@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เคหสิตอุเบกขา และ เนกขัมมสิตอุเบกขา

รายละเอียด

สุขกับทุกข์เป็นอันเดียวกัน เป็นสิริมหามายาเป็นเหรียญสองหน้า แล้วแยกกันไม่ออกหรอกสุขกับทุกข์ ศาสนาพุทธจึงไม่เอาเลยความสุขความทุกข์ อุทุกขมสุข เป็นเนกขัมมสิตอุเบกขา แต่เขาไม่เข้าใจความไม่สุขไม่ทุกข์ได้ ก็ทำด้วยวิธี เคหสิตอุเบกขา ข่มจิตให้มันปรุงแต่ง เขาก็พอจะเข้าใจตรงนี้ พยายามทำวิธีการสะกดจิตเพื่อไม่ให้จิตใจไปนึกคิด ซึ่งมันจะไม่ได้เรียนรู้ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วล้างออกจากกิเลสเป็นลำดับ พอได้ที่มันก็ล้างออกหมด ก็รู้โลกุตระ แยกแยะโลกียะกับโลกุตระได้ก็สมบูรณ์ จบเป็นพระอรหันต์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 08:47:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:13:27 )

เคหสิตอุเบกขาเวทนา

รายละเอียด

คือ ไม่ทุกข์ ไม่สุข เป็นได้ตามธรรมชาติของชีวิตสามัญปุถุชน เป็นความรู้สึกกลางๆ เฉยๆ ที่มีเป็นธรรมดาของปุถุชนสามัญ เป็นสมมุติธรรม ชาวโลกียะ เป็นการพักยกของอารมณ์

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 49


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:55:37 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:27:10 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:12:59 )

เคหสิตอุเบกขาเวทนา ชาวโลกีย์ก็ทำได้

รายละเอียด

จิตก็มี“ภพ”มี“ชาติ” ที่“ข้ามชาติ”อยู่แน่นอนซึ่งผู้ปฏิบัติก็พยายามปฏิบัติตามทิฏฐิของตนที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิแท้นั้นแหละ จึงได้แค่“เคหสิตอุเบกขาเวทนา”คือ ว่างแบบพักยก เป็นแค่เพียงว่า ได้“อุเบกขา” แต่เป็น “อุเบกขาเวทนา”ที่ยังเป็นของชาวโลกีย์ หรือยังเป็นแค่การปฏิบัติของผู้“ทำใจในใจ ที่สะกดกิเลสกามไว้มิให้ปรากฏอาการในใจ” ชั่วขณะเท่านั้น แต่ยังฆ่ากิเลสไม่เป็น ยังลดละกิเลสไม่ถูกต้องถึงขั้น“สัมมาทิฏฐิ”บริบูรณ์ เพราะถึงแม้จะทำได้ถึงขั้น“อุเบกขาเวทนา” แต่การกระทำของผู้มิจฉาทิฏฐิ ยังมี“ทิฏฐิ”ไม่“สัมมา”แท้ ตามพระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างถ่องแท้ หมายความว่า ยัง“ทำใจในใจ”(มนสิกโรติ)ของตนไม่แยบคายถ่องแท้ลงไปถึงที่เกิด” เรียกว่า“อโยนิโสมนสิการ”    แม้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติธรรมก็ตาม แต่มี“จิตว่าง”หรือจิตหยุดพักไม่นึกไม่คิดอะไร เป็นครั้งๆคราวๆ หรือผู้นั้นมี“ความอยากได้จิตว่าง” แต่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ ก็จะเกิดความเป็น“จิตว่าง”ที่เป็น“จิตว่าง”แบบ“เคหสิตอุเบกขาเวทนา” ซึ่งผู้ทำก็หมายใจว่าจะเป็นจิต“ไม่มีภพ”หรือ“ว่างจากภพ-ว่างจากความมีอาการปรุงแต่งของกิเลส”(ไม่ดูดไม่ผลัก)ชั่วคราว มันก็ไม่แปลก เราทำได้ “โลกีย์”ปุถุชนทั่วไปก็ทำได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:10:03 )

เคหสิตอุเบกขาเวทนา ยังไม่ใช่จิตที่ว่างจากกิเลส

รายละเอียด

“เคหสิตเวทนา”นี้ ท่านพุทธทาสเป็นต้น และอาจารย์อื่นๆ อีกหลายคน ชอบยกอ้างขึ้นมา และพูดว่า เป็น“นิพพานลำลอง”หรือนิพพานชั่วคราว ซึ่งแท้จริงยังไม่ใช่“จิตที่ว่างจากกิเลสเป็นลำดับ ชนิดที่“กำจัดตัวตน(อัตตา)”ไปตามลำดับที่มี“ความรู้ในความเป็น“อัตตา”จาก“โอฬาริกอัตตา”เป็นเบื้องต้น แล้วก็“มโนมยอัตตา” ที่สุด“อรูปอัตตา”เป็นขั้นปลายท้าย แต่ว่าผู้ได้แค่“เคหสิตอุเบกขาเวทนา”นั้นเมื่อปฏิบัติได้มันก็เป็น“จิตว่าง”ก็จริง  แต่“ธรรมภาวะ”เช่นนี้ มันเป็นได้แค่“เคหสิตเวทนา”เท่านั้น ยังไม่ใช่“เนกขัมมสิตเวทนา”  “เคหสิตเวทนา”คือ ผู้ยังมีอารมณ์ที่เป็นโลกียะอยู่ ยังไม่เป็นอารมณ์ถึงขั้น “เนกขัมมสิตเวทนา”ที่เป็น“โลกุตรสัจจะ”

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:11:58 )

เคหสิตะ

รายละเอียด

สภาพที่ยังเป็นโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 117


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:14:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:52 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:12:28 )

เคหสิตะปรุงแต่งมีกิเลส

รายละเอียด

โลกียะก็รู้ สุขทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เคหสิตเขาก็รู้ โลกียะเขาก็กำหนดรู้ของเขาเหมือนกัน แต่ก็เป็นแบบที่มีกิเลสมาปรุงแต่ง ปรุงแต่งอย่างเอากิเลสออกไป เขาเรียกว่าเนกขัมมสิตเวทนา เขามีแต่กดกิเลสเอาไว้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องรู้แต่จิต กิเลสไม่ให้เกิดมารู้ เลือกรู้แต่จิต กดกิเลสไว้ ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับการปรุงแต่งภายนอกด้วย เพราะมันไม่มีประสิทธิภาพ ของโลกียะนี้ปฏิบัติธรรมแบบสะกดจิตไม่มีประสิทธิภาพไม่เกี่ยวกับภายนอก

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:53:06 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:53 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:17:45 )

เคหสิตะอุเบกขา

รายละเอียด

ก็เป็นความว่างที่ธรรมดาธรรมชาติ เขามีการเจตนาทำให้เกิดอุเบกขาเป็นเคหะสิตะอุเบกขาได้ โดยการกดข่มโดยการนั่งสมาธิ ด้วยการรู้นิ่งเฉย เป็นสมถะแบบลืมตา รู้นิ่งเฉย อย่าปรุงแต่งกับอะไรให้เฉยๆ ก็ไม่ประสีประสาอะไรไม่รู้ว่ามันยึดถืออะไร เขาให้ปฏิบัติสภาวะให้ตามภาษานี้ได้ก็ถือว่าบรรลุ ส่วนอีกพวกนั่งสมาธิเฉยๆยิ้มไป ก็เป็นความรู้สามารถตื้นๆ อย่างอาฬารที่ดาบส อุทกดาบสเรียนรู้อย่างนี้กันมา เป็นพื้นฐานความรู้ของมนุษยชาติในโลก ไม่ได้แยกกาย แยกจิตอย่างปรมัตถ์โลกุตระ

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:47:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:56 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:15:48 )

เคหสิตเวทนา

รายละเอียด

1. อารมณ์รู้สึกของชาวโลกียะ หรือชาวบ้านสามัญ 

2. เวทนาที่มีความติดยึดอยู่กับความเป็นโลกหรือโลกีย์นั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 232 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 114,เปิดโลกเทวดา หน้า 82


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:11:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:03 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:14:34 )

เคหสิตเวทนา ต่างกับ เนกขัมมสิตาเวทนา ตัดสินที่กาย

รายละเอียด

เคหสิตะ 18 เขาก็มีอุเบกขาของเขาเหมือนกัน อุเบกขาของเคหสิตะกับอุเบกขาของเนกขัมมะ คนละอย่าง นี่แหละคือสัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิที่แท้จริง วิธีทำอุเบกขาของเคหสิตะ เรานั่งหลับตาสะกดจิตให้หยุดนิ่ง แล้วแปลอุเบกขาว่า
อทุกขมสุข ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข นิ่ง หยุด เขาเรียกอนัตตา สุญญตาเลยด้วย และเรียกว่านิโรธหรือนิพพาน ในสัญญาความกำหนดรู้ กำหนดหมาย ของเขาเป็นอย่างนี้ แล้วเขาก็ได้นามรูป หรือ กาย 

กาย เป็นอย่างนี้คือนิ่ง สัญญาเป็นอย่างนี้ คำว่า กาย อย่างนี้ก็ผิดเพราะว่า กายของเขา ไม่มีภายนอก กาย ของเขานั่งหลับตาไม่มีภายนอก เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจคำว่า กาย ไม่มีภายนอกก็เป็นมิจฉาทิฏฐิในสังโยชน์ข้อที่ 1 ก็เข้าใจ กาย ยังไม่สัมมาทิฏฐิตั้งแต่ต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 15:10:32 )

เคหสิตโทมนัส

รายละเอียด

1. อาการทุกข์หรือโทมนัสต่าง ๆ ที่เป็นโลกียะ

2. อารมณ์ทุกข์ที่มีสภาพยังวนเวียนอยู่ในโลกีย์สามัญชาวบ้านปุถุชน เป็นทุกข์เพราะไม่ได้เสพสมตามตัณหาอุปาทาน หรือเพราะอกุศลเหตุอื่น 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 557,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 119


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:10:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:20 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:16:31 )

เคหสิตโสมนัส

รายละเอียด

1. อาการสุข หรือโสมนัสต่าง ๆ ที่เป็นโลกียะ

2. อารมณ์สุขที่มีสภาพยังวนเวียนอยู่ในโลกีย์สามัญชาวบ้านปุถุชน เป็นสุขที่ได้เสพสมตรงตามตัณหาอุปาทานกำหนดต้องการ เรียกว่า สามิสสุข 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 557,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 119


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:12:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:26 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:17:06 )

เคารพวิญญาณอาจารย์ที่ใส่โลงแก้วแล้วไม่เน่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

วิญญาณอาจารย์ที่ใส่โลงแก้วไปเคารพกัน แล้วก็ไม่เน่า เล็บก็ยังยาว ผมก็ยังยาว แต่สักวาระหนึ่งก็ไม่ยาวแล้ว เมื่อหมดพลังงานที่จะมาเลี้ยงร่างกายจริงๆก็จะแห้งลงๆ เล็บก็ไม่ยาวแล้ว ก็เหลือแต่การสังเคราะห์ภายในก็แห้งลงไปเรื่อยๆ อีกเหมือนกัน ไม่มีธาตุอาหารไม่มีจุลินทรีย์อะไรอีก มันก็มีแต่แห้งหายไปเรื่อยๆ แล้วคนที่มีมิจฉาทิฏฐิอย่างนั้นอยู่ ก็ไปยกย่องกันว่าเป็นยอด ที่จะต้องขอร้อง แทนที่จะเอาไปเผาไปทำลายเสียไม่ต้องไปติดยึด มันยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิตลอดไปติดคาอยู่อย่างนี้ ค้างอยู่อย่างนี้ มันยังไม่สมบูรณ์แบบ เขาก็ยังไม่รู้เรื่องกัน อาตมาก็ค่อยๆ ไขไป เปิดเผยไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:46:14 )

เคารพในเจตนาดีแต่ก็ควรตามบ้างไม่ตามบ้าง

รายละเอียด

อันนี้ก็ อาตมาก็อีกแหละ อาตมามองที่เจตนา เจตนาเขาดี อาตมาก็เคารพอันนี้มาก เขาไม่มีเจตนาร้าย แล้วก็มีความรู้เฉพาะมากๆ ก็เป็นพยาบาล ผ่านอาชีพผ่านงานมาจริงๆ ไม่ใช่เล็กน้อยก็ใช้ได้อยู่ ก็ดูแลกันมาหลายสิบปีก็เป็นไป ทีนี้คนหลายคนก็มองกันอย่างกับเป็นผู้บงการอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คงจะรู้สึกว่า มันไม่น่าจะเป็นขนาดนั้น ก็เอาล่ะ อาตมาก็จะลองๆ ว่า ตามบ้างไม่ตามบ้าง ผู้ที่ดูแลอยู่ก็คงจะเข้าใจไม่มีปัญหาอะไรมากก็ค่อยๆ ปรับไปไม่ต้องปุบปับ ค่อยๆ เป็นไปดีกว่า ก็เป็นความปรารถนาดีที่หลายคนมองก็แนะนำมา commentๆ มาตลอดก็ดี ขอบคุณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:32:51 )

เงิน

รายละเอียด

เศรษฐกิจเงินเป็นทางวัตถุ เขาจะเน้นไปทางเรื่องธนบัตรเป็นแก้วสารพัดนึก เราก็พยายามทำให้เห็นว่าที่นี่ถือว่าธนบัตรเป็นเรื่องเล็ก หรือเป็นสิ่งมีค่าเพชรนิลจินดาทองคำที่จะไปแลกเป็นธนบัตรได้เยอะ อะไรก็แล้วแต่ คุณจะมุกอะไรขึ้นมาเราก็ไม่ทำ เช่น พระเครื่องนี้ราคาเป็นร้อยล้านเราก็ไม่ไปมุกกับคุณ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:10:52 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:17 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:30:20 )

เงินคือกระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

รายละเอียด

ชักจะเข้าใจแล้วว่าเงินคือกระดาษ ที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย อย่าไปตกหล่มมันก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:45:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:33:26 )

เงินทองเป็นของมายาข้าวปลาเป็นของจริง

รายละเอียด

ของคนไทยเรามีหม่อมเจ้า สิทธิพร กฤดากร ที่บอกว่าเงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าสิ่งเหล่านั้น เราเป็นคนจนไม่ต้องไปเดือดร้อนกับเขา เขาวัดคนด้วยเงินด้วยทอง ทั้งเงินทั้งทอง ไม่ต้องไปตกอกตกใจกับมันเท่าไหร่เลย พวกเรานี้เข้าใจ เคยให้เหรียญให้จี้ทอง พวกเราก็เอาไปคืนหมด เอาไว้เดี๋ยวก็จะหายไปเปล่า เอามาคืนอาตมา อาตมาก็เลยเอามารวมไว้ สักวันก็จะหลอมให้เป็นแท่งขาย เดือนนี้บาทละ 3 หมื่นกว่าแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 12:04:08 )

เงินทองเป็นของมายาผักหญ้าเป็นของจริง

รายละเอียด

ขอโฆษณา อาตมาก็ไม่โฆษณาอะไร แต่โฆษณาให้ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มาก ให้เหลือเพื่อแจกจ่าย หนึ่งเราลดความต้องการอยากได้เงินทองข้าวของเป็นเรื่องขี้ผง อย่างที่ว่า เงินทองเป็นของมายาผักหญ้าเป็นของจริง เงินทองมันเป็นของมายาจริงๆ 

เพราะในชีวิตเราจะต้องอาศัยอาหาร อาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งเราไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย นี่ก็มีสารพัด กะหล่ำปลีของสวนอาจารย์ข้าดิน อาหารเป็นหนึ่งในโลก เราทำความเจริญงอกงามของสิ่งที่เป็นหนึ่งในโลก มันจะไม่ดีอย่างไร มะเขือเทศ จากสวนของดาว (สู่แสงพุทธ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 13:27:08 )

เงินทำให้ขาดความสามัคคีขาดความรัก

รายละเอียด

หากเห็นเงินสำคัญกว่าความเป็นพี่น้องเพื่อนฝูงกันอยู่รวมกัน ก็ใช่แน่นอนเลย ต้องเห็นให้จริงว่า จิตวิญญาณในเรื่องของความสมานสามัคคีความร่วมมืออนุโลมปฏิโลม มีความปรารถนาดีต่อกัน มันเป็นคุณธรรม ของจิตวิญญาณที่สูงส่งที่จะต้องเข้าใจให้ได้ เรื่องเงินเรื่องทองนั้นขี้ผง เราก็ศึกษามีความขยันมีสมรรถนะต่างคนต่างทำงานสร้างสรรปัจจัยจำเป็นต่อชีวิตอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์มีกินมีใช้ มีเหลือเฟือแจกจ่ายคนอื่นไปอีกด้วย ก็คนอื่นก็ต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น จะอยู่ที่เอสกิโม จะอยู่ประเทศขั้วโลกใต้ แต่พวกเราอยู่ในโซนกลางๆนั้นสุดยอดแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:23:00 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:21 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:28:33 )

เงินที่ออกดอกเป็นเงินที่เป็นบาป

รายละเอียด

เงินที่ออกดอกเป็นเงินที่เป็นบาป จะออกดอกนิดนึงก็เป็นบาป แต่ชาวอโศกก็ยังมีเงินที่ไปฝากธนาคารเขาก็ต้องให้ดอก อันนี้ก็ต้องจำนน เท่านั้นเอง แต่เราก็ไม่ได้ว่าหรอก คุณจะออกดอกมากหรือน้อยก็ไม่ว่า 

เพราะฉะนั้นชาวอโศกจึงไม่ค่อยมีหรอกที่จะไปฝากเงินธนาคารเป็นเงินประจำ เพราะเงินประจำจะได้ดอกมากกว่าเงินสะพัด ถ้าเงินฝากสะพัดดอกน้อยกว่ารายวันหรือบางทีไม่ได้ดอกด้วย แต่เงินประจำจะมีดอกให้ ชาวอโศกไม่ฝากหรอกเงินประจำ อย่างนี้เป็นต้น เป็นนัยยะซับซ้อนลึกซึ้งไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:17:49 )

เงินที่ได้มาโดยสุจริตไม่เบียดเบียน มีหรือไม่ 

รายละเอียด

เข้าใจนึกจนกระทั่งอาตมา ต้องคิดเหมือนกันนะว่าเงินที่มันได้มาอย่างไม่เบียดเบียนและสุจริตนี้มีได้ไหม เพราะโลกียะยังต้องใช้อยู่ ที่จริงโลกุตระเขาก็ใช้เงิน แต่ว่าเขาก็ใช้อย่างสบายแล้ว ไม่ต้องไปกังวลเรื่องเงินมากนักไม่ต้องไปวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ 

คนโลกุตระอย่างสังคมชาวอโศก เป็นคนที่เห็นอดีตเป็นเครื่องชี้ทุกข์ และก็ไม่กังวลกับอนาคต อยู่กับปัจจุบันที่สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ เอ๊.. จริงไหมนี่ อาตมาพูด เป็นลมๆแล้งๆ ฝันเพ้อไปหรือเปล่า ...โยมว่าจริง

สังคมไหนหนอเป็นอย่างนี้ สังคมหมู่กลุ่มมนุษยชาติ ชุมชนที่มีอย่างนี้มีด้วยหรือ ..​โยมว่ามี มีอยู่ที่ไหน อยู่ที่ชาวอโศก เป็นสิบๆแห่งหลาย 10 แห่งอยู่ 

เรื่องเงินที่ได้มาอย่างไม่เบียดเบียนและสุจริตนี้มีได้ไหม มี ท่านเรียกโดยศัพท์วิชาการว่า ลาภที่ได้มาโดยธรรม ลาภธัมมิกา คือ เรามีสิทธิ์ในข้าวของ ที่จะเอาไปแลกเปลี่ยนหรือขายให้ได้เงินแลกเปลี่ยนมา ของนั้นเป็นของเราโดยสิทธิของเราอย่างแท้จริง ไม่ได้ไปเกี่ยวโยงคนนั้นคนนี้ แม้แต่จะเป็นญาติพี่น้อง เป็นญาติโกโหติกา มันชัดเจนว่าเป็นอิสระของเราเด็ดขาด เราก็ขายได้ 

เงินนั้นได้มา 1. จากการขายของได้ และต้องขายอย่างอย่าไปเอาเปรียบ ถ้าจะเป็นความสุจริต ต้องอย่าไปเอาเปรียบ ขายเท่าทุนและต่ำกว่าทุน เงินนั้นจะสุจริต ถ้าคุณขายเกินทุน ไม่สุจริตแล้ว ฟังให้ดีๆ จะมีคนทำไหมอย่างนี้ ... มี 

คนที่ขายอย่างนี้ได้ก็เพราะว่า เราทำงานนี่นะ อย่างชาวอโศกเราปฏิบัติ เราขายของไป ของที่ขายเราผลิต หรือแม้แต่เราไปซื้อของคนอื่นมาก็ตาม เราไม่ได้คิดค่าแรงงาน ดีไม่ดีเราไม่คิดค่าโสหุ้ย แล้วเราก็ขายไป ขายขาดทุนหรือขายเท่าทุน นี่เป็นเงินสุจริตได้แน่นอน จะว่าไปแล้วมีเสียสละอยู่ในนั้นแล้ว 

นี่เป็นการพิสูจน์คนว่า คนอยู่ในโลกนี้จะเสียสละค่าแรงงานของเราโดยเราไม่คิดเลย นี่แหละคือของแท้สุจริต คนขยันมาก สร้างสรรผลผลิตได้มากๆ หรือว่ามีคุณภาพดีๆ แต่เราขายของที่ราคา แทนที่จะโก่งราคาแพงเพราะของเราดี..ก็ไม่ เราขายราคาอย่างต่ำกว่าราคาตลาดด้วย นี่คือนักเศรษฐกิจชั้นหนึ่ง หรือนักเศรษฐกิจชั้นสูง 

ระบบทุนนิยมคิดไม่ออกหรอก เขาจะไม่ประพฤติอย่างนี้ เขาก็รู้นะพูดจริงๆเขาก็ไม่ได้โง่จนกระทั่งไม่รู้ว่าอันนี้มันดี ที่จริงมันไม่ใช่ดีเท่านั้นนะ มันเป็นการลดกิเลสตัวตน ลดกิเลสการเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริงด้วย แต่เขาคิดเรื่องอย่างนี้ไม่ออก เขาไม่เห็นคุณค่าของการลดกิเลส ลดความเห็นแก่ตัว เขาไม่เห็นว่าอย่างนี้ราคาแพง การลดกิเลสได้หรือการไม่เห็นแก่ตัวนี้ราคาแพงกว่าอย่างนับไม่ถ้วนเลย ในความเป็นชีวิตมนุษย์ที่เกิดมา จะรู้หรือเปล่า 

ยิ่งมีความรู้ถึงขั้นมีปรมัตถธรรม อ่านจิตตัวเองได้เลยว่า เราลดลงได้ตามที่เราเข้าใจไหม จิตของเรารู้เลยว่าเราได้ลดกิเลสและเราได้เสียสละ เราขาดทุนของเราให้แก่สังคม ขาดทุนของเราคือเราได้ จะเรียกว่ากำไรก็ได้จะเรียกว่า “ได้” ก็ได้ เราได้ประโยชน์เราได้สิ่งที่ควรได้ ถ้าคนเข้าใจอย่างนี้ ชีวิตมีหวังนิพพาน จริงนะ มีหวังนิพพานเลย ไม่ใช่มีหวังแบบธรรมดาง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:54:36 )

เงินบริจาค

รายละเอียด

ชาตินี้อาตมาไม่ได้เรี่ยไร แต่ก็มีบารมี อาตมาไม่รับบริจาคจากคนที่ไม่ใช่สมาชิก กติกาเราก็มี เราก็อาศัยบารมีเท่านั้น เอาแต่คนใน ที่เป็นสมาชิกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนที่เขาไม่เคยมาเกี่ยวกับอาตมา มาใหม่ๆก็ไม่รับ มีหลักเกณฑ์ว่าอย่างน้อยต้องมา 7ครั้ง คนที่มาบริจาคให้อาตมา จะต้องเป็นคนที่เคยได้เกี่ยวข้องกัน ส่วนคนที่มาครั้งแรกจะมาบริจาคก็ยังไม่ได้ ถ้าหากมาครั้งแรกแล้วก็หายไปเลย ไม่มีอะไรมาเกี่ยวข้อง ยิ่งคนละศาสนาก็ไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว อาตมารับเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องในแวดวงเท่านั้น ไม่ได้ประกาศเรี่ยไร ก็อาศัยคนศรัทธาเลื่อมใส อาตมาไม่ได้ไปเคยปะเหลาะว่าต้องเอามาให้ แต่คนที่มีมากไม่เอาให้ก็มีอยู่ในอโศกเลยก็ตามจิตที่สมควร ก็จะนำมาบริจาค มีอิสระเสรีภาพ อาตมาก็ใช้เงินเรานี่บริหารกันอยู่ เพิ่มเติมจากการทำมาหากินของพวกเรา มันก็ยังไม่พอ เราสร้างราชธานีอโศก มันตัวใหญ่มากเปลืองมาก คนงานมาทำงานที่นี่ ได้เงินไปซื้อเครื่องกลหนักก็เอามาหาเงินที่นี่อีก เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จริงๆแล้ว อย่างเช่นราชธานีอโศก เหมือนกับคนงานที่มาที่นี่ ก็เหมือนเขาไปหากินที่ซาอุฯเกาหลีญี่ปุ่น ก็ได้ไปเลี้ยงชีวิต ที่นี่ก็เหมือนกับสถานที่คนเหล่านั้นไปทำงาน อาตมาเข้าใจมนุษย์เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์เข้าใจวิบากกรรมของมนุษย์ เข้าใจผู้ที่แสวงหา เข้าใจในผู้ที่หยุดแล้วที่จะแสวงหา แต่เรามาแสวงหาธรรมะดีกว่า คนที่จะมาแสวงหาธรรมะ ก็ไปเจอคนที่ไม่ค่อยรู้จักธรรมะกลายเป็นบ่อที่หลอกเลยถูกหลอก  เช่นไปเจอธัมมชโย ซวยมากเลยถูกธัมมชโยปอกลอก​น่าสงสาร จะไปถูกอาจารย์ที่ไหนก็ตามหลอกหาเงินกับเขา ด้วยวิธีการต่างๆเป็นการขายบุญ ขายวิมานหลอก อย่างพวกเราอาตมาจะไม่หลอกไม่ประเล้าประโลม และเล็มเลียบเคียง สร้างปัญญาให้เราทำทานก็ทำด้วยปัญญา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน  2562 


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2562 ( 09:46:37 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:27:55 )

เงินรั่วไหลในทางไม่ควรในชาวอโศกมีไหม

รายละเอียด

มันก็ต้องมีเป็นธรรมดาธรรมชาติแม้แต่ในชาวอโศก เงินไม่ค่อยมียังรั่วไหลเลย ชาวอโศกที่ว่ารั่วไหลนี่คือ มันไม่ค่อยมีแต่มันรั่วไหลก็คือ ความหมายที่หมายน่าจะเป็นว่ามันไม่ค่อยสุจริต คำว่ารั่วไหล มันน่าจะเป็นว่าไม่สุจริต ที่จริงมันมีน้อยอยู่แล้ว มันไม่รั่วไหลอะไรมากในชาวอโศก แล้วความหมายคำว่ารั่วไหลคือมันซึมออก มันไปไม่ถูกร่องถูกรอย มันไม่ออกมาทางตรงๆชัดๆ มันไปซึมมันไปหลบ มันไปเลี่ยงหรือว่ามันไม่ตรงทีเดียว ความหมายมันเป็นอย่างนั้น เป็นอยู่บ้างก็ระมัดระวังกัน เป็นได้เหมือนกัน ก็พยายาม 

คนเรานี่มันมีความสะอาดบริสุทธิ์อย่างจริงจังเลยนี่ ที่ไหนๆๆ เมื่อมีคนจำนวนมากขึ้น คนเป็นร้อยคนเป็นต้น จะสะอาดบริสุทธิ์บริบูรณ์ก็ต้องเป็นคนที่เป็นอรหันต์ทั้ง 100  ถ้าไม่ใช่อรหันต์ทั้ง 100 ไม่ใช่อรหันต์ก็มีไม่ทุจริตทีเดียวแต่ก็รั่วซึม ประเภทที่ไม่ใช่เจตนาทุจริตก็ได้ ยิ่งมีคนที่ยังไม่ใช่อาริยะอยู่ด้วยก็แน่นอนเป็นได้ การปราบคอรัปชั่น คำว่าคอรัปชั่นคือความหมายที่หยาบแล้ว มันตั้งใจโกงกัน มันไม่ถึงคอรัปชั่นหรอก แต่มันก็ยังไม่สะอาดบริสุทธิ์มั่นคงเต็มที่ มันก็มีอะไรเล็กๆน้อยๆ รั่วซึมอย่างที่ว่ามาก็เป็นไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2566 ( 12:18:45 )

เงินหนุน

รายละเอียด

คือ อุดหนุนจุนเจือกัน ไม่มีความคิดเอาเปรียบกัน มิใช่เงิน “หนี้” ที่ยังมีเชิงเอาเปรียบกัน

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 57


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 15:00:02 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:26:31 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:26:32 )

เงินเชื่อเป็นระบบที่เลวร้ายในโลก

รายละเอียด

เรื่องเงินเชื่อ ก่อหนี้เราไม่เอา เราเรียกเงินเกื้อ มีจิตวิญญาณที่ไม่ชักดาบกันแล้ว แต่เงินเชื่อเป็นระบบที่เลวร้ายในโลก เป็นแทคติกที่เลวร้ายของทุนนิยมสำหรับระบบเงินเชื่อ ซับซ้อนด้วยการผ่อนส่งมีการเล่นหุ้นมีการประกันชีวิตอะไรสารพัด มีตลาดหลักทรัพย์ กระทั่งมีระบบ Online ระบบทุนนิยม ไม่มีการยอมกัน ไม่มีดอกไม่ได้ เป็นเรื่องของการบีบบังคับฆ่าแกงกันไปไม่รู้เท่าไหร่แล้วทำให้คนประสาทเสียจนกระทั่งกลายเป็นคนเครียด ฆ่าแกงกัน เลวร้ายไปหมดเลย เราจึงต้องมาแก้ปัญหาแนวลึกของสังคมอย่างถาวร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:39:24 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:41 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:26:04 )

เงินๆทองๆ นั้นคือ อสรพิษ

รายละเอียด

พวกคุณนี้ยุติการกอบโกยออกแบบสังคมได้ เอาแค่พออยู่พอกิน ในหลวงรัชกาลที่ 9 เราตรัสเอาแต่ว่า พอเพียง พออยู่พอกิน แต่คนไม่กระเตื้องและท่านไม่ได้ขยายความมากนัก เขาก็เลยสรุปกันว่า ตามศาสตร์พระราชา 

ถ้าไม่ศึกษาหรือเกิดความรู้-ความฉลาดทาง“จิตใจ” หรือความรู้-ความฉลาดทาง“วิญญาณ” หรือทำให้ประชาชนเกิดรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “เงินๆทองๆ”นั้นไม่ใช่ “พระเจ้า” แต่เป็น“ซาตาน” หรือเป็นผี เป็นมาร ต่างหาก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เงินๆทองๆนั้น คือ อสรพิษ คือ งูร้าย   แต่เขาหลงงมงายอยู่แค่นี้ ไม่ว่าประเทศไหน เอางูพิษษเป็นพระเจ้า เอาซาตานเป็นพระเจ้า 

“วิญญาณ”หรือ“ธาตุรู้”หรือ“จิตใจ”หรือ“ความรู้-ความฉลาด”ของคนปุถุชนทั่วไปนั้นรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“พระเจ้า”ที่ชื่อว่า เงินๆทองๆกันแล้วละหรือ? 

ทำไมจึงเป็น“ทาสเงินๆทองๆ” หรือเป็น“ทาสพระเจ้า”กันนัก งมงายอยู่กับ GDP กันไม่เงยหูเงยหัว ทำไมไม่เห็นความสำคัญของ“จิตใจของคน”อันเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง”ของคนในสังคม”มากกว่า“เงินๆทองๆ” แล้วแก้ปัญหากันที่“จิตใจของคน”กันให้ได้ ถึงจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันได้จริง ไม่ต้องแก้กันอยู่ตลอดกาลนาน ด้วยอวิชชาอยู่ อย่างที่ตำราหรือทฤษฎีของชาวโลกียะเทฺวนิยมมีกันทำกันอยู่ 

พวกคุณนี้ยุติการกอบโกยออกแบบสังคมได้ เอาแค่พออยู่พอกิน ในหลวงรัชกาลที่ 9 เราตรัสเอาแต่ว่า พอเพียง พออยู่พอกิน แต่คนไม่กระเตื้องและท่านไม่ได้ขยายความมากนัก เขาก็เลยสรุปกันว่า ตามศาสตร์พระราชา 

ถ้าไม่ศึกษาหรือเกิดความรู้-ความฉลาดทาง“จิตใจ” หรือความรู้-ความฉลาดทาง“วิญญาณ” หรือทำให้ประชาชนเกิดรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “เงินๆทองๆ”นั้นไม่ใช่ “พระเจ้า” แต่เป็น“ซาตาน” หรือเป็นผี เป็นมาร ต่างหาก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เงินๆทองๆ นั้น คือ อสรพิษ คือ งูร้าย  

พ่อครูว่า... แต่เขาหลงงมงายอยู่แค่นี้ ไม่ว่าประเทศไหน เอางูพิษษเป็นพระเจ้า เอาซาตานเป็นพระเจ้า 

“วิญญาณ”หรือ“ธาตุรู้”หรือ“จิตใจ”หรือ“ความรู้-ความฉลาด”ของคนปุถุชนทั่วไปนั้นรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“พระเจ้า”ที่ชื่อว่า เงินๆทองๆแล้วกันละหรือ? 

ทำไมจึงเป็น“ทาสเงินๆทองๆ” หรือเป็น“ทาสพระเจ้า”กันนัก งมงายอยู่กับ GDP กันไม่เงยหูเงยหัว ทำไมไม่เห็นความสำคัญของ“จิตใจของคน”อันเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง”ของคนในสังคม”มากกว่า“เงินๆทองๆ” แล้วแก้ปัญหากันที่“จิตใจของคน”กันให้ได้ ถึงจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันได้จริง  ไม่ต้องแก้กันอยู่ตลอดกาลนาน ด้วยอวิชชาอยู่ อย่างที่ตำราหรือทฤษฎีของชาวโลกียะเทฺวนิยมมีกัน ทำกันอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:29:19 )

เงื่อนไขของพระอรหันต์

รายละเอียด

เมื่อใดผู้ใดที่ทำจิตให้เป็นพีชะได้ หมดรักหมดชังหมดความจองเวรจองกรรมแล้ว ได้อาศัยแล้ว แต่พระอรหันต์ไม่ได้แค่หมดสุขหมดทุกข์เท่านั้น พระอรหันต์จะต้องสูญได้ด้วยจะต้องแยกจิต พีชะ ให้เป็นอุตุได้ด้วย เมื่อตายไปแล้วปรินิพพานได้ ต้องมีเงื่อนไขอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นไม่เรียกว่าพระอรหันต์ แม้ว่าจะเป็นกายสักขี บางทีโลกกามไม่เกิดแล้ว แต่ในโลกที่ละเอียดกว่านั้นคุณยังไม่ถึง ต้องทบทวนด้วยการสัมผัส สัมผัสแล้วมีอนิจจัง แต่ถ้าไม่สัมผัสอาจจะใช้วิธีกดข่มได้ไม่แยแสได้ เอาแต่อรูปคุณก็ได้ แต่จริงๆแล้วคุณจะต้องอยู่เหนือเลย เป็นอุตระธาตุเป็นธาตุที่อยู่เหนือทั้งสองสภาพทั้งในเชิงของ เจโต และปัญญา อุภโตภาควิมุติ เหนือกว่าปัญญาวิมุติ อันนี้สิ้นอนุสัย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:27:38 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:54 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:25:04 )

เงื่อนไขความเป็นคนจนที่จะไปสู่สังคมที่ดีที่สุดของโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประเทศไทยนี่แหละจะเป็นประเทศแรกในสังคมยุคนี้ ในโลก 2,000 กว่าประเทศ จะเข้าใจซาบซึ้งในความเป็นคนจน แต่ต้องมีเงื่อนไขชัดเจนว่า ไม่ใช่คนจนที่เละเทะ เป็นความจนที่ไม่ฉลาด ทำแล้วก็ไม่ใช่จนดี แต่ต้องเป็นคนจนที่มีภูมิปัญญาโลกุตระ หากเข้าใจไม่จริงก็ทำไม่ได้ ทำได้แล้วก็ยืนยันได้ชวนกันมาทำ เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด เป็นเศรษฐกิจที่ต้องมาเป็นคนจน อยู่อย่างคนจน แล้วมีสังคมอยู่ด้วยไม่ใช่อยู่อย่างโดดเดี่ยว หากจนแล้วก็ไปอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวไปไม่รอดหรอกเดี๋ยวก็ตาย ตายอย่างเขียด ไปไม่รอดหรอก เพราะฉะนั้นจึงมีเงื่อนไขว่าต้องอยู่กับหมู่กลุ่ม ต้องมีมวลใหญ่ได้ อาตมามั่นใจว่าใหญ่ได้ โลกในยุคนี้ต้องการแสวงหาสิ่งประเสริฐสูงสุด นี่แหละเป็นทฤษฎีหลัก เป็นความรู้หลัก ที่จะไปสู่สังคมที่ดีที่สุดของโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:06:47 )

เงื่อนไขพื้นฐานในการมาอยู่ที่สังคมชาวอโศก

รายละเอียด

หากไม่มีสังคมชาวอโศกคุณก็ไม่มีที่ไปที่มีพฤติกรรมสังคมมีความดำเนินเป็นอยู่ไปอย่างนี้ด้วย ยินดีต้อนรับนะถ้ามา แต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์พื้นฐานขั้นต่ำ ไม่มีอะไรมากก็มีศีล 5 ไม่กินเนื้อสัตว์กินมังสวิรัติไม่มีอบายมุข มีเงื่อนไขเบื้องต้นขั้นต่ำ คุณก็มาอยู่ได้ หากคุณไม่ละเมิดแค่พื้นฐานเงื่อนไขพื้นฐานนี้ซะ คุณก็อยู่ได้ไปตลอด ตายเสร็จก็ไปเผาให้ฟรี ไม่ต้องเดือดร้อนว่าใครจะมาเผาหรือฝัง ทุกคนมีเกียรติเท่ากัน งานศพชาวอโศกเหมือนกัน คนใหญ่คนเล็กคนโต สมณะก็พอกัน หามขึ้นกองฟอนแล้วเผา ดอกไม้ประดับเท่ากัน ดีไม่ดีฆราวาสบางคนจะมากกว่าสมณะด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:29:18 )

เงื่อนไขเมื่อจะนำผลงานของพ่อครูไปเผยแพร่ หรือไม่เผยแพร่

รายละเอียด

อะไรที่คุณเห็นว่าไม่ควรเผยแพร่ก็ไม่เผยแพร่ อะไรที่เห็นควรเผยแพร่ก็ว่ากันไปเลย ที่นี่ไม่มีการคิดค่าโฆษณา ไม่มีการคิดค่าลิขสิทธิ์ ให้ลูกเดียว อย่างเช่นงานเพลงของอาตมาไม่มีการคิดค่าลิขสิทธิ์ แม้แต่งานเขียนก็เอาไปเผยแพร่เลย อย่าให้ผิดก็แล้วกัน อย่าเอาไปค้าขายเอาเปรียบคนอื่นก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 13:33:35 )

เจดีย์ทองคำขึ้นสนิมได้อย่างไร

รายละเอียด

วัตถุประดับตกแต่งของเราส่วนใหญ่ใช้ทองเหลือง เคยใช้ทองคำประดับที่เจดีย์ แปลกว่าขนาดเจดีย์ทองคำก็ยังขึ้นสนิมได้ ปกติทองคำมันขึ้นสนิมไม่ได้นะ แต่ของอโศกสามารถทำทองคำให้ขึ้นสนิมได้นะ แน่ไหม ยอดจริงๆเลย

คนคิดไม่ออกว่าทำไมมันเป็นสนิม มันเป็นสนิมเพราะว่า แกนของเราที่สร้างเป็นเจดีย์สร้างด้วยทองเหลือง เสร็จแล้วเราก็จะฉาบด้วยทองคำ เราก็ไม่ได้ใช้วิธีลงรักปิดทอง เราไปซื้อเครื่องพ่น เรียกว่าพ่นทองโกลด์มาสเตอร์ ก็จะไม่ได้ติดแน่นเหมือนกับลงรักปิดทองเราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราทำแกนด้วยทองเหลืองแล้วเอาทองคำฉาบภายนอก ก็ไปซื้อเครื่องมือพ่น มาจากอเมริกาเลยเครื่องละ 2 แสนกว่า เขาเรียกว่าพ่นแบบ Gold Master ก่อนจะพ่นอันนี้ใส่ก็ต้องใช้นิกเกิล เป็นกระษัยเป็นตัวเชื่อมทำทองให้มันติด เป็นตัวประสาน เสร็จแล้วจึงพ่นทองคำฉาบเข้าไปอีกทีให้ติด ตอนทำใหม่ๆ เหลืองอร่ามสวยเลย 

เสร็จแล้วพวกเราก็หวังดีอยากให้มันสะอาดแต่มีความรู้ไม่พอ เอาน้ำยาไซยาไนด์มาเช็ดราบหมดเลย มันก็ซึมเข้าไปในร่อง เพราะไม่ได้เป็นแผ่นทองคำมันมีร่องละเอียดเล็ก อาโปธาตุ มันเข้าไปทำปฏิกิริยากับนิกเกิลออกไปเป็นสนิม ออกมากลบทองคำ เจดีย์ของอโศก เจดีย์พระวิหารพันปีจึงดำเป็นสนิมด้วยประการฉะนี้ เป็นทองคำจริงนะ แต่กลางคืนไฟส่องดูเหลือง กลางวันเจอแดดก็ดำเพราะเป็นสีสนิม สีน้ำตาล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 12:06:37 )

เจดีย์ทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

รายละเอียด

จนกระทั่งอาตมาจะสร้างพระวิหารพันปีที่สันติอโศก เราก็ทำเจดีย์เป็นทองคำ ผสมเจดีย์ที่เป็นทองคำทำด้วยทองโกลด์มาสเตอร์ ไม่ใช่ทองคำgilding แบบทองคำเปลว แต่เป็นทองคำโกลด์มาสเตอร์ ใช้เครื่องสำหรับผสมทองคำมาใช้ทำเจดีย์

เสร็จแล้วก็นำมาไว้เป็นยอดพระวิหาร ก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในเจดีย์ทองคำอันนั้นก็มีพระบรมสารีริกธาตุนอกจาก 12 องค์นั้น ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ที่บรรจุในเรือนแก้วของเจดีย์ มีหิน ที่มาจากอินเดียเป็นถิ่นกำเนิดมีทั้งใบโพธิ์ที่มาจากอินเดีย จากสังเวชนียสถานบรรจุเข้าไป ในพระเจดีย์เสร็จแล้วตั้งแต่วันนั้น ก็ยกเจดีย์ขึ้นตั้งก่อนจะยกเจดีย์ขึ้นตั้งขึ้น มีคนปรารถนาดีต้องเป็นช่างทองเขาก็เอา cyanide มาล้างเจดีย์ มาฉาบเพื่อจะทำให้มันวาววาม แล้วก็ล้างหากเป็นทองคำเปลวที่แน่นไม่มีรูเข้าไป น้ำยาก็จะเข้าไปไม่ได้ แต่ทองโกลด์มาสเตอร์นี้มันมีรูมีร่องไม่แน่น มันก็ทำให้น้ำยาซึมเข้าไปได้ น้ำยาก็เข้าไปทำปฏิกิริยากับ nickel ที่ฉาบโครงสร้างของเจดีย์เอาไว้ด้วยทองเหลืองแล้วก็ผสมทองคำเข้าไปซ้ำไป ถ้าหากผสมทองคำกับทองเหลืองมันจะไม่ติดกันจึงต้องใช้นิกเกิลหุ้มเอาไว้ เสร็จแล้วน้ำยาก็ไปทำปฏิกิริยากับนิกเกิลเป็นสนิมออกมาไหลออกมาห่อหุ้มทองคำโกลด์มาสเตอร์ทำให้เจดีย์มีสีดำเหลื่อม ทองคำก็ไม่ได้หายไปไหนนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:37:26 )

เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุแห่งแรกของชาวอโศก

รายละเอียด

แต่ที่อื่นเขาเอาเจดีย์ทองคำเขาเอาทองคำมาหุ้ม อย่างเช่นชเวดากองก็ตาม ที่อื่นเขาใช้ทองคำแน่นไม่ใช่ทองคำ Gold Master เราคิดจะทันสมัยกว่าเขาหน่อยทำเท่ บอกว่าของเราก็ Master นะแต่ที่ไหนได้เท่เสียดำเจ็บช้ำ เอาพระบรมสารีริกธาตุเอาพระพุทธรูปเอาใบโพธิ์จากอินเดียเข้าไปบรรจุ มีดินจากอินเดียที่ประสูติตรัสรู้ปรินิพพานต่างๆนานา บรรจุเข้าไปในนั้นไว้เต็มที่เลย เพราะว่าเป็นที่จะสร้างแห่งแรก เพราะฉะนั้นอะไรที่สำคัญเป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าเราก็เอาไปบรรจุไว้เท่าที่มันมีที่ใส่ไว้ มีทองคำจารึกเป็นแผ่นใส่ไว้อีกเรียบร้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:21:00 )

เจตนา

รายละเอียด

เจตนา คือ ความตั้งใจ  เจตนานี่คือ หลักเกณฑ์ตัดสินกรรมต่างๆ ที่เอาที่เจตนา สติ  สัมปชัญญะ  ปัญญาเป็นตัวร่วมกั้นตัดสินองค์ประกอบและทำตามที่เราตัดสิน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:05:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:34:29 )

เจตนา

รายละเอียด

ความปรารถนามุ่งหมาย คือ กรรม

เจตนา คือ กรรม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

จากชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ. 278


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:48:49 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:10 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:35:18 )

เจตนา

รายละเอียด

เจตนามี 3 อย่าง 1. เจตนาในกาม 2. เจตนาในภพ 3. เจตนาในวิภวภพ

ความอยากในวิภวภพ คือตัณหาของพระพุทธเจ้า พระอาริยะ เป็นภาษาสิริมหามายา นี่สุดยอด ในเรื่องความรู้แม้แต่สิริมหามายา อาตมาก็ไขความ ติดตามให้ดีคุณจะเห็นนักมายากลที่ยิ่งใหญ่พูดเหมือนตลกแต่ชัดเจนสำหรับผู้มีภูมิถึง ผู้ที่มีภูมิไม่ถึงจะเมาหมัดเลย

สิริมหามายา ทำไมพระพุทธเจ้าพระองค์นี้แม่ถึงชื่อสิริมหามายา แล้วตัวเองชื่อสิทธัตถะ คือ อัตถะ + สิทธะ คำว่าสิทธะคือความสำเร็จ อัตถะคือเนื้อหา

สิทธะคือตัวรูป Static อัตถะคือนามคือ Dynamic

พลังงานสูงสุดก็มี 2 อย่างนี้ Static กับ Dynamic ถ้าไม่มี 2 อย่างนี้ก็สูญเลยเลิกเลยทุกอย่าง ถ้ายังไม่เลิกก็ต้องพูดด้วย Static กับ Dynamic ตลอดกาลนาน มีรูปมีนาม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:51:09 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:38:01 )

เจตนา

รายละเอียด

คือกาม เจตนาหมดกามเหลือภพคือรูปภพ อรูปภพ หมดรูป อรูปก็เป็นวิภวตัณหา หมดกามก็อยู่กับโลก แต่ไม่มีผลทำให้เกิดกิเลส เหลือรูป อรูปก็ล้างอีกจนหมดเกลี้ยง แล้วก็เตวิชโช ตรวจสอบ ทำไปแล้วได้ผลจริงไหม ปฏิบัติทุกปัจจุบันได้จริงไหมทบทวนทั้งนอกทั้งใน จะแน่ใจครบปัจจุบัน 36 สังคมเป็นอดีต 36จนแน่ใจในอนาคตก็ 36ก็คือเวทนา 36เกิดจากทวาร 6ที่สัมผัสแล้วเกิดสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ คุณก็ต้องทำให้เกิดความไม่สุขไม่ทุกข์หรืออุเบกขา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:02:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:32:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:39:15 )

เจตนา 3

รายละเอียด

คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:11:38 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:05:30 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:39:43 )

เจตนา 3 ดับได้เป็นอรหันต์

รายละเอียด

เจตนาเป็นตัวกรรมตัวการว่าเจตนามันยังเป็น กาม ดับกามแล้วมีเจตนาที่ ภวภพ ดับรูปภพได้แล้วยังเหลืออรูปภพ หมดอรูปภพ จึงหมดเจตนา 3 กามภพ ภวภพ หมดแล้วทั้งรูป อรูป จึงเป็นวิภวภพ ไม่มีภพแล้ว แต่คนยังไม่ตายก็มีสิ่งอาศัยเป็นภพชาติอยู่ คุณก็รู้ว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่เพียงเพื่ออาศัยทำประโยชน์คุณค่า คุณรู้คุณรู้โทษก็อยู่ไปแล้วคุณจะดับเมื่อไหร่ก็ดับได้ ดับได้อย่างถูกต้องจริงจังคุณก็เป็นอรหันต์จริง ตายแล้วไม่มีนิมิต ไม่ตั้งจิตอีก
อนิมิต อปณิหิต ตายด้วยสุญญตนิพพาน อปณิหิตนิพพาน สุญญตนิพพาน คุณก็ดับสูญสลายหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:24:56 )

เจตนา มี 3 กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

รายละเอียด

เรียนรู้วิตกวิจาร เรียนรู้ 1.ตักกะ คือ static 2.จาร คือ dynamic พลังงานของจิตโดยเฉพาะของกิเลส เพราะฉะนั้นเราต้องรู้พลังของตัวเองเหตุนี่คือตัวที่มันเป็นมิจฉาทิฐิ ตัวที่มันเป็นอกุศลเจตนา คือเจตนาไปทาง กาม หรือเจตนาไปทาง อัตตา คือกิเลส ซึ่งมันแยกออก เจตนาที่เป็นภวตัณหา เจตนา มี 3 กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 11:24:40 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:39 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:40:43 )

เจตนากินเนื้อทั้งที่รู้ว่าบาปจะบาปมากกว่าที่ไม่รู้

รายละเอียด

ถูกต้องพระพุทธเจ้าบอกว่าคนโกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองโกหกคนๆนี้จะทำบาปอะไรได้ทุกอย่างไม่มีบาปใดที่คนๆนี้ทำไม่ได้ หากฟังความตรงนี้เข้าใจ กินเนื้อสัตว์ไม่ดีมันต้องตกนรกก็ยังไปกินอีกมันซ้ำซ้อน ทีนี้ก็จะชินชาก็จะกินต่อไปอีก นึกออกไหม

พุทธเจ้าจึงตรัสว่าเหมือนเด็กน้อยจะถูกไฟร้อนก็ถอย จะรู้แล้วว่าอย่างนี้มันร้อนจะไม่จับอีก แต่ถ้ายังจับแล้วจับอีกยังไม่ใช่ กินเนื้อสัตว์มันเป็นบาป มันเป็นบาปก็ยังกินอีก ก็คือจะไปอีกไม่รู้ร้อนหน้าด้าน มันด้าน จับไฟไม่ร้อนก็ด้านสิ ชัดเจนหรือยัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:54:15 )

เจตนาของคนที่ตำหนิมี 2 นัย

รายละเอียด

คนตำหนิจะไปทำให้กำลังใจลดทอนทำไม  คนที่ตำหนิคนนี้ที่จริงแล้ว  เขามีเจตนาตำหนิ 2  นัย  1.  ตำหนิชั้นเดียวเพื่อจะให้คุณหยุดสิ่งที่ตำหนินั้น    2.  คน  ที่ตำหนิหลายชั้น เพื่อที่จะให้เขาฟังแล้วยิ่งมีกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเอง ให้เขาตรวจตัวเอง หรือเขาจะตรวจสอบตัวเอง  เขาให้เกียรติคุณ   ถ้าคุณไปตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก คุณก็ได้จะถูกหรือผิด คุณก็ไปตรวจดู  คุณอาจจะผิด  หรือคุณอาจจะไม่ผิด ไปตรวจสอบอีกที่  ตำหนิถ้าเราชัดเจนว่าตอนนี้ เพื่อให้เขาแก้ไข  กับตำหนิเพื่อให้ไปพัฒนาไปตรวจสอบให้ดี ผิดหรือถูก  ถ้าคุณตรวจสอบด้วยความเข้าใจของคุณเองชัดเจนแล้ว เราก็ต้องจบเหมือนกัน  คุณก็เห็นอย่างของคุณ  เราก็จบเหมือนกันที่ว่าความเห็นของคุณกับความเห็นของเรามันต่างกันมันคนอย่างแล้วเราก็จบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์  18  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 18:11:09 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:03 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:42:36 )

เจตนาของคนที่ตำหนิมี 2 นัย

รายละเอียด

คือ คนตำหนิจะไปให้กำลังใจลดทอนทำไม  คนที่ตำหนิคนนี้จริงแล้ว  เขามีเจตนาที่ตำหนิมี  2  นัย  1. ตำหนิชั้นเดียวเพื่อจะให้คุณหยุดสิ่งที่ตำหนินั้น 2 คน  ที่ตำหนิหลายชั้น เพื่อที่จะให้เขาฟังแล้วยิ่งมีกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเอง ให้เขาตรวจตัวเอง หรือเขาจะตรวจสอบตัวเอง  เขาให้เกียรติคุณ   ถ้าคุณไปตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก คุณก็ได้จะถูกหรือผิด คุณก็ไปตรวจดู  คุณอาจจะผิด  หรือคุณอาจจะไม่ผิด ไปตรวจสอบอีกที่  ตำหนิถ้าเราชัดเจนว่าตอนนี้ เพื่อให้เขาแก้ไข  กับตำหนิเพื่อให้ไปพัฒนาไปตรวจสอบให้ดี ผิดหรือถูก  ถ้าคุณตรวจสอบด้วยความเข้าใจของคุณเองชัดเจนแล้ว เราก็ต้องจบเหมือนกัน  คุณก็เห็นอย่างของคุณ  เราก็จบเหมือนกันที่ว่าความเห็นของคุณกับความเห็นของรามันต่างกันมันคละอย่างแล้วเราก็จบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81  วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:20:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:59 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:43:38 )

เจตนาของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สรุปแล้วก็คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรา ท่านสอนให้ไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทาน ไม่ใช่ความไม่มีอะไรเลย ความเป็นชีวิตก็ไม่มี  ความเป็นร่างกายก็ไม่มี ความรู้โลกก็ไม่มี ความเป็นสรรพสิ่งอะไรก็ไม่มีมันมืดไปหมดมันโต่งไปหมด..มันไม่ใช่ ให้รู้ว่าสิ่งที่มีนั้นคือกิเลสตัณหาอุปาทาน นั่นละ อันนี้คือ เจตนาของศาสนาพุทธ อ่านรู้กิเลสตั้งแต่หยาบ กลาง จนละเอียดให้ได้ ให้หมดเกลี้ยง จบกิจแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:23:31 )

เจตนาขาดทุนเป็นกรรมอันประเสริฐแล้ว

รายละเอียด

อาตมาอธิบายธรรมะ แล้วพวกเราก็ฟังธรรมะได้ความ จนกระทั่งสามารถนำมาจัดงาน พากันมาขาดทุน พากันมาขาดทุนจริงๆ แล้วพวกเรารู้นะ ด้วยความรู้เรียกว่าปัญญา ว่าการมาขาดทุนนี่ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ใช่เรื่องทราม ไม่ใช่เรื่องเสื่อม เรื่องเจริญเป็นเรื่องประเสริฐ มาขาดทุนนี่ ชีวิตคนที่ขาดทุนให้ผู้อื่นได้นี่เป็นชีวิตที่ประเสริฐ ยิ่งมีปัญญา ปฏิภาณรู้ด้วยว่าเราเจตนาขาดทุน เป็น กรรม เจตนาถึงจะเป็นกรรม มีความรู้ขั้นเจตนาว่า เรามาเจตนาขาดทุนเป็นกรรมอันประเสริฐแล้ว

ถ้าเจตนาจะไปเอาเปรียบ จะไปเอากำไร ฟังให้ดีนะ หลายคนยังมีนะ ระวัง! นั่นล่ะ
เวราณุเวร ก็เวรผูกพันเป็นหนี้เป็นสินอยู่ ถ้าเราให้ผู้อื่นเป็นการหมดหนี้หมดสิน ถ้าเรามีเจตนาเอาของคนอื่นได้มา คุณก็เป็นหนี้แล้ว ฟังยากไหม...ไม่ยาก แล้วเคยทำมาไหม ..เคย. 

เห็นไหม คุณรู้แล้วเดี๋ยวนี้ รู้แล้วแต่บางทีก็ยังเผลอๆ มันยังไม่เต็ม  เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจด้วยว่าอาตมาทำมา 50 ปีนี้ พวกเราจะชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ โอ๊.. มาเสียสละ ก็ยินดีเต็มใจ นอกจากว่าเราจำเป็นได้เท่านี้ก็เอาเท่านี้ แหม ปีนี้ไม่ได้ ไม่ได้มาช่วยร่วมอะไรเลย เราก็รัดตัว ไม่ค่อยพอใช้อยู่ อะไรก็แล้วแต่ หรือบางทีพออยู่แต่อาจจะขี้เหนียวก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 11:53:13 )

เจตนาข้อที่ 5 ในชีวกสูตรบาปหนักที่สุด

รายละเอียด

อย่างที่ 5 ยิ่งหนักใหญ่ หนักกว่าขั้น 1 2 3 4 คือ ผู้ที่มีเจตนา มีความมุ่งหมายจะเอาเนื้อสัตว์ที่ตนเองฆ่าแล้วก็ทำเป็น ขาทณียโภชนา หมายความว่า ทำเป็นอาหาร อย่างประณีตเลย มาต้มยำ มาแกง อย่างดีเป็นผัดอย่างดี ปิ้งอย่างดี ย่างอย่างดีก็แล้วแต่ ทำอย่างชนิดใช้เชฟชั้น 1 เลย 

ทำเสร็จแล้วก็เอาไปถวายทั้งภิกษุที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า หรือเอาไปถวายพระพุทธเจ้า เพื่อจะให้ยินดีด้วยเนื้อสัตว์นั้น ซึ่งเป็นการไม่สมควรจะเอาเนื้อสัตว์ไปยั่ว ไปยัดเยียดให้แก่ภิกษุ เอาล่ะพระพุทธเจ้าไม่อยู่ไม่มี ก็เอาไปยั่วแหย่สาวก ให้ท่านยินดี ย่อมประสบบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย เพราะเป็นสิ่งที่ อกัปปิยะ เป็นการไม่สมควรที่จะทำอย่างนี้อย่างยิ่งเลย เป็น อกัปปิยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:49:11 )

เจตนาคือธาตุที่มุ่งไปทำงานข้างหน้า

รายละเอียด

เจตนานี้แหละ แฝง เจตนาที่เป็นกุศล เจตนาที่เป็นอกุศล เจตนาที่เป็นอวิชชาหรือเจตนาที่เป็นปัญญา เจตนาแปลว่า ธาตุที่มุ่ง ธาตุที่จะไปทำงานข้างหน้า กำหนดข้างหน้า ก็ต้องมีปัญญาควบคุม มีความรู้ที่รู้จริงๆว่าควรหรือไม่ควร หรือมันปลอมปน มีตัวหลอกมีมายา มีผีมีกิเลสมาปน ก็แยกตัวหลอกตัวผีตัวร้ายพวกนี้ให้ออก แล้วกำจัดพวกนี้ด้วยปัญญา รู้ทัน  เฮ้ย! เอ็งเป็นซาตานเองเป็นมารเองเป็นผี ไป มารหรือผีหรือซาตาน กลัวปัญญามาก ธาตุปัญญานี้ยิ่งใหญ่ แสดงตัวเมื่อไหร่ ปั๊บ มาร ผี ซาตาน วิ่งตูดแจ้นหนีไปหมดเลยไม่กล้ารอหน้า ไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นสัจจะนะ ใช้ภาษาอธิบายได้เท่านี้เป็นจริงอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นกำลังปัญญา จึงมีอำนาจฤทธิ์แรงที่สุดประเสริฐ อาตมาเขียนปัญญา 8 นี้ เป็นเล่ม 2 แล้ว รวม 2 เล่มพันกว่าหน้า ไม่รู้ว่าเล่ม 2 เริ่มต้นเขียนจะเป็นอีกพันกว่าหน้าหรือเปล่า รวมแล้วเล่มหนึ่งจะกลายเป็น 2,000 หน้าหรือเปล่าไม่รู้ นี่ก็อยากจะจบเล่มหนึ่งแล้ว เป็นอัชฌาสัยที่ทนไม่ได้ต่อความกรุณาก็หลั่งไหลออกมาตามธรรมชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:38:41 )

เจตนาดีของคนดีมีราคาาแม้จะไม่ถูก 100% ก็ตาม

รายละเอียด

พวกเราก็เจตนาดีกันทั้งนั้นมันขัดแย้งกันเรื่องมันก็เกิดความดีขึ้น อาตมาก็ยอมบ้างค้านบ้าง อย่างที่อาตมาเป็น อาตมาก็ดูว่าไม่ถึงขนาดจะเสียหายทีเดียว อนุโลมไปบ้างก็พอได้ก็ทำไป ก็ไม่ได้ไปเจตนาจะไปมีความคิดพิลึกพิลั่นพิเรนทร์วิตถารอะไร ที่จะต้องทำให้มันเสื่อมทำให้มันเสีย ทำให้ไม่เป็นประโยชน์ ก็เห็นว่ามันก็พอไปได้อยู่ในฐานที่ดี ซึ่งจริงๆแล้ว ค่าของเจตนาดี อาตมาว่า มันมีราคา เจตนาดีของคนมันมีราคา ก็ต้องยอมเขาทีเดียว ไม่ว่าเจตนาดีจะไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ก็ได้พอสมควรไม่ถึงกับทำร้ายทีเดียว บางทีก็ต้องยอม อาตมาเห็นค่าเจตนาดีของคน แต่ละค่า อาตมาให้ค่า เจตนาดีของคนด้วยความจริงใจจริงๆ เขามีความรู้เท่านั้นก็เจตนาดีเท่านั้น แต่เขามีความรู้เท่านั้นจริงๆ ก็เห็นใจเขา ก็อนุโลมให้เขา พออนุโลมให้เขาได้ไม่ถึงขนาดชักดิ้นชักงอตายทีเดียวก็ยอมบ้าง ซึ่งมองไปอีกมุมหนึ่ง มันมีความซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:45:55 )

เจตนาดีแต่เวลามีน้อยก็ต้องแรงและเร็ว

รายละเอียด

อาตมาทำนี้เขาไม่เข้าใจกันคนอื่นไม่เข้าใจหาว่า อาตมาไปว่าไปด่า กระแทกกระทุ้งเขา แต่ว่ากระทุ้งกระแทกเพื่อให้เขารู้ตัวแต่เขาไม่รู้ว่าอาตมาเจตนาดี อาตมาจะต้องกระแทกแรง เจตนาด้วย เพราะว่ามันเหนียวแน่นเหลือเกิน ติดเกินทำแบบเบาๆ เสียเวลา อาตมาจะอยู่ไปอีก 500 ปีก็ไม่ค่อยได้เรื่องแบบนั้น เมื่อเวลามีน้อยก็ต้องแรงและเร็ว เอาคนที่รู้ได้เร็วก่อน คนที่รู้ไม่เร็วก็ช่างศีรษะมัน ขนาดแรงๆ ยังไม่รู้ตัว ดีไม่ดีก็ดีดกลับด้วย แต่ดีดอย่างไรก็ไม่ถูกอาตมาเพราะว่าอาตมาเป็น 0 ไม่มีตัวตน ไม่ได้เล่นลิ้นนะเรื่องจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:14:32 )

เจตนาต่างกันสัญญาต่างกัน

รายละเอียด

ไปพูดถึงความเป็นลิง มันเป็นความเปรียบเทียบ คือมันว่องไว ไวเหมือนลิง อาตมาเคยมีประวัติ เพื่อน อาตมาชมเพื่อน เมื่อของมันตกเขาก็คว้าทัน เราก็บอกว่าเก่งจังเลย ไวเหมือนลิง เขาโกรธ โกรธโดยไม่บอกอาตมา ไม่พูดกับอาตมาเลย อาตมาก็สงสัยว่าเพื่อนคนนี้เป็นอะไรไป เขาทำบึ้งตึงไม่พูดจากับอาตมา แล้วก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าทำไมเป็นอะไรตั้งนาน ตอนหลังนั้นมาคลายความเหงาคลายใจอย่างไรก็ไม่รู้เลยมาบอก บอกว่าเราด่าเขาว่าเขาเป็นลิง เราก็ว่าชมนะไม่ได้ด่า ชมว่ามีความว่องไวเหมือนกับลิง สามารถรับได้เร็วมันเป็นการชมไม่ได้ด่า ก็มันเจตนาต่างกันสัญญาต่างกัน เจตนาต่างกัน เราก็เลยเข้าใจผิดไปแล้วจะเสียเพื่อนเอา ดีนะยังมาคลายความจริงกันได้ชัดเจน เราชมต่างหาก ยกย่องว่าเป็นคนมีความว่องไวเหมือนลิง เป็นความชำนาญ เป็นประโยชน์คุณค่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:40:34 )

เจตนาทำแต่อย่าอยาก มีหน้าที่ทำเหตุ ผลเกิดเอง

รายละเอียด

อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จะขึ้นไปหา 8 อย่างไรก็ไม่สรุป ทำไป เผลอก็สูงเสียแล้ว อย่าให้เผลอๆก็ซวยเสียแล้ว ตกใต้ถุนไป ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบอกว่าให้งบดุลเสียที งบดุลทีนั้นก็ชื่นใจ มีอัตราก้าวหน้าสูงอย่างนั้นเชียวเหรอ ตั้งใจทำให้ดี เจตนาทำแต่อย่าอยาก ไม่ต้องไปอยาก ถ้ารู้เหตุปัจจัยข้อมูลจะเกิดอย่างนี้ด้วยอันนี้ เหตุอย่างนี้จะเกิดผลดังนี้ ทำเหตุอย่างตั้งใจ รู้แล้วว่าจะได้ผล ปักเป้าไว้แล้ว ตั้งหน้าตั้งตาทำเหตุไปเรื่อยๆ บางทีทำจนเลยเป้าแล้ว เลยเป้ามาเป็นกอง คุณจะเสียใจไหม มันไม่มีปัญหาเลย อย่าไปรีบด่วนงบดุล ที่จะเอาผลมาอ้างมาอวดไม่ต้อง ทำเหตุ มีหน้าที่ทำเหตุ ผลเกิดเอง ตามเหตุที่ถูกต้อง เหตุที่ได้สัดส่วนพอเหมาะ ถ้ายิ่งพอเหมาะเท่าไหร่ไม่ช้า ตรวจสอบเหตุอะไรให้พอเหมาะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:39:16 )

เจตนาที่จะเอามาเพื่อที่จะเป็นการศึกษาวิชาการอย่างไร

รายละเอียด

ที่เอามาอ่านนี้ เจตนาที่จะเอามาเพื่อที่จะเป็นการศึกษาวิชาการ ให้รู้ว่าผู้ที่ยังหลงใหลเลอะเทอะอยู่อย่างนี้ ยังมีอยู่อีกเยอะ แล้วก็ยังนับถือกันอยู่ต่างๆนานา ก็ต้องขออภัยจริงๆ พูดไปแล้วเป็นเชิงข่มจริงๆ แล้วความถูกต้องก็ต้องข่มความผิดความไม่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ อันนี้เป็นสัจจะมันเลี่ยงไม่ได้จึงจำนนที่จะต้องพูดเรื่องถูกที่จะข่มผู้ผิด แล้วผิดเป็นอย่างไรก็ต้องบอก ต้องกล่าวถึงนามพระอาจารย์มั่น ว่าอย่างนี้มันผิดก็ต้องเหมือนไปข่มอาจารย์มั่น จริงๆแล้วอาตมาไม่มีใจที่จะเป็นข่มเบ่ง แต่ที่อาศัยพูดนี้ อาศัยพูดสัจจะความจริงสิ่งที่เกิดจริงเป็นจริงมีตัวตนบุคคลจริงในโลกในประเทศไทย อาจารย์ของคนไทยและมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่เยอะ ก็ต้องเอามาพูดเพราะอาตมาไม่กลัวที่จะพูดความจริงนี้โดยระบุว่าบุคคลมา..ไม่กลัว มันเป็นความจริงก็ต้องพูดกันให้ชัดเจน เพราะอาตมาไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่มีอกุศลจิตอะไรเลย นิดนึงก็ไม่มี อาตมาไม่ได้อวดดีก็ไม่มี มีแต่พูดความจริงความถูกต้องความผิด พูดถึงความผิดความถูกอย่างเต็มๆเท่านั้น สิ่งเหล่านี้พูดไปแล้วก็เหมือนกับอาตมาแก้ตัว พูดแก้ตัว จริงๆไม่ได้พูดแก้ตัวแต่พูดขยายความจริง อธิบายความจริงเสริมเติมเป็นไปเพื่อให้ชัดเจนเท่านั้นเอง แต่ฟังแล้วเหมือนกับแก้ตัวแต่มันไม่ใช่หรอกมันเป็นการแก้ไข สำหรับผู้ที่ยังเข้าใจผิด อาตมาก็พูดให้เข้าใจถูกเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:51:54 )

เจตนาที่พ่อครูมี จะต้องให้มีพระอาริยะหรือมีพระอรหันต์ให้มากๆ

รายละเอียด

เมื่อสัมผัสกันโอภาปราศัยกันเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอยู่ คุณก็สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ไม่ให้เป็นไปตามโลกโลกียธรรมทั้งหมดทั้ง กาม รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสมีสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ รู้ตัวทั่วพร้อม แล้วก็รู้ในการสัมผัสเกิดรูปเกิดนาม 

ต้องรู้ทั้งรูปทั้งนามสภาพเป็นกายสภาพที่เป็นจิต กายภาวะ จิตภาวะ เราจะมีสัญญามีตัวกำหนดรู้ อ่าน อาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทส คำขยายสาธยายของอาตมาที่อธิบายให้ฟัง อาตมาใช้พยัญชนะบาลี ควบในการบรรยายธรรมะมาก จนกระทั่งชาวอโศกพวกเรานี่ฟังธรรมะด้วยภาษาบาลีประกอบกัน บางทีคนข้างนอกเขาก็ไม่รู้เรื่อง พูดภาษาบาลีประกอบอะไรอย่างนี้ อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจะต้องสอนพิสูจน์พวกเราให้ได้ เจตนาที่จะต้องให้มีพระอาริยะหรือมีพระอรหันต์ให้มากๆ เป็นหลักให้แก่สังคม ในช่วงชีวิตที่อาตมามีอายุอยู่ต้องทำ แล้วพวกเราหรือว่าการสืบทอด พวกเราก็จะได้ทำงานขยายผลให้แก่คนอื่นต่อ สร้างหัวเชื้อนี้ไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 11:59:11 )

เจตนามุ่งหมายการปฏิบัติกิเลสกามเบื้องต้น

รายละเอียด

มุ่งหมายต้องการเป็นกาม เป็นสามัญของมนุษย์ ต้องให้รู้เหตุที่ชื่อว่ากาม แล้วเรียนรู้จนกำจัดมันได้สลายมันได้ อ่านในจิตเรา เป็นสิ่งที่เข้ามาปลอมแปลงเป็นตัวตนในเราเป็นอัตตาในเรา ซึ่งมันไม่ได้อยู่กับตัวเราตลอดเวลา มันไม่เที่ยง มันแปรปรวนไปมา เดี๋ยวมันไปเดี๋ยวมันมา บางทีตัวนั้นก็มีตัวนี้ก็มาเฉยๆ จะใช้แล้วไม่มีปัญญาก็มี เด๋อเฉยๆถ้าเรียนรู้จริงๆแล้วจะเรียนร่วม เฉยๆที่อุเบกขานี้ อุเบกขาแบบเคหสิตะ กับอุเบกขาที่เป็นเนกขัมมสิตะ จะต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 07:30:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:42:11 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:45:08 )

เจตนาสมณโคดมท่านมาประกาศศาสนาแค่ชั้นอรหันต์

รายละเอียด

จริงๆแล้วสมณโคดมท่านมาประกาศศาสนา ท่านเจตนาประกาศแค่ขั้นพระอรหันต์ ท่านไม่ได้ประกาศพระโพธิสัตว์ ท่านประกาศไป 45 ปีก็ปรินิพพานแรกพอเป็นไปได้พอแล้ว ส่วนอาตมาเป็นผู้ที่มาเชื่อมต่อศาสนาพุทธครบทั้งพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา จรณะ 15 วิชชา 8 หรือว่าโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นแหละไม่มีอื่น ศึกษาให้ดีและปฏิบัติให้มีสภาวะตามพยัญชนะนี้ได้ก็บรรลุเอง 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 14:47:41 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:55 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:46:56 )

เจตนาสะสมพลังงานอิทธิฤทธิ์แบบไหน

รายละเอียด

การเจตนามันเป็นใครก็แล้วแต่ถ้าเจตนา สะสมพลังงานที่มัน จะเป็นอิทธิฤทธิ์แบบไหนก็แล้วแต่เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ หรือว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ก็ตาม มันชอบแบบไหนก็พากเพียรสะสมพลังงานที่ให้มันเกิด ตามลักษณะอย่างนั้นๆ หยั่งรู้ใจคนหรือของหายก็หาได้เป็นต้น สะสมอย่างไรก็ได้อย่างนั้นแต่ อิทธิปาฏิหาริย์กับอาเทศนาปาฏิหาริย์นั้น พระพุทธเจ้าท่านรังเกียจเหมือนขี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:47:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:44:31 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:49:40 )

เจตนาเป็นกรรม

รายละเอียด

เจตนาเป็นกรรม ต้องดูที่เจตนา คนที่เข้าใจเจตนาของตัวเองที่เป็นเจตนาได้ถูกต้องตรง มันก็บริสุทธิ์สะอาด นอกจากคนนั้นเข้าใจเจตนาตัวเองไม่ได้ แต่โมเมก็แล้วไป ถ้าเขาผิดก็เป็นบาปของเขาหักไปโกหกซ้ำซ้อน มันไม่ถูกต้องตามจริงมันก็ต้องมีวิบากสิ เรื่องรายละเอียดพวกนี้ เสร็จแล้วก็ทำความเข้าใจกันดีๆจะเข้าใจด้วยปัญญา แต่ละชาติแต่ละชาตินี่อายุ 100 ปีนี้สั้นนัก 100 ปีนี้สั้นนัก ก็ยังยืนยันว่าพวกเราจะอายุยืนยาวไปได้ในอนาคต คิดว่าพวกเราคงได้เห็นความจริงนี้ อาตมาคิดว่าจะพอเห็นความจริงนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 10:49:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:23 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:50:54 )

เจตนาเป็นจุดเริ่มต้นในนามธรรม 5

รายละเอียด

ขอกราบอาราธนาอยู่กับลูกๆ ตราบนานเท่านานสืบสานศาสนาพุทธให้รุ่งเรืองและมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ดุจวัยฉกรรจ์ จะไปดุจทำไม เอาจริงๆ เลยวัยฉกรรจ์แข็งแรงๆ ตอนนี้อาตมารู้สึกว่าตัวเองอายุ 18 ร้องฮาทำไม? ก็ความจริง อายุ 18 

ก็ 8 - สิบ 8 ไง จะไปเรียกทำไมตัวหน้า ก็ 18 ที่จริงมันก็มีแนวโน้ม มีแรงเหนี่ยวนำ เรามีเจตนา เจตนานี่แหละเป็นจุดเริ่มต้น ในนามธรรม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี่เป็นนามทั้ง 5 ในมหาภูตรูป 4 และมี อุปาทายรูป 24 ทำงานร่วมกันสังเคราะห์สังขารกัน เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าอันนี้แล้วเราจะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:15:30 )

เจตนาเป็นตัวจิต ถ้าจิตไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรม

รายละเอียด

ตัวเจตนาจึงเป็นตัวจิต ท่านใช้คำว่า ถ้าจิตไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรม อันนี้ก็ลึกซึ้ง 

ลึกซึ้งตรงที่ จิต คุณไม่ได้ตั้งจิตมุ่งเลย เป็นอัตโนมัติ เช่น คุณไม่ได้เจตนาจะไปเหยียบหัวงูแบนตะแล๊ดแต๊ดแต๋ตายเลย คุณก็ไม่ถือว่าเป็นกรรมวิบากของคุณ แต่งูมันจะยึดถือว่าเป็นกรรมวิบากกรรมมันไหม มันจองเวรจองกรรมไหม เอ็งมาเหยียบหัวข้าแบนตายเลย มันก็จองเวรของมันไป แต่มันตบมือข้างเดียวมันก็เท่านั้นเอง มันไม่สมบูรณ์แบบในการที่จะต้องพัวพันแก้แค้นไปแก้แค้นมาเหมือนหนังจีน ไม่ใช่ มันก็แค่นั้น มันก็มีเวลาที่จะเพลาลง 

แต่ถ้าเผื่อว่า ต่างก็แก้แค้นกันไป แก้แค้นกันมา ชาติแล้วชาติเล่า แล้วเมื่อไหร่มันจะจบ เพราะฉะนั้นถ้าเราลด เรางด เราเว้น จนถึงขั้นเจตนางดเว้น มันก็สมบูรณ์แบบ อธิบายไทยเป็นไทย อธิบายบาลีมาเป็นไทย และอธิบายไทยเป็นไทย ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน มันก็ต้องอย่างนี้ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้สอนภาษาถิ่นของตนเอง ผู้ที่เข้าใจภาษาบาลีหรือภาษาหลักของพระพุทธเจ้ามาแล้ว ก็มาอธิบาย ให้คนฟังภาษาถิ่น ภาษา mother tongue ภาษาพ่อภาษาแม่ ภาษาปู่ย่าตาทวด มันก็เข้าใจได้ง่าย เข้าใจได้ดี เข้าใจลึกซึ้ง ไปมัวแต่พูดภาษาเท่ๆ ภาษาบาลีอะไรอยู่ มันก็ไม่เท่าภาษาพ่อภาษาแม่ ภาษาตระกูล ภาษาที่เรามีอยู่เดิม มันได้ลึกซึ้ง 

เหมือนอย่างทุกวันนี้ อาตมานี้เป็นลาวมาก่อน มาชาตินี้ก็มาเป็นไทย ก็ยังมีเป็นลาวอยู่จ้อย เพราะฉะนั้นตอนเช้าๆ อาตมาก็มาอยู่กับคนลาว คนลาวจริงๆก็ท่านหนักแน่น ท่านลั่นผาก็นอนอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน แต่คนละมุ้ง เช้าๆ มาก็ถกภาษาลาวกันบ่อย ทวนภาษาลาว มันก็ลึกดี เพราะเป็นภาษาพ่อภาษาแม่เดิม จริงๆ แล้วภาษาไทยนี้มันเป็นภาษาประยุกต์มาจากลาว เมืองไทยนี้ ภาคอีสานเป็นภาคใหญ่สุดในประเทศไทย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 11:54:50 )

เจตนาเราเป็นกุศลแต่เขามองเป็นอกุศลเจตนา

รายละเอียด

ยิ่งเรามาพูดโลกุตรธรรมนั้น ใหม่ๆ คนพวกนั้นก็รับรู้ไม่ได้สำหรับโลกุตรธรรม แล้วอาตมาจะไปได้อะไร เขาไม่ได้มีความยินดีไม่ได้มีความตั้งใจมาฟังมาก ตอนนี้ไม่ตั้งใจเลยไม่มีความยินดีไม่มีฉันทะเป็นมูลเลย เพราะฉะนั้นมันก็ไร้ผลหมดทุกอย่าง อาตมาก็มาได้คิดว่า ต้องได้จีวรมาใส่ เป็นสมมติ พวกนั้นก็เลยจับประเด็นว่าไม่ได้ตั้งใจบวชจะมาเอาจีวรเท่านั้น คนเรามันก็เล่นงานกันได้ทุกมุม บอกว่ามันจะเอาจีวรมาหลอกลวงคน ทั้งที่เจตนาเราเป็นกุศลแต่เขามองเป็นอกุศลเจตนา เจตนาของเราบอกว่าถ้าได้จีวรมาก็จะได้สอนง่ายขึ้นคนจะได้มีความศรัทธามีความเลื่อมใส มันก็ได้ผล แทนที่จะมองชัดเจนแบบนั้นกลับไปมองว่า แหมนี่มันจะได้ใส่จีวรจะได้ไปหลอกคนอื่นว่าฉันเป็นพระอะไรอีกไปโน่นเลย ก็ทบทวนในสิ่งที่เป็นจริงให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 12:08:58 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:40 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:54:41 )

เจตนาแต่อย่าอยาก

รายละเอียด

แม้แต่ที่สุดอาตมาเคยใช้ภาษาบอกว่าเจตนาแต่อย่าอยาก เจตนาเป็นความมุ่งหมายที่จะไปถึงเป้าหมาย เรารู้ทิศทางเป้าหมายและมีสัมมาทิฐิด้วยคุณก็เดินทางเลย แต่อย่าไปเร่งใจตัวเองอยากได้อยากจบตะกละตะกลาม อย่า ให้ทำตามเหตุปัจจัยที่มันจะเป็นสัดส่วนที่สมดุลสมบูรณ์ดี แล้วควรทำวันนี้ให้เต็มที่ แล้วความเป็นตัวตนมันจะเกิดตามลำดับของความพอเหมาะพอดีที่เรียกว่า ปโหติ อย่างที่อาตมาเคยอธิบายสัมมัตตะ 20 มิจฉัตตะ20 ก็ตาม 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:41:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:26 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:53:55 )

เจตภูต

รายละเอียด

“เจตภูต”เมื่อมี“แห่งที่อาศัย”หรือมี“แหล่งที่เกาะที่ยึดได้”ก็เป็น“ปาณะ”  

      “ปาณะ”สูงขึ้นก็ไปสู่“เจตสิก”สู่“สัตตะ”สู่“จิตวิญญาณ”
      “พลังงานชีวะขั้นจิตวิญญาณ”จึงเป็น“วิทยาศาสตร์” ชั้นสูงละเอียดยากกว่าจะรู้ได้ยิ่งกว่า“พลังงานชีวะขั้นพืช” 

      ซึ่ง“พลังงานชีวะขั้นจิตวิญญาณ”นั้นที่สูงถึงขั้น“จิตนิยาม”แล้ว ก็ยังมีแบ่งเป็น“สัตว์”แบ่งเป็น“คน” และแน่นอน“สัตว์”ก็ยังมีความเป็น“สัญชาตญาณ”แตกต่างจาก“คน”แน่ๆ

      ซึ่งก็ต้องศึกษาจึงจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้ละเอียดลออ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:58:49 )

เจตสา

รายละเอียด

เป็นการรู้ใจด้วยใจของตนเอง ประกอบพร้อมขึ้นที่ใจของตนเอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 150


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:49:23 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:07 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:52:00 )

เจตสิก

รายละเอียด

คือ อาการของจิต เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จนกระทั่งที่สุดมีวิธีล้างสิ่งที่แฝงอยู่ในจิต คือ กิเลส หรือ ศาสนาอื่นเรียกว่า ผีห่า ซาตาน ล้างออกจนเกลี้ยงได้ ไม่มีผี ไม่มีซาตาน เหลือแต่จิตบริสุทธิ์แท้ๆ ซึ่งศาสนาอื่นๆก็กล่าวกันว่า เป็นวิญญาณพระเจ้า

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 152


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:49:33 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:25:42 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:51:37 )

เจตสิก

รายละเอียด

1. ตัวเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ภายในจิตของธรรมารมณ์ออกมาเป็นเวทนา สัญญา สังขาร 

2. อาการของจิต

3. “ธาตุรู้”หน่วยย่อยซอยละเอียดลออของจิต ซึ่งก็คือลีลาอาการ-หลากหลายของความเป็นจิตเป็นวิญญาณที่แสดงภาวะต่าง ๆ ทั้งหลายของจิต 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 168, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 194, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 74


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:50:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:08 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:51:02 )

เจตสิก

รายละเอียด

รู้ชัดเจนแล้วทำได้ตรงกับพยัญชนะก็ทำสำเร็จเป็นรูปธรรม แยกจิตเจตสิกรูปนิพพาน แม้แยกเวทนา 108ปฏิบัติได้ พิสูจน์ได้จริงๆ ผู้รู้แล้วปฏิบัติสำเร็จก็เอามายืนยันต่อให้คนได้ศึกษาตามมาเมื่อตัดสินได้ พิจารณาได้เหมาะ สิ่งนี้เป็นคำยืนยันของมนุษย์ที่มีอยู่ในโลก ธรรมะของพระพุทธเจ้ายังมีคนมาปฏิบัติได้อยู่ยืนยันได้มีผลอยู่ แล้วเราก็ปฏิบัติตามจนออกมาจากทางโลก ไม่ไปแย่งชิงลาภยศสรรเสริญโลกียสุขกับชาวโลกเขาแล้ว ก็มารวมตัวกันเป็นหมู่กลุ่มอย่างที่เห็น มาอยู่อย่างสาธารณโภคีมีวรรณะ 9 เอาหลักธรรมะพระพุทธเจ้ามาจับได้เลย ยิ่งถ้าเป็นระดับสาธารณโภคีนั้นไม่ง่ายเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:15:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:48:43 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:50:02 )

เจตสิก

รายละเอียด

เจตสิกแยกมาเป็นเวทนา เขาได้ปฏิบัติเข้าถึงเวทนานั้นอยู่หรือไม่ เขาไม่เลย เขาแปลได้ไหม ก็แปลได้เวทนาแปลว่า ความรู้สึกแปลว่าอารมณ์ ดูเผินๆเขาก็รู้จัก รู้จักอารมณ์รู้จักความรู้สึกด้วย เขารู้ความรู้สึกตัวเองอารมณ์ตัวเองด้วย แต่เขาไม่ได้รู้ลึกจนกระทั่งถึงอาการของเวทนา อาการของความรู้สึก อาการของอารมณ์ 

ตั้งแต่มันเกี่ยวเนื่องกับกาย มันเกี่ยวเนื่องกับจิต กาย จิต กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต 

กาย ก็ยังไม่รู้ จิตเขาก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาจะมารู้เวทนาในเวทนานี้ไม่ได้เลย 

กาย เวทนา จิต ธรรม 

กายในกาย คือต้องเกี่ยวกับภายนอก และจิตในจิตคือข้างใน รายละเอียดของกายกับจิตเข้ามา ละเอียดซอยมาเป็นเวทนา ส่วนธรรมะนั่นคือสภาพทรงไว้เป็นผลของการปฏิบัติ ถ้าผิดก็ไม่ใช่ธรรมะเป็นอธรรม ถ้าถูกก็เป็นธรรมะสะสมไว้ 

เพราะฉะนั้นธรรมะคือผลของ 3 ตัวนี้ กาย เวทนา จิต 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 14:48:25 )

เจตสิก 3 ของวิญญาณ

รายละเอียด

ถ้าเราเข้าใจอย่างที่อาตมาว่านี้ วิญญาณเป็นแกนของธาตุรู้ทั้งหมด ต้องแยก 2 เป็นนามรูป ถ้ารู้นามรูปแยกนามรูปเป็น ตัวหนึ่งคือสิ่งที่ถูกรู้ ถูกรู้ตั้งแต่เป็นวัตถุเป็นอุตุธาตุ

จนถูกรู้มาเป็นสิ่งที่เป็น พีชะ เป็นสิ่งที่เป็น ชีวะแล้ว จนถูกรู้ด้วยจิต เป็นชีวะที่ครบ 3 เส้า 

ถ้าพืชก็เป็น 2 เส้า มีแต่สัญญากับสังขาร 

จิต ของพระพุทธเจ้า สูงกว่าพีชะเป็น 3 เส้า มีเวทนา สัญญา สังขาร 3 เส้า เป็นนามเจตสิกของวิญญาณซึ่งมีคู่ก็คือรูปอยู่นั่นเองเป็น 2 รูปกับนามอีกเป็น 3 เจตสิก 3 วิญญาณเป็นประธานขององค์รวมของเจตสิก 3 แล้วก็กระจายเจตสิก 3 ไปทำงานทั้งหมด สัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ เวทนาเป็นตัวมาพิจารณา ก็เอาสังขารนี้มาแยกแยะให้เรียนรู้สังขารทั้งหมด จบอภิสังขารทั้งหลายแหล่ ทำให้เกิดสังขารที่สมบูรณ์ มันจะปรุงแต่งอย่างไรก็รู้ว่า อนุโลมหรือว่ายอม มันต้องปรุงแต่งอยู่ตราบที่เรายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน อย่างเก่งก็อนุโลม ทำเป็น1 ทำเป็น 2 ได้ ทำเป็น 0 ได้ นี่ใช้สังขยาเลข สามารถที่จะทำได้จริง คุณก็อาศัยสิ่งที่จริงพวกนี้อยู่ในชีวิต อรหันต์ต้องทำอย่างนี้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:15:51 )

เจตสิก 3เวทนา สัญญา สังขาร สำคัญในการกำจัดกิเลส

รายละเอียด

กายคือ หมวดแห่งเวทนา สัญญา สังขาร เป็นตัวงานแท้ๆของวิญญาณ วิญญาณมีเจตสิก 3 เวทนา สัญญา สังขาร ตัวงานแท้ๆของวิญญาณ เวทนาคือความรู้สึก สัญญาคือตัวกำหนดรู้ เวทนาเข้าไปเป็นสังขารปรุงแต่งเป็นบทบาท เป็นพลังงานนิวเคลียส เป็นพลังงานนิวเคลียร์ เกิดพลังงานอยูในนั้นเสร็จเลย 3 เส้ากายสงบจิตสงบ สุดยอดของอาการของจิต คือขจัดพิษภัย คือกิเลสออกไปจิตสะอาด มีแต่เจตสิกที่สะอาดเวทนาที่สะอาด สัญญาที่สะอาด สังขารที่สะอาด คล่องแคล่วว่องไว สะอาดสงบได้อย่างพร้อมพรัก ทำให้กายและจิตสงบ ถึงซับซ้อน 2 เป็น 1 กายคือจิตก็ต้องเป็นหนึ่ง ไม่มีกิเลส กายก็สงบ จิตก็สงบ สงบด้วยกันทั้งคู่ แต่กายไม่ได้หมายถึงเพียงแต่ร่างภายนอกเท่านั้นแข็งทื่อเท่านั้น ไม่ใช่ แต่ไม่มีกิเลสจะคล่องแคล่วทั้งกายวิญญัติ วจีวิญญัติ เหมือนอาตมาแสดงธรรมคล่อง เขาก็หาว่าพระอรหันต์พระอริยะอะไรไม่นิ่งเลยดิ้นไป ก็เข้าใจไปคนละทาง ก็ดิ้นสิ อาตมาคล่องน่ะ แต่ของคุณตื้อทื่อดื้อ มันคนละเรื่องคนละทางกันเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 15:08:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:13 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:48:48 )

เจตสิก คือ

รายละเอียด

เจตสิก คือส่วนละเอียดของจิตที่แยกออกไปอีก ประกอบไปทั้งหลายแหล่เรียกว่าเจตสิกทั้งนั้น คือรายละเอียดของจิตอีกทีหนึ่ง ซึ่งจิตก็แยกออกไปจากคำว่าวิญญาณ วิญญาณเป็นธาตุรู้องค์รวมทั้งหมดเรียกว่าวิญญาณขันธ์ แต่จิตแยกออกไปจะเรียกขันธ์ก็ไม่เต็มขันธ์ เจตสิก ก็แยกย่อยออกไปอีก 

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:38:55 )

เจตสิกของฌานที่ 4 คืออุเบกขาแข็งแรงสมบูรณ์ที่สุด

รายละเอียด

อุเบกขาตัวที่ 4 เจตสิกของฌานที่ 4 แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุด คุณก็อยู่เหนือสุขแล้วจะเรียกว่าสุขมันก็อาศัยจิตว่างพยัญชนะเรียกว่าสุข คุณก็ไม่ประหลาด มันจะอาศัยสุข ซึ่งมันละเอียดแล้วไม่มีมากมาย มันมีนิดนึงมันว่าง มันไม่ใช่หยาบ มันไม่ใช่เนื้อหาของโลกียรสเลย มัน 0 หรือมันว่างแต่คุณยังยึดถือเป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตา อัตตาตัวน้อยที่สุดแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:22:45 )

เจตสิกทุกข์คือทุกข์ที่เลี่ยงได้ 4 ชนิด

รายละเอียด

ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

1. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ เมื่อพรากจากคนที่รัก หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) อันนี้ศึกษาให้ดีหมดอุปาทานตัณหาได้ที่เราไปยึดถือเป็นความโศกเศร้าเสียใจเป็นความโทมนัส 

2. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะแผดเผา) กิเลสคุณไม่หมดมีราคะโทสะโมหะมันก็ต้องเป็นทุกข์ ถ้ามันยังมีอยู่ไม่หมดไปจากจิตมากหรือน้อยมันก็ต้องทุกข์อยู่ทั้งนั้น 

3. สหคตทุกข์ (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) ความทุกข์ที่เกิดพร้อมกับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ได้ลาภยศสรรเสริญก็เป็นสุข ถูกนินทาว่าร้ายเสื่อมในลาภ ยศ สรรเสริญก็ทุกข์ เป็นแฝดกันมันเป็นมายา เป็นจอมมายาหลอกคนอันนี้สุดยอดเลย สุขกับทุกข์เป็นมายาแฝดกัน ไม่มีใครสามารถรู้ได้ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า 

4. วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) เกิดจากปัจจุบันเรานี่เองเพราะว่าทะเลาะวิวาทกัน หากว่าคุณทะเลาะวิวาทกันจะหาความสุขได้ที่ไหน มันเป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสุขทุกข์อย่างที่ว่ามันมีเหตุแยกย่อยอีกเยอะคุณพรสิทธิ์ตั้งใจศึกษาให้ดีๆ อาตมาอธิบายไปทั้งหมด รายละเอียดต่างๆ อาตมาก็ยังไม่บังอาจจะอธิบายให้ชัดเจนถ้วนเต็มในขณะนี้ได้ทั้งหมด ฝากไว้ก่อนโอฬาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:54:00 )

เจตสิกเวทนา

รายละเอียด

ความรู้สึกที่เกี่ยวเนื่องกับทางจิต

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 66


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:54:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:10 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:47:03 )

เจตโส จ ลีนัตตัง

รายละเอียด

ความที่จิตหดหู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 532


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:55:13 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:18 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 19:46:44 )

เจตโส อภินิโรปนา

รายละเอียด

1. ความปักใจ 

2. จิตที่มีความปักมั่น คงแน่เป็นที่สุด

3. ความปักใจมั่น

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 115,250, อีคิวโลกุตระ หน้า 140,รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 64.ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 145


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:56:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:57 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:54:00 )

เจริญกิเลสลด เจริญไม่สะสมไม่กอบโกย

รายละเอียด

ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของเกี่ยวกับพืช หากว่าคุณไม่สัมผัสไม่เกี่ยวข้องกับพืช กับข้าวของเลย ไม่ปฏิบัติ คุณก็จะได้พิจารณากับอะไร เพราะว่ากิเลสมันเกิดกับของกับพืช ซึ่งมันก็มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสของ ของกับของพืช เช่นอันนี้กลมสวย โต๊ะสวย บ้านสวยอะไรก็ได้ทั้งนั้น เหมือนพวกเราชมพืชพวกนี้ แต่พวกเราไม่ได้ติดใจอะไร เขาก็ว่ายังติดเลย แต่เราไม่ได้ติด เราก็โชว์เพื่อให้คนได้ประโยชน์ ไม่ได้ทำให้เจริญอย่าง เจริญ สิริวัฒนภักดีกับเจริญเครือโภคภัณฑ์นะ แต่เจริญกิเลสลด เจริญไม่สะสม ไม่กอบโกย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 12:15:26 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:52:54 )

เจริญคือลดโทษเพิ่มคุณ

รายละเอียด

แล้วการเจริญที่จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ 

การเจริญก็คือ 1. ลดโทษ 2. มีแต่คุณ นี่คือประเด็นหลัก 

ใครก็ตามลดความเป็นโทษนี่เรียกว่าเจริญ แล้วก็เจริญจริง ทำแต่คุณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:07:38 )

เจริญจนกระทั่ง มีความซับซ้อน อย่างไร

รายละเอียด

มี 2 ประเด็น ถ้าเผื่อว่าอาตมาสอนถูก ญาติโยมจะนำของมาถวายโดยไม่ต้องปลูกอยู่ปลูกกินด้วยตนเองเช่นนี้ ซึ่งอาตมาไม่ได้ปลูก ฆราวาสเขาปลูก อาตมาไม่ได้ปลูก จริงอาตมาไม่ได้ลงมือปลูกกับเขาหรอก พวกเราสมณะบางรูปไปทำบ้าง แต่อาตมาไม่ได้ปลูกนะ เอาเถอะ คุณจะมาว่าเป็นไม่ใช่ชาวบ้าน พวกเราชาวอโศกปลูกแล้วเอามาให้กิน ไม่ใช่คนข้างนอก คนข้างนอกมาถวายให้กิน ไม่ใช่ อันนี้ซับซ้อนมากเลยนะ 

ความเจริญของชาวอโศกนั้น มันเจริญจนกระทั่ง มีความซับซ้อน ชาวพุทธในยุคนี้ ไม่รู้ว่าอาตมานี่แหละ เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่เป็นไก่ตัวพี่ เป็นผู้ที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้า เอาโลกุตรธรรมมาประกาศ เขาไม่มีภูมิรู้พอ เขาไม่ศรัทธาอาตมา เพราะเขาก็ไม่เอาอาตมา อาตมาก็รู้ดี อาตมาไม่ได้แปลกประหลาดอะไร อันนี้มันซับซ้อน เพราะฉะนั้น คนข้างนอกเขาไม่เอามาให้อาตมา นั่น 1.

2.เรามีกติกาเราด้วย อาตมาซ้อนกติกานี้ ซึ่งซับซ้อนอีก เพราะคนที่ไม่ใช่สมาชิกชาวอโศก จะเอาพืชพันธุ์ธัญญาหารมาได้ แต่เอาธนบัตร เอาเงิน เอาแบงค์โน้ตมาให้ ไม่เอา คนที่ไม่ใช่สมาชิก คนไม่ได้มาคบคุ้นกับชาวอโศกถึง 7 ครั้งเป็นต้นไป ไม่ได้อ่านหนังสือชาวอโศกถึง 7 เล่ม เอาเงินมาถวาย เอาทองคำมาถวาย ซึ่งเป็น ชาตรูปรชตปฏิฆหนา เราไม่รับแล้วเราก็ปฏิบัติได้ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ ตั้งแต่อาตมาทำงานศาสนามา เรารับแต่ของสมาชิกชาวอโศก 

ผู้ที่ปฏิบัติถูกต้องตามกติกาแล้ว จึงมีขีดจำกัดว่า ผู้ที่จะถวายเงิน ผู้ที่จะถวายของได้เต็มที่ คือสมาชิกชาวอโศก คือคนชาวอโศกสรุปคือ เราไม่ได้เที่ยวไปอยากได้ หรือเอาเงิน มีกติกาไม่เอาเงินของพวกคุณ นอกจากว่าเราไม่เอาแล้ว เงินทองเราไม่เอา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:20:38 )

เจริญจริงหรือเจริญปลอม

รายละเอียด

ด้วย เงินกับอำนาจ เขาเชื่อว่าคนนับถือเขา มันก็น่า... อาตมามี อจินไตย อันนึง… 

นายกคนปัจจุบันของไทยชื่อ เศรษฐา คำว่า เศรษฐะ เศรษโฐแปลว่าเจริญ แต่มันเจริญจริงหรือเจริญปลอม ในเมื่อเขายกย่องทักษิณอยู่ เห็นไหม ซ้อน เห็นไหม เห็นให้สัมภาษณ์กับคน กับต่างประเทศ  ซึ่งมันก็ทำไงได้ เพราะมันเป็นสัจจะที่มันเป็นของจริงที่เป็นตัวอย่างให้เราได้เห็น ในเมืองไทยเป็นตัวอย่างอันสุดยอดเลย สุดยอดจริงๆ 

ยกตัวอย่างง่ายๆ นายกที่แท้จริง คนดีที่แท้จริง คนเจริญที่แท้จริงหรือเศรษฐาที่แท้จริงคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่ไหม เป็นเศรษฐาที่แท้จริง แต่เศรษฐาตัวปลอมกำลังมาแสดงตน ฟังเข้าใจไหม 

เพราะฉะนั้น ประชาชนมีตัวอย่างให้เห็น เขาก็แสดงเต็มที่ของเขา ด้วยความซื่อ เศรษฐาเขาก็ซื่ออย่างจริงใจเหมือนกัน แต่เขายังจมอยู่ในเงินอยู่ในอำนาจทั้งนั้นแหละ เขายังอยู่ในฤทธิ์ยังถูกครอบงำด้วยเงินและอำนาจทั้งนั้น และงานที่เขาจะทำจะเป็นเศรษฐกิจอะไร ก็ไปเป็นเรื่องแบบโลกียะทั้งนั้น มันไม่ได้เข้าโลกุตระ ไม่เหมือนพลเอกประยุทธ์ 

เพราะฉะนั้นเราผลงานและประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติที่ได้กินได้อาศัย นั่นเป็นหลัก ไม่ใช่เอาปริมาณมวลของจำนวนเงิน จำนวนอำนาจ ปริมาณ แต่เอาคุณภาพของสิ่งที่มนุษย์ต้องใช้อาศัยแท้จริง เป็นปัจจัยที่สำคัญ เป็นหลักตัดสิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:48:39 )

เจริญด้วยสัทธรรม 7

รายละเอียด

คุณก็ทำด้วยทฤษฎีพระพุทธเจ้าสอน จรณะ 15 วิชชา 8 เสร็จแล้ว คุณก็เจริญขึ้นเจริญขึ้น เจริญด้วยสัทธรรม 7 คุณก็จะศรัทธายิ่งขึ้นเชื่อถือเข้าใจมีความเห็นถูกต้องมากยิ่งขึ้น ละอายมากยิ่งขึ้น 

ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ ยิ่งเห็นว่าโอ้โหแต่ก่อนเราโง่ โง่หนักยิ่งมีศรัทธา หิริ แรงกล้ายิ่งรู้ว่าโง่หนัก ยิ่งไปซัดผู้ที่ถูก ยิ่งมีโอตตัปปะยิ่งเกรงกลัว ไปละเมิดผู้ที่ไม่ควรละเมิด เราก็ไปละลาบละล้วงแล้ว ก็ยิ่งโอตตัปปะอย่างแรงกล้า ก็จะเกิดความเคารพอย่างแรงกล้า ความรักอย่างแรงกล้า บูชาอย่างแรงกล้าขึ้นไปตามลำดับตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส ในปัญญา 8 พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้หมดเลย

ศรัทธา หิริ โอตตัปปะก็เจริญ เมื่อคุณเจริญคุณก็ทำกลับ ยอมรับความผิด ปลงอาบัติ ทำให้ถูกคืนไม่ละอายที่จะสารภาพบาปหรือเปิดเผยบาปเรียกว่าปลงอาบัติ คนไม่ปลงอาบัติทั้งที่รู้ว่าตนเองผิดแล้วก็ไม่บอกปลงอาบัติหมักหมมเน่าใน คนนี้คือคนไม่เจริญ 

คนที่รู้ว่าตัวเองผิด โดยเฉพาะผิดกับผู้นี้ ไปสารภาพผิดเลยยิ่งเจริญ เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ใดรู้วิธีทำให้เจริญนี้ได้ ก็ทำขึ้นมาก็กลายเป็นผู้ที่เจริญเรียกว่าพหูสูต ผู้เจริญยิ่งยิ่งขึ้น เป็นปัญญาข้อที่ 4 ศีล แล้วปัญญาข้อที่ 5 พหูสูตก็เจริญยิ่งขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น น่าจะมี วิริยารัมภะ ข้อที่ 7 ก็เป็นผู้ที่เป็นบัณฑิตแล้ว ข้อที่ 8 ก็สรุปรวมเลย 

คุณก็เป็นพหูสูตคุณก็เจริญดีขึ้น พหูสูตไม่ได้แปลว่า learned man ไม่ใช่เป็นผู้ที่คงแก่เรียนเจริญแบบเรียนท่องจำแว่นตาหนาเตอะ พวกที่บอกว่า เก่งสุจิปุลิแบบนั้นมันเป็นโลกีย์ สุจิปุลิคือโลกีย์

สุ คือ ฟัง จิ คือ คิด ปุ คือถาม ลิ คือจด

สุ จิ ปุ ลิ มันเป็นโลกีย์ ไม่ใช่โลกุตตระเลย 

เพราะฉะนั้นเมื่อผู้นี้เกิดพหูสูต เมื่อรู้ตัวเองว่าเจริญถูกต้องดีและดีแล้ว จึงมีวิริยะสติปัญญาอีก 3 ตัวของสัทธรรม 7 อ๋อ อย่างนี้มันต้องเพียรทำอีกทำให้สติยิ่งเจริญ สติยิ่งเปิดเผยสติยิ่งรู้กว้างรู้ไกลรู้สะอาดรู้สว่างยิ่งขึ้น 

 วิริยะ สติ  ปัญญา ปัญญาจึงเป็นตัวแจ้งตัวสว่างตัวสมบูรณ์แบบเป็นธาตุ เป็นความสรุป รู้ที่ยิ่งใหญ่ครบ สัทธรรม 7 

ในสัทธรรม 7 นี้แหละ ที่เป็นการขยาย 7 องค์ ฌาน 1 2 3 4 เป็นตัวสรุป สรุปความรู้สัทธรรม 7 นี่แหละ เป็นฌานที่ 1 

สรุปลงไปที่ 2 เป็น วิตก วิจาร

วิตก คือ ตัวเกิดก่อนดำริ วิจารคือ พฤติกรรมของมัน 

วิตก คือบวก วิจาร คือลบ เป็นธาตุรู้ตัวเดียวกันทำงานร่วมกันเหมือนน้ำมี H กับ O มีไฮโดรเจนกับออกซิเจนอยู่ด้วยกัน วิตกกับวิจารคืออย่างนี้

เขาจะแปลไปว่าวิตกคือการไตร่ วิจารคือการตรอง ก็ได้ หรือ ตริ ตรอง จับตัวนี้มา แล้วก็มาตรอง มากรองมาคัดให้ละเอียดลงไปอีกอย่ากระด้าง อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 20:55:43 )

เจริญภวังค์คฌาน

รายละเอียด

จิตแจ้งความแท้จริงด้วยอำนาจการหยั่งดูลงไปแต่เฉพาะภพภูมิของจิตแท้ ๆ ของเราตรง ๆ หรือภาวะจิตในภวังค์

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 271


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:06:55 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:58 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:52:04 )

เจริญสติปัฏฐาน

รายละเอียด

รู้แจ้งความจริงด้วยปัญญาหรือสภาวะจิตตื่น สัมผัสอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งปวง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 271


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:07:25 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:13 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:51:32 )

เจริญสติปัฏฐาน เจ็ดปี..ยกไว้

รายละเอียด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 7 ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง  คือ  พระอรหัตผลในปัจจุบัน  หรือเมื่อยังมี อุปาทิเหลืออยู่  เป็นพระอนาคามี  7 ปี ยกไว้

ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 6 ปี 5 ปี 4 ปี3 ปี 2 ปี 1ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี 1 ปี ยกไว้ 

ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 7 เดือน เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี 7เดือนยกไว้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 7 ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมี อุปาทิเหลืออยู่  เป็นพระอนาคามี 7 ปี ยกไว้

ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 6 ปี 5 ปี 4 ปี 3 ปี 2 ปี 1ปี เขาพึงหวังผล 2ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี 1 ปี ยกไว้ 

ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ตลอด 7 เดือน เขาพึงหวังผล 2 ประการ  อย่างใดอย่างหนึ่ง  คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน   หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี 7 เดือนยกไว้

ที่มา ที่ไป

มหาสติปัฏฐานสูตร ที่ 9  พระไตรปิฎก เล่มที่ 10 ,ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 21:06:48 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:05:19 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:50:26 )

เจริญเพราะความจน

รายละเอียด

มาต่อเรื่องโลกุตระ เรื่องความจน คนจน อาตมาก็พยายามสะดุด แล้วตอก หมุดลงไปให้ชัด คนที่มีปัญญารู้ชัดว่าเราจะต้องมาจน เป็นคนมีปัญญา เป็นคนอาริยกะที่แท้จริง 

มาจนคือคนประเสริฐ  ไปรวยคือคนไม่ประเสริฐ เป็นคนหลงโลกหลงโลกีย์ เป็นคนที่ยังมีกิเลสหนาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรวยไม่รู้จักจบ รวยไม่รู้จักแบ่งออก จนตายจากไปก็ยังเป็นก้อนโตอยู่อย่างนั้น มันเป็นความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวขี้โลภ มีอัตตา ตัวตนเยอะ อัตตา อัตตนียา เต็มรูป นี่เป็นสัจธรรมของโลกอุตร 

เพราะฉะนั้นคนมาจน พวกเรานามสกุลมาจน เต็มใจจน ตั้งใจจน อิ่มจนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว เพราะว่าเกิดปฏิภาณปัญญาเข้าใจ มี อัญญธาตุ แล้วว่าจริงนะ คนเรามันเจริญเพราะความจน พระพุทธเจ้าก็เป็นหลักแท้ๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 12:25:12 )

เจริญในระดับโลกียะ

รายละเอียด

คือ เป็นผู้ที่ไม่ทุจริตธรรม  สุจริตทั้งมวล ทำดี แต่ก็ดีสุด,สูงสุด กับความสุขที่สุด  สุขสุดกับดีสุด ไม่มีนิพพาน ไม่มีสูญ เป็นนิรันดรมีตัวตน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:10:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:11:38 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:45:58 )

เจาะลึกนิรุตติแห่งภาษา สู่สภาวะของ “อนุสัย-อาสัย-นิสัย-วิสัย”!

รายละเอียด

ความเป็น“สย”หรือ“สยํ”นี้คือ ความเป็น“ตนเอง” ซึ่งไล่

จาก“อนุสัย”ที่หมายถึงความเป็น“ตนเองแบบปุถุชน“โลกียะ”มี

กิเลสเป็น“เจ้าเรือนแห่งตนเอง”มาก่อนทั้งสิ้น แล้วจึงได้“อาสัย”

เรียนรู้ธรรมมีสัมมาทิฏฐิที่เป็น“โลกุตระ” กระทั่งสั่งสมเป็น“นิสัย”

แล้วจึงจะแข็งแรงมั่นคงเป็น“วิสัย” ที่สุดก็สั่งสมลงตกผลึกแน่นหนา

ในจิตเป็น“อนุสัย”ให้“ผู้รํู้จักรู้แจ้งจริงความเป็น“สยํ อภิญญา”ของตนใช้“อาสัย”ทำกรรมไปจนกว่าจะ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”

ลำดับของ“สย” คือ “อนุสัย”(ปุถุชน) แล้วจึงเริ่ม“อาสัย”แล้วโลกุตรภูมิศึกษาฝึกฝน สั่งสมขึ้นก็“นิสัย” และเป็น“วิสัย” ที่สุดเป็น“อนุสัย”ของ“อรหันต์”หรือของ“โพธิสัตว์”อยู่ทำงานอยู่ในโลก    

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 276 หน้า 217


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:43:31 )

เจาะลึกอุปาทานสุขทุกข์คือกระดาษแผ่นเดียวกัน

รายละเอียด

ก็น่าจะจริงนะ มันไม่ง่ายที่จะเข้าใจ เพราะความทุกข์กับความสุขก็คนละอารมณ์ อารมณ์สุขก็อย่างหนึ่ง อารมณ์ทุกข์ก็อย่างหนึ่ง มันเป็นสัจจะที่ ขออภัยถ้าไม่มีอาตมาเอามาพูดเอามาเปิดเผย จะมีใครพูดขึ้นไหม (ไม่มี) ยกทั้งโลกนะ แล้วพวกคุณเชื่อหรือ? มันเชื่อเพราะว่าแต่ก่อนเราเคยมีความสุขความทุกข์เป็นคู่เป็นเทวะ เป็นสภาวะคู่ที่มันแยกกันไม่ออก คุณจะชัดเจนเพราะเทวมันเป็นพวกตีไม่แตก เขาก็จะเอาแต่ความสุข เขาก็เลยเป็นพวกสุขนิยม ซึ่งมันไม่ได้หรอก คนเอาความสุขความทุกข์ก็ติดไปด้วยมันเป็นคู่หูกันเป็นกระดาษแผ่นเดียวกัน คุณเอาหน้านี้ไปอีกหน้าหนึ่งก็ติดไปกับคุณ คุณไม่เอาไปไม่ได้ ยังไม่ชัดเจนไหม เอากระดาษหน้านี้ หน้า(หลัง)นี้ไม่เอาไม่ได้หรอก เพราะว่าหน้านี้มันก็ต้องไปด้วยกัน แล้วหน้านี้มันเป็นหน้าหลอกด้วยจริงๆแล้วไอ้ตัวทุกนั่นแหละเป็นตัวสำคัญ ความสุขนี้มันหลอกตัวเอง ความทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ความทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ความทุกข์เท่านั้นที่ดับไป พระอรหันต์ท่านก็จะพูดเช่นนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพูธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:33:06 )

เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก

รายละเอียด

ก็ไม่ได้ไปเปรียบเทียบกับใครนะ แต่คุณว่ามันมีนัยแฝงไหม ว่าไปเปรียบเทียบกับใคร มีนัยแฝง ไปเปรียบเทียบกับทักษิณ ที่เป็นเหตุการณ์เกิดในปัจจุบันนี้ อาตมาไม่ไปวิจารณ์หรอกทักษิณ  ขออภัย อาตมาพูดตรงๆ ว่ามันหาที่เลวอะไรไม่ได้จากเขาอีกแล้ว มันครบสมบูรณ์แบบแล้ว อาตมาหาที่เลวอีกจากเขาไม่ได้เลย มันครบสมบูรณ์แบบแล้ว จริงๆ นะอาตมาพูดจริง โอ้โห! อาตมาว่าเทวทัตในยุคนั้นก็ว่าร้ายแล้วนะ แต่นี่ซับซ้อน ยุคดิจิตอลจริงๆ เทวทัตยุคดิจิตอล 

แล้วเห็นอัตตาของคุณทักษิณนี่ เจ้าประคุณเอ๋ย! ความที่จะเป็นตัวกูยิ่งใหญ่ ตัวกูจะเอาตามใจกู แค่ไปเข้าคุก จะต้องกล้อนผม จะต้องไปแต่งเครื่องแบบของชาวคุก เท่านี้คุณทักษิณก็ลดไม่ได้ ตายดิ้นแน่ คุณคิดเถอะว่าคนอย่างนี้นี่มันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นก็เลย โอ้โห…อาตมาเคยพูดมาก่อนแล้วว่าคุณทักษิณเข้ามานี่นะ เขาจะเป็นคนแก่ เขาจะเป็นคนป่วย เขาจะเป็นคนอะไรต่างๆนานาที่จะต้องให้คนอื่นให้อภิสิทธิ์แก่เขา ก็จริงไหม เป็นเรื่องจริง เพราะความเห็นแก่ตัวของคนเนี่ย มันพูดได้หมดเลย 

ก่อนจะมานี่ชกกระสอบทราย กระโดดเต้นอะไรได้ พอมาแล้วนับโรคไม่ถ้วน แล้วก็ว่าแก่แย่แล้ว คือมันเป็นพรีเทนเดอร์(นักเสแสร้ง)ที่..จนสุดจะกล่าว อาตมาว่าในโลกมีตัวอย่างที่เหมือนเทวทัต เป็นประโยชน์ตรงที่ว่า เป็นตัวอย่างอันเลวทรามให้แก่โลกยุคพระพุทธเจ้า โลกยุคนี้ก็ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่พูดต่อ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2566 ( 20:52:27 )

เจโต

รายละเอียด

1. อำนาจจิตตรง ๆ หรือเรื่องพลังจิตแท้ ๆ

2. ให้ตรวจจิตตน

3. จิต 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 12,ทางเอก ภาค 3 หน้า 142,สมาธิพุทธ หน้า 287


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:36 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:33 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:44:20 )

เจโตกับศรัทธาเก่งในการติดยึด

รายละเอียด

สังเกตนะว่า เจโต มีภาษา 2 ตัว เจโตกับศรัทธา ถ้าเจโตกับศรัทธา 2 ตัวมันน่าจะเก่งกว่าปัญญา เปล่า มันเก่งในการติดยึด มันเก่งในการเกาะตัว มันเก่งในการเหนียวแน่น แทงด้วยหอก 500 เล่ม 300 เล่ม 600 เล่มแล้วมันก็ยังไม่กระดิก 

อาตมาก็ใช้ไปแล้ว 700 เล่ม เดี๋ยวจะเป็น 800-900 จะแทงทะลุหรือไม่ก็ไม่รู้นะนี่หมดไป 600 เล่มแล้วนะตอนนี้ ตอนนี้อยู่ในปาง 7 กำลังทำเต็มที่แล้ว หรือจะใช้อาวุธในอนาคตเป็น 800 ก็เอา พูดโดยพยัญชนะไปเรื่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 07:56:53 )

เจโตจงจำนน

รายละเอียด

ถ้าไปศรัทธา จะเสียเวลา สัทธานุสารีกับสัทธาวิมุติก็ต้องมีปัญญาจริง มีปัญญาก็เลิกวนได้ จะต้องมี อัญญธาตุ มีธาตุเฉลียวฉลาด รู้โลกรู้อัตตา รู้ธรรมะ รู้สัจจะตามลำดับ พอได้ธัมมานุสารี ก็เป็นแกน อย่าไปเที่ยวอยากเป็น ต้องพยายามมากขึ้น แต่มันเป็นแกนของเราแล้วจงจำนน ใครเป็นสายศรัทธาแล้วจำนนเถอะ ทำไปก็จะถึงที่สุดได้เหมือนกัน ยิ่งปล่อยวางได้ก็จะยิ่งเป็นปัญญาได้ดี หากไม่ปล่อยวางมีแต่ศรัทธาก็จะยิ่งหนักขึ้นมันจะยิ่งช้าขึ้น ก็ปล่อยศรัทธาไปเถอะ ช่างหัวมันเถอะเราพยายามเป็นสายปัญญา มาธัมมานุสารี มีปัญญามากขึ้นก็จะยิ่ง ทิฏฐิปัตตะ หากไปแวะสั่งสมกายเป็นกายสักขี มั่นคงหนักแน่นมากยิ่งขึ้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ในรายละเอียดว่าต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ทีนี้ ท่านผู้ที่ไม่มีสภาวะก็จะไปแปลพยัญชนะ นเหวโข ,แปล น ว่าไม่, เหว แปลว่าอันนั้นของแท้, โข แปลว่า ซ้ำ ผ่านมาแล้ว ย้ำ ยืนยันแล้ว แต่ท่านไม่เข้าใจสภาวะอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:01:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:07 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:43:42 )

เจโตปริย

รายละเอียด

1. มีมโนมยิทธิจริง เป็นสัมมาวิมุตติแท้

2. ความรอบของจิต

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 156

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 171


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:27 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:15 )

เจโตปริยญาณ

รายละเอียด

1. ความเก่งยอดในการรู้ละเอียดถึงจิตต่าง ๆ

2. ได้กำหนดรู้สภาพในจิตในใจของตนถูกแท้ แม่นตรงจริง

3. การรู้แท้ในจิตจริง ๆ ถ้วนรอบชัดเจน

4. กำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ

5. ญาณพิเศษขั้นรู้เรื่องของจิต เห็นความแตกต่างของจิตในจิตซึ่งเป็นจิตที่ชื่อว่าสัตว์อื่น บุคคลอื่น ที่เป็นอย่างอื่นจากที่เรารู้ เราเข้าใจ หยั่งรู้จิตต่าง ๆ ของตนเองอย่างสัมมาอาริยมรรค – อาริยผล

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 149,154,176,อีคิวโลกุตระ หน้า 34,คนคืออะไร? หน้า 274


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:59:43 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:42:33 )

เจโตปริยญาณ

รายละเอียด

ท่านก็ตรัสไว้ว่ามี 16 อย่างคือการกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น(รู้สัตว์ชั้นต่ำ สูง ในจิตตน- ปรสัตตานัง) รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูง อื่นๆในจิตอาริยะของตน (ปรบุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์

1.สราคจิต (จิตมีราคะ)

2. วีตราคจิต (จิตไม่มีราคะ)

3. สโทสจิต (จิตมีโทสะ)

4. วีตโทสจิต (จิตไม่มีโทสะ)

5. สโมหจิต (จิตมีโมหะ)

6. วีตโมหจิต (จิตไม่มีโมหะ)

7. สังขิตฺตํจิตฺตํ (จิตเกร็ง จับตัวแน่น คุมเคร่งอยู่)

8. วิขิตฺตํจิตฺตํ (จิตกระจาย ดิ้น ฟุ้งไป จับไม่ติด)

9. มหัคตจิต ( จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)

10. อมหัคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)

11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่า ยังไม่จบ)

12. อนุตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) จิตคุณถอนอาสวะสิ้น

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) สั่งสมจิตถอนอาสวะ

14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)

15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น)

16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) (พตปฎ เล่ม 9ข้อ 135)

ต้องหมดอาสวะจึงเป็นจิตสะอาดแล้วสั่งสมจิตตั้งมั่นจึงเป็นสมาธิสุดท้ายก็เป็นวิมุตติแล้วเป็นอมตบุคคลตามมูลสูตร 10

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 135


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:46:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:51 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:41:00 )

เจโตปริยญาณ

รายละเอียด

ท่านก็ตรัสไว้ว่ามี 16 อย่าง คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง) รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆในจิตอาริยของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์. 

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ) 

2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ) 

3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ) 

4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ) 

5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ) 

6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) 

7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) . 

8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)

9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)  

10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) 

11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) 

12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) จิตคุณถอนอาสวะสิ้น

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) สั่งสมจิตถอนอาสวะ 

14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์) 

15.วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . . 

16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) .

ต้องหมดอาสวะจึงเป็นจิตสะอาดแล้วสั่งสมจิตตั้งมั่น จึงเป็นสมาธิ สุดท้ายก็เป็นวิมุติแล้วเป็นอมตบุคคล ตามมูลสูตร10

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฏก เล่ม 9 ข้อ 135


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 14:39:01 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:53 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:40:16 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

เจโตปริยญาณ 16คือ  วิมุติ อวิมุติ สมาหิต  อสมาหิตะ  อนุตรจิต  สอุตรจิต  ทั้งหมด คือ จิตที่ดีแล้ว  ละกิเลสได้แล้วแต่ไม่สมบูรณ์ส่วนอนุตระคือสมบูรณ์จบโลกุตรจิตเป็นผู้ที่สมบูรณ์แล้วคู่ที่ 3 ถ้าผู้ใดไม่เข้าใจ สอุตระ ทำจิตให้เหนือไม่ได้เป็นเสขบุคคล  ยังทำไม่ได้ผู้นั้นไม่มีทางทำ มหรรคตะ  อมหรรคตะ  เพราะไม่รู้ไม่มีทางรู้จิตที่ละสราคะ สโทสะ สโมหะ  จิตที่เป็น ราคะ โทสะ โมหะ ไม่รู้จะทำให้เป็นวีตราคะ วีตโทสะ วีตะโมหะ ทำไม่ได้  ก็ไม่สามารถมีทางที่จะทำให้เป็น วิกขิตตัง สังขิตตังจิตตัง  เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่มี มหรรคตะ
อมหรรคตะ เพราะฉะนั้น สอุตตระ อุตตระทำไม่ได้  ไม่ต้องพูดถึง สมาหิต วิมุติเลย

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:26:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:19:42 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง) รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆในจิตอาริยของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์.

1. สราคจิต (จิตมีราคะ)

2. วีตราคจิต (จิตไม่มีราคะ)

3. สโทสจิต (จิตมีโทสะ)

4. วีตโทสจิต (จิตไม่มีโทสะ)

5. สโมหจิต (จิตมีโมหะ)

6. วีตโมหจิต (จิตไม่มีโมหะ)

7. สังขิตฺตํจิตตํ (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .

8.  วิกขิตฺตํจิตตํ (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)

9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)

10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)

11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)

12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า)

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)

14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)

15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) 

16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง)

ถ้ารู้สภาวะแล้วก็จะเข้าใจตรวจสอบได้จากเจโตปริยญาณ 16 สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 135


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:17:16 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:39:07 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:39:13 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง)  รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆ ในจิตอาริยของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์

1. สราคจิต (จิตมีราคะ  ก็รู้ว่าจิตมีราคะ)

2. วีตราคจิต (จิตไม่มีราคะ  ก็รู้ว่าจิตไม่มีราคะ)

3. สโทสจิต (จิตมีโทสะ  ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ)

4. วีตโทสจิต (จิตไม่มีโทสะ  ก็รู้ว่าจิตไม่มีโทสะ)

5. สโมหจิต (จิตมีโมหะ  ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ)

6.วีตโมหจิต (จิตไม่มีโมหะ  ก็รู้ว่าจิตไม่มีโมหะ)

7.. สังขิตตจิต [จิตหดหู่  ก็รู้ว่าจิตหดหู่ (หมายถึงสภาวะจิตเกร็ง-  จับตัวแน่น  คุมเคร่งอยู่)]

8. วิกขิตตจิต [จิตฟุ้งซ่าน  ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน (หมายถึงสภาวะ จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)]

9. มหัคคตจิต (จิตเจริญสูงขึ้น  ก็รู้ว่าจิตเจริญสูงขึ้น)

10. อมหัคคตจิต(จิตไม่เจริญสูงขึ้น  ก็รู้ว่าจิตไม่เจริญไม่สูงขึ้น)

11. สอุตตรจิต [จิตมีดีกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก  ก็รู้ว่าจิตมีดีกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)]

12. อนุตตรจิต [จิตไม่มีดีกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก  ก็รู้ว่าจิตไม่มีดีกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า)]

13. สมาหิตจิต [จิตตั้งมั่น  ก็รู้ว่าจิตตั้งมั่น (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)]

14. อสมาหิตจิต [จิตไม่ตั้งมั่น  ก็รู้ว่าจิตไม่ตั้งมั่น (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)]

15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น  ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น)

16. อวิมุตตจิต (จิตไม่หลุดพ้น  ก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น)         

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9 “อัมพัฏฐสูตร” ข้อ 163

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:52:56 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:24:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:38:33 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง) 

รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆในจิตอาริยะของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์. 

1.สราคจิต  (จิตมีราคะ) 

2.วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ) 

3.สโทสจิต  (จิตมีโทสะ) 

4.วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ) 

5.สโมหจิต  (จิตมีโมหะ) 

6.วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) 

7.สังขิตฺตํจิตตํ (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่)  

8.วิกขิตฺตํจิตตํ  (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 

9.มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)  

10.อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) 

11.สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) 

12.อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า)

13.สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) 

14.อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์) 

15.วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . . 

16.อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง)

(พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 135) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 135


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:02:32 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:16 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:38:05 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

สรุปแล้วท่านก็เอามาเรียบเรียงเป็นเจโตปริยญาณ 16 เป็นญาณที่ 5 มีราคะโทสะโมหะ แล้วก็ทำให้มันไม่เป็นราคะโทสะโมหะได้ เรียกว่า วีตะราคะโทสะโมหะ ได้ 6 ข้อแล้ว ผู้ที่ศึกษาเริ่มรู้เริ่มทำได้มันก็จะเกิดเป็น สายเจโตกับปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:20:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:12 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:37:30 )

เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

สรุปแล้วท่านก็เอามาเรียบเรียงเป็นเจโตปริยญาณ 16 เป็นญาณที่ 5 มีราคะโทสะโมหะ แล้วก็ทำให้มันไม่เป็นราคะโทสะโมหะได้ เรียกว่า วีตะราคะโทสะโมหะ ได้ 6 ข้อแล้ว ผู้ที่ศึกษาเริ่มรู้เริ่มทำได้มันก็จะเกิดเป็น สายเจโตกับปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:22:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:31 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:37:09 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์