@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ปฏิบัติศีลแล้วไม่เดือดเนื้อร้อนใจได้อย่างไร

รายละเอียด

อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) เกิดอวิปฏิสารเป็นผล คือความไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เมื่อปฏิบัติศีลแล้วเป็นผลถึงจิต ไม่ใช่แค่กาย-วาจา ข้อแรกก็ใจเลย แน่นอนการปฏิบัติควบคุมกายวาจานั้นต้องปฏิบัติมาเป็นพื้นฐานเริ่มต้นมาก่อน แต่อานิสงส์หรือผลประโยชน์จากการปฏิบัติศีลต้องถึงใจ กายกับวาจานั้นมันเป็นของที่คุณต้องทำก่อน คุณจะออกไปโรงเรียน คุณจะออกไปข้างนอก คุณต้องนุ่งผ้า คุณไม่นุ่งผ้าแล้วคุณก็ต้องไปเป็นพวกเชน แก้ผ้าโทงๆ พวกนี้ก็สุดโต่งไปสุดเลย ของพุทธเจ้าไม่ใช่อย่างนั้น ต้องรู้สังคม ต้องรู้จักกาละ เทศะ ฐานะ 

การปฏิบัติศีลแล้วอานิสงส์ก็คือ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เอาตั้งแต่ข้อต้น ไม่ฆ่าสัตว์ คุณไม่ฆ่าสัตว์นี่แหละ สัตว์หรือตัวจริงก็คือมนุษย์นี่แหละ สัตว์มนุษย์นี่แหละ ฆ่ากันในปัจจุบันนี้อย่างน้อยคุณก็ต้องติดคุก เดือดเนื้อร้อนใจไหม หรือว่าคุณติดคุกแล้วสบายใจ ข้าวมีกิน สบายอยู่ในคุก นี่ก็เป็นเรื่องของคนที่ไม่มีทางไป ในนิยายของใครที่แต่ง ลืมชื่อแล้ว เขาเขียนเรื่องสั้น 

คนไม่มีทางไป เขาก็พยายามที่จะทำผิดเพื่อที่จะให้ตำรวจจับ แล้วก็จะได้เข้าคุกไปเขาจะได้มีทางอาศัยอยู่สบาย พยายามไปขโมย ไปดื้อๆ แย่งอาหารเขากิน เพื่อที่ตำรวจจับก็ปล่อยเฉย ไปทำอะไรต่างๆนานาสารพัดทำอะไรที่ผิด ก็ไม่มีใครมาจับสักที คนแต่งชื่อ Henry เป็นนักประพันธ์เรื่องสั้นตีหัวเข้าบ้าน เป็นชาวฝรั่ง จนสุดท้ายทำอย่างไรตำรวจก็ไม่จับ เมื่อย ก็เลยเข้าไปนอนอยู่ในสวนสาธารณะ มันมีม้านั่ง นอน ไปนอนสบาย ทำผิดอย่างไรก็แล้วตำรวจไม่จับ แต่เมื่อไปนอนพัก ตำรวจก็มาจับ เพราะว่าผิดกฎ ไปนอนในม้านั่งสาธารณะ ตำรวจก็จับ เป็นเรื่องสั้นที่เขียนหักมุม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:16:59 )

ปฏิบัติศีลให้ถึงแก่นของศาสนา

รายละเอียด

พุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามันมีเปลือก มีสะเก็ด มีแก่น มีกระพี้ แต่เขาหลงว่ามุดเข้าไปเอาแก่น แต่คุณไม่ได้มุดเข้าไปเลย คุณไปสมมุติเอา 

ในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ศีล เปรียบเหมือนสะเก็ด สมาธิ เปรียบเหมือนเปลือก ปัญญาเปรียบเหมือนกระพี้ วิมุติ เปรียบเหมือนแก่น 

อุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้

เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยมในลาภและความสรรเสริญ  เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ  ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ไม่ปรากฏ มีศักดาน้อย  เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น  เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้วย่อมอยู่เป็นทุกข์ 

เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้  เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่  เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่  ละเลยแก่น  ละเลยกระพี้  ละเลยเปลือก ละเลยเสก็ดไปเสีย   ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น 

มหาสาโรปมสูตร  เล่ม 12  ข้อ 347 

ศีลเป็นสะเก็ด สมาธิเป็นเปลือก ปัญญาเป็นกระพี้ วิมุติเป็นแก่น ดอกใบผลเป็นลาภสักการะสรรเสริญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:49:15 )

ปฏิบัติศีลให้เกิดสมาธิ ปัญญา

รายละเอียด

การอบรมศึกษาฝึกฝนเป็นขั้นๆไปตาม“ศีล”ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คือลงมือปฏิบัติศีล จากสำรวมทางกายกรรมภายนอก แล้วเกิดผลทางจิตเป็นอธิจิตไปตามศีล อันมีกำหนดขั้นตอน ข้อ 1-2-3-4-ฯลฯ...เป็นต้น

ศีลข้อที่ 1 นั้นสัตว์แต่ละตัวเขาก็มีวิบากของเขา เรามีหน้าที่ช่วยเขาในสิ่งที่ดี ถ้าเขาจะร้ายก็อย่าไปส่งเสริม บอกความร้ายในสิ่งที่เขามีแล้ว ให้เขาจัดการความร้ายเอาออกให้ได้ เมื่อพูดถึงความร้าย คนที่มีอัตตามานะก็จะโกรธ เมื่อยจริงๆไม่มีทางเลี่ยง ขี้บนน้ำบนบกก็ไม่ได้ ขี้บนอากาศก็ตกมาบนบกอีก ผิดไปหมด

แยกรูปแยกนาม = ต้องให้ปฏิบัติทีละคู่ เทวะ แยกรูปแยกนาม

รูปกับนามคือ 1 สิ่งที่เป็น object กับ 2 สิ่งที่เป็น Subject 

Subject คือตัวรู้ object คือตัวที่ถูกรู้หรือถูกกระทำจัดการ เราต้องจัดการกับจิตของเราเองแล้วเราก็เป็นธรรมะ 2 แต่ศาสนาเทวนิยมแยกเทวไม่ออกแยกธรรมะ 2 แยกรูปแยกนามไม่ออก โดยเฉพาะตนเองนั้นมีธรรมะ 2 แต่ไม่รู้ นิ่งเลย เอาตัว 2 นี้เป็นหนึ่งเดียว แต่ตีไม่แตก แยกไม่ออกก็เลยไม่รู้ว่ามันมีอะไรหลากหลายมากมายเยอะแยะ ทีละคู่แยกได้เป็นล้านๆคู่ คุณก็จะรู้ทุกอย่างเลย แต่เราก็รู้ทีละคู่จึงเรียกว่าเป็นลำดับอย่างลาดลุ่ม แต่เทวนิยมตีไม่แตกจึงกลายเป็นเทวคู่ เป็นหนึ่ง แล้วก็ไม่เรียนรู้หนึ่งนี้เลย แล้วยกให้ 1 นี้เป็นยอดสูงสุดอยู่ไหนก็ไม่รู้ บันทึกออกมาเรียกว่าตำรา แล้วให้ประกาศ prophet ประกาศ แล้วอย่าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องเชื่ออันนี้หมด แยกแยะวิจัยไม่ได้ ทำตามทุกอย่างหมด ควบคุมอิสระเสรีภาพ ศาสนาเทวนิยมจึงเป็นศาสนาทาส 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นทาสพระเจ้า คำสั่งพระเจ้าต้องทำตาม เป็นอาชญา command บังคับ ขออภัยพูดนี้ไม่ได้ว่าหรือดูแคลน แต่สาธยายวิชาการความจริง แต่ถึงเวลาแล้ว โลกกำลังแสวงหาความรู้มีอยู่ อเทวนิยมแยกตัวเองออกได้ ทำให้ตัวเองเป็นหนึ่งก็ได้ ทำให้เป็น 0 ก็ได้ พระอรหันต์โพธิสัตว์ก็อยู่กับ 1 หรือ 0

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:09:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:18 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:44:45 )

ปฏิบัติศีลไปตามลำดับอย่างไร เพื่อไปถึงอรหันต์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน กิมัตถิยสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 24 ข้อ 1 กับข้อ 208 ศีล ปฏิบัติศีลจะนำไปสู่อรหันต์โดยลำดับ จะพาไป กุสลานิ สีลานิ อนุปุพเพนะ อรหัตตายะ ปูเรนตีติ 

ศีล จะทำให้เกิดอรหัตผล อรหัตตายะ ปูเรนตีติ เต็ม ศีลที่เป็นกุศล ย่อมยังอรหัตผลให้บริบูรณ์ไปตามลำดับ อันนี้จริงเลยแล้วท่านก็ขยายความถึงสภาพจิต 10 หลัก 10 ตัว 

  1. อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) 
  2. ปามุชชะ – ปราโมทย์ (มีความยินดี) 
  3. ปีติ (ความอิ่มเอมใจ) 
  4. ปัสสัทธิ (สงบระงับจากกิเลส) 
  5. สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข) 
  6. สมาธิ (จิตมั่นคง) 
  7. ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง) 
  8. นิพพิทา (เบื่อหน่าย) 
  9. วิราคะ (คลายกิเลส) 

10.วิมุติญาณทัสสนะ (ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในนิพพาน)  

(กิมัตถิยสูตร พตฎ. เล่ม 24  ข้อ 1 ,  208) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องจบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 แรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 

หนังสืออ้างอิง

กิมัตถิยสูตร พตฎ. เล่ม 24  ข้อ 1 ,  208


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2567 ( 11:11:56 )

ปฏิบัติสมาธิ

รายละเอียด

ต้องปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นวิชชาจรณะสัมปันโน เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มา เพราะหากไม่มีพระพุทธเจ้าก็ไม่มีวิชาจะระณะสัมปันโน ไม่มีวิชชา 8 แต่เพราะว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาจึงมีวิชชาจรณะสัมปันโนจึงมีจรณะ 15 วิชชา 8 ขึ้นมา ผู้ไม่ปฏิบัติตรงตามวิชชาจรณะ ปฏิบัติฌานก็เป็นแบบนอกรีต ต้องปฏิบัติจรณะ 15 และเกิดวิชชา 8  วิชชา 8 เป็นตัวช่วยเป็นตัวรู้ให้เกิด ฌาน 4 ฌาน 4 คือชำระกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:24:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:33 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:45:16 )

ปฏิบัติสมาธิต้องมีศีลเป็นตัวตั้ง

รายละเอียด

ถ้าคุณปฏิบัติสมาธิไม่มีศีลเป็นตัวตั้ง เช่น ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ หรือเกี่ยวกับคนก็คือสัตว์นั่นแหละ เมื่อสัมผัสสัมพันธ์กับคน คุณก็จะต้องอ่านจิตของคุณให้ได้ว่าคุณรักคุณชัง คุณโลภโกรธ อะไร มีหยาบ กลาง ละเอียดเล็กน้อยก็ล้างให้หมด 

จิต จะเป็นสมาธิ ในจรณะ 15 ไม่มีคำว่าสมาธินะ จรณะ 15 วิชชา 8 ปฏิบัติเต็มกระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8 ให้เกิดจิตอุเบกขา ให้เกิดจิตสะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส แล้วจิตตัวอุเบกขานั่นแหละถึงจะมาตกผลึกเป็นจิต จิตสะอาด ตกผลึกเป็นจิตตั้งมั่น เป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์จากจรณะ 15 วิชชา 8 จึงจะก่อเกิดสมาธิได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 15:13:16 )

ปฏิบัติสังวรปธานถูกต้องจะประหารกิเลสได้ถูกต้อง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ขึ้นมาแล้ว พอพิจารณา”สติปัฏฐาน 4” คุณพิจารณาสติปัฏฐาน 4 ด้วยการประพฤติ”สัมมัปปธาน 4” คือ พากเพียร สัมมัปปธานแปลว่าพากเพียร พากเพียรปฏิบัติด้วยการสังวร สังวรปธาน ปหานปธาน ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธาน นี่เป็นสัมมัปปธาน 4 

สังวรปธานคือ คุณลืมตา เปิดสังวรทวาร 5 ทวาร 6 ปฏิบัติถูกต้องตามพระพุทธเจ้าสอน จรณะ15 วิชชา 8 มี อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 เกิดจริง คุณก็ปหานปธาน คุณก็สามารถฆ่ากิเลสได้ ท่านสรุปไว้ที่สัมมัปปธาน 4 

ปฏิบัติสังวรปธานถูกต้อง คุณจะประหารกิเลสได้ถูกต้อง เป็นสัมมัปปธานข้อที่ 4 ถึงจะเกิดผลภาวนาปธาน แต่เขาไปเข้าใจผิดกัน ว่า ไปภาวนา คือการไปนั่งหลับตาภาวนา เห็นไหมเข้าป่า ภาวนาเป็นการเกิดผล ไม่ใช่เป็นมรรค ภาวนาไม่ใช่มรรค ไม่ใช่มาปฏิบัติ ภาวนาคือไปนั่งหลับตา ไม่ใช่ แต่ภาวนาคือการเกิดผล แต่มรรคนั่นคือสังวรปธานจนกระทั่งสามารถประหารกิเลสได้ (กล่าวคือ)เมื่อกิเลสเกิด การเกิดผลภาวนาคือปหานกิเลสได้ กิเลสมันลดมันดับลง มันจึงเป็นภาวนา มันจึงเป็นการเกิดผล แล้วอนุรักขนาคือรักษาผลนี้ไว้ให้ได้ 

เพราะฉะนั้นอธิบายพยัญชนะของศาสนาพระพุทธเจ้า อธิบายผิด พวกหลับตาภาวนานี้ ภาวนาหลับตาก็มืดบอดกันไปเรื่อยๆ เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านถามอุตตรมาณพ ว่า “อาจารย์เธอสอนอย่างไร” อุตตรมาณพตอบว่า “อย่าเห็นรูปด้วยตา อย่าได้ยินด้วยหู”  พระพุทธเจ้าตรัส “อ้อ..สอนให้ทำตาบอด หูหนวกกันนะ” เท่านั้น อุตตรมาณพก็นั่งคอตกซบเซา เพราะท่านมีปฏิภาณปัญญารู้ว่า เราผิดแล้วหนอ แต่นี่ไม่มีปฏิภาณปัญญาอะไรเลย พูดไปเท่าไหร่ก็ ลมผ่านหู ไขหู ไม่รู้เรื่อง แทงด้วยหอก 100 เล่มเช้า แทงด้วยหอกกลางวันอีก 100 เล่ม แทงด้วยหอก 100 เล่มอีกตอนเย็น ก็ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นิยามของเศรษฐศาสตร์ฉบับโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566  ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 16:39:20 )

ปฏิบัติสับสนไม่มีขั้นตคอน มรรคผลย่อมไม่เกิด! ย่อมไม่มี! ย่อมไม่มา!

รายละเอียด

เพราะไม่มีลำดับของ“ไตรสิกขา” หรือ“จรณะ 15 วิชชา 8” “มรรค”ก็ไม่เป็นลำดับของกระบนการ“ตักกะ-วิตักกะ-สังกัปปะ” ผลก็ไม่มี“ความสะอาดหมดจดจากกิเลสเป็นลำดับ ตกผลึกควบแน่นกันเข้า เป็นอัปปนา-พยัปปนา-เจตโส อภินิโรปนา ก็ไม่มีผลเป็น “วจีสังขาร” ของ “สังกัปปะ 7” ที่เป็น “ฌานที่ 4” ของจรณะ 15 วิชชา 8 จิตสะอาดเป็น“ปริสุทธา”(อุเบกขาข้อต้นของ“อุเบกขา 5”)ก็ไม่ถูกต้องเป็นจริงตามสวากขาตธรรม หรือตาม“คำตรัสไว้ดีแล้ว” “ปริโยทาตา-มุทุ-กัมมัญญา-ปภัสรา” องค์ธรรมอีก 4 องค์ของ“อุเบกขา 5”ก็ไม่มีขึ้นมาให้สะสมเลย 

เพราะไม่สามารถเข้าถึง “ฌานวิสัย” ของศาสนาพุทธเนื่องจากปฏิบัติกันแต่ “ฌานหลับตา” ของเดียรถีย์ “สัมมาผล”ก็ไม่มีให้รักษาผล จนตกผลึกควบแน่นสั่งสม “อัปปนา-พฺยัปปนา-เจตโส อภินิโรปนา”ไปเป็นลำดับจนกระทั่งเป็น“อุภโตภาควิมุติ” สั่งสมลงจบ“สมาหิโต”หรือ“สมาหิตจิต”ในส่วนของ“จิตตั้งมั่นแล้ว” ก็ไม่เป็นที่สุดแห่งที่สุดของ“อนุตตรังจิตตัง”ในส่วนที่เป็น“ศรัทธา” และไม่เป็น“วิมุตติจิต”คือ“หลุดพ้นแล้ว”อันเป็นที่สุดแห่งที่สุดของ“อนุตตรังจิตตัง”ในส่วนที่เป็น“ปัญญา” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 142 หน้า 128


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 04:49:28 )

ปฏิบัติสู่นิพพานด้วยนาม 5

รายละเอียด

ต้องเรียนนาม 5 รูป 28 ที่ปฏิบัติคือเอาตัวรูป 28 กับนาม 5 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 14  นาม 5 มี  เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะมนสิการ หากไม่มีผัสสะ ก็มนสิการไม่ได้ ทำใจนะใจไม่ได้ ต้องเรียนรู้ให้มีนามจึงจะมาปฏิบัติกับรูป 28 ได้ หากไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีผัสสะโมฆะเลย ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ได้ สายหลับตานี้อาตมาก็พูดย้ำมีหลักฐานอ้างอิงยืนยันไม่รู้เท่าไหร่ เหนื่อยจริงๆ พระเจ้าเรียบเรียงไว้ถูกดีแล้วเป็นแต่เพียงว่าเราต้องรู้กระบวนการของมัน เวทนา สัญญา เจตนา นี่เป็นนามแท้ๆ ผัสสะ กับมนสิการ จะบอกว่าเป็นรูปก็ไม่ใช่รูป ก็คือต้องมีกาย ต้องมีผัสสะ องค์ 2 แล้วจัดการทำมนสิการทำใจในใจได้ถ้าคุณไม่มีผัสสะคุณทำใจในใจไม่ได้ จัดการปฏิบัติใจในใจไม่ได้ ท่านเรียบเรียงไว้ดีแล้ว 5 ลำดับ เวทนา สัญญา เจตนา นามคือตัวอารมณ์ความรู้สึก สัญญาการกำหนดรู้หน้าที่กำหนดรู้ รู้รูปนามรู้อะไรต่ออะไรสัญญานี้ทำงานหนักมาก แล้วต้องวิจัยเข้าไปเมื่อรู้เวทนาแล้วก็แยกเวทนาในเวทนานั้นมันมีเจตนา มันมีเจตนาที่มีกิเลสกับเจตนาที่ไม่มีกิเลส เจตนาจะมีอยู่ 3 สภาพคือหนึ่งจะเป็นกามตัณหา 2 จะเป็นภวตัณหา 3 จะเป็นวิภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:36:02 )

ปฏิบัติหนีออกป่าเข้าถ้ำ

รายละเอียด

ปฏิบัติหนีออกป่าเข้าถ้ำ คือ เป็นการย้ำยืนยันโดยพระสูตร คุหัฏฐกสุตตนิทเทสที่ 2 นี้ เพื่อย้ำให้เห็นว่า ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ให้ไปปฏิบัติหนีออกป่าเขาถ้ำ ไม่ให้ไปนั่งหลับตาสะกดจิต เพราะจะไม่มีนิพพานเลย มันผิด มันไกลจากวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 17:17:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:08 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:45:43 )

ปฏิบัติหมดอวิชา

รายละเอียด

เรายังไม่ถึงก็ว่าพระพุทธเจ้าหลอก เมื่อไหร่ถึงแล้วก็จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าไม่หลอกหรอกเราโง่เป็นอวิชชาเอง จิตใจยังไม่บรรลุจิตใจยังไม่เจริญถึงขั้น แม้หมดกามแล้วจะต้องเหลือข้างใน ข้างนอกไม่แล้ว อาจจะนิดๆหน่อยๆมันไม่มีแรงอะไรยึกๆยักๆ จนกระทั่งมันไม่ยึกยักแล้ว เห็นเป็นเรื่องที่ดีไม่ดี จะไปชังเขาว่าเขาข่มเขาดูถูกเขา แต่ใจตัวเองยังไม่หมด นี่เป็นรูปราคะ อรูปราคะ หมดรูปราคะ อรูปราะคะ ก็เหลือเศษเป็นมานะ หมดมานะ เหลือเศษธุลีละอองก็เก็บเล็กน้อยอีก จนหมดสิ้นอาสวะ หมดอุทธัจจะ หมดอวิชชา จนกระทั่งมันไม่เกิดอีกนานๆมากระทบอีกก็ไม่ป๊อกอีกๆ พิจารณาแน่นอนไม่มีอาการอารมณ์สัมผัสแตะต้องอย่างไม่หนี ดีไม่ดีท้าทายด้วย มาแรงๆก็ไม่เป็นไร ทีเผลอก็ไม่เป็นไรมายั่วยวนก็ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:54:32 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:58 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:46:16 )

ปฏิบัติหลับตาก็หลงสำคัญว่าปฏิบัติศีล แถมสำคัญว่าศีลบริสุทธิ์แล้ว ณ ตอนนั้น!

รายละเอียด

 ผู้“หลับตา”ปฏิบัติก็ไม่มี“ศีล”เกี่ยวข้องอยู่ในการประพฤติปฏิบัติเห็นมั้ย? แต่ไปโมเมเอาว่า “หลับตา”ปฏิบัติ“ศีล”มันก็บริสุทธิ์ในตัวแล้วไง!  เพราะ“ภายนอก”ไม่ได้ไปทำอะไรเลยนี่!   ศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไปอย่างสำคัญ จึงบรรลุธรรมกันไม่ได้ เพราะแยก“ศีล”กับ“สมาธิ”กันไปคนละส่วน ยืนยันว่าปฏิบัติ “ศีล”ก็แค่อยู่ที่“กายกับวาจา” ถ้าจะปฏิบัติ“สมาธิ”ก็ไป“หลับตา”ปฏิบัติกันต่างหาก “ศีล-สมาธิ-ปัญญา-วิมุติ-วิมุตติญาณทัสสนะ”มันก็ไม่อยู่ใน“กระบวนธรรมเดียวกันเลย” แยก“ศีล”แยก“สมาธิ”ขาดกันไปเด็ดขาดอย่างนี้เอง!

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 419-420 ข้อที่ 569 


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:34:25 )

ปฏิบัติหลับตามิใช่“ลัดตัดภพ” แต่กลายเป็น“สร้างภพใหม่” ยุ่งตายห่ะ!

รายละเอียด

การ“หลับตา”ปฏิบัติแล้วสะกดจิตหนักเข้าไป“ในภพ”นั้น มันไม่ใช่“การลัดตัดภพ”ด้วยซ้ำ แท้ๆจริงๆมันเป็นการ“สร้างภพใหม่ซ้ำซ้อน”เข้าไปอีกให้มี“รูปภพใหม่-อรูปภพใหม่”ขึ้นมาเติม“ภพ”ที่มีอยู่เก่าก่อนก็ยังไม่ได้กำจัดเลยนั้นเข้าไปอีกทั้งๆที่“กามภพ”ก็ไม่เคยรู้จัก กิเลสขั้นต้นที่หยาบพอกหุ้มอยู่ขั้นนอกคือ “กาม”ก็ยังไม่ได้กำจัดออกไปก่อน แล้วมันจะกำจัดกิเลสขั้นต่อไปกันได้อย่างไร? มันจึงเป็นการสร้าง“ภพ”เพิ่มใส่จิตตนให้มากหนักเติมเข้าไปอีกมากขึ้นจากที่มี“ภพ”อยู่เดิมยิ่งๆขึ้น ชนิดที่ผู้ปฏิบัติไม่รู้จักความเป็น“ภพ”เดิมแค่หยาบๆภายนอกแท้ๆ ที่ต้องจัดการกำจัดก่อนก็ไม่ได้ทำเลย“ภพเดิมทั้ง 3 ”ที่เป็น“กามภพเดิม-รูปภพเดิม-อรูปภพเดิม”ก็ยังมีกิเลสอยู่ครบถ้วน ตนก็ยัง“อวิชชา”อยู่

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 461-462 ข้อที่ 641


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2565 ( 14:06:50 )

ปฏิบัติอปัณณกปฏิปทา 3 จึงเกิดศรัทธา

รายละเอียด

มาเจาะรายละเอียดลงไปที่ อาตมาพูดถึงเรื่องศีลแล้ว อปัณณกปฏิปทา 3 บ้างแล้วตอนนี้เข้าสู่รายละเอียดของ สัทธรรม 7

ผู้ที่รู้รายละเอียดแล้วว่าไม่ต้องไปนั่งหลับตาจะต้องมาปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 ลืมตาตื่นสังวรสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกี่ยวกับของกินของใช้นี่แหละ เมื่อเกิดกิเลสแล้วก็ลดกิเลสตรงนี้ ต้องรู้ อปัณณกปฏิปทา 3 ต้องรู้ ต้องเข้าใจ ต้องเชื่อ ต้องเห็นจริงตรงนี้เรียกว่าศรัทธา ตัวแรก สัทธรรม 7 เริ่ม อปัณณกปฏิปทา 3 เป็นตัวแรกเลยที่ต้องเรียนรู้และปฏิบัติไม่ต้องไปนั่งหลับตา แต่ต้องทำให้ตื่น ไม่ใช่ไปทำให้หลับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:16:39 )

ปฏิบัติอย่างนี้ตายไปก็ไปกับความผิดความโง่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ลูกหามหาบัวฟังหน่อยเด้อ อย่าไปเป็นอย่างอาจารย์ตัวเอง มันจะเป็น อาฬารดาบส อุทกดาบส พระพุทธเจ้าจึงได้อุทานว่า ฉิบหายแล้วหนอ ปฏิบัติอย่างนี้ตายไปก็ไปกับความผิดความโง่ ความหลงแล้วนึกว่าตัวเองนิโรธด้วย เวรจริงๆ จะเข้าใจไหมนี่ 

อาตมาไม่ได้รังเกียจนะ อาตมาสงสารนะ ไม่ได้พูดเล่นลิ้นเลยจริงๆ อยากไปนิพพานสูงกว่าพวกคุณอีก พวกนี้อยากไปนิพพานสูงกว่าพวกคุณอีก ออกมาบวชก่อนพวกคุณ ทิ้งสมบัติพัสถานออกมาเป็นพระป่า ทิ้งเลยนะ ลาภยศไม่เอา ทำเหมือนกับเชน พวกเชน ทิ้งแล้วไม่เอา แต่มันมิจฉาทิฏฐิ มันไม่มีทางปฏิบัติที่สัมมา น่าสงสาร เสียเวลาไปหนึ่งชาติ แล้วแถมพกเอาความมิจฉาทิฏฐิไปอีกชาติหน้าชาตินู้น จะเจอคนสัมมาทิฏฐิสอนได้ไหมนี่ จะเจอสัตตบุรุษ หรือเจอเหมือนกันแต่กูไม่เอามึงในชาตินี้ 

อาตมาเป็นสัตตบุรุษมาบอก ก็ยังติดอยู่อย่างนั้นจมอยู่ในศรัทธาวิมุติอยู่อย่างนั้นแบบนั้น 

กว่าจะมีปฏิภาณปัญญารู้เป็น สัทธาวิมุติ อ๋อ.. มาเป็นทิฏฐิปัตตะ เจริญพ้นจากสัทธาวิมุติเป็น ทิฏฐิปัตตะ เจริญเป็นความเห็นที่สัมมาทิฏฐิ โธ่เอ๋ย..เรายังไม่พ้นมิจฉาทิฏฐิเลยหนอกูๆๆ โพธิรักษ์บอกเท่าไหร่กูก็ ดื้อๆๆ 

ก็จะเกิดความละอายอย่างแรงกล้า ได้เคยดื้อด้านดึงดันต่อต้านโพธิรักษ์ หรือว่า ดูถูกดูแคลนโพธิรักษ์ไป ดีไม่ดีลบหลู่ต่อหน้าธารกำนันอีก ได้ละเมิดไปก็พอรู้ตัวเข้าใจถูกขึ้นมา ต้องละอายอย่างแรง กลัวอย่างแรง ไม่ต้องกลัวหรอก อาตมาไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร 

แต่คนที่มันละอายจนกลัว พระพุทธเจ้าตรัสไว้นี้ลึกซึ้งทุกๆคำ มันกลัวจริง​ เป็นจริงอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นกว่าจะเข้าใจอย่างถูกต้องสัมมาทิฏฐิจริง พูดง่าย แต่ไม่ใช่ง่ายๆหรอก แต่ละคนกว่าจะสัมมาทิฏฐิจริง ๆๆๆ นี่นะ​ จริงๆๆๆๆ กี่จริงก็ไม่รู้ อาจารย์สมเกียรติบอกว่าพ่อท่านพูดลงท้าย จริงๆๆๆๆ อาตมาก็ไม่รู้จะใช้พยัญชนะอะไร เพราะฉะนั้นเขาเจอแต่หลอก มันไม่จริงสักที ก็จริงให้มาเจอจริงๆๆๆๆๆๆนะ ไม่รู้จะพูดยังไง พยัญชนะต้องย้ำต้องซ้ำ มันเป็นพยัญชนะที่บอกถึงความจบ ตัวจบตัวจริง มันอย่างนี้ มันไม่มีผิดไม่มีพลาด 

นี่อาตมาอาศัยคำสอนพระพุทธเจ้ามาอธิบายต่างๆนานา เพื่อที่จะขยายรายละเอียดต่างๆเพื่อให้เราเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:16:07 )

ปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิในศีล 3 ข้อบรรลุอรหันต์ได้

รายละเอียด

สรุปแล้วเราปฏิบัติธรรมไม่ต้องไปคิดรายละเอียดพวกนี้มันเยอะเหลือเกิน เอาจรณะ 15 วิชชา 8 ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา นี้ให้ปฏิบัติ เอาศีล ข้อที่ 1 ให้ปฏิบัติการ อธิจิต อธิปัญญา เกิดวิมุติตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 สัมผัสกับสัตว์เกี่ยวกับพืชเกี่ยวกับของ มันจะเกิดกิเลสก็ทำให้กิเลสลดลง ท่านก็สรุปไว้ง่ายแล้วใน 3 ข้อนี้มันรวมไว้หมดเลย ถ้าปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิคุณก็บรรลุอรหันต์อยู่ในศีล 3 ข้อนี้ สัตว์กับของที่มันเป็น พีชธาตุกับอุตุ สัตว์เป็นจิตธาตุ ศีลข้อ 3 ก็เป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส โลกกาม ล้างกามได้ก็เหลือรูป ล้างรูปเหลืออรูป ล้างอรูปได้จบ เป็นอรหันต์ได้เท่านี้แหละสรุปเป็นอรหันต์ได้ง่ายๆ ไม่ต้องรู้มากมายไปอย่างเยอะแยะหรอกอาตมาอธิบายไปแต่สรุป ให้เข้าที่ให้คุณได้ปฏิบัติ คุณจะมีความรู้ประเทืองไปได้อีกเยอะแยะ อาตมาก็อธิบายไปได้ เอาของพระพุทธเจ้ามาอธิบายได้อีกเยอะแยะ ก็อธิบายให้วิจิตรพิสดารไปฟัง ประกอบ แต่ตัวปฏิบัตินั้นก็อยู่แค่นั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:38:11 )

ปฏิบัติอย่างเก่าไม่บรรลุ ก็ลองปฏิบัติอย่างใหม่บ้างปะไร!

รายละเอียด

เมื่อ“อย่างเก่า”ที่เราปฏิบัติอยู่มันไม่บรรลุ “อย่างใหม่”มันก็น่าจะบรรลุ“อรหันต์”ตามผู้ที่ท่านยืนยันว่าท่านบรรลุ “อรหันต์”บ้าง ถ้าไม่มีอะไร“ใหม่” มันก็ทำอยู่อย่าง“เก่า”นั่นแหละ เมื่อมันไม่บรรลุสักที อีกกี่ที กี่ทีมันก็ไม่บรรลุอยู่นั่นเอง หาก“ทิฏฐิ”มันยังคงเดิม ก็เปลี่ยนมาใหม่ตาม“ทิฏฐิใหม่”ที่มีผู้ยืนยันตนเองว่า ท่านได้บรรลุด้วย“ทิฏฐิใหม่”นี้จริงๆนะ! ดูบ้างปะไร! แล้วก็ปฏิบัติตามที่ท่านผู้ยืนยันว่า ท่านเป็น“อรหันต์”นั้นดูบ้าง ปฏิบัติอย่างจริงจังนะ! ให้ถึงขั้นบรรลุ“ผล”แบบใหม่นี้กันเลยแม้จะไม่ถึงอรหันต์ตามที่ท่านได้อรหันต์ มันก็จะได้ขั้นโสดาบัน หรือสกิทาคามีกันมั่งหรอก ก็จะได้พิสูจน์“ความจริง”กันจริงๆแล้วคุณจะได้เปรียบเทียบความเป็น“อริยบุคคล” 2  แบบนี้ิดูจาก“ความบรรลุผล 2 แบบ”ที่คุณทำได้“ผลเองจริง”บ้าง  ถ้าผู้ที่ท่านยืนยันว่าท่านเป็น“อรหันต์”นั้นจริง ทิฏฐิที่ท่านพาปฏิบัติก็ย่อมเป็น“สัมมาทิฏฐิ” 

ผู้ที่ได้มาลองปฏิบัติพิสูจน์ตามก็ย่อมได้ผลตาม“ทิฏฐิใหม่”ของอรหันต์นี้ยืนยันกันได้“เอง” 

เพราะผู้พิสูจน์จะรู้ได้ด้วยตนเองว่า อันไหน“จริง” อันไหน“ไม่จริง”กว่ากันได้“เอง(สยัง)“ 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุณนิยม เล่ม 2 หน้า 413-414 ข้อที่ 561


เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2565 ( 14:40:46 )

ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเป็นคนอมตะ

รายละเอียด

มหัศจรรย์ตามคำสอน พระพุทธเจ้าก็เป็นคำสอนของท่านคนมาปฏิบัติตามได้ก็เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ อาตมาก็เอาคำสอนนั่นแหละมาขยายความตามยุคนี้ ให้พวกเราหรือคนทั้งหลายในยุคนี้ ฟังรู้เห็นตามให้เข้าใจได้ จนเห็นดีแล้วมาปฏิบัติประพฤติตามด้วยความยินดีหรือความจริงใจ มีฉันทะเป็นมูล มีมนสิการเป็นสัมภวะ จนกระทั่งเกิด จนกระทั่งเป็นโดยการปฏิบัติมีผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง จนกระทั่งมีสมาธิเป็นประมุข แล้วก็มีสติเป็นพลังใหญ่อธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตตระ มีวิมุติเป็นสาระแก่นสาร มีอมตะเป็นที่หยั่งลง 

คนที่ปฏิบัติได้จริงๆก็เป็นคนอมตะ รู้จักตายรู้จักเกิด แล้วจะเป็นคนที่ไม่ตายไม่เกิดได้ นี้เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นคนที่ไม่ตายไม่เกิดแล้ว จะตายก็ได้ จะไม่เกิดก็ได้ ไม่เกิดอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสานเลยได้ ตายแล้วเกิดอีกก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 14:35:33 )

ปฏิบัติอย่างไรจึงหมดการบำเรออัตตาจนจิตเป็นอุเบกขา

รายละเอียด

แต่ มันก็ยังเป็นความปรารถนามาบำเรอ อัตตา จึงเรียกว่ากาม ผู้ที่มีความปรารถนาดีทำดีๆๆ โดยไม่มีการบำเรออัตตาเลย ขอพูดตัวจบ ไม่บำรุงอัตตาเลย ทำดีไปอย่างไม่มีตัวแล้วไม่มีต้องการอะไรตอบแทน ไม่มีหวังอะไรมาให้ตัวเองเลย แม้แต่มาเสพอารมณ์ ว่าเราใหญ่เรามีบุญคุณ เราได้ชื่นใจ ปลื้มใจ ดีใจ ไม่ แต่รู้ว่าดีว่าควร แต่จิตก็ไม่มีดูด ไม่มีผลัก ที่เป็นตัวจบเรียกว่าอุเบกขาธาตุ ถ้าจิตที่เป็นตัวอุเบกขา บริสุทธิ์สะอาดจากกิเลสทุกอย่าง 

ปริสุทธาแล้วก็ยิ่งเก่งขึ้นไป ปริโยทาตา สั่งสมในแกนจิต เรียก มุทุภูตธาตุ แล้วมีกรรมการงานต่อไปเป็นกัมมัญญา ก็ยิ่งเก่ง สะสมความบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ จิตก็ยิ่งเป็นประภัสสร ซึ่งไม่รู้จะแปลเป็นภาษาไทยว่าอย่างไร ประภัสสร ยิ่งสะอาดยิ่งแข็งแรงๆ แววไว ปราดเปรียว ที่แม้จะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาพื้นฐานขยายความก็ยังไม่ครบกระบวนการ ไม่ครบพฤติการณ์ของคุณภาพ คุณลักษณะ ของสิ่งที่ประเสริฐสุดเหล่านั้น รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสนี่แหละ เสพบำเรออัตตา 

รูปก็ดี ตากระทบรูป หูกระทบเสียงพอใจเสพ ซึ่งไม่ง่ายหรอกที่คนจะมาลดละแต่ทำได้เป็นความมหัศจรรย์เป็นความประเสริฐยิ่งใหญ่ มันเป็นธรรมะอันเป็นคุณวิเศษ สุดยอดแล้วไม่มีอะไรสุดยอดประเสริฐเท่าธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า 

นี่ไม่ใช่พูดอย่างหลงตัว ไม่ใช่ พูดอย่างคุยโต ไม่ใช่ แต่เป็นสัจจะความจริงที่ยิ่งใหญ่จริงๆ อาตมาไม่มี สาเฐยจิต อยากอวดอยากโชว์อยากพูดเล่นไป ไม่ใช่ แต่พูดความจริงตรงๆตามเนื้อแท้ๆในสิ่งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 17:28:14 )

ปฏิบัติอย่างไรจึงไม่เข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม

รายละเอียด

กามคุณ 5 เหล่านี้ ในวินัยของพระอริยเจ้า เรียกว่าขื่อคาบ้าง เรียกว่าเครื่องจองจำบ้าง พราหมณ์ผู้ได้ไตรวิชชา กำหนัดสยบ หมกมุ่น ไม่แลเห็นโทษ ไม่มีปัญญาคิดสลัดออก บริโภคกามคุณ 5 เหล่านี้อยู่ ก็พราหมณ์ผู้ได้ไตรวิชชาเหล่านั้น ละธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์เสีย สมาทานธรรมที่มิใช่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์ประพฤติอยู่ กำหนัด สยบ หมกมุ่น ไม่แลเห็นโทษ ไม่มีปัญญาคิดสลัดออกบริโภคกามคุณ 5 พัวพันในกามฉันท์อยู่ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เตวิชชสูตร ตอน1 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:29:16 )

ปฏิบัติอะไร เป็นหลักธรรมของพุทธ

รายละเอียด

ปฏิบัติอะไร สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะ เป็นหลักธรรมของพุทธปฏิบัติตามหลักนี้ไม่ผิด ถ้าไม่มี 3 อันนี้ผิด ย่อสรุปให้แล้ว อย่าไปรู้มากกว่านี้เลย ปฏิบัติอันนี้ให้ได้รับรองจาก สัทธรรม 7 แล้วจะเกิดการขัดเกลากิเลส ฌาน 1 2 3 4 

เพราะเกิดความละอาย มีหิริโอตตัปปะ กลัวว่าเราคิดผิด เพิ่งจะรู้ความจริงนี้โดยเฉพาะ สามารถที่จะปฏิบัติ อปันกปฏิปทา 3 แล้วสามารถจับกิเลสได้ เช่นรู้จักกาย เวทนา จิต ธรรม แล้วคุณก็เริ่มปฏิบัติ เริ่มปฏิบัติคุณก็จะสังวรสำรวมอินทรีย์ สำรวมอินทรีย์และคุณจะรู้เลยมันจะมีเหตุปัจจัยในการสำรวมอินทรีย์ คุณมีตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นเหตุปัจจัยกระทบสัมผัส 

อย่างเช่นหัวหอม พูดตามภาษาโลกว่ามันน่ากิน เขาก็เอามาให้กินพูดตามสัญญาที่จำได้มันก็หอมหวาน อาตมาพูดตามภาษา ใครจะว่ามีกิเลสก็แล้วแต่แต่อาตมาอธิบายธรรมะ อาตมาจะมีกิเลสหรือไม่มีกิเลสเรื่องของอาตมาแต่ขณะนี้กำลังอธิบายธรรมะให้ฟังเป็นพยัญชนะเป็นสมมติ ปรมัตถ์ของอาตมาจะเป็นอย่างไรก็เป็นของอาตมา ใครจะเพ่งโทษก็ว่าไป 

ผัสสะ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสรุป ผัสสะ โภชนะ สิ่งที่กิน กวฬิงการาหาร อาหารอาศัยเรียนก็อาศัย กวฬิงการาหาร ในนั้นจบในตัว จะเกิดผัสสะ เกิดเวทนา แล้วก็จะเรียนในเวทนาในผัสสะ เรียนแยกไปจะเจอเจตนาซ้อนในนั้นอาศัยในนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:23:29 )

ปฏิบัติอานาปานสติ

รายละเอียด

มีสติ ตลอดเวลาที่มีลมหายใจเข้าลมหายใจออก แล้วทำงานมีสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 ให้เจริญโพธิปักขิยธรรม 37

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:29:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:01:57 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:46:39 )

ปฏิบัติเกี่ยวข้องข้างนอกตามลำดับ

รายละเอียด

แต่ของพุทธะของพระพุทธเจ้านี้เกี่ยวกับข้างนอกมาตามลำดับตามลำดับ เริ่มต้นตั้งแต่เกี่ยวข้องสัมผัสกับสัตว์กับคนโดยเฉพาะคนนี่แหละ เราจะเกิดความโกรธความโลภเกิดความหลงอะไรหรือไม่ เรียนให้ดี มันมีองค์ประกอบซึ่งจะมีตัวกิเลสไปปรุงแต่งร่วม ให้เลือกตัวปรุงแต่งนี้ออกไปแล้วเข้าใจให้ได้ว่ามันไม่เป็นตัวจริงมันเป็นมายามันเป็นตัวหลอกมันเป็นอาคันตุกะ มันอยู่ไหนก็ไม่รู้มันมาจากไหนก็ไม่รู้ เราต้องเห็นความจริงว่าไม่เชื่อมันหรอกมันไม่มี เราต้องเห็นด้วยปัญญาว่าเอ็งอย่ามาหลอกข้า มันก็จะพ่ายแพ้ความจริงมันก็จะลดน้ำหนักลงจนมันไม่มีในจิตไม่เกิดในจิต ก็ศึกษาพิสูจน์ความจริงไป ตั้งแต่องค์ประกอบประชุมกันเป็นสังขาร หยาบๆ ขั้นหยาบ โลก เขาเห็นว่าเป็นเรื่องหยาบเป็นเรื่องเสียหายเสียเวลาทุนรอนแรงงานเลอะเทอะ ด้วยการไม่มีประโยชน์คุณค่าอะไรดีไม่ดีเละ เสียเปล่า ไม่ได้เกิดคุณค่าประโยชน์ เสื่อมด้วย ร่างกายเสื่อมชีวิตเสื่อม พฤติกรรมที่อยู่กับสังคมก็เสื่อม 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:55:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:28 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:47:21 )

ปฏิบัติเจโตปริยญาณ 16 ให้ถึงได้ คุณจะเป็นอรหันต์แน่นอน

รายละเอียด

ขยายความเป็นภาษาง่ายๆภาษาไทยให้ฟัง แปลบาลี เอาสภาวธรรมมากระจายให้ฟัง ทุกคำเจโตปริยญาณ 16 เป็นปรมัตถ์ เป็นเรื่องของโลกุตรธรรมทั้งนั้นเลยนะ 

ขยายความให้ฟัง คุณเข้าใจแล้วทำอย่างนี้แหละ คุณจะเป็นอรหันต์แน่นอน เข้าใจดีแล้ว ปฏิบัติให้ถึง เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำได้ อนุตตรังจิตตังคือ ไม่มีจิตดีกว่านี้อีกแล้ว นี่ตรวจจิตทุกอย่างตรวจด้วย สมาหิโตกับอสมาหิโต วิมุติกับอวิมุติ อีก 2 คู่เพื่อความบริบูรณ์เพื่อความสมบูรณ์ของจิตเจโตปริยญาณ 16 

ถ้ามันยังไม่ สมาหิโต ยังไม่เป็นจิตตั้งมั่นเรียกว่าสมาธิของพุทธต้องเป็นจิตตัวนี้ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา แต่จะต้องมีปัญญารู้ตั้งแต่ 1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่)  8. วิกขิตฺตํจิตตํ (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) 13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น)  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4

วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 16:16:23 )

ปฏิบัติเช่นไรให้เกิดปัญญา

รายละเอียด

ที่พูดหมายถึง แบบเจโต แบบสายศรัทธา นั้น เขาไม่ตัดกิเลส เขาตัดกิเลสไม่ได้เพราะไม่มีปัญญา แต่มันซ้อนๆนะ สายเจโต นั่งหลับตาสะกดจิตเกิดปัญญาไม่ได้ปัญญาจะเกิดได้ต้องลืมตาปฏิบัติ มีแต่สัญญาเกิดในการปฏิบัติหลับตา อย่างไรให้ตายอย่างไรก็ไม่มีปัญญาเกิด เหมือนอย่างคุณบูรพา ผดุงไทย หนังสือไทยโพสต์เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีอะไร ผู้ที่มีปัญญาก็จะต้องนั่งหลับตาแล้วไปสงบแล้วโผล่ขึ้นมาเอง ถ้าไปคิดอะไรจะไม่เกิดปัญญา จะต้องสงบไม่คิดอะไรจึงจะเกิดปัญญา แล้วเกิดโผล่ขึ้นมามีปัญญาฉลาดรู้นั่นแหละจะเป็นปัญญา สายเจโตเขาจะปฏิบัติอย่างนั้นซึ่งตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าเลย การปฏิบัติให้เกิดปัญญาต้องลืมตา มีตา หู จมูก ลิ้น กายใจ มีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ มีสัมมาทิฏฐิมีมัคคังคะ คือมีการทำงานอาชีพอยู่ มีชีวิตอยู่ในการงานปกติ มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีการพูดการคิด ครบมรรคมีองค์ 8 มัคคังคะ ปัญญาจึงจะเกิดได้ หากคุณหลับตาปฏิบัติก็ปิดประตูเกิดปัญญา พูดอ้างอิงพระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 258 เขาไม่ได้รู้เรื่องกันเลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้อ้างอิงในพระไตรปิฎกต่างๆนานา เขาก็ยัง บื้อ ไม่เชื่อพระโพธิรักษ์เลย เราไม่มีน้ำยาเลย พูดอย่างไรเขาเลยเห็นว่าไม่มียา มันวาสนาน้อยนี่นะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:48:15 )

ปฏิบัติเป็นคนป่วยหรือคนชราอย่างไรไม่ให้ลูกหลานเบื่อหน่าย

รายละเอียด

ถ้าปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าไม่เป็นคนขี้แยไม่เป็นคนอ้อนไม่เป็นคนเลี้ยงยากไม่เป็นคนยึดถือตัวตน เป็นคนที่มีจิตที่ไม่อยากจะเป็นภาระใครไม่อยากรบกวนใคร มีความเกรงใจผู้อื่น แต่ก็ไม่ต้องไปถึงขนาดว่า เราก็ไม่มีสมมุติ ไม่ให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ไม่ให้ผู้อื่นได้ทำสิ่งที่เป็นกุศลสิ่งที่เป็นประเสริฐ เขาจะทดแทนบุญคุณช่วยเหลือกตัญญูกตเวทีมันก็ต้องมีคุณธรรม มันต้องมีผู้รับผู้ให้คู่กัน แล้วคุณจะไม่ให้ใครเกรงใจไม่ให้ใครช่วยด้วย มันสุดโต่งไป เพราะฉะนั้นต้องดูความพอเหมาะพอควร แล้วก็ต้องให้คนเขาช่วยเหลือเท่าที่ควรจะช่วยเหลือ เราเป็นคนมีใจที่เกรงใจคนอื่นนั้นดีแล้ว แต่อย่าไปแอคอาร์ทมากเกินไปมันน่าหมั่นไส้ มันสมเหมาะสมควรให้คนเขาดูแลเกื้อกูลเรา ต่างคนก็จะต้องได้ทำกุศลทำประโยชน์ สร้างกุศลสร้างให้เป็นทุกอย่างเลย ทั้งสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:45:01 )

ปฏิบัติเป็นผู้สันโดษจะไปไหนก็เบามีบาตรบริหารท้อง จีวรบริหารกาย

รายละเอียด

ดูกรอัมพัฏฐะ อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ? ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง เธอจะไปทางทิศาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง ดูกรอัมพัฏฐะ นกมีปีกจะบินไปทางทิศาภาคใดๆ ก็มีแต่ปีกของตัวเป็นภาระบินไป ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง เธอจะไปทางทิศาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง ดูกรอัมพัฏฐะด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ.

เครื่องอุปโภคคือบริหารกาย เครื่องบริโภคบริหารท้อง หมายความว่าชีวิตนี้มีแค่บาตรกับเครื่องนุ่งห่ม มีแค่นั้นแหละชีวิต นอกนั้นมีบริขาร 8 ก็ว่าไป ไปไหนก็เบา ไม่มีอะไรหอบหามเลย ลอยตัว ไม่ใช่ไปแล้วก็เต็มไปด้วยข้าวของ ดีไม่ดีมีเงินทอง มีธนบัตร มีเพชรนิลจินดาอะไรอยู่อีกตั้งเยอะ ดีไม่ดีมีพระเครื่องราคาแพงๆ มีพระบูชาราคาแพง องค์ละเป็นล้าน 2 ล้าน 5 ล้านอยู่อีก ไปไหนก็ไปไม่ออก ไปไหนก็ไปไม่ได้ บินไม่ขึ้น หนักด้วยสัมภาระที่ไปยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา ถ้าไปยึดถือเป็นเรา เป็นของเรามันก็หนัก ต้องปลดปล่อยไม่เป็นเราเป็นของเรา คุณก็ไปได้มีบาตรบริหารท้อง มีจีวรบริหารกาย จะบินไปไหนๆก็ได้ทั่วทุกสารทิศ 

สันโดษเป็นอย่างนี้ มีความเบา มีความน้อย ไม่มียึดติดอะไร เป็นคนลอยตัว เบา ไม่มีอะไรเกี่ยวเกาะ สันโดษ ไม่ใช่เป็นผู้อยู่โดดเดี่ยวอยู่แต่ผู้เดียว ไปอยู่ป่าห่างจากอะไรต่างๆนานา ไม่ใช่ สันโดษเป็นผู้ใจพอ มีน้อยๆก็พอ สิ่งที่เราจะต้องอาศัยอุปโภคบริโภค แค่น้อยๆก็พอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 14:30:33 )

ปฏิบัติเป็นลำดับต้องเริ่มจากภายนอก

รายละเอียด

ใช่ คุณเข้าใจให้ชัดก็แล้วกัน ตาคุณก็มองไปข้างนอก หูมันก็เอาเสียงข้างนอกเข้ามากระทบได้ยิน คุณเรียกว่าธรรมารมณ์ภายใน  หรือการรับรู้ภายในเข้าไป มันเชื่อมโยงจากภายนอกคือกามภพไปหารูปภพภายใน มันเชื่อมกัน ทำกิเลสหยาบภายนอกหมด จึงเหลือภายใน 

ถ้าทำกิเลสหยาบภายนอกไม่ได้ แล้วก็ไปนั่งหลับตาทำภายในโดยวิธีการแบบสะกดจิต เพราะไม่ได้เริ่มต้น คุณไม่ได้เปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่คุณจะไปปัดกวาดข้างในห้องให้มันสะอาด มันจะได้ยังไง คุณต้องเปิดประตู คุณต้องทำภายนอกให้เป็นก่อน หยาบๆได้แล้วจึงจะเข้าไปรู้จักความสะอาดที่หยาบๆ ตั้งแต่ทำหยาบๆได้ก่อน จึงจะรู้ความละเอียดซ้อนเข้าไปเรื่อยๆตามลำดับได้

หยาบๆคุณยังตาถั่วอยู่เลย ยังไม่รู้เรื่อง ยังทำความสะอาดกิเลสก้อนหยาบๆของคุณยังทำไม่ได้ แล้วคุณจะไปเห็น ดวงตาคุณจะมีประสิทธิภาพที่จะไปรู้กิเลสละเอียด โดยที่กิเลสหยาบคุณก็ยังไม่เคยรู้จัก แต่คุณหลับตาแล้วไปสร้างนิรมาณกาย สร้างภพชาติเพ้อพกว่าคุณได้รู้จักกิเลสละเอียด โดยจริงๆวิธีการก็ไม่ใช่ ทำให้กิเลสพวกนั้นหมดก็ไม่ใช่ คุณกดข่มกิเลส ไปดับสัญญาแล้วนึกว่าเป็นนิโรธ 

ก็พูดไม่รู้เท่าไหร่แล้วพวกนั่งหลับตาปฏิบัตินี่โมฆะ ไม่มีทางบรรลุธรรม  พูดเท่าไหร่คนที่เขาทำอยู่ก็ยังไม่สะดุด ไม่เกิดปฏิภาณปัญญารู้สักทีเลย ว่ามันผิดลำดับจริงๆหรือ มันโมฆะจริงๆเหรอ เขาจะไม่ค่อยเชื่ออาตมาหรอก เพราะเขาเชื่ออาจารย์แล้วไปฝันเพ้อ สร้างภพชาติ ที่ได้แล้วก็จะมีตาทิพย์ ไปสอนวิญญาณฝรั่ง วิญญาณมาจากต่างประเทศ เหมือนอย่างอาจารย์มั่น สายหลับตาไปอย่างนู้นเลย อาตมาก็ได้แต่สงสาร ทำยังไงจะพยายามให้เขามารู้จักจรณะ 15 วิชชา 8 ฌานอย่างนั้นมันเป็น ฌานหมาก ฌานพลู ฌานเรือนชานบ้านอะไรโน่น มันไม่ใช่ ฌาน คือ พลังงานไฟที่เผากิเลส ไม่ใช่ ฌานอย่างนั้นมันฌานเย็นไม่ใช่ฌานไฟ ฌานพระพุทธเจ้ามีพลังงานไฟ เป็นอุณหธาตุ สามารถเผากิเลสได้ แต่ฌานเย็นไม่สามารถเผากิเลสได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 15:09:58 )

ปฏิบัติเป็นลำดับน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

ปฏิบัติเป็นลำดับน่าอัศจรรย์ คือ การปฏิบัติภายนอกก่อน ตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 ทวาร สัมผัสแล้วเกิดกิเลส อ่านกิเลสจากเวทนาในเวทนา นี่คือกรรมฐานของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:33:38 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:03:03 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:47:42 )

ปฏิบัติเป็นลำดับให้บรรลุอย่างสั้นอย่างย่อที่สุดต้องเอาศีลเป็นหลัก

รายละเอียด

อาตมามาถึงวันนี้แล้วไม่เอานะ 151 ปี สังขารเรามันคงแย่ เดินเหินไม่ไหวต้องนอนติดเตียง ต้องใช้วิลแชร์ก็ไม่เอา ตกลงใครจะมาอวยพรให้อายุ 151 ปีอาตมาไม่เอา ขอแค่ไปเรื่อยๆจะได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น 

เอาอย่างย่อที่สุด คุณก็ต้องเอาศีลเป็นหลัก แล้วก็ต้องปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 ให้ได้ ถ้าคุณไม่มีศีลเป็นหลัก หัวข้อใดหัวข้อนึง เรื่องนี้เรื่องสัตว์นะ เราก็ต้องกำหนดให้รู้ว่าเราทำศีลข้อที่ 1 เรื่องนี้เกี่ยวกับข้อที่ 2 เป็นของกินของใช้ คุณก็ต้องรู้ว่าอย่าไปทุจริต ไม่เอาของเขาไม่เอาของที่ไม่ใช่ของเรา เอาแต่ของที่เขาให้ ข้อที่ 3 เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กำหนดรู้กิเลสเมื่อกระทบกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส คุณก็ต้องรู้ว่าศีลข้อไหนเป็นอย่างไร แล้วคุณก็ต้องปฏิบัติศีล มีอปัณณกปฏิปทา 3 แล้วคุณจะเกิดสภาวธรรม หรือสัทธรรม 7 เพราะฉะนั้นก็ทำไปทีละข้อๆ ได้ผลก็จะลดไป จากกามภายนอก ได้ผลแล้ว ก็ไม่ต้องหลับตา เราอยู่เหนือกามไม่ต้องหลับตาหนีกายหนีกาม อยู่บนกายบนกามแล้วเหลือกิเลสรูป อรูป ก็ล้างรูป เป็นขั้นกลาง ล้างอรูปเป็นขั้นปลาย อธิบายจบแล้วอย่างสังเขป

ปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 เป็นตัวปฏิบัติที่แท้จริง หากขาด อปัณณกปฏิปทา 3 ไม่ใช่ศาสนาพุทธ หลับตาไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ถึงไม่ใช่ศาสนาพุทธ ไม่ได้ลงโทษแต่เป็นเรื่องจริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:26:22 )

ปฏิบัติเพื่อให้มันจบ

รายละเอียด

ปฏิปทาแปลว่าวิธีปฏิบัติทางปฏิบัติ กระแตแปลว่าทางสายกลาง ท่ามกลางไม่ใช่ทางสายกลาง สายมันยาว แต่ตรงกลางมันเจาะตรงนั้นเลย จุดนั้นเลย จุดนั้นมันเล็กน้อยมัน 0 เลยมันไม่มีเลย มันตรงกันข้ามกับคำว่าสายที่มันยาวยืดยาด ไปแปลว่าทางสายกลางทำให้ความหมายของมัชฌิมา ออกนอกโลกไปเลย ปฏิปทาแปลว่าทางปฏิบัติ ส่วนคำว่าสายก็จะยาวไป แปลว่าทางปฏิบัติวิธีปฏิบัติก็สั้นลง ทั้งทางทั้งสายก็ยาว

ต้องแปลว่าวิธีปฏิบัติเอามาปฏิบัติเพื่อให้มันจบ ใช้ภาษาว่าทางสายกลางนี้มันไม่มีวันจบมันยาว แล้วทำให้เข้าใจท่ามกลาง อย่างหมดหวัง เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะว่าอยู่ในทางจมอยู่ในทาง แปล มัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลาง คำว่าความเป็นกลางตรงกลางจุดตรงกลางจึงหายไปหมด ก็เลยปฏิบัติอย่างเวิ้งว้างตามทางสายกลาง ทางสายกลางแปลว่ามันมี 2 ข้างแล้วก็เดินไปตรงกลางๆ ระหว่างทางกว้าง 2 ข้างนี้ ก็ไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆศาสนาพุทธเป็นแบบนี้ทุกวันนี้ไม่รู้จักจุดหมายปลายทาง ไม่รู้จักจุดสำคัญของสิ่งที่เราจะไป ไม่รู้วิธีที่จะไปสู่จุดสำคัญด้วย ไปแปลทางของพระพุทธเจ้าให้กลายเป็นทางที่ไม่รู้จักจบ และเป็นทางที่ไม่รู้จักจุดหมายจุดจบ จุดสมบูรณ์ จุดสัมบูรณ์ จุดสรุป หมดท่าเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:46:42 )

ปฏิบัติเพื่อให้ใจมันคลายจากการติดกินใช้วิธีไหน

รายละเอียด

อาตมาก็เคยพูดถึงเรื่องอย่างนี้ กินแล้วคายออกมาดูพอทิ้งไว้พักหนึ่ง ก็ใส่เข้าปากไปใหม่ แล้วก็คายออกมาดูเรื่อยๆ เราก็จะเห็นว่า มันก็ บางอันที่เวลากินมีอะไรต่ออะไรผสมผเสเข้าไป มันจะออกมาเหมือนขี้ หลายๆอย่างเมื่อเคี้ยวปนกัน เป็นขี้แหลกๆ เหลวๆ 

แล้วพิจารณาด้วย พยายามนึกถึงว่ามันเกิดการเข้าใจ มันเกิดปัญญา มันเกิดการเข้าใจ เออ มันเข้าใจ มันเห็นความจริงชัดเจนว่า อย่างนั้นเป็นอย่างนั้น อย่างนี้เป็นอย่างนี้ โดยเฉพาะบำเรอกิเลส รู้ว่ากิเลสที่มันอยากหรือมันอร่อย หรือที่มันเป็นตัวข้างเคียง มันเป็นตัวที่มันยังมีตัวข้างเคียง เอาเห็นให้ชัดๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิสัทธรรม 7 ที่จะทำให้เกิด ฌานของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 07:33:12 )

ปฏิบัติเรียนรู้กิเลสจากการกิน ดีที่สุด ได้ผลที่สุด จบง่ายสุด

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมกับการกินนี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นเยี่ยม โภชเนมัตตัญญุตา ปฏิบัติธรรมะกับการกิน มันรวมลงในนี้แล้วมันก็จบในนี้ คุณบรรลุอรหันต์แล้วคุณก็ยังต้องกิน คุณบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วคุณก็ยังต้องกินเพราะมันหนีไม่พ้นหรอก หนีการกินไม่ได้ อันอื่นยังหลุดห่างมาได้เลยนะ แต่กินนี่ไปกับเราจนตาย เรื่องกินนี่ 

และการกินก็มี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) มันมีให้เราศึกษาได้ครบพร้อม เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมย่นย่อเข้ามาตรงที่ ปฏิบัติเรียนรู้กิเลสจากการกินนี้แหละ ดีที่สุด ได้ผลที่สุด แล้วจะจบได้ง่ายที่สุด 

พันตำรวจโทอนันต์ เสนาขันธ์ บอกว่าปฏิบัติธรรมะอะไรพูดแต่เรื่องการกินมาหลงอยู่กับการกิน ซึ่งเขายังไม่สัมมาทิฐิเลย

ทุกการปฏิบัติอาหารเป็นหนึ่งในโลกอย่างนี้เป็นต้นอยู่ในปุตตมังสสูตร อยู่ในอาหาร 4 กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร นั่นก็ชัดเจนที่สุดเลยเรียนรู้แล้วจะรู้จักกาม รู้จักผัสสะ เรียนรู้เจตนาของจิต เรียนรู้หมดได้ พระพุทธเจ้าก็สรุปถึงวิญญาณรูปนามค่อยๆอธิบายไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 20:33:57 )

ปฏิบัติเรื่องกวฬิงการาหารเป็นอย่างไร

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร นี่แหละ แล้วจะผัสสะ มีเวทนา ก็มี สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ในนี้ จะมีตัวการคือเจตนาที่ซุกซ่อนอยู่ในเวทนา เจตนานี่แหละเป็นกรรม เป็นตัวการมันอยากได้อันนี้เช่นอยากได้หอมได้มามากก็สุข เด๊! เมื่อเราสัมผัสอันนี้อะไรก็แล้วแต่ที่คุณได้ติดยึด สัมผัสอันนั้นมันก็เป็นสุขถ้าได้สมใจถ้าสัมผัสแล้วไม่สมใจคุณก็ทุกข์ทุกข์มากทุกข์น้อยก็แล้วแต่ ได้หอมเน่าๆมาก็ไม่สุข แต่นี่อยากได้หอมใหม่ๆสดๆซิงๆเลย 

เพราะฉะนั้นคุณก็สามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่ไม่ต้องไปหาเรื่องปฏิบัติอะไรไกลเลย อาหาร เป็นหนึ่งในโลก กวฬิงการาหาร ปฏิบัติอันนี้เป็น มโนสัญเจตนาหารวิญญาณาหารปฏิบัติและเกิดความโง่อวิชชา เป็นสังขาร ต่อไป จนมีชาติ แต่คุณไม่รู้ ชรา มรณะ โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาส 

ตรงกันข้ามกับ โศกะคือไม่โศก ปริเทวะคือ ไม่มียืดเยื้อพิรี้พิไรแล้ว คุณก็ไม่รู้ คุณมีอยู่แต่คุณก็ไม่รู้มัน ต่อจากชรา มรณะ คุณก็จมในโศกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาสะ โดยไม่เข้าใจไปเห็นว่ามันเป็นความสนุกสนานรื่นเริงอีก ปริเทวะ คือต่องแต่ง มาเรียนรู้ว่ามันไม่จบนะมันยาวไปเรื่อยๆ แล้วตัวนั้นคืออะไรตัวนั้นก็คือ โทมนัส เข้าไปภายในรวมแล้วก็เป็น อุปายาสะ อธิบายอย่าง อาตมาว่า อาหาร ไม่ได้เอาตำรามาพูดแปลอย่างโพธิรักษ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:26:28 )

ปฏิบัติเวทนา 18

รายละเอียด

พวกเราปฏิบัติเวทนา 18 ได้ไหม ...ได้ เออ นี่เราพูดกัน แล้วเราก็อธิบายกัน แล้วเราก็เอามาปฏิบัติจริง เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่รับคำพูดของอาตมา ว่าทำได้ เวทนา 18 ที่เป็นของโลกียะกับ 18 ของโลกุตระ มันมีเนื้อหาสภาวธรรมอย่างไร พวกเราฟังแล้วก็เข้าใจก็เอามาปฏิบัติ เนกขัมมะออกมา ลดกาม ลดปฏิฆะ ลดข้างนอกก่อนจนหมดกิเลสภายนอกแล้วก็เข้าไปกำจัดกิเลสภายใน ในขั้นรูปราคะ อรูปราคะ ไปตามลำดับ จนเหลือเศษ มานะ อุทธัจจะ ไล่สภาวธรรมที่เป็นกิเลสเศษธุลีละอองไปจนหมดเกลี้ยง 

พยัญชนะมันสื่อสภาวธรรม เป็นธรรมะละเอียดอย่างไรเราก็สามารถเข้าใจและรู้อาการ ลิงค นิมิต รู้อาการของจิต ลิงคคือเพศ คือความแตกต่างกัน มันแตกต่างกันอย่างไรก็รู้ความแตกต่างและก็จับ มีเครื่องหมายจับทั้งนามธรรมเรียกว่านิมิต สภาพนั้นได้ และจัดการ ไอ้ที่ไม่ใช่ เป็นอาการของกิเลสแทรกแซง หรือผสมอยู่ ก็แยกออกได้ ก็เอาแต่เฉพาะอาการ มันเป็นจิตเจตสิกเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่จิตเจตสิกจริง มันเป็นจิตเจตสิกเก๊ แต่มันมาทำทีเป็นจิตเจตสิก 

ปัญญาสามารถแยกออก จัดการไอ้ตัวปลอม ไอ้ตัวเก๊ ผีมารมาแทรก ก็ฆ่ากิเลสที่เป็นตัวผีมารออกไปได้หมด แยกแยะได้ อย่างแยกเวทนาเก๊ เวทนาจริง รสอร่อย เป็นผีหลอก รสจริงก็คือรสจริง เช่น รสทางลิ้น เราแตะน้ำตาลหวาน เออ น้ำตาลมันก็หวาน ฝรั่งก็บอกว่า Sweet หวาน จีนก็ว่า ตี หวาน ก็รสอย่างนี้ ฝรั่งจีนก็แตะแล้วได้รสเดียวกันของจริง เอาละ ไม่ฝรั่งจีน เอาคน คนชอบ มีรสนิยมชอบรสหวาน เขาก็ว่ามันอร่อย คนที่ไม่มีรสนิยมในหวานไม่ชอบ เขาก็บอกว่าไม่อร่อยเลย มันก็เป็นเรื่องเก๊ของคนอุปาทาน หรือเป็นกิเลสของใครของมัน 

ก็แยกสภาวธรรมพวกนี้ออก แล้วก็ทำของเก๊ให้มันหมดไปในจิต คนที่ไม่มีรสอร่อยเป็นอรหันต์เป็นต้น มีแต่รสจริง คุณจะแตะเอาส้มโอลูกนี้มาปลอกแล้วเอามากิน รส มันก็มีรสจริงของส้มโอลูกนี้ ใครกินก็รสเดียวกัน แต่คนที่อร่อย คนที่ชอบ คุณก็มีของเก๊ ของใครของมัน คนที่ไม่ชอบก็เป็นของเก๊ของเขา คนชอบก็เป็นของเก๊ของเขา คนที่มีญาณปัญญาแยกอาการหรืออารมณ์หรือความรู้สึกหรือเวทนาได้ถึงปานฉะนี้แหละ คือคนที่มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ แยกผิดแยกถูก แยกชั่วแยกดี แยกกิเลสหรือสัจจะออกได้ แล้วก็มีวิธีการคือพยายามทำปัญญาให้แจ้ง ภาษาไทยก็จะพูดได้ประมาณนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราษฎร์ ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:27:10 )

ปฏิบัติเองรู้แทนกันไม่ได้

รายละเอียด

คุณต้องปฏิบัติเอง แล้วก็มีจิตที่อ่านรู้หยั่งรู้เอง ไม่มีทางที่จะรู้แทนกันได้ คุณต้องค่อยๆเรียนรู้ไปจากการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบ จะต้องมี สุริยเปยยาล 7 ต้องมีมิตรดีสหายดี สังคมสิ่งแวดล้อม เป็นสัปปายะ 4 อย่างชาวชุมชนอโศกมีครบแล้ว คุณไปตะโกนอยู่ข้างนอกมันก็ไม่ครบ มาสิ มันจะได้ครบมันเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์มันเป็นองค์ประกอบชัดเจนอยู่แล้ว ผู้ใดเข้ามาแล้วก็จะได้เร็ว แต่อยากเร็ว แต่ไม่ทำให้ครบบริบูรณ์มันก็ยาก บางคนมาได้แต่ใจไม่มา ไม่มีอะไรเป็นเรื่องห่วงใยอะไรเลยสบายแล้วมาได้แต่ไม่มาก็ช้าเอง เพราะฉะนั้น พวกเรานั้นผู้ที่มีศีลมีธรรมมีฐานมีพื้นแล้วก็มา แต่ถ้ายังไม่มีฐานไม่มีพื้นเลยอย่าเพิ่งมา อันนี้เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ผู้มีศีลแล้วที่ยังไม่ได้มาจงมา ผู้ยังไม่มีศีลนี้อย่าเพิ่งมา ขนาดพระพุทธเจ้ายังตรัสอย่างนั้นแล้วอาตมาจะไหวหรือหากไม่มีศีลแล้วมา อาตมารับมือก็ไม่ไหว มีศีล 5 เป็นหลักไม่มีอบายมุข ไม่กินเนื้อสัตว์มาถือศีล5เป็นพื้นฐาน  แล้วเจริญเป็นศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 จุลศีลมัชฌิมศีลเป็นต้นไป 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:19:20 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:56 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:48:10 )

ปฏิบัติแบบพลเมืองของพระพุทธเจ้าแบบอโศกทำอย่างไร

รายละเอียด

ผู้ใดเข้าใจไปถึงขั้นมูลสูตร 10 ก็ครบแล้วในตัวสรุปแม่บทต่างๆ ตั้งแต่คุณมีฉันทะเป็นมูลกา คุณก็มีใจยินดี คุณจะมาปฏิบัติแบบพลเมืองของพระพุทธเจ้าแบบอโศกเป็นโลกุตระ ถ้าคุณไม่มีความยินดี อย่ามาเลย มาเล่นๆหัวๆเหลาะเหละๆ คุณไม่ได้จริงหรอก คุณต้องมีความยินดีและเต็มใจ เป็นต้นเค้าเลย เป็นมูลกา แล้วต้องมาทำมนสิการ การทำใจในใจของคุณให้เป็น การทำใจในใจของพวกฤาษีเดียรถีย์เทวนิยม พวกนั่งหลับตาทำสมาธิก็ทำใจในใจ แต่มันเป็นแบบเดียว มันเป็นอย่างอื่นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า เดียรถีย์คืออย่างอื่น ไม่ใช่อะไรมากมายหรอก ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่โลกุตระ เมื่อยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ไม่มีมนสิการโดยไม่มีผัสสะเป็นเหตุให้เกิดการปฏิบัติ คุณไม่มีผัสสะก็ไม่มีทางให้ปฏิบัติ ผัสสะ แล้วจึงจะมีเวทนาให้ปฏิบัติ คุณก็ได้แต่คิดเอาเป็นสัญญา นั่งหลับตามีแต่สัญญาไม่มีเวทนา เวทนาต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายครบ 6 คือข้างในด้วย พร้อมกันกับข้างนอก ตั้งแต่กามคุณ 5 ร่วมกันเป็นสังขารธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:37:48 )

ปฏิบัติแล้วเกิดผลขึ้นมาจะเห็นความจริงว่า เราโง่มากี่โง่ จะละอาย

รายละเอียด

หรือคุณมาพบสัตบุรุษ พบกับมิตรดีสหายดี พอได้รับคำสอนก็จะรู้ว่าอันนี้ใช่ คุณก็จะมาฟังแล้วฟังอีก ฟังไป มิตรดี จะสอนให้มีศีล เอาไปปฏิบัติดู พอเอาไปปฏิบัติแล้ว ปฏิบัติศีลเป็นอย่างนี้เหรอ จะต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติแล้วมันเกิดผลขึ้นมา จะเห็นความจริงว่าเราโง่มากี่โง่ โอ้โห! 

เกี่ยวกับเรื่องสัตว์เท่านั้นก็โง่มาดักดาน เกี่ยวกับเรื่องของเกี่ยวกับวัตถุพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆก็ตาม โอ้โห! หลงผิดยึดติดว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น แย่งชิงเขาฆ่าเขา เราได้ทำชั่วมา อย่างหนักหนาสาหัส แม้ชาตินี้ ถ้าคนนั้นบารมียังไม่สูง คุณจะรู้ตัวเองเลยว่าแม้แต่ในชาตินี้เราได้ทำกรรมวิบาก ทำเลวทำร้ายทำชั่ว ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แย่งข้าวของกันด้วยวิธีรุนแรง ดีไม่ดีขี้โกง ทุจริต เรารู้ตัวก็พบว่า เราทุจริต เราขี้โกงมาเยอะเลยนะ คนโกงเขาไปจากประเทศไทยไม่รู้กี่แสนล้าน

ถ้าคนมีความรู้สึก จะละอายทันที ยิ่งโกงเขาไปมาก ทุจริตมากๆ ผิดมากจะรู้สึกมาก จะมีความละอายเมื่อมีความบริบูรณ์ด้วยศรัทธา คุณจะเกิด หิริ ละอายอย่างแรงกล้า คำว่า ศรัทธา มีปัญญาในตัว เฉลียวฉลาดจริงในตัวแล้วจะรู้ว่ามีปัญญาให้รู้ เรานี่ได้ผิดพลาดได้ชั่วได้เลวมาหนัก แล้วมันจะรู้สึกตัว ละอาย ยิ่งไปลบหลู่ คนที่เป็นสัตบุรุษเป็นผู้รู้ เราเคยขี้ตู่แล้วไปละลาบละล้วงว่าเอาให้ตาย ตนเองยึดถือผิดว่าถูก หลงนึกว่าศาสนาแท้เป็นสัมมาทิฏฐิ แท้จริงเราเองมิจฉาทิฏฐิท่านต่างหากเป็นสัมมาทิฏฐิ เราเคยไปจาบจ้วงไปว่าจะเอาให้ตาย คนนี้รู้สึกจริงจะละอายไหม เห็นไหม 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 22:04:05 )

ปฏิบัติโพชฌงค์ 7 คู่กับ โพธิปักขิยธรร 37

รายละเอียด

1. สติสัมโพชฌงค์          -->     สติปัฏฐาน 4. 
2. ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์  -->     สัมมัปปธาน 4. 
3. วิริยสัมโพชฌงค์         -->     อิทธิบาท 4. 
4. ปีติสัมโพชฌงค์         -->     อินทรีย์ 5. 
5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์   -->     พละ 5
6. สมาธิสัมโพชฌงค์       -->    โพชฌงค์ 7. 
7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์   -->     มรรคมีองค์ 8. 
ล้วนอาศัยวิเวก  วิราคะ  นิโรธ อันน้อมนำไปเพื่อความปลดปล่อย (วิเวกนิสสิตัง  วิราคนิสสิตัง  นิโรธนิสสิตัง  โวสสัคคปริณามิง)
 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 14:00:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:04:48 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:48:27 )

ปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม 37 ตลอดเวลาจะเกิดผลเช่นไร

รายละเอียด

อาตมาก็เอาสัมมาทิฏฐิมาอธิบายมาแสดง อุเทส ให้พวกเราได้ฟังเข้าใจแล้วไปศึกษากำหนดนิมิตของตัวเอง มนสิการจิตของตัวเอง หากเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิแล้วรับรอง คุณพากเพียรปฏิบัติให้ตรง ไม่ต้องไปนั่งหลับตาปฏิบัติอย่างนี้เลย เป็นโพธิปักขิยธรรม 37 ปฏิบัติไปตลอดเวลานี้แหละ พระพุทธเจ้าจึงรับรองเลยว่าในชาติเดียวนี้แหละ อย่างแย่ที่สุด เป็นพระอนาคามี ถ้าอย่างดีก็เป็นอรหันต์เลย อย่างแย่ที่สุดเป็นอนาคามี หากสัมมาทิฏฐิ เข้าใจคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วทำอย่างนี้ หากปฏิบัติถูกต้องแล้วชาติหนึ่ง ถ้าคุณสามารถปฏิบัติได้ตลอดเวลา 6 เดือน 5 เดือน 3 เดือน 4 เดือน 2 เดือน 3 เดือน 1 เดือน เก่งก็ไม่ถึง 1 เดือนเลย บางคนในปัจจุบันเลยคือเป็นอนาคามี กึ่งเดือนยกไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:23:50 )

ปฏิบัติให้ตรงเหตุ

รายละเอียด

“ถ้าปรารถนาเอาแล้วก็ได้ ในโลกนี้ก็จะไม่มีใครเสื่อมไปจากสิ่งใดได้เลย ดังนั้น ผู้ใดต้องการอายุ ผิวพรรณ สุข ยศ สวรรค์ จึงไม่ควรอ้อนวอน ไม่ควรเพลิดเพลินสิ่งนั้นสิ่งนั้นๆ หากต้องการสิ่งนั้นๆ แล้ว พึงประพฤติปฏิบัติตน อันเป็นไปเพื่อสิ่งนั้นๆ เพราะผู้ใดเมื่อปฏิบัติแล้วย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้นๆ และผู้นั้นย่อมได้ในสิ่งนั้นๆ”
พระไตรปิฎกเล่ม 18 ข้อ 599 และ เล่มที่ 22 ข้อ 43 

“ถ้าปรารถนาเอาแล้วก็ได้ ในโลกนี้ก็จะไม่มีใครเสื่อมไปจากสิ่งใดได้เลย”  ถ้าคุณสวดอ้อนวอนเท่านั้น ร้องขอเอา เท่านั้นได้ คุณก็จะได้ ได้ ได้ ไม่มีอะไรเสื่อม มันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ? มันไม่มีอะไรจะเสื่อมไปจากสิ่งใดได้เลย ไม่เสื่อมเลย 

เหตุที่จะได้สิ่งนั้นๆ ปฏิบัติให้ตรงเหตุเถิด ผลจะเป็นสิ่งนั้นแน่นอน โดยไม่ต้องอ้อนวอนร้องขอผล ปฏิบัติให้ตรงเหตุ ให้ถูกเหตุของมันให้ได้เถอะ และมีทั้งปริมาณและคุณภาพให้ครบ มันก็จะเกิดผลของมันเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:26:50 )

ปฏิบัติให้ถึงสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อที่ 5 และข้อ 6

รายละเอียด

ข้อที่ 5 อยังโลโก ข้อที่ 6 ปโรโลโก รู้จักโลกที่หมุนเวียนไม่ไปหาโลกุตระ ชาวเทวนิยมจะวนอยู่ในโลกเก่าโลกียะ ไม่รู้จักโลกโลกุตตระคืออะไร ปฏิบัติธรรมและจิตของเราออกจากโลกเก่าบ้างไหม ปโรโลโก คือโลกอื่นโลกต่างจากโลกเก่านี่แหละ เป็นโลกที่แยกไปมีอัญญา อัญญะ หรือมีปรนิมิต อยู่ในโลกต่างดาวเราอยู่ในโลกโลกียคือโลกนี้ นี่พูดเป็นรูปธรรมไม่ใช่ว่ามีลูกโลกอีกโลกหนึ่ง แต่ก่อนอยู่ในโลกโลกียะเละเทะ เป็นลูกน้องให้เขาปั่นหัว พยายามจะเป็นนายทางโลกในโลกียะรวยในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข สั่งสมวนเวียนในโลกีย์หลงว่าได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขยิ่งใหญ่ ชาติหน้าก็จะต้องยิ่งใหญ่

แต่นี่เรารู้ตัวแล้วไม่เอา เลิกทางนั้น มาปฏิบัติประพฤติเพื่อที่จะล้างกิเลสเก่าที่เราไปโลภมา เป็นโรคด้วยนะ อยู่ในโลกเก่าก็เป็นโรค เรามารักษาโรค ที่เป็นเชื้อโรคโลกีย์ จนเป็นอริยบุคคลเป็นโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์ อาตมาไม่มีพูดเล่นนะว่าพวกเรานี้เป็นอาหารกันหลายคน แต่ไม่รู้ตัววน เพราะมันไม่ชัด วน ได้แล้วสะอาดแล้วก็ทำเลอะใหม่ แม้ชาวอโศกนี้แหละมีเยอะ ไม่รู้ที่จบ ไม่รู้ที่สุดแล้ว ยังไม่แม่น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:41:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:49 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:50:00 )

ปฏิบัติให้บรรลุเจโตปริยญาณ 16 ก็จบเลย

รายละเอียด

ก็ต้องมาทำจะได้เรียนรู้จิตมาทำทิฏฐิให้สัมมาทิฏฐิ แล้วก็เรียนจิตให้เต็มที่ สัญญากำหนดหมายจิต จิตในจิต เจโตปริยญาณ 16 ถ้ารู้ครบแล้วก็ทำได้ครบถ้วนก็จบ จบเลย เจโตปริยญาณ 16 แล้วก็ปฏิบัติให้บรรลุ ปฏิบัติให้บรรลุเจโตปริยญาณ 16 ก็จบเลย ไล่กันได้ไหม

อาตมาบอกวิธีให้ไล่ทีละคู่ๆ สามคู่แรกง่ายจะตาย ราคะกับไม่ใช่ราคะ โทสะกับไม่ใช่โทสะ โมหะกับไม่ใช่โมหะ 6 อันแล้ว

เหลืออีก 10 จับทีละคู่

คู่แรกสังขิตตจิต กับวิกขิตตจิต อันหนึ่งเป็น static อันหนึ่งเป็น Dynamic อันหนึ่งเป็นนิวเคลียร์ฟิชชัน อันหนึ่งเป็นนิวเคลียร์ฟิวชัน มันก็เป็น 2 ลักษณะ อันนึงจะเกาะกันแน่น อีกอันนึงกูไม่เกาะกับใครจะกระจายนี่คือนิวเคลียร์ฟิชชัน ไปเดี่ยวๆเลย แล้วเขาถือว่าอันนั้นจะบรรลุ ที่จริงแล้วมันทะลุไม่ใช่บรรลุ นั่นแหละคู่ที่ 1 ของ 5

คู่ที่ 2 ต่อมาเป็นมหัคคตะ กับ อมหัคคตะ คือยิ่งใหญ่กับไม่ยิ่งใหญ่ 

คู่ที่ 3 สอุตระ กับอนุตระ คือ ดี กับดียังไม่จบ ดีกว่านี้ยังมีอีก เขาเรียกอนุตระ 

แล้วจิตดีสูงสุดคืออย่างไร ก็แยกเป็นสองคู่

คู่ที่ 1 คือ สมาหิตะ กับ อสมาหิตะ อีกคู่หนึ่งคือวิมุติกับอวิมุติ

สมาหิตะคือจิตตั้งมั่นแล้ว อสมาหิตะคือจิตยังไม่ตั้งมั่น ส่วนคำว่าสมาธิเป็นคำกลางกลางที่เรียกกันทั่วไป อย่างคำว่าฌาน สมาธิ ก็เรียกกลางๆ หากว่ายังไม่สมาธิก็ยังไม่เข้าเป้า 

วิมุติก็คือจบหลุดพ้น ที่จริงวิมุติแปลว่ารู้สึกรู้แล้วนะ รู้อะไร รู้ว่าหมดแล้ว หลุดพ้นแล้วจบแล้ว ไม่มีอะไรต่อแล้วสูงสุด วิมุติ กับ อวิมุติ เป็นตัวตรวจสอบสุดท้ายคู่หนึ่ง 

วิมุติเป็นคู่ปัญญา ส่วนสมาหิโต เป็นเจโต จบเป็นอุภโตภาค สมบูรณ์แบบ 

นี่สภาวธรรมเป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:27:05 )

ปฏิบัติให้หมดอาสวะอนุสัยได้ต้องรู้จักสักกายะ

รายละเอียด

สังโยชน์ 3 ข้อแรกสำคัญมาก ถ้าไม่ผ่าน 3 ข้อแรกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่มีทางปฏิบัติให้หมดอาสวะอนุสัยได้เลย โดยเฉพาะตั้งแต่ข้อต้นคือ กาย สักกะคือของตน สักกายะคือกาย คือสภาวะ 2 รูปนาม ภายนอกภายใน หรือแยกจิตแยกกายอะไรบ้าง หากอธิบายคัดเฉพาะเรื่องกายก็จะได้เล่มหนึ่งเลย แต่ก็อยู่ในอีกหลายเล่ม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:45:43 )

ปฏิบัติให้เป็นสัมมาปฏิบัติ จึงจะเกิดสัมมาปฏิเวธ

รายละเอียด

ก็ไม่ได้ไปว่าของเขาไม่จริง ไม่เกิดผล ก็เกิดผล อาตมาก็เคยเล่นมาทั้งนั้น ไสยศาสตร์พวกนี้ ในชาตินี้ ปางนี้ ตั้งแต่เป็นนายรัก รักพงษ์โน่น เล่นมาปฏิบัติ เล่นไสยศาสตร์มาก่อนมาบวชตั้ง 8 ปี ก็ทำ ไสยศาสตร์ก็เป็นวิชาการเดรัจฉานวิชาพวกนี้ เพราะฉะนั้น ใครไปติดใจไปจมอยู่ก็เป็นอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นในเรื่องที่จะเป็นอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ถ้าไม่ใช่ไปแฝงเรื่องอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชก็แล้วไป ควรจะนึกถึงหลวงพ่อทวด นึกถึงว่า คำสอนอะไรของท่านที่ตรงสอดคล้องเป็นไปเพื่อนิพพาน ตามพระพุทธเจ้าสอน ไม่ใช่เพื่อโลกีย์ง่ายๆ เช่น ร่ำรวย หรูหรา เจริญทางลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข อยู่แค่นั้น แล้วก็มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชว่า ขลัง หลวงพ่อทวดขลัง ระวังแฝง หลวงพ่อไหนก็ตาม แม้แต่ไปหลงพระพุทธรูป 

พระพุทธรูปคือ ตัวแทนพระพุทธเจ้า แล้วหลงว่าพระพุทธเจ้าจะช่วยแบบนั้น จะช่วยให้ขลัง ให้ร่ำให้รวย ให้เจริญด้วยโลกียะอะไรต่ออะไรพวกนี้ ไม่มี 

แม้คำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้วนี้ คุณไม่ทำความเข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติให้ตรงตามคำสอนแล้วมรรคผลถึงจะเกิด คุณก็ผิดแล้ว คำสอนพระพุทธเจ้านี่แหละ เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาให้ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและปฏิบัติให้ตรง ทำความเข้าใจให้ถูกต้องสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติให้เป็นสัมมาปฏิบัติ จึงจะเกิดสัมมาปฏิเวธ จึงจะเกิดมรรคผลที่ถูกต้องแทงทะลุเลย บรรลุรู้สุดยอดจบได้ 

ไม่ใช่ความขลังของพระพุทธเจ้า ที่มาปฏิบัติตามธรรมพระพุทธเจ้า ศรัทธาเต็มที่ แต่ไปปฏิบัติผิด ผิดอย่างไรก็ไม่บรรลุ ก็ได้ผลไปออกนอกทิศนอกทาง ไม่ใช่ทางบรรลุนิพพาน นี่คือนัยที่ลึกซึ้ง ไม่ง่าย 

ฉะนั้นจะเป็นฌาน นิยามตัวหนึ่งของฌานคือพลังงานจิตที่กำจัดกิเลส พลังงานจิต คุณต้องทำพลังงานจิต พลังงานจิตตัวนี้ประกอบไปด้วยปัญญาเป็นหลัก ฌานคือปัญญา ปัญญานี่แหละคือธรรมฤทธิ์ ที่อาตมาพูดย้ำอธิบาย กิเลสเจอหน้าปัญญา มันวิ่งหนีหูตูบ นี่ก็พูดมาใช้สำนวนเก่า พูดซ้ำพูดซากหลายที มันมีฤทธิ์เป็นเช่นนั้นจริง ขอให้มันเกิดธาตุปัญญาที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:29:49 )

ปฏิบัติให้ได้มรรคผลต้องมีหลักอะไร

รายละเอียด

แล้วก็ปฏิบัติให้ได้มรรคผล การปฏิบัติ ศีล แล้วจะได้มรรคผลได้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมคืออะไรต้องมี อปันกปฏิปทา 3 ถ้าไม่มีไม่ใช่ศาสนาพุทธ ท่านก็ระบุไว้ชัด เสร็จแล้วก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ขออภัยพูดชัดๆคืออวิชชา ถ้าแปลเป็นภาษาไทยชัดๆ ก็คือโง่ โง่อย่างไร โง่ได้สนิทสนม ทั้งๆที่จรณะ 15 ข้อที่ 1 ศีล เป็นหลักในทุกๆเรื่อง ศีลข้อที่ 1 เป็นต้น คุณก็ปฏิบัติอันนี้ให้เกิดสัทธรรม 7 จะเกิดสัทธรรม 7 ต้องมีหลักอปันกปฏิปทา 3 ถ้าไม่มีอปันกปฏิปทา 3 คุณจะไม่มีศรัทธา มีหิริโอตัปปะเลย มันไม่มีของจริงให้คุณทำ ต้องเกิดปัจจุบันนี้มีผัสสะ เช่น ตอนนี้สัมผัสกับสัตว์แล้วเกิดกิเลสอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:30:58 )

ปฏิบัติให้ได้เวทนา 108

รายละเอียด

“เวทนา 108”นี้ขี้บ่งยืนยันให้เห็นกันชัดเจนยิ่ง ว่า ผู้“หลับตา”ปฏิบัตินั้น เป็น“มิจฉาทิฏฐิ”แท้จริง

      เพราะ“หลับตา”ปฏิบัติ มันปฎิบัติ“เวทนา 108”ไม่ได้ มันไม่มี“ทวาร 6”ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ ที่จะเรียนรู้“มโน

ปวิจาร 18” ที่มีทั้งที่เป็น“เคหสิตเวทนา 18” และมีทั้งที่เป็น“เนกขัมมสิตเวทนา 18”

      แต่“หลับตา”ปฏิบัตินั้น “แม้แค่“เวทนา”ที่เกิดจากมี“ผัสสะ”เป็น“ปัจจัย” ก็ยังไม่มีเลย 

      แค่ประเด็นนี้ “การหลับตา”ปฏิบัติก็“มิจฉาทิฏฐิ”กันแล้ว  ชาวพุทธทั้งหลายพิจารณากันดีๆเถิด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:35:09 )

ปฏิบัติได้ผลเกิดอธิปัญญา

รายละเอียด

ในอธิจิตของคนที่เข้าใจอธิศีล ตามที่อธิบายคุณเข้าใจแล้วเอาไปปฏิบัติก็เกิดอธิจิต ปฏิบัติได้ผลเกิดอธิปัญญา ขณะที่ปัญญาหรือธาตุรู้ ที่รู้ตามระบบของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าระบบปัญญา ถ้าหากระบบโลกีย์ก็เป็นรู้อย่างฉลาด เฉโก จนกว่าคุณจะมีความรู้อีกอันหนึ่งที่เป็นอัญญา เป็นพลังงานฉลาดอีกอันหนึ่ง มันก็เกิดมา มาทำงาน ปัญญาอธิปัญญาก็เกิดจากที่คุณถือศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ เมื่อสัมผัสกับสัตว์ก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม แล้วคุณก็มีความเอ็นดู แม้แต่จิตที่จะไปกินมันก็ไม่ทำเด็ดขาด ถ้ามันมีที่กินอยู่แล้ว กินพืชผักก็พอ อายุยืนยาวดีด้วย วิบากก็ไม่มี สัตว์กับพืชมีอะไรมันถูกกว่ากัน พืชมันถูกกว่าอีก เวลาจะจับมากินจับสัตว์กับจับพืชอันไหนง่ายกว่ากัน ก็จับพืชง่ายกว่า มันไม่วิ่งหนี สัตว์มันกัดเราได้ด้วย มีเหตุผลต่างๆนานา แต่ทำไมคนเรามันโง่หาเรื่องยากมาเลี้ยงชีวิตเขา ก็ควรหาเรื่องง่ายๆสะดวกๆ ไม่มีวิบากไม่มีพันธกิจ เห็นไหมดีกว่ากันเยอะเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:08:57 )

ปฏิบัติได้มรรคผล ไม่ได้เจริญด้วยโลกียสุข 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในธรรมะที่ อาตมาอธิบายอยู่นี้ บอกว่าสอนดีมาก คุณพูดเพราะคุณได้ประโยชน์จากคำสอนของอาตมา คำว่าได้ประโยชน์นี้ มันไม่ใช่ได้ประโยชน์ไปเป็นโลกียะ ผู้ที่ได้รับฟังคำสอนของอาตมาแล้วเอาไปปฏิบัติได้มรรคผล เขาไม่ได้ได้โลกียะคือไม่ได้เจริญด้วย ลาภ ไม่ได้เจริญด้วยยศ ไม่ได้เจริญด้วยสรรเสริญ แม้ในที่สุดไม่ได้เจริญด้วยโลกียสุข ความสุขลดลงตั้งแต่ความสุขจากอบายมุข คุณก็เลิกมาเฉยเลยแต่ก่อนเคยเอร็ดอร่อย เคยสนุกสนาน เคยเพลิดเพลิน เคยชื่นอกชื่นใจกับอบายมุข กระดี๊กระด๊าเป็นรสเป็นชาติจัดจ้าน เดี๋ยวนี้เฉย คุณจะเข้าใจอบายมุขแค่ไหนอย่างไรก็ตาม จนกระทั่งในโลกของ กาม คุณก็ลดลงอีก ไม่ได้เป็นสุขในกามภพ ไม่ได้เป็นสุขในรูปภพ ไม่ได้เป็นสุขในอรูปภพ 

ตรวจจิตตรวจใจตัวเองให้ดี คนพวกเราเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ กันจริงๆ แล้วพวกเราสรุปไม่ลง สรุปไม่เป็นไม่รู้ตัวว่าเป็น อย่างคุณจำลองบอกว่าชาตินี้ผมอยากเป็นโสดาบัน โธ่เอ๋ย คุณจำลองเป็นโพธิสัตว์ แต่ก็ไม่ได้รู้ตัวแต่พฤติกรรมเป็นโพธิสัตว์แท้ๆชัดเจน เป็นแต่เพียงว่าในรายละเอียดตัวเอง ไม่ได้รู้รายละเอียด ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ที่ไม่รู้ตัวเองในรายละเอียดของสัจธรรม ว่ามันเป็นอะไรต่ออะไรบ้างตามกำหนดภาษาบัญญัติของพระพุทธเจ้าตรัสไว้เท่านั้นเอง แต่โดยสภาวธรรม โดยพฤติกรรม โดยความเป็นจริงของผู้นั้นผู้นั้น เป็น ที่อาตมาว่าไปนี้ ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์คืออะไรเข้าใจง่ายๆหรอก อาตมาก็ไล่อธิบายมาหมดแล้ว แต่มันก็ยากอยู่นะจะเข้าใจ โพธิสัตว์โสดาบัน โพธิสัตว์สกิทา โพธิสัตว์อนาคา โพธิสัตว์อรหันต์ โพธิสัตว์ อนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ 

ซึ่งอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนิยตโพธิสัตว์ อาตมาไม่ได้พูดผิดอาตมาไม่ได้ไปหลงตัวหลงตนอะไร แล้วอาตมาก็ไม่ได้ไปหลอกใคร ถ้าอาตมาผิดอาตมาหลงตัวหลงตน อาตมามาหลอกใครๆ โอ้โหอาตมาจะมีบาปมหาบาปเลย แต่จริงๆแล้วอาตมาทำงานมา 50 กว่าปี อาตมาเห็นผลว่ามันมีความเจริญ เจริญจริงๆอาตมาพาคนมาจนสำเร็จ พาคนมาเสียสละพาคนมาลดละ พาคนมาหมดโลภโกรธหลง ลดละโลภโกรธหลง หมดโลภโกรธหลง ไปตรวจสอบตัวเองดีๆเถอะ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมกล่าวหาอาตมา 

ไม่ได้ไปหลงตัวหลงตนไปนั่งหลับตาแล้วนึกว่าตัวเองเป็นอะไรต่ออะไรไปไม่ใช่ ลืมตาสัมผัสต่อทุกสิ่งทุกอย่าง  สัมผัสกับเพชรนิลจินดา ธนบัตรข้าวของ ของอร่อยของน่าได้น่ามีน่าเป็นอะไรก็แต่ก่อนนี้ก็น่าได้น่ามีน่าเป็นไปหมด เขาจะหลอกเอาขี้หมาทาสีมาหลอกอยากได้ทั้งนั้น เดี๋ยวนี้ชัดเจนหมดแล้ว แม้แต่ของที่บอกว่าเป็นทองคำ เป็นโลหะที่ก็เป็นธรรมชาติ ที่หายากที่สุด มีค่าแพงที่สุดตามที่เขายึดกัน ก็ไม่ว่ากระไร เราก็ไม่ได้กระดี๊กระด๊าอยากได้อะไร แต่ก่อนนี้ซื้อมาเก็บก็สะสมของเอาไว้ คุณจะเอาไว้ทำไมเอาไปทำฟืนก็ยาก ทองคำ ตายแล้วเอาไปใช้เป็นฟืนเผามันไหวไหม ไม่เห็นมีใครทำ 

พอตายแล้วคนนี้รวยมีทองคำเหมือนอย่างมหาบัว สะสมทองคำเสร็จแล้วก็ไม่รู้จิต ไม่รู้ความผูกพันว่าเป็นเรา เป็นของเรา ก็นี่แหละของฉัน แล้วก็ใส่เอาไว้ให้ประเทศ อวดโชว์ ซับซ้อน เป็นความเป็นอัตภาพซ้อนอัตภาพ ซ้อนว่าเป็นของกูของประเทศ เป็นเจ้าของประเทศเลยนะ ประเทศนี้ฉันเป็นเจ้าของ หาทองคำ หาดอลลาร์มาให้ ก็ไปเรี่ยไรเอาของคนอื่นแล้วเอาประเทศเป็นตัวอ้างอิงเป็นตัวประกัน คนเขาก็เห็นสิ และเป็นพระเป็นเจ้าที่เขาอาศัยที่เป็นพระ ไปเรี่ยไรเขาก็ให้มา แล้วก็เอาไว้ในคลัง เสร็จแล้วตายแล้วมหาบัวก็นอนเฝ้าทองคำ เงินอะไรๆต่ออะไรอยู่นั่นแหละ นอนเฝ้าอยู่นั่นแหละ ตายไปแล้วก็เป็นเล็น เป็นหมัด อยู่นั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 32 จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8(8) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2566 ( 11:15:30 )

ปฏิบัติไปตามลำดับตามฐานะ

รายละเอียด

ขยายความจนเกินภูมิพวกเราก็เอามาใช้ประโยชน์ก็แล้วกัน ทุกวันนี้พวกเราปฏิบัติธรรมทั้งรู้มีแผนที่ มีพิมพ์เขียวที่อาตมาอธิบายไปเยอะ แล้วก็ปฏิบัติไปตามลำดับตามฐานะเรา ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับคน แล้วก็เกิดราคะโทสะโมหะ อะไรกันเราก็เรียนรู้ เกี่ยวกับของ เกี่ยวกับพืช เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นวัตถุในข้อที่ 2 เราก็ไม่ทุจริตในศีลข้อที่ 2 ไม่ทุจริต ศีลข้อที่ 3 รู้ ละเอียดขึ้นไปถึงตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบสัมผัสแล้วกิเลสเกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ครบแล้ว 

ปฏิบัติกับวัตถุ กับพืช กับคน กับสัตว์ ศีลข้อ 1 ข้อที่ 2 แล้วก็เรียนรู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ทำภายนอกภายใน โดยเฉพาะมีกาย กาย เป็นตัวที่เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเก็บละเอียดจบ เพราะฉะนั้นในคำสอนพระพุทธเจ้าถึงให้เรียนรู้กายให้สัมมาทิฏฐิก่อน สังโยชน์ข้อที่ 1 ในสังโยชน์ 10 ถ้าเข้าใจ กายผิด เช่น เข้าใจกายมีแต่เพียงภายนอกไม่มีภายใน คนนี้ปิดประตูเลย ไม่ได้เรียนรู้ พิจารณากายในกายตามสติปัฏฐานหรือโพธิปักขิยธรรมข้อที่ 1 ไม่ต้องไปเรียนหรอกมิจฉาตั้งแต่กายแล้ว ผู้ที่มีมิจฉาตั้งแต่กายนี้ มิจฉาจริงๆจึงไปเอานั่งหลับตา ไม่ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เข้าใจกายผิดมันไม่มีในหลับตา กายในไม่มีกายนอกไม่ได้ ถ้าคำว่ากายในคุณต้องมีกายนอก ละไว้ในฐานที่เข้าใจ มันต้องมีสภาพคู่ เมื่อมีในมันต้องมีนอก คุณทิ้งนอกไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นสติปัฏฐาน 4 พิจารณาบอกว่ากายใน คุณก็ไปหลับตามันก็ไม่มีกาย แต่คุณก็นึกว่าคุณถูกแล้ว คุณผิด คุณทิ้งไม่ได้ แม้แต่ในอานาปานสติก็ยังบอกว่า ยังเหลือลมหายใจรอนๆจะขาดนะ ถ้าขาดไม่มีลมหายใจ มีแต่ลมหายใจอยู่ภายใน คุณก็ไม่รู้ ภายนอกคุณไม่สัมผัส คุณไม่รู้เรื่องกับภายนอกแล้ว แค่ลมหายใจคุณก็ยังไม่รู้สึกแล้ว ไอ้นั่นน่ะเป็นโมฆะ ไอ้นั่นน่ะผิดเลย ไม่มีกายตั้งแต่ต้น พิจารณาสติปัฏฐาน 4 ไม่ได้ เป็นโลกุตตรธรรมข้อที่ 1 ในโพธิปักขิยธรรม 37 หรือโลกุตตระ 37 เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงเสื่อมไปจากโลกุตระ 100% พวกนั่งหลับตา เสื่อมจากโลกุตระ 100% พิจารณากายในกาย ไม่มีกาย กายข้างนอกไม่มี เพราะฉะนั้นคุณก็หลับตาเข้าไป มันก็ไม่มีกาย เมื่อไม่มีกายเลยก็โมฆะแล้ว สูญแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 13:02:05 )

ปฏิบัติไปตามลำดับศีลสมาธิปัญญา

รายละเอียด

เมื่อเช้าอาตมาก็ว่าจะมาอธิบายเรื่องปฏิบัติไปตามลำดับศีลสมาธิปัญญา ทำให้ได้เป็นผล แล้วทำให้มากทำให้บ่อย ให้จิตสะอาดสิ้นอาสวะเป็นอุเบกขา องค์ธรรม 5 ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ทำอุเบกขาให้ดีขึ้น แล้วมาทำงานกับใครก็ไม่เกิดกิเลสอคติ ทำแล้วมีแต่ดี แล้วมีเหตุปัจจัยให้ปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีก เหตุปัจจัยที่เราไม่มีจากของผู้อื่น ให้เขาได้รู้ตัวได้รับประโยชน์ว่ามันเป็นกิเลสนะควรจะละเลิก ทำไปอีกได้อีกก็ยิ่งเก่งขึ้นอีก กัมมัญญาก็ยิ่งเจริญขึ้น จิตก็ยิ่งสะอาดแข็งแกร่งผ่องใสประภัสราสูงขึ้นอีก คุณธรรมของอุเบกขา 5 ประการนี้ จะเจริญๆขึ้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนเอาสิ่งนี้มายืนยันได้เลยในผู้ปฏิบัติเคยมีลักษณะนี้ในตัวเองหรือไม่ อย่าว่าแต่ขณะนี้เลย แยกเคหสิตอุเบกขา ในมโนปวิจาร 18 ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 6 ทวาร กระทบกับอะไรก็ตามทางตาหูจมูกลิ้นกาย ก็เกิดความสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็ได้ 3 ประเด็น รวมเป็น 18 ประเด็น ในโลกก็มีความสุข ความทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ได้ทั้ง 18 อย่างนี้ เราทำอยู่ในสภาพปัจจุบัน ปฏิ นี่แหละ หรือไม่เป็นปัจจุบันแต่มันเป็นปณิ ปณิหิตะ มันตั้งอยู่ขณะนี้ static กับ ปฏิ dynamic เกิดอาการหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักอาการก็พูดกันไม่รู้เรื่อง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:34:25 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:14:34 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:50:24 )

ปฏิบัติไม่ตามพระธรรมวินัย

รายละเอียด

ทั้งที่แยกตัวแบบหนึ่งเดียวไม่มาสัมผัสสัมพันธ์ ทั้งที่แยกไป ก็ทำทีมาสัมผัสสัมพันธ์ก็มี แต่แยกเดี่ยวด้วยความเห็นคะนอง ผยอง แล้วจะเป็นสงฆ์ของศาสนาพุทธตรงไหน มันตกขอบไปไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31มกราคม 2563


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:31:26 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:40 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:50:51 )

ปฏิบัติไม่มีกายย่อมไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 อาสวะย่อมไม่สิ้น!

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติที่ไม่มี“กาย”นั้นก็เท่ากับ“ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย” ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้กิเลสถึงขั้น“อาสวะของผู้นั้นหมดสิ้นแล้ว”ได้ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสยืนยันไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 36 ข้อ 151 ว่าด้วย“บุคคล 9 จำพวก”

เพราะเมื่อ“กาย”ไม่มี“สัมผัสภายนอก 5”เลย แม้จะมีทฤษฎี“วิโมกข์ 8”มันก็ปฏิบัติไม่ได้ ก็ไปปฏิบัติ“หลับตา”เสียนี่ ไม่มี“กายภายนอก 5” มันก็เป็นการปฏิบัติที่“ผิด”ทฤษฎี“วิโมกข์ 8”อยู่แล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 432 หน้า 314


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 18:58:00 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:40:54 )

ปฏิบัติ“อปัณณกปฏิปทา 3”อย่างไร

รายละเอียด

“อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ)”ก็คือ การปฏิบัติที่มี“ศีล”เป็นหัวข้อแต่ละข้อ ให้ปฏิบัติ แล้วจะต้อง “สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ” อันเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ 3 ข้อ”ที่มียืนยันอยู่อ้างอิงได้ใน“พุทธคุณ 9”ของพระพุทธเจ้า”แท้ๆชัดๆ ใครจะบังอาจปฏิเสธ ถ้าใครไม่มี 3 อย่างนี้ไม่ใช่พุทธ ไปหลับตา ไม่มี 3 ข้อนี้ก็ไม่ใช่พุทธแล้ว ศาสนาพุทธต้องตื่นขึ้นมา แต่อย่างนั้นหลับตาแล้วจะมีอะไร มันก็นอกรีต100%อยู่แล้ว นี่คือนาคที่เป็นขั้นพญา 

อปัณณกปฏิปทาข้อ[1] “สำรวมอินทรีย์ 6” ที่มีตา, หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ“สัมผัส”เห็นรูปทางตา,ได้ยินเสียงทางหู,ได้กลิ่นทางจมูก,ได้รสทางลิ้น,ได้กระทบกายภายนอก-ภายใน,ได้สัมผัสกันเองของใจกับในใจขั้นรูป-ขั้นอรูป ซึ่งมี “ภาวะ 2”คือ“มี“ภายนอก”ด้วย มีภายใน”ด้วยอยู่ตลอดการปฏิบัติ

อปัณณกปฏิปทาข้อ[2] “โภชเนมัตตัญญุตา” ผู้ปฏิบัติต้องเรียนรู้ขณะกินขณะใช้นั้นๆ อย่าให้มีกิเลสมันเกิดในจิต ถ้ากิเลสเกิดก็กำจัดกิเลสนั้นๆ 

อปัณณกปฏิปทาข้อ[3] “ชาคริยานุโยคะ” ผู้ปฏิบัติต้องทำความมีสติตื่นรู้อยู่กับการปฏิบัติทั้งภายนอก-ภายในนั้นๆอยู่เสมอ และมี“ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์”ไปตลอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:24:33 )

ปฏิปทา

รายละเอียด

คือ วิธีปฏิบัติหรือทางปฏิบัติ คือ ทางปฏิบัติ หรือ วิถีทางประพฤติ เป็น “เหตุ” ที่พาไปสู่ “ผล”ได้สำเร็จ

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 44 และ หน้า 45


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:47:41 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:38 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:51:42 )

ปฏิปทา

รายละเอียด

ปฏิปทา  คือ  ทางปฏิบัติที่จะทำให้ไปสู่จิตที่เป็นกลาง  มัชฌิมา  แต่เขาไปแปลรวมว่าทางสายกลางนั่นไม่ใช่  แต่ทางหรือวิธีการคนต้องศึกษา 

เพื่อให้จิตเข้าสู่มัชฌิมา คือ ไม่มีทั้งอัตตา ไม่มีทั้งกาม  คือ คนหมดกิเลสไม่มีทั้งกามทั้งอัตตา

1. ให้ประพฤติ ให้ดำเนินชีวิตตามทางนั้นกันมาแล้ว

2. ข้อควรกระทำ , แนวทางประพฤติ

3. ข้อปฏิบัติ 

4. ทางปฏิบัติ , ทางดำเนิน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 267

คนคืออะไร? หน้า 357

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 148

ค้าบุญคือบาป หน้า 47


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:12:53 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:10:09 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:52:15 )

ปฏิปทา 4

รายละเอียด

คือแนวทางปฏิบัติธรรม 4 แบบ

1. ทุกขาปฏิปทา   ทันธาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก  ทั้งรู้ / บรรลุได้ช้า)

2. ทุกขาปฏิปทา  ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก  แต่รู้ / บรรลุได้เร็ว)

3. สุขาปฏิปทา  ทันธาภิญญา (ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ / บรรลุได้ช้า)

4. สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติสะดวก  ทั้งรู้ / บรรลุได้เร็ว)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21   "ปฏิปทาวรรค"  ข้อ  161, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:38:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:56 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:52:41 )

ปฏิปทา 4

รายละเอียด

หากจะหาพระสูตรมาขยายความก็จะไปได้เรื่อยๆ 

1.ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา   (ปฏิบัติลำบาก  ทั้งบรรลุช้า) .

2.ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา  (ปฏิบัติลำบาก  แต่บรรลุเร็ว) 

3.สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา    (ปฏิบัติสะดวก  แต่บรรลุช้า) 

4.สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา  (ปฏิบัติสะดวก  ทั้งบรรลุได้เร็ว) 

มีคน 2 จริต แบบที่ 1 ชอบแบบลำบากดี แล้วก็บรรลุช้า มันก็เป็นของตัวเอง ลำบากแต่ก็บรรลุได้ช้า แบบที่ 2 ชอบแบบลำบากแต่บรรลุได้เร็วก็แล้วไป ทีนี้คนที่ชอบแบบสบายๆ สุขาปฏิปทา เรื่อยๆมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ แก้ตัวว่าทางสายกลาง ไม่โต่งไปมาก ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ตั้งตนอยู่บนความลำบาก กุศลธรรมเจริญยิ่ง กำชับกำชา แต่ไม่ยอมลำบาก มีสุขาปฏิปทา คือไม่ลำบาก แต่ทันธาภิญญา บรรลุช้าอีก มันย้อนกับ ตั้งตนบนความลำบากกุศลธรรมเจริญยิ่ง ปฏิบัติอย่างลำบากแต่เร็วก็มี แต่ถ้าหากไม่ปฏิบัติอย่างลำบากมันจะช้า สุขาปฏิปทา ปฏิบัติไม่ลำบากแต่ช้า ก็ไม่ดี เอาเร็วหน่อย แต่ผู้ที่ดีที่สุดก็คือ ปฏิบัติอย่างไม่ลำบาก แล้วก็ได้เร็วด้วย คุณจะได้แบบสุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา  (ปฏิบัติสะดวก  ทั้งบรรลุได้เร็ว)  อยู่ดีๆจะเอามาได้จะไปซื้อตามห้างได้ไหม ใครก็อยากได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นเรา ทุขาปฏิปทา ก็อย่าให้ลำบากจนเกินเลยก็แล้วกัน สรุปแล้ว อย่างที่พระพุทธเจ้าสรุปไว้ในพระสูตรนี้.. ตั้งตนบนความลำบาก กุศลธรรมเจริญยิ่ง เทวทหสูตร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พตปฎ.เล่ม 11  ข้อ 248


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:55:21 )

ปฏิปทา 4

รายละเอียด

คือแนวทางปฏิบัติธรรม 4 แบบ

1. ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา(ปฏิบัติลําบาก ทั้งรู้ได้ช้า)

2. ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา(ปฏิบัติลําบาก แต่รู้ได้เร็ว)

3. สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา(ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า)

4. สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา(ปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “ปฏิปทาวรรค” ข้อ 161


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 21:01:20 )

ปฏิปทานุตตริยะ

รายละเอียด

การปฏิบัติที่ยอดเยี่ยม คือปฏิบัติมรรคองค์ 8 สมดุลสมบูรณ์

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 412


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:18:34 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:11:10 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:53:01 )

ปฏิปัสสัทธินิพพาน

รายละเอียด

เก่งเพราะสงบรำงับได้เสมอ ชำนาญขึ้น จนเก่งขึ้นอีก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 62


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:19:14 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:16:00 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:53:19 )

ปฏิปัสสัทธิวิมุต , ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ

รายละเอียด

1. วิมุตติได้เก่งขึ้น รู้รสที่สงบอย่างนิพพานชัดขึ้น

2. ทำจนได้เก่งขึ้น สนิทขึ้น เร็วขึ้น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 515

ทางเอก ภาค 3 หน้า 224


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:20:25 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:17:37 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:53:38 )

ปฏิพัทจิตโต

รายละเอียด

คือ การทำงานที่มีจิตผูกพัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 13:01:01 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:46 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:53:57 )

ปฏิพัทจิตโต

รายละเอียด

หมายความว่ามันมีจิตผูกพัน จิตปฏิพัทธ์ ยังมีจิตผูกพัน ยังมีเพื่อคนนั้นคนนี้ ยังมีภพชาติยังมี 2 มี 3 มี 4 อยู่ ยังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นภพชาติมีตัวมีตนมีสถานที่มีบุคคลอะไรก็แล้วแต่มีก็จะมีมากหรือน้อย ส่วนสาเปกโข อยู่ในเวทนาอยู่ในสัญญาเลย ต้องกำหนดรู้ว่าเราจะไม่มีอะไรต่อเลย ไม่มีอะไรไม่เป็นอะไรต่อเลยต้องให้จิตใจขาดจากการมีอะไรต่อ ปฏิพัทธ์นี่คือต่อ แต่อันนี้ไม่มีต่อเลย ไม่มี Action Reaction ตัดเลยไม่มีหวัง เพราะฉะนั้นถ้าคุณฝึกตรงนี้ได้มันไม่เก่งมันก็จะมาได้อันนี้ ไม่เก่งมากมันก็ไปโน่นเลย เก่งมากๆมันก็ได้อันนี้ เพราะฉะนั้น หัดเก่ง อย่าไปต่อ ที่จริงมันมีซ้อน ที่จริงไม่อยากพูดหรอก มันซ้อน ก็อย่าให้มีไอ้หวัง ไอ้หวังตายแน่ คุณต้องเข้าใจว่าความหวังคืออะไร นั่นแหละ คุณต้องเข้าใจอาการจิตหวังคืออะไร แล้วคุณต้องทำจิตมนสิการให้ได้ เมื่อจิตไม่มีสภาพอย่างนั้น มันก็เสร็จที่เราทำได้ เราทำไม่ได้มันก็ ต่องแต่ง หรือหยาบเป็นแท่งเป็นก้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 11:24:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:06:36 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:54:25 )

ปฏิภาค

รายละเอียด

1. ยังมีส่วนที่ทวนไปวนมาอยู่ตามสมมุติ

2. มีส่วนเปรียบได้ ซึ่งเปรียบเทียบกันได้ ซึ่งคล้ายคลึง เท่า ๆ กัน  ความคล้ายคลึงทัดเทียมกัน  ความเหมือนกัน  คำตอบ

3. ส่วนที่ทบไปทวนมา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3หน้า 147 , 507

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 282


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:21:47 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:19:35 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:54:48 )

ปฏิภาณ

รายละเอียด

มีความรอบถ้วน มีความลึกซึ้งไม่พร่ามัว ไม่สับสนในชั้นในเชิง สลับซับซ้อน

ไม่ลืมหน้าลืมหลังเร็ว และมีทั้งความรวดเร็ว คล่องแคล่วในการคิดการรู้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 43


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:22:32 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:20:55 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:55:08 )

ปฏิภาณปัญญาของคนบังคับกันไม่ได้

รายละเอียด

อาตมาเอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามา เขาก็ยิ่งไม่เชื่อเพราะ 2 สำนักใหญ่ มหาจุฬาฯกับมหามกุฏได้ข่มอาตมาไว้แล้ว ตัดไม้ข่มนาม ไม่ให้อาตมาเงยหูเงยหัวขึ้นมา แต่อาตมาไม่ยอม อาตมาก็พยายามเสนอ ก็มีคนที่ไม่อคติ มีคนที่แสวงหาอย่างจริงใจ ไม่อคติ ไม่ไปกำหนดว่าอาตมานี้ไม่รู้ อาตมาเป็นคนผิด อาตมาไม่มีภูมิธรรมโลกุตระจริง เขาไม่มีอคติอันนี้ เขาก็ได้ยินได้ฟังบ้าง ถ้าเขามีบารมี มีภูมิธรรมก็จะรู้ว่าอย่างนี้เข้าใจอย่างนี้ใช่ ไอ้ที่เราเรียนมาบางคนแก่จะตายแล้ว ยังไม่บรรลุเลย อ๋อ.. อย่างนี้ เออเข้าท่า 

ปฏิภาณปัญญาของคน มันบังคับกันไม่ได้ คนที่มีมันก็มี มีอันนี้เกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะต่อต้าน การที่จะเข้าใจผิดไม่ให้อาตมาทำก็ลดลงๆๆ 

เพราะฉะนั้น อาตมาก็ยังเห็นการลดลงนี้ยังไม่มากพอ จึงอยากจะอยู่พิสูจน์ธรรมะนี้ไป ถ้าอยู่ไปอีกจนอายุ 133 ปีนี่นะ มันก็คงจะชัดเนาะ (สาธุ ) มันคงจะชัด คงจะเสนอผลงาน เสนอทฤษฎี อธิบายความยากให้ง่ายเข้าใจได้ขึ้นไปยิ่งขึ้นๆๆ เขาก็มีฐานรองรับเพิ่มขึ้นๆ เจริญงอกงามไพบูลย์ขึ้นมาตามลำดับๆๆ จนสมบูรณ์แบบไพบูลย์ นิติตะวันเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 13:01:03 )

ปฏิภาณปัญญาที่ไม่ใช่ของพุทธ

รายละเอียด

มันไม่ใช่ปัญญาหรอก มันเป็นความฉลาด ก็เป็นความฉลาดแบบเฉโก กลายเป็นโลกียะซับซ้อน เหมือนอย่างกับธัมมชโย เหมือนอย่างกับทางโลกีย์ 1. หลงในลาภ 2. หลงในยศ 3. หลงในสรรเสริญ 4. หลงในความสุข นี่คือโลกีย์ที่พระพุทธเจ้าแยกไว้ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 14:36:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:12 )

ปฏิรูปการี

รายละเอียด

ความกระทำการเหมาะเจาะ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 486


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:23:20 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:21:52 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:56:05 )

ปฏิวัติด้วยความสงบแม้ยังไม่ลงตัว

รายละเอียด

รัฐบาลเลว ตั้งแต่ พูดชัดๆก็คือตั้งแต่ทักษิณมา จนกระทั่งนอมินีสมัคร แล้วก็นอมินี สมชาย นอมินียิ่งลักษณ์ ประชาชนปฏิวัติทั้งนั้นเลย เป็นตัวอย่างของโลก ประชาชนทำรัฐประหารปฏิวัติด้วยความสงบไม่มีอาวุธ ไอ้ที่มีอาวุธมานั้นไม่ใช่ฝ่ายของประชาชนแต่เป็นฝ่ายพวกที่ซ้อนแฝงอยู่ในรัฐบาล รัฐบาลถูกประชาชนปฏิวัติ ก็ทำทีว่าประชาชนใช้อาวุธ แต่แท้จริงแล้วพวกรัฐบาลชั่ว มาทำเอง เป็นอย่างนั้น 

สรุปแล้ว ประชาชนประเทศไทย ทำรัฐประหาร หรือปฏิวัติ ตัวอย่างสำเร็จถึง 4 รัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ แม้แต่สมัครบอกว่าเป็นตุลาการภิวัฒน์ ถูกศาลพิพากษาที่ไปแสดงออกผิดกฎหมายเขาก็ไล่ออก แต่เหตุปัจจัยต่างๆที่จะร่วมกันเพื่อที่จะตัดสินคนนี้ออกไปด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ 

แม้ที่สุด ลุงตู่หรือพลเอกประยุทธ์ จะเข้ามาเป็นผู้นำนี้ พวกเราปฏิวัติเสร็จแล้ว มีพลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อยู่กับพวกเรา ร่วมปฏิวัติร่วมทำงานกับพวกเรา พอปฏิวัติเสร็จแล้ว มีภาพวีดีโอเก็บหลักฐานไว้อยู่ พอสำเร็จเสร็จแล้ว มันเป็น Pioneer เป็นหัวหอกที่ไม่เคยมีในโลกมันใหม่มาก พลเอกปรีชาขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ 6 ล้อ ประกาศบอก ให้ปลัดกระทรวงมารายงานตัว ไม่มีมาสักคน เขาก็คงงงว่าอะไรวะ อยู่ดีๆประกาศทำเป็นใหญ่ มาเรียกให้มารายงานตัว แล้วใครจะมา และกำลังชุมนุมอยู่ด้วย ใครเขาจะมา คือมันยังไม่ลงตัว

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 13:44:32 )

ปฏิวัติด้วยมือเปล่าสำเร็จได้ต้องมีเหตุปัจจัยลงตัว

รายละเอียด

ของเรามีอย่างนี้ พลเอกปรีชา ปฏิวัติแล้ว บอกให้ปลัดกระทรวงออกมา ยืนอยู่บนหลังคารถ มีภาพอยู่นะ ยืนยัน อาตมาจำได้ว่าวันที่ 11 พฤศจิกายน ก็ไม่มีใครรับต่อ มันใหม่มากไม่มีใครเคยทำ 

ใครจะบอกว่าทวงบุญคุณอาตมาก็ไม่ว่า แต่อาตมาเห็นความจริงของโลกเลยว่าประชาชนปฏิวัติด้วยมือเปล่า ด้วยความสงบนี้มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันต้องเป็นองค์ประกอบนะ ถ้าประชาชน ถ้าเหตุปัจจัยต่างๆมันไม่ลงตัว มันไม่สำเร็จนะ มันต้องมีเหตุปัจจัยลงตัวถึงสำเร็จ สำเร็จก็ยังต้องยืนยันถึง 3 - 4 รัฐบาล คิดดูสิ ใช้เวลาตั้ง 8 ปี ออกไปตั้งหลายรอบ ค่อยๆเก็บรายละเอียดหลักฐานครบได้ก็จึงสวยมาก ตั้งแต่ 2549 ถึง 2557 พลเอกประยุทธ์ถึงค่อยมาบอกว่า ผมขอยึดอำนาจ ไม่อยากพูดเลยว่าไม่อยากพูดจริงๆนะ ว่าพลเอกประยุทธ์มาชุบมือเปิบ ไม่อยากพูดคำนี้เลย เพราะถือว่าไม่เป็นอย่างนั้น ถือว่ามารับดีแล้ว เพราะคนไม่เข้าใจ ต้องใช้อาศัยตำแหน่งหน้าที่เป็นพลเอกเป็นหัวหน้า คสช. มันก็ถูกต้องตามฐานะก็ทำก็ได้มา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะ ประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:40:15 )

ปฏิวัติประชาชนของเมืองไทยทำได้ดีไม่มีใครเหมือน

รายละเอียด

อาตมากำลังอธิบายธรรมะที่เป็นเรื่องลึกแล้วเป็นเรื่องจริง อาตมาเอามายืนยันตัวเอง เอาสิ่งที่จริงมา ในเรื่องวิชาการ เขาจะพยายามเลี่ยงว่าอย่าเอาตัวเองไปใส่ในวิชาการที่ตัวเองทำเป็นอันขาด เขาจะเลี่ยงเพราะเขาไม่มีความจริงพอ เขาไม่กล้าพอ เหมือนกันกับเถรสมาคม ห้ามภิกษุ อย่าไปยุ่งกับการเมืองเพราะเขาไม่กล้าพอ เขาไม่สามารถให้ภิกษุมายุ่งกับการเมือง มาช่วยการเมืองได้เพราะเขาอ่อนแอ ถ้าเขามายุ่งจะถูกเอาไปเป็นเบี้ย ไปเป็นหัวคะแนนหมดเลย แต่อาตมาไม่เหมือนเขาเลย พาคุณเข้า แปลว่าพาคุณไปสร้างให้มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่า แล้วไปช่วยการเมืองเขาแล้วเราก็ไปช่วยกันตามลำดับ 

เราก็ไม่ได้ติดได้ยึดในเรื่องการเมือง ไปช่วยเขาแล้วเราก็ไม่ได้ตำแหน่งยศศักดิ์ ช่วยเพื่อพลเมืองในประเทศ เรื่องที่ไม่ดีไปช่วยขจัดออกเป็นคราวๆ คราวๆแล้วเราก็มาปฏิบัติธรรม มาพัฒนาตนเอง ถ้าการเมืองยุ่งเมื่อไหร่เราก็จะออกไปใช่ไหม เราไม่มีปัญหารู้ดีอยู่ เราไม่ได้อยากดังอยากใหญ่อยากโต เพราะฉะนั้นดีๆนะ ทักษิณก็ถูกพวกชาวอโศกมีส่วนออกไปประท้วง พูดถึงเรื่องประชาชนปฏิวัติหรือประชาชนประหารรัฐบาลเรียกสั้นๆว่าทำรัฐประหาร ประชาชนประหารรัฐบาล พวกคนไทยทำ ชาวอโศกไปเป็นมวลอยู่ในนั้นจริงเลย แล้วประชาชนไทยที่มีภูมิปัญญาก็เห็นด้วย จนกระทั่งสุเทพมีพลเมืองมี FC ของเขาเยอะนำพามาเป็นล้านๆมาปิด shutdown กรุงเทพฯเลย ปิดกรุงเทพฯ 

นี่คือพฤติกรรมการเมืองหรือรัฐศาสตร์บทสำคัญของชาวโลกเลยซึ่งอาตมาพูดนี่เขายังบื้อๆอยู่ นักรัฐศาสตร์ยังไม่เข้าใจ หาว่าพลเอกประยุทธ์มาเป็นเผด็จการมายึดอำนาจ เราไม่เถียงไม่แย้งแต่เราพูดความจริง เพราะมันเป็นความจริงให้ศึกษา เราไม่ได้อยากแย่งอำนาจ ไม่อยากได้อะไรแต่เราทำจริง มีปรากฏการณ์จริง มี พฤติการณ์ จริงไม่ใช่พูดลอยลม ไปไล่ทักษิณมันไม่เต็มรูปเพราะว่ามีพลเอกสนธิ บุญยะรัตกลิน มาช่วยทำเป็นปฏิวัติ ทำเป็นยึดอำนาจ แต่ไม่ได้ทำอะไรหรอก เอารถถังออกมาประชาชนเอาดอกไม้ไปเสียบปลายกระบอกปืนเล่น เสร็จแล้วจากนั้นสมัครก็ขึ้นมาเป็นนอมินีของทักษิณ อาตมาพูดก็ซ้ำซาก เราก็ไปไล่อีก ตอนนั้นตุลาการภิวัฒน์เอาสมัครลง เอานอมินีสมชายน้องเขยขึ้นมาอีก แล้วก็เอาเข้าทำเนียบก็ไม่ได้ ไปยึดทำเนียบกัน ปลูกข้าวทำนากันในทำเนียบ นี่คือของจริงทั้งนั้น 

เป็นพฤติการณ์ของประชาชนที่ไปทำหน้าที่ทางการเมืองปฏิวัติหรือประหารรัฐบาล ทักษิณก็เก่งขุดเอาน้องสาวมาเลือกตั้ง 49 วันได้เป็นนายกอีก ขออภัยต้องชมเก่งฉิบหายเลย ชิบหายนี่คำชมนะเก่งในทางชิบหายนี่เขาเก่งจริงๆ เสร็จแล้วก็เอานายกมาปู้ยี้ปู้ยำประเทศฉิบหายไปหลายแสนล้านจนกระทั่งได้คดีเป็นนักโทษไปเลย อยู่ในประเทศไม่ได้ต้องออกไปทางช่องสุนัข หายไปเลยจนป่านนี้ก็ยังไม่เจอเป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศไทย  นี่คือพฤติการณ์จริงของประเทศไทยซึ่งไม่มีใครเหมือน ยืนยันมาเรื่อยๆตั้งแต่ทักษิณ สมัครสมชาย ยิ่งลักษณ์ เนื่องต่อกันมาอาจจะมีอะไรคั่นนิดๆหน่อยๆมีอภิสิทธิ์คั่นเล็กๆน้อยๆ 

นี่คือสัจจะที่เป็นพฤติการณ์ตัวอย่างของโลก มันไม่ใช่เรื่องสมมุติ มันเป็นเรื่องจะต้องมีต้องเป็น มันเป็นสัจจะที่จะต้องลงตัวระหว่างรูปกับนามทุกอย่าง เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เมืองไทยเป็นประชาธิปไตยแบบพุทธ ปฏิวัติโดยสงบไม่ใช้อาวุธ เอาความจริงมาเป็นธรรมาวุธ มาเปิดเผยความจริง อย่างยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ ความจริงมันชนะความชั่ว ความจริงชนะความเท็จเห็นไหม มันลึกซึ้งนะแล้ว มันเป็นสัจจะเพราะฉะนั้นมันจึงยั่งยืน ขณะนี้นี่การเมืองเมืองไทย มันเป็น After Shock มันเป็นโมเมนตัมของคลื่นการเมืองที่เหลือ พยายามจะดิ้น พยายามจะฝืนขึ้นมา แต่แก่นแกนของเนื้อแท้มันสำเร็จเรื่องไปแล้ว แผ่นดินไหวมันไหวลงรูป จัดรูปเรื่องของเขาเข้าที่แล้ว อันนี้ยังเป็นเศษ After Shock เล็กๆน้อยๆ  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2566 ( 11:01:25 )

ปฏิวิรติ

รายละเอียด

ความเว้นขาด

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 116


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:25:39 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:23:29 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:56:49 )

ปฏิสนธิ

รายละเอียด

จุดเริ่มตามลำดับแห่งการเกิด

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 280


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:30:12 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:24:32 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:57:05 )

ปฏิสรณะ

รายละเอียด

ที่พึ่งที่อาศัย

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 66


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:31:16 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:25:35 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:57:21 )

ปฏิสรโณ

รายละเอียด

ต่างเป็นที่พึ่งซึ่งกันและกัน ตอบกันไปแทนกันมา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 282


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:32:24 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:27:13 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:57:38 )

ปฏิสังยุตต

รายละเอียด

ร่วมเกี่ยวข้องกัน

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 267


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:33:20 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:28:14 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:57:53 )

ปฏิสังเคราะห์

รายละเอียด

คือ มีการกระทบ มีการสะท้อน แล้วสังเคราะห์กันทวนกลับไปกลับมา จะลด จะเพิ่ม จะขัดเกลากัน จะเกิดการปรับตัว จนสุดท้ายจะลงตัวในสภาพหนึ่ง

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 436


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:52:32 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:55 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:58:17 )

ปฏิสังเวทิสฺสนฺตี

รายละเอียด

เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้นั้น ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 77-89

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? เล่ม 2


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 16:54:01 )

ปฏิสังเวที

รายละเอียด

1. ผู้ทราบชัดจริง ๆ

2. จิตจะทั้งรู้

3. กำหนดรู้อย่างสำเหนียกอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 10 , 43

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 283


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:35:17 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:29:47 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:58:35 )

ปฏิสันถาร

รายละเอียด

มีความตั้งอยู่ได้อย่างดี มีไปมีมาอันพองาม มีความหมุนเวียนอยู่ในสภาพเกิดที่ดีเป็นที่สุดแล้ว , การต้อนรับ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 423


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:36:35 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:31:06 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:58:52 )

ปฏิสันถาร

รายละเอียด

อาตมาขอยอมรับว่าอาตมาแย่ เลว เรื่องปฏิสันถาร ไม่เก่งไม่ดีเลย พูดแล้วตัดๆ ทุกวันนี้ก็ต้องพยายามพูดให้มากหน่อย แต่ก็ต้องไม่ให้คนรำคาญเพราะอาตมาพูดมากพูดยาว ก็ได้มาจำนวนหนึ่ง ความซับซ้อนมันมีทั้งนั้น ก็ค่อยๆศึกษาไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:12:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:33 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:59:11 )

ปฏิสันถาร คนอโศกก่อนด้วย ไอคิวเฉลียวฉลาดให้เขายินดี

รายละเอียด

ที่ไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ เอาคนข้างในเถิด คนที่เป็นชาวอโศก มาให้ดีและประพฤติที่ดีมีปฏิสันถาร มีไอคิวมีความเฉลียวฉลาด ที่จะประสานสามารถทำให้คนเขายินดี คนที่จะเข้ามาอยู่ในสังคมชุมชนบ้านราชฯ อย่างที่คนมาทำมาหากินรับจ้าง เขาอยู่กันมาเป็นสิบปีก็มีที่ยังไม่กล้าเข้ามาอยู่ในนี้ เขารู้หมดว่าดีทั้งนั้นแต่เขาไม่กล้าอยู่ เพราะเขาเองเขาไม่ถึง เขาบอกว่าเขาอยู่ไม่ได้ ที่นี่ พูดให้ชัดก็คือมันสูงเกินกว่าที่เขาจะอยู่ เขารู้นะ ซึ่งมันมีสัจจะความจริงอยู่ นี่เป็นเรื่องที่เป็นเครื่องชี้บ่ง ไม่เห็นบอกความจริงที่เราทำธรรมะพระพุทธเจ้ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดสิ่งประเสริฐขึ้นอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:17:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:03 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:59:28 )

ปฏิสัมพัทธ์

รายละเอียด

เกี่ยวเนื่องสอดร้อยกันไปตลอด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 489


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:37:31 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:32:16 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 08:59:43 )

ปฏิสัมพัทธ์ของจรณะ15วิชา8 เป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อาตมาได้ตั้งใจว่าจะพยายามอธิบายความ ปฏิสัมพัทธ์ของจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ รวมทั้งหมดสาระแท้ๆอยู่ตรงนี้ ถ้าเข้าใจอันนี้ให้ดีๆ หากเข้าใจไม่ดีไม่มีสัมมาทิฏฐิตรงนี้ก็ ไม่มีมรรคผล ไม่มีเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ ต้องถึงพร้อมด้วยศีล เอาสมมุติว่า ได้ไม้มาแท่งหนึ่ง จะเอาส่วนหนึ่งมาทำไม้จิ้มฟัน เหมือนกับเอาศีลมาก้อนหนึ่ง จะเอาจากท่อนไม้ท่อนนี้จรณะ 15 วิชชา 8 จะเอาศีลมาข้อหนึ่ง แต่ศีลมีตั้งเยอะแยะ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล อาตมาก็พูดไปเขาน่าจะสะดุดว่า เขาไปหลงแต่วินัย 227 ไม่มีศีล ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีศีลแล้ว มีแต่เดรัจฉานวิชาเต็มไปหมดเลย มีแต่การจุดเทียนจุดธูปบูชาไฟ วิธีการรดน้ำมนต์มันไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย ให้ศีลเป็นประจำ มีคำสรุปของการให้ศีลว่าศีลจะพาให้เกิดความสุขและมีนิพพาน เสร็จแล้วไม่เกิด ให้ศีลแล้วมีศีล 5 ศีล 8 แต่ไม่ได้เน้นให้เกิดศีลสมาธิปัญญา ไม่ได้อธิบายว่าศีลจะมีปฏิสัมพัทธ์กับสมาธิ ปัญญา วิมุติ ไม่ได้ตัดขาดกันเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 11:41:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:39:59 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:00:08 )

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างโพชฌงค์ 7 กับมรรคมีองค์ 8

รายละเอียด

 คือ ความเข้าใจแต่ละหน่วยของโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 แล้วมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร  และมีองค์รวมร่วมกัน 

1. สติสัมโพชฌงค์..........................สติปัฏฐาน 4

2. ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์...................สัมมัปปธาน 4

3. วิริยสัมโพชฌงค์..........................อิทธิบาท 4

4. ปิติสัมโพชฌงค์...........................อินทรีย์ 5

5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์.....................พละ 5

6. สมาธิสัมโพชฌงค์........................โพชฌงค์ 7

7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์.....................มรรคมีองค์ 8

ทั้งหมดล้วนอาศัย  วิเวก  วิราคะ  นิโรธ  อันน้อมนำไปเพื่อความปลดปล่อย

(วิเวกนิสสิตัง  จิราคนิสสิตัง  นิโรชนิสสิตัง   โวสสัคคะปรินามิง)

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:11:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:01:52 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:00:35 )

ปฏิสัมภิทา

รายละเอียด

ความรู้จริงที่แตกฉาน

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 16


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:38:25 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:33:04 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:00:51 )

ปฏิสัมภิทา 4

รายละเอียด

คือความรู้แตกฉาน 4 ด้าน

1. อัตถปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในเนื้อหาสาระ)

2. ธัมมปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในธรรมะ)

3. นิรุตติปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในภาษา)

4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในไหวพริบ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21   "สัญเจตนิยวรรค"  ข้อ 172

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:43:23 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:32 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:01:14 )

ปฏิสัมภิทา 4

รายละเอียด

คือความรู้แตกฉาน 4 ด้าน

1. อัตถปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในเนื้อหาสาระ)

2. ธัมมปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในธรรมะ)

3. นิรุตติปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในภาษา)

4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (รู้แตกฉานในไหวพริบ)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “สัญเจตนิยวรรค” ข้อ 172


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 21:05:06 )

ปฏิสัมภิทาญาณ

รายละเอียด

คือ เป็นผู้รู้ ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด มีปฎิภาณ รู้แล้วก็เอาสิ่งเหล่านั้นออกมาใช้ได้ด้วย

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 71


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 13:56:39 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:45 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:01:38 )

ปฏิสัมภิทาญาณ

รายละเอียด

รู้แจ้ง รู้จบ รู้วางเป็นสำคัญ และรู้กาย เวทนา จิต ธรรม โดยเฉพาะที่เกิดในตนทุกครั้งครา ทุกขณะเสมอ เมื่อรู้จริงเพิ่มขึ้นไปที่ใดก็สั่งสม -สัมภิทาญาณให้แก่ตนที่นั่น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 345


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:39:55 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:33:53 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 09:02:13 )

ปฏิสัลลีนะ

รายละเอียด

ผู้หลีกออก เร้นอยู่

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 450


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:41:00 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:34:31 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:54:03 )

ปฏิสัลลีนะ

รายละเอียด

ปฏิสัลลีนะคือหลีกเร้นออกจาก เช่นพระพุทธเจ้าขอพักไปนอน นี่ก็คือหลีกเร้นแล้ว หรือจะเร้น หลีกเร้นเป็นเวลา ท่านหลีกเร้นประท้วงพวกนั้น ไปอยู่กับช้างกับลิงเป็นต้น คำว่าหลีกเร้นก็คือหยุด นี่อาตมาจะหลีกเร้นให้ หรือคนอื่นให้หลีกเร้น ก็ให้พักผ่อนไม่ทำงานกับสังคมก็ทำ หรือแม้แต่ท่านพอบรรลุธรรมแล้วท่านก็เสวยวิมุติอยู่ 49 วัน ก็เป็นการทบทวนท่านเองทบทวนทุกอย่างเพื่อจะประมวลความรู้ ดึงขึ้นมา เอาไปใช้กับสังคม 

สรุป หลีกเร้นคือพัก ไม่ทำงาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 17:36:22 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:04:26 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:54:38 )

ปฏิเวธ

รายละเอียด

1. ทวนแล้วทวนเล่า ทั้งทำ ทั้งพิจารณาตรวจสอบแก้ไข ไตร่ตรองให้เกิดมีจริง ให้ตรงถูกกับปริยัติ

2. การได้รับผลแห่งการปฏิบัตินั้น

3. เกิดผลจากการปฏิบัติ

4. สภาวะที่พากเพียรชอนไชให้ทะลุทะลวงเข้าไปให้ถึงพุทธ หยิบจับรับเอาพระพุทธมาเกิดที่ใจ มายึดที่ใจได้ถูกต้องเป็นพุทธคุณแท้ ๆ

[ปฏิ แปลว่า ทวนแล้วทวนเล่า  เวธ แปลว่าการเจาะ การแทง]

5. การบรรลุธรรมอย่างรู้แจ้งแทงตลอด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 95

ทางเอก ภาค 3 หน้า 394

สมาธิพุทธ หน้า 82

คนคืออะไร? หน้า 358

อีคิวโลกุตระ หน้า 128


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:28:13 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:36:53 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:55:06 )

ปฏิเวธรรม

รายละเอียด

1. เป็นอธิปัญญาที่เกิดรู้แจ้งตามหลังปฏิบัติ

2. รู้แจ้งในตน สัมผัสสภาวะแท้ ๆ ในตน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 55 , 80


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:29:22 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:37:57 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:55:28 )

ปฏิเสธ “กาย”ก็เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดเสียแล้ว!

รายละเอียด

แต่ทุกวันนี้คนไปเข้าใจคำว่า“กาย”ผิดเพี้ยนไปไกลเหลือเกิน

จนกระทั่งปฏิบัติพุทธธรรมไม่เป็น“โลกุตระ”เลย 

เพราะจุดเริ่มต้นแท้ๆคือ“กาย”ก็เข้าใจผิด 

กลัดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว จึงผิดกันยิ่งๆขึ้น

จะดันทุรังปฏิบัติอะไรอื่นต่อไปมันก็ผิดไปหมดทั้งนั้นแล้ว ไม่ต้องพูด

หรือทำอะไรต่อไปเลย  มันผิดไปหมดทั้งปวง จะดันทุรังไปทำไม?

เพราะความเป็น“กาย”สำคัญปานฉะนี้แล พระพุทธเจ้าจึงทรง

ให้ผู้ศึกษาปฏิบัติศาสนาพุทธต้องเรียนรู้ทำ“ทิฏฐิ”ให้แจ้งในความ

เป็น“สักกาย(กายของตน)”กันให้ได้ โดยจัดเป็น“สังโยชน์ข้อที่ 1” 

นั่นคือ ต้องทำความเข้าใจกับ“กายของตน” กระทั่ง“พ้นสักกายทิฏฐิ”กันก่อนอื่น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 470 หน้า 350


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2564 ( 08:52:24 )

ปฏิเสวนา

รายละเอียด

1. การลงมือประพฤติ กระทำ จะต้องมีสิ่งมีอะไร ๆ ร่วมด้วย จึงจะต้ององค์ประกอบที่ได้พิจารณาดีแล้วนั้น ๆ ว่าเหมาะควรด้วย  เราจะอาศัยอันนี้สัมผัส สัมพันธ์อยู่ ทำอยู่กับสิ่งนี้ สภาพนี้แหละ ทำสิ่งนั้น งานนั้นไปด้วย ประพฤติธรรมไปด้วย คบสิ่งนั้น หาอยู่กับสภาพนั้น กิจกรรมนั้นนั่นแหละไปด้วย เป็นการประพฤติธรรมทวนไปทวนมาซ้ำซากอยู่

2. หัดเสพคุ้น

3. ได้เสพคุ้น

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 477

ทางเอก ภาค 3 หน้า 157 ,340

 

 


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:42:34 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:39:33 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:55:55 )

ปฏิโลม

รายละเอียด

1. หมุนทวนกลับทิศ

2. ย้อนทวนลำดับ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 153

อีคิวโลกุตระ หน้า 285

เปิดโลกเทวดา หน้า 69


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:24:50 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:40:57 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:56:14 )

ปฏิโสต

รายละเอียด

1. ทวนกระแส จะกลับกันเสมอกับความรู้สึกของคนโลก

2. สวนทาง , สวนทางกัน

3. ทวนกระแสใจ

4. ทวนกระแสโลกีย์

5. ตรงกันข้ามกับกระแสโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 170

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 139

วิถีพุทธ หน้า 76

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 118

เปิดโลกเทวดา หน้า 175

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 87


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 21:44:42 )

เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2563 ( 15:43:30 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:56:41 )

ปฏิโสตหรือทวนกระแสคืออะไร

รายละเอียด

จริงด้วย ต้องอาศัยเวลา ตอนนี้เขายังไม่เชื่อชัดเจนหรอกทั้งทางโลกทางธรรม ทางที่เขาติดยึดแล้วก็ยังไม่มีจิตทวนกระแส 

ทวนกระแสคืออะไร พูดตรงนี้อีกทีนึงโลกุตรธรรมศัพท์วิชาการคือ ปฏิโสต อาตมาเคยใช้เป็นนามปากกาเขียนคอลัมน์ “ตะลุยไฟตะไลเพลิง” (ของคุณสนิท เอกชัย) หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ตามรายวัน เขาเห็นว่าคำนี้มันยาวไปก็เลยใช้แค่คำว่า “ตะลุยไฟ” เป็นคอลัมหน้าหนึ่งเลยนะ นี่เขากำลังรวมพิมพ์เป็นเล่มเลย เก็บมาได้จากที่เขียนเอาไว้ ทวนกระแสปฏิโสต

กระแสโลกมันไปทางลาภ ยศสรรเสริญสุข ส่วนโลกุตระนั้นทวนเลย เขายินดีในลาภยศสรรเสริญสุขแล้วก็ ล่า กอบโกยสะสมอวดเบ่ง ยกย่องกันเลย ผู้มีลาภยศสรรเสริญมากถือว่าเป็นผู้เจริญ ส่วนโลกุตรธรรมถือว่าเป็นผู้ที่เสื่อม ยิ่งไปสะสมเยอะมากถือว่าเป็นผู้ทำลายเศรษฐกิจ เป็นพวกที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แล้วก็ทำให้มันอดอยากยากแค้น เพราะว่ารวบเอาสิ่งที่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:46:43 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์