@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ศรัทธานำไม่จบ

รายละเอียด

สายศรัทธาพยายามจะแสวงหา โสดาปัตติผล พยายามแสวงหาอาริยมรรค แต่สายศรัทธาจะแสวงหาได้ช้ากว่าปัญญา ปัญญาจะเร็วกว่า อันนี้ไม่ได้แกล้งข่มกันนะ แต่มันเป็นสัจจะของมัน 

แล้วคนที่เป็นตระกูล DNA เป็นศรัทธามา กับตระกูล DNA เป็นปัญญามา มันก็เป็นจริงอีกของคน มันไม่ได้แกล้ง มันเป็นมาเป็นอย่างนั้นเลย 

แล้วมาเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนได้ ศรัทธาต้องมาเรียนปัญญาให้เต็มที่ซึ่งเป็นอุภโตภาควิมุติ เท่ากัน ปัญญากับเจโตก็เท่ากัน 

มันต่างกันที่ปัญญาเป็นตัวนำ ทีนี้ ธัมมานุสารี ใช้ ปัญญาเป็นตัวนำ ได้โสดาปัตติผล ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลจะชื่อว่า ทิฏฐิปัตตะ เป็นตัวที่ 3 

สัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ 3 อันนี้เป็นอันที่อยู่ล่างทำไมถึงช้า 

สัทธานุสารี ธัมมานุสารี ทิฏฐิปัตตะ 3 อันนี้เป็นปัญญาทำไมถึงเร็ว 

สายปัญญามีปัญญาเป็นตัวนำ ศาสนาของพระพุทธเจ้านั้นต้องจบด้วยปัญญาอันยิ่ง ใช้ปัญญานำไม่ใช่ศรัทธานำ 

ศรัทธาไม่จบ ศรัทธานำไม่จบ เพราะฉะนั้นไปถึง อุภโตภาควิมุติ ศรัทธาต้องมีปัญญา คุณจะมีศรัทธามากเท่าไหร่ ถ้าคุณไม่มีปัญญาไม่บรรลุ กว่าคุณจะเข้าสู่ทิฏฐิปัตตะ กว่าจะเข้าสู่กายสักขี ต้องมีความรู้ ในความเป็นกาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 05:29:46 )

ศรัทธานุสารี

รายละเอียด

ทำตามๆ เขาไปเพราะเชื่อตามๆ เขามา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 105


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:26 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:51:05 )

ศรัทธาบริบูรณ์จึงเกิดมนสิการ

รายละเอียด

ผู้เริ่มต้นเชื่อมั่น จะได้ฟังสัทธรรมบริบูรณ์ก็ได้มีศรัทธาบริบูรณ์ เมื่อศรัทธาบริบูรณ์ก็ลงมือปฏิบัติ ปฏิบัติให้เกิดกายวาจาใจ โดยที่ใจนี่แหละเป็นตัวหลักของศาสนาพุทธ จะต้องอ่านถึงใจเรียกว่ามนสิ แปลว่า ถึงใจ จะต้องเข้าถึงใจ อ่านอาการใจ แล้วพระพุทธเจ้าก็สอนตัวเวทนาเป็นตัวสำคัญ เวทนา จะประกอบไปด้วยกายด้วยจิต ประกอบด้วยข้างนอกข้างใน มีการสัมผัสกันมีนามรูป อายตนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:39:47 )

ศรัทธาพระเจ้าอชาตศัตรู

รายละเอียด

พระเจ้าอชาตศัตรูมาเข้าใจพระพุทธเจ้าได้ โอ้โห ว่าสุดยอด จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านได้ลองใจถามว่า ถ้าคนของท่านที่ท่านรัก เป็นผู้ที่เป็นผู้อยู่ใกล้ชิด ตื่นก่อน นอนทีหลัง รับใช้ใกล้ชิด เป็นผู้ที่ท่านโปรดเลย แล้วเขามายินดีในวัตรปฏิบัติอย่างของพระพุทธเจ้าพาทำ มาศรัทธา คือตอนนั้นจะพูดว่าแยกศาสนาโลกียโลกุตระก็ยังไม่ได้พูด พูดไม่ค่อยชัด อย่างโน้นก็นับถือแบบนั้น แต่ถ้าเขามานับถือแบบพระพุทธเจ้าพาทำ เรียกว่ามาเข้ารีตอย่างนี้ การเข้ารีตหมายถึงมาเข้าจารีต มาเข้าลัทธิ 

ถ้าคนของท่านผู้ที่ท่านรัก เป็นราชวัลลภ เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิด มาศรัทธานี้ท่านจะเอาคืนไปไหม พระเจ้าอชาตศัตรูบอกว่าไม่เอาคืน มีแต่จะสนับสนุนส่งเสริมเขา ขนาดพระเจ้าอชาตศัตรูมีอนันตริยกรรม ฆ่าบิดาแท้ๆ ยังมีภูมิปัญญารู้ได้ แต่เพราะอนันตริยกรรมถึงได้แค่นั้นก็เป็นพลวปัจจัยให้แก่พระเจ้าอชาตศัตรูเหมือนกัน ที่ได้พบพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรมได้ศรัทธาได้เข้าใจในระดับไปเรื่อยๆสะสมภูมิธรรมไปเรื่อยๆ อย่างนี้เป็นต้น 

นี่คือสัจจะที่เอาตำนานเอาเรื่องราวจริงๆเป็นประวัติศาสตร์ของพระพุทธเจ้ามาขยายธรรมะให้ฟัง มันค่อยๆสะสมหน่วยกิตภาษาสมัยใหม่ สั่งสมหน่วยกิตของโลกุตรธรรม หรือ อัญญธาตุ ที่อาตมาใช้ภาษาอีกภาษาเป็นธาตุที่แปลกธาตุใหม่เป็นธาตุโลกุตระซึ่งมันไม่มีในโลกียะ มันก็ค่อยๆเกิดจริงมีคุณธรรมคุณสมบัติจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 18:16:47 )

ศรัทธาพละ

รายละเอียด

1. ศรัทธาอันแกร่งกล้าในอันที่จะส่งเสริมธรรมะ และการเพิ่มพูนธรรมให้แก่ตนยิ่งขึ้นอีก 

2. เชื่อมั่น 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 286

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 47


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:22 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:34 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:50:41 )

ศรัทธาวิมุติ

รายละเอียด

คือ วิมุติ แต่เป็นวิมุติตามทิฏฐิของตนๆยังไม่เป็นสัมมาวิมุติ ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ตามแบบของศาสนาพุทธแท้ เพราะยังไม่เป็นโลกุตระสัจจะซึ่งผู้ยังมิจฉาทิฏฐินั้นแม้สมมุติสัจจะ ก็ยังไม่มีเลยหลงงมอยู่กันแต่ปรมัตถสัจจะที่เป็นทิฏฐิของตนๆเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 296


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:31:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:23:01 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:51:25 )

ศรัทธาวิมุติมันมีช้ากับมียากไม่เหมือนทิฏฐิปัตตะ

รายละเอียด

เงื่อนไขหลัก ถ้าหากสัทธาวิมุติเริ่มมีปัญญาแล้ว หากไม่มีปัญญา ไม่รู้กาย ไม่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว คุณก็จะจมอยู่ใน มิจฉาวิมุติ จมอยู่ในโลกเดิม โลกสายศรัทธา หรือเฉโกของคุณนั่นแหละ แล้วมันเป็นสัจจะอย่างหนึ่งว่า มันจะช้า จะยาก มันก็ไปบังคับไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ช่วยเขา 

แต่ถ้าขวนขวายพยายามจริงๆ เขาก็จะเร็วขึ้น ไม่ใช่ปิดกั้นว่าให้ศรัทธามาเป็นปัญญาไม่ได้ เป็นได้ รู้ได้ เจริญได้ ผู้ใดที่เปิดจิตพากเพียรพยายาม คุณก็หลุดออกจากตัวเองได้แล้วเข้ามาสภาพใหม่ได้ ศรัทธาก็ตาม เป็นตระกูลศรัทธาก็ตาม คนก็ได้เพิ่มเพราะไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ความรู้ของพระพุทธเจ้าไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ คุณสามารถรับได้ คุณเปิดจิตของคุณเองนะ คุณยึดตัวเองมากเป็นอัตตามานะ มันก็ไม่ค่อยออกคุณเปิดคุณก็มาได้ แล้วคุณก็แสวงหา คุณไม่มีอัตตามานะมากมายคุณก็จะได้  

สรุปที่ว่าศรัทธาวิมุติมันมีช้ากับมียาก ตรงนี้คุณไม่เหมือนทิฏฐิปัตตะที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "แต่ไม่ใช่เหมือนทิฏฐิปัตตะ"เพราะทิฏฐิปัตตะเขาง่ายและเร็ว ส่วนสัทธาวิมุตินั้นช้าและยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 19:02:26 )

ศรัทธาสัมปทา

รายละเอียด

การถึงพร้อมด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกที่ดี  ทางเดินแห่งชีวิตที่ถูกที่ดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 185


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:26:18 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:33 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:51:40 )

ศรัทธาสูตร

รายละเอียด

1.ศรัทธา  (เชื่อถือเลื่อมใสในอริยสัจเป็นต้น)

2.ศีล (ในบริบทที่สูงไปสู่สีลสัมปทา แห่ง จรณะ15)

3.พหูสูต/พาหุสัจจะ (รู้สัจจะบรรลุจริง จนรู้มากขึ้น) .

4.เป็นพระธรรมกถิกะ (อธิบายสัจธรรม สอนความจริง)

5.เข้าสู่บริษัท (สู่หมู่กลุ่มอื่น) .

6.แกล้วกล้าแสดงธรรมแก่บริษัท

7.ทรงวินัย

8.อยู่ป่าเป็นวัตร  ยินดีในเสนาสนะอันสงัด (คืออุเบกขา) . .

9.ได้ตามความปรารถนาโดยไม่ยาก ไม่ลำบากซึ่งฌาน 4 

10.ได้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้

ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 10 ประการนี้แล  ย่อมเป็นผู้ก่อให้ เกิดความเลื่อมใสโดยรอบ และเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง

ที่มา ที่ไป

561230


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 16:57:10 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:38:30 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:52:00 )

ศรัทธาและปัญญาต้องพยายามเพิ่มสิ่งที่ขาด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นปัญญา มันเฟ้อมันมาก ก็ต้องพยายามเอาศรัทธามาใส่ มันจะได้สมดุลกัน ศรัทธาต้องเอาปัญญา  ปัญญาต้องเอาศรัทธา พยายามเพิ่มสิ่งที่ขาด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:55:53 )

ศรัทธาและปัญญาอยู่ด้วยกัน

รายละเอียด

การฟังแล้ววิจัยวิจารณ์พยายามทำความเข้าใจให้ได้ตัดขอบเขต แล้วทุกอย่างมันจะตัดขาดกันทีเดียวไม่ได้ มนุษยชาติต้องอยู่ด้วยกัน ทั้งศรัทธาและปัญญา หรือแม้แต่วิตักกะ ก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้น แยกไม่ออกหรอก ไปด้วยกันช่วยกันไป เพราะฉะนั้นวิจารณ์กันก็ดีแล้ว ฟังแล้วเอาไปใช้เอาไปคิด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:34:38 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:39:04 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:52:26 )

ศรัทธินทรีย์

รายละเอียด

1. เชื่อฟัง 

2. อินทรีย์แห่งความเชื่อ 

3. ดีกรีแห่งความเชื่อ

4. อินทรีย์ของศรัทธา , ความเชื่อที่มีอำนาจในใจตน หรือมีความเป็นใหญ่ในใจตนมากกว่าความเชื่อแบบสามัญหรือแบบไม่มีคุณภาพทางพุทธธรรม 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 47  เปิดโลกเทวดา หน้า 93  พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 87

วิถีพุทธ หน้า 52


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:51 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:45 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:36:27 )

ศรีอาริยเมตไตรย์

รายละเอียด

ศาสนาพุทธที่จะเจริญในข้างหน้าต่อไป ”ว่าเป็น ความเจริญของ“โลกุตระ” ที่ต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงทั้งความ เป็น“โลก” และความเป็น“อัตตา” แล้วไม่ตกเป็นทาสของ “โลกและอัตตา” ก็คือ สามารถ“อยู่เหนือ”หรือ“หลุดพ้น” ความเป็น“โลก”และ“อัตตา”นั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 398


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:37:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:26:10 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:38:29 )

ศักดินา

รายละเอียด

หมายถึงทาสทางลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นทาสทางโลกธรรม ไม่ใช่ทาสที่เป็นตัวตนบุคคล ทาสที่เป็นจริงวันสัตว์เดรัจฉานที่มีเจ้านายเป็นเจ้าของ จะฆ่าก็ได้จะขายก็ได้ เหมือนข้าวของเหมือนสมบัติส่วนตัว ส่วนศักดินา เป็นทาสทางลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คือโลกธรรม

ศีลพระพุทธเจ้าถึงแยกศีลข้อที่ 1 เป็นเรื่องของสัตว์กับคน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:29:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:27:39 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:53:32 )

ศัพท์ทางวิชาการของศาสนา 

รายละเอียด

นี่แหละเป็นการศึกษา เราจะเห็นสภาพ 2 ที่เปรียบเทียบกันไป มีคู่ให้เปรียบเทียบศึกษา อาตมาก็สรุปไม่เก่ง ว่าจริงๆแล้วในมหาจักรวาล ในเอกภพ ในทุกสิ่งทุกอย่าง คำว่าเทวะ หรือคำว่าสอง มันจะต่างกัน แล้วมันก็ต้องร่วมกัน มันจะต่างกัน แต่ถ้าเผื่อว่าคุณจะอยู่ร่วมกันด้วยความสงบอบอุ่น คุณต้องอยู่กันอย่างเข้าใจ พระพุทธเจ้าสรุปรวมอันนี้ลงไป แตกต่างกันที่สุดแล้ว มันไม่มีทางจะตกลงกันอีกแล้วว่า นานาสังวาส ถ้าร่วมกันอยู่อย่างสนิทสนมก็เรียกว่าสังวาส ถ้ามีต่างกันก็เป็น นานาสังวาส เป็นภาวะ 2 ขึ้นมาทันที ถ้ามีหนึ่งเดียวก็เป็นสังวาส ถ้าแตกแยกกันเลยก็เรียกว่า อสังวาส ถ้าพอกะล่อมกะแล่มพออยู่กันไป เรียกว่า สมานสังวาส นี่คือศัพท์ทางวิชาการของศาสนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:19:34 )

ศาสดา

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เป็นศาสดาพระพุทธเจ้าคือศาสดาของศาสนา แปลคำว่าศาสดาก็ใช้ในศาสนาอื่นได้ด้วย เป็นคำกลางๆไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น จนกระทั่งต้องให้ใช้เฉพาะพระพุทธเจ้าอย่างเดียว คำว่าศาสดาคือผู้ที่เป็นครูที่สอนได้ ถ้าไม่มีใครสูงกว่าในยุคไหนคนนั้นก็ถือว่าเป็นศาสดาก็ได้ 

อยู่ที่เนื้อหาสัจธรรมที่ผู้นำแสดงออกแล้วให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ต่อไปมันสูงเท่าไหร่ก็เท่านั้นตามสัจจะ ไปยึดถือในบัญญัติก็เท่านั้นเอง แต่ว่าไม่ได้เป็นศาสดาก็ไม่มีปัญหาทำประโยชน์ให้มันได้ก็เท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 15:17:15 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:29:07 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:52:56 )

ศาสดา 3 จำพวกที่ควรถูกทักท้วง

รายละเอียด

1. ไม่บรรลุธรรม  บอกสอนสาวกเขาก็ไม่ฟัง  และสาวกก็ไม่ได้บรรลุธรรมตาม

2. ไม่บรรลุธรรม  สอนสาวกก็เคารพเชื่อฟังดี  แต่สาวกก็ไม่ได้บรรลุธรรมตาม

3. บรรลุธรรมแล้ว บอกสอนสาวกแต่ไม่เชื่อฟัง  และสาวกเองก็ไม่ได้บรรลุธรรมตาม

4. ศาสดาที่ไม่ควรท้วงคือ  เป็นผู้บรรลุธรรมแล้ว ย่อมบอกสอนให้สาวกบรรลุธรรมตามได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 9  โลหิจจสูตร , ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 20:07:00 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 10:37:10 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:39:01 )

ศาสดาของทุกศาสนาเทวนิยมจริงแล้วได้ความรู้มาจากไหน

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมไม่สามารถรู้ได้ มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถรู้ได้ เป็นมนุษย์อย่างพระบุตรของเทวนิยมหรือพระศาสดาของทุกศาสนาเทวนิยม บอกว่าได้ความรู้มาจากพระเจ้าที่เป็นพระบิดา ก็คือความรู้ของพระศาสดาเองนั่นแหละ แต่ท่านไม่รู้ ว่าเป็นความรู้ที่เป็นสัมภารวิบากที่ท่านสะสมมาของตนเอง กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตตีโลโก ไม่รู้เรื่องกรรมเรื่องวิบาก เขาว่ากันอย่างนั้นแหละ ทั้งนั้นของเทวนิยม 

ความรู้ที่เอามาประกาศของแต่ละศาสดา ก็บอกว่าของพระเจ้า ของพระบิดา ตัวเองเป็นผู้นำของพระเจ้ามาประกาศ แต่ที่จริงแล้วของท่านเอง แต่ท่านไม่รู้ตัวเอง พระเจ้านี้ไม่รู้อัตตาไม่รู้ตัวเอง ฟังดีๆชัดๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:09:07 )

ศาสดาของพุทธต่างจากศาสดาอื่นอย่างไร

รายละเอียด

อัตภาพตั้งแต่เซลล์เดียว จนกว่ามาเป็นหลายเซลล์จนมาเป็นมนุษย์ มนุษย์อเวไนยสัตว์ก็อีกหลายล้านชาติ จนกว่าจะเป็นเวไนยสัตว์โลกีย์วนเวียนในดีชั่วแล้วก็ลืมวนอีก เป็นสมบัติผลัดกันชม แย่งกันดีแย่งกันชั่ว ผู้แย่งได้สมบูรณ์แบบครั้งหนึ่งก็เป็นศาสดาแล้วก็วนอีกไม่เที่ยงแท้แน่นอน เพราะดีแล้วจะหลงดี จะไม่รู้จักตัวตนโลกียะ ไม่ได้ละตัวตน หากยึดตัวตนว่าดี สุดท้ายคนอื่นจะมาชิงดี คนก็ผยองลืมตัว คนที่ไม่ผยองลืมตัวก็จะดีกว่าได้ทดแทนไป ก็ไม่เที่ยง แม้ศาสดาก็ไม่เที่ยง แต่หากเป็นศาสดาของพุทธจบสุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วก็ไม่มีใครมาแย่ง

มีคนถามว่าเป็นพระพุทธเจ้าสุดยอดแล้วจะปรินิพพานทำไม อยู่ช่วยโลกไปสิ คนเขาไม่รู้ว่า คนเป็นพระพุทธเจ้านี้สอนคนช่วยโลกมาจนเบื่อแล้ว โพธิสัตว์ก็สอนคนมาไม่รู้กี่ล้านปีน่าเบื่อจะแย่ เพราะฉะนั้นให้ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานไปสิ พระพุทธเจ้าไม่มีภพชาติแล้วไม่มีสองสมัย กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้านี้สอนคนมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(ธรรมะ 2) ตอน ทำไมคนเราต้องปฏิบัติธรรม วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม  2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:29:09 )

ศาสดาของพุทธมีปัญญาต่างจากศาสดาทางโลกียะ

รายละเอียด

เป็นศาสดาของพุทธ มีปัญญารู้จักโลกุตระเสียแล้วก็ไม่ไปเป็นศาสดาทางโลกียะ ก็จะต้องพยายามเป็นศาสดาทางโลกุตระให้ได้ อย่างเช่นอาตมาไม่ไปเป็นศาสดาทางโลกียะแค่นั้น เมื่อย เสียเวลาเปล่าๆ ก็สอนให้คนไป มันก็แย่งกันอยู่ดี เพราะว่าไม่ได้ล้างอัตตา ไม่ได้รู้ตัวตน ไม่รู้ลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข มันก็หลงวนเวียนไม่รู้จักจบ เมื่อย ถ้าไปสอนอยู่ก็มีแต่ความเมื่อยกับเมื่อย แล้วไม่รู้จักจบอยู่อย่างนั้น ทรมานทรกรรมไปตลอดกาล ก็ต้องเอาอย่างที่รู้จักจบ แม้จะดีเป็นคนดีก็ดีได้ โดยที่เราปิดประตูชั่วเลย มีแต่กรรมกิริยาต่อไป เป็นพระอรหันต์แล้ว สัพพปาปัสสะ อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง), กุสลัสสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม), สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส)  

เป็นหลักยืนยันรับผิดชอบรับรองว่าถ้าจะยังอยู่เป็นคน เกิดอีกไม่มีทางเลวไม่มีทางชั่วไม่มีทางต่ำ และสูงสุดถึงขั้นรู้วิญญาณรู้จักสังขารปรุงแต่งกันอยู่แยกแยะได้ สุดท้ายอนัตตาไม่มีตัวตนจริงๆ อาตมาเทศน์สุดจบแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:31:35 )

ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

รายละเอียด

เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นครูของเทวดา ของมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาคืออะไร มนุษย์คืออะไร แปลกันง่ายๆว่าเทวดาคือผู้มีจิตสูง มนุษย์ก็แปลว่าผู้มีจิตสูง มนุษย์ หมายความถึง ผู้ที่มีกาย มีสัญญา ที่ชัดเจนรู้ได้มีรูปมีนาม มนุษย์ คน เป็นกายเป็นดินน้ำไฟลมแท่งก้อนเป็นรูปเป็นร่าง มนุษย์ มีกาย อย่างหนึ่ง เทวดา มีกาย อีกอย่างหนึ่ง แม้แต่มิจฉาทิฎฐิก็เข้าใจ กายอีกอย่างหนึ่ง สัมมาทิฏฐิก็หมายถึงนามธรรมเหมือนกัน ส่วนมนุษย์นั้นรูปธรรมชัดๆ เทวดากับมนุษย์นี้แยกเป็นสองต่างกัน มนุษย์ คือคนมีดินน้ำไฟลมแต่มีใจสูง เทวดาก็เน้นที่มีใจสูง เทวดาจะหนักไปทางนามธรรม แต่มนุษย์หมายถึงรูปธรรมก่อน อย่างนี้เป็นต้น ก็เอาทั้งสองอย่างมา เป็นครูของเทวดาทั้งนามธรรมและรูปธรรมแต่จริงๆแล้วรวมอยู่ที่คนนั่นแหละ 2 ใน 1 ใน 2 อยู่ในนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:33:02 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:53 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:55:10 )

ศาสดาของเทวนิยมทั้งหลายรู้สารพัดแต่ไม่รู้ตัวเอง

รายละเอียด

ศาสดาของเทวนิยมทั้งหลาย เรียนรู้สารพัดโลก ฉลาด ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งจนประกาศศาสนาตนเอง ศาสนาใดศาสนาหนึ่งแข่งกันอยู่ในโลก ของข้าก็ดี ก็หาบริวารกันแต่ละศาสนาก็ล้วนแล้วแต่ไม่รู้ตัวเอง รู้สารพัดแต่ไม่รู้ตัวเอง อย่างศาสดาที่เป็นเจ้าของศาสนาใดก็ตามต่างๆ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาบาไฮ ศาสนาซิกข์ ศาสนาอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดที่มี ศาสดาเหล่านั้น เกิดมาแล้วก็ประกาศตัวเองเป็นศาสดาก็สอนผู้อื่น คำสอนนั้นก็ไม่รู้ว่าคำสอนนั้นเป็นของตนเอง คำสอนนั้นคือของพระเจ้าให้มา ตนเองเป็นผู้รับคำสอนของพระเจ้ามา ไม่ใช่คำสอนของตน ขนาดตนเองยังไม่รู้ตนเองว่า จริงๆของตนเอง พระเยซูก็เป็นของท่านเอง พระมะหะหมัดก็ของท่านเอง พระมหาอุราก็ของท่านเอง ของโซโรอัสเตอร์ก็ของท่านเอง 

ท่านสั่งสมมาเป็น กัมมัสกตา เป็นกรรมของตน ตนเองรับมรดกกรรมของตนเองเป็นทายาทรับมรดกความรู้ของตนเอง ไม่มีของคนอื่น แต่ของตนเองยังไม่รู้ว่าตนเองสั่งสมมาด้วยกรรมวิบากแต่ละชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:08:53 )

ศาสดาทางเทวนิยมไม่รู้จักอัตตา

รายละเอียด

ขออภัยขอวิจารณ์ศาสดาของเทวดานิยมนิดนึง ขออภัยจริงๆ นี่เป็นวิชาการ อธิบายให้ฟัง ศาสดาทางเทวนิยม เป็นศาสดาที่ไม่รู้จักตัวเอง แม้แต่ความเป็นตัวเองที่เรียกว่า อัตตา ก็ไม่รู้จัก ไม่รู้จักอะไรเป็นเครื่องยืนยัน เพราะว่าศาสดาไม่รู้ว่าความรู้ที่ตัวเองรู้เป็นความรู้ของตัวเอง นึกว่าเป็นความรู้ของใครไม่รู้ ไปฝากไว้ที่พระเจ้า บอกว่าเป็นความรู้ของพระเจ้าและพระเจ้าประทานมาให้ เห็นไหมไม่รู้จัก อัตตา ไม่รู้จักตัวเอง แม้แต่อัตตา เป็นความรู้ของตัวเองก็ไม่รู้ พระพุทธเจ้าบอกว่าเรามีความรู้ของเราเอง เป็นธรรมสามี เราตรัสรู้เองโดยชอบไม่มีพระเจ้าที่ไหนให้มา เราเป็นเจ้าของธรรมะ เป็นเจ้าของความรู้ความจริงทุกประการ ซึ่งเป็นความรู้ความจริงถึงขั้นรู้ว่า อัตตา มันไม่มีตัวตน อัตตา มันทำลายหายไปได้หมดในจิตนิยาม ไม่เป็นจิตวิญญาณเลยไม่ไปอยู่กับพระเจ้า ไม่มีวิญญาณนิรันดร นี่คือความต่างจากศาสนาเทวนิยมทุกศาสดา มีพระเจ้าเป็นนิรันดรเป็นเจ้าใหญ่ของวิญญาณในมหาจักรวาล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:55:24 )

ศาสดาทางเทวนิยมไม่ได้ศึกษากรรมวิบาก

รายละเอียด

สรุปแล้วพระศาสดาทุกองค์ ความรู้ของท่านเองท่านสั่งสมมา คือศาสดาทางเทวนิยมไม่ได้ศึกษากรรมวิบาก ไม่ได้ศึกษาสั่งสมสัมภารวิบากที่จะรู้อย่างนี้มาเป็นของตัวเอง ได้เป็นศาสดาเพราะว่าบารมีของตัวเองสั่งสมสัมภารวิบากความรู้ตัวเอง ก็ยังไม่รู้ตัวเองเลยยังไม่มั่นใจ บอกว่าเป็นความรู้ของพระเจ้าให้เรามา เราไม่สามารถรู้อย่างนี้ได้หรอกอย่างนี้เป็นต้น ไม่มั่นใจในความเป็นตัวเอง ที่ชัดเจนก็คือไม่รู้จักกรรมวิบากไม่รู้จักสัมภารวิบาก ไม่รู้ว่าความรู้อันนี้ ความจริงในมหาจักรวาล ในพิภพจบเอกภพนี้ มันมีได้เพราะเราเองสั่งสมเองก็พูดเองเขาไม่รู้ แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นของตัวเอง ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นธรรมะสามีเป็นเจ้าของธรรมะ ไม่กล้าพูด 

พระพุทธเจ้ายืนยันว่าเป็นของพระองค์ ที่ตัดสินว่าไม่ใช่เป็นของพระเจ้าเพราะว่าศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้านั้นวิญญาณอัตตานี้หายไปเลย พระเจ้าบอกว่า สุวรรณ สุวาน วิญญาณดวงนี้ตกไปจากบัญชีได้อย่างไร ก็ไม่มีตก เพราะวิญญาณเป็นของคน เราสลายวิญญาณของเราหายไปเอง บัญชีของคุณก็ไม่จริงหรอก เป็นนิยายหลอกโลกมานาน พิภพมัจจุราช ไม่มีหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:00:06 )

ศาสดาที่มีสัญชาติของศาสดา

รายละเอียด

เอ๊... ต้องมีอะไรสำคัญความรู้นี้ ต้องเป็นของใครแน่นอน เพราะไม่รู้ว่าเป็นของตนเอง ที่จริงเป็นความรู้ของศาสดาเองนั่นแหละที่สั่งสมมาแต่ละชาติ แต่ไม่รู้จักกรรมวิบาก พอเกิดมาชาติที่จะเป็นศาสดา มันก็มีของตัวเองเกิดมาเป็นสัญชาติ เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายที่มีสัญชาติ เกิดมาก็มีสัญชาติของมัน ศาสดาก็มีสัญชาติของศาสดาที่ได้ศึกษาฝึกฝนอบรมเป็นของตนมาแล้ว ไม่รู้อัตตา อัตตนียา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:01:42 )

ศาสดาบาไฮพระบาฮาอุลลาห์

รายละเอียด

เขาเข้าใจว่าศาสนามี 2 อันคืออย่างเทวนิยมกับอเทวนิยมซึ่งท่านก็จะเอามารวมกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้มันเป็นสองตระกูลใหญ่ของมหาจักรวาล ฉะนั้นท่านจะทำความเป็นไปไม่ได้นั้นให้เป็นไปได้ท่านก็เลยไม่สำเร็จ เลยสร้างศาสนาบาไฮไม่เจริญ

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 04 พฤศจิกายน 2562 ( 19:56:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:31:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:34:16 )

ศาสดาเทวนิยมจะไม่รู้เรื่องอะไร

รายละเอียด

เทวนิยมที่เป็นพระศาสดาแต่ละศาสดาไม่รู้กี่ศาสนา ไม่มีทางที่จะรู้ชีวะ หรือ ไบโอโลจี ที่ไปถึงเวทนาอารมณ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แยกธาตุรู้ออกเป็น 5 ขันธ์ ศาสนาเทวนิยมไม่รู้เรื่อง ชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิอยู่ ก็พูดตามพยัญชนะไปอย่างนั้นเอง สภาวะจริงๆก็สับสนไม่รู้เรื่อง กำหนดไม่รู้เรื่องหรอก กายอย่างหนึ่ง สัญญาอย่างหนึ่งไป สับสน ไม่ค่อยแม่นไม่ค่อยตรงตามสัจจะที่มันแท้จริงเหมือนอย่างพระอรหันต์ด้วยกัน ที่รู้ด้วยกัน ตรงกันจึงจะสามารถทำนิพพานตรงกันเป็นหนึ่งเดียว สัจจะเป็นหนึ่งเดียวได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:01:57 )

ศาสดาเทวนิยมท่านไม่รู้กรรมวิบากของท่านเองเลยยกให้เป็นความรู้ของพระเจ้า 

รายละเอียด

ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร 

_ปัญญาสูตร  ล 23 ข 92 

 [92] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุ 8 ประการ ปัจจัย 8 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงามไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว 8 ประการเป็นไฉน

ลัทธิของศาสนาเทวนิยมต่างๆ เช่นพระเยซูพระบาไฮ เป็นความรู้ของท่านเองทั้งนั้นแหละ ท่านไม่รู้กรรมวิบาก ท่านไม่รู้สัมภารวิบากของท่านที่สั่งสมมาของท่านเอง 

พอมาได้รู้ขึ้นมา ก็เลยนึกว่า โอ้โฮ! เรารู้ได้ขนาดนี้เชียวหรือไม่เชื่อตัวเอง ก็เลยฝากไว้ว่าเป็นความรู้ของพระเจ้า เพราะว่าไม่เชื่อว่าเป็นความรู้ของตัวเอง เพราะมันเป็นความรู้ยิ่งเหมือนกัน ของพระพุทธเจ้านั้นรู้ทั้งหมดจบด้วย รู้ทั้งความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เลิกล้มเลยได้ด้วย ความตั้งอยู่นิรันดรก็รู้ รู้อย่างสว่างนะ ไม่ใช่รู้อย่างเป็นความหลงด้วย จะอยู่นิรันดรเหมือนพระอวโลกิเตศวรก็อยู่ได้ จะช่วยคนให้หมดโลก ให้คนทั้งโลกรู้หมดเป็นพระอรหันต์ก่อน ตัวเองจะปรินิพพานปริโยสานเป็นคนสุดท้าย ก็ได้ แต่ว่าอาตมาไม่เอาอย่างพระอวโลกิเตศวร จะมาหาว่าอาตมาเจาะช่องน้อยแต่พอตัวก็ว่า ไม่ไหว อยู่ขนาดนั้นมันนิรันดรเกินไป

เพราะฉะนั้น อาศัยพระศาสดา… ไม่มีสิทธิ์ที่ใครจะรู้เอง รู้ได้โดยบอกว่ารับบัญญัติจากพระเจ้า พระเจ้าก็คือตัวเอง แต่ความไม่รู้อันนี้เลยลึกลับ ของพระพุทธเจ้าไม่ลึกลับ เราเป็นธรรมะสามี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 21:05:03 )

ศาสดาเทวนิยมแม้จะทำอัตตาให้เป็นอัตตาดีก็ดีตามสมมุติ

รายละเอียด

จริงๆแม้จะมี ศาสดาของเทวนิยมก็ตาม แม้จะมีอัตตา มีวิญญาณ ก็ต้องทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ วิญญาณดีเป็นโลกียะ เอาแต่ความดีเป็นสมมุติสัจจะ ใช่ ถ้าเป็นวิญญาณเป็นธาตุรู้เป็นอัตตาอยู่ก็ต้องทำวิญญาณเป็นธาตุรู้ที่เป็นอัตตาให้ดีสิ ดีตามสมมุติ 

ชาติโน้น ก็ยืนยันว่าเขาสมมุติอย่างนั้น พวกปาปัวนิวกินีก็สมมุติของเขา พวกแอฟริกันก็สมมุติของเขา มาฟากทางตะวันออกกลาง ก็สมมุติของเขา มาทางเอเชียก็เป็นสมมุติของเขา มาทางอินเดียก็เป็นสมมุติของอินเดียอะไรอย่างนี้เป็นต้น มันไม่ได้เหมือนกันทีเดียวเลย จริงทั้งนั้นแหละเป็นสมมุติสัจจะทั้งนั้น จริงของแต่ละกลุ่มแต่ละหมู่ เราก็อาศัยสมมุติให้อยู่ด้วยกันไป เป็นหนึ่งเดียวมันก็สอดคล้องกันก็อยู่กันอย่างสงบ ตายจากกันไปแล้วแล้วเราก็เป็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของแต่ละเผ่า ไม่มีปัญหาเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:56:37 )

ศาสดาเทวนิยมไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้ชาติและสัญชาติ กรรมวิบาก

รายละเอียด

ทางศาสนาพุทธรู้ว่า จิตวิญญาณของผู้ที่ฝึกบังคับจิตตัวเองให้เป็นความรู้และทำความจริงให้ทำแต่ดีไม่ทำชั่วเลยก็ได้เป็นศาสดา แต่เขาไม่รู้ตัวเองว่าเขาได้ฝึกฝนอย่างนี้มา ศาสดาเทวนิยมเขาไม่รู้ตัวเอง เขารู้ว่าเขาเกิดมาเขาก็สามารถรู้พวกนี้มา มันมาจากไหนก็ไม่รู้อยู่ในตัวเขา เพราะเขาไม่รู้ชาติ ไม่รู้สัญชาติ ไม่รู้จิตที่ได้สั่งสมมาเป็นสัญชาติ เกิดมาก็มีสัญชาติและรู้แล้วก็จริง เพราะเขาได้สั่งสมมาจนกระทั่งถึงสูงสุดเลย แต่เขาไม่รู้ว่าแล้วมันมาได้อย่างไรหว่า ความรู้พวกนี้ เขาจึงถือว่า ยกว่า เออ มีใครที่สามารถประทานความรู้ความจริงเอามาให้ เพราะเขาเองเกิดมาก็มีอันนี้แล้ว ศาสดาเขาไม่ได้ศึกษา เขาไม่ได้ฝึกฝน แม้จะศึกษาฝึกฝนก็ได้เร็วกว่าคนอื่น ได้ความรู้ความจริงนั้นขึ้นมา จนคนอื่นยอมรับว่าเป็นความรู้ความจริง ยกให้เป็นยอดเป็นเต้ยเป็นศาสดา เพราะได้สั่งสมมาเกิดมาก็มีในตัวมา เป็นกรรมวิบากตัวเอง พอเกิดมาในชาติปางที่จะเป็นศาสดา มันก็ต้องมีจริง แสดงออกจริง คนก็ได้รับการกระทบสัมผัสจริง ก็ยอมรับกันว่าเป็นศาสดา แต่ไม่รู้ว่ากรรมวิบากที่ตัวเองมีมันได้มาอย่างไร ทำไมคนอื่นๆเขาไม่ได้อย่างเรา แล้วเราเอามาจากไหน ก็เพราะไม่รู้กรรมไม่รู้วิบาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:00:08 )

ศาสดาเทฺวนิยมไม่รู้อัตตาตนเองคือผู้อวิชชา

รายละเอียด

“ศาสดาเทฺวนิยม”ทั้งหลากทั้งหลาย แค่“รู้จัก”ตนเอง ก็ยังไม่รู้จัก ไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จริงเลย ผู้“อวิชชา”คือ ผู้หลงผิดยึดมั่นถือมั่นว่า “ตนเอง”เป็น“1” ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความเป็น 2”หรือ“ภาวะ 2” แม้แค่“นาม”กับ“รูป”ที่ปรุงแต่งกันอยู่เป็น“วิญญาณ”ตนเอง

“นาม”คือ“ธาตุรู้”ของตนนี้ ผู้มี“จิตนิยาม”ซึ่งเป็นสัตวโลกแล้วจะมี“วิญญาณ”ของตนเอง เป็น“ประธาน” ตนเอง บงการตนเอง แต่ไม่ได้เรียนรู้“นาม-รูป”ของตนเอง จึงไม่รู้จัก“วิญญาณตนเอง” ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงสอนว่าเป็น“สังขาร” ที่มี“วิญญาณเป็นปัจจัย” และมี“นามรูป-อายตนะ-ผัสสะ-เวทนา-ตัณหา-อุปาทาน-ภพ-ชาติ ฯลฯ”ซึ่งเรียกว่า “ปฏิจจสมุปบาท”

สัตวโลกหรือคนผู้ยัง“อวิชชา”จึงไม่มี“ปัญญา”ที่ จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ปฏิจจสมุปบาท”ทั้งสายอย่าง“อนุโลม-ปฏิโลม”

ผู้มี“ปัญญา”อันเจริญเป็น“ญาณ”เป็น“วิชชา”จึงจะสามารถ“รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ความปรุงแต่งกันอยู่(สังขาร)ของ“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว”ที่ครอบจักรวาลอยู่

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 21:14:48 )

ศาสดาโลกียะกับศาสดาโลกุตระต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ศาสดาโลกียะเป็นอย่างไร ศาสดาของโลกุตระก็คือพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าทุกองค์ หนึ่งเดียวกันหมด แล้วทุกยุคทุกสมัยจะมีพระพุทธเจ้าซ้อนกัน 2 องค์ไม่ได้ ไม่มียุคไหนเลยในโลกทั่วโลก ในโลกขณะนี้ทุกประเทศมีพระพุทธเจ้าองค์เดียว พุทธศาสนามีพระพุทธเจ้าองค์เดียวในยุคเดียวกัน แต่ศาสนาเทวนิยมมีหลายองค์ ในยุคเดียวกัน นี่ต่างกันมากเลย เป็นอจินไตย

ถ้าหากทางเทวนิยมเขาก็จะรู้เลยว่าอย่างนั้นเชียวหรือ แล้วโลกุตระของพระพุทธเจ้านั้น รู้จักอย่างที่ศาสนาเทวนิยมรู้กันดีทั้งหมด พระพุทธเจ้ารู้จัก แต่ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นเทวนิยมจึงไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณหรือจิตนิยามนี้เลิกล้ม สลายสูญเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ จำนนว่าจะต้องไปอยู่กับพระเจ้า คือไม่รู้ ไปอยู่กับพระเจ้าจะไปอยู่อย่างไรก็ไม่รู้ แม้แต่กรรมวิบาก เกิดตายแล้วต้องวนตามวิบากไม่ใช่อยู่กับพระเจ้า ก็ไม่รู้ไม่ได้สอน นี่คือความรู้ที่ยังไม่ครบของเทวนิยม ยังไม่บริบูรณ์ พูดไปแล้วก็เหมือนไปข่มแต่มันเป็นความจริง เป็นเรื่องที่เขายังรู้ไม่รอบ ขอพูดไว้เท่านี้ก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 

 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 15:16:05 )

ศาสดาโลกุตระเป็น Champion ศาสดาโลกียะเป็นรอง Champion 

รายละเอียด

ตกลงศาสดาโลกุตระกับศาสดาโลกียะ ศาสดาโลกุตระก็คือ ผู้ที่เป็น Champion ศาสดาโลกียะก็เป็นรอง Champion  ถ้าเป็นรอง Champion แบบศาสนาพุทธก็ไม่แย้งพระพุทธเจ้า เขาจะยกให้พระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นแชมป์เปี้ยนทั้งนั้นนอกนั้นรอง ในยุคใดที่เราเกิดมาอย่างอาตมาเกิดในยุคนี้ มีใครยิ่งกว่าอาตมาล่ะ แล้วผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิตรงกัน จะไม่แย้งกันหรอก ผู้ที่ยังแย้งอยู่คือผู้ที่ไม่สัมมาทิฏฐิตรงกัน อาจจะมีตรงกันบ้าง ถ้ามีสิ่งที่ตรงกันแน่นอน มันต้องไม่เถียงกัน ไม่แย้งกัน ตรงกัน ถ้ามีสิ่งที่ไม่ตรงกันแล้วเราก็ยอมรับยอมเข้าใจว่า สิ่งที่ไม่ตรงกันนี้ของใครถูกของใครผิดหว่า ถ้าคนนั้นมีปฏิภาณก็จะรู้ว่าของเราผิด ของท่านผู้นั้นถูก(ไม่ใช่เรา)  ผู้นี้ก็จบเหมือนกัน ยอมรับผู้นั้นว่าสูงกว่า แต่ถ้าผู้นี้บอกว่ายังไม่แน่ ก็แน่นอน ก็ต้องเอ็งกับข้า ข้ากับเอ็ง ใครจะแน่กว่ากัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:25:40 )

ศาสดาไม่รู้ว่าคำสอนแท้จริงเป็นของตนเอง เหตุก็เพราะไม่รู้จัก “อัตตา”! นี่แหละ“อวิชชา”!

รายละเอียด

เรื่อง“คำสอน”หรือ“พระธรรม”ของท่าน“พระศาสดาเอง”นี้ที่เป็น“พระธรรม”ของท่าน“พระศาสดาเอง” แต่“พระศาสดาเอง”ยังไม่รู้ว่า เป็น“ของตนเอง”นี้ จึงเป็น“ความลึกลับ”อยู่กับ“ตนเอง”เต็มๆไปกับ“ตนเอง” ถ้ายึดอยู่อย่างนี้ก็นิรันดรทีเดียว

เพราะท่าน“ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็นตนเอง” คือ ไม่รู้ว่า“อัตตา”คืออะไร? “อัตตา”นี่เองแลที่ท่าน“ไม่รู้ตนเอง“เลย“ความไม่รู้”นี้ จึงเป็น“อวิชชา”ที่สำคัญมากๆๆๆยิ่งๆๆๆ ที่สุด สำคัญมากยิ่งๆ ตรงที่“ความไม่รู้”ว่าอะไรคือ“อัตตา” 

จึงยังมืดมนอนธการ หรือ“ลึกสุด”และ“ลับสุด”อยู่ตลอดกาลในความเป็น“อัตตา” เป็น“อาตมัน” เป็น“ปรมาตมัน”หลงมืดสนิทปิดไว้เอง ทำ“อวิชชาให้แก่ตนเอง” จมอยู่แต่กับ“ความไม่รู้ที่ตนเองทำให้ลึกลับเอง”นี้เองแท้ๆ!ไม่ยอมตั้งใจลองหันมาศึกษาพิสูจน์“ความลึกลับ”นี้กันสักทีจึงจมอยู่กับ“ความลึกลับ” ไม่สามารถเปิดเผยแจ้งกระจ่างได้แน่ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 231 หน้า 190


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 18:50:09 )

ศาสดาไม่รู้จักพระเจ้าไม่รู้จักตัวเองแต่พระพุทธเจ้ารู้หมด

รายละเอียด

ไม่สูญสิ้นก็คือมันไม่รู้จบ ไม่รู้จักตัวเองว่าเป็น 2 พระเจ้าไม่รู้ตัวเอง แม้แต่ตัวพระเจ้าเองก็ยังไม่มีใครรู้ พระศาสดาที่เป็นพระบุตร ก็ยังไม่รู้จักพระเจ้า จริงๆแล้วศาสดาเทวนิยมนั้น ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะไม่รู้จักตัวเอง พระเจ้าก็คือจิตวิญญาณ คือพระจิต พระวิญญาณในตัวเองนี่แหละ แล้วตัวเองได้สั่งสม บารมีมา จนได้เป็นพระศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของเทวนิยม เป็นความรู้ของตัวเอง แต่ไม่รู้ของตัวเอง เขาไม่รู้ตัวเอง ว่าตัวเองเก่งขนาดนี้เราคิดเองได้อย่างไร มันจะต้องมีใครคนหนึ่งที่บันดาลให้เรา เพราะมันไม่มีระบบ มันไม่มีความรู้ที่ร้อยเรียงให้รู้ อ๋อ เราได้มา เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย มันไม่รู้ 

แต่ของพระพุทธเจ้านั้นรู้หมด จึงเอามาพูด เอามาสาธยายได้ และเป็นพระพุทธเจ้าจึงไม่แข่งกัน ผู้ที่เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าไม่มีคู่แข่ง ในยุคไหนๆพระพุทธเจ้าเกิดมาแต่ละองค์ๆก็ไม่มีคู่แข่ง มีองค์เดียวเป็นเลิศ เมื่อถึงเวลาที่พระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบแล้ว ท่านก็จบปรินิพพานเป็น ปริโยสานไป พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปที่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณก็เกิดขึ้นมาในโลกมนุษย์ เมื่อถึงเวลาที่จะมาอุบัติอย่างนี้เป็นต้น ศึกษาดีๆแล้วสุดยอดไม่มีอะไรเท่าเลย พูดไปแล้วเหมือนยกตัวยกตน แต่เป็นจริง ผู้ใดที่รู้สึกว่าอาตมายก ก็เป็นความรู้สึกของคนผู้นั้น อาตมาไม่ได้ยกมันก็มีความจริงตามความเป็นจริง จะสูงกว่าต่ำกว่ายังไงก็เป็นความจริง แล้วเราก็บอกด้วยภาษาว่าสูงกว่า ไม่ได้ยกว่าอันนี้สูงกว่าอันนี้ ความจริงอันนี้มันอยู่เหนือมันสูงกว่าความจริงอีกด้านหนึ่งเท่านั้นเอง 

ซึ่งคนเข้าใจได้ ไม่มีตัวมีตนก็เข้าใจ แต่เมื่อมีตัวมีตนเข้าไปรับก็จะไม่พอใจ ทำไมอันนั้นสูงกว่า ถ้ารู้ความจริงก็จะรู้ว่าอันไหนสูงกว่าอย่างไร อธิบายได้ ซึ่งถ้าไม่มีสภาวะความจริงจะไม่มีคำอธิบายให้รู้ ก็ต้องศึกษาดีๆ แล้วจะชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:28:16 )

ศาสตรา

รายละเอียด

ศาสตรา คือ อาวุธที่ไปทำร้ายคนอื่น เช่น เกิดจิตไม่ดี  ขี้เหนียว (มัจฉริยะ) จิตริษยา (ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:32:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:33:29 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:53:58 )

ศาสตรา

รายละเอียด

เป็นอาวุธที่เป็นเครื่องมือฆ่า 

ที่มา ที่ไป

630606


เวลาบันทึก 06 มิถุนายน 2563 ( 15:29:03 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:54:21 )

ศาสตร์คืออาวุธหรือความรู้

รายละเอียด

พูดถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ของสาธารณโภคี ที่เป็นเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้า เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ เป็น 3 อย่างในโลกที่เขาศึกษากันอยู่ 

อาตมาเอาจากหนังสือเราคิดอะไรที่ได้เขียนเป็นกวี ฉบับ 341 ธ.ค. 2561 ภาษาว่าศาสตร์คืออาวุธหรือความรู้

“ศาสตร์”คือ“อาวุธ”หรือ“ความรู้”

 

1)   ภาษาว่า“ศาสตร์”นี้ แสนยาก

คนโง่ใช้ผิดมาก จึ่งร้าย

เป็นทุกข์โทษหลายหลาก ในโลก 

ชั่วลึกซ่อนย้อนย้าย ยากย้ำมายา

(2)  นานาหมายมุ่งชี้ ต่างนัย

ล้วนศาสตร์ต่างแตกไป เพื่อ“รู้”

“รู้”อะไรต่ออะไร ก็สาด ตะพึดเฮย

ศาสตร์จึ่งเลอะเละผู้  เลิศล้วนวิชา

(3)  “ปัญญา”คือ“ศาสตร์”ล้ำ โลกุตระ

แต่ปุถุก็“เฉกะ” เท่านั้น

คือหลงยึด“เทฺวะ” หนึ่งอยู่ นิรันดร์แฮ   

บ่อาจ“ฉลาด”แบ่งขั้น แยกแม้เป็นสอง

(4)  ผองพาลใช้“ศาสตร์”สร้าง อาวุธ

หมายมั่นฆ่ามนุษย์ โหดแท้

หรือศาสตร์ฉลาดสุด เอาเปรียบ มิหยุดเลย

ศาสตร์ชั่วเช่นนี้แล้ ยากแก้โลกีย์

(5)  เพราะมีกันแค่รู้ ว่า“ศาสตร์”

แต่ไป่รู้ว่า“ฉลาด” แยกชั้น 

“ฉลาด”โลกร้ายกาจ ด้วยกิเลส เลวเอย

ส่วน“ฉลาด”โลกุตร์นั้น หมดร้ายภัยผอง

(6) สอง“ฉลาด”นี้แยกให้ ธีรเทอญ

พุทธพิเศษ“ศาสตร์”เกิน กล่าวอ้าง

ชาวอโศกใคร่ชวนเชิญ มาพิสูจน์ เราแล

ว่าเท็จจริงสิ่งสร้าง มนุษย์ให้เป็นไฉน

(7)  ทำไม“จน”สุขได้ มีใน โลกฤา

ไร้ทรัพย์แต่เจริญใจ หลอกมั้ง

ที่มนุษย์สุดแปลกใด                วิมุติสุข ฉะนี้รา 

แถมวิศิษฏ์วิสุทธิ์ทั้ง วิเศษฟ้า..เชิญมาดู

“สไมย์ จำปาแพง”

 22 พ.ย. 2561 [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 341 ประจำเดือนธันวาคม 2561]

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:34:05 )

ศาสตร์ที่ทำให้คนอยู่เย็นเป็นสุขที่แท้จริงคือโลกุตระ

รายละเอียด

เอามาพูดกันถึงเรื่องที่ควรจะพูดในวันนี้ อาตมาเขียนนำเอาไว้ว่า “ไม่ว่า ศาสตร์ใดๆ ล้วนมีจุดมุ่งหมายให้ชีวิตคนและสังคมได้อาศัยความรู้คือ ศาสตร์อันนั้นมารับใช้ชีวิตคนหรือสังคมให้เป็นอยู่สุขที่สุด ตามความรู้องค์รวมของแต่ละคนจนกระทั่งผู้บริหารทั้งหลาย แม้แต่ความรู้ที่สามารถสร้างอาวุธมาทำลายกัน มาฆ่าคนแท้ๆ ก็เพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชีวิตคนและสังคมอยู่เย็นเป็นสุข” เขาก็หมายอย่างนั้นจริงๆลึกๆ แต่เขาคิดไม่ออกว่าการจะช่วยให้คนอยู่เย็นเป็นสุข มันไม่ควรจะไปทำแบบนั้น ไม่ควรไปสร้างอาวุธมาเพื่อฆ่าคนอื่น แล้วที่เหลือจะได้อยู่เย็นเป็นสุข 

อาตมาก็ขอแวะวิจารณ์นิดเดียว คุณสร้างอาวุธขึ้นมาแล้วคุณก็ใช้อาวุธฆ่าเขา แล้วคนที่ถูกฆ่า เขาก็จะต้องหาอาวุธมาฆ่าตอบ การฆ่ากันกลับไปกลับมานี่ก็เป็นหนังจีน ไม่มีจบ“บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ” คำว่า บุญคุณต้องทดแทนก็คือ บุญคุณที่ช่วยคนมาฆ่าเราและเราก็ช่วยฆ่าคนนั้นให้ด้วย คนที่มาช่วยเราแก้แค้นให้ด้วยการฆ่าคนนั้น ก็เลยมีแต่บุญคุณระหว่างคนที่ฆ่ากันและกัน แต่คนที่แค้น ก็จะต้องแค้นยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นซับซ้อนไปอีกไม่รู้กี่ชาติ แล้วก็ต้อง บุญคุณคือการฆ่ากันเพื่อการแก้แค้น สรุปสั้นๆ บุญคุณคือช่วยฆ่าคนที่มาฆ่าเรา เป็นการทดแทนบุญคุณ ฟังให้ดีนะ บุญคุณ ผู้ที่ฆ่าคนที่ จะเป็นอาจารย์ ญาติพี่น้อง คณะพวกอะไรก็แล้วแต่ที่เขาฆ่า แล้วคนนี้มาช่วยฆ่า แก้แค้นช่วยเรา มันคือบุญคุณ 

เพราะฉะนั้นคำว่า บุญคุณ จึงเป็นบุญคุณในการฆ่า ไม่ใช่บุญคุณในการช่วยเหลือเกื้อกูลอุ้มชูกัน เป็นบุญคุณในการฆ่า สรุปง่ายๆมันมี 2 อย่างคือ 1. ช่วย 2. ฆ่าหรือทำลาย เพราะฉะนั้นในศาสนาพุทธนี่ ใครจะฆ่าเรา เราก็ต้องอโหสิ ไม่แค้นไม่ฆ่าตอบ ตายแล้วก็เป็นวิบากใครวิบากมัน เพราะฉะนั้น ผู้นี้จะยิ่งหยุด ยิ่งไม่มีศัตรู ยิ่งไม่มีคู่แค้น ยิ่งไม่มีคู่ฆ่าไปเรื่อยๆ ตามสัจธรรม แต่กรรมวิบากของการแค้นฆ่า ฆ่าแค้น มันจะพัฒนา หมู่กลุ่มที่เป็นพวกที่จะช่วยฆ่าช่วยแกงเหมือนหนังจีน หลานอย่าลืมแก้แค้นให้ปู่นะ สั่งเสียก่อนตายด้วยในหนังจีน ซึ่งมันเป็นการผูกพยาบาท แก้แค้น ไม่อโหสิ ไม่จบ เป็นเรื่องการเพิ่มจำนวนที่จะฆ่ากัน ปฏิภาคทวีขึ้นตลอดไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ มากขึ้น

คนคิดได้อย่างนี้เพราะมีอัตตาตัวตน เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวก เห็นแก่คณะ มันมีอัตตาตัวตนนั่นแหละตัวสำคัญ มันก็มีมาก เพราะฉะนั้น โลกุตระจริงนี้จึงตรงกันข้ามกันกับเรื่องนั้นเลย เกิดยาก แต่เกิดแล้วมันเป็นเรื่องดี ใกล้กลียุค คือ ใกล้ความรุนแรงสูงสุดแล้ว แน่นอนพวกที่แรงก็แรงไป แล้วพวกแรงเป็นวิบากแก่กันและกัน เขาก็อยู่วงนอก เขาจะไม่เข้ามาถึงพวกโลกุตรธรรม เข้ามาไม่ได้ ด้วยธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมฤทธิ์ที่เขาไม่สามารถจะเข้ามาถึง 

อันนี้เป็นเรื่องที่อาตมาอธิบายไม่เก่ง เป็นพลังงานกำแพงธรรมะ ที่เป็นกำแพงที่เป็นกำแพงไร้สภาพ ไร้ภาวะ ไม่มีอะไรให้เห็นหรอก แต่มีธรรมฤทธิ์ที่กั้นพวกที่รุนแรงนั้นไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้พวกที่มีบารมี อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่อง อจินไตย เป็นกรรมวิบากที่มีจริงและเป็นนามธรรมที่ขยายได้เท่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ใช้ศัพท์นี้ก็คงพอเข้าใจขึ้น เป็นความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่เป็นเรื่องมีเหตุมีผล มีกรรมวิบากที่ได้สร้างสมแล้วมันเป็นเรื่องจริงของแต่ละคน แต่ละคณะ แต่ละประเทศ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 12:43:17 )

ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่คือมาเรียนรู้ตนเอง 

รายละเอียด

พวกเรานี้โชคดี มีโชค เป็นผู้ที่ได้มาพบสัทธรรมเป็นธรรมะที่ถูกต้องดีแล้ว เป็นธรรมะที่สัมมาทิฏฐิ ที่มีปราชญ์เอกคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเปิดเผยความจริงอันนี้ให้เรารู้เข้าใจและปฏิบัติตาม คนเกิดมานี้คุณจะไปเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ ศาสตร์ทางโลกเขาร้อยอย่าง พันอย่าง หมื่นอย่าง แสนอย่าง ศาสตร์ทางโลกเยอะแยะ เดี๋ยวนี้ก็อะไรก็นับเป็นศาสตร์หมดเปิดขนาดไหน มหาวิทยาลัยต่างๆมีศาสตร์นั้นศาสตร์นี้มาอีกแล้ว แต่ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ก็คือมาเรียนรู้ตนเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:07:04 )

ศาสตร์พระราชากับอายะ 3

รายละเอียด

เอาให้แตกฉานตามคำสอนศาสตร์พระราชาให้ดี เพราะว่าพระราชานี้เป็นพระโพธิสัตว์ อาตมาไม่ได้พูดโมเม เป็นพระโพธิสัตว์เดินตามพระพุทธเจ้า เป็นพระธรรมมิกราชองค์หนึ่งของโลก ของยุคนี้เลย เพราะฉะนั้นเอาดีๆ ศึกษาให้ดีๆเถิด แล้วจะได้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) ซึ่งเป็นคำรวมของคำว่า ประชาธิปไตย โดยที่พยัญชนะมันไม่ตรงเป๊ะทีเดียว แต่ 3 อายะนี่แหละ พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ คือ อายะ 3 นี่แหละคือประชาธิปไตยที่เยี่ยมยอดของโลก ที่ค้นพบโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:34:26 )

ศาสตร์พระราชาเกิดสภาพเป็นจริงบริบูรณ์ในสังคมชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมาพยายามอธิบายของพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านใช้นำมาตั้งแต่คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา

ขออภัยอาตมาไม่ได้ยกตัวเองว่าอาตมาชัดเจนเข้าใจ และอาตมาพาพวกเราชาวอโศกเป็นได้ครบ เศรษฐกิจพอเพียงเราก็ทำได้ แบบคนจนเราก็ทำได้ เราเป็นคนขาดทุนกันนั่นแหละคือกำไรของชีวิตจริงๆเลยไม่ได้สงสัย ทำอยู่จริงปฏิบัติอยู่จริง เราได้พยายาม ท่านก็เป็นโพธิสัตว์ตามที่ท่านเป็น ท่านก็ได้แต่บอก กระจายไปก่อน อาตมาก็เอามาใช้ มาเคี่ยวข้นให้เกิดสภาพเป็นจริงได้ครบเลย ให้เกิดสภาพจริงให้บริบูรณ์ มันก็เกิดรูปร่างเกิดคนจริงๆทำได้เกิดสังคมจริงๆทำเป็นได้ สังคมก็มีเพิ่มขึ้น อาตมาคิดว่าผู้ที่มีความจริงใจ มีความแสวงหาและเกิดความรู้แน่นอนจะไม่ปฏิเสธ จะเชื่อมโยงสืบต่อกันสานต่อกันทำขึ้นมาจริงๆ เพราะมันเป็นความบริสุทธิ์ใจ จริงใจต่อสังคมและมวลมนุษยชาติ มีสิ่งดีขึ้นมาให้ใช้อาศัย ให้เป็นไป สังคมมนุษย์ก็จะดี ความเลวร้ายรุนแรงพวกนี้ มันก็จะพ่ายแพ้ ก็ยังเหลือแต่คนหลงตัวเองยังติดภพอยู่ในความไม่ค่อยดี ความไม่เจริญ ส่วนความเจริญที่แท้มันชนะแล้วอย่างขาดลอย พวกเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้สำเร็จเป็นจริง ช่วยกันคนละไม้คนละมือ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:59:59 )

ศาสตร์พระราชาเป็นอันเดียวกับของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อโศกทำอย่างนี้ได้อย่างไร อันนี้สิ กรุณามาดูให้ดี อโศกทำได้เพราะว่ามีทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ขอยืนยันเลย ทำได้เพราะทฤษฎีของพระราชา ศาสตร์พระราชาซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ อันเดียวกับพระพุทธเจ้า แล้วก็ฝากไว้ในแผ่นดินแล้ว มาหาอโศกแล้วศึกษาศาสตร์ของพระเจ้าอยู่หัวให้ดีๆก็แล้วกัน ท่านทรงงานหนักอยู่องค์เดียว ข้างๆท่านก็เป็นบุคคลโลกีย์ หาโลกุตระได้ยากมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ทันที่ท่านทำ จึงเกิดได้แค่นี้

ขนาดท่านทำได้ ผู้สนับสนุนมีน้อยยังได้ขนาดนี้ ประชาชนตื่นตัวทั่วโลก สหประชาชาติก็มาทูลเกล้าถวายรางวัลท่าน ยอมรับว่าถูกแล้วขอเอาไปศึกษาต่อ ต่างชาติต่างประเทศก็อยากได้ เพราะฉะนั้นก็มาช่วยกัน อาตมาอบอุ่น เราทำอยู่ในขณะนี้เป็นจุดขาว ท่ามกลางฟ้าดำกว้างผืนใหญ่ ก็ยังมีคนเห็นแสงริบหรี่นี้ได้

ตอนนี้แม้แต่ข้าราชการ แม้แต่ในจังหวัดอุบลฯหรือกว้างออกไปก็ตาม ก็พอจะเห็น ว่าจะต้องสนับสนุนอันนี้ มาช่วยดูแลการสร้างสรรพัฒนานี้ให้ก้าวหน้าต่อไปก็เห็นอยู่ พูดนี้ไม่ได้โมเมนะ มีหลักฐานอ้างอิง มีของจริงยืนยันที่พูดนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:02:29 )

ศาสตร์พระราชาเป็นอันเดียวกับของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

แม้แต่ประเด็นของความยั่งยืนกับความไม่เที่ยง กับสมบัติผลัดกันชม เห็นประเด็นนี้ว่าต่างกันชัดขึ้นไหม พิสูจน์ได้ ทั้งโลกต้องการความยั่งยืน เศรษฐกิจยั่งยืน นี่แหละคือเศรษฐกิจยั่งยืนไม่ต้องไปรวยมากเกิน สรุปแล้วที่บอกว่า ศาสตร์พระราชาในหลวงได้ตรัสไว้ อันเดียวกับของพระพุทธเจ้า ชาวอโศกเราพอเพียงแค่นี้

จริงๆแล้วชาวอโศก ขอถาม? รวยเท่าสถาบันไหม? ..ไม่ แค่นี้ก็ง่ายๆ ไม่รวยเท่าหรอกแต่อโศกก็ไม่กลัว นี่อาตมาจะอธิบายต่อยาก สถาบัน เป็นสถานกลางของสังคมมนุษยชาติ ที่จะต้องมีสมบัติส่วนพระมหากษัตริย์ แต่ผู้ที่เป็นพระราชามี
ทศพิธราชธรรมจะไม่เอามาใช้ส่วนตัว จะอาศัยบารมีของตัวเอง มีผู้มาให้ มีคนมาถวาย เหมือนกับนักบวช ยิ่งพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม จะเต็มใจ โดยเสด็จพระราชกุศล จริงๆ

ถึงว่าสิ่งที่จริงซับซ้อนพวกนี้มันยืนยันได้ พิสูจน์ได้อย่างแท้จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:58:53 )

ศาสตร์หนึ่งเดียวสุดยอดคือศาสตร์ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

สรุปหลายทีแล้ว สรุปแล้วชีวิตที่อาตมาพูดไป เขาไม่ค่อยฉุกคิดกันเท่าไหร่ ที่อาตมาพูดว่าพระพุทธเจ้าท่านเกิดมาเป็นคนๆหนึ่งเหมือนกันกับพวกเราทุกคน เสร็จแล้วท่านก็แสวงหา ว่า อะไรคือที่สุดแห่งที่สุดของความเป็นมนุษย์ ท่านรู้ที่สุด เข้าใจที่สุด มีปัญญาที่สุด รู้จุดสูงสุดที่เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็อยู่กับมนุษย์ มีความรู้เป็นทฤษฎี มีศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ รวมเป็นหนึ่งอยู่ในนั้น ก็คือ มาเรียนรู้โลกุตรธรรม 

อาตมาเคยอธิบาย ในยุคของพระพุทธเจ้ามีสำนักตักสิลาสอน 18 สาขาวิชา 18 ศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดคือ ตักสิลา ท่านก็ไปเรียนจบทุกศาสตร์ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ทุกศาสตร์ ไม่มีใครสู้ได้ เป็นเกียรตินิยมอันดับ 1 ทุกศาสตร์ เป็นคนสุดยอดจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแกล้ง ไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่จะทำเป็นยกยอพระพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องมีคนจริงอย่างนี้จริงๆ ถ้าพระพุทธเจ้าเกิดมาในยุคนี้ ก็ไปเรียนศาสตร์ไหนในมหาวิทยาลัยใด จบด็อกเตอร์มันทุกศาสตร์  เกียรตินิยมทุกศาสตร์ อันดับ 1 หมด แล้วก็ทิ้งทุกศาสตร์ มาสอนศาสตร์โลกุตระอย่างเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:15:50 )

ศาสตร์และศิลป์ของการบิณฑบาต

รายละเอียด

สรุปทีนี้ ภิกษุ เป็นภาษาสันสกฤตบาลีมาจากคำว่าภิกขุแปลว่าผู้ขอ ด้วยภาษาตื้นแปลว่าผู้ขอ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ผู้ขอต้องไปอ่านหนังสือศาสตร์และศิลป์ของการบิณฑบาตที่อาตมาเขียนไว้ ต้องไม่ใช่ผู้ขอ ภิกขุเป็นผู้ให้ แต่คนได้เข้าใจผิดเพี้ยนไปว่ากลายเป็นผู้ขอ ใช่ ตรงที่จะไปเป็นผู้ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา เป็นชีวิตที่ให้ผู้อื่นเขาเลี้ยงไว้ใช่แต่ไม่ใช่ผู้ขอ มันก็ซับซ้อนลึกซึ้งสรุปว่าภิกขุคือผู้ศึกษาเป็นผู้มาศึกษาเป็นสาวะกะสังโฆ คำว่าสังฆะ หรือสังโฆแปลว่าหมู่พวก ไม่ใช่คนเดียว สาวกภิกขุ หรือสาวกบุคคล สาวกะ แปลว่าผู้ได้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:12:28 )

ศาสตร์ใดถือว่าเป็นเดรัจฉานวิชา

รายละเอียด

เรียนให้รู้ว่าในโลกนี้เขาเรียนรู้อะไรกันบ้าง มีเป็นร้อยศาสตร์ มีสาดเสื่อก็มี กระยาสารทก็มี สาดเสียเทเสียก็มี เสร็จแล้วมาทำงานศาสตร์นี้ศาสตร์เดียว เห็นไหมว่ามันสุดยอดยิ่งใหญ่ในการเกิดมา เสร็จแล้วสอนศาสตร์นี้ทำงานศาสตร์นี้เป็นชาติสุดท้าย ปลีกย่อยที่ไม่มาเรียน อันอื่นถือว่าเป็นเดรัจฉานวิชาทั้งนั้น 

ศาสตร์ที่ถือว่าเป็นเดรัจฉานวิชาคือ ศาสตร์ที่ไม่พาบรรลุอรหันต์ ขวางทางนิพพาน เพราะฉะนั้นศาสตร์อื่นใดไม่เอา เดรัจฉานวิชาคือศาสตร์ที่ไม่มาเรียนโลกุตระก็เป็นศาสตร์เดรัจฉานทั้งนั้น จะว่าไปแม้แต่เรียนเปรียญ 9 ก็ยังเป็นเดรัจฉานวิชา สอนเปรียญ เอาสอบ เอาตำแหน่ง เอาอะไรเฉยๆ ไม่ต้องเรียนเลย ปฏิบัติเรียนรู้ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าอย่างนี้ คุณก็ปฏิบัติให้เป็นพระอรหันต์ ให้ได้บรรลุอรหันต์ แต่ไปเรียนศาสตร์ทั้งหลายแล้วไปหลงในตำราอยู่นั่นแหละ โอ้โห ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าเรียนมากมาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:17:06 )

ศาสตร์ใหญ่ที่สุดที่ต้องอาศัย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ในศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใด ศาสตร์ที่ชัดๆเด่นๆก็มีเศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นของสังคมทั่วโลก เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยใหญ่ที่สุด 

ศาสตร์ที่ต้องอาศัยกินอาศัยใช้คือเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์คือ

ศาสตร์ที่ต้องใช้การบริหารดูแลเกื้อกูลจัดสรรอะไรกันอยู่ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จบกิจ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ จบกิจแล้ว ไม่มีตัวตนก็จะมีแต่ประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นไปเรื่อยๆๆๆ นี่แหละศาสตร์ของพระพุทธเจ้าเป็นศาสตร์ที่สร้างคนให้เป็นคนมีแต่ประโยชน์ ไม่ได้มีโทษอะไร เป็นภัยเป็นภาระแก่โลก สำหรับผู้อื่นเลย 

อาตมาเข้าใจอย่างนี้แล้วพาพวกเรามาทำอย่างนี้ อาตมาว่าเกิดจริง เป็นจริง พวกเราเห็นด้วยไหม…เห็นด้วย ทำได้ไหม..ได้ ทำแล้วเสียด้วย แล้วเราก็ทำอยู่ทำต่อ ทำไมทันสมัยขนาดนั้น ยิ่งพูดไปก็ยิ่งอบอุ่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:48:52 )

ศาสนา

รายละเอียด

คือ ศาสตร์ที่เน้นการศึกษาทางจิตวิญญาณ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 141


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:47:03 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:47 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:54:45 )

ศาสนา

รายละเอียด

1. การปฏิบัติธรรมเพื่อลดกิเลส หรือความฉลาดที่จะช่วยให้คนลดกิเลส 

2. คำสั่งสอน คำพูดที่จะทำให้เกิดความเจริญ ให้มีพรหมจรรย์ คือให้มีพฤติกรรมเหมือนดั่งพรหม 

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1หน้า 197, จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 256


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:44 )

ศาสนา

รายละเอียด

คือสิ่งที่เป็นไปเพื่อให้เกิดความร่วมรวมอยู่กันอย่างดีในสังคม สิ่งใดไม่ทำให้เกิดความอยู่ร่วมกันในสังคมนั่นไม่ใช่ศาสนา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:56:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:36:15 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:39:29 )

ศาสนา God เป็นลัทธิสุขนิยม

รายละเอียด

สัตว์โลกงมงายเรื่องสุขเรื่องทุกข์ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่สัตว์เดรัจฉานไม่รู้ภาษาเรื่องความสุขความทุกข์ แต่มันก็ลักษณะเดียวกัน สัตว์เดรัจฉานมันก็เกลียดทุกข์อยากได้สุขทั้งนั้น จนกระทั่งมาถึงสัตว์คน ก็อยากได้สุขเกลียดทุกข์ 

ศาสนา God ศาสนากอด ไม่รู้ทุกข์รู้สึกเกลียดทุกข์จึงกลายเป็นสุขนิยม กลายเป็นลัทธิสุขนิยมติดอยู่กับสุขนั่นแหละตลอดกาลนานนิรันดร เที่ยงแท้อยู่กับสุข ความสุขเที่ยงไม่ได้เพราะไม่รู้ว่า สุขกับทุกข์มันคือมายา สุขกับทุกข์คือสภาวะ 2 ที่มันแยกกันไม่ได้ มันเป็นมายา เวลาจะแสดงกับคนมันก็เอาหน้าความสุขมาหลอก แต่แท้จริงมันคือความทุกข์ที่ถือหอกดาบอยู่ข้างหลังตัวสุขแล้วก็เสียบตัวเอง ทำลายตัวเองตลอดกาลนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:50:05 )

ศาสนาคริสต์ศาสนาอิสลามเป็นความคิดที่ครบทั้งสัสสติทิฏฐิและอุจเฉทิฏฐิ

รายละเอียด

เรื่องนี้อธิบายกันได้อีกหลายปี หัวข้อนี้ ทำไมถึงเชื่อว่าชาตินี้ชาติหน้าโลกนี้โลกหน้ามีจริง เอาอย่างนี้ จุดแรก ศาสนาเทวนิยมชัดเจนเลย อย่างเช่น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามเป็นต้น เขาจะไม่มีชาติหน้า เขามีชาติเดียว ความเชื่อเขามีชาติเดียว ตายแล้วก็จบ ไปอยู่กับพระเจ้า อาตมาเคยวิจัยเรื่องนี้ว่า คนที่มีความคิดว่าตายและชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า มันเป็นความคิดที่ครบทั้งสัสสตทิฏฐิและอุจเฉทิฏฐิ มีทั้งตายแล้วสูญแล้วก็ไปอยู่กับพระเจ้านิรันดรเป็นมิจฉาทิฐิครบสมบูรณ์แบบ ศาสนาเทวนิยมโดยเฉพาะศาสนาใหญ่ๆที่พูดไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสารไม่มีชาติต่อไป ไม่มีการ rebirth ไม่มีการตายแล้วเกิดใหม่อีก ที่เป็นจิตนิยม จิตนิยามเริ่มตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จนกระทั่งเป็นสัตว์ล้านเซลล์จนกระทั่งมาเป็นมนุษย์ จนมาเป็นพระศาสดาเป็นพระพุทธเจ้านั่นแหละ จะเข้าใจเรื่องของจิตนิยามอย่างดี 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:07:11 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:57 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:40:19 )

ศาสนาควรดูและให้ธรรมะแก่การเมืองอยู่ห่างๆจะเหมาะกว่าไหม

รายละเอียด

ตอบตรงสุดท้ายว่าไม่เหมาะ คุณเข้าใจอย่างของคุณว่าคุณทำอย่างคุณคิดเหมาะ อาตมาว่าอาตมาทำอย่างอาตมาทำนี้เหมาะ มันคนละเหมาะ จบตรงนี้ คุณก็เข้าใจอย่างนึง อาตมาก็เข้าใจอีกอย่างนึง ก็ขอทำความเข้าใจกับคุณว่าคุณทำต่อไปเถอะเราเป็นนานาสังวาสกัน คือร่วมกันดีๆอย่าไปไหน อาตมารับฟังคุณ คุณจะปฏิกโกสนา เท่าไหร่คัดค้านอาตมาอย่างแรงอย่างไรก็ได้ไม่ว่า อาตมาก็ค้านอย่างอาตมา แต่อาตมาชอบคุณ เพราะคุณได้ทำให้อาตมาได้รู้รายละเอียด คุณจำได้เก่งกว่าอาตมา อาตมาว่าคุณเดชามีข้อมูลมากกว่านี้อีกนะอย่าไปนะเขียนมา ขอให้เขียนมา ขอเพียงแต่เขียนมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:33:03 )

ศาสนาต้องเป็นไปเพื่อสังคมมนุษยชาติ

รายละเอียด

ก็ขอยืนยันว่าที่ทำไปไม่ผิดเมื่อประเทศชาติเดือดร้อนก็ออกไปช่วย พระพุทธเจ้าเองเมื่อบ้านเมืองเดือดร้อนมีการแย่งน้ำกันพระพุทธเจ้าเข้าไปห้าม ออกไปประท้วงตัดสินให้เรียบร้อยเหมือนกัน ต้องเข้าใจว่าศาสนาต้องเป็นไปเพื่อสังคมมนุษยชาติ เมื่อมนุษยชาติกับสังคมไม่ดีมีความเดือดร้อน เรามีความรู้ความสามารถจะไปช่วยได้เราก็ไปช่วย อาตมาก็ไปช่วย ใช้เวลาออกไปช่วยสังคมให้มันเรียบร้อยให้เป็นไปได้ดี เพราะว่ารัฐบาลตอนนั้นบริหารไม่ได้เรื่อง เราก็ไปประท้วงไปช่วยจัดการให้มันเรียบร้อยไปได้ด้วยความสงบ ด้วยสันติ ไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช้อาวุธเอาความจริงกับความสงบเป็นอาวุธสำคัญไปเปิดเผยความจริงอะไรที่ถูกอะไรที่ผิด แล้วก็อยู่กันด้วยความสงบไม่รุนแรง พยายามที่จะระงับพยายามที่จะไม่ให้รุนแรงให้ได้ เป็นผลสำเร็จสวยงามด้วย ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2557 ไล่ไปไม่รู้กี่รัฐบาล 3-4 รัฐบาล พูดแล้วก็พูดอีกพูดแล้วก็ภูมิใจในธรรมะพระพุทธเจ้าว่ามันมีประสิทธิภาพมีผลประโยชน์ต่อสังคมมนุษยชาติจริง ที่ได้ทำมาจริง ไม่ได้หลงเลอะอะไร แต่พูดย้ำซ้ำให้เข้าใจว่าที่อาตมาทำนี้เป็นความถูกต้องและดีจริง ซึ่งไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 09:52:43 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:19 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:41:30 )

ศาสนาที่ประชากรมากที่สุด

รายละเอียด

คือ  ศาสนาอิสลามดูเหมือนจะมีประชากรมากที่สุด นำหน้าศาสนาคริสต์ไปแล้วในโลกตอนนี้ ส่วนศาสนาพุทธมีจำนวนน้อยกว่า ยิ่งพุทธที่เป็นโลกุตระยิ่งมีน้อยใหญ่เลยเพราะว่ามันไม่ง่าย ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเข้าสู่โลกุตระได้ เท่ากับเอาเล็บนี้จิกไปที่ดิน ได้ดินเข้ามานิดเดียว เทียบกับดินทั้งปฐพี มันน้อยกว่ากันมากเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:25:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:38:48 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:42:08 )

ศาสนาที่ยึดมั่นไม่ขึ้นกับกาละเทศะ ฐานะ ซึ่งต่างจากพุทธ

รายละเอียด

ถ้าอะไรก็ไปดึงเอาไว้ให้เป็น 1 เหมือนกับศาสนาเทวนิยมมีพระเจ้าเป็น 1 แล้วก็ไม่มีการแก้ไขไม่มีการแย้งไม่มีการเถียงเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย กาละเทศะฐานะ จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็อยู่คงที่อย่างนั้น มันก็ตาย เป็นเรื่องตาย เป็นเรื่องที่มันไม่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยสิ่งแวดล้อมปัจจุบันธรรม มันก็เลยกลายเป็นเรื่อง เอาภาวะ เมื่อ 5,000 ปีมาแล้วมาตัดสินเดี๋ยวนี้ มันคนละเรื่องเลย มันเปลี่ยนแปลงไปตั้ง ทั้งหยาบและละเอียด อย่างนี้เป็นต้น มันก็เลยไม่ทันสมัย ไม่เข้าท่า 

แต่สายที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงเขาก็ถือว่าสูงสุดแล้ว ที่ผู้รู้ที่เป็นศาสดาของแต่ละศาสนา นิรันดร์แล้ว เอาตามนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งแม้แต่เรื่องของโลก ชาวโลกโลกีย์ธรรมดา เขาก็รู้ความทันสมัยอันนี้ ไอ้โน้นมันไม่ทันสมัย แค่คำว่าทันสมัยก็ตกขอบแล้ว ศาสนาที่ยึดมั่น มันไม่ขึ้นกับกาละเทศะฐานะ พุทธไม่เที่ยง ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นความเที่ยงอย่างนั้น พุทธก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยองค์ประกอบ กาละเทศะฐานะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 11:56:55 )

ศาสนาที่สัมมาทิฏฐิให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนได้

รายละเอียด

คือศาสนาที่ผิดๆ  ศาสนามิจฉาทิฏฐิมันให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนไมได้ ศาสนาที่สัมมาทิฏฐิ  ศาสนาที่ดีที่สุด  ศาลแท้ผู้ที่มีประสิทธิภาพจริงๆ  สามารถให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนได้  ศาลก็ต้องยุติธรรม ไม่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ รหัสผิดเพี้ยนไป ก็ไม่ใช่ความยุติธรรม คุณไม่อาจจะไปดูถูกศาลได้  ศาสนาไม่ใช่การบังคับ  ผู้ที่มีภูมิปัญญาจึงจะรับได้  ผู้ที่ไม่รู้ได้จะไปตัดสินให้ได้อย่างไร  ถ้าเขาไม่เอา เขาก็ไม่รู้เอง ถ้าเขารู้ว่าตัดสินนี้ ถูกแล้ว เหมือนศาลตัดสินแล้ว   เขาก็จะยอมรับ  เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่มีภูมิปัญญาก็ต้องพึ่งพาอาศัย  แต่ว่าศาลมีอำนาจCommand   บังคับใครไม่เชื่อตามกฎหมายก็ต้องออกนอกประเทศมีหลายคนต้องออกจากประเทศไปอีกหลายคน ก็กำลังจะตามไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:13:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:39:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:42:57 )

ศาสนาที่เป็นอนัตตามีอยู่ 2 ศาสนาในโลก

รายละเอียด

จะมีศาสนาที่เป็นอนัตตา เป็นไม่มีตัวตน อยู่ 2 ศาสนาในโลก คือศาสนาพุทธกับศาสนาเชน ศาสนาพุทธกับศาสนาของพระมหาวีระ ศาสนาเชน ศาสดาพระมหาวีระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:09:26 )

ศาสนาที่เป็นโลกียะเป็นแค่สมบัติผลัดกันชมมันวน

รายละเอียด

คุณคงวนอีกนาน คุณแยกไม่ออกเลยว่า ควรจะเอาโลกียะหรือโลกุตระ ถ้าเขาไม่เอาโลกุตระ อาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วอาตมาก็ไม่ได้ไปย่ำยีเขา เขาไม่เอาโลกุตระก็เรื่องของเขาไปสิเขาทำของเขาอยู่แล้ว แต่อาตมาพูดถึงชาวพุทธ ควรจะต้องได้โลกุตระ ควรจะมาเอาโลกุตระ ไม่เช่นนั้นคุณจะวนเวียนอยู่ในโลกียะ แม้อย่างเก่งคุณก็สูงขึ้นได้เป็นแค่ศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของศาสนาเทวนิยม แล้วไม่มีความเที่ยง เป็นสมบัติผลัดกันชม เสร็จแล้วคุณก็จะต้องเลื่อนลงต่ำ คนอื่นก็แย่งขึ้นไปเป็นศาสดา ในวงกลุ่มของคุณเองในแต่ละนิกาย ศาสนาเทวนิยมแต่ละนิกายแต่ละพวก คุณก็จะวนแย่งกันไปเอง วนตกต่ำขึ้นสูง เหมือนโลกโลกีย์เขาแย่งกัน ไม่มีวันจบ 

เพราะฉะนั้น ศาสนาที่เป็นโลกียะนั้น มันเป็น สมบัติผลัดกันชมที่ตกนรกขึ้นสวรรค์ ขึ้นสวรรค์ตกนรก ตกนรกขึ้นสวรรค์ไม่มีจบ มีแต่วิบากกรรม เทวนิยมไม่รู้เรื่องกรรมวิบาก ไม่ชัดเจนเรื่องกรรมเป็นของตน ตนเป็นทายาทของกรรม กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 16:41:24 )

ศาสนาที่ไม่รู้กรรมวิบากไม่รู้ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็ไม่เชื่อกรรมวิบากคนพวกนี้น่ากลัว

รายละเอียด

ก็ค่อยๆทำความเข้าใจศึกษา สรุปง่ายๆว่าคุณได้สัมผัสคุณตั้วมาเขาก็ใฝ่ดี เขาก็ทำดีทดแทนคุณแผ่นดิน ก็น่าจะตายแล้วไปสู่ภพภูมิที่ดี ในความหมายของเขาก็จริง ตายแล้วยังไม่สูญ ก็ต้องเรียนรู้กรรมวิบากที่เราสะสมไปแต่ละชาติ ศาสนาเทวนิยมตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้า เขาไม่ได้เรียนรู้การตายไปเกิดมาเป็นมนุษย์อีกไปมีวิบากอีกเขาไม่มี เพราะฉะนั้นเขาก็สั้นมีความรู้แค่นั้น คนเกิดเพียงชาติหนึ่ง แล้วไม่รู้กรรมวิบาก ศาสนาที่ไม่รู้กรรมวิบากไม่รู้ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็ไม่เชื่อกรรมวิบากคนพวกนี้น่ากลัว เพราะกรรมวิบากนี้ทำให้รับความทุกข์ความสุขอะไรได้ ถ้าเขาไม่รู้ว่าเขาทำชั่วก็ต้องรับวิบากทุกข์นะ เขาก็ไม่เชื่อกรรมวิบาก คนพวกนี้ถึงยากที่จะสอน ไม่ทำตามกฎเกณฑ์อะไรก็แล้วแต่ เขาไม่เกี่ยว…ชาตินี้ของเขาเอาแค่ไม่ผิดกฎหมายก็พอแล้ว ถ้าผิดกฎหมายก็ติดคุกจับเข้าคุก ตอนนี้เขาก็ยังไม่เกี่ยว มันหยาบกว่านั้นเยอะ ศาสนาพุทธในลึกซึ้งละเอียด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:40 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:40 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:44:54 )

ศาสนาที่ไม่ใช่โลกุตรธรรม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธรู้ความจริงของความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนาที่รู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ คนที่อวิชชาแล้วหลงอยู่ภายใต้ความสุข อยู่ใต้อำนาจของความสุขที่เป็นความลวง เป็นของเก๊นิรันดร พวกเทวนิยมที่ไม่ได้มีสัมมาทิฏฐิ จะไม่ได้รู้สึกเลยว่าความสุขเป็นของเก๊ ความสุขไม่ใช่ของจริง คนที่ยังมีความสุขอยู่ก็คือคนที่ยังมีความทุกข์ เพราะความทุกข์กับความสุขเป็นเทวะ ในยุคนี้ไม่มีใครมาอธิบายได้ แยกไม่ออกหรอกเทวะสุขทุกข์ ซึ่งเป็นสภาวะ 2 แล้วมันก็ลวงคน ให้ติดในความสุข แล้วก็แยกไม่ออกทำให้เป็นหนึ่งเดียวอยู่อย่างนั้น มันก็ยังเป็นสภาพมีกิเลส มีภพมีชาติ ไม่ปรินิพพานไม่สูญไม่เลิกติดสุข เพราะไม่ได้เรียนรู้ถึงอาการจิต ที่แบ่งแยกละเอียดเรียกว่าเป็นเจตสิก และเรียกชัดลงไปที่ตัวเวทนาความรู้สึกหรืออารมณ์ ถ้าเรียนรู้สัมผัสความเป็นจริงของอารมณ์หรือความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนา รู้อย่างแท้จริงเลยมีธาตุรู้มีปัญญา ที่สัมผัสธาตุรู้นี้ของพระพุทธเจ้าสอน ที่เรียกว่าปัญญาธาตุ  มันเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งมากเกินกว่าโลกีย์ เกินกว่าศาสดาใดๆในโลกจะรู้จัก นึกเอาเองไม่ได้ ต้องมาเรียนรู้เบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลายไปเรื่อยๆเป็นลำดับ ถึงจะรู้ชัด ว่าที่แท้จริงสุขทุกข์เป็นของเก๊ แล้วสุดท้ายศาสนาพุทธจึงเลิกความสุขและความทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ อทุกขมสุข หรือเรียกพยัญชนะไวพจน์กันว่า อุเบกขา สูญจากความสุขความทุกข์ เป็นกลางๆ จิตของเราไม่มีอาการที่เป็นสุขไม่มีอาการที่เป็นทุกข์เลยจริงๆ คุณต้องเข้าใจอาการนั้นจริงๆอย่างชัดเจน ตัวเองต้องมีอาการนั้น มีความรู้และทำอาการนั้นได้ คนที่มิจฉาทิฏฐิเขาก็ทำอาการของอุเบกขาเหมือนกันแต่เขาทำด้วยวิธีสะกดจิต สะกดแล้วไม่ได้แยกออกเลยว่า อารมณ์จริงของความสุขอารมณ์จริงของความทุกข์เป็นอย่างไร เขาสะกดไม่ให้มันมีให้เกิดกลางเฉยๆ เขาสะกดให้มันดับส่วนมากก็จะหลับตาปฏิบัติ หลับตาแล้วก็ดับ เขาเรียกว่าทำฌานทำสมาธิเขาก็แยกกันไม่ออก ระหว่างฌานและสมาธิ การยกสติขึ้น รู้นิ่งเฉย แล้วให้รู้ความจริงนั้น รู้ความจริงที่มันเฉยๆกลางๆ อย่าคิดก็บังคับให้อย่าคิด แต่มันเป็นอุปาทาน การสร้างภพว่างๆ เก่งจนกระทั่งลืมตาสัมผัสแล้วทำให้จิตมีอุปาทาน คือยึดติดสูญๆว่างๆไว้ได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้รู้ความจริงว่าอาการสุขอาการทุกข์ไม่ให้มันเหลือในจิตเลยโดยไม่ต้องไปบังคับไม่ต้องไปกดข่ม แต่ทำได้จริงอย่างรู้จริง ตัวอย่างเช่น ได้รสได้สัมผัสก็รู้เหมือนกันหมด ภาษาจะเรียกต่างกันก็ตาม ภาษาไทยเรียกว่าความหวาน ภาษาฝรั่งเรียกว่า Sweet จีนเรียกเตียม เขาก็เรียกไป ไทยก็เรียกหวาน ภาษาต่างกันแต่ลักษณะนั้นมันอย่างเดียวกัน ลิ้มรสนั้นอย่างเดียวกัน สัจจะมีหนึ่งเดียว แต่ที่นี้ชอบหรือไม่ชอบ ชอบหวานหรือไม่ชอบหวานอันนี้ของเก๊ของใครของมัน มีอาตมมานี่แหละพยายามแยกสัจจะเหล่านี้ให้ฟัง นอกนั้นไม่มีผู้รู้ที่จะแยกสัจจะเหล่านี้ให้ฟังจึงไม่มีนิพพาน นิพพานถึงไม่มีรสของความสุขความทุกข์ไม่มีรสของความชอบความชัง สัมผัสแล้วก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงไม่เดือดร้อน สบาย ไม่รักไม่เกลียดรู้ความจริงตามความเป็นจริงเหมือนคนอื่นเขารู้ ส่วนคนอื่นดูแล้วจะมีความดูดความผลัก จะเป็นความทุกข์ความสุขก็ขึ้นอยู่กับตัวใครตัวมัน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 06 พฤศจิกายน 2562 ( 15:32:25 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:42:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:48:57 )

ศาสนาทุนนิยมคือรับใช้พระเจ้า

รายละเอียด

ถ้าเขาสามารถคิดพลังงานปรมาณูระเบิดตูมเดียว โลกทั้งโลกแตกเลย เขาตายด้วยไหม เขาก็ตายด้วย 

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร ทดลองได้อำนาจสูงสุดๆ สุดท้ายเขาก็สำเร็จแล้ว เขาก็ทดลองแต่ตัวเขาก็อยู่ด้วย มันก็ทำลายไม่เหลืออะไรเลยในโลก หมดทั้งโลก มันก็ทำลายคุณด้วย คุณก็ตายไปพร้อมกัน ฉันเดียวกันกับคนที่ขับเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด แต่นั่นมันโง่แน่นอนมันนึกว่าตายไปแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า เขาทำการรับใช้พระเจ้า 

สงครามที่มันทำลายเวิลด์เทรดคือสงครามศาสนาทุนนิยม ศาสนาสมัยใหม่คือศาสนาทุนนิยมคือรับใช้พระเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 16:52:11 )

ศาสนาบาไฮไม่เจริญด้วยเหตุใด

รายละเอียด

ศาสดาองค์สุดท้ายที่พยายามสร้างศาสนาก็คือ ศาสนาที่ชื่อว่าบาไฮ มีพระบาฮาอูลา พยายามจะรวมศาสนา เอาศาสนาพุทธไปรวมด้วย แต่ท่านเป็นเทวนิยมเป็นโลกียะ ซึ่งเขาไม่รู้มันรวมไม่ได้  มันทำไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นศาสนาของท่านจึงไม่เจริญจึงไม่ขึ้น ท่านหลงว่าท่านใหญ่กว่าศาสนาพุทธ จะเอาศาสนาพุทธไปรวมด้วย มันก็เลยฟ่ามๆ เป็นความรู้ไม่เป็นก้อนหนึ่งที่จะดิ่งไปในทางเทวนิยมก็ไม่ดิ่ง มันก็เลยเพ้อๆฝันๆ คนก็เลยไม่ยอมรับนับถือเท่าไหร่ ศาสนาบาไฮจึงไม่เจริญ ได้แค่นั้น ไม่เจริญ นี่ก็เป็นความรู้ที่อาตมาเข้าใจ ไม่ได้ไปวิจัยวิจารณ์ผิดอะไร แต่เป็นเรื่องจริง ก็ได้แค่นั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:40:21 )

ศาสนาพระพุทธรู้การสั่งสมกรรม 5

รายละเอียด

มีศาสนาพระพุทธเจ้าได้รู้กรรมเป็นของตน แล้วตนก็รับมรดกกรรมของตนเอง แล้วเราก็พัฒนาต่อมาแต่ละชาติๆ แล้วกรรมก็พาเป็นพาไปเรื่อยๆ กัมมโยนิ สั่งสมเป็นกัมมพันธุ แล้วก็เกิดมาทำกรรมกิริยานี่แหละ เป็น Action Reaction เรียกว่า กัมมปฏิสรโณ แล้วก็อาศัยกรรม ตัวพยัญชนะก็คือประกอบการรบ รณะ แปลว่าการรบ แต่เป็นศาสดาก็เลยรบเก่ง ได้เป็นหัวหน้าใหญ่เลย  แม้แต่ชาติอื่นๆก็ยอมให้เป็นจอมทัพ รับศาสนาของท่านก็ยกให้ท่านเป็นจอมทัพเป็นศาสดาของแต่ละศาสนา ไม่ใช่แต่ประเทศเดียว คนหลายประเทศก็ยอมรับคำสอนความรู้ของท่าน อย่างนี้เป็นต้น 

สำหรับพระพุทธเจ้านั้นก็มีนัยอย่างศาสดาต่างๆที่ท่านเป็น มีเหมือนกันหมด มีครบครันดีกว่าด้วย เพราะว่าท่านรู้ละเอียดกว่า รู้การสั่งสมกรรมกริยาต่างๆ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ ท่านทำได้ละเอียดรู้ละเอียดกว่าศาสดาต่างๆ นี่เราพูดอะไรของเรานะไม่ได้ไปพูดข่มศาสนาอื่น ผู้อื่นต้องระมัดระวังอย่าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้าต่อตา เราพูดกันกับผู้ที่เรียนรู้เป็นวิชาการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:00:47 )

ศาสนาพระพุทธเจ้าจะมาสอนให้คนเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

พวกเราก็ไม่อ้วนนะ พวกเราเป็นคนที่ได้สันทัดเป็นคนได้สัดส่วน ผอมเป็นกุ้งแห้งก็ไม่ค่อยมี มีดร.ต้อมคนเดียวที่ผอม ผอมมาแต่อ้อนแต่ออก อีกคนรุ้ง ก็ผอม กินไม่เลือกกินจัดแต่ได้แค่นี้ สรีระเขา มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ อาตมาเองสรุป พูดย้ำไม่รู้กี่ทีว่า ศาสนาพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีความหมายอะไรเกินกว่าความเป็นมนุษย์กับสังคม ศาสนาพระพุทธเจ้ารวมหมดแล้ว จะมาสอนให้คนเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบให้ได้ แล้วก็จะเกิดองค์ประกอบเป็นสังคมสมบูรณ์แบบสมบูรณ์แบบ คุณว่าชาวอโศกเป็นสังคมสมบูรณ์แบบไหม …สมบูรณ์แบบ? ทำไมหลงตนเองขนาดนั้น อาตมาว่าสมบูรณ์แบบนะ จริงๆ พวกเราจะรู้สึกสมบูรณ์แบบตามความเห็นความเข้าใจของพวกคุณ จะรู้สึกอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ที่อื่น แต่เรารู้ที่อื่นเป็นอย่างไร ที่เขาดูหรูหราแสวงหากันอยู่ จะกินจะเที่ยวจะเล่นอะไรต่างๆนานาเหมือนชาวโลกเขาเป็น มีหลายรสนิยมเขาก็ว่ากันไป แต่ของเราที่เยอะแยะนี่ เราลดลงมาหมดแล้ว มาอยู่กับปัจจัยสำคัญของชีวิต ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากับคนอื่นหมด แต่ใน 24 ชั่วโมงของเรา กลางคืนเราก็นอน แต่ข้างนอกกลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ เคยได้ยินไหม แต่ก่อนเราก็เคย มันไม่รู้จักหลับจักนอน รู้สึกว่าไอ้นี่ก็น่าสนุกไอ้นี่ก็น่าไปอะไรต่างๆนานา เสร็จแล้วก็ง่วงนอน ก็มาฟุใบไป แล้วก็ไปสนุกอีก นอนน้อยสุขภาพก็เสีย พวกเราก็เลยสุขภาพดีแล้วก็มีความรู้หลายด้าน จริงๆพวกเรานั้นน่าจะอ้วน แต่ไม่อ้วน เพราะมีความรู้ซ้อนเป็นคนสันทัดเป็นคนรูปร่างดี นับตั้งแต่นักบวชพวกเราไม่มีพุงพลุ้ยเหมือนกับข้างนอกเลย ไม่มี นักบวชเรา ข้างนอก ยิ่งสูงขึ้นยิ่งพุงพลุ้ย แต่ของเราไม่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:41 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:15 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:51:22 )

ศาสนาพระพุทธเจ้าจึงเกิด ผู้บรรลุแล้วเป็นอมตะบุคคล

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้าจึงเกิด ผู้บรรลุแล้วเป็นอมตะบุคคล แล้วมีสิทธิจะไปคลุกกับกิเลส อย่างไรกิเลสก็ทำอะไรเราไม่ได้ ไม่ซึมซับ กิเลสห่างด้วย อย่างอาตมานี่กิเลสหยาบๆเข้ามาไม่ได้เลย ไม่มีบารมีจะได้ยินเสียงด้วย ไม่มีบารมีจะรู้ว่าพุทธะเกิดแล้วหรือ เขาจะไม่รู้พุทธะเลย เขาจะรู้แต่เดียรถีย์ฟังไม่รู้เรื่องว่าพุทธะคืออะไร เขาฟังออกแต่ภาษาผี ในวงการศาสนาพุทธ อาตมาเห็นภาพที่เขาถ่ายในวงการธรรมะ ชีวิตเขาก็พยายามแสวงหา ดูแล้วสำนักนี้ก็เข้าทรง สำนักนี้ก็พาคนไปบูชาต้นกล้วยออกปลีข้างๆ สำนักนี้ก็ไปเห็นปลาไหลเผือก ไปกราบปลาไหลเผือกกัน สำนักนี้ก็ไปกราบต้นตะเคียนใต้ท้องน้ำ พระก็ไปเอาสายสิญจน์ไปคล้อง ไล่วิญญาณออกจากต้นตะเคียน อย่างนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ของศาสนาพุทธหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:43 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:57:08 )

ศาสนาพระพุทธเจ้าที่เลิกความวนได้

รายละเอียด

พระเจ้านิรันดรไม่ตกต่ำแล้วเป็นเจ้าของสุข ดีที่สุด คุณก็นึกว่าดีที่สุด นึกว่า แต่ที่จริง จริงดีที่สุดในวิบากของศาสดาแต่ศาสดาเองก็ไม่เที่ยง ศาสดาเองก็จะตกต่ำมาเป็นสัตว์เดรัจฉานเพราะไม่รู้ความเป็นเดรัจฉาน ไม่รู้การเป็นสัตว์โลก ไม่รู้ความเป็นสัตวโลก ไม่รู้รายละเอียดของ อุตุนิยาม พีชะ จิต ไม่รู้รายละเอียดของสัตตาวาส 9 เป็นต้นซึ่งเป็นรายละเอียดของจิตนิยามที่ทำให้เกิดเป็นสัตว์ต่างๆนานาสารพัด ไม่รู้รายละเอียดอันนี้ ก็เวียนเกิดเวียนตายอยู่กับสิ่งเหล่านี้ โดยที่ตัวเองไม่รู้ นึกว่าตัวเองรู้ นึกว่าตัวเองจบแต่ไม่จบ ถ้าจบต้องทำ 0 ได้ ต้องทำ นิรันดรได้ นิรันดรอย่างพระอวโลกิเตศวรของพุทธ คุณจะมีปฏิธาณอยู่อย่างนั้นก็ไม่ว่า แต่มีหลักประกันทุกอย่างเลย เป็นจิตนิยามที่มีหลักประกันดีทุกอย่าง ถ้าคุณจะอยู่ ถ้าคุณจะปรินิพพานก็จบทั้งความมีและความไม่มี สูงสุดเลยความมีกับความไม่มี ไม่เหลือเลย 

นี่คือศาสนาพระพุทธเจ้าที่เลิกความวนได้หรือจะไม่วนแม้แต่มีชีวิตอยู่เกิดเป็นคนก็ไม่วน รู้ความจริงอะไรควรมีอะไรควรไม่มี มี วสวัตตีโก ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ หรือเป็น อนุปคัมมะ เป็นอภิภู ก็สามารถที่จะเป็นเองเป็นใหญ่เอง เป็นผู้เป็นเองได้ทุกอย่างจะเป็นอะไรก็เป็นได้หมด เป็นอมตบุคคล 

ซึ่งอมตะก็ดี อภิภูก็ดี อนุปคัมมะ ก็ดี ก็เป็นผู้ที่จะทำให้เป็นอะไรได้ทั้งนั้น จะเป็นอะไรก็ได้เลือกเอา ความเป็นพระเจ้าที่จะเป็นอะไรก็ได้แม้แต่ที่สุดจะ สูญก็ได้ เลิกเลยก็ได้ จะมีนิรันดรก็ได้ นี่แหละพิสูจน์ความเหนือกว่าพระเจ้า ขออภัย พูดแล้วเหมือนไปข่มศาสนาพระเจ้าเข้า แต่นี่เป็นสัจจะ กำลังพูดถึงวิชาการ เป็นวิชาการ เป็นความรู้ เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เป็นการไปข่ม ไปยกตนข่ม ไปดูถูกดูแคลนอะไรไม่ใช่ อาตมากำลังสาธยายความรู้เป็นวิชาการ 

นี่เป็นความรู้ที่สุดยอด อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ รู้รายละเอียดพวกนี้ ยังไม่สูงเท่าพระพุทธเจ้าก็ยังบอกพวกคุณได้ ถ้าคุณเรียนกับอาตมา คุณก็เป็นอรหันต์ที่จะเลิกเกิดเลยได้ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้จริงๆแล้วก็มีผู้ที่เป็นอรหันต์ เลิกเกิดไปตาม ใครที่จะไม่ต่อภพภูมิก็เลิกได้ พระอรหันต์หลายรูปหลายองค์ที่เรียนกับอาตมาก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็มีหลายองค์คนที่จะต่อภพภูมิ ยังไม่ยอมจบเห็นว่า พ่อท่านเป็นโพธิสัตว์น่าจะต่อไปด้วย เพราะคนที่เป็นอรหันต์แล้วมันจะไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้วมันก็รู้แล้วมีหลักประกันที่ตัวเองจะเกิดอีกก็ไม่มีปัญหา มีแต่เจริญกับเจริญ ไม่มีเสื่อม 

โอ้.. อาตมาจึงบอกว่าคนที่บรรลุอรหันต์แล้วที่บอกว่าจะไม่ตั้งตนเป็นโพธิสัตว์ ส่วนมากบรรลุแล้วตั้งตัวเองเป็นโพธิสัตว์ทั้งนั้นแหละ นอกจากจะเป็นอรหันต์ สมสีสี ตายพร้อมกับบรรลุไปเลย ก็แล้วไป แต่ถ้าเผื่อว่าบรรลุแล้วก็รู้สึกว่ามันดีอยู่นะ ทุกข์ก็ไม่ทุกข์ สุขก็ไม่สุขแล้ว การที่จะไม่มีตกต่ำอีกก็ทำได้แล้ว จะรีบตายไปทำไม อันนี้อาตมาก็พูดไปตามประสาที่อาตมาผ่านมาเห็นอย่างนั้น อาตมาผ่านชาติมานับไม่ถ้วนแล้ว ที่พูดนี้คือรู้จริงผ่านมาจริง รู้จริงก็เลยเอามาพูดให้ฟัง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ อาตมาอยากให้เข้าใจทุกคนและชวนเชื่อหรือไม่เชื่อ อาตมาบังคับใครไม่ได้ อาตมามีสิทธิ์ที่จะพูดความจริงเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:12:42 )

ศาสนาพระพุทธเจ้าสอน 

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้าสอน  คือ จิตวิญญาณของตัวเราเองเป็นประธานของสิ่งทั้งปวงจนสามารถทำลายพระเจ้าได้เลยนี่คือของศาสนาพุทธ  ศาสนาพุทธสามารถแยกธาตุจิตให้เป็น 1 เป็น 0  ได้เป็นพีชะเป็นอุตุได้เลยมีศาสนาพุทธเท่านั้นที่ตีแตกแยกแยะ  เทวะได้และดับความเป็นเทวะได้สนิทหมดสิ้นด้วยฌาน  ด้วยบุญนี่เอง  จึงเป็นศาสนาเดียวที่ทำความเป็น 0 ให้แก่จิต เจตสิก  รูป  นิพพาน  สำเร็จจริง  ศาสนาพุทธจึงมีนิพพาน ศาสนาเดียวในโลก ศาสนาเทวนิยม ไม่มีนิพพาน  แต่ฌานมีทั้งไม่ใช่พุทธ ทั้งที่เป็นพุทธ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:28:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:45:10 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:58:46 )

ศาสนาพระเจ้าสอน

รายละเอียด

ศาสนาพระเจ้าสอน คือ สอนว่าอย่าไปแย้งการตัดสินใจของพระเจ้า  พระเจ้านิรันดรใครไม่รู้จักท่านได้  เป็นเทวะที่หมายเอาถึงจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง คือ พระเจ้า

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:27:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:47:06 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:59:30 )

ศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธเป็นอันเดียวกัน

รายละเอียด

เพราะในยุคนั้น เป็นยุคเริ่มต้นจากศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธก็คือ พราหมณ์ ศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธเป็นอันเดียวกัน จรณะ 15 วิชชา 8 เหมือนกัน อย่างที่มีประวัติใน อัมพัฏฐสูตร พราหมณ์ก็นับถือพระเวท ก็มีจรณะ 15 วิชชา 8 เหมือนกัน ในยุคนี้ก็เป็นพระมหาศาล คือเรียกภิกษุว่าเป็นพระของไทยก็เลยเรียกว่าพระมหาศาลคือพระที่ร่ำรวยด้วยลาภและสรรเสริญอย่างที่เป็น สมัยโน้นที่มันเสื่อมคือพราหมณ์เสื่อมกลายเป็นผู้ที่เป็นพราหมณ์มหาศาล ร่ำรวยมหาศาลด้วยลาภยศสรรเสริญ พระเจ้าแผ่นดินชุบเลี้ยง ยกยอปอปั้นกัน อย่างที่เป็น 

ถ้าจะว่าไปแล้วก็ ดูๆ เหมือนอย่างเถรสมาคมทุกวันนี้ที่เสื่อม อัมพัฏฐมานพ เป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์โปกขรสาติ เป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์ผู้ใหญ่ที่ได้รับการนับถือในยุคนั้น อัมพัฏฐมานพ นี่เป็นนักบวช เป็นพราหมณ์หนุ่มที่ได้รับความยอมรับจากอาจารย์ว่าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องจรณะ 15 ใน วิชชาจรณะสัมปันโน  แต่เข้าใจผิดว่าเป็นพราหมณ์แล้ว 

เมื่อพบกับพระพุทธเจ้า เมื่อมาเจอกัน อัมพัฏฐมานพ ถือว่าตัวเองเป็นนักบวชแล้วก็ถือตัวว่า พระพุทธเจ้าเป็นฆราวาส เป็นคฤหัสถ์ ถือว่าออกมาจากกษัตริย์ออกมาจากวังเลย อัมพัฏฐะก็ถือว่าต้องไหว้เขา เพราะเขาเป็นนักบวช คนอื่นต้องไหว้เขา พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ไม่ไหว้เพราะเธอไม่มีจรณะ 15 วิชชา8 เขาก็บอกว่า เขามี  เขาว่าไปเป็นพยัญชนะ ก็วิเคราะห์วิจัยกัน เดี๋ยวเอาพระไตรปิฎกมาอ่านขยายความให้ฟังเลย สนุก ขบเหลี่ยมกัน จนกลับกันว่า จรณะ 15 ต้องมีในภิกษุสิ อยู่ในฆราวาสจะมีได้อย่างไร มันก็ไม่ผิด แต่ตอนนี้มันเสื่อมอยู่ในภิกษุมันไม่มี แต่ไปมีอยู่ในฆราวาสพระพุทธเจ้าท่านมีจรณะ 15 วิชชา 8  อย่างแท้จริง ก็อธิบายกันซับซ้อน โอ้โห! ฝากไว้ก่อนโอฬาร พูดแล้วมันเขี้ยว น่าอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:06:37 )

ศาสนาพราหมณ์หรือพุทธอันเดียวกันเป็นศาสนาอเทวนิยม

รายละเอียด

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นองค์ธรรม 4 ของความเป็นพระเจ้า สมัยก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเกิดศาสนาพราหมณ์เกิดแล้ว พระพุทธเจ้าเขาเรียกว่าพรหม พรหม ก็มีองค์ธรรม 4 ที่เป็นคุณสมบัติพิเศษคือเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา ที่จริงศาสนาพราหมณ์ศาสนาพุทธอันเดียวกันเป็นศาสนาอเทวนิยม แต่พอมันผิดเพี้ยนไปก็กลายเป็นเดียรถีย์กลายเป็นเทวนิยม พระเจ้าก็เป็นตัวตนพระองค์ก็เป็นตัวตนข้านี่แหละใหญ่ๆ ก็มีพระพุทธเจ้าขึ้นมาเท่านั้นที่จะข่มพระพรหมได้ พระพรหมก็ยอม พระพรหมองค์ใหญ่จริงๆมาเจอคนแสวงหาพระพุทธเจ้า ต้องการ จะรู้ว่าดินน้ำลมไฟสิ้นสุดหรือไม่หยั่งลง ณ ที่ไหน ที่สุดของโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมอยู่ต่อหน้าบริวารเต็มเลยคนนี้ก็มาถาม มาถามพระพรหม ว่าที่สุดแห่งโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็ตอบว่าเรานี่แหละใหญ่ เขาก็บอกว่าไม่ใช่ถามว่าที่สุดแห่งโลกอยู่ที่ไหน พระพรหมก็ตอบว่าเรานี่แหละใหญ่ ไม่ใช่ ถามว่าที่สุดแห่งโลก เขาถามอีกอย่างก็ตอบอีกอย่างไปไหนว่าสามวาสองศอก ถามว่าไปไหนมาก็ตอบว่ากิโลเมตร 2 กิโลเมตรหรือวา 1 เมตร1 ไม่ใช่ถามว่าไปไหนมา จับสภาวะคำถามคำตอบให้มันตรงกัน เอ็งมาถามคำถามไม่ตรงกับคำตอบ แล้วดันเอาคำถามมาถามตอนนี้ ถ้าไม่รู้แล้วจะตอบเองได้อย่างไร ให้เอ็งไปถามพระพุทธเจ้า แสดงว่าพระพรหหมยอมรับพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:32:05 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คือ  ศาสนาพุทธรู้จักความเป็นพระเจ้าดี และไม่ขึ้นอยู่กัยพระเจ้า จะเรียกว่ากบฎต่อพระเจ้าก็ได้ สามารถเลือกอาตมันของตัวเองได้ พระเจ้าก็ไม่สามารถที่จะมาบังคับอะไรเราได้ไม่กลั[มาวนเวียนเป็นอาตมัน หรือเป็นชีวะ และ เป็นจิตนิยามตลอดไปได้อีก นี่คือ สุดยอดแล้ว หรือ แม้แต่ จะมีชีวิตต่อไปเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีความสุข ความทุกข์แล้วมีจิตที่เป็นพีชะธาตุ ได้แล้ว เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่สูงสุด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 12:42:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:49:16 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:01:12 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

 คือ การดับความสุขความทุกข์ จบ เป็นจิตที่ใหม่ที่สุดที่คนในโลกยังยากจะเข้าถึงได้ว่า ความสุขความทุกข์เป็นสมมุติ ไม่มีตัวตน ความสุขความทุกข์เป็นอุปทาน  ความสุขความทุกข์เป็นตัณหา  ให้มาเรียนรู้ว่า เวทนา ล้างตัณหาอุปาทาน ก็จะรู้ความจริงว่าความสุขความทุกข์เป็นอนัตตา

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:04:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:53:45 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:02:03 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เป็นอเทวนิยม (atheism) เป็นศาสนาเดียวในโลกที่มีโลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

 สาธารณโภคี เศรษฐกิจชนิดใหม่ หน้า 122


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2562 ( 16:42:15 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:03:13 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่ดับความสุขความทุกข์ หรือดับเทวะ เทวะแปลว่า 2 คือสุขกับทุกข์ ศาสนาพุทธเป็นอเทวะอยู่เหนือเทวะ เหนือความสุขความทุกข์ เหนือเทวดามารพรหม เน้นที่เวทนา

เรียนรู้จุดสำคัญคือสุขกับทุกข์ ซึ่งก็คืออาการของเวทนา ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าถ้าไม่เข้าใจสัมมาทิฏฐิว่าวิธีปฏิบัติคืออย่างไร จะเกิดฌาน สมาธิก็ดี หากไม่อยู่ในแบบแผน ทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามันก็เป็นความล้มเหลวก็ออกนอกศาสนาพุทธอย่างที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ไปนั่งหลับตาสะกดจิต ไม่เข้ารูปเข้ารอยเข้าร่อง ฌาน นอกจรณะ 15 ไม่ใช่ฌานของพุทธ ฌานในจรณะ 15 จึงเป็นฌานของพุทธ เมื่อปฏิบัติฌานของพุทธได้ถูกต้องจึงจะเกิดพลังงานไฟฟ้า  อุณหธาตุ กำจัดไฟราคะโทสะโมหะ จิตสะอาดปราศจากกิเลส สั่งสมลงเป็นสัมมาสมาธิวิชชาจรณสัมปันโน จนถึงปลายข้อที่ 8 คือสิ้นอาสวะ จากเตวิชโช 3 เป็นตัวสุดท้ายของวิชชา 8 เตวิชโช บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ พยัญชนะเหล่านี้สื่อให้รู้ถึงสภาวะ รู้ทุกอย่างของอาการจิตเจตสิกต่างๆ แล้วปฏิบัติจัดการเรียกว่าอภิสังขาร ทำให้จิตเกิดบุญ เกิดปุญญาภิสังขารแล้วก็กำจัดไฟกิเลสได้จริง จนกิเลสหมดก็หมดน้าที่ของบุญ เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร แต่ต้องสั่งสมที่เรียกว่า อนุรักขณาปธาน การรักษาผล อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง เป็นอนุรักขณาปธานให้ตั้งมั่นตกผลึกเป็นสัมมาสมาธิบริบูรณ์ จิตสะอาดด้วยอุเบกขา ถ้าคนทำแล้วทำซ้ำก็บริสุทธิ์ได้อีก จนจิตก็รวดเร็วว่องไว ทั้งเวทนา สัญญา สังขาร มีการกระทำการงานก็มีการประมาณได้อย่างดีกับสังคมก็ทำได้อย่างเหมาะควร 

ศาสนาพุทธตั้งแต่พระสูตรเล่มที่ 1 ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร ก็ตีทิ้งหลับตา เพราะมีแค่อดีต 18 อนาคต 44 ต้องไปทำที่ทิฏฐธรรม

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:55:12 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เรียนรู้ การเรียนรู้วิบาก เรียนรู้ความสุขความทุกข์ อันนี้แหละเป็นเนื้อแท้ เรียกว่า อาริยสัจ พระพุทธเจ้าให้มาเรียนรู้ทุกข์อาริยสัจดับทุกข์อาริยสัจ ความสุขก็หายไปเพราะมันเป็นอันเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:08:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:56:53 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:07:51 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

จึงเป็นศาสนาที่เรียนรู้กรรม ไม่ใช่ไปเรียนรู้  God  แล้วสามารถเลิกกรรมได้เลย เป็นปรินิพพาน เป็นปริโยสาน แยกไปเลย  ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า  พระเจ้าตามหาก็ไม่ได้ จะบอกว่าอวดดีไม่มาหาพระเจ้า  หายไปได้เลย  ทำตัวเองหายไปได้เลย  พระเจ้าไม่เกี่ยว นี่คือ สุดยอดของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:39:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:58:12 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:09:20 )

ศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ต้องมีจิตต้องรู้โลกุตระ ต้องเรียนรู้ล้างกิเลสในเจตสิก มีปัญญาไม่ยึดมั่นถือมั่นในโลกที่วนเวียน จบที่โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไม่วนเวียนอีกเลย ไม่สูงต่ำไม่ดีไม่ชั่วกับเรา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:13:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 11:59:20 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:10:06 )

ศาสนาพุทธ สอนให้รู้จักสวรรค์รู้จักนรก

รายละเอียด

จตุมหาราชคือ ข้าจะต้องแย่งชิง ข้าจะต้องประหัตประหารเอาจากคนอื่นให้ได้ เป็นจอมยักษ์จอมมารเป็นนักรบใหญ่ถือดาบถือง้าวถือหอกมีเขี้ยวมีตาโปนเอาไปแย่งในโลกโลกีย์ แย่งได้มาก็เป็นดาวดึงส์ เป็นภพลวงเป็นภพหลอก เป็น ตาวติงสา เป็นอาการที่ 33 ซึ่งจริงๆ แล้วในภพมันมีแค่อาการที่ 32 คือทวัตติงสา มันไม่มีดาวดึงส์ไม่มีอาการ 33 ที่เป็นการหลอกลวง แล้วต้องการให้เป็นสุขยาวนานคือยามา ได้ยาวนานยามหนึ่งก็คือ 3 ชั่วโมง ก็จะได้ให้หลายๆยามเป็นยามต้นยามกลางยามปลายให้มันสุขต่อกันไป ซึ่งมันไม่ได้มันไม่เที่ยง แต่คุณก็จะพยายามดึงดันให้เป็นยามา ให้เป็นดาวดึงส์เป็นสุขนี่แหละ เป็นตัวหลอกตัวปลอมเป็นมายาในการจะเอาความสุขนี่แหละให้เป็นยามา 

เขาจะให้พัก กูก็ไม่พัก จะให้ดุสิตก็ไม่พัก ดุสิตแปลว่าเย็น ก็ไม่เอาดันทุรังต่อไปเลยสร้างขึ้นจะเอาต่อไปอีกเป็นนิมมานรดี ก็เลยยิ่งไปภพซับซ้อนเนรมิตขึ้นมาหลอกตัวเอง เก๊แล้วเก๊อีก เรียกว่า นิมมานนรดี ยังไม่พอใครๆมาเห็นตามโง่ตามก็ช่วยกันมา ปรินิมมิตวสวัตตี สร้างให้เป็นกำลังใหญ่เป็นพญามารยิ่งใหญ่ที่สุดเป็น ปรินิมมิตวสวัตตี ทำนรก ให้ใจตัวเองซับซ้อนไป ฟังให้ดีนะ 

ไอ้คนที่ไม่รู้จักสวรรค์เก๊ของเก๊ทั้ง 6 แล้วก็ไปหลงสวรรค์คุณก็มีภพ เพราะศาสนาพุทธท่านมาสอนให้รู้จักสวรรค์รู้จักนรก แล้วไม่เอาสวรรค์นั่นแหละยิ่งตัวหลอกซับซ้อนยิ่งเป็นมายาเป็นนรกในเมืองมายา มันเป็นนรกชัดๆ 6 ชั้นนั้น ศาสนาพุทธจึงไม่เอาแล้วทั้งนรกและสวรรค์เลิก แต่ศาสนาพุทธนั้นมันเสื่อมก็ไปหลงสวรรค์ กันอยู่นี่ศาสนาก็สอนแต่ให้ทำบุญทำทานให้เกิดภพชาติเกิดสวรรค์อะไรอยู่ เป็นสวรรค์ดาวดึงส์ สวรรค์มีสุข หลงความสุขเป็นสุขนิยมเหมือนกับเทวนิยมเขา ที่เป็นสุขนิยม 

แล้วเมื่อไหร่คุณจะหลุดพ้นสักที บวชมาตั้งอกตั้งใจน่าสงสารอยากจะได้นิพพาน อยากจะหลุดพ้น แต่คุณก็โง่งมงายสร้างภพชาติให้แก่ตัวเองวันแล้ววันเล่าได้ลาภยศสรรเสริญ โลกียสุข เป็นโลกีย์อยู่อย่างนั้น ไม่รู้จักกายไม่รู้จักจิต พูดแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรให้ฟื้น อาตมาก็ไม่เสียหลายหรอกพูดไปแล้วยังมีพวกคุณเข้าใจ แล้วก็มาฝึกฝนปฏิบัติได้มรรคได้ผลตาม ฟังธรรมะให้ดีจะเข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่าอาตมาพูดถูก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2566 ( 11:41:57 )

ศาสนาพุทธ เชื่อว่า ไม่เที่ยง ศาสนาเทวนิยม เชื่อว่า เที่ยง

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมศาสนาพระเจ้าหรือศาสนาพุทธก็ตาม มันไม่เที่ยง แต่พระเจ้าเชื่อว่าเที่ยง พระเจ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนิรันดร สุขอย่างเดียว เป็นสุขนิยม อยู่กับพระเจ้าและพระเจ้าก็อยู่นิรันดรอยู่อย่างนั้น เป็นใหญ่เป็นโตอยู่อย่างนั้น เป็นผู้บัญชาการวิญญาณ และเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งด้วย 

ซึ่งมันไม่จริง จริงๆ แล้ว 

1. พระเจ้าไปห้าม กาละ ให้หยุด ห้ามพระอาทิตย์ ไม่ให้เดินทางไม่ให้เคลื่อนที่ ห้ามลูกโลกไม่ให้หมุน พระเจ้าทำไม่ได้ พระเจ้าแสดงตัวเองว่าเป็นเจ้าของทุกอย่างก็ทำได้สิ สั่งได้  ใช่พระเจ้าทำให้  โลกไม่หมุน ไม่ให้พลังงานสังเคราะห์สังขารทั้งหมด พระเจ้าทำไม่ได้ แต่เขาจะไม่คิด เขาจะไม่เชื่อ เขาเชื่อว่าพระเจ้าทำได้ แต่แท้จริงแล้วทำไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 13:53:49 )

ศาสนาพุทธ เรียนรู้อะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ศาสนาพุทธ 

1.มาเรียนรู้ว่าดีอย่างสมมุติโลกเป็นอย่างไร แล้วทำแต่ดีอย่าไปทำชั่วตามสมมติโลกเขา รู้สมมุติโลกเขา คุณอยู่กลุ่มไหนก็ตามสมมุตินั้น แล้วคุณก็รู้ว่าอันนั้นเขาสมมุติว่าดี อันนี้สมมุติว่าชั่วก็ทำแต่ดี ในหมู่กลุ่มนั้นมันก็อยู่ดีแล้ว นี่เป็นหลักประกันชั้นที่ 1

อันที่ 2 ไม่ใช่หลักประกันเลย แต่เป็นความบรรลุ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:14:41 )

ศาสนาพุทธกระแสหลักทุกวันนี้ช่วยประเทศชาติไม่ได้

รายละเอียด

ถ้าหากช่วยได้ทุกวันนี้ มีแต่ว่าพฤติกรรมของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เอาโลกุตรธรรม มาปฏิบัติประพฤติ พระจริยวัตรของ

ในหลวงร.9 คือโลกุตระ ส่วนศาสนาพุทธนั้นไม่มี ก็มีคนท้วงอาตมาว่าในหลวงก็เคารพพระทางโน้น แล้วโพธิรักษ์หากถูกต้องในหลวงทำไมไม่มาหาโพธิรักษ์ เพราะเกิดในยุคเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:45:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:01:27 )

ศาสนาพุทธกระแสหลักไม่สามรถสอนคนให้เกิดอนุสาสนีย์ปาฏิหารย์

รายละเอียด

คำสอนพระพุทธเจ้ามาให้คนปฏิบัติเกิดอนุสาสนีปาฏิหาริย์ตามคำสอนพระพุทธเจ้าจริง มาเป็นคนจน เกิดเป็นชุมชนสาธารณโภคีได้ ตามหลักการของวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 ยืนยันได้ ในวงการศาสนาพุทธกระแสหลัก น่าสงสาร พูดอย่างไรก็เหมือนคนที่เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนเช้าก็ยังไม่ตาย เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนกลางวันก็ไม่ตาย เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนเย็นก็ยังไม่ตาย แล้วฆ่าไม่ตายดีไม่ดีอาตมาจะตายเอา หนังเหนียวจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:10:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:03:15 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:12:25 )

ศาสนาพุทธกับความสุขและความทุกข์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสุข ทุกข์นี้เป็นเรื่องของสภาพคู่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสุข ให้มาสนใจที่เรียนรู้เหตุแห่งความทุกข์ ล้างเหตุแห่งความทุกข์ให้หมดไปตามลำดับ ความทุกข์ก็จะหมดไปตามลำดับ สุขก็จะหมดไปตามด้วย จนกระทั่งเหลือใยสุดท้ายของทุกข์ ดับหมดทุกข์ก็หมด สุขก็หมด เป็นพระอรหันต์สูงสุด ศาสนาพุทธกับความสุขและความทุกข์ ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์นี่คือนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:03:35 )

ศาสนาพุทธกับเทวะ

รายละเอียด

ที่เป็นสุขนั่นคือโลกียะ ที่ติดสุข  ติดทุกข์  เป็นเทวะ  เขาตีเทวะไม่แตกคนก็เข้าใจยากอยู่ว่า  ศาสนาพุทธดับเทวะ  ตีเทวะแตก  จนไม่มีเทวะ  จะไม่มีมหายอดเทวะ คือพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่  ศาสนาพุทธไม่มี  แต่เป็นเรื่องที่เราเข้าถึงจิตวิญญาณของเรา เป็นจิตวิญญาณที่ดับเทวะสิ้นเลยไม่แคร์ว่าพระเจ้าจะเป็นอย่างไร  ตายจะไปอยู่กับพระเจ้าอย่างไร  ไม่มีทาง  ชาวพุทธที่บรรลุ  ดับเทวะได้  หมดสุข  หมดทุกข์ได้แล้ว  ตายแล้วแยกธาตุเป็นอุตุนิยาม  พระเจ้าให้สุวรรณ  สุวาน  หวังเฉา  หม่าฮั่นไปตรวจสอบดู  เวลาคนตายแล้ว  แต่มันหายไป  วิญญาณนี้หายไปเลย  เพราะว่าเราได้ทำลายจิตวิญญาณของเราเองได้แล้ว พระเจ้ามาทำอะไรเราไม่ได้  เพราะเราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณตัวเอง แล้วเราก็จัดการ  จัดการกับจิตวิญญาณตัวเราเอง  สลายให้เป็น 0  หรือว่าหมดความเป็นวิญญาณ  แม้แต่ความเป็นพีชะก็ยังไม่มี  นี่คือความรู้ของศาสนาพุทธ  ธรรมนิยาม 5 กรรมนิยาม  สามารถทำให้ธรรมะ  2  สูญสลายไปได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:09:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:05:11 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:13:31 )

ศาสนาพุทธของเมืองไทยได้แค่อะไรของต้นไม้ 

รายละเอียด

พ่อครูว่า…เรื่องของศีลนี้สอนกันผิดไปใหญ่กันมากแล้ว เอามาจากไหนที่ว่า ศีลควบคุมกาย วาจา … แม้แต่เป็นอาจารย์ใหญ่ต่างๆในประเทศไทย อาตมาก็พูดเอาพระไตรปิฎกยืนยัน ศีลก็ยังไม่ได้ ต้นไม้ทั้งต้นสะเก็ดก็คือศีล เปลือกก็คือสมาธิ กระพี้คือปัญญาแก่นก็คือวิมุติ คุณไม่ได้เลยทั้งหมดแต่เขาได้อะไรต้นไม้เขาได้กิ่งก้านใบผลดอกพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่ากิ่งก้านใบผลดอกคือลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เขาได้อย่างนั้นเต็มไปหมดเลยในบ้านในเมือง 

อาจารย์ใหญ่องค์หนึ่งกำลังสิ้นชีวิตไปก็ได้ยศเป็นสมเด็จญาณวโร ได้แค่นี้แหละศาสนาพุทธในเมืองไทย แล้วไปหลงว่าได้เป็นอาจารย์ใหญ่ทางสมาธิ เป็นสมาธินอกรีต ขออภัยที่อาตมาพูดด้วยความชัดเจน พูดด้วยความตรง พูดความจริงของศาสนาพุทธ ซึ่งของเขามันผิดๆมันขัดกับความเป็นจริงของศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:57:42 )

ศาสนาพุทธขาดจากกายไม่ได้เลยต้องมีพร้อมทั้งกายและใจ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนี้ไม่ได้ปฏิบัติแบบหลับตาทิ้งกายภายนอก  แม้จะนั่งหลับตา  ดูลมหายใจเข้าออก  ก็ต้องเหลือเศษรับรู้  ลมหายใจ เข้าออก หากตัดสัมผัส ไม่รับรู้ลมหายใจ เข้าออกมีแต่จิตที่รู้เพียงกายในภวังค์อย่างเดียว  อย่างนั้นเป็นโมฆะจากศาสนาพุทธอย่างยิ่งที่สุดเลย  ศาสนาพุทธขาดจากกายไม่ได้เลย ต้องมีพร้อมทั้งกายและใจ ปฏิบัติต้องมี ธรรมะ 2 มีรูปมีนามและต้องไม่ทิ้งภายนอก  พระพุทธเจ้า ไม่สอนให้หลับตา ให้ทิ้งขาดจากภายนอกเลย  แม้ว่าเขานั่งหลับตา  ตั้งกายตรง ดำรงสติคงมั่น  กันเต็มไปหมด  ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติเขาก็จะนั่งหลับตาปฏิบัติอย่างนั้น เป็นศาสนาที่ครองโลก  พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็มาล้างสิ่งเหล่านี้ทิ้งไป  แต่มันเสื่อมมาแล้ว 2,500 กว่าปี ก็ไปหลงอันเก่าว่าถูกอีก  อันนั้นอาตมาว่าไปหลงนั่งหลับตามันของเก๊ทั้งนั้น  หลงอรหันต์หลับตา เป็นของเก๊ทั้งนั้น  อรหันต์ต้องลืมตาปฏิบัติ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:32:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:07:13 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:15:02 )

ศาสนาพุทธคือการตอบกลับปัญญาให้หมดปัญหา

รายละเอียด

อาตมาขอตอบคุณตอนนี้ยุคไหน ไม่ใช่เถียงแต่เป็นการขยายความ คำว่าอวดตนเป็นนั่นเป็นนี่ คุณใช้ภาษาว่าอาตมาบอกความจริง โดยไม่ได้มีสาเฐยจิต หรือจิตที่มีการอยากอวดเป็นกิเลสผสม เป็นอุปกิเลส ประกอบกับการบอกความจริงนี้ นั่นคืออาตมาไม่มี  ขอยืนยัน คุณไม่มีปัญญารู้กับอาตมาได้ ว่าอาตมาไม่มีสาเฐยจิต แต่อาตมาบอกอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ไม่ใช่การอวดตัวอวดตน แต่เป็นการบอกความจริงโดยซื่อตรง โดยการยืนยันความจริง คนอื่นที่ไม่ได้เพ่งโทษ เขาติดตามมีพลความจะชัดเจนเข้าใจ มีองค์ประกอบรายละเอียดรับรองความจริงที่พูดนี้เป็นจริงไหม อย่างอาตมาพูดอาตมาเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จริงหรือไม่จริง คุณก็ต้องเรียนรู้ โพธิสัตว์ระดับต่างๆมันเป็นอย่างไร อรหันต์คืออะไร แล้วอาตมาก็อธิบายโพธิสัตว์ 9 ระดับ ให้ฟัง โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุณจะพอมีภูมิเข้าใจรายละเอียดของสภาวธรรมต่างๆนี้ไหม คุณตอนนี้ ยุคไหน ตอนนี้น่ะ ยุค เปิดยุค บุญนิยม เดี๋ยวหนังสือรวมเล่มจะออกมา ตอนนี้ยุค เปิดยุคบุญนิยม เปิดเผยบุญนิยม บุญคืออะไร นี่ล่ะ ต้องติดตามศึกษา ขออภัยที่ต้องพูด คุณตอนนี้ยุคไหนคงไม่รู้ว่าบุญคืออะไร แต่คุณคงเข้าใจว่าบุญคือกุศล คงเข้าใจว่าเป็นความดีงามเท่านั้น แต่บุญเป็นกิโยติ

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:53:21 )

ศาสนาพุทธคือศาสนาที่มี karma and time 

รายละเอียด

อาตมาเคยสรุปว่าศาสนาพุทธคือศาสนาที่มี karma and time  ไอสไตน์สรุปว่า Space and Time of Continuum อาตมาจึงสรุปว่าไอน์สไตน์เป็นโพธิสัตว์ เริ่มรู้โลกและความวน แต่ยังรู้ในระดับแค่วัตถุกับสสาร Space and Time ยังไม่ใช่กรรม ยังไม่ถึงจิตวิญญาณ Space คือ ทั้งหมดมหาจักรวาล กับกาละ เป็นสัมพัทธภาพระหว่าง 2 อัน นั่นคือไอน์สไตน์ ความรู้ของไอน์สไตน์ ที่เริ่มเข้ามาจิตวิญญาณ รู้จักความมีสัมพัทธภาพของ 2 สิ่ง ในมหาจักรวาลนี้แล้ว เป็นโพธิสัตว์ 

คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่รู้หรอกว่า โพธิสัตว์คืออะไรแน่แท้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็พอรู้เรื่องโพธิสัตว์ไม่น้อย ก็บอกความจริงสู่กันฟัง ผู้ตั้งใจฟังด้วยดีก็ได้ปัญญา ผู้ฟังไม่ด้วยดีนักไม่รับ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้น ที่อาตมาเขียนไปพารากราฟแรก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:55:15 )

ศาสนาพุทธคือศาสนาแห่งผู้แพ้

รายละเอียด

ทีนี้คนๆนี้มองว่า คสช.นี้เอื้อต่อบางศาสนา รุกใส่ศาสนาพุทธอย่างผิดปกติ อันนี้ซับซ้อนลึกซึ้ง  ผู้ที่มีมารยาท  ผู้ที่เป็นผู้ดี จะมาดุลูกของเราแต่จะเอื้อต่อลูกคนอื่น คนนี้ว่ามาก็ถูก ก็จะมาว่ามาดุลูกเรา แต่ลูกคนอื่นก็จะเอื้อเขาก็ถูกแล้ว โดยเฉพาะยิ่งคำว่าศาสนา เราจะไปรุกทำไมศาสนาอื่น ต้องเอื้อเขา เราก็รุกศาสนาเรานี่แหละ เช่น เราเองไปรังเกียจเดียดฉันท์ข่มเบ่งทำอะไรให้ศาสนาอื่นเขากระเทือนหรือว่าไม่ดีไม่งาม ก็อย่าเลย ขอตอบตัวจบ ศาสนาพุทธนั้นคือศาสนาแห่งผู้แพ้ อาตมานี่เป็นพุทธ เป็นผู้แพ้มาตลอดจึงอยู่ได้สบาย เราเป็นผู้แพ้นะ แพ้ชนะเป็นโลกียะ แต่เราอยู่ในฐานของความถูกต้องความจริงตามภูมิธรรมของเรา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:14:19 )

ศาสนาพุทธจบที่เรียนรู้ทำให้จิตเป็นอุตุเป็นพีชะ

รายละเอียด

จะสืบทอดความรู้พระพุทธเจ้านี้ต่อไป หรือจะเรียนรู้ให้พิสดารช่วยเขาไปเพิ่มเป็นโพธิสัตว์ สูงสุดในความเป็นคนสูงสุดไม่มีใครจะเท่าแล้ว เป็นพระพุทธเจ้าสูงสุดจริงๆ เป็นพระพุทธเจ้าประกาศศาสนาขึ้นมา ก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในทำเนียบ ท่านจะได้สัมมาสัมโพธิญาณเหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แต่ถ้าไม่ประกาศ จะเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นปณิธานสูงสุดที่ไม่มีใครรู้จักเลยก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิ อาตมาว่าได้อธิบายถ้วนรอบหมดแล้วนะ ในความเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วจะทำอะไร 

เมื่อเป็นพระอรหันต์  คุณจะยืนยันต่อไปยาวนานเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็ทำ แต่อาตมาไม่ทำเท่าพระอวโลกิเตศวร อาตมายังไม่ถึงขั้นสูงสุด ให้สูงสุดก่อน แล้วก็แน่ใจว่าไม่ต่อ เก่งที่สุดสร้างศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ขึ้นมาในโลกเป็นเจ้าของศาสนา เรียกว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้นพอแล้ว ไม่เอาแล้วสมัย 2 นี่ก็พูดมาหมดแล้วนะพูดวนแล้ว พวกเราก็เข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

สรุปแล้วเป็นคนเราเกิดมาเป็นจิตวิญญาณ เป็นคนก็มาเรียนรู้นิยามต่างๆ ตั้งแต่ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม มาเป็นกรรมนิยามเป็นธรรมนิยามเรียนรู้ทำให้จิตเป็นอุตุ พีชะทำได้แล้วทำได้สมบูรณ์จริงแล้วก็จบจริง ศาสนาพุทธก็มีอยู่แค่นี้ ไม่เห็นจะมีอะไรมากเลย เมื่อรู้แล้วมันก็ง่ายมันรวมง่าย อะไรๆก็เข้าใจก็เอามาพูดได้ต่อไปได้หมด เสร็จแล้วก็มีทั้งที่เกิดที่ตาย เป็นผู้อมตะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:53:13 )

ศาสนาพุทธจะต้องมีจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

แล้วก็หลายผู้หลายคนในเถรสมาคม ชักมีปรโตโฆษะ ชักมองขึ้นมา ชักเกิดสัมมาทิฏฐิขึ้นมาเรื่อยๆ จะมีโยนิโสมนสิการ ฟังที่อาตมาพูดว่าศาสนาพุทธไม่ได้หลับตานะ ศาสนาพุทธจะต้องมีจรณะ 15 วิชชา 8 นะ เอ๊ โพธิรักษ์ก็พูดตามพระไตรปิฎกนะ ตามที่เรียนมา แต่เขาเองต่างหากไม่เอาแล้ว จรณะ 15 วิชชา 8 อปัณณกปฏิปทา 3 เขาไม่รู้เรื่องแล้ว เขาก็จะไปนั่งหลับตานั่นแหละ แต่ว่าเรียนพยัญชนะปริยัติก็ไปเป็นโลกจินตา ออกไปนอกรีตนอกเรื่องเอาอะไรมารวมเป็นของอรรถกถาจารย์ก็เอามารวมไปหมดเลย ตัวอย่างเช่น เอาวิสุทธิมรรคมาเป็นหลักในการดำเนิน วิสุทธิมรรคนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ พระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนวิสุทธิมรรค ยังไม่ได้เป็นสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ มีถูกบ้าง แต่มันมีผิดอยู่ส่วนเดียวที่เป็นเทวนิยม อยู่ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ อยู่ในวิสุทธิมรรคซึ่งเขาแยกเทวนิยมกับโลกุตระ หรือโลกียะกับโลกุตระไม่ออก ยังยาก ก็ค่อยๆสาธยายไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:57:59 )

ศาสนาพุทธจะถึงจุดอวสาน

รายละเอียด

คือ หมายความว่า ผู้ที่จะรู้ทางแท้ จะรู้จุดจริงของพุทธศาสนา จะไม่หลงเหลืออยู่เลยในสังคมของพุทธศาสนิกชน นั่นคือ จะไม่มีผู้ใดสามารถอาศัย คำสอน ตำรา (พระธรรม) หรือแม้จะพึ่งพาสงฆ์สาวกของพุทธในยุคสมัยนั้นได้เลย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในยุคนั้น (พ.ศ.5000) จะไม่สามารถนำพาพุทธศาสนิกชนคนใด ให้เข้าถึงพุทธะหรือรู้แจ้งแทงตลอด ได้เลยจริงๆ คำว่า พระอรหันต์ก็ไม่มีในพุทธศาสนา

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.163


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:22:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:53 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:18:30 )

ศาสนาพุทธจะรุ่งเรืองในอนาคต

รายละเอียด

เรื่องธรรมะพระพุทธเจ้าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองในอนาคต เพราะเป็นคุณธรรมคุณวิเศษของมนุษยชาติ ตั้งแต่บุคคล สังคม ประเทศ โลก จักรวาล แต่จะขยายได้ไม่ใหญ่เท่าเทวนิยมหรอก ประชากรโลกตอนนี้ 7,000 ล้าน พอไปอีก 40 ปีก็จะกว่าหมื่นล้าน จะปฏิภาคทวี จะกำหนดอย่างไรก็เพิ่มปฏิภาคทวี 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:34:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:08:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:17:48 )

ศาสนาพุทธจะเกิดหรือจะสูญนิรันดรก็ได้ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเทวนิยมจึงเป็นสุขนิยม ความสุขเที่ยงอยู่กับพระเจ้าแล้วไม่รู้ว่าอะไรต่อพระเจ้าก็หลงความสุข แล้วก็ไม่รู้วิบากเกิดอีกกี่ชาติ เพราะฉะนั้นศาสนาเทวนิยมหลายศาสนาเขารู้จักการ Rebirth เกิดชาติใหม่ พวกที่ บื้อ จริงๆบอกว่าเกิดชาติเดียวก็อยู่กับพระเจ้าจบไม่มีขยายความต่อเลย ชาติที่ 2, 3, 4 ไม่รู้อธิบายไม่เป็น แต่หลายศาสนามีการอธิบาย แต่อธิบายตัวสิ้นสุดเหมือนศาสนาพุทธไม่ได้ ศาสนาพุทธจะเกิดนิรันดรก็ได้ จะสูญนิรันดรก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:57:24 )

ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาที่ทำให้ชาวโลกหันมาสนใจ

รายละเอียด

ที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้เข้าข้างตนเองหลงตนเอง แต่ได้สืบสานกันมาแล้ว ก็กระเตื้องมาเรื่อยๆ ใครที่ยังสงสัยก็อย่าเพิ่งรีบตายให้อายุยืนยาวต่อไปดูที่อาตมาพูดว่าจะจริงไหม ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาที่ทำให้ชาวโลกหันมาสนใจ โดยเฉพาะชาวเทวนิยม อเทวนิยมก็ตาม ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าชาวเอเชียหรือชาวอเทวนิยมจะมามากหรือเร็วกว่าชาวเทวนิยมหรือเปล่าอาตมาไม่มีความรู้ตรงนี้ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าอะไรจะมาก่อนอะไรจะมามากกว่า บอกไม่ได้ เพราะต่างแสวงหาก็ไม่ต้องพยากรณ์ (สู่แดนธรรมว่า…ประเทศไหนที่มีทุกข์มากประเทศนั้นจะมาก่อน )ก็ไม่แน่หรอก ประเทศที่มีความทุกข์มากก็คือมีวิบากมากอาจจะมาได้ยากกว่าด้วย อจินไตยมีเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:31:01 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:54 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:19:00 )

ศาสนาพุทธช่วงพุทธันดรมี 2 ช่วง

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมีช่วงพุทธันดรคือช่วงที่ว่างจากศาสนาพุทธโลกนี้ว่างจากศาสนาพุทธ ช่วงระยะที่โลกว่างจากศาสนาพุทธนั้นมีอยู่ 2 ช่วง 2 ลักษณะ ลักษณะหนึ่งคือโลกมีแต่คนชั่วมีแต่คนโง่มีแต่คนอวิชชา ศาสนาพุทธเข้ามาประกาศไปไม่ได้

เป็นเรื่องเสียของรับไม่ได้ ศูนย์เปล่า เพราะว่าความรู้มีโลกียะเละเทะเสื่อมต่ำมาก ศาสนาพุทธก็หยั่งลงไม่ได้ อีกลักษณะหนึ่งคือสังคมยังไม่ทุกข์ร้อน สังคมมีความสุขสบาย มีความเป็นอยู่สุขไม่เดือดร้อนแย่งชิง เป็นยุคที่ไม่จำเป็นจะต้องมีศาสนาพุทธมาช่วย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:38:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:10:25 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:21:09 )

ศาสนาพุทธตอนนี้มีแต่ดอกใบผลเท่านั้นหมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้จึงกลายเป็นศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พระสูตรที่บอกว่าศาสนาพุทธตอนนี้มีแต่ดอกใบผลเท่านั้น แค่สีลัพพตุปาทานไม่ได้แม้แต่สีลัพพตปรามาส สีลัพพตุปาทานคือทำตามครูบาอาจารย์ถ้าทำเท่านั้น ปฏิบัติศีลก็บอกว่าควบคุมแค่กายวาจา ไม่ใช่ทำแบบกิมัตถิยสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าปฏิบัติศีลแล้วจิตใจจะมี 

  1. อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) .

  2. ปามุชชะ – ปราโมทย์ (มีความยินดี) 

  3. ปีติ (ความอิ่มเอมใจ) .

  4. ปัสสัทธิ (สงบระงับจากกิเลส) 

  5. สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข) 

  6. สมาธิ (จิตมั่นคง) 

  7. ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง) . .

  8. นิพพิทา (เบื่อหน่าย) .

  9. วิราคะ (คลายกิเลส) 

      10.วิมุติญาณทัสสนะ (ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในนิพพาน)  

(กิมัตถิยสูตร พตปฎ. เล่ม 24  ข้อ 1 ,  208) ซึ่งเดี๋ยวนี้การปฏิบัติศีลไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย เพราะฉะนั้นเขาจึงออกจากศาสนาพุทธหมด

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 14:43:04 )

ศาสนาพุทธตั้งจิตติดตามไปทุกภพชาติได้

รายละเอียด

พวกที่บอกว่าจะตามไปทุกภพชาติก็เป็นจิตใจของคนที่เห็นดีเห็นงาม มันเข้าใจศาสนาด้วย โดยเฉพาะศาสนาอเทวนิยมศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มันมีความจบกับความไม่จบ ตายแล้วก็เกิดอีก ไม่เหมือนศาสนาคริสต์หรือศาสนาอิสลาม เขาตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้าเลย อะไรเกิดต่อจากนั้นเขาไม่รู้เลย ตายเสร็จแล้วปั๊บก็ไปอยู่กับพระเจ้า ปิดความคิดต่อเลย เขาไม่มีอะไรต่อจากนั้นว่าจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่พระเจ้า พยายามอย่าให้พระเจ้าส่งลงนรกให้ได้ พยายามทำดีเท่าที่จะสุดดี อ้อนวอนพระเจ้าอย่าให้ส่งลงนรกเลย ไม่สำคัญที่กรรมวิบากว่ามันเกิดกุศลหรืออกุศลเป็นบาปเป็นบุญหรือเปล่าไม่ได้สำคัญอันนี้ สำคัญที่ว่าต้องทำดีตามที่คิดว่าพระเจ้าจะรัก ก็ตาม Concept ของแต่ละคนอย่างนี้พระเจ้าจะรัก บางคนจะต้องฆ่าพวกที่จะมาทำร้ายศาสนาให้ได้ ก็แล้วแต่ Concept ของใครต่อใคร ขับเครื่องบินไปชนตึกใหญ่ มันก็ต้องตายแน่ๆ แต่เขาไม่มีปัญหาอะไร เขาสบายชอบใจมากจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าแน่นอน ทำอย่างนี้เด็ดขาดเลย จะทำชั่วทำเลวอะไรมาต่างๆ นานาไม่เป็นไรทำแบบนี้ไปรับรองได้อยู่กับพระเจ้า ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่พูดไปจะยาว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 18:49:44 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์