@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เหตุใดพ่อครูใช้คำว่าอาริยะแทนอริยะหรืออารยะ

รายละเอียด

คนนี้ใช้คำว่า อาริยะด้วย ซึ่งเป็นคำที่อาตมาใช้ แทนคำว่าอริยะ กับอารยะ คำว่า อารยะ เขาแปลว่า เจริญ แต่เป็นทางวัตถุ แต่อริยะ ก็เข้าใจเป็นเจริญแบบฤาษีดาบส ไม่ใช่ผู้เจริญแบบพุทธ อาตมาก็เลยไม่ใช้ทั้งสองคำ ทั้งอารยะและอริยะ อาตมาใช้คำว่าอาริยะ เอาทั้งสองคำบวกกันเลย คุณคนนี้เขียนมาว่า อาริยบุคคล ที่จริง สองคำนี้สมาสกันแล้วไม่ต้องมีสระอะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:08:29 )

เหตุใดพ่อครูไม่อนุโลมเพื่อให้ได้สมาชิกมากๆ

รายละเอียด

หัวหน้าเขาดื้อด้านหลงตัวหลงตนยิ่งยากมาก แต่ก็ต้องทำ จะได้น้อยได้คนหมู่น้อย คณะน้อยๆมาเรื่อยๆ เป็นคณะก็เอา เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไปเรื่อยๆก็ไม่เป็นไรซึ่งมันไม่เก่งนี่ เก่งสุดความสามารถพยายามได้เท่านี้ก็เท่านี้ 

ประเด็นดีๆ เขาบอกว่าอนุโลมอย่างนี้สิ อาตมาว่า ขนาดไม่ได้อนุโลมไม่ได้และเล็ม ให้เข้ามาด้วยภูมิปัญญาอิสรภาพของคุณเองยังยากเลย แล้วอาตมาจะโง่เอาคนที่มีแต่ขี้สนิม​เลอะเทอะอย่างนั้นมาทำไม คนที่เอาตัวสะอาดๆ มานี่ยังยาก อาตมาไม่โง่ซ้ำซ้อนหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:45:13 )

เหตุใดพ่อครูไม่ได้เรียนแพทย์

รายละเอียด

อาตมาแย่ทางคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ ถ้าหากอาตมาเก่งก็คงจะไปทางนั้น แม่กะจะให้เรียนแพทย์ แม่เป็นคนขี้โรค ไม่แข็งแรง จนกระทั่งอายุ 40 ก็เสียแล้ว แล้วแม่อาตมาศรัทธาลุงที่เป็นหมอก็เลยอยากให้อาตมาเป็นหมอตามลุง แม่อาตมากับลุงสนิทสนมกันมาก ช่วยเหลือเกื้อกูลเลี้ยงดูกันมากว่าจะตายจากกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:14:15 )

เหตุใดมหาบัวจึงมีความผิดอนันตริยกรรม

รายละเอียด

เพราะไม่รู้จักโทษของกาม กามาทีนวะ ตัวนี้ตัวเดียวเป็นตัวยืนยันว่ามหาบัวหลอกโลกซ้ำ จึงมีความผิดอนันตริยกรรม นี่เป็นโทษหนักระดับอนันตริยกรรม เป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตนแท้ๆ ไม่บรรลุก็บอกว่าบรรลุ แล้วก็โกหก รู้ว่ามันเป็นกามแต่โกหกต่ออีก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่รู้โกหกทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองโกหก เป็นคนที่ไม่มีอะไรที่ชั่วที่ทำไม่ได้ ฟังดีๆนะลึกซึ้งมาก ไม่มีความชั่วใดที่คนที่โกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองโกหกจะทำไม่ได้ คิดดูสิว่าคนคนนี้จะคบไหวไหม ขออภัยที่อาตมาต้องยกเอาของมหาบัวมาพูด เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาประพฤติอยู่ ไม่ได้ไปเจตนาข่มดูถูก อยากให้ลูกศิษย์ของมหาบัวฟังด้วยใจไม่อคติ อาตมาไม่ได้ไปโกรธท่าน อาตมาถ้าหากมีความโกรธอยู่นิดนึงก็โง่มาก อาตมาศึกษาไปสู่นิพพานแล้วบอกว่าโกรธนิดนึงก็ยังไม่รู้ อาการโกรธในจิตก็ยังไม่รู้ ก็ยังทำออก แล้วจะมาพูดว่าคุณเป็นพระอรหันต์คุณก็ยิ่งโกหก อาตมาย่อมไม่ทำอย่างนั้นเป็นอันขาด

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:55:11 )

เหตุใดยุคนี้จะปล่อยพระอรหันต์ชาวอโศกไปประกาศศาสนาไม่ได้

รายละเอียด

จะไปเอาอย่างพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ เพราะท่านพร้อมทุกอย่าง พอท่านได้พระอรหันต์ 60 องค์แรก ท่านก็บอกเลย เธอจงไปประกาศศาสนา อย่าไปซ้อนกัน แม้แต่ในที่หนึ่ง 2 รูป เพราะท่านเป็นอรหันต์หมดแล้วก็ไปได้ แต่ทีนี้ของอโศกไม่ได้อย่างนั้น ถึงแม้อโศกจะเป็นอรหันต์ จะปล่อยให้ไปเดี่ยวๆแบบนั้นไม่ได้ ต้องเอาองค์ประกอบในยุคสมัยในบารมีสู้พระพุทธเจ้าไม่ได้ แม้เราจะมีอรหันต์ แล้วส่งไป ถึงไม่ส่งไปเราก็ทำอยู่แล้ว เท่าที่บารมีจะมี เพราะฉะนั้น ที่พูดว่ายังส่งไปไม่ได้เพราะว่าเราทำที่เรานี่แหละ เป็นแหล่งสร้างอริยบุคคล สร้างโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์ แล้วแต่ละคน ถ้าถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติสัมมาปฏิเวธมีผลจริง คนก็จะเป็นอริยบุคคลจริง เมื่อเป็นอริยบุคคลจริง ก็จะมีปฏิภาณปัญญารู้ว่าควรหรือไม่ควร เราควรจะช่วยหรือไม่ช่วย แล้วก็จะค่อยๆช่วยกันคนละไม้คนละมือไม่แย่งกัน แล้วก็ไม่เสียผล แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็พอเป็นไปไม่ต้องไปจัดสรรมัน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:53:12 )

เหตุใดยุคนี้จึงกลายเป็นศาสนากลองอานกะ

รายละเอียด

แน่นอน ถ้าโง่ จะเป็นพราหมณ์มหาศาล แต่ในยุคนี้เป็นพระมหาศาล จมอยู่ในกองลาภยศ สรรเสริญ สุข ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าศาสนาเสื่อม ก็เปรียบประดุจ ลาภ ยศสรรเสริญ สุข เหมือนใบ ดอก ผล ของต้นไม้ วิมุติเป็นแก่น ศึกษามาว่าจะต้องไปเอาแก่น ไปเอาวิมุติ แต่คนพวกนี้ไปหลงผลดอกใบ อยู่บนต้นที่งอกงามชวนใจ สะเก็ดยังไม่เอาเลย ศีลเปลือกคือสมาธิ ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เดียรถีย์ก็ไม่ได้ ยิ่งปัญญาคือกระพี้ ก็ยิ่งไม่ได้ วิมุติคือแก่น อย่าหวัง ไม่มีหวังเลยที่จะได้ กลายเป็นพระป่าและเป็นพระมหาศาล ด้วย ลาภ ยศสรรเสริญ สุข กับพระป่าที่จมลงๆในความหลง 

ขออภัยอาตมาพูดตรง พูดลัด พูดชัด พูดอย่างไม่ประนีประนอมไม่ไว้หน้าเลย เพราะอาตมาพูดมาเยอะแล้ว  ก็พูดสรุปให้ชัดเจน ไป แหม เจตนาจะไปเอาแก่น แต่ไปเจอดอก ไปเจอไม้ ไปเจอผลก็ไปเอา ก็หลงกับมันอีกกี่ชาติ แล้วก็เลยไปอธิบายศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติกันเลอะเทอะเป็นของเดียรถีย์หมดเลย ไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้มีสัมมาทิฏฐิกับศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติเลย เป็นมิจฉาทิฐิไปหมด ก็เลยกลายเป็นศาสนากลองอานกะในยุคนี้ เพราะไม่ได้แก่นไม้ ไม่ได้วิมุติ ปัญญาก็ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:16:51 )

เหตุใดฤาษีลิงดำจึงมิจฉาทิฏฐิ 100%

รายละเอียด

สิ่งที่คุณบอกมาถ้าเห็นแล้วว่าเข้าท่า อาตมาก็จะเปลี่ยนแปลงตาม อันที่อาตมาไม่ผิด ได้บางอย่างก็ปล่อยไปไม่แย้ง บางอย่างก็ขอแย้ง ว่าอันนี้คุณก็ไม่ได้ชี้ข้อที่เป็นธรรมะ อาตมาจะจับเอามาอธิบายได้ อย่างฤาษีลิงดำ ตามความเห็นของอาตมาท่านมิจฉาทิฏฐิ 100% เป็นเทวนิยมเต็มรูป ปฏิบัติออกนอกศาสนาพุทธเลย ยังมีอัตตา มีเทวะ มีภพชาติเต็ม ชาตินี้ชาติหน้า มีสวรรค์วิมานเป็นตัวเป็นตนเต็มไปหมดเลย อาตมาก็บอกความเห็นให้ฟังเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:28:54 )

เหตุใดลาภสักการะสรรเสริญจึงเป็นอันตรายอันแสบเผ็ด

รายละเอียด

นั่นแหละอรหันต์ที่ยังไม่เก่งพอเวลาช่วยคนก็จะผิดๆถูกๆ บ้างและคนก็จะยอมรับยินดี ผู้ที่แจกเขาเก่งๆ คนก็ชอบมากได้รับสรรเสริญสักการะมาก ลาภก็จะมาก ลาภ สักการะ สิ่งสรรเสริญ นี่แหละจะเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดของพระขีณาสพ พระอรหันต์ที่เก่งก็ช่วยคนอื่นช่วยคนอื่นก็ได้ลาภ คนอื่นก็เป็นทายกเอามาให้ ท่านเป็นปฏิคาหก ได้ลาภยศ ผู้นี้หลงตัว อรหันต์ ในพระไตรปิฎก อาตมากำลังเขียนหนังสืออันนี้ อรหันต์แล้วท่านไม่ติดลาภ ยศ สรรเสริญ ​ท่านไม่ติด แต่ท่านให้ลาภ ยศ สรรเสริญ แก่คนอื่น แล้วท่านก็ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตอบแทน แล้วท่านก็ไม่รู้ตัว เมื่อไม่รู้ตัวท่านก็แช่อยู่อย่างนี้แล้วก็ทำเพิ่มขึ้นจนผิด มันเป็นอันตรายอันแสบเผ็ด ท่านเรียกว่าแสบเผ็ด เพราะว่ามันซ้อน มันเข้าใจยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 11:50:55 )

เหตุใดวิญญาณฐิติจึงมีอรูปฌาน 3 ตัว

รายละเอียด

วิโมกข์ 8 ข้ออากาสาฯวิญญานัญจา 

คืออรูปฌาน 4 ที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ ส่วนอรูปฌาน 4 ของสัตตาวาส 9 เป็นอรูปฌานที่มิจฉาทิฏฐิ และอรูปฌาน 4 ของอนุปุพพวิหาร 9 คือ อรูปฌาน 4 ของพระพุทธเจ้า แต่ทำไมวิญญาณฐิติก็มี อรูปฌาน 3 ตัว ไม่มีเนวสัญญาฯกับสัญญาเวทยิตนิโรธ 

เพราะวิญญาณฐิติเป็นตัวบอก ปฏิบัติในขณะที่มีวิญญาณตั้งอยู่ มีตากระทบรูป หูกระทบเสียง ไม่ใช่แบบสัมภเวสี เหมือนภิกษุ สาติบอกไว้ เหมือนพวกนั่งหลับตาทั้งหลาย มีแต่นิรมาณกายปั้นจิตไป ล่องลอย ไม่มีที่ตั้งที่เกิด ยืนยันได้ว่าจริง ตากระทบรูปอยู่ หูได้ยินเสียงอยู่ จมูกได้กลิ่นอยู่ ลิ้นกระทบรสอยู่ โผฐัพพะสัมผัสกายภายนอกมีครบอยู่ เป็นสภาวะสัมผัสทำให้คุณปฏิบัติ ไปถึงจิตสังขาร และปฏิบัติการที่จิตสังขารไม่ใช่ไปจัดการที่กายสังขาร วจีสังขาร

วิโมกข์ 8 มีสัญญาเวทยิตนิโรธ อนุปุพพวิหารมีสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่วิญญาณฐิติไม่มีสัญญาเวทยิตนิโรธ แม้แต่เนวสัญญานาสัญญายตนะก็ไม่มีเพราะเป็นเรื่องของปัจจุบัน 

วิญญาณฐีติ ปฏิบัติในขณะมีวิญญาณ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ในขณะนี้ แน่นอนต้องมีใจด้วยวิญญาณคือตัวใจแท้ ใจที่มีจมูกลิ้นกายตั้งอยู่เรียกว่าฐิติ ถ้าไม่มีที่ตั้งเป็นสัมภเวสีเป็นวิญญาณล่องลอยไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย นี่แหละไม่ใช่ ที่ตั้ง 

เพราะฉะนั้นจิตที่ไม่มีที่ตั้งทางตาหูจมูกลิ้นกาย จึงโมฆะจากศาสนา 

 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:24:01 )

เหตุใดศาสดาสายเทวนิยมจึงงมงาย

รายละเอียด

อะไรงมงาย ก็ศาสดานั่นแหละงมงายก็บอกว่าคำสอนนี้เป็นของพระพุทธเจ้า จริงๆแล้วพระธรรมคำสอนที่เป็นของพระศาสดาเองได้สั่งสมมาเองจนได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง แต่เป็นศาสดาทางท้ายเทวนิยม เขาก็สั่งสมบารมีมา แต่ไม่มีความรู้เรื่องกรรมวิบากไม่มีความรู้เรื่องการสั่งสมบารมีไม่มี ศาสนาเทวนิยมไม่มี เขานึกว่าตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า คำต่างๆที่ยกมาเป็นคำสอนเทวนิยมทั้งนั้น เขาจึงตัดสั้นจู๋ ถึงไม่รู้เรื่องเลย เวียนว่ายตายเกิดเขาก็ไม่รู้เรื่องเขาไม่มี rebirth การเวียนตายเวียนเกิดไม่มี ตายแล้วก็ไปอยู่กับพระเจ้าแล้วแต่พระเจ้าจะให้อยู่สวรรค์หรือนรก เขาจะมีการศึกษาอยู่แค่ชาติเดียว ไม่รู้เรื่องกรรมวิบากไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:58:59 )

เหตุใดศาสนาคริสต์หรือศาสนาเทวนิยมไม่ซาบซึ้งและไม่กลัววิบาก

รายละเอียด

บอกเด็กๆทีเดียว อย่าไปให้เด็กคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ให้สังวรระวังว่าอย่าไปมีความรู้สึกอย่างนั้น สั่งสมวิบาก เด็กอาจจะไม่ซาบซึ้งเรื่องวิบาก แต่มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเลยวิบาก เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ศาสนาคริสต์หรือศาสนาเทวนิยมที่มีความรู้เกิดชาติเดียว จะไม่ซาบซึ้งเรื่องวิบาก ไม่กลัววิบากหรอก เพราะเขาสอนง่ายๆว่าตายแล้วก็ไปอยู่กับพระเจ้า ง่าย แต่คุณจะได้อยู่กับพระเจ้าคือได้ขึ้นสวรรค์นั้นน้อยมาก คนที่ตายจากความเป็นมนุษย์หรือเทวดา แม้คุณจะมีภูมิเป็นเทวดา เป็นมนุษย์ที่มีจิตสูงในภพภูมิที่คุณเป็นอยู่ในชีวิต ตายจากความเป็นมนุษย์หรือเทวดาแล้ว จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกนั้น น้อยกว่าน้อยนัก ส่วนมากตกนรก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจนทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:07:14 )

เหตุใดศาสนาบาไฮจึงไม่เจริญ

รายละเอียด

แต่ศาสนาเทวนิยมแต่ละศาสดานั้น   ก็จะเกิดมาตั้งตนเป็นศาสดาของศาสนามา ก็ตามยุค อย่างของพระเยซูก็ 2021 ปี ศาสนาอิสลามก็น้อยกว่า 2021 เพราะพระโมฮัมหมัดมาประกาศตนเป็นศาสดาทีหลัง อะไรอย่างนี้ องค์อื่นๆก็ว่ากันไป แม้แต่ที่สุด พระบะฮาอุลลาห์

ไปประกาศศาสนาบาไฮ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่มีน้อยไม่เจริญเท่าไหร่ เพราะศาสนาบาไฮเขาพยายามรวมศาสนาทุกศาสนามาเป็นอันเดียวกันเลย โธ่! คือ เป็นความคิดที่มันเป็นไปไม่ได้เลย จะไปรวมศาสนาทุกศาสนามาเป็นอันเดียวกัน ก็ศาสนาเดียวกันมันยังตีกันจะตายแยกกันแยกนิกายจะทะเลาะกัน แล้วจะไปรวมศาสนาทุกศาสนามาไว้ด้วยกัน โอ้ย พระบะฮาอุลลาห์ เป็นความคิดที่ยิ่งใหญ่ แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คนที่โง่ที่สุดคือคนที่ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไปทำ หรือไปคิดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คิดอยู่อย่างนั้นแหละแล้วจะทำอยู่อย่างนั้นแหละแต่มันเป็นไปไม่ได้อย่างไรมันก็เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้นี่แหละคือคนที่โง่มากๆ ขออภัยที่วิจารณ์ พระบะฮาอุลลาห์ เสียหายเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:13:52 )

เหตุใดศาสนาพระเจ้าจึงไม่มีพระเจ้าให้ศึกษาเลย

รายละเอียด

แล้วเทวนิยม ศาสนาพระเจ้าไม่มีพระเจ้าให้ศึกษาเลย จึงไม่รู้จักความจริงอันนี้เพราะไม่รู้จักความจริงอันนี้ จึงไม่รู้ว่าวิญญาณนังอนัตตา จึงไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่าวิญญาณไม่มีตัวตนพระวิญญาณไม่มีตัวตนก็พูดกันไปด้วยตรรกะ ของศาสนาเทวนิยมก็พูดเท่ๆ แต่เขาไม่รู้เรื่องหรอก เพราะมันไม่มี นี่คือมันไม่มีจริงๆมันไม่มีตัวตนจริงๆ เขาก็ตัวตน อัตตา อาตมัน คือพระเจ้า ปรมาตมัน เขามีนิรันดร เทวนิยมต้องมีนิรันดร 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 07:56:23 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงต้องเรียนรู้เวทนาสุขทุกข์

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมาเรียนความสุขความทุกข์เรียนรู้เวทนา ถ้าไม่มีเวทนาไม่ใช่ฐานแห่งการปฏิบัติไม่มีอื่นเลย ถ้าไม่มาเรียนรู้เวทนาในเวทนา โดยเฉพาะต้องชัดเจนในเวทนา 108 แล้วต้องแยกเคหะสิตะ กับเนกขัมสิตเวทนา ที่เคหสิตะเป็นโลกีย์ แล้วเอากิเลสออกได้เป็นเนกขัมมะ จนกระทั่งกิเลสหมดเป็นเนกขัมมสิต อเุบกขา เอากิเลสออกหมดแล้วจึงเป็น เนกขัมมสิตอุเบกขา ที่มีคุณสมบัติ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา คนที่มีสภาวะแล้วเมื่อมาฟังอาตมาจะสาธุ ภันเต โพธิรักษ์ จริงๆเขาจะขอบคุณอาตมาเลย  เพราะว่าพูดให้ฟังได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 12:05:57 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงหมดเชื้อโลกุตระมากว่า 2,500 ปี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นใน เล่ม 16 ข้อ 230 พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า กายนี้ ตถาคตเรียกว่า จิต มโน วิญญาณ มันก็เลยยากมากเลย คนเข้าใจยากมาก ยากจนกระทั่งเสื่อมง่าย เพราะมันยาก แล้วคนก็เลยจับไม่ค่อยติด ละเอียด เสื่อมง่าย เสื่อมจนกระทั่ง กาย ไม่ได้หมายถึงจิตเลย กาย ไปหมายเอาแต่ข้างนอก กายไปหมายเอาแต่ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย นานเข้าจนสนิท ศาสนาก็เสื่อมไปเลยเพราะคำว่า กาย คำเดียว กายคำนี้ 

แถมคำว่า บุญ อีกคำเข้า เสร็จเลย ศาสนาพุทธเลยบอดมากว่า 2,500 ปี หมดเชื้อเลย อาตมาต้องใช้คำว่าหมดเชื้อ เชื้อโลกุตระหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:34:36 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่พิสูจน์ยืนยันได้

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้าจึงเป็นศาสนาที่พิสูจน์ยืนยันได้ มีครบทั้ง 3 สมมติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ มีสัจจะทั้งภายนอกตัวตนตั้งแต่ 2 บุคคลขึ้นไปยืนยันกัน ถ้าหากไม่มีผู้ที่รับรองตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเป็นสมมติฐานจะ พระพุทธเจ้าไม่ถือว่าเป็นสัจจะ ฉันจะต้องมีหนึ่งเดียวเท่านั้นอย่างน้อยต้องมี 2 คนรับรองขึ้นไป ถ้าหากมีมากขึ้นเป็นล้านคนก็แน่นอนจะยิ่งอีกยืนยันตรงกันนี่คือสัจจะเป็นหนึ่งเดียว หนึ่งเดียวต้องมีสองรับรองมากขึ้นไปจนนับไม่ถ้วน ถ้าหากตรัสรู้อยู่คนเดียว คนอื่นไม่รู้ร่วมด้วย สัญญายนิจจานิ ต่อให้คุณเป็นจริงๆ เลยพระพุทธเจ้าก็ไม่ยอมรับเพราะมันไม่ครบธรรมะสอง ต้องมีทั้งสมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะ แม้แต่ปรมัตถ์ของคนจะจริงก็ตามไม่ใช่สายพุทธ ถ้าสายพุทธแล้วต้องรีบมายืนยันได้ ต้องมีการประกาศให้รู้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนี่คือเงื่อนไขหลักของพระพุทธเจ้า ศาสนาพระพุทธเจ้าต้องมีคนรับรองยืนยันร่วมกัน ยิ่งรับรองมากขึ้นมากเท่าไหร่ตรงกันร่วมกันมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเป็นสัจจะ

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:11:46 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงเป็นอเทว

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจคำว่า เทฺว นี่แหละเป็นแก่นของศาสนา ศาสนาพุทธเป็น อเทวฺ เพราะสามารถตีแตก เทวฺ ได้ เทวฺเป็นพยัญชนะ แปลว่า 2  เทวฺ หมายความว่า ธรรมะ 2  ธรรมะแปลว่า 2   นี่หมายความว่าพยัญชนะธรรมดา เทวฺ คือ ธรรมะ 2 เข้าไปถึง ธรรมะ 2 ลักษณะ ลักษณะหนึ่งคือ ลักษณะโลกียะ ลักษณะหนึ่งคือ ลักษณะ โลกุตระ ลักษณะหนึ่งคือ รูป ลักษณะหนึ่งคือ นาม ลักษณะหนึ่งคือ เวทนาจริง ลักษณะหนึ่งคือ เวทนาเก๊ ลักษณะหนึ่งคือ ความรู้ปัญญา ลักษณะหนึ่งคือ ตัณหา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมกับปัจฉา เวทนา 108 ย่อความให้ง่าย  วันที่ 10 ตุลาคม 2561

ในสวนดาว ถอดความ 


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:15:31 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงได้เรียกว่าอเทวะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนในโลกนี้หลงใหลในลาภยศสรรเสริญโลกีย์สุข โดยเฉพาะคำว่าสุข ลาภยศสรรเสริญเข้าใจได้ง่าย อยากได้ลาภยศสรรเสริญก็ต้องทุกข์แน่นอน อยากได้สุขนั่นแหละคือความทุกข์ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาเดียวที่ทำลายความสุขความทุกข์ทิ้ง เพราะความสุขความทุกข์มันแยกกันไม่ออก มันเป็นมายา มันเป็นเทวะ  พระพุทธเจ้าทิ้งความสุขความทุกข์ไป เทวะ แปลว่า 2 พระพุทธเจ้าสามารถฆ่าเทวะได้หมดตั้งแต่น้อยจนถึงใหญ่โต ศาสนาพุทธไม่มีเทว ไม่มีพระเจ้าเรียกว่าอเทวะ Adheism ฟังแล้วเหมือนกับหยิ่งผยองลบหลู่อย่างนั้นแหละ เพราะตลอดทั้งโลกเขาเป็นเทวะ แล้วศาสนาที่เป็นการนับถือพระเจ้านั้นมีเยอะกว่ามาก คนจะเข้าใจ กรรม ไม่ต้องหลงเทวะ กรรมเป็นตัวดำเนินไปทั้งนั้น กรรมคือตัวเอง กรรมเป็นของตนเอง ปฏิบัติกรรมเป็นของตนเอง ตนเองรับมรดกกรรมของตัวเอง ก็พาเป็นพาไปกัมมโยนิ แล้วก็มีกัมมพันธุ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:27:12 )

เหตุใดศาสนาพุทธจึงไม่นั่งหลับตา

รายละเอียด

แม้แต่แค่หลักธรรมพระพุทธเจ้าวิชชาจรณสัมปันโน ในจรณะ 15 นั้น

1. มีศีล มีศีลจะต้องสัมผัสกับสัตว์กับคนกับข้าวของกับตาหูจมูกลิ้นกาย จึงจะปฏิบัติศีลได้ ศีลนั้นการปฏิบัตินั่งหลับตาไม่มีศีล

2. อันนี้เป็นอปัณกปฏิปทา ถ้าไม่มีสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตาชาคริยานุโยคะ ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ไม่มีสัมผัสกับคนกับสัตว์กับของไม่มีการตื่นรู้ตัวจากกิเลส ก็เป็นการปฏิบัติผิดไปจากการปฏิบัติธรรมที่ไม่ผิดของพระพุทธเจ้า 3 ข้อนี้

เพราะฉะนั้นอปัณณกปฏิปทาต้องมีสัมผัสทั้ง 6 ต้องมีการสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ต้องเรียนรู้เรื่องกินเรื่องใช้ที่เกี่ยวข้องสัมผัสอยู่ ต้องมีความตื่นเต็มเป็นชาคริยานุโยคะ ถ้ามันไม่ตื่นมันเข้าไปในภวังค์มันไม่ตื่น ดีไม่ดีมันหลับไปเลย ตกในภพถีนมิทธะ ต้องตื่น ขนาดตื่นมีดวงตาลืม หูก็ได้ยินฟัง ถ้าหากสติสัมปชัญญะของคนไม่ครบเต็มร้อย สติคุณก็ยังไม่ครบเลย ต้องให้ตื่นเต็มมีสติทั้งนอกทั้งใน อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน สมณพราหมณ์ผู้มาเปิดเผยสัมมาทิฏฐิของพุทธ


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:40:33 )

เหตุใดศาสนาอื่นไม่สามารถรู้มรรคมีองค์ 8 อริยสัจ 4 เป็นอันขาด

รายละเอียด

อันนี้ก็ยังยากเพราะว่ามรรคมีองค์ 8 อริยสัจ 4 มีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น ในศาสนาอื่นไม่มี ไม่มีความรู้ที่สามารถรู้มรรคมีองค์ 8 อริยสัจ 4 เป็นอันขาด มันจึงเป็นความรู้หนึ่งเดียวที่เรียกว่า สัจจะหนึ่งเดียว ที่ท่านใช้คำว่า เอกังหิสัจจะ สัจจะหนึ่งเดียว คือ สัญญายนิจจานิโลเก อันนี้แหละคือสัจจะ ก็คือการกำหนดรู้ แล้วการกำหนดรู้ ต้องกำหนดถึงสัญญาธาตุ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 09:41:23 )

เหตุใดศาสนาเทวนิยมจึงไม่มีนิพพาน

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมไม่เคยรู้จักศูนย์ ไม่เป็นศาสนาสุญญตา ไม่เป็นศาสนาที่มีนิพพาน ศาสนาเทวนิยมหมดสิทธิ์ ไม่มีโอกาสที่จะนิพพานได้เด็ดขาดเพราะตีไม่แตกแยกไม่ออกความเป็นเทวะ คือความเป็นสอง ยึดมั่นถือมั่นความเป็นสองว่าเป็นหนึ่ง เป็นพระเจ้าองค์เดียวเป็นเทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดลงเดียว หนึ่งเดียวไม่มีอะไรเทียบไม่มีอะไรเทียม แต่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่มีใครเคยสัมผัสแต่ว่ายิ่งใหญ่ สมัยโบราณเรียกพระเจ้าว่าพระพรหม มีตำราบอกว่าคนไปหาพระพรหม เป็นบุคลาธิษฐาน แล้วถามว่าทางที่จะไปสู่ความ สิ้นสุดของดินน้ำไฟลมอยู่ที่ไหน ไปถามพระพรหมคือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านก็ตอบว่า ข้านี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุด เขาก็บอกว่าไม่ได้ถามอย่างนั้น ถามว่าดินน้ำไฟลมสิ้นสุดตรงไหน พระพรหมก็ตอบว่า ข้านี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุด เขาก็บอกว่าไม่ได้ถามเรื่องนั้น ก็ถามว่าดินน้ำไฟลมสิ้นสุดตรงไหน ท่านก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ เป็นเรื่องน่าขำ เพราะว่าไม่รู้จะไปตอบอย่างไร มาถามต่อหน้าธารกำนัล ก็เลยถูกดึงไปสู่ที่ลับแล้วก็บอกว่าให้ไปหาพระพุทธเจ้า เราตอบไม่ได้ แต่จะบอกต่อหน้าธารกำนัลว่าไม่รู้ก็ไม่ดี เป็นบุคลาธิษฐานว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่เท่าไหร่พระพรหมยิ่งใหญ่เท่าไหร่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้นิยามชีวิต 5 เขาก็ไม่รู้หรอก เพราะตีไม่แตกเทวะของตน ไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้จักธรรมะ2

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:10:15 )

เหตุใดศาสนาเทวนิยมจึงไม่มีศีลข้อ 1

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม นิยมพระเจ้าจึงแรง ฆ่าคนก็ยังฆ่าอยู่ ไม่มีศีลข้อที่ 1 บอกว่าไม่ฆ่าสัตว์ไม่ฆ่าคนก็ไม่เกี่ยว ซึ่งมันเป็นความรู้ในตัวเองก็ไม่รู้ตัวเอง อันนี้แหละอาตมาว่า จริงๆแล้วศาสดาของศาสนาทุกคนก็มีคำสอนก็คือคำสอนของตนเอง แต่ไม่รู้จักตัวเองคืออัตตา ไม่เรียนรู้ความเป็นตัวเองไม่ศึกษาความเป็นตัวเอง ตัวเองเกิดมาอย่างไรสะสมมาอย่างไรกี่ชาติกว่าจะได้มาเป็นพระศาสดานี้มาอย่างไร อยู่ดีๆได้เป็นพระศาสดา ก็บอกว่าพระเจ้าเลือก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 12:00:17 )

เหตุใดศิลปินจึงคืออัตตาแท้ๆ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศิลปินจะมีความแปลกเป็นสินค้า ถ้าใครสร้างอัตลักษณ์ตัวเองเป็นความแปลกก็เรียกว่าศิลปิน เขาเอาความหมายแค่นี้ต้องมีอัตลักษณ์ของตนเอง ตนเองต้องเป็นคนคิดต้นแบบ ศิลปินจึงคือ อัตตาแท้ๆ ตัวกูต้องมีเอกลักษณ์ของตนเอง เป็นผู้ต้นคิดของตนเองเป็นต้นแบบเป็นต้น T (เทคนิค) เป็นต้นอย่าง ซึ่งจะไม่เหมือนใครมีแบบนี้ก่อนเลย คนไหนมีแบบนี้ก่อนก็เป็นต้นแบบ คนนั้นชื่อว่าศิลปิน เช่น พวก อิมเพรสชั่นนิสม์ รุ่นแรกคือคุณแวนก๊อก มีลีลาแปลกใหม่ มีอะไรเส้นอะไรต่ออะไรของเขา เขาก็นับถือบูชาเป็นต้นแบบ ออกนอกกรอบ นอกนั้นมีแต่ลักษณะของธรรมชาติ นี่แยกออกไปจากธรรมชาติ ไม่เป็นธรรมชาติ

แบบเดิมมีแต่เรียลลิสติกไม่มีแบบใหม่ที่เป็นอิมเพรสชันนิสม์ที่เป็นสิ่งที่ออกจากพวกไปได้ เขาก็ถือว่าอันนี้เป็นต้นแบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4 วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:21:49 )

เหตุใดสมณะชาวอโศกจึงมีน้อย

รายละเอียด

สมณะ ก็ไม่ถึง 100 รูป แต่ไม่มีปัญหาหรอกสมณะ ไม่ถึง 100 รูปก็ไม่เป็นไร พวกที่มีกิเลสเป็นนกรู้ เป็นฆราวาสดีกว่าเพราะปฏิบัติเป็นอรหันต์ได้อยู่ คือเลี่ยง แทนที่จะรู้ว่าอันนี้เป็นทางโปร่ง สะอาดบริสุทธิ์ดุจสังข์ขัด จะพาให้ไปได้เร็ว เขาก็ว่า มันต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ในพระวินัย เขาก็ขออยู่อย่างนี้แหละ ให้อาหารกิเลสมันหน่อย ก็ไม่ผิดไม่อะไร แต่ผิดนะผิดตรงที่คุณอ่อยกิเลส ด้วยสัจจะ ถ้ามาอยู่ในกรอบคุณจะดี แต่ความคิดมันไม่เอาจริง ไม่อาจหาญเขาก็ไม่กล้ามาบวช แต่คนที่แกล้วกล้าอาจหาญ รู้จริง จะมาบวช 

ทุกวันนี้ชาวอโศก ผู้ชาย มันไม่กล้าเหมือนผู้หญิง ผู้หญิงมีการเข้าคิวบวชเป็นสิกขมาตุเยอะเลย แต่ผู้ชายไม่ได้ปิดกั้นอะไรเลย ให้มาได้เลย ก็ไม่มา แล้วก็กติกาของเราต้องมีสมณะเท่านี้รูป เป็นตัวกำหนดว่าจะมี สิกขมาตุได้เท่าไหร่ เพราะว่าผู้หญิงมีปฏิภาณปัญญาดี รู้ทุกข์ยิ่งกว่าผู้ชาย ผู้ชายเห็นทุกข์น้อย นี่ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง บังคับไม่ได้ มันก็เป็นสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:47:14 )

เหตุใดสมัยนี้

รายละเอียด

แต่สมัยนี้อย่าไปพูดเลย เหมือนกับ ดอก ใบ ผล ของต้นไม้ เต็มไปหมดเลย ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข แต่ไม่ได้แม้กระทั่งสะเก็ดของต้นไม้ ไม่ได้แม้กระทั่งเปลือกของต้นไม้ ไม่ได้แม้กระทั่งกะพี้ของต้นไม้ เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดถึงแก่นของต้นไม้เลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดเจนมากเพราะฉะนั้นศาสนาพุทธวันนี้เต็มไปด้วยลาภยศถาบรรดาศักดิ์ สรรเสริญเยินยอ ยกย่องกัน แล้วยกย่องผิดยกย่องอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์จริง อย่างนี้เป็นต้น หรือยกย่องให้เป็นสมเด็จเจ้าคุณอะไรกันไป ยกย่องแบบนั้น เป็นเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์ เทศนาเก่งพูดแรงพูดตลกเก่งมีชื่อเสียง มันเป็นโลกีย์ไปหมด พูดอย่างไม่ขัดเกลา มีแต่เอาโลกีย์มาประโลมใจให้ศรัทธาอย่างนั้นชอบไหม อย่างนั้นสนุกไหมเพลินไหม หรือฉันมีความรู้สูงส่งไหม เป็นโลกีย์ไปหมด พวกที่เขาเข้าใจอาตมาไม่ได้เขาไม่รู้หรอกว่าอาตมามีความรู้ของศาสนาพุทธ เขาไม่นับถือว่าอาตมามีความรู้ศาสนาพุทธ ชัดเจนไหม เขาไปนับถือคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อาณีสูตร กลองอานกะ พวกที่สอนภาษาโลกีย์ไพเราะ อย่างโลกุตะอย่างที่อาตมาพูด มันขัดเกลาก็ไม่เอา มีแต่ชอบพวกที่พูดประโลมใจไม่ได้ขัดเกลา อย่างดีก็ให้ทำดี ไม่ได้พูดเข้าไปถึงจิตเจตสิก ไม่ได้เข้าไปกระแทกที่เรียนให้รู้ตัวกิเลสเอาออกบ้าง อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่อบายมุข เป็นกามแล้วเป็นรูปภพ อรูปภพ ไม่ได้พูดอย่างที่อาตมาสอนเลย พูดแล้วเหมือนยกย่องตัวเองแล้วข่มผู้อื่น แต่มันถูกไหม ที่อาตมาพูดนี้มันถูกไหม แม้แต่ผู้ที่เป็นผู้รู้อยู่ในศาสนาพุทธที่เป็นของจริงมีจริงเป็นจริง ท่านปฏิบัติอยู่จริง ท่านก็ไม่พูด โผงผางพัวะๆ เหมือนอย่างอาตมาหรอก ท่านไม่ อาสโภ ไม่อาจหาญแกล้วกล้าเหมือนอาตมาหรอก พูดอย่างเป็นหนึ่งไม่มีสองเลย ท่านพูดอย่างไม่มีน้ำหนัก ดูคาแรคเตอร์ทุกอย่างท่านจะไม่เหมือนอาตมา ที่ตั้งใจจริงใจ อันนี้ถูกอันนี้ผิด ผิดไม่มีไว้หน้า ใครผิดใครถูกอาตมาว่าทั้งนั้น หยาบกลางละเอียด อย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:01:28 )

เหตุใดสมัยนี้ศาสนาพุทธจึงเต็มไปด้วยดอก ใบ ผล ของต้นไม้

รายละเอียด

แต่สมัยนี้อย่าไปพูดเลย เหมือนกับ ดอก ใบ ผล ของต้นไม้ เต็มไปหมดเลย ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข แต่ไม่ได้แม้กระทั่งสะเก็ดของต้นไม้ ไม่ได้แม้กระทั่งเปลือกของต้นไม้ ไม่ได้แม้กระทั่งกะพี้ของต้นไม้ เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดถึงแก่นของต้นไม้เลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดเจนมากเพราะฉะนั้นศาสนาพุทธวันนี้เต็มไปด้วยลาภยศถาบรรดาศักดิ์ สรรเสริญเยินยอ ยกย่องกัน แล้วยกย่องผิดยกย่องอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์จริง อย่างนี้เป็นต้น หรือยกย่องให้เป็นสมเด็จเจ้าคุณอะไรกันไป ยกย่องแบบนั้น เป็นเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์ เทศนาเก่งพูดแรงพูดตลกเก่งมีชื่อเสียง มันเป็นโลกีย์ไปหมด พูดอย่างไม่ขัดเกลา มีแต่เอาโลกีย์มาประโลมใจให้ศรัทธาอย่างนั้นชอบไหม อย่างนั้นสนุกไหมเพลินไหม หรือฉันมีความรู้สูงส่งไหม เป็นโลกีย์ไปหมด พวกที่เขาเข้าใจอาตมาไม่ได้เขาไม่รู้หรอกว่าอาตมามีความรู้ของศาสนาพุทธ เขาไม่นับถือว่าอาตมามีความรู้ศาสนาพุทธ ชัดเจนไหม เขาไปนับถือคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อาณีสูตร กลองอานกะ พวกที่สอนภาษาโลกีย์ไพเราะ อย่างโลกุตะอย่างที่อาตมาพูด มันขัดเกลาก็ไม่เอา มีแต่ชอบพวกที่พูดประโลมใจไม่ได้ขัดเกลา อย่างดีก็ให้ทำดี ไม่ได้พูดเข้าไปถึงจิตเจตสิก ไม่ได้เข้าไปกระแทกที่เรียนให้รู้ตัวกิเลสเอาออกบ้าง อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่อบายมุข เป็นกามแล้วเป็นรูปภพ อรูปภพ ไม่ได้พูดอย่างที่อาตมาสอนเลย พูดแล้วเหมือนยกย่องตัวเองแล้วข่มผู้อื่น แต่มันถูกไหม ที่อาตมาพูดนี้มันถูกไหม แม้แต่ผู้ที่เป็นผู้รู้อยู่ในศาสนาพุทธที่เป็นของจริงมีจริงเป็นจริง ท่านปฏิบัติอยู่จริง ท่านก็ไม่พูด โผงผางพัวะๆ เหมือนอย่างอาตมาหรอก ท่านไม่ อาสโภ ไม่อาจหาญแกล้วกล้าเหมือนอาตมาหรอก พูดอย่างเป็นหนึ่งไม่มีสองเลย ท่านพูดอย่างไม่มีน้ำหนัก ดูคาแรคเตอร์ทุกอย่างท่านจะไม่เหมือนอาตมา ที่ตั้งใจจริงใจ อันนี้ถูกอันนี้ผิด ผิดไม่มีไว้หน้า ใครผิดใครถูกอาตมาว่าทั้งนั้น หยาบกลางละเอียด อย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:01:47 )

เหตุใดสมุนไพรจึงยิ่งใหญ่ที่สุดในมนุษยชาติ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสมุนไพรจึงยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมนุษยชาติ พูดถึงสารสกัดยาเคมี คุณก็ต้องสกัดจากพืช สกัดจากสาร สกัดจากดินน้ำไฟลม ทั้งนั้นแหละ เราสกัดเอาจากพืชเท่านั้นก็ได้แล้วพอแล้ว ถ้าเข้าใจ เพราะฉะนั้น ยาจะเป็นยาที่ดีคือเป็นยาสมุนไพร ผู้ที่รู้จักยาสมุนไพรโดยตรง ไม่ต้องมีบาป ไม่ต้องมีเวร ไม่ต้องมีภัย ชีวิตร่างกายอาการ 32 ของคนเรา ถ้าต่างๆก็ดีที่ใช้ร่วมสังเคราะห์สังขารอยู่ในร่างกายคน อาการ 32 ในร่างกาย ใช้ธาตุจากเนื้อสัตว์มาช่วยขับเคลื่อน กับใช้ธาตุจากพืชมาช่วยขับเคลื่อน มีความร้อนแรงและความเย็นต่างกัน 

เพราะฉะนั้นเมื่อมีความร้อนแรง ร่างกายก็เผาผลาญเยอะก็จะตายไว คนที่ร่างกายเย็นๆนี้จะตายช้าแต่เย็นจัดเกินไปก็ตายไว แต่ต้องมีเหตุปัจจัยคนละบริบท พวกชาวน้ำแข็งโลกน้ำแข็งอายุไม่ยืน มันมีเหตุปัจจัยอีกเยอะ มันไม่มีพืชกินมันกินแต่เนื้อสัตว์ อายุก็จะสั้นอะไรต่างๆก็ไม่สมประกอบ พืชพันธุ์ธัญญาหารจะสังเคราะห์อากาศสังเคราะห์ให้บรรยากาศทั้งหมดอยู่กันอย่างสมดุล อย่างอบอุ่นมันไม่เป็น มันก็ตายไว เพราะฉะนั้นขยายความออกไปมันก็จะยาว 

ถ้าฟังผ่านๆมาเข้าใจแล้ว จำเป็น ดี ดีมาก ดีกว่าสัตว์ดีกว่าเนื้อสัตว์ดีกว่าสารสกัดจากสัตว์ พูดผ่านมาอธิบายมาแล้ว ดีทั้งตัวสภาพสภาวะตัวตนของมันของพืช เป็นธาตุจากพืช ซึ่งธาตุจากเนื้อสัตว์สู้ไม่ได้ นอกจากมันจะดีโดยตรงของธาตุแล้ว แม้แต่วิบาก หากว่าเอาสัตว์มันมา มันก็มีวิบากตามมา ส่วนพืชไม่มีวิบาก พีชนิยาม ไม่มีจองเวรจองกรรม ไม่มีรัก ไม่มีชัง ไม่มีวิบากกรรมพืช แต่สัตว์ห้ามมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการมีสมุนไพรหรือหมอยาราชธานี ซึ่งมีแต่ยาแบบพืช ไม่ใช่มียาทางสัตว์ สะท้อนอะไร ก็สะท้อนความจริง สะท้อนความรู้ สะท้อนสิ่งที่คัดสรรมาแล้วว่าดีที่สุด ดีกว่าดีที่สุด 

เพราะฉะนั้นเราก็ทำอันนี้ได้ แล้วมันก็มีวัตถุหรือมีสิ่งที่เราปลูกเองทำเองได้ การเลี้ยงสัตว์กับการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์มันยากกว่าการปลูกพืช เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปโง่เลี้ยงสัตว์ เราปลูกพืช เด็ดก็ง่ายวิบากก็ไม่มี เวลาสัตว์จะกินสัตว์เราต้องวิ่งไล่จับ จับมาแล้วก็ต้องมาดับความคาว มีอีกเยอะและยุ่ง แม้แต่จานชามภาชนะที่ใช้ทำเนื้อสัตว์ก็ต้องยุ่งวุ่นวาย พืชพันธุ์ธัญญาหารใส่ภาชนะบางทีไม่ต้องล้างอะไรมากมายแค่เช็ดก็ได้แล้ว ไม่สกปรกไม่เหม็นคาวอะไรมากมาย 

เพราะฉะนั้น มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องบอกให้โลกรู้ แม้แต่เรื่องสมุนไพร มันจะเป็นฐานของมนุษยชาติ มนุษย์ต้องกินพืช มนุษย์ต้องอาศัยพืชเป็นหลักที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร นี่เป็นสิ่งสำคัญ อย่าว่าแต่ยากับอาหารเลย พืชนี้ ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ปัจจัยทั้ง 4 ก็อาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทำได้หมดนอกจากคุณจะเอาอะไรมามากมายก็เรื่องของคุณ ไปเอาโลหะมันเป็นอุตุก็ไม่มีบาปอะไร จะเอาสัตว์เอาเสือเอาสิงห์อะไรมาใส่เข้าไป เอาหมูเอาหมาเอาปูเอาปลามา ไม่ต้องเอาหรอก มันเป็นวิบากก็ปล่อยของมันไป สัตว์มันก็มีวิบากของมัน 

ถ้าเริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียวแล้ว อย่าไปทำอะไรเขา เพราะเซลล์เดียวเซลล์นี้ในอนาคตอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ พัฒนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้สำหรับเซลล์เดียวเซลล์นี้ คุณรู้ได้อย่างไร คุณไปทำร้ายก่อน จะเป็นบาปไหม ทำลายเซลล์ที่ต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้า ฟังง่ายๆแค่นี้ เข้าใจไหมที่พูดไปนี้ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรยาก คนเรานั้นหาเรื่องยาก หาเรื่องทรมานตัวเอง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 14:28:42 )

เหตุใดสัจจะที่แท้ต้องมีผู้ยืนยันกันหลายๆ คน

รายละเอียด

ขยายจากนาม 5 เป็น เจตสิก 52 จิต 89 จิต 121 เราก็เข้าใจพยัญชนะให้ถูกกับสภาวะ ถูกฝาถูกตัว มันก็ตรงกันลงกันได้ พูดกันรู้เรื่องดี หลักฐานอ้างอิงยืนยัน 2 คน 5 คน 100 คน 1000 คน 10,000 คน 100,000 คน 1,000,000 คน สื่อสารตรงกันหมด มันถึงจะเป็นสัจจะที่มีสองสัจจะ ตั้งแต่สมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะ เป็นสัจจะสองอย่างยืนยันกันได้ ไม่ใช่รู้แค่หนึ่งเดียว กำหนดอยู่ในภพคนเดียวเป็นสัญญายนิจจานิ ถือว่าเป็นสัจจะ เป็นสัจจะของตนกำหนดรู้ของตน สัญญายะนิจจานิคือสิ่งที่เที่ยงแท้ เป็นจิตเจตสิกต่างๆ เป็นภพเป็นชาติ ก็รู้อยู่แต่กับตัวเอง ไม่เป็นเอหิปัสสิโกรู้อยู่แต่ตัวเอง เป็นเรื่องให้คนอื่นมาพิสูจน์ไม่ได้ ไม่เป็นสวากขาตธรรม  ทำไมพระพุทธเจ้านั้นจะต้องยืนยันกัน 2 คน 3 คน 4 คน 1,000,000 คน 1000 คนจึงจะถือว่าเป็นสัจจะที่แท้ หรือจะเป็นโลกุตรธรรม 37 เป็นองค์ความรู้ที่เอาไปปฏิบัติประพฤติเอาไปใช้แทนสภาวะได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:30:44 )

เหตุใดสัญญาจึงเป็นเจตสิกตัวสำคัญมาก

รายละเอียด

สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธที่จะเป็นตัวกำหนดรู้เป็นตัวสำคัญมั่นหมาย อาการ ลิงค นิมิต เป็นตัวที่เป็นปัจจุบัน เป็นตัวงานทำงานหนักมาก สัญญานี้ ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งนิโรธเป็นสัญญาเวทยิตนิโรธ ปรินิพพาน สัญญาก็เป็นตัวกำหนดตั้งแต่ต้นจนท้าย เป็นธาตุรู้ที่ทำงานหนักมาก สำหรับปัญญาในจิตนิยาม เป็นเจตสิกตัวสำคัญมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 09:43:13 )

เหตุใดสาธารณโภคีจึงเป็นเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุด ดีที่สุด 

รายละเอียด

ประชาธิปไตยก็ตาม คอมมิวนิสต์ก็ตาม ต้องการให้เป็นสาธารณโภคีให้ส่วนกลางเป็นของส่วนกลางจริงๆ แล้วส่วนกลางนี่แหละ คุณอาศัยกินใช้ ในแต่ละคนไม่ต้องห่วงเลย อาศัยส่วนกลางมีกินมีใช้พอกินพอใช้ในชีวิต ส่วนกลางก็ช่วยกันบริหารอย่าให้มันขาดมือสะดุดขาดแคลน ไม่มีกินไม่มีใช้ไม่อิ่มไม่เต็มไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่โง่ที่จะเอาแรงงานไปใช้กับสิ่งไม่เป็นสาระ 

ผู้สามารถจัดสรรให้รู้จักสร้างปัจจัยของชีวิตได้สมบูรณ์พอ มีทั้งเครื่องอาศัยทั้ง 4 มีทั้งบริขารองค์ประกอบให้สมยุคสมัยสมฐานะ เอามาใช้ทำงานได้เจริญช่วยอยู่ ไม่ได้เป็นคนถ่วงโลกไม่ได้เป็นคนมาเป็นภาระและเป็นคนมีพลังงานมีความสามารถสร้างสรรค์อยู่ในโลก แล้วเราก็อาศัยกินอาศัยใช้โดยไม่ต้องยึดว่าเป็นของเรา อาศัยใช้อาศัยกินกับของส่วนกลางนี่แหละ โดยไม่ต้องไปกังวลเลยว่าจะต้องมีเงินสะสมหรือไม่สะสมขาดมือหรือไม่ขาดมือ มีกินมีใช้อยู่อย่างสมบูรณ์ มันเป็นเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุด ดีที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:16:41 )

เหตุใดสำนักพุทธวจนไม่มีทางนิพพาน

รายละเอียด

แต่อาตมาเป็นผู้มีความรู้อันนั้นจึงมารู้ได้ ทั้งๆ ที่ผู้ที่ยึดถือพยัญชนะ ยึดถือพระไตรปิฎกฉบับนี้ อย่างพวกคณะสำนักพระพุทธวจนะ อย่างนี้เป็นต้น เอาแต่สำคัญอันนี้ยึดอันนี้เลย แต่ธรรมนิยาม 5 ไม่มี สำนักพุทธวจนไม่มีทางนิพพาน ไม่มีทางรู้ ถ้าไม่มีทางรู้ชัดเจนว่า ธรรมนิยาม 5 นี้ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม  กรรรมนิยาม ธรรมนิยาม ไม่รู้ มีสภาวะอย่างไร

ไม่สามารถแยกกาย แยกจิตได้ ไม่มีธาตุรู้ที่เป็นเวทนาในพีชะ อุตุนิยาม จิต ต่างกันอย่างไร ไม่ได้เอาไปเรียน แล้วมันจะรู้ได้อย่างไร ก็ใช้เวลาเปล่าไปตลอดชีวิต ก็ศึกษาปรุงแต่งในพยัญชนะ ในความหมายอะไรไป ไม่เข้าหาสภาวะที่เป็นต้นตอ ธรรมนิยาม 5 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 15:52:20 )

เหตุใดหนูตัวเล็กๆอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ตัวใหญ่ได้หลายตัว 

รายละเอียด

 

ความซับซ้อนที่หนูจะช่วยราชสีห์ มันเป็นความยิ่งใหญ่ เราไม่ต้องไปเป็นราชสีห์หรอก เราเป็นหนูนี่แหละ ช่วยเหลือราชสีห์ให้ได้หลายๆ ตัว ตัวใหญ่ๆ ด้วย 

เพราะเรามีคุณธรรม มีวรรณะ 9 มีพุทธพจน์ 7 ถ้าใครเข้าใจแล้วจะชัดเจนมากเลย 

ช่วยเหลือกันได้ มันซับซ้อนนะ คนไทยตัวแค่นี้ ร่ำรวยในสิ่งที่เป็นสาระสัจจะ สิ่งที่เป็นปัจจัยชีวิต แต่ทางโน้นเขาร่ำรวยสิ่งที่กินไม่ได้ ร่ำรวยทราย ร่ำรวยน้ำมัน คนต้องใช้น้ำมัน แต่ถ้าน้ำมันหมดเมื่อไหร่ ทางโน้นจะรู้สึก นี่กำลังเอาแสงอาทิตย์เข้าไปแทน ถ้าทางด้านโน้นไม่ได้ศึกษาแสงอาทิตย์ ซึ่งเขามีแสงอาทิตย์เยอะเลย ถ้าเขาไม่ศึกษาเขาเสร็จเลย แน่นอนเขาต้องศึกษาต้องใช้ ดินแดนของเขามีแดดยิ่งกว่าเราอีก แล้วตัวใหญ่ต้องคลุมไว้หมดเลย มันซับซ้อนหลายชั้น ตัวเบ้อเร่อเลย แต่พวกเราตัวน้อยๆ แล้วเขาคลุมหมดเลยทั้งผู้หญิงผู้ชาย จะบอกว่าคลุมเพราะแดดมันจะไหม้ก็ได้ แต่เขาไม่ร้อนอะไรนี่ เขาคงชินกันแล้ว เหมือนกับคนจีน ดื่มน้ำร้อน 100 องศา ได้ แต่เราซัดเข้าปากพองเลย แต่คนจีนเขาเฉยๆ ซัดได้สบาย ให้เป็นปาฏิหาริย์อิทธิปาฏิหาริย์ เหมือนคนทนเจ็บทนปวดทนแผลได้ มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนที่อาตมาศึกษา ลองทำมาแล้ว เสร็จแล้วก็ไม่ได้ดีเท่ามาเอาแบบทางจิตวิญญาณที่เราทำกันนี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:35:05 )

เหตุใดหลงโต่งไปยึดความช้าหมด

รายละเอียด

แต่ทีนี้คุณพาซื่อเกินไป เพราะว่าไม่มีสติสัมปชัญญะปัญญาไม่มี มุทุภูตธาตุ ไม่ไหวพอที่จะจับได้คุณก็ต้องสำรวมสังวรแบบ กดมัน กายก็ช้า ย่างหนอ ออกทางกายกรรมวจีกรรมก็ช้า เลยไปหลงโต่งไปทางยึดความช้าไปหมดเลย อาตมาอธิบายดีแล้ว เข้าใจได้ เพราะพวกคุณมันยิ่งกว่าเด็กต้องจับผูกมัดไว้ ล่ามไว้ เพราะพวกคุณยังเด็กมาก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:25:00 )

เหตุใดอดีตก็ไม่เที่ยงอนาคตก็ไม่เที่ยง

รายละเอียด

ไม่เที่ยงเพราะส่วนอดีต เหตุปัจจัยมากระทบสัมผัสกับปัจจุบัน ปฏิบัติได้ 0 ก็มี 0 สั่งสมลงในอดีต คำว่า 0 ของสภาวะกิเลสไม่มี มันก็เป็นคุณธรรมที่เติมให้สภาวะอดีตมีแต้ม เพราะฉะนั้นก็ไม่เที่ยง อดีตก็ไม่เที่ยง ไม่เที่ยงตรงแต้มของความชนะเติมเข้าไปอีก 1 หน่วย แต่ถ้ามันไม่ชนะก็ไม่ได้เติม 

เพราะฉะนั้นจากปัจจุบันไปเป็นอดีตมันก็ไม่เที่ยง อนาคตมันจะมาทุกตัว มันจะ 0 ได้ทุกตัวหรือไม่ อนาคตตัวไหนมาไม่ 0 ก็ไม่เที่ยง อนาคตมาถึงปัจจุบันเมื่อไหร่เป็น 0 ทั้งหมด จนคุณมั่นใจ ส่วนอดีตกับส่วนอนาคต ทั้งที่มันทำให้อดีต 0 ได้ ทั้งทำให้อนาคต 0 ได้ แต่ถ้าตัวอดีตและอนาคตของมันเองไม่เกิดปัจจุบันนี้ไม่เกิดการผัสสะและทำปฏิกิริยากันจนเป็น 0 แล้วมันกลายเป็นอดีต อดีตมันก็ต้องไม่เที่ยง มันกลายเป็นอดีต อดีตมันก็คงจะเที่ยงเพราะไม่มีตัวใหม่ไปเติมให้มันละกิเลสไม่ได้อดีตมันก็เที่ยง เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีเที่ยง อดีตจะต้องไม่เที่ยง แต่กลายเป็นว่าอนาคตมันเที่ยง เพราะอนาคตมันชนะมาถึงปัจจุบัน คุณตัดกิเลสไม่ได้อดีตเลยไม่ได้แต้มอนาคตเลยได้แต้ม อย่างนี้น่ะ พอฟังเข้าใจไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:13:51 )

เหตุใดอบายมุขจึงราคาแพงขึ้นทุกเวลา

รายละเอียด

อบายมุขมันราคาแพงทุกเวลา คนโง่มันไปติด พอติดแล้วก็ต้องกระสันก็ต้องอยาก อดไม่ได้ทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ต้องยอม  เช่นมันติดยาแล้วเป็นต้น ติดยาติดเหล้าติดบุหรี่แพงเท่าไหร่มันก็ต้องเอา มันต้อง เป็นคนโง่เป็นคนเสพติด ราคาไก่ตัวละเป็นแสนบาท ตัวดังๆตัวละเป็นล้านเลยตัวที่แสดงผลแล้ว ตัวที่พิสูจน์แล้วว่ามันชนะมาไม่มีแพ้อะไรอย่างนี้ พนันกันล้านหนึ่ง เรื่องขี้ผง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 

 


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 08:55:18 )

เหตุใดอย่าไปนิมนต์ให้พระพุทธเจ้ากลับมาเป็นรอบที่ 2

รายละเอียด

สรุปแล้วคือ ที่สุดแห่งที่สุด ที่ พระพุทธเจ้า ตัดสินใจแล้วเป็นพระอรหันต์ก็ทำตายเป็นประโยชน์สาหร่ายทุกคนแหละแต่ต้องใช้เวลาทำงานมาอีก จะต้องขอแตกสลาย ทั้งกายและจิต เป็นอุตุธาตุ ตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็ตัดสินพระทัยแล้ว เป็นพระอรหันต์ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ทุกองค์ แต่พระพุทธเจ้าใช้เวลาทำงานอีก เป็นอรหันต์แล้วก็เป็นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ จนกระทั่ง พอทีเถอะ เพราะฉะนั้นอย่าไปนิมนต์ให้พระพุทธเจ้ากลับมาเป็นรอบที่ 2 คนที่นิมนต์ให้มาเป็นรอบที่สองนั้นพูดอย่างผู้ไม่รู้ อาตมารู้แล้ว เพราะอาตมาเด็ดขาดเป็นแค่สมัยเดียวแล้วก็ไม่ขอเป็น 2 สมัย เป็นโพธิสัตว์นี้ก็เมื่อยจะแย่แล้ว พยายามไม่รีไทร์ตัวเองอยู่แล้วถ้าไม่ได้รับสัญญามาจากพระพุทธเจ้าก็คงไม่ลากสังขารต่อไปหรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:21:49 )

เหตุใดอรหันต์จึงชื่อว่าผู้ทำบุญเป็น

รายละเอียด

“จิตทั้งหมด”ที่ตายไปทั้งหมดได้ นั้นคือ ผู้เป็น“อรหันต์”เท่านั้นที่ทำได้ ทำเป็น นั่นคือ พระอรหันต์ทุกองค์ที่“ตาย”ชนิดที่ต้อง“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ด้วย อรหันต์ จึงชื่อว่า ผู้ทำ“บุญเป็น”อย่างแน่แท้ หรือ“ทำบุญ”เป็นสัมมาทิฐิ กระทั่ง “กิเลสาสวะ”ของตน“ตาย”หมดสิ้นเกลี้ยง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:34:19 )

เหตุใดอริยสัจ 4 จึงเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นสัจจะ

รายละเอียด

ในอริยสัจ 4 ก็มีมรรคมีองค์ 8 อยู่ในนั้น อริยสัจ 4 มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งต้องเรียนกันจริงๆจึงสามารถที่จะค่อยๆเข้าใจ ขนาดชาวพุทธเป็นมาแต่อ้อนแต่ออก เป็นชาวพุทธมาหลายชาติ เกิดมาเป็นชาวพุทธตั้งหลายชาติ มาชาตินี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ศาสดาจารย์เลยนะ เป็นอาจารย์ทางศาสดา ชาตินี้ แม้ในศาสนาพุทธเราก็ตาม ขนาดนั้นเลยก็ตาม ก็ยังไม่ได้เข้าใจได้ง่ายๆในเรื่องของอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นสัจจะ ก็ยาก ขออภัยต้องขยายความ ที่เรียกว่าเป็นสัจจะเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นสัจจะ ถ้าไม่ศึกษากันจริงๆ ผู้ศึกษาและไม่เกิดญาณปัญญา ธาตุรู้ที่เกิดเป็นปัญญาวิเศษจริงๆ ปัญญาเป็นวิชชาความรู้พิเศษที่ไม่ใช่โลกียะ ใครที่ยังไม่ออกจากวงวนโลกียะไม่ได้ไม่มีทางรู้ ต้องมีธาตุรู้ที่สำคัญมากเลย เป็นการเจาะกระเปาะไข่ออกมาจากไข่ นอกนั้นยังอยู่ในกระเปาะไข่อยู่ในวงวนโลกียะทั้งนั้นเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 09:48:18 )

เหตุใดอาหารที่จะสร้างให้แก่โลกจึงต้องเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

เข้าสู่เรื่องสร้างอาหาร อาหารที่จะสร้างให้แก่โลก คือ พืชพันธุ์ธัญญาหาร สรุปเข้าเป้า ไม่เป็นเรื่องปศุสัตว์ ไม่เป็นเรื่องประมง ก็พูดมานานหลายทีเพราะพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ มันเป็น พีชะ เป็นพืช ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ 

มันปรุงแต่งตัวของมันเองอย่างเดียว มีสัญญากำหนดรู้กับสังขารปรุงแต่ง มันก็ปรุงแต่งตัวมันเป็นรูป ดอกกุหลาบก็รูปนี้ ดอกเหลืองไม่หยุดก็รูปนี้ ดอกพุทธรักษา ก็เป็นดอกอย่างนั้น ลูกไม้ ลูกระกำ ลูกมะละกอ มันก็เป็นไปตามพลังงานสัญญากับสังขาร มันปรุงแต่งกันเป็นอย่างนี้ มันไม่มีความรู้สึก มันไม่จองเวรจองกรรม ไม่มี ฟังชัดๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 04:58:58 )

เหตุใดอเทวะไม่มีนิยม

รายละเอียด

อเทวะไม่มีนิยมนะเพราะว่านิยมแปลว่าความเที่ยง เทวนิยม อเทวนิยม ไม่มี มีแต่ อเทวะจะแปลว่าไม่มีเทวะแล้ว ไม่เอาเทวะแล้ว หรือไม่หลงเทวะ เราไม่มีแล้ว แล้วก็รู้กลางๆ เลยว่าทั้งมีและไม่มี เราก็ไม่หลงเข้าไปติดยึด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 08:54:36 )

เหตุใดอโศกไม่ยุ่งเกี่ยวกับปศุสัตว์หรือการประมง

รายละเอียด

พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับปศุสัตว์การประมงทั้งหลาย ไม่เอาทั้งนั้น เรารู้จักวิบากกรรมเรื่องของการหมุนเวียน อย่างดียิ่ง เพราะฉะนั้นเราจะไม่ไปสร้างวิบากต่อกับสัตว์ใดๆ มีแต่จะเป็นประโยชน์กับเขาทั้งนั้น 

อันนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ บาป ไม่ใช่บุญเป็นอันมากเลย 5 ประการในชีวกสูตร ที่คนเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เพราะมันละเอียดลออในเรื่องของวิบากบาป แค่ 

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) 

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส 

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้” 

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส 

5. ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ)  ชีวกสูตร  เล่ม 13 ข้อ 60 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:21:31 )

เหตุใดเขาจึงเข้าถึงความสงบ 2 อย่างไม่ได้

รายละเอียด

เอามาเข้าถึงรายละเอียดต่อ ความสงบ 2 อย่างที่พูดกันไปถึงเมื่อกี้ ทุกวันนี้เขาก็ยังเข้าถึงความสงบ 2 อย่างนี้ยังไม่ได้ แค่ปัญญาข้อที่ 3 เขาไม่เข้าถึงแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า อย่างมีความละอายอย่างแรงกล้า ได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษก็เกิดความละอายอย่างแรงกล้า 

ที่จริงเขาฟังจากอาตมาเป็นสัตบุรุษ แต่เขาไม่เชื่อว่าเป็นสัตบุรุษ เขาก็เลยฟังอาตมาอย่างน้ำเต็มถ้วย ชาล้นถ้วย ฟังอย่างเข้าหูขวาทะลุหูซ้ายไป ไม่เหลืออะไรไว้ในใจ ไม่เข้าใจ เข้าทะลุไปเฉยๆ เข้าหูอยู่แต่ไม่เข้าใจไม่เข้าไปถึงใจ เข้าหูทะลุซ้ายขวาไปเฉยๆ เขาก็ไม่ได้อะไรก็น่าสงสาร ไปบังคับคนไม่มีบารมีให้มาเข้าใจ อันนี้ก็เป็นอจินไตย มันเป็นไปไม่ได้เลยไปบังคับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:18:19 )

เหตุใดเขาถึงไม่ยอมเชื่อโพธิสัตว์ 

รายละเอียด

แต่เขาไม่ยอมเชื่อง่ายๆหรอก เพราะความเห็นของเขาที่ได้จมฝังลงไป  ยึดมั่นถือมั่นแล้วเดินตามอาจารย์กันมาต่อกันมาหลายร้อยปี อาจจะถึงเป็นพันปีเชื่อกันอย่างนั้นมาเรื่อยๆ เริ่มมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ แล้วก็ได้ยึดถือสิ่งที่เสื่อมตรงกันข้าม ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก เพราะว่าเมื่อเราโผล่มา พลั๊ว ก็ยังไม่มีใครมา ค้าน แต่นี่โผล่มาค้าน ปัง ไม่มีที่สืบทอดสืบต่อครูบาอาจารย์ก็ไม่มี บอกว่าเอ็งเป็นศาสดาหรืออย่างไร เราบอกว่าไม่ได้เป็นศาสดาแต่เป็นโพธิสัตว์ 

เขาก็เรียนมาเรื่องโพธิสัตว์ว่าเป็นผู้ที่พยายามไปสู่ความตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแต่เขาก็เข้าใจไม่ลึกซึ้งอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:16:30 )

เหตุใดเถรสมาคมจึงทำสังคมคนมีศีลอย่างอโศกไม่ได้

รายละเอียด

แต่ว่าสภาวธรรมของจิตใจนั้น ไม่เป็นปัญหา แต่ในเรื่องรูปแบบพวกนี้ ก็ต้องอนุโลมพอประมาณ มารวมกันอยู่เป็นสังคมกลุ่มเรามีศีล 5 เป็นต้น ก็ต้องอนุโลมศีล 5 บ้าง อนุโลมศีล 8 บ้าง ศีล 10 บ้าง จะเคร่งที่ตนผ่อนปรนผู้อื่น ไม่ใช่เป็นสังคมไม่มีศีลเลย ถ้าต่ำกว่าศีล 5 เกินไปก็ยังไม่ให้เข้ามา แสดงออกจัดจ้านในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเกินไปไม่เอา อย่างนั้นมันน่าอาย เราก็ทำได้ก็อยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ แล้วก็เป็นสังคมที่อาตมาว่าคนอื่นก็เข้าใจ แต่เขาทำไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเถรสมาคมทำอย่างอาตมาไม่ได้ง่ายๆหรอก เพราะว่ามันยาก ทำได้ก็จะดีนะ แต่ว่า ผู้นำเขาเองเขายังทำไม่ได้ ก็ต้องไม่ได้ก็ได้แค่นั้นเพราะ​ 2,500 กว่าปีมันแย่แล้ว มันแย่จนกระทั่งเข้าใจเรื่องโลกุตระไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:50:08 )

เหตุใดเถรสมาคมจึงล้มเหลวอย่างฟื้นไม่ได้เลย 

รายละเอียด

อาตมามองดูทางเถรสมาคมน่าสงสารและก็ติดยึด พระพุทธเจ้าตรัสไว้สอนไว้ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่มีแก่นแล้ว ศาสนามีแต่ดอก แต่ใบ ลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข แต่ไม่มีกระพี้ ไม่มีเปลือก ไม่มีสะเก็ด 

เดี๋ยวนี้จริงๆ นะ เขาไม่มีศีลกันแล้ว เขามีแต่วินัย แล้วเขาก็หลงว่าเขามีศีล เขาก็ยืนยันว่าเขามีศีล 227 ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ถ้าเห็นความต่างของวินัยกับศีลให้ได้ในเรื่องนัยยะที่ลึกซึ้งสำคัญ เขาไม่ได้พัฒนาก้าวหน้าในเรื่องศีลเลย เอาแต่วินัย ซึ่งก็ดีระดับหนึ่ง ตั้งใจปฏิบัติให้ดีไม่ผิดวินัยก็ดี แต่ไม่ได้ก้าวหน้าเป็นศีลสมาธิปัญญาเลย แล้วไม่ได้รู้จักศีลสมาธิปัญญาไม่ได้เริ่มต้นศีล ไม่ได้เริ่มต้นอปัณณกปฏิปทา 3 ไม่ได้เริ่มต้นสัทธรรม 7 ไม่เกิดฌาน ของศาสนาพุทธ กลายเป็นฌานนั่งหลับตา อย่างที่เขาหลงใหลกันไปทั้งหมดละมั้ง อาตมาว่า มันก็เลยล้มเหลวอย่างฟื้นไม่ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:26:51 )

เหตุใดเทวนิยมจึงมีทิฏฐิถึง 62

รายละเอียด

เทวนิยม ไม่เรียนรู้สังขาร ไม่เรียนรู้วิญญาณ หรือเทวนิยมไม่เต็มที่ ไม่สมบูรณ์ ก็เรียนรู้บ้างไม่รู้บ้าง จึงมีทิฏฐิถึง 62 เรียนรู้จากขันธ์เก่า เอาอดีตมาศึกษา เรียนรู้จากขันธ์ใหม่ที่ปรุงแต่งกันแล้วปัจจุบันที่ยังไม่สำเร็จ กับไอ้ที่ยังใหม่จนกระทั่งเฟ้อเกินก็ได้ เป็นปลายเปิด พระพุทธเจ้ารวมไว้ถึง 44 ทิฏฐิ ว่าจะเอา 18 อดีตมาอธิบายยังพอพูดกันได้รู้เรื่อง แต่ 44 อนาคตนี้ยังฟุ้งซ่าน ยาก อย่าง Harry Potter ของ JK rowling นี้มันไปฟุ้งซ่านมาก ทางไสยศาสตร์ หรืออย่าง Star Wars ฟุ้งซ่านไปทางวิทยาศาสตร์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:39:02 )

เหตุใดเทวนิยมตายแล้วตกนรกยิ่งกว่าพุทธ

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายเคยพูดให้ฟังว่า วิญญาณหรือว่า อัตภาพของคนที่ตายไปแล้วยังไม่เป็นพระอรหันต์ โดยเฉพาะเทวนิยม ตายไปแล้ว พูดโดยพยัญชนะว่าเทวนิยมนี้ส่วนมากตายแล้วตกนรกทั้งนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าคนที่ตายไปส่วนมากลงนรกทั้งนั้น ส่วนน้อยมากที่จะไปสวรรค์ เท่ากับดินที่ติดขี้เล็บมาเล็กน้อยเท่านั้นที่ไปสวรรค์ ส่วนที่เหลือทั้งหมดไปนรก พูดแล้วเหมือน Over เกินไปหรือเปล่า ซึ่งไม่เลย เทวนิยมน่าสงสาร ตายไปแล้วจะไปอยู่สวรรค์กับพระเจ้าไม่มีหรอก ตายแล้วไปนรกทั้งนั้น ยิ่งเป็นนรกใหญ่เลย เทวนิยมเขาไม่รู้จัก เทวนิยมไม่มีทางได้ไปสวรรค์ง่ายๆ เทวนิยมทั้งหลายทั้งหมดเลยศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้จักกรรมวิบากด้วย เพราะฉะนั้นตายแล้วตกนรกยิ่งกว่าพุทธ

หรือตายไปแล้วจะได้ไปอยู่สวรรค์กับพระเจ้า ก็เป็นการฝันเพ้อละเมอเพ้อพกไป มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย มีแต่นรกกับนรกจริงๆ เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นนรก เขามีแต่ติดยึดในความเป็นนรก นี่พูดภาษาชัดๆ เขามีแต่ติดยึด ก็ไปติดยึดว่าไปอยู่กับพระเจ้าไม่ติดเหรอ  ติดอย่างไม่มีราศี รังสี อะไรขจรกระจายออกไป จากความหลงผิด เขาหลงผิดไปอยู่กับพระเจ้าเป็นพระเจ้าเต็มๆ เป็นที่รักใคร่ของพระเจ้า ตายแล้วได้ไปอยู่ในบ้านเดียวกันกับพระเจ้าเลย อยู่ติดเนื้อหนังของพระเจ้าเลย อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นความเพ้อเจ้อ มันไม่มีความจริงเกิดขึ้นได้เลย เพราะเขาไม่รู้จักจิตเจตสิก เขาไม่ได้ศึกษาเลย 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2564 ( 08:37:10 )

เหตุใดเทวะจึงเป็นคำเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาจักรวาล

รายละเอียด

เอาอย่างนี้ทำไมหนูถึงมีพ่อมีแม่ โลกมันต้องมีสิ่งที่จะเกิดมา แล้วสิ่งที่มีเกิดมาคู่นี้นะ เรียกว่า 2 มีทั้งพระอาทิตย์พระจันทร์ มีพ่อมีแม่ มีผู้หญิงมีผู้ชาย มีถูกมีผิด มีดีมีชั่วมีโลกียะมีโลกุตระ สุดยอดละ เรียกว่าเทวะ ชาวอโศกสอนเรื่องสำคัญพวกนี้จะเข้าใจความเป็นเทวะ คำว่าเทวะนี้เป็นคำเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาจักรวาล ใครเข้าใจคำว่าเทวะได้มากคู่ มันเป็นคำที่มี 2 อย่าง ใครเข้าใจได้ดี ว่าโลกเป็นของคู่ แล้วเข้าใจว่าเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงกับผู้ชายมีดีกับชั่วมันต้องเป็นเช่นนี้ ก็ต้องเลือก แล้วเราก็ต้องเป็นได้สิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่ควรจะเลือก ควรจะพัฒนาไปสู่จุดที่ดีกว่า นี่คือความเจริญความยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:40:58 )

เหตุใดเป็นพระมหากษัตริย์จึงต้องดีให้ได้

รายละเอียด

ฉะนั้นแม้จะเกิดมาเป็นกษัตริย์ จะประสูติมาเป็นกษัตริย์ แต่ นี่พูดสัจธรรมนะ กษัตริย์นั้นไม่มีทศพิธราชธรรม กษัตริย์องค์นั้นไม่ค่อยเข้าตาประชาชน ก็ตาม ก็ต้องมีวิบากกุศลส่วนหนึ่งถึงได้เกิดมาเป็นกษัตริย์ แต่ท่านมีโอกาสทำตนให้ดี แม้ท่านจะเกิดมาเป็นวิบากส่วนที่ท่านจะทำให้ท่านเป็นคนไม่ดี ท่านก็พยายาม ไหนๆก็เกิดมาเป็นกษัตริย์แล้วมีทั้งกฎมณเฑียรบาลมีอะไรต่างๆ ตั้งแต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์มาจนปัจจุบันมีกฎเกณฑ์ให้เป็นผู้ที่ดีให้ได้ พระมหากษัตริย์ต้องดีให้ได้ นี่คือกรอบข้อบังคับอยู่แล้ว ท่านก็พยายามทำ ถ้าท่านพยายามทำแล้วทำให้ดีได้ก็ได้รับความยินยอมยินดีจากประชาชน ศาสนาพุทธนั้นทุกอย่างมาแต่กรรม เพราะกรรมของตัวเองทำ ทำดียังไม่ได้ดีเพราะทำดียังไม่มากพอก็ทำต่อไปให้ดี ความพยายามที่เราจะดีมันทำได้ มันจะซ้อน คนจะเห็นเอง แม้ท่านจะไม่ดีเท่าไหร่แต่ความพยายามที่จะดี เท่านี้ก็ได้แล้วจากประชาชน แสดงให้เห็นเอาจริงให้เห็นเถอะ นี่อาตมาแยกแยะให้ฟังชัดๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:22:27 )

เหตุใดแม้ปฏิบัติภายในก็ต้องมีภายนอก

รายละเอียด

เพราะกายของคุณต้องมีภายนอก แต่คุณไม่มีภายนอกเลย กาย มีแต่ภายในไม่มีภายนอกเลยเป็น กายได้อย่างไร การกระทบต้องมีทั้งภายนอกและภายใน แม้คุณจะไปปฏิบัติภายในคุณก็ต้องมีภายนอกคุณล้างกิเลสกามได้ คุณก็ยังปฏิบัติสัมผัสวัตถุที่มันเคยทำให้คุณมีกิเลส คุณเหนือมันแล้วก็สัมผัสไปสิ แล้วก็ต้องมีด้วย แล้วเหตุจากการสัมผัสนั่นแหละจึงทำให้เกิดกิเลสภายในเป็นอนาคามี กิเลสภายในยังเกิดก็เพราะสัมผัสเหตุวัตถุกามนี่แหละ แต่กามนี้มันเหลือ รูปราคะ กามราคะหยาบ มันหมด มันก็เหลือรูปราคะ คุณก็มาล้าง จากอันนั้นมันสะอาดไปแล้ว กาม อนาคามีก็เหลือ รูปราคะ ล้างรูปราคะ ข้างในของคุณต่อไปล้างจนเหลือแต่อรูป น้อยๆ กาม กับ รูป คุณก็สะอาดหมดแล้ว แล้วมันจะมีพลังให้คุณด้วย คุณจะมีพลังในการกำจัดกิเลสเก่ง จิตของคุณก็จะมีอำนาจ มีวสวัตตี มีมุทุภูตธาตุ ที่เยี่ยมยอดทำเข้าไปได้เรื่อยๆ ตกลง สัตตาวาส 9 นี่นะ คือ พวกมิจฉาทิฐิเป็นสัตว์ตลอดกาล ต้องมาปฏิบัติวิญญาณฐิติ 7 แล้วคุณก็ล้างกิเลสหมดได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:32:43 )

เหตุใดแม้พ่อครูสิ้นไปแล้วเชื่อมั่นว่าอโศกยังเจริญได้

รายละเอียด

อันนี้เป็นหลักสูตรของพระพุทธเจ้า ท่านก็ใช้เป็นทฤษฎีของท่านเลยว่า ถ้าท่านสิ้นไปแล้ว ศาสนาก็ยังจะดำเนินไปได้ ไม่ใช่ว่าท่านสิ้นไปแล้วมันก็จะฝ่อลงไปหมด ลงไปไม่ใช่ เป็นลักษณะทฤษฎีของศาสนาพุทธเลย โดยการสร้างผู้อื่นที่ท่านใช้สำนวนว่า มารมาอาราธนาให้ตาย ท่านก็ยืนยันว่าเรายังไม่ตายจนกว่าเราจะสถาปนา ให้พวกสาวกทั้งหลาย พวกที่ได้ฟังธรรมะ สาวกแปลว่าผู้ได้ฟังธรรมะ ได้ฟังธรรมะแล้วจะต้องเข้าใจธรรมะแล้วเอาไปปฏิบัติจนกระทั่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ สามารถแสดงจำแนกเปิดเผย อธิบายจนปรปวาทะได้ ปร คืออื่น ปร ป วาทะ คือ วาทะของผู้อื่นที่เขามาท้วงติงค้านแย้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:11:19 )

เหตุใดแม้แต่สัตว์เซลล์เดียวก็อย่าไปฆ่าหรือไปทำร้ายเลย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้รายละเอียดอย่างที่อาตมาพูดจะไม่ไปฆ่าสัตว์ สัตว์เมื่อเป็นพลังงานจับตัวขึ้นมาเป็นจิตนิยามขึ้นมาแล้ว ปล่อยเขาเลยเขาจะไปของเขาตามบาปตามกรรมของเขา ตามกุศลหรือตามบุญตามบาปของเขา กุศลอกุศลของเขา เป็นชะตากรรมของเขา เป็นของตนเอง เขาจะเป็นทายาทเป็นมรดกกรรมของเขาเอง กรรมจะพาเขาเป็นเขาไปเอง กรรมจะเป็นเผ่าพันธุ์ของเขาไป สั่งสมไปจนกระทั่งเป็นเผ่าพันธุ์ของพระพุทธเจ้า เขาจะพึ่งกรรมของเขาเอง 

กัมมปฏิสรโณ เพราะฉะนั้นอย่าไปยุ่งกับกรรมของใครๆ อย่าไปยุ่งกับชีวิตของใครๆ ที่จะต้องทำให้ชีวิตของเขาต้องเสื่อมหรือต้องตาย โดยเฉพาะที่เรากำลังพูดนี้ ทำเขาตาย อย่าไปทำเลย 

ผู้ที่รู้ว่าสัตว์ อย่างไรเราก็ไม่ไปทำให้เขาตายแน่ จนกระทั่งถึงที่ว่าถ้าเรากับเขาจะทำร้ายกัน สักวันเขาจะทำลายให้เราตาย เราก็ต้องยอมตาย ไม่ให้เกิดพยาบาท 

เช่น เกิดไวรัสโควิค อาจจะเริ่มเป็นสัตว์แล้ว เพราะว่าเคลื่อนจากที่ได้แล้ว นับเป็นสัตว์ พืชนั้นจะไม่เคลื่อนไปจากที่ เรียกว่า nitch เมื่อเคลื่อนออกไปจากที่ก็พัฒนาเป็นสัตว์ โควิดมันไหลไปทั่วโลกเลยมันก็จะเป็นสัตว์แล้ว 

เพราะฉะนั้นอย่าไปดูถูกอย่าไปดูแคลน สัตว์แม้เป็นเซลล์เดียวก็อย่าไปฆ่า อย่าไปทำร้ายเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 14:32:04 )

เหตุใดโพธิสัตว์จึงหมายความว่าเป็นผู้ที่รื้อขนสัตว์

รายละเอียด

บางทีพระอรหันต์ก็ช่วยคนนี้ไม่ได้ พระอรหันต์บำเพ็ญเพียรโพธิสัตว์ไปอีกมากมายเพื่อให้รู้กิเลสคนอื่น พระโพธิสัตว์ที่เกินอรหันต์ ศึกษาของคนอื่นเพื่อช่วยคนอื่น โพธิสัตว์จึงหมายความว่าเป็นผู้ที่รื้อขนสัตว์ ช่วยผู้อื่นสัตว์อื่น ตนเองก็รอดแล้ว แม้แต่เป็นโพธิสัตว์ระดับโสดาบันก็รอดระดับโสดาบัน จะไปช่วยผู้อื่นก็ถือว่ายังเป็นเด็กอยู่นะ จะไปช่วยผู้อื่นมันจะแข็งแรงอะไรแค่ไหน อย่างน้อยก็ควรจะเป็นพระอรหันต์ก่อน ถึงจะอ้าขาผวาปีกไปช่วยผู้อื่นได้ดี ตนเองยังไม่พ้นเลยไม่เป็นอรหันต์แม้ถึงขั้น 4 เป็นโสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี ยังไม่ถึงอรหันต์ อย่าไปคิดอ่านไปช่วยผู้อื่นมากเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณกินข้าวได้ไหม อย่างไรคือสัมมาทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2564 ( 19:04:58 )

เหตุใดโลกุตรธรรมยุคนี้ไม่มีคนรู้ได้ง่ายๆ

รายละเอียด

อาตมาเอาพระไตรปิฎก เป็นหลักฐานยืนยันอ้างอิงก็แล้ว ก็ยังไม่เชื่อ เขาก็เชื่ออาจารย์ของเขา เอ็งเป็นใครรู้ดีได้อย่างไร ไม่เชื่อ 

อาตมารู้ความจริง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า โลกุตรธรรมยุคนี้ไม่มีคนรู้ได้ง่ายๆ อาตมาเอามาเปิดเผย เอามาพูดสาธยายมีคนรู้ตามได้ ย้ำว่ามันไม่สูญเปล่าเป็นไปได้มีผู้รู้ได้ จนกระทั่งมีหมู่มีพวก มีหลักฐานยืนยัน อยู่ในหมู่คณะบางคนก็อยู่จนตาย แล้วไม่โดดเดี่ยวอะไรหรอก แล้วอาตมาก็รู้ความจริงว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีมากมาย เพราะเป็นเรื่องที่ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)  คำต่างๆพวกนี้ สุดซาบซึ้งที่อาตมาได้อ่านที่เขาแปลเป็นไทยเอาไว้มาให้อ่านนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:08:39 )

เหตุใดโลกุตระจึงเป็นธรรมคุ้มครองโลก

รายละเอียด

โลกุตระจึงเป็นธรรมคุ้มครองโลก เพราะไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตัว แต่สร้างสรรขยันเพียร มีสมรรถนะมีความสามารถสูง และไม่หวงแหน มีแต่เพื่อมวลประชาชน ถ้าผู้ที่สามารถปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าสำเร็จ บรรลุอรหันต์ แม้ไม่เป็นอรหันต์ ก็จะรู้แล้ว ผู้นั้นจะมีชีวิต โดยไม่ต้องสะสม มีชีวิตไม่ต้องมีอะไรเป็นของตัวเองเลย จะอยู่กับสังคมกับโลกได้ อยู่ได้อย่างสบาย ไม่กังวลว่าจะอยู่ไม่รอด ทำงานให้กับผู้อื่นให้กับสังคมประเทศชาติอย่างเดียว ชีวิตให้ผู้อื่นดูแลเลี้ยงดูไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:51:36 )

เหตุใดโลกุตระจึงไม่เป็นที่นิยมกัน

รายละเอียด

ถ้าจะว่าจริงๆ ในยุคของพระพุทธเจ้าย่อมมีมากกว่าแน่นอน พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปก็น้อยลงมาเรื่อยๆจนถึง 2,500 กว่าปีก็กึ่งพุทธกาลสมณะโคดม ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดพระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณีสูตรว่า ต่อไปเรื่องโลกุตระจะไม่นิยมกัน จะไปหลงคารมพวกภาษาสวยๆ โลกีย์ แล้วก็ไปหลงคำสอนสวยหรูของชาวโลกีย์ที่ยังเต็มไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ผู้บริหารศาสนาเป็นพวกโลกีย์เต็มไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข บริบูรณ์ไปด้วย พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนดั่งกับใบดอกผล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:38:50 )

เหตุใดในยุคของพระพุทธเจ้าจึงยากที่จะมีประชาธิปไตย

รายละเอียด

ในยุคของพุทธเจ้ายังเป็นยุคที่ยาก เพราะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเผด็จการสมบูรณ์ พระเจ้าแผ่นดินยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าสมบัติเจ้าสิทธิทุกอย่าง เป็นยุคของทาสด้วย เพราะฉะนั้นแม้แต่ประชาชนก็มีนายทาสมีลูกทาส ของตัวเอง ซ้อนๆ เป็นเจ้าอำนาจซ้อนอยู่ในนั้น และในยุคนั้นมนุษย์ยังไม่เข้าใจเรื่องสิทธิ สิทธิอะไรต่างๆก็ไม่เข้าใจเป็นทาสไม่มีความรู้ ไม่มีสิทธิในข้าวของ สิทธิในแรงงานความสามารถของตน สิทธิในการพูดในการแสดงออกทางกายกรรมวจีกรรม สิทธิในความรู้ความคิด สิทธิในอะไรอีกเยอะแยะ สิทธิมนุษยชน Human rights Watch

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:49:35 )

เหตุใดในสมัยพุทธกาลจึงไม่มีชุมชนสาธารณโภคี

รายละเอียด

ในสมัยพุทธกาล ระบบสาธารณโภคียังไม่เกิดกับสังคมฆราวาส เพราะ…

1. ยุคสมัยนั้นยังเป็น ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 

2. ยุคสมัยนั้นประชาชนยังจำนนในยุคของสังคมทาส คนซื้อขายทาสกัน ดูตรงฟัน ฟันดีจะแข็งแรงอายุยืนกว่า 

3. คนยุคสมัยนั้นยังไม่มีความรู้เรื่อง“สิทธิ”ต่างๆ ที่มนุษย์พึงมี ตามธรรมชาติ ตามกฎหมาย ตามวัฒนธรรม และพึงมีตามสัจธรรมกันอย่างดีพอ 

4. ยุคสมัยนั้นสังคมยังไม่เลวร้ายหนักหนาสาหัสเท่ากับสังคมยุคนี้  ยุคนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีกลุ่มสังคมที่เลวร้าย (ไว้คอยเปรียบเทียบเพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน) เพราะยุคนั้นมีสังคมคนดี มีวัฒนธรรมคนดีที่ดี  อย่างเข้มข้นที่ดี อย่างเป็นตัวอย่างได้จริงชัดเจนอยู่แล้ว ยุคนั้นจึงยังไม่ต้องให้สังคมคนมายืนยันประสิทธิภาพของคนให้ถึงขั้นเป็น“สาธารณโภคี”เกิดขึ้นในสังคมฆราวาส เพื่อถ่วงดุล หรือจูงนําสังคมที่ยังไม่ดีส่วนใหญ่ เหมือนกับยุคสมัยนี้เลย

5. ทรัพยากรของโลกในยุคโน้น ยังไม่อัตคัดขาดแคลนเท่ายุคสมัยนี้ 

6. สิทธิในทรัพยากรในยุคโน้น ยังไม่เคร่งครัดแย่งชิงเท่ากับสมัยนี้ 

7. ทรัพยากรสาธารณะในยุคโน้น ยังมีมากมายเหลือเฟือ มีมากกว่ายุคสมัยนี้หลายเท่า 

8. ความมีอิสรเสรีภาพของคนยุคโน้น ยังไม่รุ่งเรืองเท่าในยุคสมัยนี้ 

9. และในยุคโน้นยังไม่ถึงขั้นเปิดโลก หรือยังไม่ถึงยุคโลกาภิวัตน์  (Globalization) อย่างสมัยนี้

ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่บริบทในยุคนี้มันทำได้ ในยุคนั้นทำไม่ได้บริบทมันต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:49:22 )

เหตุใดในหลวง ร.9 ไม่เคยเสด็จมาพบพ่อครูเลย

รายละเอียด

ตอบว่าไม่เคย เพราะว่าท่านไม่เคยเสด็จมาสักครั้งเลย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่เคยมาพบ ก็เพราะท่านไม่เคย ก็เพราะท่านไม่ได้เสด็จมาพบอาตมาสักครั้ง ถ้ามา 1 ครั้งก็เคย 1 ครั้งสิ แล้วทำไมจึงไม่เสด็จมาพบอาตมา ก็เพราะว่า ท่านทรงรู้ดียิ่ง ว่าอาตมา และชาวอโศก อาตมาไม่ได้ขี้ตู่นะ ท่านรู้ดียิ่งว่าอาตมาและชาวอโศก เป็นอยู่กันอย่างดีแล้ว เห็นด้วยไหม…เห็นด้วย ช่วยตัวเองได้แล้วดีแล้ว ก็เลยทรงเอาเวลาไปเยี่ยมผู้ที่ควรให้กำลังใจแก่เขา เพราะถ้าท่านเอาเวลาของท่านไปเยี่ยมใคร ผู้ที่ในหลวงเสด็จไปเยี่ยมย่อมจะได้รับกำลังใจได้รับความเชื่อถือนับถือ เป็นความเป็นเกียรติ เป็นการสรรเสริญ เขาก็จะได้เป็นโลกียะ พระองค์ก็จึงต้องไปช่วยผู้ที่ควรไปช่วย ส่วนอาตมานั้น ท่านทรงทราบชัดเจนในพระทัยในพระญาณของท่านแท้ๆเลยว่าอาตมานั้นพ้นแล้วจากสิ่งเหล่านั้น พ้นแล้วจากการที่จะต้องได้กำลังใจ ต้องขอกำลังใจ ต้องได้กำลังใจ มาแล้วจะมีนัยซ้อนว่า ในหลวงมาเยี่ยมแล้วมีเกียรติมาก ได้รับความเชื่อถือมาก ได้รับคำสรรเสริญ ผู้ที่ต้องให้อันนี้เป็นโลกียะเป็นของสมมุติอยู่ก็ต้องให้ แต่อาตมาพ้นสมมุติอันนี้แล้วท่านรู้ดียิ่งท่านเป็นโพธิสัตว์นะ ท่านไม่ใช่คนตื้นท่านเป็นคนลึกนะ เพราะฉะนั้นท่านก็ ไม่ต้องมาเยี่ยมอาตมา ไม่ต้องมาให้กำลังใจอาตมา ไม่ต้องมาเติมเสริมอาตมา ซึ่งดียิ่ง เพราะอาตมาไม่ต้องเอาอะไรการต่างๆมาเสริม ให้อาตมาใช้ธรรมะชัดๆนี่แหละคนถึงจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ สู้มา 50 ปีแล้ว แล้วในหลวงรัชกาลที่ 9 สิ้นพระชนม์ไปแล้วด้วย เพราะอาตมาไม่ต้องเสริมโลกียเหล่านั้นให้อาตมา อาตมาพ้นแล้ว พอแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 15:00:41 )

เหตุใดในหลวงร.9 จึงเป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง

รายละเอียด

ในหลวงท่านตรัส ท่านเป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง ถ้าท่านไม่เป็นโพธิสัตว์จะไม่มาตรัสอย่างนี้หรอก ไม่มีหรอกในโลก พระเจ้าแผ่นดิน ประธานาธิบดีหรือนายกที่ไหนในโลก ที่จะมาบอกว่า ให้เรามาบริหารประเทศด้วยความจน จะต้องพาให้มาเป็นคนจน ต้องทำตนให้รู้จักความจนแล้วมาเป็นคนจนให้ได้จริงๆ 

จนคืออะไร จนคือไม่มีทรัพย์มาก ไอ้ที่ไม่มากที่สุดก็คือเป็น 0 ซึ่งจะเป็น 0 ได้ก็คือจะต้องมีคณะ มีกลุ่มหมู่ มีสาธารณโภคี เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในสังคมสาธารณโภคีไม่ต้องสะสมอะไรเป็นของตัวเองเลย 0 มีอยู่ มีกิน มีใช้กับของส่วนกลาง ซึ่งโลกทั้งโลกเขาก็แสวงหาระบบที่จะทำให้เป็นสาธารณโภคี 

เพราะต้องเข้าใจว่าทุกคนจะต้องอย่าสะสมให้แก่ตัวเอง มาเป็นคนที่จน แต่เป็นคนขยันเป็นคนที่ทำงานการสร้างสรร แล้วรู้ว่าจะขยันใช้แรงงานไปสร้างอะไร อย่าไปสุ่มเสี่ยงในสิ่งไร้สาระให้เอาสิ่งที่เป็นสาระแท้ มันบังคับไม่ได้หรอกคนโง่มีเยอะ ไปใช้เวลาพลังงานกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ส่วนคนที่รู้สาระก็เอาพลังงานแรงงานไปสร้างสิ่งที่เป็นสาระที่จำเป็นแก่ชีวิตและสังคม เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสงวนสิ่งที่สูญเสีย เป็นการได้พลังงาน ได้การกระทำ ทั้งความรู้ทั้งลงมือกระทำสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระแท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:14:32 )

เหตุใดให้อโศกยึดฐานการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

สัตว์โลกตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนกระทั่งไปถึงเป็นมนุษย์ เป็นอาริยบุคคลอย่างพวกเรา ก็ต้องกินอาหาร เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องเสวยอาหารทั้งนั้น อาหารเป็นเครื่องประกอบแก่ร่างกาย ฉะนั้นมันจะต้องเป็น 1 ในโลก แล้วทำไมถึงบอกว่าพวกเราให้ยืนยันเลย อันนี้แหละอาตมาขอสำทับกับพวกเรายึดฐานการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:19:32 )

เหตุใดไปทำนิมิตกับพระอานนท์

รายละเอียด

มันจะต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นไม่เป็นเช่นนั้น ก็ต้องให้คนไปโทษพระอานนท์ตำหนิพระอานนท์ แทนที่จะไปตำหนิพระพุทธเจ้า จะได้บาปน้อยลงหน่อยเพราะมันสุดวิสัย มันต้องมีที่ไปมันจบสุดวิสัยได้แค่นี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:25:30 )

เหตุใดไม่เป็นฐานะที่จะเกิดพระพุทธเจ้า 2 องค์ในเวลาใกล้กัน

รายละเอียด

กลับย้อนไปตรงพระพุทธเจ้าตรัสรู้อันไหนแล้วไม่มีใครจะรู้ได้ยิ่งกว่า ท่านประมวลแล้ว แล้วท่านก็ประมาณแล้วว่า ความรู้ที่ความเป็นคนกับสังคมที่พระพุทธเจ้าองค์ก่อนทุกพระองค์ท่านทำไว้แล้ว เป็นตัวอย่างเป็นจารีตประเพณี ก็คือท่านต้องสั่งสมความรู้นี้ให้เกินสามัญบุคคล เกินจนกระทั่งคนที่จะปฏิบัติรองลงมาเรียกว่า เป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 8 ตามขึ้นมาอย่างไรก็ยังห่างมาก จนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ไม่เป็นฐานะที่จะเกิดพระพุทธเจ้า 2 องค์ในเวลาอันใกล้กัน ไม่เป็นฐานะ

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 กับองค์ที่ 2 จึงห่างกัน ห่างกันไกลมาก หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 กับรอง ผู้ที่เป็นแชมป์กับรองแชมป์ก็ต้องห่างไกลกันมาก เผื่อพอ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าไม่รู้มากจนกระทั่งสามารถตอบประเด็นได้ ทุกประเด็นของผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์เขาก็ศึกษาโลกเหมือนกัน พระโพธิสัตว์ทุกองค์ศึกษาโลกมา ถ้าหากพระโพธิสัตว์องค์ใดรู้โลกมากกว่าพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร เสร็จเลยพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่งตรงนี้ ซึ่งพระโพธิสัตว์ท่านก็ศึกษาของท่านมาเหมือนกัน รู้โลก รู้อัตตา สะสมมาเหมือนกัน ประดาโลกกับอัตตาที่สะสมมากี่กัปป์กี่กัลป์ก็แล้วแต่ ต้องเรียนรู้ทั้งกาละ ทั้งตัวตน ทั้งโลกทั้งอัตตา ให้ไม่ยิ่งหย่อนจนเผื่อพอ ว่า โพธิสัตว์ระดับรองแชมป์นี้ ไม่มีทางไล่ทัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 20:44:11 )

เหตุใดไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะมาทำงานในกลียุคนี้

รายละเอียด

จนยุคสมัยจะกลียุคแล้ว เพราะฉะนั้นไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะมาทำงานในกลียุคนี้เพราะจะเสียสภาพคุณธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่สมฐานะท่านก็ขอปรินิพพานไป 

ก็เหลือแต่พระโพธิสัตว์ที่เหลือ จะนำอันนี้สืบต่อไปให้หมดในพุทธกัป ของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้เหลือ 5,000 ปี ถึงวาระที่ท่านจะปรินิพพานไปเมื่อ 2,500 กว่าปีท่านก็ไปแล้ว จากนั้นก็มีแต่พระโพธิสัตว์สืบทอดมา พยายามสืบทอดตามที่พระพุทธเจ้ามอบหมาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:20:56 )

เหตุใดไม่เอาอรรถกถาจารย์มาใช้

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เป็นคนที่อ่านอรรถกถาจารย์ อรรถกถาจารย์ก็มีที่เป็นพระโพธิสัตว์อยู่ บางท่านนะ จะมีพิเศษไปในแง่เชิงบางอย่าง มีนัยยะมิติของท่านไปไกลได้สูงได้เก่งเป็นอย่างอย่างก็เป็นได้ ซึ่งอาตมาไม่ได้เอาอรรถกถาจารย์มา เพราะอาตมาเป็นคนช้าเป็นคนไม่เร็ว มันสมองพวกนี้ไม่เร็ว มันยังไงไม่รู้ ความหนืดๆ มี ก็เลยเอามากไม่ได้ จะไปทำเป็นศึกษามาก ค้นคว้ามาก จำก็ไม่เก่ง ปฏิภาณก็ไม่เลวนักมันก็เลยไม่ค่อยได้ ได้ประมาณนี้ก็ค่อยๆ เป็นไป อาตมาประมาณตัวอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:04:49 )

เหตุใดไม่ใช่เรื่องดีเรื่องง่ายๆที่จะประกาศตนเป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

ถ้าเกิดว่าเราไม่จริง มันก็โผล่ออกมา หรือดีไม่ดี อัดอั้นเอาไว้มากๆก็ระเบิดตูม หน้าแตก หมอไม่รับเย็บเลย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีหรอก คนที่จะประกาศตัวเอง เป็นพระอรหันต์เป็นพระอาริยะ ไม่ใช่เรื่องน่าประกาศอะไรง่ายๆ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะประกาศต้องเข้าใจและเชื่อมั่นว่าประกาศออกไปแล้วมีประโยชน์ ไม่ใช่ประกาศด้วยจิตอยากโอ่อยากอวด พระอรหันต์จะไม่มีจิตอวดโอ่อยากอวด ผู้ที่จะประกาศตนเองว่าเป็นพระอรหันต์ จะต้องเชื่อมั่นว่าตัวเอง ต้องไม่แคดแลด(โผล่) กาม มีปฏิฆะแคดแลดออกมา (ทะเล็ดรอดออกมา) เหมือนคนภาคใต้ ภาคกลาง พยายามพูดภาคอีสาน พูดภาคกลางไปๆมาๆ เดี๋ยวสำเนียงภาษาอีสานแคดแลดออกมา ประเดี๋ยวสำเนียงภาษาใต้แคดแลดออกมา จะเป็นอีสานโผล่มามันจะชัดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:17:16 )

เหตุให้ออกบวชของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ทำอย่างไรก็ต้องหาทางพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าเห็นแค่ 3 เทวทูต ก็รู้ว่าทุกข์ แล้วมันมีทางออกหรือไม่พอดีมีสมณะเป็นเทวทูตที่ 4 เห็นสมณะเดินบิณฑบาตไม่เหมือนใคร ท่านก็ถามว่าอะไร เขาก็ตอบว่าสมณะ หาทางออกจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านก็อ๋อ ต้องศึกษาปฏิบัติบำเพ็ญแบบนี้ถึงจะออกจากความทุกข์ได้ นายฉันนะก็บอกว่าใช่แล้ว ท่านก็ว่าจะเอาอย่างนี้ 

ตั้งแต่วันนั้นก็หาทางออกสุดท้ายหาเรื่องได้เพราะลูกเกิด ปั๊บ! พูดเป็นภาษาเลยว่า ราหุลังพันธนังชาตัง ถือเป็นเหตุให้ออกบวชเลย คนก็ต้านไม่ได้ เพราะว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ยิ่งใหญ่ ออกบวช ไปกับนายฉันนะ ควบนั่งม้ากัณฐกะไปด้วยกันเลย เขาไปเขียนรูปเป็นอภินิหารพาเหาะไปเลย 

ซึ่งเป็นเรื่องที่อาตมาเห็นแล้วเข้าใจแล้วก็มาแยกให้ฟังซ้ำหลายทีแล้ว รู้สึกซาบซึ้งมันเป็นสัจธรรมที่ลึกซึ้ง หลายคนที่เขาไม่เข้าถึงธรรมก็รู้สึกว่าเล่าซ้ำซากไม่เห็นเข้าท่า เขาจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องวิเศษเลยเขาจะไม่รู้สึกหรอก แต่คนพอมีภูมิธรรมหรือว่ามีพุทธนิยม หรือว่ามีธรรมนิยมที่เข้าทีแล้วจะรู้สึกว่าโอ้ อธิบายได้ซาบซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:18:55 )

เหตุให้อายุ 151 ปี

รายละเอียด

โอ้โหอุ่นหนาฝาคั่งจริงๆข้างหน้าเต็มข้างหลังเต็ม ถ้ามีคนฟังธรรมะอย่างนี้เต็มๆทุกวันทุกวันอาตมาถึง 151 ปีแน่ๆ ใครอยากให้อาตมาถึง 151 ปีต้องมากันอย่างนี้ให้ได้เป็นประจำๆ ถ้าร่อยหรอลงๆ เหลือ 10 คน 5 คน สุดท้ายไม่มีใครฟังเลยแล้วจะไปเทศน์ทำไม อาตมาทุกวันนี้ไม่มีงานอื่นเลย ทุกวันนี้อาตมาวางงานต่างๆ มีแต่งานเทศน์ เขียน เอาธรรมะออกมา จากที่เราเองมีออกมาๆ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ไหนใครมาพบใครมาหามาพบอ้าปาก มีแต่ธรรมะออกมาอย่างเดียว เรื่องงานบางทีบางครั้งเขาก็มาถามงานนั้นงานนี้ อาตมาก็แทบจะไม่ค่อยรู้เรื่องเลย มาถามก็ตอบไปตามปฏิภาณที่พอรู้

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 10:43:22 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:54:27 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:10:09 )

เหนือก็คือ รู้ว่าเราไม่ได้ไปติดสิ่งเหล่านี้ 

รายละเอียด

ตาก็ไม่รับรู้ หูไม่ได้ยิน ทวารทั้ง 5 จับต้องไม่ได้ อยู่แต่ในภพ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าก็สอนอุตตรมาณพ ลูกศิษย์ของ ปาราสิริยพราหมณ์ ว่า อาจารย์ของเธอสอนอย่างไร 

อุตตรมาณพก็ตอบว่า อย่าเห็นรูปด้วยตา อย่าได้ยินเสียงด้วยหู พระพุทธเจ้าก็ตรัสไปธรรมดาสบายๆ บอกว่า สอนให้ทำตาบอด สอนให้ทำหูหนวกหรือ เท่านั้นแหละอุตระมานพสะดุ้งโหยงเลย คอตกซบเซา อาจารย์เราสอนให้เหมือนคนตาบอดหูหนวกเหรอ 

ตามันก็ต้องกระทบรูปได้เห็นรูป หูมันก็ต้องได้ยินเสียง มันจึงจะรู้ความจริงถ้าทำให้ตาบอดหูหนวกมันจะไปรู้ความจริงได้อย่างไร แค่นี้อุตตรมาณพมีปัญญาพอจะสะดุ้งเลย นั่งคอตก ว่าอาจารย์สอนเรามาผิดเลยหนอ ก็เลยเลิก แต่โยมบุญฟังแล้วจะสะดุ้งหรือเปล่าน้อ เอ้า ผ่านตรงนี้ก่อน เพราะฉะนั้น เหนือโลกเหนือธรรมชาติของคุณก็คือ ไม่ใช่เหนือตรงที่ว่ามีอภินิหารไปข่มเขา ไม่ใช่ เหนือก็คือรู้ว่าเราไม่ได้ไปติดสิ่งเหล่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญ ให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:40:14 )

เหนือพรหมลิขิตคือกรรม

รายละเอียด

จบได้สวย เหนือพรหมลิขิตคือกรรม พรหมลิขิตคือGod กรรมนี้คือเหนือกว่าGod เราไม่ได้ข่มหรอก แต่ว่าอธิบายความจริงให้ฟัง คนที่เข้าใจก็จะได้ประโยชน์ คนไม่เข้าใจก็จะยึดถือระวังแต่อย่าไปว่าเขาให้เขาโกรธเคือง แล้วมาทำร้ายเราไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:41:32 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:19 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:10:31 )

เหนือสามัญเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เหนือสามัญเป็นอย่างไร เหนือสามัญไปในทางลบล้างอัตภาพ ลบล้างจิตนิยามที่จะต้องวนเวียนในวัฏสงสารนี้อีกนาน…เท่านาน…ๆๆๆ นานพวกนี้นิรันดรจริงๆนะ อย่านึกว่าคนเราเกิดชาตินึง ร้อยปีตายมันนาน ร้อยปีมันไม่นานเลย นิดเดียว เพราะคนเราเกิดมาเป็นล้านๆชาติ และเพียงแค่ชั่ว 100 ปีไปเทียบกับล้านๆชาติได้อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:02:08 )

เหนืออรหันต์ ยังมีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถเรียนตามหลักสูตรพระพุทธเจ้าถึงขั้นเป็นอรหันต์ ก็เป็นคนจบสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ยังมีสมบูรณ์แบบอีก ยังมีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีอีก จะเป็นอรหันต์ต่อไปอีกไหม พวกเถรวาทฟังแล้วอาจจะบอกว่าเอาจากตำราไหนมาพูด เราก็บอกว่าตำราของพระพุทธเจ้านี่แหละ แต่เพราะพวกคุณเรียนแต่เถรวาทแบบพวกคุณ จริงๆแล้วเถรวาทจริงๆ คือผู้ที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้าเป็นเถรวาทะ ไม่ใช่สั้นกุดแค่เถรวาทไทย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:50:03 )

เหนือโลก-เหนืออัตตา สู่ภาวะ“อนุตตริยะ” สุดยอดเยี่ยม!

รายละเอียด

“อนุตตริยะ”คือ ความยอดเยี่ยม,ภาวะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็น“ความยอดเยี่ยม”สุดๆ ที่ไม่มีอะไรจะสุดกว่านี้อีก  “อนุตตริยะ” หมวดหนึ่งมี 3 ได้แก่ 1.ทัสสนานุตตริยะ(การเห็นอันเยี่ยม) 2.ปฏิปทานุตตริยะ(การปฏิบัติอันเยี่ยม) 3.วิมุตตานุตตริยะ(การหลุดพ้นอันเยี่ยม)ที่จริงนั้นทั้ง 3 นี้ก็ครบบริบูรณ์แล้ว ทั้งการเห็นแจ้งที่สุดยอดเยี่ยม-ทั้งปฏิบัติก็ได้ผลสำเร็จถึงที่สุดยอดเยี่ยม-ทั้งหลุดพ้นจากกิเลสภายนอก(กามคุณ 5)หรือจากโลก และจากกิเลสอัตตาภายใน(นามธรรม)ถึงที่สุดยอดเยี่ยมหมดจบ

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 118 หน้า 114


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:19:46 )

เหนือโลกกับหนีโลกนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

รายละเอียด

คำว่าเหนือโลกกับหนีโลก ภาษาไทยก็ชัดเจน ในคุหัฏฐกสูตร

ขยับออกจากโลก หนีเข้าป่า เป็นอันดับแรกเลย เป็นผู้เอากายออกไปสู่ป่า เป็นความเข้าใจไม่ได้ เข้าใจกายนี่แหละไม่ได้ นำร่างกายออกเข้าป่า จึงถือว่าเป็นกายวิเวก ผู้ที่เข้าใจกายวิเวกอย่างนี้แหละ คือนรชนผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นอันกิเลสมาก ปิดบังเอาไว้แล้ว 

เพราะฉะนั้นเขาจะข้องอยู่ กาย เอากายนี่ เข้าใจกายไม่ได้ ก็เอากายไปข้องอยู่กับถ้ำ หอบกายทั้งร่าง เข้ามาหาถ้ำจริงๆ อยู่ในป่าเขาถ้ำ เอากายนี้มาหาถ้ำ เอากายนี้ไปอยู่ในบ้าน ในเรือนว่าง เอากายนี้ไปอยู่ในเรือ อยู่ในรถ เข้าไปอยู่กับจอมปลวก เข้าไปอยู่ในรัง

หรือย้อนแย้ง เอาเข้าไปอยู่ในเมือง โดยไม่เข้าใจ แม้ไปอยู่ในเมืองก็หลับตา เข้าไปอยู่ในกระท่อม เข้าไปอยู่ในฝี ฝีก็ดี หม้อก็ดี เหล่านี้ล้วนชื่อว่า กาย มันจะเข้าใจง่ายๆได้ที่ไหน พระเถระท่านขยายความเอาไว้ 

[30] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ(สตฺโต คุหายํ) เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว(พหุนาภิฉนฺโน) นรชนเมื่อตั้งอยู่ ก็หยั่งลงในที่หลง((ติฏฺฐํ นโร โมหนสฺมํ ปคาโฬฺห) นรชนเช่นนั้น ย่อมอยู่ไกลจากวิเวก(ทูเรวิเวกา) ก็เพราะกามทั้งหลายในโลก ไม่เป็นของอันนรชนละได้โดยง่าย.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:52:16 )

เหนื่อยแบบไร้สาระกับสิ่งที่เฟ้อเกินเป็นสิ่งมอมเมา

รายละเอียด

เราเหนื่อยนะ แต่พวกที่เต้นอยู่บนเวที หรือพวกที่เตะฟุตบอลก็เหนื่อยเหมือนกันนะ แล้วเหนื่อยอย่างนั้นน่ะ ดีไม่ดีเจ็บตัวด้วย และไม่ได้สาระอะไรไปหลอกให้คนเมาสนุก ซึ่งไม่ได้เข้าท่าอะไรเลย เลี้ยงชีวิตอะไรก็ไม่ได้นอกจากจะไปหลอกเอาเงินเขา เป็นความซับซ้อนซึ่งเป็นวิธีการถ่ายเทกระเป๋าคนจากคนที่ไปติดยึด คนที่มีกิเลสหนา แล้วก็หลงถูกเขาหลอกออกไปจ่ายสตางค์ ซึ่งมันซับซ้อน ถ้าใครฉลาดโดยเฉพาะชาวไทยเมืองพุทธ ไม่ต้องไปได้เที่ยว ไปส่งเสริมยินดีในเรื่องของอบายมุข ในเรื่องของการละเล่น การบันเทิงเริงรมย์ที่เกินขอบเขต เราจะมีแค่เล็กๆ น้อยๆ พอเป็นการออกกำลัง พอเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการรื่นเริงหรือการออกกำลังกาย กีฬาก็เป็นเพียงการเชื่อมสัมพันธ์ ไม่ต้องถึงขนาดจัดจ้านปรุงแต่งเกินเลย ทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วจะได้เหลือแรงงานเอามาใช้ เช่นปลูกเห็ดฟาง ปลูกแตงกวา ปลูกแตงโม เอามาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้มากมาย ชีวิตชีวาทั่วโลกยังอดอยาก อย่าไปพูดว่าเขาไม่ได้ดูแข่งบอลเต้นรำแฟชั่น ซึ่งมันเฟ้อ ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตที่จะต้องยืนยาวเลย สิ่งที่เฟ้อที่เกินเป็นสิ่งที่มอมเมาประมาทไม่เข้าเรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:11:38 )

เหนื่อยใจเป็นอุปทาน

รายละเอียด

เหนื่อยกายเหนื่อยใจ เหนื่อยกายมันต้องมีเป็นธรรมดา เหนื่อยใจนี่มันเป็นเรื่องอุปาทาน ใจมันไม่เหนื่อยมันไม่เว้าไม่แหว่งไม่สูงไม่ต่ำ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:40:03 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:55:20 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:10:53 )

เหนื่อยไหมกับการที่ถูกเถรสมาคมฟ้องร้องตอนนั้น

รายละเอียด

เหนื่อย อาตมาพาทำดี แต่เถรสมาคมโง่ ไม่รู้ว่าทำดีก็เลยมาต่อต้าน ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าเราทำดี แต่สู้ไม่ได้ก็เลยเพลาลง แต่ตอนก่อนกลัวอาตมาจะไปแย่งลาภ ยศ สรรเสริญ อะไรกับเขา เขาก็เลยต่อต้าน ตอนนี้เขาก็รู้แล้วเขาก็เลยค่อยยังชั่ว แต่ก็ยังชั่วอยู่ดี ก็เลยไม่มากวนอะไรมากมาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน สวรรค์คือภพชาติของคนโง่


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:55:56 )

เหมาะ

รายละเอียด

จะต้องมีความฝืน อดทนที่จะต้องฝึก ต้องหัด ต้องเคร่งครัดให้มากที่สุดเท่าที่ผู้นั้นๆ จะเหมาะขนาด

ที่มา ที่ไป

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 57


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:40:38 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:58 )

เหมือนกินเหล็กแดงเผาไฟ

รายละเอียด

คนที่เอาแต่นั่งหลับตาไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ไม่ได้มีประโยชน์คุณค่ากันกับมนุษย์ นั่งเอาเปรียบเอารัดกินสิ่งที่เขาเอามาถวาย เหมือนกินเหล็กแดงเผาไฟ พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้น เหมือนกินเหล็กแดงเผาไฟ อย่างน้อยต้องมาสัมผัสๆ แล้วตัวเองจะได้เรียนรู้ 

2. ก็ได้เกี่ยวได้ข้องกับผู้อื่นเขา ให้เขารู้เขาเห็นว่าเราเองเรามีความรู้ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้ามีสัมมาทิฏฐิ พอพูดได้บ้างอธิบายได้บ้าง สัมมาทิฏฐิเป็นอย่างไร ก็ต้องพอพูดพออธิบาย แม้พูดอธิบายไม่ได้ ก็พยายามพากเพียรศึกษาให้ตัวเองมีความรู้ ไม่อย่างนั้นก็จะไปอธิบายภาวนาปธานผิด 

ภาวนาคือ การเกิดผล แล้วไปอธิบายเป็นเหตุ สังวรปธาน ปหานปธาน ได้ผลแล้วจึงอนุรักขนาปธาน ปธาน แปลว่าพากเพียรปฏิบัติ พากเพียรสังวรแยกแยะกิเลสประหารกิเลสให้ได้ พอได้ก็คือเป็นภาวนาเป็นผลเกิดได้เป็นภาวนาเสร็จก็จึงจะเป็นการสะสม อนุรักขนาปธาน 

ไปเข้าใจผิดเพี้ยน เอาเหตุไปเป็นผล เอาผลไปเป็นเหตุ ภาวนาเป็นผลดันเอาไปเป็นเหตุ แล้วเมื่อไหร่คุณจะเสร็จ คือเอาหัวเดินต่างตีน เอาผลไปเป็นเหตุ นี่คือความเข้าใจผิดที่น่าสงสารมาก พวกนั่งหลับตา 

ทำไมอาตมาเอาแต่ตีพวกนั่งหลับตา เพราะสงสารเขา เขาเอาจริงเอาจังมากมายเลยนะ เอาชีวิตทั้งชีวิตตั้งแต่เล็ก บวชมาตั้งแต่เป็นเณรจนเป็นพระ จนกระทั่งแก่ตายเปล่า แล้วหลงว่าเป็นอรหันต์อีก ตายๆๆ เหมือน อาฬารดาบส อุทกดาบส เหมือนอย่างมหาบัวสายหลับตา จนต้องอุทานเหมือนพระพุทธเจ้าว่าฉิบหายแล้วหนอ..มหาบัว แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเกิด 

ไอ้คำว่า “ไม่ผุดไม่เกิด”นี้ดูดีนะเหมือนเป็นอรหันต์ แต่ไม่ใช่ไม่ผุดไม่เกิดคืออยู่ในนรกไม่รู้กี่ขุม จนกว่าจะมาเกิดใหม่มาเรียนรู้สัมมาทิฏฐิใหม่ เพราะไม่ได้สัมมาทิฏฐิเลย อาตมาพูดแล้วเหมือนกับถล่ม ไปกล่าวไปว่าเพราะมันเสื่อมจริงๆ ศาสนาพุทธมันเสื่อมไปหลงหนักจริงๆ อาตมาก็บารมีน้อย พูดกับเขา เขาก็ไม่ค่อยเชื่อไม่ค่อยจะฟัง เพราะว่าอาตมามาคราวนี้โลกุตรธรรมมันเสื่อมไปจากคนชาวพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:02:05 )

เหมือนจะสงบนิ่ง แต่มีพลังมหาศาล คล่องแคล่วว่องไวเป็นอัศจรรย์!

รายละเอียด

นั่นคือ “สันตา”นี้ไม่ใช่“สงบ”อย่างพาซื่อมิติเดียวง่ายๆ ที่เป็น“สงบแบบนิ่งๆ-ความไม่เคลื่อนไหวของ‘กายกรรม-วจีกรรม’ แบบนั้นหรอก” แต่เป็น“ความสงบของกิเลสหรือกิเลสมันนิ่ง-มันหยุด มันไม่มีตัวตนแล้ว กิเลสมันดับไปจากจิต” 

ดังนั้น“จิต”จึงยิ่งแข็งแรงมีพลังสูงได้ สามารถขับเคลื่อน “กายกรรม-วจีกรรม”ออกมาได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวปราดเปรียวมีพลังแรงดีทีเดียว(กายปาคุญญตา-จิตตปาคุญญตา)ต่างหาก คือ “ผู้สงบ”ที่ถูกต้อง“สัมมาทิฏฐิ”แบบพุทธ

“กิเลส”ของผู้ใดยิ่ง“สงบ”หรือ“กิเลสยิ่งดับไปจากจิต”มากเท่าใด “กาย”และ“จิต”ของผู้นั้นจะยิ่ง“คล่องแคล่วว่องไวปราดเปรียวยิ่งๆเท่านั้นๆ 

บาลีคือ“กายปาคุญญตา-จิตตปาคุญญตา”มันมีลักษณะ“ปรัชญาที่มีความย้อนแย้งลึกซึ้งซับซ้อนในตัวเอง!(dialectics = วิพากษ์วิภาษวิธี)ซึ่งเป็นลักษณะของ“สิริมหามายา”ย้อนแย้งในตัวเองที่สำคัญยิ่ง ที่คนปุถุชนสามัญทั่วไปจะทำความเข้าใจแทบไม่ได้เลย    

จึงยากมากๆ ที่ปุถุชนคนโลกีย์จะสามารถเข้าใจ หรือคาดคะเน“สภาวะของคุณวิเศษแห่งโลกุตรธรรม”นี้ได้(อตักกาวจรา)

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 407 หน้า 294


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:26:15 )

เหมือนนกไม่เห็นฟ้า เหมือนปลาไม่เห็นน้ำ

รายละเอียด

คนไม่รู้สึกไม่เข้าใจ คนที่ตัวเองกิเลสไม่มีในจิตมันไม่สงบ กิเลสมันเล่นงานมันไม่สบาย ทั้งๆที่มันแสนสบายแล้ว คนต่างประเทศเข้ามาสัมผัสเมืองไทย ยิ่งทุกวันนี้เขาเข้ามาจะรู้สึกว่า โอ้โห…เมืองไทยนี่มันแสนสบาย เขาอยากได้อย่างเมืองไทย เดี๋ยวนี้เขาก็อุทานแบบนี้กันแทบทั้งนั้น คนต่างชาติมาเมืองไทย มันไม่เห็นรูปร่าง พวกเรานี้มันเหมือนนกไม่เห็นฟ้า เหมือนปลาไม่เห็นน้ำ มันอยู่ในนี้จนกระทั่งชิน

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 11:50:37 )

เหมือนฝั่งทะเลที่ลาดลุ่ม

รายละเอียด

เป็นสายบังคับ พวกสายเจโต ข่มบังคับ อันนี้ละเอียดลึกซึ้งนะ เรื่องสายศรัทธากับสายปัญญา สายข่มบังคับกับสายรู้ด้วยปัญญา เป็นเรื่องใหญ่นะ จุดนี้เป็นจุดใหญ่ จุดใหญ่ 2 อย่างนี้ ที่ใช้ภาษาเรียกใหญ่ๆ ว่าปัญญากับศรัทธา หรือเจโตกับปัญญา ศรัทธากับปัญญา 

พลเมืองอินเดียกับจีนเป็นตัวอย่างศรัทธากับปัญญา เรียนศึกษาดีๆเถอะ มันทั้งมี หยาบ กลาง ละเอียด ที่ลึกซึ้งมาก อาตมาก็พยายามหยิบตัวอย่างพวกนี้มาอธิบายให้ฟัง แล้วก็เห็นตัวอย่าง จนกระทั่งเข้ามาใกล้ตัว จนกระทั่งถึงสิ่งที่อยู่กับตัวเอง ปฏิบัติประพฤติเป็น และอ่านทั้งกายวาจาใจ หรืออ่านทางกาย เวทนา จิต ธรรม และว่าจะค่อยๆแยกภาวะ 2 ในโลก หรือ ภาวะในโลกที่เปรียบเทียบ 2 อย่าง ทีละคู่ๆๆ นี่แหละ 

แล้วคุณจะแยกได้ อ๋อ.. อันนี้แหละใช่ เป็นตัวอย่างที่จะรู้ด้วยปัญญา อันนี้ถูกอันนี้ควร เป็นตัวอย่างเทียบไปเรื่อยๆ คุณก็จะเจริญไพบูลย์ งอกงามไพบูลย์ ไปตามปัญญาที่มันเจริญงอกงามไพบูลย์ ไม่ใช่ไปบีบบังคับ ไปควบคุมให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ มันจะมีความเจริญงอกงามไพบูลย์ไปตามขั้นตามตอน เหมือนฝั่งทะเลที่ลาดลุ่ม ยิ่งพูดยิ่งสวยงาม เอ้า.. ค่อยๆ ทำความเข้าใจไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:09:43 )

เหมือนอวดตัว อวดตน แต่เล่าความจริงให้ฟัง!

รายละเอียด

อาตมาประกาศตนเองขึ้นในโลกยุคนี้ว่า อาตมาเกิดมาชีวิตนี้ อาตมาไม่มีครูบาอาจารย์ ผู้ยังอวิชชาไม่มีความรู้ใน“สยัง”ก็เกิดอาการรับไม่ได้ หาว่าอาตมาบังอาจมากเกินไปแล้วที่ประกาศตนอย่างนี้ นั่นก็เพราะเขายังไม่มีรู้ความรู้“อภิภู”หรือ“อภิญญา”กันดี“อภิญญา”จึงไม่ใช่“ความรู้ยิ่ง”แค่ขั้น“โลกียะ”เด็ดขาด เพราะเป็น“ความรู้ยิ่ง”ขั้น“โลกุตระ” ซึ่งไม่ใช่เดรัจฉานวิชานั้นแน่ยิ่งกว่าแน่ ความรู้“โลกุตระ”นี้แตกต่างกับความรู้ของชาว“เทฺวนิยม”กันคนละโลก คนละดวงดาว เป็นคนละภาษา คนละทิศคนละทางในโลกของ“เทฺวนิยม”นั้น แม้จะเป็น“ความรู้”ที่เก่งรู้มากรู้สูงส่งปานใดก็ไม่มี“โลกุตรธรรม” ยังเป็น“ความรู้ที่มีความวนเวียนอยู่ในโลกียะเดิมๆ”นั่นเอง ยังออกจาก“ความวนของโลก”ไม่ได้ 

เพราะในโลกของ“เทฺวนิยม”นั้นเป็นความรู้วนเวียนอยู่ในวงวนของ“โลกียธรรม”เท่านั้น จะไม่มี“ความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม”เลย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 484 หน้า 359


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 14:56:07 )

เหมือนเอาเล็บจิกลงไปในดิน

รายละเอียด

คำเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้า คนที่จะรู้ความทุกข์ได้ยากมาก มีน้อยมาก เหมือนเอาเล็บจิกลงไปในดิน มีจำนวนเท่านั้นแหละ ส่วนดินนอกเหนือจากนั้น เป็นคนทั่วไปที่ไม่รู้จักทุกข์ คำเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้าที่สุดยอดจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:48:10 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:56:11 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:11:16 )

เหยียบเบรก! พระไปร่วมพิธีแต่งงานถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสส อย่าหาทำ!

รายละเอียด

ทีนี้ก็ความเสื่อมของศาสนาพุทธนี้มันเสื่อมมาจนกระทั่งอาตมามาเกิดในยุคนี้ จึงพยายามเหน็ดเหนื่อยเมื่อย แหม.. ตายไม่ลง ก็อย่างที่ได้บ่นได้พูดซ้ำซาก พยายามไปต่อ ก็เพื่อที่จะให้ได้เข้าใจกัน มันเสื่อมไปถึงขนาด นี่ ข่าวออกมาว่า สุดทึ่ง บ่าวสาวจัดงานวิวาห์ในวัดโบสถ์บ้านกลาง มิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้บุญหรอก มีแต่อิ่มบาป นี่คงจะเริ่มๆ กัน ไม่ได้ทำเป็นจารีตประเพณีเลย ไม่ควรเป็นคุณค่าแก่สังคมพุทธไทยเลย ไทยที่ไม่ใช่พุทธก็แล้วไป เพราะคนไทยที่ไม่ใช่พุทธ เขาก็ทำในโบสถ์ในวัด แต่ของพุทธไม่ใช่ ขอยืนยัน และถือเป็นตัวอย่างว่า อย่าเอาเป็นตัวอย่าง 

อาตมาต้องรีบเหยียบเบรคสุดเลยนี่ ดิสเบรคมีเต็มที่ ต้องเหยียบเบรคกัน อย่าเชียวนะ ตรงนี้ถือว่า ยังไม่ซวย ศาสนาพุทธที่ยังไม่มีประเพณีจารีต ให้เป็นบาปสังฆาทิเสสแก่สงฆ์เอง เป็นบาปสังฆาทิเสส บอกแล้ว ผู้ที่ชักจูงให้หญิงชายเป็นผัวเมียกัน อาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ 5 แค่นั้นด้วย ยังไม่ถึงกับผูกแขนให้เลย อาตมาต้องรีบเบรคยังไม่ถึงเละเทะขนาดนั้นก็ดีแล้ว สังฆาทิเสสข้อนี้ก็ยังสวยงามอยู่พอได้ในสังคมสงฆ์ นอกนั้นก็ผิดสังฆาทิเสสเกือบหมดทุกข้อแล้วเละเทะกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:01:53 )

เหรียญมี 2 ด้าน แต่ควรหันด้านโพธิออกมา

รายละเอียด

ถ้าจะว่าไปแล้ว 2 ด้าน มันต้องมีด้านหนึ่งเป็นด้านหน้า อีกด้านหนึ่งเป็นด้านหลัง ด้านหนึ่งเป็นด้านสว่าง อีกด้านหนึ่งเป็นด้านมืด มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ความจริงก็คือ โพธิเป็นด้านสว่าง อรหันต์เป็นด้านมืด 

ใช่ ควรหันด้านโพธิออกมา ถ้าหันด้านมืดออกมามันก็จะมืดต่อไปสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ยิ่งดิ่งลึกเข้าไปหาความมืด แล้วหลงเป็น สุภกิณหา หลงว่ามืดนี่แหละดี สุภะดี น่าได้น่ามีน่าเป็น แต่มืดๆๆๆ มันก็ลึกเข้าไปหาความมืด หลงว่าเป็นนิโรธเป็นต้น ไปใหญ่เลย เพราะฉะนั้น คนที่อยู่ในระดับ สุภกิณหา พูดกันไม่รู้เรื่องเลย กระตุกกันไม่ค่อยขึ้นเลย เอาหอกแทง เช้า 100 เล่ม กลางวัน 100เล่ม เย็น 100 เล่ม หมด หอกมีเท่าไหร่ๆ  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:46:53 )

เหรียญสองหน้าความสุข กับ ความทุกข์

รายละเอียด

เหรียญสองหน้าความสุข กับ ความทุกข์ คือ  แยกกันไม่ออกมันเป็นคู่หูที่ตีไม่แตกแยกไม่ได้เพราะฉะนั้นจะหมดความสุข  ก็ต้องหมดความทุกข์  หมดความทุกข์ก็ต้องหมดความสุข  ต้องหมดเหรียญ 2 หน้าเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:37:10 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 08:57:13 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:11:37 )

เหลือ 1 เป็นที่อาศัยคือทำแต่ดีอย่างเดียว 

รายละเอียด

จนกระทั่งรู้ว่าเหลือ 1 นี่แหละ มันเป็นสิ่งที่อาศัยกันอยู่เท่านั้นเอง เป็นเหตุเป็นปัจจัย 2 อย่างถ้าอันไหนอันหนึ่งดับความสุขดับความทุกข์ก็ดับ ความทุกข์ดับความสุขก็ดับ แต่คนส่วนใหญ่ก็ดับความสุขไม่ได้ แต่คนที่มีปัญญาแล้วก็รู้ว่าความสุขนั้นมันก็คือความว่าง สุ คือดี ข คือว่าง ก็ทำสิ่งที่เป็นกุศลไป สำหรับเราไม่ยึดดียึดชั่วแล้ว ทำแต่สิ่งที่ดีไม่ทำสิ่งที่ชั่ว กรรมกิริยาที่ทำมีแต่ดี กุสะลัสสูปะสัมปะทา ดีอย่างเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:07:26 )

เหาะไปในอากาศเหมือนนกบินได้

รายละเอียด

เหาะไปในอากาศ เหมือนนกบินได้เบาสบาย มีจีวรบริหารกาย บาตรบริหารท้อง บินไปได้ด้วยปีกสองข้าง สบายได้เหมือนนก ไม่ต้องสะสมอะไร ไปไหนก็สบายมีปีก 2 ข้าง บินได้เหมือนนกเหาะไปในอากาศ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:14:34 )

เห็นกิเลสตัวเองมากขึ้นคือความเจริญ

รายละเอียด

เห็นกิเลสในตัวเองได้มากขึ้นคือความเจริญ คนธรรมดาไม่เห็นกิเลสตัวเองได้ง่ายๆ คนที่เห็นกิเลสตัวเองมากขึ้นมากขึ้น แม้ปัจจุบันนี้กิเลสเรามีเท่านี้ แล้วเราไปสัมผัสโน้นนี่ก็เติมกิเลสมากขึ้น ดี รู้ว่าตัวเองมันมีกิเลส หรือกิเลสเรามีมาเดิม แล้วพอสัมผัสอันนี้รู้ว่ามีกิเลสติดมาเก่าก่อนเลยด้วย ก็ดีทั้งนั้นที่รู้กิเลสตัวเอง แล้วก็รู้ทั้งๆ ที่มันเคยมีมาก่อน เราก็รู้กิเลสของเรามากขึ้นหรือกำลังเติมใหม่ ก็รู้กิเลสของเรามากขึ้น ผู้รู้อย่างนี้คือผู้เจริญแล้ว ก็ต้องพยายามปฏิบัติธรรม สร้างปัญญาให้มีพลัง สร้างฌานสร้างปัญญาให้มีพลัง แล้วมีพลังฤทธิ์ ธรรมฤทธิ์ของปัญญา มันจะมีฤทธิ์กำจัดกิเลสได้ ไม่มีอันอื่น กดข่มให้ตายก็ไม่มีทางหาย ต้องใช้พลังงานปัญญาเท่านั้น กิเลสถึงจะหมดไปจากจิตอย่างสิ้นซากเลย 

ถือว่าเป็นโชคมากที่เห็นกิเลสตัวเองแสดงออกมาแล้วน่าเกลียด ก็กิเลสตัวเองด้วย สมควรอยู่อโศกอย่างยิ่ง คุณเรียนรู้ก้าวหน้ามากเลย อยู่เลยอย่างนี้ยิ่งสมควรอยู่เพราะอยู่ในหมู่ มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี จะพาให้ดี ยิ่งคุณห่างไปจะซวยเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 12:42:43 )

เห็นความคลายการผลัก

รายละเอียด

คุณจะผลักทางไหนล่ะ ผลักในสิ่งที่ไม่ควรไปสืบต่อไม่ควรจะไปรับ ควรจะหน่ายคลายออกไป คุณใช้ศัพท์ว่า ความคลายการผลัก มีแต่สำนวนพระพุทธเจ้าท่านใช้ว่าความหน่ายคลาย แต่นี่ใช้ คลายการผลัก สภาพมันแล้วดูยอกย้อน dialactic อยู่ในที คลายคือปล่อยออก ไปสัมผัสแล้วไม่สบายจิตแล้วก็เลยไม่อยากจะสัมผัส ฟังแล้วยาก ก็ดีแล้วที่ศึกษาสภาวจิต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 20:30:46 )

เห็นความต่างของ 1 และ 0 ได้เมื่อใดแล้วก็ไปอยู่ที่ 0 จบ

รายละเอียด

สรุปเรื่องยอดสุดของศาสนาพุทธคือสุขทุกข์นี้แหละ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องสุขทุกข์เป็นเวทนา เป็นความรู้สึก มี อาการ ลิงค นิมิต แตกต่างกัน ลิงคะคือแตกต่างกัน จับอาการ จับนิมิตของมันได้ นิมิต เป็น static อาการ เป็น dynamic อาการสภาวะ 2 คุณจับความแตกต่างกันได้ ทั้งสภาวะนิ่งกับสภาวะเคลื่อนไหว ละเอียดเท่าไหร่ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ รู้ได้จริงๆ แล้วคุณก็จะสามารถเห็นว่ามันลงตัวแล้วเป็น 1 หรือเป็น 0 

0 ก็คือไม่มีหมดเลย 1 ก็คือไม่มีการปรุงแต่งแล้ว  แม้คุณจะไปยืนอยู่ฐานสุข 1 มันก็ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรมากมาย มันก็สุขหนึ่งเดียว แต่มันก็ไม่หมดเชื้อ 

เพราะฉะนั้น จับคู่ 1 กับ 0 เข้า ก็จะเห็นความแตกต่าง หรือ ลิงคะของมัน ซึ่งมันละเอียดมากแล้ว 0 กับ 1 ละเอียดมากแล้ว มันจะจบแล้ว คู่สุดท้ายแล้ว คุณเห็นความละเอียดแล้วคุณก็ทำเป็น 0ได้ เห็นความต่าง คุณเกิดเห็นความต่างของ 1 และ 0 ได้เมื่อใด แล้วก็ไปอยู่ที่ 0 จบ ใช้พยัญชนะอธิบายได้เท่านี้

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:56:34 )

เห็นความลึกซึ้ง ความละเอียดลออ ความวิจิตรพิสดารของธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อายุขัยขนาดนี้ 89 กำลังย่างเข้า 89 ปี ผ่านเดือนที่ 5 มาแล้ว 2 วัน ก็ยังจะพยายามลากขันธ์ต่อไปอีก ยังเห็นความลึกซึ้ง ความละเอียดลออ ความวิจิตรพิสดารของธรรมะพระพุทธเจ้า โอ้โห…มันขึ้นมาไม่ได้หยุดหย่อนเลย แต่ละวัน แต่ละคืน 

ถ้าอยู่คนเดียว หรือนอนหลับ แต่ยังไม่หลับ หลับตาแต่ยังไม่หลับ มันก็จะคิด คิดโดยมีสัญญาตื่น สัญญาของเราที่ยังไม่ตกภาวะภวังค์หลับ เราก็จะคิดไป ไอ้ความคิดที่คิดไม่มีอะไรเลย มีแต่ระลึกถึงความละเอียดละออของสภาวะ 2 ของธรรมะพระพุทธเจ้า โอ้หนอ .... โอ้โห 

เห็นความสำคัญตัวหนึ่งคือ ชีวิต ตั้งแต่อาตมาเป็นฆราวาส ก็ได้ผ่านมาบ้าง มีวิบากของชีวิตที่อดอยาก อดอยากจนกระทั่ง อดข้าว หิวข้าว ต้องการกินข้าว ไม่มีที่จะกิน มีเงินอยู่ในกระเป๋า 15 สตางค์ ถ้าขึ้นรถรางก็ 5 สตางค์ 15 สตางค์นี้ถ้าขึ้นไปกลับแล้วก็ 10 สตางค์แล้วเหลือ 5 สตางค์ นึกถึงว่าจะไปหากินข้าวที่ไหน นึกถึงลุงเพ็ญ ปัญญาพล กับป้าศรี ปัญญาพล ที่พากย์หนังแขกโรงหนังเท็กซัส ดัง ลุงเพ็ญกับป้าศรี พากย์หนังแขกดังที่แท็กซัสประจำเลย เราก็รู้จัก เพราะว่าเป็นแม่ของเพื่อนคนหนึ่งชื่อวัลลภ วิชชุกร เป็นนักร้อง เป็นพระเอกหนัง แต่มันไม่ค่อยโต มันเตี้ยหน่อยแต่หล่อ ได้เป็นพระเอกหนังอยู่เรื่องเดียวมั้ง ก็ร้องเพลงหากินจนกระทั่งสุดท้ายก็เสียชีวิตไปแล้ว เปิดเผยนิดหน่อยก็ได้ว่า เป็นสามีคนแรกของผ่องศรี วรนุช เจ้าออดนี่ ชื่อเล่นของเขา ชื่อจริงชื่อวัลลภ วิชชุกร ก็มาในสายเพลง เจอกันกับสุเทพ วงศ์กำแหงกับอาตมา ก็บอกว่า เราตั้งวงดนตรีกันเถอะชื่อวงดนตรีว่า เทพวิชชุ มีชื่อสุเทพ นามสกุลวิชชุกร เอามาตั้งชื่อวงดนตรี 

ตอนนั้นสถานีวิทยุก็มีที่ 1 ปณ. 2.กรมประชาสัมพันธ์ (คอนนั้นเขาเรียก กรมโฆษณาการ) 3. รักษาดินแดนของทหาร ตั้งอยู่ที่ธรรมศาสตร์ อาศัยตึกธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำ อาตมาก็สนิทกับ 1 ปณ.กับรักษาดินแดน กรมประชาสัมพันธ์ไม่สนิทเพราะเขาเป็นราชการที่แข็ง เขาเป็นเจ้าแห่งกรมโฆษณาการ 

อย่าง 1 ปณ. อาตมาสนิทกับหัวหน้าสถานีเลยชื่อ ลุงเสงี่ยม ตาบอดข้างหนึ่ง สนิทแล้วก็ทำละครวิทยุ ตั้งแต่เด็กนะ อายุยังไม่ถึง 20 อาตมาอายุยังไม่ถึง 20

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:36:22 )

เห็นความสำคัญในความสำคัญแลัวให้ร่วมมือ

รายละเอียด

มาช่วยกันสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารกับอาตมา จะยิ่งใหญ่ เราจะได้ช่วยซาอุได้ ยิ่งกว่าหนูช่วยราชสีห์ถ้าเราช่วยซาอุได้ เราเป็นหนูจริงๆ เราต้องยอมรับความจริงว่า เรามันเล็กน้อย 

เอาเถอะอีกหน่อยดูไป เขาก็มีกลิ่นของเขา ขนุนทุเรียนเดี๋ยวก็รู้ ทำเป็นปฏิเสธไปพวกรุ่นนี้ พวกรุ่นหลานเหลนเตรียมตัวไว้ดีๆ แต่เอาเถอะ ก็เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่เด่น แต่มันจริงๆแล้วมีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีกว่าทุเรียนอีกเยอะ กินเป็นพื้นฐาน กินทุเรียนมากๆ มันยุ่งนะ มันมีอะไรที่เป็นธาตุอาหารมากๆ นะ 

ใครที่ฟังอาตมาเข้าใจแล้ว เห็นความสำคัญในความสำคัญ ให้ร่วมมือ พยายามลงมือทำ ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ตอนนี้ขยายผลไปให้อย่างที่ว่านี้ไป ตอนนี้ก็มีที่ทางมากขึ้น ก็พยายามทำมากขึ้น เรามีที่ไม่ใช่น้อยๆ ที่จะทำได้ อุดมสมบูรณ์ พลังงานพวกเรานี้ยังเหลือมาก ที่จะไปทำอะไรพวกนี้ 

พวกเราฟังแล้วเข้าใจเพิ่มขึ้นไหม ว่าสำคัญจริงๆสำหรับสัตว์โลก ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานจนถึงเป็นคนประเสริฐที่สุดอย่างพระพุทธเจ้า ก็ต้องกินอาหาร ต้องกินกวฬิงการาหาร โดยเฉพาะพืชพันธุ์ธัญญาหาร เห็นไหม ชัดเจนขึ้นไหม 

เพราะฉะนั้นจงเห็นความสำคัญในความสำคัญนี้ให้ได้ อาตมาพาพวกเราไป ปลูกไป เขาจะแย่งชิงกันบ้างก็ค่อยๆอบรมสั่งสอน ค่อยๆให้สำนึก  ค่อยๆให้เรียนรู้ ช่วยกันไป เราพอกินพอใช้อยู่แล้ว มีแรงงานเหลือก็ช่วยกัน ขนาดข้างใน จะให้เอาไปแจกก็ยังไม่ค่อยขนไปแจกเลย บางทีก็เสียก็เน่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:07:22 )

เห็นความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ไหม 

รายละเอียด

จะว่าเราไม่อาศัยเงินไม่อาศัยธนบัตรก็ไม่ได้ อาศัย แต่เราไม่เห็นสำคัญ เราสำคัญนี่แหละคือสิ่งที่เป็นอาหารสิ่งที่เป็นมังสวิรัติ อาหารพืชพันธุ์ธัญญาหาร สำคัญกว่าเยอะ อาหารเมื่อกี้พูดไปแล้ว อาหารที่บริโภค สำคัญยิ่งยอดกว่าเงิน ยิ่งกว่าธนบัตร ใช่ไหม ..ใช่ เพราะฉะนั้นรายได้ อีกคู่นึง รายได้ในการขายอาวุธ กับรายได้ของ ที่จริงคำว่ารายได้ของอาตมาคือรายเสีย รายได้ของพืชพันธุ์ธัญญาหารหรือรายเสียของพืชพันธุ์ธัญญาหารกับรายได้ของอาวุธ การขายอาวุธ กับการแจกพืชพันธุ์ธัญญาหาร อะไรยิ่งใหญ่กว่ากัน … แจกอาหารยิ่งใหญ่กว่า พวกคุณตอบถูกด้วย สอบได้คะแนนเต็ม 

รายได้จากการขายอาวุธ จะได้มากเท่าไหร่ ก็ชิบหายมากเท่านั้น เลวร้ายเท่านั้น แต่การเสียสละพืชพันธุ์ธัญญาหาร ยิ่งเสียสละมากเท่าไหร่ ยิ่งวิเศษเท่านั้น นี่พูดกันเข้าใจใช่ไหม นี่คือเศรษฐศาสตร์หรือรัฐศาสตร์อันยิ่งใหญ่นะ เป็นความแตกต่างของเงินกับอาหารเท่านั้น เห็นความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ไหม เพราะฉะนั้นรายได้จากการขายอาวุธกับรายเสียหรือการเสียสละอาหารพืชพันธุ์ธัญญาหารให้แก่มนุษย์อย่างไหนยอดกว่ากัน 

ใครเข้าใจคำว่ามาเป็นกสิกรยิ่งขึ้นไหมวันนี้ มีไหม คนที่เข้าใจว่ากสิกรยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ใครเข้าใจไหม ...เข้าใจ มาเป็นกันไหมล่ะ พื้นที่มีให้ทำนะ นอกจากราชธานีอโศกยังมีบวรฯอื่นๆของเราอีกที่มีพื้นดินที่จะทำกสิกรรมได้ยิ่งใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:51:30 )

เห็นความแตกต่างไม่ใช่แตกแยก

รายละเอียด

ไม่มีนิกายพูดไปแล้ว อย่ามาบาปใส่อาตมา คุณจะสร้างบาปก็เรื่องของคุณ คุณจะเป็นนิกาย ใครมีความเข้าใจอวิชชาที่เป็นการแยกแยะสงฆ์นี่ผิดมาก เห็นความแตกต่างให้ได้อย่าไปเห็นความแตกแยก แตกแยกเพทะ เพทา ไม่ได้ เป็นนิกาย เห็นความแตกต่าง ไม่ใช่แตกแยก เห็นความนานาให้ได้ เห็นความจริงให้ได้ เพราะฉะนั้นคนไหนทำใจในใจอย่างถูกต้อง กำหนดถูก จิตของเราไม่พยายามไปเพ่งโทษมองเป็นนิกายหรอก มันบาปเป็นอนันตริยกรรม ให้มองเป็นนานาสังวาส นานาสังวาสมากก็แตกต่างกันมากก็ว่ากันไป ปฏิโกสนากันได้ ตำหนิกันได้ ค้านกันได้ อย่างนั้นไม่ถูกอย่างแรงๆ ค้านกันดังค้านคอแตกก็เรื่องของคุณ ค้านได้ อาตมาค้านอยู่ ตำหนิอยู่อย่างนี้ ปฏิโกสนาได้ อย่าไปฟ้องร้อง อย่าไปหาเรื่อง อย่าไปอธิกรณ์ อย่าไปทะเลาะวิวาท อย่างนี้ผิด นี่คือสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:01:47 )

เห็นชัดว่ามนุษยชาติทุกวันนี้เสื่อมไปจากโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พูดมาตลอด ว่าอาตมาไม่มีอะไรเป็นอคติในจิตของอาตมา แม้แต่ สาเฐยจิต จิตที่พูดอวดดีอวดโอ่ว่าตัวเองรู้ ตัวเองเก่ง ตัวเองถูก ก็ไม่มี เพราะเขาเข้าใจในสัจธรรมพวกนี้ยังไม่ได้ อาตมามีสิทธิ์ที่จะบอกความจริง ไม่ใช่ความอวดโอ่ ไม่ได้เป็นกิเลสหรืออุปกิเลสอะไรเลย แต่คนเข้าใจไม่ได้ ไม่รู้จักจิตสะอาดของอาตมา อาตมาอธิบายธรรมะนี้ อธิบายธรรมะด้วยอนุโลม ปฏิโลม กับคนที่เขาอยู่ในภูมิฐานที่เขาได้รับรู้ว่าเขาเป็นเช่นนี้ มันผิดนะจ๊ะอย่างโน้นอย่างนี้ ส่วนอาตมาไม่ได้ผิดไม่ได้ถูกกับคุณเลย แต่เขาก็หาว่าอาตมานี้ไปพูดไปว่า หากอาตมาไม่พูดไม่ว่าคนที่เขาผิดอยู่ อาตมาจะเอาแต่ความถูกมาพูด มันไม่พอ และอาตมาพูดแต่ความถูกคือความหลุดพ้น มันก็พูดได้แต่ส่วนน้อย เข้าตัวเอง มันพูดแต่เรื่องของมัน อ้าว ก็นี่มันบริสุทธิ์ มันสะอาด มันถูกต้อง พูดปั๊บมันก็ถูกเรา มันพูดแต่เรื่องของมัน พอไปว่าเรื่องของเขา เขาก็ต้องผิด เขาก็ต้องยังมีกิเลส ยังติดยังยึด ก็ว่าไป 

พวกเราก็เข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้า จำข้อ จำเลข จำเล่มได้ ก็เอามายืนยัน พระพุทธเจ้าตรัสจริง เนื้อหาสภาวะที่พูดมานั้น เป็นไปเพื่อความละหน่ายจางคลายจากกิเลส ไม่ได้ตรัสเพื่ออย่างนู้นอย่างนี้ อาตมาว่า อาตมาทำงานศาสนามาถึงวันนี้แล้ว มันเห็นชัดว่ามนุษยชาติทุกวันนี้เสื่อมไปจากโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆเลย เสื่อมไปมาก โดยเฉพาะกระแสหลัก เสื่อมไปจนกระทั่งหลงยึดถือ หลงยึดติดความผิดเป็นความถูก กระแสหลักเลยนะ 

เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ที่อยู่ในสังคมศาสนา เป็นภิกษุผู้มาบวชแล้ว ผู้เล่าเรียนแล้ว ถ้าปรารถนาความจริง แต่ก่อนอาตมาก็เข้าใจว่าครูบาอาจารย์ของท่านทั้งหลาย ก็ล้วนแต่ผิดอยู่ ก็ไม่ได้อธิบายสิ่งถูก สิ่งถูกยังไม่ได้มีใครมาเปิดเผย  ท่านก็ได้แต่รู้ตามค่าราคาของความดีงาม สูงกับไม่สูง เป็นโลกียะอยู่ ก็ได้กันอยู่เท่านั้น แล้วมันก็ซ้อนนะโลกียะได้สูงสุด เดี๋ยวก็เลยเข้าใจ ยิ่งไปได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็เลยกลายเป็นผู้ปฏิบัติแล้วได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ เอาละบางคน อย่างพระป่า หนีจากลาภ หนีจากยศ แต่เขาก็ไปได้ยศอยู่นะ  อย่างมหาบัวนี้เป็นเจ้าคุณชั้นธรรมเลยนะ แต่ท่านก็ไม่ติดไม่ยึด   ก็ดีของท่านแล้ว ท่านก็ไม่ได้ยึดถือ ไม่ติดยึดในยศศักดิ์พวกนี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันความจริงของแต่ละฐานของแต่ละคน 

ส่วนพระบ้าน ท่านติดหรือไม่ติด แต่ท่านก็แบกเทิ่งๆ ของท่านไป ตั้งแต่เป็นพระครูจนกระทั่งเป็นเจ้าคุณ เจ้าคุณชั้นสามัญ เป็นเจ้าคุณชั้นราช เป็นเจ้าคุณชั้นเทพ เป็นเจ้าคุณชั้นธรรม เป็นเจ้าคุณชั้นพรหม จนกระทั่งเป็นสมเด็จ ก็ตั้งยศศักดิ์ ซึ่งสมัยพระพุทธเจ้าไม่มี ยศศักดิ์พวกนี้นอกรีตทั้งนั้น พวกนี้นอกรีตของศาสนาพระพุทธเจ้า พูดไป อาตมาก็เห็นใจ ถ้าทางเถรสมาคมไม่มีอันนั้นเอาไว้ เขาอยู่ไม่รอด เขาบริหารกันไม่ได้ เละ แต่พวกเรานี้ไม่ต้องมียศศักดิ์ ไม่ต้องมีอะไร  เข้าใจกันโดยธรรมว่า ใครมีภูมิธรรม ผู้มีศีล ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10  จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นฐานะของศีลที่สูง เป็นอธิศีลในระดับ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ พวกเราก็รู้ เคารพกันด้วยธรรมะ มันจึงไม่สับสนวุ่นวาย 

แต่ทางโน้นท่านไม่ได้นะ ทางโน้นท่านไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์ฐานะไว้ ท่านล่อกันเละเลย ด้านนั้นก็ยังลำบาก อาตมาก็เห็นใจมันต้องใช้วิธีนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ ไม่มีฐานอาศัยของคนในระดับนี้ มันเป็นโลกียะ แต่มันจำเป็นนะ เขาก็ต้องอยู่อย่างนั้น ทีนี้ผู้ที่รู้แล้วว่าโลกียะก็คืออย่างนั้น ถ้าเราไม่เอาโลกียะ  จะมาเอาโลกุตระ  ก็บอกอย่างพวกเรานี้ เกิดมาในยุคยังไม่มีอาตมาเกิดมา ยังไม่มีโลกของโลกุตระ ไม่มี ขอยืนยัน ยังไม่มีสังคมโลกุตระ อาจจะมีพูดเปรยปรายเป็นคำว่าโลกุตระ อย่างเช่น ท่านพุทธทาส พูดเปรยปรายถึงคำว่าโลกุตระ  แต่ท่านก็ไม่ได้เข้าใจโลกุตระอะไรเข้าไปถึงสภาวะ จนสามารถสอนลูกศิษย์ลูกหา ให้มาเป็นโลกุตระได้ เพราะท่านเองก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นโลกุตระทีเดียว 

โลกุตระไม่หนีเข้าป่า ไม่หนีไปอยู่ที่หลบที่ลี้อะไร แต่อยู่กับสังคม สัมผัสอยู่ แต่ท่านพุทธทาสท่านก็สัมผัสนะ แต่ท่านก็ยังถอยไปอยู่ในถิ่นที่ๆ ท่านก็มีที่ของท่าน ก็รู้ๆ ก็เห็นอยู่ ท่านก็ไม่ได้มาอยู่ในเมือง ในสังคมสามัญเหมือนอย่างพวกเรา อย่างสันติอโศกก็อยู่กลางกรุง หรือว่าปฐมอโศก หรือราชธานีอโศกก็ไม่ได้ไปไกลอะไรจากสังคม ก็อยู่ในสังคม ที่เราพอสามารถอาศัยได้ อาตมาไม่พาไปรุกป่า ที่ก็ไม่ได้ไปรุกป่า ที่ก็ต้องเอาที่ที่อยู่สัมพันธ์กับสังคม ไม่ใช่ว่าเป็นที่ไกลเกิน แต่ทีนี้เราจะไปรุกสังคมที่ราคาแพงๆเราก็ไม่มีปัญญา ไม่มีวาสนาถึงขนาดนั้นที่จะไปได้ที่อะไร อย่างกรุงเทพฯได้สันติอโศกตรงนั้นได้ตั้งแต่มันยังไม่แพงนะ นั้นยังอยู่ เดี๋ยวนี้มันเป็นใจกลางกรุงไปแล้ว แต่ก่อนนี้มันเปลี่ยวนะ สันติอโศก มันเปลี่ยว ถึงได้ พอสมควร ก็ตามบารมีถึงได้ แค่นั้นก็เหลือแหล่แล้ว หรืออย่างปฐมอโศกก็อยู่ห่างจากเมืองพอสมควร เป็นกิโล ก็ห่างอยู่ไม่ใช่เล่น แต่เดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นชุมชนแล้วนะปฐมอโศก คนก็เข้าไปซื้อข้าวของ กลายเป็นตลาดไปเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 12:08:23 )

เห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง

รายละเอียด

เสื่อมเมื่อใด ลักษณะจะเป็นคนที่ติดในถ้ำป่าเขา ไปนั่งสะกดจิตจมลแล้วหลงว่าเกิดพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นพระพุทธเจ้าอยู่ในนั้นหมด นั่งหลับตานั่นแหละจะได้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าหลับตาใต้ต้นโพธิ์ก็ต้องเข้าใจอย่างนั้นและจะเอาเป็นอย่างนั้นเรียกว่า เห็นช้างขี้อยากขี้ตามช้างด้วย ไม่รู้ว่าตัวเองที่แท้ยังไม่ใช่ช้าง ตัวเองเป็นแมงหวี่ อย่าไปขี้อย่างช้าง อันนี้เขาก็ไม่รู้ตัวกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 10:58:50 )

เห็นต่างกับศาสนากระแสหลัก

รายละเอียด

อาตมาทำงานมา เกิดมาชาตินี้ ชีวิต เด็กๆ ก็ทำงาน อย่างคนโลกๆ หาเงินหาทอง ทั้งพูดทั้งทำ เสร็จแล้วทำงานอยู่ทางโลกไม่กี่ปี 12 ปี อาตมาเรียนจบแล้วทำงานอยู่ในโลกในสังคม 12 ปี นักษัตรเดียว ก็เลิกเลย ฟื้นคืนธรรมะเก่าขึ้นมาได้ อาตมาปฏิบัติธรรมะไม่มีครูบาอาจารย์ไม่มีสำนักไหนเลย และเข้าใจไม่เหมือนเขาด้วย แสดงออกไม่เหมือนเขา เพราะมันคนละเรื่องกัน เห็นต่างกันกับสังคมกระแสหลักศาสนากระแสหลัก อาตมาก็เลิกทำงาน ทั้งพูดทั้งทำที่โทรทัศน์ หยุดเลย แล้วก็มาพูดมาทำทางธรรม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่เคยเบาลง ไม่เคยคิดว่าจะเพลาจะหยุดไม่เคย ทำมาทางโลก 12 ปี ทางนี้ทำมา 47 ปีแล้ว 12x3=36  12x4=48 กำลังจะครบรอบ 4 นักษัตร ยังมุ่งมั่น ทำงานทางนี้ ไม่ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ มีถูกด่าด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:27:13 )

เห็นทั้งความมีและความไม่มีเป็นสิ่ง 2 สิ่งที่เป็นเทวะ

รายละเอียด

ซึ่งคำว่ากายคำนี้เป็นภาษา 2 อย่าง มีทั้งกายทั้งจิต มีทั้งภายนอกภายใน มีสภาพ 2 ตลอดเลย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นความเสื่อมที่หมดความรู้คนได้ผิดเพี้ยน เสริมปัญญาความรู้ของพระพุทธเจ้าไปไกลและนาน ซึ่งเป็น สักกายทิฏฐิ 

ตัวแรกที่จะต้องเรียนรู้ ถ้าเข้าใจกายกับจิตไม่สัมมาทิฏฐิ ที่อาตมาย้ำ สังโยชน์ข้อที่  1. สักกายทิฏฐิ คือกายของตนเอง 2. แยกกายแยกจิตเป็นมูลกรรมฐาน 5 ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ให้อุปัชฌาย์ทุกองค์ สอนให้ลูกศิษย์ที่บวชขึ้นมา ต้องอธิบายความรู้เรื่องมูลกรรมฐาน 5 จากผมขนเล็บฟันหนัง นี่คือ 5 ประการ ตัวอย่างจะเอาจากผม จากขน จากเล็บ จากฟัน จากหนัง อันใดอันหนึ่งก็ได้ แยกให้เห็นว่า 

อุตุนิยามคืออย่างไร พีชนิยามคืออย่างไร จิตนิยามคืออย่างไร ต้องปฏิบัติด้วยกรรมนิยามและธรรมนิยามอย่างนี้เป็นต้น ถ้าแยกไม่ออก รู้ไม่ได้ เพราะมันแยกขาดกันไม่ได้จริงๆ 

จิต มันจะต้องรู้เรื่องกายและต้องอยู่กับกายตราบที่ยังมีชีวิต ยังมีรูปนามขันธ์ 5 ตายไปหมดเลยเป็นดินน้ำไฟลม หมดความเป็นรูปนามหมดทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ายังมีอยู่ก็ต้องรู้ทันเรียกว่า โลกุตรธรรม ถ้าไม่สามารถเข้าใจและอยู่เหนือมันได้ ให้มันมีอิทธิพลครอบงำความมี แต่เราไม่ให้ความมี มามีอิทธิพลกับเรา ทำความไม่มีสำเร็จ แล้วเราก็ไม่หลงไปติดอยู่ในแต่ความไม่มี เห็นทั้งความมีและความไม่มีเป็นสิ่ง 2 สิ่งที่เป็นเทวะ สภาพ 2 อย่างที่จะต้องใช้อาศัยในความมีชีวิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 11:41:56 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์