดกิเลสในกามภพ มีกามคุณ 5 เป็นต้น 

หมดก็หมายความว่า กิเลสที่เป็นตัวเชื้อ ตัวหลงในกาม กามราคะ หมด เพราะฉะนั้นก็อยู่กับโลกเขา จะเกิดอีกกี่ชาติ กี่ชาติ โลกมันก็มีกามอยู่ตลอด เกิดมาจนกระทั่งถ้าเป็นแค่ อรหันต์ในโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ 

อรหันต์รอบที่ 1 อรหันต์นี้ก็คือ ผู้ที่สามารถจะตาย ตายกายแตกแล้ว กายสเภทา ปรัมมรณา จะไม่วนเวียนกลับมาเกิดอีกเลย ตายแล้วก็ขอหายไปในกาละ ก็ตามบารมีของพระอรหันต์ อาตมาไม่ลงลึกในความเป็นอรหันต์ที่จะต้องตายไปแล้วอยู่กับสุทธาวาส 5 อย่างพระสมณโคดม อาตมาเหมือนกัน คือตายแล้วจะไม่เข้าไปอยู่ในสุทธาวาส 5  เคยเป็นอรหันต์มาแล้ว ตายไปแล้วไม่ขอไปอยู่ในสุทธาวาส 5 ขอเกิดต่อเลยมาบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ต่อเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:53:30 )

หมดอร่อยได้ผีก็หมดไปได้เช่นกัน

รายละเอียด

ตอบจบตรงนี้ว่า เหมือนเรากินอาหารแล้วเรามีรสอร่อย รสอร่อยไม่มีจริง อุปาทานของเรามันมี รสอร่อยถึงมี หนูกินอาหารเคยอร่อยไหมล่ะ อร่อยมันไม่มีหรอก เหมือนผีนั่นแหละเข้าใจอันนี้ได้แล้วจบเลย ถ้าเราล้างความเป็นอร่อยได้หมด ผีก็หายไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:18:56 )

หมดอวิชชาในอัตตา 3 ก็รู้สาระในอัตตาที่ควรมีควรเป็น

รายละเอียด

การศึกษาของพระพุทธเจ้า เรามาไล่ตั้งแต่ต้น เรื่องกาย เป็นความโง่ เป็นอวิชชา เป็นอาสวะข้อที่ 1 ที่คนไม่รู้เรื่องกาย เป็นข้อต้นเลย ถ้าเข้าใจกายผิด ฟังอีกซ้ำเป็นครั้งที่ล้าน 

กายคือสภาพ 2 กายคือ จิต มโน วิญญาณ นี้เอาคำตรัสพระพุทธเจ้ามายืนยันเลย ในพระสูตร พตปฎ.เล่ม 16 ข้อ 230

คนที่ไปเข้าใจว่า กายเป็นสรีระ กายคือวัตถุ กายคือสิ่งเดียว ทั้งๆ ที่ในพจนานุกรมบาลีเขาก็แปลไว้ว่า กายคือองค์ประชุม คือหมู่ คือฝูง คือกลุ่ม ไม่ใช่”เดี่ยว”นะ ในพจนานุกรมบาลีไทยเขาก็แปลอย่างนั้น แต่เขาเข้าใจมิจฉาทิฏฐิว่า กายไม่ใช่องค์ประชุม ไม่ใช่หมู่ฝูง แต่เป็นเดี่ยวๆ หนึ่งเดียว หนึ่งเดียวนั้นหมายถึงอะไร หมายถึงวัตถุ หมายถึงสรีระภายนอก มันก็มิจฉาทิฏฐิอย่าง โอ้โห! เก็บไม่ขึ้นเลย มิจฉาทิฏฐิที่ดึงขึ้นมาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นมันจึงไปผิด ไปนั่งหลับตาทำ เพราะมันมิจฉาทิฐิกาย ปฏิบัติไม่มีกายไม่ได้ 

ศาสนาพระพุทธเจ้า ต้องเรียนรู้กายจึงจะรู้กาม ถ้าไม่มีกาย ไม่มีกาม เพราะฉะนั้นเบื้องต้นคุณก็ไม่เกิดแล้ว แล้วคุณก็ไม่ได้ล้างกิเลสเบื้องต้น ตั้งแต่กามที่เกิดจากกายสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัส แล้วจิตของคุณก็ร่วม แล้วก็เกิดกิเลสกับสัมผัสอันนี้เป็นเบื้องต้น เป็น”โอฬาริกอัตตา” เป็นกามราคะ (เมื่อกำจัด) หมดกามราคะแล้วจึงจะเหลือ รูปราคะ อรูปราคะ (ตามลำดับ) หรือ”โอฬาริกอัตตา” แล้วจึงจะมา”มโนมยอัตตา” แล้วจะถึง”อรูปอัตตา” (ตามลำดับ)อย่างนี้เป็นต้น เขาก็ไม่รู้ลำดับก่อนหลังพวกนี้ จะกินทุเรียนก็เอาปากสวบไปกับลูกทุเรียนที่มีหนามเลย จะกินเนื้อในมัน ปากคุณก็เยินหมด คุณต้องค่อยๆหาวิธีเอาหนามแหลมออก มันหยาบนี่ บาดมันเจ็บมันปวดมันทรมานนะ หนามทุเรียนภายนอกนี่แหละคือกาม คือกิเลสหยาบ คุณไม่ทำให้มันหมดมันลดมันบรรเทา มันพ้นไปได้ก่อนจะได้เข้าไปกินเนื้อ ไม่ได้กินหรอก กี่ชาติก็ไม่ได้กินเนื้อ ฝันเพ้อไปเฉยๆ แล้วก็ไปงมงายทำกันอย่างเกิดมรรคเกิดผลไม่ได้ ประเภทที่ตีกิน บันไดขั้นที่ 1 2 3 คุณกระโดดพรวดไปบันไดขั้นที่ 2 3 เลยบันไดขั้นที่ 1 คุณละเลย คุณจะตีกินได้ไง 

เพราะฉะนั้น การไม่รู้จักกาย ไม่รู้จักกาม ไม่รู้จักการบรรลุที่เป็น อุตระ อยู่เหนือ อุตระภาษาไทยว่าอยู่เหนือ อุตระไม่รู้นี้ มันก็เลยมิจฉาทิฏฐิกันไปหมด 

ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่กาย ก็คือมาล้างกิเลสกาม เมื่อกิเลสกามของคุณไม่มี กิเลสกามของคุณหมด เป็นอนาคามี เป็นต้น คุณก็อยู่กับโลกที่มีกาย กามของโลกมันก็มีอยู่ แต่เราอยู่เหนือ อุตระ มันไม่ต้องแล้ว มันไม่ต้องการสัมผัส แม้สัมผัสก็เฉยๆ ไม่ต้องผลัก ไม่ต้องดูด ไม่รัก ไม่ชัง ไม่ต้องการ หรือต้องการก็ไม่มี นิวตรอนแล้ว (neutron คือเป็นกลาง ไม่มีประจุไฟฟ้า +/-)  กลางๆ อารมณ์กลางๆแล้ว กับสิ่งที่ปฏิบัติภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย กระทบ เพราะฉะนั้น สุขทุกข์กับกามทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่มี สัมผัสเสียดสียังไงก็ไม่สุขไม่ทุกข์ รู้แต่ความจริงกับความเป็นจริง 

ไปไหนมาไหนก็ยิ่งกว่าเอกราชทั้งปวง ไม่มีลำบากลำบนอะไรเลย เหลือภายในก็ล้างกิเลส”อุทธัมภาคิยสังโยชน์” ภายในให้มันหมดให้จบ มันก็จะเป็นอรหันต์สมบูรณ์แบบ หมดภายนอกเป็นอนาคามีแล้ว ภายนอกหมดกาม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ฝึกเรียนศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าตามลำดับ  รู้จักกาย ล้างกิเลสกามที่เกิดจากกาย ดับได้อยู่เหนือ อุตระ แล้ว คุณไม่ได้หนีจากโลกกาม กามาวจร คุณก็ยังอวจรอยู่กับโลกกามเขานี้แหละ แต่จิตของคุณไม่มีกามแล้ว รู้แต่ความจริงกับความเป็นจริง 

ไม่มีกาม ตากระทบรูปก็รู้ว่า รูปเป็นอย่างนี้ เขาสมมุติกันว่าสวย เขาสมมุติว่าอยากได้ ไม่อยากได้ อะไรๆเราก็รู้ควรไม่ควร ควรมีก็เอา ไม่ควรมีก็ไม่ต้อง ใช้ศัพท์ได้แค่นี้ ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ 

ฉะนั้น ไม่มีความต้องการด้วยกิเลสกาม มันจึงเบา มันไม่มากแล้ว ของหยาบในโลกที่เป็น โอฬาริกอัตตา หรือเป็นกามภายนอก จะอยู่ในโลกนี้ เราก็เบา เราก็รู้แต่สาระแท้ๆของมันว่า เออ อันนี้ คืออันนี้ เราชอบอย่างนี้แหละ..รูป เราชอบนี้แหละ..เสียง เราชอบอย่างนี้แหละ..กลิ่น อย่างนี้แหละรสเราชอบ (เหล่านี้)ไม่มี  รู้แต่ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ควรหรือไม่ที่จะใช้ ควรหรือไม่ที่จะเอามาอาศัยในชีวิต ถ้าไม่ต้องอาศัย ไม่ต้องใช้ เราก็ไม่ต้องมี ไม่ต้องเป็น ไม่ต้องเอา มันก็ไม่ไปแย่งชิงอะไรใคร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:29:14 )

หมดอาสวะแล้วจบกิจเป็นพระอรหันต์ได้

รายละเอียด

แต่ผู้ที่หมดอาสวะแล้วพระพุทธเจ้าถือว่า จบกิจเป็นพระอรหันต์ได้ มีปัญญารู้แจ้งรู้จริง ด้วยปัญญาวิมุติ จบ อาสวะอย่างไรก็ไม่เกิดอีก แม้จะเหลืออนุสัย อนุสัยก็เป็นตัวตนตัวเล็ก ที่จะไม่ให้มันเกิด ไม่ใช่ว่าอนุสัยมันไม่สามารถที่จะเป็นตัวร้ายตัวแรงได้ ร้ายแรงได้ แต่เมื่อพ้นอาสวะแล้ว พลังปัญญา ที่ผู้มีพลังปัญญา ทำให้วิมุติจากอาสวะทุกอย่างสิ้น ปัญญาจะมีฤทธิ์แรงไม่ทำให้เกิดกิเลสเวียนกลับอีกเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:06:04 )

หมดเรื่องกามภพเป็นอนาคามี

รายละเอียด

ขีดความต่ำหมดแล้วเป็นสกิทาฯ จนหมดในเรื่องกามภพ เป็นอนาคามี สิ่งกระทบภายนอก คุณหมดพลังงานดูดหรือผลัก มันมีดูดผลักภายใน แต่มันไม่ออกมาทางกายวิญญัติวจีวิญญัติ หากออกมาข้างนอกก็ไม่ใช่ ต้องไม่ออกมาภายนอกเลย คนนี้จบโลกกามภายนอก ใครก็ทำให้แสดงออกมาไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน คนจะตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ต้องเป็นอรหันต์แล้วหรือไม่


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:19:01 )

หมดเหตุปัจจัยธรรม 2 แล้วไม่มีกาละ

รายละเอียด

กาละขยายยากมาก แต่ก็ขยายอยู่ตามลำดับ มีเหตุปัจจัยของมันก็จะเข้าใจกาละ เพราะกาละนั้นหมดเหตุปัจจัยธรรม 2 แล้วไม่มีแล้วกาละ ทำกาละได้ เลิกเลย ไม่มีอะไรอยู่นั้นเวลานี้ เวลาเขาก็มีไปนิรันดรตราบที่มีเอกภพ หากไม่มีอะไรเลย เวลามันก็ไม่มี ไม่มีก็สูญ ถ้าสูญก็จบ สูญจริงๆ เลย สูญนิรันดรไม่มีอะไรอีก เหมือนกับนิพพานเหมือนกับปรินิพพานเป็นปริโยสานของพระพุทธเจ้า สูญแบบไม่มีอะไรเข้ามาสู่อะไรอีกเลย อันนั้นคือจบสนิทเลย แต่ถ้ายังไม่จบมันก็ต้องเวียนวนมามี

เมื่อเวียนวนมามีก็ต้องเริ่มต้นมี 2 แล้วก็มีสามเส้าก็เกิด ISH หรือประธานกับบวกลบ ประธานอยู่ในตัวอื่นไม่ใช่ I อย่างอุตุนิยาม มันก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย พีชนิยามมี I เป็นตัวประธาน มันก็อยู่กับ SH ของมัน มันไปมีอำนาจกับอันอื่นไม่ได้ มันอยู่ได้ก็อยู่รอด อยู่ไม่ได้มันก็สลาย

เป็นจิตนิยาม เป็นสิ่งที่รักษาตัวเองได้เก่งกว่า ดีไม่ดีเอาของคนอื่นมาเป็นของกู ตั้งแต่เซลล์เดียวตั้งแต่ จุลินทรีย์ที่เล็กละเอียดมันกินเม็ดเลือดกัดเม็ดเลือดถ้ามันต้องการเท่าที่มันมี I ของมัน มันเอาหมดมันเจาะหมดอะไรๆ ตายเพราะจุลินทรีย์ตายเพราะอ้ายตัวเล็กนี่ สัตว์ใหญ่ขนาดไดโนเสาร์ก็ตายเพราะอ้ายนี่ได้ ช้างหรืออะไรที่ใหญ่กว่านี้ตายเพราะอ้ายตัวเล็กนี่ เพราะฉะนั้นคนก็ต้องมาศึกษาตัวเล็กนี่เหมือนกัน เป็นตัวเล็กพิษเราก็เอาออกได้ ให้มันพอดีให้มันเป็นประโยชน์เพราะมันเป็นพลังงาน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:17:27 )

หมดแล้วครบแล้ว

รายละเอียด

มันหมดแล้วครบแล้ว ชีวิตเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปมันมีกิจกรรมกิจการงานมีสิ่งที่จะช่วยเหลือกัน โดยไม่จำเป็นจะต้องมาบังคับเลยไม่ต้องมาว่าจ้าง ไม่ต้องอวดดีเบ่งข่มกันว่าฉันเป็นลูกจ้าง นายจ้าง หมดปัญหามีแต่ปัญญา เข้าใจสภาพพวกนี้ นี่มหาวิทยาลัยขั้น Doctor ก็ไม่มีนะการบรรยายอย่างนี้ ไม่ว่ามหาวิทยาลัยใดในโลกไม่มีการบรรยายอย่างที่หลวงปู่บรรยายให้ฟัง หลวงปู่เชื่อว่าพวกที่กำลังเรียน ดร.กันนี้ ฟังไม่เข้าใจเท่าพวกเราหรอก จริง

ถามดูก็ได้ หลวงปู่อธิบายไปนี้ ใครเข้าใจดียกมือขึ้น ...ใครเข้าใจพอได้ยกมือขึ้น ใครเข้าใจไม่ได้เลยยกมือขึ้น ...ไม่มีเลย 

คำอธิบายพวกนี้ไม่ใช่เรื่องตื้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องโลกๆง่ายๆแต่เป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องของมนุษย์และสังคมที่ยิ่งใหญ่ 

นอกจากนั้นเรารู้วิธีจัดสรรกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมของเราด้วยได้ผลจึงอยู่กันอย่างสงบอบอุ่นในพวกเรา เนี่ยหลวงปู่เอาพยัญชนะมาใช้อยู่กันอย่าง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ 

คำว่า ใจเกื้อกูล มันมีใจอย่างนั้นเลย มันไม่ได้อยากเห็นแก่ตัวมันรู้ว่าเห็นแก่ตัวชั่ว เกื้อกูลผู้อื่นนี้เจริญ เป็นมนุษย์ศิวิไลซ์ เป็นมนุษย์อาริยะ เป็นมนุษย์อริยะ เป็นมนุษย์อารยะ ที่คนต้องการได้แล้วใจเกื้อกูล 

เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้ที่เกื้อกูลผู้อื่นนี้ เป็นผู้เสียสละจบแล้ว ความเป็นมนุษย์ที่สูงสุดเป็นคนมีใจเกื้อกูล แล้วก็เป็นคนที่เพิ่มพูนการเสียสละ แต่ละคนมีจิตแบบนี้เลย นอกนั้นเราก็ไม่ต้องกังวลเลย มีที่อยู่ มีสังคม มีหมู่กลุ่ม มีพฤติกรรม มีการสร้างสรร มีการกินการใช้กัน ดำเนินชีวิตเรียบร้อยราบรื่น ง่ายงาม สมบูรณ์ที่สุดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:27:46 )

หมวดกายความหมายตามพจนานุกรม

รายละเอียด

อาตมาเอาพจนานุกรมฉบับนักศึกษาของเจ้าคุณอุดร คณาธิการ กับรองศาสตราจารย์ดร.จำลอง สารพัดนึก ที่เป็นฉบับแพร่หลายใช้กันเยอะ อาตมาก็ใช้ เอาหมวดกาย เขาก็แปล ตามความเข้าใจของเขาอาตมาก็ว่าถูกก็มี ที่ไม่ถูกเต็มที่อาตมาไม่เห็นด้วยก็มี ลองฟังดู กายแปลว่า กองฝูงหมู่ประชุม มันแปลว่าหมวดแห่งเจตสิกธรรม หมายถึงเวทนา สัญญา สังขาร 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:57:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:32 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:27:40 )

หมวดที่ 1 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวดที่ 1 มี 5 ข้อ (ข้อ 1-5)

ในทฤษฎีงาน 19 ข้อหมวดที่ 1 ก็มีข้อสังเกตได้ ข้อที่ 5 มีทุนที่เหมาะควร นี่ต่างจากชาวคนโลกโลกโลกีย์  ซึ่งเขายังไม่มีธรรมะอะไร เป็นทุนนิยม ก็จนกระทั่งเกิดทุนนิยมสามานย์ขึ้นในโลก เจ็บแสบนะคำว่า “ทุนนิยมสามานย์” ถ้าคนที่มีภูมิปัญญาเข้าใจแล้วเป็นคำด่าที่เจ็บแสบมาก 

เพราะฉะนั้นหมวดที่ 1 คนสำคัญที่สุด คนนี้แหละตัวดี คนนี่แหละตัวหลัก คนที่พร้อมกับกายและจิต หรือกายและใจ ซึ่งต้องมี 2 “คนมี 1 คือคนไม่มีกาย” คนไม่มีกายคือพระอรหันต์ เออ! งงไหม?.. คนไม่มีกายคือพระอรหันต์ เพราะว่าพระอรหันต์ไม่มีเวทนาที่สุขทุกข์ เวทนามีแต่เวทนาอุเบกขา เป็นใจกลางๆ มีใจบริสุทธิ์ อุเบกขามีคุณธรรม มีองค์ธรรม 5 ประการ คือปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสรา 

เพราะฉะนั้นในหมวดที่ 1 ข้อ 1. มีคนเป็นหลัก ข้อ 2. มีงานเป็นตัวรอง ข้อ 3. ความรู้ความสามารถเป็นองค์ที่ 3 เป็น cyclic วนได้แล้ว วิ่ง แถม มีโอกาสมีเวลา ในเวลาและโอกาสมีอยู่ในมหาจักรวาลวัฏสงสาร เวลานี้ทุกคนมีเท่ากันหมดอยู่ในโลกลูกเดียวกันนะ โลกคนละโลกก็ไม่เท่ากันหรอกโลกลูกเดียวกันเท่ากันหมดไม่ว่าคุณจะอยู่ในซีกโลกไหน อเมริกาตรงกันกับเราก็ 24 ชั่วโมงตรงกัน เป็นแต่เพียงว่ากำหนดเวลากันคนละฟาก กำหนดตัวเลขต่างกัน แต่ระยะเวลาชั่วโมงเท่ากัน 60 นาทีเท่ากันใน 1 ชั่วโมง ทั่วโลกบัญญัติมาตราของเวลาเท่ากันหมด 

4. มีเวลา แล้วก็ต้องฉลาดรู้โอกาส ที่จะทำงาน โอกาสนี้ต้องรีบทำ โอกาสนี้ช้าไม่ทันโอกาสนี้ก็ทำไปได้สบายๆ โอกาสนี้ช้านิดช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น จะฉลาดรู้ทันรู้ว่าควรหรือไม่ควรขนาดไหน 

5. จึงคำนึงถึง ทุน ทุนรอน ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องใช้ไปมา ตั้งแต่ทุนรอนที่เป็นวัตถุ สถานที่วัตถุ เครื่องใช้ อุปกรณ์ เงินทอง 

อุปกรณ์ไม่มี..เราผลิตเองได้ สถานที่ก็หา เครื่องใช้ต่างๆที่จะใช้ประกอบคนก็ฉลาดสร้างอุปกรณ์สร้างเครื่องใช้ขึ้นมาประกอบเสมอ เพื่อให้เกิดงาน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขาผลิตอุปกรณ์ขึ้นมาใช้ โอ้โห วิจิตรพิสดาร ใช้กันได้อย่างเร็วไวปราดเปรียว มีประสิทธิภาพสูง ทำ 5 ข้อแรก ถ้าได้สมบูรณ์ก็สบายแล้ว 

ที่มา ที่ไป

 เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:09:36 )

หมวดที่ 1 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวดที่ 1 มี 5 ข้อ (ข้อ 1-5)

ในทฤษฎีงาน 19 ข้อหมวดที่ 1 ก็มีข้อสังเกตได้ ข้อที่ 5 มีทุนที่เหมาะควร นี่ต่างจากชาวคนโลกโลกีย์  ซึ่งเขายังไม่มีธรรมะอะไร เป็นทุนนิยม ก็จนกระทั่งเกิดทุนนิยมสามานย์ขึ้นในโลก เจ็บแสบนะคำว่า “ทุนนิยมสามานย์” ถ้าคนที่มีภูมิปัญญาเข้าใจแล้วเป็นคำด่าที่เจ็บแสบมาก 

เพราะฉะนั้นหมวดที่ 1 คนสำคัญที่สุด คนนี้แหละตัวดี คนนี่แหละตัวหลัก คนที่พร้อมกับกายและจิต หรือกายและใจ ซึ่งต้องมี 2 “คนมี 1 คือคนไม่มีกาย” คนไม่มีกายคือพระอรหันต์ เออ! งงไหม?.. คนไม่มีกายคือพระอรหันต์ เพราะว่าพระอรหันต์ไม่มีเวทนาที่สุขทุกข์ เวทนามีแต่เวทนาอุเบกขา เป็นใจกลางๆ มีใจบริสุทธิ์ อุเบกขามีคุณธรรม มีองค์ธรรม 5 ประการ คือปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสรา

 

เพราะฉะนั้นในหมวดที่ 1 ข้อ 1. มีคนเป็นหลัก ข้อ 2. มีงานเป็นตัวรอง ข้อ 3. ความรู้ความสามารถเป็นองค์ที่ 3 เป็น cyclic วนได้แล้ว วิ่ง แถม มีโอกาสมีเวลา ในเวลาและโอกาสมีอยู่ในมหาจักรวาลวัฏสงสาร เวลานี้ทุกคนมีเท่ากันหมดอยู่ในโลกลูกเดียวกันนะ โลกคนละโลกก็ไม่เท่ากันหรอกโลกลูกเดียวกันเท่ากันหมดไม่ว่าคุณจะอยู่ในซีกโลกไหน อเมริกาตรงกันกับเราก็ 24 ชั่วโมงตรงกัน เป็นแต่เพียงว่ากำหนดเวลากันคนละฟาก กำหนดตัวเลขต่างกัน แต่ระยะเวลาชั่วโมงเท่ากัน 60 นาทีเท่ากันใน 1 ชั่วโมง ทั่วโลกบัญญัติมาตราของเวลาเท่ากันหมด 

4. มีเวลา แล้วก็ต้องฉลาดรู้โอกาส ที่จะทำงาน โอกาสนี้ต้องรีบทำ โอกาสนี้ช้าไม่ทันโอกาสนี้ก็ทำไปได้สบายๆ โอกาสนี้ช้านิดช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น จะฉลาดรู้ทันรู้ว่าควรหรือไม่ควรขนาดไหน 

5. จึงคำนึงถึง ทุน ทุนรอน ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องใช้ไปมา ตั้งแต่ทุนรอนที่เป็นวัตถุ สถานที่วัตถุ เครื่องใช้ อุปกรณ์ เงินทอง 

อุปกรณ์ไม่มี..เราผลิตเองได้ สถานที่ก็หา เครื่องใช้ต่างๆที่จะใช้ประกอบคนก็ฉลาดสร้างอุปกรณ์สร้างเครื่องใช้ขึ้นมาประกอบเสมอ เพื่อให้เกิดงาน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขาผลิตอุปกรณ์ขึ้นมาใช้ โอ้โห วิจิตรพิสดาร ใช้กันได้อย่างเร็วไวปราดเปรียว มีประสิทธิภาพสูง

ทำ 5 ข้อแรก ถ้าได้สมบูรณ์ก็สบายแล้ว 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 18:47:47 )

หมวดที่ 2 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

ถ้ายิ่งหมวดที่ 2 มี 2 ข้อ (ข้อ 6-7) 

6. มีสุขภาพ เราก็รู้จักรักษาดูแลสุขภาพให้กำลังวังชาของเราดี แข็งแรงแข็งแรงยิ่งขึ้น ดูสิ กล่าวว่า 87 ปี ได้แล้ว เพราะอายุเลย 86 ปี มาย่างเดือนที่ 7 แล้ว ดูสิ ยังสุขภาพดี มีวิบากเล็กน้อย ไม่ไอที แต่ไอหลายที ไม่ใช่คนไอที แต่เป็นคนไอหลายที เลยใช้ไอทีกับเขาไม่เป็นเพราะไอหลายที 

7. มีความขยันอุตสาหะบากบั่น ซึ่งไม่ต้องขยายความ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:22:56 )

หมวดที่ 3 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวดที่ 3 มี 3 ข้อ (ข้อ 8-10)

8. มีเป้าหมาย ก็ไม่ต้องขยายความ มีหลักเกณฑ์ ระบบ ระเบียบของมัน มีเป้าหมาย 

9. มีการจัดสรร และจัดโครงการ อาตมาจะใช้คำว่า สรร ที่แปลว่า เลือกสรร เลือกเฟ้น ไม่ใช้คำว่า สรรค์ มันแปลว่าสวรรค์ 

10. มีการแบ่งงาน และประสานเนื่องหนุน 

 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:25:20 )

หมวดที่ 4 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวด 4 มี 2 ข้อ (ข้อ 11-12)

11. มีกะจิตกะใจ, มีความใส่ใจ, ขวนขวายไม่ดูดาย  มีอิทธิบาทมีเวยยาวัจจมัยมีความขวนขวายไม่ดูดาย 

12. มีการปรับความเข้าใจกัน ให้เกิดความสามัคคีอยู่เสมอ มีสาราณียธรรม ทำงานแล้วเป็นอย่างไรมีความไปได้ดีอยู่ไหม เอาใจใส่มีการปรับปรุงเข้าใจกัน มีความสามัคคีกันเสมอ 

 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:27:03 )

หมวดที่ 5 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวดที่ 5 มี 3 ข้อ (ข้อ 13-15)

13. มีการขัดเกลา ปฏิบัติละกิเลสเสมอ มีฌาน หรือบุญ​เริ่มตั้งแต่ข้อ 13 นี้ จะมีการสร้างพลังงาน ฌาน ขึ้นมาขัดเกลา ก็คือทำการขัดเกลา กาย วาจา ใจ ที่มันเป็นความสุจริตทั้ง 3 ล้างขัดเกลากิเลสที่เป็นต้นเหตุให้เราทำทุจริตเช่นนิวรณ์ทั้ง 5 เป็นต้น ให้ลดลงๆ ตามอวิชชาสูตร 

อวิชชาสูตร อวิชชามีนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร อวิชชากลืนกินขย้ำนิวรณ์ 5 อร่อย อวิชชามีนิวรณ์ 5 เป็นอาหารอร่อย ชอบไหม? นิวรณ์ 5 เป็นกิเลสก็รวม กาม พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา 

14. มีความเห็นดี, ยินดี, มีฉันทะ, มีปีติ มีความเข้าใจดีรู้ดีขึ้นมา พวกเรามาศึกษาด้วยความเห็นดีก็มีความยินดีพอใจ ประสงค์จะเป็นเช่นนี้ จะเจริญก้าวหน้าเป็นคนชนิดนี้ มันเป็นสัจจะของพลังงานจิตมีทั้งความรู้และความเป็นไปได้ รู้แล้วก็ทำให้เป็นไปได้ ทั้งกายวาจาใจ ครบสมบูรณ์ 

15. มีความเห็นจริง, ซาบซึ้ง, เชื่อมั่น  มันชัดเจน มันแน่นอน มันเป็นปัญญาที่ชัดเจนไม่ใช่เป็นเรื่อง เฉโก ความรู้ที่ยังไม่เที่ยงแท้ แต่เป็นความรู้ที่ชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง นิจจัง ไปเรื่อยๆ  นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(แน่นหนาจนไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(กิเลสไม่กลับกำเริบ ตายแล้วตายเลย) 

เห็นจริงซาบซึ้งเชื่อมั่น เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นทั้งความเจริญ ทั้งความมั่นคง เต็มทั้ง 2 สภาพ ความเจริญก็เจริญไปเรื่อยๆความมั่นคงก็เที่ยงแท้แน่นอน 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:29:11 )

หมวดที่ 6 ในทฤษฎีงาน 19 ข้อ

รายละเอียด

หมวดที่ 6 ที่เหลือ 4 ข้อ (ข้อ 16-19)

16. มีสติ, ปฏิภาณ, ปัญญา  มีสติความรู้ถ้วนรอบ ทั้งกายวาจาใจ สติเต็มครบ ไม่ใช่สตินั่งหลับตาปฏิบัติ แต่ภายใน สติก็ไม่เต็มไม่ได้ล้าง กาม ไม่ได้เรียนรู้กิเลสที่เป็นศัตรูตัวเก่งคือ อบาย คือกาม เขาจึงมีพระอรหันต์ที่ยังเสพสิ่งเสพติด ตั้งแต่เรื่องที่หยาบๆ เสพยา เสพสุรา เสพสิ่งเสพติด เสพหมากพลูบุหรี่ จนกระทั่งเสพติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส รูปสวย รสอร่อย เสียงเพราะ มอมเมากันจัดจ้าน ทั้งแบบโรแมนติซิซึ่ม (romanticism) และซาดิสซึ่ม (sadism) ทั้งสนุกสนานรื่นเริง ไปทางขิฑฑาปโทสิกะ ทั้งไปในทางมโนปโทสิกะ โง่ในทางจิต พวกซาดิสซึ่ม พวกรุนแรงเอาชนะคะคานดื้อดึงดัน ซ้อนไป เป็นการทุจริตขี้โกงกูจะชนะอย่างเดียวดีไม่ดีรุนแรงฆ่าทำร้ายเอาเลย ก็ไม่รู้ตัว 

หรือ หลงตำแหน่งยศศักดิ์สรรเสริญ เลยเถิดเปิดเปิง ฟ่องลอย เกิดมาชาตินี้หอคอยงาช้าง เกิดมาชาตินี้ไฮโซ เกิดมาชาตินี้เป็นอีหนูเป็นคุณหนู มันไม่รู้เรื่องเลย เป็นคนใหญ่คนโตก็โอ้โห ใครอย่าแตะ ใครมาอะไรไม่ได้เลย มันแย่ เป็นคนที่เกิด เพราะฉะนั้นคนที่สามารถรู้ชัดเจนมีปฏิภาณมีสติมีปัญญา เข้าใจ 

สติเริ่มมีความรู้รอบแล้วประกอบกัน มีสติเป็นตัวกลาง ปฏิภาณเป็นตัวตั้งตัวไหวพริบปัญญาเป็นตัว Dynamic เป็นตัวเคลื่อนเร็ว ตั้งมั่นเป็นสภาพ2 อยู่เสมอ สภาพที่มีความ cyclic แล้ว 

17. มีสมาธิ, ฌาน, อุเบกขา  ที่จริงแล้วคำว่า “สมาธิกับฌาน” มันเป็นภาษาสิริมหามายา สมาธิเกิดก่อนแล้วมี ฌาน เกิดตามมาก็ได้ จริงๆแล้วสร้างพลังงาน ฌาน แล้วสั่งสมเป็นสมาธิก็ได้ แต่จะเรียกว่าเป็นสมาธิ คือสั่งสมจิตที่บริสุทธิ์สะอาด แต่มิจฉาทิฏฐิก็ไปสร้างสมาธิไม่ได้ทำให้จิตสะอาดแต่ทำให้จิตตกผลึก, ตกคลั่ก, ดำมืด, แข็งทื่อ สะกดจิตเป็นอะไรไม่รู้โลก มีแต่อัตตาที่แข็งแน่น อัตตาที่อัดเข้าไปๆ กดเข้าไปข่มเข้าไป เป็นสมถะอย่างเดียว สมาธิทางโลกีย์เข้าใจอย่างนั้นและมีวิธีแต่อย่างนั้น จึงเป็นวิธีง่ายๆหลับตาสะกดจิตเข้าไป 

ส่วนของพระพุทธเจ้าเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 มีศีลเป็นระดับไป เกี่ยวกับสัตว์ข้อที่ 1 เกี่ยวกับของ มีพีชะกับวัตถุ ข้อที่ 2 ซึ่งไม่มีวิญญาณ แต่สัตว์มีวิญญาณ วัตถุกับพืช ไม่ใช่จิตนิยาม เพราะฉะนั้นปฏิบัติกับสิ่งเหล่านี้ไม่มีวิบากแก่กันและกัน ปฏิบัติกับวัตถุปฏิบัติกับพืชไม่มีวิบาก ไม่จองเวรจองกรรมไม่ผลักไม่ดูดกัน ต่างคนต่างพัฒนาตัวเองไป จนกว่าจะพัฒนาขึ้นมาถึงจิตเป็นสัตว์จึงจะเกิดความรักความพยาบาท เกิดรู้เรารู้เขา มีเรามีเขามีสภาพ 2 

“สมาธิกับฌาน” ของพุทธนั้นจะมีศีล แล้วมี “อปัณณกปฏิปทา 3” (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดทางพุทธ) เป็นหลักการเลยนะ 

1. อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ทวาร)

2. โภชเนมัตตัญญุตา (ความรู้จักประมาณในสัดส่วน, ทั้งอาหารกาย, อาหารอารมณ์, อาหารวิญญาณ) 

3. ชาคริยานุโยค (การหมั่นตื่นออกจากกิเลสโลกีย์) 

(พตปฎ. เล่ม 20 ข้อ 455)

ถ้าไม่มี 3 ข้อนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ผิดไปจากศาสนาพุทธ พวกปฏิบัตินั่งหลับตาไม่มีชาคริยาไม่ตื่นไม่มีการรู้แล้วสัมผัสกับเครื่องกินเครื่องใช้ต่างๆ มีโภชเนมัตตัญญุตาก็ไม่มี สำรวมอินทรีย์ทั้ง 5 ภายนอกมีใจประกอบกัน ก็ไม่ได้ทำในหลักการนี้ ตนเองก็เอาตรงกันข้ามกับการตื่น ไสย หนักเข้าก็มืดดำ นิทรา หลับ มันก็ตรงกันข้าม ออกนอกรีต

ต้องพยายามพากเพียรตื่นเต็มให้เสมอ จิตที่มีสติเต็มร้อย ทั้งขณะที่พูดจามีสติควบคุม มีปฏิภาณไหวพริบควบคุม มีปัญญาควบคุม คิดก็ต้องมีปัญญาไหวพริบมีสติภายในควบคุม แม้จะเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม เพราะฉะนั้น “ฌานกับสมาธิ” ต่างกันตรงที่ของพุทธแท้ๆ ตามจรณะ 15 นั้น ฌาน คือพลังงาน, เผา, ไฟ พลังงานเรียกด้วยภาษาไทยว่าเผาผลาญ เหมือนพลังงานในพระอาทิตย์ จะเรียกว่าไฟมันก็เกินกว่าไฟ มันเผาละลายหมด ถ้าเอาอะไรใส่ไปในพระอาทิตย์นี่ แต่ในพระจันทร์ไม่ใช่นะ 

ฌาน, สมาธิ, อุเบกขา เมื่อเราปฏิบัติศีลเป็นหลัก แล้วก็ปฏิบัติอปัณณกธรรม 3 ก็จะเกิดสภาพสัทธรรม 7 ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต ใน “สัทธรรม 7” คือธรรมของคนดีที่มีสัมมาทิฏฐิ แบ่ง 3 หมวด

1. ศรัทธา (ความเชื่อมั่นอย่างสัมมาทิฏฐิ)

2. หิริ (ละอายต่อการกระทำผิด)

3. โอตตัปปะ (เกรงกลัวต่อการกระทำผิด)

4. พหูสูต (ฟังมาก รู้มาก ปฏิบัติธรรมแทงตลอดได้มาก)

5. วิริยารัมภะ (ปรารภความเพียร)

6. สติ (ระลึกรู้ตัวไม่เผลอใจ)

7. ปัญญา (รู้แจ้งชำแรกกิเลสได้)

(พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 330)

แล้วจะเกิดผลทางจิต ศรัทธา หิริโอตตัปปะ ศรัทธามันจะมีความเชื่อ มันจะฉลาดอย่างไรก็รู้ของมันฉลาด ขนาดพืชมันยังรู้ของมันเลยมันยังเชื่อของมันด้วยสัญญาและสังขาร มันยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ ส่วนสัตว์นั้นมันมีเวทนาแล้ว มีวิญญาณแล้ว มันก็ปรุงแต่ง 

คน จึงมีหิริโอตตัปปะ สัตว์มันก็มีบ้าง เพราะฉะนั้นสัตว์บางชนิดมันมีความอาย ความละอายในสิ่งที่ควรละอาย มันรู้มันมีปฏิภาณของมัน ไม่ขยายความต่อ คนก็มีหิริ ควรละอายก็จะละอาย 

สรุปแล้วศาสนาพุทธรู้จัก ฌาน ต่างจากเทวนิยมต่างจากโลกีย์ทั่วไปเขาก็มี ฌาน เขาก็มีสมาธิเขาก็มีอุเบกขาแต่เป็น เคหสิตอุเบกขา เขาไม่เข้าใจกำจัดเป็นฌาณ เป็นบุญ กำจัด กาม พยาบาท เหลือเท่าไหร่ วิหิงสา กำจัดต่อเป็นรูปภพ อรูปภพ รู้จักหน้าตากิเลสดีที่สุดถึงขั้นอาสวะอนุสัย 

สรุปแล้วจิตที่ได้ล้างกิเลสออกหมดด้วยฌานด้วยไฟ จนถึงขั้นเป็นบุญ บุญเป็นตัวที่ตัดสินสุดท้าย กิเลสจบหมดไม่เกิดอีก เด็ดขาด บุญเป็นตัวเดียวกันกับฌานแต่บุญเป็นตัวสุดท้าย เป็นตัวปัญญาพละ 

หลักธรรมพละ 5 คือ 1. สัทธาพละ, 2. วิริยพละ, 3. สติพละ, 4. สมาธิพละ, 5. ปัญญาพละ เป็นตัวปัญญาพละ กำลังของความรู้ยิ่ง ตัด หมด จบ ไม่มีอะไรที่จะไม่จบ จบถ้วน

18. มีความเสียสละแท้ (ข้อ 18 มีตัวเดียวเลย) เสียสละคำเดียว ขยายความมีคำว่าแท้เสียสละแท้ เสียสละอย่างไม่มีสาเปกโข ให้ เสียสละ ให้นี่เป็นคำที่ทั่วไปใช้กัน แลกกันไปมา เป็นทายก ปฏิคาหค เสียสละนี้เสียไปเลยสละเลย เสียอย่างเดียวมันเป็น one way Traffic  อย่าโค้งกลับมานะตำรวจจับ ขับรถย้อนศรตำรวจก็จับไม่ให้นะ One way Traffic ทางเดียว ให้อย่างบุญ 

19. มีพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  (เอกีภาวะ ที่มีวิมุติเป็นพลัง) 

เอกีภาวะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเอกเป็นภาวะเกิดจริงปรากฏ 1 เอก เป็นเอก ทั้งที่มันอยู่กันอย่างพลังงานสูงในนี้ พลังงานสร้างสรรมีสูง พลังเป็นวิมุติ มีวิมุติเป็นพลัง พลังงานที่เชี่ยวชาญคล่องแคล่ว กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา ทั้งภายนอกภายในรวมทั้งกายทั้งจิตคล่องแคล่วว่องไว นี่คือคุณสมบัติของพระอรหันต์พระโพธิสัตว์ 

 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:45:49 )

หมวดหนังสือที่เขาด่าเรา

รายละเอียด

ท่านพุทธทาส ท่านก็ไม่รุนแรง หนังสือปัญหาสังคมที่แก้ไม่ได้เพราะการศึกษาพุทธศาสนาผิดพลาด ท่านเอาหนังสือเล่มนี้ไปจัดเอาไว้ในหมวดหนังสือที่เขาด่าเรา ท่านจัดหนังสือต่างๆเอาไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งเราไม่ได้ด่า เราชี้แจงเหตุปัจจัยมีสิ่งวิเคราะห์วิจัยอะไรอย่างไร อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:24:43 )

หมอคุณธรรมของชาวอโศกต้องถูกกฎหมาย

รายละเอียด

คนว่ายากสอนยากก็ยากจริงๆ ก็ต้องให้สติไปดู อาตมาก็ไม่รับรองว่าให้สติแล้วก็ไม่แน่ว่าจะแก้ไขได้ อาจจะไม่ได้ยินได้ฟัง หรือได้ยินได้ฟังเขาก็ไม่เชื่อเขาจะทำตามใจเขาก็ได้ แต่อาตมาก็ขอปรามว่า ในชาวอโศกเรา ถึงเราจะเก่งอย่างไรเราก็อยู่ใต้กรอบของกฎหมาย การเป็นหมอโดยไม่มีใบประกอบโรคศิลป์นั้นติดคุก การทำหน้าที่รักษาไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ไม่มีใบอนุญาตจากทางการ ซึ่งเขามีกฎหมายกันเรียบร้อยก็ถูกจับเข้าคุกก็เป็นส่วนตัวไป แต่ถ้าอยู่ในชาวอโศกก็พลอยทำให้ชาวอโศกเสียหายด้วย ถ้ามีคุณธรรมก็ต้องนึกถึงคุณธรรม คุณธรรมของชาวอโศกเป็นคุณธรรมที่ต้องถูกกฎหมาย แต่คุณเป็นหมอคุณธรรมที่ผิดกฎหมายนี้ไม่ใช่ชาวอโศก ใครที่บอกว่าตัวเองมีคุณธรรมไม่เกี่ยวกับกฎหมาย จะมาจับฉันฉันก็จะเข้าคุกไปหรือฉันไม่เข้าคุกฉันจะต่อสู้ทางทนายอะไรก็ว่าไป อะไรก็ได้ที่จะดึงดันดิ้นรน

ก็ขอย้ำอีกทีหนึ่งว่า ถ้าจะเป็นหมอที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ก็ออกไปรักษานอกเขตของชาวอโศก เพราะชาวอโศกอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ถ้าอยากเป็นหมอก็ไปสอบเอาสิ สอบทางหมอแผนไทย หมอแผนโบราณก็มีทางออกหลายทางก็เรียนได้ทำได้ ซึ่งก็มีผู้รู้ผู้ทำกันอยู่ ในราชธานีอโศกก็มีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตั้งหลายคน ก็เอาสิ ก็ทำให้ถูกต้องก็แล้วกัน ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ต้องออกไปจากชาวอโศก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:01:24 )

หมากพลูนี้เป็นสิ่งเสพติดง่ายๆ

รายละเอียด

คุณไม่รู้สิ่งเสพติดคืออะไรแม้กระทั่งสิ่งหยาบหยาบง่ายๆเหมือนกับมหาบัวเลย คุณจะเข้าใจสภาวะสิ่งเสพติด คุณยังเข้าใจไม่ได้เลย หมากพลูนี้เป็นสิ่งเสพติดง่ายๆเลยนะ ปู่ย่าตายายก็รู้ พวกเราก็รู้เข้าใจและก็เลิกกันมาได้เยอะแล้ว เคยติดกันมาเยอะแต่ก็เลิกกันมาแล้ว พวกคนรุ่นใหม่ไม่ได้ติดหมากพลูก็เลยไม่รู้ คนที่เหลือที่กินหมากพลูเป็นคนแก่ๆก็ไม่ค่อยมีแล้วในยุคนี้ ผ่านยุคจอมพลป.ก็ไม่ให้กินหมากพลูแล้ว จนมาถึงยุคนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ตอนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเข้ามา ทหารญี่ปุ่นไปเจอพลูที่ตลาด ขายเป็นเข่งๆก็เลยเหมาไปต้มน้ำซดกัน  เมากันไป

ที่มา ที่ไป

รายการพทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:42:25 )

หมากพลูบุหรี่เป็นสิ่งเสพติด

รายละเอียด

แค่หมากพลูบุหรี่แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งเสพติด เหมือนกับที่มหาบัวบอกมานั้น จะเป็นการแก้ขวยเท่านั้น(สมณะด่วนดีว่า เขาอ้างว่ารักษารากฟัน) มีทางออกเหมือนกันนะคิดไม่ถึง เอาล่ะ ก็วิจารณ์วิจัยไป มันเป็นความเห็นต่างกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:54:47 )

หมาหางด้วนคือพวกสอนว่าบรรลุธรรมแล้วอย่าบอกใคร

รายละเอียด

อาตมาฟังความที่คุณวัชรีมาก็เข้าใจอยู่ และคุณเข้าใจได้ถูกแล้ว เรื่องที่ยังมีคนเข้าใจในเรื่องนี้โดยเฉพาะเรื่องที่อาตมาสอนนี้ผิดหรือถูก โดยเฉพาะเป็นการสอนถึงการบรรลุอรหันต์เรื่องโลกุตระ คนก็ไม่เชื่อเลย แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพระอรหันต์จริงๆเป็นเช่นไร เขาก็เลยบอกว่าโพธิรักษ์สอนไม่ใช่อรหันต์หรอก ไม่เหมือนกับพระส่วนใหญ่สอน แค่ตรรกะง่ายๆแค่นี้ พระส่วนใหญ่เขาสอนกันอยู่แล้วไม่เห็นเหมือนเขาเลย ตรรกะง่ายๆ คือถ้าคำสอนที่พระส่วนใหญ่เขาสอนนั้นเป็นคำสอนโลกุตระ เป็นคำสอนที่ถูกต้อง ก็ต้องมีคนบรรลุอรหันต์ บรรลุอาริยะอันถูกต้องใช่ไหม แล้วมีใครยืนยันออกมาบ้าง ได้มรรคผลอย่างไรเขากล้ายืนยันไหม แถมไม่ยืนยันหรือยังสอนกันอีกว่า ใครที่บรรลุแล้วอย่าบอกใครว่าเราบรรลุ อันนี้มันเป็นมายาเหมือนหมาหางด้วน ตัวเองหางด้วนแล้วไปชวนคนอื่นให้หางด้วนด้วย ก็บอกว่า หางด้วนนี้เป็นเท่ ก็ให้คนอื่นตัดหางเหมือนตัวเองด้วยเป็นอย่างนี้ล่ะท่านผู้ชม ที่เขาเป็นกันอยู่ พระพุทธเจ้าถึงได้ ซัดเลย โลหิจจพราหมณ์…โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามก ว่า “ผู้บรรลุแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น  เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป  เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว   กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่… ฯลฯ ”  . พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ  ย่อมมีคติ 2 คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน  อย่างใดอย่างหนึ่ง เขาพูดกันถึงขั้นนี้สอนกันถึงขั้นนี้ว่า ผู้ที่บอกคนอื่นว่าตัวเองบรรลุคนนั้นเป็นคนไม่บรรลุธรรมเป็นถึงขนาดนี้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 358


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:00:02 )

หมูป่าอะคาเดมี

รายละเอียด

อาตมานำข้อเขียนของท่านขุนน้อย ตั้งแต่ วันที่ 5 กรกฎาคม พลังด้านบวกที่มีอยู่จริง

อินทรีเหล็กเยอรมัน...ก็ไปแล้ว ฟ้า-ขาวอาร์เจนตินา...ก็หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ฝอยทองโปรตุเกส...ก็ปิดฉากลาโรงเอาดื้อๆ แม้แต่กระทิงดุสเปน...ก็ยังต้องกลับไปต้อนวัว ไล่วัว ไม่คิดจะยืนหยัดอวดโชว์ความสง่างามแบบมาทาดอร์อีกต่อไป ก็เลยเหลือแต่ทีม “หมูป่าอะคาเดมี” นี่แหละ ที่เชียร์มันส์ เชียร์สนุก เชียร์แล้วแฮปปี้เอนดิ้ง แถมยังให้ข้อคิด สะกิดใจ อะไรอีกเยอะแยะมากมาย...

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:07:01 )

หมู่กลุ่มนี้เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์

รายละเอียด

มาเลยๆ คุณก็เข้ามาแล้วมาช่วยกันไปมันได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น อาตมาเคยพูดแล้วก็บอกแล้วว่า อาตมาไม่เป็นคนที่ไปชอบรบเร้า ชอบหว่านล้อม อาตมาต้องการคนที่มีปัญญาของตนเองจริงๆว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เมื่อผู้ใดเห็นควรจะเข้ามาเราก็เปิดประตูรับอยู่คนเก่า คนที่มีพื้นฐาน คนที่มีศีล 5 ศีล 8 ได้แล้วยิ่งดีใหญ่ก็ไม่เข้ามาเอง ฟุ้งซ่านออกไปเอง ถูกโลกดึงไปเอง คุณตกต่ำเอง 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลยว่าหมู่กลุ่มนี้ เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ไม่ใช่ครึ่งเดียวด้วย หมูกลุ่มที่ดีนี้ เพราะฉะนั้นควรจะเข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มที่ดีนี้ จะไปห่างๆอยู่ทำไม ถ้าแค่นี้เข้าใจไม่ได้ คุณก็ไม่ได้เข้าหมู่กลุ่ม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล 


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 04:02:28 )

หมู่กลุ่มประชาธิปไตย แบบของพระพุทธเจ้า คือชาวอโศก

รายละเอียด

ไม่เห็นแก่ตัวตน ไม่เห็นแก่พรรคพวก แต่ว่าเห็นแก่ธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่ทรงไว้ เอาไว้ มีไว้ ธรรมะที่เป็นของมวลประชาชน สิ่งที่ทรงไว้เป็นของมวลประชาชน ไม่จำกัดเฉพาะ 3 เฉพาะ อายะ 3 ทุกคนกระจาย 3 ออกจากกรอบ 3 คือสามเส้า ทั้งโลกตัวตนกับธรรม หรืออายะ 3 ก็เป็นสามเส้าทั้งนั้น อันนี้ เปิด cyclic order ออกเป็นอันที่ 4 

3 คือตัวตนเต็มๆ 4 นี้ออกจากตัวตนไป เพราะฉะนั้นเป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 ก็ยิ่งออกไปอีก ไปเป็น 7 ก็ยิ่งเป็นระดับที่หมดตัวตนไปอีกสูง 7 8 9 ไปหา 0 ท่านก็ใช้บัญญัติแทนสังขยาตัวเลข 1 2 3 สากลไหนๆก็รู้หมดเลยว่า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 คือสากลของความเต็ม และความสูญ 

เพราะฉะนั้น 0 = นิรันดร 0 = Infinity ไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นภาษาที่พูดได้ สภาวะก็เป็นเช่นนี้อยู่ 

เพราะฉะนั้นความรู้ความเป็นจริงเช่นนี้ใครมีจริงก็มาพามนุษยชาติเรียนรู้และปฏิบัติให้จริงอย่างชาวอโศกได้มา จึงเป็นหมู่กลุ่มประชาธิปไตย แบบของพระพุทธเจ้าหรือประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ก่ออยู่ในกลุ่มคนไทยชาวอโศก มีมวลได้ประมาณนี้แหละขณะนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:54:00 )

หมู่จะพาให้เจริญได้อย่างไร

รายละเอียด

มาพิสูจน์เถอะในหมู่นี้  คุณไปพิสูจน์คนเดียวก็คงยากหน่อย มาพิสูจน์ในหมู่นี้เถอะแล้วหมู่นี้จะพาคุณให้เจริญซับซ้อนลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยอดอยาก มันอุดมสมบูรณ์ ดูของข้างหน้านี้ อุตส่าห์ขนมาโชว์ เอากล้องจับกะหล่ำปลีข้างหน้าเวทีนี่หน่อย กะหล่ำปลีไม่กี่หัวนะเนี่ย ยาวเป็นวา 2 วา เรียงกันให้ดูนี้อยู่ข้างหน้าอาตมา ทั้งหมด 5 หัวเท่านั้นกองอยู่เกือบ 2 วา กะหล่ำปลีตัดออกมา ของยายหยุย(ป้าสีนวล) 

นี่แหละพวกเรามือทองจริงๆในการปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทุกวันนี้ไม่ว่าเจ้าไหนโชว์กันได้ มีของสวนเพื่อฟ้าดินประกอบ รวมกันแล้วมาจาก 2 สวนรวมกัน มีแถมผีเสื้อเกาะที่ปลายกะหล่ำ ตกแต่ง เอาผีเสื้อปลอมมาเกาะที่กะหล่ำปลีจริง นี่ก็เป็นเรื่องตกแต่งประดับประดา เขาก็ถือว่าเป็นศิลปะ Decorate ก็ว่ากันไป ชื่นชมพืชพันธุ์ธัญญาหารจะเป็นประโยชน์ช่วยโลกไปทั้งโลก ในประเทศที่อดอยากอาหารมีอยู่เยอะในประเทศต่างๆในโลกที่ยังขาดแคลนอาหารการกิน ไม่ต้องไปพูดถึงขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ที่เขาจะต้องกินแต่สัตว์ ซึ่งมันเป็นวิบากซับซ้อน แล้วมันก็ไม่ใช่อาหารคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:30:51 )

หมู่ชนสาราณียธรรม 6 คือชาวอโศก

รายละเอียด

ถึงวันนี้อาตมาก็มีผลสำเร็จไม่เป็นโมฆะแล้ว เพราะมีชาวอโศก ชาวไทยที่เห็นว่าต้องมาเอาโลกุตระก็มา จนมาปฏิบัติได้มรรคผลจนกระทั่งเกิดหมู่ชนสาราณียธรรม 6 ที่เป็นเครื่องอ้างอิงยืนยันได้ว่าคนจะต้องได้มาทำอย่างนี้ 

สาราณียธรรม 6 คือ มารวมตัวกันอยู่เป็นหมู่กลุ่ม มารวมตัวเป็นสังคมชุมชนเลย เหมือนอย่างชุมชนชาวอโศก มีสาราณียธรรม 6 อยู่กันด้วยเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วข้อที่ 4 คือมีสาธารณโภคี ได้ลาภมาก็เอามารวมไว้กองกลางกินใช้ร่วมกันซึ่งเป็นสาธารณะ ชาวอโศกเป็นเศรษฐกิจระดับสาธารณโภคีเป็นเศรษฐกิจที่นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกยังไม่รู้จัก นักเศรษฐศาสตร์ของโลกเลยระดับ Noble Price หรือระดับขนาดไหนก็แล้วแต่ เป็นนักเศรษฐศาสตร์มือหนึ่งชั้นเยี่ยมขนาดไหนก็ยังไม่รู้จักเศรษฐศาสตร์สาธารณโภคี อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:33:15 )

หมู่ชนอาริยะ  Civilization

รายละเอียด

หมู่ชนอาริยะ  Civilization คือ หมู่ชนอย่างชาวอโศกในสัจธรรมของพระพุทธเจ้านี้ ซึ่งเป็นคำสอนที่สุดยอดของมนุษย์ในโลก  ความเป็นมนุษย์ก็สุดยอดความเป็นสังคมพฤติกรรมสังคม  หากมีสัมมาทิฏฐิปฏิบัติตนเองให้เป็นสังคมพระอาริยะ  แม้จะมีกิเลสอยู่บ้างเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์  เป็นพื้นอย่างชาวอโศก อาริยะระดับโลกุตระ  มีพระโสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์เป็นพื้น มีปุถุชนบ้าง  แต่ปุถุชนตอนนี้เขามีปัญญาว่าเมืองนี้เป็นเมืองอาริยะ  คนพวกนี้ (สุภระ) บำรุงง่ายปรับให้เจริญได้ง่าย(สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส(สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ขยันเสมอ ระดมความเพียร (วิระยารัมภะ)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:09:49 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:17 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:29:11 )

หมู่ที่กำลังแสวงหาจะเข้ามาศึกษาว่าโลกนี้มีความรู้อันนี้ด้วยหรือ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ในความรู้ที่อาตมากำลังขยายความนี้ เป็นความจริงที่เป็นความรู้ในระดับโลกุตระ ซึ่งมนุษย์ใกล้กลียุคนี้ หมู่ที่กำลังแสวงหา กำลังจะเข้ามารับรู้ มาศึกษา ว่าโลกนี้มีความรู้อันนี้ด้วยหรือ กำลัง กลุ่มหมู่ของฐานความรู้โลกุตระนี้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีบวกมีลบ เป็นธาตุคู่ เรียกว่า ธรรมิกราช 2 องค์ขึ้นมา สถาปนาลงไปในประเทศไทยแล้ว 

อาตมากับในหลวงรัชกาลที่ 9 ขออภัยที่พูดความจริง อาตมาพูดความเท็จไม่เป็น  อาตมาพูดอย่างนี้พูดซื่อๆ พูดอย่างคนซื่อ คนที่พูดขาเดียว ไม่พูดแกว่งไปหา 2 ขา พูดขาเดียว พูดกันอย่างหนึ่งเดียว เอกังสะ พูดแล้วจบในตัว ไม่มีเหนียมอาย ไม่มีกลัวไม่มีกระดิก หนึ่ง ตรงๆ ใครจะรับรู้อย่างไรก็จบในตัวมันเอง มันไม่มี สาเปกโข ไม่มีอะไรกังวลเลย ไม่มีอะไรกระเซ็นออกไปจาก 1 พูดแล้วจบในตัวมันเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 11:26:21 )

หมู่บ้านคนจนที่บรรลุเศรษฐศาสตร์สูงสุด

รายละเอียด

อาตมาพา อย่าว่าแต่พูดอย่างเดียวกันกับในหลวงเลย ก็พูดอย่างเดียวกัน เพราะเป็นโพธิสัตว์ เป็นธรรมิกราชเหมือนกัน แต่อาตมาพาทำสำเร็จ พามาจน ในหลวงท่านตรัสมาจนเหมือนกันแต่ท่านพาใครมาจนไม่ได้ แต่อาตมาทำได้ ทำได้เป็นหมู่บ้าน 

หมู่บ้านคนจน เป็นหมู่บ้านคนจนที่บรรลุเศรษฐศาสตร์สูงสุด เป็นเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบ พูดอย่างนี้ นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายฟัง จะฟังเข้าใจที่อาตมาพูดไหม อาตมาพูดนี้เป็นของจริงนะ ไม่ใช่พูดแค่ปากพูด เพราะฉะนั้น การที่จะพัฒนา แก้ปัญหาเศรษฐกิจไปให้คนรวย Impossible มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องตรรกะที่หลงใหล หลงเลอะ ต้องมาทำให้คนมักน้อย สันโดษตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:57:32 )

หมู่บ้านคนจนแบบชาวอโศกชาวบ้านมาอาศัยทำมาหากินจนรวยได้

รายละเอียด

ถ้าพวกเราไปเป็นเศรษฐกิจแบบโลกๆ ก็อาการหนัก ลุงตู่จะหนักกว่านี้อีกเยอะ นี่ก็มีคนจำนวนหนึ่งมา นอกจากเราชาวอโศกจะมาเป็นคนจนแล้ว ยังมีคนข้างนอกเขามาอาศัยทำงานหากินในชุมชนหมู่บ้านของชาวอโศกทุกหมู่บ้าน เอารายได้จากชุมชนกลางสาธารณโภคีชาวอโศกนี้ อย่างบ้านราชฯก็มีคนงาน เป็นคนข้างนอกมาอาศัยทำงานทำมาหากินจนกระทั่งเขาตั้งหลักตั้งฐานแบบโลกีย์ได้เลย มีบ้านช่องรถราทรัพย์ศฤงคารได้รวยกว่าชาวอโศกในหมู่บ้านที่เขามาทำมาหากินด้วย รวยกว่าเยอะเลย ชาวบ้านรอบๆ เราก็ไม่ได้ไปริษยาเขาหรอก แต่เราก็พึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งก็แนะนำก็สอนกันบ้าง ซึ่งก็ยากแต่ก็ได้บ้าง เขาก็ซึมซับมาเห็นมาเข้าใจบ้างหลายคน แต่ก็น้อยที่จะกลายมาเป็นชาวอโศก มันไม่ใช่เรื่องง่ายก็เลยช้า 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:10:04 )

หมู่บ้านคนที่มีศีลทั้งหมู่บ้าน

รายละเอียด

หมู่บ้านชาวอโศกทุกหมู่บ้านกระจัดกระจายอยู่ในประเทศไทยหลายสิบหมู่บ้าน มีศีลทั้งหมู่บ้าน มีศีล 5 เป็นอย่างต่ำ ศีล 8 ศีล 10 คือโอวาทปาติโมกข์ เป็นศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติญาณทัสสนะอย่างแท้จริง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:57:31 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:19 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:13:50 )

หมู่บ้านคนมีศีล อันเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

พูดถึงหมู่บ้านของคนมีศีล ในเถรสมาคม เขาจะสร้างหมู่บ้านมีศีล จ้างก็เป็นหมู่บ้านไม่มีศีลไม่มีหรอก ได้แต่ปาก ไม่ได้หรอก ไม่เหมือนพวกเรา พวกเราประพฤติธรรมจริงๆ ถือศีล 5 จริงๆแล้วเป็นศีล 10 ด้วยอย่าว่าแต่ศีล 8 เลย มีศีล 8 ศีล 10 กันจริงๆและถือได้ด้วย เป็นสามัญ คนศีล 8 เป็นสามัญก็มีเยอะ คนศีล 10 เป็น สามัญก็มีเยอะ แล้วเป็นศีล 10 จริงๆยิ่งกว่าภิกษุที่อยู่ในเถรสมาคมด้วย ภิกษุในเถรสมาคมนั้นต้องเกินกว่าศีล 10 แน่ แต่ไม่มีทางหรอก ศีล 8 ก็ยังไม่ได้ ยังเลอะเทอะอยู่เลย ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสพวกนี้ อะไรต่างๆนานา ในวงเถรสมาคมไปเอานิยายอะไร แต่พวกเราในฆราวาสโอเคไม่มีปัญหา ศีล 8 ได้ศีล 10 ยังได้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:40:25 )

หมู่บ้านคนเหาะได้เป็นไฉน

รายละเอียด

ต่อจากที่ท่านเดินดินพูดเมื่อกี้นี้ว่า การเหาะได้ อาตมานี้เป็นคนเหาะได้ และเหาะมา 50 ปีกว่าแล้ว ขึ้นมา พ.ศ.2564 เหาะมาได้ตั้ง 50 กว่าปีแล้ว แล้วก็พร้อมกับได้เปิดเผยวิชาการที่สอนให้เหาะ ตัวเองเหาะได้แล้วเปิดเผยวิชาการสอนให้เหาะ ก็ปรากฏว่ามีคนฉลาด มีปัญญารับรู้ตาม แล้วก็มาเรียนมาศึกษามาฝึกฝนด้วย พากันเหาะได้กับอาตมา โอ้โห พากันเหาะได้กับอาตมา ก็เลยเกิดกลุ่มหมู่คนเหาะได้ขึ้นมา แล้วก็พากันมารวมตัวกันอยู่ เป็นหมู่กลุ่มที่มีพัฒนาการไปไม่มีที่สิ้นสุด พัฒนาการไปเรื่อยๆ พัฒนาการให้เหาะขึ้นไปเรื่อยๆอีก เหาะไหม...เหาะ คนเหาะ จนกระทั่งพากันเจริญเป็นชุมชนเป็นหมู่บ้านกัน เป็นชุมชนเป็นหมู่บ้านคนเหาะได้  ขึ้นในประเทศไทย แหม ก็ลือลั่นกันไปทั่วโลกว่าเป็นเมืองคนเหาะได้เลยนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 13:48:52 )

หมู่บ้านชาวอโศกเป็นหมู่บ้านศิวิไลซ์เจริญแบบอริยะจริงๆ

รายละเอียด

หมู่กลุ่มของชาวอโศก ซึ่งมันสำเร็จผลจนถึงขั้นเป็นชุมชน เป็นหมู่กลุ่มชาวพุทธ เรียกว่าชาวพุทธ เพราะว่ามีศีลสมาธิปัญญาเป็นตัวบ่งชี้ หมู่บ้านชาวอโศกทุกหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านมีศีลจริง ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่เขาก็ปฏิบัติจริง ทุกหมู่บ้านไม่มีอบายมุขไม่มีเหล้ายาปลาปิ้ง ไม่มีสิ่งหยาบๆ ไม่มี เป็นหมู่บ้านศิวิไลซ์เป็นหมู่บ้านเจริญแบบอริยะจริงๆ เพราะมีศีลทั้งหมู่บ้านไม่มีอบายมุขทั้งหมู่บ้าน จะเรียกว่าเป็นเบื้องต้นก็มีเบื้องต้นที่ไม่มีอบายมุขมีศีล 5 มีศีล 8 มีศีล 10 มีศีล 43 จุลศีลมัชฌิมศีลมหาศีล มีพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ด้วย ไม่ใช่มีแค่พื้นฐานศีล 5 แล้วมีจริงที่อาตมาพูดอาตมาทำสำเร็จผล แต่เขาว่า ผู้แพ้ก็ไม่เป็นไร ได้เป็นหมู่กลุ่มเป็นกอบเป็นกำ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 14:11:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:23:38 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:30:14 )

หมู่บ้านราชธานีอโศกกับหมู่บ้านศีรษะอโศก

รายละเอียด

50 ปีมาแล้ว ทำได้อย่างสวยงามมหัศจรรย์มากเลย จนกระทั่งเกิดสังคมชุมชนชาวอโศก เป็นสังคมชุมชนหมู่กลุ่ม ในทะเบียน ให้เป็นหมู่บ้าน ตามทะเบียนของสังคมประเทศ มี 2 หมู่บ้านเท่านั้นแหละ คือหมู่บ้านราชธานีอโศกกับหมู่บ้านศีรษะอโศก นอกนั้นเราก็ยัง ไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย่างเช่นที่สันติอโศก ทางการก็เคยติดต่อมา แต่เขาไม่เรียกหมู่บ้าน แต่เรียกชุมชน ให้ไปจดทะเบียนเป็นชุมชนทางการ ตามวิธีบริหารองค์การปกครองของกรุงเทพ แต่เราไม่เข้าไปจด 

หรือแม้แต่สีมาอโศก เขาก็อยากจะให้จดทะเบียนเป็นชุมชนหรือหมู่บ้าน เหมือนอย่างที่ราชธานีอโศก ศีรษะอโศก อาตมาเองบอกว่ายังไม่ต้องไปจดหรอก สีมาอโศกทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ไปผิดอะไร เขาต้องการอะไรก็ได้อยู่ ทางสังคมทางโลกีย์เขาต้องการความสัมพันธ์ช่วยเหลือทำงานเราก็ไม่ได้ขัดข้อง เป็นแต่เพียงเราไม่ได้ขอเข้าไปจดทะเบียน เพราะมันจะต้องมีหลักเกณฑ์ต่างๆนานาอีกเยอะแยะ จึงมี 2 หมู่บ้าน คือราชธานีอโศกกับศีรษะอโศกก็พอแล้ว นอกนั้นก็ทำไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:01:25 )

หมู่บ้านราชธานีอโศกปิดถาวรก็อยู่ได้

รายละเอียด

เรื่องวัคซีน อาตมาก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันเก่งถึงขนาดสร้างเชื้อโรคแล้วปล่อยเชื้อโรคเข้าไปทั่วโลกได้ มันไม่กลัวจะเข้าหาตัวเองหรือ ตัวเองก็คน ถ้าปล่อยไปหาคนอื่นมันก็มาหาตัวเราเองได้ หรือมันรู้จักวิธีป้องกัน อันนี้คนจะเก่งขนาดนั้นหรือ อาตมายังไม่ค่อยสนิทใจยังไม่ค่อยเชื่อสนิทใจ ว่าเก่งขนาดนั้นหรือ แต่คิดได้ ถ้าเก่งขนาดนี้คนมันเก่งไม่ใช่เล่น มันอยู่ยาก ต้องมาอยู่หมู่บ้านราชธานีอโศกแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยหมู่บ้านราชธานีอโศกก็ปิดถาวรไม่ให้ใครเข้า เราก็ปลูกกินเองไป กินไปจนแก่ตาย เชื่อไหม เด็กๆ พวกอโศกเรานี่ ราชธานีอโศกไม่ต้องเปิดเลย อยู่ในพวกเราเอง ปลูกกินไปจนแก่ตายเลย อีกกี่ปีอีก 100 ปีก็ได้เชื่อไหม ...เชื่อ.. ดินไม่ดีก็ทำปุ๋ยเสริมหมุนเวียนอยู่ที่นี่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 06:25:23 )

หมู่บ้านราชธานีอโศกอาภัพที่สุดแต่จะอยู่อีกหลายร้อยปี

รายละเอียด

บ้านราชธานีอโศก เป็นหมู่บ้านที่อาภัพที่สุด เพราะทุกแผ่นดินต้องซื้อหมด หมู่บ้านทั้งหลายเขาไม่ได้ซื้อที่ดินนะ ของใครของมัน มีโฉนดของตัวเองทั้งนั้น ที่นี่ไม่มี เป็นของส่วนกลางแล้วช่วยกันดูแล ช่วยกันดูแลทำมาหากิน เกิดตายเผาอยู่ตรงนี้ คุณจะเกิดกี่ชาติก็เกิดมา เชื่อไหมว่าราชธานีอโศกจะอยู่อีกหลายร้อยปี ยิ่งอาตมาปักหลักลงแหล่งลงแรง สร้างแม่น้ำลำธาร ภูเขา เสร็จหมดแล้ว ปลูกต้นหมากรากไม้ อีกนานต้นยางจะต้นโตขึ้น ไม้อายุพันปีจะมาดูที่บ้านราช ต้นมะขามอายุพันปีก็มาดูที่นี่ต้นยางพันปีก็มาดูที่นี่ อะไรต่ออะไรที่เราปลูกลงไป ข้อสำคัญต้นพิลึกพิลั่นจะพังหรือยัง ท่านคมคิดสร้างมา ให้สร้างอีกก็สร้างไม่ได้แก่ตายก่อน ได้เท่านี้เป็นมาสเตอร์พีซ ทำได้อย่างไร คนเราจริงๆสุดยอดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:20:01 )

หมู่บ้านอนาคามี

รายละเอียด

หมู่บ้านอนาคามี คือ หมู่บ้านนี้ (ราชธานีอโศก) คนมาอยู่มีสภาพเป็น อนาคามี  เป็นต้นไป  เป็น
สาธารณโภคี  คนที่ศึกษามาให้ดี  มีปฏิภาณไหวพริบ  มาศึกษาแล้วจะรู้ว่าอันนี้ไม่เหมือนที่เคยพบเห็น  อันเป็นดาวอีกดวงหนึ่ง  เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง  มีคนอุทานบ่อยๆ ว่า มาอยู่ที่นี่เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง มันมีสภาวธรรมที่ลึกซึ้ง  ละเอียดที่สัมผัสได้   เขาเรียกว่า มี Sixth sense  เขาสัมผัสได้ว่านี่เป็นโลกุตระ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 13:24:34 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:25 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:16:14 )

หมู่บ้านอนาคามี

รายละเอียด

อาตมาสอนอริยสัจ 4 อย่างแท้จริง หากคุณทำได้ก็ต้องเกิดหมู่กลุ่มของศาสนาพุทธ แต่ที่นี่ขึ้นป้ายแผ่นดินพุทธเลยนะ เป็นหมู่บ้านที่มีอนาคามีเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกวันนี้คนเข้าใจพระโสดาบัน สกิทาคามี  อนาคามี อรหันต์ ไม่ได้ คุณไม่กล้าพูดหรอกว่าหมู่บ้านโสดาบัน สกิทาคามี แต่ที่นี่มีอนาคามีเป็นส่วนใหญ่เพราะเป็นสาธารณโภคี ไม่ได้ติดยึดในบ้านช่องเรือนชานแล้ว มาอยู่ที่นี่มีทรัพย์สินส่วนกลางจึงใช้ร่วมกัน เป็นสิ่งยืนยันชี้บ่งว่าสัจจะนี้เป็นไปได้ในยุคนี้ อาตมาทำสำเร็จมีหมู่กลุ่มแต่คุณมีไหม? แต่ขออภัยเหมือนท้าทายกันไม่ดี เราเอาเข้ากองกลางหมดนี่คือโลกุตระไม่ใช่โลกามิส คุณอย่าเพิ่งรีบตายขอเวลาจะมีชาวอโศกไปทำงานการเมืองต่อไป เราเคยตั้งพรรคเพื่อฟ้าดินก็ปิดไปแล้ว แต่เมื่อสมบูรณ์แบบประชาธิปไตยไทยจะดังทั่วโลก ไม่น่าจะต้องรอถึงอาตมาอายุ 151 ปี อีกสัก 50 ปีก็น่าจะได้ คุณจะรู้อะไรพระพุทธเจ้าท่านช้อนพระกัสสปะไว้ ท่านแลกสังฆาฏิไม่อย่างนั้นคงจะเข้าใจพระกัสสปะ ผิด พูดแล้วอาตมาต้องพูดความจริงว่าคุณยังรู้น้อยนะ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:33:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:15:41 )

หมู่บ้านเล็กๆ แต่คนดูว่ายิ่งใหญ่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นภูเขาก็ดีสะพานก็ดีมันเป็นเครื่องอาศัยเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ เสนาสนะ ส่วนประกอบของ องค์ประกอบ เสนาสนสัปปายะ บุคคลของเราก็มีแล้วอาหารและเครื่องอาศัยต่างๆพืชพันธ์ุธัญญาหาร เครื่องกินเครื่องใช้ แม้แต่เครื่องกล หมู่บ้านเล็กๆนะ นี่หมู่บ้านนะ เป็นหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ในตำบลบุ่งไหม ใครมาดูแล้วก็จะบอกว่าใหญ่ แต่เราสร้างหลังหมู่บ้านหลังพวกเขานะ แต่ทำไมมีอาคารใหญ่ ศาลาส่วนกลางของหมู่บ้านนี้เฮือนศูนย์สูญ บรรจุคนได้หลายพันคน มี 4 ชั้น แล้วหมู่บ้านอะไรแม้แต่จังหวัดอำเภอก็ยังไม่ได้มีขนาดนี้ง่ายๆแต่นี่เอาทุนที่ไหนมาทำ ก็จากพวกเราเองทำ 

ใครเข้ามาเห็น เข้ามา อย่างศาลาเฮือนศูนย์สูญ พื้นเป็นหินแกรนิตแต่เป็นหินที่เขาทิ้งแล้วเราก็เอามาทำให้ดูดี ต้นเสาก็เป็นเสาคอนกรีตธรรมดา แต่เราหุ้มปั้นเป็นต้นไม้ ดาดฟ้าก็เหมือนกับถ้ำหิน แวดล้อมขึ้นมา ใครนะ อาจารย์อะไรมานะคุณประชา หุตานุวัตร พอเข้ามาแล้ว ผ่านมาที่ราชธานีอโศก อาตมานั่งอยู่นี่ เขาบอกว่า ท่าน ยิ่งใหญ่ๆๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:55:27 )

หมู่บ้านเศรษฐกิจสาธารณโภคีเป็นความมหัศจรรย์ของโลก

รายละเอียด

แต่ละหมู่บ้านที่เป็นชุมชนชาวอโศกเป็นสาธารณโภคี เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจสาธารณโภคี ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของโลก ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ที่เขายกย่องกันในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อะไรอีกหลายอย่าง อันนี้แหละเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่คนจะค่อยๆเข้าใจ ค่อยๆรู้ว่ายิ่งใหญ่อย่างนี้ 

มันเกิดจากจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของมนุษย์ที่สามารถเป็นเช่นนี้ได้ เพราะเรียนรู้ตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มี ศีลเป็นหลัก แล้วทำได้มาตามลำดับ ได้มรรคได้ผล บรรลุศีลเป็นคนที่มีศีล อาตมายังอธิบายไม่เก่ง ว่าคนบรรลุศีลจริงๆ คืออะไรอธิบายไปบ้างแล้วก็ไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เก่ง ยังไม่สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:03:11 )

หมู่มิตรดีมีหลายฐานะในอโศก

รายละเอียด

แล้วหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ก็มีหลายฐานะ โสดาฯ ประมาณศีล 5 แม้ในนี้จะมีศีล 5 มากด้วย แต่จริงๆแล้วพวกเราศีล 5 มากแต่ศีล 5 ที่มากค่อนแก่ไปทางศีล 8 พวกเรานี่ เพราะฉะนั้นจะเป็นพวกที่มีคู่น้อย พวกมีคู่จะมีน้อย นี่พวกเรา จะเป็นคนโสดเสียเยอะ 

ลองถามตอนนี้ก็ได้ (โยมถามว่า.. โสดรอบสองหรือรอบหนึ่ง) โสดโดยไม่ต้องแต่งงานเลยทั้งชีวิต กับสองโสดที่แต่งงานแล้วเป็นหม้าย หรือหย่าก็แล้วแต่ หรือตายไปข้างหนึ่งก็แล้วแต่เป็นโสดอย่างนั้น ก็มีรายละเอียด ไม่เป็นไรถือว่า 1 แล้ว จะว่าตายก็แล้วแต่ หรือจะหย่าก็แล้วแต่ ถือเอาปัจจุบันเป็นหลักเป็นโสด 

เอาไล่มา ใครแน่ใจว่าตนเองถือศีล 10 ยกมือขึ้น ….มีคนเดียวยกมือ

ไม่ติดใจในเรื่องเงิน อนาคามีไม่ติดใจในเรื่องเงิน แต่ก็ใช้เป็นสามัญในส่วนกลางสาธารณโภคี อาตมาอุตส่าห์พูดว่าพวกเราเป็นสาธารณโภคีไม่ใช้เงินมีเยอะแยะ แต่มีคนเดียว หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลย แต่คนเราก็ต้องใช้เป็นธรรมดาธรรมชาติ แม้แต่พระเขา เขาเป็นพระนะ เอาข้อปฏิบัติก็ยังมีเงินใช้ในสาธารณโภคีของพระของวัดเลย ไม่ถือเงินก็มีลูกศิษย์ลูกหาไปจ่าย สะพายย่ามสะพายกระเป๋าใส่ไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:44:40 )

หมู่กลุ่มของชาวอโศกยิ่งใหญ่กว่าประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่กว่าคอมมิวนิสต์แล้ว

รายละเอียด

กลุ่ม สาราณียธรรม 6 ซึ่งมันสุดยอดแล้วนะ มาอยู่ร่วมกันอย่าง ลาภธัมมิกา รวมกันเป็นสาธารณโภคี นี่มันสุดยอดแล้ว ในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่มีประชาชนทำเศรษฐศาสตร์แบบสาธารณโภคีได้ ทำสังคมศาสตร์แบบสาธารณโภคีได้ ทำการเมือง รัฐศาสตร์ แบบสาธารณโภคีนี้ได้ ไม่มีเลย มีแต่ในเมืองไทยนี่แหละ ของพระพุทธเจ้า เป็นของที่ทำยากที่สุดในโลกแล้ว ประชาธิปไตยเขาก็ต้องการคนเสียภาษีให้มากที่สุดเข้ากองกลาง เข้ารัฐบาล คอมมิวนิสต์ก็ต้องการภาษีเข้ากองกลาง เข้ารัฐบาล มากที่สุดเหมือนกัน 

พวกคุณนี่แหละ เสียภาษี100% ให้รัฐบาลสาธารณโภคี เพราะฉะนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่กว่าคอมมิวนิสต์แล้ว นี่พูดจริงๆนะ นักรัฐศาสตร์เอาไปคิดดีๆ 

เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านถึงได้ตรัสว่า ให้บริหารแบบคนจน แต่นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ ทั้งหลายไม่กระดิกหู และก็ไม่สามารถท้วงได้ อาตมาพูดนี้ เหมือนกับอาตมาพูดแบบเดียวกับในหลวง แล้วอาตมาพาทำด้วย พาพวกเรามาเป็นคนจนได้จริงสำเร็จ เป็นสังคมเลย ขออภัยนะ อย่าหาว่าทำสำเร็จยิ่งกว่าในหลวงเลย มันจริงนะ มันเป็นสัจจะ มันเป็นความจริง พิสูจน์สัจจะ 

ชาตินี้อาตมาภูมิใจที่ได้ทำให้ธรรมะพระพุทธเจ้าบรรลุผลสำเร็จ สบายใจ ได้ขนาดนี้อาตมาก็ไม่ได้มักมาก มักโต มักใหญ่อะไรหรอก แต่มากขึ้นมันก็ดี ได้เท่านี้ก็เหลือแหล่แล้ว ก็พูดมาถึงภพ ถ้าไม่เลิกภพหยาบก่อน แล้วมาเหลือภพในๆ ที่ละเอียด หมด คุณไม่มีทาง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:33:14 )

หยั่งลงในที่หลง เป็นภาษาขั้นเทพ อุตริมนุสธรรมอย่างไร

รายละเอียด

คำว่า หยั่งลงในที่หลง ชอบไหม? ไม่ชอบหรือหยั่งลงในที่หลง พวกเราฟังชัดเจนดี คนที่ไม่ประสีประสาฟังแล้วก็ไม่รู้เรื่อง หยั่งลงในที่หลง  แต่คนที่ฟังรู้เรื่องแล้วจะรู้ว่านี่เป็นภาษาขั้นเทพ เป็นภาษาอุตริมนุสธรรม โลกุตระเลยนะ 

มีความว่า กามคุณ 5 คือ รูปที่พึงเห็นแจ้งด้วยจักษุ ที่น่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต

เขาก็มีอุปาทานหมู่กันไปในสิ่งที่เสพร่วมกันเช่นทุเรียนลูกละ 700,000 บาท ไม่ต้องเอาอะไรหรอกกล้วยที่บ้านของปางแก้ว ต้นกล้วยต้นนั้นขายต้นละ 70,000 บาท คือมันแล้วแต่จะสมมุติ แล้วคนไม่รู้ตัวหรอกว่าคนไปติดสมมุติ ไปติดยึดเท่าไหร่มันก็เอาอันนั้น 

คำว่ายึด อุปาทาน มันตัวเดียวนี่ หลงว่าใช่ ยึดเลย เสร็จ 

 ...กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ... รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา ... โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ที่หลงเพราะเหตุไร กามคุณ 5 พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ที่หลง. เพราะเหตุว่า เทวดาและมนุษย์โดยมาก ย่อมหลง static หลงพร้อม dynamic  หลงเสมอ infinity  เป็นผู้หลง (...เป็นเทวะตีแตกแยกไม่ได้ ใครมาตีแตกก็บอกนรกกินหัวนะ พระเจ้าสั่งลงนรกนิรันดรนะ ขู่ไว้เลย) เป็นผู้หลงพร้อม เป็นผู้หลงเสมอในกามคุณ 5 เป็นผู้อันอวิชชาทำให้ตาบอด หุ้มห่อไว้ ปิดไว้ ปิดบังไว้ ปกปิดไว้ ปกคลุมไว้ครอบงำแล้ว เพราะเหตุนั้น กามคุณ 5 พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ที่หลง. คำว่า หยั่งลงในที่หลงคือ หยั่งลง ก้าวลง หมกมุ่น จมลงในที่หลง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนเมื่อตั้งอยู่ก็หยั่งลงในที่หลง.

ขอยกตัวอย่าง ตามที่เป็น ไม่ว่าจะเป็นธัมมชโยก็หลงภพชาติอย่างที่เขาเป็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:24:38 )

หยาดน้ำใจทองคำ นี้อาตมาจะให้อย่างจริงใจเลย แก่ใครที่ควรให้

รายละเอียด

สำหรับพลเอกประยุทธ์อาตมาก็ยังไม่เคยพบกันมาเลย ทักษิณก็ยังเคยมาพบมาคุยกัน รุณเสียอีก หรืออำนาจ หมายยอดกลางก็ได้กระทบไหล่นายกฯ ที่จริง อาตมาให้หยาดน้ำใจทองคำอันหนึ่งนะ ยังไม่มีโอกาสให้ หลายปีแล้ว ก็ไม่เป็นไรไม่มีปัญหาหรอกเรื่องนี้ไม่มีก็แล้วไป หยาดน้ำใจทองคำ นี้อาตมาจะให้อย่างจริงใจเลย แก่ใครที่ควรให้ ที่อาตมาได้ให้มาก็มีให้ ป้าที่เลี้ยงอาตมามาเป็นแม่คนหนึ่ง (ภรรยาของลุงหมอ)ให้เป็นคนแรก หากลุงหมออยู่ก็คงได้ แต่นี่เสียชีวิตไปแล้ว คนที่สองก็คุณจำลอง คนที่สาม ก็อาจารย์วิชา มหาคุณ คนที่สี่ คือคุณไพบูลย์ นิติตะวัน ก็มีคนที่จะให้อยู่คือ คุณพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ แล้วก็มี พลเอกประยุทธ์ คือพูดไปแล้วจะหาว่า…คือหยาดน้ำใจทองคำนี่นะ มันเกิดขึ้นมา อาตมาก็ออกแบบหยาดน้ำใจเอาไว้ ทำเป็นหยาดน้ำใจเงิน ทำเงินเท่านั้นก็แจกพวกรา เสร็จแล้วคนก็ไปลงทุนทำเป็นทองคำมาให้ ตอนอายุ 72 ปีเขาก็ทำให้ 72 อันเป็นทองคำแท้ ไม่ใช่ทองคำชุบ จนบัดนี้ ตั้งแต่ 72 ตอนนี้ 86 แล้ว ก็เพิ่งให้ไปยังที่ไล่เรียงให้ฟัง นอกนั้นก็ยังกองอยู่ ไม่ได้ให้ใครง่ายๆ มันเป็นเครื่องหมายเครื่องชี้บ่ง คุณงามความดีของคนที่ควรจะได้อย่างจริงใจของเราว่าคนนี้เป็นคนที่มีคุณค่าที่ควรจะได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:20:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:47 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:33:54 )

หยาดน้ำใจพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

คือ ของที่ระลึก ทำด้วยโลหะเงินรูปใบโพธิ์ หรือเกี่ยวกับรูปหัวใจ ใช้เป็นสัญลักษณ์รูปใบโพธิ์ โดยมีรูปหัวใจ อยู่ในใบโพธิ์อีกชั้น มีหยาดน้ำ ใส่ไว้กลางหัวใจ เป็นความหมายว่า หยาดน้ำใจ การออกแบบเป็นกระบอกเล็กๆอยู่ตรงขั้วใบโพธิ์ มีหัวแง่งเหมือนจะงอยปากนกแร้งเป็นเดือยสำหรับเปิดออก และหมุนบิดได้ ในกระบอกเล็กๆบรรจุผม ซึ่งเป็นสิ่งแทนตัวพ่อครูให้ไว้ ถึงพ่อครูจะตายไปก็มีสิ่งนี้เป็นส่วนของสรีระที่อยู่ได้นานเป็นร้อยเป็นพันปี ผมไม่เน่าเปื่อย ไม่เป็นพิษเป็นภัย เป็นสิ่งหนึ่งในรูปกายของพ่อครู ถือว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งแทนตัวพ่อครูให้กับลูกๆ ในวันอโศกรำลึก วันครบรอบ 72 ปีเต็ม หรืออายุ 6 รอบ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” น.178-179


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:02:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:35:37 )

หยิบของไปโดยไม่ขออณุญาตแล้วไม่คืนด้วยควรทำอย่างไร

รายละเอียด

คุณก็ยกให้เขาไปเลยสิ หรือไม่ก็อธิบายให้เขาชัดๆ พูดกันดีๆ ให้ได้หรือให้ไม่ได้อย่างไร เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกันซึ่งเขาก็ถือวิสาสะบ้าง โดยเฉพาะพวกเราเป็นสาธารณโภคี ซึ่งถ้าหวงเป็นของตัวของตนอยู่คุณก็จะไม่เจริญนะ ถ้าคุณยังหวงอยากได้คืนก็ผูกพันไปข้ามชาติ ถ้าให้เขาไปเลยก็จบ ไม่ต้องยึดถือเป็นเราเป็นของเรา คุณก็ได้ปลดปล่อยความเป็นเราเป็นของเราออกไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของ อ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:27:03 )

หยิบเกลือใส่ปากไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาก็เค็มเหมือนกันใช่ไหม

รายละเอียด

ตอบคำถามเรื่องเกลือ มันก็มีรสเค็มจะลืมตาหรือหลับตา มันคือทวารตา แต่ใส่ลิ้นมันคือทวารลิ้น เหมือนกับถามแพะกับแกะ ก็บอกว่าแพะกับแกะมันเหมือนกันไหม คุณอย่ามาลวงอาตมา อาตมาว่าแกะกับแพะ มันต่างกันอยู่หลายอย่างนะ แต่คุณก็บอกว่าแพะ 2 ตัวกับแกะ 2 ตัวมันไม่เท่ากันหรือ ….ยกคำถามมาเพื่อให้มีคำตอบอย่างนั้นแล้วอาตมาก็จะไปทำอะไรได้ ก็อย่างนี้

คุณชี้คนอื่นว่าผิด 1 นิ้วแต่คุณชี้เข้าตัวเอง 3 นิ้วนะ อาตมาไม่ได้พูดแม้ครึ่งคำว่าตนเองเป็นศาสดา 

ส่วนคำว่าธาตุอย่างเดียวกันอันนี้ก็ถูกนะ แต่ขออภัยคุณเข้ามาไม่มีใครอยากให้คุณช่วยหรอก เชิญข้างนอกก่อน นี่พูดอย่างสุภาพเรียบร้อยนะเป็นอย่างนั้นจริงๆอย่ามาเสนอตัวช่วยเลย มันคงไม่สำเร็จหรอก คุณนั่นแหละ อาตมาก็น่าสงสารคุณ อย่าทิ้งกันนะ รักกันติดตามกันไปเรื่อยๆ เราก็จะเห็นมุมเหลี่ยม วันนี้ก็ไขประเด็นให้คุณฟัง เอาเรื่องแพะกับแกะมายืนยัน ไปไหนมาสามวาสองศอก เราก็บอกว่าคุณก็ยังสับสนอยู่ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

เป็นโลกุตระได้เพราะเหนือมนุษย์โลก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:52:46 )

หยุดความวนเป็นแล้ว เป็นเช่นไร

รายละเอียด

มารู้ ความจบของความวน อาตมา ตั้งใจจะเทศน์วันนี้เรื่อง ความวน ขอสรุปเข้าไปสู่เป้าสุดท้าย สุดท้ายแล้วเราเข้าใจ ไม่ต้องวน คนที่ไม่ต้องวนแล้วก็แยก 

แยก 1 แยก 2 มันวนไปหา 2 แยกได้ ไม่ 2 แล้ว มาเป็น 1เสร็จแล้วก็มาเป็น 1 กับอีกอันนึง อีกอันหนึ่งก็คือ 0 คือ 1 กับ 0 

1 กับ 2 นี้ไปหาโลก ไปเพิ่มเลย ส่วนมาหา 1 กับ 0 ก็คือ 2 คือ 1 อันนึง และ 0 อีกอันนึง นี่คือมาหาความสูญ ถ้ามา 1 ที่มาหาความจบ มาหา 0 เป็น คนนี้หยุดความวนเป็นแล้ว 

จะเป็นรูปธรรมก็ตาม รูปธรรม แต่ก่อนนี้ โอ้โห เราจะต้องมีทอง จะต้องมีเพชร ผู้ชายก็จะต้องมีเหล้า ไม่รู้ผู้ชายเขาสำคัญอะไรบ้าง ผู้หญิงจะมีเพชรมีทอง ผู้ชายมีทองหรือผู้หญิงมีเพชร ของแต่งตัว ผู้หญิงเอาทั้งทองและเพชร ผู้ชายเอาทองได้ แต่เพชรก็อย่างนั้นแหละ แต่พวกที่ยังหลงเหมือนพวกผู้หญิงก็ชอบเพชร ผู้ชายชอบเพชรก็มี ถ้าผู้ชายรู้แล้วก็ไม่เอา ก็จะลดลงมาหา 1

จนกระทั่งเราไม่วนเวียนไปหาอันนั้น รูปธรรมไม่วนเวียนไปหา ขาดกันได้ นามธรรมก็ไม่ไปวน ไม่ไปนึกไปคิดไปโหยหา ไม่อาลัยอาวรณ์เลย เห็นก็เห็น สัมผัสก็สัมผัส มีก็มี ควรได้ตามค่าของโลก มันมีราคา เอาไปแปรรูปมาเป็นราคา ธนบัตร เอาธนบัตรมาใช้ เพื่อซื้อเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ใช้งาน สิ่งที่สำคัญสิ่งที่เราควรจะได้ เราอาจจะต้องไปใช้ซื้อคอมพิวเตอร์ เราก็เลยต้องไปแลก มีกล้วย มีอ้อย มีมะเขือ แล้วก็แลกเป็นธนบัตร เอามาซื้อคอมพิวเตอร์ อะไรอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 11:24:29 )

หยุดดาวเทียมใช้อินเตอร์เน็ต

รายละเอียด

ช่างเทคนิคเขาก็ชัดเจน ปะฟ้านวลก็คงไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคนี้มาก ก็ไม่ต้องกังวลหรอก ที่พูดว่าอยากจะหยุด เพราะดาวเทียม ภาระค่าเช่าอยู่หลายแสนเดือนๆนึง เราก็ดูว่าทุกวันนี้ พูดก็พูดเถอะนะ เรารู้สึกว่ามันจะเริ่มเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างพอสมควร เราก็เลยทำงานกับสังคมมนุษยชาติเพิ่มขึ้น เราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขนาดเราไม่ได้จัดงานตลาดอาริยะ งานอะไรที่เราจะต้องมีเงินก้อนมาช่วยแจกจ่าย ให้แก่มวลมนุษยชาติทีละหลายล้าน แต่ละครั้ง ขนาดนั้นเราก็ยังฝืดๆเลยทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยจำเป็นที่จะต้องสงวน ให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุดมาให้มากๆหน่อย มันก็เป็นความดีงามนะที่เราและคนจะได้ฝึกฝนให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุด มันเป็นความเจริญทางเศรษฐกิจที่เยี่ยมยอด เศรษฐกิจที่มีประโยชน์สูงประหยัดสุดเป็นเศรษฐกิจที่มาหาความจน เป็นเศรษฐกิจที่จะต้องเข้าใจอย่างดีเลยว่า เรามาฝึกตนเองให้เป็นคนจน มีสังคมคนจน ซึ่งมีประเทศไทยประเทศเดียวในโลก ที่มีการชัดเจนยืนยัน มีผู้ยืนยัน อย่างอาตมายืนยันแน่ แต่อาตมาไม่ได้เป็นผู้มี favorite แก่สังคมมาก อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 นี้แน่นอนเลย ทั่วโลกรับซับทราบจากพระองค์เลย ทรงตรัส เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เลยว่าเรามาเป็นคนจน ขนาดนั้นนักเศรษฐศาสตร์ของคนไทยที่บริหารประเทศอยู่ ก็ยัง เงอะๆงะๆอยู่ ก็ในหลวงตรัสมา แล้วจะไปตำหนิท่าน จะไปค้านท่านก็ไม่ได้ ก็เลยได้แต่อึมๆอัมๆ  แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่ชัดเจนในภูมิปัญญาจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:31:01 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:36:41 )

หยุดบ้าได้แล้วสำหรับดาวติ๊กต๊อก

รายละเอียด

หยุดบ้าได้แล้วสำหรับดาวติ๊กต๊อก คุณก็พูดมาถูกแล้ว ท่านกำลังบ้ากำลังหลง อาตมาก็ขอเตือนนะ ท่านสรณีโย หยุดบ้า ท่านเคยยอมติดคุกคนเดียว เรื่องอะไรจำไม่ได้ ตอนนี้สุดโต่งทางโซเชียลแล้ว ใช่ คุณสุดโต่งไปทางโซเชียลมากไปแล้วท่านสรณีโย 

ตอนนี้ก็เป็นสัทธิวิหาริกอาตมาอยู่ เขาเห็นแล้วว่าท่านกำลังบ้า หยุดบ้าได้แล้ว อาตมาก็เห็นว่าคุณพูดถูกแล้ว  ไม่ค่อยได้ดูยังรู้ได้เลย ท่านก็ยังอยู่ แต่ท่านเข้าถ้ำของท่าน คนละถ้ำ คนละรูไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นธรรมดาธรรมชาติ ส่วนท่านครูบาเฮง บ้าใหญ่แล้วขอเตือน ส่วนท่านที่อยู่ในรูในเลี้ยว ไม่มีปัญหาอะไรมาก มันไม่กระจายสิ่งบ้าๆไปสู่คนเท่าไหร่ อยู่แต่ของท่าน ท่านก็เป็นของท่าน อัตตาของท่าน มันก็ยังพอทำเนา แต่ก็เตือนอยู่ มันยาก ให้ออกมาสัมพันธ์เป็นสามัญปกติของมนุษย์ 

แต่มันไม่ จริตมันเป็นอย่างนั้นจะไปทำอย่างไร คนเราจะไปเอาตามใจเราเองไม่ได้ เราก็พออยู่กันได้ก็อยู่กันไป อยู่กันไม่ได้ก็ตัดออก อย่างที่ได้ตัดออก อย่างบางผู้บางคน เช่น หินกลั่น เราตัดออกไป เพราะถึงขั้นปาราชิกแล้ว อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 11:04:07 )

หยุดยุแหย่ให้คนรวย

รายละเอียด

หยุดที่ไปยุแหย่ให้คนรวย ให้รู้จักความจน แม้คุณจะไม่จนมากแต่จนได้นิดหน่อยก็ทำให้ได้ก่อน ให้รู้ว่าความจนไม่ใช่สิ่งน่าเกลียด ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีความสุข มีความสุขได้ในความจน สุขเป็นอุปาทานไม่มีจริงเป็นความหลอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:36:43 )

หยุดสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ได้ ความเป็นผีก็จะลดลง

รายละเอียด

คนหยุดสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ มาสร้างอาหารซะได้ ความเป็นผีคุณก็ลดลง ผีดุร้ายมาเป็นผีตะกละ ผีเปรตไง ผีตะกละ ผีโหดร้ายก็ผีโขมด ก็เสพ เสพความมากความรวย เสพความสวยความงาม เสพรส รสหอมรสอร่อย เสพไป 

คนเราเรียนรู้เรื่องเสพเรื่องติด เสพติด หมดความอยากสิ้นความเสพได้ รู้อะไรๆ ที่จะอาศัยอะไร ถ้าชีวิตเรายังมีอยู่ก็อาศัย อาตมาตอนนี้มาชัดเจนว่า สรีระ มันก็เป็นสรีระ มีเหตุปัจจัยพอที่จะไปได้ระดับหนึ่ง นามธรรมนี่ มันเก่งกว่าสรีระ มันเก่งกว่าทางวัตถุ อาตมาจึงได้คิดว่า เราจะมาพิสูจน์

พิสูจน์สรีระ จะฝืนสรีระ เอ็งจะเสื่อมจะตายก็ยัง จะพยายามไม่ให้มันเสื่อมง่าย จะพยายามไม่ให้มันตายง่าย ตั้งใจเลย จะพิสูจน์สัจธรรมบทนี้ ถ้าอาตมาอายุถึง 100 ถือว่าเข้าถึงเส้นชัยแล้ว เพราะฉะนั้นจะไปสู่เส้นชัยที่สูงสุด ได้เท่าไหร่ก็สูงเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:32:56 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์