@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สัจจะที่เป็นสภาวะคู่ทั้งรูปทั้งนามเป็นอจินไตย

รายละเอียด

คุณจำลองไม่ได้เป็นนายกใช่ คุณต้องเป็นแค่จำลอง จำลองนายกฯ ไม่ได้เป็นนายกฯ คุณต้องชื่อจำลอง แน่นอนไม่ไปชื่อจำนอง จำเลย จำเลยก็เป็นตอนนี้เป็นขั้นหัวหน้ากบฏเลยนะ จำเลยเบอร์ 1 หัวหน้ากบฏ มันเป็นเรื่องลึกไปกว่านั้น คนนี้ต้องชื่อนี้ อาตมาอยู่โพธิสัตว์ระดับ 7 ก็พอเป็นพอมี ยิ่งพระพุทธเจ้าแล้วรู้เลยว่าชื่อนี้ต้องเป็นอย่างนี้ คนชื่อสิริมหามายาต้องเป็นแม่พระพุทธเจ้า คนชื่ออันนี้ต้องเป็นอันนี้ๆ ต้องเป็นตั้งแต่บารมีถึง พระพุทธเจ้าถึงได้พยากรณ์ คนนี้จะไปเกิดในยุคไหน หรือแม้แต่อัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา คนที่จะไปเป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้าชื่อนั้น ถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องอจินไตยที่จริงเลยที่ชัดเจนจริง ไม่ใช่เรื่องมุข 

เพราะฉะนั้นอาตมาจึงไม่มีปัญหาว่าทำไมชาตินี้อาตมาต้องชื่อว่ามงคล ทำไมอาตมาต้องชื่อรัก แล้วทำไมต้องชื่อโพธิรักษ์ มันจริงทั้งนั้นเลย จะต้องมาเป็นอันนี้ เป็นอันอื่นไม่ได้ มันต้องเป็นอย่างนี้อย่างนี้เป็นต้น 

สัจจะที่เป็นสภาวะคู่ทั้งรูปทั้งนามมันเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น อันนี้ศึกษาไป แล้วพวกเราจะค่อยๆเข้าใจ ในอจินไตยอีกเยอะ หลายคนก็สนใจฟัง เพราะฟังอย่างอื่นมาหมดแล้วหลักเกณฑ์ต่างๆก็รู้หมดแล้วปฏิจจสมุปบาทก็รู้อริยสัจก็รู้ แม้แต่ซอยไปเวทนา 108 ก็ยังรู้แต่ยังทำไม่เป็น ..เอาละ สำหรับวันนี้ 2 ชั่วโมงแล้ว 

ถามก่อนจะจาก ใครได้รับธรรมะอะไรพิเศษใหม่ๆ ละเอียดขึ้นมา ยกมือขึ้นสิ...เยอะอยู่นะ ก็ขอให้ตั้งใจฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:21:17 )

สัจจะที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกคืออะไร

รายละเอียด

แม่นแล้วอันนี้เป็นตัวจบ สัญญายนิจจานิ ที่จะนับเป็นสัจจะอีกที พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัจจะเป็นหนึ่งเดียว และหนึ่งเดียวที่ว่านี่คืออะไรในโลก สัจจะในโลกนี้คืออะไร พระพุทธเจ้าก็ตีหัวเข้าบ้านเลย สัจจะที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกนั่นคือ ความละหน่ายคลาย ความทำให้กิเลสหายไปให้หมด สรุปก็คือทำนิพพานให้ได้ นี่คือถือเป็นสัจจะ นอกนั้นไม่ถือว่าเป็นนิพพาน เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว ความเที่ยงในโลกนี้มีไหม มี นิพพานเท่านั้นเที่ยง นอกจากนิพพานแล้วไม่มีอะไรเที่ยง จบตรงนี้เลย แล้วเที่ยงของนิพพานคืออะไร ที่จะต้องชัดเจนลึกซึ้งคือกิเลสของคุณตายแล้ว ตายนิรันดร ตายแล้วไม่เกิดอีก นี่คือเที่ยง กิเลสของคุณต้องตายไม่เกิดอีกจริงๆเลย นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 08:22:12 )

สัจจะนั้นมีหนึ่งเดียวควรศึกษาให้ดีๆ

รายละเอียด

อาตมาอ่านแล้วเข้าใจได้ว่า คุณวาริยา หนักไปทางมหายาน มีอริยสัจ เหมือนแต่ปลีกย่อยต่างกัน อาตมาว่าให้ศึกษาให้ดีๆอริยสัจนั้นมีอย่างเดียว ไม่มี 2 อย่าง ในจูฬวิยูหสูตร สัจจะมีหนึ่งเดียว พระโพธิสัตว์ก็มีอย่างเดียว เป็นพระโพธิสัตว์ 2 อย่างไม่ได้ ที่แบ่ง 2 อย่างไปมันเพี้ยนไปจากสัจจะ สัจจะนั้นมีหนึ่งเดียวควรศึกษาให้ดีๆ พระอริยบุคคลก็มีแบบเดียวไม่มีอาริยะบุคคล 2 แบบ ศึกษาดีๆ แบบมหายาน เป็นพุทธเกษตร เป็นเทวนิยมเป็นสัสสตทิฏฐิ เป็นนิรันดร ยังมีพุทธเกษตร ยังมีพระพุทธเจ้าหลายองค์มีตรีกาย ซึ่งอาตมาก็เคยพูดไม่รู้กี่ที ตรีกายเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่คุณเอาไปตีความอีก ใส่ชื่อไปอีกหลากหลาย สัจจะมีหนึ่งเดียว โพธิสัตว์จะเกิดได้ต้องบรรลุอรหันต์ก่อน โพธิคือผู้ที่ช่วยรื้อขนสัตว์ อรหันต์นั้นตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อนพร่ำสอนผู้อื่นจึงไม่มัวหมอง ตัวเองไม่ใช่อรหันต์แล้วจะสอนให้คนอื่นเป็นอรหันต์มันไม่ใช่ฐานะ คุณต้องได้ของคุณเองก่อน มีสตางค์ของคนเองก่อนแล้วจึงไปให้คนอื่นได้ จะไปยืมของใครมาไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:20:31 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:58:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:37:48 )

สัจจะมี 1 เดียวตรงกันเป็นของพระอรหันต์เท่านั้น

รายละเอียด

อริยสัจ 4 ที่เป็นสัจจะเป็นอย่างเดียวได้นั้นถ้าเป็นอรหันต์ถึงพูดได้ ถ้ายังไม่เป็นอรหันต์มี 2 หมด แย้งกันได้หมด ผู้เป็นอรหันต์มีนิพพานได้ จึงจะพูดได้หนึ่งเดียวตรงกันหมด นอกนั้นเถียงกันหมดถ้ายังไม่ใช่พระอรหันต์ ไม่มีนิพพานแท้ก็เถียงกันหมด นี่คือสัจจะแท้มีหนึ่งเดียวใน จูฬวิยูหสูตร ไปอ่านให้ดีๆ 

ชนสองพวกได้กล่าวกันและกันว่า “เป็นผู้โง่” เพราะทิฐิฯ เรา(ตถาคต)ไม่กล่าวทิฐินั้นว่าเป็นสัจจะ เพราะเหตุว่าสัตว์ยึดทิฐิของตนว่า “สิ่งนี้เท่านั้นจริง” (สิ่งอื่นเปล่าดาย ไม่มีจริง) 

สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้นมิได้มีสองอย่าง สัจจะหลากหลาย ต่างๆ กันนั้น  มิได้มีเลยในโลก แต่ที่ไปเห็นว่ามีก็เพราะ ไปสัญญาว่าเที่ยงแท้แน่นอน เท่านั้น (น เหวะ สัจจานิ พหูนิ นานา อัญญัตระ สัญญายะ นิจจานิ โลเก) 

พตปฎ. เล่ม 25/419,  เล่ม 29/519 - 599 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:28:49 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว

รายละเอียด

คือใครได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัส ก็รู้เหมือนกันหมด ภาษาจะเรียกต่างกัน ก็ตาม  ภาษาไทยเรียกว่า ความหวาน ภาษาฝรั่งเรียกว่า  sweet+จีนเรียกว่า เตียม  เขาก็เรียกไป  ไทยก็เรียกหวาน  ภาษาต่างกัน แต่ลักษณะนั้น  มันอย่างเดียวกัน  ลิ้มรสนั้นอย่างเดียวกัน สัจจะมีหนึ่งเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:39:48 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:28:57 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:38:41 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว

รายละเอียด

ใครได้เห็นได้ยินได้กลิ่นได้รสได้สัมผัสก็รู้เหมือนกันหมด ภาษาจะเรียกต่างกันก็ตาม ภาษาไทยเรียกว่าความหวาน ภาษาฝรั่งเรียกว่า Sweet จีนเรียกเตียม เขาก็เรียกไป ไทยก็เรียกหวาน ภาษาต่างกันแต่ลักษณะนั้นมันอย่างเดียวกัน ลิ้มรสนั้นอย่างเดียวกัน สัจจะมีหนึ่งเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:21:49 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว นอกนั้นเป็นเรื่องที่เห็นต่างกัน

รายละเอียด

เป็นคำไวพจน์ใช้ลำลองแทนกันได้ มันจะเข้าใจสนิทดีหรือมีความต่างละเอียดลออแค่ไหน เราจะเป็นผู้รู้ชัดเจนขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะรู้ว่าถ้าคนที่เขายังไม่รู้ เราพูดกับเขา เราก็อนุโลมคำนี้ หมายความว่าคล้ายกันก็เอาไปก่อน ก็จะอนุโลมอย่างนี้ได้ไปเรื่อยๆ ใช้แทนกัน เพราะมันยังยากที่จะเข้าใจตรงสภาพกันทีเดียวว่ามีนัยละเอียด หรือคนที่ยังหยาบ จะเห็นขนาดความต่างกันอย่างหยาบ เขาก็เห็นเหมือนกันทั้งที่มันต่างกัน ดีไม่ดีเข้าใจผิดถึงขั้นว่าเห็นความผิดอันเดียวกันกับความถูกเลยอะไรอย่างนี้ 

ที่จริงแล้วสัจจะมีหนึ่งเดียว นอกนั้นเป็นเรื่องที่เห็นต่างกัน แย้งกันต่างคนต่างยึดก็เถียงกัน ยึดอัตตาตัวตนหนัก ก็ทะเลาะกัน หนักเข้าก็อยากเป็นใหญ่ก็ทำร้ายกันสุดท้ายก็ฆ่ากัน ข้าต้องใหญ่ๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:17:18 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว สัจจะที่ 2 ไม่มี

รายละเอียด

ถ้าใครอ่าน จูฬวิยูหสูตร แล้ว จะเห็นความยิ่งใหญ่ว่า สัจจะมีหนึ่งเดียว สัจจะที่ 2 ไม่มี พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้น สัจจะที่สองไม่มี ผู้ที่ทราบชัดมา ทราบชัดอยู่ จะต้องวิวาทกันเพราะสัจจะอะไรเล่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมกล่าวสัจจะทั้งหลายให้ต่างกันออกไปด้วยตนเอง เพราะเหตุนั้น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย จึงไม่กล่าวสัจจะให้เป็นหนึ่งลงไปได้ ฯ พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า เพราะเหตุไรหนอ สมณพราหมณ์ผู้เป็นเจ้าลัทธิทั้งหลายกล่าวยกตนว่าเป็นคนฉลาด จึงกล่าวสัจจะให้ต่างกันไป สัจจะมากหลายต่างๆ กัน จะเป็นอันใครๆ ได้สดับมา หรือว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น ระลึกตามความคาดคะเนของตน ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า สัจจะมากหลายต่างๆ กัน เว้นจากสัญญาว่าเที่ยงเสีย ไม่มีในโลกเลย ก็สมณพราหมณ์ทั้งหลายมากำหนดความคาดคะเนในทิฐิทั้งหลาย (ของตน) แล้ว จึงกล่าวทิฐิธรรมอันเป็นคู่กันว่า จริงๆ เท็จๆ ก็บุคคลเจ้าทิฐิ อาศัยทิฐิธรรมเหล่านี้ คือ รูปที่ได้เห็นบ้าง เสียงที่ได้ฟังบ้าง อารมณ์ที่ได้ทราบบ้าง ศีลและพรตบ้าง จึงเป็นผู้เห็นความบริสุทธิ์ และตั้งอยู่ในการวินิจฉัยทิฐิแล้วร่าเริงอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:40:21 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว สัญญา ย นิจจานิ

รายละเอียด

"เทวะ" เมื่อใดเป็นหนึ่ง เมื่อไหร่เป็น 2  ที่คือสิริมหามายา เราจะต้องกำหนดถูกว่าปัจจุบันนี้สิ่งนี้ เราจะสมมุติกันเป็นสมมติสัจจะ จะสมมุติสิ่งนี้กันแม้แต่จะถึงนามธรรม จะสืบต่อถึงกันตอนนี้เราหมายความว่ารูปธรรม ยืนยันกันได้อันนี้เป็นอันนี้ รูปธรรม เช่นคนสองคน คนหนึ่งกำลังเถียงกัน อันนี้คนหนึ่งบอกว่าบักแตงจริง อีกคนนึงบอกว่าไม่ใช่เป็นแตงไทย อีกคนบอกว่าแตงจริง มีคนบอกว่าแตงไทยมันถูกทั้งคู่แต่ว่ามันทะเลาะกัน ต่างคนต่างไม่รู้ความจริง คนที่รู้ความจริงว่า 2 อันนี้คือ 1 อันที่ถูกต้องคือ 1 แต่สองคนนี้มันทะเลาะกัน ต้องไปอ่าน"จุฬวิยูหสูตร" ที่เถียงกันนี่แหละ สัจจะมีหนึ่งเดียว " สัญญา ย นิจจานิ" อยู่ในพระสูตรนี้ทั้งนั้นยากมากที่จะเข้าใจ คนที่ไม่รู้ว่า 2 เป็น 1 เป็น 2  เมื่อใดเราจะยึดถืออะไร เช่น เขายึดถืออันนี้กันในโลกว่าอย่างนี้ถูก แต่ที่จริงมันยังไม่ดีที่สุดหรอก แต่เขาได้แค่นี้ก็เอาแค่นี้ อย่างเด็กๆมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกงบอกว่าอันนี้คือขนมครก เยี่ยวใส่ทราย เราก็เล่นขนมครกกับเด็กไป แท้จริงกินเข้าไปไม่ได้หรอกขนมครก แบบนี้เป็นต้น แล้วเราก็ต้องสอนเด็กด้วยว่าอย่ากินเข้าไปนะ สนุกเป็นสมมติจริงจัง แย่งกันใครทำแตกร้องไห้เลยนะ มาทำของฉันแตกอะไรอย่างนี้ เราจะรู้เหตุการณ์องค์ประกอบในขณะนั้น เวลานั้น สมมุติอันนั้นคืออันนี้ ไม่ทะเลาะกับใคร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า  วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:22 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:34:21 )

สัจจะมีหนึ่งเดียว อรหันต์เป็นหนึ่ง

รายละเอียด

ศาสนาพุทธถ้าไม่มีศีลไม่มีทางยืนยันว่าจะบรรลุธรรมต้องมีศีลเป็นตัวตั้งเลย ศีลข้อที่ 1 ไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ คุณเกี่ยวข้องกับสัตว์โดยเฉพาะกับคน คุณไม่มีจิต 

1.ไม่ฆ่าเขา ไม่มีอาวุธมีใจเอ็นดูปรารถนาดีและหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ถ้าจิตคุณไม่เป็นอย่างนี้จริงๆคงไม่ได้ คุณไม่ได้บรรลุศีลข้อที่ 1 อย่างสมบูรณ์ 

ถ้าคุณมีจิตสมบูรณ์อย่างนี้ก็เป็นพระอรหันต์ในศีลข้อที่1 แล้วคุณไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ อยู่กับมนุษย์โลกอย่างปรารถนาดีต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่อย่างนี้จริงๆ อาตมาเข้าใจสภาวะหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อาตมาจึงว่า ตำหนิดุด่า ผู้ที่ผิด เอาธรรมะพระพุทธเจ้าทำให้เสียหายก็พยายามกำราบตำหนิ ว่าอย่าไปทำอย่างนั้น ทำอย่างนั้นเป็นการทำลายศาสนาพระพุทธเจ้ามันบาปหนักหนา ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอีกจนไปหลอกลวงเขาว่าตัวเองบรรลุธรรมตัวเองเป็นพระอรหันต์ ก็ยิ่งซ้ำซ้อนใหญ่เลย แล้วก็มีลูกคู่เชียร์ใหญ่ว่าเป็นพระอรหันต์ พ่อแม่ครูอาจารย์เอาเลยเอาเลยมันก็เลยยิ่งหนักไปใหญ่ สัจจะมีหนึ่งเดียวอยู่ผู้เดียว อรหันต์เป็นหนึ่ง ข้ามโอฆสงสาร เราไม่พักเราไม่เพียร อนายูหัง อัปปัตติฐัง ธรรม 2 3 4 5 6 หมวดธรรมต่างๆ ซึ่งเราจะเอามาเป็นหลักในการอธิบายธรรมะ ท่านเหล่านั้นจะไม่อาศัยคำสอน พระอนุสาสนี อย่างที่อาตมานำมาแจกแจง หมวด 5หมวด 10 แม้แต่หมวดเวทนา 108 อย่างนี้เป็นต้น อธิบายให้ฟังแล้วพวกเราก็เข้าใจได้ ไม่ได้พูดข่มดูถูกแต่พวกท่านก็พากเพียรเพื่อเข้าหาสัจธรรม จะว่าง่ายๆ หลวงปู่ติชนัทฮันห์ ก็เป็นสายธัมมานุสารี โกเอ็นก้าเป็นสาย สัทธานุสารี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:03:51 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:32 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:33:10 )

สัจจะมีหนึ่งเดียวคือบรรลุอรหันต์ผลดีแล้วจะไม่แย้ง

รายละเอียด

พระอรหันต์สิ่งนี้เป็นสัจจะหนึ่งเดียว เมื่อท่านบรรลุสิ่งที่เป็นสัจจะมีหนึ่งเดียวนี้เป็นอริยสัจ พระอรหันต์ที่บรรลุสัจจะนี้จริงแล้ว สัจจะมีหนึ่งเดียวคือบรรลุอรหันตผลดีแล้ว ก็จะไม่แย้ง จะรู้ว่าคนที่พูดแย้งอยู่นี้ไม่จริงทั้งนั้น ถ้าจริงแล้วจะมีหนึ่งเดียวก็จะไม่พูด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:50:22 )

สัจจะมีหนึ่งเดียวจึงต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก

รายละเอียด

อาตมาจะลากสังขารไปให้ยาวที่สุดฟื้นร่างกายไม่อยากให้ตายง่ายๆ เพื่อที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ใครจะบอกว่าวนเวียนซ้ำซาก ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกว่าสัจจะมีหนึ่งเดียวด้วยซ้ำไป มันจะไม่ซ้ำได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:14:25 )

สัจจะมีหนึ่งเดียวจึงต้องพูดย้ำซ้ำซาก

รายละเอียด

อาตมาถึงได้พูดย้ำซ้ำซากไม่คิดว่าที่อาตมาเกิดมาในชาตินี้ ทำงานมา 50 ปีอาตมาประสบผลสำเร็จ ตนเองทำงานมาได้ผลเกิดมาในชาตินี้แต่สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอีกต้องทำอีก แล้วก็ดูองค์รวมไปไกลผู้ที่ยังไม่ได้มีอีกเยอะ แล้วก็มองไปอีกไกลยังมีผู้ยังไม่ได้อีกเยอะก็ต้องสร้างกลุ่มให้ไปช่วยคนอีกเยอะ พูดอย่างไรก็เป็นสัจจะที่เป็นหนึ่งเดียวอย่างนี้ จะต้องพูดย้ำซ้ำซากอยู่เพราะที่เขาพูดออกไปต่างๆนานานั้นมันไม่ใช่สัจจะ เป็นเรื่องปรุงแต่งเยอะแต่สัจจะมันมีหนึ่งเดียวก็ต้องซ้ำซากสิ นี่สัจจะมันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นคนเข้าใจไม่ได้ก็มาท้วง ก็ต้องหาของใหม่ของแปลกอยู่นั่นแหละคนหลงโลก โลกมันหลอกคุณไป สัจจะมันจบมีหนึ่งเดียวแล้วก็รู้จบทำให้จบๆ ถ้าคุณไปมีใหม่เรื่อยๆแล้วเมื่อไหร่มันจะจบล่ะ เมื่อไหร่มันไม่มีวันจบหรอก คนที่เข้าใจผิดที่ควรจบคุณก็เข้าใจผิดแล้วมาท้วงอาตมา คำท้วงก็ส่อให้เห็นแล้วว่าคุณเป็นคนไม่มีทิศทางที่สัมมาทิฏฐิ ไม่สามารถที่จะบรรลุได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:44:10 )

สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น

รายละเอียด

ก็มันมีสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่ดีสุดแล้วก็มีอันเดียว สัจจะมี 1 เดียวเท่านั้น เราก็เอาสัจจะมาแจกกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:19:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:15 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:31:54 )

สัจจะมีหนึ่งเดียวในโลก มีแต่ 0 หรือ 1

รายละเอียด

1 คือความมี 0 คือความไม่มี ก็เท่านั้นเอง ก็เหลือสภาพที่มีชีวะก็ต้องมี 2 อย่างน้อยก็ต้องเป็น 0 กับ 1 หรือไม่ 1 กับ 2 หรือ 2 กับ 3   4 กับ 5 เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กันและกันเป็นคู่ๆไป ถ้ามันทิ้งช่วงห่างกันก็ทะเลาะกันแรง 1 เป็นคู่กับ 5 ก็ทะเลาะกันแรงหน่อย 1 ไปคู่กับ 2 ก็ไปด้วยกันได้นาน หรือ 1 กับ 3 ก็ยังชักจะมีอะไรแย้งกัน 1 กับ 4 ก็ต่างกันมาก 1 กับ 5 ก็ต่างกันมากขึ้นอีก 1 กับ 10 , 1 กับ 20 ทีนี้ก็จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องล่ะ อย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติถ้าเข้าใจแล้ว ไอ้ที่ต่างกันที่เราไม่สามารถพูดกันได้ ไอ้ที่พูดกันได้ก็พูดกัน หรือเป็นหนึ่งเดียวกันก็ไม่ต้องพูดกัน ตรงกันจบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:56:28 )

สัจจะมีอย่างเดียวจริงแท้แน่เลย!

รายละเอียด

“สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้น”ที่บัณฑิตกล่าว พูด แสดง แถลงในโลก 

ได้แก่ ทุกขนิโรธ นิพพาน ความสงบสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความสำรอกตัณหา ความดับตัณหา ความออกจากตัณหาเป็นเครื่องร้อยรัด อีกอย่างหนึ่งมรรคสัจจะ นิยยานสัจจะ ได้แก่ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือ อริยมรรคมีองค์ 8 คือความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) ฯลฯ ความตั้งจิตมั่น(สัมมาสมาธิ) เรียกว่า เป็น“สัจจะอย่างเดียว”

เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เว้นแต่“สัจจะที่แน่นอนด้วยสัญญาในโลก(สัญญาย นิจจานิ โลเก)” นี้แล้ว อื่นไม่มี [พระไตรปิฎก เล่ม29 “จูฬวิยูหสุตตนิเทสที่ 12 ข้อ 519-599]

สรุปชัดๆก็คือ “สัจจะหนึ่งเดียว”นั้น ก็คือ “อริยสัจ 4”นี่เอง 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 188 หน้า 161


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:29:14 )

สัจจะวนเวียนของกรรมวิบากระหว่างนายทาสกับลูกทาส

รายละเอียด

อันนี้เป็นอจินไตย คนเกิดวนเวียนหลายชาติในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุคทาสเกิดวนเวียนขึ้นมา จนกระทั่งผู้มาตกเป็นทาสยอมสนิทไม่กล้าทำชั่ว ทำแต่ดี ให้นายทาสทำชั่ว นายทาสก็บังคับข่มขู่เอาเปรียบเอารัดกินแรงงาน จะฆ่าให้ตาย ก็เป็นหนี้บาป

จนกระทั่งกรรมวิบากเหล่านี้เปลี่ยนแปลงมาหลายชาติ ลูกทาสที่ยอมสยบรับใช้ก็เป็นกุศลวิบากซ้อนให้คนเหล่านี้เกิดมาเป็นนายหนี้ของนายทาสที่ได้ทำบาปเวรภัย ทั้งเอาเปรียบเอารัดกินแรงทั้งฆ่า มันก็บาปทั้งนั้น นายทาสก็ลงมาเป็นลูกทาส ลูกทาสก็มาเป็นนายทาสตามวิบากบาป ก็วนเวียนไม่รู้กี่รอบแล้วก็ชักจะฉลาดรู้ระลึกชาติได้ถึงความวนเวียนว่ามันน่าเบื่อจริงๆ แต่ก่อนกูมาเป็นนายทาสเดี๋ยวนี้มาเป็นลูกทาส ซึ่งมันห้ามวิบากไม่ได้จะมาเกิดเป็นลูกทาส ยิ่งไปทำเขาหนักตัวเองก็ยิ่งได้รับหนัก ใช่ไหม หนี้บาป ตัวเองเป็นนายทาสทรมานทรกรรมอำมหิตโหดเหี้ยม ตัวเองก็ยิ่งไปเกิดเป็นลูกทาสที่หนัก ตัวเองเป็นนายทาสที่เหี้ยมโหดทารุณ ก็ต้องมาเกิดเป็นลูกทาสที่เหี้ยมโหดทารุณ มันก็เป็นสัจจะวนเวียนจนกระทั่งระลึกได้ว่าไม่เอาก็จะเข็ดก็ค่อยๆเพลา อย่างนี้ไม่ดี จึงได้ค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:21:42 )

สัจจะสภาวะ

รายละเอียด

ความบริสุทธิ์จริง เกิดจริง เป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า141


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:18:09 )

เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 21:42:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:35:24 )

สัจจะหนึ่งเดียวของผู้มีวิชชาย่อมไม่ตรงกับสัจจะหนึ่งเดียวของผู้มีอวิชชา!

รายละเอียด

“สัจจะอย่างเดียวหรือความจริงที่เป็นหนึ่งเดียว” และแน่นอน(เที่ยงแท้ = นิจจัง)ด้วย“สัญญา(การกำหนดรู้)”นั้น ต้องเป็นของคน“ผู้พ้นอวิชชา”หรือได้แก่“ผู้มีวิชชา”เท่านั้น เริ่มตั้งแต่“วิชชา”ข้อที่ 1 เป็นต้นไป ถึง“วิชชา”ข้อที่ 8 ก็บริบูรณ์ ส่วนผู้ยัง“ไม่บริบูรณ์ด้วยวิชชา”นั้น มี“สัจจะหนึ่งเดียว(เอกังหิ สัจจัง)”ยังไม่ได้ตรงแท้อยู่นั่นเอง ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมบริบูรณ์แน่นอน ย่อมไม่รู้“สัจจะหนึ่งเดียว”ครบถ้วน ก็ไม่รู้ที่จบ ไม่รู้ที่หยุด 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 192 หน้า 163


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:38:56 )

สัจจะหนึ่งเดียวของพระพุทธกับของพระเจ้าย่อมแตกต่างกัน!

รายละเอียด

“สัจจะมีหนึ่งเดียว”ได้แก่ ผู้บรรลุธรรม“อาริยสัจ 4”นี้ตรงกันจึงเป็น“หนึ่งเดียว”จริงๆในโลก ไม่มีอะไรอื่นเลย ที่จะเป็น“สัจจะที่กำหนดรู้ได้ด้วยสัญญาที่เที่ยงแท้แน่นอนของตน”มีแต่ “ปัญญา”ที่เป็น“คำสอน”จาก “พระพุทธ” ไม่ “ลึกลับ”และ“จบความเป็นเทฺว”สุดที่สุดได้ดังนี้

ที่สุดแห่งที่สุดของ“สัจจะมีหนึ่งเดียว”ของพุทธเป็นฉะนี้แต่สำหรับคนผู้ยังเห็นเป็นอืื่น ที่ยังเป็น“เทฺวนิยม” ก็จะยึด“สัจจะมีหนึ่งเดียว”ที่เป็น“เทฺวผู้ยิ่งใหญ่”เรียกว่า “พระเจ้า” ของ “เทวฺนิยม”  ซึ่งยัง “มีตัวตน-เป็นอัตตา-เป็นปรมาตมัน” อยู่ ก็เป็นจริงแต่ไม่ใช่“อาริยสัจ 4”เลย จึงไม่ใช่“อนัตตา” ก็จริงที่สุด ก็แน่นอนที่สุดอีกด้วยว่า ต้อง“แตกต่างกันคนละขั้ว”จริง เราจึงมีที่“ยุติ”ใน“ความแตกต่าง”นี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 273 หน้า 215


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:40:06 )

สัจจะหนึ่งเดียวในอีกมิติหนึ่ง

รายละเอียด

ดังนั้น “สัจจะที่แน่นอนด้วยสัญญาในโลก(สัญญาย นิจจานิ โลเก) หรือ“ในโลกนั้นความแน่นอนก็คือการกำหนดรู้(สัญญา)”ของคนนั่นเองที่เป็น“สัจจะอย่างเดียว”ไม่มี 2 ที่เกิดอยู่กับปัจจุบันนั้นๆ นอกจาก“ปัจจุบันนั้นๆ”ที่มี“สัจจะที่แน่นอน(นิจจานิ) ด้วยสัญญาในโลก(สัญญาย นิจจานิ โลเก) หรือ“ในโลกนั้นความแน่นอน (นิจจานิ) หรือเที่ยงแท้(นิจจานิ)ของการกำหนดรู้ (สัญญา)ของคนนั้นๆ”แล้ว ไม่มีอื่นที่เป็น“สัจจะอย่างเดียว” เว้นแต่“อริยสัจ 4”ผู้บรรลุธรรม“อาริยสัจ 4”สัมบูรณ์เท่านั้นที่พบ“สัจจะอย่างเดียว” แล้วผู้นี้ก็ไม่มีการแย้งการเถียงให้เป็น“2”กับใครอีก

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 189 หน้า 162


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:32:04 )

สัจจะเดียว 1

รายละเอียด

สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้น มิได้มีสอง

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 29 "จูฬวิยูหสุตตนิเทศ" ข้อ 549

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2562 ( 15:33:41 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:10 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:31:26 )

สัจจะเดียว 1

รายละเอียด

สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้น มิได้มีสอง

(เอกัง หิ สัจจัง น ทุติยมัตถิ)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 29 “จูหวิยูหสุตตนิเทส” ข้อ 549


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 20:15:39 )

สัจจะเพี้ยนเพราะมีการปกป้องอุ้มชูคนผิดแล้วมาลงโทษคนถูก

รายละเอียด

ที่พูดนี่พูดภาษาไทยนะ ภาษาพื้นๆ ที่พูดไม่ได้ข่มหลวงปู่แสงหรืออยากทำลาย แต่เปิดเผยความจริงบอกความจริงให้เกิดความชัดเจนว่า อย่าไปหลงงมงายกันมากเกินไป ผู้ที่ปกป้องช่วยปกป้องอุ้มชู ถ้าปกป้องอุ้มชูคนผิด มันดีหรือไม่ดี …ไม่ดี ก็ไปคิดเอาง่ายๆ ไปอุ้มชู ปกป้องคนที่ผิดไม่ใช่คนที่ถูก แล้วก็มาลงโทษคนถูก เอ้า มันจะได้อย่างไรสัจจะมันก็เพี้ยนก็ผิด มันก็ไม่เข้าท่า เอาละ จบแค่นี้ก็แล้วกันเรื่องหลวงปู่แสง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:45:52 )

สัจจะเรียกว่า สิริมหามายา

รายละเอียด

เป็นได้คนที่ติดในเปลือกภาษาสื่อบัญญัติที่สูงสุดแล้วมันจะกลับไปกลับมา สูงสุดคือต่ำสุดนี้สื่อสัจจะ คนที่เข้าใจสัจจะที่อาตมาเรียกว่า สิริมหามายา อันนี้หมายถึงสิ่งดีแต่คนเข้าใจไม่ได้เหมือนสิ่งชั่วเป็นภาษาสัจจะ มันก็เลยทำให้เขาเข้าใจผิด ทั้งๆที่มันดีสุดๆแล้ว แต่เขาก็เข้าใจว่าต่ำสุด หรือดีเท่านี้มันก็หมายถึงชั่วขนาดนี้ เขาก็เข้าใจว่าดีขนาดนี้คือชั่วอีก สำหรับคนที่เข้าใจสิริมหามายาดังกล่าวได้ก็เข้าใจเป็นธรรมดา สิ่งเหล่านี้ไม่หายหรอกในยุดพระพุทธเจ้าก็มี ในสังคมอโศกนี้ยิ่งต้องมี ประวัติอโศกเราเป็นชาวโลกุตระที่เขาเข้าใจไม่ได้เลย เขาก็ยิ่งสับสนซับซ้อนหลายชั้น มาผสมโลกุตระกับโลกียะผสมกันก็ยิ่งแยกไม่ออกใหญ่ก็ยิ่งปวดหัว ก็ต้องจำนน สุดทาง อาตมาก็ตอบไม่ได้หลายอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:55:33 )

สัจจะแท้เป็นหนึ่งเดียว

รายละเอียด

สัจจะแท้เป็นหนึ่งเดียว สัจจะมี 2 ไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าสัจจะมี 1 เดียวเป็น 2 ไม่ได้ ที่บอกว่ามี 2 นั้นก็คือสิ่งที่แตกต่าง ผู้รู้ท่านไม่เถียงกัน ผู้รู้ท่านจะไม่รู้แล้วไม่แย้งไม่เถียง สุดท้ายถ้าเรามั่นใจว่าของเราถูกต้องของคนอื่นก็เข้าใจอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไรก็จบเขาก็เห็นอย่างหนึ่งเราก็เห็นอย่างหนึ่งไม่มีปัญหา เขาจะบอกว่าเขาสูงกว่าเราก็ไม่เป็นไรเราเข้าใจเขาไม่ได้ เข้าใจแล้วจะเห็นว่าของเราน่าจะถูกกว่านะ มันก็เป็นเรื่องของเรา สิทธิของแต่ละคนไปบังคับความฉลาดบังคับไม่ได้หรอกความฉลาด ศึกษาดีๆแล้วเราจะรู้จุดจบ ไม่ศึกษาให้ดีก็ไม่มีที่จบ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 12:52:37 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:35:04 )

สัจจะแห่งสัจจะสุดยอดคือ bomb of love

รายละเอียด

กรรมของเรากำหนดตัวเรา ไม่มีพระเจ้าที่ไหนมากำหนด เป็นกรรมพันธุ์ แล้วอาศัยกรรมของตนเป็นกัมมปฏิสรโณ ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าจึงเป็นประชาธิปไตยที่ลึกซึ้งที่สุด 

คนไทยมีเชื้อโลกุตระ คือมี bomb of love ในหลวง ร.9 คือยอดนักประชาธิปไตยเป็นที่รับรองของโลกเลย เมื่อท่านสวรรคต พลังรวมมาเห็นได้ชัดเจนเลย นี่แหละคือสิ่งที่ไอน์สไตน์เขียนจดหมายบอกลูกไว้ ว่า ต่อไปลูกจะได้เห็น bomb of love จะเห็นระเบิดของความรัก ความรักมันระเบิดออกมาอย่างมหาศาล รักอะไร รักสิ่งที่เขารัก เขารักในหลวงร.9 ไม่ใช่ญาติโกโยติกาแท้ของเขาทางสายเลือดเลย แต่รักสุดยอดยิ่งกว่าพ่อแม่ แสดงออกเต็มรูป ถึงเรียก ระเบิดแห่งความรัก ซึ่งไอน์สไตน์เองก็บอกกับลูกว่าไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ถึงได้เขียนจดหมายฝากทิ้งไว้ ก็มารับรองสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ในเมืองไทย พระมหากษัตริย์ของไทย เป็นไปได้จริง เมื่อสิ้นพระชนม์ คนไทยมาจากไหนก็ไม่รู้ มาแสดงตัวจริงใจจริงจัง สุดรักสุดบูชา เสียของที่สุดยอดหายไป คือสิ่งจริงไม่มีใครเสแสร้ง ไม่มีใครวางแผน ไม่มีใครบอกใครแต่เขาเป็นของเขาเอง มันเป็นสัจธรรมที่แท้ เป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ เสแสร้งทำไม่ได้ มันเป็นสัจจะแห่งสัจจะเลย สุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:27:29 )

สัจจะแห่งเทวะต้องเป็นอย่างนี้ๆ!

รายละเอียด

ถ้า“หลับตา”นั่นมันก็แค่ระลึกเอา“ภาพกิเลส”ที่เคยจำได้ในอดีตขึ้นมารู้ หรือไม่ก็คิดปั้นภาพกิเลสขึ้นมาเองในปัจจุบันที่อยู่กับ“ภพภายใน”ขณะนั้น ซึ่งไม่มี“ภายนอก”จริงที่“สัมผัส”กับเหตุ“ภายนอก” จึงไม่ครบทั้ง“ภายนอก-ภายใน”จึงไม่เป็นความครบที่ครบพร้อม“ภาวะ 2” ตามความจริงที่จริงของ“สัจจะแห่งเทฺว” “สัมผัส”ก็ครบ“2” โดยมี“อายตนะ”อยู่หลัดๆ เชื่อมอยู่ รู้อยู่ก็ทั้ง“นอก”ทั้ง“ใน”พร้อมกัน ไม่ใช่“รู้”กันคนละที มันจึงครบ“เทฺว”เต็มรูป เกิดพร้อมกันหมดทั้ง“ภพ (รูป)”ทั้ง“ชาติ,ธาตุรู้ (นาม)” ทั้ง“กาย”อันเป็น“สภาพ 2” ทั้ง“ใจ”ที่ก็มีการรู้“ภายนอก-ภายใน”ด้วย ครบ“2”ในบัดนั้นทีเดียว 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 151 หน้า 135


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 05:23:39 )

สัจจะในตัวบุคคลที่เป็นที่มีภูมิอาริยะ

รายละเอียด

ผู้ที่รู้อาการของจิตที่อาตมาพูดมาคร่าวๆ ก็ละเอียดพอสมควรนะจะว่าไป คนที่รู้จริงๆเขาจะรู้ความจริงตามความเป็นจริง จะไปโกหกตัวเองทำไม แล้วคนที่มีได้เป็นได้ไม่โกหกคนอื่นหรอก นอกจากไม่โกหกคนอื่นแล้ว เมื่อชัดเจนแล้วพูดเป็นธรรมดาจะเรียกว่ากล้าพูด มันก็ไม่ใช่กล้า ก็มันจะไปกล้าหรือไม่กล้าไม่เห็นเป็นไรมันเป็นความจริงก็พูดได้ นอกจากคนที่มี สาเฐยจิต อยากอวดโอ่ เขาไม่รู้ก็ไปยัดเยียดให้เขารู้หรืออยากอวด ก็ไม่ได้อยากอวด แต่พูดความจริงถึงเวลาควรบอกก็บอกความจริงไป อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งจะเป็นสัจจะต่างๆในตัวบุคคลที่เป็นที่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:11:14 )

สัจจะไม่มี 2 สัจจะมีหนึ่งเดียวต้องเข้าใจให้ได้

รายละเอียด

ไม่ได้บรรลุอะไร มีแต่ดับให้สนิท การบรรลุธรรมด้วยวิธีอื่นไม่ได้ไปนั่งหลับตา ต้องด้วยวิธี จรณะ 15 วิชชา 8 เท่านั้น อาตมามีของเดิม สัมมาทิฏฐิ  เป็นผู้ที่มาสืบทอดศาสนาพุทธ เป็นโลกุตรธรรมสมบูรณ์ พูดความจริง แต่เขาก็หาว่าคุยตัวอยู่คนเดียว สิ่งที่ถูกมันมีอยู่อย่างเดียว สิ่งที่ถูกมันไม่มีสองหรอก สัจจะมีหนึ่งเดียว สิ่งที่ถูกไม่มี 2 หรอก เขาก็เห็นว่า ที่อาตมาพูดมันมีหนึ่งเดียวอีกหนึ่งเดียว คือสูงสุดความถูกต้องนั้นมันมีหนึ่งเดียวไม่มี 2 สัจจะไม่มี 2 ต้องเข้าใจให้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เอกังหิสัจจัง นัตถิ ยมถิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:46:28 )

สัจจังเว อมตาวาจา สัจจะที่ไม่มีตาย

รายละเอียด

อาตมาเอามาสอนเอามาทำมันเป็นเรื่องโลกุตระที่แสนละเอียดลึกซึ้งยาก แล้วมันก็ทวนกระแสของโลกีย์เขาจริงๆ แล้วช่วยโลกีย์เขาจริงๆ เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเราช่วยเขา มันไม่ง่ายมันยาก 50 ปีได้มาแค่นี้ แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าพวกนี้มันเป็นสัจจะ สัจจังเว อมตาวาจา เป็นสัจจะที่ไม่มีตายหรอก เป็นเรื่องไปได้เรื่อยๆ อมตะ จะเป็นจริงไปได้เรื่อยๆ ในยุคกลียุคก็ได้ประมาณหนึ่ง ขนาดหนึ่งซึ่งมันห้ามไม่ได้ เป็นตถตา มันจะต้องเป็นเช่นนี้ มันจะเกิดจะเป็น มันต้องขนาดนี้ แล้วก็ได้อย่างนี้ อาตมาก็ต้องพยายาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:17:24 )

สัจจานุโลมญาณ

รายละเอียด

1. อนุโลม – ปฏิโลม 

2. ตนอนุโลมที่สุดแล้วให้แก่ตนตามฐานะ ตามกาละที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแข็งกล้าเยี่ยม

3. อนุโลมตามสมมุติสัจจะ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 7, หน้า 17

ทางเอก ภาค 2 หน้า 445


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:19:21 )

เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 21:43:33 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:36:42 )

สัจจานุโลมิกญาณ

รายละเอียด

ญาณที่ยืดหยุ่น อนุโลมปฏิโลมได้กับสังคมอย่างเก่ง , กำลังปัญญาที่สามารถอนุโลมปฏิโลมให้กับสังคมเท่าที่ตนมัตตัญญุตาแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 53 – 54 , 157


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:20:06 )

เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 21:45:06 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:36:16 )

สัจจาภินิเวส

รายละเอียด

1. ความยึดมั่นว่าจริงเฉพาะตน 

2. หลงยึดว่าเป็นจริง 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 374

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 157


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:21:04 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:20:19 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:35:48 )

สัจฉิ

รายละเอียด

1. ความแจ้ง , รู้แจ้ง

2. รู้เห็นกันอยู่แจ้ง ๆ 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 91, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 140 

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 124


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:22:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:22:25 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:39:15 )

สัจฉิกต

รายละเอียด

รู้จักรู้จริงรู้แจ้งแทงทะลุรอบ

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 108


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:01 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:24:34 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:39:38 )

สัจฉิกรณะ

รายละเอียด

ผู้รู้ ผู้เห็นนั้นสิ จะสว่างแจ้ง ชัดแจ๋วจริงๆ มิใช่มืดๆ เดาๆ เลย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 575


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:49 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:27:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:40:04 )

สัจฉิกัตวา

รายละเอียด

คือ  แจ้งในสัจจะความจริง  ทำให้แจ้งแล้ว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 228


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:24:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:40:31 )

สัจฉิกัตวา ในโลกนี้โลกหน้า

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถแยกโลกนี้โลกหน้า ประกาศโลกนี้โลกหน้าให้ สัจฉิกัตวา ให้รู้กันแจ่มแจ้ง อ๋อ โลกนี้ชัดว่าเป็นโลกียะ โลกหน้าหรืออีกโลกหนึ่งเป็นโลกุตระชัด เราเป็นโลกโลกุตระคือเข้ากระแส อาตมาเคยอธิบายถึงจิตเริ่มต้น คุณเริ่มต้นสะสมสภาวะของโลกุตระตั้งแต่เริ่มโสดาบัน มีกระแส นิดเดียวนะ ของความรู้โลกุตระเริ่มเข้ามาๆ 

ได้ 25 หน่วย ถ้าอยู่ในมวลปริมาณเป็นตัวแบ่ง 25 หน่วยใน 100 ถือว่าเป็นโสดาบัน100 นี้ถือเป็นอรหันต์แบ่งเป็น 4 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์แบ่งเป็น 4 ส่วนอย่างนี้เป็นต้น ก็รู้ว่าสภาวธรรมโลกุตรธรรมนี้ได้มาขนาดไหน จนกระทั่งได้ถึง 25 หน่วย มันมีรายละเอียดโลกุตรธรรมเยอะแยะ คุณก็วัดปริมาณแต่ละปริเฉทเอง โดยเอาศีลเป็นตัววัด 

จุลศีล 26 ข้อ หาร 4 เท่าไหร่ที่คุณได้ มันอาจไม่ลงตัวนักหรอก 26 หาร 4 = 6.5 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:50:49 )

สัจฉิกิริยา

รายละเอียด

ทำให้กิเลสลดละได้จริงอย่างรู้แจ้ง

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 133


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:28:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:40:58 )

สัจฉิภาว , สัจฉิภาวะ

รายละเอียด

1. เป็นความปรากฏจริงได้อย่างถ่องแท้

2. มีสัญญาเสวยอารมณ์แล้วอย่างชัดแจ้งอยู่ทีเดียว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 638,  หน้า 215


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:26:07 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:47:54 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:41:22 )

สัจธรรม

รายละเอียด

1. ความจริง , ความจริงแท้

2. จึงจะเป็นจริง 

3. ความจริงทั้งหลาย

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 434 

 อีคิวโลกุตระ หน้า 175

ทางเอก ภาค 1 หน้า 219

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 266


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:20 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:31:04 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:42:15 )

สัจธรรม (ผู้รู้แจ้งในสัจธรรม)

รายละเอียด

1. ผู้เข้าใจความเป็นกลาง ความสมดุล ความพอดี ไม่เอียงไปข้างไหน ผู้รู้กาล รู้โลก รู้เศรษฐกิจในโลก ในหมู่ ในกลุ่ม ในสังคมอย่างแท้จริง

2. ความจริง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 197

ทางเอก ภาค 3 หน้า 346


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:16 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:37:05 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:42:42 )

สัจธรรม สัจกรรม

รายละเอียด

ผู้รู้แจ้งจริง และทำความว่างได้เก่ง ได้ละเอียดสุดจริง คือผู้ทำประโยชน์แก่โลกได้มากที่สุด และเป็นคุณประโยชน์ชนิดที่มีคุณภาพ หรือเป็นงานที่มีค่าสูงสุด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 174


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:57 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:35:03 )

สัจธรรมของคำว่าอวดตัวหรือคุยโม้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งสุดยอดของโลก พูดไปแล้วอาตมาก็พูดยืนยันความจริงเน้นว่ามันเป็นสุดยอด คนที่มีปฏิภาณจึงรู้ คนบางคนอาจจะบอกว่าคุยโม้ อาตมาก็พูดไม่รู้กี่ทีแล้ว สิ่งที่ดีๆไม่ให้คุยโม้ ให้ไปคุยในสิ่งไม่ดี มันฉลาดที่ไหน คนที่คุยในสิ่งที่ดีๆ นั่นแหละแม้จะเป็นตัวเขาเองเป็นคนดี ก็ไม่น่าจะไปรังเกียจ​เขา ก็เขาเอาสิ่งที่ดีมาพูดแล้วยืนยันเป็นตัวยืนยัน ที่เขาพูดนี่มันเป็นจริงได้นะ ไม่ใช่เขาเป็นจริงไม่ได้ ที่บอกว่าเราอวดตัว เราไม่อวดหรอก ยิ่งคนที่ทำได้จริงและพูดจริงจะว่าเขาอวด ก็อวดความจริงที่ทำได้จริงแล้วนั้นไง ไม่ใช่อวดสิ่งที่ทำไม่ได้แล้วไปพูด นั่นต่างหากแหละเป็นกิเลสอวดตัว ตัวเองพูดสูงพูดดีแต่ตัวเองทำไม่ได้ นั่นต่างหากอวดตัว ส่วนคนที่ทำได้แล้วพูดความจริงตามความเป็นจริงไม่ใช่เป็นคนอวดตัวหรอก ฟังให้ชัดๆ ภาษาสื่อสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:18:01 )

สัจธรรมความไวเหมือนลิง คือสภาวะจิตมุทุธาตุ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสัจธรรมความไวเหมือนลิง คือความรวดเร็วว่องไวของปฏิภาณปัญญา และความรู้ต่างๆทั้งจิต เจโตก็เร็ว ปัญญาก็เร็ว คือ มุทุธาตุ จิตหัวอ่อน อาตมาก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไร มุทุแปลว่าอ่อน แล้วเขาแปลกันไม่ค่อยจะถูกต้อง อาตมามีสภาวะจิตมุทุธาตุ เป็นจิตตัวสำคัญยิ่งใหญ่เลย ปฏิภาณทั้งเจโตและปัญญา มีทั้งบวกและลบ มีสภาวะ 2 อย่างอยู่ใน มุทุภูตธาตุ ภูตะคือจิตวิญญาณ

เป็นจุดรวมของนิวเคลียส สุดยอดของจิตวิญญาณ นิวเคลียสเรียกทางภาษาวิทยาศาสตร์วัตถุเท่านั้น แต่นี่คือจิตวิญญาณ ต้องมีธาตุบวก ธาตุลบ แล้วก็มีธาตุปัญญา มีธาตุเป็นนายเลย ดูแล 3 เส้า cyclic order บวก ลบ แล้วก็มีตัวควบคุม มุทุธาตุตัวควบคุมไม่สามารถเป็นเจ้าของเป็นนายไม่เกิดอัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:42:34 )

สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบ

รายละเอียด

คือ  ความจริงสูงสุดที่นำมาปฏิบัติแล้วจะได้เป็นผู้ที่มีนิพพานพ้นความทุกข์ความสุข เกินกว่าความดีความชั่ว ศาสนาพุทธนั้นเน้นเรื่องความดีแน่นอนอยู่แล้วต้องทำ แต่เป็นโลกียะ ศาสนาพุทธนั้นสอนให้เรียนรู้  ความทุกข์ เป็นหลักอริยสัจ และ สุดท้าย สามารถหมดความสุขความทุกข์ดับทุกอย่างได้หมด แม้แต่อัตตา หรือ อัตภาพที่คนในโลกเทวนิยม อัตภาพ หรือ อาตมัน มีอยู่กับพระเจ้าตลอดนิรันดร เพราะไม่รู้จักอัตตา ไม่รู้จักอาตมัน ความเป็นพระเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 12:41:10 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:43 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:43:47 )

สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนทุกวันนี้เสื่อมไปจนกระทั่ง อาตมาประกาศอรหันต์ก็หัวเราะฟันหลุดเลย คนอย่างเอ็งนะหรือเป็นอรหันต์ ใครเขาเป็นได้วะ จริงหรือเปล่า 

เขาไม่เข้าใจนัยยะซับซ้อนลึกซึ้งต่างๆ มันเป็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์เอาไว้ว่าความเสื่อมของศาสนาพุทธ เหมือนกับกลองอานกะไม่เหลือเลย มีแต่ชื่อว่า อานกะ แต่เนื้อแท้ องค์ประกอบต่างๆนานาไม่เหลือ ปลอมแปลงเอาของใหม่ใส่เข้าไปหมด อาตมาก็ต้องมาถอดเอาของแท้ใส่แทน โอ้ย มันก็ยากแสนยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:01:50 )

สัจธรรมที่พ้นมิจฉาชีพ 5 หาพบได้ที่ไหน

รายละเอียด

อ่านบทกวี อโศกสัมปวังโกต่อ…คือธรรมิกราชผู้เกิดมาสืบสานศาสตร์พระราชา โพธิสัตว์ร่วมพสุธาร่วมยุค ร่วมสืบสานความรู้จากเจ้าจอมไตร เกิดมาร่วมกันเรียกว่าศาสตร์พระราชา ทั้งคู่มาร่วมยุคร่วมพระสุธารสพื้นที่พื้นดินในยุคนี้ รวมความรู้กันจนปรากฏหมู่บ้านราชธานี  หมู่บ้านราชธานีรวมอริยเศรษฐี พ่อค้าเศรษฐีผู้มีจิตยินดีขายขาดทุนแล พ้นมิจฉาชีพ 5 เห็นได้ผล    ผลใดก็คือหมายความว่านี่แหละเป็นสัจธรรมที่พ้นมิจฉาชีพและจะหาเห็นหาพบได้ที่ไหนกันล่ะ พบได้ผลใดมันมีที่นี่ ตอนนั้นแหละที่จะพบจะเห็นได้ว่า เป็นโคลงที่อโศกสัมปวังโกเขียนไว้ตั้งแต่มิถุนายนปีกลายนี้ ปี 62 อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันเอามาผสมเพื่อประกอบนิดหน่อยก็เข้าสู่เรื่องปัจจุบันที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ประมาณ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 09:30:57 )

สัจธรรมที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

ประเทศที่เจริญที่สุดคือประเทศที่ไม่ต้องรวย ผู้ที่เข้าใจนี้คือผู้ที่เข้าใจสัจจะ ผู้ที่พูดนี้คือในหลวง ประเทศเราไม่ต้องการรวยเราก็รวยพอสมควร ไม่เอารวยแบบที่เขาแย่งกัน เราไม่เป็นแบบนั้น เราไม่ต้องการก้าวหน้าอย่างนั้น การก้าวหน้าอย่างนั้นมีแต่ถอยหลังแล้วถอยหลังอย่างน่ากลัวด้วย นี่คือสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ คนที่ไม่มีภูมิธรรมจริงๆไม่มีโลกุตรธรรมที่ชัดเจน จะไม่พูดอย่างนี้เด็ดขาดเลย ไปพูด คำว่าเศรษฐกิจ เขาก็ไปหมายถึงเงินทองข้าวของทรัพย์ศฤงคาร ซึ่งมันไม่ใช่ เศรษฐกิจคือความเจริญ เสฏฐะหรือเสฏโฐแปลว่าความเจริญความประเสริฐของคน ไม่ได้หมายความรวย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:07:22 )

สัจธรรมที่ว่ายอดของพีระมิดมันก็ต้องเล็กกว่าฐานของพีระมิดเป็นธรรมดา

รายละเอียด

 พวกเราเป็นยอดพีระมิดมันก็ต้องน้อยกว่าฐานพีระมิดเป็นธรรมดา เหมือนกับ สัญชัยเวลัฏฐบุตรกับพระสารีบุตร พระสารีบุตรเป็นลูกศิษย์ แต่เมื่อไปเจอพระพุทธเจ้าแล้วก็บอกให้กับสัญชัยเวลัฏฐบุตรว่าไปอยู่กับพระพุทธเจ้ากันเถอะ แต่ว่าสัญชัยเวลัฏฐบุตรยังไม่ยอมเชื่อยังไม่ยอมลดอัตตาตัวเองก็บอกว่ายังไม่ไปจะอยู่กับพวกนี้แหละ สุดท้ายก็บอกว่า เราจะอยู่กับคนหมู่มากที่โง่นี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:45:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:32:22 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:44:32 )

สัจธรรมมีหนึ่งเดียวนั้นคืออริยสัจ 4

รายละเอียด

ก็เกริ่นถึงเรื่องสัจธรรมที่ท่านเดินดินได้กล่าวถึง มีใน จูฬวิยูหสูตรว่าสัจธรรมมีดวงเดียว สัจธรรมมีหนึ่งเดียวนั้นคืออริยสัจ 4 แต่ละคนกำหนดเองเถียงกัน แล้วก็แย่งกันหมดทุกคนแย่งกันหมด เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธถ้าเข้าใจได้แล้ว อย่างเช่น พระอรหันต์เข้าใจแล้วว่าทุกอย่างก็คือสิ่งที่มันเกิดมาเป็นอย่างนี้ ถ้าผู้ใดสามารถบรรลุอริยสัจ 4 แล้ว ผู้นั้นก็จบ โลกก็มีอย่างอื่นใดๆที่ไม่เที่ยงสักอย่างแต่เขากำหนดเองว่าอย่างนี้มันใช่อย่างนี้มันเที่ยงของแต่ละคนเสร็จแล้วเขาก็เถียงกัน เถียงกันทั้งนั้นเลย คนที่จบ ปฏิบัติสมบูรณ์แบบเป็นอรหันต์ บรรลุอริยสัจ 4 สมบูรณ์แล้วเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าสัตว์จะมีอริยสัจ 4 เท่านั้น นี่สรุปได้ใน จูฬวิยูหสูตร ซึ่งเข้าใจยากสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุหรือยังไม่ถึงขั้นสภาวะจะเข้าใจ จูฬวิยูหสูตร หากไม่ถึงจะอ่านแล้วเวียนหัวเลย ก็ขยายความให้ฟัง ผู้ที่ศึกษามา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:08:23 )

สัชชะ

รายละเอียด

ตระเตรียม , ตกแต่ง , จัดแจง , เรียบร้อย

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 69


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:27 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:28:57 )

สัญชาตญาณ

รายละเอียด

คือความรู้ที่ติดตัวมาเก่า  จากความจำและออกมากำหนดหมาย ความรู้เก่าที่รู้แล้ว  เป็น ญาณ  คือ ความรู้อันเก่ามาใช้ใหม่  คุณใช้งานได้ของคุณจะไปช่วย ทางดี หรือกลางๆ  สัตว์เดรัจฉานทุกตัวมีสัญชาตญาณ คนก็มี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:34:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:01 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:53:34 )

สัญชาตญาณ

รายละเอียด

คือ“ความรู้แบบนี้ที่ฝังลึก ติดตามตัวมาทุกชาติทุกชาติ” โดยเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ต้อง มีใครบอก ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องฝึกฝน ทำได้เองด้วยตนเองทันที ดังที่เห็นปรากฏการณ์“ระเบิดรัก(Bomb of love)”ที่ประชาชนคนไทยได้ระเบิดออกมาให้เห็นปลายปี2559 นั้นแล

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 486


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:28:03 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:29:35 )

สัญชาตญาณของคนโลกียชนจะยากมากที่จะมาเป็นคนที่ศูนย์

รายละเอียด

คือ  พูดถึงความจนนั้น คนไม่ค่อยพูดกันได้ง่ายๆ  สัญชาตญาณของคนโลกียชน  จะยากมากที่จะมาเป็นคนที่ศูนย์  คนที่มีน้อยลงมีให้น้อยลงยากมาก  แต่จะให้ไม่มี ๆๆๆ  เขาก็ตายสิ ไม่มีลาภ ก็แล้วกัน  เขาต้องมีกองเยอะๆ  ยศก็ต้องมี  อำนาจบาตรใหญ่สูงมีสรรเสริญมากๆ  มีความสุข  โลกียสุข  ต้องมีสุขก่อน  จะหยิบมาเสพได้ง่ายๆ  มันก็เลยกลายเป็นเรื่องนี้  มีวัตถุมีตัวตนมีบุคคลมีการติดยึดในนามธรรม ในหยาบ กลาง ละเอียดก็ติดอย่างไรก็จนไม่ลง เขาไม่เข้าใจ  ที่จนไม่ลงเพราะมีสภาพ ไม่บริบูรณ์ ลงท้ายก็คือไม่มีปัญญา ก่อนจะลงท้ายก็ขึ้นต้นก่อนเพราะว่าเขาเอง 1 เขาไม่มีตัวอย่าง  ตัวอย่างคนมาจน  เพราะเขาเห็นคนจนมีความทุกข์ ร้อนทรมานเดือดร้อนวุ่นวาย  เป็นสภาพเทวนิยม  เหมือนที่มีธรรมะแบบเทวนิยมเท่านั้น เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้  เขาจะเป็นโลกียะจะต้องมีไม่ใช่ไม่มี  เขาเรียนความมีกันแล้วต้องมีกันนิรันดรด้วย  สุดท้ายจะรวมกันอยู่ที่  สุขนิรันดร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:24:32 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:35:43 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:54:54 )

สัญชาตญาณของศาสดา

รายละเอียด

แต่เชื่อว่าอันนี้ดีที่สุด ไม่เชื่อว่าเป็นของตัวเอง เพราะไม่รู้ตนเอง ไม่รู้กรรมวิบาก อาตมาอธิบายอย่างนี้พวกคุณฟังแล้วเข้าใจอย่างไร อะไรๆก็เป็นของของตน แต่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นของของตน สิ่งที่ประเสริฐสุดก็เป็นของตน แต่ตัวเองไม่รู้ว่าอันนี้เป็นของของตน ตนเองประพฤติสั่งสมมาด้วยกรรม พอมาเกิดชาตินี้เป็นสัญชาติศาสดา จึงมีสัญชาตญาณของศาสดา ก็แสดงสัญชาตญาณของศาสดาออกมา คนสายโน้นเห็นก็บอกว่าท่านรู้ดี ท่านทำดี ก็ยกให้เป็นใหญ่เป็นศาสดา แล้วก็ให้ท่านสอน เชื่อฟังท่าน แต่ตัวศาสดาเองไม่เชื่อตัวเอง ไม่รู้ตัวเองว่าเราได้ความรู้นี้มาอย่างไร ก็เลยได้แต่สอน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:20:47 )

สัญชาตญาณของสัตว์

รายละเอียด

สัญชาตญาณของสัตว์ มันจะยังไม่พัฒนานัก แต่มันจะมีธรรมชาติของการพัฒนาของสัตว์แต่ละตัวเหมือนกัน โดยธรรมชาติมันก็พัฒนาของมันเหมือนกัน จนกว่ามันจะพัฒนามาเป็นคนได้เหมือนกัน แต่เป็นคนชั้นต่ำก่อน อย่างในศาสนาฮินดูเขาจะบอกว่ามีตั้งแต่คนแคระ  เป็นหมู  เป็นสิงห์  เป็นคนแคระ ค่อยๆโตขึ้นมาพัฒนาขึ้นมาอะไรพวกนี้ อาตมาก็ชักเลือนๆไปแล้วเหมือนกัน ของพวกฮินดู ไม่ได้ทบทวน เขาก็มีของเขาเหมือนกันแต่ของพุทธนี่ละเอียด เพราะฉะนั้นจะต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงให้ละเอียดลออไป ตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:59:46 )

สัญชาติ

รายละเอียด

สัญชาติ คือ การเกิดที่มีสัญญา มีความจำ มีวิบาก ที่ได้สั่งสม แล้วตนเองก็เอาวิบากนั้นมาใช้ ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ อ่านเหตุปัจจัยของวิบากไม่ได้ ผู้นั้นก็เกิดสัญชาตญาณ คือธาตุรู้มันเกิดจากเราเกิดอย่างที่ตัวเองเคยเป็น เกิดมาในชาตินี้ก็เอามาใช้ 

จิงโจ้มันเกิดออกมา แล้วมันก็มีสัญชาตญาณบอกว่ามันจะต้องเดินเข้าไปหากระเป๋า ที่จะต้องเป็นที่อยู่ เพราะฉะนั้นจิงโจ้ทุกตัวมันมีสัญชาตญาณ ของมัน 

หรือคนทุกคนมีสัญชาตญาณของตัวเองมาเก่า ก็จะเป็นอย่างนั้น เช่นเด็กทุกคนเกิดมา เกิดมาแล้วรู้จักกินไหม เอานมใส่ปากก็ดูดทันทีเลยเป็นสัญชาตญาณอย่างนั้น เยอะแยะต่างๆนานา ยังขยับไม่ได้ก็ร้องไห้เอา พูดไม่เป็น แม่ก็ต้องแปลภาษาร้องไห้ว่าจะเอาอะไร ต้องการอะไรหรือมันเจ็บปวดตรงไหน ต้องแปลภาษาลูกให้ได้ ถ้าแปลภาษาลูกไม่ได้ก็ร้องไห้อยู่นาน ไม่ได้บำบัดสิ่งที่ต้องการ ถ้าแปลได้ไวก็บำบัดการร้องไห้ของเด็กได้ง่ายขึ้น  สัญชาติคือเอาของเก่ามาทำให้เกิดตามที่ตัวเองมีมาเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:32:18 )

สัญชาติ

รายละเอียด

สัญชาติ คือ การเกิดของสัญญาที่มีติดมาในภาวะชีวะนั้นๆ ตั้งแต่ ชีวะขั้น“เห็ด (อหิจฉัตตกะ)”เป็นต้นไป-ภูตคาม-พีชคาม-เจตภูต-ปาณะ-เจตสิก-สัตตะ-จิตวิญญาณ-มนุษย์อารยะหรืออริยะแบบโลกียะ และมนุษย์อาริยะแบบโลกุตระ

อารยะ เป็นทางเทวนิยม แต่อริยะเป็นทางพุทธนี้แต่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นสายหลับตา ของชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิในยุคนี้ เพราะชาวปฏิบัติสายพุทธทุกวันนี้ก็ยังเชื่อว่าต้องหลับตาปฏิบัติเป็นนิโรธจึงจะตัดกิเลสสิ้นอาสวะได้ เขาถืออย่างนั้นกันเขาจึงไม่กล้าประกาศ เพราะเขามิจฉาทิฏฐิเสื่อมแล้วเรียนพยัญชนะมามากมาย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจชัด 

เป็นต้นไป-ภูตคาม-พีชคาม-เจตภูต-ปาณะ-เจตสิก-สัตตะ-จิตวิญญาณ-มนุษย์อารยะหรืออริยะแบบโลกียะ และมนุษย์อาริยะแบบโลกุตระ เรียกกันว่า “สัญชาตญาณ” ซึ่งชีวะที่เริ่มมี“การกำหนดรู้”และเป็น“ความจำ”ใน“ชีวะ”ของตน คือ หน้าที่ของ“สัญญา” 

ภูตคาม มันติดอยู่กับที่ จะเป็นในน้ำหรือบนบกก็ตาม 

เพียงแต่ว่า “ชีวะ”ระดับ“เห็ด (อหิจฉัตตกะ)”เป็นต้นไป-ภูตคาม-พีชคาม-เจตภูต จะยังไม่มี“การผูกเวร” ไม่มี“กรรมวิบาก”ที่เกิดจาก“ความรัก-ความชัง” ยังไม่ยึดความเป็น“ตัวตน” อันมีการผูกมัดรัดรึง และมีการแก้แค้นโกรธเคือง ต่อเนื่องกันข้ามชาติไม่รู้จักจบ เพราะไม่มี“ความรู้”ที่เจริญถึงขั้น“จิตนิยาม” ที่มี“ปัญญา-ญาณ-วิชชา”ที่เป็น“โลกุตระ” 

นี้คือ “ชาติ”ของ“ชีวะ”ที่ระดับ (2) ที่ชื่อว่า “สัญชาติ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:44:07 )

สัญชาติ

รายละเอียด

“สัญชาติ”นี้ ยังมีได้“2 แบบ” คือ 

(1)แบบ “สัญชาติ”ของ“ชีวะ”ระดับ“พีชนิยาม”กับ 

(2)แบบ“สัญชาติ” ของ“ชีวะ”ระดับ“จิตนิยาม” ก็จะมี“สัญชาติ”ที่แตกต่างกัน

เช่น “พีชนิยาม”ก็จะมี“สัญชาตญาณ”ในความเจริญในกรอบของ“พืช” ที่ยังไม่มี“กรรมวิบาก” ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์

ฟังความหมายที่ว่าพืชมันไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีกรรมวิบากให้ดีๆ ไม่เช่นนั้นถ้าเราไม่เข้าใจไม่ชัดตรงนี้แล้ว เราจะมาแยกพืชแยกพลังงานจิตของเราเองให้เป็นแบบพืช ถ้าเราแยกเป็นพืชไม่ได้ พลังงานมีลักษณะคุณสมบัติแบบพืชเราทำไม่ได้ เราก็สิ้นทุกข์สิ้นสุขไม่ได้ สิ้นพยาบาท ผูกเวรผูกกรรมที่จะต้องรักรัดตรึงดึงดูดกันต่อเนื่องไม่ได้เราทิ้งไม่ได้ เราจะละไม่ได้ จะต้องมีกรรมมีวิบาก มีสุขมีทุกข์อยู่ 

ส่วน“จิตนิยาม”ก็จะมี“สัญชาตญาณ”ในความเจริญที่ยิ่งขึ้นถึงขั้น“สัตว์”มีการสะสม“กรรมวิบาก”และมีสุข-มีทุกข์

“พีชนิยาม”หรือ“พืช”ยังไม่มี“บาป”ไม่มี“บุญ” “พืช” มันมีแค่หน่วยกิตของ“กุศล (ดี)”ของ“อกุศล (ไม่ดีหรือชั่ว)”ขึ้นไปตามประสาของ“พืช” ที่มันยังมี“หน่วยกิต”ของพลังงานที่เป็น“ชีวะ”สะสมใส่“วิบาก”ของ“พืช”เอง เป็นธรรมชาติสามัญ

มันก็มีพืชแต่ละตัวแต่ละชนิดที่มันจะมีสัญญากำหนดรู้ยึดหรือไม่ยึด จะเอาหรือไม่เอา มันก็มีของมันเหมือนกัน 

พลังงานปรุงแต่งกันหรือ“สังขาร”ที่เรียกว่า“ชั่ว (อกุศล)ว่า“ดี (กุศล)” แม้แต่พืชก็สะสมดีชั่วเหมือนกัน สะสมลงเป็น“ชีวะ”ขั้น“กรรมวิบาก”ก็ต้องเริ่มต้นจาก“ชีวะ”ระดับ“ปาณะ”

เพราะฉะนั้น สังขารหรือว่าพลังงานที่จะยึด ยึดในความเป็นชีวะที่จะเป็นกรรมวิบากมา มีทุกข์มีสุข มีรักมีชัง มีกุศลอกุศลพืชมันก็เริ่มต้นมีบ้างแล้ว แต่พอเป็นสัตว์มีรักมีชัง มีทุกข์มีสุข จากชีวะระดับ ปาณะ 

ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ“ศีล”ไว้เป็น ข้อ 1 “อย่าไปทำให้พลังงานที่สังขารถึงขั้นปาณะตกร่วงหรือต่ำลง” อย่าไปทำ เพราะ“สังขาร”ขั้นนี้มันเริ่มเป็น“ชีวะ”ที่มี“กรรมวิบาก” ทั้งรักผูกพันกัน ทั้งชังแก้แค้น เข่นฆ่ากันข้ามชาติแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:46:08 )

สัญชาติ ก็คือการเกิดที่มันจำ สัญญามันจำเป็นตัวเราโดยอัตโนมัติ

รายละเอียด

สัญชาติ ก็คือการเกิดที่มันจำ สัญญามันจำเป็นตัวเราเป็นอัตโนมัติมา มันก็เป็นไปตามสัญญาเก่าที่มันติด มันจะมาแต่เดิม เป็นสัญชาติเองเลยมันไม่ต้องไปทำอะไร 

คนก็เหมือนกัน สัตว์เดรัจฉานก็เหมือนกัน มันเกิดมาหลายชาติแล้ว มันก็จำของมันได้ มันก็เป็นไปตามของมัน อาตมาเคยยกตัวอย่างจิงโจ้ ลูกจิงโจ้มันคลอดออกมามันก็เดินได้หากระเป๋า พอเจอกระเป๋าก็เข้าไปอยู่ในกระเป๋าจนโต อย่างนี้เป็นต้น แล้วใครไปสอนมัน 

นกกระจาบมันจะสร้างรัง สัญชาตญาณของมันตั้งแต่เกิดเก่าก่อน มันเกิดเป็นนกกระจาบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แหละ แต่มันก็ได้รับถ่ายทอดจนมันทำเอง สานรังของมัน รังของมันพิเศษเหมือนกันนะ สร้างได้ยอดเยี่ยม มันก็ทำด้วยสัญชาตญาณของมัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:16:24 )

สัญชาติ คืออะไร

รายละเอียด

สัญชาติ คือ ชาติที่มันเกิดแล้ว แล้วมันก็มีความจำแล้ว เก็บไว้ในความจำเรียกว่าสัญญา คนเราหรือสัตว์โลก เกิดมาแล้วก็มีความจำ เป็นสัญชาตญาณ เป็นความรู้ตามสัญชาติที่มันมีติดตัวมา มันไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรหรอก แต่มันก็จำได้อย่างนี้ อย่างจิงโจ้ พอมันเกิดมาจากแม่ออกจากท้องแม่ มันก็เป็นติดตัวคลานมาหาถุงหน้าท้องก็เป็นสัญชาติญาณของลูกจิงโจ้ มันก็จะมีสัญชาติเกิดต่อกันมาตัวนี้ก็มีวิบากต่อกันก็เกิดร่วมกัน มันเกิดวิบากร่วมกันแล้ว เกิดเป็นลูกเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกจิงโจ้กันมาหลายร้อยชาติ เกิดมาก็จะเข้ามาหากระเป๋าเป็นสัญชาติของมัน 

หรือ สัญชาตญาณของสัตว์โลกคนก็ตามเกิดมาต้องได้อย่างนี้ อย่างลูกคนเกิดมาแล้วเอานมใส่ปากมันรู้ก็ดูดเลย อย่างนี้เป็นสัญชาติดูดนม ถ้าไม่เอานมใส่ปาก ลูกคนนี้หานมกินเองไม่เป็นนะ ตาย เพราะฉะนั้นแม่ต้องเอานมไปใส่ปากลูก คนนี่แย่กว่าสัตว์ สัตว์มันยังหานมกินเอง ช้างมันคลอดมา พอรู้สึกสัญชาตญาณขึ้นมาก็หานมแม่ดูดจนได้ ก็เป็นสัญชาตญาณของมันอย่างนี้เป็น ส่วนยุงมันเกิดขึ้นมาเป็นยังไงอาตมาไม่รู้ 

เพราะฉะนั้นในสัญชาตญาณก็คือตัวเกิดที่มันติดตัวมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:08:08 )

สัญชาติ เป็นการสั่งสมชาติในตัวเองโดยอัตโนมัติ

รายละเอียด

เมื่อสามารถรู้อาการของชาติ มันเกิดแล้วก็สั่งสมเรียกว่าสัญชาติ

ชาติที่เกิดสั่งสมลงก็เกิดในตัวเอง โดยอัตโนมัติไม่รู้ตัวตนโดยที่เกิดมาก็จะมีสัญชาติเรียกว่าสัญชาติญาณ มันเป็นสัญชาตญาณของทุกอย่าง สัตว์เล็กสัตว์น้อยมันก็มีสัญชาตญาณของมันเกิดมา ก็มีสัญชาตญาณอย่างนี้ จิงโจ้เกิดมามันก็คลานหากระเป๋า หมูหมากาไก่ ไก่ไม่กินนม แต่หมูหมามันเกิดมาก็หานมดูดเลยเป็นสัญชาตญาณ คนก็มีสัญชาตญาณของคน  หลายอย่างไม่ต้องสอนหรอก เด็กเกิดมามันก็เป็นอย่างนั้น มีสัญชาตญาณ ก็ค่อยๆพัฒนาไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 21:09:06 )

สัญชาติ แปลตามความรู้ของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาจึงรู้ไม่เหมือนที่ท่านรู้กัน แล้วเอามาอธิบายตามความรู้ของอาตมา 

สัญชาติ ก็แปลว่า ความบังเกิด อาตมาแปลว่า เป็นสิ่งที่ประจำในจิตเจตสิกของเรามาตามสัญชาตญาณของมัน สัตว์เดรัจฉานเกิดมาก็กินนมก่อนเพื่อน สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมนะ คลอดออกมาเดี๋ยวมันก็เดินเต๊าะแต๊ะไปหานม

ก็ได้ ตีความอย่างตัวเองไม่รู้ มันเกิดขึ้นมาเอง ทุกอย่างมาแต่เหตุเองมันเกิดเองได้ที่ไหน ที่จริงแล้วมันเป็นความจำ เป็นความจำเก่าที่ฝังมา 

สัญชาติจะบอกว่าเป็นการเกิดของความจำเก่า อย่างนี้ก็จะชัดกว่าความบังเกิด ชาติก็เป็นการเกิดคำกลางๆ สัญชาติก็เป็นความจำที่เกิดมาเป็นความจำเก่าที่พาเกิด ก็จะเข้าใจชัดขึ้นกว่าบังเกิด เกิดบังๆอย่างไร ถ้าความเกิดที่เป็นความจำเก่าพามาเกิดอย่างนี้ก็พอรู้เรื่องนิดนึง ถ้าอาตมาแปล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:38:01 )

สัญชาติ กับ สัญชาตญาณ

รายละเอียด

“สัญชาติ” คือมีตัวสั่งสม “สัญญะ” ลง เป็นคลังของความจำ เรียกว่าสัญชาติ 

“สัญชาตญาณ” คือ สัตว์โลกเกิดมาจะมีสัญชาตญาณของตัวเองเอามาให้เป็นไปตามชาติแล้วก็มีอวิชชา ไม่รู้หรอกเพราะทำตามสัญชาตญาณ 

สัญชาติอย่างโหดก็ทำอย่างโหด สัญชาติอย่างเมตตาก็ทำอย่างเมตตา ที่ตัวเองมีมา จะโหดหรือเมตตาก็ศึกษา เลิกอย่างโหด ทำอย่างเมตตาให้ได้สัญชาติก็คือ ชาติที่ยังติดมาตามคลังความจำแล้วก็เอามาใช้ จนกระทั่งเราสามารถเรียนรู้คุมสัญชาติได้ รู้จักสัญชาติเก่าที่มีอยู่ในตัวคลังความจำของเรา แล้วเราก็มาปรับปรุงชาติ  ปรับปรุงการเกิดให้มาเป็นความเกิดเฉพาะที่มีคุณค่าประโยชน์ ที่ไม่ดีนั้นให้มันตายสูญตายอย่างสนิทตายแบบไม่เกิดอีกเลย ส่วนความดีนั้นเราอาศัย เราต้องอาศัยผู้อื่น ใครก็ต้องอาศัยสิ่งที่ดีที่เป็นกุศลก็รักษาไว้ปล่อยไว้ แม้จะรักษาไว้ปล่อยไว้มันก็ไม่เที่ยงหรอก แต่เราสามารถควบคุมได้เพราะเรามีพลังงานจิตพลังงานวิญญาณทำกับสิ่งเหล่านี้ จนเป็นผู้ที่ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้สูงสุด ควบคุมจิตได้ จัดการได้เป็นประธานของตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:53:40 )

สัญญตวิโมกข์

รายละเอียด

ความหลุดพ้นจากกิเลสโดยตามเห็นความไม่มีตัวตนของกิเลสถึงขั้นดับอาสวะสิ้นเกลี้ยง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 530


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:33 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 03:43:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:30:03 )

สัญญา

รายละเอียด

สัญญา คือ ตัวกลางเป็นเทวะ  คือ ตัวกำหนดรู้ ตัวแสนรู้  เลือกรู้ด้วยสัญญา แล้วเก็บใส่คลังความจำ  เป็นตัวทำหน้าที่เก่งมาก สัญญา เป็นตัวงาน  เป็นตัวทำหน้าที่  สัญญา คือ ต้นทุนใหม่ สัญญาไม่มีการแสวงหามีแต่ความสะสม  สัญญาจะเกิดในคนทุกคน เป็นความรู้เดิม มีหมด คนนั่งหลับตาสมาธิ  จะจมอยู่กับสัญญาเก่า จมอยู่ที่เดิม อยู่ในกะลาครอบ ไม่ควรจะจมอยู่กับบ้านเก่านี้นานนับชาติ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:49:18 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:36:30 )

สัญญา

รายละเอียด

ตัวสะสมความรู้ขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:50:36 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:36:55 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:30:38 )

สัญญา

รายละเอียด

1. ความจำ , ความจำไว้

2. จำทำความหมาย 

3. ความหมาย ความสำคัญ 

4. กำหนดรู้ ชี้ขอบเขตที่หมาย , เน้นเอาเนื้อ ๆ ส่วนเป็นสาระแท้ , เป็นส่วนสำคัญของพุทธ

5. จำเอาไว้ , กำหนดรู้ , กำหนดรู้ตาม – จำไว้ , ความกำหนดรู้ – ความจำไว้ 

6. เป็นดั่งตัวโกดัง คือตัวข้าวของสมบัติสารพัดที่มนุษย์รับรู้มาแล้วเก็บสะสมไว้ทั้งหมด 

7. ความสำคัญมั่นหมาย 

8. ความรู้สึก  ความคิด ความเข้าใจ , ความสังเกตจดจำ , แนวความคิด ความกำหนดหมายเข้าไปรู้ 

9. ความกำหนดรู้ ความจำได้ , ความจำได้หมายรู้

10. กำหนดหมาย , การพุ่งไปของเจตสำนึก

11. การกำหนดหมายรู้

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 16,68,69,99,161,518 

 รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 118

ทางเอก ภาค 3 หน้า 18, 97 , 172

อีคิวโลกุตระ หน้า 115, 129

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 59, 182 

เปิดโลกเทวดา หน้า 184

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 186,210

ค้าบุญคือบาป หน้า 210


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:39 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:08:17 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:57:44 )

สัญญา

รายละเอียด

คือยังไม่ใช่ความจริง  ปัญญาคือ ความจริง สัญญาจะได้แต่นึกคิดปรุงอยู่ในภายในไม่ออกมาภายนอก  ถ้าออกมาข้างนอกแล้วปรุงแต่งกับข้างนอก  โดยมีความรู้ซ้อนเรียกว่าโลกุตระ เราให้คนอื่นได้รับความรู้อันนี้ ถึงโลกุตระก็คือปัญญา แต่สัญญา คือการกำหนดหมายทั่วไปไม่ได้อยู่ในข่ายโลกุตระ  สัญญาเป็นตัวกำหนด และรู้ทั่วไปใช้กันทั่วไปไม่เว้นแม้แต่สัตว์เดรัจฉาน  มันมีสัญชาตญาณของตัวเอง  เกิดมามีสัญญะของมันเอง เอาคำว่าญาณมาใส่ เป็นสัญชาตญาณ ก็คือ ความรู้ที่ติดตัวมาเก่า  จากความจำและออกมากำหนดหมาย  ความรู้เก่าที่รู้แล้วเป็นญาณ คือความรู้อันเก่าเอามาใช้ใหม่  คุณใช้งานได้ของคุณจะไปช่วยทางดี หรือ กลางๆ   สัตว์เดรัจฉานทุกตัวมีสัญชาตญาณ คนก็มีแต่ อัญญานั้นปรับปรุงขึ้นใหม่ ถ้ารู้ที่เป็นสัญชาตญาณขึ้นมาเพิ่มใหม่ก็เป็นความรู้เพียงเฉโกหรือเฉกะ หรือ ฉลาด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:33:55 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:38:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:31:55 )

สัญญา

รายละเอียด

พลังงานของจิตที่เป็นตัวกำหนดหมาย เป็นตัวจดจำ สัญญามี 2 ลักษณะคือ เป็นความจำและเป็นตัวทำงานทำงานอย่างสำคัญมากในการกําหนดหมายรู้ต่างๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:02:04 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:32:45 )

สัญญา

รายละเอียด

สัญญาคือคลังแห่งความกำหนดหมายที่รู้แล้วแล้วก็ใส่คงคลังไว้ เรียกว่าความจำ เป็นภาษาไทยในปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:13:17 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:34:17 )

สัญญา

รายละเอียด

สัญญาคือสิ่งที่กำหนดหมาย เก่าหรือใหม่ก็ได้ ใหม่คือกำหนดเองสร้างใหม่เป็นทิฏฐิอนาคต 44 เพ้อเจ้อเอง ในทิฏฐิ 62 ที่มีอดีต 18 อนาคต 44 ในพรหมชาลสูตร แล้วมีทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5 มีกามในภพก็มี ฌาน 1 2 3 4 ในภพก็มี จึงเป็นทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:09:51 )

สัญญา 10

รายละเอียด

1.อนิจจสัญญา  

2.อนัตตสัญญา

3.อสุภสัญญา  

4.อาทีนวสัญญา

5.ปหานสัญญา   

6.วิราคสัญญา

7.นิโรธสัญญา  

8.สัพพโลเกอนภิรตสัญญา

9.สัพพสังขาเรสุอนิฏฐสัญญา

10.อนาปานัสสติ    

ที่มา ที่ไป

อาพาธสูตร  เล่ม 24  ข้อ 60


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 15:32:56 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:42:52 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:59:05 )

สัญญา 10

รายละเอียด

คือความกำหนดหมายรู้ 10 ประการ

1. อนิจจสัญญา (กำหนดรู้ความไม่เที่ยง)

2. อนัตตสัญญา (กำหนดรู้ความหมดตัวตน)

3. อสุภสัญญา (กำหนดรู้ความน่าเกลียด)

4. อาทีนวสัญญา (กำหนดรู้ความเป็นโทษ)

5. ปหานสัญญา (กำหนดรู้การกำจัดทิ้ง)

6. วิราคสัญญา (กำหนดรู้ความสิ้นกำหนัด)

7. นิโรธสัญญา (กำหนดรู้ความดับกิเลสทุกข์)

8. สัพพโลเก อนภิรตสัญญา (กำหนดรู้ความไม่น่ายินดียิ่งในโลกทั้งปวง)

9. สัพพสังขาเรสุ อนิฏฐสัญญา (กำหนดรู้ความไม่น่าปรารถนาในสังขารทั้งปวง)

10. อานาปานสติ (สติกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 24 “อาพาธสูตร” คิริมานนทสูตร]ข้อ 60

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:25:37 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:33 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:35:05 )

สัญญา 10

รายละเอียด

สัญญา 10 คือความกําหนดหมายรู้ 10 ประการ

1. อนิจจสัญญา (กําหนดรู้ความไม่เที่ยง)

2. อนัตตสัญญา (กําหนดรู้ความหมดตัวตน)

3. อสุภสัญญา (กําหนดรู้ความน่าเกลียด)

4. อาทีนวสัญญา (กําหนดรู้ความเป็นโทษ)

5. ปหานสัญญา (กําหนดรู้การกําจัดทิ้ง)

6. วิราคสัญญา (กําหนดรู้ความสิ้นกําหนัด)

7. นิโรธสัญญา (กําหนดรู้ความดับกิเลสทุกข์)

8. สัพพโลเก อนภิรตสัญญา (กําหนดรู้ความไม่น่ายินดียิ่งในโลกทั้งปวง)

9. สัพพสังขาเรสุ อนิฏฐสัญญา (กําหนดรู้ความไม่น่าปรารถนาในสังขารทั้งปวง)

10. อานาปานสติ (สติกําหนดรู้ลมหายใจเข้าออก)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 24 “มูลสูตร” ข้อ 60


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 08:39:37 )

สัญญา 10

รายละเอียด

1.  อนิจจสัญญา   2. อนัตตสัญญา 

3. อสุภสัญญา     4. อาทีนวสัญญา 

5. ปหานสัญญา   6. วิราคสัญญา 

7. นิโรธสัญญา    8. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา 

9. สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา 

10. อนาปานัสสติ (อาพาธสูตร  ล.24  ข.60) 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 11:35:25 )

สัญญา 10 ประการเป็นไฉน

รายละเอียด

คุณฉลวย พอฟังแล้วเข้าใจได้ไหม สัญญาเป็นการกำหนดหมาย การกำหนดรู้ เอาตั้งแต่สัญญา 10

1.  อนิจจสัญญา 2. อนัตตสัญญา 

3. อสุภสัญญา    4. อาทีนวสัญญา 

5. ปหานสัญญา  6. วิราคสัญญา 

7. นิโรธสัญญา 8. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา 

9. สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา 

10. อานาปานัสสติ   (อาพาธสูตร  ล.24  ข.60) 

อนิจจสัญญาคือการทำงานของสัญญากำหนดรู้ความไม่เที่ยง 

อนัตตสัญญากำหนดรู้ธาตุถึงขั้นอนัตตา คือความไม่มีตัวตนไม่ใช่ตัวตน 

หรือกำหนดรู้อสุภสัญญา เป็นสิ่งที่ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น ไม่น่าใคร่อยาก สุภะแปลว่า น่าได้ น่ามี น่าเป็น อสุภะ แปลว่าไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น 

อาทีนวะ คือเป็นโทษ ไม่ใช่คุณ กามไม่ใช่คุณ ไม่ใช่สิ่งน่าได้ น่ามี น่าเป็น ไม่ใช่คุณไม่ใช่ประโยชน์ มันเป็นอาทีนวะ มันเป็นโทษ กามาทีนวะ ความใคร่อยากทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อย่างไรก็แล้วแต่ มันไม่น่าได้ ไม่น่ามี มันเป็นโทษ 

ปหานสัญญา มันควรกำจัดทำลายเสียอาการพวกนั้น วิราคสัญญา จนสามารถลดละจางคลายได้ ปฏิบัติแล้วก็เกิด วิราคสัญญา 

นิโรธสัญญา ปฏิบัติลดละจนสามารถดับได้แล้ว ดับ ก็เป็นอย่างสัมมาทิฏฐิ มิจฉานิโรธเป็นการสะกดจิต ไม่ให้มีสัญญา มันก็ไม่รู้เรื่องอะไร ก็นึกว่า กิณหา ความดำมืด ดับชั่วคราวเป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น เป็นสุภกิณหา อย่างเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งอยู่ในวิญญาณฐีติข้อที่ 4 ในสัตตาวาส 9 ข้อที่ 4 แต่ผู้ที่มีนิโรธสัญญากำหนดรู้อย่างสัมมาทิฏฐิ ก็จะรู้ว่าความดำความมืดก็คือความดำความมืด และนิโรธก็คือนิโรธ ไม่ใช่ความดำความมืด แต่เป็นความไม่มีกิเลส ดับกิเลสหมด สว่างไสวด้วย ไม่ดำไม่มืดด้วย อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งสุดยอดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 15:07:40 )

สัญญา 10 เล่มที่ 1

รายละเอียด

เตรียมไว้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายสัญญาต่างๆ ในพระไตรปิฎกจะมีสัญญา 10 อยู่ 2 ที่มีที่ต่างกันบ้าง แต่ไม่มีปัญหาถ้าจะมาก็พยายามทำความเข้าใจ มันเป็นลักษณะขององค์ประกอบในสิ่งต่างๆเช่น อนิจจสัญญา ความไม่เที่ยง สัญญาในอนัตตา อสุภะ กำหนดในความไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น 

1.อนิจจสัญญา 2.อนัตตสัญญา 

3.อสุภสัญญา  4. อาทีนวสัญญา 

5.ปหานสัญญา 6.วิราคสัญญา 

7.นิโรธสัญญา  8.สัพพโลเกอนภิรตสัญญา 

9.สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา 

10.อานาปานัสสติ   (อาพาธสูตร  ล.24 ข.60) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:49:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:57 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:00:06 )

สัญญา 10 เล่มที่ 2

รายละเอียด

พยัญชนะ อานาปานัสสติ ที่จริง อานา กับ อาปานะ ตัวไหนจะเป็นลมหายใจเข้า ตัวไหนจะเป็นลมหายใจออกก็ได้ สลับกันได้ ไม่ต้องสับสนไม่ต้องเถียงกัน อัสสะ เป็นพยัญชนะที่บอกว่ามี 2 สิ่งทำงาน เช่น กายสเภทา เป็นต้น  เรียนรู้พยัญชนะแล้วไปพยายามรู้ว่าเนื้อแท้สภาวธรรมของมันคืออะไรและใช้ให้ถูกต้องนี้คือสิ่งสำคัญ  สัญญา 10  อีกเล่มหนึ่ง สัญญา 10

  1. อสุภสัญญา

  2. มรณสัญญา

  3. อาหาเรปฏิกูลสัญญา

  4. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา

  5. อนิจจสัญญา

  6. อนิจเจ ทุกขสัญญา

  7. ทุกเข อนัตตสัญญา

  8. ปหานสัญญา

  9. วิราคสัญญา

  10. นิโรธสัญญา (ธรรม 10 อย่างเหล่านี้ควรให้บังเกิดขึ้น) กำหนดรู้อสุภะให้ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:50:38 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:12 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:35:51 )

สัญญา ย นิจจานิ มี 2 นัยยะ

รายละเอียด

อันตร สัญญา ย นิจจานิ เว้นแต่ว่า สัจจะมี 1 เดียวเท่านั้น เว้นแต่ว่า สัญญา ย นิจจานิ คำว่า สัญญา ย นิจจานิ จึงเข้าใจได้ยาก 

สัญญาแปลว่ากำหนดรู้ นิจจา แปลว่าเที่ยง คำว่าเที่ยงของสัญญา มันก็มี 2 นัยยะ 

นัยยะ ของมิจฉาทิฏฐิเขาก็เที่ยง นัยยะ ของสัมมาทิฏฐิก็เที่ยง แต่เที่ยงคนละนัย

คำว่า เที่ยง สองนัย นี่แหละ เที่ยงนัยที่เป็นสัมมาทิฏฐิมีนิพพานเดียวกันเป็นต้น นิพพานเดียวกัน ที่เป็นสัจธรรมหนึ่งเดียวกันเลยไม่มี 2 มันก็มีหนึ่งเดียว แต่ถ้าใครเห็นว่านิพพานยังมีแตกต่างกันไปคุณก็เป็นสอง ใช่ไหม

ยิ่งเห็นคนละอย่างเลย สัญญา สัญญาของมิจฉาทิฏฐิกับสัญญาของสัมมาทิฏฐิก็คนละขั้ว เที่ยงของเขาเหมือนกันนะ อย่างเที่ยงมหาบัวกับเที่ยงโพธิรักษ์ก็คนละเที่ยง อย่างนี้เป็นต้น หรือเที่ยงของธัมมชโยก็ตาม ของธัมมชโยเที่ยงอย่างอภัสรา เที่ยงของมหาบัวก็เป็นเที่ยงอย่างสุภกิณหา

เพราะฉะนั้น สัญญา ย นิจจานิ จึงมีนัยยะละเอียดลึกซึ้ง จึงไม่ใช่ง่ายที่จะเข้าใจ อาตมาอธิบาย สัญญา ย นิจจานิ มาตั้งนาน ดร.รินธรรม เขาจบปริญญาโททางสันสกฤต จบทางบาลีด้วย เขามีปริญญาทั้งหมด 6 ใบ ดร.รินธรรม 

เขาก็ฟังอาตมาอธิบายสัจจะ เขาก็เข้าใจของเขา สัญญา ย นิจจานิ อาตมาก็พยายามอธิบายมาจนป่านนี้ เขาจะเข้าใจแค่ไหน ยังจะแย้งหรือไม่ ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของผู้ที่ไม่เห็นตรงกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:52:18 )

สัญญา ย นิจจานิ เป็นได้ทั้งสัมมาและมิจฉา 

รายละเอียด

ลงท้ายก็คือ สัญญา ย นิจจานิ สัญญากำหนดหมาย ว่าเที่ยงแท้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงเลยในโลก พวกนี้ไปยึดถือผิดก็ได้ยึดถูกก็ได้ สองอย่าง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จูฬวิยูหสูตร สัญญาเป็นได้ทั้งสัมมาและมิจฉา 

ถ้าสัมมา กำหนดสัญญาว่าเที่ยงได้ในโลก แต่โดยที่ท่านไม่ได้ยึดถืออะไร จะมีความเที่ยงและจริงอย่างเดียวกันคือผู้ที่บรรลุอรหันต์ ปฏิบัติโดยมรรคมีองค์ 8 หรืออริยสัจ 4 ด้วยกันบรรลุด้วยกันเท่านั้น ที่จะไม่มีอะไรแย้งกันเลย ในความเป็นหนึ่ง สัจจะมีหนึ่งเดียวกันไม่มี 2 นอกนั้นแย้งกันหมด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:54:31 )

สัญญา อุปาทานคืออะไร

รายละเอียด

การที่จะรู้เรื่องของกายก็ตาม สัญญาอุปาทานก็ตาม 

สัญญา อุปาทานคืออะไร คือการยึดติดในอุปาทานยึดติด กาย ก็มีข้างนอก สัญญาอุปาทานมีแต่ข้างใน เป็นรูปเป็นอรูป ก็ไปติดในรูปและอรูป ปั้นเป็นภพชาติเป็นนิรมานกาย เลยไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวเองตนเองหลง มีอวิชชาเองได้หลงว่ามีเป็นจริงคุณก็ปั้นได้สำเร็จ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 18:28:09 )

สัญญา 

รายละเอียด

สัญญา  คือ หากสัญญาจำยึดมั่นถือมั่น คือ กิเลส แต่หากสัญญาได้เปลี่ยนเป็นธาตุรู้  กำหนดหมาย สัญญาเป็นเจตสิกใช้งานตั้งแต่ต้น จนปรินิพพานเป็นตัวหลักของจิต  เจตสิกที่ใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:34:26 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:34 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:00:35 )

สัญญากับปัญญาต่างกัน

รายละเอียด

เมื่อทำฌานก็เอาสัญญากำหนดรู้ความรู้สึกของเรา ในขณะกระทบสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบเสร็จเวทนาเกิด องค์ประชุมของรูปนามคือการเรียนรู้ เราเป็นเจ้าของจิต จิตของเราก็มี ปสาทรูป โคจรรูป ปสาทรูปก็คือประสาท มีประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย มันทำงาน โคจระ คือมันทำงานแล้วไม่อยู่เฉยๆแล้ว บางทีเรากระทบแต่ไม่โคจระไม่รู้เรื่อง เฉยๆ จิตมันไปคิดอะไรโน่น แสงกระทบ retina แต่ประสาทมันมีไม่ได้เสีย แต่โคจระไม่ทำงาน อาการจิตที่จะทำงานร่วมรับรู้รับคิด ตากระทบแสง แสงเข้าประสาทตาแล้ว แต่ความคิดไปอยู่กับอะไรก็แล้วแต่ คนเดินผ่านไปมาก็ไม่เห็น ของอยู่ข้างหน้าก็ไม่เห็น นี่คือสัมผัส ยิ่งไม่สัมผัสแม้มีปสาทรูป โคจรรูปก็ไม่รู้เลย ก็มีแค่คิดอยู่ในสัญญา ซึ่งไม่เป็นทิฏฐะ ไม่เป็นปัจจุบันไม่เป็นปัญญา ทิฏฐิ ปัญญาต้องมีปัจจุบัน มีภายในภายนอกร่วมรับรู้ สัญญากับปัญญาต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:13:11 )

สัญญากับเวทนาต้องทำงานร่วมกัน

รายละเอียด

ผู้ที่ไม่รู้เรื่องมั่วก็ไปเรียนรู้ด้วยวิธีว่างจากความรู้สึก เขาก็ไปดับเวทนาดับสัญญา เพราะสัญญากับเวทนาต้องทำงานร่วมกันต้องสัมผัสกัน สัญญากำหนดรู้ว่าเวทนามันสัมผัสอะไรมันก็จะรู้  ไม่มีผัสสะมันก็ไม่เกิดเวทนาไม่รู้จะไปเรียนอะไร ไม่ว่าคุณจะไปดับเวทนาหรือดับสัญญาก็ตาม แต่ถ้าคุณดับสัญญาคุณก็หมดเลย มันก็คือจิตที่ทำงานอย่างหนักคือสัญญา ต้องกำหนดรู้ทำหน้าที่กำหนดรู้อะไรทุกอย่างภายนอกภายในที่จะได้เรียน จนกระทั่งเป็นความรู้สัญญาถึงขั้นปัญญา 

ถ้าคุณไปดับมันเสีย นี่แหละคือการทำให้มันว่าง ปริเฉทรูป ไปแยกออกแล้วก็ทำให้มันว่างชนิดที่เรียกว่า มันว่างอย่างเดียรถีย์ ว่าง อย่างโง่ๆ ว่างอย่างไม่ได้เป็นความวิเศษ ที่เป็นคุณสมบัติขั้นโลกุตระเพราะไปดับเอาสัญญาเป็น  อสัญญีสัตว์ 

เพราะฉะนั้นในสัตตาวาส 9 อสัญญีสัตว์ จึงเป็นสัตว์ตัวที่ 5 

ฌาน 1 2 3 4 ก็เป็นฌานที่นอกรีตของพระพุทธเจ้าเพราะไปนั่งหลับตาสะกดจิตหรือไปทำแบบไหนก็แล้วแต่ ที่มันไม่เป็นฌานที่เกิดจาก จรณะ 15 วิชชา 8 มันเป็นการปฏิบัติไปคนละเรื่องคนละทาง 

ความเสื่อมของศาสนาพุทธที่ไปเรียนฌานกันแบบนี้ ไม่มีใครพูดเลย ไม่เห็นอาจารย์สำนักไหนพูดว่าฌานจะต้องมาปฏิบัติศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 เกิดฌาน ในจรณะ 15 ใครเคยได้ยินอาจารย์คนไหนสอนบ้าง ที่นั่งอยู่เป็นพันหรือเปล่าวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 13:14:24 )

สัญญาของพระอรหันต์กับสัญญาของพืชต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ไม่ต่างกัน แต่มันมีประสิทธิภาพน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง พืชมันก็มีสัญญา มีการกำหนดหมาย สัญญาคือการกำหนดหมาย มีทิศทาง สัญจิจจะ แปลว่า จิตมีทิศมุ่ง อาตมาแปลเป็นไทย จิตเริ่มมีทิศมุ่ง ซึ่งอันนี้ลึกซึ้งละเอียดมากเลย ท่านที่เรียนเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์ทางบาลีก็แล้วแต่ ท่านก็อยู่กับพยัญชนะเยอะ แต่อาตมาอธิบายอย่างสภาวะ มันมีประโยคหนึ่ง ว่า

สัญจิจจะ ปานังชีวิตา โวโรเปตุง หมายถึง สัญจิจะนี้ จิตเริ่มมีเจตภูตหรือเจตสิก มีทิศมุ่ง อาตมาก็แปลเป็นไทยอย่างละเอียดแล้ว เริ่มต้นมีทิศมุ่ง เพราะฉะนั้นการที่มีจิตแบบนี้ในชีวกสูตรพระพุทธเจ้าก็ตรัสถึงว่า ถ้าจิตคุณมี สัญจิจจะ บางทีท่านก็ใช้คำว่า อุทิสะ เป็นคำอธิบาย อุทิสะ ปาณัง อารัพติ นั่นเป็นประโยคอีกอัน คล้ายกัน แต่ อุทิสะ มันหยาบกว่า สัญจิจจะ

เพราะฉะนั้นจิตเริ่มมีทิศมุ่ง อย่าง ชีวกสูตร 5 ประการ ข้อที่ 1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” จิตมีทิศมุ่งแล้ว มุ่งไปสู่สัตว์แล้ว นี้คือการเจาะจง สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) นี่คือจิตของคนเจาะจง มุ่ง แล้วเขาไปแปลหยาบๆว่าเจาะจงบุคคล ซึ่งมันไม่ใช่ จิตมันมีทิศมุ่งไปไม่ดี เป็นจิต โวโรเปตุง อารัพติ จิตมีมุ่งหมายไม่ดีต่อสิ่งนั้น ถ้าเป็นสัตว์ คุณก็มีจิตมุ่งไม่ดีต่อสัตว์ ข้อแรกกล่าวชื่อสัตว์นั้น จงไปนำสัตว์นั้นมา มีจิตมุ่งแค่นี้บาปเป็นอันมาก ไม่ใช่บุญเลย 

ข้อที่ 1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” กล่าวชื่อสัตว์เท่านั้น แต่จิตมีสัญจิจะ มีทิศมุ่งแล้ว มีอุทิศ มีอุททิสสะ แล้ว ที่ไปแปล จิตเจาะจง มันแรง มันหยาบไป นี้แค่เริ่มมีทิศมุ่ง มุ่งไปสู่สัตว์นั้น ไปในทางไม่ดี โวโรเปตุง หรือ อารัพติ เป็นไปในทางที่ไม่ดีแล้ว ไปจนกระทั่งถึงฆ่านั้นนะ ความหมายของมันมีหลายระดับ 

ข้อที่ 2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส จับมันผูกมัน มันก็บาปหนักเข้าไปเพราะมีกรรมกิริยากายกรรมท่านเอาที่ว่า ไปทำแบบนี้แล้วมันเกิดทุกข์ คุณมีจิตมุ่งอย่างนั้น ถ้าสัตว์มันรู้ตัว มันก็ทุกข์แล้ว แต่มันยังไม่รู้ตัว คุณก็เริ่มก่อทุกข์ขึ้นมาในโลกแล้ว เป็นคนบาปแล้ว  

ข้อที่ 3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า  “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”  โอ้โฮ! แล้วมันจะไม่บาปแรงยังไง สัจจิจะ จิตมุ่งหมายของคุณมันโหดหนักขึ้นไปชัดเลย ขั้นที่ 3  

ข้อที่ 4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส  มันก็หนักขึ้นสิ สัตว์มันเป็นทุกข์ มันก็จองเวรจองกรรมกันหนักขึ้นไปอีก เป็นเวร เป็นภัยกันหนักขึ้นไปอีก 

5. ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อกปฺปิเยน อสฺสาเทติ อิมินา ปญฺจเมน ฐาเนน พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร  ล.13   ข.60

ข้อ 5 นี้ยิ่งใหญ่เลย เป็น อกัปปิยะ ข้อ 5 นี้ ท่านสรุปไว้เลยว่า ข้อนี้เป็น อกัปปิยะ เป็นสิ่งไม่ควรเลย มันบาปมา 4 ข้อ ซึ่งก็ไม่ควรแล้ว ยิ่งข้อ 5 นี้มันยิ่งไม่ควรอย่างยิ่งเลย มันเป็น อกัปปิยะ 

ฆ่าสัตว์แล้วเอาเนื้อมาทำอาหาร แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะคงไม่เอาเนื้อสดมาถวายพระพุทธเจ้าหรอก ใช่ไหม ไปทำอาหารมาถวาย ทำด้วย ฐาปนีโภชนะ ด้วย เป็นอาหารอย่างประณีตเลยนะ อย่างยอดเยี่ยม มีกุ๊กชั้นหนึ่งช่วยกันปรุง 5 คนมาจาก 5 ประเทศเลย อาตมาพูดให้เป็นพิธาหน่อย ดูให้มันเว่อร์ๆ หน่อย  ใส่ไปเลย ถวายให้พระพุทธเจ้า บาปไปเลย เป็นข้อที่ 5 อันเป็นสิ่งไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง 

เพราะฉะนั้น สัญจิจจะ จิตมีทิศมุ่ง นั้นไม่ได้ไปหมายมุ่งเอาพระพุทธเจ้า เอาภิกษุ เอาตัวตนบุคคล แต่มันมุ่งไปในทางร้าย ไปในทางต่ำ ไปในทางบาปของคุณ นี่แหละคือการเบี้ยวบาลีให้มันหยาบ แล้วกิเลสก็เลยได้กินเนื้อสัตว์ เบี้ยวบาลีเพื่อกินเนื้อสัตว์ ฟังดีๆ  

ก็ข้างนอกเขาก็เปิดฟังได้ แต่เขาฟังแล้วจะเข้าใจไหม เพราะความเชื่อเขาก็ถูกครอบงำความคิดสำเร็จรูปแล้ว อาตมาจะเจาะเข้าไปได้ไหมนี่ แทงด้วยหอกเจาะร้อยเล่มเช้า แทงด้วยหอก เจาะร้อยเล่มกลางวัน แทงด้วยหอกร้อยเล่มเย็น มันจะเข้าไหม นี่ ก็เอาของพระพุทธเจ้ามาพูดทั้งนั้นนะ มันเป็นสัจจะในโลกนี้มันหยาบหนา อยู่ยงคงกระพัน เอาหอกแทง หอกหักหมด แทงด้วยหอกแล้วก็เสียหอกไปเปล่าๆ มันก็ยากแต่ก็ต้องทำ 

จากคำถามข้อที่ 3 สรุป ก็สัญญาในคนนั่นแหละ สัตว์เดรัจฉานจะไปเรียนรู้อะไร แม้แต่คนที่ไม่มีภูมิธรรมพอจะฟังรู้เรื่องเขาฟังที่อาตมาอธิบายไม่รู้เรื่องหรอกเพราะภูมิเขาไม่ถึง 

มันดูดเอาธาตุอาหารมาปรุงแต่งต่างกัน มันก็ไม่แย่งกัน เพราะฉะนั้นพวกพืชมันไม่ทะเลาะกัน ดีไม่ดีมันก็เกี่ยวพันกันอยู่ด้วยกันไป บางทีมันกลืนกันเลย สัญญาของคนมันก็มีประสิทธิภาพกว่าสัญญาของพืช เข้าใจอย่างนั้นก็แล้วกัน แม้แต่สัญญาของคนก็มีประสิทธิภาพกว่าสัตว์เดรัจฉาน การกำหนดหมายของเดรัจฉาน มันจะไม่มีคุณธรรม หรือบางทีมันมีคุณธรรมมากกว่าคน คนเหี้ยมโหดกว่าเดรัจฉานก็ได้ คนมีคุณธรรมมากกว่าเดรัจฉานก็ได้ อย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 20:28:46 )

สัญญาข้อที่ 10 กำหนดรู้พิจารณาเป็นสติปัฏฐาน 4 ตลอดที่มีลมหายใจ

รายละเอียด

ส่วนข้อที่ 10 อานาปานสติ อันนี้แหละเป็นเรื่องที่ มันมีการปฏิบัติที่เป็นอานาปานสติแบบเดรัจฉานวิชชาหรือแบบเทวนิยม แบบโลกียะ มีอยู่ประจำโลก พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็มาเจอการนั่งหลับตาอานาปานสติ แบบมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าต้องมาแก้ อานาปานสติให้เป็นสติปัฏฐาน 4 ให้พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม โดย อานาอาปานะ คือตลอดที่มีลมหายใจเข้าออก คุณจะนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น แล้วก็จะเห็นลมหายใจเข้าออก กำหนดรู้สั้นรู้ยาว ให้รู้ว่าทุกอย่างที่มีสภาพ 2 มันจะมีความแตกต่างกัน ให้เรียนรู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส 

อาตมาอธิบายอยู่นี่คือ อุเทส แล้วก็ขยายความนิมิต แล้วให้เปรียบเทียบกัน ว่ามันมีความต่างกัน ลมหายใจเข้ากับลมหายใจออก มันก็เป็นเทวฺ มันเป็น 2 มันมีมุมเหลี่ยมที่ต่างกัน หายใจเข้าสั้น หายใจเข้ายาว หายใจเข้าสั้น หายใจเข้า หายใจออกสั้น หายใจออกยาวหายใจเข้ายาว หรือคุณจะหายใจออกสั้นหายใจเข้า หายใจออกยาวหายใจเข้าสั้นอะไรก็ตามใจ มันก็มีลิงค มีสภาวะแตกต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 13:18:44 )

สัญญาข้อที่ 9 กำหนดรู้แม้สุขทุกข์ก็ยังเป็นสัมภารวิบาก

รายละเอียด

วิบาก เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ทุกองค์ แม้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว ทุกข์ 4 อย่างที่เลี่ยงได้เป็นทุกข์อริยสัจ  จบแล้ว ไม่มีแล้ว กระนั้น ก็ยังมีทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้อีก 6 อย่างเป็นสัมภาระวิบากอยู่อย่างนั้น พระอรหันต์ถึงบอกว่าเกิดมามีร่างกายมีชีวิต ทุกข์ที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ดับความทุกข์อริยสัจแล้ว มันก็ยังมี ทุกข์เท่านั้น

สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา กำหนดรู้ความไม่น่าปรารถนาในสังขารทั้งปวง เพราะฉะนั้นเกิดมามีสังขารมีอวิชชา มีสังขารวิญญาณ โดยเฉพาะมีสังขารที่ปรุงแต่งระหว่างรูปกับนาม หรือกายกับจิต หรือนี่แหละ ชีวิตของสัตว์โลก ถ้าเป็นพืชมันก็ไม่รู้เรื่อง เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แม้จะเป็นมนุษย์ที่ อเวไนยสัตว์ถ้ายังศึกษาไม่ได้ เป็นเทวนิยม เป็นต้น เขาก็ยังหลง จนมาศึกษาโลกุตระของพระพุทธเจ้าจึงจะรู้ว่า สุข ก็ยังเป็นโลก สุขก็ยังเป็นเรื่องสัมภารวิบาก แม้แต่ความทุกข์อริยสัจก็ต้องมี 

แต่พระพุทธเจ้าดับความทุกข์อริยสัจได้ เป็นพระอรหันต์ ก็หมดทุกข์ที่เลี่ยงได้ 4 อย่าง ส่วนเทวนิยมนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกมีความทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ ยิ่งความทุกข์อริยสัจ 4 อย่าง เขายิ่งไม่มีทางปฏิบัติ เขาไม่รู้ว่ามีทางปฏิบัติให้หมดเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยหรือ มันก็เป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 12:34:48 )

สัญญาความจำ ไม่มีกิเลส ไม่เสียหาย

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์ว่า เรื่องสัญญาความจำที่จะลืมนี่มันยาก สัญญาที่ประทับใจตราตรึงใจ มันเป็นกิเลสอย่างนึง มันเป็นเรื่องยากที่จะลืม ทั้งที่มันไม่ใช่กิเลสแล้วก็ยังเวียนวนก็จะมีความจำที่ระลึกได้ จะมีความทุกข์ความสุขกับมัน จะมีความรักจะมีความชังมันก็ไม่มีแล้วนะ ไม่มีอาการของกิเลสแล้วแต่มันก็เป็นความจำ หากว่ามีกิเลสในความจำนี้ก็จะรู้ว่ามันมีกิเลสที่พาวนเวียนอยู่ ก็พยายามพิจารณาให้ได้ว่ามันผ่านไปแล้วมันอดีต มันไม่มีความจริงแล้วคุณยังจะไปเกิดวูบวาบ มีรักมีชังมีดูดมีผลักอะไรอีกให้กิเลสหมด เมื่อกิเลสหมดแล้ว คุณจะมีความจำได้ นึกแล้วไม่มีกิเลสยิ่งไม่เสียหายเอามาใช้ได้ดีด้วย อาตมาก็ระลึกเอามาใช้เรื่อยๆ ไม่มีกิเลสแล้วใช้ได้ เป็นความจำที่ไม่เสียหาย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:28:38 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:44:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:37:05 )

สัญญาคิดเรื่องเก่าเป็นเรื่องที่วางได้ยาก

รายละเอียด

ขยายไปฟังไป เหมือนคุณสว่างแสงถามมา สัญญาเก่า คิดเรื่องเก่า สัญญาคิดเรื่องเก่านี้ พระพุทธเจ้า บอกพระอานนท์เหมือนกันว่า เรื่องที่จะวางได้ยาก บรรลุพระอรหันต์แล้วบางทีสัญญาก็ยังพิรี้พิไรอยู่ บางทีก็มีเศษ อย่างที่เขาถามมาบางครั้งคิดได้ความทุกข์เศร้า มันเกิดขึ้นมาเอง อย่างนี้มันเป็นสัมภเวสีหรือไม่ ต้องพยายามกำหนดให้แม่น 

มันไม่ง่ายหรอกแต่เรามาทางนี้ชัดเจนแล้วว่าทางนี้เป็นทางหลุดพ้น ไปโลกีย์อยู่เราก็ชัดเจนนะ มันก็หมุนเวียนสุขๆทุกข์ๆดีๆชั่วๆดีๆนรกสวรรค์สวรรค์นรก ถ้าไปโง่เทวนิยมยิ่งไม่รู้เรื่องเลย ถูกพระเจ้าสอนผิด ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ไม่ต้องคิดอะไรหรอก ไม่รู้อะไรต่อ เกิดอีกจะมีเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย เป็นนิยายล้านเรื่อง ไม่รู้เรื่องเลย ปิดประตูไปอยู่กับพระเจ้า ยืนหยัดแค่ยืนยันอยู่ว่า ถ้าได้อยู่กับพระเจ้าแล้วเป็นสุข จึงพยายามไปอยู่กับพระเจ้าให้ได้อ้อนวอนประจบประแจงพระเจ้าไป แล้วก็เชื่อคำสอนของพระเจ้า ท่านให้หยุดทำชั่วประพฤติดี ก็ยังดี พยายามประพฤติแต่ดีก็ได้อาศัยความดี แต่มันก็ไม่เที่ยงหรอก ก็ไม่เข้าใจ ก็หมุนไป

จนกว่าจะรู้จักดีชั่วที่เป็นเรื่องโลกียะ แล้วเราก็ทำดีให้มั่นคงแข็งแรง ไม่ทำชั่ว สัพพปาปัสอกรณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) ทำกรรมอะไรก็มีแต่ดีไม่มีชั่วเลย คือกุสลสูปสัมปทา (ทำกุศลให้ถึงพร้อม) นั่นคือความจริงที่เราจะต้องถึงขั้นนั้นอย่างรับรองตัวเองได้ อยู่กับตัวเอง ตัวเองรับรอง อยู่กับผู้อื่นคนอื่นรับรองได้ด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:17:34 )

สัญญาจะฝังในอนุสัยของมนุษย์ของสัตว์โลก

รายละเอียด

เรื่องของ สัจธรรมอีกอย่างหนึ่งก็คือ สัจธรรมที่เป็นสัญญาหรือความจำ ความจำมันก็จะฝังในอนุสัยของมนุษย์ ของสัตว์โลก โดยเฉพาะมนุษย์อาริยะ มนุษย์เจริญ มันก็จะดึงเอาความจำมาใช้ได้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็มีสัญชาตญาณความจำเดิมเอามาใช้ มนุษย์จะเป็น อเวไนยสัตว์ สัตว์ที่ยังสอนไม่ได้ มันก็จะเอาความจำมาใช้ มีสัญชาตญาณเอามาใช้ แต่มันแยกแยะยังไม่เก่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 14:38:10 )

สัญญาดับเพราะความสามารถศึกษา ไม่ใช่ดับเองตามยถา

รายละเอียด

สมณพราหมณ์เหล่านั้นพวกที่กล่าวอย่างนี้ว่า “สัญญาของบุรุษ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย  เกิดขึ้นเองดับไปเอง” ความเห็นของสมณพราหมณ์พวกนั้นผิดแต่ต้นทีเดียว. เพราะเหตุไร เพราะสัญญาของบุรุษมีเหตุ มีปัจจัย เกิดขึ้นก็มี ดับไปก็มี สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้นเพราะการศึกษาก็มี สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไปเพราะการศึกษาก็มี  

 

ที่มา ที่ไป

เล่ม 9  ข้อ 279 โปฏฐปาทสูตร  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:17:33 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:45:43 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:01:19 )

สัญญาต่างกัน

รายละเอียด

ในความหมายที่คุณเข้าใจอาตมาก็เข้าใจตามได้หมดไม่มีปัญหา แต่อาตมาเข้าใจนี่คุณยังเข้าใจอย่างอาตมาไม่ได้ ความเข้าใจของคุณกับความเข้าใจของอาตมาจึงเป็นคนละอย่าง มันต่างกัน สัญญาต่างกันสัญญาต่างกัน ที่พูดนี้ของคุณกับของอาตมาต่างกันทั้งคู่เลย ในสัตตาวาส 9 ยังพูดกันอีกยาว กายต่างกันสัญญาต่างกัน อันนี้ก็ยังพอจำกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:15:40 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:37:53 )

สัญญาต่างกันกายต่างกัน

รายละเอียด

เด็กกับผู้ใหญ่ มีแกนที่เหมือนกัน คล้ายๆกันจริงที่มันมีรายละเอียดต่างกัน แต่มันสิ่งที่เหมือนกันมันก็มี เขาก็พูดไปมีส่วนที่ถูก เรียกว่า สัญญาต่างกันกายต่างกัน ก็เลยต้องทะเลาะกันตลอดโลกแตก ในสัตตาวาส 9 นั้นมีรายละเอียดอีกเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:17:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:46:12 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:01:41 )

สัญญาที่สำคัญคือกำหนดรู้อภิสังขาร 3

รายละเอียด

ข้อสำคัญทำสัญญาให้ตรง สัญญาที่สำคัญคือ สัญญากำหนดรู้ว่า คุณสังขารอย่างนี้ สังขารอย่างไร สังขารอย่างบุญ ล้างกิเลส จนหมดเป็นอปุญญาภิสังขาร จากนั้น จะสังขารอีกเท่าไหร่ก็เป็น อาเนญชา แต่จิตกลางเฉย ไม่มีบาปไม่มีบุญ บริสุทธิ์ สะอาด ตกผลึกลงไปเป็นจิตตั้งมั่น อาเนญชา อภิสังขาร มี 3 อย่าง 

มีความต่างความสัมพันธ์ก็ต้องเกี่ยวข้องกัน หากว่าทำสัญญาไม่เป็น สังขารไม่เป็น ก็ไม่สำเร็จ ก็ต้องรู้ความจริงของมัน ความต่างของมัน ความสัมพันธ์ของมัน ก็ต้องรู้ความจริงแล้วต้องใช้ทั้งสัญญาและสังขาร ให้ได้ประโยชน์ จบประโยชน์สิ้นก็คือบรรลุอรหันต์ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2564 ( 04:28:20 )

สัญญาปฏิเวธ

รายละเอียด

กำหนดรู้ผลที่บรรลุธรรมอย่างรู้แจ้งแทงตลอด

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 128 , 167


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:14 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:31 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:01:59 )

สัญญามย

รายละเอียด

1. ยึด ฉวยสภาพนั้นไว้อย่างสำคัญสำเร็จเสร็จสม

2. สำเร็จด้วยความสำคัญมั่นหมาย

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 59, หน้า 129


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:36:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:10:37 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:02:22 )

สัญญามยะ

รายละเอียด

สำเร็จด้วยความสำคัญมั่นหมาย

หนังสืออ้างอิง

จากอีคิวโลกุตระ หน้า 251


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:36:42 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:11:23 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์