คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความจริง มีสัจจะในตัวเองแล้วว่า ผู้นี้ไม่มีตัวตน มีแต่ให้ ไม่ใหญ่มีแต่เล็ก มีแต่แพ้ แต่ผู้ที่มีนี้ไม่ใช่ผู้ที่สิ้นไร้ไม้ตอก แต่เป็นผู้ที่มีอย่างที่เขามีกันได้ แต่เสียสละ คนจะแย่งกัน เอาไปเลย แล้วเราอยู่ได้ เพราะเรารู้จักปัจจัยของชีวิต เช่น ปัจจัย 4 บริขารบ้าง จึงมีแต่ส่วนน้อย จึงเป็นผู้ที่เรียกว่า เป็นพวกอัปปิจฉะ เป็นพวกมักน้อย
เพราะฉะนั้นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกที่อุ้มชูโลกอยู่คือ พวกโลกุตรธรรม เป็นอาริยบุคคลที่แท้จริงไม่ใช่ มิลักขะ เป็นคนเถื่อน ยังมีตัวตน มีอำนาจไปแบ่งไปทับ ไปแย่งชิง ต้องฆ่าแกงกันอะไรอยู่
ความรู้เหล่านี้ อาตมาอธิบายธรรมะเพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้ พูดเปรียบเทียบไปถึงขั้นประเทศ จีนก็ดี อินเดียก็ดี รัสเซียก็ตาม แม้พาดพิงไปเกาหลีเหนือนิดหน่อย และเปรียบเทียบกับประเทศไทย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3 วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:54:31 )
รายละเอียด
ขอพูดตรงนี้เลยว่า ไม่มีเศรษฐศาสตร์ทฤษฎีไหนยิ่งใหญ่เท่าทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่เป็นสาธารณโภคีนี้หรอก ไม่มี เศรษฐศาสตร์บทไหนทฤษฎีไหนของนักเศรษฐศาสตร์ของโลกล้วนเป็นเทวนิยมทั้งนั้น แต่ของพระพุทธเจ้า อเทวนิยม
หักกลับเลย เพราะว่าเทวนิยมต้องให้ไปรวยรวยรวยแต่ว่า อเทวนิยมจะให้ไปจนเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 นี่ที่อาตมาอธิบายได้ เพราะมีพวกคุณยืนยันว่าปฏิบัติได้จริงจนเป็นสังคมเป็นหมู่บ้านกระจายอยู่ในประเทศไทยจนบัดนี้ สาธารณโภคีหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านใหญ่ก็เป็นสังคมที่ดำเนินเศรษฐศาสตร์มีบทบาทเศรษฐกิจ สาธารณโภคีพิสูจน์มาแล้ว 40-50 ปี ยังไม่พอหรอกเขายังเข้าใจได้ยาก เขายังไม่ยอมเชื่อว่า 50 ปียังไม่พอ ต้องพิสูจน์สัก 100 ปีกูถึงจะเชื่อ เอ็งก็เกิดมาตามรู้ให้ได้นะ ทำไมรู้ช้าอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 19:20:50 )
รายละเอียด
สรุปลงที่ว่า เศรษฐศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดมาเป็นคนจนวรรณะ 9 ยืนยันชัดเจนที่สุด อาตมาแปล อัปปิจฉะว่า กล้าจน ชอบจะมีน้อยๆ น้อยที่สุดก็เป็น 0 อยู่ที่ตัวที่ 7 อปจยะ ไม่สะสม ผู้ไม่สะสมเลยก็เป็นศูนย์แต่ยอดขยัน วิริยารัมภะ คู่สุดท้ายของวรรณะ 9
ผู้ที่มีวรรณะ 9 ได้ พฤติกรรมของแต่ละคน มีกรรมกิริยา มีชีวิตอยู่ด้วยวรรณะ 9 เป็นคนเจริญ วรรณะ คือ the classes เป็นคนที่มีชั้นวรรณะสูง ไม่ใช่ชั้นวรรณะแบบพราหมณ์กษัตริย์แพศย์สูตร 4 เหล่า แต่เป็นคุณธรรมความประเสริฐของคน ถ้าคนที่มีวรรณะ 9 ครบเป็นคนสุดประเสริฐเลย
อาตมานำ หลักใหญ่ของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติประพฤติจนได้ผล อาตมาถือว่างดงามสำเร็จถึงขั้นสาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี ซึ่งมันเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ประชาธิปไตยเขาต้องการ คอมมิวนิสต์ก็ต้องการ คือเป็นคนจน จนขนาดทำงานอยู่ในนี้ อยู่ในหมู่เรา ทำงานเสร็จ ก็ไม่เอาเข้าเป็นของส่วนตัวเลย เข้าส่วนกลางทั้งหมด 100% เรียกว่าเสียภาษี 100% ให้แก่ส่วนกลาง ไม่มีที่ไหนในโลกเด็ดขาด เท่าที่อาตมาอยู่ในสังคมมนุษย์ แม้จะเป็นกลุ่มสังคมอาร์มิช
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:00:43 )
รายละเอียด
คนจะมีภูมิธรรมระดับวรรณะ 9 แล้วจะเกิดผลตามพุทธพจน์ 7
1. สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)
2. ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี-ปรารถนาดีต่อกัน) .
3. ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)
4. สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน) . . .
5. อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน) .
6. สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่) .
7. เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)
จะเกิดได้เพราะมีพุทธพจน์ 7 จะทำให้เป็นคนมีวรรณะ 9
1. เลี้ยงง่าย (สุภระ)
2. บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)
3. มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) . .
4. ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ)
5. ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ)
6. เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์)
7. มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)
8. ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9
9. ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) .
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562
หนังสืออ้างอิง
โกสัมพีสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 22 ข้อ 282-283
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:11:12 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:24:13 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:38:27 )
รายละเอียด
เศรษฐศาสตร์ระดับสาธารณโภคี คือสิ่งที่แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ เศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ สิ่งที่แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ทุกคนมีกินมีใช้ แบ่งใช้จากกองกลางสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือ คอมมิวนิสต์ก็ตาม ต้องการ ลาภ หรือรายได้ หรือวัตถุหรือเงินทองของคนเอามาใส่กองกลาง มีทองคำเอามาใส่กองกลาง มีธนบัตรมากองกลาง แยกไปเป็นภาษาวิธีการของโลกก็คือ ให้เสียภาษีเข้ากองกลางให้มากที่สุด (ระบอบ)ไม่ว่าคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าประชาธิปไตย เศรษฐศาสตร์เขาต้องการให้คนเอาเข้ากองกลางหรือเสียภาษีทางตรง ทางอ้อม (บังคับด้วย)วิธีการอะไรก็แล้วแต่ ให้ได้มากที่สุด
เศรษฐศาสตร์พระพุทธเจ้า เสียภาษี 100% ชนะประชาธิปไตยชนะคอมมิวนิสต์ พวกไหนหนอ…ทำได้? (โยมทั้งหลายตอบ..อโศก) อโศกทำสำเร็จ
แล้วคนก็ไม่ฉุกคิดว่า พวกอโศกมันทำได้ยังไง มันก็จิตวิญญาณมันก็มีความรู้ หรือมันมีจิตวิญญาณที่มาทำอย่างนี้ได้ยังไง มันเอาตัวรู้ตัวไหน มันเอาตัวยอม มายอมจน มายอมมักน้อย มายอมไม่เอาเปรียบ มายอมเป็นผู้ที่เสียสละให้แก่คนอื่น จิตอย่างนี้มันเป็นไปได้ยังไง ให้คนมาเป็นจิตอย่างนี้ได้ยังไง พวกคุณบ้าหรือเปล่า (เสียงโยมตอบ บ้า บ้าอยู่) ทำไมมันไม่เหมือนโลกเขา โลกเขาจะต้องไปรวย เขาจะต้องไปแย่ง จะต้องไปใหญ่โตมีอำนาจบาตรใหญ่ ทำไมพวกคุณไม่เป็นอย่างที่เขาเป็นล่ะ
มันสุดยอดแล้ว มันเป็นสภาวะ 2 ที่คุณจะเอาอันใดจะเห็นอันใดด้วยปัญญาด้วยธาตุรู้ ด้วยความจริงใจที่มันเป็นความเข้าใจ เห็นดี เห็นงาม แล้วก็มาเป็นอย่างนี้เลย ไม่มีใครมาบังคับ อิสรเสรีภาพ มันเป็นความพอใจ เป็นความเห็นดีเห็นงาม
บางคนทำ มันมีลึกๆ มีกิเลสว่าทำอย่างนี้มันรู้สึกเท่ห์ มีองค์ลงบ้าง หรือมีอะไรเข้ามาแล้วเราก็(ต้องดิ้น) บางคนเขาก็ไม่อยากเป็นนะ ไม่อยากเป็นแต่มันเป็นอุปาทานที่เขาไม่รู้ มันอวิชชา ไปติดไปยึดอยู่โดยที่จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึกของเขายังติดอยู่ แล้วมันก็ออกมาเป็นบทบาทข้างนอก
เพราะฉะนั้นอย่างหมอปลารักษาก็บรรเทาไป มันไม่หายหรอก หายก็ต้องมาศึกษาของพระพุทธเจ้าให้รู้ชัดเจน ถ้าไม่ประสาทที่มันแก้ไม่ได้แล้ว ถึงขั้นต้องกินยา หายหมดทุกคน ถ้าประสาทที่มันแก้ไม่ได้ ต้องกินยา พระพุทธเจ้าก็ไม่รักษาให้ ไม่หาย ไอ้อย่างนั้นมันเป็นคนประสาทเสีย เป็นคนวิปลาสไปส่วนหนึ่งอย่างหนึ่ง ก็รักษายาก
เพราะฉะนั้นมาเข้าใจอย่างที่โลกเขามีสมมุติ เขาสมมุติอย่างนี้ไปด้วยกัน ก็ไม่ต้องออกไปนอกหมู่ ไปมีความคิดประหลาดๆออกนอกหมู่ นอกกลุ่มอะไร อยู่กันอย่างเข้าใจกัน อย่างนี้ก็ใช้ร่วมกัน อาศัยร่วมกัน สนับสนุนกันไป สร้างสรรช่วยกันไป สบาย
อาตมาก็ยังพูดไป พูดไปแล้ว อธิบายไปแล้วก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง อธิบายไม่ละเอียดพอ
สาธารณโภคี นี้ โดยศัพท์ สาธารณะกับบริโภคหรือโภคี คืออาศัยใช้กิน สรุปแปลเป็นไทยง่ายๆ ตามพจนานุกรมฉบับโพธิรักษ์ โภคีคือของที่อาศัยใช้กิน สาธารณโภคีคือแบ่งกันกินกันใช้ที่เป็นของส่วนกลาง สาธารณโภคี
เพราะฉะนั้น ลาภได้โดยธรรม พวกเราไม่ได้ไปทุจริต ไม่ได้ไปแย่งชิงอะไรๆ สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปเบียดเบียน ไม่ไปทุจริต ไม่ไปทำอะไรที่จะไปละลาบละล้วงเอาของคนอื่น เป็นของเราที่มีสิทธิ สร้างแล้ว แล้วก็เอามาใส่กองกลาง
ไม่เอาพลังงานกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อะไรไปทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราเลิกแล้ว แต่ก่อนเราเห็นว่ามันสำคัญ มันเป็นคุณเป็นค่า เราก็เลิก มาทำงานที่เหมาะที่ควร ที่เราพากันทำ อาตมาเน้นพากันทำอะไรมากหนักที่สุด? กสิกรรม เพราะฉะนั้นพวกเรานี่ ชาวอโศกถ้าเป็นนักกสิกรรม ด้วยจิตวิญญาณเลยนะ
แต่คนของเราก็เยอะ ชาวอโศกนี้ มีเยอะที่ยังไม่ชอบกสิกรรม รู้สึกสกปรก รู้สึกมันยาก รู้สึกมันต้องร้อน มันต้องลำบากอะไรต่ออะไร แต่อาหารเป็นหนึ่งในโลกนะ เพราะฉะนั้นจริตนิสัยสั่งสมมา มันไม่ถนัดมันไม่ชอบ ก็จะต้องมาเห็นความจริงให้ได้ว่า ไอ้นี่แหละมันเป็นหนึ่งในโลก มันดีที่สุด
ถึงยังไงชาวอโศกเรานี้ก็ทำอันนี้เป็นพื้น ชาวอโศกทั้งหมดที่ถนัดและชอบทำกสิกรรมกันจริงๆนี่ คุณก็เห็น ก็คนที่ชอบทำกสิกรรมเผลอไม่ได้ไปอยู่ในสวนหมด พวกที่ไม่ค่อยชอบ เผลอไม่ได้เหมือนกัน หนีจากสวนขึ้นมาหมด เห็นไหม นี่มันเป็นความจริงที่ชี้ให้ดู
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:43:29 )
รายละเอียด
เศรษฐศาสตร์วิชาทางโลก คือ ทางโลกเรียนเศรษฐศาสตร์ ยังไม่เข้าถึงสาธารณโภคี ซึ่งประหลาดมาก เขาไม่ได้ซาบซึ้งเหมือนพวกเราคนเล็กคนน้อย แต่ ดร. ทางเศรษฐศาสตร์ยังไม่เกิดฉันทะ หากเขามีฉันทะจะมาศึกษาจะทำมนสิการเป็น ทำจิตตนให้หลุดพ้นได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:03:02 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:24:47 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:38:48 )
รายละเอียด
ขณะนี้การศึกษาเรื่องของเศรษฐศาสตร์โดยมีชาวอโศกนำเศรษฐศาสตร์ระบบสาธารณโภคีกระจาย มีผู้ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทปริญญาเอก มากแล้วตอนนี้ การศึกษากำลังกระจาย แพร่ไปลึกๆแล้ว ผู้ที่กำลังศึกษากำลังเข้าใจ เศรษฐศาสตร์สาธารณโภคี ซึ่งเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สูงสุดยอดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ยังไม่มีใครจะทำได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 17:41:35 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:24:13 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:10 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:39:08 )
รายละเอียด
ชาวอโศกได้ประพฤติปฏิบัติจนเกิดสังคมสาธารณโภคี มีส่วนกลาง เหมือนสังคมที่เขาต้องการ ต้องการเงิน เข้ามาส่วนกลางของรัฐบาล ทั้งคอมมิวนิสต์ ทั้งประชาธิปไตย ทุกประเทศในโลก หรือจะไม่เรียกลัทธิคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยก็ตามหรือเป็นลัทธิอื่นใดเป็นเผด็จการก็ตาม เขาก็ต้องการส่วนกลางให้ได้มากที่สุด แต่ของพุทธนั้นส่วนกลาง กองกลางให้ได้น้อยที่สุดที่จะหมุนเวียนได้ ไม่รันช็อต ไม่ขาดตอน หมุนเวียนได้อย่างสมดุล หมุนเข้าหมุนออกได้อย่างไม่ขาดตอน โดยคงคลัง มีน้อยได้เท่าไหร่ ยิ่งดีที่สุดยิ่งเก่งที่สุด แต่ก็ต้องคงคลังประมาณหนึ่ง มีตามฐานะของบุคคล องค์ประกอบของบุคคลที่จะช่วยบริหาร นี่คือเศรษฐศาสตร์ชั้นสุดยอด
เศรษฐศาสตร์สุดยอดคือสาธารณโภคี ทุกคน ละลดตัวตน ไม่มีตัวตนไม่มีของของตนทำงานเอาเข้ากองกลางหมด กินใช้ร่วมกับกองกลาง แล้วแต่ใครจะได้รับ อย่างผู้ช่วยจะมาบริหาร อยากได้ไปขอแบ่งเขา ก็ไม่ค่อยจะให้ก็เป็นวิบากของใครของมัน ใครยิ่งเป็นหมาหัวเน่าเขายิ่งไม่ให้ มันก็เป็นสัจธรรมที่ตัวเองปฏิบัติไม่เข้าท่า ถ้าปฏิบัติเข้าท่าเขาก็ให้ เช่น ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรและไม่ค่อยจะใช้ ใครๆเขาก็อยากจะให้ มีขาดเหลืออะไรก็ให้ใช้ แต่คนที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็เบิกใช้เอาไป ยักยอกสะสมเป็นของตัวเอง คนนี้เขาก็ไม่มีใครอยากจะให้ เพราะมันผิดประหลาดไปจากหมู่เขา อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร
วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:34:33 )
รายละเอียด
นักเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่าทำเศรษฐศาสตร์เชิงพุทธก็ไม่ได้เข้าใกล้สาธารณโภคีนี้เลย ไปดูเถอะวิทยานิพนธ์หรือว่าวิจัยเล่มใหญ่ๆ ของนักเศรษฐศาสตร์ปริญญาเอก ระดับเป็นพระก็ตาม หรือจะเป็นฆราวาสก็ตาม ทำเศรษฐศาสตร์เชิงพุทธเล่มเบ้อเริ่ม ก็ไม่มีสาธารณโภคีไม่เข้าใจยังไม่เข้าใกล้เลยอย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:55:00 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:24:53 )
รายละเอียด
อย่างเราปฏิบัติเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจขั้นสาธารณโภคีอยู่ในสังคมประเทศ ไม่ได้ขัดแย้งกับกฎหมาย ที่จริงธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ขัดแย้งกับอะไรเลยทุกระบบ ไม่ขัดแย้งกับเผด็จการคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย เพราะว่าเป็นระบบที่ไม่มีตัวตน ยอมเขาได้ทุกอย่าง อนุโลมเขาได้ทุกอย่าง อยู่กับเขาได้ทุกอย่าง อย่างไม่เป็นพิษภัย เป็นประโยชน์ด้วยซ้ำไป เช่น สมมุติว่าอยู่กับเผด็จการเขาแท้ๆ ก็จะอยู่กับเขาอย่างไม่ขัดแย้ง แต่จะพยายามช่วยผู้ที่เผด็จการนั้นให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เขามีเลือดเผด็จการจริง แต่เขาควรจะต้องมีจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเป็นตัวธรรมะ การเผด็จการเป็นพิธีกรรมของทางโลกีย์ ถ้ามีจิตเกิดจิตเจริญ จิตมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาจริงแล้ว แต่จริงๆมันไม่ได้พร้อมกันไปทีเดียวหรอก จิตคนจะเมตตาจะกรุณา แม้จะมุทิตา ยิ่งอุเบกขาแล้วไม่ได้เป็นไปได้ง่ายๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน คนจนที่มี อัปปมัญญา 4
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:29:16 )
รายละเอียด
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็เอามาประกาศ พาทำอยู่ตั้ง 70 พรรษาท่านก็สวรรคตไปแล้ว ประเทศไทยคนไทยศาสนาพุทธ ก็ยังไม่ค่อยกระเตื้อง เอาแบบคนจน มาขาดทุน ขาดทุนนี่แหละคือนักเศรษฐศาสตร์ ไปเอากำไรอยู่นี่คือไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง คนที่ไปเอากำไรเอาเปรียบเพราะเกินทุนได้มากเท่าไหร่ ถือว่าผู้ที่ทำเป้าแห่งเศรษฐกิจของเราให้เจริญ ความคิดแบบนั้นมันเป็นความผิด เป็นการทำลายเศรษฐกิจ มันเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้แก่ตนเองเป็นเศรษฐกิจเห็นแก่ตัว ไม่ใช่เศรษฐกิจแท้ เป็นเศรษฐกิจเห็นแก่ตัว สร้างให้คนเห็นแก่ตัว นักเศรษฐศาสตร์จะพอเข้าใจไหม ต้องมาสร้างให้เป็นคนขยันหมั่นเพียรเป็นคนเสียสละ วิริยารัมภะ แล้วสะพัด แจกฟรีได้หรือขายให้ต่ำกว่าทุนได้ ทำไมขายไม่ได้เพราะมันเหลือมันเกิน ทำไมแจกจ่ายกันกินไม่หมดนะของชาวอโศก เห็นความอุดมสมบูรณ์ความเหลือเฟือของชาวอโศกไหม
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:59:39 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:54 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:39:40 )
รายละเอียด
พูดถึงอดีตจนกระทั่งเรามาอยู่เป็นสังคม จนกระทั่งทรัพย์สินเงินทองกองทรัพย์ที่เป็นวัตถุที่เรียกว่าเงินธนบัตร แบงค์โน้ต ก็เอามาใช้ ก็มีพอสมควร แต่ก็อย่างเศรษฐศาสตร์แบบบุญนิยม ไม่กักตุนไม่สะสมไว้เป็นจำนวนมาก คงคลังก็ไม่มาก สะพัดได้มากเท่าไหร่ดี
แล้วการสะพัดนั้นเป็นการสะพัดที่ไม่ใช่เป็นการสะพัดออก เพื่อจะได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมามากกว่าเก่า นะ สะพัดออกเพื่อที่จะสละให้คุณได้เลย แล้วเราก็อยู่รอด ยิ่งสะพัดได้มากเท่าไหร่นั่นล่ะ คือ GDP ของชาวอโศก พูดให้ชัดขึ้นก็คือ ขาดทุนได้ออกไปให้แก่ผู้อื่นได้มากเท่าไหร่นั่นแหละคือ ความเจริญของ GDP ของเศรษฐศาสตร์อโศก เศรษฐศาสตร์โลกุตระ ซึ่งมันเป็นความย้อนแย้งทวนกระแสกันกับโลกเขา ทวนกระแสจริงๆ จริงใจนะที่ทำที่พูด ไม่ได้หมายความว่าทำโก้ เราทำได้แค่ใดเราก็ทำ ไม่เป็นหนี้ ไม่ลำบาก เราก็ทำอยู่ทุกวันนี้
ที่มา ที่ไป
ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:48:22 )
รายละเอียด
คือ ด้านเศรษฐศาสตร์ทุกวันนี้เขาฟังไม่ขึ้น แต่พวกเรานี้ Advance พวกเราก้าวหน้าไปไกลกว่า ผู้บริหารประเทศไทยแล้ว ที่เขาจะทำให้คนรวยไม่มีคนจนในประเทศเลยจะทำอย่างไรให้ทั้งประเทศไม่มีคนจน ทำไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จะทำให้คนมาจนเท่าๆกัน หมายความว่า มีน้อยการมีน้อยลงมาเท่าๆ กันจะทำได้สำเร็จไหม ทำได้ ถ้าหากจะทำให้รวยเท่ากันหมดนั้นทำไม่ได้หรอก คนที่พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นคนโง่ ในหลวงเป็นสุดยอดพระโพธิสัตว์ ความรู้ที่เป็นความรู้ทวนกระแสโลกให้มาขาดทุน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา แต่พระโพธิรักษ์ต้องเอามาขยายความให้ชัดเจนขึ้น
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:25:29 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:29 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 10:30:45 )
รายละเอียด
อาตมาได้ข้อความต่อไปนี้ มาจาก“กูเกิ้ล”....
คำว่า GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product หรือแปลเป็นไทยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ แปลจากไทยเป็นไทยอีกที คือ การที่นับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตาม โดย GDP ประเทศไทย จะนับการคำนวณเฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นในไทยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนไทย แล้วมีรายได้ที่ต่างประเทศ ไม่นับ อันนั้นเรียก GNP : Gross National Product ที่จะนับเฉพาะรายได้จากคนไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดในโลกนี้ก็ตาม
เขาแถมคำว่า GNP : Gross National Product มาให้อีกด้วยนะ!
ยิ่งใช้คำว่า GNP : Gross National Product นั้นแหละยิ่งเน้นหมายเจาะลงไปที่“เฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นของตนเองในชาติตนเองแท้ๆ เท่านั้น” มันก็ยิ่งชัดเจนว่า เศรษฐศาสตร์ของชาวเทฺวนิยมโลกียะไม่มี“โลกุตระ”
เศรษฐศาสตร์แบบพุทธที่เป็น“โลกุตรธรรม”นั้น แตกต่างจากเศรษฐศาสตร์ของชาวเทฺวนิยมโลกียะหรือแตกต่างจากเศรษฐศาสตร์ของชาว“ทุนนิยม”สากลทั่วไปที่มีนัยสำคัญลึกล้ำมาก
แต่คนเห็นว่า“สุดโต่ง”เกินไป และเชื่อว่า ไม่มั่นคง ไม่ยั่งยืน ไม่เป็นประโยชน์ต่อคน ต่อสังคม ต่อโลก
สากลคนทั่วไปเข้าใจกันตามที่ลอกมาจากที่ท่านผู้รู้ทางเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมแปลกันไว้ ดังที่ยกมาอ้างอิงไว้ข้างบนนั้น
ถ้าพินิจเข้าไปให้เข้าถึงความหมายที่ตรงเนื้อหาแท้จริงแล้ว มันกลับเพี้ยนไปจากความเป็นจริงของเนื้อหาแท้จริงที่เป็นกันอยู่ ซึ่งมีนัยสำคัญอยู่อย่างยิ่งยวดทีเดียว
เริ่มประเด็นที่ 1 นั่นคือ เศรษฐศาสตร์แบบโลกุตระของพุทธ ถ้าระบุลงไปว่า Domestic ที่แปลว่า ภายในประเทศ ก็จะ“ไม่นับ”เอา“ผลผลิต”ที่ขายได้รายได้จาก“ต่างประเทศ” หรือ“ไม่นับ”เอาที่คนไทยในต่างประเทศไปมีรายได้อยู่ในประเทศอื่นเขาแล้วส่งเข้ามาให้เราในประเทศ ปนเปกันหรอก เรา“ไม่นับ”รวมเอาที่เป็น“รายได้”ที่ได้จากภายนอกประเทศ อันไม่ใช่“รายได้”ที่ได้จาก“ผลผลิต”ที่ผลิตจาก“ภายในประเทศโดยเฉพาะเท่านั้น”มารวม
คำว่า “รายได้ที่เกิดภายในประเทศ”นั้น ต้องไม่รวมเอา“รายได้”ส่วนที่ได้จากต่างประเทศเข้ามารวมด้วยเลย ไม่ว่าจะเป็น“รายได้”จากสินค้าที่ไม่ใช่ผลผลิตของไทย หรือจากคนไทยที่ไปได้รายได้จากต่างประเทศเลย
ก็ให้เอาเฉพาะที่เป็น“รายได้ภายในประเทศ”ที่ได้จาก“ผลผลิตภายในประเทศไทย และขายกันระหว่างคนไทยในประเทศไทยเท่านั้น” ที่นับเป็น“รายได้มวลรวมภายในประเทศ” คือ เอาของ“คนไทยที่ผลิตเองขายกันเองในประเทศไทยเอง เป็นรายได้“ทั้งเงิน ทั้งผลผลิตเฉพาะของคนไทยเองเท่านั้น”จริงๆ
“ความแตกต่าง”ของแนวคิดทาง“เศรษฐศาสตร์”ของทุนนิยม หรือที่ยังเป็นแบบ“โลกียะ”ทั่วไปในโลกสากลกับแบบ“โลกุตระ”ของ“พุทธ”ที่เป็น“บุญนิยม” มีเฉพาะของพุทธนั้นมีนัยสำคัญหลายประเด็น
ตามประเด็นที่ 1 ที่สาธยายมานั้น ก็คือ ทั้งๆ ที่ท่านนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมกำหนดหมายว่า “รายได้มวลรวมที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้น” แต่นักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมไพล่ไปคิดเอา“รายได้”ซึ่ง“มันไม่ใช่รายได้มวลรวมที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้น”ตามกำหนดหมายและพูดๆ กันอยู่ทั่วไปเป็นสากลหรอกนะ!
ทว่ามันเป็น“รายได้มวลรวม”ที่บวกเอารายได้จากการขายผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองที่ผลิตภายในประเทศของตนเองแท้ๆ เมื่อส่งออกไปขายแก่ต่างประเทศได้รายได้มา ก็เอา“รายได้”จากต่างประเทศมารวมกันกับทั้งที่เป็น“ผลผลิต”ขายในประเทศด้วย รวม“รายได้เข้าเป็นมวลรวม” มันก็รวมเป็น“รายได้”ที่ขาย“ผลผลิต”ได้ทั้งจากต่างประเทศ รวมกับ“รายได้”ทั้งที่ขายได้ในประเทศ มันเป็นการเหมารวมปนภายนอกกับภายในเป็น“มวลรวม”ทั้งหมดน่ะซี!
นั่นมันไม่ใช่“การขายผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองในประเทศตนเองเท่านั้น”แท้จริงกันที่ไหน? มันยัง“ขี้ตู่”ไปผนวกเอา“ผลผลิต”ที่ขายให้ต่างประเทศ แล้วได้“รายได้”จากต่างประเทศ”แถมเข้ามาอยู่ดี
มันก็เป็น“รายได้มวลรวม”ที่ไปนับเอา“รายได้”จากที่ขาย“ผลผลิต”ออกไปให้แก่ต่างประเทศโน่นมา “รวมเป็นรายได้ปนเปเข้าไปด้วยอีก” แล้วหลงผิดนับว่า เป็น“รายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ”
...มันสำคัญผิดไปมั้ย? พินิจดูกันให้คมๆ แม่นๆ ชัดๆ กันเถิด
พินิจกันลึกๆชัดๆคมๆแม่นๆชัดๆ แล้ว จะเห็นว่า ที่ว่า “รายได้มวลรวมในประเทศเท่านั้น” หรือจากภาษาที่ว่า Gross Domestic Product นี้ มันเป็น“รายได้มวลรวม”คือ Gross
ที่ถูกต้องตรงตามความกำหนดหมายกันแล้วหรือไม่ใช่? มันเป็น“รายได้มวลรวม”ที่เกิดขึ้น“เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น”จริงๆหรือ?
มันต้องเอา“รายได้ที่เกิดขึ้นจากการนับ “รายได้” อันได้ขายกันในประเทศ”เท่านั้นเป็น“มวลรวม”ต่างหาก
ประเด็นที่ 1 นี้ จึงเป็นการหลงผิดในการขาย“ผลผลิต”ที่ควบรวม“รายได้”จากภายนอก ของ“ผลผลิต”ที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ และหรือนับเอาของคนไทยที่ไปได้“รายได้”อยู่ต่างประเทศแล้วส่งเงินเข้ามาให้คนไทยในประเทศไทย ว่า เป็น“รายได้มวลรวม”เฉพาะของไทยคนไทยภายในประเทศไทยเท่านั้น ว่าเป็นการขาย“ผลผลิตไทยกันเองภายในประเทศเท่านั้น” แต่หลงว่า“รายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ”
ประเด็นที่ 2 คือ ความหลงเพี้ยนๆผิดๆ ที่มักจะวิปลาสไปหลงคิดเอา“ตัวเลข”กัน มากกว่าที่เจาะให้ลึกลงไปคิดเอา“เนื้องาน”หรือ“ผลผลิตที่เกิดจากการทำงานโดยตรงของคนผู้ทำงาน”เป็นสำคัญ
คนมักจะหลงผิดไปกำหนดหมายเอา“ตัวเลข”หรือ“จำนวนตัวเลข”มาเป็นเครื่องชี้ว่า เป็น“ความเจริญเนื้อแท้”ของคนกัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งดีทางค้าขายหรือธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่หลงสำคัญกันที่“การเลือกตั้ง” ล้วนมุ่งมั่นหมายแข่งกันที่“ตัวเลข”
ไม่กำหนดหมายกันที่“การทำงานของตัวนักการเมือง”หรือกำหนดหมายกันที่“ผลงานของนักการเมืองทำจริง”มายืนยันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เป็นความสำคัญยิ่งกว่า “การเลือกตั้ง” ที่แฝงไปด้วยเล่ห์กลสารพัด
ประเด็นที่ 3 นั้นคือ ความเป็น“โลกุตรธรรม”นี่แหละสำคัญมากยิ่ง ได้แก่ “ขาดทุนของเรา คือ กำไรของเรา” ประเด็นนี้เองที่ชาวเทฺวนิยมโลกียะเขายังทั้งไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความลึกล้ำของความจริงนี้ ทั้งยังไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติกันอย่างภาคภูมิใจเต็มใจเป็นสุขใจจริงๆจังๆ กันเลย
ชาวพุทธที่เจริญอาริยธรรมเป็น“โลกุตระ”กันได้สำเร็จจริงๆนั้น จะนับเอา“การขาดทุนของเรา” เป็น“ความเจริญพัฒนาก้าวหน้าของเรา” ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่จริงใจด้วย“ปัญญา”อันยิ่ง ว่า ความเป็นผู้ประเสริฐแท้จริงนั้น คือ คนผู้เสียสละ ผู้ขาดทุนให้แก่ผู้อื่นได้ แพ้ผู้อื่นได้ แต่จะไม่ยอมเป็นผู้ผิด
แล้วยินดีเป็น“ผู้รับใช้ผู้อื่น-รับใช้สังคมประเทศชาติ หรือรับใช้โลก ที่ไม่ใช่ทาส หรือผู้รับจ้างเป็นอันขาด”
ประเด็นที่ 4 ยิ่งชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุดในความเป็น“โลกุตระ”ที่แตกต่างยิ่งใหญ่จากระบบ“ทุนนิยม”หรือแบบ“โลกียธรรม”สามัญของปุถุชน
นั่นก็คือ ชาว“โลกุตระ”ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว ไม่มีอารมณ์“สุข”กับ“การได้กำไร” และไม่มีอารมณ์ “ทุกข์” กับ“การขาดทุน”เลย หรือแม้แต่ผู้ยังไม่บรรลุอรหันต์ก็ตาม ที่“สัมมาทิฏฐิ”ดีแล้ว ก็จะ“ไม่ทุกข์”กับ“การขาดทุน” แต่กลับจะ“ยิ่งมีสุข”เกิดขึ้นบ้างในจิตของผู้ยังไม่บรรลุอรหันต์
ประเด็นที่ 5 นี้มันยากยิ่งมากๆเลยที่ชาวเทวนิยมโลกียะจะรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงกันได้ นั่นคือ เครื่องชี้บ่งความเจริญก้าวหน้าของชาวโลกุตระนั้น “ตัวเลข”ที่แจ้งผลรวมสรุปของ“รายได้การค้าขายแต่ละครั้งคราว แต่ละไตรมาส หรือแต่ละ 6 เดือน หรือแต่ละปี แต่ละ 5 ปี 10 ปี อะไรพวกนี้ “โลกุตระ”จะนับเอา“ตัวเลข”ที่น้อยลงๆ ถึงเจริญสุดคือ “0” แม้แต่จะ“0”ในสังคมของเราชาวโลกุตระ ก็ยังอยู่ได้ แม้แต่เราจะขาดทุนจนหมดตัว 0 อยู่สบาย “มีชีวิตพออยู่พอกิน สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”อยู่
จึงนับเป็นเศรษฐกิจที่มีความเจริญก้าวหน้าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ สำคัญยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่ชาวทุนนิยมเขานับว่า เป็นความเจริญก้าวหน้าของเขาชาวโลกียะในโลกส่วนใหญ่
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 20:42:54 )
รายละเอียด
เศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ
เศรษฐศาสตร์โลกุตระก็ทำเพื่อผู้อื่น เศรษฐศาสตร์โลกิยะก็เอาเปรียบเพื่อตัวเอง ได้เปรียบเป็นเชิงชั้น นั่นคือพวกที่เป็นโลกิยะ แต่ผู้ที่ยอมแพ้ไม่ต้องชนะ แต่เรามีสาระที่เป็นสาระเพื่อมวลมนุษยชาติที่แท้กว่า แม้แพ้เขาจะชนะด้วยเปลือก แต่มนุษยชาติได้เยอะกว่า คุณกับมนุษยชาติ มวลมนุษยชาติกับคุณแพ้อย่างนี้ชัดเจน
ทักษิณกับคนไทย มั่นใจว่าคนไทยมีมวลมากกว่าทักษิณ ที่มวลทักษิณกำลังออกฤทธิ์เดชยังเหนื่อย ประชาชนไทยยังไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าหรอก เขาทำอย่างเต็มที่เต็มเรี่ยวแรงเลย
พวกประชาชนคนไทย ไม่ว่ากี่โพล ที่ไม่รับใช้ทักษิณก็ใช้ได้ แม้แต่สื่อสาร ไม่ว่าระดับไหน ถ้ายังมีเศษส่วนรับใช้ทักษิณด้วยวัตถุก็ตัดทิ้งไปได้ ถ้าเป็นสื่อกลางๆ จริงก็จะเข้าข้างประชาชนไม่ได้เข้าข้างทักษิณ หากเอานายกฯตู่มาร่วมด้วย
ทักษิณโกงมากว่านายกตู่ฯ มวลหมู่นายกฯตู่มีมากกว่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:28:43 )
รายละเอียด
ผู้มีภูมิขั้นปราชญ์ ขั้นศาสตราจารย์ ขั้นผู้เรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ของโลกีย์มาอย่างสูงส่งขั้นดอกเตอร์ ขั้นโพสด็อกเตอร์กันก็เถอะ ยังยากมากๆ ที่จะนำ“เศรษฐศาสตร์โลกุตระ”ไปใช้กับสังคมประเทศได้!
ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้พูดถึงความจริงมีส่วนเป็นเชิงข่ม ในโอกาสจำเป็นต้องพูดความจริงนี้ ไม่ใช่จะเบ่งข่มกันหรอกนะ! แต่“โลกุตระ”นั้นมันเป็นเรื่อง“อจินไตย”จริงๆ คือมันเกินกว่าสามัญปกติคนธรรมดาผู้ยังไม่ออกจากกรอบของ“โลกียภูมิ” ที่เริ่มมี“อัญญธาตุ”เกิดขึ้นในจิตวิญญาณกันแท้ๆ ก็จะยังไม่สามารถ“สัมผัส”หรือ“เข้าถึง”เนื้อแท้ของ“วิมุตติรส” เช่น “รสความจนที่สุขสราญเบิกบานใจ” หรือมี“รสที่ได้ขาดทุนเป็นกำไร”กันแท้ๆ เป็นต้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 527 หน้า 391
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2564 ( 17:01:50 )
รายละเอียด
คำว่าความพอคำเดียวนี้ รู้จักคำว่าพอ แล้วผู้ที่สอนเศรษฐศาสตร์ หรือกำลังอย่าว่าแต่สอนเลย กำลังจัดการ เป็นผู้บริหารสังคมประเทศทางด้านเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ ถ้าสามารถรู้อันนี้ได้แล้ว นี่ไปเอาความรู้เศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์แบบโลกีย์มันไม่มีวันจบ แบบโลกีย์ เศรษฐศาสตร์ทุกคนจะต้องให้รวย ทุกคนจะต้องมีมากต้องให้ฐานะคนมีความเป็นอยู่ในระดับรวยเหลือกินเหลือใช้ ไม่ใช่พอนะ แต่เหลือกินเหลือใช้ แล้วมันมีพอหรือ มันเกินกินเกินใช้แล้วสุรุ่ยสุร่าย เอาอำนาจความมีมาก เอาไปข่มคนอื่น เอาไปซื้อคนอื่น เอาไปหาพวกจากคนอื่นถึงอย่างนั้นเลย เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวกลายเป็นมุมกลับจนเกิดคำพูดว่า
ลัทธิทุนนิยม ทุนก็คือเงินทองที่ตัวเองมีเงินทองและมีวิธีการโครงการกองหุ้นต่างๆ แล้วเงินทองต่างๆ อยู่ในองค์กรต่างๆ จนกระทั่งกลายเป็นวิธีเล่นหุ้น อะไรต่างๆ นานา ลัทธิหุ้น หรือพวกประกันชีวิต มันเอาชีวิตมาเป็นเครื่องประกัน ประกันชีวิต พูดไปว่าตายไปแล้วจะได้เท่านั้นเท่านี้ ตายไปจะได้อะไรวะ นี่ประกันชีวิตคือโง่ จนกระทั่งว่าประกันชีวิตแล้วไม่ให้ตายถ้าตายแล้วจะได้เท่าไหร่ ได้มากด้วยนะ หลอกอย่างนี้ คุณจะประกันให้ตายหรือประกันไม่ให้ตายเพราะฉะนั้นจึงมีการฆ่ากันเพื่อเอาเงินประกันชีวิต ซวยไหม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:32:51 )
รายละเอียด
พวกเราชาวอโศก จึงเป็นผู้ที่มีภูมิปัญญาเข้าใจความประเสริฐ เศรษฐะ กับกิจ คือ การกระทำ กรรมกิริยาของเราที่ทำอย่างประเสริฐสร้างสรร จนเหลือเกินเอาไปแจกจ่ายแก่ผู้อื่น ขายก็ขายอย่างถูกๆ ไม่ได้มีแนวคิดอย่างโลก ที่ยิ่งมีมากก็กักตุน มีเชิงชั้นขายแพง มันมีมากก็เอาไปทิ้งทะเลเพื่อราคาจะได้ไม่ตก อย่างที่นายทุนหรือทุนนิยมเขาคิดกัน บ้าๆบอๆ เป็นแนวคิดหายนะ ไม่เข้าท่า
ที่มา ที่ไป
วิถีอาริยธรรมบ้านราช เศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 12:28:04 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:05 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:40:49 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:36:01 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:26 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:41:11 )
รายละเอียด
คำว่า เสฏฐะ เสฏโฐ คือผู้ประเสริฐ ส่วนคนร่ำรวยนั้นเป็นพวกกฏุมพี ไม่ใช่เศรษฐี เศรษฐีนี้ผู้ประเสริฐ เขาไม่ยอมใช้คำว่า กฏุมพี เขาใช้คำเท่ๆ ไปใช้ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นเศรษฐีมาใช้ ขี้หมานะครับ คุณเองพวกกฎุมพีเป็นพวกมีเงินทองเยอะ เป็นพวกชั้นต่ำ แต่ เศรษฐีจริงๆ นั้นเขาเป็นคนจน คือเศรษฐกิจดี
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม คร31ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1 วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 เดือน 8 เดือนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กันยายน 2566 ( 14:24:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:28:28 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:29 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:41:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 13:07:02 )
รายละเอียด
เป็นเศรษฐีหรือเป็นกระยาจก ความรู้สึกที่เป็นกระยาจก แม้เขาจะร่ำรวยเขาก็ยังอยากจะได้มากขึ้นเขาก็คือกระยาจก แต่คนที่มี อย่างพวกเราไม่รวย หายาก ก็หายากอยู่ไม่รวยก็หายากมีน้อย หายาก แต่จิตไม่ได้มีความโลภมาก ขยันหมั่นเพียรสร้างสรร เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าใจสภาวธรรมที่เป็นโลกุตระแบบนี้นี่ มันต้องชัดเจนทั้ง รูปธรรมและนามธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:11:35 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 16:55:14 )
รายละเอียด
มันก็ต้องตายต้องเกิด คุณไม่รู้ คุณไม่ศึกษาธรรมะก็แน่นอน คุณศึกษาธรรมะแม้จะหนีดีหนีชั่วคุณก็หนีไม่ได้ คุณต้องเวียนมาชั่วอีก ขออภัยพูดจริงๆ แม้แต่พระเจ้า แม้แต่ศาสดาของเทวนิยมคุณไม่พ้นชั่วหรอก ขออภัยที่พูดสัจธรรม คุณไม่พ้นหรอกเพราะคุณไม่รู้รายละเอียด จบกิจข้อที่ 1 คุณยังทำไม่ได้เลย เพราะคุณไม่รู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน คุณไม่รู้รายละเอียดของจิตเจตสิก รายละเอียดของสภาวะพลังงานทางจิตวิทยา ชีววิทยาที่อาตมาขยายไป คุณไม่รู้คุณทำไม่ได้ แต่พุทธนั้นทำได้ แม้แต่ยังเป็นๆ ยังไม่ตาย คุณจะทำให้จิตเป็นอุตุ คุณจะทำให้จิตเป็นพีชะ คุณจะทำให้จิตเป็นจิตนิยาม คุณก็ทำได้แล้วตอนเป็นๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 14:18:54 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 08:38:44 )
รายละเอียด
คือ ประสิทธิภาพของไดนามิก cyclic ของการปรุงแต่งการเกิดเป็นองค์รวมสภาพตัวตนขึ้นมา พยัญชนะรากเหง้าเหล่านี้มันมีความหมายในตัวมันเอง
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:19:14 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:29:14 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:41:50 )
รายละเอียด
สรุปแล้ว เศษดิน น้ำ ไฟ ลม มันไม่เหลือความจำ มันไม่มีแล้วสัญญาความจำ มันกลายเป็นพลังงานแล้ว พลังงานดิน น้ำ ไฟ ลม เพราะฉะนั้นเมื่อมันไม่เหลือความจำ พลังงานเหล่านั้นก็ไม่ก่อตัวเป็นสภาพที่จะต้องเป็นตัวกูของกูอีกต่อไป กว่ามันจะพัฒนาโดยธรรมชาติเป็นอัตตาตัวกูของกูมันนับล้านๆๆๆ ปี คุณจะไปนับอยู่ทำไม คุณเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปให้สูงสุดแล้วก็จบแล้วนี่ ถ้ามันจะเป็นอีก มันไม่มีความจำ ไม่มีตัวคุณหรอก สัญญาของคุณ มันไม่เหลือแล้วมันก็เป็นตัวใหม่อีก อันนี้แหละคือการไม่มีตัวคุณอีกแล้วหมดตัวเก่า มันจับตัวกันอีกก็เป็นตัวใหม่ สัญญาของคุณจะไปจับตัวเป็นตัวเดิมอีก มันจะเป็นไปได้ยังไง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:28:35 )
รายละเอียด
“เพื่อสืบสาน สัทธรรม นำสู่ไท” คำว่า “ไท” ท ทหาร ไทคำนี้แปลว่า อิสระ นำสู่ไท นำสู่ความอิสระเสรีภาพอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นสัทธรรมนะ สืบสานสัทธรรม
_เสกขชน พลรบ ขอนบน้อม พ่อผู้ยอม ยังชนม์ พ้นเลยขัย
อิทธิบาท จงช่วย อำนวยชัย โรคาไซร้ อย่ามี ชั่วชีวัน
“เสกขชน” เสก-ขะ-ชน หรือ “เสขะชน”นั้นแหละ คือผู้ที่ยังศึกษายังประพฤติยังไม่ถึงขั้น”อะเสขะ” ไม่ถึงขั้นพระอรหันต์
“เสกขชน พลรบ ขอนบน้อม พ่อผู้ยอม ยังชนม์ พ้นเลยขัย” ก็หมายความว่า ยอมให้อาตมา พยายามฝืนอายุขัย ยังไม่ยอมตาย มันควรตายแล้ว นี่ยังไม่ยอมตาย อันนี้ก็พูดไป คนก็ยังเข้าใจยากอยู่ แหม! ทำเก่งฝืนอายุขัย อาตมาก็ว่าอาตมาทำจริงๆ นะ แล้วมันจะได้ผลจริงๆ ไม่งั้นอาตมาก็ตายไปก่อนนี้จริงๆ
ที่มา ที่ไป
ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 17:06:27 )
รายละเอียด
เสขบุคคล คือ เมื่อทำบุญแล้วล้างกิเลสได้ คือ ผู้ได้ส่วนบุญคือเสีย ยิ่งเป็นผู้ที่ทำให้กิเลสอาสวะหมดไปได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 21 ตุลาคม 2562 ( 08:43:44 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:33 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:42:08 )
รายละเอียด
1. ผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์
2. ผู้มีจิตที่มีปัญญาสูง จนอยู่ในเขตจะเรียนรู้นิพพานได้
3. ผู้ยังต้องปฏิบัติเพื่อการบรรลุธรรม
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 281,ทางเอก ภาค 3 หน้า 138, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 156
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:47:49 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:48 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:42:02 )
รายละเอียด
เสขบุคคล หมายความ ผู้ยังไม่บรรลุอรหันต์ ก็จะเป็นผู้ที่ยังเหลือเชื้อกิเลส เรียกว่า สอุปาทิเสส จะต้องมาปฏิบัติอีก เกิดมาปฏิบัติอีกเพื่อที่จะเป็นจนหมดเชื้อ เรียกว่า อนุปาทิเสส ส่วนผู้ที่รู้แจ้งแล้วจริงก็ไม่ต้องเกิดต้องแก่อะไรอีก ก็ชาตินี้ กิเลสหมดแล้ว และกิเลสจะเหลือ สอุปาทิเสสะ ขออภัยไม่ใช่กิเลสทีเดียว อุปาทิจะเหลือ เหลือเชื้อเกิด และเป็นเชื้อเกิดที่เกิดอย่างโพธิสัตว์ เกิดอย่างผู้ที่ไม่มีกิเลสแล้ว แต่จะเกิดแล้วเกิดอีกกี่ชาติก็เรื่องของท่าน จนสูงสุดก็เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นแหละ อย่างนี้เป็นความรู้ที่ซ้อน ไม่ต้องไปบอกเป็นของผู้ที่เป็นเสขบุคคล แต่เป็นของอเสขบุคคลนี่แหละ มีความรู้ในอุปาทิ ความรู้ในเชื้อ จะเหลือเชื้อ เพราะฉะนั้นถ้าเหลือเชื้อก็คือคุณยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ถ้าคุณจะอนุปาทิเสสนิพพานธาตุไปเลย คือทำธาตุที่มันไม่เหลือเชื้ออะไรเลย ไม่เหลืออุปาทิเลย ก็ไม่เหลือเชื้อที่จะเกิดเป็นจิตนิยาม แตกสลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:38:22 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคุณทำได้เสร็จจบ บุญมันหมดอาสวะสิ้นก็จบเรื่อง แต่ถ้าคุณทำบุญไม่สำเร็จยังไม่จบ อาสวะยังเป็นได้แค่เพียงบางส่วน 100 คุณได้สัก 20 ได้สัก 30 ได้สัก 50 มันก็เหลืออีกส่วนหนึ่งเพราะคุณเป็นแค่เสขบุคคลต้องทำต่อ สร้างบุญให้ล้างก้อนกิเลสก้อน 100 นี้ให้หมด 100 ถ้ายังไม่หมด 100 ก็คือมีส่วนบุญ ได้ทำไปบางส่วน ที่เหลือก็ทำให้หมด เป็นเสขบุคคล หมดแล้วก็ อเสขบุคคล ก็ไม่ต้องทำอีก การศึกษาจบกิจ หมดกระบวนการที่จะรบ อรณะ ไปเป็นส่วนๆ ไม่มีสงครามอีกเรื่อยๆ อย่างนี้ต่างหาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:17:24 )
รายละเอียด
ปุถุชนก็สอนกันไม่ทำชั่วทำแต่ดี ไม่ว่าจะศาสนาไหน ศาสนาไหนก็สอนแบบนี้เป็นโลกียธรรม แต่สูงกว่าโลกียะ เป็นโลกุตระแล้วไม่เกี่ยวกับความชั่ว ไม่เกี่ยวกับอกุศลแล้ว ไม่เกี่ยวกับบาปแล้ว บาปบุญไม่เกี่ยวแล้ว อันที่ 1 ไม่ทำบาปทั้งปวง อันที่ 2 ก็กรรมที่ทำอยู่มีแต่กุศลไม่ใช่กรรมที่ทำอยู่มีแต่บุญ หากท่านตัดคำว่ากุศลก็คู่กันกับบาป แต่อันแรกไม่มีบาป
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:18:58 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:06 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:43:55 )
รายละเอียด
เสฏฐะ แปลว่าความประเสริฐ
ที่มา ที่ไป
630518
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2563 ( 14:26:48 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:33 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:42:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:24:20 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:49 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:42:47 )
รายละเอียด
คำว่าเศรษฐศาสตร์เป็นภาษาใหม่ในยุคนี้เรียกว่าเศรษฐศาสตร์ก็คือความรู้ เรียกว่าเศรษฐกิจก็คือได้กระทำ กระทำตามหลักของ เสฏฐะ คือความประเสริฐความเจริญ เจริญในขั้นโลกุตระ ถ้าเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจเจริญขั้นโลกียะ เขาก็เป็นกันทั่วโลกแบบโลกียะ เขาก็แข่งกันรวยแย่งชิงกันเป็นใหญ่เป็นโต ตามแบบลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:45:43 )
รายละเอียด
ความเจริญ ความก้าวหน้า ความเป็นพี่เกื้อกูลน้องด้วยใจบริสุทธิ์แท้ เป็นมหาภราดรภาพ ประเสริฐเป็นที่สุด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า427
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:48:27 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:15 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:43:03 )
รายละเอียด
วันนี้วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ นั่นคือวันเวลาสำหรับขณะนี้ กำลังปัจจุบันนี้ เรามาพูดกันตามประสาชาวอโศกเราคุ้มน้อยๆ เรานำเสนอกับชาวโลกว่าเห็นอย่างนี้นะ เป็นอย่างนี้นะ เอาไหมเอาไหม ดีไหมดีไหมดีไหม ชอบไหมชอบไหมชอบไหม เราก็เสนอ แล้วเราก็มาเป็นอย่างนี้อย่างจริงใจ มีความเต็มใจจริงใจจริงๆที่เราอยากจะให้คนอื่นเขาได้อย่างนี้บ้าง เป็นอย่างนี้บ้าง มันดีนะ อยากจะให้เขาเป็น อยากจะให้เขาได้บ้าง เราก็เสนอไป
ไม่ใช่เสนอขาย ไม่ใช่เสนอด้วยความโลภ ด้วยความอยากได้อะไรตอบแทนมา..ไม่ใช่ แต่เราเสนอด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความยินดีว่า มันน่าจะดีนะ ถ้าคนอื่นได้เป็นอย่างที่เราเป็น เพราะว่าเรามีสิ่งที่ดีสำหรับที่เราได้แล้วเรามีแล้วอย่างที่เราเป็น ที่มันก็เป็นเรื่องลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:07:01 )
รายละเอียด
เศรษฐกิจที่เราก็จะได้นั้นมีที่จบ มีการจบกิจ ไม่ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจกันอีก โลกในโลกไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมืองพุทธเมืองไทย เขาก็จะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจกัน เพื่อที่จะให้มันจบ เพื่อที่จะให้มันไม่มีปัญหา จึงใช้คำว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ให้มีปัญหา ซึ่งเขาแก้ไม่ได้ ตราบใดที่เขาทำให้คนไม่มีปัญญา เป็นคนที่มีจิตมีวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่าย คือบริหารนี่แหละ เลี้ยงดูนี่คือบริหาร สุภระ เลี้ยงดูง่าย เป็นพลเมืองไทยก็เลี้ยงดูง่าย บริหารง่าย สุภระ
สุโปสะ แล้วเป็นคนเจริญด้วย พัฒนาไม่มีปัญหา เพราะมีปัญญา เป็นคนในสังคมที่มีปัญญา ไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย ไม่ก่อเรื่องที่จะให้ผู้บริหารเดือดร้อน และพัฒนาให้เป็นคนเจริญ เป็นอาริยชนหรืออริยชนได้จริงๆ ง่ายด้วย เลี้ยงง่าย ท่านใช้ศัพท์ว่า บำรุงง่าย ปรับให้เจริญได้ง่ายๆ เพราะ เป็นคนที่มักน้อย อาตมาขยายความว่า เป็นคนกล้าจน อัปปิจฉะ เป็นคนมีน้อยๆไม่ต้องไปมีมาก เป็นคนจนๆไม่ต้องร่ำรวย จนถึง 0 อาตมาขยายไปถึงขั้นจน จนถึง 0 เพราะเราได้พิสูจน์แล้วถึงขั้น สาราณียธรรม 6 ลาภที่ได้มาโดยธรรม ไม่ต้องมี เอาเข้ากองกลางหมด ก็เป็นคนที่สูญได้ เสียภาษี 100% อธิบายไปหมดแล้วซึ่งเป็นสังคมที่สุดยอด
เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจของชาวอโศกแก้ปัญหาจบแล้ว จบกิจ ใช้ศัพท์ของพระพุทธเจ้า เป็นอรหัตผล เป็นผลสูงสุด อรหันต์ เป็นผลสูงสุดไม่ลึกลับในเรื่องเศรษฐกิจ อรหะ แปลว่า ไม่ลึกลับ อันตะ แปลว่า ที่สุด เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจจบไม่ลึกลับ ไม่สงสัย ไม่ลำบาก จบ ถึงอันตะ ถึงปลาย นะ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดในโลก ยังไม่มีในตำรา ยังไม่มีในความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของโลก มีของพระพุทธเจ้าเท่านั้น และมันได้เสื่อมไป โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าได้เสื่อมไป จึงไม่เกิด ของยุคพระพุทธเจ้าท่านก็ทำไม่ได้กว้าง ได้เฉพาะในหมู่ภิกษุ ในสงฆ์เท่านั้นเอง ไปถึงฆราวาสไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด ก็พูดไปหมดแล้ว เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส มีนายทาส มีลูกทาส มนุษย์ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ไม่รู้จักสิทธิความเป็นคนของตนเลย
มันมีลัทธิกดขี่ มีนายมีบ่าว มีนายมีทาสอะไรกันอยู่ มันก็ทำไม่ได้ แต่ยุคนี้ไม่มีแล้ว ยุคทาสก็ไม่ใช่ ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ สิทธิมนุษยชน จนกระทั่งเป็นสิทธิเลยเถิดออกมาเกินกฎหมาย เขาฟ้องร้องติดคุกกันไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงยาก ที่จะเข้าใจได้ว่า ผู้บรรลุเศรษฐกิจ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้าแล้วนั้น เป็นอย่างไร เราก็เสนอให้ศึกษา เอหิปัสสิโก เชิญมาดูได้ที่ชาวอโศก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 14:25:21 )
รายละเอียด
มีเสนาสนะสัปปายะ มีบุคคลสัปปายะ อาหารสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:33:54 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:07 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:44:18 )
รายละเอียด
คือ ที่อยู่อันมีลักษณะ 5 ประการ ซึ่งภิกษุ (มีองค์ 5 ) อยู่อาศัยแล้วประพฤติธรรมจะบรรลุธรรมได้ในเวลาไม่นานนัก
1. ที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก ทางไปมาสะดวก กลางวันไม่เกลื่อนกล่นด้วยผู้คน กลางคืนเงียบเสียง ปราศจากเสียงอึกทึก มีลม แดด เหลือบ ยุง และสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลานน้อย
2. ได้จีวร (เครื่องนุ่งห่ม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) เภสัชบริขาร (ยาและของใช้) อันเป็นปัจจัยของคนไข้ ย่อมเกิดขึ้นโดยไม่ฝืดเคือง
3. มีภิกษุเถระ (พระผู้ใหญ่) เป็พหูสูต ชำนาญคัมภีร์ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (หัวข้อ) อยู่ที่นั้น
4. เข้าไปหาพระเถระได้ตามเวลาอันสมควร แล้วสอบถาม ไต่ถามข้อที่ยังสงสัย
5. พระเถระย่อมเปิดเผย ในข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้ง่าย ในข้อที่ยังไม่ได้ทำให้ง่าย บรรเทาความสงสัย ในธรรมที่ยังสงสัย
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 24 "เสนาสนะสูตร" ข้อ 11
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2562 ( 22:59:26 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 17:46:55 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:44:58 )
รายละเอียด
คือที่อยู่อันมีลักษณะ 5 ประการ ซึ่งภิกษุ (มีองค์ 5) อยู่อาศัยแล้วประพฤติธรรม จะบรรลุได้ในเวลาไม่นานนัก
1. ที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก ทางไปมาสะดวก กลางวันไม่เกลื่อนกล่นด้วยผู้คน กลางคืนเงียบเสียง ปราศจากเสียงอึกทึก มีลม แดด เหลือบ ยุง
และสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลานน้อย
2. ได้จีวร (เครื่องนุ่งห่ม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) เภสัชบริขาร (ยาและของใช้) อันเป็นปัจจัยของคนไข้ย่อมเกิดขึ้นโดยไม่ฝืดเคือง 3. มีภิกษุเถระ (พระผู้ใหญ่) เป็นพหูสูต ชํานาญคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (หัวข้อ) อยู่ที่นั้น
4. เข้าไปหาพระเถระได้ตามเวลาอันควร แล้วสอบถาม ไต่ถามข้อที่ยังสงสัย
5. พระเถระย่อมเปิดเผย ในข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทําให้ง่าย ในข้อที่ยังไม่ได้ทําให้ง่าย บรรเทาความสงสัย ในธรรมที่ยังสงสัย
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 24 “เสนาสนสูตร” ข้อ 11
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 20:40:14 )
รายละเอียด
ที่อยู่อาศัย
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า226
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:49:09 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:27 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:45:18 )
รายละเอียด
สถานที่แวดล้อมที่จะเป็นเครื่องเอื้ออำนวยการปฏิบัติธรรมให้เจริญ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค2 หน้า 352
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:50:13 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:49 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:45:42 )
รายละเอียด
คือ สถานที่ สิ่งแวดล้อม ที่เกิดประโยชน์ คุณค่าได้มาก และสถานที่ที่มี บุคคลสัปปายะ มีอาหารสัปปายะ มีธรรมสัปปายะ
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 87, 88, 89
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:24:07 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 17:45:36 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:46:38 )
รายละเอียด
เต็มไปด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ตัวเองติดก็ยังไม่รู้ ที่จริงน่าจะรู้ว่าตัวเองติดเพราะเคยเลิกแต่ก็เลิกไม่ได้ พฤติกรรมของมหาบัวติดหมากติดพลู พยายามจะเลิกแต่ก็เลิกไม่ได้ ก็เลยโมเม บอกลูกศิษย์ว่าไม่ติด แต่เป็นเรื่องของธาตุขันธ์ ไม่รู้แม้แต่การเสพติดคืออะไร ขนาดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่เสพเต็มบ้องอยู่นี่ ผู้ติดลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ก็เสพกันอยู่เต็มบ้องก็ไม่รู้ตัว เสพติดกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:15:07 )
รายละเอียด
ยิ่งเห็นชัดๆ ตามที่คุณพูดทุกอย่าง อาตมาพอพูดก็นึกถึงที่ได้ดูโทรทัศน์ ท่านมหาบัว กินหมากแล้วเอายาก้อนๆ เอามาเช็ดๆ แล้วเอามาเหน็บ อาตมาเคยทำมาแล้วทั้งนั้น หมากก็เคี้ยว แต่ยาเส้นเอามาเหน็บมันแสบไม่ไหวเลย แต่ท่านทำได้สบาย หมากพลูถ้าคนไม่เคยกินไปกินมันจะยัน คือมันแรงมันจัดไม่ไหว มันจะร้อนผ่าวมันไอ ก็หมากพลูมันยันเอา แต่ท่านเฉยท่านไม่รู้ว่าท่านติดยึดสิ่งเหล่านี้ ทั้งหมากและพลู ยาดูด ขออภัยที่ต้องยกตัวอย่างความจริงที่ชัดเจน สายที่ไม่ประสีประสาแม้แต่ความเข้าใจที่ว่า อาการเสพติด ท่านก็ไม่รู้ว่านี่คือเสพติด เสพติดหยาบๆ ทางตาหูจมูก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นกามคุณ 500% เลย ท่านก็ไม่ประสีประสาว่าท่านไม่ติดในกามคุณ 5 แล้วท่านก็บอกว่าเป็นอรหันต์ แต่ท่านอธิบายรายละเอียดไม่ออก แต่ให้มาขยายความอย่างที่อาตมาขยายความอย่างเช่นเวทนา 108 ขยายสัมผัสนี้ ท่านก็ไม่แตะต้องเพราะท่านไม่สัมผัส ท่านนั่งหลับตาและบรรลุ ปึ๊งเลย ก็ชัดเจนทุกอย่างไม่ได้ใส่ความ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:31:37 )
รายละเอียด
เพราะผู้นั้นยังหลง“อารมณ์”เนียนๆ ของ“ความสงบที่เป็นสมถะ”หรือ“ความสงบที่ยิ่งหยุดยิ่งนิ่งยิ่งดับความรับรู้”นั้นลงไปหนักยิ่งๆ ขึ้น แล้วรู้สึกว่าเรายิ่งพอใจ-ติดใจในอารมณ์นี้อยู่ยังขาดมันไม่ได้ ยิ่งอยากเสพแช่แน่นิ่งอยู่แต่กับ“อารมณ์สงบ”แบบนี้ไปนานๆๆๆๆ ไม่อยากมี“อารมณ์ที่ปรุงแต่งกับอะไรเลย” ก็คือยิ่งหลงเสียเวลาเสพอยู่แต่กับอารมณ์ที่“ไม่มีอารมณ์”กันแบบนี้ไปใหญ่ ก็ไม่เป็นอันไปมีอารมณ์ปรุงแต่งกับ“ความรู้สึก”ตื่นๆ ของ“เวทนา”สามัญของโลกปกติกันเลย เพราะเสพติดอารมณ์แบบนี้ จะไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”ตาม“จรณะ 15 วิชชา 8”อันเป็น“พุทธคุณ”ของพระพุทธเจ้าเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด”เลย
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 300 หน้า 230
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:38:36 )
รายละเอียด
เสพความเป็นอัตตาของตน
หนังสืออ้างอิง
จากเปิดโลกเทวดา หน้า 30
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:03:27 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:08 )
รายละเอียด
เสพความไม่มีอะไรแม้น้อยแม้นิด
หนังสืออ้างอิง
จากเปิดโลกเทวดา หน้า 30
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:04:44 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:21 )
รายละเอียด
ความคิดของคุณ คุณไม่ได้คิดเท่านั้นยังมีตัวตัณหา ถ้าคุณคิดก็แค่คิดก็เสพอุปาทานของคุณไป
เสพอุปาทาน มีอะไร
1 การเสพกาม คือ กามุปาทาน
2 เสพ ศีลพรต สีลัพพตุปาทาน ศีลพรต คือการปฏิบัติ นักปฏิบัติไปเสพการปฏิบัติ
3. ทิฏฐุปาทาน ติดยึด ในความเห็น ตัวนี้แหละน่าสงสารที่สุดเลย ความเห็นความรู้ความเชื่อ แล้วก็ยึดอยู่ในความรู้ของกู ทิฐิความเห็นของกู ความเข้าใจของกู ความฉลาดของกู ความเชื่อถือของกู ยึดอยู่ตรงนี้ ทิฏฐิ แล้วก็จบลงที่อัตตาตัวตน แล้วยึดได้แค่นี้ แค่นี้คืออะไร แค่นี้คืออัตตวาทุปาทาน คืออัตตา ตกผลึกเป็นอัตตาแล้วอัตตาที่ยึดได้นั้น ซ้อนลงไปน่าสงสารยิ่ง ยึดได้แค่วาทะ ไม่เข้าถึงสภาวะเลยนะ เป็นแค่คำพูดความรู้บัญญัติ ตักกะ แค่พยัญชนะ ไม่เข้าสู่สภาวะจิตเจตสิกรูปนิพพาน เป็นแค่วาทะของอัตตา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:50:23 )
รายละเอียด
คำว่า ภิกษุนั้นย่อมเสพให้มาก ย่อมเจริญให้มาก ย่อมกระทำให้มากซึ่งมรรคนั้น เป็นอย่างไร จึงย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไปได้
ภิกษุนั้นนึกถึงอยู่ฯ รู้อยู่ฯ เห็นอยู่ฯ อธิษฐานจิตอยู่ฯ น้อมจิตไปด้วยศรัทธาฯ ประคองความเพียรไว้ฯ ตั้งสติไว้มั่นฯ ตั้งจิตไว้อยู่ฯ ทราบชัดด้วยปัญญาฯ รู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่งอยู่ฯ กำหนดรู้ซึ่งธรรมที่ควรกำหนดรู้ฯ ละธรรมที่ควรละฯ เจริญธรรมที่ควรเจริญฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งฯ นี้ชื่อว่า เสพให้มาก ย่อมเจริญให้มาก ย่อมทำให้มากซึ่งมรรคนั้น จึงย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไปได้.
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่ม31 ข้อ 535 ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 12:51:30 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:09 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:47:42 )
รายละเอียด
เสพสภาพที่จะว่ามีการกำหนดรู้ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่
หนังสืออ้างอิง
จากเปิดโลกเทวดา หน้า 30
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:01:43 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:39 )
รายละเอียด
ฌานสังเคราะห์จัดการไปทีละอย่างศีลแต่ละข้อ
ศีลแต่ละข้อ ก็จะเก็บมุมเหลี่ยมต่างๆ
ศีลข้อแรกเกี่ยวกับสัตว์ ข้อที่ 2 เกี่ยวกับ พีชนิยาม อุตุนิยาม แล้วประเด็นที่จะต้องแก้ไขคือทุจริต สัตว์นี้มันเสพ ทั้งเสพทั้งทุจริต รวมกันอยู่ตรงนี้ ตัวของกับพืช มันมีแต่ทุจริต มันไม่เสพหนัก เสพหนักมันอยู่ที่สัตว์
พอมาตัวที่ 3 เสพทั้งหนักทั้งเบาอยู่ตรงนี้หมด เสพทุจริต แล้วก็เสพ นี่แยกตัวที่ควรเลิกละล้าง เป็นพยัญชนะสภาวะของสิ่งเหล่านี้
เสร็จแล้วเราก็จะรู้กระบวนการ ตรวจรู้สภาวะลักษณะของมัน หยาบ กลาง ละเอียดไปเลยสุดท้ายก็จบที่รู้ละเอียด ครบ หมดเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
กามโทษ กามาทีนวะไม่ใช่ให้เสพกามคุณ
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 20:23:56 )
รายละเอียด
สิ่งที่เสพไม่รู้จักอิ่ม 3 ประการคือ
1. เสพความหลับ
2. เสพสุราเมรัย (ของมึนเมา)
3. เสพเมถุน (ร่วมประเวณี)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 20 "อติตติสูตร" ข้อ 548
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2562 ( 13:51:16 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 17:44:40 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:48:02 )
รายละเอียด
สิ่งที่เสพไม่รู้จักอิ่ม 3 ประการคือ
1. เสพความหลับ
2. เสพสุราเมรัย (ของมึนเมา)
3. เสพเมถุน (ร่วมประเวณี)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “อติตติสูตร” ข้อ 548
เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:09:38 )
รายละเอียด
ที่พูดมานี้ วิจัยละเอียดวันนี้ก็ถูกต้องแล้วล่ะ ซึ่งมันค่อยๆ ดำเนินไป
เอาคำว่าเสมอกับสมานมาพูดอธิบาย นัยยะ ความหมายของมันละเอียดขึ้นไปก็ใช่ก็ถูกต้อง ศึกษาให้ดีคำว่าเสมอสมานก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจคือมันจะมีเสมอเท่ากันแล้วแล้วก็สมานเริ่มเชื่อมไปกับอันอื่น อันที่สมานได้อย่างที่คนคนนี้อธิบาย โสดาบันไปสมานกับสกิทาฯได้ แต่ไม่อาจไปสมานกับอนาคาฯกับอรหันต์
เสมอโสดาบันแล้วเอื้อมไปสมานกับสกิทาฯ จะไปสมานกับอนาคามี อรหันต์ยังไม่ถึงมันจะข้ามขั้นละเอียดลออขึ้นมา เราก็ศึกษากันอย่างนี้แหละ ศึกษาไปแล้วก็ได้มรรคผลไปเกิดบุคคลจริงเป็นคนจริง
ไม่เหลื่อม มีกระแสไปตามลำดับ ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเลเชื่อมกัน สิ่งที่เป็นเลือดเดียวกัน มันจะรับกัน สัมพันธ์กันต่อกันไปเจริญเป็นลำดับ หยาบไปหาละเอียด
แน่นอน มันมีความเชื่อมกัน เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว relation นี้มันสุดยอด ไม่ใช่ตรงกันข้าม แต่เชื่อมต่อกันหมด ศึกษาไปดีๆ แล้วก็จะได้เข้าใจ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:07:49 )
รายละเอียด
อุปจยะ สันตติ ชรตา ส่วนอนิจจตา อยู่ที่ตัวเราเองผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วสามารถพลิก เราชรตาก็ได้ แต่เรายังไม่ตายก็ได้ แต่ถ้าตายแล้วตายเลยนะ แต่ถ้าอยู่ระหว่างสันตติ คุณจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิดก็อยู่ที่คุณ อนิจจตา ก็อยู่ที่คุณอยู่ที่สันตติจะเกิดหรือจะปล่อย ถ้าเกิดเสริม Coefficient เสริมสัมประสิทธิ์ต่อไปมันก็เจริญต่อไป ถ้าไม่เสื่อมก็จะ ชรตา เสื่อมไปตามฐานะของแต่ละอย่าง เสื่อมไปเอง แล้วเข้าไปหาสูญมี โมเมนตั้มค่อยๆเคลื่อนเข้าหาศูนย์เองโดยตัวมันเองไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์ ไม่ว่าจะเป็นอนาคามี สามารถมาก ก็ทำความเสื่อมให้ได้เร็ว เสื่อมเร็ว ยิ่งกว่า เศษหนึ่งส่วน 100 ของวินาที เศษหนึ่งส่วนร้อยของวินาทีก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละบุคคล ตายแล้วแยกธาตุเป็น แยกเป็นอุตุธาตุเลยแน่นอนมันก็เสื่อม มันจะหาจิตนิยามอยู่ที่ไหน แต่ถ้าคุณยังทำไม่ได้มันก็ยังมียางเหนียวอยู่มากหรือน้อย คุณจะแยกมันก็ยังไม่เสื่อมมันยังต่อไปเองติดตรงนั้นตรงนี้มันก็อยู่ที่นั่น แต่ถ้าคุณไม่มี อุปจยะ คุณรู้ลักษณะของ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจา สี่นัยยะนี้คุณเข้าใจชัดเจนว่าคืออะไร นามธรรมหรือจิตของคุณ อุปจยะ คือ อย่างไรคุณทำได้ สันตติคืออย่างไรคุณทำได้ ปล่อยชรตาคุณทำได้ แม้จะฟื้นสันตติก็ทำได้ แต่หากปล่อยให้พลังงานเป็นพีชะ แล้วจะฟื้นก็ยาก
ที่มา ที่ไป
รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:36:07 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:36:08 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:49:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 14:32:57 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:56 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:49:30 )
รายละเอียด
คบหา
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 308
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:05:36 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:27 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:49:48 )
รายละเอียด
ท่านก็ระลึกทบทวนที่เรียกว่าเสวยวิมุตติสุข ภาษาว่า เสวยวิมุติ ท่านก็ทบทวน 49 วัน ความรู้ที่ท่านได้ท่านมีท่านเป็นก็ระลึกขึ้นมาได้ สมัยนี้ก็มาเขียนอย่างที่อาตมาเขียนแล้วก็ถึงเอาไปเทศน์ เอาให้คนอ่าน ตอนนั้นการเขียนยังไม่เจริญก็อาศัยแต่พูด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:52:04 )
รายละเอียด
ส่วนเหลือ
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:06:22 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:50 )
รายละเอียด
เศษที่เหลือ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:59:20 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:36:56 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:43:46 )
รายละเอียด
คือ บิดให้เป็นรูปทรงต่างๆนานา แสดงให้เห็นว่า ศิลปกรรมของชาวอโศก มีอิสระในการสร้างผลงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดจากกรอบผู้อื่น และด้วยการคิดแบบนอกกรอบ การคิดแบบแปลกแยก การให้อิสระต่อจินตนาการของผู้อื่นอย่างเต็มที่
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า139
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:08:26 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 17:43:47 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:50:24 )
รายละเอียด
อันนี้ก็จริง…แสดงความเห็นมาว่า เสียงข้างมากนี่ ถ้าเหตุผลไม่ถูกต้องหรือว่าสัจจะมันไม่ตรง แต่มันก็รวมหัวกันเป็นกลุ่มมากได้ เพราะฉะนั้น คำว่า ประชาธิปไตย คะแนนเสียง ประชาธิปไตยที่นับหัวคะแนน ได้คะแนนเสียง หรือว่าประชาธิปไตยให้ประชาชนไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งในวิธีการที่จะเลือกตั้ง พวกที่เขาเป็นเจ้าอำนาจที่จะสร้างวิธีการ สารพัดซับซ้อน ได้ผลออกมา มันไม่มีบริสุทธิ์สะอาดไปได้หรอก มันเป็นกลวิธี ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งนี้ อาตมาบอก มันโมฆะ แต่เขาก็ต้องอาศัยกัน ในโลกนี้เขาไม่มีวิธีการใดที่จะทำได้ดีกว่านี้ เขาก็ต้องอาศัยกัน
คอมมิวนิสต์ เขาไม่เลือกตั้งให้ประชาชนทั้งหมด แต่เขาก็เลือกตั้งกันในหมู่คณะ คอมมิวนิสต์ก็คือ เผด็จการหมู่ เป็นหมู่คณะหมู่หนึ่ง คณะหนึ่งจะกี่คนก็แล้วแต่ของเขา แต่ละสังคม แต่ละกลุ่ม แต่ละรัฐบาล แต่ละประเทศ ก็ไม่เท่ากัน หรือแม้แต่เขาเองก็ไม่เท่ากันเข้าออกบ้าง แต่ก็มีประมาณนึง เป็นเจ้าอำนาจ เขาเรียกอะไร โปลิตบูโร เป็นอำนาจของคณะ อาตมาก็ไม่ค่อยเก่งในเรื่องของ พวกที่ใช้อำนาจทั้งหลายแหล่ ก็อธิบายกันบ้าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:12:59 )
รายละเอียด
รู้ดี รู้ชั่วได้ด้วยเสียงนั้นๆ
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค3 หน้า 125
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:07:06 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:57 )
รายละเอียด
ถ้าไม่มี“ตำนาน”ถาดทองคำของพระพุทธเจ้าที่แต่ละพระองค์ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แล้วไปหยุด ณ ที่แห่งเดียวกัน ตรงกันกับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วจมลงไปกระทบกับถาดทองคำของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน มีเสียงดัง“ด้วยเสียงของถาดทองคำ”นั้น ซึ่งหมายถึงเสียงสุดวิเศษแห่ง“โลกุตรธรรม” อันไม่มีธรรมใดของศาสนาใดในเทฺวนิยมมีกันได้เลย กระนั้นก็ยังทำให้“พญานาค”รู้ได้ว่าเป็นเสียงของ“ถาดทองคำของพระพุทธเจ้า”ได้อย่างเดียวเท่านี้ เท่านั้น นอกนั้น“ไม่รู้”อย่างอื่นอะไรเลยสักนิดทั้งสิ้นทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 13:55:21 )
รายละเอียด
สาธารณโภคีเป็นระบบของคอมมูน หรือคอมมิวนิสต์จบเลย และเป็นระบบของประชาธิปไตยสูงสุดจบเลย ultimate เพราะคนในสังคมนี้สมาชิกสังคมนี้ทำงาน รายได้ผลได้ เอาเข้ากองกลางหมดเลย เรียกว่าเสียภาษี 100% ซึ่งคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตยก็อยากได้ เอาผลงานเข้ากองกลางหมดเนื้อหมดตัวไม่ยักไว้เลย เป็นคุณสมบัติเลิศยอดของมนุษยชาติที่สมาชิกทำงานเอาเข้ากองกลางหมดไม่ใช่ทำอย่างแข่งด้วยมีการเชื่อมต่อ คนไม่หมดก็เอาเข้า 90% ก็ยักไว้ 10 บางคนยักไว้ 20 บางคนยักไว้ 30 ไล่ไปจนไม่เอาเข้าเลยมีถึงขนาดนั้น ดีไม่ดีจะมาเอาเปรียบจากกองกลางก็มีคนขี้บาป บาปกินหัว ตัวเองไม่เอาเข้าแล้วมาเอาของคนดีที่เสียสละอีก จึงบาปแรง บาทหนึ่ง พวกที่มาเอาของกองกลางตรงนี้แทนที่จะบาป 1 แต่บาปเต็ม 100 เลย แทนที่จะเอาแค่บาป 1 แต่ได้บาป 100 ใครมากินของกองกลางบาปแรงนะคนที่ไม่เห็นแก่ตัว อนัตตาหรือเห็นแก่ตัวน้อยลงๆจนสุดท้ายไม่เห็นแก่ตัวเลย พิสูจน์ความเป็นอนัตตาไม่เห็นแก่ตัวเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:14:12 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:37:46 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:51:21 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้ามาสอนคน มาให้คนพิสูจน์จนกระทั่งไม่มีตัว ไม่มีสมบัติอะไรต้องเป็นของตัวเลย แล้วก็มีความขยัน เพราะฉะนั้น วรรณะ 9 จึงจบด้วย วิริยารัมภะ อปจยะ
อปจยะ คือ ไม่มีอะไรเป็นของตัวแล้วไม่สะสม แต่เป็นคนขยันสร้างสรร สร้างสรรแล้วก็เสียสละ สร้างแล้วก็ให้ เอาไปให้หมด สร้างแล้วให้หมดสร้างมาเท่าไหร่ให้หมด ที่อาตมาใช้ศัพท์ว่าเสียภาษี 100% ให้หมดให้ไปไหน ถ้าไม่กระจายก็รวมเป็นกองกลาง ให้ไปแล้วสะพัดไม่มีที่พักเลย มันก็กระจายไปทั่วถึงกันไม่มีที่เก็บ แต่เมื่อสะพัดไปแล้วมันมีที่พักก็เป็นกองกลาง แล้วกองกลางก็จัดการสะพัดอีกทีนึง พวกเราก็แบ่งกินแบ่งใช้จากกองกลาง กองกลางก็จะมีความอุดมสมบูรณ์เพราะคนสร้างเป็นคนกินน้อยใช้น้อย จึงมีส่วนเหลือส่วนเกิน แล้วส่วนเหลือส่วนเกินก็กองรวมอยู่ในกองกลาง
คุณคนหนึ่งมีแรงงานทำงานแล้วตีราคาแล้วประมาณ 1,000 คุณกินใช้แค่ 200 ก็เหลืออีกตั้ง 800 คนหนึ่ง 800 มี 2 คน 1,600 มี 3 คนก็ 2,400 มี 5 คน 10 คน 20 คนเข้าไปมันก็เยอะ เพราะฉะนั้นกองกลางของคนจนจึงมี มาก
เอามาสร้างของส่วนกลาง ของที่ร่วมกันใช้ร่วมกันอาศัย เรียกว่าสาธารณูปโภค มันก็ดูมีอุดมสมบูรณ์แข็งแรง อย่างบ้านราชเรา ตอนนี้เอาสายไฟฟ้าลงดินหมด เอาท่อร้อยลงใต้ดินหมด ไม่ให้มันรกรุงรัง เสาไฟฟ้าเอาออกหมด แพงนะ เราทำได้คนไม่ค่อยรู้หรอกแต่พวกเรารู้กัน แต่สายทางด้านโยธาเขาทั้งนั้น เอาสายไฟฟ้าลงดินมันแพง เราทำได้ บ้านราชเราทำแล้ว เอาลงดิน โดยเฉพาะส่วนกลางส่วนในทำแล้ว ส่วนนอกรัศมีนั้นไม่ใช่ของเราทีเดียว แต่ในส่วนที่เป็นสิทธิ์ของเรา เราลงหมดแล้วหมดไปหลายล้านเราก็ทำ เรียบร้อยปลอดภัยด้วย สายแรงสูงข้างบนมันไม่ดีไม่ปลอดภัย ดีไม่ดีงูพาดก็ช็อตก็ไม่ดีอีก ตัวงูเองก็ตาย มันทั้งไม่สวยไม่งามไม่สมบูรณ์แบบ แต่ไอ้นี่สมบูรณ์แบบ อะไรอย่างนี้เป็นต้น
สิ่งที่เราทำได้ในพวกเรานี้ เป็นคนจนนะ คนไม่มีเงินนะไม่ใช่พูดเล่นมันไม่มีจริงๆ ไม่ได้มากอบมาโกยไม่ได้เอามาสะมาสม เรามีแต่ทำแล้วสะพัด เป็นแต่เพียงมีเหลือ ก็หมุนเป็นคงคลังนิดหน่อย พอสะพัดเป็นประจำวันประจำเดือนประจำปีพอเป็นไป เราก็ประมาณมัตตัญญุตาให้มันได้สัดส่วน ไม่ขาดไม่รันช็อต Cover ดีก็เป็นต่อไปเราก็ทำของเรา มันเป็นความฉลาดที่เรารู้ว่าเราจะทำกับสังคม โดยเฉพาะสังคมที่เรารับผิดชอบ สังคมที่เราต้องดูแลช่วยเหลือ
อโศกพยายามจะช่วยเหลือ ในๆ ที่เป็นชาวอโศกขยายออกไป แต่อุดมคติของชาวอโศกมันไปขัดแย้งกับอุดมคติของคนข้างนอกเขา แม้แต่ เถรสมาคม เขาเป็นพวกศาสนาด้วยยังขัดแย้ง เพราะเขาไม่เอามาจน เพราะเขาไม่เอาไม่มียศไม่มีศักดิ์ เขายังมีโลกธรรม เขายังมี ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เขายังเสพสุขด้วย กาม เสพสุขด้วย ลาภยศสรรเสริญ เสพสุขด้วยอัตตา ที่เขายังไม่รู้ตัว เขายังทำเต็มรูปอยู่เลยเห็นชัดๆ แต่จะไปว่าเขาทีเดียวเสียก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวต้น มันเสื่อมกันมาตั้งนานแล้ว มาถึงวันนี้เขาก็รับเชื้อ
50 กว่าปีอาตมาแก้ไขปรับปรุงมาเป็นโลกุตระได้แค่นี้ ไม่มีคนชมอาตมา มีพวกคุณเห็นคุณค่า ชม สุดเกล้าสุดเศียร พูดยกยออาตมาจนกระทั่งคนอื่นเขาจะอ้วกแตกตาย โพธิรักษ์มันอะไรกันนะมีคนยกย่อง แหม โพธิรักษ์ก็ ดังปึ่ง ภาษาอีสานแปลว่าหน้าบาน จมูกบาน ปึ่งออกมาโตออกมา ศัพท์ที่รู้กันทั่วคือหน้าบาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 23 เมษายน 2566 ( 19:32:47 )
รายละเอียด
คือ พฤติการ หรือพฤติบทของคนที่มีพฤติการเสียสละให้แก่คนอื่น แล้วถ้ามันไม่เท่ากันแล้วเราจะแบ่งอย่างไร ใครจะยอมเสียหรือไม่ยอมเสีย ถ้าคนยอมเสียก็คือจบ แต่ถ้าต้องแบ่งกันให้เท่ากันมันไม่เท่าแล้วจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีคนยอมเสียสละสักคนนึง ก็ฆ่ากัน ไม่จบ แต่ถ้ามีคนเสียสละสักคนหนึ่งเรื่องก็จบ เพราะฉะนั้นคนเสียสละคือคนชนะ คนที่ไม่ยอมเสียสละจะต้องให้เท่ากันนั่นแหละคือคนไม่จบ คนยังมีตัวตนคนยังยึดมั่นถือมั่น คนที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นจะสูญก็สูญได้ เรื่องการเสียสละเรื่องความไม่เท่ากันนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน 2 อันขึ้นไปไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกันเลย มีคนศาสนาเทวนิยมมาถามอาตมา อาตมาก็บอกว่าอาตมาไม่เถียงกับคุณหรอก คนบอกว่าพระเจ้าสร้างมาต้องเท่าเทียมกันอาตมาก็บอกว่าไม่เท่ากันหรอก พระเจ้าสร้างขึ้นมามีอันที่พิสูจน์ได้ว่าไม่เท่าเทียมกัน ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตมาไม่มีอะไรเท่าเทียมกัน ท่านสร้างชีวิตหรือคนขึ้นมา การสร้างอดัมขึ้นมา แล้วท่านก็สร้างอีฟขึ้นมา แล้วอีฟกับอดัมเท่าเทียมกันไหม คุณจะให้ชายหญิงเท่าเทียมกันไหม ก็พระเจ้าคุณยังไม่เสมอเลย พระเจ้าสร้างอาดัม สร้างขึ้นมาเป็นคน คนแรกเลยจากทุกอย่าง แต่สร้างอีฟ ออกจากซี่โครงซี่ที่ 7 ของ Adam ไปอ่านประวัติพระเจ้าของคุณให้ดีๆ คุณไปทำให้อีฟกับอดัมเท่าเทียมกันก่อนแล้วค่อยมาแย้งกับอาตมา เขามีประวัติศาสตร์มีตำนานของพระเจ้าเขา เขาก็ไม่เถียงกับอาตมาต่อ ถ้าเขาดันทุรัง อาตมาก็อาจจะเถียงสู้ไม่ได้ แต่ยังไม่เจอ
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:33:40 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:02 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:52:31 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคำว่าประชาธิปไตย อาตมามาเรียกในยุคนี้เขาเรียก ก็เรียกให้ไปตามสากล ภาษาอื่นๆ จะว่าอย่างไรก็แล้วแต่อาตมาไม่ค่อยเก่งภาษา แต่รวมแล้วก็คือ ซินโนนีม คำเดียวกัน ใช้แทนกันกับคำว่าประชาธิปไตยนี่แหละ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยนี่เป็นความรู้ความเห็นความเข้าใจแบบที่อาตมายืนยันว่าเอาของพระพุทธเจ้ามาอธิบายขยายความและยืนยันลงไปในเมืองไทย ว่าไทยนี้ทำประชาธิปไตยตามพระพุทธเจ้า อันมีสังคมศาสตร์ มีเศรษฐศาสตร์ มีรัฐศาสตร์ สามเส้า แบบโลกุตระ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสถึงความเป็นเศรษฐศาสตร์ว่าต้องแบบคนจน การขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นี่รวมเป็น เส้า 1 ของความเป็นประชาธิปไตย อันนี้เรียกว่าเชิงเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ของโลก ในหลวงท่านตรัสเอาไว้ว่าต้องเอาลักษณะนี้ คือขาดทุนของเราคือกำไรของเรา สรุปแล้วก็คือการเสียสละคือการได้ ได้ตัวนี้นี่เป็นภาษาเท่านั้น แล้วเราก็ไม่ได้ไปยึดความได้ จบที่การเสียสละในตัวมันเอง เสียสละนี่แหละคือการได้ แต่ไม่ต้องบอกว่าเราได้หรือเราไม่ได้เราไม่แข่งคำนั้นแต่ความจริงจบในตัว 2 เป็น 1 2 เป็น 1 อยู่ที่การเสียสละจบแล้ว นักการเมืองนักบริหารนักรัฐศาสตร์เบอร์ 1
แล้วท่านก็ทรงยืนยันว่าไม่มีตำราของชาวโลก ที่เรียนๆกันอยู่ทั้งโลก เปิดตำราเรียนกันในเรื่องเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์อะไรก็ตาม สังคมศาสตร์ก็ตามไม่มี ตำราใดๆก็ไม่มี ไม่มีตำราใดที่จะบอกอันนี้ได้ ถ้าเปิดได้ก็มีแต่ตำราโลกียะเศรษฐศาสตร์โลกียะ รัฐศาสตร์โลกียะ สังคมศาสตร์โลกีย์ อ่านแล้วก็มีเท่านั้นเท่าที่โลกียะเขามี อ่านจบแล้วก็ปิดได้เพราะมันมีเท่านั้น ทีนี้จะเรียนเศรษฐศาสตร์ระบบโลกุตระหรือเรียนรัฐศาสตร์สังคมศาสตร์โลกุตตระ ก็ต้องมาเรียนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นมีแต่ในตำราของพระพุทธเจ้า เปิดเรียนกันดีๆ เถอะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2566 ( 19:57:44 )
รายละเอียด
มันเสียสละต่างกัน มันมีเจตนารมณ์ต่างกัน มันมีความมุ่งหมายที่ต่างกัน พวกเรานี้เสียสละอย่างถอดตัวถอดตน ลดกิเลสแล้วรู้จักว่ากิเลสมันยังอยากได้ อยากได้มากอยู่ อยากได้ลดลง อยากได้น้อยลง จนกระทั่งความอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ มันลดลงได้ จนกระทั่งไม่อยากได้อะไร แม้แต่เราสร้างสรร ปลูกผักปลูกพืชได้อุดมสมบูรณ์ก็ไม่ได้ทำด้วยความอยากที่เหมือนกับโลกเขาอยาก
โลกเขาอยากคือปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารออกมาให้ได้มากเหมือนที่พวกเราทำ มีทั้งความงดงามความหลากหลายความอุดมสมบูรณ์ ทั้งโลกเขาอยากได้เพื่อที่จะเอาไปขาย เอาไปให้คนอื่นแล้วก็ได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมา เป็นโลกียะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ อะไรต่ออะไรต่างๆ นานา แต่เราไม่ใช่
นี่คือความซับซ้อนของความรู้ที่จะต้องรู้ในสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ที่จิตใจเป็นประธาน อันนี้แหละมันเป็นเรื่องยากที่คนจะต้องศึกษา เรียนรู้เพื่อที่จะมาฝึกฝนทำตนให้มีจิตอย่างที่พระพุทธเจ้าพาเป็น
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 16:47:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:00:31 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:40 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:53:10 )
รายละเอียด
ผู้ที่เสียเปรียบอย่างรู้ๆ ไม่ได้คิดว่าเสียรู้ เสียเปรียบอย่างรู้ๆ เรียกว่าเสียสละด้วยความเต็มใจ คนนี้คือคนช่วยเศรษฐกิจ ช่วยรัฐกิจหรือช่วยการเมืองให้แก่สังคมมนุษยชาติ คนที่ยังแย่งอะไรอยู่ คือคนที่ก่อให้เกิดปัญหาในเศรษฐกิจและมีปัญหาในการเมือง ในรัฐศาสตร์ เขาไม่รู้เรื่อง ได้แต่แย่งแข่งกันแล้วก็ไปติดสินบนกัน เอาไป อายุ 16 จะได้หัวละ 10,000 บาท อะไรอย่างนี้ แล้วก็เป็นเรื่องกันอยู่ทุกวันนี้ คนที่ดูแลคลังก็บอกว่า พูดอย่างนี้ชิบหายใหญ่สิ จะเอาเงินที่ไหนมา คุณจะเอาไปละเลงเล่นอย่างนี้ ชิบหาย คุณได้คะแนนเสียง แต่การคลังหนักหนาสาหัส ไม่รู้เรื่องแล้วก็เป็นนักบริหาร
เขาเก่งในการหาทางได้เปรียบไง กิจการแสนสิริของเขา โอ้โห!ได้เปรียบมารวยเละอะไรอย่างนี้ แล้วคุณก็จะเอาแบบนั้นของคุณมาทำกับสังคมประเทศชาติ อธิบายไปแล้วอาตมาก็เห็นแต่ น่าสังเวชใจน่าสมเพชความคิด ที่เขาว่าจะแก้ปัญหาเขาก็ไม่รู้ว่าเขาคือปัญหา เขายิ่งทำปัญหาให้มันยิ่งยากใหญ่ เขาก็ไม่รู้ตัว นี่แหละคือความฉลาดกับความโง่ มันอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่เข้าใจตัวเองก็นึกว่าตัวเองฉลาด แต่แท้จริงตัวเองโง่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 13:06:17 )
รายละเอียด
ไปสร้างปืนสร้างระเบิดเก่งเท่ากับคิมจองอึน กับ อาตมาสอนธรรมะอะไรแพงกว่ากัน ...ธรรมะ พวกเราพูดถูกหมด แต่ข้างนอกเขาก็ว่าสู้ไม่ได้หรอก คิมจองอึนเขาสร้างพัฒนาอาวุธร้ายแรง เขาถือว่าเขาทำได้แล้วเอามาอวดมาแสดงอวดประสิทธิภาพข่มคนอื่น ข่มคนอื่นเพื่อให้คนอื่นกลัวอำนาจ คนอื่นก็ทำแข่ง แต่ต่างคนต่างปกปิดไว้ ใครทำระเบิดเก่งกว่ากันไม่มีใครรู้กว่ากันเท่าไหร่หรอก แล้ว มันก็เรียนรู้ได้ พัฒนาไปได้วิทยาศาสตร์พวกนี้มันเก่ง
เขาก็ยังเสียเวลาเกิดชาติแล้วชาติเล่าคิดไอ้เรื่องที่เลวทราม คิดอาวุธมาฆ่ากัน เลวทรามไหม?... “คนฉลาดสร้าง…อาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้าง…อาวุธ” พวกเราเป็นคนที่เลิกแล้วเรื่องพวกนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า ส่งท้ายปีเก่า งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน สวดอภิธรรมส่ง
ท้ายปีเก่าให้เข้าถึงนิพพาน วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 19:18:13 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:35:52 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:26 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:53:37 )
รายละเอียด
ความตกต่ำของภาวะที่ทรงไว้เป็นแก่นชีพ(ธรรม)ในตัวเรา
หนังสืออ้างอิง
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 42
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:07:46 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:40 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:44:11 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 09:04:05 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:50 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:54:16 )
รายละเอียด
คำว่า เสแสร้ง คำว่า ดัดจริต ทำตนเป็นคนดี มันเป็นภาษาเลว แต่เนื้อแท้คุณเอาจริงๆ สิ มันเป็นของดี จะไปพูดภาษาว่า คนชั่วก็ต้องชั่วออกมาสิถึงจะจริงใจ..จะบ้าหรือ ตัวเองไม่ได้ปรับปรุงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ทำอะไรเลย แม้คุณจะเสแสร้ง แม้คุณจะฝืนทำดี คุณก็ฝืนไปเรื่อยๆ เสแสร้งไปเถอะ ให้ยาวนานจนตายนั่นแหละ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 17:34:46 )
รายละเอียด
เส้นทางของพระนิพพาน คือ การตั้งทิศทางที่จะบรรลุพระนิพพาน มี 2 ทิศทางใหญ่ๆ คือ แบบทิศทางที่ถูก กับ ทิศทางที่ผิด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:44:38 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:58 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:54:34 )
รายละเอียด
ส่วนผู้“กายสักขี”ที่อาสวะ“บางอย่าง”(เท่านั้นนะ!) ที่“หมดสิ้นแล้ว” ซึ่งนับว่าเป็น“อรหันต์”ยังไม่ได้ เพราะอาสวะ“ทั้งหมด”ของผู้นั้นยัง“ไม่หมดสิ้นแล้ว” ยังเป็นผู้ที่“อาสวะบางอย่าง (เท่านั้น) ของผู้นั้นหมดสิ้นแล้ว” จึงเป็น“อาริยบุคคล”ขึ้นไปตามลำดับ ผู้สามารถรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง คุณธรรมดังกล่าวนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้มี“ปัญญา”ที่สัมมาทิฏฐิในความเป็น“กาย” หากปฏิบัติกระทั่งสามารถกำจัด“อาสวะบางอย่างของตนหมดสิ้นแล้วได้ เพราะเห็นด้วยปัญญา” จึงนับว่าเป็นผู้มี“เอง” คือ “สยัง”ได้ ความเป็นจริงมีจริงดังกล่าวมานี้ จึงเป็นเครื่องยืนยันพุทธโลกุตระ ที่อาตมาผู้“สยัง อภิญญา”ได้พิสูจน์ตนเองมา“เอง”จริง จนกว่าอาตมาจะเต็มภูมิในความเป็น“นิยตโพธิสัตว์”ระดับ 7
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 410-411 ข้อ 556
เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2565 ( 14:16:43 )
รายละเอียด
ส่วนปัจจุบันนี้คือสิ่งที่ตั้งอยู่ปัจจุบัน คือสิ่งตั้งอยู่คือธรรมะ คนก็คือธรรมะ เป็นองค์ประกอบของธรรมะ พระพุทธเจ้าจึงเรียกว่าธรรมกาย ชื่อธรรมกายจึงเป็นชื่อของเราตถาคต กายคือสภาพ 2 คือรูปกับนาม
คนเริ่มต้นมาบวช อุปัชฌาย์ต้องมีความรู้เรื่องแยกกายแยกจิต มีความรู้ทำจิตให้เป็นอุตุ หรือพีชะได้ ให้เป็นพืชเป็นสภาวะที่ไม่มีกาย เป็นอุตุไม่มีกายแน่นอน แต่จิตยังมีกาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:15:54 )
รายละเอียด
ต้นทุน , ต้นเค้า
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 90
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:38:29 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:48 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 08:44:29 )
รายละเอียด
คุณจะมีเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งเวทนา ต้องมีผัสสะ หากดับผัสสะก็ไม่เกิดเวทนา ไม่เกิด system analysis ไม่เกิด input process output outcome impact พระพุทธเจ้าสอนมาแต่ในยุคโน้น ในยุคนี้ภาษาสากลก็ยังเอามาใช้เลย เป็น System analysis พุทธเจ้าสอนมา 2,000 กว่าปีแล้ว
สำคัญคุณจะต้องมี เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งเวทนา ที่ต้องใช้เป็นปัจจัยแห่งเวทนาจะต้องมีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติ หากไม่มีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติก็ไม่สามารถรู้เหตุปัจจัยโดยเรื่องราวทั้งหลายเป็นนิทาน เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย คุณจะไม่รู้เหตุ ไม่รู้สมุทัย เป็นตัวพ่วง เหตุก็เหตุ สมุทัยก็เหตุ ปัจจัยก็เหตุ จะไม่มีอิทัปปัจจยตาต่อไปได้ถ้าไม่มี มีเหตุนี้จึงมีเหตุนี้ไปเรื่อยๆ จนจบเหตุดับเหตุได้ ภาษาไทยเรียกว่าจบเห่ ย่อ ต.เต่าสระอุ มาเป็นไม้เอก จากจบเหตุมาเป็นจบเห่ พอจบเห่ได้ก็จบแห่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8
เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:12:44 )
รายละเอียด
คุณจะมีเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งเวทนา ต้องมีผัสสะ หากดับผัสสะก็ไม่เกิดเวทนา ไม่เกิด system analysis ไม่เกิด input process output outcome impact พระพุทธเจ้าสอนมาแต่ในยุคโน้น ในยุคนี้ภาษาสากลก็ยังเอามาใช้เลย เป็น System analysis พุทธเจ้าสอนมา 2,000 กว่าปีแล้ว
สำคัญคุณจะต้องมี เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งเวทนา ที่ต้องใช้เป็นปัจจัยแห่งเวทนาจะต้องมีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติ หากไม่มีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติก็ไม่สามารถรู้เหตุปัจจัยโดยเรื่องราวทั้งหลายเป็นนิทาน เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย คุณจะไม่รู้เหตุ ไม่รู้สมุทัย เป็นตัวพ่วง เหตุก็เหตุ สมุทัยก็เหตุ ปัจจัยก็เหตุ จะไม่มีอิทัปปัจจยตาต่อไปได้ถ้าไม่มี มีเหตุนี้จึงมีเหตุนี้ไปเรื่อยๆ จนจบเหตุดับเหตุได้ ภาษาไทยเรียกว่าจบเห่ ย่อ ต.เต่าสระอุ มาเป็นไม้เอก จากจบเหตุมาเป็นจบเห่ พอจบเห่ได้ก็จบแห่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:22:54 )
รายละเอียด
กว่าเรื่องจะเกิด a story Is born เพราะกว่า “เรื่อง” จะ “เกิด” มันจะอุบัติหรือ
อุปัทวะขึ้นมา “เกิดเรื่อง” นั้น มันต้องมี “เหตุ”กับ “การณ์” ร่วมมือกันก่อนเสมอ
แต่ผู้เผลอเพลินอยู่กับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่เป็นปกติของโลกธรรมนั้น มันลืม ”ไว้หน้า ผู้ไม่มี “สติ” ไม่ ”สังวรสำรวม” ได้ทุกเมื่อ “
ที่มา ที่ไป
อย่าเผลอเพลินกับโลกธรรม สิ่งที่นักรบทวนกระแสต้องระวัง
วันที่ 20 กรกฎาคม 2561
เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 16:49:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 10:59:06 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:02 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:56:45 )
รายละเอียด
คือ ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่มีอัญญธาตุ มีธาตุโลกุตรธรรมได้จากพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระเจ้าแผ่นดินของเขาก็นับถือในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ภูฏานได้ประกาศกลาง UN ประกาศว่า ประเทศภูฏานพร้อมเป็นประเทศยากจนที่มีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าครอบคลุม ประกาศโดยนายกรัฐมนตรีภูฏานการประกาศครอบคลุมตามข้อตกลงระดับโลก บรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าภายในปี 2673 หรือ UHC 2030
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:00:31 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:12 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:55:19 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 13:42:26 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:50 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:57:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:08:41 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:09:20 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:58:18 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:49:56 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:12:06 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 11:59:14 )
รายละเอียด
เพราะว่า ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“กรรมวิบาก”ที่มี“กรรมเป็นของของตน-ตนเป็นทายาทกรรมของตน-กรรมพาตนเกิดตนเป็นไป-กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ของตน-กรรมของตนเป็นที่พึ่งที่อาศัยพาตนเวียนวนเกิดตาย-ตายเกิดอยู่ไม่รู้จบไม่รู้แล้ว อยู่ตลอดกาล หากยังไม่มี“ปัญญา” จึงลึกลับ หรือไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในสัจจะอยู่นั่นเองว่า แท้ๆ แล้ว“พระเจ้า”ก็คือ“ตนเอง” เป็น“นายของอัตตา” เป็น“ผู้บงการกรรมของตน”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 13:57:07 )
รายละเอียด
มีเหตุจากอวิชชา มีเหตุจากความไม่รู้จักยับยั้งความแค้น ไม่รู้จักยับยั้งความก้าวร้าว ถ้ายับยั้งมันก็จะเป็นการระงับด้วยการกดข่ม แต่ศึกษาตามคำสอนพระพุทธเจ้า มันก็จะมีสติ ธัมมวิจัย วิริยะ แล้วรู้จักสัจจะทางจิตเจตสิกรูปนิพพาน ละเอียดทั้งเจตสิก ละเอียดไปทั้งเวทนา 108 หรือละเอียดไปเต็มทั้งสภาพของโพธิบักขิยธรรม 37 มันก็จะละเอียดลึกซึ้งเข้าไปถึงสภาพต่างๆ ที่สามารถที่จะรู้เหตุในรายละเอียดของเจตสิกต่างๆ ว่าตัวไหน คนถนัดไม่เท่ากัน บางคนถนัดปรับตรงนี้ บางคนถนัดปรับตรงนั้น
เช่น คนนี้ถนัดจัดการกับ ไม่ใช่เรื่องของเวทนาโดยตรง ไปจัดการที่ รูปนาม ไปจัดการที่อายตนะ ในปฏิจจสมุปบาท จะมีเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของจิตทั้งนั้นในปฏิจจสมุปบาท
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2566 ( 18:12:43 )
รายละเอียด
การศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมเป็นเรื่องของสัจจะความจริงที่พิสูจน์ได้ คนเรานั้นน่าสงสาร โดยเฉพาะชาวพุทธแล้ว คนที่ยังไม่ใช่ชาวพุทธก็น่าเห็นใจเขา โดยเฉพาะเขามีตระกูลสืบทอดมาจากปู่ย่าตาทวด เป็นสายเทวนิยมมาจะออกมาทางนี้มันไม่ง่าย แม้แต่ศาสนาบางศาสนาบอกว่าอย่าไปศึกษาคำสอนนอกรีตอื่นเป็นบาป มันก็เลยน่าสงสาร ถึงน่าสงสารอย่างไรก็ช่วยเขายาก แต่ชาวพุทธด้วยกันนี่สิ มันยากยิ่งกว่าอีกเจ้าประคุณเอ้ย อันโน้นยากเราก็ไม่ไปลงแรงเพราะเราไม่ได้ไปช่วย แต่นี่ยากเราก็ต้องช่วยเพราะเป็นพุทธด้วยกัน ไม่รู้จะว่าอย่างไร ถ้าไม่ช่วยคุณก็ทำผิด มันไปทำลายให้ศาสนาเสื่อมมันเป็นเหตุปัจจัยที่จำเป็นต้องช่วย
หนึ่งก็เห็นใจนะพวกที่เป็นพุทธแล้ว ตั้งใจมา แล้วบางคนพากเพียรตั้งใจใส่ใจในการที่จะให้เกิดธรรมะ มันก็ยิ่งน่าช่วย น่าสงสาร ที่จะให้เข้าใจถูกๆให้เข้าใจตรงทาง ดำเนินให้ไปถึงอานิสงส์ ไม่ใช่มีผลมากแต่ไม่มีอานิสงส์เลย ไม่มีอานิสงส์มากเลย มีแต่ผลมาก ผลมากนั่นคือโลกียะ อานิสงส์มากก็คือโลกุตระ ไม่มีอานิสงส์เลย คือ ไม่พาให้รู้จักจิตเจตสิก รูป นิพพาน ไม่ทำให้รู้จักจิต ไม่ทำให้เกิดสัมโพชฌงค์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:33:57 )
รายละเอียด
ที่อาตมาพูดนี้เปิดเผยความจริงไม่ได้ชิงชังท่านมหาประยุทธ์ ไม่ได้ชิงชังมหาบัว อาตมาไม่ชังไม่รัก ขอยืนยันว่าอาตมาเป็นอรหันต์
การพูดว่าอรหันต์ เปิดเผยว่าเป็นอรหันต์ มันเป็นความจำเป็นในยุคนี้ อาตมาจำเป็นต้องพูด จำเป็นต้องบอก จำเป็นต้องยืนยัน ขนาดนี้ยังไม่กระดิกหู มันอวดไปทำไมวะ ใครเขาก็จะรู้เองแหละว่าเป็นอรหันต์หรือไม่เป็นอรหันต์ ก็ขนาดบอกนี้ คุณยังไม่รู้เลย ยืนยันเอาพระไตรปิฎกมากางยืนยันเลย อาตมาพาพวกเราปฏิบัติจนเกิดสาราณียธรรม 6 เกิดวรรณะ 9 เกิดพุทธพจน์ 7 เกิดอะไรต่ออะไรเป็นจริงตรงตามพระพุทธเจ้าเลย คุณก็ยังไม่แวบไหวอะไรเลย เอ๊.. โพธิรักษ์น่าจะมีส่วนถูก
ใช่อรหันต์ต้องอย่างที่เขาเข้าใจ ซึ่งอาตมาบอกว่าอาตมาไม่มีความอยากอวดอยากโชว์มีแต่อยากเปิดเผยความจริง พูดความจริง อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดจนหมดจนเกลี้ยงไม่เหลืออะไรแล้ว
ไม่มีใครรู้ได้จึงจำเป็นต้องบอก จะให้คนอื่นบอก รอไปจนตายเขาก็ไม่รู้ไม่บอก ขนาดเอาพระไตรปิฎกมากางว่าอาตมาเป็นอย่างนี้อย่างนี้ ไล่ไปจนกระทั่งถึงตอนนี้ อภิภู
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 19:33:32 )
รายละเอียด
อาตมาจึงจำเป็นต้องบอกว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ เพราะเขาจะเดาไม่ออกว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์อย่างนี้ อาตมาแสดงกายวาจาใจมีกิริยาอาการอย่างนี้ แสดงความเป็นตัวเองมาตั้งแต่ทำงานด้านนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นอรหันต์มาแต่ก่อน พูดว่าบรรลุธรรม แต่ไม่ได้บอกอย่างทะลุไปเลย อาตมามาพูดบอกว่าตนเองเป็นอรหันต์ในปี 2558 ไม่กี่ปีมานี้เอง 5 ปีมานี่เอง พูดออกไปชัดๆ เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ทำงานมาตั้ง 45 ปี แล้วเพิ่งมาประกาศจริงๆ แต่ก่อนบอกว่าเป็นอริยะเป็นโพธิสัตว์ เขาก็ไม่รู้เรื่องโพธิสัตว์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:16:03 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name