@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ผลแห่งการเจริญสติปัฏฐาน

รายละเอียด

ผลแห่งการเจริญสติปัฏฐาน

   [151] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 7 ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีขันธบัญจกเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

   7 ปี ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 6 ปี 5 ปี 4 ปี 3 ปี 2 ปี 1 ปี ... 1 ปี ยกไว้. ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 7 เดือน เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อขันธบัญจกมีเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

   7 เดือน ยกไว้ผู้ใดผู้หนึ่ง  พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 6 เดือน 5 เดือน 4 เดือน 3 เดือน 2 เดือน  1 เดือน กึ่งเดือน ... กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 7 วัน เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือพระอรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อขันธปัญจกยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:25:12 )

ผลไม้สุกให้สุกเอง

รายละเอียด

คนเราจะให้เข้าใจอย่างรวดเร็วบีบบี้เอามันไม่ได้ เราจะให้ผลไม้สุกเราก็นวดเอาบีบบี้เอาก็ไม่ได้ อยากให้กล้วยสุกเอามาบีบเอามันก็เน่าเลย ต้องบ่มไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคมา 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 09:58:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:43 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 06:58:39 )

ผักสวนครัวคือผักที่เอาไปทำอาหารเป็นประจำ

รายละเอียด

ดี..อาตมาขยายความคำว่าผักสวนครัว คือผักที่เอาไปทำอาหารเป็นประจำใครชอบอะไรก็ปลูกไปกิน จะทำผักคอนโดก็ได้ ปลูกสูงขนาดไหนก็ประมาณดู รดน้ำข้างบนก็ไปถึงข้างล่าง ประหยัดด้วย แล้วมันก็ดูดเอาไว้ตามดิน คือประหยัดที่สุดแล้วประหยัดมาก ทำที่ชายคาบ้าน ชายคาละ 10แถว ก็ปลูกผักคอนโด จะสวยด้วยนะ ทำรอบๆบ้าน อยู่ชั้นบนแล้วก็ฉีดน้ำให้ชั้นบนสบาย อาตมาว่าความคิดนี้น่าทำนะ ใครทำแล้วเอามาโชว์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:16:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:27 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:04:13 )

ผังภาพทักขิเนยยบุคคล 7

รายละเอียด

สัทธานุสารีเป็นบุคคลสายศรัทธา ปัญญานุสารี เป็นบุคคลสายปัญญา ก็มี 2 สายเป็นสัจจะมาแต่ไหนแต่ไร แกนศรัทธากับแกนปัญญาทีนี้แกนศรัท​ธานี้แหละ แกนศรัทธา จะเห็นได้ว่าแกนศรัทธา  แกนศรัทธาช้า แกนปัญญาเร็ว เร็วกว่ากันเยอะเลย ลองดูตาม pattern แกนศรัทธาต้องเติมปัญญามาทางธัมมานุสารี เติมสัมมาทิฏฐิมาเรื่อยๆ ก็ได้ปัญญาสัมมาทิฏฐิที่สูงขึ้น แม้แต่สายศรัทธาหากไม่มาได้ปัญญาจะวนอยู่ที่ศรัทธาวิมุติ อยู่อย่างนั้นนานแสนนานนานแสนนานเลย ศรัทธา แล้วคุณก็หลงว่ามีวิมุตินะ ไปถามอาจารย์มั่น มหาบัว ไปถามสายที่นั่งหลับตาบอกว่ามีศรัทธาวิมุติ เขาสงบสบาย แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเหมือนวัวไม่มีหนัง เหมือนคนที่จะวิ่งลงนรก เหมือนคนเอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็นก็ยังไม่ตายนั่งหลับตา บื้ออยู่นั่นล่ะ ไม่เปลี่ยนแปลง เขามีสัทธาวิมุติ ๆ จนกว่าจะได้ปัญญาทางสายปัญญา ก็จะได้ปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ที่สุดได้สัทธาวิมุติ ไม่ติดแล้วก็คลายก็ไปได้ทางธัมมานุสารี หากคุณเป็นสัทธานุสารี แล้วพยายามได้ปัญญาจากธัมมานุสารี ไม่ไปติดใจในสัทธาวิมุติจะเร็ว แต่หากติดในสัทธาวิมุติก็จะวนอยู่ในวงวน สัทธานุสารีกับสัทธาวิมุติอีกนานนนนนนแต่ถ้าคุณเกิดปัญญามากขึ้น คุณก็จะเจริญขึ้นเป็นธัมมานุสารี จะมีปัญญา ธัมมานุสารีท่านไม่ใช้คำว่าปัญญานุสารี เพราะเกรงใจศรัทธา ให้ใช้ภาษากลางๆว่า ธัมมะ จริงๆโลกุตระคือปุญญา จะมีปุญญธาตุที่สามารถเผากิเลส ฌานโลกุตระไม่ใช่ฌานโลกีย์ ฌานโลกีย์มีแต่เพ่งกิเลสกดๆๆหนาหนักแน่นตีแตกแยกขึ้นยิ่งจมนานยิ่งตีแตกยาก ตื่นเสียทีๆ แดดออกแล้วฟ้าก็งามดุจเปลวทองไม่เกิน 10 นาที เลื่อนขึ้นไป จากธัมมานุสารี ก็เคลื่อนมาที่ ทิฏฐิปัตตะ แปลว่าบรรลุสัมมามรรค เป็นความเจริญขึ้นมาเรื่อยๆ พอทิฏฐิปัตตะแล้ว ถ้าเป็นสายปัญญา ธัมมานุสารีเริ่มต้นเลยไม่ใช่เริ่มที่สัทธานุสารีพอมาเต็มธัมมานุสารีก็เป็นทิฏฐิปัตตะ แล้วตรงไปหาปัญญาวิมุติเลย แล้วก็ไปอุภโตภาควิมุติเลย ปัญญาวิมุติก็เป็นอรหันต์แล้วไม่ต้องผ่านกายสักขีเพราะมีการแยกเขตชัดเจนตั้งแต่ต้น มีพ้นสักกายทิฏฐิ รู้คำว่ากายได้ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:38:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:57 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:18:20 )

ผัสสกาย

รายละเอียด

องค์รวมของการสัมผัส

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 135


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:02:55 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:18:49 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:20:29 )

ผัสสนิโรธา

รายละเอียด

ภาวะของผัสสะ “ไม่มี” มาก่อนที่จะดับหรือความดับของผัสสะ(ผัสสะดับอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีผัสสะโดยประการทั้งปวง)

 

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 9


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:23:14 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:19:43 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:21:52 )

ผัสสะ

รายละเอียด

1. กระทบผัสสะ 

2. ความสัมผัส , ความกระทบ  

3. สัมผัส 6 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 122, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 77, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 78, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 314


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:04:09 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:21:44 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:22:54 )

ผัสสะ

รายละเอียด

คือ การกระทบของนามกับรูป นามกับรูปคือ สิ่งที่รู้กับสิ่งที่ถูกรู้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เวทนาดอกเดียวปลิดวิญญาณ ตอน 1 วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:02:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:23:30 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:24:12 )

ผัสสะ

รายละเอียด

คือ การกระทบของนามรูป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 19:12:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:24:43 )

ผัสสะ 3 อย่างหลังจากนิโรธแล้ว

รายละเอียด

1. สุญญผัสสะ

2. อนิมิตตผัสสะ

3. อัปปณิหิตผัสสะ

ผัสสะอย่างนี้ย่อมถูกต้องภิกษุผู้ออก (วุฏฐาน) จากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ  แล้ว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 16:03:52 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:26:22 )

ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน เป็นอีกล็อคหนึ่ง 

รายละเอียด

ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน นี่เป็นอีกล็อคหนึ่ง ล็อคแรกนี้ รวมทั้งภายนอกภายในหมดเลย สังขาร วิญญาณ นามรูปอายตนะ 

พอล็อคหลัง กำหนดเลยว่า ต้องมีผัสสะ อันแรก กำหนดหยาบและละเอียดอยู่ด้วยกันเลย อันหลังต้องมีผัสสะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:25:42 )

ผัสสะ 

รายละเอียด

ผัสสะ  คือ  เป็นปัจจัยตัวสำคัญที่จะต้องทำ ถ้าไม่มีผัสสะไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติหรือแม้แต่ในนาม5 รูป28

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:34:54 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:17 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:27:18 )

ผัสสะกับตัณหา เป็นสมุทัยที่ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ในมูลสูตร 10 มีผัสสะเป็นสมุทัย แต่ในอาริยสัจ 4 นั้นมีตัวตัณหาเป็นสมุทัย มันต่างกัน ในมูลสูตร 10 ผัสสะเป็นปัจจัย สมุทัย คุณต้องมีอันนี้ ถึงจะปฏิบัติต่อได้ ถ้าคุณไม่มีสัมผัสเป็นปัจจัยคุณปฏิบัติต่อไม่ได้ เมื่อปฏิบัติแล้ว คุณไปพบเหตุของอาริยสัจ คือตัณหา จึงจะคือตัณหา อันนี้เป็นมูลรากในการปฏิบัติ ต้องมีผัสสะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:55:48 )

ผัสสะกับอายตนะคล้ายกันมาก

รายละเอียด

สัมผัสกันก็จะเกิดอายตนะเกิดความเชื่อมต่อระหว่าง 2 อายตนะอยู่ที่ไหนจะเกิดได้ต่อเมื่อมีนามรูปกระทบกัน หากว่านามรูปไม่กระทบกันอายตนะไม่เกิด อายตนะเกิดในระหว่างที่มีนามรูปทำงานร่วมกัน สะพานเชื่อมต่อ พอนามรูป เหลือ หนึ่งเดียวไม่กระทบกัน อายตนะก็ไม่มีหายไป อายตนะ จึงไม่เกิดในที่ไหน ไม่ตั้งอยู่ในที่ไหน ต่อเมื่อมีผัสสะจึงจะเกิดอายตนะ 

ผัสสะกับอายตนะ จึงคล้ายกันมากตรงประเด็นที่ต้องมี 2 อันกระทบสัมผัสกันจึงมีอายตนะเกิด เพราะผัสสะจึงมีอายตนะเกิดมีอายตนะเพราะมีเหตุจากผัสสะ ก็ถึงรู้ว่ามีวิญญาณ แล้วต้องเกิดอายตนะ เกิดผัสสะสองตัวขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:35:20 )

ผัสสะคือนามได้อย่างไร

รายละเอียด

ฟังดีๆ  คือ ผัสสะนี่ ก็จะต้องเป็นเจตสิกของจิต มันเกิดอาการที่ไปผุสสติหรือโผฏฐัพพะ กระทบอะไรก็แล้วแต่ภายนอก พอกระทบแล้วก็จะเกิดเวทนาเกิดอาการรู้สึก คนที่มีจิตเจตสิกในระดับจิตนิยามมีกายกระทบแล้วจะรับรู้สึก  คนที่ไม่ได้เป็นจิตนิยามแล้วตกมาเป็นพืชหรือเป็นพีชะ กาย จะถูกกระทบอย่างไรก็ไม่รู้สึกไม่มีเวทนา

ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติธรรมะตาม พรหมชาลสูตร รับทราบปฏิบัตินาม 5 ไม่มีมนสิการไม่ได้ ไม่มีจิตมีแต่ พีชะ มีแต่ชีวะที่ไม่ถึงจิต เพราะฉะนั้นเรียนรู้ไม่เต็มเรียนรู้ไม่ได้เรียนรู้ไม่พอ 

นาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ 

เวทนา สัญญา เจตนา สามเส้า คือ กระบวนการปฏิบัติธรรมสำคัญ เพราะ เวทนาเกิด เราจะเรียนรู้เวทนานี้ มันมีเจตนาที่เป็นกรรมเจตนาของคุณมีกามหรือไม่ แยกกามออกจากเวทนา เจตนา แต่ไม่ได้สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายก็ไม่มี ภพกามคุณ 5 นั่งหลับตาไม่มีกามให้ปฏิบัติ คุณก็ไม่ได้ล้างกามก่อนให้หมด คุณจะไปล้างกิเลสภายในได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เหมือนคุณจะเข้าไปอยู่ในใจกลางภูเขา คุณจะทะลุชั้นต้นชั้นกลางไปหาข้างในได้อย่างไร มันเป็นเรื่องจิตคิดเอาเองว่าจะได้ ซึ่งมันไม่ได้เลย ฟังให้ดีๆชัดๆ ฟังธรรมะที่อาตมาอธิบายจะได้ปัญญา หากฟังไม่ดีก็เหมือนเป็นการอาบน้ำกลัวเปียก อย่างนี้เป็นต้น

ผัสสะ เป็นนามรูปได้หรือไม่? ได้ เพราะคุณต้องรู้ผัสสะภายนอกก่อนแล้วก็ไปรู้ผัสสะภายในต้องมีตาที่ละเอียดดีก่อน ถึงเข้าไปรู้ภายในได้ ต้องเรียนรู้ชีวะตั้งแต่ตัวใหญ่ก่อนแล้วค่อยเรียนรู้ตัวเล็กละเอียดลงมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:20:14 )

ผัสสะจากการทำงาน

รายละเอียด

คือ การปฏิบัติงานคุณจะมีผัสสะมากระทบ  ทำให้อ่านกิเลสได้ ลดกิเลสได้ ก็ได้ทำบุญ แต่กุศลนั้นได้อยู่แล้ว  ขณะทำงานก็ได้ลดกิเลสไปด้วยได้ทั้ง 2 ด้าน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:47:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:28:05 )

ผัสสะดับเวทนาจึงดับคือเช่นไร

รายละเอียด

คำว่า ผัสสะดับ เวทนาจึงดับ ตัณหาจึงดับ อุปทานจึงดับนั้น 

ต้องเข้าใจว่าในส่วนของผัสสะ ถ้าไม่มีผัสสะ คุณก็ไม่เกิดสภาวะ 2 เมื่อไม่มีสภาวะ 2 ก็ไม่มีอะไรอีกอันจะดับ ถ้ามีสภาวะ 2 ก็ต้องดับอันหนึ่งเหลืออีกอันหนึ่ง คำว่าดับ คำนี้ไม่ใช่ดับไปหมดเลยทั้งสอง ดับอันหนึ่งเหลืออันหนึ่ง มีผัสสะ เป็นผัสสะแท้ แล้วผัสสะที่เป็นเวทนา แล้วในเวทนาก็เป็น 2 แล้วใน 2 เวทนาเป็นเวทนาแท้กับไม่แท้อีกแหละ ในเวทนา 2 นี่แหละหรือเวทนา 1 ก็ตามมันก็มี 2 ในเวทนามีตัณหา ถ้าผู้ที่ยังไม่รู้ ก็จะมี 2 เป็นกามตัณหาหรือภวตัณหา จนกว่าจะรู้จักกามตัณหาภวตัณหาและเลิก กาม เลิกภวะ หมดกาม หมดภวะ ก็เป็นวิภวะ เป็นตัณหาหนึ่งแท้ๆเป็นตัณหาไม่มีภพ กามภพก็หมด รูปภพก็หมด อรูปภพหมดเป็นคนไม่มีภพหรือวิภพ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:03:47 )

ผัสสะทำให้เกิดการศึกษา

รายละเอียด

ก็ต้องมีผัสสะ จึงจะเกิดการศึกษาได้ ถ้าไม่มีผัสสะก็ไม่เกิดการศึกษา ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจก็ต้องรู้ให้ครบ ฉะนั้นคนที่นั่งหลับตาไปเรียนรู้จิตให้เป็นสมาธินั้นไม่ใช่พุทธ เป็นของนอกพุทธ ที่ท่านบอกว่านอกพุทธก็คือไม่มีสัมผัสทั้ง 6 ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ จะต้องมีสัมผัส 6 ออกมารับรู้ทางทวารทั้ง 6 แล้วก็พิจารณาในเครื่องกินเครื่องใช้ โภชเนมัตตัญญุตา โดยการตื่นทั้งกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรม ไม่ใช่ไปตื่นอยู่แต่ภายในจิตตื่นสว่างอยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่อธิจิตต้องตื่นครบเป็นชาคริยานุโยคะอย่าให้ไปดับอยู่ในจิตอย่างเดียวจะต้องตื่น ชาครี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:28:14 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:48 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:29:41 )

ผัสสะที่ใด อายตนะเกิดทุกที่ แต่ผัสสะที่ใด บุญไม่เกิดแล้ว นี่คือข้อต่าง

รายละเอียด

เพียงแต่ต่างกันอยู่ที่“อายตนะ”นั้นหมดลงในเมื่อผ่านทุกปัจจุบันที่มี“ผัสสะ” 

แต่จะปรากฏได้อีกทุก“ผัสสะ”ในทุกปัจจุบัน 

แม้เป็นผู้มีที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ก็ยัง“มีอยู่(อัตถิ ตทายตนัง)” ทว่า“หาอารมณ์มิได้(อนารัมมณเมว)เท่านั้น (อันเป็นเช่นเดียวกันกับ“อารมณ์ก็มีอยู่ นั่นคือ มีอารมณ์ที่รู้สึกตามความเป็นจริง เพียงแต่“อารมณ์เก๊”หรือ“อารมณ์ทุกข์สุข”เท่านั้นที่ไม่มีอีก)

ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับ“บุญ”

ตรงที่ “บุญ”นี้เมื่อหมดสิ้นกิเลสาสวะแล้ว

หรือเป็นผู้มีที่สุดแห่งทุกข์แล้ว 

“บุญ”ไม่เกิดอีกตลอดไปเลยในผู้นั้น 

แม้จะมี“ผัสสะ”อีกเท่าใดๆ “บุญ”ก็ไม่เกิดอีก

เพราะหมดหน้าที่สัมบูรณ์แล้ว 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 70 หน้า 84


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 20:51:01 )

ผัสสะมี 2 สภาพ

รายละเอียด

คือ คุณต้องมีผัสสะ มี 2 สภาพมีอายตนะเกิดขึ้นมา เป็นปฏิกิริยาเชื่อมสัมพันธ์ คุณต้องดูว่า สัมผัสสัมพันธ์กัน   เกิดปฏิกิริยา ตัวนี้เรียกว่า อัตตา คุณต้องรู้ทุกตัว หยาบ กลาง  ละเอียดเล็กขนาดไหนคุณต้องรู้ให้หมด ไม่รู้ไม่ได้ ถ้ายังไม่พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ จะเรียกว่า ฌาน จะเรียกว่า  อัตตาก็แล้วแต่  เนวะสัญญานาสัญญายตนะคือ  เนวะสัญญายตน ฌาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:48:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:37 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:32:36 )

ผัสสะเป็นปัจจัยมนสิการเป็นแดนเกิด

รายละเอียด

เวทนากำลังจะปรากฏเป็นที่ประชุมอยู่ จิตก็เริ่มเคลื่อน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:07:34 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:24 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:35:45 )

ผัสสะเป็นสมุทัย

รายละเอียด

หากไม่มีผัสสะเป็นเหตุในการปฏิบัติก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม เป็นการออกนอกรีตหมด อาตมาเจตนาแก้มิจฉาทิฐิมีหน้าที่ตรงนี้ ไม่มีสิทธิ์ให้คนเชื่อแต่มีสิทธิ์พูดความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน หลวงปู่สู้ใจตนเองอย่างไร


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:39:42 )

ผัสสะเป็นเหตุเกิด

รายละเอียด

ผัสสะเป็นเหตุเกิด ถ้าไม่มีผัสสะเป็นเหตุปัจจัยคุณจะไม่มีอะไรเกิดมาให้รู้เกิดอะไรก็เกิดเวทนา ผัสสะ แล้วจะต้องมีเวทนา ถ้าไม่มีผัสสะแล้วเวทนาที่เป็นที่ตั้งแห่งการศึกษาใน พรหมชาลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อ่านพระไตรปิฎกกันไม่ค่อยแตก ท่านก็ตรัสว่าถ้าไม่มีที่ตั้ง ไม่มี ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน ไม่มีวิญญาณฐิติ จะเป็นวิญญาณล่องลอยเป็นสัมภเวสีอยู่ในภพของแต่ละคนเอง แต่วิญญาณที่ออกมาข้างนอก ตากระทบรูป หูกระทบเสียงร่วมกับผู้อื่นจึงจะเกิดที่ตั้ง ไม่เป็นจิตวิญญาณจร สัมภเวสี มันก็จรไปเดี่ยวๆๆไม่เกี่ยวกับใคร ของใครของมัน แต่เขาก็ไปหลงผิดว่าเป็นสวรรค์เป็นนรก ไปเจอใครต่อใครอีก นั่นก็เป็นการเพ้อเจ้อ เป็นการเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ 

เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีผัสสะก็ไม่เกิดเวทนา ไม่มีที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ ไม่มีฐาน ไม่มีกรรมฐาน ไม่มีฐานแห่งการกระทำ ไม่มีกรรม ไม่มีการกระทำได้ ฐานแห่งการปฏิบัติ ฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ หรือฐีติ ที่จะเกิดวิญญาณให้ศึกษา เกิดเวทนา จิต เจตสิก รูป นิพพาน จิตวิญญาณหรืออาการธาตุรู้ที่แยกย่อยมาทั้ง 3 เป็นเวทนาเป็นต้น ก็ไม่มีให้ศึกษา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:33:38 )

ผัสสะในมูลสูตร 10 ข้อที่ 3

รายละเอียด

ซึ่งเห็นได้ว่า ผู้ที่ตามแสวงหาสิ่งลึกซึ้งเกี่ยวกับวิญญาณเกี่ยวกับจิตเกี่ยวกับธรรมะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ พอมาเจออันนี้แล้วถึง ยินดีมีฉันทะเกิด แล้วยิ่งรู้ว่า จะจัดการกับจิตกับใจได้นะ มนสิการ จัดการได้เลย จัดการได้ด้วยหลักการที่พระพุทธเจ้าท่านสรุปไว้เลย ในมูลสูตร 10 โดยการต้องเรียนรู้มีผัสสะ เป็นอันที่ 3 เรียนรู้โดยไม่มีผัสสะ หลับตาเข้าไปไม่มีผัสสะ โมฆะจากศาสนาพุทธ เป็นเดียรถีย์นอกรีต ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัย ต้องมีผัสสะ จึงจะเห็นที่เกิดแดนเกิด ผัสสะเป็นสมุทัย ต้องมีผัสสะเป็นเหตุ แล้วจึงจะมาทำเวทนาได้ ถ้าไม่มีผัสสะ เวทนาไม่เกิด เป็นสัมภเวสี ไม่มีวิญญาณฐีติ ปฏิบัติที่ตาหูจมูกลิ้นกายก่อน  แล้วปฏิบัติเอากิเลสออกให้ได้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 05:08:56 )

ผัสสะในอาหาร 4 กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องอาหาร 4 ที่กำลังอธิบายกันอยู่ในพระไตรปิฎกอาหาร 4 พระพุทธเจ้าก็เน้นให้ศึกษา สิ่งที่เป็น กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าวคือสิ่งที่กินเข้าไปช่วยเลี้ยงขันธ์แล้วให้เรียนรู้โภชเนมัตตัญญุตา ประมาณในการกินการใช้ เมื่อไปผัสสะอาการกิเลสมันเกิดตอนนี้แหละ โภชเนมัตตัญญุตาเป็นหลักปฏิบัติที่ไม่ผิดของศาสนาพุทธ เรียกว่าอปัณณกปฏิปทา มีการสังวรศีลสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 แล้วเรียนรู้เรื่องอาหารประมาณในการกินสำคัญ แล้วก็เป็นคนอย่างนี้เป็นคนชาคริยา เป็นคนเปิดทวารทั้ง 6 ตาหูจมูกลิ้นกาย ตื่น ไม่ใช่ไปหลับ ไม่เอาทวารทั้ง 6 เอาแค่อันเดียวแล้วไปหลับเข้าไปอีก ไม่ชาคริยา ทั้ง 3 ข้อนี้พวกที่นั่งหลับตาปฏิบัติผิดทั้ง 3 ข้อ ไม่มีทั้ง 3 ข้อเลย พวกที่นั่งหลับตาปฏิบัติจึงน่าสงสาร อาตมาพูดอย่างย้ำหัวตะปูตอกแล้วตอกอีก แต่ก็ไม่เข้า เด้งออกกลับอีก เหมือนกับพระราชาให้เอานักโทษประหารไปฆ่าตอนเช้า พอเจอพนักงานก็ว่าฆ่าแล้วตอนเช้า แต่มันก็ยังอยู่ ก็เอาไปฆ่าอีกเอาหอกร้อยเล่มแทงเลย ก็พอเจอตอนเย็นก็ถามอีก ว่าตายแล้วหรือ พนักงานก็บอกว่ายังไม่ตายพระเจ้าข้า ก็ให้เอาไปฆ่าอีก เช้ากลางวันเย็น ทั้งวันฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มมันก็ยังไม่ตาย ฉันใดก็ฉันนั้นที่อาตมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่กระเทือนไม่รู้สึกรู้สา นี่คือ อาหารข้อที่ 4 คือไม่รู้จักรูปนาม ไม่รู้จักภาวะ 2 อาจารย์อื่นเขาก็สอนกัน แต่ไม่รู้เรื่อง จึงเกิดคนร้ายที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:10:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:44 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:42:56 )

ผัสสะไม่แน่ใจอย่าไปลอง

รายละเอียด

ลองกินพลูกับปูน มันยันเสียไม่มี ไม่เอาอีกแล้ว เอายาฉุนมามวนๆใส่ปากมันแสบรสยาฉุน อาตมาเคยลอง เคนเห็นจับกังจะมวนไว้ในปากตุ่ยไว้ เขาไม่ติดหมากนะแต่ติดยาฉุนสู่แดนธรรมว่า..ที่ว่ามา เราต้องไปลองกับผัสสะไหม พ่อครูว่า…ลองหมากลองพลูก็ได้บุหรี่ก็ได้ แต่ติดมาอย่าว่าอาตมานะ หากไม่แน่จริงๆแล้วอย่าไปลอง คุณต้องแน่จริงจริงๆจริงๆจริงๆจริงๆ เช็คก่อน ทำปัจจุบัน 36 สั่งสมลงเป็นอดีต 36 ให้มีสองหน่วยใน 3 อย่างแข็งแรงดังที่สุด อนาคตอีก 36 จะมาอีกเท่าไหร่ 72 นี้ฆ่าได้ อนาคต 36 มาเท่าไหร่ คุณแน่ใจ 72 นี้คุณได้เปรียบแน่นอนตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ สัมมาทิฏฐิถึงเมื่อไหร่ก็จบ ไม่ต้องลองก็จบได้ แต่คุณไปลองแล้วคุณเองเสี่ยงอยู่ก็ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ คุณไม่ต้องลอง ทำเข้าไปทำเข้าไปมันก็มีวันจบเองใช่ไหม ไม่ต้องลอง มาทำตามสูตร ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า ไปเดี่ยวๆไม่ต้องลอง ขาดให้เด็ด เด็ดให้ขาด ธรรมชาติมันจะมาหาคุณเอง คุณไม่ต้องห่วงหรอกไม่ต้องเรียกร้อง ธรรมชาติมันจะมาลองคุณเอง เมื่อนั้นน่ะดี แต่คุณไปหาลองเอง ตัวใครตัวมันอย่าหาว่าไม่ห้ามไม่บอก แต่ถ้าสัจจะแล้วมันจะมาลองเราเอง ไม่ต้องกลัว ในวิบากทั้งหมดนี่ มันห้ามไม่ได้ ห้ามมันไม่ได้ อจินไตยในระหว่างกรรมวิบาก 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 11:15:57 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:27 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:51:23 )

ผัสสาหารเปรียบเหมือนวัวไม่มีหนังหุ้ม

รายละเอียด

ส่วนผัสสาหารนั้น ท่านเปรียบเทียบเหมือนวัวไม่มีหนังหุ้มเลย วัวเปลือย ไม่มีหนังหุ้มเลยทั้งตัวแดง น้ำเหลืองเยิ้ม มันจะแสบขนาดไหนมีผัสสะ ในอาหารข้อที่ 2 ท่านเทียบแล้ว เห็นชัดเจนวัวไม่มีหนังหุ้มเป็นผัสสะอยู่ แล้วจะอยู่อย่างไรมันก็ตาย แสบตายเลย สารพัด สัมผัสกับอากาศสัมผัสกับอะไรต่ออะไรก็แย่แล้ว ต้องไปถามคุณรุ่งโรจน์ บริจาคหนังให้เขา ที่ถูกไฟคลอก มันจะแสบแค่ไหนทั้งตัวเลยนะไม่มีหนังหุ้มเลย มีแต่แดงเยิ้มกับน้ำเหลือง แล้วมันจะเป็นอย่างไร ผัสสะ  สัมผัสขนาดนั้นยังไม่รู้ทุกข์เลย เหมือนที่พระพุทธเจ้าบอกว่าให้เจ้าพนักงานแทงด้วยหอกร้อยเล่ม หอกเล่มเดียวก็ทุกข์จะตายแล้ว ถูกแทง แต่ว่าแทงเช้า 100 กลางวัน 100 เย็น 100 ก็ไม่เห็นทุกข์ เหมือนกับผัสสะ วัวไม่มีหนังมันทุกข์ มีผัสสะแท้ๆแต่ไม่รู้จักผัสสะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่

พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 13:59:46 )

ผาสุวิหารัง

รายละเอียด

มีความผาสุกด้วย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 243


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:04:56 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:22:21 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:57:37 )

ผิดกฎหมายเขาไม่ให้แต่งกายลอกเลียนแบบพระ

รายละเอียด

ก็เป็นธรรมดาท่านที่พิมพ์มาให้อาตมาก็เกรงใจ ไม่อยากที่เอาของที่เขาว่าตอบโต้หยาบคายมา อาตมาก็บอกว่าเอามาเถอะอาตมาจะกลั่นกรองเอง มันหยาบ อาตมาก็จะใส่น้ำตาล  ใส่ผงชูรสเสริมไปเอง เอามาเถอะ อันไหนที่ไม่ไหวจริง ขนาดที่พูดไอ้หำไอ้กรวยก็เหนียมๆ แต่อันหยาบกว่านี้ก็ไม่พูดไปหรอก พูดเพียงให้คนจินตนาการได้ คำว่าพระของคุณไพบูลย์ เขาว่าอย่างนี้เหมือนตรงไหน ไม่ต้องพูดถึงรูป เจตนาไม่เหมือนเขาอยู่แล้ว เพราะว่าผิดกฎหมายเขาไม่ให้แต่งกายลอกเลียนแบบพระ เช่นเขาโกนคิ้วเราก็ไม่โกน ส่วนโกนหัวเราก็โกนเหมือนกัน นุ่งห่มผ้าเขาก็สีเหลือง เราก็มาสีแบบทางนี้ แม้แต่การนุ่งห่มสภาพการครองผ้า แบบธรรมยุตแบบมหานิกายก็เป็นแบบหนึ่ง อาตมาก็ห่มอีกแบบหนึ่ง เราก็มาออกแบบเป็นของเราเอง ยิ่งชุดนี้รับรองมหานิกายไม่กล้านุ่งห่มอย่างอาตมาแน่ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:58:09 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:59:57 )

ผิดพระธรรมวินัย

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ผิดกฏหมายเลยแต่เถรสมาคมเข้าใจผิด เข้าใจว่าอาตมาผิดธรรมวินัย แต่จัดการไม่ได้เลยไปให้ศาลตัดสินตามโลกๆ เช่นเขาฟ้องว่าอาตมาแต่งเลียนแบบ อันนี้เจตนาแต่งตัวเลียนแบบ อันนี้เจตนาแต่งตัวให้ถูกตรง สรุปแล้วเป็นวิบากของอาตมา ที่ต้องมาเจอวิบากแบบนี้ แต่ห้ามด้วยกฎหมายหรือธรรมวินัยไม่ได้ ทนายหรือผู้ช่วยคดีความให้อาตมาไม่ได้จ้างมาเลย มีทนายความมาเสนอตัวว่าความ 50 คน เราก็เลยขอบคุณรับมาเป็นคณะให้คุณทองใบ ทองเปาวด์ มาเป็นหัวหน้าคณะ ตัดสินมาให้แพ้ อาตมาก็แพ้ เราเลยได้เป็นสมณะ จริงๆแล้วไม่ได้เป็นพระ เพราะอาตมาเป็นสมณะ เขาไล่มาให้เป็นสมณะไม่ได้เป็นพระอย่างที่คุณว่า อาตมาไม่เป็นเจ้าลัทธิ อาตมาเอามาจากพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:32:53 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:59 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:59:09 )

ผิดวินัยมีโทษ ผิดศีลไม่เจริญ

รายละเอียด

แล้ววินัยต่างกับศีลตรงที่ถ้าผิดวินัยก็มีโทษ แต่ผิดศีลไม่ปรับโทษแต่คุณไม่เจริญเอง ไม่บังคับ ศีลมีอิสระเสรีภาพไม่มีการบังคับแต่วินัยเป็นข้อบังคับ แต่ศีลไม่ใช่ อิสระเสรีภาพสูงสุด วินัย เป็นกฎหลักที่มีข้อบังคับถือว่าเป็นอาบัติ ผิดแล้วต้องทำคืนต้องแก้ ต้องมีปรับ เรียกว่า “ปรับอาบัติ” ต้องมาใช้ตามอัตราของอาบัติต่างๆ ตั้งแต่ผิดทุกกฎ ทุภาษิต ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ สังฆาทิเสสจนถึงปาราชิก ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ที่มาศึกษาบวชจริงๆ ถ้าไม่บวชก็ไม่ต้องขึ้นกับวินัยพวกนี้เท่าไหร่แต่ถ้ารู้ก็ดี ถ้าไม่รู้มันก็จะเลอะเทอะ ถ้ารู้มันก็จะเข้าท่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:52:16 )

ผิดศีลกับผิดนัด

รายละเอียด

คุณนัดก็แค่โลกๆธรรมดา เพลงอย่าบอน นัดกันตะวันแจ้งๆ ….ศีล คือ หลักเกณฑ์ ศาสนาพุทธศีลเป็นใหญ่ ศีลเป็นตัวหลัก ถ้าไม่ปฏิบัติศีลเป็นตัวหลักศาสนาพุทธปฏิบัติไปแล้วไม่มีมรรคผลเช่น ศีลข้อ 1 คุณจะต้องรู้ในการเกี่ยวข้องกับสัตว์ จะต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส สัมผัสกับสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะคน คนนี้แหละสัตว์ตัวดี จะฆ่าแกงกันอยู่ โดนัลด์ทรัมป์ เอาโดรนไประเบิดใส่เขาตาย จะเป็นเรื่องอยู่นี่ศาสนาพุทธสอนเรื่องของสัตว์ อย่าว่าแต่คนเลยแม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อยก็อย่าไปเบียดเบียนกันและอย่าไปฆ่าเขา สุดยอด ถ้าคนมีศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ใดๆ อย่างพระนี่มาบวชแล้วฆ่าสัตว์ก็ปาจิตตีย์ ฆ่าคนก็ปาราชิกเลย ไล่ออกจากศาสนาเลย ชาตินี้อย่ามาเกี่ยวข้องกับศาสนาเลย แต่ทุกวันนี้เละเทะ ปาราชิกแล้วก็ยังมาเป็นมัคนายก เขาก็เลยไม่กลัว ไม่ได้บวชอย่างเดียวทุกอย่างก็เหมือนเก่า มันไม่รู้โทษภัย สับสนหมด ปาราชิกนี้โทษหนักกว่าพรหมทัณฑ์ พรหมทัณฑ์คือแม้จะอยู่ร่วมแต่ก็ไม่บอกไม่สอนแต่ปาราชิกนี้หนักกว่า อย่าว่าแต่ไม่สอนเลย ไม่ให้อยู่ใกล้ส่วนที่ได้ฟังธรรมเลย ไม่ให้ได้ยินเลย ไม่อนุเคราะห์เลย 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85 วันจันทร์ที่6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:01:21 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:33 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:53:51 )

ผิดศีลข้อ 3 จะได้เป็นโสดาบันไหม

รายละเอียด

ไม่ได้เป็นนะ ระวัง ไม่ได้เป็นแม้แต่โสดาบัน เพราะมันเป็นตัวยืนยันว่าตัวเองนี้ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) แค่นี้ก็ไม่ได้ โสดาบันไม่ใช่ไม่มี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) สัมผัส ไม่ใช่ไม่มี คู่เมถุนเราก็มีอยู่แล้ว แล้วยังไปละเมิดผิดอีก อย่างนี้ใช้ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 18:08:05 )

ผิดศีลหรือไม่อ่านที่ใจ

รายละเอียด

จะถือว่าผิดศีลก็ได้ หากคุณตั้งไว้ หากตั้งไว้ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับอาหารเนื้อสัตว์อย่างที่ว่ามา ถ้าคุณตั้งศีลไว้มันก็ผิดศีล แต่ไม่ตั้งศีลไว้ก็ดีคุณก็มีตั้งไว้ในใจแล้วตามที่คุณถามมาว่าอย่างนี้ มันไม่น่าจะทำ ไม่น่าจะไปเกี่ยวข้อง อ่านที่ใจคุณสิ อ่านใจคุณเอง คุณเห็นใน youtube เห็นเขากินข้าวขาหมู หมูกรอบ  กุ้งเผา ใจของคุณไปยินดีไหม อ่านความรู้สึกอร่อยตามเขา มีไหม…ถ้าไม่มีก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เห็นได้เขาติดยึด ไม่ต้องไปลงโทษไม่ต้องไปย่ำยีไม่ต้องไปดูถูกดูแคลนเขา เขายังต้องอาศัยพวกนี้อยู่ เขายังไม่มีฐานไม่มีบารมีก็ต้องเป็นไป หากรู้จักกันพอช่วยกันได้ก็บอกกันไปหาวิธีช่วยกัน ถ้ามันบอกกันไม่ได้เขากินกันอย่างมูมมาม ไม่เกี่ยวอะไรกัน เป็นเหตุปัจจัยให้เราได้เช็คผลด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:01:46 )

ผี

รายละเอียด

คือจิตใจเรา เรียกลึกๆว่าจิตวิญญาณ คือในใจเรามีธาตุรู้เรารู้นี้คือใจทั้งนั้น ตัวนี้แหละถ้ามันรู้อะไรที่ผิดๆเราเรียกจิตอย่างนั้นว่าเป็นผี แม้แต่คิด ซนคิดดื้อกับแม่กับพ่อก็เป็นผี ขี้เกียจขี้คร้านก็เป็นผี แล้วก็ละเอียดกว่านี้ไปที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีจิตเราคิดไม่ดี จิตเรามีความตั้งใจที่ไม่ดีเป็นผีทั้งนั้นอยู่ในใจเรา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:11:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:59:49 )

ผี คืออุปาทาน สะกดจิตก็ใช้อุปาทาน

รายละเอียด

ได้อันตรธานหายไปจากเบาะที่ซ้อนท้าย....อย่างนี้หมายความว่าอย่างไรครับ

พ่อครูว่า…ถ้าไม่ตกมอเตอร์ไซค์ตาย ก็หายตัวไป หายตัวไปคืออุปาทานของคุณ คุณรู้ว่า ตายไปตั้ง 10 ปีแล้ว คนมาเล่านี้ คนที่รับขึ้นไปก็รู้ว่าตายเป็น 10 ปีแล้วรับขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องรู้ว่าเป็นผีแล้วละสิ แล้วรับอย่างไร มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง นิยายเรื่องนี้โกหกไม่สนิท เอาเถอะ ถึงจะโกหกสนิท ว่าผี นี่เขาตามเจอเลย 

คนที่เห็นรูปร่างของผี บอกแล้วว่าไม่ยากเลยมันง่ายจะตายไป อาตมานี่เคยศึกษาทางจิตวิญญาณ ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ศึกษา ทางด้านไสยศาสตร์ก็ศึกษา ทางพุทธก็ศึกษา

ทางไสยศาสตร์สรุปแล้วว่ามันลึก ลึกลับ แต่ไม่กระจ่าง แต่เป็นไปได้ 

แต่ทางวิทยาศาสตร์กระจ่างชัด แปลกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ลึกเท่าไหร่ 

ยกตัวอย่างตื้นๆง่ายๆ คนปวดฟัน มาหาอาตมา อาตมาก็สะกดจิตโดยใช้วิทยาศาสตร์ สะกดจิตเขาแล้วสั่ง พอจิตเขาอยู่ในอำนาจของเราเราก็สั่งไม่ให้ปวดฟัน ถ้ายังปวดฟันไปหาหมอฟันเขายังไม่ทำให้นะ ต้องรักษาให้ไม่ปวดก่อน ก็มาให้เรา เราก็สะกดจิต จะให้ไม่รู้สึกปวดมันก็ต้องมีฤทธิ์ ชั่วระยะหนึ่งเช่นบอกว่า 7 วัน สั่งให้ไม่ปวด 7 วัน แล้วบอกว่ารีบไปให้หมอจัดการภายใน 7 วัน อย่างนี้เป็นต้น สะกดจิตกันแล้ว

คนที่สะกดบางทีก็บอกว่าบนโต๊ะนี้มีแก้วน้ำ ทั้งที่จริงๆแล้วไม่มีแก้วน้ำ เขาก็เอามือหยิบ มันก็ไม่มีแก้วน้ำ เราก็เห็นว่า คนนี้เห็นแก้วน้ำ แต่ที่จริงแล้วมันไม่มีจริงๆ 

หรือสะกดจิตเสร็จ ก็บอกว่าเอานะ ตอนนี้จะเอาเหล็กเผาไฟแดงๆนาบกับแขน เราก็เอาไม้บรรทัดมาทาบกับแขน แขนเขาก็แดงเป็นเส้นเลย อุปาทาน แดงร้อนเป็นเส้นเลย ทั้งที่ไม่มีความร้อนอะไร 

อันนี้อาตมาเล่านี้ เล่าจากประสบการณ์ที่อาตมาทำมาจริง ก็เล่าซ้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว 

หรือยกตัวอย่างว่า แจกทอง หรือแบบ ไสบาบา แจกนาฬิกา Rolex อาตมาก็บอกว่าไสบาบา ขโมยนาฬิกานะ จะเอานาฬิกา Rolex มาให้เขา ก็ต้องไปเอาจากเขามา หรือไม่ก็ปลอมนาฬิกา Rolex มา มันเป็นนาฬิกาจริงๆให้เขา ของแท้ต้องมี Serial Number อย่างนี้เป็นต้น ไสบาบานี้มีอีกหลายอย่าง พูดไปขนาดด็อกเตอร์ในเมืองไทยก็ยังศรัทธา ซึ่งไสบาบา เขาก็เสียไปแล้วล่ะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:07:57 )

ผี ซาตาน มาร มันเป็นตัวเดียวกันอยู่ในคน

รายละเอียด

ดีมากเลย คนนี้เขาเป็นพ่อมด คือพ่อของมดถึงดิน ได้ข่าวว่าไปอ้วนอยู่ที่ไหน อยู่ที่นี่ไม่ค่อยอ้วน 

 มาพูดถึงผี เจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเรื่องของทิฏฐิ ธาตุรู้ของแต่ละคนที่ไม่เข้าใจความจริงของความเป็นจิตวิญญาณ 

จิตวิญญาณที่ชั่วที่เลว ที่โง่ เลวชั่วก็คือโง่ด้วย แต่เป็นโลกียะ แต่โง่ที่อาตมาหมายถึงความโง่ทางโลกุตระคือ ไม่รู้จักสุขทุกข์ แยกให้ดีนะ ดีชั่วกับสุขทุกข์มันต่างกัน 

ศาสนาเทวนิยมทั้งหมดไม่รู้เรื่องจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นไม่รู้เรื่องของผี พระเจ้านี้คือผีหลอกคน พระเจ้าของเทวนิยมคือผีคือซาตาน คือมาร มันเป็นตัวเดียวกันอยู่ในคน

พระเจ้าเป็นเจ้าของความสุข มารคือตัวทุกข์ มันเป็นตัวเดียวกัน เขาไม่รู้จักจิตวิญญาณ เขาแยกไม่ออก แต่เขาก็มีแต่ความติดอยู่ในสุข มุ่งเอาแต่สุข มุ่งมาที่สุข เอาแต่สุขเสพสุข ทุกข์มันจะเล่นงานเท่าไหร่ กิเลสเป็นเหตุแห่งทุกข์ ทำให้เขาทำ มุ่งจะสนใจในสิ่งที่เป็นอัตตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 20:52:27 )

ผี หมายถึง จิตโง่

รายละเอียด

สรุปแล้วเรื่องผี ให้เขามาฟังธรรมอาตมาก็แล้วกัน มาฟังธรรมอาตมาอธิบายวันนี้เป็นต้น ยาวเยอะ 

จะสังเกตได้ง่ายๆ มีตอนสึนามิ ศพมีเยอะตายกันกองพะเนิน ฝังกันเต็มถิ่นนั้นถิ่นนี้ ก็เห็นเดินกันไม่เห็นจะมาหลอกใคร คนตาย พ่อลูกลูกตาย พ่อตามหาลูก แม่ตามหาลูก แม่ตายลูกตามหาอยู่ ก็ไม่เห็นมาบอกว่า ลูกพ่ออยู่นี่ อะไรอย่างนี้ ไม่เห็นผีจะออกมาบอกเลย เสร็จแล้วก็กอง เผละกันอยู่ ฟังกันอยู่ทั่วคนมีอุปาทานก็กลัวผี ก็ไม่เห็นมาหลอกกันเลย ไม่เห็นมีข่าวคราว สึนามิตายกันเป็นหมื่น ไม่เห็นมีข่าวว่าผีหลอกกันใหญ่โต มันตายโหงด้วยนะ เขาว่าตายโหงนี่ดุ ก็ลือกันไป 

สรุปอีกทีว่าให้มาฟังธรรมะสมณะโพธิรักษ์ ผีมันไม่มีหรอก ผีหลอกไม่มี ผี หมายถึง จิตโง่ หมายถึง จิตชั่ว จิตไม่ดี จิตที่มันโง่ๆ มันไม่ค่อยรู้เรื่อง มันโง่ๆชั่วๆและไปทำชั่ว ถ้าจิตดี มันก็จะทำดีหรือยิ่งเป็นโลกุตระ มันก็จะพ้นสุขพ้นทุกข์เป็นนิพพาน เป็นปรินิพพานไปเลย นั่นคือสิ่งที่สุดยอด ติดตามให้ดีๆ 

ถ้าไม่ศึกษา ตอนนี้ก็ได้โอกาสอาตมาก็จะขอสำทับลงไป เกิดมาเป็นคนนี่นะ ถ้าไม่ได้มาเจอพระพุทธศาสนามาเจอโลกุตรธรรม ถ้าไม่ศึกษาให้ดีเลยนะ คุณจะมีชีวิตไม่จบ วนเวียนอยู่ในทุกข์ในสุข ในสูงในต่ำ ในความรวยความจน ในวิบากอะไรก็แล้วแต่ บางทีก็ฐานะดี บางทีก็ฐานะแย่ บางทีก็วิบากลำบากลำบนอย่างนั้นเยอะแยะ ยิ่งกว่า บุพเพสันนิวาส หรือว่ามันเป็นบุญทำกรรมแต่งอะไรกัน ทรมานทรกรรมกันเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:06:25 )

ผีกระสือ ผีปอบ ผีกองกอย

รายละเอียด

ผีเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผีหลอกทั้งนั้น เป็นของเก๊  หลงว่าผีหลอกคือไป ทางน่ากลัว  ถ้าเทวดาเก๊  เทวดาหลอก อันนี้กินลึก อาตมาพูดได้เลยว่า พวกเรามีเทวดากันเกือบทั้งหมด ในคนจะมีธรรมะได้อย่างไร  ฉบับที่ 3  เล่ม 3 ท่านอ่านทวนมาถึงหน้า 128 พุดถึงอุปาทาน และท่านอภิบายถึงเรื่องสวรรค์เก๊หรือนรก มันไม่ใช่ของแท้มันเป็นของเก๊ เป็นรสหลอก คือรสเก๊ ที่แต่ละคนอุปาทานเอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:02:40 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:33 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:53:08 )

ผีกระสือ ผีปอบ ผีกองกอย

รายละเอียด

สรุปผีกระสือ ผีปอบ ผีกองกอย ล้วนแต่เป็นผีหลอกทั้งนั้น เป็นของเก๊ หลงว่าผีหลอกคือไปทางน่ากลัว ถ้าเทวดาเก๊ เทวดาหลอก อันนี้กินลึก และอาตมาก็พูดได้เลยว่า พวกเรามีเทวดาหลอกกันเกือบทั้งหมด ในคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ฉบับที่ 3 เล่ม 3 อาตมาอ่านทวนมาถึงหน้า 128 พูดถึงเรื่องอุปาทาน และอาตมาอธิบายถึงเรื่องสวรรค์เก๊ หรือนรก มันไม่ใช่ของแท้ มันเป็นของเก๊ เป็นรสหลอก คือรสเก๊ ที่แต่ละคนอุปาทานเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:45:03 )

ผีกระสือ ผีปอบ ผีกองกอย

รายละเอียด

ล้วนแต่เป็นผีหลอกทั้งนั้น เป็นของเก๊ หลงว่าผีหลอกคือไปทางน่ากลัว ถ้าเทวดาเก๊ เทวดาหลอก อันนี้กินลึก และอาตมาก็พูดได้เลยว่า พวกเรามีเทวดาหลอกกันเกือบทั้งหมด ในคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ฉบับที่ 3 เล่ม 3 อาตมาอ่านทวนมาถึงหน้า 128 พูดถึงเรื่องอุปาทาน และอาตมาอธิบายถึงเรื่องสวรรค์เก๊ หรือนรก มันไม่ใช่ของแท้ มันเป็นของเก๊ เป็นรสหลอก คือรสเก๊ ที่แต่ละคนอุปาทานเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:00:16 )

ผีคือจิตวิญญาณตัวเอง

รายละเอียด

ไม่ต้องเทศน์มากเลย สรุปดีๆให้ฟังอีก ผีคือจิตวิญญาณตัวเองชั่ว ดีคนกลัวความชั่วนี้ดี เอาความชั่วจิตวิญญาณชั่วๆนั้นเปลี่ยนซะไม่ให้มันชั่ว มันก็จะหมดผีไปจากตัวเอง แต่คุณเอาออก ไปทำเอาออกด้วยวิธีใดๆไม่ได้ นอกจากจะศึกษาธรรมะให้รู้ว่า จิตชั่วหรือจิต ชั่วคือผีผี คือชั่วเลวชั่วคือผี ภาษาไทยนี่แหละ 

คุณรู้อาการชั่วนั้นแล้วคุณก็เปลี่ยนแปลง ใช้การศึกษาให้เป็นปัญญาและพัฒนาเปลี่ยนแปลง กายวาจา ภายนอกก็อย่าให้มันเป็นไปตามผีพาเป็น จนกระทั่งจิตใจของคุณเกิดปัญญาเป็นประธาน ทำให้กาย วาจาก็ไม่เป็นแล้วจิตวิญญาณเป็นประธานก็แข็งแรง หายจากผี ไม่มีผี ผีในจิตหมดไปจากจิต ก็จบผี 

ถ้าจะกลัว กลัวผีในตัวของตัวเอง ผีข้างนอกไม่มีไม่มีผีหลอก ถ้ามีผีอาตมาเคยบอกแล้ว จับใส่ปี๊บมาขายอาตมาซื้อเดี๋ยวนี้ขึ้นตัวละ 10 ล้านก็ได้ 20 ล้านก็ได้เอา 50 ล้านก็ได้เอา โอ้โหขึ้นราคาไปถึง 100 ล้านก็ได้เอาจับใส่ปี๊บมา 

เขาบอกว่า เขาใส่หม้อใส่อะไรของเขา เอามาสิเอามา มันเป็นตัวยังไง อาตมาจะทุบปี๊บทุบถังที่ใส่มาแตกให้ได้แล้วผีมันจะได้หลอกอาตมาดู 

เอา พูดกันดีๆนะ จิตวิญญาณมันโง่มันอวิชชา มันไม่ได้เข้าใจสัจธรรม สัจธรรมโดยธรรมะโดยปรมัตถ์สูงส่งแล้ว มันคือจิตวิญญาณเราชั่วเราเลวเท่านั้นแหละ เสร็จแล้วก็ไปพูดเป็นจิตวิญญาณเข้าไปสิงสู่ข้างนอกอยู่อะไรต่างๆนานา แล้วก็ไปกลัวความไม่ดี แล้วก็ไปปลุกสร้างนิยายหาเรื่องว่าผีมันหลอกอย่างนั้น มันกินไส้กินพุง มันเอาตาย มันทำให้เป็นอะไรต่ออะไร ความชั่วมันทำให้ตัวเองตายได้ แน่นอน ความชั่วมันทำให้ตัวเองตายได้ ตายอย่างน่าเกลียดน่าชังด้วย ตายไม่ดี เขาใช้ศัพทว่า ตายไม่ดี คนชั่วตายไม่ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิแสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:59:53 )

ผีคืออะไร

รายละเอียด

ผีคือกิเลส มันเป็นตัวปลอมอยู่ในจิตเรา เป็นตัวโง่อยู่ในจิตเรา ผี คืออาการของจิตที่โง่ ที่ปลอม ที่แฝงอยู่ แล้วบงการอยู่ในจิตเรา เพราะฉะนั้นเราต้องไล่ผีออกจากจิตเรา ไม่ใช่ไล่อย่างหมอปลา 

หมอปลานั้นแกไล่ผีอย่างเทวนิยม แกก็ไล่ไปตามอุปาทานของแก แล้วก็ใช้จิตวิทยา ทำให้คนมันคลายจาง ที่จริงไม่ต้องไปไล่มันก็หยุด มันไม่หยุดมันดิ้นมากๆมันก็ตายเท่านั้นเอง ก็ช่วยให้หยุดได้เร็ว หมอปลาก็ช่วยได้บ้าง ก็เอา ไปตามวิธีของโลกีย์เขา ใช้จิตวิทยาทำอย่างโน้นอย่างนี้ โอ้โห มากพิธีเลยนะ หลอกกันไป

ที่จริงแล้วแก้ปัญหาอย่างนั้นมันไม่จบหรอก มันโง่ซับโง่ซ้อนชาติแล้วชาติเล่า หมดสมมุตินี้ เขาไปหาสมมุติใหม่ที่เขาบ้าๆบอๆ ถ้าเขาไม่เข้าใจไม่มีปัญญารู้ ที่จริงมันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ที่บอกว่าผีเข้า อาการอย่างโน้นอย่างนี้ มันคือความโง่ของตัวเอง เป็นอุปาทานหรืออวิชชาเราเอง ต้องสั่นต้องเข้าจะต้องไม่รู้เรื่องอะไรต่ออะไร ก็จิตของเราเอง เราทำเราเองตามที่เราเองโง่ ไม่รู้จะพูดอย่างไร มันโง่เอง แล้วก็ไปทำตามเขา 

บางคนจำได้ตั้งแต่ชาติปางก่อนไม่รู้กี่ชาติ แล้วลึกๆนึกว่าเท่ ได้เป็นอย่างนี้แต่ทำอย่างนี้นึกว่าเท่ ลึกๆนึกว่าเท่ คือมันโง่ซ้อนโง่ บางคนก็รู้สึกเหมือนกันว่าอาย อายนี่ ค่อยยังชั่วแล้ว แต่ถ้านึกว่าเท่นี้คนนี้จะต้องเป็นอยู่บ่อย เป็นอยู่นาน เป็นอยู่มาก เข้าใจไหม มันเป็นความโง่ซับโง่ซ้อนเท่านั้นเอง 

เพราะเรารู้แล้วว่าเราเองเท่านั้น เราเข้าใจตามเหตุปัจจัยของสมมุติโลก ของคนทั้งหลายเขาเป็นสามัญธรรมดา ตื้นๆเป็นอย่างนี้อย่างนี้ เราก็เป็นตามที่เขาเป็น ไม่ได้พลิกแพลง  ไม่ได้ประหลาด ไม่ได้แปลกแตกต่างไปจากเขา ไอ้ที่แปลกต่างไปนั้นมันเป็นการพิเรนพิลึกมันโง่ แล้วมาเข้าใจผิดว่ามันเด่น ก็มันเหมือนกับคนสามัญดีๆที่เขาอยู่อย่างสงบสบาย แต่ไม่ จะต้องให้เป็นแบบพิลึก 

ตอบไม่รู้กี่ที่แล้ว มาเรียนรู้โดยเฉพาะที่พวกเรา หลวงปู่และนักธรรมะของพวกเรา นี่แหละคือนักฆ่ากิเลส แหล่งกำจัดกิเลสคือชาวอโศกนี่แหละ ตัวจริง ไม่มีแหล่งที่ไหนที่จะตัวจริงที่จะฆ่ากิเลสได้จริงเท่าชาวอโศกหรอก นี่พูดอย่างชัดๆเจนๆ อย่างอหังการเลย จริงๆ ไม่มีแหล่งไหน ไม่มีสำนักไหนที่จะฆ่ากิเลสได้ชัดเจน ตรงและจริงเท่าชาวอโศก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ 

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:12:34 )

ผีคืออุปาทานในตัวเราเอง

รายละเอียด

แสดงว่าคุณบรรเทาดีขึ้นแล้วสิ จริงๆแล้วผีไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่างจริงๆเลยแต่คุณปั้นรูปร่างนั้นขึ้นมาเอง จิตมันสร้างเองมันสร้างพลัง สร้างเป็นตัวตนรูปร่างขึ้นมาเอง เรียกว่ารูปที่สำเร็จด้วยจิต มโนมยอัตตา ตัวตนรูปนั้น เสียงนั้น กลิ่นนั้นมันสำเร็จด้วยจิตเราปรุงแต่งมาเอง โลกนี้เป็นทุกข์อยู่ได้เท่านี้แหละ คุณกินไอ้นี่อร่อย กินอะไรอร่อยมันเป็นผีเป็นอุปาทาน เมื่อคุณปฏิบัติจริงแล้วก็จะรู้ว่าไม่มี แต่ก่อนคุณกินเหล้าอร่อย แต่ก่อนทาลิปสติกชื่นใจๆ ชื่นใจจริงๆ กินเหล้าก็อร่อยจริงๆทาลิปสติกก็ชื่นใจดีจริงๆ นั่นแหละอาการพวกนั้นแหละคือผี แต่มันไม่มีรูปร่างตัวตน อย่างผีที่เขาเห็น   ผีเปรต ก็ตัวสูงๆปากจู๋ แล้วเราก็ไปมีความคิดเห็นเชื่อตามเขา มันก็เป็นตามๆเขามา กิเลสะ แปลว่าโง่ตามๆกัน กิระ หรือ กิละ แปลว่าดั่งได้ยินมา เอสะ แปลว่าอย่างนั้น อย่างได้ยินอย่างใดมาก็เป็นอย่างนั้น มันเป็นมายาแท้ๆไม่ใช่สิริมหามายา ผู้ใดที่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า มาร ตถาคต รู้เจ้าแล้ว หักเรือนยอดเจ้าแล้ว ไม่มีการเกิดอีกแล้วสำหรับเจ้า สรุปแล้ว ผีที่เห็นนั้น มันคือตัวคุณหลอกตัวเอง หลอกตัวเองไม่พอแล้วเชื่อว่าเป็นจริง ไปสร้างเหตุปัจจัยต่างๆก็เลยมีผีเยอะขึ้นมา เยอะมาจากแต่ละคนนั่นแหละ ที่ของแต่ละคนแต่ละเจ้าปรุงแต่งขึ้นมาสร้างขึ้นมา เรียกว่าออกแบบผีของแต่ละเจ้าๆ เยอะเลย ไอ้ช่องส่องผีปิดไปได้นี่ก็ดี เป็นกุศลของวงการศาสนาพุทธแล้ว สังเกตุสิว่าชาวอโศกเราเข้าใจเรื่องผี ก็จะไม่ค่อยกลัวผีกัน เป็นเล็กๆน้อยสำหรับบางคนจะไปกลัวทำไม   ที่นี่มีศพ มีโลง ก็ลากไปมาในศาลาแห่งนี้ ก็นอนกันอยู่ในนี้ อยู่วันๆคืนๆ หรือแม้แต่เมรุพวกเราก็พากันไปนอน ไม่ว่าจะที่ศีรษะฯศาลีฯก็นอนกัน สังเกตให้ดีๆ คนเจอภาพผี เป็นรูปเป็นร่างจะมีมากกว่า    หรือคนไม่ค่อยเจอเป็นรูปเป็นร่างมีมากกว่ากัน …คนไม่ค่อยเจอรูปร่างเป็นผีมากกว่ากันเพราะอุปาทานไม่ได้เก่งถึงที่ เพราะฉะนั้นคนที่เห็นผีคือคนที่อุปทานเก่ง เก่งฉิบหาย ถึงโง่หรอกตัวเอง มันเก่งไม่ดี ยังไง เก่งเรื่องไม่ดีก็เลยได้ไม่ดีนักหนา เห็นไหม?เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้ศึกษากับพวกเราจริงหรอกว่าไม่มีหรอก พวกเราไม่มีใครเห็น ผี เผอ อะไรพวกนี้ ก็รู้แล้วว่าผีมันเป็นยังไงแล้วเราก็ลดละมันได้น้อยลงน้อยลงอย่างจริงจัง ก็ให้กำลังใจคุณอุไรให้ปฏิบัติไป คุณก็จะค่อยเข้าใจค่อยๆลดลง หมดอัตตาตั้งแต่โอฬาริกอัตตา ไปหมดโอฬาริกอัตตา มีภายนอกกับภายในแล้วหมดรูปราคะ เหลืออรูป ก็จะหมดอรูปไป ก็จะไม่มีตัวมีตนแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:34:47 )

ผีบุญคืออะไร

รายละเอียด

ภาษาง่ายๆเลยนะ ถ้าเผื่อว่าอาตมาไม่จริงอาตมาคือผีบุญของประเทศนะ เขาปราบเอาไปยิงเป้าไปประหารชีวิตเลยนะสำหรับผีบุญ ที่ความหมายของคำว่าผีบุญคืออะไร คือผู้มาสร้างอำนาจพิเศษให้แก่ตัวเองให้ประชาชนเขามายอมเคารพนับถือแล้วมีพวกมีหมู่กันแข็งแรงใหญ่โตจนเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศสามารถที่จะกบฎต่อประเทศชาติได้ มีหมู่พวกสูงสุด แล้วมันก็เคยมีมาแล้วด้วย ผีบุญมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่มนุษย์ยุคเผ่าจนกระทั่งมาเป็นหัวหน้าเผ่าอะไรต่ออะไร ต้องมีเรื่องของทางศาสนาเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องจิตวิญญาณ เป็นผู้ที่เก่งทางจิตวิญญาณถึงจะสามารถควบคุมอะไรได้ เพราะฉะนั้นเทวนิยมเขาจะเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:16:23 )

ผีพาลงนรกคือสวรรค์อบายมุขตามด้วยสวรรค์ขั้นกาม

รายละเอียด

สรุปว่า สวรรค์นี้เป็นของหลอกทั้งนั้น พระพุทธเจ้าใช้พยัญชนะชัดเจนว่า สุขัลลิกะ ต้องมาดูเหตุที่มันพาลงนรกคือตัวผี เหตุคือตัวผี พาลงนรก ฆ่าผีให้เรียบร้อย ฆ่าซาตาน ไซตอน เรียกด้วยภาษาอีกเยอะแยะ ฆ่าด้วยพลังงานจิต ฆ่าให้มันตายดับสนิท ไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา เป็นปกติธรรมดาสามัญ อย่างไรก็ไม่เกิดอีก เป็นหลักประกันได้เลย ยืนยันได้ เพราะฉะนั้นถ้าสามารถ มีตัวอย่าง แล้วก็มาพิสูจน์ไปตามลำดับขั้น ตั้งแต่อบายมุข สวรรค์อบายมุข เสร็จแล้วก็ไปติดสวรรค์ในขั้นกาม แม้แต่กามไม่จัดจ้าน อ่อนๆ ไม่มากเท่าไหร่ เหมือนอย่างนางวิสาขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:57:25 )

ผีมันซับซ้อนหลายชั้น ผีคือความไม่รู้ คืออวิชชาของคนนี่แหละ

รายละเอียด

ผีนี่คือ มันซับซ้อนหลายชั้น ผีคือความไม่รู้ คืออวิชชาของคนนี่แหละ

1. มองผีไม่ออกทั้งที่ตัวเองเป็นผี ผีที่หลายซับซ้อนเลยนะ ตัวเองเป็นผีชัดๆแสดงออกมาเป็นผี แต่หลงตัวเองว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือเป็นเจ้าโลก หลงว่า ตัวเองมีอำนาจ จะบัญชาอะไรต่ออะไรยิ่งใหญ่ไปหมด แล้วก็รู้สึกว่าอยากจะได้ตำแหน่งนี้แหละ ตำแหน่งที่ได้ยิ่งใหญ่ได้บัญชา เป็นเจ้าโลกเลย ยิ่งใหญ่อย่างนั้นแหละ 

คำตรัสในหลวง ร. 9 ท่านตรัสว่า 1. เราจะต้องเอาอย่างจนเราไม่เอาอย่างรวย มาเป็นคนจนมาเป็นคนขาดทุนไม่ได้เอากำไร กำไรมันเป็นความเสื่อม ไม่เอาความก้าวหน้า อย่างที่เขาหลงใหลความก้าวหน้ากัน มุ่งจะเอาก้าวหน้า ในหลวงบอกว่าเราไม่เอาก้าวหน้าเพราะมันมีแต่จะถอยหลังอย่างน่ากลัว 

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองประเทศไหนก็ตามมีแต่จะกระเหี้ยนกระหือรือเอาความก้าวหน้าหรือจะเอาความเป็นเจ้าโลก เป็นเจ้าเหนือชั้นกว่าทุกประเทศเลย แต่รู้แล้วว่า ชักจะเข้าใจว่ามันคงจะเป็นไม่ได้ง่ายๆ ก็เอาแต่ให้ประเทศเราแข็งแรง แล้วให้คนอื่นเขายอมรับ เดี๋ยวนี้ก็คงจะมีปฏิภาณไหวพริบและรู้ขึ้นมาบ้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:01:08 )

ผีมารอยู่ที่ตาหูจมูกลิ้นกาย

รายละเอียด

เมื่อคุณสามารถลดกามคุณ 5 ได้จริง ก็เป็นพระสกิทาคามี ไล่ไปหาอนาคามี พ้นภพภูมิที่กระทบสัมผัสต่างๆหูจมูกลิ้นกาย หมดอำนาจ ตาหูจมูกลิ้นกายผีมารอยู่ที่ตาหูจมูกลิ้นกายไม่ใช่ผีมารอยู่อบายนะ หมุนสมองให้ทันสมัย มาอยู่ที่กามคุณ 5 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:59:32 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:44 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:52:09 )

ผีร้ายแรงคืออบายมุขที่อยากเป็นเจ้าโลก

รายละเอียด

อบายมุข ที่ร้ายแรงก็คือ อบายมุขที่อยากเป็นเจ้าโลก มันโลภใหญ่โลภโต มันจะเอาความเป็นใหญ่เป็นเจ้าโลก ที่ทำกันอยู่นี่ ทุกวันนี้ก็เห็นเด่นชัดที่แสดงตัวเต็มที่ ก็มี สหรัฐ กับ รัสเซีย แสดงความเป็นเจ้าโลก จะเป็นเจ้าโลกให้ได้ 

รัสเซีย เขาแสดงอย่างมีท่าที ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนสหรัฐ สหรัฐแสดงเต็มที่เห็นเป็นตัวอย่าง นี่ อธิบายธรรมะโดยไม่ได้ไปดูถูกดูแคลน ไม่ได้ไปข่มไปว่า แต่แสดงสัจธรรมสู่ฟังว่าคนเป็นอย่างนี้ 

คนตาดีเห็นผี รู้ผี เข้าใจความเป็นผีของมนุษย์ คนโง่ อวิชชา ไม่รู้จักผี อย่าว่าแต่ตาไม่ดีเลย ตัวเองนี่แหละเป็นผีตัวโต แล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผีตัวโต

ทีนี้อย่างคุณฉลวยว่า กลัวสิ่งที่ตนเองไม่รู้จัก กลัวผี กลัวเจ้า กลัวศาลพระภูมิ กลัวต้นไม้ที่เขาเอาผ้าหลากสีผูกไว้ กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็คือสารพัดที่ไม่เข้าใจความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:06:12 )

ผีหรือมารที่แท้จริง

รายละเอียด

ก็ขอสรุปนิดนึง คำว่าผี หรือคำว่ามาร ภาษาที่อยู่ในพระไตรปิฎก คำว่าผีเป็นภาษาไทย แต่ภาษาวิชาการทางศาสนาพุทธ ในภาษาบาลีสันสกฤตก็คือคำว่ามาร หรือ มายา หรือมารยา มารยาท มารยา เป็นภาษาสันสกฤต ถ้ามายา ก็เป็นภาษาบาลี ก็คือสิ่งที่มันไม่จริง มายา ไม่จริง มันหลอก ผู้ที่จะรู้จักความหลอกและก็จะรู้จักความจริง โดยชัดเจนทั้งสัจจะขั้นปรมัตถ์สัจจะและสมมติสัจจะ สมมติสัจจะในโลก ก็ใช้ และใช้ตามฐานะบุคคล ก็จะยอมเขาผู้ที่อยู่ในฐานะของปุถุชนกัลยาณชนจึงเรียกว่าสมมุติ ในฐานะอริยะชนขั้นพระโสดาบัน ฐานอริยชนขั้นสกิทาคามี ฐานอนาคามีฐานอรหันต์เป็นต้นก็ต้องยอมไปตามลำดับแล้วก็ค่อยๆสอนกัน แนะนำกัน นำพากันให้หลุดพ้นจากที่เราติดยึด ยอดที่สุดแห่งที่สุดแล้ว มันไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่จะยั่งยืนถาวรนิรันดร โดยเฉพาะจิตวิญญาณ หรือธาตุรู้แม้ที่สุดก็ทำให้ธาตุรู้นี้สลายกลายเป็นไม่รู้ กลายเป็นอุตุนิยามไม่ว่าจะเป็นดินน้ำไฟลม ไม่มีความรู้ในตัวเองอย่างนี้เป็นต้น แต่ขณะที่มีธาตุรู้เป็นจิตวิญญาณก็สามารถศึกษาทำความรู้ให้จิตวิญญาณนั้นทำให้เกิดสภาวะเป็นอุตุ ได้อย่างชัดเจน เป็นพีชะและจิตของเราก็มีจิตนิยามจึงเป็นความรู้ของจิตนิยามที่สูงสุดประเสริฐสุด แล้วเราก็อาศัย จะทำลายแตกธาตุ ทำลายธาตุจิตวิญญาณเราเป็นครั้งสุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสานให้ธาตุจิต หรือ อัตภาพอัตตา แตกสลายหมดเลย เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย เป็นครั้งสุดท้ายได้ สรุปอันนี้ไว้แค่นี้ก่อน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 10:51:11 )

ผีหลอก หรือ ตาหลอก

รายละเอียด

คนกลัวผีเป็นอุปาทาน ผีมันไม่มีให้คุณกลัว ไม่มีผีหลอก แต่คุณกลัวเอง กลัวจนกระทั่ง ตาหลอก ไม่มีผี ไม่มีรูปร่างอะไรแต่เห็นอะไรเคลื่อนไหว ตาหลอก ทางหมอทางแพทย์ก็รู้ว่ามันเป็นความหลอกทางตา กลายเป็นอันนั้นอีกซึ่งมันไม่จริง อาตมาเคยบอกว่า ถ้าคุณเห็นผีตัวไหน คุณท่องคาถาไว้ว่าแค่ตาย แค่ตาย ก็เดินเข้าไปหาผีตัวนั้นเลย คุณก็จะรู้ว่าอะไรมีหรือไม่มี ดีไม่ดีไม่มีอะไรเลย หรือมีอะไรเป็นเค้าให้คุณเห็นว่า ที่แท้คุณหลอกตัวเองทั้งนั้น นี่คือสัจจะ 

เพราะฉะนั้นคำว่า ผีหลอก ผีคือกิเลสเท่านั้นที่มันโง่ สรุปแล้วคือผีโง่ ผีกิเลสโง่ คุณเป็นพระอรหันต์คุณหมดผี คุณยังไม่ใช่อรหันต์เป็นอนาคามีก็ยังผีอยู่เล็กๆน้อยๆ แล้วก็ไม่ได้กลัวแล้วถ้าเป็นอนาคามีก็ไม่ได้กลัวผีข้างนอก ผีอยู่ในคุณ คุณก็รู้ตัวถ้าเป็นอนาคามีอย่างสัมมาทิฏฐิคุณก็จะรู้ว่าผีคืออยู่ที่ตัวเรา ผีพวกนั้นคุณก็เข้าใจแล้วว่ามันไม่มี ถ้าผีที่อยู่ภายนอกที่ตายไปแล้ว พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้องญาติพี่โกโยติกาลูกหลาน ตายไปแล้วไปก่อน มันมาหาคุณไม่รู้ผีกี่ตัว เพราะคุณมีญาติเยอะแยะแต่ละคน มันจะมาหาพวกคุณกันทั้งนั้นคุณจะเห็นผีมาหลอกทั้งนั้นเลย ถ้ามันมีจริง แต่มันไม่มี นอกจากคนขี้กลัว คนนั้นก็จะเห็นผี จะมีผี ถ้าคนไม่ขี้กลัว มันไม่มีหรอกผีที่จะมาหลอก มีแต่กิเลสเราโง่ 

ฟังพอเข้าใจไหม ถ้าใครเข้าใจเดี๋ยวนี้ชัดเจนหมด ผีพวกนั้นคุณไม่ต้องกลัวเลย คุณจะไปนอนป่าช้า คุณจะไปเดินที่ไหนๆ ที่มืดๆที่คุณเคยกลัวมันไม่ต้องกลัวหรอก พวกเรานี่ ศพที่นอนอยู่ ก็ไม่เห็นกลัวกันเลย พวกเราถึงบอกว่าจะไม่ค่อยกลัวผีเหมือนกับข้างนอกเขา ข้างนอกเขากลัวมากเลย ไปถามสังวร กลัวผีหรือเปล่าไปนอนอยู่เฮือนสุดชีวิต เฝ้าเมรุอยู่นอนอยู่ทุกคืน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 20:09:42 )

ผีหลอกคือผีไม่มีจริง

รายละเอียด

คำว่าผีนี่นะ ฟังดีๆ ผี คนที่เข้าใจว่าผีคือสิ่งที่เป็นรูปร่าง หลอกๆ เจอแล้วก็แลบลิ้นปลิ้นตา แยกเขี้ยวเป็นตัวตนรูปร่างเหมือนคน เป็นรูปร่างน่ากลัวตาโปนสยายผม อะไรพวกนั้น รูปร่างแปลกๆ คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น ฟังหลวงปู่ดีๆ สิ่งเหล่านั้นมันคือผีหลอก มันหลอก มันไม่มี ความจริงไม่มีหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:53:27 )

ผีหลอกหรือโรคประสาทเป็นเรื่องอุปาทาน

รายละเอียด

ฟังไว้เด็กๆ นี่แหละคือผีหลอก อย่าไปกลัวผีที่มาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเรา มันไม่ใช่ของจริง มันเป็นอุปาทานมันปั้นรูปมาหลอกตนเอง เห็นด้วยตา ที่เข้าโรงพยาบาลประสาท ที่ตาเห็นรูปอยู่ตลอดเวลา จมูกได้กลิ่นตลอดเวลา หูได้ยินเสียงตลอดเวลา ฯ หมอก็พยายามรักษาอยู่ทางสรีระ แต่ที่จริงเป็นที่จิต 70% รูปพวกนั้นทางสรีระที่หมอรักษาพวกโรคประสาทพวกนี้ ไม่ค่อยได้ผลหรอก ต้องมารักษาทางธรรมจะได้ผลดี ไปรักษาทางประสาทไม่ค่อยได้ผล  ซึ่งจะได้บ้างอย่างมากฉีดยาให้ประสาทมันเปลี่ยนๆ ทื่อๆ จนมันปรุงแต่งไม่ถึงรส ไม่ถึงรูปจริงๆ มันก็จางๆ ลงไปประเดี๋ยวจิตที่มันสำคัญผิดจิตมีกิเลสมันก็ขึ้นมาใหม่ ยาก แต่ถ้ามารักษาทางจิตแล้ว หายแล้วหายเลย เพราะพวกนั้นมันเป็นเรื่องหลอก เป็นเรื่องอุปาทาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 20:42:12 )

ผีไม่มีจริงเป็นจิตอุปาทานของเราเอง

รายละเอียด

พูดเองนะว่าไม่ได้คิดอะไรไม่ได้อุปาทานอะไร..ก็ตอบความจริงตามสัจธรรม ว่า มีอุปาทานต่างหาก แต่ไม่รู้ว่ามันคืออุปาทาน ผีนั่นมันไม่มีจริงหรอก ที่รู้สึกว่าอย่างนั้นมันเป็นผีเป็นสิ่งเคลื่อนไหวมีตัวตนอะไรก็แล้วแต่ มันไม่มี มันเป็นจิตอุปาทานของเราเอง เกิดในจิตของเราเอง แล้วไปรู้สึกว่ามี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:16:33 )

ผีไม่มีในโลกสันนิวาส แต่มีในโลกสัมภเวสี

รายละเอียด

เช่นไม่มีความรู้ในเรื่องผีก็บอกว่าผีมี มันมีในอวิชชาในอุปาทานของคน มีแต่ความเป็นอุปาทานความเป็นผู้โง่ ผู้อวิชชา มีผีที่มีอันนั้นเป็นผีหลอก มันไม่มีจริง คนที่เขาบอกว่าผีมีจริงอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นการหลอกตนเอง หลอกคนอื่น พากันหลอกกันไป เมืองไทยนี่แหละหลอกกันเป็นผี ที่อื่นเขาก็ไม่กระไร ไม่เหมือนเมืองไทย กลัวผี

คนตายแล้ววิญญาณคนตายยังห่วง วิญญาณจะมาหลอกคนนั้นคนนี้ จะมาปรากฏตัว จะมาแสดงตัวให้รู้กัน คนไทยขี้กลัวผีกันเยอะ แล้วก็มีนิยายสร้างกัน เป็นนิยายหลอกโลกกันไม่รู้นิยายตั้งเท่าไหร่เรื่องผีของคนไทย สร้างเป็นหนัง เป็นละคร ซีรีส์ยาวๆเยอะแยะเลย นับถือศาสนาพุทธแท้ๆ แทนที่จะรู้ความจริงในเรื่องพวกนี้…ไม่.. โง่ดักดาน โง่เง่า

แม้แต่มาปฏิบัติธรรมะแล้ว เรียนรู้ตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมิจฉาทิฏฐิ เรียนผิด เรียนไป มีวิญญาณเป็นตัวเป็นตน เป็นวิญญาณเป็นผีมาหลอก ขอยืนยันว่า ผีจะมาหลอกเรา เป็นรูปเป็นร่างเป็นตัวเป็นตนไม่มีในโลก ที่ไหนๆในโลก โลกสันนิวาสที่คนรับรู้ร่วมกันได้ ผีมันไม่มี มันมีแต่ในโลกสัมภเวสี เป็นโลกในการนึกคิดเอาเอง หลับตาแล้วไปตามความนึกคิดของใครต่อใคร แล้วคนไทยนี้งมงายเรื่องนี้เยอะ ฝันเพ้อไป เป็นอะไรต่ออะไรต่างๆนานา แล้วก็หลอกกันไป หลอกกันได้หลอกกันดีมากมาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:18:32 )

ผุฏฐัสสะ โลกธัมเมหิ จิตตังยัสสะ น กัมปติ

รายละเอียด

จิตไม่หวั่นไหวแม้สัมผัสโลกธรรมอยู่

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 298


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:06:16 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:00 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:51:44 )

ผุฏะ

รายละเอียด

ซับสัมผัส

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 81


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:05:31 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:33 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:51:22 )

ผุดขึ้นดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำ

รายละเอียด

ผุดขึ้นดำลง แม้ในแผ่นดิน เหมือนในน้ำก็ได้ เขาก็จะเป็นขอมดำดินไปได้ เหมือนท่านโพธิธรรมเดินบนน้ำเลย ท่านตั๊กม้อ เดินบนน้ำ ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับนักเล่นกล อันนี้ดำอันนี้ขาว ที่เป็นสิริมหามายา ซึ่งไม่ใช่การเล่นกล แต่จริงๆ เป็นสัจจะที่เหมือนกับ ดำลงไปในดิน เหมือนดำลงไปในน้ำ สิ่งที่คนธรรมดา เขาทำไม่ได้ แต่เราทำได้ง่าย มันไม่ใช่เรื่องลึกลับ ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ไม่ใช่เรื่องประหลาด เช่น 

ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 ซึ่งพวกเขาได้ยากมากเลยนะ ฌาน ของโลกุตระ เขาได้ยากมาก เขาไม่เข้าใจและก็ยังทำกันไม่ได้เลยทุกวันนี้  ฌาน ต้องปฏิบัติด้วย จรณะ 15  ถึงจะคัดกรองกิเลสออกเป็น ฌาน 1 2 3 4 ด้วยวิชชา 8 เป็นยาดำในจรณะ 15 แต่เขาไม่รู้เรื่อง ฌาน เขาก็ไปนั่งหลับตาสะกดจิต แต่ที่จริง ต้องปฏิบัติลืมตาให้กิเลสลดลงไป หยาบ กลาง ละเอียด ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเล 

เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนดินก็ได้ กลับกัน ดำลงในดินเหมือนดำลงน้ำ แต่เดินบนน้ำเหมือนเดินบนดิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:12:59 )

ผุดเกิด

รายละเอียด

การเกิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดผุดขึ้นมาและโตเต็มตัวในทันใด ได้แก่สัตว์นรกต่าง ๆ และเทวดาต่าง ๆ ตาย และการตายชนิดนี้ก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากของจิตปรากฏ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 198


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:06:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:24:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:51:05 )

ผุสนา

รายละเอียด

ความแตะต้อง

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 162


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:07:41 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:25:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:22:05 )

ผุสิตะ

รายละเอียด

การสัมผัส

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 183


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:09:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:26:11 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:22:25 )

ผุสฺติ

รายละเอียด

สัมผัส , ถูกต้อง

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 266


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:08:22 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:26:54 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:22:53 )

ผู้กบฏต่อพระเจ้า คือใคร

รายละเอียด

ประเด็นที่ว่า จากหนังสือปัญญา 8 ข้อ 193 อรหันต์ทุกองค์คือ ผู้กบฏต่อพระเจ้า พระเจ้าในความหมายของโลกียะในเทวนิยม หรือพระเจ้าในโลกของโลกุตระหรือโลกของพุทธ ผู้ที่ยังมีพระเจ้าอยู่ ในพุทธนี้ก็ตาม ยังมีเทวะน้อยเทวะใหญ่ ขนาดไหนก็คือปัญญาหรือวิชชา ที่สามารถรู้จักพลังงาน ที่เรียกว่า ยึดตัวตนอยู่ ยึดอยู่น้อยหนึ่งก็เป็นเทวะน้อยๆ ยึดอยู่มากขึ้นก็เป็นเทวะมากขึ้น หรือว่า ยังไม่ใช่น้อยหรือมากก็ยังนึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ อยากยิ่งใหญ่ ยิ่งเล็ก ยิ่งกลาง ยิ่งใหญ่ เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 12:17:21 )

ผู้กอบกู้ศาสนาพุทธยุคนี้

รายละเอียด

เห็นได้ชัดเลยว่าที่เขาปฏิบัติการออกนอกทางพระพุทธเจ้าไกลแสนไกล ไม่มีทางที่จะบรรลุอะไรเลย อาตมารู้ตัวเองว่ามีอายุขัยแค่ 72 ปีแล้วก็จะตาย แต่เห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่น่าจะตาย ต้องปรับปวาทะ ไม่ได้แปลว่าถกเถียงนะ แต่ว่าผู้ที่มีวาทะทำให้เป็นอื่น เปลี่ยนไปจากศาสนาพระพุทธเจ้าไปหมดแล้ว ต้องทำให้กลับมาให้เห็นจำแนกอธิบายให้ได้เสียก่อน อาตมาจึงต้องมาทำหน้าที่นี้แทนพระพุทธเจ้าในยุคนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:43:49 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:03 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:23:20 )

ผู้ขาดทุนคือผู้กำไรอย่างนี้

รายละเอียด

แวะเข้าไปหาการกอบกู้เศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ที่ยังพูดว่า การจะแก้ปัญหาเศรษฐศาสตร์ จะต้องให้คนรวยเสมอกัน จะต้องให้คนในสังคมของเรารวย คุณจะให้สังคมของคุณรวย คุณจะต้องไปเอาจากคนอื่นมา เพราะคนที่ยังไม่สมบูรณ์ บริบูรณ์นี้ จะสร้างสรรไม่ค่อยมีส่วนเกินเท่าไหร่ ดีไม่ดีจะสวาปาม กินใช้ฟุ่มเฟือย ไม่พอกินพอใช้ 

แม้จะทำสร้างแล้วก็กินใช้ สมตัว สร้างขึ้นมาแล้วก็กินใช้ สมดุล สมตัว คุณก็เป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ต่อใคร เอาตัวรอดได้ แต่ถ้าคุณสร้างขึ้นมาให้เหลือเกินที่เรากินเราใช้ แล้วสะพัด ส่วนเกินส่วนที่เรากินเราใช้ให้คนอื่นต่อ คนนี้ก็มีกำไรแท้ๆ เป็นอาริยกะ ผู้ขาดทุนคือผู้กำไรอย่างนี้ แล้วคุณก็อยู่ได้ เพราะมวลอื่นๆ  มันมีอย่างนี้.. ความซ้อน คนๆนึง มีวรรณะ 9 เป็นคนยอดขยัน ไม่สะสม ไม่สะสมจริงๆเลย เอาเข้ากองกลางหมด ขยันสร้างสรรค์ จะได้เงินทองข้าวของให้กองกลางหมด เสียภาษี100% คนคนนี้เป็นสุดยอดในวรรณะ 9 นี้ 

เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 13:59:49 )

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำ

รายละเอียด

 คือ ผู้มีอันทุจริตทั้งปวง  อันความกระวนกระวายทั้งปวง (ทรถ) อันความเร่าร้อนทั้งปวง อันความเดือดร้อนทั้งปวง อันอภิสังขารคือ อกุศลธรรมทั้งปวง บังไว้  คลุมไว้ หุ้มห่อไว้ ปิดไว้ ปิดบังไว้ ปกปิดไว้  ปกคลุมไว้  ครอบงำไว้แล้ว  เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ  เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:40:46 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:52 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:23:52 )

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำ 

รายละเอียด

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำ  คือ พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ความพอใจ  ความกำหนัด  ความเพลิน  ความปรารถนา ในรูป ความเข้าไปถือ  ความเข้าไปยึดในรูป  อันเป็นความตั้งมั่น ความถือมั่น  ความนอนตามแห่งจิต  เกี่ยวข้องอยู่ในความพอใจ  เพราะฉะนั้น  จึงเรียกว่า “สัตว์”  คำว่า สัตว์ เป็นชื่อของผู้เกี่ยวข้อง  เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า  เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:29:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:47 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:24:23 )

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำเป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้ 

รายละเอียด

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำเป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้  คือ  ผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว คือ อันความกำหนด ความขัดเคือง  ความหลง  ความโกรธ  ความผูกโกรธ  ความลบหลู่  ความตีเสมอ  ความริษยา ความตระหนี่  ความลวง  ความโอ้อวด  ความดื้อ  ความแข่งดี  ความถือตัว  ความดูหมิ่น  ความเมา  ความประมาท ปิดบังไว้แล้ว  อันกิเลสทั้งปวง  อันทุจริตทั้งปวง  อันความกระวนกระวายทั้งปวง  อันความเร่าร้อนทั้งปวง  อันความเดือนร้อนทั้งปวง  อันอภิสังขาร คือ อกุศลทั้งปวงบังไว้ คลุมไว้ หุ้มห่อไว้ ปิดไว้  ปิดบังไว้  ปกปิดไว้ ปกคลุมไว้ ครอบงำไว้แล้ว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:56:14 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:01 )

ผู้ข้องอยู่ในถ้ำไม่ได้เป็นมนุสโสแต่ไปหลงว่าเป็นเทวดา

รายละเอียด

นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ ถ้ำคือ คูหาสยัง ความเป็นสัตว์ เช่นสัตตาวาส 9 เป็นต้น หากคุณไม่รู้จักสัตตาวาส 9 ก็ยังเป็นสัตว์โอปปาติกะตลอดไม่ได้เป็นมนุสโส แต่ไปหลงว่าเป็นเทวดาด้วย 

มนุสโสกับเทวดาต่างกัน เขาก็บอกว่าเทวดาเป็นผู้มีจิตสูง ที่จริงไม่ใช่ ถ้าไม่เข้าใจถึงสภาวธรรม เทวดาคือผู้ที่ไปหลงสภาพ 2 เทวะ แล้วไม่รู้จักสภาพ 2 ก็คือความสุขกับความทุกข์นั่นแหละ เพราะฉะนั้นการไปหลงความเป็นเทวดาก็คือไปหลงความเป็นสุข เทวนิยมแยกสุขแยกทุกข์ไม่ออก ก็ไม่เข้าใจด้วยว่า สุขคือสิ่งต้องละ ต้องล้าง ต้องดับ ก็เลยกลายเป็นศาสนาสุขนิยมไม่เข้าใจเรื่องทุกข์เรื่องสุข พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องทุกข์เรื่องสุขเป็นโลกุตระ และดับทุกข์ดับสุขเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:14:14 )

ผู้ข้ามโอฆะสงสารได้แล้ว เป็นอย่างไร

รายละเอียด

เราไม่พักอยู่  (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป

เราไม่เพียรอยู่  (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท

เราเป็นผู้ข้ามห้วงโอฆสงสารได้แล้ว  (โอฆมตรินติ)

เมื่อใดยังพักอยู่ (สันติฏฺฐามิ)  เมื่อนั้นยัง“จม”อยู่โดยแท้

เมื่อใดยังเพียรอยู่ (อายูหามิ)  เมื่อนั้นยัง“ลอย”อยู่โดยแท้

เราไม่พัก  เราไม่เพียร  ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แลฯ 

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 15  ข้อ 2

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:17:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:51 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:24:45 )

ผู้จบกิจ

รายละเอียด

คนผู้“จบกิจ(กตัง กรณียัง)”แล้วเป็น“อรหันต์” ผู้มี“ปัญญา”จริง“สัมมาทิฏฐิ”จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบใน“จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน”จึงสามารถจัดการกับ“จิต”ของตนโดยตนจะ“ตายกายแตกลง”แล้วจะไม่ตั้งจิต“เกิด”อีก ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ไปเลยก็ได้ หรือจะ“ตายกายแตกไป”ในชาตินั้นแต่ยัง“ตั้งจิตต่อภพภูมิต่อไปอีก”ก็ได้ ทำ สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน(ไม่ตั้งนิมิต) อัปนิหิตตนิพพาน(ไม่ตั้งจิตต่อ) ได้ “จิตวิญญาณ”ของท่านผู้นี้ก็แตกแยกธาตุสลายเป็น“ดินน้ำไฟลม”ไป ไม่เหลือความเป็น“จิตนิยาม”ต่ออีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2566 ( 10:34:07 )

ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ 

รายละเอียด

สรุปแล้ว ในการปฏิบัติธรรมนี่ ไม่ต้องกลัวความตาย แม้ที่สุดแล้วอาตมาได้สรุปการจบกิจ จนกระทั่งถึง 4 ขั้น 4 แบบ 

1. จบกิจขั้นโลกีย์ธรรมดา คือ ความดี ความชั่ว ละชั่ว ประพฤติดี ให้เป็น
นิยตะ ให้เที่ยง ไม่ใช่เที่ยงอย่างนิจจะหรือนิจจัง แต่นี่ เที่ยงอย่างนิยตัง หรือนิยตะ เที่ยงอย่างไม่แปรเปลี่ยนเป็นอื่นแล้ว เที่ยงแท้แน่นอน ยังไงๆ คุณก็ได้ ดีตลอด เกิดชาติต่อๆไปก็ดีต่อเนื่องไป ไม่มีตกต่ำอีกเป็นธรรมดา อวิปริณามธัมมัง นิยตะ เที่ยง มีแต่ สัมโพธิปรายนะ ขึ้นไปสู่ที่สุดที่สูงได้ตลอดไป นี่คือสัจจะ จบกิจข้อที่ 1  เป็นโลกีย์อยู่ ดีชั่วเท่านั้น 

2. จบกิจขั้นโลกุตระ จบกิจขั้นสุขทุกข์ คุณหมดสุขหมดทุกข์ คุณดับกิเลส ไม่สุขไม่ทุกข์เป็นอรหันต์ได้ คุณก็จบกิจในข้อที่ 2

3. จบกิจต่อภพภูมิของอรหันต์และโพธิสัตว์ คุณจบกิจข้อที่ 2 แล้ว หากคุณจะไม่เกิดอีกก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปได้เลย ทีนี้การต่อกิจเป็นข้อที่ 3 การจบกิจโพธิสัตว์และอรหันต์ คือดำเนินโพธิกิจ โพธิสัตว์ บำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อ เพิ่มอรหันต์ขั้นต่อไปอีก 

อาตมาก็ขยายความไว้แล้วว่า อรหันต์จริงๆมันมีตั้ง 6 ขั้น 6 ระดับ ตั้งแต่ 1 จนกระทั่งถึง 6 ก็บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ขยายความมากนักตรงนี้ ก็เป็นจบกิจขั้นที่ 3 คุณก็เรียนรู้โพธิสัตว์และอรหันต์ที่จะเพิ่มอรหันต์ต่อไปได้อีก 

4. จบกิจทำกาละ จบกิจขั้นที่ 3 แล้ว เหลือจบกิจขั้นที่ 4 คือทำกาละ ในมหาจักรวาลนี้ กาละใหญ่ที่สุด มีกาละเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดไม่มีใครจะเหนือกาละได้ ผู้จบกิจขั้นที่ 3 ขึ้นมาขั้นที่ 4 จึงเป็นคนอยู่เหนือกาละ เด็ดขาด เหนือกว่า

ที่จริงอรหันต์ขั้นที่ 2 ก็สามารถจะต่อภพภูมิของตัวเอง หรือจะตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสานในขั้นที่ 2 เป็นอรหันต์ก็ทำได้แล้ว ยิ่งเป็นขั้นที่ 3 เป็นโพธิสัตว์ ก็ยิ่งทำอรหันต์ขั้นสูงต่ออีกก็ได้ ไม่ใช่จะจบแต่อรหันต์ขั้นที่ 1 เท่านั้น จะต่ออรหันต์ขั้นที่ 2 อรหันต์ขั้นที่ 3 อรหันต์ขั้นที่ 4 ได้ จบกิจขั้นที่ 3 จบกิจขั้นที่ 4 นี้จบอยู่เหนือกาล จะทำกาล ทำกาละ  

การทำกาละ ท่านผู้รู้โบราณแปลว่าเป็นการทำการตาย “กายัสเภทา ปรัมมรณา”  กายัสเภทา กายแตก กายก็คือทั้งจิตทั้งร่าง มันแตก ก็เอากายเป็นหลัก จะเอาร่างนี่แตกก่อน พอกายหรือร่างแตกแล้ว ปรัมมรณา หลังการตายที่ร่างกายแตกไปแล้ว อรหันต์ก็เริ่มกำหนดได้แล้วว่า  ไม่เกิดต่อหรืออันที่ 2 ก็เกิดต่อ ศึกษาต่ออันที่ 3 คุณจะเอากี่ชั้น จะเป็นอรหันต์กี่ชั้น จะเป็นโพธิสัตว์จนเป็นถึงพระพุทธเจ้าก็ทำต่อ จนกระทั่งถึงขั้นที่ 4 อยู่เหนือกาลหรือกาละ  จะทำกาละอย่างไรต่อไป จะทำจนกระทั่งคุณตั้งปณิธานว่า คุณจะรื้อขนสัตว์ให้หมดโลกเสียก่อนแล้วคุณจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เหมือนอย่างพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นปณิธานสุดโต่งของทางมหายานเขา เขาก็ตั้งจิตอย่างนี้ ก็แสดงว่าเขาก็เหนือกาล กาลทำอะไรเขาไม่ได้ เขาเป็นอมตะนิรันดร์นะ เขาจะทำได้ไหม รื้อขนสัตว์ให้หมดทั้งโลกก่อนแล้วเขาถึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เขาจะทำได้ไหม เห็นไหมว่า มันเวอร์ สุดเวอร์ 

นี่คือการกำหนดกาละ ให้แก่ตัวเอง ฉันจะตายเมื่อนี้ เมื่อฉันรื้อขนสัตว์หมดโลก ใครจะทำไม อย่างนี้เป็นต้น หรือคนจะทำอีกให้เท่าที่ตนเองเหมาะใจ คนที่อยู่ในขั้นที่ 4 กาละ ก็คือ จบกิจด้วยตนเอง  จบกาลด้วยตนเอง สรุปคำนี้ขึ้น ชัดไหม คือจะจบกาละก็จบด้วยตัวเอง จบกิจด้วยตัวเองนั้นแน่นอนมาแล้ว ตั้งแต่อรหันต์ขั้นที่ 1 ก็จบกิจด้วยตัวเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นจะจบกาล กาลไม่มีใครจะจบมัน แต่ตัวเองนี่จะจบตัวเองจากกาละ จะทำตัวเองให้หายไปจากกาละ หรือแม้จะอยู่ กาละก็ทำอะไรท่านไม่ได้

ที่ว่า กาละกลืนกินสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใช่ไหม กาลกลืนกินสรรพสัตว์ ก็กินไปอีกสิ แล้วจะเกิดอีก นี่เรียกว่า ละเมิดคำตรัสพระพุทธเจ้าเลยนะ กาลกลืนกินสรรพสัตว์ สำหรับผู้ไม่รู้ก็ใช่ ความหมายคือ กาละกลืนกินสรรพสัตว์ คือคนอวิชชา เวลามันกลืนกินสรรพสัตว์ไปเฉยๆ คุณไม่ได้ศึกษา คุณไม่ได้สร้าง ไม่ได้มีประโยชน์ ไม่ได้สร้างความเจริญให้แก่ตัวเองเลย มันเสียชาติเกิดไหม นั่นคือความหมายของกาลเวลากลืนกินสรรพสัตว์ แต่นี้เขาเข้าใจกาละ อยู่เหนือกาละและทำกาละเองทุกอย่างได้หมดสิ้นแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 04:20:01 )

ผู้จบกิจแล้วไม่มีโลกไม่มีความวน

รายละเอียด

ในพยัญชนะบาลี  วรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ   เอาตัวกลางของเส้าแรก(ย ร ล) กับตัวกลางของเส้าสอง(ว ส ห) ได้ รส คือ รส คือโลกีย์ ส่วน สร คือ สร คือความแหลมคม

 ผู้“จบกิจ”แล้ว ไม่มี“โลก” ไม่มีความวน

“โลก”คือ ความหมุนวน-วนกลับไป-กลับมา ออกจาก“ความวน”ต่ำๆ-สูงๆ,ดีๆ-ชั่วๆ,กุศล-อกุศล วนอยู่ใน“ความมี” ไม่จบ

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังเข้าใจ“ความวน” ดังกล่าวนี้ยังไม่ได้ จึงจะพูดสับสนไปมาของ“ความวน”อันเป็น“โลก” ที่ต่างจากภาวะที่เป็น“โลกุตระ”แท้ๆ ก็ตาม“ภูมิธรรม”ของผู้ที่ยังไม่ถ้วนรอบความเป็น“โลกีย์-โลกุตระ” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561
ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู (สมาธิพุทธ) ตอน บุญคือ อธรรม มิใช่ ธรรมะ


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:47:14 )

ผู้จบแล้วแต่ยังมีผู้ที่เห็นแตกต่างจึงเรียก“นานาสังวาส”!

รายละเอียด

ดังนั้น ผู้เห็นแตกต่างกันไปจึงเป็น“2” ก็เป็นธรรมดา

ต่างคนก็ต่างเห็นแตกต่าง ก็แยกเชื่อถือกันไป ก็เป็น“2”   

ซึ่งเป็นที่สุดแห่งที่สุดของ“อิสระเสรีภาพ”กันตรงนี้ เรียกด้วยศัพท์ของสมาชิกหรือศาสนิกพุทธศาสนาว่า “นานาสังวาส”

แม้คนในศาสนาพุทธร่วมที่เห็นแตกต่างกัน ก็มีได้”แน่นอนพระพุทธเจ้าจึงให้“สงบ”เป็นที่สุดกันด้วยหลักธรรมวินัย“นานาสังวาส”นี้เป็นที่สุด ศาสนาพุทธจึงมีที่สุด“ยุติ”กันด้วยธรรมวินัย“นานาสังวาส”นี้เป็นที่สุด ด้วยการให้“อิสระแห่งความคิด”ของทุกคน ที่ย่อมยังมี“ความแตกต่าง”กันที่ยังไม่ลงเอยเป็นที่สุดของ “สัจจะที่มีการกำหนดรู้เที่ยงแท้เป็นหนึ่งเดียว”

นั่นคือ ยังไม่“จบกิจ”บริบูรณ์บรรลุ“อาริยสัจ 4”ตรงกันนี่เอง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 272 หน้า 215


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:39:03 )

ผู้จริง จะไม่พูดไม่จริง

รายละเอียด

เข้ามาสู่การคบสัตบุรุษ ขออภัยที่ต้องพูดว่า อาตมาเป็นสัตบุรุษ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เป็นสัตตะ เป็นบุรุษที่ 7 นิยตโพธิสัตว์ เป็นโพธิสัตว์ที่เที่ยงต่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว อาตมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าได้แล้ว รีไทร์หรือไม่ก็เป็นเรื่องของตัวเองแล้ว รีไทร์ตัวเองได้ เขาไม่ไล่ออกหรอก ชั้นสูงนี้เขาไม่มีไล่ มีแต่เราจะรีไทร์ตัวเองหรือไม่ แล้วไม่มีกำหนดด้วย 

เพราะฉะนั้นการเข้ามาหาสัตบุรุษ อาตมาพูดแล้วนะว่าอาตมาเป็นสัตบุรุษ บอกแล้วนะว่า ชาตินี้อาตมาเป็นคนไม่พูดคำผิดไม่พูดคำไม่จริง เพราะคำผิดคำไม่จริงคำโกหกพูดแล้วมันบาป แล้วเป็นกรรมที่เป็นอันทำ อาตมารู้กรรมเป็นอันทำ เพราะฉะนั้นอาตมาจะไม่พูดคำที่เป็นอกุศล เป็นบาป เป็นคำผิด ใส่หน่วยกิตที่เก๊ให้แก่ตัวเองทำไม หน่วยกิตที่มันเลว อาตมาไม่ทำ

เพราะฉะนั้นในความเป็นสัตบุรุษชาตินี้ อาตมาประกาศแล้ว คนไม่เชื่อง่ายๆ ตอนนี้อาตมาอธิบายเรื่องปัญญา 8 ไปตั้งเล่ม 3 ถึงตอนที่อธิบายยืนยันว่า ผู้จริง จะไม่พูดไม่จริง เพราะรู้ว่ากรรมเป็นอันทำ พูดไปจึงเป็นเรื่องจริงพูดไปถ้าผิดมันก็บาป หน่วยกิตของบาปก็สั่งสม เพราะเรารู้เราเชื่อกรรมวิบาก เชื่อว่ากรรมเป็นของของตน เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า จริงเลย เพราะฉะนั้นเราไม่ทำเด็ดขาด เราจะทำไปทำไม ทำไปก็ไม่ได้ตังค์ ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ทำไปก็ไม่ได้อะไรมีแต่บาปกินหัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:42:14 )

ผู้จะถึงนิพพาน

รายละเอียด

คือ ศาสนาพุทธไม่ได้ไปติดอยู่ที่ความสุขทำให้มีแต่ความสุข ไม่ใช่!  แม้แต่การอธิบายว่าต้องอาศัยความสุข  เป็นบันไดแล้วถึงจะหมดทุกข์ อธิบายได้  แต่คนจะเข้าใจคำว่าสุขนี่ก็คือ สิ่งที่ยังมีอยู่ ยังเป็นฐานอาศัย ความจริงความสุขมันก็ไม่มี  ความทุกข์มันก็ไม่มี  ผู้นั้นจึงจะถึงนิพพาน  ซึ่งไม่ได้ยินได้ฟังอาจารย์สำนักไหน  ยืนหยัด  ยืนยันอย่างนี้  การอธิบายธรรมะนี้เป็นการอธิบายในระดับขั้นนิพพาน  ตามที่เขาว่าท่าน (สมณะโพธิรักษ์)  มาว่า  ท่านไม่รู้จักนิพพาน  แต่นิพพานของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่เขายึดถือ ก็คนละแบบกันแต่นิพพานที่พระพุทธเจ้าแบบที่ท่านเชื่อนั้นเป็นแบบนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:14:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:58 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:25:35 )

ผู้จะบรรลุ อาสวะสิ้นไป ก็ต้องเห็นแจ้งด้วยปัญญา

รายละเอียด

เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จึงจะเห็นอริยสัจ เพราะฉะนั้น มาอธิบายสัทธาวิมุติ สัทธาวิมุติที่เป็นสัทธานุสารี 100% หลงวิมุติที่เป็นมิจฉาวิมุติ หรือ มิจฉานิโรธ หลงเดียรถีย์ หลงแบบโลกียะ จมวนอยู่นั่น ไม่มีปัญญา จมอยู่นานเลย จนกว่าจะค่อยๆเกิด อัญญธาตุ เกิดธาตุรู้ สะสมธาตุรู้ อัญญธาตุ 1 หน่วย 2 หน่วย 5 หน่วย 10หน่วย 20หน่วย 50 หน่วย 60 หน่วย 70 หน่วย จึงจะเกิดเป็นธาตุปัญญา อาตมาอธิบายถึงต้นธาตุต้นธรรมละเอียดแล้วนะ 

มาเป็นปัญญาถึงจะรู้ว่า อ้อ.. มันเกี่ยวกับจิต มันเป็นจิตอย่างนี้หรือ ที่เป็นธาตุรู้น่ะ ไม่ใช่รู้แต่เปลือกๆผิวๆเผินๆ แต่มันรู้ถึงจิตเจตสิกขึ้นไป รู้ขึ้นไปถึงจิตเลย ทำจิตในจิต  มนสิการเป็น ทำจิตในจิตของตัวเอง เข้าถึงจิตในจิต อธิบายถึง จิตในจิต ใน กาย เวทนา จิต ธรรม นี้ ผู้ที่ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4  กาย ยังไม่สัมมาทิฏฐินี้ปิดประตูเลย เวทนาเขาก็ไม่ถูกต้อง เขาจะไม่เข้าใจเวทนาที่เกิดจากผัสสะในปัจจุบันนั้นๆ เขาไม่เข้าใจละเอียดลออพอ ปฏิบัติธรรมไปหาสถานที่ ไม่ต้องเลย ปฏิบัติธรรมปัจจุบันนี้ กระทบสัมผัสอยู่เดี๋ยวนี้ เกิดเวทนาเดี๋ยวนี้ เรียนรู้เดี๋ยวนี้ เวทนาเดี๋ยวนี้ แล้วแยกเวทนาออกเป็นจิตในจิตได้ จิตในจิตนี่คือเจโตปริยญาณ 16 คือราคะ โทสะ โมหะ ก็ดี เราเห็นเลยว่ามันเกิดอาการอย่างนี้ อาการของราคะ โทสะ โมหะ แล้วก็มีความรู้ที่จะทำให้มันไม่มี ดับ ไปตามลำดับ
1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)

แล้วก็มีความรู้ให้มันดับลงได้ไปตามลำดับ  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .  8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  

หมายความว่า จิตจะค่อยๆเจริญ สายเจโตจะค่อยๆขยายแต่ถ้าเป็นสายปัญญาแล้วมันจะเร็ว ไว มันรู้ ราคะโทสะโมหะ ยิ่ง แต่สายเจโตจะสังขิตฺตํจิตตํ สายปัญญาจะฟุ้งเลยเถิดไปเป็นโลกจินตาไปเยอะ เหมือนอย่างที่ท่านได้ศึกษาเปรียญ 9 ศึกษาวิชาการทางศาสนามาเยอะ แล้วก็จะไปติด สรุปไม่ลง ไม่บรรลุในชาตินั้น รู้มากเป็นปทปรมบุคคลอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:26:03 )

ผู้จะบรรลุนิพพานต้องสัมมาทิฏฐิในปัจจุบันชาติ

รายละเอียด

เพราะคุณทำทานตั้งแต่ต้นไม่สำเร็จแล้ว เพราะคุณไปนั่งหลับตาสะกดจิต อยู่ในภพชาติและสร้างภพสร้างชาติขึ้นมา ภพชาติที่คุณสร้างขึ้นมานั้น คุณหลับตาทำเจโตสมาธิ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พรหมชาลสูตร คุณจะมีผลได้อดีต 18 ได้อนาคต 44 คุณไม่มีปัจจุบันที่ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก ที่รู้ภายนอก 2 สภาพนี้ คุณมีแต่การคิดแล้วก็อยู่กับความจำที่จำได้ แล้วก็ปรุงแต่งความจำ จะฟุ้งซ่านมากไปกว่านั้นก็ตาม พระพุทธเจ้าสรุปแล้วว่าได้แค่ ถือขันธ์ อดีต 18 หรือฟุ้งซ่านไปได้อีก 44 ลักษณะ เท่านั้น ไม่มีผลสำเร็จเด็ดขาด นั่งหลับตาปิด 5 ประตูนิพพาน คุณอยู่ในอดีตหรืออนาคตเพราะความจริงนั้นคือปัจจุบัน ที่เรียกด้วยภาษาวิชาการว่า ทิฏฐธรรม เรียกว่า ปัจจุบันชาติ ทิฏฐธรรรม 

เพราะฉะนั้นผู้จะบรรลุนิพพานต้องสัมมาทิฏฐิในปัจจุบันชาติ คุณปฏิบัติธรรมไม่มีเหตุปัจจุบัน ไม่มีฐานที่ตั้ง จิตไม่ได้อยู่ที่ตากระทบรูปแล้วเปิดอยู่ทั้งภายนอกภายในเป็นกาย ครบ  หูไม่ได้ยินเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รส  กายไม่ได้สัมผัส อยู่ในภพชาติภวังค์ของตนเอง ปิดประตูนิพพาน 5 จบ ฟังไว้ท่านผู้ไปหลับตาทั้งหลายมีเยอะเหลือเกิน ลูกศิษย์อาตมามีประมาณนี้ แต่ลูกศิษย์ของทางหลับตาปฏิบัตินั้นในประเทศไทยขณะนี้ มีมากกว่านี้ 10 เท่า 100 เท่า แหม อาตมาถึงอยากได้ 10 เท่า 100 เท่ามาที่นี่บ้างสักเท่า 2 เท่า มาเติมเท่าของอาตมา 1 เท่าให้มีสัก 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่าขึ้นมาบ้าง ในชาตินี้ก่อนตาย ไม่เอามาก เอาจากคนไทยที่หลับตานี่แหละ สมมุติว่ามีอยู่ 100 หน่วยถ้าได้มาสักแค่ 30 หน่วย 50 หน่วย อาตมาตายตาหลับเลย วันนี้นะทำงานมา 53 ปี ยังได้ไม่เท่าไหร่เลย จากหลับตามานี่ ยังดึงมาได้แค่สู่แดนธรรม นอกนั้นก็คงยัง ใครหลับตาแล้วมาก่อนบ้าง…ยกมือ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 47 วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:11:58 )

ผู้จะประกาศตนเป็นพระอรหันต์มีข้อระวังอย่างไร 

รายละเอียด

คนที่พูดว่าตัวเองเป็นอรหันต์ เป็นคนที่ถ้าเผื่อว่าตัวเองไม่เป็นจริงนี้ ซวย ที่บอกออกไปว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ เพราะตนเองต้องระมัดระวังตนเองอย่างหนักเลย จะต้องรู้ว่าพระอรหันต์มันไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนไม่มีกิเลส เพราะฉะนั้นจะไปปล่อยไก่ ทำให้กิเลสทะเร่อทะร่าออกมา ไม่ว่ากาม ไม่ว่าพยาบาท ไม่ว่ากิเลสระดับไหนก็แล้วแต่ ขายขี้หน้าตัวเองอย่างสำคัญ

เพราะฉะนั้นคนที่จะประกาศว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ เป็นอาริยะระดับสูงๆ จนกระทั่งถึงอรหันต์ โอ้โห ผู้ประกาศนั้น ต้องเห็นว่าประกาศแล้วตนเองก็ไม่หน้าแตก ไม่ขายขี้หน้า ตนเองก็จะรักษา ความเป็นอรหันต์ ความเป็นคนไม่มีกิเลสในจิตจริงๆ ราคะ โทสะ โมหะ มันไม่มี ไม่แสดงตัว ไม่ออกอาการให้คนอื่นเขาเห็นเขาจับอาการได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:14:28 )

ผู้จะมีปัญญา ก็ต้องมี แม่ (มาตา) คือ สิริมหามายา

รายละเอียด

ผู้จะมี “ปัญญา” ก็ต้องมี “แม่ (มาตา)” คือ “สิริมหามายา” ที่ให้กำเนิด “พระพุทธเจ้า” ผู้เป็นเจ้าของ “ปัญญา” และเป็นเจ้าของ “โลกุตรธรรม” ซึ่งอุบัติขึ้นมาเพื่อเปิดเผย “ความรู้-ความจริง” สุดยิ่งยอดใหญ่นี้ โดยการฉีกหน้า เปิดเผยความเป็น “มาร” ต่อชาวโลก

แต่นั่นแหละ “ชาวโลก” ทั้งหลายก็ยังยากมากที่จะเชื่อว่า 

“ความสุข” นี้แท้ๆ แล้วเป็น “มายา” คือ “มาร”!

มาตา ของภาษาสันสกฤตเรียกว่า มารตา แต่ภาษาบาลี ว่า มาตา มารดา ดังนั้นภาษาสันสกฤตจะยังไงๆ อยู่นะ ตา เป็นคำยืนยันว่าเป็นคำนาม แต่เขาว่า มารตา แปลว่าแม่ แม่คือมารดา มารดาคือแม่ มารดาที่เป็นมาร ก็คือแม่มาร

มารดาที่เป็นแม่ของพุทธก็คือสิริมหามายา 

สิริมหามารยาก็คือมาร มารยายังไม่เป็นคำนาม ยังไม่เป็นมารตา เป็นแค่มารยา เป็นกิริยาอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:40:34 )

ผู้จะรู้จักและทำลายอัตตาได้จริงต้องอาศัยสิ่งใด

รายละเอียด

ดังนั้น ผู้จะรู้จักและทำลาย“อัตตา”ได้จริง ต้องอาศัย“ปัญญา”และ“บุญ(ปุญญ)” ซึ่งเป็น“ความตรัสรู้”ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความเป็นจริงของอัตตา” แล้วจึงจะกำจัดสำเร็จแท้ได้

นอกจาก“ทาง”นี้ไม่มีทางอื่น

อาวุธหรือเครื่องกำจัดคือ “บุญ”นี่เอง

เครื่องมืออื่นที่จะกำจัดได้ไม่มีเด็ดขาด

“บุญ”ไม่ใช่“กุศล” นี่ก็พูดซ้ำมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เป็น“อจินไตย”แท้ มันรู้ไม่ได้จริงๆ สำหรับผู้เก่งแต่“เฉโก” ยังไม่มี“ปัญญา”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561
ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู (สมาธิพุทธ) ตอน บุญคือ อธรรม มิใช่ ธรรมะ

 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:21:22 )

ผู้จะรู้จักโลกุตรธรรมมีชาวพุทธเท่านั้น

รายละเอียด

ผู้ใดใส่ใจฟังธรรมเห็นธรรมะเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตเป็นผู้ที่มีสาระในชีวิตผู้รู้ค่าในชีวิตตัวเอง ใส่ใจสนใจศึกษาเรื่องปฏิบัติ คุณจะเกิดมาชาติใดก็แล้วแต่ได้ร่างเป็นมนุษย์ จะเป็นพุทธศาสนิกชนของศาสนาไหนก็ตาม แต่คนไม่เอาถ่านในศาสนาที่คนนับถือพ่อแม่ปู่ย่าตายายนับถือ คุณไม่ใส่ใจคุณไม่เอาเรื่องเอาราว ชีวิตของคุณมันไม่มีทางเจริญได้หรอก แต่ก็อาจจะมียกเว้นบางคน คือพ่อแม่พี่น้องนับถืออย่างนั้นมาแล้วตัวเองก็เห็นว่ามันไม่ค่อยได้เรื่อง แต่คุณก็มีของคุณเลยว่าอันนี้คือธรรมะ คุณจะต้องเข้าใจว่าเป็นสัจจะสัจธรรมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตมันพาให้ตนเองเจริญได้ให้ดีขึ้นได้ ถ้าเข้าใจโลกุตรธรรมแล้วจะชัดเจนในเรื่องศาสนา ถ้าเข้าใจสัจธรรมโลกุตรธรรมเป็นชาวพุทธจะเป็นคนมีศาสนา ถ้าเป็นคนไม่มีศาสนาเลยจะไม่มีทางมาเป็นโลกุตรธรรมโดยเฉพาะศาสนาอื่นที่เป็นเทวนิยมทั้งหลาย ผู้จะรู้จักโลกุตรธรรมมีชาวพุทธเท่านั้น ชาวพุทธที่สัมมาแล้วก็จะชัดเจนว่าเราก็ทำเป็นเช่นนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:23:12 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:15:06 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:50:16 )

ผู้ฉลาดที่จะเรียนรู้ ต้องอาศัยกันและกัน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ฉลาดที่จะเรียนรู้ ที่จริง เจโตหรือศรัทธาก็มีประโยชน์ ปัญญาหรือความฉลาดเฉลียวไหวพริบก็มีประโยชน์ จริงๆแล้วต้องใช้ทั้งสองอย่าง อาศัยกันและกัน ผู้ฉลาด ที่รู้จักแล้วว่าจะต้องอาศัยกันและกัน ไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวกูของกู คนผู้นี้ถ้าพูดถึงเรื่องบุรุษ 7 บุคคล 7 จะไปถึงขั้นทิฏฐิปัตตะ จะออกจากกรอบของสัทธาวิมุติ ผู้ใดที่ยังออกจากกรอบของสัทธาวิมุติไม่ได้ก็จะยังไม่พัฒนาตนเอง เมื่อออกจาก กรอบของสัทธาวิมุติไม่ได้ คิดว่าตัวเป็นสุข คิดว่าตัวสบาย ยึดว่าตัวดีแล้วตัวพอแล้วตัวสงบแล้ว ยอมแล้วก็ตาม ไม่รุนแรงไม่หวือหวาไม่มากมายกว่านี้ 

เช่น แนวคิดของอินเดีย ต่างกับแนวคิดของจีน แนวคิดของจีนนั้นจะขยายผล แม้แต่ไต้หวันก็จะรวบรวม แม้แต่ทิเบตก็ไปรวบรวมมาอีก ก็ตัวเองก็ใหญ่แล้วก็ไม่พอ จะเป็นไต้หวัน ฮ่องกง ทิเบต ก็ยังไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ เขายังไม่ได้อยู่อาณัตของจีนร้อยเปอร์เซ็นต์นะ แต่เขายังไม่อาละวาดรุนแรง เขายังนิ่งๆไปอยู่ แต่มีกระแสไหมล่ะ ถ้าเลยน่านน้ำออกไปเขตนี้ จะโดนทิ้งระเบิดเลยนะ ยังมีตัวกูของกู 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 11:54:06 )

ผู้ชนะทั้งโลกเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

นี้คือประเด็นที่อาตมาพาให้เกิดปัญญานะ ทำให้เกิดปัญญา นี้ก็ไม่ง่าย มันยากคือคือการเลื่อนมาเป็นผู้แพ้  เพราะฉะนั้น ในที่สุดแห่งที่สุดเป็นผู้แพ้นี่แหละคือผู้ชนะทั้งโลก 

จริง คนที่ไม่มีตัวตน จะแพ้ก็ได้ ชนะก็ได้ แต่เป็นผู้ผิดไม่ได้หรอก เขาจะว่าเราเป็นผู้ผิด เขาว่าได้ แต่จริงๆ เราต้องยืนหยัดไม่เป็นผู้ผิด แต่เป็นผู้แพ้ได้ เพราะฉะนั้น เขาจะว่าเราผิดก็ได้ แต่เราจะต้องยืนหยัดยืนยันในความถูก เราอย่าเป็นผู้ผิดก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 10:50:17 )

ผู้ชนะทั้งโลกได้เพราะเขาแพ้เป็น

รายละเอียด

ฟัง แล้วสิ่งที่ไม่ดีก็แก้ไขสิ่งที่ดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากยิ่งขึ้น ดีอย่างนี้พวกเราก็จะติงกันบอกกัน ผู้ใดผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนได้ลดอัตตา อาตมาถึงบอกว่าตัวที่จบสุดยอดคือผู้ที่ยอม ตัวยอมแพ้ได้ จบเลย ผู้ที่จะชนะโลกทั้งโลกได้ก็เพราะว่าเขาแพ้เป็น ยอมแพ้ได้ ถ้าเขาจะไม่แพ้เลย เขาจะไม่ชนะเลยในโลกนี้ เคยได้ยินไหมว่าใครเขาบอกว่า ผมสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ..คนหน้าเหลี่ยมคนสำคัญ นี่มันเป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องอัตตามานะ ยอมแพ้เถอะ อาตมาอยู่รอดมาได้ด้วยการยอมแพ้ทุกวันนี้ แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง เพลงนี้แต่งขณะอายุไม่ถึง 20 ดัง ตั้งแต่เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ พูดแล้วก็ระลึกถึงความหลัง ชีวิตอาภัพ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:56:58 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:28 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:30:39 )

ผู้ชี้ขุมทรัพย์

รายละเอียด

คือ เราควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ  คอยกล่าวคำตำหนิ (นิคฺคัยหวาทิง  เมธาวิง) ขนาบ  อยู่เสมอไปว่า.. คนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์  ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น  เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่  ย่อมมีแต่ดีถ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย (เพราะว่าเมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐ โทษที่ลามกย่อมไม่มี - เสยฺโย  โหติ  น  ปาปิโย)

(พตปฎ. เล่ม 25  ข้อ 16) 

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:44:23 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:25 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:31:24 )

ผู้ชี้ขุมทรัพย์

รายละเอียด

เราควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ  คอยกล่าวคำตำหนิ (นิคฺคัยหวาทิง  เมธาวิง) ขนาบ  อยู่เสมอไปว่า.. 
คนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์  ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น  เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่  ย่อมมีแต่ดีถ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย (เพราะว่าเมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐ โทษที่ลามกย่อมไม่มี - เสยฺโย  โหติ  น  ปาปิโย)
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 25  ข้อ 16, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 12:35:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:31:55 )

ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน

รายละเอียด

เป็นสำนวนโบราณ คนที่เป็นคนดีก็เดินตามตรอกส่วนคนไม่ดีไปเดินตามถนน มันก็เป็นไปตามยุค คนดีๆก็ต้องหลบ ปล่อยให้พวกที่เขาเป็นเจ้าโลกไปสร้างอำนาจบาตรใหญ่เกเรเกตุงทำอะไรออกลวดลายทำของเขาไป ไม่ไปรบราฆ่าฟันก็ไม่สงบ ไปปะทะกันก็ไม่ดี พูดกันได้ต้องเป็นคนที่มีจิตรับได้ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่อิสรเสรีภาพ แล้วแต่ตัวใครตัวมันเห็นดีเห็นตาม 

เพราะฉะนั้นรากเหง้าหรือ มูลกา ข้อ 1 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้คือความยินดีคือฉันทะ เป็นข้อ 1 เพราะฉะนั้นผู้ที่มี มูลกา เป็นจุดแรกของจิตที่มีน้ำหนักมีความยินดีในอะไร ถ้ายินดีในสัจธรรมที่ดี โดยเฉพาะเป็นโลกุตระเลยก็สุดยอด แม้ว่าเป็นโลกียะแต่เขายินดีในความดี แทนที่จะไปยินดีในความเลว ยินดีในเรื่องที่จะเสียหายมันก็ยังดีกว่าไปตามลำดับ จุดคำว่า “ยินดี”จึงเป็นจุดต้นทางคำใหญ่ที่สุดของพลังที่เรียกว่าอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566  แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2566 ( 18:58:26 )

ผู้ตกอยู่ในสังสารวัฏ ผู้ที่ปฏิบัติผิดน่าสงสารทุกคน

รายละเอียด

ในวิญญาณาหารนี้ ถ้าไม่ได้เรียนรู้จาก กวฬิงการาหาร ซึ่งเมื่อคุณกินอาหารคุณจะมีผัสสะ ผัสสาหาร คุณจะมีมโนสัญเจตนาหาร 

ผัสสาหาร มีเวทนา 3 มโนสัญเจตนาหารมี ตัณหา 3 

ถ้าคุณไม่เรียนรู้จากอาหารคือการกินข้าว พระพุทธเจ้าก็ต้องฉันอาหาร แม้ว่าบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ ทุกองค์ก็ต้องฉันอาหาร แม้จะบรรลุแล้วก็ตาม ยิ่งไม่บรรลุยิ่งต้องเรียนได้จากอาหารนี่แหละ ซึ่งไม่ต้องไปหาจากที่ไหนเพราะตัวเอง จะต้องเผชิญจากการกิน คุณต้องกินทุกคน กิเลสที่ว่ากินนี่แหละ อาหารคือคำข้าว ที่เคี้ยว มีรสครบ 

รสที่ผัสสะ ถ้าไม่ไปกินอาหาร รสมันก็มีแค่ กาย รูป 

รูป เสียง กลิ่น เห็น แค่นั้นน่ะ ระสะ รสา รสทางลิ้น คุณก็ไม่ได้กินเข้าไปในปาก ก็ไม่มีรส  ก็มีแต่ 4 กามคุณ 5 คุณอยู่ในโลกก็ต้องมีกามาวจร คุณดำเนินชีวิตอยู่ในโลกสามัญปกติที่มีกามาวจรดำเนินไป กับมนุษยชาติ คุณก็มีทวารทั้ง 5 ทวารทั้ง 6 

ระหว่างทางลิ้นนี้ ที่อาตมาพูดถึงมหาบัวไม่ได้กินอาหารด้วยซ้ำ กินหมากพลูมากกว่ากินอาหาร มหาบัวกินอาหารวันละมื้อเดียวนะ กวฬิงการาหาร แต่กินหมากวันละไม่รู้กี่สิบครั้งร้อยครั้ง จริงๆเลยไม่ขาดปาก ติดรสที่ลิ้นเป็นตัวหลัก มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสครบ กามคุณ 5 มหาบัวไม่มีความรู้เลยเรื่องกามคุณ 5 จะมีความรู้เผินๆ ว่าอาการกามหมายถึงเรื่องของผู้หญิงผู้ชาย อย่างเดียว เพราะฉะนั้นกดข่มไว้อย่างเดียวนี่แหละ ไม่ใช่ว่า ไม่มีกามเรื่องผู้หญิงผู้ชาย แต่เขากดข่มไว้ให้มันอยู่ได้ก็ถือว่าสุดยอดประเสริฐแล้ว แล้วเขาจะบอกคนว่าตนเองเป็นคนบรรลุอรหันต์ อาตมาใช้คำพูดชัดๆว่าเขาโกหก มหาบัวจะโกหกโดยรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ได้บรรลุอรหันต์ แต่ก็บอกเป็นนัยๆว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว เป็นต้น อาตมาไม่ได้ยินคำตรงๆเลยนะว่าตัวเองเป็นอรหันต์ เราเป็นอรหันต์แล้ว ไม่ได้ยินคำพูดตรงๆจากพยัญชนะ จากหลักฐานจากคนอื่นๆที่เขาบันทึกมา แม้แต่ดูเวลาพูดในคลิปทางโทรทัศน์ก็ไม่เคยได้ยินจากปากว่าเป็นอรหันต์ แต่พูดเป็นนัยๆว่าพี่จะไปหลายวัน พูดเป็นนัยๆคนเข้าใจว่าเป็นอรหันต์ไม่เกิดแล้วชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย 

จะเป็นชาติสุดท้าย จริงๆแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ก็ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แต่มหาบัวไม่รู้หรอก ปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นอย่างไร อมตะบุคคลเป็นอย่างไร วิมุติเป็นอย่างไรมีแต่วิมุตเก๊ ได้วิมุติ เป็นมิจฉาวิมุตติ นั่งหลับตาสู้มัน สู้มัน เป็นฌาน เป็นวิมุติ สู้มัน จนกระทั่งอยู่มาวันนั้น เขาจะมีวันที่บอกเลย โอ้โห….สุดยอดรู้จบแล้ว บรรลุอรหันต์วันนั้น เวลานั้นเลย ใส่เข้าไป จำมาพูด 

อาจจะหลงจริงๆ นึกว่าเป็นจริง ตัวเองหลุดพ้น มีวิมุติ มีนิโรธ มีความดับกิเลส เชื่อว่าอย่างนั้นเป็นการดับกิเลส เดี๋ยวนี้ คนก็เชื่อตามกันอยู่ในสายของศาสนาพุทธ มากกว่ามาก 

อาตมาพูดแล้วพูดเล่า ย้ำแล้วย้ำเล่า ขอขอบคุณมหาบัว ที่ให้อาตมาหยิบมาเป็นตัวอย่าง เพื่อจะเป็นเครื่องชี้บ่งลงไปว่า ประพฤติปฏิบัติอย่างมหาบัว ตามองค์ประกอบหลายนัยยะ ด้านกามก็ดี ด้านอัตตาก็ดี ของมหาบัวเต็มไปด้วยคราบของกาม คราบของอัตตา เต็มบ้องเลย 

ที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้รังเกียจมหาบัว  แต่สงสาร ไม่ได้พูดเล่นๆ แต่พูดจริงๆ สงสารจริงๆเห็นเป็นผู้ตกอยู่ในสังสารวัฏ ผู้ที่ปฏิบัติผิดสงสารทุกคน  อย่างมหาบัวก็ยิ่งสงสารหนัก เพราะหลงทั้งกาม หลงทั้งอัตตา

อัตตาซับซ้อนหลอกตัวเอง แต่กามทนโท่ สัมผัสอยู่ทุกวันเป็นปัจจุบันเลย ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าตัวเองเสพกามอยู่ทุกวัน วันนึงตลอดเวลา ไม่รู้เบื่อรู้หน่ายไม่คลายกำหนัด แล้วไม่มีความรู้ว่าตัวเองติดเสพคืออย่างไร ชีวิตมีอวจรอยู่ทางกาม ก็ยังไม่ได้เรียนรู้กำหนดก่อน แล้วไปนั่งหลับตาเข้าไป รูปาวจรไม่ได้ นั่งหลับตาเข้าไปทำ อรูปาวจร ยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ เพราะว่าจิตมันจะ อวจรไปไม่ได้ ถ้าเมื่อคุณยังไม่ได้ผ่านเปลือกทุเรียน หนามทุเรียน ต้องเลาะออกก่อนให้ได้ ทำลายให้ได้ จัดการเอาเปลือกหนามมันออกก่อน แล้วไปถึงชั้นกลางกว่าจะได้กินเนื้อ ชั้นรูป อรูป เนื้อมันเลยอรูปเข้าไปอีกข้างใน กว่าจะหมดที่มันเป็นเครื่องกั้นก็ต้องทำอวจร ของตัวเองให้หมดไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 21:11:17 )

ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู คืออะไร

รายละเอียด

อาตมาได้ขยายความไปบ้างแล้วว่า อันแรกสุดต้องพบพระศาสดา เอาละ ใครไม่ได้พบพระศาสดา แต่ได้พบสัตบุรุษ หรือได้พบผู้ที่อยู่ในฐานะครู ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู คืออะไร 

คือผู้ที่มี อัญญธาตุแล้ว มีปัญญาแล้ว อัญญะ เป็นเอกพจน์ส่วน อัญญา เป็นพหูพจน์เป็นธาตุใหม่ธาตุแรก ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้กับอัญญาโกณฑัญญะ พระสงฆ์องค์แรกของศาสนาสมณโคดม เป็นคนแรกที่มีธาตุอื่นตัวใหม่ที่ต่างจากโลกียะ เริ่มเข้าสู่กระแสโลกุตระ โกณฑัญญะเป็นคนแรกที่รับได้และเกิดในจิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 09:24:23 )

ผู้ตั้งใจ โลกมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์

รายละเอียด

คนที่เป็นพระอาริยเจ้ารู้จักความสุขความทุกข์ของสิ่งที่ตัวเองไม่มีความสุขความทุกข์แล้วตั้งแต่อบายมุข เกี่ยวข้องกับอบายมุขในโลกก็ไม่มีสิ่งที่เป็นความสุขความทุกข์ที่เขาปรุงแต่ง อย่างหยาบเยอะแยะ คนไปเสียเงินเสียทองเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้เยอะแยะแต่เราไม่ ไม่ทำแล้วกลางๆเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์กับเขาจริง คนที่อ่านสภาวะนี้ออก รู้ตัวเองว่าเราเองหลุดพ้นมาจากโลก อบายนั้นๆ ก็เริ่มพูดหลุดพ้นเป็นพระโสดาบัน เมื่อขึ้นไปเป็นพระสกิทาคามี ไล่ไป หมดหยาบแล้วละเอียดที่คุณติดอีก ก็รู้ตัวเองว่า มีสุขทุกข์มีตัณหาแสวงหาอีก ก็ทำการหลุดพ้นอีกมาเป็นลำดับๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:49:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:05 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:32:44 )

ผู้ติเตียนและสรรเสริญ 4

รายละเอียด

บุคคล 4 จำพวกนี้ มีปรากฏในโลก

1. พวกกล่าวติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ตามความเป็นจริง โดยการอันควร แต่ไม่กล่าวสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ ตามความเป็นจริง โดยการอันควร

2. พวกกล่าวสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ ตามความเป็นจริง โดยการอันควร แต่ไม่ติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ตามความเป็นจริง โดยการอันครว

3. พวกไม่กล่าวติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ตามความเป็นจริง โดยการอันควร ทั้งไม่สรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ ตามความเป็นจริง โดยการอันควร

4. พวกกล่าวติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ตามความเป็นจริง โดยการอันควร ทั้งกล่าวสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ ตามความเป็นจริง โดยการอันควร

บุคคลจำพวกที่ 4 นี้ เป็นผู้งามที่สุด ประณีตที่สุด เพราะมีความงามอย่างยิ่ง คือเป็นผู้รู้จักกาลอันควรที่จะติเตียน รู้จักการอันควรที่จะสรรเสริญ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21 "โปติยสูตร" ข้อ 100

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2562 ( 20:56:02 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:06 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:49:13 )

ผู้ตื่น

รายละเอียด

คนผู้ตื่นจากที่ต้องจมอยู่กับความเป็นคนโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 117


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:09:57 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:27:40 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:33:09 )

ผู้ต้องการแก่นธรรม 5

รายละเอียด

ความต้องการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ (นิพพาน) อุปมาเหมือนผู้ต้องการแก่นไม้ 5 จำพวก

1. ผู้ยินดีในลาภ สักการะ สรรเสริญ อุปมาเหมือนผู้ตัดเอากิ่งไม้ใบไม้ไป

2. ผู้ยกตนในความถึงพร้อมแห่งศีล อุปมาเหมือนผู้ถากเอาสะเก็ดไม้ถือไป

3. ผู้ยกตนในความถึงพร้อมแห่งสมาธิ อุปมาเหมือนผู้ถากเอาเปลือกไม้ไป

4. ผู้ยกตนข่มผู้อื่นด้วยญาณทัสนะ อุปมาเหมือนผู้ถากเอากระพี้ไม้ไป

5. ผู้มีเจโตวิมุติ อันไม่กำเริบ อุปมาเหมือนผู้ตัดเอาแก่นไม้ไปได้

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  12 "จูฬสาโรปมสูตร"  ข้อ  355

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2562 ( 17:35:06 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 03:59:53 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:34:18 )

ผู้ต้องการแก่นธรรม 5

รายละเอียด

ความต้องการทําที่สุดแห่งกองทุกข์ (นิพพาน) อุปมาเหมือนผู้ต้องการแก่นไม้ 5 จําพวก

1. ผู้ยินดีในลาภ สักการะ สรรเสริญ อุปมาเหมือนผู้ตัดเอากิ่งไม้ใบไม้ไป

2. ผู้ยกตนในความถึงพร้อมแห่งศีล อุปมาเหมือนผู้ถากเอาสะเก็ดไม้ถือไป

3. ผู้ยกตนในความถึงพร้อมแห่งสมาธิ อุปมาเหมือนผู้ถากเอาเปลือกไม้ไป

4. ผู้ยกตนข่มผู้อื่นด้วยญาณทัสนะ อุปมาเหมือนผู้ถากเอากะพี้ไม้ไป

5. ผู้มีเจโตวิมุติ อันไม่กําเริบ อุปมาเหมือนผู้ตัดเอาแก่นไม้ไปได้

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 12 “จูฬสาโรปมสูตร” ข้อ 355


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:58:10 )

ผู้ถึงอนัตตาธรรม

รายละเอียด

ผู้ถึงอนัตตาธรรม เป็นผู้ที่จบแล้วในความเกิดมามีจิตนิยาม ในความเป็นมนุษย์ คุณจะอยู่คุณจะตายก็เป็นอมตบุคคล ตายชาตินี้แล้ว แยกธาตุเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานไป เป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปแล้วไม่เกิดอีกได้ หรือจะเกิดอีกก็ได้ เป็นโพธิสัตว์ต่อมา สืบทอดศาสนาไปเรื่อยๆ แล้วตัวเองก็บำเพ็ญเพื่อจะมีภพภูมิสูงขึ้น ซึ่งเถรวาททางศาสนาพุทธเมืองไทยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้หรอก อาตมาพูดแล้วเขาก็หาว่า ไม่เคยมีอาจารย์ที่ไหนสอน ใช่ ไม่มีอาจารย์ที่ไหนสอนหรอก อาตมาเป็นไก่ตัวพี่เอามาสอนเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่พูดอย่างอวดดีอะไร แต่ว่ามีดีจึงพูดขึ้นมาให้ฟังคุณจะฟัง หรือไม่ฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เข้าใจหรือไม่เข้าใจ  อาตมาก็พยายามให้คุณเข้าใจ ถ้าอาตมาอยากมากประเดี๋ยวก็เป็นทุกข์ ไม่เอา ก็เป็นเพียงต้องการหรือเจตนาให้ได้ ให้เข้าใจ ก็ทำสุดยอดเท่านี้ แล้วก็วาง อาตมาก็ปล่อย ไม่ทำอะไรมากมาย อย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:57:55 )

ผู้ทำงานโลกุตระจริงแท้นั้นไม่หวังใน ลาภ ยศ สรรเสริญ 

รายละเอียด

ใช่ เป็นความคิดที่อยากจะได้ ลาภยศสรรเสริญต่างๆ คนที่จะได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูมันเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง แล้วก็เลยเห็นว่าเป็นการส่งเสริม มันเป็นจุดที่จะชวนให้คนอื่นเขาทำความเจริญทำความประเสริฐได้ดีๆ อย่างนี้สิ มันเป็นการชวนเชิญคนอื่นจะได้เห็นตัวอย่างมันก็เป็นวิธีการชนิดหนึ่ง ก็เป็นธรรมดาเขาก็ทำกันทั่วโลก 

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริงๆแล้วไม่ได้คิดอยากจะมีคนมายกย่องสรรเสริญ มีคนมาเชิดชูมีคนมาให้รางวัล มีคนมาให้ตำแหน่ง มันไม่หรอก อย่างอาตมานี้ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น แล้วอาตมาปางนี้ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยได้รับการยกย่องสรรเสริญหรอก มีแต่จะถูกด่าด้วยซ้ำถูกถล่มถูกดูถูกดูแคลน เพราะอาตมาเสนอธรรมะที่เป็นโลกุตระอันเข้าใจยาก เป็นความยาก 

เพราะฉะนั้นอาตมาก็ทำงานเท่านั้นทำหน้าที่เอาโลกุตตรธรรมมาประกาศ ก็ได้มวลมนุษยชาติที่มีบารมี หรือว่ามีความจริงในตัว อย่างพวกคุณ ฟังแล้วเข้าใจก็มาเอา จนกระทั่งพากเพียรได้มรรคได้ผลขึ้นมา ก็มารวมกันเป็นหมู่กลุ่ม จนกระทั่งกลายเป็นชุมชนสาราณียธรรม 6 สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม 

สำเร็จจนกระทั่งทำมาหากินมีผลผลิตสร้างอะไรได้ก็เอาเข้ากองกลางเรียกว่า ลาภที่ได้โดยธรรม แล้วก็กินใช้ร่วมกันเป็นกองกลางสาธารณโภคี ลาภธัมมิกา ซึ่งมันสูงสุดแล้วนอกนั้นต่างคนต่างปฏิบัติตามทิฏฐิของแต่ละคนเสมอสมานกันไปมีศีลแต่ละระดับก็เสมอสมานกันไปตามหลักสาราณียธรรม 6 ของพระพุทธเจ้า  ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา   

อาตมาก็ยิ่งมั่นใจว่า อาตมาทำงานธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมสมบูรณ์ บริบูรณ์ 

มันไม่ง่ายนะ..คนจะมารวมกันแล้วอยู่กันอย่างสาธารณโภคี ไม่ตีกันไม่ฆ่ากันไม่แย่งกันไม่ทะเลาะกัน มันสุดยอดแล้วซึ่งมันยืนยันว่าในสาธารณโภคีนี้มีพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  เป็นเอกภาพกัน นี่มันยืนยันว่าพวกเราอยู่กันอย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามธรรมะพระพุทธเจ้าเลย เอาหลักธรรมมาอ้างอิงยืนยันยืนยันกับพฤติกรรมพฤติการณ์ของพวกเราจริงๆสำเร็จ นี่คือสิ่งที่อาตมาเอามาพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าว่า 

มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตราบใด โลกไม่ว่างจากอรหันต์ ท่านตรัสถึงอรหันต์เลยนะ พิสูจน์ยืนยัน เดี๋ยวจะได้อธิบายต่อ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิแสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:51:56 )

ผู้ทำลายศาสนาพุทธในอาหารสูตร ข้อที่ 4

รายละเอียด

คนพวกนี้ อาตมาไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้ว่าแต่คนพวกนี้ทำบาป เป็นโจรผู้ทำลายศาสนา ทำลายจิตวิญญาณ ทำลายธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่ท่านตรัสอยู่ในอาหารสูตร ข้อที่ 4 เป็นโจรผู้ทำลายศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าท่านก็สมมุติว่ามีพระราชา เห็นโจรมาทำร้ายทำลายสิ่งที่ไม่ควรทำร้าย ก็ให้เจ้าพนักงานไปฆ่า แทงด้วยหอก 100 เล่ม เช้า 100 เล่ม แทงเสร็จแล้วก็กลับมา พระราชาเจออีกก็ถามว่าเป็นยังไงตายแล้วหรือยังโจร ก็ยังไม่ตายพระเจ้าข้า เอาไปฆ่าให้ตายด้วยหอก 100 เล่มอีกไป เจ้าพนักงานก็ไปแทงด้วยหอกอีก 100 เล่ม เสร็จแล้วตอนเย็น พระราชาเจอพนักงานอีกก็บอกว่าตายหรือยัง ยังพระเจ้าค่ะ ก็เอาไปฆ่าอีกด้วยหอก 100 เล่มไปแทงฆ่าให้ตายอีก เจ้าพนักงานก็เอาไปแทง เอาหอก 100 เล่มไปแทง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 10:51:25 )

ผู้ทำ“อนัตตา”ได้แน่แท้

รายละเอียด

คือผู้“สุดสูง”(อันติมะ,ultimate) เท่านี้เท่านั้น สำหรับ“จิตนิยาม” ที่มีความเป็นที่สุดแห่ง“มนุสโส”ในโลก

“อนัตตา”จึงเป็น“จุดสำเร็จ”ของชีวิตแต่ละคน ในความเป็นคนผู้ที่ไปสู่“สูง”สู่“สุด”ได้

เรายกให้พระพุทธเจ้าเป็นผู้“สุดสูง”ที่ทรงรู้-ทรงมี เพราะเป็นผู้ทรงค้นพบ“อนัตตา”

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:01:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:02 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:34:57 )

ผู้ที่ข้องในถ้ำ

รายละเอียด

มิจฉาทิฏฐิที่ปฏิบัติวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:33:54 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:46 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:36:21 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์