@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อธิบายรอบ 2 ลักษณะดีกรีความโกรธที่เพิ่มขึ้นอีก

รายละเอียด

อธิบายรอบ 2 เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ปฏิฆะ คือจิตของคนนี่เริ่ม ยังไม่มีผัสสะ ก็ยังเกิดปฏิฆะได้ ไม่มีผัสสะภายนอก นึกถึงขึ้นมา คู่อาฆาตเก่าแก่ อยู่ในใจ เกิดขึ้น ปฏิฆะได้ ยิ่งไปเจอกันจริงๆเลย สัมผัสตัวตนกันจริงๆ ที่เป็นคู่แค้น คู่ชัง อะไรกันมาแต่ปางไหนก็แล้วแต่ ก็ยิ่งจะปฏิฆะแรง เป็นแต่เพียงว่า อาการของปฏิฆะ ของความโกรธที่เกิดขึ้นในใจ ยังไม่แสดงออกมาเท่านั้น นั่นคือปฏิฆะ

เสร็จแล้วที่เป็นอุปกิเลส มันกลับกดเข้าไปในจิต ผูกโกรธเข้าไปอีก ผูกโกรธสูงขึ้นไปเรื่อยๆมากขึ้นจนกระทั่งถึงขั้น โกธะ ตัวที่ 3 มันก็แรงเลย แสดงออกมาภายนอกเลยทีนี้ ก็แรงมากจนกระทั่งไม่สงวนไว้ภายในเท่านั้นแล้ว ออกมาภายนอกเลย มาจัดการ โกรธอย่างนั้นอย่างนี้ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไปตามลีลา ของสงครามความโกรธ ของแต่ละคน ที่กับใครๆ ก็แล้วแต่ 

ส่วนพยาบาทนั้น สมบูรณ์แบบ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งเกิดในใจ ทั้งมีการแก้แค้นอะไรก็แล้วแต่ หากไม่ อโหสิ หากไม่วางปล่อย เลิกพยาบาท เลิกผูกโกรธ เลิกอุปนาหะ ถ้าไม่เลิก คุณก็จะยิ่งพยาบาท ผูกพันไปชาติหน้า ชาติโน้น ชาติไหนๆๆ ไปอีก ไม่มีจบสิ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 13:32:00 )

อธิบายระบบการทำงาน และการขับเคลื่อนของ“ฌาน”

รายละเอียด

“ฌาน”คือ“พลังงานของจิต”ที่เกิดได้ด้วย“อภิสังขาร(การปรุงสร้างที่เป็นโลกุตระ)”ตามกระบวนการ“จรณะ 15​ วิชชา 8” 

มีฤทธิ์“เผากิเลส”จึงเรียกว่า“ไฟ” เมื่อเผากิเลสได้ผลก็เรียกว่า“บุญ” เป็นศาสตร์ของพุทธ ดังนั้น ทั้ง“ฌาน”ทั้ง“บุญ”เป็น“พลังงานทางจิต”แท้ๆมีหน้าที่ชำระกิเลสในขณะ“ลืมตา”ปฏิบัติทั้งนั้น ที่รู้ได้ด้วยปัญญาโลกุตระ 

ยิ่งเป็น“สมาธิ”ก็ยิ่งหมายถึง“จิตตั้งมั่น”ของคนในสภาพปกติที่มีชีวิตมีงานมีการ“ทำ-พูด-คิด”สามัญตื่นเต็มอยู่ เท่าที่คน“ลืมตา”มี“สติเต็มที่”เป็นอยู่นี่แหละ 

จึงเป็น“ฌาน”ที่มีประสิทธิภาพอันเป็นคุณวิเศษที่ผู้“หลับตา”ปฏิบัติ จะรู้ตามได้ยากมาก (ทุรนุพโพธา) เห็นตามได้ยากมาก(ทุททสา) ลึกซึ้งยิ่งนัก(คัมภีรา) 

เพราะมันสงบที่วิเศษชนิดมีความซับซ้อนย้อนแย้งในตัวเองอย่างวิจิตรพิสดาร(สันตา) 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 406 หน้า 293


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:13:43 )

อธิบายอนุปุพพิกถา 5 ให้ชัดๆ! เริ่มด้วย “ทาน” การทำใจในใจทำอย่างไร?

รายละเอียด

1. ทาน นี้คือ การให้ ซึ่งเป็นการกระทำที่มีผลเป็น“กุศล”ก็เป็นธรรมดาสามัญ แต่ถ้า“การให้”นั้น“มิจฉาทิฏฐิ”ใน“การทำใจในใจ(มนสิการ)” คือผู้

ทานนั้นทำทานแต่ภายนอก ส่วน“ภายในใจ” ไม่สามารถ“ทำใจในใจ”ให้กำจัดกิเลสลดละจางคลายจากกิเลสไม่ได้  “การทาน”นั้นก็ไม่เป็น“บุญ” อย่างดีก็ได้แค่“กุศล”  เพราะ

ยังมี“ภพ”มี“ชาติ”เป็น“สวรรค์”กันอยู่ ยังไม่เป็นโลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 347 หน้า 256


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:01:41 )

อธิบายเพิ่มเติม 1) การเรียนรู้ภาวะ 2 หรือเทฺว เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก!

รายละเอียด

อธิบายเพิ่มเติม 1) การเรียนรู้ภาวะ 2 หรือเทฺว เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก!

[ที่เรากำลังสาธยายกันอยู่นี้ ขอยืนยันว่ากำลังแยกแยะ“ความรู้-ความเห็น”ที่แตกต่างกันของ“ภาวะ 2”คือ“เทฺว” เป็นคำหลัก  

คำว่า “เทฺว”นี้แปลว่า“2” ซึ่งเป็น“ภาวะ 2”ที่ยิ่งใหญ่มากในโลก และกำลังอธิบาย“ธรรมะคู่เอก” ที่มี“ความแตกต่างกัน”อยู่จริงนิรันดร ได้แก่“โลกียธรรม” กับ “โลกุตรธรรม” 

ซึ่งก็คือ ความจริงของ“เทฺว” หรือ“ภาวะ 2” สุดยอดยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติในโลก 

การสาธยายนี้เป็นวิชาการ จึงไม่ใช่การก่อความแตกแยก 

แต่เป็นการแยกแยะ“ความจริง”

หรือทำความชัดเจนของ“ธรรมะ 2” ที่เป็น“โลกียะ”กับ“โลกุตระ” อันมีจริงเป็นจริงอยู่ในโลกนิรันดร ให้มนุษยชาติอาศัยและศึกษา“เทฺว”กันอย่างมีที่สุดของ“จริง” และมีที่“จบ”ของสุด  

“เทฺว”จึงชื่อว่า “ยิ่งใหญ่”สุดๆในโลก ทั้ง“จริง”ทั้ง“จบ” 

นั่นคือ คนในโลกตลอดกาลนาน 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 6 หน้า 48


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:36:57 )

อธิบายเพิ่มเติม 2) ทุกปรากฏการณ์มีภาวะ 2 หรือธรรมะ 2 ทั้งหมดทั้งสิ้น!

รายละเอียด

ซึ่งจะมีผู้เชื่อถือความเป็น“เทฺว”กับผู้เชื่อถือความเป็น“อเทฺว” 

อันคือ“ภาวะ 2” ที่คนต้องมี-ต้องเป็น“โลกียะ”กับ“โลกุตระ”นี่แหละในความเป็นมนุษย์ เลี่ยงไม่ได้เลยใน“ความเป็นจริง”นี้  

แม้ปุถุชนคนที่ไม่นับถือกระทั่ง“พระเจ้า” เขาไม่นับถืออะไรเลยก็ตาม ก็เป็น“ตัวเขาเอง” เป็น“อิสระ”ของเขาเองทั้งนั้นที่เขาจะยึดจะถือ  เพราะที่สุดเขาก็คือ“ตัวเขาเอง”ที่เลือกเองทั้งสิ้น

เพราะ“ตนเอง”เป็น“ตนเอง” ไม่ได้เป็นอะไรของใครเลยจริงๆ

“ความอิสระ”จึงเป็นของตนเองแท้ๆ ไม่มีใครเป็น“เจ้า* เป็นนายเราได้“จริง”หรอก

นอกจาก“ตนเอง”จะเลือก หรือยอมเอง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 7 หน้า 48


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:38:54 )

อธิบายเพิ่มเติม 3) อุดมการณ์ของศาสนาพุทธ!

รายละเอียด

ศาสนาพุทธ ไม่สอนคนให้ทำตนเป็น“เจ้า” หรือ“หลงตน”ว่าเป็น “เจ้า“เป็น“นาย”ใคร  

มีแต่สอนให้เป็น“ผู้รับใช้”หรือเสียสละช่วยผู้อื่น  (อย่าทำตนเป็น“ผู้รับจ้าง”เด็ดขาด) มันเป็นความสุดยอดแห่งความเป็นคุณค่าของความเป็นคน ที่ไม่ถือตัวตน 

ใครจะยกย่องให้ตนยิ่งใหญ่สูงส่งอย่างไรแค่ไหน ก็ไม่“หลงตน” ไม่ถือตนว่าตนเป็นใหญ่ แล้วข่มผู้อื่น หรือเบ่ง 

แม้เราจะใหญ่จริงสูงจริง เราก็แค่ผู้มีประโยชน์ก็ประเสริฐแล้ว ดีแล้ว เราก็เป็นแค่“คนดี”ในโลกที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นจริง สามารถทำงานให้แก่ผู้อื่นได้ เกิดประโยชน์ขึ้นมาแก่คน แก่สังคม แก่โลกตามจริง มันก็ดีแล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 8 หน้า 49


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:41:54 )

อธิบายเพิ่มเติม 4) เป็นผู้รับใช้นี่แหละ ดีเลิศสุดยอดแล้ว!

รายละเอียด

คนเราได้แค่นี้แหละดีที่สุดแล้ว อย่าหลงอยากได้อะไรมาเลอะตนเองไปกว่านี้เลย 

“เรา”ได้มีประโยชน์แก่คน เราได้“รับใช้”คน นี่ดีสุดแล้ว 

แต่อย่าทำตนเป็น“คนรับจ้าง”เป็นอันขาด 

“ผู้รับใช้” กับ “ผู้รับจ้าง” เป็น“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว”คู่หนึ่งที่มีความสำคัญยิ่ง มีนัยะลึกซึ้งในความแตกต่างกันยิ่งๆ 

 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 9 หน้า 49


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:44:09 )

อธิบายเพิ่มเติม 5) พ่อท่านออกตัวมีแต่เจตนาดี อย่าเอาทิฏฐิมาปิดกั้นความรู้นี้!

รายละเอียด

อาตมาพยายามอธิบาย“ความแตกต่าง” ไม่ได้ทำความแตกแยกให้เกิดแก่ใครดอกนะ!    

หากผู้ใดรู้สึกว่า เป็นการก่อความแตกแยกก็ดี เป็นการยกอันนั้นข่มอันนี้ก็ตาม ขอให้ทำความเข้าใจให้เป็นกลางๆเถิด ว่านี้คือ“ความจริง” ที่คนยึดถือกันในโลก ที่เป็นจริง ปฏิเสธไม่ได้ 

ก็อยู่แต่ว่าใครจะยอมรับนับถือ เชื่อถือ“โลกยะ”หรือ“โลกุตระ” อย่างใด-แบบใด”เท่านั้น 

ซึ่งเป็น“สิทธิ”อันสัมบูรณ์ของแต่ละคน เป็น“ความอิสระ”ของแต่ละคนจริงๆ]

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 10 หน้า 50


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:45:50 )

อธิบายเล็บ ว่าด้วยการแยกกายแยกจิต

รายละเอียด

หนังก็แนบชิดไป  แยกไม่ง่ายเลย  ถ้าเอามาที่ผม ก็ยาวไป  ก็ยาก  ผิวหนังก็ยาก  ฟันก็มีน้อย  ไม่มากเลย  ก็เลยสู้เล็บไม่ได้ อย่างอื่นอธิบายได้ยาก  เล็บอธิบายได้ง่ายกว่า  ว่า เมื่อไหร่มันเป็นกาย  เมื่อไหร่มันไม่เป็นกาย  เล็บอยู่ในตัวเราหากมันยาวออกมาพ้นประสาท แต่มันยังมี  ชีวะ  มีอาหารมาเลี้ยงให้ยาวไปได้เรื่อยๆ  เหมือน พีชะ  มันไม่รู้สึก ไม่มีบาป  ไม่มีบุญ  แต่มันเป็นชีวะ  ถือว่าไมใช่กายแล้ว  เพราะว่า  ไมมีบาปไม่มีบุญ  ไม่มีปวด ไม่มีเจ็บ  มีมีความรู้สึก  ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณเหมือนพืช  เพราะฉะนั้น  คนที่ไม่ได้ศึกษา เล็บมันไม่ได้ถูกตัดออกไปมันอยู่ที่ร่างของเรามันจะไม่เป็นกายของเราได้อย่างไร  เขาจะเข้าใจผิดว่าไม่ใช่กาย   เล็บยังไม่ได้ตัดออกไป  คำว่ากายนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ขาดจากร่างของคุณ  อย่างผมก็ตาม  ขน  เล็บ ฟัน  หนัง  ส่วนที่มันหลุดออกจากประสาทแล้วไม่มีกายแล้ว ไม่มีความรู้สึก  ไม่มีเวทนาแล้ว  มันไม่มีวิญญาณแล้ว เป็นชีวะ  หากยังไม่ขากจากร่างของเรา ส่วนนั้นก็มีส่วนไม่ใช่กาย ที่ตัดออกไปได้  แต่อย่าไปหลงผิดเพราะว่าไม่ใช่กายเรา  อย่างผู้หญิงบางคนไว้เล็บไปตัดของเขา  เขาก็โกรธตายเลย  อันนี้เป็นของหวงของเขา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก  วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 17:19:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:42:01 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:37:08 )

อธิบายเล็บ ว่าด้วยการแยกกายแยกจิต

รายละเอียด

คือ หนังก็แนบชิดไป  แยกไม่ง่ายเลย  ถ้าเอามาที่ผม ก็ยาวไป  ก็ยาก  ผิวหนังก็ยาก  ฟันก็มีน้อย  ไม่มากเลย  ก็เลยสู้เล็บไม่ได้ อย่างอื่นอธิบายได้ยาก  เล็บอธิบายได้ง่ายกว่า  ว่า เมื่อไหร่มันเป็นกาย  เมื่อไหร่มันไม่เป็นกาย  เล็บอยู่ในตัวเราหากมันยาวออกมาพ้นประสาท แต่มันยังมี  ชีวะ  มีอาหารมาเลี้ยงให้ยาวไปได้เรื่อยๆ  เหมือน พีชะ  มันไม่รู้สึก ไม่มีบาป  ไม่มีบุญ  แต่มันเป็นชีวะ  ถือว่าไมใช่กายแล้ว  เพราะว่า  ไมมีบาปไม่มีบุญ  ไม่มีปวด ไม่มีเจ็บ  มีมีความรู้สึก  ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณเหมือนพืช  เพราะฉะนั้น  คนที่ไม่ได้ศึกษา เล็บมันไม่ได้ถูกตัดออกไปมันอยู่ที่ร่างของเรามันจะไม่เป็นกายของเราได้อย่างไร  เขาจะเข้าใจผิดว่าไม่ใช่กาย   เล็บยังไม่ได้ตัดออกไป  คำว่ากายนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ขาดจากร่างของคุณ  อย่างผมก็ตาม  ขน  เล็บ ฟัน  หนัง  ส่วนที่มันหลุดออกจากประสาทแล้วไม่มีกายแล้ว ไม่มีความรู้สึก  ไม่มีเวทนาแล้ว  มันไม่มีวิญญาณแล้ว เป็นชีวะ  หากยังไม่ขากจากร่างของเรา ส่วนนั้นก็มีส่วนไม่ใช่กาย ที่ตัดออกไปได้  แต่อย่าไปหลงผิดเพราะว่าไม่ใช่กายเรา  อย่างผู้หญิงบางคนไว้เล็บไปตัดของเขา  เขาก็โกรธตายเลย  อันนี้เป็นของหวงของเขา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:49:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:04 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:01:52 )

อธิบายแล้วพากันทำไม่ใช่มีแค่พยัญชนะ

รายละเอียด

ฟังธรรมะที่อาตมาอธิบายให้ดีๆ คุณจะไม่ได้ฟังคนอธิบายสัจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าขยายความละเอียดลออ ได้อย่างอาตมา จะไม่มีคนมาอธิบายอย่างนี้ได้ง่ายๆหรอก ขออภัยที่ยกย่องตัวเอง แต่มันเป็นความจริงอาตมาสัมผัส ไม่ใช่อยาก อวดโอ่ ไม่ใช่ยกตัวเองบ่อยเกินแต่ขยายความให้เห็นนัยยะละเอียด 

อาตมามีสมบัติ อาตมามีคุณธรรม มีคุณวิเศษ มีโลกุตรธรรมอย่างที่เอามาอธิบายแล้วพากันทำ ไม่ใช่มีแค่พยัญชนะด้วย อาตมาได้แล้ว ก็เอามาขยายความให้พวกเราทำมาได้เรื่อยๆ ก็ใกล้อาตมามาเรื่อยๆ ใกล้หรือยัง? ...นั่งใกล้ คนนี้ฉลาดตอบ แล้วธรรมะใกล้หรือยัง 

ก็ได้ ใช้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 22:02:31 )

อธิบายโดยอาศัยพยัญชนะประกอบกับสภาวะ

รายละเอียด

ในพยัญชนะ วรรค 5 นี่ ป ผ พภ ม คือ เรียนรู้ไปเป็นลำดับ

ป คือ องค์รวมทั้งหมด ต้องเป็นตัวตนอะไรขึ้นมา 

ผ ก็คือโผฎฐัพพะหรือผัสสะ 

พ จะต้องรู้อาการพฤติกรรมของมัน พะ พะ ต้องรู้ความเจริญของ ภ

ภ ความเจริญทั้งหมดของ ป ผ พ

ม ถ้ารู้หมดเลยตั้งแต่ ป ถึง ภ ตัว ม คือจิตวิญญาณ มม คือคนที่หลงจิตวิญญาณเรียนรู้จิตวิญญาณอย่างมิจฉาทิฏฐิก็เป็นมมังการ คืออาการผยอง ถ้าใครเรียนรู้ได้ดีก็เป็น มย เป็นความสำเร็จเป็นตัวเองที่สมบูรณ์แบบ อย่างนี้เป็นต้น 

อาตมาพยายามอธิบายโดยอาศัยพยัญชนะประกอบกับสภาวะที่เป็นสภาวะของ ธรรมะ สภาวธรรม ที่ลึกซึ้ง ที่อาตมาพูดนี้ คนอาจจะฟังแล้วบอกว่าไม่เคยได้ยิน เขาก็เรียนแต่ ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ไปโน่น แล้วอธิบายโดยอาจารย์ของอาจารย์ขยายความไป ให้ดูมีความรู้ขยายให้พิสดารเฟื่องฟูมา ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสโดยสำนวนของท่านว่า ผู้รจนายุคใหม่ ก็จะเติมแต่งเป็นความไพเราะ เป็นความอร่อยขึ้นไปใน อาณิสูตร เนื้อหาสาระแท้ๆมันหมดไปจากโลกุตรละ เมิ้ดจ้อย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:14:41 )

อธิปัญญา (ญาณ,วิชชา)

รายละเอียด

1. ความรู้ , ความรู้ยิ่ง , ยิ่งมีปัญญา

2. ภาวะยิ่งขึ้นของปัญญา – ปัญญินทรีย์ – ปัญญาพละ

3. รู้แจ้งเห็นจริง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 111, หน้า 143, หน้า 400, หน้า 457, หน้า 489


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:55:00 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:02:11 )

อธิปัญญา , โพธิ

รายละเอียด

มีความรู้ยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 109


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:55:39 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:16:18 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:02:28 )

อธิปัญญาสิกขา

รายละเอียด

การศึกษาที่รอบรู้ยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 98


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:57:48 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:17:16 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:02:43 )

อธิปไตย

รายละเอียด

เป็นใหญ่ , อำนาจยิ่งใหญ่

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 64 , 78


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:53:34 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:18:18 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:42:14 )

อธิปไตย

รายละเอียด

อธิปไตยแปลว่ากำลังแปลว่าแรง ส่วน อภิบาลแปลว่า ดูแลปกครอง ช่วยเหลือเกื้อกูล อภิบาล หรือว่า บาล คำเดียวนี้ แปลว่าช่วยเหลือ อุ้มชู ช่วยเหลือเกื้อกูลอนุเคราะห์กัน อภิ แปลว่า ยิ่งใหญ่ ยิ่งใช้คำว่าธรรมาภิบาล ที่กำลังพูดกันในสังคม

สองคำนี้ จะเอามาขยายความ คืออธิปไตยกับธรรมาภิบาล แต่งเป็นกวี

  “อธิปไตย”จักเกิดจาก“ธรรมาภิบาล”  

 (1) อ่านพุทธประวัติต้อง        แตกฉาน     

      จับแก่น“ธรรมาภิบาล”           แม่นได้

“ธรรมาธิปไตย”ขาน         กันอีก คำแฮ 

      แจ้งชัดสัจจะไซร้                 ต่างขั้นกันไฉน

      (2) “อธิปไตย”อำนาจนี้        คือพลัง

      โลกิยะหลงกันจัง                ชอบสร้าง

      “ใส่ตน”ทุกเล่ห์หวัง                       “อำนาจ..

  ..บาตรใหญ่”ใน“โลก”กว้าง     เก่งด้วย“อัตตา”  

      (3) แต่“ธรรมา”นั้นแตก        ต่างนัย

      ทั้ง“อภิบาล-อธิปไตย”           *วิกัติล้ำ

      สำคัญสุดขานไข                 รู้ยาก ยิ่งแล  

      ปุถุชนถูกกิเลสขย้ำ                       อสัตย์ล้วนเลวลึก

      (4) หากศึกษาทั้ง“โลก”ทั้ง “อัตตา”

      โลกุตระ-โลกิยา                 แยกได้

      จึ่งชัดทุก“ธรรมา”               ตามพุทธ ศาสตร์แฮ

      ว่า“อธิปไตย”นั้นไซร้            จากผู้“อภิบาล”

      (5) อย่าพาลสร้าง“อำนาจ”ไซร้  ใส่“ตน”

      ประชาชาติแต่ละคน             จักให้

      แก่เราที่เขายล                   เป็นสิทธิ์ ประชาเอง           

      หน้าที่เราใช่ใช้                  “อำนาจ”ล้น“ตนมี”

      (6) ที่แท้ต้อง“รับใช้                     ปวงชน”

      “อธิปไตย”ถ้าคน                อยากได้

      อ่อนน้อมถ่อมตัวตน                      เสียสละ แท้เทอญ     

      หาก“อภิบาล”วิสุทธิ์ให้          วิศิษฏ์แล้วจริงเลย

      (7) คนไทยเคยสัมผัสซึ้ง        ตรึงตรา  

      จริยวัตรพระราชา                ที่เก้า

      “อภิบาล”สุดวิเศษหา       ใดเปรียบ ได้ฤา

      เกิด“อธิปไตย”ผ่านเผ้า          เทิดเกล้าคนสยาม

 

                              “สไมย์ จำปาแพง”                                                                                                                        27 ก.พ. 2561

      [*วิกัติ=ชนิด,อย่าง;การประดิษฐ์ทำ;การจัดทำให้เป็นแบบต่างๆ]  

   [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 332 ประจำเดือนมีนาคม 2561]

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน อธิปไตย จักเกิดจาก ธรรมาภิบาล  


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:43:40 )

อธิปไตย 10 ข้อเหมือนกับอธิปไตย 3 ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ต้องลองมาจับดู ประชาธิปไตย 10 ข้อนี้ ถามว่าเหมือนหรือรวมกันได้กับอธิปไตย 3 ของพระพุทธเจ้า สรุปง่ายๆว่ามันเหมือน ขยายความอาจจะต้องอธิบายยาวจึงชัดเจนอธิปไตย 3 ก็ขออ่านอธิปไตย 10 ข้อ 

  1. งานการเมืองต้องมีคุณธรรมและเป็นกุศล มีปัญญา 

  2. นักการเมืองต้อง “รู้จัก” ประชาธิปไตยที่แท้ 

  3. นักการเมืองต้อง “สอน” หรือเผยแพร่ประชาธิปไตยให้กับประชาชน  (ประชาชนก็ใส่ใจขวนขวายเรียนรู้ ไม่ใช่รู้แค่ว่าไปเลือกตั้งเท่านั้น)  

  4. นักการเมืองต้องเป็นผู้พึ่งตัวเองได้แล้ว 

  5. นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อยสันโดษ  

  6. นักการเมืองต้องไม่ทำงานการเมืองเป็นอาชีพหากิน . 

  7. งานการเมืองต้องเป็นงานอาสาเสียสละ .

  8. นักการเมืองจะต้องไม่มีอคติ (ต้องพ้น อคติ 8) . .

  9. นักการเมือง คือ ผู้มีอิสระแท้จริง ไม่เป็นทาสโลกธรรม (นักการเมืองต้องเป็นอาริยบุคคลหรือเป็นอรหันต์)

  10. งานการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่งานเพื่อตัวเราเพื่อครอบครัวเพื่อหมู่พวกเพื่อพรรค แต่เป็นงานเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชนทั้งมวลเพื่อผู้อื่นที่พ้นไปจากตัวเองพ้นไปจากครอบครัวพ้นไปจากหมู่พวก แม้แต่พ้นไปจากพรรคของตน

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:43:42 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด

คือความเป็นใหญ่ด้วยความดี

1. อัตตาธิปไตย (ทำตนให้เป็นใหญ่ โดยละชั่วทำดี)

2. โลกาธิปไตย (ทำโลกให้เป็นใหญ่ โดยการละชั่วทำดี)

3. ธรรมาธิปไตย (ทำธรรมะให้เป็นใหญ่ โดยละชั่วทำดี)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 20 "อธิปไตยสูตร" ข้อ 479

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2562 ( 15:15:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:09 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:03:05 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด

1. คนที่มีโลกเป็นใหญ่  (โลกาธิปไตย) มีปัญญาเพ่งพินิจไปกับการงานช่วยโลก  โดยมีอิทธิวิธญาณต่างๆ มีจิตอันไม่หวั่นไหวกับโลกธรรม โลกรวมทั้งข้างนอกและข้างในด้วย โลกนี้คือกายทั้งภายนอกและภายใน โลกจะรวมความเป็น 2 แต่เน้นมาหาข้างนอก แต่ไม่ขาดหากขาดความรู้ของจิต โลกไม่มีจิต โลกมันไม่รู้ตัวมันเอง โลกาธิปไตยคืออำนาจของโลกที่เรามีจิตรู้โลก เราต้องทำตนอยู่กับโลกอย่างไม่ให้โลกทำร้ายเรา เราไม่เป็นทาสโลก

2. คนที่มีตนเป็นใหญ่ได้แล้ว (อัตตาธิปไตย)  มีสติพิจารณาละอกุศล จนเกิดอธิปไตยให้แก่ตน คือตัวจิตที่ยึดตัวเองเข้าไปๆ จะอาให้ได้ดังใจตนเอง มีอัตตาหนักแรงมาก กูจะต้องเอาแผ่นดินนี้ให้ได้ เจ็งกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช ล่าอาณาจักร อย่างอังกฤษมีประเทศที่เล็กแต่มีฤทธิ์เดชเป็นจ้าวอาณานิคม เดี๋ยวนี้เขาเลิกทำแล้ว ก็มีอเมริกาลอกเลียนแบบไป ผู้บริหารประเทศจะเป็นเจ้าโลก great america คืออัตตาจิตตนหลงยิ่งใหญ่ ไม่เล็กไม่น้อยจะต้องใหญ่ ความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่มันเบียดเบียนผู้อื่น แย่งชิงผู้อื่น มันเห็นแก่ตัว ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น แค่นี้คนก็เข้าใจกันมากขึ้น คนหลงจมในความเป็นจ้าวโลกจึงตกยุค จะเทียบกันจริงๆ โดนัลด์ ทรัมป์กับคิมจองอึน คิมจองอึน เขาก็ยังไม่ได้คิดอยากจะเป็นเจ้าโลกใหญ่ แต่เขาเล็กมาก เกาหลีเหนือคอมมิวนิสต์เพียวๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกือบหมดแล้ว จีนและรัสเซียก็เคยเป็นคอมมิวนิสต์มา เพราะไปหลงในลัทธิของเลนินของมาร์ก แต่เหมาเป็นลัทธิแปลงมา สรุปแล้วมนุษยชาติมีความเข้าใจมีความยึดถือ ก็เข้าใจว่าอย่างนี้ดีก็ทำเอา ก็จะมีความหลากหลาย ผู้รู้จะรู้ว่าเขายึดอันนี้ๆ อะไรร่วมกันได้ก็ร่วม อะไรร่วมไม่ได้ก็ไม่ร่วม อย่าทะเลาะกัน ข้อสำคัญคือเรามีชีวิตของเราอยู่รอด มีอยู่มีกินมีหมู่มวลมีเครื่องอาศัยใช้สอย พอเป็นไป สุขสำราญเบิกบานใจ มีความพอ ไม่มีความโลภ อยากใหญ่โตหรูหรา ใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นพระพรหม กูนี่แหละใหญ่ ข้านี่แหละใหญ่  ความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้เป็นคนตกยุคแล้ว แต่คนไม่รู้ตัวยกตัวอย่างคิมจองอึน บังอาจจะไปคิดอย่างโดนัล ทรัมป์ เพราะว่าโดนัล ทรัมป์ถูกปลูกฝังมาจากปู่ย่าตายาย ได้รับการยอมรับจากโลก เพราะเขาสร้างเทคโนโลยีสร้างระเบิดนำหน้าคนอื่น ซึ่งจริงๆแล้วอเมริกาก็ไม่ใช่พวกแรก แต่เยอรมันฝรั่งเศสตะวันตกมีการทำมาก่อน  เอเชีย จะเก่งทางกสิกรรม ทางตะวันตกเก่งทางอุตสาหกรรมก็เท่านั้นเอง จะแบ่งอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้สร้างแต่เครื่องมือฆ่าแกงกัน เป็นคอมพิวเตอร์ก็เอาเถอะ เอามาใช้กันไป แต่นี่จะสร้างระเบิดเป็นอำนาจให้แก่ตัวเอง ที่ยังสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นคนตกยุค เข่นฆ่าคนให้ยิ่งใหญ่ เป็นคนตกยุค เป็นคนอำมหิตเป็นคนเถื่อนเป็นพวกมิลักขะ ไม่ใช่ อาริยกะ เป็นคนเถื่อน เข้าใจชัดเจนแล้วเราก็มาอยู่อย่างคนเป็นอาริยะ ไม่ใช่อยู่อย่างมิลักขะใช้เรี่ยวแรงเอาชนะคนอื่น คนเข้าใจแล้วจะเห็นว่าแบบนั้นเป็นแค่เดรัจฉาน เข้าใจแล้วก็จะเริ่มเป็นคนที่ใช้สมอง เป็นคนที่เมตตาเกื้อกูลผู้อื่น เป็นจิตวิญญาณที่ประเสริฐกว่า เป็นความละเอียดละออเข้าถึงจิตวิญญาณที่มีความรู้ความสามารถ เอาความรู้ความสามารถเหล่านี้ไปทำประโยชน์ ให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์หิตายะ พหุชนหิตายะ คนส่วนมากจะได้รับสิ่งที่ควรได้รับ สิ่งที่ไม่ควรได้รับก็อย่าไปสร้างไปทำให้ ผู้ที่รู้จักสิ่งที่ควรทำสิ่งที่ควรสร้างเรียกว่า สุภะ สิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็นน่าสร้าง คนก็รู้จักสุภะ ส่วนคนทุภะ ก็ทำสิ่งที่ไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็น อันหนึ่งน่าได้น่ามีน่าเป็น  อีกอันไม่น่าได้ไม่น่าเป็นไม่น่ามี มีสองอย่างอยู่ที่กรรมกิริยาจะทำ ที่สุดมี 2 อย่างเปรียบเทียบเทวะ ผู้ที่รู้จักรายละเอียด 2 สิ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้มากที่สุดเท่าไหร่คนนั้นคือพวกที่ เทวะ คือพระเจ้า 

3. คนที่มีธรรมเป็นใหญ่ (ธัมมาธิปไตย)  ประพฤติโดยทำธรรมนั่นแหละให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ  เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

 อธิปไตยสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 20 ข้อ 479 


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2562 ( 21:55:54 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:23 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:43:34 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด

ทีนี้ ลองมาพูดด้วยภาษาสมัยใหม่ สังคมชาวอโศกนี้เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า ประชาธิปไตยเป็นภาษาสมัยใหม่ ในยุคพระพุทธเจ้ายังไม่มีคำว่าประชา + อธิปไตย แต่สมัยพระพุทธเจ้ามีแต่คำว่าโลกาธิปไตย-อัตตาธิปไตย-ธรรมาธิปไตย อาตมาก็ยืนยันว่า โลกาธิปไตย-อัตตาธิปไตย-ธรรมาธิปไตย  เป็นอธิปไตย 3 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:05:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:03:30 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด

อธิปไตยคืออำนาจ รู้ว่าอำนาจของโลกคืออะไร อัตตาคืออะไร อำนาจของอัตตาคืออะไร คนที่ใช้อำนาจของโลก เอาโลกล้อมเมือง ก็เอามวลชนใหญ่ มาเป็นตัวครอบงำ หรือเอาอำนาจอัตตาตัวเองเป็นอำนาจบาตรใหญ่อย่างที่ทักษิณทำ หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา แม้แต่โดนัลด์ทรัมป์ ที่กำลังพยายามทำอยู่บัดนี้ หรือว่าแม้แต่โจไบเดนก็มีนัยยะเช่นนั้น อาตมาถือว่าเป็นความเสื่อมลงไปของประชาธิปไตยโดยสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างอันแรกที่ดูง่าย เพราะอำนาจของทุนเอาอำนาจของอาวุธอะไรต่างๆนานา หรือว่าหาพรรคพวกในโลก มีพรรคพวกเยอะนะสหรัฐเนี้ย ประเทศต่างๆกลัวเพราะว่าเขามีอาวุธ เขาสร้างอาวุธได้ยอดเยี่ยม แล้วก็แฝงไว้ที่ NASA เขาเก่งด้านเทคโนโลยี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:33:47 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด

คือความเป็นใหญ่ด้วยความดี

1. อัตตาธิปไตย (ทําตนให้เป็นใหญ่ โดยละชั่วทําดี)

2. โลกาธิปไตย (ทําโลกให้เป็นใหญ่ โดยละชั่วทําดี)

3. ธรรมาธิปไตย(ทําธรรมะให้เป็นใหญ่ โดยละชั่วทําดี)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “อธิปไตยสูตร” ข้อ 479


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:19:58 )

อธิปไตย 3 (อำนาจที่ถูกต้องดีงาม)

รายละเอียด

1. คนที่มีตนเป็นใหญ่ได้แล้ว (อัตตาธิปไตย)  มีสติพิจารณาละอกุศล จนเกิดอธิปไตยให้แก่ตน 

2. คนที่มีโลกเป็นใหญ่  (โลกาธิปไตย)  มีปัญญาเพ่งพินิจไปกับการงานช่วยโลก  โดยมีอิทธิวิธญาณต่างๆ  มีจิตอันไม่หวั่นไหวกับโลกธรรม

3. คนที่มีธรรมเป็นใหญ่ (ธัมมาธิปไตย)  ประพฤติโดยทำธรรมนั่นแหละให้เป็นใหญ่  แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ  เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ  บริหารตนให้บริสุทธิ์ 

ที่มา ที่ไป

อธิปไตยสูตร  พระไตรปิฎก เล่ม 20   ข้อ 479

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 20:04:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:47:04 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:44:28 )

อธิปไตย 3 ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เพราะงั้นสรุปแล้ว นี่ก็เป็นบทหนึ่งในหลายสิบบทที่อาตมาเขียนเรื่องประชาธิปไตยลงใน นสพ.เราคิดอะไร แล้วไม่ใช่แค่เขียนเฉยๆ อาตมาพาพวกเราปฏิบัติเป็นนักประชาธิปไตยตามพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 21:03:16 )

อธิปไตย 3 คือความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า แม้ยังไม่มีพยัญชนะตั้งเป็นประชาธิปไตย ก็จะเอาอธิปไตย 3 ธรรมาธิปไตย โลกาธิปไตย กับอัตตาธิปไตย

มีธรรมเป็นตัวกลาง คุณธรรมเป็นคุณวิเศษ ยุคพระพุทธเจ้าก็มีคุณวิเศษ ถ้ามีธรรมนูญก็เป็นกฎหมายกลาง กฎหมายรวม หลักเกณฑ์รวมธรรมนูญ ผู้ใดศรัทธาธรรมนูญ ทั้งทุกประเทศมีกฎหมายรวมเป็นธรรมนูญทุกประเทศ นอกจากว่ากฎหมายธรรมนูญก็มีไป แต่อำนาจบาตรใหญ่ของฉันเป็นเผด็จการนั่นแหละ เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แม้เดี๋ยวนี้บางประเทศก็ยังมีอยู่มากน้อยก็แล้วแต่ ยกตัวอย่าง เกาหลีเหนือเป็นคอมมิวนิสต์เต็มเหนี่ยว เผด็จการด้วยคนเพียง 1 คนเป็นใหญ่ นอกนั้นต้องฟังคนนี้คนเดียว เป็นอย่างนั้น 

เมื่อพวกเราได้เข้าใจ อาตมาได้นำพาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาใช้ เป็นประชาธิปไตยที่มีพลังงานทั้งคุณธรรมที่เป็นคุณวิเศษ ต้องเรียกคุณธรรมนี้เป็นคุณวิเศษคือ อุตตริมนุสสธรรมเป็นโลกุตรธรรม ที่เข้าใจ ซึ่งเดี๋ยวนี้เขาก็ยังเข้าใจกันไม่ได้ อย่างเช่น นักรัฐศาสตร์ อาตมาจะพูดอย่างไรเขาก็ยังมึนตื้อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 19:51:35 )

อธิปไตย 3 คือหลักฐานความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ซึ่งอาตมาก็ยืนยันว่า หลักฐานตรงไหนที่ว่าพระพุทธเจ้ามีหลักฐานความเป็นประชาธิปไตย ก็คืออธิปไตยนี่แหละ แต่ไม่ได้ใช้คำว่าประชาธิปไตย มันต้องรวมความของเนื้อหา เนื้อหาของคำว่า อธิปไตย 3 

1. หิตะ 2. สุข 3. การรับใช้

- พหุชนหิตายะ (เพื่อประโยชน์ของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) ทำประโยชน์คุณค่าให้แก่มวลประชาชน 

- พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) ทำให้เกิดความสุขให้แก่มวลประชาชน 

- โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นโลกาธิปไตย รับใช้โลกเลย ไม่ใช่แค่ประชาชนในประเทศเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:58:38 )

อธิปไตย 3 เป็นเช่นไร

รายละเอียด

จำได้แต่อธิปไตย 3 ได้ยินมาจากไหนอธิปไตย 4 ใครนึกได้ จำผิดหรือเปล่า

อธิปไตย 3 คือ 1. โลกาธิปไตย  2. อัตตาธิปไตย 3. ธรรมาธิปไตย 

ก็ต้องบอกสั้นๆง่ายๆก่อน โลก หมายถึง ทั้งหมดข้างนอกเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันอยู่เกี่ยวข้องกันอยู่ทั้งหมดเรียกว่าโลก 

อัตตา หมายความว่า จิตใจของเรา จิตใจของเรามันก็ทำงานอยู่กับโลก เกี่ยวข้องกับโลกทำงานกับโลก อัตตา แปลว่าตัวเราเอง เพราะฉะนั้นผู้ที่ยึดอัตตาก็คือยึดตัวเอง ผู้ที่ยึดสิ่งที่เกี่ยวข้องข้างนอก เอาภาระแต่ข้างนอกไม่มาดูอัตตาตัวเอง เอาแต่ศึกษาข้างนอกเรียนรู้ภาษาธรรมะแต่ข้างนอกเยอะๆ ปทปรมะ แต่ตัวเองไม่ปฏิบัติธรรมไม่เอาภาระอัตตาตัวเองคนนี้ก็ไม่บรรลุทางธรรม 

คนที่มีความรู้ทางธรรมะก็ต้องรู้ความเกี่ยวข้องกับโลกและความเกี่ยวข้องในตัวเองตั้งแต่เริ่มรู้ สักกายะ คือตัวตนเริ่มต้น อัตตาตัวตน และอัตตาตัวนี้เกี่ยวข้องกับข้างนอกด้วยนะ เกี่ยวข้องข้างนอกที่เราสัมผัสแล้วมันเกิดกิเลส อัตตาคือจิต โลกไม่เน้นจิต ดีไม่ดีเป็นวัตถุของมันเองไม่เกี่ยวกับจิตมันไม่ใช่เรา แต่อัตตามันเป็นเราก็เรียนรู้กิเลสพวกนี้ แล้วก็เลิกกิเลสพวกนี้ ลดกิเลสตรงนี้ ดับกิเลสพวกนี้ให้ได้จึงเรียกว่าธรรมะ 

อธิปไตยแปลว่า มีกำลังมีพลังอำนาจ ที่สามารถไปรู้ อำนาจแห่งความรู้ อธิปไตยคืออำนาจแห่งความรู้เกิดความรู้ สัมผัสอะไรขึ้นมาก็เกิดความรู้เป็นอำนาจ หรือเป็นแรงเป็นฤทธิ์เป็นประสิทธิภาพสามารถรู้แล้วปฏิบัติกับโลก ปฏิบัติกับตัวตนอัตตาให้มันเกิดธรรมะโดยเฉพาะธรรมะที่เป็นโลกุตระของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:13:49 )

อธิปไตย 3 เป็นเช่นไร

รายละเอียด

ถ้าหากบริบาลอภิบาลให้ดีมีคุณภาพคุณธรรมดีประชาชนเขาจะให้ด้วยความจริงใจ คุณจะได้โดยไม่ต้องอยากได้ ไม่ต้องอยากได้อธิปไตย จึงจะเกิดธรรมาธิปไตย ไม่อย่างนั้นมันจะเป็น อัตตาธิปไตย

ถ้าคุณได้อัตตาธิปไตยก็เอาตัวเองเป็นใหญ่ เบ่งเลย แต่ถ้าคุณไม่ใช้อัตตาธิปไตย แต่ใช้โลกาธิปไตย ใช้โลกล้อมประเทศ ก็ไปหว่านล้อมหาบริวาร จาก ประเทศอื่นมาบีบบังคับภายใน นี่ก็เป็นโลกาธิปไตย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:46:30 )

อธิปไตย คือ ความเป็นใหญ่

รายละเอียด

คำว่า ประชาธิปไตยคือประชาชนกับอธิปไตย 2 อย่าง 

อธิปไตย คือ ความเป็นใหญ่ เป็นอำนาจ เป็นพลังอันสำคัญ โดยเฉพาะ อธิปไตย คือจิต ในมูลสูตร 10 อธิปไตย คือ สติ อุตระ โลกุตระก็คือปัญญา คือผู้มีสติมีปัญญา เป็นคู่ สติของผู้ที่มีปัญญา เป็นตัวขับเคลื่อน สติ แปลว่า ความตื่นรู้ รู้เต็มที่เป็นชาคริยานุ ชาคระ ซึ่งคนเราธรรมดาสามัญ มันไม่ตื่นเต็มที่หรอก คำว่า ไม่ตื่นเต็มที่คือถูกครอบงำโดยกิเลส ถูกกิเลสครอบงำตลอด จึงไม่ใช่ ชาคระหรือชาคริยา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 17 มกราคม 2566 ( 12:38:29 )

อธิปไตย 3

รายละเอียด 1.อัตตาธิปไตย 2.โลกาธิปไตย 3.ธรรมาธิปไตย


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:43 )

อธิปไตยกับ NEO ประชาธิปไตยคืออย่างไร

รายละเอียด

คำว่า อธิปไตย คืออำนาจ รวมแล้วกับของประชาชน ต้องเข้าใจองค์รวมของโลก เดี๋ยวนี้เป็นโลก globalization แต่เราต้องตัดกรอบเอาแต่ละปริเฉทไป ไม่ใช่เอาทั้งหมดเลย เรารู้ว่าเราจะทำขนาดไหน เราก็ทำอย่างของเราใกล้ๆขยายออกไปก่อน แล้วรูปร่างของความจริงที่จะเกิดขึ้น บอกได้เลยว่า อาตมากำลังพาประชาชนคนไทยสร้างประชาธิปไตยอยู่เรื่อยๆขณะนี้ บอกได้เลย Neo ประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยแนวใหม่ ที่คนยังไม่รู้จัก เป็นแนวที่อาตมาเข้าใจแล้วพาทำ แล้วยืนยันว่าชาวอโศกนี้คือสังคมประชาธิปไตย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งใหญ่แต่ตัวเล็กนะ คือมันยังมีน้อย แต่มันเป็นพฤติการณ์ของประชาธิปไตยของมวลชนชาวอโศก ซึ่งมี อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ อย่างจริง แล้วเป็นคนเสียสละอย่างจริงๆเลย และเป็นคนมักน้อยแล้วก็มีความไม่สะสมแต่ขยันหมั่นเพียรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่แค่ 5 เงื่อนไขหลักนี้อย่างเดียวและยังมีอย่างอื่น เราก็อยู่อย่างสงบสบาย เรื่องในชุมชนเราไม่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร มีแต่เรื่องสุขสำราญเบิกบานใจฟ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:22:10 )

อธิปไตยคือพลัง แล้วพลังที่ดีที่สุดคืออะไร

รายละเอียด

อาตมาได้เขียนเรื่องการเมืองเป็นบทกวีและบรรยายตลอดมาเรื่อยๆ ในหนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร มีกวีหน้าปกนำเรื่องเลย 

อธิปไตยคือพลัง พลังที่ดีที่สุดคือ พลังที่สงบที่สุด สุภาพที่สุด ไม่รุนแรงที่สุด แล้วมีความจริง เป็นพลังที่มีความจริงความถูกต้องมากที่สุดได้ นั่นแหละ พลังนั้นแหละเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันเป็นลักษณะสิริมหามายา มันจะแรงจะมากเลย แต่มันเบามากเลย มันจะมีฤทธิ์มีอำนาจแรงมากเลย แต่เป็นภาวะที่ไม่มีแรง ไม่มีกระทบ ไม่มีความรุนแรงอะไรเลย สุภาพเบา (ลหุตา) มากเลย นิ่มนวลจนเบา เป็นเรื่องที่เข้าใจยากมากเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:10:25 )

อธิปไตยคืออำนาจ

รายละเอียด

ความมีอธิปไตยของประชาชน อธิปไตยคืออำนาจ คือพลัง ถ้าไปเป็นสิ่งที่มันมิจฉาทิฏฐิก็เรียกว่าอำนาจบาตรใหญ่ ความเป็นอำนาจแล้วก็ยึดอำนาจเอามาเบ่ง เหมือนพวกเทวนิยม เขายังไม่เข้าใจเรื่องถูกต้องสัมมาทิฏฐิพวกนี้ ประเทศทั้งหลายแหล่เทวนิยม เขาจะพยายามสร้างอำนาจให้แก่ตัวเขาให้ประเทศของเขามีอำนาจบาตรใหญ่ เพื่อจะเป็นเจ้าโลก เขาทำจริงๆแข่งขันกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จนทุกวันนี้เขาก็ยังทำอยู่ โดยเฉพาะทางตะวันตกเทวนิยมที่มีความรู้เป็น เฉโก เท่านั้น ไม่มีความรู้เป็นปัญญา 

เขามีความรู้อย่างนั้นโดยความเป็นจริง ไม่ได้ไปข่มเบ่งดูถูกดูแคลนเขา เขามีความสามารถตามบารมีของเขาเท่านั้น อย่างเช่นศาสดาของเทวนิยมทั้งหลายสอนได้แค่ เฉโก อยู่ในกรอบความรู้ของโลกียะ ไม่ออกมาหาความรู้แบบใหม่ความรู้พิเศษที่เป็นโลกุตระ หรืออุตตระ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นอุตตระเหนือกว่าชาวโลกีย์ที่เขามีมาในโลกไม่ว่าในยุคไหนก็แล้วแต่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 16:13:37 )

อธิปไตยจริงๆ คืออะไร

รายละเอียด

ที่นี้มาพูดถึงอธิปไตย อธิปไตยจริงๆ ทุกวันนี้คือต้องใช้พลังอำนาจเข้ามาใช้อำนาจหรือพลังนี่ ที่คนมีอำนาจทางกายเนื้อ ทางความแข็งแรงกล้ามเนื้อ อันนั้นก็ง่ายๆ คนก็เข้าใจ แต่อำนาจทางนามธรรม พลังทางนามธรรม พลังทางจิต จิตมีพลัง โลกียะก็เป็นพลังแบบโลกียะ โลกุตระก็เป็นพลังแบบโลกุตระ 

ผู้ที่รู้อย่างอาตมานี่รู้แยกโลกียะออก แยกโลกุตระออก เพราะฉะนั้นพลังทางความรู้ความฉลาดหรือพลังทางจิต ในตะวันตก ยุโรป อเมริกาอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ชาวไทย ไม่มีโลกุตระมีแต่โลกียะ เพราะฉะนั้นอธิปไตยที่ชาวโลกทั้งหลาย โลกียะเขารู้ จึงเป็นอธิปไตยอยู่ในกรอบของโลกียะเท่านั้น จะไม่มีความรู้ในอธิปไตยที่เป็นความรู้ออกมา นอกกรอบออกมาเป็นโลกุตระ ยังไม่มี อัญญธาตุ คนพวกนั้นยังไม่มี อัญญธาตุ แม้แต่หน่วยหนึ่ง 

อัญญธาตุ อาตมาก็อธิบายแล้วคือเป็นธาตุฉลาด ธาตุความรู้ ธาตุ ธาตุความฉลาดที่เป็นความรู้อีกชนิดหนึ่งเรียกว่าโลกุตระ เริ่มตั้งแต่ 1 หน่วย 2 หน่วย 10 หน่วย 100 หน่วย 50 หน่วยมี อัญญธาตุ 50 หน่วย ก็เป็นจำนวนหนึ่งขึ้นมาในมวลปริมาณของ อัญญธาตุ 

เลยขึ้นมาแล้วก็ถึงจะพอรู้เรื่องพอจะเข้าใจพูดกันได้ ค่อยๆขย้บๆ 50 60 70% หรือ 50 60 หน่วย 70 หน่วยขึ้นมา 80 หน่วย 90 หน่วย มี อัญญธาตุ ขึ้นมาเรื่อยๆมาเป็นพุทธ 

พุทธ ก็จะเติม อัญญธาตุ เพราะชาวพุทธที่ยังไม่รู้อิโหน่อีเหน่เหมือนอย่างธัมมชโย ไม่ต้องไปพูดถึงโลกุตรธรรม แค่โลกียธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ชัดเจนในสัมมาทิฏฐิ ในกัลยาณธรรมโลกีย์ธรรมดาดีแท้อย่างไร ชั่วแท้อย่างไร ดีชั่วเป็นสมมุติ ศาสนาหนึ่ง ก็สมมุติความดีแบบหนึ่งความชั่วแบบหนึ่ง ศาสนาอีกศาสนาหนึ่งก็สมมติความดีอีกแบบหนึ่งความชั่วแบบหนึ่ง ซ้ำกันบ้างคล้ายกันบ้าง แต่มันมีต่างกันมีมุมเหลี่ยมต่างกันไปหลากหลาย แต่ละศาสนาจะดีชั่วไม่ตรงกันหมดเลย ไม่ตรงกันหมดเลย 

ศาสนาพุทธจะรู้ดีรู้ชั่วของแต่ละศาสดามากขึ้นตามภูมิบารมี อย่างพระโพธิสัตว์อย่างอาตมาก็รู้ ระดับอาตมาก็จะรู้ความต่างของเขาได้เยอะ คือในสัจธรรมทั้งโลกมันมีความต่างกัน 1 หน่วยก็คือ 1 หน่วย พอเริ่มมี 2 หน่วยก็ต่างกันแล้ว อะไรก็แล้วแต่ใน 2 ปรมาณูขึ้นมาต่างกันทั้งนั้น นี่ก็พูดซ้ำย้ำให้ฟังไม่รู้กี่ที เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถรู้ความแตกต่างของสภาวะ 2 หรือเทวะ ได้มากเท่าไหร่เท่าไหร่นั่นแหละคือผู้ที่มีความรู้สูง สูงสุดก็คือพระพุทธเจ้ารู้ความเป็นเทวะหรือภาวะ 2 สุดยอด และเป็นผู้ที่มีสภาวะ 2 ที่แยกโลกีย์กับโลกุตระ มีในศาสนาพุทธเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นความเป็นอธิปไตยของประชาชน ศาสนาเทวนิยม ไม่มีความรู้ทางโลกุตระ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นนักรัฐศาสตร์และเรียนรู้รัฐศาสตร์หรือการเมืองมาจาก ตะวันตกทางเทวนิยมทั้งหลาย ที่เขารู้อำนาจอธิปไตย แล้วที่จะใช้กับมวลประชาชน เขารู้แต่ในกรอบโลกียะเท่านั้น ยังไม่สามารถมีความรู้ที่เป็นโลกุตระ 

ต้องมาเรียนรู้ดีๆในธรรมะพระพุทธเจ้า ให้ตัวเองเป็นอาริยะ มี อัญญธาตุ เป็นอาริยะจริงแล้วจึงจะเข้าใจในความแตกต่างที่มันเป็นภาวะซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อน 

โลกียะเขาก็มีเต็มของเขา แต่โลกุตระนั้นมี ล้มล้างโลกียะ นี่คือประเด็น ประเด็นสำคัญที่สุดคือ โลกียะ เขามีอย่างนิรันดร แต่โลกุตระนั้นล้มล้างที่ความมีนี้ให้ไม่มีได้ อ๋อ มันมีแต่แค่สมมุติอาศัย ใช้ให้เหมาะสมกับเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถรู้เหตุปัจจัยความแตกต่างได้มาก จึงสามารถใช้ได้อย่างเป็น กัมมัญญา ได้อย่างถูกต้อง ได้อย่างเหมาะควร กับ แต่ละอันๆๆ 

อ้อ… อันนี้ใช้ได้ดี อันนี้ใช้ได้พอสมควร อันนี้ใช้ได้น้อยจนไม่ต้องไปทำแล้วมันเสียเวลา อันอย่างนี้ทำไม่ได้เลย ตีทิ้งลูกเดียวหรือตำหนิอย่างหนักได้ ใช้คำไทยก็คือด่า ตำหนิหนักๆ ตำหนิอย่างข่มมากๆ ภาษาไทยก็มี synonym คือคำว่าด่า ข่มหนักๆด่าหนักๆแรงๆ ถ้าเป็นคนหยาบกระด้าง ด่าเลย แต่ อาตมาว่าอาตมาไม่ได้ใช้คำหยาบนะ มีแต่แรงๆหนักๆ คำที่ใช้อยู่นี่ อาตมานำโลกุตรธรรม ที่เป็นอธิปไตยแบบโลกุตระ มันทวนกระแสกับโลกียะ เอามาสถาปนาลงไปในพวกเรา พวกเราจึงเป็นคนที่มีอธิปไตย กับมวลประชาชนเรียกว่า ประชาธิปไตย อธิปไตยกับมวลประชาชน ก็มีพยัญชนะว่าประชาธิปไตย ใช่

ทีนี้ประชาชนที่ได้อธิปไตยโลกุตระที่อาตมาทำมา ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ นี่ก็มีมวลชาวอโศกได้มาจนกระทั่งเข้ามาอยู่ในหมู่ในกลุ่ม มาอยู่ในสัปปายะ 4 เสนาสนะสัปปายะแล้วก็มีกลุ่มร่วมกันและมีเครื่องอาศัยร่วมกันมีธรรมะร่วมกันแล้วเราก็ฟังธรรมะ ฟังกัน วันๆหนึ่ง ไม่อาตมาพูด ก็สมณะ สิกขมาตุ พูด บรรยายกันทุกวัน มีบางวันที่ต้องยกเลิกก็ว่าไป แต่ก็มีรีรัน มีหมุนให้ฟังอยู่ตลอดมันมีเครื่องมือเครื่องไม้เทคโนโลยี เดี๋ยวนี้ก็เลยมีเยอะ แล้วพวกเราก็ฟังดีฟังได้ฟังได้ฟังดีฟังทน โอ้โห..ฟังเก่ง 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า พระอรหันต์ท่านมีความพอในการที่จะฟังธรรม ท่านจะยินดีในการฟังธรรมตลอด แม้แต่เป็นอรหันต์แล้ว คนที่เป็นอรหันต์เก๊ก็บอกว่าจบแล้วไม่ฟังแล้วธรรม อวดดีมีมานะมีกิเลส แม้ธรรมะที่ผิด ผู้แสดงธรรมผิดเราก็ฟัง อย่างอาตมาดูนี่ของธัมมชโยเขาพูดอย่างไรก็เปิดดูก็ฟัง เราไม่ได้ไปฟังโดยตรง ก็ฟังจากเครื่องมือได้ฟังได้ดู พวกสายหลับตา พวกสายมหาบัว ที่ได้นำมายืนยันเอามาเทียบเคียงเอามาพูดเอามาบอกให้ฟัง หรือแม้แต่ สภาวะที่เขาเป็นอยู่อะไรต่างๆก็ให้รู้กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่มนุษย์เขามี บอก เปรียบเทียบยืนยันให้ฟัง 

ไม่ใช่เพื่อไปข่มไปเบ่งอะไรกัน แต่เพื่อให้เห็นความจริงว่า มันต่างกันนะ มันมีจริงอย่างนี้ แต่จะไม่พูดพาดพิงถึงใครเลย พูดไปแล้วไม่มีในโลกเลย จะไปพูดทำไม เราพูดแต่สิ่งที่คนเขาเป็นจริงๆแล้วยืนยันได้ว่าอย่างนี้ชัด มีคนเขาเป็นจริงๆนะ โง่ได้ขนาดธัมมชโยก็ยังมีเลย ก็เอามายืนยัน คนมันโง่ได้ขนาดนั้น แล้วที่โง่กว่านี้อีกก็คือ พวกที่มาหลงคารมธัมมชโย นี่พวกที่เป็นสมาชิกบริวารของธัมมชโยฟังอาตมาพูดแล้ว ได้ยินอาตมาพูดนี่ จะโกรธจะเคืองจะอะไรอาตมา ถ้าเผื่อว่าเขายึดมั่นถือมั่นอคติเยอะๆ เขาจะโกรธ เพราะว่าเขายังไม่หมดความโกรธความชัง อาตมาก็ไม่ได้กลัวคนจะชัง แล้วก็ห้ามไม่ได้ที่เขาจะโกรธ แต่อาตมามันเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดความจริง 

พระพุทธเจ้าให้พูดความจริงกัน ที่มีสิ่งอ้างอิง มีหลักฐาน มีที่เป็นที่มีจริง ปรากฏ อย่าไปพูดลอยลมเฟ้อๆฟุ้งๆ ไม่มีความเป็นจริงเลยไม่มีสภาพจริงเลยก็ตั้งภาษาอย่างที่ธัมมชโยเขาตั้ง เป็นพระพุทธเจ้าที่ใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าชื่อว่าบรมพระพุทธเจ้า เอาภาษามาครอบงำหลอก โอ้.. น่าสงสารจริงๆ ศาสนาพุทธยุคนี้ แล้วเถรสมาคมก็ยังไม่จัดการอะไรเลย ไม่มีภูมิไปจัดการเขา ดีไม่ดีจะตกเป็นทาสเขาด้วยซ้ำ เป็นทาสเขาเพราะว่าเขาเองเขาใช้อำนาจแบบโลกๆ เอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาปะเหลาะ ติดสินบนให้ก็พูดไม่ออก ถูกสินบนพวกนี้อุดปากอุดคอ มันช่างน่าเกลียดน่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2566 ( 12:34:23 )

อธิปไตยจักเกิดจากธรรมาภิบาล           

รายละเอียด

(1) อ่านพุทธประวัติต้อง แตกฉาน

จับแก่น“ธรรมาภิบาล” แม่นได้

     “ธรรมาธิปไตย”ขาน กันอีก คำแฮ  

แจ้งชัดสัจจะไซร้ ต่างขั้นกันไฉน

(2) “อธิปไตย”อำนาจนี้ คือพลัง

โลกิยะหลงกันจัง ชอบสร้าง 

“ใส่ตน”ทุกเล่ห์หวัง “อำนาจ..

      ..บาตรใหญ่”ใน“โลก”กว้าง เก่งด้วย“อัตตา”

(3) แต่“ธรรมา”นั้นแตก ต่างนัย

ทั้ง“อภิบาล-อธิปไตย” *วิกัติล้ำ

สำคัญสุดขานไข รู้ยาก ยิ่งแล

ปุถุชนถูกกิเลสขย้ำ อสัตย์ล้วนเลวลึก

(4) หากศึกษา“โลก”ทั้ง “อัตตา”

โลกุตระ-โลกิยา แยกได้

จึ่งชัดทุก“ธรรมา” ตามพุทธ ศาสตร์แฮ 

ว่า“อธิปไตย”นั้นไซร้ จากผู้“อภิบาล”

(5) อย่าพาลสร้าง“อำนาจ”ไสร้ ใส่“ตน”

ประชาชาติแต่ละคน จักให้

แก่เราที่เขายล เป็นสิทธิ์ ประชาเอง  

หน้าที่เราใช่ใช้ “อำนาจ”ล้น“ตนมี”

(6) ที่แท้ต้อง“รับใช้ ปวงชน”

“อธิปไตย”ถ้าคน อยากได้

อ่อนน้อมถ่อมตัวตน เสียสละ แท้เทอญ

หาก“อภิบาล”วิสุทธิ์ให้ วิศิษฏ์แล้วจริงเลย

(7) คนไทยเคยสัมผัสซึ้ง ตรึงตรา  

จริยวัตรพระราชา ที่เก้า

“อภิบาล”สุดวิเศษหา ใดเปรียบ ได้ฤา

เกิด“อธิปไตย”ผ่านเผ้า เทิดเกล้าคนสยาม

 

            “สไมย์ จำปาแพง”                                                             28 ก.พ. 2561

[*วิกัติ=ชนิด,อย่าง;การประดิษฐ์ทำ;การจัดทำให้เป็นแบบต่างๆ]       

      [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 332 ประจำเดือนมีนาคม 2561]

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:33:52 )

อธิปไตยที่เป็นสัมมา เป็นอย่างไร 

รายละเอียด

อธิปไตยคือพลังงาน ที่เป็นพลังงานเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ไม่ใช่พลังงานทางสสาร ทางวัตถุ แต่มีพลังงานทางสสาร ทางวัตถุร่วมด้วย เน้นพลังงานนามธรรมหรือจิตวิญญาณเป็นหลัก เพราะฉะนั้นอธิปไตยโดยตรง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง 3 อย่างคือ อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย เราก็ต้องเข้าใจโลก เข้าใจอัตตา เข้าใจโลกุตระ ขออภัยเข้าใจธรรมะ 

ธรรมะ มันมีหลักใหญ่คือโลกียะกับโลกุตระ เพราะฉะนั้นสัมมาธิปไตยก็ต้องทำให้เกิดธรรมะที่เป็นโลกุตระให้ได้ สัมมาธิปไตยต้องพยายามจะทำอย่างไรให้เกิดธรรมะที่เป็นโลกุตระได้ 

ทีนี้โลกุตระคือยังไง โลกุตระก็คือความรู้ที่จะต้องรู้ เรื่องโลกเรื่องอัตตา 

โลกคืออะไร โลกคือการเกี่ยวพัน โลกคือการสัมพันธ์ โลกคือการเกี่ยวข้อง สัมพันธ์แล้วก็หมุนวนอยู่ เป็นพลวัต หรือพอสายใหญ่ก็คือเป็นวัฏจักร ภาษาสมัยใหม่ก็เป็นพลวัต ที่มันมีปฏิกิริยาเกิดจากการปรุงแต่งกันอยู่ในพลวัต หรือปรุงแต่งกันอยู่ในวัฏสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ 

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:52:23 )

อธิปไตยอยู่ 3 อย่าง 

รายละเอียด

อธิปไตยอยู่ 3 อย่าง 

1. โลกาธิปไตย 2. อัตตาธิปไตย 3. ธรรมาธิปไตย 

มันมีโลกกับอัตตา 2 อย่าง แล้วก็มาอาศัยซึ่งกันและกัน ปรุงแต่งกันอยู่ เป็นพลังงานเรียกว่าอธิปไตย ที่ถูกต้องตามธรรม เรียกว่า ธรรมาธิปไตย เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าประชาชนได้อาศัยธรรมาธิปไตย นั่นแหละคืออธิปไตยที่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นไปตามธรรม ที่ทรงธรรม เป็นธรรมะ ประชาธิปไตยที่เป็นธรรมะ 

เมืองไทยเป็นเมืองที่รู้จักความรู้อันนี้ รู้จักเลาๆ รู้จักมากหน่อย คำว่า โลกาธิปไตยก็ดี อัตตาธิปไตยก็ดี แล้วทำให้เป็นธรรมะ ตั้งใจ เขาตั้งใจทำให้เป็นธรรมะอยู่ ตามคอนเซ็ปของเขา คำว่าธรรมะหมายถึงอะไร พวกเอียงมาทางอัตตาตัวเองเยอะๆ อย่างพวกทักษิณ อัตตาเต็มบ้อง ล้นบ้อง พวกทักษิณ เขาก็จะให้มาเป็นอธิปไตยแบบเขา 

พวกที่สุดโต่ง อธิปไตยแบบโลก ไม่ใช่แบบตัวตนนะ แบบผู้อื่น ชนิดที่สุดโลก หลุดโลก อธิปไตยที่เรียกว่า โลกาธิปไตยหลุดโลก มันเป็นไปไม่ได้ มันเกินไปอธิปไตย มันมากเกินที่คนจะรับได้ เขาก็คิดได้ ฟุ้งไปเป็นโลกจินตา ออกนอกโลก สุดทั่วไปถึงไหนเขาก็ไม่รู้เรื่อง แต่เขามีตรรกะ บ้าๆบอๆ ของเขาไป เลยความเป็นไปได้ วนอยู่ในโลกสมมุติที่มันเป็นไปไม่ได้เลย มันมีไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้ ฝันเฟื่องไป เพราะฉะนั้น เอาความจริงที่เป็นความพอดี ประเทศไทยมีอธิปไตยที่ประชาชนได้อาศัย พอดีแล้ว พอดีอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว คือ เป็นความเป็นอยู่ อาศัยระบบ อาศัยวิธี อาศัยการปฏิบัติจริง แล้วได้อาศัยกันจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 12:30:37 )

อธิปไตยเป็นธรรมะที่แก้สภาพ 2 ได้

รายละเอียด

อธิปไตยเป็นธรรมะแก้สภาพ 2 ได้ เช่น โลกกับอัตตาเป็นสภาวะ 2 แล้วจะขยายความไปมากมาย จบสิ้นได้แท้จริง จะสรุปมาหาคู่คือ 2 ละเอียดเล็กนิดนึง คู่เล็กละเอียดที่สุดจะเห็นความต่าง แล้วเลือกเอาความต่างกัน อะไรเหนือกว่าอะไร อะไรเยี่ยมยอดกว่าอะไรได้ ซึ่งเลือก 1 จาก 2 ในคู่เล็กที่สุดนี้ ประสิทธิภาพของปัญญาจะมีมากครบครัน มากขึ้นก็จะเติมความรู้หลากหลายนัยยะ หลากหลายมุม หลากหลายมิติ หากหยาบขึ้นไปก็ยิ่งง่ายขึ้น 

จะเอาหลากหลายมาเทียบกันไม่ได้ จะแย้งกันไปหมด เทียบกันเข้ามาจนถึงเราเป็นตัวตั้ง ปฏิภาณไหวพริบทุกอย่างความรู้ของเรามันก็จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะจะทั้งรู้เร็ว รู้ชัด รู้จริงด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 14:20:09 )

อธิมุติหมดวิบาก

รายละเอียด

อาตมาว่าถ้าใครตั้งใจฟังอาตมาอธิบายให้ดีๆนะ เขาจะเลิกกินเนื้อสัตว์ คุณเลิกไม่กินเนื้อสัตว์นี้ก็เป็นอธิมุติอย่างหนึ่งของคุณ จิตมันโน้มไปเป็นวิมุติหลุดพ้น คุณเลิกกินเนื้อสัตว์ เข้าใจชัดคุณก็หลุดพ้นวิมุติอย่างหนึ่ง หมดวิบากที่จะไปเกี่ยวข้องกับสัตว์อีกแล้ว แต่ก่อนไม่รู้ก็ไปมีวิบากไปกินไปเกี่ยวพันไปสร้างพันธกิจกับมันมา แม้คุณจะไม่ฆ่าเองก็ไปกินที่คนอื่นเขาฆ่าก็เป็นพันธกิจเกี่ยวโยง คุณก็มีเท่าที่คุณมีไปแล้ว จากนี้ไปคุณก็ไม่มีพันธกิจไม่มีอะไรจะสืบต่อ ไม่มีวิบากกับสัตว์ใดๆอีกเพิ่มเลย ก็หลุดพ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:07:33 )

อธิมุตโต

รายละเอียด

เริ่มจากพ้นขั้นต่ำมาได้ เป็นผู้สูงขึ้นๆ เรื่อยๆ ก็รู้ ก็เห็น ก็เชื่อมั่น เพราะการเข้าถึงจริง หรือรู้จริง สัมผัสจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 524


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:58:38 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:04 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:03:47 )

อธิวจน

รายละเอียด

ชื่อ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 169


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:00:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:40 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:04:15 )

อธิวจนปถ

รายละเอียด

ครรลองแห่งคำเรียก

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 169


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:52 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:20:18 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:04:31 )

อธิวจนสัมผัส , อธิวจนสัมผัสโส

รายละเอียด

1. ชื่อของสัมผัส 

2. สัมผัสแล้วหลงไปสู่ปลายข้างชอบใจ

3. สัมผัสถึงชื่อ

4. ชื่อที่ตั้งขึ้นจากผัสสะนั้นๆ , การสัมผัสเพียงชื่อ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 50หน้า 162

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 345, 

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 13


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:59 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:24 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:04:59 )

อธิวจนสัมผัสโส

รายละเอียด

พยัญชนะ ภาษา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:33:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:46:01 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:45:01 )

อธิวจนะ

รายละเอียด

ความมีอธิปไตยของประชาชนที่เรียกเป็นศัพท์คือ ประชาธิปไตยนั้น ต้องมี ครบทั้งรูปและนามและ นั่นคือบริบูรณ์ด้วยกายและจิต ยิ่งมีพยัญชนะที่จะสื่อสภาวะขึ้นมาแล้ว รูปก็ดีนามก็ดีหรือว่ากายก็ดีจิตก็ดี ก็ต้องศึกษาพยัญชนะเรียกว่า อธิวจนะ แล้วพยัญชนะพวกนี้กำกับสภาวะอะไรก็ต้องมีสภาวะก่อน สภาวะที่เกิดในจิตก็เป็นวจีสังขาร หรือยังไม่มี อธิวจนะ ที่แปลว่าคำกำหนดเรียก เรียกไปตามชาติตามภาษา 

อย่างเช่นภาษาไทยเรียกว่ากิน ภาษาจีนเรียกว่าเจี๊ย ภาษาอังกฤษเรียกว่า eat อย่างนี้เป็นต้น ความหมายเดียวกัน แต่ภาษาต่างกันไป เพราะฉะนั้นสภาวะจึงเรียกว่า ปฏิฆสัมผัสโส เรียกว่าจิต มันเกิดบัญญัติสภาวะและ ปฏิฆะ มี 2 อย่าง ฆ คือสภาพของจิต ที่เป็นรูปร่างตัวตนมีสภาพ 2 อย่าง สัมผัสกันอยู่ในนี้ยังไม่ตั้งชื่อ ถ้ายังไม่ได้ตั้งชื่อเลยก็คือยังไม่ใช่ อธิวจนสัมผัสโส สัมผัสแล้วแต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ปฏิฆสัมผัสโส

ปฏิฆะ เราใช้เรียกความไม่ชอบใจ ความโกรธ ก็คือสิ่งที่ยังไม่รู้ มันไม่รู้ก็เลยมีทุกชนิด แรกชนิดหยาบชนิดตื้นก่อนก็คือ โกรธ มันทุกข์ แต่ถ้าสุขมันยังหลงอยู่นะใช่ไหม ถ้าคุณไปหลงสุข สุขมันก็อย่าง สบายมันอย่าง แต่ปฏิฆะ คุณไม่ชอบแล้ว ปฏิฆะ จึงเป็นตัวแรกที่คุณจะรู้ได้ว่ามันไม่ชอบ รัก ชอบ 

ถ้ารัก ชอบ เปมะ ชอบ ปฏิฆะไม่ชอบ แต่เปมะชอบ เปมะคือรัก ภาษาอังกฤษ เปร ถ้าภาษาไทย เปม เป็นภาษาเป็นความรักเหมือนพลเอกเปรมอย่างนี้ ซึ่งเป็นคู่ในยุคนี้ ชื่อรัก เปรมะก็คู่ใครก็รัก รักพงษ์ แต่พลเอกเปรมไม่รู้จักรัก รักพงษ์ แต่รัก รักพงษ์รู้จักพลเอกเปรมดี ไม่ขยายความต่อ ท่านก็ทำประโยชน์ไปตามประสาท่าน ท่านก็เป็นโพธิสัตว์รูปหนึ่ง พูดไว้แค่นี้ขยายความไปมากก็ยาวอีก เดี๋ยวจะไม่อยู่ในกรอบของเรื่อง ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ มันจะออกไปเป็นธรรมะอะไรอีก เดี๋ยวจะออกนอกค่ายไปใหญ่เลย ชมสวนยาวไกลเลย ไม่กลับเข้ามาในเป้าหมายเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2566 ( 12:59:23 )

อธิวาสนา

รายละเอียด

1. หัดอด หัดฝืนเหมือนกัน 

2. ความสูงขึ้น ความยิ่งๆ ขึ้นแห่งคุณสมบัติของเราเพราะได้พากเพียรได้อดกลั้นฝืนทน 

3. อดกลั้น 

4. การต้องรับ การยอมรับแล้วทำตนให้มีการอยู่ได้อย่างยิ่ง อย่างดียิ่ง อย่างเจริญขึ้นๆ ให้ได้ แม้ลำบากยากเย็นก็อดทน อดกลั้น ฝืนสู้ให้ดีให้อยู่ ดำเนินไปอยู่ หรือที่อยู่อย่างนั้น ต้องให้เจริญยิ่ง เจริญขึ้นๆ อยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 157, หน้า 375, หน้า 340

สมาธิพุทธ หน้า 477


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:06:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:23:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:05:28 )

อธิศีล

รายละเอียด

1. การประพฤติตามศีลโดยไม่ต้องทน ไม่ต้องฝืน

2. หลักการ ความหมายสูงขึ้น ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 104, สมาธิพุทธ หน้า 492


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:23 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:24:46 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:45:28 )

อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ

รายละเอียด

เรามาเข้าสู่ ความรู้ ขยายความคำว่า อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ

สมมุติศีลข้อ 1 สัมผัสกับสัตว์ ข้อที่ 2 สัมผัสกับของ ซึ่งมันยังไม่มีชีวิต แต่สัตว์มันมีชีวิตจริง จึงต้องระมัดระวังมากกว่าของ ของมันไม่มีชีวิต แต่กับสัตว์มันมีชีวิต เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง ต้องมีความหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ต้องมีกรุณามีความเอ็นดู แก่สัตว์ทั้งหลาย นี่คือข้อควรระวัง เมื่อคุณอยู่กับสัตว์ คุณมีรูปีรูปานิ เกี่ยวข้องกับสัตว์ก็ต้องระมัดระวัง อย่าให้สัตว์นั้นเสียประโยชน์ถูกทำร้าย อย่าเบียดเบียนสัตว์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:11:20 )

อธิศีลสิกขา

รายละเอียด

การศึกษาในศีลเจริญขึ้นๆ ไปเห็นมรรคเห็นผลแท้

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 488


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:26:13 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:25:28 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:05:46 )

อธิษฐาน

รายละเอียด

ตั้งจิต

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 138


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:05 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:26:10 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:06:03 )

อธิษฐาน 4

รายละเอียด

คือการตั้งจิตแน่วแน่จะทําสิ่งดีที่คิดไว้ให้สําเร็จ

1. ปัญญาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่ด้วยปัญญา)

2. สัจจาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่จริงแท้ไม่กลับใจ)

3. จาคาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่เพิ่มการเสียสละ)

4. อุปสมาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่เพื่อสงบกิเลส)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 14 “ธาตุวิภังคสูตร” ข้อ 682


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 12:12:00 )

อธิษฐาน 4 (ความตั้งใจ)

รายละเอียด

คือการตั้งจิตแน่วแน่จะทำสิ่งดีที่คิดไว้ให้สำเร็จ

1. ปัญญาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่ด้วยปัญญา, รู้จริงในความจริง)

2. สัจจาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่จริงแท้ไม่กลับใจ, ความจริง)

3. จาคาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่เพิ่มการเสียสละ, สละออก)

4. อุปสมาธิษฐาน (ตั้งจิตแน่วแน่เพื่อสงบกิเลส, สงบสนิท, นิพพาน)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 14  "ธาตุวิภังคสูตร"  ข้อ 682, พระไตรปิฎก เล่ม 11  ข้อ 256

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 12:34:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:17 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:46:21 )

อธิษฐานตอนใส่บาตรเช่นไรให้สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

ตอบประเด็นที่ถามมา ... ถ้าให้อาตมาบอกเขาอาตมาก็จะบอกว่า อธิษฐานแปลว่า ตั้งจิต คุณตั้งจิตเสร็จแล้ว คุณก็พูดตามที่คุณตั้งจิตนั่นแหละ พูดเป็นภาษา แล้วคุณพูดคำว่าอธิษฐานคือ การตั้งจิต เริ่มต้นคุณก็บอกว่า “ขอ” นั่นคือไม่ใช่อธิษฐาน นั่นคือเป็นศาสนาเทวนิยม มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีพระเจ้า มีผู้บันดาล ขอให้ผู้บันดาลมอบให้สิ่งนั้น 

อันนี้ให้อะไร นิพพานปัจจะโย ให้เป็นปัจจัยแก่การบรรลุนิพพาน ขอให้การใส่บาตรนี้ เป็นปัจจัยแห่งการบรรลุนิพพาน คุณใส่บาตรเป็นทาน ทานอาหารให้พระเอาไปรับประทานหรือฉัน เลี้ยงขันธ์ เลี้ยงชีวิต สืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้า ฟังดีๆ อาตมาจะอธิบายละเอียดลงไปลึกหน่อย 

คุณให้อาหารแก่ผู้ที่ปฏิบัติผิด มิจฉาทิฏฐิ พระนั่นแหละ มิจฉาทิฏฐิ คุณให้อาหารพระมิจฉาทิฏฐิ สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า พระที่ได้รับการให้อาหารก็ไปประพฤติมิจฉาทิฏฐิผิดต่อไปสืบทอดศาสนาพุทธ ถามจริงๆว่าคุณได้บาปหรือได้บุญ (โยมทั้งหลายตอบ บาป) นี่ลึกๆหน่อย ฟังดีๆ 

ทีนี้จะให้คนไปรู้ว่า พระที่ผิดหรือไม่ผิดนี่ เขาก็ไม่สามารถรู้ได้ ชาวบ้านทั่วๆไปก็รู้ไม่ได้ จะทำยังไง อันนี้เป็นประเด็นที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมด คุณก็ดูตามปฏิภาณของคุณว่า พระนี้น่าจะเป็น สาวกสังโฆ เป็นสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้านะ ดูน่าเคารพ ดูตามปฏิภาณตัวเอง เห็นแล้วว่า เออ ใช่พระ แต่เห็นแล้วว่า โอ้โห ขออภัยพูดชัดๆ พระมานั่งคอยเฝ้าร้านใส่บาตร หรือรับแต่เงิน อย่างนี้ก็คัดทิ้งไป จะไปใส่ทำไม นี่พูดหยาบๆชัดๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่มีความสำรวมมาบิณฑบาตคือ มาแสดงธรรม ไม่ได้ล่อกแลก ไม่ได้อยากได้อะไร แต่ใครอยากจะศรัทธาเลื่อมใสก็มาใส่เอง อะไรพวกนี้ อาตมาอธิบายให้หมด เขียนเรื่องบิณฑบาตเป็นหนังสือเล่มไว้ เพราะฉะนั้นแค่พฤติการณ์พฤติกรรมของภิกษุ ของอะไรพวกนี้  มันก็มีนัยยะสำคัญที่อธิบายกันได้เยอะแยะ 

เพราะฉะนั้นจะไปถามถึงว่า ใส่บาตรนี่เป็นเหตุปัจจัยที่จะไปถึงนิพพานได้ไหม ได้ 

ถ้าคุณทาน ตรงตามคำสอนหรือว่าอนุสาสนี ทานอย่างไร “ทานอย่างไม่มีสาเปกโข” นี่ได้เลย ได้เป็นเหตุปัจจัย ได้มรรคผล คุณทำใจในใจ มนสิการ ทำทานก็ทำอย่างไม่มีจิตว่าต้องการสิ่งตอบแทน อย่าว่าแต่ไปเอาพยัญชนะว่า ขอให้ได้นิพพาน ไม่ต้อง จิตว่างเปล่าจากการต้องการสิ่งตอบแทน นั่นคือ ทานที่มีอานิสงส์สูงที่สุด 

ต่อจากนั้นก็มีอะไรอีก มี ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข ปริภุญชิตสามีติ อะไรพวกนี้อีก ก็เป็นทานที่ยิ่งยืดยาด ทานที่ยังไม่มีอานิสงส์สูง ยิ่งไม่มีอานิสงส์ไปเรื่อยๆ เอาไว้ให้เป็นผลที่จะไปสำหรับให้ผู้ตายไปชาติหน้า หรือตัวเองไปในชาติหน้า มันไม่ได้เรื่องอะไรเลย อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้น สรุปแล้ว คุณเข้าใจแล้วนี่ จะทำทานใส่บาตรหรือจะทำทานอะไรก็แล้วแต่เป็นวัตถุ คุณก็มนสิการ มีปัญญา รู้ว่าจะทำใจในใจอย่างไร พูดไปแล้วอธิบายไปแล้วเมื่อกี้นี้ จะเป็นเหตุปัจจัยให้ไปนิพพานคือ จิตของคุณทำทานอย่างว่างเปล่า ทำทานอย่างไม่ต้องการอะไรอีกเลย แม้แต่สวรรค์นิพพานที่เป็นภาษา เป็นตัวเป็นตน เป็นรูปธรรม อรูปธรรมอะไรก็ไม่มี นั่นคือ ทำทานด้วยจิตว่าง ทำทานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทานคือให้แล้วจบเลย นั่นดีที่สุด จะว่าเป็นนิพพานไหม นี่แหละถ้าฝึกจิตมนสิการได้อย่างนี้ เป็นเหตุปัจจัยให้ถึงนิพพาน เอาละอธิบายรายละเอียดจนสุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:11:36 )

อธิโมกข์

รายละเอียด

เป็นความรู้ใหม่ที่เกิดสูงขึ้น พาไปสู่นิพพานแท้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 315


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 06:59:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:26:58 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:06:20 )

อน

รายละเอียด

ไม่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 21


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:06:35 )

อนวัชชพละ

รายละเอียด

กำลัง(พลัง)ของการงานอันไม่มีโทษ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 71,84


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:33 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:28:35 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:46:47 )

อนวัชชะ

รายละเอียด

คือการทำงานอันไม่มีโทษ จึงต้องอาศัยกำลังปัญญาอย่างสำคัญยิ่งจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการงานที่มีโทษ ย่อมทำลายตน ทำลายผู้อื่น

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 526


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:38:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:06:56 )

อนวัชชะ

รายละเอียด

ปราชญ์หรือผู้รู้ทั้งหลายไม่สามารถจะตำหนิงานนั้นได้ , ปราชญ์หรือผู้รู้จริงจะไม่ตำหนิการงานที่อาริยบุคคลทำ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 61,89


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:30 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:07:14 )

อนังคณ

รายละเอียด

ไม่มีกิเลสกองพะเนิน

หนังสืออ้างอิง

จากถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111 ,อีคิวโลกุตระ หน้า 228


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:21 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:57 )

อนัญญถตา

รายละเอียด

1. ไม่มีความเป็นอื่น

2. ความเป็นอย่างอื่นไม่มี 

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 29 , หน้า 31

 อีคิวโลกุตระ หน้า 279, หน้า 280

 


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:52 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:31:29 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:07:35 )

อนัญญันติ

รายละเอียด

มิใช่อื่น

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ274


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:01 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:32:16 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:47:14 )

อนัตตนิ จ อัตตานิ

รายละเอียด

วิปลาสในความไม่มีตัวตนว่ามีตัวตน

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 339


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:27 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:33:13 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:07:53 )

อนัตตลักษณะ

รายละเอียด

หมดตัวตนของอาสวะ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 484


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:04 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:33:56 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:47:59 )

อนัตตา

รายละเอียด

1. ไม่ใช่ตัวตน ความไม่มี 

2. ทุกอย่างหมดแม้ตัวตน 

3. ความไม่เป็นตัวเป็นตน ไม่เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยแท้โดยจริง

4. ไม่มีตัวตน

5. ความไม่มีตัวตนของกิเลส 

6. การหมดสิ้นอัตตาที่ตนหลงยึดถืออยู่ด้วยอวิชชา

7. ภาพหนึ่งของความเป็นนิพพาน

8. ความสามารถทำให้ไม่มีอัตตาได้แล้ว

9. ความไม่มีตน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 218,219, หน้า 64

สมาธิพุทธ หน้า 232 

คนคืออะไร? หน้า 328 , หน้า 393

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 13,29,35 หน้า 158


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:41 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:37:55 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:08:28 )

อนัตตา

รายละเอียด

คือ “ความไม่มีอัตตา”ภาวะนี้เท่านั้นเที่ยง เพียงแต่ยังไม่ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”จนหมด สิ้น“ชีวิตสลายขันธ์ 5 ไป”ชนิดหมดเกลี้ยงไม่เหลือแค่นั้นเอง ผู้กำจัด“อัตตา 3”ของตนให้หมดสิ้นเกลี้ยงได้กระทั่ง “เที่ยง”สำเร็จได้แท้ดั่งนี้แล คือ ผู้บรรลุผล“นิพพาน”จริง

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 511


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:55:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:48:18 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:09:03 )

อนัตตา

รายละเอียด

 คือ อัตตาไม่มี ไม่มีอันตะ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:54:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:06 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:09:50 )

อนัตตา

รายละเอียด

อนัตตา คือไม่มีตัวตน อาตมาว่าเป็นแกนใหญ่ของประชาธิปไตย อิสระเป็นตัวต้น อนัตตาตัวท้าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:47:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:36 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:47:40 )

อนัตตาของศาสนาเชนกับศาสนาพุทธต่างกัน

รายละเอียด

นั่นคืออนัตตาแบบพระมหาวีระ หรือแบบศาสนาเชน กับศาสนาพุทธที่เป็นอนัตตา แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญมาก 

ศาสนาพุทธนั้นรู้จัก ความมีกับความไม่มี อย่างแท้จริง ไม่ต้องไปตรรกะ ไม่ต้องไปคิดเอาไปไกลจนกระทั่งชนิดที่มันไม่มี ไม่มีอย่างจินตนาการอย่างที่ศาสนาเชนจินตนาการ เราไม่เอาจินตนาการ แต่เอาความไม่มีให้รู้ให้เห็น ให้รู้ให้เห็นกับธาตุจิตหรือธาตุจิตวิญญาณที่สัมผัสแล้วเกิดอะไรมี แล้วเราก็ศึกษาความมีนั้น จากจิตวิญญาณเราเองอีกนั่นแหละ แยกมาเป็นเจตสิกให้รู้ว่าความไม่มีในสิ่งที่เราไปยึดว่ามีนี้คืออย่างไร 

ภาษาพูด พูดได้เท่านี้ ผู้ปฏิบัติก็จะต้องไปปฏิบัติเอง โดยไล่ไปตั้งแต่หยาบๆ เช่น กิเลสราคะเป็นอาการอย่างนี้ กิเลสโทสะเป็นอาการอย่างนี้ กิเลสโมหะ โมหะก็คือความยังไม่รู้ว่ามันเป็นโทสะหรือมันเป็นราคะ ละเอียดขึ้นละเอียดขึ้นๆ โมหะ 

พอเก่งอย่างหยาบๆ ราคะหยาบ โทสะหยาบ แล้วก็ชัดเจนแล้วว่าจิตที่เป็นอาการโทสะ อาการราคะของเราที่เป็นคู่กันที่จะผลักกับดูด มันไม่มีแล้ว มันเป็นกลางๆแล้ว เป็นจิตกลางกลาง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:14:38 )

อนัตตาธรรม

รายละเอียด

1. ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตนหลง 

2. ผู้เห็นได้ เกิดปัญญาญาณอย่างนี้จริงแท้ในเนื้อจิตของตน ก็ละ วาง ปล่อย เลิกยึดสิ่งใด อันใดได้ถึงที่สุดแห่งทุกข์สิ้นเกลี้ยง หมดตัวตน ไม่มีสำหรับเรา 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 49, หน้า 231


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:39:04 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:48:23 )

อนัตตาในปัญญาข้อที่ 8 

รายละเอียด

แล้วที่สุดอนัตตา อนัตตาเป็นเรื่องจบ อนัตตาตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในปัญญาข้อที่ 8 

มีปัญญารู้จัก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แล้วก็วิจัย รูป เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ วิจัยออกจัดการได้ จัดการได้ถึง อุปธิต่างๆ อุปธิคือ 

1. กิเลส 

2. ขันธ์ 

3. อภิสังขาร รู้กิเลสในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รู้ว่ามันเป็นกอง ขันธ์ หมู่

แยกได้ตีแตก อภิสังขาร เป็นผู้ที่จับกิเลสได้ 

ปุญญะ สร้างพลังงานจิตเป็นฌานเผากิเลสได้สำเร็จเรียกว่าเป็นบุญ จบได้ 

อาตมาพูดพยัญชนะเหล่านี้มันเป็นสภาวธรรม ผู้มีสภาวธรรมจึงอธิบายได้ชัดให้พวกเราได้ฟังชัดๆ อย่างอาตมามีสภาวะจริง ก็เอามาอธิบายเป็นภาษาของตัวเองเลย อธิบายให้ฟัง ไม่ได้ท่องจำจากตำรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:48:55 )

อนัตตโต

รายละเอียด

1. ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่อะไรที่จะไปกำหนด มั่นหมายให้แน่แท้จริงจัง

2. ไม่ใช่ตัวใช่ตนจะไปมัวหลงยึดหลงมั่น

3. ด้วยความเป็นอนัตตา

4. ไม่มีตัวตน,ไม่ใช่ตัวเราของเราเลย 

5. โดยความเป็นอนัตตา 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 218, ทางเอก ภาค 2 หน้า 141, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 93, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 244,

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ270


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:31 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:40:58 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:49:09 )

อนันตชีวิต

รายละเอียด

1. ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ชีวิตหนึ่ง 

2. ความเป็นชีวิตที่กำหนดรูปตายตัวไม่ได้

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 335, หน้า 446


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:03 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:41:54 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:49:33 )

อนันตภาพ

รายละเอียด

มี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 434


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:41 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:42:29 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:50:00 )

อนันตริยกรรม

รายละเอียด

กรรมที่มีฤทธิ์ มีแรงมากๆ และพาทุกข์มาก

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 167


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:22 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:43:14 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:17:50 )

อนันตริยกรรม

รายละเอียด

คนที่ยังไม่มีภูมิจะสอนไม่รู้โลกุตรธรรมได้ก็มี เป็นอเวไนยสัตว์ แม้แต่คนมีอนันตริยกรรมก็ยังพอมีปฏิภาณรู้ว่าดี อย่างเช่นพระเจ้าอชาตศัตรูรู้ว่าของพระพุทธเจ้านี้ดีกว่า 6 อาจารย์แน่นอน อีก 6 อาจารย์สู้ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ แต่เพราะว่ามีอนันตริยกรรมที่เคยฆ่าพ่อ จึงไม่สามารถตีวงของพลังงานที่เป็นคุณธรรมแท้ของมนุษย์ เป็นบารมีของมนุษย์ออกมาได้ ก็ได้แต่เพียงว่า จ่อไว้ๆ แต่เพราะอนันตริยกรรมก็ อาตมาก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่า จะหมดวิบากเมื่อไหร่ อย่างเทวทัต เป็นต้น เขาจะหมดวิบากเมื่อไหร่ เทวทัตนี้หนักกว่าพระเจ้าอชาตศัตรู

พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพ่อ แต่เทวทัตนั้นทำร้ายพระพุทธเจ้าทำลายศาสนาพุทธ อนันตริยกรรมของพระเทวทัตนั้นปิดประตูที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเลย เป็นไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:25:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:51:37 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:19:05 )

อนันตริยกรรม

รายละเอียด

ที่บอกว่าผู้อยู่ในฐานะครูคืออะไร คือผู้ที่มีเชื้อของโลกุตระแล้ว โสดาบันก็เป็นโลกุตระแล้ว บอกตัวเองเป็นโลกุตระภูมิได้ แต่อย่าไปอหังการ โสดาบันสกิทาคามีอย่าไปอหังการ ที่จะต้องสอนอยากใหญ่อยากแบ่ง เดี๋ยวเลอะ แล้วจะเป็นวิบากให้แก่ตัวเองทำผิดให้ศาสนาพุทธเสื่อม เป็นบาปมาก เพราะฉะนั้นจะมีขั้นของอนันตริยกรรม เป็นกรรมที่บาปมาก จนกระทั่งคุณทำจนคุณอวดดี แล้วแยกตัวเองออกไป อันหนึ่งเป็นคู่แข่งของศาสนาพุทธอันนั้นเป็นอนันตริยกรรมเลย พระพุทธเจ้าทรงมีพระวินัยแบ่งเป็นนานาสังวาสสุดยอดแล้วเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้ดี เป็นจุดแบ่งที่ละเอียดสูงสุดของการทำความแยก แล้วมีหลักเกณฑ์ ลึกซึ้งมากเลย คุณด่าอย่างไรก็ปฏิกโกสนาให้คอแตกอย่างไรก็ได้แต่อย่าไปฟ้องร้อง ถ้าทำก็นอกนิกาย ไม่ไปฆ่ามนุษย์แล้วตั้งแต่โสดาบัน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:49:52 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 10:10:18 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:18:34 )

อนันตริยกรรม 5

รายละเอียด

คือ การกระทำที่เป็นบาปหนักที่สุด 5 ประการ ผู้ใดกระทำ ผู้นั้นต้องไปอบาย (ถึงความฉิบหาย)

ต้องไปนรก (เร่าร้อนใจ) ต้องเดือดร้อนแก้ไขใดๆไม่ได้แล้ว

1. มาตุฆาต (ฆ่ามารดา)

2. ปิตุฆาต (ฆ่าบิดา)

3. อรหันตฆาต (ฆ่าพระอรหันต์)

4. โลหิตุปบาท (ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อเลือด)

5. สังฆเภท (ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 22  "ปริกุปปสูตร"  ข้อ 129

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2562 ( 22:01:35 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:30 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:19:32 )

อนันตริยกรรมหมาย

รายละเอียด

อนันตริยกรรม หมายความว่าหนัก ถ้าอาตมาถูกต้อง เขาไม่รับเลยเป็นไง ถ้าอาตมาสัมมาทิฏฐิเขาไม่รับเลยก็ปิดประตูตลอดชีวิต เขาก็มีกรรมเวร อนันตริยกรรมของเขา คือเขาก็ไม่มีทางที่จะเจริญได้เลย ถ้าอาตมาผิด เขาถูก ก็แล้วไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:20:00 )

อนันตริยธรรม บาป นานาสังวาสไม่บาป

รายละเอียด

ขอยืนยันว่าอาตมาไม่เป็นพระ แต่เป็นสมณะ ตกลงกับรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นเลขาธิการของเถรสมาคม ในตอนนั้น รัฐมนตรีช่วยชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ตกลงว่า หากเรียกนำหน้าว่าพระก็ผิดกฏหมาย เอามาขู่เลย เราก็ว่าเรานานาสังวาส เราบวชถูกต้อง อาตมาบวชทั้งธรรมยุติและมหานิกาย อย่ามาเรียกอโศกว่านิกายเพราะมันอนันตริยกรรม ใครมาว่าอโศกเป็นนิกายคนนั้นบาป เพราะเป็นการแยก คนทำนิกายให้เกิดทำสงฆ์เป็นสองฝ่ายคืออนันตริยกรรม บาป แต่หากทำนานาสังวาสไม่บาป แต่นิกายนี้ไม่สมานสังวาสกันได้อีก หากจะมาเข้าอีกฝ่ายต้องสึกก่อน แต่นานาสังวาส สามารถศึกษากันแล้วเปลี่ยนทิฏฐิได้ มันเป็นการยึดมั่นถือมั่นของจิต หากนานาสังวาสสามารถเปลี่ยนแปลงได้ยอมเองแล้วก็จบ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:15:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:52:51 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 13:20:29 )

อนันตัง

รายละเอียด

1. เมื่อได้รู้ ได้เห็นแล้วมันโล่ง มันทะลุอย่างไม่มีที่กั้น ไม่มีที่สุด รู้ทะลุโล่ง โปร่งไปตลอด

2. ไม่มีที่สุด ไม่มีที่จบจริงๆ นอกจากความจบ หรือ “ที่สุด” แห่งตน เฉพาะตนเท่านั้นที่จบลงได้จริง และมีจริง

3. ไม่มีจบ หรือไม่หยุดหย่อน 

4. ไม่มีขอบเขต ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็คือไม่มีขอบไม่มีเขตจำกัด มีลักษณะกระจายแผ่ไปทั่ว ไม่มีที่สิ้นสุด 

5. ไม่จำกัด 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 5 , หน้า 24 , หน้า 27, ภาค 2 หน้า 48 – 49, หน้า 345, เปิดโลกเทวดา หน้า 197, 

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 393


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:45:17 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:37:49 )

อนันตัง วิญญาณันติ

รายละเอียด

ความรู้สึกที่ว่าง ที่โล่งนั้นมันมีอยู่ตลอด ไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีที่สุดที่จบ มีแต่รู้สึกว่าง โล่ง โปร่ง สบายอยู่อย่างนั้นเสมอเรื่อยตลอดไป

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 446


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:46:36 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:46:16 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:38:18 )

อนันโต

รายละเอียด

ไม่มีอะไรจะเป็นที่สุดอีกแล้ว จนไม่มีลึกไม่มีตื้น จนไม่มีนอกไม่มีในอะไรจะยาก จะลำบากอีกแล้ว มันง่าย มันโล่ง มันเบา มันเป็นความว่าง โปร่ง โล่ง สบายไปหมด จนไม่มีอะไรจะหมดจะสุดสบายอีกแล้ว อย่างมีปัญญารู้ความเป็นที่สุดในที่สุด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 526


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:47:01 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:38:42 )

อนันโต อากาโส

รายละเอียด

1. ว่างอย่างไม่มีที่สุด อากาศไม่มีที่สุด

2. ว่างอย่างไม่มีขอบเขต , ว่างอย่างทะลุโปร่งใส ไม่เหลืออะไรติดขวาง

3. ว่างอย่างหาที่สุดมิได้ 

4. โล่งไปหมด ไม่มีเขต ไม่มีกรอบ ไม่มีเหนือ ไม่มีใต้ ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ไม่มีขวา ไม่มีซ้าย ไม่มีอะไรกั้น มันว่างๆ โล่งๆ ไปไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่สว่างโล่ง โปร่งใสไปหมด 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 107,120,124, 170, 178,ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 148 – 149


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:49:03 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:48:49 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:39:05 )

อนันโต อากาโสติ

รายละเอียด

1. ไม่มีที่ไม่โล่งอีก ไม่มีที่สุดจะโล่งไปกว่านี้อีกแล้ว

2. สภาพว่าง โล่ง โปร่งตลอดอยู่อย่างนั้น ไม่มีที่ไหนเป็นที่จบ หรือมันไม่มีอีกแล้วที่จะไม่ว่าง ไม่โล่ง ไม่โปร่ง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 277-446


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:50:46 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:50:22 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:39:36 )

อนาคต

รายละเอียด

ยังไม่มาถึง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 104


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:51:39 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:51:10 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:39:51 )

อนาคต 44 อดีต 18

รายละเอียด

ต่างกันมากเพราะคิดเพ้อเจ้อสร้างภพไปได้เป็นไปไม่ได้ไม่มีจริงก็เป็นได้ แต่อดีตนั้นต้องมีสิ่งยืนยันว่ามีเหตุมีปัจจัยเป็นไปได้ พระพุทธเจ้ากล่าวรวมไว้แล้วว่าทิฏฐิทั้งหลายรวมไว้แค่ 62 อดีตก็มีจริงแล้วมันผ่านไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง แล้วคุณจะไปจัดการทำอะไรกับมันได้ก็มันยังมาไม่ถึง ปัจจุบันนี้จึงเป็นความจริง ความจริงอยู่ที่ปัจจุบันอดีตก็ไม่ใช่อนาคตก็ไม่ใช่ แม้แต่แค่คุณหลับตาอยู่ในภพคุณก็จะมีแค่อดีตกับอนาคต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:35:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:13:18 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:40:19 )

อนาคตที่มีรังสีของอดีตและปัจจุบันเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ยิ่งกว่านั้นพระพุทธเจ้าท่านสอนว่าแม้แต่อนาคตมีรังสีของอดีตและปัจจุบัน อนาคตเดินทางมาไม่ถึงตัวเรา รังสีนั้นก็ไปจัดการก่อนมาถึงตัวเราแล้ว สุดท้ายอนาคตเดินทางมาถึงตัวเราถูกรังสีที่สูงสุดคือรังสี 7 จัดการก่อนมาถึงตัวเราแล้ว พลังงานของเรามีวสวัตตีโก คือผู้ที่ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ พลังงานในอนาคตจะมาเท่าไหร่มาถึงปัจจุบันก็เป็น 0 ก่อน 

นี่คือ พระพุทธเจ้าสอนให้ศึกษาในปัจจุบัน ในเวทนา 108 ตรงที่ให้ทำ 36 ปัจจุบันให้เป็น 0 เมื่อเป็น 0 อดีตก็เป็น 0 ปัจจุบันนี้สามารถทำให้เป็น 0 ได้ทุกตัว ปัจจุบันก็คือ 0 อดีตก็คือ 0 อนาคตมาเท่าไหร่เจอรังสีที่ว่าก็ถูกทำให้เป็น 0 หมด อนาคตเข้ามาใกล้เท่านั้นเราก็จัดการก่อนจะถึงเรามันก็เป็น 0 แล้วนะ 

เพราะฉะนั้นอนาคตจึงชื่อว่า 0 ด้วย ปัจจุบันนั้นเป็น 0 แน่ อดีตก็เป็น 0 เพราะฉะนั้นคนที่สามารถเรียนรู้อดีตส่วนอดีตก็ทำให้เป็น 0 ได้ส่วนอนาคตก็ทำให้เป็น 0 ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:13:12 )

อนาคตภัย 4

รายละเอียด

คือ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ยังไม่เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จะเกิดขึ้นในเวลาต่อไป อนาคตภัย 4 อย่างคือ

1.       หลงเครื่องนุ่งห่ม

2.       หลงการกินดีกินโก้ เอร็ดอร่อยกับอาหาร

3.       หลงการอยู่สบาย นอนสบาย นั่งสบาย

4.       หลงการอยู่ระคนใกล้ชิดกับอิสตรี

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 307


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 11:01:51 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:05 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:40:52 )

อนาคตมีเหลือกิเลสภายใน

รายละเอียด

กายนี้ต้องมีโผฏฐัพพะภายนอกแล้วต้องทำงานเป็น กายนี้จึงอยู่กับโลกกามภพ แล้วก็เรียนรู้กิเลสในกามภพเป็นเบื้องต้น เรียกว่ากามตัณหากามฉันทะให้หมด หมดกิเลสกามแล้วก็มีตาหูจมูกลิ้นกายเปิดอยู่ไม่ได้หลับ เหลือกิเลสภายในเรียกว่าอนาคามี สัมผัสแล้วกิเลสกามไม่มีแล้วไม่ได้ไปดับหลับตาตรงไหน ศาสนาพุทธมีกายตลอดแต่เวลาดับกิเลสกามได้กายนั้นก็ไม่มีกาม กายนี้เป็นสภาพสอง สภาพรูปนามข้างนอกกับข้างใน กิเลสกามหมดแล้วเป็นอนาคามีก็อยู่เหนือกาม มีกายอันเป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าสวรรคาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดๆในโลกหล้า ถ้ามีคุณสมบัติเช่นนี้ก็มาทำงานประชาธิปไตยดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:19:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:53:21 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:41:22 )

อนาคตังสญาณ

รายละเอียด

หยั่งรู้อนาคตที่ดี ที่ถูก ที่ตรง ที่แม่น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 158


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:21 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:52:03 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:41:39 )

อนาคตังสญาณ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับอนาคตมาก อย่าไปคิดอะไรไปอนาคตมาก มีอนาคตังสญาณมีการรู้ล่วงหน้าบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพื่อการปฏิบัติประพฤติก็พอแล้ว มันมีคนเราจะมีการรู้ว่าต่อไปเป็นอย่างไร ถ้าเรามีความรู้ว่าถ้าเอา 1 + 1 มันจะได้ 2 ทั้งๆที่เราทำ 1 เพิ่มขึ้น เรามี 1 แล้วเราจะทำ 1 เพิ่มยังไม่ได้ทำหรอก เรารู้ว่าถ้าเรามี 1 แล้ว ถ้าเราทำอีกหนึ่งเราจะได้ 2  ความรู้มีได้นี่เรียกว่าอนาคตังสญาณ คุณทำแค่นี้ก็พอแล้ว 

ไม่ใช่ไปรู้มากรู้มายรู้กว้าง จนกระทั่งกลายเป็น โอฬาริกอัตตา ที่อาตมากำลังขยายความให้ฟังว่า learned man รู้บัญญัติภาษามากแต่ไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น ไม่ได้เลย เป็น ปทปรมบุคคล นี่น่าสงสารคนไม่รู้มิจฉาทิฏฐิ หลงอย่างนี้อยู่หมดเลย วิปัสสนูปกิเลส 10 เต็มบ้องเลย ยอดพญาครุฑเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:56:48 )

อนาคตเกิดจากปัจจุบันอดีตก็เป็นตัวอย่าง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว อดีตหรืออนาคตก็ตาม และ ในปัจจุบันนี้จะไปหาอนาคต ก็เกิดจากปัจจุบันนี่แหละเดินทางไปสู่อนาคตเรื่อยๆ อดีตก็เป็นตัวอย่าง ที่เราจะใช้เรียนรู้เทียบเคียง ปัจจุบันก็เป็นตัวที่จะเปลี่ยนไปอย่างไรจะมาอย่างไรก็อยู่ที่ปัจจุบันของแต่ละคนแต่ละประเทศแต่ละชุมชนแต่ละแนวคิด แต่ละอำนาจพลังงานหรือฤทธิ์เดช ที่มีกันจริง แล้วมันก็จะเป็นไป 

โลกุตระ ใหญ่หรือเล็ก ... ขณะนี้ในโลก โลกุตระนั้นเล็ก ตอบได้กันทุกคน เล็ก แต่ล้มไม่ได้หรอก เพราะประชาชนประชากรของโลกแสวงหาสิ่งที่สูงที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 11:24:25 )

อนาคตใครอยากเห็นคนอายุยาวยืนมาดูได้ที่ชุมชนชาวอโศก

รายละเอียด

ปฏิบัติได้ขอยืนยันถ้าปฏิบัติไม่ได้จริงพวกคุณมาอยู่กับพวกอาตมาที่ปฏิบัตินี้ไม่ได้หรอกเพราะเราไม่ได้โอ๋โลกีย์เลยเราไม่มีโลกีย์มาบำรุงบำเรอเหมือนชาวโลกเลย เราก็อยู่ได้เบิกบานร่าเริงเบาสบายไม่ต้องฝืนทรมานทรกรรมอะไรสบาย สบม ทมด และอายุจะยืนด้วย อีกหน่อยนะอนาคตไม่ต้องห่วงเลย ใครอยากเห็นคนอายุยาวยืนมาดูได้ที่ชุมชนชาวอโศก นี่พูดล่วงหน้าไว้นะ อย่าให้หน้าอาตมาแตก ใครอยากจะเห็นคนอายุยาวยืนจำนวนมากมาดูที่ชุมชนชาวอโศกมีให้เห็น อาตมาพาทำมา 50 ปีนะ หากอายุ 100 ปีขึ้นเกินไปอีก 50 กว่าปีรับรองจะมีหลักฐานยืนยันใครจะอยู่อีก 50 กว่าปียกมือขึ้น อย่างน้อยอาตมาก็ถึงแน่อีก 50 ปี คนไม่กล้ายกมือยังไม่ประมาท ก็ไม่เป็นไรเราตั้งจิตตั้งใจตั้งความปรารถนาไว้ก่อนแล้วพากเพียรให้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:03:10 )

อนาคามิผลจิต

รายละเอียด

เข้าถึงความถูกต้อง เข้าถึงความดี ความจริงได้แท้โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น แม้ความถูกต้อง ความดี ความจริงที่ตนได้บรรลุแล้ว จะต้องมีแต่รู้ชัดในสภาวธรรมอย่างนั้นๆ เท่านั้น มีแต่เพียง “ธาตุรู้” จริงๆ  ไม่มีตัวตนของใคร ต้องเห็นให้ได้ แทงให้ออกว่ามันไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีตัวตน ไม่มีบุคคล ไม่มีเรา ไม่มีเขาที่ไหนเลย ไม่เป็นตัวเป็นตนอะไร มันมีแต่สภาพ “รู้” จริงๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 21 – 22


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:54:20 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:52:59 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:42:04 )

อนาคามี

รายละเอียด

1. ไม่ปักมั่นยึดไว้เฉพาะ ไม่เอาเราเป็นใหญ่ ไม่ยึดตัวยึดตนในความเป็นผู้เข้าถึง ยึดความสูงอยู่ (จิตยึดความสูง)

2. เรียนศีล ปฏิบัติให้เป็นสมาธิจนเพิ่มภูมิ เพิ่มปัญญา บรรลุเป็นอนาคามี

3. บุคคลที่อยู่ในโลกของคนสามัญทั่วไป ลืมตามีชีวิตอยู่ในกามภพมีชีวิตปกติ แต่ในกามภพบุคคลผู้นี้ไม่มีกายของสัตว์ที่เป็นกามกิเลสเกิดต่อไปอีกแล้วในโลก ในสังคม จึงไม่มีกายที่เป็นกามแล้ว มีแต่สัมโภคกายที่มีชีวิตปกติกินใช้อยู่ร่วมกับสังคมแต่ไม่มีพิษไม่มีภัยไม่มีโทษในสังคมเพราะไม่มีโลภ โกรธ หลงที่เป็นพิษเป็นภัย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 21 – 28ทางเอก ภาค 2 หน้า 372, ค้าบุญคือบาป หน้า 237


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 07:55:46 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 04:57:27 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:42:52 )

อนาคามี

รายละเอียด

แปลว่าอะไร อนาคามีแปลว่าผู้ที่ไม่แย่งชิงทรัพย์ศฤงคารบ้านช่องเรือนชาน ไม่แย่งชิงกันแล้วแต่อยู่กันอย่างแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ อยู่กับกองกลางขั้นสาธารณโภคีเป็นอรหันต์กันเลยไม่ใช่แค่อนาคามีเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 12:57:11 )

อนาคามี 5

รายละเอียด

คือ ผู้ที่ละกิเลสสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 แล้วกำลังละสังโยชน์เบื้องสูงอยู่ จะได้ปรินิพพานไม่เวียนกลับมาเกิดอีก

1. อันตราปรินิพพายี (อนาคามีผู้จะปรินิพพานในระยะเวลายังไม่ถึงครึ่งของอายุขัย, ผู้ปล่อยให้ปรินิพพานในระหว่างภพ)

2. อุปหัจจปรินิพพายี (อนาคามีผู้จะปรินิพพานระหว่างอายุเกินครึ่งแล้ว, ผู้ทำปรินิพพานด้วยสามารถ)

3. อสังขารปรินิพพายี (อนาคามีผู้จะปรินิพพานได้โดยง่ายไม่ลำบาก, ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้การปรุงแต่งอภิสังขารให้มากนัก)

4. สสังขารปรินิพพายี (อนาคามีผู้จะปรินิพพานได้โดยยากลำบาก, ผู้ทำปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก  ประกอบปุญญาภิสังขารในภพตนให้มากๆ)

5. อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (อนาคามีผู้จะปริพพานได้โดยภาวะจิตอุเบกขาบริสุทธิ์สูงสุดแล้ว, สภาวธรรมไม่เป็นสองรองใคร  หรือไม่เป็นน้องใครอีก  แล้วปรินิพพานไว)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  36 "เอกนิทเทส"  ข้อ  51-56, พระไตรปิฎก เล่ม 19 ข้อ 381, พระไตรปิฏก  เล่ม 24 ข้อ 64

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2562 ( 20:32:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:16 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:43:31 )

อนาคามี 5

รายละเอียด

สุทธาวาส 5 เปรียบเทียบก็คืออนาคามี 5 ในสายสัมมาทิฏฐิ

1. อันตราปรินิพพายี (ผู้เพียรทำปรินิพพานในระหว่างภพ)

2. อุหัจจปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานด้วยสามารถ)

3. สสังขารปรินิพพายี(ผู้ทำปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก ประกอบปุญญาภิสังขารในภพตนให้มากๆ)

4. อสังขารปรินิพพายี ( ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้การปรุงแต่งอภิสังขารให้มากนัก)

5. อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี (สภาวธรรมไม่เป็นสองรองใครหรือไม่เป็นน้องใครอีกแล้วปรินิพพานได้)

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:31:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:11 )

เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:43:55 )

อนาคามี 5

รายละเอียด

สุทธาวาส 5 เปรียบเทียบก็คืออนาคามี 5 ในสายสัมมาทิฏฐิ

1. อันตราปรินิพพายี (ผู้เพียรทำปรินิพพานในระหว่างภพ) 

2. อุปหัจจปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานด้วยสามารถ) 

3. สสังขารปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก  ประกอบปุญญาภิสังขารในภพตนให้มากๆ) 

4. อสังขารปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้การปรุงแต่งอภิสังขารให้มากนัก) 

5. อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (สภาวธรรมไม่เป็นสองรองใคร  หรือไม่เป็นน้องใครอีก แล้วปรินิพพานไว) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 14:20:32 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:14 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์