@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พระพุทธเจ้าสอนอรหันต์ พ่อครูสอนโพธิสัตว์

รายละเอียด

จนกระทั่งสามารถรับรู้ ท่านก็สอนต่อได้เอาโลกุตรธรรมสถาปนาลงไป จนสำเร็จ 45 พรรษา ท่านก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่านที่จะสอนโพธิสัตว์ โพธิรักษ์นี่แหละเป็นหน้าที่ บอกตรงๆเลย มีธรรมิกราช 2 พระองค์ คือพระเจ้าแผ่นดิน ร.9 กับโพธิรักษ์ จะนำรูปนามของโลกุตรธรรมเข้ามาสถาปนาลงไปในประเทศไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2565 ( 09:27:03 )

พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรม

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าสอนว่ากรรมเป็นของของตัวเอง
1.    กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)
2.    กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)
3.    กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด หรือพากำเนิด)
4.    กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ พันธุ์เทพ พันธุ์มาร)
5.    กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)
 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 581


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 13:02:40 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:22:29 )

พระพุทธเจ้าสอนแต่ทุกข์อริยสัจ

รายละเอียด

เมื่อมาจับฐานสุขทุกข์ได้ เวทนานี่เป็นแก่น ล้างสุขทุกข์ได้ เข้าใจสุข เข้าใจทุกข์ว่าเป็นมายาคู่ที่แยกไม่ออก เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปเรียนความสุขหรอกมันยากไม่มีใครอยากจะทิ้งความสุข แต่ความทุกข์มีคนอยากทิ้ง ก็มาเรียนเหตุแห่งทุกข์ แล้วก็ดับเหตุที่มันเป็นตัวพาทุกข์ ดับเหตุได้ ความทุกข์มันก็ดับ พอดับทุกข์ได้ความสุขมันก็ไปด้วย เพราะมันเป็นอันเดียวกัน ใช่ไหม อาตมาเปิดเผยความจริง พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่ทุกขอริยสัจ ท่านไม่สอนสุขัลลิกะ ท่านก็บอกว่าเป็นของหลอก อัลลิกะ แปลว่าเท็จ แปลว่าเก๊ ไม่จริง หลอก พวกเปรียญก็บอกว่า เขาไม่ได้เรียนมาอย่างนี้ เขาก็ว่าอาตมาพูดเอาเอง ก็ใช่ อาตมามีเอง อาตมาเอาสภาวะมาพูด ไม่ได้เอาพยัญชนะมาพูดอย่างเดียวเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:04:22 )

พระพุทธเจ้าสอนแยกเทวดาได้อย่างไร

รายละเอียด

พระเจ้าหรือเทวนิยมไม่เคยเรียนรู้ตัวเอง แยกกิเลสตัวเองไม่ออก ทุกวันนี้ก็ยังแยกตัวเองไม่ออกตลอด เพราะฉะนั้นเทวนิยมไม่รู้จักเทวะ ตีไม่แตกแยกไม่ออก ห้ามเลยนะ อย่าไปแยกเทวะ หนึ่งเดียวคือพระเจ้าแยกไม่ได้ ของพระพุทธเจ้าสอนเทวดาแยกได้ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 จัดการให้เหลือไว้แค่ 1 เทวะ ธรรมะสอง ทำให้เป็นหนึ่ง ทำที่ไหนทำที่เวทนา ทำให้เวทนาเก๊ตายเหลือแต่เวทนาจริง แล้วทำให้เป็น 0 ได้ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:24:07 )

พระพุทธเจ้าสอนโลกุตรธรรมเป็นหลักโลกิยธรรมเป็นฐาน

รายละเอียด

อาตมานำพาศาสนาในยุคนี้ ยุคกึ่งศาสนาพุทธของพระสมณโคดม ซึ่งแทบจะไม่เหลือเชื้อของศาสนาพุทธแล้ว ถ้าอาตมาไม่สถาปนาโลกุตรธรรม เนื้อแท้ของศาสนาพุทธ เนื้อแท้ของศาสนาพุทธคือโลกุตรธรรม โลกียธรรม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ได้สอนโลกียธรรม แต่มันก็มีโลกียธรรมเป็นพื้นฐาน ท่านสอนโลกุตระ ท่านสอนเรื่องความทุกข์เรื่องเหตุแห่งทุกข์ เรื่องความดับทุกข์เรื่องทางปฏิบัติเพื่อไปสู่ความดับทุกข์ ท่านสอนอริยสัจเป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ ที่บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนโลกียะด้วยนั้นเป็นพื้นฐานของคนต้องรู้กุศลโลกีย์ ต้องให้คนรู้บ้าง พูดเป็นฐาน ผู้ใดที่แม้แต่กุศลโลกีย์ ก็ไม่ทำ แค่กุศลโลกีย์เขายังไม่พากเพียรทำก็ไม่ต้องมาศึกษาศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธเนื้อความดีความชั่วเหนือกว่ากุศลและอกุศล เพราะศาสนาพุทธเหนือกว่าที่พูดถึงสุขถึงทุกข์ กุศลอกุศลเป็นโลกียธรรม ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องของโลกุตรธรรม ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักความสุขความทุกข์ไม่รู้จักการดับความสุขความทุกข์ เป็นศาสนาที่ติดในความสุขนิรันดร ไม่มีการรู้จักขั้นตอนของความสุขความทุกข์ ไม่มีสมณะ 4 เหล่า ไม่มีพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์เลย ไม่ได้เรียนรู้ อาริยสัจ 4 ความหมายแค่นี้ที่จะรู้ได้ว่าอะไรเป็นศาสนาพุทธอะไรไม่เป็นศาสนาพุทธ ไม่รู้จักอริยสัจ 4 คือไม่รู้จักศาสนาพุทธ ไม่ได้ตั้งใจเรียนรู้อริยสัจ 4 นั่นคือยังไม่ใช่พุทธ ก็วนเวียนในโลกียธรรมธรรมดา จะเอาคำสอนศาสนาไหนก็วนเวียนในโลกียธรรม ทำดีละชั่ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:23:15 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:04 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:20:04 )

พระพุทธเจ้าสอนในฐานะสูตร

รายละเอียด

คนที่ตะกละ ขี้โลภ มันก็หลง เพราะฉะนั้นจงมาศึกษาให้ดีๆ  พระพุทธเจ้าสอนในฐานะสูตรสอนว่าให้ คือให้อย่าไปมีภพชาติ อย่าไปสร้าง ความหวัง สาเปกโข

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                            


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:38:26 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:54 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:13:12 )

พระพุทธเจ้าสอนในฐานะสูตร

รายละเอียด

คือ คนที่ตะกละ ขี้โลภ  มันก็หลง เพราฉะนั้น  จึงมาศึกษาให้ดี ๆ  พระพุทธเจ้าสอนในฐานะสูตรสอนว่าให้  คือ ให้อย่าไปมีภพชาติ  อย่าไปสร้าง ความหวัง สาเปกโข

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:12:10 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:30 )

พระพุทธเจ้าสอนใบไม้กำมือเดียวพ่อครูต้องมาขยายใบไม้ทั้งป่า

รายละเอียด

อาตมามันหนักก็ตรงที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านทิ้งอาตมาไว้ เพราะท่านสอนแต่ใบไม้กำมือเดียว อาตมาก็เลยจะต้องมาขยายใบไม้ทั้งป่า ไปตามลำดับ ต้องสอนให้คนที่ช่วยตัวเองได้แล้วสอนคนอื่นต่อ ท่านเพาะพุทธชอบจะเอาประโยคนี้ไปพูดต่อ หากเอาตัวรอดคนเดียวก็ปรินิพพานแล้วก็ 0 ไปเลย สอนเท่าที่ตัวเองสามารถ อย่าไปทำเป็นเตี้ยอุ้มค่อม อย่าประมาท เพราะฉะนั้นเผื่อพอเอาไว้ เราจะช่วยก็ต้องเผื่อไว้นะ เรามีแรง มีความสามารถน้อย เราต้องพยายามที่จะทำ ประมาณ 70 80 เผื่อไว้ว่า อีก 20 นั้น มันยังไม่เต็มที่ยังไม่ดีพอ เอาเต็มที่แค่ 80 เราต้องประมาณเผื่อพอเอาไว้อย่างนั้น ต้องถ่อมตนไว้ ประมาทไม่ได้ ถ้ามี 100 ก็จ่ายหมด 100 มันก็ไม่เหลืออะไร สัจธรรมมันก็ว่ากันไปได้เรื่อยๆ ก็ขยายไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 07:06:44 )

พระพุทธเจ้าสอนให้คนลดความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ส่วนรวม

รายละเอียด

ทีนี้พระพุทธเจ้าเหนือชั้นกว่าวิธีการอย่างนั้น คือ พระพุทธเจ้าสอนให้คนลดความเห็นแก่ตัวลดกิเลสตัวที่เป็นอยู่ในฐานของจิต ลดความเห็นแก่ตัวแล้วก็จะมีความเห็นแก่ผู้อื่นเห็นแก่ส่วนรวม และทำได้จริง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นสมาชิกของพระพุทธเจ้ามีสัมมาทิฏฐิจึงเกิดผลลดกิเลสได้จริง จนถึงขั้นสูงสุดของการลดกิเลส หมดกิเลสไปส่วนหนึ่งส่วนนอก ส่วนหยาบเป็นพระอนาคามี หมดข้างนอกไปบ้างเป็นพระสกิทาคามี เริ่มต้นเลิกได้เป็นพระโสดาบัน เป็นจริงได้ในสังคมที่มีอริยบุคคล 4 จึงเกิดค่าของความเป็นจริงของจิต ที่ไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้ เป็นคนวรรณะ 9 มีคุณธรรมวรรณะ 9 ด้วยความเป็นจริงจึงเกิดมวลชนที่มารวมกันเป็นอาริยบุคคลรวมกันที่มีคนทำมากน้อยลดหลั่นกันไปแต่มีสัมมาทิฏฐิ มีทิฏฐิสามัญญตา และมีหลักเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าวางไว้คือศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะปฏิบัติไปสู่จุดเป้าหมายเดียวกันคือนิพพาน คือความหมดตัวตน จึงเกิดสังคมกลุ่มหมู่ สังคมกลุ่มหมู่ที่มารวมกันแล้วมีความเห็นแก่ตัวน้อยมีวรรณะ 9 จึงเป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย เป็นคนจนก็ได้ไม่ต้องไปร่ำรวยอะไรก็ได้ มีใจที่พอเพียง เป็นคนขัดเกลาตัวเองจากสิ่งที่ยังขัดเกลาไม่ได้  มีหลักเกณฑ์ในการขัดเกลาที่สูงขึ้น ธูตะ จนอาการต่างๆพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆให้น่าเลื่อมใส ปาสาทิโก แล้วก็เป็นคนจนไม่สะสมอะไร แต่เป็นคนยอดขยัน ปรารภความเพียร มีอปจยะ และวิริยารัมภาะเป็น 2 ตัวสุดท้ายของวรรณะ 9 ผู้ที่เรียนรู้ปฏิบัติตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าจะเป็นคนมีวรรณะ 9 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:02:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:21:53 )

พระพุทธเจ้าสอนให้จัดการกับใจของเราจนหมดอวิชชาเป็นอรหันต์ได้

รายละเอียด

มาถึงตรงนี้อาตมาอยากจะขอแวะว่า ศาสนาพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องจิตเรื่องกรรมวิบาก จิตนี่มันเข้าใจเรื่องกรรม มนุษยชาติอยู่ด้วยกัน เกิดมาแล้วกรรมพาเป็นพาไป กัมมโยนิ แล้ว กรรมเป็นของเรา กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เราเป็นทายาทของกรรม เป็นมรดกกรรมของเราเองนำไป แล้วเราก็ได้อาศัยได้พึ่ง กัมมปฏิสรโณ อาศัยกรรม ชีวิตของเราตลอดชีวิต อยู่กับกรรมตั้งแต่เกิดจนตาย 

ถ้าเข้าใจกรรมและผลของกรรมคือวิบากแล้ว เราก็จัดการกรรม อย่าให้มันไปทำเพื่อเป็นผลที่เราจะต้องอาศัยเป็นเผ่าเป็นพันธุ์ของเรา เป็นมรดกของเรา ต้องทำให้ได้สิ่งที่ดี ไอ้ที่ไม่รู้ผ่านมาแล้วก็แล้วไป ที่รู้จริงๆ เราจะต้องเรียนรู้อย่างกระจ่าง หายมืดหายบอดหายโง่ หายบ้า ชัดเจนจริงๆ ในเรื่องกรรมจนสามารถควบคุมกรรม ทำกรรมได้สัมผัสเกี่ยวข้องกับโลกเขาแล้ว มันจะเกิดอาการให้เราทำกรรมที่ไม่ดีอย่างไร อย่างมีธรรมฤทธิ์เลย ทำแต่ดีแล้วไม่เป็นทาสจิตใจของเราเลย ใจของเราจิตวิญญาณของเรา 

ศาสนาพระพุทธเจ้าท่านสอนให้จัดการกับใจของเราจนเลิกบ้า เลิกใบ้ เลิกบอดได้ เลิกโง่ได้ หมดอวิชชาได้ เป็นอรหันต์ได้ สุดยอดเลย 

ถังขยะใหญ่หนึ่งนั้น คือใจ เราฤา

จึงถั่งถมอะไร ใส่ให้

สุขก็ใส่ ทุกข์ก็ใส่ ไฉนโหด นักเวย

หยุดโง่บ้าบอดใบ้ จึ่งได้ อรหันต์

เขียนไว้แล้วหลายสิบปีแล้ว เขางัดขึ้นมา ปริ้นขึ้นมาให้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:01:15 )

พระพุทธเจ้าสอนให้ตัดเชือกวัวพันหลักอย่างไร

รายละเอียด

เป็นวัวพันหลัก พันไปจนสุดแล้วพันกลับมา พันกลับไปแล้วกลับมาอีก อยู่อย่างนั้นแหละนิรันดร โง่อยู่อย่างนั้นไม่มีทางแก้ไข ไม่มีทางออก คุณก็เป็นอย่างนั้น มันต้องหาทางถอนหลัก มันต้องหาทางตัดเชือก วัวพันหลัก แต่นี่ไม่มีใครสอน ตัดไม่ได้ ลดไม่ได้ ลดมาได้ทีละลำดับ ของพระพุทธเจ้านะ 

จนมาเป็นสังคมสาธารณโภคี สังคมสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมเมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วก็มี ลาภโดยธรรมต่างคนต่างขยันหมั่นเพียร ยอดขยัน วิริยารัมภะ แล้วไม่สะสม อปจยะ ขยันสร้างสรรมีความรู้ความสามารถ วันๆหนึ่งทำได้เยอะ ถ้ามีความรู้ความสามารถแล้วก็ไม่สะสม เพราะปัญญามันชัดเจน สังคมของเราสาธารณโภคีก็เอาไว้กับกองกลาง ไปเบิกมากินมาใช้ยิ่งเราเป็นคนขยันมีสมรรถนะสร้างสรรดี คนก็ยิ่ง จะเบิกก็เบิกเลย จะกินก็กินเลย แล้วคนนี้ก็มีคุณธรรมพิเศษซ้อน ไม่กินมากไม่ใช้มาก เพราะยิ่งเจริญยิ่งไม่กินมากไม่ใช้มาก กินอย่างพอดีพอดี ปโหติ ไม่สะสมไม่กอบโกย เลี้ยงง่าย ไม่จุกจิกไม่จู้จี้ ไม่วุ่นวาย เลี้ยงง่าย ทำให้เจริญยิ่งง่ายเพราะว่าเป็นคนเจริญในตัว สุภระ สุโปสะ

เป็นคนมักน้อยศึกษาความมักน้อยจนไม่สะสมแล้ว ไม่สะสมกับเป็นผู้ที่มักน้อย น้อยจนกระทั่งไม่สะสม มี 0 อาศัย 0 อยู่อย่างนี้ กินใช้กับส่วนกลาง เบิกเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งเป็นคนดีเบิกก็ง่าย จะใช้มากอย่างไร ก็เป็นคนขยันสร้างสรรมากกว่าที่ไปเบิกใช้ เพราะว่าท่านขยันหมั่นเพียรสร้างสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่าจริงๆ เอาไปใช้อย่างเหมาะอย่างควร เอาไปใช้ก็ไม่ ผลาญพร่า เพราะว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมดีจริงๆไม่เอาไปฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย เอามาเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เพราะอัตตาลด ไม่มีอัตตา หากรู้ว่ามีอัตตาก็ต้องลดให้ได้ มีปฏิภาณปัญญาอย่างนั้นเพราะฉะนั้นจึงเป็นคนมีใจพอ มีการขัดเกลา สัลเลขะ อะไรที่ยังไม่บริบูรณ์ไม่เรียบร้อยก็ขัดเกลา ด้วยหลักเกณฑ์ ธูตะ ศีล สมาธิ ปัญญา 

ศีลที่ได้แล้วก็เจริญ แข็งแรงยิ่งขึ้นเป็น อธิศีล, อธิจิต, อธิปญญา, อธิมุติ ไปเรื่อยๆ แล้วก็มีจิตตรวจสอบสะสมวิมุตติญาณทัสสนะ เป็นญาณทัสสนะวิเศษที่สะสมรู้จักวิมุตติ วิมุตติจริงนะวิมุตติหลุดพ้นอวิมุตติในเจโตปริยญาณ 16 ก็ตรวจสอบมันวิมุติหรือยัง ให้มันหมดให้มันแข็งแรงสั่งสมจิตสมบูรณ์แบบเลย ทั้งสมาหิโตและวิมุติ ตามเจโตปริยญาณ 16 

นี่ก็เจริญขึ้นจริงๆเลย เป็นคนที่มีอาการกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม น่าเลื่อมใส ปาสาธิโก ครบบริบูรณ์พร้อม ครบ จบด้วย อปจยะ วิริยารัมภะ นี่คือ “วรรณะ 9” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 17:16:12 )

พระพุทธเจ้าสอนให้ทำลายวิญญาณพระเจ้าได้

รายละเอียด

เมื่อปรินิพพานเป็นปริโยสานได้จึงดับอัตภาพอาตมันปรมาตมันหรือจิตวิญญาณที่เป็นทาสจิตนิยามสลายไปได้หมดเลย พระเจ้าก็ไม่มี สลายได้แม้แต่ตัวพระเจ้าใหญ่ วิญญาณใหญ่ วิญญาณพระเจ้าไม่มีใครไปแตะต้องไม่มีใครทำลายได้อยู่นิรันดร แต่ศาสนาพระพุทธเจ้านี้ทำลายได้เฉยเลย ทำลายจิตวิญญาณหายสูญเลิกจิตนิยามเลยจบ นี่คือสิ่งที่พูดไปแล้วเหมือนไปข่มศาสนาเทวนิยม แต่มันเป็นสัจจะ ที่พูดเป็นวิชาการไม่ได้ไปข่ม ก็น่าสงสารที่เขาไม่รู้จักสงสาร การเวียนวน เทวนิยมไม่รู้จักการเกิดหมุนเวียนตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าก็จบไม่ได้เรียนรู้อะไรต่อ แล้วแต่พระเจ้าจะให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกจบชาติเดียว ไม่มีกรรม ไม่มีวิบาก ไม่มีอะไรต่อ นั่นแหละเป็นความสั้นความรู้แบบสั้นๆของศาสนาเทวนิยม ก็น่าสงสารเพราะเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่พูดนี้ใช้พยัญชนะพูดสื่อให้รู้สภาวะแต่พูดไปแล้วเหมือนเราไปข่มเขา แต่ก็น่าสงสารก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พูดความจริงให้ฟัง ถ้าคุณถือสาก็ขออภัย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:26:22 )

พระพุทธเจ้าสอนให้มีความอยากอย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเราเข้าใจความหมายของตัณหาชัดๆแล้ว มันเป็นความอยากที่มาให้ตัวตนหรือตัวตนเป็นเจ้าการที่จะให้มีแรงผลักแรงดูด ที่เอาตัวตนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นคิดให้ดีว่าถ้าเผื่อเรา อยากมันก็ต้องอยากอยู่ อรหันต์ก็ต้องอยาก พระพุทธเจ้าท่านก็ต้องอยาก พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว มารก็มาอาราธนาให้ตายเสีย พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเรายังจะต้องอยู่เพื่อทำงานสร้างศาสนา ให้คนได้รับความรู้ ทั้งอุบาสกอุบาสิกาภิกษุภิกษุณีให้ได้มีความรู้ธรรมะมีธรรมะเพื่อจะสืบต่อไปได้ เราถึงจะตายมาร เป็นความอยากของพระพุทธเจ้าแต่ไม่ได้เป็นความอยากเพื่อเอามาให้แก่ตัวเองเลย พระพุทธเจ้าจึงสอนให้คนทุกคนให้เกิดความอยากแต่อย่าไปอยากเอามาบำเรอตัวเอง หรือไปทำร้ายผู้อื่น อันนี้แหละเป็นประเด็น นัยยะสำคัญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:29:26 )

พระพุทธเจ้าสอนให้มีชีวิตที่ดีที่สุดอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านไม่ไปสอนในเรื่องสัมผัสทางด้านไปทำร้ายทำลายกัน ท่านก็ต้องสอนสิ่งที่อาศัยอาหารการกิน ผัสสะ เจตนา แล้วก็รู้จักวิญญาณที่จะเป็นธาตุรู้ทุกอย่าง โดยเรียนรู้ด้วยนามรูป วิญญาณเรียนรู้ด้วยธาตุ 2 คือนามรูป ก็เป็นอันรู้จบหมด ไม่ต้องไปมีอะไรมาก 

ชีวิตก็เอาเท่านี้ เจริญเท่านี้ ใครจะชั่ว ไปทำอย่างอื่นนอกศาสนาพุทธ อย่าไปยุ่งเกี่ยว พระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่องพวกนั้น สอนแต่แค่กรอบที่สอนมีกรอบเท่านี้ ที่สอนให้เรียนรู้และทำให้ดีที่สุดและก็เป็นชีวิตที่ดีที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

ประเทศไทยไม่ต้องสร้างอาวุธแต่หันมาสร้างอาหารก็จะอยู่ได้อย่างดี


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:16:32 )

พระพุทธเจ้าสอนให้มีธาตุรู้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าสอนให้มีธาตุรู้ที่เรียกว่าปัญญา ไปหยั่งรู้เรื่องของอาการจิตเลย อ่านรู้อาการของจิตเลยที่แยกแยะเป็นจิตเจตสิกรูปนิพพาน แยกแยะเป็นรูปขันธ์ เวทนาขันธ์  สัญญาขันธ์  สังขารขันธ์  วิญญาณขันธ์ แล้วก็แยกไปเป็นรูปนามเป็นอายตนะ เป็นผัสสะอะไรอย่างนี้ จนกระทั่งมาแยกแยะเวทนา 108 ซึ่งเป็นแกนของกรรมฐาน เป็นที่ตั้งของกรรมฐานของศาสนาพุทธ แต่พอศาสนาพุทธเสื่อมก็ไปเป็นสมถะ กรรมฐานก็กลายเป็นกสิณ คือใช้กสิณแล้วก็สะกดจิตโดยใช้กสิณเป็นที่ยึด ใช้กสิณเป็นที่เพ่งจิตให้มันเกาะอยู่ตรงนั้นเป็นวิธีสะกดจิต กสิณดิน กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ กสิณอะไรต่ออะไรจนกระทั่งถึง 40 กสิณ ท่านพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรครวบรวมเป็น 40 กสิณ 

สรุปคือ ใช้สิ่งเหล่านั้นให้เป็นฐานที่เกาะ ให้เป็นฐานที่ให้จิตเข้าไปยึด ยึดตรงนี้ให้จิตมันเกาะนิ่งๆ ถ้าคนที่เขาเป็นผู้สะกดจิตพวกนี้ จิตของพวกนี้ก็จะดับสัญญา ไม่เป็นเจ้าของจิต ผู้ที่เป็นผู้สะกดก็จะเป็นเจ้าอำนาจของจิตนั้นก็จะสั่ง สั่งผู้ที่ถูกสะกดให้ทำอย่างโน้น ให้เป็นอย่างนี้ ให้รู้สึกอย่างนั้นรู้สึกอย่างนี้ได้ เปลี่ยนความรู้สึก เปลี่ยนความรู้จริงๆ ได้เลย เช่น ตา ก็ลืมตานี่แหละ ไม่ให้เห็นก็ได้ ทั้งที่มันมีอะไรให้เห็นแสงสว่างก็มี ตาก็ลืมแต่ไม่เห็น หรือให้เห็นสิ่งที่ไม่มี มันไม่มีนะแต่ให้มีขึ้นมาหลอกตัวเองได้ก็เห็นอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งอาตมาก็ศึกษามาทำมา ฝึกฝนมา ทำเป็น อาตมาทำทางนี้เป็น

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2566 ( 18:27:25 )

พระพุทธเจ้าสอนให้ยึดอะไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสอนให้มายึด ถ้าจะยึด อนุปาทา ปรินิพพาน คือออกจากความยึดมาเป็นไม่ยึด ของเขาอุปาทายา แต่นี่ต้องมา อนุปาทาปรินิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:20:13 )

พระพุทธเจ้าสอนให้สร้างพลังงานจิตของตัวเองให้แข็งแรงจนกระทั่งไม่ทำชั่วเด็ดขาด

รายละเอียด

วันนี้วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก วันผ่านไปคนเราเกิดมาแล้วก็มามีชีวิตเดินไปตามกาละ เดินไปตามวันเวลา เดินไปเดินไปสุดท้ายก็ตาย ในชั่วระยะเวลาที่คนแต่ละคนยังมีชีวิต ยังไม่ตาย คนเราที่รบยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตาย แต่ละคนแต่ละคนบางคนก็รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไป เขาก็คิดแล้วก็ทำ บางคนก็มีความคิดนำหน้า บางคนก็ไม่มีความคิดอะไรนำหน้าจัดการปัจจุบันเข้ามาเลย โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าที่จัดการไปเป็นการจัดการดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร 

ในโลกีย์ก็เขาคิดจัดการแค่ดีกับไม่ดีหรือชั่วกับไม่ชั่ว เขาก็มีปฏิภาณรู้ว่าต้องทำดี ต้องจัดการให้ดี ถ้าชั่วนี้มันไม่ดี แต่พระพุทธเจ้ามีความรู้ในการ

เผชิญไปๆ จะไปจบตรงไหน มันก็ไม่มีปัญหาเรื่องดีกับชั่ว เราก็ทำตนให้ดี อย่าชั่วเลย ทำแต่ดี ทำชั่วไม่เป็นไม่ทำชั่วเด็ดขาด สร้างพลังงานจิตของตัวเองให้แข็งแรงจนกระทั่งไม่ทำชั่วเด็ดขาด ทำแต่ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:30:56 )

พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้กินเนื้อสัตว์

รายละเอียด

ประเด็นนี้หากคนเข้าใจก็จะไม่ขัดแย้งเลยว่าพระพุทธเจ้าสอนให้ไม่กินเนื้อสัตว์ ตรง ประเด็น ชาวบ้านชาวช่องเขา ว่า อเจลกะ ไปตะโกนโหวกเหวก ว่าพระสมณโคดมฉันเนื้อสัตว์ทั้งๆที่รู้ มันให้บริสุทธิ์ด้วยส่วน 3 ก็ไปตะโกนฟ้องชาวบ้านว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์ เพื่อดิสเครดิตพระพุทธเจ้า  ว่าถ้าหากท่านฉันเนื้อสัตว์ก็ไม่น่านับถือ (เล่ม15 ข้อ102)  ครั้งนั้น ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของสีหเสนาบดี ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูไว้พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ก็สมัยนั้น นิครนถ์เป็นจำนวนมาก พากันประคองแขนคร่ำครวญตามถนนต่างๆ ตามสี่แยกต่างๆ ในกรุงเวสาลีว่า วันนี้ สีหเสนาบดีฆ่าสัตว์อ้วนพีปรุงเป็นภัตตาหารถวายพระสมณโคดม พระสมณโคดมทั้งที่รู้ทรงฉันอุทิศมังสะที่เขาอาศัยตนทำ ฯ ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งเข้าไปหาสีหเสนาบดีกระซิบบอกว่า พระเดชพระคุณได้โปรดทราบ นิครนถ์เป็นจำนวนมากเหล่านี้ พากันประคองแขนคร่ำครวญตามถนนต่างๆ ตามสี่แยกต่างๆ ในกรุงเวสาลีว่า วันนี้ สีหเสนาบดีฆ่าสัตว์อ้วนพีปรุงเป็นภัตตาหารถวายพระสมณโคดม พระสมณโคดมทั้งที่รู้อยู่ทรงฉันอุทิศมังสะที่เขาอาศัยตนทำ ฯ เขาจะทำอาหารเนื้อสัตว์มาก็เป็นเรื่องของเขาแต่พระพุทธเจ้าจะฉันหรือไม่ฉันก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เขาเอาตรงนี้มาตีกิน มันมีเนื้อความว่าเอาเนื้อสัตว์มาถวายพระพุทธเจ้า แต่พวกนิครนถ์ไปโพนทะนาเพื่อจะติสเครดิตพระพุทธเจ้าว่าท่านเป็นคนฉันเนื้อสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 11:52:13 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:45 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:24:28 )

พระพุทธเจ้าสามารถสร้างสิ่งที่พระเจ้าสร้างไม่ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงรู้สิ่งที่กอดกันอยู่เป็นโลกียะ รู้ทั้งโลกุตระ จึงเป็นความรู้เกินกว่าพระเจ้าสร้าง พระพุทธเจ้าจึงเป็นผู้ที่เกินกว่าพระเจ้าไปอีก เพราะว่าสามารถสร้างสิ่งที่พระเจ้าสร้างไม่ได้พระเจ้าไม่รู้ว่ามีด้วยหรือโลกุตตระ มีด้วยเหรอสิ่งที่ต้องแยกกอด แล้วทำให้กอดนี้หายไปได้เลย มีสิ่งที่ใหญ่กว่า God และทำให้ Godนี้หายไปได้เลย มีด้วยหรือ สุดยอดอยู่ตรงนี้ 

พูดไปแล้วเป็นเชิงข่มเทวนิยม ข่ม God ถ้าเป็นผู้ที่ยึดถือนั้นเขาจะโกรธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 22:00:00 )

พระพุทธเจ้าสำเร็จความเป็นประชาธิปไตย

รายละเอียด

ซึ่งอาตมาเกิดมาในชาตินี้ ต้องพิสูจน์ความจริงว่าจะมามีความรู้สิ่งใหม่ แต่ก็ไม่ได้อวดดี ก็อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ อาตมาไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันในชาตินี้ ปริญญาตรีก็ไม่ได้นักธรรมตรีก็ไม่ได้ สิบตรีก็ไม่ได้ ไม่ได้ทั้งนั้น รวยก็ไม่รวยอีกต่างหาก พ่อก็ไม่รวย ตัวเองก็ไม่หล่ออีกต่างหาก หากอาตมาหล่อ ตอนนี้อาตมาเป็นพระเอกหนังไปแล้ว ก็ค่อยๆฟังไปเรื่อยๆ ยืนยันว่า ประชาธิปไตยเป็นลักษณะของมนุษย์และสังคมที่วิเศษสุด มีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันทั้งโลก เมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ยังไม่มีประชาธิปไตย แต่ฟพระพุทธเจ้าท่านสำเร็จความเป็นประชาธิปไตยแล้ว อย่างเป็นรูปธรรม มีหลักสูตร มีทฤษฎี เรียบร้อยเลย แล้วมีพลังของอธิปไตย จนกระทั่งแคว้นต่างๆก็คือรัฐต่างๆ หรือประเทศต่างๆในทวีปอินเดีย ยอมรับหมดเลย แคว้นใหญ่ขนาดไหนแม้แต่โกศล แคว้นมคธก็ยอมรับพระพุทธเจ้าหมด ยอมรับ ยกให้หมดเลย ท่านจะประกาศธรรมนูญประกาศหลักเกณฑ์ของท่าน แล้วใครมาศรัทธาหลักเกณฑ์นี้ เข้ารีต ยกให้เลยเอาไปเลย อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านยืนยันหลักฐานมีในสามัญญผลสูตร ที่มีพระเจ้าอชาตศัตรูลูกของพระเจ้าพิมพิสาร มาซักไซ้ไล่เรียงให้ชัดเจนเลยว่า ถ้ามีผู้มาเข้ารีตพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติ มีพฤติกรรมอย่างนี้ มีความเป็นคนแบบนี้ แม้จะเป็นคนของท่านเป็นข้าราชบริพารรับใช้อย่างใกล้ชิดสนิทสนมอยู่ที่เดียว เป็นคนข้างเคียงเลย เป็นมหาดเล็กราชวัลลภอยู่คู่อยู่เลย แล้วมาเข้าใจ เข้ารีต ธรรมะพุทธเจ้า ออกจากการเป็นข้าราชบริพารมาเป็นคนของพระพุทธเจ้า ไม่ไปทำงานทางโลกแล้ว มาทำงานทางธรรมะ ท่านจะเอาคนของท่านคืนไปไหม ซึ่งในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีสิทธิ์เอาคืนไปได้ พระเจ้าอชาตศัตรูบอกว่าไม่เอาพะยะค่ะ มีแต่สนับสนุนเขาเลย  ท่านก็มีภูมิปัญญา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:16:47 )

พระพุทธเจ้าหยุดการทำงานเมื่อใด

รายละเอียด

พอสมควรแล้วงานนี้เสร็จแล้วก็พอแล้ว เราทำงานเสร็จแล้ว ปรปวาทะ สามารถทำให้พวกเรารับความรู้นี้เอาไว้สร้างศาสนาต่อ แต่งตั้งจำแนก ปรปวาทะ เพื่อดำเนินต่อไปได้แล้วเราก็ปรินิพพานแล้ว อานนท์จะไปอาราธนาให้อยู่อีก ก็บอกว่าเราทำสัญญาณให้เธอตั้ง 16 ครั้ง เธอยังไม่ยอมท้วงเราเลย จะมาท้วงเอาตอนปลงอายุสังขารแล้ว เมินเสียเถิด ไม่สำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:28:48 )

พระพุทธเจ้าหลับตาหรือลืมตานั่งบรรลุโพธิญาณ

รายละเอียด

เรื่องหลับตานี้มันเป็นประเด็นนะ หลับตานี้ ไม่ได้หมายความว่าหลับตาเฉยๆ แต่หมายถึงทำให้จิตเข้าไปอยู่ในภพภายในคุณตัดภพภายนอก คุณจะหลับตาหรือไม่หลับตา แต่ถ้าคนไม่รับรู้ภายนอกเลยคือหมายความว่าคุณหลับตาในความหมายหยาบๆ ความหมายอันลึกซึ้งคือคุณไม่ได้ใส่ใจในตาหูจมูกลิ้นกาย ไปเอาความรู้สึกไปอยู่ในภพภายใน อันนี้คือการปฏิบัติเชิงหลับตา ที่ถามมานี้พระพุทธเจ้าจะหลับตาหรือไม่หลับตาไม่มีปัญหา แม้แต่ลืมตาอาตมาสามารถทำจิตเข้าไปภายในไม่รับรู้ภายนอกก็ทำได้ ไม่เกี่ยวกับภายนอกก็ทำได้ไม่ต้องถึงพระพุทธเจ้าหรอก จะบอกว่าพระพุทธเจ้าหลับตาหรือลืมตาก็ไม่รู้ ถ้าหลับตาก็สบายๆตอนนั้นเป็นตอนกลางคืนด้วย จะนั่งหลับตาก็ได้ ในวันเพ็ญเดือน 6- 15 ค่ำยามหนึ่งยามสองยามสาม จะหลับตาหรือลืมตาก็ไม่มีปัญหาอะไร รายละเอียดจริงๆอาตมมาก็เข้าใจว่าคนไม่เข้าใจได้ง่ายๆหรอก อย่างของพระพุทธเจ้าท่านนั่งระลึก จะหลับตาหรือไม่ก็ได้ แล้วท่านก็ระลึกถึงของเก่าบุพเพนิวาสานุสติญาณ ท่านก็ระลึกถึงว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ปฏิบัติมาแล้วกี่ชาติแล้วอย่างไร ท่านก็รู้ว่าท่านเคยผ่านมาแล้วจุตูปปาตญาณเคยมีมาอย่างนั้นถ้าเคยทำอย่างนั้น เป็นพระโพธิสัตว์มาจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วท่านก็รู้ของท่าน ท่านถึงชัดเจนเมื่อตรวจสอบตัวเองว่าจะทำงานตรวจสอบโลกแล้ว ว่าจะต้องประกาศหรือไม่ประกาศ ก็เหมือนเปิดตำรา ท่านก็ตรวจภูมิธรรมของท่านแล้วเอามาประกาศตามลำดับ นี่เป็นการขยายรายละเอียด

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:51:47 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:10 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:23:04 )

พระพุทธเจ้าห้าม กระเทยมาบวช

รายละเอียด

กระเทยเป็นผู้ที่มีจิตที่สะสมอยู่ในอนุสัย  คนเป็นกระเทยแล้วจะเป็นเพศอะไร ก็ไม่เป็นอะไร  เป็นเพศหญิงก็จะไปเอาอีกเป็นเพศหนึ่ง   ตามวิบากของตัวเองเรียกว่าเป็นคนลักเพศ  เป็นคนที่มีจิตเป็นจิตกิเลสหนา  จนกระทั่งทำตัวเองไม่รู้  ไม่รู้แม้กระทั่งว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง  มันโง่ขนาดนั้น  เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ให้บวช  ก็ไม่รู้แล้วจะสอนอะไรเรื่องศาสนา  พระพุทธเจ้ามันเป็นเรื่องละเอียดสูงส่ง แม้แต่เพศของตัวเองก็ไม่เป็น วิบากก็ทำให้ตัวเอง เกิดมาเป็นอย่างนั้น  มันมีกิเลสเรื่องกามราคะมาก มาตั้งแต่ชาติก่อนๆจนสั่งสมไว้ในอนุสัย   เพราะฉะนั้นเกิดมาในชาตินี้แล้วอย่ามาบวชเลย  เดี๋ยวมาทำเลอะเทอะ อยู่ในนี้วุ่นวาย  ทำให้เสีย  เพราะยังไง ๆ ก็ไม่เป็นผล  กระเทยมาบวชทำให้วงการศาสนาเสื่อม  ตัวเองก็เสื่อม ตัวเองเป็นกระเทย  ถ้าหากใส่ใจเรื่องธรรมะ พากเพียรเอาเอง  ของส่วนตัวทำให้ดี  พยายามพากเพียรทำให้ดี  อันนี้พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า  มันอยู่ในอนุสัย มันอยู่ในจิต  ข้ามชาติมาหลายชาติ  จึงจะมีจิตที่เป็นกระเทย  สั่งสมความเป็นอนุสัย  ผิดเพศมาจะแก้นั้นไม่ง่าย   เพราะฉะนั้นจะเป็นผลเสีย  เป็นโทษภัยมากกว่าถ้ามาบวช  แต่พากเพียรสะสมสิ่งที่ดีเอาไว้  เพราะการบวชนั้น   คนต้องกราบต้องไหว้  คุณเอง แค่กามราคะคุณยังรอดยาก  มาให้คนอื่นกราบมันบาปช้ำซ้อน   มานุ่งห่มจีวร เรียบร้อยแล้วพ่อแม่ก็ต้องกราบ  คนอยู่ในฐานะสูงขนาดไหนในสังคมก็ต้องไหว้ต้องกราบ  แล้วตัวเองนั้นดีขนาดไหนที่จะให้พ่อแม่กราบ  อย่างนี้เป็นต้น  มันเป็นเรื่องซับซ้อน    เกิดมาเป็นภันเต  อาวุโสก็ต้องกราบอีก  พระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นบาปซับซ้อน  อย่ามาบวชเลย เพราะฉะนั้นจงดีใจเกิดเป็นกระเทยไม่มาบวชจะได้ไม่บาปซ้ำซ้อนเข้าไปอีก  มันเป็นของดีแล้วที่ท่านได้ออกพระวินัยไว้  เจี่ยมคนปฏิบัติให้ดี  แต่เรื่องกามเป็นเบื้องต้น เพราะฉะนั้นสั่งสมมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว  เกิดมาชาตินี้จะมาบวชทำไม  ศึกษาปฏิบัติให้ดีจนกระทั่งไม่มีเชื้อของการผิดเพศแล้ว ถ้ามาบวชแล้วจะเป็นการทำลายศาสนาด้วยมันไม่ดี  พระพุทธเจ้าจึงได้มีกฎระเบียบวินัยไว้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการกีดกัน  แต่เป็นการทำให้คุณเอง  ไม่ซับซ้อน เพราะมันไม่รู้จักวิบากอนุสัยเชื่อเถอะ  พระพุทธเจ้าท่านออกพระวินัยไว้  ไม่ใช่ว่าท่านรังเกียจคน ทำให้คนไม่เจริญ  แต่ยิ่งจะทำให้คนเจริญขึ้นอีกต่างหาก  ที่ท่านออกกฎระเบียบวินัยออกศีลไว้โดยเฉพาะพระธรรมวินัยก็เพื่อให้คนเจริญ  ไม่ใช่ออกพระธรรมวินัยเพื่อให้คนไม่เจริญ  คุณอย่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเลย  คุณเป็นกระเทยแล้วอย่ามาบวช  เชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ  จะปฏิบัติส่วนตัว  ใครก็ไม่ว่าคุณหรอก คุณเป็นกระเทย ก็พยายามขวนขวายไป บางที่เขาก็ให้คุณเข้าไปถ้าหากไม่แสดงตัวเองน่าเกลียด  แต่ถ้ามาที่นี่แล้วแสดงตัวเองน่าเกลียด  เขาก็ไม่ให้อยู่

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2562 ( 14:36:17 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:44 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:25:02 )

พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต

รายละเอียด

คือ คนบางคนตั้งจิตเกิดในยุคพระศรีอารย์ คือพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต จริงๆ  แล้ว  คำสอนก็เป็นอย่างเดียวกันกับของพระสมณโคดม ไม่ได้มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด ใครที่คอยแต่ชะเง้อว่า จะไปเกิดในยุคของพระศรีอารย์ คือคนที่กำลังทิ้งสิ่งที่ดีๆ ในปัจจุบันไปหาสิ่งที่ดีๆ  ที่น่าจะได้ในอนาคต  เป็นความฝันที่ไม่ได้อยู่ในความเป็นจริงทั้งที่ต่อให้ไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ ก็ไม่ได้เป็นคำสอนที่พิเศษแตกต่างจากคำสอนของพระสมณโคดม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:07:49 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:55 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:37:04 )

พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต

รายละเอียด

คนบางคนตั้งจิตเกิดในยุคพระศรีอารย์ คือพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต จริงๆ  แล้ว  คำสอนก็เป็นอย่างเดียวกันกับของพระสมณโคดม ไม่ได้มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด ใครที่คอยแต่ชะเง้อว่า จะไปเกิดในยุคของพระศรีอารย์ คือคนที่กำลังทิ้งสิ่งที่ดีๆ ในปัจจุบันไปหาสิ่งที่ดีๆ ที่น่าจะได้ในอนาคต  เป็นความฝันที่ไม่ได้อยู่ในความเป็นจริงทั้งที่ต่อให้ไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ ก็ไม่ได้เป็นคำสอนที่พิเศษแตกต่างจากคำสอนของพระสมณโคดม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก  วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 17:43:22 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:21 )

พระพุทธเจ้าองค์นี้ก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ!

รายละเอียด

“นัยสำคัญ”อีกประเด็นของพระพุทธเจ้า ก็คือ พระองค์เป็นผู้ได้ประพฤติตาม“คำสอน”ของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆนั้นมาเองจนกระทั่งประสพผลสำเร็จได้เองแล้ว สามารถพิสูจน์“คำสอน”นั้นมาด้วย“กาย-ใจ”ของตนที่มีชีวิตในโลกชาติแล้วชาติเล่า ว่า...“เป็นได้ตามคำสอน (doctrine)”ทุกประการถึงขั้น“ปรินิพพาน”จริง และ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”แท้ หมดสิ้นความเป็น“วิญญาณ”

หรือจะไม่ยอม“ดับสิ้นวิญญาณ”ของตน จะยังคง “อัตตา” ของตนไว้ต่อไปอีกนานเท่านาน ซึ่งนับกาลนานถึงขั้น“นิรันดร”ก็ย่อมได้ ดังที่ในพุทธศาสนาก็ยังมี“พระอวโลกิเตศวร”ทรงยืนยันความเป็น“อมตะ”นี้ ซึ่งถึงทุกวันนี้“พระอวโลกิเตศวร” ก็ยังยืนยันมั่นคงในความเป็น“วิญญาณ”ของพระองค์อยู่ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 314 หน้า 238


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:54:10 )

พระพุทธเจ้าองค์ใหม่จะอุบัติตอนไหน

รายละเอียด

ใช่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วต้อง ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เคยพูดแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหน ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า 2 สมัย ไม่มี เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วต้องปรินิพพานเป็นปริโยสานทุกพระองค์ ไม่มีพระพุทธเจ้า 2 สมัย คุณเอาความคิดของคุณไปคิดว่าได้ตำแหน่งยอดเยี่ยมขนาดนี้ ฉันเป็นต่อไปอีกก็จะได้ทำไม ไม่อยู่ไปนิรันดร แล้วจะมีใครมาเป็นพระพุทธเจ้าแทนอีกล่ะคุณเล่นสงวนยึดตำแหน่งพระพุทธเจ้า แล้วคุณก็สูงสุดแล้ว คุณก็ยึดไว้ตลอดนิรันดรนิรันดร์กาลอยู่องค์เดียว ก็เลยไม่รู้จักจบจักสิ้น ไปหลงยึดอยู่อย่างนั้นได้ยังไง 

คนอื่นก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าสักที เพราะคุณสูงส่งไม่มีใครแย่งได้แล้ว คนตายแล้วต้องมาเป็นพระพุทธเจ้าอีก แล้วกัน กันท่า​คนอื่นหมดเลย นี่ก็คิดง่ายๆ ชัดๆ ใช่ไหม 

แต่ที่จริงแล้ว โถ!.. เป็นพระอรหันต์นั้น ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป ไม่ต้องการเป็นพระพุทธเจ้า เพราะรู้แล้วว่ามีแต่ทุกข์เท่านั้น ผู้ที่จะบำเพ็ญต่อเป็นโพธิสัตว์นั้นมันทุกข์อีก แต่ว่าทุกข์มันซับซ้อน ท่านไม่มีทุกข์ แต่ท่านต้องมีทุกข์ ... ทุกข์อย่างพระโพธิสัตว์เท่านั้นเอง ระดับต้นๆ ก็ทุกข์ พระโพธิสัตว์ระดับสูงขึ้นอีกก็ทุกข์น้อยลงอีก แต่ไอ้มากน้อยเหล่านี้คุณจะไปคาดคิดอย่างโลกีย์ไม่ได้แล้ว มันเป็นโลกุตรธรรมแล้ว มันเป็น ทรถ ของพระอรหันต์ขึ้นไป มันเป็นวิบากกรรมที่มันกลับกันแล้วมันยากแล้ว เป็นอจินไตย อย่าพูดต่อเลย

ก็ถูกสิ พระพุทธเจ้าองค์ไหนจะเกิดก็เมื่อศาสนาพุทธเสื่อมหมดไปแล้ว ก็ไม่ใช่น้อยด้วย นานด้วย แล้วพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ถึงจะมาอุบัติขึ้นมาใหม่อีก พระพุทธเจ้าไม่มีอุบัติขึ้นมา 2 องค์ในขณะที่ศาสนาพุทธขององค์ก่อนยังไม่หมดสิ้นไป ยังไม่สิ้นเชื้อ แล้วพระพุทธเจ้าต้องมาเกิดขึ้นอีก ไม่มี พระพุทธเจ้าจะเกิดมาสร้าง(ศาสนา)ก็ต่อเมื่อศาสนาพุทธมันหมดสิ้นเกลี้ยงไปแล้ว แล้วก็ต้องมีช่วงระยะพุทธันดร ไม่มีศาสนาพุทธชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วจึงจะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นมาใหม่ ตามเหมาะตามควร จะห่างมากห่างน้อยแล้วแต่ 

ที่พูดมาก็ถูกต้อง ทำไม่ได้ถ้าศาสนาเก่ายังไม่หมดไป จะเกิดพระพุทธเจ้าซ้อนขึ้นมาไม่ได้ ทำไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 12:28:16 )

พระพุทธเจ้าอธิบายความจริงหรือความดีสุดยอด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอธิบายความจริงหรือความดีสุดยอด เป็นความดีเป็นความจริงขั้นสุดยอด ผู้ที่มีสิ่งสุดยอดเรียกว่าคนมีปัญญา คำว่าปัญญาอาตมาก็พยายามอธิบาย เป็นความรู้ความฉลาดแบบโลกุตตระ ปัญญามันไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกียะเท่านั้น จึงเสียหายหมดเลยแต่ก็พยายามพูด มันแก้ไม่กลับแล้วล่ะ กู้ไม่ขึ้น เขาเอาปัญญาไปใช้เสียเละเทะในโลก มันกู้ไม่ขึ้น แต่คนที่ฟังแล้วจะเข้าใจความหมาย เข้าใจสิ่งที่เป็นสาระแท้ว่า จริงๆ ความฉลาดแบบปัญญามันไม่ใช่อย่างที่เขาเข้าใจกันหรอกนะ มันเป็นอย่างที่อาตมาพูด อาตมาอธิบายของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2566 ( 15:25:43 )

พระพุทธเจ้าอธิบายมีระดับชั้น

รายละเอียด

เรียนรู้ให้ดีๆให้แม่นๆ ตอนเป็นโสดาบันจะขึ้นเป็นสกิทาคามีก็ต้องให้ชัดให้ดีให้ถูกให้ตรงประมาณ มันรู้ได้เข้าใจได้ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลย ได้ก็ไม่รู้ไม่ได้ก็ไม่รู้อย่างนี้ก็ไม่เข้าท่า ไม่งั้นพระพุทธเจ้าท่านจะมาอธิบายอย่างนี้เป็นอย่างนี้มีระดับขั้น อธิบายไปทำไมมานั่งหลับตาไม่กระพริบเลยอ่านธรรมะให้เยอะแยะทำไม ผู้ที่เขาทิ้งธรรมะพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าอธิบายรายละเอียดเยอะแยะ แต่เขาก็ตีทิ้งให้หมดเลยก็แล้วแต่ยึดถืออย่างไรว่ากันไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:01:58 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:25 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:41:46 )

พระพุทธเจ้าอนุโลมปฏิบัติโลมในยุคแรก

รายละเอียด

คุณเข้าใจถูก เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าท่านอนุโลมปฏิโลมในยุคแรกที่ท่านเผยแพร่ศาสนา มันก็มีแต่เดียรถีย์ทั้งนั้น หากไม่อนุโลมไม่เอาคนพวกนั้นเลยมันก็จะได้ใครมันเป็นสัจธรรมต้องทำเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:37:08 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:27:11 )

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาต้องมีบารมี

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาจะต้องมีบารมี ตรัสนิดหน่อยก็สามารถบรรลุธรรมได้เดี๋ยวเป็นพระอรหันต์กัน 50 60 รูป เดี๋ยวเป็นอรหันต์กันพันรูป แต่ละวันๆ สามารถสร้างพระอรหันต์เพราะเหตุปัจจัยบารมีของผู้จะมาเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าพร้อมแล้วที่จะสร้างศาสนา ท่านจะใช้เวลาแค่ 45 ปี พระพุทธเจ้าสมณโคดม ทุกอย่างจึงต้องเร็วๆๆ อาตมาทำงานมา 50 ปีแล้ว ก็ได้ไปตามลำดับขนาดนี้ มันคนละยุคกับของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 18:47:09 )

พระพุทธเจ้าอุบัติปริวิตกว่าไม่คุ้มจะเสียของ

รายละเอียด

ขนาดพระพุทธเจ้าเมื่อท่านอุบัติขึ้นมาในโลก ก็ตรวจดูว่า คนจะมีภูมิธรรมรับได้ไหม แสดงธรรมะออกไปคนจะรับฟังไม่ได้จะเสียของหรือไม่ เมื่อตรวจดู ก็ดูเหมือนว่าไม่คุ้ม แว้บหนึ่งเวลาเท่าคู้แขนเข้าออก ก็ปริวิตกว่าไม่คุ้ม พอปริวิตก พระพรหมก็สะเทือนบัลลังก์ ว่าท่านไม่ต่อเชื่อมศาสนาก็บรรลัยจักร ก็เลยรวมตัวกันมา มากันหมดเรียกว่าสหัมบดีพรหมให้เปิดเผยธรรมะ ท่านก็ตรวจดูว่ายังมีปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รับได้อยู่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 07:46:54 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:10 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:27:49 )

พระพุทธเจ้าเกิดมาชาตินี้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมท่านทรงงานเผยแพร่สัจธรรม

รายละเอียด

ซึ่งผู้ใดตรวจตัวเองตามที่อาตมาพูด เกิด อ๋อ.. เราอยู่กับอันนี้หรือ อาตมาเคยพูดบรรยายหลายทีแล้วว่า พระพุทธเจ้าก็คือคนเหมือนเรา ท่านเกิดมาสมบูรณ์แบบเลย จะเป็นนักบวชก็ต้องได้เป็นพระพุทธเจ้า จะเป็นฆราวาสก็ได้เป็นจอมจักรพรรดิ สุดยอดคนแล้ว แล้วท่านก็ทิ้งความเป็นจักรพรรดิ ทิ้งโลก มาเอาธรรมะ มาเอาความเป็นพระพุทธเจ้า ไม่เอาที่จะไปเป็นจอมจักรพรรดิ มาดำเนินพระบาทเปล่า แต่เดิมท่านใส่รองเท้าทองนะ เป็นจอมจักรพรรดิ มีเสื้อมุรธาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะมานุ่งห่มผ้าคลุกขี้ฝุ่นผ้าบังสุกุล ผ้าห่อศพเอามานุ่งห่ม มี 3 ผืนแค่นั้นด้วย ไม่ได้มีมากมายอะไร แล้วก็ทรงงานทำงานเผยแพร่สัจธรรมอันนี้ ตั้งแต่ตรัสรู้ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรอก เกิดมาชาตินี้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 12:23:12 )

พระพุทธเจ้าเกิดมาแล้วมากมายระลึกไม่ได้ถึงองค์แรกเป็นอจินไตยเป็นพุทธวิสัย

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเจ้าของศาสนาพุทธเป็นคนแรกหรอกแต่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นก่อน เพียงว่า ท่านก็ตอบว่าเราไม่รู้ที่ต้น พระพุทธเจ้าองค์แรกเป็นอย่างไร ก็ไม่ทราบได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าเกิดมาแล้วมีจำนวนมากมายกว่าเม็ดทรายในมหานที หากมัวแต่นั่งหาองค์แรก ก็เหมือนกับคนถูกลูกศรยิงแล้วก็ไปหาว่าคนยิงอยู่ที่ไหนก่อน มันก็ตายก่อนสิ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ส่วนพระพุทธเจ้า องค์ที่จะระลึกชาติได้ ไปถึงองค์แรกเลย มันเป็นอจินไตยที่เป็นพุทธวิสัยไม่ใช่เรื่องเล่น คิดไปหัวแตกเจ็ดเสี่ยง เป็นนามธรรม แบ่ง Anatomy ให้เป็น 7 เสี่ยงได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 15:21:03 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:00 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:28:24 )

พระพุทธเจ้าเคยมาประเทศไทยไหม

รายละเอียด

ตอบ ฟังดีๆนะเรื่องนี้ ยังละเมอเพ้อพกอีกเยอะว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาในประเทศไทย ก็ขอตอบอย่างจริงจังที่สุดตามภูมิของหลวงปู่เลยนะว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยเสด็จมาประเทศไทยเลย 2,500 ปีนั้นประเทศไทยยังไม่เกิด ประเทศไทยเพิ่งเกิดมาได้ยังไม่ถึง 1,000 ปี แล้วจะมาเหยียบประเทศไทยตรงไหนล่ะ แค่นี้ก็น่าจะจบแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:14:26 )

พระพุทธเจ้าเทศนาให้ภิกษุ 180 รูป

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเทศนาให้พระภิกษุ  180  รูป มี 60 รูปบรรลุธรรมเป็นอรหันต์อีก 60 รูป กระอักโลหิต อีก 60 รูป  ลาสิกขา  ถ้าเป็นพวกเราจะเลือกเอาอะไรระหว่างลาสิกขา กับกระอักเลือด  แน่นอนคนกระอักเลือด คือนักสู้ย่อมดีกว่านักไม่สู้แน่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:47:10 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:09 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:49:45 )

พระพุทธเจ้าเทศนาให้ภิกษุ 180 รูป

รายละเอียด

พ่อครูเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าเทศนาให้พระภิกษุ 180 รูป มี 60 รูปบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ อีก 60 รูปกระอักโลหิต อีก 60 รูปลาสิกขา ถ้าเป็นพวกเราจะเลือกเอาอะไรระหว่างลาสิกขากับกระอักเลือด แน่นอนคนกระอักเลือดคือนักสู้ ย่อมดีกว่านักไม่สู้แน่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 14:10:19 )

พระพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็นสูตรแรกในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พอ 5 พราหมณ์นี้ จำนนแล้วยอมฟังแล้ว ท่านก็เทศน์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นสูตรแรกในศาสนาพุทธ พอเทศน์เสร็จ อัญญาโกณฑัญญะสว่างแจ้งเลยมีคุณธรรมในตัวมีสมบัติในตัวแล้ว มี อัญญธาตุ มาแล้ว พอมามี อัญญธาตุ 60-70 % ก็ชัดเลย คือสะสมมาแล้ว 1 หน่วยกิต 2 หน่วยกิตจนถึง 50 หน่วยกิต พอมาถึงประมาณ 70% ถ้า 75 % ก็เที่ยงแท้เลย มันใกล้ 60 70 เมื่อมาฟังพระพุทธเจ้าก็เหมือนน้ำอีกหยดเติมน้ำที่อยู่เต็มขันแล้ว 

พระพุทธเจ้าก็อุทานบอกว่า อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ เป็นคนแรกในโลกที่รู้จักโลกุตรธรรม อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ 

คุณธรรมความรู้ความฉลาดชนิดโลกุตระซึ่งเป็นความรู้ความฉลาดแบบอื่นจากโลกียะที่ประดาในโลกเขามี อันนี้เป็นคนละเรื่อง คนละอย่างจากอันนั้นแหละแตกต่างกันแบบต่างโลกต่างดาวต่างขั้ว ต่างนัยยะ ต่างมิติ ต่างประเด็นกันทุกเรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 18:41:08 )

พระพุทธเจ้าเทศน์อนุปุพพิกถาสอนพระยสะ

รายละเอียด

สอนพระยสะ ที่เดินมาบ่นว่าที่นี่วุ่นวายหนอ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าที่นี่ไม่วุ่นวายแล้วท่านก็เทศนาโปรด เทศน์ อนุปุพพิกถา ให้รู้ 

1. ทาน การสละ  การให้ 

2. ศีล  การชำระขัดเกลา ด้วยเจตนางดเว้น 

3. สัคคะ (สวรรค์) .

4. กามานัง  อาทีนวัง โอการัง  สังกิเลสัง     โทษของกาม  ความต่ำทรามของกาม    ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย . .

5. เนกขัมมะ อานิสัง  อานิสงส์การออกจากกาม 

พ่อครูว่า…ท่านก็ให้รู้ว่าสวรรค์มันของเก๊ เป็นโทษของกาม ให้รู้อย่าไปติดภพชาติ ติดตั้งแต่อบาย กามคุณ ลาภยศสรรเสริญ พระยสะมีบารมี รูปรสกลิ่นเสียงก็ไม่ติด ลาภยศสรรเสริญก็ไม่ติด เป็นลูกเศรษฐี พอได้ฟังเทศน์แล้วก็เข้าใจเลย พูดถึงตรงนี้ก็เลยนึกถึงคุณไพศาล พืชมงคลที่บอกว่าผมอ่านพระไตรปิฎกมามากมายทำไมไม่บรรลุพระยสะ ในยุคนี้อาตมาต้องประกาศเองว่าเป็นอรหันต์จริง แต่คนก็ไม่เชื่อกัน อาตมาบอกเพื่อให้เปรียบเทียบไม่ใช่อวดดี อวดเบ่ง ไม่มีสาเฐยจิตไม่ได้อยากอวด แต่เขาไม่เชื่อ แต่ไม่เป็นไรคนเชื่อไม่มีอคติมากมีบารมีก็ฟังได้ คนไม่มีอัตตามานะเยอะก็ฟังได้ บางคนก็ว่าต้องอาศัยเวลานานหน่อยนะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:54:41 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:32 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:00:32 )

พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของปัญญาที่เป็นโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ปุถุชนจะเกิดธาตุรู้ขึ้นมาเองไม่ได้ ไม่มีใครเกิดธาตุรู้ขึ้นมาเองได้ พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของปัญญาที่เป็นโลกุตรธรรม จะรู้เองไม่ได้เพราะคุณยังไม่เจอเจ้าของ หรือไม่เจอสัตบุรุษผู้เป็นลูกของเจ้าของ หรือผู้ที่เป็นผู้มีโลกุตรธรรมในตนขึ้นมาแล้ว พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของปัญญาที่เป็นโลกุตรธรรม และได้นำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นรู้ตาม แล้วคนที่ได้มาฟังตามก็จะรู้เองในตนจะมีในตนขึ้นมาเองตาม จนกระทั่งเจริญขึ้น ถึงขั้น สยังอภิญญา ถึงขั้นเป็นเองรู้เองในตนข้ามชาติ ขออภัยยกตัวอย่างอาตมา สอนไม่เหมือนเขาแล้วเหมือนมาล้มล้างเขาด้วย เขาก็ต้องเคืองเป็นธรรมดา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 12:45:40 )

พระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบสร้างคนที่มีเศรษฐกิจดีสมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจไม่ตรงกันว่าเศรษฐกิจดีคืออะไร เศรษฐกิจที่เป็นของสังคมประเสริฐสุดเป็นเสฏฐะ เข้าใจถึงขั้นสูงสุดสมบูรณ์แบบเป็นสาธารณโภคีมันสุดยอดแล้ว พระพุทธเจ้าทำอันนี้ตั้งแต่สมัยเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นยุคที่มนุษย์ไม่เข้าใจสิทธิมนุษยชนเป็นพวกทาสและพวกลูกทาส นายทาสก็เอาเปรียบเอารัดข่มเหงได้เอา ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแย้ง แต่ของพระพุทธเจ้าทำได้ ในวงของท่าน ต้องมาเป็นนักบวช ถ้าไปเป็นฆราวาสต้องอยู่ในอาณัติของพระเจ้าแผ่นดินเป็นทาส แต่เมื่อมาบวชกับพระพุทธเจ้าแล้วไม่ต้องไปเป็นทาส พระพุทธเจ้านั้นจึงยิ่งใหญ่ มีข้าราชบริพารที่รับใช้ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดิน แต่เมื่อเขามาบวชอยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าถามพระเจ้าแผ่นดินว่าจะเอาคนของท่านคืนไปไหม พระเจ้าแผ่นดินก็บอกว่าไม่เอาคืนหรอก ต้องยิ่งส่งเสริมให้ไปเป็นนักบวช ขนาดพระเจ้าอชาตศัตรูก็ไม่สามารถเป็นพระโสดาบันได้ เพราะว่ามีอนันตริยกรรมทำปิตุฆาต ก็ยังบอกอย่างนั้นเลย เพราะท่านเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นผู้ที่ไม่เป็นภัยต่อโลก แล้วก็ยังรับใช้โลกช่วยเหลือมนุษยชาติด้วย ซึ่งเป็นคนที่มีคุณสมบัติประเสริฐแล้ว ไม่เป็นพิษภัยต่อใคร แต่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไปแล้ว ต้องลุกรับลุกไหว้แก่ท่านด้วย ส่งเสริมเกื้อกูลสิ่งที่ท่านขาดแคลน เพราะท่านเป็นคนไม่สะสมเป็นคนไม่มีของของตน เป็นคนที่มีเศรษฐกิจที่สะพัดเร็ว มีอะไรมาก็สะพัดได้ทันทีไม่สะสม การไม่สะสมของพระพุทธเจ้านั้น แม้แต่อาหาร แม้แต่ยาที่เป็นปัจจัยชีวิต ก็ไม่สะสมไว้ให้มันเกิน 7 วัน จะมาสะสมเกินเวลาไม่ได้ ยาวกลิก ยามชีวิก ต่างๆ มีรายละเอียดอีกเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:36:40 )

พระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยสูงสุด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยสูงสุด แล้วมีบารมี มีธรรมนูญของท่าน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นธรรมนูญที่ไปประกาศในประเทศอินเดีย ตอนนั้นคมนาคมยังไม่กว้างขวาง ทวีปอินเดียกว้างขวาง ท่านก็ไปตามแคว้นต่างๆในยุคนั้น ไปแคว้นไหนๆ คนก็รับ พระเจ้าแผ่นดิน ขนาดแคว้นโกศลใหญ่ที่สุดในยุคนั้น แคว้นมคธก็ใหญ่พอๆกัน พระเจ้าแผ่นดินใหญ่ก็คือมหาอำนาจในยุคนั้น ก็ยังยกให้พระพุทธเจ้า ท่านจะประกาศธรรมนูญของท่าน คนจะมาเข้ารีตธรรมนูญของท่าน พระเจ้ามคธก็ให้ พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ให้ ท่านยอมให้หมด พระเจ้าแผ่นดินใหญ่ขนาดไหนเผด็จการขนาดไหนก็ยอมให้หมด นี่คือบารมีของพระพุทธเจ้า นี่คือรัฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:47:39 )

พระพุทธเจ้าเป็นนักรัฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

รายละเอียด

รัฐศาสตร์พระพุทธเจ้าเป็นรัฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บริหารปกครองมนุษยชาติดีที่สุดคือของพระพุทธเจ้า ถ้าจะเรียกว่าการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์ของพระพุทธเจ้านั้นมีถึงขั้นสาธารณโภคี เหมือนในชาวอโศกเอาสาธารณโภคีมาใช้ในยุคนี้เพราะไม่ใช่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่ใช่เป็นยุคของทาส คนเข้าใจในสิทธิมนุษยชนครบแล้ว เป็นยุคเลิกทาส จึงเป็นสาธารณโภคีได้สบาย ภิกษุชาวอโศก แม้แต่นักบวชหญิง ก็เป็นสาธารณโภคี 100% สมบูรณ์แบบ แม้แต่ฆราวาส ก็เป็นสาธารณโภคีได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:48:51 )

พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติเรียนรู้กรรมนิยามแล้วก็ทำให้เกิดการเป็นธรรมนิยาม พระอรหันต์สามารถทำให้จิตเป็นอุตุได้ ในจิตนะ ทำให้จิตเป็นจิตได้อุตุได้ พีชะได้ ให้ทรงอยู่เป็นธรรมะโดยกรรมการกระทำ แม้ในที่สุดทำให้ตายเป็นปรินิพานเป็นปริโยสานก็ทำให้จิตแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมได้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้าที่สามารถทำจิตของตัวเองให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆจึงเป็นผู้ที่สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ถ้าผู้ไม่มีความรู้จะเข้าใจอย่างที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่รู้ว่าอุตุเป็นอย่างไร พีชะเป็นอย่างไร จิตเป็นอย่างไร หากอาตมาไม่พูด ในวงการศาสนาก็ไม่รู้กันได้เลย จะเข้าไม่ถึงหรอกพอไม่เข้าใจก็ปฏิบัติไม่ได้ ขนาดที่อาตมาพูดนี้พวกเราสามารถเข้าใจ เราต้องปฏิบัติถึงขนาดทำให้จิตของเราเป็นอุตุธาตุได้ คุณก็ต้องศึกษา ต้องเกี่ยวข้องกับโลกต่างๆ เช่นโลกอบาย ที่คุณเคยเป็นเคยมี ถ้าไม่เคยเป็นเคยมีก็เอาอย่างที่ยากที่สุดของคุณนั่นแหละ ปฏิบัติธรรมนั้นมันก้าวหน้าอย่างไร แต่ก่อนอย่างนี้มันจะต้องเสพติดอยู่ไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง แล้วได้เป็นสวรรค์เป็นนรกกันอยู่เดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้วเดี๋ยวนี้มีหิริโอตตัปปะ เข้าใจแล้วมีศรัทธามีปัญญาเข้าใจแล้วไม่สุขไม่ทุกข์กับมันแล้ว ถึงสัมผัสเดี๋ยวนี้ก็ไม่สุขไม่ทุกข์ นั่นคือจิตใจของคุณหลุดพ้นมาจากโลกที่ต่ำของคุณเป็นโลกอบายมุขมันมีไหมล่ะ คุณตรวจสอบตัวเองว่ามันมีไหม คุณจะรู้ว่าเช่นนี้เองคือจิตใจมันเป็นอุตุแล้ว ไม่ปรุงแต่งกับมันแล้ว มันจะรู้จักความจริงตามความเป็นจริงเป็นธาตุจิตที่สัมผัสแล้วก็รู้เข้าใจอันนี้เป็นพีชะอันนี้เป็นอุตุ แม้พืชเป็นพีชะตัดจากต้นมันจะว่ามันเป็นพืชก็ไม่ได้แล้ว หมดชีวะแล้ว เป็นอุตุ มีแต่จะสลายเป็นอุตุ หากไม่มีเหตุปัจจัยให้มันไปต่อได้บางอย่างก็อาศัยน้ำอาศัยอากาศก็แล้วแต่พืชบางชนิด แต่ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยมันก็สลายเป็นอุตุไป แต่ถ้ามันยังมีเหตุปัจจัยอยู่มันต่อเนื่องอยู่ยังมีรากก็ยังมีต้นก็ยังมีใบก็ยังมีมันก็เจริญตามลักษณะของพีชะของมัน

หากทำจิตให้เป็นพีชะ จิตก็ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่เป็นเกณฑ์ของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าตรัสให้เราทำจิตให้เป็น พีชะได้ อันใดที่แยกได้เป็นอุตุก็ทำได้ อันใดทำให้เป็นพีชะได้ก็อาศัยทั้งอุตุทั้งพีชะได้ ก็สำเร็จมีกรรมมีธรรมะเป็นอรหันต์ 

พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอด แล้วทำได้จริงๆที่อาตมาพูดนี้อาตมามีสิ่งเหล่านี้เอาของตัวเองมาขยายให้ฟังให้ชัดเจนเป็นภาษาที่ง่าย เพราะฉะนั้นพระอรหันต์จะต้องมีความเป็นจริงอย่างนี้ อาตมานี้ถึงบอกว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ พูดอธิบายสภาวะที่ไม่สุขไม่ทุกข์แล้วแล้วก็อาศัยชีวิตนี้มีอยู่เป็นอยู่เท่านั้นเองเรื่องดีชั่วนั้นเข้าใจแน่นอนแล้วเรื่องความสุขความทุกข์นั้นไม่มีแล้ว อาตมามีอย่างนี้จึงอธิบายได้ชัดเจน เรียนรู้และปฏิบัติได้อย่างนี้คุณก็เป็นพระอรหันต์ ถ้าทำได้อย่างที่อาตมาพูด เพราะอาตมาเป็นอรหันต์พูดความเป็นอรหันต์ อธิบายความเป็นอรหันต์ให้ฟัง คนที่ไปนั่งหลับตาปฏิบัติอย่างไม่สัมมาทิฏฐินั้นไม่ได้อย่างอาตมาหรอก นั่นเป็นอรหันต์เก๊ แล้วก็จะหาว่าอาตมาไปว่าเขา จะไม่ว่าได้อย่างไร เพราะมันผิดและเขาพูดกันผิดๆ แล้วจะมาห้ามอาตมาไม่ให้ต้านไม่ให้ตำหนิแต่อาตมาไม่หยุดหรอก จะบอกว่ามีเขามีลูกศิษย์ลูกหา อาตมาก็ไม่มีปัญหาแต่อาตมาต้องช่วยคน คนไม่มีภูมิอย่างอาตมาคุณทำอย่างอาตมาไม่ได้หรอกจริงๆ นี่ไม่ได้พูดข่มอะไร อาตมาต้องทำหน้าที่ของอาตมา พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากแยกธาตุที่อยู่ในตัวจิตใจคนแล้วจัดการควบคุมได้ด้วย

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 15:02:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:12:11 )

พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่แท้จริง 

รายละเอียด

ถ้าหากพระเจ้ามีตัวตน แล้วรู้ว่าใครสามารถทำจิตวิญญาณของตัวเองสลายไปเลย ก็ทำให้พระเจ้าหน้าแตกเลยนะ พระเจ้าบอกว่าอัตตา จิตวิญญาณเที่ยงแท้นิรันดร ใครจะแตกแยกออกไปไม่ได้เลย เพราะเขาไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ความรู้ของพระพุทธเจ้าแม้แต่จะเป็นจิตนิยาม พีชนิยาม อุตุนิยาม ซึ่งเรียนรู้ได้และทำให้เป็น สมบูรณ์ได้ทุกอย่างจนกลายเป็นอุตุนิยามได้ด้วยกรรม ด้วยธรรมะ เรียกว่าธรรมนิยาม 5 สุดยอดเลย เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่แท้จริง 

ผู้ที่ศึกษาอย่างสัมมาทิฏฐิจะทำได้จริงๆ แยกจิตเป็นดินน้ำไฟลมเลยไม่มีชีวะ สลายไปเลย ไม่มีดูดไม่มีผลักที่จะมาเป็นชีวะ ทำให้เป็นพีชะ อาศัยก็เป็นชีวะอยู่ พีชะก็เป็นชีวะระดับหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:20:36 )

พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบความเจริญสูงสุด

รายละเอียด

สังคมทุกวันนี้ทั้งโลกเข้าใจจุดสำคัญอันนี้แล้วว่า ความเจริญของมนุษย์ ผู้เจริญสูงสุดนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราเป็นผู้ค้นพบความเจริญสูงสุด ก็ค่อยๆรวมคนขึ้นมา หลวงปู่เป็นผู้ที่สืบเชื้อพระพุทธเจ้ามา ก็เอาความจริงความรู้มาเปิดเผย ก็มีพวกเราที่มีเชื้อ เชื้อของศาสนาพุทธ เชื้อของความเจริญ ที่จะพัฒนาขึ้นมาตามลำดับๆ เข้าใจ ฟังรู้เรื่อง ก็เลยมารวมกันเป็นชุมชนชาวอโศก เป็นหมู่บ้านต่างๆ ในชาวอโศกเยอะ ในประเทศไทย แล้วก็จะเพิ่มขึ้นอีก หลวงปู่มั่นใจว่า พวกเราจะโตขึ้นไปแล้วรู้สิ่งที่หลวงปู่พูดไป แล้วคิดตามให้ดี สังเกตดูความจริงได้ว่าจริงหรือไม่ หลวงปู่มั่นใจว่าจะเจริญขึ้นไปต่อ มันไม่ง่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:19:48 )

พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบประชาธิปไตยโลกุตระ

รายละเอียด

ประชาธิปไตยโลกุตระพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ เป็นผู้ออกแบบไว้ อาตมาเอาแบบมาใช้ ตามของจริงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นก็อาศัยเวลา อาตมาก็จะค่อยๆพูดอธิบายขยาย นักรัฐศาสตร์ นักการเมืองทั้งหลาย ก็จะค่อยๆเรียนรู้ เอาไปพิสูจน์ยืนยันกัน แล้วมันก็จะได้รับการยอมรับความจริงกันไปได้เรื่อยๆ อาตมาทำมาบ้างแล้วตั้งแต่โน่น ตอนนี้ก็มีหน้าที่อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะมีขึ้นจากประเทศนั้นประเทศนี้ ที่เขาว่าประชาธิปไตย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยไหนๆ ก็จะมีชื่อประชาธิปไตย แม้แต่อเมริกาซึ่งซับซ้อนมาก ใช้โลกีย์ซับซ้อนเยอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:49:41 )

พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รู้จักความจริงของสังคมและมนุษยชาติ

รายละเอียด

เขาหลงตัวเอง อย่างในหลวงเราก็ไปทำงานกับประชาชนทั้งหมดไป ตามที่พระองค์เห็นควรเป็นหน้าที่ของพระองค์ อย่างนี้เป็นต้นซึ่งเขาเข้าใจไม่ได้ แน่นอนมันมีความซ้อนอยู่ที่ว่า มันก็ต้องมีข้าราชบริพารไป มีอะไรอย่างโน้น อย่างนี้ที่คนจะต้องคอยช่วยอำนวยความสะดวก หลายๆอย่างเหมือนให้เกียรติ ให้ยศ ให้ศักดิ์ให้ศรีแก่ท่านมากกว่าคนอื่นๆ ก็ใช่ ก็เพราะท่านทำงานให้คนทั้งประเทศ เรื่องในหลวง ร. 9 ท่านเสด็จทั่วประเทศ ท่านก็ทรงงาน ท่านไม่ได้ไปเที่ยวไปเล่นไปสนุกสนาน ไปตะลิดติ๊ดชึ่งที่ไหน เหมือนอย่างประชาชนทั่วไปที่ไหน ท่านไปทรงงานทั่วประเทศ แต่เขาไม่เข้าใจ คือคนเรา มันโง่ก็ช่วยไม่ได้ คนโง่ก็โง่ ไปเรียนตำราต่างประเทศ 

ตำราต่างประเทศ มันไม่ใช่ตำราของพระพุทธเจ้า มันไม่เข้าใจ อาตมาพูดแล้วเหมือนอาตมาเป็นคนคลั่งไคล้พระพุทธเจ้า พูดเหมือนคนหลงละเมอเพ้อ พระพุทธเจ้า ซึ่งมันเป็นสัจจะความจริงว่าพระพุทธเจ้านี้ เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่รู้จักความจริงของสังคมและมนุษยชาติ พระพุทธเจ้านั้นไม่ได้ศึกษาอะไร นอกจากศึกษาความเป็นมนุษยชาติกับสังคม แล้วท่านก็สรุปรวม แต่ละชาติๆ ท่านรู้สังคมมนุษยชาติทุกแบบ  แล้วท่านก็สรุปเอาสังคมที่ดีที่สุดเป็นอย่างนี้ แล้วก็สร้างมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่จะเป็นสังคมที่ดี ขอยืนยันว่า อย่างชาวอโศก นี่แหละเป็นโลกุตระที่สมบูรณ์แบบแล้ว เป็นกลุ่มหมู่ตัวอย่างที่มีจำนวนไม่มาก แต่เป็นเอกภาพ สามัคคียะ อวิวาทะ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สังคหะ รวมกันอยู่อย่างดี เคารพกันรักกัน ระลึกถึงกัน สมบูรณ์แบบเลย ตามพุทธพจน์ 7 สมบูรณ์แบบจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:05:32 )

พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้คนแรกในการทำปรินิพพานเป็นปริโยสานได้

รายละเอียด

พวกเรานี้ได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญที่สุด เท่ากับพระพุทธเจ้าถือว่าอันนี้สำคัญที่สุดในชีวิต สุดท้ายเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็ทำในสิ่งที่ทำมาตลอดพระชนม์ชีพ จนกระทั่งปรินิพพานหายไปเลยเป็นปริโยสานหายไปเลยในชาติสุดท้าย ท่านก็มาทำงานที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่ได้ค้นหามาตลอดไม่รู้กี่ ล้านๆๆปี พวกเราก็เหมือนกัน ก็สบาย พระพุทธเจ้าท่านค้นพบจุดสำคัญมาก่อนมาบอกเรา เราเลยลัด ไม่ต้องไปตามเสียเวลาค้นคว้ากว่าจะเป็นพระพุทธเจ้ารู้เท่ากัน 

เพราะว่าพระพุทธเจ้าค้นพบนั้นในสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้แล้ว ท่านต้องมาเป็นผู้รู้คนแรกในเรื่องสุดท้ายอันนี้ เรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก่อนเอามาประกาศเอาไว้ เมื่อประกาศเอาไว้พวกเราก็ได้รับทราบ เราก็ลัด เราก็สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ไม่ต้องเสียเวลานานเท่ากับพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:13:05 )

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้า มีพุทธคุณเท่าไหร่เรามาใช้ปฏิบัติ เรารู้แต่ว่าพระพุทธเจ้ามีตัวจริงมีธาตุกระดูกแคลเซียมที่อยู่นานเหลืออยู่ ตกอยู่ สองพันกว่าปีแล้ว ก็ยังเหลืออยู่มันยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาจริงๆ มันสื่อแสดงความจริงอันนี้ชัดเจน ไม่ใช่เป็นแบบพระเจ้าเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนสัมผัสไม่ได้ อันนี้เป็นคนคนหนึ่งเหมือนเรา มีอาการ 32 เหมือนเรา แต่ท่านได้บำเพ็ญบารมีมาจนเป็นพระพุทธเจ้า ให้ศึกษาแล้วอยากเป็นอย่างท่าน อาตมาก็อยากเป็นอย่างท่านจนบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ใครจะที่เลิกไปก่อนก็มี ไม่อยากเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็มี บางองค์เป็นแค่อรหันต์ ยังไม่เป็นโพธิสัตว์เลยส่วนมากตั้งจิตต่อ เพราะว่ามันไม่มีความทุกข์ความสุขแล้ว มีความเที่ยงของการทำกุศลไปนำหน้าอีกตั้งเยอะแยะ เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สืบทอดศาสนา กตัญญูกตเวทีต่อพระศาสนา อรหันต์น้อยคนที่จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นสิทธิของแต่ละคน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 17:33:37 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:40 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:17:15 )

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ ส่วนพระเจ้าเป็นสิ่งสมมติ

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายไปแล้ว จริงๆ แล้ว พระบุตรหรือพระศาสดานั่นเป็นของตัวเองไม่มีพระเจ้าขี้หมาที่ไหนหรอก ขออภัยไปว่าพระเจ้าเขารุนแรงเกินไป พระเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นนิรมาณกาย เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นว่าเป็นพระเจ้าใหญ่ อย่าไปละเมิดเชียวนะ พระเจ้าละเมิดไม่ได้ ตัวบุคคลเขากล้าละเมิด แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ เด็ดขาด มีประสิทธิภาพ มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชยิ่งใหญ่ อย่าเชียวนะ สายเจโต สายศรัทธาปฏิภาณปัญญาถูกครอบงำทางความคิดนี้ เบ็ดเสร็จ แต่สายปฏิภาณปัญญา พุทธิจริต เข้าใจอันนี้ มีอยู่ในโลก ศรัทธามีอยู่ในโลกประจำ และศรัทธานั้นนิรันดร พระเจ้านิรันดร ก็จริงของเขา แล้วเขาก็รู้อย่างนั้น เขาจะเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นนายผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าทาสนายทาสใหญ่ที่สุดตลอดกาลนาน แม้แต่อิสระข้อแรกที่อาตมาพูดก็ไม่ได้แล้ว 

ข้อสบายก็ไม่มี สร้างอาวุธขึ้นมาฆ่ากันนี่ไม่มีการสบาย เพราะฉะนั้นหาความสงบอย่าไปหา จะไปหาความอบอุ่นอีกอย่าไปหา อิ่มเอมอย่าไปหา เพราะฉะนั้นยิ่งเกษมใส ใจเกื้อกูลไม่ต้องพูดถึง เทวนิยมไม่มีใจเกื้อกูล มีแต่ใจที่จะทำ ช่วยเขาเพื่อที่เขาจะมาให้เรามากยิ่งขึ้น สายเจโต สายศรัทธาเทวนิยมเป็นเช่นนั้นไม่สะอาดบริสุทธิ์ ยังมีตัวตนนั่นเอง ยังมีตัวกูของกู แล้วเขาก็จะต้องสะสมของกูขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ 

ขออภัยที่อาตมาพูดเหล่านี้เหมือนเป็นข่ม ไปดูถูก ยกตนข่มท่าน แต่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดสัจจะความจริง อธิบายสัจจะความจริง ซึ่งอาตมาจะไปเพี้ยนไปเบี้ยว พูดสิ่งที่ไม่จริงไม่ได้ เทวนิยมหรือพระเจ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งลึกลับ ไม่ใช่สิ่งที่นิรันดร พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว มีอนัตตา มีสุญญตา ไม่ได้นิรันดรเลย คนละขั้วเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 10:53:52 )

พระพุทธเจ้าเป็นรัฐประชาธิปไตย

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเป็นรัฐประชาธิปไตย ท่านมีความถูกต้องดีงามคุณธรรมของมนุษย์สูงสุด คนระดับพระเจ้าปเสนทิโกศลพระเจ้าพิมพิสารก็ตาม เป็นแคว้นใหญ่ของอินเดียยุคนั้น ยอมให้ว่าถ้าอย่างนี้แล้ว ท่านพูดกับพระเจ้าอชาตศัตรู บุตรของพระเจ้าพิมพิสาร ว่าคนของท่านจะมาเข้ารีตของพระพุทธเจ้า ที่เคยเป็นราชบริพารที่สนิทชิดเชื้ออยู่ใกล้ชิดด้วย ที่ท่านชอบ จะมาเป็น สมาชิกของพระพุทธเจ้า มาเป็นสาวกพระพุทธเจ้า เลิกจากงานที่รับใช้พระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะเอาคืนไปไหม ก็บอกว่าไม่เอาคืน มีแต่จัดส่งเสริมให้เขาเลย อนุโมทนาเลย 

นี่คือทฤษฎีหรือว่ายอดความรู้ของพระพุทธเจ้า คนในยุคนั้นจะพูดไปก็เป็นบารมีของพระพุทธเจ้า ขนาดพระเจ้าแผ่นดินของแคว้นใหญ่ก็ต้องยอมรับหมด แคว้นน้อยแคว้นเล็กยอมรับหมด ที่เป็นสุดยอดแล้วมันเป็นเรื่อง Absolute แล้วมันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่น มันเป็นสัจจะที่คนในโลกจะต้องมีเช่นนี้ มันยิ่งใหญ่ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:17:48 )

พระพุทธเจ้าเป็นสยัมภูที่รู้ยิ่งยอด

รายละเอียด

เราก็ไปเรื่อยๆ ตามทิศทางที่คนอย่างพวกเรา ที่มีทิฏฐิ มีแนวทาง มีเจตนารมณ์จุดหมายที่เราจะไปให้ถึงที่สุด หรือถึงที่สุดมันก็มีที่สุดแล้ว แล้วยังมีที่ต่อที่จะเป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าขึ้นไปอีก เราก็ทำไป อย่างอาตมานี้คิดว่า เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ว่ามันเป็นอะไรต่ออะไรก็ขยายให้ฟังไป เพราะว่าอาตมาดำเนินตามทางพระพุทธเจ้าที่พาเป็นพาศึกษา ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเป็นไปจนถึงที่สุดของท่าน เป็นสยัมภูที่รู้ยิ่งยอด ในความเกิดมาเป็นคน สูงสุดเท่าไหร่ที่จะรู้ความจริงในความเป็นชีวิตมนุษย์ จะพบจะเห็นจะเป็นจะได้ ถึงที่สุดแห่งที่สุด ยืนยันอย่างนั้นเลยไม่มีใครจะรู้ที่สุดแห่งที่สุดได้เท่าเทียมความเป็นพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:34:04 )

พระพุทธเจ้าเป็นองค์แรกที่มาเปิดโลกโลกุตระ

รายละเอียด

อาตมาไม่ใช่คนแรกที่มาเปิดโลกโลกุตระ พระพุทธเจ้าเป็นองค์แรกที่มาเปิดโลกโลกุตระ อาตมาไม่ใช่คนแรก ก่อนที่อาตมาจะมาเกิด ก็มีพุทธสาวกเกิด มีกี่รูปก็ไม่รู้ อาตมาไม่ใช่คนแรก และไม่ใช่เป็นคนที่สองด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 12:51:51 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:30 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:20:07 )

พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของพระธรรม---คือธรรมสามี!

รายละเอียด

พระองค์เป็นเจ้าของ“พระธรรม”(ธรรมสามี) พระองค์แสดงตัวตนเองอย่างเปิดเผย และพิสูจน์ความเป็น“ตัวตน”และทำ“ตัวตน”ให้“ดับสูญสิ้นตัวตน”ไปได้แท้ๆจริงๆ เป็นวิทยาศาสตร์เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ตัวตน”ได้แท้ และ“ดับตัวตน”ได้จริง “พระพุทธเจ้า”นั้นแสดงความเป็น“ตัวตน(อัตตา)”ทั้งใน“สมมุติธรรม”ของความเป็น“ตัวเอง”ที่มี“ร่าง(สรีระ)”ของพระองค์ให้“คน”ทั้งหลายในโลก“สัมผัส”องค์จริงได้ มีเนื้อมีตัว เหมือนกับความเป็น“คน”สามัญทั้งหลาย ครบอาการ 32 ที่ต่างก็เป็น“มนุษย์”ครบ“รูป”ครบ“นาม” ครบ“วัตถุ”ครบ“จิต”ครบ“ภายนอก”ครบ“ภายใน”และแสดงทั้งใน“ปรมัตถธรรม”ของความเป็น“จิตวิญญาณ”ที่มี“เทฺว”(ภาวะ 2)”ของพระองค์ให้“คน”ทั้งหลายในโลก“สัมผัส”องค์จริงได้ ทั้งใน“สมมุติธรรม” ครบ“รูป”ครบ“นาม” ครบ“กาย”ครบ“จิต” ครบ“ภายนอก”ครบ“ภายใน” ที่เป็น“ภาวะ 2”อันยิ่งใหญ่ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 212 หน้า 176


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:14:38 )

พระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพี่ ยังไม่มีใครรู้ ยังไม่มีใครบอก ใครเสนอทางเลย

รายละเอียด

ต่างกัน พระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพี่ ยังไม่มีใครรู้ยังไม่มีใครบอกใครเสนอทางเลย เสนอวิธีปฏิบัติ แต่ท่านเป็นผู้ที่บอก แล้วท่านก็บอกว่าจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร ท่านก็เป็นผู้มาเปิดเผย สาวกคือคนที่เชื่อถือและปฏิบัติตามบรรลุตาม เหมือนกับพวกคนที่อาตมาพาทำ ถ้ามีไก่ตัวพี่ยิ่งกว่าอาตมามาเปิดทางให้คุณเข้าใจแล้วไปดำเนินตามแล้วก็เกิดผลจนเป็นหมู่เป็นพวกแก๊งพวกเรา อาตมาก็คล้ายๆกับพระพุทธเจ้าพวกคุณก็มาฟังตามมาปฏิบัติตามมีพฤติกรรมสังคมจนกระทั่งเกิดหมู่กลุ่มที่เป็นพฤติกรรมสาธารณโภคี อาตมาว่ามันเป็นที่สุดแห่งที่สุดของศาสนาพุทธ ประชาธิปไตยก็ต้องการสาธารณโภคีแต่เขาทำไม่ได้ทำไม่ถึง คอมมิวนิสต์เขาก็ต้องการสาธารณโภคีแต่เขาทำไม่ได้ทั้งนั้นแหละ อันนี้แหละอาตมาว่าเป็นสิ่งที่ยืนยัน อาตมายังไม่อยากตายง่ายๆจะอยู่ดูไปอีกหลายสิบปี เพื่อดูซิว่าพวกคุณจะมาอดทนมาทำเสแสร้งมาทำเป็นอยู่ มาทำเป็นสาธารณโภคี เราอยู่ไม่มีอะไร เราอยู่ยังอดทนไม่ไหวแล้วจะออกไป สุดท้ายก็ร่อยหรอลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหลือแต่อาตมากับคุณรัก รักพงษ์ จะรู้กันไป ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นไหม หรือไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอก พวกเราจะอยู่เหลือไม่กี่คนดูซิว่ามันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง อาตมาว่าสังคมโลกทุกวันนี้มันต้องการสัจธรรมแล้วเขาก็ควรทำเช่นนั้น โควิดก็มาช่วย อาตมาก็ว่ามีความหวังแต่เราก็ไม่หวัง ไม่ต้องไปสร้าง สาเปกโขใส่จิต เราก็ทำดีที่สุดตามเหตุปัจจัยไป คุณเท็นเจไอ ก็ศึกษาอยู่ที่พุทธวจนนี่แหละปฏิบัติไป ก็ยินดีอนุโมทนาสาธุกับคุณอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:45:47 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:23:22 )

พระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพี่อย่างไร 

รายละเอียด

ธาตุวิญญาณ พระพุทธเจ้าก็มาแยกว่า วิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่เขาหลงผิดกัน พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจะมาเปิดเผยความจริง วิญญาณยิ่งใหญ่ วิญญาณพระเจ้า เขาจึงใช้พยัญชนะมาร่วม มากินรวบ มาตีกินว่า เป็นพระเจ้า แล้วก็อธิบายลักษณะพระเจ้าเป็นเผด็จการไปเลย เป็นเจ้าของอัตตา เป็นใหญ่ในอัตตา เป็นเจ้าของอัตตา มีสิทธิในทุกอัตตาของสัตว์โลก มนุษยชาติ เป็นเจ้าของหมดเลย จะเป็นอย่างไรนี้อยู่ในอาณัติของพระเจ้าหมด นั่นคือ โลกไหนๆ ก็จะเกิดความเห็น 2 อย่างนี่แหละ ความเห็นของเทวะก็เป็นความเห็นของโลกีย์ธรรมดา เมื่อไหร่เมื่อไหร่เกิดมาในมนุษย์ มนุษย์ก็จะเห็นอยู่แค่นั้น มีพระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพี่เจาะกระเปาะออกมาได้ก่อนเพื่อน ก่อนชาวศาสดาโลกียะทั้งหมดเลย พระพุทธเจ้าเจาะออกมาได้องค์เดียว เป็นไก่ตัวพี่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:56:25 )

พระพุทธเจ้าเริ่มเห็นทุกข์ได้เพราะเห็นนิมิต 4 แต่พวกหลับตาเห็นไม่ได้

รายละเอียด

พุทธคุณเช่น ที่พระป่า พระที่เขาเรียก พระกรรมฐาน พระธุดงค์ พระที่ยังมิจฉาทิฏฐิ ยังหลับตาปฏิบัติ ให้เกิดจิตเป็นสมาธิ แล้วก็ทำให้จิตไม่สุขไม่ทุกข์ เรียกว่า อทุกขมสุข ได้ โดยวิธีการซึ่งเป็นวิธีการกดข่มสะกดจิตทำได้ อาฬารดาบส อุทกดาบส เป็นต้น ทำมาก่อนทำมานาน 

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ภูมิของพระพุทธเจ้ายังไม่ขึ้น ได้นิมิต 4 เห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ได้เห็นสมณะ เป็นเทวทูตทั้ง 4 แล้วท่านก็เหมือนคนซื่อ เกิดมาถูกมอมเมา ถูกพระราชบิดามอมเมา ไม่ให้พระพุทธเจ้าที่ตอนนั้นเป็นเจ้าชายสิทธัตถะอยู่ รู้จักเลยว่า คนเกิดเป็นอย่างไร คนเจ็บคนป่วยเป็นอย่างไร คนแก่เป็นอย่างไร หรือสมณะนักบวชเป็นอย่างไร ไม่ให้รู้จัก 

จนอยู่มาวันหนึ่งออกจากวัง ไปกับนายฉันนะ ก็ไปเจอคนเกิด อุแว้ๆ อะไรท่านไม่รู้จัก คนเกิดมา มีด้วยเหรอคนเกิดมา นายฉันนะก็บอกว่ามีพะยะค่ะ คนเกิดนี้นะ มีด้วย มี แม้พระองค์ก็เกิดมาเช่นเดียวกัน 

ไปเจอคนเจ็บคนป่วยเข้าอีก ร้องครวญครางทุกข์ทรมา โอ้! ยิ่งแย่ใหญ่เลย คนต้องเป็นอย่างนี้ด้วยหรือต้องเจ็บต้องป่วยอย่างนี้ด้วยหรือ พะยะค่ะ เป็นธรรมชาติที่เลี่ยงไม่พ้นต้องเจ็บป่วย เราก็จะต้องเป็นอย่างนี้ด้วยหรือ พะยะค่ะ โอ้โห! ชักเห็นทุกข์ขึ้นมาในตัว 

ซึ่งภูมิธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นพุทธวิสัย ที่ท่านมีของเก่า มันก็เตือนของเก่านั่นแหละขึ้นมาให้รู้ มนุษย์ไม่รู้จักการเกิดการแก่การเจ็บการตาย เสร็จแล้วก็หลงวนเวียนอยู่ในโลก เกิดแล้วเจ็บป่วยแล้วสร้างวิบากไป เจ็บป่วยหนักหนาอีก ดีไม่ดีแก่ก็แก่ทรมาน อดอยากจนยากหรือแก่อย่างไม่มีคนดูแล แก่อย่างอะไรก็แล้วแต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสเท่าที่จะเป็นไป เสร็จแล้วก็ต้องตาย ตายแล้วต้องวนเวียนกลับมาอีก ตายแล้วเกิดตามวิบาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:10:54 )

พระพุทธเจ้าเรียนรู้จิตอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงมาตรัสรู้ว่า จิตนี้มันเร็ว มันไว มันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ก็เลยมาเรียนรู้จิตว่ามันเปลี่ยนแปลงเร็ว ก็ตามใจเอ็งก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าไม่เอาเราเป็นตัวกำหนด เอ็งเปลี่ยนแปลงเร็วก็ตามใจเอ็ง แล้วก็ตามรู้ตามเอ็ง จนยอมแล้วก็ตาม จึงรู้ไม่ขัดแย้งตามความเปลี่ยน แล้วก็ตามรู้ตามความเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่ขัดแย้ง จึงรู้ทุกอย่างได้มากได้ครบ แต่ไปมัวขัดแย้งอยู่เลยเสียเวลา ความฉลาดของพระพุทธเจ้าเห็นไหม เรียนรู้ทุกอย่างได้มาก ได้เร็ว ได้ครบ เท่าที่รู้ตามตัวเองรู้ก็คือบารมีของคนแต่ละคน รู้โดยไม่ขัดแย้งคือ ไม่สงสัย ไม่มีอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:03:26 )

พระพุทธเจ้าเลิกจากพระเจ้าแผ่นดินดำเนินพระบาทเปล่าใช้ผ้าบังสกุล

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เลิกจากพระเจ้าแผ่นดิน เลิกจากความมียศฐาบรรดาศักดิ์ เลิกจากความมีทรัพย์สินเงินทอง เลิกออกมาจริงๆเดินพระบาทเปล่า ไม่ใช่นุ่งห่มชุดครองแผ่นดิน ชุดพระเจ้าแผ่นดิน แม้แต่แต่งตัว ก็ออกมาถอดฉลองพระบาททอง ดำเนินแต่พระบาทเปล่า เสื้อผ้าใช้ผ้าบังสุกุล ผ้าห่อศพ มาย้อมน้ำฝาดนุ่งห่ม ลาภสักการะของอะไรต่างๆนานาออกมาหมด นั่นคือของจริง ความจริง แต่นี่แบกกันเทิ่งๆๆ 

พวกเราเคร่งมากแล้วหรือ …(พวกเราตอบว่า.. ไม่)ไม่หรอก พวกเราไม่ได้เคร่งมากนักหรอก เป็นแต่เพียง ยังศึกษาฝึกฝนอยู่ 

พระพุทธเจ้าตรัสถึงว่าคนมาแสวงหาแก่น แต่ยังไม่รู้แม้แต่กระทั่งสะเก็ด ยังไม่ได้แม้กระทั่งสะเก็ด ได้แต่กิ่งกับใบ หมายถึงลาภสักการะ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองจมอยู่ในลาภสักการะสรรเสริญ จมในยศ จมในลาภ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 15:38:12 )

พระพุทธเจ้าเองแท้ๆยังมีลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเองแท้ๆยังมีลิงลมอมข้าวพอง เกิดมาก็ยังเป็นชาวโลกอยู่ตั้งนานเสพโลกียสุข แม้ที่สุดก็ไปเป็น เดียรถีย์ อยู่กับเขาตั้ง 6 ปีอีก งมงายอยู่กับท่าน 5 พราหมณ์ หลงบูชาเคารพนึกว่าจะไปเป็นพระพุทธเจ้าแบบพราหมณ์เขาคิด   จนกระทั่งท่านฟื้นความจริงได้เพราะท่านมีความเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว พอมาเกิดในยุคนั้นไม่ได้ศึกษาหรอกมีแต่วิบาก แล้วก็ระลึกได้ว่าตัวเองมีความเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมีสัพพัญญูแล้ว ก็เลยมาบอกพราหณ์เป็นพระพุทธเจ้าจริง พวกพราหมณ์ทั้ง 5 ก็บอกว่าล้มเหลวแล้วเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเราไม่เคยบอกว่าเราเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อนเลยนะ มีแต่พวกคุณนั่นแหละเข้าใจตามคำพยากรณ์ว่าเราจะเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เราก็ไม่ได้มั่นใจไม่รู้ว่าเราเป็นพระพุทธเจ้าแต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า 

พราหมณ์ที่มีภูมิธรรมถึงผู้ที่จะเป็นผู้สืบทอดศาสนาอีก 5 รูป จึงยอมสยบเข้าใจว่า โอ้.. เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องตรัสคำเดียว และเราเองเข้าใจว่าท่านจะเป็นอย่างนั้น พวกที่ทำนายต่างหากบอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าแต่ท่านไม่ได้บอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ตอนนี้ท่านบอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะท่านมั่นใจแล้วว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านรู้แล้วว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้ามีสัพพัญญูมา แต่ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมของพุทธเลยในชาติที่ท่านเป็นพระสมณโคดม มีแต่ท่านจะรอขึ้นมาประกาศว่าท่านจบปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว และปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าของท่านเพื่อนท่านหลายองค์ก็ไม่ประกาศศาสนา ไม่ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบให้คนในโลกรู้จัก พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ท่านไม่มาประกาศท่านก็ปรินิพพานของท่านไปเอง ใครจะไปรู้จักท่าน และมีไม่น้อยพระองค์ด้วยมีมากด้วย 

เพราะว่าท่านไม่มีตัวตน ท่านไม่อยากจะเด่นจะดัง ท่านไม่อยากจะเป็นนั่นเป็นนี่แล้ว ฟังให้ชัด ใช่ไหม เป็นพระอรหันต์ก็เริ่มต้นมีคุณธรรมคุณวิเศษอันนี้แล้ว และเป็นโพธิสัตว์อยู่จนกระทั่งถึงเป็นโพธิสัตว์ระดับ 9 หรือเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า มันก็ซ้อนกันอยู่ จะเรียกสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ซ้อนกันอยู่ แต่ถ้าเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือผู้ที่บรรลุมีสัพพัญญูเท่ากับพระพุทธเจ้าแต่ท่านไม่ประกาศตนต่อโลก ไม่มีศาสนาของท่าน ไม่มีศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าองค์นี้ชื่อนี้ขึ้นทำเนียบ ไม่มี ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเพราะท่านรู้โลกหมดแล้วเบื่อแสนเบื่อ ทำเพื่อพิสูจน์เพื่อปณิธานเพื่อให้รู้ว่าเราเกิดมาเป็นคนๆหนึ่ง มันสูงสุดคืออย่างไร พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็สูงสุดแล้ว ท่านรู้แล้วท่านก็จบของท่าน ท่านไม่มีตัวตน ท่านก็ปรินิพพานไปเฉยเลย เมื่อไม่ประกาศ คนในโลกก็ไม่ได้รับรู้ว่า อ๋อ..นี่พระพุทธเจ้า แล้วก็สอนให้คนมีความรู้ ประกาศขยายให้รู้ตามปฏิบัติตามอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 20:08:56 )

พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ประกาศโลกุตระ อายุกาลสั้นยาวต่างกันตามบารมี!

รายละเอียด

“โลกุตระ”คือ“อเทฺวนิยม”จึง“มี”อยู่ใน“กาละ”แห่งเอกภพมหาจักรวาล เพียงตาม“กัปป์”หรือตาม“กรอบอายุกาล”ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะทรง“อุบัติ”ขึ้นประกาศ“โลกุตรธรรม”ไว้ให้แก่โลก ซึ่งมีไม่เท่ากันเลยแต่ละพระองค์ ตามแต่เหตุปัจจัยของสัตวโลกและความเป็น“องค์ประกอบ”ของยุคสมัยก็จะมีได้ตามสมัยอย่างสมควรแห่งสมัยนั้นๆ“โลก”ในแต่ละยุคของกาละเท่านั้นจึงจะมี“ศาสนา”ที่เป็น“โลกุตรธรรม”คือ“อเทฺวนิยม” นอกจากนี้ก็จะมีแต่“โลกียธรรม”ครองโลกอยู่นิรันดร ส่วน“โลกุตระ”คือ“อเทฺวนิยม”นั้นไม่มีอยู่ครองโลกนิรันดร  กระนั้นมนุษยโลกในแต่ละยุคกัปป์ที่มี“โลกุตระ”ก็จะไม่มีมากทั่วไปเต็มทั้งโลก  จะมีได้กับมนุษย์เป็นสังคมส่วนน้อยส่วนหนึ่งเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 448-449 ข้อที่ 619


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2565 ( 14:11:48 )

พระพุทธเจ้าแยกแยะทำลายธาตุรู้สึกตอนเป็นๆ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าจึงมาพิสูจน์ ว่าไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องของเราเองเรามีสิทธิ์สามารถพิสูจน์ได้ด้วยกรรมด้วยการกระทำใจของตนเอง ทำอัตตาทำจิตตนเอง วิญญาณเป็นภาษาใหญ่รวมแตกเป็นจิต มโน แล้วแจกเป็นเจตสิกต่างๆ แจกเป็นเวทนา เมื่อมาถึงเวทนาก็เป็นเจตสิกที่ต้องแยกแยะและทำลาย ทำลายธาตุรู้สึกตั้งแต่ตอนเป็นๆ รู้สึกหรือไม่รู้สึก จนกระทั่งเป็นพีชะ ไม่รู้สึก แต่เป็นชีวะ ทีนี้ไม่รู้สึกที่เป็น ธาตุรูป ไม่รู้สึก พอเป็นธาตุนามนี้รู้สึกได้ ทำให้เป็นพีชะ ไม่รู้สึกได้แต่เป็นชีวะ เช่น ผมขนเล็บฟันหนังก็เป็นชีวะแต่ไม่รู้สึก ผมมันยาวออกมาทุบมันก็ไม่รู้สึกไม่เจ็บ ตัดออกก็ไม่รู้สึก ทุบก็ไม่รู้สึก ตัดแล้วไม่มีเลือดไหลออกมา เล็บยาวออกมาตัดออกก็ไม่มีเลือดไหล ขนก็เช่นกัน ฟัน กรอส่วนที่ไม่มีประสาทออกได้ ไม่รู้สึกด้วย แต่ถ้าลึกลงไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึก ขน ผิวหนัง ผิวหนังส่วนหน้าภายนอกก็ไม่รู้สึก เล็บก็เช่นกัน ผมก็เล็กๆยาวๆ เล็บนี่แยกง่ายที่สุด ส่วนใด เราจะใช้พยัญชนะเรียกว่า ไม่ใช่กายเราแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:30:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:53:26 )

พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

คือ  ท่านสามารถแยกแยะรายละเอียดพลังงาน 5 อย่างนี้ได้  พระโพธิสัตว์เรียนตามพระพุทธเจ้าสืบทอดมา  เพราะฉะนั้นในศาสนาพุทธแยกพลังงานจิต คนนี่เป็นจิตนิยาม  เป็นสัตว์มีจิตนิยาม  ซึ่งมันอวิชชาไม่รู้ ศาสนาพุทธมาเรียนรู้  ความรัก  ความสุข  ความทุกข์  แล้วให้เข้าใจความจริงว่า  จิตใจที่ยังยึดถือในความสุข  ความทุกข์  อยู่นั่นแหละมันจะพาให้เรา  มีพลังงานศักย์  เกี่ยวข้องกับใครอย่างเป็นพิษภัย  แต่ถ้าสามารถทำให้จิตของเรา  ไม่มีความสุข ความทุกข์  ไม่มีความรัก  ความชังได้ คนใด สัตว์ใด  ก็เห็นเป็นเพื่อนทุกข์  เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น  เราก็จะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันด้วยประโยชน์  หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่  หรือหวังประโยชน์เพื่อมวลมนุษย์ ใจของเราไม่มีความรัก  ไม่มีความชัง  ไม่มีความสุข  ไม่มีความทุกข์ ได้แล้วจริงๆ  นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่เอาความสำคัญจุดนี้มาให้ปฏิบัติ  แล้วล้างอวิชชาที่ยังยึดถือความสุข  ความทุกข์  ยึดรัก  ยึดชัง  ออกไปจากจิตได้หมด  ผู้ที่เรียนรู้ได้จริง  ก็เป็นพระอรหันต์  ไม่เกิดความสุข  ความทุกข์ ไม่เกิดความรัก  ความชัง  ตลอดไปนิรันดรเลยเป็นผู้บรรลุอรหันต์แล้ว นี่คือจุดสำคัญของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:42:25 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:45:07 )

พระพุทธเจ้าแสวงหาโพธิญาณโดยทางผิดด้วยเหตุใด

รายละเอียด

การออกป่านี้เป็นการหลงผิดไป 6 ปี พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า….

เราเป็นผู้ชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคต พระนามว่า กัสสปะ ว่า  “การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก   ท่านจะได้จาก โพธิมณฑลที่ไหน  โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง”   ด้วยผลแห่งกรรมนั้น  เราได้บำเพ็ญทุกกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี   เราถูกบุรพกรรมตักเตือนแล้ว (ปุพพกัมเมนะ โจทิโต)  จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางผิด  เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบุญสิ้นบาป(ปุญญปาปปริกขีโณ)(ล.32  ข.392)

ท่านไม่ได้บรรลุด้วยการปฏิบัติผิด อย่าง 6 ปีนั้นเลย แล้วบอกว่าเป็นพระกรรมฐานไปอยู่ในป่าอย่างนั้นอย่างนี้เป็นทางผิดหมดเลย มันผิดจนไม่รู้อาตมาจะทำอย่างไร ไม่พูดกันก็ไม่รู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:40:51 )

พระพุทธเจ้าใช้หนี้วิบาก 6 ปี

รายละเอียด

ท่านก็ทำอย่างนั้นจนถึง 6 ปี ซึ่งเป็นการใช้หนี้วิบากที่ท่านได้ไปดูถูกพระพุทธเจ้าองค์กัสสปะตอนที่เป็นโชติปาละมานพ... เราเป็นผู้ชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคต พระนามว่า กัสสปะ ว่า  “การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก   ท่านจะได้จาก โพธิมณฑลที่ไหน  โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง”   ด้วยผลแห่งกรรมนั้น  เราได้บำเพ็ญทุกกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี   เราถูกบุรพกรรมตักเตือนแล้ว (ปุพพกัมเมนะ โจทิโต)  จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางผิด  เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบุญสิ้นบาป(ปุญญปาปปริกขีโณ)(ล.32  ข.392)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:25:52 )

พระพุทธเจ้าให้จบที่ความควรหรือไม่ควร

รายละเอียด

การแก้ไขนี้เราจริงใจ เราผิดเราก็ควรพิจารณา ที่จริง ควร แต่เราอยากเอาชนะคะคานแล้วดันทุรังทำ อันนี้ซวย เราก็พิจารณาให้ดีก็แล้วกัน หากเราไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร ก็แล้วแต่ควร พระพุทธเจ้าให้จบที่ความควรหรือไม่ควร ในมหาปเทส 4 ใช้กาละนี้ พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามหรืออนุญาต เราก็ใช้ความรู้ความสามารถเราตัดสิน และเราก็จะต้องทำให้ดี อย่าให้ลำเอียงและให้มีปัญญาแหลมคมที่สุด ทำให้ถูกต้องที่สุด แต่อาจจะมีผิดพลาดไปก็เราทำได้เท่านี้ฉลาดเท่านี้ เราโง่มากกว่าฉลาด หากเราฉลาดมากกว่านี้ก็จะทำได้ ใครจะฉลาดสูงสุดที่ไม่โง่เลยเท่านั้นแหละ ก็ค่อยๆเป็นไป

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2565 ( 17:15:53 )

พระพุทธเจ้าให้สุดยอดอิสรเสรีภาพในการตัดสินว่าใครถูกใครผิดอย่างไร

รายละเอียด

เมื่อเห็นอะไรมันต่าง คุณก็ฟัง 2 ฝ่าย แล้วคุณก็ตัดสินเอง คุณนะไม่มีใครบังคับคุณ ไม่มีใครไปทำให้ คุณก็ต้องพยายามเลือกเฟ้น สร้างความรู้ของคุณให้ชัดๆ แล้วคุณก็เลือก เลือกผิดก็คุณเอง เลือกถูกก็คุณเอง อันนี้มันสุดทางแล้ว พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีใครช่วยใครได้ สุดยอดเลยพระพุทธเจ้าให้อิสรเสรีภาพ ไม่ไปกดดัน ไม่ไปยิ่งใหญ่กว่าใครเลย ให้อิสระ มันเป็นอิสระของคุณพระพุทธเจ้าให้สุดยอดอิสรเสรีภาพ ไม่ไปอวดอ้างตัวเอง ทั้งๆ ที่ท่านจะบอกว่า ก็ฟังตามพระพุทธเจ้าสิ อันไหนมันใกล้พระพุทธเจ้ากว่ากันท่านก็ยังไม่ตรัสเลยเห็นไหม ใช่ไหม พวกเราก็ต้องอาศัยพระพุทธเจ้าเป็นหลัก หรืออาศัยพระโพธิสัตว์ สัตบุรุษอะไรก็ตาม เป็นตามลำดับ แต่นี่ท่านบอกว่าไม่ต้อง ให้สิทธิ์อิสรเสรีภาพแก่ทุกคน สุดยอดเลยพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:04:18 )

พระพุทธเจ้าให้เรียนรู้แก้ไขและจัดการตัวอนุสัยอย่างไร

รายละเอียด

แล้วชีวะคือชีวิตของสัตว์โลกที่เป็นจิตนิยาม โดยเฉพาะมาเป็นมนุษย์แล้วก็มามีบทบาทอยู่ในโลกด้วยอนุสัยเป็นตัวสั่งการ หรือมีอนุสัยคือพระเจ้าสั่งการ สั่งให้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ พระพุทธเจ้าก็พยายามให้เรียนรู้ความจริงเท่าที่มันเป็นไปแล้วสะสมมาแล้ว เราจะแก้ไขมันให้ได้ แต่มันมีฤทธิ์ มันมีแล้วเป็นของเรามีฤทธิ์มีอำนาจ เราก็ต้องมาเรียนรู้ เราจะต้องสั่งสมใหม่ สั่งสมพลังงานใหม่ และสั่งสมพลังงานนี้ พลังงานที่มันเกิดแล้วเป็นอดีตเราแก้ไขมันไม่ได้ แต่มันเป็นพลังอยู่ในนั้นจะดีจะชั่วจะมีธาตุรู้มากหรือน้อย รู้ทางโลกีย์ธรรมดาอวิชชาไม่มีโลกุตระ โลกุตระคืออะไร โลกุตระคือรู้โลกีย์รู้โลกนี่แหละ เสร็จแล้วมันก็จัดการเจ้าตัวอนุสัยหรือเจ้าตัวพลังงานตัวนี้ อย่าให้มันเกิดอย่างโง่ๆอย่างเก่า จัดการให้เกิดใหม่มันก็จะมีพลังงานใหม่ ที่เราสร้างและควบคุมอย่าให้มันเกิด อย่างน้อยที่สุดดีชั่ว เป็นเบื้องต้นเป็นโลกีย์ ดีชั่วเท่านั้นพระพุทธเจ้าท่านก็รู้ ว่าพฤติกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ของมนุษย์ ที่จะแสดงออกทางกายก็ดี วาจาก็ดี มโนก็ดี ชั่วคืออย่างไร ดีคืออย่างไร ศาสนาทุกศาสนาก็พยายามควบคุมกรรมที่รู้กายวาจา ใจก็พอรู้บ้าง แต่ไม่ลึกลงไปละเอียดลออถึงบทบาทของใจ แยกว่าเป็นปรมัตถ์ต่างๆ อภิธรรมต่างๆที่พระพุทธเจ้าท่านให้แยกแยะแจกแจงรายละเอียด แล้วก็รู้จักว่าตรงนี้มันเป็นเวทนาอาการอย่างนี้ ตัวนี้ตัวจัดการเลยตัวสัญญา ตัวกำหนดรู้เลยกำหนดรู้เวทนา ตัวนี้สังขารกำหนดรู้สังขาร ตัวนี้วิญญาณกำหนดรู้  เออเป็นวิญญาณ มีลิงคะ มีความแตกต่างกันอย่างไร มีอาการ อาการของเจตสิก ถ้าจะแยกเรียกคำว่าจิตก็เป็นตัวย่อยของมันลงมาแจกแยกลงไปเป็นอย่างน้อยขันธ์ 5 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:54:16 )

พระพุทธเจ้าไขประตูชีวิตโลก

รายละเอียด

เป็นความรู้ที่ไขประตูชีวิตโลก คนที่ยังไม่เข้าใจโลก ก็จมอยู่ในโลก กระชับเข้ามาให้ชัดว่าโลกคือโลกียะ ก็คือคนสามัญธรรมดาในโลกโลกก็จะจมอยู่ในโลกียะของโลก โดยเฉพาะตัวมายาใหญ่คือพระเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:42:18 )

พระพุทธเจ้าได้เห็นความเสื่อมของศาสนาด้วยการสวด

รายละเอียด

แล้วการสวดนั้นลึกซึ้งมาก พระพุทธเจ้าได้เห็นความเสื่อมของศาสนาด้วยการสวด สวดอะไร ก็เอาสวดไปเป็นเครื่องหากินเลี้ยงชีพ เหมือนกับศาสนาอื่นเขาทำ ถ้าไม่ทำมันก็ไม่มีอะไร พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสประเด็นว่าไม่ให้ทำมีพระวินัย มุสาวาทวรรค ข้อที่ 4 อย่าให้สมณะสองรูปขึ้นไป เอาธรรมบทไปสวดพร้อมกันต่อหน้าฆราวาส แต่เขาทำ เป็นพระแสนรูปล้านรูปสวดพร้อมกันเลย พระพุทธเจ้าท่านกันเอาไว้แล้ว จะให้เอาไปเป็นอาชีพหากิน ไม่ให้เอาบทมนต์เป็นเครื่องหากินแล้วสวดแบบไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ได้เอาบทมนต์มาปฏิบัติพระพุทธรูปทำมาแสดงถึงความเสื่อมแต่เขาไม่เข้าใจเลย เพราะฉะนั้นก็ละเมิดกันไปนี่คือความเสื่อมจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 09:20:29 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:17 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:46:43 )

พระพุทธเจ้าไปอยู่ที่พุทธเกษตรไม่ได้

รายละเอียด

ถ้าตั้งใจฟังดีๆทำความเข้าใจก็จะเข้าใจได้ ไม่ได้พูดหลอก เหมือนที่เขาพูดกันว่าเป็นพระศรีอริยเมตไตยมาเกิด ไม่ใช่ อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้า อาตมาเป็นโพธิสัตว์ก็พูดความจริง 

มันมีจริง แล้วไม่มีใครมาไล่เรียงระดับโพธิสัตว์ให้ฟังหรอก อย่างมหายานมีโพธิสัตว์มากมาย อมิตาภพระพุทธเจ้า เป็นต้น มีที่ไหน พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสานแยกธาตุเป็นอุตุหมดแล้ว แล้วจะไปมีภพมีชาติไปอยู่ที่พุทธเกษตรที่ไหนอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:26:36 )

พระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์  คือ  เพราะว่าเป็นบาปเป็นอันมากในชีวกสูตร

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ  อุททิสสะ  คือ  เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”

4. สัตว์นั้นเมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส

5. ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคตให้ยินดีไปด้วยเนื้อย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 15:39:39 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:30 )

พระพุทธเจ้าไม่ฉันและห้ามฉันเนื้อสัตว์เพราะเหตุใด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์แน่นอนเพราะท่านไม่โง่งมงาย แต่สาวกก็มีบ้าง ที่โง่งมงายก็ไปหลงคนที่เอาอาหารเนื้อสัตว์ไปถวาย ซึ่งไม่เป็นการสมควร อกัปปิยะ อาตมาอธิบายซ้ำซากมานาน แค่อกัปปิยะคำเดียว มันไม่เป็นการสมควรที่จะเอาอาหารเนื้อสัตว์ไปถวายภิกษุ ไปถวายพระพุทธเจ้า 

เพราะฉะนั้นคนที่โง่ไม่เป็นการสมควรแล้วที่จะเอาอาหารเนื้อสัตว์ไปถวาย แค่นี้ก็สุดยอดเข้าใจได้แล้วว่าอย่าเอาอาหารเนื้อสัตว์ไปถวายพระพุทธเจ้า อย่าเอาไปถวายสงฆ์สาวกพระพุทธเจ้า ในชีวกสูตร5 ข้อนี้ 

เห็นได้ว่า 5 ข้อนี้มันละเอียดสุดแล้ว คนก็เข้าใจไม่ได้ ตีความเข้าข้างตัวเองหมด คนก็ไปตีความ 5 ข้อนี้เข้าข้างตัวเอง เขาตีความได้ยังไง เขาทำได้หรือตีความได้หรือว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามเนื้อสัตว์ จะตีความว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามฉันเนื้อสัตว์ เอาตรงไหนมาเป็นช่องเปิด คือ มันตายเอง กับเดนสัตว์กิน ที่พระพุทธเจ้าให้กินได้ สัตว์ที่มันตายเอง กับเป็นเดนสัตว์กิน (คือสัตว์มันฆ่ากันมันทิ้งแล้ว เป็นเนื้อบังสุกุล) ก็กินได้ แต่คนติดเนื้อสัตว์ถึงไปเก็บมากิน สัตว์ตัวเองเขาก็กลัวเป็นโรคอีกไม่เอามากิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:05:30 )

พระพุทธเจ้าไม่ปรับอาบัติในฝัน

รายละเอียด

ความฝันมันไม่จริง  อย่าไปยึดมั่น คือมันเรื่องความฝัน  เป็นความเพ้อเจ้อ  เป็นกิเลสสารพัดที่มันสมมุติขึ้นมา  ต่างๆ  นานา บ้าบอ  พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้ปรับอาบัติ ในฝัน  เพราะว่า ถือว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าเรื่องอะไร  มันไม่มีจริง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                            


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:18:26 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:25 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:48:44 )

พระพุทธเจ้าไม่มีครูบาอาจารย์

รายละเอียด

แค่นี้คุณก็เข้าใจผิดว่าพระพุทธเจ้ามีครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ลบหลู่ครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่ามีครูบาอาจารย์คือท่านไปหลงอยู่ตรงนั้นเป็นลิงลมอมข้าวพอง เขาปฏิบัติอย่างไรท่านก็ออกไปบำเพ็ญแล้ว เขานิยมกันออกป่าท่านก็ออกป่า ออกไปดูอาจารย์ที่เขาลือกัน ก็ไปพบอาฬารดาบส ท่านก็ปฏิบัติหลับตาตาม นั่งได้ ฌานที่ 7 ท่านก็ได้เรียบร้อย ต่อมาท่านก็บอกว่าอย่างนี้ท่านได้แล้ว มันไม่ใช่ ท่านก็รู้ว่าไม่ใช่ มันเป็นของผิด ไปพบอุทกดาบสซึ่งได้ ฌาน 8 แบบฤาษีนั่งหลับตานี่แหละ ก็ได้ฌานที่ 8 สูงกว่า ท่านก็รู้ว่านี่มันยังไม่ใช่ที่ถูกต้อง ท่านก็จากไป ก็ไปอะไรต่างๆนานาจนกระทั่ง 6 ปี ไปตามฤาษีต่างๆ ที่เขาทำทุกรกิริยาอยู่ในหมู่ที่เขาบำเพ็ญกันปฏิบัติกัน เขย่งเก็งกอย กินขี้จนไม่มีขี้จะเหลือทรมานตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านก็ทำตามเขาหมดทำได้ยิ่งกว่าเขาทุกอย่าง การที่จะอดทนได้ ในอินเดียเขาก็ยังทำกันอยู่จนบัดนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:24:40 )

พระพุทธเจ้าไม่มีรูปแบบของการห่มผ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนการห่มผ้าหรอก พระพุทธเจ้าไม่มีรูปแบบของการห่มผ้าใครจะห่มอย่างไรก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องจริง ถ้ามีผ้าผืนใหญ่ๆยาวกว้างประมาณนั้น ตามที่พระพุทธเจ้าท่านพอกำหนดความกว้างยาวของผ้าจีวรประมาณเท่าใด แล้วก็เอามาใช้ห่ม ตามถนัดของตัวเอง เอามาพันตัวห่มคลุมกันให้ดูดีก็ใช้ได้ ถนัดออกแบบเราเองท่านไม่ได้กำหนดจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีรูปแบบของพระพุทธเจ้า ห่มคลุมอย่างใด ไม่มี นอกจากคนแต่ละนิกายคนแต่ละพวกกำหนดกันทีหลัง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 09:59:03 )

พระพุทธเจ้าไม่ลงโทษคนที่หลงตัวเอง ถ้าหลงผิดก็ต้องวนเวียนต่อไป

รายละเอียด

คนที่หลงตัวเองว่าตนเองสลายตัวเองได้ หลงตนเองว่าเป็นอรหันต์ได้ก็มีเยอะ แต่มันไม่จริงก็ต้องวนเวียนต่อไปในมหาจักรวาล ไม่เห็นเป็นไร พระพุทธเจ้าไม่ลงโทษคนที่หลงตัวเอง จะไปบังคับได้อย่างไร มันไม่รู้มันไม่มีเจตนาที่จะหลอกใครนะ เขาเชื่อมั่นว่าเขาทำได้ แต่มันไม่จริงเขาไม่รู้ พระพุทธเจ้าก็ยกประโยชน์ให้แก่จำเลยไป เพราะว่ามันหลงจริงๆ จะไปบังคับยังไงมันได้ ถ้ามันจริงมันก็จริงถ้ามันไม่จริงมันก็ไม่จริง ถ้าไม่จริงก็ต้องวนเวียน ถ้าจริงคุณก็จบไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน สุดท้ายแล้วอาตมาว่า พวกคุณคงเข้าใจ ศึกษาให้จริง ใครจะยืนยันความจริงของใครเราก็ฟังเขา ก็พิสูจน์ไป หากพิสูจน์ไปแล้วพบว่าเป็นความหลง มันก็บอกยังไงก็ไม่รู้ แล้วอย่างนั้นจะไปบังคับได้อย่างไร มันมีที่สุด ศาสนาพระพุทธเจ้ารู้จักที่สุดของที่สุด และรู้จักที่ไม่มีที่สุด หาที่สุดมิได้ ก็รู้ ใครยังจะตามไปหาที่สุดไม่ได้ก็ยกมือ... ในเรื่องโลกและอัตตา ตั้งแต่ในพระไตรปิฎก พรหมชาลสูตรเล่ม 1 ก็เข้าไปอ่านได้ อาตมาเข้าใจ แต่บางอย่างยังไม่ถึงที่สุด อาตมาก็พูดเปิดเผยไปแล้ว อาตมายังจะพากเพียรพิสูจน์ต่อไปอีก สิ่งที่ไม่ต้องพิสูจน์ ปรินิพพานเป็นอย่างไร ปรินิพพานเป็นปริโยสานเดี๋ยวนี้ อาตมาก็ว่าไม่สงสัยแล้ว ถ้าหลงผิดก็ต้องวนเวียนต่อไป เป็นจริงคือสัจจะ ใครจะเถียงอาตมาก็ไม่เถียงอะไรกับใครหรอก ถกได้เพื่อแยกดำขาวให้ดูดียิ่งขึ้น อันนี้ควรทำ แต่ถกเถียงเพื่อจะเอาชนะ อาตมาว่าให้คุณชนะไปเลย อาตมายกให้ชนะเลย อาตมาเป็นผู้แพ้ตลอดกาลได้ จะเอารางวัลมาให้ก็ไม่เอา ให้โลกๆนี้ทั้งหมดก็ไม่เอา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:59:52 )

พระพุทธเจ้าไม่เกิด เพราะเหตุใด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่เกิด ให้แต่โพธิสัตว์มาเกิด ก็นานแล้ว  กว่าจะหมดกลียุค พระโพธิสัตว์จะเกิดมาต่อจากพระพุทธเจ้าที่ท่านไม่เกิดแล้ว เพราะคนในขนาดท่านนี้ ถ้าเกิดมาสอนไม่ได้ จะรับได้เฉพาะให้ พระโพธิสัตว์มาสอน ที่จริงพระพุทธเจ้าก็สอนได้แต่ท่านพอแล้ว ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์มาก่อนเหมือนกับพระโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงสุดท้ายแล้วพระพุทธเจ้า จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเป็นชาติสุดท้ายของท่าน ท่านก็สอนแค่อรหันต์ ไม่ต่อพุทธภูมิ ให้พระโพธิสัตว์มาสอนพุทธภูมิและต่อพุทธภูมิกัน ตั้งแต่มหาโพธิสัตว์จะต้องมาเกิดมาต่อภพภูมิ อย่างนิยตโพธิสัตว์อย่างอาตมาก็ต้องมาเกิดมาต่อภพภูมิสืบทอดต่อไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 13:23:03 )

พระพุทธเจ้าไม่ให้เลี้ยงสัตว์ เพราะเหตุใด?

รายละเอียด

ที่เราจะต้องมุ่งไปสู่ทางกสิกรรมเพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก เรื่องของสัตว์ ปศุสัตว์ประมง พวกนี้ ไม่ใช่งานของมนุษย์ที่จะไปวุ่นวาย พระพุทธเจ้าก็ตรัสชัดว่าไม่ให้ไปเลี้ยงสัตว์ เพราะว่าสัตว์มันมีวิบากมีรักมีชังมีจองเวรจองกรรมได้ สัตว์มันเป็นเดรัจฉานไม่รู้เรื่องหรอกมันก็จองเวรจองกรรมลูกเดียว ทำดีมันก็หลงว่ารักมัน ทำชั่วกับมัน มันก็หลงอาฆาตพยาบาทแก้แค้น มันไม่รู้จักการลดอาฆาตพยาบาท ไม่รู้จักการลดละจิตที่รัก ที่ชัง แม้แต่คน ที่ไม่ได้ศึกษาการรู้จักการลดความรักความชังของตัวเองที่จะไปเชื่อมไปสัมพันธ์กันติดต่อและเป็นวิบากแก่กันและกัน คนที่ไม่ศึกษาก็ไม่รู้จักทำได้ …สัตว์ แน่นอน ก็ไม่ได้ นอกจากสัตว์ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ก็ขอละไว้ก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 10:45:24 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์  คือ พระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์และไม่สนับสนุนการกินเนื้อสัตว์ ในสีหสูตรยืนยันการไม่ฉันเนื้อสัตว์ของพระองค์  สีหสูตรมีอเจลกะนิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉันอาหาร คือ สีหเสนาบดี เหมือนกับนายกในยุคโน้นก็บอกให้ลูกน้องไปซื้อเนื้อสัตว์มาทำอาหารถวายพระพุทธเจ้าที่จะมาฉันอาหารที่บ้านพระพุทธเจ้าก็รับนิมนต์  ก็ไปฉันเนื้อสัตว์ที่บ้านสีหบดีเสร็จแล้วพวกอเจลกะ ตะโกนแหกปากอยู่นี่ตะโกนใหญ่เลยว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์เจ้าข้าเอ๊ย  พระสมณโคดมฉันเนื้อสัตว์แล้วๆ เป็นผู้เสื่อมแล้ว  ถ้าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ  อเจลกะเขาจะไปตะโกนแหกปากทำไมจะไปฟ้องประชาชนทำไมในเมื่อพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ  อย่างนี้ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ  ถ้าเข้าใจประเด็นนี้ก็จบแล้วว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:34:43 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:05:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:50:20 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 แต่ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 8

รายละเอียด

วันนี้วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา หรือวิสาขบูชาปุณมี วันนี้วันสำคัญยิ่งใหญ่ ที่โลก ศูนย์รวมของโลก ยกให้เป็นวันยิ่งใหญ่ เป็นวันสำคัญของโลกวันหนึ่ง เป็นวันสำคัญของศาสนาพุทธ และถูกรับรองเป็นวันสำคัญของโลกที่ยิ่งใหญ่ อันนี้เป็นเรื่องรู้กันทั่วไปอยู่แล้ว ในวันวิสาขบูชา มีเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจยังไม่ชัดเจน คือเรื่อง การเกิด การตรัสรู้ การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า 

เมื่อพระพุทธเจ้าหรือเจ้าชายสิทธัตถะอุบัติขึ้น ประสูติออกมา ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 นั้นไม่มีปัญหา คนทุกคนก็เข้าใจ ในที่สุดวันที่สิ้นพระชนม์หมดลมหายใจ เรียกว่าตายนั่นเองในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เหมือนกัน ใน พ.ศ. 80 คนก็ไม่ได้สับสนอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:34:47 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 แต่ท่านตรัสรู้มาก่อนแล้ว

รายละเอียด

คนไปเข้าใจผิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งไม่ใช่ ท่านตรัสรู้ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ชาตินี้ท่านจะมาประกาศตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้า มาเปิดเผยธรรมะของพุทธ สร้างศาสนาพุทธขึ้นมา ในปางที่ท่านเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านไม่ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมอะไรของพุทธ เพราะว่าท่านมีมาแล้ว สมบูรณ์มาแล้ว ในชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร หากท่านมาปฏิบัติอีกจะมีเวลาเผยแพร่อย่างไร แต่ว่าท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณเต็มถ้วนหมดแล้ว เขานั้นรู้ผิด อาตมานั้นรู้ถูก พระพุทธเจ้าก็เป็นแต่เพียงว่าเราระลึกว่าเราเป็นพระพุทธเจ้านี่เอง แล้วก็เอามาตรัส คือตรัส สิ่งที่ท่านรู้มาแล้วเอามาตรัส คือตรัสรู้ ตรัสที่ท่านรู้สู่โลก ให้มนุษย์โลกได้รู้ตาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2565 ( 12:30:53 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสให้ออกป่าเลยสักองค์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสคำสำคัญ พอท่านสอนสาวกบรรลุ 60 รูปแรก ท่านตรัสว่า เธอจงแยกกันเข้าไปในนิคม ไม่ได้ให้ออกป่าเลยสักองค์ นี่คือรายละเอียด อ่านพระไตรปิฎกให้แตก พวกเธออย่าได้ไปร่วมทางเดียวกันสองรูป  จงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น  งามในท่ามกลาง   งามในที่สุด    จงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ-ทั้งพยัญชนะ นี่คือสภาวะของเทวะ ให้ครบบริบูรณ์  บริสุทธิ์   สัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลี  คือกิเลสในจักษุเหลือน้อย ยังมีอยู่   เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม  ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี  ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็จักไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  เพื่อแสดงธรรม (พตปฎ.เล่ม 4  ข้อ 32) อย่างน้อย 60 องค์แรกก็ให้ไปในเมืองหมดเลย ไม่เหลือให้ออกป่าเลยสักองค์ ขอให้คุณฟังอาตมาไปเรื่อยๆ ขอให้ติดตามดีๆ เรียนรู้ฟังอาตมาไป อันไหนที่พอเชื่อก็เอา อันไหนไม่เข้าท่าเห็นว่าไม่ดีก็ไม่ต้องเอา หากฟังแล้วไม่เข้าท่าสักทีก็ไม่เอาแล้ว ที่คุณฟังมาก็กรุณามากแล้ว ขอบคุณมากแล้วที่คุณฟังและอดทนติดตาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธทีั่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 13:05:18 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้นั่งสมาธิตอนตรัสรู้

รายละเอียด

เรื่องนี้ตอบแล้วจะยาว พระพุทธเจ้านั่งสมาธินั้นเป็นการฟื้นความจำที่ท่านได้ผ่านมาแล้ว ระลึกเอาความจริงของท่านที่ได้บรรลุธรรมมาแล้ว ยามที่ 1 ยามที่ 2 ยามที่ 3 ก็นึกว่ามาแต่ชาติก่อน ผ่านอะไรมา บรรลุธรรมอะไรมา มันเป็นการท่านเรียกว่าเตวิชโช นั่งระลึกชาติ นั่งทบทวนสิ่งที่ได้ผ่านมา มันไม่ใช่การ จะเรียกว่าสมาธิมันไม่ใช่ จริงๆไม่เรียกว่านั่งสมาธิหรอก ท่านใช้จิต ระลึกย้อนไปโดยที่จิตของท่านมีพลังพิเศษแล้ว ที่จะระลึกย้อนไปไม่ใช่นั่งสมาธิ คำว่าสมาธินี่มันยากไม่ได้ง่ายๆที่จะอธิบายกัน ที่เขาเข้าใจทั่วไปเป็นภาษาโลกีย์ให้นั่งนิ่งเฉยหยุด แค่นั้นเอง ซึ่งมันไม่ได้เรื่องอะไรเลย เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้านั่งในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ระลึกเอาของเดิมที่พระพุทธเจ้าผ่านมา ที่บรรลุเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว ไม่ใช่ท่านนั่งปฏิบัติธรรมมาแล้ว ระลึกถึงสิ่งที่ได้ปฏิบัติผ่านมาแล้ว จนได้รู้ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า แม้ระลึกในคืนนั้นท่านก็ยังต้องมาตกผลึกอีกตั้ง 49 วัน ทบทวนในสิ่งที่ท่านผ่านมามีอะไรบ้าง เสร็จแล้วถึงจะได้เริ่มต้นประกาศตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ก็เดินหาผู้ที่จะไปประกาศบอก ไประลึกถึง อาฬารดาบส อุทกดาบส ก็พบว่า2 องค์นี้ตายไปแล้วแล้วตายขณะนั่งหลับตาด้วย ก็จะช่วยไม่ได้แล้ว จึงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รู้ว่าอยู่ที่ไหนท่านก็ไปโปรด มีอัญญาโกณฑัญญะบรรลุธรรมคนแรก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:11:50 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้นั่งสมาธิบรรลุธรรมวันวิสาขบูชา 

รายละเอียด

อีกอันหนึ่ง พระพุทธเจ้าไม่ใช่นั่งสมาธิบรรลุธรรม ไม่ใช่ได้ปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิ แต่ท่านนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ท่านทำเตวิชโช ใช้การทบทวนระลึกของเก่ามาเห็นมารู้ เตวิชโช ท่านถึงระลึกรู้ว่าท่านได้ผ่านมาแล้วบุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นพระโพธิสัตว์ผ่านมามากมายจนเต็มระดับ 9 แล้ว เกิดมาในชาตินี้ต้องมาประกาศศาสนา ลงมาปางนี้เป็นพระสมณโคดมจากเจ้าชายสิทธัตถะ 

เพราะฉะนั้นท่านเลยรู้ตัวเองว่าเราจะต้องมาทำงานนี้ แต่กระนั้นก็ดี จะต้องทบทวนอีก 49 วัน เรียกว่าเสวยวิมุติอีก 49 วัน ทบทวน ระลึกเอา สิ่งที่เป็นของเก่าของท่าน ถึง 49 วัน เลข 7 กับ 7 เป็น 49 ​เสร็จแล้วถึงได้เริ่ม เอาล่ะ มีความรู้สัมมาสัมโพธิญาณขึ้นมาพอสมควร แล้วก็เอามาประกาศศาสนา ตอนแรกก็จะไม่สอนเพราะคิดว่าไม่คุ้ม แต่มีสหัมบดีพรหมมาอาราธนาให้ประกาศพระพุทธศาสนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:59:03 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการอยู่ป่า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการอยู่ป่า อาตมาก็ยังไม่มีคำชัดๆ แต่รู้สึกจะมีที่พระพุทธเจ้าท่าน มีการบริภาษหรือว่าปรามพวกหลงป่าอยู่ป่า แต่ท่านไม่ได้ปรามในการอยู่กับมิตรดีสหายดี สังคม สิ่งแวดล้อมดี อยู่กับโลกธรรมดาชีวิต เพราะการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ต้องหนีเข้าป่า ไม่ต้องไปหลับตา ไม่ต้องหาสถานที่ ปฏิบัติปกติชีวิตสามัญ ปฏิบัติด้วย จรณะ 15 วิชชา 8 ไม่ต้องไปจัดสถานที่  ไม่ต้องไปเต๊ะท่า ไม่ต้องไปหาที่อยู่ ไม่ต้องไปอะไรต่ออะไรเลย เรียนรู้กายในกาย เวทนาในเวทนา  จิตในจิต ธรรมในธรรมเท่านั้นแหละ ซึ่งมันก็ไม่ง่ายนะ เข้าใจยาก แต่ว่าปฏิบัติแล้วได้ง่าย แต่ปฏิบัติพวกนั้นมันได้ยาก แล้วมันจะไม่ได้ด้วย แต่ของพระพุทธเจ้านี้ถ้าเข้าใจสัมมาทิฏฐิแล้วมันได้ ได้มากได้น้อยก็ได้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆอธิบายไป มันเพี้ยนมันเสื่อมไป นานแล้วมันเสื่อมสนิท อาตมาก็ต้องมารื้อฟื้นอย่างหนัก แต่มันก็ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก  

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้มีปัญญาผ่าสุขผ่าทุกข์ วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 10:21:21 )

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการอยู่ป่ามากกว่าอยู่ชุมชน

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการอยู่ป่ามากกว่าในชุมชน เห็นไหม การเข้าใจภาษาที่มาเรียนกันเพราะพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐเป็นของพระมหากัสสปะ ซึ่งเป็นผู้ที่มีจริตจมป่า ตามตำนานนั้นเป็นพระป่ามานานมาก ฝึกฝนแบบพระป่า จึงมีจริตเป็นหนึ่ง เอก ในยุคพระพุทธเจ้าก็ตาม ก็เป็นเอก เป็นพระติดป่าจนพระพุทธเจ้าจำนน เออ กัสสปะจะอยู่ป่าก็ต้องยอม แล้วต้องเข้าใจให้ได้ว่าพระกัสสปะอยู่ป่า แต่ต้องมีสัมมาทิฏฐิว่า การอยู่ป่าไม่ใช่ของที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ พระกัสสปก็ไม่กล้าที่จะไปดึงประชากร หรือเพื่อนพรหมจรรย์ เข้ามาอยู่ป่าทั้งหมด ใครพอใจจะอยู่กับพระกัสสปะก็เปิดให้เป็นปากเปิดเอาไว้ ก็มีศิษย์อยู่จำนวนหนึ่งแต่น้อย เท่านั้นเอง

ส่วนผู้ที่เจริญคืออยู่ในสังคมเมือง เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติทั้งหลายแหล่ คนอยู่ป่าก็เป็นคนยังไม่เจริญ เป็นพวกมิลักขะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:10:14 )

พระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนวิสุทธิมรรคนี้เขียนผิดเพี้ยน

รายละเอียด

นั่งหลับตานั้นผิดตั้งแต่ต้นแล้วศาสนาพุทธ ลืมตามีสัมผัสเป็นปัจจัย จะเอาพระสูตรไหนมายืนยันก็แล้วแต่ ปฏิบัติมีผัสสะเป็นปัจจัย มีเวทนาเป็นตัวกรรมฐานเป็นตัวปฏิบัติ ไม่ใช่ไปนั่งกรรมฐาน 40 ไปนั่งสะกดจิตจ้อง อันนั้นมันเป็นเดียรถีย์เข้าปฏิบัติธรรมหมด คุณไปเชื่อสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ที่เอาตำราพระวิสุทธิมรรคมาอ่านกันนี้นะมันผิด น่าสงสารประเทศไทย พระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนวิสุทธิมรรคนี้เขียนผิดเพี้ยน พูดไปเหมือนกับตียอดอกเขาเลย มันมีส่วนถูกบ้างในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ไม่ใช่ไม่มี แต่สิ่งที่ผิดจากนั้นที่เอามาพูดนี้ ให้ฟังบ้าง ไม่เช่นนั้นจะแก้กลับไม่ได้เพราะมันไม่ถูก อาตมาไม่อยากพูดหรอกว่าอาตมารู้ดีกว่าพระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนวิสุทธิมรรคนะ อาตมาไม่ได้กระทบพระพุทธโฆษาจารย์ในประเทศไทยนะ แต่พูดถึงพระพุทธโฆษาจารย์ของลังกา ชาวสิงหล

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:35:17 )

พระพูดการเมืองไม่เหมาะจริงหรือ

รายละเอียด

ผู้เห็นว่าธรรมะไม่ควรยุ่งกับการเมือง อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด เขาไม่ชัดเจนในเรื่องของสัจธรรม ว่า สัจธรรมนี้มีความเสียสละ มีพลังความไม่มีอัตตาตัวตน สัจธรรมนี้เพื่อสังคมส่วนใหญ่ คำว่าการเมืองคือเพื่อสังคมส่วนใหญ่ เพื่อมวลประชาชน เพราะฉะนั้นคนที่ไปหลงเอาแต่ตัวเองเป็นหลักคนนี้ยังมีอัตตา หรือหลบลี้หนีกลัว ยังไม่ค่อยสู้ ความเห็นอย่างนี้มีเยอะ อาตมาไม่ได้แปลกอะไรอย่างที่คุณมานะเข้าใจ อย่างนี้เข้าใจอย่างนี้มีเยอะ 

คนที่เข้าใจสัจธรรมที่ชัดแล้วเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ เป็นประโยชน์ให้แก่มวลประชาชน เป็นประโยชน์แก่ประชาธิปไตยที่แท้ๆจริงๆ แล้วเป็นคนจริงที่รู้จริงรู้แจ้ง จึงน้อย แม้น้อยก็จะต้องมาร่วมกับการเมืองกับสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้คะแนนมวลประชาชนมีน้ำหนักจริงๆ จึงจะช่วยเสริมให้สังคมมวลประชาชนเจริญงอกงามได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:59:07 )

พระภิกษุปาราชิกเรื่องไหนง่ายที่สุด

รายละเอียด

ก็ท่านบวชมา แต่ถ้าเผื่อว่าท่านปาราชิกแล้วก็ไม่เป็นพระแล้ว อาตมาไม่รู้นะว่าท่านจะปาราชิกหรือไม่ เพราะว่าท่านไปยุ่งเกี่ยวกับการเงิน ถ้าไปตรวจสอบกันดีๆ เงินนี่หากว่าเคลื่อนออกจากที่เพียง 1 องคุลี ด้วยจิตที่เป็นอกุศล จะเป็นการเรื่องทุจริตจากจิตทุจริต เคลื่อนวัตถุเงินเพียง 1 องคุลีก็ปาราชิกแล้วตั้งแต่ 5 มาสกเป็นต้นไป เขาตีราคา 5  มาสกเดี๋ยวนี้เป็นเท่าไหร่ ถ้าจะไปเอากันจริงๆแล้ว จะมีปาราชิกเรื่องเงินกันอีกตั้งเท่าไหร่เพราะมันละเอียด เป็นการจัดทำกรรมอันทุจริตเกี่ยวกับเรื่องเงินมันปาราชิกกันง่ายๆยิ่งกว่าการฆ่าคน ยิ่งกว่า แม้ง่ายยิ่งกว่าเรื่องเมถุน เรื่องเงินนี่ง่ายกว่าอวดอุตริมนุสธรรม ปาราชิก 4 เรื่องเงินทำได้ง่ายที่สุด แล้วก็ปาราชิกกันมากมาย อาตมาได้ภูมิใจในพระภิกษุของชาวอโศก สมณะอโศก แม้แต่สิกขมาตุก็ไปรอด มายุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเป็นระบบสาธารณโภคี อย่าว่าแต่นักบวชเลยแม้แต่ฆาราวาสบางคนก็ไม่ต้องใช้เงินเลย ใช้กินกับส่วนกลางเลย เขาบอกให้ใช้ก็ใช้ เขาไม่ให้เบิกใช้ก็ไม่ใช้ บางทีเราไม่มีกุศลไม่มีบารมีเขาก็ไม่ให้ อาตมาไม่วิจารณ์หรอกว่าท่านเป็นพระหรือเปล่า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:50:27 )

พระภิกษุรับนิมนต์แล้วไม่มา

รายละเอียด

ในสมัยพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงพิโรธพระภิกษุว่ารับนิมนต์แล้วไม่มา จึงเสด็จไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงติเตียนภิกษุ ฯ จึงไม่ได้ผิดศีล ไม่ได้บิณฑบาตตามอาราธนาก็ไม่ผิดศีล

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 16:53:55 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:41 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:50:52 )

พระมหากษัตริย์กับประธานาธิบดีมีนัยต่างกัน

รายละเอียด

ไม่ใช่แค่ 20 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2475 มาแล้ว ก็เป็นจริงอย่างที่คุณว่ามา ถ้าขืนทำอย่างประมาท ทำอย่างที่ตัวเองยึดถือจนกระทั่งเลยเถิดไปล้มล้างเสาหลักของประเทศ อย่างที่เขาทำกัน จะล้มล้างมาให้ประเทศไทยไม่มีสถาบัน ให้มีประธานาธิบดี ด้วยอ้างว่าจะให้ปฏิรูป เขาอาจจะมีจิตใจอย่างนั้นจริงๆขอปฏิรูปสถาบัน ลดพระราชอำนาจ มากกว่านี้หน่อย จริงๆเขาก็ คิดมันก็ไม่เสียอะไรหรอก แต่ว่าคุณไม่เห็นใจคนอื่นบ้างเลย คุณยังไม่เข้าใจในสถานภาพของทุกอย่าง อจินไตยมีเยอะ คุณจะให้พระเจ้าแผ่นดินมีเงินเท่ากับคุณ ต้องเสมอภาค จะให้พระเจ้าแผ่นดินเดินดินกินข้าวแกงแบบคุณ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือจ๊ะ คือมันจะต้องมีฐานะ ขนาดเป็นข้าราชการเป็นหัวหน้า กรม กองต่างๆ มันก็ยังมีชั้นมีฐานะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องของวรรณะ 4 แบบอินเดียนะ แต่มันเป็นเครื่องบอกหน้าที่การงาน เป็นเครื่องบอกถึงความอนุญาตให้ทำได้ประมาณนี้ กำหนดขอบเขตอะไรต่างๆนานา ที่เป็นปัจจุบันธรรม สิ่งที่ยังเข้าใจไม่ได้ก็คือ อจินไตย กรรมวิบาก คนจะมาเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่ไม่มีบารมีมา อะไรก็ไม่รู้ อยู่ดีๆมาเป็นประธานาธิบดีถือถุงเงินมาแล้วก็ไม่เป็นประธานาธิบดีอย่างนั้นมันไม่ใช่นะ ท่านต้องมีกุศลบารมีของท่านหลายอย่าง จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:03:55 )

พระมหากษัตริย์เป็นเทวนิยมหรือไม่

รายละเอียด

คือ  ไม่ใช่เทวนิยมแต่เป็นสัจจะความจริงของโลกที่เราจะต้องรู้ว่าพระมหากษัตริย์ไม่ใช่อยู่ๆจะไปเป็นได้ง่ายๆ คนจะเป็นได้ ต้องมีคนยอมรับนับถือว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นผู้มีอำนาจในรัฐ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นกษัตริย์  หรือ เกษตร แปลว่า ขอบเขต  คือ อยู่ในขอบเขตที่ผู้ที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ข้าวของ ดินน้ำไฟลม พืชพันธุ์ธัญญาหาร จนกระทั่ง ถึง สัตว์ ถึง คน อยู่ในแผ่นดินนี้ เป็นของท่านนี้เป็นภาษาสมัยเก่า  สมัยใหม่กษัตริย์ก็ไม่ควรจะยึดเป็นเราเป็นของเรา นี่เป็นคำสอนของสาศนาพุทธไม่ควรจะยึดถือเป็นเราเป็นของเรา แต่ควรจะดูแลเหมือนกับเราเป็นพ่อในครอบครัว กษัตริย์ เป็นเหมือนพ่อในครอบครัว ก็ต้องรู้ว่านี่เป็นสมบัติของเราทั้งหมดแล้วเราก็ต้องช่วยดูแลจัดสรร เป็นพ่อเป็นผู้ใหญ่กว่าในบ้าน เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือ ลูกหลานในบ้านทุกคนเท่าที่จะทำได้ ด้วยวัตถุ ด้วยพลังงาน ด้วยความรู้ ด้วยพระเมตตา ด้วยอะไรทั้งหมด กษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรม เป็นกษัตริย์ที่ดี ช่วยเหลืออยู่ อย่างพระมหากษัตริย์ไทย อยู่อย่างมีทศพิธราชธรรม ทรงงานอย่างที่เห็นมาตลอด แต่ละองค์มี จริยวัตรให้ศึกษา  พูดอย่างเป็นสัจจะ แต่พระมหากษัตริย์องค์ใดที่มีข้อบกพร่อง บางองค์มีก็ผ่านไปแต่สิ่งดีที่ท่านทรงเป็นเราก็ยอมรับมันก็คือสิ่งนั้น ข้อบกพร่องท่านก็เป็นกรรมวิบากของท่านเราไม่มีหน้าที่ที่จะไปจัดสรร เราถือว่าเราได้ยกไว้สำหรับพระมหากษัตริย์ แม้แต่กฎหมายก็ออกยกเว้นให้แล้วเพื่อจะได้เป็นอภิสิทธิ์ชนิดหนึ่ง เป็นศิลปะชนิดหนึ่งของสังคมโลก ไม่เช่นนั้นเราไม่มีข้อยกเว้น มันก็เลยไม่มีเรียงลำดับ เป็น  1 2 3 4 5 6 7 8 9 10  ลำดับในโลกจะไม่มี   ผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ก็รู้ว่าท่านเป็นเบอร์หนึ่งที่ต้องทรงทศพิธราชธรรม หรือจะเจริญยิ่งกว่าทศพิธราชธรรม อย่างพระมหากษัตริย์ของเรา โดยเฉพาะรัชกาลที่  9 ทรงงานตลอด  70 พรรษาจะได้เห็นพระจริยวัตรของพระองค์อย่างยอดเยี่ยมเลย แม้แต่ต่างประเทศเขาก็ยอมรับในพระจริยวัตร ครองราชย์ 70 พรรษา นานที่สุดในกระบวนการของกษัตริย์ที่มีบันทึกเอาไว้ในโลกนี้ นอกจากจะครองราชย์  70 ปีแล้วยังมีพระจริยวัตรทั้ง 70 ปีอย่างน่าเครารพนับถือบูชาอีกต่างหาก  มีคนบอกว่าท่านทรงงานอย่างไม่หลับไม่นอนเลยในบางครั้ง แม้แต่ทรงพระประชวรก็ยังทรงงานเพื่อประชาชนเป็นความจริงในพระราชหฤทัยของท่านที่แสดงออกมาตลอด คนถึงเคารพนับถือท่าน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 15:00:19 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:52:35 )

พระมหากัจจานะสอนพ้นการครอบงำ

รายละเอียด

ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย  จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยตาและรูป  เพราะประชุมธรรม 3 ประการ  จึงเกิดผัสสะ   เพราะผัสสะเป็นปัจจัย  จึงเกิดเวทนา  

บุคคลเสวยเวทนาอันใด ก็จำเวทนาอันนั้น   บุคคลจำเวทนาอันใด  ก็ตรึกถึงเวทนาอันนั้น   บุคคลตรึกถึงเวทนาอันใด ก็เนิ่นช้าอยู่ที่เวทนาอันนั้น   บุคคลเนิ่นช้าอยู่ที่เวทนาอันใด  ส่วนแห่งสัญญาเครื่องเนิ่นช้า  ก็ครอบงำบุรุษ  เพราะเนิ่นช้าอยู่ที่เวทนานั้นเป็นเหตุ  ใน “รูป”  ทั้งหลายที่พึง จะรู้ด้วยตาเป็นอดีตก็ดี เป็นอนาคตก็ดี  เป็นปัจจุบันก็ดี.  

ที่มา ที่ไป

เล่ม12/247
ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 12:45:25 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:53:38 )

พระมหากัสสปะ

รายละเอียด

พระมหากัสสปะ  คือ พระมหากัสสปะท่านอยู่ในป่าเป็นหลัก จนกระทั่งถือว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ของสายพระป่า

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:46:11 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:54:05 )

พระมหากัสสปะ หลุดพ้นได้ แต่ก็ต้องจมอยู่กับป่า

รายละเอียด

เมื่อกี้นี้ก็อธิบายไปแล้ว พระมหากัสสปะ หลุดพ้นได้ แต่ก็ต้องจมอยู่อย่างนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่จำเป็นต้องเอาอย่างหรอกมันสุดโต่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยทำทุกรกิริยามาได้สุดโต่งทุกอย่าง ทรมานขนาดไหนทำได้หมด มันเป็นได้ในมนุษย์ มีวิบากขนาดนี้ก็ยังหลุดพ้นได้ แต่มันจะต้องไปเอาความสุดโต่งไปทำไมถึงจะหลุดพ้น เพราะฉะนั้นคนจำนวนหนึ่งที่จะไปเป็นลูกศิษย์พระมหากัสสปะ ก็มีจำนวนไม่มาก แต่ส่วนรวมคือจำนวนมากเทียบไม่ได้หรอก พระกัสสปะก็มีคนไปปฏิบัติด้วยเป็นเพียงคนส่วนน้อย ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ สุดท้ายท่านก็ยังจะอยู่ป่า บรรลุแล้วท่านก็จะขอสอนคนจำนวนนั้นมันเป็นเรื่องอจินไตยอย่างหนึ่ง จะมีบริวารของท่าน ท่านก็ช่วยบริวารของท่านให้เข้าใจความหลุดพ้นว่าที่จริงมันไม่ถูกนะ เพราะฉะนั้นบริวารบางรูปของพระมหากัสสปะนั้น สุดท้ายก็จะไม่อยู่กับพระมหากัสสปะก็ไปอยู่กับที่เหมาะควรไม่อยู่ป่าแบบนั้นจะมี นี่คือสิ่งที่อาตมาพยายามอธิบายได้ คนที่ไม่รู้ก็สงสัยอย่างที่คุณคนนี้เขียนมา ทีนี้ไปถามอุบาลี ว่าทำไมพระพุทธเจ้าห้าม ไม่เหมือนกับของพระมหากัสสปะ เพราะพระกัสสปะ สุดวิสัย ต้องปล่อยท่าน แต่ถึงอย่างไรพระมหากัสสปะ มีคนเข้าใจผิดว่า พระมหากัสสปะจะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:37:40 )

พระมหากัสสปะจะไม่ต่อพุทธภูมิ

รายละเอียด

ก็ขอยืนยันความรู้ของอาตมาว่าพระมหากัสสปะจะไม่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งดอก เป็นแต่เพียงว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญพุทธภูมิต่อไปหรือไม่ ยังสงสัย เพราะว่าสุดโต่งไปในทางดับ อาตมาประมาณได้ตามภูมิว่าพระมหากัสสปะปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่ต่อภพภูมิ เพราะชอบอยู่สงบ ชอบจบ ไม่ได้ชอบต่อ พระกัสสปะ ชอบจบ ชอบหยุด ชอบนิ่ง ชอบสงัด  ชอบสูญ เพราะฉะนั้นอาตมาพยากรณ์ได้ว่าไม่ต่อพุทธภูมิ ได้ของตัวเองสุดโต่ง เท่านั้นเอง

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:39:49 )

พระมหากัสสปะเป็นคนที่เท่าเทียมพระพุทธเจ้าคืออย่างไร

รายละเอียด

ที่นี่ก็มีคนบอกว่าพระมหากัสสปะเป็นพวกนอกรีต คนก็จะไม่เข้าใจก็จะไม่เคารพพระมหากัสสปะ พระพุทธเจ้าก็ช้อนไว้ ว่าพระมหากัสสปะ เป็นคนที่เท่าเทียมกับเรา เขาเข้าใจไม่ได้ว่าความเท่าเทียมคืออย่างไร พระพุทธเจ้าปฏิบัติได้อย่าง เข้มๆหนักๆ ทุกรกิริยา จัดๆ ท่านทำได้เท่ากัน กับพระกัสสปะ แต่ท่านไม่ทำแล้ว ท่านก็เลยช้อนพระกัสสปะ ประเดี๋ยวคนจะเกลียดชังพระกัสสปะ ท่านก็ช้อนช่วยพระกัสสปะ นี่คือนัยยะที่สำคัญที่คนไม่เข้าใจก็จะพูดกัน ต้องเข้าใจว่านัยยะท่านอนุโลมช่วยไว้ นัยยะนี้เอากลางๆแบบนี้ เพราะว่าพระไตรปิฎกฉบับนี้พระมหากัสสปะเป็นประธานในการเก็บรวบรวม เพราะฉะนั้นเขาก็มีเชิง เข้าข้างพระกัสสปะไม่มากก็น้อย ถ้าพระไตรปิฎกนี้ให้พระสารีบุตรรวบรวมก็จะไม่เป็นแบบนี้ หรือให้พระอานนท์มารวบรวมก็ไม่เป็นอย่างนี้ ก็ยังดีนะที่มีพระอานนท์ไม่น้อยในนี้ แต่พระสารีบุตรก็มีอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:22:20 )

พระมหาศาล คือ

รายละเอียด

แต่พวกเราอย่างทุกวันนี้นักบวชพระพุทธเจ้า ทางเถรสมาคมอยู่กับกองทรัพย์สินลาภยศ เป็นพระมหาศาลเหมือนอย่างยุคที่มันเสื่อม พระพุทธเจ้าท่าน ตรัส แต่ก่อนเขาเรียกพราหมณ์มหาศาล พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็มาถูกเรียกเป็นพระ มาเรียกทีหลัง อย่างเมืองไทยใช้คำว่า พระ ที่อื่นก็ไม่ได้ใช้คำว่า พระ ตาม เป็นพราหมณ์มหาศาล อย่างไทยก็เลยกลายเป็นพระมหาศาล คือพระที่มีทรัพย์สินเงินทอง มีลาภมียศมีสรรเสริญ เสพสุขโลกีย์สุขสบาย แย่งชิงกันไป หาทุกข์ใส่ตัวเอง ถ้าไม่หาทุกข์ใส่ตัวเองกินสบาย มีวิธีการ มีพิธีการอันนั้นอันนี้ ซึ่งไปแปลงพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า มีพิธีทอดผ้าป่า มีพิธีทอดกฐิน มีพิธีทำทานบริจาคทำบุญ ปิดทองฝังลูกนิมิต มีงานไอ้โน่นไอ้นี่ ทำให้คนมาบริจาค ทาน เสื่อมเสียหมดเลย ศาสนาพระพุทธเจ้าเลยกลายเป็นศาสนาที่เละเทะ เห็นแก่ลาภเห็นแก่ยศ แล้วก็ตั้งยศตั้งศักดิ์ แล้วก็หลงติดยศติดศักดิ์กันอย่างนั้นแหละ แล้วก็มามีสรรเสริญ 

แล้วก็สรรเสริญผิดๆด้วย สรรเสริญคนที่หลงมีลาภยศโก้เก๋ แม้แต่ที่สุดมีความรู้ ความรู้ที่ไม่สัมมาทิฐิแต่ก็ไปสรรเสริญกันยกย่องกันเป็นคนมีความรู้ รู้มากบางทีเป็นคนรู้มากเฉยๆแต่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ มิจฉาทิฏฐิ เช่น เข้าใจคำว่า กาย ก็ยังไม่สัมมาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2566 ( 11:36:27 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์