@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อ่านวิวิตตสูตร เล่ม 20

รายละเอียด

 [533] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติความสงัดจากกิเลสไว้ 3 อย่างนี้ 3 อย่างเป็นไฉน คือ ความสงัดจากกิเลสเพราะจีวร 1 ความสงัดจากกิเลสเพราะบิณฑบาต 1 ความสงัดจากกิเลสเพราะเสนาสนะ 1

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:31:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:04 )

อ่านสภาวะเมื่อผัสสะได้อย่างไร

รายละเอียด

อ่านสภาวะตรงนี้ สะพานเชื่อม เมื่อผัสสะมีอายตนะ สะพานเชื่อม นามรูป กระทบสัมผัสกัน มันก็เป็นเวทนา อายตนะ มาแตะกัน ร่วม ก็จะเกิดเวทนา อีกอันหนึ่งมาผลักกันก็จะเกิดเป็นเวทนา ผู้ที่สามารถรู้เวทนาได้ อ่านอาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทส ตามคำที่อาตมาขยายความ รู้อาการของมัน เวทนาเป็นอย่างนี้ จิตอาการของเราเป็นอย่างนี้ แล้วก็จับอาการนั้นได้ก็หมายใจให้รู้เองของเราเรียกว่านิมิต กำหนดเอง นี่แหละคือสัญญากำหนดหมายรู้นิมิต เราก็รู้ของเรา อาการอย่างนี้คือเวทนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 18:50:25 )

อ่านหนังสือของพ่อครูไม่ครบ 7 เล่ม จะเป็นชาวอโศกอย่างไร

รายละเอียด

หนังสือมันมีอยู่ก็พยายามอ่านให้ดีๆ ไม่ใช่อ่านแค่หน้าปกหลังปกหน้าอ่านเนื้อในให้ต่อเนื่องไป มันก็มีเล่มที่ไม่โตนักมีเยอะแยะ อ่านเล่มไหนก็ได้ เล่มเล็กๆก็มี 7 เล่มก็อ่าน รุ่นที่ทำเล่มเล็กๆเรียกหนังสือหิ่งห้อย ดร.รินธรรมเป็นคนทำ ทำได้ประมาณ 10 เล่ม เล่มเล็กๆบางๆ ก็หาอ่าน ไม่ได้พิมพ์ซ้ำก็เลยหายากหน่อย ก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ดูโทรทัศน์สัก 77 วัน แค่ 2 เดือนกว่าเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:47:38 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:05:47 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:54:30 )

อ่านอาการความรู้สึกหรืออารมณ์

รายละเอียด

สุขทุกข์เป็นสมมุติ 2 อย่าง เพราะฉะนั้นผู้สามารถปฏิบัติจนจิตไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ได้ มันเป็นอาการทางเวทนา คุณต้องอ่านอาการความรู้สึกหรืออารมณ์ ที่เรียกกันว่า เวทนา ให้ได้ ศัพท์ใช้ว่า เวทนา เรียกว่าอารมณ์ ก็เป็นภาษาบาลี เรียกว่าความรู้สึกนี่เป็นภาษาไทย ต้องอ่านอาการที่รู้สึกจริงๆว่า สุขมันเป็นอย่างนี้ ทุกข์มันเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่สุขไม่ทุกข์ เบาลงๆ มันเป็นอย่างนี้ จนกระทั่งเบาเหลือนิดน้อยมาก เหลือเบามาก มันเป็นสุขก็ไม่ใช่ เป็นทุกข์ก็ไม่ใช่ เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ 

เนวสัญญานาสัญญายตนะ จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
เอ๊! มันสุขหรือมันทุกข์หนอ ทั้งไม่สุขหรือไม่ทุกข์ จะสุขก็ไม่ใช่ ทุกข์ก็ไม่ใช่ ทิ้งมันทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่พ้น เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็คือผู้ที่เหลือน้อยแล้ว จนกระทั่งพิจารณาไม่ออกว่าอันนี้จะเรียกว่าสุขหรือจะเรียกว่าทุกข์ มันมีปฏิกิริยาอยู่น้อย จนกระทั่งว่าง ๆๆ คุณก็ยังตัดสินไม่ได้ มันจะมีตัวหลอกคือสัญญา (สังเกตคำ) “เนวสัญญา ยตนะ” (กับ) “นา สัญญา ยตนะ” มีอายตนะที่ว่า “เนวสัญญา” (กับ) “นา สัญญา” มันเถียงกันว่า “เนวสัญญา” กับ “นา สัญญา”   

คำว่า นา แปลว่าต่าง คำว่า เนวะ แปลว่า มันจะรู้หรือไม่รู้ ก็เคยรู้มาแล้วนี่หว่า อะไรอย่างนี้ มันก็ยังวิจิกิจฉา มันยังสงสัยข้องใจอยู่หน่อย ๆ จนคุณเองไม่ต้องสงสัยข้องใจหรอก คุณทำจิตให้ไม่ต้องมีอะไร ให้โล่งว่างเลย ไม่มีอะไรเลย มันเป็นเหตุกิเลสตัวสุดท้ายคือตัววิจิกิจฉา นี่แหละ เรียกว่า วิจิกิจฉาสวะ หรือ วิจิกิจฉานุสัย ตามบารมีของคุณ ขั้นอาสวะ ขั้นอนุสัย ก็เอาขั้นอาสวะก่อน มันยังสงสัยคุณก็ต้องทำให้ชัดเจนชัดแจ้งว่า อ๋อ เบาแค่นี้ถ้าคุณไม่ไปติดใจกับเรื่องที่ว่ามันเหลือเบาแค่นี้ คุณปล่อยมัน ช่างมันเถอะ นั่นแหละคุณจะเบาลงยิ่งขึ้น ถ้าคุณไปข้องใจกับมันอยู่ มันก็ยิ่งจะหนาขึ้น ถ้าคุณบอกว่า ช่างหัวมัน มันจะเป็นอาการอย่างนี้ก็ปล่อยเลย ปล่อยเฉยๆ ไม่เอาภาระ ไม่เอาอะไร คุณก็จะเลิกความเกาะเกี่ยว จะวางความเกาะเกี่ยว

นี่อธิบายเป็นภาษาง่ายๆ นะ คุณทำเถอะแล้วคุณจะรู้ได้ด้วยตน เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญููหิติ นี่เป็นการปฏิบัตินัยยะที่อาตมาอธิบายลีลาของกิเลส การปล่อยวางกิเลส คุณปล่อยวางกิเลสอย่างนี้ได้เป็นโลกุตรธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 13:08:15 )

อ่านอาการระหว่างสภาวะกับพยัญชนะเป็นเรื่องใหญ่

รายละเอียด

ดีนะที่เอาสภาวะมาพูดกัน ไม่เหมือนบางสำนักที่เอาพยัญชนะมาพูดอย่างเดียว เช่น สำนักอ.สุจินต์ เขาก็วนกับภาษาปรมัตถ์แต่ก็ไม่ลงลึกถึงสภาวะ อาตมามีเจตนาพูดให้สำนักนั้นเข้าใจหากตั้งใจฟัง ก็เป็นบุญเป็นกุศลเป็นเกียรติที่คุณฟังอาตมาบ้าง ให้หัดอ่าน อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ซึ่งระหว่างสภาวะกับพยัญชนะเป็นเรื่องใหญ่ ไปยึดถือพยัญชนะแต่ไม่มีสภาวะอย่างที่เป็นกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เรื่อง แต่ หากไปยึดสภาวะแต่ไม่รู้จักพยัญชนะก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน ต้องศึกษาสองด้านให้ดีๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:13:05 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:14:48 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:54:00 )

อ่านอาการสุขทุกข์ของตนแล้ว ลดละไปตามลำดับ หยาบ กลาง ละเอียด

รายละเอียด

ก็จัดลำดับให้ดีสิ ของเราเองนะ อ่านอาการสุข-ทุกข์ของเราเอง เรายังติดหยาบ-กลาง-ละเอียดกับอะไร คุณก็ต้องดูว่า โอ้ อันนี้เราถือว่าหยาบ ซึ่งมันไม่ตรงกันนะในแต่ละคน คุณไปติดยึด ผูกพันกับอะไรต่ออะไร แต่ละคนมันไม่เท่ากัน ใช่ไหม บางคนติดมะเขือ บางคนติดกล้วย บางคนติดสะตอ ทุกวันนี้พูดตรงๆ อาตมากินสะตอไม่ค่อยได้แล้ว ทุกวันนี้ก็เห็นว่าแต่ก่อนเราก็กินพอสมควรทั้งเหม็นทั้งขม สะตอ เหม็นไหม ทั้งเหม็น ทั้งขม..โอย กินสะตอแล้ว เทียบกับเม็ดกระถิน มันคล้ายกัน แต่มันอ่อนกว่ากันเยอะเลย เม็ดสะตอกับเม็ดกระถิน ก็เป็นลักษณะของคนใต้เขาถนัดอย่างจัดจ้านหน่อย อีสานนี่ถึงจะจัดอย่างไรก็สู้ใต้ไม่ได้ ยิ่งภาคกลางแล้วก็ยิ่งไม่จัดเท่า ภาคกลางไปจัดจ้านทางฟรุ้งฟริ้ง โอ้ย ภาคกลางจัดจ้านทางฟรุ้งฟริ้ง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:02:06 )

อ่านอาการสุขอาการทุกข์ด้วยปัญญา

รายละเอียด

ดีเพราะอะไร เพราะไม่โลภ ไม่โกรธ เหลือน้อย ความโลภก็เหลือน้อย ความโกรธก็เหลือน้อยลง สูงสุดเป็นพระอรหันต์ก็หมดสิ้นเลย ไม่โกรธไม่โลภอะไรเลยกลางๆ ซึ่งเป็นเรื่องจริงอยู่ทุกวันนี้ ชาวอโศกปฏิบัติได้ อาตมาปฏิบัติได้พวกเราปฏิบัติได้มากน้อยก็แล้วแต่ ผู้เป็นอรหันต์แล้วจะรู้ดี พระพุทธเจ้าตรัสไว้นี้ประพฤติได้ เป็นได้จริง แล้วสำคัญความรู้สึกหรือเวทนา 

ความรู้สึกแล้วก็มีปัญญาด้วย มีสัญญากำหนดรู้ มีปัญญาเป็นตัวรู้ครบ ว่ากายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเรา มีสัมผัสแล้วมันเกิด ยังรู้สึก วัดที่เวทนา รู้สึกสุข รู้สึกทุกข์อยู่หรือไม่ อ่านอาการของสุข อ่านอาการของทุกข์ออก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:07:27 )

อ่านอาการเสียใจให้เป็น แล้วเราก็ทำให้มันไม่มี

รายละเอียด

อ่านอาการเสียใจให้เป็น แล้วเราก็ทำให้มันไม่มี เท่าที่คุณมีความสามารถรู้ได้ว่าอาการอย่างนี้เรียกว่าเสียใจ ก็อย่าให้มันมีอาการนี้ก็แล้วกัน อย่าเพิ่งท้อ คนจน หาเช้ากินค่ำก็ดีแล้ว อย่าหาเช้ากินเมื่อวาน หาเช้ากินเที่ยง กินบ่ายกินค่ำนั้นถูกแล้ว  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:48:28 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:06:23 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:53:26 )

อ่านอาการในจิตให้ออก เพื่อการดับความเป็นสัตว์ทั้ง 9 จะได้เป็นมนุษย์!

รายละเอียด

มันต้องเรียนรู้ให้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า“ภพ” มี“อาการ”ในจิตเราอย่างไร? แล้วเรียนรู้ปฏิบัติ“ดับเหตุ”ที่ทำให้เกิด“ภพ”นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น“สวรรค์”ก็ยังคือ “ภพ” ที่ยังหลง“สัตตาวาส 9”แบบใดแบบหนึ่ง หรือหลงในความเป็น“สัตว์ทั้ง 9”นั้นอยู่ไม่คลาย  ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรา“สัตตาวาส 9”ไว้ให้ศึกษา แล้วดับความเป็น“สัตว์ทั้ง 9 ”นี้ได้หมดสิ้น ก็สิ้น“ความเป็นสัตว์”ที่หลง“ภพ”หลง“ชาติ”อยู่กันได้สำเร็จจริง จึงจะได้เป็น“มนุษย์ (ผู้มีใจสูง)”

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 467 ข้อที่ 650


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 14:28:24 )

อ่านอารมณ์หรืออ่านอาการของเวทนาให้ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคุณต้องอ่านอารมณ์ อ่านอาการของเวทนาให้ได้ แล้วก็ปฏิบัติจนกระทั่ง อาการสุข อาการทุกข์ รู้ได้ด้วย คุณจะต้องอ่านอาการของมันจริงๆ อาการสุขอย่างนี้ อาการทุกข์อย่างนี้ หยาบๆ จัดจ้าน มันก็อยู่กับทุกข์หยาบๆ 

คุณจะเรียนรู้เอาสุขมาเป็นที่ตั้งแล้วเอาเหตุแห่งทุกข์ดับตัวสุข ไม่ต้องเอาสุขมันก็ดับทุกข์เหมือนกัน แต่มันคงยากเพราะอารมณ์ของสุขคนไม่ได้อยากออก เพราะว่าอุปาทานตัณหามันอยู่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าฉลาดจึงมาเอามุมทุกข์ เรียกว่า “อาริยะ” หรือผู้ฉลาดหรือผู้ประเสริฐ นี่อาจจะเอาอันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:47:43 )

อ่านเวทนา

รายละเอียด

อ่านเวทนาให้ถูกต้อง มันปวดก็ไปรักษาสิ ปวดก็ต้องไปดูซิ มันไม่รู้แน่ว่ามันมีเหตุ ต้องไปเอกซเรย์ เข้าไปให้หมอตรวจ ไป MRI ไปอะไร ให้มันรู้หมดสิ ลงไปถึงที่เกิด ให้รู้สมุหทัย นั่งนี่มันปวด มันปวดเพราะอะไร ..ทับเส้น อ้าว ..ก็ขยับมัน ก็หายแล้ว

ที่มา ที่ไป

การสนทนาธรรมกับพ่อครู สมาธิพุทธเร็วจี๋และนิ่งสนิท บ้านราช  วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:16:15 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:42 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:45:24 )

อ่านเวทนาได้ต้องรู้จักกายอย่างไร

รายละเอียด

คนที่ปฏิบัติจะรู้ว่าจิตใจเราออกจากกามและพยาบาทได้หรือไม่ ก็จะต้องอ่านเวทนาในเวทนาให้ได้ จะอ่านเวทนาได้ต้องรู้จักกาย ต้องรู้จักรูปและนาม ศาสนาพุทธตอนนี้น่าสงสารมาก กายก็ผิดเพี้ยนไปแล้ว กายมีแต่รูป อันนี้ผิด กายคือจิต ตามหลักฐานในพระไตรปิฎก ตถาคตเรียกกายว่าคือจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ​บ้าง ล.16 ข.230

คนในยุคนี้ ฟังอาตมาบอกว่า กายคือจิต พระพุทธเจ้าตรัสเอง ว่า กายคือ จิต มโนวิญญาณ แต่เดี๋ยวนี้คนเข้าใจว่า กายคือแต่ภายนอก ไม่ใช่ ต้องดูว่ากายก็คือองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอก แต่ไม่ต้องไปพิจารณาภายนอกมาก กิเลสมันอยู่ภายในจิต ต้องพิจารณาภายในจิตให้ชัดเจน แค่อุตุไม่มีกิเลสในนั้น พีชะไม่มีกิเลสในนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน 4 วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:12:07 )

อ่านเหตุแห่งอกุศลแล้วดับเหตุนั้น

รายละเอียด

คุณจะไปทิ้งอกุศลอย่างนั้นมันเป็นสมถะ ต้องอ่านเหตุแห่งอกุศลแล้วดับเหตุนั้น ศาสนาพุทธสอนให้ดับเหตุ ดับเหตุทุกอย่างก็ดับ ไม่ใช่ไปทิ้งแบบนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:46:03 )

อ้างตัวเป็นสยังอภิญญาเพื่อเหตุใด

รายละเอียด

ดีมาก ศีลนี้แหละ จะเป็นข้อปฏิบัติกำจัดตัวตนไปทีละตัวตนเป็นลำดับ ก็จะหมดตัวตนในที่สุด สยังอภิญญา เพื่อความรู้ยิ่งในตัวเอง อาตมาก็ประกาศว่าอาตมาคือคนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ในสัมมาทิฏฐิ 10 เอามายืนยันเลยว่า นี่คืออาตมา อาตมาอ้างตัวเองขนาดนั้น ไม่ได้อ้างเพราะสาเฐยจิต แต่อ้างเพื่อยืนยัน เป็นสิ่งอ้างอิงยืนยันเป็นหลักฐาน มีคำตรัสของพระพุทธเจ้า และอาตมามายืนยันว่า อาตมามีอภิญญา เป็นความรู้ยิ่งต่างๆ ที่อธิบายสาระสัจจะของพระพุทธเจ้า อาตมาก็อธิบายผู้มีปัญญาฟังก็เข้าใจชัดเจน แล้วเอามาปฏิบัติตามก็ได้ผลตามด้วย ได้มา จนกระทั่งได้อย่างที่เรียกว่า ไม่น่าเชื่อว่ามันจะได้ขนาดนี้ เป็นอาริยบุคคล ถึงขั้น โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์เราก็ได้ อย่างน้อยอรหัตตผลเป็นลำดับ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:22:21 )

อ้างอิงสิ่งจริง คนจริงสถานการณ์จริง

รายละเอียด

เข้าสู่สภาพสมัยใหม่ เหมือนอเมริกันเขาเข้าใจกันว่าดี แต่มันแย่ คนก็เห็นจริงใจ ตัวอย่างแค่คนเดียวก็เถอะ เขาไม่ใช่คนบ้าคนบอ เขามีปฏิภาณปัญญา เป็นคนปฏิภาณดีด้วย ไม่งมงาย เป็นคนตื่นรู้ โลกนี้ 

เพราะฉะนั้น โลกที่สมมุติกันอยู่ทุกวันนี้ไม่เข้าใจถึงเรื่องโลกๆ โลกียะ แล้วก็ยังยกย่องกัน ไบเดนไม่มาประชุม APEC ก็ช่างหัวประไร คนสหรัฐอเมริกา ปูตินก็ไม่มา ช่างหัวปูติน 

ปูตินนี้คนอำมหิตมาก แล้วเขาอยู่ได้ด้วยความอำมหิต เขามีความซับซ้อน เชิงชั้น ทำให้คนเกรงกลัว เขาจะครองอำนาจไป ปูตินกับสีจิ้นผิง อาตมาอ้างอิงสิ่งจริง คนจริงสถานการณ์จริง ปรากฏการณ์จริงของโลกอธิบายธรรมะฟังดีๆเถอะ

อาตมาถามพวกคุณ ให้เลือกว่าคุณจะยอมรับนับถือสีจิ้นผิงหรือปูติน พวกเราก็ยอมรับนับถือสีจิ้นผิง 

ประเทศจีนคนตั้งพันกว่าล้านมากกว่ารัสเซีย แต่สีจิ้นผิงเขาจะสามารถบริหารอยู่ได้สงบดี แต่รัสเซียจะต้องแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ต้องรุกรานยูเครน แสดงอำนาจทางอาวุธทางการฆ่า มันคนละเรื่องเลย คนไม่ถึง 1,000 ล้านเหมือนกับประเทศจีนด้วย แต่เขาก็ต้องแสดงอำนาจกับคนในประเทศเขา ถ้าเทียบปูตินกับเกาหลีเหนืนือ เกาหลีเหนือดูร้ายแรง อำมหิตกว่าปูติน 

แล้วเกาหลีเหนือก็ปูนบำเหน็จรางวัลสร้างให้เป็นเกียรติยศ จะเห็นได้ว่าทหารของเกาหลีเหนือนี้เหรียญเต็มแผงอกเลย เป็นเสื้อเกราะกันกระสุนเลย แล้วเขาก็ยกย่องชมเชยกัน ส่งเสริมกัน เชิดชูกัน ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นอำนาจใหญ่

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 20:24:26 )

ฮิวมัส (Humus)

รายละเอียด

Humus คือ สารวัตถุ ที่ทับถมมากับน้ำ หลังน้ำลด  สารวัตถุเหล่านี้แปรเป็นปุ๋ยชั้นดี เรียก Humus เป็นสารอาหารของพืชเจริญงอกงามดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:52:26 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:28 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:59:05 )

ุ610103

รายละเอียด

การแสดงทำก่อนประชุมเพลิงหน้าศพ

ตอนนี้ก็เป็นวาระสุดท้ายของคนทุกคนสุดท้ายชีวิตก็มาสุดสุดไม่ฟังก็เผารแล้วแต่ว่าใครจะยึดถือกันแบบไหนมันก็คือการให้แปลเปลี่ยนไปเป็นธรรมชาติที่เป็นดินน้ำลมไฟไปเป็นวาระสุดท้าย เพราะว่าจิตวิญญาณ ได้ออกจากร่างแล้วในร่างก็เหลือแต่ดินน้ำไฟลมลมมหาภูตรูปสี่ไม่มีจิตนิยามไม่มีจิตวิญญาณยึดถืออยู่ในร่างแล้วปล่อยไปไม่เป็นเราเป็นของเราแล้วเป็นธรรมดาธรรมชาติของการปล่อยสัญชาตญาณของสัตว์โลกตั้งแต่เป็นสัตว์แต่รสชาติก็ต้องทิ้งรักไปหมดเลยจนมาถึงคนคนหลายคนยึดถือร่างเป็นเราเป็นของเราจิตนิยามไม่เหลือแล้วแต่ยังยึดถือรางได้อยู่ก็เลยเป็นมนุษย์เถิดทั้งทั้งที่พลังงานจิตนิยามมันตกลงไปจนไม่เป็นคุณสมบัติที่จะมีเวชทนาอยู่แล้วแต่คนก็หลงผิดผู้ที่เข้าใจผิดที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าพวกหรือสีชี้ภัยพวกหรือสีพี่เข้าใจว่าการที่ร่างกายตายแล้วไม่ดูถือว่าเป็นสุดยอดแห่งการมีธรรมะนั้นถือว่าผิดวิชาโง่ไม่รู้จักสจากความจริงมันเป็นเรื่องการติดคิดต่างหากเป็นประธาน เป็นเราเป็นของเรา

 

เป็นเรื่องไม่เข้าใจในเรื่องจิตนิยามเพียงพอออก็ยึดถือร่างกายตัวเองอยู่แต่ไม่รู้สึกอะไรเผาทิ้งไปเหมือนพืชพรรณ

 

ไม่มีการยึดถือไม่มีวัฒนะหากฝ้ามันจองเวรจองกรรมอย่างไรต้องเผาทางนี้ไม่เหลือจึงจะยอมปล่อยเป็นความซับซ้อนพี่ไม่รู้ในสิ่งที่ควรเป็นคนมีในพวกมนุษย์พืชจึงไม่มีปากไม่มีเวรแพทย์ก็จะรู้ว่าบอกว่าเป็นพืชแล้วสรุปเทพและมนุษย์พืชหากเอาอาหารเอาน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงก็จะอยู่ได้แต่ไม่มีบัตรไม่มีบุญแล้วแต่กลับไปนับถือกันว่าเป็นสิ่งที่ยอด เป็นเรื่องประเสริฐอะไรก็เป็นความเข้าใจผิดกันนะมางานนี้ก็คงจะได้รับความรู้ที่เพิ่มเติมเข้าไปหาตามที่อัฐมาได้สาธยายมา

 

อาตมาไม่พยายามทำเพียงพยายามเข้าใจเทวนิยมเข้ายึดถืออย่างไรเราก็เห็นแต่มันมีในละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนที่ลึกซึ้งสมบูรณ์ของชาวพุทธนี้ลึกซึ้งส่วนบุญแม่ที่สุดเกิดมาเป็นคนเป็น. นิยามสุขสุดเป็นถึงพระพุทธเจ้าได้เยอะไม่ใช่มีพระเจ้าเป็นใหญ่ที่สุดนิรันดรสูงสุดก็คือพระพุทธเป็นศาสดาตามที่เข้าใจในศาสนาโน้นเราก็เข้าใจเขาจริงๆแล้วยืนยันได้ค่อยค่อยฟังอาตมาอธิบายไปพยายามจะไม่อธิบายบ่อยนักนะเดี๋ยวจะไป กระทบทางโน้นเค้าไม่ดีพอถึงเวลาวาระอธิบายให้ฟังก็ต้องระมัดระวังไม่ละลาบละล้วงเกินไปวันนี้ก็ได้เวลาถึงสำหรับที่จะได้ฌาปนกิจศพฉันว่าไฟกองใหญ่ไฟที่ใช้เผ่าแต่มันมีความลึกซึ้งก็เป็นโอนน่ะธาตุถ้าที่มีฤทธิ์เดชดับหรือทำลายไฟราคะโทสะโมหะได้ที่เป็นคุณน่ะธาตุเหมือนกันอันนี้เป็นความพระพุทธเจ้าดังนั้นอาตมาศึกษาศาสของพระพุทธเจ้าก็รู้ตามมานะเวลานี้ก็จะได้เค้ารังนี้กลับคืนสู่ธรรมชาติหน้าบัตรนี้


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2563 ( 11:35:38 )

เกกัตตสัญญิโน

รายละเอียด

สัญญาอย่างเดียวกัน

หนังสืออ้างอิง

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ.276)


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 08:12:25 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:07 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:04:55 )

เกณฑ์การรับบริจาคของชาวอโศก

รายละเอียด

ก็คงหลายครั้งแล้วที่ดู ก็คงพอบริจาคเงินได้ อาตมาไม่ได้เอาภาระเรื่องโอนเงินบัญชีเลย ชีวิตนี้ตอนเป็นฆราวาสก็มีบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารอื่นไม่รู้เรื่องเลย ยิ่งมาเป็นสมณะแล้วไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเรื่องทอง ไม่รู้เรื่องบัญชี ใครมีความรู้บอกกันหน่อย ที่จริงชาวอโศกก็ได้รับเงินบริจาคโดยผู้ที่จะมาบริจาคต้องอยู่ในเกณฑ์ที่จะมีสิทธิ์บริจาคได้ ต้องเข้าใจชาวอโศกจริงๆไม่ใช่คนทั่วไปจะบริจาคได้ แล้วเราก็อยู่ได้ด้วยเงินบริจาคยังไม่ได้เรี่ยไร คนจะบริจาคต้องมีจิตวิญญาณจะทำทานอย่างแท้จริง มาทำทานกับอโศกจะต้องมีภูมิปัญญา ก็จะมีอานิสงส์สูง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:19:33 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:13 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:06:02 )

เกณฑ์การรับบริจาคเงินของชาวอโศก

รายละเอียด

ขออภัยนะต้องพูดตรงนี้ว่า การรับบริจาคของเราชาวอโศก เราจะไม่รับบริจาค จากเงินของคนที่ยังไม่ใช่สมาชิก ยังไม่รู้จักชาวอโศกเลย เรามีกติกาว่า คนที่จะมีสิทธิ์บริจาคให้แก่พวกเรา และเราจะรับเงินบริจาคของเขาต้อง 1. รู้จักชาวอโศกเพียงพอ เอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน สิ่งที่จะเป็นเครื่องตัดสินก็คือ

1.ได้อ่านหนังสือของชาวอโศกอย่างน้อย 7 เล่ม 

2. ได้มาคบคุ้น ได้มาสังสรรค์ ได้มาศึกษากับชาวอโศก เข้ามาในวัดหรือในบวร หรือในพุทธสถาน อาวาสสถานของชาวอโศก ที่มีกระจายอยู่ทั่วไปนี้ ได้เข้ามาที่นี่อย่างน้อย 7 ครั้งขึ้นไป นี่เป็นกติกาตั้งแต่ต้นจนเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้กติกานี้อยู่  2 ข้อนี้ทำข้อใดข้อหนึ่งก็ได้  ไม่ใช่ว่าเหยียบเท้าเข้าประตูบวรและออกไปแล้วก็มาอีก 7 เที่ยว ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ต้องมาคลุกคลีสังสรรค์ ศึกษาฟังธรรมบ้าง คุยธรรมะอะไรต่ออะไรบ้าง อย่างพอสมควร คือตั้งใจศึกษาอย่างนี้ คนไม่เอาจริงเอาจัง เหลาะๆแหละๆ เล่นๆ ก็จะไม่ได้ แต่คนศึกษาจริงๆจะได้จริงๆ จะเกิดญาณปัญญาจริงๆ แต่คุณสื่อฟ้าศิลป์ได้ ติดตามมานาน ได้ บริจาคได้ ถือว่าเป็นสมาชิกแล้วได้ แต่คนอื่นๆ ที่พูดไปให้ฟังจะได้เข้าใจ 

ที่ศีรษะอโศกไม่ท่วมเท่าไหร่ ที่บ้านราชฯนี้น้ำท่วมน่าดูเลย สำหรับคุณสื่อฟ้าศิลป์บริจาคได้ มาร่วมบุญ ก็หมายความว่า มาร่วมที่จะละกิเลส ชำระกิเลสของตน แล้วก็ให้ทาน มาบริจาคคือให้ทาน

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:16:35 )

เกณฑ์ของพระโสดาบัน

รายละเอียด

ถ้าคุณทำฌานเผากิเลสได้จริงๆ ยิ่งได้ถึงฌาน 4 มันเผาเป็นอุเบกขาได้ และคุณก็ได้ทำซ้ำ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง รักษาผล ไปได้ถึงอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มันหมายความว่าไม่ตกต่ำ อวินิปาตธรรม ยิ่งเป็นอนิยตะ 50 % คุณก็ยิ่งเจริญยิ่งขึ้น ยิ่งเป็น 75% ก็ สัมโพธิปรายนะ ไม่มีทางตกต่ำ ไปหาที่สูงที่สุดอย่างเดียว นี่คือเกณฑ์ของพระโสดาบัน โสตาปันนะ วินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ เป็นสภาวะที่อาตมามีของตัวเอง ซึ่งในพยัญชนะก็มีอยู่ถ้าหากไม่มีพยัญชนะอาตมาก็จะถูกเล่นงาน แต่เมื่อมีพยัญชนะอาตมาก็ขยายความได้ละเอียดตามสภาวะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:08:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:25 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:07:08 )

เกณฑ์ความเป็นพระโสดาบัน

รายละเอียด

วันนี้วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ที่ บวร  ราชธานีอโศก ก่อนอื่นก็มีเรื่องแจ้ง ตอนนี้ เขากำลังทำแบบทดสอบประเมินผล เกณฑ์ความเป็นพระโสดาบัน จะเอาหลักการต่างๆของพระพุทธเจ้ามาประมวล ทำตารางตรวจสอบ สำหรับญาติธรรมที่ต้องการทบทวนตรวจสอบความเป็นพระโสดาบันในตน มีเอกสารชุดนี้ สามารถฟังไฟล์เสียงอาตมาเทศน์เรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2544

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:41:15 )

เกณฑ์ชี้วัด ความเป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

ที่จริงอย่างนี้ถามเกินฐานะตัวเองนะ ที่อธิบายสังขยาเลข นั้น อาตมาก็ใช้ตัวเลขเป็นหลักเกณฑ์คุณธรรมที่จะสื่อ เพื่ออธิบาย 1 2 3  เอาอะไรเป็นหลัก ก็เอาตัวเลขบอกขนาดนัยยะ แล้วก็เอาที่มีความรู้ว่า 1 2 สังขารปรุงแต่งกันก็ยังไม่ชัดเจนตัวเองไม่มีอะไรสมบูรณ์นัก ถ้า 3 จะมีตัวหนึ่งเป็นประธาน อีก 2 ตัวเป็นสภาวะ 2 ทางวัตถุเขาก็รู้ ภาวะ 2 คือพลังบวกลบ และพอมี 3 เป็นชีวะ มีชีวะเข้าไปจับตัวคุมบวกลบให้เป็นตัวเอง เรียกว่า ISH I คือประธาน S – She กับ H – He เป็นภาวะสอง อาตมาเอามาพูดไม่ใช่เดา เป็นเรื่องจริงของสภาวะแม้แต่ในภาษาอังกฤษก็มีสัจจะของมันแต่เดิม จนเดี๋ยวนี้คนก็ไม่รู้เรื่อง อาตมาก็พูดไปตามที่รู้ สื่อเพื่อให้ความรู้กันเป็นสามเส้า หกเส้า เก้าเส้ากัน โพธิสัตว์ระดับต่างๆก็มีความรู้ระดับต่างๆ อาตมาก็มีความรู้ สังขยาเลข เรามีหลัก 7 สามเส้ามาเป็น 4 ออกมาสู่วงอีกเส้าหนึ่ง พอมาเป็น 4 เป็นพลังงานที่ออกนอกกรอบ ของ 3 เหมือนกับคนออกนอกโลก โลกคือวงวนของสิ่งที่สังขารกันอยู่ ออกนอกไปก็มีสิ่งที่พัฒนาขึ้น เป็นเส้าที่ 2 และมีเส้าที่ 3 เป็นภาวะซับซ้อน ซึ่งก็พอเข้าใจได้กัน ใช้สังขยาเลขเหล่านี้อธิบายคืออัตราการก้าวหน้าทางภูมิธรรม ของโพธิสัตว์ที่ รู้โลก รู้อัตตา รู้ธรรมะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:33:13 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:57 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:05:55 )

เกณฑ์ชี้วัดความเป็น“โพธิสัตว์”?

รายละเอียด

โพธิสัตว์ คือ สัตว์ที่ตนเองกำหนดไว้ว่า ตนจะต้องตรัสรู้ หรือถึงซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้  พระโพธิสัตว์นั้นต้องบำเพ็ญบารมีมากมายหลายหลากล้านชาติก่อนจะถึงชาติสุดท้ายแห่งสุดท้ายกว่าจะเริ่มนับว่าเป็น“โพธิสัตว์”จึงนับจาก“จิตเดิม”ของตนได้สะสม“ความรู้”มาถึงขีดสามารถ“เข้าใจ”ความเป็น“โลกุตระ” ซึ่งเป็นความรู้ของ“คนโลกใหม่”หรือของ“มนุษย์ต่างดาว”ได้“ความรู้-ความฉลาด”ชนิดใหม่นี้ มันแปลก มันแตกต่าง มันคนละโลก คนละทิศทางกับของเดิมที่ปุถุชนคนเราเคยใช้มา ยึดถือมาตลอด แต่เก่าก่อนมันเป็น“ความรู้”ที่แยกทางกันกับของเก่าของเดิมถึงขั้น “สวนทาง ตรงข้ามกัน วิ่งหนีกัน 180 องศาเลย”ทีเดียว เพราะ“ความรู้ใหม่(ปัญญา)”นี้ มันยังไม่เคยมีในปุถุชนคนโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 474 หน้า 352


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2564 ( 09:07:55 )

เกณฑ์มาตรฐานของญาติธรรมชาวอโศก

รายละเอียด

เกณฑ์มาตรฐานของญาติธรรมชาวอโศก

  1. มีปกติรักษาศีล 5 

  2. มีปกติเว้นขาดจากอบายมุขทุกชนิด

  3. มีปกติในการรับประททานอาหารมังสวิรัติ นี่เป็นพื้นฐานของการเป็นชาวอโศก 

  4. มีปกติเข้าร่วมการประชุมของหมู่กลุ่มเสมอ

  5. มีปกติแจ้งลา เมื่อมาประชุมไม่ได้

  6. มีปกติสละแรงงานทรัพย์สิ่งของ ช่วยเหลือหมู่กลุ่ม 

  7. มีปกติไปพุทธสถานและร่วมงานสำคัญของชาวอโศก

  8. มีปกติกินอยู่หลับนอนเรียบง่าย 

  9. มีปกติปฏิสันถารก่อน อ่อนน้อมถ่อมตน

  10. มีปกติมีความมีน้ำใจ 

  11. มีปกติเอาภาระที่สมควรของตนและของหมู่กลุ่ม 

  12. มีปกติในความขยัน 

  13. มีปกติในการทรงสติสังวรอยู่ทุกเมื่อ 

มาศึกษาดีๆ ก็เห็นว่าดีก็เข้ามา บางทีบางอย่างพูดเป็นภาษาก็ไม่ไหวมันละเอียด ถ้าเผื่อว่ามาเองก็จะได้ เรื่องนี้บังคับกันไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:25:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:46 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:05:03 )

เกณฑ์วัดสุขภาวะของพ่อครูอยู่ที่เวทนาใช่หรือไม่

รายละเอียด

ใช่ ก็ต้องเอาความรู้สึกเป็นหลัก ว่าเรารู้สึกประมาณอย่างนี้อย่างนี้ แล้วดูไปได้ก็เอา มันไปไม่ได้มันไม่ดีแล้วไม่ไหวแล้วด้วยการตัดสินตามเหตุปัจจัยเหมาะควรทุกๆปัจจุบัน อาตมาก็ทำอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:45:35 )

เกณฑ์สุขภาพของพระโพธิสัตว์นั้นเหนือสามัญ

รายละเอียด

จริงๆนั้นเป็นเรื่องจริง สำหรับอาตมานั้นจะเอาเกณฑ์สามัญธรรมดาของคนอื่นๆมาวัดมาใช้ทีเดียวนี้ไม่ได้ อันนี้อาตมาก็ไม่กล้าพูดแรง เพราะว่ามันเป็นเจตนาดีของผู้ที่จะมาช่วย ผู้ที่จะมาช่วยเขาก็มีความรู้ใน สามัญเป็นเกณฑ์ Standard สามัญ แล้วเอามาวัดอาตมา อาตมาก็บอกว่าอาตมาเป็นพวก Supra Normal Supra Standard เป็นพวกไม่สามัญไม่ปกติแต่ไม่ใช่ ABnormal แต่อาตมาก็ขัดไม่ได้เพราะเขามีกุศลเจตนาจริงๆคนที่ช่วย แล้วเขาก็เอาเกณฑ์สามัญปกติมาวัด อาตมาที่บอกว่าเป็นเกณฑ์ของเทวดา คือตามความหมายของโลกๆทั่วไปสามัญ เทวดาก็หมายถึงผู้ที่มีสิ่งที่ไม่ธรรมดา เหมือนคนธรรมดา มันเจริญหรือผิดปกติไปแบบสูง พูดไปก็เหมือนกับยกย่องตัวเอง แต่เป็นธรรมดาธรรมชาติอย่างนั้นจริงๆ แม้แต่ละอย่าง เช่น การดื่มน้ำน้อย หรือค่าของเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติก็ตาม อาตมาก็ไม่ได้รู้สึกเป็นไปอย่างที่เขาคิดเขารู้สึก อาตมาก็ไม่ได้มีปัญหา ก็แข็งแรงปกติไม่ได้มีอาการอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เขามีค่า Standard ของเขาอาตมาก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่ก็เป็นความไม่ประมาทดีแล้ว 1. มีเจตนาดีของผู้ที่มาช่วย 2. นอกจากปรารถนาดีแล้วก็เป็นความไม่ประมาทเขาก็พยายามป้องกัน อาตมาก็รับสนองศรัทธาฉลองศรัทธา เท่าที่เป็นไปได้ มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก มันเกินไปบ้างบางทีมันก็ฝืนพอทนได้ มันก็เอาก็ว่ากันไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็อยู่ได้ ก็เป็นไปพอเป็นไป พอดีอยู่ ก็มันยังไม่เห็นว่าเป็นอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:39:51 )

เกมต่อสู้ขณะนี้คือใครรุนแรงคนนั้นแพ้

รายละเอียด

เลย คนที่เดินขบวนขณะนี้ก็ฉลาดแกมโกง ที่จะทำอย่างท่าทีดีมากเลย จนกระทั่งกำลังเล่นกีฬา กำลังเล่นเกมต่อสู้ ใครรุนแรงคนนั้นแพ้ นี่เป็นเกมสู้กันขณะนี้ เพราะฉะนั้นมันจะเสแสร้งรุนแรงแล้ว บอกว่าทหารตำรวจรุนแรง เขาจะเสแสร้ง เดี๋ยวถูกจับได้ก็จับเข้าคุก ก็จัดการอย่างนี้ไปเรื่อย มันรู้เท่าทันกันหมดแล้วเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องจริง พวกนี้น่ะมันไม่มีน้ำยาอะไรหรอก ให้เขาดิ้นไป สำหรับหลวงปู่นี้มั่นใจว่าผู้ที่ทำหน้าที่ป้องกันไว้ก็ป้องกันอยู่แล้วพอ เชื่อว่าพอ มีจำนวนบริวารหรือผู้ที่จะสู้จนกระทั่ง มวลตำรวจทหารที่ป้องกันหรือผู้ที่มีพลังจะช่วยมีมากกว่าเยอะ แต่อย่าประมาทเท่านั้นเอง ก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่ ให้พวกนี้ดิ้นไปๆ สักวันหนึ่งก็จะ 1.เขาก็จะหยุด 2. เขาก็จะถูกเก็บอยู่ในคุก 

1.พวกที่เห็นท่าไม่ดีก็จะถอยจะหยุด อีกพวกหนึ่งไม่หยุดไม่ถอยจะเอาให้ได้ดังใจเท่าไหร่ สุดท้ายที่จบของเขาก็คือ คุกๆๆๆ นั่นแหละไม่มีอะไรอื่นหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:26:18 )

เกริ่นกล่าวความเข้าใจผิดในเรื่องของบุญ จึงมีแต่ทุกข์ไม่จบสิ้น!

รายละเอียด

กำลังพูดย้ำละเอียดซ้ำความพิเศษของ“บุญ”ในศาสนาพุทธว่า ทุกวันนี้ชาวพุทธทั้งหลายเข้าใจคำว่า“บุญ” หรือเข้าใจความเป็น“บุญ”เพี้ยนผิดออกไปจากสัจจะ ผิดอย่างตรงกันข้าม หน้ามือเป็นหลังมือกัน ปานนั้นทีเดียวนั่นคือ หลงผิดว่า การ“ทำบุญ”แล้วจะ“มี”ลาภ,ยศ,สรรเสริญ,เป็น“ผล”ของ“บุญ” หรือแม้แต่“มี”โลกียสุขเกิดในจิตใจของผู้“ทำบุญ” ผู้เข้าใจอย่างนี้ผิดทั้งนั้น เพราะเชื่ออย่างนั้น ทำใจอย่างนั้นล้วนเป็น“ภพ” เป็น “ชาติ”ทั้งสิ้น จิตใจยังไม่ตัด“ความต่อ” คือตัดที่“สันตติ” แต่ยังต่อ  “สันตติ”ออกไปอีกจึงมี“อุปจยะ”(ยังเคลื่อนความเกิดต่อไปอยู่) ยังไม่จบที่“สันตติ”เป็นที่สุดเด็ดขาด ยังมีลักษณะของ“ความเกิด”(ชาติ)อยู่ จึงต้องมี“ชรตา” และ“อนิจจตา”อยู่ “ทุกข์”ก็ยังไม่สิ้นเศษ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 80 หน้า 91


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 05:18:06 )

เกลียดเขาได้อย่างไรเพราะเขาไม่รู้ เขาโง่ เขาบ้า

รายละเอียด

คนที่ไปเกลียดคนไม่รู้ ไปเกลียดคนโง่ ไปเกลียดคนบ้า มันโง่กว่าคนบ้า โง่กว่าคนโง่ โง่กว่าคนเมา ไปเกลียดเขา จะไปเกลียดเขาได้อย่างไรเพราะเขาไม่รู้ เขาก็ทำอย่างไม่รู้เพราะมันซื่ออยู่แล้ว จะไปเกลียดคนซื่อเขาซื่อเพราะคนโง่เขาไม่รู้นี่ จะมาว่าอาตมา อาตมาไม่ได้เกลียดเพราะมันเหมือนเด็กๆมันไม่เดียงสา ก็ต้องทำอย่างนี้กับเรา เขาไม่รู้ว่าเขามาว่าเราด่าเราว่าเราอวดดี อาตมาก็รู้ความจริงว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นก็เพราะมันเป็นความจริงก็เขาเป็นเด็ก อาตมาจะไปโกรธเด็กๆ ได้อย่างไร เขาทำอย่างไม่เดียงสา ไม่รู้ ใช่ไหม อาตมาพูดความจริงนะไม่ได้ไปว่า ถ้าเขารู้เขาไม่กล้า ถ้าเขารู้ว่าเขาทำอย่างนี้ไปไม่ดีเขาจะละอายอย่างแรงกล้า เขาจะเคารพอย่างแรงกล้า มีความรักอย่างแรงกล้าขึ้นมาทันทีเลย นี่คือคำของพระพุทธเจ้าสุดยอดจริงที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:42:07 )

เกษตร กษัตรา

รายละเอียด

คำว่า กษัตรา แปลมาจากรากศัพท์คำว่า เกษตร กษัตรา มีรากศัพท์มาจากคำว่า เกษตร คำว่า เกษตรนี้คือเขต ในภาษาบาลี เขตก็คือแผ่นดิน พื้นแผ่นดิน เราเกิดมาเป็นสัตว์โลก คนเกิดมาเป็นสัตว์โลก มีจิตนิยาม สัตว์มันกินตามธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างให้มันเท่าไหร่ มันก็เก็บกินหากินอยู่ที่แดนถิ่น ถ้ามันแล้งไร้กินหาไม่ได้ มันก็ไปหาที่อื่น มันปลูกไม่เป็น มันทำขึ้นมาไม่เป็น 

แต่คนนี้มีความรู้ปลูกเป็นสร้างเป็นทำเป็น จนงอกงามจนเจริญ รู้แม้กระทั่งว่าธาตุของแต่ละพืชแต่ละพันธุ์ที่มันมีคุณภาพมีคุณประโยชน์ ที่มันจะเสริมสร้างใช้ในชีวิตนี้ เพราะว่าพวกแพทย์ก็ตาม วิทยาศาสตร์ก็ตาม โภชนาการก็ตาม ศึกษามาหมดแล้ว ธาตุต่างๆทางเคมีทางฟิสิกส์ก็สามารถรู้ได้ว่า อะไรควรอะไรดีอะไรรักษาพันธุ์พืชต่างๆ แล้วก็เอาไว้หมุนเวียนปลูกสร้างให้กินได้ 

คนเราเจริญมาถึงทุกวันนี้ ผู้ที่สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารคือคนประเสริฐ คือคนดี ผู้เอาเวลา แรงงาน ทุนรอนไปสร้างอาวุธ ไปสร้างสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยมอมเมา พวกนั้นนอกจากจะทำร้ายกัน เป็นบาปเป็นวิบากแล้ว ยังไร้สาระ เป็นโทษเป็นภัย ไม่ควรแก่การที่จะส่งเสริมที่จะไปเที่ยวหลงเสียเวลาและก็สร้างวิบากกันไป ผู้รู้ก็เข้ามา เข้ามารวมกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 12:18:54 )

เกษตรธรรมชาติจริงควรกำหนดไม่ไถคราดดีไหม

รายละเอียด

อะไรอะไรก็ไม่เที่ยง แต่ถ้าทำมันแล้วดีกว่าก็เอา ผู้ที่ทำก็ต้องมีความรู้สึกว่าทำอย่างนี้มันไม่ได้ผล เขาทำให้เรากินแท้ๆจะอะไรกันนักกันหนา ก็ว่าไป มันก็อาจจะได้ทั้งสองนัย บางที่ดินมันก็จำเป็นมันต้องไถคราด ไม่เช่นนั้นมันใช้งานไม่ได้จริงๆ มันจะแน่นมันจะแข็งอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องขุดคุ้ยขึ้นมาพอที่จะให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอาศัยขึ้นได้ดี ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการ กว่าจะปลูกเข้าไปกว่าจะเกิด ดินมันแข็งก็ไม่ได้เรื่อง เขาก็จะต้องทำบ้างเราจะไปยึดมั่นถือมั่นโดยไม่เป็นอะไรเลยเสียทีเดียวก็ไม่ได้ ถ้าหากดินมันดีแล้วก็ไม่ต้องไถอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:36:04 )

เกษตรอินทรีย์

รายละเอียด

อาตมาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าก็มีความรู้ชัดเจนว่าเราเป็นคน สิ่งที่สำคัญในความเป็นคน อาหารเป็นหนึ่งในโลก แล้วคำว่า อาหาร เครื่องอาศัยนี้เป็นสิ่งสำคัญก็คือ กวฬิงการาหาร ที่เป็นตัวต้นตัวหยาบ อาหารที่กินเข้าไปเลี้ยงขันธ์เรียกว่า กวฬิงการาหาร เจตนาก็คือมันเป็นเครื่องอาศัยของคน อาหารเป็นหนึ่งในโลก ถ้าไม่มีอาหารเราก็ตาย มันสำคัญจริงๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเอาใจใส่ในเรื่องนี้เพราะเป็นปัจจัยของชีวิตสำคัญ อาวุธไม่ได้สำคัญเป็นหนึ่งในโลก หรือแม้แต่เอาเข้ามาถึงปัจจัย 4 เสื้อผ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก หนึ่งในปัจจัยสี่ อาคารที่พักที่อาศัยอยู่ในปัจจัย 4 ก็ไม่ใช่ เป็นที่หนึ่ง แต่อาหารเป็นที่หนึ่งในโลกในปัจจัยสี่ ข้าวผ้ายาบ้าน เพราะถ้าไม่มีเครื่องนุ่งห่มไม่มียารักษาโรค ไม่มีบ้านก็ยังไม่ตาย แต่ไม่มีอาหารนั้นจะตายเอา เมื่อเห็นความสำคัญแล้ว อาตมาก็เห็นว่าสังคมนี้ทำร้ายอาหาร ที่เรานำไปกิน ไปใส่สารพิษผสมอะไรเข้าไปปรุงแต่งเลอะเทอะมาก นั่นคือต้นความคิดที่อาตมาเห็น จึงได้มี สามอาชีพกู้ชาติ ขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 9 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:37:28 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:04:11 )

เกาหลีเหนือกับอเมริกาใครน่าสงสารกว่า

รายละเอียด

ต้องพูดเป็นหลายๆ นัย อเมริกากับเกาหลี ใครน่าสงสารกว่า มันน่าสงสารทั้ง 2 ประเทศแหละ คำว่าสงสารนี้อาตมาก็ลงรายละเอียดแล้วว่ายังเห็นอยู่ว่าเขายังไม่เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องวิบาก ยังไม่เข้าใจเรื่องการเกิดการตาย ความหมุนเวียนของชีวิตต่างๆ โดยเฉพาะวิบากกรรมต่างๆ น่าสงสารทั้งคู่จะบอกว่าใครน่าสงสารกว่ากัน จริงๆแล้ว ลึกๆละเอียดอเมริกาน่าสงสารกว่าเกาหลี เกาหลีเขาอยู่ในวงแคบ เหตุปัจจัยต่างๆของเกาหลีเขาพยายามจะอวดเก่ง แล้วก็ไปหลงติดยึดกับลัทธิคอมมิวนิสต์จนจัดจ้าน ลัทธิคอมมิวนิสต์คือลัทธิที่เห็นแก่ตัว นึกว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่งยิ่งกว่า แต่คนที่เก่งอย่างนั้นเริ่มต้นแรกเขาเรียกว่า จอมเผด็จการ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ จอมเผด็จการ 

เสร็จแล้วคอมมิวนิสต์แล้วเป็นคอมมิวนิสต์เข้าไปเป็นตัวกูของกูเลย ตัวตนของตัวตนเลย จะให้เก่งกว่าเผด็จการเข้าไปอีก โดยคุมกลุ่มหมู่อีกซ้อน คอมมิวนิสต์คือการเผด็จการด้วยหมู่ แต่อันนี้จะไปเหนือหมู่เขาอีก เหนือตัวที่ใครที่แน่ที่สุดอวดเก่งที่สุดซ้อนเข้าไปอีก ภาษาง่ายๆพระพุทธเจ้าสอนคำว่าโลกกับคำว่าอัตตา ในความเป็นอัตตา นี่เป็นคอมมิวนิสต์ ในคำว่าโลก เป็นของประชาธิปไตย 

เพราะฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยหลงใหญ่เป็นเจ้าโลก ทั้งคอมมิวนิสต์ที่หลงตัวตน อัตตาตัวตนอย่างหนัก จะว่าแล้วใครหนักกว่า ใครน่าสงสารกว่าใคร ใครจะหลุดออกจากใคร มันไปชี้ไม่ได้เลยว่า ใครจะหลุดออกจากประชาธิปไตยพิการหรือคอมมิวนิสต์พิการ หรือประชาธิปไตยวิปริตกับคอมมิวนิสต์วิปริต อาตมาไม่สามารถจะตัดสินได้ว่าใครจะบ้าเหนือใคร เพราะว่าทั้ง 2 อย่างหลงเป็นพญาครุฑกับหลงไปเป็นพญานาค คนละทิศทางที่ไม่ควรเป็นทั้งคู่ อาตมาก็ตัดสินไม่ได้เลยว่า ใครจะนานกว่าใคร ใครจะจมดิ่งกว่าใคร  แม้แต่พวกพญาครุฑ เหินฟ้าไกลลิบ เกินกว่าจะหามนุษยชาติตรงกลาง มันหลงตัวเองไปใหญ่ไกล 

พวกนี้ไปติดอยู่ใต้บาดาลคือ นาค จมอยู่ใต้บาดาล อาตมาเคยขยายความแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของบุคคลตัวตน จะเรียกว่าคุณสมบัติไม่ได้ แต่เป็นโทษสมบัติ เป็นพญาครุฑ เป็นพญานาคก็เป็นโทษสมบัติ ก็ไม่ควรเป็นทั้งคู่ สรุปแล้วไม่ตัดสินอาตมาไม่ตัดสิน ไม่ควรเป็น ตัดสินแค่นี้ ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งทั้งคู่ เอาแค่นี้ก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 13:00:08 )

เกาหลีเหนือยืนยันทฤษฎีที่เกิดจากคาร์ลมาร์กซ์

รายละเอียด

สิ่งที่อาตมาจะไม่มีโอกาสรู้เห็นเลยถ้าไม่มีโควิด คือ ไม่รู้ว่าความเป็นอยู่สถานะของคิมจองอึนอยู่ในสถานะอย่างไร นี่เขาหยิบออกมารายงานกัน รู้จนกระทั่งเขามีแผ่นดิน สถานีรถไฟ ทะเล หาดทรายเป็นของเขา มันยิ่งกว่า จัดจ้านกว่าสมบูรณายาสิทธิราช เอาอุปกรณ์สมัยใหม่เข้ามา Karl Marx ตายไปเสียก่อน เกาหลีเหนือยืนยันทฤษฎีที่เกิดจาก คาร์ล มาร์กซ์ ถ้ามองเป็นจะเห็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ถ้ามองไม่เป็นมองไม่ออกก็เข้าใจไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:53:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:03 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:02:50 )

เกาหลีใต้มอบรางวัลให้พ่อครูในประเด็นไหน

รายละเอียด

ประเด็นที่เขามอบให้คือ เขาบอกว่าเป็นผู้ที่สร้างสันติภาพให้แก่โลก องค์กรที่เขาให้รางวัล Manhae ยังเป็นองค์กรที่ยังไม่รู้จักกันเป็นกว้างขวางเหมือนกับ nobel รางวัลแมกไซไซ ยังไม่มีชื่อเสียงขนาดนั้น 

เขาก็เป็นองค์กรศาสนาพุทธก็เลยเข้าใจความยิ่งใหญ่ พยายามที่จะยืนยัน ยกย่องอาตมาต่อโลก เขาเจตนาประกาศไปต่อโลก แต่เขาไม่มีอิทธิพลใหญ่อะไรก็เท่าที่เขาดัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 13:03:14 )

เกิดความสลดหดหู่ใจถ้ากายขันธ์ต้องตายไป

รายละเอียด

ไปสลดได้ยังไง ก็ทำใจกลางๆ ว่า เออ! มันถึงวาระต้องตาย ตายก็ตาย อันนี้ล่ะ ตั้ง รับรู้ดีๆ ว่า กายขันธ์มันจะต้องตาย เออ ก็ต้องตาย จะเลี่ยงได้ยังไง ใครๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องสลดหดหู่ 

ที่ไม่ต้องสลดหดหู่นี้ ถึงแม้ว่าเราจะเคยทำชั่วมาก็ตาม ถ้าทำใจไม่สลดหดหู่ รู้ดีว่า เออ ความตาย ถ้าคุณรู้แล้วและคุณทำใจได้ มันดีมากเลยนะ ยิ่งเราเรียนมาแล้ว เข้าใจแล้วและทำใจอย่างนี้ได้ ยิ่งเป็นเหตุปัจจัยให้แก่เรานี่แข็งแรงมากเลยนะ ที่จะมีช่วงพัฒนาต่อไปในจิตวิญญาณหรือว่าจิตนิยามของเราที่จะต่อขันธ์ที่เรายังไม่จบ มันก็จะต่อขันธ์ไปอย่างมีพลัง อย่างมีปัญญาอย่างมีความรู้ 

ความสลดหดหู่ อ๋อ! นี่สลดหดหู่ ที่ว่า 

-หดหู่ใจ ถ้ากายขันธ์ต้องตายไป แต่จิตวิญญาณยังเต็มไปด้วย กิเลส ตัณหา เราก็ต้องกลับมาเกิดอีกชาติแล้วชาติเล่า

นี่คือขยายความสำหรับหัวใจของเรื่องตรงนี้ แน่นอนเป็นการศึกษา คุณใบแพรพูดอย่างนี้ได้เพราะเข้าใจ มันก็สลดหดหู่ใจที่เรานี่ กิเลสยังมี จะตายแล้วนะ แต่ยังไม่หมดกิเลสเลย สลดหดหู่ใจ ถูก

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:26:51 )

เกิดความเป็น ปโหติ จะเกิดความเหมาะสม

รายละเอียด

ชัดเจน อยู่ด้วยแล้วเรารู้ว่าเราจะสามารถจะกระเถิบให้หมู่นี้สูงขึ้นอีกหน่อยเราก็พยายามดึงถ้าดึงได้มันก็สูงขึ้นได้ถ้าเห็นว่าสุดวิสัยก็เอาแค่ ก็ไม่เกิดการทะเลาะกัน เกิดความเป็น ปโหติ จะเกิดความเหมาะสม นี่แหละคือความเหมาะสมที่สุด เอาเท่านี้ มันก็จะเกิดลำดับอันน่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้นผู้นี้ก็จะชัดเจนทุกอย่างมีลำดับอย่างน่ามหัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:06:00 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:23 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:02:18 )

เกิดชาติหน้าให้ได้เป็นมนุษย์

รายละเอียด

มันต้องตายก็ต้องตาย ก็เอา แล้วแต่ ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาเข้าใจ พวกเราก็คงเข้าใจแล้ว ไปกลัวอะไรเกิดตาย ข้อสำคัญคุณชัดตัวเองไหมเล่าว่า ทุกวันนี้ คุณพอมีกุศล มีวิบากดีมากพอได้อาศัยว่า เกิดชาติหน้า ชาติหน้าไม่ตกต่ำกว่าชาตินี้แน่นอน โดยเฉพาะนี่ อย่าให้มันไปเป็นเดรัจฉาน อย่าให้มันไปเป็นสัตว์นรกอะไรกัน เกิดมาชาติหน้า ก็จะต้องได้เป็นมนุษย์ 

และมนุษย์ก็คงจะไม่ตกต่ำอะไรมากนัก เพราะเราก็เก็บสัมภารวิบาก สัมภารวิบากที่เราสะสมกันด้วย สัมภารวิบาก ก็ทำจริงไป มันมีจริงเป็นจริง มันก็ได้จริง มันไม่ถึงขีดถึงเกณฑ์ของสัจจะ คุณจะไปเอามาจากไหนล่ะ ไปซื้อจากห้างขายยาจะมีขายไหม ห้างนั้นน่ะ Supermarket หรือห้างอะไร ศูนย์การค้าใหญ่โตมโหฬาร มันก็ไม่มีขาย คุณก็จะต้องทำ กรรมใครกรรมมัน วิบากใครวิบากมัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 15:26:14 )

เกิดปัญญาจนเข้าใจ และหยุดกิเลสได้ เรียกว่าใช้ปัญญาเป็นเจโตใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ ใช้ปัญญาแทนเจโต แทนการกดมันดื้อๆ แต่ต้องใช้เกื้อกูลกันอยู่บ้าง จิตมันเร็ว มันเร็วก็ใช้เจโตกดข่มก่อน แล้วก็อ่านถ้ามันไม่ทัน ถ้าปัญญาทันไม่ต้องใช้เจโตกดข่มหรอก รู้จริงๆเลยว่า ขณะนี้เราก็กำลังสัมผัสอะไรมา กำลังเกี่ยวข้องกับเรา เรากำลังสัมผัสแตะต้องกับสิ่งนี้อยู่ แล้วทำให้เกิดอาการจิตที่เราจับได้ว่ามันเป็นกิเลส อาการกิเลสเกิด เราก็พยายามรู้จักหน้ากิเลส ปัญญารู้จักหน้ากิเลส ถ้ากิเลสมันแรงก็แน่นอนมันจะต้องกดข่ม ใช้ศรัทธา ใช้เจโต ใช้พลังสมถะหยุดมันไว้ แล้วก็พอรู้ เราก็จะรู้ว่าอาการกิเลสอย่างไร ขณะที่คุณปฏิบัติอยู่นี่ มันไม่ห่างมันก็อยู่ติดกันนี้ ดูอาการมันก็จะรู้ เราก็ใช้ธัมมวิจัย ใช้การวิจัยวิจาร 

อ้อ! กิเลสนะ เอ็งเกิดอาการอย่างนี้ มันดีหรือยังไง มันไม่รักก็ชัง แทนที่จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง มันก็เกิดอาการไม่ปกติ ถือว่านั่นปกติ ปกติก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง ควรหรือไม่ควร อารมณ์ที่มันไม่เป็นอารมณ์สะอาด มันไม่เป็นเวทนาที่สะอาด มันเป็นเวทนาที่มีผลัก มีดูด มีชอบ มีชัง มันไม่เป็นเวทนาที่เห็นความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้น เราเรียนรู้ความจริงของจิตเรายังมีกิเลสผสมมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ก็ดี นี่แหละเรียนรู้ธรรมะแบบนี้แหละ 

ที่อาตมาพาทำนี่ พวกเราดี เรียนแล้วก็มีโพชฌงค์ 7 มีสติ มีธรรมวิจัย มีวิริยะ ตื่น ยิ่งตื่นเต็ม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มันเกิดอาการแล้วก็เกิดสัมผัสอะไรขึ้นมา คุณก็มีธัมมวิจัย อย่างที่คุณเขียนมาทั้งหลายนี่แหละ ไม่ว่าใครพวกเรานี่แต่ละคนเขียนมาดี ตามภาษาของแต่ละคน ไม่มีปัญหาอะไร อย่าง ดร.เพื่อเขียนมา อย่างสว่างแสงเขียนมา ก็บอกอาการที่ตัวเองศึกษาปฏิบัติ ถูกต้อง 

นี่คือการเรียนรู้ธรรมะ ไม่ใช่ไปนั่งสะกดจิตหลับตา แล้วก็คิดว่านี่แหละจะดับกิเลส ไม่มีทางได้ดับกิเลส โมฆะ ไม่รู้จะย้ำหัวตะปูไปถึงไหน อย่างนี้แหละต้องเห็นความจริงตามความเป็นจริง แล้วก็ประพฤติเต็มรูป มี อปัณณกปฏิปทา 3 นี้การปฏิบัติที่อธิบายพูดมานี้ มันมี สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา รู้จักว่า เราเกี่ยวข้องกับของกินของใช้ ชีวิตก็อยู่กับของกินของใช้ทั้งนั้น กินก็ไม่ใช่ตลอดเวลา แต่ของใช้ ใช้สัมผัสกับอะไรก็ใช้สิ่งเหล่านั้นต่างๆ นานา ใช้ในความกว้าง ทำงานนั้นเอง ทำงานกับสิ่งนั้น ทำกับสิ่งนี้ ทำกับสิ่งโน้น แล้วเราก็อ่านจิตของเราที่ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ เกิดอาการของกิเลสอย่างไรแค่ไหน อย่างนี้คือ การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตามจรณะ 15 มี อปัณณกปฏิปทา 3 เดี๋ยวจะอธิบายต่ออันนี้ สัจธรรม 7 ฌาน 4 อะไรเหล่านี้ ค่อยอธิบายต่อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นิยามของเศรษฐศาสตร์ฉบับโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566  ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 16:02:49 )

เกิดปัญญาญาณจึงมีอิสรสรีภาพ 

รายละเอียด

สติเป็นอธิปไตยนี่ของพระพุทธเจ้าแท้ๆ ในมูลสูตรเลย ปัญญาเป็นอุตระนี่ของพระพุทธเจ้าชัดเจน 

มันก็เป็นการพัฒนานะ จะว่าไป มันเป็นพัฒนาการของสังคมมนุษยชาติ ที่พูดกัน ที่อธิบายและที่กำลังประพฤติกันอยู่ จะว่าต่อสู้กันก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของพัฒนาการของมนุษยชาติ นี่พัฒนาการไป ใครรู้เท่าทันก็ได้ ก็ดี หรือมีปัญญาเหนือ มีความรู้ความเข้าใจที่เหนือกว่ามันก็ไม่มีปัญหา คนที่ไม่มีปัญญาเหนือ ถูกครอบงำก็เป็นบริวาร ตกเป็นบริวาร ก็เป็นการหาบริวารกันได้เป็นธรรมดาธรรมชาติ 

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันเรื่องยาก แม้ยากอาตมาก็ยังเห็นว่าพวกเราเป็นไปได้อยู่ ยากก็ยังเป็นไปได้ แม้น้อย แม้กลุ่มเล็ก แต่มีอิทธิพลนะ 

1. สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยั่งยืน ตีไม่แตก 2. เราก็พยายามพัฒนาตัวเรา ไม่ได้ไปครอบงำคนอื่น แต่ให้คนอื่นเห็นพัฒนาการของเรา แต่ละคนสร้างคุณสมบัติ สร้างคุณธรรม สร้างสิ่งที่มันเจริญให้ได้ขึ้นมาๆ มันก็รวมเป็นรูปธรรมเป็นมวลใช่ไหม จนคนอื่นสามารถเห็นได้ ที่อาตมาใช้สำนวนว่า ทำจนคนตาบอดเห็นได้ เราพยายามทำให้ไปถึงขนาดนั้นล่ะ 

เพราะมันเห็นยาก เห็นยากจริงๆ แต่มันต้องให้เห็น เพราะมันของดีจริงๆ มันไม่ใช่ของหลอก 

ผู้ที่ได้แล้วที่เราทำอยู่นี่ เราสร้างอิสรเสรีภาพนะ เราไม่ไปครอบงำ เราไม่ไปล่อลวง เราไม่ไปพยายามหาเสียง หรือว่าทำให้เขามาเห็นด้วยวิธีหว่านล้อมอะไรต่างๆ ให้เขาเกิดปัญญาญาณของเขาเองจริงๆ มาเห็น แล้วมาเอา มันจึงมีอิสรสรีภาพ 

คนเหล่านี้เข้ามาโดยอิสรเสรีภาพของเขานี่แหละ มันเป็นปัญญาของเขานำเขาเข้ามา เพียงพอ จึงต่อ ต่อไป มาร่วมทำต่อไปมันก็ง่าย มันก็สบาย มันไม่ยาก อิสระ สบาย ไม่เกิดเรื่องก็สงบ เพราะมานี่มันมาของแท้ มาก็มาร่วม มาผสมผสาน มาช่วยกันทำเพิ่มเติม มันก็เรียบร้อย มันไม่เกิดเรื่องราวอะไร มันก็สบาย อิสระ สบาย สงบก็ยิ่งอบอุ่น 

อบอุ่นคือ มีพลังงาน ถ้าเย็นมันก็เกาะตัวลงไป ถ้าอบอุ่นขึ้นมามันมีพลังงานร้อนขึ้นมา มันก็เกิดพัฒนาการ สงบ อบอุ่น อิ่มเอม ก็สร้างประโยชน์ ชื่นใจ อิ่มเอมใจ สร้างสิ่งที่ก้าวหน้าพัฒนาขึ้นไป 

อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส เกษมคือขีดสมบูรณ์แบบ”เขมัง” เป็นตัวสุดท้ายของมงคล 38 “เขมัง” ตัวปลายสุด เกษม เขมังเป็นตัวสุดท้ายเลย จุดสุดยอดของมงคล มงคลทั้งปวง มงคล 38 ตัวสุดท้ายของมงคลคือ เขมัง จบสุดเลย สูงสุด สุดยอด แล้วก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ เกษมใส มันมีแต่รุ่งเรืองเกษมใส ใสสว่าง รุ่งเรืองไป 

จบด้วยความหมายอันสำคัญ เป็นปลายเปิด คือ เพิ่มพูนการเสียสละ นี่คือ สุดยอดของมนุษย์ มนุษย์ที่มีแต่ความเสียสละ ไม่มีตัวตน มีสมรรถนะ มีความสามารถ มีจิตใจ มีน้ำใจที่จะเสียสละ ที่จะให้ ให้แก่ผู้อื่นได้ สละให้แก่ผู้อื่นได้ ให้สิ่งที่ดีที่สุด ประเสริฐสุดของเราที่จะมีให้ ไม่หวงแหน อยากให้ได้เหมือนเรา หรือยิ่งกว่าเรายิ่งดี ถ้าคุณทำได้ ให้ไปแล้ว คุณเอาไปทำได้ดีกว่าเราอีกยิ่งประเสริฐ ไม่ได้ไปริษยาเลย ขอให้มันถูกต้องสัจธรรมก็แล้วกัน นี่คือสุดยอดแห่งสุดยอดจริงๆ 

สิ่งที่อาตมายิ่งพูด ยิ่งอธิบาย แล้วก็มีผู้เสริมผู้ที่เข้าใจ ไม่ใช่อาตมาโดดเดี่ยวพูดไปแล้วไม่มีใครรู้เรื่องด้วย รับลูกไม่ได้เลย  พวกคุณพอเข้าใจไหม…(พวกเราตอบ…เข้าใจ)... ดี อาตมาไม่อยู่โดดเดี่ยว พูดไปไม่รู้เรื่อง ใครๆก็ไม่รู้ แต่ว่า “ดีครับนาย ๆๆ” แต่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ไม่ใช่.. อาตมาไม่ต้องการนะคนอย่างนั้น ไม่ต้องการ แบบ ดีครับนาย ดีครับนาย แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แบบนั้นก็แย่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:53:05 )

เกิดปัญญาวุฒิ 4 ได้อย่างไร

รายละเอียด

คนที่มีคุณลักษณะอย่างนี้ อย่างอาตมาบอกว่าอาตมามี ปุพเพกตปุญญตา เป็นคนที่มีของเก่ามา ก็เอามายืนยันเอามาบอกคนก็หมั่นไส้ คนที่ไม่ศรัทธาไม่เคารพไม่รู้จัก เขามีอวิชชามิจฉาทิฏฐิเขาก็ไม่รู้ เขาก็ว่า แต่คนสัมมาทิฏฐิก็จะเข้ามาคบหา ก็เกิดปัญญาวุฒิ 4 

1. สัปปุริสสังเสวะ (รู้จักคบบัณฑิต คบหาสัตบุรุษ)

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังสัทธรรม)  

3. โยนิโสมนสิการ (กระทำลงในใจโดยแยบคาย)  

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)  

(พตปฎ. เล่ม 21   ข้อ 248)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:23:35 )

เกิดปัญญาแล้วถึงมีหิริโอตตัปปะ

รายละเอียด

มันอาจจะไม่รู้สึกละอายแบบเขินๆ เก้อๆ เขินๆ แบบโลกๆ แต่มันจะสำนึกในใจ ว่าสิ่งนี้น่าละอาย น่าละอายมาก ก็โอตตัปปะ เราจะเป็นอย่างไรเราไปแล้วเมื่อสิ่งนี้อยู่ ไปนิยมชมชื่นสิ่งนี้อยู่มันน่าละอาย มันโง่ไอ้โง่ เราจะรู้ตัวเองว่าเราเป็นไอ้โง่ไอ้งั่ง มันน่าอาย การแสดงออกทางโลกอย่างยินดีด้วยนะ สิ่งที่ไม่น่ายินดี แล้วไปแสดงอาการว่ายินดีชื่นใจไปโชว์คนอื่นด้วย โอ้ย ขายขี้หน้า ไม่รู้ขายไปเท่าไหร่แล้วขี้หน้า อย่างนี้เป็นต้น

 อาตมาก็พยายามขยายภาษาให้ไปสู่สภาวะของหิริโอตตัปปะ มันเป็นตัวยิ่งใหญ่เลยนะในสัทธรรม 7 ก็คือหมวด 4 ศรัทธา หิริโอตตัปปะ พหูสูต ส่วนวิริยะ สติ ปัญญานั้นทำให้เห็นความจริงว่าเรามีศรัทธาเพิ่ม ปัญญาเป็นยาดำ ตั้งแต่ศีลจนถึงอาสวะ มันจะมาร่วมงานกับเราตลอดเวลามากน้อยตามควรของมัน เกิดปัญญาแล้วถึงมีหิริ เกิดปัญญาแล้วถึงมีโอตตัปปะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:46:05 )

เกิดผลอย่างไรเมื่อเกิดหิโรตัปปัง

รายละเอียด

หิโรตัปปัง คือ ทั้งหิริ ทั้งโอตตัปปะคู่กัน 2 ละอาย ทั้งเกรงทั้งกลัว ตัปปัง แรงกล้าทั้งหิริโอตตัปปะเลย ซับซ้อนยิ่งใหญ่ลึกซึ้งมากมายเลย 

ผู้ที่รู้สึกละอายอย่างนี้จึงเกิดความเคารพอย่างแรงกล้า ต้องใช้ ตัปปังคารโว เคารพอย่างแรงกล้าเลย เคารพเลย มุดหัวเอาเช็ดพระบาทเลย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เลยเคารพอย่างแรงกล้า เกิดความรักอย่างแรงกล้า นับถืออย่างแรงกล้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 13:01:20 )

เกิดมาควรรู้ควรได้สิ่งใดเป็นหลักแก่ชีวิตให้เจริญขึ้น

รายละเอียด

ต้องขอบคุณพวกเราที่เห็นคุณค่าคำสอนของพระพุทธเจ้า พยายามแสวงหาเอาตัวเองมาศึกษาฝึกฝนปฏิบัติตน เห็นคุณค่าของธรรมะพระพุทธเจ้าที่เอามาประกาศไว้ ขออนุโมทนาสาธุกับพวกเรา ส่วนคนที่ไม่เอาอ่าวอะไร พูดไปก็ได้แต่น่าสงสารทำไมน้อเกิดมาเป็นชีวิตพวกนี้ ไม่ได้สิ่งที่อะไรที่ควรรู้ สิ่งที่ควรจะยึดเป็นหลักแก่ชีวิตได้เจริญขึ้นบ้าง ก็มีแต่เสื่อมกับเสื่อม แม้จะตั้งชื่อว่าเจริญ ควรจะใช้คำว่ามหาเจริญ อภิเจริญ​แต่เสื่อมหนักมอมเมา เรียกว่า ซ้ำเติมส่งเสริมให้มนุษย์มนาต้องตาย ฉิบหายวายป่วง ตายไปเยอะเรื่องเหล้า คนที่ทำเหล้าขึ้นมาขายรวยๆๆไม่ได้สำนึกเลยรวยเอาๆ แล้วคนก็โง่ๆๆ ตกเป็นเหยื่อไม่รู้ขนาดไหนก็กินเหล้า คนที่สำนึกแค่เลิกเหล้าได้ก็ดีมาก ระดับสูงของประเทศยังติดเหล้ากัน เมืองไทยไม่จำเป็นต้องกินเหล้าเลย นอกจากจะใช้เหล้าเป็นยาบ้าง เมืองหนาวเขาจะจิบเหล้าบ้าง เราก็เข้าใจเขาได้ แต่เมืองเรามันไม่ใช่เรื่องที่จะจิบเหล้าจิบเบียร์อะไร ก็ไม่น่าส่งเสริมแต่ที่จริงน่าจะออกกฎหมายเหมือนประเทศอิสลามเขา แข็งแรงน่าจะได้น่าจะทำ

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:48:27 )

เกิดมาควรได้สลายจิตนิยามให้เป็นพีชะสำเร็จ

รายละเอียด

เรามาพูดถึงเรื่องวิญญาณ ลงรายละเอียดในเรื่องวิญญาณ วิญญาณคือธาตุรู้ที่เป็นสัจธรรมที่สำคัญ ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าวิญญาณขันธ์ ซึ่งมันจะรวมทั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์ 5 ขันธ์ ขันธ์ คือความรวมกันอยู่เป็นหมู่เป็นกอง มันหมายถึงเจตสิกต่างๆ อาการของพลังงานจิตเป็นนามธรรมเรียกว่าวิญญาณ วิญญาณเป็นคำรวม พระพุทธเจ้าเข้าใจวิญญาณก็แยกวิญญาณออก แม้จะแยกเป็นรูปขันธ์ เวทนา สัญญา ก็แยกแล้ว แล้วจะเรียนรู้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณได้ ต้องแยกออกเป็น 2 สภาพคือรูปกับนาม 

รูปถ้ามีแต่วัตถุรูปเฉยๆ มันเองมันไม่สามารถที่จะรู้ตัวมันเองมันไม่สามารถที่จะเรียนความเป็นตัวมันเองได้ เพราะมันไม่มีธาตุรู้ที่เป็นตัวตนเป็นจิตนิยาม สามารถที่จะรู้องค์รวมของตัวเองพลังงานของตัวเองอาการที่มันรวมเป็นพลังงานของรูปมัน วัตถุมันไม่รู้ แต่มันเป็นพลังงานที่เป็นธรรมชาติ บวก ลบ เป็นต้น ดูด ผลัก ในตัว มันก็ทำหน้าที่ของมันไปตามที่มันเป็น มันไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นพลังงานอื่นก็จัดการกับมันเพราะมันไม่เป็นตัวเอง แม้จะเป็นพลังงานระดับสูงขึ้นมาเป็นพืช พีชนิยาม ก็ยังไม่ใช่วิญญาณยังไม่มีเวทนา ยังไม่มีความรู้สึกในตัวเอง มันเป็นพลังงานชีวะ มันเป็นธาตุรู้ตัวมันเอง จับตัวมันเองได้ มีบวกมีลบ มีธาตุนั้นจะต้องใช้ ธาตุนี้ไม่ต้องใช้ มันรู้ว่าอันนี้ต้องเอา เอาไว้ใช้กับตัวมันเองส่วนอันอื่นที่ไม่ใช้ มันก็ไม่เอา มันไม่ทะเลาะ ไม่เบียดเบียนกับใครอื่น มันเอาแต่ตัวมันเองเป็นพืช 

พลังงานลักษณะเหล่านี้ที่อาตมาขยายไปคร่าวๆมันเป็นพลังงานที่ไม่เป็นภัย เป็นพลังงานฐานอาศัยของจิตวิญญาณ ระดับ พีชนิยาม หรือพืช การศึกษาของพระพุทธเจ้า ศึกษาจิตหรือวิญญาณและแยกเป็นเจตสิกย่อยออกมาแล้วให้เป็นพลังงานในระดับพืช ใช้พลังงานนี้อาศัย ก็จะไม่เป็นบาปเป็นภัยเป็นโทษ และในที่สุดไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึกก็ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่เป็นฐานอาศัยของพระอรหันต์ พระอรหันต์ต้องรู้พลังงานในระดับพืชแล้วทำจิตให้เป็นพืช ทำให้เป็นพลังงานพืช เมื่อกระทบสัมผัสกับอะไร รับมาแล้วก็ทำให้เป็นพลังงานพืช ตัวเองก็ไม่ทุกข์ไม่สุขแล้วไม่ไปทำบาปทำชั่วทำไม่ดี มีแต่จะทำสิ่งที่ดี พืชนี้ให้ประโยชน์ ให้สิ่งที่เป็นคุณค่าแก่สิ่งอื่นๆ ไม่เป็นโทษกับใคร นี่เป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 16:12:23 )

เกิดมาชาตินี้ทำชั่วไม่สำเร็จ

รายละเอียด

คืออาตมาไม่ได้ไปด่าไปว่าแต่ตำหนิบอกให้รู้ด้วยความปรารถนาดี ชาตินี้อาตมาไม่ได้เป็นดารากับเขาหรอก ไปอยู่ในวงการมายาเท่านั้นเองอาตมาอยากเป็นดารานะ ในตึกโทรทัศน์ รูปดาราเขาจะอัดมาเป็นแผ่น ติดเรียงกันไปในตึกสถานีโทรทัศน์ อาตมาไม่มีสิทธิ์ที่จะให้เขาอัดขึ้นไปได้หรอก เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเราไม่ใช่พวกสัตว์อบาย แม้อยากเป็นสัตว์อบายกับเขา ฟังให้ดีไม่ได้ด่านะ แต่พูดสัจธรรม พวกดาราเด่นดังเท่าไหร่ก็อบายมากเท่านั้น สัจธรรมที่ย้อนแย้ง หากคุณจมอยู่ก็ไม่ดี เป็นสิริมหามายา เป็นนักเล่นกลชั้น 1 เป็นนักมายากลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ฮูดินี่ ที่เขาเป็นนักเล่นกลชั้น 1 เล่นกลเช่น คนเอาโซ่มามัดอยู่ในน้ำเอาถังน้ำมันมาราดแล้วจุดไฟเขาก็รอดออกมาได้ อาตมาไปหัดกินเหล้าสูบบุหรี่ เล่นบิลเลียด ไปหัดกับเขา ไปเล่นไพ่ก็จะเป็นหมูสนามให้เขา เขาก็เลยชอบชวน เป็นลิงลมอมข้าวพอง ทางโลกที่นิยมยกย่องกีฬา ดารา ค่านิยมอย่างนี้เราก็ไปเป็นตามเขา อยากเป็นพระเอก เขาก็ให้เป็นตำรวจไปจับผู้ร้ายตอนจบ ไม่ได้เป็นพระเอก มันเป็นสิ่งที่คุณจะไปเป็นพวกนี้เป็นไม่ได้ ชั่วไม่สำเร็จ เกิดมาชาตินี้ทำชั่วไม่สำเร็จ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:17:23 )

เกิดมาชาตินี้พ่อครูไม่เคยมีอาการโกรธหรือเศร้าหมองเลย

รายละเอียด

ถูกต้อง อย่างเดียวกัน แต่ว่า อาตมาเกิดมาชาตินี้ อารมณ์โกรธนี้ อาตมาไม่มีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่รู้ว่าโกรธมันเป็นอย่างไร ตั้งแต่เด็กจนโต อารมณ์โกรธไม่เคยมี ไม่มี ใครจะโกรธเราเราก็ เอ๊… มีแต่มันเรื่องอะไร อยากจะรู้เท่านั้นเอง อาตมาไม่ได้โกรธเขา เคยจำได้ 2 ครั้ง กับเพื่อนผู้ชาย คนหนึ่งเขาก็มาอะไรกับเราอยู่เรื่อย มาว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ อีกคนหนึ่งก็กระแนะกระแหน อาตมาก็พยายามที่จะทำความเข้าใจว่า มันโกรธเราเรื่องอะไร เราเป็นคนน่ารักจะตายไป เขามาโกรธเรา 

ก็เดินไปหาเขา โอ้โห…เพื่อนดึงเอาไว้นึกว่าจะไปชกเขา ซึ่งมันไม่ใช่ 2 คน ที่อาตมาเดินเข้าไป คนหนึ่งเดินไปถึงที่พักของเขา เพื่อนก็ดึงไว้ อีกคนหนึ่งอยู่ที่ห้องกินข้าวที่หอพักด้วยกัน ก็ต้องกินข้าวด้วยกัน กำลังกินข้าวก็จะเดินเข้าไปถามเขาว่า โกรธเราเรื่องอะไร ทำไมจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อนก็ห้ามไว้ทั้งคู่ นี่ก็เคย เรื่องโกรธ ไม่เคยโกรธ แต่เรื่องชอบ เรื่องอร่อย ยังพอมีเกิดมาชาตินี้ยังมีบ้าง จนเสร็จแล้วธรรมะมันฟื้นขึ้นมาเต็มที่แล้ว มันไม่อร่อยอะไร มันก็คือสัจจะ รสเค็มก็เค็ม หวานก็หวาน เปรี้ยวก็เปรี้ยว มันก็มัน มันเป็นธรรมชาติ อร่อยมันคือกิเลสจริงๆ รสอัสสาทะ คือรสอร่อยกิเลสจริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 13:50:01 )

เกิดมาชาตินี้อะไรชัดเจนที่สุด

รายละเอียด

ก็เกริ่นมาถึงอาตมา อาตมาก็ทำงานมา ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ก็จะเต็ม 50 ปี เพราะอาตมาบวช 7 พฤศจิกายน 2513 นี่มันก็ เดือนนี้เดือนตุลาคม เดือนหน้าก็เป็นเดือนพฤศจิกายน เหลืออีก 1เดือนกับ 5 วัน อาตมาเกิดมาชาตินี้ ก็ชัดเจนในตนเองที่สุด ตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ตัวเองว่า เราจะต้องทำงานให้แก่ศาสนาพุทธเต็มที่ เต็มชาติ เต็มความสามารถที่มี ในจิตของอาตมาก็ตระหนักว่าไม่มีงานอื่นใดเท่าให้คนได้รู้แจ้งรู้จริง ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ถูกต้องตรงตามความจริง ซึ่งอาตมามีภูมิเท่าไหร่ ก็มีภูมิเท่าที่อาตมามี ก็ใช้ความสามารถเท่าที่ตัวเองมี ก็ทำเต็มที่เต็มอุตสาหะ ออกมาบวชตั้งแต่อายุ 36 ทำงานมาจนกระทั่งบัดนี้ ก็ย่างเข้าปีที่ 87 หลายเดือนแล้ว ก็ไม่เคยมีความท้อถอยไม่เคยมีความลดหย่อนในความมุ่งมั่นปณิธานเดิมที่เคยมีมาตั้งแต่เริ่มต้นออกมาทำงานนี้จนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่ได้มีอะไรลดถอยเลย มีแต่ว่าอายุยาวขึ้นกำลังวังชาไม่เหมือนอายุ 20 จะเต้นจะดีดให้แข็งแรงเหมือนอายุ 20 ไม่ได้แล้วสมัยนี้ มันไม่เหมือน กำลังวังชาไม่เหมือน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 11:55:06 )

เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์

รายละเอียด

ฉะนั้นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ละเอียดลึกซึ้ง เป็นความจริงที่อาตมาก็ไม่รู้จะว่าไง เกิดมาชาตินี้อาตมาเป็นคนจริง เป็นสิ่งที่มีนามธรรมที่เอามาพูดนี้ ที่มีพยัญชนะ มีสมมุติเรียกว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีจิตวิญญาณนี่แหละเป็นตัวหลัก เป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์อะไรก็เอามายืนยัน จริงใจนะอาตมาพูดด้วยใจจริงเป็นความจริง แล้วขอยืนยันด้วยว่าไม่ใช่สิ่งที่หลอกลวง และเป็นสิ่งที่เป็นความจริงด้วย นอกจากจริงใจแล้วสิ่งที่อาตมายืนยันเป็นความจริงด้วย 

นี่ก็พูดเอามายืนยัน ถึงวันนี้แล้วอายุย่างเข้า 90 ปี อายุ 89 ปี 9 วัน อาตมาก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายให้คนทั้งหลาย ก็พวกคุณนั่นแหละฟังแล้วรู้เรื่อง ฟังแล้วเข้าใจแล้วก็เชื่อถือเชื่อมั่นว่าจริงด้วย แล้วก็มาประพฤติปฏิบัติจนมาเป็น พวกคุณมาเป็นจริงๆ นะไม่ใช่พวกคุณมาเป็นเล่นๆ พวกคุณมาเป็น มาเป็นสมณะ 4 เหล่า มาเป็นคนที่มีจิตมีกายแบบนี้จริงๆ แต่โลกมันเสื่อม มันไม่เข้าใจอาริยชน อาริยบุคคล มันไม่รู้ แล้วพวกเราเป็นอาริยชนของศาสนาพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ เขาไม่เชื่อ เขาไปเข้าใจอาริยะเก๊ๆ อรหันต์เก๊ๆ แล้วเขาก็ไล่รายละเอียดอะไรไม่ได้ 

เขาจะไล่รายละเอียดสาธยายเรื่องจิตเจตสิกอย่างที่อาตมาอธิบายสู่ฟัง ขยายความสาธยายอย่างละเอียดลออ และไปจนกระทั่งถึงภูมิอรหันต์ หลายอรหันต์มีหลายขั้นชั้น หลายระดับนะอรหันต์ โพธิสัตว์ยิ่งมีมากกว่าอรหันต์อีก หลายขั้นอีก ที่อาตมาพูดยืนยันว่าไม่ใช่มาพูดภาษาเล่นๆแต่เป็นสภาวะธรรมจริงๆ อาตมาผ่านมาจริงๆ แม้ความเป็นอรหันต์ ผ่านอรหันต์มาหลายขั้นจริงๆ มาเป็นโพธิสัตว์นี่ยิ่งละเอียดกว่าอรหันต์อีก มาเป็นจริง ไม่ใช่พูดเล่นๆ ไม่ใช่พูดลอยลม ไม่ใช่พูดแต่พยัญชนะเท่านั้น แต่เป็นสภาวะที่อาตมาเกิดมา ผ่านมา เป็นมา แล้วเอามาพูด 

ถ้าอาตมาไม่มีในตัวเอง อาตมาจะหยิบพวกนี้เอามาพูดได้อย่างไร แล้วคุณฟังรู้สึกไม่สับสนหรือ สับสน เอาแพะมาชนแกะ เอาแกะมาชนลา  เอาลามาชนม้าอะไรหรือเปล่า ฟังแล้วพอรู้สภาวะบ้างไหม มันมีโครงสร้างเป็นรูปล้อกัน ถึงแม้ว่าคุณไม่มีทั้งหมดแต่คุณมีน้อยๆ ก็จะเข้าใจ หรือยังไม่ถึงแต่ก็เข้าใจเป็นโครงสร้างเป็นรูปแบบที่ อันนี้เป็นตัวขยายของที่เรารู้นะ เป็นตัวขยายที่เราพอจะเข้าใจมันเป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าปรินิพพานปั๊บก็เริ่มนับ พ.ศ.1 ปรินิพพานมาได้ 2,566 ปีแล้ว เขาก็กำหนดหมายพยากรณ์ไว้ว่าในพุทธกัปของพระสมณะโคดมจะมี 5,000 ปี เพราะฉะนั้นเมื่อตั้งแต่ปรินิพพานจนนับไปถึง 5,000 ปี ตอนนี้ 2566 ปี ก็อยู่ในระหว่างกึ่งกลาง ของพุทธกัปของพระสมณะโคดม 

มีอาตมาปรากฏตัวแสดงตนประกาศตน ถึงขั้นยืนยันตัวเองเลยยืนยันว่าตัวเองเป็นธรรมิกราช มาถึงวันนี้ประกาศก่อนวันนี้แล้วเป็นกระทั่งถึงธรรมิกราชปานนั้นเลย นี่อาตมาก็ทำจริง ประกาศความจริงนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กนะมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แล้วอาตมาก็ไม่ได้กลัวว่ามันใหญ่แล้วอาตมาจะประครองความใหญ่นี้ไป พวกคุณจะจับได้ว่าไม่ใหญ่จริง หรืออาตมาจะยืนยันใหญ่นี้ได้แข็งแรงมั่นคง อันนี้มันท้าทายให้พิสูจน์ มันจะใหญ่ไปได้ นานสักแค่ไหนจะหลอกได้กี่ปี 

ถ้าของจริงก็ยืนยันต่อการพิสูจน์ มิฉะนั้นคนจะมีอย่างนี้แล้วมายืนยันอย่างนี้ ยืนยันอย่างพระพุทธเจ้า ท่านก็ยืนยันว่าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ก็นานหลายล้านปีจะมายืนยันสักองค์นึง อย่างอาตมาก็ไม่ใช่น้อย ขนาดอาตมาก็ไม่ใช่ว่าคนจะมาลอกเลียนทำอย่างนี้ได้ง่ายๆ อาตมาพาทำกันมาตั้ง 50 ปี พูดได้ในเมืองไทย ยืนยันกันได้ในเมืองไทย มาประกาศให้คนไทยฟัง มีรู้กันอยู่ประมาณเท่านี้ ไม่ต้องพูดถึงเมืองนอกเลย เขาเป็นเทวนิยมทั้งนั้น ขนาดในเมืองไทยเป็นชาวพุทธก็เป็นเทวนิยมไปเลอะเทอะตั้งเท่าไหร่ จะมาฟังรู้เรื่องโลกุตรธรรม จนเป็นอเทวนิยมได้ไม่เท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้น นานๆจะมีใครมาประกาศอย่างอาตมาสักหนหนึ่ง ทีนี้ช่วงนี้ ช่วงกึ่งพุทธกาล 2,500 กว่าปีมานี้ มันจึงเป็นสิ่งประหลาดสิ่งแปลกที่อุบัติขึ้นมาในโลก มันไม่ใช่เรื่องสามัญ มันเป็นเรื่องที่เป็นอุบัติธรรม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมา เป็นธรรมะที่อุบัติที่เกิดขึ้นมา ที่มีทั้งกายมีทั้งจิต ที่อาตมาประกาศนี้มีทั้งกายทั้งจิตยืนยันเลย เป็นการอุบัติขึ้นมาอย่างครบถ้วน เป็นเหตุที่ถูกต้องครบ ปัจจัยที่จริงแท้ก็ยืนยัน มีทั้งเหตุมีทั้งปัจจัย เหตุครบ ปัจจัยก็ยืนยันด้วยกันอย่างแท้จริง ความจริงที่ยิ่งใหญ่สำคัญของความเป็นมนุษย์ เช่น มีทั้งเหตุทั้งปัจจัยยืนยันความเป็นอรหันต์ 

มันจึงไม่ใช่เรื่องสามัญธรรมดาของ“อุบัติโลก”และไม่ใช่เรื่องสามัญธรรมดาของ“อุบัติธรรม”อันมีทั้ง“กาย” และมีทั้ง“จิต”ที่จะต้องมี“การอุบัติ“ขึ้นมากันอย่างครบถ้วนทั้ง“เหตุที่ถูกครบ”-ทั้ง“ปัจจัยที่จริงแท้”ยืนยันได้ “ความจริง”ที่ยิ่งใหญ่สำคัญของความเป็นมนุษย์ เช่น ความเป็น“อรหันต์”ที่เป็น“ความเกิดของจิต(โอปปาติกโยนิ)”ซึ่งมันต้องมี“การเกิด”จริงๆ ที่ตรงตาม“พุทธสัจจะ”คือตรงตาม“ความจริงที่เป็นโลกุตระพระพุทธเจ้า”  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:51:37 )

เกิดมาชาติหนึ่งไม่ได้ธรรมะโลกุตระพระพุทธเจ้า เสียชาติเกิด 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพากเพียร สรุปอีก เกิดมาเป็นคนอะไรไม่ดีเท่าโลกุตรธรรม เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านเลือกทำงานนี้จนพระชนม์ชีพตั้งแต่ตรัสรู้จนกระทั่งปรินิพพาน 45 ปี แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็เลือกมาทำอันนี้ ไม่ใช่ท่านไม่รู้ความรู้ด้านอื่นๆ ก็พูดไปแล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตมนุษย์อย่าไปสูญเปล่า เข้าใจแล้วรีบมาทันที อย่าไปรอเป็นพระพุทธเจ้าแล้วค่อยมา มาเถิด แล้วคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ถ้าคุณไม่มา คุณไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า นอกจากไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะตกต่ำ อรหันต์ก็ไม่ได้ ก็จะเสียประโยชน์ในการเกิดมาชาติหนึ่ง อาตมาเคยพูดว่าเกิดมาชาติหนึ่งไม่ได้ธรรมะโลกุตระพระพุทธเจ้า เสียชาติเกิด 

เกิดมาชาติหนึ่งไม่ได้โลกุตระของพระพุทธเจ้า เสียชาติเกิดเสียเวลาจริงๆสูญเปล่าเพราะอะไร เพราะโลกียะมันไม่เที่ยง มันขึ้นสูงและลงต่ำ แต่โลกุตรธรรมเที่ยง โสดาบันแล้ว สกิทาคามีก็ยิ่งเที่ยง อนาคามีก็ยิ่งเที่ยง อรหันต์ก็ยิ่งเที่ยง โพธิสัตว์ก็ยิ่งเที่ยง นิยตะนี่เที่ยงของโลกุตระ ส่วนนิจจังเที่ยงของโลกียะ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราษฎร์ ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2566 ( 19:47:07 )

เกิดมาต้องเป็นคนมีประโยชน์

รายละเอียด

อาตมาที่พูดนี้ พูดฐานะเป็นคน อาตมาที่พูดนี้ ขอพูดอย่างนี้ อาตมาเกิดมาเป็นคนเหมือนกับทุกๆ คนในโลก อาตมาไม่เห็นอะไรสำคัญเท่ากับ จะต้องพูดและทำให้คนในโลกนี้ มีประโยชน์ มีความสุข มีความเจริญ 3 คำง่ายๆ คนเราเกิดมาต้องเป็นคนมีประโยชน์ไม่ใช่คนเป็นโทษ คนมีโทษคืออะไรมีประโยชน์คืออะไร คนขี้โกงมีประโยชน์หรือโทษ ไม่ต้องไปพูดถึงทักษิณ คนขี้โกงคนขี้โลภนี้เป็นโทษ คนที่ขี้โลภน้อยหรือทำงานเพื่อสังคมจริงจังมากกว่า เล่ห์กลวิธีการที่จะโลภมาให้แก่ตัวเองสร้างความรวย สร้างฐานะให้แก่ตัวเองเป็นโลกียะไม่เท่าไหร่มันก็มาตามน้ำ ได้ลาภตามน้ำ ยศตามน้ำ เท่าที่เราทำ เหมือนนักบวชบางท่าน ท่านไม่ได้ต้องการลาภยศ แต่มีลาภตามน้ำ ยศตามน้ำ ท่านไม่อยากได้แต่ทางการตั้งให้เป็นเจ้าคุณเป็นสมเด็จอะไรก็แล้วแต่ ก็ว่าไปเป็นไป แต่ผู้ที่ไม่รับเลยก็ว่าไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:02:41 )

เกิดมาทำไม

รายละเอียด

เกิดมาทำไม เกิดมาทำงาน ทำงานที่ดีด้วยนะ สิ่งที่ไม่ดีก็เลิกไปเลยไม่ทำทำที่กาย วาจา ใจ ให้ดี แล้วต้องรู้ว่าดีคืออะไรชั่วคืออะไร คุณและโทษคืออะไร ให้ทำแต่ดีทำสิ่งที่เป็นคุณอย่าไปทำสิ่งที่เป็นโทษ ทำแต่ดีอย่าไปทำชั่ว นี่พระพุทธเจ้าสรุปเอาไว้แล้ว 4 คำนี้จำไว้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:35:00 )

เกิดมาพูดความจริงที่จริงที่สุด 

รายละเอียด

อย่างอาตมารู้ความจริงคนที่มีปฏิภาณปัญญาดีๆจะรู้ว่าจริง พูดจริงทุกคำ อาตมาว่าอะไรที่อาตมาไม่เป็น อะไรไม่มี ก็บอกให้รู้ว่าไม่มี อะไรเป็นอะไรมีก็บอก ซึ่งเป็นความจริงที่จริงที่สุด อาตมาเกิดมาพูดความจริงที่จริงที่สุด 

สังคมที่จริงๆแล้วไม่มีผู้นำเลย จะบอกว่าไม่มีมันก็ไม่เชิง ผู้ที่เป็นผู้นำจริงๆท่านก็ไม่ได้ไปติดใจอะไร มันจะเกิดสัจจะทั้งรูปทั้งนาม ยากที่จะบอกความจริงครบครัน 

อาตมาเกิดมาชาตินี้มาบอกความจริง ไม่ได้บอกความเท็จ อาตมาจะไม่พูดเท็จเด็ดขาด ไม่พูดผิด มันเป็นบาปที่แท้จริง อาตมารู้บาป บุญ กุศล จริงๆ ไม่ได้พูดเล่นๆ 

อาตมาไม่ทำอย่างเพ้อฝัน อาตมาจบที่ความจริง ใช้พยัญชนะแทนสภาวะจริงก็จบ อาตมาไม่มีอะไรจะอาศัยนอกจากความจริง อาศัยความจริงอยู่กับความจริง ที่จะมายืนยัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:51:36 )

เกิดมาเป็นคน ต้องเป็นคนอยู่นิรันดรหรือ มันคืออะไรแน่

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สามารถมีความรู้ความฉลาด คุณจะหมายถึงหรือคุณจะเข้าใจอย่างไรก็เข้าใจเอา ว่าคนจะมีความรู้ความฉลาด เป็นความรู้ความฉลาดที่ยิ่งใหญ่ ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้ทั้งหมดเลยว่า เราเกิดมาเป็นคน มีชีวิต มีจิตวิญญาณ และมันจะต้องเป็นคนอยู่นิรันดรหรือ มันคืออะไรแน่ มันจะต้องเป็นคนอยู่ในโลกมีพฤติกรรม ดี ชั่ว พฤติกรรม รวย จน พฤติกรรม สุข พฤติกรรมทุกข์

มีคู่ ดีชั่ว รวยจน สุขทุกข์ เป็นสิ่งที่เปรียบเทียบกันเป็นคู่ทุกอย่าง ตั้งแต่ธุลีละออง 2 ปรมาณูก็มีความแตกต่างกัน และก็จะมีความแตกต่างกันเป็นคู่อย่างนี้ เพราะอะไร เพราะคนเป็นธาตุคู่ คือมีสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ถูกรู้เรียกว่า รูป อีกสิ่งหนึ่งเป็นตัวผู้รู้เองเรียกว่า นาม เมื่อมีนามเกิดขึ้นในตัวที่เกิดเป็นคน เป็นมนุษย์ขึ้นมาในโลก มีจิตนิยาม มีจิตวิญญาณ ก็จะต้องมีความรู้เรียกว่า รูปนาม จะต้องมีคู่ 2 อย่าง ในสามัญ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ หรือฟิสิกส์ทั้งหลายก็มีคู่คือ บวกกับลบ หรือเพิ่มขึ้นมาสูงอีกหน่อย ใช้วิชาการทางศาสนาก็มีความเป็นคู่ ปุริสภาวะ กับ อิตถีภาวะ เป็น 2 เพศ 2 อย่าง แตกต่างกัน 

แล้วก็ไม่รู้ความจบของ 2 อย่างนี้ ไม่รู้ความจบของความเป็น 2 รวมลงเป็นหนึ่งไม่ได้ ที่สุดแห่งที่สุด ไม่รู้ว่า จิตวิญญาณนี้ อนัตตา เกิดมาเป็นคนนี้ มันมีแค่ 2 สิ่งที่ปรุงแต่ง กันอยู่ เกี่ยวข้องสังขาร อยู่รวมกันอย่างไม่แยกจากกันได้เลยตลอดนิรันดรของ เทวนิยมทั้งหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:02:40 )

เกิดมาเป็นคนควรปฏิบัติอย่างดีต่อกัน

รายละเอียด

เกิดมาอีกสิ แต่หลวงปู่คงบอกไม่ได้ว่าจะเกิดมาเป็นใคร ก็เกิด ก็ไม่แน่หรอก อาจจะรู้จักกันก็ได้ ไม่เป็นไร พ่อเกิดใหม่แล้ว ตอนนี้ฟังหลวงปู่นิดนึงนะ พ่อมีความรักเราติดตัวไปด้วย ก็ไม่ต้องไปกังวลไม่ต้องไปห่วงอะไรพ่อหรอก เราก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม เราก็หมดความเป็นพ่อลูกกันแล้วในชาตินี้เกิดมาใหม่พ่อก็ต้องอายุน้อยกว่าเรา จะเป็นพ่อน้องไม่ได้เพราะไปเกิดเป็นคนใหม่ อย่างเก่งก็แค่เป็นน้องแล้ว แต่ก่อนเป็นพ่อลูกเกิดมาใหม่ก็ไม่ได้เป็นพ่อลูกกันแล้ว ไม่ได้เป็นน้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันแล้ว เกิดมาใหม่ก็คงเป็นลูกคนอื่นแน่นอน ก็ต้องแยกจากกัน แต่เรื่องความดีต่อกัน ใครก็ได้เราก็ดีต่อคนนั้นคนนี้ทั้งหมดแหละ เราดีต่อคนนั้นคนนี้ได้เป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นพี่น้องญาติธรรม ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ญาติทางสายเลือด ที่เป็นพี่ป้าน้าอา ปู่ย่าตายายเดียวกันก็ตาม เป็นสายเลือดคนอื่นก็ตาม เกิดมาพวกเรามีญาติเยอะ ยิ่งกว่ายุ้ย เราก็เป็นคนเกิดมาร่วมโลกกันแล้วก็ต้องเป็นคนที่ดีต่อกัน ปรารถนาดีต่อกัน การทำดีต่อกันให้ได้ทุกๆคน จำไว้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 09:39:08 )

เกิดมาเป็นคนจะไม่เสียชาติเกิดได้อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาได้เน้นไปแล้วว่าเกิดมาเป็นคนจะไม่เสียชาติเกิดได้อย่างไร เสียชาติเกิดเพราะไม่ได้ธรรมะโดยเฉพาะไม่ได้โลกุตรธรรมขึ้นไป คนโลกียะก็พยายามทำดีและชั่วก็พากเพียรไป โลกียะทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้วพยายามสั่งสมดีให้แน่นหนา มันยังไม่ใช่ปรมัตถ์ ยังไม่ใช่โลกุตระ มันยังเปลี่ยนแปลงได้ มันยังไม่ นิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) มันยังไม่เป็น มันก็จะต้องวนเวียนกลับอยู่ โลกียะก็คือยังต้องวนเวียนกลับ ยังไม่จบกิจ ยังต้องหมุนเวียนอยู่ มันจะเป็นเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 18:41:14 )

เกิดมาเป็นคนต้องรู้จักความเป็นคนและสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดย้ำซ้ำซากมาตลอดว่า “คนเกิดมาเป็นคนแล้ว แล้วไม่รู้จักความเป็นคน และความเป็นสังคมคน ความเป็นสังคมที่เราจะต้องรู้เขารู้เรา ถ้าเกิดมาไม่รู้ 2 อย่างนี้คือคนอวิชชา” คุณจะจบด็อกเตอร์ทางแขนงไหนก็แล้วแต่ 100 อย่างเลย ความรู้ทางเทคนิควิชาการแบบไหนก็แล้วแต่ แต่คุณไม่รู้จักความเป็นคนและความเป็นสังคมที่เราอยู่ ที่คนเป็นกัน สังคมหมู่นั้นหมู่นี้เขาเป็นอย่างนี้ คุณเกิดมาชาติหนึ่งเสียชาติเปล่า ได้ความรู้ทางเทคนิคได้ความรู้ทางวิชาการเพื่อมาแลกกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วก็จบชาติไป 

ได้มากสุขมากแต่เป็นสุขโลกีย์ สุขเพราะได้ ลาภเยอะ ยศเยอะ สรรเสริญ และกิเลสก็ติดจิตวิญญาณไป ก็หลงกับสิ่งที่เราเคยได้ ถ้าไม่ได้ก็ทุกข์ พยาบาทจะต้องแย่งให้ได้ๆ ตกลงเกิดมามีชีวิตเป็นคนจมอยู่ในโลกียะแบบนี้ ตายแล้วตายเล่ามีแต่ความมากขึ้นน้อยลงนิดหน่อย ที่จริงก็มีแต่การเติมน้ำหนักความอยากได้โลกีย์ทรัพยหรือโลกียเวทนา ความรู้สึกสุขความรู้สึกทุกข์ บางคนยุ่งยาก วุ่นวายนี่เขาชอบนะ รุนแรงก็ชอบอย่างนี้เป็นต้นพวกซาดิสม์ ยิ่งหนักเข้าไปเป็นมาโซคิสม์ ตัวเองเจ็บปวดนั่นแหละยิ่งมันยิ่งสุขยิ่งชอบ นั่นแหละคนพวกนี้เกิดมาจะสูญเปล่า ต่อให้zzzคุณไปเรียนรู้วิชาทางเทคนิควิชาการทางโลก จบมาอีกกี่ร้อยวิชา พันวิชาก็ตาม มันก็ใช้ในช่วงชีวิตที่คุณมีชีวิตอยู่แลกได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วคุณก็เสพ เสพติดด้วย ตายไปแล้วก็ได้ความเสพติดรสชาติที่คุณได้เสพโลกียทรัพย์ คุณก็ติดไปอีก 

เพราะฉะนั้นชีวิตเกิดมาแต่ละชาติ ถ้าไม่รู้จักโลกุตรธรรม ไม่รู้จักความเป็นคนและจะอยู่กับสังคมอย่างไร จนจบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ คนมันก็มีสังคมศาสตร์อย่างนี้ ซึ่งมีเรื่องหลักๆ คือ เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ 2 กิ่งใหญ่ เศรษฐศาสตร์ก็เสพ รัฐศาสตร์ก็แย่ง เท่านั้นเอง สรุปแล้ว แล้วก็หลงใหลอยู่กับการได้เสพกับการแย่ง ก็อวิชชาไปตลอดแต่ละ
ชาติๆ ไม่สิ้นสุด 

ฝั่งเทวนิยมที่เป็นศาสนาพระเจ้า ที่คนไทยก็ยังฉลาดน้อย ไปเห็นว่าเป็นประเทศที่เขามีความรู้สูงสุด แล้วก็ไปดีอกดีใจได้ถึงขั้นปริญญาเอกมาจากเมืองนอก แล้วก็เอามาสอนกันแนะนำกัน ชีวิตของเขาก็จะวนเวียนอยู่อย่างนั้นตลอดไม่จบกิจ ศาสนาพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบความจบกิจ อย่างเป็นอรหันต์ก็เป็นผู้จบกิจ จบกิจทุกอย่าง เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์สังคมศาสตร์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2566 ( 11:21:19 )

เกิดมาเป็นคนสูงสุดที่ทำจิตเป็นอุตุนิยามได้

รายละเอียด

อาตมาก็เดินทางมาเป็นอรหันต์ แล้วก็มันท้าทายนะที่จะไปรู้ที่สุดแห่งที่สุด ที่เกิดมาเป็นร่างมนุษย์แล้ว กว่าจะเลิก เพราะมันรู้แล้วเป็นอรหันต์แล้วสามารถทำลายขันธ์ทำลายอัตภาพนี้ ให้เป็นอุตุธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ได้แล้ว ชัดเจนแล้ว จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ หรือแม้แต่ความซับซ้อน อยู่ในวัฏสงสารนี้ สิ่งที่เราเกี่ยวข้อง จิตของเราก็สามารถทำให้เป็นอุตุ จิตนี่แหละทำให้เป็นอุตุ แล้วเราก็ไม่เกี่ยวไม่ข้องอะไรกับมัน แต่มันก็ยังอาศัยมันเป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ในร่างเรานี้ต้องมีดิน น้ำ ไฟ ลม ใช่ไหม อาศัย มันเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม แท้ๆ หรือมันไม่แท้ มันมีธาตุรู้มีวิญญาณ มีพีชะ เราก็ต้องอาศัยมันนั่นแหละ มันเป็นพลังงานเต็มๆ เราก็รู้มันอีกอาศัยจิตเต็มๆ ที่ยิ่งเจริญ เป็นจิตเจริญเต็มที่เจริญมากยิ่งขึ้น ขนาดไหนๆ ก็จะเจริญขึ้นไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเจริญที่สุดเป็นพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:36:20 )

เกิดมาเป็นคนไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าความรู้ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

รายละเอียด

อาตมาต้องการชี้ประเด็น ชี้ความหมายที่สำคัญที่สุดก็คือว่า เกิดมาเป็นคนมันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าความรู้ที่รู้ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรียกว่าโลกุตรธรรม มันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่านี้ 

คนในโลกนี้ ต่อให้มีความรู้แยกเป็นเศรษฐศาสตร์ แยกไปเป็นการเมือง รัฐศาสตร์ แยกไปเป็นศาสตร์ต่างๆ จนกระทั่ง ศาสตร์ในการทำอบายมุขต่างๆ ศาสตร์ในการบันเทิงเริงรมย์ ศาสตร์ในการเอาชนะคะคานกัน ในมุมเหลี่ยมไหนก็แล้วแต่ มันไม่ได้เรื่องทั้งนั้น 

พอมาเอาสาระว่า มาสร้าง สร้างวัสดุ ความรู้ทางเทคนิค เป็นเครื่องกินเครื่องใช้ เครื่องกินทางกสิกรรมสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ดีขึ้นมากว่าความรู้ที่มอมเมาแล้วเลอะเทอะ ที่ท่านแบ่งไว้ 2 อย่างใหญ่ๆ คือ ขิฑฑาปโทสิกะ กับ มโนปโทสิกะ 

ขิฑฑาปโทสิกะ ก็คือ สนุกรื่นเริง เร้าใจ สนุกสนานมาก คือกามเป็นโทษ ความเป็นโทษจากการไประเริงในความสนุกสนาน 

มโนปโทสิกะ คือ ความเป็นโทษของการไม่รู้จักจิต ไม่รู้จักมโน แล้วก็ไปแสวงหา ไปปฏิบัติประพฤติกับมโน ที่มิจฉาทิฏฐิกัน เป็นเดียรถีย์เป็นอะไรกันไปหมด ไม่เข้าใจความเป็นคุณแท้ๆ ของจิต ทางจิต อันนี้ก็เจริญกว่า ขิฑฑาปโทสิกะ 

ขิฑฑาปโทสิกะ ยังร้ายแรง ยังหลงเลอะๆเทอะๆ แล้วเสียเวลาเกิดมาสูญเสียเวลาเปล่าด้วย เลวร้าย ซ้ำเติม ทำให้คนหลงเลอะเทอะไป แข่งกีฬา การละเล่น มหรสพ การพนัน ในอบายมุข 6 ครบ นั่นคือโลกมนุษย์ที่ไม่รู้จักอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 18:55:53 )

เกิดมาเป็นชีวิตแล้วต้องมีปัญญา

รายละเอียด

ทีนี้ ทำให้ไม่เกิดไม่ตายนั้นเมื่อเกิดมาเป็นชีวิตแล้ว ในสูตรนี้แหละ 

เกิดมาเป็นชีวิตแล้วมีวิญญาณ แยกนามรูปได้ รู้วิธีอุบายเครื่องออก วิธีที่จะรู้แยกเวทนา เวทนาที่มันถูกตัณหาอุปาทานปรุงแต่งเป็นเหตุ ตัวอาการของพลังงานลดกิเลส ตัณหาอุปาทานรู้ว่ามันมีก็จับตัวมันได้ 

ปัญญามันมีฤทธิ์มีอำนาจมากเลยจับตัวกิเลส กิเลสวิ่งหนีเลย มันมีอำนาจมากนะปัญญา พลังงานสูงสุดของปัญญา กิเลสไม่รอหน้า กิเลสไม่กล้าที่จะให้ปัญญามาเห็นตัว กิเลสมันหนีไปไวมากเลยจนกระทั่งถ้าปัญญาอยู่ที่ใด กิเลสอยู่ไกลๆ มันจะไม่มาใกล้เลย มันกลัวมากเลย อธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆ ไม่ใช่เดานะ เรื่องจริง 

ปัญญาจึงสง่างามมาก ตัวที่จะทำให้หม่นหมองทำให้มืดทำให้ไม่สว่าง ไม่ได้ มาไม่ได้ กิเลสมาทำให้มืดมัวหม่นทำให้โศกะ รชะไม่ได้ เพราะตัวนี้มันมีปัญญาเป็นตัวยิ่งใหญ่ มีวิชชาเป็นตัวยิ่งใหญ่ สามารถที่จะไล่กิเลส หรือตัวของปัญญาเองกิเลสไม่กล้าเข้าใกล้ มันกลัวไปห่างพันปีแสงเลย ไม่กล้าเข้าใกล้เลยนี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 14:04:01 )

เกิดมาเป็นมนุษย์ที่สูงสุด มีหน้าที่อะไร

รายละเอียด

วิรชะ หมดเลยรสโลกเลย ที่เป็นรสโลกีย์ละเอียดไปจนเป็นตัวตนเป็นภพเป็นชาติ อย่าว่าแต่เรื่องโลกีย์รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเลย แม้แต่เป็นโลกุตระที่ยังเป็นภพเป็นชาติก็ไม่ยึดติด รู้จักภพชาติที่ดี เกิดมาเป็นมนุษย์ที่สูงสุด มีหน้าที่ช่วยโลก ช่วยมนุษยชาติก็ช่วยไป แล้วก็ทำตนให้เข้าใจเรื่องของโลก เรื่องของตน เรื่องของธรรมะ เลือกมาปรุงแต่งเข้าเป็น หิตประโยชน์ หรือมาเป็นคุณธรรมที่ โลกานุกัมปา คุณธรรมที่ช่วยมนุษย์โลกทั้งหลาย ช่วยมนุษย์ในโลกทั้งหลาย 

รวมแล้วเป็นคุณสมบัติครบถ้วนที่มาสรุปรวมใน ภาษากลางของคนในโลกที่เข้าใจกันคือประชาธิปไตย นี่อาตมาอธิบายรัฐศาสตร์ อธิบายความเป็นประชาธิปไตยแบบไทย รูปแบบของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ ของตะวันตกไม่มีของพระพุทธเจ้า ของยุโรปสหรัฐไม่มีของพระพุทธเจ้า ของเทวนิยมโลกีย์ไม่มีของพระพุทธเจ้า ไม่มี ประชาธิปไตยแบบของพระพุทธเจ้าไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:40:51 )

เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วต้องพยายามพัฒนาตัวเอง

รายละเอียด

เราก็มาเรียนรู้ตามประสาคนใฝ่ดีใฝ่รู้สิ่งที่ประเสริฐสุดที่ดีงามในมนุษย์ ใครได้เกิดมาในมนุษย์แล้วต้องพยายามพัฒนาตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็แล้วแต่ตัวใครตัวมัน พัฒนาก็ ไปตามสิ่งที่ผู้รู้ ผู้ที่พบก่อน ผู้ที่ท่านสามารถบรรลุได้ก่อนก็ว่าไปก็บอกมา เป็นความกรุณาปราณี ที่ทำเป็นได้แล้ว ท่านก็มาถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นได้ศึกษาตามเป็นตาม พวกเราก็เกิดมาเป็นอัตภาพแล้ว เรื่องนี้อาตมาก็ว่าได้เข้าใจชัดเจนแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:49:27 )

เกิดมาเพื่อทำลายสิ่งลึกลับคือพระเจ้า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ในโลกนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นการรู้ของมนุษยชาติ คนๆหนึ่ง ที่เกิดมาในมหาจักรวาลนี้ในโลกๆนี้ ที่มีมนุษย์ขึ้นมาเหมือนกันทุกคน แล้วเรียนรู้ได้ทุกอย่างจนกระทั่งตัวเองรู้เลยว่า พระเจ้าคือ สิ่งที่เขายังไม่รู้เป็นสิ่งลึกลับของคนกลุ่มหนึ่ง แต่ของท่านรู้แล้วแล้วท่านก็สลายตัวท่าน จิตวิญญาณท่าน  พระเจ้าก็อยู่ในจิตวิญญาณเรา ก็สลายจิตวิญญาณเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม พระเจ้าก็ไม่เห็นจะมาทำอะไร ไม่มีสิทธิ์กับเราเลย อย่างนี้เป็นอย่างนี้เป็นต้น เป็นการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นความจริงที่สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:39:18 )

เกิดมาเพื่อสำรอกวิบากกับเพื่อชดใช้กรรมต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

วิบากปัจจุบัน ที่เป็นผลแล้วจะสำรอกไม่ได้หรอก  ต้องเอาตามปัจจุบันที่มันเกิดกิเลสเกิดวิบาก ก็ต้องสำรอกวิบากออกไปไม่ให้มันเกิดอีก

สํานวนการชดใช้กรรม ก็หมายความว่ากรรมที่เราเคยทำมามันเป็นความชั่วมันไม่รู้ ทำดีมันก็ไม่รู้ เราก็ต้องพยายามใช้ พยายามเรียนรู้กรรม แล้วก็ทำกรรมนี้ให้มันดี แก้ตัว ที่เป็นแต่ก่อนเราทำแต่กรรมที่โง่ ทำแล้วก็สั่งสมวิบากที่ไม่ดี แก้ตัว ตอนนี้ก็มาชดใช้กรรมที่เคยชั่วเคยโง่ เราก็ทำกรรมใหม่ในปัจจุบันให้เป็นกรรมดี สำนวนก็เลยเป็นว่าชดใช้กรรม เป็นของที่เราโง่ทำไปทำไม เมื่อมาอยู่กับชาวอโศกก็ดีแล้วได้แก้กรรมให้เป็นกรรมใหม่ หรือทำกรรมชนิดใหม่ไม่ให้เหมือนเดิม ทำเหมือนเดิมทำแต่โง่ คนที่ไม่เคยได้เรียนรู้ธรรมะมีแต่กรรมที่โง่สร้างแต่กิเลสให้แก่ตัวเองหนาขึ้นเป็นปุถุชน เมื่อมาที่นี่เป็นอาริยะชนมาชดใช้ แต่ก่อนเราโง่จังเลย เดี๋ยวนี้ที่นี่มีอาริยธรรม สอนให้เราทำกรรมชนิดใหม่ ชดใช้ ไม่ต้องทำเหมือนอย่างเก่านะ ไอ้กรรมที่เก่านั้นทำทีไรมีแต่ชั่วมีแต่บาปอกุศลสะสมไปเรื่อย ที่นี่สอนให้มาทำแบบใหม่เรียกว่าชดใช้กรรม แทนที่จะทำกรรมแบบเก่าที่มีแต่อกุศลแต่บาป ให้มาทำกรรมดีเป็นการชดใช้ เดิมมันโง่ไม่ดี มาใหม่นี่ทำใหม่ นี่เรียกว่าสำนวนชดใช้กรรม คือมาเรียนรู้ สิ่งที่ควรทำแล้วทำให้ได้ แก้กรรม แทนที่จะทำกรรมเก่าที่ชั่วโง่ มาทำกรรมใหม่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน ชดใช้กรรมควรทำอย่างไร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:37:02 )

เกิดมาเพื่ออะไร

รายละเอียด

เกิดมาเพื่ออะไร อาตมาเคยพูดแต่จะไม่พูดอันที่เคยพูดนะ วันนี้จะพูดใหม่ เกิดมาเพื่ออะไร เพื่อวนเวียนอยู่กับสุขทุกข์เพราะอวิชชา นี่ 1 เกิดมาคุณก็อวิชชาวนเวียนอยู่กับทุกข์ชาติแล้วชาติเล่า สะสมกรรมวิบากก็ทุกข์ก็สุขไปตามกรรมวิบากของคุณ

อีกอันหนึ่งเกิดมาเพื่อเลิกวนเวียนอยู่กับสุขกับทุกข์ เมื่อมีวิชชา หรือคุณต้องมีวิชชา เกิดมาเพื่อจะต้องมีวิชชาที่จะเลิกสุข เลิกทุกข์ เพราะฉะนั้นตัวที่เป็นวิชชาหรือปัญญาที่จะเลิกสุขเลิกทุกข์ก็คือมีปัญญา ปัญญาที่จะเลิกสุขเลิกทุกข์  เมื่อเลิกสุขเลิกทุกข์คุณก็เลิกเกิด เช่นคุณไม่เอาแล้วสุขทุกอย่างอบายมุข ชัดเจนแล้วเราชีวิตนี้ไม่เป็นรสเป็นชาติไม่ยินดียินร้ายกับคุณ คุณก็เป็นของคุณ อบายมุขก็มีเต็มที่ คุณก็จมอยู่ในอบายมุขเช่นคนเขาฆ่ากันเต็มที่ก็เป็นอบาย เขาเต้นแร้งเต้นกาสุดฤทธิ์สุดเดชก็เป็นอบายมุขของเขา หลงใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) หลงแย่งชิง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หยาบๆ อบายมุขทั้งนั้นเราไม่เอาแล้ว เราก็ต้องรู้ของเราว่าเราเลิกเกิดแล้วในโลก เป็นอันไม่ต้องแย่งต้องชิงไม่ต้องสุขต้องทุกข์ คุณก็ตัดรอบทิ้งโลกที่มันดับหรือมันหยาบ ออกมาได้เรื่อยๆ คุณก็ต้องรู้ว่าคุณไม่เกิดอย่างนั้นอีก เมื่อได้จริงในจิต ความรู้หรือปัญญานั่นแหละ ตายอีกชาติหน้าเป็นปัญญามันก็จะไปกับจิตของคุณ อัตภาพของคุณที่เกิดชาติหน้า อาจจะถูกโลกครอบงำ ลิงลมอมข้าวพองบ้างตามบารมีเสร็จแล้วคุณก็เอาอีกเลิกแล้วรู้ตัวมันก็เลิกจากโลกโลกีย์ครอบงำ แล้วก็มาอยู่กับหมู่ที่ไม่ต้องยุ่งอย่างงั้นแล้วมีหมู่ 

เพราะฉะนั้นมันก็ค่อยเป็นระดับระดับอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ สรุปแล้วเกิดมาเพื่อวนเวียนอยู่กับสุขทุกข์ เอาเป็นเอกเลยสุขทุกข์

คำว่า สุข ตัวนี้แหละยิ่งใหญ่มากเดี๋ยวฟังที่อาตมาจะขยายความตัวการตัวผีร้าย ตัวจอมมายาใหญ่ 

เกิดมาเพื่ออะไรก็คือเกิดมาเพื่อวนเวียนกับเกิดมาเพื่อเลิกวนเวียน สรุปแค่นี้แหละ เพราะฉะนั้นคุณยังไม่รู้ความจริงว่าคุณจะวนเวียนไปทำไม เลิกวนเลิกเวียน ถ้าสลายธาตุได้ไม่ต้องวนเวียนอยู่ในกาละมาเป็นสัตว์โลกได้ มาเป็นคนก็ตาม มนุษย์ก็ตาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:27:29 )

เกิดมาแล้วไม่มีอะไรที่จะทำดีกว่าสิ่งนี้

รายละเอียด

ก็ทำได้เอง เป็นอมตบุคคลแล้ว พระอรหันต์ผ่านวิมุติแล้วเป็นอมตบุคคล มีแต่กรุณาธิคุณ เพราะฉะนั้นจะยังชีวิตอยู่เกิดอีกกี่ชาติชาตินี้ชาติหน้าชาติโน้น ตนเองนั้นสบายแล้ว ตนเองรู้วิธีตนเองพ้นทุกข์ตนเองไม่ทำชั่ว ตนเองมีแต่ทำดี มีแต่ความกรุณามีแต่การกระทำรับใช้ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นตามที่ตนเองได้ตนเองมีตนเองเป็น เป็นการมีกตัญญูกตเวทีต่อศาสนา หรือ เป็นผู้ที่มีสิ่งที่ดีก็เอาสิ่งที่ดีไปแจก เอาสิ่งที่ดีไปเผยแพร่ไปเผื่อแผ่ผู้อื่น ให้ผู้อื่นได้สิ่งที่ดี เพราะเกิดมาแล้วไม่มีอะไรที่จะทำดีกว่าสิ่งนี้ คุณจะไปเรียนวิชาอะไรในโลกจะจบด็อกเตอร์ Post Doctor ไปอีกกี่ใบ กี่ขั้นต่อกี่ขั้นก็ช่าง มันไม่สู้อันนี้เลย พระพุทธเจ้าจบด็อกเตอร์มา 18 สาขาวิชาในตักศิลายุคนั้น ท่านไม่เอาเลยท่านมาเอาอันนี้อันเดียว พูดมาไม่รู้กี่ที 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 13:02:40 )

เกิดมาในชาตินี้ไม่มีอาจารย์ มีแต่สำนักอโศกที่ตั้งขึันเอง

รายละเอียด

อาตมาว่าตถาคตของคุณกับอาตมาคนละองค์กันเพราะกรรมฐานมาคนละอย่าง อาจารย์ของอาตมาในชาตินี้ไม่มีหรอก อันนี้คนก็ต้องหมั่นไส้อาตมามากแต่อาตมาก็จำเป็นต้องพูดความจริงเพราะว่าถ้าพูดความไม่จริงอาตมาก็บาป อาตมาเกิดมาในชาตินี้ไม่มีอาจารย์ ก็ไปตามสืบหาดูว่าใครเป็นอาจารย์อาตมา สำนักไหนที่อาตมาไปเรียนด้วย แล้วลูกศิษย์ลูกหาสำนักเดียวกันที่มาอธิบายอย่างอาตมามันมีไหม มันก็ไม่มี มีแต่สำนักอโศกที่อาตมาตั้งขึ้นมานี้มันไม่เหมือนเถรสมาคมเลย อาตมาเอาพระไตรปิฎกมาเทียบเคียงพยัญชนะความหมาย ยืนยันอยู่นี่ อาตมาไม่ได้โมเม เพราะฉะนั้นอย่าตื้นๆ ฟังคนมากๆที่เขามาว่าอาตมาแล้วก็เลยเหมาว่า ไปตามเขา คุณต้องเป็นตัวของตัวเองบ้าง มากๆหน่อย อย่าไปให้เขาล้างสมองจูงนำไปในทางที่ผิด ตั้งหลักให้ดีตรวจสอบให้ดีว่าอาตมาอธิบายถูก หรือว่าพระอาจารย์กรรมฐานของคุณนั้นมันผิด ขออภัยที่ใช้คำว่ากรรมฐานเวจ มันเป็นเรื่องนอกรีตสอนกันผิด อาตมาพูดดีนะไม่ได้ไปว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:55:58 )

เกิดมาในชาตินี้ไม่มีเครดิตทางศาสนาเพราะอะไร

รายละเอียด

แต่คนที่ไม่รู้จักความเป็นจริงตามธรรมชาติของสิ่งเหล่านี้อย่างศาสนาพุทธ ที่ไปนั่งหลับตาเลยเข้าไปภายในเลย ไม่เริ่มต้น กาม ไม่เริ่มต้นที่กายภายนอกแล้วก็ล้างกิเลสออกไปก่อนไปตามลำดับ มันเป็นโมฆะเลย ศาสนาพุทธจึงไม่มีมรรคผลเลย อาตมาก็พูดเรื่องแบบนี้มาก เขาก็ยังไม่กระเตื้องเลย เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้ต้องพิสูจน์ตัวเองว่า อาตมาเกิดมาในชาตินี้ไม่มีเครดิตทางศาสนาเลย ที่มันไม่มีเครดิตเพราะอะไร 

เพราะโลกสังคมพุทธมันได้เสื่อมมาก ไม่ใช่ว่าอาตมาไม่มีเครดิตเอง แต่เพราะสังคมมันเสื่อมมากจนไม่รู้ว่าที่อาตมาพูดนี่แหละคือเพชร เพชรของศาสนาพุทธ คือโลกุตระของศาสนาพุทธแต่เขาฟังไม่เป็น เขาหลงไปยึดติดหลงไปในทางออกนอกประเทศไปเป็นมิจฉาทิฐิจนสนิทสนมแล้ว แล้วมันก็นาน มันหลงผิดมานานครูบาอาจารย์หลายรุ่นผ่านมาหลายร้อยปีเป็นพันปี ผิดเพี้ยนไปไปยึดถือเอาสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกไปยึดถือเอาเดียรถีย์เป็นเรื่องถูก อาตมาเอาโลกุตระมาประกาศออกไปมาบอกออกไป เขาก็บอกว่า หาว่าอาตมาจะมาทำลายศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเขาคิดว่าเป็นอย่างที่เขายึดถืออยู่อย่างนั้น มันก็เลยยากแต่อาตมาไม่ได้ท้อ รู้ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ รู้อยู่ว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้จะต้องเอาโลกุตระสถาปนาลงไปในชาวพุทธให้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:27:09 )

เกิดสงครามกลางเมืองรอบ 2 ที่อเมริกา แน่นอน

รายละเอียด

เป็นไปได้จะเกิดสงครามกลางเมืองรอบ 2 ที่อเมริกา แน่นอนสงครามกลางเมืองของอเมริกาจบลงด้วย จอร์จ วอชิงตัน จริงๆแล้วเท่าที่อาตมาดูตามประวัติศาสตร์แล้ว จอร์จ วอชิงตันเป็นคนดีนะ คนยอมรับนับถือเขาที่เป็นคนนำกองทัพ ทำให้สงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันของคนอเมริกัน จนกระทั่งเรียบร้อยสงบลงได้ เขาไม่ได้อยากขึ้นเป็นประธานาธิบดีนะ แต่คนไม่ยอม ประชาชนดึงเขาให้เป็นประธานาธิบดีจนได้ เขาก็จำนนต้องมาเป็นประธานาธิบดีทั้งที่ไม่ได้อยากเป็นเลย  ส่วนวิมานลอยนิยายเรื่องนี้เขาสร้างพระเอกนางเอกมาประกอบ แต่ตัวสำคัญคือจอร์จ วอชิงตัน ที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการทำให้สงครามสงบลงได้เรียบร้อย ใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้ นักแสดง คลาร์ก เกรเบิล กับ วิเวียน ลี เป็นหนังใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:46:28 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:49 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:01:55 )

เกิดสังคมพุทธ

รายละเอียด

คือ การที่คนรู้ได้ รับได้  เอาธรรมะไปปฏิบัติได้  จนเกิดสังคมพุทธโดยเอาวรรณะ 9  สาราณียธรรม 6 โคตรมีสูตร มาจับ  พวกเราก็ปฏิบัติตรง  เช่นข้อที่ซ้ำกันตรงกันในโคตรมีสูตร วรรณะ 9  สาราณียธรรม 6 ที่ตรงกันคือ มี อัปปิจฉะ มักน้อย  แปลเป็นไทยว่า กล้าจน มาชอบความจน  มัก แปลว่า ชอบ ปรารถนา  อันเดียวกัน  ปรารถนามาเป็นคนจน นี่เป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:21:56 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:17 )

เกิดหิริจนถึงโอตตัปปะในสัทธรรม 7

รายละเอียด

พวกเรานี้ใช้คำพวกนี้ คนอื่นเขาหมั่นไส้ เช่น อย่างสูงยิ่ง อย่างแรงกล้า อะไรอย่างนี้ ความศรัธาอย่างแรงกล้า หรืออะไรอย่างนี้ อาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาพูดเอามาใช้นะ  ไม่ได้เป็นคำของอาตมา แล้วมันเกิดสัจจะเอง อย่างที่อาตมาอธิบายสัจธรรม เรื่องจรณะ 15 วิชชา 8 โดยปฏิบัติอปัณณกปฏิปทา 3 แล้วก็เกิดสัทธรรม 7 สัทธรรม 7 นี้มี ศรัทธา หิริ โอตัปปะ พหูสูต แล้ว วิริยะ สติ ปัญญา อีก 3 คำ มันเป็นพลังงานที่สร้าง 4 อันนี้ให้เจริญ (เจริญวนรอบเชิงซ้อนสูงขึ้น)

คุณศรัทธาก็คือคุณเชื่อ คุณเห็น คุณเข้าใจ คุณรู้ สูงขึ้น สูงขึ้นเป็นพหูสูต พหูสูตก็คือสัจจะที่ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น คุณจะมีพหูสูต คุณจะมีสัจจะที่เจริญยิ่งขึ้น คุณจะยิ่งรู้ ยิ่งเจริญ ยิ่งศรัทธาสูงขึ้น มีความเฉลียวฉลาดขึ้น ก็เพราะคุณมี หิริ จนตัว หิรินี้มันเป็นโอตตัปปะ เป็นความละอายและเกรงกลัว มันเป็นเรื่องลึกซึ้งมากเรื่องความละอาย 

ละอาย ที่เราทำสิ่งนี้ไป 1. เป็นเรื่อง หยาบ แต่ก่อนนี้เราไม่เคยเข้าใจ นึกว่าโลกมันนิยมชมชอบ แล้วเราก็ไปเป็นดารา ไปเป็นตัวแสดงอันนี้ เช่น ไปเป็นนักแสดง เป็นดารานี่แหละ เดี๋ยวนี้เขาก็ยังหลงดารากันอยู่ เป็นนักกีฬาชั้นเอกอย่างนี้ มันเป็นอบายมุข อาตมาก็อธิบายมาหมดแล้ว เขาไม่รู้หรอก เพราะฉะนั้นโลกที่ยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ยังเป็นเรื่องของ มิลักขะ เป็นเรื่องของคนเถื่อน ส่งเสริมการแสดง ส่งเสริมท่าทางลีลาฟ้อนรำยั่วยวนอะไรต่างๆ ส่งเสริมการเอาแพ้เอาชนะกีฬาอะไรต่างๆ 

มาเป็นคนยอมแพ้นี้ ไกลเหลือเกิน นานเหลือเกิน ไม่ใช่ไปเอาชนะคะคานเขาให้ได้ๆๆ แล้วเสริมให้ชนะ แล้วบอกว่ามีน้ำใจนักกีฬานะ ชนะแล้วก็อย่าไปข่มเขาเบ่งเขา ปัดโธ่เอ๋ย.. อย่าไปพูดเสียให้เหม็นขี้ฟันเลย ชนะเขาแล้วมันไม่ข่มเขามันไม่มีหรอก มาแพ้เขาสิ คุณจะไม่ข่มเขา ขนาดแพ้แล้วยังจะเอามาข่มเลยอย่างคุณทักษิณนี่ เขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ยอมเข้ามานี่ก็แพ้แล้ว แล้วก็ยังจะมีอภิสิทธิ์จะไม่ยอมแพ้ทั้งนั้น เห็นความซับซ้อนของความดึงดันดื้อด้านแห่งอัตตาตัวตนกิเลสใหญ่ของเขาไหม อย่างที่ทักษิณเขาประพฤติ นี่ก็ขออภัยยกตัวอย่างของคนจริง มันเป็นเรื่องจริง 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2566 ( 14:53:40 )

เกิดหิโรตัปปังเป็นไฉน

รายละเอียด

ผู้ที่ปฏิบัติรู้จักสัตบุรุษรู้จักผู้ที่เป็นผู้ที่สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า อย่างสัมมาทิฏฐิเป็นผู้ที่เข้ามารับช่วงทำงานให้แก่พระพุทธเจ้าเรียกเป็นสัตบุรุษ แต่ก่อน ผู้ใดก็ตามไม่เคยรู้ว่าสัตบุรุษคือใคร พอมาได้ปัญญารู้จักว่าคนนี้คือสัตบุรุษ คนนี้จะเข้าไปเคารพ รัก และละอายอย่างแรงกล้า ละอายอย่างไร ละอาย เพราะตนเองจมอยู่ในโลกีย์มา หน้าดำคร่ำเครียดไม่รู้กี่ชาติพอมาเจอโลกุตระ ดีไม่ดี ท่านเป็นสัตบุรุษ เสร็จแล้ว กลับเห็นว่าไอ้นี่คนนอกรีต ดูถูกไม่เคารพ ดีไม่ดีว่าด้วย ดีไม่ดีดูถูกมากกว่า พอมาเห็นจริงรู้จริงเข้าละอายไหม ละอายอย่างแรงกล้าเลย ซาบซึ้งอย่างแรงกล้าเลย นี่คือพระพุทธเจ้าท่านใช้ศัพท์คำนี้ (ยังนึกไม่ออก) 

แล้วหิริโอตตัปปะท่านใช้คำว่า “หิโรตัปปัง” ผนวก ทั้งหิริโอตตัปปะสมทบกันเลย ทั้งละอายทั้งกลัว เป็นบาปเป็นสิ่งไม่ดีมีน้ำหนักของความรู้ความจริงอันนั้นมีหิริโอตตัปปะ เป็นหิโรตัปปังเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:53:39 )

เกิดอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอื่นไปไม่ได้

รายละเอียด

สัจธรรมพวกนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องพูดเล่น ไม่ใช่เป็นเรื่องสมมุติ กำหนดลิเกละครอะไร แต่มันคือสัจจะที่บอนทูบี เป็นสัจจะที่ตถตา เกิดอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้ ตัวบุคคลก็ต้องเป็นบุคคลจริง พฤติกรรมที่จะต้องมาต่อภพภูมิของตัวเอง ผู้ที่เข้าถึงขีดหนึ่งแล้วมันไม่แปรเปลี่ยน มันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เป็นอย่างนี้มันไม่ใช่ 

เพราะท่านกำหนดมาแล้วบอนทูบี จะต้องเกิดอย่างนี้จะต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นมันไม่ใช่หรอก อย่างอาตมารู้ตัวเกิดมาปางนี้จะต้องมีอุปสรรค จะต้องต่อสู้อะไรต่ออะไร เพราะความรู้โลกุตระมันได้เสื่อมไปหมดแล้ว 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านไม่ได้อธิบายแต่ท่านลุยทำรูปธรรมอย่างเดียว จนกระทั่งทำมา 70 กว่าปีก็ได้ผล คนก็มีธาตุรู้ มีปฏิภาณปัญญา ก็พอจะรู้พอจะเข้าใจไปทั่วโลก จนกระทั่งได้รางวัล เขาก็ไม่รู้เขาให้รางวัลอะไร แต่รู้สึกว่ามันจะดีแน่นอน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:19:27 )

เกิดอีกก็ได้ ไม่เกิดอีกก็ได้

รายละเอียด

คุณก็ต้องมาเอาเกิดอีกก็ได้ไม่เกิดอีกก็ได้ ไม่เกิดอีกแบบสูงสุดเป็นอรหันต์แยกธาตุจิตนิยามเลยก็ได้ คุณเกิดอีกก็ได้ไม่เกิดอีกก็ได้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ก็ยังจะทำเกิดอีก อาตมามั่นใจที่จะทำให้ไม่เกิดตั้งแต่ โลกอบาย โลกกาม โลกธรรม โลกอัตตา แค่กามนี้ก็มากมายแล้ว กามนอกไม่มีแล้วก็มาที่รูป ลดลงไปอีกจนน้อยมาก อรูป มันไม่มีรูปมีน้อยมากแล้วก็ยังมีอยู่คืออรูป ตัวนี้ก็ทำให้มันไม่มีไปอีกเป็นสุดท้ายแล้ว มันไม่มีตัวตนใดๆ อรูปมาหลอกหลอนไม่มี นิ่งสูญสนิทเลย คุณก็พิสูจน์สิ คุณจะพิสูจน์ไป 10 ปี 20 ปียืนยันพิสูจน์ อรูปนี่แหละ คุณก็จะเป็นอรูป หรือเป็นสัตว์ชนิดอรูปสัตว์ที่นาน คุณจะต้องพิสูจน์กันไป คุณงงของคุณเองก็ไม่รู้ จนคนรู้จบ อรูป มันก็ไม่ใช่ตัวตนไปยึดถือมันทำไมคุณก็รู้จักอาการยึดถือ อาการไม่ยึดถือกับอาการปล่อย มุญจิตตุกัมยตาญาณ ปล่อยเปลื้อง พลังงานที่มันปล่อย หมดแรงดูดจริงๆคุณก็ต้องรู้ว่าคุณทำได้ จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็เลิกได้ คุณก็รู้หมดเลยความเป็นสัตว์ที่เกิดอีก ตายแล้วเกิดอีกก็มีตายแล้วไม่เกิดอีกก็มี อันสุดท้ายโง่สุดมันเกิดอยู่หรือไม่เกิดก็ไม่รู้ ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ คุณก็เลยกลายเป็นโง่ที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:52:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:56 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:00:36 )

เกิดเป็นคนต้องช่วยกันเอาภาระกัน

รายละเอียด

เช่น เด็ก มันเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ต้องเป็นภาระของผู้ใหญ่ต้องเลี้ยงดูแล ถ้าไม่เลี้ยงมันตายนะ สัตว์คนนี้ประหลาด เกิดลูกมาไม่เลี้ยงมันก็ตายแหงๆ สัตว์หลายชนิดถ้าพ่อแม่ไม่เลี้ยงก็ตาย ยิ่งเป็นคนแล้วไม่ได้เลย ลูกเลี้ยงตัวเองไม่เป็นเลย พอเกิดมาหากปล่อยทิ้งขว้างเหมือนเต่านี้ไม่ได้ สัตว์คนนี้เกิดลูกมาปล่อย ไม่เลี้ยงมันก็ตายง่ายๆ ต้องเลี้ยงเป็นภาระ หรือเจ็บป่วยก็ต้องเป็นภาระ ดูแลช่วยเหลือกัน แก่ไปก็ไม่ไหวแล้ว พึ่งตนเองก็ไม่ค่อยรอดแล้วเดินง่อกแง่ก ดีไม่ดีนอนติดเตียง ก็ต้องช่วยกันเอาภาระกัน เป็นคนต้องช่วยกันเอาภาระกัน สุดท้ายมันต้องตายจากกันจนได้ จะติดเตียงอย่างไร มันก็ไม่อยู่นิรันดรหรอก มันก็ต้องตายจากกันไม่ต้องไปแกล้งไม่ต้องไปอยากให้ตาย มันต้องถึงวาระขันธ์ของเขาสุดสิ้นวิบากของเขาสุดสิ้นก็ต้องตาย ไม่ต้องไปอยากให้ตาย แล้วก็ไม่ต้องไปอยากให้อยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:27:58 )

เกิดเป็นคนที่ต้องศึกษาคนกับสังคม

รายละเอียด

แน่นอนรัฐบาลก็ต้องดิ้นรนรักษาอำนาจไว้ เพื่อจะมีอำนาจในการดูแลหรือควบคุมประชาชน เขาต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเลวหรือรัฐบาลดี รัฐบาลเลวเขาก็คิดว่าเขาจะไปช่วย แต่ที่จริงเขาไปเอาเปรียบเอาความเลวร้ายเข้าไป แต่รัฐบาลดีก็จะไปอุดหนุนจุนเจือเอื้อเฟื้อให้ประชาชนเป็นอยู่สุขสบาย มันก็มี 2 ลักษณะ 

เพราะฉะนั้นในขณะที่มันเป็น 2 ลักษณะนี้นี่แหละ ไม่มากก็น้อย มันเป็นยังไง มันเป็นอย่างดี รัฐบาลเลวจะทำให้ประชาชนเลว หรือรัฐบาลดีจะทำให้ประชาชนดี โดยสัจจะมันเป็นอย่างไหนคนก็ต้องใช้ปฏิบัติปัญญาของตัวเอง อ่านของจริง 

สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ไตร่ตรองดูสิ อย่างที่รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำ กับรัฐบาลอื่นทำ รัฐบาลที่ผ่านมาแล้วต่างๆ อาตมาว่าก็ยังดีกว่ารัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่รู้กี่รัฐบาล ยิ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็นำความจริงที่เรามีภูมิมีปัญญารู้ เอามาเปรียบเทียบวัดกันดูสิ ว่าอะไรมันควรดีกว่าอะไร ไม่มีใครที่จะไปบิดเบี้ยวความจริง นอกจากคุณจะไม่มีข้อมูล คุณจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย เป็นคนไม่รู้เรื่อง สังคม การเมืองอะไรไม่รู้ ฉันได้แต่ทำยาเสพติดขาย ฉันได้แต่เต้นแรงเต้นกามัวเมาอยู่กับกีฬา อยู่กับการบันเทิงเริงรมย์ อยู่ในอบายมุข  อยู่ในอะไรก็แล้วแต่ ไม่รู้สังคมประเทศเขาจะมีอะไร ใครจะบริหารอะไร 

คนพวกนี้นี่ แหม! นอกจากไร้สาระแล้ว ยังไปทำสิ่งที่งมงาย สิ่งที่ไม่มีคุณค่าสาระอะไรให้แก่สังคมบ้านเมือง เกิดมามีชีวิตก็มีแต่นรก ไม่นรกขิฑฑาปโทสิกะ ก็นรกมโนปโทสิกะ ก็คนไม่รู้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเขาก็จะทำโง่ของเขาไป เสียเวลาไปแต่ละชาติเกิดมาก็มีกรรมกิริยาอยู่ก็ไปงมงายเสียเรื่องไม่เข้าท่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนต่อสังคมอะไรเลย มีแต่มอมเมาซ้ำเติมตนเองและซ้ำเติมสังคมให้โง่เง่า จมไปกับเรื่องไร้สาระด้วย เกิดเป็นคนที่ต้องศึกษาพวกนี้แหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:34:23 )

เกิดเป็นคนสุงสุดเป็นถึงพระพุทธเจ้าได้ต่างจากเทวนิยม

รายละเอียด

อาตมาพยายามเข้าใจเทวนิยมเขายึดถืออย่างไร เราก็เห็น แต่มันมีนัยละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนที่ลึกซึ้งสมบูรณ์ ของชาวพุทธนี้ลึกซึ้งสมบูรณ์ แม้ที่สุดเกิดมาเป็นคนเป็นจิตนิยามสุงสุดเป็นถึงพระพุทธเจ้าได้เยอะ ไม่ใช่มีพระเจ้าเป็นใหญ่ที่สุดนิรันดรสูงสุดก็คือพระเจ้าเป็นศาสดาตามที่เข้าใจในศาสนาโน้นเราก็เข้าใจเขาจริงๆ แล้วยืนยันได้ค่อยๆ ฟังอาตมาอธิบายไปพยายามจะไม่อธิบายบ่อยนักนะเดี๋ยวจะไปกระทบทางโน้นเขาไม่ดี พอถึงเวลาวาระอธิบายให้ฟังก็ต้องระมัดระวัง ไม่ละลาบละล้วงเกินไป

ที่มา ที่ไป

การแสดงธรรมก่อนประชุมเพลิงหน้าศพ วันที่ 3 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 20:51:35 )

เกิดเป็นคนแล้วไม่ศึกษาธรรมะน่าเสียดาย

รายละเอียด

เขาไม่ศึกษาเรื่องกรรมวิบาก พวกนี้ได้อกุศลกรรมได้วิบากบาป เราเป็นนักธรรมะ เราคำนึงถึงกรรมวิบาก แต่พวกนี้ไม่คำนึงถึงกรรมวิบาก เกิดมาในชีวิตนี้น่าเสียดาย มันเท่ากับซ้ำเติมตัวเองเข้าไปอีก แล้วชาติหน้าจะหนัก จะเกิดเป็นหมูเป็นหมาเป็นสัตว์นรกอะไรก็ไม่รู้ได้ มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ศึกษาธรรมะกัน น่าเสียดาย โดยเฉพาะธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นธรรมะโลกุตระ ซึ่งเป็นธรรมะที่ถึงที่สุดในการรู้เรื่องจิตนิยามสูงสุด 

จิตนิยามนั้นรู้เรื่องดีและชั่วสมบูรณ์แบบ และมีหลักประกันปฏิบัติตนเพื่อไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีถ่ายเดียว เป็นหลักประกันเกิดชาติต่อไป หากละอนุสัยนี้แล้ว จะเกิดอีกกี่ชาติๆ เป็นพระอรหันต์แล้วเป็นต้น ก็ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดี แต่มันไม่ใช่แค่ดีและชั่ว ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 17:51:51 )

เกิดเป็นคนไปฆ่าสัตว์มากินอีกก็วนเวียนลงไปเป็นสัตว์อีก

รายละเอียด

จากสัตว์ที่กินเนื้อมาเป็นสัตว์ที่กินพืช นี่เป็นบารมีของสัตว์ บารมีของสัตว์กินเนื้อ ยังยาก พอมาเป็นคนแล้ว มาเป็นสัตว์ที่กินพืชแล้วก็เจริญขึ้นมาหน่อย แต่เมื่อมาเป็นคนแล้วกลับไปกินสัตว์ กินเนื้อสัตว์ ฆ่าสัตว์มากินอีก ก็วนเวียนลงไปเป็นสัตว์อีก มาฉลาดแล้วก็กลับไปโง่ซ้ำโง่ซ้อน ให้เหมือนกันกับสัตว์เดรัจฉาน แล้วเมื่อไหร่มันจะเจริญสักที อาตมาไม่ขยายความมาก เรื่องไม่กินเนื้อสัตว์ ขยายไปจนกระทั่งเป็น บุญญาวุธ หมายเลข 1 เรื่องมังสวิรัติ เรื่องไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ค่อยๆค้นคว้าเอา อธิบายไว้ บันทึกไว้มีเยอะแยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 21:33:47 )

เกิดเป็นผลสมบูรณ์สุดตามลำดับ

รายละเอียด

จุลศีล เอามาใช้ในการเป็นหลักปฏิบัติ มัชฌิมศีลคือศีลที่ขยายความ ก้าวหน้าจากจุลศีล

ปฏิบัติศีลข้อที่ 1 ก็เกิดอธิจิต อธิปัญญา อธิวิมุติ เกิดเป็นผลสมบูรณ์สุด

ได้ไปตามลำดับ ตามศีลแต่ละข้อ ข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ข้อที่ 1 เกี่ยวกับสิ่งของ ข้อที่ 3 เกี่ยวกับตัวเอง ต้องระมัดระวังกิเลสในทวาร เกี่ยวกับคนเกี่ยวกับสัตว์ที่เราเห็นว่าเป็นกิเลสด้วยซ้ำไป ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของ สัมพันธ์กันด้วยทวารทั้ง 6 นี่แหละ ในศีลข้อที่ 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:46:42 )

เกิดแต่ละชาติมันเป็นทุกข์ในทุกชาติ

รายละเอียด

คู่วิบากมีทั้งคู่รัก คู่วิบากมีทั้งคู่แค้น คู่แย่ง คู่ชิง คุณก็จะต้องมีสัมภาระวิบากไป คุณไม่รู้กรรมวิบากเป็นอจินไตย ที่เกิดในแต่ละชาติมันเป็นทุกข์ในทุกชาติ แต่คุณอวิชชา คุณไม่รู้ทุกข์ เพราะฉะนั้นคำว่าทุกข์คำนี้มันจึงลึกซึ้งมากจริงๆเลย อาตมาพูดมาตั้งแต่ต้นว่าเบื่อชีวิตจริงๆ แต่เมื่อเรารู้แล้วเราไม่ได้ติดยึด เราก็เห็นมันมีประโยชน์คุณค่า ก็ยังประโยชน์คุณค่าไปก่อน อาตมาติดอยู่ที่เห็นประโยชน์คุณค่า ก็พยายามทำประโยชน์คุณค่า ไม่ยึดติด ไม่พยายามทำจิตเราไม่ให้ได้ยินดี แต่ให้ทำจิตยินดีมีปฏิภาณปัญญาทำประโยชน์ โดยเฉพาะสืบสานศาสนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 05:18:19 )

เกิดใหม่เป็นคนใหม่ “บุญ” ก็ไม่ตามมา!

รายละเอียด

ผู้ทำ“บุญ”สำเร็จจริง แม้ตายข้ามชาติมาเกิดเป็น“คนใหม่”

ก็คือ คนผู้“ไม่มีบุญ”อีกแล้ว เพราะ“บุญ”ได้ทำมาแล้วแต่ปางก่อน

ดังนั้น “ปุพเพกตปุญญตา” จึงหมายถึง “บุญ”ที่ทำมาแล้วแต่ปางก่อน”

นั่นก็คือ คนผู้นี้“มีการได้ชำระกิเลสออกไปจากจิตสำเร็จ

แล้วแต่ปางก่อน” ซึ่ง“ไม่ใช่มี‘สมบัติ’ที่ได้ทำสำเร็จใส่จิตตนแล้วแต่ปางก่อน” 

ทว่าหมายถึง“ได้ทำ‘วิบัติ’ให้แก่จิตตนสำเร็จแล้วแต่ปางก่อน

ติดตัวมา”ต่างหาก ซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่ว่า “ได้ทำ

‘สมบัติ’ใส่จิตตนสำเร็จแล้วแต่ปางก่อนติดตัวมา” 

มันคนละความหมายมันคนละสภาวธรรมมันตรงข้ามกันเลย!  

ถ้าผู้ใดเข้าใจผิด(มิจฉาทิฏฐิ) ผู้นั้นก็จะหมายเอาว่า “บุญ”

ไม่ใช่“สิ่งที่สูญไป” จะไม่ใช่ภาวะของ“การชำระออกไป”แล้วสูญสิ้น

หรือการ“หมดสิ้นสูญสลายหายไปเกลี้ยง” แต่หลงผิดเข้าใจว่า

“บุญ”ไม่มีวัน“หมดสิ้นกันได้เป็นที่สุดเด็ดขาด”กันสักทีอยู่นั่นเอง

“บุญ”ก็จะยัง“วนเวียน”มา“มี”อีกอยู่นั่นแล้ว ไม่มีวัน“จบ”

ไม่มี“สิ้นสูญ”เด็ดขาด  ก็ไม่มี“นิพพาน”ที่“จบกิจ”กันได้สักที

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 499 หน้า 369


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 12:35:18 )

เกี่ยวพันอยู่ในถ้ำ

รายละเอียด

เกี่ยวพันอยู่ในถ้ำ  คือ  เหมือนสิ่งของที่ข้อง  เกี่ยวข้อง  ข้องทั่วไป  ติดอยู่  พันอยู่  เกี่ยวพันอยู่ที่ตะปู  ซึ่งตอกติดไว้ที่ฝา  หรือที่ไม้ขอ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:28:48 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:49 )

เกื้อกูลกัน

รายละเอียด

เขาบอกว่าประชาธิปไตยทุนนิยม กับโลกุตรธรรมไปด้วยกันไม่ได้หรอก คุณพูดอย่างนี้มันแยกอีกแล้ว “อย่าทำความแตกแยก แม้แต่ความเลวและความดีก็ต้องไปด้วยกัน ผู้ที่เป็นคนดีจะสงสารเมตตาเกื้อกูลเอ็นดูผู้ที่เป็นคนเลว” แล้วค่อยๆ ช่วยเท่าที่ได้ ยังช่วยไม่ได้ก็ห่างๆ ถ้าช่วยพอได้ก็เข้ามาพอสมควร อย่างนี้ถึงเรียกว่าเกื้อกูลกันมันช่วยกันไปได้ ถ้าหากไม่มีใจเกื้อกูล ทุกอย่าง ปล่อยคนทิ้งไว้ข้างหลัง 

เพราะฉะนั้นพลเอกประยุทธ์เป็นโพธิสัตว์จึงกล่าวคำนี้ “ผมจะไม่ปล่อยใครทิ้งไว้ข้างหลัง” นี่เป็นคำของพระโพธิสัตว์ ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์จะไม่บังอาจหรือไม่มี อาสโภ จะไม่กล้าหาญที่จะเปล่งกล่าวคำนี้ ศึกษาให้ดีๆ ซึ่งลุงตู่มีส่วนรับผิดชอบ เรื่องจีนเทา โรฮิงญา มันเป็นเรื่องที่มีมานาน ก่อนทักษิณ ยิ่งในยุคทักษิณจีนเทาเกิดเต็มบ้านเต็มเมืองเลย ไม่ใช่เรื่องของพลเอกประยุทธ์ที่จะเป็นผู้ที่อยู่ในยุคของพลเอกประยุทธ์ เป็นยุคของทักษิณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 17:04:53 )

เก็บตกผู้ที่มีบารมี

รายละเอียด

คนที่โง่หรือคนที่ไม่มีทางที่จะรับโลกุตระได้ เขาไม่มาหรอก อาตมามาทำงานนี้ อาตมามาเก็บตกผู้ที่มีบารมี คนไม่มีบารมี ยากมาก เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าคนศาสนาอื่นที่มาเข้ากับอโศก มาเปลี่ยนศาสนามาอโศก อาตมาทำไม่ได้ มีที่ไหน ไม่มี น้อยมากเลย มีอยู่เหมือนกันแหละแต่อาตมาไม่อยากนับ เพราะว่ามันเทียบเปอร์เซ็นต์กันไม่ได้เลย มันน้อยมาก คนที่เป็นศาสนาอื่นแล้วมาปฏิบัติธรรมกับอโศก 

เพราะงั้นในธรรมะที่อาตมานำมาเปิดเผยนี้ จึงเป็นธรรมะที่พูดไปแล้วว่ามันเสื่อมจากสังคมพุทธ อาตมาไม่ได้สอนธรรมะโลกีย์เท่านั้น สอนโลกุตระ มันเสื่อมไปแล้วก็กอบกู้มันขึ้นมาได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญเอาตมาก็พูดไม่รู้กี่ทีแล้วว่าภาคภูมิใจที่กอบกู้ขึ้นมาได้ ได้ประมาณนี้สำเร็จถึงขั้นสาราณียธรรม 6 เกิดสังคมชุมชนที่มาอยู่ด้วยกันนี้ ถึงขั้นมีสังคมสาธารณโภคี อยู่กันอย่างเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วต่างคนต่างก็ปฏิบัติธรรมของตนเองมีศีล มีทิฏฐิของตัวเองเจริญขึ้นไปตามลำดับ เสมอสมานกันอยู่ร่วมกันอยู่ในนี้ เท่านี้อาตมาก็ภาคภูมิใจแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:50:46 )

เก็บผลไม้ในสวนคนอื่นผิดบาปไหม

รายละเอียด

จริงๆแล้วมันก็ไม่ถูกเพราะเขาไม่ได้อนุญาต อย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่มันเหตุปัจจัยในบริบทที่คุณพูดมานี้ มันสมมุติกัน ถ้าไปตามสมมติที่คุณพูดมาในบริบทนี้ ว่า เจ้าของไม่มาดูแลเลยเหมือนกับเป็นของสาธารณะ มันก็เหมือนของสาธารณะมันก็ไม่บาปไม่ผิดอะไร แต่ถ้าเจ้าของเขามายืนยันเขาเอาผิด คุณก็ต้องผิดเพราะมีเจ้าของมาทวงได้ แต่ถ้าเขาไม่มาทวงมันก็ไม่ผิด อาจจะบอกว่าเอาเถอะกินไปเถอะ มันก็อยู่ที่เหตุปัจจัยความยึดถือของสิ่งที่ประกอบกันอยู่อย่างนั้น เป็นองค์ประกอบของมันจะตอบตายตัวก็ไม่ได้ ก็สำคัญไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ไม่ต้องไปละเมิดเขาหรอก ถ้ามันเกินไปบ้างไม่ได้เจตนาก็เอาไปเถอะ ถ้าเขาจะเอาผิดก็ราคาเท่าไหร่ก็ให้เขาไปสิ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:11:04 )

เก่งกว่าทุกประเทศคือเปรตแท้

รายละเอียด

“เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ แพร่กระจาย สยายข้อมูลข่าวสารประหารศัตรูคู่แข่ง แอ้งแม้งได้ยอดสุด”

เปรตก็หมายถึงคนนี่แหละ ที่มีพฤติกรรมไม่ดี มันเป็นตัวบงการ เป็นพระเจ้า เป็นตัวนายของชีวิตของคุณ ของคนไหนก็แล้วแต่ มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ แล้วก็เลยแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารเอาไปประหารศัตรูคู่แข่ง โดยใช้ข้อมูลข่าวสาร ใช้ io มาปราบศัตรูคู่แข่งจนชนะ ศัตรูคู่แข่งแอ้งแม้งไปได้อย่างที่เห็นมีผลสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นก็ดูไปก่อน เขาใช้วิธีนี้เครื่องมือนี้อย่างนี้ ซึ่งมันยังตัดสินไม่ได้ อาตมาตัดสินด้วยซ้ำแล้ว ถ้าเธอว่าเขาเข้ากับหลักเกณฑ์ที่อาตมาพูดไว้ว่า เลวที่สุดในแผ่นดินคือหากินบนคำว่าช่วยเขา 

ถ้าคุณเอาคำว่าช่วยเขาเป็นนโยบายนำ แล้วก็สร้างต่างๆ นานาเลย ว่าจะได้ผลอย่างนี้อย่างนี้คาดว่าจะได้อย่างนี้ ถ้าเลือกผมนะจะได้อย่างนี้คาดไว้ มันเป็นการติดสินบนไว้ก่อนทั้งนั้น คุณจะทำสำเร็จหรือไม่อาตมาก็ให้ดูไป ไม่ได้ตีทิ้งเขาทีเดียว ดูเขาไป เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งมาลงโทษอาตมาว่าอาตมาไปดูถูกดูแคลนกันทีเดียว แต่อาตมายังไม่เชื่อไง เพราะคุณยังไม่ได้ทำ 

แต่ลุงตู่ทำมาแล้วก็มีผลสำเร็จที่อ้างอิงยืนยันได้ อาตมาก็เชื่อสิ แต่คุณยังอยู่ในความฝัน ในจินตนาการ ในความคาดคิดซึ่งมันยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มันยังไม่เป็นเรื่องเป็นราว ไม่เป็นตัวเป็นตนอะไรออกมา เพราะฉะนั้นเราจะไปตัดสินก่อนได้ไง ก็ต้องดูไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 20:50:38 )

เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่จบเพราะอะไร

รายละเอียด

คนเราเกิดมา อาตมาก็พยายามย้ำแล้วย้ำอีก คนเราเกิดมาแล้วจะมีความเก่งกาจแค่ไหนก็แล้วแต่ มันก็ยังไม่จบหรอก มีแต่บานปลายเป็นปากกรวยออกไป ไม่มีที่สิ้นสุดออกไปนอกโลกในอวกาศในเอกภพ สุดเอกภพก็ไม่จบหรอก 

“ไม่จบ” คำนี้หมายความว่า 

1. คุณทำตนให้สิ้นสุดกิเลสหมดเกลี้ยงไม่ได้ 

2. คุณจะไม่รู้จบรู้พอ มันจะมีแต่อยากๆๆ อยากไปอีก อยากไม่มีจบไม่มีพอ 

3. คุณจะไม่รู้เลยว่า จิตวิญญาณหรืออัตตา อัตภาพของแต่ละคน ที่ได้อัตภาพมา เมื่อเกิดมาเป็นจิตนิยามแล้ว ได้อัตภาพมาเป็นของตัวของตน ตั้งแต่เริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียวมา จนกระทั่งเป็นสัตว์ล้านๆ เซลล์ จนกระทั่งมาเป็นคน เวไนยสัตว์ คนที่สอนโลกุตรธรรมได้แล้วก็เรียนรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 04:26:06 )

เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ 

รายละเอียด

ตั้งแต่ประเทศไทยเกิดมาจนถึงปัจจุบันเป็นประเทศที่มีชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นประเทศที่เกิดมาไม่มีพระมหากษัตริย์เหมือนสหรัฐอเมริกา ก็ดำเนินไปแบบของเรา ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์จะต้องมีธรรมชาติพวกนี้มันเป็นสัจจะที่ใช้อาศัยอยู่ในสังคมโลก สังคมมนุษยชาติก็ต้องเป็นไป

เราก็ต้องมาขยายความเอาพฤติกรรมจริง เอาหลักการทฤษฎีความจริงมาวิเคราะห์วิจัย ลองดูว่ามันพอจะเข้ากับหลักไหน แล้วเราก็ศึกษาเกิดความรู้ไปในแต่ละชาติๆ ก็ได้เกิดความรู้ผ่านชาติไป แต่ละคนที่เกิดมามีชีวิตผ่านปัจจุบันไป มันก็จะบันทึกสิ่งที่เราผ่าน สิ่งที่เราสัมผัส สิ่งที่เราได้เกี่ยวข้องมา เกี่ยวข้องอย่างมีเหตุปัจจัยที่เราไปเกี่ยวข้องอย่างสำคัญมากสำคัญน้อยอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นธรรมชาติของแต่ละคน เป็นประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องราวของแต่ละคน 

อาตมาเคยพูดไว้ว่า “เลวที่สุดในแผ่นดิน คือหากินบนคำว่าช่วยเขา” อาตมาก็มาได้คิดต่ออีกนิดหน่อย ว่า “เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ แพร่กระจาย สยายข้อมูลข่าวสารประหารศัตรูคู่แข่ง แอ้งแม้งได้ยอดสุด”ตอนนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า กำลังเริ่มต้นกันด้วย ระบบเลือกตั้ง ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนะ แต่เริ่มต้นแล้ว เริ่มต้นมีสมมุติบัญญัติ จะเรียกว่าสมมุติสัจจะก็เอา กำลังเกิดสมมุติกันในกรอบของกรรมกิริยาของระบบเลือกตั้ง แล้วเขาก็พยายามที่จะเก่ง 

เก่งที่สุดในแผ่นดิน เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือสยายข้อมูลข่าวสารประหารศัตรูคู่แข่งแอ้งแม้งไปได้ยอดสุด เขาชนะแล้ว เขาใช้แล้ว ใช้ข้อมูลข่าวสารใช้ io แถมด้วย AI อาตมาแปล AI ว่า เฉโก ประดิษฐ์ ไม่ได้แปลว่าปัญญาประดิษฐ์หรอกเพราะว่าคนคิดเครื่องกลมันคิดขึ้นมา คิดเครื่องมืออันนี้ขึ้นมา มันเป็นความคิดของชาว เฉโก หรือชาวเทวนิยม ไม่ใช่ความคิดของชาวบุญนิยมหรือชาวพุทธชาวโลกุตระ มันไม่ใช่ทฤษฎี ไม่ใช่รูปแบบวิธีการของชาวโลกุตระ ไม่ใช่วิธีการของชาวพุทธแท้ๆ เขาก็เป็นชาวพุทธนะ แต่เป็นชาวพุทธแบบ เฉโก เป็นชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 19:56:31 )

เก่าอย่างไรก็ทันสมัยใหม่เสมอ

รายละเอียด

อาตมาจึงเป็นคนใหม่เสมอ เก่าสมัย เป็นคนที่ใหม่เสมอทุกวินาทีหายใจเข้าออก ใหม่เสมอ นายใหม่ก็เลยเอาไปตั้งชื่อจริงๆ ของตัวเองเลย เดิมเขาไม่ได้ชื่อนี้ เขาได้เปลี่ยนชื่อในทะเบียนราษฎร์เลยเป็นชื่อว่า ใหม่เสมอ แต่ยังไม่กล้าเอาเก่าสมัยมาใช้เป็นนามสกุล สมัยมันเก่านะก็เก่านั่นแหละซับซ้อน แต่เก่าของสมัย ทันสมัย ใหม่เสมอมันกำกับคำว่าใหม่เสมอ เก่าทันสมัยใหม่เสมอ เก่าอย่างไรๆ ก็เก่าเอี่ยม เก่าอย่างไรก็ทันสมัยใหม่เสมอ สั้นดี ไม่งั้นนามสกุลของคุณก็จะยาว … วชิรวิทย์ หรือ จนสุขสำราญ ยาวยืดยาด ถ้าเป็นเก่าสมัยใหม่เสมอนี้ตรงเป๊ะเลย นี่คือนามปากกาอาตมานะ เขียนหนังสือเปิดยุคบุญนิยม แต่ดีนะ คุณไม่ตะกละ ตะกลาม ตัวเองยังไม่ถึงขั้นก็เลยไม่ใช้ ก็เลยระมัดระวังตัวเองอยู่ ก็ดี 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:25:24 )

เก่าเอี่ยม

รายละเอียด

หากเข้าใจอย่างที่อาตมาพูด อาตมาขอยืนยันว่า กำลังอธิบายประชาธิปไตยให้ Doctor ทางประชาธิปไตยฟัง อาตมาผ่านประชาธิปไตยมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว หรือผ่านการบริหารประเทศแบบเผด็จการแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือประชาธิปไตย มันก็หมุนเวียนมาไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์ ในโลกนี้ ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นของเก่าๆ แต่เก่าเอี่ยม  เพราะจะต้องมาทำซ้ำซากอยู่อย่างนี้ เก่านี้เลยเอี่ยมอยู่ตลอดเวลา เก่าสมัยใหม่เสมอ ไม่ตกยุค 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 09:33:31 )

เขม

รายละเอียด

ความผ่องแผ้ว สุดสบาย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 307


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:07:32 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:06 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:07:47 )

เขมะ

รายละเอียด

พ้นพิสุทธิ์ถึงขั้นสุขเกษม 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 186


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:08:18 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:08:29 )

เขมัง

รายละเอียด

เกษม

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 299


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:09:26 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:38 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:09:34 )

เขมัง

รายละเอียด

จิตเกษม ,จิตผ่องแผ้ว

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:09:03 )

เขาก็คิดว่าพ่อท่านก็คงจะไม่กลัวนรกเหมือนกัน 

รายละเอียด

เขาก็คิดว่าพ่อท่านก็คงจะไม่กลัวนรกเหมือนกัน 

ไม่กลัวอย่างไร อาตมาไม่เอาหรอก กรรมที่ทำไปแล้วก็เลิกมาแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้ว ไม่ต้องห่วงอาตมาหรอก ห่วงตัวเองให้ดีๆเถอะ อาตมาเป็นอรหันต์อาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาระดับ 7 ขึ้นระดับ 8 แล้ว คุณก็ไม่รู้หรอกที่อาตมาพูด คุณก็หาว่าอาตมาอวดตัวตน หลงตัวหลงตน อาตมาก็ต้องพูดความจริงจะไปพูดความเท็จทำไม  มันเป็นบาป อาตมานั้นเชื่อกรรมเชื่อวิบาก จะไปพูดเท็จทำไม

พูดเท็จเพื่อจะได้อวดตัวอวดตน จะไปลงนรกก็อวดตัวอวดตนโง่ทำไม อวดตัวอวดตนเท่านั้นจะได้อะไร อาตมาถึงไม่กลัวคนจะว่าคนจะตำหนิ ไม่ต้องอวดตัวอวดตน แหม ทำโก้ทำเต๊ะท่า ดรามาติก สง่าสวย จะเอาคำชม คำชมคำสรรเสริญไม่มีค่าอะไรเลย ต่ำทราม พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ มีแต่ทำให้คนหลงไม่ได้ทำให้ละหน่ายคลายอะไรได้ ก็ชัดอีก แหม ไม่รู้จะว่าอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:06:12 )

เขาด่ามาเราเอามาเป็นคุณเป็นประโยชน์

รายละเอียด

ใช่ ได้ประโยชน์แม้แต่คนที่เขาทำไม่ดี เราก็ได้ประโยชน์จากคนที่ทำไม่ดีมาเป็นตัวอย่าง มาเป็นข้อคิด มาเป็นสิ่งเปรียบเทียบหรือเตือนให้รู้ว่า เราได้ประโยชน์หรือว่าเราได้โทษอะไรจากเขา 

เขาเจตนาจะให้เป็นโทษ แต่เรารับมาเป็นคุณ เป็นประโยชน์ เราก็ฉลาดรับให้ดีๆ แล้วก็เจริญเมตตา เราได้ประโยชน์จากคนเหล่านี้ เจริญเมตตาและอภัยดี คนตั้งจิตไว้ดีไว้ถูกแล้วได้ประโยชน์ทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:37:54 )

เขาด่าเราเป็นโจทย์ให้ทดสอบ

รายละเอียด

สังคมของพวกเรานั้น Excellent  จริงๆ ใครจะว่าอาตมาหลงลัทธิหรือหลงอะไรก็แล้วแต่ เขาจะหาว่าพูดได้สารพัด มันไม่เหมือนเขาอย่างที่เขาเป็นกัน ซึ่งไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เราก็เข้าใจ (สู่แดนธรรมว่า…เขาก็ไม่กล้าว่า) พ่อครูว่า…ก็มีคนที่กล้าว่าอยู่ เขาก็มีปฏิภาณปัญญา แต่เราก็ทำความเข้าใจกัน มันมีดีตรงที่ว่า มุมมองของแต่ละคน และจุดบกพร่อง เรายังมีอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์แบบที่เขามองมาเราก็ได้รายละเอียดพวกนี้ เราก็ได้ประโยชน์ ส่วนคนที่ติมาอย่างอยากติ มีอัตตามานะก็ได้ เราก็ขอบคุณไม่มีปัญหาเรามองว่าเขามาช่วยเรา เรายังไม่สมบูรณ์แบบนะ ยังไม่เต็มร้อยยังเหลือส่วนขาดส่วนเกินยังไม่สมบูรณ์ เขามองเห็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็รับฟังแล้วก็ตรวจดูให้ดีๆ ถ้าหากมันไม่ใช่ตามที่เขามองก็ไม่เป็นไร แต่หากเขามองถูก เป็นไง ก็ต้องขอบคุณเขา ที่สำคัญเขาไม่ได้จ่ายตังค์นะ เขาช่วยเรา เราก็ต้องขอบคุณ อย่างน้อยเขาด่าเราก็เป็นโจทย์ให้เราทดสอบ ไม่รู้ว่าจิตใจเราถือสาจิตใจเราสงบไหม ไม่ได้จ้างมานะ เขาเป็นโจทก์ให้เรา ดีไม่ดีมายังไม่รู้ตัวด้วย อยู่ดีๆก็มาด่าเราด่าอย่างแรงด้วย เราก็ต้องมีสติรู้ทัน มันเป็นโจทย์ที่ซื้อตามร้านขายยาไม่มีนะ โจทย์พวกนี้ มันเป็นธรรมชาติที่จะมีสิ่งเหล่านี้ เข้าใจอันนี้ให้ได้ เมื่อเขาตำหนิมาเขาด่ามาเราโกรธเราก็เสร็จ ก็ไม่รู้ตัว ดีไม่ดีขึ้นเลย เอาขี้หน้าไปขาย ขายเนื้อหน้าเราไปเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 12:52:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:30:16 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:17:55 )

เขาพูดเรื่องเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์สำคัญกว่าอาหารเขาก็สำคัญแบบบ้าๆ บอๆ

รายละเอียด

เราพูดถึงเรื่องอาหารมันเป็นสิ่งสำคัญของมนุษยชาติ เขาบอกว่าจะไม่พูดเรื่องอื่นเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์การเมืองที่เขาสำคัญกว่า เขาก็สำคัญแบบบ้าๆบอๆ เท่านั้น การเมืองของพวกเราก็แสนสบายสงบ เพราะเราเข้าใจว่าการเมืองคือช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่าเป็นคนสร้างปัญหาให้ยุ่งยาก การเมืองก็สงบแล้ว 

เศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจก็สร้างสิ่งที่จะกินจะใช้ขึ้นมา สร้างขึ้นมาแล้วเหลือก็แจกกันกิน ไม่ใช่สร้างขึ้นมาได้มากแล้วมาโก่งราคามาหวงแหนเกี่ยงงอนก็ไม่ใช่ มันสอดคล้องกับเรื่องสังคมศาสตร์ เศรษฐกิจก็เลยดีเพราะสังคมศาสตร์ดี การเมืองก็เลยดีเพราะสังคมดี สังคมอะไรสังคมสาราณียธรรม สังคม เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา สีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา  

แบ่งกันกินแบ่งกันสร้างขึ้นมามีกิน มีกินเหลือเฟือ สะพัดออก เอาไปให้ปันสุขบ้าง นี่มีกองๆ เอาไปใส่ศาลาปันสุขบ้างสิ มีแต่เศษๆ ไปใส่ เอาทุเรียนไปใส่ ปันสุขบ้าง คนฟังทางบ้านจะมาลอบดูเลยนะนี่ เมื่อไหร่จะเอาทุเรียนมาวาง แน่จริงมั้ยล่ะ มะม่วงก็มีไม่ใช่น้อย ตอนนั้นเงาะมา ทั้งกองบนพื้นในห้องบนโต๊ะ สองวันหมด ดีละของไม่เสีย แต่ระวังท้องเสีย ดีไม่ดีพาลตายเลยยุ่งนะ

ใครจะว่าเราไม่เอาถ่าน บ้านเมืองมีการสร้างอะไรต่างๆ นานา มันมาพูดแต่ของกิน ก็จะเป็นไรไป เราพูดแต่เรื่องกิน เราพูดแต่สร้างของกิน เราพูดแต่เรื่องของกินอะไรดีไม่ดีมันจะเสียหายอะไร ไม่ต้องไปพูดถึงอาวุธ ไม่ต้องไปพูดถึงของใช้เราก็ไม่ว่าอะไรเรามีใช้บ้าง ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรของใช้เราไม่เก่ง จานชามเราก็ทำไม่เป็นก็อาศัยคนอื่นบ้าง เราก็มีพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละเยอะเอาไปแลก แลกไม่โดยตรง ก็ใช้ธนบัตร ตั๋วแลกเงินเป็นเครื่องตีราคาเอาไว้ ของนี้ราคาไม่ถึงก็เอาแบงค์ทอนกันไว้ แล้วค่อยๆแลกเปลี่ยนกันไป เป็นความฉลาดของมนุษย์เราก็ทำตามความฉลาดของมนุษย์ที่มีการแลกเปลี่ยนกัน เป็นธนบัตรเราก็ทำกันบ้างไม่ได้ยากอะไรเราทำได้ เงินเราก็พอมีบ้างไว้แลกเปลี่ยน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:46:59 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์