@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เอาแต่ศีล 5 เป็นรัฐธรรมนูญ

รายละเอียด

หากรัฐธรรมนูญออกมาให้มีศีล 5 เอาแต่ศีล 5 นั่นแหละเป็นรัฐธรรมนูญรับรองสบายมากเลย ใครผิดศีล 5 ผิดกฎหมาย แล้วก็ไปออกกฎหมายลูกไปตามขั้นตอนจากศีล 5  ออกกฎหมายตามลำดับขั้นของศีล 5 จะมีนัยต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์ขั้นไหนเกี่ยวกับข้าวของ เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสขั้นไหน แล้ววิบากทางวจีกรรม มโนกรรม กฎหมายก็ให้อ่านที่เจตนา ก็ไปตั้งหลักเกณฑ์ตามกฎหมายได้ ก็ค่อยๆเข้าใจไปอีกหน่อยก็จะชัดเจนขึ้น ถ้าเกิดว่านักกฎหมาย รู้ความจริงของหลักเกณฑ์ที่เป็นศีลธรรมที่เป็นวินัยของพระพุทธเจ้าอย่างดี วินัยเป็นอย่างนี้ ศีลเป็นอย่างนี้ เมื่อคนไทยเจริญขึ้น ก็ไม่ผิดกฎหมายอย่างนั้นหรอก เดี๋ยวนี้ก็มีกฎหมายที่ออกมาเก่าๆแล้วไม่เอามาเล่นงานคน ก็มี กฎหมายออกไปแล้วแต่เราไม่ละเมิดหรอก ก็มี เพราะฉะนั้นคนไทยมีภูมิสูงขึ้นเยอะ เพราะฉะนั้นจึงไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ก็ไม่ต้องหาเอาเรื่องกันมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:59:53 )

เอาแต่อ่านตำราพระพุทธเจ้าอย่างเดียวจะสูญเปล่าเช่นไร

รายละเอียด

สังเกตในวัตถุต่างๆ จะมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ร้อยเรียงกันอย่างสวยสดงดงาม จัดการได้ดี ของพระพุทธเจ้านี้อ่านแล้วถ้าใครมีภูมิถึง ไม่ต้องทำอะไรอ่านหนังสืออ่านตำราพระพุทธเจ้าไป ก็สบาย มีคนหุงข้าวให้กิน มีคนทำอะไรช่วยก็อ่านไป ก็ได้ แต่มันจะสูญเปล่าไม่มีประโยชน์มันเห็นแก่ตัวมากไป ก็เอามาขยายความให้คนอื่นฟังบ้าง ตัวเองรู้แล้วก็ให้คนอื่นเขารู้บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาก็ดักดานไม่รู้อะไร เพราะจริงๆ ลึกซึ้งถึงขั้นอจินไตยพวกนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:06:36 )

เอาแต่ใจตัวเองคือการบำเรออัตตา

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสอนว่า เอาแต่ใจตัวเองมันบำเรออัตตา เรามีอัตตาใหญ่อัตตาโตดีไหม ก็ไม่ดี เพราะฉะนั้นอย่าไปบำเรอ ให้อาหารมัน มันต้องการอย่างไรก็ให้อาหารมัน มันก็โตขึ้นๆ เอาแต่ใจ มันไปอยากได้อะไร ชอบใจอะไรก็ให้มัน มันอยากได้อารมณ์โกรธก็ให้โกรธมัน มันอยากได้โมโหก็โมโหให้ มันก็อัตตาโตขึ้น เราก็ไปทำอย่างไม่ดี อัตตาก็โตขึ้น มันไม่ดี เพราะฉะนั้นเราก็พยายาม 1.บังคับมันเลย ไม่เอา อย่าไปตามใจมันสิ  2.โกรธนี้ ร้อนนะ แล้วเราชอบร้อนหรือ ไม่ชอบเย็นหรือ 3.โกรธนี้สร้างสรรหรือทำลาย ก็ทำลาย หาเหตุผลให้มัน ที่มันไม่ดีอารมณ์โกรธมันไม่ดี รุนแรงทำร้ายก็ได้ อะไรต่างๆนานาสารพัดที่จะเกิดจากความโกรธ ให้เกิดความบรรลัยจักรเลย ก็ยิ่งแย่ใหญ่ เพราะฉะนั้นเราจะต้องหยุดมัน สรุปง่ายๆว่าความโกรธไม่ดี ไม่ต้องพิจารณาอะไรอีกก็ยังได้เลย มันเกิดมาเมื่อไหร่ก็ได้ 1.กดข่มด้วยเรี่ยวแรง อย่าให้มันเกิด 2. รู้ให้ได้ว่ามันดีหรือไม่ดี เราจะเอาดีหรือไม่ดี หากจะเอาไม่ดีก็โกรธเข้าไปโกรธเข้าไป อัตตาโกรธจะได้ใหญ่ เราจะเอาดี เราต้องทำตรงกันข้ามอย่าให้มันเกิด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:09:40 )

เอาแบบคนจนต้องมีกระบวนการสูตร 9 ข้อ

รายละเอียด

จริงๆพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสว่า มาเอาแบบคนจน ขาดทุนของเราต้องเสียสละช่วยเหลือประชาชน ท่านก็ตรัสในเชิงของท่าน แต่อาตมาลงถึงเนื้อหาความรู้ ถ้าอยากจะรู้ว่า ความจนนี้มันมีกระบวนการสูตร 9 ข้อของพระพุทธเจ้า ทำความเข้าใจให้แตกฉาน

9 ข้อของวรรณะ 9

1. เลี้ยงง่าย  (สุภระ) 

2. บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) 

3. มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) 

4. ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) 

5. ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) 

6. เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) 

7. มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  

8. ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  

9. ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:40:43 )

เอาแบบคนจนต้องไม่มุ่งไปรวย

รายละเอียด

ผู้บริหารประเทศ อาตมาจึงบอกว่าอย่าไปใช้คำว่ามุ่งไปรวย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็บอกว่าเอาแบบคนจน เราก็ต่อคำตรัสของในหลวงว่ามาตั้งใจจน เต็มใจจน มุ่งมาจน จนอีหลีอีหลอ จนทำสำเร็จ จนตลอดทุกชาติ จนทุกชาติ จนอะไรกันต่างๆ นานา คำอะไรต่างๆ นานา เอามาใช้เยอะแยะ จนดีจริงนั้น เป็นคนแรกเลย คุณน้อยร้อยแจ้ง ตอนแรกจะใช้คำว่าจนดี แต่มีคนใช้แล้ว ก็เลยใช้คำว่าจนดีจริง เป็นเบิกฤกษ์เลย ที่เห็นว่าจนนี้ดีตั้งนามสกุลเกี่ยวกับความจน เดี๋ยวนี้มีการตั้งนามสกุลแบบนี้หลายนามสกุล ขนาดจนอีหลีอีหลอ ยังเอาไปตั้งเป็นนามสกุลเพราะมันซาบซึ้งในความเป็นคนจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:04:28 )

เอาแบบคนจนเป็นเจ้าแห่งเศรษฐกิจ

รายละเอียด

สรุปรวมด้วยภาษาเศรษฐกิจ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสว่าเรามาเป็นคนจน เอาแบบคนจน วิธีการใด เราไม่ต้องไปรวยหรอก จนนี่แหละ เราพอกินพอใช้เหลือเฟืออยู่กันอย่างสามัคคีอะลุ่มอล่วยกัน ท่านตรัสไว้สั้นๆสมบูรณ์แบบ 

เราก็รู้ชัดเจนว่าเราขาดทุน ขาดทุนนี่แหละเราประเสริฐ เราเป็นผู้ที่เป็นเจ้าแห่งเศรษฐกิจ คนที่เอาแต่รวยรวยๆมันเป็นทาสทางเศรษฐกิจไม่ใช่เจ้า คนที่เอาแต่จนลงไป เป็นนายเศรษฐกิจ แล้วจนอย่างสุขสำราญพออยู่พอกิน เหลือแล้วแจกจ่ายคนอื่น เป็นคนจนที่สร้างสิ่งสำคัญสิ่งจำเป็นเป็นปัจจัยแห่งชีวิตของมนุษยชาติ ไม่ต้องเอาแรงงานความรู้เวลาไปทุ่มเทเสียหายกับสิ่งพวกนั้นเท่าไหร่เลย ทำอันนี้ แล้วให้มีน้ำใจ สร้างอาหารการกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วก็มีน้ำใจ ทำให้ถูกเท่าที่จะทำได้ 

เพราะฉะนั้นถ้าสามารถทำได้ เพราะตัวคนในประเทศก็เป็นคนพยายามฝึกมาเป็นคนจนกัน อย่าไปแย่งกันรวย ฝึกมาเป็นคนจน แหม มันลึกซึ้งนะ อย่างพวกเรานี่ทำความลึกซึ้งของมนุษยชาติทำให้เป็นคนประเสริฐ เป็นคนมาจนกันได้ ไม่ใช่ภาษาแบบเล่นลิ้นพูดกันโก้ๆ แต่เป็นภาษาที่แสดงถึงภูมิปัญญามีความรู้อันลึกซึ้ง มีความดำเนินชีวิตไปได้อย่างไม่ขัดแย้ง ไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ คนอื่นพสะดวกสบายทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นด้วย แล้วเราก็ไม่ไปแย่งความสุขใคร ซึ่งเป็นยอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:44:27 )

เอาแบบพระพุทธเจ้าบริหารแบบไม่บริหาร

รายละเอียด

ก็บอกไปแล้วว่า อย่าทำเป็นเล่นไป พระพุทธเจ้าท่านมีสัจจะที่ท่านบอกไปแล้วว่าอนิจจังเป็นตัวท้าย ในรูป 28 ท่านทำเป็นปลายเปิดไว้อย่าประมาท ถ้าประมาทแล้วคุณแพ้แน่ ขอเตือนทางด้านสายเจโตของไทย พวกนั่งหลับตาก็ดี เถระสมาคมก็ดี ยังมีกิเลสถือดีถือตัวมากนะ พยายามเรียนรู้สัจธรรมขึ้นไปให้มากๆ หน่อย 

อย่างน้อย ฟังหรือว่า โน้มน้อมมาทางอาตมาบ้าง พูดอย่างนี้ก็ดูยังไงไม่รู้ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นตัวเองนัก สิ่งที่ดีกว่า มันน่าจะพอเห็นได้ อาตมาไม่ต้องการให้เอาตัวตนมาหรอก ให้อาตมาไปเป็นเถรสมาคมตอนนี้  อาตมาบอกว่าไม่เอา อาตมาไม่ได้เป็นคณะที่จะไปเป็นผู้บริหาร แล้วที่เขาเป็นการซึ่งมันเป็นระบบวิธีการซึ่งอาตมาไม่เอาหรอกแบบนี้  อาตมาเอาแบบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบริหารแบบไม่บริหาร ท่านสอนอย่างเดียว อาตมาก็จะทำอย่างนั้นอาตมาไม่ได้อยู่ในฐานะที่เป็นผู้บริหารทำตามหน้าที่ อาตมาไม่ได้เป็นทางนั้นแล้ว อาตมาไม่เอา ไปเข้าสู่พิธีการมีกรอบมีกำหนดมีไอ้โน่นไอ้นี่ อาตมาอิสระกว่านั้นแล้ว เพราะฉะนั้นอาตมาไม่เอา ทำกันไปเถิด นี่ก็เป็นภาวะซับซ้อน 

แต่ว่าเนื้อหาสาระของสัจธรรมสิ ท่านน่าจะมาเอา ไม่ใช่ให้อาตมาไปเอาของท่านมา อาตมาจะไปสวมตำแหน่งหน้าที่อาตมาไม่เอา แต่ท่านก็ควรมาเอาอะไรที่อาตมามีไปเป็นนามธรรม อันนี้ชัดขึ้น มาเอาอันนี้ 

ซึ่งอาตมาก็พยายามทั้งเขียนทั้งพูด พวกเราช่วยกันขยายความ ให้แผ่กระจายออกไปอธิบายเนื้อหาปรมัตถธรรมสัจธรรมต่างๆ ทั้งรูปทั้งนาม พวกคุณก็ช่วยกันประพฤติปฏิบัติแล้วก็เป็นตัวจริงด้วย บัญญัติภาษาก็กำกับกันไปเรื่อยๆ พิสดารขึ้นไปเรื่อยๆ มาสิมาเอาอันนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 11:43:16 )

เอาโลกุตรธรรมมาสถาปนาลงไปในมนุษย์ได้จริง แค่นี้คือสัจจะของมันพอแล้ว 

รายละเอียด

ถ้าอาตมาพูดเป็นความจริง อาตมาก็มาฟื้นศาสนาพุทธแน่ เพราะพระสารีบุตรเป็นผู้สืบทอด เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นจริงก็มาสืบพระพุทธศาสนาแน่ เพราะว่าพระพุทธศาสนานั้นเสื่อม ถ้าพระสารีบุตรมาจริงเป็นจริง ก็สืบทอดพระศาสนาจริง 

ทีนี้จะว่าสืบทอดพระศาสนาจริง ถ้าอาตมาไม่ใช่พระสารีบุตร มันก็สืบทอดไม่ได้ หรือมันก็พาผิด มันก็ไม่ใช่แน่นอน แต่ถ้าอาตมาสืบทอด จะเป็นพระสารีบุตรหรือไม่เป็นพระสารีบุตรไม่ชื่อว่าพระสารีบุตรก็ตาม แต่อาตมาเอาเนื้อหาโลกุตรธรรมมาสืบทอดได้ทั้งๆที่มันเสื่อม เอาโลกุตรธรรมมาสถาปนาลงไปในมนุษย์ได้จริง แค่นี้คือสัจจะของมันพอแล้ว เหลือแต่โลกีย์แหลกเหลวเยอะ ปาราชิกเรื่องเงินเรื่องทองกันเยอะ เรื่องจริงนะ ไม่ได้กล่าวตู่ นอกนั้นก็เละไปหมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:34:32 )

เอาใจที่บริสุทธิ์ต่อสู้อุปสรรค

รายละเอียด

เมื่อเช้านี้ก็ยังพูดกับสมณะเลยว่า อาตมาไม่ประสีประสาเรื่องอินเทอร์เน็ตเลย อาศัยพวกเราก็พอ มั่นใจว่าจะพาพวกเราไปรอด เพราะเชื่อมั่นว่าความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด เรามีความบริสุทธิ์ใจเรามีแต่ให้ เราไม่เห็นแก่ตัว นี่เป็นความบริสุทธิ์หลักของอาตมา ใครจะใช้เครื่องมืออย่างไรก็ใช้ดู อาตมาก็จะพิสูจน์อันนี้ด้วยเหมือนกันว่าความบริสุทธิ์ใจนั้นจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลกในที่สุด ความบริสุทธิ์ใจที่เราไม่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ไม่เอาเปรียบเอารัดใคร ไม่เบียดเบียนใคร ตายเป็นตาย จะชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ พวกเราฟังแล้วน่ากลัวไหม ตายนะ เขามีคำพังเพยว่า สัจจะเป็นความจริงที่ไม่ตาย แต่ผู้ที่พูดความจริงนั้นตายไปมากแล้ว อาตมาไม่มีปัญหานะ ร่างกายตายอาตมาไม่มีปัญหา เชื่อไหมว่าอาตมาก็เคยตาย เคยตายมาไม่รู้แล้วกี่ชาติ เคยตายมาด้วยความสุจริตก็ไม่มีปัญหา พระโมคคัลลานะ ท่านสุจริต สุดท้ายท่านก็ยอมให้เขาฆ่าตาย จะเป็นปัญหาอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:37:28 )

เอาใบไม้กิ่งไม้จนถึงแก่นไม้มาเทียบผลการปฏิบัติธรรมะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในธรรมะของพระพุทธเจ้า อาตมาพูดแล้วคนเขาจะหมั่นไส้ ว่ามันหลงตัวหลงตน ยกตัวเองยิ่งใหญ่เหลือเกิน โธ่! พระพุทธเจ้าท่านยกตัวเอง แล้วพวกเราเป็นชาวพุทธก็เลยไม่ได้หมั่นไส้พระพุทธเจ้า โพธิรักษ์เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพูด นัยยะเดียวกันแล้วไม่ได้ยกตัวเองใหญ่เหมือนพระพุทธเจ้านะ บอกว่าตนเองเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ยังไม่ถึงพระพุทธเจ้าหรอก แต่ยังมีนัยยะอาริยธรรมของพระพุทธเจ้ามา นี่แหละ เอามาแสดง เขาก็ไม่เชื่อว่าจริง ไม่เชื่อว่านี่คือธรรมะพระพุทธเจ้า ธรรมะพระพุทธเจ้าต้องเป็นอย่างเขาสิ แบบกิ่งไม้ใบไม้ มีผล มีดอกไม้ด้วย สะเก็ดยังไม่ได้ ศีลยังไม่เอากันเลย เปลือกกับกระพี้ ยังไม่มีเลย ไม่ต้องพูดถึงแก่น
เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามายืนยันอ้างอิงอย่างนี้เขาถึงพูดไม่ออก เขาพูดไม่ออกจะว่าไม่จริงมันก็จริงอยู่ เพราะเขาเองยังแบกในลาภยศสรรเสริญสักการะ ยังทำอะไรต่ออะไรอยู่เสพสุขอยู่กับกิ่งใบดอก จะได้สะเก็ดศีล ที่เป็นความสุขสงบ แค่ศีลที่เป็นสะเก็ด ทำให้เกิดสุขสงบ แบบวูปสโมสุข ที่จริงความสุขมันไม่มีหรอก แต่มันมีขั้นตอน เป็นระดับๆ เขาก็มีความสงบเพราะศีล ก็ไม่ ดีไม่ดี ก็เดือดร้อนในวินัยด้วย ดีไม่ดีอาบัติ สังฆาทิเสสเขาก็ไม่ปลง หมกหมักหมมเน่าในไป แม้แต่ปาราชิกก็ยังปิดหมักหมมเน่าในกันไป แล้วจะให้อาตมาอยู่ด้วยกับคณะนั้น อาตมาก็อยู่ไม่ได้ต้องประกาศขอทำสังฆกรรมคนละพวกกัน นานาสังวาส ท่านก็ทำของท่านไป อาตมาไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยเพราะว่ามันเน่าใน ตามที่เป็นมาอาตมาประกาศนานาสังวาส  พวกนั้นก็เอาใหญ่นึกว่าตัวเองเป็นคณะใหญ่เล่นอาตมาใหญ่เลย นี่คือสัจธรรมที่มันเป็นจริง มันเป็นเช่นนั้น มันต้องเป็นเช่นนั้น อาตมาไม่ได้ประหลาดใจ ก็ยิ้มสู้มา ไม่ได้เคยท้อถอยตกใจไม่ได้เคยหวั่นไหวอะไร ทำมา อยากจะพิสูจน์จนถึง 100 ปี ถ้าไปอีก 48 ปีถึง 100 ปีแน่ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 15:03:46 )

เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง

รายละเอียด

ทั้งหมดแก่มวลมนุษยชาติทั้งโลก แต่เราก็รู้ขั้นตอนว่าอะไรก่อนอะไรหลัง ก็คนใกล้ชิดก่อนก็เป็นธรรมดา คนห่างออกไปก็ค่อยๆ เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างไป สำนวนพวกนี้อาตมาใช้พยัญชนะภาษา เอื้อมเอื้อ เกื้อกว้างไปตามลำดับ คำว่า “เอื้อมเอื้อ เกื้อกว้าง” สองคำนี้ก็มีความหมายลึกซึ้งแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:44:52 )

เอเปคที่เพิ่งผ่านไปนี้ เป็นเครื่องชี้บ่งถึงผลว่าพลเอกประยุทธ์ทำได้

รายละเอียด

คณะรัฐมนตรีไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่เป็นโพธิสัตว์หรือเป็นคนที่เป็นโลกุตระ ส่วนมากเป็นโลกียะกันอยู่ เพราะฉะนั้น พลเอกประยุทธ์จึงจำเป็นจะต้องใช้พลังงาน ที่จะสามารถยืนหยัด ทำให้พวกโลกียะที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่พรรคพวก สามารถที่จะดำเนินไปตามที่พลเอกประยุทธ์สามารถทำได้ เขาทำได้ พลเอกประยุทธ์ทำได้ มีหลักฐานยืนยัน มีปรากฏการณ์ที่อ้างอิงได้ 

คือผลงานทำมา 8 ปีนี้ ตัวเอเปคที่เพิ่งผ่านไปนี้ เป็นเครื่องชี้บ่ง ถึงผลว่า พลเอกประยุทธ์ทำได้ และตัวบุคคล ของผู้นำประเทศ ของแต่ละประเทศที่มาร่วม แสดงออกแล้ว เรื่องวิธีการ เรื่องของนโยบาย เรื่องของวิธีการทำงานอะไรต่ออะไรต่างๆ มันเป็นเปลือก แต่แก่นแท้ๆมันคือจิตวิญญาณ 

อาตมาจะมองเห็นด้วยปัญญาหรือภูมิปัญญาตามมาว่า จิตวิญญาณของคนที่มาร่วมเอเปคนี้ Appreciate กันทั้งนั้นเลย รับได้ แล้วยินดีที่จะให้ประเทศไทยเมืองเล็กๆ นี่แหละ เป็นแก่นแกน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 19:50:29 )

เอเมริกาป็นเจ้าโลกทางประชาธิปไตยจริงหรือ

รายละเอียด

ประเทศที่บอกว่าเขาเจริญอย่างอเมริกา เอาระเบิดไปทิ้งญี่ปุ่น ไปทิ้งตะวันออกกลางไปทำร้ายเขา พูดแล้วอย่างนี้ไม่ใช่ผู้เจริญแต่เป็นคนเถื่อน มองในมุมให้ลึกๆและชัดๆ การมาพัฒนาให้คนฉลาด แต่ทำไมไม่รู้จักความเสื่อมของตนเอง เป็นความเลวร้าย ใจอำมหิต นี่คือสัจจะที่ยากที่จะมีวิชชา ยากจะมีความเข้าใจ  เพราะฉะนั้นคุณจะบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคนเป็นประชาธิปไตยคนที่ใจร้ายใจดำแบบนี้ คุณจะเป็นเจ้าโลกทางประชาธิปไตย มันจริงหรือเปล่า (โยมว่า.. ไม่) เห็นไหม ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้งมาก สุดยอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 10:38:11 )

เอเสวมัคโค นัตถัญโญ

รายละเอียด

1. มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่นจริง ๆ

2. มีทางเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 194 , ค้าบุญคือบาป หน้า 242


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:38:07 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:36:29 )

เอโก

รายละเอียด

1. จิตเดียว , ท่าเดียว , แบบเดียว , เชิงเดียว , ถ่ายเดียว

2. โดยตนเอง , สิทธิ์เฉพาะตน , ส่วนของตนเท่านั้น [ตามบริบทของ... เอโก พหิทธารูปานิ ปัสสติ...ในวิโมกข์ 8] 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 93 , ค้าบุญคือบาป หน้า 104


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 08:04:52 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:33:11 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:36:57 )

เอโกทิภาวะ

รายละเอียด

1. มีความตั้งมั่น แน่วแน่เกิดขึ้น

2. รสสุข

3. รสอร่อยที่ยังไม่พ้นวัฏฏะ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 76,80 , 81 , 82

 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:44 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:34:35 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:38:00 )

เอโกธัมโม

รายละเอียด

1. ธรรมแท้ , ธรรมเพียงอันเดียว , ธรรมสิ่งเดียวกัน , ธรรมตัวเดียว-เท่านั้น

2. เป็นไปอย่างเดียวกัน ลงเป็นอันเดียวกันได้

3. เอกภาพที่มีความหมายยิ่งกว่าภาควัตถุที่เข้าใจกันหยาบ ๆ อยู่เพราะเอกธรรมนี้มันรวมทั้งภาคจิตวิญญาณ เป็นเอกคุณทั้งหยาบ และละเอียดอรูป – นามธรรมครบ

4. ธรรมอย่างหนึ่งอย่างเดียวกันที่พึงมี พึงเป็น จนได้ชื่อว่าอรหันต์ด้วย-กันหมด

5. เป็นธรรมะร่องเดียว รอยเดียว ลงช่อง ถูกเหลี่ยม เข้าระดับ ไม่ขัด ไม่แย้ง

6. เอกคุณ เอกธรรม เอกภาพ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1หน้า 87 , 308 , ทางเอก ภาค 2หน้า 600,634, 

ทางเอก ภาค 3หน้า 264 ,  482


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 08:02:28 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:25 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:39:49 )

เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ

รายละเอียด

ทำจิตที่ปราศจากกิเลสท่าเดียวให้เป็น ให้มีขึ้นมามาก ๆ หลาย ๆ 

คนเดียวให้เป็นหลายคนก็ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 94


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:59:51 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:31:27 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:40:14 )

เอ็นดู 

รายละเอียด

เอ็นดู  คือ แปลให้เข้าถึง ทยปัณโณ  คือ ต้องเข้าถึง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:51:12 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 09:10:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:40:37 )

เฮือนบวร

รายละเอียด

เป็นอาคารใหญ่ส่วนกลาง 2 ชั้นเราก็ไปอาศัยได้ เราเป็นชาวอโศกอยู่ในกรอบมีขั้นตอน มีระบบระเบียบมีวินัยก็อยู่ได้  คุณมาอยู่แล้วคุณก็ต้องมายึดถือว่าเฮือนบวรเป็นของเราอีกเหมือนกัน คุณก็ต้องอาศัย แน่นอนจะไปยึดอาคารเป็นของคุณก็ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:48:12 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 09:12:00 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:41:00 )

แกนของสัจธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในขณะนี้ แม้เป็นเรื่องการเมือง พวกเราชาวอโศกนี่ก็ขอยืนยันว่า เป็นนักการเมืองตัวจริง ขณะนี้ก็พูดไปก่อนก็ได้ บอก พิธา อย่าไปหาเรื่องสร้างม็อบขึ้นมาเป็นอำนาจนะ โพธิรักษ์จะพาพลเมืองไปโปรเทส คุณสร้างหมู่ประท้วงออกมาเป็นม็อบ เราจะพามวลของเราไปโปรเทส คุณก็รู้ภาษาฝรั่งดี ขอใช้ศัพท์ของคึกฤทธิ์หน่อย ภาษาของเขาบอกว่า อั๊วะไม่กลัวลื้อหรอก แต่คึกฤทธิ์เขาใช้ภาษาเขา อาตมาก็ใช้ภาษาอาตมาว่า อั๊วะไม่กลัวลื้อหรอก ผมไม่กลัวคุณหรอก 

ที่ไม่กลัวเพราะอะไร เพราะเราเองเรามั่นใจในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเราไม่ไปฆ่าคุณด้วย บอกก่อน ยิ่งสังคมการเมืองทั่วโลกทุกวันนี้ Globalization ฟ้าบ่กั้น ทุกข่าวสารเห็นกันหมด อาตมามีพวก เอาเถอะคุณก็มีพวก อย่างน้อยพูดกันให้ชัดๆ คุณมีพวกเป็นอเมริกาชาวอเมริกัน อาตมาว่าอาตมาจะมีพวกจีนและอินเดีย นี่บอกไว้ก่อนนะเดี๋ยวจะว่าไม่เตือน เตือนให้สัญญาณให้รู้ อาตมาพูดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้พูดลอยลม เพ้อเจ้อ ไม่ได้พูดเล่นนะ อาตมาพูดเพราะมันมีสัจธรรมจริงในตัวมนุษยชาติ มันมีแกนของจิตวิญญาณ มันมีแกนของสัจธรรมจริง 

เพราะฉะนั้นก็ขอพูดวิจารณ์ไปนิดหนึ่งให้ฟัง ในโลกมีอยู่ 2 ฝ่ายใหญ่ๆ ฝ่ายมืดกับฝ่ายสว่าง ฝ่ายมืดเขาก็ทำอย่างมืดๆ เขาก็หลงความมืดเป็นความสว่าง ลวงตัวเองหลอกตัวเอง ส่วนความสว่างนั้นมีความชัดเจน มีความจริง มีสภาวะรองรับ มีทั้งปัญญาและศรัทธา ทั้งสภาวะที่มันมีจริงรองรับครบ เพราะฉะนั้นสัจธรรมอย่างนี้ตามที่พูดด้วยพยัญชนะ ด้วยภาษาสั้นๆเล็กๆน้อยๆ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะเห็นได้เป็นฟีโนมินอลดังที่ว่า จะมีปรากฏการณ์จริงเกิดให้เห็น 

ขณะนี้ ชาวอเมริกันหรือ ตัวเก่งของอเมริกันก็ตาม เขาก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาทำอะไรแต่เขาทำอย่างที่เขาทำ ก็พวกเราเป็นชาวดูไป ก็ดูไปก็แล้วกัน เขาไม่ได้ยอมรับ เขาไม่ได้ยอมหยุด เขาหยุดไม่ได้ด้วย ถ้าอเมริกายอมรับ ยอมหยุดแล้ว เขาจะค่อยยังชั่ว แต่เขายิ่งไม่ยอมหยุด ไม่ยอมรับ เขาจะได้รับผลแรงขึ้นแรงขึ้น ผลที่เขาจะแย่นั้นแรงขึ้นแต่เขาไม่รู้ตัว เขาไม่มีปฏิภาณเหล่านี้หรอก อาตมาพูดให้ชาวอเมริกันฟังนะ ใครรู้ภาษาฝรั่งอเมริกา พูดให้เขาฟังหน่อย แต่เขาจะไม่ฟังเท่าไหร่เพราะอาตมาไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ไม่ใช่คนมีเครดิตไม่ใช่คนมี Favorite ที่เขาจะเชื่อถือ 

อาตมายัง เพราะเขายังไม่เข้าใจว่าคุณธรรมโลกุตระที่อาตมานำมาเปิดเผย มาเผยแพร่ นี้คืออะไร มีธรรมฤทธิ์แค่ไหน เขาไม่รู้หรอกเขานึกว่าธรรมฤทธิ์อย่างที่เขาใช้อาวุธ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้เงินเก๊ ใช้แบงค์กงเต็กนี่ยิ่งใหญ่ จริง อาตมาขอยืนยันว่าอเมริกาใช้แบงค์กงเต็ก ขออภัยอาตมาพูดว่าเขาแรง เพราะมันเป็นตัวอย่างเขาจะเกลียดชังอาตมา อาตมาก็ไม่รู้จะทำไง เพราะอาตมาว่าเขามาก แต่มันเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ที่จะยกให้เป็นตัวอย่าง ที่ยืนยันความเป็นจริงประพฤติจริง มีอะไรจริง ที่ยืนยันได้หมด ทั้งด้านรูปและนาม 2 อย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองบุญนิยมโลกุตระที่เป็นปรากฏการณ์จริง วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2566 ( 20:01:43 )

แกนความรู้บุคคล 7 เป็นแกนความรู้ที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

มันเป็นแกนของความรู้ บุคคล 7 เป็นแกนความรู้ที่ยิ่งใหญ่ อธิบายกันไม่ง่ายเลย ถ้าจะขยายความไปอีกก็ขยายความไปจนถึงกระทั่งการแยกกายแยกจิต อันไหนมันเป็นกายแล้วอันไหนไม่เป็นกาย อันไหนเป็นชีวะ อันไหนเป็นพีชะ จากจิตมาเป็นพีชะ ในอรหันต์ จิตยังเป็นจิต แต่ทำจิตให้เป็นพีชะได้โดยเด็ดขาดคือไม่มีสุขไม่มีทุกข์ได้อย่างแท้จริง ไม่มีบาปไม่มีบุญแล้วก็ซื่อสัตย์ ที่พูดนี้ไม่ได้พูดตามคนเหลาะแหละ อรหันต์มีแต่ซื่อสัตย์บริบูรณ์ สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง จะไม่ทำอะไรที่เป็นบาปแม้มีประมาณน้อย อกุศลบาปแม้มีประมาณน้อยก็ไม่ทำ ซื่อสัตย์ มีภูมิปัญญารู้ดีไม่ทำบาป ไม่ทำสิ่งที่บกพร่อง บาปนี้ละเอียดกว่าอกุศล เป็นความรู้ที่คู่กับปัญญาจะมีความเฉลียวฉลาด มีปัญญามากกว่าสายเจโต สายเจโตจะเรียนรู้เก่งอกุศลกุศล แต่สายปัญญาก็รู้กุศลอกุศลแถมมีตัวรู้ บาปบุญได้เก่ง กำจัดตัวบาปได้เก่งกว่า เหนือชั้นกว่าสายศรัทธา 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:00:05 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 09:15:22 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:41:46 )

แกนจิตของมนุษยชาติ 2 สภาพ ศรัทธาและปัญญา 

รายละเอียด

อาตมาตอนนี้เขียนหนังสืออธิบายถึงสภาพศาสนาสายศรัทธา กับศาสนาสายปัญญา แยกพยัญชนะคำว่าศรัทธา กับพยัญชนะคำว่าปัญญานี้ ให้เข้าใจกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยเป็นเรื่องยากมากเลย แกนจิตของจิตนิยาม จะมีแกนจิตของมนุษยชาติ 2 สภาพ 

แกนหนึ่งเรียกว่า แกนศรัทธา บางทีก็เรียกว่า แกนเจโต 

อีกแกนหนึ่งคือ แกนปัญญา 

หรือจะเรียกไปให้ลึกซึ้งว่า แกนพุทธ แกนโพธิ รู้ระดับพุทธหรือโพธิ ซึ่งเป็นความรู้ที่แตกต่างไปจากความรู้ ความฉลาดแบบโลกีย์ทั้งหลาย มันเป็นความรู้ เป็นความฉลาดที่เป็นอื่นไปจากคนส่วนใหญ่เลย 

คนส่วนใหญ่อยู่ในแกนศรัทธา ส่วนใหญ่เลยทั้งโลก เพราะฉะนั้นศาสดาของทางโลกโลกีย์ก็เป็นแกนศรัทธาทั้งนั้น ไม่มีปัญญาหรอก แต่เขาไม่รู้ว่าปัญญาหมายถึง ความรู้ ความฉลาดที่เป็นโลกุตระ เขาไม่รู้ แต่เขารู้ว่าปัญญานี้มันสูง เป็นความเฉลียวฉลาดที่สูง ก็เลยใช้บัญญัติภาษาคำว่าปัญญาไปใช้เรียกของเขาด้วย ทั้งๆ ที่ภาษาบาลีเดิมสภาวะที่เขามีคือ เฉโกหรือเฉกา เขาก็เอาปัญญาไปเรียกแทนเสีย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:29:32 )

แกนจิตแข็งแรง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงสามารถที่จะปฏิบัติแล้ว จิตเกิดสมาธิหรือสมาหิโต เป็นจิตตั้งมั่นก็เป็นแกนจิตแข็งแรง สามเส้ากับสติและปัญญา

เจโตสมาธิตั้งมั่น แล้วมี Dynamic 2 ตัว สติก็ดี ปัญญาก็ดี 

เจโตสมาธิ เป็น Static เป็นฐานตั้ง ส่วนสติกับปัญญาเป็นตัวที่ตื่นรู้เข้าใจสังคม เข้าใจมนุษยชาติ เข้าใจพฤติกรรม แล้วก็มีปัญญาเฉลียวฉลาด รู้ยิ่งว่าควรอย่างไรเป็นอย่างไร ที่ดีที่สุด 

เจริญแบบโลกียะก็รู้ฐานของโลกียะ ยิ่งเจริญเป็นโลกุตระซึ่งทวนกระแสกับโลกียะก็รู้ แล้วก็ประมาณว่าให้เจริญโลกียะอย่างนี้ก่อนได้ขั้นนี้แล้ว แล้วเอาโลกุตระใส่เข้าไปอีกเพื่อที่จะได้ ซ้อนซับซ้อน สูงยิ่งขึ้นหมดอัตตาหมดตัวตน แล้วช่วยผู้อื่นได้อย่างดียิ่งสมบูรณ์แบบ นี่คือสัจจะที่อธิบายง่ายๆ คร่าวๆขยายความตรงนี้ให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:26:46 )

แกนฉลาดแกนโง่อยู่ด้วยกัน

รายละเอียด

โกณฑัญญะได้รู้ในวันนั้น ท่านเป็นสายปัญญาหรือท่านเป็นสายศรัทธา หรือกลับไปกลับมา เป็นสายปัญญาที่พบธรรมะด้วยศรัทธา พ่อครูว่า…ตอบได้อย่างนี้โกณฑัญญะ คำว่าโกณฑะ แปลว่าโง่ ส่วนอัญญะ แปลว่าฉลาด เพราะฉะนั้นโกณฑัญญะ คือ โง่ อัญญาคือฉลาด มีทั้งสองตัว มีแกนฉลาดแกนโง่อยู่ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องอจินไตยที่สุดยอด คนนี้ต้องชื่อนี้เพราะมีสภาวะอย่างนี้ อย่างพระสมณโคดมจะใช้บาลีเป็นหลัก บาลี ระบุว่าอย่างไรพยัญชนะอย่างไรก็อย่างนั้น พระพุทธเจ้าองค์อื่นก็อาจจะใช้ภาษาอื่นที่เป็นภาษาประจำของท่าน คนนั้นก็ต้องชื่อนั้นตามภาษาเหล่านั้น ในยุคที่ท่านอุบัติคนเหล่านั้นก็ต้องมามีชื่อตามภาษานั้น จะไปเอาภาษาที่มันไม่ใช่มาเรียกมันไม่ได้ มันต้องภาษาอันนั้นเฉพาะองค์นั้น

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:34:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:24 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:42:43 )

แกนซาดิสม์ กับแกนโรแมนติก 

รายละเอียด

ดีแล้วล่ะก็คงรู้ตัวเรื่องของการ...โกรธง่ายเป็นสายไปทางด้านแข็งแรง ถ้าจะพูดให้ชัด สองแกนก็คือ แกนซาดิสม์ กับแกนโรแมนติก 

คุณประยุทธ์เป็นแกนซาดิสม์  แต่ไม่ได้ว่าคุณเป็นซาดิสม์นะ แต่เป็นแกนชอบแรง ไม่ใช่สายหวานแล้วหวานอีก ไม่โรแมนติก แต่เป็นสายชอบแรงๆ มันต้องบู๊ชกเปรี้ยงดุ จะมาร้องกระซิบหวานลมเย็นไม่ใช่ ไม่ใช่สายนี้ 

อาตมาไม่ใช่สายซาดิสม์เลย แต่เป็นสายโรแมนติกอิสซึ่ม อย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องเห็นใจคุณประยุทธ์บ้าง ถามว่ารู้สึกอย่างไร จะทำแบบไหน ก็แบบที่อาตมากำลังสรุปนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 10:54:54 )

แกนปฏิบัติก็คือสังกัปปะ 7

รายละเอียด

มุทุนี่ สองสภาพในตัวยิ่งเร็วยิ่งนิ่ง ในอันนี้ก็คือ แกนปฏิบัติก็คือสังกัปปะ 7 ปฏิบัติจะเกิด แกนสองแกน 6คือ มีแกนตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ แกนวิ่ง ส่วนแกนตั้งคือ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา แยกกิเลสกำจัดกิเลสให้ได้ กำจัดกิเลสได้หมดกิเลส  ปริสุทธา ก็สั่งสมตกผลึกเป็น อัปปนา ทำต่อไป อัปปนาก้าวหน้าไปเป็นพยัปปนา ก็ทำให้สูงขึ้นไปตามลำดับจน เจตโสอภินิโรปนา ก็มีแกนตั้งกับแกนวิ่งในสังกัปปะ 7 สมบูรณ์แล้วก็ไปอยู่ในจิตเป็นอภิสังขารเรียกว่าเป็น วจีสังขาร 

หมายถึงว่าเป็นการปรุงแต่งที่มีชื่อเรียกแล้ว วจีสังขารคือมีอธิวจนะ ตั้งชื่อเรียกแล้วก็เรียกไว้ในใจยังไม่ได้พูดเป็นภาษา ก็ปรุงแต่งอยู่ในจิตเป็นวจีสังขาร ซึ่งไม่ว่าจะกามที่เป็นมโนกรรมอยู่ในจิตปรุงแต่งจบ แต่เป็นตัวที่ 7 ของสังกัปปะ 7 อย่างนี้อาตมาฝึกอัตโนมัติทำอย่างนี้สำเร็จอย่างที่อธิบายซอยเข้าไปถึงสังกัปปะ 7 ให้ฟัง ทำสำเร็จเป็นอุเบกขา 5 จนกระทั่งอาตมาสมบูรณ์กิเลสหมด อาตมาก็รู้ว่ากิเลสหมดกิเลสของอาตมาตั้งแต่ กาม ก็ทำมาเป็นลำดับ หมดกาม ก็เหลือกิเลส รูปภพ ก็ทำต่ออีก กิเลสรูปภพหมดก็รู้อีก จนหมดอรูปภพ ก็เป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:14:37 )

แกนหลักของศาสนาพุทธคือศึกษาเวทนา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในปฏิจจสมุปบาท ถ้าคุณรู้ละเอียดลออจริงๆ อาตมาพูดถึงหมู่ระหว่าง อายตนะ ผัสสะ เวทนา 

เวทนาคือวิญญาณ เวทนาคือสังขาร งงไหม? เห็นไหม เราก็จะเข้าใจ ไม่สับสนในสิริมหามายาพวกนี้ 

เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้แล้ว สังขารคือความปรุงแต่งขึ้นมา แล้วยึดถือเป็นวิญญาณ มันก็บื้ออยู่อย่างนั้น ไม่แยกรูปนาม ไม่เรียนรู้ผ้สสะ คุณก็ไม่มีตัวเหตุปัจจัยที่จะไปถึงขั้นมีเวทนามาเรียนรู้ แกนหลักของศาสนาจึงเอาที่เวทนา ศึกษาเวทนา แล้วหัวใจของศาสนาคือเทวคือสุขทุกข์ 2 อย่างนี้ เป็นแกนหัวใจของธรรมะเลย ดีชั่วนั้นเป็นโลกีย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:55:02 )

แกล้งกัน

รายละเอียด

แกล้งกันมีสองแบบ แกล้งอย่างสนุกๆกับแกล้งเพื่อให้รับโทษภัยบาดเจ็บสูญเสียเกิดความไม่ดีขึ้นมา อย่างนั้นไม่ดี แต่ถ้าแกล้งแหย่ๆกันไม่เป็นไร ถือว่าเป็นเพื่อนสนิท เด็กๆก็แกล้งกัน ผู้ใหญ่ก็ทำได้นิดหน่อย ไม่ถือสากัน เจอหน้ากันต้องเตะกัน1 ทีก่อน ไม่เตะไม่สนุกเป็นต้น พวกผู้ชายก็จะเล่นกันแรงๆอย่างนี้ ถ้าแกล้งเพื่อให้เขาเสียหาย เป็นบาป ถ้าแกล้งแหย่ๆเล่นๆ ไม่เป็นไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:21:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:19:54 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:43:13 )

แกล้วกล้าแสดงธรรมแก่บริษัท

รายละเอียด

เชื่อมั่นในธรรมที่ตนบรรลุ แกล้วกล้าอาจหาญในการแสดงธรรมตามภูมิที่ตนมีจริง

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 52


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:03:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:43:41 )

แก่น

รายละเอียด

แก่น  คือ วิมุติ คือ ความว่าง  หรือ สูญเป็นภาษาใช้แทนกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:22:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:44:07 )

แก่นของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สรุป พวกหลับตาสมาธิไม่ได้มีผัสสะ 5 มีนาม 5 ซึ่งมันเป็นกิเลสหยาบใหญ่ ที่คุณไม่ได้เรียนรู้เลย แล้วจะเอาแต่ดับอนุสัยอาสวะ แต่กิเลสใหญ่หยาบยังไม่จัดการ อย่างมหาบัวติดหมาก ไม่รู้กามคุณ 5 นี้เลย มหาบัวไม่รู้ จึงไปหลงแต่ภายใน นึกว่าภายในสิ้นอาสวะดับ กิเลสสิ้น แต่สิ้นไม่ได้ เพราะกิเลสตั้งพวงเบ้อเร่อ ยังพาเกิด เหมือนลูกผลไม้มันจะต้องมีเมล็ดมีเนื้อ มีเมล็ด  แต่คุณจะเอาเมล็ดเลย แต่ไม่ผ่าเนื้อใน คุณเก่งอย่างไรจะทำได้ หรือพระพุทธเจ้าพูดถึงแก่นของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:23:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:41 )

แก่นชีพ กับ เชื้อชาติเป็นไฉน

รายละเอียด

อาตมากำลังได้คำพูดอยู่สองคำ คือ แก่นชีพ กับ เชื้อชาติ

เชื้อคือสิ่งเหลือเชื้อที่มันเกิดของสัญชาติ การเกิดฝังอยู่ในความจำ ฝังในคลังอัตภาพของแต่ละคน

เชื้อชาติ เป็นแก่นชีพ สายเจโตเรียกแก่นชีพ สายปัญญาเรียกเชื้อชาติ

แก่นชีพ คือแก่นหลักแกน เป็น essence เป็น core มันอยู่ในก้นบึ้งของจิตเรา ไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้ก็ตามแต่มีในชีพ เป็นแก่นชีพ เจโตดึงออกมายาก เป็นได้แต่ไม่มีปฏิภาณดึงออกมา หากดึงออกมาได้จะรู้จักเชื้อชาติ เชื้ออันนี้กำลังเกิดกำลังเคลื่อนไหวกำลังมีความรู้เป็นปัญญาเอามาใช้ได้ แก่นชีพเป็นเจโต เชื้อชาติเป็นปัญญา มีอยู่ในอัตภาพของแต่ละคนเป็นธรรมะ 2 ที่อาตมาใช้พยัญชนะอันนี้กำลังขึ้นถึงสภาวะ อาตมาพยายามดึงเอาความรู้ลึกต้นรากมาใช้

ผู้ที่สามารถรู้เรื่องปรมัตถ์จิตวิญญาณจิตใจ สารพัดที่พระพุทธเจ้าสอนทิ้งเอาไว้สุดยอด เมื่อมีความรู้จริงเป็นจริงได้ก็เอามาใช้ เอามาทำงาน อย่างอาตมาเอามาใช้มาทำงาน ก็ชวนกันศึกษาทำกันต่อไป จะเป็นผลประโยชน์ต่อตนต่อท่านต่อสังคมต่อมนุษย์โลก เราก็ไม่ไปเป็นคนหาเงินหาทองหรือค่าจ้างก็ไม่เอา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:41:06 )

แก่นชีพเป็นไฉน

รายละเอียด

คุณคนนี้ใช้คำว่าแก่นชีพ สิ่งที่ทำได้เป็นแก่นชีพก็คือ 0 นี่แหละ เป็นตัวตั้งมั่นเป็นสมาธิ สมาหิตะ สั่งสมอเนญชา เป็นสมาธิคือจิตตั้งมั่น เป็นจิตที่เกิดผลชำระกิเลส ได้แล้วก็สั่งสมตกผลึกมากยิ่งขึ้น เป็น static เป็นตัวแข็งแรงตั้งมั่น constant คงที่ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จนไม่มีอะไรมาทำร้ายคุณสมบัตินี้ได้ ไม่ใช่บุญนะ แต่เป็นคุณสมบัติของจิตที่ตั้งมั่น ที่คงที่ ควบแน่น สรุปว่า เป็นแก่นชีพ พระอรหันต์มีแก่นชีพอันนี้ทั้งนั้น เป็นแก่นแข็งแรง จนกระทั่งไม่มีอะไรทำลายได้ อสังหิรัง ไม่มีอะไรทำลายได้ในผู้ที่สั่งสมถึงขั้น แก่นชีพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:16:27 )

แก่นแกนของการปฏิบัติธรรมของพุทธคือ เวทนา2เวทนาแท้กับเวทนาเก๊

รายละเอียด

เป็นแต่เพียงว่ายังไม่รู้จักสภาวะของจิตว่าเราจะทำเวทนา 2 ให้เป็นเวทนา 1 เราก็จะต้องรู้ทัน รู้อาการของเวทนา อาการความรู้สึก ความรู้สึกหรืออารมณ์ของเราเมื่อสัมผัสแล้วมันเกิดอารมณ์อย่างนี้ ต้องเอาที่สัมผัสจริงๆ สัมผัสแล้วเกิดอารมณ์นี้จริงๆก็ดูอาการ จับอาการได้เรียกว่ามีนิมิตเครื่องหมายอย่างไร นี่คืออาการที่สัมผัสรู้ สัมผัสขนมไข่นกกระทาทอด มันก็จะมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของมันตามจริง ใครมาสัมผัสมันก็จะรู้รูปรสกลิ่นเสียงของมันอย่างนั้นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนศาสนาไหน สัมผัสแล้วก็จะรู้เหมือนกันเหมือนกันหมด แต่คนที่ไปติดหรือไม่ติด คนที่ชอบหรือไม่ชอบ คนที่ชอบสัมผัสแล้วก็เป็นกิเลสตัวเอง เป็นอารมณ์หรือเป็นเวทนาเทียม เป็นเวทนาไม่แท้ เป็นเวทนาเก๊ ถ้าได้สัมผัสแล้วยิ่งได้เสพก็มีความสุข ก็เป็นความเทียมความเก๊ทั้งนั้น ก็เอาเวทนาเก๊ออก ล้างกิเลสที่มันปรุงแต่งออกจากจิต กิเลสมันปรุงแต่งเป็นรสชาติ ชอบไม่ชอบ อร่อยไม่อร่อย มันของเก๊ คุณเข้าใจ มีปัญญาเห็นอาการมันลดลงนั่นแหละ คือเข้าไปหาของจริงลดกิเลสลง ลดโลกๆลงไปได้เรื่อยๆ นี่แหละคือตัวแก่นแกนของการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ ตรงเวทนา 2 นี่แหละ ตรงนี้เป็นสุดยอด เป็นหัวใจของศาสนาพุทธเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:45:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:38 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:45:16 )

แก่นแกนคุณสมบัติของมนุษย์

รายละเอียด

ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้จำนวนมาก แต่จำนวนน้อยก็ต้องทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความเป็นคน ใช่ มันเป็นแก่นแกนคุณสมบัติของมนุษย์ จะได้รู้ว่าคนที่ดีคนที่ประเสริฐ คนที่มีคุณค่าสูงจริงๆ เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนเสียสละ เป็นคนสร้างสรร ขยันเพียร เป็นประโยชน์แก่สังคมมนุษย์โลก ไม่ใช่เป็นคนที่เป็นปลิงเป็นทาก เป็นนักเขมือบ เป็นเสือ เป็นสิงห์ งาบๆสังคม ไม่ใช่ เป็นคนเหมือนกันทุกประการ แต่มีจิตใจต่างกันคนละเรื่องเลย โลกียะกับโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 11:38:42 )

แก่นแกนประชาธิปไตยโลกุตระอยู่ที่เมืองไทย

รายละเอียด

อาริยะ เป็นคำของศาสนาพุทธ เขาใช้คำว่าอริยะกับอารยะ ซึ่งมันเป็นคำที่ผิดเพี้ยนไปแล้ว อริยะ ก็ไปทางพระป่า อารยะ ก็ไปทางพระเมือง อาตมาจึงใช้ อาริยะแทน ประชาธิปไตยโลกุตระมันกระจ้อยร่อย มันเพิ่งเกิดเพิ่งมีในรูปของชาวอโศกเป็นหลัก แล้วในเมืองไทยก็เลยมีแกนนี้ไปเรื่อยๆ เพราะไม่ใช่แต่อาตมาผู้บริหาร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็มีบารมีของท่านเก็บมาสะสมมาของท่านแล้วก็มาปฏิบัติใหม่ด้วย หรือท่านจะฟังอาตมาบ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ก็ช่วยกันเติมเต็มไป อาตมาทำเต็มที่อยู่แล้ว ก็ทำให้เกิดโลกุตรธรรมในประเทศไทย อาตมาพูดตรงนี้ได้เลยว่า ไม่ใช่คำพยากรณ์แต่เป็นคำขอยืนยันว่าจะจริง ต่อไปประชาธิปไตยจะเป็นประชาธิปไตยโลกุตระอันเกิดจากแกนแก่นของคนไทยในประเทศไทย ในอินเดียไม่มีแล้ว เป็นศาสนาที่เป็นเทวนิยมไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มี จะมีที่ประเทศไทยเป็นหลัก เดี๋ยวนี้ก็จะค่อยๆ เห็นได้เป็นรูปธรรมพอสมควร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:14:06 )

แก่นแกนสาระของศาสนาพุทธคือครูผู้เป็นสายธัมมานุสารี

รายละเอียด

ในเรื่องของธรรมะพุทธเจ้านั้น อาตมามาสืบทอดจริงๆยืนหยัดยืนยัน อาตมานี่แหละคือแก่นแกนสาระของศาสนาพุทธ เป็นสายธัมมานุสารี ไม่ใช่สัทธานุสารี เป็นผู้สืบทอดเอาธรรมะพุทธเจ้า หากอธิบายอย่างเทวนิยมอาตมาก็เป็นประกาศกของพระพุทธเจ้า เป็น prophet ของพระพุทธเจ้า พูดอย่างหมดเปลือกเลยนะ เป็นดารานู้ดที่ไม่ได้ปิดบังอะไรเลย อาตมาจริงใจต้องการความสะอาดบริสุทธิ์อย่างหมดเปลือก ไม่มีอะไรเปื้อนเปรอะ

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:36:56 )

แก้กรรม

รายละเอียด

การปฏิบัติกรรมใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งวิบากอดีตจะเปลี่ยนไปได้ หรือจะแก้วิบากกรรมเก่าได้ก็ด้วยการทำกรรมใหม่ในปัจจุบันเท่านั้น หากกรรม-ใหม่ในปัจจุบันเป็นกรรมชั่ว ก็จะก็จะไปแก้วิบากจากบาปเดิมเป็นวิบากบาปหนักขึ้น ร้ายขึ้นกว่าเก่า  หากกรรมใหม่ในปัจจุบันเป็นกรรมดีก็จะไปแก้วิบากจากบุญเดิมเป็นวิบากบุญดีขึ้น เจริญสูงขึ้นกว่าเก่า

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 17


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:02:37 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:06:22 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:45:48 )

แก้กรรม

รายละเอียด

การปฏิบัติกรรมใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งวิบากอดีตจะเปลี่ยนไปได้ หรือจะบรรเทาผลวิบากกรรมเก่าได้ก็ด้วยการทำกรรมใหม่ในปัจจุบันเท่านั้น หากกรรม-ใหม่ในปัจจุบันเป็นกรรมชั่ว ก็จะไปเพิ่มวิบากจากบาปเดิมเป็นวิบากบาปหนักขึ้น ร้ายขึ้นกว่าเก่า  หากกรรมใหม่ในปัจจุบันเป็นกรรมดีก็จะไปบรรเทาวิบากจากบุญเดิมเป็นวิบากบุญดีขึ้น เจริญสูงขึ้นกว่าเก่า

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 09:07:02 )

แก้กรรม คืออย่างไร

รายละเอียด

คำว่าแก้กรรมนี้ไปทำเป็นเล่นไป เป็นพิธีการแก้กรรม มันก็เล่นลิเกละครหลอกกันไป คนเป็นเจ้าพิธี เป็นผู้เก่ง สามารถแก้กรรมเขาได้ เหมือนอย่าง ชีอะไร แก้กรรมได้ กรรมของใครกรรมของมัน ใครจะไปแก้ของใครได้ นอกจากตัวเองแก้เอง 

ถ้าผู้ใดสามารถรู้ว่าเราได้ชดใช้กรรมของเรา ด้วยการได้รับวิบากไม่ดีก็ตาม เกิดปัญญารู้กิเลส ทำให้กิเลสดับได้ นี่แหละเราแก้กรรม ตัวที่ชัดที่สุดเป็นโลกุตระ ก็คือรู้จักกิเลส แล้วทำให้กิเลสตายได้ ลดได้ ตายเลย กรรมต่อไปของคุณก็ได้แก้ไขแล้ว ปรับปรุงกรรม จากนั้นไป เหตุมันก็ตายไม่ฟื้น ไม่มีเหตุที่จะทำให้ชั่ว ไม่ดี หรือ เป็นทุกข์ ถึงขั้นไม่ทำให้เป็นทุกข์ แม้ที่สุดไม่ทำให้เป็นทุกข์เป็นสุข ไม่เป็นทั้งสุขทั้งทุกข์ได้อย่างจริงจัง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2566 ( 14:42:36 )

แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ

รายละเอียด

พระกรรมฐานที่เก่งๆของคุณเป็นพระกรรมฐานตกเวจทั้งนั้นเลย อย่ามาแนะอาตมาให้ไปหาพระกรรมฐานตกเวจ 

อาตมากำลังพูดถึงเรื่องเวทนาคืออารมณ์ แล้วพระกรรมฐานเก่งๆของคุณจะรู้จักเวทนา 108 หรือ องค์ไหนที่เก่งก็เอามาคุยกับอาตมา พูดแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเวทนา ที่คุณบอกว่าจะได้แก้อารมณ์ อาตมาจะได้แก้อารมณ์ให้กับพระกรรมฐานเหล่า นั้นบ้าง คุณฟังเข้าใจนะ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้ประชดประชันแดกดันแต่พูดธรรมะพูดสัจธรรมพูดความถูกต้องความผิดความถูก แยกแยะความผิดความถูกให้ฟังอย่างธรรมดาง่ายๆฟังให้ดี 

คุณเข้าใจผิดไปไกลจะให้พระกรรมฐานตกเวจมาแก้กรรมฐานอาตมา จะแก้ได้ไง อาตมาใช้กรรมฐานที่ถูกแล้วใช้เวทนาเป็นกรรมฐาน มีอุเบกขาเวทนาเป็นฐานนิพพานชัดเจนอย่าง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา แล้วสร้างให้เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาให้สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:05:39 )

แก้กลับการกล่าวถึงการเป็นพระอาริยะ

รายละเอียด

จริงอาตมาเคยพูดไว้ ตอนนั้นอาตมายังไม่คมชัดลึกในสมัยพระพุทธเจ้านัก ก็เลยบอกไป อาตมาเพราะเคยนั่งสมาธิอย่างนั้นจนบรรลุแบบนั้น แต่เมื่อมาได้ศึกษารายละเอียดจึงรู้ว่าอย่างนั้นคือต้นตอของเดียรถีย์ ตอนสมัยพระพุทธเจ้าอุบัตินั้นเขาก็มีแบบนี้อยู่เต็มไปหมดแล้วนั่งสมาธิเดียรถีย์ทั้งนั้นแหละ แล้วพระพุทธเจ้าก็ค่อยมาแก้ อาตมาก็ค่อยๆเข้าใจตามลำดับ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก่อนนี้ ตอนนี้ก็ขอแก้กลับและขออภัยที่เคยได้พูดเช่นนั้น ถือว่าที่พูดไปแต่ก่อนนั้นยังไม่ถูกต้อง ตอนนี้ถูกต้องแล้ว แต่ก่อนนั้นเคยบอกว่าท่านเป็นพระอริยะ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว เป็นอย่างนั้นจริงๆอันนี้เป็นเรื่องของความพัฒนาก้าวหน้าความเจริญของความรู้ ซึ่งตอนนั้นมันก็เป็น ลิงลมอมข้าวพอง นึกว่าจะเป็นอย่างนั้น เหมือนกับพระพุทธเจ้านั่นแหละ ที่ปฏิบัติธรรมออกป่า แล้วท่านก็รู้ว่าไม่ใช่ แล้วท่านก็กลับเข้าเมือง จนมีผู้ยกสถานที่ขึ้นเป็นอาราม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:48:09 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:30 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:46:33 )

แก้นิสัยชอบกดดันตัวเองได้อย่างไร

รายละเอียด

ก็เข้าใจแล้ว ไปกดดันทำไม รู้แล้วก็จบ เราพยายามคลี่คลายกิริยาอาการที่ไม่ดีนั้นในตัวเราเปลี่ยนแปลงให้มาเป็นสิ่งที่ดี รู้มีคู่ สิ่งที่ดีเป็นอย่างนี้ไม่ดีเป็นอย่างนี้ ก็เป็นจากสิ่งที่ไม่ดีเป็นอาการที่ดี ต้องดูให้ชัดเจนแล้วถึงจะเปลี่ยน ไม่ต้องไปกดดันกดข่ม แต่เปลี่ยนมา มันยังไม่เป็นก็ฝึกให้มันเป็นมันยังไม่ได้ก็ฝึกให้มันได้ ไม่มีอย่างอื่นหรอกมันต้องได้ให้ฝึกจริงๆเข้าใจจริงๆ เราจะเห็นเลยว่าได้จริง ได้ทีละน้อยๆ จนกระทั่งได้มากขึ้นก็จะง่ายขึ้น อันนี้คือสัจจะ ได้มามากๆแล้วจะยิ่งยากนั้นไม่ใช่ ได้แล้วจะมีปีติอนุโมทนา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:40:40 )

แก้ปัญหากันด้วยความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม

รายละเอียด

“การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ตามตำราหรือทฎษฎีที่เรียนกันมาจากเมืองนอกอันมีแต่“ความรู้”ของชาว“เทฺวนิยม”ที่เป็น“โลกียภูมิ”เท่านั้น รับรองได้ว่า ไม่มีวัน“จบกิจ”ในการ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”เด็ดขาดได้แน่ๆ

เพราะ“ความรู้-ความฉลาด”ประดามีของชาวโลกทั้งหลายทั้งหมดที่เป็นแค่“โลกียภูมิ”นั้นยังเป็นแค่“เฉโก” แม้จะเก่งกาจปานใดก็ไม่สามารถ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ที่เป็น“เศรษฐกิจ”ได้มั่นคงยั่งยืนถาวร แน่ยิ่งกว่าแน่

ต้องทำคนให้เกิด“ปัญญา”มี“ความรู้” ที่เป็นพุทธขั้น“โลกุตระ”ในชาว“อเทฺวนิยม”ที่แก้ปัญหากันด้วย“ความรู้”ที่เป็น“โลกุตรธรรม”จึงจะจัดการกับ“พระเจ้า”ที่เป็น“เงินๆทองๆ” และมี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว”ที่เป็น“พระเจ้า”ทางจิตวิญญาณอย่างถึงแก่นแท้ครบความเป็น“พระเจ้า”ที่เป็น“เงินๆทองๆ”และที่เป็น“จิตวิญญาณ”จริงที่สุด

“การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ตามตำราหรือทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่เรียนกันในเมืองไทยที่มี“ศาสนาพุทธ”ให้“สัมมาทิฏฐิ” จึงจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ในการแก้ปัญหาได้จริง ตำราหรือทฤษฎีของศาสดาเทฺวนิยมแก้ไม่สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”เศรษฐกิจแน่

ซึ่งในประเทศไทยยุคนี้มีประชาชนคนจริงในประเทศไทยกลุ่มหนึ่งได้“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้จริงยืนยันให้พิสูจน์ได้

นั่นคือ กลุ่มชนคนไทยที่เรียกกันว่า ชาวอโศก หรือ“สันติอโศก”  

...เชิญ! เอหปัสสิโก ไปเห็นแจ้งของจริงด้วยได้ด้วยการ“เห็น”หรือ“สัมผัส”กันได้เลย  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:32:13 )

แก้ปัญหากันที่“จิตใจของคน”

รายละเอียด

GDP ไปนับเอาแต่ตัวเลขเงินทองรายได้ แม้แต่ product หรือผลผลิตเขาก็ยังไม่สำคัญเท่ากับไอ้ที่ขายเป็นรายได้ เขาไปเพ่งที่ตัวเลขเงินๆ ทองๆ ไม่เห็นความสำคัญของจิตใจของคน อันเป็น"ประธานของสิ่งทั้งปวง”ของคนในสังคมมากกว่า“เงินๆทองๆ” แล้วแก้ปัญหากันที่“จิตใจของคน”กันให้ได้ มันถึงจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันได้จริง

พูดไปแล้วนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายฟังให้ดีๆ เถอะ ไปงมผิดประเด็น ผิดเป้า ผิดจุดสำคัญ ไปแก้ที่ตัวเลข​ ไม่มาแก้ที่จิตใจคนกับเนื้อหาสาระ ทำให้คนนี้รู้จักเนื้อหาสาระแก่นสารว่าจะอยู่กับเนื้อหาสาระแก่นสาร โดยเฉพาะว่าสิ่งที่จะต้องอาศัย อาหารก็ตาม เครื่องกินเครื่องใช้ก็ตามอะไรที่จำเป็น เป็นความสำคัญเป็นปัจจัยแห่งชีวิต นี่คือให้เขามารู้จักอันนี้กัน ไปมัวแต่บอกว่าไม่มีเงินไม่มีทอง ยากจนๆ จะแก้ปัญหายากจนๆๆ เมื่อไหร่มันจะจบกิจ เมื่อไหร่มันจะสำเร็จ เพราะฉะนั้นกำหนดผิดฝาผิดตัวสิ่งที่เป็นปัญหาแท้ มันก็เท่ากับปัญญาไม่มี มันก็เท่ากับโง่ มันก็เท่ากับไม่รู้ความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2566 ( 13:31:33 )

แก้ปัญหาความเสื่อมของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อาตมาว่าอาตมาเห็นครบเท่าที่อาตมามีภูมิว่า ทุกวันนี้ศาสนาพุทธน่าสงสารมาก เพราะมันไปหลงเอาความผิดว่าเป็นความถูก จะว่าหมดก็หมด เกือบหมด อาตมาเลยจำเป็นต้องยืนยันตนเองว่า ถูกมันอยู่ที่อาตมาคนเดียว เพราะมันเห็นว่าของคนอื่นเขาผิด ใครก็มีอัตตาว่าตัวเองก็แน่ตัวเองก็หนึ่ง หลายคนก็เรียนมาเกิดมาก่อนอาตมายึดถือครูบาอาจารย์ อาตมาโผล่มาบอกว่าครูบาอาจารย์ก็ไม่มีสำนักไหนก็ไม่มี แล้วเอามาจากไหน อาตมาบอกว่าเอามาจากของตัวเองชาติก่อนๆเท่าที่มีเอามาทำเอามาเปิดเผย ซึ่งมันก็ไม่เหมือนกับที่ท่านผิดไปหมดแล้ว อาตมาพูดแบบนี้บอกว่าถูกมันก็เลยต้องขัดแย้งอยู่ตลอด อาตมาก็เลยพิสูจน์ยืนยันจนมีผู้รู้มาเอาตามมาทำตามมาตายตาม อยู่ที่นี่ 30-40 ปีแล้ว

อาตมาก็ยืนยันว่า 1 ตรวจสอบเท่าที่มีหลักฐาน ในพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ ใช้อันนี้เป็นหลักฐานอ้างอิงยืนยันได้เกือบหมดอาจจะมี Error เล็กๆ แต่แท้ๆแล้วใช้ได้ ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ อาตมาทำงานมาก็ยิ่งเห็นผลว่ามีอัตราการก้าวหน้าพอใช้ได้ทีเดียว จนขณะนี้เท่าที่อาตมาใช้ปฏิภาณของอาตมาว่า กระแสความนิยม Trend ของความพอใจที่จะรับมาหาโลกุตรธรรมพระพุทธเจ้าเยอะขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระแสอะไรต่ออะไรที่กำลังเกิดนี้ เช่น กระแสอย่างอาตมายืนยันว่าในหลวงของเราเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านทรงพระจริยวัตรเป็นโลกุตรธรรมตลอดมา แต่คนเข้าใจไม่ได้ บางคนก็เข้าใจได้ คนไม่เข้าใจก็ไม่ได้รังเกียจชัดเจน แต่คนที่เข้าใจได้ชัดเจนก็ลึกขึ้น โดยเฉพาะคนไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:37:51 )

แก้ปัญหาด้วยศาสตร์พระราชาคือแบบคนจน

รายละเอียด

จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้าง Concept ให้คนไปรวยไม่ได้ ต้องเปลี่ยน paradigm เปลี่ยนแนวคิดใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่ ว่าอย่าไปใส่ความคิดให้คนต้องไปรวย แต่รู้จักพอ ให้รู้จักน้อยลงตามที่ในหลวงเรา ศาสตร์พระราชาให้มาอย่างดี ต้องพยายามให้เอาแบบคนจน ต้องตีให้แตก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:51:12 )

แก้ปัญหาสังคมแก้ความยากจนสำเร็จคืออโศก

รายละเอียด

คือจากบทความ วิธีแก้จนของจีน สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า  การจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ทุกคนในประเทศรวยนั้น เป็นไปไม่ได้ ถ้าตัวเองรวย  ก็คือทำให้คนมีเงินมากกันทั่วถึงทุกคน  แล้วแต่ละคนนั้นทุกคนต้องการรวย  แล้วขีดคำว่ารวยของแต่ละคนมีไหม  แล้วเมื่อไหร่มันจะรวย  ขีดความรวยที่เขาจะพอหรือเขาถือว่า  เขารวยพอแล้วมันมีไหม  มันไม่มีหรอก เพราะฉะนั้น  การแก้ปัญหาที่กล่าวพูดมานี้  เขาพยายามให้เขารู้สึกว่าคนในประเทศได้มาเพิ่มขึ้น จึงต้องไปแย่งเอาจากประเทศอื่นมา  คนในประเทศเขาถึงจะบอกว่ารวยแล้วหายจนแล้ว  ก็ต้องไปโกงจากประเทศอื่นมาให้มากขึ้น  โดยวิธีใดก็แล้วแต่  ในที่สุดก็ปล้นจี้เอา เหมือนอย่างที่เขาล่าอาณาจักรตั้งแต่ประเทศอังกฤษทำ หรือประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน ก็ทำมาทั้งนั้น  มันเป็นสามัญสำนึกของมนุษย์ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาความยากจนแบบโลกีย์ที่เขียนวันนี้  จึงเป็นการแก้ปัญหาที่พูดได้เลยว่า ไม่มีทางสำเร็จ   คุณทำให้ตายก็ตาม  มันก็มีแต่สมบัติผลัดกันชมเท่านั้น  คนที่แก้ปัญหาสังคมแก้ความยากจนสำเร็จคืออโศก

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:25:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:47:35 )

แก้ปัญหาเศรษกิจด้วยศาสตร์พระราชาต้องมาเอาแบบคนจน

รายละเอียด

เศรษฐกิจหากคิดแก้   ปัญหา

จักช่วยมวลประชา      ชาติให้

“ร่ำรวย”ทั่วภารา   มุ่งมั่น กันเลย 

จ้าง..ไป่สำเร็จได้       อย่าเพ้อละเมอฝัน

 คนนั้นต่างละล้วน  อยากรวย

หากพูดเสริมเอออวย   ส่งซ้ำ

ผลคือยิ่งฉกฉวย        ยื้อแย่ง หนักแฮ

จึงยากเพราะตอกย้ำ    จิตให้กระหายเสริม

 เติมจิตใส่“ทิฏฐิ”ให้ ผิดทาง

“ความอยาก”บ่เจือจาง  จัดซ้ำ

เพราะสัจจะถูกขวาง    ตั้งแต่ เริ่มแล

กิเลสถูกกระตุ้นย้ำ          ยิ่งร้ายโกงกิน

“แย่ง”สินทรัพย์ไม่แก้  ปัญหา

“แบ่ง”ต่างหากจักพา   สงบได้

ต้อง“ศาสตร์พระราชา” ทฤษฎีสุด วิเศษเฮย

พร้อมครบทาน,ศีลให้  ถูกแท้สัมมา

ต้อง“ปัญญา”ฉลาดขั้น โลกุตระ

ซึ่งฉลาดแค่“เฉกะ”               ไม่แก้

“เฉกะ”บ่ลดละ           กิเลสหร็อก 

ต้องฉลาด“อริยะ”แท้   ถูกต้นปัญหา

ลดราความโลภได้ ในจิต

ขยันมากสร้างผลผลิต   หลากล้น

“ของดี-แต่ถูก”ชนิด    ขาย“ขาด- ทุน”เลย

เพราะวิสุทธิ์หลุดพ้น    มักน้อยจริงใจ

สำเร็จได้ด้วย        “แบบ- คนจน” 

ผู้ฉลาดจึ่งเป็นคน            สละได้

ผู้โง่ยิ่งพาตน  ตกต่ำ   แสวง“รวย”

แก้เศรษฐกิจต้องใช้     ศาสตร์แท้พระราชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:44:11 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างไร

รายละเอียด

มาถึงการจัดการเศรษฐกิจของทางเทวนิยมของทางพระเจ้า ซึ่งไม่มีอำนาจใดแม้แต่ของ“พระเจ้า”จะมาจัดการกับ“เศรษฐกิจ” โดยเฉพาะจัดการกับ“จิตวิญญาณ”ของใครแต่ละคนได้ นอกจาก“ตัวเราเอง” ถ้า“พระเจ้า”บัญชาทุกสรรพสิ่งได้หมด สังคมมนุษย์ก็ไม่ต้องมีโรงเรียน หรือไม่ต้องมีมหาวิทยาลัยกันหรอก หรือมนุษย์ก็ไม่ต้องมีสมอง ไม่ต้องมีจิตวิญญาณ พระเจ้าก็สั่งคนนั้นคนนี้ให้จัดการตามพระประสงค์ได้โดยไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียทุนรอน ไม่ต้องเสียแรงงานใดๆเลย มนุษย์ ทุกคนและสังคมที่อยู่ในบัญชาของพระองค์ก็เป็นอยู่อย่าง“สงบสุข”ได้ตามพระประสงค์กันแล้ว ไม่ต้องมากังวลกับ“ปัญหาเศรษฐกิจ”กันอีก

แต่ตามจริงของ“สังคมมนุษย์”ที่เกิดที่เป็นกันได้จริงนั้น คนที่ยังมีแต่“เฉโก” ไม่มี“ปัญญา”ที่เป็น“โลกุตระ” ก็จะยัง“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ” ให้“ดี”พอที่จะเรียกว่า “จบกิจ“เป็นที่“ยุติ”ไม่ได้แม้แต่“พระเจ้า”ก็บังคับหรือบัญชาให้เศรษฐกิจเป็นเข่นนั้นเป็นเข่นนี้ไม่ได้ พระเจ้าบังคับให้“เศรษฐกิจไม่ดี”ตลอดกาลก็ไม่ได้ หรือบังคับให้“เศรษฐกิจดี”ขั้น“จบกิจ” เป็นที่“ยุติ”ให้แก่คนแก่สังคมก็ไม่ได้

แม้แต่ผู้รับรองผู้ตรวจการ แบบโลกีย์เขาก็ยังมองว่าเศรษฐกิจประเทศไทยนี้เป็นอันดับ 1 เลย แต่คนที่มันยังมืดมัวก็ยังหลงไหลที่เขาบอกว่าเศรษฐกิจมันแย่อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการพูดไปโม้ไปโดยไม่ได้รู้ความจริงตามความเป็นจริงมั่วไปอย่างนั้น เพื่อที่จะดิสเครดิตรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เท่านั้นเองไม่มีอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 17:12:09 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมือง เป็นเรื่องต้องใช้โลกุตระ 

รายละเอียด

แก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมือง เป็นเรื่องต้องใช้โลกุตระ 

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ตาม การเมืองก็ตาม ถ้าไม่แก้กันที่ธรรมะโลกุตระ ไปแก้กันแต่ระบบวิธี แก้กฎหมาย แก้โครงสร้างอยู่ ไม่มาแก้ที่คนไม่มาแก้ที่จิต จริง คุณธรรมของคนออกกฎหมายคนก็ดีขึ้นบังคับให้คนดี ออกกฎหมายมีโครงสร้าง รูปธรรมมีสูตรมีทฤษฎีเป็นโลกียะ ก็ไปทำดีกันก็ดี แต่ไม่ถาวร เขาอยากได้ถาวร ทำอย่างไรเศรษฐกิจนี้จะดีถาวรยืนนาน เอาเถอะไม่มีอะไรยืนนานถาวรตลอดไปหรอก ไม่มีอะไรไม่สิ้นสุด ไม่มีอะไรไม่ชราแล้วก็ตายไม่มี สูงสุดแล้วทุกอย่างเสื่อมเป็นธรรมดา สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงทั้งนั้น จงยังประโยชน์ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด มีแต่พระเจ้าเข้าใจผิดว่าตนเองนิรันดรและให้คนอื่นนิรันดรด้วยท่านจะรับไหวเหรอคนในโลกมีตั้งกี่ล้านคนเลี้ยงอย่างไร เขาก็บอกว่าเลี้ยงด้วยทิพย์ อยากกินเองก็เนรมิตมันเป็นฝันเพ้อ เนรมิต ฝันเพ้อไม่ได้หรอก ไม่มาปลูกสร้างมันจะได้กินไหม 

แก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องแก้ที่จิตของคนต้องมาทำจิตของตนให้เป็นโลกุตระนี่แหละถาวร เริ่มเป็นพระโสดาบันไม่ยากนักหรอก ขออภัยที่พูดเหมือนกับลบหลู่ ไม่ยากนักหรอกสำหรับพระโสดาบัน เรียนรู้ศีล สมาธิ ปัญญา เรียนรู้กายเรียนรู้จิต เรียนรู้รูปเรียนรู้นาม 

ก็ขอสรุปว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เข้าโลกุตระ แก้แล้วแก้เล่าสูญเปล่ามีแต่สมบัติผลัดกันชม แล้วก็จะใช้วิธีโกงสมบัติกัน ใครโกงได้ก็ชนะ เป็นเรื่องการเมืองทุนนิยม 

การเมืองก็เป็นสมบัติผลัดกันชมแย่งชิงอำนาจ ทุนนิยมก็แย่งทรัพย์ศฤงคาร การเมืองก็แย่งอำนาจกันเพราะทางรัฐศาสตร์เขาเรียนกันว่าเรื่องของการเมืองคือเรื่องของอำนาจ ผู้มีอำนาจมากก็ชนะ ซึ่งมันไม่ใช่ ผู้ที่มีอำนาจผู้ที่เมตตากรุณามุทิตาอุเบกขาต่างหากที่ยอดเยี่ยม 

จะแก้ปัญหาให้เมืองไทยยั่งยืนซึ่งแน่นอนไม่มีอะไรเที่ยงแท้ยั่งยืนจะแก้ปัญหาให้นานๆ นั้นโลกุตระยืนนานได้

แก้ปัญหาเศรษฐกิจถ้าไม่แก้ปัญหาที่คนให้เป็นพระอริยะเป็นโลกุตระมีพระโสดาบัน พระสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ให้มาก ที่เป็นอริยบุคคล 4 เป็นได้แล้วขั้นต่ำที่สุดแล้ว ในอารยธรรม เริ่มต้นเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์จบรอบแล้ว เมื่อจบรอบแล้วคนที่เป็นอรหันต์แล้วจะตายปรินิพพานไปชาตินี้จะสูญเลยก็ได้ ถ้าไม่จบก็มาช่วยคนต่อได้

เศรษฐกิจก็จะมีคนเป็นแกนจะมีปัญญารู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรสร้าง อะไรที่เป็นสิ่งที่สำคัญจำเป็นอะไรสำคัญจำเป็น อะไรทำดีคือดีอย่างไรจะสร้างจะทำนี่แหละ รู้ว่าทำดีทำเก่งทำได้ ทำด้วยความสามารถ แล้วจำเป็นสำหรับมนุษย์ด้วย ดีคืออะไร?.. ทำให้ดีอย่างที่เราพยายามทำพืชพันธุ์ธัญญาหารให้ดี ไม่ดีคืออะไร?.. มันก็เรียนรู้ได้ เรื่องดีกับไม่ดีเรียนรู้ได้ ทั่วไป ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นหรอกโลกียะเขาก็สอนดีและไม่ดีนี่เขาก็รู้ง่าย เราทำพืชพันธุ์ธัญญาหารของเราดี คนที่เป็นปุถุชนเขารู้เหมือนกันเขาก็ทำได้ อธิบายกันได้รู้และเข้าใจว่าดีคืออะไรเพราะวิทยาศาสตร์ที่เป็นอาหาร มันก็รู้ เพราะมันแยกได้ไม่ละเอียดอย่างนามธรรม เขาแยกธาตุต่างๆที่จะมาผสมสังเคราะห์สังขารปรุงแต่งกันให้มันเป็นพวกนี้หมุนเวียนกันอยู่ในมหาจักรวาล จนกระทั่งมาเป็นสัตว์ตั้งแต่ธาตุดินน้ำไฟลมจนพลังงานความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้า มาเป็นชีวะ ตั้งแต่ชีวะของพืชชั้นต่ำจนกระทั่งเป็นพืชชั้นสูง จนเป็นสัตว์ชั้นต่ำสูงขึ้นไปจนมาสูงสุดเป็นพระอาริยะ เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 12:05:26 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบได้ต้องแก้ให้มาจน ให้มาพอเพียง

รายละเอียด

คำพูดของคุณพูดสวย จะอยู่ได้ด้วยความพอเพียง ไอ้นี่แหละแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจกัน ไม่ได้พยายามสอนให้คนมาทำจิตให้ลดลงมาสู่ความพอเพียง ไม่ใช่ไปอยากได้ อยากได้ แล้วคุณก็ไปหาเงินมาให้ คุณแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบนั้นไม่มีเสร็จ

ที่อาตมาพูดอธิบาย ค้านแย้งกันหนักหนาก็ฟังกันไม่ออก เพราะฉะนั้น ทฤษฎีของเทวนิยม ทฤษฎีของพวกชาวโลกีย์เขา เขาจะมองไม่ออกหรอกว่า คนเรานี่ มาลดตัวลดตน มาลดความอยากได้-อยากมี-อยากเป็น มาลดกิเลสที่จะไม่พยายามมีมากขึ้น ให้มีขีดความพอ อย่าไปมากกว่านี้ แล้วน้อยลงมาให้ได้มากๆ นี่คือโลกุตรธรรม 

ซึ่งโลกียะ เทวนิยมนี่ ไม่มีทางเข้าใจ มีโลกุตระที่เป็นศาสนาพุทธ แล้วต้องพุทธที่มีปัญญา รู้จักอาริยธรรมที่เป็นโลกุตระ เหมือนชาวอโศกรู้ ชาวอโศกแก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จ เพราะแก้อย่างมาทำแบบคนจน มารู้จักพอ รู้จักกิเลส ไม่ใช่พอด้วยภาษาเฉยๆ มันไม่สำเร็จหรอก มันต้องมารู้จักจิตตัวเอง แล้วก็รู้องค์ประกอบของชีวิต ที่เราเวียนวนหรือสัมพันธ์อยู่ในโลก เราไปต้องการไอ้โน่น ไอ้นี่ ไปอยากได้อยากมีอยากเป็น ไม่มีหยุดหย่อน คุณไม่ตัด คุณไม่ลด คุณไม่พอ คุณมีแต่จะเอา ได้ 1 จะเอา 2 ได้ 2 จะเอา 3 คุณไม่มีวันหรอก ไม่มีวันแก้ปัญหานั้นได้สำเร็จ 

เพราะฉะนั้นแก้ปัญหาด้วยว่าจะทำให้คนรวยเท่าๆกัน จะทำให้รวย ไม่มีคนจน โอ๊ย.. พูดแล้ว ไอ้ขี้ฟันที่มันออกมานั้น ขี้ฟันเหม็นๆด้วยทั้งนั้นเลย พ่นขี้ฟันเหม็นๆ มาให้ เป็นไปไม่ได้ แก้ปัญหาด้วยการ”เอาความรวย”มาแก้ ไม่ได้ ต้อง”มาเอาความจน”มาแก้ ฟังแล้วอาจจะขัดหู เอาความจนสิมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 

อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 เราตรัส “ต้องบริหารแบบคนจน” ต้องมาขาดทุน อย่าไปเอากำไร “ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา” ฟังภาษาไทยเป็นมั่งสิ เข้าใจให้ได้หมายความว่าอะไร เรียนจบด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ ทางรัฐศาสตร์อะไรมา แค่นี้ก็เข้าใจกันไม่ได้ แล้วมันจะไปแก้ปัญหาสำเร็จอะไร 

เพราะฉะนั้นคนที่มีภูมิปัญญาจริง ไม่ต้องจบด็อกเตอร์ อย่างพวกเรานี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์เสร็จแล้ว จริงๆ นะ อาตมาพาพวกเราเรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจเสร็จ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์  สังคมศาสตร์.. สำเร็จแล้ว

เพราะฉะนั้นคนเข้ามาในที่นี้นี่ มีภูมิปัญญา มีปฏิภาณเพียงพอ  มีปฏิภาณเพียงพอ แก้ปัญหาด้วยความพอเพียง นี่ไม่ใช่เล่นลิ้นเล่นภาษานะ แก้ปัญหาด้วยความพอเพียง มันเป็นสัจจะ คุณรอด ชีวิตสบายแล้ว

ชีวิตของพวกเราจึงเป็นชีวิตสังคมที่สบาย คนไหนที่มองเห็นด้วยดวงตาปัญญาของตนเอง ว่า อ๋อ.. นี่คือเมืองที่มีทฤษฎีแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาสังคม ได้จริงๆ เลย 

คนที่มองเห็นเอง เป็นอิสระของเขาเอง อาตมาไม่ได้ล่อลวง ไม่ได้ไปหว่านล้อม จริงๆแม้แต่เรียกร้องก็ไม่ได้เรียกร้อง เสนอความจริงออกไปเท่านั้น อธิบายความจริง แสดงความจริงออกไป เท่านั้นเอง คุณมีดวงตาคุณเห็นเอง คุณมาเอง อิสระ เมื่อคุณมีดวงตามีปัญญาเข้ามาที่นี่ มาสัมผัสที่นี่ คุณจะรู้ว่า โอ้โห.. สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และก็มาช่วยกันเพิ่มพูนการเสียสละ โอ้..โลกนี้ก็ยังมีเนาะ โลกแบบนี้ก็มีด้วย สังคมแบบนี้ก็มีด้วย นี่มันสุดยอดเลย คนไม่มีดวงตาไม่รู้จักโลกที่เป็นโลกโลกุตระ โลกที่น่าอยู่ที่สุด คนที่มีดวงตาก็จะรู้โลกที่น่าอยู่ที่สุดอันนี้

เพราะฉะนั้นที่คุณ”ตุ้ย ปุ้ม” ว่า “คาดว่าคนไทยทั้งประเทศน่าจะอยู่ได้อย่างสบายด้วยความพอเพียง.”  อ่ะ..ไม่ต้องคาดหรอก อาตมาอธิบายไปแล้ว ถ้าเข้าใจสัจจะนี้ตามทฤษฎีนี้ ซึ่งคนไม่เข้าใจก็ได้แต่คาด คนที่เข้าใจแล้ว มาเลย ไม่มีคาด 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สำนึกรู้เพื่อเข้าสู่โลกที่ดีที่สุด คือโลกโลกุตระ วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 แรม 14 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:42:46 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยวรรณะ 9

รายละเอียด

คนเรามีชีวิตไม่ต้องสะสมอะไร มีพออยู่พอกินมีปัจจัยบริหารใช้พอใช้ ไม่โลภโมโทสันไปกว่านี้อีกเลยพอ คนนี้ชีวิตก็สบายแล้วมีขีดความพอเป็นปัจจัย 4 หรือบริขาร 8 ทุกวันนี้อาจจะมีบริขารเพิ่มขึ้นบ้างตามยุคสมัยก็พอใช้พอสอย พวกเรานี้เหลือเฟือด้วยซ้ำไป ขาดแคลนอะไรก็ไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา สขจ. (สถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจ)

ถ้าหากแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้าอันนี้สำเร็จเอาแบบคนจนอย่างที่ในหลวงเราตรัส ซึ่งไม่ใช่งมงายไม่ใช่โง่ไม่ใช่คนจนที่เป็นคนถ่วงโลกถ่วงสังคมเป็นภาระ ไม่ใช่ แต่เป็นคนจนที่ช่วยเหลือคนรวยช่วยเหลือสังคมประเทศชาติด้วย เป็นคนจนที่มหัศจรรย์ เป็นคนจนที่ประเสริฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งทางภาษา แต่คุณลักษณะมันสุดยอด เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อาตมาภูมิใจที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ชาวอโศกให้แก่คนในประเทศ อาตมาช่วยประเทศชาติโดยให้คนจำนวนหนึ่งเป็นชาวอโศกเป็นคนไทยมาเข้าใจมี Concept หรือว่ามีความคิดองค์รวมมีทิศทางแบบที่อาตมาหรือของพระพุทธเจ้าเอามาสอนเอามาแนะนำแล้วเข้าใจได้มามีชีวิตอย่างนี้ ประเทศชาติก็เลยสบายขึ้นบ้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:06:55 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยโลกีย์เป็นสมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยโลกีย์ เป็นสมบัติผลัดกันชม แย่งกันไปกันมามีตัวเก่งขึ้นมาแย่งแล้วก็ผิดเพี้ยนไปหมดพาไปทั้งประเทศวนเวียน เจริญแล้วก็เสื่อมเจริญแล้วก็เสื่อม ตัวอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส โปรตุเกส เจริญแล้วก็เสื่อม เสื่อมแล้วก็เจริญเป็นสมบัติผลัดกันชมอยู่อย่างนั้น วันนี้จีนก็ขึ้นมา อะไรอย่างนี้ แต่ก่อนญี่ปุ่นขึ้น ญี่ปุ่นก็ดังเจริญร่ำรวยแบบโลกีย์ ร่ำรวยเก่งอะไรต่างๆ นานา อย่างนี้เป็นต้น เดี๋ยวจะพูดเรื่องนี้ประเด็นนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 10:27:20 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจตกก่อนประเทศอื่นในโลก

รายละเอียด

อเมริกาก็แก้ไม่ได้ประเทศไหนที่เก่งศาสนาก็แก้ไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนแก้เศรษฐกิจตกเป็นเหมือนประเทศไทย มีชาวอโศกทำสำเร็จแล้วและกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย กำลังขยายผลอยู่ตลอดเวลา คุณทำให้ดีจะได้มาเป็นหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศ ความโสดไม่ใช่ความน่าเกลียด ความจนเป็นความประเสริฐ ความรวยเป็นความเลวร้าย สังคมทุนนิยมในโลกแย่งกันรวยจึงมีความเลวร้ายตลอดกาล แต่ละประเทศมุ่งจะให้ประเทศตนเองรวยจึงต้องฆ่าแกง แย่งชิงกับประเทศอื่นตลอดเวลา ประเทศใดที่ไม่แย่งชิงและหยุดการแย่งชิง สร้างสรรค์ตัวเองแต่พอมี พอกิน มีความสันโดษมีความพอเพียง เช่นสวิตเซอร์แลนด์เขาเก่งเรื่องนาฬิกาก็ทำนาฬิกาเลี้ยงประเทศ จนกระทั่งเกินกินเกินใช้ คนก็ไว้ใจเอาเงินไปฝากได้แล้วประเทศนี้ ประเทศไทยจะมีคุณสมบัตินี้เหมือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์เหมือนกัน แต่ก็ยังยากเพราะว่ามีคนอย่างทักษิณ ธนาธร ธัมมชโย

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:35:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:25 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:49:06 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องแก้ที่คน

รายละเอียด

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ทั่วโลกทำมันแก้ไม่สำเร็จหรอก เขาไปแก้ที่เงิน ที่ทรัพย์สิน สิ่งที่เป็นวัตถุข้างนอกตัว เขาไม่ได้มาแก้ที่คน ไม่ได้มาแก้ที่จิตวิญญาณที่จิตใจคน หากว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนแท้จริงสำเร็จต้องแก้ที่คน แล้วต้องมีทฤษฎีที่แก้จิตใจที่มันมีตัวเลวร้าย เป็นจิตที่มีกิเลส ต้องแก้ตัวนี้ ถ้าไปหลงทางไปแก้วัตถุ ต้องมีวัตถุมาก ต้องมี GDP มาก ได้เปรียบมาก แล้วอวดอ้างกันในโลก มันก็แค่สมบัติผลัดกันชม ไปแก้ที่วัตถุ  โดยไม่รู้จักความพอดีพอเพียง อย่างในหลวง ร.9 ตรัส เศรษฐกิจ พอเพียง รู้จักพอ แล้วโน้มไปทางน้อยเป็นคนจนขาดทุนให้ได้คนที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงมีเศรษฐกิจที่ดีคือ เป็นคนที่ขาดทุน ไม่ใช่เป็นคนเอากำไร ผู้ที่ยังเอากำไรเอาเปรียบคนอื่นเขาอยู่ เป็นพวกที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่จบ 

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรมบ้านราช เศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 12:58:55 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:06 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:49:54 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เขาไม่รู้เหตุแท้จุดแท้ของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้แก่สังคม เหตุแท้จุดแท้ของการแก้นั้นคืออะไร ก็ไปแก้แต่เรื่องของวัตถุ วัตถุไม่พอ ก็ไปมีเกณฑ์ของวัตถุ การจัดวิธีการของวัตถุ เขาไม่ได้มาแก้กันที่จิตวิญญาณ อย่างชาวอโศกอาตมาพาแก้ปัญหาเศรษฐกิจทางจิตวิญญาณ แล้วอาตมาบอกได้ว่า ชาวอโศกจบกิจเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยิ่งถึงขั้นสาธารณโภคี ทุกวันนี้พูดได้เลยว่า ปัญหาเศรษฐกิจของชาวอโศก ถึงขั้นเป่าขลุ่ยเพลงหนังบนหลังควายได้สบายแล้ว ไม่ต้องไปกังวล ไม่ต้องไปเกรงว่ามันจะมีเหตุปัจจัยอะไรต่ออะไร มีแต่เหลือเฟือ แจก 

ยกมะระขี้นกให้ดู ทำไมมะระขี้นกมันใหญ่จังเลย คนก็บอกว่ามะระขี้นกกระจอกเทศ เขาก็เอาไปทำให้กินหั่นเป็นแว่นๆ ทอดมา ก็กินกันอยู่ ไอ้นี่มะระขี้นกอะไรกัน ขี้นกกระจอกเทศ จากไหนนี่ มะระจากสวนแพทย์วิถีธรรม หลังอาคารบวร โอ้โห เจ้าประคุณเอ๋ย เอาไปแกงเผ็ดแกงเขียวหวาน นอกจากอุดมสมบูรณ์แล้ว ผลหมากรากไม้ต่างๆ มันก็งาม เนื้อหนังอะไรของมัน มันให้ทั้งเนื้อหาแก่นสารสาระของตัวมันเองแต่ละอย่างๆ มันเปล่งปลั่ง มันสมบูรณ์ ดูบีทรูทหัวตั้งเท่านี้ มันเหมือนประชด มันใหญ่มันงามมันอวบมันสมบูรณ์ ไร้สารพิษทั้งนั้นด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 20:46:11 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จคือมาเป็นคนจนแบบชาวอโศก

รายละเอียด

เมื่อกี้เริ่มต้นแล้วว่าอาตมาทำงานอาตมาสอนธรรมะ รู้ตัวเองมาตั้งแต่เมื่อ 50 กว่าปีที่ออกมา ว่าไม่เอาแล้วทิ้งเลยทางโน้นมาทางนี้เลย ก็ไม่มีใครคิดว่าอาตมาจะมาตลอดรอดฝั่งมาถึงบัดนี้ เพราะสอนไม่เหมือนกับทางกระแสหลักเขา เถรสมาคมเขาก็จะเอาตาย ใครก็ไม่คิดว่าจะรอดมาได้ แต่ว่า ธัมโมหะเวรักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อาตมารอดปลอดภัยเพราะธรรมะที่มันเป็นจริง ถ้าไม่เป็นจริง อาตมาไม่ปลอดโปร่งอย่างทุกวันขนาดนี้ ที่มันรอดได้มันทำได้อย่างอิสระเต็มที่ ทำได้ นอกจากเต็มที่ไม่พอ ยังด่าเขาอีก แล้วเขาก็ยอม ไม่รู้จะทำอย่างไร มันพูดแล้วมันก็งัดพระไตรปิฎกมายันเขา เขาก็บอกว่าไปด่าอีก เดี๋ยวโดนยันมันจะเสียหน้า มันเอาพระไตรปิฎกอ่านดังเลยอ่านด่าเลย แล้วกัน เห็นไหม 

คือเรามีที่อ้างอิงมีหลักมีฐาน เราแสดงธรรมมีที่อ้างอิง มีหลักมีฐาน อาตมาสอนอาตมาบรรยาย อาตมาจะอ้างพระธรรม พูดมีบาลีทั้งที่ไม่ได้เก่งบาลีเลย แต่อ้างหลักธรรม อ้างบาลีเรื่อยๆ จนบางคนบอกว่ามันพูดอะไรไม่รู้เรื่องเพราะว่าอาตมาพูดจนพวกเราหลายคนก็บอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องแต่อาตมาขยายความ คุณก็เลยพอฟังรู้เรื่องไง พูดบาลีอาตมาก็ขยายความไปในตัวแต่ไม่ได้บอกว่าคำนี้แปลว่าอันนี้ทุกคำหรอก พูดผ่านไปแล้วก็ขยายความทุกตัวคุณก็เข้าใจไปโดยปริยายเลย จนมาถึงทุกวันนี้แล้วมีผล วรรณะ 9 พวกคุณก็เป็นได้ พุทธพจน์ 7 ก็มีคุณธรรมมีจิตแบบนั้น วรรณะ 9 เป็นได้ 

วรรณะ 9 ยกมือขึ้นสิใครท่องได้บ้าง เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) มันเป็นคุณธรรม เป็น the classes วรรณะ แปลว่า class ขั้นชั้น ของความเจริญของมนุษย์ 

ความเจริญมนุษย์ถึงขั้น อปจยะ วิริยารัมภะ คือพวกเรา เป็นคนไม่สะสม  เป็นคนยอดขยัน อปจยะ ไม่สะสม ยอดขยันนี้เป็นยอดคนแล้ว ไม่สะสม ยอดขยัน ไล่ลงมา ตัวที่ 7 ปาสาทิกะ เป็นอาการที่น่าเลื่อมใส เรามีอยู่กรรมกิริยา กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเรา เมื่อมีผู้มาเห็นสัมผัสแล้ว จะเห็นว่าพวกท่านนี่อยู่กันอย่างเรียบร้อยสงบไม่แย่งชิง ทำมา แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ช่วยกันกินช่วยกันใช้ ดีไม่ดีช่วยกันขาดทุนช่วยกันเสียสละ มันคนอะไรวะ มาช่วยกันขาดทุน แล้วยินดีมาช่วยกันขาดทุน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 13:17:20 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร

รายละเอียด

ก็ขอยืนยันว่า “แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”กันแต่เรื่องของ“วัตถุ”นั้น ไม่มีทางสำเร็จเสร็จสิ้น ถึงขั้นไม่ต้อง“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”กันอีก “จบกิจ”เด็ดขาด ได้แน่นอน และยิ่งไปหลงยึดเอา“ความสูงของตัวเลข”ที่เป็น“จำนวนของ“รายได้ทางวัตถุ” มาเป็นเครื่องวัดแบบ“โลกียะ”สามัญปุถุชนทั่วไปในโลกอยู่นั้น ก็รับรองว่า “ไม่มีที่สิ้นที่สุด”เด็ดขาด หากไม่หันมา“แก้ปัญหาเศรษฐกิจกันทาง“จิตวิญญาณ” โดยใช้“ทฤษฎี”ของพระพุทธเจ้าที่เป็น“โลกุตระ” เพราะมันไม่มีขีดจำกัดเลย ว่า “ความสิ้นสุดของความโลภ” หรือ“ความสิ้นสุดของความต้องการอยากได้”ของคน มันรู้จัก“พอ”กันตรงไหน?

“การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ด้วย“ทฤษฎี”ของชาวโลกที่มีความรู้-ความฉลาดแค่ชาว“เทฺวนิยม”มีกัน จะสูงส่งเต็มที่ปานใดๆ ก็ตาม มันก็มีแต่แบบ
“โลกียะ”อยู่เท่านั้น

มันยังไม่ใช่“ทฤษฎี”ของชาว“โลกุตระ”ที่มีความรู้-ความฉลาดของ“พุทธ”ที่เป็น “อเทฺวนิยม” คือ ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“เทฺว” และจัดการกับ“เทฺว”ได้สำเร็จสูงสุดถึงขั้น“อนัตตา”หรือ“นิพพาน” จึงจะสามารถ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”เด็ดขาดลงได้จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:24:55 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจแค่สมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

อ่าน คุณจริงจังตามพ่อ…เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาฯ พรรคเพื่อไทย บอกว่า “การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ เป็นสิทธิเสรีของพี่น้องประชาชนที่จะเลือกใคร ถ้าพี่น้องคิดว่าตอนนี้ตนเองรวยแล้วก็เลือกพรรคอื่น หากว่าคิดว่าตัวเองจนลง ในกระเป๋าไม่มีเงิน ก็เลือกเพื่อไทยให้เข้ามาแก้ปัญหาให้”  คือ…จะบอกว่า ถ้าอยากรวยให้เลือกเพื่อไทย หากระบอบทักษิณกลับเข้าสู่อำนาจ มีแต่รวยกับรวย อยากจะวิจารณ์วิจัยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจควรแก้อย่างไร? ถ้าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าจะต้องให้คนไปรวย ทำให้คนต้องรวย แก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างนั้น แก้ไม่เสร็จหรอก แก้ไม่จบ ไม่สงบ ข้อสำคัญก็คือ แก้ไปแล้วไม่สงบ เพราะว่าเขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจแค่ “สมบัติผลัดกันชม” ใครมีโอกาสดีมือยาวสาวได้สาวเอาคนนั้นก็รวย แล้วถือว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:37:34 )

แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่จบกิจเพราะไม่รู้โลกุตระ

รายละเอียด

อาตมาอยากจะพูดคำว่า จบกิจ จบกิจ คำนี้ที่อาตมาได้พูดมาหลายทีแล้วว่า มันมีจบกิจทางด้านเศรษฐกิจ เขามีคำว่า “กิจ” ด้วยนะ เศรษฐกิจ แต่การเมืองก็คือ กิจการเมืองหรือรัฐกิจ อาตมาก็เคยใช้ภาษานี้ รัฐกิจคือทำงานทางด้านการเมืองเป็นกิจทางรัฐศาสตร์ เขาก็ไม่ได้จบกิจกันได้ง่ายๆ 

จะเรียกว่าสังคมก็คือเศรษฐศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ รวมแล้วเป็นสังคม ก็แบ่งกันคนละแง่เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ในการบริหารกับการสร้างสิ่งที่ อาศัยกินอาศัยใช้ 

ทีนี้เขาไม่จบกิจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ 

เขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่จบกิจเพราะไม่รู้โลกุตระ ไม่รู้เศรษฐกิจแบบพุทธ แก้ให้ตายก็ไม่จบ อาตมาเองอาตมาศึกษาตามพระพุทธเจ้า ภาษาใหม่ภาษาเป็นเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ สมัยพระพุทธเจ้าไม่มีหรอก ประชาธิปไตยรัฐศาสตร์อะไรก็ไม่มี มันเป็นภาษาสมัยใหม่ แต่อาตมาก็เอาเนื้อแท้เนื้อหาของเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์นั้นคืออะไร รัฐกิจและรัฐศาสตร์ การเมืองคืออะไร ตามภูมิของอาตมา ก็เอามาพูดเอามาขยาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:46:13 )

แก้ปัญหาเศรษฐศาสตร์ของคนต้องมาแก้ให้คนมาจน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเอาแต่แค่ลาภสักการะสรรเสริญ กับ ผู้ที่วางแล้วซึ่ง ลาภสักการะสรรเสริญแต่คนที่วางแล้วไม่เอาแล้ว ไม่เอายิ่งได้ ไม่มี ยิ่งมี เหมือนกับคนที่บอกว่ามันมาจนอย่างไร เห็นมันรวยจะตาย ตามหลักเศรษฐศาสตร์ของมันมีจำกัด แต่คนแย่งกันไปหมดเลย คนที่เก่งก็เอาไปกองใหญ่ คนไม่เก่งก็ได้บ้าง แต่ที่ไม่เก่งมีเยอะ เป็นหนี้จนเป็นหนี้ 

เพราะฉะนั้นแก้ปัญหาเศรษฐศาสตร์แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนมารวย จ้างก็แก้ให้ตายชัก ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ ต้องมาแก้ปัญหาให้เศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจของคน ต้องมาแก้ให้คนมาจน แล้วคุณจะแก้สำเร็จ 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านตรัส แต่ไม่มีใครรับช่วงได้ บอกว่ามาขาดทุนคือกำไร มาเอาแบบคนจน ที่เราก็เอาคำตรัสของในหลวงมาเปิดๆๆ คนฟังเขาไม่กล้าตำหนิในหลวง ไม่กล้าตำหนิว่า ในหลวงเป็นคนวิปลาส มันเป็นอย่างนั้น คนที่เคยได้ยินได้ฟัง ถึงว่าจะมีธรรมิกราช 2 องค์ คนจะเชื่อในหลวงมากกว่า คนไม่เชื่อโพธิรักษ์ มันก็เป็นธรรมชาติของจริง อาตมาพูดกับสัจธรรม อาตมามีหน้าที่เปิดเผยความจริง คนก็หมั่นไส้  อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น จะพูดเล่นพูดหัวอย่างไรก็มีแต่ความจริง แต่เขาฟังไม่เป็นเขาก็ฟังแค่ผิวเผินว่าพวกนี้มันคุยตัว 

อาตมาจะไปคุยทำไม เพราะอาตมามีอยู่ในตัวอยู่แล้ว จะโอ้อวดทำไม เพราะว่าเอาของตัวเองที่มีมาเปิดเผยเท่านั้น อาตมาไม่ได้อวดอะไร แต่เอาของจริงที่มีมาแผ่ให้รู้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ จะให้อาตมางอไม้งอมือไม่ต้องพูดไม่ต้องแสดงอะไรเลย อาตมาตายดีกว่าอยู่อย่างนั้น อาตมามีหน้าที่นำความจริงมาเปิดเผย อาตมาไม่มีงานอื่น มีแต่งานเอาความจริงมาเปิดเผยสาธยายอุเทศ นิเทศไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:41:03 )

แก้ปัญหาแบบคนจน

รายละเอียด

อาตมาจะไม่แก้ปัญหาด้วยการพาให้คนไปรวยเด็ดขาด นี่คือการแก้ปัญหาการเมืองเศรษฐกิจสังคมทั้งโลกเลย ถ้าหากประเทศเราพาคนมาจนได้ อย่างที่ในหลวงตรัสว่าเราไม่บริหารประเทศแบบคนรวย เราบริหารประเทศแบบคนจน อาตมาก็เห็นใจเหมือนกันว่าคนเข้าใจไม่ได้ นักบริหารแก้ปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ หากไม่กล้าพูดตามในหลวง ว่าจะแก้ปัญหาแบบคนจน แต่ในหลวงท่านเป็นในหลวงแท้ๆท่านยังกล้าพูดเลยต่อหน้าประชากรโลก

เมืองไทยควรเข้าใจประเด็นนี้ก่อนเพราะมันเป็นหัวใจเลยต้องให้แก้ปัญหาแบบคนจน จะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจการเมือง คนเข้าใจแล้วจะไปวุ่นวายทำไม มีแต่จะไปช่วยบ้านเมืองไม่เป็นปัญหาแก่บ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านการบริหาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:55:16 )

แก้ปัญหาให้ทุกคนไปรวย ไม่จบไม่มีสิ้นสุด

รายละเอียด

มาพูดถึงเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจกันอย่างวัวพันหลัก แก้ปัญหาเศรษฐกิจตามทฤษฎีของเทวนิยม ทฤษฎีของตะวันตก ทฤษฎีไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า แม้แต่ในประเทศไทยก็เอาทฤษฎี นักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกมา มันก็แก้ไม่ตก ชัดๆ ง่ายๆ ก็คือจะต้องแก้ปัญหาให้ทุกคนไปรวย มี Concept อย่างนั้น มีทิฏฐิอย่างนั้น แล้วก็ทำจริงด้วย ซึ่งมันไม่จบไม่มีสิ้นสุดไม่มีการสำเร็จ 

ต้องมาทำคนให้เข้าใจว่าต้องรู้จักพอ มีน้อย จนแต่อุดมสมบูรณ์ มีกินอยู่ พออยู่พอกิน ดี ชีวิตหนอพออยู่พอกิน ไม่ต้องมีมากมีมาย พออยู่พอกิน เกิดการสะพัดหมุนเวียนแล้วรู้จักเหตุปัจจัยที่เราจะต้องกินต้องใช้ ไม่ต้องเอาแรงงานไปสร้างอาวุธฆ่ากันเป็นอันขาด ใครจะสร้างอาวุธมาฆ่ากันเองขนาดไหนก็ตาม พิเศษขนาดไหนก็ตามเชิญโง่สร้างนรกให้แก่ตัวเองไป มันเป็นเรื่องนรก มันเป็นเรื่องเลวร้ายกันสร้างอาวุธขึ้นมาในสังคมมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 11:25:10 )

แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องอยู่เหนือสุขทุกข์

รายละเอียด

ปัญหาสำคัญที่สุดที่พระพุทธเจ้าได้ชี้ประเด็นสุดยอดคือทุกข์อาริยสัจ ท่านให้แก้ปัญหาอันนี้ท่านไม่ให้แก้ปัญหาที่ดีหรือชั่ว ดีหรือชั่วเป็นเรื่องโลกียะ แต่ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องโลกุตระ เป็นเรื่องเวทนาที่มีความหลงในสุขในทุกข์ แล้วไม่รู้ว่าความสุขความทุกข์นี้เป็นเทวเป็นคู่แฝดกัน คุณมีความสุขก็ต้องมีความทุกข์ พระพุทธเจ้าให้เลิกเลยให้อยู่เหนือความสุขความทุกข์ นี่คือแนวคิดของศาสดา มีพระพุทธเจ้าที่คิดและตรัสรู้เรื่องนี้ก่อน แล้วเอาเรื่องนี้มาแก้ปัญหา นี่คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่รัฐกิจที่ยิ่งใหญ่ แก้ปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:30:18 )

แก้วตาขึ้นขน

รายละเอียด

คนขี้เกียจมาก หรืออัตตาใหญ่ ขี้เกียจจนแก้วตาขึ้นขน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:43:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:35 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:50:18 )

แก้ไขความเพลิดเพลินในการกินที่เกินพอดีได้อย่างไร

รายละเอียด

ก็รู้อยู่แล้วว่าเราเกินพอดี เกินพอดีมันไม่ดีเราก็ลด ถ้าลดลงมันก็จะพอดีเองจะติดหรือไม่ติดก็ไม่เป็นไร จะเพลิดเพลินพอดีๆก็ไม่เป็นไร แต่การรู้ว่าตัวเองเพลินนี้ดีอยู่ ดีกว่าไม่รู้ตัวหลงตัวเอง เพลิดเพลินไปหลงเข้าเดี๋ยวก็จะติดยึด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:27:29 )

แก้ไขคำว่ากาย คำว่าบุญ คำว่าสมาธิ

รายละเอียด

คำที่อาตมาพยายามแก้ไขก็คือคำว่ากาย คำว่าบุญ คำว่าสมาธิ ที่เขาเข้าใจผิด อะไรต่างๆมันก็ผิดไปหมด ขออภัย มันก็เลยกลายเป็นว่าอาตมาถูกอยู่คนเดียว มันก็เป็นจริงอย่างนั้น แล้วอาตมาไม่มีบัลลังก์ ไม่มีอลังการ ไม่มีอะไรมาเป็นหลักฐานค้ำประกันให้ตัวเองเลย เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ เป็นหมากลางตลาด ต้องหลบปังตอ หลบน้ำร้อน หลบตีนเขาอยู่ตลอด ไม่มีศักดิ์ศรี พวกคุณฝ่าดงน้ำร้อน ฝ่าดงตีน เข้ามาได้นี่ยอดเยี่ยมนะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:14:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:51:06 )

แก้ไม่ได้เพราะไม่จัดการที่ “ต้นเหตุ” ด้วยการศึกษาแบบพุทธ!

รายละเอียด

มันแก้ไม่ได้ เพราะไม่ได้เปลี่ยนที่“ต้นเหตุ”แท้ อันคือ ต้องแก้กันโดยการเรียนการศึกษาแบบพุทธที่สัมมาทิฏฐิ จนสามารถปฏิบัติธรรมด้วยทฤษฎี“จรณะ 15 วิชชา 8” ที่ทำให้“จิตใจ”เกิด“ปัญญา”ที่ไม่ใช่“เฉโก” และเกิด“สมาธิแบบพุทธ”ถาวรยั่งยืนไปได้ตลอดกาล นาน เป็น“สมาหิโต” คือ“จิตตั้งมั่น”แบบพุทธ “สมาธิแบบพุทธ”นั้นเป็น“สมาธิโลกุตระ”อันเกิดจากสัมมาทิฏฐิใน“จรณะ 15 วิชชา 8” อันมีสัมมามรรค-สัมมาผลได้จริงๆ

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 407 ข้อที่ 551


เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2565 ( 13:45:27 )

แขกจร

รายละเอียด

คือกิเลส ตัณหา อุปาทาน จะโผล่หน้าสลอนมาขอร่วมทำงาน

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 120


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:10:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:51:12 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:51:28 )

แข่ง Champion ทีละคู่

รายละเอียด

ความรู้ที่พูดถึงปฏิจจสมุปบาท เทียบจากสองไปเป็นหนึ่งคนรู้ก็จะมีประธานเป็นตัวรู้รู้ว่าอะไรควรเอาไว้อะไรไม่ควรเอาไว้เปรียบเทียบทีละคู่ 2 อันนี้อะไรควรเอาไว้ อะไรควรเป็นหนึ่ง อะไรเป็นเรื่องรอง ก็เลิกจากเรื่องรอง แล้วไปเปรียบเทียบคู่ใหม่อีก ก็จะได้ละเอียดเป็นลำดับ เรียกว่าแข่ง Champion ทีละคู่ๆ ก็จะได้เป็นแชมป์เปี้ยน ไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้แชมป์ จะได้ Champion แบบนี้แหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:45:11 )

แข่งกันรวยคือความเห็นแก่ตัวเป็นสมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความเป็นเศรษฐกิจ ในภาษาว่าเศรษฐกิจ ในสารัตถะพฤติกรรมจริงในความเป็นมนุษย์ และความเป็นสังคมเศรษฐกิจนี้ มันมีพฤติกรรมอยู่เช่นไรในรายละเอียด นักบริหารประเทศโดยผู้ที่ชื่อว่ารับหน้าที่บริหารเศรษฐกิจในประเทศ ยังมี Concept มีความเข้าใจความเป็นเศรษฐกิจดี จะต้องให้รวยๆแข่งกันรวย ทุกคนมีรวยกันให้มาก คนอื่นจะจนอย่างไรก็ช่างหัว คนข้างนอกจะเป็นเช่นไรก็ช่างมันไปแย่งเอามาจากต่างประเทศหรือแต่ ในหมู่พวกเราเองก็ตามก็แย่งกัน ให้กลุ่มของเรา คณะของเรา บริษัทของเรารวย บริษัทอื่นคณะอื่นจะร่อยหรอลงไปก็ช่างมันของเราให้มีเศรษฐกิจดี อย่างนี้ก็คือความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ส่วนตัวเป็นตัวกูของกู สะสมดึงดูดเอามาให้มาก ถ้ามีแต่ความคิดอย่างนี้มันก็จะแย่งกัน อาตมาถึงสรุปว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม ใครมาแย่งได้ก็ได้มากแล้วคนอื่นก็จะมาแย่งคืนแย่งกันไปแย่งกันมา คุณรักษาไว้ไม่ทันหรอกเดี๋ยวคนอื่นก็หาวิธีแย่ง ดีไม่ดีเขาก็ฆ่าคุณเลย แล้วเขาก็เอาเงินคนอื่นมา มันก็ฆ่ากันมาไม่รู้กี่ชาติแล้วถ้ามันต้องการอย่างแรง ขาดแคลนมาก มันก็ไม่ได้สร้างความมักน้อยสันโดษ มันก็ต้องเอาให้ได้มากๆมา ก็ต้องไปฆ่าคนอื่นเอา มันเป็นเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:12:21 )

แข่งกับตัวเองกับแข่งกับคนอื่นต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ก็ตอบตรงที่ปล่อยวางไม่ได้ไง ก็คงจะพอเข้าใจให้แข่งกับตัวเองนี่คงพอเข้าใจ แต่มันก็ยังอยากแข่งกับคนอื่น แล้วมันก็จะเอาชนะคนอื่น ทั้งๆที่ถูกแนะนำว่าให้แข่งกับตัวเองไม่ต้องแข่งกับคนอื่นหรอก แข่งกับตัวเองกับแข่งกับผู้อื่นมันต่างกันอย่างไร 

แข่งกับผู้อื่น มันไม่แน่ไม่นอนหรอก อย่างคู่ชกมวย ตอนนี้เป็นแชมป์ชนะ คู่แชมป์คนนี้สู้เราไม่ได้เราชนะ ไปเจอคู่แชมป์ที่มันแข็ง เก่งกว่าเราอีก เราก็แพ้ได้ ทำไมเราแพ้ ทำไมเราเก่งสู้ไม่ได้ ก็เพราะเราไม่แข็งแรงไม่เร็วไม่ไว ไม่มีเทคนิค ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะเอาชนะเขาได้ เราก็แพ้ แพ้มันก็อยู่ที่ความพากเพียรที่จะต้องเอาชนะในแง่มุมเหลี่ยมใด อย่างใด ที่เราจะเก่งกว่าเขา เร็วกว่าเขา หนักกว่าเขา มากกว่าเขา สูงส่งกว่าเขาอย่างไร เราก็ต้องศึกษาเอา ฝึกฝนเอา ฝึกฝนได้มันก็ได้ผล ไม่ถึงมันก็ไม่ได้ 

ผู้ที่จะเอาแต่ชนะๆ เมื่อยนะ เพราะฉะนั้นในชีวิตผู้ที่จะเอาแต่ชนะคนอื่นเขา ก็เมื่อย เราเอาสาระ ที่บอกว่าแข่งกับตัวเองนั่นแหละคือมองถึงสาระ ตนเองทำสาระอะไรได้ดี ได้มาก ได้ถูกต้องได้เจริญงอกงามไพบูลย์ ก็ดูสาระนั้นตามสมมุติของโลกเขาด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 12:57:51 )

แข่งตัวเอง

รายละเอียด

ถ้าจะว่าแข่งเราแข่งทางโลกุตระ การแข่งทางโลกุตระไม่มีตัวตนที่จะดีจะเด่นอะไรแต่แข่งความก้าวหน้า ไม่ใช่ข่มเบ่งกันเอาเปรียบเอารัดกัน แข่งกันแต่ละคนให้ก้าวหน้าแต่ละคนเจริญขึ้นเจริญขึ้น จริงๆแล้วก็คือแข่งตัวเอง วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน   พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ ทำขึ้นไปมันก็ไม่เป็นพิษเป็นภัย ไม่เบียดเบียนใคร นี่เราพูดจริงนะ ส่วนจะได้มากได้น้อยเท่าไหร่ ก็เอาล่ะ ตามอินทรีย์พละบารมีของแต่ละคน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:13:25 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:28:13 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:52:11 )

แค่ 4 คำ ที่สรุปลงในปัญญาข้อที่ 8

รายละเอียด

การดับ รู้ความเกิดความดับ รู้คุณรู้โทษ สรุปลงในข้อที่ 8 รู้ความเกิดความดับ รู้คุณรู้โทษ แค่ 4 คำนี้

ผู้ที่สามารถจบแล้วก็รู้ทำสิ่งที่ไม่เป็นโทษทำแต่สิ่งที่เป็นคุณ ส่วนที่ดับที่เกิดก็ทำการดับให้ได้สนิทจริงๆไม่ให้เกิดอีก หรือจะให้เกิดอยู่ แต่ตนเองดับสนิทได้แล้ว ไม่มีได้แล้ว เป็นภาษาที่ยากมาก โกหกคนอื่นได้หลอกคนอื่นได้ แต่คนที่หลอกตัวเองเป็นคนที่ยากที่จะไม่หลอกคนอื่น พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ารู้ว่าตัวโกหกคนอื่นทั้งๆที่รู้ว่าเป็นคำโกหก เพราะฉะนั้นคนนี้จะทำชั่วที่ บรรดาความชั่วที่มีในโลก ทำได้หมด เป็นคำบริภาษที่แสบมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:20:18 )

แค่ 4 อย่างนี้แหละเป็นอรหันต์

รายละเอียด

แม้แต่วิธีปฏิบัติ พูดไป เสร็จแล้วก็ไปตีความ อ่านพระไตรปิฎกแล้วก็ตีความเข้าข้างตัวเอง ว่าจะต้องอานาปานสติ คืออะไร นั่งตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น เขาเข้าใจผิด เดียรถีย์ก็เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็มาปลุกให้ตื่น ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาให้มีสติปัฏฐาน 4 พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม แล้วก็ค่อยๆ รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมะ แค่ 4 อย่างนี้แหละ เป็นอรหันต์ เพราะเริ่มต้น โลกุตรธรรมข้อแรก สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4  มีอินทรีย์ 5 พละ 5 มีโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 เรียกว่า โพธิปักขิยธรรม 37 จำง่ายๆ ว่า 4578 เพื่อความจำให้ได้ จำโพธิปักขิยธรรม 37 

เรามาพูดถึง สติปัฏฐาน 4 กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม พูดแล้วพูดอีก ผู้ที่มีมานะอัตตาก็จะบอกว่า โพธิรักษ์พูดวนแล้ววนอีก แต่คนที่ บรรลุธรรมเป็นพระอาริยะ จะยิ่งซาบซึ้งเข้าใจ เพราะฟังธรรมแล้วฟังดีๆจะได้อานิสงส์ 5 ประการ เพราะอาตมาไม่ได้อธิบายแล้ววนเวียนอยู่ที่เก่าเท่านั้น ใช่ ต้องมีรากฐานต้องมาบอกขึ้นต้น จะขึ้นต้นไม้จะไปปีนขึ้นทางยอดได้อย่างไร มันต้องปีนตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย มันก็เป็นธรรมดา ใครกระโดด ตัวเบาเป็นนักกังฟู ขึ้นไปถึงยอดเลย ไม่ต้องขึ้นทางต้น ก็ไม่ใช่อย่างนั้น อันนั้นมันเป็นนิทานนิยายของกิมย้ง โกวเล้งเขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 13:45:03 )

แค่คำว่ากายยังมิจฉาทิฏฐิ แล้วจะพ้นสักกายทิฏฐิได้อย่างไร

รายละเอียด

กว่าที่คุณจะสามารถรู้คำว่ากาย พ้นสักกายทิฏฐิ แต่คำว่ากายคุณมิจฉาทิฏฐิ แล้วคุณจะพ้นสักกายทิฏฐิได้อย่างไร ชัดเจนขึ้นไหม 

คุณเข้าใจกายเป็นแต่เพียงภายนอกอย่างเดียวเท่านั้นไม่เกี่ยวกับจิต ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 ที่ท่านบอกว่า กายคือจิต มโน วิญญาณ ตถาคตเรียก กาย ว่า จิต มโน วิญญาณ

แม้แต่ในพจนานุกรมบาลีหลายเล่มก็ยังแปลว่า กาย คือ องค์ประชุมของเจตสิก ซึ่งเป็นนามไม่ใช่รูป คือ เวทนา สัญญา สังขาร เป็นต้น เขาก็แปลในพจนานุกรมอยู่นะ ซึ่งความเข้าใจไม่ง่ายเลย เพราะคนมันเสื่อมไปจากความรู้ของพระพุทธเจ้าจริงๆเลย ก็เลย แยกกายแยกจิต ยิ่งเป็นไทยคำว่ากาย มาเป็นภาษาไทยชัดๆ กายเป็นไทยเต็มๆ ได้ citizen เป็นไทยไปแล้ว ไม่ใช่แค่สัญชาติไทยเท่านั้น มันจะเป็นเชื้อชาติไทยไปแล้ว กาย เป็นภาษาไทยเต็มๆ แล้วแปลว่า ร่างข้างนอกเท่านั้น ตามมิจฉาทิฏฐิ เห็นไหมนี่คือความเสื่อมของศาสนาพุทธไปไกลขนาดไหน อาตมาก็จ้ำจี้จ้ำไชเรื่อง กาย บุญ สมาธิ ฌาน ก็พอรู้ แต่เขาก็รู้ยังไม่เต็มยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็เลยต้องอธิบายไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณกินข้าวได้ไหม อย่างไรคือสัมมาทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2564 ( 19:26:35 )

แค่มีจิตยินดีก็มีวิบาก

รายละเอียด

ท่านก็บอกว่าเป็นวิบากที่ไปยินดีที่คนเขาจับสัตว์ได้มาก โอ้โห จับสัตว์ได้เยอะ จับปลาได้เยอะมีปลาดีๆ อะไรก็แล้วแต่ เท่านั้น วิบากติดตาม แม้จะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ทำให้ท่านปวดหัว เห็นไหมว่าเกี่ยวข้องกันขนาดไหน แค่ยินดีก็มีวิบาก แล้วคุณไปกินเนื้อสัตว์ จะมีวิบากขนาดไหนแล้วไปยินดีติดรสเนื้อไปอีก จะต้องกินเสือดำ พูดไปแล้วก็เข้าล็อคคนโง่ๆ ที่เป็นกัน มันซวยมากเลย เลิกเลย ล้างกิเลส มันจะอร่อยยังไงมันก็ไม่ดี ก็เลิกเลย ชีวิตก็ปลอดภัยก็ดีมากเลย มีคุณค่าต่อตนเองต่อโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:39:04 )

แค่สิ้นอาสวะก็เป็นพระอรหันต์ได้แล้วด้วยเหตุใด

รายละเอียด

ผู้ที่เป็นอรหันต์คือผู้ที่รู้กิเลสตัวขอตัวเองทั้งหมด แล้วก็สลายดับกิเลสตัวของเองทั้งหมดได้จนสิ้นอาสวะ แม้ยังไม่ถึงขั้นสิ้นอนุสัย แค่สิ้นอาสวะก็ถือว่าเป็นพระอรหันต์แล้วเป็นปัญญาวิมุตแล้ว ฉะนั้นนัยยะละเอียดของ อาสวะก็ดี อนุสัยก็ดี กิเลสที่เป็นขั้นอาสวะ มันเป็นกิเลสที่ทำให้ตัวชีวะ ของเจ้าของจิต ถ้ายังไม่ดับอาสวะ มันจะยังมีเชื้อของกิเลส เมื่อดับอาสวะแล้วเชื้อของกิเลสมันหมดแรง ที่จะโตต่อไป มันจะมีพลังงานหรือไม่อยู่ ไม่ถึง 5 ใน 10 เพราะฉะนั้นปล่อยให้มันอยู่มันก็ไม่กำเริบขึ้นมาใหม่ เพราะมีปัญญารู้พอที่จะทำให้มันไม่กลับกำเริบ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:38:50 )

แค่หางช้างติดพวยกา

รายละเอียด

คุณก็จบ Doctor มันน่าจะมีความเข้าใจ เรื่องกิเลสของคนมันก็มีแน่ ก็ต้องเข้าใจเขาและยอมให้เขา ถึงอย่างนั้น แม้คนเรานั้นจะไปเป็นกรรมการของชุมชน เขาก็มีเพิ่มแค่นั้นก็น่าจะเข้าใจเขา เพราะฉะนั้นถ้าคุณเองไม่ได้ติดใจไม่ได้ไปถือสาอะไร อย่างที่คุณก็ได้ช่วยชาวอโศกช่วยหมู่บ้านนี้มาเยอะแยะ แค่หางช้างติดพวยกาแค่นี้จะไปติดใจอะไร จะต้องแหมไม่ได้รับสิ่งนั้นนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 10:50:03 )

แค่เลี้ยงสัตว์ก็บาปแล้ว

รายละเอียด

ตอบอย่างสรุปเลยว่าถูกต้องแล้ว สัตว์ก็ปล่อยให้เขาไปตามยถากรรมเขามีวิบากของเขา หากว่าไม่มีความจำเป็นสุดวิสัยเราจะต้องดูแลก็แล้วไป ถ้าหากว่าไม่สุดวิสัยไม่จำเป็นแล้ว อย่าไปเลี้ยง ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากของเขา ถ้าเราไปเลี้ยงเราก็จะไปร่วมวิบากกับเขาอีก แล้ววิบากของคุณมันน้อยแล้วหรืออย่างไร คุณไม่รู้ ไม่รู้จักวิบากดีเสียแล้ว คนเรามี วิบากนี้เป็นตัวที่ทรมานทรกรรม ที่ไปผูกพันรักใคร่ไว้ก็มีวิบาก ไปทำความโกรธแค้นอาฆาตกันไว้ก็เป็นวิบาก ไอ้ที่จะเฉยๆกลางๆนั้น มันมีน้อย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:49:05 )

แค่ให้มันขวัญเสียก็ถือว่าทำให้ปาณะให้ตกร่วงได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ชีวกสูตร ที่บอกว่าเป็นบาปไม่ใช่บุญเป็นอันมากเลยที่บอกว่า มีเจตนาไม่ดี ตั้งแต่ 1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ หรือ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง (สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา  โวโรเปตา)   

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส   

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”   

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส   

5. ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อกปฺปิเยน อสฺสาเทติ อิมินา ปญฺจเมน ฐาเนน พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ)ชีวกสูตร  ล.13   ข.60   

ข้อที่ 5 นี้เอาไปปรุงเป็นอาหารเอร็ดอร่อยอย่างดีเสร็จแล้วก็นำอาหารนั้นมาถวาย ถวายแค่นั้นนะยังไม่ได้รับ ยังไม่ได้กินนะ ยังไม่ได้ฉันนะ นำมาถวายภิกษุหรือพระพุทธเจ้า บาปข้อสุดท้ายจบ อกัปปิยะ ไม่ควรจะทำอย่างนี้เลย อย่าว่าแต่ให้พระฉันเนื้อสัตว์เลยแค่นำเป็นอาหารมาถวายแค่นี้ก็บาปหนักที่สุดแล้วข้อที่ 5 ฟังความนี้เป็นไหม อาตมาไม่ได้มาบิดเบี้ยวแปลงสารนะ พูดถึงลักษณะบาปบุญให้ฟังชัดๆ คนที่รู้ละเอียดอย่างอาตมาจะไปกินไหมเนื้อสัตว์ คนไม่รู้อย่างอาตมาก็แน่นอนซัดเข้าไปปากมอมเลย รู้อย่างอาตมาจะไปกินได้ยังไง เพราะอาตมาเชื่อบาปเชื่อบุญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:52:21 )

แค่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์

รายละเอียด

แค่เรื่องไม่กินเนื้อสัตว์ อาตมาพยายามทำงานศาสนามาเปิดเรื่องนี้ เปิดเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์นี่มาอย่างหนักตั้งแต่ต้น จนเดี๋ยวนี้ก็ยังต้องพูดเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์อยู่บ้าง แต่คนก็เข้าใจ อาตมาก็แสนเบื่อต้องพูดซ้ำซาก แต่มันเป็นความสำคัญมันเป็นสิ่งที่ 

อย่างชาวอินเดีย พลเมืองกว่าพันล้าน พูดเรื่องนี้กันทั้งชนชาติเลยเขาไม่มีปัญหา เขาบอกว่าถูก ที่กินอยู่นั้นก็ยอมรับว่ามันเป็นวิบากเป็นบาป ชาวอินเดียไม่มีใครแย้งเลย ในเรื่องความรู้แล้วเขารู้กันหมดทั้งอินเดียเขาไม่แย้งไม่เถียงไม่อะไรเลย คนตั้งพันกว่าล้าน แต่คนไทยนี้เถียงเพื่อจะได้กินเนื้อสัตว์ เถียงว่ามันไม่บาปหรอก กินเนื้อสัตว์ธรรมดามาก 

มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องวิบากเป็นเรื่องที่ติดตัวเองไปเลย อาตมาก็พยายามให้คนไม่มีวิบากใส่ตัวเอง แค่ไม่กินเนื้อสัตว์อย่างเดียวนี้ เท่านี้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เท่านี้ก็เป็นเรื่องพ้นบาปไปอย่างมหาศาล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:11:42 )

แจกได้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นสุข 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประเทศไทยมีค่ารวมที่ไม่เหมือนแนวคิดของคนอื่นที่เขาคิด อาตมาจึงขอพูดอีก ประเทศไทยทุกวันนี้เจริญ ชัดเจน นักวิชาการ แหม ผู้รู้แสดงภูมิ ไม่ใช่อะไรหรอก เขาเองเขาไม่รู้รายละเอียดที่อาตมาพูดว่า มันเจริญแล้ว เจริญก้าวหน้าไป เพราะถ้าเมืองไทยจะยิ่งกว่านี้ก็คือ สามารถไม่สร้างอาวุธ ไม่กังวลเรื่องอาวุธเลย หันมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้มากมาย แล้วก็เผื่อแผ่แจกออกไป หรือขายออกไปให้ถูกๆคุณภาพดีราคาถูก มีน้ำใจเกื้อกูลไป ให้แก่ทั่วโลกเลย ช่วยกันให้มาก คนไทยจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น และจะเต็มใจมา แล้วก็ทำกันเป็นเลือดเป็นเนื้อ ทำอย่างขยันหมั่นเพียร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์มากเท่าไร เป็นสุข แล้วก็แจก แจกอีก ยิ่งเข้าใจว่าแจกได้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นสุข 

แล้วก็ทำไปอย่างพออยู่พอกิน ไม่หอบหวง ไม่สะสมกักตุน เรามีพลังงานความร่ำรวยคือ ความมีสมรรถนะ มีความสามารถ กับความขยัน และรู้จักสิ่งที่ตนเองควรสร้างขึ้นมาใน กาละ เทศะ ฐานะ นั้นๆ ถูกต้อง ตาม เหตุปัจจัย ตาม กาละ เทศะ ฐานะ นี้ ทุกอย่างไม่มีขาดแคลน ทุกอย่างอุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างได้เผื่อแผ่ เจือจาน ไม่มีอดไม่มีอยาก ชีวิตสบายเกื้อกูล ยังชีพไปได้อย่างดี แล้วยิ่งมีความรู้ด้านสุขภาพด้วยก็ยิ่งอยู่เจริญยิ่งยืนนาน อย่างอโศกนี้ ขอยืนยัน ต่อไปในอนาคตจะเป็นสังคมคนอายุยาว จะมีคนอายุยาวเกินร้อย มีอยู่ได้เพิ่มขึ้นๆๆ จะเป็นอย่างนั้นเลย เชื่อมโยง สร้าง DNA เป็นคนแบบนี้ สร้างยีนส์ ของคนเป็นแบบนี้ไป สืบทอดไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 11:32:34 )

แจ็คหม่าตอนนี้ก็มาแรง

รายละเอียด

แจ็คหม่าตอนนี้ก็มาแรง มีอีกความเห็นมาเลย เกี่ยวกับ แจ็คหม่าเป็นการต่อสู้กันทางจิตวิญญาณกับวัตถุ ทางวัตถุ แบบโลกียะนั้น เป็นสมบัติผลัดกันชม  แพ้และชนะหมุนเวียนไปตลอดกาล แต่ทางโลกุตระนั้นทางจิตชนะในที่สุด แต่ทางโลกีย์สมบัติผลัดกันชม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:35:40 )

แชมป์กับรองแชมป์ในการเรียนรู้ทีละ 2

รายละเอียด

เทวนิยมคือยังเอียงไปข้างตีเทวไม่แตก คำว่า เทวะ แปลว่า 2 การเรียนรู้ทีละ 2 เป็นตัวเปรียบเทียบกัน เราก็จะได้แชมป์กับรองแชมป์ ที่คัดเลือก รองแชมป์ก็เก่งขึ้นมาอีกไปเรื่อยๆ ใครชนะก็เป็นแชมป์ จนได้แชมป์ที่สูงสุด จนหมดสิ้นรองแชมป์ จนกระทั่งรองแชมป์ที่เก่งที่สุด ไปท้าชิงกับผู้ที่เป็นแชมป์ ผู้ชนะสูงสุดก็เป็นแชมป์เลิศสุด ห่างไกลรองแชมป์อื่นๆที่จะพึงมีได้ เพราะระหว่างรองแชมป์ก็จะมีผู้ไปหาญสู้ รองแชมป์ที่คัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนหมดรองแชมป์ที่ไปหาญสู้ผู้ที่เป็นแชมป์ เราจะยังตัดสินไม่ได้หรอก ตราบใดยังไม่สูงสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:43:39 )

แดนทองโพธิกิจ Golden Jubilee

รายละเอียด

เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงงานมหาปวารณาครั้งที่ 37  งานนี้เราจะกำหนดวันหลักสำคัญคือวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันบวชของพ่อครูมีนี้จะมีปีที่ขึ้นปีที่ 50 ที่พ่อครูประกาศทำงานศาสนามีคนเขาอยากทำปฏิทินก็คิดกันว่าปฏิทินขึ้นปีที่ 50  ครรจะมีทิศทางมีรูปอย่างไรก็ปรึกษาพ่อครูก็ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองอย่างหนึ่ง  Golden Jubilee  สุดท้ายงานมหาปวารณาปีนี้ขึ้นสู่แดนทองโพธิกิจ  Bodhigij Golden Jubilee สัญลักษณ์ของงานนี้ควรจะเป็นอย่างไรมีคนบอกว่า ของท่านพุทธทาสเป็นรูปคนแจกดวงตาพระครูเลยบอกว่าของท่านแจกสุญญตาอยากเรียนถามพ่อครูว่า…..ลูกๆจะมีส่วนแจกสุญญตาได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:53:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:29:17 )

แดนมหัศจรรย์คือแดนที่คนมหัศจรรย์ควรอยู่อย่างไร

รายละเอียด

นี่แหละคือแดนมหัศจรรย์คือแดนที่ควรจะอยู่ เป็นที่อยู่ของปลาใหญ่ มหัศจรรย์ข้อที่ 8 ของปหาราทสูตร เป็นที่อยู่ของปลาใหญ่ในมหาสมุทรใหญ่ ซึ่งปลาใหญ่ยาว 400 โยชน์ ก็มีอยู่ในที่นี้ เทียบ เป็นปลาใหญ่ในมหาสมุทรที่เป็นแดนใหญ่ที่สุดของโลก น้ำมหาสมุทร มากกว่าดินนะ แล้ว สัตว์อยู่ในมหาสมุทรตัวใหญ่กว่าสัตว์บนดินโลกเยอะ ไดโนเสาร์ตัวเล็กกว่าสัตว์พวกนี้เยอะ แต่สมัยนี้เขาบอกว่าสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ปลาใหญ่พวกนั้นสูญพันธุ์ไปหมด ชื่ออะไรบ้าง ปลาติมิงคละ ปลาติมิรมิงคละ

เป็นแดนเป็นถิ่นที่สัตว์มหัศจรรย์ สัตว์คือคนนี่แหละอยู่ แล้วก็อยู่อย่างเป็นสุขอยู่อย่างพอใจ อยู่อย่างพัฒนา อยู่อย่างเจริญงอกงาม ชีวิตเราก็เจริญงอกงาม งอกงาม เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านมี โอ้ ท่านมาเอาอันนี้ท่านมีทุกอย่างแล้ว ทรัพย์ศฤงคารอำนาจบาตรใหญ่ ถ้าหากอยู่ต่อไปท่านก็ได้เป็นมหาจอมจักรพรรดิ แต่ท่านไม่เอาท่านมาเอาอันนี้มาเอาโลกุตรธรรมอันนี้ มาทำงานอันนี้ ไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แบบนั้นเลย สุขก็ไม่มีแล้ว มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป มาทำอันนี้ เป็นชาติสุดท้าย

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:35:12 )

แดนวิมุติ คืออะไร

รายละเอียด

นั้นมีศีล 10 เป็นผู้พากเพียรเพื่อการไม่กลับมาเป็นชาวโลกอีก คือแดนวิมุติ จะไม่กลับมาเป็นชาวโลกอีก เตรียมเพื่อจะให้หลุดพ้นไปให้สุดให้จบ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 09:54:57 )

แดนวิหาร คืออะไร

รายละเอียด

แดนที่ 4 แดนวิหาร  ก็คือผู้ที่มีศีลแล้ว เป็น สีลบุคคล เป็นศีลประจำตนเป็นศีลที่บรรลุเป็นศีลที่เป็นปกติประจำตัวเอง คือหลุดพ้นแล้วเพราะสุดแล้ว อย่างน้อยมีศีล 5 ก็เป็นผู้ที่อยู่ในวิมานเต็ม 

ผู้ที่อยู่ในศีล 8 ก็เป็นผู้ที่อยู่ในวิโมกข์ เต็มหรือไม่เต็มก็แล้วแต่ 

ผู้อยู่ในศีล 10 ก็เป็นผู้ที่อยู่ในวิมุติ เต็มหรือไม่เต็มก็แล้วแต่ ตามฐานานุรูปฐานะ 

คนที่อยู่ในแดนวิหาร ก็เป็นผู้ที่เต็มครบ ผู้มีศีล 5 ครบก็อยู่ในแดนวิหารของศีล 5 ครบ ผู้มีศีล 8 ครบก็อยู่ในแดนวิหารของศีล 8 ครบ ผู้มีศีล 10 ครบก็อยู่ในแดนวิหารของศีล 10 ครบไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 10:20:20 )

แดนวิโมกข์ คืออะไร

รายละเอียด

แดนที่ 2 คือ แดนวิโมกข์ คือแดนที่ชุมชนนี้มีศีล 8 ต่อจากนั้น

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 09:52:09 )

แดนศิวิไล

รายละเอียด

เขาก็หาแดนศิวิไลเหมือนกันแต่เขายังไม่เข้าถึงโลกุตระ แดนศิวิไลที่มีโลกุตระ แต่ของเราเป็นแดนศิวิไลซ์ที่เป็นโลกุตระแท้ๆ นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ ประเทศไทยตอนนี้เป็นแดนโลกุตระดึงเอาความเป็นโลกุตระจากอินเดียมาอยู่ประเทศไทยได้แล้วทำไมต้องยืนยันอย่างนั้น ก็ยืนยันตัวตนบุคคลจริง ต้องเป็นคนที่ปฏิบัติโลกุตรธรรม อยู่ที่นี่อยู่ประเทศไทยนี้ ในอินเดียไม่มีแล้ว อินเดียเป็นโลกีย์เป็นเทวนิยมไปหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว มาอยู่เมืองไทยแล้วเมืองไทยก็มีชาวพุทธอยู่ 2 แบบอย่างที่ไม่เป็นโลกุตระกับอย่างที่เป็นโลกุตระ แล้วเมืองไทยก็ใจดี หอบเอาพุทธที่ไม่ใช่โลกุตระไปคืนให้กับอินเดียอีก มันหยั่งไม่ลงแล้วอินเดีย มันเป็นฐานของเทวนิยมแน่น ประชากรทุกวันนี้ก็เป็นพันล้านมันเป็นเทวนิยมหมดคุณจะไปยัดให้ได้อย่างไร แล้วแถมเอาพุทธแบบเก๊ๆไปด้วยไปยัดลงไปอีก เลยขายขี้หน้าพุทธใหญ่เลย อาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยเห็นเลยว่าพระธรรมทูตที่เขาเอาไปทำ มันเสีย แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียเลยเอาศาสนาพุทธไปเผยแพร่ประเทศโน้นประเทศนี้ ซึ่งเป็นพุทธเก๊ด้วย สงสารมาสร้างให้มันดีอยู่ที่นี่แล้วให้คนเขามาเอาไปเป็นของถูกต้อง ไม่ต้องไปเร่ขายหรอกของดีอ่ะ ไม่ต้องไปเร่ขายอวดอ้าง แต่ให้สร้างเข้าไปให้มันแน่นหนามันจะออกรังสีให้คนเห็นว่าให้มาเอา เขาก็มาเอาเลยเราไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องไปเสียเวลาแรงงานทุนรอนอะไร ทำที่นี่แหละปลูกฝังเข้าไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าชาวอโศกจะไม่ขยายไปสู่ข้างนอกแต่ทำเนื้อในให้เป็นแก่นธรรมโลกุตระให้เต็มที่

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 12:44:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:01 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:54:21 )

แดนศิวิไลซ์แท้ๆ

รายละเอียด

ชื่นชมบารมีเด็กที่อยู่ในนี้มันเป็นสัจจะ ซึ่งคนข้างนอกอาจจะไม่รู้สึกว่ายิ่งใหญ่เท่าไหร่ แต่อาตมาขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งในยุคนี้ เป็นยุคที่เสื่อมมาก ศาสนาพุทธโลกุตรธรรมไม่เหลือแล้ว แต่ในนี้เป็น แดนศิวิไลซ์แท้ๆ อาตมาพูดไปคนเขาก็ไม่รู้ เขาอาจบอกว่าหลงตัวเองบ้าบอ อะไรสาธารณโภคี โลุตระ เขาไม่รู้เรื่องหรอก คนข้างนอกเขาฟัง แม้จะศึกษามาบ้าง เป็นผู้ศึกษาทางธรรม ทางพุทธศาสนา ได้ยินคำเหล่านี้ พยัญชนะเหล่านี้ เข้าใจความหมาย แต่ไม่ได้หยั่งรู้เข้าไปถึงข้างในลึกๆ เพราะมันเป็นสิ่งสูงส่ง เป็นสิ่งที่สุดยอด เกิดได้ในยุคนี้เป็นคนที่มีโลกุตรธรรม เกิดได้ในยุคนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 

อาตมาพูดไปแล้วเหมือนมันหลงตัวเองใหญ่เหลือเกิน แต่มันเรื่องจริง เป็นอย่างนี้นี่เป็นได้ยาก แต่พวกเราเป็นได้อย่างสงบเรียบร้อย สงบอบอุ่นด้วย จริงไหม ... อยู่ด้วยกันอย่างสงบอบอุ่น ไม่แย่งไม่ชิง ไม่รุนแรง ไม่มีวิวาทะ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  นี่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดเรียบร้อย มีหมดเลยที่นี่ มี สาราณียธรรม อยู่กันอย่างระลึกถึงกัน มีความรักกัน รักกันอย่างญาติธรรม ปิยกรณะเคารพกันด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิก็ตาม คุรุกรณะสังคหะ เอื้อเฟื้อเจือจาน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป อวิวาทะ ไม่ทะเลาะกัน ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวอะไรกัน บางคนอยู่กันมา 40 กว่าปี จะ 50 ปีแล้ว ....ใครอยู่มา 50 ปีบ้าง ...ไม่มี 40 กว่าปี ...มีบ้าง 

มันเป็นเรื่องจริงนะ อยู่กันอย่างนี้ ไม่ได้อยู่กันอย่างบำเรอ บำรุงกัน ต้องการอะไรก็ได้อย่างใจอยากเสพอยากได้ ก็ไม่ได้มีความต้องการ ไม่ได้อยากได้อะไรมากมายจนต้องแย่งชิง จนต้องทุจริต ขโมยหรือโกงกัน เป็นทุจริตกรรม 40 - 50 ปีพวกเราทำได้มีศีล จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล  ศีล 10 คือไม่สะสมเป็นของตัวของตน มีกองกลางไว้อาศัย ศีล 10 เป็นระดับสาธารณโภคี แม้แต่สังคมข้างนอก เป็นสังคมพุทธระดับภิกษุ ได้ไหม สาธารณโภคี แต่พวกเราเป็นฆราวาส ได้ นี่ไม่ได้ยกตนข่มท่าน ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มอะไรหรอก แต่เป็นสัจธรรม ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เรียนรู้ปฏิบัติแล้วทำได้ตามคำสอนคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ แม้ในยุคนี้ใกล้กลียุค ศาสนาพุทธเสื่อมหนักขนาดนี้พวกคุณยังปฏิบัติได้ บรรลุธรรมได้ ถ้าไม่ใช่บรรลุธรรมพวกคุณอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก อดทนไม่ได้หรอก กดข่มได้ก็พักหนึ่ง สักพักก็ต้องออกไป แต่ผู้ที่อยู่ได้ ฝากชีวิตไว้กับเฮือนสุดชีวิตเลยเพราะที่นี่มีที่เผาศพเรียบร้อย 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 09:21:24 )

แดนเกิดก็คือ Static สมุทัยก็คือ Dynamic 

รายละเอียด

แดนเกิดก็คือ Static สมุทัยก็คือ Dynamic 

แดนเกิด หมายถึง เป็นสถานที่ เป็นที่ตั้งที่อยู่ เป็นแหล่ง ที่ตั้งเหมือนตากระทบรูปก็เป็นที่ตั้งเป็นแดนเกิด ส่วนสมุทัยนั่นเป็นเหตุให้เกิด มันก็ต่างกันอยู่แล้ว ถ้าจะเรียกด้วยภาษาที่เราเคยสมมุติถึง 2 สภาพคือ Static กับ Dynamic 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 22:26:03 )

แตกต่างกันชัดๆ แบบทวนกระแส

รายละเอียด

ยุคนี้ไม่มีใครในโลกปัจจุบันจะสามารถ“ตัดสิน” ความเป็น“โลกุตระ”ได้เด็ดขาด ว่า ถูกต้องแท้คือไฉน? 

แต่คนสามัญทั้งหลายก็จะเห็นได้ว่า “แตกต่าง” จาก“ความรู้”ที่มันยังมีความเป็น“โลกียะ”กันไม่ยากเลย

อย่างชาวอโศกกับชาวโลกียะแยกกันได้ไม่ยากเลย มันแตกต่างกันชัดๆ แล้วเขาจะบอกว่าพวกนี้มันบ้าหรือเปล่า ซึ่งเราเข้าใจ เราเองเราก็ไม่มีปัญหาเราก็เข้าใจเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ 

ตรงที่มัน“ทวนกระแส” มันแปลกประหลาดมาก! 

เช่น คนโลกียะจะนิยม“ความรวย” แต่คนโลกุตระจะนิยม“ความจน” เป็นต้น หรือคนโลกียะจะนิยม“ความสุข”กัน แต่คนโลกุตระจะนิยม“ความไม่สุขไม่ทุกข์”

เรื่อง“สุข-ทุกข์”นี้แหละที่เป็น“ความรู้”ที่แปลกแยกแตกต่างจากคนโลกียะหรือเทฺวนิยมไปชนิดที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งยวด

เพราะคนโลกียะจะรู้สึกตื้นๆง่ายๆ ว่า มีด้วยหรือที่คนจะ“ไม่เอาสุข”  ถ้าไม่เอา“ทุกข์”ใครๆ ก็เข้าใจได้

แต่คนที่ไพล่ไปคิด“ไม่เอาสุข”นั้น จะคิดบ้าๆ แปลกประหลาด พิกลพิการ วิตถารไปหรือเปล่า? 

สำคัญไปกว่านั้นคือ ทั้งๆที่เป็น“ความรู้”เรียกว่าโลกุตระ แต่มันประหลาดแปลกแตกต่างไปจากความเป็น“โลกียะ”ชนิดที่เดาเอาไม่ได้ ถึงกระนั้นมันก็ยังมีคนปฏิบัติบรรลุธรรมได้สำเร็จจริงด้วย และผู้ทำได้เป็นได้ก็จะยืนยันด้วยว่า มัน“อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”แท้จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:33:35 )

แตกแยกกับแบ่งปัน

รายละเอียด

ไม่ได้แยกแต่แบ่งกันทำบ้าง อย่างพวกเรา นี่ท่านเพาะพุทธท่านก็ทำของท่านมีสำนักของท่าน นานๆทีเข้ามาที่นี่ หมอเขียวก็ดูเหมือนจะเข้ามาบ่อยกว่าด้วย เพราะฉะนั้นก็ดูดีๆอย่าไปตั้งจิตไม่ดีมันจะเสีย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:19:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:54:47 )

แตะต้องพระเจ้าได้คือ ศึกษาตัวตนของเราเองได้ สำเร็จ! รู้จัก จิต-เจตสิก-รูป-นิพพานได้อย่างเหลือเชื่อ!

รายละเอียด

เมื่อไม่สามารถจะแตะต้อง“พระเจ้า”ได้ สัมผัสไม่ได้ ก็เรียน

รู้ความเป็น“วิญญาณ”ไม่ได้ ทั้งๆที่“วิญญาณ”นี้คือ ภาวะที่เป็น

“ตัวตน”ของตนเองแท้ๆ ที่สามารถ“สัมผัส”แตะต้องเรียนรู้ได้ใน

ตนเองทันที ซึ่งสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “ไม่ลึกลับ”เลย

แต่เพราะไม่ได้เรียนรู้“คำสอน”และปฏิบัติที่“สัมมาทิฏฐิ”

จึงไม่ได้เรียนการทำ“จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน”ให้แก่ตนเอง

ก็พิสูจน์ยืนยัน“อัตตา”กันโทนโท่หลัดๆปัจจุบันนี้สำเร็จแท้ๆไม่ได้  

มันก็ยังคลุมเครือ ยังลึกลับ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถ

พิสูจน์ยืนยันกัน ณ ปัจจุบันหลัดๆสัมผัสกันได้โต้งๆ โทนโท่ได้เลย

แล้วจะให้“เชื่อ”สิ่งที่“ลึกลับอยู่” ยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงนี่หรือ? 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 235 หน้า 193


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 19:22:57 )

แต่งกายเลียนแบบพระ

รายละเอียด

แต่งกายเลียนแบบพระ…ขอยันว่าอาตมาไม่ได้แต่งกายเลียนแบบ เพราะกฎหมายมีอยู่ว่าไปแต่งกายเลียนแบบพระเถระสมาคมไม่ได้ อาตมาจึงแต่งกายไม่เหมือนพระ แต่คุณฉลาดไม่พอเองอาตมาถูกต้องแล้ว เราไม่เลียนแบบก็ถูกต้องแล้ว แล้วจริงๆแล้วอาตมาก็ไม่ใช่พระจะมาเป็นสมณะ ไม่ได้ใช้พระ พระนั้นอาตมาไม่เอาหรอก อาตมาเอาพราหมณ์ ดีกว่าพระ อาตมาเป็นสมณะพราหมณ์ไม่ใช่สมณะพระ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:16:24 )

แต่งเพลงประกวด ได้รับรางวัลเขาก็ด่าเลย

รายละเอียด

เกิดมาในชาตินี้ไม่เคยได้รับรางวัลเพราะว่ากรรมการทั้งหลายหัวไม่ถึงอาตมาทั้งนั้น จริง อาตมาส่งงานเข้าประกวดไม่เคยได้รางวัลเลย ในชีวิตนี้ มีได้อยู่ครั้งเดียว แต่งเพลงประกวด ได้รับรางวัลเขาก็ด่าเลย ให้กูเสียเงิน เคยเล่าไปแล้ว ให้รางวัลอาตมาไม่ได้ จะให้อาตมาเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นอะไรที่เขายกย่องกันในทำเนียบในระบบของสังคม พูดแล้วอย่าหมั่นไส้พูดแล้วน่าเกลียดแต่เป็นเรื่องจริง พวกคุณเข้าใจพวกคุณจะไม่มีสะดุด แต่คนข้างนอกเขาจะสรุปว่าคนนี้มันหลงตัวหลงตนขนาดหนักมันยกตัวเองกันขนาดใหญ่เลย

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:53:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:30 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:55:28 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์