คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
1. คลังสมบัติแห่งกุศลวิบาก
2. คลังแห่งความดีงาม
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 103
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 51
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:06:10 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:00:15 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:13:53 )
รายละเอียด
คลังสมบัติแห่งกุศลวิบาก คลังแห่งความดีงาม
ที่มา ที่ไป
รวมศัพท์อโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 11:14:21 )
รายละเอียด
อาตมาว่าคุณประวิตรน่าจะพักผ่อนจากการทำงานได้แล้ว แก่เกินแกงแล้ว ทั้งตัวเองและสิ่งแวดล้อมสร้างอำนาจให้แก่ตัวเองไว้ ทางทหารเขามี Seniority ไว้ ก็ยาก แต่ว่าควรต้องหยุดแล้ว เรื่องนาฬิกาจะคอร์รัปชั่นหรือไม่ เราไม่รู้ไม่มีรายละเอียด แต่จะเห็นได้ชัด ว่าเขาหลงใหลนาฬิกา ประสาร มฤคพิทักษ์บอกว่า มันจะมีนาฬิกาคนละทำไม 20 30 เรือน พูดทางสื่อ social media จนต้องบ่นออกมาว่า มันอะไรกันนักหนา เป็นนิสัยส่วนตัว เป็นคนคลั่งไคล้หลงใหลส่วนตัว ที่จริงมันก็แก้ยาก มันเป็นกิเลส ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะมาเป็นผู้บริหารประเทศ ทำให้ประเทศมีปม แสดงความหรูหรารวย โดยเฉพาะผู้บริหารจะถูกเพ่งเล็ง เป็นเรื่องที่สื่อให้เห็นว่า รวยอะไรกันนักกันหนา เอามันออกมาโชว์ทำไม ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะโชว์ แต่เอาเถอะ ขอให้อาตมาพูดถึงเรื่องนี้ ก็ขอพูดเท่านี้แหละ เพราะว่าทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ควรจะมีสำนึก นอกจากการทำประชด เป็นมานะอัตตาก็เป็นเช่นนั้น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:06:26 )
รายละเอียด
คือ ประโยชน์ดี
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:46:59 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:56 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:17:41 )
รายละเอียด
ผลดีหรือส่วนดีทีมนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นชีวิตควรได้อย่างยิ่งตามนัยศาสนาพุทธ
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุขรู้คุกขังสัตว์ หน้า 165
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:07:10 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:01:05 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:14:39 )
รายละเอียด
คุณประโยชน์คุณค่าของมนุษย์ อย่างพวกเราหมู่กลุ่มชาวอโศกมันเป็นมนุษย์ที่มีประโยชน์ ที่เป็นประโยชน์โลกุตระ คนเข้าใจโลกุตระไม่ได้ดูเหมือนต่ำดูเหมือนเบาดูเหมือนเงียบดูเหมือนนิ่งดูเหมือนไม่รอดพ้น ดูเหมือนไม่มีคุณค่าดูเหมือนมันน้อยมัน 0 แต่แท้จริงมันมีมหาศาล มีแรงมากมีอิทธิพลสูง แต่คนมันเป็นภาษาพูดเท่านั้นเองคนเข้าใจสภาพที่ซับซ้อนพวกนี้ไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25
วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:08:38 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:27:09 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:51 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:04:44 )
รายละเอียด
คุณมาพูดนี้ไม่รู้ว่าคุณอยู่จังหวัดไหน ถ้าอยู่จังหวัดอุบลเข้ามาเลย ถ้าอยู่ไกลก็เดินทางมาหน่อย อยู่ที่บ้านราช ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี คุณก็หาพิกัดของสถานที่ที่อยู่ อยู่ตรงไหนคุณก็หาพิกัดเอาเอง ได้ ดีแล้วพากเพียร จากทีวีก็ดูได้ สื่อสารจากทีวีที่อาตมาพูดก็เหลือแหล่ ปฏิบัติให้จริงเถอะไปตามลำดับ จัดลำดับของตัวเองให้ดีก็แล้วกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 12:55:29 )
รายละเอียด
เรื่องการเมืองอาตมาไม่ได้เอาเป็นเรื่องหลัก แต่อาตมาขอยืนยันอีกอย่าง ไม่ใช่อาตมาไม่เคยผ่าน ผ่านมาไม่รู้กี่ชาติ และยิ่งการเมืองประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านี่แหละทุกชาติ ที่อาตมาเป็นพระอาริยะตามแบบพระพุทธเจ้ามาเรื่อยๆ จนมาชาตินี้ ผ่านมากับการเมืองไม่รู้กี่ชาติ บริหารถึงขั้นเป็นผู้นำสูงสุดก็ไม่รู้กี่ระดับมาแล้ว ในชาติต่างๆ
เพราะฉะนั้น อาตมาก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะว่าพูดแล้วก็ไม่มีหลักฐาน จะเอาไปอ้างอิงยืนยันกับพวกคุณ ยิ่งไปพูดถึงตำนานที่พวกคุณไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีบันทึกอะไรไว้ด้วยยิ่งยากใหญ่เลย แต่บันทึกขึ้นมาแล้ว อาตมาอ้างอิงว่าเป็นผู้นี้ มันยิ่งจะยุ่งไปใหญ่เลย ก็เลยบอกว่าอย่าเลย บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติแบบนั้นมาอ้างอิง อาตมาไม่สนุกและไม่อยากจะให้พวกเราไปหลงใหล เพราะเรื่องจริงก็คือจริง ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น แต่เอามาพูดแล้ว มันจะไปย้อนทำไมเพราะมันอดีตทั้งนั้น เอาปัจจุบันไปข้างหน้านี่ ปฏิบัติที่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ และตัวสภาวะจริงที่มีในขณะนี้ไป อันนี้เป็นหลักฐานความจริงยืนยันที่ดีที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 13:00:17 )
รายละเอียด
คือ ความดีที่แตกต่างออกไป
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:11:43 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:19 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:05:15 )
รายละเอียด
เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาพูด วิปลาส 3 อาตมาก็ไม่ใช่ เต็มเต็งหมด และแม้ 4 วิปลาส อาตมาก็ชัดเจน มานำพาพวกเราอย่าไปวิปลาสตามโลกเขาเลย
1. วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
2. วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
3. วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่าเป็นตน
4. วิปลาสในของที่ไม่น่าได้น่ามี ว่าน่าได้น่ามี
อาตมาเอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามายืนยันเลย แล้วคุณพ้นหรือยังในวิปลาส 3 วิปลาส 4 ที่คุณมาท้วงอาตมา คุณรู้ตัวคุณหรือยังอาตมาก็ขอถามคุณคืน อาตมารู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาแล้วยืนยันได้ว่าวิปลาส 3 วิปลาส 4 อาตมานำพาคนให้พ้นด้วยซ้ำไป อาตมาพูดไปนี้คุณพอจะออกจากวิปลาส 3 วิปลาส 4 นี้ได้ไหม อาตมาก็หวังว่าคุณจะพ้นได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:57:03 )
รายละเอียด
คือ ระดับความดีหรือเลวของสิ่งนั้น ของนั้น
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:13:10 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:45 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:05:36 )
รายละเอียด
เมื่อจับตัวนี้ได้จริง ก็อ่าน ชีวิตรูป อ่านอาการของความมีชีวิตหรือความตาย มันดับสนิทเพราะกิเลสมันดับไม่ใช่ให้จิตมันดับ แต่จิตมันยิ่งสะอาด จิตมันยิ่งรู้จบ จิตวิจิตรพิสดาร ไม่ใช่หมายความว่าจิตเป็นธาตุดับธาตุหนึ่งน้อยๆ แต่กลับ มโหฬารพันลึกเลย คุณภาพของจิตวิญญาณที่มีตัวรู้ธาตุรู้ที่พัฒนา รู้ขนาดพระพุทธเจ้า รู้ขนาดพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ รู้ขนาดปุถุชนคือรู้อย่างไม่รู้
เริ่มเรียนตั้งแต่เป็นโสดาบันก็เริ่มจับตัวจิตเจตสิกรูปนิพพานได้ แล้วก็วิจัยความต่างไปตามลำดับ
เกี่ยวข้องกับ กาม กามหยาบที่สุดเรียก อบายภูมิเป็นต้นก็ไล่มา สะอาดจากกิเลสได้มาเรื่อยๆทีละคู่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:52:15 )
รายละเอียด
ในระยะนี้อาตมาก็ยิ่งเห็นอัตราการก้าวหน้า คุณภาพของโลกุตรธรรม พยายามจะเก่ง พวกคุณก็ฉลาดช่วยอาตมา เข้าใจได้ เข้าใจดี หรือบางคนที่เขาเข้าใจ แต่ก็ยังไม่ถึงวาระที่บางคนเขาจะเข้ามา มันต้องมารวมเป็น 1 สุดท้ายแล้วน้ำก็ไหลไปหาน้ำ น้ำมันก็ไหลไปหาน้ำมัน เพื่อจะรังสรรค์สิ่งที่เจริญ อาตมาจึงต้องอดทน ให้มันเป็นไป อาตมามีหน้าที่ทำสิ่งดีงามพวกคุณก็มีทิฏฐิสามัญญตา มีความเป็นความเข้าใจเดินทางเดียวกัน ไม่แตกแยกไปทางอื่น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40
ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:50:33 )
รายละเอียด
คือ คุณธรรมที่เป็นคุณงามความดีมีมากในตนประหนึ่ง “ดาวฤกษ์” ที่มีรังสีแผ่ “อรูป” เป็นเหมือนแสง แต่แท้ๆเป็น “นามธรรม” ที่มีคุณค่าฟุ้งกระจาย รุ่งเรือง จะแจ้งสว่างไสวออกไปให้ผู้อื่นรับรู้ เห็นด้วยได้
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:23:50 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:18 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:05:55 )
รายละเอียด
1. ลักษณะอันเปล่งประกายแห่งกุศลวิบาก
2. ประกายแห่งความดีงามที่เปล่งให้รู้
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 103
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:07:59 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:01:36 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:06:34 )
รายละเอียด
อาตมาไม่อยากพูดมากมาย เป็นเรื่องจริงที่เราไปที่แดนอโศกแล้วไปเจองู 7 ตัวพันกัน ซึ่งมันเป็นธรรมชาติแต่มันเป็นนิมิตหมาย มันผสมพันธุ์กันแล้วมันแย่งกัน ตัวผู้ตัวเมีย มันไม่ได้เป็นอย่างนาคปรก ซึ่งนาคปรกมันรวมตัว แต่นี่มันแย่งกันแยกกันคนละข้าง ข้างหนึ่ง 4 ข้างหนึ่ง 3 ซึ่งมันก็ไม่แยกกันหรอก มันดิ้นไปดิ้นมา มันก็เป็นธรรมชาติ แต่มันเป็นนิมิตหมาย นิมิตของที่ลงตัวกัน รูปกับนาม มันมีจริง ในสิ่งที่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว 2 เป็น 1 1 เป็น 2 รวมตัวกันลงตัวกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากเป็น อจินไตย ที่เข้าใจได้ยาก แต่ผู้เข้าใจแล้วก็หมดความกังขา หมดวิจิกิจฉา จะเข้าใจแล้ว 2 เป็น 1 1 เป็น 2 มารวมตัวกันได้ แล้วเราก็จะแทนอะไรเป็น 1 จนสุดท้าย 0 กับ 1 มันก็เป็น 2 สุดท้าย 1 กับ 0 นี้มันกลายเป็น 0
1 กับ 0 ก็คือ 2 แล้ว 1 กับ 0 ก็เป็น 0 ไปจบที่ 0 ก็จบได้ที่ 0 ก็จบ หมด 0 แล้วก็เป็นจบ ทำได้มีสภาวะรู้พยัญชนะพวกนี้ พยัญชนะบอกว่า 0 บอกว่า 1 บอกว่า 2 สภาวะมันมี 0 คืออย่างไร คือมันจบ มันไม่มีอะไรแล้วก็คือ 0 มันเป็นสุดท้าย ใช้พยัญชนะวิชาการว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สุดแล้ว มูลสูตร 10 จบด้วยตัวนี้ แล้วสภาวะของอาตมาก็ขยายความ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 09:16:30 )
รายละเอียด
คือ ลักษณะดี
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:43:51 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:40 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:06:51 )
รายละเอียด
ลักษณะ 12 ของพระอรหันต์มีอิสระเต็มที่แล้วก็มีคุณสมบัติ 12 ประการนี้ อันนี้อาตมาเองเป็นผู้เรียบเรียงออกมา ไม่มีในพระไตรปิฎก
1. เป็นคนหมดทุกข์ (ดับทุกข์อริยสัจ) คำนี้เป็นคำยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธเป็นอริยสัจคือความจริง เป็นสัจจะของผู้ประเสริฐสุด เป็นอริยะแท้ๆ ถ้าผู้ที่ไม่ใช่เป็นอารยะแท้ๆจะไม่เห็นว่าการมาเรียนรู้ทุกข์ แล้วก็ดับทุกข์ให้ได้ จะไม่เห็นอันนี้เป็นสุดยอดของความเป็นมนุษย์ ศาสนาโลกียะทั้งหมด ไม่รู้จักเรื่องทุกข์เรื่องสุข ไปรู้จักแต่เรื่องดีเรื่องชั่วสอนกันแต่ดีแต่ชั่ว ให้ทำดีทำดีทำดีและละชั่วประพฤติดีทำใจให้ผ่องใส ความผ่องใสก็แค่รู้ดีรู้ชั่วยังไม่เป็นโลกุตระ จิตผ่องใสนั่นคือรู้จักกิเลสแล้วดับกิเลสหมด แล้วจิตไม่มีบาปเลยบุญก็ไม่มีเรียกว่า สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่มีบาปทั้งปวง บุญก็ไม่ต้องทำแล้ว จบ ทำกรรมกิริยาอยู่ก็มีแต่ กุสลัสสูปสัมปทา กรรมกิริยาของพระอรหันต์ต่อไปมีแต่กุศลถ่ายเดียว ไม่มีบุญไม่มีบาป ปุญญปาปปริกขีโณ
พระอรหันต์ทุกองค์ดับทุกข์ดับสุขหมด ความทุกข์ความสุขเป็นเทวดาเป็นคู่แยกไม่ออก มีทุกข์ต้องมีสุข มีสุขต้องมีทุกข์ เพราะฉะนั้นพวกเทวนิยมนี้เป็นสุขนิยมยังติดความสุขอยู่ ตายแล้วก็ไปอยู่สวรรค์ ความสุขคือสวรรค์อยู่กับพระเจ้านิรันดรนั่นคือศาสนาไม่มีนิพพาน ศาสนาไม่ดับเทวะ ไม่ดับทุกข์ดับสุขนั่นคือข้อที่ 1 พระอรหันต์จะรู้
2. เป็นคนไม่มีภัย ผู้จบอรหันต์แล้วไม่มีโทษภัยอะไรในโลกอยู่กับสังคมได้โดยไม่มีอกุศลเลย อกุศลทางกายกรรม วจีกรรมไม่มี เพราะจิตใจไม่มีอกุศลแล้วจริง แต่อาจจะย้อนแย้งกับโลก พูดอีกครั้งหนึ่ง อาจจะย้อนแย้งกับโลกสำหรับพระอรหันต์ เพราะว่าโลกเขาติดยึดแบบโลกๆ ไม่ได้ติดในสมมุติ แต่พระอรหันต์ไม่ได้ไปตามใจสมมุติ ไม่ได้ติดในสมมุติอนุโลมปฏิโลมเท่านั้น แล้วก็ทวนกระแสสังคมโลกด้วยสำหรับพระอรหันต์แต่ไม่ใช่ภัย เป็นคนที่มีภูมิธรรมดึงคนออกมาจากความไม่เป็นอารยะให้มาเป็นความเป็นอาริยะ
3. เป็นคนมีคุณค่า คนจะเป็นคุณค่าก็คือเป็นพระอรหันต์นี่แหละเป็นพระโสดาบันก็มีคุณค่าพระสกิทาคามีก็เริ่มสูงขึ้น พระอนาคามีก็เริ่มสูงขึ้นยิ่ง พระอรหันต์ก็ยิ่งมีคุณค่ารู้จักโลกรู้จักอัตตาเต็ม รู้จักโลกาธิปไตย รู้จักอัตตาธิปไตย และรู้จักธรรมาธิปไตย จึงเอาธรรมะทำงานอยู่กับโลก ทำงานอยู่กับอัตตาของคนอื่น ส่วนพระอรหันต์นั้นไม่มีอัตตาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงทำงานมีแต่คุณค่า นอกจากไม่มีภัยแล้วจึงมีกรรมการงานกัมมัญญา กรรมมีความเหมาะควรทั้งนั้นเลย ในกรรมกริยาของพระอรหันต์ที่ทำกับโลก เป็นคนมีคุณค่า
4. เป็นคนทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นถ่ายเดียว ตนไม่มีแล้ว กิเลสไม่มีตัวตนไม่มี ไม่เพื่อตัวเองเลย หมดตัวตนจริง ฟังให้ดีนะ ลักษณะ 12 ของพระอรหันต์มีอิสระเต็มที่แล้วก็มีคุณสมบัติ 12 ประการนี้ ซึ่งอาตมาเองเป็นผู้เรียบเรียงออกมา ไม่มีในพระไตรปิฎก
เป็นคนทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นถ่ายเดียว ตนเองไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อตัวเองเพราะประโยชน์ตนเองคือกิเลสหมด ศาสนาพระพุทธเจ้าประโยชน์ตนคืออะไรก็คือกิเลสหมด หมดกิเลสแล้วหมดประโยชน์ตนเอง มีแต่ประโยชน์ท่านทั้งนั้นเลยทีนี้ พระอรหันต์จึงคือผู้ที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองแล้ว มีแต่ประโยชน์เพื่อผู้อื่นเท่านั้น
5. เป็นคนไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง อันนี้เป็นศัพท์กลางๆสามัญทั่วไป แม้หยาบกลางละเอียดไม่มีเลย แม้แต่ละเอียดธุลีละอองก็หมด
6. เป็นคนมีเมตตาจริง เมตตานี้ลึกซึ้ง คนนี่เอาคำว่าเมตตาไปใช้ตีกิน ที่จริงแล้วไม่ได้เมตตาอะไรหรอก เป็นคนมีแต่ขี้ตาไม่มีเมตตาหรอก
เมตตาคือคนที่จะต้องเป็นคนไม่มีภัย แต่เป็นคนมีคุณค่าทำประโยชน์ต่อผู้อื่น เมตตาคือต้องการให้คนพ้นทุกข์ไม่เป็นโลกียสุข คือ ต้องการ ไปพบกับใคร ก็ต้องการให้เขาไม่ต้องมีทุกข์มีสุข พ้นทุกข์พ้นสุข นี่คือข้อที่ 1 มีเมตตา
ข้อ 2 มีกรุณา ก็ลงมือช่วย ลงมือทำเพื่อให้เขาพ้นทุกข์ และไม่มีสุข ไม่ติดสุข ไม่มีสุขไม่มีทุกข์เรียกว่าอุเบกขาเรียกว่า อทุกขมสุข พอช่วยเขาได้ กรุณาคือลงมือช่วย ช่วยเขาได้ผลสำเร็จ ก็มีจิตมุทิตาเป็นข้อ3
มุทิตาคือจิตก็อนุโมทนาด้วยให้เขาพ้นทุกข์พ้นสุขเป็นอรหัตตผล เมื่อเขาบรรลุแล้วเราก็มีจิตมุทิตาจิตก็ยินดีด้วยที่คุณพ้นทุกข์พ้นสุข
ข้อที่ 4 คืออุเบกขาทำเสร็จแล้วก็ปล่อยวาง จิตก็บริสุทธิ์ไม่ต้องไปติดอยู่ในคุณธรรมหรือคุณค่าที่เราทำกับคนอื่นที่เขาได้ผลดี หรือไปหลงติดในความยินดีที่ตนเองได้ช่วยเขา เป็นปีติเป็นปราโมทย์อะไรอยู่ไม่ต้องไปติดยึด จบเป็นจบ รู้แล้วเป็นแล้วสำเร็จแล้วก็จบไป จึงเป็นอุเบกขาสมบูรณ์แบบ
7. เป็นคนมีอุเบกขาจริงแท้… สำคัญมากนะ อุเบกขาคือฐานของนิพพาน จิตที่มีอุเบกขาก็เริ่มต้นทำจิตอุเบกขาได้ คุณต้องรู้เวทนา เคหสิตเวทนาก็ทำให้เป็นเนกขัมสิตเวทนา
สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี มันเป็นอาการของจิต ภายนอกทั้งหมด คุณก็จิตไม่ติดอยู่ หมดแล้วทำให้ไม่ติดความทุกข์ความสุขภายนอกก็เหลือภายในเรียกว่าโทมนัส โสมนัส มันก็ยังติดอยู่ลึกภายในเป็นรูปภพ อรูปภพ คุณก็ล้างอีกให้เป็นอุเบกขา นี่คืออินทรีย์ 5 ของเวทนา ทุกข์สุข โสมมนัส โทมมนัส แล้วก็อุเบกขา ล้างได้
ฐานอุเบกขาคือ จิตสะอาดจากกิเลส คุณทำได้ชั่วคราวก็ได้ ปฏิบัติได้ชั่วคราวเรียกว่า ผู้ที่ยังไม่รู้ก็เอาแต่ ข่ม วิกขัมภนปหาน ผู้ที่รู้วิธีของพระพุทธเจ้าก็ทำให้เป็นอุเบกขาได้อย่างวิปัสสนาได้อย่างสัมมาทิฏฐิ อย่างที่ตาลืมมีสัมผัสกระทบใจก็รู้อยู่ ทำจิตให้เป็นกลางไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่ผลักไม่ดูด ไม่ชอบไม่ชัง ได้กลางๆ ไม่มีความเป็น 2 มีความเป็นกลางๆเรียกว่าอุเบกขา มีความสะอาดชั่วคราวก็ตาม ข่มนั้นมันไม่ค่อยรู้เรื่องแต่คนทำได้เรียกว่า วิกขัมภนปหาน
ตทังคปาน คือปหานได้เป็นครั้งเป็นคราวจนเก่งขึ้นๆๆ จนเด็ดขาดเรียกว่า สมุจเฉทปหาน พอทำได้เก่งขึ้นไปอีก ทำสลับไปสลับมามีเหตุปัจจัยกระแทกกระทบกระเทือนเก่งขึ้นเป็น ปฏิปัสสัทธิปหาน จนเด็ดขาดเลย นิสรณปหาน คือ ไม่ต้องไปทำอะไรอีกเป็นไปโดยอัตโนมัติติดตัวเป็นที่พึ่งได้เลยเป็นนิสรณะโดยไม่ต้องทำไม่ต้องฝึกแล้วหรือยังฝึกอยู่ยังไม่คล่องแคล่วก็ทำให้มันสมบูรณ์ด้วย นิสรณปหาน ทำให้สมบูรณ์แบบด้วยปหาน 5
อาตมาอธิบายโดยสภาวะที่อาตมามีเป็นอยู่รู้อยู่ไม่ได้เรียงลำดับเอาภาษาตำรามาพูดอธิบายทีเดียว มันก็จะไม่เหมือนทีเดียวแต่เนื้อหาสาระฟังให้ดี อาตมาเอาสภาวะเป็นหลัก
8. เป็นคนไม่ทำบาปแล้ว คนที่ไม่ทำบาปแล้วคือคนสิ้นบุญแล้ว เพราะบุญมีหน้าที่ล้างกำจัดให้จิตไม่เกิดบาป เพราะฉะนั้นบาปไม่เกิดอีกแล้ว อดีตแล้วไปอดีตมันผ่านไปแล้วอดีตมันเคยมีบาปก็เรื่องของอดีต แต่ปัจจุบันผู้ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ารู้จักกิเลสว่าเป็นบาปเป็นอกุศล เกิดจากความโง่เป็นอวิชชา เกิดสัมผัสแล้วเกิดจิตเป็นอกุศลหยาบกลางละเอียดก็แล้วแต่ ก็กำจัดไม่ให้มีบาปเกิด กระทบสัมผัสอย่างไรก็ไม่มีบาปเกิด เมื่อหมดบาปไม่เกิดอีก สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง กรรมทุกกรรมก็มีแต่กุศล ท่านจึงใช้คำ 2 คำ คำว่าหมดบาป ส่วนอันที่สองก็ไม่ใช้คำว่าทำแต่บุญ ไม่ใช่ ใช้คำว่าทำแต่กุศล อันที่เป็นบาปนั้นคืออกุศล แต่จริงๆมันเป็นกิเลส บาปกับอกุศลต่างกันคือ กุศลเป็นเรื่องของโลกีย์ อกุศลก็เป็นภาษาโลกีย์ไม่ดี แต่บาปนั้นคือมันประกอบด้วยกิเลส เพราะฉะนั้นเมื่อทำกิเลสหมดแล้วหมดบาป หมดบาปแล้วก็หมดบุญ เพราะว่าบุญคือการชำระบาป เมื่อไม่มีบาปให้ชำระ บุญก็ไม่ต้องเกิด เพราะฉะนั้นการที่จะทำต่อไปอีกก็มีแต่กุศลไม่มีบุญไม่มีบาป ปุญญปาปปริกขีโณ นี่คือธรรมะของอรหันต์ ในข้อไม่มีบาป
9. เป็นคนทำแต่กุศล ธรรมของพระอรหันต์ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป ปุญญปาปปริกขีโณ ทำกรรมทุกกรรม ก็มีแต่กุศล กุสลัสสูปสัมปทา
10. เป็นคนได้ประโยชน์ตนครบแล้ว ไม่มีประโยชน์ตนที่ต้องทำให้ตนอีกแล้ว คนผู้นี้เป็นคนหมดตัวตนไม่มีประโยชน์ตน อรหันต์นี้หมดตัวตนหมดประโยชน์ตัวตน เพราะมันครบแล้วจบแล้วหมดสิ้นแล้วไม่มีประโยชน์ตนที่ต้องทำให้ตนอีกแล้ว
11. เป็นคนรู้จักสวรรค์ นรก นิพพาน ถูกถ้วน เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นอรหันต์ผู้ที่หมดประโยชน์ตนครบแล้ว จึงเป็นผู้ที่ไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก มีแต่นิพพาน เข้าใจนิพพานเข้าใจสวรรค์ เข้าใจนรก ศาสนาเทวนิยมทั้งหลายแหล่ไม่รู้จักนิพพาน และหลงสวรรค์ สวรรค์กับนรกแยกกันไม่ออกเป็นเทวะ แยกคำกว่าเทวะ ที่แปลว่า 2 ไม่ได้เพราะฉะนั้นคุณก็ติดสวรรค์ คุณจึงคือสวรรค์สุขนิยม จะต้องอยู่สวรรค์ เพราะฉะนั้นไม่มีนิพพานไม่มีศูนย์ อยู่กับอัตภาพอัตตา อาตมันนิรันดร แต่ผู้ที่เป็นอรหันต์จะรู้จักสวรรค์ รู้จักนรกรู้จักนิพพานถ้วน แล้วปฏิบัติได้พ้น แม้แต่นิพพานก็ไม่ได้ยึดถือเป็นเราเป็นของเราสุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสานก็สูญหายไปเลยไม่มีอะไรเลย ถึงสุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปณิหิตนิพพาน
12. เป็นคนรู้จักและมีนิพพานสัมบูรณ์ คำว่าสัมบูรณ์หมายความว่า มันเต็มอย่างบริบูรณ์ ยิ่งกว่าบริบูรณ์ บริบูรณ์แปลว่าเต็มรอบ ปริ แปลว่ารอบ บริบูรณ์เต็มตามรอบ
ส่วนสัมบูรณ์นี้เต็มทุกอย่างไม่เหลือ เต็มอย่างไม่มีอะไรเหลือ บริบูรณ์นี้เต็มตามรอบ โสดาบันก็เต็มตามรอบบริบูรณ์ของพระโสดาบัน สกิทาคามีก็เต็มตามรอบของสกิทาคามี อนาคามีก็เต็มตามรอบของอนาคามี อรหันต์ก็เต็มรอบของอรหันต์จบพระอรหันต์จึงเต็มรอบสมบูรณ์ เป็นคนรู้จักและมีนิพพานสัมบูรณ์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:22:19 )
รายละเอียด
1. เป็นคนหมดทุกข์ (ดับทุกข์อริยสัจ)
2. เป็นคนไม่มีภัย
3. เป็นคนมีคุณค่า
4. เป็นคนทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นถ่ายเดียว
5. เป็นคนไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
6. เป็นคนมีเมตตาจริต
7. เป็นคนมีอุเบกขาจริงแท้
8. เป็นคนไม่ทำบาปแล้ว (สิ้นบาป-สิ้นบุญ)
9. เป็นคนทำแต่กุศล
10. เป็นคนได้ประโยชน์ตนครบแล้ว ไม่มีประโยชน์ตนที่ต้องทำชำระให้ตนอีกแล้ว
11. เป็นคนรู้จักสวรรค์ นรก นิพพาน ถูกถ้วน
12. เป็นคนรู้จักและมีนิพพานสัมบูรณ์
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 13:59:26 )
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:57:30 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:07:18 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:07:58 )
รายละเอียด
คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนาในยุคนี้ พระพุทธเจ้ายอมให้ผู้หญิงบวชได้ในศาสนาพุทธ แม้ว่าอายุของศาสนาพุทธจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 5,000 ปี นี่ก็เลยครึ่งของห้าพันปีมาแล้ว
เชื่อมั่นว่าลูกๆทุกฐานะต่างก็มุ่งมั่นตามประสงค์ รวมทั้งลูกคนนี้ขอตามด้วยคนค่ะ เพราะมีอะไรที่มีคุณค่าสูงเยี่ยมสุดยอด ที่ได้ร่วมเดินทางในขบวนกองทัพธรรม ของพระนิยตโพธิสัตว์พระองค์นี้ ตราบท่านพระนิพพาน ที่เป็นสัจจะหนึ่ง ผู้ที่เข้าใจแล้วก็เห็นว่า ผู้ที่พบคนนี้เป็นไก่ตัวพี่นำมาก่อนได้แล้ว เราเห็นดีเห็นชอบตามเลย ไม่บังอาจจะไปตีตัวเสมออะไรอย่างนี้ ตามชัดเจนมั่นใจทำตาม ทำตามปณิธานที่ก็เคยตั้งจิตไว้นานแล้ว ที่จะมาพบอันนี้ให้ได้ จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสานไป เมื่อใด. แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็ต่อไปอีกได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:41:40 )
รายละเอียด
อันนี้เป็นคุณลักษณะที่สุดยอดเลยนะ คนไม่มีจิตมุ่งร้าย ใครจะว่าร้ายเรา อันนี้อาตมาดูที่ตนเอง ใครจะว่าร้ายเรา อาตมาไม่มีจิตแบบนี้ รู้สึกว่าอันนี้เป็นคุณธรรม รู้สึกว่ามันดีมันชื่นใจที่เราได้อภัย ที่เราไม่ได้มุ่งร้าย ใครจะมุ่งร้ายอะไรกับเราก็เรื่องของเขา ยิ่งเห็นความร้ายของคนที่มุ่งร้ายต่อเรา อาการร้ายมันยิ่งเห็นชัดเจนว่ามันไม่ดี ใครทำออกมามันเป็นอาการทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่เราสามารถจะรับรู้ได้ ยิ่งเห็นว่ามันเป็นอาการที่น่าเกลี๊ยด น่าเกลียด มันเป็นอาการที่ไม่ดี ไม่งามของความเป็นมนุษย์เลย คนที่มุ่งร้าย คนที่คิด คนที่พยาบาทต่อศัตรู ประสงค์ร้ายกับใครก็แล้วแต่ อาการนั้น นี่คืออาตมาเห็น อาตมาจึงรู้สึกว่า มันดีที่เราศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วเรามีความรู้ในแบบนี้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 18:39:43 )
รายละเอียด
1."ไม่กลบเกลื่อนเมื่อถูกว่ากล่าวตักเตือน" : (ขยาย) ไม่มีลักษณะ ของคนว่ายากสอนยาก
2."นิ่งฟังอย่างเปิดใจ เมื่อถูกติเตียน" : มีปรโตโฆษะ เป็นถ้วยชาที่ว่างเปล่า
3."ไม่เพ่งโทษผู้ว่ากล่าวติเตียนสั่งสอน" : ไม่เป็นคนพาล จิตใจกว้างขวาง
4."เอื้อเฟื้อต่อคำสอน และผู้สอน" : มีคารวธรรม อ่อนน้อม
5."เคารพคำสอนและผู้สอน" : มี คารโว
6."อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างดียิ่ง" : มี นิวาโต
7."มีความปิติยินดีต่อคำสอน ต่อคำติเตียนที่ถูกต้อง ดีงาม" : มีปัญญาแยกแยะ มุทุ
8."ไม่ดื้อรั้น": สุโปสะ เป็นผู้บำรุงง่าย พัฒนาได้ง่าย
9."ไม่ยินดีในการขัดคอ" : มีปรโตโฆษะ มีมารยาททางสังคม
10."มีปกติรับฟังความเห็นต่างอย่างดีเยี่ยม" : มีปัญญา ใจกว้าง ใฝ่รู้ มีหัวใจประชาธิปไตยโลกุตระ
11."เป็นผู้มีความอดทน" : มีขันติ มากด้วยกำลัง
12."อุตสาหะบากบั่นพากเพียร" : มีวิริยารัมภะ เป็นคุณสมบัติ ที่เลิศยอดของความสำเร็จในที่สุด
อาตมาก็ว่า หนังสือเล่มนี้ (สรรค่า สร้างคน) ก็สรุปคำ สรุปอะไรต่ออะไรเอาไว้ ตั้งนานแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็พิมพ์ออกมาว่า มันเป็นหัวข้อหลักๆ ของมนุษยชาติ ที่ดีพอสมควรอ่ะนะ พูดไปเดี๋ยวจะมายกย่องตัวเอง
นี่ก็จริงทั้งหมด เป็น "สยังอภิญญา" ก็พูด เป็น "ไก่ตัวพี่" ก็พูดเป็น "พระธรรมิกราช" ก็พูด ยืนยัน มันเป็นความจริงที่อาตมาจำนนแล้ว ไว้ค่อยอ่านหนังสือ “เกิดมาชาตินี้” อาตมาเขียนไว้ นี่ก็ส่งไปทำเล่มแล้ว เพราะว่าเขียนจบแล้ว หนังสือเกิดมาชาตินี้ ออกมาได้เร็ว ได้อ่านเร็วเลย ก่อนที่จะถึงวันเกิด 5 มิถุนา 2557 ก็ได้ พิมพ์ออกมาก่อนเลย ทำได้ก็เอามาอ่านกัน
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #45 Soft power โลกุตระของพ่อครู นำสู่การพ้นคนโลกเก่า วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:50:44 )
รายละเอียด
หัวมัน มันหรือ? พ่อครูยกหัวมันอันใหญ่ เป็นพันธุ์ okinawa หนัก 4.95 กิโล เกือบ5 กิโลกรัม โอ้โห! ปลูกที่ไหน?..นี่ (ข้างอาคารบวร) ความเป็นเลิศของอาหารเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ คำว่า เลิศ คำนี้หมายความว่า
1. คุณภาพดี 2. ไม่มีพิษ 3. ทำให้ได้มีปริมาณมาก 4. เกื้อกูลแจกจ่ายเจือจานผู้อื่นไปอย่างบริสุทธิ์ใจให้ได้มากๆ
อาตมาพาพวกเราทำ พวกเราก็ได้ศึกษาฝึกฝนจิตใจที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวไม่มีตน มีแต่ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่นจริง จึงเต็มใจกันหรือว่าพรักพร้อมกัน ไปทำ พยายามทำเพิ่มขึ้น ตอนนี้ขยายจนถึงขั้นสาธารณะ ปลูกไปข้างถนนเลย ทำจริงๆไม่ใช่ทำเล่นๆ ทำกันอย่างดี ให้มันเกิดมรรคผลให้มันเกิดจริง งอกงามสมบูรณ์เลย ได้อาศัยกินใช้กันจริงๆเลย ซึ่งก็เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารง่ายๆ โดยเฉพาะของชาวอีสาน บักหุ่งเป็นต้นเป็นหลัก แล้วก็กล้วยอะไรอย่างนี้ พริก ข่า ตะไคร้ มะเขือ มะนาว มะเขือเทศบ้าง อะไรอย่างนี้
บ้านราช เกิดตั้งแต่ปี 2537 ยังไม่ถึง 30 ปี เราก็อยู่กันสร้างพฤติกรรมต่างๆ มีบทบาทชีวิตอยู่กันไป ชาวบ้านชาวช่องเขาเข้าใจกันหมดแล้ว เราไม่ได้ทำเพื่อจะมาโชว์ให้คนอื่นเขามายกย่องสรรเสริญ เอาอะไรมาแลกเปลี่ยน เขาเข้าใจแล้วว่า เราไม่มีอะไรแอบแฝงพวกนี้ ทำขึ้นมาเพื่อเผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือกัน ด้วยน้ำใจบริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ่งนี้เกิดจากความเป็นจริง จิตใจของพวกเราเป็นจริง แล้วพวกเราก็ไม่ไปทำอะไรเก่ง ไปทำสร้างเครื่องไม้เครื่องมือเก่งๆทางวิศวะ สร้างคอมพิวเตอร์ แม้แต่สร้างจานชามช้อน สร้างโต๊ะสร้างเตียง เราก็ไม่เก่ง แต่เราจะสร้างอาหาร อาหารก็เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่ได้ไปเน้นเรื่องปศุสัตว์ ไม่ได้ไปเน้นเรื่องประมง
อาหารก็เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เต็มที่ ทำไป อาตมาเชื่อว่าพวกเราจะเข้าใจ ถ้าใครเข้าใจที่อาตมาพูดแล้วก็ลงไปเต็มที่ช่วยอาตมา ไม่ใช่ช่วยอาตมา แต่ช่วยโลกช่วยสิ่งที่ประเสริฐ เอาให้เต็มที่เลย ช่วยกัน นักเรียนก็ช่วยอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ก็เยอะไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ ไปบ้างแต่ก็ไม่เต็มที่ ถ้าเต็มที่มันจะดูดีอบอุ่นเลย แต่ก็ยังน้อย เข้าใจให้ได้ พูดนี้ไม่ได้ไปหมายความว่าเป็นการบังคับ หรือปะเหลาะ ไม่ใช่ แต่ให้เข้าใจด้วยปัญญาแล้วก็ไปเองทำเองอิสรเสรีภาพ จะรู้ว่าจริงเหรอชีวิตเราก็เป็นไปได้มาช่วยกัน ทำให้เกิดมรรคผลเกิดความอุดมสมบูรณ์เป็นกันได้จริงๆเลย แล้วจะเห็นผล มันเป็นขึ้นมาแล้วจะเห็นผลว่ามีผลอย่างไรกับประชาชน กับมนุษยชาติ นี่ยังติด covid เท่านั้น เป็นโอกาสให้เราฟักตัว ถ้าไม่งั้นมันจะมะรุมมะตุ้มมามากจะไม่มีโอกาสได้ฟักตัว ไม่มีโอกาสได้เจริญงอกงาม มันจะไม่เหลือเลย ตอนนี้ก็คงจะพอมากพอที่จะให้คนย่านนี้เท่านั้น คนอื่นๆข้างนอกก็ยังไม่กรูเกรียว เราก็ทำเพิ่มขึ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 13:18:51 )
รายละเอียด
สำคัญต้อง“สัมผัส”ถ้วน จากไทย
เป็น“ประชาธิปไตย” ต่างหล้า
“ตัวอย่าง”สุดประเสริฐใน โลก“หนึ่ง- เดียว”เฮย
เด่น“เดี่ยว”แกร่งเกินกล้า แก่นแท้“กายสักขี”
เพราะฉะนั้นหนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย อาตมาว่า นักรัฐศาสตร์ทั้งโลกจะต้องศึกษา ว่าประชาธิปไตยของไทยนี้มันเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า เป็นประชาธิปไตยโลกุตระ เป็นประชาธิปไตยที่ต้องสรุปคำศัพท์ต่างๆเป็นคำศัพท์โลกุตระของพระพุทธเจ้า เป็นประชาธิปไตยที่เป็นเรื่องของประชาชนจริงๆ แล้วมีพฤติการณ์ที่สุดประเสริฐสวยงามสมบูรณ์แบบ สงบ เอาสัจจะ เอาความจริง เอาความถูกต้อง มาเป็นตัวเชื้อตัวเนื้อตัวยืนยันว่า ดีที่สุดประเสริฐที่สุดวิเศษที่สุด แล้วยืนยันได้จริงๆเลย ทำสำเร็จแล้วด้วย ไม่ใช่รัฐบาลเดียว ไม่ใช่ครั้งเดียวและไม่ใช่เล่นๆ
รัฐบาลของทักษิณ เขาเอาโลกีย์ ประมวลอำนาจทางโลกีย์ไว้เพียบพร้อม แม้กระทั่งทุกวันนี้ต่างประเทศยังไม่กล้าทำอะไรเขา ต่างประเทศก็ยังยินดีรับเขาไว้ตรงนั้นตรงนี้ ยังไม่กล้าทำอะไรเขา เพราะเขามีอำนาจบาตรใหญ่เท่าไหร่ ขณะนี้ต่างประเทศใช้อำนาจบาตรใหญ่ส่งเสริมขนาดนั้น เขายังตีไข่แดงของไทยยังไม่ได้ ตีหัวใจของไทยไม่ได้ ทำลายทำร้ายหัวใจของไทยไม่ได้ เห็นไหมนี่คือสัจจะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สัจจะที่ประเสริฐสุด
มันยังไม่จบเท่านี้ คุณลักษณะแท้ของความเป็นประชาธิปไตยไทย ยังจะขยายรูปลักษณ์ ยังจะขยายโฉมงามของความเป็นประชาธิปไตยไทยขึ้นมาอีก ไปได้เรื่อยๆโดยคนไทยมีความรู้ประชาธิปไตยไทยที่เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฐมอโศก หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:15:51 )
รายละเอียด
คือ ความสามารถที่เป็นโลกุตรธรรม
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:27:43 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:05:02 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:15:09 )
รายละเอียด
คือ ความสามารถที่จัดการกับจิตตนเอง ให้พัฒนาได้ จนเจริญก้าวหน้าสูงสุด เป็นอรหันต์สำเร็จ ก็คือ ผู้ทำอภิสังขาร 3 สำเร็จสัมบูรณ์
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 268
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 14:29:41 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:05:25 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:07:37 )
รายละเอียด
คือ อุตตริมนุสสธรรม เป็น“คุณธรรมอัน ประเสริฐสุดของคน” ได้แก่ “ความหมดสิ้นตัวตน”ที่เป็นจริง
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า483
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:26:57 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:58 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:08:05 )
รายละเอียด
1.ตนเองสิ้นทุกข์ (สิ้นกามสุขัลลิกะ) หมดความลำบากใจ (หมดอัตตกิลมถะ)
2.เป็นคนมีคุณค่าประโยขน์แก่คนทั้งหลาย ช่วยเหลือผู้อื่น อยู่ด้วยเมตตา เอ็นดูเสมอ ไม่ใจดำ ไม่ดูดาย
คำอธิบาย
พระอรหันต์จึงไม่ใช่ผู้ปลีกหนีอยู่แต่ผู้เดียว แต่เป็นผู้อยู่กับสังคม ช่วยเหลือสังคมอยู่จริง ชีวิตจึงมีแต่ "รับใช้ผู้อื่น" อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดยิ่งใน "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" อันเป็นคำสอนบทแรกของศาสนาพุทธว่า คนที่ไม่ใช่อรหันต์นั้นคือ ผู้ยังมีสุจเท็จกับ "กาม" (กามสุขัลลิกะ) และยังลำบากกับ "อัตตา" (อัตตกิลมถะ) ภาวะ 2 อย่างนี้ คือ กิเลสที่กำจัดให้หมดสิ้น จึงจะเรียกว่าผู้มี "โลกุตรธรรม"
หนังสืออ้างอิง
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? เล่ม 1 หน้า 9
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 13:36:24 )
รายละเอียด
5. เนกขัมมานิสังสา คือ อานิสงส์ในการออกจากกาม อานิสงส์ แปลว่า ประโยชน์, ความดี, ผลบุญ, คุณอันไหลออกเป็นนิตย์จากผล, การสรรเสริญคือสิ่งที่น่ายกย่อง, กำไร, ผลดี, ผลดีหรือผลที่น่าปรารถนาน่าพอใจ อันสืบเนื่องหรือพลอยได้ จากกรรมดี, ผลงอกเงยแห่งบุญกุศล, คุณ, ข้อดี, ผลที่เป็นกำไร โดยเฉพาะถ้าประโยชน์นั้นจะถึงขั้นที่เรียกได้ว่า“เนกขัมมะ”ก็ต้องเป็น“คุณวิเศษ(อุตตริมนุสสธรรม)” ก็“อานิสงส์”หรือประโยชน์ที่ถึงขั้นอาริยะ ซึ่งเป็นผล“โลกุตรธรรม”ของศาสนาพุทธแท้ๆ
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 437 ข้อที่ 601
เวลาบันทึก 11 มิถุนายน 2565 ( 14:29:15 )
รายละเอียด
ซึ่งคุณธรรมอันวิเศษของ“อุเบกขา”นี้ก็คือ “ความบริสุทธิ์จากกิเลส
(ปริสุทธา)”เป็นตัวตั้งต้นอยู่แล้ว เมื่อชีวิตยิ่งมี“กรรมวิบาก”สั่งสมผลที่
สะอาดยิ่งๆขึ้นมากเพิ่มขึ้นๆ ความเป็น“อุเบกขา”ก็ยิ่งเจริญงอกงาม
ไพบูลย์เป็น“อุเบกขา”ที่พัฒนาขึ้นเป็น“ปริโยทาตา-มุทุ-กัมมัญญา-
และสูงสุดเป็น“ปภัสสร(สดใสสว่างแจ้งผ่องจ้ายิ่งๆขึ้น)” ไม่เท่าเดิมแต่
เจริญก้าวหน้าเป็น“อุเบกขา”ที่ยิ่งประเสริฐเลิศสูงขึ้นๆ เจริญขึ้นๆ
ไม่หยุดอยู่เท่าเดิม มีแต่เจริญ ขึ้นๆๆๆ
พุทธสามารถศึกษาปฏิบัติ“การทำใจในใจ(มนสิการ)”ของตนให้เกิด
“อุเบกขา 5”ซึ่งเป็น“คุณวิเศษ(อุตตริมนุสสธรรม)”อันเยี่ยมยอดนี้ได้เป็นวิทยาศาสตร์กันปานฉะนี้!
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 340 หน้า 252
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:42:19 )
รายละเอียด
คุณเอามะม่วงกับทุเรียนไปให้คุณจำลอง คุณจำลองกินแต่มะม่วง คุณจำลองไม่กินทุเรียน คุณจำลองเป็นคนตั้งจิตอย่างไรก็ตั้งจิตอย่างนั้น ไม่กินทุเรียนจนตายก็ไม่กิน เอาไปเอามากินข้าวกับมะม่วง กินข้าวกับอะไรอย่างอื่นไม่ค่อยได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องยืนยันสัจจะที่จริง จิตจริง อย่างคุณจำลองทำจิตจริง ก็ได้จริง ก็ไม่ได้ไปรบกวนใคร ไม่ได้เบียดเบียนใคร ทำตัวเองให้รอด ให้เป็นจิตที่สบาย ยิ่งลดยิ่งน้อย ยิ่งไม่มีอะไรก็ยิ่งสบาย ยิ่งเบา ยิ่งว่าง มันไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเป็นเรื่องของคุณวิเศษของคุณจำลองที่เขาทำของเขาได้ แต่คนไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:17:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:54:19 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:22 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:08:40 )
รายละเอียด
เกินกว่านั้น นอกจากมีชีวิตไม่เป็นพิษภัยแล้วสามารถหยั่งรู้ถึงขั้นจิตวิญญาณ ทำให้จิตวิญญาณเกิดหรือจิตวิญญาณตาย ไม่ตายแต่จิตวิญญาณยังอยู่ ก็ให้เป็นจิตวิญญาณที่มีกรรมที่ดีเท่านั้น กรรมอันควร กรรมอันควรของโลกๆก็มีแต่ทำมาหากิน ทำอาชีพอะไรต่ออะไรไปยังชีพยังชีวะ แต่เป็นกรรมของทางโลกๆ กรรมของทางธรรมกรรมของทางโลกุตระของพระพุทธเจ้านั้น นอกจากจะทำอาชีพให้มันเป็นอาชีพที่ดี สัมมาอาชีพแล้ว ยังทำให้กรรมทุกกรรมดีด้วย เรียกว่ากัมมันตะ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้กรรมทุกกรรมดี นอกจากดีด้วยความหมายเท่านั้น โลกียะก็รู้ว่าดีกับชั่วคืออะไร ยังสามารถที่จะถ้ายังไม่เป็นอรหันต์ก็ทำให้จิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สามารถที่จะเป็นองค์ประกอบของการที่จะช่วย ให้กิเลสลด จนได้เป็นอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชธานีอโศก ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 11:12:29 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นจะอยู่กับโลกซึ่งจะมีผลกระทบกระแทกกระทุ้งกระเทือนอย่างไรก็ยังผ่องใสผ่องแผ้ว ประภัสสร ก็ยังสะอาดไม่มีอะไรติดไม่มีอะไรที่จะหมอง ไม่มีอะไรจะทำให้ขุ่นได้เลย ไม่มีอะไรทำให้หมองได้เลย สะอาดมีประสิทธิภาพในตัวเองสูงสุด
ฉะนั้นคุณสมบัติที่ต้องเรียกว่าคุณวิเศษอย่างนี้ ไม่ใช่ปากเปล่า จิตเป็นจริงประพฤติปฏิบัติได้จริง อย่างพวกเรานี้ปฏิบัติได้จริง มากบ้างน้อยบ้าง ผู้ที่มีภูมิปัญญาปฏิภาณก็ดูเอาเอง
คนข้างนอกเข้าใจโลกุตรธรรมไม่ค่อยได้ ชาวพุทธได้เสื่อมไปจากศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าเสื่อมไปที่ไหน แต่ชาวพุทธนั้นเสื่อมไปจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า เลยกลายเป็นแค่โลกียธรรมก็ยังไม่เรียบร้อยเลย ยังเข่นฆ่าแย่งชิงกันอยู่อย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:16:42 )
รายละเอียด
สัตว์ที่เร็วเหมือนลิง มันเป็นคำอธิบายถึงความเร็วว่องไว ปราดเปรียว คล่องแคล่ว ไม่ใช่เรื่องของลิงจริงๆหรอก แต่เป็นคุณลักษณะ คุณวิเศษ ที่ยืนยันอุทาหรณ์พวกนั้นเอามาเทียบรู้เท่านั้น บอกว่าจิตใจเร็วไวเหมือนลิงนั่นก็ใช่ แต่นี่มันเป็นคุณวิเศษที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ศึกษาปฏิบัติไปจะเกิดเองมีเองเป็นจริงแล้วจะรู้ว่าเป็นจริง จิตจริงๆนั้นเร็วยิ่งกว่าแสง แสงนี่ยังช้าไป ความร้อนแสงเสียง แม่เหล็กไฟฟ้า เร็วสู้จิตไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นจิตที่ปฏิบัติดีแล้วจึงได้ทนไฟได้ มันสูงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่เล่น ขนาดทนไฟฟ้าได้ อาตมาก็คงทนไฟฟ้าไม่ได้ ไฟฟ้าดูดตายแน่ อาตมาเชื่อว่าสู้ไม่ได้ อย่าให้ใครเอามาลองนะ ถ้าลองเชื่อว่าตายแน่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชธานีอโศก ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:51:19 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 17:47:34 )
รายละเอียด
ทำไมอาตมาบอกความจริง ก็เพื่อให้คุณดูคุณเห็นครบครันเลยว่านี่ของจริง สภาวะจริงมีทุกอย่างเลย ไม่ว่าวัตถุแท่งก้อนพฤติกรรมกายวาจาใจ ทั้งจิตคิดจิตนิยามอยู่ในนี้ครบ นี่แหละแท่งความจริง ไม่ใช่เรื่องลอยลมไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ อาตมาก็เป็นคนเหมือนกับคุณทุกคน แต่อาตมามีคุณวิเศษอันนี้ได้ คุณวิเศษอันนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้แล้วเอามาประกาศให้คนปฏิบัติตาม อาตมาปฏิบัติตามมาไม่รู้กี่ล้านชาติ จนมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ไม่ใช่พูดเกินความจริง ล้านชาติไม่ใช่พูดเกินความจริง สั่งสมบารมีมาจริงๆ
จนมาถึงชาตินี้ แล้วเอามายืนยัน ไม่ใช่อยู่ดีๆไปเอาของใครมา ไม่ได้ เหมือนเอาเสื้อผ้าคนอื่นมาใส่ไม่ใช่ ต้องเป็นของเรา เป็นสัมภาระวิบากของเรา กรรมของเราทำมาเองได้เป็นเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทุนนิยมคือ Infinity แต่บุญนิยมนี้ 0 ยิ่งกว่า 0 วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 13:32:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:08:04 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นแม้แต่จะรู้ว่า สิ่งที่เป็นที่มีที่ได้เป็นพฤติกรรมของเราเป็นคุณวิเศษ ไม่ใช่เอาของคนอื่นมาเป็นของเรา หรือไปซื้อหาตามร้านขายยาหรือห้างสรรพสินค้ายิ่งใหญ่ในมหาจักรวาลก็ไม่ใช่ มันต้องเรียนรู้และประพฤติ เป็นหน่วยกิตจริงๆเลยสะสมเนื้อหาเป็นพฤติกรรมกายวาจาใจของเราเอง เกิดได้เป็นได้ขึ้นมา
แล้วเป็นเรื่องของชีวะเป็นจิตนิยาม สั่งสมกรรมวิบาก ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านจัดกรรมวิบากไว้ใน อจินไตย 4 ข้อ เป็นเรื่องที่ผู้ไม่ศึกษาจะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่ากรรมวิบากมีจริงเป็นจริงในมนุษย์ ซื่อสัตย์สุจริตที่สุด กรรมเป็นอันทำ ทำแล้วบอกว่าไม่ใช่ของตนก็ไม่ได้ ทำแล้วไม่เอาก็ไม่ได้ กรรมเป็นทุกอย่าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทุนนิยมคือ Infinity แต่บุญนิยมนี้ 0 ยิ่งกว่า 0 วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 13:36:38 )
รายละเอียด
อาการอยากที่อาตมาเคยบอกว่าไม่ได้อยากกินอาหารหรือกระหายน้ำแต่อย่างใด อาตมาทำได้จึงเป็นเรื่องที่เป็นคุณวิเศษไม่ได้เสแสร้ง คืออาตมาไม่ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่20 ธันวาคม2562
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:32:39 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:57 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:09:05 )
รายละเอียด
คือ ผู้มีเกียรติคุณสูงส่ง
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:50:18 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:05:51 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:15:26 )
รายละเอียด
คือ ความรู้ความสามารถตามตำแหน่งหน้าที่
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:48:39 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:06:13 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:09:22 )
รายละเอียด
คือ ความดีของเราที่สะสมขึ้นมีในตัวเรา
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:19:27 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:06:38 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:09:38 )
รายละเอียด
สมบัติที่เป็นส่วนดี
หนังสืออ้างอิง
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 286 หน้า 47
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:08:36 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:02:12 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:10:04 )
รายละเอียด
ได้ที่ประเทศไทยไง อยู่ในกลุ่มอโศกนี่แหละเป็นที่ก่อหวอด ถือว่าเป็นมูลกา เป็นรากเหง้า นี่แหละ อยู่ที่อโศก เริ่มต้นไป ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยที่เป็นตัวอย่างที่ดีของโลก อีกกี่ปีที่เขาจะตัดสินยกให้ก็ไม่รู้ เขาก็ยังนึกอยู่ว่าตอนนี้ประชาธิปไตยของอเมริกาเป็นผู้นำของโลก เขาก็ยังเพลิดเพลินไปกับประชาธิปไตยขาเดียว เขาก็คุยโวแบบทักษิณนั่นแหละ ทักษิณก็บอกว่าเป็นประชาธิปไตย คุณดูสิ ประชาธิปไตยทักษิณ ประชาธิปไตยอเมริกามันเหมือนกันนั่นแหละ หลงไปในเรื่องตัวตน หาพรรคพวก
คือ ประชาธิปไตยนี้ จะมีประชาธิปไตยตัวตนกับพรรคพวก บวกกับคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย แล้วไปหลงเรียกว่าเป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยตัวตน ได้เป็นประธาน แล้วก็เอาพรรคพวก ตั้งแต่พรรคพวกที่เป็นแต่ละคณะๆ รวมอำนาจ ยึดเอาไว้ที่ประธานาธิบดีคือหัวหน้าประชาธิปไตยของเขา ส่วน คอมมิวนิสต์ เขาบอกว่ามันแฝงเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เหมือนกับคอมมิวนิสต์สุดโต่งที่เกาหลีเหนือ สำเร็จเด็ดขาด สมบูรณาญาสิทธิราชย์สั่งฆ่าใครก็ได้ แต่เขาไม่ออกข่าวกันหรอก แต่ข่าวมันออกมา ที่พี่ชายเขาถูกตามฆ่าจนสำเร็จ ข่าวมันปิดไม่ได้เพราะอยู่ต่างประเทศ แต่ในประเทศนั้นไม่รู้ของเขา นี่นายคิมจองอึนได้ยินคงจะโกรธอาตมาเพราะเอาเรื่องจริงมาพูด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:42:23 )
รายละเอียด
คือ
1. ไม่เป็นหนี้
2. เลี้ยงตัวเองรอดทำกินทำใช้ได้สมบูรณ์พูนสุข
3. ทำให้เหลือทำให้มาก สร้างสรร
4. แจกจ่ายคนอื่นได้
ทั้งหมดนี่คือความสำเร็จของมนุษยชาติหรือสังคม หรือประเทศ ประเทศไหนก็แล้วแต่ถ้าสามารถไม่เป็นหนี้ ทำอยู่ทำกินเลี้ยงตัวเอง พึ่งพาตัวเองรอด ทำให้เหลือ ทำให้เกิน มีส่วนเกินขึ้นไปมากขึ้น มากขึ้น ก็เลยต้องแจกจ่ายเผื่อแผ่คนอื่นเขา หรือขายอย่างถูกๆ นี่คือสุดยอดแห่งเศรษฐกิจ ดอกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายจงฟัง ควรจะให้เอาไปเป็นนโยบายรัฐบาล
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:27:42 )
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:43:03 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:10:47 )
รายละเอียด
จุดสำคัญของศาสนาพุทธนั่นคือ ความเฉย อุเบกขา ความวาง ความปล่อย คือจิตมันบริสุทธิ์จากกิเลสกวน จิตมันสะอาดจากกิเลส เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตาปริสุทธา คือ ลักษณะของความสะอาดบริสุทธิ์ จิตเรากระทบสัมผัส การจะบริสุทธิ์ไม่ใช่หมายความว่าไปนั่งหลับตาแล้วสะอาด อันนั้นเป็นของโลกโลก เดียรถีย์เขาทำกัน มันก็เป็นความบริสุทธิ์แต่เป็นแบบสะกดจิต ไม่ให้มันไปดิ้นไม่ให้ออกไปสัมผัสอะไร มันก็อยู่กลางและเฉย แต่ของพระพุทธเจ้าที่เป็นปกติในขณะสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย สัมผัสสิ่งต่างๆที่เราเคยกิเลสเกิด เกิดอาการชอบ อาการชัง แต่ที่มัน เฉย วาง ว่าง อุเบกขา บริสุทธิ์อยู่ทั้งที่มันสัมผัสอยู่ มันจึงต่างกับไปนั่งหลับตา ของพุทธนั้นสัมผัสอยู่จิตก็บริสุทธิ์สะอาด ตอนนี้ทำได้ เวลาอื่นขณะอื่น กาละอื่น สัมผัสอันนี้อีกแบบนี้อีก มันก็บริสุทธิ์ได้อีก ถ้ายิ่งมีจิตละเอียดอ่านได้ บริสุทธิ์ได้แล้วขึ้นสะอาดขึ้นคงทนมากขึ้นเรียกว่า ก้าวหน้าขึ้น ปริโยทาตา จนความบริสุทธิ์นั้นเชี่ยวชาญ ยิ่งขึ้นๆ เรียกว่า มุทุ แปลว่า อ่อน คือจิต จะดัด ปรับได้ง่ายขึ้นธาตุจิตตัวนี้ เราเป็นประธานจัดการจิตของเราได้ง่ายขึ้น เนียนขึ้น ไวขึ้น สูงขึ้น ลึกซึ้งมากขึ้น จากอันเดิมมันก้าวหน้ามากขึ้น มุทุ เป็นตัวสุดท้าย ของมุทุธาตุ ธาตุมุทุ เป็นจิตที่ดีที่สุดในวิการรูป 5จากมุทุตา ก็เป็น กัมมัญญา เมื่อจิตดีก็ไปทำกรรมอะไรก็ดีมีภูมิปัญญา อัญญธาตุควบคุมกรรมได้ดี การงานการกระทำ จึงเป็นการงานที่ดีและควรได้สัดส่วนที่พอเหมาะพอดี เขาแปล กัมมัญญตา ว่าการงานอันเหมาะควรได้สัดส่วนดีแล้วจิตจะผ่านโลกโลกีย์อย่างไร จิตก็คงความบริสุทธิ์ผุดผ่องประภัสสรอยู่ตลอดกาล นี่คือคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต ครั้งที่ 85
เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:50:30 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:31 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:16:39 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:06:17 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:20 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:11:23 )
รายละเอียด
โอวาทปาติโมกข์ 3 ของพระพุทธเจ้า พวกเธอทั้งหลายจบกิจ ไม่ทำชั่วอีกแล้ว ทำแต่ดี และทำจิตให้สะอาดจากกิเลสด้วย มีทั้งโลกียะและโลกุตระ เพราะฉะนั้นทำแต่ดี ไม่ทำชั่วคือโลกียะเท่านั้น ส่วนทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ อุเบกขา คือ ให้จิตปราศจากกิเลส ล้างกิเลสจากจิต จนสะอาดเรียกว่า ปริสุทธา บริสุทธิ์เป็นอุเบกขาข้อที่ 1
จิตปราศจากกิเลสอาสวะสิ้นแล้ว เพื่อความแน่ใจอีก ก็ทำให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเรียกว่า ปริโยทาตา ทำให้มากยิ่งขึ้นๆ แล้วก็สั่งสมลงในจิต มุทุภูตธาตุ มุทุภูเต สั่งสมในจิต ทั้ง Static และ Dynamic ทั้งบวกและลบ ทั้งรูปและนามอยู่ใน มุทุ แล้วก็เอามาทำงาน เอามาใช้จากต้นทุน ต้นสมรรถนะ ต้นความรู้ความสามารถ ต้นความกรุณาปรานีอะไรก็อยู่ในนี้หมดแล้วเอามาทำ กัมมัญญา เอามาทำการงานอันควรที่เหมาะสมที่จะทำกับมนุษยชาติ ทำไป จะทำงานอย่างไรก็แล้วแต่ทั้ง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตยิ่งผ่องแผ้ว จิตยิ่งผ่องใส จิตยิ่งประภัสสร ยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นๆๆ ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่ก้าวหน้าเรื่อยไป นี่คือคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา
เพราะฉะนั้น คนจะเข้าใจเรื่องอุเบกขาได้อย่างชัดเจน อาตมาอธิบายอ้างอิงหลักฐานจากคำตรัสของพระพุทธเจ้าเลยนะ ไม่ได้พูดเอาเองทีเดียว อ้างอิงพระสูตรด้วย อาตมาจำไม่ได้เล่มไหน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯคนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 16:15:13 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:22:39 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:18 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:12:06 )
รายละเอียด
“คุณสมบัติพิเศษ”ของ“บุญ”ดังกล่าวนี้
สำคัญมาก ที่จะต้องเข้าใจให้ถูกต้อง อย่าให้ผิดเพี้ยนเป็นอันขาด
นี่คือ“โลกุตรศาสตร์”
ศาสนาอื่นๆไม่มี“ศาสตร์”นี้ ยังค้นพบ“โลกุตรศาสตร์”นี้ไม่ได้
เพราะเป็น“ความตรัสรู้”พิเศษเฉพาะเท่านั้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงเป็น“โลกุตรศาสตร์”ที่มีในศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียวในโลก ยังไม่มีในศาสนาอื่น(ปร)
ถ้าผู้ใดเรียนรู้ไม่“สัมมาทิฏฐิ”จริง ก็จะเข้าใจ“ความหมาย” ผิดไป(มิจฉาทิฏฐิ)แน่นอน
คำว่า “บุญ”จึงเป็นคำที่พิเศษสุด ที่เข้าใจได้ด้วย“ปัญญา”
ความเฉลียวฉลาดแบบ“เฉโก”คือ ความฉลาดของปุถุชน
ไม่สามารถจะเข้าใจความเป็น“บุญ”ได้ง่ายๆเลย
ทุกวันนี้คำว่า“บุญ”ที่เข้าใจ“สัมมาทิฏฐิ”กัน แทบจะหาไม่ได้
“บุญ”เป็น“โลกุตระ”แท้ๆ ถ่ายเดียว คือ ฆ่ากิเลสสำเร็จแท้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 57 หน้า 76
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 19:47:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:40:21 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:28:50 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:07 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:12:31 )
รายละเอียด
อสังขาริกัง ไม่มีตัวอกุศลมาร่วมด้วยเลย ถ้าสสังขาริกังก็มีอกุศลมาร่วมด้วยมากหรือน้อยก็แล้วแต่ แต่นี่อสังขาริกัง ไม่มีกิเลสมาร่วมด้วย
เพราะฉะนั้นจิตอย่างนี้ สะอาดอย่างนี้ ผ่าน มุทุภูตธาตุ ได้ จึงไปใช้ทำงานทำกรรม กัมมัญญตา(นาม) หรือ กัมมัญญา(กิริยา) ยิ่งไปทำงานได้สะอาด ไม่มีกิเลสเข้าไปร่วมทำงานด้วย เป็นการทำงานของจิตสะอาด แม้ว่ากายกรรม วจีกรรมจะดูหยาบ ดูว่าผิด พูดแรงๆอย่างนี้ หยาบ ไม่เชื่อ นี่หยาบ เสือใส่เกือก พูดหยาบอย่างนี้ได้อย่างไร เราก็สื่อเท่านั้นเอง เพื่อใช้พยัญชนะสื่อสภาวะ สรุปแล้ว กัมมัญญาผ่านการทำงานแล้วอย่างไรก็ยัง ปภัสสร คือ ผุดผ่องผ่องแผ้ว จะทำอย่างไร จะยากอย่างไรก็ยังสะอาดบริสุทธิ์ ไม่เกิดความหงุดหงิดรำคาญลำบากใจอะไร สบายๆ ผ่องแผ้วตามเดิม นี่คือคุณสมบัติของจิตอรหันต์
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันที่ 2 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:23:44 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:37 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:18:03 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นในตัวอุเบกขาจึงเป็นฐานนิพพาน คนที่มีอุเบกขาแล้วจะชัดเจนในอุเบกขา 5 ที่จริงมีมากกว่านั้นเอาเนื้อแท้ของอุเบกขาสำคัญ ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตสะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส คุณจะอ่านออก จิตไม่มีกิเลส จิตไม่มีอุปกิเลส แม้้เศษเล็กเศษน้อยก็ไม่มี กิเลสก็ไม่มี อุปกิเลสก็ไม่มี บริสุทธิ์ ปริสุทธา คือ จิตสะอาดบริสุทธิ์
ปริโยทาตา ท่านก็แปลทับศัพท์ไปว่า ผ่องแผ้ว ผุดผ่อง(ปริสุทธา) ท่านแปลสองคำนี้ แล้วมันต่างกันอย่างไร 2 คำนี้ ปริสุทธาคือ คุณอยู่กับโลก สัมผัสกับโลก สัมผัสเหตุแห่งทุกข์แห่งความไม่สะอาดนี้ เดี๋ยวนี้มันก็ยังสะอาดอยู่ แม้เราไม่เคยสัมผัสกับเหตุนี้มันก็ยิ่งสะอาด จะสัมผัสแรงขนาดนี้มันก็ยังสะอาดทั้งน้ำหนักและความแตกต่าง สัมผัสอีก มันก็ยังสะอาดๆๆ คือความเจริญจาก ปริสุทธา ไม่ทิ้งฐานสะอาดนะ แต่มันมีคุณสมบัติเจริญยิ่งขึ้นจากปริสุทธาเลย คุณภาพก็สูงขึ้น เหตุนี้แรงกว่าเก่ามันก็ได้ เหตุนี้แปลกไม่เคยเจอแต่เราก็บริสุทธิ์ได้ มันจะมีนัย ละเอียดอย่างอื่นมันก็ยังสะอาด ยืนยันความสะอาด ปริโยทาตา เพราะจิต มุทุ จิตมันหัวอ่อน มันรับรู้ได้เร็ว ปฏิภาณเร็วรับรู้ได้ง่ายปรับได้ง่ายทั้งเจโตและปัญญา มันเร็วทั้งลักษณะความรอบรู้ ทั้งลักษณะของจิตที่ให้เป็นอย่างนี้หรืออย่างนี้อย่างไรก็ได้ มีวสวัตตี มีอำนาจเหนือจิต ไม่ให้มันเปื้อน ให้แข็งแรงได้ แล้วมันก็ต้องรู้เร็วรู้ทันด้วย ไม่ใช่กินยาเข้าไปตั้งสองแผงแล้วถึงรู้สึกไม่ใช่ มุทุ แปลว่า เร็วแคล่วคล่องว่องไว
กายมุทุตา คือ เวทนาสัญญาสังขารเร็วแคล่วคล่องว่องไว ตา คือคำนาม มุทุคือ คุณศัพท์ของมันเอง
มุทุ คือแกนจิต ที่เร็วยิ่งกว่านักเล่นกล คนที่ตามไม่ทันก็จะบอกว่าพูดสับสนกลับไปกลับมา ท่านพูดกลับไปกลับมากับคนที่รู้ด้วยกันว่าคนจะเร็วรู้ทันไหม หากรู้ไม่ทัน มันยังถูกอยู่ก็ไปนึกว่ามันผิด มันยังผิดอยู่ก็นึกว่ามันถูก มันก็เสียเวลากับคุณหมุนไม่ทัน คุณหมุนไปไม่รู้กี่รอบแล้วคุณก็ยังไม่รู้
สรุปแล้ว มุทุ ก็เป็นตัวแกนกลาง รู้แววไว คล่องแคล่ว เป็นเวทนาคล่องแคล่ว สัญญาก็คล่องแคล่ว สังขารก็คล่องแคล่ว เป็นเจตสิก
ในพจนานุกรมก็แปล กายว่า หมวดของเวทนา สัญญา สังขาร คนไม่มีสภาวะจะไปแปลอย่างไรได้ พวกเราพอจะรู้ ยิ่งพวกเรามีสภาวธรรมแล้วก็จะรู้ว่าเวทนา สัญญา สังขารจะใช้ประโยชน์อย่างไร และกาละจิตของเราเป็นเวทนาอย่างไรปรุงแต่งเป็นสังขารอย่างไร เราก็จะทำสังขารของเราให้เป็นอภิสังขารได้เร็วขึ้นเพราะปฏิบัติจนกระทั่งสังขารสะอาด เป็นผลจากเราได้ทำเวทนากับสัญญา มีเหตุที่ไม่บริสุทธิ์อย่างไรเราก็กำจัดจิตของเราก็ยิ่งบริสุทธิ์สะอาดแล้วก็ปรุงแต่งด้วยความสะอาดก็ยิ่งเป็นจิตสังขารที่สะอาดๆๆ ไม่มี อสังขาริกัง ไม่มีตัวอกุศลมาร่วมด้วยเลย ถ้าสสังขาริกังก็มีอกุศลมาร่วมด้วยมากหรือน้อยก็แล้วแต่ แต่นี่อสังขาริกัง ไม่มีกิเลสมาร่วมด้วย เพราะฉะนั้นจิตอย่างนี้ สะอาดอย่างนี้ ผ่าน มุทุภูตธาตุ ได้ จึงไปใช้ทำงานทำกรรม กัมมัญญตา(นาม) หรือ กัมมัญญา(กิริยา) ยิ่งไปทำงานได้สะอาด ไม่มีกิเลสเข้าไปร่วมทำงานด้วย เป็นการทำงานของจิตสะอาด แม้ว่ากายกรรม วจีกรรมจะดูหยาบ ดูว่าผิด พูดแรงๆอย่างนี้ หยาบ ไม่เชื่อ นี่หยาบ เสือใส่เกือก พูดหยาบอย่างนี้ได้อย่างไร เราก็สื่อเท่านั้นเอง เพื่อใช้พยัญชนะสื่อสภาวะ
สรุปแล้ว กัมมัญญาผ่านการทำงานแล้วอย่างไรก็ยัง ปภัสสร คือ ผุดผ่องผ่องแผ้ว จะทำอย่างไร จะยากอย่างไรก็ยังสะอาดบริสุทธิ์ ไม่เกิดความหงุดหงิดรำคาญลำบากใจอะไร สบายๆ ผ่องแผ้วตามเดิม นี่คือคุณสมบัติของจิตอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช สภาวะของวิชชาจรณสัมปันโน วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม2562
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 12:54:04 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:52 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:13:40 )
รายละเอียด
จิตนิ่ง เพราะปราศจากกิเลส กิเลสหายไป แต่เป็นจิตที่ครอบครอง ไว ปราดเปรียว ทำงานได้ นี่คือคุณสมบัติของฌานแบบพุทธ ที่เรียนกันมาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของพุทธโฆษาจารย์นั้นไม่ได้สัมมาทิฐิเท่าสมณะโพธิรักษ์ หรอก ถ้าไม่ได้มีจิตเบ่งข่มแต่พูดความจริง
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:25:32 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:31 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:15:52 )
รายละเอียด
คือ นักเทศน์ผู้จะแสดงธรรมต้องมีคุณสมบัติ
1. ตั้งใจแสดงธรรมไปตามลำดับ
2. แสดงธรรมอ้างเหตุผล
3. แสดงธรรมอาศัยความเอ็นดู
4. แสดงธรรมไม่เพ่งอามิส
5. แสดงธรรมไม่กระทบ (ทำลายตน) และผู้อื่น
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 22 "อุทายิสูตร" ข้อ 159
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 23:14:20 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:04 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:14:06 )
รายละเอียด
คือนักเทศน์ผู้จะแสดงธรรมต้องมีคุณสมบัติ
1. ตั้งใจแสดงธรรมไปตามลําดับ (อนุปุพพิกถัง)
2. แสดงธรรมอ้างเหตุผล (ปริยายทัสสาวี)
3. แสดงธรรมอาศัยความเอ็นดู (อนุททยตั้ง ปฏิจจะ)
4. แสดงธรรมไม่เพ่งอามิส (น อามิสันตโร)
5. แสดงธรรมไม่ให้กระทบ (ทําลาย) ตนและผู้อื่น (อนุปหัจจะ)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “อุทายีสูตร” ข้อ 159
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:03:32 )
รายละเอียด
คือ ครูคือผู้ที่มีศีลสัมมาทิฏฐิแล้วเอาไปทำเป็นสัมมาปฏิบัติ บรรลุถึงสัมมาปฏิเวธได้จริง ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ที่อธิบายไม่ได้ หรืออธิบายอย่างไม่สัมมาทิฏฐิ มันจะต้องเป็นสัมมา ผู้ที่จะเป็นครู คำว่าครูนี้ จึงต้องขยายความให้ชัดเจน เพราะว่าครูเดี๋ยวนี้มันมีเยอะแยะ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นพวกที่หาเงินหลอกซ่อนแฝงเยอะ ต้องเป็นคนที่มีคุณอันสมควรก่อนแล้วไปสอนผู้อื่นจึงไม่มัวหมอง สรุปว่าต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมก่อน ไม่ต้องอาศัยผู้นั้น ย้ำอีกว่าคุณจะต้องได้ฟังก็ดี ได้รับจากคำสอนจากปากครู รู้จากพระโอษฐ์ของพระศาสดา คุณจะคิดเอาเองไม่ได้ อันนี้เป็นหลักศาสนาพุทธนั้น คำสอนจะได้จากศาสดา ศาสนาถือว่าเป็นธรรมะสามี เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของธรรมะ สามีคือผู้ที่เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ คือ ธรรมะสามี ท่านตรัสรู้เอง และการตรัสรู้เองนั้นปัจจัตตัง แล้วมาเป็นปัจเจก แล้วมาเป็น สยังอภิญญา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:01:25 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:33 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:19:03 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคุณสมบัติของผู้ที่บรรลุธรรม เช่น บรรลุ ฌาน สมาธิ จิตเป็นฌานหรือสมาธิของพุทธ เป็นจิตที่แคล่วคล่องว่องไวมาก มากกว่าปุถุชนไม่รู้กี่ต่อไวกว่าไม่รู้กี่ต่อเลย ไม่ใช่ยิ่งเฉื่อยชา
ภาษาวิชาการของพระพุทธเจ้า ปาคุญญตา แปลว่า แคล่วคล่องว่องไวปราดเปรียว จะแคล่วคล่องว่องไวทั้งภายนอก กายปาคุญญตา จะแคล่วคล่องว่องไวทั้งภายในคือ จิตปาคุญญตา
เพราะฉะนั้นยิ่งเป็น ฌาน ก็ยิ่งมีความรวดเร็วว่องไวปราดเปรียวมีไหวพริบ ยิ่งเกิดมุทุธาตุ ไม่ใช่ยิ่งเฉื่อยช้าเย็นๆแข็งๆ จะต้องไปก้าวหนอย่างหนอ อะไรต่ออะไรอีก ยืดยาดเซื่องๆเซ่อๆซึมๆ ไม่ใช่ ขออภัยฟังภาษาจะดูไปข่ม มันก็ตรงกันข้ามกันไปเรื่อยๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู
วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:49:06 )
รายละเอียด
เมื่อเจริญขึ้นมาเป็นคน มีความเจริญทางความคิดความอ่านและความรู้ ความรู้ในการเป็นสังคมที่จะอยู่ร่วมกันให้ดีที่สุด เป็นสุขที่สุด สงบที่สุด อบอุ่นที่สุด เป็นประโยชน์แก่กันแะกันได้อย่างไร ก็มีผู้รู้คิด จนกระทั่งสูงสุดได้เป็นศาสดา ได้เป็นศาสดาหมายความว่าได้เป็นเจ้าของความรู้ ความคิด ที่ทำให้คนดีที่สุดเท่าที่ศาสดาแต่ละองค์จะเข้าใจ
ละชั่วประพฤติดี เป็นคนดีที่สุดได้ แล้วเขาก็เป็นศาสดา แล้วก็สอนให้คนอื่นทำตาม เป็นคนดีตามที่พระศาสดาเข้าใจ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:03:14 )
รายละเอียด
คือ ผู้รู้มากปฏิบัติธรรมแทงตลอดได้มาก
1. เป็นผู้รับฟังมาก (พหุสสุตา)
2. ทรงจำไว้ (ธตา)
3. ท่องคล่องปาก (วจสา ปริจิตา)
4. ขึ้นใจแม่นยำ (ทิฏฐิยา สุปปฏิวิทธา)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 22 "สีลสูตร" ข้อ 87
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 23:20:42 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:36 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:17:18 )
รายละเอียด
1. เป็นพระอรหันต์ คือ ผู้ไกลจากกิเลส (อรหันตะ)
2. เป็นขีณาสพ คือ ผู้สิ้นกิเลสที่หมักดองในสันดาน (ขีณาสาวะ)
3. เป็นผู้จบพรหมจรรย์แล้ว (วุสิตวันตะ)
4. เป็นผู้มีกิจที่ควรทำ อันทำเสร็จแล้ว (กตกรณียะ)
5. เป็นผู้มีภาระอันวางลงแล้ว (โอหิตภาระ)
6. เป็นผู้มีประโยชน์ตนอันบรรลุโดยลำดับแล้ว (อนุปปัตตสทัตถะ)
7. เป็นผู้สิ้นเครื่องผูกพันให้ติดอยู่ในภพแล้ว (ปริกขีณภวสัญโญชนะ)
8. เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยถูกต้อง (สัมมทัญญาวิมุตตะ)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 19 "อิจฉานังคลสูตร" ข้อ 1367
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 14:28:05 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:14 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:17:01 )
รายละเอียด
1. เป็นพระอรหันต์ คือผู้ไกลจากกิเลส (อรหันตะ)
2. เป็นขีณาสพ คือผู้สิ้นกิเลสที่หมักดองในสันดาน(ขีณาสาวะ)
3. เป็นผู้จบพรหมจรรย์แล้ว (วุสิตวันตะ)
4. เป็นผู้มีกิจที่ควรทํา อันทําเสร็จแล้ว (กตกรณียะ)
5. เป็นผู้มีภาระอันวางลงแล้ว (โอหิตภาระ)
6. เป็นผู้มีประโยชน์ตนอันบรรลุโดยลําดับแล้ว(อนุปปัตตสทัตถะ)
7. เป็นผู้ลิ้นเครื่องผูกพันให้ติดอยู่ในภพแล้ว(ปริกขีณภวสัญโญชนะ)
8. เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยถูกต้อง(ส้มมทัญญาวิมุตตะ)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 19 “อิจฉานังคลสูตร” ข้อ 1367
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 19:12:35 )
รายละเอียด
คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ คือ โพธิสัตว์โพธิรักษ์ รัก รักพงษ์
อาตมาเคยกล่าวพาดพิงคนเหล่านั้นมา ว่าเป็น คุณไม่รู้ก็ต้องงงเป็นธรรมดา หากคุณรู้อย่างอาตมารู้ก็ไม่งง โพธิสัตว์คืออะไร โพธิสัตว์ แปลว่า ความตรัสรู้ คือ ความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่ท่านค้นพบสูงสุดแล้ว เป็นสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วท่านเอามาตรัส เอามาพูดให้คนอื่นรู้ แล้วเอาไปฏิบัติได้ เรียกอันนี้ว่า ความตรัสรู้ ความรู้ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วคนเอาความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสไปเรียนรู้และปฏิบัติได้ด้วย สรุปอันนี้เรียกว่า ความตรัสรู้
ตอบ ความตรัสรู้คืออะไร คือ อันนี้ไง คือโพธิสัตว์ คือคนที่มีความตรัสรู้ มันก็วนเนาะ คือ คนที่มีความรู้ตรงกับที่พระพุทธเจ้ารู้แล้วเอามาตรัสมาพูดให้คนฟัง เช่น โลกุตระ หรือโลกุตรธรรม คำนี้ พวกเราฟังแล้วก็คงเข้าใจได้ว่า มันมีเฉพาะในศาสนาพุทธ ความรู้เหนือโลก โลกอื่นก็ไม่มี คนอื่นไม่มี ศาสนาอื่นไม่มี มีแต่ศาสนาพุทธศาสนาเดียว สัมมาทิฏฐิด้วยนะ ถ้าไม่สัมมาทิฏฐิ ก็โลกุตระเก๊ แต่ถ้าโลกุตระแท้ มีอันเดียวกัน ตรงกันหมด ทีนี้ โลกุตรธรรมคืออะไร คือ 1.ไม่มีตัวตน 2.รับใช้ผู้อื่น 3.ซื่อสัตย์ ที่จริงมีอีกอันนึง คือ 4. มีสมรรถนะ
นี่เป็นยอดคน ยอดประชาธิปไตย ยอดมนุษยชาติ ได้น้อยหนึ่งก็เป็นยอด น้อยหนึ่ง ใครเริ่มมีคุณสมบัติ 4 อย่างนี้น้อยนึง ก็เป็นยอดน้อยหนึ่ง หรือเป็นโพธิสัตว์น้อยหนึ่ง ทีนี้กลับไปตอบ
ลุงตู่มีคุณสมบัติ 4 อย่างนี้หรือไม่ หลายน้อยคุณชวนมีไหม มี ไอสไตน์มีไหม มี
ถามมาว่า ทำไมเป็นโพธิสัตว์ ตอบแล้ว ชัดไหม
คุณบอกว่าไม่คิดว่าเขาเป็นโพธิสัตว์เพราะคุณไม่รู้ว่าโพธิสัตว์คืออะไร อาตมาบอกแล้วนะคุณใจธรรม (มีสามีเป็นเภสัชฯ) นั่นท่านเป็นใหญ่ เป็นผู้ช่วยผู้คนได้เยอะ อันนั้นมันเป็นตำนาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:16:58 )
รายละเอียด
คือคุณสมบัติของผู้รู้มากศึกษามาก จะต้อง...
1. เป็นผู้รับฟังมาก (พหุสสุตา)
2.ทรงจําไว้ (ธตา)
3. ท่องคล่องปาก (วจสา ปริจิตา)
4. ขึ้นใจแม่นยํา (มนสานุเปกขิตา)
5. มีความเห็นรู้แจ้งแทงตลอด(ทิฏฐิยา สุปปฏิวิทธา)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “สีลสูตร” ข้อ 87
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:07:55 )
รายละเอียด
มันก็จริงอยู่ แต่ภาษาไทยแปลว่าอ่อนนั้นอาตมาว่ามันไกลเกิน โดยเฉพาะในเรื่องของอาริยธรรม คุณสมบัติของ มุทุ ของพระอรหันต์มันไม่อ่อนเลย มันแข็งแรงด้วย มันเป็นธาตุ เจโต กับปัญญา เป็นสองอยู่ในนั้น เป็นธาตุจิตที่มีสภาพ มุทุภูตธาตุ เป็นธาตุจิตที่รู้เร็วไวคล่องแคล่ว มีไหวพริบ เร็วไว Sensitive เร็วง่าย ดัด ปรับปรุงให้เจริญเร็วง่าย ทำให้เป็นฐานที่ตั้งก็แข็งแรงทั้งไวเร็ว แข็งแรงตั้งมั่น
เป็นสภาวะที่ เดา ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่เป็นพระอรหันต์จริงๆ ที่มีความรู้เพียงพอ บอกไม่ค่อยถูก อธิบายเป็นภาษาอย่างที่อาตมาอธิบายนี้ยังยากเลย
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:17:22 )
รายละเอียด
ถ้าพระอรหันต์ตาย กายสเภทาปรัมรณา หลังจากการตายของพระอรหันต์ที่ตั้งจิตปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็ตั้งจิตของท่านดับหมดไม่มีอีก แยกธาตุ เพราะท่านรู้จักธรรมนิยาม 5 แยกธาตุจิตของตัวเองเป็นดินน้ำไฟลม เป็นพีชะ ก็อาศัยไว้เท่านั้นไม่เสพติด แล้วก็แยกธาตุเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลม พระอรหันต์แยกจิตนิยามของตัวเองเป็นอุตุนิยาม กลายเป็นดินน้ำไฟลม หมด อะไรไม่มาจับตัวเป็นชีวะอีก เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย เป็นธาตุที่หมดพลังงานที่จะจับตัวเองเป็นพีชะ เป็นชีวะ ระดับประมาณหนึ่ง ยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณแต่ก็เป็นชีวะ วนเวียนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่จองเวร มีพลังงานรวมตัวเป็นของตัวเองอยู่แต่ก็เสื่อมไปเรื่อยๆไปแล้วก็หมดเป็นดินน้ำไฟลม สูงเท่านั้น จนกว่าจะได้มีธาตุรู้ใหม่ อัญญธาตุ จนเป็นธาตุจิตก็จะพัฒนาเป็นสัตว์เซลล์เดียวใหม่ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นมนุษย์ อเวไนยสัตว์ จนมาเป็น เวไนยสัตว์ จนมนุษย์ อัญญธาตุ เป็นโลกุตระก็จะมาเป็นเวไนยสัตว์แบบโลกุตระ เป็นพระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์ จบจนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็เลิกเป็นปริโยสานได้ แต่คุณยังไม่ จะสามารถเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งได้ก็ยังท้าทายที่จะทำ ช่วยมนุษยชาติอยู่มันก็ต่อไปได้ มันก็มีคุณค่าประโยชน์เสียด้วย แหม เพราะฉะนั้นผู้ที่จบอรหันต์แล้วน้อยนักที่จะไม่ตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ ยิ่งผู้ที่เรียนรู้โพธิสัตว์มาตั้งแต่เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อรหันต์ ก็ไม่หยุดอยู่ แต่พวกเถรวาทบอกจะเอาแต่อรหันต์ เมื่อได้อรหันต์จริง ไม่น้อยก็จะต่อโพธิสัตว์ มันล่อใจยวนใจว่า เราไม่ทุกข์แล้วเราก็ต้องมีประโยชน์ต่อ ไม่ทำบาปทั้งปวงแล้ว สัพพะปาปัสสอกรณัง มีแต่ทำกุศล พูดไปแล้วก็ชัดเจนขึ้นไหม
นี่คือคุณสมบัติของศาสนาพุทธ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:53:37 )
รายละเอียด
คือ เป็นคุณสมบัติที่พืชต้องการอาหารมาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น ไม่ไปทำร้ายคนอื่น ไม่มีพิษ ไม่มีภัย มีสัญญากำหนดรู้ เอาสิ่งที่จำเป็นมาสังเคราะห์ให้เป็นพืชพันธุ์ชนิดของมัน ผสมปรุงแต่งหน้าเป็นพืชพันธุ์ เช่น ฟักข้าว หมากเม่า มันก็มีสัญญาของมัน ซื่อสัตย์ต่อการกำหนดหมาย เป็นพืชพันธุ์ของมันแล้วมันได้ก็ได้ ได้มาน้อยมันก็ไม่เต็มหรือมันไม่ได้มันก็เหี่ยวเฉาตายไป มันไม่รบกวนใครสำหรับพืช นี่เป็นคุณสมบัติของอุตุธาตุ พีชธาตุ จิตธาตุ ที่เป็นความตรัสรู้คือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ สมณะโพธิรักษ์เป็นพระโพธิสัตว์ จึงเข้าใจสิ่งเหล่านี้นิยาม 5 มี แต่ไม่เคยเห็นใครอธิบายอย่างที่ท่านพูดนี้ให้ได้ละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:45:47 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:55 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:19:59 )
รายละเอียด
วรรณะคือขั้นชั้นของความเจริญความประเสริฐที่ต้องพัฒนาขึ้นไป เป็นคุณสมบัติที่ควรฝึกฝนให้เป็นคนมีวรรณะ อาตมาเคยเอามาพูดแล้ววรรณะ 9 เป็นคนมีวรรณะ 9 ซึ่งเป็นคุณสมบัติคุณธรรมคุณวิเศษของคนทีเดียว
คนที่มาทำความจนให้แก่ส่วนตน จะทำความรวยให้สังคม คนที่มาทำความรวยให้แก่ตนก็จะทำความจนให้แก่ส่วนรวม หลักเศรษฐกิจมันมีทรัพยากรจำกัด คุณเอาไว้ให้ตัวมากๆคนอื่นเขาก็ขาดแคลนก็แย่งกันฆ่ากันตาย ไม่ได้เข้าใจยากอะไร แต่คนก็โง่ที่จะเห็นแก่ตัว แล้วคนที่ยังฉลาดน้อยก็ยังไปสอนให้พากันไปรวยอีกนั่นแหละ แทนที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการสอนให้คนจน ในประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัว ทรงแนะ ให้มาเอาแบบคนจน ให้มาทำขาดทุนคือกำไร
นักเศรษฐกิจจบด็อกเตอร์มาจากเทวนิยมจากต่างประเทศก็ไม่รู้เรื่องในหลวงองค์นี้ตรัสอย่างไร จึงทำไม่ได้ ทุกวันนี้ยังบื้อๆอยู่เลย ขออภัยอาตมาพูดสัจธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกฯ#45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:09:42 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น มันเป็นปรากฏการณ์ที่ดึงเอา คุณสมบัติคุณธรรมพิเศษนี้มายินดี สมใจ ทุ่มเทให้อันนี้ ถูกต้องแล้วครับ อย่าไปทุ่มเทให้กับอบายมุขนั้นเลย ตอนนี้ข่าวฟุตบอลโลก ฟุบหมดเลย หมูป่ากลบเกลี้ยง ทั่วโลกเลยนะ ฟุตบอลโลกหงอยไปเลย แล้วแต่ละทีมก็ล้มเหลวกลับบ้านกันไป ทีมใหญ่ๆทีมดังๆตกรอบไปหมดเลย เป็นเหตุการณ์ที่อาตมามองตามภูมิอาตมา ว่า อบายมุขความเลวร้ายของโลกมันจะลดลงแล้ว
ตัดสินเลยว่า เป็นเหตุการณ์ที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าภาวะสังคมโลก กำลังจะเจริญดีขึ้น กำลังจะเข้าใจ เรื่องอบายมุขคืออะไร ไม่ควรจะต้องไปหลงใหล ไปเสียเวลาแรงงานเงินทองทุ่มเทเวลา กับสิ่งที่เป็นอบายมุขตอนนี้ ควรลดการละเล่น ละเม็งละคร มันเป็นแค่งาน Amateur เป็นการบันเทิงพักผ่อนหย่อนใจนิดๆหน่อย ไม่ใช่เรื่องหลักไม่ใช่เรื่องชีวิตชีวา
หากประเทศนั้นสังคมนั้นเอาอบายมุขมันเป็นอาชีพประเทศนั้น สังคมนั้นเสื่อมมาก ต้องพยายามให้เกิดปัญญาเข้าใจเลย โดยเฉพาะอบายมุขการพนัน มันจะมาแฝงมากับการกีฬาเลยการพนัน การละเล่นกับการบันเทิงเริงรมย์ ถ้ามันจัดจ้าน ขึ้นมาเมื่อไหร่มันเลวเท่านั้น อย่าไปเร่ง Coefficient ให้มันเจริญก้าวหน้าทำไม กีฬาเป็นการกระตุ้น เป็นตัว Catalyse ที่เหลวไหลมากเลย การละเล่นการบันเทิงกีฬาอย่าไปส่งเสริมเพราะมันเกินขีดแล้ว เราต้องลดมัน มันเกินขีดแดงของสังคมที่ควรไปแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชธานีอโศก หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:31:05 )
รายละเอียด
ยิ่งนับวัน ความเจริญของ เอกีภาวะ ยิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน ยิ่งแน่นสมบูรณ์แบบ ความพร้อมเพรียงสามัคคีก็จะเห็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ยิ่งมวลใหญ่มวลมาก ลักษณะของการวิวาท ซึ่งมันควรจะมากควรจะแรง มันไม่เห็น ถ้าสามารถที่จะทำสังคมโดยการหัดวิเคราะห์วิจัยให้ดีแล้ว มวลอย่างนี้ก็จะมีการกระทบกัน ทั้งร่วมกันทั้งขัดแย้งกันอะไรต่างๆ จะเกิดทั้ง หรม. เกิดทั้ง ครน.อะไรต่างๆ ที่จะเอามาใช้เป็นวิธี ตัดสิน วัด หรือตัดสินผู้ที่มีภูมิปัญญาสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องสรุป ก็จะเข้าใจได้ แล้วก็เอาความจริงนี้มายืนยัน จะเข้าหลักเกณฑ์ที่คนศึกษามาทั้งนั้นแหละ แล้วก็มีพยัญชนะหลัก
เท่าที่อาตมากล่าวมา คงจะลงรายละเอียดลึกทั้งหมดไม่ไหว กล่าวถึง หรม. ครน. แบบคณิตศาสตร์ก็อย่างหนึ่ง แต่อาตมาเอาคุณสมบัติของคณิตศาสตร์มาใช้ในเรื่องสังคม ไม่ว่าจะเป็นคูณร่วมน้อยหรือหารร่วมมาก ซึ่งเป็นสิริมหามายาที่สำคัญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 13:04:31 )
รายละเอียด
ที่เป็นไปอยู่แล้วสาธารณโภคีหมายความว่ามีของส่วนกลางเป็นสมบัติที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา แล้วก็กินใช้โดยคุณสมบัติที่จะเป็นสาธารณโภคีได้ นอกจากตัวจิตจะเป็นสาราณียะ ปิยะกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะเป็นพุทธพจน์ 7 นี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ชัดเจนเรียนรู้ได้คือวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่าย เป็นคนบำรุงให้เจริญพัฒนาได้ง่าย สุโปสะ เป็นคนมักน้อยมีน้อยเอาน้อย อัปปิจฉะ เป็นคนใจพอสันตุฏฐิ ที่ในหลวงร.9 ใช้คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือคำนี้พอจริงๆใจมันไม่เอามันไม่มีความฉลาดแกมโกงที่จะหลอกคนอื่น มันสะพัดออก สิ่งที่มีกินมีใช้แม้แต่ธนบัตรก็ไม่เอามากักไว้เป็นของตนมาก
มีการขัดเกลา สัลเลขะ ขัดเกลากายวาจาใจ กายกรรมที่ไม่ดี ของเรารู้ว่ากายกรรมเราไม่ดีก็พัฒนาเข้า วจีกรรมเราไม่พัฒนาไม่เจริญก็ขัดเกลา มโนกรรมก็เช่นกัน ความเจริญของเราตามสมมุติทางกายวาจาก็มี แล้วจิตใจจะเป็นตัวพัฒนา จิตใจของเรามันก็เจริญด้วย จิตใจเป็นตัวบงการกายวาจา ตัวจิตเองเป็นตัวทั้งรู้และสามารถมีวสวัตตี ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้จิตก็เจริญ เอาหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้ามาจับ มีสิ่งที่สูงขึ้นเจริญขึ้นเรียกว่า ธูตะ หรือธุดงค์ แปลว่าศีลแต่ละข้อ ได้ศีลมากข้อขึ้น คุณสมบัติก็เจริญขึ้นเป็นอธิศีล ในตัวของมันเองเป็นปริมาณและคุณภาพ ทั้งคุณภาพและปริมาณเจริญจึงเรียกว่าธูตะ องค์ของหลักเกณฑ์ที่พาให้เจริญ โดยมีศีลเป็นหลักใหญ่ หมายถึงศีลข้อที่ 1 2 3 4 อะไรก็แล้วแต่เรียงลำดับได้เลยจุลศีลเป็นต้นหรือตั้งแต่มหาศีลซึ่งเป็นศีลรวมหมู่ ต้องมีด้วยกัน อย่างเช่น ในชาวอโศกมหาศีล ไม่มีอบายมุขร่วมกันหมด
คำอธิบาย
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก
เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:31:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:20:20 )
รายละเอียด
เอาละ ขนาดนั้นมาก็ใช้ได้แล้ว 1) ทานมังสวิรัติ 2) มีศีล 5 เป็นอย่างต่ำ 3)เป็นผู้ไม่มีหนี้ ขนาดนี้ก็พอแล้ว เรามีอีกว่า อย่ามีอบายมุข คนมีหนี้มากเป็นคนมีอบายมุขอยู่แล้ว จัดจ้านเรื่องใดเป็นอบายมุขเรื่องนั้น คุณเข้ามาก็จะรู้ ที่คุณศึกษาก็คงไม่มีอบายมุข มาอยู่ที่นี่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:26:36 )
รายละเอียด
หลายคนถามว่าจะเข้ามาอยู่เป็นชาวอโศกได้ไหม ได้ ขอให้คุณมีคุณสมบัติคือ คุณไม่มีอบายมุข คุณไม่กินเนื้อสัตว์แล้วมามีศีล 5 เป็นพื้นฐาน ไม่ได้เอาศีลสูงเท่าไหร่ ทำได้ไหม ได้แล้วมาเลย มาแต่ตัวกับหัวใจแล้วมาเลย แต่คุณจะมีอะไรที่มาเป็นสิ่งที่ให้อาศัยใช้สอยที่นี่บ้าง ที่นี่เขาอาศัยใช้สอยอะไรก็เอามา คุณมีอะไร มีเสื้อผ้าเหลือเฟือ หรือมียารักษาเหลือเฟือก็เอามา ที่อยู่ก็คงหอบเอามาไม่ได้ มาช่วยสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารที่นี่ ต้องการคนอีกมาก
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 13:46:23 )
รายละเอียด
อภิภายตนะ 8 ข้อที่ 1-8 เริ่มต้นตั้งแต่ข้อที่ 1 เป็นคุณสมบัติพิเศษของ อภิภู มีอยู่ในตนอย่างอัตโนมัติแล้ว เช่น มีสัญญา มีการกำหนดรู้ ได้เยี่ยมยอด กำหนดรู้พร้อมกันได้ทั้งภายนอกภายใน ไม่ขาด ส่วนผู้ที่ยังหลงผิด กำหนดรู้แต่ภายนอกก็ได้แต่ภายนอก กำหนดรู้แต่ภายในก็ได้แต่ภายในไม่รู้ 2 เป็น 1, 1 เป็น 2 คนยังไม่มีความเร็วความรู้ไหวพริบที่ไวเร็วเพียงพอ ยังช้าอยู่ ยังไม่แววไว ยังไม่มี มุทุภูตธาตุ
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีแม้แต่ข้อแรกเขาก็ยังไม่ได้กัน ยังไม่เป็นกัน อย่าว่าแต่ได้เลยเขาหลงผิดเอาแต่ของภายใน ภายนอกก็รู้ว่าแต่ภายนอกไม่ได้เกี่ยวกับภายในเลย ภายในกับภายนอกเขาแยกขาดกัน 2 อย่างขาดกันเลย นี่คือสภาพที่ยาก ไม่ง่ายเลยที่จะรู้ แล้วรู้แล้วก็จะต้องปฏิบัติให้ได้ซึ่งไม่ง่ายอีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:13:25 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:04:51 )
รายละเอียด
อาการที่จิตเป็น“ฌาน”ของพุทธนั้น เมื่อสำเร็จเป็น“ฌาน 4” ก็จะมีสภาพจิต“บริสุทธิ์จากกิเลส(ปริสุทธา) และเมื่อยิ่งปฏิบัติต่อไป“จิต”ก็ยิ่งสะอาดขาวผ่องยิ่งๆขึ้นเรื่อยๆ(ปริโยทาตา)-จิตของผู้นั้นก็จะเป็นจิตยิ่ง“หัวอ่อน”คือเป็นจิตที่ปรับได้เร็วไวและไหวพริบก็ปราดเปรียวขึ้นเป็น“ธาตุ“ที่ยิ่งมีคุณวิเศษ“มุทุ(จิตหัวอ่อนที่ยิ่งแววไวทำดับ-ทำเกิดได้ทั้ง“กายปาคุญญตา-จิตปาคุญญตา)”ยิ่งๆขึ้น จึงทำงานทำการต่างๆทั้งภายนอกทั้งภายใน ไม่ว่า“กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม”ได้ดี ได้เหมาะสมกับประโยชน์นั้นๆยิ่งๆขึ้น ภาษาก็เรียกว่า “กัมมัญญา(ทำงานใดก็ดียิ่งเหมาะควรแก่การงานนั้น)”
และ“จิต”จะไม่มีวันเศร้าหมอง มีแต่“ผ่องใส”ยิ่งๆขึ้นเป็น “ปภัสรา”ครบถ้วนคุณวิเศษของ“อุเบกขา 5 ประการ(ปริสุทธา -ปริโยทาตา-มุทุ-กัมมัญญา-ปภัสรา)” ..ชัดมั้ย? (พระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 690)
ทุกวันนี้ ผู้เรียนรู้ปฏิบัติธรรมพุทธศาสนาในประเทศไทยแทบหาไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติ“ฌาน”ด้วย“จรณะ 5 วิชชา 8” แล้วได้ผล ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 308 หน้า 233
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:46:34 )
รายละเอียด
อาตมาเป็นโพธิสัตว์มาได้เรียนรู้สิ่งที่มันสังเคราะห์สังขารซับซ้อนต่างๆนานา ถึงได้มีปณิธานจะเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ แล้วก็มีประโยชน์ต่อโลก ต่อการสืบสานพระศาสนา ก็ทำ พยายามยังชีพยังชีวิตไปทำงานไปตลอด
เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่เชื่ออาตมาฟังอาตมาอธิบาย ในยุคนี้จะมีใครอธิบายธรรมะอย่างนี้ อธิบายขยายสภาวะต่างๆ คนที่ฟังมีสภาวะและเอาไปปฏิบัติจนเกิดสภาวะให้ตนเองได้ อย่างเช่นหัวเจาะ 7 ดอก จนเกิดสภาวะคุณสมบัติ สาราณียะ ปิยกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ มันมีจริงเป็นจริงที่ยืนยันได้เป็นเอหิปัสสิโก เชิญให้มาพิสูจน์ได้ ชาวอโศกมีคุณสมบัติพวกนี้ทั้งนั้น ระลึกถึงกัน รักกัน แล้วก็ไม่ได้รักกันด้วยมิติที่ต่ำๆ แต่เป็นความรักมิติที่สูงซึ่งอาตมาอธิบายไปหมดแล้ว
เคารพกัน อย่างที่พวกเราเป็น ศีล 5 เคารพศีล 8 ศีล 8 เคารพศีล 10 มันดูไม่มีบัญญัติบอกเปรี้ยงๆ แต่มีนัยยะ ที่เป็นสภาวธรรมชัดๆ ที่เคารพกัน ยอมรับกันในที เช่น เราศีล 5 ท่านมีศีล 8 ศีล 10 เราก็ต้องเคารพท่าน แต่ไม่ใช่ผู้ที่ซื่อๆเซ่อๆไม่มีสติปัญญานะ ผู้มีปฏิภาณปัญญาจะเคารพกัน
เราก็ช่วยเหลือกันเอื้อเฟื้อเจือจาน เกื้อกูลแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไร ก็ไม่อดตาย ไม่ใช่ว่าเจ็บป่วยแก่ไปไม่มีคนดูแล ไม่ใช่ เราพึ่งพากันช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้อย่างไม่ใช่ญาติโกโหติกา ก็พึ่งพากันได้จริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์ ที่สังคมมีคุณสมบัติอย่างนี้มีคุณธรรมอย่างนี้ มันยิ่งใหญ่นะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 10:31:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:21:43 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:46 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:20:26 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:54:36 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:41:36 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:59 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:21:42 )
รายละเอียด
ผู้ที่มุ่งเป็น“โพธิสัตว์”นั้น คือ ผู้ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ตนเอง
ถ่ายเดียว แต่จะต้องทำประโยชน์แก่ผู้อื่นไปด้วยพร้อมกันให้ได้เสมอ
จึงจะใช้เวลาและความอุตสาหะมากกว่าผู้จะเอาแต่“อรหันต์”
ส่วนผู้ที่มุ่งจะเอาแค่“อรหันต์” ก็จะไม่รู้เรื่องของ“โพธิสัตว์”
อย่างเพียงพอ
มุ่งแต่เรียนรู้มุ่นอยู่แค่ในกรอบของความเป็น“อัตตา”ตนเอง
และสามารถ“ดับกิเลส”ที่เป็น“กาม”กับความเป็น“อัตตา”
สำหรับ“ตนเอง”ได้ไปตามลำดับจนหมดสิ้น ก็จบกิจเพียงเท่านี้
[ขออธิบายเสริมไว้ตรงนี้นิดหน่อย เพราะยังมีคนเข้าใจผิดอยู่ นั่นคือ ผู้ที่ยังไม่
บรรลุธรรมแม้แค่เริ่มโสดาบัน แต่ตั้งจิตมุ่งเป็นโพธิสัตว์ ทว่าตนเองยังไม่มี“โพธิ”เลย คือ
ยังไม่มี“ความตรัสรู้อาริยภูมิ”แม้ขั้นเริ่มต้นนั้น ยังไม่ชื่อว่า ผู้เป็น“โพธิสัตว์” เพราะยัง
ไม่มี“โพธิ (ภูมิตรัสรู้)”ในตนเลย แม้แต่ขั้นโสดาบันขั้นเริ่ม
จึงยังเรียกว่า “โพธิสัตว์”ยังไม่ได้ ยังเป็นปุถุชนอยู่ ยังไม่มี“อาริยธรรม”แม้
แค่“โสดาบัน”ขั้นต้นไง!
ก็มีคนผู้หลงผิดดังว่านี้อยู่ไม่ใช่น้อย ว่าคนผู้เริ่ม“ตั้งจิต”แค่“อยากเป็นโพธิสัตว์”นั้น
ทว่าจิตยังไม่มี“ภูมิธรรม”ที่เป็นอาริยบุคคลแม้แต่ขั้นเริ่ม จะเรียกว่าเป็น“โพธิสัตว์”ยัง
ไม่ได้ เพราะยังไม่เริ่มมี“ความรู้ที่เป็นอาริยะ-เป็นโลกุตระ”สักน้อยเลย
มีแต่“ความอยากเป็น”เท่านั้น
มันก็แค่ตั้งใจพยายามจะเป็น“โพธิสัตว์”ให้ได้เอง มีแค่“อุปทายติ” ยังไม่มี“สมายติ”
จึงเป็นได้แค่“ปุถุชนคนอยากเป็นโพธิสัตว์” จะเรียกว่า“โพธิสัตว์”ไม่ได้ หรือจะเรียกว่า
“ปุถุชนโพธิสัตว์”ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนมี“โพธิ” แม้แต่“โพธิ”ขั้นเริ่มต้นก็ยังไม่มีสักนิด
สักน้อย]
จากการเป็น“โสดาบันโพธิสัตว์”ได้แล้ว จึงจะเป็น“สกิทาคามี
โพธิสัตว์”ต่อไปได้
แล้วจึงจะต่อขั้นเป็น“อนาคามีโพธิสัตว์”ได้อีก จนจบ
ขั้น“อรหันต์โพธิสัตว์”
นี้คือ “โพธิสัตว์ 4 ขั้น”รอบแรกเรียกว่ารอบ“ระดับปฐม”ในการ
เป็น“โพธิสัตว์”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 479 หน้า 356
เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 09:22:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:22:27 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:35 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:22:13 )
รายละเอียด
คือ ความมั่งคั่งความดี
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า34
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:21:13 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:55 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:22:46 )
รายละเอียด
ซึ่งอาตมาเองต่อไปผู้รู้จะมากขึ้นจะมีคนที่เก่งภาษา เก่งการสรุปภาษา เอามาบอกใครๆได้อย่างเช่นคุณเปลวสีเงิน สื่อได้กะทัดรัดและใช้ภาษาอย่างเป็นเจ้าภาษาเลย เก่ง อาตมาต้องอ่านคุณเปลวเขียนทุกวันเลย ยกเว้นวันที่แกไม่เขียน ก็อ่านของคนอื่นไป คนอื่นก็ไม่เลวอย่างคุณผักกาดหอม เป็นตัวแทนได้เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:10:32 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:21:24 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:09 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:23:18 )
รายละเอียด
สัตว์เดรัจฉานมันยึดตัวยึดตนมันไม่ได้เป็นอะไรกันนะ สัตว์เดรัจฉานไม่ใช่พระอรหันต์มันมีการจองเวรจองกรรมนะ ไปกินเนื้อมันคุณเข้าใจถึงจิตวิญญาณที่ผูกพันลึกๆ ยึดเป็นตัวกูของกู เดรัจฉานมันก็ไม่รู้เรื่องตัวกูของกูหรอก มันก็ยึดถือเนื้อหนังมังสาจิตวิญญาณ ทั้งรูปทั้งนามก็ยึดถือเป็นของมันทั้งนั้น เป็นของกูทั้งนั้นสัตว์เดรัจฉาน แล้วจะไม่ให้สัตว์เดรัจฉานมันยึดถือไว้ว่านี่คือจิตวิญญาณของกู กูคิดบัญชีจองเวรจองกรรมแก้แค้นกัน คุณจะไปห้ามมันได้หรือไม่ ก็เลิกเสียเป็นไง มันไม่ได้เป็นปัญหา เลิกเนื้อสัตว์จะเป็นอรหันต์ไม่ได้หรือจะสุขภาพเสียก็ไม่ใช่อย่างนั้น สุขภาพจะยิ่งดีขึ้นด้วยศึกษาให้ดีเถอะ เหตุปัจจัยเหตุผลต่างๆของมันถูกต้องที่สุดเลยจะไปดึงดันอยู่ทำไม ดึงดันเพื่อตัวเองตีกรอบเองที่จะไม่เจริญไปกว่านี้ คุณโง่หรือคุณฉลาด ตีกรอบให้ตนเองก้าวข้ามเจริญกว่านี้ไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:07:33 )
รายละเอียด
อนุโมทนาสาธุด้วยนะ พูดถึงคุณพรพิชัย
พรพิชัยก็เป็นผู้มีบารมีเก่าของเขามามาก ซึ่งเป็นคนมีคุณธรรม แรกๆ ยุคโน้นสมัย พ.ศ. 2530 กว่า เพิ่งจะผ่านวิกฤต พ.ศ. 2532 เถรสมาคมเล่นงานเราแย่เลย ตอนนั้นพรพิชัยเขาก็เสียชีวิตเพราะไปขับรถ แล้วรถก็อุบัติเหตุทับตัวเขาเอง ซึ่งก็เป็นวิบากของเขาเอง มันก็พูดยากเป็นเรื่องวิบากกรรมของเขา
ซึ่งเป็นคนที่ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติได้ดีมากเลย จนเป็นตัวอย่างที่ทุกคนยังซาบซึ้งใจ มีภาพประวัติเอามาเปิดให้ดู อะไรกันพอสมควร สมัยโน้นเราก็ยังไม่มีโทรทัศน์อะไรเก่งกาจ เท่าไหร่ ก็เป็นตัวอย่าง ถ้าจะพูดไปแล้ว อาตมาก็จำไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ก็ต้องอาศัยที่เขาบันทึกไว้จะดีกว่า พรพิชัย ก็ขอชมเชยไว้เท่านี้ อาตมาจำได้ไม่เท่าไหร่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:59:48 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 11:02:42 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:22:28 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:24:23 )
รายละเอียด
โลกทุกวันนี้มีประชากรเกือบ 8,000 ล้านแล้ว คนมันมากเกินไป ไม่ต้องไปเพิ่มเติมอีกตั้งแต่ในยุคพระพุทธเจ้าอุบัติท่านก็ลดการมีลูก คือ กำหนดคุมกำเนิด แต่ไม่ได้แบบบังคับ ใครมาสมัครใจคุมกำเนิดท่านก็ถือว่าดี ท่านคุมกำเนิดด้วยศีล 8 ถ้ามีศีล 5 ก็ผัวเดียวเมียเดียวมีขั้นตอนให้ ถ้าสำส่อนเละก็ไม่ดี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 10:55:29 )
รายละเอียด
วันนี้วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ใครอยากจะพูดคุยโอภาปราศรัยกันให้เหมือนเอื้อไออุ่น ไม่งั้นก็แข็ง เทศน์ไป
เจริญธรรมทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นลูกๆที่เป็นลูกๆอายุ 80 กว่าแล้วก็ตาม ถ้า 90 กว่าแล้วคงไม่เรียกลูก เพราะอาตมายังไม่ 90 แค่ 89 เอง จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปเป็นลูกหลานเหลนโหลนแล้ว ตัวน้อยๆ นั่งๆอยู่ รวมอยู่ในนี้ 10 กว่าก็มี น้อยกว่า 10 ขวบก็คงไปนอนหมดแล้ว คงมี 10 ขวบขึ้นมา
วันนี้วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ก็เอื้อไออุ่น ก็โอภาปราศัยกัน คุยกันในฐานะลูกๆหลานๆเหลนๆโหลนๆ ที่จริงจะพยายามทำให้เหมือนกับนั่งคุยกันไป ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยได้ มันก็จะเป็นรูปพิธีการอย่างนี้ มันก็เลยแข็งๆยังไงไม่รู้ มันไม่เป็นธรรมชาติที่เป็นกันเอง มันไม่เป็นเหมือนพิธีการ แต่มันก็เป็นไปได้ยาก เพราะว่าถ้าทำอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นระเบียบเกินไปเพราะว่ามันมาก พวกเราก็มีมากก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องเล็กน้อย เรื่องจริงๆก็คุยกัน ใครจะมีอะไรก็ถาม ยกมือ หลวงปู่มานี้ก็มาเจอกัน เอื้อไออุ่นก็นานๆที
เจอกันแล้วก็มีอะไรเรื่องอะไรจะคุย มีเรื่องอะไรอยากจะถาม ยิ่งคำถามแปลกๆ คำถามที่บางคนอาจจะข้องใจสงสัยอยู่นะ เอ๊! แปลกๆ ถามใครถามผู้ใหญ่คนนั้นคนนี้ก็ไม่รู้เรื่อง ลองมาถามหลวงปู่ดู ใครมีไหม
คำถามง่ายๆคำถามพื้นๆ หลายคนถามไปก็รู้แล้วล่ะได้ฟังเป็นร้อยครั้งแล้ว มันก็เฉยๆไม่หนุกเนาะ แต่คำถามที่มันแปลกๆ คำถามนี้ใหม่นี่ แปลกดี ก็จะเข้าท่านะ ก็ลองดูดิ ใครมีไหม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 14:29:07 )
รายละเอียด
พระอรหันต์ฝันเป็นเนื้อหาที่ปรุงธรรมะที่พระพุทธเจ้าใช้บัญญัติเป็นบุคลาธิษฐานว่าคุยกับเทวดา พระอรหันต์ก็จะปรุงแต่งคุยกับเทวดาหรือเป็นธรรมะอยู่กับธรรมะส่วนใหญ่เลยอย่างสมณะโพธิรักษ์นอนก็ไปคุยกับเทวดาได้เรื่องราวหลายอย่างมา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:28:09 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 12:21:10 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:24:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 10:05:11 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:05 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:25:27 )
รายละเอียด
คุยกันอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่มีเสียงดังหรอก คุยด้วยสาระ ธรรมะ เป็นเรื่องของการปุจฉาวิสัชนา เรื่องธรรมะอย่างนั้นอย่างนี้ หัวข้อธรรมอย่างนั้นอย่างนี้มาวิจัยให้กันฟัง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าพบกับเทวดามาปรากฏแล้วคุยกันหัวข้อธรรมต่างๆทั้งนั้นแหละ บางทีก็เป็นเทวดาองค์ใหญ่รัศมีกว้าง ท่านก็ยกตัวอย่างรูปธรรมประกอบ ไม่มีตัวตนไม่มีเสียงดังหรอกเป็นความรู้ธรรมะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:54:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 11:18:23 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:59 )
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:26:04 )
รายละเอียด
ก็ต้องให้ผู้ใหญ่กว่า แม้ว่า จริงๆเราจะถูกนะ ก็ให้ผู้ใหญ่เขาผ่านไปก่อน เพราะเราเคารพเรียกว่าคุรุกรณะ เป็นการเคารพด้วยวัยวุฒิ เขามีวัยสูงกว่า โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อแม่ เป็นผู้ใหญ่กว่า ก็ต้องยอมก่อนไม่ว่าเขาจะผิดก็ตาม
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:12:04 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name