@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

นักวิชาการเหลี่ยมมุมเยอะ

รายละเอียด

นักวิชาการก็ทำตัวเองเป็นผู้หลงตนเองซับซ้อนว่า ฉันนี่แหละเป็นผู้รู้ รู้ถึงขั้นว่าฉันเป็นครูของนักนายทุนนะ ฉันเป็นครูของศักดินานะ สมัยโบราณเขาก็เรียกว่าเป็นปุโรหิต เป็นอาจารย์ของพระเจ้าแผ่นดิน บางทีก็เรียก ราชครู ก็เป็นครูของราชะ

จากนักวิชาการนี้ตัวกลางเป็นเจ้าของความรู้เหลี่ยมมุมเยอะ ดูรูปที่ทำขึ้นมานายทุน(รูปวงรี) ศักดินา(รูปทรงกลม) นักวิชา(รูปหกเหลี่ยม) ข้าราชการ(รูปสี่เหลี่ยม) พาลชน(รูปหยดน้ำ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:41:00 )

นักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาจึงเป็นคนไม่เหมือนใคร เป็นคนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ ยืนยันให้คุณมาพิสูจน์ มาพิสูจน์ตัวอาตมาว่าความไม่เหมือนใครของอาตมานี้ผิดหรือถูก ตรงตามธรรมะของพระพุทธเจ้าหรือไม่ แล้วอาตมาก็กล้าพูดว่า ไม่ได้ตรงน้อยๆ ตรงอย่างลึกซึ้ง ตรงอย่างมีความสมบูรณ์ สมบูรณ์ไม่น้อยเลยสมบูรณ์เท่าที่อาตมามีความสมบูรณ์ได้ในธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่สมบูรณ์เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นพระพุทธเจ้า เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ย่างเข้าหา 8 ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2566 ( 11:14:26 )

นักวิทยาศาสตร์ทางจิตสร้างพลังงานฌานได้

รายละเอียด

ราคะก็เป็นพลังงานไฟ โทสะก็เป็นพลังงานไฟ โมหะก็เป็นพลังงานไฟ แต่ฌาน เป็นพลังงานที่เหนือชั้นเรียกว่าโลกุตระเหนือชั้นกว่าพลังงานโลกีย์ เหล่านั้น จึงเผาได้เป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าพลังงานราคะ พลังงานโทสะ พลังงานโมหะ

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญญาฉลาดเฉลียวสร้างพลังงานจิต มนสิการ ทำใจในใจของตนเองให้เฉลียวฉลาดให้มีปัญญา ความฉลาด ปัญญา ก็เป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่คิดไม่ออก แต่สร้างได้พระพุทธเจ้าท่านพาทำ สร้างขึ้นมาได้ มันสามารถสลายหรือละลาย ราคะ ละลายโทสะโมหะ ลงไปได้จริงๆเลย พวกเราฟังแล้วพอรู้ไหม ทำได้ไหม ..ทำได้

โอ้โห พวกนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตชั้นยอดเลยนะ สร้างพลังงาน ฌานนี้ได้หรือ เพราะฉะนั้นพวกเดียรถีย์ไม่เข้าใจเรื่อง ฌาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:42:14 )

นักวิทยาศาสตร์รู้แค่การเกิด 3 ประเภทเท่านั้น!

รายละเอียด

ต้องชัดเจนใน“การเกิด 4”ชนิดนี้อย่างสัมมาทิฏฐิ ว่า 

การเกิดใด คือ อย่างไรกันแท้ 

ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ก็รู้ได้เพียง“การเกิด 3”  

การเกิดที่ 4 คือ “โอปปาตกโยนิ” อันเป็น“การเกิดทางจิต

วิญญาณ”นั้นเขายังไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง ดังที่พระพุทธเจ้าทรง

ค้นพบ

เพราะความไม่รู้จัก“การเกิด”คือ“ชาติ” 

และไม่รู้ในความเป็น“ภพ”ของจิต นั่นเพราะไม่มีความรู้

ใน“กรรมนิยาม” ไม่มีความรู้ใน“กรรม”ทั้งหลาย ที่สั่งสมทั้ง

เป็น“อดีต”และที่ยังเป็น“อนาคต”

โดยเฉพาะ“มโนกรรมปัจจุบัน”ว่า เป็น“สัจจะความจริง”ตัวแท้

พระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นให้คนเรียนรู้ความเป็น“มโน-จิต”

ใน“กรรมปัจจุบัน”ให้ได้ จึงจะเป็น“สัจจะความจริง”ของแท้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 86 หน้า 95


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 19:00:19 )

นักวิทยาศาสตร์ไม่ชัดเจนเรื่องนิยาม 5

รายละเอียด

        นักวิทยาศาสตร์ไม่ชัดเจนเรื่องนิยาม 5เขาทำไม่ได้หรอกมันได้แค่สัตตาวาส กลายเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ทำจิตให้เป็นพืชเป็นอุตุไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ได้มีการสัมผัสสัมพันธ์ครบ ทั้งอุตุ ดินน้ำไฟลมภายนอก ทั้งจิตที่มันเริ่มปรุงแต่งระดับพืช แล้วก็ปรุงแต่งระดับจิต ผู้รู้ทั้งอุตุ จิต พีชะ แล้วมันมีการเชื่อมโยงต่อกันอย่างไร แล้วก็จัดกรอบปริจเฉทขนาดได้ นั่นคือผู้ปฏิบัติเรียนรู้กรรมนิยามแล้วก็ทำให้เกิดการเป็นธรรมนิยาม พระอรหันต์สามารถทำให้จิตเป็นอุตุได้ ในจิตนะ ทำให้จิตเป็นจิตได้อุตุได้ พีชะได้ ให้ทรงอยู่เป็นธรรมะโดยกรรมการกระทำ แม้ในที่สุดทำให้ตายเป็นปรินิพานเป็นปริโยสานก็ทำให้จิตแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมได้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้าที่สามารถทำจิตของตัวเองให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆจึงเป็นผู้ที่สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ถ้าผู้ไม่มีความรู้จะเข้าใจอย่างนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่รู้ว่าอุตุเป็นอย่างไร พีชะเป็นอย่างไร จิตเป็นอย่างไร เราต้องปฏิบัติถึงขนาดทำให้จิตของเราเป็นอุตุธาตุได้  ก็ต้องศึกษา ต้องเกี่ยวข้องกับโลกต่างๆ เช่นโลกอบาย ที่คุณเคยเป็นเคยมี ถ้าไม่เคยเป็นเคยมีก็เอาอย่างที่ยากที่สุดของคุณนั่นแหละ ปฏิบัติธรรมนั้นมันก้าวหน้าอย่างไร แต่ก่อนอย่างนี้มันจะต้องเสพติดอยู่ไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง แล้วได้เป็นสวรรค์เป็นนรกกันอยู่เดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้วเดี๋ยวนี้มีหิริโอตตัปปะ เข้าใจแล้วมีศรัทธามีปัญญาเข้าใจแล้วไม่สุขไม่ทุกข์กับมันแล้ว ถึงสัมผัสเดี๋ยวนี้ก็ไม่สุขไม่ทุกข์ นั่นคือจิตใจของคุณหลุดพ้นมาจากโลกที่ต่ำของคุณเป็นโลกอบายมุขมันมีไหมล่ะ คุณตรวจสอบตัวเองว่ามันมีไหม คุณจะรู้ว่าเช่นนี้เองคือจิตใจมันเป็นอุตุแล้ว ไม่ปรุงแต่งกับมันแล้ว มันจะรู้จักความจริงตามความเป็นจริงเป็นธาตุจิตที่สัมผัสแล้วก็รู้เข้าใจอันนี้เป็นพีชะอันนี้เป็นอุตุ แม้พืชเป็น
พีชะตัดจากต้นมันจะว่ามันเป็นพืชก็ไม่ได้แล้ว หมดชีวะแล้ว เป็นอุตุ มีแต่จะสลายเป็นอุตุ หากไม่มีเหตุปัจจัยให้มันไปต่อได้บางอย่างก็อาศัยน้ำอาศัยอากาศก็แล้วแต่พืชบางชนิด แต่ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยมันก็สลายเป็นอุตุไป แต่ถ้ามันยังมีเหตุปัจจัยอยู่มันต่อเนื่องอยู่ยังมีรากก็ยังมีต้นก็ยังมีใบก็ยังมีมันก็เจริญตามลักษณะของพีชะของมัน

หากทำจิตให้เป็นพีชะ จิตก็ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่เป็นเกณฑ์ของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าตรัสให้เราทำจิตให้เป็น พีชะได้ อันใดที่แยกได้เป็นอุตุก็ทำได้ อันใดทำให้เป็นพีชะได้ก็อาศัยทั้งอุตุทั้งพีชะได้ ก็สำเร็จมีกรรมมีธรรมะเป็นอรหันต์ 

พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอด แล้วทำได้จริงๆ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์จะต้องมีความเป็นจริงอย่างนี้ พระอรหันต์ พูดอธิบายสภาวะที่ไม่สุขไม่ทุกข์แล้วแล้วก็อาศัยชีวิตนี้มีอยู่เป็นอยู่เท่านั้นเองเรื่องดีชั่วนั้นเข้าใจแน่นอนแล้วเรื่องความสุขความทุกข์นั้นไม่มีแล้ว  พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากแยกธาตุที่อยู่ในตัวจิตใจคนแล้วจัดการควบคุมได้ด้วย 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:54:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:00:06 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:08:37 )

นักศึกษาหลงยุคถูกหลอกให้สนใจสิ่งใหม่

รายละเอียด

ก็ขอเห็นด้วยกับคุณว่า นักศึกษานักเรียนหลงยุคหลงสมัยหลงสิ่งใหม่ สิ่งใหม่นั้นยังไม่ได้ยืนยันพิสูจน์เลยว่ายังใช้งานได้หรือไม่ ขี้โม้เอาไว้ อะไรใหม่ๆเขาก็บอกว่าน่าลองเป็นแฟชั่นโชว์ แต่ของที่เขาใช้มาแล้วเป็นประโยชน์มีของจริงรองรับแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจมันเป็นอคติที่เขาไม่ชอบ เขาอยากได้แต่สิ่งใหม่นี่แหละคือพวกวัยรุ่นเกิดมาใหม่อยากได้ของใหม่ ทั้งที่ทุกคนผ่านมากันหมดแล้ว มันก็จะหลงเป็นสัญชาตญาณสามัญของปุถุชน ธนาธรเขาก็ใช้สิ่งเหล่านี้มาครอบงำ เป็นสัญชาตญาณเก่าของสัตว์โลก ธนาธรเอาพยัญชนะบอกว่าว่านี่เป็นของใหม่ด้วยโวหารวาทะ สิ่งที่สร้างภพชาติมาโดยไม่ได้ผ่าน ความจริงเป็นตัวหลอก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:29:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:12:23 )

นักศึกษาเขาไม่มีภูมิธรรม

รายละเอียด

พวกคุณฝันมากไปหรือเปล่า เขาจะรู้จักว่าพระโพธิรักษ์มีอะไรให้เขาหรือ ให้มาขอคำปรึกษา คนพวกนี้พูดก็พูดเถอะ เขาไม่มีภูมิธรรมที่จะรู้จักความสงบเรียบร้อยเพื่อจะไปชุมนุมอะไรหรอก เขามีแต่ระวังไว้ว่ามันจะเลยเขตกฎหมายและจะถูกจับเขาระวังเท่านี้แหละ เขาไม่ได้ระมัดระวังเพื่อจะให้สงบหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:01:30 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:15:18 )

นักสร้างภาพ

รายละเอียด

คนเราจะสร้างภาพให้ตัวเองโดยการทำสิ่งที่ดีงาม เขาจะสร้างภาพเขาจะเจตนาสร้างภาพเพื่อให้คนยอมรับนับถือ เขาจะสร้างภาพอย่างนั้นมันเลวไหม มันเลวอย่างไร คนจะพยายามเจตนาตั้งใจที่จะทำดี ใครจะอยากให้คนเห็นว่าเราทำดีก็ไม่เป็นไร แต่เราทำกรรมทุกวินาที ทุกกรรมกิริยาที่เราทำมันเป็นสิ่งที่ดี ๆๆๆๆ มันควรจะอนุโมทนาให้กัน เขาจะสร้างภาพอย่างที่ดีมันก็ดีแล้ว ทำไมจะต้องไปว่าเขา แต่ถ้าเขาทำไม่ดีมันก็ไม่ดี หรือเจตนาจะสร้างภาพเลว จะบ้าเหรอ อาตมาขอวิจัยวิจารณ์ คนเราช่างหาเรื่องมาด่ามาว่า กระแนะกระแหน จะตำหนิคนต่างๆนานา อย่างนั้นเป็นจิตใจที่เลวทราม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:33:34 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:38 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:18:22 )

นักสังขารที่เลวร้ายที่สุดในโลก

รายละเอียด

นักออกแบบ เขาออกแบบอะไร ออกแบบอาวุธออกแบบการสร้างอำนาจ นี่ เป็นนักสังขารที่เลวร้ายที่สุดในโลก แล้วเขาก็ยังทำอยู่ด้วยความไม่รู้ด้วยอวิชชาอยู่ นั่นคือนักสังขาร เดี๋ยวนี้เต็มไปหมดไม่ว่าใครต่อใครยิ่งใหญ่ทั่วโลก พูดตรงนี้แล้วอาตมาระลึกถึงอังกฤษ อังกฤษเคยเป็นประเทศที่บ้าล่าอาณาจักร เป็นประเทศที่พื้นที่ไม่ใหญ่แต่สามารถล่าอาณาจักร บ้ามาเก่า แต่ทุกวันนี้เขาสำนึกแล้ว คืนไป เหลือไว้นิดหน่อยๆเพราะประเทศเขาไม่มาก เขาก็เลยมีบ้าง แต่ประเทศที่เขายอมรับ ยอมรับต่อ King ต่อ Queen ต่อกษัตริย์ พระเจ้าแผ่นดิน เขาก็ไม่มีปัญหาเต็มใจที่จะเป็นอาณานิคม เขาก็เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขายอมรับนับถือว่ามีคุณธรรมสูง 

ที่นี้ทางมนุษยชาติ ดีขึ้นทางเรียกว่าโลก แต่ไปหลงทางอัตตา ทางนามธรรม กลายเป็นเรื่องนามธรรม พิธีกรรม จะเห็นได้ว่าอย่างอังกฤษ ทางโลกเขาดีขึ้นมากเลย ไม่ไปรุกรานไม่ไปบ้าบอเหมือนประเทศอื่นๆแล้ว เพราะสำนึกแล้ว ก็เลยไปหนักทาง อัตตาทางศาสนา ทางศาสนา ทางอัตตาของเขานี่ อาตมาเห็นพิธีการของควีน น่าสงสาร เป็นภาระขนาดนั้น ข้าราชการทั้งประเทศ ต้องมีกิจร่วมอันนี้ทั้งหมดเลย ทั่วประเทศ แล้วก็โอ้โห มีรูปแบบมีพิธีการอะไรต่ออะไร น่าเห็นใจ เหน็ดเหนื่อย แค่พูดก็เหนื่อยแล้ว พูดไม่หมด 

ขอสรุปเองนิดหน่อยว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้สิ่งที่สุดยอด ถ้าจะรู้ดีหมด ถ้าจะอยู่ก็อยู่ดีหมด สุดท้ายอนัตตาแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:26:09 )

นักสู่รู้ กับคำว่าลดคนลดหนี้และเพิ่มคนเพิ่มหนี้

รายละเอียด

ถ้ายิ่งไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ก็ยังมีหนี้มากขึ้น คือ เอาแค่ภาษามาคิดแต่เรื่องความเป็นจริงที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเป็นจริง ดูเหมือนเป็นวาทกรรมที่ดูเหมือนเท่ๆเฉยๆ มันก็คิดได้สารพัดเป็นโลกจินตา เดี๋ยวนี้มีเยอะ แล้วคนก็เมาสิ่งเหล่านี้ไป ทั้งนั้นแหละ อาตมาว่าภาษาที่ปรุงแต่งมาว่ากันไป ต่างคนต่างเข้าใจกันไป 

นึกถึงศัพท์คำหนึ่ง มันกลายเป็น นักสู่รู้ เป็นคนสู่รู้ ทำเป็นคนอวดรู้ รู้ดี อวดรู้เยอะ มีเยอะ ฉะนั้นมันถึงเละเทะ มีอะไรอะไรออกมาคนแสดงความสู่รู้ จริงๆมันเป็นไปไม่ได้มีเยอะแต่สู่รู้ออกมาเท่านั้น ดูเท่ๆ ดูประหลาดมหัศจรรย์เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 22:09:59 )

นักเขียนทางธรรมะ

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาชาตินี้ชอบเขียนหนังสือ แต่ก่อนนี้เขียนหนังสือออกมาต้องได้พิมพ์ ถ้าไม่ได้พิมพ์ก็ไม่รู้ว่าเป็นนักเขียน แต่เป็นนักเขียนนี้เขียนออกมาต้องได้ตีพิมพ์ เป็นหนังสือพิมพ์คอลัมน์นิตยสารรายสัปดาห์ก็ยิ่งดีถือว่าเป็นนักประพันธ์นักเขียนในบรรณโลกกับเขา

เขียนไปเขียนมาเราก็ไม่ได้เขียนไปทางกว้างอย่างโลกเขา แต่มาเขียนทางธรรมะ แล้วเขียนไปเขียนมาเจ้าประคุณเอ๋ยพิมพ์ออกมาไม่รู้กี่ล้านเล่มแล้ว เรื่องไม่รู้กี่เรื่องแล้ว เขาทำลิสต์มาถึง พ.ศ. 2560 เอง

จำนวนหนังสือที่ยังไม่ได้รวบรวมหมดนะ เขารวบรวมมาได้แค่ 1,638,589 เล่ม แต่ตอนหลังๆมาพิมพ์ทีละเยอะๆทีละหมื่น 1,638,589 เล่ม รวมสุทธิ สมัยเป็นฆราวาสถึงปัจจุบัน แล้วก็พิมพ์ออกไป ส่วนกี่เรื่องกี่เรื่องนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

มากกว่าร้อยเรื่องเป็นหลายร้อยเรื่องหลายร้อยเล่ม หลายชื่อเรื่อง เทศน์นี่ไม่ต้องพูดเลย จนกระทั่งไม่มีที่เก็บแล้วแต่เขาก็เก็บกันอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:23:21 )

นักเรียนชาวอโศกไม่เคยมีใครตกยุคหรือไม่ทันโลก

รายละเอียด

การที่จะใช้เงินเก่งใช้โทรศัพท์เก่งมันไม่เก่งจริงหรอก ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเราจะใช้ไม่เป็นที่นี่ไม่ให้เกิดความฟุ่มเฟือยเกิดความเสียประโยชน์อะไรหลายๆอย่างก็ยังไม่ถึงวัยที่จำเป็นจะต้องใช้ขนาดนั้น การใช้สื่อสารอะไรต่างๆที่เราจะใช้มันก็พอแล้วเงินก็ไม่ต้อง ก็สมควรแก่ฐานะ ก็อยู่มานี่ตั้ง 20 กว่าปีมาแล้วทำโรงเรียนมา นักเรียนชาวอโศกไม่เคยมีใครตกยุคหรือไม่ทันโลกไม่มี แต่ก็กลัวกันจังว่าจะไม่ทันโลก 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:11:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:19:40 )

นักเรียนที่จบจากอโศกแล้วจะเป็นเช่นไร

รายละเอียด

เขาจะมีความรู้ที่ว่าเขาออกไปอยู่กับโลกเขาจะประพฤติในสิ่งที่ดีที่งามให้แก่โลก เขาจะแยกออกว่า โลกส่วนใหญ่ที่เขาฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย เสียหายเป็นทุกข์ร้อนเขาจะรู้จักจากที่นี่ เมื่อออกไปอยู่ข้างนอกเขาก็จะประพฤติใช้ชีวิตกับสิ่งที่เขาเข้าใจแล้ว เขาจะรู้ความสูญเปล่าความไร้สาระที่โลกเขาหลงกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงอยู่กับข้างนอกได้อย่างประหยัดได้อย่างไม่สูญเสียไม่ฟุ่มเฟือยหลงโลกจนเกินเลยไป เขาจะเป็นผู้อยู่ในเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ที่ดี เป็นเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับท่าน Lopen Gembo Dorji แห่งภูฏาน เรื่อง การพัฒนาโรงเรียนและการวางรากฐานพุทธศาสนาในระดับมัธยมศึกษา วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ลานหินนั่งหน้าน้ำตกบวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 20:08:45 )

นักเรียนสัมมาสิกขาของชาวอโศกต้องทำนาเป็น

รายละเอียด

ซึ่งเป็นเรื่องสามัญของคนไทยโดยเฉพาะพวกที่ไม่กินเนื้อสัตว์และก็คนควรจะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่เราก็ไม่ไปพูดมากพูดมาขนาดนี้อุ่นใจสบายใจแล้ว เราได้รณรงค์เรื่องมังสวิรัติเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์มา ตั้งแต่บวชมา ก่อนบวชก็เริ่มมาแล้วเพราะว่าอาตมากินมังสวิรัติตั้งแต่ก่อนบวชจนถึงมาบวชจนมาถึงทุกวันนี้ 50 กว่าปีแล้วเพราะฉะนั้นผักพืช พืชพันธุ์ธัญญาหารจึงเน้นและพยายามสอนแม้กระทั่งสร้างไปตั้งแต่ชีวิตของเด็กให้ลงไปปลูกพืชผักอย่างน้อยต้องทำนาเป็น จะเห็นได้ว่าโรงเรียนของสัมมาสิกขาของชาวอโศกเด็กๆทุกคนได้ลงแปลงนาได้ลงทำนาจะทำอะไรก็แล้วแต่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งที่พอทำได้จะเป็นการขุดการไถก็ตาม ตั้งแต่ต้นกล้า ถอนกล้า การปักดำ จนกระทั่งเก็บเกี่ยว แม้กระทั่งที่สุดพืชที่จะมาทำเป็นอาหาร พริกมะเขือข่าตะไคร้อะไรต่างๆที่พูดไปเมื่อกี้นี้ เป็นผักกาดผักคะน้าหรือเป็นผักพื้นบ้าน ที่บ้านราชฯ อาตมาเน้น ผักตาโก้ง เขาเรียกผักเบี้ย หรือเรียกอีกหลายชื่อ มันมีเยอะจริงๆแล้วก็กินดีโดยเฉพาะเอาไปดองคนมีฝีมือเอาไปดองอาตมาว่าชั้น 1 อาตมามาตั้งชื่อให้ใหม่ว่าผักกินดี ก็พยายามแนะนำมา แม้แต่ในบ้านราชฯก็ไม่ค่อยจะกินกันเท่าไหร่เพราะว่ามันมีผักอื่นอุดมสมบูรณ์ อันนี้เขายังไม่ชินก็เลยไม่กิน แต่ถ้าไม่มีอะไรก็กินกันได้มันก็กินดีอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 10:47:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:02:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:22:36 )

นักเศรษฐกิจชั้น 1

รายละเอียด

เศรษฐกิจที่ดี คือเศรษฐกิจ ขอขยายกว้างขึ้น ถ้าประเทศไทย เป็นประเทศที่พออยู่พอกิน ตามในหลวงตรัส เราไม่ต้องรวยแต่เราก็พออยู่พอกิน และสามัคคีอะลุ่มอล่วยกัน ทำกินใช้แบ่งแจกกันไป ทั้งประเทศไม่ต้องรวย การไม่ต้องรวยนี่คือนักเศรษฐกิจชั้น 1 คือ 1. เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ 2. เป็นคนที่ขยัน เพราะฉะนั้น 2 อย่างนี้เท่านั้นแหละเป็นความรู้ความสามารถ รู้ว่าอะไรควรสร้างทำ แล้วก็มีความสามารถในการสร้างและทำได้มากด้วย และก็ขยันทำด้วยจึงเกิดผลผลิตเยอะ เมื่อได้ผลผลิตเยอะ ก็ต้องรวยใช่ไหม แต่จะไม่ยอมรวย จะสะพัดผลผลิตออก จะขายให้ถูก ถึงกับแจก จึงเป็นนักเศรษฐกิจมือหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:49:49 )

นักเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 คือใคร

รายละเอียด

เศรษฐกิจดีก็คือ คนมีคนดีๆ คนที่ประเสริฐคนชั้นสูงเรียกว่าคนมีวรรณะ The Classic เป็นคนชั้นสูงแต่ไม่ได้เป็นชั้นวรรณะที่เป็นพราหมณ์  กษัตริย์  แพศย์ สูตรอย่างนั้น แต่เป็นวรรณะ 9 เป็นคนมักน้อย สันโดษ ใจพอ เป็นคนมีศีลเคร่ง ธูตะ มีอาการหน้าเริ่มใส ไม่สะสมยอดขยัน คุณสมบัติ 9 อย่างนี้อยู่ในคนแต่ละคนมากหรือน้อยก็แล้วแต่ คนที่มีคุณสมบัติ 9 อย่างนี้เต็มครบก็ยิ่งสูงสุดประเสริฐเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 อยู่ในนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:38:57 )

นักเศรษฐศาสตร์ชั้นยอด

รายละเอียด

เพราะความต้องการหรือการอาศัยใช้ของคนแต่ละคน มันนิดเดียว มันไม่มากเลย มันไม่มาก แต่คนที่ยังไม่ละไม่ลด มันก็มากสิ น้อยลงๆก็ดี สำส่อนมากก็เลอะ แม้คุณยังติดยังยึดอยู่ ในรูปก็ตาม ในเสียงก็ตาม ในกลิ่น ในรส ในสัมผัสเสียดสี โผฏฐัพพะ ก็ตาม มันก็ต้องมีความจริงและความเป็นจริงที่ต้องอาศัยเท่านั้น คนพวกนี้ก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐกิจที่ไม่แย่ง ไม่ชิงใคร อาศัยแต่พอตัว นิดเดียว 

แต่คนมีสมรรถภาพทำงานสร้างเครื่องกินเครื่องใช้ เครื่องอาศัยได้มากกว่าที่ตนเองกินใช้ หรือแม้แต่จะไม่ทำหน้าที่สร้างปัจจัย 4 ไม่สร้างปัจจัยที่กินใช้อาศัยโดยตรง สร้างอื่นๆที่ทดแทนกัน เพราะความถนัดมันคนละอย่างก็แบ่งกันไป ถ้ามีความรู้อันนี้ด้วยมันก็ไม่ไปลบหลู่ ไม่ไปรังเกียจผู้สร้างปัจจัย 4 ชาวไร่ ชาวนา สร้างเครื่องของกิน ไม่ลบหลู่ จะเห็นคุณค่า จะเห็นว่าตลอดชีวิตเราต้องพึ่งพาสิ่งนี้ 

คนสร้างลูกระเบิดเก่ง สร้างคอมพิวเตอร์เก่ง สร้างอะไรเก่ง คุณอยู่ไม่รอดหรอก ถ้าคุณไม่มีพืชพันธ์ุธัญญาหารกิน แล้วคุณก็ไม่กินแต่พืชพันธุ์ธัญญาหารเท่านั้น คุณกินสัตว์ ให้มันเป็นวิบากเยอะแยะเพราะคุณไม่รู้เรื่อง คุณก็มีกรรมมีวิบากไป แค่ความรู้เรื่องสัตว์ที่มีกรรมมีวิบาก ที่จะต้องเป็นอะไร ฆ่าแกงกันอยู่นี่ เป็นกรรมวิบากทั้งนั้น 

ในเมืองไทยมีกลุ่มชาวอโศก ที่จะเห็น จะรู้ความจริงในเรื่องของสิ่งที่เขายังไม่หยุดกัน เราหยุดแล้ว แต่เขาสิยังไม่หยุด เราจะเห็นชัดๆเมื่อเราชัดเจนในเรื่องชีวิตมันไม่ได้ไปรบกวน มันไม่ได้ไปต้องการอะไรมากเลย 

เพราะฉะนั้นคนที่เป็นนักเศรษฐกิจหรือเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นยอด ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมาก ชีวิตน้อยๆ ชีวิตจนๆ ชีวิตถูกๆ  แต่มันอุดมสมบูรณ์ เพราะเราเอาน้อย แล้วเราขยันมาก เรามีการสร้างสรรมาก มันก็อุดมสมบูรณ์ มันก็เหลือเฟือ แล้วยิ่งมีคนรวมกันเยอะแยะ นักเศรษฐกิจชั้น 1 ทั้งนั้นเลยที่นี่(พ่อครูชี้ไปโยมทั้งหลายที่นั่งฟัง) มีวรรณะ 9 กัน มันเลยรวย อโศกรวย แต่อโศกจน 

อโศกรวย แต่อโศกจน จนคือ ไม่ได้สะสม ไม่ได้มีอะไรมาก แต่มันมีเหลือเฟือ มันกินก็เหลือเฟือ  ใช้ก็เหลือเฟือ 

สมบัติของอโศก ท่านหินจริงเหนื่อย เหนื่อยเก็บ เป็นขยะเละเทะ ทิ้งขว้างเยอะแยะ ถ้าคุณสมไทยมาเห็นเข้าบอกว่าเงินทั้งนั้น ทำไมอโศกนี่เละเทะจังเลย ท่านหินจริงเก็บอยู่คนเดียว ไม่หวาดไม่ไหว คุณสมไทยเห็นเขาก็บอกว่าเงินทั้งนั้น ไปเก็บไปขายหมด เศษกระดาษ เศษพลาสติก เหล็ก แม้แต่เศษอะไรต่อเศษอะไรต่างๆ เอาไปแยกขาย ทำกันเป็นแผนกๆ  

อาตมาอธิบายยังไม่เก่ง พูดแล้วยังไงก็สรุปไม่ลงสักที แต่พวกคุณนี่แหละเป็นตัวอย่างที่เข้าใจแล้วก็ทำตนให้มาเป็นตัวอย่าง ได้ขนาดนี้อาตมาก็พอใจแล้วในชาตินี้ พอใจที่สามารถปฏิบัติทำได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:31:45 )

นักเศรษฐศาสตร์ที่ดีของพุทธ

รายละเอียด

สุโปสะเป็นคนทำให้เจริญได้ง่าย เป็นคนมีน้อยๆได้ มักน้อยหรือชอบมีน้อยๆ ไม่ใช่ชอบมีมากๆ ชอบมีน้อยคืออัปปิจฉะ อาตมาแปลว่ากล้าจน มีน้อยๆก็สบายแล้วอย่างเจ็กเอี๋ยว แต่ก่อนอยู่บ้านที่สวนยาง พอไม้ร่มมาอยู่ เจ็กเอี๋ยวก็ออกมา มาอยู่เมรุ อยู่หัวเรือท้ายเรือกับสังวร เจ็กบอกว่าให้คนมีครอบครัวเขาอยู่บ้านเถอะ อาตมาตั้งชื่อว่าบ้านโลงพัก มีเพียงแค่นี้พอ ก่อนจะพอก็มักน้อย ที่มากก็เผื่อไว้แล้วจำเป็นแค่นี้แล้วตัดขีดพอ นอกนั้นตัดออก สังคหะ ช่วยคนอื่น ไม่สะสม อปจยะ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ดีของพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:12:26 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:24:28 )

นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร

รายละเอียด

เรื่องนี้นี่กระเทือน อาตมาว่าเป็นพฤติการณ์ที่.. พฤติการณ์ทักษิณนี่แหละ พฤติการณ์ของทักษิณที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โอ้โห จิตมนุษย์นะ จิตใจคน ได้รับการกระทบ มันรู้สึกสะเทือนใจไปในเชิงที่มัน โอ้หนอ โลกนี้ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้อะไร 

บันทึกลงไปในราชกิจจานุเบกษาเลยว่า เขาเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ซึ่งเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่เคยมีใครได้รับบันทึกในราชกิจจานุเบกษาเลย บางคนได้รับการอภัยโทษ แต่ไม่มีบันทึกลงไปในความผิดของตัวเองว่าเป็นนักโทษเด็ดขาด เป็นคนแรก ก็คงจะมีคนเดียวในยุคปัจจุบันนี้ ยุคนี้ทั้งยุค คงจะหาคนที่ 2 ไม่ได้หรอก ที่ชัดเจนลงไป นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร Article นำหน้าบอกว่า นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร ได้รับยศใหม่ ตามที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้า เห็นได้ว่าโอ้โห มันสุด มันทำให้สะท้อนเห็นพระเมตตาของในหลวง โอ้โห คนที่สุด ให้อภัยต่อคนที่แย่ขนาดนั้นเป็นนักโทษเด็ดขาด 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 18:50:26 )

นัจจะ

รายละเอียด

ท่าทางลีลา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 17:09:07 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:14:44 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:38:44 )

นัจจะ

รายละเอียด

1.การแสดงออกทางท่าทางลีลา 

2.ท่าทีลีลาของอิริยาบถทางกาย , แสดงท่าทีลีลา

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 78

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45,85


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:06 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:28:38 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:37:07 )

นัจจะ

รายละเอียด

คือ  ท่าทาง

คำอธิบาย

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:28:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:18:05 )

นัจจะ คีตะ วาทิตะ

รายละเอียด

ท่าทาง – สุ้มเสียงสำเนียง – คำพูด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 209


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:53 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:29:13 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:40:00 )

นัจจะ คีตะ วาทิตะ

รายละเอียด

อาตมาพูดนี้เป็นภาษาธรรมะทั้งนั้น แล้วเป็นภาษาธรรมะที่พยายามที่จะใช้โวหารสำนวนลีลา นัจจะคีตะวาทิตะ นัจจะ คือท่าทาง อาตมาออกมือออกไม้มาเท่านี้แหละ ที่เขาว่าไม่สุภาพ ก็ไม่ถึงกับออกอะไรมากมาย คีตะ คือ สำเนียงสุ้มเสียงก็อย่างนี้แหละ สำเนียงสุ้มเสียงดัง เน้น ก็อย่างนี้แหละ วาทิตะคือ คำที่สรรหามาพูด อย่านึกว่าอาตมาพูดง่ายๆนะ อาตมาพูดนี้ไม่ง่าย อาตมาสรรหาคำมาพูดนะ อย่างนักกวีก็สรรหาคำมาพูด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:46:54 )

นัจจะ คีตะ วาทิตะ ของพ่อครูจริงใจตามภูมิ

รายละเอียด

อาตมาเป็นคนหลุกหลิก ไม่สำรวมกิริยาท่าทาง จริงใจก็ออกไปตามปกติให้เป็นสามัญเป็นคนไม่ดัดจริต ไม่ต้องมีดราม่าติกไม่ต้อง เต๊ะท่า ทำเป็นผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน แสดงออกไปให้มันตรงๆตาม นัจจะ คีตะ วาทิตะ นัจจะ คือ ท่าทางลีลา ถ้าท่าทางลีลาที่เป็นกิเลสก็จะแสดงอีกอย่าง แสดงท่าทีบู๊แหลก หรือคีตะก็เล่นเพลงมอมเมา คีตะคือสุ้มเสียงสำเนียง วาทิตะคือภาษาคำพูดที่เลือกเฟ้นมา ผู้ด่าก็เลือกมา พวกมิจฉาทิฏฐิอบายมุขก็เฟ้นมาอย่างหนึ่ง ส่วนคนดีก็เฟ้นอีกแบบ ส่วนพวกปรุงแต่งแบบฟรุ้งฟริ้งก็อีกแบบ คนที่จะแสดง นัจจะ คีตะ วาทิตะ ก็แสดงตามภูมิ อาตมาก็แสดงตามภูมิ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ปัญญาวิมุติกับพระพุทธเจ้านั้นต่างกัน


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:11:27 )

นัจจะคีตะวาทิตะ

รายละเอียด

Nuclear Fission อาศัยรังสีแสดงออก เป็นพลังงานก็ใสสะอาดบริสุทธิ์ อย่างอาตมาแสดงพลังงานที่ออกไปกระทบแก่คนอื่นเป็นพลังงานบริสุทธิ์สะอาดเป็น fission แม้อยู่ในตัวเองที่แสดงออกเป็น nuclear fusion ก็สะอาดบริสุทธิ์ ปริสุทธาปริโยทาตา  มีมุทุภูตธาตุ ปรับเร็วไว ทำงานอยู่ก็ยังบริสุทธิ์สะอาด กัมมัญญา ทำงานด้วยจิตที่มี มุทุคุมกำกับ สะอาดบริสุทธิ์อยู่ตลอด อาตมาแสดงเหมือนคนมีกิเลสเหมือนคนมีความโกรธเหมือนมีคนมีความดุดัน ที่จริงเมตตา ใครมองเมตตาอยู่ในภาษาแสดงออก นัจจะคีตะวาทิตะของอาตมาบ้าง...ยกมือ ไม่ง่าย ขนาดพวกเราเอง ข้างนอกไม่ประสีประสาหรอก เรียกว่าพวกลืมตายังมืดเลย เรียกว่าคนลืมตายังมืดเลย คือ สติของเขาไม่เต็มสตางค์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์2562


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:17:09 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:19:46 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:39:40 )

นัจจะคืออะไร

รายละเอียด

นัจจะ คือท่าทางที่จะแสดงออกมาทั้ง กายวิญญัติ คือเคลื่อนไหวออกมาข้างนอกให้เห็นทั้งหมด กายวิญญัติ มันจะเห็นเลยว่าคนที่ไม่มีแรง มันแก่เป็นคนแก่ อาตมาเห็นว่าอาตมายังไม่ได้แก่ แต่เขาหาว่าอาตมาดิ้น แสดงธรรมไม่สุภาพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:17:10 )

นัตถัญโญ

รายละเอียด

1. ไม่มีทางอื่น

2. ไม่เป็นอื่น 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 173

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 152


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:26:55 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:30:12 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:42:11 )

นัตถิ

รายละเอียด

ไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 353 , ทางเอก ภาค 3หน้า 164 , 267


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:43 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:31:37 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:42:34 )

นัตถิ ฌานัง อปัญญัสส ปัญญา นัตถิ อฌายโต ยัมหิ ฌานัญจ ปัญญา จ สเว นิพพานสันติเก

รายละเอียด

ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา  ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน  ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด  ผู้นั้นแล อยู่ในผู้ใกล้นิพพาน

หนังสืออ้างอิง

จากชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉ.265


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:52 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:32:39 )

นัตถิ ทินนัง

รายละเอียด

1. ทานที่ให้แล้วไม่มีผล 

2. ทำทานกันอย่างไม่มีผลโลกุตระ 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 112 , ค้าบุญคือบาป หน้า 174

 


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:45 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:13:22 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:42:57 )

นัตถิ ปัญญา สมาอาภา

รายละเอียด

แสงสว่างให้สว่างแค่ไหนก็เทียบเท่าปัญญามิได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 96


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:29 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:15:19 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:43:18 )

นัตถิ ปิตา

รายละเอียด

บิดาไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:14 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:15:51 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:43:37 )

นัตถิ ปโร โลโก

รายละเอียด

โลกหน้าไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:32 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:16:23 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:43:54 )

นัตถิ มาตา

รายละเอียด

มารดาไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:56 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:17:05 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:44:11 )

นัตถิ ยิฏฐัง

รายละเอียด

ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 112


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:33:43 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:17:35 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:44:28 )

นัตถิ สัตตา โอปปาติกา

รายละเอียด

สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:49 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:18:06 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:44:49 )

นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง

รายละเอียด

ไม่มีสุขอื่นใดจะเทียมเท่าสุขที่เป็นไปอย่างสงบ อย่างเย็น อย่างไม่ดีดดิ้น อย่างไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 301


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:38 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:18:43 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:45:08 )

นัตถิ สุกต ทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก

รายละเอียด

ผลวิบากของกรรมที่ทำดี-ทำชั่วไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 112


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:25 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:19:22 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:45:24 )

นัตถิ หุตัง

รายละเอียด

สังเวยที่บวงสรวงแล้วไม่มีผล

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 112


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:46 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:19:57 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:45:42 )

นัตถิ อยัง โลโก

รายละเอียด

โลกนี้ไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:27 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:20:30 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:45:59 )

นัตถิ อุปมา

รายละเอียด

1. เปรียบไม่ได้กับอะไร , เป็นภาวะที่เปรียบกับอะไรไม่ได้อีกแล้ว , ไม่มีอะไรจะเปรียบ

2. สิ้นสุดการเปรียบเทียบ

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 192 ,197

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 339


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:31 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:21:20 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:46:24 )

นัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญจ โลกัง ปรัญจ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ

รายละเอียด

สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้าได้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลก ไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:29 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:21:58 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:46:53 )

นัตถิกทิฏฐิ

รายละเอียด

1. ความเห็นที่ว่าอะไร ๆ ก็ถือว่าไม่มี , อะไร ๆ ก็ไม่มีจริงหรอก

2. ความเห็นว่าอะไรไม่จริง แม้แต่บาปบุญก็ไม่มีจริง

3. คือมิจฉาทิฏฐิ 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 339 , 550

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 73

ทางเอก ภาค 3 หน้า 540


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:41:57 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:23:03 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:47:19 )

นัตถิกทิฏฐิ คือผู้มิจฉาทิฐิมีโทษอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังเข้าใจไม่ได้อย่างคุณเดชา อัมพร หรือวรวุฒิ สีแก้ว เข้าใจดีๆ โดยเฉพาะคุณเดชา อัมพร ที่มีความคิดแบบนี้ นัตถิกทิฏฐิ คือผู้ที่มีมิจฉาทิฐิชนิดหนึ่ง ที่ยึดถือว่าอะไรๆ ก็ไม่มี ไม่เป็น เป็นความเข้าใจ เป็นความยึดถือชนิดหนึ่ง ว่าไม่มีไม่เป็นทั้งนั้น มีแต่สมมุติ สมมุติอย่างเดียว เป็นสมมุติสัจจะ ยังไม่มีปัญญารู้ในเรื่องปรมัตถสัจจะเลย คุณคนนี้ ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าถึงจิต มองออกข้างนอก มองอะไรเป็นสมมุติหมด บอกว่าทุกอย่างเป็นสมมุติ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกอย่างอนัตตาไม่มีตัวตน คุณกินก็เป็นตัวตนนะ คุณนุ่งห่มก็เป็นตัวตนนะ เพราะถ้าสุดโต่งไปมากก็จะกลายเป็นพวกเชน 

เดี๋ยวนี้อยู่ในอินเดียก็ยังมี ไม่เอาอะไรทั้งนั้นเลย ส่วนเรื่องการกินมันจำนน ไม่กินไม่ได้ กินให้น้อยที่สุด อย่าว่าแต่มื้อเดียวเลย มื้อเดียวเขาก็ประหยัดน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ถึงผอมอย่างนั้น เชนจริงๆ ไม่มีอ้วนเลยซักคนเดียว ส่วนเชนปลอม ก็มีที่แฝงเยอะ ไม่นุ่งผ้า พุงพลุ้ย แต่เชนจริงๆ ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ นานๆจะขึ้นมาโชว์เชฟ เดินโชว์ จนมีผู้หญิงไปทดสอบ จูบจู๋ นับถือที่สุดเลย แต่จิตเขาต้องการทดสอบหรืออะไรของเขาก็แล้วแต่เคยมีภาพอย่างนี้มาด้วย แต่พวกเชนก็ไม่เอาอะไรเลย มันสุดโต่งไป ไม่รู้จักสมมุติที่เป็นสภาพ 2 อย่างตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส เทวะ ความเป็น 2 ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกวันนี้อาตมาตายลงไปชาตินี้ก็ยังอธิบายคำว่าเทวะไม่หมด อธิบายให้เข้าใจไม่ได้เต็มที่แน่ๆ รู้ฝีมือตัวเองเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 18:50:43 )

นัตถิกทิฏฐิและเนวสัญญานาสัญญาคือพวกไม่มีที่จบยังแกว่งอยู่

รายละเอียด

ไม่งงหรอก เข้าใจที่คุณสื่อมาด้วย ไม่ต้องบังคับอาตมา อาตมาจะยังไม่เชื่อคุณหรอก รับรู้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคุณเดชาก็ดี ศึกษาให้ดียังมีอีกเยอะแยะคนที่จะมีแนวคิดอย่างนี้ คือ เอนไปข้างวิตักกจริตหรือนัตถิกทิฏฐิ ยังไม่ลงตัวยังจับจุดที่จะเริ่มต้นไม่ได้ ยังแกว่งอยู่อย่างนั้น อันนี้ใช่หรือไม่ใช่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ คือ ยังยากมากเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:00:39 )

นัตถิฌานัง อปัญญัสสะ นัตถิปัญญา อฌายิโน ยัมหิ ฌานัญจ นิพพาน สันติเก

รายละเอียด

ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา  ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน  ฌานและปัญญาด้วยมีในผู้ใด ผู้นั้นปฏิบัติใกล้นิพพาน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 70


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:38 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:23:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:11:51 )

นัตถิทินนัง

รายละเอียด

ทานที่ให้แล้วมันไม่เกิดผล นัตถิทินนัง ทุกวันนี้ศาสนาพุทธสอนการทำทานไม่สัมมาทิฏฐิ ทานแล้วยังมี

อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว มี

1.สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ

2.ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ

3.สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ

4.อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ 

อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ ทำทานเพราะว่าเห็นว่าเป็นความดี

อันที่ 3 ยามา คือ ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี

อันที่ 4 ดุสิต คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้

อันที่ 5 นิมมานรดี คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ

อันที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ)

เพราะสอนทำใจในใจไม่เป็น สอนให้ทำทานอย่างให้ได้สวรรค์วิมานอะไรต่างๆนานา

สรุปแล้ว ทินนัง ทานที่ทำทานเสร็จแล้ว จิตไม่เกิดอานิสงส์ไม่เกิดประโยชน์ที่จะไปตัดกิเลส เพราะทำใจในใจมนสิการ มันไม่มีการโยนิโส ไม่ถูกต้องถูกแท้ ทำใจในใจไม่เป็น ทำใจในใจให้ได้สวรรค์นิพพาน ได้ภพชาติตอบแทน ผิด ทานก็ต้องให้ ให้แล้วจบ จิตอย่าไปมีภพชาติต่อ ทำจิตอย่างนี้จึงเป็นอัตถิโลเก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 22:08:56 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:22:27 )

นัตถิทินนัง

รายละเอียด

ทำทานแล้วจิตคุณไม่มีผล หรือมีผลมาก  แต่ไม่มีอานิสงค์ในการล้างกิเลส  นี่คือประเด็น  คุณทำทานได้ผลกุศล แต่ไม่ได้ล้างกิเลส  คือไม่ได้อานิสงค์ ทำทานแล้ว จิตคุณไม่หยุด ไม่จบ  ทานไปแล้ว  หวังจะได้อะไรตอบแทนมาให้แก่ตน  นี่คือทำทานไม่หมด  ทำทานยังต้องการสิ่งตอบแทน คุณไม่ต้องอยากได้ ไม่ต้องอยากเลย  ทำทาน 5  ได้กุศล 5 ทำทาน 10 ได้กุศล10 เรียกค่าของมัน  ทำทาน 100 ได้กุศล 100 ไม่หกตกหล่นไม่ระเหิดไม่ระเหย  นั่นเป็นกุศล  กุศลเป็นสิ่งที่จะเป็นสมมุติ สะสมให้คุณใช้ตลอดจนกว่าจะปรินิพพานเป็นประโยสาน  พระพุทธเจ้าท่านจึงไม่สันโดษ ในกุศล  เป็นพระพุทธเจ้า  และยังสร้างกุศลไปเรื่อยๆ  ยังไม่พอ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน2562                            


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:34:06 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:24:30 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:48:10 )

นัตถิอุปมา

รายละเอียด

เอาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:26:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:27:31 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:48:33 )

นัตถิอุปมากับอัตถิอุปมา

รายละเอียด

ถูกต้อง ทำให้ได้ก็แล้วกัน จนกระทั่วตัวเองชัดเจน แล้วไม่ต้องมาถามผมหรอก คุณก็จะรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเชื่อใครไม่ต้องถามใคร ท่านใช้ถึงขั้นว่าไม่ต้องถามใครไม่ต้องเชื่อใคร แต่เชื่อความจริงที่คุณยืนยันตัวเองเลย ความจริงนั้นจะยืนยันให้คุณหมดสงสัย เชื่อสนิท เชื่อโดยไม่ต้องถามใคร แม้แต่กระทั่งพระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องไปถาม แม้พระพุทธเจ้าอยู่ก็ไม่ต้องไปถาม 

เพราะมันจะบอกเลยว่าว่างวางแล้ว พิสูจน์ไปอีกมันก็ยังไม่มีเกิดกิเลส กระทบแรงบ้างเบาบ้างไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เผลอตัวบ้างไม่เผลอตัวบ้าง มันก็ไม่เกิดอีก อย่าง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) นี่ก็ต้องมีพยานมีสภาวะทั้งหมดนะไม่ใช่แค่ไล่เพียงพยัญชนะก็จะเป็น นัตถิอุปมา ถ้าจะไปไล่เทียบอีก มันก็อัตถิอุปมา ไม่ต้องเทียบแล้ว นัตถิอุปมา แต่หากอัตถิอุปมา ก็มีการเทียบเคียงไม่จบสักที ถ้ามันรู้ได้ด้วยตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว จบที่ตนโดยไม่ต้องถามใคร โดยไม่ต้องเชื่อใคร มันก็จะจบในตัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:18:02 )

นันทิ

รายละเอียด

ความเพลิดเพลิน

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:44:12 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 16:24:15 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:48:53 )

นับวันยิ่งพิสูจน์ความจริงให้เห็นว่าสังคมของเราสุขสําราญเบิกบานใจ

รายละเอียด

จริง! นับวันยิ่งพิสูจน์ความจริง พวกเราจะไม่ตายง่ายๆหรอก ใครจะมีอายุยืนยาวก็อยู่ไป มีกินมีใช้ ถ้าไม่โง่ ไปหลงว่าจะต้องดิ้นไปมีแบบที่เขามีเขาเป็นแบบที่โลกเขาหลอก มันก็สบายเบาดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด  ผ้าขาดมีคนช่วยชุน  

มาถึงวันนี้แล้วอาตมาเห็นว่าสังคมของเราสุขสําราญเบิกบานใจ วันนี้วันที่ 5 วันเกิดอาตมา อาตมาก็เกิดมาถึง 88 ปีแล้ว อายุ 36 ปีออกมาใช้ชีวิตนี้มาถึงวันนี้ 52 ปี เห็นว่าชีวิตนี้เรามันไม่เสีย ไม่โง่ ไม่ไปใช้เวลา ทุนรอน แรงงานไปกับเรื่องไร้สาระไปกับเรื่องที่ไม่เข้าท่า เอาเวลาแรงงานทุนรอน เอาไปใช้กับสิ่งที่เป็นสาระของมนุษยชาติ ทุกคนไม่ว่าหน้าไหนมนุษย์โลกหน้าไหน อันนี้เป็นสุดยอดเลยสาระสำคัญ ยิ่งสำหรับขั้วโลกเหนือยิ่งสำคัญเลยสำหรับพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเขาไม่มีกิน 

ถิ่นที่เขาปลูกได้ยาก มีน้ำแข็งมีหิมะเยอะก็สู้เราไม่ได้ ของเราอยู่ในโซนอบอุ่นศูนย์สูตร เราก็ปลูกไปพืชพันธุ์ธัญญาหารนานาสารพัด ผลไม้เมืองไทยนี่เจ้าประคุณเอ๋ย อาตมาไม่เคยรู้สถิติ มันจะมีผลไม้หลากหลายชนิด กินเหมือนประเทศไทยไหมนะ ทำไมมันมีตระกูลผลหมากรากไม้เยอะแยะต่างๆนานา ที่อื่น เห็นผลไม้เขามีไม่เท่าไหร่เลย Apple องุ่น อะไรพวกนี้ เงาะ ลางสาด ลำไย ก็ไม่เห็นมีเหมือนเรา อินทผาลัม ท่านหนักแน่นก็พยายามปลูก ก็มีตามฤดูกาลก็ได้ ว่าจริงๆแล้ว อินทผาลัมจะไปสู้ทุเรียน มะม่วงได้หรือ อินทผาลัมก็มีแต่หวาน ทุเรียนก็หวานมะม่วงหวานก็มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:45:08 )

นัยที่ต่างกันระหว่างเทวนิยมกับอเทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยมไม่สามารถสลายจิตวิญญาณได้เขาก็รู้ตัวเขาเหมือนกันว่าเขาสลายไม่ได้ เขาจึงเชื่อว่าจิตวิญญาณนิรันดรไม่มีสูญสลาย พระเจ้าเป็นเจ้าของวิญญาณนิรันดร ตายแล้วสูงสุดก็ไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ ซึ่งพระพุทธเจ้านั้น สามารถพิสูจน์เลยได้ว่าพระเจ้านี้ไม่ได้มาเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเรา เพราะเราสามารถสลายจิตเป็นปริโยสานให้ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แยกธาตุเป็นศูนย์ได้ในความเป็นจิตนิยาม เรียกว่ามีปรินิพพาน นี่คือนัยสำคัญที่ต่างกันระหว่างเทวนิยมกับอเทวนิยาม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17มกราคม 2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 15:39:54 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:29:01 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:25:21 )

นัยยะการค้าและการขาย 

รายละเอียด

นัยยะการค้าละการขาย  คือ  การค้ามีการซื้อและการขายถ้าขายก็คือขายออกไป  การค้าหรือการขายก็อันเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:34:04 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:30:42 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 02:49:29 )

นัยยะของอนุสาสนีปฏิหาริย์

รายละเอียด

ฌาน ก็เป็นฌานฤาษีเดียรถีย์ไปหมด วิชชา 8 ไม่ต้องพูดเลย ไม่มีสัทธรรม 7 ไม่มีฌาน ไม่มีวิชชา 8 เขาจะงง วิชชา 8 อย่างไร เขาก็เป็นเดียรัจฉานวิชชาไปเท่านั้นเอง มโนมยิทธิ ก็เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ เขามีเพชรชนะเหมือนกันแต่เขาเข้าใจเป็นรูปธรรม ไปหมด เหมือนที่อาตมาอธิบาย เดินบนน้ำก็เอาตัวไปเดินจริงๆอย่างนี้เป็นต้น เหมือนกับตั๊กม้อที่ไปเดินบนน้ำจริงๆ มันไม่ใช่นัยยะของอนุสาสนีปาฏิหาริย์เลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกินคิดที่คนเรามีที่ไหน เป็นแมงมุมหรือยังไงเดินบนน้ำได้ คนเดินไปก็ตกลงไปในน้ำเท่านั้นแหละมันเป็นไปไม่ได้หรอก จึงไม่ใช่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์แบบนั้นมันไม่ใช่ แต่มันเป็นเรื่องสามัญของคนธรรมดาเหมือนกันนี่แหละ แต่เป็นธรรมะเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ได้ มันเป็นเรื่องประหลาดเหมือนกับขอมดำดิน เหมือนกับแมงมุมเดินบนน้ำ เป็นคนนะ แต่มันไม่ใช่เป็นรูปธรรมอย่างนั้น ไม่ใช่ดำลงไปในดินได้เหมือนกับไส้เดือน ผุดดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำ เหาะไปในอากาศเหมือนนกได้ มันไม่ได้เหาะแต่มันมีความเบาไม่มีติดยึดอะไรไปไหนก็ไปได้ ลูบคลำพระอาทิตย์ด้วยฝ่ามือไม่ใช่ว่าเอามือไปยาวๆแล้วไปแตะพระอาทิตย์ไม่ใช่อย่างนั้นมันไหม้หมดเลย หมายความว่าคนจะเก่งขนาดไหนมีฤทธิ์มีแรงเหมือนพระอาทิตย์ก็พูดถึงขนาดเกินไปว่าลูบหัวล้านพระอาทิตย์ได้พระอาทิตย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะตอแย เรามีสิทธิ์ที่จะลูบคลำพระอาทิตย์ได้เลย เหมือนมีฤทธิ์มีอานุภาพอย่างนั้นเลย ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:30:21 )

นัยยะที่ละเอียดลึกซึ้ง

รายละเอียด

พวกศึกษาความรู้แต่ไม่มีความจริงก็ไม่รู้เรื่อง ไม่มีความจริงที่เข้าไปสัมผัสถูกต้องวิโมกข์ 8 

วิโมกข์ 8 มีอะไร ต้องมี รูป รูปีรูปานิปัสสติ เป็นคนมีรูปและต้องเห็นรูป  วิโมกข์ ข้อที่ 1 

ข้อที่ 2 อัชฌัตตัง อรูปสัญญี เอโก พหิทา รูปานิปัสสติ ต้องรู้ทั้งภายนอกภายใน  พหิทา รูปานิ อัชฌัตตัง อรูปสัญญี เอโก พหิทารูปานิปัสสติ ก็จะต้องเป็นผู้ที่รู้ทั้งภายนอกทั้งภายใน พหิทา คือภายนอก อัชฌัตตัง คือภายใน พวกหลับตาหมดสิทธิ์ที่จะบรรลุอรหันต์ หมดสิทธิ์ที่จะทำอาสวะสิ้นได้ 

ผู้ที่สามารถมีอาสวะบางส่วนสายหลับตาบางส่วนสิ้นไปเพราะบารมีเก่า บารมีมาแต่ปางก่อนๆ มาปางนี้ มาถูกเขาสอน มาถูกอาจารย์ครอบงำผิดเข้าไปอีก เอ้า ก็เลยอาสวะไม่สิ้น ต้องมาเรียนรู้เพราะว่าเข้าใจปัญญาผิด เข้าใจปัญญาเป็นสภาพที่ไม่ครบทั้งภายนอกภายในเป็นสภาพ 2 ทั้งภายนอกภายใน กาย คือ การลืมตา มีสภาวะภายนอกภายใน ไปหลับตาแล้วไม่มีกาย ไม่มีภายนอก ก็ตัดขาดไปเลยว่า วิมุติไม่ได้ เป็นอรหันต์ไม่ได้ สิ้นอาสวะไม่ได้ แม้มีบารมีเก่ามาก็แค่อาสวะเดิมที่ตนเองสามารถบรรลุได้เท่านั้น อันใหม่ไม่มี ชาตินี้ไม่มี ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้น ชาตินี้เกิดมาก็ไม่บรรลุธรรม นี่เป็นความลึกซึ้งซับซ้อนที่ผู้ที่ฟังธรรมด้วยดีแสวงบุญในขอบเขตพุทธ มันก็จะออกนอกขอบเขตพุทธได้ง่ายในนัยยะที่ละเอียดลึกซึ้งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:11:49 )

นัยยะลึกซึ้งที่พ่อครูต้องตำหนิติติงแรง

รายละเอียด

เหมือนกันกับของอินเดียมีเรื่องรามเกียรติ์หรือมหาภารตะ เป็นมหากาพย์ มีนัยยะลึกซึ้ง ยิงลูกศรใส่กัน เสร็จแล้วไปเป็นดอกไม้ อะไรอย่างนี้ มันซับซ้อนลึกซึ้งมาก คนเข้าใจยาก 

อย่างอาตมาพูดตำหนิติติงแรง แต่คือดอกไม้ หยาดน้ำผึ้ง ที่อาตมาพูดไปนี้ ตำหนิติเตียนสิ่งที่บกพร่อง สิ่งที่ผิดพลาด สิ่งที่ไม่ถูกต้อง มันดูแรง ดูหยาบ แต่มันลึกซึ้งละเอียด ยิ่งกว่าเกสรดอกไม้  ยิ่งกว่าน้ำผึ้งหวาน เนียนละเอียดมาก เป็นประโยชน์มาก สำหรับสัตว์โลก แต่คนไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าหากว่าคนรู้สาระ มีปฏิภาณปัญญาลึกซึ้งจะรู้ว่า คนนี้ทำอะไรให้แก่โลก มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีชีวิตอยู่ ทางกาย ทางวาจา ทางมโน ตลอดชีวิต ทำอะไรให้แก่โลกให้แก่มนุษยชาติ 

อาตมาภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า มีชีวิตย่างเข้า อายุ 51 ย่าง 52 เมื่อ 7 พฤศจิกายนนี้ เด็กๆรู้ไว้นะใครถามว่าหลวงปู่อายุเท่าไหร่ตอบได้ไหม ..อายุ 51 ปีย่างเข้า 52 อย่าไปว่าหลวงปู่อายุ 88 นะ อันนั้นมันส่วนเกิน ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 52 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 20:59:27 )

นัยยะสำคัญของบุญ 

รายละเอียด

แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ล้างกิเลสให้ใครคนอื่นไม่ได้ ได้แต่บอกให้เข้าใจแล้วไปทำอย่างนี้ ไปสร้างพลังงาน ฌาน เป็นไฟ เป็นอำนาจฤทธิ์แรง แล้วในฌานมีปัญญา 

ปัญญามันจะรู้แจ้งว่ากิเลสมันตัวนี้ตัวภัย แล้วฆ่ากิเลสแท้ๆ ตัวปัญญา ไม่ทำให้ไประแคะระคายเคืองแก่จิตสะอาด ไม่เลย บุญมีปัญญา ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิจัยได้ละเอียดมากเลย แล้วทำลายแต่สิ่งที่ควรทำลายได้อย่างมีสัดส่วน ยอดเยี่ยมเลย นี่เป็นความละเอียดลึกซึ้งที่อาตมาพยายามขยายความจริงให้ฟัง มันไม่ง่าย แต่มันได้จริงๆ มันเป็นจริงไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรแก่ใครเลย ตั้งแต่ หยาบ กลาง ละเอียด ทั้งหมดเลย หยาบก็ไม่มีไปละเมิด ยิ่งกลางเข้าไปก็ละเอียด ไม่ละเมิด ยิ่งละเอียดก็ยิ่งไม่ละเมิด ที่จริงละเอียดก็ไม่มีอะไรที่ละเมิดอีกแล้ว เข้าไปหาความหมด นี่คือนัยยะสำคัญของบุญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:06:23 )

นัยยะแตกต่างระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าคือผู้ประกาศศาสนากับมนุษย์โลกและเป็นเจ้าของศาสนาพุทธขึ้นมา ขึ้นทำเนียบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆมา เขาก็ไล่ชื่อเรียงกันมา มีทำเนียบ ก็คือพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ส่วนพระปัจเจกพระพุทธเจ้านั้น เรียกปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสัมมาสัมโพธิญาณเท่ากันกับพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ แต่ที่ได้ชื่อว่าพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในโลกก็เพราะว่าไม่ประกาศตนเอง ต่อมนุษย์โลก ว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ทำหน้าที่สอนประกาศธรรมะ 

เพราะถ้าพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ในยุคใดก็ตามตรัสรู้แล้ว ก็จะต้องไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธก็สูญเสื่อมไปหมดแล้ว ถ้าท่านประกาศออกมาแล้ว ก็จะเป็นเจ้าของศาสนาพุทธ ชื่อว่านี่คือศาสนาของพระองค์ เพราะฉะนั้นคำว่าพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็หายไปเฉพาะตัว เป็นพระพุทธเจ้าเฉพาะตัว ก็กลายเป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่ประกาศ เมื่อไม่เห็นสมควรที่จะประกาศ เพราะว่าประกาศไปแล้วจะเสียของ คนในยุคนี้ประกาศไปก็รับไม่ได้หรอก รับได้ก็เพียง 100-200 เสียชื่อพระพุทธเจ้า ประกาศขึ้นมาครั้งหนึ่ง โพธิรักษ์เป็นโพธิสัตว์ยังมีคนมารับได้เป็นหมื่นเป็นแสน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน1 วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2564 ( 10:44:31 )

นัยยะไหนที่ถูกต้อง

รายละเอียด

โชคดีที่อาตมาพูดแล้วพูดอีก ที่ยังมีพระไตรปิฎกเล่มนี้ แม้แต่คำเดียวกันอธิบายภาษาเดียวกัน คำเดียวกันกับของพระพุทธเจ้า อธิบายกันคนละนัยยะก็ตาม แล้วใครล่ะนัยยะไหนที่มันถูกต้อง 

เช่น อธิบายคำว่ากาย คำว่าบุญ คำว่าสมาธิ คำว่าฌานอะไรพวกนี้เป็นต้น คำว่านิโรธ หรือคำว่าปฏิบัติ อย่าไปหลับตา หลับตานั้นมันไม่มีเข้าๆออกๆฌาน ของศาสนาพุทธนั้นมันไม่ต้องเข้าต้องออกหรอกทำฌาน อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันลึกซึ้ง มันไม่ใช่เรื่องตื้นๆสามัญ มันเสื่อมไปเป็นเดียรถีย์ ไม่ว่าจะเป็นฌานก็เป็นแบบเดียรถีย์ วิมุตก็เป็นเดียรถีย์ เรื่องบุญเรื่องทานก็กลายเป็นโลกียะ เรื่องปัญญายิ่งไปกันใหญ่เลย 

อาตมาก็ยืนยัน ปัญญาว่าอาตมาเป็นผู้สยังอภิญญา มีปัญญามีความรู้มาก่อน ที่พูดอย่างนี้อาตมาทำงานมา 50 กว่าปี อายุก็ 90 จวนตายแล้วด้วย พูดให้มันครบๆก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องพูดเพื่อย้ำยืนยัน ๆ แล้วคาแรคเตอร์ของอาตมามันก็เน้นก็หนักก็เหมือนไปตีหัวเขา ต้องขออภัย ไม่ได้แกล้งหรอก มันเป็นตัวเอง คาแรคเตอร์ของตัวเองมันเป็นอย่างนี้ อาตมาไม่ชอบเหยาะแหยะ ถ้าอยู่ธรรมดาก็สนุกสนานเบาๆ แต่ถ้าเข้าหาธรรมะแล้ว ละก็ไม่มีเหยาะแหยะหรอก ไม่เหยาะแหยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:03:12 )

นัยละเอียดของศีลข้อ 1 2 3 4 5

รายละเอียด

คุณคนนี้ไปเข้าใจมุสาเป็นวจีกรรม ซึ่งวจีกรรม นั้นเป็นเรื่องขยายออกมาจากกายกรรมด้วยซ้ำไป กายกรรม ในศีลข้อ 1 2 3 เป็นองค์รวมใหญ่ ศีลข้อ 4 เป็นวจีกรรม ศีลข้อ 5 เป็นมโนกรรม คุณบรรลุ 1 2 3 ก็ควบคุม วจีกรรมได้ ล้างกลิ กิเลสออกได้ จิตก็จะมีคุณสมบัติ ตั้งแต่ กามที่เกี่ยวกับสัตว์หรือโทสะที่เกี่ยวกับสัตว์ แล้วก็กามกับโทสะที่เกี่ยวกับวัตถุ พืช ในข้อ 2 แล้วจึงมาเกี่ยวกับตาหูจมูกลิ้นกายในข้อ 3 จริงๆแล้วในข้อ 3 ตาหูจมูกลิ้นกายนี่แหละ มันก็ไปเป็นสภาวะของการสัมผัสแล้วก็เกิดปฏิกิริยากิเลสเกิดกับสัตว์ กับวัตถุและพืช ในข้อสองที่เป็นพีชธาตุ อุตุธาตุ ส่วนข้อ 1 เป็นจิต ส่วนข้อ 3 เป็นตัวไปยึดถือกับสัตว์ ซึ่งก็มี 2 อย่าง ดูดกับผลัก รักกับชัง เมื่อมาถึงวัตถุกับพืชก็มีทุจริตหรือสุจริต เป็นวัตถุดินน้ำไฟลมหรือพืชทุจริตหรือสุจริต ส่วนข้อที่ 3 ตาหูจมูกลิ้นกายเกี่ยวข้องกับทั้งสัตว์วัตถุและพืช ตากระทบสัตว์ วัตถุ เพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองหรือกระทบกับพืช พืชกับวัตถุ คุณจะทุจริตหรือสุจริต สัตว์นั้น จะว่าไปแล้วมันทั้งกว้างทั้งลึก มีทั้ง ทุจริต สุจริต มีทั้งเมตตาหรือใจร้าย จึงเป็นองค์ประกอบที่เยอะ หยาบ เรียนรู้ได้ต่างๆนานา คนที่มีหยาบอย่างนี้ก็ต้องล้างของใครของมัน พอได้ระดับหนึ่ง แค่เหลือทุจริตกับสุจริตเท่านั้นกับสัตว์ เพราะว่าสัตว์นั้นมีทั้งจองเวรจองกรรมมีรักมีชังข้ามชาติ แต่วัตถุกับพืชมันไม่มี แต่เราต่างหากจองเวรจองกรรมข้ามชาติ ติดแตงโมมาไม่รู้กี่ชาติ รักแตงโมมาไม่รู้กี่ชาติชังแตงโมมาไม่รู้กี่ชาติ แตงโมมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก คุณเป็นผู้ที่มีจิตโง่ๆไม่เข้าเรื่องเองของคุณเอง จะค่อยๆรู้นัยะที่เป็น 2 หรือเรารู้ว่าสัมผัสแล้วไม่มีผลัก ไม่มีดูด  มันก็เป็นเช่นนั้นของมันเอง เราเกี่ยวข้องกับมัน เราจะทำประโยชน์กับมันได้ไหม อย่างเช่นสัตว์นั้นพระพุทธเจ้าจบที่คำว่า หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ในศีลข้อที่ 1 สัตว์ทั้วปวงอย่างไปยุ่งกับมัน หวังประโยชน์กับมันแล้วปล่อยมันไปตามยถากรรมตามวิบาก นอกจากว่าเราแน่ใจว่าเราจะช่วยสัตว์พวกนั้นได้ ช่วยอะไร อย่าไปช่วยให้มันติดกับในเรื่องวนเวียนวัฏฏสงสารอีก ติดรักติดชัง ไปสร้างความรักความชังให้มันอีก หมามันไม่รู้เรื่องก็ไปสร้างความรักความชังให้มัน อย่างอาตมาเคยมีหมามาที่หลังบ้าน ก็เอาไปให้ห้องภาพสุวรรณเลี้ยง เขาก็ตอนมันแล้วก็เลี้ยงมัน จนกระทั่ง ก๋วยเตี๋ยวหากไม่ปรุงแต่งมันไม่กินนะ ขนมปังถ้าไม่ทาเนยไม่ทาแยมมันไม่กินนะ นั่นคือไปสร้างอะไรใส่ความยึดติดปรุงแต่งให้มันเสียหมาหมดเลย คนนี่แหละทำ ไปหลอกล่อสัตว์เอามันมาใช้ ให้ความรักความผูกพันกับมัน คุณเอ๋ย มันก็อยู่ของมัน มันก็เกิดเป็นสัตว์ การไปรักมันไม่ได้หมายความว่าเราหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ คุณไปผูกพันกับมันเอง นี่คือนัยยะละเอียดลออ ที่จะไปล้างความติดยึด ให้ความเป็นสัตว์ก็ดี ยิ่งความเป็นวัตถุ ความเป็นพืช มันไม่มีความรู้สึกต่างๆเหมือนสัตว์เลย คุณคนเดียวแท้ๆ บ้า ไปยึดติดไปผูกพันมัน เสร็จแล้วอยากได้สิ หรืออยากจะผลักก็ทำลาย มันก็ทำลายได้ง่าย เพราะว่ามันไม่มีความโต้ตอบ หรือว่าคุณจะได้เป็นของฉัน ก็เกิดการทำอย่างไม่เหมาะควรก็เกิดการทุจริต ไม่สมดุล หรือไม่เสียสละ ถ้าสมดุลก็จะดีหน่อย ถ้าเราเสียสละซะ ก็จบ เพราะเราเป็นผู้เสียสละ เราเป็นเจ้าหนี้ เราไม่ได้เป็นลูกหนี้ แต่คุณไม่เสียสละ คุณไปเอาเปรียบมา คุณไปได้เปรียบมา คุณกลายเป็นลูกหนี้ คุณไปได้เปรียบมาไปเอาเปรียบมา คุณกลายเป็นลูกหนี้ แต่คุณไม่เอา คุณเสียสละด้วยความเต็มใจ แล้วไม่คิดดอกเบี้ยเลย ให้ไปเลย นอกจากให้ไปแล้วยังไม่ยึดติดเป็นเราเป็นของเรา ไม่มีสาเปกโขอีก เป็นความลึกซึ้งของพระพุทธเจ้า เราก็ไม่เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ อโหสิกรรมหมดเลย นี่คือธรรมะที่สุดยอดของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:59:24 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:14:12 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:03:15 )

นัยสำคัญที่ต่างกันของ จักร 4 กับปัญญาวุฒิ 4 

รายละเอียด

จักร 4 เป็นคุณธรรมของสัตบุรุษที่จะทำงานเข็นกงล้อธรรมจักร เป็นหมวดธรรมของสัตบุรุษที่จะทำงาน เพราะฉะนั้นสัตบุรุษก็คือผู้ที่มีคุณธรรมแล้ว บุพเพกตปุญญตา เป็นผู้ที่ได้ผ่านเรื่องของบุญมาแล้ว 

ส่วนปัญญาวุฒิ ไม่ใช่ของสัตบุรุษทีเดียว เป็นของกลางๆเพราะว่ามีโยนิโสมนสิการ เป็นคำแรกๆต้นๆ อยู่ในสุริยเปยยาลหรืออยู่ในสัมมาทิฏฐิหมวดแรกเลย มีปรโตโฆษะกับโยนิโสมนสิการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 18:39:33 )

นั่งบนภู ดูหมาน้อยกัดกันสรุปแล้วสังคมประเทศไทยเจริญแล้วอย่างไร

รายละเอียด

นี่ยังมีพวกกระเหี้ยนกระหือรือทำเป็นอย่างโน้นอย่างนี้หาเรื่องโน่นนี่ต่างๆนานา ส่วนอาตมาก็ดูตอนนี้เหมือนกับนั่งบนภู ดูหมาน้อยกัดกัน ไม่ใช่เสือกัดกันนะ ง้องแง้งๆ พวกหมาๆจะทะเลาะกัน แต่พวกที่เป็นเสือจริงๆจะสงบ ไม่มีปัญหาอะไร สังคมสรุปได้อย่างนี้เลย เพราะเจริญแล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ประชาชนปฏิวัติ ด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง มีแต่ภาคฝ่ายรัฐบาลทรราชย์รุนแรงกับประชาชน ส่วนประชาชนไม่มีใครไปรุนแรงกับรัฐบาลเลย สงบเรียบร้อย ยอมให้เขาทำร้ายทำลายจนมีคนตายบ้าง โดยฝีมือของทางรัฐบาลเขา ก็มี Error บ้างต้องขอบคุณผู้ที่เสียสละ เสร็จแล้วก็ประสบผลสำเร็จ แล้วก็ดำเนินการมาตลอดก็เป็นเหตุการณ์ของโลก ที่มีการปฏิวัติโดยประชาชน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:23:29 )

นั่งสมาธิจนกว่าจะหายปวดขาเป็นมิจฉาทิฐิ

รายละเอียด

อาการปวดที่หายไปไม่ได้หายเพราะการลดเหตุปัจจัย  การนั่งสมาธิหลับตาแล้วก็แก้ไขการเจ็บปวดอะไรไปนี้ มันไม่ใช่การปฏิบัติเพื่อเรียนรู้กิเลส แล้วก็แก้กิเลส กิเลสไม่ใช่มาแก้ความเจ็บปวด ไม่ใช่ ไม่ใช่แก้ความเจ็บปวดที่เป็นสรีระ ความเจ็บปวดเป็นเรื่องของสรีระ เช่นคุณนั่งทับแขน ทับขา ก็ต้องเจ็บปวดต้องชา มันเป็นเรื่องของสรีระ แต่กิเลสเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ เอาเท่านี้ต่างกันนิดเดียว ตรงกายกับจิต นิดเดียวแต่เป็นคนละฟากฟ้า เป็นภาษาสิริมหามายา

เมื่อจับเป้าที่มันเป็นเหตุ ถ้าหากมันนั่งทับเท้าแล้วเหน็บชาก็เลิกนั่งทับเท้ามันก็หาย แก้ไม่ยาก ฉลาดซะอย่าง ถ้าโง่ต่อไปก็นั่งทับต่อไปนะเขาก็เป็นโรคภัยต่างๆนานาสารพัดได้เยอะ ดีไม่ดีจะเป็นมะเร็งเอา ประเด็นที่เขานั่งแล้วปฏิบัติไปทั้งหมดนี้ มันเป็นการปฏิบัติผิด ปฏิบัติไม่เข้าหลักเกณฑ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 17:26:42 )

นั่งสมาธิทำฌานเป็นเรื่องที่ผิด

รายละเอียด

ทำศีล สมาธิ ปัญญา เกิดพลังงานไฟฌานที่เป็นพลังอุณหธาตุ ฌานนั้นร้อนไม่ใช่เย็น ใครไปนั่งสมาธิทำฌานแล้วเป็นเรื่องที่ผิดเพราะทำให้เย็นหมด ฌานเป็นพลังงานไฟร้อนที่เหนือกว่าไฟราคะโทสะโมหะถึงจะทำลายไฟราคะโทสะโมหะได้ การปฏิบัติสมาธิผิด นั่งสมาธิเป็นเรื่องน่าสงสาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:31:32 )

นั่งสมาธิศีลจะบริสุทธิ์เอง นอกรีต ขี้ตู่คำสอนของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสอนไว้ตรงไหนหนอ นี่ขี้ตู่คำสอนพระพุทธเจ้า เขาไปนั่งนิ่งปิดหูปิดตาไม่คิดนึกอะไรแล้วจะผิดศีลได้อย่างไร แต่ศีลต้องมีเหตุปัจจัย 

ศีลข้อที่ 1 เหตุปัจจัยเกี่ยวกับสัตว์

ศีลข้อที่ 2 เหตุปัจจัยเกี่ยวกับข้าวของอย่าไปทุจริต 

ศีลข้อที่ 3 เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส 

ศีลข้อที่ 4 เกี่ยวกับวาจา 

ศีลข้อที่ 5 เกี่ยวกับจิตใจ ที่ไปเมาติดยึด หยาบ กลาง ละเอียด 

แต่นี่ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมากระทบแล้วจะบอกว่าศีลนั้นมีเอง ก็เป็นการสอนที่ออกนอกรีตของศาสนาพุทธ ขี้ตู่เอา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:23:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:34:09 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:04:11 )

นั่งสมาธิหลับตามีความสามารถเอามาใช้ได้ 4 นัย

รายละเอียด

1. พักผ่อน คนเข้าใจแล้วก็จะใช้ในการพักผ่อนแต่ถ้าไม่เข้าใจก็อาจจะเป็นติดได้ มันสบายจริงๆน่าดึงไม่ขึ้น เดี๋ยวก็อยากจะไปนั่งสบายอยู่อย่างนั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งติดยิ่งติดก็ยิ่งนั่งแล้วจะขาดโลกวิทู แม้โลกานุกัมปาก็ไม่มี โลกุตระก็ไม่มีอยู่เหนือโลกไม่ได้  ได้พักผ่อนแบบสงบจิต มีอุปการะมาก 

2.  ศึกษาเพิ่มทักษะในเจโตสมถะ และใช้ตรวจอ่าน  ภาวะจิตต่างๆ ในภวังค์ เมื่อสงบแล้วมันก็จะใช้สัญญาในการคิดกำหนดรู้ ที่ผ่านมาจริงหรือไม่อย่างไร ก็ทบทวนได้ เราใช้ความจำศึกษาเปรียบเทียบได้ อาศัยการระลึกของเก่า ทุกวันนี้อาตมาก็ยังอาศัยเลย เข้าไปในภพแล้วเพื่อการนอนพักก็ตามจะใช้นึกคิดอะไรก็ทำได้ระลึกใช้สัญญาตรวจสอบได้ 

3. เอื้อให้ปฏิบัติเตวิชโช (ทบทวน) ได้อย่างดี อันนี้เจตนาเอาของเก่ามาตรวจสอบลงบัญชีอย่างตั้งใจเลย เหมือนพ่อค้าแม่ค้าตรวจสอบ เช็คสต๊อกดูว่าอันไหนขาย ได้แล้ว อันไหนขายไม่ได้ เราทำให้กิเลสได้ดับไปหรือไม่ แล้วมันเกิดอีกหรือไม่ มันดับสนิทหรือยัง จนมันดับสนิท ดับอาสวะสิ้น กระทบกระแทกกระเทือนอย่างไรมันก็ไม่เกิดกิเลสอีกเลย เตวิชโช ต้องใช้ในการตรวจสอบไม่งั้นเราจะรู้ได้อย่างไรในการตรวจสอบ ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นให้ตรวจสอบไปตามลำดับ มันชัดเจนเป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์แล้วไม่เสียเวลามากวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้หัวก็ลืมหาง กลับมาอีกก็ลืมหัวอีก ไม่ใช่ มันต้องเสร็จจบไปตามลำดับจึงไม่ย้อนไม่ซ้อนไม่ซ้ำ ได้แล้วจึงสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งขึ้นถาวร อย่างนี้เป็นต้น 

4. สร้างพลังทางจิต ที่จะนำไปทำฤทธิ์ต่างๆ (แต่ฤทธิ์ในพุทธศาสนา หมายถึง  ฤทธิ์ที่ระงับ ดับกิเลส เพื่อไปสู่นิโรธ-วิมุติ-วิโมกข์-นิพพาน) ข้อนี้สำหรับผู้รู้ดีแล้วก็จะไม่ทำ ผู้ที่รู้แล้วก็ทำตามควร ผู้ที่ทำให้เป็นนั่งหลับตาก็จะฟุ้งซ่านมันยังคิดไปอยู่ มันก็เป็นได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรไม่ต้องไปกังวลเรียนรู้สิ่งที่เป็นกิเลสแล้วลดกิเลส กิเลสออกหมดแล้วเหลือแต่จิตคุณใสสะอาด จิตจะแคล่วคล่อง มุทุภูตธาตุ แล้วคุณจะรู้ว่าหากเร็วมันไม่ได้ก็จะหัดช้าบ้าง เร็วจนคนอื่นไม่ทัน ก็ไม่สอดคล้องไม่ได้เรื่องอะไร คุณก็จะรู้ว่าคุณควรช้าลง คุณจะปรับตัวให้ได้พอเหมาะสมพอเหมาะพอควร 

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 12:23:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:02:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:29:32 )

นั่งสมาธิหลับตาสะกดจิตให้จิตตั้งมั่นไม่ใช่ของพุทธ

รายละเอียด

ซึ่งไม่ใช่ไปนั่งสมาธิหลับตาแล้วก็สะกดจิตให้จิตมันตั้งมั่น แบบนั้นมันผิวเผินมาก ไม่ได้เป็นจริงเป็นจังอะไรหรอก กดข่มไว้ได้นานก็นาน นานเป็นชาติๆเลยนะ ก็ติดนิสัย ติดวิสัย เป็นวิสัยของเดียรถีย์เป็นชาติๆเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 09:22:09 )

นั่งสมาธิหลับตาแล้วบอกว่าหลุดพ้นเป็นความเพ้อพกของเดียรถีย์

รายละเอียด

คุณไปเรียนดีๆเดินจงกรมเป็นการทำสมถะเท่านั้น เลิกได้แล้ว ให้ลืมตาปฏิบัติอย่างมี โพธิปักขิธรรม 37 มาเรียนสมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ใช่สมถะ

สมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ใช่คือสมถะ สมาธิที่เป็นสมถะเป็นสมาธิของเดียรถีย์ สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นคือจิตหมดกิเลส จิตสะอาดจากกิเลส ยิ่งเป็นสมาธิ ยิ่งแคล่วคล่อง ทั้งภายนอกและภายใน เป็น กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา ขออภัยที่ต้องใช้พยัญชนะบาลีกำกับ กายก็แคล่วคล่องว่องไว รับรู้เร็วไว ไม่ใช่ไปซึมช้าหนอย่างหนอ ก้าวหนอ มันคนละวิธีปฏิบัติ คนละทางเลยอันโน้นไม่มีทางมาเป็นอย่างนี้ได้ คุณไปเดินจงกรมอยู่นั่นแหละไม่มีทางบรรลุธรรม ขอยืนยันต้องมาเรียนรู้จรณะ 15 วิชชา 8 สัมผัส มี อปัณณกปฏิปทา 3 มีศีลเป็นหลักทำไปตามลำดับจึงจะเกิดสัทธรรม 7 เกิดฌาน ฌานก็ลืมตาปฏิบัติอย่างนี้ 

ไอ้ที่พูดนี้รวมความแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คุณพูด คุณพยายามช่วยเขา พยายามอธิบายช่วยเขาแต่มันไม่เป็นอย่างที่ว่า องค์รวมของเขามันเป็นสมถะหมด ชีวิตจะมีปัญญารู้เท่าทันการเคลื่อนไหวอย่างเร็วไวเป็น มุทุภูตธาตุ กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา ยิ่งรู้เท่าทันเร็วไวเลย ไม่ใช่ไปนั่งเซื่องซึม มันคนละทิศ ปฏิบัติคนละทิศเข้าใจคนละทาง 

ตระกูลศรัทธาก็เป็น สังขิตฺตํจิตตํ ตระกูลปัญญาก็ วิกขิตฺตํจิตตํ แล้วก็ทำให้มันเจริญขึ้นเรียกว่าเป็น มหัคคตะ นี่คือเจโตปริยญาณ 16 ปฏิบัติแล้วจะรู้ขั้นตอนอย่างนี้ เจริญขึ้นเป็นอย่างนี้เป็น มหัคคตะ มันไม่ใช่ไม่เจริญไม่ออกเรียกว่า อมหัคคตะ แต่เจริญเป็นมหัคคตะ มันมีจิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก มันก็จะมีปฏิภาณรู้ว่า ยังไม่จบ อนุตรจิต คือ จิตที่จะสูงสุดจบ จบด้วยการทำให้กิเลสหมด จบ ตกผลึกลงตั้งมั่นเรียก สมาหิตังหรือสมาหิโต คือสมาธิของพระพุทธเจ้า จิตที่ตั้งมั่นยืนยันอยู่นี่แหละ ให้ตรวจสอบว่ากิเลสยังเหลือหรือไม่เรียกว่าเป็นวิมุติหรือวิมุตติญาณทัสสนะ อ่าน ตรวจแล้วตรวจอีกว่าเป็นวิมุติจริงไหม สุดท้ายเลย วิมุติ ไม่ใช่เหลือเศษเป็นอวิมุติ ตรวจสอบจนครบ 16 เจโตปริยญาณ

อาตมามีสภาวะจึงอธิบายขยายความเป็นภาษาง่ายๆให้ฟัง เพราะอาตมาทำได้หมดผ่านมาหมด พูดไปแล้วเหมือนอวดตัวอวดตนแต่พูดยืนยันความจริง 

อย่างที่คุณทำไม่เกิดปัญญา มันเป็นสัญญาที่คุณฉลาดขึ้น นึกว่ารู้อะไรมันเป็นความรู้ที่เพ้อๆ กลายเป็นสัญญา กลายเป็นอดีต 18 กลายเป็นอนาคต 44 โน่น มันไม่เกิดปัญญา ปัญญาต้องเกิดในขณะลืมตาปฏิบัติ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ 

อย่างพวกคุณนั้นไม่มีอรหันต์ ทำได้อย่างพวกคุณเป็นอรหันต์เก๊ อย่างที่พวกคุณทำได้เป็นอรหันต์อย่างผิดๆ ความหลุดพ้นคุณก็หลงเข้าใจผิดเอาเองว่าหลุดพ้น 

ขออภัยนะต้องพูดความจริงว่าอาจารย์ชา สอนฝรั่งนั้นคือได้สมถะ ยังไม่ใช่จรณะ 15 วิชชา 8 ขอยืนยันความจริงนี้ จริง มีตื่น อ.ชาสอนความตื่น ความรู้เท่าทัน แต่ว่าธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ยังไม่บริบูรณ์ สติปัฏฐาน 4 ก็ตื่น แต่ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์นี้ลึกซึ้งมาก 

มีวิจัยเป็นวิตกวิจาร สังกัปปะ 7 ต่างๆนานา อ่านเลยว่า ปัญญาเป็นอย่างนี้ ปัสสัทธิเป็นอย่างนี้ สงบเป็นอย่างนี้ เจริญเป็นอย่างนี้ แยกได้ ทำให้กิเลสลดลงได้ อัปปนา เป็นจิตที่ตั้งมั่น static อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา

แต่อาจารย์ชาจะยืนยันแต่อัปปนา ตัวเดียว ยืนยันแต่เป็นสมถะไม่เป็นปัสสัทธิ ปัสสัทธิคือตื่นเห็นแต่กิเลสมันหมด แต่สมถะคือกิเลสมันเกาะตัวแนบแน่น อัปปนา แปลว่า แน่วแน่ แนบแน่น 

พยัปปนา เจริญขึ้นกว่านั้นคือแน่วแน่แนบแน่น ยิ่งกว่านั้น 

เจตโสอภินิโรปนา เจริญไปสู่สูงสุด ยิ่งแน่วแน่ ยิ่งแนบแน่น ยิ่งแคล่วคล่อง ยิ่งว่องไว มันเป็นสิริมหามายา เป็นสภาวะ 2 เป็น dialectic ที่เข้าใจได้ยาก 

ซึ่งไปสอนฝรั่งให้เขามีสมถะ สอนให้เขาตื่นอยู่บ้าง สำหรับการสอนของอาจารย์ชา ซึ่งก็ยังมีตัวที่ดีที่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ยังไม่บริบูรณ์เท่านั้นเอง ขออภัยไม่ได้ไปข่ม อาจารย์ชา แต่อาศัยสัจจะ  เผยแพร่ยืนยันความจริงอธิบายสัจจะของอาจารย์ชาให้ได้เข้าใจ โดยไม่ได้ต้องการไปทำลายส่วนดี ส่วนไหนที่ยังไม่ถูกก็บอกว่ายังไม่ถูก ฝรั่งที่เป็นเทวนิยมเขามาได้อันนี้ เจริญขึ้น ก็ดีแล้ว 

อาตมายืนยันอ้างอิงหลักฐานจากบาลีต้นคำของพระพุทธเจ้าต่างหากไม่ใช่ไปอวดตน คุณเข้าใจว่าอาตมาอวดตนอาตมาก็พูดแล้วอาตมาไม่มีอาการอวด ไม่มีสาเฐยจิต คุณมารู้จิตอาตมาไม่ได้หรอก คุณไปเพ่งโทษอาตมาเองมันเป็นบาปนะที่จริง 

ซึ่งคุณนั่นแหละยาก อาตมานะ บรรลุแล้ว อาตมาพูดถึงบาลีคำศัพท์พระพุทธเจ้าก็อธิบายสภาวะทั้งนั้นเป็นภาษาไทยให้รู้ทั้งนั้น คุณจะให้เรียนแต่พระภิกษุ ทำไมใจแคบจัง ฆราวาสเขาก็ฟังอาตมาได้ พวกคุณที่นั่งอยู่นี่เป็นชาวบ้านแล้วหลับหมดหรือเปล่า ใครหลับยกมือ ใครไม่หลับยกมือขึ้น แต่คนหลับคงตื่นแล้วล่ะพูดเสียงซะดัง ซึ่งคุณก็ไปจมอยู่การนั่งสมาธิเดินจงกรมนั่นแหละ ตื่นเถิดชาวไทยอย่าหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเรืองดำรง 

ซึ่งอ่านของคุณสหายเยี่ยมแล้วคุณเพ้อไปจริงๆ มันเป็นภาษาที่คุณเพ้อพกจริงๆ ถ้าอย่างคุณที่เข้าใจอยู่นี้อาตมาขอยืนยันว่าคุณไม่มีวันที่จะหลุดพ้น หรือจะค้นพบสัจธรรม ศึกษาใหม่ตั้งใจดีๆฟังให้ดีๆ ถ้าคุณฟังไม่ดี คุณไม่ได้ปัญญา คุณได้แต่หลงใหล เพ้อพกไปตามที่คุณเข้าใจ มันก็น่าเสียดายเวลานะคุณนะตั้งใจดีๆ มาฟังธรรมะอาตมาดีๆหน่อย มีปรโตโฆษะ

เอาน่า… แบ่งใจให้อาตมาบ้าง ฟังอาตมาบ้าง 

อาตมาทำมาหมดอย่างที่คุณพูด ทำมาไม่ใช่น้อยๆ อาตมามาพูดนี้ไม่ใช่เหมือนหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว ไม่เคยได้ลิ้มรสองุ่นเลยมาพูด อาตมาพิสูจน์ กินองุ่นมาไม่รู้กี่สวนกี่เถาแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว นี่ไม่ได้คุยนะแต่พูดความจริง  ไม่ใช่มาหลงใหลยกยอตัวเองอะไร เอาละมันค่อยๆว่าไป ขอยืนยันว่าคุณเมฆงามถูก พระภิกษุห้ามชักจูงให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน อาตมาเหยียบเบรอย่างแรงเลย ที่เขาไปรดน้ำแต่งงานในโบสถ์ มีสมเด็จ 2 รูปเลยนะเห็นดีเห็นงามที่จะไปให้แต่งงานกันในโบสถ์ ศาสนาพุทธเอาอย่างศาสนาคริสต์ที่เขาไม่รู้เรื่อง ว่าคนนั้นแต่งงานเป็นการรนไปหาทุกข์

คุณเมฆงามเขาก็ตั้งตนเป็นคนโสด เขาไม่ได้แต่งงานจนบัดนี้ก็เลยรู้อันนี้ดี แล้วก็เข้าใจเพราะว่าเขาก็มีพี่มีน้องที่เขาแต่งงานเขาก็เห็นความทุกข์สัมผัสอยู่ ทั้งๆที่ตัวเขาเองได้เข้าไปช่วยพี่น้องที่เขาเป็นทุกข์มีลูกมีหลานต่างๆนานา ลูกหลานดีก็ค่อยยังชั่ว ลูกหลานไม่ดีก็ทุกข์หนัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังสาธยายธรรมจากคำถามของคนจริง วันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:36:32 )

นั่งสมาธิอย่างไรให้จิตนิ่ง

รายละเอียด

นั่งทำสมาธิอย่างที่ตรงกับจรณะ 15 วิชชา 8 จิตจึงจะนิ่งอย่างถูกต้อง ตามพระพุทธเจ้า ถ้าไปนั่งสมาธิอย่างพวกที่เขาเข้าใจผิด นั่งสมาธิอย่างพระป่า หรือแม้แต่พระบ้านก็ตาม ทุกวันนี้อาตมาเชื่อมั่นเลยว่า แม้พระบ้านก็นั่งสมาธิแบบเดียรถีย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:38:51 )

นั่งสมาธิอย่างไรให้จิตนิ่ง

รายละเอียด

ถามถูกคนแล้ว ตอบ นั่งทำสมาธิอย่างที่ตรงกับจรณะ 15 วิชชา 8 จิตจึงจะนิ่งอย่างถูกต้อง ตามพระพุทธเจ้า ถ้าไปนั่งสมาธิอย่างที่พวกที่เขาเข้าใจผิด นั่งสมาธิอย่างพระป่า หรือแม้แต่พระบ้านก็ตาม ทุกวันนี้อาตมาเชื่อมั่นเลยว่า แม้พระบ้านก็นั่งสมาธิแบบเดียรถีย์

นั่งสมาธิแบบเดียรถีย์คืออะไร คือนั่งสมาธิแล้วก็สะกดจิตลงไปให้มันหยุด หยุดอย่าคิด อย่านึก หยุด หนักเข้าก็ไม่ให้ได้ยินเสียง หลับตาแล้วไม่ให้ได้ยินเสียง ไม่รับรู้สึกภายนอกเลย เข้าไปอยู่ในจิต เฉย พยายามสะกดแบบ อาฬารดาบส อุทกดาบส ในสมัยโบราณที่พระพุทธเจ้าท่านบวชใหม่ๆท่านไปลองดูซิ จะมีอาจารย์ไหนเป็นอย่างไร ก็มาเจอ 2 องค์นี้ อาฬารดาบส ก็นั่งไปได้ฌาน7 อุทกดาบส ได้อรูปฌานเป็นฌาน 8 พระพุทธเจ้าก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ใช่ทาง ท่านก็ไม่เอา 

เพราะนั่งสมาธิอย่างนั้นน่ะ อย่างไรคือ อาฬารดาบส อุทกดาบส มันนิ่งไม่จริง มันนิ่งเพราะถูกกดข่ม ถูกฝึกให้มันนิ่งไปเฉยๆ แต่ถามว่า นั่งอย่างไรจิตนิ่ง ของพระพุทธเจ้านั้น นิ่งคือให้มาลืมตาปฏิบัติ 

ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น แล้วก็เรียนรู้กิเลสด้วยโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 หรือเรียกเต็มว่า โพธิปักขิยธรรม ให้รู้ทั้งภายนอกภายในเรียกว่ากาย กระทบแล้วก็มีกายนอก กายใน เกิดเวทนา เกิดจิต แล้วก็ทรงไว้ซึ่งธรรม ก็จัดการปฏิบัติกายในกายเวทนาในเวทนา จิตในจิต โดยรู้จิตในจิต แยกจิตในจิต ที่มันเกิดอยู่ที่เป็นเจตสิกอยู่ที่เวทนา จิตที่เป็น ราคะ สราคะก็รู้ ทำให้มันลดลงไปหรือหมดเรียกว่า วีตราคะ เหลือน้อยลงหรือหมด 

มันเป็นอโทสะ   สโทสะ ทำให้มันน้อยลงหรือหมดเรียกว่า วีตโทสะ เป็นโมหะก็เหมือนกันทำให้มันลดน้อยลงหรือหมด พากเพียรทำตาม เจโตปริยญาณ 16 กิเลสลดจริงแล้ว จิตเราจะคล่องแคล่วว่องไวปราดเปรียวเลย นี่แหละคือ ถือว่าจิตนิ่ง 

จิตคล่องแคล่ว ว่องไว ปราดเปรียว ใสสะอาดบริสุทธิ์ ถูกต้องดีหมดเลยนี่คือจิตนิ่ง ในนัยยะสำคัญของพระพุทธเจ้าเพราะมันไม่ถูกอะไรกวน มันอิสรเสรี มันบริสุทธิ์ นี่เรียกว่า นิ่ง ภาษาธรรมะยิ่งยอดของพระพุทธเจ้า 

ถ้าไปกดให้จิตมันนิ่งๆ จิตมันเป็นธาตุรู้ ไปกดให้มันหยุดให้มันอยู่เฉยๆ มันก็ผิด ผิดธรรมชาติของจิต เพราะฉะนั้นจิตที่นิ่งของพระพุทธเจ้าจึงเป็นจิตที่มี กายปาคุญญตา และ จิตปาคุญญตา หมายความว่าจิตแคล่วคล่องว่องไว นี่คือจิตนิ่ง อาจจะได้ยินได้ฟังแบบนี้จากใครไม่ได้หรอก มาถามอาตมาอาตมาตอบให้ฟังจะได้ฟังที่อาตมาตอบให้ นี่คือการนั่งสมาธิแบบพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ต้องทำแต่แค่นั่งแต่ทำทั้งยืนเดินนั่งนอนทำได้ทั้งนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 18:20:01 )

นั่งสมาธิแบบเดียรถีย์

รายละเอียด

นั่งสมาธิแบบเดียรถีย์คืออะไร คือนั่งสมาธิแล้วก็สะกดจิตลงไปให้มันหยุด หยุดอย่าคิด อย่านึก หยุด หนักเข้าก็ไม่ให้ได้ยินเสียง หลับตาแล้วไม่ให้ได้ยินเสียง ไม่รับรู้สึกภายนอกเลย เข้าไปอยู่ในจิต เฉย พยายามสะกดแบบ อาฬารดาบส อุทกดาบส ในสมัยโบราณที่พระพุทธเจ้าท่านบวชใหม่ๆท่านไปลองดูซิ จะมีอาจารย์ไหนเป็นอย่างไร ก็มาเจอ 2 องค์นี้ อาฬารดาบส ก็นั่งไปได้ฌาน7 อุทกดาบส ได้อรูปฌานเป็นฌาน 8 พระพุทธเจ้าก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ใช่ทาง ท่านก็ไม่เอา 

เพราะนั่งสมาธิอย่างนั้นน่ะ อย่างไรคือ อาฬารดาบส อุทกดาบส มันนิ่งไม่จริง มันนิ่งเพราะถูกกดข่ม ถูกฝึกให้มันนิ่งไปเฉยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:40:24 )

นั่งสมาธิและบรรลุธรรมหลับตาไม่มีในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คำว่าอาหารเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก เราพูดกันเรื่องศีล เรื่องปฏิบัติทางปฏิบัติโภชเนมัตตัญญุตา เป็นการศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า คนที่งมงายก็บอกว่าพูดอะไรไป แล้วที่พูดนี้นอกของพระพุทธเจ้าสอนอยู่ไหม ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนกันทั้งนั้น 

แต่เรื่องที่ไปนั่งหลับตาแล้วไม่พูดเรื่องเหล่านี้เป็นพวกงมงาย เป็นพวกเดียรถีย์นอกรีตแล้วไม่รู้ตัว แล้วมาหาว่าพวกเราพูดอะไรกัน ทำไมไม่ไปภาวนา ภาวนาก็คือการนั่งหลับตาสะกดจิตทำสมาธิ เขาบอกว่าไม่ต้องศึกษาสิ่งเหล่านี้หรอก นี่คือความงมงายที่สุด พระป่าพระที่ปฏิบัติธรรมตอนนี้เป็นพวกงมงายที่สุดในศาสนาพุทธ แล้วหลงตัวเองว่านั่งสมาธินั่นแหละทำให้บรรลุธรรม 

นั่งสมาธิและบรรลุธรรมหลับตาไม่มีในศาสนาพุทธ แม้พระพุทธเจ้าตรัสว่า การปฏิบัติสมาธิจะบรรลุธรรมได้ แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่าปฏิบัติสมาธิคือไปหลับตา ไม่ใช่นะ มีคำตรัสของพระพุทธเจ้าว่า การบรรลุธรรมบรรลุธรรมได้ด้วยการฟังธรรม ทบทวนธรรม บรรลุได้ด้วยการแสดงธรรม บรรลุได้ด้วยการฟังธรรม บรรลุได้ด้วยการปฏิบัติสมาธิ 

แล้วจะไปตีขลุมว่า การปฏิบัติสมาธิคือการนั่งหลับตานั่นก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ สมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ใช่หลับตา หลับตาไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้า พวกหลับตาสมาธิคือพวกออกนอกรีตพระพุทธเจ้าไปไกลลิบเลย ผู้เข้าป่าแล้วไปนั่งหลับตาสมาธิใน คุหัฏฐกสูตร คือผู้ไกลจากวิเวก จมลงในความหลง อย่างกู้กลับไม่ได้เลย หลงงมงายติดยึดกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:37:34 )

นั่งหลับตาคือการปฏิบัติผิด หลวงปู่มั่นก็ปฏิบัติผิด

รายละเอียด

คุณเข้าใจได้ถูกดี เข้าใจว่านั่งหลับตาสมาธิเข้าไปสะกดจิต แบบหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นก็ผิด อาตมาก็ขอยืนยันว่าผิดเพราะเป็นมิจฉาทิฏฐิ หลวงปู่มั่นหรือสายหลวงปู่มั่นหรือสายหลับตาทั้งหมดยังเป็นเดียรถีย์ ยังเป็นพวกนอกรีตของศาสนาพุทธในยุคที่พระพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นมาสมณโคดมนี่แหละ ท่านอุบัติขึ้นมาก็เจอความผิดเพี้ยนไปแล้วเหมือนในยุคนี้ที่ไปนั่งหลับตาเป็นเดียรถีย์หมดแล้วไปหลงว่าอย่างนั้นคือถูกทาง อาตมาก็มาบอกว่าทางของพระพุทธเจ้าคือจรณะ 15 วิชชา 8 สมาธิต้องได้จากจรณะ 15 วิชชา 8 ล้างอาสวะสิ้นไปแล้วจิตใจไม่มีอาสวะ จิตใจที่บริสุทธิ์จึงจะตกผลึก จนกระทั่งแน่นเข้าไป อัปปนา พยัปปนา เจโตโสภินิโรปนา เป็นจิตตั้งมั่นที่แน่นเข้า 

เอาจิต ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา คือจิตที่สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส ก็จะสั่งสมลง มีทั้งแนวตั้งและแนวนอนเจริญมากยิ่งขึ้น ทั้งภาคที่ตั้งแน่น อัปปนา ทั้งภาค static dynamic 2 สภาพเป็นอย่างยิ่งแข็งแรงยิ่งแน่นยิ่งวิ่งได้เร็วๆๆ มันเป็นสภาพ dialactic หมุนรอบเชิงซ้อนที่เป็นสิริมหามายา ยากที่จะแยกได้ 

สรุปว่า หลวงปู่มั่นปฏิบัติผิดแน่นอน อาตมาตีทิ้งเด็ดขาดไปแล้ว ว่าการนั่งหลับตานั้นมันผิด เอาเหตุผล จากจรณะ 15 นี้ วิชชา 8 เอาแค่อปัณณกปฏิปทา 3 ข้อมายืนยัน ก็ชัดเจนแล้ว ถ้าเข้าใจอย่างมีปฏิภาณปัญญาพอ 

ว่า การจะเกิดความรู้ของพระพุทธเจ้าทางจิต จะเป็นฌานก็ดี เป็นคำอยู่ในจรณะ 15 แต่คำว่าสมาธิไม่มีอยู่ในจรณะ 15 หรือแม้แต่วิชชา 8 ก็ไม่เรียกสมาธิเขาเรียกว่าปัญญาเป็นวิชชา 

จิต ทั้งหมดก็คือต้องเกิดจากกระบวนการของจรณะ 15 จิต ปัญญาก็เกิดจากกระบวนการของวิชชา 8 จิตเป็นอธิจิต ปัญญาเป็นอธิปัญญา เริ่มจากศีล ไปทีละข้อๆ ก็จะเกิดจิตเกิดปัญญาและเกิดอธิมุติหรือวิมุติ พอเป็นอธิมุติแล้วไปเป็นวิมุตก็จะหลุดพ้น แล้วสำทับด้วยการตรวจสอบให้ดีเป็นวิมุตติญาณทัสสนะสมบูรณ์แบบ จิตตรวจสอบได้อย่างนี้แหละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:53:52 )

นั่งหลับตาจะเกิดแต่สัญญา

รายละเอียด

ไม่มีปัญญาเกิด ปัญญาจะเกิดต้องมีเหตุปัจจัยภายนอกร่วมด้วยตลอดเวลา นั่งหลับตาจะมีแต่ทิฏฐิ  62 ไม่มีปัจจุบันธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:35:02 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:41:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:31:54 )

นั่งหลับตาทำฌานเป็นการทำลายศาสนา

รายละเอียด

พูดให้รู้สึกเสียวสยอง กลัวผมจะหงอกไว จะเห็นได้ว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นความมหัศจรรย์ ที่ไม่ตัดลัดความ เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้นที่ไปตัดให้ขาดให้วิ่นมันไม่เก่งอะไรหรอก แสดงความโง่ต่างหาก ของพระพุทธเจ้าท่านเรียงเป็นลำดับ ลาดลุ่ม เหมือนฝั่งทะเลอย่างดี เครื่องครบครัน แต่เรื่องที่ไปตัดลัดให้ขาดวิ่นเป็นเรื่องโง่ เป็นเรื่องทำลาย ส่วนต่างๆของเนื้อแท้พระพุทธเจ้าออกไปหมด 

เพราะฉะนั้นเข้าใจคำว่ามหัศจรรย์ ถ้าเข้าใจได้จะเห็นว่า ตกลง แทนที่จะมาตัด ศีล ตัด อปัณณกปฏิปทา 3 ตัด สัทธรรม แล้วไปเอา ฌาน เลย มิจฉาทิฏฐิไปนั่งหลับตาทำ ฌานอีก มันเป็นเรื่องที่ แสดงความทำลาย ทำลายศาสนาพระพุทธเจ้าเสียขาดวิ่น ขาดตอน เสียหาย ทิ้งขว้างออกไปเยอะเลย มันเป็นความผิดอย่างยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:43:13 )

นั่งหลับตาทำสมาธิ

รายละเอียด

นั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีจักษุปัญญาญาณวิชชาอาโลกะ มันอยู่ในทวารใจทวารเดียวเป็นภพชาติ จะเก่งให้ตายอย่างไรก็ดิ้นอยู่ใน อดีต 18 อนาคต 44พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ในพรหมชาลสูตรพระสูตรแรกเลยแต่อ่านพระไตรปิฎกกันไม่แตก สรุปอีกทีนั่งหลับตาไม่ใช่ของศาสนาพุทธเลยเป็นมิจฉาทิฏฐิ 62 ข้อ ได้แค่นั้น ระลึกตามขันธ์ อดีต อนาคต ได้18 กับ 44 ไม่ได้ขันธ์ปัจจุบัน ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีทิฏฐธรรมนิพพานทิฐิ หมายความว่ามีปัจจุบันชาติ เพราะฉะนั้นหลับตาตีทิ้งได้เลย ไม่ใช่ลัทธิของชาวพุทธ ในการคิดการพูดการทำปฏิบัติมรรคทั้ง7 องค์ปฏิบัติสั่งสมเป็นสัมมาสมาธิ เป็นสมาธิก่อนพระพุทธเจ้าไม่ใช่สมาธิของแต่ละทีที่นั่งหลับตาปฏิบัติเป็นหลัก ส่วนสมาธิของพระพุทธเจ้านั้นลืมตาปฏิบัตินั่นเป็นสมาธิที่สัมมา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:01:28 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:43:41 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:35:25 )

นั่งหลับตาทำให้เกิดธรรมะ1

รายละเอียด

นั่งหลับตาทำให้เกิดธรรมะหนึ่งนั้นมันไม่มีสมมุติสัจจะ มีแต่ปรมัตถ์สัจจะอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ธรรมะอย่างเดียวจะเรียนรู้ให้ตายก็ไม่มีทางบรรลุธรรม ทำไมพระพุทธเจ้าต้องมีธรรมะ 2 ใครยึดธรรมะ 1 อยู่ในภพภายในอย่างเดียวก็ปิดประตูบรรลุธรรมของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

611219_รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:57:24 )

นั่งหลับตาปฏิบัติมีแต่ตัณหาที่แส่หาเท่านั้น

รายละเอียด

เมื่อคุณไม่มีผัสสะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พรหมชาลสูตรเลยว่า ไม่มีที่ตั้งในการปฏิบัติเมื่อไม่มีที่ตั้งในการปฏิบัติ จิตของคุณก็มีแต่ตัวแส่หาของตัณหาเท่านั้น แสบมากเลยคำนี้ พวกนั่งหลับตามีแต่ตัณหาที่แส่หาเท่านั้น แล้วจะไปแส่รู้เท่านั้น ไม่พูด tiger G ก็ดีแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 21:24:03 )

นั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีที่ตั้ง ไม่มีฐีติ

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจภายนอกหมายถึงตา หู จมูก ลิ้นกายเป็น โผฏฐัพพะ ภายนอก พาไปหลงนั่งหลับตาก็ไม่มีภายนอกมีแต่ภายในจิต ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็แยกแบ่งให้เรียกเป็นว่า จิตในจิตเป็นจิตไม่มีที่ตั้ง ไม่มีฐานไม่มีฐีติ ภาษาบาลีว่า ฐีติ มันก็ไม่ใช่วิญญาณที่จะรู้ร่วมกันทั้งโลกคือธาตุรู้ที่เป็นภาษากลางๆ วิญญาณคือธาตุรู้ ศาสนาเทวนิยมก็เรียกว่าวิญญาณ บาลีก็มีคำว่าวิญญาณไทยก็ใช้คำนี้เหมือนกัน เทวนิยมก็เรียกวิญญาณ พระเจ้าก็คือพระวิญญาณคือธาตุรู้ แล้วธาตุรู้ของพระเจ้านั้นมันลึกลับ ไม่มีอธิบายรายละเอียดมีแต่พระเจ้าประกาศเอาไว้ 

ของศาสนาเทวนิยมศาสดา ปกาศก คือผู้นำคำของพระเจ้ามาประกาศ ในโลกนี้จะมีเยอะแยะแยกศาสนาเทวนิยม แต่ทางพุทธนี้ยุคไหนก็ยุคนั้นจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น ต่างไปนั้นมันไม่ใช่ ต่างไปก็หลงว่าใช่เท่านั้นเอง เป็นศาสดาไม่ได้ 

ศาสดาไม่ได้หมายถึงพระเจ้า ไม่ได้หมายถึงหัวหน้าศาสนาหรือหัวหน้าผู้นำแต่ละยุคๆ เป็นไก่ตัวพี่ ในแต่ละยุคๆ เป็นผู้รู้อยู่รู้เองรู้ผู้เดียวรู้โดยที่ไม่มีครูบาอาจารย์ไม่มีใครบอกใครสอนมาจากแต่ก่อนเลยเป็นสยังอภิญญา แล้วก็มาประกาศว่านี่เป็นของตน สยังอภิญญา รู้เอง เองอันนี้ก็ไม่ได้อวดดีว่า ไม่ได้มาจากพระพุทธเจ้าแต่ก็ได้มาจากผู้ที่เป็น สยัมภู ได้มาเป็น อภิภู ได้มาเป็น สยังอภิญญา ก็ค่อยๆ อธิบายขยายความไปตามหลักฐานที่มีในพระไตรปิฎก ก็จะค่อยๆได้รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 11:19:57 )

นั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาเป็นฐาน เป็นความหลงผิด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในอาหารที่ 3 คือ มโนสัญเจตนาหาร คุณต้องเรียนรู้ จุดสำคัญอยู่ที่ กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าวที่เคี้ยวกลืนกิน มันเป็นกิเลสทั้ง 5 ครบ กิเลสอัตตา ฝังรูปฝังรอยของอุปาทานเอาไว้นั่นแหละ คุณศึกษาตรงนี้ 

แล้วศึกษาเมื่อมีผัสสะ ไม่มีผัสสะไม่มีฐานให้ปฏิบัติ ในพรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด ไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีเวทนาเพราะไม่มีการสัมผัส เวทนาก็ไม่มี ไม่มีฐานในการปฏิบัติ ไม่มีก็ไปมุกอะไรขึ้นมาปฏิบัติอย่างที่อธิบายไปแล้ว ไปเนรมิตของปลอมของเก๊ขึ้นมา มันมีแต่โมฆะกับความหลงผิดไปหมดเลย 

ฟังให้ดีๆเถอะ เมืองไทยมันได้เสื่อมจากความรู้ความจริงไปไกลขนาดไหน ทุกวันนี้อาตมาอธิบายย้ำพวกนี้มาตั้ง 40-50 ปี กระดิกหูกันที่ไหน มีคนที่มีความรู้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับคนที่เขาไม่รู้ ต่อให้คนได้ฟังอาตมาบรรยายคนในกระแสหลักทั่วไป ฟังอาตมาบรรยายได้พอสมควรเลย ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกนั่งหลับตาหรือพวกสามัญทั่วไป ฟังอาตมาพูดแล้ว ยังไม่กระเตื้อง เชื่อว่านั่งหลับตานั่นแหละ คือทางปฏิบัติ ยังไม่เชื่ออาตมาหรอก นี่แหละคือโจรที่ถูกหอกแทง 100 เล่ม พวกที่ยังไม่กระเตื้องกับเรื่องวิญญาณอาหาร อาตมาสอนเรื่องนามรูป แล้วให้เรียนรู้เวทนา มีอายตนะ มีผัสสะ มีเวทนา แล้วก็เรียนรู้ตัณหาอุปาทาน คุณจะดับภพจบชาติได้ คุณต้องเรียนรู้ตามนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 21:17:50 )

นั่งหลับตาปฏิบัติไม่ได้ล้างกาม

รายละเอียด

ผู้ที่นั่งหลับตาปฏิบัติไม่ได้ล้างกาม อย่างมหาบัว กินหมากปากเปรอะ  มีกามตัณหาเต็มเลยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ไม่ได้เรียนรู้เลยแล้วก็ไปนั่งหลับตา นั่งหลับตาจะมาล้างรูปราคะ อรูปราคะ มานะอุทธัจจะ มันจะล้างได้อย่างไร เพราะว่าตัวอย่างข้างนอกคุณจะกินแตงโมคุณยังไม่เอาเปลือกออก คุณจะไปกินเนื้อ มันก็กินไม่ได้ไม่ได้กินอะไรเลย คิดว่าจะเข้าไปกินเนื้อแดงในๆแตงโม แตงโมมันมีเปลือกเขียวๆแล้วมีเปลือกขาวๆแล้วถึงจะไปกินเนื้อแดงๆ ไม่ได้กินหรอกเพราะว่าเปลือกคุณไม่ได้ปอกเลย เขียวๆก็ไม่ได้ปอก ขาวๆก็ไม่ได้ปอก คุณต้องเอาเปลือกสีเขียวสีขาวออกก่อนจึงจะเหลือสีแดง แตงโมลูกนี้แดงหรือเหลือง คุณไม่ได้กินหรอก เขาไม่ได้ทำตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ไปเรียนรู้มิจฉาทิฏฐิ เป็นเดียรถีย์ ก็เลยโมฆะไปจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 12:24:01 )

นั่งหลับตาปฏิบัติไม่ได้ล้างกาม

รายละเอียด

ผู้ที่นั่งหลับตาปฏิบัติไม่ได้ล้างกาม อย่างมหาบัว กินหมากปากเปรอะ  มีกามตัณหาเต็มเลยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ไม่ได้เรียนรู้เลยแล้วก็ไปนั่งหลับตา นั่งหลับตาจะมาล้างรูปราคะ อรูปราคะ มานะอุทธัจจะ มันจะล้างได้อย่างไร เพราะว่าตัวอย่างข้างนอกคุณจะกินแตงโมคุณยังไม่เอาเปลือกออก คุณจะไปกินเนื้อ มันก็กินไม่ได้ไม่ได้กินอะไรเลย คิดว่าจะเข้าไปกินเนื้อแดงในๆแตงโม แตงโมมันมีเปลือกเขียวๆแล้วมีเปลือกขาวๆแล้วถึงจะไปกินเนื้อแดงๆ ไม่ได้กินหรอกเพราะว่าเปลือกคุณไม่ได้ปอกเลย เขียวๆก็ไม่ได้ปอก ขาวๆก็ไม่ได้ปอก คุณต้องเอาเปลือกสีเขียวสีขาวออกก่อนจึงจะเหลือสีแดง แตงโมลูกนี้แดงหรือเหลือง คุณไม่ได้กินหรอก เขาไม่ได้ทำตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ไปเรียนรู้มิจฉาทิฏฐิ เป็นเดียรถีย์ ก็เลยโมฆะไปจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 15:15:09 )

นั่งหลับตาปฏิบัติไร้จรณะ 15 วิชชา 8 ไม่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

จรณะ 15 วิชชา 8 เรียกเป็นชุดว่า จรณวิชชาสมบัติ นี้ เป็นพุทธคุณ หมายความว่าเป็นคุณวิเศษของศาสนาพุทธโดยตรง เพราะฉะนั้นผู้ใดที่ไม่มีคุณลักษณะ ของจรณะ 15 วิชชา 8 อยู่ในภาคปฏิบัติ การไปนั่งหลับตามันออกนอกจรณะ 15 วิชชา 8 ใน จรณะ 15 วิชชา 8 ไม่มีหลับตา ลัทธิหลับตาปฏิบัติ แล้วจะได้มรรคผล เป็นลัทธิของ เดียรถีย์ เป็นลัทธิของคนนอกศาสนาพุทธ ความเสื่อมของศาสนาพุทธทุกวันนี้มันเสื่อมไปถึงขนาดนี้ ถึงขนาดที่เรียกว่าไม่เชื่อ อาตมาพูดอย่างไรก็เชื่อกันยาก เขาจะไม่เชื่อง่ายๆ เขาเชื่อมิจฉาทิฏฐิและหลงผิดตามกันมาอย่างทุกวันนี้ มันผิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่มาถึง 2,500 กว่าปี ในยุคที่อาตมาเกิดมา เขายึดผิดหมดแล้ว 

อาตมามาเห็นผิด ก็ต้องมาทำหน้าที่นี้ เพื่อจะนำเข้าสู่ความถูกต้อง พูดแล้วดูเหมือนอาตมาใหญ่จริงๆ เขามีอาจารย์ต่างๆ ที่สืบทอดกันมา นั่งหลับตากันมา ก่อนอาจารย์เสาร์อาจารย์มั่น มหาบัว ใครต่อใครอีก ก่อนนั้นอีกเยอะ ก็พานั่งกันมา หลงผิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่พอตามตำนานก็สืบเรื่องราว อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น เป็นผู้นำหลักของสายหลับตา มหาบัว ก็ถือว่าเป็นหลักสำคัญ เพราะมหาบัวพูดมาก ปากมาก ยืนยันว่าตัวเองบรรลุในการนั่งหลับตาขึ้นมา ต่างๆนานา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หลงผิดกันมา อย่างจริง ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน อาณิสูตร ศาสนาพุทธจะเสื่อมไป ไม่เป็นโลกุตระ เป็นศาสนาโลกียะเท่านั้น

ศีลก็ไม่มี มีแต่วินัย คำว่าวินัยกับศีลก็ต่างกัน วินัย มีอาบัติ มีการลงโทษ ส่วนผิดศีลนั้นจะไม่เจริญ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่มีใครปรับอาบัติในการถือศีล แต่ตนเองไม่เจริญเองโดยปรมัตถ์ ส่วนวินัยนั้นมีบทลงโทษ ส่วนผู้ถือศีลมีอิสระเสรีภาพ ผู้ถือศีลไม่มีใครมาปรับอาบัติ ตัวเองจัดการเอง ได้เอง เป็นเอง ถูกต้อง ถ่องแท้ ตามสัจจะ ทำเอง ผิดก็ผิดเอง เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่างๆเหล่านี้ อาตมาก็นำมาขยายความเพื่อจะชี้บ่งให้รู้ ให้เข้าใจ ยืนยันให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก อ่าน อัมพัฏฐสูตร จนถึงข้อ 161 ขึ้น 162 จบโดยที่ อัมพัฏฐะจำนนและสารภาพว่าไม่รู้หรอก วิชชาคืออะไร ทั้งๆที่มีลูกศิษย์ลูกหาคนนับถือว่าเป็นคนจบบทมนต์ เข้าใจว่า บทมนต์ที่มีจรณะ วิชชา เขาก็เข้าใจว่า อัมพัฏฐะมีจรณะ วิชชา แต่ที่จริงมีแค่บรรยายภาษา ท่องได้ เป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ตัวเองไม่ได้มีจรณะ ไม่ได้มีวิชชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:39:54 )

นั่งหลับตามีแต่ความเพ้อเจ้อไม่เป็นความจริง

รายละเอียด

เหมือนทุเรียน มีเปลือกหนามแหลมภายนอก หากคุณจัดการเปลือกมันออกก่อนไม่ได้คุณจะเข้าไปข้างใน คุณก็นึกเอา หลับตาไม่รู้ไม่เห็นแล้วก็นึกว่าเข้าไปถึงข้างใน เข้าไปถึงเนื้อทุเรียนกินทุเรียนหวานเลย ซึ่งมันก็มีแต่ความเพ้อเจ้อ เพ้อพก มันไม่เป็นความจริงเลย มันถึงไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกนั่งหลับตา ไม่จัดการเอาเปลือกทุเรียนออกก่อน แล้วจะไปเข้าไปถึงเนื้อทุเรียนได้ กินเนื้อทุเรียนภายใน ต้องเอาหนามเปลือกออก แล้วก็ต้องผ่านกะพี้ ได้ถึงแก่นก็ไม่ได้ทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 17:07:01 )

นั่งหลับตายืนยันการบรรลุธรรมไม่ได้จึงต้องเรียนรู้กายให้ดี

รายละเอียด

เช่นยืนยันว่าอาตมานี้จบบรรลุพระอรหันต์ เป็นผู้ที่บรรลุธรรมจริง ไม่ได้พูดเล่นๆนะ ของจริงสัจธรรมพวกนี้พูดเล่นไม่ได้ เป็นอุตริมนุสธรรม พูดเล่นได้ที่ไหน แล้วยิ่งเป็นนักบวชด้วยมาพูดอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตนอย่างนี้ พูดเป็นเล่นไปได้ มาทำอย่างนั้นได้อย่างไร 

อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ อธิบายลงลึกในคำว่า กายพระพุทธเจ้าตรัส แม้แต่พูดไปแล้ว เริ่มต้นก็ต้องรู้ กาย ก่อน ตั้งแต่ อุปัชฌาย์สอนสัทธิวิหาริก หรือเริ่มต้นทั่วไปไม่ต้องไปบวชหรอก คุณต้องรู้ สักกายะ พ้นสักกายทิฏฐิ พ้นความเห็นที่ไม่รู้ว่าเป็นกายของตน หมายความว่าคุณจะต้องรู้ให้จริง รู้ให้ถูกต้อง เรื่องกาย ที่มันอยู่ในตัวเราเป็น สักกายะ ให้ถูกต้องเสียก่อน ถ้าอันนี้ไม่ถูกต้อง คุณจะเรียนอย่างอื่นอีกเท่าไหร่เท่าไหร่มันก็ไม่มีผลอะไร โมฆะไปตลอดกาล ติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้วไปเลย แล้วก็หลงตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นอรหันต์เก๊ มาหลอกคนอื่น มันสุดน่าสงสารที่สุดเลย 

เพราะฉะนั้นต้องมาเรียนให้ดีๆ พระพุทธเจ้าสอนต่อมา นอกจากพ้น สักกายทิฏฐิ พ้น วิจิกิจฉา พ้น สีลัพพตปรามาส พ้น 3 ข้อนี้ก็เริ่มต้นเป็นพระโสดาบัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2565 ( 14:50:52 )

นั่งหลับตาสมาธิมาลืมตาปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

พวกนั่งหลับตามีแต่วิญญาณสัมภเวสี ก็มืดอยู่ตลอดกาลนั่นแหละ ไม่ได้ผุดเกิดอะไรหรอก  ไม่ได้มาเห็นแสงสว่าง  ไม่ทำให้เห็นความจริงกับเขาเลย เลิกเถอะนั่งหลับตาเอ๋ย เลิกเถอะ 

ถ้าอาตมาทำให้พวก ที่พระพุทธเจ้าโปรด เหมือนพวกชฎิล 3 พี่น้อง เป็นหัวหน้าเผ่า มีหมู่ใหญ่ๆ ถ้าอาตมาทำให้พวกหลับตาหรือแม้แต่เถรสมาคมก็ตาม ชัดเจนในเรื่องนี้ได้นะ เลิกเรื่องนั่งหลับตาสมาธิอย่างเดียว มาลืมตาปฏิบัติตามจรณะ 15 วิชชา 8 นี้ เท่านี้แหละ โอ้โห.. ศาสนาพุทธนี้ อาตมาว่าชาตินี้ ถ้าอันนี้สำเร็จแล้ว อาตมาตายตาหลับจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 11:11:53 )

นั่งหลับตาสมาธิเหมือนขุดภูเขา

รายละเอียด

สันดอนขุดกันง่ายๆก็ขุดได้ อย่าว่าแต่สันดอนเลย ภูเขาก็ยังเจาะได้เลยมีคนจีนคนเดียวเจาะภูเขาทะลุ 

อาตมากำลังอธิบายว่าพวกหลับตาจะเข้าไปอยู่ใจกลางภูเขา เล่นไม่ขุดข้างนอกเข้าไปเลย สมมุติตัวเองว่าไปอยู่ข้างใน แล้วจะขุดจากข้างในออกมาข้างนอกให้ทะลุ เข้ายังไม่ได้เลย เป็นไปไม่ได้คุณจะเข้าไปอยู่ข้างในแล้วจะขุดจากข้างในออกมาทะลุข้างนอก มันเป็นเรื่องประหลาด นั่งหลับตามันก็เหมือนขุดภูเขา คุณไม่ได้ทำเป็นลำดับตั้งแต่ กาม รูป อรูป คุณจะเอาภูเขาทั้งลูกออกไปหรือว่าจะขุดเข้าไปก็ตาม ก็ต้องขุดจากข้างนอกเข้าไปจนถึงตรงกลาง ถ้าคุณจะทลายภูเขาทั้งภูเขา คุณก็ต้องขุดจากข้างนอกเข้าไปก่อนจะถึงข้างใน คุณจะเอาข้างในมาหาข้างนอกได้อย่างไร ก็ต้องเจาะรูให้คนเข้าไปข้างในให้ได้ก่อน กว่าคุณจะทำได้คุณต้องทำ 2 รอบขุดข้างนอกไปหาข้างใน แล้วอยู่ข้างในขุดออกมาสลายภูเขาข้างนอก มันเป็นอย่างไรจะบ้าหรือเปล่า เพราะฉะนั้นคนไม่รู้จะเป็นอย่างนี้นั่งหลับตา คุณไม่ได้ขุดข้างนอกเข้าไปที่ระดับๆเข้าไปหากลาง แล้วก็หมดพอดี คุณจะเข้าไปอยู่ข้างในก็คิดเอา ว่าหลับตาอยู่ข้างใน เก่งมีปัญญา มีเจโต แรง เสร็จแล้วคุณก็จะสลายกิเลสได้หมดเลย กิเลสเหมือนภูเขายิ่งกว่ากองภูเขาก็ได้หมดเลย เห็นไหมเป็นความเพ้อฝันของพวกนั่งหลับตาสมาธิ แล้วยิ่งมีอุทาหรณ์ มีคำอธิบายเข้าใจได้มากมายเพิ่มเติม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 11:16:03 )

นั่งหลับตาสมาธิเห็นแสงสว่างนานาคืออุปาทานทั้งสิ้น

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการหลับตาของพุทธนั้น หลับตาแล้วก็คือดำ หลับตาแล้วก็คือมืด ไม่มีแสงสว่างหรอก เพราะฉะนั้นแม้คุณหลับตาลง ก็มีแสงสว่าง พวกนั่งหลับตาสมาธิ จะเห็นแสงสว่างทั้งนั้น แสงสว่างสีต่างๆ เล่นแสงสว่างต่างๆนานานั่นคืออุปาทานทั้งสิ้น ของศาสนาพุทธนั้นหลับตาก็มืด ลืมตาก็สว่าง สัจจะของพุทธนั้นจึงรู้กลางวันกลางคืน กลางคืนก็มืด กลางวันก็สว่าง ไม่ได้เป็นคนวิปริต รู้หลับตาหรือลืมตา เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้รู้รอบ ส่วนพวกหลับตานั้นเป็นพวกหลงใหล หลงเลอะ เอาความมืดไปในการหลับตาแล้วทำแสงสว่างในการหลับตาอีกพวกนี้หลงใหล แต่ของพระพุทธเจ้านั้นรู้กลางวันรู้กลางคืน รู้ความจริงตามความเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 13:14:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:05:37 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:05:26 )

นั่งหลับตาสมาธิไม่มีอาโลกสัญญามีแต่คลังสัญญา

รายละเอียด

นั่งหลับตาสมาธิไม่มีอะไรเจริญเท่ากับอยู่ในกะลาครอบ ไม่ออกไปจากกะลาเลย ไม่มีอาโลกะ ไม่มีแสงสว่างเลย ไม่มี อาโลกสัญญาเลย ฝันอยู่คนเดียว อยู่ในสิ่งที่คุณมีคือคลังสัญญาคือความคิดความฉลาดภูมิธรรมเท่าที่มี คุณก็เอาภูมิธรรมเท่าที่มีรับรู้ได้ไม่ครบง่ายๆหรอก อย่างเช่นพระพุทธเจ้าท่านดึงสัญญาเก่าได้ครบ ท่านก็เคยทำมาเดิมตั้งแต่เก่าสำเร็จครบสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เมื่อมาประสูติอุบัติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ท่านก็นั่งระลึกถึงภูมิ ที่เป็นสัมมาสัมโพธิญาณของท่านขึ้นมา เหมือนกับคุณเองคุณมีสมบัติอยู่ในเซฟ คุณก็เปิดเซฟ ออกมาเอาสมบัติออกมา แต่ถ้าในเซฟของคุณไม่มีสมบัติของคุณในนั้นเปิดเซฟออกมา มันก็ไม่มีอะไรข้างใน บ่จี๊ ทรัพย์สินเงินทองคุณก็ไม่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:20:38 )

นั่งหลับตาสะกดจิตไม่มีสัมผัสเป็นปัจจัยไม่มีฐานในการปฏิบัติอย่างไร

รายละเอียด

นั่งหลับตาสะกดจิตมันเป็นโมฆะให้เลิกซะที ต้องมีกรรมกิริยามีสัมผัสเป็นปัจจัย ถ้าไม่มีสัมผัสเป็นปัจจัยไม่มีฐานในการปฏิบัติพระพุทธเจ้าสอนไว้ในพระสูตรแรกของพระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรบทแรกเลย พรหมชาลสูตร ต้องมีสัมผัสเป็นปัจจัยเกิดเวทนาจึงจะมีฐานแห่งการปฏิบัติคือสถานที่ตั้ง คำว่าที่ตั้ง เป็นภาษาไทยคุณต้องมีที่ตั้งมีที่ยืน ที่ทำ ถ้าคุณไม่มีที่ยืน 

1. คุณมีที่ยืน 2. จิตวิญญาณของคุณจะต้องมีอะไรกระทบสัมผัส แล้วก็ถึงมีสองสภาพได้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นที่ยืนที่ตั้ง ก็ไม่มี จิตวิญญาณก็ไม่ให้มันกระทบสัมผัสอะไร เป็นสัมภเวสี นั่งหลับตาไปนี้จิตเป็นสัมภเวสีทั้งนั้น ไอ้ที่ตั้งที่จะปฏิบัติคือจะต้องมีวิญญาณฐีติ ต้องมีวิญญาณเปิด ต้องมีธาตุวิญญาณ สัมภเวสีไม่ใช่วิญญาณฐีติ แต่มันคือวิญญาณล่องลอย

นั่งหลับตาสะกดจิตมันเป็นโมฆะให้เลิกซะที ต้องมีกรรมกิริยามีสัมผัสเป็นปัจจัย ถ้าไม่มีสัมผัสเป็นปัจจัยไม่มีฐานในการปฏิบัติพระพุทธเจ้าสอนไว้ในพระสูตรแรกของพระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรบทแรกเลย พรหมชาลสูตร ต้องมีสัมผัสเป็นปัจจัยเกิดเวทนาจึงจะมีฐานแห่งการปฏิบัติคือสถานที่ตั้ง คำว่าที่ตั้ง เป็นภาษาไทยคุณต้องมีที่ตั้งมีที่ยืน ที่ทำ ถ้าคุณไม่มีที่ยืน 

1. คุณมีที่ยืน 2. จิตวิญญาณของคุณจะต้องมีอะไรกระทบสัมผัส แล้วก็ถึงมีสองสภาพได้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นที่ยืนที่ตั้ง ก็ไม่มี จิตวิญญาณก็ไม่ให้มันกระทบสัมผัสอะไร เป็นสัมภเวสี นั่งหลับตาไปนี้จิตเป็นสัมภเวสีทั้งนั้น ไอ้ที่ตั้งที่จะปฏิบัติคือจะต้องมีวิญญาณฐีติ ต้องมีวิญญาณเปิด ต้องมีธาตุวิญญาณ สัมภเวสีไม่ใช่วิญญาณฐีติ แต่มันคือวิญญาณล่องลอย ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย หลับตาเข้าก็ลอยไปได้ไหนๆ ต้องลืมตา มีตา หู จมูก ลิ้น กาย จึงจะมีที่ตั้งของวิญญาณเรียกว่าวิญญาณฐีติ จึงจะเรียนรู้กายโดยมีสัญญาคู่กับกาย มีกาย กับสัญญาสัญญากับการเรียนรู้ความเป็นสัตว์ 9 ชนิด สัตตาวาส 9 แล้วเลิกความเป็นสัตว์ 9 ชนิดนี้ให้จบเป็นอรหันต์  

นี่ กาย ก็ไม่รู้ สังโยชน์ข้อที่ 1 ก็ไม่รู้ ตัวเราก็ไม่รู้ ตัวเองทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ บอกว่าคุณอย่าไปทำอย่างนั้น ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ สอนยากจริงๆ

ก็เริ่มต้นที่จิต แล้วทำกรรมให้เป็นประโยชน์คุณค่าให้ได้ดี และก็จะทรงไว้เรียกว่า ธรรมะ ตั้งไว้ ตั้งไว้ มีที่ตั้งคือวิญญาณ แล้วทำเป็นวิญญาณให้เป็นพีชะ อุตุ

จัดการกรรมการปฏิบัติให้เป็นโลกุตรธรรม เมื่อเป็นโลกุตระธรรมก็ทำให้จิต เป็นพีชะ อุตุได้ ถ้าทำได้ก็จบ อธิบายนี่คืออธิบายทั้งหมดของศาสนาเลยนะ

ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย หลับตาเข้าก็ลอยไปได้ไหนๆ ต้องลืมตา มีตา หู จมูก ลิ้น กาย จึงจะมีที่ตั้งของวิญญาณเรียกว่าวิญญาณฐีติ จึงจะเรียนรู้กายโดยมีสัญญาคู่กับกาย มีกาย กับสัญญาสัญญากับการเรียนรู้ความเป็นสัตว์ 9 ชนิด สัตตาวาส 9 แล้วเลิกความเป็นสัตว์ 9 ชนิดนี้ให้จบเป็นอรหันต์  

นี่ กาย ก็ไม่รู้ สังโยชน์ข้อที่ 1 ก็ไม่รู้ ตัวเราก็ไม่รู้ ตัวเองทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ บอกว่าคุณอย่าไปทำอย่างนั้น ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ สอนยากจริงๆ

ก็เริ่มต้นที่จิต แล้วทำกรรมให้เป็นประโยชน์คุณค่าให้ได้ดี และก็จะทรงไว้เรียกว่า ธรรมะ ตั้งไว้ มีที่ตั้งคือวิญญาณ แล้วทำวิญญาณให้เป็นพีชะ อุตุ

จัดการกรรมการปฏิบัติให้เป็นโลกุตรธรรม เมื่อเป็นโลกุตรธรรมก็ทำให้จิต เป็นพีชะ อุตุได้ ถ้าทำได้ก็จบ อธิบายนี่คืออธิบายทั้งหมดของศาสนาเลยนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:51:14 )

นั่งหลับตาสัทธรรม 7 ไม่เกิด

รายละเอียด

ไปนั่งหลับตาไม่ใช่จรณะ 15 วิชชา 8 นะ นั่งหลับตา ไม่มีอปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ก็ไม่เกิด ฌานก็ไม่เกิด เกิดแต่ฌานฤาษี คุณไม่มีศรัทธา คุณไม่มีความละอาย ไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่มีพหูสูต ไม่มีวิริยะสติปัญญา 

คุณไม่มีเพราะว่ามันไม่เกิดปัญญามันมีศรัทธา ที่ว่าต้องมีปัญญาในสัทธรรม7 มันมีปัญญาอยู่ในตัว ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา ปัญญามันเป็นตัวที่ 7 มันมีอยู่ในตัว แต่เมื่อคุณมีแต่ศรัทธาคุณยังไม่มีปัญญา คุณก็ไม่เกิดความละอาย นี่ก็อธิบายมาไม่รู้กี่ที 

ไม่ต้องละอายผู้คนหรอกแต่ให้ละอายตัวเองที่ทำไมมันถึงโง่นานนักนะเรา แปลว่าสายศรัทธาในสายปัญญา บางคนเป็นสายปัญญาแต่กิเลสมากก็ไม่บรรลุง่าย สายปัญญานะแต่อัตตาเยอะ มานะเยอะ พบสัตบุรุษก็ไม่ยอมรับเพราะว่าอัตตามานะของตัว ข้านี่แหละแน่กว่าเอ็งไม่ใช่ เจอสัตบุรุษจริงก็ยังบอกว่าข้านี่แหละสัตบุรุษ เก่งกว่าแก แกยังไม่ใช่ แล้วเมื่อไหร่มันจะมารู้สักที เพราะความจริงเขาไม่แก้ไขความจริงที่เขาหลง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 18:52:52 )

นั่งหลับตาเท่ากับจับฝุ่นในที่มืดออก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น การไปนั่งหลับตาเท่ากับจับฝุ่นในที่มืดออก และไม่ใช่คุณจับฝุ่นในที่มืดหรอก คุณหลงว่าคุณมืดหนักเข้าไปกดข่มเข้าไป มันก็ดิ้น ทำให้มันตกตะกอนแน่นๆๆๆเข้าไป แล้วคุณก็นึกว่ามันหมดแล้ว คุณเก่งที่คุณทำให้ตะกอนมันนิ่งหยุดได้ แล้วคุณก็มาหลงในน้ำใสข้างบน เพราะคุณเองคุณจม มันโง่ไม่รู้กี่ชั้นไม่รู้ การไปหลับตาทำนี้เป็นโมฆบุรุษ ที่อาตมาไม่รู้จะพูดอย่างไร 

พระพุทธเจ้าท่านจะไปว่าคนที่นั่งหลับตาไม่ได้ เพราะในยุคนั้นมันเป็นยุคที่คนโง่หลับตากันเกือบหมด ถ้าท่านไปด่าเหมือนอย่างทุกวันนี้ท่านจะไม่ได้คนมาปฏิบัติธรรม แต่อาตมาไม่ใช่อยู่ในยุคพระพุทธเจ้าก็พูดไม่รู้กี่ทีแล้ว ยุคที่มีศาสนาพระพุทธเจ้าประกาศความจริงอันนี้มาหมดแล้ว แล้วจะไปหลับตาให้เป็นโมฆะ มันโง่หนัก เพราะฉะนั้นอาตมาพูดได้เต็มที่ พระพุทธเจ้าพูดเต็มที่ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีคนมาเป็นลูกศิษย์เลย แต่อาตมานี้คัดเอาคนฉลาดมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:49:37 )

นั่งหลับตาเป็นการไปสร้างภพใหม่

รายละเอียด

นั่งหลับตาเป็นการไปสร้างภพใหม่ คนเราดวงตาเปิด กระทบตาหูจมูกลิ้นกายนี่เป็นกามภพ คนเราเต็มๆ มีสติสัมปชัญญะปัญญาลืมตา ก็รู้ก็เห็น อัตตาของโลก แต่เมื่อคุณหลับตาเข้าคุณก็ไม่มีโลกแล้ว กามคุณไม่ได้เรียนแล้ว กาย คุณไม่มีแล้ว พวกนี้หลุดลอยไปหมดเลย เป็นพวกพิการไม่เต็มเต็ง ไม่ครบทุกอย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 17:10:29 )

นั่งหลับตาเป็นประโยชน์เพื่อตรวจสอบเตวิชโช

รายละเอียด

ตัณหา 3 กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา หากไม่มีผัสสะ ไปตัดลัดขั้นตอนไปนั่งหลับตา ก็ผิด แต่การนั่งหลับตาก็เพื่อตรวจสอบเตวิชโช ถ้าไม่ใช้การเตวิชโชก็ไม่ต้อง จำเป็นก็นั่งหลับตา อาจจะหลับตาเพื่อตรวจดูความหมายของธรรมะบ้างก็ได้ ที่ได้ปฏิบัติแล้ว อะไรที่มันดับได้แล้วอะไรที่ยังไม่ได้ดับ หมดอาสวะหรือยัง เป็นต้น ก็ใช้ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับตาหูจมูกลิ้นกายไป Concentrate ที่จิต แต่ธรรมดาแล้วต้องลืมตาปฏิบัติ อย่างมีวิชชา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:42:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 06:25:43 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:05:56 )

นั่งหลับตาเป็นลัทธิครองโลก

รายละเอียด

ต้องมี อปัณณกธรรม 3  จึงจะเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิด พิจารณาในอาหารในคำข้าวก็สามารถบรรลุธรรมได้ ปฏิบัติธรรมให้เป็นคนตื่น อย่าไปหลับอยู่ในภพ ต้องตื่นออกมาข้างนอกเลย เรียกว่าชาคริยา มีธาตุรู้ ชา แปลว่ารู้ ชาคริ ชาคระ ตื่นออกมาทางกายกรรม วจีกรรมมโนกรรม ต้องเพียรให้ตื่น หากว่าเอาแต่ไปหลับอยู่ข้างในมันคนละทิฏฐิเลย พูดอย่างหนักหนาสาหัสว่าอย่าไปนั่งหลับตาเลย มันออกนอกรีต เลิกได้แล้ว อาตมาจึงต้องเหนื่อยไปอีกนาน สงสัยต้องเหนื่อยจนตายเพราะเขาไม่เปลี่ยนทิฐิง่ายๆ เพราะมันเป็นลัทธิครองโลก มันเป็นความติดยึด ที่อยู่ในปุถุชน ในโลกียะ เลิกไม่ได้ทั้งหมด คนที่จะมารู้ธรรมะพระพุทธเจ้าจึงมีส่วนหนึ่งเท่านั้นเป็นคนจำนวนน้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:43:43 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:53 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:37:19 )

นั่งหลับตาเรื่องนอกรีต

รายละเอียด

นี่ไปศึกษาให้ดีๆคำสอนของพระพุทธเจ้าการไปนั่งหลับตานั้นเป็นเรื่องนอกรีต อาตมาพูดจนกระทั่งไม่เกรงใจแล้วนะทุกวันนี้ ทุบหัวเอาทุบหัวเอาไม่รู้จะรู้สึกบ้างหรือไม่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 09:49:46 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:50 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:06:19 )

นั่งหลับตาเสียเวลาไม่ใช่ชาติเดียว

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจความหมายของธรรมะที่อาตมาขยายความอุเบกขา 5 ก็ตาม ฌาน ก็ตาม 

ฌาน 4 ถ้าจับ เหตุของการเกิดฌานไม่ถูก เหมือนอย่างที่ไปนั่งหลับตามันเสียเวลาไปเป็นชาติๆ ไม่ชาติเดียวนะที่ไปติดยึด ชาติต่อไปก็งมงาย กว่าจะรู้สึกตัวแต่ละคน ก็ยังมีผู้เป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ก็ช่วย อย่างอาตมาก็ช่วยกระตุกไป จนกว่าจะค่อยๆ เหรอ? กลายเป็นพญานาคอยู่ใต้ก้นบาดาล นี่ อย่างนี้ ยิ่งกว่านะ พญานาคอยู่ใต้ก้นบาดาลเป็นผู้ที่มืด หนัก ดิ่งดับ ไม่รับรู้อะไรนานอยู่จนกระทั่ง พญานาคที่นอนอยู่ก้นบาดาลจะรู้สึกตัวจากการตื่น ชาคริยา เขาจะนอนอยู่อย่างนั้นหลับไปไม่รู้กี่ล้านปี บางทีห่างกันเป็นล้านปี กว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกองค์นึง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:50:26 )

นั่งหลับตาแล้วแยกกายออกจากจิตเป็นอุปาทาน

รายละเอียด

แต่ทุกวันนี้อุปัชฌาย์ก็ไม่รู้ว่าแยกกายแยกจิตอย่างไร ก็ไปแยกแบบนั่งหลับตาแล้วแยกกายออกจากจิต จิตลอยออกไปจากกาย กายก็นั่งแข็งอยู่ตรงนั้น จิตก็ลอยไปแล้วมาเห็นตัวเองนั่งแข็งอยู่อย่างนั้น นี่แหละผู้แยกกายแยกจิตสำเร็จของศาสนาเขาว่าอย่างนั้น ซึ่งเป็นอุปาทาน ก็หลงแยกกายแยกจิตได้แค่นั้น ซึ่งลึกซึ้ง อาตมาอธิบายไปแล้วมันไม่ใช่เล่นๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 05:26:02 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์