@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อย่างไรเรียกว่าเทวดา 3 อย่าง

รายละเอียด

ผู้ที่สะอาดหมดกิเลสหมดความเป็น เทวมาร ความเป็นสวรรค์ เป็นนรก พรหม ที่ท่านแยกเทวะ เป็น 3 อย่าง คือ สมมุติเทพ ผู้ที่อวิชชาก็จะเป็นสมมติเทพอยู่กับสวรรค์นรกอยู่กับพระเจ้าเป็นสุขนิยม ไม่มีกรรมวิบากไม่มีการหมุนเวียนมาเกิด มาเรียนรู้แล้วยังไม่บริบูรณ์ เมื่อเกิดรู้โลกุตระก็เป็นอุบัติเทพ 

เรียนรู้กิเลส จนกิเลสไม่เกิด เป็นเสขบุคคล จนเป็นวิสุทธิเทพเป็นพระอรหันต์ สมมุติเทพก็หมดไปไม่มี เรียกว่าเทวดา 3 อย่าง

เพราะฉะนั้นผู้ใดที่เกิดมาเป็นเสขบุคคล ยังต่อจบตัวเองไม่ได้ ว่าตัวเองมีอุตรจิตแล้ว อนุตรจิตแล้วเป็นจิตที่อยู่เหนือโลกทั้งหมด สิ้นกิเลส ตั้งมั่นเป็นสมาหิต วิมุติ เรียบร้อยตาม เจโตปริยญาณข้อสุดท้าย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:54:26 )

อย่างไรเรียกว่าเป็นเศรษฐศาสตร์ที่สูงสุด

รายละเอียด

ทำแล้วก็ไม่เอามาเป็นของเราอีก ซึ่งมันซับซ้อนนะแล้วสะพัดกระจาย เป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ที่สูงสุด กระจายเผื่อแผ่ออกไป ไม่หวงแหน ไม่แลกเปลี่ยนอย่างเอาเปรียบ อาจจะแลกเปลี่ยนบ้างขายบ้างซื้อบ้าง แต่ขายได้น้อยแจกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสุดยอดของเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์จริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:54:31 )

อย่างไรเรียกว่าเลี้ยงลูกให้รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ให้รู้จักตาย 

รายละเอียด

ลูกมันโตแล้ว บางคนก็ได้ดิบได้ดีเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้ด้วย มันควรจะห่วงพ่อแม่ ไม่ใช่ไปให้พ่อแม่ห่วงลูก คุณต้องหาทาง ไม่เช่นนั้นคงต้องห่วงลูกยึดลูกนั่นแหละ คุณก็ต้องอยู่ปฏิบัติธรรมกับโลกโลกีย์ คนโลกโลกีย์เขาก็ไปเจริญกับโลกปล่อยเขาไปพอสมควร ตามแต่เขา สุดวิสัยก็ปล่อยไปตามยถากรรม เขาไปดีแล้วก็ปล่อย จึงเรียกว่าเลี้ยงลูกให้รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ให้รู้จักตาย 

เมื่อตายแล้วท่านก็ไปตามวิบากของท่าน ยังไม่เป็นอรหันต์ท่านก็ไป ยิ่งท่านเป็นอรหันต์แล้วจะไปอะไรกับท่าน คุณเอาอรหันต์ให้ได้ก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:07:52 )

อย่างไรเรียกว่าเสียสละได้หมดเนื้อหมดตัว

รายละเอียด

ทุกคนรู้ว่าเสียสละเป็นเรื่องดีไม่มีใครเถียงหรอก แต่เป็นแต่เพียงว่าเราจะสละได้หมดเนื้อหมดตัวไม่มีกั๊ก ใครเสียสละได้หมดเนื้อหมดตัวสุดยอด สรุปลงแล้วพระพุทธเจ้าขยายความสูงไว้ว่าก็มาเรียนรู้ที่ตนเองสร้างมาสร้างตนเองให้มีคุณสมบัติ 9  อธิบายไปแล้วนะ หมดเนื้อหมดตัวนี้หมายถึงว่าแม้คุณจะตาย คุณจะต้องตายชีวิตจะต้องตายเสียสละชีวิตให้ได้เลยนั่นแหละสุดยอด เพราะฉะนั้นคนที่มีจิตอย่างนี้ แล้วทำได้จริงอย่างนี้นี่แหละสุดยอดประชาธิปไตย ทำเพื่อมวลมนุษยชาติประโยชน์เพื่อความสุขรับใช้ โลกานุกัมปายะ สรุปรวมแล้ว พระพุทธเจ้าขยายความไว้ว่า ก็มาเรียนรู้ที่ตัวเอง ต้องมาสร้างตัวเองให้มีคุณสมบัติ 9 หลัก 9 ข้อ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:44:25 )

อย่างไรเรียกว่าเอกสโมสรณา ภวันติ

รายละเอียด

เรียน 2 ใน 1 เรียน 1 ใน 2 เทวธัมมา และปฏิบัติที่เวทนา คือ ทวเยน เวทนายะ คือ มี 2 ส่วนที่เรียนรู้อย่างที่อธิบายกันเมื่อกี้นี้ แล้วก็จัดการให้ลงตัวให้เป็นหนึ่งได้ เป็นเอกสโมสรณา ก็ได้ 1 มาจากทุกคู่ เรียกว่าเอกสโมสรณา ภวันติ
ภวันติ คือความเจริญความจบไปทีละขั้นทีละคู่ ก็ได้ไปตามลำดับๆ 

หัวใจของศาสนาการฝึกปฏิบัติจึงอยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 ที่ว่า  ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:48:59 )

อย่างไรเรียกว่าเอกสโมสรณา ภวันติ

รายละเอียด

เรียน 2 ใน 1 เรียน 1 ใน 2 เทวธัมมา และปฏิบัติที่เวทนา คือ ทวเยน เวทนายะ คือ มี 2 ส่วนที่เรียนรู้อย่างที่อธิบายกันเมื่อกี้นี้ แล้วก็จัดการให้ลงตัวให้เป็นหนึ่งได้ เป็นเอกสโมสรณา ก็ได้ 1 มาจากทุกคู่ เรียกว่าเอกสโมสรณา ภวันติ

ภวันติ คือความเจริญความจบไปทีละขั้นทีละคู่ ก็ได้ไปตามลำดับๆ 

หัวใจของศาสนาการฝึกปฏิบัติจึงอยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 ที่ว่า  ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:29:38 )

อย่างไรเรียกว่าเอาศาสนาพุทธมาทำมาหากิน

รายละเอียด

แล้วหาว่าอาตมาเอาศาสนาพุทธมาทำมาหากิน ที่ไหนเล่า อาตมาเอาศาสนาพุทธมาล่าลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขที่ไหน อาตมาทำตามสัจจะไม่มีโลกธรรม มีแต่โลกุตรธรรม คุณก็ไม่รู้ว่าโลกุตรธรรม กับโลกียธรรมต่างกัน แล้วก็มาว่าอาตมา ไปศึกษาให้ดี แล้วตั้งท่าให้ดี แล้วค่อยมาว่าอาตมา คุณยังไม่มีภูมิธรรมจะว่าไป อาตมาว่าคุณยังไม่มีฐานอะไรที่จะมีสิทธิ์มาว่าอาตมาคุณไม่มีความรู้ทางศาสนาพุทธเลยสักขี้ผง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:28:31 )

อย่างไรเรียกว่าโลกุตระ

รายละเอียด

โลกุตระหมายถึง รู้จักกิเลส แล้วลดกิเลสได้ เรียกว่าโลกุตระ แต่ถ้าไม่ได้เรียนรู้ของพระพุทธเจ้า จะมีแต่กิเลสอย่างเดิม ดีไม่ดีกิเลสหนา ถ้ามีความสามารถมากก็ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขมาเสพมาก แล้วเสพติด แล้วมีคนอื่นมาแย่งเป็นสมบัติผลัดกันชม แย่งกัน เป็นการวนเวียนไม่รู้กี่ชาติ แล้วเขาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ตัวเองหรอก ต้องออกมาพบกับโลกุตรธรรม รู้กิเลสแล้วลดกิเลสได้จึงจะเลิกหมุนเวียนอยู่ในโลกีย์ หมุนเวียนสุขๆ ทุกข์ๆ ได้ดีได้ชั่ว วนเวียนอยู่อย่างนั้น

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:15:53 )

อย่างไรเรียกว่าโสดาบันตายจากโลกอบายมุข อบายภพ

รายละเอียด

ผู้เข้าใจพยัญชนะกับสภาวะที่อาตมาอธิบาย หลังอาตมาตายไปแล้ว จะสูญหรือไม่ก็ได้ แต่รู้แล้วว่าตายสูญเป็นอย่างไร ก็จะรู้ได้อย่างไร โพธิสัตว์ก็เริ่มรู้อรหันต์ก็เริ่มรู้อาริยะก็เริ่มรู้ โสดาบันตายจากโลกอบายมุข อบายภพ ที่จะต้องไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง ไปสุขไปทุกข์กับโลกนั้น โลกเล่นไพ่ โลกเล่นการพนัน ยังติดในรูปรสกลิ่นเสียงจัดจ้าน การละครละเม็งเป็นอบาย คุณก็อยู่กับโลกนั้น แต่เมื่อเราปฏิบัติแล้วเราก็เลิก จนจิตเรา เวทนา ความรู้สึกของเราเมื่อไปสัมผัสกับสิ่งนั้นเราก็เกิดเฉยๆ มันยืนยันว่าคุณหมดสุขหมดทุกข์ แม้จะคลุกคลีเกี่ยวข้องกับมัน ถ้าหากเป็นประโยชน์ต่อกันก็เอา แต่อบายไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเราหรอก ของเราดาราแม้สักเศษคนไม่มาหรอก เพราะอาตมาปากจัด ทั้งที่วงการมายาดาราอาตมามีเพื่อนนะ แต่อาตมาไปว่าเขา เขาก็เหม็นขี้หน้าอาตมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:16:00 )

อย่างไรเรียกว่าได้ส่วนบุญ

รายละเอียด

กิเลสมีหยาบ กลาง ละเอียด มีตั้งแต่มันทำอย่างหยาบคายรุนแรงโหด ทำอย่างไม่เข้าท่าเลย จัดการก่อนตามลำดับๆให้มันเพลาลง ก็จึงเรียกว่าได้ส่วนบุญ ได้เบาลงๆ มาตามลำดับ เรียกว่าได้ส่วนบุญ แต่มันก็ยังมีกิเลส กิเลสมันก็ยังไม่หมด กิเลสในบางส่วน ลดลงๆๆ แต่ละส่วนๆ จึงเรียกว่าส่วนบุญ ทีนี้คำว่า ได้ส่วนบุญ ภาษาไทยเหมือนของได้ มันก็หยาบๆง่ายๆว่าได้ แต่ที่จริงมันไม่ได้ มันได้ความสะอาด มันได้ความบริสุทธิ์ มันได้ความเจริญอย่างหนึ่ง เป็นความเจริญทางโลกุตระ อันนี้ก็เป็นภาวะซับซ้อน 

ความเจริญทางโลกีย์มันร่ำรวยลาภยศ เจริญคือร่ำรวยลาภยศ มีมากมายขึ้นมา ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข มันเข้ามาบำเรอ แต่นี่มันเอาออกๆ อ้าว มันก็เข้าใจยากซับซ้อน เพราะฉะนั้น ได้ส่วนบุญ ก็เรียกว่าเข้าใจคำว่า บุญ คือการกำจัดกิเลสออกเป็นส่วนๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:19:37 )

อย่างไรเรียกว่าไม่รักษาทรง

รายละเอียด

เขาเรียกว่า ไม่รักษาทรง ไม่ได้ฝึก ไม่ได้ฝึกมันก็ไป นี่ ผมนี่เป็นคนไม่รักษาทรงเท่าไร ถ้าฝึกนั่งเนสัชชิ จะแกว่ง ถึงจะนั่ง แต่จะแกว่งแบบไม่รู้ตัวหรอก  ไม่รู้ตัว แกว่ง จะไม่รู้สึกตัว ดับ แกว่ง จะไม่รู้สึกตัวหรอก

ไม่รู้เลย แกว่งเลย ไม่ใช่โงกเท่านั้น แกว่ง แต่มันไม่โงก อย่างผมเป็นอย่างนั้น แต่ไม่รู้ตัว อยู่นาน มันไม่ไหว มันก็เป็นสรีระมันฉุดลงไปให้เป็น(หัวเราะ) เป็นได้ กระดกเลย ตีลังกาเลย

ที่มา ที่ไป

 งัวเงีย คือ กิเลสสายดับ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 16:41:58 )

อย่างไรเรียกว่า“แย้งกัน” อย่างไรเรียกว่า“เถียงกัน”?

รายละเอียด

แต่ท่านก็จะสาธยายหรืออธิบาย“อาริยสัจ 4”สู่ผู้อื่นฟัง ซึ่งไม่ใช่การแย้งการเถียง แต่อธิบายสาธยาย“ความแย้งกัน”ของสัจจะให้ผู้อื่นฟัง แต่ผู้ไม่รู้เท่านั้นที่เห็นเป็นว่าท่านยังแย้งยังเถียง ผู้ไม่บรรลุ“อาริยสัจ 4”ที่ยังไม่จบ“ภาวะ 2” ก็จะยังแย้งกัน เถียงกัน เพราะยังไม่จบด้วย“สัจจะอย่างเดียว”แท้จริง

ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว”ได้แท้ และจัดการ“เทฺว”หรือ“ภาวะ 2”ได้ตาม“สัญญา”ของตนเองเท่านั้นคือ ผู้มี“สัจจะอย่างเดียว”กันจริงๆ เพราะทำ“อาริยสัจ 4”ได้สำเร็จ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 190 หน้า 162


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:34:07 )

อย่างไรเรียกสมมุติสัจจะ อย่างไรเรียกปรมัตถสัจจะ!

รายละเอียด

แต่“พระพุทธเจ้า”เป็น“ความจริงชัดเจน” มี“ตัวตน”เป็น “สมมุติสัจจะ”และมี“วิชชา”เป็น“ปรมัตถสัจจะ”ที่“ไม่ลึกลับ”เลยกระจะกระจ่างแจ้งทุกสัจจะ สามารถพิสูจน์“ธรรมะ 2 (เทฺว ธัมมา)”นี้ได้ทั้ง“2 ความจริง”พิสูจน์กันเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นมี“สัมผัส”ของจริงกันเลย ซึ่งละเอียดลออครบ“วิญญาณ-อัตตา”แม้แต่“เทฺว-มาร-พรหม”ก็รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความจริงว่าแตกต่างกันไฉน?  

ศาสนาพุทธ มี“วิชชา”ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“วิญญาณ”ครบทั้ง“เทฺว”น้อยใหญ่ถึงขั้นยิ่งใหญ่สุดกระจะกระจ่างชัดเจน ไม่ลึกลับ “พระพุทธ”จึงเป็น“เจ้า”แห่ง“ความรู้-ความจริง”ในความเป็น“วิญญาณ”และ“อัตตา”ที่ยืนยันได้ จึงไม่ใช่“สิ่งลึกลับ”ฉะนี้ “เจ้า”แห่ง“ความจริง”ในศาสนาพุทธ จึงคือ“พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ซึ่งเป็น“ผู้ตรัสรู้‘ความจริง’ด้วยพระองค์เอง” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 254 หน้า 205


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:10:24 )

อย่างไรเรียกเทวปุตมาร

รายละเอียด

เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สุดยอด แล้วเป็นเรื่องของเทวะของเทพที่มันเหมือน ใช้ภาษาเรียกเทวปุตมาร แต่ไม่ใช่เทวปุตมารที่เป็นมารจริงๆ เทวปุตร หมายถึงผู้ชายนะไม่ใช่บุตรของมารนะ เป็นเทพบุตรที่ไม่ใช่มาร แต่คนจะเห็นว่าเป็นมารปลอมตัวมาหลอก เหมือนอาตมา เขาหาว่าเป็นมารปลอมตัวมาหลอก อาตมาไม่มีความหลอก บอกตรงๆพูดความตรงด้วยซ้ำไป จนเขาหาว่าอวดตัวอวดตน พูดไม่มีอายอะไรเลยบอกว่าตัวเองเป็นคนสูงเป็นคนเก่งเป็นคนดี หน้าไม่อายยกย่องตัวเอง มันก็เลยยาก แต่ก็ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงอย่างไร จริงๆอาตมาไม่ได้อยากจะยกตัวยกตน กว่าที่จะมาบอกตัวตนอย่างนี้ ในยุคแรกๆ บอกว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาก็ประมาณแล้วว่าสังคมยุคนี้ในเมืองไทยเถรวาท อาตมาว่าเป็นโพธิสัตว์นี้เขาไม่ติดใจเพราะเขาไม่นับถือโพธิสัตว์ ฝ่ายมหายานถึงจะนับถือพระโพธิสัตว์มากกว่าอรหันต์ ฝ่ายเถรวาทนั้นถือว่าพระโพธิสัตว์เป็นปุถุชนด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:12:31 )

อย่างไรแสดงถึงความโง่หนักของสังคม

รายละเอียด

ทีนี้สิ่งที่ไม่ได้กดประสาทเลย แต่ล่อประสาทให้ระเริงหลง การละเล่นการบันเทิงเริงรมย์ การกีฬา พวกนี้ เสียเวลา จัดจ้าน ไร้สาระ แต่เขาว่าตัวนี้ยิ่งหลงมันยิ่งมากเลยนะ ตั้งราคาให้นักกีฬา ตั้งราคาให้การละเล่น ตั้งราคาให้แก่นักแสดง หลอกอารมณ์โลภ รัก โกรธ หลง จัดจ้านมากขึ้น ราคาแพงขึ้น แสดงถึงความโง่หนักของสังคม 

สำนักที่ให้แจกตุ๊กตาทองคือสำนักรวมคนโง่ สำนักงอกงามคนโง่ สำนักพยายามที่จะยึดความโง่ของคน ให้แค่นให้แน่นให้มากให้จัดให้จ้านอยู่ตลอดกาล นี่พวกดูแลควบคุมองค์กรตุ๊กตาทองจะมาฆ่าอาตมาไหมนี่ 

เพราะฉะนั้น การที่จะทำให้พลเมืองมามีความรู้ที่จะหลุดพ้นจากไอ้ความเสื่อมต่ำที่เราเทียบเคียงกันไปแต่ละขั้นๆ นี่คือการสร้างพลังงานจิต ให้มันสามารถเป็นสัมมาปฏิบัติ เป็นสัมมาผล ให้ดีงาม 

เพราะฉะนั้น มาเรียกว่า การเมือง ที่จะทำให้คนหรือพลเมือง สรุปเวลาหมดพอดี ให้มาเป็นผู้ที่มีความรู้อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นขั้นที่พวกเราทำกับสังคมโลกนี้ มันเป็นขั้นโลกุตระ พูดกับเทวนิยมเขาไม่รู้เรื่องหรอก ที่อาตมาพูดไปแล้ว พูดแรง พูดชัด พูดจัด ถึงขั้นไปว่าไปด่า องค์กรแจกตุ๊กตาทอง หรือนั่นแหละ แจกรางวัลอะไร แกรมมี่แกรมเมอร์แกรมม่าอะไรก็แล้วแต่ เยอะแยะ ทั้งนั้นแหละ เป็นองค์กรที่มอมเมามนุษยชาติทั้งนั้น ซึ่งมันช่วยไม่ได้เทวนิยมเขาเข้าใจไม่ได้หรอก แต่เมืองไทยก็อย่าไปกระดี๊กระด๊ากับเขามากนัก แต่ก็ไปเป็นกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่จัดจ้านเท่าเขาหรอก นี่แสดงว่าเมืองไทยก็ยังดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2567 ( 11:54:45 )

อย่างไรไม่เรียกนินทา

รายละเอียด

อาตมาเห็นว่าแม้จะเอามาพูดลับหลัง แต่หากกาละ เทศะ ฐานะ ที่สมควรที่จะพูดได้ ในองค์รวมสิ่งแวดล้อมที่ควรจะพูดได้ หรือในโอกาส กาละที่ควรพูดได้ กาละเทศะฐานะ ต่างๆ ข้อสำคัญจิตใจไม่ได้มีการลบหลู่ ข่มในข้อด้อย ข้อไม่ดีที่เราพูดถึงนั้น การพูดถึงข้อไม่ดี ข้อด้อย ของผู้นั้นเอามาพูดจริง แต่จิตเราต้องสะอาดบริสุทธิ์ เจตนาเพื่อเอาเป็นองค์ประกอบในการศึกษา ซึ่งมีคนประพฤติจริง แล้วหากจะสอนแต่ไม่มีใครจริงๆเลยมันก็จะเป็นการสมมติเล่นๆ ให้เป็นการศึกษา จะบอกว่านินทา จะไปตีความเอา แค่พูดลับหลังเท่านั้น มันก็ไม่ครบหรอก นินทามันก็ใช่ แต่ไม่ใช่การศึกษา แต่แค่เอาสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่นมาพูดลับหลังไม่ได้แล้วคุณจะได้ศึกษาครบหรือไม่ ก็ไม่ได้ ข้อด้อยของคนที่ตายไปแล้ว อย่างที่อาตมาได้พูดถึงพระกัสสปะ พระอุบาลี ที่ตายไปหมดแล้ว แต่มีส่วนที่ประพฤติจริง ยืนยันจริง มีคนบันทึกไว้ในหลักฐานต่างๆก็มาพูด เป็นเรื่องเป็นพุฤติการณ์ที่เกิดจริงเป็นจริง เอามาประกอบการศึกษา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:39:13 )

อย่างไรๆ ก็ต้องทำ

รายละเอียด

ถ้าคนโง่เขาจะด่ากลับ ถ้าคนฉลาดเขาจะได้รู้สึกตัว เขาจะได้สติสัมปชัญญะปัญญาเกิด  เพราะฉะนั้นคนโง่เขาก็ต้องด่ากลับแน่นอน  หลวงปู่ก็ด่า มีเหตุปัจจัยมีสิ่งที่จะต้องตำหนิเขาบอกเขา ส่วนคนที่ไม่รับคำท้วงคำตำหนิเลยเขาก็ไม่ฟังหรอก เพราะฉะนั้นคนฟังอยู่นี่ ถ้าเขาทนไม่ได้ก็จะด่ากลับมา ถ้าเขาทนฟังต่อไปต่อไปเขาจะได้เกิดปัญญาจะได้ความรู้เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น อันนี้แหละเป็นประโยชน์ที่หลวงปู่ต้องทำอยู่  ต้องทำ อย่างไรอย่างไรก็ต้องทำ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:50:55 )

อย่าทิ้งงานสื่อสารทางโทรทัศน์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโทรทัศน์จึงเป็นเลือดเนื้อของชาวอโศก ก็ขอส่งสัญญาณนี้บอกไปถึงศิษย์เก่าก็ดี ศิษย์ปัจจุบันก็ดี ให้เห็นความสำคัญของโทรทัศน์เถอะ โดยเฉพาะศิษย์ปัจจุบันนี้ ที่ช่วยงานสื่อสารโทรทัศน์อยู่นี้ อย่าทิ้งงานมากนัก ยิ่งเป็นศิษย์ปัจจุบัน แต่ถ้ายิ่งศิษย์เก่าที่เคยช่วย เคยทำ มีความรู้ความสามารถ ดีไม่ดีไปทำมาหากินในทางบันเทิงด้วย จะมาช่วยได้ก็ขอบคุณอย่างยิ่ง เพราะเราไม่ได้จ้างใคร เป็นเรื่องหัวใจของศาสนาด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:21:16 )

อย่าบอกว่าพ่อครูคือพระสารีบุตรเพราะเหตุใด

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดไปว่า อย่าบอกว่าอาตมาคือพระสารีบุตร เพราะอาตมาเจริญยิ่งกว่านั้น อาตมาก็ได้พูดจริง แล้วอาตมาก็หมายถึงจริงด้วย โดยอาตมาพูดว่า ถ้าอาตมาเป็นพระสารีบุตร องค์ที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้าจริง ใครอย่าว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรนะ ถ้าใครมาว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตร เท่ากับดูถูกอาตมา อาตมาไม่ใช่พระสารีบุตรในยุคโน้นแล้ว เพราะอาตมาเจริญกว่าพระสารีบุตร ตรงนี้ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร ขออภัยฟังแล้วอย่าเพิ่งมีโลหิตร้อนพุ่งออกจากปาก ที่ดูเหมือนคุยตัวเองเหลือเกิน เป็นอย่างนั้น เพราะงั้นใครจะว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรหรือไม่ก็ตาม อาตมาไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นพระสารีบุตร ถ้าอาตมาเป็นพระสารีบุตรก็พัฒนาตัวเองผ่านมาตั้ง 2,000 กว่าปี อาตมาจะเป็นพระสารีบุตรเช่นเดิมหรือ อาตมาว่าเสียเวลาจริงๆ โง่ดักดาน ถ้ายังเป็นพระสารีบุตร อย่ามาดูถูกอาตมาอย่างนั้น 

อาตมาจะเป็นใครก็ตาม คุณฟังธรรมะที่อาตมากล่าว ว่าคืออะไร ศึกษาให้ดีแล้วปฏิบัติตามที่อาตมาพูด แล้วคุณจะรู้ว่าเป็นพระสารีบุตรหรือไม่ ไม่มีปัญหาเลย เอาอันนี้คำพูดคำสอนคำกล่าวที่โพธิรักษ์พูดนี่แหละ ไม่ต้องพระสารีบุตรหรอก ไปยึดมั่นถือมั่นกันไม่เข้าเรื่อง จะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่เห็นประหลาดอะไร เอาปัจจุบันเป็นข้อยืนยัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:40:24 )

อย่าบอกว่าอาตมาคือพระสารีบุตร เพราะอาตมาเจริญยิ่งกว่านั้น

รายละเอียด

การเกิดการตายแม้จะจริง สมมุติว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรจริงตอนนี้มันก็ไม่ใช่ พระสารีบุตรก็ตายเนื้อหนังมังสาจิตวิญญาณก็ผ่านไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทีนี้ แล้วประเด็นที่อาตมาท้วงคือ ถ้าเผื่อว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรจริง แล้วคุณมาบอกว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตร แปลว่าคุณดูถูกอาตมา คือนึกว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรองค์นั้นที่มีความนิ่งความเจริญเท่าเดิมอยู่กับที่ เป็นการดูถูกอาตมา ถ้าอาตมาเป็นพระสารีบุตรจริงก็เท่ากับคุณดูถูกอาตมาว่าอาตมาไม่เจริญขึ้นเลย แน่นอนถ้าอาตมาเสื่อมลงมาไม่เจริญนั่นอีกเรื่องหนึ่ง อาตมาว่ามันไม่อยู่กับที่หรอก มันเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจะบอกว่าอาตมาใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ เพราะจริงๆ แล้วมันได้ 2 อย่าง ไม่ได้พูดเล่นนะใช่ไหม มันจะเป็นได้อย่างไร พระสารีบุตรองค์นั้นกับองค์นี้มันคนละร่างกาย ความรู้ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่เท่าเดิม อาจจะมีแกน แน่นอนแกน ตัวตั้งเป็นคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้น แล้วก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ ไม่ประหลาดที่จะเป็นองค์ไหนก็แล้วแต่ นี่ก็คือประเด็นที่ 1 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:05:51 )

อย่าประมาทกับโรคโควิด

รายละเอียด

ก็อย่าประมาท เราก็พยายามระมัดระวัง ต้องพยายามตัดทางที่มันจะมา ถ้าจะมาก็ว่าไม่ประมาท แต่อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้วถ้ามีกรรมวิบาก มันไม่มีใครอยากเป็นไม่มีใครอยากตายทั้งนั้นหรอก แต่อย่าประมาท

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:43:56 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:13 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:55:53 )

อย่าประมาทแม้แต่สัตว์เซลล์เดียว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาเคยพูดแล้วว่า 

สัตว์ตั้งแต่เซลล์เดียว อย่าประมาท อย่าไปยุ่งเกี่ยว อย่าไปแตะ ตั้งแต่เริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียว ไม่แน่สัตว์เซลล์เดียวตัวนี้ต่อไปอาจจะพัฒนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ คุณตามดูไม่ได้หรอกไม่รู้กี่ล้านชาติ

เกิดมาเป็นเซลล์สัตว์ก็จะพัฒนาการไปจนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่มีใครจะไปทำลายกลางทางได้เลย จะอยู่เป็นล้านๆๆ ชาติทั้งนั้น เวลาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยด้วย ทุกวันนี้เวลามันเร็วเหลือเกิน เดี๋ยววันๆ แก่ไม่ทันแล้วหว่า ทุกวันนี้อาตมาแก่ไม่ทันวัน เดี๋ยวก็หมดวันอีกแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะตายหนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณกินข้าวได้ไหม อย่างไรคือสัมมาทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2564 ( 18:44:01 )

อย่าปรุงแต่งเกินสามเส้าอนุโลมแค่ 1 และ 2

รายละเอียด

ถ้ารู้ว่าเราจะมีบ้างอนุโลมเป็น 1 แค่นั้นก็เหลือแหล่แล้ว จะเป็น 2 บ้างก็พอเป็นไป เดี๋ยวเป็น 3 เป็น 4 เราจะพอใจไปมันก็จะไม่มีที่จบ เราก็รู้จิตของเรา ยังมีมากอยู่นะเราก็ต้องรู้ตัวนะ อย่าให้ตัวผีแทรกๆมา เดี๋ยวก็ยินดีไปตัวมากตัวดี ไอ้นี่มันจะยาก เพราะฉะนั้นอย่าให้มันเป็น จบ มันจึงอยู่ที่ 0 1 2 สามเส้า คุณพักที่ 1 แล้วมาจบที่ 0 อนุโลมไปที่ 2 ปรุงแต่งเป็นสามเส้าก็พอ วัฏฏะสุดท้ายคือ 0 1 2 ก็มีเท่านี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:03:14 )

อย่าปล่อยให้ขณะล่วงเลยไป

รายละเอียด

ดีมาก ผู้หญิงเข้าใจ ยิ่งฟังธรรมมากๆ แล้วยิ่งได้ปฏิบัติเห็นผลจริง และอยู่กับหมู่กลุ่มหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า กัลยาณมิตโต กัลยาณสหายโย กัลยาณสัมปวังโก มันเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้จริงๆ เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์มันสุดยอดแล้ว ท่านก็ตรัสไว้ไม่ยากนะ อาตมาว่าชัดๆ แต่คนมันเข้ามาไม่ได้ก็เข้าใจ ก็เห็นจริง เห็นใจอยู่เหมือนกัน แต่ผู้เข้ามาได้แล้วอย่าพยายามถ่วง พยายามปรับปรุงตนพัฒนาขึ้นไป มันเป็นโอกาส ที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะได้พบอย่างนี้ 

ถ้าเราเองตายไปจากชาตินี้มันไม่แน่ว่าหมาไล่เนื้อคือวิบากบาป มันจะวิ่งไล่ทันตอนที่เราตายไปแล้ว เสร็จแล้วไม่ให้เราเกิดมาเร็ว หรือเกิดมาไปตกอยู่ในหมู่อื่นที่ไม่เข้าหมู่นี้ มันจะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นต้องทำ ทำคะแนนเข้าไว้จนตายไปแล้วหมาไล่เนื้อที่เป็นวิบากบาปไล่ไม่ทัน และจะได้เข้าหมู่อีกมันจะได้พากันไปได้ดี นี่ก็แนะนำไว้ ผู้ใดเห็นว่าเป็นความขวนขวาย ความพากเพียร อย่าปล่อยขณะให้ล่วงเลยไป 

ขณะอย่าล่วงเลยไป ผู้ใดปล่อยให้ขณะล่วงเลยไปจะพากันไปยัดเยียดอยู่ในนรก ขณะนี้ นานแค่ไหนมันนิดเดียวนะ อย่าปล่อยให้ขณะล่วงเลยไป เพราะผู้ที่ปล่อยปละละเลยขณะไป ทำให้ไปตกยัดเยียดอยู่ในนรก สำนวนเพราะ สำนวนดีแต่บางคนเข้าใจได้ยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:20:42 )

อย่าพร่าประโยชน์ตน

รายละเอียด

คือ ปฏิบัติตนอย่าตกล่วงไปจากกุศลธรรม

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 494


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:02:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:51 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:56:19 )

อย่าพร่าประโยชน์ตนเพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก

รายละเอียด

ให้พิจารณาอย่างนี้ ที่คุณอยู่ด้วยนี้ ถ้าคุณมาแล้วเขาอยู่รอดไหม หนึ่ง พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายที่คุณจะต้องรับผิดชอบเป็นทีละคน หรือคนนอก คนนอกคุณจะไปรับผิดชอบอะไรมากมาย แต่ถ้าในแหล่งปฏิบัติธรรมของเรา คุณจะไปดูถูกเขาว่าคุณมาแล้วคุณก็มี อัตตา หากขาดเราแล้วเขาจะแย่ อย่างนั้นเลยหรือ ไม่เป็นอย่างนั้นกระมัง คุณก็ต้องดูความจริงว่าแข็งแรงขนาดนี้อยู่ได้อย่าไปอ่อนแอเกินไป พึ่งพาตนเองได้ขนาดนี้แล้ว เขาก็ต้องพึ่งตัวเองได้แล้ว คุณก็มา ถ้ามาแล้วคุณเห็นมุมที่ดีที่จะก้าวหน้า ก็เอาตัวเองให้รอดก่อน นี่คือความเป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่านที่เราจะต้องพิจารณาอย่างซับซ้อนลึกซึ้ง ความเป็นประโยชน์คือเอาตัวเองให้รอดก่อน ถ้าไม่ถึงที่สุดแห่งตัวเองแล้วคุณต้องให้ตัวเองรอด พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า อย่าพร่าประโยชน์ตนเพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก สั้นๆกะทัดรัดชัดเจน เปรียบตนเองคือเรายังเป็นลูกผีลูกคนยังไม่บรรลุสูงสุด แต่เราเป็นห่วงคนอื่นแล้วเมื่อไหร่เราจะได้บรรลุ คุณต้องเอาประโยชน์ตนให้มีกำลังให้มีสิ่งที่ได้จบจนหมดกิจของตัวเองคุณจะช่วยคนอื่นได้เยอะเลย แต่ถ้าเอาตัวเองไม่รอด ตัวเองก็ยังไม่รอดก็ดึงกันไปดึงกันมาแล้วเมื่อไหร่มันจะได้ ตายหมู่ เอาตนเองให้รอด แล้วจะได้ช่วยคนอื่นต่อ ไปพิจารณา อย่าพร่าประโยชน์ตนเพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก จำคำนี้ไว้ แล้วจะไม่ขัดแย้งกับคำว่าอัตตาหิอัตโนนาโถ โกหินาโถปโรสิยา ตนเองพึ่งตนเองได้เท่านั้นนอกจากตนเองแล้วจะพึ่งใครอื่นเขาได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:06:19 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:06 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:57:40 )

อย่าพร่าประโยชน์ตนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก

รายละเอียด

สรุปความว่า อย่าพร่าประโยชน์ตนเองแม้น้อย แล้วก็ไปอ้างว่าเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นแม้มาก อย่าทำต้องเห็นแก่ประโยชน์ตัวเองด้วย ประโยชน์ตอนนี้สำคัญ อย่ามาอ้างว่าเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แม้จะมีมากก็อย่ามาอ้าง ต้องสำคัญที่ประโยชน์ตนเองเสียก่อน อาตมาก็เคยพูดเรื่องนี้ว่า ประโยชน์ตนเองยังไม่มี ประโยชน์ตนเองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปช่วยผู้อื่น คุณจะเอาอะไรจากที่ตัวเองยังไม่มี เอาหยาบๆง่ายๆ  แหม่.. อยากช่วยคนนี้จังเลยที่เขาจน แต่คุณยังไม่มีทรัพย์เลย คุณต้องไปหาทรัพย์ให้ตัวเองมากพอจึงจะไปช่วยคนอื่นได้ คุณจะไปกู้หนี้ยืมสินไปช่วยผู้อื่นหรือ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอย่างนั้น อธิบายขยายความอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:11:42 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:58:44 )

อย่าพร่าประโยชน์ตนเองเพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก

รายละเอียด

ก็แนะนำอะไรไม่ได้เลย เป็นโครงสร้างบริษัทเขาที่ยิ่งใหญ่ที่จะไปเปลี่ยนแปลงล้มล้างได้ยาก ถึงคุณอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่คุณก็มีน้ำใจนะ อาตมาว่า คุณจะเสียเวลาเปล่ามั้ง อาตมาว่า ไม่รู้จะแนะนำอะไร ข้อมูลแค่นี้ ก็ยังตอบไม่ได้อยู่นั่นเอง แล้วคุณอยู่ในวัยเกษียณแล้วก็ควรจะเอาประโยชน์ตัวเองก่อน พระพุทธเจ้าสอน อย่าพร่าประโยชน์ตนเองเพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก ก็คิดดีๆ พูดได้แค่นี้นะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2563 ( 11:31:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:09 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:59:16 )

อย่าพร่าประโยชน์ตนเองแม้น้อย แล้วก็ไปอ้างว่าเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นแม้มาก

รายละเอียด

ประโยชน์ตอนนี้สำคัญ อย่ามาอ้างว่าเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แม้จะมีมากก็อย่ามาอ้าง ต้องสำคัญที่ประโยชน์ตนเองเสียก่อน อาตมาก็เคยพูดเรื่องนี้ว่า ประโยชน์ตนเองยังไม่มี ประโยชน์ตนเองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปช่วยผู้อื่น คุณจะเอาอะไรจากที่ตัวเองยังไม่มี เอาหยาบๆง่ายๆ แหม่...อยากช่วยคนนี้จังเลยที่เขาจน แต่คุณยังไม่มีทรัพย์เลย คุณต้องไปหาทรัพย์ให้ตัวเองมากพอ จึงจะไปช่วยคนอื่นได้ คุณจะไปกู้หนี้ยืมสินไปช่วยผู้อื่นหรือ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอย่างนั้น อธิบายขยายความอย่างนั้น 

คนที่ได้ประโยชน์ตนเองนั้นคือคนที่ทำให้กิเลสตัวเองลด ไม่ได้หมายความตื้นประโยชน์ตนอย่างทั่วไป ที่เป็นวัตถุ ไม่ใช่อย่างนั้น ประโยชน์ตนคือกิเลสลด ต้องทำกิเลสตนเองให้หมดไปซะก่อนถึงจะช่วยคนอื่น พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ตั้งตนอยู่ในคุณอันสมควรก่อนแล้วสอนผู้อื่นจะไม่มัวหมอง 

หมายความว่าตัวเองจะต้องมีหลักตั้งต้นอันสมควรก่อน ตัวเองจะต้องมีหลัก จะต้องเป็นผู้ที่มีฐานะ เป็นผู้ที่มีที่ยืน ที่ยืนที่ดี ก็คือความจริง ความจริงที่ตัวเองจะสอนเขาว่าให้ลดกิเลส แล้วตัวเองนี้ลดได้บ้างหรือยัง ตนเองยังลดไม่ได้เลย จะสอนคนอื่น แจ้วๆ คนอย่างนี้ก็มีอยู่ เต็มไปหมดแหละ โดยที่ไม่รู้ความจริง

ที่มา ที่ไป

*พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 15 พ.ค.2563 ราชธานีอโศก*...


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2563 ( 05:07:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:50 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:00:10 )

อย่าพูดขอให้ หรือพึงได้เพราะเหตุใด

รายละเอียด

คนเราเป็นเทวนิยมมาก่อนทั้งนั้น แต่ก่อนเคยอวิชชากันมาทั้งนั้น อาตมาก็เคยมาทั้งนั้น ขอให้เป็นตามที่ว่า แหมอวดเก่ง ขอให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อเป็นได้ก็เขื่องเลย เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์เลย ใครขอให้เป็นอะไรก็เป็นได้ เป็นวาจาสิทธิ์เลย มันจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ เหตุปัจจัยทุกอย่างมาแต่เหตุ สร้างเหตุให้ครบก็จะเป็นผลได้ เมื่อดับเหตุได้ครบ สิ่งที่เป็นผลก็ดับไป คำอื่นก็คือ ก็อย่าขอ ไม่พูดขอให้ ใช้คำอื่นแทน คำอื่นจะแทนก็ใช้ว่า เรียนรู้และปฏิบัติจะเกิดเองเป็นเองเป็นไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:04:59 )

อย่าพูดให้ตนเสื่อม อย่าพูดให้ผู้อื่นเสื่อม

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่อง อย่าพูดกระทบตนกระทบท่าน อันนี้อาตมาก็รู้สึกว่าไม่น่าจะแปลว่า ไม่พูดกระทบตนกระทบท่าน น่าจะแปลว่า อย่าพูดให้ตนเสื่อม อย่าพูดให้ผู้อื่นเสื่อม มันน่าจะหมายความอย่างนั้น คำพูดของเราพูดออกไปแล้วอย่าทำให้คนอื่นเสื่อม อย่าให้ตนเองเสื่อม 

พูดไม่กระทบ พูดดีก็ต้องกระทบคน คนดี พูดชั่วก็ต้องกระทบคนชั่ว เลี่ยงไม่ได้ แม้แต่คนไม่ดีไม่ชั่วก็ได้ชั่วคราวนะ คนไม่ดีไม่ชั่ว มันก็กระทบคนไม่ดีไม่ชั่วอยู่ดี เพราะมันพูดไปแล้วมันก็คือพฤติกรรมของคน 

พฤติกรรมของคนมันก็มีแบ่งอย่างหยาบๆ ก็มี ดีชั่วกับไม่ดีไม่ชั่ว มันก็ต้องกระทบ เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะต้องไปแปลคำอันนี้ว่าเป็นการพูดที่อย่าไปพูดกระทบตนกระทบท่าน พูดยังไงว่าไม่ให้กระทบใคร ไม่มีใครเป็นอย่างที่เราพูดเลย ไม่กระทบใครเลย พูดอะไร พูดไปทำไม พูดกระทบฟ้า กระทบดิน กระทบกับหมา ไปกระทบแมวแล้วมันได้เรื่องอะไรล่ะ อย่ากระทบคนนะ 

อาตมาจำนนจริงๆ ว่า สาธุ ทำด้วยไม่ได้ แปลอย่างนั้น อย่ากระทบตนกระทบท่าน อาตมาทำด้วยไม่ได้ อาตมาต้องอย่าไปทำให้คนอื่นเสื่อม กระทบให้คนอื่นเสื่อม ให้คนอื่นเสียหายอะไรอย่างนี้ ก็ว่าไป 

เพราะฉะนั้นที่อาตมาพูดนี้ไปกระทบ ไม่ได้เป็นการกระทบให้เกิดทรมานทรกรรมอะไร แต่ให้รู้ว่าอะไรควรปฏิบัติประพฤติ ที่มันไม่ดี ก็คือตำหนิส่วนเสีย มันทำให้ไม่ดี มันทำให้เสื่อม มันทำให้ไม่เจริญนะ ส่วนดีกระทบก็ไม่มีปัญหาอะไร คนที่ทำดีถูกต้องแล้วก็ชมเชย พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สรรเสริญการชมเชย แต่ท่านสรรเสริญคำตำหนิ คำสรรเสริญท่านบอกว่าคำสรรเสริญนั้นไม่ได้มีความดีอะไรให้คนละหน่ายคลาย เป็นความชั่วชนิดหนึ่ง เป็นความต่ำทราม ท่านตรัสถึงขนาดนั้น ฟังแล้วคำสอนพระพุทธเจ้านี่ 

อาตมาเลยรอด เพราะไม่มีใครมาสรรเสริญอาตมา อาตมาทำอะไรเลยไม่มีความต่ำทราม เพราะฉะนั้นมีแต่คำตำหนิ คำตำหนิเป็นความเจริญ มีแต่ความเจริญ นี่เป็นสัจจะนะ อาตมาไม่ได้เล่นลิ้นอะไรไม่ได้พูดเล่นคารมอะไรหรือเล่นโวหารอะไร แต่มันเป็นสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 14:57:36 )

อย่ามัวงมโข่ง หลงเชื่อความคิดแบบเก่าๆ กันเลย!

รายละเอียด

หากเอาแต่งมโข่งหลงเชื่อว่า การปฏิบัตินั้นคือการ“หลับตา”เพื่อทำ“ฌาน”ทำ“สมาธิ”หรือ“ตัดกิเลส”กันละก็..มันไม่มีวันบรรลุ“นิพพาน”ที่สัมมาทิฏฐิตามพระพุทธเจ้าได้หรอก ขอยืนยันจริงๆ!   เมื่อ“โง่”ในความเป็น“กาย” ก็สร้าง“ภพ”ขึ้นทับถมจิตตนเองซ้ำเติมเพิ่มพูนเข้าไปอีกเท่านั้น โดย“ความไม่รู้ (อวิชชา)”แท้ๆ ดังที่หลงปฏิบัติ“หลับตา”กันนั้นมันทิ้ง“กามภพ”ที่เป็น“ภพ”ขั้นต้นไป มันก็“ผิด”ไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เห็นๆ กันชัดๆ อยู่นี่แลก็แค่ความเป็น“กาย” ซึ่งแสดงให้เห็นโต้งๆ ว่า ยัง“อวิชชา”กันอยู่ ไม่จัดการขั้นต้นจาก“กามภพ”อันต้องมี“กาย”ไปก่อนให้ได้หยาบๆ ขั้นต้นแท้ๆ ยัง“ไม่รู้-ไม่เห็น” ก็ปฏิบัติกันผิดลำดับ ผิดขั้นตอนอยู่ มันเห็นๆ โทนโท่แบบนี้  เมื่อแค่นี้ไม่รู้ซะแล้ว แล้วจะไป “รู้”อะไรที่ละเอียดกว่านี้ได้เล่า?  

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 466 ข้อที่ 648


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 14:21:15 )

อย่ามาทำบาปบนแผ่นดินอาริยะ

รายละเอียด

ส่วนใครจะมาแอบหาวิธียักเอารายได้ก็เป็นบาปเป็นส่วนอกุศลของเขาไป เราก็ได้แต่บอกไปว่าที่นี่เป็นที่สาธารณโภคีไม่ใช่เป็นที่มาหาเงินทองอะไร ส่วนจะมาหาเงินทองอะไรก็ไปหาภายนอก เพราะในนี้มันมาทำแล้วเป็นบาปสูง เป็นที่อาริยะเป็นที่ผู้ที่มาสละหมดเนื้อหมดตัว พูดภาษาธรรม สัจธรรมให้ฟัง กรรมเป็นอันทำ คุณทำกรรมทำอะไร คุณโลภ แล้วมาเอาในที่ที่ไม่ควรบาปมันสูง คุณก็ได้บาปอันสูงนั้นมันเป็นสัจจะ อาตมาพูดสัจจะให้ฟัง ให้สะดุดบ้าง ให้สะดุ้งสะเทือนบ้าง ถ้าไม่สะดุดไม่สะดุ้งสะเทือน มันก็ของตนเองตัวเองก็ได้รับไป อาตมาก็ได้แต่บอกให้สติปัญญาให้ความรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:42:42 )

อย่ามาเพ่งโทษเรื่องเงินทอง เพราะข้ามพ้นแล้ว

รายละเอียด

แล้วก็ถามว่าจะต้องใช้เงินไหม แน่นอนเราก็ต้องใช้เงิน ไม่ใช้เงินไม่ได้ ในยุคพระพุทธเจ้าท่านไม่ต้องใช้เงิน แต่ขนาดนั้นก็ยังใช้ เขาก็ยังมีผู้บริหารมีมัคนายก หรือว่ามีไวยาวัจกรจัดการ เขาก็จะมีตามระบบธรรมวินัย

เพราะฉะนั้นมันจึงผิดทั้ง กาละยุค และเหตุปัจจัยในยุคนี้ เหตุปัจจัยในยุคนี้ไม่ใช้เงินเลยทำอะไรไม่ได้เพราะเงินเป็นแก้วสารพัดนึกที่จะทำงาน ในยุคนี้ แต่ความบริสุทธิ์ของผู้ที่ใช้เงินนั้น อโศกขอยืนยันว่า นักบวชชาวอโศกไม่แปดเปื้อนเรื่องเงินทองไม่ปาราชิก แม้แต่นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ก็ไม่มี ส่วนอาตมานั้นขอรับรองว่า อาตมาบริสุทธิ์สะอาดจึงทำให้นักบวชของชาวอโศกสะอาดอยู่ได้ ถ้าหากอาตมาไม่สะอาดนักบวชชาวอโศกก็เอาอาตมาตายแน่ ขออภัยที่ต้องพูดความจริงอย่างนี้ มันเป็นการแสดงความบริสุทธิ์สะอาด สักครั้งให้ผู้ฟังที่ไม่อคติฟังได้ดีถ้าตั้งใจฟัง เพราะฉะนั้นอย่ามาเพ่งโทษเรื่องเงินทอง เพราะอาตมาข้ามพ้นเรื่องเงินทอง สะอาดบริสุทธิ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:42:39 )

อย่ามีอคติเข้าข้างตัวเองคนที่ติไม่ได้ พัฒนาไม่ได้

รายละเอียด

เขาตำหนิเรานั่นแหละเขาจะตีแรงตีเบาเราก็รู้ความจริง ตรวจสอบ ถ้าเราเป็นจริงก็ขอบคุณเขา เราไม่ดีเขาตำหนิ เขาเป็นตำรวจตรวจสอบให้ก็ขอบคุณเขา แล้วเราก็แก้ไขตัวเอง 

อย่าลำเอียงเท่านั้นเอง อย่าลำเอียงเข้าข้างตัวเอง เราต้องแก้ไขไม่อคติแล้วเราก็จะมีปัญญา ตรงๆ เราไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเรา เพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง เพราะกลัวด้วย ไม่กลัว คนที่มี ภยาคติ ใครตำหนินิดหน่อยก็กลัว มีแต่เสื่อมกับเสื่อม ต้องกล้าฟังคำตำหนิแล้วดูว่าเราอย่าโมหะ แล้วอย่าไปชังไปชอบ คนเจริญด้วยถูกติถูกชม

การชมพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นเรื่องเลว เป็นเรื่องต่ำ เป็นเรื่องทรามมาก ท่านตรัสอย่างนี้เลย คนเปราะบางที่ได้รับคำชมเชย อ่อนแอมาก ต้องการคำชม ต้องการความต่ำ ความทราม เพราะงั้นคนที่แข็งขันแข็งแรง ต้องการติ คนนี้เจริญ คนนี้พัฒนาได้ คนที่ติไม่ได้ พัฒนาไม่ได้ จำไว้ชีวิตแล้วก็อย่าให้เป็นคนเช่นนั้น แล้วอย่ามีอคติเข้าข้างตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:02:29 )

อย่ายินดีในความเนิ่นช้า

รายละเอียด

อาตมายังจะสอนต่อไปอีก พิสูจน์ อิทธิบาท อาตมาจะอายุยืนยาวถึง 151 ปี พวกเราก็พยายามอยู่ทำตามต่อไป ตาม อย่าประมาท ทำให้ตัวเองเจริญขึ้น ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวฉุดคนอื่น พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญความเนิ่นช้า ปปัญจรามตา อย่าไปยินดีในความเนิ่นช้า ก็ขอให้ทุกคน พากเพียร ปฏิบัติให้ได้ธรรมสมควรแก่ธรรมเทอญ…สาธุ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:29:41 )

อย่ายึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

คุณสุมิตราก็จะจริงจังกับสิ่งที่พบเห็น สิ่งที่มันเป็นปรากฏการณ์จริงแต่ไปอย่าไปยึดมั่นถือมั่นมากนัก เรารู้ว่ามันเกิดมันอยู่หรือมันไปชั่วคราวแล้วหรือมันจะดำเนินต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง อาตมาว่ามันคงจะดำเนินอีกไปชั่วระยะหนึ่ง มันคงไม่แข็งแรงถาวรเท่าไหร่หรอกดูท่าทีแล้ว จริงๆแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าประมาทแต่ดูแล้วมันเป็นพลังงานสุดท้ายมั้ง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:54:01 )

อย่ายึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิของตนอย่างไม่ลืมหูลืมตา!

รายละเอียด

ทุกวันนี้ชาวพุทธเราก็ยังมี“พระไตรปิฎก”เหลือไว้เป็นหลักฐานให้ตรวจสอบกันอยู่ ก็พึงศึกษาพิจารณาทั้ง“ความหมาย”ที่แตกต่างกัน และทั้ง“ผล”ที่บรรลุที่แตกต่างกันให้ดีๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นใน“ทิฏฐิ”ของตน จนกระทั่งไม่ลืมหูลืมตากันเกินไปนักก็ต้องอ่านความเป็น“อรหันต์”ในผู้“หลับตา”ปฏิบัติ ที่แตกต่างกันกับ“อรหันต์”ในผู้“ลืมตา”ปฏิบัติกันให้ดีๆ และตรวจสอบตามพระพุทธวจนะให้ตรงๆเถิดว่า ของฝ่ายไหนถูกต้องตรงแท้กว่ากัน เช่น ในประเด็นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ขณะนี้ คือ ถือ“หลับตา”ปฏิบัติเป็นหลักเอก หรือถือ“ลืมตา”ปฏิบัติเป็นหลักเอก เป็นต้น ตรวจสอบกันดีๆเถิด แล้วจะเห็นได้ชัดว่า “หลับตา”ปฏิบัตินั้นมันไม่ใช่การปฏิบัติที่เป็น“จรณะ 15 วิชชา 8”ของพระพุทธเจ้าชัดๆ เพราะ“หลับตา”ปฏิบัติ มันไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”อยู่ทนโท่

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 416-417 ข้อที่ 565


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:05:31 )

อย่าสร้างความเขื่องใส่จิตตนเอง

รายละเอียด

พวกเราศึกษาธรรมะแล้ว จะมีนัยละเอียดลออพวกนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ และความละเอียดลออ บางทีมันก็ละเอียดเกิน โต่งเรียกว่าสุดโต่ง มันเกินความพอดี มันเกินความพอเหมาะ ปโหติ เกินความพอเหมาะพอดี มันก็เลยเกิดลักษณะพวกนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องะมัดระวังบ้าง 

ตั้งใจดีๆ ศึกษาดีๆ มันมีอะไรที่มันจะรู้สึกว่ามันมีอะไรเขื่องๆ อยู่ในใจของตนอยู่บ้าง อย่าไปคิด รู้สึกว่าเราจะมีอะไรเขื่องๆ ที่เรารู้นะ รู้ยิ่ง รู้จริง รู้ละเอียดลอออกว่าใครๆ อยู่นะ อะไรอย่างนี้เป็นต้น เป็นสิ่งที่รู้สึกว่า เราจะสร้างความเขื่องใส่จิตตนเอง มันจะสะสมเป็นอนุสัย เป็นกิเลสระวังตรงนี้ สร้างความเขื่อง ซึ่งดูแล้วมันก็เป็นกิเลสชนิดหนึ่ง เป็นมานะ อติมานะ ก็พยายามระวังบ้าง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 13:49:32 )

อย่าหลงดี

รายละเอียด

สัจธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า โลกุตระ ซึ่งเป็นปรมัตถธรรม อันเกี่ยวเนื่องด้วย จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน หมายความว่า จิตวิญญาณเป็นตัวสำคัญ เรียนรู้จิตวิญญาณ เรียนรู้สิ่งที่ไม่ใช่สัจธรรม คือกิเลส ที่เกี่ยวเนื่องอยู่กับจิตวิญญาณ ทำตัวเป็นประหนึ่ง จิตวิญญาณ เข้าครอบงำจิตวิญญาณ แล้วก็ชักนำ ให้ผู้ที่มีกิเลสครอบงำนั้น ตกต่ำ ทำชั่ว ทำความไม่เจริญ สร้างทุกข์ให้แก่ตนและผู้อื่น เมื่อได้ศึกษาตามทฤษฎี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เราจะมองเห็นความจริง แม้แรกเริ่ม เห็นความจริงว่า กิเลส คืออาการอย่างไร การทำกิเลสให้ออก เห็นกิเลสจางคลายออก คืออย่างไร ซึ่งเห็นจริงๆ เป็นความจริง ที่เรารู้ด้วยตนเอง 

กิเลสดับสนิท ก็รู้ว่ากิเลสดับสนิท เราได้ดี เพราะกายกรรม วจีกรรม ที่กำเนิดเป็นไปตามกิเลส สั่งกิเลสจัดการนั้น ก็เปลี่ยนแปลงไป จิตวิญญาณสะอาดขึ้น ความที่มีจิตวิญญาณ สะอาดขึ้นนั้น เราเรียกว่ากุศล ได้ดี เมื่อเราได้ดี กายกรรมวจีกรรมก็ดีตาม เป็นคุณงามความดีของตน เป็นตัวอย่างของโลก จิตวิญญาณยังมีกิเลสซ้อนลงไปอีก ว่าเราจะหลงในความดีนั้น เราจะยึดมั่น ถือมั่น ในดีนั้นเกินการ ที่สุดจะยึดถือว่า เป็นของตัวของตน และเอาไปอวดอ้าง เอาไปทวงบุญทวงคุณ เอาไปเบ่งข่มผู้อื่น นั่นคือ กิเลสซ้อน ที่เรียกว่า มานะสังโยชน์ 

เราได้กระทำดี เราได้สร้างความดี อย่างบริสุทธิ์ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีชั่ว ที่ตีกลับซับซ้อนมาได้ ดังกล่าวแล้ว จึงต้องสังวรอีก เป็นอย่างมาก ที่จะละล้าง-ปลดปล่อย ตัวกิเลสตัวนี้อีก อย่างสำคัญ 

ศาสนาทุกศาสนา สอนให้คนดี ศาสนาพุทธนั้น สอนอย่างลึกซึ้ง ให้เห็นมานะสังโยชน์นี้อย่างชัด เช่นเดียวกันกับกิเลสอื่น เห็นกิเลสเป็น

โลกุตระ มีวิธีทำลายกิเลส และกิเลสจางคลายไปจริง เป็นโลกุตระ ทำดีก็จงทำเถิด แต่อย่าอวดดี อย่าเบ่งดี อย่าหลงดี อย่าติดดี ว่าเป็นของตน ตนนั้นดี แต่ดีนั้นไม่ใช่ตน ต้องทำในใจ ต้องฝึกฝนอบรม ต้องมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวจริงๆ อย่าทวงบุญทวงคุณ อย่าหลงติดดี แต่เราต้องทำดีให้ยิ่ง ซับซ้อน ลึกซึ้งอย่างนี้ คนดี จึงดีอย่างสมบูรณ์ได้ และ เราจะเป็นผู้ที่อนุเคราะห์โลก สร้างสรรโลกด้วยความดี เป็นคนจริงที่ดีจริง และไม่มีแม้กิเลสชั้นสูง ไม่มีแม้กระทั่ง สิ่งที่จะทำให้เราทุกข์ เพราะเราทำดี ถ้าคนไม่รู้จริง เราจะทุกข์ได้ 

เพราะทำดี เจ็บปวดได้ยิ่งกว่าทำชั่ว ก็ได้ 

ดังนั้น ผู้ฉลาดแท้ เราทำดีแท้ๆ ก็จะไม่ทุกข์ ไม่เจ็บปวดอันใดเลย เพราะรู้เท่าทันกิเลส ดังกล่าวแล้ว ผู้ทำจริง ฝึกหัดถูกต้องจริง จึงจะรู้ความจริง เห็นความจริง และถึงความจริง พ้นอวิชชา เป็นที่สุด

ที่มา ที่ไป

สมณะโพธิรักษ์ 21 พฤศจิกายน 2528


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:00:43 )

อย่าหลงตนมีมานะและอย่าติดแป้น

รายละเอียด

ระวังนะคุณสติพล คุณกำลังจะหลงตน คนที่ยังไม่ดียังมีมากกว่าคุณ ให้เขาฟังธรรม ดีไม่ดีจะต้องบังคับ ทำไมต้องให้คนอื่นมาบังคับ คุณพูดอย่างมีมานะอัตตา ให้เขาบังคับเราบ้าง เราก็ยอมเขาบ้าง ทำไมให้เขามาติงเตือนก็ดีแล้ว ขอบคุณเขา อย่ามีอัตตามานะ ทำไมให้เขามาขัดเกลา ให้เขามาแนะนำพร่ำสอนให้เราดี คุณมีจิตที่รู้ตัวแล้วก็พัฒนาตัวเองได้ โดยไม่ต้องมาสอนต้องมาบังคับหรอก รู้เองเราจะทำเองของเราก็ดีแล้วล่ะ แต่คุณจะไป อาละวาดกับคนอื่น ที่จะมาบังคับกันอยู่ อย่างอาตมาขัดเกลาติงเตือนแนะนำจังพร่ำสอนจัง อย่าว่าอาตมาเลย อาตมาขอทำเถอะ คุณพูดถูกแล้วรู้เต็มร้อยก็ทำให้มันเต็มร้อยนั้นถูก แต่คุณจะไปว่าเขา เขาจะติงเตือนบังคับกันก็อย่าว่ากัน คุณอย่าไปหลงตัวเอง แต่ได้แล้วก็ไม่บอกใครน่าจะเป็นแบบโลหิจสูตร ต้องเกื้อกูลกันบอกกัน คุณไม่ติดแป้นก็ต้องเจริญอย่างมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่รู้กันง่ายๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในเมถุนสังโยค 7​ ผู้ที่ทำตัวเองได้เจริญเป็นเทวดาแล้วก็ติดแป้นเป็นเทวดาองค์นั้น คุณไม่รู้ตัวเองหรอกว่าคุณติดแป้นหรอก เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ และเอาไปเขียนไว้ใต้ศาลาสันติอโศก พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 ข้อ 53 เราไม่สรรเสริญแม้ซึ่งความตั้งอยู่ (ฐิติ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย  ไฉนจะสรรเสริญความเสื่อมรอบ (ปาริหานิ)  ในกุศลธรรมทั้งหลายเล่า แต่เราสรรเสริญความเจริญ (วุฒฺฑิ)  ในกุศลธรรมทั้งหลาย  มิใช่ความตั้งอยู่  มิใช่ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย  (พตปฎ.  เล่ม 24  ข้อ 53) คุณจะต้องอยู่ในความไม่เที่ยงให้ได้ ถ้าหากคุณติดอยู่ในความเที่ยง คุณก็เสื่อมแล้ว ถ้าคุณมีความคิดว่าคุณจะต้องอยู่ฐานนี้ไม่ไปไหน มันไม่มีหรอก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรที่จะไม่เที่ยง ทุกอย่างที่ตั้งอยู่และไม่เคลื่อนไปไม่มี มีแต่ความไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเมื่อมีเที่ยงแล้วก็ยังไม่เที่ยงอย่างเสื่อม จงไม่เที่ยงอย่างเจริญขึ้น นี่คือสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พตปฎ.  เล่ม 24  ข้อ 53


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:42:57 )

อย่าหลงตัวเองอย่าประมาท

รายละเอียด

คำว่า ประชาธิปไตยมันก็ลงตัวแล้ว คำว่า เศรษฐกิจ มันก็ลงตัวแล้ว ความเป็นสังคมมนุษยชาติของประเทศไทยใน พ.ศ.นี้ จึงอยู่ในสภาพที่ลงตัวที่พูดได้ว่าดีที่สุดของโลก 

อาตมาพูดแล้วต้องปรามพวกเราว่า เราอย่าหลงตัวเองอย่าประมาท ก็ให้รู้ความจริงเรียนรู้แล้วก็ระมัดระวังไว้ อย่าประมาทเป็นอันขาด ชีวิตทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้เร็วไวด้วย ถ้าขืนหลงตัวเหลิงๆ แป๊บเดียวตีลังกาเลย หกคะเมน อยู่สวรรค์ตกนรกพรวดเลย นั่นคือประมาทไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2566 ( 20:00:07 )

อย่าหลงระเริงกับพยัญชนะหมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

ในธรรมะ 2 มีสภาวะกับพยัญชนะส่วนใหญ่จะติดยึดในพยัญชนะกัน พยัญชนะคือภาษาคือบัญญัติ คืออธิวจนะ คือ  คำที่ตั้งขึ้นมาเรียกสิ่งนั้นสิ่งนี้ คือภาษาที่สื่อสารให้รู้กันแต่ความจริงนี่เป็นอีกอันหนึ่ง เพราะฉะนั้นพยัญชนะจะมีความจริงคู่อยู่เสมอเรียกว่าธรรมะ 2 พูดแต่พยัญชนะกันแล้วไม่พยายามรู้ว่าพยัญชนะตัวนี้หมายถึงอะไรคนก็ไม่ค่อยจะระลึก เมื่อเรียกพยัญชนะอย่างนี้มันหมายถึงสภาวะอย่างไรจะเป็นความหยาบกลางละเอียดเท่าไหร่คุณก็สามารสรู้ได้นั่นแหละคือคุณรู้ธรรมะ 2  แล้วคุณก็ไปเอาที่สภาวะ แยกสภาวะออกเป็น 2 ได้แล้วอะไรดีกว่าอะไรสูกกว่าอะไร อะไรเป็นความเท็จกว่าอะไรก็เอาความจริงเอาความดีความสุขนั้นคุณก็จะเป็นคนที่อยู่ในสิ่งที่ถูกต้องที่ดีงาม แต่นี่ไม่ ยิ่งสภาวะกับพยัญชนะ คุณไปหลงพยัญชนะเป็น 2 คือ พยัญชนะหนึ่งเท็จ อีกอันถูก แต่ถูกก็ไม่ใช่สภาวะ แต่พยัญชนะนี้ถูก คนทุกวันนี้พยายามขยายพยัญชนะตามที่ตนรู้ไปข้างเคียงมาก คนจะมาชัดเจน พยัญชนะท่ีระบุตัวแรกหาไม่ค่อยเจอ มีแต่ตัวขยายข้างเคียงตกแต่งให้ดูหรูหรา เอาโลกมาผสมผเสไม่รู้ด้านไหนต่อด้านไหน คนทุกวันนี้จึงอยู่กับพยัญชนะส่วนมากสภาวะไม่ค่อยได้ อาตมาสรุปได้ว่าในโลกนี้มีเทวะ มีพยัญชนะสองกับสภาวะสองเท่านั้นเอง พยัญชนะเข้าใจง่ายกว่าสภาวะ ต้องเอาพยัญชนะที่พูดแล้วก็มาเข้าสู่สภาวะสองต้องเอาตัวไหนเป็นตัวเก๊กับตัวจริง คำสอนของพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่ว่าเอาอะไรมาเทียบสองไปหมด ตัวตนก็เทียบหมด ไม่เอา ท่านตีไปที่เวทนาเลย เพราะเป็นความรู้สึกสุขทุกข์เป็นประเด็นหลักของมนุษย์ ในเทวะเป็นสอง แต่คนไปหลงพยัญชนะว่าเป็นเทวดาหรือเทพ เทวดาเป็นนิรมาณกาย เป็นตัวตนบุคคลเราเขาในสวรรค์ ซึ่งมันไม่มีตัวตน แต่คนไปเห็นเทวะเป็นเทวดา แล้วเข้าใจว่าเทวดาเป็นสภาวะอีกเป็นจิตวิญญาณ สภาวะทั้งที่มันไม่มีสวรรค์ 6 ชั้นมันไม่มี ของเก๊ทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:11:55 )

อย่าหลงสร้างอาวุธเป็นอำนาจ แต่จงสร้างอาหารเป็นอำนาจ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถเข้าใจจุดสำคัญอันนี้ แล้วทำตามที่อาตมาว่า เร่งรัดพัฒนาสร้างอาหารคือ พืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้เจริญงอกงามจริงๆ เราจะเป็นผู้ที่มีประโยชน์ จะเป็นประเทศเจริญ เจริญชนิดที่พิสูจน์ให้โลกรู้เลย ในอนาคตว่า “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” 

เอาจบไปที่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นคนที่หลงอยู่ทุกวันนี้ให้ศึกษาดีๆ อย่าไปหลงสร้างอาวุธเป็นอำนาจ แต่อาตมาขอยืนยันว่า อาหารนี่แหละเป็นอำนาจ แต่เราจะไม่เรียกเป็นอำนาจ จะเรียกว่าเป็นคุณค่าประโยชน์หนึ่งในโลก ถ้าอาวุธนั้นเป็นโทษเด็ดขาดแน่นอน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 10:58:56 )

อย่าหลงเวทนาเก๊

รายละเอียด

ศีลข้อที่ 1 ศีลข้อที่ 2 เข้าใจง่าย แต่ศีลข้อที่ 3 เป็นเวทนาเป็นความรู้สึกทางตา หู จมูก ลิ้น กายเป็นความสัมผัส แล้วไปหลงในเวทนาเก๊ อันนี้ยากกว่า ละเลิกยากกว่า พวกคุณเลิกไม่กินสัตว์ก็ได้ ของเขาไม่เอาก็ได้ แต่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ยัง เห็นไหมมันเป็นขั้นๆ คนที่หลุดพ้นจากศีลข้อที่ 1 ข้อที่ 2 มาแล้ว มีเหตุปัจจัย แต่เราอยู่เหนือแล้ว เรื่องของสัตว์ไม่ก่อเวรก่อภัย เรื่องของข้าวของข้างนอกเราก็ไม่ก่อบาปเป็นภัยให้แก่ผู้อื่นอีกแล้ว แก่ตนเองอีกแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:06:26 )

อย่าหลงเศรษฐกิจรายได้ประเภทใดที่ไม่ดีเป็นความเสื่อม

รายละเอียด

เข้าสู่เรื่อง เรื่องเศรษฐกิจนี้ขอยืนยันว่าประเทศไทยกำลังพัฒนาเศรษฐกิจ ไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจที่อาตมาอยากจะขอกล่าว ซึ่งได้กล่าวมาหลายทีแล้ว ขอกล่าวปรามไว้ อย่าไปหลงกับเศรษฐกิจที่ได้เงินจากคนข้างนอกที่มาท่องเที่ยว นั่น 1 มันเป็นเงินจากอบายมุขเป็นเงินจากการท่องเที่ยว ใครมาท่องเที่ยวก็อย่าได้ไปหาเงินจากเขา ให้เขามาพักผ่อนแล้วเขามาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่ไปหาเงินจากเขาหรือไปขูดรีดจากเขา อย่าไปได้เงินจากนักท่องเที่ยว เมืองไทยนั้นใครมาจะต้องเลี้ยงดูตอนรับเขาด้วยซ้ำไป เป็นวัฒนธรรมไทย แต่นี่ใครมาจากต่างบ้านต่างเมือง ก็พยายามรีดนาทาเร้นเขา นี่ไปเลียนแบบที่อื่นมา มันไม่ดีมันเป็นความเสื่อม 

  1. รายได้จากการท่องเที่ยวไทยลดลงได้เจริญ จนไม่ต้องนะได้เงินรายได้จากการท่องเที่ยวเลย มีแต่จะช่วยเหลือคนมาเที่ยวที่นี่ ต้อนรับช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวเมืองไทย ต่อไปในอนาคตกำหนดเหมือนกับภูฏานเลย กำหนดเลยให้เข้าเท่านี้คน ต้องมีเหตุมีข้อมูลต่างๆมีกฎเกณฑ์อะไรถึงเข้ามาได้ เข้ามาได้แล้วอยู่ได้เท่านี้เท่านี้อะไรต่างๆนานามีกฎเกณฑ์ไว้ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นเมืองเราจึงเป็นเมืองที่คนอยากจะเข้ามาเที่ยว เพราะเข้ามาเที่ยวถือว่าเป็นเกียรติอย่างนั้นเลย ไม่ใช่เข้ามาแล้วเราจะได้ล้วงตับกินไส้ล้วงกระเป๋าเขา ไม่ใช่ มันไม่ดี มันเป็นเรื่องชั้นต่ำ 

  2. เศรษฐกิจในการส่งออก รายได้ ได้จากเอาเปรียบจากสินค้าขาออก ไปขายแพงๆได้เงินดีขาเข้ามาแล้วเรียก GDP ซึ่งอาตมาขยายอธิบายว่า GDP อย่างนี้เป็นแบบกบฏ ผิดจากโดเมสติก ซึ่งเป็นของภายใน แต่ไปตีกินไปเอารายได้จากภายนอกที่เกินทุนด้วย ถ้าคุณไปขายเท่าทุน คุณก็ไม่ได้เอาเปรียบเสียเปรียบอะไร คุณก็ดี คุณขายขาดทุนให้ข้างนอกเขา นั่นแหละคุณเจริญล่ะ คุณขาดทุนจากข้างนอกได้เท่าไหร่   นั่นคือ GDP คุณเจริญเท่านั้น 

พวกคุณเข้าใจไหม มันเข้าใจแต่ว่ามันทำยาก เพราะว่ากิเลสมันไม่ให้ทำได้ ไปบอกคุณเจริญ ไปบอกคุณธนิน ให้ทำอย่างนี้ เขาทำไม่ได้หรอก อาตมากำลังรวบรวมหนังสือเปิดยุคบุญนิยมเล่ม 1 ตอนนี้เสร็จแล้วแจกแล้ว ตอนนี้กำลังทำเล่ม 2 อยู่ ซึ่งมันมีความละเอียดมีอะไรใหม่ขึ้นมา เพิ่มเติมแก้ไขอีกเยอะแก้แล้วไขอีก เพิ่มอีกเยอะเลย เดิมมี 4 หน้าก็ขยายไปอีกเป็น 40 หน้าอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:39:25 )

อย่าหาว่าถล่มซ้ำเติม“ฌานหลับตา”เลย เพราะมันผิดทางจริงๆ!

รายละเอียด

“ฌานหลับตา”จึงไม่มี“โลกานุกัมปายะ”ที่บริบูรณ์ช่วย“โลก”ได้มากพอหรือไม่เต็มที่ เพราะไม่มี“โลกวิทู” มันเป็น“ฌาน”ที่ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“สังคม” ของ“โลก”มากพอ ไม่รู้เรื่อง“การเมือง”ของสังคมของโลก ไม่รู้เรื่อง“เศรษฐกิจ”ของสังคมของโลก เป็นต้น

เพราะ“หลับตา”ปฏิบัติ ไม่ได้เปิดตา“สัมผัส”รับรู้ความเป็นสังคมภายนอกที่เป็น“โลก” จึงไม่มี“โลกวิทู” อันเป็นความปรุงแต่งของสังคมภายนอกที่มีกว้าง-มีมากหลากหลาย อันเป็นสังขารโลกของสังคมมนุษย์ ผู้“ลืมตา”ปฏิบัติ จะมีสัมผัสเป็นสามัญเท่าที่ไหวพริบปฏิภาณของผู้ใดผู้นั้น ก็จะสามารถซึมซับรับรู้เรียนรู้ไปในตัวตามภูมิบารมีที่จริง

การเกิดได้เป็นได้ของความรู้และสมรรถนะที่จะ“ช่วยสังคม” เป็น“โลกานุกัมปา”จึงมีจริง ตามความรู้และสมรรถนะที่มีจริงแต่ละคนซึ่ง“ฌานของพุทธ”ที่เป็น“โลกุตระ”นี้ ทั้ง“รูปฌาน”และ“อรูปฌาน”ล้วนเรียนรู้และบรรลุกันในภาวะ“ลืมตา”ทั้งนั้น“รูปฌาน 4”ก็ลืมตา “อรูปฌาน 4”ก็ลืมตา! 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 405 หน้า 292


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:12:07 )

อย่าอยากดัง ธรรมะโลกุตระจะได้ไปตามเหตุปัจจัยที่ควรจะเป็น

รายละเอียด

อ้าว อยากดังหรือ? เป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ ไปดิ้นทำไม มันจะดังก็ดังของมันเอง มันจะดังด้วยเหตุปัจจัยให้มันดัง ถ้ามันดังสิน่ากลัว เพราะว่ามันจะฮือฮา งานจะเยอะ คนมะรุมมะตุ้ม มันจะหนัก เพราะฉะนั้นไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้เรื่อยๆ ตามลำดับๆๆ อย่างน่าอัศจรรย์ ได้ไปโดยตามเหตุปัจจัยที่ควรจะเป็น สวยที่สุดกว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:20:16 )

อย่าอยู่กับกิเลสอย่างสีลัพพตปรามาส

รายละเอียด

ก็มองหาสัจจะ เราก็ต้องพิจารณาไปถึงสัจธรรมความจริงให้ลึก เราจะเป็นมา ทำไปทำมาจะมองมัน มันมองเรา เรามองมันอยู่เฉยๆไม่ได้ ก็ต้องเห็นว่า เราต้องมองเข้าหาสัจธรรมลึกๆว่า ถ้ามันอยู่กับเรามันอยู่ที่จิตเรามันมีอำนาจอยู่กับเรานี่แหละ เราก็แย่เท่านั้นเอง ต้องมองเข้าไปเห็นความจริงลึกๆ พวกนี้ เมื่อเราชัดเจนถึงความเป็นจริงว่า เออ เราจะไปมองมันเล่นก็เป็นพวกไม่เอาจริง สีลัพพตปรามาส เห็นกิเลสก็อยู่กับมัน เล่นกับมันลูบๆ คลำๆ เล่นหัวอยู่กับมันไม่ได้ ต้องเอาจริงเอาจัง ต้องจัดการกับมันให้หายตายจากไปเลยให้ได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะ ..เคยได้ยินสำนวนโบราณไหมว่า เล่นกับหมาหมาเลียปาก เล่นกับสากสากตีหัว มันจะลาม พวกนี้จะลามยิ่งกว่าขี้กลาก กิเลสนี่ลามลุกเร็วยิ่งกว่าขี้กลาก อย่าเหลาะแหละอยู่กับมันเด็ดขาด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:00:38 )

อย่าอวดดีถ้าไม่มีดีจะอวด

รายละเอียด

คุณก็ได้พูดเหมือนคนที่ไม่ประสีประสา อาตมาเข้าใจและรู้ทุกอย่างไม่ว่าวินัยอาตมาก็รู้เรื่องเงินทองอาตมาก็รู้ดี เรื่องวิหารอาตมาก็รู้ดี อาตมารู้ดี รู้จักทั้งนั้นเรื่องการเมือง อาตมาศึกษาจากพระธรรมวินัยที่เป็นวินัย 8 เล่ม ไม่ได้ศึกษานอกจากนี้ แล้วคุณล่ะศึกษาจากอะไร เอากรรมการโลกมาสอบวินัยธรรมวินัยแข่งกันไหมคุณกับอาตมา จริง คุณอวดดีทั้งที่คุณไม่มีดีจะอวด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:32:36 )

อย่าออกนอกรีตหรือเป็นลูกนอกคอกพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นใครๆ อย่าออกนอกรีตพระพุทธเจ้าเป็นลูกนอกคอกนะ อย่าไปยึดว่าเรา ของเรา ไม่มีอะไรเป็นเรา ของเราหรอก คนอื่นมีสิทธิ์ แต่เขายังไม่ได้เราก็สงสารเขาช่วยเขา เขาอยู่ในฐานะรับได้ก็เอา ผู้ใดรับไม่ได้ก็จะรู้ฐานะของเขา เขายังไม่อยู่ในฐานะที่จะรับได้ ให้อย่างไรก็รับไม่ได้หรอก จอกน้ำมีจอกแค่นี้ แล้วก็มีน้ำเต็มด้วย ใส่เข้าไปยังไงน้ำก็ล้นออกหมด จะรับเข้าไปมากกว่านั้นไม่ได้หรือจะไม่เข้า เหมือนกับหอกแทงเข้าไปแทงด้วยหอก100 เล่มเช้าแทงก็ไม่เข้า มันชัดกว่าจอกน้ำ เอาน้ำเทใส่เข้าไป เทมันก็ต้องเข้าไปบ้าง น้ำ มันไหลออก ไม่รู้ว่าน้ำมันไหลมันไหล มันก็น่าจะเข้าบ้าง เป็นของเปรียบเทียบที่มันก็ไม่มีเหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริยืแห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:59:51 )

อย่าเดาเอาของจริงต้องเรียนรู้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะเขาเข้าใจผิดว่าจะต้องเป็นพระอรหันต์แบบที่เขาเดากันเอา อรหันต์เดา อาริยะเดา คำสอนทิฏฐิเดาๆ แต่อาตมาบอกอย่าเดา เอาของจริง มาสัมผัสเรียนรู้อย่างแท้ให้เข้าใจอย่างมีจักษุเปิด จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลกะ มาเรียนรู้อย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้เลย ตามคำตรัสพระพุทธเจ้าจะต้องรู้ด้วยจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลกอย่างลืมตา ไปนั่งหลับตานั้นไม่มีทางได้ มันเป็นความนอกรีต มันไม่ใช่ทาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน พ่อครูผู้มาอธิบายหัวใจศาสนาพุทธ


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 13:20:25 )

อย่าเป็นมนุษย์เสียชาติเกิด

รายละเอียด

ถ้าท่านพลาดโสดาปัตติมรรค  

คือ  ความแน่นอนแห่งสัทธรรมในศาสนานี้   

ท่านจะต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง  สิ้นกาลนาน

ดุจพาณิชชื่อเสรีวะผู้นี้  ฉะนั้น.  

     

ที่มา ที่ไป

   เสรีววาณิชชาดกที่ 3  , 


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 15:52:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:26 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:01:08 )

อย่าเผลอเพลินจนลืมไว้หน้าตัวเอง

รายละเอียด

มันลืม​ ”ไว้หน้า” ผู้ไม่มีสติ ไม่สังวรสำรวมได้ทุกเมื่อ ได้ทุกเมื่อ แล้วคุณอย่าไปหาหมอ เพราะหมอจะไม่รับเย็บหน้าคุณ มีสอยอีก ใช่  มันเผลอเพลิน มันเผลอเพลินอยู่กับโลกธรรม ถูกโลกธรรมครอบงำจนซมซาบซึ้งใจ ตัวซมซาบ จนซมซาบซึมซึ้งใจ ไปกับโลกธรรม ไปกับลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

มันเป็นภาษาเพลงหมือนกัน ภาษากวี คำกลอน 

เผลอเพลิน ลืมไว้หน้า ปกติมันก็ไว้หน้ากันอยู่ แต่มันลืมไว้หน้า โอ้มันเผลอเพลิน มันลืมเลย

ที่มา ที่ไป

อย่าเผลอเพลินกับโลกธรรม สิ่งที่นักรบทวนกระแสต้องระวัง

วันที่ 20 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 17:41:55 )

อย่าเผลอเพลินไปกับโลกธรรม

รายละเอียด

ทำประโยคนิดหน่อย เพราะกว่า เรื่องมันจะเกิด มันก็ต้องมีเหตุ กับ การณ์ มาด้วยกันเสมอ แต่คนที่เผลอเพลินไปกับโลกธรรม เผลอเพลิน ลาภ ยศสรรเสริญ โลกียสุข ก็จะจมซมซับซึมไปกับลาภยศสรรเสริญสุขได้ทุกเมื่อ

 

ที่มา ที่ไป

อย่าเผลอเพลินกับโลกธรรม สิ่งที่นักรบทวนกระแสต้องระวัง

วันที่ 20 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 16:47:29 )

อย่าเพิ่งกลับไปที่ 10 นะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน ช่วยกันอมตะ

รายละเอียด

สุริยเปยยาล 7 เราจะรู้สภาวะ ไม่ใช่รู้พยัญชนะ อัตตาคืออะไรและเราจะต้องทำความเห็นให้แจ้งมีสัมมาทิฏฐิ 10 เป็นต้น หรือสัมมาทิฏฐิ 2 สัมมาทิฏฐิ 3 สัมมาทิฏฐิ 6 สัมมาทิฏฐิ 10 สัมมาทิฏฐิ 20 เราก็จะรู้กระบวนการของหมวดธรรมต่างๆ มีอะไรบ้าง ทำงานสังเคราะห์สังขารกันอยู่อย่างไร แล้วเราก็ทำถูกและเราจะทำอย่างไม่ประมาท และทำมนสิการได้อย่างโยนิโส เราก็เข้าถึงที่สุดแห่งฉันทะ มนสิการ ผัสสะ เวทนา สมาธิ สติ ปัญญา วิมุติ อมตะ ก็เหลือแต่ว่า อย่าเพิ่งกลับไปที่ 10 นะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน ช่วยกันอมตะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:54 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:01:47 )

อย่าเลวจนกระทั่งเป็นเหมือนหมาหัวเน่า

รายละเอียด

ซึ่งพิสูจน์ความจริงนี้กันได้ ทุกวันนี้ชาวอโศกไม่มีใครสงสัย หรือใครยังสงสัย มีไหม  เราอย่าเลวจนกระทั่งเขาเห็นเราเป็นหมาหัวเน่า ถ้าเราเลวขนาดเป็นหมาหัวเน่าเขาก็จำนนไล่อย่างไรก็ไม่ไป ฆ่าให้ตายก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มันก็ฆ่ากันไม่ลงก็จำเป็นจะต้องเลี้ยงดูมันไปเป็นหมาหัวเน่า ไปเข้าใกล้ใคร ใครก็หนี หมาหัวเน่า เหม็นมาแต่ไกลเลย ใครไม่ทำตัวเป็นหมาหัวเน่าก็อยู่สบาย อย่างดีอย่าไปให้ใครรังเกียจว่าเราเป็นหมาหัวเน่า ก็อยู่ได้เป็นสังคมที่สบาย

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:55:38 )

อย่าเห็นแก่ตัวให้คนอื่นได้บ้าง

รายละเอียด

อาตมาทำงานนี้เป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องตื้น ท่านฟ้าไทก็อธิบายอย่างที่ท่านฟ้าไทมีก็ต่อเชื่อม ไม่ให้ขาด ก็คุณก็อย่าเพิ่งเห็นแก่ตัวเองที่จะได้เท่านั้น ให้คนอื่นได้บ้าง ถ้าคุณเองไม่ต้องการก็ไม่เอาอยู่แล้วก็ไม่เสียหายอะไรหรอก ขออภัยที่อาตมาจะใช้ช่องทางนี้เพื่อคนอื่นบ้าง เป็นแต่เพียงว่า จะไม่ให้มีอยู่ในโลกเลยหรือ พวกอาตมาขออาศัยบ้าง อย่างไรๆพวกอาตมาก็เป็นส่วนน้อยอยู่แล้ว คนที่เห็นว่าเป็นสาระนั้นมีไม่มากหรอก ซึ่งเท่านี้ก็สำคัญ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:15:52 )

อย่าเอาพลังงานแม้เล็กน้อยไปสร้างอาวุธ

รายละเอียด

สรุปว่า มาระดมสร้างอาหาร อย่าไปเอาพลังงานแม้แต่เล็กน้อย ไปเป็นพลังงานชั่วช้าสามานย์ ไปสร้างอาวุธเลย ปืน 1 กระบอก ก็ไม่ควรมีอยู่ในโลก เพราะปืนเอาไว้ใช้ยิงสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน จนถึงเอาไปยิงคน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็น ปืนไม่จำเป็นเลย พืชพันธุ์ธัญญาหารใช้มีดพร้ากะท้าขวานก็เหลือแหล่ที่จัดการ เป็นเครื่องมือใช้ประกอบการ พอแล้ว ไม่ต้องเอาปืนเอาลูกระเบิด ไม่ต้องทำเลย ปืนก็ดี ลูกระเบิดก็ดี ไม่ต้องทำ จนกระทั่งไปถึงอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเลวร้ายละเอียด อะไรก็แล้วแต่ ที่คิดกันยิ่งใหญ่ อย่างเช่น คิม จองอึนคิด อเมริกาก็คิด รัสเซียก็คิด   จีนก็คิด แล้วก็สร้างเอาไว้ซุกซ่อนไว้ เรียกว่าระเบิดปรมาณู เรียกรวมๆ เดี๋ยวนี้มันยิ่งกว่าปรมาณูแล้ว มันเกือบจะถึงระเบิด สุญญาณูแล้ว ยิ่งทำให้เล็กละเอียด ยิ่งมีฤทธิ์แรงมาก มันคือความหมายสำคัญ มันก็พยายามทำ เพื่อเอาไปฆ่าสัตว์โดยเฉพาะไปฆ่าคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:44:56 )

อย่าเอาอดีตมาขย้ำเล่น อย่าเอาอนาคตมาฟุ้งซ่าน มันเป็นความโง่

รายละเอียด

ได้ นับเป็นพญาครุฑ , มันก็มีส่วนเชิงมโนมยอัตตา มโนมยะ แปลว่า สำเร็จด้วยจิต จิตมันทำขึ้นมาสำเร็จ สำเร็จแห่งความปลอม หรือสำเร็จเป็นความซ้ำซากที่มันก็แล้วไปแล้วเป็นอดีตแล้ว คุณเอาอดีตมาขยำ มันก็ไร้สาระเพราะมันไม่จริง อนาคตก็ไม่จริง อดีตก็ไม่จริง อดีตมันก็ผ่านไปแล้วมันจริงที่ไหน อนาคตมันยังมาไม่ถึงมันจริงที่ไหน ปัจจุบันนี้เป็นจริง คุณทำปัจจุบันให้สำเร็จจบทุกอย่างในปัจจุบัน อดีตอนาคตของคุณไม่ต้องกังวลเลย แต่นี่คุณไปคลำอดีต คุณก็เสียเวลาสิ อดีต 18 อนาคต 44 พระพุทธเจ้าถึงกำหนดทิฏฐิของคนว่าหลงเลอะเทอะอยู่อย่างนี้ เขาขยายลูกเล่นของอดีตอนาคตไปอีกมหาศาล แต่แกนหลัก 62 ทิฎฐิ ที่พระพุทธเจ้าได้รวมไว้แล้ว อดีต 18 อนาคต 44 สรุปแล้วคุณไม่ต้องกังวลรู้ว่าอดีตดีหรือไม่ดีอย่าไปวุ่นวายอนาคตดีไม่ดีอย่าไปวุ่นวายทำปัจจุบันมันมีอย่างนี้แล้วล้างกิเลสไป คุณจะเกิดปัญญา รู้ว่าคุณโง่อย่างไร ก็จะไม่หลงกับอดีตอนาคต ยังไม่รู้แล้ว ก็เหมือนกับที่อาตมาว่าขี้ออกไปแล้วเอามาขยำอีกมันก็เหมือนกับเด็กๆ ของมันออกไปแล้วเอามาขยำทำไม ผ่านไปแล้วมันไม่จริงแล้วมันไร้สาระแล้ว อุจจาระมันไร้สาระ เอาให้เป็นอาหารของพืชสัตว์ไป แต่คนเราไม่จำเป็นต้องกินขี้หรอก จะออกจากสิ่งนั้นก็เห็นให้จริง อย่าไปยุ่งกับมัน กับสิ่งที่มันไม่จริงแล้ว อดีตไม่จริงอนาคตไม่จริง เอาปัจจุบัน สรุปอย่างนี้ ก็พยายามทำความเข้าใจให้ได้ก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 11:06:32 )

อย่าโง่หลงโลกมากจนไม่รู้ว่าอะไรประเสริฐ 

รายละเอียด

พวกเรานี้ อาตมาก็ขอสำทับ ชีวิตก็อย่าไปหลงใหลกับโลกมาก ชีวิตเมื่อมารู้จักผู้รู้อย่างหลวงปู่เป็นผู้รู้ก็บอกความจริงให้ฟัง คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมีเยอะ ได้ฟังเหมือนกันแต่ไม่เชื่อฟังก็ผ่านหู ไขหู ไม่เชื่อถือไม่เห็นความสำคัญอะไร เขาก็ไม่รับ แต่พวกเรานี่ได้มาอยู่ถึงขนาด 5-6 ปีไม่น่าจะโง่ ดักดาน จนไม่รู้ว่าอะไรประเสริฐ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563 วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:14:32 )

อย่าใจดำ 

รายละเอียด

มันเปรียบเทียบแล้วมันชัดไหมล่ะ ธรรม 2 นี่มันชัด ไม่เป็นไรก็มาพูดของพวกเราบ้าง พอพูดของพวกเรามาก เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ เรายิ่งไปลึกเขาก็ไม่เข้าใจ มันก็น่าสงสาร เราก็ควรจะมีสะพานเชื่อมต่อให้เขาบ้าง พูดของเราบ้าง เขาบ้าง อย่าไปใจดำพูดแต่เราๆๆ เขายิ่งไม่รู้เรื่อง เขายิ่งไม่มีสะพาน มันก็เลยไม่ช่วยเขาเลย อย่าใจดำ อย่าให้มวลมนุษยชาติผิดหวัง  ก็หมายความว่า เขาจะมีปฏิภาณปัญญาเข้าใจ ว่าเราทำอะไรอยู่นี่เขาไม่ทิ้งเรา ถ้าเขาทิ้งเราเสียเลย มวลมนุษยชาติก็หมดที่หวัง ไอ้หวังตายแน่ ก็ควรให้มีที่หวัง ให้เขาเกิดปฏิภาณปัญญาว่า อ๋อ..ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องอันนี้หรือ อ๋อ...อย่างนี้หรือ 

ให้คนเขาเข้าใจได้ว่าเป็นความเจริญอย่างนี้หรือ ทีนี้พวกเรา คุณก็ไม่ต้องไปเที่ยวได้ว่ามหาบัว ไม่ต้องไปว่าธัมมชโยหรอก ปล่อยให้อาตมาว่า คุณก็ทำไป เพราะคุณจะไปเชื่อมหรือไปกระตุก ไปกระแทกเลย ให้พวกนั้นเขาสะดุ้งสะเทือน ให้เขาได้รู้ตัว แล้วพวกนี้ดึกดำบรรพ์มาก ลึกมาก แข็งมาก หนามาก ต้องแทงแรงๆ ต้องกระตุก โอโห่ มันต้องแรง แรงขนาดนี้ก็ยังไม่ค่อยรู้สึก นี่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วมันยาก ผู้มีปฏิภาณก็คงเข้าใจภาษาที่อาตมาใช้อธิบาย เอาล่ะไม่ต้องไปขยายความเสียเวลาเปล่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:38:08 )

อย่าให้กิเลสมาครอบครองจิตของเราได้อย่างไร

รายละเอียด

มาเรียนรู้ให้ดีๆ เด็กทั้งหลายเอ๋ย ผู้ใหญ่ที่โง่แล้วโง่เลย ปล่อยให้เขาโง่ ก็น่าสงสารปล่อยให้เขาโง่ไปก่อนช่วยไม่ได้ มันแก่เกินแกง มาเรียนรู้กับหลวงปู่นี่ หลวงปู่จะพาตื่นพาฉลาด แล้วจะได้รู้ว่า จิตของเราอย่าให้กิเลสมันมาครอบครอง อย่าให้มันมาเป็นเจ้าเรือน อย่าให้มันมาเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในตัวเรา 

ศาสนาเทวนิยมเขาไม่มีอาจารย์ ศาสดาเขาไม่รู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่รู้จัก เวทนา 108 ไม่รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ แยกออกเป็นเวทนา 108
เคหสิตเวทนา รูปรสกลิ่นเสียงปรุงแต่งมันปรุงกันอยู่ทางตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วหลงความสุขทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์อยู่ 18 อย่างเรียกว่า มโนปวิจาร ก็มาเรียนรู้ตัวร้ายเรียกว่ากิเลส เอาตัวกิเลสออกจากจิต เนกขัมมะเอาตัวกิเลสออกไปเรียกว่าเนกขัมมะ ภาษาก็พูดได้แค่นี้วนเวียน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:52:23 )

อย่าให้สูญเสีย 3 อย่างกับสิ่งที่ไม่ควร

รายละเอียด

สิ่งที่จะต้องเสียเวลา แรงงาน ทุนรอน ที่จะต้องไปทำสิ่งที่ไม่ควร มันเสียกำลัง แรงงาน ทุนรอน 3 อย่างนี้ อาตมาว่ามนุษย์ต้องฉลาดเท่าทันอย่าให้ไปสูญเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ อย่าไปสูญเสียแรงงาน กับสิ่งไร้สาระ อย่าไปเสียทุนรอนกับสิ่งไร้สาระ หรือสิ่งที่ไม่มีสาระดีพอ เอาเวลามาใช้กับสาระที่ดีพอ เอาแรงงานมาใช้กับสาระที่ดีพอ เอาเวลาแรงงาน ทุนรอน ของคุณที่มีมาใช้กับสิ่งที่มีสาระอันดีพอดีกว่า

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน ชุมชนบุญนิยมสร้างจากคนจนมหัศจรรย์


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 13:04:26 )

อย่าให้ได้ดังใจตัวเองนี่แหละดี

รายละเอียด

ก็เป็นความเชื่อมั่นของคนที่ให้อาตมาฉันอาหารซาคาฮารี อาตมาก็เคยฉันมาก่อน รสชาติก็จืดดี ข้าวก็จืด ล้างขัดขาว จืดดี กระทั่งมันจะมีสารอาหารไหมน้อ แต่เขาก็บอกว่าดี ก็ไม่เป็นไรหรอก อาตมาก็ว่าไม่ถึงขั้นที่จะทรุดโทรม ถ้าไม่ฉันอาหารของพวกคุณ ซาคาฮารี มันจะทรุดโทรมเสื่อมไป อาตมาว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นนะ ยังพอเป็นไปที่ใช้เลี้ยงขันธ์มาจนกระทั่งถึงอายุ 80 จะ 90 อยู่แล้วนี่ใช้ได้ เพราะฉะนั้นก็ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งในน้ำใจที่ทุกคนปรารถนาดีทั้งนั้น อาตมาก็เป็นผู้ที่ยังไม่ค่อยเชื่อถือ แล้วก็พอดี คนดูแลอาตมามานานก็ช่วยดูในทุกอย่าง มันก็ได้คัดกรองกันมา ก็ต้องไปด้วยกันก่อน เพราะฉะนั้นจะมาแทรกทันทีนี้ทางนี้เขาก็คงไม่ได้ติดใจ คงคิดว่า อาตมาไม่อยากพูดตรงนี้ ก็กรรมวิบากอจินไตย ก็พูดแต่เพียงว่าให้ได้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมก็แล้วกันว่า อย่าเอาให้ได้ดั่งใจตัวเอง ใครจะลดได้ ถอยคนละก้าวก็แล้วกัน อาตมาก็บังคับใครให้ถอยไม่ได้เหมือนกับทางการเมืองตอนนี้ ซัดกัน จะว่าถอยกันคนละก้าว ก็พูดกันไปแต่จริงๆแล้วไม่ถอยกันสักทีก็จะเอาชนะคะคานกันนี่ก็นับคะแนนกันอยู่ในสภา  7 ร่างรธน. ก็ทำไป..เป็นของโลกธรรมดา มันดีตรงที่ว่า ตกลงแล้วในหมู่มวลด้วยกัน ยอมให้ผู้ที่เป็นผู้แทนมีสิทธิ์ออกเสียงเป็นผู้ที่เป็นสมาชิกสภาถือว่าเป็นปราชญ์เป็นบัณฑิตแล้วทั้งนั้น ก็เอาคนเหล่านี้เป็นตัวแทนประชาชนก็ว่ากันไป จะออกมาในรูปไหนอาตมาก็ว่าไม่น่าจะเสียอะไรมันเป็นการศึกษา จะออกผลเป็นอย่างไรก็คงดำเนินไป อาตมาไม่ใช่นักพยากรณ์ อาตมาก็ไปตามนี้แหละจะว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:08:38 )

อย่าไปขูดรีดหาเงินกับคนต่างประเทศ

รายละเอียด

เมืองไทยนี่มันแสดงอะไรออกมาให้โลกเห็นในโควิดว่าเมืองไทย เป็นเมืองที่น่าอยู่ หลังโควิดเสร็จ ไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของต่างประเทศที่จะมาไม่ต้องห่วงเลยสบายมาก อาตมาอยากจะสำทับกำชับว่าอย่าไปขูดรีดหาเงินจากคนต่างประเทศ เราควรจะแสดงน้ำใจ เอื้ออำนวยเขาเมตตาช่วยเหลือเขาแทนที่จะไปเอาเปรียบเอารัด เราก็เสียสละให้เขา เขาเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองมา คนไทยนี้นะถ้ามีแขกมาจะต้อนรับแขกอย่างดี นั่นคือวัฒนธรรมไทย แต่เดี๋ยวนี้ไปเอาอย่างลัทธิสังคมสมัยใหม่ขูดรีด ชาวต่างชาติต่างประเทศ เลวมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 11:01:58 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:57 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:02:15 )

อย่าไปติดอยู่ที่เปลือก…เลย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้สิ่งที่ เป็น 2 ชาวอโศก มีความเป็นเนื้อแก่นของชาวอโศก กับเป็นเปลือกของชาวอโศก คุณจะวนอยู่ในเปลือกแล้วก็พริ้วออกไปเป็นสะเก็ดของชาวอโศกไปเรื่อยๆ มันก็จะหลุดเป็นเปลือกแล้วไปหาสะเก็ด แล้วก็ร่วงหลุดออกไป แต่ถ้ามาเป็นกระพี้ก็จะเข้ามาหาแก่น เป็นกระพี้ อย่าไปติดอยู่ที่เปลือก…เลย แล้วไปหาสะเก็ด ไปหาความหลุดร่วงออกไปจากต้นเลย 

เข้ามาหากระพี้ เข้ามาหาแก่น คือทิศทางมันมีลูกศรออกไปข้างนอกกับลูกศรเข้ามาข้างใน โดยใช้คำว่าลูกศร มันชัด จงรู้จิตของตัวเองว่าตัวเองเข้ามาหาแก่นของอโศก หรือคุณกำลังพริ้วอยู่กับภายนอกแก่นของอโศก จนกระทั่งไม่รู้ตัวของตัวเองไป 

ใครที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่กับแก่นอโศกอยู่กับอโศก แต่ตัวเองยิ่งออกวนไปเที่ยวไป ออกไปไกลๆ ด้วย แล้วอายุก็มากขึ้นมากขึ้น เดี๋ยวก็ตาย ไม่เคยมีทิศทางลูกศรจะเข้ามาหาแก่น แล้วคุณก็จะตายด้วยลูกศรที่ชี้ออกไปนอกแก่นของอโศก เกิดมาอีก คุณก็เกิดมา คือเรารู้สึกว่ามีอโศก อโศก อยู่นะ อาจจะเกิดมาในแวดวงอโศก แต่คุณก็จะมาต่อลูกศรที่ออกไปนอกอโศกอีก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 13:45:02 )

อย่าไปติดในสิ่งที่หาที่สุดไม่ได้

รายละเอียด

ใครมาทำลายมหาจักรวาลเอกภพนี้ไปแล้วแล้วพวกสัตว์โลกทั้งหลาย ก็จะบอกว่าใครมาทำอะไรไม่ได้หรอก มหาจักรวาลเอกภพนี้ก็เป็นไปตามธรรมชาติของสิ่งที่มันเป็นไป จะไปทำลายทุกอย่างไม่ให้มีอากาศ ไม่มีเนบิวล่า Bigbang Galaxy ไม่มีจักรวาลน้อยใหญ่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะฉะนั้นก็สุดความคิดอย่าไปคิดในสิ่งที่หาที่สุดไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่หาที่สุดไม่ได้ อยู่ในอันตคาหิกทิฏฐิ10

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 09:31:54 )

อย่าไปตีทิ้งผู้ศรัทธาผิดๆ พ่อครูขยายความศรัทธาไปสู่ปัญญา

รายละเอียด

คุณก็ศรัทธายังไม่พอ อย่าเพิ่งไปตีทิ้งผู้ที่เขาศรัทธาผิดๆ ศรัทธายังไม่ขยายไปสู่ปัญญา ยังเป็นศรัทธาผิดๆ ปัญญายังไม่ล้างศรัทธาลงไปได้ ก็เลยยังศรัทธาอยู่อย่างเดิม เรื่องศรัทธานี้อาตมาก็อยากจะขยายความเหมือนกัน คือความเป็นสัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ มี 3 เส้า จะอธิบายละเอียด

ต่อจากสามเส้า ออกมาเป็นตัวที่ 4 คือ ทิฏฐิปัตตะ คนที่จะหลุดออกมาจากสามเส้า cyclic order นี้ จะออกมาจากวงกลมนี้ ต้องมีแรงพิเศษเป็นตัวที่ 4 คือ ทิฏฐิปัตตะ เหมือนคนจะออกนอกโลกต้องมีแรงพ้นจากความดึงดูดของโลก จึงจะออกไปได้ ต้องมีพลังงานพิเศษเป็น ทิฏฐิปัตตะ ไม่เช่นนั้นจะวนอยู่ใน 3 ตัวนี้สูงสุดเป็น สัทธาวิมุติ

สัทธาวิมุติ เป็นวิมุติ ที่ไม่ได้บรรลุธรรมของศาสนาพุทธ เป็นการบรรลุแบบ เดียรถีย์ แบบของโลกียะอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น สายสัทธานุสารี จะออกจากสัทธาวิมุติได้ยากมาก ส่วนธัมมานุสารี ซึ่งเป็นตระกูลของปัญญาผสมอยู่มากกว่าศรัทธา จึงออกมาสู่โลกอีกโลกหนึ่งเป็นโลกุตระ เป็นทิฏฐิปัตตะ มีทิฏฐิ เริ่มเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นโลกใหม่เป็นโลกโลกุตระได้ จากทิฏฐิปัตตะ แล้วจึงเป็นกายสักขี จะเข้าใจเรื่องกาย จะเข้าใจเรื่องรูป จะเข้าใจเรื่องแยกกายแยกจิต จนทำให้บรรลุในความเป็น กาย ซึ่งซับซ้อนลึกซึ้งมาก จะไม่ขอขยายความตอนนี้ ยังจะพูดอีกเยอะเรื่องกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2565 ( 15:36:42 )

อย่าไปทำชั่ว-ทำแต่ดี-อย่าไปแย่งชิงความสุข

รายละเอียด

สุขมันมีโลกีย์บำเรอกิเลสไป จนกระทั่งหมดสุขหมดทุกข์แล้วเราก็สรุปแล้วสิ่งอย่างนี้เป็นการอนุเคราะห์โลกที่ยิ่งใหญ่ โลกานุกัมปายะ เป็นประโยชน์คุณค่าอันประเสริฐยิ่งใหญ่ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งต่างกันคนละขั้วกับเจ้าโลกที่เป็นจตุมหาราชที่เทวนิยมเขายังทำแม้แต่ในเมืองไทยก็ยังอยากเป็นใหญ่เป็นโตตั้งแต่ทักษิณจนเดี๋ยวนี้มาพิธา นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นเลยซึ่งทุกวันนี้ มาถึงตรงนี้ก็ขยายความให้เห็นว่าแล้วเมืองไทยจะไปอย่างไร ทำไมมันพะอืดพะอมนัก จะได้นายกฯมันก็ยังไม่ได้ เขาบอกต้องให้ประชาชนเป็นใหญ่ เขาได้คะแนนเสียงมาจากประชาชนเลือกตั้งมาเป็นเบอร์ 1 เลยนะ ไม่ให้เขาเป็นนายกฯไม่ได้นะ นี่แหละได้เชื้อโง่จากสหรัฐมา เป็นนักศึกษา Harward  มาจากมหาวิทยาลัยของสหรัฐเลยนะ เขาก็ยังพยายาม มีภาพ insert ประกอบพิธาเป็นนายกยากกว่าขึ้นสวรรค์ ยิ่งนานยิ่งริบหรี่

 นี่มันเป็น พฤติการณ์ นี่มันเป็นเรื่องหนึ่งของเรื่องบุพเพสันนิวาส เป็นเรื่องราวของโลกของมนุษย์ เป็นตัวอย่างเหมือนกับนิทานเหมือนกับละครนิยาย เป็นเรื่องๆ หนึ่งของโลกให้เห็น นี่แหละแสวงหาอำนาจแบบโลกๆ เสร็จแล้วมันก็จะเป็นทุกข์ จริงๆ แล้วอาตมาโชคดีมหาศาลเกิดมาชาตินี้ไม่ได้เป็นนายก สุดยอดเลย ถ้าเป็นนายก คุณจะต้องเป็นนายกฯที่เลวหรือเป็นนายกที่ดี ก็ต้องขยันก็ต้องดูแลทำงานกับพลเมืองประเทศ ไม่ถึงร้อยล้าน 70 ล้านนี่ก็ไม่ใช่งานเบาแล้ว อาตมามาบริหารเทียบกับนายกฯ นายกฯต้องบริหารคน 70 ล้านของคนไทยก็ไม่ใช่งานเบาแล้ว อาตมาไม่ได้เป็นนายกฯ อาตมาเป็นแค่โพธิรักษ์บริหารคน 700 คน 7,000 คน 70,000 คน โอ้โห..สบายกว่านายกไม่รู้เท่าไหร่เลยเพราะอาตมาบริหารโดยไม่ต้องบริหาร ให้พวกคุณช่วยตัวเอง ให้พวกคุณประพฤติ ให้พวกคุณทำตันเองให้เป็นอย่างนี้อย่างนี้ 

พวกคุณง่ายนิดเดียวที่อาตมาพาทำตามพระพุทธเจ้าสอน        “อย่าไปทำชั่ว-ทำแต่ดี-อย่าไปแย่งชิงความสุข” สั้นๆ แค่นี้แล้วพวกคุณก็เข้าใจ สุขตั้งแต่อบายมุขก็เลิกมา สุขที่จะไปแย่งลาภ ยศ สรรเสริญ ก็แย่ง ก็เลิกมา สุขที่จะเสพกาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สุขที่ไปแย่งผู้หญิงผู้ชายทางเพศก็ลดมาเลิกมา ทางรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ลดลงมาก็สบายเลย พวกคุณวันนี้เขาเอาทุเรียนมาให้กองอยู่ข้างหน้าตั้ง 40 กว่าลูกไม่ได้เอามาหมดหรอกแค่เอามาจัดฉาก เป็นไงใจ..โอ้โห อยากจะแย่งเอาไปไหม อยากเอาไปกินไหม ได้กินก็ได้กิน ไม่ได้กินก็แล้วไปใช่ไหม แต่ก่อนไม่เฉย เดี๋ยวนี้เฉยแล้ว “เฉย”นั่นชื่อพ่ออาตมา

อจินไตยชนิดนี้ พูดถึงชื่อ แม่อาตมาชื่อบุญโฮม พ่ออาตมาชื่อบุญเฉย บุญโฮมเอาบุญมารวมกัน บุญเฉยมารวมกันแล้วก็เฉยๆ เข้าใจหรือยัง เห็นไหม รวมกันแล้วไม่มีปัญหาอะไร รวมกันแล้วเป็นประโยชน์คุณค่า ไม่ทะเลาะไม่แย่งไม่ชิง เฉยๆ กลางๆ สบายๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน นี่คือปรมัตถ์สูงสุด อาตมาใช้พยัญชนะ อาศัยสภาวะแค่นี้ เรื่องของชื่อมนุษย์นี่ ผู้ที่เข้าในแก่นแกนของสาระ ชื่อมันมีความหมายทั้งนั้น ทำไมพระพุทธเจ้าต้องชื่อสิทธัตถะ ก็ต้องชื่อ สิทธัตถะ ทำไมแม่ของพระพุทธเจ้าต้องชื่อ สิริมหามายา เป็นแม่พระพุทธเจ้าทำไมต้องชื่อมายา ชื่อภาษาสวยๆ มีอีกเยอะ ไม่ใช่คนที่จะชื่อสวยๆ นั้นเลยมาชื่อมายา ถ้าไม่มีคำว่า สิริมหา ก็แล้วเลย แม่พระพุทธเจ้าชื่ออะไร ชื่อมายา แต่ไม่ใช่ มันเป็นภาษาไดอะแลกติก เป็นภาษาซ้อนอยู่ในนี้ สุดท้ายมันซ้อนอยู่ในนี้ 

ชั่วอยู่ก็ดี สุขหรือทุกข์ เจริญอยู่ก็เสื่อม มีอยู่กับไม่มี มาลงตัวแล้ว ใช่หรือไม่ใช่ ลงตัวแล้วเป็นคู่แล้วนะ เหมือนหรือไม่เหมือน แท้หรือไม่แท้ ลงท้ายตรงนี้แล้ว อาตมาเป็นของแท้ เป็นของไม่เหมือนใคร ลงประเด็นแล้วขยายความประเด็นนี้ เห็นไหมมันเป็นสัจจะอย่างนั้น ไม่เหมือนใครและ “แท้”เพราะฉะนั้นอีกคู่ที่เทียบกับอาตมาก็ต้องไม่แท้ ใช่ไหม ผู้ตาดีก็รู้ของแท้ ผู้ตาไม่ดีก็รู้ของไม่แท้ นี่มันสัจจะนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2566 ( 10:58:19 )

อย่าไปทำเกินตัว

รายละเอียด

อยากจะต่อภพต่อภูมิไปอีกเป็นโพธิสัตว์อย่างที่อาตมารู้และทำ ใครจะแกล้งฉลาดแกล้งรู้เหมือนอาตมาก็แกล้งเอาสิ ไม่ว่ากัน แกล้งได้ก็แกล้งไป แต่อาตมามันแกล้งได้ก็ดีเหมือนกันมันรู้เท่าที่รู้นั่นแหละเอามาเปิดเผย อาตมาไม่ได้ออมมือไม่ได้อ่อนข้อ อาตมาเปิดเผยให้พวกเราเอาไปสืบทอดเอาไปศึกษากันต่อตามฐานานุฐานะ ใครทำได้เท่าไหร่ก็เอาระวังตัวเองเท่านั้นแหละอย่าไปทำเกินตัว เราไม่ใช่เห็นช้างขี้จะขี้อย่างช้างอย่าไปขี้ตามช้าง เราช้างน้อยเอาแต่ขี้ก้อนน้อยๆ​ ไปขี้ก้อนใหญ่ๆ เหมือนช้างใหญ่เขาไม่ได้ หรือพระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบว่าช้างสูง 7 ศอกว่ายอยู่ในห้วงน้ำ เราก็ต้องได้แค่ไม่ถึง 7 ศอกเอาแค่ช้าง 3 ศอก 5 ศอก ช้าง 7 ศอกก็ว่ายในห้วงน้ำลึกได้ เราช้างแค่ 2 ศอก 3 ศอก เราก็ว่ายอยู่ในฐานะของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:18:53 )

อย่าไปท้าทายกับนรก

รายละเอียด

อย่างอาตมาไปทำงานในนรกร้ายแรง จะท้าทายมากก็ไม่ได้ ถ้าผีนรกใหญ่มาจะมาสู้ไม่ได้ ก็อย่าไปท้าทายอะไรมาก เอาแต่พอสมควรอย่าไป ชักศึกเข้าบ้านเอาข้าศึกมาเล่นงานตัวเองเราอย่าไปโง่อาตมาเข็ดแล้วรู้แล้ว อาตมาเคยท้าทายมันมาจริงๆหนัก ก็เลยบอกว่าช้าไว้เถิด ก็เลยไม่ท้าทาย ทุกวันนี้ไม่ท้าทายแล้ว ไม่เอา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:21:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:02:44 )

อย่าไปป่า แต่อยู่ป่าเป็นวัตรบ้างเพื่อพิสูจน์อะไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าว่าอย่าไปป่า คนไปป่าต้องมีสมาธิสมบูรณ์ แต่ไปเพื่อทดสอบตามศรัทธา 10 ต้องไปอยู่ป่าเป็นวัตรบ้าง ลองดูบ้าง ไปอยู่เดี่ยว ไปเพื่อทดสอลว่า 1.เราไปอยู่คนเดียวไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสให้เกี่ยวข้องเลย เราจะโหยหาอาลัยอาวรณ์ไหม 2.เราไปป่าเพื่อจะทดสอบว่าเราติดในเรือนว่างในป่าหรือไม่ ใครที่ยังสงสัยในตัวเองก็ไปทดสอบได้จะได้เกิดศรัทธาที่เต็ม มันมีข้อหนึ่งในศรัทธา 10

  1. ศรัทธา  (เชื่อถือเลื่อมใสในอริยสัจเป็นต้น) 

  2. ศีล (ในบริบทที่สูงไปสู่สีลสัมปทา แห่ง จรณะ15) 

  3. พหูสูต / พาหุสัจจะ (รู้สัจจะบรรลุจริง จนรู้มากขึ้น) .

  4. เป็นพระธรรมกถิกะ (อธิบายสัจธรรม สอนความจริง) 

  5. เข้าสู่บริษัท (สู่หมู่กลุ่มอื่น) . 

  6. แกล้วกล้าแสดงธรรมแก่บริษัท 

  7. ทรงวินัย 

  8. อยู่ป่าเป็นวัตร  ยินดีในเสนาสนะอันสงัด (คืออุเบกขา) . .

  9. ได้ตามความปรารถนาโดยไม่ยาก ไม่ลำบากซึ่งฌาน 4  

  10. ได้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ 

ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 10 ประการนี้แล  ย่อมเป็นผู้ก่อให้ เกิดความเลื่อมใสโดยรอบ และเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง (สัทธา 10  จาก สัทธาสูตร พตปฎ. เล่ม 24  ข้อ 8) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:41:53 )

อย่าไปมีวิบากต่อกัน ตัดสะพานเสีย

รายละเอียด

เขาก่อวิบาก ไม่สำรวมในกาม คู่วิบากก็จะมาก แม้ชาตินี้เป็นคนที่ 5 แล้ว ชาติก่อนๆ คงมีอีกมาก ก็เป็นคนมักมากในการสร้างวิบากให้แก่ตนเอง

ให้สติคุณแก้วตะวันบ้าง คุณหยุดได้ไหม หยุดไปติดตามเขา อย่างไรๆ ก็พรากกันไปแล้วก็ปล่อยเขาไปเถิด ก็ไม่ต้องไปดูอะไรเขา แสดงว่าคุณยังไปเกี่ยวเกาะเขาอยู่ ตัดสะพานเสีย อย่าไปมีวิบากต่อกัน อโหสิกรรมต่อกันเสีย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:45:41 )

อย่าไปยินดีในกิเลส แม้จะลดกิเลสได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้อย่างแรงว่า การสรรเสริญเป็นความต่ำทราม ไม่ว่าจะยกย่องสรรเสริญในทางถูกต้อง พระพุทธเจ้าถึงเตือนไม่รู้กี่อย่าง ความยินดีหรือว่าไปหลงในลาภยศสรรเสริญ โลกียสุข มันเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดแม้แต่พระอรหันต์ ท่านตรัสถึงขนาดนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษารายละเอียดพวกนี้ไป 

ง่ายๆ คือ อย่าไปยินดีในกิเลส แม้จะลดกิเลสได้ ก็อย่าไปหลงระเริงกับการสรรเสริญทางกิเลส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:21:38 )

อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นที่หนึ่ง ความเก่งตลอดกาลมันไม่เที่ยงหรอก

รายละเอียด

แนะนำให้ไปหาท่านเพาะพุทธ ถ้าถามท่านจะได้รู้ดีกว่าอาตมา เพราะอาตมามันไม่เคยติดยึดในการศึกษาการเรียนได้ที่ 1 หรือไม่ได้ที่ 1 แต่ก็เคย เรียนอยู่ได้ที่ 1 ถ้าตั้งใจจริงๆ แล้วก็จะได้ที่ 1 ถ้าไม่ตั้งใจแล้วที่โหล่ ถึงอย่างนั้นเลยอาตมานี้เรียนมา อย่าว่าแต่ที่โหล่เลยตก สอบตก ตกมานักต่อนักแล้ว ม. 6 ก็ตกม. 8 ไม่ต้องพูดเลยตกแล้วตกอีก 2-3 ปี จนไม่ต้องสอบม. 8 ก็มาเรียนทางอาชีวะจนผ่านอาชีวะมาถึง 5 ปี จบศิลปะ 5 ปีมาก็เทียบได้ เกิน ม.8 แล้ว เขายังไม่ให้ปริญญาตรีเขาให้แค่ ปวส. ก็มีเท่านี้การศึกษาของตัวเองก็ไม่ได้น้อยใจไม่ได้เสียใจอะไร สอบไม่ได้ที่ 1 ก็ไม่ได้ติดใจ ได้ที่ 1 ก็ดีไม่ได้ก็แล้วไป ตกก็รู้ว่าตัวเองไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นก็รู้ข้อบกพร่อง จะทำใจอย่างไร ก็คือตรงนี้แหละรู้ข้อบกพร่องของตัวเองตรวจสอบ ว่า เราบกพร่องอะไรถึงทำข้อสอบไม่ได้ตามที่เคยได้ที่ 1 

ความเก่งตลอดกาลมันไม่เที่ยงหรอก ก็พากเพียรอยากได้ที่ 1 อีกก็พากเพียรจริงๆถึงจะได้ ได้แล้วก็ไม่เที่ยง ถ้าเราไม่พากเพียรอ่อนด้อยลงไปบ้าง อ่อนเยาว์เมาขี้เกียจไปไม่เต็มที่ คนอื่นเขาพากเพียรก็ชนะ เพราะฉะนั้นความเพียรจึงเป็นตัวสำคัญมาก อย่าไปยึดมั่นถือมั่นจนกระทั่งต้องได้ที่ 1 ถ้าไม่ได้ก็เสียใจนั้นมันโง่ตายเลย ไอ้พวกนี้มันเป็นสิ่งสมมุติ ที่ 1 ที่ไม่ 1 ก็เป็นสิ่งสมมุติที่โลกเขาใช้วัด ก็เป็นประโยชน์เป็นเครื่องวัด แต่ว่าเราอยากได้ก็พากเพียรเอาทำเอาเสร็จแล้วมันก็จะได้ ถ้ามันบกพร่องไม่ได้ตามสิ่งที่เราหย่อน มันหย่อนจริงตรงนั้นตรงนี้ไป เราก็แก้ไขปรับปรุง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 12:50:24 )

อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของวัตถุมาก

รายละเอียด

ก็ไม่คิดเช่นไรอาตมาก็ว่าไปตามเหตุปัจจัยอะไรพอเป็นไปได้อาตมาก็เอา คือเจตนาดีกันนะ แต่มันก็คนละจริต คนละพฤติกรรมของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ที่ไม่เหมือนกันก็ขัดแย้งอยู่ในที แต่เราก็ต้องอยู่ด้วยกัน ขัดเกลากันไปขัดแย้งกันไป มันก็ดีที่มีการขัดแย้วกัน แต่อาตมาว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของวัตถุมาก เรื่องของวัตถุก็คือเป็นจริตนิสัยที่เราเอามาใช้ ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ มันก็ต้องทำนั่นแหละ ที่นี่คนที่มีจริตนิสัยที่เขาชอบสร้าง คนที่ชอบคิดชอบวางแผน ชอบเสนอ แต่ลงจริงๆแล้วไม่เป็นเท่าไหร่ มันก็มี ไม่เห็นประหลาดอะไร คนเสนอเรื่องนี้มาเราเห็นดีด้วยเราก็ทำไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:11:46 )

อย่าไปสร้างวิบากกับสัตว์

รายละเอียด

ไม่เป็นทุกข์ไม่เป็นสุขนี่แหละที่เรายังเป็นชีวิต เราจะรู้ความไม่สุขไม่ทุกข์ก็เรียกว่าเป็นพีชธาตุ เป็นพืช  พืชมันไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้วมันก็ไม่มีตัวตนหรือมันมีตัวตนระดับ 1 มีสามเส้า มีอิตถีภาวะ ปุริสภาวะ แล้วก็มีประธาน แล้วมันก็จัดการได้ แม้แต่เป็นพืชมันก็จัดการได้ ธาตุเอามาผสมกันแต่มันก็ไม่มีเวทนาไม่มีความรู้สึก มันก็ไม่มีกรรมที่จะเป็นวิบากกรรมจองเวรจองกรรมกันผูกพันกัน หรือว่าจะเกิดมาทำร้ายกัน ซึ่งหมุนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้ พืชมันไม่มี เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ยืนยันว่า อย่าไปสร้างวิบากกับสัตว์ เขาจะเป็นจะตาย ส่วนของเขาจะเป็นรูปเป็นนามของสัตว์ต่างๆไม่ต้องไปเอามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเราเลย เพราะเราไม่รู้ได้ว่าวิบาก ที่เขาจะรักตัวรักตนวิบากที่เขาจะยึดมั่นถือมั่น แม้ว่าเนื้อตัวของเขาเนื้อหนังของเขา ยึดมั่นถือมั่นใครมาแตะต้องใครมาเอาของฉันไปกิน อะไรมาเอาไปใช้ก็เป็นการเบียดเบียนเขา เบียดเบียนจนตายก็แล้วแต่ มันจะไปรู้อะไรสำหรับสัตว์เดรัจฉาน มันก็ยึดถือเป็นตัวกูของกูทั้งนั้นแหละ มันก็จองเวรจองกรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:57:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:50 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:03:29 )

อย่าไปเกี่ยวข้องใดๆกับสัตว์เดรัจฉาน

รายละเอียด

ส่วนของคนกับสัตว์กับพืชกับของนี้บรรลุได้ก่อน แต่รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสนี่ทีหลัง ยากมาก ในสังคมชุมชนชาวอโศก เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ เรื่องเกี่ยวกับทุจริต คือในวัตถุก็คือในพืชหรือทุจริตในคน ก็คือสัตว์ ถ้าคุณเองไปทุจริตกับคนด้วยกัน คุณก็ยิ่งแย่ สัตว์นี้เราต้องปรารถนาดีต่อเขาแต่คุณยังไปทุจริตกับสัตว์อีก มันก็ยิ่งแย่เพราะมีวิบาก ทุจริตกับของกับพืชมันไม่มีวิบาก ฉะนั้นความซับซ้อนในความเป็นสัตว์ คุณอย่าไปเกี่ยวข้องด้วยใดๆเลย สัตว์ทั้งหลายแหล่โดยเฉพาะกับสัตว์เดรัจฉานนั้น ปล่อยไปตามยถากรรม ไม่ต้องไปสร้างความรักความต่างกับสัตว์เดรัจฉานได้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:44:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:13 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:04:02 )

อย่าไปเกี่ยวพันกับสัตว์ให้เป็นวิบากต่อกัน

รายละเอียด

กรรมเป็นของตนวิบากของตนเองขึ้นมาใส่ กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ของกรรมตนเอง คำสอนของพระพุทธเจ้าคนละเรื่องกับโลกียะเทวนิยม ไม่ใช่พระเจ้าเป็นใหญ่ พระเจ้าบันดาล พระเจ้าสั่งพระเจ้าประสงค์ทุกอย่างไม่ใช่ แต่เป็น ของตน ของตนเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นเริ่มต้นตั้งแต่รู้จักเรื่องเกี่ยวพันกับสัตว์และคน อย่าไปสร้างวิบากเป็นอันขาด สร้างได้ แต่เป็นกุศลวิบาก เราพาสร้างเป็นเจ้าหนี้เขา แต่เราไม่ได้ไปทวงเอา เราไม่ต้องไปขอรับคืน ไม่ต้องเอาดอกมาให้เรา แต่เราพูดง่ายๆว่า เรามีบุญคุณกับเขาหมด แต่เราไม่ยึดถือว่าเป็นบุญคุณของเรา แต่โดยสัจจะมันทำแล้วมันก็ต้องเป็นของเรานั่นแหละ แต่เราไม่ต้องคิดว่าเป็นของเราเลย ใครจะกตัญญูกตเวทีก็เรื่องของเขา ดีของเขา ถ้าเขาอกตัญญู ก็เรื่องของเขา กรรมเป็นอันทำ ทำอย่างไรเป็นอย่างนั้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากกรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 11:19:54 )

อย่าไปแย่งกันรวย ปรณัม ?

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สรุปตรงนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธมาตั้งแต่เริ่มสร้างประเทศไทยจนถึงวันนี้ ศาสนาพุทธไม่เหมือนศาสนาอื่น ที่เป็นเทวนิยม ตะวันตกทั้งหมด 

ตะวันตกทั้งหมดเลย เป็นศาสนาพระเจ้า ศาสนาเทวนิยม แต่มีศาสนาพุทธอยู่ในตะวันออก แต่ก่อนนี้อยู่ในอินเดีย แล้วก็มาอยู่ในเอเชีย ประเทศไทย เอาคุณธรรมโลกุตรธรรมนี้ไว้ได้ จนถึงทุกวันนี้มีโลกุตรธรรม 

พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ ของพุทธโดยตรงเลย ไม่ใช่พุทธเปลือกๆ เป็นเนื้อแท้เลย บริหารประเทศมา 70 ปี เป็นพระจริยวัตรหรือพฤติการณ์ที่มนุษยชาติได้สัมผัส นั่นแหละเป็นคุณธรรมที่เป็นของจริง ไม่ได้อธิบาย ท่านไม่ได้อธิบายมากท่านอธิบายเล็ก ๆน้อยๆ ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เอาแบบคนจน อย่าไปแย่งกันรวย เราไม่ต้องไปเจริญแบบนั้น ก้าวหน้าแบบนั้นมีแต่เสื่อมอย่างเดียว เราไม่อยากก้าวหน้าอย่างมากเหมือนเขาก้าวหน้าแบบนั้น เป็นความเข้าใจโลกๆโลกีย์ 

แทนที่จะก้าวหน้าโลกีย์ แข่งกันยิ่งใหญ่ เบ่งข่ม เป็นมหาอำนาจ มันไม่ใช่ความเจริญมันเป็นความเสื่อมเป็นความต่ำ แต่ท่านไม่พูดแรงพูดเต็มที่หรือหยาบเหมือนอาตมา จะใช้คำว่าหยาบกับอาตมาก็ได้แต่ไม่ได้หยาบ มันชัดมันแรงมันแข็งมันเต็ม พูดชัดแรงแข็งเต็ม ความหมายมันครบมันก็เลยดู เหมือนตะลุมพุก เหมือนอาวุธของนิยายปรณัม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 11:26:31 )

อย่าไปไทเกอร์จี กับสัตว์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเกี่ยวกับสัตว์นี้เลิกไปเลย สรุปง่ายๆ ก็มาเกี่ยวข้องกันกับเฉพาะสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 สัมผัสวัตถุกับพืช อาตมาอธิบายรายละเอียดเป็นลำดับๆ อย่างคนพวกชาวอโศกเรารู้ว่าสัตว์ เราก็ปล่อยไปตามยถากรรมเขา เห็นเขาก็มีเมตตามันตกทุกข์ได้ยาก ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้เช่น งูมันกินเขียดก็อย่าไปยุ่งกับมัน มันเป็นวิบากของกันและกัน ไม่ให้งูมันกินเขียด จะให้งูมันกินผักคะน้าของคุณเหรอ มันก็ไม่กินผักคะน้า ไม่กินกะหล่ำปลีของคุณหรอก จ้างก็ไม่กิน อย่าไปยุ่งกับมัน อย่าไปไทเกอร์จี รู้จักไทเกอร์จีไหม? 

เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมีความรู้ มีความเข้าใจ เมื่อเรามีชีวิตยุ่งเกี่ยวกับแค่พืชกับวัตถุ วัตถุกับพืชมันก็ไม่มีวิบากเรื่องของสัตว์แล้ว นี่คือเราปลดวิบากไปเต็มรูปเลย ชีวิตก็มีการกินอยู่หลับนอนอยู่กับวัตถุกับพืชเท่านั้น ก็เหลือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วยังมี ศักดิ์ศรี ในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในวัตถุกับพืชอีกนะ ฟังดีๆ อาตมาขยายความจรณะ 15 วิชชา 8 อย่างละเอียดลึกซึ้งพิสดาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:33:14 )

อยู่เพื่อทำประโยชน์ตให้คนอื่น แล้วดีใจสุขใจถือว่าเป็นอุปกิเลสไม่ได้

รายละเอียด

คุณไม่เปลืองคุณไม่ฟุ่มเฟือย แม้แต่อารมณ์ที่จะไปกระดี๊กระด๊า เอาไปเสพอารมณ์อะไรก็แล้วแต่ เสพอารมณ์ บำเรอใจตัวเอง อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นปฏิกิริยาคุณก็ไม่มี คุณก็อยู่กับกรรมกิริยาที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น คุณจะเสพประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น คุณจะเสพอารมณ์นี้เป็นอารมณ์ชื่นใจ คุณทำประโยชน์ให้คนอื่นแล้วชื่นใจก็ทำไปสิ ไม่ได้ไปรบกวนใคร คุณทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้แล้วคุณก็ดีใจของคุณเอง จะถือว่าเป็นอุปกิเลส ก็ไม่ได้เปลืองใคร ไม่ได้เสียหายกับใคร คุณก็เป็นอัตตาของคุณเท่านั้นเอง ถ้าคุณยึดมันก็ติด ก็ติดกับกาละกับอัตตา ถ้าคุณไม่รู้ก็สลายไม่เป็น สลายไม่เป็นก็วนเวียนอยู่ในโลกนี้ แต่มันก็ไม่เสียหายเพราะสิ่งที่คุณติดมันเป็นประโยชน์ แล้วคุณก็ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น ฟังทันนะ แล้วมันก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าอยู่กับคนอื่นแบบนี้ คุณจะมีประโยชน์ อย่างไรคนก็ไม่ปฏิเสธหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:46:01 )

อยู่เพื่อทำประโยชน์ให้คนอื่นมันเป็นคุณวิเศษ

รายละเอียด

มันเป็นคุณวิเศษ หรือคุณสมบัติของมนุษยชาติที่กลั่นกรองแล้วว่า คุณปฏิเสธไม่ได้นอกจากคุณเป็นคนโง่หรือคุณตะแบง ถ้าไม่โง่หรือตะแบง คุณก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นความจริง สำหรับคนที่พอมีปัญญา มีความเฉลียวฉลาด ที่จะรับได้ ชาวโลกียะเขาก็ฟังได้รับได้ ยิ่งชาวโลกุตระแล้วไม่ต้องพูด นี่คือคุณวิเศษหรือคุณสมบัติอันดี หรือคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์พึงศึกษา และเป็นให้ได้มีให้ได้ อยู่ในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:50:10 )

อยู่แบบ เราไม่พักเราไม่เพียร แต่เราข้ามโอฆสงสารได้ เป็นฌานวิสัย

รายละเอียด

เมื่อคุณเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วคุณมีคุณสมบัติคุณวิเศษอย่างที่ว่านี้ล่ะ คร่าวๆ เมื่อยคุณก็พัก ไม่เมื่อยคุณก็เพียร เราไม่พัก เราไม่เพียร เราข้ามโอฆสงสารได้ คุณเพียรได้เท่าที่เพียรได้ พักเสร็จก็เพียร เราไม่พักอยู่ (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป เราไม่เพียรอยู่ (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว (โอฆมตรินติ) 

นี่เป็นความรู้ที่อาตมารู้แล้วก็ทำได้ด้วย ไม่ใช่พูดลอยลมฟุ้งซ่าน เพ้อๆ แล้วคนก็มีคุณสมบัติคุณวิเศษหรือคุณธรรมอันนี้ ขณะที่อาตมาพูดอยู่ตอนนี้ พูดดังนะ แรงนะ แล้ว อาตมาอย่างกับคนหนุ่ม ฌานวิสัย เป็น อจินไตย ที่คนเข้าใจยาก แต่ไปเข้าใจว่าเป็นสิ่งลึกลับ ลึกซึ้ง จนต้องเต๊ะท่า ตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น นั่งเพ่งแล้วทำให้จิตนิ่งไม่มีนิวรณ์อะไรอย่างนี้ ลำบากชิบหายเลย กว่าจะได้ฌาน เป็นฌาน ที่ได้โดยยากโดยลำบาก มันไม่ไหวนะ 

ของพระพุทธเจ้าเป็น ฌาน ที่ได้โดยง่ายโดยไม่ลำบาก หายใจเข้าก็เป็นฌานหายใจออกก็เป็นฌานได้ สบาย ใช้ได้ด้วย กำหนดให้มีคุณสมบัติ วิตกวิจาร ปีติ สุข อุเบกขา เอกัคคตา คุณก็จัดสรรมันได้ ตามพยัญชนะที่กำหนดไว้ คุณทำได้หมด ก็ครบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้มีจิตวิญญาณมีเท่าที่ พระพุทธเจ้าตรัส ก็เหลือแหล่แล้ว ใช้งานได้ตลอดจะตายกี่ชาติจะเกิดอีกกี่ชาติ ทำฌาน อย่างนี้ได้ ทำจิตแบบนี้ได้ แล้วคุณก็รับใช้ปวงชนอยู่อย่างนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:55:49 )

อรณ

รายละเอียด

เป็นสภาพผู้หมดข้าศึก หมดสงครามแล้ว เป็นผู้ตายอย่างไม่ดิ้น เป็นผู้สูญสลายได้อย่างสิ้นเชื้อแห่งความต้องการมี ต้องการเป็น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 633


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:31:36 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:31 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:04:22 )

อรณชีวะ

รายละเอียด

คนเป็นๆ ที่มีความตายแล้วอยู่ในตัว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 371


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:32:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:48 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:04:38 )

อรณะ

รายละเอียด

1. ไม่มี ไม่เกิด ไม่มีสงคราม ไม่มีบาป ไม่มีการต่อสู้

2. สิ้นข้าศึก หมดบาป หยุดการต่อสู้ 

3. ตาย (วิเศษ) หมดบาป ไม่มีการต่อสู้ ดับจริง ดับแท้

4. สงบจากกิเลส ข้าศึก สงคราม บาป , ไม่มีกิเลส , ไม่มีข้าศึก , ไม่มีสงคราม , หมดข้าศึกเพราะไม่มีกิเลส

5. ความตายอย่างนิพพาน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 56, หน้า 83, หน้า 57, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 111,134, ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 112


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:33:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:26 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:05:07 )

อรณะคือมวลอรหันต์

รายละเอียด

มวล ของประชากรที่เป็นอรณะคือมวลอรหันต์ อย่างประเทศไทยนี้เป็นอรหันต์อย่างมีปัญญาเข้าใจอรหันต์เมืองจีนยังไม่เข้าใจเรื่องความเป็นอรหันต์ แต่ก็มีสภาวะ พุทธิปัญญา ไปบ้าง แล้วมวลเขาเยอะ ปริมาณประชากรเขาเยอะ มันก็เลยดูเหมือนมาก แต่มันไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมันมี โลกุตรธรรม คนละ .0000001 เป็นต้น 

แต่ชาวพุทธนั้น มีโลกุตรธรรมไม่ใช่แค่ .00001 แต่มีคนละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ในคนไทย น้ำหนักก็คนละอย่าง เนื้อแท้ก็คนละอย่าง แต่เริ่มมีเนื้อแท้ไปเจือแล้วในจีน ก็คืออะไรคือคนจีน คนจีนในอนาคตที่มีเนื้อของโลกุตรธรรมจะมาเกิดเป็นคนไทย มารวมอยู่ในนี้ น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมันโดยสัจจะ ไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว ค่อยๆเป็นไป พิสูจน์ อาตมาตายแล้วสิ่งนี้จะจริง มวลไทยจะเพิ่มขึ้น โลกุตรบุคคลจะเพิ่มขึ้น จนกว่าจะถึงกลียุค วันนี้พูด อจินไตย ไปไกล ไหนๆ พูดมาแล้วก็พูดไปต่อก็แล้วกัน หรือจะพอแค่นี้เลิกเนาะ ...โยมว่าไม่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 11:25:20 )

อรต

รายละเอียด

เป็นความละเอียดเหลือเกิน เป็นปัจจัตตัง เป็นของผู้นั้นเอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 413


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:35:35 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:51 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:05:30 )

อรติ

รายละเอียด

ความไม่ยินดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 532


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:36:12 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:05:45 )

อรรถกถาจารย์

รายละเอียด

คำอธิบายของอาจารย์รุ่นหลังจากพระเถระ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:26:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:51 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:06:05 )

อรห

รายละเอียด

1. เหมาะควร 

2. ไม่มีความลึกลับซับซ้อน ไม่มีทั้งความลึกคือเข้าถึงความลึกนั้นๆแล้ว ไม่มีทั้งความลับ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 22 , 44, ทางเอก ภาค 2 หน้า 632


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:37:04 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:22 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:06:28 )

อรห หรือ อรหัง

รายละเอียด

1. ความพอดีแท้ ความเหมาะสมจริงๆ ตามกาลเทศะนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและดีที่สุด [ “อ” คือ ความดับ  “ห” คือ ความเกิด  “ร”  คือความตั้งอยู่ 

2. เป็นพระอรหันต์ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 161, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 122


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:38:51 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:06:52 )

อรหะ

รายละเอียด

ไม่ใช่สิ่งลึกลับ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 196


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:40:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:35 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:07:08 )

อรหะ หรือ อรหันต์

รายละเอียด

คือ "ไม่ลึกลับเป็นที่สุด" นี้เป็นการอธิบายตามสภาวะที่เป็นจริง ซึ่งถ้าจะแปลตามพยัญชนะก็ใช่ด้วย

คือ รห หรือ รโห แปลว่า ลับ อย่างลับๆ

อ แปลว่า ไม่ อรห จึงแปลว่า ไม่ลับ อย่างไม่ลับ

เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็นสัตว์ทางจิตวิญญาณแท้ (สัตว์โอปปาติกะ) หรือรู้แจ้งเห็นจริง "ตัวตน" (อัตตา) ที่เป็น "มาร" แล้วกำจัดถูก "ตัวตน" ที่เป็น "สัตว์นรกหรือมาร" ได้จริง จิตวิญญาณจึงเกิดเป็น "เทวดาแท้" ไม่ใช่ "เทวดาเท็จ" ที่สุดกระทั่งเป็นเทวดาสูงสุด (วิสุทธิเทพ) ซึ่งเป็น "เทพสูงสุด" คือ "พระเจ้า" ชนิดไม่ลึกลับเป็นที่สุด (อรหันต์)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 243


เวลาบันทึก 06 กันยายน 2562 ( 14:41:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:10:24 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:07:34 )

อรหัง

รายละเอียด

1. ความพอดีแท้ ความเหมาะสมจริงๆ ตามกาลเทศะนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและดีที่สุด 

2. เหมาะควร 

คำอธิบาย

อรหัง หมายถึง ไม่ลึกลับในความเป็นพระเจ้าหรือในความเป็น "สมมุติเทพ-อุบัติเทพ-วิสุทธิเทพ"

หนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 28

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 161, ทางเอก ภาค 2 หน้า 212


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:41:08 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:38 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 12:08:13 )

อรหัตตผล 

รายละเอียด

สิ่งเหล่านั้นมีได้สมมุติเราก็รู้ว่ามีอะไรสมมุติ ถ้าเราไม่ไปพัวพันในการย้อมให้หลง ในการประทุษร้าย นี่คืออรหัตตผล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:27:25 )

อรหัตตผลของโสดาบัน

รายละเอียด

อรหันต์ หรืออรหัตตผลของโสดาบันคือได้แต่ในทางโลกๆ คุณจะต้องมีตา  หู จมูก ลิ้น กาย กระทบสัมผัสสิ่งที่มีอยู่ในโลก อะไรที่กระทบสัมผัสแล้วอันนั้นเป็นเรื่องต่ำ เรียกว่าอบาย เรารู้ของเราแล้ว เป็นเรื่องต่ำ แล้วเราก็เลิกได้ ล้างกิเลสตัวนี้ได้ ไม่ไปติดยึดปรุงแต่งเกี่ยวข้องกับอันนั้นได้ อันนั้นคือโสดาบัน แล้วจะรู้จักว่า อ๋อ.. การหลุดพ้นจากโลกอบายเป็นอย่างนี้เอง นี่คือรู้จักนรก แล้วออกจากนรกอย่างตื่นๆ ไม่ใช่ตายแล้วไปเป็นนรก ไปเป็นสวรรค์อย่างที่อธิบายกันนั้นปฏิบัติไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:43:28 )

อรหัตตผลหมดรสชาติโลกีย์

รายละเอียด

โอ้โห เขายังแย่งชิงสุขสำราญกับลาภยศสรรเสริญโลกียสุขกัน เขาได้มากมายกันนะวันๆนึงอวดอ้างโชว์กัน ไม่รู้สึกริษยาเขาหรือ มันต้องเข้าใจจิตของเราจริงๆว่า เราเลิกออกมาหลุดออกมาได้ มันไม่มีรสชาติ มันไม่มีความสุขความพอใจความรื่นรมย์กับรสชาติอย่างโลกีย์

มันจะเหลืออยู่บ้าง เปรียบเทียบได้ในตัวเราแต่ก่อนเราจัดจ้านมากมายใน ลาภยศสรรเสริญสุขต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้มันจางคลายมันเบาบางลง ผู้ใดถึงอรหัตตผล ก็ไม่ใช่เบาบาง แต่หมด จิตของเราก็สักแต่ว่ารู้เข้าใจๆ มันมีคนที่เขาติดเขายึดก็เห็น ในรูปธรรมเราไม่มีแล้ว ในนามธรรมเราก็อ่านตรวจสอบพิจารณา เมื่อสัมผัสอย่างที่เขาสัมผัสกันก็ไม่มีอาการที่มันจะกระดิ๊กกระดี๊ขึ้นมา ยินดีขึ้นมา ยินร้ายขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:22:46 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์