@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ความสมบูรณ์แบบของประชาธิปไตยเป็นเช่นใด

รายละเอียด

สามเส้านี้ อธิปไตย อภิบาล ปัญญาจะเป็นคุณวิเศษคุณธรรมอันสุดยอด พลังงานที่เป็นอธิปไตย เป็นพลังงานที่มีพลังมีอิทธิพล แต่ไม่ไปเบ่งข่ม แต่ก็เป็นอธิปไตย เพราะเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง อำนาจอันสูงสุดของอริยบุคคล ไม่เอาเปรียบเอารัดไม่เบ่งข่ม เป็นอำนาจที่ทำงานเพื่อผู้อื่นได้เต็มที่เป็นอธิปไตย เป็นอำนาจที่สร้างสรรได้เต็มที่ มีฤทธิ์แรงมีพลัง เสร็จแล้วก็รู้จักวิธีการ บริหารปกครองอภิบาล ประสานสมานช่วยเหลือเกื้อกูล บรรเทากันตัดสิน แม้แต่เป็นเรื่องความยุติธรรมก็ตัดสินช่วยเหลือเกื้อกูล พยายามพัฒนาสังคมมนุษยชาติ ด้วยปัญญา ตัวประธาน ปัญญาแต่ละบุคคลจนรวมกันเป็น brainstorm เป็นกลุ่มหมู่ ร่วมกันคิดร่วมกันทำเป็นมติ เป็นความเห็นร่วมไปทำงานกับมนุษยชาติประชาชน อาตมาว่า นี่เป็นการสมบูรณ์แบบของประชาธิปไตยที่ทั้งโลกเดี๋ยวนี้ก็เอาคำนี้ จะมีภาษาอังกฤษมาก็ว่ากันไป หรือภาษาอื่นๆก็แล้วแต่จะมีคำก็ว่ากันไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:38:24 )

ความสมบูรณ์ในการจบกิจ 4 คือจบที่สูญ

รายละเอียด

ต่อคำถามอีก คุณซึ้งซื่อถามว่า จบลงที่ศูนย์ ให้อธิบายคำว่าจบลงที่ศูนย์ นอกจากนามกับรูปแล้ว นามกับรูปก็เป็นเรื่องของ 2 สภาวะ ตั้งแต่อุตุ พีชะ ไปถึงจิต ข้างในเป็นรูปจิต อรูปจิต ด้วย ก็อธิบายไปบ้างแล้วนะ ก็เรียนรู้อย่างนั้น ส่วน "จบลงที่ศูนย์” นั้นก็คือมันสมบูรณ์แบบ คำว่า “สูญ” นี้ เขียนอย่างสันสกฤตก็ "ศูนย์” ถ้าเขียนอย่างบาลีก็ “สูญ” เอามาเป็นภาษาไทยก็เลยแยกเป็น 2 

ศูนย์ ก็เอาไปเป็นเรื่องของรูป เช่น ศูนย์ ศูนย์กลาง (เลข) ศูนย์อะไรที่เป็นรูป

สูญ​ กลายเป็นนามธรรม คนไทยก็ฉลาดเอามาใช้ ภาษาสันสกฤตบาลีเขา ก็หมายความอันเดียวกัน แต่พอเอามาใช้  เป็น 2 ซะนี่ เก่งไหมเอามาใช้เป็นสภาวะ 2 

ตึกเรามี 2 ชื่อเลย ทั้งศูนย์ ทั้งสูญ สูญศูนย์ 

จบลงที่ 0 ก็คือสภาพที่สมบูรณ์แบบ มันหมด ไม่มีตัวติดขัดแล้ว มันลงตัวหมดแล้ว ผู้จบลงที่ศูนย์นี้ เป็น 1 ก็ได้ เป็น 2 ก็ได้ เป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 ไปถึง Infinity (ไม่รู้จบ) ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถไม่มีอะไรข้องติด ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ เข้าใจสภาพจบ จบเป็นรอบๆ อาตมาก็อธิบายความจบกิจมาแบ่งเป็น 3 หรือ 4 ส่วน 4 แบบใหญ่ๆ 

จบกิจ 4

1. จบกิจจากความดีความชั่ว ทำดี ไม่ทำชั่วอีกเลย ถ้าแบบของพระพุทธเจ้าแล้ว ดีเป็นนิยตะ ดีถาวรยั่งยืน ไม่ไปทำชั่วอีกเด็ดขาด แต่ของโลกียะเขาดีได้ อย่างเก่งก็ดีได้ชาติหนึ่ง ตายเกิดชาติหน้ายังจะหมุนเวียนตกต่ำทำชั่วได้อีก แต่ของพุทธดีแล้ว ตาย ชาติหน้าก็ยังดี ตายไปอีกกี่ชาติก็ยังดี จึงเรียกว่าดีอย่างนิยตะ ดีอย่างเที่ยง นี่คือจบกิจขั้นที่ 1 อธิบายเรื่องดีชั่วแบบโลกีย์ 

2. จบกิจสิ้นทุกข์สิ้นสุข นี่เทวนิยมหรือทางโลกทั้งหมด ไม่มี ศาสดาทางเทวนิยมไม่รู้เรื่องสุขทุกข์ เป็นสุขนิยม ติดสุขด้วย แต่ของพุทธนี้ล้างสุขล้างทุกข์ จบกิจล้างสุขล้างทุกข์ได้เป็นอรหันต์ 

ที่นี้จบกิจอันที่ 3 เรียรู้เรื่องสูงกว่านั้น มากกว่านั้น 

3. เรียนรู้เรื่องกรรมกับกาละ เกี่ยวถึงกาละ เกี่ยวถึงกรรม เป็นภพภูมิของอรหันต์ ภพภูมิของโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้นอรหันต์มีอีกหลายขั้นที่อธิบายไปแล้ว (โพธิสัตว์ 9 ระดับ) เป็นโพธิสัตว์ที่จะรู้ถึงเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ภพภูมิอื่น ชาตินี้ภพภูมินี้ ชาติหน้าภพภูมิที่กว้างขึ้น เป็นโพธิสัตว์สูงขึ้น ภพภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น เกื้อกูล รู้จักสิ่งเป็นองค์ประกอบต่างๆ นานา ทั้งรูป ทั้งนาม ก็ช่วยมนุษยชาติ ช่วยเรื่องสิ่งที่ปรุงแต่งอยู่ในโลกได้พิสดาร ได้กว้างขวางมากขึ้นๆ นี่คือจบกิจ อันที่ 3

4. ทำกาละ รู้จักกาละ “ทำกาละ” นี้ท่านแปลว่าตาย ทำความตาย ที่จริงแล้วทำกาละโดยที่ยังไม่ตายก็ได้  จึงเป็นผู้ที่อยู่เหนือ เหนือกาละ เหนือกรรม เพราะทำกรรมด้วยกรรม กรรมเป็นที่สุดของอัตตา ตัวคนก็มีกรรมเป็นที่สุด ทำกรรม โดยทำกรรม ของทำใจในใจของตัวเองเป็นต้น ทำที่สุด ยังอยู่ในกาละหรือไม่อยู่ในกาละ ทำตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย หมด คนนี้ไม่เหลือเชื้อของความเป็นตัวตนที่จะอยู่ในกาละ

กาละ มันคือมหาจักรวาล คือเอกภพ มันไม่เคยหมด มันมีอยู่ตลอดนิรันดรไป ส่วนในโลกมันก็จะเกิดตั้งแต่ อุตุ พีชะ จิต

จิตนิยามเป็นตัวที่มีเฉพาะศาสนาพุทธเท่านั้นรู้จัก (ศาสนาพุทธเท่านั้นที่รู้จักจิตนิยาม) เกิดอยู่จนกระทั่งดับสูญ สลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่เหลือ นี่คือสูงสุดในความรู้ของวิทยาศาสตร์ทางจิตของศาสนาพระพุทธเจ้า ที่มีความรู้

ที่อาตมาขยายความให้ฟัง จบกิจ 4 ระดับ นี้เป็นปฏิภาณความรู้ของอาตมาที่อธิบายได้ ยุคพระพุทธเจ้ายังไม่ใช่ยุคที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่จะรู้เรื่องเอกภพ รู้อะไรๆ เหมือนอย่างวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ หรือดาราศาสตร์ สมัยนั้นเขายังไม่รู้ จะให้อธิบายอย่างอาตมาอธิบาย ไม่ได้ เพราะคนละยุค คนละ กาละ เทศะ มันอธิบายไม่ได้ 

แต่ในยุคนี้อาตมาอธิบายให้คนพวกเราฟังเข้าใจได้ เพราะเป็นความรู้สากลแล้ว อย่างนี้เป็นต้น  มันคนละกาละ ไม่ใช่อาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่มันคนละกาละกัน อาตมาก็อธิบายตามกาละ

เพราะฉะนั้นจบลงที่ศูนย์คือ จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ อธิบายขยายความไว้เพียงแค่นั้น 

จริงๆ นะ อาตมาตั้งใจจะพิสูจน์ให้ถึง 100 ปี เพราะอาตมาเห็นว่ามันสำคัญมาก สำคัญง่ายๆ ก็คือ ถ้าอาตมาสามารถลากขันธ์ไปได้ถึง 100 ปี จะเกิดความเชื่อมั่น เกิดความเข้าใจ เกิดความเชื่อถือของคน แม้แต่เรื่องของการลากขันธ์ไปให้ได้ถึง 100 ปีนี่ คนก็ยอมรับแล้ว ไม่ต้องเอาเก่งอื่นหรอก เก่งแค่นี้ก็ยอมรับกันแล้ว ก็จะอาศัยแค่นี้ ได้แค่นี้ก็เอาละวะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ถือศีลให้รู้รูปนาม ให้เกิดปัญญาจนอวิชชาหายไป วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2567 ( 19:23:41 )

ความสมานฉันท์ 7 แบบ

รายละเอียด

ความสมานฉันท์ 7 แบบ

แบบที่ 1 สมานฉันท์โดยใช้อำนาจบาตรใหญ่ของผู้ที่มีอำนาจ เป็นเผด็จการฟาสซิสต์เต็มที่มีมาแต่โบราณ คนที่ทำได้ก็มาอยู่รวมกันไป อยู่ไหนรักประเทศนั้นเขาไม่มีที่ไป หากไปได้เขาก็จะไป

แบบที่ 2 สมานฉันท์แบบที่บังคับด้วยกฎหมายหรือข้อวินัยบังคับกัน ให้อยู่ร่วมกันไป อันนี้ก็ใช้กันทั่วโลก แบบที่ใช้กฎหมายใช้หลักเกณฑ์ของสังคม มันเป็นสากลด้วย ก็จะใช้ได้ดีพอสมควร ก็อยู่ด้วยกัน กดข่มด้วยหลักเกณฑ์ แม้จะมีซ้อน ตัดสินพิจารณาความด้วยตุลาการ

แบบที่ 3 สมานฉันท์ด้วยใจนิยมชมชอบ มีค่านิยมเดียวกัน มีรสนิยมเดียวกัน จึงอยู่ร่วมกันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ เช่นพวกที่อยู่ในอบายมุขเขากอดคอกันสนิทสนมเลย ชื่นชมมีรสนิยมเดียวกันค่านิยมเดียวกัน ก็ว่ากันไป อยู่ในโลกของอบายมุขเลย เขาก็หลงใหลของเขา

แบบที่ 4 สมานฉันท์ด้วยอิสระเสรีที่ตนเองสมัครใจ อย่างนี้เริ่มจะเป็นประชาธิปไตย มีอิสระเสรีเป็นเครื่องชี้บ่ง แต่ยังไม่เป็นโลกุตระ ยังเป็นส่วนตัวโลกีย์อยู่ มันก็ตัดสินแบบโลกมีสวรรค์มีนรก มีพวกกูไม่มีพวกกูอยู่อย่างนั้น

แบบที่ 5 สมานฉันท์ที่เริ่มต้นนับว่าเป็นประชาธิปไตย อันเมื่อกี้นี้เริ่มเข้าสู่ประชาธิปไตย อันนี้เริ่มนับเป็นประชาธิปไตยที่แบบที่ใช้ทั้งกฎหมายและอำนาจโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข หรืออำนาจของกลยุทธ์ในการหาหมู่พวก ยิ่งใหญ่นะ สร้างกลเม็ดเด็ดพราย ค่ายกล หนังจีนนี้ใช้กันเต็มเลย วิธีหาพวก จึงเป็นประชาธิปไตยแบบสมบัติผลัดกันชม มันจะมีอยู่มากเลยข้อที่ 5 นี้ เป็นสมบัติผลัดกันชม สลับกันครองอำนาจอย่างที่มีกันเป็นสามัญแม้ในโลกทุกวันนี้

แบบที่ 6 สมานฉันท์กันจนกว่าจะมีปัญญา ปัญญาคือความฉลาด ฉลาดแบบโลกุตระที่ไม่ใช่มีความฉลาดแบบโลกียะ เพราะว่าโลกียะตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส เป็นความฉลาดแบบเฉโกหรือเฉกตาอยู่เท่านั้น จะต้องหลุดพ้น จากความฉลาดที่สามารถลดกิเลสได้ก่อน มันซ้อนสลับไปสลับมา เป็นความหมุนรอบเชิงซ้อน ฉลาดที่ลดกิเลสได้จึงเป็นความฉลาดโลกุตระเหนือชั้นกว่าความฉลาดแบบโลกียะ เพราะเป็นอาริยบุคคลตามพุทธศาสตร์ จึงจะเรียกว่ามีปัญญา แบบที่ลดกิเลสได้ และตัวตนก็หมดไปด้วย อย่างนี้จึงเรียกว่าปัญญา

ฉะนั้นจะมีการสมานฉันท์ที่ดีได้ ต้องมีปัญญากันจริงๆ ความมีปัญญานี้จิตวิญญาณต้องเข้าข่ายโลกุตระ ซึ่งจะนำพาคนไปสู่ความเป็นอิสระ อย่างแท้จริง และสามารถกำจัดอัตตา อิสระกับอัตตา นิยามคำสองคำนี้ดีๆ ผู้ที่สู่ความอิสรเสรีภาพและกำจัดอัตตาของตัวเองได้เป็นลำดับ จึงเป็นผู้ไม่เห็นแก่ตนจริงแท้ ถึงจะเป็นประชาธิปไตยบริบูรณ์ขึ้นตามลำดับอย่างแท้จริง ตรงสัจธรรม ถึงจะเป็นการสมานฉันท์ เพราะลดกิเลสได้จริงสมานฉันท์ด้วยเศรษฐกิจสาธารณโภคี  การเมืองสาธารณโภคี  สังคมสาธารณโภคี

เพราะจิตใจจิตวิญญาณมีความอิสรเสรีภาพหมดอัตตาตัวตนแท้ ไม่ใช่อิสระแบบ Hippy หมดอัตตาตัวตนแท้ที่เป็นความฉลาดขั้นปัญญาที่ไม่ใช่แค่เฉโก วนเวียนสุขทุกข์อยู่แบบปุถุชน

จึงจะเป็นสังคมประเทศที่ศิวิไลซ์แท้จริง ต้องสร้างปัญญา อันเป็นความรู้ของศาสตร์ที่เป็นโลกุตระ สังคมต่างประเทศหรือในหมู่คนไทยก็ตาม ถ้ายังไม่สามารถเข้าใจว่าความฉลาดปัญญาคืออย่างไร แล้วให้คนสร้างปัญญาในสังคมประเทศนั้น ถ้าทำไม่สำเร็จอันนี้ ไม่มีทาง ประเทศนั้นสังคมนั้น ไม่มีทางที่จะเกิดความสมานฉันท์ที่หมดความเดือดร้อน หรือไม่มีความเดือดร้อนได้ยาวนาน จนนานอย่างนิรันดร นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

สภาวะนิรันดรของพุทธคือ หมดตัวตนอย่างนิรันดร แต่ไม่นิรันดรอย่างมีตัวตน ไม่มีนิรันดร และมีนิรันดร มีนิรันดรเพราะว่าไม่มีตัวตนอย่างนิรันดร แต่ไม่มีตัวตนอย่างนิรันดรด้วย อิสรเสรีภาพเต็มที่ แต่ก็ย้อนไปอีก แล้วรู้จักยอมรู้จักถ่อมตน รู้จักเป็นผู้แพ้ รู้จักเป็นผู้ให้ รู้จักเป็นผู้เสีย ไม่จำเป็นต้องชนะ เป็นผู้แพ้ได้ นี่สุดยอดเลย อาตมาก็ไม่รู้จะใช้พยัญชนะอะไรมาอธิบายอีกแล้ว

การสมานฉันท์จะต้องมีปัญญา หากเฉโก จะไม่สามารถสมานฉันท์กันได้อย่างเจริญแท้จริง ยั่งยืนถาวร นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จะยังสลับ วนเวียนอยู่กับการแย่งสมบัติผลัดกันชม จะยังวนอยู่ตรงนั้น จะนานช้าก็แล้วแต่ อาจสลัดเร็ว สลับเร็วก็ตาม

ผู้ที่แย่งอำนาจได้ ก็ได้ไปครอบครองสมบัติผลัดกันชม จะไม่มีการครอบครองนิรันดรเป็นอันเด็ดขาด คุณก็จะเสียและคุณก็จะแย่งอยู่อย่างนั้น อย่างที่เป็นอยู่ในสังคมมนุษย์ปุถุชนที่หลงกันว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่ในโลกทุกวันนี้ เขาไม่รู้ความจริงอันนี้ คุณจะแย่งอำนาจความเป็นใหญ่อัตตาตัวตน ก็เชิญ ของเรามีสิ่งพอเพียงแค่นี้ก็พอแล้ว สบม.ทมด ปกต. หห จจ มชยลร

แบบที่ 7 ความสมานฉันท์ที่สูงสุด อยู่ที่การสร้างคน ให้การศึกษา มีวิชาการที่สามารถพากันฝึกฝนจนเกิดปัญญาแท้จริงเป็นโลกุตระ พ้นจากเฉโกที่เป็นโลกียะ เดินทางเข้าสู่ความเป็นคนมีอิสระจริงเต็มสมบูรณ์ และเป็นคนหมดสิ้น อัตตาตัวตน แน่ๆแท้ๆ เนื่องจากมีความรู้ทางจิตวิญญาณ จิตวิญญาณนี่แหละคือตัวตน มีความรู้ทางจิตวิญญาณเป็นอาริยบุคคลทุกระดับ และเป็นอรหันต์ ทุกระดับเริ่มต้นตั้งแต่โสดาปัตติมรรค จนเป็นอรหันต์ จึงมีประชาธิปไตยในประเทศอย่างสมบูรณ์แบบ

การจะสามารถสมานฉันท์ไปได้ก็ต้องศึกษา ให้เข้าถึงความเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ เปลี่ยนแปลงได้สำเร็จแท้ๆ นั่นคือการสมานฉันท์ที่สูงสุดด้วยภูมิปัญญาของอาริยบุคคล ก็จะทำให้เป็น ประชาธิปไตยที่สุดยอดได้ หากการสมานฉันท์นี้ ถึงขั้นสาธารณโภคี นี่คือสุดยอดเลย อย่างชาวอโศกมีการสมานฉันท์อย่างสาธารณโภคี มีจิตวิญญาณเป็นตัวตั้ง วัตถุเป็นเรื่องย่อย พวกเรานี้ เพราะฉะนั้นก็จะถึงสุดยอด สาธารณโภคีจึงจะจริง ซึ่งจริงแล้ว สาธารณโภคีเป็นสุดยอดของคอมมิวนิสต์ สุดยอดของประชาธิปไตย สุดยอดของเผด็จการ ที่อันติมะ ที่สัมบูรณ์ อันติมะคือ ultimate สัมบูรณ์คือ Absolute สุดๆเลยสาธารณโภคี

คนที่ฟังอาตมาอาจหมั่นไส้ที่ว่ามันหลงสาธารณโภคีเอาสาธารณโภคีมายกย่อง ก็ขอขยายความสาธารณโภคี สาธารณโภคีนั้นหมายความว่ามีแก่นแกนที่เป็นคนทำงานฟรีพึ่งพาส่วนกลาง เป็นสาธารณโภคีที่ไม่ต้องแย่งเป็นของตน กินใช้ร่วมกัน เราก็เสพน้อยกินน้อยพึ่งน้อย กินใช้แค่นี้แต่สร้างได้มาก สร้างสิ่งที่เป็นสาระ เป็นเหตุปัจจัยที่มนุษย์ต้องอาศัยอย่างดีไม่มีพิษภัย ไม่มีโทษ สร้างสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่สังคมไปเรื่อยๆ

คนส่วนใหญ่ของกลุ่มใดที่เป็นแบบนี้ที่เป็นสาธารณโภคี จึงสร้างสรรเป็นประโยชน์คุณค่ามากกว่าที่ตัวเองกินและใช้ ในแต่ละคน มีประโยชน์สูงประหยัดสุด มีปัญญาหรือ หรม.ครน.ได้สมบูรณ์สุด ประโยชน์สูงประหยัดสุดอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงเป็นสังคมที่รวบรวมความประเสริฐสุดของมนุษย์และสังคม ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่าย อาตมาเองไม่รีบเร่ง ที่จะบังคับคนให้มาเข้าใจ เพราะมันบังคับกันไม่ได้ คุณจะต้องค่อยๆ มีภูมิปัญญา มีปฏิภาณ มีความรู้ ค่อยๆ เข้าใจเอง

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:35:02 )

ความสยความหล่อเปรียบเหมือนอะไร

รายละเอียด

ขอสมมุติคำว่าหล่อใช้กับผู้ชาย เขาใช้คำว่าสวยกับผู้หญิง แล้วผู้หญิงที่อยากสวยมากกว่า ปุริสภาวะ เพศชายก็เลยไม่ไปหลงความสวยงามความปรุงแต่งมากกว่าผู้หญิง ความสวยความหล่อก็คือความงาม ให้แมลงต้องใจเหมือนดอกไม้ ที่เป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสนั่นแหละ เพราะฉะนั้นเข้าใจแล้วมีสภาวะแล้วก็อย่าไปติดใจในพยัญชนะ พยัญชนะกับสภาวะที่อธิบายสลับไปสลับมา เดี๋ยวนี้ผู้ชายมีจริตเป็นกระเทยเยอะแยะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 12:05:35 )

ความสอดคล้องของธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าจึงสรุปว่าธรรมะนี้เป็นไปเพื่อความละหน่ายคลาย ไม่ต้องมาวนเวียนเพื่อเป็นบุญคุณ ต้องรู้คุณค่า ต้องมาเคารพนับถือ ไม่ใช่ ไม่ต้อง พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนอีกว่าความสรรเสริญนั้นมันไม่มีค่าเลยที่จะทำให้บรรลุนิพพาน สรรเสริญน่ะ มีแต่ขัดเกลาตำหนิ ตำหนิแล้วตำหนิอีก กำหราบแล้วกำหราบอีกไม่ยั้งมือ เป็นความสอดคล้องของธรรมะพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสไว้มันลงตัวกันหมด ชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:49:55 )

ความสะอาดบริสุทธิ์ของศีลชาวอโศกทำให้อยู่กันอย่างสงบสุข

รายละเอียด

จนกระทั่งตอนแรกๆ อาตมาพาปฏิบัติธรรมเป็นบวร มีทั้งสมณะ ภิกษุณีไม่มี ก็มีสิกขมาตุ เขาก็ปรามาสไว้..เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวมันก็จะมีลูกเณร แต่มาถึงวันนี้พวกเรารักษาสภาพความเป็นจริงได้ ไม่ได้มีเลอะเทอะอย่างนั้นเลย เพราะฉะนั้นว่าเราไม่ได้เลยในเรื่องพวกนี้ 40-50 ปีมาแล้วไม่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น เลอะเทอะ ยิ่งนักบวชนี้ไม่มีเลย ไม่มีเลย ที่จะเป็นเรื่องให้ไปครหาได้ ฆราวาส อาจจะมี Error บ้างนิดๆหน่อยๆ ถือว่ามันเป็นธรรมดาธรรมชาติ มี Error เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ไปเลอะเทอะ หยำฉ่า เหมือนกับข้างนอกเขา นี่เป็นสภาวะจริงที่อาตมายืนยัน อันนี้ก็ถูกต้องลงท้ายก็มีทิฏฐิที่ต่างกัน มันจบด้วยทิฐิที่ต่างกัน แต่มันก็จบจริงๆ มันเป็นนานาสังวาส ต่างคนต่างมีทิฐิ ต่างคนก็ปฏิบัติไป ซึ่งเราก็ได้เป็นไปแล้ว เป็นนานาสังวาสกันแล้วต่างคนปฏิบัติไปตามที่ต่างคนเข้าใจ ก็ได้มรรคผลไปตาม เขาก็ว่าเขาได้มรรคผลเราก็ว่าเราได้มรรคผลมา จะเป็นมิจฉาผลหรือสัมมาผลก็เป็นตามความเป็นจริงไม่ได้ประหลาดอะไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 14:14:48 )

ความสะอาดบริสุทธิ์สูงสุดคืออะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นปัญญานี่แหละคือความรู้ความฉลาด ที่จะเป็นเบื้องต้นที่จะเข้าไปถึงความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด อันไม่มีอะไรเท่าเทียมเลย ความสะอาดบริสุทธิ์สูงสุด สะอาดจากอะไร จิตสะอาดจากกิเลส เกลี้ยงบริสุทธิ์สูงสุดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:54:26 )

ความสับสนระหว่าง อนุปาทิเสสนิพพาน กับ สอุปาทิเสสนิพพาน

รายละเอียด

แต่มี อรรถกถาจารย์ที่ยังไม่เข้าใจไม่บรรลุ นิพพานเป็นปริโยสานก็สับสนวนเวียน สับสนระหว่าง อนุปาทิเสสนิพพาน กับ สอุปาทิเสสนิพพาน อะไรคือเหลือ อะไรคือไม่เหลือ และพุทธไทย ค่อนไปทางอุจเฉททิฏฐิด้วย ถ้าพระอรหันต์ตายแล้วก็สูญเลย เขาก็งงว่าอะไรเหลือ สอุปาทิเสสนิพพาน จะเหลืออะไร เขาเข้าใจอย่างเดียวว่าอรหันต์ตายแล้วสูญ เขาก็เลยแปล ว่า สอุปาทิเสสนิพพานคือ นิพพานของผู้ยังไม่บรรลุอรหันต์ ส่วน อนุปาทิเสสนิพพาน คือนิพพานของผู้ที่บรรลุอรหันต์แล้ว นี่คือมิจฉาทิฏฐิของพุทธเมืองไทย แล้ว โพธิสัตว์ ที่อาตมาอธิบาย โพธิสัตว์ระดับ 4 5 6 7 8 9 อีก เขาก็รับไม่ได้ อาตมาก็หนักในการอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 19:19:39 )

ความสัมพันธ์ของ กาละและกรรม

รายละเอียด

ถ้ารู้แล้วเราก็มาสำคัญที่กรรม เพราะฉะนั้นจบสูงสุดแล้วถ้าใครรู้ kama and time of continuum ไอน์สไตน์รู้ space and time of continuum อาตมารู้ kama and time of continuum ทุกอย่างก็มีแต่ contunuing กับ continuum ของสิ่งที่สังขารสังเคราะห์กันอยู่ในกรรมปัจจุบันนี้ ทุกอย่างก็เป็นความสัมพันธ์ของ กาละและกรรม

ทุกวินาทีก็ไปกับกรรมที่คุณทำ กรรมของคุณจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วตามสมมุติสัจจะที่สุด กรรมของคุณนั้นพ้นดีพ้นชั่ว ทำแต่ดี สัพพปาปัสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) และกรรมนั้น ทำกรรมอย่าง หมดสุขหมดทุกข์ กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 13:00:41 )

ความสัมพันธ์ของ วิริยะ สติ ปัญญา

รายละเอียด

ความสัมพันธ์ของ วิริยะ สติ ปัญญา เป็นสามเส้าหลักที่จะเกิดจิตละเอียดตั้งมั่นสั่งสมเป็นสมาธิ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:27:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:25:19 )

ความสัมพันธ์ระหว่างฆราวาสกับพระภิกษุ

รายละเอียด

ทำไมให้พระไปเด็ดไม่ได้อันนี้มันเป็นกฎระเบียบเป็นสมมติสัจจะว่าพระที่เป็นสมมติสงฆ์บวชมาแล้ว ต้องอาศัยญาติโยมจะกินจะอยู่จะอะไรต่ออะไรก็ต้องด้วยญาติโยมทำมาให้ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา เนื่องด้วยผู้อื่นให้ผู้อื่นเลี้ยงไว้จะไปหากินเองปลูกเองตัดเองไม่ได้เป็นหลักเกณฑ์ของวินัย เพื่อภิกษุจะได้สัมพันธ์กันกับฆราวาส ฆราวาสจะไปรับภาระเรื่องอาหาร พืชพันธุ์ธัญญาหารเอามาให้กินจึงจะได้กิน พระไม่สะสมอาหารไม่ไปเด็ดอะไรมากินไม่ได้ถือเป็นอาบัติ ถือว่าเป็นโทษภัยต้องระมัดระวังต้องไม่ทำเป็นหลักเกณฑ์ของพระวินัยเพื่อที่จะได้สัมพันธ์กับมนุษยชาติ กับฆราวาส คนละหน้าที่ เพราะฉะนั้นภิกษุหมดหน้าที่กังวลเรื่องอาหารถ้าญาติโยมไม่ทำมาให้กินก็อดตาย ต้องแน่จริงอย่างนั้น ต้องทำตนให้เหมาะสมให้เขาเลี้ยงไว้เป็นกฎเกณฑ์ถ้าคุณไม่ดีพอเขาไม่เอามาให้คุณกินก็อดตาย เพราะว่าเงินก็ไม่มีซื้อขายก็ไม่ได้ ไปเด็ดอะไรกินก็ไม่ได้ปลูกกินเองก็ไม่ได้ ถ้าอยู่ไหนกฎในวินัยในระเบียบของพระของเจ้าจริงๆ ก็จะต้องสัมพันธ์ระหว่างฆราวาสโยมระหว่างพระภิกษุ ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างคนที่มีหน้าที่มีการอาศัยซึ่งกันและกันเรียกว่า ภิกษุ ร่วมกัน ภิกษุประชาสมาสัย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2562 ( 03:34:29 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:26:19 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:00:03 )

ความสัมพันธ์อันดีของเพื่อนนักร้องในอดีต

รายละเอียด

ก็มีความสัมพันธ์อันดีกันจริงๆ เริ่มจากคุณสุเทพเข้ามาสู่วงการนักร้องพร้อมกันตั้งแต่ไม่มีใครรู้จักเราก็มารู้จักกัน เล่าอยู่หลายทีแล้วมีอยู่ 3 คน มีเจ้าออด วัลลภ วิชชุกร, สุเทพ วงศ์คำแหงและอาตมาคนหนึ่ง 3 คน ก็นักร้องทั้ง 3 คน อาตมาก็นักร้อง แต่อาตมามันไปหนักทางทำกับข้าว เลี้ยงเด็กซักผ้าให้พี่ล้วนเขา ก็เลยไม่ได้เป็นนักร้องตัวเด่นเท่าไหร่ ตอนแรกที่มีหลักฐานจริงๆอยู่ ก็สมัยที่ยังมีวิทยุอยู่ในประเทศไทยมีแค่ 3 สถานี สถานีกรมประชาสัมพันธ์ สถานี 1 ปณ. นี่เป็น 2 สถานีหลักของกรมประชาสัมพันธ์กับกรมไปรษณีย์ เป็นวิทยุ 2 สถานีแรกของประเทศไทย ต่อมาก็มาเกิดสถานีรักษาดินแดนของทหาร ซึ่งเขาตั้งสถานีอยู่ที่ธรรมศาสตร์ อาตมาสนิทสนมกับทางรักษาดินแดนกับ 1 ปณ. ก็เอาจะไปเล่นดนตรีไปร้องเพลงทำละครวิทยุ อะไรกันก็ทำ โดยเฉพาะที่รักษาดินแดน อาตมาบอกได้เลยว่าอาตมาเป็น DJ คนแรกของประเทศไทย ที่เอาแผ่นเสียงนี้มา ได้แผ่นเสียงเพลงใหม่มานี้ดีใจมากเลย เราได้เพลงใหม่มาโชว์เขา เราก็เปิดก่อนใครๆ เราก็เป็นคนบรรยายเพลงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาก็แต่งกลอนบรรยายนำก่อนจะขึ้นเพลง แล้วก็บรรยายเป็นภาษาประกอบทีหลัง เราเก่งทางแต่งกลอนกวี ส่วนเทพกับออด วัลลภ  วิชชุกร อาตมาก็มาตั้งวงดนตรีว่าวงดนตรีเทพวิชชุ ก็ออกที่รักษาดินแดนมีนักร้องคนอื่นมีนักดนตรีคนอื่นด้วย ผู้หญิงก็มีผู้ชายก็มีหลายคนจำชื่อไม่ได้ไปแล้ว ตายไปเกือบหมดแล้วล่ะ ยังเหลือแต่อาตมานี่แหละตอนนี้ วัลลภก็เสียไปแล้ว สุเทพก็เสียไปแล้ว ไปถึงถามว่าทำไมพูดถึงสุเทพบ่อยนักตายไปแล้ว …ก็คบหากันมาจนสุเทพเขาขึ้นเป็นนักร้องดัง อาตมาก็มาทางธรรมเสียส่วนใหญ่ อาตมาเอาดีทางเรียนหนังสือด้วย ไม่ยอมหยุดเรียน เขาไปเป็นนักร้องอาตมายังเรียนเพาะช่างอยู่เลย เรียนเพาะช่างตั้ง 5 ปี แต่วัลลภเขาก็อายุไม่ค่อยยาวกันตายไปก่อน วัลลภหน้าหล่อกว่าเพื่อน แต่ตัวไม่สูง เป็นพระเอกหนังก่อนสุเทพ เป็น รต.พร้อม นางสาวเครือฟ้า เพลงของวัลลภ ไม่ค่อยดัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:52:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:07 )

ความสามัคคี

รายละเอียด

คือ ความขัดแย้งอันพอเหมาะ

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 95


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:41:40 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:54:53 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:01:02 )

ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ

รายละเอียด

การแย้งกัน จึงไม่มีทางหมดไปจากโลก ความขัดแย้งอันพอเหมาะนั้นคือความจบ ที่อาตมาได้นิยามไว้ว่า ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ จบ ถ้าไม่ขัดแย้งคือฝูงควาย นำไปตัวเดียว คือฝูงควายแท้ๆ ไม่ได้ด่านะ อาตมาพูดสภาวะธรรม ขออภัยควายที่เอามายกตัวอย่าง ที่จริงควายก็ฉลาดเท่าที่มันเป็น มันมีเขาต่อสู้ แต่สู้เสือสิงโตไม่ได้ แต่บางครั้งก็ซัดสิงโตกระเด็นบาดเจ็บก็มี  การแสวงหาอย่างนี้ดีแล้ว อนุโมทนาด้วย คุณจะเอาพยัญชนะอะไรมาพูด อาตมาไม่มีปัญหาหรอก จะเป็นบอก อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี อาตมาก็ผ่านมาหมดแล้ว หากคุณเข้าใจเป็นพระอรหันต์อย่างอาตมา คุณก็จะไม่แย้งอาตมาเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:27:16 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:10:15 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:01:24 )

ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ

รายละเอียด

ถ้าเขามาคุยกับผม ผมก็ให้ไปคุยกับหมู่ หากหมู่ไม่ยอมเขาก็ทำไม่ได้ ถ้าเอาด้วย จะทำก็ต้องไปหากรรมการ อันนี้แหละผมไม่ได้สัญญาก็เลยเสีย ต้องช่วยกันจำ ช่วยกันบันทึก

ก็เป็นธรรมชาติของประชาธิปไตย ต้องมีการค้านการขัดเกลากัน ถ้าไม่มีการขัดเกลาไม่มีการปรับไปปรับมา ก็จะนิ่งก็จะเน่า แล้วมันก็จะไม่เจริญ ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ จบ ถ้าไม่มีความขัดแย้งอันพอเหมาะไม่มีอะไรเจริญมีแต่จะเน่า

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่) วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:28:04 )

ความสามารถพิเศษของศีล

รายละเอียด

คุณแก้วตะวันมีปฏิภาณปัญญาลึกเข้าไปรู้ความหมายของศีล เนื้อหาน้ำหนักความสามารถพิเศษของศีล ไม่ใช่แค่รู้ศีลพื้นๆตื้นๆ ว่าศีลก็เหมือนระวังควบคุมเป็นรั้วเฉยๆไม่ใช่ แต่ศีลเป็นพลังงานพิเศษทำให้จิตสะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสจบสมบูรณ์จึงเรียกว่าศีลบริสุทธิ์ หรือศีลเป็นวิมุติศีล ศีลครบจิตก็สะอาดจากกิเลส แต่ปัญญาช่วยให้กิเลสมันตายกิเลสมันดับสำเร็จผลเป็นวิมุติ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ สำเร็จผล 

ศีลจึงมีศีลระดับมรรค กับศีลระดับผล คุณแก้วตะวันเข้าใจศีลระดับผล มีประสิทธิภาพทำให้จบกิจทำให้กิเลสลดได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:12:04 )

ความสำคัญของการบูชาพระบรมสารีริธาตุ

รายละเอียด

วันนี้ก็เป็นวันสำคัญของชาวอโศกเรา วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ทุกปีๆ เรายึดถือกันว่าเป็นวันบูชาพระบรมสารีริกธาตุกัน หลายครั้งด้วยกันที่เราไม่ได้ทำพิธีบูชาอยู่ในบวรหรืออยู่ในพุทธสถาน ทุกปีเราจะไปบูชากันที่สันติอโศก ที่มีพระเจดีย์อยู่ เราบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุพระพุทธรูป บรรจุอะไรต่ออะไรไว้ในเจดีย์นั้น เยอะแยะหลายอย่าง พร้อมทั้งแผ่นทองคำ เสร็จอยู่ในนั้น 

ตอนหลังแม้แต่ไปทำพิธีกันกลางถนน ข้างถนน อยู่ที่ถนนราชดำเนินเราก็เคยไปทำในวาระที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ ซึ่งคนเราก็ถือกันว่าพิธีการต่างๆของมนุษย์ไม่ว่าชาติไหน แต่ละชาติก็จะมีพิธีการกัน ซึ่งเป็นความรู้ของมนุษย์ที่สร้างขึ้นมา แล้วก็จัดทำ เป็นวิธีทำให้จิตวิญญาณของคน เกิดความศรัทธาเลื่อมใส เกิดปัญญา เกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 ขึ้นมา เพื่อที่จะได้มีกำลัง มีอินทรีย์มีพละในการสร้างสรรต่างๆ ไว้อาศัยและสร้างชีวิตมนุษย์ในสังคมที่อยู่ร่วมกันให้เป็นไปด้วยดีที่สุด 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นหมวดหมู่ ที่อยู่กันเป็นกลุ่มหมู่ นับถือเช่นเดียวกันมีทิฏฐิเดียวกัน ก็มีพิธีการเดียวกัน มียิฏฐังเดียวกัน ก็จะทำกันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละศาสนา แต่ละลัทธิ ของพุทธเราเองแท้ๆก็ยังทำ พิธีการ ต่างกัน มีพิธีเคารพบูชาพระพุทธเจ้าโดยเอาพระบรมสารีริกธาตุมาเป็นเครื่องหมาย ในการบูชาระลึกถึงพระพุทธเจ้า ก็ทำกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 ณ ราชธานีอโศก วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 18:58:20 )

ความสำคัญของคำว่ารับจ้างกับรับใช้

รายละเอียด

ของเราไม่มีการจ้าง มาทำงานอย่างผู้รับใช้ ไม่ใช่ผู้มารับจ้าง แต่ผู้ทำงานอย่างรับใช้ สำคัญมากเลยคำว่ารับจ้างกับรับใช้ ผู้รับใช้คือนักประชาธิปไตย หรือผู้มีคุณค่าและประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ เป็นผู้อนุเคราะห์โลก เป็นผู้รับใช้โลก เป็นผู้ช่วยเหลือโลกอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:23:24 )

ความสำคัญของปัญญา

รายละเอียด

คือ ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่มีความรู้อันถูกต้อง  ที่ได้ฟังจากพระศาสดา หรือที่ได้ฟังจากผู้เป็นฐานะ ครู หรือสัตบุรุษ อันมี สัมมาทิฏฐิแล้ว คุณจึงจะมาปฏิบัติเกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 ขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 ในภาคของจรณะ 15 วิชชา 8 จรณะ 15 ต้องมีฌาน ต้องปฏิบัติศีล มีอปัณณกธรรมแล้วมี สัทธรรม 7 สัทธรรม 7 มี ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:25:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:27:45 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:34:14 )

ความสำคัญของภาษาและสภาวะ

รายละเอียด

คือ เรื่องบาลี คุณจะปล่อยผ่านได้แต่ก็รู้โดย ปริยายว่า พยัญชนะ อันนี้หมายถึงอันนี้ หากรู้ทั้งภาษาและสภาวะก็ครบอุภโตภาค  หากไม่ใช้ภาษาก็สื่อกันได้ยาก ยิ่งภาษาหลากหลาย ก็สื่อได้มากขึ้น งอกงามไพบูลย์ด้วยภาษา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:55:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:28:51 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:35:18 )

ความสำคัญของวันมาฆบูชา

รายละเอียด

มาฆบูชามีคุณสมบัติสามอย่าง 1. เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้นมารวมกัน 2. รวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 3. เป็นวันมาฆฤกษ์ วันพระจันทร์เต็มดวง เพ็ญเดือนสาม ถ่ายทอดมาไม่รู้กี่ปีแล้วเหมือนพวกคุณรู้ความสำคัญ ตอนนั้นพระพุทธเจ้ามีความสำคัญเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 3 ก็จะมารวมกันแล้วมีการชุมนุมของพระอรหันต์ แล้วพระอรหันต์ทุกองค์ เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทาไม่ใช่บวชด้วยญัตติจตุตถกรรม ซึ่งมีน้อยที่สุดแล้วสำหรับพระพุทธเจ้าองค์นี้ มี 1250 องค์ ที่จริงก็เหมือนนัดหมายรู้ในตัวเองมาไม่รู้กี่ชาติ จึงเป็นวันสำคัญของมาฆบูชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:23:46 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:29:51 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:36:12 )

ความสำคัญของศีล

รายละเอียด

ถือศีลแล้วรักษาตัวรอด อาตมาก็อยากบอกให้ใครรวบรวมว่า พระพระพุทธเจ้า พระสาวก หรือพระเถระต่างๆ ได้แปลให้คำนิยามว่า ศีล และอานิสงส์ ในแง่มุมต่างๆ รวบรวมมาให้หน่อยนนะ อาตมาว่า มันจะมีมากกว่า 10 นัยยะขึ้นไปนะ ศีลนี่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย แล้วอาตมาจะอธิบายธรรมะศีลสมาธิปัญญา ด้วยเอาศีลให้เห็นความสำคัญของศีล 

ให้เห็นเลยว่าถ้าคุณไม่มีศีลเป็นตัวต้น ไม่มีศีลเป็นหลักในการประพฤติ เริ่มตั้งแต่ความหมายศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ หรือมนุษย์นี่แหละสำคัญ มนุษย์ก็คือสัตว์ ถ้าคุณไม่มีความรู้จะเกี่ยวข้องกันด้วยศีลข้อนี้ ตั้งแต่ฆ่า เบียดเบียน หรือแม้ที่สุด สัมพันธ์กันด้วยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส สัมพันธ์กันด้วยรัก ชัง สัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกายใจ มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานก็ตาม เอาแต่แค่คนนี้ก็ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสกันนี่แหละ ต้องเรียนรู้ให้ลึกซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:36:06 )

ความสำคัญของสัตบุรุษหรืออาจารย์

รายละเอียด

ผู้ที่เป็นผู้บอกธรรม หรือสอนธรรม หรืออาจารย์จึงสำคัญยิ่งยวด ถ้าไม่ใช่ "สัตบุรุษ" หรือ "ผู้รู้ธรรมของพระพุทธเจ้าที่สัมมาทิฏฐิ"จริง ก็แน่ยิ่งกว่าแน่ หมดหวังที่จะบรรลุ "พุทธธรรม" ต้องได้พบ "สัตบุรุษ" หรือผู้มีเชื้อแท้ของพระพุทธเจ้าที่เป็น "ตัวจริง"ให้ได้ ผู้ไม่ใช่สัตบุรุษเอง ตนจะ"รู้"เองไม่ได้

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 159


เวลาบันทึก 08 ธันวาคม 2562 ( 15:27:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:55:33 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:37:10 )

ความสำคัญของเสนาสนะ 4

รายละเอียด

มีบุคคลมีกรรมกิริยา มีอาหารสถานที่ครบครันทุกอย่างที่เราได้ให้แก่กันและกัน ยกตัวอย่างพวกเรามีกรรมกริยาที่ดี กรรมกิริยาที่ไม่ดีมีน้อยหรือไม่มี ดีจนกระทั่งถึงโลกุตระ ส่วนกรรมกริยาที่ไม่ดีนั้นน้อยจนถึงไม่มี  ส่วนกรรมกิริยาที่ดีนั้นมีกระทั่งสูงสุดถึงโลกุตระมันมีการซึมซับกันอยู่อย่างลึกซึ้ง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:35:02 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:30:47 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:37:47 )

ความสำคัญของโยนิโสมนสิการ

รายละเอียด

ผู้ใดทำใจในใจทำเป็นก็โยนิโสมนสิการเป็นทำให้ถูกต้องถึงที่เกิดครบถ้วนถ่องแท้ โยนิโสฯ แปลว่า ถูกต้องถ่องแท้แยบคาย มนสิการคือการทำใจในใจ รวมสองคำ โยนิโสมนสิการแปลว่า การทำใจในใจได้ถ่องแท้ถูกต้องถ้วนรอบ คนจะทำโยนิโสมนสิการได้จริงๆ จึงเป็นผู้ที่ปฏิบัติเป็นสัมมาปฏิบัติ ถ้าทำโยนิโสมนสิการไม่ถูกต้องไม่ได้จริง ผู้ใดก็แล้วแต่ถ้าไม่ได้อย่างที่กล่าวนี้ ทำมนสิการ ไม่ถูกต้องไม่บริบูรณ์ไม่ถูกต้องถ่องแท้ ไม่มีวันสำเร็จ ไม่มีวันปฏิบัติธรรมสำเร็จเลย นี่คือ ความสำคัญของ โยนิโสมนสิการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:31:14 )

ความสำคัญที่ต้องมีฉันทะเป็นมูลกา

รายละเอียด

จริงๆแล้วลัทธิ“หลับตา”ปฏิบัติเป็นลัทธิ“เดียรถีย์” ดังนั้น ผู้ปลอมตัวเข้ามาบวช แต่เป็น“เดียรถีย์”ผู้นั้น“จิตยังไม่มี“ความยินดี”ถึง“รากเหง้า”ของจิต ยังไม่มี“ฉันทะเป็นมูลกา”(ข้อที่ 1 ของ“มูลสูตร 10” พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 58)จริงๆ “จิตจริงลึกๆ”ยังติดยึดอยู่กับ“ลัทธิเดียรถีย์เดิม”อยู่แท้ ก็ยากที่จะ“ทำใจในใจ(มนสิการ)”ให้เป็น“โลกุตระ”ได้สำเร็จผล

ผู้ที่ยัง“ไม่มีฉันทะ”ถึงรากถึงเหง้าของจิต(มูลกา)จริง จึงไม่มีหวังที่จะปฏิบัติธรรมของพุทธบรรรลุ“โลกุตระ” ประเด็นต้องมี“ฉันทะเป็นรากเหง้าของจิต”นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องสามัญ แต่สำคัญลึกล้ำใหญ่ยิ่งแท้ทีเดียว

ก็ขนาดผู้มี“ฉันทะ”ในพุทธโลกุตระชนิดเต็มใจแท้ๆก็ยังยากเลย ที่จะ“สัมมาทิฏฐิ” จึงจะปฏิบัติบรรลุ“โลกุตรธรรม”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:32:04 )

ความสำคัญหน้าที่การงานของชาวราชธานีอโศก

รายละเอียด

สรุปแล้วเรียกร้องไปเป็นแม่ครัวอุทยานบุญนิยมหน่อย ร้านสหกรณ์ไม่เรียกร้องเท่าไหร่หรือมีคนไปช่วยเยอะกว่าหรือเปล่า ก็มีร้านข้างนอกของเราสองร้านคือร้านสหกรณ์บุญนิยมกับร้านอุทยานบุญนิยม มี 2 ร้านที่มีรายได้หมุนเวียนประจำวัน นอกนั้นก็มีร้านของแห้งอยู่ที่บวร แล้วไม่มีที่อื่นหรอก นอกนั้นก็มีแต่รายจ่าย ก็ขอให้พวกเราเห็นความสำคัญเป็นหน้าที่การงานของชาวราชธานีอโศกเรา ก็มีพวกนี้จะต้องช่วยกันมันก็จริง คนนิยมมากขึ้น แต่คนไปช่วยกลับน้อยลง ถ้าผู้ใดที่จะหาโอกาสไปช่วยกันบ้าง ก็ดี บอกไปก็คงจะมีคนได้คิดมีคนตั้งใจช่วยกันบ้าง ผู้ที่อยู่ว่างๆไม่มีอะไรมากมายอาตมาว่าพอเห็นเดินๆกันอยู่ หรือว่านอนอยู่ในบ้าน จะปล่อยเวลาเสียไปหรือเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าเวลาล่วงไปล่วงไปกายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีก แค่กายกรรมวจีกรรมนะท่านบอก ส่วนจิตนั้นท่านให้สำนึกเอง ว่าเวลาล่วงไปๆ กายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีกเธอกำลังทำอะไรอยู่ พระพุทธเจ้าสุดยอดเลยให้สำนึก กำลังทำอะไรอยู่ กำลังนอนอยู่ ทั้งๆที่ก็นอนมามากแล้วกำลังเล่นอยู่อะไรก็แล้วแต่ เราสมควรจะทำกายกรรมวจีกรรมที่เป็นประโยชน์คุณค่าที่ดีกว่านี้กว่าที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ไหม ถ้าเราคิดว่าเราควรจะเปลี่ยนกรรมที่เราเป็นอยู่ขณะนี้มันสะสมอัตตาสั่งสมความเสพ สั่งสมความพอใจสั่งสมสิ่งไร้สาระ หรือสั่งสมสิ่งที่เป็นสาระน้อยกว่า ไปทำสิ่งที่เป็นสาระดีกว่ามากกว่า มันก็เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ก็ของคุณนั่นแหละ กรรมเป็นของของตน ก็สำนึกอย่าขี้เกียจอย่าเห็นแก่ตัวอย่าเสพ อย่าติดเสพ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:51:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:31:40 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:39:01 )

ความสำเร็จของพ่อครู

รายละเอียด

โลกุตรธรรมที่เป็นสัจธรรมที่เยี่ยมยอดเขาไม่พบไม่เจอ คนจะมาพบเจอศาสนาพุทธและเป็นศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตรธรรมน้อยกว่าน้อยมาก เหมือนอย่างที่เห็นในชาวพุทธทั่วไป ไม่ได้รู้กันได้ง่ายๆนะโลกุตระ แล้วก็เข้าใจยินดีในโลกุตระ ชีวิตเกิดมาต้องมาเอาอันนี้ เขาก็จะไม่เอาแล้วทางโน้น ทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขมา อย่างพวกคุณ 

จะไปเข้าใจยากอย่างไร ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันเป็นเบื้องต้นเข้าใจได้ อ๋อ.. เพราะฉะนั้นจึงทิ้งได้ง่ายเพราะเข้าใจไม่ยาก เข้าใจจริงๆโลกแต่ละไม่ต้องไปแบก ลาภ ยศ สรรเสริญ เทิ่งๆ ความสุข ยิ่งลึกซึ้งยิ่งไม่รู้เรื่อง 

เพราะฉะนั้นมีน้อยคนที่จะมีความรู้ โลกุตระในยุคนี้จะเห็นชัดเจนว่า เหลือน้อยเต็มทีเลย อาตมาก็เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านกว่าจะได้มาคน 2 คน 3 คน 4 คน ไป กอบกู้ศาสนาไป 

มาถึงวันนี้แล้วอาตมาก็ถือว่าสำเร็จ เพราะว่าทำให้เกิดสาราณียธรรม 6 ได้ ทำให้เกิดสาธารณโภคีได้ นี่เป็นเครื่องหมายที่ยืนยันว่าอาตมาทำงานมีผลสำเร็จ เป็นจริงถูกต้องตามโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ดังนี้ 

คนที่เขาไม่ได้ศึกษาหรือเขาไม่เชื่อเขาไม่รู้ เขายืนยันอย่างอาตมาไม่ได้ เถียงอาตมาก็ไม่ได้เพราะมีอยู่ในพระไตรปิฎกยืนยันได้ แล้วเขาก็รู้โดยปฏิภาณไหวพริบเหมือนกันว่า มันไม่ง่ายนะ อย่างนี้มันไม่ง่ายนะ มันลึกซึ้งนะ 

ถ้ายิ่งมีปฏิภาณลึกซึ้งหน่อย แล้วมันจริงด้วยนะมันสงบเรียบร้อย มันสมบูรณ์แบบจริงๆ กลายเป็นสังคมที่เศรษฐกิจก็ดีเยี่ยม การเมือง การรัฐศาสตร์ก็ดีเยี่ยม สังคมก็อยู่กันอย่างดีเยี่ยม จะชมตัวเองไปถึงไหนนะ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 12:36:13 )

ความสำเร็จของอโศก

รายละเอียด

อย่างอโศกเรา พูดได้เต็มปากว่า อาตมาพาทำมานั้นไม่ใช่เพิ่งประสบผลสำเร็จประสบความสำเร็จมานานแล้วใน ยุค 2540 เศรษฐกิจตกต่ำ ยุคต้มยำกุ้ง เขาเดือดร้อนกันไปหมดเลย เดือดร้อนเพราะว่า ขี้ตะกละ อโศกนั้นไม่สะดุ้งสะเทือน อโศกไม่มีผลกระทบอะไร สบายๆ ยิ่งทุกวันนี้แล้วลงตัว ถึงขั้นสาธารณโภคี ข้อสำคัญคืออย่าขี้เกียจ อย่าเป็นภาระผู้อื่น มันแก่แล้วเจ็บป่วยแล้วไม่ไหวแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เป็นสัจจะ จำนน ก็ว่ากันไปก็ต้องช่วยกันไป ไม่ใช่ว่าแก่แล้วก็ยังกระเสือกกระสนไปทำอยู่ ให้เจียมแก่บ้าง เกินไปก็ไม่ดี หรือคนป่วยอยู่ก็แหม..ไม่อยากจะให้คนอื่นเขาเป็นภาระ ป่วยก็ยังฝืนสังขารไปทำจนกระทั่งสุขภาพแย่ลง อย่างนั้นก็ไม่ดี มันเกินไป รู้สึกว่าจะมีอัตตามานะจัดเกินไป รักดีเกินไป มันก็ไม่ถูก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:41:22 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:11:05 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:40:02 )

ความสำเร็จทางศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อันนี้เป็นผลสำเร็จของสิ่งที่พิสูจน์ เป็นปรากฏการณ์จริง ไม่ได้พูดลอยลม ไม่ได้พูดเล่นๆหัวๆ นี่เป็นความสำเร็จทางศาสนาพุทธ จนเกิดสภาพของ สาราณียธรรม 6 นี่เป็นความสำเร็จ เป็น ปรากฏการณ์ของโลก ที่จะมีสังคม สาราณียธรรม 6 คือ มาอยู่ด้วยกันอย่างพี่อย่างน้องอยู่กันอย่าง สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ลาภที่ได้โดยธรรม เอามารวมกันเป็นสาธารณโภคีแล้วต่างคนต่างปฏิบัติอย่างนี้ ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

พวกเรายืนยันว่าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้ามี สาราณียธรรม 6 ได้จริง เพราะ เราปฏิบัติธรรม มาศึกษาปฏิบัติกับโพธิรักษ์แล้ว จิตเรามี สาราณียะ จิตเรามีปิยกรณะ จิตเรามี คุรุกรณะ จิตเรามี สังคหะ อวิวาทะ เอกีภาวะ นี่เป็นพุทธพจน์ 7 ผู้ที่มีสาราณียธรรม มีพุทธพจน์เพียงพอ คือ คุณจะมีจิตระลึกถึงกัน แม้ คุณจะไประลึกถึงตระกูล ระลึกถึงครอบครัว แล้วนึกถึงเพื่อนอะไร คุณก็จะไม่ซาบซึ้งเท่ากับระลึกถึงชาวอโศก คุณจะไม่ระลึกถึงซาบซึ้งอย่างชาวอโศก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 13:03:42 )

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เอาความสงบสยบความรุนแรงได้

รายละเอียด

ก็ทำสำเร็จมาตั้งแต่ทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ พ. ศ. 2557 เป็นปีสุดท้าย พูดแล้วไม่ได้เอาดีเข้าตัว แต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เอาความสงบเป็นอาวุธไปประหารรัฐบาล 

อันแรกรัฐบาลทักษิณมันไม่เพียว(Pure)ทีเดียว มันก็มีทหารออกมาบ้าง มีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ออกมา ขนรถถังมาจอด ให้คนเอาดอกไม้ไปเสียบปลายกระบอกปืนกระบอกรถถังให้เด็กไปขี่เล่น ไม่ได้ยิงสักแปะเลย 

จนกระทั่งรัฐบาล เขาก็บอกว่าไม่ใช่ฝีมือของประชาชนที่ประท้วง รัฐบาลสมัครตกกระได ไม่ใช่ แต่รัฐบาลสมัครไปผิดกฎหมาย หากินทางทำอาหารขาย เอารายได้ก็ผิดกฎหมาย ตกกระไดขาเป๋เอง ก็สมัครเองไม่ใช่ตัวประชาชน เขาก็หาเรื่อง ทักษิณก็ว่าฝีมือพลเอกสนธิ สมัครเขาก็หาว่ากฎหมาย 

พอถึงรัฐบาลสมชาย อันนี้ก็ก้ำกึ่ง สมชายไม่ได้เข้าทำเนียบเลย เพราะเราไปยึดทำเนียบ สมชายถึงเป็นนายกที่ไม่เคยเข้าทำเนียบรัฐบาลเลย 

ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องพูดถึงเลย เรายืนหยัดยืนยันเต็มรูปแบบเลย เสร็จแล้วผู้มารับช่วงต่อจากยิ่งลักษณ์ก็เป็นพลเอกประยุทธ์ เราก็เห็นว่าทำดี ยังเชียร์อยู่เลยว่า ทำต่อไปๆ ตอนนี้ยิ่งพิสูจน์ยืนยันต่างๆนานา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 20:31:14 )

ความสุข

รายละเอียด

สุขเสพสม สุขแบบมีรสอร่อย บำรุงบำเรออารมณ์ ใคร่อยาก ก่อให้เกิดการแย่งชิงกัน เสพสุขสมใจ มากขึ้นๆ ยิ่งๆขึ้น

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า159


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:14:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:56:02 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:41:04 )

ความสุขของคนโลกีย์

รายละเอียด

ความสุขของคนโลกีย์ คือ การได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ เยินยอมาเยอะๆ ได้อำนาจยศศักดิ์มาก็เป็นความสุข ได้รับคำสรรเสริญ เยินยอ ได้นินทาก็ทุกข์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:40:46 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:32:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:42:00 )

ความสุขความทุกข์

รายละเอียด

ความสุขความทุกข์  คือ เรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะว่า ความสุข ความทุกข์เป็นเรื่องของการติดยึดอัตตา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 15:27:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:33:11 )

ความสุขความทุกข์

รายละเอียด

ถ้าเป็นปุถุชนจะสั่งสมโลกียะตามที่ตัวเองยึด ยึดผิดก็พาผิด ยึดถูกก็พาถูกแต่แค่ดีชั่ว หากทำดีไปได้ขั้นสูงสุด แล้วก็ชินชากับความดีมันก็ไม่เที่ยงมันก็จะลดลงๆ กิเลสสุดท้ายที่สุดคือประมาท เป็นอุปกิเลสข้อสุดท้าย ไม่ประมาทแล้วมันก็จะบกพร่อง พอบกพร่องได้ที่ก็เข้าเขตนรก โลกียะไม่เที่ยง โลกุตระถึงเที่ยง ไม่ตกต่ำมีแต่ดีถ่ายเดียว ไม่วนเวียนมาหาชั่วอีก

ผู้ที่บรรลุพระอรหันต์แล้วขึ้นไปไม่มีทำชั่ว มีแต่ดีอย่างเดียว สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง 

อาการของความดีความชั่วกับอาการของความสุขความทุกข์มันคนละอย่างกัน ความดีความชั่วเป็นสมมุติที่คนแต่ละกลุ่มเขายึดถือกัน ส่วนความสุขความทุกข์นั้น เป็นการยึดถือบำเรออารมณ์ของตน แต่สิ่งที่บำเรอไม่ตรงกันได้ คนยึดถือความดำเป็นสุขคนยึดถือความขาวเป็นสุข คนยึดถือความเค็มเป็นสุขคนยึดถือความหวานเป็นสุข แม้แต่น้อยหรือมากก็ไม่เท่ากัน คนนี้หวานมากหวานน้อย ก็มีความสุขต่างกันต่างๆนานาสารพัดต่างๆ 

เรื่องความสุขความทุกข์เป็นโลกุตระ ผู้ที่ไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว รู้จักความจริงตามความเป็นจริงของสิ่งที่เราล่วงรู้ด้วยทวารทั้ง 5 คนอื่นเขารู้อย่างนี้ตรงกันหมด แต่ไม่มีอะไรขัดแย้งกับคนทุกคน คนเขายึดถือของเขา เราก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงเป็นอารมณ์หนึ่งเดียว ไม่มีอารมณ์จะเป็น 2 รู้แต่เขานั้นเป็น 2 แต่เราไม่มี 2 ก็เข้าใจยากอยู่นะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 15:27:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:34:12 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:43:31 )

ความสุขความทุกข์ มันเป็นมายาทั้งคู่

รายละเอียด

ที่เราไปหลงติดความสุข แล้วก็ชังความทุกข์ ซึ่งสัจจะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือ ทั้งความสุขความทุกข์ มันเป็นมายาทั้งคู่ แล้วเราก็ไปยึดฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ผิดทั้งนั้น อันนี้ก็สูงสุดแล้ว 

เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าจะสามารถแยกดีแยกชั่ว แล้วก็ทำถูกทำดี อย่าไปทำชั่ว ก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะอยู่ดี สงบ เป็นไปได้อย่างพอสมควร 

ถ้ายิ่งไปรู้จักสุขทุกข์ แล้วลดความติดสุขติดทุกข์ของตัวเองจริงๆ ลดตั้งแต่ พระพุทธเจ้าสอนไว้หมดตั้งแต่มันไปเกี่ยวข้อง ไปสัมพันธ์แล้วก็ไปเกิดปฏิกิริยาร่วมอยู่กับสิ่งนั้น 

เช่น ไปมีปฏิกิริยาร่วมอยู่กับความรุนแรง ก็เลิกความรุนแรงนั้นมาเสีย อย่าไปร่วมกับความรุนแรงนั้น ให้มาทำสิ่งที่มันเบาลงกว่านั้น เรียบร้อยกว่านั้น ลหุตา กว่านั้น ขึ้นมาเรื่อยๆมันก็จะพัฒนา เจริญขึ้นมาจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 19:51:25 )

ความสุขความทุกข์คือตัวเดียวกันเป็นสิริมหามายา

รายละเอียด

อยู่ที่ความคิดก็ใช่ เป็นลมเป็นแล้งเป็นวิมานก็ใช่ เป็นสิ่งที่ อุปาทานแท้ๆ เป็นของไม่มีเลยความสุขความทุกข์ คนที่มีอยู่ก็เพราะว่าศึกษาธรรมะยังไม่จบยังไม่ถ่องแท้ยังไม่รู้จริง ก็เลยต้องเป็นภพชาติ สุข ทุกข์ แล้วต้องการแต่สุขด้วย แต่สุขกับทุกข์มันคู่กัน เหมือนกระดาษแผ่นนี้ คุณจะทำให้ความสุขความทุกข์มันแยกกันได้ไหม ก็ไม่ได้พอมีสุขก็มีทุกข์ปนมา คนไหนตื่นรู้ว่าความสุขนี้มันคือความทุกข์มันตัวเดียวกันหรือ เพราะฉะนั้นก็ดับแห่งความสุขก็คือดับเหตุแห่งความทุกข์ไปด้วย พระพุทธเจ้าท่านฉลาด จะบอกว่าดับเหตุแห่งความสุขคนก็ไม่ฟัง ก็เลยบอกว่าดับเหตุแห่งทุกข์ คนก็จะเห็นว่าดีนะ แท้จริงความสุขนั่นแหละคือความทุกข์แท้ๆ เป็นสิริมหามายา เป็นมายาสุดยอด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:57:12 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:34:51 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:44:09 )

ความสุขความทุกข์เป็นของเก๊

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าท่านเข้าใจ ความสุข ความทุกข์ ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี มันเป็นของเก๊ ของที่เกิดจากอารมณ์โง่ ธาตุรู้ของจิตโง่ ที่มันไปหลง จะต้องมีความสุข ความทุกข์ สุขเพราะอะไร สุขเพราะมีเงิน สุขก็มีอำนาจ สุขเพราะมีคนมาสรรเสริญเยินยอ สุขเพราะได้เสพทาง ตา หู จมูก  ลิ้น กาย เราเข้าใจแล้ว เราไปเป็นทาสของเงิน ทาสของวัตถุ ทาสของ  อำนาจ ยศศักดิ์ เป็นทาสของอำนาจสรรเสริญเยินยอ หรือถูกตำหนิติเตียน เป็นทาสของ รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส เยินยอแล้วเท่านี้ คือ ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  แต่มันยิ่งใหญ่ที่สุดในมนุษย์ที่อวิชชา  มนุษย์มีอวิชชาอยู่เท่านี้นิดเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:48:23 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:35:45 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:46:31 )

ความสุขคือความโง่

รายละเอียด

ทีนี้ เข้ามาสู่ความสุข นิยามความสุขคืออะไร? “ความสุขคือความ ความสุขอยู่ผู้นั้นก็คือคนโง่ สุขมันมีคู่คือความทุกข์แยกไม่ออกเหมือนกระดาษแผ่นเดียวมีสองหน้า หน้าหนึ่งเป็นความสุขหน้าหนึ่งเป็นความทุกข์ หลอกเรา หลอกไปหลอกมา เดี๋ยวเอาหน้าความสุขมาหลอกให้เราดู เดี๋ยวหน้าจริงก็มาให้เราดูเป็นความทุกข์ มันก็กลับไปเป็นความสุขอีก หลอกกันไปหลอกกันมาสลับกันไปอย่างนี้ คนที่อวิชชา คนที่ไม่รู้ก็จะหลงความทุกข์เป็นความสุข” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 21:48:00 )

ความสุขคือมายา

รายละเอียด

ศึกษาธรรมะพุทธเจ้าและทำอันนี้ให้ได้ เรียนรู้จิตเจตสิก โดยเฉพาะเวทนา ความสุขความทุกข์เป็นคู่ที่สำคัญมากที่สุด แยกสุขทุกข์แล้วเรียนรู้ว่าความสุขคือมายา คุณหลงความสุขติดในความสุขก็เป็นเทวนิยม เมื่อรู้ว่าสุขก็คือทุกข์ มันมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ท่านจึงเอาความทุกข์มาเป็นตัวอาศัยให้ศึกษาความรู้สึกและเรียนรู้เหตุที่ทำให้มันเกิด เหตุก็คือความโง่ของเราจะยึดถือว่ามันมีทั้งที่ความทุกข์มันไม่มี ผู้ใดทำให้หมดทุกข์หมดสุขได้ พูดไม่เป็นภาษาแต่คุณต้องอ่านอาการ นี่คือความสุข 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:57:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:11:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:47:00 )

ความสุขที่ยิ่งกว่าสุข

รายละเอียด

สุขนิยม  ศาสนาที่มีพระเจ้าให้พระเจ้าเป็นผู้บันดาลความสุขพระเจ้าจะไม่สร้างความทุกข์คนก็เชื่อพระเจ้า ทำตามพระเจ้าก็จะมีความสุขอย่างโลกีย์   สุขที่จะต้องได้ลาภมากๆ  ได้ยศสูงๆ  เสพโลกีย์เป็นเจ้าโลก  แล้วเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้  แต่ของศาสนาพุทธนั้นไม่มีสุข ไม่มีทุกข์  ยิ่งกว่าสุข ปรมัง  สุขัง เขาไปแปลเป็นภาษาโลกีย์ว่า สุขอย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่ นิพพานังปรมัง  สุขัง  นิพพานไม่ใช่โลกีย์  นิพพานเป็นโลกุตระ  เขาแปลภาษาโลกุตระไม่ได้  ก็เลยไปแปลว่า  เป็นสุขอย่างยิ่ง  แต่ที่จริงแล้วมันแปลว่า  ยิ่งกว่าสุข  คือความไม่สุขไม่ทุกข์   ถ้าไม่มีสมณะโพธิรักษ์  ไม่มีใครแปลให้แบบนี้หรอก  เพราะเขาไม่รู้จักโลกตระ  แต่อาตมารู้โลกุตระ  ก็มาแปลให้ฟัง   พวกเราก็จะเข้าใจว่า  ความไม่สุข ไม่ทุกข์นี้เหนือชั้นกว่าความสุขอย่างยิ่ง  มันไม่มีพยัญชนะจะเรียกแล้ว   ขอยืมเอาคำว่า  สุขมาใช้แทน  แต่ที่จริงมันยิ่งกว่าความสุข

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:07:34 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:36:59 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:01:58 )

ความสุขที่ยิ่งใหญ่ยั่งยืนคือมั่งคั่งด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

พวกเรามาจนใครจะมาแย่งความจนเราล่ะ นี่ พูดกันง่ายๆ พูดภาษาจริงๆ ไม่ได้เล่นลิ้น ไม่ได้เล่นคารม ไม่ได้พูดโก้เก๋ แต่ ก็พูดความจริง เรามีความสุขที่ยิ่งใหญ่ยั่งยืน ที่พลเอกประยุทธ์บอกว่า มั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน นี่แหละพวกเราคือผู้ที่มั่งคั่งมั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน 

พวกเรามั่งคั่งอะไร มั่งคั่งด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร มั่งคั่งด้วยเหตุปัจจัยชีวิต เราไม่ได้หลงใหลในความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยที่คนโลกๆเขาหลงกัน อาหารก็ไม่ได้กินอย่างบ้าๆบอๆ ที่เขาโฆษณาร้านโน้นร้านนี้กันชั้นสูงอย่างนั้นอย่างนี้กัน..ไม่มี เราก็กินอาหารอย่างสามัญ ง่ายๆเลี้ยงง่าย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:46:50 )

ความสุดยอดของความเป็นมนุษย์คืออย่างไร

รายละเอียด

ผู้ที่ยังไม่เข้าใจจริงๆว่า พระพุทธเจ้านี้เป็นคนเหมือนกับทุกๆคนเลย  แล้วท่านก็แสวงหาความสุดยอดของความเป็นมนุษย์ ฟังคำว่า “ความสุดยอดของความเป็นมนุษย์” มนุษย์จะดีอย่างไร มนุษย์จะรู้อย่างไร มนุษย์จะประเสริฐอย่างไร จะสุดยอดอย่างไร ท่านแสวงหามาตลอด อาตมาพูดเพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมารู้ว่า ชีวิตมนุษย์ไม่มีอะไรหรอก มีการแย่งเงินทอง ลาภยศโลกียสุข แย่งกันผ่านมาแล้วทั้งนั้น เป็นแต่เพียงมารู้ทิศทางที่สำคัญ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 14:34:25 )

ความสุดยอดของประชาธิปไตยไทย

รายละเอียด

สำเร็จ“พฤติภาพ”นี้ ของไทย            

ชื่อ“ประชาธิปไตย” วิศิษฏ์ชี้                    

ไทยปฏิบัติวิสุทธิ์ใจ ซึ่งสัมผัส ได้จริง    

ยืนหยัด“ไทย”ก่อนกี้ ตราบท้าวปัจจุบัน

มีประเทศอื่นที่พยายามยัดเยียดตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง หรือเอาอำนาจมาบังคับ อันที่ไทยเราไม่เก่งในการสร้างอาวุธสร้างเครื่องกลรถยนต์รถถัง แต่จริงๆแล้วไทยไม่ต้องใช้อาวุธไม่ต้องใช้รถถังอะไรหรอก แต่ใช้ความดีงามถูกต้องของประชาชนตามประชาธิปไตยในประเทศไทย ไม่ได้ใช้รถถังอาวุธระเบิดมาทำร้ายประชาชน ไม่ต้องเอามาขู่เข็ญ เอาความถูกต้องเอาความดีงามเอาความประเสริฐมายืนยัน แล้วก็เรียบร้อยเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ต้องใช้อาวุธ ไม่ต้องใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่ต้องใช้อำนาจเงิน 

นี่พูดยังไม่หมดนะ ความสุดยอดของประชาธิปไตยไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ปฐมอโศก หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:13:21 )

ความสุดยอดวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อุตุนิยาม เป็นวัตถุธาตุไม่ใช่ชีวะแม้แต่พระอาทิตย์ก็เป็นอุตุธาตุ เนบิวลากาแล็กซี่ก็เป็นอุตุยังไม่สามารถมีชีวะได้ จนกระทั่งแตกตัวมาเย็นลงเป็นธาตุน้ำ อาโปธาตุที่สัตว์โลกใช้ สัตว์โลกเกิดมาจากธาตุน้ำเป็นตัวฐานและพัฒนาจากธาตุน้ำ ตั้งแต่เป็น กลละ อัมพุท เปสิ คณะ ปัญจสาขา อันนี้เป็นน้ำแล้วเป็นก้อนคณะแล้วแยกเป็นปัญจสาขา เป็นความสุดยอดวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้า เราก็เอามาเรียนรู้จิตกับกายของเราเรียนรู้ได้ก็สบาย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:41:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:12:49 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:47:39 )

ความสุดวิสัยที่ต้องฆ่า

รายละเอียด

จะบอกว่าเป็นบาปมากมันก็ไม่เชิง ที่จริงพูดไปมันก็ไม่ควร เราเป็นสมณะ จะไปบอกว่าอนุโลมอะไรอย่างนี้ จริงๆแล้วสัตว์ที่เป็นจุลินทรีย์สัตว์ที่เป็นเชื้อโรคเป็นไวรัสต่างๆมันเป็นสัตว์เล็กตัวเล็ก มันไม่รู้เรื่องหรอกว่ามันเป็นพิษภัย เฉพาะเป็นไวรัสต่างๆเป็นจุลินทรีย์ที่เป็นพิษภัยต่อร่างกายเรา เราไม่ฆ่ามันมันก็ฆ่าคุณ คุณจะพาซื่อว่าอย่าไปฆ่ามันปล่อยให้มันฆ่าเอาเถอะคุณจะใจดีอย่างนั้นก็แล้วแต่ มันสุดวิสัยมันจำเป็น ทำไมถึงบาปมาก จะบาปก็ไม่อย่างนั้นหรอกจะว่าไม่บาปก็มันเป็นสัตว์ มันเป็นความสุดวิสัยที่ต้องฆ่าแม้แต่พระพุทธเจ้าเป็นโรคก็ต้องกินยาฆ่าเชื้อโรค ไม่อย่างนั้นมันก็เอาคนตายก็ไม่เกิดประโยชน์ จะให้จุลินทรีย์มันอยู่แต่คุณมีคุณค่าจะให้คุณตายไปให้จุลินทรีย์มันอยู่ มันจะโง่หรือฉลาดกันล่ะ เอาตรงนี้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นอย่าโง่เกินมันโง่เกินโง่แล้วนะ

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 10:24:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:13:32 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:48:19 )

ความสุดโต่งสองด้านของพญานาคกับพญาครุฑ

รายละเอียด

แต่ก่อนจะให้ทำหนุมานนึกถึงพญาครุฑ แต่เดี๋ยวนี้มันก็ได้เป็นไปตามธรรมะ เดี๋ยวนี้ไม่เอาพญาครุฑพญานาคแล้ว เพราะเป็นพวกที่สุดโต่ง พูดอย่างง่ายๆก็คือเป็นความสุดโต่งทั้งสองด้าน อันนึงสุดตรงไปทางด้านความรู้ อีกอันหนึ่งสุดตรงไปในทางความมืดความเย็นความดับ อันหนึ่งมีความฟุ้งเฟ้อมากมาย โลกจินตา อย่างเช่น ส.ศิวรักษ์ได้รับฉายาว่าเป็นปัญญาชนสยาม ก็คืออยู่ในกลุ่มพญาครุฑ หรือแม้แต่ผู้อื่นๆในสายผู้รู้ทางศาสนาพุทธ ในราชบัณฑิตทั้งหมดก็ตาม ในเถรสมาคมก็ตาม ก็ต้องขออภัย ที่พูดนี้ไม่ได้เกลียดได้ชัง ไม่ได้ลบหลู่ดูถูก แต่กำลังอธิบายสัจจธรรมสู่ฟัง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:35:55 )

ความสุดโต่งสองฝั้งคือพญาครุฑและพญานาค

รายละเอียด

อาตมาเองได้พูดถึงเรื่องความสุดโต่ง 2 สุดโต่ง คือ โลกทุกวันนี้ สุดโต่ง ในแง่ของพญานาคและในแง่ของพญาครุฑ สุดโต่งไปมาก พญาครุฑคือพวกออกนอกโลกบินออกไปให้ไกลที่สุดออกนอกโลกไปเลยนั่นคือพวกพญาครุฑ ซึ่งมันเกินความจำเป็นแล้ว ดี ที่มีความคิดทางด้านเทคโนโลยี อันละเอียดลึกซึ้ง เอามาใช้งานได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปทำชิบหายออกนอกทำไม จะเอาไปทำดาวเทียมเพื่อที่จะใช้สะท้อนให้เกิดคมนาคมโคจรการเชื่อมต่อของโลก ในที่ต่างๆได้ก็น่าจะพอแล้ว จะต้องไปสร้างอาวุธที่จะไปยิงกันนอกโลกอะไรต่ออะไรมันจะบ้ากันไปเปล่าๆ ยิงกันในโลกยังไม่พอยังจะไปยิงกันนอกโลก หรือแม้แต่ พวกที่หลงมืด หลงทิศหลงทางออกหนีจากความเป็นสังคม ออกจากความเป็นคนสามัญ กลายเป็นคนเข้าป่าเขาถ้ำไป ไม่รู้เขาจะไปไหนสุดโต่งกันไปเป็นพญานาค ไปลึกถึงบาดาล ไม่ใช่แค่ก้นมหาสมุทร แต่ทะลุก้นมหาสมุทรลงไปถึงบาดาล ชนิดอย่างนั้นก็เหมือนกันพวกที่หนี หนีกันอย่างสุดโต่ง พวกที่ฟุ้งเฟ้อฟุ้งซ่านอย่างพญาครุฑ “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” ความรู้มันล้นๆๆๆ เราก็ไม่ได้ดูถูกความรู้ที่จะเอามาใช้ได้เราก็ต้องเอามาใช้พอสมควร แต่นี่มันล้นเกินมันเฟ้อ เอามาขายเอามาข่มเอามาขู่เอามาดูถูกดูแคลนกัน มันก็เลยกลายเป็นความร้าวของสังคมความแตกของสังคม ทะเลาะวิวาทของสังคม ซึ่งมันเป็นความไม่เจริญ ก็ขอสรุปว่าพวกสุดโต่ง เมื่อไหร่จะเลิกสุดโต่งกันเสียที เข้ามาหาความสมดุลลงตัว ความไม่สุดโต่ง ความไม่เป็นพญานาค ความไม่เป็นพญาครุฑกัน ไปทำความเข้าใจดีๆพญาครุฑคืออะไรพญานาคคืออะไรเขาไม่รู้ตัวกันหรอก เถรสมาคม คือสังคมพวกพญาครุฑ ส่วนพวกพระป่าของชาวพุทธก็คือพญานาค 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:57:46 )

ความสูงจาก 164 ซม.สูงขึ้น 166 ซม.

รายละเอียด

แต่ก่อนความสูงอาตมา 164 ซม. เดี๋ยวนี้อาตมาความสูง 166 ซม. ซึ่งคนอายุเลยจาก 30 ปีก็จะไม่สูงขึ้นแล้ว จากนั้นก็จะเตี้ยลง แต่อาตมาสูงขึ้น ตอนนี้สูง 166 ซม. แล้ว ถ้าสูงขึ้นไปอีก ไม่เอาทางอ้วนแต่เอาทางสเลนเดอร์ ความอ้วนไม่ยืนยันความแข็งแรง แต่ถ้ามีความสเลนเดอร์มีความสำคัญ คนมันจะยืนยันว่าแข็งแรง ตอนนี้ก็ให้เอาดัมเบลมาฝึกหน่อย เขากลัวว่าจะ overload อาตมาก็ ประมาณได้อยู่หรอก บอกว่าน่าจะเสริม bisep trisep บ้าง 

อาตมาไม่ได้ห่วงแหนธรรมะ ตื่นขึ้นมาก็มีคนมารอ ไม่ได้พูดเรื่องที่จะไปส่งเสริมลาภยศสรรเสริญสุข ก็พูดเรื่องของธรรมะโลกุตระ ก็ส่งคลิปไปให้ดูกันก็ดูกันให้ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:47:49 )

ความหมดจากกาละ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธสอนว่า กาละกลืนกินทุกสรรพสิ่งทุกอย่าง และตัวมันเอง คือมันจะอยู่นิรันดร แล้วทำให้สัตว์ตายเกิด เกิดตาย กลืนกินก็คือตายเกิด เกิดตาย ตายเกิด ไม่มีจบสิ้น ให้คุณเก่งเท่าไหร่ นึกว่าคุณเที่ยงแล้วเป็นพระเจ้า เป็นพระศาสดา แล้วคุณจะไม่เกิดไม่ตาย อมตะนิรันดร ไม่เกิดไม่ตาย ไม่จริง 

เพราะพิสูจน์ไม่ได้ถึงการเกิดการตาย แต่ศาสนาพุทธพิสูจน์ได้ถึงการเกิดการตายจากโลก จากอัตตา และจากกาล  จากกาละ หมดสิ้นกาละเลย หมดสิ้นคืออะไร กาละก็อยู่สิ แต่อัตตาของเราเป็นดินน้ำไฟลมแล้ว หมดจิตวิญญาณ พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณแล้วไม่มีใครจะสลายจิตวิญญาณได้ ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้าพระเจ้าจะบงการให้อยู่สวรรค์อยู่นรกเอง ไม่มี 0 อย่างดีสุดก็อยู่สวรรค์กับพระเจ้า นิรันดรแล้วไม่เปลี่ยนแปลง เที่ยง 

แต่ศาสนาพุทธไม่ต้องไปเที่ยงอยู่กับพระเจ้าหรอก ขบถต่อพระเจ้าเลย พระเจ้าบอกว่าจิตวิญญาณต้องนิรันดร จิตวิญญาณต้องเที่ยงตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้า ส่วนพระเจ้าจะจัดการอย่างไรก็เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ศาสนาพุทธบอกว่าไม่ไป จิตวิญญาณเป็นของฉันเป็นของเราเอง สลายจิตวิญญาณเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 13:56:12 )

ความหมาย คำว่า สุข ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คือ สุ แปลว่า ดี ข แปลว่าว่าง  แต่เขาไม่เข้าใจ สุขเป็นภาษาบาลี  แต่เขาไม่เข้าใจรากเหง้า ของความหมาย ของพระพุทธเจ้าบอกว่า ว่างนี่แหละดี ไปมีมากๆมันไม่ดีหรอก เขาไม่เข้าใจง่ายหรอก คือ 

1.) เขาไม่มีตัวอย่างตั้งแต่วัตถุรูป คนจะทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญอย่างจริงจังมันไม่มี เขาไม่เชื่อ 

2.) เขาไม่เชื่อนอกจากตัวอย่างแล้ว ถ้าไม่มีแล้วมันจะอยู่กันอย่างไร นี่เป็นความหมาย ไหนตัวอย่าง  ? ไม่มีแล้วจะอยู่อย่างไร เพราะฉะนั้นจึงต้องมีตัวอย่าง ตัวอย่างทางวัตถุรูป พฤติกรรม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:26:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:37:57 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:49:58 )

ความหมาย วิธีปฎิบัติ และผลของศีลข้อ 1

รายละเอียด

มาเกี่ยวข้องกับสัตว์ที่เป็นคนนี่แหละ เพราะฉะนั้นท่านบอกว่า อย่าฆ่าสัตว์อันนี้ก็คือ อย่าฆ่าคน เกิดมาเป็นคนอย่าฆ่าคน เพราะฉะนั้นผู้ที่มาบวชแล้วฆ่าคน ปาราชิกเลย ฆ่าคนนี่ปาราชิกเลย เมื่อมาบวช ปาราชิกคือ ไล่ออกจากศาสนาพุทธไปทั้งชาติเลย ชาตินี้ไปไกลๆเลย อย่ามายุ่ง ถ้าจะมาศึกษาก็ไล่ออกไป ไม่ให้ฟังคำสอนเลย แต่ทุกวันนี้เขาไม่รู้เรื่องกันแล้ว อยู่ด้วยกันกับพวกปาราชิกเน่าเหม็น เละเทะไปหมดอยู่นั้น อาตมาถึงบอกว่า อยู่ด้วยไม่ได้ต้องลาออกมา ที่พูดไปนี้จริงๆนะ จะหาว่าหยิ่งผยอง ถือดีถือตัวก็ตามใจ 

เพราะฉะนั้นการมาศึกษาข้อแรก เลิกเลยเรื่องฆ่าสัตว์ ข้อเดียวคำเดียวนี้แหละเลิกฆ่าสัตว์ คนไม่ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย คนก็ไม่ฆ่า ข้อเดียวนี้โลกจะสงบขนาดไหน นอกจากไม่ฆ่าแล้ว อยู่ด้วยกันอย่างมีความเอ็นดู กรุณา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์หรือเพื่อคนด้วยกันนี่แหละ หวังประโยชน์แก่คนทั้งปวงอยู่ คิดดูสิว่าสังคมจะเจริญแค่ไหน ยิ่งกว่าเจริญโภคภัณฑ์ด้วยนะ  จริง เจริญยิ่งใหญ่เลย 

แม้แต่แค่ ศีลข้อเดียวข้อ 1 นี่ ปฏิบัติให้จริงให้ซาบซึ้ง ให้เข้าใจลึกซึ้งเลยว่า สัตว์เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ก็ท่องก็พูดกันนะ สัตว์คือเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน2 ปีฉลู


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:58:58 )

ความหมายกัลกิริยาวตาร

รายละเอียด

ถ้าจะหมายความ กัลกิริยาวตาร ก็คือ เป็นอาการของอวตาร จะอวตารมาเป็นอะไรก็ได้ เหมือนอมตะบุคคล พราหมณ์เขาก็ไปเข้าใจเอาตรงโน้น อ้าว เดี๋ยวจะมากเกินไป เอาล่ะพอแล้ว จะเฟ้อไป เราไม่ต้องไปคำนึงอย่างพราหมณ์ ที่เขาแถมมา มันก็เป็นเพียงการรู้เพิ่ม เราก็ไม่ได้ใช้อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็เฟ้อเปล่าๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:52:46 )

ความหมายของ

รายละเอียด

นาค คือ งู ที่มีภาวะ สื่อแสดงท่านอน-ท่าหลับ เป็นลักษณะสำคัญ ดังนั้น ลัทธิยึดท่า“หลับ”คือ “หลับตา”ปฏิบัติจึง“มีจริง” ซึ่งเป็นลัทธิหลับตา ก็คือ ศาสนาหรือลัทธิเดียรถีย์ ที่เป็นลัทธินอกพุทธนั่นแหละ  ยังมีมาก ครองโลกอยู่ด้วยซ้ำ นาคมาปลอมบวช ในศาสนาพุทธหมายความว่า ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีการ“หลับตา”ปฏิบัติ ผู้นำการ “หลับตา”ปฏิบัติมาใส่ลงไปในศาสนาพุทธ จึงเป็นคนผิด คนปลอมที่เอา“ของปลอม”เข้ามาในศาสนาพุทธก็ได้บาปแน่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:17:39 )

ความหมายของ ฉ ฉส และ เฉกะ

รายละเอียด

คือ ฉ นี่ก็แปลว่า 6 แล้ว ฉส ก็ 6 แต่ เฉกะ ก็คือ ฉ+เอกะ คือ6  กับ 1 คือ  ทวาร 6 แต่ของคุณเป็นทวาร 6 ที่ไม่ได้เจริญจาก1 เพราะ 1 คือธาตุที่ตีไม่แตก  แม้คุณจะมี 2 แต่คุณก็เป็น 1 เทวะ แปลว่า2  เอกะ แปลว่า 1 คุณมี 2 อย่างไร แต่ก็ตีไม่แตก ก็คือมี 1 จิตคุณเป็นเทวะแต่ตีไม่แตกแยกแยะไม่ได้  ความเจริญของพระเจ้าก็มีเท่านี้ไม่มีขยาย  ไม่มีเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ สามารถที่จะปรับไปตาม กาละอันไม่เที่ยง องค์ประกอบอันไม่เที่ยว เหตุปัจจัยต่างๆ ไม่ได้คงเดิม ไม่ดีกว่าก็เลวกว่า หรืออาจจะคงเดิมแต่ยาก ส่วนมากจะเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเปลี่ยนนิดเดียวก็ดูได้ยากมาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:36:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:39:59 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:51:07 )

ความหมายของ ภัพพ อภัพพะ อาภัพพะ และอาภัพ

รายละเอียด

ภัพพ แปลว่าควรมีควรเป็น อภัพพะ แปลว่าไม่ควรมีไม่ควรเป็น ส่วนอาภัพพะ นั้น แปลว่า เป็นก็ได้ไม่เป็นก็ได้ สับสนอยู่ กึ่งๆ อัพยากฤต ผู้ที่ยังไม่มีปัญญาจริงๆก็แน่นอนมันทนกันอยู่ รู้ครึ่งนึงไม่รู้ครึ่งนึง มันยังไม่เต็ม เอามาเป็นหลักเอามาเป็นตัวจริงไม่ได้ สภาวะของอาภัพคือคุณยังไม่สมบูรณ์ยังไม่เต็ม ทีนี้ อภัพพ คำว่า ภัพพ แปลว่าควรมีควรเป็น มี อ คือไม่ควรมีไม่ควรเป็นไม่น่าจะเป็นไม่น่าจะมี ทีนี้สิ่งที่พิเศษเกินสภาวะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินความคิด เป็นโลกุตระ อย่างอาตมาเกิดมายุคนี้เขาถึงไม่เชื่อ เขาว่าไม่น่าเป็น ดีไม่ดีเขาว่าไม่ใช่ ก็เขายึดถือเอาของเก๊ ไม่น่าเชื่อไม่น่าใช่ แต่จริงๆมันใช่ คำนี้ถึงเป็นคำสิริมหามายา เป็นคำที่ใช่ แต่เมื่อคุณเองไม่รู้ก็มองไม่ออก มันเป็นสิริมหามายาเป็นมายาที่ดีที่จริงที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับแม่พระพุทธเจ้า ชื่อสิริมหามายา ชื่อมีทั้งสวยงามเยอะแยะ เอามายามาใช้ทำไม แต่ยุคนี้เป็นเรื่องไม่ลงตัวสมบูรณ์แบบ ก็เลยต้องมีอย่างนี้ครึ่งๆกึ่งๆ ต้องลงตัวกันอย่างนั้น ทุกอย่างต้องลงตัวกันต้องเป็นเช่นนั้นตามเหตุตามปัจจัยจนครบ มันเป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 14:13:11 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:41:12 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:02:28 )

ความหมายของ ภาวนาที่ถูกต้อง

รายละเอียด

คือ อาจารย์บูรพา ผดุงไทยไปเข้าใจคำว่า ภาวนาผิด ภาวนา ไม่ได้หมายถึง การปฏิบัติ แต่ว่า ภาวนา แปลว่า  การเกิดผล ได้แลแล้ว เสร็จแล้ว ภาวนาเป็นผล  แต่เพี้ยนไปเป็นการปฏิบัติ ดีไม่ดี ผิดเพี้ยน ไปเป็นการท่องบ่น  อ่านพูด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:11:21 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:41:41 )

ความหมายของ วิ

รายละเอียด

วิ คือไม่ ที่ไม่คือไม่มีที่มีก็มีอย่างยิ่ง  วิ มีความหมายเป็นทวิ หรือเทวะ มีความหมาย 2 อย่างในตัวมันเอง สิ่งที่ไม่ก็ไม่เลยสิ่งที่มีก็มีเยอะ วิ จึงเป็นวิเศษ วิสุทธิ์ วิศิษฏ์ 

เพื่อสร้างอีกหลายวิตามมาอีก เช่น  วินัย  วิปัสสนา  วิภวตัณหา(ต้องเรียนรู้ตั้งแต่ กามภพ…)  วิตักกะ  วิจาระ  วิหิงสา  วิหรติ  วิกาล วิสามัญ วิบาก ช่วยทำวิจิกิจฉาของคนอื่นให้วิบัติ ฯลฯ

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:47:53 )

ความหมายของ สันติภาพ

รายละเอียด

โดยความหมายของคำว่า สันติภาพ ของเขาคืออะไร อันนี้ก็ต้องอธิบายกันอีกนาน ค่อยๆอธิบายทีละน้อย อาตมาก็อธิบายไม่เก่ง แต่มันยิ่งใหญ่ อาตมาสรุปไว้นานแล้วตั้ง 5 หัวข้อเดี๋ยวนี้แถมอีก 2 อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ ชื่อหัวข้อว่า “บรมภาวะสุดยอดประเสริฐที่ควรได้” แล้วแถมอีกสองคือ สุนทรียภาพ กับ สุญญภาพ เหมือนผู้ช่วยเป็นพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะ ที่ช่วยสิ่งที่เป็นแกนหลักคือก้อนใหญ่อีก 5 อย่างนั้น ต้องอย่างไรก็ทิ้งไม่ได้นะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 09:46:53 )

ความหมายของ อุปะ + เอกข 

รายละเอียด

อุปะ + เอกข 

อุปะ คือใกล้  ข คือว่าง เอกคือ 1 ตัวว่างที่เป็นอย่างนี้แหละ นี่แหละคือตัวกิริยาเต็มของ ม คือจิต คือ ป กิริยาเต็มแต่ไม่ได้หมายความว่าจบที่ ป เพราะมี ผ พ ภ ม อีก แยก ป เป็น 2 ทำงาน ได้ผลเป็น พ ตัว พ.พาน ส่วน ภ เจริญไปกว่า 3 อีก โภ หรือ ภ แล้วก็จึงเป็น ม

ป ผ พ ภ ม จึงเป็นกระบวนการเจริญของจิต ที่ทำงานทุกอย่าง จน เป็น ม เต็ม ตั้งแต่ ป คือธาตุ 2 จนถึง ม คือธาตุ 1

ผ คือ ผัสสะ พ ตัวกลาง แล้ว ภ ตัวโต 

ผ เกิดขึ้น พ ตั้งอยู่ ภ ดับไ ป  แต่ไม่ใช่ดับ เขายังจะเจริญต่อไปอีกจึงเป็น ภ.สำเภา 

ภ. เอาตัว ก.ไก่มาใส่หัว ตัว ก.ไก่ เป็นตัวเริ่มของสภาวะต่างๆทุกอย่าง กลายเป็น ภ.สำเภาคือตัวนี้มาใส่หัวขึ้น คือการเกิดของความเจริญที่ตัวเกิด มันเกิดมันเจริญ มันเจริญเกิด เจริญแล้วก็รวมไว้ที่ ม 

แยกพยัญชนะผสมผสานไปเรื่อยๆ ความหมายของพยัญชนะต่างๆมารวมทุกอย่าง ก็ค่อยๆขยายไปทีละหน่อย อัดทีเดียวไม่ได้ คุณมึนแน่ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  เจโตปริยญาณ 16 และปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 21:30:14 )

ความหมายของการรู้จักจิตเจตสิกคือเช่นไร

รายละเอียด

ก็ดี ก็มีเยอะ น่าสงสารแบบนี้อย่างพวกปราชญ์ทางศาสนาพุทธมีเยอะ ไม่เข้าใจจิตเจตสิก ความหมายของการรู้จักจิตเจตสิกคือต้องผ่านพ้น สักกายทิฏฐิ ถ้าไม่เข้าถึงจิตเสียแต่สิ่งโดยเฉพาะการรู้จิตแล้วแยกเจตสิกต่างๆ อย่างน้อย 

เจตสิก เคหสิตะ เวทนา 18 กับ เนกขัมสิตะ เวทนา 18 แยกกัน แตกต่างกันนะ ต้องเข้าใจเจตสิก 18 พวกนี้อย่างถูกสภาวะ สัมผัส มีตากระทบรูป หูกระทบเสียง ก็อ่านออก จับได้ แล้วเอามาแยก แล้วทำให้เกิด เนกขัมสิตะ 

แยกเวทนาในเวทนาที่เคยใช้ภาษาง่ายๆว่า เวทนาแท้กับเวทนาเก๊ หรือ เวทนาเก๊ ก็คือมีกิเลสปรุงแต่งผสมแล้วเป็นสุขเป็นทุกข์ก็ดีเป็นของเก๊ทั้งนั้น อย่างนี้เป็นต้น ต้องแยกต้องอ่าน อาการ ลิงค นิมิต ให้ออก อุเทส หรือคำที่อาตมาอธิบายนี้แล้วออกแล้วไปเรียนรู้อาการ ลิงค นิมิต อาการของเวทนาหรือนิมิตของเวทนา มันมีอาการต่างกัน มีความต่างกัน 

เวทนา 2 ต่างกัน เวทนาในเวทนา เป็นต้น กายกับเวทนาก็ต่างกัน เวทนากับจิตก็ต่างกัน อันหนึ่งเป็นเจตสิก อันหนึ่งเป็นจิตอะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องพยายามอ่านสภาวธรรมให้ได้ให้ออก ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะวนอยู่อย่างนั้นแหละ ต้องมาเริ่มต้นตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 ง่ายๆกระทบกับสัตว์แล้วเกิดกาม เกิดโกรธ อย่างนี้เป็นต้น ต้องไล่ไปตั้งแต่ตื้นๆหยาบๆ อย่าไปนึกว่าตัวเองเก่งตัวเองสูง 

เข้าใจว่าตัวเองต้องเริ่มต้นจาก หยาบไปก่อน แล้วหยาบๆ จะเป็นฐานของคุณตลอด แล้วคุณจะรู้ว่าคุณพ้นหยาบแล้วสูงขึ้นอีกแล้วก็พ้นหยาบอีกแล้ว มีหยาบ มีละเอียดสูงขึ้นแล้วก็พ้นอีก เราก็จะรู้ว่า หยาบ มันก็ยังหยาบอยู่นะ แต่เราลอยตัวเหนือหยาบไปอีก เราทิ้งหยาบไม่ได้หรอก มันจะอยู่ให้เราสัมผัสแล้วเราก็ยิ่งรู้ว่า โอ้…เราลอยอยู่บน เป็น อุตริมนุสธรรม สูงลอยพ้น หลุดพ้น เรียกภาษาท่านจะใช้คำว่าหลุดพ้น ลอย หลุดพ้นไปเรื่อยๆๆ จะเห็นความจริงของสัจธรรมอันนั้น อ้าว.. เอาใจช่วยกระบี่พุทธ นายจืดๆ ชื่อเล่นเขานายจืด

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:11:41 )

ความหมายของคำว่า ปวารณา

รายละเอียด

วันนี้วันมหาปวารณาวันที่ 2 แล้ว มหาปวารณาครั้งนี้ ครั้งที่ 41 ปีหนึ่งก็ทำครั้งหนึ่ง บางปีก็ไม่ได้ทำ ก็เลยได้ 41 ครั้ง ที่เราได้มีงานรวมกันมา ทั้งชุมนุมกันชาวอโศกเราทั่วประเทศ และก็มีสมณะ มีสิกขมาตุทั้งหมดด้วย มารวมกัน ชุมนุมกัน มางานมหาปวารณาสักทีหนึ่ง 

คำว่า “ปวารณา” ก็คือคำที่ท่านหมายความ ให้ว่ากล่าวตักเตือน หรือถึงขั้นด่าว่า ทักท้วง ตำหนิ ติเตียน กันได้ ใครก็ตาม ทุกคน อย่ามีตัวตน อย่ายึดถือตัวถือตน ไม่แคร์ใคร ใครจะใหญ่กว่าข้าไม่ได้ ข้าใหญ่ที่สุด ใครแตะไม่ได้  ใครตำหนิไม่ได้  ใครว่าไม่ได้ สะกิดนิดสะกิดหน่อยก็ไม่ได้ อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ 

คนที่ทนต่อคำว่ากล่าว ตำหนิติเตียน ยิ่งเป็นความจริง คือตำหนิติเตียน ถูกต้อง ตำหนิถูก ไม่ใช่ตำหนิผิด ตำหนิสิ่งที่ตำหนิ เรื่องที่ตำหนินั้น เป็นการตำหนิเพราะมันไม่ควร ไม่ดี ไม่งาม ไม่ถูกต้อง ควรแก้ไขควรปรับปรุง นี่แหละถือว่าเป็นขุมทรัพย์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นขุมทรัพย์ เป็นขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่จะเจริญ ผู้ที่ได้รับการติติงนั้นเป็นคนที่มีกุศล เป็นคนที่มีคนปรารถนาดี (พระไตรปิฎก เล่ม 29 ข้อ 975 ว่าด้วยการยินดีในการตักเตือน)

การจะไปตำหนิติเตียนคนอื่นด้วยอารมณ์ ด้วยกิเลส ยิ่งตำหนิติเตียนชนิดที่ด่าสาดเสียเทเสีย โดยที่เรียกว่า เอาอารมณ์โกรธ อารมณ์ไม่ชอบใจ จะกดข่มคนอื่นเขาไปเฉยๆ คนนี้เลวสุด ไม่ได้ประโยชน์ มีแต่โทษทั้งตนเองและผู้อื่น ไม่ได้เกิดประโยชน์คุณค่าอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย สูญเปล่า ตัวเองเสียอย่างเดียว อารมณ์โกรธ อารมณ์ที่มันไม่ดีเป็นกิเลสโกรธครอบงำเอาเสียแล้ว ก็เลวได้เต็มที่นะ นั่นเป็นจุดเสียของการตำหนิ คือการตำหนิด้วยอารมณ์  ตำหนิด้วยกิเลส ตำหนิไม่ถูกต้องด้วย ตำหนิบ้าๆ บอๆ มี อย่างนี้มีกัน 

ในพวกชาวอโศกเรานี้ อาตมาเห็นว่า ประเสริฐแล้ว ไม่มีแล้ว ความคิดเช่นนั้น ความเป็นเช่นนั้น ลดละหน่ายคลายไม่อยู่ในตัวเรา ก็ประเสริฐแล้ว ดีแล้ว ก็มีเหลือแต่ตำหนิด้วยเมตตา ตำหนิด้วยปัญญา ตำหนิช่วยกันอย่างแท้จริง อันนี้พากันเจริญ 

เดี๋ยวจะเข้าสู่เรื่องราวสำหรับวันนี้ อาตมา งานมหาปวารณานี้ เขาทำโปรแกรมให้เทศน์อยู่ 2 คาบ วันนี้คาบหนึ่งและวันอังคารเย็นวันที่ 7 อีกคาบหนึ่ง เป็นไปตามอายุวัย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เทศน์ทุกวัน ในงานมหาปวารณา 7 วันเทศน์ทุกวัน เดี๋ยวนี้นี่มันไม่ใช่แล้ว ไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ไม่ยอมรับความจริงก็ไม่ได้ว่ามันเสื่อม สังขารมันเสื่อม 

พระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนในวันปรินิพพานของท่าน ก่อนจะปรินิพพานว่า สมณะทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย ทุกอย่าง สังขารทั้งหลายเสื่อมไปเป็นธรรมดา จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด 

 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:47:59 )

ความหมายของคำว่า สมุน

รายละเอียด

พอพูดคำว่า สมุนไพร คนจะเข้าใจว่าเป็นยา คนฟังแล้วจะเข้าใจไปทางยา เขาจะไม่เข้าใจว่ามาทางอาหาร คือ พืชพันธุ์ธัญญาหาร คือไพร เป็นพันธุ์ของพืช คุณจะเรียกว่า สมุน ก็คือเอาส่วนของมัน สมุนคือลูกน้อง สมุนคือสัดส่วนที่ย่อยลงไป เอาไปเป็นยา คุณก็เอาไปย่อยเป็นอาหารก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคำว่าสมุน ไม่ได้มีความหมายอย่างเดียวว่าสมุนไพรคือยา แล้วบอกว่าสมุนไพรแปลว่ายานั้น มันไม่ใช่ สมุน แปลว่า ส่วนย่อย สมุน แปลว่าลูกน้อง ลูกน้องมีเยอะ เอามาทำอะไรก็ได้ เป็นลูกน้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 15:06:14 )

ความหมายของคำว่า สุขสบาย

รายละเอียด

สุข โดยพยัญชนะที่หยาบๆก็แปลว่า สุขสบาย

สุ แปลว่า ดี 

ข คือว่าง แต่ว่างนั่นแหละดี คนที่รู้อย่างนี้คือพวกที่เป็นผู้ที่มี ประโยชน์ต่อโลกอนุเคราะห์โลก หรือโลกานุกัมปายะ นั่นแหละคือผู้ที่เป็นพระเจ้าตัวจริง เป็นผู้สร้างโลก เป็นผู้อนุเคราะห์โลก จัดสรรโลก ให้อยู่อย่างมีประโยชน์อยู่กันอย่างมี สุขะ จบ อายะ เพราะเวลามันหมดมาครู่ใหญ่แล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2566 ( 20:28:50 )

ความหมายของคำว่าสร้างเรือนไฟเป็นเช่นไร

รายละเอียด

คำว่าสร้างเรือนไฟเขาก็ไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร คือสว่างจ้าเหมือนกับเซเว่นอีเลฟเว่น เดี๋ยวนี้ใช้หลอดแอลอีดีแล้ว สะดุดตาคนผ่านไปผ่านมา เขาก็ใช้วิธีพวกนี้ ไม่ใช่เรือนไฟอย่างนั้น เรือนไฟที่ใช้การจุดไฟบูชา เรียกว่า อัคคียัญ ใช้ไฟเป็นสื่อติดต่อกับเทวดา ติดต่อกับวิญญาณ ติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพระเจ้า มีทิฏฐิเป็นเทวนิยม ยังเป็นชาวโลกีย์เทวนิยมอยู่ เขาก็จะใช้ไฟใช้น้ำเป็นสื่อ อยู่ใต้บาดาลก็มีอยู่บนสวรรค์อยู่บนอากาศอยู่นอกโลกจนกระทั่งเป็นอรูป เขาก็ นิรมาณกาย อุปาทานกันไปหลากหลาย

สรุปว่าสร้างเรือนไฟ คือใช้ไฟเป็นสื่อ ไฟเป็นเปลวมีแสง กับไฟเป็นควัน โบราณเขาจะใช้กำยาน ในเตาถ่านกองถ่าน กำยานบ้าง ขี้เลื่อยบ้าง ข้าวสารบ้าง มันก็ไหม้เป็นควัน

ส่วนไฟก็ใช้น้ำมันเปรียงน้ำมันเนยบ้าง แช่น้ำมันแล้วจุดให้มีเปลวลุกไหม้

มาถึงสมัยนี้ก็ใช้เทียนขี้ผึ้งเทียนไขควั่นเป็นแท่งเลย จุดเอาเปลว ส่วนควันก็ทำเป็นธูป จุดให้ควันโขมง คนจีนธูปดอกใหญ่เท่าหัวแม่โป้งเท้าเลย ส่วนธูปอินเดียแท่งเล็กๆ จุดกันทั้งวันทั้งคืน ธูปก็จุดให้เกิดควัน พวกน้ำมันพวกเทียนก็จุดให้เป็นเปลว จุดสิ่งเหล่านี้ในสิ่งที่เรียกว่าเรือนไฟ ใช้เครื่องหมายพวกนี้เชื่อมโยงติดต่อกับจิตวิญญาณ ติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ติดต่อกับพระเจ้ากับเทวดา หรือวิญญาณที่เขาไม่รู้เรื่องเพราะเขาเข้าใจวิญญาณยังไม่สัมมาทิฏฐิเขาก็ยังต้องติดต่อ เพราะเขายังไม่มีปัญญาเข้าใจได้ชัดเจนว่า ความเป็นวิญญาณมันคืออะไรอย่างแท้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 04:54:28 )

ความหมายของจี้ใบโพธิ์และหยาดน้ำใจพรายทอง

รายละเอียด

จี้ เป็นสิ่งที่เอามาแขวนห้อยคอเป็นรูปใบโพธิ์ ใบโพธิ์ก็หมายถึง ภาษาบาลีโพธิแปลว่าความตรัสรู้ เพราะฉะนั้นใบโพธิ์นี้มันหมายถึงรูปธรรม นามธรรม คือความตรัสรู้ เอาโลหะเงินก็มี ไม่ใช่เงินก็มีเป็นโลหะทองคำก็มี เราเอามาทำเป็นรูปใบโพธิ์ก็เรียกจี้ใบโพธิ์ 

ที่นี้มีคำว่าหยาดน้ำใจ มีรูปใบโพธิ์แล้วเจาะตรงกลางเอามาทำเป็นหยดน้ำห้อยไว้ตรงกลาง พวกเราก็คงเห็นกันแล้ว เดี๋ยวนี้หยาดน้ำใจก็หายากแล้วเพราะไม่ได้สร้างขึ้นใหม่ จะเป็นรูปใบโพธิ์แล้วเจาะเป็นรูปหัวใจตรงกลางห้อยด้วยหยาดน้ำใจ 

ยิ่งเป็นหยาดน้ำใจพรายทอง ให้แก่ นักศึกษา ปวส. มีทั้งหยาดน้ำใจเป็นใบโพธิ์ มีทั้งเป็นความตรัสรู้ มีน้ำใจที่เป็นความเกื้อกูลเพิ่มพูนเสียสละทั้งหมดเลย 

มีความหมายทั้ง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ ครบอยู่ในนั้น 

ที่หยาดน้ำใจจะมีเส้นผมของหลวงปู่อยู่นิดๆ ใส่ไปในนั้นด้วย หลายคนมือซนไปแกะออกหลุดหายไปเลยช่วยไม่ได้ มันจะร่วงหายไปได้ง่ายๆเพราะใส่ไม่กี่เส้น ก็เป็นเครื่องหมายเป็นเครื่องสื่อให้พวกเรารู้ พวกเราเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:30:28 )

ความหมายของธรรมะ

รายละเอียด

ธรรมะไม่ใช่มีแค่คำพูดภาษาที่เอามาจากตำราธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ ธรรมะคือสิ่งที่ดีงามทางโลกีย์ทั้งหมดก็เป็นธรรมะ การไม่ให้ไปติดในสุข ก็อย่าไปทรมานทนทุกข์ตัวเองทั้งนั้นก็เป็นธรรมะ เป็นแต่เพียงว่า อาตมาก็แยกไว้ชัดว่า ดีชั่วเป็นโลกีย์เท่านั้น แต่สุขทุกข์เป็นเรื่องของปรมัตถ์ เป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องละเอียดที่สุดต้องเรียนรู้ให้เกิดไม่สุขไม่ทุกข์ เรื่องดีชั่วเป็นเบื้องต้นของโลกียะ ต้องศึกษาและทำก่อน มันไม่ยากเท่าโลกุตระที่จะต้องละความสุขความทุกข์หรอก หรือจะมีความรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์จนเราสามารถละความสุขความทุกข์ได้ จนเป็นพระอรหันต์ มันไม่ใช่ธรรมดา โลกุตระสุขทุกข์นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องครอบงำโลกเลย 

ไม่ใช่ครอบงำโลกเท่านั้นนะ ครอบงำโลกียะ ยิ่งใหญ่ ครอบงำโลกียะทั้งหมด หรือชัดเจนคือ พระเจ้า ลัทธิศาสนาพระเจ้าทั้งหมด เพราะศาสนาพระเจ้าคือสุขนิยม ไม่ได้เรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ ไม่ได้เรียนรู้เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นแต่เพียงพยายามอย่าให้มีความทุกข์ มีแต่สุข แต่เขาเข้าใจไม่ได้ว่า ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องมายาไม่ใช่ของจริง นี่ยิ่งลึกใหญ่เลย เพราะฉะนั้นต้องมาเรียนศาสนาพุทธ ชาวพุทธเองในยุคนี้มันเสื่อมมาก จนกระทั่งพูดกันยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 18:44:12 )

ความหมายของธุดงค์

รายละเอียด

คำว่า ธุดงค์ มาจาก ธูตะ คือ หน่วยแห่งการปฏิบัติเคร่ง เป็นข้อปฏิบัติหรือศีลเคร่ง ที่พระมหากัสสปะมีธุดงควัตร 13 มันเคร่ง ท่านเป็นคนติดแบบเคร่ง แล้วท่านมีข้อปฏิบัติของท่านแบบนั้น แล้วก็เข้าใจว่า ธุดงค์คือการเดิน จะบ้าหรือ ธุดงค์มันไม่ได้แปลว่าการเดิน นอกจากนั้นเข้าใจธุดงค์ว่าคือการออกป่าอีก เดินเข้าป่าเดินธุดงค์เข้าป่า คือมันผิดเพี้ยนไปไกลมากเลย จะไปเข้าป่าทำไม ข้อปฏิบัติของพระพุทธเจ้าก็ลืมตาทำอยู่ในเมืองนี่แหละ องค์ข้อปฏิบัติก็คือจรณะ 15 วิชชา 8 ก็ปฏิบัติสิ ตามคำสอนพระพุทธเจ้า ตามอนุสาสนี แล้วไปเข้าใจผิดเพี้ยนเอง ความหมายของคำสอนผิดเพี้ยน คุณก็ไปยึดถือสิ่งที่ผิดตามกันมา อาตมาจับไม่ได้ว่ามิจฉาทิฏฐิมาไกลลิบตั้งแต่เมื่อใด มาถึง 2500 ปีกว่า ศาสนาพุทธผ่านมาไม่รู้ว่าผิดเพี้ยนเมื่อไหร่ จนไปยึดถือความผิดว่าเป็นความถูกกันเกือบทั่วโลก อาตมายกเว้นให้ว่ามันเกือบเท่านั้น จะหาสักคนว่าเข้าใจถูกไหม อาตมาก็ยังไม่พบ อาตมาไม่ได้ไปไหน อาตมาอยู่แต่เมืองไทย เมืองพม่าที่เป็นเมืองพุทธ ก็ไม่ได้ไปไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า เมืองญี่ปุ่น เมืองจีนเขาก็มี โดยเฉพาะศรีลังกาเขาก็มีพุทธ อาตมาก็ไม่ได้ไปประเทศไหนเลย ก็เลยไม่รู้ 

แต่อาตมาก็มั่นใจของอาตมา และทำงานนี้มาตลอด 52 ปี ก็จะตายอยู่ในการสอนธรรมะนี่แหละ การเผยแพร่ต่อยอดธรรมะพระพุทธเจ้านี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 05:51:05 )

ความหมายของบทพาหุงข้อ 2

รายละเอียด

ข้อ 2. เมื่ออาฬวกยักษ์, มีจิตกระด้าง น่ากลัว, 

ปราศจากความอดทน มีฤทธิ์ยิ่งกว่าพญามาร เข้ามากระทำยุทธ์อยู่ตลอดคืน

พระจอมมุนี ทรงชำนะด้วยวิธีทรมานอันดี คือ ขันติ

ก็คือคนนี่แหละที่มีจิตกระด้างน่ากลัว ไม่มีความอดทน มีพลังอะไร พลังไม่อดทน อดทนมันมีพลังน้อย แต่มันมีพลังใหญ่คือพลังงานไม่อดทน อาฬวกยักษ์ เป็นยักษ์แต่ไม่มีความอดทน พระพุทธเจ้าก็สอนให้อดทน ให้ชนะด้วยขันติอย่างไรก็ฝึกเข้าไป ฝึกฝนความอดทนเอาทนเอา สายศรัทธาก็ต้องใช้พวกนี้ สายปัญญาก็ต้องใช้ด้วยก็ต้องทนเอา แม้จะตายขาดใจพร้อมกับความอดทนนี้ก็เอา มันอดทนจนขาดใจ ทนความอดทนไม่ได้ตายก็ตายไปด้วยความอดทนก็ให้มันรู้กันไป นั่นก็ต้องอธิบายอย่างนี้ไม่ต้องอธิบายยากอะไร อดทนไปสิจะตายเพราะความอดทนก็ไม่ได้เสียหายอะไร ข้อสำคัญเราอดทนเรื่องอะไร อดทนเรื่องเจริญเรื่องดี เรื่องไม่มีอัตตา เรื่องละอัตตา มันก็ดี เรื่องมีอัตตา เรื่องเพิ่มในสิ่งที่เป็นโลภโกรธหลงให้แก่ตัวเอง ไปอดทนทำไม อดทนเรื่องละโลภ โกรธ หลง เออ อดทนเข้าไปเถอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:47:56 )

ความหมายของบทพาหุงข้อ 8

รายละเอียด

ข้อ 8. เมื่อเกิดความเห็นที่ยึดถือไว้ผิด 

ดุจงูร้ายฉกกัดเข้าที่มือ, ของท้าวพกาพรหม

ผู้มีฤทธิ์ , สำคัญตนว่ารุ่งเรืองด้วยคุณบริสุทธิ์

พระจอมมุนี,  ทรงชำนะด้วยวิธีแสดงญาณ คือความรู้ยิ่ง

อันที่ 8 เป็นตัวความฉลาดความโง่ความเห็นยึดถือไว้ผิด เป็นอุปาทานในมิจฉาทิฏฐิแท้ๆเลย เป็นการยึดสิ่งที่ผิด  ยึดอวิชชา ยึดมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีทางอื่นเลย คนพวกนี้ถูกทำร้ายเพราะยึดอะไรยึดมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนงูฉกกัดที่ข้อมือ กัดตัวเองด้วยนะ ของตัวเอง ของท้าวผกาพรหมผู้มีฤทธิ์สำคัญตนว่ารุ่งเรืองด้วยคุณบริสุทธิ์ ทำอย่างนั้นมันฆ่าตนเองทำให้ตกต่ำ ทำให้ตัวเองเสื่อม ทำให้ตัวเองหนักตกต่ำไปใหญ่เลย แล้วไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้าก็ต้องเตือนสติ ด้วยปัญญา ด้วยญาณ ด้วยความรู้ยิ่งๆอีก ให้เข้าใจ ต้องเตือนด้วยความรู้ ไม่ได้ไปบังคับ ไม่ได้ไปเข่นฆ่า ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรเขา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 18:47:44 )

ความหมายของบทพาหุงข้อที่ 1

รายละเอียด

เข้าหาเนื้อหา 8 ข้อของพาหุงฯ

ข้อ 1. เมื่อพญามาร, ผู้เนรมิตแขนถึงพัน ถืออาวุธครบมือ

ขี่ช้างครีเมฆ พร้อมด้วยกองทัพมาร กึกก้องน่ากลัวเข้ามาประจัญ

พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยธรรมวิธี  มีการให้,การสละ, เป็นต้น

ก็หมายความว่า พวกที่เป็นนักล่า เป็นจตุมหาราช เป็นพวกที่ใช้กำลังใช้อาวุธดุเดือด ร้ายกาจเป็นมาร คนผู้อวิชชาทุกคนล้วนมีความโลภหนัก แล้วก็คว้า จะคว้าเอามาให้ตน ก็จะแย่งอย่างชาวโลก แข่งกันใช้อาวุธเข่นฆ่าเจ้านั้นเจ้านี้ ซึ่งเป็นบาปเป็นเวรเป็นวิบากซับซ้อน เขาไม่รู้ เขาจะเอาชนะ เขาจะเป็นใหญ่ สงครามขณะนี้ก็ยังมีในประเทศ ขณะนี้ยูเครนกำลังดัง รัสเซียกับยูเครน อย่างนี้เป็นต้น . ดียังมีคนกลัวว่ามันจะกลายเป็นการสร้างอำนาจกัน เสร็จแล้วก็จะเข้าข้างนั้นข้างนี้ ดีไม่ดีมารวมหัวกันช่วยกันกลายเป็นสงครามโลก เขาก็กลัวจะมีสงครามโลก 

ซึ่งอาตมามายุคนี้แล้วมันพอมีปฏิภาณมีความฉลาด ไม่อยากจะใช้คำว่าปัญญา มันยังไม่ถึงปัญญา แต่มันก็ฉลาดพอที่จะรู้ภัยรู้โทษ ถ้ามันเกิดสงครามแล้วมันฉิบหายนะ เพราะทุกคนมีปรมาณูเอาไว้คนละไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ต่างคนต่างกดพร้อมกันหมดเลย โลกแตกเลย แตกจริงๆนะ โลกแตกเลย แล้วเขาจะไปอยู่ไหน ตายหมด มันเก่งด้วยกันทั้งคู่แล้วมันก็เร็วด้วยกันทั้งคู่ 

ซึ่งอาตมาเคยสมมุติว่า คนแม่นปืน 2 คน ยืนหันหลังชนกัน แล้วก็เดินตรงไป กรรมการเป่าปรี๊ด มันหันหน้ามายิงกันเลย พอกรรมการเป่าปรี๊ด มันหันหน้ามายิงกันแม่นทั้งคู่เลยเป็นไง ตายทั้งคู่ เพราะกดไกเท่ากันพร้อมกัน ลูกกระสุนก็ออกไปกว่าจะถึงแต่ละคนแม่นทั้งคู่ กระสุนก็ถูกถึงตัว 2 คนนั้นทั้งคู่ ตายทั้งคู่ 

ถ้าเข้าใจที่อาตมาอธิบาย อย่าเลยเรื่องมาฆ่ากัน เลิกได้แล้ว เอาพลังงานมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์ในโลก แม้จะเป็นภูมิประเทศที่ปลูกยากก็เอาเถอะทำเท่าที่ได้ คุณจะไปทำอุตสาหกรรมก็ทำอุตสาหกรรมเครื่องใช้ที่เป็นประโยชน์สิ จะไปสร้างอาวุธทำไม มันสามานย์ อะไรนะ “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” สร้างอาวุธมาเข่นมาฆ่ากัน นี่ก็พูดความจริงสั้นๆเอาไว้อย่างนี้ ก็คิดว่าคนจะค่อยๆตื่นรู้ มีภูมิมีปฏิภาณปัญญาขึ้นมาบ้าง แล้วมันจะแก้ไขปรับปรุงขึ้น เพราะคนเราปรารถนาความจริงที่มันเจริญแท้ ไม่ใช่ไปทำวิบาก  ไม่ใช่ไปทำความเสื่อมความเลวอันนี้ มันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ 

ข้อที่ 1 นี้พญามารทั้งหลายจะเข่นฆ่ากัน พระพุทธเจ้าสู้ด้วยการให้การสละ เขาจะฆ่าก็ฆ่า เขาจะทำลายก็ทำลายมันเป็นวิบากของเขา เราหนีไม่รอดเรารักษาตัวไม่รอดไม่พ้นเราก็ตาย ตายก็ยอมตาย ถ้าเราเป็นโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์ เป็นผู้ที่มีคุณความรู้แล้ว ตายแล้วเกิดมาอีก มันก็มีแต่เจริญไม่ได้ตกต่ำเลย คนฆ่าสิต่ำ คนไปฆ่าผู้อื่นนั้นต่ำ คนที่ถูกฆ่าไม่ได้ต่ำลงหรอก คนที่ถูกฆ่าไม่ได้ต่ำลง นี่ก็เป็นสัจจะที่ต้องฟังดีๆเข้าใจดีๆ เพราะฉะนั้นจะไปฆ่าเขาให้มันเสื่อม ให้มันต่ำ ให้มันเลวหนักเข้าไปทำไม มันเป็นวิบากจริงๆ แล้วก็สร้างวิบากให้แก่ตัวเอง ชาติต่อๆไปก็ยิ่งหนักใหญ่ นี่มันไม่รู้ มันอวิชชาก็ทำใส่ตนเองแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็สละแม้แต่ชีวิตก็สละ ไม่ต้องไปติดยึดอะไรใครอยากฆ่าแกงก็ทำ เราทำอะไรให้เขาอยู่เขากินเขาเลี้ยงชีวิตได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:46:10 )

ความหมายของบทพาหุงข้อที่ 3

รายละเอียด

ต่อมา ข้อ 3. เมื่อนาฬาคิรี, ช้างตัวประเสริฐ ซึ่งกำลังเมามันยิ่ง

แสนจะร้ายกาจ, วิ่งมาประดุจไฟป่า, จักราวุธ, และสายฟ้า

พระจอมมุนี  ทรงชำนะด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือพระเมตตา

เป็นผู้หวังร้ายในระดับหัวหน้าเลยนะ เป็นผู้เก่งกาจมาก หน้ามืด พวกนี้หน้ามืดตาบอดทั้งนั้น ด้วยความมุ่งร้าย มุ่งร้ายแก่เรา เพราะฉะนั้น แม้เขาจะร้ายกาจมา เขาจะมุ่งร้ายทำร้ายอย่างไรปานใดๆ เราก็อย่าไปร้ายตอบ อย่าไปร้ายตอบ ทำใจให้เมตตา เห็นใจเขาว่าเขาไม่รู้ เขาอวิชชาหน้ามืดตาบอด เขาก็ทำ ที่เขามีกิเลสอย่างนั้น เราก็เข้าใจเมตตาใจเย็น เมตตาเขาให้ยิ่งๆขึ้นไป สุดท้ายอย่างเก่ง เขาก็ฆ่าเรา เอ้า ฆ่าก็ฆ่า เรายอมแพ้ แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง การตายการเกิดไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยในชีวิตมนุษย์ เราเกิดตายมาไม่รู้กี่ล้านชาติ ตายชาตินี้ ชาติหน้าเกิดมาเจริญ เราไม่ได้หยุด แล้วเราจะมาบำเพ็ญต่อมีแต่เจริญกับเจริญ จนกว่าคุณจะเป็นอรหันต์ และคุณก็สามารถสลาย สูญไปเลยได้ คุณก็ทำ หรือไม่ทำคุณจะต่อโพธิสัตว์อีก อาตมาสอนอธิบายมาหมดแล้ว ก็ทำเอาตามที่ว่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:51:49 )

ความหมายของบทพาหุงข้อที่ 4

รายละเอียด

 

ข้อ 4. เมื่อองคุลีมาล, ผู้แสนร้ายกาจมีฝีมือ

 ถือดาบเงื้อง่า, วิ่งไล่ตามสิ้นทางสามโยชน์ 

พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยความเก่ง

ในการปรุงแต่งจิตอย่างยิ่ง

องคุลีมาลถูกอาจารย์สอนโดยบอกว่า ถ้าไปฆ่าคนมาครบ 1,000 คนจะสอนวิชาที่สุดยอดให้ องคุลีมาลก็หลง ไปฆ่าคน ได้ 999 คนเหลือคนที่ 1,000 เป็นคนสุดท้าย พระพุทธเจ้าก็เห็นว่า องคุลีมาลจะทำอนันตริยกรรม เพราะคนที่ 1,000 คือ แม่ตัวเอง เดินมาเจอแม่ จะฆ่าแม่ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ตายๆๆๆ มันต้องช่วยไว้แล้ว พระพุทธเจ้าก็เลยจะต้องมาช่วย มาห้าม อย่างที่เราก็เคยได้ยินแล้วตามเรื่องราวที่เล่ากันมา มาห้าม เดินห้ามเลย

องคุลีมาลเห็นแล้วก็บอกว่า ไอ้นี่มาขวางทางได้ไงพระรูปนี้ พระรูปนี้มาขวางทาง ก็ตะโกนเรียก เอาล่ะวะ พระรูปนี้มาขวางทาง ไม่ทันฆ่าแม่ ก็ฆ่าพระรูปนี้ล่ะวะ เงื้อง่า จะฆ่า องคุลีมาลตามไม่ทัน วิ่งไล่ตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เดินไปตามธรรมดา แต่อิทธิฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า มันเร็ว องคุลีมาลวิ่งตามอย่างไร ก็ไม่ทัน ทั้งที่พระพุทธเจ้าท่านแค่เดินนะ แต่องคุลิมาลวิ่งไปใหญ่เลย เฮ้ย ทำไมไม่ทัน ก็เลยตะโกนบอกว่า พระหยุดก่อน พระหยุดก่อน ตามไม่ทันก็เลยบอกว่าให้พระหยุดก่อน จะได้ฟัน 

องคุลีมาลนี้ จะโง่หรือฉลาดก็ไม่รู้ พระหยุดก่อน พระหยุดก่อน พระพุทธเจ้าก็เลยตอบไปว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอสิ ยังไม่หยุด เท่านั้นแหละปฏิภาณปัญญาขององคุลีมาลซึ่งไม่ใช่คนโง่ ที่จริงเป็นคนฉลาด โอ้…เราจะหยุดฆ่า เราจะหยุดทำร้าย ตายๆๆๆ ท่านหยุดแล้วซึ่งอาวุธทั้งหลาย ซึ่งการฆ่าทั้งหลาย แต่เรายังโง่ เรายังจะฆ่าหรือนี่ (ปฏิภาณปัญญาขององคุลีมาลเกิดปุ๊บขึ้นมา) ตาย… ก้มลงกราบ แล้วพระพุทธเจ้าก็เลยบวชให้ เป็นอรหันต์เลย เพราะมันถึงบุญ ถึงวาระสุดท้าย ถึงบารมีรอบถ้วน เป็นประวัติขององคุลีมาลเอง เป็นวิบาก เป็นประวัติ ซึ่งไม่มีใครลอกเลียนได้ง่ายๆ มันของใครของมัน กรรมของใครของมัน มันก็เป็นวิบากของท่าน ก็เป็นเช่นนั้น อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:54:53 )

ความหมายของบทพาหุงข้อที่ 5

รายละเอียด

ข้อ 5. เมื่อนางจิญจมาณวิกา กล่าวร้ายในหมู่ชน 

ทำอาการประหนึ่ง ว่ามีครรภ์ โดยเอาผ้าห่อไม้ทรงกลม ผูกเข้าที่ท้อง

พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยวิธีสงบนิ่ง แจ่มใสดังจันทร์เพ็ญ ผู้หญิงตอแหล ขออภัยพูดชัดๆ โกหกสับปรับ หาว่าตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ว่ากระไร แล้วก็เปิดเผยภาษาไปสั้นๆ มีแต่เธอกับเรา 2 คน จะรู้ความจริงกัน เพราะความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ไปละเมิดอะไร แต่ว่านางจิญจมาณวิกาไปเที่ยวหลอกโลกเขาว่าตัวเองท้องกับพระพุทธเจ้า ก็พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่า ท่านไม่ได้ไปทำอะไร นางจิญจมาณวิกามาหลอก เท่านั้นแหละความจริงมันก็เปิดเผยมา ไอ้สิ่งที่ยัดเอาไว้เอาไปทำพุงให้โต ที่จริงไม่ได้ท้องจริงหรอก ไม้ที่อยู่ในท้องก็หลุดออกมา นางจิญจมาณวิกาก็เลยถูกคนขว้างให้ตายไปเลย นี่คือเรื่องของความโกหก โกหกใครไม่โกหกแล้วไปใส่ความพระพุทธเจ้า ให้วิบากที่จะต้องถูกฆ่าตายถูกคนเขาจัดการ มันเป็นสัจจะที่คนที่ทำกรรมร้ายขนาดนี้ คุณก็ได้รับวิบากขนาดนี้ พระพุทธเจ้าก็ได้แต่สงสารไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:57:38 )

ความหมายของบทสวกพาหุง ข้อ 6

รายละเอียด

ข้อ 6. เมื่อสัจจกนิครนถ์ ผู้ไม่รักษาสัจจะ

ชอบยกวาทะของตนเป็นยอด

มุ่งจะมาโต้วาทะ ด้วยจิตที่ปิดมืดมนยิ่ง

 พระจอมมุนี, ทรงชำนะโดย ทรงจุดประทีปคือ

ปัญญาขึ้นส่องให้เห็นความจริง

ก็คือผู้โกหกมดเท็จนี่แหละ แล้วเก่งด้วยนะ เก่งไม่รักษาสัจจะเลย เหมือนทักษิณ มุ่งจะมาโต้วาทะนี่แหละ เหมือนกันเลย แต่ติดโง่ มืดมนยิ่ง พระพุทธเจ้าก็ไม่มีทางอื่นที่จะช่วยหรอก นอกจากจะให้เขาฉลาดที่เป็นปัญญา ไม่ใช่ไปฉลาดเฉโก ฉลาดแกมโกง หน้ามืด ตาบอด เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เห็นแต่ลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจบาตรใหญ่ของตัวเอง ฉลาดแบบนั้นมันไปไม่รอด  พระพุทธเจ้าท่านก็พยายามให้เข้าใจด้วยปัญญา ด้วยความฉลาดที่เสียสละ เป็นปัญญาที่เห็นแก่ผู้อื่น ละตัวตน ก็อธิบายคร่าวๆ ได้ประมาณนี้ก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 11:34:23 )

ความหมายของบทสวดพาหุง ข้อ 7

รายละเอียด

ข้อ 7. เมื่อนันโทปนันทนาคราช, ซึ่งรู้มีฤทธิ์มาก

 ถูกพระบุตรนาคใหญ่ปราบ (พระโมคคัลลานะ)

เพราะได้รับคำแนะนำมานั้น ทรงชำนะด้วย การตรัสแสดงวิธีอันเก่ง ตอนนี้ก็ นันโทปนันทนาคราช มีฤทธิ์มมาก เป็นบุตรนาคใหญ่ เปรียบเหมือนสายศรัทธา ได้รับคำแนะนำจากผู้ที่ไปยุแหย่มา แล้วก็จะมาทำร้าย จะมาทำชั่ว จะมาทำไม่ดีทั้งหลายแหล่นั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านก็สุดทางที่จะแก้ไขเขานอกจากจะตรัส จะพูด จะบรรยายวิธีอันดีงาม อันเก่ง พยายามที่จะทำให้เขาเข้าใจ พูดให้เขาเข้าใจ อธิบาย สาธยาย ยืนยัน ยกตัวอย่างอ้างอิง ให้ได้เห็นจริงให้ได้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียทุกอย่างก็ดับ 

เพราะฉะนั้นต้องดูเหตุของตัวเองว่าตัวเองมุ่งหมายอะไร แค่มาฆ่าคน ก็เป็นการทำร้าย ฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็เป็นอนันตริยกรรมแล้ว ฆ่าพระอรหันต์ก็เป็นอนันตริยกรรม นี่จะมาฆ่าพระพุทธเจ้า โอ๊ย แล้วมันจะอภิมหาบรมอนันตริยกรรมอย่างไร แค่ทำให้พระบาทห้อเลือดก็เป็นอนันตริยกรรมแล้ว จะมาฆ่าพระพุทธเจ้าอีก ตายๆๆๆๆ คุณจะนรกออกจากนรกได้อย่างไร คุณก็ตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกาล ตายๆ พระพุทธเจ้าก็เตือนสติให้ได้เข้าใจ สาธยายให้ชัดเจน ก็ จนกระทั่งสุดท้ายจะทำได้ก็ทำ แต่พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องโดนฆ่าหรอก แม้แต่ผู้ที่มีบารมีพอสมควรก็จะไม่ถูกใครทำร้ายฆ่าตายในชาติแต่ละชาติ จะไม่ตายด้วยการถูกฆ่า 

อย่างอาตมาก็เคยพูดแต่ไม่ได้ท้าทายนะ ในชีวิตนี้อายุมาป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยถูกใครเตะใครถีบ อย่าว่าแต่ฆ่าเลย มีแต่คนโยนแก๊สน้ำตา โอ้โหแสบ ขนาดหนัก ขออภัยนะ อาตมาไม่ได้ว่านะ ไอ้คนที่โยนแก๊สน้ำตามาใส่อาตมา จะได้รับวิบากไปขนาดไหนก็ยังไม่รู้ล่ะ เขาก็ต้องเป็นวิบากของเขา เขาทำ เราไม่ได้มุ่งร้ายอะไรเลยนะ เราเพียงแต่ออกไปบอกว่า ให้พอเถอะ หยุดเถอะ จะไประงับสิ่งที่ไม่ดี จะไปฆ่าแกงทำไม คนไทยด้วยกัน อาตมาก็เจตนาดี เดินเข้าไปไม่ไหวก็แสบ หายใจก็ไม่ออก นั่นเป็นวิบากของอาตมาเจอมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 11:36:41 )

ความหมายของบุญเก่าแต่ปางก่อน

รายละเอียด

เป็นคนที่ต้องรู้จักคำว่าบุญและปฏิบัติบุญสำเร็จมา กต คือสำเร็จแล้ว มันเป็นความหมายชัดเจนชี้ชัดตรงที่ บุญ กับ กต คือ ปุญ ที่ได้ทำสำเร็จแล้ว แล้วสั่งสมมาแต่ปางก่อน บุพเพ ก็ชัดเจนอยู่แล้ว 3 คำนี้ 

ไปอธิบายปุพเพกตปุญญตา เอาไปอธิบายเป็นความมี แต่เราอธิบายเป็นความหมด ความไม่มี ปุพเพกตปุญญตาคือ ไม่มีของคนที่ทำได้แล้ว แต่เขาไปอธิบายเป็นความมี ความสะสม แต่เราอธิบายเป็นความหมดความไม่สะสม ความเกลี้ยง สัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิต่างกันอย่างนี้ มันผิดกันไปคนละทาง  เดินตรงข้ามกัน 180 องศา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:01:16 )

ความหมายของประจักษ์สิทธิ์ 

รายละเอียด

ใช่ ประจักษ์แปลว่าเห็น มันไม่เห็น ก็หลับตาปฏิบัติมันจะไปเห็นอะไร เห็นนี่คือ ปัสสะ ส่วน สิทธิหรือสัทธะ แปลว่าความสำเร็จ เห็นความสำเร็จด้วยตาเปิดๆ คือความหมายของประจักษ์สิทธิ์ อย่างพระพุทธเจ้าชื่อว่า สิทธัตถะ คือ สิทธะหรือสิทธิ กับอัตถะ คำว่า อัตถะคือเนื้อแท้ สิทธะหรือสิทธิคือสำเร็จ ผู้สำเร็จเนื้อแท้แล้ว 

ประจักษ์สิทธิ์ คือ บรรลุอย่างเห็นๆเลย มีตากระทบรูป มีหูกระทบเสียง อย่างนี้เรียกว่าเห็นด้วย เห็นแสงสว่างด้วยจักขุเปิด เห็นด้วยหูได้ยินเสียง มันดังคนอื่นได้ยินด้วย ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาคนเดียว ไม่ได้มีเสียงมีกลิ่นมีรสของข้างนอกเลย อันนั้นมันเป็นเดียรถีย์ ไม่มีทางบรรลุ นี่ รายละเอียดพวกนี้มันจะต้องเข้าใจองค์ประกอบต่างๆ ถึงบอกว่ามัน คัมภีรา ละเอียดลึกซึ้ง ศึกษาดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:16:59 )

ความหมายของปวารณา 

รายละเอียด

พิธีของเรา จริงๆก็ไม่ได้หนีไปจากการตั้งใจเรียนรู้ธรรมะ เป็นเป้าหมายหลัก ก็เคี่ยวเข้มขึ้น งานมหาปวารณาก็เคี่ยวเข้มขึ้นกว่าธรรมดาบ้าง ทุกคนก็มีสำนึกรู้แล้วว่า ต้องเอาใจใส่ ตั้งใจในเรื่องเรียนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ให้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นความฉลาดของคนที่ทำมา เราก็ทำประจำปีมาตลอด ที่จริงใช้ชื่อเอามาเรียกเฉยๆว่า มหาปวารณา 

มหาปวารณาแปลว่า อนุญาตให้ใครต่อใครติเตียนได้ ว่ากล่าวได้ ความหมายของคำว่า มหาปวารณาหมายความอย่างนั้น แล้วเราก็เอามาใช้ อยู่ด้วยกันก็ติเตียนกัน มีอะไรก็ขัดเกลากันไปชีวิตก็เจริญ การติเตียนตำหนิกันนี่เป็นสิ่งยอดเยี่ยม สรรเสริญกันนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นคำต่ำทราม สรรเสริญไม่มีค่า สรรเสริญต่ำทราม แม้แต่ทำให้ลดละหน่ายคลายก็ไม่ได้ ฟังแล้วชัดเจนนะ สรรเสริญมันไม่น่ามีเลยในสารบบของชีวิต แต่ตำหนิมันจำเป็น ดีมาก ผู้รู้  ผู้หลุดพ้น ผู้ที่เจริญผู้ที่สูงกว่าก็ตำหนิผู้ที่ต่ำกว่าเป็นธรรมดา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 11:06:19 )

ความหมายของภาษาสวรรค์ 7 ชั้นที่ตั้งในปฐมอโศก

รายละเอียด

อาตมาจะต้องไปแปลชื่อภาษา แต่อธิบายเนื้อดีกว่านะ

สวรรค์คือภพชาติของคนโง่ มีสวรรค์อยู่ก็คือคนโง่ทั้งนั้น มีสวรรค์ก็เกิดนรกมีนรกก็เกิดสวรรค์มันเป็นธรรมะ 2 เป็นธรรมะคู่ มันไม่มีวันจบ คนหมดสวรรค์นรกก็คือคนที่ไม่มีธรรมะ 2 เป็นธรรมะ 1 ธรรมะ 0 ก็จบได้ การตั้งชื่อก็เพื่อให้กำหนดรู้ว่าเขตนี้เขตนันทวัน เขตนี้เป็นเขตยามาเขตนี้เป็นเขตดุสิต เขตนี้ปรนิมมิตวสวัตตี เขตนี้นิมมานรดี ก็ตั้งไว้เท่านั้นเองเพื่อกำหนดเหมือนชื่อบุคคลที่เราตั้ง ให้กำหนดรู้แม้แต่ชื่อรถยนต์ก็ตั้งชื่อ จะได้รู้ว่าเป็นคันนั้นคันนี้ ชื่อนี้ที่เป็นสถานที่ก็จะได้รู้ว่าเป็นสถานที่ใด ไม่ได้ไปกำหนดให้ถึงขั้นที่จะทำไมต้องเอาสวรรค์นันทวันทำไมต้องเอาสวรรค์ดุสิต ที่จริงก็มีชื่อนันทวรรณเป็นชื่อที่ 7 เดิมก็จะมีแค่ 6 สวรรค์ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตสวัสดี แล้วก็มีนันทวัน เป็นอันที่เจ็ดเท่านั้นเองแก้ปัญหาตั้งชื่อเท่านั้นไม่ดีมีความลึกอะไร

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน สวรรค์คือภพชาติของคนโง่


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:48:19 )

ความหมายของภูเฮา ฮวมใจส่าง

รายละเอียด

ความหมายของภูเฮา ฮวมใจส่าง อ่านอย่างสำเนียงอีสาน ภูเฮา ก็คือ ภูเรา ไม่ใช่ภูเขานะ และกำลังร่วมใจกันสร้างอยู่ กำลังทำอยู่นี่ ก็คือ ทำให้มันเกิดเนินสูงของดินของหินขึ้นมา ฝีมือพวกเราฝีมือคนที่สร้างขึ้นมา ไม่ใช่ธรรมชาติสร้าง ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรเลย ก็เป็นแต่เพียงว่าอยากจะสร้างภูเขา แม่น้ำ ป่า พืชพันธุ์ธัญญาหาร อันเป็นธรรมชาติเท่านั้นเอง อาตมาไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่มโหฬารอะไรหรอก ทำตามประสาเท่าที่มันมีเรี่ยวแรง มีทุนรอนพอทำได้ ก็ทำไป เพราะอาตมามีความเข้าใจ มีความเห็นอยู่อย่างหนึ่งว่า 

ธรรมชาติทั้งหมด ที่มันมี ซึ่งมันเป็นธรรมชาติที่คนควรจะอยู่ได้ อย่างคนโบราณคนเถื่อนเป็นคนป่าคนเถื่อนแท้ๆ เขาก็อยู่กับป่า เขาอยู่เป็นธรรมชาติแท้ๆ ป่ารกชัฏ ที่มันแน่นเป็นป่ารกจริงๆ สิงสาราสัตว์ที่เหมาะสมก็อยู่กันไป ผู้คนที่ชอบอย่างนั้นเขาก็ไปอยู่กัน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา จนกระทั่งมาเห็นว่าอยู่อย่างนี้มันควรจะมีบ้านเรือนได้ แต่ก่อนมันไม่ได้มีบ้านเรือนอะไร ตั้งแต่สมัยผีตองเหลือง ใช้ใบตองมารองนั่งบังหัวกันฝนกันฟ้าไป พอใบตองมันเหลืองหมดแล้วมันเหี่ยวใช้ไม่ได้ก็ย้ายใหม่ ไปที่ใหม่แล้วเอาใบตองมาใช้อีกก็ถึงเรียกผีตองเหลือง 

จนกระทั่งรู้จักทำที่พักที่อยู่ อยู่ในป่านั่นแหละ มีที่พักที่อยู่ไปตามลำดับ ก็อยู่กันไป พัฒนาขึ้นมา จนกลายมาเป็นคนเมืองคอนกรีต ทุกวันนี้ ต้นไม้ก็พยายามปลูกขึ้น เพราะว่าไปตัดมันทิ้งหมดแล้ว ต้นไม้บางทีก็ใส่กระถางเอาไว้ ก็กลายเป็นอย่างนี้ ตามประสาของคนที่เขาเป็นกันมา จนกระทั่งอยู่ไปทุกวันนี้ก็ถือว่ามีความเจริญ แต่มองอีกนัยยะหนึ่ง มันยิ่งเป็นความตกต่ำ เป็นไปตามธรรมดาของความเกิดขึ้น ตั้งอยู่เสื่อมไป หรือดับไป ทุกอย่าง วนเวียนมาเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไป เสื่อมนี้มันดูถึงขั้นดับแต่มันไม่ได้ดับถาวร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 14:46:11 )

ความหมายของมนุษยชาติในวรรณะทั้ง 4

รายละเอียด

มันมีความซับซ้อนซ่อนอยู่ในอันนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างเป็นศูทร ผู้เอาไปแจกจ่ายเผยแพร่ แพศย์ ผู้บริหารผู้ดูแลคือกษัตริย์ หรือผู้ดูแลความเป็นธรรมะสัจธรรม คือ พราหมณ์ ก็คือ วรรณะทั้ง 4 พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร มันคลุมหมดแล้วล่ะ ความหมายของมนุษยชาติ ซึ่งจะไม่ลงลึก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:46:05 )

ความหมายของฤาษีนั่งในกะลาครอบ

รายละเอียด

ก็หมายความว่าฤาษีทั้งหลายแหล่เทวนิยมทั้งหลายอยู่ในกะลาครอบ ยังไม่ออกมาจากกะลาครอบ เหล่าเทวนิยม เหล่าที่จะตีคู่สองไม่แตก ออกมาไม่ได้ ยึดอันนี้เป็นหนึ่ง ยึดแล้วห้ามใครแตะด้วยนะต้องเอาตามนี้ด้วยนะ command ศาสนาเทวนิยมเป็นศาสนาแห่งการบังคับ Command ก็เลยอยู่กับอันนี้ตายตัวนิรันดรตีไม่แตกเจตนาไม่ให้ใครตี เขายึดมั่นถือมั่นอย่างนั้นตลอด ใครจะมาแตกแยกอย่างไร แล้วมันจะแยกได้จริงหรือ เขาก็ไม่ยอม ก็ต้องปล่อยเขาไปห้ามเขาไม่ได้ก็เขายึดถืออย่างนั้น ของใครก็ของใคร

ต้องมาเรียนทีละคู่ เทวะ นี่แหละ แล้วจะมีความก้าวหน้าเป็นลำดับ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 มันเป็นอัตราการก้าวหน้าที่มี ปฏิภาคทวี ได้ลำดับอย่างสวยงามไม่ใช่ไม่เป็นลำดับ อาจจะมีมุมเหลี่ยมบ้างต่างๆนานาได้หลากหลาย แต่เหมือนดอกไม้งามที่ได้สัดส่วน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:52:25 )

ความหมายของสิทธัตถะ

รายละเอียด

สิทธัตถะแปลว่า ผู้มีความสำเร็จอันบรรลุแล้ว เป็นผู้ที่มีความประสงค์  ความต้องการอันสำเร็จแล้ว ต้องการอะไร ต้องการนิพพาน ต้องการความเป็นสุดยอดของคน นิพพานเป็นอรหันต์ นิพพานเป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 5 6 7 ระดับ 8 จนเป็นพระพุทธเจ้าหมดสิ้นเกลี้ยงเลย นิพพานแต่ละขั้นๆ จบ จน ปรินิพพานเป็นปริโยสานหมด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 12:25:37 )

ความหมายของสิทธัตถะ

รายละเอียด

“สิทธัตถะ” คือผู้มีตัณหาอันสำเร็จแล้ว คือผู้มีตัณหา มีความปรารถนา แต่มีความสำเร็จในความปรารถนาเป็นความปรารถนาขั้นวิภวตัณหา จบเลย เป็นตัณหาที่ไม่มีภพมีชาติอีกแล้ว เป็นความปรารถนาเป็นความอยากเป็นความต้องการที่ไม่มีภพมีชาติ ช่วยเหลือทำกรรมทุกกรรมไม่เกิดภพชาติอีกแล้วคนนี้ คนนี้ทำกรรมไม่มีวิบากอีกแล้วไม่มีผลเสียอีกเลย มีแต่กุศลอันถึงพร้อม ทุกกรรมกิริยาของพระอรหันต์ขึ้นไป โพธิสัตว์ระดับ 4 ขึ้นไปจึงมีแต่กุศลถ่ายเดียว 

แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสว่า เราไม่สันโดษในกุศล เราไม่พอ กุศลทำไปเถอะเป็นเครื่องอาศัยแม้แต่จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นดินน้ำลมไฟก็ไม่เห็นเป็นไร กุศลนี้ทิ้งไปเลย เลิก ไม่ต้องอาศัยกุศลนี้อีก แต่ถ้าคุณจะยังเวียนเกิดเวียนตายเป็นโพธิสัตว์จะรู้ดี อาตมาต้องสร้างกุศลให้ถึงพร้อมสร้างกุศลให้ไม่มีที่สิ้นสุดไม่สันโดษในกุศลไม่พอ สันโดษแปลว่าพอ สันโดษแปลว่าพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ นั่นแปลเอาให้ตัวเอง ไปถามคุณธนินท์ก็ได้ไปถามคุณเจริญก็ได้ ไปถามบิลเกตส์ก็ได้ เขาพอไหมในสิ่งที่เขามีอยู่ เขาหยุดที่ไหน เขาเอาอีกทั้งนั้น ไม่เคยพอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 12:50:52 )

ความหมายของอปุญญาภิสังขาร

รายละเอียด

พุทธรู้จักมารซาตาน และมีปุญญาภิสังขารฆ่ามาร ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 

อปุญญาภิสังขารแปลว่า ไม่มีบุญอีกแล้ว จะมีความหมายคล้ายอภิสังขารมาร ไม่ได้เลย เพราะหมดมารแล้วไม่ต้องทำบุญอีก คือ อปุญญา 

กรรมใดของผู้ อปุญญาภิสังขาร ถอนอาสวะสิ้นแล้วก็คือไม่ต้องทำบุญอีก อปุญญาก็มันหมดแล้วหมดเลย ธรรมะของพระพุทธเจ้าทำกิเลสหมดแล้วไม่ต้องหมุนกลับไปกลับมาอีก อย่างไม่รู้จักจบ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่เข้าใจโลกุตระจะไม่รู้จบ บุญก็เป็น two way ทั้งที่บุญเป็น one way บุญไม่มี 2 ทาง บุญมีทางเดียว เสร็จปั๊บหายไปเลย จบ ไม่ใช่บุญ ไปทางนี้แล้วยังย้อนกลับมาได้อีก แล้วเมื่อไหร่มันจะปรินิพพาน เป็นปริโยสาน หรือหมดอาสวะ หมดแล้วจริงๆ ไม่มีวนกลับมาอีกเลย ถ้าใครยังไม่เข้าใจความวนอยู่ ก็ไม่จบโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 04:49:39 )

ความหมายของอภิสังขาร 3 ที่แท้จริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อภิสังขาร 3 ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร 

สังขาร แปลว่า ปรุงแต่งอย่างพิเศษ ถ้าปรุงแต่งกับกิเลสก็ยิ่งอวิชชาแน่น 

ปุญญะคือ การฆ่ากิเลส ฆ่าแล้วเสร็จ ปุญญะ ก็จบกิจ เลิก ก็ไม่ต้องปุญญะอีก เป็นอปุญญาภิสังขาร 

บุญนี้ One way Traffic เดินไปหน้าถ่ายเดียว ไม่มีโค้งไม่มีวนกลับเลย บุญมีหน้าที่อย่างเดียว คำว่า บุญ เป็นคำที่ ความล้มเหลวความเสื่อมของศาสนาชัดเจนมาก 

คำว่า กายก็ดี บุญก็ดี ฌานก็ดี สมาธิก็ดี วิมุติก็ดี มันผิดหมดไปแล้ว แต่คำว่าบุญนี้สำคัญมาก กายก็สำคัญ ถ้าคุณไม่รู้สภาวะ 2 ก็จับตัวกิเลสไม่ได้ แล้วคุณก็ประหารกิเลสเสร็จด้วยบุญนี่แหละ ฌานกับบุญต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 13:57:51 )

ความหมายของอรหันต์คือ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ความหมายของอรหันต์คือ อรหะกับอันตะ 

อรหะคือไม่ลึกลับ อันตะคือสิ้นสุด มันมีความไม่ลึกลับ มันแจ้งจบแล้ว ไม่ลึกลับ สุดความลึกลับแล้ว อะไรลึกลับไม่มีอีก อรหะ อรหัง ไม่ต้องรบกับกิเลสอีกแล้วเรียกว่า อรณะ  คำว่ารณะ แปลว่าสงครามธรรมาธรรมะสงครามรบกับกิเลส คนเป็นอรหันต์แล้วจบ ไม่รบกับกิเลส เป็นบุคคลที่หมดความลึกลับหมดสิ้นกิเลสแล้วหมดจบกิจแล้ว 

อรหันต์ก็จบกิจอย่างนี้ ไม่ต้องมีสงครามกับตัวเองอีกแล้ว ก็มีแต่ไปช่วยผู้อื่น จะทำสงครามก็ทำช่วยผู้อื่น ซึ่งมันก็จะว่ายากก็ยากเพราะคนอื่นมันไม่ให้เราทำได้ง่ายๆ แล้วเราก็เจตนาดี ใช้ภาษาหยาบก็เรียกว่า เสือใส่เกือก เจตนาดีจะช่วยคนอื่นเขา อยากจะให้เขารู้จักอย่างที่เรารู้แล้วจบกิจได้อย่างที่เราเป็น เพราะฉะนั้นคนที่เขามีอัตตา มีความยึดถือตัวเอง มีความยึดถือความรู้ มีความเข้าใจผิด ก็ไม่อยากให้เราไปทำ เพราะว่าไม่เชื่อ แต่คนที่เขาเชื่อ คนที่เข้าใจ เขาให้ทำจึงได้ประโยชน์ ได้บรรลุไปเรื่อยๆๆๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกฯ#45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:59:44 )

ความหมายของอัญญธาตุ

รายละเอียด

อัญญธาตุ ที่เป็นธาตุรู้ชนิดใหม่ เป็นธาตุรู้ชนิดอื่น ที่แตกต่างทวนกระแสหรือว่ากลับขั้วกลับข้างกันตรงกันข้ามกันเลยทีเดียวกับของโลกียะของปุถุชนคนละเรื่อง เมื่อความเห็นความเข้าใจความเชื่อมั่น อัญญธาตุ คือทำให้เกิดความเห็นความเข้าใจความเชื่อมั่นเปลี่ยนทิศทางไปเป็นอื่นไปจากเดิมๆ เดิมเป็นปุถุชนเดิมเป็นโลกียะ คิดแต่แบบทุนนิยม 

ทีนี้มีตัวธาตุรู้ที่มาเข้าใจแบบนี้และเห็นดีเห็นงามแบบนี้ มันก็เปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางไป จะว่าแปลกว่าใหม่ จริงๆมันไม่หรอก ทิศทางมันต่างไปเป็นแบบทวนกระแส จากขี้โลภกลับไม่ขี้โลภ มันไม่ใหม่หรอกในมวลมนุษยชาติ ไม่ขี้โลภก็รู้ทั้งนั้นคืออะไร ขี้โลภก็รู้ทั้งนั้น มันเคยผ่านเคยพบมาเคยรู้มาเคยเกิดกับตนเองด้วยซ้ำ ทุกๆคนแหละ แต่จิตมันเห็นดีเห็นงามเห็นชอบไปคนละทิศในแต่ละ กาละ เทศะ ฐานะ เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล


เวลาบันทึก 06 เมษายน 2566 ( 14:07:16 )

ความหมายของอุปสัมบันและอนุปสัมบันตามพ่อครูว่า

รายละเอียด

อุปสัมบัน ท่านแปลว่าคือนักบวชแม้จะมีพฤติกรรมไม่ดีอย่างไรก็ตามก็เป็นอุปสัมบัน ส่วน อนุปสัมบัน ท่านแปลว่า คือฆราวาส แต่อาตมาว่า อุปสัมบันคือผู้มีภูมิธรรมพอจะพูดกันรู้เรื่อง ส่วนอนุปสัมบัน คือ มีภูมิไม่พอที่จะพูดกันรู้เรื่อง ที่จะบอกอุตริมนุสธรรมได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:31:43 )

ความหมายของอโศลกรรมปีนี้ “ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ”

รายละเอียด

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก “ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ” นี่มันก็ยากหน่อยหนึ่งนะ สัมผัสสระแอ อันนี้แหละจะได้ขยายความกันวันนี้ เพราะงานมหาปวารณาคราวนี้ เป็นงานสู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ เพราะว่าที่นี่มีทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจน ก็หมายความว่า แม้ทองคำแพงจะเป็นของแท้อย่างไรอย่างไร ก็ยังแพ้แรงคนจนโลกุตระ แสดงว่าคนจนโลกุตระนี้ชนะทองคำแพงแท้ อันนี้จริงไหม จริง พวกเราไม่เห่อทอง ไม่หลงใหลทองคำแท้ แม้จะแพงขนาดไหน ราคามันจะขึ้นจะลงไปอย่างไรแค่ไหน 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:00:45 )

ความหมายของเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจง่ายๆ

รายละเอียด

การที่จะสะพัด เป็นวิธีการบริหารประเทศชื่อว่าเศรษฐกิจก็คือการพยายามเฉลี่ย เฉลี่ยสิ่งที่มีอยู่ที่ไม่ค่อยพอเพียงให้ได้ใช้อาศัยกินทั่วถึง นี่คือ ความหมายของเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:56:56 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:35 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:52:11 )

ความหมายของเสขบุคคล

รายละเอียด

ความหมายของเสขบุคคล มีปุญญาภาคิยะ กับอุปธิเวปักกา ทำการได้ส่วนบุญ กับเป็นผลแก่ขันธ์ ทำลายกิเลสได้เป็นส่วนๆแล้วขันธ์ของเราก็สะอาด ทำต่อไปจนหมด มะม่วงก็หายไปหมดเลย ไม่มีแล้ว หมด คุณก็รู้ว่ามันหมด ทบทวนอีก มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีเหตุอะไรอีกในโลก โดยไม่ต้องไปเจตนา ถ้าหากเจตนามันไม่จริงเท่าไรหรอก มันมากระทบเองทีเผลอทีไม่เผลอ หนักหรือเบามาอย่างเบาก็ทนได้ มาอย่างหนักแต่ก็ทนได้ คุณก็จะรู้ได้ตามเหตุปัจจัยธรรมชาติธรรมดา คุณก็บอกตัวเองได้ว่า จิตของคุณหมดสิ้น ดับสนิทมันไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ไม่เกิดได้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:17:06 )

ความหมายของโพชฌงค์ 7

รายละเอียด

โพชฌงค์นี้ คือโพธิ คือความรู้ที่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้แบบพระพุทธเจ้าที่ท่านเป็นเจ้าของ เป็นเจ้าของความรู้ แบบนี้ เป็นคุณธรรมแบบนี้ เรียกว่าเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า แล้วท่านก็เอามาตรัสสอนคน ก็เรียกรวมสั้นๆด้วยภาษาว่า ตรัสรู้ ความตรัสรู้ นี่คือพระพุทธเจ้าทรงรู้มา ค้นพบมาเอง เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สุดยอดทางกายทางจิต รู้แล้วท่านก็มาประกาศให้มนุษย์โลกได้รู้ตาม เมื่อมนุษย์โลกรู้ตาม ก็เอามาปฏิบัติตามได้มรรคผลได้ประโยชน์ขึ้นมา ตามลำดับ 

ลำดับที่ได้เรียกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้คนเกิดคุณธรรมนี้ตามลำดับเป็น “โพชฌงค์ 7”  (องค์ธรรมที่เดินสู่การตรัสรู้)

1. สติ (ความระลึกได้) เปรียบเหมือนจักรแก้ว

2. ธัมมวิจัย (ความเฟ้นธรรม) เปรียบเหมือนช้างแก้ว

3. วิริยะ (ความเพียร) เปรียบเหมือนม้าแก้ว 

4. ปีติ (ความอิ่มใจ) เปรียบเหมือนมณีแก้ว 

5. ปัสสัทธิ (สงบจากกิเลส) เปรียบเหมือนนางแก้ว

6. สมาธิ (ความมีใจตั้งมั่น) เปรียบเหมือนคหบดีแก้ว

7. อุเบกขา (ความมีใจเป็นกลาง) เปรียบด้วยปรินายกแก้ว

(พตปฎ. เล่ม 11  ข้อ 81)

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 20:48:08 )

ความหมายของโศลกธรรม “ชีวิตหนอ พออยู่พอกิน

รายละเอียด

 ดี ถามมาเพื่อที่จะได้ ฟังรายละเอียดของคำพูดที่อาตมาพูดไปนี้ ก็เป็นคำพูดที่ให้พวกเราเรียกกันว่าเป็น โศลก เป็นภาษาที่เรียบเรียงมา ไม่ยาว ไม่มาก แล้วก็เป็นตัวภาษาที่สรุปประมวลว่า เราควรจะโฟกัสลงไปที่ตรงนี้นะ คำว่า โอ้ ชีวิตหนอ พออยู่พอกิน ก็คือ เป็นการเปรย ถึงชีวิต โอ้ ชีวิตหนอ ฟังดูก็เข้าใจดีแล้วล่ะ คำว่าหนอ เรียกว่า วัฏฏะ ท่านแปลภาษาบาลี วัฏฏะว่าหนอ ชีวิตหนอ คือ เป็นสร้อยคำ เป็นปัจจัยขยายคำว่า ชีวิต แต่ฟังแล้วไม่ดูสุภาพเท่า หนอ โอ้ ก็เป็นอุปสรรคนำหน้า ก็หมายความว่า ถ้าใครมีชีวิตหนอ แล้วก็พออยู่พอกิน เหมือนกับพวกชาวอโศก ชาวอโศกพออยู่พอกินไหม ถามจริงๆว่าเหลือกินไหม … เหลือ แล้วพวกคุณเป็นคนร่ำรวยเงินหรือ ….ไม่ใช่หรอกพวกคุณเป็นคนจน แล้วคนจนอย่างไรมีเหลือให้คนอื่น แจกให้คนอื่นอีก ตลบตะแลงหรือเปล่า ไม่อยากจะใช้คำว่า ตอแหล จริงหรือเปล่า จริง

ขอยืนยันว่าพฤติกรรมจริงของคนจนมหัศจรรย์ จนอย่างพออยู่พอกิน จนอย่างอุดมสมบูรณ์ จนอย่างเหลือเฟือแจกจ่ายผู้อื่นได้ เป็นคนจนมหัศจรรย์จริงๆ คนรวยแล้วก็ขี้เหนียว โลภ เป็นของตัวของตนของกู ไม่จ่ายไม่แจกไม่เผื่อแผ่เท่าคนจนแบบอโศก คนจนมหัศจรรย์นี้หรอก แล้ว เผื่อแผ่แจกให้กับผู้อื่นอยู่ตลอดทุกนาทีทุกวินาที หมายความว่า เราไม่ได้ยึดว่า เป็นของเรา ทำแล้วก็เอาเข้ากองกลาง กองกลางก็บริหารเผื่อแผ่ แล้วก็กินใช้อยู่ในพวกเรานี้ด้วย  พออยู่พอกินแล้ว เผื่อแผ่ออกไป มีกระท่อมปันสุข เขาหยุดกันแล้วในสังคม เขาเห่อพักนึง ของเราทำต่อ แล้วก็มีเผื่อแผ่ออกไปอีก ปลูกไปตามข้างถนนสาธารณะ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่กินได้ให้คนอื่นเก็บไปกิน เพราะของเราทำก็พออยู่พอกินแล้ว แล้วเผื่อแผ่ทั้งแรงงาน ของข้างในเราก็เอาไปเผื่อแผ่แจกจ่าย คุยตัวเท่าไหร่ก็ไม่หมดมันช่างมีอะไรที่สมบูรณ์พูนสุขพออยู่พอกิน จริง 

คนจนที่มหัศจรรย์เป็นคนจนจริงๆนะคือไม่สะสมวัตถุ อปจยะ แต่มีวิริยารัมภาะ ตามวรรณะ 9 ข้อ 8 ข้อ 9 เลย อปจยะ ไม่ได้เป็นคนสะสม เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่สะสม มีเท่าไหร่สะพัดออกด้วย มีพลงงาสนวิริยรัมภะ พลังงานที่ขยันหมั่นเพียร เพราะฉะนั้นอาการที่พวกเรามีอยู่ กายกรรม วจีกรรมมโนกรรม จึงเป็นอาการที่น่าเลื่อมใส ปาสาทิโก หมู่บ้านข้างเคียงนั้นเราไปเขาก็ยกมือไหว้ทั้งนั้น อาตมาไปนี่เขาเข้าใจ เพราะว่าเราเผื่อแผ่เราให้ บ้านราชฯนี่ เป็นซาอุเล็กๆ กระจิ๊ดนึง ของหมู่บ้านแถวนี้ ประชากรในหมู่บ้านต่างๆมาทำมาหากินในบ้านราชนี่แหละ จนตั้งฐานะได้ตั้งแต่เปล่าๆไม่มีเงินมีทองเท่าไหร่ กระทั่งเดี๋ยวนี้ซื้อรถแบคโฮเอง แล้วก็มาหากินอยู่ในนี้ต่ออีก ซื้อรถยนต์ มีรถเทรลเลอร์ลากไปมา หากินในทีนี้ ไม่ใช่มีคนเดียวมีเป็นร้อยๆคนเลยทุกวัน อยู่ในหมู่บ้านราชธานีอโศกนี้ 

หมู่บ้านราชธานีอโศกไม่ได้ไปหากินในหมู่บ้านอื่นเลย มีแต่แจกหมู่บ้านอื่น แต่หมู่บ้านอื่นมาหากินใน ซาอุกระจิ๊ดนี่ นี่ก็จะเปิดโอกาสให้หาที่ให้ มาค้าขายในบวรนี้ได้อีก ต้นปีนี้เปิดเลย ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ก็จะมีลำลองอะไรบ้างก่อน ยังไม่ได้เปิดเมืองหมู่บ้านทีเดียว จะเปิดตอนปีใหม่ คืออาตมาภูมิใจในธรรมะพระพุทธเจ้าอาตมาทำสำเร็จ ในพฤติกรรมทางด้านสังคมศาสตร์ก็ตาม พฤติกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองก็ตาม ที่อาตมาพาพวกเราทำ รู้แล้วแต่เป็นสิ่งที่ได้จากธรรมะพระพุทธเจ้าทั้งนั้น อาตมาไม่ได้เอามาจากอย่างอื่น ไม่ได้มีความรู้จากอย่างอื่น มีแต่ความรู้ของพระพุทธเจ้าอย่างเดียวที่อาตมามีแล้วเอามาให้พวกคุณ มาฝึก ฝึกบุรุษที่สมควรฝึก อาตมาทำตามพระพุทธเจ้า มาฝึกพวกคุณจนพวกคุณได้รับความรู้ ได้รับประโยชน์แต่ละคนฝึกฝนจนมาเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่มาฝึกแล้วไม่ได้ ฝึกได้แต่นั่งหลับตาสะกดจิตแล้วได้ฌาน แล้วหลอกว่าเป็นอรหันต์แล้ว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังคม ไม่ได้เห็นพัฒนาการอะไรเลย 

แต่นี่มีพัฒนาการเห็นเป็นรูปธรรม ยืนยันชัดเจนเลย มีสิ่งที่ยืนยันได้ อ้างอิงได้ มีสิ่งที่ปรากฏการณ์จริงให้เห็น ถ้ามีปัญญาก็เอาไปเทียบกับคำสอนพระพุทธเจ้าได้หมด ลงตัวที่ถูกต้องตามสัจธรรม เพี้ยนไปจากของเถรสมาคมให้ความหมายคำสอน ของพระพุทธเจ้า ฉะนั้นสรุปแล้ว คนที่แปลธรรมะพุทธเจ้าถูกก็คือพวกเรา เถรสมาคมต่างหากที่แปล ธรรมะพระพุทธเจ้าผิด โพธิรักษ์เอ๋ย เบ่งใหญ่แล้ว เอ้าพอ มันจะใหญ่เกินไป คนเข้าใจก็เข้าใจยังคุณชาญณรงค์ขอให้อายุ 2 หมื่น ปีก็ขอบคุณ เป็นคำอวยพรของคนจีนเขาขอให้อายุยืนหมื่นๆปี 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 13:29:45 )

ความหมายของ“สัมภเวสี”

รายละเอียด

ผู้ที่“วิญญาณ”ยังไม่มี“ที่เกิด(สัมภวะ”)หรือไม่มี“ที่ตั้ง(ฐีติ)” เรียกอาการของ“ธาตุรู้”ชนิดนี้ว่า “สัมภเวสี” 

“สัมภเวสี”คือ “วิญญาณ”ที่ไม่มี“ที่ตั้ง(ฐีติ)”หรือไม่มี“แดนเกิด(สัมภวะ

หรือปภวะ)”

“วิญญาณ”ในแบบศาสนาพุทธ ต้องมี“แดนเกิด”ต้องมี“ที่ตั้ง”

“ที่ตั้ง(ฐีติ)”หรือ“แดนเกิด(สัมภวะหรือปภวะ)”อันจะใช้ศึกษาได้นั้นคือ เกิดที่“ตาสัมผัสรูป-หูสัมผัสเสียง-จมูกสัมผัสกลิ่น,ลิ้นสัมผัสรส,กายสัมผัสโผฏฐัพพะ” 

5 ทวารนี้แหละที่จะเป็น“ที่ตั้งหรือแดนเกิด”ให้เราก็รู้ ผู้อื่นก็สามารถร่วมรู้ได้ด้วยเป็น“กายสักขี” 

“กายสักขี”คือ มี“กาย”เป็น“พยาน” ร่วมตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมเห็นกับตา ร่วมรู้ด้วยกันกับผู้อื่นทั้งหลายได้(มิใช่รู้เห็นอยู่แต่ผู้เดียวเท่านั้น) 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 435 หน้า 316


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:07:22 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:38:57 )

ความหมายคำว่า วิสาสะ

รายละเอียด

วิสาสะ คือ ของกันเอง ก็ต้องแน่ใจว่า เขาไม่หวงแหนไม่มีใครหวงแหน เอาไปใช้ร่วมกันได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุท ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:55:45 )

ความหมายลึกซึ่งของ สารีปุตโต

รายละเอียด

จริงๆแล้วคำว่า เทศน์โปรดมารดานั้นคือพระพุทธเจ้า ไปเทศน์ที่ไหน เทศน์เมื่อไหร่ เป็นคำสอนออกมาแล้ว พระสารีบุตรจะพยายามรับให้ได้ยิน ท่านนั่งฟังธรรมอยู่ตีนภูเขา ตั้งใจฟัง แสดงว่าจะต้องพยายามเอาสาระ แม้แต่ในภาษาชื่อของพระสารีบุตรก็คือ บุตรที่เอาสาระ คั้นเอาแก่นสาระสารีปุตโต จะต้องฟังธรรมแล้วคัดกรองคัดเฟ้น แทงทะลุเอาแก่นสาระให้ถึงแก่นให้ได้ นี่คือความหมายลึกซึ้งของ สารีปุตโต

แล้วก็ได้จากที่พระพุทธเจ้าเทศน์ การเกิดขึ้นคือการเกิดธรรมะ ไม่ใช่การเกิดของตัวตนบุคคลเราเขา เป็นการเกิดของธรรมะ การเกิดทางจิตเรียกว่า โอปปาติกโยนิ เพราะฉะนั้นในสัมมาทิฏฐิ 10 ลองทวนดูซิ เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา)  ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา) 

1. ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด)  (อัตถิ ทินนัง)

2. ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว  มีผล  (อัตถิ  ยิฏฐัง) 

3. สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว  มีผล  (อัตถิ  หุตัง) 

4. ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว  มีแน่  

(อัตถิ  สุกตทุกกฏานัง  กัมมานัง   ผลัง  วิปาโก)  

5. โลกนี้ มี (อัตถิ  อยัง  โลโก)  หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ

6. โลกหน้า  มี  (อัตถิ  ปโร  โลโก)  หมายถึง โลกโลกุตระ 

7. มารดา  มี  (อัตถิ  มาตา) 

8. บิดา  มี  (อัตถิ  ปิตา) 

9.   สัตว์ที่ผุดเกิดเอง มี (อัตถิ  สัตตา โอปปาติกา) 

10.  สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย  อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ) (พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 257) ข้อที่ 10 มีคำที่ระบุชัดว่าผู้ที่จะเข้าใจโลกนี้โลกหน้าจะต้องเป็นขั้น สยังอภิญญา

สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเองในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา  เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)   โลกยุคไหนก็ตามถ้าไม่มีคนเช่นนี้ ไม่มีสยังอภิญญา ไม่มีสัตบุรุษก็ไม่มีหลักประกัน ไม่มีสิ่งยืนยันตามคำตรัสพระพุทธเจ้าที่ว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมหรือที่จะอธิบายโลกนี้โลกหน้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 18:50:04 )

ความหมายสามเส้าของอัตตา สัมมา ปณิธิ

รายละเอียด

จักร 4 ท่านใช้คำว่าอัตตสัมมาปณิธิ 

สัมมา คือ ถูกต้อง ปณิธิ คือการตั้ง ท่านก็แปลว่า การตั้งตนให้เป็นสัมมา เราก็พอเข้าใจได้คือทำตัวเราเองให้เป็นผู้ที่มีสัมมา ตั้งอะไร การตั้งลง หยั่งลง ที่จิตของตน อัตตะ ทำจิตของตนให้สัมมา แล้วสั่งสมลงเป็นตน ในความหมายสามเส้า อัตต สัมมา ปณิธิ เป็นตัวกระบวนการเสร็จแล้วก็ทำงาน จริงๆตัวทำจริงๆก็คือสัมมา 

ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาสติสัมมาวายามะ ให้เกิดตั้งลงคือสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ 

จิตตั้งลง จนตั้งมั่น จิตแข็งแรง โดยความเป็นสัมมา ก็กลายเป็นว่า คำว่า อัตตะ หรือ อัตตา เป็นพยัญชนะที่ยืนยันว่าเรามีสภาพอัตภาพของเราอยู่ ส่วนความไปยึดอัตตาเป็นเรา ยึดอัตนียาเป็นเรา ยึดตัวเป็นเรา ยึดตัวเป็นของเรา อันนั้นลึกซึ้ง ละเอียดขึ้นไปอีกที

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 04:46:40 )

ความหมายสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 สังคมสาธารณโภคี

รายละเอียด

ต่อมา สาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 และ สังคมสาธารณโภคี เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 อาตมาก็ยืนยันว่า พวกชาวอโศกนี้เป็นพวกสังคมสาราณียธรรม 6 มีหัวข้อ 6 อย่าง 

สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา   

ลาภธัมมิกา คือ ลาภที่ได้โดยธรรม ไม่ได้เป็นลาภทุจริตแต่เป็นลาภที่ได้โดยสุจริต เอามาเป็นกองกลางกินใช้ร่วมกันเรียกว่า สาธารณโภคี 

มีคุณธรรมของพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  อยู่กันอย่างมีความสามัคคี พร้อมเพียงกันทำอะไรก็เป็นปึกแผ่น เอกีภาวะ สุดยอดเลย

เพราะฉะนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ท่านตรัสเอาไว้อย่างไร เราเอามาเรียนรู้ ทำได้ตามพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ อย่างนั้น นี่คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 19:03:02 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์