@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ศาสนาพุทธตายเป็นที่สุด

รายละเอียด

เราจะเลวร้ายจะมีจิตใจโหดเหี้ยมจะมีความขี้โลภหน้าเลือด หรือจะเป็นคนเสียสละเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบเอารัดใคร เป็นคนที่มีประโยชน์เกื้อกูลโลกเกื้อกูลมนุษย์สัตว์โลกทั้งหลายแหล่อยู่ ก็อยู่ที่เราทำตัวเองศึกษาแล้วเราก็ทำตัวเองให้เป็นคนเช่นนั้น พิสูจน์ยืนยันได้ และเป็นที่สุด ศาสนาพุทธนี้ ตายเป็นที่สุด 

  1. กิเลสตายไม่เกิดอีก แต่ว่าอัตภาพยังหมุนเวียนเกิดอยู่เป็นโพธิสัตว์เกิดอีกกี่ชาติๆก็ได้ กิเลสตายแล้วไม่เกิดอย่างเช่นอาตมา เกิดมาชาตินี้ก็ไม่มีกิเลสอีกแล้ว นี่คือตายไปชั้นหนึ่งแล้ว กิเลสตายไม่เกิดอีกในอัตภาพในชีวิตของคนผู้นี้

  2. ตายอย่างชนิดที่เลิกไปเลย แยกธาตุ ตายเป็นครั้งสุดท้าย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน กายเภทาปรัมมรณา หลังจากตายกายแตกไปก็ไม่เหลือคราบที่จะจับตัวไม่แตก พีชะก็ไม่มี จิตนิยามก็ไม่มี เป็นผลแห่งการปฏิบัติให้ถึงที่ภาวนา ภาวนาเป็นผลแห่งการปฏิบัติได้ถึงที่แล้ว ก็จะเป็นอย่างที่อาตมาพูด อาตมาพูดผลของตัวเองที่ถึงที่แล้วที่อธิบายนี้ไม่ใช่เอาตำรามาเปิดอ่านให้ฟังแต่เอาจากของตัวเองที่เป็นอย่างนี้แล้ว  ผลแห่งการภาวนาของเราถึงที่แล้ว 

นี่เป็นอานิสงส์ที่มากเป็นผลมาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด อาตมาได้ขยายความถึงมูลสูตร 10 ตั้งแต่ข้อ 1 จนกระทั่งถึงข้อสุดท้ายให้ฟังหน่อย จะเข้าใจถึงการหยั่งลงสู่อมตะ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:59:45 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:47:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:22:25 )

ศาสนาพุทธตายแล้วเกิดได้ ไม่เกิดก็ได้

รายละเอียด

ตายแล้วถ้าจะไปเกิดเป็นพืชเป็นดินน้ำลมไฟ อันนี้นี่แหละสำคัญ ศาสนาพุทธสามารถทำให้จิตวิญญาณตัวเอง สุดท้ายตายแล้วไปเกิดเป็นดินน้ำไฟลมได้ ไม่ต้องหมุนเวียนมาเกิดเป็นจิตนิยามอีกได้ นี่แหละคือสุดยอดของศาสนาพุทธ โดยธรรมนิยาม 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยามธรรมะคือสิ่งทรงไว้ยังไม่สูญสลายไป กรรมคือการกระทำ กระทำทางกายเป็นกายกรรม ก็หมายถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมด ของสรีระทั้งใจด้วย หากเฉพาะวจีกรรมก็คือการกระทำเคลื่อนไหวของวจี เคลื่อนปาก มีคนเคลื่อนไหวริมฝีปากน้อยๆก็ส่งเสียงได้ก็มี มโนกรรมมีแต่การเคลื่อนของมโนก็ได้ กรรมนี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรียนรู้ ให้เราสามารถควบคุมกรรม กายและวจีโดยเฉพาะมโนกรรม จิตวิญญาณหรือมโนเป็นตัวประธานให้เกิด ต้องเรียนรู้ถึงจิตวิญญาณจึงจะสามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้ มีวสวัตตี มีอำนาจทางจิตที่จะสามารถทำใจในใจมนสิการให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ศาสนาพุทธมีความสามารถถึงขนาดนั้นและที่สุดแห่งที่สุดคือสามารถทำให้จิตวิญญาณเรานี้ เมื่อเวลาตายสุดท้าย ให้สลายไปเลยทำให้ใจในใจของเราสลายเป็นดินน้ำไฟลมได้เลย เรียกว่าปรินิพพานเป็นปริโยสานหากยังไม่มีความรู้ที่จะทำให้จิตใจเป็นอุตุได้ก็ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ตายไปแล้วก็ยังจะต้องเวียนวนกลับมาเกิดเป็นจิตนิยามเป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 15:38:04 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:23:39 )

ศาสนาพุทธตีเทวดาแตกเป็น 2

รายละเอียด

พระอรหันต์สามารถทำจิตให้เป็นพืช ยังมีชีวะ ชีวิตินทรีย์ กายก็ยังไม่แตก ยังไม่กายสเภทา ในอัตภาพ จะมีภาวะดูดเป็นตัวตนของเรา ตัวตนของกู เป็นตัวฉัน ซึ่ง อวิชชาปฏิบัติไม่สามารถเรียนรู้เป็นธาตุ 2 เรียกว่าเทวะ ศาสนาพุทธตีเทวดาแตกเป็น 2 ก็สามารถแยกกายแยกเวทนา มีตัวถูกรู้กับตัวรู้ อันนี้ตัวรู้เป็นตัวประธานเป็น Subject,  Object ก็รู้ อาการของสิ่งที่ถูกรู้ก็แยก เป็นรูป ตั้งแต่เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นขันธ์ 5 ในอุปธิมี 3  1.กิเลส 2. ขันธ์ 5 3.อภิสังขาร ผู้ที่เรียนรู้อุปธิ 3 แยกกิเลสในขันธ์ 5 กิเลสในรูป เวทนา  สัญญาสังขาร วิญญาณ โดยอภิสังขาร โดยการจัดการ โดยการจัดการ แยก กิเลสออกจากรูป ก็จัดการทำลายกิเลส แยกกิเลสออกจากเวทนาได้ ก็ทำลาย ตัวบทบาทที่จะทำจริงๆคือกันอภิสังขาร คำสัญญา สัญญากำหนดรู้ในสังขารที่มันปรุงแต่ง สังขารคือการรวมปรุงแต่งกันอยู่ระหว่างสองธาตุคือธาตุของรูปกับนาม แยกในนามออก การจะแยกนามได้เราก็จะต้องศึกษาเข้าไปหานามทั้งห้า 1.จะต้องมีการ ผัสสะ จึงจะเกิดสภาวะ ให้เรียนรู้สภาวะที่จะให้เรียนรู้ก็คือเวทนา ผัสสะแล้วเกิดเวทนา แล้วเราก็ต้อง เรียนรู้ สัญญา ทำงานกำหนดหมายให้ลึกเข้าไป กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม รู้เข้าไปในเวทนาลึกเข้าไป ในจิตมันทรงอยู่อย่างไร ธรรมอยู่อย่างไร มันทรงอยู่ในสภาพ จิตคือสภาพรวมไว้ เวทนาคือสภาพแตกย่อยออกมา เมื่อแยกย่อยเป็นเวทนาก็รู้สึก จิตเรียกว่าธาตุรู้ เวทนาท่านเรียกว่ารู้สึกมันรู้ มันรู้สึกชอบรู้สึกชัง รู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ พอสามารถอ่าน อาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทสที่อาตมาอธิบายขยายให้ฟัง แล้วเอาก็ไปปฏิบัติ รู้อาการ อาการ คือ สิ่งที่มันเป็นสภาพมันเป็นอาการ อาการ ก็มี กิริยา มีความเคลื่อนไหว ถ้ามันอยู่นิ่งๆคุณก็รู้ได้ ถ้าคุณเก่ง อาการนิ่งซึ่งมันรู้ยาก ถ้ามันไหว ไหวแรงก็รู้ง่าย เราจึงเรียนรู้ด้วยความฉลาดต้องดูอาการไหวมันเรียนรู้ง่าย ถึงต้องมีผัสสะ ยิ่งภาษาอย่างแรงไม่ต้องไปยับยั้ง แล้วธรรมดา ธรรมชาติสามัญกระทบแรงกระทบเบาเราก็เรียนรู้อาการที่มันเป็นจาก ผัสสะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็มีผัสสะ แต่มันลึก เอาข้างนอกหยาบๆนี้ก่อน กระทบทางกาย ทางตาหูนี่สำคัญมาก จมูกลิ้นกาย ก็รองมา ตาก็นอกกว่า ลิ้นก็ข้างในกว่า รูปก็หยาบ เสียงก็หยาบรองมา พระพุทธเจ้าท่านแจกแจงแยกแยะไว้ ก็สอนกันมาอย่างสัมมาทิฏฐิ ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิก็เอามาอธิบายกันได้สืบทอดกันมา อย่างเช่นอาตมาอธิบายละเอียด ยิ่งกว่าสำนักไหน พูดไปแล้วเหมือนจะไปข่ม แต่ถ้ามีคุณก็ไปเรียนกับองค์ไหนมาล่ะ ก็ต้องไปเรียนมาแล้ว มหาบัวก็อธิบายแบบปึ๊งๆๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ื 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:58 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:29 )

ศาสนาพุทธตีเทวะแตก

รายละเอียด

แต่ศาสนาพุทธตีแตก จริงๆ ก็คือคน คนที่มาเป็นประกาศกของพระเจ้าก็คือคน ก็คือความรู้ของเราเองที่สั่งสมมาไม่รู้กี่ชาติ ความรู้สูงสุดก็คือความรู้ของคนไม่ใช่ของพระเจ้า

1. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน) 

2. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)

3. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด) 

4. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์,พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร) 

5. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ) 

(พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 581)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:24:08 )

ศาสนาพุทธต่างกับเทวนิยมอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาพุทธต่างกับเทวนิยมตรงที่รู้จักสมุ ทัย หยาบ กลาง ละเอียด รู้จักจิตเจตสิก  รูป นิพพาน หยาบ กลาง ละเอียดหมดสิ้นสูญ ศาสนาพุทธจึงมีสุญญตา มีความสูญความหมดเกลี้ยงถาวร จะลืมตากระทบกับโลก โลกจะมีแรงโลกียะเท่าไร ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อำนาจโลกีย์ขนาดไหนก็อยู่เหนือโลกทั้งนั้น ไม่หวั่นไหวกระแทกกระทุ้งกระเทือนขนาดไหนก็ไม่หวั่นไหว ทำลายความมั่นคงของจิตที่ สะอาดบริสุทธิ์สมบูรณ์ถาวรนิรันดรนี้ไม่ได้

นี่คือสภาพความต่างของศาสนาพุทธกับศาสนาที่ผิดเพี้ยนหรือว่าออกไปนอกระบบเลย อย่างของศาสนาพุทธสมัยนี้ อยู่ในเมืองไทยนี้ก็ตาม ที่นิยมชมชอบยกย่องว่าเป็นเลิศ มันยังไม่สมบูรณ์บริบูรณ์ ด้วยโลกุตรธรรม สมบูรณ์หรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:39:31 )

ศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นเรื่องใด

รายละเอียด

พูดอย่างนี้ก็ขัดแย้งกับคำสอนพระพุทธเจ้าที่ธรรมะพุทธเจ้านั้นไม่ใช่เป็นเรื่องสามัญมีเต็มโลกธาตุเลย อันนี้แสดงว่าไม่รู้จักธรรมะพระพุทธเจ้าเลย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้แค่ละชั่วทำดีเท่านั้น อย่างนั้นศาสดาใดๆก็สอนทั้งนั้น ไม่มีศาสดาองค์ใดไม่ได้สอนเรื่องละชั่วทำดี อย่าว่าแต่ถึงศาสดาเลย ไม่เป็นพระศาสดาก็สอนแล้วเป็นครูเป็นผู้ใหญ่ก็สอนให้คนละชั่วทำดีทั้งนั้นเป็นเรื่องโลกีย์ ไม่ใช่เรื่องของพระศาสดาที่ยิ่งใหญ่อะไร ศาสดาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาโลกุตระไม่ได้สอนให้แค่ละชั่วทำดี เท่านั้น แต่สอนให้รู้จักความสุขความทุกข์ด้วย ศาสนาอื่นไม่ได้สอนให้รู้เรื่องความสุขความทุกข์และดับเหตุแห่งทุกข์ มีแต่ศาสนาพุทธเท่านั้นที่สุด ตรงนี้แหละถ้าจับประเด็นนี้ไม่ได้ไม่เข้าถึงพุทธ สอนให้แค่ละชั่วทำดีมันก็เท่านั้น มันจะไปมีอะไรแปลกใหม่ ไม่เป็นโลกุตระ นี่แสดงว่าไม่มีภูมิโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:41:59 )

ศาสนาพุทธต้องมีปัญญาอย่างลืมตาไม่ใช่หลับตาปฏิบัติ

รายละเอียด

ในยุคพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องอนุโลม ที่บอกว่านั่งตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่นก็เป็นการกระทำของผู้ที่ทำผิดทั้งหลาย สมัยพระพุทธเจ้าไม่มีใครทำถูกเลย การนั่งสมาธิของเขาคือการสะกดจิต นั่งหลับตาสมาธิไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธต้องลืมตาปฏิบัติทั้งหมด จักขุมาปรินิพพุโพติ ต้องมีปัญญาอย่างลืมตาไม่ใช่นั่งหลับตาปฏิบัติ ไม่ใช่เลยคนยึดมั่นถือมั่น แต่อาตมาก็ประกาศไปเขาก็ว่าอาตมาทำผิด

มรรคองค์ 8 ไม่ได้หลงผิดไปนั่งหลับตาแล้วสรุปว่าให้นั่งเพ่งลมหายใจเข้าออกไม่ให้มีสิ่งไม่ดีเข้ามาให้ดูแต่ใจ แต่ศาสนาพุทธนั้นให้จิตใจเรารับรู้ทางทวารภายนอกและภายใน ไม่ใช่ไปปิดประตูให้ไม่ให้อะไรเข้าเลยไม่ใช่

ในพระไตรปิฎกบอกว่าเหมือนปิดประตูรูเหี้ย 5 ประตู แล้วไปดูที่ทวารใจประตูเดียว อธิบายไปดูเหมือนจะดีนะ แต่ว่า อาตมาก็ยกหลักฐานที่ในพระไตรปิฎกมีอีกมากมายหลายสูตร ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติแบบลืมตาแล้วจะเกิดวิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะไปตามลำดับ ให้สัมผัสแล้วจิตใจคนก็ไม่เกิดกิเลสกามพยาบาทจนกระทั่งไม่เกิดวิหิงสา สัมผัสข้าวของเงินทองสัมผัสรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และกิเลสมันจะเกิดเป็นเวทนา คุณก็ไปหลงเวทนาเก๊ ที่ได้เสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน นั่งเพ่งลมหายใจไม่ใช่ของศาสนาพุทธ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 19:42:55 )

ศาสนาพุทธทำทานก็ต้องเป็นบุญ

รายละเอียด

คือ อานิสงค์ คือ ประโยชน์แท้คือการกำจัดกิเลส เพราะฉะนั้นการทำทานนี้ ไม่ได้หมายถึงจะต้องไปสร้างวิมาน  จริงๆ แล้วกุศลที่แท้จริงถูกต้อง กุศลมันก็เป็นกุศลเป็นกรรมเป็นวิบากของเราอยูในตัว  คุณไม่ต้องไปคำนึงถึงมันเลย  รับรองว่าสุวรรณ สุวาน ไม่ลืมจด  เด็ดขาดเลยคุณไม่ต้อไปกังวลเลย  เป็นหน้าที่ยมบาล  ยิ่งคนทำดียิ่งต้องบันทึกในแผ่นทองคำของสุวรรณ สุวาน แปลว่า หมา  ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนให้ลดกิเลสเป็นการสอนนิพพาน เรื่องจิต เจตสิกต่างๆ สอนถึงการแยกเทวฺให้ออกตีเทวะให้แตกจึงเป็นลัทธิ  ที่ไม่มีเทวะ  อเทวะ  ทำลายเทวะสูญได้เลย  ตายแล้วพระเจ้า เทวะที่ยิ่งใหญ่จะเรียกว่า ต้องมาอยู่กับข้า  มาอยู่กับพระเจ้า ศาสนาพระพุทธเจ้าบอกว่า  ไม่ไปกับพระเจ้าหรอกอยู่เรียกเลย  ทำลายจิตนิยามของตัวเอง เป็นอุตุธาตุได้เลย  ไม่เหลืออาตมัน ไม่เหลือธาตจิตนิยามอีกแล้ว  หายตัวไปเลย  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่รู้จักพระเจ้าอย่างดี  จนพระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณนี้ไม่ได้  เพราะเจ้าของจิตนิยามทำร้ายจิตนิยามของตัวเองได้ 0 (ศูนย์) หมดเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 21:24:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:15 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:27:28 )

ศาสนาพุทธทำที่เหตุเท่านั้นแล้วผลจะตามมา

รายละเอียด

เหมือนพวกนักคิดสมัยใหม่ วางแผน 5 ปี จะได้ผลดังนี้ มีเหตุผลหลักฐานของโครงการ 5 ปีจะได้ผลอย่างนี้ เสร็จแล้วก็ทำแต่มันไม่ได้ตามเหตุปัจจัยไม่ได้ผล แต่เป้าหมายบอกว่าจะได้ผลเท่านี้ ก็โมเมสิ เอาแพะมาชนแกะ เอามาผสม เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายปีที่ 5 และมีแต่ของลวงเหลวเละ เป็นเช่นนี้แหละพวกวิธีการของทุนนิยมสมัยใหม่ คาดว่าผลจะได้ตามนี้เร่งผลเลิศไว้ดีดลูกคิดในรางแก้วไว้ เสร็จแล้วทำแล้วไม่ได้เป็นไปตามเหตุปัจจัย เข้าไปตั้งผลเลิศเอาไว้ก่อน ซึ่งศาสนาพุทธไม่ทำ เป็นแต่เพียงเข้าใจก้าวหน้าไปหน่อย ถ้าเราจะมีหนึ่งบวกหนึ่ง มันจะได้ 2 ขอดู 2 เป็นล้ำหน้าไว้หน่อย คุณดูแล้วก็หันมาทำ 1 อีกหนึ่งนี้มันเป็นหนึ่งจริงไหม มันมีเหตุปัจจัยที่จะเป็นหนึ่งไหม ถ้าทำ 1 ที่จะได้เหตุปัจจัยนี้คุณไม่ต้องคิดถึง 2 หรอก ถ้าทำเหตุปัจจัยให้ถูกต้อง หนึ่งที่จะทำนี่แหละ 2 มันจะเกิดเองโดยไม่ต้องไปคาด พอรู้ตัวก็เป็น 2 แล้วหรือก็ทำ 3 ทำ 4 ต่อ ทำที่เหตุ ศาสนาพุทธจึงทำเหตุเท่านั้นและผลจะตามมา ไม่ต้องไปคำนึงถึงผล ผลเป็นสิ่งที่เกิดตามเหตุ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:00:36 )

ศาสนาพุทธทำลายพระเจ้าได้

รายละเอียด

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตที่เทวนิยมมีมากในโลก คนที่เป็นเทวนิยมยังไม่รู้แบบพุทธ ยังไม่รู้สมบูรณ์แบบจนกระทั่งทำลายวิญญาณได้ ทำลายพระเจ้าได้ พระเจ้าของเขาไม่มีใครทำลายได้แต่ ศาสนาพุทธทำลายพระเจ้าได้ อันนี้แหละอนาคตจะเป็นเรื่องพอสมควร 

เป็นแต่เพียงว่าตอนนี้ ไม่มีใครจะไปรู้สึกไปรุกรานความเป็นพระเจ้าของเขา ที่จริงเราไม่ได้ไปรุกราน แต่เรารู้ความจริง ถ้าคุณจะไปยึดความมีไปตลอดนิรันดร์ คุณก็ยึดของคุณเท่านั้นยึดเข้าไปและคุณก็มี ผู้ที่มายึดแล้ววางเลยแล้วทำให้สลายเป็นดินน้ำไฟลมได้ เมื่อสลายเป็นดินน้ำไฟลมได้แล้ว วิญญาณพระเจ้าจะมาจัดการกับดินน้ำไฟลมโดยที่ตัวเองหลงว่าตัวเองเป็นผู้สร้างดินน้ำไฟลม ทำไม่ได้หรอก เป็นแต่เพียงโวหารภาษาว่าพระเจ้าสร้างดินน้ำไฟลมพระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง เราก็ยืนยันว่าแล้วพระเจ้าสร้างซาตานทำไม เขาว่าไม่ได้สร้าง แล้วทำไมซาตานมันยิ่งใหญ่อย่างไรพระเจ้าทำไมไม่จัดการซาตานให้หมดเลยเสีย ก็บอกว่าจัดการไม่ได้เพราะไม่รู้จักซาตาน แท้จริงแล้วซาตานก็คือตัวเองนั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ปห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 12:38:26 )

ศาสนาพุทธทำให้เกิด Unity of diversity

รายละเอียด

อาตมาก็ต้องค้านแย้งกับความเห็นของคุณ เพราะมันก็ไม่ถูกตรงกัน ต่างคนต่างมีความเห็นไปคนละทางก็แล้วกัน จบ เพราะว่าคนเราถ้าเผื่อว่ายึดถือกันแล้วเถียงกันได้ทุกอย่าง อนุสุญญาณูทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาไม่มีอะไรเหมือนกันเท่ากันหรอก ไม่ว่าจะกี่ล้านๆอณูแน่นอนต้องมีความแตกต่างหลากหลายกันไปหมดอาตมาไม่ได้สงสัยเลยในคำพูดนี้ และอาตมาก็ว่า อาตมาต้องพูดยืนยันที่บอกว่าศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาที่ทำให้เกิด Unity of diversity พูดไปในไม่กี่วันนี้แล้ว ท่านก็เข้าใจในความหลากหลาย diversity ท่านก็จะอยู่กับสิ่งที่หลากหลายนี้และมันเป็นความงดงาม ผู้ที่สามารสอยู่กับความหลากหลายได้ อาตมาพูดนี้พูดอย่างไม่ได้เห็นแปลก แต่ชี้บ่งว่า ควรจะเป็นอะไร อาตมาเห็นว่าอย่างนี้ดีก็พูดตามความเห็นว่าอย่างนี้ถูก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:08:46 )

ศาสนาพุทธที่อวิชชา

รายละเอียด

แม้ในศาสนาพุทธที่อวิชชา ก็เหมือนกับเทวนิยมเขา ถ้าไม่เรียนรู้ให้สัมมาทิฏฐิแล้วลดกิเลสไม่ให้วนเวียน ปฏิบัติให้มีหลักประกันของพระพุทธเจ้า 

1 เรียนดูให้รู้ว่าโลกโลกียะ มีแต่ดีกับชั่ว เป็นโลกียะ ทำดีคือดีตามสมมุติ เมืองไทยสมมุติว่าอย่างนี้ดีเมืองอื่นสมมุติว่าอย่างอื่นดีไม่ตรงกัน อย่าว่าแต่ในเมืองเลยสังคมแต่ละกลุ่มนี้แท้ๆ ยังต่างกันเลย สังคมกลุ่มกะเทยเขาก็นึกว่าของเขาอย่างนั้นดี อย่างนี้เป็นต้น มันยึดไปต่างๆ เพราะฉะนั้น มันไม่เที่ยงแล้วมันก็ไม่ตรงกันอะไรสักอย่างเละเทะหมุนเวียนกันไป สมบัติผลัดกันชม ใครยึดอะไรไป เป็นอันนี้แล้วเบื่อก็ไปเป็นอันอื่นดีกว่า พูดแล้วมันเมื่อย มันเกิดมาเวียนวนด้วยอวิชชาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:11:15 )

ศาสนาพุทธที่เป็นอยู่มีแต่ลาภสักการะเสียงสรรเสริญเท่านั้น

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบศาสนาพุทธ วิมุติเปรียบเหมือนแก่นไม้ ปัญญาเปรียบเหมือนกระพี้ไม้ สมาธิเปรียบเหมือนเปลือกไม้ ศีลเปรียบเหมือนสะเก็ดไม้ ส่วนลาภ ยศ สรรเสริญเปรียบเหมือนใบไม้ดอกไม้ที่อร่ามเรืองบนต้น ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีสะเก็ดไม่มีเปลือก กระพี้คือปัญญา แก่นคือวิมุติไม่มีเลย มีแต่ดอกใบผล อยู่ข้างบนเท่านั้น นี่คือศาสนาพุทธที่เป็นอยู่ ลาภสักการะเสียงสรรเสริญเท่านั้น เป็นพระครู เป็นเจ้าคุณ เป็นพระพรหมเป็นสมเด็จ เต็มไปหมด มีอยู่เท่านั้น แต่ก็มีตำแหน่งหน้าที่มีลาภสักการะ มีเงินดาวน์เงินเดือน ชั้นสูงสุดเรียกว่านิตยภัต ซึ่งมันเป็นเรื่องออกนอกรีตศาสนาพุทธจนกระทั่งอาตมาเห็นแล้ว พูดไปก็มีแต่ไปว่า ไม่รู้จะทำอย่างไรเลี่ยงไม่ออก ได้แต่ตำหนิได้แต่เหมือนดูถูก ก็ต้องขออภัยด้วย ไม่ได้ทำเพื่อที่จะยกตนข่มใคร ไม่ได้ทำเพื่อลาภสักการะ ไม่ได้ทำเพื่อจะอวดดิบดี ว่าฉันนี่แหละเป็นผู้รู้ คุณจะต้องมาเคารพนับถือฉันนะ ฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนานะ แต่ที่เขาทำนั้นไม่มีทางลดละกิเลสได้เลย บวชไปแล้วบริบูรณ์สมบูรณ์ที่สุดจะเป็นอย่างไร ได้เป็นพระผู้ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งสูงสุด นั้นก็คือพระที่ส่วนใหญ่บริหารศาสนาอยู่ บางส่วนไปเป็นพระป่าก็ยังเอาตำแหน่งไปใส่ให้ท่านนะ พระที่นั่งสมาธินั้นได้อย่างเก่งก็ขั้นเป็นสมเด็จแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:13:19 )

ศาสนาพุทธที่เป็นอวิชชา

รายละเอียด

ขออภัยที่ต้องพูดให้ชัด ท่านรู้แล้วท่านก็รู้ผิดทาง มันก็เลยเป็นอวิชชาที่งอกงามไปเรื่อยๆ กลายเป็นตรรกะ กลายเป็นเจริญไปได้พยัญชนะไวยากรณ์ ไปกันใหญ่เลย การจะมารู้เรื่องของการสัมผัสจิตในจิตบ้าง แต่เรื่องจิตในจิตนั้นกลายเป็นเรื่องซับซ้อน เช่น สมาธิก็กลายเป็นสมาธิแบบเดียรถีย์แบบฤาษี ยึดมั่นถือมั่น แทนที่จะเข้าใจโลก ไปเข้าใจสมาธิแบบฤาษี ก็เลยกลายเป็นจิตที่ยิ่งเกาะแน่นกันไปใหญ่เลย แทนที่มันจะขยายความ แทนที่มันจะมีการรู้เรื่องสาระที่แท้จริง เทียบเคียงเทวนิยม อเทวนิยมเป็นคู่ ก็เปล่า มันกลับกลายเป็นก้อนแข็ง แน่น ผลึก 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 14:33:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:16:28 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:28:38 )

ศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระช่วยประเทศชาติอย่างไร

รายละเอียด

แต่ส่วนตัวของอาตมามารับผิดชอบศาสนาพุทธ ส่วนตัวของอาตมานะนี่ แล้วอาตมามาทำให้เกิดการลดละหน่ายคลาย ทำให้ช่วยประเทศชาติ ทำให้พวกเราไม่ได้ไปแย่งลาภยศสรรเสริญ ไม่ได้ไปแย่งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในโลก มันสงบลงเท่าไหร่แล้ว นี่อาตมาช่วยรักษาความสงบให้มนุษย์ชาติ ให้ประเทศไทยนะ โดยเฉพาะพวกคุณ ไม่ไปแย่งชิงลาภยศสรรเสริญไม่ไปแย่งชิงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส สงบ แล้วพวกคุณก็ไม่ได้แย่ง ไม่ใช่ว่าเป็นแบบกดข่มด้วย ไม่ใช่เหมือนสายหลับตาด้วย เป็นสายลืมตา ไม่กดข่ม มันเป็นได้อย่างถาวร พวกคุณได้แล้วได้ไปเรื่อยๆได้แล้วได้เลยๆ เป็นพระโสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์ได้เลย 

เพราะฉะนั้นอาตมาสบายใจที่เกิดมาในชาตินี้ อาตมาได้ช่วยมนุษย์ชาติประเทศชาติ โดยเขาไม่รู้หรอกว่าอาตมาช่วยประเทศชาติ ช่วยทางด้านเศรษฐกิจ ช่วยทางด้านการเมือง ไม่ต้องไปแย่งอำนาจทางการเมือง ไม่ต้องไปแย่งลาภ ไม่ต้องไปแย่งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสไม่ต้องไปแย่งสุขในกามโลกีย์ ไม่ต้องไปแย่งสรรเสริญ นี่เป็นโลกุตระ 

มีความพอใจสันโดษมาตามลำดับตามฐานะ แล้วก็ช่วยชีวิตคนไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 15:50:27 )

ศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระช่วยประเทศชาติอย่างไร

รายละเอียด

แต่ส่วนตัวของอาตมามารับผิดชอบศาสนาพุทธ ส่วนตัวของอาตมานะนี่ แล้วอาตมามาทำให้เกิดการลดละหน่ายคลาย ทำให้ช่วยประเทศชาติ ทำให้พวกเราไม่ได้ไปแย่งลาภยศสรรเสริญ ไม่ได้ไปแย่งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในโลก มันสงบลงเท่าไหร่แล้ว นี่อาตมาช่วยรักษาความสงบให้มนุษย์ชาติ ให้ประเทศไทยนะ โดยเฉพาะพวกคุณ ไม่ไปแย่งชิงลาภยศสรรเสริญไม่ไปแย่งชิงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส สงบ แล้วพวกคุณก็ไม่ได้แย่ง ไม่ใช่ว่าเป็นแบบกดข่มด้วย ไม่ใช่เหมือนสายหลับตาด้วย เป็นสายลืมตา ไม่กดข่ม มันเป็นได้อย่างถาวร พวกคุณได้แล้วได้ไปเรื่อยๆได้แล้วได้เลยๆ เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ได้เลย 

เพราะฉะนั้นอาตมาสบายใจที่เกิดมาในชาตินี้ อาตมาได้ช่วยมนุษย์ชาติประเทศชาติ โดยเขาไม่รู้หรอกว่าอาตมาช่วยประเทศชาติ ช่วยทางด้านเศรษฐกิจ ช่วยทางด้านการเมือง ไม่ต้องไปแย่งอำนาจทางการเมือง ไม่ต้องไปแย่งลาภ ไม่ต้องไปแย่งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสไม่ต้องไปแย่งสุขในกามโลกีย์ ไม่ต้องไปแย่งสรรเสริญ นี่เป็นโลกุตระ 

มีความพอใจสันโดษมาตามลำดับตามฐานะ แล้วก็ช่วยชีวิตคนไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 16:50:56 )

ศาสนาพุทธทุกวันนี้ 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธทุกวันนี้  คือ ตรงกับพระสูตร คุหัฏฐกสุตตนิทเทสที่ว่า นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ  เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว 

นรชนเมื่อตั้งอยู่  ก็หยั่งลงในที่หลง  นรชนเช่นนั้น  ย่อมอยู่ไกลจากวิเวก  ศาสนาพุทธทุกวันนี้ตรงกับพระสูตรนี้ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:53:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:17:48 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:29:30 )

ศาสนาพุทธทุกวันนี้มันเพี้ยนมันผิดไปไกล ออกไปจากความถูกต้องออกไปจากความจริงของสารัตถะที่เป็นพุทธ

รายละเอียด

อาตมาพูดได้โดยมั่นใจว่าอาตมาพูดถูกด้วยนะไม่ได้ไปใส่ความไม่ได้ไปหาเรื่องเขา แน่ใจมั่นใจด้วยว่า อาตมาพูดถูกเป็นความจริงตามที่อาตมาพูด เพราะศาสนาพุทธทุกวันนี้มันเพี้ยนมันผิดไปไกล ออกไปจากความถูกต้องออกไปจากความจริงของสารัตถะที่เป็นพุทธ มันไกลออกไปเลย อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ไกลจากวิเวกเป็นผู้ไกลจากวิเวก เป็นผู้หยั่งลงสู่ความหลง สำนวนของพระพุทธเจ้าแปลเป็นไทยมันผิดเพี้ยนไปได้เพราะมันลึกซึ้ง ซึ่งมันห่างไกลจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส คิดแล้วมันสยองเลย ขนลุกขนพอง เราจะมาหาสาระของศาสนา แต่มาเห็นที่เรียนกันมันไม่มีสาระของศาสนาเลย ผู้รู้จะสยอง ผู้ไม่รู้ก็แน่นอนไม่สยองสยดอะไรหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:49:02 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:18 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:30:37 )

ศาสนาพุทธทุกวันนี้หลงแต่เดรัจฉานวิชา

รายละเอียด

วันพระเทวดาเยอะ ยิ่งละเอียดมาก เยอะยิ่งเห็นชัด มันทวนกระแส มันตรงกันข้ามกับซับซ้อนมันตรงกันข้ามกันไม่รู้กี่ชั้น ศาสนาทุกวันนี้ ตรงกันข้ามทั้งวิธีปฏิบัติ ทั้งการสอนความรู้ ทั้งการหลงผิด ผิดซ้ำผิดซ้อนแล้วก็หลงผิด แล้วก็หลงว่ามันถูก ทั้งการพากันปฏิบัติ ประพฤติยกตัวอย่างเช่นการสวดมนต์ กลายเป็นการสวดมนต์เป็นงานใหญ่งานเละไปหมด

ศาสนากลายเป็นเรื่องที่จะต้อง ทำเป็นราชพิธี ต้องสวดเป็นล้านเที่ยวอย่างนี้ มันเป็นการวกวนไม่รู้จักเวลาปฏิบัติ ต้องบ่น ว่าอยู่นั่นแหละ แม่สวดลูกอยู่นั่นแหละ การทำพิธีนี้ ยิ่งเป็นเดรัจฉานวิชา ยิ่งมีพิธีบูชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมยามเช้ากับปัจฉาฯ วันที่13 มิถุนายน 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(วิโมกข์ 8 สัตตาวาส 9) ตอน วิโมกข์ 8 อธิบาย 3 ข้อแรก

    


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:24:37 )

ศาสนาพุทธทุกวันนี้เปรียบเหมือนกลองอานทะคือสูญโลกุตระ

รายละเอียด

การศึกษาธรรมะของศาสนาพุทธทุกวันนี้ไปหลับตาทิ้งกาย เขาก็รู้ว่ากายหมายถึงภายนอก เขาว่ากายหมายถึงภายนอกเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจิต ก็ผิดไปหมดเลย กายเป็นแค่วัตถุดินน้ำไฟลมไปเลย ผิดไปหมด จึงน่าสงสารมากเลยศาสนาพุทธทุกวันนี้ ในประเทศไทย น่าสงสาร อาตมาพูดแบบนี้เหมือนกับอวดดีรู้อยู่คนเดียว จริงๆนะ อาตมาว่า ถ้าไม่มา ไม่มีการพูดถึงอันนี้กัน เพราะท่านก็เผยแพร่ธรรมะกันอยู่ก่อนอาตมา เขาไม่ได้พูดไม่ได้อธิบายอย่างที่อาตมาอธิบาย มันสูญหายอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเหมือนกับกลองอานกะ กลองอานกะ มันเปลี่ยนสภาพ เป็นองค์ประกอบที่ไม่เป็นโลกุตระ สูญโลกุตระ นั่นคือกลองอานกะ แล้วไปเป็นพยัญชนะสวยหรู พูดกัน ผู้ที่จะมาพูดโลกุตระเขาจะไม่เอา ตรงกับพระพุทธเจ้าตรัส อาตมาตอนนี้ตั้งใจจะอธิบายถึง จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นหลัก วิจัย ถึงความผิดพลาดอะไรมาแล้วมาก ก็จะพยายามอธิบายสาระอันนี้ตลอด 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 14:53:53 )

ศาสนาพุทธทุกวันนี้เป็นศาสนาพราหมณ์

รายละเอียด

อันนี้ อาตมาถึงว่า ศาสนาเทวนิยม ไม่ว่าจะเป็น คริสต์ อิสลาม หรืออื่นๆ จะเป็นศาสนาบาไฮ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาฮินดู(พ่อครูว่าฮินดูมีนิพพาน แต่เขาเข้าใจผิดว่าไม่มี) มันสลับสับไปมา ฮินดูก็คือ ศาสนาพราหมณ์ จริงๆแล้วศาสนาพุทธทุกวันนี้เป็นศาสนาพราหมณ์ ที่เขามีทิฐิมีความเข้าใจและประพฤติปฏิบัติกันอยู่เป็นแบบพราหมณ์ เป็นแต่เพียงว่าเอาภาษาศาสนาพุทธไปใช้แทน เพราะเอาภาษาพุทธไปใช้แทน จึงเสียหมด คำว่า ฌาน สมาธิ ปัญญา เป็นแบบพราหมณ์หรือ เป็นฮินดูไปหมด แต่เขาเข้าใจไม่ได้เท่านั้นเอง ก็เลยไม่มีผลสำเร็จในการได้รับการศึกษาธรรมะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 14:40:43 )

ศาสนาพุทธนั้นต้องปฏิบัติที่เวทนาเป็นกรรมฐาน

รายละเอียด

เหมือนสุขกับทุกข์ไม่แยกกัน พวกเราเข้าใจแล้ว ถ้าจะดับก็ดับหมดเลย จะไม่ให้มีกายก็คือ คุณไม่มีทั้งความรู้สึก เพราะกาย กายจะต้องมีเวทนา เมื่อไปตัดกายออกแล้วเวทนาคุณก็ไม่มี ไม่มีผัสสะ ไม่มีข้างนอก คุณก็ไม่มีกาย คุณก็ไม่มีเวทนา 

ศาสนาพุทธนั้นต้องปฏิบัติที่เวทนาเป็นกรรมฐาน เป็นที่ตั้งแห่งกรรมฐาน เป็นที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ เมื่อไม่มีเวทนา ไม่มีที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ มันก็เลยโมฆะหมด เพราะศาสนาพุทธนั้น หัวใจคือสุขทุกข์ เรียนรู้ทุกข์นี่แหละ แล้วก็จะดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์หมด สุขก็หมดไปด้วย เป็นอาริยสัจ 4 เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ แต่เขามิจฉา 

มิจฉา คือ ไม่รู้ ถึงขั้นอวิชชา เพราะฉะนั้นถ้าอวิชชาเสียแล้วตั้งแต่อริยสัจ 4 ก็อวิชชาแล้ว เขาก็มิจฉาทิฏฐิไป 4 ข้อ แล้วยังจะไปแถมมิจฉาทิฏฐิในเรื่องส่วนที่เป็นอดีต ส่วนที่เป็นอนาคต และทั้งส่วนอดีตและทั้งอนาคต และก็ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท คุณก็ครบพร้อมอวิชชาสวะ อวิชชาสวะ 8 เต็มๆเลย แล้วเยอะ เดี๋ยวนี้มีเยอะ อริยสัจ 4 เข้าใจกายกันไม่ได้ ปฏิบัติก็ไม่มีกายก็โมฆะไปแล้ว 

เพราะฉะนั้น ยิ่งไปเข้าใจส่วนอดีต ส่วนอนาคต หรือทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตไม่ได้ ที่เข้าใจไม่ได้ก็เพราะไปหลงด้วย หลงส่วนอดีต หลงส่วนอนาคต แล้วก็ไปจมอยู่กับอดีตกับอนาคต เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้เลย 

ผู้พ้นอดีต พ้นอนาคต ก็จะรู้ว่า อ๋อ.. อดีตกับอนาคตก็คือสภาพที่เป็น กาละชนิดหนึ่ง ที่มันไม่เป็นความจริง ไม่มีปัจจุบันชาติ เพราะฉะนั้นต้องมามีปัจจุบันชาติ มาเป็น ทิฏฐธรรม มาเป็นปัจจุบันชาติจึงจะเป็นความจริง แล้วทำความจริงนั้น ถ้าสัมมาทิฏฐิก็จะทำความจริงได้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ก็จะรู้ชัดว่ามันต่างกันอย่างไร และมันจะเป็นที่สุดได้ต้องเป็นปัจจุบัน ทำที่สุดให้กิเลสหมด จนกระทั่งมีประสิทธิภาพของจิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:23:58 )

ศาสนาพุทธนี้จะต้องปฏิบัติศีล สมาธิปัญญา เป็นการศึกษา 3

รายละเอียด

วันนี้วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก เท่าที่อาตมาอธิบายมาแล้วอาตมาก็ว่าเข้าใจได้เพียงพอ ตั้งแต่ศีลสมาธิปัญญา เราเข้าใจคำว่าศีลคืออะไร แล้วศาสนาพุทธนี้จะต้องปฏิบัติศีล สมาธิปัญญา เป็นการศึกษา 3 ไม่มีการศึกษาอื่นในศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธมีการศึกษา 3 อย่างนี้ แล้วอย่าไปตัดของท่านทิ้งนะ ทุกวันนี้เขาตัดทิ้งหมด พวกที่สอนสมาธิ เขาก็ไปนั่งสมาธิ พวกชอบปัญญา ก็ไปอ่านไปตีความๆ แล้วก็ท่องจำด้วย อ่านตีความท่องจำก็อย่างหนึ่ง ได้ความรู้ทางตรรกะทางพยัญชนะทางภาษา ศาสนาพุทธก็เหลือ 2 อย่างนี้ ใหญ่ๆ แต่พวกที่ไปนั่งหลับตาสมาธินั้น มันฝืนจากความเป็นคนที่เป็นสัตว์โขลง แต่ว่านั่งสมาธิไปเข้าใจอย่างเดียรถีย์ต้องหนีปลีกเดี่ยวไปอยู่ผู้เดียวเลย ไปผู้เดียวมาผู้เดียว โง่ผู้เดียว ก็เลยโง่อยู่ผู้เดียวไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา ส่วนพวกหลงบัญญัติภาษาก็เอาแต่ภาษา สอบเปรียญ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เอาปริญญาตรีโทเอกเลย แล้วก็นึกว่าได้แล้วสำเร็จแล้ว มันเพี้ยนไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:15 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:13 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:31:41 )

ศาสนาพุทธบรรลุธรรมะ 2 อย่างไร

รายละเอียด

สรุปรวมทุกอย่างเป็น ทฺเว ธัมมา แปลว่าลักษณะสอง

ลักษณะ 2 นี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะ 2 อยู่กับลักษณะ 2 สามารถชัดเจนใน 2 ไม่ว่าจะเป็นพยัญชนะหรือสภาวะ 2 มันมีรูปกับนาม มันมีสิ่งที่มีกับไม่มี มันเป็นชีวกับไม่มีชีวะ

เป็นสภาพคู่ทั้งนั้นหากปฏิบัติ 2 ให้จบได้ก็จบเลย ทุกวันนี้ปฏิบัติไม่ได้เพราะว่าค่ายหนึ่ง เป็นค่ายเทว เป็นค่าย งงๆ

อีกค่าย อเทวะคือศาสนาพุทธชัดเจนในสองแล้วทำสองให้เป็นหนึ่งได้ก็หมดเมถุน พ้นทุกข์ ศาสนาพุทธทำให้ธรรมะ 2 เป็น 1และเป็น 0 ได้ เข้าใจเทวดา เข้าใจความเป็นสอง เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่เอามาเปรียบเทียบกัน คุณจะเปรียบเทียบอะไรกับ 2 อันนี้ อันใดเป็นกุศลอันใดเป็นอกุศล คุณก็อยู่กับกุศล สุดท้ายศาสนาพุทธเลิกเลยจบเลยก็ทำได้ นี่คือสุดยอดความรู้ของมนุษยชาติในโลก ศาสนาพุทธ บรรลุธรรมะ 2 ทำให้เป็นหนึ่งทำให้เป็น 0 ได้ก็จบเลย แล้วก็รู้ความหลากหลายจากแต่ละบุคคล หลากหลายมากมายเยอะแยะเต็มโลกนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นรู้ความเป็น 2 ความเป็น1ความเป็น0ก็รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุดจบเลย นี่คือศาสนาพุทธ จบแล้ว พูดธรรมะพระพุทธเจ้าจบแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:02:52 )

ศาสนาพุทธปฏิเสธความสุขเพราะความสุขกับความทุกข์เป็นอันเดียวกัน

รายละเอียด

คำว่าความสุขนี้ ในบรรดาศาสนาทั้งหมดในโลกจะมีศาสนาพุทธเท่านั้นที่ปฏิเสธความสุข และศาสนาพุทธทุกวันนี้ก็ได้ลืมไปแล้วว่าศาสนาพุทธปฏิเสธความสุข เพราะความสุขกับความทุกข์เป็นอันเดียวกัน เป็นมายาทั้งคู่ พยัญชนะของพระพุทธเจ้าชัดเจนเลยว่าสุขคือ สุขขัลลิกะ สุขเป็นความตอแหล เท็จ เป็นเรื่องหลอกลวงเป็นเรื่องไม่จริงเป็นมายา สุขขัลลิกะ สุขมันเป็นเรื่องไม่จริง แล้วทำไมไปเรียกทุกข์ว่าเป็นอริยสัจ แต่สุขไปเรียกอัลลิกะ ก็เพราะว่าโดยเอาอรรถะโดยความหมายอย่าไปสนใจเรื่องสุข มันเป็นเรื่องตอแหลเรื่องหลอกเรื่องมายาเรื่องไม่จริง จริงๆแล้วสุขกับทุกข์มันเป็นอันเดียวกันมันเป็นเรื่องเดียวกัน  เทฺว ทุกศาสนาในโลกไม่รู้จักเทวดาจมอยู่ในเทวไม่รู้จัก 2 แต่ยึดเป็นหนึ่ง เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นหนึ่งมีอำนาจมีความพิเศษมีคำสอนมีอำนาจตรงนี้ตีไม่แตกเลย ศาสนาพุทธแตกแบ่งออกเป็น 2 และก็แยกเรียนให้รู้ทีละ 2 เทวธัมมาไปเรื่อยๆ จนเข้าถึงปรมัตถ์กายเวทนาจิตธรรมก็แยกเป็นทีละ 2 จนครบ 108 เวทนา 108 จึงได้รู้ว่าสัจธรรม จบสมบูรณ์อยู่ที่เวทนา อยู่ที่ความรู้สึก ความรู้สึกที่คนไม่รู้จักเลยคือความรู้สึกสุข คนที่ไปยึดถือความรู้สึกสุขก็เป็นพวกสุขนิยม ยึดความสุขเป็นความเที่ยงแล้วเป็นความสุขนิรันดร ผู้ที่เป็นเทว 1 ที่ยอดสุดแล้วคือพระเจ้า ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นเจ้าแห่งสวรรค์เป็นเจ้าแห่งความสุข คนทุกคนอยากได้ความสุขต้องขอจากพระเจ้าอวยพรจากพระเจ้า พระเจ้าต้องให้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้ใดเป็นทุกข์ก็เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าถูกพระเจ้าลงโทษ เพราะฉะนั้นจงพยายามอ้อนวอนพระเจ้าเอาใจพระเจ้า หรือจริงๆก็คือปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าให้ตรงให้ดีที่สุด แล้วคุณก็จะสุขตามคำสอนพระพุทธเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของสุข 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:29:28 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:33:24 )

ศาสนาพุทธประจักษ์แจ้งรู้จริงในสิ่งใดบ้าง

รายละเอียด

ซึ่งศาสนาพุทธรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“กรรม”ใน“วิบาก” รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงในการเวียนเกิด-เวียนตาย และมี“การสั่งสมวิบากเป็นของของตน” รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงในการทำดี-ทำชั่ว หรือทำบาป-ทำบุญ ว่า “ดี-ชั่ว”

คือขั้นโลกียะ ส่วน “บาป-บุญ” คือขั้นโลกุตระโดยเฉพาะการทำ“บุญ”อย่าง“สัมมาทิฏฐิ” ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง “กิเลส”ด้วย“ปัญญาอันยิ่ง” จึงกำจัดกิเลสได้หมดสิ้นแท้จริง   

“พุทธ”จึงทั้งเป็น“ศาสนาที่สามารถเปิดเผยชัดเจนที่สุด”ไม่มีอะไร“ลึกลับ” ไม่อะไรปกปิดอำพราง ให้คลุมเครืออยู่เลย ทั้งเป็น“ศาสนาที่สุดที่สูง”ใน“ความเสมอภาค”เท่าเทียมกันของความเป็น“คน” ที่ใครๆก็มีสิทธิ์จะเป็นผู้พิชิต“ความสำเร็จสูงสุดในความเป็นเจ้าของความรู้-ความจริงสุดๆ” เพียงแต่ว่า คนผู้นั้นจะอุตสาหะพากเพียรจนถึงที่สุดได้สำเร็จจริงมั้ย เท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 261 หน้า 209


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:21:41 )

ศาสนาพุทธผิดเพี้ยน 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธผิดเพี้ยน  คือ เป็นการผิดเพี้ยนตามกาลเวลาโดยมันเป็นไปแล้ว ฤาษีลิงดำ เขาว่าอย่างนั้นเขาก็บอกไปว่า พบสมณโคดม ก็อย่างนี้แหละศาสนาพุทธก็ผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลาอาตมาก็ต้องมาแก้ไขสิ่งใดที่เขาว่าไป พระอาจารย์ต่างๆจะว่าอย่างไร จะใหญ่แค่ไหนก็ช่าง  ท่านไม่มีปัญหา ผิดก็บอกว่าผิดอย่างที่ท่านวิจัยวิจารณ์ไห  จะเป็นพระใหญ่ขนาดไหนก็แล้วแต่ท่านว่ามันผิดหรือถูกก็วิจารณ์ไปอะไรก็ก็ว่าไปตามถูก อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะเราเอาที่สัจธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:20:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:20:08 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:34:41 )

ศาสนาพุทธพิสูจน์เรื่องความจนความรวยชัดเจนอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาพุทธพิสูจน์ได้ชัดเจนในเรื่องความรวยความจน เรื่องที่จะสร้างฐานะไม่สะสมเงินทอง อยู่ในวรรณะ 9 ยืนยันเลย เป็นคนไม่สะสมและยอดขยัน เป็นคนที่อยู่รอดได้ สังคมคนจนที่ไม่สะสมนั้นจะอยู่รอดได้ต้องเป็นคนที่เก่งมาก ยิ่งตัวคนเดียวแล้ว ก็ยิ่งเก่งมากถึงจะอยู่รอดได้ แต่อย่างเรานี่สบายมาก เป็นสาธารณโภคี พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ ป่วยเจ็บก็มีส่วนกลางดูแลกัน แก่เฒ่าก็มีส่วนกลางดูแล เป็นคนที่ยืนยันสำหรับมนุษยชาติ อย่างที่ชาวอโศกทำได้ ถึงขั้นสาธารณโภคี ยุคนี้สามารถทำให้ฆราวาสเป็นสาธารณโภคีได้ สมัยพระพุทธเจ้าเป็นสังคมยุคทาส ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน มนุษย์ไม่มีสิทธิในทรัพย์สมบัติในการแสดงออก เป็นต้น ยุคทาส ทาสทำด้วยมือเหน็ดเหนื่อย แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเลย ทุกอย่างเป็นของนายทาส แต่ยุคนี้ รู้จักสิทธิมนุษยชนแล้วและไม่เป็นยุคทาสด้วย เป็นยุคประชาธิปไตย ผู้บริหารประเทศที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่ผู้ที่ยึดในสิทธิเด็ดขาด อย่างเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในประเทศในโลกนี้ บรูไน ก็มีกษัตริย์ แต่เขาไม่เดือดร้อน เพราะว่าเขารวยเนื่องจากมีบ่อน้ำมันเยอะ มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศ เพราะฉะนั้นทุกคนมีเงินหมด คนที่เกิดอุแว๊ออกมาก็มีเงินแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 16:56:59 )

ศาสนาพุทธมาพร้อมกับพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมาพร้อมกับพระพุทธเจ้า แต่ตอนแรกเป็นลิงลมอมข้าวพอง ยังถูกโลกครอบงำอยู่ ท่านก็ไปมีสมบัติพัสถาน ไปมีบัลลังก์ ไปมีภรรยา ไปมีลูก พอมีลูกขึ้นมา 1 คน ท่านก็สะดุดขึ้นมาเลย ไม่ไหวแล้ว ท่านก็อุทานขึ้นมา ราหุลัง(ห่วง) พันธนัง(ผูกมัด) ชาตัง(เกิด) แปลว่าห่วงเกิดมามัดคอแล้วนี่ ท่านก็เลยรู้สึกตัวออกไปกับนายฉันนะและม้ากัณฐกะเลย ออกป่า ทรงผนวชเองเลย ท่านอธิษฐานเอง เป็นพระพุทธเจ้าเองเลย ตัดพระเกศาให้สั้น จริงๆก็คือโกน แต่ตอนแรกจะโกนหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่พราหมณ์เขาไม่ตัดผมกันหรอก เขาไว้ผม แต่นี่ท่านตัดผมเลย 

เพราะพวกเป็นพราหมณ์ไว้ผมและเป็นมิจฉาทิฏฐิกันตอนนั้น ท่านก็ต้องทำอีกอย่างหนึ่ง ให้ต่าง คนไว้ผมก็คือคนลักษณะหนึ่ง ปล่อยให้ยาวเลยไว้ให้เต็มที่ อันนี้ก็ไม่มีเลยโกน ยาวแล้วก็โกน อย่างนี้เป็นต้น เป็นคนละลักษณะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 04:22:32 )

ศาสนาพุทธมีการตำหนิและการชม

รายละเอียด

ก็ดี แต่ศาสนาพุทธต้องมีการตำหนิและการชม นิคคัณหนิคหารหัง ปัคคัณเหปัคคหารหัง ไม่ใช่ว่าลำเอียงไม่ว่าใครเลยคนนั้นเป็นคนขาเป๋ไม่สมบูรณ์ เพราะว่าสัจจะมันมีทั้ง 2 ด้าน ต้องเรียนรู้ทั้ง 2 อย่าง หากผู้ใดที่ได้รับคำตำหนิไม่ได้เลยคนนั้นไม่เจริญ หรือไม่มีการติเตียนกันเลย สังคมนั้นโลกนั้นก็ไม่เจริญ ไม่มีการเรียนรู้สิ่งที่ควรจะต้องแก้ไขที่จะปรับปรุง ต้องรู้นะว่าสิ่งที่ไม่ถูกต้องต้องบอกกัน สังคมนั้นตายเลย เป็นสังคมที่ไม่มีเจริญได้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:36:49 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:35:27 )

ศาสนาพุทธมีการแบ่งแยกกันด้วยความรู้ด้วยวิชชา

รายละเอียด

การแบ่งเขาแบ่งเรา มันเป็นการแบ่งด้วยความรู้ ด้วยปัญญา ด้วยวิชชา เขาคนไหนเขาปฏิบัติได้แล้ว ได้แล้ว ก็ยก เขาคนไหนยังปฏิบัติไม่ได้มันก็ต้องแตกต่างกัน มันไม่ได้ไปแบ่ง แต่มันก็แบ่ง ภาษามันแบ่งมันแยกให้ชัดเจนว่ามันต่างกัน แม้แต่ดีชั่วมันก็ยังต่างกัน แต่ผู้ที่ล้างกิเลส ไม่ใช่แค่แยกทำดีแล้วก็ไม่ทำชั่วให้ได้เท่านั้น โลกุตระของพระพุทธเจ้านั้นทำดีด้วยไม่ต้องทำชั่วให้ได้เด็ดขาดเที่ยงแท้ และต้องดับสุขดับทุกข์ อันนี้เป็นโลกุตระ ดีชั่วนั้นเป็นแค่โลกียะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 09:15:00 )

ศาสนาพุทธมีความละเอียดลออจึงเป็นประโยชน์มากที่สุด

รายละเอียด

ของชาวพุทธนอกจากจะกดข่มแล้วยังรู้จักวิปัสสนารู้อาการของจิต วิจัยอาการจิตได้ว่าจิตใจตัวโง่ตัวนี้อย่าไปทำ มันมีความชัดเจนรายละเอียดของอาการจิตทั้งบทบาทอาการต่างๆของจิตวิญญาณที่มันทำ

ศาสนาพุทธมีความละเอียดลออจึงเป็นประโยชน์มากที่สุดแต่คนก็รู้ยากคนเข้าใจไม่ได้ เพราะว่าโลกุตระนั้นรู้ได้ยากเขาก็เลยยอมจมอยู่อย่างนั้นอยู่กับความทุกข์ความสุข ทำไงได้ คนที่รู้ฉลาดก็ต้องมีน้อยกว่า

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน คนต้องรับมรดกกรรมของตน


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:25:17 )

ศาสนาพุทธมีจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

สั่งสมเป็นสมาธิจนเป็นอุเบกขาซึ่งเป็นองค์สุดท้ายของฌานที่ 4 เป็นฐานนิพพาน จนกระทั่งถึงจิตวิญญาณทะลุไปถึงอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ตั้งแต่มีศีล อปัณกธรรม 3 สัทธรรม 7 ฌาน 4 วิชชา 8 ปฏิบัติแล้วเกิดจิตที่สะอาดจากกิเลส บริสุทธิ์ตกผลึกตั้งมั่นเป็นอุเบกขาฐานซึ่งมีคุณสมบัติ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา

ปภัสสรา บริสุทธิ์และบริสุทธิ์อีกแม้จะมีเหตุปัจจัยคลุกคลีเกี่ยวข้องสัมผัสสัมพันธ์ทำงานมีปฏิกิริยากับสังคมกับสิ่งที่แปดเปื้อนอย่างไรก็ยังขาวผ่องผุดผ่อง ปริโยทาตา จิต แกนของจิต มุทุ แปลว่าอ่อน เป็นสิ่งที่เล็กที่สุดอ่อนที่สุดไวที่สุดรู้มากที่สุดรู้เร็วที่สุด มุทุภูตธาตุ ทั้งศรัทธาเจโตทั้งปัญญาร่วมอยู่ในนั้น จิตจึงมีการกระทำด้วย อัญญา ด้วยธาตุรู้ที่เจริญงอกงามไปได้เรื่อยๆ กัมมัญญา ก็จะยิ่งเกิดความ ปภัสสรา มีโลกอันสดใสงดงาม เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ไปได้เรื่อยๆนี่คือคุณสมบัติ 5 ของ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ที่อาตมาเอาสภาวธรรมต่างๆมาขยายความ พยัญชนะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งหมด นี่คือคำตรัสสอนเป็นบาลี ของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น อาตมาก็เอามาขยายความเป็นภาษาไทยๆ ที่สามารถเข้าใจกันได้จะได้เอาไปประพฤติปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ประโยชน์ เมืองไทยจึงเป็นเมืองประภัสสรเพราะศาสนาพุทธ มีเชื้อของโลกุตระไม่ว่าจะทางด้านเศรษฐกิจ รัฐกิจ สังคมกิจ ยังเจริญกว่าทุกประเทศในโลกเลย อาตมาพูดนี้ไม่ได้พูดเล่น พูดใหญ่ แต่คนเขาไม่เข้าใจ เป็นประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเมืองเจริญที่สุด ประชาธิปไตยสูงที่สุดดีที่สุด ทุกวันนี้สูงเยี่ยมยอด


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 07:46:55 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:19 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:39:12 )

ศาสนาพุทธมีจรณะ 15 วิชชา 8 ที่ประจักษ์สิทธิ์

รายละเอียด

“ศาสนาพุทธ”เป็นศาสนาที่มี“จรณะ 15 วิชชา 8 เป็น “พุทธคุณ”แท้ๆที่ประจักษ์สิทธิ์ สำเร็จผลได้เป็นที่ประจักษ์จริง

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตาม“จรณะ 15 วิชชา 8”สัมมาทิฏฐิก็เป็นคนมี“ศีล”เป็นที่ประจักษ์​ มี“การสำรววมอินทรีย์ 6”เป็นที่ประจักษ์ มีการศึกษาปฏิบัติลดละกิเลสในขณะกินอาหารในขณะใช้วัตถุข้าวของ มีการพากเพียรเป็น“ผู้ตื่นอยู่”เสมอมี“วิญญาณฐีติ 7”ในขณะ“ลืมตา”ปฏิบัติกับ“กาย”กับ“สัญญา”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 15:01:14 )

ศาสนาพุทธมีทางจบเทวนิยมไม่จบ

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายถึงขั้นสัตว์เซลล์เดียวนี้ ในอนาคตอาจจะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เป็นอจิณไตยก็ได้ใครจะไปรู้ อันที่จับตัวเป็นอัตภาพตัวเองแล้ว จะมีวิบากอีกกี่ล้านๆๆๆๆชาติก็ไม่รู้ มหายานว่า สัตว์ทุกตัวต่อไปจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหมด ซึ่งที่จริงมันไม่ใช่หรอก เพราะว่าสัตว์มันมีเยอะ พระพุทธเจ้าต้องคัดเลือกไป มันจะอยู่อีกไปกี่ล้านๆๆชาติวนในวัฏฏสงสาร แต่ไม่รู้วิธีสลายตัวเองได้ก็อยู่ไปนิรันดร เป็นสัตว์นิรันดร ถ้าไม่มาพบพระพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะแตกอัตภาพให้เป็นอุตุไปเลย จบ ไม่เหลืออัตภาพ มีวิธีการตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสาน ศาสนาพุทธมีทางจบ เทวนิยม ไม่จบ อย่างเก่งตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ส่วนเรื่องของนรกเรื่องของซาตานนั้นไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ศึกษาก็เลยไม่รู้เรื่อง พวกเทวนิยมจึงเป็นคนหลงมีทิศทางเดียวเอาแต่สุข แล้วก็ พยายามรู้โดยปริยาย รู้ว่าอันนี้ไม่ดีอย่าทำมันชั่ว คนที่เข้าใจก็พยายามละความชั่วประพฤติความดี เสร็จแล้วบางทีก็ลืม ก็เลยเหลิงว่าได้ดีแล้วก็เลยเผลอไปทำชั่วอีกวนอยู่ไม่รู้จบนิรันดร มากกว่ามาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:28:01 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:42:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:44:28 )

ศาสนาพุทธมีนิพพาน

รายละเอียด

ก็ด้วย“กรรม”และด้วย“ธรรม”นี้เอง(กรรมกับธรรมก็คือธรรมะ 2 คือเทฺว) จึงเป็น“โลกุตรธรรม” ที่“อยู่หนือ(อุตตระ)”ภาวะที่เป็น“เทฺว”หรือภาวะ แห่ง“ความมี”อย่างเป็นนิรันดรเช่นกัน ได้แท้“นิรันดร”ใน“เทฺว”ที่เป็น“พระเจ้า” คือ “ความมี”ที่ตีไม่แตก

แยกไม่ได้อยู่ชั่วกาลนาน เพราะมี“อัตตา”ตราบนิรันดรอยู่จริง แต่“นิรันดร”ใน“อเทฺว”ที่เป็น“นิพพาน” คือ “ความไม่มี”ที่ตีแตก แยกได้ ก็นิรันดรนะ เพราะไม่มี“อัตตา”ไปตราบนิรันดรได้แท้ ซึ่งตรงกันข้ามกันคนละขั้ว “ดำกับขาว”ที่ลัทธิ“เทฺวนิยม”หมดสิทธิ์ที่จะมีนิพพาน” เพราะมี“พระเจ้า”เป็นปรมาตมันไปนิรันดร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:51:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:45 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:49:01 )

ศาสนาพุทธมีนิรันดร์ไหม

รายละเอียด

ที่คุณจะบรรลุสูงสุดสูญได้เลย หรือจะอยู่ก็อยู่อย่างผู้มีประโยชน์ ศาสนาพุทธมีนิรันดร์ไหม มี พระอวโลกิเตศวรนี่เป็นนิรันดร เจ้าแม่กวนอิม ท่านมีปณิธานว่าท่านจะ รื้อขนสัตว์จนหมดคนสุดท้าย แล้วท่านจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:16:45 )

ศาสนาพุทธมีบริวารน้อยกว่าศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาเล็ก ไม่ใช่ศาสนาใหญ่เหมือนเทวนิยม ศาสนาเทวนิยมนี้ใหญ่กว่าศาสนาพุทธทุกองค์ พระพุทธเจ้าทุกองค์ไม่ได้ใหญ่กว่าศาสนาเทวนิยม ที่ใหญ่หรือเล็ก เอาอะไรเป็นเครื่องหมาย คือ เอาคนยอมรับนับถือมีบริวารมาก ศาสนาพุทธมีบริวารน้อยกว่าศาสนาเทวนิยม ที่นับถือกันว่าเป็นศาสนาแล้วนะ ไม่ใช่แค่ลัทธิ ศาสนาพุทธน้อยกว่า เล็กกว่า มีบริวารน้อยกว่าทุกศาสนา เทวนิยม มีมากกว่าทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:10:55 )

ศาสนาพุทธมีประสิทธิภาพประสิทธิผลที่เยี่ยมยอด

รายละเอียด

สรุปแล้วการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมนี่ เลิกได้ไหมไปหลับตาปฏิบัติมันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ศาสนาพระพุทธเจ้านั้น ไม่เกิดอย่างนั้น อาตมาพูดนี้เมตตาเห็นใจ ทำไมไปหลงผิดงมงายกับการนั่งหลับตา เมื่อไหร่จะรู้สักที มันป่วยการและเสียเวลา และยังพากันหลงผิดงมงายเลอะเทอะไปหมด มันเลยเสียศาสนาพระพุทธเจ้า อาตมายากจริง เกิดมาในชาตินี้คนยังหลงผิดอีกมาก ที่พอรู้กันก็มีแค่นี้ น่าสงสารน่าเสียดาย มันเสียศาสนาเสียเวลาเสียแรงงานเสียทุนรอน โดยเฉพาะ เสีย Effectiveness เสียประสิทธิผลที่ควรจะเกิดควรจะมี มันไม่เข้าท่าเลย เสียดายศาสนาพุทธ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดแล้ว กลายเป็นเสียประสิทธิผลไป มันน่าเสียดาย เราพูดในวงของพวกเรา พูดออกอากาศไปฝากสายลมแสงแดดไป เผื่อหูกระทะจะกระทบบ้างกระทบกระทอ เครื่องสานชนิดหนึ่ง กระทะกระทอมันมีหูแต่มันไม่รู้เรื่อง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:12:06 )

ศาสนาพุทธมีปัญญาอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความรู้ในระดับ เฉกะหรือเฉโก เขาไม่ใช้กันแล้วคำนี้เขาไปใช้ปัญญากันหมด ซึ่งเขาเอามาใช้เรียกความฉลาดแบบโลกีย์แบบปุถุชน แบบเทวนิยม แบบโลก เจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ฉลาดเฉลียว สามารถที่จะมี ลาภได้เยอะ เป็นคนร่ำรวยมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงๆได้รับคำสรรเสริญเยินยอมากมาย ก็บอกว่ามีความฉลาดซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย 

ศาสนาพุทธมีปัญญา ไม่เอาสิ่งเหล่านั้นต่างหาก แม้มีแม้ได้ ก็ไม่ใช่ว่า เป็นหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว เอาไม่ได้ก็เลยบอกว่าเป็นของไม่ดี ไม่ใช่ แต่จะเอาก็ได้เลย มีความรู้ความสามารถมีทุกอย่างพร้อมที่จะเอา แต่เราไม่เอา เราไม่สะสม เราไม่กักตุน เราเป็นคนยอดแห่งนักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐกิจ ได้ สร้างสรรขึ้นมาได้แล้วเป็นเจ้าเข้าเจ้าของด้วย มีสิทธิ์ที่จะสะพัด เผื่อแผ่แจกจ่ายผู้อื่นไป   ตัวเองไม่ต้องสะสม จนกระทั่งมีคนที่เป็นเช่นนี้ มีวรรณะ 9 อย่างพวกเรา มาพิสูจน์ได้ในยุคนี้เลย ในยุคทุนนิยมสามานย์นี่ แย่งลาภยศสรรเสริญสุขกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 14:12:39 )

ศาสนาพุทธมีมาตั้งแต่เกิดเมืองไทย

รายละเอียด

ก็ผู้ที่เชื่อ ฟังแล้วเห็นดีเห็นงามก็เอา ผู้ไม่เห็นดีเห็นงามก็เป็นอิสระเสรีภาพที่จะไม่เอา แต่อาตมาก็ต้องชวนกันให้เห็นดี ประชาชนคนไทย และเรามีเค้าแล้วมีต้นทุนแล้ว จากจิตที่อาตมาเท้าความยืนยันว่า ศาสนาพุทธมีมาตั้งแต่เกิดเมืองไทย คนไทยฝังรากลึกในอนุสัย เพียงแต่จำไม่ได้ แต่มันก็มีอยู่ มีเชื้อเหลืออยู่ในความจำ เรียกว่าสัญญา แม้มันเหลือน้อยก็เป็นเชื้อชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:39:18 )

ศาสนาพุทธมีลำดับขั้นตอน

รายละเอียด

คำว่า ลาด ลุ่ม ลึก ไปโดยลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว นั้นก็คือ ลำดับของการศึกษา(สิกขา)ก็ดี ลำดับของการประพฤติที่ได้ทำกันจริงๆ(กิริยา)ก็ดี และลำดับของวิธีการแห่งปฏิบัติทั้งหลาย(ปฏิปทา)ก็ดี ล้วนดำเนินไปเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระดับราบรื่น เรียบ ร้อย ง่ายงาม ดีมาก ไม่สะดุดตะปุ่มตะป่ำ ไม่ขรุขระ ไม่อีโหลกโขลกเขลก ไม่กลับไปกลับมา ไม่ต่ำตกวูบแล้วก็พุ่งขึ้นสูงปรี๊ด หกคะเมนตีลังกาอย่างไม่เป็นท่า หรืออะไรอย่างนั้น แต่เป็นระบบระเบียบเรียบราบดี ไม่วุ่นวนสับสนไปมา เดี๋ยวกลับหน้า เดี๋ยวกลับหลังนั่นคือ หลักเกณฑ์สำคัญหลักแรกยิ่งใหญ่คือ “ศีล-สมาธิ-ปัญญา”

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:59:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:07 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:50:01 )

ศาสนาพุทธมีวิธีการเดียว

รายละเอียด

 “มรรค มีองค์ 8" นั้นคือ "ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น"(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) เล่ม 25 ข้อ30 ทางมีองค์แปด ประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีมรรคมีองค์ 8 เป็นทางปฏิบัติทางเดียวเท่านั้นไม่มีทางอื่น ซึ่งทางมรรคมีองค์ 8 มีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ปฏิบัติตามนี้แล้วจะเกิดสมณะ 4 เหล่า พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ลัทธิอื่นศาสนาอื่นไม่มีมรรคมีองค์ 8 ทางที่นอกจากมรรคมีองค์ 8 ไม่ใช่ของพุทธจึงเป็นทางอื่น จึงต้องบอกว่าอย่าไปหลงทางผิด ให้อธิบายมรรคมีองค์ 8 ให้ตรงกันอย่างเดียว แม้แต่บอกว่า มรรคมีองค์ 8 อย่างเดียวกันยังอธิบายต่างกันเลย ก็ต้องให้มีสัมมาทิฏฐิตรงกัน ปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์จึงจะเกิดสัมมาสมาธิ อยู่ในมหาจัตตารีสกสูตรพระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 252 ถึง 281 ท่านตรัสไว้ชัด สมาธิของพระพุทธเจ้าต้องปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ จึงจะเกิดเป็นสัมมาสมาธิ เริ่มต้น เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นข้อแรกก็เป็นประธาน ก็ต้องให้เข้าใจสัมมาทิฏฐิ 10 

นี่แหละสำคัญ​ยิ่งยุคนี้ยิ่งสำคัญมาก ก็เพราะว่าผู้ที่จะเข้าใจสัมมาทิฏฐิ 10 จริงอธิบายอย่างสอดคล้องได้จะต้องเป็น สยังอภิญญาในข้อที่ 10 โลกใดที่ไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ) โลกนั้นก็เป็นโลกที่ไม่มีสัมมาทิฐิ 

แต่ถ้าโลกไหนมียุคไหนมีผู้ที่เป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  พ่อครูยืนยันว่าอาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ) ไม่ได้มีกิเลสในจิต ไม่มีสาเฐยจิต ไม่ได้อยากอวดโอ่ แต่บอกความจริงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นการที่ไม่รู้จักสมณะผู้ที่เป็น สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา ทั้งๆที่ประกาศบอกให้ฟังตรงๆก็ยังไม่เชื่อ ยังไปนับถือผู้ที่เห็นต่างปฏิบัติต่าง ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ก็เลยปฏิบัติ สัมมาทิฏฐิ 9 ข้อต่างกัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 22:07:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:45:16 )

ศาสนาพุทธมีสาระคือนิพพาน

รายละเอียด

ใช่ มีลักษณะหนึ่งเท่านั้น เอกสโมสรณา ท่านให้พิจารณาเวทนาในเวทนา ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 ทำให้ความทุกข์ความสุขไม่มี ให้กลายเป็นหนึ่ง ไม่มีทุกข์ไม่สุข แต่ก็รู้ชีวะรู้ความเป็นชีวะคือมีชีวิตอยู่แต่ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่ดูดไม่ผลัก ไม่บาปไม่บุญ จิตน้ันก็อาศัยอยู่ด้วยความเป็นชีวะในจิต จิตนี้เป็นอรหันต์ เป็นอุเบกขาบริสุทธิ์จากกิเลสเป็นเนกขัมมสิตอุเบกขาเวทนา สมบูรณ์แบบ ไม่มีบาปไม่มีเวรไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ถ้าเป็นจิตนิยามเป็นคน ก็สร้างพลังงานเป็นฌาน เป็นบุญ กำจัดกิเลสหมดแล้ว จิตก็เป็นจิตอุเบกขาถาวร ศาสนาพุทธมีสาระคือ นิพพาน ถ้าผู้ใดไม่ได้ปฏิบัติมีนิพพาน ศาสนาพุทธไม่มีนิพพาน ก็อาศัยศาสนาเพียงเท่านั้น ไปอาศัยศาสนาโลกีย์ที่ไหนก็ได้ ดีไม่ดีไปอาศัยศาสนาเทวนิยม เขายังจะเคร่งทำให้คุณดีขึ้นด้วย แต่มาอยู่ในศาสนาพุทธทำไสยศาสตร์วิชาเละเทะเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:10:05 )

ศาสนาพุทธมีแต่วินัย ไม่มีศีล

รายละเอียด

ทุกวันนี้ไม่มีศีลแล้ว ตอนนี้ศาสนาพุทธมีแต่วินัยไว้บ้างห้อยหูไม่เอาจริง ปาราชิกสังฆาทิเสสเละกันอยู่ในโน้น ไม่ต้องไปว่ากันมาก เหลือแต่พิธีกรรมเพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้เหลือแต่อาศัยพิธีกรรมเท่านั้นทำกับทั้งสังคม รักษาฐานะของตัวเองด้วยพิธีกรรม ทำกับทุกคน มนุษย์ทุกคน และทำรักษาสถานะของตัวเองด้วยการเป็นเจ้าพิธีกรรม เป็น MC ว่างั้นเถอะ Master of Ceremony เป็นเจ้าพิธีกรรมอยู่เท่านี้ นี่คือศาสนาพุทธทุกวันนี้อยู่เท่านี้ ถ้าไม่มีพิธีกรรมเสียอย่างเดียวศาสนาพุทธไม่เหลือแล้วทุกวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 20:05:12 )

ศาสนาพุทธมีโลกียกรรมกับโลกุตระกรรม

รายละเอียด

กรรมเป็นโลกียกรรมกับโลกุตรกรรม นี้สำคัญ กุศลอกุศล โลกีย์ก็ไม่ยาก แต่ต้องรู้กรรมโลกียะกับโลกุตระ ศาสนาพุทธมีอันนี้ ส่วนศาสนาอื่นมีทั้งดีทั้งชั่ว เราก็ศึกษาทำกรรมนั้นให้ดีที่สุดก็มาเรียนรู้เรื่องกรรมนี่แหละเป็นเรื่องใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:31:36 )

ศาสนาพุทธยืนยาว 5,000 ปี

รายละเอียด

หลัง 500 ปีของการกอบกู้พระพุทธศาสนา พ่อครูจะไม่กลับมาเกิดอีกหรือไม่ นั่นหมายความว่า “ โพธิกิจ” ของการสืบสานศาสนาให้ครบ 5,000 ปีเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นการเพิ่ม”โลกวิทู” สั่งสมบารมีในภพภูมิต่างๆที่มิใช่มนุษย์ของพุทธกัปป์นี้ เพื่อยกระดับขึ้นเป็น”มหาโพธิสัตว์”นั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ อนิจจตา ไม่เที่ยง อาตมาพูดไปคร่าวๆ อาตมาพูด 500 ปีนี้มันนานแล้ว จนเขียน pattern เป็นรูปสามเหลี่ยม

ได้เขียนไว้นานแล้วโลโก้นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้ได้ยาก เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น)

อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9  ข้อ 34


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 18:17:42 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:15 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:55:15 )

ศาสนาพุทธรู้ครบจบดีชั่ว สุขทุกข์ จะตายสูญหรืออยู่นิรันดร์ก็เลือกได้

รายละเอียด

ปัญญา 8 เล่ม 2 ยังมีเล่ม 3 เล่ม 4 นะ จะบอกให้ หรือขอบอก ยังมี ยังไม่ได้พิมพ์ต่อ จะพิมพ์ต่อ ผู้ที่เขาพิมพ์ต่อไปก็รู้สึกจะเมื่อยแล้ว รู้สึกจะไม่ค่อยขมีขมันเหมือนเมื่อก่อน แต่อาตมาก็ต้องเข็นเขา เข็นเขาให้ทำพยายามทำเถอะ พอมีสะตุ้งสตางค์ ยุคนี้ก็ไม่มีอะไรมากนัก พวกเราทุกวันนี้จนลง แต่เหลือเพิ่มขึ้น นี่เป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ยิ่งใหญ่ พวกเรานี้ทำชีวิต ชาวอโศกนี้ทำชีวิตให้เป็นคนจนลงได้ แต่จะมีส่วนเหลือเพิ่มขึ้นนี่เป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติที่เป็นมนุษย์ที่ร่วมกันตั้งหน้าตั้งตากันมาจน แต่จะมีเงินคงคลัง จะมีเงินสะพัดดีขึ้นกว่าพวกโลกียะ เพราะว่าโลกียะมันก็แย่งกันแล้วเอาไปเก็บกักตุนเอาไปออกดอกออกผล เอาไปทำโลภโมโทสันมีพิธีการโลภใส่ตัวเองหอบกอบโกย มันก็เลยผู้ที่ไม่ฉลาดพอก็แพ้ ผู้ที่ได้เปรียบก็ได้ไป เสร็จแล้วก็มีแต่เติมความขี้โลภ ความได้เปรียบ ความชอบอกชอบใจที่ตัวเองฉลาดได้เปรียบ ฉลาดแกมโกง ฉลาดเฉโก มันก็เลยมีแต่เพิ่มโลกียะที่เป็นกิเลสหนาเข้าไปใหญ่เลย 

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าหรือศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าจึงต้องเข้ามาช่วยโลก นี่ช่วยมาได้มันเสื่อมไป 2,500 ปีแล้วอาตมาก็จะมาต่อให้ไปถึง 5,000 ปี ตามสัจจะของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ที่จะทำได้จากนี้ไปแล้วนี่มนุษยชาติเสื่อม ขั้นศาสนาพุทธเกิดไม่ได้เลย 5,000 ปีไปแล้วศาสนาพุทธ เหลือแต่โมเมนตัมของมัน ซึ่งบางจางจนกระทั่งไม่เรียกว่าเป็นพุทธแล้ว แล้วมันก็จะฆ่าแกงกันล้างโลกเลย 

ซึ่งศาสนาทางเทวนิยมเขาก็ล้างโลกเหมือนกัน แต่เขาไม่ล้างด้วยไฟบรรลัยกัลป์ เขาล้างด้วยน้ำท่วมโลก เขาบอกว่าจะมีผู้มีบุญเท่านั้นที่จะได้ขึ้นไปในเรือโนอาร์ เขาก็พอรู้ เทวนิยมก็พอรู้อย่างนี้อยู่บ้างทางสายศรัทธา แต่มันอธิบายกันไม่ออก  มันไม่จบ ของพระพุทธเจ้านั้นอธิบายอย่างเทวนิยมได้ รู้อย่างเทวนิยมรู้ทั้งหมด และก็รู้ทางโลกุตระของพระพุทธเจ้า สามารถที่จะทำตัวเองนี้ช่วยโลก แล้วตัวเองก็เลิกตัวเองไป จนจบเลย ถ้าจะไม่เลิกตัวเองจะช่วยโลกอยู่ต่อไปเป็น พระอวโลกิเตศวร ได้ก็อยู่ไปสิ ไม่มีใครห้ามไม่มีใครว่า คุณไม่ยอมที่จะประกาศตนเป็นพระพุทธเจ้าจะเป็นปัจเจกพุทธเจ้า เวียนตายเวียน เกิดช่วยโลกต่อไปอีก ไม่รู้กี่ล้านชาติก็ทำไป นี่ก็เป็นปณิธานอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่จะเป็นสิทธิเป็นอิสรเสรีภาพของคุณที่จะทำอย่างนี้ วนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้ที่จะเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอีก 

ซึ่งก็มีหลักประกันว่า

  1. ไม่ทำความชั่วอีก 

  2. ไม่เป็นสุขไม่เป็นทุกข์

  3. มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษมีภัยอะไรเลยในการที่จะเกิดวนเวียนอีก มีแต่งานหนักงานช่วยมนุษย์โลกไปเลยตลอดกาล ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งคนเลย สุดยอดแห่งความเป็นมนุษยชาติ

นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ ถ้าจะเกิดเป็นคนอีกนี้มีหลักประกันของคน คุณเกิดไปเลย จะมีปณิธานเป็นโพธิสัตว์ช่วยมนุษยชาติอยู่อีกกี่เท่าไหร่เท่าไหร่ก็เกิดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:06:29 )

ศาสนาพุทธรู้จักความจบอย่างไร

รายละเอียด

พูดไปแล้วก็น่าสงสารคนที่เขายังไม่รู้ สายเทวนิยมนี้มีจำนวนมากกว่าศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธรู้จักความจบ รู้จักวิญญาณที่แท้จริง ทำให้วิญญาณนี้หมดกิเลส กิเลสาสวะ พ้นทุกข์พ้นสุขสมบูรณ์เป็นโพธิสัตว์ จนเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ระดับ 9 เลย จะประกาศศาสนาขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ประกาศศาสนาก็เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ อย่างเช่น พระอวโลกิเตศวรยังไม่ประกาศศาสนาขึ้นมาในโลกสักที ท่านก็เลยยังไม่ได้เป็นเจ้าของศาสนาสักที แต่ก็เป็นโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นพี่ตัวเบ้ง เป็นตัวอย่างของโพธิสัตว์อยู่

อาตมาก็อธิบายลักษณะโพธิสัตว์ ลักษณะของอรหันต์ ลักษณะของจิตวิญญาณที่มันเป็นไปต่างๆนานาก็ดี แยกแยะสู่กันฟังจนให้พวกเราเข้าใจแล้วทำได้ตั้งแต่ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย บรรลุเป็นพระอรหันต์ทำได้ในยุคนี้ แต่ผู้ที่เขาไม่ศรัทธายังยึดถือตามทฤษฎีนั่งหลับตา เดี๋ยวก็จะได้พูดต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:21:02 )

ศาสนาพุทธรู้จักพลังจิตวิญญาณไม่ทุกข์ไม่สุข

รายละเอียด

มีศาสนาพุทธที่สามารถรู้จักพลักงานที่เป็นจิตวิญญาณ แล้วสามารถรู้ครบในเรื่องพลังงานจิตวิญญาณนี้ จนกระทั่งสามารถทำให้จิตวิญญาณนี้อยู่ในสภาพ พีชนิยาม ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ทำให้สภาพจิตนิยาม หรือพีชนิยามไปเป็นอุตุนิยาม ทำให้ธาตุจิตแยกเป็นดินน้ำไฟลมได้ด้วย ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วทำได้ทุกองค์ เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถเรียนรู้จิตเจตสิก รูป นิพพาน เรียนรู้พลังงานนี้ในศาสนาพุทธจึงสามารถที่จะรู้ความจริงของทั้งโลก โลกที่มีดินน้ำไฟลม รูปที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร โลกที่มีสัตว์ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานทั้งเซลล์เดียว 2 เซลล์ 5 เซลล์ 1 เซลล์ล้านเซลล์ จนกระทั่งมาเป็นมนุษย์หมดทุกอย่าง รู้กันจนกระทั่งสุดท้ายสามารถสลายอัตภาพ หมดอัตภาพหมดตัวตน สูญสลายเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่มีอะไรอีก ดับอัตตา อัตภาพได้ ซึ่งอันนี้ตรงกันข้ามกับเทวนิยมที่ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้านิรันดรไม่มีศูนย์ จิตวิญญาณ 0 ไม่ได้ เขาทำไม่ได้เขาไม่มีทางศูนย์ แล้วเขาก็เชื่อมั่นว่าไม่มีทางศูนย์ด้วยเพราะเขาไม่มีความรู้ที่พาไปหาศูนย์ ในคนเป็นๆในตอนเป็นๆก็ไม่มีความรู้อันนี้ในชีวิตเป็นๆก็ไม่มีความรู้ ถึงไม่มีพฤติกรรมไม่มีจิตใจ ที่จะเป็นคนที่ไม่มีความเป็นอัตภาพ ที่จะไม่มีอัตตา อัตนียาตอนเป็น ๆ เป็นคนที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเพื่อตนไม่ได้เห็นแก่ตัวแก่ตนเลย การงานที่ทำมีแต่ กัมมัญญา ทำเพื่อผู้อื่นทั้งนั้นเลย แต่ไม่ใช่โง่จนกระทั่งทำให้ตัวเองเสียสุขภาพ ทำให้ตัวเองทำอะไรไม่ดีไม่งาม ไม่ใช่ มีซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:09:10 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:39 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:56:34 )

ศาสนาพุทธรู้จักสุขทุกข์ เป็นอนัตตา

รายละเอียด

ศาสนาพุทธศึกษาเรื่องทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ แล้วก็ดับเหตุแห่งทุกข์ ทุกอย่างก็จบได้เลย ทุกอย่างมาแต่เหตุ ดับเหตุแล้วสมบูรณ์ ศาสนาพุทธรู้จักทุกข์ จนรู้ว่าสุขทุกข์มันเป็นอนัตตา ธาตุจิตก็สว่างอัตตาก็สว่างสูงสุดเลย เยี่ยมยอดที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธมี่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:29:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:17 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:57:11 )

ศาสนาพุทธรู้ต้นธาตุต้นธรรมแล้วรู้จบปลายธาตุปลายธรรม

รายละเอียด

พระพุทธเจ้านี้รู้จักอัตตา รู้จักตัวเอง รู้กรรมรู้วิบาก ธาตุรู้นี้สั่งสมมา เราเองทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงรู้ต้นธาตุต้นธรรม แล้วรู้จบปลายธาตุปลายธรรม รู้ที่จบหมดสิ้นไม่มีจิตวิญญาณได้นิรันดร สลายจิตวิญญาณได้นิรันดร หรือจะให้อยู่นิรันดรอย่างพระอวโลกิเตศวรก็ได้ ถ้ามีปณิธานจะอยู่อย่างนั้นก็ได้ เป็นเรื่องพิสูจน์ยืนยันจริง 

แต่พวกเทวนิยมเขาจะฟังไม่รู้เรื่องหรอก นอกจากผู้มีบารมีบ้างที่ได้เคยติดตามด้วยเคยสะสม อัญญธาตุ ธาตุที่เป็นโลกุตระเป็นธรรมะพระพุทธเจ้าบ้างก็จะค่อยๆได้ค่อยๆไหลเลื่อนเข้ามาหาพุทธ ที่สุดก็จะมาเป็นชาวพุทธ แล้วที่สุดแห่งที่สุดก็จะพยายาม ถ้าเผื่อว่ามีความพยายาม ก็จะสั่งสมความพยายามมาเป็นบารมีให้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเหมือนกันทั้งนั้นแหละ เหมือนกันทั้งนั้น ผู้ที่ไม่คิดจะเป็นก็ไม่เป็นหรอกยังไม่ถึงเวลาวาระ เหมือนคนในโลกสามัญ 

คนที่ไม่คิดจะเป็นเศรษฐีแต่อยากรวยนะ เศรษฐีก็นับว่าเป็นคนที่มีทรัพย์ศฤงคารอย่างน้อยก็ ร้อยล้านขึ้นไป มีเป็นพันล้านก็เป็นเศรษฐีจริง เป็นหมื่นล้านก็เป็นเศรษฐีแน่ๆ อะไรคนก็บอกให้ชาตินี้เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเป็นคนมีเป็นพันล้านอย่างเขาก็เยอะเลย ไม่บังอาจที่จะคิด ฉันเดียวกัน ผู้ที่มีภูมิปัญญาแล้ว ไม่มีใครอยากคิดหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:10:48 )

ศาสนาพุทธรู้ที่หยุด ที่พอ ที่จบของจิตวิญญาณ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ามาเห็นว่ามากกว่านั้นก็คือ เหตุปัจจัยของจิต แล้วก็ทำให้จิตมันเกิดกรรมกิริยาอย่างนี้เกิดแล้วก็ตายเกิดแล้วก็ตาย เกิดชาติไหนอยู่ในสังคมไหนเขาก็มีข้อกำหนดกันตามชาตินั้นสังคมนั้นก็เป็นคนดีของสังคมนั้นชาตินั้นไป ดีมากก็ได้เป็นพระศาสดาอย่างที่กล่าวไปแล้ว แล้วก็ตายไปแล้วก็ลืมเลือน หรือเผลอไผลเป็นศาสดาแล้วได้รับการยอมรับก็ลดหย่อน ก็มีอกุศลของตัวเองลดลงจนกระทั่งเสื่อม มันก็หมุนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ แล้วไม่เที่ยง แม้แต่ศาสดาแล้วก็เสื่อมลงมาได้ แต่ศาสดาไม่มีความรู้ว่า จิตวิญญาณจริงๆนั้นมันมีที่หยุดที่พอที่จบ หรือจริงๆ แล้วจิตวิญญาณนี้ เลิกเป็นอัตภาพเลยสลายหายไปเลยได้ไหม..(พวกเราตอบ... ได้) ศาสนาพุทธได้ แต่ศาสนาอื่นศาสนาเทวนิยมไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 13:55:40 )

ศาสนาพุทธรู้รอบโลกครบรู้จบจนสลายได้มีนิพพาน 

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสยืนยันว่าผู้ใดมาพบศาสนาพุทธแล้ว พบแล้วก็มีความยินดีพอใจ ต้องอย่างนี้การศึกษาสัจธรรม สัจจะอย่างโน้นเป็นสัจจะอีกอันหนึ่งที่ไม่เที่ยง แต่อันนี้แหละจะรู้รอบโลกครบรู้จบ รู้เต็มที่เลยจนสลายได้มีนิพพาน 

นิพพานคืออะไร สามารถทำปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นสุดท้ายสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ ดีนะ ตรงที่ นิพพานเป็นปริโยสาน มีหลักฐานอยู่ในมูลสูตร 10 ข้อสุดท้าย อาตมามีสภาวะอันนี้ บรรลุอันนี้มาแล้ว มีหลักฐาน จึงได้เอามาอธิบายสู่ฟัง ถ้าคนไม่มีปัญญาที่จะรู้ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ แต่พูดตามตามกันไปจะไม่มีน้ำหนัก ฟังแล้วไม่ค่อยจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง มันเป็นอย่างไรมาอย่างไรมันไม่รู้ได้ง่ายๆ แต่อาตมามีสภาวะนั้นจริง จึงอธิบายตามหลักฐานพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมูลสูตร 10

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:57:21 )

ศาสนาพุทธรู้อาการจิตทั้งหมดอย่างไร

รายละเอียด

เป็นสิ่งที่ตนเองสั่งสมมา นี่คือความไม่รู้ของอวิชชา อวิชชาคือความไม่รู้ ไม่รู้สังขารไม่รู้วิญญาณ วิญญาณนี้เป็นของตน ได้รับฝึกฝนมาเป็นของตนก็ไม่รู้จักวิญญาณ พระพุทธเจ้ามาแยกแยะวิญญาณ มันเป็นเทว จิตวิญญาณก็คือเทว เป็นธาตุคู่ ธาตุ 2 แยกเป็น นามรูป แล้วจะเกิดปฏิกิริยา มีอายตนะเมื่อผัสสะ เกิดตัณหา 

เมื่อรู้ตัณหาตัวนี้ศาสนาพุทธก็รู้ที่ต้นแห่งความเป็นวิญญาณ พอไอ้ตัวนี้มันมีแต่ความอยากๆๆเป็นตัณหา แล้วสั่งสมเป็นอุปาทาน พอสะสมเป็นอุปาทานก็ ถ้าเกิดมาก็แสดงภพ มันเกิดก็เป็นชาติ เป็นเทวะคู่สุดท้ายคือภพชาติ 

ศาสนาพระพุทธเจ้าตรัสรู้ รู้อาการจิตทั้งหมดตั้งแต่สังขาร เกิดมาปรุงแต่งเป็นสังขาร 

อุปาทาน กับตัณหา คือเทวะคู่ เป็นแกนนิ่งกับแกนเคลื่อนคู่สำคัญแล้วมันก็เกิดพาสร้างตามตัณหาตามอุปาทานที่ตัวเองมีไม่รู้เท่าไหร่ ภพชาติก็คู่หนึ่ง ตัณหากับอุปาทานก็คู่หนึ่ง ผัสสะกับอายตนะก็คู่หนึ่ง นามรูปกับวิญญาณก็เป็นคู่หนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสในอาหาร 4 เรารู้จักวิญญาณแล้วเราก็รู้จักนามรูป ก็เป็นอันรู้ทุกอย่าง 

นามรูปมาปรุงแต่งก็เรียกว่าสังขาร สังขารปรุงแต่งเป็นวิญญาณ วิญญาณก็แยกเป็นนามรูป จัดการกับนามรูปทั้งหลาย เรียนรู้ตัวถูกรู้คือรูป ตัวนามที่รู้คือตัวเราเอง แล้วมันก็สังขารปรุงแต่งกันอย่างไม่รู้จักว่าคืออวิชชา ไม่รู้ หนูไม่รู้ แล้วก็มาเป็นนก นกรู้ ไม่ยอมเป็นหนู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:07:08 )

ศาสนาพุทธรู้เหตุ และเลิกเหตุการปรุงแต่งเป็นจิตวิญญาณได้

รายละเอียด

แต่พระพุทธเจ้าท่านศึกษาพลังงานที่ว่ามันดีแล้วมันจะอยู่อย่างไร มันจะตายแล้วก็เกิด สูงสุดแล้วก็ไปเป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่ได้ไปเวียนตายเวียนเกิดอีก แต่ของพระพุทธเจ้ารู้ว่ามันเวียนตายเวียนเกิดไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นอย่างนี้ ดีที่สุดแล้วก็เวียนตายเวียนเกิดอยู่อย่างนี้จิตวิญญาณแล้วก็ศึกษาเข้าไปอีก แท้ๆ มันแค่ธาตุรู้ที่ปรุงแต่งกันอยู่เรียกว่าสังขาร แล้วมีเหตุอะไรให้มันปรุงแต่งกันอยู่ เลิกเหตุไม่ให้มันปรุงแต่งกันได้ไหม ไม่ให้มันปรุงแต่งเป็นจิตวิญญาณ อยู่ไปจนกระทั่งนิรันดรได้ไหม พวกเรารู้ไหมว่าได้หรือเปล่า…(พวกเราตอบว่า ได้) ศาสนาพุทธได้ จนกระทั่งเลิกเป็นจิตวิญญาณเลย แยกธาตุรู้นี้ให้เป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเลย เมื่อทำการตาย วาระสุดท้ายเรียกว่าปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เลิกจบไปเลย ไม่เหลืออัตภาพ ไม่เหลือวิญญาณ​ ไม่เหลือจิตนิยามที่ชื่อว่าเราของเราอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:07:49 )

ศาสนาพุทธรู้และควบคุมพลังงานจิตวิญญาณได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ารู้อะไรกระทั่งจนถึงว่า จิตวิญญาณเป็นพลังงานอย่างนี้เอง จนสามารถรู้ จนสามารถควบคุมพลังงานจิตวิญญาณได้อย่างเด็ดขาด กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมเป็นประธาน ให้ออกอาการทางกาย ทางวาจา มาได้อย่างดีที่สุด ควรที่สุด ไม่ดีเลิกเด็ด จึงเรียกว่า สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่ดีของสังคมแต่ละหมู่กลุ่มด้วย เขาถือว่าดี เขาถือว่าไม่ดี ก็ทำตามเขาได้หมด ตามที่เขายึดถือกัน เป็นผู้รู้รอบ สามารถรู้ จนกระทั่งสามารถรู้ว่า ธาตุรู้จิตวิญญาณที่เป็นเจ้าเรือนของชีวิต ของแต่ละคนๆ มันเป็นธาตุที่เอามาใช้ในแต่ละชาติๆ ใช้แต่ละชาติ เมื่อควบคุมฝึกฝนให้จิตวิญญาณมันดี มันรู้คุณรู้โทษ รู้อะไรดีแล้ว จนกระทั่งสามารถที่จะสะสมพลังงานที่ควบคุมพลังงานที่จัดการจิตวิญญาณของตนเป็นประธาน พลังงานที่ควบคุมกายวาจาได้ดีที่สุด มันก็ดีสุดแล้วคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:05:02 )

ศาสนาพุทธรู้และทำ 2 ให้เป็น 1 และ 0 ได้

รายละเอียด

ต้องเรียนรู้แยกแยะได้แล้วทำลายทิ้งอกุศลธรรมได้ มีชีวิตอยู่อย่างเป็นคนที่ไม่ทำความชั่วความเลว แล้วสูงสุดกว่านั้นก็คือ ศาสนาพุทธขนาดรู้ความเป็นเทวะแล้ว เป็นผู้ที่รู้ 2 ทำ2 ให้เป็นหนึ่งได้แล้ว ยังสามารถทำ 0 ได้อีก เลิกแม้แต่ 1 ไม่เหลือ 1 อีกเลยทำให้ 0 ได้

ในฟิสิกส์สามารถเรียนรู้นิวเคลียส รู้ขั้วบวกขั้วลบ ศาสนาพุทธก็สามารถใช้ได้อย่างนั้นเหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:48:53 )

ศาสนาพุทธลัดคัดสั้นอย่างไรถึงอุภโตภาควิมุติ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโลกนี้ คนหรือสัตว์โลก โอปปาติกะ เกิดมาตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนจะมาถึงเป็นคนต้องใช้เวลานานมาก แต่ถ้ามาเรียนรู้สูตรของพระพุทธเจ้าจะมีการพัฒนาอย่างลัด

พระพุทธเจ้าสอนว่าธรรมะของพระองค์เป็นลำดับไม่มีการลัด เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ แต่อันนี้เป็นนอกสัจจะเลย ศาสนาพุทธนี้ลัดที่สุด เพราะตรงที่สุด และเร็วที่สุดสั้นที่สุด ลัดคัดสั้น ตรงที่สุดเร็วที่สุด 

สิ่งที่เร็วที่สุดคือสิ่งที่ตรงที่สุด คือสิ่งที่สั้นที่สุด สุดยอด คุณจะเรียนรู้พลังงานทางฟิสิกส์ ทางเคมีก็ตาม ทางฟิสิกส์เป็นเรื่องของพลังงานชัดเจน ส่วนเคมีเป็นการเรียนรู้ทางธาตุต่างๆ เคมีเป็น Static ส่วนฟิสิกส์คือ Dynamic อย่างนี้เป็นต้น แยกสภาวะสองชัด แล้วเอามาใช้มันเร็ว เรียกว่าอย่างสิริมหามายา เหมือนนักมายากล คนหมุนสมองไม่ทันสมัยก็ถูกหลอก ไม่ใช่หลอก แต่ตัวเองโง่ เห็นถูกเป็นผิด เท่านั้นเอง มุมผิดนี้ยาวนาน มุมผิดนี้เชื่องช้า ตรงข้ามกับเมื่อกี้ ลัดคัดสั้น  มุมผิดนี่ยาวนานเชื่องช้า แข็งตัว ทำลายยาก พระพุทธเจ้าถึงรู้ทั้งสองอย่าง หรือทำตัวเองให้เป็นทั้งสองอย่างได้ จึงถือว่าเป็นผู้สมบูรณ์แบบทั้งสอง สำเร็จทั้งสองอย่าง เรียกว่าอุภภโตภาควิมุติ อุภโตแปลว่าสอง ภาคแปลว่าส่วน  เป็นผู้วิมุติหลุดพ้น นิโรธ นิพพาน ครบสองอย่างเลย เสร็จแล้วไม่ยึดตัวตนทำสองอย่างได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:22:20 )

ศาสนาพุทธลืมตาปฏิบัติ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นแม้คุณลืมตาปฏิบัติธรรมกิเลสกามลดคุณก็ไม่ต้องหลับตา หมดกามาวจร หมดกามภพ เป็นอนาคามี คุณก็ลืมตาอยู่บนรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่กับกามภพ มีกามาวจร แต่กิเลสคุณไม่มีแล้วเหลือแต่กิเลสรูปภพ อรูปภพภายในเท่านั้น คุณไม่ได้หลับตาสักอย่างเลย เห็นไหมว่ามันตรงกันข้ามเลย แต่นั่นนั่งหลับตาไม่ลืมตาเลย อันนี้ลืมตาไม่หลับตาเลย เห็นไหม สอนกันคนละขั้วเลย น่าสงสารนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 14:46:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:58:02 )

ศาสนาพุทธวันนี้ ก็คือศาสนาพราหมณ์ในอดีต มีแต่เสื่อมต่ำจมปลัก!

รายละเอียด

ซึ่งเรียก“พระผู้ครอบครองบริหาร”ในยุคนี้ได้ชัดๆเยี่ยงเดียวว่า“พระมหาศาล”!

เพราะ“พระ”ยุคนี้ได้เสื่อมดั่งเดียวกันกับ“ศาสนาพราหมณ์”ในยุคโน้นที่เสื่อมนั่นแหละ และเรียก“พราหมณ์”ผู้ได้เสื่อมกันในยุคโน้นว่า “พราหมณ์มหาศาล”นั่นเอง ..คล้ายกันมั้ยล่ะ? 

แม้แต่“พระหรือภิกษุ”ของพุทธยุคนี้ที่จัดกันว่า เป็น“พระป่า”ผู้หลงกันว่า เป็น“พระปฏิบัติ” แต่ปฏิบัติแบบเดียรถีย์ ก็ยังตกอยู่ใต้อำนาจการปกครองบริหารของ“พระบ้าน”ที่เป็น“พระมหาศาล” 

ทั้ง“พระป่า-พระบ้าน”ยุคนี้ล้วนยังเข้าใจ“โลกุตรธรรม”ไม่ได้ ทั้งนั้น ยังหลงระเริงกันอยู่กับ“โลกียธรรม”อันเป็น“สมบัติผลัดกันชม” ซึ่งยังไม่หยุด“ผลัดเปลี่ยนวนเวียนกันชมสมบัติ”ด้วยอวิชชา 

ต่างก็ยัง“ไม่ดับสิ้นอาสวะ”กันทั้ง“พระบ้าน”และทั้ง“พระป่า” ล้วนยัง“วนเวียน”ใน“โลกียธรรม”ทั้งคู่ ผลัดกันชาติแล้วชาติเล่าอยู่

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 508 หน้า 377


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2564 ( 09:07:55 )

ศาสนาพุทธสอนถึงขั้นนี้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็ต้องอยู่กันอย่างจิตวิญญาณเป็นประธาน จิตวิญญาณเห็นผู้ด้อยกว่าเราก็ต้องเกื้อกูลช่วยเหลือเสียสละ ศาสนาพุทธสอนถึงขั้นนี้ ศาสนาคริสต์บอกว่าเขาตบแก้มซ้ายเราก็ยื่นแก้มขวาให้เขาตบอีกที แต่ศาสนาพุทธนี้แม้แต่เขาจะฆ่าเราเราก็ยอม เขาตัดแขนเราก็ยังดีนะ เขายังไม่เอาเลื่อยมาเลื่อยตัว เขาเลื่อยตัวก็ยังดีนะขาดส่วนขาส่วนแขนไปก็ยังดีที่เขาไม่เอาชีวิต เขามาเอาชีวิตก็มาเอาชีวิตไปไม่ต้องไปอาฆาตมาดร้ายกัน นี่อาตมากำลังจะเริ่มอธิบายธรรมะที่จะพยายามอธิบายความซับซ้อนใน 13 สูตร ในเล่มนี้ที่ผู้รู้โบราณท่านเรียบเรียงเอาไว้ในพระไตรปิฎก ได้เห็นความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ สลับซับซ้อนสัมผัสกันอย่างซับซ้อนหลายเหลี่ยมหลายมุม ตามที่มีเวลา 6-7 วันที่จะพูด ไม่พูดแล้ว ที่จริงอาตมาถูกริบไป วันนี้ไปแล้ว อีก 3 วัน โอ้โห..แล้ว 3 วันมันจะอธิบายหมดหรือ

ชีวิตของคน อาตมาเห็นแล้วว่าต้องศึกษา ศึกษาไปเถอะ โดยเฉพาะความรู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วเอามาตรัสให้พวกเรารู้ เรียกว่าตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเอาที่ท่านรู้มาตรัสมาพูดมาอธิบายมาบอก ให้เราได้รู้ตามก็เลยมีคำรวมไว้เอามาสมาสกันเข้าไปเป็น คำเดียวคือตรัสรู้ ให้พวกเราได้รู้สิ่งที่ท่านตรัสหรือท่านตรัสสิ่งที่ท่านได้รู้มาก่อนแล้วให้คนอื่นได้รู้ตามเอาไปปฏิบัติตามบรรลุผลตาม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกพระแท้ๆขแงพุทธ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2566 ( 19:14:40 )

ศาสนาพุทธสอนเรื่องกรรม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมสอนเรื่อง god ติดกันแน่น ศาสนาพุทธสอนเรื่องกรรม ไม่ได้ติดกันแน่น

กรรม เป็นการเคลื่อนของกิริยา กิริยา กาย วาจา ใจ กรรมคือการเคลื่อน อาการเคลื่อน แล้วก็ทำให้เกิดบทบาท เกิดเคลื่อนเป็นบทบาททางกายวาจาใจ แล้วกรรมเป็นทรัพย์ ใครกระทำกรรมแล้วก็เป็นอันทำ ทำแล้วจะบอกว่าไม่ทำไม่เป็นวิบากไม่ได้ ทำแล้วสั่งสมเป็นวิบากเลย ติดตัวเป็นของๆตน ไม่หายไปไหน แม้คุณจะทำลืมๆอยู่ มันก็ออกฤทธิ์อยู่ในตัวไม่ว่าคุณจะลืมมันออกฤทธิ์โดยคุณไม่รู้ตัวด้วย กรรม มีผล มีฤทธิ์มีแรงเป็นวิบาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:18:45 )

ศาสนาพุทธสอนให้พึ่งตน แต่ก็ให้อยู่กับหมู่มิตรดีเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์

รายละเอียด

จริงๆ สำนวนนี้น่าจะบอกว่า พึ่งตนเองจนให้ผู้อื่นพึ่งได้ พึ่งตนเองจนเรามีมากมันเกิน เราก็ใช้ก็กินในแรงงานของเราในส่วนที่เราลงทุนลงแรงทำ แล้วมันก็มีผลผลิตจากแรงงานของเรา เป็นส่วนเหลือส่วนเกินที่เป็นของของเราโดยสุจริต แล้วเราก็ให้คนอื่นช่วย ช่วยคนอื่น แบ่งแจกคนอื่นได้ อย่างนี้เรียกว่า “กัมมะ” เป็นการกระทำงาน ปฏิสรโณ หมายความว่าพึ่งซึ่งกันและกัน ปฏิ คือทวนไปมา 

สรโณ แปลว่าที่พึ่ง หรือแปลให้ลึกว่า มันมีภาวะรบกันอยู่ สรณะ แม้เราจะรบกับคนอื่นอยู่ ถ้าเราเป็นที่พึ่งของคนอื่น เราก็รบอย่างที่เป็นกาชาด อย่างที่เป็นกองพลาธิการ ช่วยเหลือรักษาเขา ถ้าบาดเจ็บมา อาหารของใช้ไม่พอ เราก็หยิบยื่นให้ ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟันตีรันฟันแทงอะไรกับเขา เป็นคนวางตัวเป็นกลาง ปฏิสรโณ เป็นคนเหมือนรบกันขัดแย้งกัน แต่เราจะทำเพื่อคนอื่นจริงๆ เขาจะเอาชนะคะคานเราด้วย แต่เราก็มีน้ำใจช่วยเขานี่แหละ คุณเอาชนะคะคาน คุณชนะได้ก็เอาไป เราไม่ว่า เราก็เสียสละ เรายอมเสียเปรียบให้ เรายอมแพ้ เราไม่ต้องเอาชนะคะคานใครหรอก นี่เป็นสุดยอด ในคนที่ไม่มีตัวตน คนที่ไม่เห็นแก่ตัวไม่มีตัวตนแล้ว เสียสละจนหมดตัวตน คุณจะฆ่าจะแกงเราก็ตาย เราก็รู้เรื่องกรรมวิบากฆ่าเราก็หมด 

พระอรหันต์ถูกคนฆ่าตายก็ไม่ได้ถืออาฆาตพยาบาทอะไร เพราะฉะนั้นเกิดอีกก็จะไม่มีวิบากที่จะไปอาฆาตพยาบาทคนอื่นหรือท่านเป็นอรหันต์แล้วจะตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ฆ่าท่านตาย ท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย ไม่เห็นจะมีปัญหา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 14:33:09 )

ศาสนาพุทธสอนให้หมดความสุขความทุกข์

รายละเอียด

ประเด็นให้ทำความดีไม่ทำความชั่วศาสนาไหนก็สอน แปลว่าศาสนาพุทธสอนให้หมดความสุขความทุกข์ อันนี้ศาสนาอื่นไม่สอนให้ชัดเจน แล้วรู้จนกระทั่งสุดท้ายสุขทุกข์เป็นมายา สุขทุกข์เป็นอารมณ์ลวง สุขทุกข์เป็นสิ่งที่อุปาทานไว้เท่านั้นเอง แล้วไม่ยึดติดในความสุขความทุกข์ ความสุขความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ชาวเทวนิยมตีไม่แตก เขาเอาแต่สุขนิยม แต่ความทุกข์นั้นซ่อนเอาไว้ เหตุแห่งทุกข์คือซาตานก็ไม่นำพา ไม่จับมาศึกษาไม่จับมาประหารจึงอยู่กับตัวเอง ซาตานของตัวเอง พระเจ้าของตัวเอง เมื่อไม่รู้จักก็ปล่อยให้ซาตานเล่นงาน ก็ได้แต่หมุนอยู่กับสุขกับทุกข์อยู่กับสุขกับทุกข์อยู่อย่างนั้นแหละนิรันดร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:19:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:44:27 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:58:51 )

ศาสนาพุทธสอนให้หยุดการเกิดได้

รายละเอียด

ศาสนาอื่นที่ไม่ได้มีการเรียนรู้มีเหตุปัจจัยเวียนตายเวียนเกิด จนหยุดการเกิดได้ ไม่สามารถระงับการเกิดได้ การเกิดของจิตวิญญาณไม่สามารถระงับได้ แต่ของพระพุทธเจ้าสามารถระงับได้และหยุด โดยเฉพาะความเกิดที่ไปวนเวียน ไปวุ่นวาย มีพฤติกรรมอยู่กับอาการชั่วกรรมชั่ว พฤติการณ์ ความประพฤติที่ชั่ว หยุดได้เลย หยุดอย่างถาวร ไม่ต้องเกิดอีกตลอดกาล นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)สามารถทำให้คุณสมบัติของจิตมีคุณสมบัติพิเศษประเสริฐเลยอย่างนี้ได้จริงๆ เป็นคนมีคุณค่าความดีงาม ไม่มีความเสื่อม มีแต่ความเจริญประเสริฐแท้ๆ ก่อแต่ความดีงามแท้ๆเลย จึงเป็นสูตรเป็นทฤษฎีเป็นความรู้ขั้นสุดยอด ของมนุษยชาติของสังคมของโลก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 10:35:31 )

ศาสนาพุทธสำคัญที่สุด

รายละเอียด

รู้ความสุข ความทุกข์ แล้วก็ดับความสุข ความทุกข์ได้จริงๆ ศาสนาพุทธนั้น ความสุขความทุกข์เป็นโลกุตระ ความดีความชั่วเป็นเพียงโลกียะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:06:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:39 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:59:34 )

ศาสนาพุทธส่วนใหญ่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร

รายละเอียด

หลักของศาสนาพุทธส่วนใหญ่ทุกวันนี้มันไม่เป็นพุทธคือมันไม่เข้าหาแก่นโลกุตระ แถมมันเป็นโลกียะที่เน่าเฟะ ฟังดีๆ 

พูดอีกครั้ง พุทธศาสนากระแสหลักหรือส่วนใหญ่ทุกวันนี้นำพากันปฏิบัติประพฤติอยู่มันเสื่อมมาก มันไม่ได้เข้าไปสู่กระแสโลกุตระหรือเข้าไปสู่แก่นโลกุตระเลย มันกลับเป็นโลกียะที่เน่าเฟะด้วย

หมายความว่า โลกียะก็เต็มไปด้วยไสยศาสตร์ เดรัจฉานวิชา เลอะเทอะเละเทะ ไอ้ที่ไม่เคยมีเดี๋ยวนี้ซับซ้อนสร้างกลวิธีของไสยศาสตร์เยอะ ที่เป็นแม้แต่พิธีกรรมพิธีการก็เยอะ ไอ้ที่ถูกของพระพุทธเจ้าเอามาทำผิดอาศัยใช้อยู่ 

ศาสนาพุทธทุกวันนี้ถ้าไม่มีสวดมนต์ อย่างเดียว แล้วก็ใช้สวดมนต์นี้ไปประกอบเป็นพิธีกรรม พระทำอะไร สวดมนต์ แล้วก็อวยพรกับให้สวดมนต์นี่แหละให้งมงายกันไปหมด อวยพรงมงายแล้วก็สวดมนต์ แถมอีกคือมีรดน้ำมนต์ นอกจากสวดแล้วมีการรดน้ำมนต์ ถ้าไม่มี 2 อย่างนี้ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีอะไรมีค่า เขาถือว่าค่าของศาสนาพุทธคือได้รับมนต์ ได้รับพรจากการสวดมนต์กับการรดน้ำมนต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:58:32 )

ศาสนาพุทธหมดสวรรค์ หมดนรก ภพชาติไม่มี

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าได้มาแก้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นเทวนิยม เป็นเรื่องของผู้ที่มีภพชาติของเทวดามีภพของพระพรหม มีภพของสวรรค์ ซึ่งเมื่อมีสวรรค์แล้วก็ต้องมีนรก แต่ศาสนาพุทธนั้นหมดสวรรค์หมดนรก หมดสวรรค์และนรก เรื่องภพชาติก็ไม่มี ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีใครมาพูดหมดภพหมดชาติอย่างอาตมาหรอก ที่บอกว่าไม่มีสวรรค์นรก ทำทานก็อย่าให้มีความหวังอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะจะเกิดภพชาติ ทำอย่างนั้นไม่มีมรรคผล ในการทานอย่างมีภพชาติมันเป็นกิเลสอย่างนี้เป็นต้น เอาทานสูตรมาขยายให้ฟัง แต่เขาฟังกันไม่รู้เรื่อง สอนการเรื่องมีภพชาติ เมื่อจะสอนเรื่องไม่มีภพชาติก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วจะอยู่กันอย่างไร แล้วบอกว่าศาสนาไม่เกี่ยวกับโลก แล้วจะเกี่ยวกับอะไร? 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:15:03 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:01:09 )

ศาสนาพุทธหรือโลกุตรธรรมจะเกิดและเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่าคนไทยนี่ซึ่งเป็นฐานพุทธศาสนา ตื่นจากอันนี้ ตื่นรู้ทันอันนี้ว่า อาจารย์ใหญ่ๆแต่ละสำนักตื่นรู้เลยว่าเรางมงายมากี่ชาติแล้ว ตายๆๆๆ แล้วก็มาเรียนตามจรณะ 15 วิชชา 8 เรียนรู้ตามคำสอนที่เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าแท้ๆ ลืมตาปฏิบัติศีล อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ ตามลำดับจะเกิดจริง อย่างที่อาตมาพยายามอธิบายอยู่นี่ 

ศาสนาพุทธหรือโลกุตรธรรมจะเกิดจะเจริญรุ่งเรืองจริงๆ แต่นี่มันแค่หลับตาลืมตาแค่นี้แหละ อาตมาถือว่าพวกหลับตาปฏิบัติเป็นพวกโจรปล้นศาสนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:26:13 )

ศาสนาพุทธหาเลี้ยงชีพกับเดียรถีย์สุดโต่ง

รายละเอียด

คือ ศาสนาทุกวันนี้เป็นที่หาเลี้ยงชีพกันสิ่งที่จะมีผู้เอาจริง ปฏิบัติประพฤติ  มาบวชเพื่อปฏิบัติประพฤติอย่างเจตนาดีแต่เข้ามาในวงการศาสนาแล้วมันไม่มีครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติได้จริง มันมีสายที่ปฏิบัติคือสายวัดป่า เป็นสายที่ เดียรถีย์สุดโต่ง ไปทางมักน้อยสันโดษ ยังดีที่ไม่ถึงขนาดพวกเชน พี่ไม่นุ่งผ้าเลยศาสนาพุทธไม่ต้อง สุดโต่งขนาดออกจากสังคมขอยืนยันว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ให้คนออกป่า คนที่ออกป่าคือคนที่ไกลจากวิเวก การที่เอาคุหัฏฐกสูตรมาอธิบาย ผู้ที่เริ่มต้นปฏิบัติให้มีกายวิเวก แต่คุณก็เอาร่างกายออกป่าก็เป็นมิจฉาทิฐิแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:36:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:39 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:02:50 )

ศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้มีทานอย่างมีหวัง

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้มีทานอย่างมีหวัง

  1. ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ

  2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ

  3. มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ

  4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระสารีริกธาตุ วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 10:51:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:46:05 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:03:32 )

ศาสนาพุทธเน้นให้พ้นสุขพ้นทุกข์เป็นยอดของทุกอย่าง

รายละเอียด

โลกียะสอนเรื่องดีเรื่องชั่ว โลกีย์ทั้งโลกนี้สอนให้ประพฤติดีละชั่ว แต่ศาสนาพุทธไม่เน้นตรงนั้น แต่ไม่ใช่ว่าไม่สอนให้ประพฤติดี ก็สอนให้ประพฤติดีละชั่ว แต่เน้นยิ่งกว่านั้นจึงเรียกว่าโลกุตระ เน้นให้พ้นสุขพ้นทุกข์ อันนี้แหละเป็นเรื่องยาก ศาสนาพุทธสอนให้เป็นเรื่องวาง ละสุขละทุกข์ แค่นี้แหละใช่เลย เป็นยอดของทุกอย่าง แล้วสอนเรื่องดีชั่วเหมือนอย่างอื่นไหม  ก็สอนเหมือนกันแล้วเคร่งครัดกว่าด้วย เคร่งอย่างถูกต้องด้วยเพราะว่า เคร่งอย่างไม่เป็นฤาษี เคร่งอย่างเป็นคนในสังคม รู้จักดีชั่วของสังคม รู้จักโลกาธิปไตย รู้จักอัตตาธิปไตย รู้จักธรรมาธิปไตย ให้อยู่กับสังคมด้วยการช่วยโลก มีอายะ 3 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:25:18 )

ศาสนาพุทธเปรียบเทียบกับต้นไม้

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเปรียบเทียบกับต้นไม้  คือ

1. สะเก็ดต้นไม้ คือ ศีล ไม่มีแล้ว

2. เปลือก คือ สมาธิ  สีลพตปาทานกันทั้งนั้น ยึดได้แต่จารีตประเพณี ไม่ได้ชำระกิเลส สมาธิก็ไม่มี

3. กระพี้ คือ ปัญญา ก็ไม่มีปัญญา  เป็นความฉลาดโลกุตระ  คนเอาปัญญาไปเรียกมั่วไปหมด ฉลาดโกง คอรัปชั่น ทำร้าย ก็เรียกปัญญาหมด ก็เลย         เป็นคำเสียหายไม่เหลือ

4.  แก่น คือ วิมุต

5.  ใบกับดอก คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คือ โลกียะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 09:02:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:23 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:05:13 )

ศาสนาพุทธเป็นของคนเมืองไม่ใช่คนป่า

รายละเอียด

เป็นคนเมืองนี่แหละศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า 

พูดถึงตรงนี้ก็ยิ่งชัดเจนว่าพระพุทธเจ้าไม่ไปสอนคนเถื่อน คนอยู่ป่าคือคนเถื่อนทั้งนั้น ไม่ใช่แดนถิ่นเจริญ ความเจริญต้องมาเป็นคนเมือง แล้วศึกษาโลก ที่กว้าง มีมนุษย์มีสังคมมีชุมชนมีพัฒนาการของดินน้ำไฟลมวัตถุหลากหลายอะไรที่เขาอาศัย แต่อันนั้นก็ไปทางโลกีย์อีกทางโลกุตระ พระพุทธเจ้าศึกษาจิตวิญญาณเป็นตัวตั้ง แล้วจิตวิญญาณจะเกิดไปจนไม่รู้จักจุดจบ เจริญไปจนไม่รู้จักจบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:33:27 )

ศาสนาพุทธเป็นทิฎฐธรรมนิพพานทิฐิ

รายละเอียด

ถ้าไม่มีปัจจุบันไปทำหลับตาในอดีตในอนาคตไม่ได้ ศาสนาพุทธไม่ใช่ ศาสนาพุทธเป็นทิฎฐธรรมนิพพานทิฐิ จะต้องมีความเห็นรู้ว่าจะได้นิพพานต้องทำในทิฏฐกาละ ปัจจุบันชาติ ไปทำในอดีตอนาคตไม่มี ทำในปัจจุบันจะต้องมีการตื่นรู้พร้อมกับทุกๆคน ปัจจุบันต้องลืมตา มีตา หู จมูก ลิ้น กาย มีจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก แสงสว่าง ครบพร้อมหมดกระบวนการ 

อาตมาจะอธิบายละเอียดไปถึงไหนเขาถึงจะค่อยๆตื่นรู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:48:45 )

ศาสนาพุทธเป็นนิโรธอย่างรู้แจ้ง

รายละเอียด

ความอวิชชาของเขานั้นเขาจะไม่รู้ว่าศาสนาพุทธไม่ได้นิโรธอย่างดับๆ แต่เป็นนิโรธอย่างรู้แจ้ง สว่าง เปิดหมดเลย ไม่ได้อยู่ในภพหลับตาด้วย แต่ลืมตาด้วย เพราะฉะนั้นพวกนั่งหลับตาที่บอกว่ามีนิโรธ สัมมานิโรธแบบพุทธนั้นไม่เกิดหรอก ไม่ได้หรอก เป็นโมฆะ นั่งหลับตานั้นพูดไปไม่รู้อีกเท่าไหร่ว่ามันโมฆะ มันทำเป็นของฤาษี ของพระพุทธเจ้าไม่มีหลับตา 

ถ้าเข้าใจจรณะ 15 วิชชา 8 มี อปัณณกปฏิปทา 3 โดยมีศีลเป็นหลักและปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ไป อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ  ไปเรื่อยๆ คุณก็จะได้ แต่ถ้าคุณไปนั่งหลับตาแล้วล่ะก็ ก็เท่านั้น มันก็โมฆะ 

เพราะฉะนั้นอย่างสมถะก็คือโมฆะหมด หรืออย่างหลับตาอย่างที่ทำกันส่วนใหญ่เป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธเมืองไทย ไปปฏิบัติแบบหลับตา สายที่ถือว่าการปฏิบัติธรรมของพุทธต้องเป็นแบบนั้น 

มาเรียนรู้ที่เป็นสายเปิดๆ เรียนรู้แต่ในตำรามีแต่อัตตวาทุปาทาน การเรียนรู้ทุกวันนี้ที่เขาเรียนรู้อยู่เป็นอัตตวาทุปาทาน กันอยู่ทั้งนั้น 

เกือบทั้งนั้น จะว่าทั้งนั้นก็เดี๋ยวจะว่า บางคนไม่ได้ยึดวาทะ แต่ไปยึดการปฏิบัติประพฤติก็มีบ้าง แต่ก็เข้าใจทั้งหมด เลื่อมใส อัตตวาทุปาทาน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 49 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 15:28:29 )

ศาสนาพุทธเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าต้องอนุโลมให้คนที่ติดป่าหนักอย่างพระกัสสปะ ก็ต้องยอมให้ไป แต่อย่าไกลกว่าที่ชุมชนนะ ไม่ต้องเกินประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้เดินไปบิณฑบาตกับประชาชน ไม่ใช่ไปบิณฑบาตกับรุกขมูลโคนไม้ มันบ้า อันนั้นมันผิด อันนั้นไม่จริง ต้องไปบิณฑบาต ถึงแม้จะจริงก็ไม่เอา มีฤทธิ์เดชบิณฑบาตกับรุกขมูลโคนไม้ได้ก็ไม่เอา

เพราะศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อป่าต้นไม้ภูเขาหรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉาน แต่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ต้องสัมพันธ์กับมนุษย์ มีประโยชน์แก่กันและกันเกื้อกูลกันระหว่างมนุษยชาติ ชุมชนสังคมกับเรา พึ่งพากันและกัน คนก็ศึกษาฝึกคนให้สมบูรณ์แบบมนุษย์ทำให้สูงสุดแล้วก็แจกจ่ายเจือจานความรู้ให้แก่คนที่ใส่บาตรให้กิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกันและกันเจริญไปไม่มีที่สิ้นสุด ไปพึ่งแต่สัตว์เดรัจฉานในป่า หรือไปบิณฑบาตแค่ต้นหมากรากไม้ คุณก็จะต้องไปรับใช้ต้นไม้เท่านั้น หรือไปรับใช้เดรัจฉานเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:12:47 )

ศาสนาพุทธเป็นผู้รักษาสันติภาพ

รายละเอียด

นั่งหลับตามี 2 พวก พวกหนึ่งเป็นก้อนฟันไม่เข้า พวกหนึ่งนั่งหลับตาว่าง ฟันไม่ถูกตัว ก็คือธัมมชโย หาตัวไม่เจอ ทุกวันนี้ยังหาตัวไม่เจอเลย แต่อาจารย์มั่นหาตัวเจอ แต่ธัมมชโยหาตัวยังไม่เจอ เพราะฉะนั้น UNESCO ยกย่องธัมมชโยยังไม่ได้เพราะหาตัวยังไม่เจอ อาจารย์มั่นหาตัวเจอว่าเป็นผู้ช่วยสร้างสันติภาพ อาตมาก็ดีใจ UNESCO มีดวงตา เห็นศาสนาพุทธเป็นผู้รักษาสันติภาพได้จริงๆ ที่อื่นรักษาสันติภาพไม่ได้ ประเทศไทยรักษาสันติภาพได้ด้วยความรู้ 2 ประการ แม้จะเป็นสมถะ แม้จะเป็นวิปัสสนา ก็มีพลความมีความรู้องค์ประกอบครบอยู่ในของพระพุทธเจ้า หรือแม้จะไม่ครบก็มีคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ศรัทธาพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งแล้ว เอาคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ว่าใครจะเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติได้ครบมากกว่ากัน สายหลับตาหรือสายศรัทธาเอามาครบได้ไม่เท่าสายปัญญา นี่ไม่ได้หมายความว่ายกปัญญาเหนือกว่าศรัทธานะไม่ใช่ แต่ศรัทธาอย่างนั้นศรัทธาเด่นกว่าปัญญาแล้วในข้างนอก

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 11:10:17 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:49:46 )

ศาสนาพุทธเป็นพวกอทุกขมสุขแต่ไม่เป็นอุเบกขา 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ได้เอาความสุขความทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ อาศัยพยัญชนะว่า อทุกขมสุข ไม่สุขไม่ทุกข์ อาศัยพยัญชนะแต่ไม่มีสภาวะ มีแต่ไปนั่งหลับตา ไม่สุขไม่ทุกข์ แต่ไม่เป็นอุเบกขา 

อุเบกขาคือธาตุจิตที่บริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา บริสุทธิ์จากกิเลสหยาบ กลาง ละเอียดทั้งหมด บริสุทธิ์แล้วบริสุทธิ์อีก ปริโยทาตา ยิ่งขึ้น สะสมยิ่งๆขึ้นไปเป็น มุทุภูตธาตุ แล้วก็เป็นกรรม การกระทำที่เหมาะที่ควรทั้งนั้น จิตก็ยิ่ง ประภัสสรใหญ่เลย ยิ่งบริสุทธิ์ใหญ่เลยผ่องแผ้ว 

อาตมามีสภาวะอย่างนี้ อธิบายตามสภาวะอย่างนี้ คนไม่มีสภาวะเหมือนอย่างอาตมา อธิบายอย่างอาตมาไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะด้นเดาเอา ต้องมีจริง แล้วก็ไม่เห็นมีใครอธิบายอย่างอาตมา เขาก็อธิบายอย่างของเขาก็เป็นธรรมดา คุณก็ฟังเอา อันไหนเป็นธรรมวาทีคุณก็เอา อันไหนไม่เป็นธรรมวาที คุณก็ไม่ต้องเอา มันเป็นอิสรเสรีภาพตัดสินเอาเอง สุดท้าย 

อาตมาเองอาตมาสบายใจ ตรงที่ว่าอาตมาไม่ได้ทำให้ศาสนาผิด ตรงนี้ อาตมาสบายใจตัวเอง ยิ่งทำงานมาก็ยิ่งตรวจสอบ ยิ่งเช็ค เราทำถูกยิ่งขึ้นๆ ละเอียดลออมากยิ่งขึ้น ถูกยิ่งขึ้น ละเอียดลออมากยิ่งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ

วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 14:43:56 )

ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์

รายละเอียด

จิตวิญญาณของเราเป็นจิตวิทยาเข้าใจความรู้เข้าใจเรื่องของธาตุที่มันปรุงแต่งกันอยู่ ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์สุดยอดลึกซึ้งมาก สามารถรู้จักพลังงานทางจิตที่เป็นธาตุระดับที่ปรุงแต่งระดับจิต จิตนิยาม อย่างของสัตว์โลกหรือมนุษย์เป็นจิตนิยม มีคุณสมบัติมีสมรรถนะสูง หรืออีกระดับหนึ่งคือพืช นี่คือความตรัสรู้ของนักวิทยาศาสตร์เองคือพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธาตุที่ปรุงแต่งกัน วิทยาศาสตร์ทั้งโลกเพียงรู้หมายถึงในการแยกธาตุ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม แล้วสามารถทำให้จิตวิญาณมีสภาพเป็น พีชะได้ อุตุธาตุได้ จนจิตวิญญาณของตัวเองที่แตกหายสูญไปรอจนพระเจ้าบอกว่าเอาวิญญาณของเราไปไหน ของพุทธพระเจ้าไม่เกี่ยว  สอนให้ทุกคนกบฏต่อพระเจ้าเลย จิตวิญญาณของใครของมันทำให้จิตวิญญาณตัวเองสลายสูญไปเลย ไม่ต้องไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าจะมากำหนดให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกไม่ใช่ พิสูจน์เลยว่าจิตวิญญาณของแต่ละคนไม่ใช่ของพระเจ้า จิตวิญญาณของแต่ละคนเป็นของเจ้าของ แล้วสามารถที่จะรู้จิตวิญญาณจนทำให้จิตวิญญาณนี้เลิกเป็นจิตวิญญาณได้เลย สลาย เป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเลย เป็นการตายถึงขั้นสูงสุดในศาสนาพุทธ ทำลายอาตมันหรืออัตภาพ อัตตาของตัวเองได้เลยไม่เหลือเลย พระเจ้าเลยบอกว่า เอาวิญญาณของเราไปได้ยังไง วิญญาณของทุกคนพระเจ้าเป็นเจ้าของหมด แต่ว่าศาสนาพุทธนี้บอกว่าอย่ามาขี้ตู่ พระเจ้าอย่ามาขี้ตู่ วิญญาณของเราก็เป็นของเราไม่ใช่ของท่าน เรามีสิทธิ์อิสระเสรีภาพและ วิญญาณของเราที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้จะดีจะชั่วจะเจริญเติบโตตกต่ำ เราเองไม่ให้พระเจ้ามาบันดาลเรา อย่ามาทำเป็นเก่งมาสั่งเราให้ชั่วหรือดี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:57:16 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:50:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:09:09 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่จบกิจ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่จบกิจ เป็นศาสนาที่จบได้เด็ดขาดไม่มียึกยัก ไม่มีวนเวียน ไม่มีวอแวอะไรเลย ขาดแล้วจบ คำว่า จบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ จึงเด็ดขาดอย่างนี้ มันไม่สุขทุกข์อีก เช่น ถ้าเราเข้าใจสภาพของเศรษฐกิจ ก็ทำเรื่องของเศรษฐกิจให้มันจบกิจ ของเศรษฐกิจ ก็ไม่ต้องมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจอีก แก้ปัญหาการเมือง คุณทำการเมืองในกรอบการเมืองทุกคนในสังคม คุณก็ไม่ต้องมาแก้ปัญหาเรื่องการเมืองอีกมันจบกิจของการเมือง 

อย่างชาวอโศกปัญหาเศรษฐกิจจบกิจ ไม่ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจอีกเลย เศรษฐกิจไม่ขาดแคลน มีอะไรกินใช้มีเครื่องอาศัยในสังคมนั้นๆ หมุนเวียนไม่ขาดตอน ไม่ขัดข้อง อยู่อย่างพออยู่พอกิน ดีไม่ดีเศรษฐกิจดี คือให้ผู้อื่นได้ด้วย สละให้ผู้อื่นได้ด้วย ทานให้แก่ผู้อื่นได้ด้วย แจกจ่ายผู้อื่นได้ด้วย ไม่ต้องไปขาย ไม่ต้องไปแลกเปลี่ยนอะไรคืนมาด้วย ให้ฟรีๆเสียสละจริง นี่คือ ผู้เสียสละ 

แล้วไม่อยากได้อะไรตอบแทนคืน ไม่ถือว่าเป็นหนี้ มีแต่ให้เสียสละให้ นี่คือคนที่เศรษฐกิจดี แม้คนนี้จะเป็นคนจน เป็นคนไม่สะสมไม่มีคงคลัง แต่ก็พึ่งสมรรถนะกับความขยันของเขา และของหมู่ ต่างขยัน ต่างมีสมรรถนะ ต่างทำสร้างสรรขึ้นมา ผลผลิตที่ควรสร้างแล้วก็สร้างสิ่งที่ควรสร้าง อาศัยกิน อาศัยใช้ และคนอื่นก็อาศัยกินใช้ เพราะเป็นของอาศัย เป็นอาหารของมนุษย์ในโลก แล้วก็แจกจ่ายเผื่อแผ่กันเหมือนที่เราๆทำ ศาลาปันสุข เราก็ได้แจกไป ของเราแบ่งให้กินได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2566 พิธีน้อมกตัญญูบูชา วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2566 ( 15:37:20 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่จับธรรมชาติของชีวิตรู้ความจริงตามความเป็นจริง

รายละเอียด

วันนี้เราก็มาโอภาปราศรัยกันต่อเรื่องจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งก็เป็นพุทธคุณของศาสนา ทุกวันนี้ไม่รู้เรื่องกันแล้วในศาสนาวงการใหญ่วงการพุทธกระแสหลักไม่แล้ว กลายเป็นเดียรถีย์ 100% นั่งหลับ นอนหลับ ถ้านั่งหลับได้ตลอดไม่นอนเลยก็ยิ่งนับถือกันเก่ง เนสัชชิ สุดท้ายแม้แต่ตายก็นั่งตายเก่งมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องเป็นธรรมชาติ 

ศาสนาพุทธเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เรียนรู้กิเลสที่เกิดจากทุกอิริยาบถ อ่านอาการของกิเลสให้ออกเมื่อเราเกี่ยวข้องกับอะไร ผัสสะกับอะไรต่างๆ นานา ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ กับอะไรก็แล้วแต่ ตั้งแต่รูปธรรมถึงนามธรรม ตั้งแต่รูป อรูป รู้กิเลสมันเกิดเพราะเหตุตัวนี้สัมผัสตัวนี้ เกี่ยวข้องกับตัวนี้ กิเลสเกิด 

แม่ครัวทำครัวอยู่ก็ทำไป เสร็จแล้วสัมผัสกับตะหลิว โกรธตะหลิว ขว้างตะหลิว ก็ให้มันรู้ไป ไปโกรธตะหลิว ใช้ตะหลิวแล้วไปโกรธมัน ใครเคยบ้าง โอ้! หลายคนโกรธตะหลิว เอ้า!จริงนะ ใช้มีดโกรธมีด จะบ้าเหรอนี่มันรู้เรื่องอะไรแล้วไปโกรธมีด ใช้ชามโกรธชาม ขว้างชาม อะไรอย่างนี้ ตลก คนเราไม่รู้ตัวเองว่าวิปลาสวิปริตอะไร 

ศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาที่จับธรรมชาติของชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเป็นคน มีทวารทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็บ้าๆบอๆไปกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บ้าๆบอๆไปสารพัด จนกว่าจะมาเรียนรู้แล้วก็รู้ว่า โอ้ ตัวโง่ตัวกิเลสมันพาให้เป็นไปได้บ้าบ้าบอๆ จนจบเป็นอรหันต์ก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง เห็นความจริงตามความเป็นจริงได้ยินเสียงจริงตามความเป็นจริง ได้กลิ่นจริงตามความเป็นจริง ได้กระทบรสทางลิ้นตามความเป็นจริงสัมผัส เย็นร้อนอ่อนแข็งตามความเป็นจริง 

จิตใจ เป็นตัวกลาง ตัวหลักใหญ่ เป็นไปตามอุปาทาน เป็นไปตามตัณหา อุปาทาน เป็นตัวฝังรากของความยึดมั่นถือมั่นว่าต้องอย่างนี้ๆ เป็นอย่างนี้ แล้วมันก็จำปักหลักอยู่ตรงนั้น เสร็จแล้วก็เป็นตัวตั้ง เฮ้ย! อยากแล้วนะ ตามอุปาทานมันสั่ง อยากอย่างนี้แล้วนะ 

ตัวอยาก ก็เป็นขี้ข้า ไปตามแสวงหามาให้ (ภาษาอีสาน ขี้ข้า คือขี้ข่อย) กว่าจะมาเรียนรู้สัจธรรมพวกนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้และก็รู้จนกระทั่ง ล้างตัวกิเลส ตัวโง่ออกไปหมด 

ถึงจะรู้ว่าโธ่เอ๋ยชีวิตเราเกิดมา ได้อัตภาพมา พัฒนามาจาก พีชนิยาม มาเป็นจิตนิยามแล้ว โง่ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวจนเป็นสัตว์ไม่รู้กี่เซลล์จนกระทั่งมาเป็นคน มีเป็นล้านๆเซลล์เป็นคนแล้วก็ยังโง่อยู่นั่นแหละ ก็ต้องพยายามฉลาด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 16:00:36 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่พัฒนาเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

ไม่ใช่พัฒนาแล้วกลับไปกลับมาขึ้นๆลงๆ ไม่ใช่ แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไปตามลำดับไม่สะดุดเลยเหมือนฝั่งทะเล เหมือนหาดทรายถูกน้ำทะเลซัดเรียบเหมือนกับกระจก มหาสมุทร ลาดลุ่มลึก ไม่โกรกชันฉันใด ในพระธรรมวินัยนี้ก็เหมือนกันมีการศึกษาไปตามลำดับมีการกระทำไปตามลำดับในการปฏิบัติตามลำดับ ไม่ใช่จะมีการบรรลุ อรหัตตผลโดยตรง เป็นลำดับก็ไปเรื่อยๆ เหมือนกับบอกว่า ไปอย่างนี้ก็บรรลุอรหันต์โดยตรงสิ แต่ทำไมบอกว่าไม่ใช่จะบรรลุอรหัตตผลโดยตรง ไม่ใช่ลัดตัดทาง แต่ไปตามลำดับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ไม่ใช่ว่าฉันอยู่ขั้นที่ 1 ฉันก็จะขึ้นไปขั้นที่ 3 เลย ไปขั้นที่ 5 เลย ถ้าขึ้นไปชั้น 4 ก็ไม่ได้ ก็ตกมาอยู่ชั้น 2 ไปชั้น 3 อีก ลงชั้น1 อีก ไม่ใช่แบบนั้น แต่ไปตามลำดับเหมือนหาดทรายฝั่งทะเล อาตมาทำงานมาก็เป็นลำดับอยู่ ถ้ามันเป็นลำดับเป็นสัจจะเป็นจริงมันจะเป็นถาวรมันจะไม่กลับไปกลับมา ชาวอโศกมีคนเข้าใจว่าเมื่อพระโพธิรักษ์ตายมันก็จะหมดลงไป ขอยืนยันว่าไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดหรอก เพราะว่าสัจธรรมของจิตวิญญาณแต่ละคนพวกคุณมีสัจจะธรรมที่ได้ของแต่ละคนแล้ว แม้แต่ปัจจุบันอาตมาขอถามพวกคุณ คุณจะกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็นเถ้าแก่เนี้ย เป็นคนที่เดียวกับไปงานนั้นวันนี้คุณจะไปอย่างนั้นอีกไหม ไม่ ต้องเห็นเลยว่ามันไร้สาระเราเห็นความโง่ของเราแล้ว เราไปเสียเวลาโง่เง่าอยู่อย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 11:31:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:48:19 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:10:23 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เราทำเอง

รายละเอียด

ผู้เรียนรู้ศาสนาพุทธจะรู้ทั้งหมดในพลังงานทั้งระดับอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ควบคุมกรรมให้ทรงไว้เท่าใดขนาดไหนก็ได้ จัดสรรสิ่งที่จะให้มีอยู่เท่านั้นเท่านี้โดยกรรม

ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาเราทำเอง ไม่ต้องให้พระเจ้าเป็นผู้บงการผู้สั่งการให้ทำ เราทำเองทั้งนั้นนี่จึงเป็นศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:50:41 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ติดและล้างความติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข

รายละเอียด

จะว่าไปแล้ว กลุ่มสังคม พระพุทธศาสนา มีกลุ่มเถรสมาคม หรือกระแสหลักเป็นหมู่ใหญ่คณะใหญ่กับหมู่เล็กคือชาวอโศก ผู้ที่ใส่ใจศึกษาธรรมะก็จะมาเรียนรู้ก็จะพบว่าต่างกันแน่นอน ยกตัวอย่าง ทางเถรสมาคมนั้น เรียนรู้ปฏิบัติกันแล้วไปได้รับผลประโยชน์คือได้รับลาภยศสรรเสริญ โลกียสุขแสวงผล แต่ชาวอโศกนั้นปฏิบัติแล้ว ลาภก็ลด ยศก็ไม่มี สรรเสริญก็ไม่ได้ ถูกแต่แช่ง ด่า ตำหนิ สุขก็ไม่ติด ทุกข์ก็ไม่เอา มันเป็นโลกุตระ นี่คือสัจจะความจริง ผู้ที่แสวงหาอ่านให้ดีๆ ชาวสันติอโศกปฏิบัติแล้วจะเห็นว่า มีทั้ง ศีลคือสะเก็ดของต้นไม้ มีทั้งเปลือกของต้นไม้ คือสมาธิ มีทั้งกระพี้คือปัญญา โดยเฉพาะถึงแก่น คือวิมุติ ชาวอโศกไม่มีดอก ผล ใบ แต่เถรสมาคม เต็มไปด้วยใบดอกผลคือโลกียะ ฟังดีๆ ที่สรุปเอาแค่สูตรนี้มา 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:55:10 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:49:06 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:11:34 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคม

รายละเอียด

คือสายนั่งหลับตาเอาแต่จิต  เจตสิก ของตนเองแล้ว ก็จะนิ่ง ก็จะสงบอะไรไปนั้นแหละคือ  มิจฉาทิฎฐิ  พูดแล้วพูดอีก  ศาสนาพุทธไม่ได้สุดโต่ง  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคมเป็นศาสนาที่มีประโยชน์มากตอบมวลมนุษยชาติเรียกว่า  พหุชนะหิตายะ ทำให้มวลมนุษยชาติอยู่เย็นเป็นสุขเรียกว่า พหุชนสุขายะ รับใช้โลก คือ โลกานุกัมปายะ  ธรรมะพระพุทธเจ้าคุ้มครอง ทั้งคนมีธรรมะและอธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:12:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:12:30 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคม

รายละเอียด

รัฐบาลที่มาบริหารที่ดีอย่างพลเอกประยุทธ์ก็บริหารดีเราก็ส่งเสริม เราทำการเมือง หรือจะพูดว่าเล่นการเมืองก็ตาม เราก็ส่งเสริมสำหรับคนดี ถ้าหากใครบริหารไม่ดีอย่างเช่นทักษิณกับนอมินีเราก็ออกไปประท้วงเราไล่ไป ไม่ได้ดูดาย เราก็เป็นพลเมืองที่ดีและมีความรู้จากพระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็นศาสนาสังคมไม่ใช่ศาสนาป่าเถื่อน ที่ไม่มีประโยชน์ต่อมวลชนแต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)

พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร ในหลวงเราก็เป็นโพธิสัตว์ สอนมาตลอด ท่านทรงงาน เป็นตัวอย่างให้ดู รับใช้ประชาชน ติดดิน อดทน เสียสละทุกอย่าง มักน้อยสันโดษเป็นคนมีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 ถูกต้องทุกอย่างเลย

เราก็ต้องพยายามเสริมสร้างสิ่งที่พระพุทธเจ้า สิ่งที่ในหลวงได้ตรัสไว้ทรงงานไว้ มีพระจริยวัตรไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างมาตั้ง 70 พรรษา ในขณะที่ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:57:23 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคมคนเมืองไม่ใช่คนป่า

รายละเอียด

ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์เอาไว้ก่อนเลย ว่าต่อไปกลองอานกะจะไม่เหลือเนื้อหาสาระของมันแล้ว หรือแม้แต่ในอนาคตท่านบอกว่าจะเสื่อม 4 ประการ 

1. ผู้ยังไม่มีวิชชาและจรณะ แต่ไปแสวงหาอาจารย์ในป่า  โดยเก็บผลไม้หล่นกินบำรุงชีพ อย่างมักน้อยมากๆ 

2. ไม่เก็บผลไม้กิน  แต่ถือเสียม ตะกร้า  หาขุดเหง้าไม้    หาผลไม้กินระหว่างออกแสวงหาอาจารย์ในป่า 

3. สร้างเรือนไฟไว้ใกล้หมู่บ้าน แล้วบำเรอไฟรออาจารย์ 

4. สร้างเรือนมีประตูสี่ด้านไว้ที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง  แล้ว พำนักรอท่านผู้มีวิชชาและจรณะอยู่ (อัมพัฏฐสูตร  เล่ม 9  ข้อ 163)  

เขาแปลเอียงไปข้างป่ามันผิด เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคม เป็นศาสนาคนเมืองไม่ใช่ศาสนาของคนป่า  เป็นศาสนาเจริญ เป็นศาสนาของอาริยกะ ไม่ใช่ มิลักขะ เพราะฉะนั้นเข้าใจยังเพี้ยนไปในสภาพที่พูดนี้ เอียงไปข้างเดียรถีย์ ข้างเทวนิยม ต้องเป็นคนอยู่เมืองเป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนมีวรรณะ 9 แล้วอยู่กันอย่างเนียน มีสาราณียธรรม 6 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 14:42:46 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีโลกุตรธรรม

รายละเอียด

แต่ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาเดียวที่มี “โลกุตรธรรม” และในแต่ละยุคกัปป์ จะมีเพียง“ศาสดาพระพุทธเจ้า”องค์เดียว จะไม่มี“ศาสดาพระพุทธเจ้า”ซ้อนกัน “2 องค์”เป็นอันขาดในยุคกัปป์เดียวกัน หรือในระยะเวลาใกล้ๆกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 14:47:40 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่รู้จักความสูญสลายเป็นอนัตตา

รายละเอียด

อัตตาอาศัยโลก เสร็จแล้วเราก็หมดโลกไม่ต้องเกิด โลกคือความเวียนวน ไม่ต้องมาเวียนวน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่รู้จักการวนเวียนของโลกหรือกรรมวิบากที่ต้องเกิดวนแล้ววนอีก ศาสนาพระเจ้า 100% ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ชาตินี้ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้าและจบภายในชาติเดียว เขาไม่มีต่อ ไม่มี rebirth เขาไม่มีการเวียนตายเวียนเกิดเขาไม่รู้จัก เขารู้จักชีวิตชาติเดียว ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าก็จบ 

เพราะฉะนั้นศาสนาที่รู้จักเวียนตายเวียนเกิดอยู่บ้าง แต่ยังไม่รู้จักความสูญสลายเป็นอนัตตาหรือว่าเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน เขายังทำไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำได้ถึงขั้นเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน สลายธาตุจิตวิญญาณตัวเองได้ จะสลายได้ต้องรู้จักความเป็นโลกกับความเป็นอัตตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25  ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 14:50:13 )

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเมืองไม่ใช่อยู่ในป่า

รายละเอียด

แม้แต่ที่คุณบอกว่าท่านพุทธทาสอยู่ในป่า แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเมืองไม่ใช่ศาสนาอยู่ในป่า พระพุทธเจ้าออกป่า ผิดไป 6 ปี ท่านก็เข้าเมืองไปโปรดพระเจ้าแผ่นดินทุกแคว้น เข้าหาเมืองในทุกแห่ง คุณไปศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าให้ดี แม้แต่พระราชวังก็อยู่ใกล้ป่าเพราะยังไม่เจริญเท่าไหร่ อย่างเช่นเขาคิชฌกูฏกับพระราชวังของพระเจ้าอชาตศัตรู ก็อยู่ใกล้กันนิดเดียว พอมีคนท้วงพระเจ้าอชาตศัตรู ที่ท่านจะไปหาพระพุทธเจ้า คนก็บอกว่าใกล้จะมืดแล้ว ชีวกโกมารภัจจ์ ก็แนะนำให้ไปหาพระพุทธเจ้าว่าอยู่ในเขาคิชฌกูฏนี่เอง เมื่อพูดจบพระเจ้าอชาตศัตรูก็ยกพลไปหาเลย ม้าห้าร้อยช้างห้าร้อย ยังมืดก็ไปได้ ไปเห็นพระพุทธเจ้าก็ไม่รู้ว่าองค์ไหนคือพระพุทธเจ้า อยู่ปนกันไปหมด เป็นนิทานเป็นบรรยากาศที่อธิบายครบพร้อม แต่คุณไม่มีภูมิที่จะมารู้เรื่องแบบนี้เลย การออกป่านั้นเป็นทางผิดของศาสนาพุทธอยู่ในอัมพัฏฐสูตร ในพระสูตรที่ 3 ของพระไตรปิฎกเล่ม 9 แนะนำให้คุณไปอ่าน คุณยังไม่มีภูมิอะไรจะมาตำหนิอาตมาได้เลย ท่านพุทธทาสออกป่านั้นยังหลงทิศทางขอยืนยัน ศาสนาพุทธไม่ใช่เป็นศาสนาคนป่าอยู่ป่า คนนี้เข้าใจว่าป่าและออกป่ากันมันผิดหมดแล้ว ผิดทิศทางของศาสนาพุทธที่ต้องอยู่ในเมือง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:38:37 )

ศาสนาพุทธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับวิทยาศาสตร์

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมีความสอดคล้องอย่างไรกับหลักวิทยาศาสตร์ ...ศาสนาพุทธไม่ใช่แค่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ แต่ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์เลย ไม่ใช่สอดคล้อง แต่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้ากว่าชาวโลก  ชาวโลกเขาเป็นวิทยาศาสตร์ที่ได้แต่ทางวัตถุ ทางสสาร ทางพลังงาน ก็เป็นส่วนหนึ่ง แม้จะเป็นทางชีวะไบโอโลจีบ้าง เป็นทางชีวะบ้างก็ยังไม่เก่งเท่าไร 

ขยายความเป็นพีชะ ในระดับพืชระดับจิตเขาก็ยังขยายความไม่ออก จึงขยายให้เป็นอุตุ เขาจะชำนาญอุตุเป็นหลัก คือพลังงานแบบวัตถุ พลังงานแบบวัตถุไอน์สไตน์เป็นคนค้นพบในข้อที่ 2  E=MC2  

E= คือพลังงานเอนเนอร์จี Energy  

MC คือมวลกับความเร็วยกกำลัง 

ข้อ 1 ตอบไปแล้วนะ วิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธเป็นอันเดียวกัน วิทยาศาสตร์ก็คือความรู้ วิทยาก็ความรู้ ศาสตร์ก็ความรู้ ความรู้ทั้ง 2 อย่างเลย ความรู้อันใดที่เป็น 2 ใช่หมด จบ ความรู้อันใดที่เป็น 2 รู้มัน 2 อย่างนั้นแหละจบ นี่คือวิทยาศาสตร์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:46:50 )

ศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยม

รายละเอียด

แต่มาให้ทางศาสนาพุทธที่เป็นอเทวนิยม Atheism  ส่วนเราก็ทำให้ดีและเป็นคุณภาพ เป็นคุณสมบัติรูปธรรมที่ดูได้ชัดเจนที่ง่าย ตั้งใจฝึกฝนรวมตัวกัน ช่วยกันสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นคำว่า น เหว โข ไม่ได้แปลว่าไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่แปลว่า ไม่ต้องไปกล่าวว่าท่านจะต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย  เพราะท่านรู้จักกายได้ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เข้าใจคำว่ากาย เมื่อใดเป็นกายเมื่อใดไม่เป็นกาย จะขอออกไปสู่ปุตตมังสสูตร เมื่อจะเป็นกายหรือไม่เป็นกาย ต้องรู้ กาย จิต อุตุ พีชะ กรรมเป็น Dynamic ธรรมะ เป็น Static เป็น Nuclear Fusion กับ Fission เมื่อใดเป็นอุตุ เมื่อใดเป็นพีชะ เมื่อใดเป็นจิต

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 10:00:10 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:50 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:57:18 )

ศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยมที่ลดความเวียนเกิดเวียนตายในโลก

รายละเอียด

นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาของมนุษยชาติที่เป็นอีกอันหนึ่ง โลกุตตระก็คือสุขกับทุกข์ สุขกับทุกข์นี้เทวนิยมไม่ประสีประสาไม่รู้เรื่องเลย นอกจากไม่ประสีประสาแล้วยังมีอวิชชางมงายด้วย ติดความสุขมีความชังความทุกข์ แต่ไม่เคยมีความรู้ที่จะศึกษาเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นจึงมีธาตุจิตหรือจิตนิยาม ธาตุ อัตตา ของชาวศาสนาเทวนิยมทุกศาสดา ที่เป็นศาสนาพระเจ้าเป็นสุขนิยม แล้วก็ไปจบที่ความไม่รู้ บอกว่าตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้า หลงว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของสุข เป็นผู้บันดาลสุข เป็นผู้จัดทำให้แต่ละคนไม่ทุกข์ ไปฝากเอาความสุขความทุกข์อยู่ที่พระเจ้า จะปรารถนาหรือประสงค์ เป็นความประสงค์ของพระเจ้าทั้งนั้น 

เพราะฉะนั้นจะให้ใครสุขคือพระเจ้า หรือแม้แต่จะให้ทุกข์ก็คือพระเจ้า ถ้าได้รับความทุกข์เมื่อไหร่ก็บอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ถ้าได้รับความสุขก็บอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะฉะนั้นจึงได้แต่อ้อนวอนประจบประแจงพระเจ้าไป พยายามที่จะให้พระเจ้ารัก คารวะระลึกถึงพระเจ้าวันละ 5 หน อะไรก็แล้วแต่ หรือว่าอ้อนวอนพระเจ้าเสมอๆ ท่องสวดมนต์ ระลึกถึงพระเจ้าเสมอๆ ศาสนาเทวนิยมก็จะเป็นอย่างนี้ แต่ของพระพุทธเจ้ารู้เลยว่าพระเจ้าไม่มี ถึงมีก็คือธาตุจิตนิยามของตนเอง พระเจ้าก็คือเป็นพระเจ้าของตนเอง เป็นธาตุรู้ที่ถือว่าธาตุรู้นี้คือความรู้ ความรู้ความฉลาดหรือแถมเรียกว่าความจริงนี้ก็ได้ เป็นธาตุรู้ที่เหมาเข่งเลยว่าเป็นความรู้ความฉลาดเหมาเข่ง 

ผู้ใดที่รู้และฉลาดและสุดจบความรู้นั้นเป็นความจริงของตน แล้วตั้งตนเป็นศาสดา ก็มีบริวารมาเรียน กลายเป็นศาสนาเป็นลัทธิย่อย จนกระทั่งถึงลัทธิใหญ่ ลัทธิใดที่มีความรู้มากทางโลกียะ มีความฉลาดมากแล้วเขาก็จบว่านั่นเป็นความจริง ได้เท่าไหร่ก็ของแต่ละศาสดาแต่ละศาสนา ซึ่งความรู้ความฉลาด ความจริงนั้นก็คือของศาสดาเองแต่ละองค์นั่นแหละ ผ่านกรรมวิบากของตนเองได้ความรู้และความฉลาด 

สรุปเป็นความจริงของตนสูงสุด ยิ่งสูงสุด axiom ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว เขายึดถืออย่างนั้นจริงๆเลย เป็นความรู้ที่ยอดจบแล้ว ไม่มีใครจะรู้เกินกว่าพระเจ้าหรือพระบุตรที่เอาคำสอนมา พระบุตรก็ไม่กล้ารับรู้ ไม่กล้ารับรองว่านี่เป็นความรู้ของตน ที่ศาสดาของศาสนาเทวนิยมแต่ละองค์เอามาสอน มันเป็นของตน แต่ท่านไม่รู้ ไม่เชื่อ ไม่กล้าที่จะรับเอามาเป็นของตน ก็เลยมอบให้ของใครอื่นก็แล้วแต่เพื่อพรางคนทั้งหลายว่าความรู้สุดยอดอย่างนี้ คนเป็นไม่ได้หรอก ต้องมีอะไรพิเศษอย่างหนึ่ง เป็นสุดยอดความรู้เลย คือพระบิดาพระเจ้าประทานให้พระบุตรเอามาประกาศแก่โลกแก่มนุษยชาติให้รู้จักความจริง และเป็นความรู้ความฉลาดแบบนี้ให้ปฏิบัติตามเถอะจะสูงสุดด้วยความจริงเท่าพระเจ้า จะรู้จะฉลาดสูงสุดเท่าพระเจ้า แต่เขาก็บอกว่าไม่มีใครจะสูงสุดเท่าพระเจ้าแม้แต่พระบุตรก็ไม่ได้ เพราะพระเจ้าก็ดีพระบุตรก็ดีไม่ใช่คน คนเป็นไม่ได้ 

นี่คือความต่างของศาสนาเทวนิยมกับศาสนาพุทธ แต่พุทธนั้นพิสูจน์เลยว่า ความรู้ก็ดีความฉลาดก็ดี ความจริงก็ดี ไม่ใช่พระเจ้าเป็นเจ้าของ แล้วไม่อยู่นิรันดร เป็นความรู้ของแต่ละคนเอง พิสูจน์ได้ จะสุขจะทุกข์ก็ทำเอง จะดีจะชั่วก็ทำเอง พิสูจน์ได้ไง พิสูจน์จนสุดท้ายจะทำให้จิตนิยามของตนเองสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย จบเลิกเกิดเลย ทำได้ พระเจ้าจะทำอะไร ตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้า จ้างก็ไม่ไป ทำลายของตัวเองสลายเป็นดินน้ำไฟลม อย่างนี้เป็นต้นเป็นการพิสูจน์ยิ่งกว่าวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้แค่ทางรูปธรรมทางสสารพลังงาน แม้แต่ชีวะก็รู้บ้างเล็กๆ น้อยๆ ในระดับพืช ในระดับจิตวิญญาณนั้นไม่รู้จบ ไม่รู้จิตวิญญาณสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างพระพุทธเจ้า นี่คือความรู้ของมนุษยชาติในโลก ที่ทรงค้นพบเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน ชาติทั้งหลายแหล่ เทวนิยมหรือศาสนาพระเจ้าก็มนุษย์เหมือนกัน ศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่สามารถที่จะทำได้ แม้จะพูดถึงความดีความชั่วก็ทำได้อย่างมีหลักประกันว่าเกิดอีกกี่ชาติรู้เลยว่าการเกิดวนเวียน การเกิดการตาย การตายการเกิด 

แต่ทางโน้นเทวนิยมที่แย่ที่สุดก็คือ ตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ไม่รู้จักการเวียนเกิดเวียนตายเลย เทวนิยมที่รู้จักการเวียนเกิด เวียนตายบ้าง ก็ค่อยๆรู้เพิ่มขึ้นๆ เพราะฉะนั้นเทวนิยมที่พัฒนาขึ้นมาก็จะรู้จักการเวียนเกิด ว่ามันไม่ได้ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้านิรันดรนะ มันจะต้องมาเกิดอีก มีชาติ 2 ชาติ 3 ชาติ 4 ชาติ แต่เขาไม่รู้รายละเอียดว่า อวิชชาพาเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ามีอวิชชาจะพาเกิดวนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนับชาติไม่ได้เลย วนแล้วก็ สะสมกรรมวิบากที่มันอวิชชาด้วย มันก็สะสมกันแต่ความเลวร้าย เพราะฉะนั้นในโลกที่หมุนเวียนอยู่ เมื่อถึงยุคที่พระพุทธเจ้าท่านเกิดมา สอนความจริง ก็ลดคนที่จะไปจุดที่จะต้องหมุนเวียนอยู่ในโลกลดลงไปได้บ้าง 

คนที่ยังไม่รู้ ก็เป็นไปเพราะฉะนั้นเมื่อกาลเวลาเวียนไป มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา สอนให้คนรู้จักการหยุดหมุนเวียน ดับความเป็นมนุษย์ได้จำนวนหนึ่ง จนกระทั่งศาสนาพุทธเสื่อมลง ก็ดับได้น้อยลงๆ น้อยลงๆ ศาสนาพุทธเสื่อมไปเสื่อมไป โลกียะก็จัดจ้านยิ่งขึ้น กลายเป็นยุคที่มันยิ่งเลวร้าย เรียกว่ากลียุค นี่มันก็ใกล้เข้ามาเพราะศาสนาพระพุทธเจ้ากึ่งหนึ่งแล้ว 2,500 ปี ศาสนาพระพุทธเจ้ามี 5,000 ปี พอถึงกึ่งหนึ่งนี่มันเสื่อมจนอาตมาเกิดมา มายืนยันประกาศตัวเองว่าเป็นผู้ที่เข้ามาสืบทอดเข้ามากอบกู้ด้วย กอบกู้ความเสื่อม ซึ่งมันเสื่อมจริงๆ อาตมาทุกวันนี้ก็เปิดเผยทุกอย่างพูดตรงๆ คำอธิบายเนื้อหาสาระสัจจะของธรรมะที่อาตมาอธิบายต่างๆนานา นี่ก็เขียนถึงความรู้นี่แหละ ไม่มีอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:31:40 )

ศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยมที่ไม่ลึกลับ

รายละเอียด

ทีนี้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วไม่ลึกลับ พิสูจน์ได้ จนกระทั่งที่สุดทำให้จิตวิญญาณหรือ เทวฺหรือพระเจ้า หรือเรียกไวยพจน์อีกอันว่า คำว่า อัตตา 

สามารถที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ มีทั้งรูปและนามในสิ่งเหล่านี้ เป็นสภาวะ 2 เสมอ เพราะเป็นชีวะ เป็นจิตนิยาม เพราะว่า เป็นของไม่เที่ยง ตั้งอยู่แล้วสุดท้ายก็สลายไป ความว่าสลายไป สูญ พระพุทธเจ้าท่านพิสูจน์ความสลายไป จนรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงว่าสลายถึงที่สุด เป็นดินน้ำไฟลมแยกธาตุจิตนิยาม หรือธาตุพระเจ้า ธาตุอัตตา แยกจากลักษณะ หรือเรียนจากลักษณะ 2 แยกเทวฺเป็น 2

ในทุกๆ 2 สารพัดประดามีทั้งหมด รู้แจ้งหมดในความเป็นเทวฺหรือความเป็น 2 ทุกสิ่งทุกอย่าง และ 2 นี้ที่ประชุมกันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าประชุมกันอยู่นิรันดร แต่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป หมุนเวียน ในสามัญของไตรลักษณ์ก็หมุนเวียนกันไป ในศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักความหมุนเวียน ไม่รู้จักไตรลักษณ์ ไม่ได้เรียนเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:41:05 )

ศาสนาพุทธเป็นเรื่องดับภพจบชาติ

รายละเอียด

คือ เรื่องของศาสนาพุทธเป็นเรื่องที่สุดยอด เป็นเรื่องที่ดับภพจบชาติ ดับหมดเลย อเวจีทั้งหลายก็ดับ สวรรค์ก็ดับ แม้ที่สุดพรหม 16 ชั้น พรหม 20 ชั้น ดับหมด หากมีก็ไม่หมดภพหมดชาติ ผู้หมดภพหมดชาติจะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสมมุติทั้งหมดเลย สวรรค์ 6 ชั้น พรหม 16  ช้้น รูป อรูป พรหมอีก 4 ชั้น เป็น 20 ชั้น เป็นนิรมาณกาย เป็นกายที่เขาสร้างภพชาติขึ้นมา ที่เขาสมมติหลอกให้ยึดติดกัน คุณก็มีอุปาทาน ไปทางนั้นแหละ มีอุปาทายา ในโลก ในภพชาติ ยึด อุปาทายา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:19:16 )

ศาสนาพุทธเป็นโลกุตรธรรม คนละโลกกันกับทุนนิยม ที่เป็นโลกีย์ 100% 

รายละเอียด

คนเข้าใจเรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะทางตะวันตกหรือทางเทวนิยม ทางศาสนาพระเจ้าซึ่งไม่ใช่โลกุตระเลย แล้วเขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จักโลกุตระได้เป็นอันขาด จนกว่าจะเข้ามาศึกษาโลกุตระอย่างจริงจัง จนเกิดความยินดีเกิดฉันทะแล้วจึงจะมาศึกษา จนกระทั่งสามารถทำจิตได้ มนสิการได้ จึงจะสามารถค่อยๆมี อัญญธาตุ 

อัญญธาตุ คือธาตุที่เป็นโลกุตระตัวแรก จนกว่าจะมี อัญญธาตุ สะสมขึ้นไปเกินกว่า 50% เป็น 60% 70% จึงจะเปล่งรังสีของความรู้ โลกุตระขึ้นมา เหมือนอย่างโกณฑัญญะได้สั่งสม อัญญธาตุ กระทั่งมี อัญญธาตุ เกิน 50% 60% เข้าไปสู่ 70% ก็เลย ฟังคำสอนพระพุทธเจ้ารู้เรื่อง 

พอเริ่มต้นเป็นคนแรกที่ฟังธรรมะพระพุทธเจ้ารู้เรื่องพระพุทธเจ้าก็อุทานว่า อัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ โกณฑัญญะรู้แล้วนะ ได้รู้มีโลกตุรธรรมขึ้นในจิต มี อัญญธาตุ 50 - 60%ขึ้นไป เป็นคนที่จะพูดเรื่องโลกุตรธรรมกันได้แล้ว จากนั้นก็เริ่มต้น ก็มีพราหมณ์อีก 4 ท่านที่เป็นเพื่อนของโกณฑัญญะ บารมีไล่เรียงกันมาก็ค่อยๆรู้ตาม ศาสนาพุทธจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนั้น ศาสนาพุทธเป็นโลกุตรธรรม คนละโลกกันกับทุนนิยม ที่เป็นโลกีย์ 100% 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำเดือน อ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 18:54:51 )

ศาสนาพุทธเมื่อรู้แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเมื่อรู้แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกอย่างมีทุกอย่าง ความผิด ความสุข ทุกอย่างในโลกมีหมด ก็รู้ทั้งผิดและถูกรู้ทั้งดีและชั่ว แต่ก็ยึดสิ่งนั้นสิ่งนี้ เอาตามความจริงในปัจจุบัน ใครยึดเราก็รู้ว่าเขายึด ก็สอนให้เขาไม่ต้องยึด สิ่งนี้ควรเป็นควรอาศัย สิ่งที่ไม่ดีไม่ควรอาศัยคุณก็อาศัยสิ่งที่ดี แม้แต่สิ่งที่ดีก็ไม่ได้ยึดถือเป็นตัวตนของเรา คุณต้องอยู่กับฐานความจริง ไม่ทำความชั่วใดๆ จิตใจคุณลดกิเลสหมดเป็นบุญ บุญทำลายกิเลสหมด คุณก็หมดบุญก็อยู่กับกุศล ทำแต่กุศลไม่มีบาป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:56:43 )

ศาสนาพุทธเรียนรู้กรรมฐานร้อยแปด

รายละเอียด

ขอยืนยันว่า ศาสนาพุทธทุกวันนี้เสื่อมจนไม่รู้จักกรรมฐาน ไปอ่านในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร ให้ดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นเรื่องกรรมฐานไว้ชัดเจนว่า กรรมฐานของศาสนาพุทธนั้นมีเวทนา นอกจากเวทนาแล้วไม่มีอะไรที่จะเป็นฐานให้ปฏิบัติได้ การปฏิบัติธรรมถ้าไม่มีผัสสะให้เกิดเวทนาและเวทนาเป็นกรรมฐาน แล้วเรียนรู้เวทนา 108 จนกระทั่งทำสำเร็จเป็นเนกขัมมสิตะ เข้าสู่นิพพานได้ 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาก็จะไม่มีกรรมฐานใดเลยที่จะให้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นพวกที่ไม่มีเวทนา 108 ไม่มีกรรมฐาน เรียนรู้กรรมฐานร้อยแปดเพราะฉะนั้นศาสนาพุทธล้มเหลวจนกระทั่งไม่รู้จักกรรมฐาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:59:30 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์