@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ทำไมเขาไม่มาเอาสาราณียธรรมแบบชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมารู้ว่าทำไมเขาไม่มาเอา เพราะเขามีอัตตาเขารู้ว่าอาตมาทำถูกต้องของพระพุทธเจ้า มีตัวอย่างยืนยันได้คนที่ไม่โง่เกิน ก็จะรู้ว่าใช่ เอาของพระพุทธเจ้ามายืนยัน คนชุมชนนี้หมู่บ้านนี้มนุษย์กลุ่มนี้ ปฏิบัติตามอย่างนี้แหละ แล้วปฏิบัติตามได้เป็นอย่างไร อดทนอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือจะตาย อดทนจะตาย ทำให้เหมือนพระพุทธเจ้าสอน หรือว่าสบายเป็นปกติเป็นศีลแล้ว ปกติไม่ได้ฝืนอะไร ธรรมดาธรรมดา สบม ธมด ปกต หห จจ มชยลล 

อาตมาว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศมาอธิบาย แล้วพวกคุณก็เข้าใจปฏิบัติตามได้ แล้วก็เอาชีวิตมาเป็นอย่างนี้ได้ประมาณนี้ก็เอาแล้ว พูดกันจริงๆนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริแห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 18:51:08 )

ทำไมเขาไม่ให้รางวัลพ่อครู

รายละเอียด

คนมีปฏิภาณปัญญาก็จะมาเข้าใจ อาตมาไม่ได้จบปริญญาตรี ไม่ได้จบปริญญาโท ไม่มีด็อกเตอร์สักใบ แม้แต่ด็อกเตอร์กิตติมศักดิ์ก็ไม่เคยมีใครมาให้ ชาตินี้เป็นอย่างนั้น อาภัพอัปภาคย์อย่างนั้น แต่ไม่ได้น้อยใจไม่ได้เสียใจอะไรเลย เข้าใจด้วยว่าทำไมเขาไม่ให้ รู้ไหมทำไมเขาไม่ให้ เขาไม่มีภูมิ คุณตอบถูก เขาไม่มีภูมิพอที่จะให้อาตมา ถ้าเขามีภูมิเขาจะมาให้อาตมา 

อาตมาเคยได้รับรางวัล ประเด็นที่ได้รางวัลคืออาตมาเป็นผู้ที่สร้างสันติภาพให้แก่สังคม จากองค์กร แมนเฮ ของประเทศเกาหลีใต้ให้รางวัลอาตมามา 100 ล้านวอน ให้ใบประกาศนียบัตร กับเงิน 100 ล้านวอน นี่เป็นรางวัลเดียวที่อาตมาได้เป็นหลักเป็นฐานเป็น กอบเป็นกำ นอกนั้นไม่มีรางวัลใด 

มีเหมือนกัน มีรางวัลหนึ่ง ที่นายกสัญญา ธรรมศักดิ์ ให้เป็นโล่ ให้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่ท่านเป็นนายกฯแล้วมานั่งคุยกับอาตมาเป็นชั่วโมง แล้วออกมาไปพูดข้างนอกรับรองว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่ไม่มีใครพูดเรื่องอรหันต์กันเลยในยุคโน้น แล้วท่านก็ไปพูด แต่ไม่ได้เปิดเผยมากมายหรอก อยู่ในวงแคบ มารับรองว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ แล้วมันก็ไม่แพร่กระจายอะไรมากมาย มีโล่ที่ท่านให้มามีลายเซ็นท่านอยู่นั่นแหละมีเท่านั้น เงียบๆ ไม่เป็นที่โด่งดัง คนรับรองนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวน้อยๆ ท่านกับอาตมาตรงกันเท่านั้นเอง แล้วก็มีคนร่วมด้วยที่ไปช่วยกันทำโล่นี้มาให้ เพราะมันต้องจารึกว่าพระโพธิรักษ์ ลงนามลายเซ็นเป็นโลหะทองเหลือง นอกนั้นก็มีองค์กร แมนเฮ ที่เกาหลีอย่างที่พูดนี้ นอกนั้นยัง 

เคยมีคนพูดว่า โพธิรักษ์จะได้ แมกไซไซ เคยมีคนมาขอจะเอา อาตมาไปนำเสนอ อาตมาว่าอย่าไปนำเสนอเลย อาตมาห้าม อย่าไปนำเสนอก็เลยไม่มีใครเสนอไป รางวัล nobel prize ทำไมเขาไม่ให้รางวัล Nobel prize กับอาตมา เพราะเขายังไม่รู้หรอกว่าอาตมามีค่าพอที่จะให้รางวัล มันเป็นธรรมดาอาตมาไม่ได้แปลกประหลาดไม่ได้น้อยใจไม่ได้เสียใจไม่ได้ต่ำใจอะไรเลย เป็นธรรมดามันเป็นสัจจะอย่างนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรสำหรับอาตมา 

เมื่อไหร่นะ Nobel prize ให้รางวัลอาตมา รับรองว่าคนไทยนี่ตาเหลือกเลย อย่าว่าแต่ตื่นตาเลย ตาเหลือกเลย เป็นไปได้อย่างไรวะ มันควรจะให้ใครต่อใครเยอะแยะเลย ทำไมมาให้โพธิรักษ์ ตาเหลือกกันเลยนะ มันซับซ้อนถึงอย่างนั้น จะไม่เข้าใจได้ง่ายๆเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2566 ( 12:54:36 )

ทำไมเดี๋ยวนี้คนไปนับถือไอ้ไข่กัน

รายละเอียด

น่าสงสารจริงๆคน เห็นแล้วก็น่าสงสาร ก็คือ อาตมาจะโทษก็ต้องโทษเถรสมาคม ไอ้ไข่นี้อยู่ในวัดนะ เจ้าอาวาสวัดรวยเละเลย ได้บาปกันไป จะบอกว่า ใส่อะไรไป ไม่รู้จะเอาอะไรไปวัดมันมากมายเหลือเกิน สรุปแล้วก็คือสอนกันผิดหลงใหลในเดรัจฉานวิชา วัดวาอารามมันไม่ไหวจริงๆ เถรสมาคมก็ไปด้วยกันอะไรต่ออะไรไป หยาบนะจริงๆแบบไอ้ไข่มันก็ตื้นๆหยาบ ไม่ได้ลึกซึ้งละเอียดลออ ลมๆแล้งๆ หยาบๆ มักง่าย เป็นความเป็นไปไม่ได้และมันก็ไม่รู้จะทำยังไงมันโง่ ก็น่าสงสาร ไม่รู้จะทำอย่างไรเราก็พยายามจะดึงคนเข้ามาสู่สัมมาทิฏฐิสิ่งที่ควรมีคนได้ควรเป็น แต่ว่าเสร็จแล้วก็ยังหลงใหลกระแสหลัก ที่พึ่งกันไม่ได้ ไม่ช่วยเหลือกันเลยจมไปด้วยกันด้วยหมดเลยก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร พูดไปก็เหมือนกับบอกว่าเราเก่งเราใหญ่ แต่เราก็ช่วยกันไป อย่างไรอย่างไรก็มาฟังทางโพธิรักษ์บ้าง ไม่ได้ไปเบ่งทับอะไร ก็อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่นะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:29:55 )

ทำไมเด็กดื้อจะหายดื้อได้อย่างไร

รายละเอียด

ฟังดีๆนะ โง่ ที่มันดื้อเพราะเราโง่ หลวงปู่ถามคืน ดื้อดีไหม...ไม่ดี แล้วไปดื้ออยู่ทำไม เราอยากดีหรืออยากไม่ดี อยากดี..ก็อย่าดื้อสิ เห็นไหมเล่าก็โง่เองใช่ไหม ถ้าฉลาดรู้ว่าดื้อมันไม่ดีก็อย่าดื้อ ก็ต้องรู้ อ่านว่า ไอ้ดื้อ มันเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ดื้อมันเป็นอย่างไร เราก็ทำสิ่งที่อาการกิริยา กาย วาจา ของเรา อย่างนี้ไม่ดื้อ ทำอย่างที่ไม่ดื้อให้ได้ 

ภาษาเป็นคนว่าง่ายผู้ใหญ่บอกอย่างไรก็ให้ทำตาม เชื่อผู้ใหญ่ไม่เป็นไรหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:18:24 )

ทำไมเด็กๆต้องถือศีล 5

รายละเอียด

ศีล 5 หลวงปู่จะตอบนะ แต่คำตอบของหลวงปู่จะถามย้อนไปก่อน ศีล 5 มีอะไรบ้าง..เด็กๆของชาวอโศกต้องรู้จึงจะถือศีล 5 ได้ ศีลข้อที่ 1 คือห้ามฆ่าสัตว์ เคยได้ยินไหม (เคยครับ) นี่ ลืมไป พอพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ห้ามฆ่าสัตว์ เป็นศีลข้อที่ 1 เอาตัวอย่างข้อที่ 1 ไว้ก่อน ถ้าเธอว่าเราต้องถือศีล 5 เราต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้า ท่านห้ามไว้ว่าอย่าไปฆ่าสัตว์ ถ้าเราฆ่าสัตว์ ดีไหม …ไม่ดี เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าก็สอน แม้แต่เด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม ท่านสอนให้ทำดี การฆ่าสัตว์เป็นข้อที่ 1 เลยที่ว่าไม่ดี เพราะฉะนั้นผู้ใดทำความไม่ฆ่าสัตว์ได้ คนนั้นเป็นคนดีที่หนึ่ง เพราะงั้นเด็กก็ตามผู้ใหญ่ก็ตามคนแก่ก็ตาม เป็นคนที่ไม่ฆ่าสัตว์ เป็นคนดีที่หนึ่งได้ ข้อที่ 2 ไม่เอาของที่ไม่ใช่ของของเรา ไม่ลักขโมย ไปเอาของคนอื่นมาหรือไปลักขโมยคนอื่นมาดีไหม (ไม่ดี) เพราะงั้น ศีลคือสิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้อย่าไปทำมันไม่ดี ลักขโมยก็ไม่ดีเอาของคนอื่นก็ไม่ดีที่ไม่ใช่ของของเรา หรือเราไม่มีสิทธิ์จะไปเอา เพราะฉะนั้นก็จะต้องปฏิบัติ ถึงจะเป็นคนดี ทำไมต้องปฏิบัติศีล? เด็กต้องดีไหม…ต้องดี ที่ถามหลวงปู่มาเมื่อกี้ ทำไมต้องถือศีล เด็กต้องเป็นคนดีไหม นั้นคือคำตอบ เด็กจะต้องเป็นคนดีจึงต้องถือศีล น่าจะเป็นข้อ 1 2 3 4 5 ล้วนแล้วแต่เป็นข้อห้ามไม่ให้ทำไม่ดีทั้งนั้น ถ้าทำได้ทั้ง 5 ข้อนี้ก็เป็นพื้นฐานจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:55:20 )

ทำไมเพราะอะไรโลกจึงไม่มีโลกุตระ

รายละเอียด

ทำไมเพราะอะไรโลกจึงไม่มีโลกุตระ ทั้งๆที่ยังมีคนชาวพุทธนับถือศาสนาพุทธกันอยู่แท้ๆ ... ทำไม? เพราะอะไร? ตอบไปแล้ว ตอบอีก เอากำปั้นทุบดิน ก็เพราะคนมันเสื่อม คนที่มีอยู่เป็นชาวพุทธที่มีอยู่นี้ มันเสื่อมจริงๆ ตามคำตรัสของ พระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ใน อาณิสูตร (พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 672) ว่า คนจะเสื่อมจากโลกุตรธรรม ธรรมะไม่เสื่อมหรอก ชาวพุทธเองจะเสื่อมความเป็นโลกุตรธรรมไปจากศาสนาพุทธ แล้วมันเป็นจริงไหมล่ะ 2500 ช่วงที่อาตมาเกิดมาในอายุ 36 ปี แล้วอาตมาออกบวชทำหน้าที่ประกาศตนเอง ทำงานนี้อย่างจริงจัง ทิ้งทางโลกเด็ดขาดเลย ทิ้งโลกีย์ การหาเงินหาทองแข่งขันทั้งโลกเลิกเลย มาทำโลกุตรธรรมตั้งแต่วันที่บวช วันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 แล้วก็ทำหน้าที่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่าน 52 ปีมาแล้วนี่ก็ย่างเข้าปี 53 ทำงานมาปีที่ 53 

ทำไมเพราะอะไรโลกจึงไม่มีโลกุตระ ก็เพราะคนมันเสื่อม ตอบไปแล้ว เสื่อมจริงไหมล่ะ ถ้าไม่เสื่อมคนที่มีโลกุตระเขาก็ต้องเอามาขยายผล ขยายผลแล้วเป็นยังไง ขยายผลแล้วชาวพุทธก็จะฟังธรรมนี้รู้เรื่อง เห็นดีเห็นงามแล้วก็จะมาปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามแล้วก็จะได้มรรคผล จะได้ประโยชน์จากธรรมะเป็นอารยธรรม เป็นโลกุตรธรรมด้วย เลิกละลดจากโลกีย์ ทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ ทิ้งสุขที่เป็นโลกียสุข มาอยู่ทางนี้ มาปฏิบัติตามที่อาตมาพาทำ 

มันทวนกระแสกับโลกีย์ ทวนกระแสคือทางโลกีย์เขาจะต้องมี ลาภ ยศ สรรเสริญ มีสุขตามที่เขายึด ติดยึดไว้เป็นอุปาทานหรือมันอยากอยู่ อุปาทานออกฤทธิ์มาเป็นตัวตัณหา อยากไปบำเรอความต้องการของตน คุณก็จบ คุณก็ได้ตามที่คุณบำเรอ แต่จริงๆไม่จบหรอก บำเรอแล้วก็อยากอีกยิ่งอยากแรงอีก ยิ่งย่ามใจ ยิ่งเสริมความอยากหนักกว่าเก่า ความอยากจัดจ้าน อยากแปลกใหม่ อยากเปลี่ยน อะไรต่างๆ นานา วิตถารขึ้นไปเรื่อยๆ มันไม่จบ แต่โลกุตระนั้นนั้นมาเลิก ตั้งแต่เห็นว่าจัดจ้าน สิ่งที่เราจัดจ้าน เรียกว่าอบายมุข โลกมันพาเป็นสุข สุขที่จัดจ้าน ที่หนักหนาเหน็ดเหนื่อยกระทบต่ออันอื่นอีกมาก  

1.เสียแรงงาน 2.เสียทุนรอน 3. เสียความนึกคิดอารมณ์ ไม่เข้าเรื่องเลย เลิกความสูญเสียที่โง่ๆ 1.สูญเสียเวลา 2. สูญเสียแรงงาน 3. เสียทุนรอน เอาคืนมา ไม่ต้องเสียเวลา แรงงาน ทุนรอน กับมัน เราเลิก ไม่ไปโง่กับเขา ภาษาอธิบายได้แค่นี้ คุณเลิกสิ่งที่มันปรุงแต่งอย่างนี้ แล้วคุณจะได้ไปคลุกคลีเกี่ยวข้องสุขๆ ทุกข์ๆ อยู่กับมัน คุณไปจมอยู่กับมัน แต่เมื่อเราเลิกแล้วการปรุงแต่งแบบนั้น แล้วเราก็ว่างมา ผู้ปฏิบัติเองไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่เกิดอยากได้สุขอย่างนี้ 

ถ้าขืนไปอยากได้ไปขวยขวายอยู่มันก็ทุกข์ คุณรู้ด้วยตัวเองเลยคุณจะเลิกแล้วคุณก็จะไม่สุขไม่ทุกข์ อารมณ์หรือเวทนา ไม่สุข ก็ไม่สน ไม่สุขก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ต้องไปอยากได้ ภาษาว่าอย่างนี้ จิตของคุณเป็นอย่างนี้ไหม ไม่เห็นต้องการเลย ไม่อยากต้องการเพราะรู้แล้วว่ามันปนกันอยู่กับทุกข์ มันก็ต้องใช้เวลาแรงงานทุนรอน เราก็เอาเวลาของข้าคืนมา เอาทุนรอนของข้าคืนมา เอาแรงงานของข้าคืนมา เอามาปลูกผักปลูกพืชดีกว่า เอาเวลามาทำนี้ แล้วก็แจกจ่ายดีกว่า สรุปง่ายๆอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ความจริง ก็จะมีความจริงอันนี้ 

ทำไมเพราะอะไร…เพราะยังคิดไม่ออก เพราะยังไม่รู้ความจริง ก็เลยทำอย่างโง่ๆ เพราะฉะนั้นเมื่อยังจมอยู่ ก็ไม่มีโลกุตระ ก็ยังเป็นโลกียะ จมอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่มีคนชาวพุทธ ก็เพราะว่าชาวพุทธเสื่อมแล้ว ชาวพุทธไม่รู้ความจริงอันนี้แล้ว จึงไม่เกิดโลกุตระ ทำไมไม่มีโลกุตระ ก็เพราะชาวพุทธที่มีอยู่นั้นไม่มีโลกุตระ ไม่รู้จักโลกุตระ แล้วจะเอาโลกุตระมาจากไหน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 18:45:40 )

ทำไมเราต้องจัดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ

รายละเอียด

ต้องมีงานปลุกเสกเพราะว่าเกิดจากความฉลาด คนฉลาดก็เลยมีงานปลุกเสก เหตุที่อาตมาให้เกิดมีงานปลุกเสกก็เพราะว่า เมืองไทยนี้ เอาคำว่าปลุกเสกเป็นภาษาไทย คำภาษาบาลีคืออภิเษก ไปทำการอภิเษกหรือทำการปลุกเสก แล้วปลุกเสกให้เป็นพระ แต่ดันไปเอาดินหินโลหะอะไรก็ไม่รู้มาปลุกเสกเป็นพระ จะบ้าเหรอ จะปลุกอย่างไรให้เป็นพระได้ พระหมายถึงอะไร พระหมายความว่าเป็นพระอรหันต์เลยล่ะ เป็นความมีคุณวิเศษ พระเป็นคนที่มีอาริยธรรม อาริยคุณ พระ จากภาษาบาลีว่า วร หรือ พร แปลว่า ความประเสริฐ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเป็นพระได้จะต้องมีความประเสริฐก็ต้องมีจิตวิญญาณ ต้องมาปลุกเสกจิตวิญญาณสิ มาสร้างจิตวิญญาณ มาพยายามอบรมจิตวิญญาณให้เป็นอาริยะ เรียกว่าประเสริฐ ให้มีอาริยธรรม ให้มีความรู้ ให้มีความประพฤติ มีจิตใจที่ดีขึ้น จิตเจริญขึ้นอย่างนี้คือการสร้างความประเสริฐได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:08:55 )

ทำไมเราต้องตาย

รายละเอียด

ความเป็นชีวะต้องดับ ชีวะคือการเกิดสภาวะอันหนึ่ง เรียกว่าชีวะ เป็นพืชก็ดี ชีวะมีระดับที่พระพุทธเจ้าแยกไว้ 2 ระดับเท่านั้นง่ายๆ เป็นอุตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ยังไม่ถือว่าเป็นชีวะ ยังไม่มีธาตุที่กำหนดตัวเอง แล้วก็ปรุงแต่งในตัวเองเป็นสังขาร จึงมีตัวสัญญากับตัวสังขาร มีอยู่ 3 ธาตุ รูป สัญญา สังขาร พืชมีรูป ปรุงแต่งเป็นชีวะ หรือชีพ หรือชีวิต แต่ชีวิตระดับพืช ปรุงแต่งเพิ่มขึ้นอีก มีเวทนามีวิญญาณเพิ่มเป็น 2 สภาพ พิสดารยิ่งขึ้น มี 5 เป็นจิตนิยาม เป็นชีวะที่ยิ่งใหญ่เป็นระดับสัตว์

สัตว์ ก็ขยายเป็นสัตว์ต่างๆจนกระทั่งเป็นคน คนก็ยังมีที่เป็นปุถุชนจนเป็นถึงอาริยชนอย่างนี้ พระพุทธเจ้ารู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด จึงบัญญัติไว้ว่าต้องมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไปเปลี่ยนไม่ได้ เป็นชีวะก็ต้องตายจากความเป็นชีวะ ไม่ว่าเป็นพืชหรือคน ในระดับความเป็นชีวะเมื่อไปรวมตัวกันเกิด ไปรวมตัวกันเกิดเป็นมะม่วง เป็นฟักทอง เป็นมะละกอ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปก็ต้องตาย ทุกอย่างไม่มีอะไรคงที่เที่ยงแท้ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ยิ่งเป็นชีวะก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วและมาก ยิ่งเป็นจิตก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วมากเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:01:36 )

ทำไมเราต้องเชื่อมช่วยโลก

รายละเอียด

อาตมาเคยคิดว่า คนจะค่อยๆยอมรับที่อาตมาพาทำไปเรื่อยๆเพราะว่า ธัมโมหะเวรักขติ ธัมมจาริง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม สจฺจํ เว อมตา วาจา สัจจะมันเป็นเรื่องจริง พูดอย่างไรก็จริงไปเรื่อยๆ ถึงวันที่จะต้องยืนยันความจริง 

อันนี้หมายถึงว่า กลุ่มคนที่มาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะถ้ามาปฏิบัติโลกุตรธรรม แล้วก็จะเกิดผลอย่างที่เราเป็น แล้วก็จะมารวมเข้าไปเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นๆโตขึ้น พฤติกรรมพฤติการณ์ของพวกเรา มันก็จะเป็นพลังงานกระจาย แผ่ออก ให้คนเห็นได้ง่าย เห็นได้ชัด เห็นได้เร็ว 

อาตมาทำไมจึงพยายามที่จะรวบรวมพวกเราเข้าเป็นหมู่เป็นกลุ่ม เพราะเหตุนี้เอง เพราะฉะนั้นผู้ใดเข้าใจรีบๆมา มารวมตัวกันให้เป็นกลุ่มหมู่ ถ้าหากว่าหมู่บ้านเรามีเป็น1,000 คนขึ้นไป สันติอโศกมีเป็น 1,000 ราชธานีอโศกมีสัก 2,000 คน โอ้โห…ฝันไปไกลมากเลย ที่อื่นก็มีกันที่ละ1,000 - 2,000 คนอย่างนี้ รับรองประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีพลังของโลกุตรธรรมกระจายแพร่ออกไป สู่สังคมประเทศชาติ แล้วจะเป็นประเทศที่เป็นเมืองพุทธ เมืองโลกุตระ ประเทศโลกุตระที่ต่างประเทศเขามีไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะตะวันตกเทวนิยม เขาจะมีไม่ได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 17:31:08 )

ทำไมเราต้องโกรธเมื่อถูกแม่ตี

รายละเอียด

ฟังดีๆ แม่ตีเรานี่นะ ทุกคนแม่ทุกคน ตีเพื่อที่จะให้ลูกรู้ว่าที่ถูกตีนั้นคืออะไร เราต้องทำอะไรไม่ดี แม่เขาเห็นว่า ที่เราทำมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เมื่อเราทำสิ่งที่ไม่ดีแม่ก็ไม่อยากให้เราทำ เพราะแม่นั้นรักเรา อยากให้เราดี เมื่อเราทำไม่ดีแม่ก็ไม่อยากให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีก็จึงตี เพื่อให้เรามีเครื่องหมายว่านี้ทำไม่ดีนะ ถูกตี เจ็บนะ ไม่ดีนะ อย่าทำ จำได้ไหม สิ่งที่ไม่ดีเราทำแล้วแม่ก็ตี ต่อไปเราก็ไม่ทำอีก เราก็เป็นคนดีเป็นคนเจริญ ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีที่แม่ไม่ต้องการให้เราทำนี้ได้ต่อไป เราก็เป็นคนเจริญ เป็นคนโตเป็นคนได้ความดีขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:57:01 )

เวลาบันทึก 10 เมษายน 2567 ( 18:59:48 )

ทำไมเราถึงไม่ชอบหรือเกลียดคนที่ดีกว่าและเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า

รายละเอียด

ตอบง่ายๆก่อนว่า เพราะเรายังโง่ ทำไมเราถึงไม่ชอบหรือเกลียดคนที่ดีกว่าเรา ถ้าคนที่ดีกว่าเราแล้วดีจริงๆ แล้วเราไปเกลียดไม่ชอบคนที่ดีกว่าเราคุณโง่หรือคุณฉลาด เราไปรังเกียจ เหยียดหยามคนที่ด้อยกว่าเรา มันก็ไม่ดีอีกแหละ โง่ทั้งสองอย่างที่ถามมา ไปไม่ชอบหรือเกลียดคนดีกว่าเราก็โง่ ไปเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่าเราก็โง่เหมือนกัน 

แต่ที่จริงแล้วไปเหยียดหยามคนที่รังเกียจ เรายังพอเป็นไป แต่คุณไปรังเกียจคนที่ดีกว่า ปิดประตูคุณเจริญเลยนะ ใช่ไหม ถ้าคุณไปข่มคนที่ด้อยกว่า มันก็ยังเป็นกิเลสของคุณคุณก็ต้องแก้ของคุณบ้าง ก็ยังเป็นเรื่องที่พอเจริญได้ แต่ถ้าคุณไปรังเกียจไม่ชอบคนดีกว่านี้จบเห่เลย ไปไม่รอด  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:41:35 )

ทำไมเราทำพืชผักไร้สารพิษได้คนอื่นทำไม่ได้

รายละเอียด

อันนี้ก็เป็นความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเราสามารถทำพืชผักไร้สารพิษ นี่มันฝรั่ง เป็น Organic แน่นอน 100% เอาดินเอาน้ำมาตรวจแล้ว ประสบผลสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจที่เราสามารถทำพืชพันธุ์ธัญญาหารไร้สารพิษ แต่ก่อนมันทำไม่ค่อยได้ดี ถูกโรคถูกเพลี้ย แต่เอาเข้าจริงเราทำมันไม่มีโรค หรือจะว่ามันไม่เหมือนกับกสิกรรมของเขา เราก็ทำแต่ทำไมมันไม่เหมือนกัน เราก็ไม่ได้เอาอะไรพิสดารมาใส่ ก็ใส่ปุ๋ยสะอาดธรรมดา เป็นแต่เพียงว่าเราไม่ได้เอาสารเคมีไม่ได้เอายาฆ่าแมลงลงไปเท่านั้นเอง แต่มันก็ไม่ลงไม่อะไร อาตมาเคยฉงนกังขาเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมเราทำได้คนอื่นทำไม่ได้ เราก็ไม่ได้ทำอะไรพิสดารกว่าเขา 

อันนี้ทำให้อาตมากังขาฉงนอยู่ ว่าอะไร ประกอบด้วยจิตเมตตาหรือไม่อย่างไร เขาทำไมทำไม่ได้ ใส่ยาฆ่าแมลงถ้าเขาไม่ใส่ก็ไม่ได้กินเลยนะ ทำไม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:30:17 )

ทำไมเรียกกามคุณ ไม่เรียกว่ากามโทษ

รายละเอียด

ก็คนไม่เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้า คนทั้งหลายหลงอวิชชาจึงไปเห็นว่ามันเป็นคุณ คุณแปลว่าดี พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาจึงเรียก กามนั้นว่าเป็น กามาทีนวะ นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่ปุถุชนคนโง่จะเรียกว่ากามคุณ เหตุที่เรียกเพราะว่ามันโง่ ใครยังโง่ ยังหลงอยู่กับกามคุณ พอได้ยินพระพุทธเจ้าสอนว่า กามนั้นไม่เป็นคุณ กามนั้นมันเป็นโทษ แล้วไปหลง ในอนุปุพพิกถา ก็สอนว่า 
1. ทาน การสละ  การให้ 
2. ศีล  การชำระขัดเกลา ด้วยเจตนางดเว้น 
3. สัคคะ (สวรรค์) .
4. กามานัง  อาทีนวัง  โอการัง  สังกิเลสัง โทษของกาม  ความต่ำทรามของกาม    ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย . .
5. เนกขัมมะ อานิสัง  อานิสงส์การออกจากกาม 
ถ้ายังไม่เจอคำสอนของพระพุทธเจ้าคุณก็จะจมอยู่ในอวิชชา ที่จะเรียกกามนั้นว่าเป็นกามคุณ ..สว่างหรือยัง ชัดเจนหรือยังว่าทำไมเรียกกามคุณ
ผู้ที่ไม่ได้ยินคำสอนพระพุทธเจ้า ว่า กามนี้ เป็นเรื่องเบื้องต้นที่จะต้องศึกษาก่อน ก็ทำผิด ผิดเพราะไม่มีศีลเบื้องต้น ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ ไม่มีการประมาณในการกินใช้ ไม่ตื่นจากกิเลส จะต้องตื่นมาเป็นผู้ศึกษานี่คืออปัณกปฏิปทา 3 ข้อ

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 22 มกราคม 2563 ( 14:54:15 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 17:04:02 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:05:51 )

ทำไมเรียกว่าทุกข์

รายละเอียด

ทำไมเรียกว่าทุกข์ก็เพราะว่าทุกข์มันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มันเป็นสิ่งที่ไม่จริง เป็นสิ่งที่ไม่น่าได้น่ามีน่าเป็นเลย แต่ก็อวิชชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:38:52 )

ทำไมแทงด้วยหอกร้อยเล่มไม่ตายสักที

รายละเอียด

อาตมาถึงทำไมแทงด้วยหอกร้อยเล่มไม่ตายสักที อาตมาพูดมาใกล้จะถึง 51 ปีแล้ว บวชมา 51 ปี หอกมันยังไม่ถึงร้อยเล่มนะ อาตมาต้องลากสังขารไปอีก 49 ปี เป็นอย่างน้อยจึงจะครบ 100 เล่ม ถ้า 300 เล่มมันไม่ไหวนะ เอาล่ะพอสู้นะ ให้มันครบ 100 เล่มก็อีก 49 ปีก็ได้แล้ว ตอนนี้ 87 ปีบวกอีก 49 ปีเป็น 136 ปีอายุ 136 ปี ถ้าจะครบ 100 เล่ม น่าจะชาคริยาตื่นเบิกบานกันมานะ ลองดูนะ อายุอาตมา 136 ปี ก็คงจะเป็นได้ ก็อยู่ดูกันด้วยกันนะ อย่ารีบไปไหนนะ นี่พูดแล้วก็พูดอีก ทำไมถึงได้ยึดมั่นถือมั่นเหนียวแน่นกันว่าหลับตาๆๆนะ มันไม่ง่ายเลย ไม่มีรูปไม่มีนามไม่มีสภาวะ 2 สะกดจิตเป็นหนึ่งเดียวมันจบเห่เลย มันไม่ถูกธรรมะพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:55:53 )

ทำไมแม่ของพระพุทธเจ้าจึงได้ชื่อว่าสิริมหามายา

รายละเอียด

ขยายความอจินไตยว่าทำไมแม่ของพระพุทธเจ้าจึงได้ชื่อว่าสิริมหามายา เหมือนมายา แต่ดีเยี่ยมทั้งเก่ง สิริ มหา ยอดของมายา ถ้าคนไม่รู้ก็ว่ามายา แต่เป็นผู้ให้กำเนิดความจริงที่เป็นสิทธัตถะ ผู้ให้กำเนิดความจริงที่ยิ่งใหญ่ เป็นประโยชน์ที่สำเร็จ อัตถะ คือ เนื้อแท้ สิทธะ คือความจริง

เพราะฉะนั้นผู้ให้กำเนิดความจริงเนื้อแท้อันประเสริฐสุดนี้ ยุคนี้ก็คือสิริมหามายา เข้าใจยาก ผู้ไม่รู้จริงจะบอกว่าเป็นมายาคนหลอกคน นักมายาที่หลอกคนไปหมดนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:12:50 )

ทำไมโคจรรูปมี 4 ปสาทรูปมี 5 

รายละเอียด

อันนี้ก็เข้าใจกันไม่ได้ง่ายๆทำไมโคจรรูปมี 4 ปสาทรูปมี 5 ประสาทต้องมีทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วในประสาททั้ง 5 มีจิตร่วมอยู่ด้วยเรียกว่ากาย เพราะฉะนั้นกายจะมีอยู่กับ ชิวหา ฆานะ โสตะ จักขุ กาย

กายนี้ จะเรียกเป็น 1 หรือเป็น 2 ก็ได้ ถ้ารวมทั้ง 5 ทวารและมีจิตอีกอันหนึ่งเป็น 6 เพราะฉะนั้นจิตที่ร่วมอยู่กับ 5 ทวาร มันก็คือกาย เวลามาใช้จริงก็เลยใช้กับ ชิวหา ฆานะ โสตะ จักขุ ใช้อีกกับ 4 อันนี้ แต่จริงๆ ใจมีอันเดียว 

1 จักขุ (ตา) 

2 โสตะ (หู) 

3 ฆานะ (จมูก) 

4 ชิวหา (ลิ้น) 

5 กายา (กาย)

6 รูปะ (รูป) 

7 สัททะ (เสียง) 

8 คันธะ (กลิ่น)   

9 รสะ (รส)  

00 โผฏฐัพพะ (สัมผัส) 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2567 ( 11:41:31 )

ทำไมโรงเรียนถึงต้องมีการแข่งขัน

รายละเอียด

มันมีภาวะซับซ้อน คนเราถ้าทำให้ดีทำให้ฉลาดทำให้รู้สึกว่ามันเจริญยิ่งกว่ามันเจริญก้าวหน้าไปได้มากๆมันก็ดี ถ้าเราจะสอบก็คือ เราจะทำให้มันถูกต้อง จะแสดงความมีความรู้ แสดงว่าเรามีความรู้ให้มากๆได้ มันก็ดีใช่ไหม มันก็เลยซับซ้อนอยู่ว่า ถ้าคนที่มีความรู้มากๆ แสดงออกได้มันก็คือเป็นคนชนะคนที่ความรู้น้อยกว่า ก็ควรจะต้องเป็นคนที่มีความรู้มากกว่าก็ควรจะเป็นอย่างนั้น จะบอกว่าแข่ง มันก็ซับซ้อนอยู่ในตัว เข้าใจให้มันดีๆว่า มันทำได้ดีมันทำได้เก่งก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าไปยึดถือว่าฉันเหนือกว่าเขา ฉันวิเศษกว่าเขานะ ระวังอย่าไปยึดถือว่าเราเก่งกว่าเขาดีกว่าเขา ฉลาดกว่าเขา อย่าไปยึดถืออันนี้ แต่เราทำได้ดีก็ดีแล้วก็จบ แต่อย่าไปข่มคนที่เขาไม่เก่งเท่าเรา ไม่ดีเท่าเราอย่าไปดูถูกดูแคลนเขา ช่วยบอกเขาให้รู้ว่าที่มันยังไม่ดีอยู่นั้น มันไม่น่าจะเป็นอยู่อย่างนั้น มันน่าจะเจริญกว่านั้นก็บอกไป 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:26:19 )

ทำไมใช้คำว่าข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง

รายละเอียด

ทำไมท่านใช้คำว่าข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง เพราะว่าข้าวเปลือกอยู่ได้นานกว่าข้าวสาร เพราะฉะนั้นเป็นทรัพย์ที่รักษาไว้ ตุนได้นาน ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง ถ้าเป็นข้าวสารมันก็ไม่นานกว่าข้าวเปลือก ข้าวเปลือกเอาไปปลูกได้เอาไปสีได้ อยู่รักษาได้นานกว่าข้าวสาร พระพุทธเจ้าท่านลึกซึ้ง เอาไปปลูกต่อพันธุ์ได้อีก 

เพราะฉะนั้นลึกซึ้งที่ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง อย่าว่าแต่ข้าวเลยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทุกวันนี้เราเจริญก้าวหน้าในการพัฒนา breed ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆดี อย่างเช่นชาวอโศก ยกมาดูซิ! นี่ขนาดเฉลี่ยที่ปลูก อ.ข้าดินทำได้ดี มีมันพร้าว หัวมันใหญ่จริงๆ ธรรมดามันไม่ใหญ่ขนาดนี้หรอก พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆเป็นอาหารของมนุษย์อื่นๆก็กินเพราะฉะนั้นถ้าเราจะส่งเสริมชาวไร่ชาวนาชาวสวน ทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

แล้วท่านก็ตรัสอีกอย่างหนึ่งว่า ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง 

ข้าวนี่ ทุกชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวอะไรก็ตามที่เป็นพืชเมล็ดตระกูลหญ้า มีแป้งเป็นส่วนใหญ่ในนั้น ต้องอาศัยข้าว มีข้าวสักอย่างหนึ่งไม่ตายง่ายๆหรอกมนุษย์ ส่วนพืชพันธ์ธัญญาหารก็เป็นส่วนเสริมมีวิตามินอื่นๆเสริม ก็มาช่วยร่างกายได้เหมือนกัน แต่ในข้าวนี้มันจะครบแล้ว ที่จริงมันครบแต่มันมีอ่อนมีแก่ มีวิตามิน ธาตุต่างๆที่อาจจะไม่สมบูรณ์ดีนัก ก็มีอันอื่นมาเสริมจากพืชพันธุ์ธัญญาหาร คนไม่พอก็เอาวิตามินจากเนื้อสัตว์มาเสริมอีก คนมันเสื่อมลงก็ไปกินเนื้อสัตว์ เอาธาตุอะไรทางเนื้อสัตว์มาใช้ คนก็เลยกลายเป็นยักษ์เป็นมารมากขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:40:00 )

ทำไมในยุคพระพุทธเจ้าไม่สร้างหมู่บ้าน

รายละเอียด

ทำไม่ได้ จะไปทำได้อย่างไร เพราะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส แล้วทุกคนไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน มีสิทธิ์นับถือศาสนาก็นับถือได้ แต่ก็ไปบังคับไม่ได้พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าแล้วแต่ใครจะมาเข้ารีตจะมาสนใจสมัครเองเป็นอิสรเสรีภาพ ฉันนั้นไม่ง่ายเมื่อมาอยู่เป็นชาวพุทธไม่ง่ายขนาดนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังสร้างศาสนาสำเร็จคนก็ยังมาเข้าใจมาเป็นหมวดหมู่มากจนกระทั่งศาสนาดำเนินมาได้จนถึงป่านนี้ปลูกฝังเอาศาสนาพุทธลงไปได้สำเร็จซึ่งสร้างได้ยากศาสนาพุทธนั้น คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)  (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:42:57 )

ทำไมในวิโมกข์ 8 ต้องตรวจถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ

รายละเอียด

 คำว่า จบที่กิเลสตายหรือจบที่ อากิญจัญญายตนฌาน ก็หมายความว่า ผู้นี้มีสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีข้อสงสัยมาตั้งแต่ ฌาน 1 ใน วิญญาณฐิติ 7 ถ้าคนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วก็ยังเข้าใจไม่ได้ ข้องใจอยู่ ส่วนตัว ส่วนคนที่สัมมาทิฏฐิแล้ววิญญาณฐิติ  เข้าใจหมดทั้ง 7 มาตามลำดับ  ทีนี้ วิโมกข์ มี 8 ใน วิญญาณฐิติ 7 กับวิโมกข์ 8 ต่างกันอยู่ว่า 

ข้อ 1, 2, 3, 4 วิญญาณฐิติ ส่วนวิโมกข์ นั้น 1, 2, 3 ซึ่งมันอธิบายสองอย่าง 

วิญญาณฐิติ 1, 2, 3, 4 คือ กายกับสัญญา แต่วิโมกข์​ 1, 2, 3 คือ อธิบายลักษณะธรรมให้ปฏิบัติ มีรูปเป็นต้น เช่น ในข้อ 1 รูปีรูปานิ ปัสสติ, ข้อ 2 อัชฌัตตัง อรูปสัญญี เอโก พหิทารูปานิ ปัสสติ ก็บอกภายนอก-ภายใน สามารถศึกษาปฏิบัติฝึกฝนเข้าไปเห็นได้ตั้งแต่ภายนอก เข้าไปเห็นภายนอกแล้ว ก็มาเห็นตามลำดับเข้าไปสู่ภายใน จนถึง “อรูปสัญญี” อรูป-สัญญี สัญญีก็คือผู้กำหนดรู้ใช้สัญญากำหนดรู้ได้ รู้ตามเข้าไปจนถึงภายในได้ ก็เป็นการอธิบายการปฏิบัติ ลักษณะของคนที่จะปฏิบัติ ต้องปฏิบัติรู้จักรูป รู้จักสิ่งที่ถูกรู้ แล้วจะต้องมีนาม มีปัสสติ มีสัญญากำหนดรู้ ใช้สัญญากำหนดรู้ แล้วก็รู้ ก็เห็น-ปัสสติ เห็นโดยการมีภายนอกด้วย “พหิทา-รูปภายนอก” มีรูปภายนอก จนกระทั่งเข้าไปถึง”รูปภายใน- อัชฌัตตัง” จนกระทั่งถึงอัชฌัตตังนี้ก็จะมีรูป “รูปาวจร”ก่อน แล้วไปสู่ “อรูปาวจร” อีก อย่างนี้เป็นต้น ก็ครบหมดทั้ง 3 ภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ครบบริบูรณ์ นี่เป็นการบอกลักษณะของธรรมะ 

ส่วนวิโมกข์ข้อที่ 3 นั้น สุภัณเตว อธิมุตโต(โมกโข) โหติ หมายความว่าคนนี้มีจิตสำเร็จ โดยมีทิศทาง อธิมุติหรืออธิโมกข์-มีทิศทาง โน้มไปหรือ เข้าใจง่ายๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า Trend (เทรนด์) มันมี Trend มีจิตใจที่นำไป โน้มไป สู่ในทางที่เป็นสุภะ(สุภันเตวะ) แล้วมีปัญญารู้ด้วย คือมี สุภะ-อันเตวะ อันนั้น สิ่งที่มันควรจะเป็นไปตามทิศทางที่ถูกต้อง โดยความหมายของธรรมะอันนี้ ข้อ 3 ให้ทราบถึงสภาวธรรมมีภูมิปัญญาที่จะรู้ทิศทางที่จะนำไปสู่”สุภะ” ความควร ความน่าได้ น่ามี น่าเป็น คือสุภะ เป็นผลสำเร็จ มีทั้งปัญญา มีทั้งพฤติกรรมที่สำเร็จในตัว เพราะฉะนั้น วิโมกข์​ 3 ข้อนี้รวมแล้ว คือ มีคุณธรรม ได้แล้วจึงจะเป็นวิโมกข์ในรายละเอียดคือ อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ  เนวสัญญานาสัญญา จนกระทั่งถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นขั้นๆไป คือวิโมกข์ขั้นที่ 4, 5, 6, 7

คือรู้จักจากขั้นธรรมดา จากอากาศ จากวิญญาณ จนถึงการไม่มี อากิญจัญญะ จนสุดท้ายถึงขั้นบรรลุ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็คือสภาพของคนที่สัมมาทิฏฐิ ถ้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็รู้ว่า อันที่มันน่าสงสัย แม้แต่บางคนที่มีภูมิธรรมไม่ดี พอมาถึงจุดนี้ก็จะสงสัยว่า นี้มันหมดหรือยังนะ? (คืออาการ)เนวสัญญานาสัญญา จะว่าหมด มันก็(ลังเล ตอบไม่ได้) จะว่ามันไม่มีแล้วนะ แต่ เอ๋! หรือว่ามันมีน้อยแล้วนะ? อาตมาเคยพูดหลายทีแล้วว่า เหลือน้อยนิดกับหมดนี้ ( แยกไม่ออก) มันอะไร มันน้อยนิดหรือมันหมดแล้ว คือความคม ความเก่งของคนบางคนยังไม่มี จึงเหลือส่วนความเป็น เนวสัญญานาสัญญายตนะ ส่วนคนที่คมชัดเป๊ะมาเลย วิญญาณฐิติ 7 อากิญจัญญา  ก็จะจบที่ อากิญจัญญายตนะ เลย ไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ เลย ignore (เพิกเฉย-ตัดทิ้ง)เลย จบ ไม่มีต่อ 

มันจบ มันไม่มีกิเลสเลย เมื่อไม่มีกิเลสเลย มันก็นิโรธสนิทแล้วละ และวิญญาณฐิติ 7 ไม่ต้องไปถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะมีสัญญากำหนดรู้มาตลอดกาลเลยและก็มาจบตรงที่ อากิญจัญญายตนะ มันก็เป็นนิโรธแล้ว เป็นสัญญาทำงานมา สัญญาเวทยิตตัง นิโรธัง โหติ สัญญามันกำหนดรู้ “เคล้าเคลียอารมณ์-เวทยิตตัง” แล้วก็เจอนิโรธอยู่ในนั้นแล้ว เสร็จเรียบร้อยในตัว  ไม่ต้องมาดุ๊กดิ๊กๆ เนวสัญญานาสัญญา แล้วจึงจะ สัญญาเวทยิตนิโรธ ไม่ต้องเลย อ่านรู้เวทนา-กำจัดกิเลสไปจนนิโรธได้เลย ปัจจุบัน 

นี้เป็นสภาวะธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง อาตมามีสภาวะเรื่องนี้จึงอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจน ถ้าคนยังไม่มีภูมิ เดาไม่ออก อธิบายขยายความสับสน พวกคุณที่อาตมาอธิบายให้ฟัง สับสนไหม? ใครสับสนยกมือ อย่าอาย... มีบ้าง 3-4 คน ในจำนวนร้อย ดี อาตมาสอบได้ มี Error(คลาดเคลื่อน) มีคนเข้าใจไม่ได้บ้าง จะโทษอาตมาคนเดียวไม่ได้ ไม่เข้าใจธรรมะต้องเพราะคุณด้วย อาตมาด้วย อาตมาอธิบายได้เก่งเท่านี้ คุณก็เก่งเท่านั้น มันก็เลยได้เท่านี้ พูดไปเหมือนกับพูดเล่นๆ แต่มันเป็นความจริงทั้งนั้น จะอธิบายได้ที่ถามว่ากิเลสมันไม่ตายเพราะอะไร ก็เพราะว่ามันไม่รู้ ถ้าคุณรู้มีปัญญา มันก็มีธรรมฤทธิ์ ปัญญาเป็นธรรมฤทธิ์ กิเลสก็เป็นตัวมาร มันรู้ว่าปัญญาเห็นหน้ามันแล้วมันวิ่งจู๊ดเลย อาตมาอธิบายเป็นสภาวะได้เท่านี้ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัส พระพุทธเจ้าบอกว่า เราเห็นเธอแล้วมาร มารก็บอกเพื่อนเลยว่า ตถาคตเห็นเราแล้ว ก็พาพวกวิ่งหนีไปเลย ไม่มีความเลวร้ายรุนแรงอะไรเลย มาร ผี กิเลส ตัวร้าย กับปัญญาพระพุทธเจ้านี่ มันเป็นฤทธิ์ทำลายกันเท่านั้นเอง มันไม่ได้มีความเหี้ยมโหดรุนแรงอะไรต่ออะไรเลย มันมีการแพ้ชนะกันอย่าง ธรรมาธรรมะสงคราม ที่สวยสดงดงาม คงเข้าใจแล้วนะ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2566 ( 15:48:24 )

ทำไมไม่ฉุกคิด ทำไม่ไม่เปิดใจ ทำไมไม่ลองศึกษา ทำไมรีบปฏิเสธความต่าง?

รายละเอียด

แต่คุณก็ไม่ฉุกคิด ว่า ความรู้ความเห็นอีกอย่างที่มีผู้เห็น

ต่างจากที่คุณได้ยึดถือปฏิบัติมาแล้ว 

อันไหนมันน่าจะถูกต้อง สัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมา

ปฏิเวธ มากกว่ากัน 

ก็ลองมาทำความเข้าใจ มาลองศึกษาดูบ้างปะไร เผื่อจะ

เห็น“ความต่าง”ขึ้นมา 

และจะได้เปรียบเทียบ ตรวจสอบกันให้แท้ให้ชัดกันจริงๆ

ได้ว่า อย่างไหนมัน“น่าจะสัมมาทิฏฐิ”พาไปถึง“นิพพาน”ยิ่งกว่า

กันด้วยตนเอง 

ตนเองนั่นแหละจะเป็นผู้ตัดสินจาก“ความจริง”ที่ได้ที่มีเอง

ว่า นิพพานของใครเป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร

ฌานของใครเป็นอย่างไร?  แตกต่างกันอย่างไร?

หรือความแตกต่างอื่นๆก็น่าจะลองมาศึกษาจริงจังดูบ้าง 

เช่น จากภาษาคำว่า กายก็ดี บุญก็ดี ฌานก็ดี สมาธิก็ดีฯลฯ 

ซึ่งมันมี“2 แบบ”ทั้งนั้น 

แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ นี่แหละ

คือ ความเป็น“เทฺว”ที่พยัญชนะแปลว่า “2” 

สภาวะแท้ๆของ“เทฺว”ก็มี“2”เช่นเดียวกัน 

แบบหนึ่งยังเป็น“โลกียะ”อยู่ อีกแบบหนึ่งที่แตกต่างไปก็

เป็นแบบ“โลกุตระ” 

เมือมันต่างกันแท้ๆ ถ้าแบบหนึ่งถูก อีกแบบหนึ่งก็ต้อง

ผิด ..ใช่มั้ย?

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 158 หน้า 139


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 10:52:49 )

ทำไมไม่พูดถึง CP นายทุนผูกขาดในประเทศไทย

รายละเอียด

ขอตอบตรงนี้ก่อน อาตมาไม่พูดถึงเพราะอาตมาไม่มีข้อมูล อาตมาไม่ได้ทำเพื่อตีเขาทำลายเขา อาตมาไม่มีเวลาพอ และก็เห็นว่ายังไม่อยู่ในวาระที่อาตมาจะต้องไปถึงขั้นทำอันนั้น อาตมายังไม่ถนัดเท่าไหร่ในเรื่องวิธีการทางโลกที่เขาจะต้องได้เปรียบซับซ้อนอย่างโน้นอย่างนี้ รู้...ว่าคุณธนินท์เก่งในการสร้างค่ายกลระบบทุนนิยมซับซ้อน จนได้ร่ำรวยขนาดนี้ อาตมาเข้าใจโครงสร้างแต่ยังไม่ได้รายละเอียด และอาตมาไม่เก่งในการเจาะรายละเอียดต่างๆเหมือนคุณเปลวสีเงิน อาตมาตอนเช้าก็อ่านข้อเขียนของคุณเปลวสีเงิน ก็ได้ประเทืองปัญญาไปด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจ
สมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:54:02 )

ทำไมไม่มีการศึกษาโพธิสัตว์ระดับต่างๆในประเทศไทย 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธในไทยเป็นศาสนาพุทธหินยาน พระไตรปิฎกก็ใช้ฉบับที่พระมหากัสสปะเป็นผู้ทำการสังคายนา เป็นศาสนาหินยาน 100% เป็นศาสนาพุทธที่เอาแต่อรหันต์ ไม่ศึกษาโพธิสัตว์เลย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเรื่องพระโพธิสัตว์ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐนี้ กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ตามที่จะต้องอ้างอิงเท่านั้น ไม่เคยอธิบายขยายความอะไร แต่อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เป็นผู้ที่ตั้งใจจะต่อภพต่อภูมิ คือจบอรหันต์แล้วก็ต่อภพต่อภูมิโพธิสัตว์ต่อไปอีก 

เป็นโพธิสัตว์ในระดับอรหันต์ คือโพธิสัตว์ระดับ 4 ระดับ 5 6 7 8 ระดับ 9 ก็เป็นพระพุทธเจ้า เขาไม่รู้กันไม่ได้เรียนกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่เห็นมีระดับ อย่าว่าแต่ระดับเลย สักแต่ว่าอธิบาย ความเป็นโพธิสัตว์ก็ไม่มี แล้วพระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ตรัสยืนยันด้วยว่า ท่านสอนใบไม้กำมือเดียว ไม่ได้สอนใบไม้ทั้งป่า ก็หมายความว่าสอนแต่เฉพาะอรหันต์ จบแล้วก็เลิก ปรินิพพานไป สอน 45 ปีทำงาน 45 ปีแล้วก็ไปปรินิพพาน ถ้าจะอยู่ถึงร้อยปีหรือเกินกว่าร้อยปีก็ได้ แต่ 80 ปีท่านก็ไปแล้ว 

เพราะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปลายแล้ว เมื่อยแสนเมื่อย สุดท้ายท่านก็ไม่เอาถึงร้อยปี ที่ท่านบอกว่าท่านจะอยู่ไปถึง 1 กัปหรือเกินกว่ากัปก็ได้ ท่านบอกว่าร่างกายเราเหมือนเกวียนเก่าคร่ำคร่าทรุดโทรมเสื่อมแล้ว ก็ค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ จะรู้เข้าใจไปตามลำดับ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 15:09:34 )

ทำไมไม่มีญาณจิตที่จะพอรู้ว่าทักษิณจริงใจหรือไม่

รายละเอียด

ตอนนั้นเราก็หลงคารมเขาจริงๆ เขาบอกว่าเขารวยแล้วเขาไม่โกง เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพลตรีจำลอง บอกว่าพี่ลองพี่ลองแล้วก็เชื่อตามกันมา พอต่อมาไม่นานเขาก็ขายขี้เท่อตัวเอง เมื่อสัจจะมันเปิดออกมาแล้วเราจะไปตามเขาต่อหรือ เราก็เปิดหูเปิดตา เขาหลอกมาเราก็รู้แล้ว หากเขาไม่เปิดไต๋แสดงความชั่วร้ายออกมาก่อนเราก็นึกว่าจริง ไม่ใช่แต่เรามีเยอะไป ผู้ที่มีฐานะทางสังคมมีเยอะแยะไปที่ส่งเสริมก็เห็นดีเห็นงาม ว่า น่าจะเป็นม้าขาวขึ้นไปช่วยสังคมเพราะตอนนั้นการเมืองของประเทศไทยยังมีอำนาจทหารอะไรครองการเมืองสังคมไทย เปิดตัวเขามา เราก็นึกว่าเข้าท่า เรารู้แล้วเราก็ออกไปประท้วง ซึ่งต่อมา พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็ออกมาปฏิวัติ พวกเรานี่แหละไปช่วยให้เขาออกไป มันก็เป็นองค์ประกอบร่วมกันที่เขามีคดีที่ถูกตัดสินให้ติดคุก เขาไปดูมวยพอดีที่ต่างประเทศก็เลยไม่กลับเข้ามาเดี๋ยวติดคุก จนถึงบัดนี้ก็ไม่ได้เข้ามา ที่นี้คดีก็ยังว่ากันไม่หมดนะนี่ ถ้าหากติดคุกด้วยคดีทั้งหมดก็คงจะตายในคุกแล้วทักษิณ เขาก็คงไม่ยอมให้จับ 

อาตมาให้เรือน้อยๆ สลักบุญนิยม แก่คุณทักษิณไป 1 ลำนะเป็น souvenir เมื่อไปที่ศีรษะก็ให้กลด มันเป็นนิมิตว่า คุณจะต้องลอยเท้งเต้งไปกับเรือถูกมรสุม แล้วก็ต้องไปกับกลด คือ moving house ไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:32:42 )

ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน

รายละเอียด

พ่อแม่ที่บังคับ ให้ลูกตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานแล้วบังคับไม่ให้มีแฟน แสดงว่าแม่คนนี้ หรือพ่อคนนี้ เห็นว่าการมีแฟน มีความรักมันเป็นทุกข์ คนโสดเขาว่าบัณฑิต คนฝักใฝ่เมถุน คนคู่มีแฟน ย่อมเศร้าหมอง คนที่ศึกษามาดี ก็ไม่อยากให้ลูกมีทุกข์มีความเศร้าหมองก็ไม่อยากให้มีแฟน ก็ดีมาก เพราะฉะนั้นเป็นความตั้งใจปรารถนาดีต่อครอบครัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:51:36 )

ทำไมไม่เทศน์ใต้ต้นโพธิ์แบบพระพุทธเจ้าไม่ต้องมีสิ่งตกแต่งเลย

รายละเอียด

บนโต๊ะที่เทศน์นี้มีผลไม้มีพืชผักหลากหลายมากมาย เราก็มีผลผลิตมากก็เอาไปแจกกัน ที่กระท่อมปันสุข เอาอะไรมาเทียบกันมากเล่ามันมีรายละเอียดของกันและกัน แต่จะเปรียบเทียบก็ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:31:21 )

ทำไมไม่ให้กะเทยบวช

รายละเอียด

คนที่เป็นธรรมดาไม่เป็นกะเทยก็ยังสอนยากให้เลิกในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส พระพุทธเจ้าท่านเอาเกณฑ์นี้ทั้งนั้น กะเทยอย่ามาบวชเลย ถ้ามาบวชแล้วมันจะยากมากแล้วมันรวนพาให้ยุ่งด้วย กะเทยเป็นผู้ชายมาบวช มันมีจิตไปปฏิพัทธ์ผู้ชายในวัดวาก็เละไปเลยสิ อย่างที่เห็นมันก็เละไปแล้ว พระพุทธเจ้าจึงเอาเท่านี้ ตีกรอบเท่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:37:04 )

ทำไม่วิญญาณฐิติจึงมีแค่ 7 ข้อเท่านั้น

รายละเอียด

วิญญาณ  วิญญาณฐีติ 7 ทำไมไม่มีเนวสัญญานาสัญญายตนะ มีแค่ 7 จบที่อากิญจัญญายตนะ เพราะ…ฟังดีๆ ถ้าไม่มีสภาวะไม่มีความรู้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าท่านยืนยันวิญญาณฐิติแค่ 7ข้อเท่านั้น ทำไมมันไม่ครบอนุปุพพวิหาร อนุปุพพวิหารมาเรียนรู้ความเป็นสัตว์แล้วเลิกความเป็นสัตว์ แต่ถ้าสัตาวาส 9 คือคนอวิชชา เขาจะเหลือความเป็นสัตว์อยู่ทั้งนั้นทั้ง 9 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:03:41 )

ทำไม่เป็นเพราะปฏิบัติผิด อย่างไร

รายละเอียด

เมื่อมากระทบเรามีผัสสะ แล้วผัสสะก็จะเกิดเวทนา แล้วก็แยกแยะเวทนา ที่มีกิเลสที่ไม่จริง แล้วก็รู้กิเลสเป็นตัวไหน ก็ต้องเอาปัญญาเท่าที่เรามีนี่ เป็นธรรมาวุธ เฮ้ย!...เอ็งเป็นอกุศลเอ็งเป็นกิเลส อะไรอย่างนี้เป็นต้น แล้วมันจะมีพลังฤทธิ์ของปัญญาเก่งขึ้นๆ ทำให้พลังของกิเลสนั้นๆ มันสู้ไม่ได้ลงไปทุกที เร็วขึ้น ประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ 

อันนี้อธิบายขยายความพลังงานหรือลักษณะธรรมชาติที่มันมีมันจะเป็นอย่างนี้ ถ้าคนปฏิบัติไม่สัมมาทิฏฐิอย่างที่อาตมาสาธยายนี้ ไปนั่งหลับตา ไปเดินจงกรมอะไรก็ได้ แต่เป็นการทำสมถะทั้งนั้น มันไม่เกิดวิปัสสนาญาณ ไม่เกิดวิชชา 8 ไม่เกิดมโนมยิทธิ ไม่เกิดอิทธิวิธญาณ ไม่เกิดโสตทิพย์ จะไม่มีปัญญารู้จักเจโตปริยญาณ 16 ไม่เห็นราคะ โทสะ โมหะ แล้วก็ทำให้มัน วีตะ ราคะ โทสะ โมหะ ทำไม่เป็นเพราะปฏิบัติผิด 

อาตมาก็สงสารไม่รู้จะทำอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อน้ำมนต์อาตมาเลย เขาฟังแล้วก็ติดยึดอาจารย์ของเขานำพากันไปมันผิดกันมาเป็นร้อยเป็นพัน มันอาจจะถึงเป็นพันปี ค่อยๆเสื่อมค่อยผิดไปเรื่อยๆ มาถึงยุคนี้ 2,500 ปี มันไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร มันปักหมุดลงไปในอวิชชา มิจฉาทิฏฐิกัน แข็งแรงตั้งมั่น อยากจะถอนอยากจะคลอน ก็เหลือแต่พวกที่พยายามไม่ไปหลงใหลทางโน้นมากนัก มีบารมีบ้างอย่างพวกคุณ ค่อยพอเข้าใจแล้วก็รับได้ก็ได้บ้าง ก็ทำไป อาตมาไม่ได้ท้อแท้หรอกที่พูดนี้อธิบายธรรมะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2565 ( 19:41:30 )

ทิฎฐธรรมนิพพานทิฎฐิ

รายละเอียด

เราสามารถรู้จัก กาม พยาบาท เป็นอาหารรูป คือเครื่องเลี้ยง เราก็นี่แหละตัวฐานปฏิบัติ เมื่อมีผัสสะ จึงเกิดกิเลสจริง ผีมันก็เกิดในขณะเราสัมผัสของจริง ก็ดูอาการ ลิงค นิมิต ของมัน เราก็กำจัดมันในปัจจุบันจึงเป็นตัวแท้ในปัจจุบันธรรม เป็นทิฎฐธรรมนิพพานทิฎฐิ เป็นความรู้ความเข้าใจในฐานทิฏฐธรรมนิพพานในปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทำวัตรเช้างานอโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:19:15 )

ทิฏฐ

รายละเอียด

1. เห็นแล้ว พบแล้ว 

2. ได้เห็น 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 314

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 128


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:45:24 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:20:22 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:07:13 )

ทิฏฐกาล

รายละเอียด

1. เวลาที่พบ , เวลาที่เห็น

2. ในกาละที่เห็นอยู่โทนโท่หลัด ๆ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 75 , 128

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:46:26 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:21:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:08:40 )

ทิฏฐกาละ

รายละเอียด

หรือ ทิฏฐธรรม แปลว่า เห็นอยู่หลัดๆโต้งๆ สัมผัสอยู่ก็ยังไม่หายไปยังไม่ขาดจากปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

630306


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 12:44:46 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:09:51 )

ทิฏฐกาละ

รายละเอียด

คุณจะรู้ได้ด้วยตน คุณจะสร้างมนสิการ คุณจัดการทำใจในใจของคุณเอง คุณไปนั่งหลับตานั้นมันไม่ได้ มันน้อย ถ้าคุณสามารถเคยทำมาแต่ชาติก่อนได้ คุณไปหลับตาทำ ก็คือทำได้ แต่ถ้า ไม่มีปัจจุบันนี้ทำได้ คุณทำไม่ได้หรอก 

ผู้ที่ได้อดีต แต่ไม่เอามาใช้ อนาคตมันยังมาไม่ถึงก็แน่นอนยังใช้ไม่ได้หรอก ทำปัจจุบันนี้ได้ คุณก็ได้ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ สั่งสมเป็นอดีต อนาคตเดินทางมาถึง จับอนาคตมาทำอีกเป็นปัจจุบันได้อีก ไม่มีจบง่ายๆเลย ชัดเจนตรงนี้ให้ได้ว่า ปัจจุบันนี้เป็นตัวทำงาน เป็นตัวปฏิบัติ เป็นตัวทิฏฐธรม หรือทิฏฐกาละ ปัจจุบันนี่จริง อดีตไม่จริง อนาคตไม่จริง เพราะฉะนั้นใครปฏิบัติธรรมไม่มีปัจจุบัน ปฏิบัติธรรมไม่มีปัจจุบัน คุณปฏิบัติธรรมอยู่กับความลมๆแล้งๆ อยู่กับอดีตหรืออนาคตเพ้อฝัน 

ไปหลับตามีแต่อดีตกับอนาคต ไม่มี ทิฏฐกาละ ปัจจุบันชาติ อาการที่เกิดในปัจจุบันมีสัมผัสเป็นปัจจัยมีเหตุปัจจัยมีรูปมีนาม คุณไม่มีความจริงอันนี้ คุณเป็นโมฆะ หลับตาเอ๋ย เลิกเสียเถิด อันนั้นมันยาก ได้ฌานโดยยาก ไม่ยากอย่างไรต้องเต๊ะท่า ต้องหาสถานที่ ต้องสะกดจิตต้องใช้เวลา ต้องตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่นอะไรก็ไม่รู้ นี่ของพระพุทธเจ้าปัจจุบันเลย มีตากระทบรูป หูกระทบเสียง เรียนรู้พลังงานนี้ รวมลงที่เวทนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2565 ( 14:11:36 )

ทิฏฐธรรม

รายละเอียด

1. ผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว , ธรรมที่เป็นปัจจุบัน[หมายถึงภาวะที่เกิดในขณะปัจจุบัน]

2. รู้ , เข้าใจ , ได้เห็นชัดเจนด้วยภาวะที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงอยู่หลัด ๆ ในธรรมนั้น ๆ ซึ่งต้องเป็นปัจจุบัน

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 127 , 129

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:47:36 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:22:14 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:11:16 )

ทิฏฐธรรม ปัจจุบันชาติ 

รายละเอียด

อดีต ปัจจุบัน อนาคต คุณจะต้องรู้ส่วนอดีต ส่วนอนาคต และส่วนปัจจุบัน หรือทำในปัจจุบันสำเร็จลงในปัจจุบัน จนจบ แต่ถ้าคุณไม่รู้ส่วนอดีต ส่วนอนาคต จบปัจจุบันแล้ว เลิกปัจจุบันแล้วไม่มีอะไรนะ โดยสัจธรรม ปัจจุบันเรียกว่า ทิฏฐธรรม ปัจจุบันชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:39:58 )

ทิฏฐธรรมคือความจริง คือปัจจุบันชาติ!

รายละเอียด

 การปฏิบัติธรรมของพุทธจะเป็น“ทิฏฐธรรม”เสมอ จึงจะชื่อว่าเป็น“ความจริง”ที่“สัมผัสกันอยู่”หลัดๆ ยืนยันได้โต้งๆ  “ทิฏฐธรรม”หมายถึง ความเป็น“ปัจจุบันชาติ” คือ ธรรมอันตนเห็นแล้ว เช่น พระโสดาบัน ก็คือ “ผู้มีธรรมอันตนเห็นแล้ว” เป็น“การบรรลุธรรมขั้นหนึ่งได้แล้ว”“การหลับตา”มันมีแต่“อดีต”กับ“อนาคตในตนเท่านั้น มันเรียกว่า “ความจริง”ยังไม่ได้  เพราะมันยังไม่มี“ปัจจุบัน”กับใครๆด้วย เพราะการอยู่ในภาวะ“หลับตา” มันไม่มีการยืนยันอะไรกับใครๆได้ แม้“ปัจจุบัน”มันก็ของคุณคนเดียว จึงไม่ชื่อว่า“ความจริง” ซึ่ง“ความจริง”นั้นมีกันที่“ปัจจุบัน”พร้อมกับคนอื่น จึงจะแน่แท้ยิ่งกว่า “อดีต”หรือ“อนาคต” การปฏิบัติที่มีแต่“อดีต”และ“อนาคต”จึงได้แค่“มิจฉาทิฏฐิ 62” เพราะไม่มี“ปัจจุบัน“ที่“สัมมาทิฏฐิ” “ปัจจุบัน“ที่“สัมมาทิฏฐิ”คืออะไร?  คือ “ปัจจุบัน”ที่มีคน“ผู้อื่น”ร่วม“สัมผัสรู้ด้วยได้” ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และยิ่งมากยิ่งจริง

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หหน้า 424-425 ข้อที่ 577


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2565 ( 14:01:59 )

ทิฏฐธรรมนิพพาน

รายละเอียด

1. ได้เห็นธรรมถึงขั้นนิพพานในปัจจุบันนั้นชัดเจนอยู่หลัด ๆ

2. ทิฏฐิที่บัญญัติว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันด้วยการเพลิดเพลินอยู่ด้วยกามคุณ 5

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 129 , 299

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:48:47 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:23:14 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:12:17 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ

รายละเอียด

พระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรแรก พรหมชาลสูตรก็บอกไว้ ว่าอดีต อนาคต มิจฉาทิฏฐิ ต้องลืมตาอยู่กับปัจจุบัน ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ หากชาวพุทธไทยทำอย่างลืมตาโพธิปักขิยธรรม 37จะเจริญได้ดีมากกว่านี้ เลิกฆ่ากันมีแต่แข่งกันสร้างพืชพันธ์ธัญญาหาร แจกกันกินทั้งโลก ..ฝันไปหรือเปล่า มาคิดวิธีการจะทำอย่างไร จะปลูกผักที่เอสกิโมได้ ปลูกผักกลางทะเลทรายได้ มาคิดกันอย่างนี้ดีกว่า ดีกว่าไปคิดสร้างอาวุธ จะได้อุดมสมบูรณ์ ก็คน ควรฉลาดกว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานไม่รู้จักปลูก แต่คนทำได้ ฉลาดบ้าง จะบังคับคนให้ฉลาดก็ไม่ได้ เราฉลาดแล้วเราก็ทำ

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช เศรษฐิกิจที่ดีที่สุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 14:04:43 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:12 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:13:37 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ

รายละเอียด

คือ ต้องทำ“นิพพานใน ขณะปัจจุบัน” ลืมตาเป็นสามัญคนที่มีทวารครบครัน “ทิฏฐธรรม”แปลว่า สิ่งที่มองเห็น,สภาวะหรือเรื่องที่ เห็นได้ คือ ปัจจุบัน,ชีวิตนี้,ชาตินี้,ทันเห็น,จำพวกวัตถุ,ด้าน รูปกาย ส่วน“นิพพานทิฏฐิ”นั้นแปลว่า“ความรู้เรื่องนิพพาน”

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 424


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:05:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:30 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:14:46 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ

รายละเอียด

ถ้าหากคุณไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับของ สัมผัสแล้วกิเลสมันเกิดหรือไม่เกิด คุณต้องอ่านความจริงในปัจจุบัน กิเลสมันเกิดต้องเกิดในปัจจุบันที่มันมีผัสสะ ไม่มีผัสสะ กิเลสไม่เกิดในปัจจุบัน ก็มีแต่สัญญานึกคิดเอา เป็นอดีตที่นึกคิดขึ้นมา หรือเป็นอนาคตที่สร้างขึ้นไป มันก็ลอยลม อดีตกับอนาคต มันมีที่ไหนเล่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าจึงให้ปฏิบัติที่ ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ต้องมีความเข้าใจว่านิพพานนั้นต้องมีทิฏฐธรรม มีกาละ เป็นปัจจุบันชาติ ทิฏฐกาละหรือทิฏฐธรรม แปลว่า เห็นอยู่หลัดๆโต้งๆ สัมผัสอยู่ก็ยังไม่หายไปยังไม่ขาดจากปัจจุบัน ถ้าหากขาดจากปัจจุบันเมื่อไหร่ ก็ไม่ต่อนะเป็นอดีต คุณก็จะนึกขึ้นมาเป็นสัญญา ถ้าต่อเนื่องกันไปไม่ได้ ขาดสันตติ คุณอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าหากสันตติคุณยังไม่ต่อมันขาดไป ขาดไปแค่ 1 วินาทีก็เป็นอดีตแล้ว ครึ่งวินาทีก็ขาดไปแล้วครึ่งวินาที ละเอียดหน่อยนะอาตมาอธิบาย สรุปแล้ว หากคุณไม่มีสิ่งสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่มีฐาน ไม่มีฐานะไม่มีที่ตั้งให้คุณได้ปฏิบัติธรรม ไม่มีแหล่งให้คุณปฏิบัติธรรม ในพรหมชาลสูตรว่าไว้อ่านพระไตรปิฎกให้แตก ไปหลับตาจึงตีทิ้งได้เลย แต่เขาก็ไม่เข้าใจกันเลยอยู่ในพรหมชาลสูตร สูตรที่ 2 สามัญญผลสูตร เป็นสูตรที่ให้เป็นสมณะเป็นสามัญ สูตรที่ 3 อัมพัฏฐสูตร ก็ว่าด้วย ความเสื่อม เน้นที่ความเสื่อม ชาวพุทธในการออกป่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 12:17:14 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:45 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:15:51 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ

รายละเอียด

ทิฏฐะคือปัจจุบัน ไม่มีทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ต้องมีกาละปัจจุบันอยู่ในการปฏิบัติธรรม การหลับตาปฏิบัติมีแต่อดีตกับอนาคต ก็จะได้ความรู้ความเห็น ทิฏฐิกะลาครอบ มีแต่อดีต 18 กับอนาคต 44 ท่านก็ประมวลลงเลยว่า ที่นั่งหลับตาปฏิบัตินั้นมีเท่านี้ ไม่มีรู้อะไรเพิ่มอยู่ในกะลาครอบเท่าเดิม มีภูมิเท่าไหร่มา    ปฏิบัติธรรมก็ได้เท่าเดิมอยู่ในกะลาครอบ เป็นสัญญาคลังความรู้สัญญาเก่า อย่างเก่งก็ค้นพบความรู้เป็นสมบัติเก่าที่คุณสะสมไว้ในความจำของคุณ นึกขึ้นมาได้เห็น ก็มีเท่านั้น ไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นมาเป็นปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ไม่มีเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 09:56:20 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5

รายละเอียด

ในพรหมชาลสูตร มีพูดถึงไว้ ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5 [50] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบันย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ 5 ประการ ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น อาศัยอะไร ปรารภอะไร จึงมีทิฏฐิว่านิพพานในปัจจุบันบัญญัติว่านิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ [87] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:31:03 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิหมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

ก็มีคำว่าทิฏฐธรรมนิพพาน และก็ทิฏฐิ ทิฏฐิ คือความรู้ของเห็นความเข้าใจ นิพพานจะต้องเป็น ทิฏฐธรรม หรือทิฏฐกาละ ทิฏฐธรรมหรือทิฏฐกาละ มันแปลว่าปัจจุบัน ปัจจุบันขณะเลย ปัจจุบันที่มีทั้งทุกอย่าง มีแสงสว่าง มีครบพร้อม มีเหตุปัจจัยครบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ครบพร้อมสัมผัส ก็หมายความว่านิพพานของพระพุทธเจ้านั้น อยู่ในทิฏฐิ 62 อยู่ในอนาคต 44 ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ คนที่มีทิฐิแบบมิจฉา เขาก็เป็นปัจจุบันธรรมเหมือนกัน แล้วเขาก็หลงว่าเป็นนิพพานเหมือนกัน แต่นิพพานของผู้ที่ ถือว่าเป็นมิจฉา ในทิฏฐิ 62 เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะเขาก็นั่งหลับตาในขณะนั้นเหมือนกันในปัจจุบันเหมือนกัน แต่ไม่มีการเป็นปัจจุบันที่สมบูรณ์ ปัจจุบันของเขาเป็นปัจจุบันในภพ (สู่แดนธรรมว่า ทิฏฐธรรมแปลว่าเห็นอยู่หลัดๆ) มันไม่เห็นมันไม่รู้มันไม่ครบทุกทวารตื่นเต็มทั้งภายนอกทั้งภายใน มันมีแต่ภายใน แล้วเขาก็สร้างวิมาน มโนมยอัตตา สร้างภพชาติของเขา แล้วเขาก็บอกว่าเขารู้เขาเห็นเขาบรรลุอันนั้นจึงเข้าข่ายมิจฉาทิฐิอยู่ในทิฏฐิ 62 อยู่ในอนาคต 44 เพราะว่าคุณยังไม่ได้หรอกคุณหลงว่าคุณได้ มันเป็นอนาคต 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลนื วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 08:57:57 )

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฐิ

รายละเอียด

หลับตาไม่มีนิวรณ์ 5 ไม่อยู่ในข่ายของศาสนาพุทธ อาตมาก็พูดปฏิบัตินั่งหลับตาไม่อยู่ในสารบบศาสนาพุทธ ปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธต้องลืมตาอยู่ในปัจจุบันบรรลุในการลืมตาอยู่ปัจจุบันต้องเป็น ทิฏฐธรรมนิพพานทิฐิ ต้องเข้าใจว่าเป็นนิพพานลืมตาอย่างนี้ อย่าไปเข้าใจผิดว่าลืมตาแล้วเห็นการเป็นนิพพาน ดีไม่ดีลืมตาแล้วเห็นว่า ฌาน 1 2 3 4 เป็นนิพพานก็ไม่ใช่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:39:33 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:13:47 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:17:08 )

ทิฏฐธัมมสุขวิหาร

รายละเอียด

เป็นสภาพที่วางทุกข์ได้ เฉยต่อทุกข์ได้อยู่จริง ๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 535


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:49:43 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:24:06 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:18:12 )

ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4

รายละเอียด

คือธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน

1. อุฏฐานสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยความขยันทำงาน)

2. อารักขสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยการรักษาทรัพย์ที่ได้มาโดยสุจริต)

3. กัลยาณมิตตตา (รู้จักคบคนดีเป็นมิตร)

4. สมชีวิตา (เลี้ยงชีพอย่างพอดีพอเหมาะ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 "อุชชยสูตร" ข้อ 145

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:24:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:54:46 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:19:38 )

ทิฏฐธัมมิกัตถุประโยชน์ 4

รายละเอียด

คือธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน

1. อุฏฐานสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยความขยันทํางาน)

2. อารักขสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยการรักษาทรัพย์ที่ได้มาโดยสุจริต)

3. กัลยาณมิตตตา (รู้จักคบคนดีเป็นมิตร)

4. สมชีวิตา (เลี้ยงชีพอย่างพอดีพอเหมาะ)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “อุชชยสูตร” ข้อ 145


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 20:49:29 )

ทิฏฐปาทาน

รายละเอียด

คือ ยังติดยึดในความรู้ความเห็น

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 223


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:53:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:21:42 )

ทิฏฐาวิกรรม

รายละเอียด

เรื่องของสัจธรรม หมู่ที่จะมาร่วมสังฆกรรมจะไม่เห็นแย้งกันรุนแรงหรอก ถ้าเห็นแย้งกันรุนแรงก็ไม่เข้ามาวิเคราะห์วิจัยกันหรอกต่างคนต่างแยกตัวใครตัวมันไม่มาเข้ากับหมู่ เพราะฉะนั้นก็แค่ ทิฏฐาวิกรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:09:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:23:16 )

ทิฏฐาวิกัมม

รายละเอียด

การทำความเห็นให้แจ้ง การเปิดเผย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 296


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:23 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:24:40 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:24:35 )

ทิฏฐาวิกัมม์

รายละเอียด

คือ การพูดสาธยายความจริง เพื่อยืนยันแถลงความจริงให้ชัดเจน ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นแย้ง ชี้แจงความเห็นที่ไม่ตรงกัน

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” น.386


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:17:52 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:35 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:25:19 )

ทิฏฐาสวะ , ทิฏฐานุสัย

รายละเอียด

อาสวะ หรืออนุสัยที่เป็นทิฏฐิ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 61


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:03 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:25:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:26:23 )

ทิฏฐิ

รายละเอียด

1. ความเห็น ความเข้าใจ 

2. ความเห็น หรือภูมิรู้ 

3. ความเห็น 

4. ทฤษฎี , หลักลัทธิ , ความเชื่อถือ

5. ความเห็น  ความเชื่อ

6. ธาตุรู้ที่เป็นความเห็น ความเข้าใจ

7. ความรู้ , ความเห็น , ความเข้าใจ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 341 , 485

ทางเอก ภาค1 หน้า 50 

ทางเอก ภาค 2 หน้า 77

ทางเอก ภาค 3 หน้า 160

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 20 , 60

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 138

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 279 , 287

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:53:17 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:29:16 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:29:05 )

ทิฏฐิ

รายละเอียด

คือ ความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจอย่างไรก็จะกำหนดสัญญาอย่างที่ตัวเองเข้าใจ เพราะฉะนั้นทิฏฐิจึงเป็นตัวประธานเป็นเครื่องนำตัวสัญญา 

ที่มา ที่ไป

(630412)


เวลาบันทึก 13 เมษายน 2563 ( 08:37:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:31:03 )

ทิฏฐิ

รายละเอียด

คือ ความรู้ความเห็นความเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจอย่างไรก็จะกำหนดสัญญาอย่างที่ตัวเองเข้าใจ เพราะฉะนั้นทิฏฐิจึงเป็นตัวประธานเป็นเครื่องนำตัวสัญญา ถ้าทิฏฐิมิจฉา สัญญาคุณก็จะมิจฉา ถ้าทิฎฐิของคุณสัมมาอย่างไรก็แล้วแต่จะอธิบายแตกต่างกันเป็นล้านอย่างก็ตามล้านทิฎฐิก็ตาม แต่ว่ามีทิฏฐิเป็นประธานให้คุณมีสัญญากำหนดหมายได้ เมื่อความเห็นความกำหนดหมายของคุณเป็นอย่างไรก็สั่งสมลงเป็นจิต จิตของคุณก็จะเป็นไปตามผลของทิฏฐิกับสัญญาของคุณ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 13:03:40 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:30:46 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:34:42 )

ทิฏฐิ 2

รายละเอียด

โลกนนี้โดยมากอาศัยความเห็น (ทิฏฐิ) 2 อย่างนี้คือ

1. ความเห็นว่าเที่ยงแท้

2. ความเห็นว่าขาดสูญ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 17"ปาลิเลยยสูตร" ข้อ 179-180

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2562 ( 04:10:37 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:10 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:38:34 )

ทิฏฐิ 62

รายละเอียด

ทิฏฐิ 62 เป็นเรื่องทิฏฐิ (ความเห็น) หรือทฤษฎีที่ยึดแตกต่างกันตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยมูลเหตุแห่งทิฏฐิ 62 อย่างนี้ บุคคลถืออย่างใด ย่อมยึดอย่างนั้น  ย่อมมีคติ (ความเป็นไป) อย่างนั้น  ย่อมมีภพ (แดนเกิด) เบื้องหน้าอย่างนั้น ๆ ตถาคตย่อมรู้มูลเหตุเหล่านั้นชัด ทั้งรู้ชัดยิ่งกว่านั้น จึงไม่ยึดมั่นความรู้ชัดนั้น จึงรู้ความเกิดขึ้น ความดับไป คุณและโทษของเวทนา (ความรู้สึกรับรู้) ทั้งหลาย ทั้งรู้อุบายเครื่องออกจากเวทนาเหล่านั้นตามความเป็นจริง  ตถาคตจึงหลุดพ้น เพราะความไม่ยึดมั่นถือมั่น

     ทิฏฐิ 62 จำแนกออกเป็น :-

ความเห็นที่กำหนดขันธ์ในอดีต 18 (ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิ 18)

ก. สัสสตทิฏฐิ 4 คือความเห็นว่า อัตตาเที่ยง โลกเที่ยง ด้วยมูลเหตุ 4 อย่าง

    1. เพราะระลึกอดีตชาติได้หลายแสนชาติ

    2. เพราะระลึกอดีตขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ได้ถึง 10 สังวัฏฏ-วิวัฏฏกัป (ช่วงกาลยาวนานที่โลกเสื่อมจนพินาศ กระทั่งถึงโลกฟื้นขึ้นเจริญขึ้นมาใหม่)

    3. เพราะระลึกอดีตขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ได้ถึง 40 สังวัฏฏ-วิวัฏฏกัป

    4. เพราะเป็นนักตรรกะ(นักคิด) แสดงเหตุผลความเข้าใจของตนตามที่คิดค้นได้อย่างนี้ว่า อัตตาและโลกเที่ยง คงที่ ตั้งมั่นดุจภูเขา ส่วนสัตว์โลกก็เที่ยงต่อการตาย-การเกิดเป็นธรรมดา

ข. เอกัจจสัสสติกทิฏฐิ 4 คือมีความเห็นว่า อัตตาบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง  โลกบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ 4 อย่างคือ

    5. เพราะเคยเป็นมหาพรหม (ภาวะยิ่งใหญ่ มีอำนาจมาก) มาก่อน  ตามระลึกถึงอดีตขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนนั้นได้ แต่กาลหลังจากนั้นระลึกไม่ได้ จึงมีทิฏฐิว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

    6. เพราะเคยเป็นเทวดาขิฑฑาปโทสิกะ (ภาวะรื่นรมย์สนุกสนาน) มาก่อน  ตามระลึกถึงอดีตขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนนั้นได้ แต่กาลหลังจากนั้นระลึกไม่ได้ เพราะสติหลงลืม  จึงมีทิฏฐิว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

    7. เพราะเคยเป็นเทวดามโนปโทสิกะ (ภาวะเพ่งโทษกัน) มาก่อน ตามระลึกถึงอดีตขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนได้  แต่กาลหลังจากนั้นระลึกไม่ได้เพราะมัวแต่เพ่งโทษกัน จึงมีทิฏฐิว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

    8. เพราะเป็นนักตรรก (นักคิด) แสดงเหตุผลความเข้าใจของตนตามที่คิดค้นได้อย่างนี้ว่า อัตตาที่เป็นตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน ต้องผันแปรเป็นธรรมดา  ส่วนอัตตาที่เป็นจิต ใจ วิญญาณ เป็นของเที่ยง ยั่งยืน คงทน ไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จึงมีทิฏฐิว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

ค. อันตานันติกทิฏฐิ 4  คือมีความเห็นว่าโลกมีที่สุด โลกไม่มี-ที่สุด ด้วยเหตุผล 4 อย่างคือ

     9. เพราะบรรลุเจโตสมาธิ (จิตที่ตั้งมั่น) จึงรู้ว่าโลกนี้มีที่สุด เป็นลักษณะกลมโดยรอบ (โลกทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านขวาง มีขอบเขตจำกัด)

   10. เพราะบรรลุเจโตสมาธิ แต่สำคัญว่าโลกนี้ไม่มีที่สุด (โลกทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านขวาง ไร้ขอบเขตจำกัด)

   11. เพราะบรรลุเจโตสมาธิ แล้วสำคัญว่าโลกด้านบนและด้านล่างมีที่สุด แต่โลกด้านขวางไม่มีที่สุด

   12. เพราะเป็นนักตรรกะ (นักคิด) แสดงเหตุผลความเข้าใจของตนตามที่คิดค้นได้อย่างนี้ว่า โลกนี้มีที่สุดก็ไม่ใช่ ไม่มีที่สุดก็ไม่ใช่

ง. อมราวิกเขปิกทิฏฐิ 4 คือมีความเห็นดิ้นได้ไม่ตายตัว  ด้วยมูลเหตุ 4 อย่างคือ

13. เพราะไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่กล้าพยากรณ์ (คาดการณ์) เพราะกลัวการกล่าวเท็จ ได้แต่กล่าววาจาดิ้นได้ ไม่ตายตัวว่า เรามีความเห็นว่าอย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่าอื่นก็มิใช่ แม้ไม่ใช่ก็มิใช่ แม้มิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่

14. เพราะไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่กล้าพยากรณ์เพราะเป็นอุปาทาน (กิเลสความยึดมั่นถือมั่น) แก่ตน จึงกล่าววาจาดิ้นได้ไม่ตายตัวว่า อย่างนี้ก็มิใช่ ฯลฯ

15. เพราะไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่กล้าพยากรณ์เพราะกลัวการถูกซักถาม จึงกล่าววาจาดิ้นได้ไม่ตายตัวว่า อย่างนี้ก็มิใช่ ฯลฯ

16. เพราะเป็นคนโง่เขลางมงาย จึงกล่าววาจาดิ้นได้ไม่ตายตัวว่า อย่างนี้ก็มิใช่ ฯลฯ

จ. อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า อัตตาเกิดขึ้นเอง โลกเกิดขึ้นเองด้วยมูลเหตุ 2 อย่างคือ

17. เพราะอดีตเคยเป็นเทวดาอสัญญีสัตว์ (ภาวะที่ไม่มีสัญญา) ครั้นปัจจุบันตามระลึกถึงความเกิดสัญญาก็ได้แต่เบื้องหน้าเท่านั้น นอกนั้นระลึกไม่ได้ จึงมีทิฏฐิว่าอัตตาและโลกเกิดขึ้นเองลอย ๆ

18. เพราะเป็นนักตรรกะ (นักคิด) แสดงเหตุผลความเข้าใจของตนตามที่คิดค้นได้อย่างนี้ว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเอง ไม่มีเหตุปัจจัย

ความเห็นที่กำหนดขันธ์ในอนาคต 44 (อปรันตกัปปิกทิฏฐิ 44)

ฉ. สัญญีทิฏฐิ 16  คือ มีความเห็นว่า อัตตาหลังจากตายแล้ว อนาคตมีสัญญา(ความทรงจำ) ด้วยมูลเหตุ 16 อย่างคือ

19. เพราะเห็นว่า อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา แม้หลังจากตายแล้ว

20. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

21. อัตตาทั้งมีรูป ทั้งไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

22. อัตตาทั้งมีรูปก็มิใช่ ทั้งไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

23. อัตตามีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

24. อัตตาไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

25. อัตตาทั้งมีที่สุด ทั้งไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

26. อัตตาทั้งมีที่สุดก็มิใช่ ทั้งไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

27. อัตตามีสัญญาอย่างเดียวกัน ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

28. อัตตามัสัญญาต่างกัน ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

29. อัตตามีสัญญาเล็กน้อย ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

30. อัตตามีสัญญาหาประมาณมิได้ ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

31. อัตตามีสุขอย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

32. อัตตามีทุกข์อย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

33. อัตตามีทั้งสุขทั้งทุกข์ ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

34. อัตตามีทุกข์ก็มิใช่ สุขก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา ฯ

ช. อสัญญีทิฏฐิ 8 คือมีความเห็นว่า อัตตาหลังจากตายแล้วไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ 8 อย่าง ได้แก่

35. เพราะเห็นว่า อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญาหลังจากตายแล้ว

36. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

37. อัตตาทั้งมีรูป ทั้งไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

38 อัตตาทั้งมีรูปก็มิใช่ ทั้งไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

39. อัตตามีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

40. อัตตาไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

41. อัตตาทั้งมีที่สุด ทั้งไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา ฯ

42. อัตตาทั้งมีที่สุดก็มิใช่ ทั้งไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญาฯ

ญ. เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ 8 คือมีความเห็นว่า อัตตาหลังจากตายแล้วมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยมูลเหตุ 8 อย่าง ได้แก่

43. เพราะเห็นว่า อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่หลังจากตายแล้ว

44. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

45. อัตตาทั้งมีรูป ทั้งไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

46. อัตตาทั้งมีรูปก็มิใช่ ทั้งไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

47. อัตตามีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

48. อัตตาไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

49. อัตตาทั้งมีที่สุด ทั้งไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

50. อัตตาทั้งมีที่สุดก็มิใช่ ทั้งไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ฯ

ฎ. อุจเฉททิฏฐิ 7 คือมีความเห็นว่า อัตตาหลังจากตายแล้ว อนาคตย่อมขาดสูญ พินาศ ไม่เกิดอีก ด้วยมูลเหตุ 7 อย่างได้แก่

51. เพราะเห็นว่า อัตตานี้สำเร็จด้วยมหาภูตรูป 4 (ธาตุดินน้ำไฟลม) มีบิดามารดาเป็นแดนเกิด หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ พินาศ ไม่เกิดอีก

52. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เป็นทิพย์ (นามธรรม) มีรูป เป็นกามาวจร (เทวดา 6 ชั้น คือภาวะจิตเสพสุข 6 ขั้น) บริโภค-กวฬิงการาหาร (เสพอาหาร) อยู่ หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

53. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เป็นทิพย์ มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบ มีอินทรีย์ (อำนาจควบคุมได้) ไม่บกพร่อง หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

54. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เข้าถึงอากาสานัญจายตนะ มีอารมณ์ว่าอากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงพ้นรูปสัญญา (รูปฌาน – การกำหนดรู้รูป) เพราะดับปฏิฆสัญญา (กำหนดรู้การกระทบใจ) เพราะไม่ใส่ใจในนานัตตสัญญา (การกำหนดรู้-อารมณ์ต่าง ๆ) หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

55. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ มีอารมณ์ว่าวิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงพ้นอากาสานัญ-จายตนะได้โดยประการทั้งปวง หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

56. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เข้าถึงอากิญจัญญายตนะ มีอารมณ์ว่าอะไรน้อยหนึ่งก็ไม่มี เพราะล่วงพ้นวิญญาณัญจา-ยตนะได้โดยประการทั้งปวง หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

57. เพราะเห็นว่า ยังมีอัตตาอื่นอีกที่เข้าถึงเนวสัญญานา-สัญญายตนะ มีอารมณ์ว่ากำหนดรู้หมดสิ้นไม่ว่าสัญญาใด ๆ

อื่น ๆ เพราะล่วงพ้นอากิญจัญญายตนะได้โดยประการทั้งปวง หลังจากตายแล้วย่อมขาดสูญ ฯลฯ

ฏ. ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5 คือมีความเห็นว่าสภาพบางอย่างเป็นนิพพาน (ภาวะกิเลสสิ้นเกลี้ยง)ในปัจจุบัน (โดยยังไม่ได้สัมผัสนิพพานที่ถูกต้อง-แท้จริง ซึ่งมีพร้อมทั้งสัมผัสกายนอกและสัมผัสกายใน) เป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยมูลเหตุ -

5 อย่างได้แก่

58. เพราะเห็นว่า อัตตานี้เอิบอิ่ม พรั่งพร้อม เพลิดเพลินด้วยกามคุณ 5 (คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าใคร่น่าพอใจ) เป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบันที่เป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่

59. เพราะเห็นว่า กามทั้งหลายแปรปรวนเป็นอื่น เป็นทุกข์ หากอัตตานี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม  บรรลุฌานที่ 1 (ปฐม-ฌาน) มีวิตก (คิด) วิจาร (พิจารณา) ปีติ (อิ่มใจ) สุข (สบายใจ) เกิดจากวิเวก (สงัดจากกิเลส) จึงเป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบัน ฯ

60. เพราะเห็นว่า ฌานที่ 1 นั้นยังเป็นอัตตาที่หยาบด้ววยวิตกวิจารอยู่ หาอัตตานี้บรรลุฌานที่ 2(ทุติยฌาน) ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดจากสมาธิอยู่ จึงเป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบัน ฯ

61. เพราะเห็นว่า ฌานที่ 2 นั้นยังเป็นอัตตาที่หยาบด้วยปีติอยู่ หากอัตตานี้บรรลุฌานที่ 3 (ตติยฌาน) มีสติเป็นสุข มีอุเบกขาอยู่ จึงเป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบัน ฯ

62. เพราะเห็นว่า ฌานที่ 3 นั้นยังเป็นอัตตาที่หยาบด้วยสุขอยู่ หากอัตตานี้บรรลุฌานที่ 4 (จตุตถฌาน) ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีอุเบกขาให้สติบริสุทธิอยู่ จึงเป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบัน ฯ

“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะและพราหมณ์เหล่าใด กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ตาม กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ตาม มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด ด้วยเหตุ 62–ประการนี้ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะ (สัมผัสอยู่จริง ๆ ในขณะปัจจุบัน ทั้งกายนอก ทั้งกายใน) แล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้เลย ”  

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9 “พรหมชาลสูตร” ข้อ 26 – 50,89

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 22:19:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:42:50 )

ทิฏฐิ 62

รายละเอียด

คือ  อันนี้เหมือนกับพญาครุฑ  สมณโพธิรักษ์  ก็เหมือนคนธรรพ์  พยายามกล่อมให้เขาเคลิบเคลิ้ม  ด้วยโอสถทิพย์ให้เขาเอร็ดอร่อยกับโอสถทิพย์ให้ได้  แต่มันเป็นยาขมมาก  เขาก็เลยลืมโอสถทิพย์ของท่าน  ท่านก็ปรุงสุดฤทธิ์แล้วนะ  นี่ปรุงสุดฤทธิ์รสชาติเป็นธรรมะรส ระดับ “นัวคัก” กลมกล่อมสุดๆ  เท่าที่ท่านมีภูมิท่านเป็นแม่ครัว พ่อครัวเอง ทำให้มีรสธรรมะที่เป็นวิมุติรส มันก็เลยไม่ค่อยจะถูกปากพวกโลกีย์เท่าไหร่ เขาว่าไม่ไหว  รสมันอ๋อนี่อาหารโลกต่างดาวเขากินอย่างนี้หรือ  คำว่าโลกลูกนี้ กับโลกลูกอื่น  อยังโลโก  ปโรโลโก ที่ต่างกัน  ต่างกันอย่างไร  ท่านบรรยายธรรมะมาเกือบ 50 ปีแล้ว ก็พยายามแยกโลกเหล่านี้ วิจัย วิจารณ์ อธิยายให้ชัดเจนให้รู้ได้จริงๆ มันคนละโลกกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562 


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:44:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:42:56 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:45:37 )

ทิฏฐิ 62 เป็นโมฆะอย่างไร

รายละเอียด

เพราะคุณไม่ได้ล้างกิเลส แล้วก็ไปสร้างภพใหม่ขึ้นมา เสร็จแล้ว คุณก็อยู่กับความจำ สร้างกิเลสขึ้นมาแล้วความจำของคุณก็เป็นภพ เป็นชาติ เป็นสัญชาติของคุณ คุณก็เอามาปรุงอะไรต่ออะไรใหม่ จึงเป็นทิฏฐิ 62 เป็นทิฏฐิ ของอดีตกับอนาคตทั้งหมด ไม่มีสภาพที่คุณอยู่ในร่าง โลกนี้ที่คุณอยู่ที่พระพุทธเจ้าท่านว่าเป็นสัตวโลก ที่เกิดมาในโลกนี้ดำรงอยู่ตรงนี้ ไม่มี มันเป็นโมฆะไม่รู้จักเท่าไหร่เลย เห็นไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:09:44 )

ทิฏฐิ คืออะไร

รายละเอียด

เด็กพวกเรา 3-4 ขวบรู้จักคำว่าอุปาทานด้วย 

“ทิฏฐิ “คือ ความเห็น ความรู้ ความเข้าใจ หรือ ใหญ่ๆก็หมายถึงทฤษฎี หมายถึงลัทธิเลยทีเดียว ที่จริง ทฤษฎีกับทิฐิมันอันเดียวกัน อันนึงเป็นภาษาบาลี อันหนึ่งเป็นภาษาสันสกฤต มันหมายถึงสภาพที่เรายึดถือ ยึดถือในความรู้ ยึดถือในความเห็น ยึดถือในความเข้าใจ ยึดถือในลัทธิ เป็นลัทธิของเราเลย ถือว่าอันนี้เป็นความรู้ความเห็นความเข้าใจเป็นยอด ถ้ายึดมั่นถือมั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบตายตัวที่ อย่างไรอย่างไรก็ไม่มีใครจะมาเปลี่ยนแปลงได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:25:29 )

ทิฏฐิ อุชุํ กโรติ

รายละเอียด

ย่อมทำความเห็นให้ตรง

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 51


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:54:42 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:30:25 )

ทิฏฐิกาละคือการเกิดในปัจจุบัน

รายละเอียด

ช่างน่าสงสารมากเลยมันไม่เข้าใจได้ง่ายๆนะ ความจริงจะมีในปัจจุบันเท่านั้น ทิฏฐิธรรมกาละ ความจริงอยู่ในปัจจุบันชาติ ทิฏฐกาละ แปลเป็นไทยว่าการเกิดในปัจจุบันนี้ มีความเกิดมีสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัยประกอบเกิด มีที่ตั้งแห่งการเกิด ตาหูจมูกลิ้นกายสิ่งของที่มีอยู่ในตัวเราเป็นอวัยวะเป็นรูปนาม ที่จะต้องสัมผัสกันมีประสาทมีรูปข้างนอก มีตามีประสาทกระทบกัน มีโคจร กระทบกันแล้วเกิด วิสยรูป เป็นสยะ เป็นตัวตน แต่นี่ไปหลับตาเสียไม่มีอะไรไม่ได้ใช้อะไรในอวัยวะ ไม่ได้ใช้อะไรเป็นสิ่งภายนอกที่เขามีอยู่ในโลกไม่ได้ใช้ คุณไปสร้างลมๆแล้งๆเอาเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:01:27 )

ทิฏฐิของเถรวาท

รายละเอียด

ถ้าไม่มีใครสืบทอด เช่น เถรวาทเข้าใจว่าตายแล้วสูญเป็นอุจเฉททิฏฐิชนิดหนึ่ง แล้วจะมีพระโพธิสัตว์มาเกิดที่ไหนอีก เป็นอรหันต์แล้วมาเกิดอีกมันมีที่ไหน เขาก็เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจเพราะเขาศึกษาผิด เมื่อเราพูดเขาก็งงว่าอะไรวะ ยังไม่ใช่หรอก ปิดประตูให้คนๆนี้เลยปฏิเสธพระโพธิสัตว์ 

พระโพธิสัตว์คือผู้ที่มีอรหัตผลแล้ว โสดาบันเป็นอรหัตผลขั้นที่ 1เป็นโพธิสัตว์ สกิทาคามีเป็นผู้ที่มีอรหัตผลเพิ่มมากขึ้น ในกามภพบ้าง จนเต็มในขีดหนึ่ง หมดเลย กามภพ ไม่เหลือแล้วกิเลสกาม ก็ถึงเรียกว่ารูปภพ อรูปภพ เป็นอนาคามี ก็ต้องรู้สภาวะกิเลสระดับ หยาบ กลาง เหลือรูป อรูป ก็ต้องรู้สภาวะเหล่านั้นเป็นลำดับอย่างแท้จริง แล้วจะพูดถูก 

อาตมามีสภาวะเอามาพูด ตามความรู้ของอาตมาจริงๆแล้วที่บันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก อาตมาก็ยังไม่เจอที่บอกว่า พระโพธิสัตว์ระดับ 1-9 ไม่เคยเห็นนะ แต่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้โมเม เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องถูกต้อง เป็นเรื่องที่เอามาปฏิบัติตามได้เลยนะ ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็ทำตามนี้ รับรองคุณจะเจริญตาม อาตมาพูดนี้เป็นความจริงที่มันไม่มีในพระไตรปิฎกนี้ทั้งหมด 

พระไตรปิฎกฉบับนี้พระมหากัสสปะเป็นประธานในการสังคายนา จึงเป็นเชิงเถรวาทตามพระมหากัสสปะ เป็นชาวเจโต ศรัทธา

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 18:17:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:47:35 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:46:28 )

ทิฏฐิของเถรวาทเมืองไทยเป็นอุจเฉทิฏฐิ

รายละเอียด

ในพุทธคุณ 9 มีจรณะ 15 มีปัญญา คุณต้องทำให้ถึงขั้นสูงสุดที่ท่านตัดเกรดเอาไว้ ที่พระอรหันต์ กิเลสคุณหมดอย่างถาวรทำให้ตัวเองตายแล้วสูญแยกจิตให้เป็นอุตุธาตุได้ ตายแล้วทำให้ไม่เกิดอีกได้ หรือจะเกิดอีกก็ได้ อันนี้อาตมาเอามาเปิดเผยกับสังคมในยุคนี้ที่เป็นเถรวาทในเมืองไทยเขาจะเอาอาตมาตาย บอกว่าจบเป็นพระอรหันต์แล้วเกิดได้อีก เขาก็จะเอาอาตมาตาย แต่เดี๋ยวนี้เงียบไปเลยไม่กล้าแย้งอาตมาแล้ว เพราะว่ามันเป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียด อาตมาก็ขยายความยืนยันหลักฐานตามพระไตรปิฎกไม่รู้ต่อกี่สูตร มีพยัญชนะ พระบาลีมีหลักฐานตำนานก็เลยจำนนต่อสิ่งที่อาตมาพูด เพราะว่าเถรวาทโดยเฉพาะในเมืองไทยไม่รู้จักพระโพธิสัตว์ ถ้าหากว่าเป็นมหายาน เถรวาทคือ หินยานคือ ยานเล็ก คนจำนวนน้อย ส่วนมหายานนั้นไม่ติดใจเรื่องการเวียนตายเวียนเกิด แต่เถรวาทเป็นอุจเฉทิฏฐิ เข้าใจว่า อรหันต์ตายแล้วสูญ เกิดอีกไม่ได้

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 12:02:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:17 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:48:13 )

ทิฏฐิคตสัมปยุตตัง

รายละเอียด

จิตที่มีความเห็นผิด ประกอบอยู่นั่นเองแหละมากกว่า

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 214


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:36 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:31:02 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:49:00 )

ทิฏฐิงอุชุง กโรติ

รายละเอียด

ทำความเห็นให้ถูกตรง หรือเกิดสัมมาทิฏฐิเพิ่มขึ้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 276


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:56:36 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:31:38 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:49:37 )

ทิฏฐิต่างจากปัสสติอย่างไร

รายละเอียด

ทิฏฐิ แปลว่าความเห็น มีภาษาวิชาการอีกคำหนึ่งคือ ปัสสติ ซึ่งแปลว่าเห็นความเห็น ปัสสติ ไม่ใช่ความเห็นไม่ใช่นามธรรม แต่เป็นตัวคำนามเลย ปัสสติเป็นตัวสำเร็จรูปของตากระทบรูป หูกระทบเสียง ภาษาเรียกว่าเห็น ปัสสติ คือการได้ยินเสียง ปัสสติ คือตากระทบรูป ปัสสติ คือหูกระทบเสียง ปัสสติ คือ จมูกได้รับกลิ่น ปัสสติ คือลิ้นแตะรับรส โผฏฐัพพะ เย็นร้อนอ่อนแข็งสัมผัสทั่วสรรพางค์กายกระทบกันแล้วเกิดสภาพรับรู้

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:11:57 )

ทิฏฐิธรรมนิพพาน

รายละเอียด

คือ  ต้องมีปัจจุบัน ไปทำที่ในอดีต  อนาคตไม่ได้ ก็จะได้ที่ท่านตรัสไว้ในพรมหมชาลสูตร  คำว่าไม่มีปัจจุบันก็ยิ่งใหญ่มากเพราะว่าอดีตไม่ใช่ความจริง อนาคตก็ยังไม่ใช่ความจริง ความจริงมีในปัจจุบันเท่านั้นสำหรับมนุษย์  คุณสัมผัสต้องมีเวทนาจริงๆ  คุณไปนั่งหลับตา  ไม่มีเวทนาที่ไหนให้ปฏิบัติ  ไม่มีผัสสะเวทนาก็ไม่เกิด  แค่ความรู้ที่ว่าไม่มีผัสสะ ไม่มีผัสสะ  ไม่มีเวทนาให้ปฏิบัติ  หรือ  ต้องปฏิบัติเวทนาเป็นฐานแห่งการปฏิบัติในพรหมชาลสูตร ท่านใช้คำว่าฐาน  หรือ ฐานะ  มันจึงหมดสิ้น  ไม่เหลือเลยศาสนาพุทธ  สมณะโพธิ์รักษ์ ก็มาให้สติแก่ผู้หลงทิศทางเหลือเกิน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:42:11 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:56:57 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:16:35 )

ทิฏฐิธรรมนิพพาน

รายละเอียด

การเป็นปัจจุบันชาติ การเกิดในปัจจุบันนี้ นอกจากปัจจุบันไม่สูญโญฯเลย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:29:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:53:55 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:15:34 )

ทิฏฐิธัมมิกัตถะ (ประโยชน์ปัจจุบัน)

รายละเอียด

1. อุฏฐานสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยความหมั่น) 
2. อารักขสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยการรักษาให้ดี) 
3. กัลยาณมิตตตา (ความมีมิตรดี ที่พาไปสู่...)  
4. สมชีวิตา (การเลี้ยงชีพอย่างเรียบร้อยราบรื่น  ใจสงบ  เบิกบาน  มีสัมมาอาชีพ  พ้นมิจฉาชีพ)  
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 144, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 13:00:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:00:21 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:17:09 )

ทิฏฐิปัตตะ

รายละเอียด

1. เป็นผู้เห็นแจ้งในทุกข์ สมุทัย นิโรธคามินีปฏิปทา ธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นี้เห็นชัดแล้ว ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา  สิ่งที่ตนติด ตนหลง ตนยึดบางอย่างนั้นดับเหตุได้ รู้ผลแห่งการพ้นทุกข์ชัดแล้วในสิ่งนั้นเรื่องนั้น 

2. บทแห่งการกระทำของเราเป็นเหตุปัจจุบันนั้น ๆ อยู่ทีเดียวที่ถูกทางด้วย 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 366

ทางเอก ภาค 3 หน้า 457


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:58:03 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:32:39 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:17:46 )

ทิฏฐิปัตตะ

รายละเอียด

ผู้เป็นกายสักขี คุณจะต้องผ่านทิฏฐิปัตตะก่อน ทิฏฐิคือความเห็น คุณต้องมีสัมมาทิฏฐิ ปัตตะแปลว่ารู้ เข้าถึง ต้องบรรลุทิฏฐิที่สัมมานี้ ปัตตะคือบรรลุ สูงกว่าศรัทธาวิมุติ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:46:20 )

ทิฏฐิปัตตะไปตามครรลองเร็วเพราะเป็นสายปัญญา 

รายละเอียด

“บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่านี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่งธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศ ผู้นั้น เห็นชัดด้วยปัญญา ดำเนินไปด้วยดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่ง อาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็หมดสิ้นแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา แต่มิใช่เหมือน บุคคลผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ นี้เรียกว่า บุคคลผู้เป็นสัทธาวิมุต”

 มันไม่เหมือนเพราะว่าปัญญามันมีช้า ทิฏฐิปัตตะนั้นเขาได้ตามตระกูลของเขา เขารู้จัก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคได้เหมือนกันแต่เขารู้ได้ก่อนได้เร็วกว่า สัทธาวิมุติรู้ได้ช้ากว่าจึงไม่เหมือนทิฏฐิปัตตะ มันติดกันอยู่ที่ช้าหรือเร็ว ง่ายหรือยาก สัทธาวิมุติเขายังยากและเขาก็ช้า ส่วนทิฏฐิปัตตะไปตามครรลองเร็วเพราะเป็นสายปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 18:45:15 )

ทิฏฐิปาทาน

รายละเอียด

คือ ยึดด้วยความเห็นที่ยังผิดของตน จนมีรสตามที่ตนยึดจึงเก๊อยู่

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 198


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:20:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:10 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:18:10 )

ทิฏฐิผิดเพี้ยน

รายละเอียด

ทิฏฐิมันผิดมันเพี้ยนมันออกนอกทาง มันกลับไปอธิบายธรรมะว่า วิธีจับปลา วิธีฆ่าปลา ทำอย่างนี้ แล้วหลังจากฆ่าปลาได้ เหมือนฆ่ากิเลสเป็นปลา ก็จะไปแย้งกับศีล ศีลข้อหนึ่งเลยไปฆ่าปลาไปฆ่าสัตว์ อธิบายทำไม เด็กๆฟังแล้วงง ถ้าผู้ใหญ่ฟังผู้ใหญ่อาจจะแยกออกหรือ

โง่เลย แค่เด็กๆเขาก็ไม่ติดใจไม่มีปฏิภาณมาก อธิบายก็ฟังไปตามบัญญัติ อธิบายเป็นวิธีเผาขยะก็ยังพอทำเนา อธิบายวิธีฆ่าปลา อย่างนี้เป็นต้น การสอนแบบนี้มันก็เลยยิ่งหยาบยิ่งทำให้สับสนย้อนแย้ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมยามเช้ากับปัจฉาฯ วันที่ 13 มิถุนายน 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(วิโมกข์ 8 สัตตาวาส 9) ตอน วิโมกข์ 8 อธิบาย 3 ข้อแรก

    


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:32:16 )

ทิฏฐิลามกเรื่องวิญญาณ

รายละเอียด

ภิกษุสาติบอกเรารู้แล้วว่า วิญญาณคือไอ้ที่ลอยไปลอยมา พระพุทธเจ้าก็บอกภิกษุสาติ ว่า ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ว่า  วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว  แล่นไป  ไม่ใช่อื่น” 

ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น  จึงซักไซร้ ไล่เลียงสอบสวนว่า  ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้  ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค  การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค ไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย  ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น  พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก  ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี.  (มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. ล.12  ข.440)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:04:00 )

ทิฏฐิวิปลาส

รายละเอียด

คนผู้ยังอวิชชา(ความไม่รู้อาริยสัจจะ)อยู่ เพราะความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ ทฤษฎี ลัทธิ ปัญญาที่แท้จริงของคนผู้นั้นยึดถือผิดไปจากสัจจะขั้นปรมัตถ์ ผิดไปจากความจริงขั้นโลกุตระ ผิดไปจากอาริยสัจของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ ไม่เชื่อตามความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มีความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ ทฤษฎี ลัทธิ ปัญญาที่แท้จริงแตกต่างไปจากทางนิพพานที่แท้

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 336


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:59:04 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:33:23 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:18:48 )

ทิฏฐิสัมปทา

รายละเอียด

ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 132


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:00:07 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:34:14 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:19:10 )

ทิฏฐิสัมปทา อย่างไรให้สมบูรณ์ในแสงอรุณ 7 ข้อที่ 5

รายละเอียด

จะรู้จักอัตตา เมื่อรู้จักอัตตา เช่น อัตตา 3 เป็นต้น แล้วจึงจะมีทิฐิ มีทฤษฎี ที่จะไปปฏิบัติ ทิฏฐิสัมปทา ข้อปฏิบัติที่เป็นหลักการทฤษฎีที่จะนำไปปฏิบัติ ที่จะค่อยๆเริ่มต้นตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ แล้วไล่ไปเรื่อยๆ ถ้าทิฏฐิ ไม่สมบูรณ์ไม่รู้กายไม่รู้สัญญา เข้าใจกาย เข้าใจสัญญาไม่สัมมาทิฐิแล้ว ไม่มีทางพ้นความเป็นสัตว์ ใน สัตตาวาส 9 แล้วคุณจะไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพระพุทธเจ้าต้องให้ปฏิบัติใน วิญญาณฐิติซึ่งมี 7 ถ้าไปหลับตาแล้วจะมี อสัญญีสัตว์ ในสัตตาวาส 9 ไปปฏิบัติหลับตายึดถือการดับสัญญา ดับเวทนา ว่าเป็นนิโรธ ดับไม่ให้มีความคิดนึกอะไรเลย ไม่กำหนดรู้อะไรเลย ดับ เป็น อสัญญีสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 06:37:53 )

ทิฏฐิสามัญญตา

รายละเอียด

ความเห็นที่เป็นอาริยะเสมอกันในสังคม

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 76


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:00:47 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:34:47 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:19:49 )

ทิฏฐิสามัญญตา

รายละเอียด

มีความเห็น ทิฏฐิสามัญญตา มีความรู้ความเห็นเข้าใจเสมอสมานกันได้ คนนี้เข้าใจระดับนี้เป็นระดับน้องคนนั้นเข้าใจระดับนั้นเป็นระดับพี่ คนนี้เป็นระดับอา น้า คนนี้เป็นระดับป้าระดับลุง คนนี้เป็นระดับพ่อระดับแม่ คนนี้เป็นระดับตาระดับปู่ ก็ว่าไป พอเข้าใจกันนะ มันก็มีหลากหลาย ก็รวมกันอยู่อย่างนี้อบอุ่น ได้ทั้งผู้ที่จะช่วยกันอธิบายช่วยกันพาทำ จนไม่ต้องอธิบายไม่ต้องจับมือทำ ทำเอาเองได้ซึมซับเอาเองได้ มันก็ต่างคนต่างปรุงแต่งอาหาร

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:17:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:07:18 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:21:09 )

ทิฏฐิสามัญญตา

รายละเอียด

คือ ไปสู่นิพพาน เหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

(630927) พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ 27  กันยายน 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 20:02:15 )

ทิฏฐิสามัญญตา

รายละเอียด

คือ ไปสู่นิพพาน เหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

(630927) พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ 27  กันยายน 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 20:03:48 )

ทิฏฐิสามัญญตาทำให้เกิดพฤติกรรมของสังคมอย่างไร

รายละเอียด

เมื่อคนที่มีทัศนคติหรือมี Concept มาในทิศทางเดียวกันเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นทิฏฐิสามัญญตาอย่างที่พวกเรามารวมกัน มันจึงรวมกันแล้วเป็นทั้งกระบวนการเป็นทางพฤติกรรมตามกระบวนการและมีทั้งทิฐิที่เป็นสามัญญตา จึงเกิดพฤติการณ์ของสังคมที่เราเป็นอยู่ ก็มีอยู่ทั้งงานการผลผลิตความเป็นอยู่อย่างมีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อยู่กันอย่างเกื้อกูลเมตตากัน ไม่มีใครไปริษยากัน รู้ว่าคนไหนควรจะช่วยมาก คนเจ็บป่วยมากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยก็ช่วยให้มากหน่อย คนพิการคนแก่ช่วยตัวเองไม่ได้มากก็ต้องให้คนอื่นช่วยมาก เด็กนี้ช่วยตัวเองไม่ได้เลย หรือช่วยตัวเองได้น้อยอย่างนี้เป็นต้น ก็มีภูมิปัญญามีปฏิภาณรู้ว่าต้องช่วยคนที่สมควรอยู่ แล้วคนเหล่านั้นไม่ใช่เขาจะไปแกล้งเป็น มันก็เป็นตามชะตา เด็กก็คือเด็กคนแก่ก็คือคนแก่ คนพิการก็คือคนพิการ คนเจ็บป่วยก็เป็นคนเจ็บป่วย คนไร้สมรรถภาพสมองไม่บริบูรณ์เป็นต้น มันก็ต้องเป็นของเขาตามธรรมชาติ มันเป็นสังคมเดียวกันก็ต้องช่วยดูแลกัน การที่มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มันครอบคลุมหมดแล้ว พฤติกรรมจริงของแต่ละคนมันมีจริงไหม เป็นของจริงไหม เพราะฉะนั้นจิตใจของคนที่ได้ฝึกอบรมมาอย่างดีแล้ว มีจิตใจมีเมตตา มีจิตเป็นพระพรหม มีพรหมวิหาร 4 อย่างแท้จริงแล้ว มันก็มีภาพจริงให้เห็นได้ ท้าทายให้มาพิสูจน์ เรียกมาดูได้ เอหิปัสสิโก ได้จริง อาตมามั่นใจว่าเศรษฐศาสตร์ที่กำลังขยายความนี้ พวกเราทำได้แล้วเป็นสามัญปกติไม่ได้ยาก สบายๆปกติไม่ได้ยากอะไร ไม่ต้องมีกิเลสเข้ามาขับดัน มันก็อยู่อย่างนี้ ได้อย่างนี้เป็นอย่างนี้สบาย สบม ทมด ปกต หห จจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 10:55:32 )

ทิฏฐิอย่างเดียวกัน ธาตุอย่างเดียวกันคบกันได้

รายละเอียด

ก็ถูก ธาตุอย่างเดียวกันคบกันได้ก็จริง แต่คุณไปสมมุติว่าอาตมาเป็นพระเทวทัต อาตมาไม่แย้งไม่เถียงคุณหรอก คุณจะเข้าใจอย่างนั้นก็เข้าใจไปก่อน ติดตามอาตมาให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:18:24 )

ทิฏฐิเก่าไม่บรรลุสักที ลองทิฏฐิใหม่ดูบ้างจะได้ไหม!

รายละเอียด

ในเมื่อคุณปฏิบัติตามที่ได้เข้าใจอยู่นั้น มันไม่พาบรรลุ 

หรือบรรลุก็มี“ความรู้สึก”แบบนั้น 

ถ้ามาปฏิบัติตาม“ทิฏฐิใหม่“หรือ“วิธีอื่น(อัญญ)”นี้ดูบ้าง ก็

จะได้“ผล”อีกแบบหนึ่ง 

คุณก็จะมี“ผล   2 แบบ”ขึ้นมาเทียบเคียงกันดู ว่า อันไหน

จะเข้าท่ากว่ากัน 

อันไหนน่าจะถูกต้องเป็น“นิพพาน”

หรือ“สัมมาวิมุติ”กว่ากัน 

เราก็จะตัดสินได้ด้วยตัวเอง เมื่อเราทำได้ทั้ง“2 แบบ”กัน

จริงๆ 

ก็ลองมาพิสูจน์ตามที่เราอธิบายขยายความกันนี้จริงๆจังๆ

ดูบ้างปะไร  จะเสียหายอะไรกัน 

ขอให้“เปิดใจ” เต็มใจศึกษาฝึกฝนดูเถิด แล้วจะรู้จักรู้แจ้ง

รู้จริงได้ด้วยตนเองจริงๆ

จะได้“มั่นใจ”หรือ“เห็นจริง”ในมรรคในผลกันแท้ว่าอันไหน

สัมมาทิฏฐิแน่แท้ อันไหนมิจฉาทิฏฐิกันจริงๆ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 159 หน้า 141


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 10:56:30 )

ทิฏฐิเดียวกันจึงยอมรับกันว่าเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ขอเสริมที่คุณสิรภพพูด เพราะทุกวันนี้คนเข้าใจอรหันต์เก๊ อรหันต์เพี้ยน เป็นพระอรหันต์กัน อันนี้ขอยืนยันเขาทำทำเนียบพระอรหันต์ในประเทศไทย มีกี่รูปนะ 

ซึ่งต้องขออภัยอย่างยิ่งต่อท่านที่เป็นภันเตของอาตมา อาตมายืนยันว่าท่านทั้งหลายทั้งหมดที่รวมไว้นั้น เป็นความเห็นเป็นทิฏฐิเดียวกัน ก็จึงยอมรับกันว่าเป็นอรหันต์ เพราะฉะนั้นอรหันต์ทั้งหมดนั้น ถ้าเป็นอรหันต์จริงก็เป็นอรหันต์จริงหมด ถ้าเป็นอรหันต์เก๊ ก็เป็นอรหันต์เก๊กันหมดเพราะอยู่ในกรอบทิฏฐิเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:40:10 )

ทิฏฐิเถรวาทกับมหายานเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

มหายานก็เข้าใจโพธิสัตว์ผิดเป็นสัสสตทิฏฐิเป็นนิรันดรอยู่ในพุทธเกษตร พระพุทธเจ้าตายแล้วไปกองรวมกันกองโตเลยที่นั่น สัสสตะไม่มีสูญส่วนทางเถรวาท อุจเฉททิฏฐิ เอาแต่อรหันต์ไม่มีโพธิสัตว์อาตมาก็ทำทั้งอรหันต์และโพธิสัตว์ อธิบายว่าโพธิสัตว์ก็คือพระอรหันต์เป็นผู้ที่มีโพธิแล้ว ก็เลยโดนเข้าใจผิด เพราะทางเมืองไทยอธิบายกันว่าพระอรหันต์ตายแล้วก็ต้องสูญ อุจเฉททิฏฐิ อาตมาอธิบายว่าโพธิสัตว์ก็คือพระอรหันต์ที่ต่อภพภูมิเป็นพระโพธิสัตว์ เขาตัดสินกันว่าพระโพธิสัตว์คือผู้ที่มีอารยภูมิเป็นปุถุชน เพราะว่าถ้าเป็นพระอาริยะตั้งแต่พระโสดาบันก็ต้องเกิดอีกเพียงแค่ 7 ชาติได้สูงสุด สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน แล้วก็จะเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ตายแล้วก็ต้องสูญอีก เพราะฉะนั้นเป็นพระโสดาบันแล้วจะกลายเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้เพราะว่าจะเกิดอีกได้แค่ 7 ชาติก็หมดแล้ว ก็เลยซับซ้อนสับสนวุ่นวายกันไปหมด อาตมาเอาสัจจะมาอธิบาย ผู้ที่ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา สุสูสังลภเตปัญญัง ฟังให้ดีจะเข้าใจว่าเราเข้าใจผิดมานานต้องขอบคุณพระโพธิรักษ์ ผู้ที่เข้าใจสภาวะแล้วนำสภาวะนั้นมาแจกแจงอย่างนี้ อธิบายขนาดนี้ ไม่ได้พูดอย่างมั่วซั่วพูดไปเรื่อยด้วย เขาจะไม่รู้เชียวหรือ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:32:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:13:54 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:25:19 )

ทิฏฐิเบื้องต้น

รายละเอียด

ความเข้าใจเบื้องต้น

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 127


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:57:10 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:35:28 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:50:45 )

ทิฏฐิแบบสายหลับตาเป็นนานาสังวาสกับอโศก

รายละเอียด

ทิฏฐิของคุณเดชาก็ไปทางสายหลับตา มหาบัวจึงเป็นพระอรหันต์ ซึ่งตรงกันข้ามกับอาตมาเต็มร้อยเลย หันหลังชนกัน 180 องศา เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกประหลาดอะไรหรอกที่คุณเดชากับอาตมามันเห็นกันคนละทาง คนละพวกคนละเรื่อง ดาวคนละดวง แน่ๆเลยไม่น่าสงสัยอะไร คุณเดชากับอาตมาก็จบกันตรงที่ว่าเป็นนานาสังวาส คุณก็เห็นของคุณอย่างหนึ่งอาตมาก็เห็นของอาตมาอย่างหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอดวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 11:04:53 )

ทิฏฐุชุกรรม

รายละเอียด

1. การทำให้ถูกตรงอย่างเข้าใจ 

2. บทแห่งการกระทำของเราเป็นปัจจุบันนั้น ๆ อยู่ทีเดียวที่ถูกทางด้วย 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 321 , 457

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:01:46 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:36:23 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:51:44 )

ทิฏฐุชุกัมม์

รายละเอียด

การกระทำความเห็นให้ตรง และกระทำตามความเห็นที่ตรง

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 309


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:03:58 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:36:57 )

ทิฏฐุปปาทาน

รายละเอียด

1. ยึดความเห็นของตนอย่างปักมั่น 

2. ผู้ไม่ฟังความเห็นผู้อื่น 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค1 หน้า 7 , 35

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:05:09 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:38:14 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:26:34 )

ทิฏฐุปาทาน

รายละเอียด

1. การยึดถือในทิฏฐิ 

2. สภาวะที่ผู้อวิชชาหลงยึดจากสภาพทิฏฐิ ชอนไชลึกเข้าไปเป็นสภาพอุปาทาน กระทั่งเป็นตัวตน

3. สภาวะที่ยึดในทิฏฐิ 

4. การยึดทิฏฐิ(ความเห็น – ความรู้ – ความเชื่อของตน)เป็นตัวตน

5. ความยึดติดที่เกี่ยวกับความเห็น ความรู้ ความเชื่อ ศักดิ์ศรี หรือความถือตัว – การเอาแต่ใจตน

6. การยึดมั่นในทิฏฐิ

7. หลงยึดความรู้ ความเห็น

8. ยึดทิฏฐิเป็นตนอยู่

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 14, 33     ล34

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 153

เปิดโลกเทวดา หน้า 165

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 123 , 148 , 294

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:07:33 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:40:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:28:10 )

ทิฏฐุปาทาน

รายละเอียด

ทิฏฐุปาทาน ทิฏฐะ ความเห็นความเข้าใจความรู้ เพราะฉะนั้น ทิฏฐะ หรือทิฏฐิ ความเห็นความรู้จึงเป็นตัวที่เริ่มต้นเหมือนกัน เริ่มต้นทางนาม กามคือ ร่วมกับรูปทางตาหูจมูกลิ้นกาย ทิฏฐุ หรือทิฏฐิ หรือทิฏฐะ คือความเห็นความเข้าใจ จิตที่เป็นนาม ไปร่วมกัน สัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ร่วมกันขึ้นมา จึงจะเกิด กาย เกิดเป็นสภาพ 2 กาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 12:58:55 )

ทิฏฐุปาทานเป็นไฉน

รายละเอียด

“ทิฏฐิ” คือความเห็นความรู้ความเข้าใจ ยึดในอุปาทานนี้ยึด “ทิฏฐุปาทาน” คือยึดทิฏฐิ ยึดศีลยึดพรต คือยึดถือในสิ่งที่เรารู้ ยึดถือในสิ่งที่เราปฏิบัติข้อปฏิบัติอย่างนี้ไป ก็ได้มรรคผลเอาจริงเอาจังถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นศีลพรตที่สัมมาทิฏฐิ แต่ศีลพรตที่ไม่สัมมาทิฏฐิ ยิ่งมิจฉาทิฏฐิก็ยิ่งเลอะเทอะกันไปใหญ่ ทุกวันนี้น่าสงสารก็ได้แต่เตือนกัน ผู้ที่ฟังมี ปรโตโฆษะ แล้วปฏิบัติให้มีโยนิโสมนสิการก็จะเจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:47:33 )

ทิฏเฐ ธัมเม , ทิฏเฐ ว ธัมเม

รายละเอียด

ธรรมที่บุคคลมองเห็นในโลกขณะนี้

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 302 - 303


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:08:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:28:28 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:28:52 )

ทิฐิ

รายละเอียด

ความเข้าใจ ความเห็น ความรู้แจ้ง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 237


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 09:09:11 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:42:12 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:29:14 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์