@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

มีการตรวจสอบพระโสดาบันในตน

รายละเอียด

เราก็มีการตรวจสอบพระโสดาบันในตนอยู่….​คนที่ได้โสดาบันก็มี ได้สกิทาคามีก็มี ได้อนาคามีก็มี ได้อรหันต์ก็มี ถามจริงๆ ใครคิดว่าตัวเองผ่านได้โสดาบ้างแล้วหรือไม่ยกมือขึ้นซิ ….มีคนยกไม่น้อย ...อาสโภ กล้าหาญดีมีไม่น้อยแต่คนที่ไม่กล้ายกก็ยังไม่แน่ใจก็ยังมี ...ใครไม่กล้ายก เชื่อว่าตัวเองได้แต่ไม่กล้ายก ยกมือ ...หลายคน ไม่ถึง 10 คน

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทำวัตรเช้างานอโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

 


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:55:54 )

มีกำลัง 4 แล้วจะพ้นภัย 5 

รายละเอียด

ในสิ่งที่มันเจริญพระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ 4 อย่าง 

มีกำลัง 4 แล้วจะพ้นภัย 5 

1. ปัญญาพลัง  (กำลังคือ ปัญญา) 

2. วิริยพลัง  (กำลังคือ ความเพียร ขยัน)

3. อนวัชชพลัง  (กำลังคือ การงานที่ปราชญ์ไม่ติ) 

4. สังคหพลัง (กำลังคือ  การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น)   เกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่นเพราะตัวเองเป็นศูนย์ กินใช้นิดหน่อย ให้ผู้อื่นเขาเลี้ยงไว้ก็เหลือแหล่ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ชีวิตของตน ชีวิตนี้ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ มีเยอะเกินจะอยู่ได้แล้ว อย่างเช่นเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องกังวลเลยจะกินจะอยู่ยังไง รับรองมีคนคอยบริการไม่ขาดเลย ไม่ต้องถึงนายกฯ หรอก รัฐมนตรีหรือ ผู้อำนวยการกอง ข้าราชการระดับ c5,c7, c8 ก็เหลือกินผู้จะช่วยเหลือ ให้ทำงานจริงเข้าตาคนเถอะ ทำงานจริงเข้าตาคน เสร็จแล้วจะพ้นภัย 5  

1. อาชีวิตภัย (ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย)

2. อสิโลกภัย (ภัย คือ การติเตียนจากคนโลกๆ) คนจะตำหนิติเตียนคือคนโง่เท่านั้นแต่คนรู้ความจริงแล้วจะไม่ติเตียนเลยสำหรับคนที่ทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์ 

3. ปริสสารัชภัย (ภัยคือ  การสะทกสะท้านต่อสังคม) ไม่ประหม่า เก้อเขิน 

4. มรณภัย (ภัยคือ  ความตาย) 

5. ทุคติภัย (ภัยคือ ทุคติ  เช่น อบายภูมิ  นรก เดรัจฉาน ฯ) 

(พลสูตร  พตปฎ. เล่ม 23   ข้อ 209) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:35:33 )

มีกำลังใจตรงกันจะได้ประโยชน์ต่อกันอย่างเร็ว

รายละเอียด

ก็เข้าสู่ปัญญาข้อที่ 2. ต้องไถ่ถามเสมอ อย่างพวกเราตื่นนอนมายังไม่ทันเช็ดหน้าก็มาแล้ว ก็น่าชื่นใจที่ขยันวิริยะหาความรู้ ครูก็มีน้ำใจ ดีใจ นักเรียนอยากรู้ เห็นที่เรารู้มีค่า เห็นสิ่งที่เรามี เขาอยากได้สิ่งที่เรามีนี้เป็นคุณค่า ก็ดี เพราะฉะนั้นก็มีกำลังใจ ผู้ที่มีกำลังใจตรงกันก็ได้ประโยชน์ต่อกันอย่างเร็ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:52:24 )

มีก็สูญ ไม่มีก็สูญจึงอยู่อย่างสูญ

รายละเอียด

เข้ามาสู่เนื้อหาสาระ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้มันครบหมดเลยในปฏิจจสมุปบาทก็อยู่ในนี้ แยกโลกสมุทัย โลกนิโรธก็อยู่ในนี้ แล้วก็เป็นผู้ปฏิบัติจนรู้ปฏิจจสมุปบาททั้งสาย แล้วก็เรียนรู้สมุทัยอริยสัจ ดับสมุทัยอริยสัจเป็นนิโรธได้เลย ผู้ที่สามารถรู้ทั้งสองอย่าง รู้โลกสมุทัยรู้โลกนิโรธ บรรลุเสร็จแล้ว ท่านก็อยู่กับโลก มีทั้ง 2 อย่างไม่มีทั้ง 2 อย่าง จบเป็นคนชัดเจนมีปัญญาอันยิ่ง โดยเป็นผู้ที่รู้แจ้งด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง และ มีญาณหยั่งรู้ แต่เรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย เชื่อสนิทใจ อปรับปัจจยาญาณ เอเมสวัสสะ เอตถะ โหติ เป็นความรู้ที่รู้จริงเป็นจริงไม่ต้องเชื่อใครเพราะมีปัญญาอันยิ่ง มีปัญญาอันชอบตามเป็นจริงมาแล้วทั้งหมดเลย รู้จักเหตุปัจจัยที่เป็นปจยการตามปฏิจจสมุปบาท แล้วคุณก็อยู่กับโลกกับสิ่งที่มีและไม่มีนี้ โดยที่คุณไม่มี ถ้ามีโดยที่คุณไม่มีทั้งไม่มี คำว่ามีกับไม่มี เป็นภาวะ 2 อย่างที่ผู้รู้ 2 อย่างแล้วเป็นผู้ที่มีสิ่งที่ 3 คือ มีก็ไม่มี ไม่มีก็ไม่มี เอาอย่างนี้ก็ได้ มีก็ไม่มี มีก็สูญ ไม่มีก็สูญ อย่างนี้พอได้ ไม่อย่างนั้นจะไปซ้ำคำว่าไม่มี แล้วเราก็อยู่อย่างสูญนี่แหละสบาย อาตมาพูดแล้วก็พูดอีกภาคภูมิใจที่ให้พวกเรามาอยู่กับความที่สามารถมีสูญได้ เป็นคนที่ไม่ต้องมีรายได้ ไม่ต้องมีตัวตน มันสูญถึงขนาดนั้น ไม่ต้องมีรายได้ไม่ต้องมีสมบัติเป็นเราเป็นของเรา มีแต่ของส่วนกลางแต่เราจะอาศัยเหตุปัจจัยเป็นบริการบ้างก็เอา ที่จะใช้พอสมควรไม่ได้มานั่งกอบโกยสะสม ส่วนคนที่จะแฝงมาในนี้มานั่งกอบโกยสะสมก็ต่างคนต่างศีรษะใครศีรษะมัน อาตมาจะไปว่าอะไรกันได้ เราก็เป็นคนมักน้อยสันโดษตรงตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้าเป็นคนเลี้ยงง่าย พระสูติของพระพุทธเจ้ามาอ้างอิงยืนยันแล้วเราปฏิบัติตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าหรือเปล่าทำได้ไหม คุณว่าได้ไหม เป็นผู้ที่เลี้ยงง่ายเป็นผู้ที่บำรุงง่ายคือ ทำให้เจริญพัฒนาไปง่าย ไม่ใช่เป็นคนโง่เง่า ว่ายากสอนยากแล้ว แต่จะไม่เจริญได้ง่าย สุโปสะเป็นคนมักน้อยหรือว่าเป็นคนกล้าจน มีน้อยๆ มัก ภาษาอีสาน แปลว่าชอบ (มักเจ้าเด๊ ขาเป๋ลืมเบิ่ง ได้เจ้าแล้วขาแป้วจั่งเห็น) ผู้ที่สามารถเข้าใจธรรมะพุทธเจ้าโดยภาษาที่ท่านสอนโลกุตรธรรม เป็นผู้ที่เลี้ยงง่ายบำรุงง่ายมักน้อยก็จนเป็นผู้ที่จิตพอ แปลสันโดษกันว่า เป็นผู้ที่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ อาตมาก็บอกว่าสบายสิ ไปถามบิลเกตส์ว่าพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ไหม บิลเกตส์ ..เขาก็ว่า พอใจ คือ ใช่ มันมีความพอ มีความ Enough และ Sufficiency มันพอ มันมีใจพอ คือคนที่เอาเท่านี้แหละมันพอแล้วมันมีความพออยู่ในใจ มีเท่านี้ก็พอแล้วไม่เอาแล้ว กินเท่านี้เราก็พอแล้ว ได้เท่านี้เราก็พอแล้ว มันเป็นคุณสมบัติอันอาริยะคุณสมบัติวิเศษ แล้วยังมีกำกับด้วย น้อย ชอบมีน้อยๆ น้อยๆก็พอ เห็นไหม มันปฏิสัมพัทธ์กัน คนที่มีเศรษฐกิจเจริญคือคนที่ไม่รวย..น้อยก็พอ คนที่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอคือคนโง่คนโลภมาก คนโง่ไม่เสร็จ คนที่ร่ำรวยนี้คนที่ไม่มี รายได้น้อยคนที่ไม่มี จน คือคนละเรื่องกับศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้คุณไปด้วย แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเช่นนั้น แต่ก็มีบางพระสูตรบอกว่าไม่รวย หรือแม้แต่ท่านตรัสว่า การสรรเสริญเป็นการทำลายการสรรเสริญเป็นเรื่องเลวร้าย ส่วนการตำหนิเป็นประโยชน์ การสรรเสริญเป็นเรื่องเลวร้ายเป็นการทำลาย ธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ว่าพระสูตรใดที่เข้าใจดีแล้ว โดยเฉพาะบรรลุแล้วมีสภาวะเราจะเอามาเชื่อมโยงกับพระสูตรไหนขยายความได้ทั้งนั้น มันจะสัมพันธ์กันติดต่อกันได้ทั้งนั้นเลย อาตมาก็เห็นว่า เกิดมาในยุคนี้ป่านนี้แล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่มีโลกุตระอันแสนจะรู้ได้ยากเอามาอธิบาย ยังมีผู้ธุลีในดวงตาน้อย สามารถรับได้เอามาปฏิบัติจนเกิดผลมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมณะพราหมณ์ สัมมัคตา โลกก็จะไม่ว่างจากศาสนาพุทธแน่นอนจะสืบสานศาสนาพุทธไปถึง 5,000 ปีได้ วันนี้อาตมาทำงานมาถึง 50 ปีกล้าพูดแบบนี้ได้แล้วเพราะพวกเรามีพระอรหันต์ มีพระอนาคามี มีพระสกิทาคามี มีพระโสดาบันได้แล้ว ที่แท้จริง อาตมาเคยพยากรณ์ไว้ด้วย แต่ก็ไม่อยากจะพูดมากหรอก เพราะอาตมายังไม่เก่งมากจนกระทั่งพยากรณ์ไม่ผิดเลย อาตมาก็ไม่อยากจะเป็นคนผิด อย่ามาถามอาตมามากนัก คนนี้ระดับชั้นไหน ไม่อยากพูด หากมันผิดมันก็จะเสียอีก ปฏิบัติได้แล้วเขาจะรู้ด้วยตนรู้ว่าเราเป็นพระโสดาบันเป็นพระสกิทาคามี ให้รู้ตัวเองว่าเรามีคุณธรรมขั้นไหนมันจะไม่ผิด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ก็จัดว่าต้องมาจนต้องมามากน้อยต้องมาบริหารด้วยแบบคนจน ใครจะกล้าพูดขนาดข้าราชบริพารก็จะไม่พูดอย่างนี้หรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:28:02 )

มีก็ได้ไม่มีก็ได้

รายละเอียด

เราก็ยืนหยัดอยู่ในกุศลคือมี ส่วนลึกของเราไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเราก็เป็น0ได้ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เราสามารถทำได้ จิตของเราเป็น วสวัตตี มีวัสสิปัตโต ยังจิตใจให้อยู่ในอำนาจจะให้มีหรือไม่มี เราทำได้สำเร็จจริง อาตมาอยู่ทุกวันนี้เหมือนคนเหลาะแหละ มีก็ได้ไม่มีก็ได้ อาตมาก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครอาตมาก็สบาย อาตมาก็อธิบายอย่างสิริมหามายา มีก็ได้ไม่มีก็ได้เหมือนคนเล่นกลใครจะทำไม เพราะทุกวันนี้คนมาเร็วเดี๋ยวก็ยึดถืออันนั้นอันนี้ อาตมาก็ต้องเร็ว เอ็งยึดถือแต่อาตมาไม่ยึดถือ เพื่ออนุโลมกับเขาจิตใจเราอยู่เหนือ เราอนุโลมกับเขาเราสามารถคุมเกมได้ไหม หากเราจะอนุโลมกับเขาแล้วคุมเกมไม่ได้ก็อย่าทำ คุณเสร็จเลย คุณคุมไม่ได้ก็เล่นงานคุณตาย แต่ถ้าสามารถคุมเกมได้ก็มีอำนาจสูงสุด เป็นจิตใจที่ยังจิตให้อยู่ในอำนาจได้ พรหม สามารถยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:38:38 )

มีก่อนมีหลัง เหมือนการเข้าคิว ไม่มีแซงลัด!

รายละเอียด

เปรียบเหมือนเราจะพยายามเข้าไปให้ถึง“ภายในใจกลาง”ของ“ภูเขา” แต่คุณเล่นไม่ผ่าน“ภายนอก”ของ“ภูเขา”ก่อนเข้าไปตามลำดับของความเป็น“ภูเขา”ที่มันมีอยู่เช่นนั้นจริงนั้น มันจะเกิดผลสำเร็จภาวะที่เป็น“ความจริง”ได้อย่างไร? แบบไหน?“หายตัว”เข้าไปเลย หรือไง? 

ทุกสิ่งอย่างมันมี“ก่อน” มี“หลัง”เป็นลำดับทั้งนั้น ไม่มีอะไรเลยที่จะละเว้นความมี“ก่อน” แล้วจึงจะตามมาด้วยความมีลำดับต่อมาที่เรียกว่า“หลัง” ในเอกภพมหาจักรวาลนี้ ที่มี“กาล”เป็นตัว“ยืนโรง”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 332 หน้า 248


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:23:16 )

มีข้อเปรียบเทียบจึงจะชัดเจน

รายละเอียด

ต้องได้ฟังจากสัตบุรุษผู้ที่อยู่ในฐานะครู ยิ่งได้ฟังจากพระพุทธเจ้าก็ยิ่งดี เป็นผู้ที่สัมมาทิฐิแล้ว แต่ผู้ที่ไม่สัมมาทิฐิเราก็ควรจะฟังเพื่อจะได้มีข้อเปรียบเทียบจะได้ชัดเจน เรื่องเดียวกันมี 2 อย่างก็ชัดเจน เราก็อย่าไปปฏิเสธ ถ้าไม่มีอะไร อุปมาแล้วก็คือ ความจบกับความโง่ ไม่เปรียบเทียบก็จะโง่ดักดาน แต่อีกคนไม่ปฏิเสธการเปรียบเทียบแต่เขาไม่ต้องเปรียบเทียบแล้วเขาจบ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 19:06:27 )

มีคนเข้าใจ GDP ได้อย่างถูกต้อง

รายละเอียด

เก่งมาก ทุกวันนี้เขาพูดกันแต่ตัวเลขแต่เงินทอง แม้แต่การเมืองก็บอกว่าตัวเลขของผู้ที่รับคะแนนเลือกตั้ง ไม่ได้เข้าหาคนกับเนื้อหาของคนที่เขาจะทำงานการเมือง ว่ามันจะดีมันจะเป็นยังไง ไม่ไปเผินอยู่ที่ตัวเลข เศรษฐศาสตร์ก็ตัวเลข การเมืองก็ตัวเลข อย่างนั้น หลงอย่างนั้นกัน 

ดีมาก ไม่เสียเปล่า ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าและเข้าใจสัจธรรมก็จะเห็นความจริงของสังคม จริงๆขอพูดถึงตรงนี้แล้วขอพูดความจริง ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของเทวนิยมหรือของทางโลกที่เขาเรียนมา เป็นโลกียธรรมที่ตื้นเขินมากเลย ไม่ได้เป็นอะไรที่จะพัฒนาจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่มีวันจบ แก้ปัญหาประชาธิปไตยไม่มีวันจบ ขอยืนยัน แต่ชาวอโศกแก้ปัญหาเศรษฐกิจจบแล้ว ประชาธิปไตยก็จบแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:10:09 )

มีความกรุณา 

รายละเอียด

มีความกรุณา  คือ เป็นการช่วยทำสิ่งที่จะเจริญ  เห็นเขาเป็นทุกข์ตกยาก  เห็นเขาเสื่อมเราก็อยากช่วยเราก็มีความกรุณา  กรุณาเราลงมือช่วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:51:52 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:06:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:07:29 )

มีความกรุณาที่ควร

รายละเอียด

มีความกรุณา ถ้าช่วยได้ ที่ควรจะช่วยก็ช่วย แต่ถ้าไม่ควรจะช่วยก็ไม่ต้องช่วย เช่น อาตมาเคยยกตัวอย่าง เห็นงูมันกินเขียด ก็ไปช่วยเขียดมันออกจากปากงูมันไม่ใช่เรื่อง งูจะให้มากินผักคะน้าได้อย่างไร มันไม่กินพืชผักมันก็ต้องกินสัตว์ มันเป็นเขียดเป็นหนูมันก็ต้องกิน เราก็ต้องรู้ความเหมาะควร มีความเอ็นดูมีความกรุณา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:38:52 )

มีความหลุดพ้นส่วนตัว

รายละเอียด

คนแต่ละคนต่างหากที่มี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จิตวิญญาณของตนเอง”และสามารถอยู่กับ“เศรษฐกิจที่แม้จะแปรปรวนวิปริตวุ่นวายปานใด ก็จะอยู่ด้วยจิตใจมี“อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”อย่าง“ยุติธรรม” เพราะ“จบกิจ”ได้เฉพาะตน ซึ่งคนในโลกนี้จะรู้จักโลกุตรธรรมเป็นเรื่องยาก ในเมืองไทยมีคน 70 ล้าน อาตมาว่าไม่ถึง 7 ล้านคนจะรู้จักโลกุตรธรรม แต่ถ้า 700,000 นี้น่าจะถึง หมายความว่า มีมาก มีกลาง มีปลายปลายๆ ไล่ลงมาถึง 7 แสนมีถึง นอกนั้นก็มีกระเซ็นกระสายไปอีก จะนับไปถึง 8-9 แสน ล้านหนึ่งประมาณนั้น 

แต่มีฤทธิ์ เพราะอะไร มีอิสรเสรี แล้วมีความหลุดพ้นส่วนตัว อำนาจโลกียะทำอะไรไม่ได้ สบายลอยตัวอิสรเสรีอำนาจอื่นทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะทางด้านการเมือง ไม่ว่าจะทางด้านสังคม ดูไปติดตาม

เพราะว่าความรู้แบบโลกียะแบบเทวนิยม ซึ่งไม่เหมือนแบบพระพุทธเจ้า แบบโลกุตระ แบบอเทวนิยม มันคนละด้าน ทวนกระแสกันด้วย ปฏิโสตัง ทวนกระแสกันเลย เป็นเรื่องจบสุดอยู่ตรงนี้อยู่ตรงที่ว่า ไม่เหมือนกัน คนละขั้วบวกกับลบเลย แต่อยู่ด้วยกันได้ เพราะพลังงานระดับปัญญา พลังงานระดับโลกุตรธรรมนั้นปรองดองประนีประนอม รู้จักการร่วมกันอยู่ทั้งหมด ไม่แตกแยกแต่รู้จักความแตกต่าง ไม่มีแตกแยก ไม่มีความเป็นนิกาย แต่มีความเห็นชัดเจนในเรื่องของความเป็นนานาสังวาส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2566 ( 11:00:49 )

มีความเบื่อหน่ายจะทำอย่างไร

รายละเอียด

เรื่องความเบื่อหน่ายมันเกิดอยู่ในจิตเป็นอัตโนมัติแล้ว ก็รู้ว่ามันไม่ดี จะทำอย่างไรดี ก็พยายามรู้ความจริงให้ได้ว่ามันไม่ดี ไม่ใช่เรื่องดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 19:13:43 )

มีความเห็นอย่างไรที่แกนนําโดนจับ

รายละเอียด

เป็นไปตามวิบาก คนมองตื้นๆก็คิดว่าร้ายแรง แต่ที่จริงลึกซึ้งซับซ้อนมันดูร้ายแต่มันดี มันเป็นเรื่องใจ  เรื่องคุณค่าของผู้กระทำ เราเสียสละเพื่อชาติ เพื่อมนุษยชาติอีกเยอะแยะ เป็นสิ่งดี อันนี้เมืองไทยเราเข้าใจดี เพราะฉะนั้นแกนนำถูกจับ ทุกคนก็ โอ้โห แซ่ซ้อง สงสาร คุณก็สงสารก็ถูกต้องแล้ว ก็ดีแล้วก็ถูกต้องแล้วก็จบตรงนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:24:38 )

มีคุณสมบัติมักน้อยใจพอไม่หวงแหนด้วย

รายละเอียด

ตอนนี้เรามีทุเรียน หน้าทุเรียน กินทุเรียนกันหน้าบานเลย ตอนนี้ทุเรียนวังจันท์พฤกษา ที่เป็นหมู่ชาวอโศกเรานี่แหละ มีเยอะ เป็นสวนใหญ่พอสมควร ก็ส่งผลไม้มามีหลายอย่าง ก็เอาทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้สุกเดี๋ยวนี้ ส่งมาให้ พวกเรากินกัน พวกเราก็นึกถึงผู้อื่น มันควรแบ่งแจกผู้อื่นกินบ้าง ก็เลยมาคิดกันว่า เรามีศาลาปันสุข เอาทุเรียนไปแจกศาลาปันสุขบ้าง 

พอดำริขึ้นมาก็มีคนสนับสนุน ให้มาหมื่นห้า สันติอโศกก็สนับสนุน ก็ขอสมทบด้วย ให้อีก 2หมื่น เป็น 35,000 เราก็เลยมีเงิน 35,000 ก็เลยไปบอกผู้ที่ขาย ผู้ที่จะขายเป็นสวนทุเรียนเขาก็บอกว่าหากซื้อไปแจกก็จะขายให้ถูกๆอีก นี่คือจิตวิญญาณคนที่เสียสละ ก็สมทบมา เราก็เลยตั้งใจว่า ตอนนี้มันยังไม่มา จริงนะ ดำเนินการแล้วไม่ใช่เรื่องโม้ มีแต่จะเพิ่มขึ้น อันนี้จะซื้อมาแจกนะ พวกเราอย่าทำผิดกติกานะ เงินที่เขาให้มาเพื่อให้เอามาแจกมาขยายผล เป็นแต่เพียงว่าเราจะแจกอย่างไร 

หากว่าแจกเป็นลูกๆ ก็เอาถุงมาขนกันหมดเลย ไม่เอา เราจะแกะเอง แจกเป็นพูๆนี่แหละ เขาเอาไม่ได้มากเหมือนแจกเป็นลูก เราก็มีเจ้าหน้าที่แกะแจกเป็นพูๆ ตรงนั้นแหละประกาศว่าใครจะมาเอา ก็แกะให้เขา ไม่ต้องไปยืนเฝ้าอะไรหรอกก็แกะมาแจกไปนี่ทุเรียนอย่างดีหมอนทองด้วย จริง นี่มีต้นทุนจ่ายเงินมาแล้ว แล้ว บอกสวนทุเรียนไว้แล้ว ตอนนี้เราก็มีทุเรียนอยู่แต่มันยังไม่สุก มันทำแล้วมันสนุก มันเบิกบานใจ รื่นเริงเบิกบานสำราญใจดี เราไม่ได้ขาดแคลน แต่เรามักน้อยสันโดษใจพอแล้ว ธรรมะพระพุทธเจ้ามันมีคุณสมบัติอันดีแล้ว 

มีคุณสมบัติมักน้อยใจพอ เกินกว่านี้ไม่เอาแล้ว ไม่หวงแหนด้วย มันเข้าเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ให้เรามาฝึกหัดปฏิบัติจิตเราเป็นจริงๆมันสนุก สุขสำราญเบิกบานใจจริงๆได้แจกได้ให้เลือกซื้อเผื่อแผ่เจือจาน เพราะฉะนั้นทุเรียนเราจะแจกกันที่บ้านราชนี้ ใส่แมสกันมาด้วย เราไม่ให้เป็นลูกหรอก แต่จะผ่าให้ จะได้ไม่ลำบากก็ไปกินเลย เอาถุงพลาสติกมา เอาภาชนะมาใส่ 

ทางวังจันท์พฤกษาเขาก็ให้ฟรีมาเลย เราก็มีผู้สมทบทุนไปซื้อสวนที่เขาขายราคาถูกลงไปอีก สรุปแล้วก็สนุก หน้าผลไม้ก็แจกผลไม้ ที่ระดับ เรียกว่าเป็นผลไม้ระดับหนึ่งเลยสำหรับทุเรียน เราก็แจกกัน มันสนุก 

 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:36:02 )

มีคุณอันสมควรก่อนจึงสอนผู้อื่นได้

รายละเอียด

เราต้องมีคุณอันสมควรก่อนจึงสอนผู้อื่นได้ เหมือนเห็นคนตกน้ำแล้วจะช่วย แต่หากเราว่ายน้ำไม่แข็งไปช่วยเราก็ตายไปด้วยเลย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:44:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:27 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:19:19 )

มีจิต มีกาย จึงมีเวทนา ก็มาฝึกทำใจในใจก็เข้าถึงนิพพาน!

รายละเอียด

หรือเมื่อใด“จิตเรา”ยังมี“กาย”อยู่ ยังมี“เวทนา”อยู่ ถ้าไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในการแยก“กาย”แยก“จิต”ได้อย่าง“สัมมาทิฏฐิ” ก็ไม่สามารถจะ“ทำใจในใจ”ให้เป็น“อุตุนิยาม-พีชนิยาม-จิตนิยาม-กรรมนิยาม-ธรรมนิยาม”ได้สำเร็จแน่นอน และหากใคร“ทำใจในใจ (มนสิกโรติ)”ของตนให้“ทรงไว้ (ธรรม)” ซึ่งภาวะ“อุตุ”และภาวะ“พีชะ”ใช้อาศัยในชีวิต ด้วย“กรรม”ของตนเองนั่นแหละไม่ได้ นั่นก็คือ ผู้นั้นไม่สามารถบรรลุ“นิพพาน”แต่ถ้าผู้ใดสามารถ“ทำใจในใจ”ของตนให้“ทรงไว้ (ธรรม)”ซึ่งภาวะ“อุตุ”และภาวะ“พีชะ”ใช้อาศัยในชีวิตด้วย“กรรม”ของตนเองนั่นแหละได้ นั่นก็คือ ผู้นั้นสามารถบรรลุ“นิพพาน”ซึ่งเกิดจากคนผู้นั้นมี“มิจฉาทิฏฐิ”เริ่มต้นตั้งแต่ความเป็น“กาย”นี่เองเป็นเบื้องต้น ไปตรวจสอบ“ความรู้”กับ“สภาวะธรรม”อันได้แก่ “จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน”ของตนเองกันใหม่ให้ดีๆเถิดโดยเฉพาะกับความเป็น“กาย”นี้แหละยิ่งใหญ่นัก

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 465 ข้อที่ 647


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 14:18:47 )

มีจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะสลายพลังงานดูดและพลังงานผลักได้

รายละเอียด

แต่ด้วยแรงดึงดูดมันไม่ยอมให้จากกันง่ายๆหรอก จนกว่าคนจะถึงขั้นสร้างพลังงาน  ผลัก รู้จักพลังงานดูดพลังงานผลักและสลายการดูดการผลัก จนไม่ดูดและผลักเลยอันนี้มีจิตวิญญาณเท่านั้นที่ทำได้ ดินน้ำไฟลมทำไม่ได้ 
พีชนิยามก็พอทำได้บ้าง ดินน้ำไฟลมนั้นเป็นพลังงานแม่เหล็ก พลังงานไฟฟ้า ไฟฟ้านี่สลาย ตัวแม่เหล็กนี่ดูดไว้แน่น ก็เป็น 2 สภาพ อันนึงดูด อันหนึ่งผลัก มันมีรายละเอียดพวกนี้อาตมาก็ไม่ได้ลงลึกฟิสิกส์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 14:13:29 )

มีจิตใจเจริญได้แท้จริง

รายละเอียด

เศรษฐศาสตร์แบบพุทธที่เป็น“โลกุตรธรรม”นั้น แตกต่างจากเศรษฐศาสตร์ของชาวเทฺวนิยมโลกียะหรือแตกต่างจากเศรษฐศาสตร์ของชาว“ทุนนิยม”สากลทั่วไปที่ทั้งหลาย ทั้งหมด อย่างมีนัยสำคัญลึกล้ำมาก 

แต่คนเห็นว่า “โลกุตรธรรม”นั้น“สุดโต่ง”เกินไป และเชื่อว่า ไม่มั่นคง ไม่ยั่งยืน ไม่เป็นประโยชน์ต่อคน ต่อสังคม ต่อโลก หรือเชื่อว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่สากล เป็นของคนส่วนน้อย   

ที่จริงนั้น ไม่สุดโต่งหรอก มันเป็นไปได้ในคนกลุ่มที่มีอินทรีย์พละ ที่ได้ศึกษาปฏิบัติบรรลุธรรม“โลกุตรธรรม”ได้แท้จริงแล้ว เขา“เป็นไปได้” และหมด“ปัญหา”ไม่เป็นทุกข์-ไม่เป็นสุข” ไม่ใช่“การทรมานตัวเอง” ต้องอดทนข่มฝืนใดๆเลย แต่มีจิตใจเจริญได้แท้จริง เป็น“การทำใจในใจ”คือ“มนสิการ” มี“ปัญญา”ปฏิบัติบรรลุ“โลกุตรธรรม”จริง จึงทำได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ในเรื่อง“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”กันแท้ๆ

ยืนยัน“ตัวอย่าง”ใน“คน”ที่มีความเป็น“คน”เช่นเดียวกันกับคนทั้งหลายในโลก ว่า วิชชาการสุดวิเศษ ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ยั่งยืนถาวรนิรันดรนั้น“มี”จริง    

สากลคนทั่วไปเข้าใจกันตามที่ลอกมาจากที่ท่านผู้รู้ทางเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมแปลกันไว้ ดังที่ยกมาอ้างอิงไว้ข้างบนนั้น 

ถ้าพินิจเข้าไปให้เข้าถึงความหมายที่ตรงเนื้อหาแท้จริงแล้ว มันกลับเพี้ยนไปจากความเป็นจริงของเนื้อหาแท้จริงที่เป็นกันอยู่ ซึ่งมีนัยสำคัญอยู่อย่างยิ่งยวดทีเดียว   

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:43:08 )

มีจิตไม่ดีกับท่านผู้ที่เจริญแล้ว โง่หรือฉลาด?

รายละเอียด

คือในความเป็นจริง พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านเอาความจริงเข้ามาเปิดเผยว่า ชีวิตหรือจิตนิยาม จิตวิญญาณ มันไม่มีปัญหาอะไร มันเวียนวนเวียนว่าย เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณที่ได้ฝึกดี จนกระทั่งไม่มีการอาฆาตพยาบาท ใครจะทำร้ายทำลายเราอย่างไร จิตก็สงบสบาย ไม่ถือสา เป็นอหิงสาธรรม ไม่อาฆาตพยาบาทจริงๆเลย เรายิ่งเจริญ 

แม้เขาจะฆ่าร่างกายเราตาย ถ้าเรายังไม่ปรินิพพาน เช่น พระอรหันต์ทุกองค์ ถ้าเผื่อว่าท่านจะต้องตายแม้คนจะฆ่าท่านตาย ท่านตายท่านก็ตายอย่างนิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ตายอย่างสูญ ไม่ตั้งนิมิต ไม่ตั้งจิตอะไรเลย ปล่อยไป ตายสูญ พระอรหันต์ก็สูญได้โดยนิพพาน 3 

 แต่ถ้าท่านไม่ตั้งจิตอย่างนั้นเป็นพระอรหันต์ เขาจะฆ่าท่านตายท่านไม่ตั้งจิต ตายแล้วสูญ ท่านจะตั้งจิตเวียนกลับมาเกิดอีก คนที่เป็นคู่วิบากที่มาทำร้าย มาเจอกันอีก จะมาแก้แค้นอะไรกันอีก จะลดลง การแก้แค้นจะลดลง ดีไม่ดี จะยอมสยบ ยอมสยบอะไร ว่า คนนี้ต้องถือน้ำใจ ถ้ายิ่งใครยิ่งระลึกชาติได้ว่าเคยฆ่า จิตเขา ยังมีตัวผูกพันถือสา อาฆาตเขาจะละอาย ถ้าเขาเจริญเขาพัฒนาจิต เขาจะเกิดความละอาย เราไปโกรธเคืองคนที่ไม่ควรโกรธเคือง เราไปอาฆาตพยาบาทคนที่ไม่เคยอาฆาตพยาบาท ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาจะรู้ว่า ทำไมเราเลวอย่างนี้ เราไปมีจิตไม่ดีกับท่านผู้ที่เจริญแล้ว โง่หรือฉลาด? ... โง่ 

เด็กตอบได้ไหม? ....ได้

การศึกษาอย่างที่หลวงปู่อธิบายเป็นสัจธรรมโลกุตระ มันเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นเลย กรณีที่ถามมา หลวงปู่เห็นว่า สุดยอดเลย ใจพองโตเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 10:19:05 )

มีฉันทะเป็นมูล

รายละเอียด

ผู้ที่มีสติจึงจะโยนิโสมนสิการ จึงจะทำใจในใจ ตัวนี้แหละเป็นรากเหง้า มูลสูตรที่ 2 ข้อที่ 2 ข้อที่ 1 มีฉันทะเป็นมูล ข้อที่ 2 มีมนสิการเป็นแดนเกิด เป็นสัมภวะ เกิดอะไร เกิดอาริยะ เกิดโอปปาติกโยนิ ทำให้จิตนี้เกิดได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะมนสิการได้อย่างโยนิโสมีฉันทะเป็นมูลได้อย่างถ่องแท้ถูกต้องถ่องแท้แยบคายละเอียดลออจริง ถูกต้องสัมมาทิฏฐิได้ โยนิโสมนสิการ ทำใจในใจอย่างสัมมาทิฏฐิก็ต้องเป็นผู้ที่มีศรัทธา ต้องอาศัยศรัทธา ศรัทธาคือความเชื่อ ความรู้ ความจริงก็ได้ 

คนที่เกิดจากฉันทะ เกิดจากความยินดี เป็นมูลกา ความยินดีฉันทะเป็นมูล เป็นรากเหง้า โอ้โห…ใช่ เพราะฉะนั้นในรากเหง้าฉันทะนี้เป็นตัวที่ 1 ในมูลกา เป็นตัวรากเหง้าของสัจธรรม เพราะฉะนั้นคนที่มาฟังธรรมะโลกุตระแล้ว โอ้โห อย่างนี้มันต้องใช่เลย สัมผัสแล้วมันมีฉันทะ อาตมายกตัวอย่าง บุคคลสักคน 

คนนั้น เขาใช้นามแฝงของเขาว่า บ้านเล็กเมืองน้อย เขาเป็นคริสต์ มาฟังธรรมะอาตมาแล้วเกิดฉันทะ เกิดความยินดีเป็นมูลกา โอ้โห เสร็จแล้วก็สนใจฟังศึกษา เขาเขียนมายังแสดงความเข้าใจอะไรของเขาที่เขาเข้าใจมา แล้วเขาก็วิจัยวิจารณ์ได้กว้าง นี่ก็เขียนมาหลายวันแล้วยังไม่ได้อ่านสู่ฟัง แต่ในความหมกมุ่นมนุษย์จึงได้ค้นพบสัญญาณความช่วยเหลือ จะเป็นผู้ที่สร้างทุกอย่าง แต่นี่มีสัญญาณความเห็น เอ๊ มนุษย์มีความช่วยเหลือ สัญญาณเป็นรูปธรรมก็คือตีระฆัง นี้คือสัญญาณเข้ามาฟังธรรมแล้ว สัญญา ความช่วยเหลือค่อยๆดังขึ้นดังขึ้น จาก มโนมยอัตตา คือสำเร็จด้วยจิต ความสำเร็จด้วยจิต จิตตัวเองมันก็สำเร็จความรู้ของมันเอง จากมโนมยอัตตาของตน 

จนได้ให้กำเนิดพระเจ้าขึ้นมาปกป้องคุ้มครองและบำบัด อรูปอัตตาของตน แล้วหลังจากนั้น นิรมาณกายของพระเจ้า ก็ได้บำบัดทุกข์บำรุงสุข จนยึดครองจิตใจมนุษย์ มันเป็นอะไรอันหนึ่งสร้างขึ้นมาเป็นพระเจ้าหรือนิรมานกาย มาอาศัยบำบัดสุขบำรุงทุกข์ของตัวเองที่มันเป็นกิเลส ที่จริงต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุข จนยึดครองจิตใจมนุษย์ ให้เป็นสัมโภคกายกันมาอย่างต่อเนื่อง สัมโภคกายคือร่วมกัน ร่วมเข้าใจร่วมกันตรงกัน ไปด้วยกันมาด้วยกัน เลือดสุพรรณจะพาลงทะเล พาลงเหวลงนรกก็ได้ เอื้อประโยชน์หล่อเลี้ยงสนองกันไปมา ทำให้อทิสสมานกายของพระเจ้าปรากฏในหลากหลายรูปแบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 13:22:28 )

มีชีวิตอยู่กับสิ่งที่ควร

รายละเอียด

เรียนรู้เหตุแห่งทุกข์ก็คือ อวิชชา เป็นตัวโง่ รู้ให้ได้ว่ามาเกิดเป็นมนุษย์แล้วอย่าไปหลงใหลเสพติดอยู่ในเรื่องเหล่านั้น เพราะฉะนั้นในโลกผู้ไม่รู้มันเยอะ อวิชชามันเยอะแล้ว เขาก็ติดสุขเป็นเทวนิยม ยังไม่ตรัสรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว มันเกิดเป็นธรรมชาติ เกิดตามสภาพที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส ตามความเป็นจริงเท่านั้น มันไม่มีอารมณ์ว่าจะต้องอย่างนี้ชอบ อย่างนี้ชัง คุณชอบคุณชังเป็นอารมณ์ที่คุณสร้างเองทั้งนั้น อะไรมันเข้ามาเผชิญกับเรา เราสัมผัสกับมัน อะไรควรเราก็รับอะไรไม่ควรเราก็ไม่ต้องรับ ตามฐานะแต่ละบุคคล 

บุคคลที่ซื่อสัตย์สุจริตมีปัญญาลึก ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ควรนั้นก็มีประโยชน์ สิ่งที่ควรนั้นก็คือมีชีวิตอยู่กับสิ่งที่ควร สิ่งที่ไม่ควรก็ ห่างไปเรื่อยๆ แล้วคนไปรับสิ่งไร้สาระมาเป็นสิ่งที่ควร มาเป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น มันเยอะเหลือเกินมันโง่ เพราะฉะนั้น ละออกมาเรื่อยๆ อันไหนรู้ก่อนก็ ละออกมาเรื่อยๆ จริงๆ ชีวิตมันนิดเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:04:06 )

มีชีวิตอยู่เพื่อใช้ธาตุรู้ถ่ายทอดให้ผู้อื่นต่อไป

รายละเอียด

เมื่อคุณรู้ คุณก็ดับเหตุและดับชาติดับภพ เพราะว่าดับอุปาทานดับตัณหา เวทนาจึงคือธาตุรู้ ที่รู้เป็นปัจจุบันเท่านั้น ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีเราไม่มีเขา ทั้งมีทั้งไม่มี  เป็นผู้เห็นความจริงแล้ว ไม่หลงใหล เพราะเรายังมีชีวิต เรายังมีชีวะ ยังมีธาตุรู้ ที่รู้ความมีความไม่มี แล้วจะทำความไม่มีถึงขั้นเป็น 0 ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ได้แล้ว แต่เมื่อรู้ความมี ต้องรู้สัจจะ ดูตามสัจจะว่าเรายังมีอยู่นะ เรายังไม่ตาย เพราะฉะนั้นเราต้องมีธาตุรู้ที่ครบ แล้วมีอยู่ทำไม อยู่ถ่ายทอดความจริงนี้ให้แก่ผู้อื่นต่อไป เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:36:49 )

มีชีวิตอยู่แล้วใช้กาละนับวิธีมาเร่งทำงานเท่าใดก็ได้แล้ววินาทีเป็นไฉน

รายละเอียด

แล้วคนที่รู้จัก กาลเวลาและกรรม รู้กรรม และ กาล คุณไม่เอากรรมไปทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ วาระ กาละ เวลา คุณใช้กาละทุกวินาที (วินะ อาที) 

อาที หรือ อาทิ แปลว่า เป็นต้น 

วินะ แปลว่า มีกับไม่มี , วิ แปลว่า มียิ่ง , น แปลว่า ไม่มี 

วินะ อาทิหรืออาที วินาที 

กาละที่นับวินาทีนี่แหละ คุณจะเร่งเท่าใดก็ได้ วิ คุณจะทำให้เร็วเท่าไหร่ก็ได้ เขาจะเรียกว่าภาษาอะไรก็แล้วแต่ คุณไปตั้งภาษาใส่วินาทีที่เร็วกว่านาที นาฬิกาที่คนตั้งวินาทีหนึ่งช้านานเท่านี้นะ กำหนดในโลกเท่ากัน แต่อันนี้มันเร็วกว่านี้ ก็เรียกวินาทีเหมือนกัน ซึ่งมันมีอัตราส่วนต่างกันก็เท่านั้นเอง แต่ความเข้าใจตรงกัน ตรงที่ว่าก็คือการเคลื่อนไปของเวลา กาละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:36:43 )

มีฌาน สมาธิ ปัญญา

รายละเอียด

อธิบาย “มีฌาน สมาธิ ปัญญา” คือจิตสมาธิเป็นจิตตั้งมั่น ในจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่มีคำว่าสมาธิ ในสัทธรรม 7 ก็มีแต่ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา อินทรีย์ 5 นี้มีสมาธิ พละ 5 มีสมาธิ แต่นี่มีแต่ศรัทธา วิริยะ สติ ปัญญา ไม่มีสมาธิ 

เพราะฉะนั้นสมาธิจึงไม่ใช่ได้ง่ายๆ คุณจะต้องปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 คุณจะเกิด ฌาน อยู่ในจรณะ 15 ฌาน คือ ข้อที่ 12 13 14 15 คือ ฌาน 4 ใน จรณะ 15 ฌาน ไปนั่งหลับตามันไม่ใช่พุทธคุณ มันเป็นเดียรถีย์คุณ ไปหลับตาไม่ได้คุณประโยชน์แบบพุทธ เพราะไม่มี ปฏิปทา 3 ไม่ได้มาสำรวมอินทรีย์ ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา ไม่มีชาคริยานุโยคะมันไม่ตื่นมีแต่ ไสยา ไสเยย มีแต่ไปหลับ ไปนอน มันมีแต่เข้าไปหากิณหา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:52:18 )

มีทั้งปฏิภาณปัญญาคืออย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาอยู่เหนือ ปัญญารู้รอบ ปัญญารู้ครอบ ปัญญามันมีทั้งปฏิภาณทั้งปัญญามีทั้งปฏิภาณคือ คนที่เขายึดถือของเขาอย่างนี้ คุณยังไม่จบหรอก แต่เขายึดมั่นถือมั่น ตัวเขาว่าสูงเราก็ยอม แต่เรามีความฉลาดที่จะทำให้เขา เปลี่ยนแปลงได้ คลายความยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่บางคนอาจจะยึดมั่นถือมั่นจนเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยเราก็ไม่เป็นไร เราก็อยู่กันอย่างนานาสังวาส คุณก็ทำอย่างหนึ่ง เราก็ทำอย่างหนึ่งก็จบ คุณก็ทำของคุณไปสิ สิ่งที่ทำคือกรรมวิบาก เท่านั้นเองไม่มีปัญหา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:56:01 )

มีทางนี้ทางเดียวที่จะรู้ความจริง

รายละเอียด

ขออภัย ชาตินี้อาตมาเกิดมาอาตมาใหญ่ที่สุดในเรื่องธรรมะ ในยุคนี้ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ไม่มีใครรู้ธรรมะโลกุตรธรรมเท่าอาตมาหรอกในยุคนี้ ในยุค 2,500 ปีนี้ หรือในช่วง ที่อาตมาเกิดอยู่ ไม่มีใครรู้เท่าอาตมา อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ อาตมาพูดความจริง คนที่มีชีวิตร่วมอยู่ในยุคอาตมา กว่าจะดับขันธ์หายไป  100 ปีประมาณนั้น อาตมา คงจะอยู่ร้อยปีได้ไม่มีใครเท่าอาตมา อาตมาพูดความจริงอาตมาพูดเท็จไม่ได้ บาปใหญ่นะถ้าเท็จ แต่ขอยืนยันว่าพูดความจริง คนที่ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าเท่านั้นจะมีจริงได้อย่างอาตมา แบบพระพุทธเจ้าตรัสมีทางนี้ทางเดียวที่จะรู้ความจริง สูงสุดจนกระทั่งมีกับไม่มี ทำความมีกับความไม่มีได้สำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:23:06 )

มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นไม่มีทางอื่นที่จะดับทุกข์ให้ถึงนิโรธ

รายละเอียด

ก็เพราะว่ารู้แล้วว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ในการเป็นชีวิต แต่พวกเดรัจฉานมันไม่รู้ แม้แต่คนมันก็ไม่รู้ทุกข์ง่ายๆ คนจะรู้ทุกข์ สัพเพธัมมา ทุกขา ไม่มีอะไรไม่เป็นทุกข์ ด้วยสิ่งที่เกิดมาเป็นชีวะ พืช มันไม่รู้ทุกข์ ดินน้ำไฟลมมันไม่มีรู้ทุกข์ สัตว์มันมีทุกข์ แต่มันยังมีอวิชชา มันไม่รู้ทุกข์ คนที่ยัง อเวไนยสัตว์ ที่สอนไม่ได้เขาก็ไม่รู้ทุกข์ ความทุกข์จึงเป็นอาริยสัจ 

ทุกข์ เป็นความจริงที่คนอาริยะ หรือคนประเสริฐ คนศิวิไลซ์เท่านั้นจะเข้าใจเรื่องทุกข์ได้ แล้วก็เรียนรู้เหตุแห่งทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์ให้ถึงนิโรธ นิโรธวิธีไหน ซึ่งมีทางนี้ทางเดียว เอเสวมัคโค นัตถัญโญ มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น คนบอกว่ามีหลายทาง นั่นเป็นการสอนนอกศาสนาพุทธ จรณะ 15 วิชชา 8 ทางมรรคมีองค์ 8 หรือโพชฌงค์ 7 หรือโพธิปักขิยธรรมทางเดียวเท่านั้นไม่มีทางอื่นหรอก เพราะมันเป็นสัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น สัจจะสูงสุดมีหนึ่งเดียว ทางนี้ทางเดียวไม่มีทางอื่น ไม่มีทางที่ 2 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 14:54:26 )

มีทิฏฐธัมนิพพานทิฏฐิ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อลดฐานจิตเป็นอุเบกขา เป็น เนกขัมสิตอุเบกขาเวทนา เนกขัมมะคือทำให้กิเลสออก ออกไปจากจิตจนเป็นฐานสุดท้าย เป็น มโนปวิจาร ตัวสุดท้ายเลย เนกขัมสิตะตัวที่ 18 ของเนกขัมมะหรือเป็นตัวที่ 36 ของเนกขัมมะ เคหสิตะ 18 เนกขัมสิตะ 18 ตัวปลายในตัวที่ 36 คนที่รู้ทั้ง 36 นี้ ตรวจสอบว่าเราได้ทำในปัจจุบันธรรม เป็นการปฏิบัติธรรมที่มีผัสสะเป็นปัจจัย มีทิฏฐธัมนิพพานทิฏฐิ ไปหลับตาปฏิบัติเป็นสัมภเวสี ไม่มีผลหรอก ต้องปฏิบัติธรรมลืมตามีผัสสะเป็นปัจจัย ลืมตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นปัจจุบันนี้เลยที่เป็น ทิฏฐธรรม ปัจจุบันชาติเป็นกิเลสปัจจุบัน นอกนั้นเป็นกิเลสอดีต กิเลสอนาคต ซึ่งมันไม่จริง ขออภัยอาตมาใช้ศัพท์ว่า ขี้มันหลุดออกไปจากก้นแล้วก็เอามาขยำซ้ำอีกหรือ สร้างวิมานไปลมๆแล้งๆ แล้วมันจะเกิดความจริงได้ไง ความจริงต้องปัจจุบันสัมผัสตอนนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 18:55:04 )

มีที่จบแห่งสิ่งที่จะจบเป็นขั้นตอนไป 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราก็มีที่จบแห่งสิ่งที่จะจบเป็นขั้นตอนไป พระโสดาบันก็จบขนาด 1 สกิทาคามีจบขนาด 1 พระอนาคามีจบขนาด 1 พระอรหันต์จบขนาด 1 แม้แต่พระอรหันต์ก็จบเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน ได้แยกเป็นดินน้ำไฟลมก็จบ แต่คุณยังไม่พอใจคุณอยากจะรู้ว่ามนุษย์มันสูงมันเจริญมันมีประโยชน์มีคุณค่ามีอะไรกับสิ่งอื่นๆอีก มันก็เป็นคุณค่าประโยชน์ดีนะ ก็บำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ต่อ 

อรหันต์เบื้องต้น แยกธาตุ เป็นปริโยสานได้ แต่คุณจะต่อ ก็เป็นโพธิสัตว์ต่ออีกเหมือนกับอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ลงทุนมาเยอะแล้ว จะทิ้งก็เสียดาย ถ้าปาง 7 จะมาพูดอย่างอาตมาได้ ถ้าต่ำกว่านั้นจะมาแยกแยะอย่างที่อาตมาแยกแยะและพูดให้ฟังนี้ไม่ได้หรอก

ปาง 5 นี้แตกขยาย ปางคู่มันรวม ปางคี่มันขยาย คี่ก็คือคลี่ออกๆ คี่แล้วก็คลี่ขยายออก คลี่กระจาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 10:34:09 )

มีที่ไหนความเป็นประชาธิปไตย 5 ประการ

รายละเอียด

คุณสมบัติ 5 ประการนี้ อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ นี้คือ คุณสมบัติพิเศษ คุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ของความเป็นประชาธิปไตย มีที่ไหน อโศก มีที่อโศก ขอยืนยัน พูดไปแล้วก็เกรงใจคนอื่นเขามาก เพราะว่าเหมือนยกย่องตนเอง ถือว่าตัวเองดี ตัวเองประเสริฐ แต่ก็มีความจริงให้พูดเท่านี้ ไม่รู้จะทำยังไง ก็พิสูจน์ เราก็เต็มใจที่จะพิสูจน์ตัวเองจริงๆ อาตมามั่นใจในพวกเรา ถ้าเป็นความจริงแล้วเป็นความจริงจะไม่เสื่อม เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ ซ้อนๆ ว่า อโศกจะเสื่อมไหม จริงๆ ซ้อน ไม่มีอะไรไม่เสื่อม มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่ คำว่าถาวร ยั่งยืนนี้ มันเป็นช่วงระยะเวลาที่นาน มันไม่เสื่อมไม่ได้ แต่มันจะไม่เสื่อมไปได้นาน นานกว่าอะไรอื่นๆ จึงเรียกว่าถาวรยั่งยืน ไม่มีอะไรไม่เสื่อม เสื่อมทั้งนั้น แต่อันนี้ สิ่งที่เป็นสัจจะดีจริงๆมันจะอยู่นาน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 08:26:50 )

มีธาตุจริงของโลกุตระจึงเข้าใจได้แม้ต่างชาติ

รายละเอียด

ธาตุที่จะเข้ากับโลกุตระต้องมีจึงเข้าได้ แม้แต่คนไทยที่ไม่มีธาตุโลกุตระก็เข้าไม่ได้ เราก็พูดความจริงว่านี่ของจริง คนก็มีที่ไม่เชื่อ แต่เราก็ต้องบอกไป เขาก็อยากรู้คนที่มีใจบริสุทธิ์ แต่เขาไม่เชื่อว่าคนอย่างนี้จะบริสุทธิ์ใจได้ แต่มีคนที่เขาเคารพนับถือก็ว่าบริสุทธิ์ใจ คนที่เขาตัดสินแล้วว่าไม่ใช่ เขาก็ว่าทำมาหากินของเขาดีกว่า ตัวใครตัวมันไปตามที่ชอบที่ชอบ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:01:57 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:19:59 )

มีธาตุที่มีจิตมุ่ง

รายละเอียด

มันมีเจตภูต เริ่มต้นมีเจตะ ถ้ามันเป็น ภูตคาม มันก็มีส่วนของธาตุมุ่ง มันมี สัญจิจจะแล้ว เพราะว่าธาตุพืชมันมีสัญญากับสังขารแล้ว มีธาตุมุ่ง มีธาตุที่มีจิตมุ่ง มันเริ่มแล้ว ตั้งแต่สัญญา ซึ่งศัพท์ตรงกับคำว่า สัญจิจจะ หรืออีกคำคือ อุทิศะ มีธาตุมุ่งแล้ว มีความมุ่งหมายแล้ว พวกเราศึกษาสภาวธรรมก็ละเอียดลออขึ้น 

กิ่งธรรม คงพอเข้าใจได้นะว่า ตอนตายก็แน่นอน ไม่มีจิตวิญญาณในร่างมันก็เป็นซากศพดินน้ำไฟลมแน่ แต่ในชีวิตตอนเป็นๆนี่หละ ปัญญาของพระพุทธเจ้าสามารถรู้ได้ยอดเยี่ยมเลย และนอกจากจะรู้ได้ว่า ร่างกายเรามีดินน้ำไฟลม มีพืช มีพีชะ มีทั้งสภาพอาการอุตุ พีชะ จิต และสามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำให้มันเจริญหรือมันเสื่อมได้ด้วยกรรม คนอวิชชาเขาก็ทำโดยอวิชชา ไม่รู้ ทำให้เสื่อม เขาก็ทำของเขาเอง ทำกรรมที่มันเป็นความเสื่อม เป็นบาปเป็นตัวอกุศลก็แล้วแต่ เขาก็เป็นคนทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้มีปัญญาผ่าสุขผ่าทุกข์ วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2566 ( 18:35:46 )

มีธาตุรู้แต่ไม่รู้สิ่งที่มี

รายละเอียด

ไม่มีสิ่งที่ไม่มี แต่มันก็ต้องมีสิ่งที่มี ขณะที่คุณยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็ต้องมีธาตุรู้ ถ้าคุณมีธาตุรู้แต่ไม่รู้สิ่งที่มีมันก็เลิก คุณก็ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ คุณมีธาตุรู้แต่คุณไม่สามารถรู้สิ่งที่มี ก็จะไปพูดถึงสิ่งที่ไม่มีทำไมล่ะ ขนาดสิ่งที่มีคุณยังไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน  อจินไตยของฌานวิสัย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 20:46:22 )

มีนรกเป็นที่หมาย

รายละเอียด

นี่ก็เป็นพระอรหันต์ของคุณคนนี้ ก็ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าหลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ คุณก็มีนรกเป็นที่หมาย ลางเนื้อชอบลางยา เราไปว่าเขาไม่ได้เขาเข้าใจแบบนั้น กาม มหาบัวไม่รู้ เต็มไปด้วยกาม เต็มไปด้วยอัตตาทั้งบ้องเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 09:11:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:22:12 )

มีนิพพาน มีอมตะ

รายละเอียด

ผู้ที่จบแล้วจึงมีนิพพานมีอมตะ เรียกว่าอุปธิวิเวก ส่วนกิเลส ขันธ์ อภิสังขาร ก็ไม่รู้จัก เรียกอุปธิ แต่ถ้าคุณตีแตกอุปธิ จับกิเลสในขันธ์ 5 ได้ไปทำที่เวทนา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:13:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:09:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:20:23 )

มีน้อยก็อยู่ได้อยู่รอด

รายละเอียด

แต่แนวคิดของพระพุทธเจ้านั้นจริงใจ ไม่เห็นแก่ตัวเสียสละ มีน้อยก็อยู่ได้อยู่รอด มีน้อยอัปปิจฉะก็อยู่รอด แม้ที่สุดไม่สะสมสมบัติเลย อปจยะ ก็อยู่รอดใช้กับกองกลาง แล้วทุกคนมีนิสัย มีวิสัย 

ที่จริงแล้ว วิสยะ จนกระทั่งถึงขั้นอนุสัย สยะคือตัวตน 

อาศัย หรือาสยะ แล้วก็ นิสยะ แล้วก็ วิสยะ แล้วก็อนุสยะ

สยะ 4 อย่าง มันเป็นการพัฒนาตั้งแต่อาศัยจนเป็นตัวตนที่มีคุณภาพคุณธรรมสูงขึ้นเรียกว่า นิสัย ตัดกิเลส นิโรธออกไป ที่มันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้มาให้เจริญขึ้นเป็นนิสัย จนกระทั่งสูงขึ้นเป็นวิสัย เป็นตัวตนที่มีคุณสมบัติ คุณวิเศษลึกซึ้งขึ้นไป จนกระทั่งสุดท้ายเก็บไว้ในอนุสัย อนุสัยอันนี้ไม่ใช่กิเลสนะ แต่เป็นคุณวิเศษหรือคุณธรรมอันวิเศษ สยะ อันวิเศษที่จะต้องมีอยู่ ตามตัวเองไป อนุแปลว่า ตาม ซึ่งคนรู้ไม่ได้ง่ายๆเพราะละเอียด อนุสยะ ถ้ากิเลสก็เล็กน้อยตามไป นี่ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นคุณวิเศษ อนุสัยนี้เป็นคุณวิเศษซึ่งยังไม่มีใครอธิบายมีแต่อาตมามาอธิบายว่าอนุสัยเป็นคุณวิเศษ ไม่ใช่กิเลส ถ้าเป็นกิเลสก็เป็นกิเลสละเอียด และเป็นคุณวิเศษก็เป็นคุณวิเศษระดับพิเศษระดับละเอียด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:48:51 )

มีน้ำใจเป็นองค์รวม

รายละเอียด

จิตของคนที่มีน้ำใจเป็นองค์รวม เอามาให้แก่คนที่จะช่วยเหลือชีวิต ทั้ง 13 ชีวิต มันเป็นลักษณะของจิต ที่ต้องช่วยกันเสียสละจนกระทั่งมีคนตาย ตายก็ต้องอนุโมทนาที่เขาได้เสียสละ ไม่มีใครอยากตายหรอก ทุกชาติทุกประเทศมา มันเป็นสุดยอดของน้ำใจ กลับไปเทียบกับฟุตบอลที่เป็นอบายมุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:28:18 )

มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเจือจานเกื้อกูลกันยิ่งใหญ่ที่สุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราสร้างอาหารเถอะ เป็นความจำเป็น ซึ่งยังไม่เหลือเฟือ อย่าเอาพลังงานไปสร้างอาวุธ สร้างของเฟ้อๆ เทคโนโลยีต่างๆเฟ้อ พอแล้ว เกินแล้ว ขณะนี้เกินแล้ว เทคโนโลยีทุกวันนี้ มันมีบางชนิดเท่านั้นที่จะต้องอาศัย ที่จะเป็นพาหนะนำพาให้เร็ว ให้ได้มากๆ หรือรักษาถนอมคุณภาพ ถนอมอาหาร อย่าให้มันเสียง่าย ส่งไปให้แก่กันและกัน เกื้อกูลกัน 

ถ้ามีน้ำใจ จิตวิญญาณที่เกื้อกูล เผื่อแผ่เอื้อเฟื้อเจือจาน ช่วยเหลือผู้อื่น เท่านี้แหละ ยิ่งใหญ่ที่สุด จิตใจที่เอื้อเฟื้อเจือจาน ยิ่งมีความฉลาด รู้เป้าหมาย รู้ความจำเป็นความต้องการของถิ่นที่มนุษยชาติ กลุ่มไหนเขาต้องการอะไร มนุษยชาติจำเป็นอันนี้ ยิ่งรู้ละเอียดเหมาะพอ ก็ยิ่งได้ประโยชน์ตรง ถูกประโยชน์ ถูกสภาพของมัน ไม่สูญเปล่า ก็ยิ่งดี ไม่มีอะไรสูญเปล่า ไม่มีอะไรบกพร่อง Errorหาย หกตกหล่น ก็ยิ่งดีเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:57:26 )

มีบุคคลกำลังนำกฎหมู่มาขู่กฎหมาย..

รายละเอียด

เอออันนี้ก็มีแง่ มีประเด็นแง่เชิงที่เอามาว่ากันได้ กำลังมีคนนำกฎหมู่มาขู่กฎหมาย เขาก็ยืนยันว่าเขาได้คะแนนเสียงมา ชนะเลือกตั้งมา เขาก็ว่าเขาได้ชนะเลือกตั้ง ได้คะแนนมากกว่าใครๆ เขาว่าเขาเป็นเสียงประชาชน นี่แหละมันทำให้มองเห็นว่า คนที่ไปหลงเรื่องการเลือกตั้ง Election ไปหลงการเลือกตั้ง  ศาสนาการเลือกตั้งว่าเป็นประชาธิปไตย ถือจัด ถือยิ่งเลย เสร็จแล้วได้คะแนนนี้มาก็นึกว่ามันสุดยอดแล้ว ดังที่มีเหตุการณ์อยู่ในปัจจุบันนี้ มีคนเขาแย้งต่างๆนานาให้เห็นได้ว่า ประชาธิปไตยนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ประชาชนมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น บอกว่าเป็นประชาธิปไตยเต็มใบด้วยนะถ้ามีเลือกตั้ง ถ้าไม่มีเลือกตั้งยังเต็มใบไม่ได้ เขาว่าอย่างนั้น ก็เป็นความรู้ความเข้าใจของแต่ละคน อาตมาก็วิเคราะห์วิจัยไปบ้าง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 29 พ่อครูฝืนสังขารเพื่อต้องการลูกๆได้ PI(โพธิรักษ์ Intelligence)วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 แรม 8 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 10:51:48 )

มีบ้านอยู่เป็นอนาคามีได้หรือไม่

รายละเอียด

ก็มีบ้านได้ ปลูกบ้านแต่ว่าเราไม่ได้ยึดเป็นเราเป็นของเรา เรามีแล้วก็ทางส่วนกลางมีที่มีทาง เราปลูกของเราแต่เราก็ไม่ได้ยึดติดว่าบ้านนี้เป็นของเรา แต่ถึงอย่างไรเราก็มีสิทธิ์มีส่วนที่จะอยู่ เราก็อยู่ก็พักของเราไป ใครจะมาอยู่บ้าง เราจะเป็นอนาคามีหรือไม่ก็อยู่ที่ใจเราว่า 

ถ้าเผื่อว่าใครเขาจะมาหรือละลาบละล้วงบ้านเราบ้าง หรือ ก็ยินดีที่ใครๆจะมาพักบ้านเรา ถ้าใจอย่างนั้นก็เป็นอนาคามีได้ ก็ไม่เป็นไร ก็ดีก็สะดวก เหมือนอย่างอาตมาก็ยังมีที่ที่เขาจัดสรรให้อยู่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วอาตมาก็ไปอยู่ที่ตรงนั้น อย่างอาตมาอยู่ประจำชั้น 4 ก็อยู่ เหมือนกันกับคุณก็อยู่บ้านหลังนี้ เป็นต้น ก็ไม่มีปัญหา จะว่าติดสบาย มันจะว่าก็ใช่ มันสะดวกดีนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ 

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 12:20:16 )

มีปณิธานจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องสั่งสมสัมภาระวิบาก

รายละเอียด

ไม่ใช่ ต้องมีแต่เหตุ สั่งสมสัมภารวิบาก มีปณิธานจะเป็นพระพุทธเจ้า บำเพ็ญเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จนเป็นอรหันต์ขั้นที่ 2 3 4 5  จนถึงขั้นที่ 6 จึงเป็นพระพุทธเจ้า อย่างอาตมาดำเนินรอยตาม เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 คนก็พยายามเข้าใจว่า อาตมากำลังขึ้นถึงระดับ 8 อาตมาก็ไม่ยอมเสื่อมจากระดับ 7 เราต้องพัฒนาขึ้นไป สรุปเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:59:46 )

มีปทปรมบุคคลจำนวนมากจมอยู่ในมหาเถรสมาคมไม่ใช่เพราะจำนนแต่เพราะโง่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่เป็นยอดของพญาครุฑ จะมี ปทปรมะ เป็นตัวตั้ง คือเป็นผู้ที่รู้จักความรู้ ทรงจำมาก สอนก็มาก แต่ ตนเองไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลยในชาตินั้น อย่าว่าแต่บรรลุเลย สังโยชน์ข้อแรกคือกาย ก็ยังยาก ยิ่งเป็นคำว่าฌาน คำว่าบุญ กับสมาธินั้น ยังไม่ต้องไปพูดถึง เมินเสียเถิด ยากที่เขาจะรู้ได้ นี่คือเรื่องของ ปทปรมบุคคลนั้นเยอะแยะเลยจมอยู่ในมหาเถรสมาคม ออกมาจากกองลาภ กองยศ กองสรรเสริญ กองโลกียสุข เขาออกมาไม่ได้หรอก 

ถ้าเขามีปัญญา เขาไม่อยู่หรอกเขาต้องออกมา จะอยู่ได้อย่างไรกับพวกกองอเวจีพวกนี้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มันเป็นอันตรายแสบเผ็ดของพระขีนาสพนะ อยู่ไม่ได้หรอกเขาจะไม่อยู่เลย แต่เขาต้องอยู่นั้น ไม่ใช่เขาจำนน แต่เขายังโง่ เขายังไม่รู้ตัวเองไม่มีปัญญาพอจะรู้ เขาจึงอยู่กับมันอย่างนั้น ทนได้ ดีไม่ดีอยู่จนตาย ดีไม่ดีก็ได้รับ อวยยศ อวยศักดิ์ สูงส่งเป็นพญาครุฑ ลอยเหินลม นอกจากเป็นปทปรมบุคคลแล้ว ยังมาดูถูกผู้ที่เขามีโลกุตรธรรมอีกด้วย ก็เป็นอวิชชาซับซ้อน หรือเป็นบาปซับซ้อน ให้แก่ตัวเอง โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เขาทำสิ่งที่เป็นบาปให้แก่เขาเอง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเขาทำบาป อาตมาไม่ได้ใส่ความนะ ไม่ได้ไปหาเรื่องหาราวไปว่าเขา ไม่ใช่นะ อาตมาพูดความจริงสู่ฟัง ในโลกที่มันเป็นอย่างนี้ 

เพราะฉะนั้นก็ขอสรุปว่า ชาตินี้อาตมาหนักและเหนื่อย ที่จะนำความเป็นจริงของสัจธรรมพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะโลกุตรธรรม เข้ามาสถาปนาลงไป หนักมากและเหนื่อย มันเป็นวิบากขั้นของอาตมาที่จะต้องเผชิญกับสิ่งนี้ จะสู้ได้ไหม สู้ไม่ได้ก็หมายความว่า คุณไม่สามารถจะประกาศโลกุตรธรรมได้เลย แต่อาตมาสบายมาก สามารถประกาศโลกุตรธรรมได้อย่างอิสระเลย ทุกวันนี้ก็พูดได้สบาย อาตมามีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานอ้างอิงยืนยัน เปิดพระไตรปิฎกยันเข้า มาซัดอาตมา อาตมาก็เปิด พระไตรปิฎกใส่เขาอย่างนั้นแหละ เขาไม่กล้าแย้งหรอกพระไตรปิฎก นอกจากมีคนดูถูกพระไตรปิฎกด้วย ก็มีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องพูดเลย คนเหล่านั้นไม่มีอะไรเป็นสิ่งยึดถือเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 14:51:22 )

มีประโยชน์กับมนุษยชาติ

รายละเอียด

ก็เป็นประโยชน์เนาะ เทศน์ไปแสดงธรรมไป เราก็มีประโยชน์กับมนุษยชาติ เราได้แสดงความเห็น เขาเห็นด้วย ถูกต้อง เราก็ยืนยันว่าเราศึกษานี้ถูกต้อง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:23:24 )

มีปรโตโฆษะแล้วปฎิบัติตามด้วยจึงจะเกิดจิตยินดี

รายละเอียด

ที่พูดไม่ได้นี่ไม่รู้หรือว่าพูดไปแล้วจะขายขี้เท่อหรือเปล่า พูดบ้างสิ เราจะได้ฟัง อาตมาว่า ถ้าคุณเอาแต่เพ่งโทษอาตมา เอาแต่จับผิดอาตมาตลอดไป ไม่เปิดจิต คุณจะไม่เกิดสัมมาทิฏฐิเอาเลย ไม่เกิดเลยเป็นอันขาด ลองสิ ลองเปิดจิตเปิดใจ รับอาตมาซะบ้าง ว่าเอ๊.. คนนี้เผื่อจะมีอะไรดีๆอยู่นะ เปิดจิตรับ มีปรโตโฆษะบ้าง คุณจะสามารถเข้าใจได้สัมมาทิฏฐิได้ โดยเฉพาะคุณต้องปฏิบัติด้วย คุณต้องปฏิบัติตามที่อาตมาพูดนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ตาม จรณะ 15 วิชชา 8 คุณจะสามารถเข้าใจแล้วเชื่อขึ้นมาบ้าง มันจะเกิดความเชื่อขึ้นมาเอง คุณก็จะเริ่มมีจิตเห็นดี ยินดี คือมีฉันทะเป็นมูล อันนี้เป็นข้อ 1 ของมูลสูตร 10 คำว่าฉันทะหรือยินดี ซึ่งมันเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 11:10:27 )

มีปัญญา 8 จึงรู้จักรู้แจ้งรู้จริงเทฺวได้สัมบูรณ์

รายละเอียด

“สังขาร”นี้แหละ คือ “ธาตุที่ปรุงแต่งกันอยู่ของ “วิญญาณ”อันมี“ภาวะ 2”ก็คือ “เทฺว”นั่นแหละซึ่งเป็น “นาม-รูป”ปรุงแต่งกันไป เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันและกัน ตามหลัก“ปฏิจจสมุปบาท” ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ถ้าไม่มี“ปัญญา”ก็ไม่สามารถจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “ปฏิจจสมุปบาท”ดังว่านี้ได้จริง   

เมื่อคนผู้ไม่มี“ปัญญา 8”ก็ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“ภาวะ 2”ที่“ปรุงแต่งกันอยู่”ของ“เทฺว”ทั้งหลาย จึงมีแต่“อวิชชา” หรือแม้จะมี“ความรู้-ความฉลาด” ก็ไม่ใช่ “วิชชา”ที่เป็น“โลกุตระ” จึงยังคงมีแต่“ความรู้-ความฉลาด”ที่จมงมอยู่แค่ในกรอบของ”โลกียธรรม”ตามเดิม ซึ่งมันยังไม่ใช่“โลกุตรธรรม”อันพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ      

“ความรู้โลกุตรธรรม”จึงจะมี“ปัญญา”ที่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“เทฺว”ได้สมบูรณ์ ก็จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความปรุงแต่งทั้งหลาย” ทั้งของ“อุตุนิยาม-พีชนิยาม-จิตนิยาม-กรรมนิยาม-ธรรมนิยาม” ครบ“ธรรมนิยาม 5”อย่าง“สัมมาทิฏฐิ”จริง คนผู้นี้ก็สามารถ“จัดการปรับจิตปรุงใจ(อภิสังขาร)ของตน”อันคือ“เทฺว”ของตนให้มีภาวะทรงอยู่(ธรรม)”ด้วยความสามารถของ“กรรมของตน”อาศัยดำเนินไปในขณะที่ ผู้นั้นยังเป็น“จิตนิยาม”อยู่ใน“กาล”แห่งเอกภพมหาจักรวาล จนกว่าตนเองจะทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ตายเลิกสลาย“จิตนิยาม”ไป

เห็นมั้ยว่า ความเป็น“เทฺว”นั้นเป็นภาวะที่“ยิ่งใหญ่ล้ำลึก” เป็น“1”แท้ๆจริงๆสุด“สูงหล้าฟ้าลึก”ครอบมหาเอกภพจบสิ้นจักรวาลแต่เพียง“1 เดียว”ที่ยากเกินยากกว่ายากใดๆ ที่จะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงกันได้ง่ายๆ ถ้าไม่มี“ปัญญา 8”หรือ“วิชชา 8”ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงค้นพบ แล้วนำมาตรัสสอนมนุษย์ในโลกให้รู้ตาม ก็จะไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความจริง”นี้ได้

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2565 ( 14:56:07 )

มีปัญญาก็เห็นทุกข์

รายละเอียด

ที่จริง ผู้สัมมาทิฏฐิแล้วไม่ต้องพูดเลย ท่านปฏิบัติทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ลืมตามาตลอดไม่ได้ไปหลับตาทำ แต่ทีนี้ เพราะเขามิจฉาทิฏฐิในเรื่องปฏิบัติธรรมหลับตา มันก็เลยมั่วซั่วไปหมดเลย แปลพยัญชนะ ก็เลยไปกันใหญ่เลย 

คนละวาที อาตมากับฝั่งโน้น คนฟังดูก็เลือกเอา แยกแยะตัดสินเองว่าอันไหนเป็นธรรมะอันไหนเป็นอธรรม ก็แล้วแต่คน ที่สุดก็คือตัวเองเป็นผู้ตัดสิน คุณสว่างแสงว่ามานี้ก็ต้องเป็นอาริยบุคคล มีปัญญาก็เห็นทุกข์อาริยสัจ เป็นอาริยบุคคลไปตามลำดับ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 19:12:15 )

มีปัญญารู้จักขันธ์

รายละเอียด

คุณต้องมีปัญญา

1. รู้จักตัวกิเลส

2. รู้จักความเป็นขันธ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ต้องแยกแยะสภาวะเมื่อไหร่เป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ต้องเข้าใจจริงๆมีสภาวะรู้ของตน ขณะนี้เรียกว่าเวทนา อย่างนี้เป็นสัญญา สังขาร วิญญาณ เราก็จัดการมันได้อย่างถูกหน้าที่

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:08:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:10:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:20:44 )

มีปัญญาอยู่เหนือ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อได้จิตสะอาดแล้วจึงตกผลึกลงเป็นสมาธิ สมาธิจึงเป็นหัวหน้าเป็นประมุขเป็นใหญ่ของจิต (มีสมาธิเป็นประมุข : มูลสูตร 10) คือจิตที่สะอาดแล้วก็ตกผลึกเป็น อเนญชาๆๆ ไม่หวั่นไหว แข็งแรง รอบรู้สูตรของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เจโตปริยญาณ 16 ทำให้เกิดสมาหิโต เป็นวิมุตหลุดพ้นได้จริงๆ ทั้งเจโตและปัญญา สมาธิกับวิมุต 2 อย่าง ทั้งเจโตกับปัญญา ตกผลึกลงมา เป็น อเนญชา ที่เป็นจิตสมาธิของพระพุทธเจ้าเรียกว่า สมาหิโต 

ไม่ใช่ไปนั่งสะกดจิตแล้วก็เป็นสมาธิ ทั้งๆที่กิเลสก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้เรื่องของกิเลส สะกดไปแล้วตกผลึกแข็ง แข็งทื่อ แล้วเรียกสมาธิ เขาก็เข้าใจของเขาอย่างนั้น ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย 

เพราะฉะนั้นสมาธิก็ต่างกัน สมาธิเป็นประมุข เขาก็เป็นประมุขนะ เราก็เป็นประมุข อธิบายตัวเดียวกัน ภาษาเดียวกัน แต่มันคนละเรื่องกันเลยกับสภาวธรรม ซึ่งสมาธิของพระพุทธเจ้านั้นลืมตามีสติตื่นเต็มทางกายก็ 100% ทางวจีก็ 100% ทางมโนก็ 100% อาตมาก็พูดไปหมดแล้ว ตื่นเต็ม ไม่ใช่ไปนั่งหลับนั่งหรี่นั่งหลบ ยิ่งหลับตาเข้าไปข้างใน ไม่ใช่เลย 

ตื่นเต็ม มีความแข็งแรง สติเป็นอธิปไตยเป็นอำนาจ แล้วมีปัญญาอยู่เหนือ มีความรู้ รู้ว่าโลกเป็นอย่างนี้ก็รู้กับเขา ช่วยกัน ไม่ไปข่มไปเบ่ง สงสาร คุณไม่พ้นจากสงสารนั่นเอง คุณก็วนอยู่ในวัฏสงสาร ก็ช่วยกันไป สงสารขึ้นมาก็ช่วยกันไป

เพราะฉะนั้นคนที่บรรลุแล้วถึงขั้นที่เป็นรากข้อที่ 8 ข้อที่ 9 เข้าไปนี่ (8. มีวิมุติเป็นแก่น, มีอมตะเป็นที่หยั่งลง : มูลสูตร 10) พอเป็นวิมุติจริงอย่างสัมมาทิฏฐิแล้วได้แก่นแท้ ตามที่ไปแสวงหาแก่น(จูฬสาโรปมสูตร) ได้แก่นถูกต้องแท้จริงแล้ว บรรลุวิมุติแล้ว ก็เป็นอมตะบุคคลข้อที่ 9 ซึ่งเป็นคนที่รู้กาละ รู้กรรม รู้กิจ รู้กาละ ได้กระทำกิจสำเร็จด้วยกรรม จบ ถึงอยู่เหนือกาละ หรือผู้ทำกาละเอง จะตายหรือไม่ตาย ได้ จะตายแล้วเกิดอีก ได้ จะตายแล้วไม่เกิดเลยสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ได้ เห็นไหม มันจบหมดเลย อัตภาพหรือจิตวิญญาณของแต่ละคนของแต่ละคน รับผิดชอบของตัวเอง แล้วจัดการให้สมบูรณ์แบบเป็นอรหันต์ ผู้จบกิจแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:25:14 )

มีปัญญาไม่มีปัญหา

รายละเอียด

ฟังเข้าใจและทำให้ได้ แล้วคุณจะมีปัญญาไม่มีปัญหา คนมีปัญหานั้นมีความทุกข์ คนหมดปัญหาแล้วไม่มีปัญหาเลย มีแต่ปัญญา ไม่มีทุกข์ แต่อาตมาไม่มีปัญหา ไม่มีเลยไม่มีปัญหา ทุกวันนี้ก็มีกุ๊กไก่มาถามอาตมา ถามปัญหานั่นปัญหานี่แล้วเขาก็ช่างหาคำถาม แล้วไปอ่านพระไตรปิฎกมาถามด้วยนะ 

ใหม่ๆนี้มาถามว่า ปรินิพพานนี่ถอนได้ไหม ช่างหาคำถามมาถาม อะไรถอน อาตมาก็บอกงงๆเขามาถาม ถอนได้ไหม เขาก็ยืนยันอย่างนั้นปรินิพพานถอนได้ไหม อะไรไปถอนอะไรปรินิพพาน อย่างนี้เป็นต้น ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่า เธอถามเลยปัญหาไปแล้ว ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าก็ตรัสกับสาวกอย่างนั้น แต่นี่จะไปพูดกับกุ๊กไก่เขาคงจะไม่รู้เรื่อง เธอถามเลยปัญหาไปแล้ว เอาปัญหาที่ไม่เป็นปัญหา หรือมันเป็นปัญหาที่จะไปตอบยังไง ปรินิพพานถอนได้ไหม นี่ก็เป็นอันหนึ่งที่ก็เอาเรื่องจริงมาพูด 

     

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 16:37:52 )

มีปิติจากการรับเสด็จใกล้ชิดมากกว่าการนั่งสมาธิ

รายละเอียด

นี่เป็นลักษณะการปฏิบัติแบบเคลื่อนไหวมันเป็นธรรมชาติกว่าไปนั่งหลับตาสมาธิ มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมกับเหตุการณ์ขณะนั้น Status Quo ใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:31:04 )

มีผู้รู้คิดไว้ก่อนแล้วเราศึกษาตามเขาจะง่าย

รายละเอียด

ก็นับหน่วยพลังงาน 2 3 4 5 6 7 8  เก่งไปถึง 9 ต่อจากนั้นก็ 0 เป็น cyclic รอบใหม่ จะขยายเป็น 10 20 30 เป็นหน่วยซ้อนเข้าไปอีกก็ได้ ขยายจาก 10 20 30 หน่วยซ้อนไปอีก กลายเป็น 90 ก็ได้ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสูตรพยัญชนะที่จะขยายอย่างนี้ อาตมาจึงใช้สูตรเป็น 

 E=C(MC2 + A)  ใครจะทำต่อให้มันได้ทางวัตถุ ทางนามธรรมก็ทำได้ แต่ทำไปเถอะ ปฏิบัติขยายผลไปเราจะเข้าใจสูตรเหล่านี้ 

สูตร คือ ตัวแทนรูปนาม ย่อลงมา ให้มันเป็นหลักของความรวมกันอยู่ในรูปของสังขาร บวก คูณ ยกกำลัง หรือลบ แต่ลบเราไม่ได้เอามาใช้ เราใช้สูตรไปในทางคูณและยกกำลัง ของอาตมาในขั้นยกกำลัง ไม่ใช่แค่ขั้นสัมประสิทธิ์ระดับสูงเท่านั้น 

อาตมาพยายามพาทำมา ทำสภาวะได้ก่อนแล้วค่อยไปเอาตัวพยัญชนะภาษามาแปะชื่อทีหลัง เอาพยัญชนะเอาชื่อมา หาตัวสภาวะยาก ค้นหายาก ยิ่งอันที่มันเกินกว่าคิด เกินกว่าที่จะมีผู้รู้ คิดเองยากมาก ถ้าหากมีผู้รู้คิดไว้ก่อนแล้วเราศึกษาตามเขาจะง่าย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปทำพยัญชนะ เราทำสภาวะตามที่พยัญชนะพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ครบหมดแล้ว อาตมาไม่ต้องเหนื่อยเรื่องหาพยัญชนะมาทดแทน 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:24:09 )

มีพระบรมสารีริกธาตุเพื่อยืนยันอะไร

รายละเอียด

แปลภาษาว่ากระดูกพระพุทธเจ้าคือพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าหากเขาบอกว่าอันนี้เป็นพระบรมสารีริกธาตุ เป็นกระดูกพระพุทธเจ้า แล้วเราจะมีกระดูกพระพุทธเจ้าเอาไว้เพื่ออะไร เราพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่เรายอมรับว่าเป็นกระดูกพระพุทธเจ้าเพราะยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นสิ่งสมมติเหมือนเทวนิยมเป็นพระเจ้า พระเจ้าเป็นสิ่งสมมุติอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ไม่เป็นคน ใครก็ไม่เคยเห็นใครก็ไม่เคยรู้จัก มันก็เลยเป็นสิ่งที่ลึกลับ พระเจ้าเป็นสิ่งที่ลึกลับ สัมผัสไม่ได้ มันมีจริงหรือเปล่า คำสอนนี้มาจากไหน คำสอนของพระเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:27:56 )

มีพลัง 4 พ้นภัย 5 หรือธัมโมหเวรักขติ ธัมมจาริง

รายละเอียด

มันชัดเจน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมก็ได้ ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือ มันมีพลัง 4 แล้วก็พ้นภัย 5 อันนี้ยิ่งชัด

  1. ปัญญาพลัง  (กำลังคือ ปัญญา) .  .  .

  2. วิริยพลัง  (กำลังคือ ความเพียร ขยัน) .  .

  3. อนวัชชพลัง  (กำลังคือ การงานที่ปราชญ์ไม่ติ) . , 

  4. สังคหพลัง  (กำลังคือ  การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น)  , 

ปัญญามีความรู้ระดับโลกุตระไม่ใช่โลกียะ แล้วก็มีความเพียร เรื่องขี้เกียจตีทิ้งไป จึงเป็นคนที่ทำงานมีกรรมกริยาแต่ละคนนั้นก็ทำ แล้วไม่ไปทำงานที่เอาพลังงานแรงงานไปทำกรรมที่มันเป็นกรรมชั่วกรรมต่ำ สูญเสีย จึงเป็นกรรมที่มีประโยชน์ที่มีการสร้างสรร ไปทำการกสิกรรม แม้แต่งานสื่อสาร งานการศึกษา มันก็เป็นการงานที่ดี เรียกว่า เป็นผู้ที่ ผู้รู้นักปราชญ์ อนวัชชะมาตู่ท้วงโทษไม่ได้เลยใครมาท้วงติงไม่ได้ เพราะเราทำแต่สิ่งที่ดีกับสังคม แล้วที่สำคัญคือทำแล้วมีผลผลิตมีแรงงานที่เกินส่วนที่จะต้องใช้ในพวกตัวเองเหลือ ก็ไปช่วยเกื้อกูลผู้อื่นมีสังคหะอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่มีพลัง 4 นี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรเลย ไม่ต้องกลัวภัย 5 

  1. อาชีวิตภัย (ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย) 

  2. อสิโลกภัย (ภัย คือ  การติเตียนจากคนโลกๆ) 

  3. ปริสสารัชภัย (ภัยคือ  การสะทกสะท้านต่อสังคม) .

  4. มรณภัย (ภัยคือ  ความตาย) 

  5. ทุคติภัย (ภัยคือ ทุคติ  เช่น อบายภูมิ  นรก เดรัจฉาน ฯ) (พลสูตร  พตปฎ. เล่ม 23   ข้อ 209) อาตมาไม่กลัวคนจะมาติเตียนเลย คนที่มาติเตียนคือคนอวิชชาคนไม่รู้ ผู้รู้จักติเตียนไม่ได้เลยของพวกเรานี้ เพราะฉะนั้นจะพ้นภัย อาสิโลกภัย แล้วจะไม่สะทกสะท้าน ต่อการที่จะอยู่กับสังคมโลกเขาจะมีอะไรมาเช่น โควิดมาก็ไม่สะทกสะท้าน จะไม่สะทกสะท้านต่อเรื่องสังคมโลกข้างนอกเขาเลย ต่อหมู่กลุ่มอะำรๆที่เขามีการพ่ายแพ้ที่มีการลำบากลำบน ของเรานี้จะไม่ลำบากลำบน ไม่กลัว ไม่ตื่นกลัวไม่สะทกสะท้าน แม้แต่ที่สุดจะมีความรู้ถึงเรื่อง มรณภัย ทุคติภัย จะรู้เรื่องทั้งตายทั้งต่ำ ก็จะไม่กลัวเลย พ้นภัย 5 หมดเลย ไม่มีทุกข์อะไรไม่ได้หวาดกลัวไม่ได้สะทกสะท้าน แม้สังคมโลกเขาจะเป็นอะไรไป ขณะนี้ฝนกำลังตกหนัก หลายที่นะ น้ำมันซัดพัง ข่าวก็ถ่ายมาให้ดู แต่ของเรา มันจะประหลาดมาก จะไม่เจอสภาพพวกนี้ ถึงจะเจอสภาพพวกนี้เราก็ไม่ท้อถอยไม่เป็นไร เหมือนบ้านราชฯ อุทกภัยท่วมหมดเลยเกลี้ยงหมดเลยต้นหมากรากไม้เหลือแต่เศษเหลืองเต็มบ้านเต็มเมือง เสร็จแล้วก็แป๊บเดียวพรึบเลย ไม่ถึงปีเลยก็กอบกู้ขึ้นมาให้เขียวอย่างเดิมอุดมสมบูรณ์อะไรได้อย่างนี้ เป็นต้น ซึ่งไม่ได้สะทกสะท้านไม่ได้กลัวเลยที่จะมีภัย เราไปขึ้นศาลมาไม่รู้กี่จังหวัดฟ้องเราทั่วประเทศเลย นี่คือ ธัมโมหเวรักขติ ธัมมจาริง ซึ่งบางคนก็อาจจะเห็นเรื่องการธรรมะคุ้มครองให้ปลอดภัย 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 15:07:14 )

มีพลังงานอยู่เหนือ วสวัตตีหรืออภิภุยยะ

รายละเอียด

เป็นผู้ที่มีพลังมีอิทธิพล  มีอำนาจควบคุมให้มีหรือไม่มีได้อยู่เหนือมันได้ อนุปคัมมะ เป็นผู้ที่เป็นกลาง รู้สองอย่างมีสองอย่าง ยังไม่ตายยังไม่ดับธาตุรู้ ยังไม่แยกธาตุรู้เป็นดินน้ำไฟลมมันก็รู้ความจริงของสองหรือเทวะนี้ตลอดเวลาแล้วเราก็ไม่ไปเข้าข้างไหน ไม่เกิดข้างไหน 

จะอาศัยมี อาศัยไม่มี ได้เป็นผู้ที่มีอิทธิพล มีพลังงานอยู่เหนือ วสวัตตีหรืออภิภุยยะ มีพลังเหนือมัน อยู่เหนือมันได้ นี่เอา อภิภายตนะ 8 มาขยายความเพิ่มเติมวันมาฆบูชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 12:12:05 )

มีพลังสี่จะพ้นภัยห้า

รายละเอียด

1 ปัญญา จะมีพลังปัญญาจริงๆ 2 มีวิริยพละ มันดีจริงๆ วิริยะ เป็นตัวชัดเจนจะยืนยันว่าคุณมีปัญญาหรือเปล่า หากสิ่งนี้ดี อย่างดาบหรือร้อยตรีแล้วที่ปลูกต้นตาล ร้อยตรีวิชัย หรือคนอื่นก็มี มีคนที่กวาดขยะก็ตาม เขาทำด้วยปัญญาเขารู้ว่าเป็นของดี ไม่ใช่ของต่ำ ทำด้วยความฉลาดก็เลยมีวิริยะ พลังวิริยะก็ตามมา ผู้เป็นปราชญ์รู้จะไม่ติเตียนพวกนี้ว่าเป็นผู้ที่ต่ำไม่เจริญ ตอนนี้แหละคือผู้ที่เจริญเป็นงานสร้างสรรค์เสียสละแก่สังคม ที่คนเข้าใจว่าต่ำแต่เป็นงานที่ดีที่สำคัญที่จำเป็นด้วย เป็นสังคหะ มันเป็นเรื่องเกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือพลัง 4 เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นทั้งนั้นเลยนี่คือพลัง 4 มันจะเกิดการพ้นภัย 5 เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งสุดยอดในเรื่องคำสอนพระพุทธเจ้า อาตมาถึงบอกว่าธรรมะพระพุทธเจ้ามาฝึกกันจริงๆอย่าไปจมกับเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ หรือเป็นทุนนิยมอำนาจนิยมโลกียนิยมกันไป สร้างอลังการแข่งกันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:09:45 )

เวลาบันทึก 23 เมษายน 2567 ( 14:50:03 )

มีพลังเสียสละได้มากเพราะอะไร

รายละเอียด

ตัวนี้คือ ธาตุรู้ ในธาตุรู้นั้นพระพุทธเจ้าใช้บัญญัติว่า ปัญญา ซึ่งเป็นความรู้ความฉลาด ที่เป็น อัญญธาตุ เป็นธาตุรู้ธาตุฉลาดที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ง่าย ๆเพราะมันครบหมดจบ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับสูญ เป็นความรู้ที่จบครบบริบูรญ์สูญหมดใจและมีเหตุมีปัจจัย มีกระบวนการสามารถเรียนรู้ให้จบครบ ความรู้สึกก็รู้ครบบริบูรณ์อันนี้ได้ด้วย พลังสลายอัตตา สลายธาตุรู้ หรือจะไม่สลายเป็นผู้รับใช้โลกเสียสละให้แก่โลกยิ่งกว่าแม่ชีเทเรซาก็ได้ การจะไปทำงานอย่างแม่ชีเทเรซาจะเป็นการเลือกทำงานที่โก้ ช่วยคนอย่างหนักเต็มที่ โก้ๆ คนที่เป็นโรคเรื้อน โรคต่างๆที่แม่ชีเทเรซา ช่วยได้นั้นมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ในโลก แต่คนที่เป็นทุกข์อื่นๆยิ่งกว่านั้นอีกมีมากกว่า โดยเฉพาะคนที่ หลงรวย หลงใหญ่โต หลง จะมีอำนาจในโลกเป็นคนที่มีทุกข์ที่น่าช่วยเหลืออย่างที่สุดเลย เพราะมันจะซับซ้อนจะหลงวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนานมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:23:01 )

มีภูมิธรรมสูงแล้ว ไม่เป็นเหยื่อของการเมือง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีจิตวิญญาณ มีปัญญา มีภูมิธรรมสูงแล้ว ไม่เป็นเหยื่อของการเมือง แต่การเมืองนั้นพระต้องพูด เพราะผู้เป็นสมณะ เป็นอาริยะ เป็นผู้ที่มีทศพิธราชธรรม 10 ข้อแน่นอน ถ้าพระไม่มีแล้วใครจะมีล่ะ ฆราวาสหรือในพระเจ้าแผ่นดินจะต้องมี ทศพิธ คือ 10 อย่าง ในคุณธรรมที่แท้จริง 10 อย่างจริงๆเลย ต้องมี พระต้องมี เพราะฉะนั้น พระจึงเป็นผู้ที่เอื้อต่อประชาชนให้รู้จักทศพิธ ซึ่งเป็นคุณธรรมของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นพระเจ้าแผ่นดินเรียกว่า ราชะ ต้องมีทศพิธราชธรรม 

ฉะนั้น ธรรมะพระราชา ต้องมีทศพิธ เหมือนพระ พระเป็นปุโรหิต ของพระเจ้าแผ่นดิน ก็สอนทศพิธราชธรรมให้พระเจ้าแผ่นดิน แล้วพระเจ้าแผ่นดินก็ต้องมีทศพิธราชธรรม จึงจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ดี อย่างเมืองไทยเรานี้ ในหลวง ร.9 เป็นต้น มีทศพิธราชธรรมที่แท้ ซึ่งก็สาธยายถึงสภาพที่ดีงาม ไม่ง่าย ไม่หมดหรอก ละเอียดลออ ครบ อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่รู้คำว่า การเมือง คุณก็ไปเอาการเมืองของพวกที่ เสือ สิงห์ กระทิงแรด พวกการเมืองเสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่ใช่การเมืองที่มีภูมิธรรม มีทศพิธ ผู้ที่เป็น ผู้ที่มีภูมิปัญญา ก็ต้องมีทศพิธ แม้ไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดิน ทุกคนที่เป็นพุทธศาสนิกชนก็ต้องมีทศพิธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 19:04:12 )

มีมวลชนที่รู้มรรคผล วันมาฆบูชา

รายละเอียด

อาตมาทำงานศาสนาพุทธโลกุตรธรรมมาถึง 50 กว่าปี มาถึงวันนี้ได้นำคำว่า กาย หรือคำอื่นๆอีก ของศาสนาพุทธ คำว่า กาย คำว่า ฌาน คำว่า สมาธิ คำว่า บุญ เป็นต้น มาขยายความ ซึ่งมันผิดเพี้ยนไป มันไม่ถูกนี่ จนวันนี้แล้ว ผู้ติดตามอาตมาฟังดีๆแล้วได้มรรคได้ผล ฟังรู้เรื่องแล้วเอามาปฏิบัติจนกระทั่งเกิดมวลชน ถึงวันนี้อาตมามีผลสำเร็จ มีมวลชนที่รู้มรรคผลแล้วก็สามารถมาปฏิบัติได้จริง เป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ กันจริงๆได้ประมาณนี้ 

วันนี้วันมาฆบูชา คือ วันรวมพลคนมาวันนี้จึงเป็นคนที่มา คนที่มารวมกันให้อาตมาได้พบหน้าตาบ้องแบ๊วๆอยู่นี่ มองไปมืดๆ ถึงขั้นทะลุออกนอกศาลาไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างล่าง ไม่เห็นหน้าไม่เห็นตาแล้วก็ตาม ได้ประมาณนี้คือผู้มา นอกนั้นคือผู้ไม่มา นี่คือผู้มา นอกนั้นคือยังไม่มา ยังมาไม่ได้ เอาแค่นี้ก่อนไปงมเอาเองว่าหมายความว่าอะไร ก็ได้แค่นี้ นี่เป็นเครื่องยืนยันนะ มันเป็นเรื่องความเป็นจริงของปัจจุบันสภาวะในคำว่า คุณมีผลสำเร็จ คุณมีการก้าวเดินของคุณ ไปได้ไกลถึงจุดไหนถึงจุดนั้นจุดนั้นวินาทีนี้ ตรงนี้ มันเป็น มีอันนี้ได้อันนี้มันเป็นสัจจะทั้งหมด คุณจะบันดาลอย่างอื่นไม่ได้ มันได้เท่านี้มันเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าอาตมายังไม่ตาย มี มาฆบูชาหน้า จะมากกว่านี้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดที่ไหน  จะมาฆบูชาที่ไหน สถานที่ไหนในอนาคตไม่รู้ ก็จำไว้ว่าอาตมาจะพยากรณ์ถูกหรือผิด 

แม้ว่าเหตุปัจจัยในวันมาฆบูชาปีหน้า คนจะมาน้อยกว่านี้ อาตมาก็ยืนยันว่า อาตมารู้ว่าอาตมาก็ไม่ผิด แต่จะรู้ว่ามีเหตุปัจจัยอะไร เอาล่ะคอยฟังและติดตามดู มาต่อ ทาน ศีล ภาวนา เมื่อกี้นี้เกริ่นแล้วว่าเขาได้เข้าใจคำว่า ภาวนาผิด เอาภาวนากลายไปเป็นตัวภาคปฏิบัติ แต่จริงๆ แล้วภาวนามันเป็นภาคตัวเกิดผล เอาภาวนาไปเป็นเหตุ ไปแล้วมิจฉาทิฏฐิไปแล้วสิริมหามายา คุณเล่นกลแล้ว คุณมีแต่มายา เพราะคุณจับตัวผิด นี่แหละคือตัว 2 สำคัญ เอาตัวไหนเป็นเหตุเอาตัวไหนเป็นผล มายานี่ก็สลับ 2 อย่าง แต่สิริมหามายานั้นแม่น เหตุก็คือเหตุ ผลก็คือผล 

เพราะฉะนั้นเมื่อเอาภาวนาไปเป็นเหตุเสียแล้วทั้งๆที่มันเป็นผล มันก็เลยเป็นปากกรวยไปไกลลิบ ยิ่งมิจฉาทิฏฐิไปบานปลายไกลไปเลย เพราะฉะนั้นพวกที่นั่งหลับตาแล้วก็เข้าใจว่าภาวนานี้ นั่งหลับตาสะกดจิตเข้าไปเข้าไปให้จิตมันสงบและสงบอย่างที่ท่านเข้าใจ ในปัญญาข้อที่ 3 ความสงบมี 2 อย่าง ท่านเข้าใจความสงบอย่างนั้นซึ่งผิดว่า เป็นของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตระสงบแบบโลกุตตระซึ่งไม่ใช่ ที่จริงแล้วท่านได้สงบแบบโลกียะอย่างเดิมยิ่งๆ ขึ้นเท่านั้น ซึ่งท่านก็ชำนาญท่านก็ได้อย่างนั้น เสร็จแล้วก็จะไปจบอย่าง อาฬารดาบส อุทกดาบส ที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็จะอุทานว่าฉิบหายแล้วหนอไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ที่อุทานว่าช่วยไม่ได้นั้นก็เพราะว่า โอกาสของ อาฬารดาบส อุทกดาบส จะไปจมดิ่งอยู่ในการสะกดจิตตัวเองแล้วก็กลายเป็นจิตสัมภเวสี ตายไปแล้วเป็นจิตไม่รู้จักใคร ไม่มีใครรู้เรื่องด้วยเลย จมอยู่ในภวังค์จิตของตัวเองแต่ผู้เดียว แล้วก็ติดยึดอยู่ จมอยู่อย่างนั้น จมไปแล้วไม่มีใครไม่มีอะไรมาแพ้วพาน ไม่มีอะไรมาสะกิด ไม่มีอะไรมาชวนให้ตื่น 

และคิดดูสิว่าจะฟื้นได้อย่างไร 1.ตัวเองเข้าใจว่านั่นแหละคือที่สุดจบ 2. ไม่มีอะไรมาสะกิดให้เขารู้ตัว จนกว่าฤทธิ์แรงของพลังที่ได้ฝึกสะกดมานั้น คลายตัว หมดฤทธิ์ เมื่อนั้นจึงจะรู้สึก ทั้ง อาฬารดาบส อุทกดาบส คือ ตัวอย่างของมนุษย์ในโลกที่เป็นตัวอย่างที่ผิดอย่างหนักที่สุด ในยุคพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างแม้ในยุคพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็จะมีคู่ตัวอย่างแบบนี้ ของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ก็จะมีชื่ออะไรก็แล้วแต่ อาฬารดาบส อุทกดาบส ก็จะเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด น่าสงสารที่สุด เหมือนกับอาตมาสงสารท่านพวกไปนั่งหลับตา สมาธิหลับตา อาตมาก็สุดสงสาร แหม เพราะฉะนั้นอาตมาถึงพยายามพูดถึง กระตุกแล้วก็ขยายความให้ตื่น ตื่นเสียที ตื่นเสียทีตื่นเสียที แดดออกแล้ว ฟ้าก็งามดุจเปลวทอง เพลงของสุรพล โทณะวณิก มันไม่ตื่น แดดออกอย่างไรก็ไม่ตื่น เขาไปทำอะไรถึงไหนแล้วก็ไม่ตื่น มันก็ไม่รู้เรื่องอะไรกันพอดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 14:35:53 )

มีมากเป็นภาระ

รายละเอียด

มีปัจจัย 4 มีบริขาร มีเครื่องประกอบใช้บ้าง นิดๆหน่อยๆ คนที่รู้ขีดขอบของการมีชีวิตอยู่ จะรู้ว่าไม่ต้องมีมากเลย มีมากมันเป็นภาระ มีมากต้องเก็บงำดูแลรักษาเป็นภาระ ต้องแบกต้องหาม แค่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ภาราหเวปัญจขันธา ขันธ์ 5 ต้องเป็นภาระให้ต้องดูแลมัน ต้องกิน ต้องขี้ต้องเยี่ยว ต้องตื่น ต้องทำงาน ภาราหเวปัญจขันธา หนักหนาสาหัส กว่าจะเข้าใจได้ถึงขนาดนี้ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า เกิดมายังมีขันธ์ 5 เลย เลิกเถอะจบเถอะ เกิดมาไม่รู้กี่ชาติมาหลงอยู่อย่างนี้ 

แท้ๆ ถ้าชีวิตคุณจะมีอยู่ต่อไปคุณก็หยุดชั่ว ประพฤติดี นั่นเป็นโลกียะ สองอย่าไปติดในสุขและทุกข์เป็นโลกุตระ แต่เทวนิยมหรือโลกทั้งหลายแหล่นี่ยากที่จะเรียนรู้เรื่องสุข เรื่องทุกข์ แล้วเลิกเรื่องสุขเรื่องทุกข์มาเป็นจิตเป็นกลาง จิตเป็นกลาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:07:38 )

มีมิตรดี ย่อมหวังได้อย่างนี้ คือ

รายละเอียด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี  ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8   ย่อมกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8   อย่างไรเล่า ? 

ดูกรภิกษุท.  ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ   อันอาศัยวิเวก  อันอาศัยวิราคะ  อาศัยนิโรธ  น้อมไปในการสละ  ย่อมเจริญสังกัปปะ ฯลฯ ... ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ  อันอาศัยวิเวก  อันอาศัยวิราคะ  อาศัยนิโรธ   น้อมไปในการสละ

ดูกรภิกษุท. ภิกษุมีมิตรดี  ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8  ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค  อันประกอบด้วยองค์ 8 อย่างนี้แล. 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก สุริยเปยยาล เล่ม 19 ข้อ 130

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 20:40:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:10:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:22:10 )

มีมุทุภูตธาตุเป็นไฉน

รายละเอียด

มีมุทุภูตธาตุ มีแกน static ที่สมบูรณ์แบบพอแกนนิ่ง และมีสติสัมปชัญญะปัญญาเร็วไว สมาธิที่หยุดนิ่งแบบพุทธนี้จึงไม่ใช่แบบที่มีแกนนิ่งทื่อ ที่ไม่มีปัญญาแต่มีความไวที่มาก จนกระทั่งมากแรงและเร็ว จนกระทั่งแกนของสมาธิไม่เคลื่อนเลย มันรับแรงเหวี่ยงเร็วได้ดี แกนสมาธิจะทำได้ แกน static จะทำให้เป็นแบบสมาธิพุทธนั้นไม่ง่ายต้องสะสมความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:20:31 )

มีรูปกับนาม จึงเรียกว่าสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

รายละเอียด

คุณจะรู้ได้ต้องมีสัมผัสเป็นปัจจัย มีรูปกับนาม จึงเรียกว่า สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่สุขุมละเมียดละไม ละเอียดลออมาก ที่จะอธิบายเข้าใจได้ การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าจะต้องปฏิบัติในขณะมี วิญญาณฐีติ แล้วจะต้องเรียนรู้ความเป็นสัตว์อีก 9 ชนิด เรียกว่าสัตตาวาส 9 แล้วต้องเรียนรู้ขณะมีวิญญาณตั้งอยู่เรียกว่าวิญญาณฐีติ วิญญาณฐีติจะศึกษาได้มีหลักอยู่ 7 หลัก ส่วนสัตตาวาสนั้นจะมีหลักอยู่ 9 อีก 2 ที่วิญญาณฐีติยกไว้ ก็คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ กับอสัญญี สองอันนี้ท่านยกไว้ ท่านไม่เรียกว่าสัตว์ทีเดียว แต่เป็นสัตว์สุดท้ายแล้ว เป็นสัตว์นามธรรมล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับกายนอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:15:40 )

มีลูกจำนวนพันเป็นอเนก

รายละเอียด

จริงๆ อาตมาก็มาในนัยยะนั้น นี่พูดเปิดเผย อวดอุตริมนุสธรรมของตัวเอง มาเป็นพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เป็นผู้ที่มีลูก จำนวนพันเป็นอเนก คือนับไม่ถ้วนเลย กี่ Thousand จะเป็น Million thousand ก็ว่ากันไปเลย ล้านๆๆ Thousand มาเป็นพันเป็นอเนก เป็นพ่อที่มีลูกจำนวนมาก ไม่มีประมาณ นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสอาตมาไม่ได้พูดเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:20:45 )

มีวรรณะ 9 กับสาราณียธรรม 6 คือสุดยอดแห่งประชาธิปไตย

รายละเอียด

จำหมวดธรรมไว้สองอย่าง วรรณะ 9 กับสาราณียธรรม 6  สองอย่างนี้เป็นแก่นแท้เนื้อแท้ของมนุษยชาติ วรรณะ 9 นี้เป็นคุณธรรมส่วนตัว สาราณียธรรม 6 เป็นคุณธรรมส่วนรวม ถ้ามี 2 อย่างนี้ นี่แหละคือสุดยอดแห่งประชาธิปไตย  ในองค์รวม มีคุณสมบัติของสมาชิกสังคมนี้ ต่างก็มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วจะมี Concept เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความคิดองค์รวมจุดศูนย์รวมเป็นนิพพาน เป็นความไม่มีกิเลส เป็นความหมดตัวหมดตน เป็นต้น นี่คือทิฏฐิสามัญญตา แล้วก็มีหลักเกณฑ์การปฏิบัติ ศีลสามัญตา เพื่อไปสู่ทิฏฐิ แล้วมี status quo จริงๆคือลาภที่ได้โดยธรรม เป็นสาธารณะ มาดูของจริงได้ที่ชุมชนชาวอโศกทุกชุมชน มีสาราณียธรรม 6 นี้ เพราะคนในชุมชนชาวอโศกแต่ละคน สมาชิกแต่ละคน มีวรรณะ 9 มากบ้างน้อยบ้าง สมบูรณ์บ้างไม่สมบูรณ์บ้าง มีแน่นอน มากน้อยแล้วแต่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภุมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:38:54 )

มีวิญญาณ 2 ดวงอยู่ในร่างเดียวได้ไหมเหมือนการเข้าทรง

รายละเอียด

ไม่ได้ วิญญาณของคนอื่นกับวิญญาณของเราอยู่ในร่างเดียวกันไม่ได้ 

การเข้าทรงไม่มีวิญญาณคนอื่นหรอก มีแต่วิญญาณตนเอง วิญญาณคนอื่นคนไหนมาเข้าทรงเราไม่ได้ การเข้าทรงคือสะกดจิตตัวเองนั่นแหละ ตัวเองจะมีความสามารถความรู้เท่าไหร่มันก็แสดงออกตามที่ความเก่งของตัวเอง เป็นจิตสมาธิ จิตสมาธินี้ได้ทั้งโลกีย์และโลกุตระ แสดงออกเล่นฤทธิ์เดชได้ สะกดจิตตัวเองนี่แหละ เก่งเท่าที่ตนเองเก่ง คุณทำได้เท่าไหร่ก็เท่าที่จิตของคุณทำได้ ไม่ใช่การเข้าทรง ไม่ใช่เจ้าที่ไหนมาเข้าทรงอย่างที่จังหวัดภูเก็ตเขาทำกัน ไม่ใช่ เป็นแต่จิตของตนทำเองทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:39:08 )

มีวิธีแก้กรรมในอดีตหรือไม่

รายละเอียด

อดีตนี้แก้ไม่ได้ ต้องทำปัจจุบันนี้อย่างเดียว ทำความไม่ดีไม่ชั่วให้จบจึงจะสูญ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:17:27 )

มีศรัทธาไม่เอาศีลเป็นตัวต้นก็ผิดจากจรณะ 15

รายละเอียด

มาสู่พระไตรปิฎกอัมพัฏฐสูตร อ่านมาถึงศีลแล้ว จุลศีลมัชฌิมศีลมหาศีลซึ่งเดี๋ยวนี้ในโลกศาสนาพุทธไม่นำพาแล้ว ทิ้ง ศีลธรรมนูญของพระพุทธเจ้าไปแล้วอย่างจริงจัง ภิกษุต่างๆก็ไม่เอาแล้วไปอยู่แค่วินัย 227 ก็ถือวินัย 227 เป็นศีล ไม่นำพาในเรื่องมหาศีล ละเมิดมหาศีลเต็มไปหมดเต็มวิธีการไปหมดที่ทำอยู่มันผิดหมด อยู่ในวงการศาสนาพุทธทั้งหมด สวดมนต์สวดพรก็ผิดเป็นเดรัจฉานวิชาหมด ทำพิธีกรรมอะไรก็ทั้งนั้นแหละจุดธูปจุดเทียนพวกนี้ผิดหมดจริงๆ ไม่ได้ไปใส่ความอะไร เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าศาสนาพุทธไม่เหลือแล้วเพราะไม่มีศีล เมื่อไม่รู้จักศีลไม่มีศีล ก็ไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ซึ่งอยู่ในจรณะ 15 วิชชา 8 เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนใน อวิชชาสูตร

  1. การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ . .ก็หาเหมือนกันแต่ไม่ได้มาฟังอาตมาไม่คบหาสมาคมก็ไม่ได้ฟังสัจธรรมที่บริบูรณ์ ความเห็นความเข้าใจก็ไม่บริบูรณ์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้คมลึกสุดครบ ไม่คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ย่อมทำให้ฟังธรรมไม่บริบูรณ์ ขนาดพวกคุณมาพบแล้วยังฟังธรรมบริบูรณ์หรือยัง ยัง แต่บริบูรณ์ขึ้นใช่ไหม 

  2. การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์ 

  3. ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์  คำว่าศรัทธาจึงไม่ใช่เรื่องตื้นเป็นเรื่องลึกซึ้ง อาตมาเคยขยายความศรัทธา 10 ที่จะเป็นไปเพื่อวิมุต ผู้ที่มีแต่ศรัทธาแต่ไม่เอาศีลมาเป็นตัวต้นก็ผิดจากจรณะ 15 

มีศรัทธาแล้วก็จะมีศีล

  1. ศรัทธา  (เชื่อถือเลื่อมใสในอริยสัจเป็นต้น) 

  2. ศีล (ในบริบทที่สูงไปสู่สีลสัมปทา แห่ง จรณะ15) 

  3. พหูสูต / พาหุสัจจะ (รู้สัจจะบรรลุจริง จนรู้มากขึ้น) .

  4. เป็นพระธรรมกถิกะ (อธิบายสัจธรรม สอนความจริง) 

  5. เข้าสู่บริษัท (สู่หมู่กลุ่มอื่น) . 

  6. แกล้วกล้าแสดงธรรมแก่บริษัท 

  7. ทรงวินัย 

  8. อยู่ป่าเป็นวัตร  ยินดีในเสนาสนะอันสงัด (คืออุเบกขา) . .

  9. ได้ตามความปรารถนาโดยไม่ยาก ไม่ลำบากซึ่งฌาน 4  

  10. ได้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ 

ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 10 ประการนี้แล  ย่อมเป็นผู้ก่อให้ เกิดความเลื่อมใสโดยรอบ และเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง (สัทธา 10  จาก สัทธาสูตร พตปฎ. เล่ม24  ข้อ 8) 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:53:35 )

มีศิลปะในการบอก

รายละเอียด

ยิ่งคุณเป็นอรหันต์ด้วย สบายเลย คุณจะพูดไม่กระดาก ไม่มังกุ ไม่ละอาย พูดกับเขาดีๆไม่ต้องข่มต้องเบ่ง ควรลดควรละอย่างไรก็มีศิลปะในการบอก ในการช่วยเขาให้เขารู้สึกให้เขาสำนึก ให้รู้ว่า  พระพุทธเจ้าท่านสอน สอนอย่างนี้ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็เป็นโลกีย์ กามคุณ 5 ก็เป็นโลกีย์ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

อย่างเช่นมหาบัวไม่รู้หรอกในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กินหมากอยู่ ก็ไม่รู้เรื่อง แล้วมันเสื่อมที่ไปหลงว่าเป็นอรหันต์ก็น่าสงสารคน น่าสงสารชาวพุทธ ไม่ว่าจะเป็นมหาบัว ไม่ว่าจะเป็นธัมมชโย สุดโต่งไปทางอาภัสรา อันนู้นก็ไปสุภกิณหา มหาบัวไปทางมืด  ส่วนธัมมชโยไปทางแจ้ง  ซึ่งไม่ใช่สว่าง ไม่ใช่รู้แจ้งอะไรหรอก บอกว่า ใสๆๆๆ ไสหัวไป อยู่อย่างนั้น จริงๆ นะเขาสอน ไสหัวไป ไสไป มันสุดโต่งกันไป 2  สาย ยกตัวอย่างรูปธรรม ของจริงยืนยันเลย เขาไม่รู้จักความเป็นมัชฌิมา สัจธรรมพระพุทธเจ้า ก็ไปหลงทิศทาง อยู่อย่างนั้น  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:13:48 )

มีศีลคือต้องประพฤติได้

รายละเอียด

คำว่ามีศีล ไม่ใช่ไปท่องเอา มีศีลคือต้องประพฤติได้ อย่างน้อยประพฤติด้วยรูปของกายกรรม วจีกรรมข้างนอก พฤติกรรมทางกายพฤติกรรมทางวจี ไม่ละเมิด ไม่ผิด ก็ยังดี เพราะยังไงๆ กายกรรม วจีกรรมก็จะมาจากจิต แม้ว่าจิตยังไม่มีสภาวะเป็นตัวสะอาด แต่เป็นกิเลสอยู่ก็ตาม ก็รู้แล้วล่ะว่าอย่าฆ่าสัตว์นะ อย่าไปเที่ยวได้รุนแรงอะไรนะ ไม่ฆ่าและไม่รุนแรง ศีลข้อ 2 อย่าไปทุจริตนะ ศีลข้อ 3 ระวังอย่าไปหลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) อะไรอย่างนี้เป็นต้น ศีลข้อ 4 ก็เรื่องวาจา ศีลข้อ 5 ก็เรื่องของจิต 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้ความหมายและไม่รู้ว่าความหมายเหล่านั้นเรามีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ ที่เราเองมีจิตเป็นตัวประธาน มีเจตนา จนกระทั่งเจตนาเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องมีจุดมุ่งหมาย ไม่ต้องมาส่งสัญญาณ ไม่ต้องมาบังคับ ไม่ต้องมาตั้งใจที่จะเป็นเลย แต่กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แม้มีเหตุ มันชวนให้ฆ่า มีเหตุชวนให้ทุจริต มีเหตุชวนให้หลงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) ก็ไม่ทำให้เรานี่หลงปรุงแต่งอย่างเต็มที่ ปรุงแต่งอย่างเต็มใจ ยังเข้าใจ มีสติสัมปชัญญะ สังวรว่าอย่างนี้เป็นกิเลส มีหิริ มีโอตตัปปะ เพราะว่ามีศรัทธา และมีตัวความรู้ในศรัทธานั้นแล้วเป็นเบื้องต้น เพราะฉะนั้นจะเกิดกิเลสพวกนี้ก็มีหิริตามสัทธรรม 7 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 14:56:48 )

มีศีลที่สูงเคร่งขึ้น

รายละเอียด

เรียกว่า ธูตะ จนเกิดผล อาการน่าเลื่อมใส ผู้ที่เป็นปราชญ์จะรู้ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็น่าเลื่อมใส 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:37:13 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:11:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:22:31 )

มีสติปัญญา มีสติสัมปชัญญะ

รายละเอียด

รู้ครบทุกอย่างแล้วกิเลสหมดจากที่รู้ครบนี่แหละ ฟังความให้ชัดขึ้นไหม ไม่ได้หมายความว่า เบลอๆ ไม่รู้รอบ รู้ทั่ว รู้ครบ แต่รู้รอบ รู้ถ้วน รู้ครบ ถ้าคุณมีสติปัญญา มีสติสัมปชัญญะ กว้างดีรู้ สัมผัสอะไรก็แววไว รู้หมดกิเลสเกิดจากอะไร เมื่อไหร่ เรามีผลักมีดูดอยู่ในกิเลส อยู่ในสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ อันนั้น อันนี้ แล้วเราก็ปฏิบัติได้ว่าเราไม่ได้ติดอะไร อะไรจะยิ่งใหญ่ในโลกเราก็รู้ว่า อันนี้มันก็สำคัญนะ ราคามันแพง มันมีค่าในสังคมหายาก 

เช่น มีทองคำ มีเพชร มีพลอย มีโลหะชนิดนี้ มีวัสดุชนิดนี้ หรือมี พืชพันธุ์ธัญญาหารชนิดที่มันมีประโยชน์ มีสิ่งที่ดีมีคุณค่า มีธาตุอาหาร สมตัวของมัน เช่นนี่ บีทรูท ไม่ใช่ของไทยด้วย หัวผักที่เรียกว่าบีทรูท มันมีวิตามินมีเนื้อหาสาระของธาตุอันนี้ ตามที่มันมี เจริญดีมากเลย คนนี้ปลูกได้ ได้สมส่วนของความเป็นธาตุบีทรูท ส่วนอันนี้ คนนี้ปลูกกะหล่ำปลี แหม กะหล่ำปลีมันหัวแหลมๆ ชอบกล (โยมบอกว่า กะหล่ำหัวใจ ) เคยเห็นแต่กะหล่ำกลมๆ แป้นๆ โตๆ แต่อันนี้กะหล่ำปลีหัวใจ อาตมาก็เพิ่งเคยได้ยินวันนี้ แล้วมันก็รูปแบบนี้ด้วยนะ 

ก็เอาไว้ใช้กิน ใช้บริโภคเลี้ยงขันธ์ แล้วก็ด้วยความสำคัญ แทนที่เราจะไปทำแฟชั่นทำเดรัจฉานวิชา แทนที่จะไปเป็นสิ่งที่…ทำอะไรที่มันไร้คุณค่าของความยังชีพ คุณไปเป็นนักเลงคุมบ่อนคุมซ่อง คุณก็ได้เงินมาเลี้ยงชีพ ขู่เข็ญเขาได้ เขายอมเขากลัว มันก็มีสิ่งนั้นเลี้ยงชีพแล้วมันดีไหม เราฟังเราก็รู้ว่าอย่างนั้นมันชัดเจน 

หรือมันจะดีขึ้นมากว่านั้นหน่อย หรือมันอะไรดีแท้ อาตมาก็พูดมาหมดบรรยายมา จริงๆก็คือเหตุปัจจัย ปัจจัย 4 ข้าว ผ้า ยา บ้าน เป็นเรื่องที่คนขาดไม่ได้หรอก เอาละ ผ้าอาจจะ แต่สังคมมันก็ต้องมีผ้านุ่งห่มบ้าง แต่มันก็ไม่อะไรมากจริงๆ มีนุ่งห่มกันร้อนกันหนาว กันแมลงสัตว์กัดต่อย กันอุจาด ก็มีกันพอสมควรมี 4-5 ชุดใช้กันไปจนตายเลย มันไม่ได้ขาดง่ายๆ ยิ่งทุกวันนี้วิธีการสร้างผ้า สร้างวัตถุเครื่องอาศัยเป็นผ้านุ่งห่มเก่ง 

เพราะฉะนั้นมันไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไรเลย ยิ่งทุกวันนี้ สิ่งสำคัญจำเป็นต้องกินต้องใช้ประจำมากก็คือข้าว ยารักษาโรค เมื่อเป็นโรคจึงจะต้องใช้ ไม่ได้เป็นโรคก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ ยาก็มีเอาไว้ไม่ประมาท แต่ข้าวต้องกินจึงเป็นหนึ่งในโลก หรือเอาละ ไม่กินข้าวกินเผือกกินมันก็แล้วแต่ ข้าวก็มีเยอะหลากหลายชนิดแต่ละถิ่นแต่ละที่ อย่างเมืองไทยเรากินข้าว rice เป็นหลัก ที่อื่นมีการกินข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ก็คืออาหารพวกแป้งมีคาร์โบไฮเดรต ก็มีความรู้กัน ไม่ได้เป็นความรู้ยากเย็นอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2566 ( 15:23:58 )

มีสมมุติที่ไม่เกินเลย ใช้ภูมิปัญญาทำตามเหมาะสม

รายละเอียด

อาตมาก็มีสมมุติที่ไม่เกินเลยหรอก เพราะคนที่มารอแต่เช้าเป็นคนใน ไม่ใช่แขกข้างนอก เป็นคนกันเองก็ลูกๆ ทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องของภายในบ้าน คุณเข้าใจไหม คนภายในบ้านจะไม่มีอะไรมาก ไม่ใส่เสื้อกันด้วยซ้ำไปนุ่งผ้าเตี่ยวก็พูดกันได้แล้ว นอกจากจะเป็นเรื่องของมีแขก มีคนข้างนอกมาบ้าง เป็นภาระเหมือนกัน แต่ทีนี้มันชัดเจนไม่ได้ติดใจ ไม่ได้ถือเป็นความเสียหาย ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ก็เป็นคนรู้กันหมดแล้ว เคยเห็นเนื้อเห็นตัว สิ่งที่เปิดเผยกันเป็นสามัญก็อยู่กันอย่างสบายๆ อาตมาก็ไม่ได้เป็นคนถึงขนาดว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เปิดเสื้อผ้าข้างบนกันบ่อยๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ขนาดนั้นอาตมาก็ว่าน่าจะพอได้ อย่างแย่ที่สุดก็มีอังสะ ใส่เสื้อเขาก็ถือสา พระมาใส่เสื้อนุ่งกางเกงถือว่าสึกนะ อาตมาเวลาออกกำลังกายบริหารโยคะก็นุ่งกางเกง ไม่เช่นนั้นนุ่งสบงเฉยๆ ยกขาก็จะไม่ดี อาตมาก็ทำตามเหมาะสม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเลือกกางเกงชั้นดี ทรงมอสทรงเดฟ มันก็ไม่ใช่ เป็นกางเกงที่พอใช้สำหรับใส่ออกกำลังกายเหมาะสม ความพอเหมาะพอดีอย่างพวกนี้ อาตมาใช้ภูมิปัญญาระมัดระวังสังวรเหมือนกัน ไม่ได้ทำจนเสียหาย..ไม่ใช่ พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัวเปล่าๆ

สรุปก็คือ คนกันเอง ลูกๆ อยู่ในบ้านก็มาช่วยพ่อแม่อย่างนั้นเอง คนที่ไม่เข้าใจองค์ประกอบของสังคมก็ไม่เข้าใจ สังคมในไม่ใช่สังคมนอกกว้างออกไป แต่เป็นสังคมคนในๆ เป็นคนกันเอง เป็นครอบครัวลูกหลานที่อยู่กันประจำจริงๆ อยู่ในบ้าน เอาละก็เน้นแค่นี้ก็คงพอเข้าใจ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:00:36 )

มีสวรรค์ก็มีนรกอยู่ด้วย

รายละเอียด

นรกหมกไหม้ คือ สวรรค์ไหม้หมก(สวรรค์ไม่หมด)

มันโง่ทั้งคู่ ความจริงนรกกับสวรรค์คือความโง่ทั้งคู่ ใครยังมีสวรรค์มีนรกอยู่โง่ทั้งนั้นหมดสุขหมดทุกข์นี่แหละคือ ท่ามกลาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:36:49 )

มีสังคมเดียวที่ทำได้ คืออโศก

รายละเอียด

ตอนนี้อย่างที่สู่แดนธรรมพูดมันก็ถูก แต่พูดแล้วเหมือนๆยกย่องตัวเอง มันไปข่มเบ่งทับถมคนอื่นเขาว่ามีสังคมนี้ทำได้ มีคนทำได้ไปเก็บ แต่ ที่ทำไม่ได้ก็มีในพวกเราทำไมไม่ไปช่วยกันเก็บ แต่ที่จริงมันก็ไม่ถึงขนาดเกินเหลือจนกระทั่งเน่าทิ้งอะไรหรอก มันก็เก็บอยู่ แต่มันหนัก ดีไม่ดีต้องมาจ้างเขา มีคนงาน ดีไม่ดีต้องมาจ้างเขามีคนงานไปช่วยเก็บ คนงานนี้ก็ดี เราก็ควรเอาไปสร้างสรรในสิ่งที่ควร มันก็เลยไม่ได้ทำ 

สรุปแล้ว มันก็มีอัตราการก้าวหน้า มีอัตราความเจริญอยู่ ค่อยๆทำไป แต่มันยากมากเลยนะ คำว่า ความเห็นแก่ตัว คำนี้คำเดียว มันมีละเอียดเยอะแยะมาก อะไรบ้างความเห็นแก่ตัว วรรณมัจฉริยะ แต่พวกเราไม่ขี้เหนียวธรรมะหรอก บางทียัดเยียดด้วย

คนที่ยังอยากร่ำรวยอยู่เนี่ย ยืนยันนั่งยันนอนยันว่า ไม่มีทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจจบ ต้องให้คนมีความละอายเกรงกลัวที่จะไปแย่งให้คนไปรวย แค่คิดจะไปรวยนี้เราก็ละอายแล้ว คุณพออยู่พอกินไม่เป็นภาระแก่ใคร แล้วเราก็สร้างอยู่สร้างพอกินและสร้างเกินกินเกินใช้แก่ตัวเองด้วย ไม่ได้สร้างโดยตรง ไม่ได้สร้างพืชพันธ์ุธัญญาหารโดยตรง คุณพออยู่พอกิน ไม่เป็นภาระแก่ใคร  

แต่ก็ทำงานอื่นอันสมควรในหมู่กลุ่มเราก็ทำอยู่ช่วยกันคนละไม้คนละมือคนละกิจคนละการ มันก็เป็นไปได้ แต่พืชพันธุ์ ธัญญาหาร มันต้องหนักต้องมาก ที่ดินพื้นดินของเรายังมีให้ทำนะ มันยังทำได้ งานอื่นอาตมาว่า ไม่มากไม่ลำบาก ไม่ต้องอาศัยมากมายเท่าไหร่แล้วทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าท่านสรุปลงที่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค นอกนั้นก็เป็นเรื่องของบริขารที่ประกอบใช้ช่วย แก่นแท้เลย อาหารเป็นหนึ่ง ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นรอง 

ทุกวันนี้ ในราชธานีอโศกสถานที่ที่จะอาศัย แค่เรือนเรือของเรายังมีให้อยู่ได้ เบ้อเร่อเลย ไม่ใช่เรือเล็กๆนะแต่เป็นเรือใหญ่ๆอยู่ได้หลายสิบคนในเรือลำหนึ่ง เพราะพวกเราไม่ได้เบียดเบียนอะไรกันแล้ว ไม่ได้เป็นคนที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของหวงแหนอะไรมากมาย เรือลำหนึ่งอยู่ร่วมกันได้หลายสิบคน ช่วยกันทำงานสร้างสรรเป็นที่อาศัย จะสร้างอาหาร จะสร้างยา เครื่องนุ่งห่มก็ไม่ได้มากมายอะไร พวกเรานี้เครื่องนุ่งห่มเหลือเฟือ ที่อยู่อาศัยเหลือเฟือ ที่อยู่อาศัยมีพอ ยินดีต้อนรับคนมาอาศัย ขอให้ใจถึงๆ คุณจะสู้ได้ไหม 

1.ไม่กินเนื้อสัตว์ 2.ถือศีล 5 ละอบายมุข

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 13:42:25 )

มีสัมผัสจึงเกิดเวทนาตามปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มีกาย ไม่รู้จักกาย มิจฉาทิฏฐิในคำว่ากาย เวทนาคุณก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะมีสัมผัสจึงเกิดเวทนาตามปฏิจจสมุปบาท มีเวทนาเป็นปัจจัย แล้วก็ศึกษาเวทนา กายแล้วมีเวทนาเป็นปัจจัย มีสัมผัสแล้วจึงได้ศึกษาเวทนาเป็นปัจจัย ย้อนกลับไปคำว่า กายอีก ผู้ที่ไม่รู้ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่รู้จักกายสังขาร

ผู้ที่เริ่มมีปัญญา มีความรู้สัมมาทิฏฐิขึ้นมา ก็จะเริ่มมีอภิสังขาร ตั้งแต่กายนี่แหละ เป็นอภิสังขาร เป็นสังขารที่ยิ่ง ที่มีปัญญา ที่จัดการมันได้ จัดการอะไร จัดการแยกกิเลสจากสิ่งที่มีในกายนี่แหละ เมื่อเกิดกิเลส กระทบสัมผัสแล้วจะเกิดกิเลสสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส ตั้งแต่หยาบๆเลย กิเลสกามภายนอก หรือปฏิฆะ กาม รักหรือชัง โลภหรือโกรธ คุณจะมีอันนี้ อ่านอาการ ลิงค นิมิต อุเทส คำอธิบายอาตมาคืออุเทส​ แล้วอ่านอาการของมัน รู้ความต่าง กามกับปฏิฆะต่างกันนะ หรือกามไม่หยาบ ก็รู้ลิงค ความแตกต่าง แล้วก็จับนิมิตเป็นเครื่องหมายว่ามันมีอาการอย่างไร ให้ชัดๆ อาการคือตัวเคลื่อนอยู่ นิมิตคือตัวตน นิมิต คือ static อาการคือ dynamic เป็นต้น ตัวเคลื่อนกับตัวกระแส ในภาษาไฟฟ้าเขา เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4

วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 16:04:29 )

มีสัมผัสเป็นปัจจัย จึงจะเกิดการเรียนรู้ความจริง

รายละเอียด

1. ต้องมีผัสสะของจริงจึงจะเป็นความจริงเป็นของจริง ถ้าไม่มีผัสสะเป็นหลักอยู่ โต้งๆเต็มที่อยู่ตรงนี้เป็นเรื่องปลอม ก็จะเป็นวิญญาณสัมภเวสีวิญญาณล่องลอย ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้เป็นตัวแท้ ที่มันมาทำงานอยู่ตรงนี้ สัมผัสทางตาก็มีรูป สัมผัสทางหูก็มีเสียง สัมผัสทางจมูกก็มีกลิ่น สัมผัสลิ้นมีรส สัมผัสกายก็มีโผฏฐัพพะต่างๆ ที่นี่ 

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนว่าให้มีสัมผัสเป็นปัจจัย จึงจะเกิดการเรียนรู้ความจริง ถ้าไม่เช่นนั้นมีแต่ความหลอก ยังไม่ใช่ของจริงแท้เป็นความจำเท่านั้น ถ้าไม่มีสัมผัสจริงในปัจจุบันเป็นทิฏฐธรรม ไม่มีสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันเป็นปัจจุบันชาตินี้ ต้องเป็นการเกิดในปัจจุบันนี้ทันที สิ่งนั้นยังไม่ใช่สิ่งจริง

ที่คุณจะเรียนรู้มัน เรียนรู้มันก็ไม่ครบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 15:52:16 )

มีสัมมาวาจา เพราะชัดเจนในสังกัปปะ 7

รายละเอียด

วาจา แล้วเราก็ไม่พูดโกหก แม้แต่พูดและเล็มเลียบเคียงเอาของคนนั้นคนนี้ก็ไม่ต้อง พูดเพ้อเจ้อก็ไม่ต้อง มีสัมมาวาจา เพราะเราชัดเจนในสังกัปปะ เราสำเร็จในสังกัปปะ 7 ด้วยกระบวนการของสังกัปปะ 7 เราทำวจีสังขารได้สำเร็จ กระบวนการของ static dynamic กระบวนการของพลังงานจิตที่มี ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เป็นตัว Dynamic ทำให้เกิด Static อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา เป็นนิวเคลียร์ที่สมดุลมีพลังงานที่มีกัมมันตภาพรังสีออกไปช่วย เป็นกัมมันตภาพรังสีที่เย็น ที่ไม่เป็นพิษ เป็นพลังงานปรมาณู เพื่อสันติที่แท้จริง ซึ่งต่อจากไอน์สไตน์ค้นพบไว้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:59:45 )

มีสาราณียธรรม 6 เป็นสังคมที่วิเศษที่สุดในโลก

รายละเอียด

ในสังคมเรามีสาราณียธรรม 6 เป็นเรื่องสังคมที่วิเศษที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งมันน่าหมั่นไส้นะถ้าพูดไปแล้ว เหมือนกับหลงตัวหลงตน พูดแล้วดูเหมือนยิ่งใหญ่สูงส่งวิเศษกว่าใครในโลก พูดแล้วน่าอาเจียนเป็นโลหิตพุ่งออกจากปากจริงๆ มันยิ่งกว่าอ้วก แต่อาตมาพูดนี้ใช้ภาษาให้กำกับสภาวะจริงไปให้ชัดเจนสั้นๆ จะได้ไม่ต้องยืดเยื้ออะไรมาก สรุปผลว่าเป็นอย่างนั้น คือจริงๆแล้วมันเป็นคุณวิเศษ จะขยายความลงไปสู่จุดนี้จะต้องปูพื้นมายาว อาตมาก็เลยพูดตัวสภาวะตัวจบๆ ก็เลยดูเหมือนยกตัวยกตนเพราะมาพูดเอาปลายของคุณสมบัติคุณธรรมคุณวิเศษมาพูดอยู่เรื่อย ไม่มีการปูพื้นมาตั้งแต่ฐานมาจนถึงยอดมันก็เลยรู้สึกทำให้คนเห็นว่าเป็นการยกตัวยกตนว่ามันสูง มันเป็นเรื่องสูง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 17:53:58 )

มีสิทธิ มีความสำเร็จแล้ว

รายละเอียด

นี่แหละก็มีตัวอย่างมีคนประพฤติให้ดู เราดูแต่ละคนผ่านชีวิตมาเป็นตัวอย่างเป็นครูให้เรารู้ทั้งนั้น คำว่าเสื่อมคำนี้ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ แต่มันจริงๆ อาตมายิ่งเห็นชัดเจนว่าต้องมากอบกู้ความเสื่อมมันหนักจริงๆ เห็นความเสื่อมจริงๆไม่ใช่เที่ยวไปลงโทษเขานะ เห็นความเสื่อมแล้วเราก็ต้องช่วยต้องกอบกู้ ช่วยจริงๆ ซึ่งเขาเองเขามองว่าเราเป็นผู้ผิด เป็นผู้เสื่อม จะมากอบกู้ได้อย่างไร อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะเห็นอย่างนั้น เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้ ก็ทำไปตามหน้าที่ตามสิทธิ อาตมามีทั้งสิทธิมีทั้งหน้าที่

สิทธิคือความสำเร็จ หน้าที่คือเป็นของเราที่ต้องกระทำ อาตมาก็มีสิทธิหรือมีความสำเร็จแล้วสำหรับอาตมาเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิทธัตถะ ท่านก็มีสิทธิขั้นสิทธัตถะของท่าน เพราะว่าท่านเองท่านเป็นผู้ที่หมดแล้วซึ่งความอยาก สำเร็จแล้วซึ่งความอยาก สิทธัตถะ หมายความอย่างนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:57:03 )

มีสิทธิ์พูดความจริง แต่ไม่มีสิทธิ์พูดให้คุณเชื่อ

รายละเอียด

อาตมาก็พูดอย่างที่รู้ๆ อย่างที่เป็นได้อย่างนี้ เป็นพระอรหันต์อย่างนี้ก็เอามาอธิบายให้ฟัง ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่ก็จะไปบังคับให้คุณเชื่อไม่ได้หรอก ฟังแล้วคุณจะเข้าใจหรือไม่จะเชื่อหรือไม่ก็เป็นตัวคุณเองจะไปบังคับไม่ได้ จะไปช่วยให้คุณเชื่อคุณเข้าใจมันก็ช่วยไม่ได้ คุณต้องเชื่อตัวเองเข้าใจเองใช่ไหม อาตมาก็ได้แต่บอกความจริงของอาตมาเท่านั้นอาตมาก็รู้ว่าอาตมามีจิตที่หมดกิเลส ยิ่งนานมาจนถึงทุกวันนี้ยิ่งชัดเจนดูซิจะ 50 กว่าปีแล้ว ก็ยิ่งชัดเจนมั่นคงแข็งแรง ไม่ได้ล้มละลายอะไรเลย ไม่ได้หวั่นไหวอะไรเลย  ยิ่งชัดยิ่งมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:20:16 )

มีสิ่งดีที่ถูกต้องจึงต้องอวดด้วยความจริงใจ

รายละเอียด

อาตมานี่แหม ไม่รู้จะพูดอย่างไร อาตมาเป็นคนซื่อ คนไม่ปิดบังเป็นคนเปิดเผย แล้วก็หาว่าอาตมามีกิเลส มาบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ ขนาดบอกนี้เขายังไม่ค่อยฟังเลย อาตมาว่าอาตมาบอกด้วยความจริงใจ แต่คุณไปยึดว่าคนบอกนี้มันอยากอวด อาตมาผ่านความเป็นคนที่อยากอวดไปแล้ว อาตมาไม่มีสาเฐยจิต ก็บอกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ อาตมาผ่านไปเป็นคนจริง บอกความจริง ยืนยัน เมื่อใดก็เมื่อนั้น แต่คุณก็ยังไปยึดว่ามันอยากอวด ไม่จริงหรอก อาตมาเคยบอกว่าอาตมามีสิ่งที่ดีแล้วอยากอวด สิ่งที่ดีมันถูกต้อง คุณมีสิ่งที่ผิด ก็เอาไปพิสูจน์บ้างสิ มีปรโตโฆษะบ้าง แต่ไม่ยอมเปิดประตู ปรโตโฆษะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:34:21 )

มีสุขก็มีทุกข์คู่เหมือนกับประชาธิปไตยต้องมีสองขา

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561 หลวงปู่ก็เคลื่อนกายย้ายจุดมากเกินไป หลวงปู่เกิดปีจอ 5 มิถุนายน 2477 ปีหน้าก็เต็ม 85 ปี

เป็นไง แต่ละผู้แต่ละคน ลมหนาวมาหนาวไหม? ที่นี่กี่องศาฯ (ตอนนี้ 29 องศา) ใครมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจ เรามาบำบัดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ผู้อวิชชาจะทุกข์เพราะหลงสุข อารมณ์สุขเป็นของเก๊ของปลอม หากมีสุขก็มีทุกข์คู่ มีสุขมากก็ทุกข์มาก dualism คู่หูกัน แยกกันไม่ได้ เป็นเหรียญสองด้าน ใครแยกออกจากกันไม่ได้ แยกให้มีหน้าเดียวไม่ได้มันเป็นเรื่อง dualism คู่หู คนหูเดียวก็คนปลอม คนหูปลอมหูเดียว หูต้องสองหูจึงเรียกว่าคู่หู เหมือนกันกับประชาธิปไตยต้องมีสองขา อันนี้ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเป็นปรัชญาความรู้และเป็นความจริงที่ดี ถ้ามันขาดข้างใดข้างหนึ่งแล้วเป็นประชาธิปไตยพิการไม่เต็มเต็ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ประชาธิปไตยไทยในช่วงใกล้เลือกตั้ง 2561

 


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:24:29 )

มีส่วนบุญ

รายละเอียด

คือ  มีส่วนที่คุณได้เสียไปแล้ว หากจะวนไปมีอีกก็ไม่จบ

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:38:36 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:12:09 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:23:27 )

มีหนึ่งเดียวคือ อริยสัจ 4 คือความพ้นทุกข์

รายละเอียด

อันนี้อาตมาก็ได้ข่าวคราว ว่า พวกเราชาวอโศกจะมีความเห็นแตก ไม่เป็นเอกภาพทีเดียว มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ ความเห็นแตกต่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ ก็ขออธิบายเสริมเข้าไปหาสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ สิ่งที่มีหนึ่งเดียว เป็นอย่างเดียวเป็นสัจจะที่มีหนึ่งเดียวไม่มีสองเลย มีอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีอื่นเลย ไปอ่านดีๆในจูฬวิยูนหสูตร มีหนึ่งเดียวคือ อริยสัจ 4 คือความพ้นทุกข์ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งรู้ทุกความทุกข์รู้เหตุแห่งทุกข์ ได้ ดับทุกข์ได้สนิท มีวิธีการทำให้ดับได้บริบูรณ์บรรลุอริยสัจ 4 ได้ ทุกคนที่บรรลุอริยสัจ 4 นั่นแหละคือมีอาริยะสัจจะหนึ่งเดียวทุกคนตรงกันหมด เริ่มต้น ตั้งแต่พระอรหันต์ขั้นที่ 1 สามารถบรรลุเป็นอรหัตตผล สามารถบรรลุสัจธรรมสุดยอดไปนิพพานแล้ว ไปจนกระทั่งถึงเป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกันหมดเลย หนึ่งเดียวจริงๆไม่มีอื่นเลย นั่นแหละเป็นสัจจะหนึ่งเดียวในโลก อันอื่นๆนับเป็นหนึ่งไม่ได้เลย เป็น 2 ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ เรา ตัวเรา มีกายกับจิต ก็ 2 แล้ว ตัวเราคนเดียวยังมี 2 แล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:11:20 )

มีหรือไม่มีผู้นำที่เป็นโลกุตระแท้

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก เป็นเรื่องซับซ้อนอยู่นะ มีหรือไม่มี ผู้ที่เป็นผู้นำที่เป็นโลกุตระแท้ จะไม่ติดใจว่าจะต้องได้เป็นผู้นำ ใครจะรู้ตัวเราว่าเป็นผู้นำ หรือไม่รู้ว่าตัวเราเป็นผู้นำ ก็ไม่ได้อยากแสดงตัวอยากอวดอยากเด่นดัง ท่านทำหน้าที่ของท่านไป หรือจะมีใครทำหน้าที่ได้ดีกว่า…. ก็ดีสิ แล้วท่านยิ่งรู้จริงรู้ยิ่งรู้แจ้งรู้ชัดว่า ความจริงมันเป็นเช่นใด แล้วท่านก็ทำอยู่ ท่านเป็นผู้นำเป็นไก่ตัวพี่ ท่านก็บอกว่าเป็นไก่ตัวพี่ ไม่ได้มีอะไรมังกุ(เก้อยาก) ที่จะบอกความจริง

สำหรับผู้ที่ยังไม่จบกิจก็จะเก้อยาก จะไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ยังไม่สามารถบอกความจริงตัวเองได้อย่างง่ายๆราบรื่น มันจะไม่เต็ม มันดูได้ คนที่มีปฏิภาณดีๆจะดูออก จะรู้ได้ว่าคนนี้ความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:47:17 )

มีอธิปไตย

รายละเอียด

ตนคือโลก โลกคือสิ่งแวดล้อมกับเรา เราจะมีอำนาจ มีฤทธิ์ มีอธิปไตยไปได้เท่าไหร่ โลกของเราคือ 1 คน 2 คน 3 คน,  3 คนเรียกว่าโลก แล้วมี cyclic 4 คน 5 คนก็คือโลกที่ขยายไป  เราจะบริหาร 3 คน จะบริหาร 4 คนให้อยู่กันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข เรียบร้อยราบรื่นง่ายงาม สันติสุข ได้อย่างไร นั่นคือคนที่บริหารโลก เพราะตนเองรู้จักบริหารตนเองได้ มีอธิปไตย มีพลัง มีฤทธิ์ มีอำนาจ ที่จะทำให้ตนเองสามารถช่วยกันได้ 3 คน 4 คน 5 คน 100 คน พันคน หมื่นคน แสนคน ล้านคน

หลวงปู่บริหารพวกเรา ก็เกิดชุมชนชาวอโศกอยู่ทั่วประเทศกระจายกันอยู่ นี่แหละนักการเมืองใหญ่คนนึงที่มีกลุ่มประชาชนจัดตั้ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง

วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:21:17 )

มีอยู่ 2 ทาง แยกธาตุจิตให้เป็นธาตุอุตุ หรือทำให้มีอยู่อย่างนิรันดร!

รายละเอียด

จึงเรียกว่า มันเป็น“อะไร”อย่างมี“ที่สุดแห่งที่สุด”ได้เด็ดขาด จบสิ้นสูงสุดถึงขั้น จะทำ“จิตนิยาม”ของตนให้แตกแยกสลายไปด้วย“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน” โดยการแยก“ธาตุจิต”ของตนให้เป็น“ธาตุอุตุ”กันนิรันดรเลยก็ได้ หรือจะสมัครใจทำตนให้“มีอยู่”ในมหาจักรวาลอย่าง“นิรันดร”เหมือน“เทฺวนิยม”นั้น ไม่เป็น“ที่สุดแห่งที่สุด” เหมือนของพระพุทธเจ้า ก็สามารถเลือก“ทำได้”ทั้ง 2 แบบ

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 421-422 ข้อที่ 573


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2565 ( 13:28:27 )

มีอัตตาต้องใช้เยภุยสิกา

รายละเอียด

ก็มันมีอัตตาไง สุดท้ายก็ต้องใช้เยภุยสิกา เยภุยสิกา นี่เป็นประชาธิปไตย สุดท้ายก็ต้องตัดสินด้วยเสียงข้างมาก อย่างเช่นอธิกรณสมถะ 7 ต้องใช้  เยภุยสิกา

สัมมุขาวินัย แน่นอนสูงสุด นอกนั้นก็ อมูฬหวินัย หรือ ตัสสปาปิยสิกา ตามหลักการตัดสิน ตามเยภุยสิกา ตามติณวัตถารกวินัย คือ หมก ฝังไว้เอาหญ้ากลบไว้ ไม่พิจารณาความ ปรองดอง

 

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:24:45 )

มีอิสระเต็ม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุอรหันต์ได้จึงจะประสบความจริง เป็นผู้ที่อิสระ สบาย สมบูรณ์แบบ   อรหันต์มี 3 เส้านี้แล้ว แล้วศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาคนๆเดียว เอาแต่ตัวคนเดียว อย่างสุดโต่งเหมือนศาสนาเชน ศาสนาพระมหาวีระ ออกเดี่ยวอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวกับใครเลย สุดท้ายก็ไปตายอยู่คนเดียว แล้วไม่เอาอะไรเลย มักน้อยสุดโต่งที่สุด เป็นพวก นัตถิกทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเหตุ ปัจจัยอะไรทั้งนั้น 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิของพุทธแล้ว เป็นอรหันต์แล้ว มีอิสระเต็มมีสบายเต็มมีสงบจริง สงบจริงเป็นผู้ที่ไม่เกิดโทษเกิดภัยต่อใครต่อสังคม ต่อโลกเลย ไม่เป็นภัยต่อใคร 

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธก็ไม่ใช่ศาสนาโดดเดี่ยว แต่เป็นศาสนาโขลง เป็นศาสนาสังคมโขลงใหญ่ด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 12:58:45 )

มีเกิดต้องมีความไม่เที่ยง 

รายละเอียด

มันเป็นเรื่องไม่เที่ยง มันลำบากเพราะให้สภาพนั้นอยู่อย่างเที่ยงไม่ได้ รักษาให้เที่ยงไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไป ยิ่งไปยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเอาอย่างนี้ 

เปลี่ยนๆ ยิ่งทุกข์หนักโง่หนักเข้าไปอีก เพราะทุกอย่างต้องเปลี่ยนไม่มีอะไรเที่ยง มันยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลย โอ้.. คนเราที่แท้มันไม่รู้ความจริง ถ้ามีเกิดมันต้องมีเปลี่ยนแปลง มีเกิดมันต้องมีความไม่เที่ยง 

เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ตัว อย่าให้มันพาเกิด ตัวไหนมันพาเกิด อ๋อ.. ไอ้ตัวสำคัญ ตัวที่ต้องการจะสุข ต้องการที่จะเที่ยง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

นิพพานเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:40:23 )

มีเจตนาเข้าคุมจึงเกิดสติ

รายละเอียด

ใช่ ด้วยเจตนาไง โดยที่เรามีความรู้ของการเจตนาที่จะให้ทำ ถ้าโดยสามัญปุถุชน มันเป็นอัตโนมัติ มันไม่มีเจตนาเข้าไปคุม เพราะงั้นเจตนาเข้าไปคุมไม่มี ก็มีตัวกิเลสเป็นตัวเข้าคุม แต่ทีนี้ถ้าเรามีเจตนาเข้าคุม มันก็มีสติ มีเจตนา มันก็อย่างน้อย กิเลสมันทำงานไม่ได้เต็มที่ ถ้าเราฝึกดีๆ กิเลสมันก็ทำงานไม่ได้เลย

ที่มา ที่ไป

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน การใช้นาม 5 ให้เกิดสัมประสิทธิ์

วันที่ 14 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 15:30:51 )

มีเจตนาแต่อย่าอยาก มันจะเจริญหรือเสื่อมอยู่ที่เหตุและผล

รายละเอียด

มันบอกไม่ได้เลยนะไม่มีอะไรเป็นตัวชี้วัดแต่มันเกิดโดยปฏิภาณ รู้ว่าสิ่งนี้ควรสิ่งนี้ยังไม่ควร หรือบางทีสิ่งนี้ควรเอามาใช้แล้วควรได้แต่เราไม่มีทุนรอนบารมีเอามาใช้ได้ ก็เป็นหมาเห่าเครื่องบิน เราก็ใช้เท่าที่มี มันก็ได้เท่าที่เรามีบารมีมีสิ่งที่พอเป็นไป ก็ได้ มันก็แหม อาตมาย่นย่อเข้าให้เห็นว่า คือคนเรานี่ อาตมาย่นย่อเป็นภาษาว่า คนเรามีเจตนา เข้าใจคำว่าเจตนาให้ได้ว่า เรามีขีดจิตที่มุ่งหมายเจตนา แต่อย่าอยาก

อาตมามีmotto อันหนึ่งว่า มีเจตนาแต่อย่าอยาก เจตนาคือเรารู้ทางเดินจิตที่มุ่งไปจะให้ทำอะไรเป็นอะไรเรารู้เรามีเจตนา แต่อย่าผลักดันด้วยความตะกละตะกราม อยากได้ คุณเรียนรู้ว่า แล้วคุณจะทำอย่างไรมันถึงจะได้คุณก็ต้องศึกษาเหตุ ศึกษาต้นทางแห่งการได้ แล้วผสมส่วนจัดการเหตุนี้ให้สมบูรณ์ ถ้ามันถูกสัดส่วนก็ได้ผล ศึกษาเหตุให้ดี อย่าไปคำนึงถึงผล เราอาจจะพอมีอนาคตังสญาณ มีความรู้นำหน้าว่า ผล มันควรจะเป็นอย่างนี้นะ แล้วเราก็มารู้ว่าคนมันเป็นอย่างนี้มันจะมาจากเหตุอะไร พระพุทธเจ้าสอนเรื่องเหตุเรื่องผลอิทัปปัจจยตาปัจจยาการ ถ้าหากว่าเราดับเหตุทุกอย่างก็จบ มันจะเจริญหรือเสื่อมก็อยู่ที่ 2 อย่างนี้คือเหตุและผลเท่านั้น

เหตุและผลพระพุทธเจ้าย่นย่อที่อาริยสัจจะ อาตมาไม่ใช้อารยะ กับอริยะ ซึ่งเป็นคำที่เสียไปแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:29:19 )

มีเพียงศาสนาพุทธที่ทำให้ใจเรามีเอกราช

รายละเอียด

ไม่มีศาสนาไหนด้วย ที่สอนให้คนสู้ทางใจ ทำให้ใจเรามีเอกราช รู้จักกิเลสทำให้กิเลสลดได้ตามลำดับ ตั้งแต่เริ่มต้นรู้แล้วทำได้ เป็นโสดาปัตติผล ผู้ที่ทำได้มีจิตเป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าสวรรคาลัย หมายความว่าผู้ที่เป็นโสดาบันสามารถอ่านโลก สามารถอ่านกิเลส ที่มันบังคับใจตนเอง ก็สู้กับกิเลสแล้วทำให้กิเลสลดได้ ก็เลยเป็นอิสระ เป็นเอกราช

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน หลวงปู่สู้ใจตนเองอย่างไร


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:54:37 )

มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8

รายละเอียด

ทีนี้มาเข้าสู่ตัวลึก การปฏิบัติธรรมต้องมีกรรมฐาน มีกรรมฐานเดียวของศาสนาพุทธ คือเวทนา แต่ทุกวันนี้ศาสนาพุทธไปหลงสมถะ ก็เลยเอาจุดที่จิตสงบ เป็นสมาธิว่าเป็นสมถะสงบ จิตจดจ่อจ้องสะกดจิต ให้จิตเข้าไปยึดเหนี่ยว แล้วไปจดจ่อนิ่งกับตรงนั้น ซึ่งเป็นความรู้สามัญ เดียรถีย์ ของใครก็เข้าใจได้ง่ายฝึกเข้าก็สำเร็จ ซึ่งมันต่างจากสมาธิของศาสนาพุทธที่จิตเป็นสมาธิ จะยิ่งคล่องแคล่วปราดเปรียวมีประสิทธิภาพสูง เป็นกายกัมมัญญตา กายปาคุญญตา ยิ่งคล่องแคล่ว ในเจตสิก 3 วิญญาณก็ยิ่งคล่องแคล่ว เจตสิกก็ยิ่งคล่องแคล่ว ยิ่งสงบก็ยิ่งคล่องแคล่วมีประสิทธิภาพ 2 อย่างพร้อมกัน

ทีนี้พุทธเจ้าสอนในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ของ 60 ดูกรอานนท์ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:59:52 )

มีแก่นแท้ จะยั่งยืนยาวนาน

รายละเอียด

ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าเผื่อเรามีแก่นแท้ มันจะยั่งยืนยาวนานไม่มีอะไรหักล้างได้ มีแต่จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ สัจจะมันจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นคุณแน่ใจว่ามันเป็นสัจจะไหม เอาให้จริง แล้วก็รู้ว่าสัจจะมันเป็นแก่นแล้ว โสดาบันก็มีแก่นประมาณหนึ่งมี นิยตะ มี โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ โสตาปันนะคือ เข้ากระแส จิตวิญญาณมีการขัดเกลามีสัมมาทิฏฐิ พ้นสังโยชน์ 3 และมีอะไรอีกหลายอย่าง

เข้ากระแสมาแล้วแล้วก็สูงขึ้นไปไม่ตกต่ำ อวินิปาตธรรม โสดาบันตอนแรกอาจจะตกต่ำได้ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าโสดาบันถ้าไม่เอาจริงถูกดึงลงไปได้ แย่สุดได้ถึง 7 เที่ยว ท่านเอาเลข 7 เป็นหลัก ถ้าหาก 7 เที่ยวแล้วคุณยังตกต่ำอยู่ดึงไม่ขึ้นหรอก แต่ถ้า 7 เที่ยวแล้วคุณยังดึงขึ้นมาได้อยู่ ถ้ายิ่ง 6 เที่ยวยิ่งเจริญกว่ายิ่ง 5 เที่ยว 4 เที่ยว 3 เที่ยวก็ยิ่งเจริญไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นโสดาบันเรียกว่า สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือ โสดาระดับที่ต้องไปอีก 7 ชาติถึงจะเข้ากระแสจริงไปได้ ต้องตกต่ำแล้วตกต่ำอีก ถ้าสูงกว่านั้นก็จะเจริญไปได้เรื่อยๆเรียกว่า สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน

โสดาบันก็จะไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา อวินิปาตธรรม แล้วเที่ยง นิยตะ ก็เที่ยง พอเที่ยงแล้ว ขั้นนี้แหละไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ผ่าน อวินิปาตธรรม มีแต่ไปสู่ที่สูงที่สุดเรียกว่า สัมโพธิปรายนะ ยิ่งจะเจริญไปข้างหน้าไม่มีลงต่ำ จะช้านาน ก็อยู่ที่ความอุตสาหะวิริยะกับตัวคุณที่จะเฉลียวฉลาดเพียงพอแค่ไหนตามบารมีของแต่ละคนเท่านั้นเองและไปรอด ถ้าโสดาบันถึงขั้นที่ 4 สัมโพธิปรายนะ เป็นสกิทาคามีเป็นอนาคามี จะช้าหรือเร็วก็มีเหตุปัจจัย เรียกว่ามีคำสอนต่อไปอีกเหมือนกัน มันก็จะเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 19:57:23 )

มีแต่ 0 กับ 1 ไม่มี 2 แล้ว 3 คืออะไร

รายละเอียด

มีแต่ 0 กับ 1 ไม่มี 2 แล้ว ทีนี้ 3 คืออะไร คือตัวประธานคือตัว วสวัตตีโก คือผู้ยัง สองอันนี้ให้อยู่ในอำนาจ เอ็งจะเกิดได้เองก็เกิดแค่ 1 ไม่เช่นนั้นก็ต้อง 0 เป็น 2 ไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น นี่คือความสำเร็จสูงสุดของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ แล้วทำได้จริงพิสูจน์ได้ ใครเชื่อบ้างว่าพิสูจน์ได้ …. ใครพิสูจน์ได้แล้วบ้าง ...ใครพิสูจน์ได้แล้วมากบ้างหลายบ้างแล้ว ….ทำไมไม่กล้ายกนะ แสดงว่า ยังไม่กล้า ดี ไม่หลงตัวเอง คือ ไม่อวดดี แม้จะมีก็ไม่ค่อยอวด ไม่อยากอวดดี ก็ไม่เป็นไรไม่เสียหาย เผลอๆ ก็สูงเสียแล้ว เผลอๆ ก็เสร็จเสียแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 08:09:51 )

มีแต่กรรมปัจจุบันที่จะให้คุณ ให้โทษกับเจ้าตัว!

รายละเอียด

มีแต่“กรรมปัจจุบัน”นี่แหละ ของคุณเองที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ตัวคุณเอง 

“กรรมปัจจุบัน”กับ“วิบาก”จึงคือ“พระเจ้า”ตัวแท้ของตนๆ แต่ละคนๆ  ซึ่งแต่ละคนจัดการ“ตนเอง”ให้เป็นไปเองทั้งสิ้น  

“พระเจ้า”ที่เป็นใหญ่บงการคนทั้งหมดในโลกนั้นไม่มีหรอก   

ดังนั้น ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“กรรม”ใน“วิบาก

”จึงทำ“กรรม”ที่เป็น“บุญ(กำจัดกิเลส)”และทำ“กรรม”ที่เป็น“กุศล

(ความดี)”เท่านั้น 

จะไม่ทำ“บาป-อกุศล”เลยเป็นอันขาด และสามารถทำ“อนัตตา”แก่ “จิตนิยาม”ของตนได้เป็นที่สุด 

เมื่อ“คนผู้นั้นยังจิตของตนให้เป็นไปในอำนาจ(วสวัตตี)”ได้จริงๆ

ทั้งในขณะที่ยังเป็นๆ และที่ตายเป็นสุดๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 223 หน้า 184


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 13:15:24 )

มีแต่ความสงสารปรารถนาดีหรือความรัก แม้แต่ศัตรูก็รัก 

รายละเอียด

อาตมาสงสารคนไม่ฉลาดไม่พอ คนโง่ คนชั่ว อาตมาไม่เคยแสดงออกผลักไสไม่ชอบคนชั่วเลย อาตมาจริงๆอาตมาเอื้อเฟื้อ ผู้ที่ชั่ว ผู้ที่โง่ ผู้ที่ดักดานแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นมากหนักหนื่อยเลยคุณเอ๋ย เห็นพฤติกรรมจริงของอาตมาไหม คุณพูดผิด ทีหลังแก้ไขคำพูดให้ถูก 

อาตมาไม่เคยมีจิตเดียดฉันท์คนชั่ว สงสารหนักด้วย โดยเฉพาะคนที่มีค่านิยมทางสังคมสูง แต่ท่านไม่ฉลาดพอยิ่งน่าสงสารมาก คุณเดชาศึกษาดีๆ

อาตมาไม่เคยมีความเดียดฉันท์ในจิตใจ อุปกิเลส 16 พวกนี้ไม่มี คุณเข้าใจผิด คุณเดา อาตมาไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ มีแต่ความสงสารปรารถนาดีหรือความรัก แม้แต่ศัตรูเราก็รัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:10:44 )

มีแต่พวกมัน ทำเพื่อพวกมัน เป็นเช่นไรแน่

รายละเอียด

ประชาธิปไตยเพื่อมวลประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อทุนนิยม อธิปไตยเพื่อพวกตนเองเท่านั้นที่เป็นแค่คอมมิวนิสต์ หรือว่าสังคมนิยมเท่านั้น ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยเพื่อตนเอง เพื่อหมู่ตนเอง ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์หรือเพื่อสังคมตนเอง แต่เพื่อมวลมหาประชาชนทั้งโลก ไม่มีกรอบ ไม่มีขีดคั่น จริงๆเลย มีคนเขาบอกมีคนเขาพูดว่า อโศกมันทำเพื่อพวกมัน มันมีแต่พวกมัน 

ถ้าว่าทำเพื่อพวกมันตามที่เขาว่า มันไม่ใช่แน่ๆ แต่ถ้าว่ามันมีแต่พวกมัน ซึ่งฟังดีๆนะ มันทำเพื่อพวกมันนั้นไม่ใช่ แต่บอกว่ามันมีแต่พวกมัน ซึ่งต่างกันไหม ต่างกันจริง คุณมาเป็นพวกเราบ้างสิ พูดเพราะๆ เอ็งมาเป็นพวกข้าบ้างสิ มึงมาเป็นพวกกูบ้างสิ พูดให้ครบๆไง พูดให้ครบๆ ใช้ศัพท์หลายคณะหลายลำดับ เพราะว่าโลกุตรธรรมนี้มันยังทำได้อยู่กันแค่ชาวอโศก นี่คือสรุปลงไป คนอื่นยังมาเป็นพวก คนอื่นยังมาทำตามไม่ได้ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราถูกยืนยันว่า พวกมัน ก็ยอมรับ มาสิมาเป็นพวกมันๆด้วยกัน เป็นพวกมันๆด้วยกันที่นี่ ยิ่งกว่ามันเทศ มันโอกินาว่านะ มันยากแต่มันดีสุดยอดนะ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 เมษายน 2566 ( 19:33:35 )

มีแต่ส่งผ่านคำสั่งรุ่นแล้ว รุ่นเล่า สิบปี ร้อยปี พันปี!

รายละเอียด

นี่ก็ยืนยันว่า“พระเจ้า”นั้นมีแต่“คำสั่ง”เท่านั้น และ“หลงยึด” มั่นถือมั่นแน่แท้ว่า “เที่ยง” ไม่เปลี่ยนไปตาม“กาละ”ที่เปลี่ยนไป 

ไม่เปลี่ยนไปตาม“เทศะ”ที่เปลี่ยนไป และแม้“ฐานะ”ที่เปลี่ยนไปเลย

นี่ก็ชี้ชัดอีกว่า “เทฺวนิยม”นั้นยังหลง“ยืนยัน”ว่า อะไรๆก็ “เที่ยง”ดะไปหมด เหมาเข่งว่า อะไรๆ ก็“เที่ยง” ทั้งๆ ที่มันไม่จริง!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 320 หน้า 242


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:01:57 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์