@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

จุดสำคัญของมนุษยชาติคืออาหาร

รายละเอียด

พวกเราเข้าใจจุดสำคัญของมนุษยชาติคืออาหารและเอาชีวิตมาลงสู่ตรงนี้ เอาชีวิตเอาเรี่ยวแรงเอากำลังวังชาเวลา เอามาทำอันนี้กัน แต่ก่อนนี้เราไปทำอะไรสารพัด ไปทำกรรมกิริยาที่ไปช่วยเขาปรุงแต่งอบายมุข ปรุงแต่งเรื่องประดับประดา ประดิษฐ์ประดอยเรื่องกาม ไปประดับประดาประดิษฐ์ประดอยเรื่องเครื่องฆ่าคนอะไรพวกนี้ 

ซึ่งมันเมื่อมารู้มาเห็นจริงแล้วว่า หลุดพ้นออกมาได้เข้าใจเลย แต่ก่อนนี้เรายินดีเหลือเกินที่ได้ช่วยกันสร้างเครื่องมือฆ่าคน สร้างอาวุธ โอ้โห ทำไมเรามันมีจิตใจอย่างนั้น ไปเห็นดีเห็นงามไปสร้างอาวุธสำหรับฆ่าคน ร่วมมือร่วมไม้เข้าทำ อย่างยินดีในผลตอบแทน เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ ความเก่ง ความสามารถอีก ยิ่งสร้างอาวุธได้มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพร้ายแรงได้เท่าไหร่ คนชมเชยให้ราคาสูงอะไรพวกนี้ หลงไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:28:15 )

จุดสำคัญของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คือ ศาสนาพุทธไม่ได้ทิ้งความดีหรือความชั่ว  ก็ต้องยืนหยัดในความดีนั่นเป็นโลกีย์แต่จุดสำคัญของศาสนาพุทธต้องเรียนรู้  ความสุข  ความทุกข์และสูงสุดก็คือไม่สุขไม่ทุกข์  ไม่เป็นเทวนิยม  แต่เป็นอเทวนิยมสูงสุดก็คือ หมดความสุขความทุกข์ ฟังดีๆ ตรงนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:12:56 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:51:14 )

จุดสำคัญของศาสนาพุทธคือศึกษาเวทนา

รายละเอียด

มีอายตนะได้เพราะมีสัมผัส มีสัมผัสจึงจะเกิดอีกมุมหนึ่ง เกิดอายตนะและเกิดเวทนา เกิดความรู้สึก จึงไปศึกษาที่เวทนา นี่คือจุดสำคัญของศาสนาพุทธ ศึกษาเวทนาในเวทนา ในโพธิปักขิยธรรม 37 ให้พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 14:35:15 )

จุดสำคัญของอรหันต์

รายละเอียด

เป็นได้ วัตถุก็เปรียบเทียบกันแล้วมีนัยยะที่ต่างกัน เช่น บวกกับลบ ตั้งแต่ปรมาณูของไอน์สไตน์ค้นพบนั่นแหละ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องที่มีคู่ ยิ่งใหญ่มากเรื่องคู่ เรื่องสภาพ 2 แล้วต่างกัน แล้วจะร่วมกัน ทำปฏิกิริยาร่วมกัน มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่รวมลงไปใน ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 

เพราะฉะนั้น ใครที่สามารถทำธรรมะ 2 แยกธรรมะ 2 ได้สำเร็จ ยิ่งของพระพุทธเจ้าสำเร็จถึงจิตวิญญาณ เทวธัมมา ธรรมะ 2 แจกวิภัช เป็น แยกเวทนาเป็นส่วน 2 แล้วทำให้เหลือเวทนาเป็นหนึ่ง เอกสโมสรณา เอกะคือเป็นหนึ่ง รวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ ภวันติ

นี่แหละคือจุดสำคัญของอรหันต์ ผู้ที่ทำเวทนา 2 ให้เป็น 1 ได้ อาตมาก็ได้แยก 2 เป็น 1 เป็นเวทนาเก๊เป็นเวทนาเท็จเป็นเวทนาหลอก ไม่ใช่ของจริง ส่วนเวทนาอีกอันหนึ่งเป็นของจริงตามความเป็นจริง คุณเห็นสีแดงมันก็แดงทุกคนเห็นเหมือนกันอันนี้เป็นอย่างเดียวกันทั้งนั้น แดงก็เห็นเป็นสีแดง เหมือนกัน ฝรั่ง เจ็ก แขก ชาติไหนเขาก็เห็นเหมือนกัน แต่เขาก็เด็กภาษาต่างกันแต่เห็นในสื่อสภาวธรรมตรงกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:21:44 )

จุดสำคัญที่สุดคือ จุดเวทนา

รายละเอียด

เจตสิกแยกย่อยออกเป็น เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ 4 หมู่ใหญ่ จุดสำคัญที่สุดคือจุดเวทนา นี่คือความรู้สึกหรืออารมณ์ของคน ในคนมีอารมณ์ มีความรู้สึก เราจะต้องเรียนรู้อาการของความรู้สึกให้ได้ เด็กก็ตาม  ผู้ใหญ่ก็ตามมีทุกคน แล้วก็จะต้องรู้อาการที่เป็นจิตเจตสิกของเรา เวทนาเจตสิกคืออาการอย่างนี้ แตกต่างจากอาการอื่นแตกต่างจากขันธ์ เช่น สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ รูปขันธ์ วิญญาณขันธ์ ต่างกันนะ 

แม้แต่ในเวทนาเจตสิก ซึ่งไม่ได้เรียกว่าเป็น ขันธ์ทีเดียว ย่อยออกไปแล้ว มันก็ยังมีความแตกต่างกันอีก จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านสรุปให้เรียนรู้เวทนาไปถึง 108 เวทนา ที่อาตมาได้ขยายความไปมากมายแล้ว ซึ่งก็จะขยายความอีกซึ่งไม่ใช่เรื่องตื้น มันเสื่อมไปตั้งแต่ก่อนที่จะถึงกึ่งกลางพุทธกาลก่อนจะถึงพ.ศ. 2,500 ก่อนจะถึง 2,500 มันเสื่อมมาเรื่อยๆ มาถึง 2,500 ก็เสื่อมสุดเลยไม่เหลือ ไม่มีศาสนาพุทธ มีแต่ศาสนาเทวนิยม ศาสนาโลกีย์ ศาสนานอกรีตของศาสนาพระพุทธจ้า อาตมาเกิดมาในยุคนี้อันนี้แหละที่อาตมาจะไขความ

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:42:02 )

จุดสำคัญอันเอกของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพื่อให้เกิด "สัมมาฌาน-สัมมาสมาธิ" ฌาน หรือ สมาธิ ของศาสนาอื่น หรือแม้แต่ของชาวพุทธที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิ มีวิธีปฏิบัติคือ "นั่งหลับตาปฏิบัติ" โดยสะกดจิตเข้าไปให้จิตเป็นหนึ่ง บาลีคือ "เอกัคคตา" ซึ่งในสากลเรียกว่า "MEDITATION"

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 262-263


เวลาบันทึก 06 กันยายน 2562 ( 16:26:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:40 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:51:30 )

จุดสำคัญในการตั้งเส้นทางนิพพานแบบพุทธ

รายละเอียด

จุดสำคัญในการตั้งเส้นทางนิพพานแบบพุทธ  คือ ศาสนาพุทธแบบย่นย่อก็มีให้เป็นเนกขะ โดยเอากิเลสออกหมดก็เหลืออารมณ์หนึ่งเดียวเป็นเนกขัมมะสิตอุเบกขา  นี่เป็นจุดสำคัญในการตั้งเส้นทางนิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่2 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:48:45 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:43 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:51:46 )

จุดสำคัญในความเที่ยงของธรรมะโลกุตระ

รายละเอียด

ในยุคไหนก็แล้วแต่ มันเป็นความเที่ยง จะมีรายละเอียดองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ต่างกันบ้าง ตามกาละเทศะฐานะ แต่จุดสำคัญแล้วที่เราเอาพระไตรปิฎกมายืนยัน เช่น วรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 ก็ตาม มันคงเดิม ของพระพุทธเจ้าคงเดิม แต่ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างตามกาละเทศะฐานะไปบ้าง 

แต่แกนหลักเดิม เช่นว่า จะต้องมาเป็นคนจน ในยุคของพระพุทธเจ้า 2500 ปีผ่านมาแล้ว ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ก่อนก็มาจน ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนที่จะไม่จน มีพระพุทธเจ้าบางยุคสมัยที่ไม่ได้ออกป่าเลย ตรัสรู้ในวัง ตรัสรู้ในอุทยานของพระองค์เอง ไม่ได้ออกป่า แต่อย่างนั้นมันมีน้อย อย่างเทวนิยม หรืออย่างโลกียะจะมีมาก ถ้าเผื่อว่าอย่างที่สำคัญอย่างนี้จะมีน้อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 18:59:26 )

จุดสำคัญได้บรรลุสภาพ 2

รายละเอียด

คือมันเป็นชีวะแล้ว แล้วก็เริ่มต้น มันจะติดอยู่ใน ถือว่าจะเป็นห้อง เป็นโพรง เป็นอะไรก็แล้วแต่ มีกรอบ ติด พอมันหลุดออกมานี่ มันจะเป็นตัว Niche เป็นชีวะ คนนี้ตั้งศัพท์ว่า ชีพพิสัย แล้วมันก็จะดำเนินบทบาทไป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ก็ยังไม่ละเอียดดีหรอก คนที่เข้าใจศึกษานี้ โครงสร้างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ก็เป็นโครงสร้างใหญ่ อันนี้ก็เป็นจุดเล็กที่เริ่มต้นเกิด ก็ศึกษาไป อันนี้เป็นรายละเอียดต่างๆ แต่ที่เป็นตัวประเด็นที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้จักอริยสัจ 4 นี้เป็นตัวสำคัญ ศึกษาอันนี้ไปแล้วจะค่อยๆ ได้ ถ้าบรรลุอันนี้จะบรรลุสภาพ 2 บรรลุสุขทุกข์นี้ พอได้จุดสำคัญได้บรรลุสภาพ 2 นี่แหละ มันจะเป็นปัญญาอันวิเศษที่จะนำพาเราไปเข้าใจไอ้พวกนี้ได้ดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ง่ายขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:25:37 )

จุดสำเร็จสูงสุดคือจุดนิพพาน

รายละเอียด

อาตมายังมั่นใจว่าทุกวันนี้โลกทั้งโลกรู้แล้วว่าจะหันทิศไปทางไหน เขายังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ในจุดสูงสุด จุดนิพพาน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดจุดสำเร็จ กิเลสหมดแล้วรู้จักกิเลสตัวเองแล้วก็ทำกิเลสตัวเองให้หมดไปได้ นั่นเป็นจุดนิพพาน นั่นคือความรู้ที่จะต้อง รู้แล้วก็ทำให้ได้จนกระทั่งรู้จักกิเลสตัวเอง ที่เมื่อเกิดเมื่อใดก็รู้ แล้วกิเลสจะเกิดต้องมีการกระทบ ถ้าไม่กระทบมันนิ่ง ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสหรือไม่มีกิเลสจริง ต้องกระทบกระแทกกระทุ้ง บางทีต้องกระทบแรงถึงจะกระดุกกระดิก ขนาดกระทบอย่างแรงมันยังไม่รู้สึกรู้สาเลย แทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้า แทงด้วยหอกร้อยเล่มกลางวัน แทงด้วยหอกร้อยเล่มเย็น อย่าไปเรียกว่าตายเลย ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา อย่าไปว่าถูกแทงตายเลยแต่ว่าไม่รู้สึกรู้สา ยิ่งกว่าเอาสำลีไปทุบหนังแรด ทุบหิน ทุบโลหะ ทุบเข้าไปเท่าไหร่ เดี๋ยวก็หมดสำลี โลหะมันไม่ได้สึกอะไรเลย อย่าไปคิดถึง พระพุทธเจ้าให้เอาผ้าใยบัวบางเบา เอาไปลาดที่ยอดภูเขาเวฬุบรรพต 100 ปีเอาไปลาดทีหนึ่ง จนกว่าภูเขาจะสึกจึงจะเรียกว่าหนึ่งกัป คิดดูสิมันจะนานขนาดไหน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:59:22 )

จุดหมายปลายของการกินกวฬิงการาหารเพื่อไปสู่นิพพาน

รายละเอียด

เขาก็ยังมีจุดหมายปลายทางที่ดีเพื่อพ้นความเป็นโลก

พระองค์จึงตรัสว่า ข้อนี้ฉันใด เรากล่าวว่า บุคคลควรเห็นกวฬิงการาหารว่า [เปรียบด้วยเนื้อบุตร] ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณเมื่ออริยสาวกกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณได้แล้ว สังโยชน์อันเป็นเครื่องชักนำอริยสาวกให้มาสู่โลกนี้อีกก็ไม่มี ฯ

ไม่ใช่กินเพื่อให้มันอ้วนพีอิ่มหมีพีมันให้มันแข็งแรงเท่านั้น อันนั้นน้อยมาก เป้าหมายอันนั้นเพื่อให้รูปขันธ์อยู่ได้นี้มันน้อยมาก แต่เพื่อจุดหมายปลายทางของจิตนิยามที่ยิ่งใหญ่ ไปสู่นิพพานทีเดียว กวฬิงการาหาร ให้กำหนด เบญจกามคุณ ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ต้องศึกษาตรงนี้แล้วเลิก 

ขอยกตัวอย่างมหาบัว ที่ไม่มีปัญญารู้เรื่องอาหารเลย ไปหลงติดแค่สิ่งเสพติด กินหนักกว่าอาหารกินได้ทั้งวัน คือหมากพลู อาหารฉันมื้อเดียว แต่หมากพลูกินทั้งวัน เห็นไหมว่าโง่เง่าดักดานขนาดไหน ขออภัยที่พูดตรงและพูดจริงพูดมากเกินไป คือเห็นใจลูกศิษย์ลูกหาที่เขาศรัทธาเลื่อมใสอยู่เหมือนกัน แต่อาตมาเป็นคนที่พูดความจริงไม่บันยะบันยังเท่าไหร่ ก็ขออภัย คือไม่ประสีประสาอะไรเลย มหาบัว 

แม้แต่เรื่องอาหาร 4 ก็ไม่รู้เรื่อง แน่นอนว่ามหาบัวจะติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของอาหารหรือเปล่า คุณว่าติดไหม ก็แค่อบาย สิ่งเสพติดหยาบๆ หมากพลูยังติดไม่ถอดเลย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วไอ้เรื่องรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในอาหารนั้น มันจะไปเหลือหรือที่ไม่ติด 

แต่สังเกตให้ดีเถอะ มหาบัวนี่ พรีเทนเดอร์ เสแสร้งว่าไม่ได้ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในอาหาร รู้ มันชี้บ่งถึงว่ามหาบัวรู้ว่ารูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสคืออะไร หลอกชาวบ้านกลบเกลื่อนลูกศิษย์ลูกหาว่า รูป รสกลิ่น เสียง สัมผัส ของหมากพลูนั้น มันไม่ใช่เรื่องรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสของหมากพลูนั้น มันเป็นเรื่องขันธ์ธาตุ หลอกลูกศิษย์ลูกหาซ้อนเข้าไปอีก 

พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่โกหกทั้งๆ ที่รู้ สัมปชานมุสาวาท คนคนนี้ไม่มีความชั่วอันใดที่ทำไม่ได้ ทำชั่วได้หมด นี่เป็นคำตรัสยืนยันของพระพุทธเจ้าที่จริงที่สุดเลย 

เพราะฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าโอ้โห..มันยากมากเลยที่คนเราจะรู้ลึกซึ้งถึงสัจธรรม ที่พูดไม่ได้เกลียดมหาบัว ไม่ได้ทับถมไม่ได้ข่ม แต่มันเป็นสัจจะความจริงที่เป็นตัวอย่าง ก็ขอยืม ก็ขอบคุณมหาบัว ซึ่งได้ตายไปแล้วล่ะ แต่มันเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนดี ใช้เป็นตัวอย่างประกอบการอธิบายขยายความสู่ฟังมันจำง่ายขึ้นสะดวกและเข้าใจได้ง่ายไม่ใช่ว่าไปถล่มทลายไปดูถูกดูแคลนมันเป็นตัวอย่างที่ดีมีอยู่จริงมหาบัวความอวดตัวอวดตนมาก  แสดงความขี้เท่อมาก ก็เลยเป็นตัวอย่างที่นำมาชู เพราะว่าแม้แต่อาจารย์มั่น อาจารย์ของมหาบัวก็ไม่ได้พูดมาก ไม่ได้แสดงบทบาทกับสังคมมาก พฤติกรรมของอาจารย์มั่นน้อยกว่ามหาบัว มหาบัวนั้นมาก 

จึงเอามาใช้ อาตมาจึงขอเอามาใช้เป็นตัวอย่าง เพื่อเอามาประกอบการอธิบายขยายความสู่ฟัง มันจะง่ายขึ้นสะดวกขึ้น ไม่ใช่จะไปถล่มทลายดูถูกดูแคลน แต่มันเป็นตัวอย่างที่มีอยู่จริง แล้วชัดเจนง่ายในการศึกษา ผู้ที่ใฝ่ในการศึกษา รักการศึกษา รู้จักเจตนาของอาตมาให้ได้ว่าอาตมาไม่มีอกุศลเจตนา มีแต่เจตนาที่ดีสมบูรณ์แบบ ที่พูดนี้ ไม่งั้นอาตมาก็ไม่รู้จะอธิบายไป มันไม่มีอะไรจับติดง่ายๆ แต่อันนี้จับติด มหาบัวมีตัวตนมีพฤติกรรมพฤติการมีชื่อเสียงเรียงนาม ครบ มันก็จะง่ายในการยืนยันว่า มหาบัวไม่มีความรู้เรื่องกามคุณ 5 เลย ขออภัยอีก รู้ แต่โกหกโลกต่อเพื่อกลบเกลื่อนตัวเองจะได้เสพกามทางหมากพลู ซ้อน

อาตมาเชื่อมั่นว่า มหาบัวนี้ไม่แต่งงาน เพราะตัวเองได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข จากที่มาเป็นภิกษุ แล้วปฏิบัติ เพราะฉะนั้นอดเปรี้ยวกินหวาน ทนเอาไม่แต่งงานเรื่องเดียว นี่ นอกนั้นเปิดโป๊หมดเลยทุกอย่าง ติดในโลกกามคุณ 5 อบายมุข สิ่งเสพติดนี่คืออบายมุข ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย 

พูดแล้วมันย้อนแย้ง มหาบัวรู้เรื่องกามคุณ 5 แต่โกหกซ้ำซ้อนกับผู้คนทั่วไปว่า กามคุณ 5 นั้นไม่ใช่หมากพลู ไม่ใช่สิ่งเสพติดนี้นะ ย้ายไปหน่อยเดียว กามคุณ 5 คือเรื่องผัวเมีย ฉันไม่มีนะ ไอ้นี่มันเรื่องขันธ์ธาตุ ทั้งโกหกซับซ้อนจะว่าไม่รู้ก็ไม่ใช่..แต่รู้ยิ่งด้วย มันคบไม่ได้เลย คนที่มีความซับซ้อนอย่างนี้ 

ขออภัยอาตมาพูดตรงพูดชัดพูดครบให้รู้ถึงว่า สิ่งที่โลกนี้มันมีจริง มันเป็นอย่างนี้คนมันเป็นจริง มันเลยทำให้คนที่ไม่รู้ นี่แสดงถึงความเสื่อมของศาสนาพุทธมากจนกระทั่งอาตมาพูดจนป่านนี้ 50 กว่าปีไม่รู้จะกระเตื้องหรือยัง แต่ก็คิดว่าคงจะดีขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2565 ( 12:35:50 )

จุดหมายปลายทางของชาวอโศก

รายละเอียด

เราไม่เสพแล้วเราก็ไม่ติด ตั้งแต่ก่อนนี้อาตมาให้โศลก ว่า เบิกบานแจ่มใสมัธยัสถ์ สุภาพ สงบ หมดความอยาก สิ้นความเสพ คือจุดหมายปลายทางของชาวอโศก

สุดท้ายไม่มีการเสพมีแต่สัมผัสแล้วรู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่มีรสสวรรค์ ไม่มีรสอร่อย ไม่มีรสสุขไม่มีรสทุกข์ ล้างจิตให้เป็นกลาง สิ้นความเสพหมด หมดสวรรค์หมดอะไรต่ออะไร

ต้องอ่านจิต ว่ามีความเบิกบานแจ่มใส มัธยัสถ์ สุภาพ สงบ หมดความอยาก สิ้นความเสพ อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:40:47 )

จุดหมายปลายทางของมนุษย์ ควรเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ยินดีต้อนรับ โอ้โห หมดโลภหมดหลงเลยนะ คือพูดไปง่ายๆ ไม่ได้กำหนดหมายว่ามันละเอียดลออลึกซึ้งเท่าไหร่ คำว่าหมด นี่คงหมายถึงลดลงไปบ้าง ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ 

ก็ถ้าเกิดว่าหมดจริงก็ง่ายแน่นอน หมดความโลภหมดความหลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะก็ใช่ คำสอนพระพุทธเจ้านี้จริง หมดความโลภหมดความหลง เป็นชีวิตที่สบาย อยู่ในโลก โดยเฉพาะทุกวันนี้ สังคมมนุษย์คนไทยโดยเฉพาะคนไทยยุคนี้ มันมีสังคมชาวอโศกเป็นสังคมสาธารณโภคี สังคมคนที่หมดความโลภ หมดความโกรธ หมดความหลงได้เลย ความโกรธนั้นควรจะหมดก่อน ความโลภนั้นมันยืดยาดกว่า ความโกรธนี้มันง่ายกว่า หมดความโกรธ หมดความโลภ หมดความหลงแล้ว นี่คือจุดหมายปลายทางของมนุษย์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566  แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566  ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2566 ( 12:42:18 )

จุดเด่นของกรรมวิบากมีอะไรบ้าง?

รายละเอียด

“กรรมวิบาก” ของใครก็ของ“ตนเอง”เท่านั้น “กรรมวิบาก” ถ่ายทอดให้ใครไม่ได้เลยเป็นอันขาด แม้แต่ลูกหลาน เพราะจะไม่เหมือน “ยีน” หรือ DNA ที่ถ่ายทอด “พันธุ์” กันทาง “สรีระ" (“สรีรพันธุ์” ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างเด็ดขาด เป็นคนละ “ธาตุ” คนละ “ธรรม”กันเลยจาก “กรรมพันธุ์”)”เพราะ “ตนเองเท่านั้น” ที่เป็น “เผ่าพันธุ์ของตนเอง” “เผ่าพันธุ์” แห่ง “กรรม” แห่ง “วิบาก” นี้ของคนใด คนนั้นก็เป็นเจ้าของ “เผ่าพันธุ์” ของคนๆนั้นเท่านั้น ในเรื่องของความเป็น “เผ่าพันธุกรรม”  “เผ่าพันธุกรรม” จะไม่มี “2 เผ่าพันธุ์” เลย ความเป็น “เผ่าพันธุกรรม” ของใครก็ของคนนั้นเท่านั้น เช่นเดียวกันกับความเป็น “กรรม” ก็เป็น “กรรมของตนเท่านั้น” จะแบ่งจะแยก จะถ่ายทอดให้เป็น “ของคนอื่น” ไม่ได้เลย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 217 หน้า 180


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 12:40:11 )

จุดเด่นของประเทศไทย คือ กสิกรรม

รายละเอียด

อธิบายถึง new normal พวกเราเป็น Normal แล้ว คนอื่นจะมองเห็นว่าพวกเราเป็น​ New เขาบอกว่าเป็นตัวดีไม่ใช่ตัวร้ายด้วย เราเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เขาเริ่มมองออกว่าเราเป็น New นี่คืออะไร มันมีอยู่บ้างไม่มากเลย กระแสทางโลกของประเทศไทย ด๊อกเตอร์สมคิดกล่าวถึงว่าเราจะต้องมาเร่งรัดพืชพันธุ์ธัญญาหาร มีกระแสแว่วๆมาเท่านี้อาตมาก็ชื่นใจ เข้าท่าแล้วดร.สมคิด ถ้าเผื่อว่า เข้าใจจริงๆเห็นชัดเจนเลยว่าโอ้โหจุดเด่นของประเทศไทย คือกสิกรรม เอาเลย ประชุมผู้รู้เลย “กสิกรแข็งขลังเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม” จริงที่สุดเลย อาตมาวันนี้เห็นไรๆแล้ว ถูกแล้วดร.สมคิดจ๋า จริง เพราะฉะนั้นต้องพยายามช่วยกันไม่ว่าจะกระทรวงใดก็แล้วแต่ ให้เข้าใจอันนี้ว่าเรามาช่วยกันที่จะร่วมมือกัน กระทรวงไหนก็สามารถที่จะร่วมได้ อย่าเห็นแก่ตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น มันต้องรู้องค์รวมของประเทศ ยกตัวอย่างเช่นว่าจะแบ่งงบประมาณของแต่ละกระทรวง เกษตรมีโครงการอย่างนี้ต้องใช้งบประมาณเท่านี้ คนอื่นก็น่าจะเข้าใจว่าเอาเลยมีงบประมาณจริงนะ  มีคนเพียงพอทำงานได้มีทฤษฎีมีวิธีการแล้ว เอาเลยเอาทุนรอนไป ถ้าทำได้อย่างนี้ประเทศจะเจริญ การบริหารต้องดูองค์รวมกว้างๆกับความสำคัญของตัวเองจุดเด่นของตัวเอง แค่เข้าใจจุดนี้เท่านี้ก็ดีแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 14:54:07 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:05:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:52:07 )

จุดเด่นของพุทธ

รายละเอียด

จุดสำคัญจริงๆที่สุดท้ายนี่นะ ของพระพุทธเจ้าคือ โลกานุกัมปายะ จุดเด่นสุดท้าย แม้ทีสุด GDP ก็ต้องเป็นโลกานุกัมปายะ ช่วยให้แก่โลกไม่ได้ให้แก่ตนเอง เรามีทุน มีส่วนเหลือส่วนเกินให้คนอื่นได้ไม่ใช่เตี้ยอุ้มค่อม แต่เป็นคนมีเหลือเฟือจริง เราไม่เป็นหนี้ ไม่ไปหมกหมักสร้างหนี้เหมือนอเมริกา ระวังนะชาวอโศก ใครเป็นหนี้เป็นประเด็นแรกเลยให้หยุดเป็นหนี้ พึ่งพาตนเองรอด สร้างให้เหลือให้เกินสะพัดเพื่อผู้อื่น นี่ก็เป็นหลักการใหญ่ที่อาตมาพูดมาตั้งไม่รู้เท่าไหร่

1. พึ่งพาตนเองรอด

2.ไม่เป็นหนี้ ปิดประตูหนี้

3. สร้างสิ่งสำคัญ จำเป็นให้เหลือให้เกิน ให้ดีให้งาม

4. สะพัดไปให้แก่ผู้อื่น แจกจ่ายเจอจานเผื่อแผ่ผู้อื่น คือโลกานุกัมปายะที่แท้

 

ถ้าหาก 4 สภาวะนี้เจริญก้าวหน้าคุณยิ่งใหญ่ไปตลอดกาล

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:02:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:43 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:52:42 )

จุดเด่นของเมืองไทย

รายละเอียด

พอดีเหลือบไปเห็นสิ่งประดับฉากบนโต๊ะนี้ อาตมาก็เคยเห็นอะไรมามาก นี่หอมหัวใหญ่นะ ขนาดใหญ่มาก ไม่ว่าอะไรอื่นๆ นี่เพราะเมืองไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน อาตมาว่าเป็นจุดเด่นของเมืองไทย คือ เมืองไทยเราอยู่ในโซนกสิกรรมเยี่ยมยอดที่สุด ในหลวงเตือนไว้ว่าอย่าไปหลงอุตสาหกรรม อาตมาฟังในหลวงแล้วก็รู้สึกว่าท่านหมายความลึกซึ้ง เป็นโลกุตรธรรม เช่นเศรษฐกิจให้เอาแบบคนจน เป็นประเทศที่ขาดทุน อย่าไปเที่ยวเอากำไรแก่ใครๆ เลย ทุกวันนี้คนจบ ดร.จากเมืองนอกไม่เข้าใจอย่างที่ว่าเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู (เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน สาธารณโภคีคือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดของเศรษฐกิจ


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:40:08 )

จุดเด่นจุดดีของประเทศไทยคือกสิกรรม

รายละเอียด

ก็ช่วยกันรักษาผลประโยชน์สิ่งที่ไม่ควรเสีย โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องโรงปุ๋ย ก็ขอย้ำว่า ปุ๋ย เป็น 1 ใน 3 ที่จะกู้ชาติ เพื่อมนุษยชาติเลย เพราะว่าใน สามเส้า กสิกรรมธรรมชาติ ปุ๋ยสะอาด ขยะวิทยา เรื่องกสิกรรมธรรมชาติตอนนี้ชัดเด่น เมืองไทยอยู่ในเขตศูนย์สูตรเป็นเขตที่ทำกสิกรรมได้ดีที่สุด ประเทศหนึ่งในโลก เราต้องพยายาม อาตมาก็ปล่อยไปถึงผู้บริหารประเทศ ว่าควรจะเน้นจุดเด่นจุดดีของเรา เอาอันนี้แหละทำอันนี้แหละ มันเป็นหนึ่งในโลก อาหาร โดยเฉพาะพืชพันธุ์ธัญญาหารไม่ใช่เนื้อสัตว์ไม่ต้องไปเอาปศุสัตว์ ประมง เขาจะต้องมีของเขาอยู่ ปศุสัตว์และประมง เราก็ไม่ต้องไปเอาเป็นแกน มันต้องเกิดก็ช่วยเขาบ้าง แต่จะต้องช่วยตัวเด่นตัวเอกคือกสิกรรม เพราะว่า ประมงก็กินพืชเหมือนกันปศุสัตว์ก็กินเหมือนกัน แต่พวกกินพืชไม่ต้องไปกินสัตว์ ทั้งสัตว์น้ำสัตว์บก ถ้ารู้จุดเด่นจุดรองจุดด้อยชัดเจนอย่างนี้แล้ว ก็เร่งพัฒนาจุดเด่น มันถึงคราว โควิดมาเตือนแล้วว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก เราก็ควรจะเร่งรัดพัฒนาวางหลักเกณฑ์ที่จะสร้างสรรสิ่งนี้ แล้วก็ให้ความรู้แก่ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ทั้งการศึกษา ให้ดูความสำคัญมีความสำคัญรู้จักสาระในสาระ ว่าเป็นสาระ แล้ว เอาชีวิตมาใช้กับสาระกับสิ่งที่สำคัญ อย่าไปใช้กับสิ่งไร้สาระสิ่งที่ไม่สำคัญมันเสียเวลาเปล่า อย่างนี้เป็นต้น ถ้าเข้าใจและร่วมมือกันทำได้อย่างที่อาตมากล่าว ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เจริญ จะเป็นประโยชน์แก่โลกเขาไปได้อย่างดี ไม่จำเป็นต้องคำนึงสิ่งที่เขาจะต้องสร้างอาวุธ แม้จะสร้างเทคโนโลยีต่างๆพวกนี้ เขาก็ทำกันอยู่ในโลกเราก็ทำบ้าง แต่ไม่ใช่จุดเด่นไง เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแข่งเด่นเขานี่ แต่เด่นของเราทำให้เด่นจริงๆ เป็นที่พึ่งของโลกเขาได้เลย มาเน้นอันนี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:20:45 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:23 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:53:07 )

จุดเด่นเป็นจุดสำคัญ

รายละเอียด

อาตมาเน้น ในเมืองไทยนี้มันเหมาะสมในการเพาะปลูก สิ่งที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วอาตมาก็เคยเน้นเคยสำทับแล้วว่า น่าจะมาเน้นอันนี้กันให้สำคัญๆๆ อันอื่นนั้นลดน้อยลงไปได้ เมืองไทยเป็นเมืองที่สามารถที่จะสร้าง เป็นพื้นภูมิประเทศที่ โอ้โห.. มันกำไรขั้วโลกเหนือ แม้แต่กำไรประเทศที่มีหิมะมากกว่าเรา ประเทศไทยไม่มีหิมะเลย ปลูกผักได้ตลอดปีตลอดชาติ อันนี้เป็นจุดเด่นเป็นจุดสำคัญ อันนี้เป็นจุดเด่นเป็นจุดสำคัญของเรา เราน่าจะมาแก้ปัญหาอันนี้ 

อาตมาเคยอธิบายไปจนกระทั่งว่า น่าจะให้เหรียญตราแก่พวกที่เป็น กสิกร เป็นนักชาวไร่ชาวนา น่าจะให้เหรียญตราเลย ยกย่องเชิดชู แล้วเขาจะได้มีกำลังใจ ว่ามันเป็น จิตวิทยาสำคัญอันหนึ่งของโลก คนในโลกเขาก็ยังมีโลกียธรรมอยู่ ก็ใช้ ใช้จิตวิทยาพวกนี้ส่งเสริมให้กสิกร ชาวไร่ชาวนา มีความภาคภูมิใจ มีกำลังใจ ตายแล้วใส่โกศบ้างชาวไร่ชาวนา ไม่ใช่มีแต่ข้าราชการเท่านั้นที่ใส่โกศ ชาวไร่ชาวนาซึ่งเป็นผู้ที่เลี้ยงสังคมประเทศชาติอยู่แท้ๆ อาตมาก็พูดไปตามความเห็นของอาตมานะ เห็นว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ก็พูดไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 11:08:39 )

จุดเล็กที่สุดของปัจจุบันนี่คือความไม่ยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

ปัจจุบันที่อาตมายืนอยู่บนปัจจุบันที่เล็กที่สุด ผ่านปัจจุบันไปแล้วปัจจุบันของอาตมาจะไม่ยืนยาวไม่เป็น ยามะ หรือยาวะ ถ้ายามคือเป็นยามๆ ยาม1 2 3 บอกช่วง มีกรอบขอบเขต หยาบ แต่ถ้ายาวะ นี่ยาวต่อเนื่องกันไปเลย เหมือนกันแบ่งโฟตอน กับควอนตัม ควอนตั้มนี้เหมือนก้อน fusion อีกอันหนึ่งโฟตอน ก็เหมือนฟิชชั่น ที่มันกระจายหายออกไป สองอย่าง หรืออย่างหนึ่งเคลื่อนไวอีกอย่างเป็นตัวหลัก static เป็นสองสภาพที่ร่วมกันเสมอ อาตมาจะรู้ตามปัจจุบัน จะยาวยืดในอนาคต อาตมาก็ตามไปได้พอสมควร แต่หากเปลี่ยนแปลงเป็นจุดที่เล็กที่สุดขนาดไหนก็ไม่ได้อกหัก ก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้ผิดหวังในความหมายของมัน… พอเข้าใจนะ  เป็นไงหายข้อง เข้าใจไหม 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:10:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:53:24 )

จุดเล็กๆ ในขอบฟ้ากว้าง

รายละเอียด

ประเทศไทย คือ ชาวอโศกนี่แหละทำสำเร็จ มีสาธารณโภคีและเป็นสาราณียธรรม 6 ชัดเจน นี่เป็นของจริงนะที่อาตมาพูด ยืนยันนี้เป็นของจริง ซึ่งมันต้องเป็นจำนวนน้อย เพราะมันเป็นของง่าย มันเป็นยอดพีระมิดต้องมีจำนวนน้อย แต่มันเป็นเรื่องจริง เรื่องวิเศษ 

พวกคุณมานี่ด้วยภูมิปัญญาด้วยจิตบริสุทธิ์ของพวกคุณเอง เป็นอิสระเสรีภาพ ไม่มีใครบังคับพวกคุณมาใช่ไหม รู้ด้วยปัญญา รู้ด้วยความจริง ความชัดเจนของตนเองเห็นดีเห็นงามมาเอามาเป็น ไม่ใช่มาเอาเท่านั้นแต่มาเป็นเลย เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เลยเป็นต้น ซึ่งมันสุดยอดแล้วในความเป็นมนุษย์ แล้วก็รวมกันเป็นสังคม เพราะฉะนั้น ความเป็นชาวอโศกจึงเป็นจุดหนึ่งในโลก จุดเล็กๆ ในขอบฟ้ากว้าง แสดงแสงริบหรี่ๆ แล้วเป็นของจริงไม่ดับหรอก แต่ใครจะเห็นแสงริบหรี่ได้ก็เป็นดวงตาของเขา เขาก็จะเห็นว่าต้องมาดาวดวงนี้ เขาจะมาเอง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:32:18 )

จุดแบ่งที่สำคัญคือโลกียะกับโลกุตระ

รายละเอียด

จุดแบ่งที่สำคัญจุดแยกที่สำคัญก็คือโลกียะกับโลกุตระ เศรษฐกิจแบบโลกียะหรือเศรษฐกิจแบบโลกุตระ มันต้องมีความแตกต่างกัน แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย เพราะว่ามันแตกต่างกันอย่างทวนกระแส มันไม่ได้แตกต่างกันอย่างที่ว่ามีมากมีน้อยกว่ากัน หรือแค่มีดีมีชั่วกว่ากัน แน่นอนเรื่องดีนั้น โลกุตระก็ต้องดีด้วย แต่มันเหนือชั้นกว่านั้น คือคนโลกุตระนั้น เรื่องทุกข์เรื่องสุข ไม่เกี่ยงเรื่องทุกข์ และไม่โลภ ไม่ตะกละตะกรามเรื่องสุข 

ถ้าฟังตรงนี้แล้วไม่เกี่ยงเรื่องทุกข์ แล้วไม่ตะเกียกตะกายอยากได้สุข นี่เป็นภาษาไทยง่ายๆ ถ้าเผื่อว่าคนมีความรู้สึกอย่างนี้จริงๆนี่แหละเป็นอาริยบุคคล ซึ่งเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ เรื่องสุขเรื่องทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์นี้  เข้าใจ มันจะมีสภาพที่หนักเหนื่อยลำบาก แล้วเรียกอันนั้นว่า ทุกข์ ก็เราเห็นว่าเหตุปัจจัยหรืองานอย่างนั้น ควรทำ หรือยิ่งสำคัญต้องทำด้วย เราก็ทำ มันยากเราก็รู้ว่ามันยาก ยุคนี้แน่นอนที่สุด คนมันแย่ คนมันกิเลสหนา กิเลสหยาบมาก ช่วยยาก 

แต่คนที่มีบารมี คนที่สามารถรับรู้ธรรมะแล้วก็ทำได้บรรลุได้ ก็มารวมกันอยู่อย่างชาวอโศก มันก็ไม่ยากสำหรับคนที่ได้  หรือที่ยากก็พากเพียรปฏิบัติจนมันง่าย ได้โดยง่ายได้โดยไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 ก็เผากิเลสไปแล้วก็มาได้ สบาย ก็เป็นสัจจะ คนที่ไม่มีสัมมาทิฏฐิหรือว่าเป็นคนที่ต่อต้าน ไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมะที่เป็นโลกุตระได้ ก็แน่นอน ตราบใดเขาก็ยังเข้าใจยากอยู่นั่นเอง มันเป็นธรรมชาติธรรมดา 

จะว่าไปแล้วที่จริงคนโลกีย์เขาก็เหน็ดเหนื่อยหนักหนาสาหัสจะเป็นจะตายกันอยู่ แต่เขาจะเป็นจะตายในเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เขาก็เหน็ดก็เหนื่อยกัน เขาก็แย่งชิง พากเพียร อุตสาหะ สามารถที่จะเก่งกว่ากัน แข่งกัน หาเสียงว่าข้านี่แหละ ตนเองนี่แหละจะเป็นผู้ทำให้คนร่ำรวย อะไรอย่างนี้ อยู่ดีมีสุขกับการมีลาภ เสพลาภ มียศเสพยศ มีสรรเสริญเสพสรรเสริญ สักการะมากมายก็ยิ่งเสพสรรเสริญ สักการะได้ยิ่งๆ แล้วอยู่นานได้ยิ่งๆ ก็เสพมันเข้าไปให้หนักยิ่งๆขึ้น ก็ไม่รู้จักความเสพ เขาไม่รู้จักว่าการสั่งสมลงไปให้จิตนั้น เขายังมีภพมีชาติมีกิเลส ทับทวีหนาขึ้นๆๆ ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หรือ สักการะ ยกย่องกันไป

แต่คนโลกุตระนั้นจะว่าเหน็ดเหนื่อยก็เหน็ดเหนื่อย หนักหนาสาหัสเหมือนกัน แต่คนโลกุตระนั้นก็จะ เป็นการเหน็ดเหนื่อยที่คุ้ม เพราะว่าได้โลกุตระแล้วมันไม่ต้องไปเหน็ดเหนื่อยไม่ต้องไปซ้ำซากกับสิ่งนั้นอีกแล้วมันเลิกเลย แต่ของโลกียะนั้น เขาเสพสมสุขสม ได้ลาภได้ยศมาเสพสม มันไม่มีวันจะจบกิจ มันไม่มีวันที่จะไม่ติดไม่เสพ เพราะเขาไม่ได้เข้าสู่โลกุตระ ไม่เข้าไปสู่ความรู้จักกิเลส แล้วก็เข้าใจด้วยภูมิปัญญาอันยิ่งแล้วล้างกิเลสได้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566  ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 12:18:59 )

จุติ

รายละเอียด

1. ดับ

2. การเคลื่อนไป 

3. การเคลื่อน หรือการตาย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 221

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 138

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 107


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:27 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:29:31 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:53:41 )

จุติวิญญาณ กับ ปฏิสนธิวิญญาณ เป็นอย่างไร

รายละเอียด

สติต้องมีตื่น ต้องมีผัสสะ ต้องมีชาคริยาต้องมีผัสสะ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีสติเต็มทางกาย สติเต็มทางวาจาสติเต็มทางใจ อธิบายซ้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว สติที่ไปอยู่ในใจไม่มีทวาร ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย มันเป็นสติอยู่ในภพ สติอยู่ในกะลาครอบ สติไม่เต็มร้อย มีอยู่ในจิตเท่านั้น ไม่มีเต็มร้อยออกมาข้างนอก มันไม่ชาคริยา   มันไม่ตื่นไม่เป็นสติที่เป็นความตื่น มันเป็นสติที่เป็นความจมอยู่ในที่มืดเป็น สุภกิณหา ไปหลงกิณหา ในที่หลับที่ดับ เป็นฌานหลับตา หนีออกป่าเป็น เดียรถีย์ พระลืมตาแม้ จะต้องเป็นนกแก้วนกขุนทองก็ยังรักษาพยัญชนะไว้อยู่ ยังเป็นจับกังแบกลังทองมาไว้ให้ เพราะฉะนั้นผู้ใดที่รู้ว่าการแบกลังทองนี้มีทองเท่าไหร่ มีตะกั่วหุ้มมาเท่าไหร่ ผู้รู้จะเลือกเอาทองมาจากที่มันหุ้มตะกั่วออกไปเอง 

เป็นวิญญาณที่สืบต่อจากการเคลื่อนไป จุติแล้วก็เป็นการปฏิสนธิ จุติคือการเคลื่อนไป แล้วก็ปฏิสนธิต่อเนื่อง สนธิแปลว่าการต่อเนื่อง สภาวธรรมตรงนี้ เจตภูติ เริ่มเข้าสู่ธาตุรู้ที่จะเป็นวิญญาณ เป็นรายละเอียดของ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ท่านสรุปอภิธรรม 4 ประการ  อาตมาอธิบายจากสัจธรรม พวกคุณฟังแล้วเข้าใจอาตมาก็ไม่สูญเปล่าแต่เห็นใจพวกที่เขาไม่เข้าใจแล้วอาตมาก็เห็นอยู่ว่ามันยากที่คุณจะเข้าใจ ขออภัยไม่ได้ไปดูถูกท่านเขา ผู้ที่เข้าใจได้ก็อนุโมทนาสาธุผู้ไม่เข้าใจก็น่าสงสาร อธิบายผ่านมาบ้างแล้ว ก็สรุปคำนี้ก่อนถามว่าจุติวิญญาณกับปฏิสนธิวิญญาณแตกต่างกันยังไง 

จุติวิญญาณก็คือมันเคลื่อน พยัญชนะคือมันยังเป็นไปอยู่ แล้วมันก็ไม่จบ มันก็ปฏิ คือมันยังเกิดอยู่ตลอดเวลา ปฏิ คือมันยังมีการเกิดการดับ มีสอง มีสภาพทวนไปทวนมาหมุนเวียนไปมา แล้วก็ต่อเนื่องสนธิ อาตมาแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆให้ฟังจากพระบาลี ปฏิสนธิ นี่คือวิญญาณที่ไม่จบ มันเคลื่อนไปแทนที่เคลื่อนไปแล้วจะจบ บางทีเขาแปลจุติว่าตาย มันตายได้ก็เพราะว่า เป็นพระอรหันต์ขึ้นไปก็รู้จักจิตที่เคลื่อนไป พระอรหันต์บางองค์ท่านบอกว่าท่านจะเดินไปตายก้าวที่ 7 แล้วท่านก็จุติตรงนั้นแค่นั้นดับไม่มีสนธิ ไม่มีปฏิสนธิคือจุติอยู่ตรงนั้น ตายตรงนั้น ล้มลงตรงนั้น ขาดใจตรงนั้น 

เพราะฉะนั้นจุติแตกต่างตรงที่จุติซึ่งมันยังเคลื่อนอยู่ ปฏิสนธิคือคุณรู้จักการเคลื่อนที่ต่อ หรือคุณไม่สนที่ต่อ ผู้ดับได้เป็นอรหันต์ก็ไม่ต่อผู้มีอำนาจทางจิตได้แล้ว คิดถึงตรงนี้แล้วพอ หยุดไม่ต่อก็ตัด แต่คุณตัดความคิดของคุณได้ไหมล่ะ หากว่าคุณตัดความคิดของคุณไม่ได้เลยไม่ได้เป็นโสดาบันหรอก คุณก็ไม่ได้อะไรเลย ตัดความคิดไม่ได้เลย ถ้าตัดความคิดได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดีรู้จักจุติ รู้จักปฏิสนธิเข้าใจความแตกต่างระหว่างจุติกับปฏิสนธิไหม มันต่อเนื่องกันอยู่ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 32 จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8(8) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2566 ( 11:46:58 )

จุตูปปาต

รายละเอียด

ความเกิด-ความดับใด ๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 21


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:46:05 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:30:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:53:57 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

1. การระลึกรู้ชาติกำเนิดของผู้อื่น ของสัตว์โลกทั้งหลายอื่นก็ดี

หรือจะระลึกรูแจ้งเห็นจริงในความแท้จริงทั้งหลายแหล่ว่าทุกสิ่งก็คือความหมุน ความวน ความไม่เที่ยง

มีแต่ความเกิดแล้วก็แปรสภาพดับไปจากเดิมไปเป็นอื่น แล้วก็แปรจากอื่นนั้นไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น

2. การรู้ การเข้าใจเรื่องความเกิด-ความดับ

3. ญาณรู้พิเศษลึกซึ้งรู้แจ้งในการเลื่อนจากภพหนึ่งไปเกิดในอีกภพ-หนึ่งของจิต เป็นการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิของสัตว์จริง

รู้ชัดในการเกิด – การตายที่สำคัญยิ่งใหญ่กว่าการเกิด – การตายสามัญ

4. ญาณรู้การตาย – การเกิด 

5. ความรู้แจ้งผลที่เกิดที่ดับ

6. ความสามารถหยั่งรู้การเกิดและการตาย หรือการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญชาติใหม่อีกสภาพหนึ่ง

โดยเฉพาะการเกิดการตายของกิเลส หรือการเกิดการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญ่ชาติใหม่อีกสภาพหนึ่งของจิต 

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 254 , 277

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 270

จากเปิดโลกเทวดา หน้า 35

จากพุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 90 , 107

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:38 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:30:47 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

1. การระลึกรู้ชาติกำเนิดของผู้อื่น ของสัตว์โลกทั้งหลายอื่นก็ดี หรือจะระลึกรูแจ้งเห็นจริงในความแท้จริงทั้งหลายแหล่ว่าทุกสิ่งก็คือความหมุน ความวน ความไม่เที่ยง มีแต่ความเกิดแล้วก็แปรสภาพดับไปจากเดิมไปเป็นอื่น แล้วก็แปรจากอื่นนั้นไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น

2. การรู้ การเข้าใจเรื่องความเกิด-ความดับ

3. ญาณรู้พิเศษลึกซึ้งรู้แจ้งในการเลื่อนจากภพหนึ่งไปเกิดในอีกภพ-หนึ่งของจิต เป็นการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิของสัตว์จริง รู้ชัดในการเกิด – การตายที่สำคัญยิ่งใหญ่กว่าการเกิด – การตายสามัญ

4. ญาณรู้การตาย – การเกิด 

5. ความรู้แจ้งผลที่เกิดที่ดับ

6. ความสามารถหยั่งรู้การเกิดและการตาย หรือการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญชาติใหม่อีกสภาพหนึ่ง โดยเฉพาะการเกิดการตายของกิเลส หรือการเกิดการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญ่ชาติใหม่อีกสภาพหนึ่งของจิต 

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 254 , 277

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 270

จากเปิดโลกเทวดา หน้า 35

จากพุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 90 , 107

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:43 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:31:49 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

1. การระลึกรู้ชาติกำเนิดของผู้อื่น ของสัตว์โลกทั้งหลายอื่นก็ดี หรือจะระลึกรูแจ้งเห็นจริงในความแท้จริงทั้งหลายแหล่ว่าทุกสิ่งก็คือความหมุน ความวน ความไม่เที่ยง มีแต่ความเกิดแล้วก็แปรสภาพดับไปจากเดิมไปเป็นอื่น แล้วก็แปรจากอื่นนั้นไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น

2. การรู้ การเข้าใจเรื่องความเกิด-ความดับ

3. ญาณรู้พิเศษลึกซึ้งรู้แจ้งในการเลื่อนจากภพหนึ่งไปเกิดในอีกภพ-หนึ่งของจิต เป็นการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิของสัตว์จริง รู้ชัดในการเกิด – การตายที่สำคัญยิ่งใหญ่กว่าการเกิด – การตายสามัญ

4. ญาณรู้การตาย – การเกิด 

5. ความรู้แจ้งผลที่เกิดที่ดับ

6. ความสามารถหยั่งรู้การเกิดและการตาย หรือการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญชาติใหม่อีกสภาพหนึ่ง โดยเฉพาะการเกิดการตายของกิเลส หรือการเกิดการเคลื่อนจากสัญชาติเดิมไปสู่สัญ่ชาติใหม่อีกสภาพหนึ่งของจิต 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร ? หน้า 254 , 277

ทางเอก ภาค 3 หน้า 270

เปิดโลกเทวดา หน้า 35

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 90 , 107

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:48:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:58:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:54:19 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

ทบทวนสิ่งที่เราปฏิบัติมาคุณทำให้กิเลสมันดับ กิเลสมันเกิดขึ้น ก็รู้ว่ามันเกิดและคุณก็ทำให้มันดับ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:31:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 16:38:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:54:35 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

รู้เห็นการเกิด การดับของจิตที่ดับเชื้อกิเลส แล้วเกิดเป็นสัตว์เทวดาหรืออาริยสัตว์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 14:29:27 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:54:51 )

จุตูปปาตญาณ

รายละเอียด

ก็เตวิชโช ไม่จำเป็นต้องมาหลับตาแต่ละนึกถึงอดีตได้ แล้วเจาะลงสู่ จุตูปปาตญาณ มีญาณรู้การเกิดการดับ เกิดเป็นตัวตน เกิดทางความนึกคิด เกิดเป็นความรู้ก็ได้ เมื่อมันเกิดขึ้น เราก็ตรวจสอบได้ว่าเคยเกิดเป็นอย่างไร เกิดเป็นความคิดเกิดเป็นความจำทุกคนได้ความจำนี้ได้ที่ใช้อันนี้โดยสัญชาตญาณจากความจำทั้งนั้นของตนเอง เป็นสัญชาตญาณ ที่รู้ขึ้นมาโดยฝังไว้ในสัญญาในความจำ จึงเรียกว่าสัญชาติ เกิดจากความจำได้เป็นคลังความรู้ของสัตว์ สัตว์เดรัจฉานก็มีสัญชาตญาณ เป็นคนก็มีสัญชาตญาณ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 09:53:31 )

จุลศีล 26 ข้อ

รายละเอียด

ปฏิบัติให้ดีไม่ถึง 26ข้อหรอกเป็นอรหันต์ได้ เอาแค่ 5 อย่างครบ เป็นอรหันต์ได้ ศีล 3 ข้อก็เป็นอรหันต์ได้แต่ไม่บริบูรณ์ต้องมาเรียนกายวิญญัติ วจีวิญญัติที่ลึกซึ้ง

ศีลจุลศีล ปฏิบัติเป็นหลักเพื่อบรรลุส่วนตน ส่วนมัชฌิมศีล ขยายให้เป็นแนวทาง ขยายจาก จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:34:31 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:55:16 )

จุลศีล 26 ข้อ สำคัญอย่างไร

รายละเอียด

ใน 26 ข้อของจุลศีลก็มีแง่มุมให้ปฏิบัติ คนที่แย่ที่สุด ต้องปฏิบัติถึง 26 ข้อถึงบรรลุอรหันต์ แต่คนที่ไม่แย่เกินไป ปฏิบัติศีลไม่กี่ข้อไม่ถึง 26 ข้อก็บรรลุอรหันต์ได้ บางคนแค่ศีลข้อเดียวก็บรรลุอรหันต์ได้ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าคัดสรรมาแล้ว เป็นวิธีการคัดเลือก อย่างจริงๆเลยนะ concise ท่านคัดเลือกมาแล้วเป็นสูตรที่เหมือนกวีที่คัดมา การแต่งกวีก็ต้องเอาคำที่เรียงอย่างคัดสั้น ให้ได้ความเยอะ เหมือนทุกวันนี้กล่องนิดเดียว ให้ได้ข้อมูลมากเป็นล้าน gb เป็นต้น ที่พระพุทธเจ้าท่านมีวิธีของท่านแม้จะตั้งหลักเกณฑ์ของศีล สมาธิ ปัญญา จุลศีล 26 ข้อนี้อาตมาว่าสมบูรณ์แล้ว แต่คนไม่เข้าใจแล้วไม่มีศีลแล้วด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 10:53:42 )

จุลศีล ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล

รายละเอียด

จุลศีล ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล

    1. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรามีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     2. เธอละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่เขาให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     3. เธอละกรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกลเว้นขาดจากเมถุนอันเป็นกิจของชาวบ้าน แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     4. เธอละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง.

     5. เธอละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้นเพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     6. เธอละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก

จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     7. เธอละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์โดยกาลอันควร แม้ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

     8. เธอเว้นจากการพรากพืชคามและภูตคาม.

     9. เธอฉันหนเดียว เว้นการฉันในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาล

    10. เธอเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรีและดูการเล่น อันเป็นข้าศึกแก่กุศล

 11. เธอเว้นขาดจากการทัดทรงประดับ และตบแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอมและเครื่องประเทืองผิว อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว.

  12. เธอเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่.

  13. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน.

  14. เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ.

  15. เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ.

  16. เธอเว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี.

  17. เธอเว้นขาดจากการรับทาสีและทาส.

  18. เธอเว้นขาดจากการรับแพะและแกะ.

  19. เธอเว้นขาดจากการรับไก่และสุกร.

   20. เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา.

   21. เธอเว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน.

   22. เธอเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้.

   23. เธอเว้นขาดจากการซื้อการขาย.

   24. เธอเว้นขาดจากการโกงด้วยตราชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่องตวงวัด.

   25. เธอเว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง.

   26. เธอเว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.ข้อสุดท้ายละเอียดมาก ทุจริตกันเล็กๆ น้อยๆ หรือหยาบถึงขนาดฆ่ากันหรือจองจำไว้ แม้แต่ตีชิงไปปล้นกรรโชกก็ไม่เอา ถ้าศึกษาตามข้อต่างๆในจุลศีล 26 ข้อ คุณปฏิบัติให้สัมมาทิฏฐิดีๆ ไม่ถึง 26 ข้อหรอก คุณเป็นพระอรหันต์ได้จริงๆ ขอให้สัมมาทิฏฐิเถอะ แม้แต่ศีล 5 ข้อ 3 ข้อก็เป็นพระอรหันต์ได้เพราะอีก 2 ข้อจาก 5 ข้อก็เป็นวจีกรรมมโนกรรม ก็เป็นตัวลึกซึ้งของ 3 ข้อแรก รวมแล้ว 3 ข้อหลักปฏิบัติให้ครบถ้าเข้าใจอย่างวิจิตรพิสดาร เข้าใจอย่างลึกซึ้งขยายความได้หมด เกี่ยวกับสัตว์ในโลกข้อที่ 1 เกี่ยวกับของกับพืชข้อที่ 2 วัตถุพืชดินน้ำไฟลมกับพืช ข้อ 3 เกี่ยวกับตาหูจมูกลิ้นกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:16:45 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเป็นยอดนักประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ในเอกภพไม่ใช่แค่ในโลกนะ ท่านเองพาผู้มาอยู่ในธรรมนูญของท่านมีหลักเกณฑ์คือ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ท่านตั้งมาสามกฎเกณฑ์นี้ตั้งแต่ต้น ทุกวันนี้พระไม่ถือศีลกันแล้ว แต่ไปถือเอาพระวินัย227 ข้ออย่างเดียว มีแต่สมณะชาวอโศกเอาจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ 

จุลศีลมันเป็นศีลที่แต่ละคนนำมาปฏิบัติให้แก่ประโยชน์ของตนเอง

ส่วนมหาศีลอันเป็นประโยชน์ของศาสนา จึงเป็นศีลที่ใหญ่ของศาสนา ต้องละเว้น 

ในมหาศีล ละเว้นหมดแล้วศาสนาจะยิ่งใหญ่บริสุทธิ์ผุดผ่องมีคุณค่าสูงส่ง

แต่ทุกวันนี้ไม่ละเว้นกันส่วนใหญ่จะเป็นเดรัจฉานวิชาเป็นไสยศาสตร์กันทั้งนั้น ทุกวันนี้ในวงการศาสนาพุทธกระแสหลักเต็มไปด้วยเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ ตามที่ท่านห้ามไว้ในมหาศีลมันก็เลยหมดถ้ามีความเสื่อม เสื่อมจนอาตมาอยู่ร่วมด้วยไม่ได้ ไม่ได้เสื่อมแค่มหาศีลแต่เสื่อมไปถึงจุลศีล มัชฌิมศีล มันก็เลยลำบากเช่นปาราชิก4

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 07:45:44 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:12:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:55:38 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

รายละเอียด

จุลศีล เป็นศีลส่วนตัวที่ต้องปฏิบัติ มัชฌิมศีลก็ปฏิบัติส่วนตัว แต่ละเอียดกว่าจุลศีล แต่มหาศีลเป็นศีลองค์รวมของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:22:18 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:25 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:55:54 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

รายละเอียด

“มหาศีล” คือศีลของหมู่กลุ่ม ท่านให้ละเว้นอย่าให้มี แต่ทุกวันนี้พุทธกระแสหลักเขาไม่ปฏิบัติศีลข้อนี้แล้ว พระพุทธเจ้าท่านให้เวรมณีมาแล้ว แต่เขาเต็มกันไปในศาสนา 

แม้แต่ “มัชฌิมศีล” หมายถึงสิ่งที่จะต้องอยู่กับชีวิตต้องละเว้น จะบอกว่าสำคัญก็สำคัญเพราะมันจะต้องอยู่ในสังคมอยู่ในความเป็นมนุษย์ของสังคม มัชฌิมศีลทั้ง 10 ข้อ ก็เรียนรู้ลดละลงมาอีก 

ยิ่ง “จุลศีล” แต่ละคนปฏิบัติในแต่ละข้อไม่ถึง 26 หรอกปฏิบัติให้สัมมาทิฏฐิเถอะ ปฏิบัติอย่างน้อย 5 ข้อ ที่จริงท่านแยกจุลศีลไว้ 1 2 3 4 แล้วขยายจุลศีล 5 6 7 8 ตั้งแต่ข้อ 5 ท่านก็ขยายเป็นคำพูด ขยายเป็นวาจาไว้ 4 ข้อ( 5 6 7 8) แล้วก็จาก 8 ไปก็อยู่ในพฤติการพฤติกรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:12:50 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีกล่าวไว้ที่ไหนในพระไตรปิฎก

รายละเอียด

ส่วนจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลนั่นมีในพระสูตรเล่มแรกเลย จุลศีลมี 26 ข้อ มัชฌิมศีลมี 10 ข้อมหาศีลมี 7 ข้อ ศีลนั้นอธิบายโดยย่อ

ศีลข้อ1 สมาธิ กับปัญญาก็อยู่ที่ศีลข้อ1 วิมุติ วิมุติญาณทัสนะก็อยู่ที่ศีลข้อ1 มันมีทั้งหมด แต่เขาไม่เข้าใจว่า ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต วิมุตติญาณทัสสนะในศีลข้อที่ 1 เป็นอย่างไร เมื่อคุณไม่รู้ก็ทำไม่ได้สักอย่าง สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะก็ไม่ได้ เพราะคุณไม่รู้ว่าในศีลข้อที่ 1 นั่นแหละมีทุกอย่าง

ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของกับพืช ของคือวัตถุดินน้ำไฟลมกับพืช อันแรกสัตว์ทั้งหมดก็มีสัตว์ในโลกก็มีสัตว์กับดินน้ำไฟลมอากาศกับพืช

ศีลข้อที่ 3 เรามีความรู้สึกเรามีผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ กับสัตว์ ผัสสะกับของ กับพืช เท่านี้แล้วก็มีครบแล้วในโลกแล้วปฏิบัติให้มีสมาธิปัญญาวิมุตติวิมุตติญาณทัสสนะ จบเลยศาสนา จากนั้นก็เอาไปพูดอยู่ที่วจีกับมโน ศีลข้อที่ 4 คือวจี ศีลข้อที่ 5 คือมโน

ดังนั้นที่ว่า มหาเถรสมาคมแม้แต่ท่านพุทธทาสก็ไม่เอาเรื่องของจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลแล้วก็ถือว่าหมดไปเลย แม้แต่หมอประเวศ วสี ก็แยกเลย หากจะศึกษาเรื่องศีลก็ไปสันติอโศกหากจะศึกษาเรื่องสมาธิก็ไปที่ธรรมกาย หากจะศึกษาเรื่องของปัญญาก็ไปที่สวนโมกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

 สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีที่ไหนในพระไตรปิฎก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:45:00 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แตกต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

หมวดจุลศีล ใช้ปฏิบัติ มัชฌิมศีล ใช้ปฏิบัติละเอียดยิ่งขึ้น ส่วนมหาศีลนั้นเป็นหมวดที่อย่าไปปฏิบัติ เลิก เป็นเดรัจฉานกถา เดรัจฉานวิชชาทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:24:15 )

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

มีความผิดเพี้ยนไปๆที่บอกว่าพระภิกษุถือศีล 227 ข้อซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่ผิดจริงๆแล้ว 227 ข้อคือพระวินัยมีข้อลงโทษเหมือนกับกฎหมายแต่ศีลของพระพุทธเจ้าคือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แต่เดี๋ยวนี้ไม่ปฏิบัติกันแล้วของเถรสมาคมวงการศาสนาพุทธจึงได้ละเมิดศีลหมดแล้วมีเดรัจฉานวิชาต่างๆนานาสารพัดเต็มไปหมดที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ อันนี้ควรเป็นสิ่งที่ควรเว้นขาดเวรมณีพวกนี้ แต่พวกเขาไม่เว้นมีกันเยอะเต็มไปหมดเลย อาตมาพูดเรื่องจริงนะต้องพูด เพราะว่าเราเป็นชาวพุทธ ถ้าตราบใดที่ยังเรียกว่าศาสนาพุทธเราจะต้องมีเมตตาช่วยกันขัดเกลาช่วยกันแก้ไขสิ่งที่ผิด เตือนกันอย่างแรง เป็นแต่เพียงว่าอย่าหาเรื่องมาฟ้องร้องกัน อย่าหาเรื่องทะเลาะวิวาทกัน อาตมาก็ไม่ทำลายมีแต่ตำหนิแรงๆตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าที่มีคำภาษาบาลีว่าปฏิกโกสนา ค้านอย่างแรงอย่างจังเต็มที แต่อย่าไปฟ้องร้องกันทำร้ายทำลายกัน แต่ใช้ปากหอกมุขสตี อาตมาทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าทุกอย่าง  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 09:48:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:56:20 )

จุลศีล มี 26 ข้อ

รายละเอียด

จุลศีล มี26 ข้อ

1.     ภิกษุในธรรมวินัยนี้ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาสตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง

2.    เธอละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่เค้าให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่

3.    เธอละกรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกลเว้นขาดจากเมถุนอันเป็นกิจของชาวบ้าน

4.    เธอละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐานควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก

5.    เธอละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้นเพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าว หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ให้คนพร้อมเพรียงกัน

6.     เธอละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รักจับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมาก รักใคร่ พอใจ

7.    เธอละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนดประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร

8.    เธอเว้นขาดจากการพรากพืชคามและภูตคาม

9.     เธอฉันหนเดียว เว้นการฉันในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาล

10.  เธอเว้นขาดจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล

11.  เธอเว้นขาดจากการทัดทรงประดับ และตบแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอมและเครื่องประเทืองผิว อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว

12.   เธอเว้นขาดจากการนั่งการนอนบนที่นอนอันสูงใหญ่

13.    เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน

14.    เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ

15.    เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ (โทษหนัก กิเลสลึกและหยาบกว่ารับธัญญาหาร)

16.    เธอเว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี

17.    เธอเว้นขาดจากการรับทาสีและทาส (สตรีเป็นเรื่องกาม แต่ทาสีทาสาเป็นเรื่อง อัตตา อัตตา ลึกกว่ากาม ที่จริงต่ำหยาบกว่ารับกุมารี แต่อัตตาใหญ่กว่าเป็นเจ้า)

18.    เธอเว้นขาดจากการรับแพะและแกะ (เอานมหรือขนมาใช้)

19.     เธอเว้นขาดจากการรับไก่และสุกร (กินเนื้อมันเลย)

20.   เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา (อันนี้เอาใช้แรงงาน ที่จริงดูเหมือนเบานะ ไม่ได้กินเนื้อมันด้วย ทำไมอยู่ข้อ 20 ไม่กินนม ไม่กินเนื้อมันแล้ว แต่อย่าไปกินแรงมัน ละเอียดลึกซึ้งขึ้นอีก)

21.   เธอเว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน (ได้นะ ที่ดินไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่พืช ไม่มีบาป ไม่มีเวรยิ่งกว่า ช้าง โค ม้า และลา)

22.  เธอเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้ (อันนี้ทูตกรรมคือ รับจ้างอย่างน้อยได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็มี)

23.   เธอเว้นขาดจากการซื้อ การขาย (มันเจ๊านะ แม้แต่ของราคาเท่ากัน มันก็เจ๊า ของราคาไม่เท่ากัน แต่ตามแต่ตกลงกัน ช้าง 1 ตัว แลกเกลือ 1 เม็ด ก็จบได้ เพราะได้ตกลงกันแล้ว ซื้อขาย คือ การแลกไปแลกมา ของพวกเราคือ รับใช้ไม่รับจ้าง ให้ไปแล้วให้แรงงาน ความรู้ไปแล้วก็จบ ไม่แลกเปลี่ยน ไม่สาเปกโข)

24.   เธอเว้นขาดจากการโกงด้วย ตราชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่อง ตวง วัด

25.  เธอเว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง

26.   เธอเว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:05:08 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:16 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:56:45 )

จุลศีลพระพุทธเจ้า ภิกษุห้ามเลี้ยงสัตว์

รายละเอียด

บอกแล้ว ใคร อยู่ในชุมชนอโศก ให้เอาแมวออกไปจากหมู่บ้านชุมชนอโศกเอาไปเลี้ยงที่บ้านเขา  อย่ามาเลี้ยงอยู่ในนี้ บอกแล้วไง หากจะเลี้ยงก็เอาไปเลี้ยงข้างนอกอย่ามาเลี้ยงอยู่ในนี้ อาตมาออกจะเข้มในเรื่องนี้เพราะว่าวิบากที่มีมันก็มากอยู่ แล้วไปสร้างวิบากกับสิงสาราสัตว์อีกทำไม เนื้อสัตว์ก็ไม่กินแล้วก็เป็นเรื่องดีแล้ว แล้วไปสร้างทำไมตื้นๆ แค่เลี้ยงสัตว์ ในจุลศีลพระพุทธเจ้าท่านบอกไว้เลยว่าภิกษุห้ามเลี้ยงสัตว์ เอามาเลี้ยงทำไม ท่านจัดหมวดหมู่ไว้ หมวดที่พึ่งพาอาศัยคนและนม หมวดที่เอามากินเนื้อมันเลย หมวดที่เอามาใช้แรงงาน ก็เคยอธิบายให้ฟัง ห้ามไปเกี่ยวข้องเลยกับสัตว์นี่ จะเอามาอาศัย อาศัยกินนมมัน อาศัยขนมันก็ไม่เอา หรืออาศัยกินเนื้อ เช่น ไก่และสุกรไม่เอาแน่อนอน แม้แต่เอามาใช้แรงงานช้าง มา ลา โค เป็นต้น พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรมวิบากทำความเข้าใจให้ดีๆเราจะได้หลุดพ้นจากวิบากกรรมต่างๆ หลุดพ้นจากสิ่งที่ไม่ควรจะต้องไปมีไม่อย่างนั้นมันก็ช้านานอีก สัตว์ที่ยกตัวอย่างมา 2 3 ตัว แม้จะเกี่ยวกับสัตว์จะเอามาเป็นประโยชน์หรือเกี่ยวเนื่องเป็นวิบากอะไรก็ไม่ควรทำ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:10:27 )

จุลศีลเป็นเครื่องชี้วัดการลดกิเลสได้

รายละเอียด

เอาอะไรเป็นเครื่องชี้วัดลดกิเลสได้ของพุทธ เอาจุลศีล ศีล 5 8 10 อยู่ในจุลศีล มี 26 ข้อ ไม่ถึง 26 ข้อก็เป็นอรหันต์ได้ ศีล 5 หากเข้าใจอธิศีล อธิจิต อธิปัญญาก็เป็นอรหันต์ได้ ศีล 8 ก็เป็นอรหันต์ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันที่ 18 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:41:01 )

จุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม

รายละเอียด

จุลินทรีย์ก็เป็นพลังงานที่เก่งมาก ต้องแบ่งเป็นพวกจุลินทรีย์ แบ่งเป็นจุลินทรีย์แบบขาวกับแบบดำ แบบขาวก็คือแบบเป็นประโยชน์ แบบดำก็คือเป็นโทษจากจุลินทรีย์ก็มาเป็นรา จากขาวมาเป็นดำ แยกแยะอันนี้เป็นโทษอันนี้เป็นคุณ หมู่ที่เป็นประโยชน์ก็เป็นขาว เป็นโทษก็เป็นดำ

เมื่อจุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม จิตนิยามถึงขั้นเป็นเวไนยสัตว์ ก็ไม่ไล่เรียงแต่เซลล์เดียว จนมาเป็นเวไนยสัตว์ที่พูดกันรู้เรื่อง พวกที่พูดกันไม่รู้เรื่องสอนกันไม่ได้จะให้ไปสอนจุลินทรีย์ไม่ได้แน่ แม้ว่ามันจะเป็นจิตนิยามแต่มันไม่รู้เรื่องหรอก ต่อให้มันมีเซลล์มากมายใหญ่โตเท่าปลาวาฬ เท่าช้างก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แม้จะรู้เรื่องบ้างอาตมาก็ไม่ไปเสียเวลาสอนช้าง คนเอาช้างมาสอนและใช้ประโยชน์ได้บ้างก็ทำ แต่อาตมาไม่เอาแล้วมาสอนคน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561  แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:20:49 )

จุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม

รายละเอียด

จุลินทรีย์ก็เป็นพลังงานที่เก่งมาก ต้องแบ่งเป็นพวกจุลินทรีย์ แบ่งเป็นจุลินทรีย์แบบขาวกับแบบดำ แบบขาวก็คือแบบเป็นประโยชน์ แบบดำก็คือเป็นโทษจากจุลินทรีย์ก็มาเป็นรา จากขาวมาเป็นดำ แยกแยะอันนี้เป็นโทษอันนี้เป็นคุณ หมู่ที่เป็นประโยชน์ก็เป็นขาว เป็นโทษก็เป็นดำ

เมื่อจุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม จิตนิยามถึงขั้นเป็นเวไนยสัตว์ ก็ไม่ไล่เรียงแต่เซลล์เดียว จนมาเป็นเวไนยสัตว์ที่พูดกันรู้เรื่อง พวกที่พูดกันไม่รู้เรื่องสอนกันไม่ได้จะให้ไปสอนจุลินทรีย์ไม่ได้แน่ แม้ว่ามันจะเป็นจิตนิยามแต่มันไม่รู้เรื่องหรอก ต่อให้มันมีเซลล์มากมายใหญ่โตเท่าปลาวาฬ เท่าช้างก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แม้จะรู้เรื่องบ้างอาตมาก็ไม่ไปเสียเวลาสอนช้าง คนเอาช้างมาสอนและใช้ประโยชน์ได้บ้างก็ทำ แต่อาตมาไม่เอาแล้วมาสอนคน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:20:49 )

จุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม

รายละเอียด

จุลินทรีย์ก็เป็นพลังงานที่เก่งมาก ต้องแบ่งเป็นพวกจุลินทรีย์ แบ่งเป็นจุลินทรีย์แบบขาวกับแบบดำ แบบขาวก็คือแบบเป็นประโยชน์ แบบดำก็คือเป็นโทษจากจุลินทรีย์ก็มาเป็นรา จากขาวมาเป็นดำ แยกแยะอันนี้เป็นโทษอันนี้เป็นคุณ หมู่ที่เป็นประโยชน์ก็เป็นขาว เป็นโทษก็เป็นดำ

เมื่อจุลินทรีย์ที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม จิตนิยามถึงขั้นเป็นเวไนยสัตว์ ก็ไม่ไล่เรียงแต่เซลล์เดียว จนมาเป็นเวไนยสัตว์ที่พูดกันรู้เรื่อง พวกที่พูดกันไม่รู้เรื่องสอนกันไม่ได้จะให้ไปสอนจุลินทรีย์ไม่ได้แน่ แม้ว่ามันจะเป็นจิตนิยามแต่มันไม่รู้เรื่องหรอก ต่อให้มันมีเซลล์มากมายใหญ่โตเท่าปลาวาฬ เท่าช้างก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แม้จะรู้เรื่องบ้างอาตมาก็ไม่ไปเสียเวลาสอนช้าง คนเอาช้างมาสอนและใช้ประโยชน์ได้บ้างก็ทำ แต่อาตมาไม่เอาแล้วมาสอนคน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561  แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:20:50 )

จูฬสาโรปมสูตร อังคุตตรนิกาย

รายละเอียด

จูฬสาโรปมสูตร  อังคุตตรนิกาย  คือ พระสูตร เล่มที่ 12 ข้อ 353 การสำคัญผิดไปสำคัญว่าดอก ใบ ผล เป็นแก่น

     1. ลาภสักการะ  ชื่อเสียง  เปรียบเหมือน  กิ่งไม้ใบไม้

     2. ความสมบูรณ์ด้วยศีล  เปรียบเหมือน สะเก็ดไม้

    3. ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ  เปรียบเหมือน  เปลือกไม้

     4. ญาณทัสสนะหรือปัญญา  เปรียบเหมือน กะพี้ไม้

    5. อกุปปา เจโต วิมุติ  คือ ความหลุดแห่งใจอันไม่กำเริบ  เปรียบเหมือน แก่นไม้ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:19:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:29:37 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:57:23 )

จ้ดการ “ภวตัณหา” ต้องลืมตามีทวาร 6 เต็มๆ ตื่นๆ

รายละเอียด

ซึ่งผู้จะกำจัด “ภวตัณหา” นั้นก็ไม่ใช่จะ “หลับตา” ปฏิบัติ ก็ยัง “ลืมตา”

ตามเดิมอยู่นั่นแหละ การจะกำจัดกิเลสขั้น “รูป” ก็ดีขั้น “อรูป” ก็ตาม ก็ล้วนปฏิบัติ “ลืมตา” ที่มี “ทวาร 6” อยู่ครบทั้งนั้น  

ไม่มีการปฏิบัติ “หลับตา” กำจัดกิเลสเลย ไม่ว่า “รูปฌาน” และ “อรูปฌาน” มีแต่ “ลืมตา” ปฏิบัติทั้งนั้น ไม่ว่ากิเลสใน “รูป” หรือใน “อรูป” ที่เรียกกันว่า การปฏิบัติ “รูปฌาน 4-อรูปฌาน 4” นั่นแหละ เพราะ “ฌาน” ของพระพุทธเจ้าเกิดจาก “จรณะ 15 วิชชา 8”

“ฌาน” ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เกิดจากการ “หลับตา” ปฏิบัติ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 392 หน้า 284


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 15:49:06 )

ฉ. อาหารรูป 1

รายละเอียด

14. กวฬิงการาหารจนถึงวิญญาณาหาร  คนก็มีอาหาร กวฬิงการาหาร ทำให้ชีวิตยาวยืนได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 14:27:12 )

ฉกามาวจร

รายละเอียด

ลักษณะที่เป็นอยู่ของกิเลสกามซึ่งเลื่อนไปตามลำดับถึง 6 ชั้น หรือวิสัยของกามทั้ง 6

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 227


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:07:59 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:33:55 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:40:48 )

ฉล หรือ สล

รายละเอียด

หก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 618


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:08:30 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:34:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:41:20 )

ฉลาด คือ

รายละเอียด

ฉลาดก็คือ ฉฬายตนะ ตาหูจมูกลิ้นกายใจทำงาน 5 คู่ กับ 6 คู่ข้างใน ข้างใน-มโน มนายะตนะ  กับธรรมายะตนะ คู่สุดท้าย คุณก็ทำ ทำอันโน้น เรียนรู้อันโน้นให้ดีก็แล้วกัน  ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำราพิชัยสงคราม พรหมชาลสูตร ตอน 1 วันพุธที่ 20 กันยายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2566 ( 12:27:52 )

ฉลาด ในภาษาไทยมาจากคำว่า ฉฬายตนะ

รายละเอียด

ฉ หรือ ฉฬ แปลว่า 6 

ฉ มันก็คือตัวรู้ ส่วน ฬ คือ ตัวมโหฬารที่สุดของเศษวรรค 

ย ร ล ว ส ห ฬ ตัวรอจุฬาใหญ่มโหฬารเขื่องหรูที่สุดอลังการที่สุด บ่งบอกตัวเต็มที่สุดของ 6 คือเต็มด้วยอายตนะ 

ฉฬายตนะ กร่อน มาเป็นภาษาไทยก็คือคำว่า ฉลาด 

ฉลาด ในภาษาไทยมาจากคำว่า ฉฬายตนะ กร่อนไปเป็น ฉลาด 

หลายคนฟังแล้วอาจจะบอกว่า อาตมาใช้ปฏิภาณเก่งมาก พูดไปเอง ไม่มีในหลักวิชาที่เขาเรียนเลย เขาเรียนไวยากรณ์ วจีวิพากษ์ วากายะสัมพันธ์ อาตมาไม่ได้เรียนด้วย แต่อาตมาก็เอาสภาวะมาพูดไปตามพยัญชนะของอาตมาเท่าที่รู้ บางทีก็เอามาเรียกผิดบ้าง ถูกบ้างเขาก็ท้วงมา ก็ยอมรับไม่มีปัญหา เอาให้ถูกอย่างที่เขายึดถือกันก็ได้ อาตมายังไม่เก่งก็ผิดบ้างไม่เป็นไร ให้มันถูกตรงกันแล้วก็จบ อาตมาไม่ได้ดื้อดึงดัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 21:33:52 )

ฉลาดกับเฉกะต่างกันแยกกันคนละขั้ว

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก พรุ่งนี้ก็จะเลยไปเป็นแรม 11 ค่ำแล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 11 มันไปเรื่อยๆ จะมีอะไรลืมกันไปเรื่อยๆ ปีเถาะ 

ปีกระต่าย มาเริ่มกันที่ เมื่อกี้นี้ ไปดูโทรทัศน์บุญนิยมเรามา มีสาวตาบอดมาร้องเพลงมองเห็นพระเจ้าอยู่หัว แต่เธอตาบอด แต่เธอเห็นพระเจ้าอยู่หัว คนตาดีนึกว่าตนตาดีนึกว่าตนเฉลียวฉลาด ที่จริงคุณไม่มีความฉลาดคุณมีแต่ เฉกะ ไม่มีความฉลาดคุณมีแต่ เฉกะ ที่ยิ่งใหญ่หลงตัวเอง หลงตนเองว่ามีความรู้ 

คำว่าฉลาดกับ เฉกะ ต่างกัน มันแยกกันไปคนละขั้วเลย เฉกะคือความรู้ ที่เป็นความรู้ชนิดหนึ่งที่ชาวเทวนิยมเป็น ถ้าไม่ใช่ชาวพุทธที่สัมมาทิฏฐิจริงๆ จะไม่มีความรู้เป็น ฉฬายตนะ หรือฉลาด

ฉลาดในภาษาไทยเป็นคำกร่อนมาจาก ฉฬายตนะ จาก ต.เต่า มาเป็น ด.เด็ก กร่อนหายไป เหลือฉลาดตัวเดียว ถ้าสะกด ฉ ฉิ่ง ล.ลิง สระอา ต.เต่าก็อ่านฉลาด ภาษาบาลีไม่มี ด.เด็ก 

นัยสำคัญที่อาตมาแยกพวกนี้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่คนเขาฟังแล้วก็เผินๆ เขาเข้าใจไม่เห็นความสำคัญในความสำคัญ เขายังภูมิไม่ถึง ยังไม่ฉลาด ยังไม่เฉลียวฉลาดเพียงพอที่จะรู้ว่านี่เป็นความสำคัญในความสำคัญ 

เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่ได้สนใจ ยังไม่มีความฉันทะยินดีในคำสอนที่อาตมาสาธยายอธิบายอยู่ ยังไม่เห็นความสำคัญ ยังไม่เห็น ชัดๆ ก็คือยังไม่เห็นความวิเศษที่มันถูกต้องยิ่งยอด เขาจะยังไม่เห็นเขาจะดูถูกดูแคลนอาตมาอยู่ ยิ่งเขาไปศึกษาในสำนักที่มีอาจารย์ใหญ่ๆ เป็นที่ยอมรับทั้งยูเนสโก ยอมรับทั้งสหประชาชาติ ยอมรับทั้งของเทวนิยมที่ใหญ่ๆ องค์กรยิ่งใหญ่ของโลกอะไรพวกนี้ แม้แต่ Nobel Prize ของ Noble ด้วยนะ

Noble เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าสำคัญยิ่งยอด Nobel Prize รางวัลชั้นยอดเขายกให้โนเบล Nobel เป็นชื่อคน เป็นมิสเตอร์โนเบลที่ค้ากระสุน ระเบิด จนรวยเละเลย ค้าพวกกระสุนระเบิด ดินปืน พวกนี้ จนกระทั่งเป็นเศรษฐีใหญ่มีกองทุนมากมาย แล้วก็ไปลงทุนเอาไว้จนกระทั่งออกดอกออกผล ทุกวันนี้ยังแจกเป็นรางวัลทั่วโลกกันอยู่ ยังไม่จบเลย รวยมหาศาล 

เขาจะมองสันติภาพแบบโนเบล มองสันติภาพแบบรางวัลโนเบิ้ลของโนเบล เขาจะยังไม่รู้สันติภาพแบบพุทธ สันติภาพแบบของศาสนาพุทธที่เป็นอเทวนิยม ที่มีปัญญาและมีความสงบ มีความไม่เบียดเบียนอันสมบูรณ์แบบ มันชัดนะทางโน้นทำเครื่องระเบิดเบียดเบียนสัตว์ในโลก แต่ของพุทธนี่ ไม่เลย ไม่มีมิจฉาวณิชชาในเรื่องนี้เลย ไม่มีการค้าการขาย ไม่มีการสร้างสิ่งเหล่านี้มาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่เลย อันนี้เป็นนัยสำคัญที่ลึกซึ้งมาก อาตมาไม่ได้นัดแนะกันนะ กับภาพ insert 

เขาเป็นพ่อค้าความตาย รางวัลสันติภาพ Alfred Nobel เขาเป็นเจ้าของกองทุนนี้เลย เกิดที่สวีเดนเสียชีวิตที่อิตาลี เท้าความไป คนที่มีความรู้เก่งกว่าอาตมาคงจะรู้ ความรู้รอบตัวพวกนี้อาตมาขอยอมรับว่าอาตมามีความรู้รอบตัวอื่นๆ ใดๆ น้อย ไม่ใช่น้อยมากนะแต่น้อยๆ นิดๆ ไม่ใช่น้อยมาก น้อยนิดๆ เลย อาตมาขอยอมรับอย่างเดียวว่าอาตมามีความรู้ทางด้านโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ขอยืนยันขออภัยที่ต้องพูดความจริง ว่าอาตมามีอันนี้มากที่สุดในยุคนี้ อาตมาพูดความจริงนะอันนี้ จำนนที่ต้องพูดความจริง จำนน จำเป็น จำต้อง จำใจ ที่ต้องพูดคำนี้ เพราะว่าอายุอาตมาก็ใกล้ 90 แล้ว คนที่ใกล้ตายจะพูดความจริงทั้งนั้นไม่มีอะไรตลบตะแลงหรอก

เพราะฉะนั้นในยุคนี้จึงเป็นยุคที่มันต้องมีความรู้ ที่เป็นโลกุตรธรรมเพิ่มขึ้น เพราะมันเกิด ที่มันเกิดอีกแหละต้องพูดความจริง จำนน จำเป็น จำต้อง จำใจ จำยอม ที่จะต้องพูดความจริง ว่าอาตมาเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำเอาโลกุตรธรรมขึ้นมาประกาศในยุคนี้ อาตมาเป็น สยังอภิญญา เป็นผู้ที่มีความรู้ของตนเองแล้วเป็นอภิญญาของตนเองแล้ว เป็นความรู้ยิ่งของพระพุทธเจ้าในตนเองแล้ว เกิดมาก็เอามาด้วย ไม่มีครูบาอาจารย์อื่น เพราะครูบาอาจารย์อื่นไม่มีแล้วที่มีโลกุตรธรรม มันเสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอาณิสูตร ในพระไตรปิฎก ล.16 [672] 

คนที่ศึกษาติดตามก็จะรู้ว่าอาตมาก็พยายามมีที่อ้างที่อิงอยู่เสมอ ก็ศึกษากันดีๆ อาตมาก็ยังเห็นว่ามันเกิดความจริงขึ้นแล้วในประเทศไทย ในมนุษย์พุทธศาสนิกชนคนไทย จำนวนหนึ่ง แม้จะน้อย ก็เป็นเรื่องของสัจจะที่เกิดแล้วเกิดเลย มั่นคงยั่งยืนด้วยขอยืนยัน เป็นปึกแผ่นแน่นอน เป็นเอกีภาวะ แล้วมันก็จะขยายผลไป ซึ่งมันยากมันไม่เร็วนักหรอก แต่มันจะต้องขยายเพราะมันจำนนแล้ว มันใกล้กลียุคแล้ว มันจะต้องขยาย อัตราการก้าวหน้าที่มันจะขยายไปได้มากในอนาคตข้างหน้า ตอนนี้ยังน้อย อัตราการก้าวหน้ายัง .0001 .0002 .0005 มันจะถึงหรือเปล่า มันยังขยาย อัตราการก้าวหน้ามันยังน้อยมาก แต่มันก็จะก้าวหน้าไป อัตราการก้าวหน้าจะมีปฏิภาคทวีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ 

อาตมาเชื่อว่าอาตมาตายไปแล้วนั่นแหละ อาตมาคงอยู่ไม่นานเกินกว่า..คนก็พยายามดันไปให้ถึงอายุ 151 ถ้าอาตมาจะดันทุรัง ตอนนี้ 90 ย่าง โอ้โห ก็ต้องปาเข้าไปอีก 60 กว่าปี เฮ่อะ อาตมาทำงานศาสนามา 53 ปี แฮ่กๆ แล้ว อีก 60 กว่าปีนี้ มัน แหม Impossible

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 44 ฌานวิสัยเป็นอจินไตยที่เกิดได้ด้วยจรณะ 15 วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 พฤศจิกายน 2566 ( 05:25:47 )

ฉลาดกับเฉโกเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาโลกุตระ คำว่าปัญญา ก็เป็นโลกุตระอยู่แล้ว มันไม่ใช่เฉโก เฉโกนี้เป็นโลกียะ อันนี้ก็ยังเข้าใจกันยากในนัยยะสำคัญที่อาตมาพยายามแยกให้เห็น  

ความรู้มันมี 2 อย่าง ในโลกีย์ ความรู้ความฉลาดนี่เขาเรียก เฉโก ขออธิบายตรงนี้นิดหนึ่ง

เฉกะ หรือ เฉโก มาจากคำ “ฉะ” กับ “เอก” คำ ฉะ หรือฉละ นี้คือ 6 เอกนี่คือ 1 ทีนี่คนเข้าใจผิด มิจฉาทิฏฐิไป ไปเอา 6 รวบเป็น 1 มีเฉกะ หรือ เฉโก อันเดียว ไปรวบ 6 เป็น 1 แยก 6 ไม่ออก แยกความรู้ แจกวิภัตติเป็น 6 ไม่เป็น ไม่มีโลกุตรธรรม ไม่มีความรู้ในโลกุตรธรรม ไม่มีความรู้แบบปัญญา ก็เลยได้แต่ เฉกะ หรือ เฉโก อยู่อย่างนี้ตลอดกาลนาน

เทวนิยมที่ไม่รู้จักไม่มีความรู้โลกุตรธรรม มีความรู้เป็นเฉโก อย่างนี้ อาตมาไม่ได้ไปหาความ ไม่ได้ไปหาเรื่องกับเทวนิยมหรือโลกียะหรอกนะ เขาเป็นเช่นนั้นของเขาจริง ตามพยัญชนะก็ระบุทุกอย่าง มีทั้งตำนาน มีทั้งประวัติ มีทั้งพฤติกรรม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

ส่วนปัญญานั้น มันมารู้รายละเอียดหมดเลย แจกออกมาเป็น ฉฬายตนะ จึงใช้คำว่า ฉลาด มันกร่อนมาจากคำ ฉฬายตนะ มาเป็นภาษาไทยคือคำว่าฉลาด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 08:52:09 )

ฉลาดปัญญากับฉลาดเฉโกต่างกัน

รายละเอียด

ฉลาดปัญญากับฉลาดเฉโก ต่างกันที่ฉลาดเฉโกไม่มีความรู้ในการลดกิเลสไม่มีความรู้ที่จะชำแรกจิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้วแยกเวทนาให้ตรง เวทนาที่เป็นโลกียะเรียกว่า “เคหสิตเวทนา” แล้วก็แยกกิเลสได้ เช่น แยกกาย 

ขณะนี้เรากระทบสัมผัส เกิดเวทนาก็เแยกเวทนาได้ 1. เป็นเวทนาแท้ รู้ความจริงตามความเป็นจริง แต่ยังมีอารมณ์หรือมีเวทนาซ้อนแฝง คือ ยังมีกามเข้าไปร่วม ปรุงแต่งอยู่กับเวทนา กลายเป็นความชอบความชัง กลายเป็นรักหรือไม่รัก กลายเป็นความโลภ เป็นโกรธเป็นหลง ก็แยกตัวนี้ออกมาได้ แล้วก็เรียนรู้ตัวนี้ให้จริงว่าแม้แต่ชีวิตที่เรามีอยู่นี้มันก็ไม่มีตัวอัตตาแท้หรอก มันเป็นตัวปลอมมาหลอกเรา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2564 ( 07:34:06 )

ฉลาดอย่างโลกุตระเรียกว่าเป็นปัญญาต่างกับเฉกา

รายละเอียด

การพูดอย่างนี้ อาตมาไม่ได้พูดโดยไม่มีหลักฐานเหตุผลที่ไปที่มา มีหมด มีที่ไปที่มา มีเหตุมีผลมีลำดับขั้นตอน แล้วอาตมาก็แสดงความมีภูมิทางธรรมะ มีธรรมะโลกุตรธรรมอย่างไร อธิบายสาธยายตลอด ถ้าคุณติดตามฟังธรรมะด้วยดี จะเกิดพัฒนาความรู้ทางธรรมะเรียกว่า ปัญญา จะเจริญขึ้นมาได้อย่างมีปัญญา ความรู้ที่ไม่ใช่โลกุตระเขาเรียกว่า เฉกาหรือเฉโก เป็นความฉลาดแบบโลกีย์ แต่ทุกวันนี้เขาทิ้งคำนี้ไปแล้ว เพราะว่ามันเป็นความฉลาดแบบแกมโกง ในพจนานุกรมภาษาไทย ก็ยังแปลเฉโกว่าฉลาดแกมโกง แต่ในพจนานุกรมบาลีไทย เฉโก แปลว่า ความฉลาดเฉยๆ  แต่ในพจนานุกรมภาษาไทย แปลว่าความฉลาดแกมโกง ฉลาดที่เป็นโลกียะไม่ใช่ฉลาดอย่างโลกุตระ หากฉลาดอย่างโลกุตระเรียกว่าเป็นปัญญาต่างกับ เฉกา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:22:10 )

ฉลาดแกมโกงเป็นทั้งทุนนิยมและอำนาจนิยม

รายละเอียด

คนนี้ก็ไปฉลาดแกมโกงซ้อนอีก ไปเอาของเขา ฉลาดแกมโกงมากๆ ก็เก่งวิชาการฉลาดแกมโกง เป็นทุนนิยม เป็นผู้ที่โลภได้มากกว่า ได้มากเอาเปรียบได้มาก มีวิธีซับซ้อน มีค่ายกลซับซ้อนเยอะแยะ มีทั้งอำนาจทั้งเงิน เอาเงินมาฟาดคนจ้างคนมา คิดซับซ้อนรายละเอียดลึกซึ้งอีกอย่างที่เขาเป็น ตามระบบทุนนิยม อำนาจนิยม อย่างเช่น โดนัลด์ ทรัมป์ 

หาเงินมาก่อน แล้วเอาเงินมาสร้างอำนาจทางการเมือง ตอนนี้อำนาจเงินก็ยังคงพอมีอยู่ เหมือนกับทักษิณ อีกหน่อยเถอะ ตอนนี้ก็ร่อแร่ๆๆ ยังไม่ยอมนะ ยังจะสู้ กับผู้แข่งขันในสมัยหน้าอีกตอนนี้อายุก็จะ 74 ปีแล้ว เขาบริหารไปอีก 4 ปีตอนนั้นก็คง 78 ปีส่วน โจ ไบเดน อายุ 78 ปีแล้ว แก่กว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอายุ 74 ปี ถ้าไปอีก 4 ปีก็คงจะ 78 ปีก็คงไม่เอา หรือเอาก็แล้วแต่ก็ต้องสู้กัน ส่วนรองประธานาธิบดีเขาก็ต้องสร้างเครดิตของเขา โดนัลด์ ทรัมป์ ก็อาจจะได้สู้ไปข้างหน้าอีกกับเขา คิดอยู่เหมือนกันจะตายก่อนหรือเปล่า ขออภัยที่พูดตรงๆ ชัดๆ โดนัลด์ ทรัมป์ เอาแน่ เพราะว่าแกหลงในลาภยศสรรเสริญสุข ติด ตายคาเลย แล้วก็ไม่มีหยุดยั้ง ยังมีอวิชชายังจะไปชาติต่อไปอีก ไม่มีหยุดยั้งอะไรพวกนี้ อจินไตย เรื่องของกรรมวิบากพวกนี้ลึกซึ้งค่อยๆ ฟังไปแล้วจะเข้าใจ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:41:38 )

ฉลาดแบบคนเถื่อน เถื่อนตรงไหน

รายละเอียด

ฉลาดแบบไม่อาริยะ ฉลาดแบบมิลักขะ อย่างคนเถื่อน เถื่อนตรงไหน เถื่อนตรงจิตอำนาจบาตรใหญ่ เป็นของข้าคนเดียว นั่นคือสร้างเผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซ้อนเข้าไปในตัวโดยไม่ต้องใช้พยัญชนะ เขาทำ โดยเฉพาะตัวโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวที่แจ๋ที่สุด ชัดเจนมากเลย โดนัลด์ ทรัมป์ นี่ยังนะ ยังจะสมัครแข่งเป็นประธานาธิบดีอีก ยังไม่ได้ยอมจำนนนะโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ดูเขาไป ไม่มีปัญหาหรอก ดูฟรี หนังสด ดูฟรี จะเห็น 

ด้วยความไม่รู้ของเขา เขาควรพอ เขาควรหยุด ควรจะประนีประนอม  ควรจะไม่กระด้างไม่แข็ง แต่เขาไม่ยอม  ด้วยความหยิ่งผยอง ด้วยอัตตาตัวตน นี่ก็คือธรรมชาติ ที่ไม่มีใครไปสร้างเขา แต่เขาทำให้ดูด้วยความจริงของเขา เราก็ได้ดูเหมือนดูหนังกลางแปลง ดูผู้ร้ายกำลังแสดงตัว ให้เห็นชัดเจน หนังเรื่องนี้สร้างดีจังเลย เห็นผู้ร้ายชัดๆ เห็นผู้ร้ายง่ายๆ และชัด  แล้วโหดซะด้วยโง่อีกต่างหาก ทั้งโง่ทั้งโหด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:35:48 )

ฉลาดแบบเฉโก ก็เป็นความรู้ความฉลาดแค่โลกียะ แค่เทวนิยม

รายละเอียด

ในโลก “เทฺวนิยม” ยังไม่มีความรู้ความฉลาดที่เป็น “ปัญญา” เลย “เทฺวนิยม”

มีความรู้ความฉลาดยังเป็นแค่ “โลกียะ” อยู่เท่านั้น

แต่ทุกวันนี้ชาว “เทฺวนิยม” ก็เอาคำว่า “ปัญญา” ไปใช้เรียก

ความรู้แบบ “เฉโก” กันหน้าตาเฉยอย่างสนิทสนมแล้ว

ขอยืนยันว่า “ปัญญา” นั้นเป็น “ความรู้แบบโลกุตระ” ไม่ใช่

“เฉโก” ที่เป็น “ความรู้แบบโลกียะ” เลย “ปัญญา” กับ “เฉโก” นั้น มันเป็น

“ความรู้” กันคนละชนิด-คนละโลก-คนละจิต-คนละ “ธรรม” กันเลย ซึ่งมัน “ทวนกระแส (ปฏิโสตัง)” กัน 180 องศาด้วยซ้ำ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 359 หน้า 264


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:18:32 )

ฉลาดโลกียะ

รายละเอียด

ฉลาดเฉโก เฉกะ ถ่ายเดียว เรียกว่า เฉกะ คือ ฉ. กับ เอก คือถ่ายเดียว คือทวารเดียว ไม่ครบทวารทั้ง 6


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:05:29 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:31:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:42:04 )

ฉลาดโลกีย์ กับฉลาดโลกุตระ

รายละเอียด

คุณใช้คำว่าปัญญาในความหมายที่ผิด จะใช้ฉลาดมันก็ต้องฉลาดเฉโก โลกีย์ไม่ใช่ฉลาดโลกุตระ หากนักวิทยาศาสตร์เอาไปใช้ฉลาดโลกุตระ ก็จะเอาไปใช้ในการเลิกอาวุธ หากจะใช้นิวเคลียร์ก็เป็นนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:22:44 )

ฉฬภิญโญ

รายละเอียด

ผู้มีความเก่งพิเศษ มีความสามารถพิเศษ  ความเก่ง เด่น  ความมากพิเศษ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 323,327


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:09:03 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:35:24 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:42:45 )

ฉฬายตน , ฉฬายตนะ

รายละเอียด

1. รู้มาก ๆ 

2. อายตนะ 6 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 619, วิถีพุทธ หน้า 39


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:09:56 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:38:42 )

ฉฬายตนะ

รายละเอียด

คือ  ความรู้จริง  ซึ่งเป็นความรู้ที่เกิดจาก  ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ  สัมผัส  แล้ว สามารถรู้ได้อย่างยิ่ง  เป็นความฉลาดที่มี อายตนะ คือ ฉฬายตนะ คือความรู้จริง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:28:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:33:26 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:45:49 )

ฉะนั้นต้องรู้เรื่องความต่างของวินัยและศีล

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ศีล ยังไม่รู้เรื่องเลย อย่างศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีศีลของพระพุทธเจ้าเลย จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ไม่รู้เรื่องเลย ก็ยังดีที่มีศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 อยู่นะ นอกนั้นภิกษุไปหลงพระวินัย 227 เป็นศีล บอกว่า อันนั้นเป็นของเล่นของฆราวาส ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 เป็นของเณรของฆราวาสไม่ใช่ภิกษุ ไปโน่นเลย พระภิกษุถือศีลอะไร เขาบอกว่าถือศีล 227 

ความต่างของพระวินัยกับศีลก็ไม่รู้แล้ว ภิกษุ เห็นไหม วินัยเป็น คอมมานด์ เป็นสิ่งบังคับ แต่ศีล เป็นอิสรเสรีภาพ แค่ความต่างแค่นี้ก็ไม่ชัดแล้ว เทวนิยมนั้น คอมมานด์ บังคับ อเทวนิยม อิสรเสรีภาพ แค่นี้ก็ต่างกัน ที่จริงต่างกันนิดเดียวนะ แต่ต่างกันทั้งหมดเลย 0 คือ อนันตัง เห็นไหม นี่คือสัจจะ 2 อย่าง เข้าไปจริงๆ แล้วมันจะเป็นอย่างนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 11:43:01 )

ฉันทสัมปทา

รายละเอียด

ความถึงพร้อมแห่งความต้องการ

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 127


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:10:25 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:39:12 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:46:14 )

ฉันทสัมปทา ในแสงอรุณ 7

รายละเอียด

ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค จิตตัวยินดีเป็นอันแรกในมูลสูตร ต้องมีฉันทะเป็นมูล ถ้าไม่มีความยินดีนะ มันไม่เต็มหรอก ยินดีอยู่อย่างนั้นนิดหน่อยไม่ได้เรื่องหรอก ยินดีต้องอย่างแรงกล้า ยินดีต้องอย่างเต็ม ยินดีอย่างตั้งอกตั้งใจว่าอันนี้ใช่ๆๆ เลย มันถึงจะมีผล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:53:01 )

ฉันทะ

รายละเอียด

คือ  ในมูลสูตรมีฉันทะมีความยินดีเป็นมูล ถ้าการปฏิบัติธรรม ของศาสนาพุทธ คุณไม่มีตัวแรกจริงๆ จะมาศึกษาศาสนาพุทธอย่างยินดี คนที่เป็นคริสต์จะมาศึกษาศาสนาพุทธก็เพื่อความรู้เพิ่มเติม ความรู้ทางศาสนา เขาก็ศึกษาศาสนาพุทธ รู้จักศาสนาพุทธดี บางคนก็กลายเป็นศาสตราจารย์เลย เราเป็นชาวพุทธ เราคล้ายเป็นคนหลงเทิดทูนศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นมาฟัง ก็จะรู้สึกว่า หลงตัวหลงตนยิ่งใหญ่อะไรต่างๆนานา  สมณะโพธิ์รักษ์ ว่าเป็นธรรมชาติที่ศาสนาคริสต์เขาก็หลงในพระเจ้าของเขา ว่ายิ่งใหญ่จริงๆ มันเป็นสัจจะหนึ่งของความคิดเห็นที่จริงเท่านั้นเอง นอกจากคุณจะไม่ศรัทธาสิ่งนั้น คุณจะมีความยินดี คุณจะมายินดี ในศาสนาพุทธบ้าง ถ้าเขาเป็นคนที่มี ความเฉลียวฉลาด มีเหตุมีผลที่มีหลักฐาน หาสัจจะจากความจริงอยู่เขาจะย้ายจากศาสนาอื่นมาอยู่ศาสนาพุทธซึ่งก็มีให้เห็น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:18:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 11:57:58 )

ฉันทะ

รายละเอียด

ฉันทะ คือ ความยินดี  พอใจ ความยินดี  เป็นต้น  ของมูลสูตรหากไม่มีฉันทะเป็นมูลกา  ต้นเค้าก็ยากต้องยินดี  หากฉันทะไม่มีสัก 60 70 80 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปก็ยาก  หากมีฉันทะ  ก็จะมีวิริยะมีสัมประสิทธิ์สั่งสมเป็นจิตตะ  แล้วได้เนื้อแก่นเพิ่มเรื่อยๆ วิมังสา  สมณะโพธิรักษ์เอาสภาวะมาแปลเป็นไทย  คนจะบอกว่าไปแปล วิมังสาไม่ถูก  เขาแปลว่า ไตร่ตรอง  แต่ สมณะโพธิรักษ์ แปลว่า ได้เนื้ออย่างยิ่งเลย ไม่ใช่เนื้อไม่เอา ไม่เอาน้ำเลย “ฉันทะ” อาการยินดี  ยินดีมันพอใจมันใช่อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ควรได้ควรมีเป็นแล้วมีน้ำหนักมากในมูลสูตร อิทธิบาทสุริยเปยยาล

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:34:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:39:01 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:00:26 )

ฉันทะ สำคัญมาก

รายละเอียด

การทำใจในใจ มนสิการ จึงเป็นเรื่องปฏิบัติธรรมแท้ๆ เป็นมูล ในต้นเค้าธรรมะข้อที่ 2 เลย (ในมูลสูตร 10) มีความยินดีเป็นฉันทะข้อที่ 1 มีการปฏิบัติกระทำใจในใจ มนสิการ เป็นข้อที่ 2 มนสิการ ข้อที่ 3 มีผัสสะ (มูลสูตร 10 พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 58)

สำคัญมากเลยแค่ 3 ข้อนี้ ถ้าไม่ยินดี หรือยินดีไม่จริงก็ไม่ได้  ปฏิบัติธรรมโลกุตระไม่ได้ถ้าไม่มีฉันทะ ไม่มีความยินดีจริงๆ ทำเป็นยินดีหลอกๆ ยินดีน้อยๆ ยินดีไม่พอ ไม่สำเร็จ ต้องยินดีเกิน 50% ที่จริงต้องเกิน 75% ขึ้นไป แล้วจะปฏิบัติธรรมได้อย่างดีมาก แต่เราบังคับนี่ความยินดีของคน เขาไม่ยินดีแล้วไม่รู้จะทำยังไง เพราะเขาต้องเกิดจริงในจิต ฉันทะคือเป็นตัวแรกของมูลสูตร 10 เลย เห็นไหมสำคัญมาก 

มูลสูตร 10 มูลเหตุแห่งธรรมทั้งปวง คือ 1. มีฉันทะเป็นมูล (มูลกา) 2. มีมนสิการ (ทำใจในใจ) เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) 3. มีผัสสะ (กระทบสัมผัส) เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) 4. มีเวทนา (ความรู้สึก) เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) 5.…. , 10. มีนิพพาน (การดับกิเลสสิ้นเกลี้ยง) เป็นที่สุด (ปริโยสาน)

ต่อมาก็ต้องทำใจในใจเป็น อาตมาใช้คำว่า ทำใจในใจเป็น ทำใจในใจถูกต้อง ทำใจในใจตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วมันถึงจะเกิด ที่แดนเกิด สัมภวะ หรือ ปภวะ  มันจึงจะเกิดที่ตรงนั้น  เป็นการเกิดทางจิตวิญญาณ โอปปาติกโยนิ 

แล้วต่อจากนั้นแล้วก็มี ผัสสะ ถ้าไม่มีผัสสะก็เลิก ไปนั่งหลับตา ไม่มีผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็โมฆะเลย เลิกได้ มันก็จะต้องย้ำปากเปียกปากแฉะเรื่องนี้อีก 

เอาล่ะ เรื่องมูลสูตร พอ นะเอาไว้แค่นั้นก่อน  ต้องมีผัสสะจึงจะเกิดเวทนา ถึงจะปฏิบัติเวทนา 108

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:31:10 )

ฉันทะ เป็นรากแรกในมูลสูตร 10

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงราก 10 ราก ในมูลสูตร 10 ฉันทะ เป็นรากแรก เรียกว่า มูล เลย (มีฉันทะเป็นมูลกา) แล้วต่อมาก็รู้จัก จิต มาทำจิต เรียกว่า มนสิการ จึงจะเป็นผู้ที่รู้ เป็นแดนเกิด (มีมนสิการเป็นแดนเกิด)  มนสิการ ตัวที่แหล่งจิต มะนะสิ-การทำที่จิต เป็นแหล่งที่มันจะเกิด หรือจะไม่เกิด ถ้าเผื่อผู้ที่รู้จักการทำตายทำเกิดได้เองแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะสามารถที่ทำเกิดๆๆๆๆ ผู้ที่ทำเกิดได้อย่างที่เรียกว่า ทำตายได้แล้ว ที่ยังไม่ยอมตาย ผู้นี้ก็เป็นผู้ที่ทำเกิดได้ตลอดไป ทำเอง ทำที่ใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:50:38 )

ฉันทะ, ฉันโท

รายละเอียด

1. ความรัก ความพอใจ ความต้องการ

2. ความยินดี 

3. ความมุ่งหมาย ปรารถนา 

4. ยินดีต้องการ

5. ความพอใจ 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 298, หน้า 347, ทางเอก ภาค 1 หน้า 128, ทางเอก ภาค 3 หน้า 500, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 77, ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:11:48 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:58:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:01:53 )

ฉันทะหรือความยินดีเป็นมูลกาไปถึงรากของจิต

รายละเอียด

อมตะอยู่ในข้อที่ 9 ของมูลสูตร 10 ฉันทะหรือความยินดีเป็นมูล  เป็นมูลกาเป็นรากเหง้าเบื้องต้นเลย อาการของฉันทะหรือความยินดีจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องลึกซึ้งและมีน้ำหนักยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นผู้ที่เกิดฉันทะลึกซึ้งไปถึงมูลกา ไปถึงรากของจิตเลย ผู้นี้แหละจะเรียนรู้ มนสิการให้เป็นแดนเกิด เป็นสัมภวะหรือปภาวะขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร 10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:16:35 )

ฉันทะอย่างไรไม่งมงายในแสงอรุณ 7 ข้อที่ 3

รายละเอียด

มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี จะพาให้ปฏิบัติศีลเป็นข้อที่ 2 เมื่อปฏิบัติศีลแล้วจะเกิดฉันทะ

ฉันทะ เป็นมูลกา ในมูลสูตร เป็นข้อแรกเลย เพราะฉะนั้นจิตที่เกิดฉันทะ เกิดความยินดี ไม่ใช่เกิดฉันทะความยินดีแบบ นันทิ หรือยินดีแบบอะไรอีกเยอะแยะ ความยินดี ปีติก็ยินดี ไม่ใช่เลย แต่ฉันทะ มันมีความฉลาดความรู้ มันมีปัญญาพร้อม 

มันเป็นมูลเค้าเงื่อนข้อแรกของมนุษย์ เช่น คนนอกศาสนาพุทธมาสนใจศึกษาศาสนาพุทธ แต่เขาก็ฉันทะหรือรักศาสนาเทวนิยมอยู่เต็มรูป เขาไม่ได้มาฉันทะศาสนาพุทธจริง เขาพยายามศึกษา ศึกษาให้ตายคุณก็ไม่เข้าถึงขั้นที่ 2 คือ มนสิการ ของมูลสูตร คุณจะทำใจในใจไม่เป็น ก็ขนาดชาวพุทธยังทำใจในใจไม่เป็น อโยนิโสมนสิการเลย ทำฌาน ก็ไม่ถ่องแท้ ทำสมาธิ ก็ไม่ถ่องแท้ ไม่โยนิโสฯ เพราะไม่สัมมาทิฐิ 

เพราะฉะนั้นเมื่ออโยนิโสมนสิการ คุณยังไม่ได้เป็นโยนิโสมนสิการ เพราะแค่ฉันทะคุณก็ยังไม่กระเตื้อง คุณไม่ได้รักจริง คุณไม่ได้ยินดีจริงๆ แม้คุณจะยินดีก็เป็นความยินดีแบบงมงาย ไปยินดีสมาธิหลับตา ไปยินดีฌานหลับตา ยินดีปฏิปทา ข้อปฏิบัติออกนอกทาง มันก็งมงายไปหมดฉันทะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 05:31:15 )

ฉันทะเป็นต้นทางของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธใช้ความยินดีเป็นตัวนำ ในมูลสูตร 10 ความยินดีเป็นต้นทาง มีฉันทะเป็นมูล ถ้าไม่มีความยินดี ก็ทำมนสิการไม่ได้ จิตใจไม่สามารถทำใจในใจให้เปลี่ยนจิตใจได้ มีจุดยินดีเป็น อัญญธาตุ จะได้ เปิดแง้มด้วยยินดี ไม่ใช่ไปงัดเอา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:03:00 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:02:45 )

ฉันทะเป็นมูล

รายละเอียด

คือ ฉันทะเป็นข้อที่สูงสุดในมูลสูตร 10 คนที่ไม่มีฉันทะในการตั้งใจฟังจะไม่เข้าใจเลย  แม้จะมีฉันทะในการตั้งใจฟังยังจะเข้าใจได้ยากเลย  ดังนั้นถ้าคุณไม่มีฉันทะจิตของคุณจะปิดตลอดกาล  ฉันทะเป็นมูลจึงเป็นข้อที่สูงสุดในมูลสูตร 10  มีต้นที่สุดกับปลายสุด  ปรินิพพานเป็นปริโยสาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:40:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:08:07 )

ฉันทะเป็นมูลกาสำคัญอย่างไร

รายละเอียด

อาการของความยินดีนี่ มันเป็นอาการที่สำคัญมาก ฉันทะเป็นมูลกา ความเจริญด้านในความเป็นมนุษย์ ถ้าหากคุณไปยินดีในมิจฉาทิฏฐิก็ไปกับเขา คุณมายินดีในทางถูกสัมมาทิฏฐิก็มาทางนี้ มันก็เป็นสัจจะของมัน ความยินดีจึงเป็นตัวกลางๆ ที่จะไปยินดีกับอะไร ยินดีกับที่ผิดหรือยินดีกับที่ถูก แล้วก็ไม่มีใครที่จะตัดสินได้จริงเท่าเรา ตัวเราเป็นตัวเด็ดขาด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:15:35 )

ฉันทะในมูลสูตร 10 ข้อที่ 1

รายละเอียด

มูล แปลว่า รากเค้า รากต้นเค้าทั้ง 10 อย่าง 10 ขั้นตอนยิ่งใหญ่มาก เริ่มต้นตั้งแต่ความยินดี ฉันทะเป็นมูลกา ข้อแรก โอ้โห ยิ่งใหญ่ 

พวกเราชาวอโศก แม้แต่ไม่ถึงชาวอโศกหรอก พวกเดียรถีย์สายอาจารย์มั่น เขาก็เอาจริงเอาจัง แต่มิจฉาทิฏฐิก็ตาม แต่ลึกๆ แล้ว ศาสนาพุทธนี้ยิ่งใหญ่ ก็รู้ จึงมีฉันทะ แต่เป็นฉันทะที่มันไม่สว่าง ฉันทะแบบมืดๆ ยินดีอย่างไม่เปิดเผย ไม่กระจ่าง ไม่ละเอียด ไม่มีสภาวะรองรับครบ เพราะว่าเป็นการปฏิบัติแบบมืดๆ เป็นศาสนามืดๆ มันก็เลยไม่กระจ่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:59:40 )

ฉัพพัณณรังสี

รายละเอียด

คือ รัศมี 6 ประการที่ออกไปจาก “ทวาร 6” ของคน คนผู้นี้มี “ฉัพพัณณรังสี” แผ่ออกไปให้ผู้อื่นรับด้วยๆได้ทั้ง 6 ประตู

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:25:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:17:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:10:03 )

ฉัมภิตัตตะ

รายละเอียด

จิตฝ่อ จิตมีความหวั่น จิตเกรง จิตลดกล้าจากปกติเต็ม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 241


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:12:22 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:39:44 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:11:06 )

ฉายา

รายละเอียด

เงา , ชื่อที่ตั้งกันเล่น ๆ

หนังสืออ้างอิง

จากพุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 171


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:08 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:40:29 )

ฉายาขวานจักตอก

รายละเอียด

มันก็ต้องพูด ไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะต้องเตือนเขา คนที่เข้าใจได้ดีก็จะเลิก เขารู้สึกตัว แต่ถ้าไม่รู้สึกตัวก็จะกลายเป็นผู้ที่ฝืน และกระทำที่สิ่งที่ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ก็เป็นเหมือนโจรที่ทำลายศาสนาพุทธอยู่ อาตมาก็พยายามที่จะให้ฆ่าความเป็นโจรด้วยหอก  หอกของอาตมาหักไปหมดแล้วไม่ใช่แค่ 300 เล่มแต่ไม่รู้กี่พันเล่ม 1 เล่มแล้วหักไปแหลกหมดเลย ไม่เป็นไร อาตมาก็ค้นหาหอกมาอีก ออกจากปาก มุขสตี แทง หักก็หัก หามาใหม่อีก อาตมาไม่หมดหรอกหอก คือให้เขาได้ประโยชน์ ไม่มีความปรารถนาร้าย มีแต่ความปรารถนาดี อาตมามีฉายาว่า ขวานจักตอก หรือว่า สายฟ้าในวาทะ แต่ที่แท้แล้วเขาก็บอกว่าหลุกหลิก เหมือนลิง เป็นภาษาที่ยืนยันสภาวะ ใครที่ไม่ติดในเรื่องภายนอก กลั่นเอาเนื้อในได้ คนนั้นก็ได้สาระ  ที่อาตมาทำ อาตมาจะยังไม่เลิกสิ่งเหล่านี้ อาตมายังต้องใช้ข้อด้อยของอาตมาทั้ง10ข้อนี้อยู่ ด้วยความเห็นว่า มันเหมาะสมกับกาละ บุคคล ฐานะ สังคม คนฐานโลกีย์หยาบๆ มันเหมาะที่สุด ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ ต้องทำ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:44:52 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:42 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:12:45 )

ฉายาขวานจักตอก

รายละเอียด

ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องอะไรพ.ศ 2513 – 2514 อาตมาแสดงธรรมก็ยอมรับกันอยู่ แต่มันแรง กระทบสัมผัสที่เขาก็ผิดกันเยอะ แล้วอาตมาก็พูดแรง พูดไม่ไว้หน้าเลย ทุกวันนี้อาตมาก็ไม่ได้เปลี่ยนCharacter อะไร พูดเปรี้ยงๆอย่างนี้แหละ จนได้ตั้งฉายาว่าขวานจักตอก จักตอกเล็กๆ แต่ใช้ขวาน ก็มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) แต่อันนี้ชื่อพิมพ์ ตำแหน่งเดียวกันคือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มหาพิมพ์) ทั้งสองรูป ไม่ได้เป็นสังฆราชแต่เป็นระดับสมเด็จ ท่านก็ปรามมา บอกฝากมาที่อุปัชฌาย์สอนอาตมามีเท่านี้ บอกว่าเทศน์อย่าหนักอะไรนักสมเด็จท่านฝากบอกมา

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:02:47 )

ฉายาขวานจักตอก

รายละเอียด

ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องอะไรพ.ศ 2513 – 2514 อาตมาแสดงธรรมก็ยอมรับกันอยู่ แต่มันแรง กระทบสัมผัสที่เขาก็ผิดกันเยอะ แล้วอาตมาก็พูดแรง พูดไม่ไว้หน้าเลย ทุกวันนี้อาตมาก็ไม่ได้เปลี่ยนCharacter อะไร พูดเปรี้ยงๆอย่างนี้แหละ จนได้ตั้งฉายาว่าขวานจักตอก จักตอกเล็กๆ แต่ใช้ขวาน ก็มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) แต่อันนี้ชื่อพิมพ์ ตำแหน่งเดียวกันคือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มหาพิมพ์) ทั้งสองรูป ไม่ได้เป็นสังฆราชแต่เป็นระดับสมเด็จ ท่านก็ปรามมา บอกฝากมาที่อุปัชฌาย์สอนอาตมามีเท่านี้ บอกว่าเทศน์อย่าหนักอะไรนักสมเด็จท่านฝากบอกมา

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:02:47 )

ฉายาขวานจักตอกเป็นไฉน

รายละเอียด

อาตมาพูดธรรมะ ไม่ได้ไปกดขี่ดูถูกดูแคลนยกตนข่มท่าน ไม่ใช่ แต่โวหารลีลาการพูดของอาตมาเป็นเช่นนี้ มันไม่ค่อยนิ่มนวล ไม่ค่อยไพเราะ ไม่ค่อยจะชี้ชวนอะไร มีแต่ผ่า จึงได้รับฉายาว่า ขวานจักตอก มันสับโป๊กๆๆ เลย แต่มันเป็นจักตอกได้อย่างไรไม่รู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:23:00 )

ฉายาพ่อเฒ่า หมายถึงอะไร

รายละเอียด

ฉายาพ่อเฒ่า ฟังแล้วก็รู้สึกดีนะ เท่ดี ฟังดูแก่ อาตมาก็จะได้พยายามพากเพียรอย่าให้แก่ให้หนุ่ม สรีระร่างกายหนุ่มแต่อายุมากขึ้น ความแก่เฒ่าก็เป็นไปตามเวลาอายุ แต่แท้จริงตัวเองทำได้ไม่เฒ่าไม่แก่ตามที่ควรจะเป็น พ่อเฒ่า หมายถึงผู้คงแก่เรียนก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:42:55 )

ฉีกหน้ามาร ความสุขนี้แท้ๆ แล้วเป็น มายา คือ มาร

รายละเอียด

ผู้จะมี “ปัญญา” ก็ต้องมี “แม่ (มาตา)” คือ “สิริมหามายา” ที่ให้กำเนิด “พระพุทธเจ้า” ผู้เป็นเจ้าของ “ปัญญา” และเป็นเจ้าของ “โลกุตรธรรม” ซึ่งอุบัติขึ้นมาเพื่อเปิดเผย “ความรู้-ความจริง” สุดยิ่งยอดใหญ่นี้ โดยการฉีกหน้า เปิดเผยความเป็น “มาร” ต่อชาวโลก

แต่นั่นแหละ “ชาวโลก” ทั้งหลายก็ยังยากมากที่จะเชื่อว่า 

“ความสุข” นี้แท้ๆ แล้วเป็น “มายา” คือ “มาร”!

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 22 หน้า 56


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 14:30:43 )

ฉุกใจฉุกคิด

รายละเอียด

อาตมาพูดนี้เป็นหลักความจริงเป็นสัจธรรมไม่ใช่การถล่มทลายมหาบัว ก็จะไปถล่มทำไมเพราะว่ามหาบัวตายไปแล้วเราจะพูดซ้ำซากทำไม แต่พวกคุณลูกศิษย์สิ ควรฉุกใจฉุกคิดแล้วทำความเข้าใจให้ดีๆอาตมาจะไปด่าทำไม อาตมาไม่โง่ทำสิ่งไม่ดี ด่าไม่ดี ข่มไม่ดีแล้วอาตมาจะไปทำทำไม มหาบัวมีหมู่พวก แต่หมู่พวกเป็นพระป่า พระในเถื่อน แต่อาตมานี้บรรยาย แม้แต่ฆราวาสพวกเราก็เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์อยู่ในเมือง แต่ของเขามันอยู่ในป่าไม่รู้จักหรอกแต่ของเรารู้จักโลก โลกวิทู และก็ช่วยโลกโลกานุกัมปา เพราะมีจิตที่เป็นโลกุตระ ตั้งแต่สายนั่งหลับตาอาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น เป็นเดียรถีย์ทั้งนั้น คนอุบลฯทั้งนั้น อาจารย์เสาร์เป็นอาจารย์ของอาจารย์มั่น อาจารย์มั่นเป็นอาจารย์ของมหาบัว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:08:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:30 )

ฉุดให้ศาสนาพุทธฉิบหายเพราะทอดผ้าป่าและกฐิน

รายละเอียด

แค่ความจริงที่ว่าทอดผ้าป่าทอดกฐินคุณก็ยังมองไม่ออกว่าคืออะไร แต่ที่นี่ชาวอโศกไม่มีการทอดผ้าป่าทอดกฐินเลยสักครั้งเดียว ตั้งแต่อาตมาทำงานศาสนามา เคยพยายามจะมีทอดกฐินอยู่ครั้งหนึ่ง พยายามทำ แต่เห็นแล้วว่ามันไม่ได้เรื่องตั้งแต่บัดนั้นจนถึงวันนี้ คนไทยเรื่องทอดกฐินทอดผ้าป่า จริงๆ แล้วคือผ้า แต่เขาไม่มีความรู้สักอย่างทอดกฐินก็ไม่รู้เรื่องทอดผ้าป่าก็ไม่รู้เรื่อง ก็เลยทอดกฐินผ้าป่ายังได้นรกกันอยู่ทุกวันนี้ คนที่ทอดกฐินผ้าป่าอยู่ในศาสนาพุทธก็ได้สร้างนรก- ให้แก่ตัวเองทั้งพระและฆราวาสร่วมกันสร้างนรก กันอยู่ทั้งสิ้น ขอยืนยัน เพราะว่าเลิกได้แล้ว

ผ้าป่าเป็นผ้าที่ไม่รู้จักเป็นผ้าบังสุกุลเป็นผ้าที่เขาทิ้งแล้ว พระท่านเห็นเป็นของทิ้งแล้วก็ไปขอมาใช้ นี่คือพระป่า เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอกผ้าป่ามีแต่ผ้าที่สมมติกัน ยิ่งกฐิน คือสะดึง ไม่มีพระที่ไหนเขาทำสะดึงกันแล้ว แล้วก็เก็บเอาผ้าบังสกุลหรือผ้าป่า เอามาเย็บที่สะดึง จนเต็มเป็นผืนแล้วถ้าเอามาใช้ เดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้วสักอย่าง มันไม่ได้หมายถึงเงินทองเลย แต่ทุกวันนี้พูดถึงผ้าป่าพูดถึงกฐินก็คือเงินทอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องนอกศาสนาพุทธนอกรีต ฉุดให้ศาสนาพุทธ ฉิบหาย เพราะทอดผ้าป่าและกฐิน ขอยืนยันแล้วเราก็ไม่เคยทอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:29:43 )

ช. ปริเฉทรูป 1

รายละเอียด

15.อากาสธาตุ=รูปที่กำหนดจะให้ว่าง เรียกว่าเป็นแต่ละกรอบที่คุณจะต้องทำงาน ต้องจำกัดอย่าไปเลอะมากมาย เอาแต่พฤติกรรมศีลข้อ 1 ก่อน คนก็มีวิบากต่อกันมากมาย อย่าเอาไปมีกับสัตว์อีก ต้องตีกรอบการเรียนรู้อย่าให้มันมีนอกนั้นอีก เช่นศีลข้อ 1 เกี่ยวกับสัตว์เท่านั้น ก็ต้องจำกัดอีกว่า สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับมัน เอาแค่คนนี้ก็เพียงพอแล้วมันมีวิบากต่อกันมากมายแล้ว และถ้าฉลาดก็เอาคนที่เกี่ยวข้องกันนี้ ซึ่งมันมีคู่อาฆาตกับคู่รัก ที่แน่นๆที่มีวิบากต่อกันแรงๆก็มี แล้วก็แรงพอๆกัน หรือแรงน้อยลงๆ ก็เอาพอประมาณ ตัวแรงก่อนที่ใกล้ที่เดือดร้อนที่ห่างๆอย่ายุ่งมาก มันไม่เท่าไหร่หรอกก็ปล่อยมันไปก่อนเอาตัวนี้ก่อนรวมพลังมาจัดการตัวนี้ก่อน เรารู้จักจัดปริเฉทรูปก่อน ในปริเฉทรูปก็มาเป็นวิญญัติรูป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 14:28:12 )

ชนะกับแพ้ อะไรเป็นสิ่งดีกว่ากัน

รายละเอียด

ถ้าเรายอมแพ้โดยรู้จักว่าสิ่งนี้ควรจบเรื่องได้แล้ว ควรจบ ควรหยุดได้แล้วแพ้ก็แพ้ ถ้าเผื่อว่าขืนต่อไปมันจะเสียหาย มันจะเกิดการตาย เกิดการชำรุด เกิดการเสียหาย เกิดการเสื่อมโทรม เราก็หยุดเสีย ถ้าแพ้อย่างนี้แล้วดี แต่ถ้าหากยังคิดจะเอาชนะเสียเป็นเสีย พังเป็นพัง ชิบหายเป็นชิบหาย ตายเป็นตายก็ช่างมัน แบบนี้มันเลว ชนะอย่างไรก็เลว 

แต่ถ้าทำสิ่งที่ยากแต่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ควรทำขึ้นมาแล้วเอาชนะมัน ทำไม่ได้ มันทำไม่เก่งทำไม่เป็น ทำจนเป็น ทำจนชนะได้ อย่างนี้แหละ ชนะดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:51:46 )

ชนะด้วยความจริงชนะด้วยความสงบได้เพราะคนไทยมีคุณธรรม

รายละเอียด

สรุปแล้วเรื่องประชาชนปฏิวัตินี้ เกิดในประเทศไทยด้วยความสงบและความจริง “ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ” ชนะด้วยความจริงชนะด้วยความสงบไม่มีอาวุธไม่รุนแรงไม่เคยทำร้ายใคร ซึ่งเป็นอำนาจของโลกุตระเป็นอำนาจของสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์เท่านั้นจะมีสำนึกนี้ มนุษย์เท่านั้นจะมีปัญญาที่รู้ความและสยบต่อคุณธรรม ถ้าคนไทยไม่มีคุณธรรมทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะว่ามวลส่วนใหญ่ของคนไทยมีคุณธรรมจึงทำอย่างนี้ได้สำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:30:08 )

ชนะทุกสิ่งด้วยความบริสุทธิ์

รายละเอียด

ความบริสุทธิ์เท่านั้น  ที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด

สุทธิ  เยว  สกลโลเกสุ  สัพพมาวสาเน  ชิเนติ (ร้อยแก้ว)

สกลโลเกสุ  สัพพัง  ชินาติ  สุทธิวันติเม  (คำฉันท์)

สุทธีวะ  สกลโลเก  สัพพมาวสาเน  ชิเนติ (คำฉันท์)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:52:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:21 )

ชนเหล่าใดไม่พูดเป็นธรรมไม่ชื่อว่าเป็นสัตบุรุษ

รายละเอียด

คำว่า สัตบุรุษ คำนี้ สัตตะ แปลว่า 7 คนที่อยู่ในขีดเขตของ 7 เป็นเรื่องยาก อจินไตย เดาไม่ได้ ชนเหล่าใดไม่พูดเป็นธรรม ชนเหล่านั้นไม่ชื่อว่าเป็นสัตบุรุษ ก็เป็นคำจำกัดความอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 15:23:29 )

ชมคนที่ควรชม ตำหนิคนที่ควรตำหนิ

รายละเอียด

เขาจะวิจารณ์เราก็ได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง ต้องติเตียนกัน บอกกัน สังคมใดไม่มีการติเตือนกันเป็นสังคมไม่มีการเอาภาระเป็นสังคมเลว คำสรรเสริญพระพุทธเจ้าก็บอกแล้วมันไม่ใช่เรื่องดี ไม่มีประโยชน์อะไร เป็นเรื่องไม่พาให้เจริญอะไรได้ คำสรรเสริญไม่ทำให้ละกิเลส บอกว่าเป็นคำต่ำทรามเป็นคำเลวร้ายเป็นของน้อย คำลามกด้วยซ้ำ คำสรรเสริญ​ ซึ่งฟังแล้วคนเขาเข้าใจคนละเรื่องกับที่พุทธเจ้าตรัสไว้เลย มันคนละโลก คนละเรื่องเลย ถ้าเรารู้จักสาระประโยชน์ ต่อสิ่งที่เราจะใช้ เราจะใช้สรรเสริญหรือจะใช้คำตำหนิ ชาตินี้อาตมาชมบ้างตำหนิบ้าง อย่างที่ท่านว่า นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง ชมคนที่ควรชม ตำหนิคนที่ควรตำหนิ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:14:46 )

ชมคนที่ควรชม ยกคนที่ควรยก ข่มคนที่ควรข่ม

รายละเอียด

คนทำดี ก็ควรชมพอสมควร อย่าไปชมกันมากมาย การที่ชมคนที่ทำดีนั้น ในกาลที่ควรชมก็คือสำทับ รับรอง เออ เขาทำดีในกาละอันควรพูด เออ ดีนะ ดีมาก อย่างอาตมาชม พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ชมมากชมมาย แต่เขาก็ว่า ก็มันไม่ค่อยมีคนให้ชมเท่าไหร่ อาตมาก็ชมอยู่ไม่กี่คน ชมในหลวง ร.9 ชมประยุทธ์ อะไรอย่างนี้ เขาก็หาว่าไปชมมาก ก็ชมคนที่ควรชม ยกคนที่ควรยก ตำหนิ หรือข่มคนที่ควรข่ม มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ เอาละ ก็พอเป็นไปตามภูมิตามปัญญาของคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:18:23 )

ชมพูทวีป

รายละเอียด

โลกหรือสังคมคนที่มีสุรภาโว – สติมันโต – อิธ พรหมจริยวาโส

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 200


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 08:15:48 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 15:41:05 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:16:01 )

ชมพูทวีป

รายละเอียด

คือ องค์ประกอบคือ สุรภาวโว สติมันโต  คือคนที่มีสติที่จะเรียนรู้หรือมีสติที่เป็นโพชฌงค์ หรือเต็มๆคือมีสติปัฏฐาน 4 ครบกระบวนการทั้งยวงเลย ครบโพชฌงค์ 7 ครบโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 แล้วก็เกิดผลมาเต็มกระบวนการของโพธิปักขิยธรรม 37 

ที่มา ที่ไป

(630424)


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 14:07:00 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:40 )

ชมพูทวีปคือประเทศไทยคือจุดศูนย์กลางของโลกที่มีพุทธศาสนา

รายละเอียด

จุดศูนย์กลางของโลกที่มีพุทธศาสนา เรียกว่าชมพูทวีปคือประเทศไทย อาตมาก็มาอุบัติขึ้นในประเทศไทย ก็นำโลกุตระนี่แหละมาสถาปนาลงไป ให้เป็นจริง แล้วมันก็เป็นจริงขึ้นมาได้จนมีมวลหมู่ เกิดสังคม เกิดมนุษยชาติเรียกชื่อฉายาว่า ชาวอโศก แล้วก็มาอยู่รวมกันเป็นสาราณียธรรม 6 รวมตัวเป็นสังคม เป็นหมู่บ้าน ที่อื่นเรียกว่าชุมชนไม่ได้จดทะเบียนเป็นหมู่บ้าน ก็เรียกว่าเป็นชุมชน ชุมชนชาวอโศกกับหมู่บ้านชาวอโศก กระจายตัวเป็นชุมชนจริงๆ มีวัฒนธรรม มีสาธารณโภคีทุกชุมชนด้วย ชุมชนเล็กชุมชนใหญ่ ขนาดที่มันเป็นนั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:29:59 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์