@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา

รายละเอียด

พูดไปบังคับเขาก็ไม่ได้ คนฟังได้ก็ได้ไป ฟังธรรมด้วยดีไม่มีอคติ สุสูสัง ลภเต ปัญญัง ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา ยิ่งมีสัตบุรุษมาอธิบาย ก็ยิ่งต้องฟังสัตบุรุษให้บริบูรณ์ ฟังสัทธรรม ให้บริบูรณ์ ศรัทธาก็จะเกิดความบริบูรณ์ โยนิโสมนสิการก็บริบูรณ์ สติสัมปชัญญะก็บริบูรณ์ แล้วก็มีการสำรวมอินทรีย์ 6 ด้วยบริบูรณ์ สุจริต 3 ก็บริบูรณ์ แล้วสติปัฏฐาน 4 ก็บริบูรณ์ โพชฌงค์ 7 ก็บริบูรณ์ วิชชาและวิมุติก็บริบูรณ์ อาหาร 10 ของพระพุทธเจ้า อาศัยซึ่งกันและกัน 

อาตมาไม่ต้องท่องหรอก มีสภาวะและไล่ตามสภาวะแล้วเอาพยัญชนะมาแปะ จำได้แล้วไล่สู่ฟังไม่ต้องเปิดตำรา ทำการอนุโลมปฏิโลมได้หมด มันเป็นจริงมันชัดๆ ไม่เป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ ถ้าหากขาดไปมันก็ต่อไม่ติด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 17 มกราคม 2566 ( 13:05:33 )

ฟังด้วยดีไม่มีอคติจะได้ปัญญา

รายละเอียด

แต่ถ้ามันไม่มีอาการมีน้ำหนักถึงขนาดนั้น มันก็ดื้อๆ บื้อๆ ตาใสอยู่อย่างนั้น แล้วจะไปแก้ไขตัวเองยังไง คนนั้นก็จมอยู่กับอันเก่า พูดไปแล้วอาตมาก็เห็นความจริงที่คนอย่างนี้ยังมีในสังคมศาสนาพุทธ น่าสงสารก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่พูดไป อธิบายความจริง หากท่านฟังด้วยดีไม่มีอคติ สุสูสัง ละภะเต ปัญญัง จะได้ปัญญา จะได้เกิดความฉลาดขึ้น รู้ความจริงแล้วก็ต้องมาเป็นผู้ที่ละอายต่อความจริง เกรงกลัวต่อความจริง เขาก็จะเกิดความรักความจริงดีขึ้นมา แต่ถ้ายังไปคว้าเอาความหลอกเอาความผิดพลาด ความเก๊ๆ ก็น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 10:55:48 )

ฟังด้วยอัตตามานะไม่ใช่อรหันต์

รายละเอียด

ถ้าท่านฟังด้วยอัตตามานะ แน่นอนท่านไม่ชอบใจอาตมาแน่ ก็ขออภัย ที่ทำให้ผู้ฟังที่เป็นปราชญ์ทั้งหลายฟังอาตมาพูดถึงแล้ว อาตมาไม่ได้ไปแอบพูดลับหลังนินทาว่าร้ายนะ แต่พูดออกสาธารณะ พูดความถูกเป็นถูก พูดความผิดเป็นผิด ไม่ได้ลับหลังปิดบังซ่อนเร้น พูดอย่างจริงใจอย่างมีความปรารถนาดี เพราะท่านยังมีอัตตามานะอยู่จริงๆ ท่านปฏิญาณตนเองยังไม่ได้หรอกว่าตนเองเป็นอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:38:34 )

ฟังธรรมจากพ่อครู คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลก

รายละเอียด

ที่จริงแล้วถูกต้อง แต่อาตมาจะย้ำมากเกินไปก็ดูว่าคนที่ยังไม่ศรัทธายังเข้าใจธรรมะไม่ได้ก็จะพูดกับเขายังไม่รู้เรื่อง เขาก็จะเห็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าธรรมะ  ดีไม่ดีเห็นแก่เรื่องของทุนนิยม เรื่องของอบายมุข ความสนุกเพลิดเพลินว่าเป็นสิ่งที่ควรจะเห็นดีเห็นงามกว่า ก็แล้วแต่ละบุคคล ก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:48:08 )

ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก

รายละเอียด

ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก ที่มันไม่ดีนี่ อาตมาจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมคุณไม่รู้สึกมั่นใจดีๆกับธรรมะพระพุทธเจ้า ถ้าคุณไม่ปฏิบัติไปตามลำดับ คุณไม่เริ่มต้นตามลำดับ จนบรรลุตามลำดับอย่างไร 

จรณะ 15 ของพระพุทธเจ้านี้เป็นลำดับ โดยมีศีลเป็นข้อเริ่มต้นศีลข้อที่ 1 คุณก็เอาข้อที่ 1 มาปฏิบัติให้จริงจัง ให้ละเอียดลออลึกซึ้ง จนกระทั่งได้ไปถึงขีดขั้นที่สมบูรณ์แบบแล้ว 

ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์แม้สัตว์จะฆ่าเรา เราก็ไม่ถือโทษโกรธสัตว์เลย อภัย อโหสิ แม้ตาย ถ้าเรายังไม่ยอม ปรินิพพานเป็นปริโยสาน หรือแม้คุณยังไม่เป็นอรหันต์ คุณก็วางใจอย่างนี้แหละ เรียนรู้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า ใครจะทำร้ายเราก็เป็นวิบากของเขา แต่เราไม่ไปพยาบาทไม่โกรธเคือง ไม่ถือสาต่อ ไม่ตอบโต้ ทำก็เป็นวิบากของเขา เขาจะมีวิบาก ผูกพัน เขาจะถือสา เขาจะแก้แค้นตอบโต้อะไรอยู่ก็เรื่องของเขา เราก็วางปล่อย 

เพราะฉะนั้นจึงทิ้งการฆ่าสัตว์ เว้นขาด แล้วพิสูจน์ไปแต่ละชาติๆ เลย ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ของที่จะไปใช้ประหารคนอื่น ไม่ใช้แม้แต่ ตัวร่างกายใช้ไม้ใช้มือ ใช้ศอก ใช้เข่า ที่จะไปทำร้ายคนอื่นก็ไม่เอา มีความละอาย ละอายอย่างไร ละอายว่า ถ้าเราไปทำอย่างนั้นมันเป็นพฤติกรรมที่เลว ไปทำร้ายสัตว์อื่น ไม่ว่าจะไปทำร้ายสัตว์ใด จะเอาชนะกัน ก็ทำร้ายคู่ต่อสู้ เขาจะเจ็บก็เอาชนะให้ได้ เขาจะเกิดบาดแผลก็เอาชนะให้ได้ จนเขาจะตายหรือตายก็ชนะ มันก็เป็นวิบากแก้กันไปแก้กันมาไม่รู้จบ เพราะฉะนั้นไม่ต้อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 11:07:32 )

ฟังธรรมอย่างไรให้เกิดปัญญา

รายละเอียด

ฟังให้ดี อย่าให้มีอคติ อย่าให้มีการลบหลู่ ฟังสัตบุรุษจะได้ฟังสัทธรรม ฟังสัตบุรุษหรือผู้อยู่ในฐานะครูและต้องตั้งใจ เคารพอย่างแรงกล้า ละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า ท่านตรัสไว้ในปัญญา 8 หากคุณไม่ฟังด้วยความละอาย เกรงกลัว ความรักความเคารพมันไม่มีทางหรอก ไม่มีความยินดีที่จะฟังเต็มที่ เพราะธรรมะพระพุทธเจ้ามันลึกซึ้งละเอียดคุณฟังอย่างอาบน้ำกลัวเปียกฟังอย่างเสียไม่ได้ จ้างคุณก็ไม่เข้าใจ จ้างคุณก็ไม่ได้ปัญญา คุณก็ได้อย่างเพลิดเพลินอย่างนั้น ไม่ลึกซึ้งเป็นปัญญา ฟังได้แต่ผิวเผิน อาตมาพูดเรื่องนี้ซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:25:09 )

ฟังธรรมะจากพ่อครู คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลก

รายละเอียด

ที่จริงแล้วถูกต้อง แต่อาตมาจะย้ำมากเกินไปก็ดูว่าคนที่ยังไม่ศรัทธายังเข้าใจธรรมะไม่ได้ก็จะพูดกับเขายังไม่รู้เรื่อง เขาก็จะเห็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าธรรมะ  ดีไม่ดีเห็นแก่เรื่องของทุนนิยม เรื่องของอบายมุข ความสนุกเพลิดเพลินว่าเป็นสิ่งที่ควรจะเห็นดีเห็นงามกว่า ก็แล้วแต่ละบุคคล ก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการวิถีอาริยธรรมที่บ้านราชฯ วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2563 ( 16:36:19 )

ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมได้อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาพูดได้อย่างเข้มข้น พูดได้ชัดเพราะมีพวกคุณได้ฟังธรรมและเอาไปปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วก็บรรลุธรรม อาตมาจึงจัดให้พวกคุณบรรลุธรรม ถ้าคุณไม่บรรลุธรรมไม่มาอยู่อย่างนี้หรอก ทิ้งลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขมาจริงๆ ทิ้งได้ยิ่งกว่าพระเจ้าที่เป็นเจ้าคุณ ที่เป็นสมเด็จอะไรโน่น เขายังทิ้งไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาติด เหมือนมหาบัวติดหมากก็ทิ้งไม่ได้ ฉันเดียวกันกับพวกที่ติดลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะมันหลง มันไม่รู้เรื่อง แม้ว่าทุกวันนี้ฟังโพธิรักษ์พอเข้าใจได้บ้าง แต่ก็สายเสียแล้วกลับตัวไม่ได้ อาตมาทุกวันนี้ก็แบกพระไตรปิฎกมาอ้างอิง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:43:17 )

ฟังธรรมแล้วอย่าให้เป็นสีลัพพตปรามาส

รายละเอียด

พวกเราฟังธรรมได้ประโยชน์เพิ่มเติมหรือไม่ ก็ได้ประโยชน์เพิ่มเติมมีกำลังใจมีกำลังกายเพิ่มเติม ก็อย่าไปเหยาะแหยะ อย่าให้เป็นสีลัพพตปรามาส เตือนกัน รู้แล้วอย่าให้เป็นสีลัพพตปรามาส พวกเราไม่มีสีลัพพตุปาทานแล้ว ก็ทำให้สีลัพตปรามาสลดลง ให้เอาจริงเอาจัง  เป็นแต่เพียงว่าอย่าไปตะกละเกินไปจนกระทั่งกลายเป็น อภิชัปปา ตัณหาล้ำหน้า อยากได้เร็วเกินการ มันจะเสียผลไม่ดีก็เติมเท่านั้น ก็ทำไป 

อาตมาก็พยายามจะลากสังขารไป มันคงจะไม่สมบูรณ์ ทำอย่างไรได้ มันรีบๆเอาเลยลวกๆไม่ได้ ต้องเป็นของที่มันเต็มของมัน ดีไปได้เป็นระดับที่เป็นความเจริญโดยลำดับ อย่างน่าอัศจรรย์ ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเล พระพุทธเจ้าตรัสไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:46:07 )

ฟังธรรมแล้วเกิดธรรมรส เป็นการเกิดโอกกันติใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ เกิดโอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ เมื่อฟังธรรมของพระโพธิสัตว์แล้วเกิดความยินดีชอบใจพอใจก็จะเป็นข้อที่ 1 ของมูลสูตร 10 ก็จะเจริญต่อไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:19:33 )

ฟังธรรมแล้วได้อานิสงส์ 5 ประการ

รายละเอียด

ไม่ต้องเอาพระพุทธเจ้าหรอก เอาอาตมาบรรยายธรรมะก็มีผู้ที่รับได้ก็มีชาวอโศกและผู้แสวงหา ที่จิตไม่มีอคติ มีจิตแสวงหา ก็จะพบว่า โพธิรักษ์พูดนี้มีอะไรใหม่ๆ ฟังแล้วเข้าใจ มีอานิสงส์ในการฟังธรรมเกิดจริงๆ ในผู้นั้น อานิสงส์ 5 ประการที่เกิดจริงๆ เข้าใจขึ้น สุสูสังลภเตปัญญัง ฟังแล้วได้ความรู้ที่เรียกว่าปัญญาเข้าใจเพิ่มขึ้นได้ฟังอะไรใหม่ๆ แปลกๆ รับได้ มันแปลกกว่าที่เคยรู้ อ๋อ!.. มีเหตุมีผลมีหลักการมีสิ่งอ้างอิง มีสิ่งที่เป็นไปได้ ทำให้เข้าใจขึ้น ทำให้ทิฐฏิที่มีอยู่เก่าเปลี่ยนแปลงไป พ้นความสงสัย ขจัดวิจิกิจฉา จิตใจก็โล่ง ได้อานิสงส์แห่งการฟังธรรม 5 ประการเกิดจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:23:50 )

ฟังสัจธรรมนี้ดีๆ

รายละเอียด

ความเจริญของชาวอโศก อาตมาต้องรับรอง อาตมาต้องกอบกู้ อาตมาต้องนำพา เพื่อให้ความจริงของพุทธที่เป็นโลกุตระนั้น สืบทอดต่อเนื่องไปจนครบ 5,000 ปี 

อันนี้เป็นสัจจะ ผู้ไม่จริงไม่มีความรู้ จะไม่มีอะไรมาพูดอธิบายอย่างอาตมา อาตมาอธิบายธรรมะไม่ได้อธิบายอย่างภาษาฟังแล้วก็ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างต่อเนื่องกัน ที่จริงคำอธิบายธรรมะของอาตมาต่อเนื่องกันได้หมด ทุกเรื่องทุกอันเอามาเชื่อมโยงกันได้ บางอันก็ใกล้กัน บางอันก็ไกลกันหน่อย บางอันใกล้กันมาก แต่ล้วนอธิบายต่อเนื่องถึงกันได้หมด 

มันเป็นสัจจะที่ การเกิดมาเป็นคน ชีวิตที่ได้ร่างกาย-จิตวิญญาณ หรือจิตนิยามเป็นสัตว์ที่เรียกว่า คน นี้ภาษาไทย ส่วนภาษาบาลีเรียกว่า มนุสโส เป็นภาษาสันสกฤตก็คือ มนุษยะ 

มนุษย์ก็เป็นผู้ที่จะผันตัวเองให้เจริญสูงสุดได้ที่สุดจึงเรียกว่าจิตสูง ถ้าไม่สามารถผันให้ตัวเองสูงสุดได้ก็ผันให้ตัวเอง..ขออยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกัน ผันตัวเองให้ต่ำสุดไป จนกระทั่งต่ำกว่าเดรัจฉาน ต่ำกว่าสัตว์นรก ต่ำกว่าสัตว์ชั้นต่ำมหาอเวจีไหนๆ ก็ได้ เฉพาะจิตวิญญาณก็ทำให้ต่ำ ไม่มีกำหนดต่ำอย่างหาที่สุดไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายอย่างหาที่สุดในความต่ำ เขาก็เป็นไปได้ จิตของเขาเป็น อย่างคนในยุคนี้ปางนี้สมัยเดียวกัน คุณก็นึกเอาเองก็แล้วกัน คนที่เขาเป็นอย่างนั้นได้

พูดให้ชัดขึ้นอีก เอาตัวบุคคลมาอธิบาย คุณว่าธัมมชโยจะรู้ความจริงไหมว่าตัวเองนี้หลอกคนอื่น ทักษิณจะรู้ไหมว่าตัวเองนั้นหลอกคน มหาบัวจะรู้ไหมว่าหลอกคน กินหมากนี่บอกว่าไม่มีกิเลสมันไม่เป็นกิเลส เราก็เชื่อไม่ไหวนะว่าท่านไม่รู้ เราก็ให้เกียรติท่านว่าท่านเป็นผู้ฉลาดอยู่ รู้ ท่านรู้แต่ว่าท่านหลอก  อันนี้แหละเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดที่สุดและก็จริงที่สุด ผู้ที่โกหกทั้งๆที่รู้ ตนก็รู้ว่าคำนี้เป็นการโกหก แล้วก็โกหกมันออกไป โกหกผู้อื่นทั้งๆที่รู้ว่าตนเองโกหก ไม่แก้กลับ ยังดันทุรังโกหกต่อไปให้คนอื่นเข้าใจผิดอย่างนั้น คนนี้เลวหาที่สุดไม่ได้ เสื่อมหาที่สุดไม่ได้ มันเป็นเช่นนั้น น่ากลัวสัจธรรมนี่ ฟังสัจธรรมดีๆ ที่อาตมาหมาย (พตปฎ ล.25 ข้อ 203 สัมปชานมุสาวาทสูตร การกล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่)

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ September  ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:10:26 )

ฟังสัทธรรมแล้วจึงเกิดศรัทธา

รายละเอียด

กว่าจะได้เอามาปฏิบัติจะลงมือปฏิบัติก็อยู่ในข้อต่อไป พอได้ฟังสัทธรรม เราก็จะได้รับซับทราบ ได้รู้แล้วเข้าใจมีความเห็นแจ้งขึ้น ศรัทธาเลื่อมใส เชื่อ เชื่อถือ เชื่อฟัง 

เชื่อถือนี้ยิ่งแน่ยิ่งถือมั่นเข้าไปเรื่อยๆ พอเชื่อมั่นสูงขึ้นไปก็เชื่อฟัง เชื่อฟังก็ลงมือปฏิบัติตาม อะไรที่เริ่มต้น ที่ปฏิบัติขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลายไปตามลำดับ เราก็เริ่มปฏิบัติตาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:38:27 )

ฟังเขาท้วงมาแล้วปรับที่ตัวเอง

รายละเอียด

ก็ดี เขาท้วงมา ก็เป็นความปรารถนาดี เขาก็ช่วย บางทีมันอาจจะเกินก็ได้จริงบางทีมันอาจจะขาดก็ได้ จริงบางทีมันก็ไม่เป็นไร อาตมาก็ฟังแล้วก็ปรับตัวเอง อะไรมันเป็นอย่างเขาว่าก็ปรับ อะไรไม่เป็นอย่างเขาว่าอาตมาก็เฉย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:11:49 )

ฟังเทศน์ส่งท้ายปีเก่า

รายละเอียด

วันนี้วันแรม 2 ค่ำเดือน 2 วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เราก็มาฟังเทศน์ส่งท้ายปีเก่ากัน รู้สึกว่าอบอุ่นกันพอสมควร มาจากไหนกัน? ..มาจากบ้านราชฯกันหมดหรือนี่ วันส่งท้ายปีเก่านี้ตื่นหรือยัง ธรรมดามันก็ไม่มากขนาดนี้นี่ ..มาเข้าค่ายด้วย ส่งท้ายปีเก่าด้วย ก็เลยดูอุ่นหนาฝาคั่ง ได้นับกันหรือเปล่า มีคุ้มเฟส 2,คุ้มบวร,โรงสี,คุ้มเฟส 1,คุ้มตะวันออก, คุ้มตะวันตก 

พวกเรา อาตมาว่า มันถูกต้องตามธรรมพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ทั้งนั้นเลย พวกเราได้ศึกษาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ากันมาแล้วก็เอามาปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วเสร็จสรรพ ผลก็คือพวกเราเกิดเป็น เกิดตามพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:49:56 )

ฟังเสียงด่าอย่างไรให้เกิดปัญญาไม่ใช่แค่สมถะ

รายละเอียด

ไม่ได้..มันไม่รู้ความจริงตามความเป็นจริง 1. มันโง่เขาด่าก็หน้าด้านเฉยไม่รู้เรื่อง นอกจากโง่แล้ว 2. ยังโด้ยังด้านด้วย เฉยไม่รู้ไม่ชี้ มันก็เหมือนคนด่าหมาที่มันเดินมาตัวหนึ่ง หมามันจะไปรู้เรื่องไหม มันก็เดินของมันเฉย เป็นคนอย่างนั้น มันไม่ได้เรื่องหรอก มันต้องฟังว่าเขาด่าเรื่องอะไร เขามีความหมายอะไร 

1.อาตมาเคยอธิบายแล้ว ถ้าด่าสาดเสียเทเสีย เขาด่าไปปากเปราะไปเฉยๆ ไม่ได้อะไรหรอก ด่าตามประสานิสัยสัญชาตญาณคนขี้ด่า ก็ด่าอย่างทิ้งๆขว้างๆ สาดเสียเทเสีย ไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไร ด่าด้วยอารมณ์บำเรอความโกรธ แล้วก็ด่าสาดเสียเทเสีย ก็เลยไม่รู้ว่าเราเป็นจริงตามที่เขาด่าหรือเปล่า เขาไม่ได้กำหนด ไม่ได้มาเปรียบเทียบ ไม่ได้กำหนดเนื้อหาอะไรอย่างนั้นเลย 

ทีนี้เขาก็ด่าเราอย่างมีการกำหนดรู้เนื้อหา แล้วเขาก็ด่าอย่างนี้ว่ามันดีอย่างนี้ ไม่ดีอย่างนั้น เรื่องนั้นเรื่องนี้อะไรๆ อย่างนี้ เอออย่างนี้สิ เราก็นำพา เอาคำด่านั้นมาพิจารณาว่า เราเป็นอย่างที่เขาว่า ที่เขาตำหนิอะไรต่ออะไรหรือไม่ ถ้าเป็นก็ขอบคุณเขา ถ้าเราไม่ได้เป็นก็แล้วไป คนนี้เขาไม่รู้ความจริงว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาด่าผิด ด้วยความไม่ฉลาดหรือความโง่ก็อยู่ที่เขา 

เป็นอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัส เขาด่าเราเหมือนเอาสำรับกับข้าวมาตั้งไว้ เราก็พิจารณา แล้วเราจะกินหรือไม่กิน ควรหรือไม่ควร ก็ไม่เห็นจะต้องกิน อันนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา เราก็ตั้งไว้อย่างนั้น เขาจะมาเอาคืนไปหรือไม่มาเอาคืนไปก็เรื่องของเขา อธิบายผ่านไปแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2566 ( 14:37:18 )

ฟังแล้วก็เชื่อ ไม่มีปัญญา

รายละเอียด

คนที่มีลักษณะง่ายๆฟังแล้วก็เชื่อ ไม่มีปัญญา ไม่มีการพิจารณา ไม่มีการวิเคราะห์วิจัยอะไร เชื่อเลยอย่างนี้ เป็นฟังธรรมพระพุทธองค์ไม่ได้ แต่ว่าใช่ก็ใช่ เพราะของพระพุทธเจ้าต้องวิจัยพิจารณาไตร่ตรองและเอามาเทียบเคียงทั้งรูปและนามทั้งที่เราเกี่ยวข้องสัมผัสแล้วเกิดผล เกิดอะไรเยอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 20:06:33 )

ฟังแล้วฟังอีกในปัญญาข้อที่ 2

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาริยะจะเห็นทุกข์ ความสุขไม่มีหรอก ความสุขมันเป็นตัวมาร ตัวซาตาน ตัวผีหลอก 

เพราะฉะนั้นคนที่จะหลงสุขกันอย่างเทวนิยม ไม่มีทางที่จะขึ้นมาได้ ศาสนาเทวนิยมไม่มีทางจะรู้จักสุขทุกข์ เขาเรียนรู้ได้แต่ดีแต่ชั่วที่เป็นสมมุติในโลกเท่านั้น แล้วเขาก็อาศัยอันนั้น เป็นศาสนาทุนนิยมเป็นศาสนาอยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แต่เขาก็พยายามนะ ศาสนาทางโน้นเขาก็พยายามจะมาเป็นคนจน มาเป็นคนทิ้ง ลาภยศ บางคนก็พยายามที่จะทิ้ง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เขาก็พยายามเหมือนกัน แต่เขากำหนดไม่ถูก มันสัมมาทิฏฐิไม่สมบูรณ์ มันไม่เป็นปัญญา 

มันไม่เป็นปัญญาเพราะมันยังไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปัญญาข้อที่ 1 เขาไม่ได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัส เขาไม่ได้ฟังสัตบุรุษพูด เขาไม่ได้ฟังสัมมาทิฏฐิจากผู้ที่สัมมาทิฏฐิ แม้จะได้ยินได้ฟังแล้วปัญญาข้อที่ 2 ก็ต้องมาฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีกในปัญญาข้อที่ 2 เข้ามาถามไถ่มาซักไซร้ไล่เรียงเรียนรู้แล้วเรียนรู้อีก จึงจะค่อยๆเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ จึงจะเกิดหิริโอตตัปปะสูงขึ้นเรื่อยๆ พอสำนึกแล้วจะรู้สึกตัว ตายๆๆๆ ทำทุกข์อย่างแรงกล้าเลย แต่ก่อนที่เราเข้าใจผิด เห็นหัวเป็นตีนเห็นตีนเป็นหัวเลย ตีลังกากลับเลย จะรู้อย่างนั้นเลยจริงๆจะเห็นตรงกันข้ามที่เป็นสัจจะความเป็นจริง จะรู้จริงๆ แล้วเข้าใจ วูปสมะ ความสงบในปัญญาข้อที่ 3 จึงจะรู้ถึงความสงบ 2 อย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2566 ( 11:51:44 )

ฟังโพธิสัตว์ระดับไหนจึงได้ฟังโลกุตระ

รายละเอียด

โพธิสัตว์ระดับไหน ระดับ 6 ระดับ 5 ก็ สาธยายไปได้ตามธรรมดาแล้ว คุณจะมีภูมิระดับไหน มีภูมิฟังระดับ 5 โพธิสัตว์ระดับ 4 ระดับ 4 คือผู้ที่เป็นอรหันต์ เมื่อเป็นโพธิสัตว์ก็เริ่มขึ้นระดับ 5 หรือกำลังจะเป็นอรหันต์หรือเป็นอรหันต์อยู่ ท่านก็ระดับ 4 

คุณฟังระดับ 4 ก็รู้เป็นโลกุตระแล้ว ก็แสดงว่าคุณมีภูมิที่สูง ถ้าคุณฟังระดับ 4 ยังไม่ชัดเจน ยังไม่เชื่อว่าท่านเป็นโพธิสัตว์ในตัว หรือท่านมีภูมิโลกุตระแล้ว คุณก็ต้องไปรอท่านเป็นระดับ 5 จึงจะฟังขึ้น ระดับ 5 สาธยายได้มากกว่าระดับ 4 คนที่ยังไม่ใช่ระดับ 5 ก็ยังไม่มีภูมิพอจะฟังระดับ 6 ก็ต้องฟังผู้ที่สูงขึ้น ต่ำกว่าก็ต้องฟังผู้ที่สูงขึ้น 

ผู้ที่จะฟังระดับ 7 รู้เรื่องก็ยิ่งต่ำลงไปอีก ผู้ที่จะฟังระดับ 8 รู้เรื่องก็ยิ่งต่ำลงไปอีก เป็นธรรมดา มันเป็นเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 20:05:33 )

ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด

รายละเอียด

ไม่รู้ชัดจริงอะไรเลย ต้องระวังบางทีเกิดวิบาก เห็นว่าคนถูกเป็นผิด กรรมเป็นอันทำ ทำไปแล้วไม่ใช่เอายางลบ ลบไปแล้วหายได้ไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:10:08 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:06:54 )

ฟีโนมีนอน ปรากฏการณ์เกิดจริงเป็นจริง

รายละเอียด

ก็บอกว่าดูสิ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านใช้ศักดินาที่ไหน ท่านรับใช้ประชาชน คุณไปทั่วประเทศเท่าท่านไหม คุณจิตร ภูมิศักดิ์ ไปมาเท่าไหร่ ทำไปทั่วประเทศเท่าท่านไหม คุณทำได้มากเท่าท่านไหม นี่คือความจริง เอาความจริงที่เป็นจริง ฟีโนมีนอน ปรากฏการณ์เกิดจริงเป็นจริงอันนั้นแหละมายืนยัน จิตร ภูมิศักดิ์ ก็ดีเป็นก้าวที่พัฒนาขึ้นมาขั้นหนึ่ง จากที่เป็นเรื่องของศักดินามากทุนนิยมจัดขึ้น มาตอนนี้ก็ระดับนึงใช้ได้ แต่สูงกว่าที่จิตร ภูมิศักดิ์ ทำนั้นมีอีก อย่างพวกเราทำ ขออภัยไม่ได้ไปยกตัวข่ม จิตร ภูมิศักดิ์ อาตมาใช้นามปากกาว่า จิตร เหมือนกันนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 16:14:22 )

ฟื้นจากการถูกครอบงำแล้วยังใช้วิบากอีก 6 ปี

รายละเอียด

เสร็จแล้วอีก 6 ปีค่อยมารู้สึกตัวในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ท่านก็พยายามตรวจสอบตามวิธีการนั่งหลับตาสมาธิ เสร็จแล้ว บุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็ถึงขั้นระลึกถึงความเดิมมันขึ้นมาให้ท่านรู้ ชาติเก่าๆเดิมๆให้ท่านรู้ ท่านก็รู้ได้ เราบำเพ็ญสัมมาสัมโพธิญาณมาสมบูรณ์แบบแล้วนี่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:50:32 )

ฟ้าบ่กั้น Globalization

รายละเอียด

คือ  ยุคนี้เป็นยุคที่ข่าวสารถึงกันทั่วโลก เป็นการสื่อสารความจริง  ที่เกิดประโยชน์มากเลยตั้งแต่เหตุการณ์  กรณี 13 หมูป่าเป็นรูปธรรมความจริงใจเป็นพฤติกรรม  แต่น้ำท่วมครั้งนี้คนหลายแสนคนดีไม่มีจะเป็นล้านคน  เหตุปัจจัยเยอะกว่าพฤติกรรมที่ช่วยงานนี้ การได้ช่วยเหลืองานนี้จึงเป็นอัตราการก้าวหน้าของพฤติกรรมสังคมที่เจริญขึ้นอย่างเห็นทันตา  คนละไม้คนละมือ เป็นพฤติกรรมตัวอย่างที่ขยายผลมาเยอะเลย อันนี้ก็ต้องเป็นเหตุเหมือนบังคับให้ช่วยกัน  เหตุการณ์มันไม่น่าจะเกิดแต่มันก็เกิดแต่เราไม่ได้ไปบังคับมัน  บังคับมันไม่ได้มันเกิดแล้ว  เราต้องช่วยกันพฤติกรรมที่ไม่ดูดาย  พฤติกรรมที่มีน้ำใจ  พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความจริงอย่างนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม  การไปช่วยคราวนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ว่า  ผู้ที่ไปช่วยก็เอาตัวไปช่วยจนตัวเองตาย  ตัวเองเดือดร้อน  ก็ไม่เกิดอย่างนั้น มีอย่างน้อยของเราก็นายติ่ง  ก็พลาดอันนั้นก็รู้แล้ว  ก็มีราชการ เบื้องสูงก็มาช่วยแล้ว  นี่คือ การแสดงออกที่เป็นความเจริญทางด้านจิตวิญญาณของสังคมนุษยชาติของประเทศไทย  ปัญญาชนทั่วโลกรับรู้ข่าวสารถึงกันด้วยความจริง  เป็นยุคฟ้าบ่กั้น Globalization แท้จริง

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:57:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:16 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:07:39 )

ภควา

รายละเอียด

เป็นผู้มีโชค

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 122


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:14:33 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:12:17 )

ภควโต สาวกสังโฆ

รายละเอียด

พระโสดาปัตติมรรค ชื่อว่าอาริยสงฆ์ หรืออาริยบุคคล นับเข้าเป็นอาริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 139


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:13:50 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:12:39 )

ภพ

รายละเอียด

1. แดนเกิด 

2. ความเป็น , ความมี 

3. ภาวะที่เกิดจริง เป็นจริงของสัตว์โลก

4. แดนว่าง ๆ อันไม่มีที่สุดที่จิตเข้าไปอาศัยอยู่ในแดนนั้น

5. สถานที่อยู่ 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 315, หน้า 390, หน้า 41

อีคิวโลกุตระ หน้า 110

เปิดโลกเทวดา หน้า 45


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:16:15 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:13:06 )

ภพ

รายละเอียด

ภพ คือภาวะที่จิตของสัตว์ (ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวขึ้นมา) ภาวะที่จิตของสัตว์นั้นยังยึดอยู่ เดรัจฉานสัตว์เซลล์เดียวมันไม่รู้หรอกแต่มันยึดตามอัตโนมัติของมัน มันไม่รู้เรื่องว่ามันยึด ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนเป็นล้านเซลล์มันก็ยึดมา ยึดอยู่อย่างปล่อยวางไม่เป็น คำว่าปล่อยวางพูดง่ายแต่ไม่ใช่ปล่อยวางได้ ที่สุด ปล่อยวางจนได้เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แล้วก็ยังจะต้องสมาทานอีก สมาทาน แปลว่า ยึดอย่างสงบ จิตไม่มีกิเลสแล้ว ก็จะยังมีเจตนาที่จะ ยึดอยู่ จนกว่าจะตายเป็นปริโยสาน จึงจะไม่มีความยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์ การยึดมีอยู่เมื่อใด ภพก็ยังอยู่ แม้แต่เป็นพระอรหันต์แล้วยังไม่ตาย และยังไม่ตั้งจิตตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสาน และหากพระอรหันต์องค์ใดก็ตามไม่ได้ตั้งใจจะปรินิพพานเป็นปริโยสานด้วย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปนิหิตนิพพาน คือตายอย่างสูญ​ไม่เกิดนิมิตใดๆ ไม่สร้างนิมิตใดๆไม่ตั้งจิตใดๆ อปนิหิตตัง นิมิตคือรูป ปนิหิตตะคือนาม หมดสูญทั้งรูปทั้งนาม ตายอย่างสมบูรณ์ นี่คือการปรินิพพานเป็นปริโยสานจึงจะหมดภพ เราต้องเรียนรู้ดับตั้งแต่ อบายภพ กามภพ เหลือรูปภพ อรูปภพ ภาษาสั้นๆ แค่ 3 อย่างหรือว่า ขยายอบายภพด้วยเป็น 4 เริ่มต้นอบายภพก็เรียนรู้ไม่ได้แล้วเป็นเบื้องต้นคนนั้นไปไม่รอด สับสนหกคะเมนตีลังกา 
 

ที่มา ที่ไป

630427


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 14:11:02 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:10:28 )

ภพ 3 กับตัณหา 3 ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

กลับมาสู่ชาติ แล้วเป็นภพ

ภพ คืออะไร? ภพ.. ท่านบอกว่ามี 3 คือ กามภพ, ภวภพ, วิภวภพ 

หรือเป็นตัณหา 3 คือ กามตัณหา, ภวตัณหา, วิภวตัณหา 

ต่างกันอย่างไร? “ตัณหา” กับ “ภพ” เป็น Synonym คุณยังมีตัณหาก็มีภพ คุณยังมีภพก็มีตัณหา คุณดับตัณหาแล้วภพคุณก็จะหมด คุณมีกามตัณหา คุณก็ยังมีกามภพ 

คุณรู้ว่านี่คือกามตัณหา ตัณหาทางตาหูจมูกลิ้นกายทางทวารทั้ง 5 ก็ดับให้หมด ดับหมดแล้ว มันก็เหลือภายนอก 5 ตาหูจมูกลิ้นกาย คุณอยู่กับ กาม ภพ กาม มันมีอยู่ในโลกเป็นอนาคามีคุณอยู่เหนือภพของกาม ก็สัมผัสกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กิเลสก็ไม่เกิดทางภายนอกนี้เลย ยังเหลือระริกระรี้อยู่ภายในเป็น รูป กับ อรูป ดับรูปแล้วเหลือเศษธุลีเป็น อรูป คุณก็ต้องดับมันไปตามลำดับก็ต้องเรียนรู้ไปตามลำดับ 

คนไปนั่งหลับตาไม่ได้ล้างตัณหาที่เป็นกามก่อน ดับไปอยู่ในรูปภพอรูปภพ เหมือนคนจะเข้าไปสู่แก่นต้นไม้แต่ไม่ทำลายเปลือก กระพี้ก่อนจะไปเข้าสู่แก่นภายในได้อย่างไร มันลัดขั้นตอนด้วยความโง่มันไม่เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ หลับตานี่

น่าสงสารพวกนั่งหลับตาที่ไม่มีปฏิบัติ อปัณกปฏิปทา ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิด แต่ไปปฏิบัติผิดทาง 

มาเรียนรู้แม้แต่ กามภพ เหลือภวภพ หมดภวภพ ก็เป็นวิภวภพ แม้จะเรียกว่า พระพุทธเจ้ามีวิภวตัณหาท่านก็ไม่ไปติดใน กามภพ ภวภพ ภพมี 3 หมดแล้ว แต่ท่านมีความปรารถนาดีมีความปรารถนาต้องการตัณหาอยากให้คนมารู้อย่างท่าน พระอรหันต์ทุกองค์ก็เหมือนกันแล้วก็มาทำอย่างนี้ เป็นตัณหาอุดมการณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:40:42 )

ภพ static ชาติ dynamic

รายละเอียด

สรุปแล้วไม่มีสวรรค์นรกในจิตก็คือไม่มีภพชาติ รู้สวรรค์นรกตั้งแต่ อบาย ตั้งแต่ขั้นต้นก็ดับสวรรค์กับนรกข้างต้น ไม่มีภพชาติ ภพคือสิ่งที่มีอยู่ ชาติคือการเกิด ชาติเป็นกิริยา dynamic ภพเป็นรูป static ชาติเป็นนาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:22:05 )

ภพ กับ ชาติ แตกต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

เริ่มต้นด้วยพยัญชนะ หรือภาษาหรือคำพูดของพระพุทธเจ้า ว่า ชาติ มีชาติ จึงเกิดภพ เป็นปัจจัยหรือมีปัจจัยเป็นภพ

“ภพ” กับ “ชาติ” แตกต่างกันอย่างไร? “ชาติ” คืออาการของจิตที่มันเริ่มเกิดพระพุทธเจ้าก็ให้เรียนว่าจิตเริ่มเกิดเริ่มดำริ เรียกว่า “ตักกะ” 

ให้ฝึกอ่านตัวนี้เลย เพราะฉะนั้นจะอยู่ดีๆมันก็เกิดดำริขึ้นมาโดยไม่มีเหตุปัจจัยข้างนอกไม่มีกระทบสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย มันก็เป็นชาติเหมือนกัน แต่เป็นชาติที่เรียกว่าสัญญาการกำหนดรู้ที่เกิดมาโดยไม่มีเหตุปัจจัย ซึ่งเมื่อไม่มีเหตุปัจจัยมันก็มีแต่เรื่องเก่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:31:35 )

ภพ ชาติ

รายละเอียด

คือ  การที่ยังไม่เข้าใจเรื่องจิตวิญญาณที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ภิกษุสาติ  เรื่องวิญญาณล่องลอยจากร่างแบบนั้นเรียนรู้ไม่ได้  แต่ให้เรียนรู้จิตวิญญาณที่อยู่ กับ  ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ทำให้กิเลสหมดตรงนี้ได้  ซึ่งอาจารย์มั่นไม่เข้าสัมมาทิฏฐิ  ไปเรียนรู้วิญญาณนอกตัวเป็น นิรมานกาย  สัมโภคกาย  อาทิสมานกายจึงไม่รู้เรื่องกัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:45:59 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:11 )

ภพ ภูมิ สัมภเวสี คือ อะไร

รายละเอียด

ภพ เป็นภาษาคำว่าภพ คือแดนที่เป็นสภาวะทางวัตถุโลก ภูมิ คือภาษาที่เป็นความรู้ทางนามธรรม ส่วนภพเป็นทางรูปธรรม ส่วนภูมิคือนามธรรมความรู้ ถ้าภพภูมิคือแดนนี้มีความรู้เท่านั้น

สัมภเวสีคือ จิตวิญญาณที่ยังไม่มีที่ตั้ง ไม่มีที่อยู่ เอามาเรียนรู้อะไรไม่ได้ ยังล่องลอย ตุ๊บป่องๆๆ เป็นวิญญาณล่องลอยไม่มีที่ตั้ง พยัญชนะเรียกว่าไม่มีที่ตั้งที่เป็นวิญญาณฐีติ หรือไม่มีฐานที่ตั้ง ลอยไปนี่แหละ ซึ่งคนไม่เข้าใจกันได้ง่ายๆ เช่นคนตาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:08:19 )

ภพคือชาติที่เกิดตกผลึกรวมตัวเป็นก้อนจับกัน

รายละเอียด

ภพ เขาแปล ในพจนานุกรมว่า ภพ หรือ ภว หรือ ภ กับ ว  คำแปล คือ ความมี ความเป็น หรือ ความเจริญ ความเกิด ไปเข้าหาคำว่าชาติ ความเกิด การเกิด การถึง เข้าไปถึงที่ เข้าไปสถิต มันเป็นตัวเป็นยิ่งกว่าชาติ ชาติ กรรมกิริยาที่ตกผลึกเป็นภพ

เช่น กามชาติ เป็นต้น มีอาการของชาติเกิดเป็นกาม เกิดปุ๊บ ก็สั่งสมเป็นภพเป็นกามภพ หรือสังสาระ คือ ความหมุนเวียนอยู่ในสภาพที่มีรูปกับนาม 

ภพ ถือ เป็น สัสสตทิฏฐิ แปลใหญ่โตว่าถึงขั้น เป็นโลก เป็นแผ่นดิน ส่วนชาติ เป็นการเกิด ซึ่งเป็นคำกริยา ต่างกันตรงนี้ระหว่างภพกับชาติ ภพคือชาติที่เกิดตกผลึกรวมตัวเป็นก้อนจับกัน ส่วนชาติ คือ กิริยา เป็นปัจจุบันธรรมที่กำลังเกิดอยู่ 

พยัญชนะเราใช้ส่อให้รู้สภาวะ เราก็เรียนจากพยัญชนะที่บันทึกเป็นภาษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ตาม ศาสนาเทวนิยมก็เหมือนกัน ศาสนาของพุทธก็เหมือนกัน จะใช้พยัญชนะเป็นเครื่องสื่อในความหมายต่างๆ เพื่อที่จะรู้เรื่องราว รู้รายละเอียดของสิ่งที่หยาบ กลาง ละเอียด เข้าไปจนกระทั่ง นิปุณา ละเอียดถึงขั้นนิพพาน ละเอียดถึงสภาวะสภาพนิพพานเลย คือยิ่งใหญ่ เป็นนิพพานก็สูงสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:27:44 )

ภพชาติถ้าไม่รู้จักก็คืออวิชชา

รายละเอียด

ภพชาติถ้าไม่รู้จักก็คืออวิชชา ขยายความด้วยปฏิจจสมุปบาท ที่ท่านสรุปมาเป็น ความยินดีความเพลิดเพลินความทะยานอยาก อยู่ในตัวเหตุหลักคือตัณหา ยินดี คือ ราโค เพลิดเพลิน คือ นันทิ ทะยานอยาก คือ ตัณหา

คือเป็นองค์ประกอบกระบวนการเดียวกันของตัณหา มันก็จะงอกงามอยู่ใน ถ้าเอาปฏิจจสมุปบาทขยายเต็ม มันก็จะมีความยินดีเพลิดเพลินทะยานอยากเป็นตัวเหตุสมุทัยหลัก ย่อลงมาในอาริยสัจ 4 เหตุก็คือตัวนี้ ขยายออกไปก็มีความยินดีความเพลิดเพลินความทะยานอยาก ตัวสำคัญ ที่เราจะต้องเรียนรู้ เรียนรู้ตรงที่เกิดให้ชัดเจนเลย คือมี ชาติ ผู้ที่จะรู้จักชาติการเกิด และก็ดับการเกิด เมื่อการเกิดนั้นดับ ทุกอย่างก็ดับ 

เพราะฉะนั้นจะต้องเรียนรู้ตัว ชาติ นี่แหละเป็นตัวสำคัญ มีชาติจึงมีภพ ชาติ เกิดจากจิตโง่ จากอวิชชา เริ่มต้นในปฏิจจสมุปบาท สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพชาติ ชรามรณะฯ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:22:21 )

ภพชาติโลกียะทั้ง 6 ชั้นที่ควรละทิ้ง

รายละเอียด

ขอขยายคำว่าภพ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ เรื่องภพ คู่กับคำว่าชาติ ชาติคือการเกิด ภพคือแดนที่เกิด สัมภวะ หรือ ปภวะ ภพถือเป็นรูป ชาติถือเป็นนาม เพราะฉะนั้นจิตของผู้ที่มีภพ เช่น มีภพ กามภพ กาม 6 ชั้นชั้น จตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี พวกนี้เป็นภพ เป็นอุปาทานของผู้ยังมีภพมีชาติอยู่ ซึ่งหยาบมากก็เป็น จตุมหาราช 

เพราะฉะนั้นผู้รู้สมัยโบราณจึงวาดภาพมหาราช 4 ทิศ จตุคือ 4 มีเขี้ยวงอก ปากแบะ ถือง้าวทวน ลุยแหลกฆ่าแกงกัน แย่งชิง เหมือนอย่างกับโลกทุกวันนี้ แย่งชิงกันเป็นมหาอำนาจของโลก นั่นแหละพวกจตุมหาราช แล้วในนามธรรม ของจตุมหาราชคือได้มาเป็นของตัวของตนเป็นดาวดึงส์ หรือตาวติงสา คือ อาการ 33 ธรรมดาของมนุษยชาติมีอาการ 32 ประการ แต่อันนี้เป็นอาการที่ 33 เป็นเรื่องของภพชาติที่เพ้อเจ้อ ภพชาติ ที่ต่างคนต่างสร้างขึ้นมาเอง เสพสุข จึงเรียกว่าเป็นแดนดาวดึงส์ เป็นภพที่ 33  ตาวติงสา ภาษาบาลีแปลว่า 33 เพราะฉะนั้นจึงเป็นแดนหรือเป็นภพ เป็นชาติที่มันไปสร้างขึ้นมา เพิ่มขึ้นมามีนิดหนึ่ง ตั้งแต่ตั้งเป็นจุดที่จิต ไม่มีภพไม่มีชาติ คุณจะได้ทำอะไรในโลก จะดีขนาดไหน เสียสละให้ใคร คุณก็ไม่มีภพไม่มีชาติเรียกว่าไม่มี สาเปกโข

ถ้าเริ่มมี สาเปกโข คือ มีความหวัง คือ มันยังมีอาการทางจิตที่มันเคลื่อนไปสู่ มันไม่ได้อยู่จบตรงที่สันตติของจิต สันตะ ติ คือ สงบ สงบ 3 รอบเลย สันตติ มันยังโผล่ออกไป อุปจยะ ยังมีเกิดออกไป เริ่มเกิดออกไป มีสาเปกโข จะมีความหวังนิดนึงก็ตาม คุณก็เริ่มมีภพแล้ว มีความหวังแล้ว ยิ่งคุณมีปฏิพัทธจิตโต ความหวังนั้นเพิ่มขึ้น กลับไปกลับมา อนุโลมปฏิโลมเป็นพลังงานสูงมากขึ้น ปฏิพัทธจิตโต สูงขึ้นไปกว่านั้นสั่งสมเป็น สันนิธิเปกโข สันนิธิ แปลว่าคลัง แปลว่า save แปลว่าที่เก็บเลย เก็บเจ้าหวัง ต่ออายุเจ้าหวังให้ยาว รูปหล่อเลย เจ้าหวัง ใส่เข้าไป จนที่สุด อันที่ 5 ปริภุญชิตสามีติ ไปในภพหน้ามีวิมานมีสวรรค์ ที่จะต้องเป็นของฉันรออยู่ข้างหน้า ภพหน้า ชาติหน้า จะเป็นที่พักที่กินเป็นที่เสพสุข เพื่อข้างหน้าไปอีก ใหญ่ไม่รู้จักจบ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งมาก 

เพราะฉะนั้นสวรรค์ 6 ชั้นนี้ ก็เป็นแดนแห่งความเพ้อพก ไปสร้างภพ ให้แก่ตัวเอง ผู้ที่หมดภพจบชาติ ไม่มีสวรรค์ ไม่ว่าจะสวรรค์ชั้น 1 2 3 4 5 6 ไม่มี สูญสวรรค์ นี่คือ สภาพของความเป็นผู้หมดที่ละเอียดลออ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2565 ( 11:44:23 )

ภพในโลก

รายละเอียด

ภพในโลก   คือ  มี 3 ภพ  กามภพ  รูปภพ  อรูปภพ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:15:02 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:45 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:15:21 )

ภยาคติ

รายละเอียด

ยังกลัว ๆ เกรง ๆ แม้ความรับรู้ที่จะได้รู้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 508


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:17:22 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:40 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:15:40 )

ภว

รายละเอียด

1. ความเป็นภพ 

2. ความเป็น , ความมี 

3. ภาวะที่เกิดจริง เป็นจริงของสัตว์โลก 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 151

คนคืออะไร? หน้า 390, หน้า 413


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:18:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:52 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:16:01 )

ภวตัณหา

รายละเอียด

1. ผู้อยากรู้ภพ รู้ชาติอยู่ อยากรู้การเกิดการตายของสิ่งที่ละเอียดเล็กน้อยอยู่ ผู้ใดยังข้องใจ ยังรู้ยังไม่พอ ยังรู้ไม่แจ่มแจ้ง ชัดแม่น ทรงสภาพ ก็เป็นของแน่นอนย่อมต้องอยากรู้ต่อไปอยู่นั่นเอง

2. สนองใจ 

3. คือรูปจิต – อรูปจิตของทุก ๆ คน ใครหลงยึด หลงให้มีฤทธิ์บงการเราดังอธิบายมานี้ ทั้งลืมตาหลับตาก็ล้วนเป็นภวตัณหาทั้งสิ้น มันเป็นตัณหาอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่กาม แต่มีความอยากได้ อยากมี อยากเป็นอยู่ในตัวทุก ๆ คนจริง

4. ตัณหาในภพ เป็นการเสพอีกภพหนึ่ง เป็นภพทวารใจ

5. กิเลสในภพของจิต , ตัณหาที่สร้างในจิต ในภวังค์จิตเองตรง ๆ , อยากขึ้นมาในจิต 

6. สภาพที่สร้างรูป(สิ่งที่ถูกรู้)อยู่แต่ภายในจิต ภายในภวภพ(ภวังค์) แล้วก็เสพสม เป็นสุขเป็นทุกข์อยู่เพียงในจิต

7. ความอยากได้ภพ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 128, หน้า 156, หน้า 188, หน้า 227, หน้า 386, หน้า 389

ทางเอก ภาค 2 หน้า 163

ทางเอก ภาค 3 หน้า 190


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:20:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:38:29 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:16:48 )

ภวติ(โหติ)

รายละเอียด

มี, เป็น, เกิด

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 17

  คนคืออะไร? หน้า 544


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:22:15 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:39:50 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:17:12 )

ภวภพ

รายละเอียด

1. ทวารจิต 

2. ภวังค์ , ในภพภายใน 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 514

คนคืออะไร? หน้า 375, หน้า 389


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:16 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:41:20 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:17:35 )

ภวภูมิ

รายละเอียด

โลกใจ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 336


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:26:21 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:41:57 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:17:49 )

ภวราคะ

รายละเอียด

ราคะในทวารในตรง ๆ คือจิต

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 223


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:00 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:42:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:18:05 )

ภวังคจิต

รายละเอียด

อาการภายในจิต

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 386


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:43:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:18:21 )

ภวังค์

รายละเอียด

1. จิตเริ่มทิ้งร่างกายของตนเอง ปล่อยให้ร่างกายอยู่อีกส่วนหนึ่ง จิตไปมุ่นอยู่กับจิต ไปรับรู้อยู่แต่กับทวารจิตทวารเดียว หรือแม้ในจิตจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร 

2. จิตที่ไม่เปิดรับอะไรต่ออะไรเต็มที่ตามสามัญของคนตื่นปกติ ไปจนถึงไม่เปิดรับอะไร ๆ เลย จิตจะมีความสนใจอยู่ในขอบเขตที่ตนเองกำหนดให้แก่ตน และจะมีกิเลส ตัณหา อุปาทานอยู่เต็ม เช่นคนละเมอ, คนทรง  

3. หลับใน เป็นสภาพตัดความรู้สึกข้างนอกสิ้น หลบไปรู้สึกอยู่ข้างใน 

4. เข้าสู่ภพ 

5. องค์ของภพ องค์แห่งภพภายใน [คือรูปภพ อรูปภพ]

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 209, หน้า 210, หน้า 216, หน้า 232

ทางเอก ภาค 3 หน้า 492

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 132, หน้า 137, หน้า 143


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:06 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:19:01 )

ภวังค์คฌาน

รายละเอียด

การหัดดับให้ตนเอง หรือหัดรู้ให้แจ้งตอนนิ่ง ๆ นั้น ก็ทำเสริมก็จะนิ่งแน่ชัด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 380


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:34 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:19:20 )

ภวันตคู

รายละเอียด

ถึงที่สุดแห่งภพ , ไม่เกิดอีก

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 272


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:19:44 )

ภวันติ

รายละเอียด

1. กลายเป็น 

2. เป็นไป 

3. ภาวะที่พัฒนาจากเดิมกลายเป็นภาวะที่เป็นที่มีภาวะใหม่

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 108, หน้า 121, หน้า 278


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:52 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:42 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:20:02 )

ภวันติ คือรวมเป็นผลสำเร็จ

รายละเอียด

ภวันติ คือ รวมเป็นผลสำเร็จ สำเร็จอิริยาบถอยู่ โดยส่วน 2 ธรรมะสองทำให้เป็นหนึ่งและของโดยส่วน 2 ความเป็น 2 ก็ยังอยู่ ตาก็ลืมตาอยู่ ของก็ยังอยู่ แต่ทำเวทนา 2 เวทนาเก๊ให้เป็นเวทนาแท้ ภวันติ คือทำสำเร็จแล้ว นี่สรุป การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ คุณเอาไปทำเสร็จ เป็นวิมุตติญาณทัสสนะของคุณเอง จบแล้ว จบศาสนาพุทธแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:14:00 )

ภวันติ คือรวมเป็นผลสำเร็จ

รายละเอียด

ภวันติ คือ รวมเป็นผลสำเร็จ สำเร็จอิริยาบถอยู่ โดยส่วน 2 ธรรมะสองทำให้เป็นหนึ่งและของโดยส่วน 2 ความเป็น 2 ก็ยังอยู่ ตาก็ลืมตาอยู่ ของก็ยังอยู่ แต่ทำเวทนา 2 เวทนาเก๊ให้เป็นเวทนาแท้ ภวันติ คือทำสำเร็จแล้ว นี่สรุป การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ คุณเอาไปทำเสร็จ เป็นวิมุตติญาณทัสสนะของคุณเอง จบแล้ว จบศาสนาพุทธแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:18:12 )

ภวาสวะ

รายละเอียด

1. ขาดจากอาสวะกิเลสที่เป็นกามชั้นละเอียดที่เกิดจากรูป ที่แปรมาจากนามอันคือการเสพกามทางจิต

2. จิตที่ยังหลงยึดเกาะเป็นภพอยู่ในรูปจิต และอรูปจิตที่ละเอียดลึกซ้อนลงไป 

3. อาสวะในภพ 

4. อาสวะที่เป็นกิเลสในภพ 

5. อาสวะของภพซึ่งเป็นกิเลสในภพขั้นปลาย

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 227, หน้า 310, หน้า 404

ทางเอก ภาค 1 หน้า 99

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 39


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:55:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:13 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:20:32 )

ภวิสสติ

รายละเอียด

ต้องเป็น[ภาวะที่เจริญยิ่งขึ้นไปถึงขีดถ้วนรอบแล้วด้วยเหตุปัจจัยครบ]

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 278


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:56:05 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:55:38 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:20:51 )

ภวเนตฺติ

รายละเอียด

การนำไปสู่ภพ

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 272


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:24:10 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:21:10 )

ภังคะขณะ

รายละเอียด

ดับไป

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 281


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:56:43 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:57:26 )

ภัตตสัมมโท

รายละเอียด

ความเมาอาหาร

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 532


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:58:18 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:22:05 )

ภันเต

รายละเอียด

คือ ผู้บวชก่อน ตามสมมุติสัจจะ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 473


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:25:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:19 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:22:26 )

ภัพพ อภัพพ อาภัพพะ อาภัพ

รายละเอียด

เรื่องนี้เกินกว่าความพ้นทุกข์มันเป็นนัยยะสำคัญที่บอกความจริงให้รู้  ลิงค ที่มีความแตกต่าง 3 นัย ภัพพ แล้วก็มาเป็น อภัพพะ แล้วก็ อาภัพพะ ภาษาไทยก็ตัด พ พานอันหลังทิ้งก็เป็น อาภัพ ทีนี้รากศัพท์แท้ๆ ภัพพ ก็แปลว่า ควรมี ควรเป็น ภัพพ ก็มาจากคำว่า ภพ ชาตินั่นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดแล้วมีแล้ว เราก็ต้องอาศัย ภพอาศัยชาติอยู่ ภพชาติที่เราควรจะอยู่มันก็ควรเป็นภพชาติที่ดีใช่ไหม ปัจจุบันคุณมีภพอาศัย ภพเป็นรูปและมีชาติเป็นนาม เป็นเทวะ หรือเป็นกาย static และ dynamic เป็นสภาพ 2 เราเกิดเราก็ควรเป็นคนที่ควรมีควรเป็นอย่างไร เป็นอาริยะ หรือเป็นโพธิสัตว์ก็ควรเป็นได้ ก็เป็นสิ หรือเป็นพระพุทธเจ้า ยิ่งควรเป็นใหญ่เลย อย่างอาตมาพากเพียรสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ภัพพ แปลในฐานะ เป็นสิ่งที่มีสิ่งที่เป็นไม่ใช่สิ่งที่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังมียังเป็น ก็ควรจะเป็นคนที่มีที่เป็นอย่างแท้จริง ก็สั่งสมบารมีให้เป็นพระอริยบุคคลจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ เป็นพระโพธิสัตว์ สูงที่สุดจนเป็นพระพุทธเจ้าก็เป็นคนที่ควรมีควรเป็น อาตมาก็ปฏิบัติให้ควรมีควรเป็น จนเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:11:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:23:04 )

ภัยของโคโรน่าเบาบางเล็กละเอียด

รายละเอียด

ภัยของเจ้าโคโรน่านี่ โหดหนัก แต่เบาบางเล็กละเอียด เพราะฉะนั้นคนที่จะรอดจะต้องมีบุญบารมี มีอะไรต่ออะไรที่จริงๆเลย นี่มันยังไม่หยุดไม่เพลา อัตราการก้าวหน้ามันปฏิภาคทวี ยังไม่ลงเคิร์ฟไม่ get down เลย มีแต่ get up เมื่อไหร่มันจะ get down มันก็น่าสยองที่มันนิ่งๆละเอียดๆเรียบๆแต่มันกินนิ่มนวล พวกเราก็อย่าประมาทให้ระมัดระวัง มันสำคัญตรงที่ว่ามันมีอยู่ในตัวเรามีเชื้อแต่เราไม่รู้ตัวด้วย มีเชื้อในตัวเราแต่แพร่ได้นี่มันร้ายตรงนี้มันเงียบ เราไม่รู้ตัวเราว่าเรามีเชื้อ เรามีเชื้อแล้วก็แพร่ไปได้โดยที่เรียกว่า เราก็ไม่รู้ว่าลืมรับเชื้อจากเราโดยไม่รู้ตัว มันเป็นไฟท์บังคับที่จะต้องอย่าทำเป็นเล่นไปนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช บ้านราช วันพุธที่ 25 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:48:36 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:48:23 )

ภัสสารามตา

รายละเอียด

1. พูดอย่างหลงเพลินในการพูด 

2. ยังหลงติดในการคุย หรือหลงติดในการพูดสอน

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 255

คนคืออะไร? หน้า 344


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:12 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:59:12 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:23:59 )

ภัสสารามตา

รายละเอียด

ติดในการพูดคุย

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:14:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:19 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:24:16 )

ภาค

รายละเอียด

แปลว่า ส่วน  ปุญญะ แปลว่าชำระ ทุกอย่าง

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:37:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:50 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:24:40 )

ภาพหลอนคือภาพมโนมยอัตตา

รายละเอียด

คุณสร้างภาพสร้างรูปสร้างเรื่อง เช่นคนมีภาพข้างหน้าที่เห็นเป็นภาพหลอนภาพไม่มีจริง แต่คุณเห็นจริงๆเลย นี่แหละคือภาพหลอน แต่จริงๆความจริงไม่มี ภาพอย่างนี้แหละคือภาพของมโนมยอัตตา รูปที่สำเร็จด้วยจิต อัตตาที่สำเร็จด้วยจิต สภาพที่จะเห็นผีเดิน โย่งๆ เขาเห็นจริงๆเลยนะ วิ่งหนีหูตูบเลย แต่มันไม่มีหรอกมันหลอกตัวเอง จิตวิญญาณไม่มีรูปร่างไม่มีสรีระ อสรีรัง อนันตัง สัพพโตปภัง เป็นแสงสว่างไม่มีรูปร่าง อนันตัง ไปได้ไม่มีสิ้นสุด อนิทัสสนัง จับต้องไม่ได้เห็นไม่ได้ แต่เขาก็เห็น เห็นก็คือหลับ 

วิญญาณไม่เห็นด้วยตาเปล่า เห็นด้วยตาไม่ได้ ต้องใช้สัญญากำหนดรู้ ปัญญากำหนดรู้สัมผัสกำหนดรู้ รู้สึก ไม่มีรูป เป็นอรูปหรือเป็นนามธรรม ก็ใช้พยัญชนะกำหนดหมายพวกนี้ไปฟังไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:13:41 )

ภายใน 500 ปี ต้องให้ศาสนาพุทธเจริญไปถึงขั้นยอดให้ได้

รายละเอียด

500 ปีก็มีความหมาย อาตมาทำแพทเทิร์นเอาไว้ เป็นรูปสามเหลี่ยม อาตมาจะต้องรับผิดชอบภายใน 500 ปี จะต้องให้ศาสนาพุทธเจริญไปถึงขั้นยอดให้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่มาต่อยอด จนกระทั่งมั่นใจว่าสุดยอด จะใช้เวลาภายใน 500 ปี นี่ก็ต่อยอดมาได้พอสมควรแล้ว ตามที่เขียนไว้ มีระยะ 36 ปี 72 ปี แล้วก็ 96 ปี ไปทีละ 1 นักษัตรทีละ 12 ปี มาเรื่อยๆ 500 ปีก็จะขึ้นยอดสามเหลี่ยม ความเจริญก้าวหน้าสูงสุด พยายามจะใช้เวลา 500 ปีต่อยอดต่อไป ให้ความรู้นี้สู่จุดสูงสุด ถึงขั้นนี้แล้วแน่นอนมันต้องเสื่อม อาตมาต้องดูแลรับผิดชอบ ต่อไปศาสนาก็จะต้องเสื่อมจนกว่าจะหมด ตอนนี้มันเสื่อมมาจนถึง 2,500 กว่าปี เป็นหน้าที่ที่อาตมาต้องมาต่อยอดเนื้อแท้ เมื่อถึงยอดเสร็จแล้วมันก็จะไปตามพลังของพุทธศาสนาในมนุษยชาติ ที่จะอยู่ประคับประคองช่วยเหลือกันไป พัฒนาการอยู่ในตัวเอง แล้วไม่มีอะไรที่จะไม่มีความเสื่อม อุตส่าห์บอกไว้ว่าความเสื่อมเป็นธรรมดา เป็นปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:02:04 )

ภาระกับความรับผิดชอบ

รายละเอียด

คุณก็ประมาณแล้วคุณมีข้อมูลต่างๆนานา อาตมาไม่รู้ข้อมูลไม่รู้องค์ประกอบชีวิตของคุณที่มีอะไรเป็นภาระ เป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้มันเป็นไป ให้มันลดละให้มันน้อยลง เป็นการลดภาระ การลดภาระไม่ใช่หมายถึงไม่รับผิดชอบ ที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ คุณต้องรู้ว่าความรับผิดชอบที่ต้องรับผิดชอบ กับที่ว่า แส่เกินไป  ต้องรู้ให้ชัด แล้วจะรู้ว่าเหลือภาระอะไรที่ต้องทำให้แก่ตัวเอง มันจะค่อยๆลดลง เราก็จะได้มารวมอยู่กับหมู่ที่พาให้เจริญขึ้นแน่นอนอยู่เจริญขึ้นแน่กับหมู่ มาแล้วลดลงได้ เราก็จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:51:07 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:07 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:25:11 )

ภาระกับหน้าที่มีนัยต่างกันเช่นไร

รายละเอียด

ภาระก็คือ สิ่งที่หนัก สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่จำยอมเป็นภาระ เป็นสิ่งที่ผูกติด ภาระ ผูกพันเกี่ยวเกาะอยู่ คุณต้องปลงภาระออก มันลึก มันหนา กว่าคำว่าหน้าที่

หน้าที่จริงๆก็คือสิ่งที่กำหนด ที่จะต้องทำตามหน้าที่ เป็นสิ่งที่กำหนด แต่ภาระเป็นสิ่งที่ผูกพันมา มันเกินกว่าหน้าที่ มันต้องเลี้ยงต้องรับผิดชอบ เช่นถ้าเป็นลูกเป็นพ่อแม่กัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันลึกกว่ากัน หนากว่ากัน ภาระนี้ลึก หนากว่า 

ภาระนี้ถึงวิบาก เรียกว่า สัมภาระวิบาก สั่งสมข้ามชาติด้วย ส่วนหน้าที่นั้น มันกำหนดกัน หน้าที่ กำหนดกันเท่านั้น

เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดเข้าใจว่าการมาปฏิบัติธรรมนี้เป็นภาระ อันนี้ลึก ถ้าบอกว่าปฏิบัติธรรมเป็นหน้าที่ ก็ตื้น อย่างท่านพุทธทาสอธิบาย การปฏิบัติธรรมเป็นหน้าที่ มันก็ใช่มันก็ดี คนจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติธรรมนี้ดี แต่มันหนักกว่านั้นมันเป็นภาระ เป็นสัมภาระวิบาก ของคน จะต้องมาปฏิบัติธรรมเพื่อล้างเพื่อลดกิเลสให้ได้ คนทุกคนนี่ควรทำ ถ้าไม่ทำคุณจะวนเวียนอยู่ในโลกที่ยังไม่รู้อีกกี่ชาติ ไม่จบโลกุตระ ดีไม่ดีจะไปวนเวียนในโลกีย ไปเป็นศาสดาเป็นใหญ่เป็นโตแล้วตกต่ำลงนรกขึ้นสวรรค์ โดยไม่เข้าใจนรกสวรรค์ ไปหลงแต่สวรรค์ เป็นสุขนิยม 

เขาไม่เข้าใจเหตุที่จะทำอย่างไรที่จะให้ไม่หลงสุขหลงทุกข์ เพราะคุณจะต้องเอาให้ได้เป็นสุขถาวรยาวนาน เป็นดาวดึงส์ เป็นยามา เป็นดุสิต เป็นนิมมานรดี เป็นปรนิมมิตวสวัตตี 

คุณก็มีสวรรค์ 6 ชั้น อยู่อย่างนั้น ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์นรก ไม่เอา ไม่มีใครมาสอนอย่างอาตมาว่า คุณต้องตีทิ้งเลย คุณต้องรู้ให้ชัดเจน ถ้าผู้ใดชัดเจนทำทานแล้วปิด  อย่าไปมีหวังอย่าไปมี สาเปกโข ปฏิบัติอย่างนี้กิเลสสวรรค์นรกก็จะหลุดได้ง่าย แต่นี่ให้ได้สวรรค์นะ ไปเกิดชาติหน้าจะได้มีกินมีใช้ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายอีก เละเทะเลย ศาสนาพระพุทธเจ้า

ทำหน้าที่ที่จะรับแล้วจะไปเศร้าหมองทำไมเล่า ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ควรจะรับจะรับมาทำไม คุณอย่าไปสร้างหน้าที่ไม่ดี ที่จริงไปแต่งงานมีลูกเต้าเป็นภาระนะ แน่นอนหน้าที่ก็ต้องมีอยู่ในนั้น ถ้าไม่แต่งงานก็ไม่มีภาระ และไม่มีหน้าที่เลย คุณจะไปหาทำไม คุณไปแต่งงานก็มีลูกมีเต้าก็มีหน้าที่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 15:53:43 )

ภาระหนักกับความเป็นใหญ่

รายละเอียด

พูดถึงตรงนี้แล้วอาตมาเปิดอกพูดให้ฟังชัดๆเลยว่า ไอ้ความเป็นใหญ่นี้เป็นความหนัก พูดจริงๆ ไม่ได้เป็นคนรังเกียจ แต่มันเป็นภาระ ไม่ใช่เป็นคนรังเกียจภาระ งั้นก็กล้าอยู่ ไม่ต้องเอา เป็นสิริมหามายาเป็น dialectic เป็นคำสองคำย้อนแย้งกันในตัว ดีนะ มีภาษาฝรั่งคำว่า dialectic เป็น 2 อย่างที่ย้อนแย้งในตัว เป็นสัจจะไม่ใช่เรื่องมายาไม่ใช่เรื่องเล่นกล แต่เป็นเรื่องใช่ มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะรู้ว่าแล้วใช่จริงๆนั่นมันอันไหนหน้าไหน หน้าที่ใช่น่ะ นี่แหละเป็นสัจจะที่ต้องมีภูมิปัญญาจริง มีภูมิธรรมรู้แจ้งรู้จริงอันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:46:19 )

ภาราหเว ปัญจขันธา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ภาราหเว ปัญจขันธา การเกิดมามีขันธ์ 5 คุณเลี่ยงเรื่องทุกข์ไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ผู้ที่เป็นอาริยะ ที่ประเสริฐ ผู้ที่ฉลาด พ้นทุกข์ 4อย่าง ทุกข์ อีก 6 อย่าง พ้นไม่ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังทิ้งไม่ได้ แต่ความทุกข์อีก 4 อย่างนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พ้นได้ เพราะฉะนั้น อรหันต์แล้วพ้นทุกข์ 4 อย่างนี้ได้ นี่แหละคือความเป็นสิ่งที่ไม่ลึกลับสำหรับพระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:47:49 )

ภาราหเวปัญจขันธา ขันธ์ทั้ง 5 นี้น่าเบื่อหน่ายนะแต่เราเข้าใจ

รายละเอียด

ใครจะตั้งจิตเป็นอย่างนี้บ้าง ตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายสูญ เลยเลิกไป หรือใครจะต่อภพภูมิอีก…ยกมือเพียบ…ทำไม?ไม่เบื่อหรือ พระพุทธเจ้าสอนให้เบื่อหน่ายนะ รูปนามขันธ์ 5 นี้น่าเบื่อหน่ายนะทำไม เป็นสภาพสิริมหามายามันน่าเบื่อนะแต่ไม่เบื่อ ภาราหเวปัญจขันธา ขันธ์ทั้ง 5 นี้น่าเบื่อหน่ายนะแต่เราเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:51:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:11:06 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:25:36 )

ภาว

รายละเอียด

ความมี

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 33


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:43 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:59:43 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:25:51 )

ภาวกรรม

รายละเอียด

ภพของกรรม คือความเป็น ความมีอันเกิดด้วยกรรม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 398


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:59:11 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:23 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:26:09 )

ภาวนา

รายละเอียด

คือ  การเกิดผล  แต่เขาไปเข้าใจผิดเป็นการท่องบ่นไปอีก

แปลว่า การเกิดผล จิตบริสุทธิ์สะอาดจึงมีได้ ทำทุกปัจจุบัน การกระทำทุกปัจจุบันก็เกิดอุเบกขา 5 ก็เกิดจากการมีความรู้ในเวทนา ในกระบวนการเวทนา 108 มีปัจจุบัน 36 ก็กระบวนการ 36 ปฏิบัติให้กิเลสดับสูญ ก็ทำซ้ำอาเสวนา เกิดอนาคตใหม่อีกเป็น 36 ทุกปัจจุบันมี 

1. ได้กระทำจนมีผลรอบถ้วน ทำกันจนรอบอันเป็นความจบแห่งบทกัมมัฏฐานแต่ละฐาน ๆ ไป

2. ทำให้มีให้เป็นได้แล้ว 

3. ความเป็นผล ความปรากฏผล ความเกิดของผล ความมีผล

4. การทำให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้น 

5. การเพ่งเพียรให้ประสบการณ์เกิดผล 

6. ทำให้เกิดมรรคเกิดผล

7. การทำให้มีขึ้น , การทำให้เกิดขึ้น , การทำให้เป็นผลเจริญขึ้น ๆ

8. ทำให้เกิดผลนั้นให้ได้อยู่ ๆ

9. ทำให้เจริญขึ้น , เจริญพัฒนา 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 295

สมาธิพุทธ หน้า 227. หน้า 476

คนคืออะไร? หน้า 201, หน้า 201

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 39,


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:02:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:27:05 )

ภาวนา

รายละเอียด

การเกิดผล ยิ่งจะนั่งหลับตายิ่งไม่มีทางเกิดภาวนาในทางพุทธศาสนา ต้องลืมตาปฏิบัติด้วยมรรคทั้ง 7 องค์ แล้วจะเกิดสัมมาสมาธิ ผลของสัมมาสมาธิจะเกิดจากการปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ ปฏิบัติขณะในการทำงานอาชีพ ในขณะทำการงานต่างๆ สัมมากัมมันตะในขณะที่พูดอยู่ สัมมาวาจาในขณะที่คิดอยู่ สัมมาสังกัปปะโดยที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน และมีสัมมาสติ สัมมาวายามะ เป็นคู่หูของสัมมาทิฏฐิ ช่วยสัมมาทิฏฐิปฏิบัติ 4 อย่างนี้ การทำอาชีพการทำงาน การพูด การคิด อยู่ให้เกิดสัมมาตลอดเวลาให้ได้ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิให้ได้ตลอด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 62 วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:51:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:27:30 )

ภาวนา

รายละเอียด

คือ การเกิดผล

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:53:52 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:27:46 )

ภาวนา

รายละเอียด

 แปลว่า ความสำเร็จ ผลสำเร็จ การเกิดผลอย่างที่ทำได้

ที่มา ที่ไป

630306


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 12:45:56 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:18 )

ภาวนา วิปริต ผิดแนวทาง

รายละเอียด

ศีลก็เป็นจารีตประเพณี เป็นอะไรต่ออะไรกันไป ไม่ได้มีมรรคมีผลอะไร กลายเป็นสิ่งกีดขวางทางนิพพานด้วย ไปหลงแต่เป็นแบบจารีตประเพณี 

“ภาวนา วิปริต ผิดแนวทาง” ภาวนาคือการทำให้เกิดผล ปฏิบัติเพื่อให้เกิดผล ก็ไปปฏิบัติผิดภาวนาผิด ไปปฏิบัติเป็นคนละเรื่องคนละทาง วิปริตไปผิดแนวทางไป 

“บุญต้องสร้าง ด้วยทรัพย์ ช่างอับปรีย์”  ที่จริงภาษาบาลีไม่ได้หยาบอะไรเลย อัปปรีย์(อะ+ปรียะ) ปรียะ แปลว่าอันเป็นที่รัก อัปปรีย์มันไม่ดี มันไม่ได้เป็นที่รักเลย แต่พอมาเป็นภาษาไทยแล้ว โอ้โห! เจ็บแสบนะคนอัปรีย์ ก็จริงอยู่เหมือนกัน 

เพราะฉะนั้นที่จะทำ พอมันผิดทางแล้ว บุญก็ไปสอนกันผิด บุญก็ต้องใช้ทรัพย์ใช้เงิน คุณทำทานจะเกิดบุญหรือไม่เกิดบุญ ก็อธิบายได้ และก็จริงด้วยสัจธรรมของพระพุทธเจ้าก็ต้องปฏิบัติ ทานเป็นพฤติกรรมทางกาย วาจา ส่วนใจคุณจะทานหรือไม่ คุณจะให้ ทานแปลว่าให้ ดีไม่ดีเป็นเครื่องติดสินบน เป็นเครื่องต่อรอง เป็นอำนาจบาตรใหญ่ เป็นสิ่งที่คุณจะได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมายิ่งใหญ่กว่าทาน 5 บาท ใส่บาตร 1 ทัพพี โอ้โห นั่งพนมมือ ขอให้ได้นู่นได้นี่ จะเอาหมดบ้านหมดเมืองเลยนะ เสร็จแล้วค่อยตักข้าวทัพพี 1 ใส่บาตร พระยืนรอตั้งนานกว่าจะได้ใส่ข้าว 1 ทัพพี  

นี่แหละเป็นเรื่องที่ออกนอกรีตนอกทาง เป็นทานที่ยิ่งทำให้ทำให้กิเลสยิ่งหนา กิเลสยิ่งหนักยิ่งหยาบ ต้องการผลประโยชน์ตอบแทนทับถมหนาหนักเข้าไปเป็นกิเลสหนา เป็นปุถุชน 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:37:45 )

ภาวนากิจ

รายละเอียด

การเกิดผล การบรรลุถึงเป้า การเป็นการได้ภาวนานั้นแล้วในตน การมีพฤติกรรมแห่งความเจริญนั้น ๆ แล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 457


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:52 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:28:22 )

ภาวนาคือ การทำให้มี ทำให้เกิด ทำให้เป็น

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจว่าการภาวนาคือ การทำให้มี ทำให้เกิด ทำให้เป็น ซึ่งจุดหมายของการเกิดการมี การเป็นนั้น มันเกิดอะไร มันมีอะไร มันเป็นอะไร อันนี้ต่างหากที่สำคัญ เกิดอะไร มีอะไรขึ้นมา เป็นอะไร เพราะฉะนั้นจึงต้องมาทำความสำคัญของทิฏฐิ มาทำความสำคัญของความเห็นความเข้าใจให้เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นตัวแรก ถ้าเริ่มต้นด้วยมิจฉาทิฏฐิ จุดแรกกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เป็นปากกรวยไปเลย หมดหวังเลย เพราะฉะนั้นคำว่าสัมมาทิฏฐิใน สักกายทิฏฐิ จึงเป็นตัวแรกที่สุดที่คุณต้องทำความเข้าใจตัวนี้ให้เป็นสัมมา ถ้าผิดตัวนี้แล้ว ช่วยกันไม่ได้เลย เหมือนอย่างที่ว่าพระพุทธเจ้ายังช่วย อาฬารดาบส อุทกดาบส ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 14:44:33 )

ภาวนาปธาน

รายละเอียด

1. ทำให้เกิดขึ้น 

2. พากเพียรทำให้เกิดมรรคเกิดผลให้ได้

3. การเกิดผลที่ได้จากการปฏิบัติ ต้องตรวจดูผลเสมอและสร้างเพิ่มผลให้ได้เสมอ ๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 104

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 49

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 187


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:05:23 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:28:47 )

ภาวนามยปัญญา

รายละเอียด

1. ปัญญาที่แจ้งผล ที่ได้รู้รส ได้เข้าใจเพิ่ม ที่หลุดได้ เลิกได้อันเกิดกับตัวกับตนจริง ๆ 

2. ความรู้ที่รู้ของจริง หรือรู้สภาพจริงนั้น ๆ ของตนที่ตนปฏิบัติเกิดผลธรรม

3. ปัญญาที่เห็นความรู้ที่รู้การเกิดผลซึ่งได้ปฏิบัติมาจนเกิดผล

4. ปัญญาเกิดแต่การปฏิบัติที่มีผลสำเร็จ

5. ความรู้ที่รู้แจ้งจากผลที่เกิดขึ้น

6. ความรู้ที่รู้จากการปฏิบัติจนเห็นของจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 55

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 42

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 124

เปิดโลกเทวดา หน้า 46

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 113

วิถีพุทธ หน้า 46


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:06:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:50 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:29:27 )

ภาวนามัย

รายละเอียด

1. บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา

2. ทำให้เกิดผลได้จนสำเร็จ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 309

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 62


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:08:03 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:06:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:29:47 )

ภาวนามัย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงยาก แต่ยากก็ดีสุด เพราะเป็นศาสนาที่เกิดผลจริง เรียกว่า ภาวนามัยหรือภาวนมยะ ภาวนามัย แปลว่า เกิดการสำเร็จ เป็นผล ภาวนาเป็นผล ทานก็ให้เกิดภาวนามัย ศีลก็เพื่อทำให้เกิดภาวนามัย

ผลที่สำเร็จ ท่านเรียกว่า หุตัง ในพระบาลี เมื่อมีผลสำเร็จก็คือละกิเลสได้  ลดกิเลสได้ เป็นผลของทาน เป็นผลของศีล ภาวนามัยไม่ใช่เป็นผลจากการนั่งหลับตา สะกดจิต หลับตาสะกดจิตไม่เกิดผลภาวนามัย เป็นผลเดียรถีย์ เป็นผลได้สมถะจิต ไม่ได้เป็นผลสำเร็จที่เป็นการปฏิบัติล้างกิเลสออก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 12:55:06 )

ภาวนาไม่ถูกทางด้วยการหลับตา

รายละเอียด

อินทริยภาวนาสูตร เล่ม 14 ข้อ 854

อุตตระว่า ..ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ (หลับตา) อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต (หนีเสียง) ฯ

พระโคดมว่า ..ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 22:13:23 )

ภาวรูป 2

รายละเอียด

1. อิตถัตตภาวะ,  อิตถินทรีย์  (ญ)

 2.ปุริสสัตภาวะ,  ปุริสสินทรีย์ (ช)

 ระหว่างเพศชายและเพศหญิง  ต้องถือว่า มีอันหนึ่ง  เป็นที่หนึ่ง  อันหนึ่งเป็นที่สอง  คนที่ไมได้ศึกษาจะไม่รู้มันต้องมีภาวะ 2 ที่ไม่เท่ากัน  แต่ถ้ามี  ทิฏฐิว่า  ทุกอย่างต้องเสมอภาคกันเท่ากัน  มันไม่ได้  เมื่อเป็นภาวะ  2  แล้ว  ต้องทำให้เป็น  1  ให้ได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:37:36 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:52 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:30:35 )

ภาวสัจจะ

รายละเอียด

1. ของจริงปรากฏ 

2. ความจริงที่ปรากฏ 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 35

เปิดโลกเทวดา หน้า 41


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:08:48 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:07:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:30:53 )

ภาวะ

รายละเอียด

1. ของจริง , ของจริงอันเป็นสิ่งปรากฏ , ความปรากฏ

2. ความเป็น , ความเป็นความมี , ความเป็นความมีจริง ,ความปรากฏ

3. สิ่งที่ปรากฏ 

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 17, หน้า 31, หน้า 100

อีคิวโลกุตระ หน้า 69, หน้า 71, หน้า 73, หน้า 175 

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า หน้า 104, หน้า 105

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 18


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:09:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:19 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:31:25 )

ภาวะ 2

รายละเอียด

เข้าใจดี ดีแล้ว เพราะปัญญากับศรัทธาเขาจะต้องเป็นคู่กันเสมอ แต่แน่นอน สิ่งที่เป็นคู่กันนี้ เป็น 2 นี้ จะไม่เท่ากัน ภาวะ 2 จะไม่เท่ากัน ตั้งแต่วัตถุเลย พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายรู้ 2 ก็คือมีบวกกับลบ ลบมี 1 ถ้าบวกมี 2 ชาติไหนๆก็ทำเครื่องหมาย 1, 2 แล้วมาเป็นบวก (+) เป็นคูณ (x) แล้วแยกเป็นหาร แล้วมาแยกเป็นยกกำลัง นี่เป็นการขยายความหมายของสังขารทั้งหลายทั้งหมด บวกลบคูณหาร ยกกำลัง หรือจะมาถอดรูท ก็เป็นวิธีคิดของคนที่จะรู้จักการรวมกับการแยกแบ่ง มีอยู่เท่านี้ 

รวมให้เป็น 1 หรือสุดสูงสุดเป็น 0 กับขยายไปเรื่อยเป็น 2 เป็น 3 เป็น 4 แล้วมันก็จะมีหารร่วมมาก คูณร่วมน้อย อะไรเข้าไปอีกเยอะ ขยายไปได้ หาร ร่วม มาก หมายความว่า แบ่งย่อยนะ มันก็ยิ่งมาก คูณร่วมน้อย คือคูณ มันยิ่งเพิ่มนะ แต่รวมเข้ามาน้อย มันมีตัวคูณร่วมน้อยลงๆๆ แต่มีผลมาก ตัวหาร แยกออกไปมาก แต่มันเป็นตัวกะปริดกะปรอย น้อยลงๆ เรื่อยๆ เป็นสภาวะ 2 อย่างที่เรียกว่า 2 อย่าง มันจะค้านแย้งกันในตัวเสมอ เรียกภาษาอังกฤษว่า Dialactic แปลเป็นภาษาโก้ๆว่า วิพากษ์วิภาษ ภาษามันแย้งในตัว ศัพท์ทาง พระพุทธเจ้าเรียกว่า สิริมหามายา 

เหมือนมันเป็นสภาพกลับกลอกไปมา ซับซ้อน แต่ของพระพุทธเจ้ากลับเร็ว หมุนเร็ว ชัดเจน หมุนไปทางไหนก็เป็นความจริงทั้งนั้น แต่มายานี่ หมุนไปทางไหนก็หลอกทั้ง 2 ส่วนเลย มายาของนักมายากล นักเล่นกล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51 เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:14:18 )

ภาวะ 2 ของการอาฆาตนิรันดรกับรักผูกพันนิรันดรเป็นอจินไตย

รายละเอียด

แม้จะได้รับคำสอนจากพระศาสดาว่า อย่า“ผูกพยาบาทอาฆาตแก้แค้นนิรันดร” ซึ่งมันเป็น“คู่หู”คือ เป็นภาวะตรงกันข้ามกับ“รักผูกพันนิรันดร” ศาสดาก็ไม่รู้ ว่ามันเป็น“เทฺว”ที่แยกกันไม่ได้ จึงได้แต่สอนกันไป แม้จะทำได้ก็เป็นการ“ผูกพยาบาทอาฆาตแก้แค้นหรือรักกันวนเวียนไม่รู้จบ” เพราะมันเป็น“กรรมวิบาก” อันปรารถนาร้าย-ปรารถนาดีสุดๆ ตามล้างตามฆ่าตามแก้แค้นกัน“เป็นรัก-เป็นชัง”ด้วย“อวิชชา” อันไม่มี“จบ”ลงได้ ดังที่เล่าขานเป็นนิยายนับเรื่องไม่ถ้วน เป็นตำนาน“มหากาพย์-มหารามเกียรติ์”กันอยู่ไม่รู้“จบกิจ” ไม่รู้แล้ว เพราะยังไม่สิ้น“อวิชชา”นั่นเอง

มันเป็น“เทวาเทวสงคราม”แห่งอวิชชา สงครามของ“เทฺว” คือ “ภาวะ 2”ของคนที่ไม่มี“ปัญญา”ไม่มี“วิชชา” จึงมีแต่“อวิชชา”ก็ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กรรมวิบาก” ซึ่งเป็น“อจินไตย”แท้ๆแน่นอน ว่า มันเป็น“ภาวะ 2”ที่ตามแก้แค้นกัน ผูกพัน คือ รัก-ชัง ชาติแล้วชาติเล่า และการตามรัก การตามแก้แค้นล้างผลาญกันก็มีอยู่จริงในผู้ยัง“อวิชชา” ไม่รู้จบ ไม่รู้แล้ว ไม่มีอภัย ไม่ปล่อยวางจริง ไม่หลุดพ้นไปได้ 

ไม่มี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “ทุกสรรพสิ่งล้วนคือ อนัตตา(สัพเพธัมมา อนัตตา)” เพราะตนไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“ตน” เป็น“กาย” เป็น“บุญ” แม้แต่เป็น“ฌาน” เป็น“สมาธิ” ฯลฯ เป็น“อัตตา” เป็น“นิพพาน” เป็น“ปรินิพพาน” และเลิก“ความเป็นตน” ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ให้แก่ตนสุดท้ายได้สำเร็จแท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2565 ( 14:43:20 )

ภาวะ 2 ของสุขนิยมเป็นเรื่องน่ากลัว!

รายละเอียด

“เทฺว”กับ“มาร”จึงเป็น“ภาวะ 2”ที่ชาว“สุขนิยม”หรือชาว

“เทฺวนิยม”ทั้งหลาย หลงเทิดทูน“สุข” และสยบให้“สุข”ตลอดกาล

“เทฺว”จึงเป็น“มายาสุดยิ่งใหญ่” 

ที่ปิดประตูไขแจ้ง“ความรู้-ความจริง”กันแล้ว นิรันดร 

ในโลกจึงมี“เทฺวนิยม”อยู่ประจำโลกฉะนี้เอง ไม่มีหมดสิ้นไปจากโลกได้เลย 

เพราะ“มาร”เป็น“มายา”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งที่สุดแท้จริง

คนโลกีย์หรือ‘เทฺวนิยม”จึงหมดสิทธิ์ที่จะ“นิพพาน”

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 30 หน้า 61


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 15:09:47 )

ภาวะ 2 ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อาศัย“ความมี”กับ“ความไม่มี”นี้แหละในโลกที่ใช้“สื่อ”แสดงต่อกันให้รู้  ไม่มีอื่นหรอก “ความมี-ความไม่มี”จึงเป็น“เทฺว”หรือ“ภาวะ 2”คู่ยิ่งใหญ่ อาศัยสิ่งนี้แหละสอนกันพูดกันทำกันได้ครบ ที่ทำให้คนผู้สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงก็จะ“รู้จบ”ทุกสรรพสิ่งได้ (พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 43) 

สรุปแล้ว ในโลกนี้มี“ภาวะ 2”ได้แก่“ความมีกับความ ไม่มี” เช่น ยุคนี้มี“พญานาค”ที่เป็น“ผู้หลับตาปฏิบัติ”นั้น“มี”กันอยู่จำนวนมาก ส่วนผู้ที่เป็น“อาริยบุคคล”คน“ผู้ปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ”ลืมตาปฏิบัติจะว่า “ไม่มี”ก็เกือบจะ“ไม่มี”ปานนั้นจริงๆในยุค“กึ่งพุทธกาล”ที่เสื่อมมากหนักนี้ 

ซึ่งมัน“ไม่มีโลกุตระ”นั่นเองสำหรับคนผู้“ไม่มี” เพราะยังไม่เป็น“ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบานแล้ว” จึงยังไม่ชื่อว่า “พุทธ” เนื่องจากยัง หลงผิดใช้วิธี“หลับตา”ปฏิบัติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 20:41:31 )

ภาวะ 2 ต้องเรียนรู้โดยมีผัสสะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เริ่มต้นรู้จัก ต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้เครื่องอาศัยที่เรียกว่าอาหาร จึงจะรู้จักกามตัณหา และต้องเรียนรู้โดยมีผัสสะ ไม่มีผัสสะ ตาไม่กระทบรูป หูไม่กระทบเสียง จมูกไม่กระทบกลิ่น ลิ้นไม่กระทบรส ผัสสะไม่มีสัมผัส 5  6 ก็คือใจร่วมด้วยกับสัมผัส 5 ภายนอกตลอดเวลาเป็น ปสาทรูป โคจรรูปและเป็นวิสยรูป ต้องมี ตาหูจมูกลิ้นกาย และมีใจทำงานร่วมอยู่ ประสาททั้ง 5 โคจระ เริ่มทำงาน ดำเนินไปจนเกิดเป็น วิสยะ เป็นวิสัยของรูปของการ สัมผัสแล้วเกิดภาวะ 2 คือเป็นภาวะเอกกับภาวะรอง 

เอกคือ ปุริสภาวะ รองคือ อิตถีภาวะ เพราะฉะนั้นต้องทำให้เป็นหนึ่ง เอกสโมสรณา เรียนรู้อันนี้ได้จากเวทนา ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:36:26 )

ภาวะ 2 ที่คนต้องมี-ต้องเป็นคือ“โลกียะ”กับ“โลกุตระ”

รายละเอียด

คำว่า “เทฺว”นี้แปลว่า“2” ซึ่งเป็น“ภาวะ 2”ที่ยิ่งใหญ่มากในโลก และกำลังอธิบาย“ธรรมะคู่เอก” ที่มี“ความแตกต่างกัน”อยู่จริงนิรันดร ได้แก่“โลกียธรรม” กับ “โลกุตรธรรม” 

ซึ่งก็คือ ความจริงของ“เทฺว” หรือ“ภาวะ 2” สุดยอดยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติในโลก 

การสาธยายนี้เป็นวิชาการ จึงไม่ใช่การก่อความแตกแยก 

แต่เป็นการแยกแยะ“ความจริง”

หรือทำความชัดเจนของ“ธรรมะ 2” ที่เป็น“โลกียะ”กับ“โลกุตระ” อันมีจริงเป็นจริงอยู่ในโลกนิรันดร ให้มนุษยชาติอาศัยและศึกษา“เทฺว”กันอย่างมีที่สุดของ“จริง” และมีที่“จบ”ของสุด  

“เทฺว”จึงชื่อว่า “ยิ่งใหญ่”สุดๆในโลก ทั้ง“จริง”ทั้ง“จบ” 

นั่นคือ คนในโลกตลอดกาลนาน

ซึ่งจะมีผู้เชื่อถือความเป็น“เทฺว”กับผู้เชื่อถือความเป็น“อเทฺว” 

อันคือ“ภาวะ 2” ที่คนต้องมี-ต้องเป็น“โลกียะ”กับ“โลกุตระ”นี่แหละในความเป็นมนุษย์ เลี่ยงไม่ได้เลยใน“ความเป็นจริง”นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 11:17:36 )

ภาวะ 2 ที่เกี่ยวข้องกันกระทบกันเรียกว่ากรรมจับตัวกันเรียกว่าธรรม

รายละเอียด

สิ่งเหล่านี้มันจะเกิดภาวะ 2 และก็เกี่ยวข้องกันหรือกระทบกันเรียกว่า กรรม กรรมแล้วก็จับตัวกันเรียกว่าธรรมะ ก็มีอยู่เท่านี้หากแยกแล้ว พระพุทธเจ้าแยกเป็น 3 เป็น 2 รวมแล้วเป็นขันธ์ 5 รูปนาม แล้วก็ธาตุรู้ หรือประธานบวกลบ ก็ไปแยกอีกคู่หนึ่งก็คือ กรรมกับธรรมะ หรือตัว Static กับ Dynamic 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2565 ( 14:46:46 )

ภาวะ 2 มีลักษณะ 2 อย่าง

รายละเอียด

ภาวะ 2 มีลักษณะ 2 อย่างลักษณะหนึ่งเป็นอิตถีภาวะ ลักษณะหนึ่งเป็น ปุริสภาวะ เป็นบวกเป็นลบมี static กับ Dynamic อันหนึ่งเป็นลักษณะของ สังขิตตังจิตตัง อันหนึ่งเป็นสภาพวิกขิตตังจิตตัง อันหนึ่งเป็นลักษณะของนิวเคลียร์ฟิวชัน(สังขิตตังจิตตัง) อีกอันหนึ่งเป็นลักษณะของนิวเคลียร์ฟิชชัน(วิกขิตตังจิตตัง) มีจุดต่างกัน เราก็เข้าใจ เรียนรู้ให้เข้าใจสภาวะที่ว่าไว้ สังขิตตังจิตตัง อันหนึ่งเป็นสภาพวิกขิตตังจิตตัง ลักษณะของ 2 อย่างนี้ ถ้าหากปฏิบัติแบบแต่ละทีออกนอกรีต มันมีทฤษฎีผิดกับทฤษฎีถูกของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติทฤษฎีผิด ก็จะได้เป็น ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ อยู่ในภพ นั่งหลับตาสะกดจิตทำฌาน ซึ่งอยู่อย่างนั้นมันคนละโลกกับฌานของพระพุทธเจ้าเลย ฌาน ของพระพุทธเจ้านั้นมีชาคริยา ต้องฝืนต้องฝึก เป็นอนุโยคะ ให้เป็นคนชาคระ ชาคริยา คือคนตื่น ว่าไปตามไวยกรณ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:11:43 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:32:20 )

ภาวะ 2 เป็นไฉน

รายละเอียด

ภาวะ ปรากฏ ภาวะ คือสิ่งที่ปรากฏเกิดจากการสัมผัสและเกิดนั้นขึ้นมา ต้องเรียนรู้ภาวะรูปซึ่งจะเป็นเทวดา เทวะ แปลว่า 2 คือ อิตถีภาวะ กับ ปุริสภาวะ 

ภาวะ 2 ศาสนาพระพุทธเจ้าแยกเทวะ ออกเป็น 2 ได้ทุกอย่าง เกิด 2 ก็จะเกิดการเปรียบเทียบกัน อะไรควรกว่าอะไร อะไรดีกว่าอะไร ไม่ดีกว่าอะไร ซึ่งสิ่งนี้เป็นสมมติสัจจะ มันไม่ยึดมั่นถือมั่นได้ มันจะเกิดจากกาละเทศะฐานะ ในกาละนี้ อันนี้ควร เทศะ ต่างถิ่นต่างที่ ที่นี่เขาถือว่าอันนี้ควร เขาถือว่าอันนี้ไม่ควร ก็ต่างเทศะ ต่างถิ่นที่ 

วาระนี้ ทุกวาระในกาละ อดีตเขาเคยถืออันนี้เป็นสิ่งที่ควรสิ่งที่ดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ปัจจุบันนี้อันนี้เขาถือว่าอันนี้ดี อันนี้ควร อันนี้ไม่ดี อันนี้ไม่ควร มันไม่ใช่อดีตนะ ก็รู้จักกาละ ในอนาคต ไม่รู้ว่ามันจะยึดถือว่าอะไรควรหรือไม่ควร อะไรรู้ อะไรไม่รู้ อย่างนี้เป็นต้น ก็รู้จักกาละเทศะฐานะ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:05:04 )

ภาวะ 2 ระหว่างโลกียะกับโลกุตระแตกต่างกันตรงไหน

รายละเอียด

ทีนี้ก็มาสาธยายต่อไป ถึงเรื่อง“โลกียะ”กับ“โลกุตระ”นี้แหละ เป็นเรื่องสุดยอด ซึ่งก็คือ“ภาวะ 2”เรื่อง“เทฺว”แท้ๆนะ! 

เพราะ“ความรู้-ความฉลาด”ของคนในโลกนั้นยังเป็นแบบ“โลกียะ” เป็น
“เทฺวนิยม”นี่แหละมาก มีอยู่ตลอดกาลนาน ยังไม่ใช่“อเทฺวนิยม”  ยังไม่เป็น“โลกุตรธรรม”

การรู้ธรรมะเรียนรู้แค่ธรรมะ 2 นี่แหละโลกียะกับโลกุตระ ถ้าไปเรียนรู้แค่โลกีย์คุณก็เรียนรู้ความดีความชั่วแล้วก็ทำดีให้ได้ดีสูงสุด อย่าทำชั่วเลย ให้ได้ ไม่ทำชั่วได้จริงๆทำแต่ดีก็สูงสุดแล้ว แต่ไม่รู้ถึงเบื้องลึกถึงจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่สามารถแยกเข้าไปถึงเนื้อหาสภาวะของปรมัตถธรรม หรือจิตทั้งหลาย ไม่รู้ ไม่สามารถที่จะรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่รู้แยกไม่ได้ โลกียะจะแยกไม่ได้ ขอจำนนต่อจิตวิญญาณมีนิรันดร ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าจิตก็จะเป็นอนัตตาได้ ไม่มีตัวตนจริงๆได้เป็นมายา แต่อาศัยจนกระทั่งเหนือกว่ามายานั้น เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มายาหรือมาร เราหักเรือนยอดเธอแล้วมาร ไป มารก็ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ไม่มาตอแยอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:28:42 )

ภาวะ ความเป็นศูนย์กับความเป็นหนึ่ง ของพระอรหันต์คือเช่นไร

รายละเอียด

ตอบไปก่อนว่า ใช่ ก็คงต้องการให้ขยายความบ้าง คำว่า ศูนย์ คือกิเลสมันหมด เราสามารถปฏิบัติตั้งแต่ตอนเป็นๆ ยังไม่ตาย การบรรลุธรรมต้องบรรลุธรรมตั้งแต่ยังไม่ตายทำให้สำเร็จ ทำ 0 ทำให้กิเลสหมด สูญ ก็คือกิเลสนะ แยกให้ดี กิเลสหมด 0 แต่ความเหลือยังเหลือชีวิตชีวะของคุณยังไม่ตายยังเป็น 1 อยู่ แล้วความเป็น 1 ของคุณนี้รู้ภาวะ 2 ภาวะเทวะ ภาวะที่ไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ซึ่งจะต้องแยกเอา 1 ยืนหยัดอยู่กับ 1 แต่คุณจะต้องอยู่กับ 2 

เพราะฉะนั้น คำว่า ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 เทฺว ธมฺมา พระพุทธเจ้าให้ศึกษา 2 จากเวทนา แล้วขยายบาลีว่า ทฺวเยน เวทนายะ คือให้ขยาย 2 จากเวทนา ให้เป็น 1 ให้รวมลงเป็น 1 ทำให้สรุป เหลือตัวความจริงความแท้ เวทนาแท้กับเวทนาเก๊ เวทนาเทียม เวทนาที่ถูกกิเลสปรุงแต่ง กับเวทนาที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่มีกิเลสเข้าไปร่วม ให้ชัดเจน ภาษาพยัญชนะก็บอกอย่างนี้ คุณต้องตามรู้ภาษาให้รู้ถึงสภาวะจริงให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:11:53 )

ภาวะ “ถูกรู้” คือรูป ภาวะ “ผู้รู้” คือนาม ต้องเข้าใจ ต้องรู้อาการ!

รายละเอียด

ซึ่งตัวที่อยู่ในภาวะ“ถูกรู้”ก็คือ“รูป”แม้เป็นจิต,มโน,วิญญาณ

เมื่ออยู่ในภาวะที่“ถูกรู้”ก็ชื่อว่า“รูป” นี้ 1

และ 2 นั้นคือ“ตัวผู้รู้”ที่เป็น“นาม”ของเราเอง ที่จะเข้าไป

รู้“นาม”ทั้งหลายอันคือ จิต เจตสิก รูป(รูปจิต-อรูปจิต) นิพพาน

“1”และ“2”นี้เป็น“ภาวะคู่”ที่บัญญัติคือ“กาย”หรือ“เทฺว”

ซึ่งชาว“โลกีย์”หรือ“เทฺวนิยม”นั้นมีแต่“ความรู้”ที่เรียก

ว่า“เฉโก” ก็ไม่สามารถจะมี“ปัญญา”ที่เป็น“ความรู้”ขั้น“โลกุตระ”ที่

จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“กาย”หรือความเป็น“เทฺว”ได้

เพราะยังไม่เริ่มต้นมี“อัญญธาตุ”ขึ้นในจิต จนกระทั่ง

เติบโตเกิดเจริญขึ้นเป็น“อัญญา” และเป็น“ปัญญา”ในที่สุด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 244 หน้า 198


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 12:50:08 )

ภาวะ2

รายละเอียด

ภาวะ 2  คือ  อิตถีภาวะ และ ปุริสภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:19:24 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:32:37 )

ภาวะของความวนออกหรือวนเข้า จากโลกโลกุตระ

รายละเอียด

ภาวะของความวน หรือว่า ความไม่รู้แจ้ง ยึดมั่นถือมั่น ไปยึดมั่นถือมั่นไม่วนไม่กระดิกไม่ไปไม่มาแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงเป็น 2 แล้ว ยึดเป็น 1 เลย  ก้อนความรู้ มวลความรู้ ปริมาณความรู้ คนที่ยึดไว้นั้นปิดประตูความรู้อื่นที่จะแทรกเข้าไปให้แก่ตัวเอง หรือตัวเองไม่พอใจที่จะออกมารับอันใหม่ที่เป็นอันอื่น 

อย่างความรู้ที่อาตมาอธิบายนี่ ล้วนเป็นอันอื่นที่โลกเขารู้อยู่ อย่างที่โลกรู้อยู่นั้นอาตมารู้ และก็ต้องอาศัยฐานที่พวกคนอื่นเขารู้นั้นมาเป็นฐาน แล้วก็มี corridor มีระเบียงเชื่อมออกมา overlap ออกมาหาระเบียงมาเรื่อยๆ corridor เรื่อยๆ เพื่อจะให้เขามีทางไต่เข้ามาหา โดยพุทธของเขาที่รู้อยู่ ยึดอยู่ด้วย แล้วก็ไล่ความรู้ใหม่ ที่เป็นความใหม่ ทั้งเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม ไล่ออกมาให้รู้ ก็อาศัยการสื่อสารพวกนี้ เพราะฉะนั้นคำว่า โลก อยังโลโก อยัง แปลว่า นี้ อันนี้ โลกอันนี้ โลกที่เขายึดอยู่อันนี้เดี่ยวๆ อันเดียวอันนี้ คือ อยังโลโก เขาก็จมอยู่ในอยังโลโก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 15:05:57 )

ภาวะความเจริญเป็นลำดับอดีตถ่วงไว้ด้วยคุณธรรม

รายละเอียด

ยิ่งฟัง ผู้ที่เขียนสรุปบทความมา รวบรวมทั้งอดีต ไล่เรียงมาถึงปัจจุบันนี้ สั้นๆไม่กี่หน้า ได้อะไรเยอะและเห็นจริง สรุปได้ภาวะความเจริญรุ่งเรืองและมีลำดับขั้นตอน เลื่อนพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ มันมาไกลมาก แล้วพวกเราก็อยู่กับยุคนี้ ที่จะต้องอาศัยอันนี้ คุณจะไปเก่งยังไงจะไปจับไดโนเสาร์มาจูงจมูกแล้วขี่ไดโนเสาร์ไม่ได้แล้วในยุคนี้ ยังเหลือแต่ใส่เครื่องกดปุ่มและเหาะได้เลย อาตมาว่าอีกไม่นานเดี๋ยวได้ชนกันกลางอากาศ มันได้แน่ เราเห็นอยู่เลย คนเขาคิดทำอยู่มีจริง และขึ้นมานี้ แล้วเราจะไปเจอสิ่งที่ขึ้นมาในนี้มันจะยิ่งมีมากกว่าโดรนในอากาศ คิดแล้วยังไง เราจะต้องใช้มันไหมนี่ แล้วเราจะขับเป็นหรือเปล่า เขาตั้งไว้เลยจะไปเท่าไหร่ๆ พูดไปแล้วก็สนุกยังไม่อยากตาย นี่ก็เป็นของแถมนะ ที่จริงก็มีภาระอยู่ เพราะว่ายิ่งเทคโนโลยีความเก่งทางโลกโลกีย์พวกนี้มันมากขึ้น คุณธรรม ถ้าเผื่อว่าไม่มาถ่วงไว้นะ แต่อาตมาว่าอาตมาไม่พูดผิดหรอก โลกก็จะมุ่งมาหาคุณธรรมกันอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงว่าเราเห็นว่า ตัวหัวๆของแต่ละประเทศ อย่างคนหัวฟูๆทองๆยังงุ่มง่ามไม่รู้อยู่เลย แม้แต่ปูตินของรัสเซียก็ไม่แล้ว ในประเทศอเมริกาเขาก็กำลังจะ impeachment นายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากประธานาธิบดี มันชัดเจน เพราะว่าคนฉลาดขึ้นคนรู้ทันมากขึ้น แต่ขนาดนั้นก็เกือบหมดสมัยของเขาแล้วนะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 15:23:10 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:04 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:33:41 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์