@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พ่อครูสงสารกับผู้แสวงหาสายหลับตา

รายละเอียด

ใช่ อาตมาพูดสงสารจริงๆไม่ใช่เล่นๆ เมื่อไหร่คุณจะหายมืดบอด เมื่อไหร่คุณจะฟังเข้าใจรู้เรื่อง สงสารจริงๆ คำว่า สงสารนี้ก็ลึกซึ้ง คือเห็นว่าในคนที่เขาน่าสงสาร เขาจะวนอยู่ในวัฏสงสารอีกนาน เขาจะงมงาย วนอยู่ในวัฏสงสาร นั่นแหละคือเห็นสงสารของเขาซึ่งมันน่าสงสาร มันน่าจะช่วยให้ออกจากสงสารหรือสังสารวัฏนั้นๆ ก็ช่วย อาตมาช่วย คนที่อาตมาเห็นว่าควรช่วย อย่างเช่นอาตมาพูดถึงมหาบัวบ่อยๆ เพราะลูกศิษย์ของมหาบัวหรือคนที่ติดตามอย่างมหาบัวมันมีเยอะ มันได้ผลกับคนที่ไปติดยึดแบบเดียวกัน มันมีเยอะ ก็เลยพูดถึง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 15:20:46 )

พ่อครูสงสารพวกมโนสาเร่มาปนในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พวกเรานี้ อาตมาภูมิใจที่เปิดเผยธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วพวกเราฟังธรรมะเข้าถึงสภาวะ รู้สภาวะจริงตรง อาตมาสงสารทางเถรสมาคมเขาสอนจนเก่งจบเปรียญ 9 จบดร.ตามตำราเรียนแล้วไม่รู้จักทำให้มันจบ ยิ่งในยุคนี้ทาง อาจาริยวาท คนแต่งตำราเพิ่มเติมอีกไม่รู้ตั้งมากมาย มันไม่จบหรอก แต่ของพระพุทธเจ้าก็มี บางอย่างอาตมาไม่พูดถึงหรอกเพราะมันเฟ้อมันเกิน มันออกนอกรีตไปแล้วเอามาปนเป ก็ไม่รู้กัน ไม่รู้ว่าพวกนี้มันไร้สาระ ยิบย่อยมโนสาเร่ ไม่ควรเอามาปนกับแก่นแท้ของศาสนาพุทธ มันจะยุ่งยาก อันนี้น่าสงสารผู้รู้ทางเถรสมาคม อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนผู้ไม่รู้ก็ไปนั่งหลับตาอยู่ในป่าโน่น ไปไม่รู้ ไม่อ่านตำราด้วยนะ ให้นั่งอย่างเดียวแล้วรู้เอง ซึ่งบางคนก็ลงบาดาลเลยเป็นพญานาค บางคนก็ฟุ้งไปเป็นพญาครุฑไม่รู้บินไปที่ไหน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 10:40:16 )

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์เป็นสยังอภิญญา

รายละเอียด

อาตมาเป็นสมณพราหมณ์ เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ)

ผู้ใดที่ยังไม่เห็นว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญา ผู้นั้นก็ยังไม่มีสัมมาทิฏฐิครบ เพราะว่าโลกนี้มีผู้นี้ผู้เดียว ไม่มีผู้อื่นหรอก มีผู้อื่นไม่ได้ เพราะสิ่งนี้เป็นธัมมสามี เป็นการสืบทอดมาคล้ายๆกับเป็นพระบุตร พระพุทธเจ้าก็เหมือนพระเจ้า พระบุตรก็มีหนึ่งเดียวไม่มีคนที่สอง นอกจากศาสนาแต่ละศาสนาก็อ้างอิงว่าเป็นของตนเองเท่านั้น เขาก็แข่งกันแย่งกัน แต่ของศาสนาพุทธจะไม่มีแข่งแย่งอย่างนี้ ศาสนาพุทธจึงจะไม่มีสงครามศาสนา ศาสนาพระเจ้ามีสงครามศาสนา แต่ศาสนาอเทวนิยมไม่มีสงครามศาสนา เกิดมาก่อนศาสนาเทวนิยมด้วย แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีสงครามศาสนา ถ้ามันชัดเจนมันต้องจริงถ้าไม่จริงไม่ได้

อาตมาถึงบอกว่า เอาน่า ให้อายุยืนยาวไปกับอาตมาด้วยอย่าเพิ่งรีบตายไป อยู่ไปอีกอย่างน้อยสิบกว่าปี ให้อาตมาถึงร้อยก่อน คุณจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถ้าอยู่ได้ต่อไปอาตมาก็จะบอกให้ดูไปอีกให้ถึง 112 ปี หรือ 108 แล้วก็ 120 เป็นทีละนักษัตร แล้วไปเป็น 132 ไป 144 แล้วก็คงจะไม่เอาอีก เสวยวิมุติสุขอีก 7 ปี ก็เป็น 151 ปี

เจตนาตั้งเอาไว้มันจะถึงหรือไม่ถึงก็ไม่รู้ ถ้าอาตมาทำถึง 151 ปี มีผู้รับช่วงต่อไป แต่ถ้า 151 ก็ต้องตาย ต้องกลับมาเกิดอีกแล้วจะต้องเร็วไม่ช้าหรอกเพราะไม่อยากให้มันขาดช่วง กว่าอาตมาจะโต เดียงสา มาทำงาน ก็ต้องเสียเวลาอีก รีบเกิด อย่างน้อยก็ 20 ปี จะสอนคนก็คนไม่ยอมรับเด็กหรอก ต้องพ้นนิติภาวะก็พอได้ ในยุคนี้เขาจะรับพระอรหันต์ 7 ขวบ 9 ขวบ เขาไม่รับหรอก ขนาดมาประกาศ 36 ก็ยังไม่ค่อยรับ ออกมาจากจอมายาเขาก็ยิ่งรับได้ยาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:06:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:33 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:42:36 )

พ่อครูสมัครแล้วสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย ลำดับที่ 88

รายละเอียด

ไม่ใช่ Number One อาตมาลำดับที่ 88 แล้วก็ พรรคนี่ ที่เขาบอกมาว่า พรรคได้รับอนุมัติเป็น นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ จดทะเบียนพรรคสัมมาธิปไตย และได้ส่งไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ดูเหมือนจัดอยู่ในลำดับสุดท้ายพอดี แล้วก็อยู่ในลำดับที่ 88 วันที่อนุมัติให้ก็วันที่ 8 มีนาคม ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญ เราก็ไม่ได้ไปจัดสรร มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือได้ว่า พรรคสัมมาธิปไตยได้รับการจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายเรียบร้อยแล้ว พรรค 87 เป็นพรรค ที่รับจดทะเบียนคือพรรครวมใจไทย 

เขาก็มีกิจการกิจกรรมอะไรต่างๆที่ตามกฎหมายนะตามกฎระเบียบ พวกเราชาวอโศก ที่จริงแล้วนี่นะ ถ้ามีความรู้เพิ่มเติม ในหลักเกณฑ์หลักการพวกนี้ เมื่อเรามีพรรคสัมมาธิปไตย ขออภัยที่อาตมาใช้คำว่าเมื่อชาวอโศกมี คือ มันเป็นชาวอโศกเราจริงๆ ที่ไปเป็นกลุ่มคน ที่เรียกดูภาษาวิชาการ พรรค เป็นกลุ่มคนไปจดทะเบียนเป็นกลุ่มหรือเป็นพรรคในทางการเมือง ตามกฎหมายตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายสังคมประชาธิปไตยเมืองไทยแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 14:08:55 )

พ่อครูสร้างกลุ่มคนโลกุตระที่มีคุณธรรมแบบใด

รายละเอียด

อาตมาก็พยายามพูดย้ำซ้ำซาก พูดเน้น ยืนยันความจริง ยืนยันสิ่งที่แสดงออกทั้งหมดยืนยันแม้กระทั่งเอามาประกาศมาอธิบาย คนฟังคือพวกคุณเอาไปปฏิบัติจนเกิดมรรคผล เป็นหมู่กลุ่มเป็นคนโลกุตระ มีพุทธมามกะเป็นพุทธบริษัทที่แท้ มีอุบาสกอุบาสิกา มีนักบวชหญิงนักบวชชาย ยืนยันว่ามีจริงๆ เขาก็มองไม่ออก เอาธรรมะมายืนยันว่า นี้เป็นกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นมีสาราณียธรรม 6 ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าจะเกิดคุณธรรม สาราณียธรรม6 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  

ยืนยันว่ามี จิตพุทธพจน์ 7 จนเกิดเป็นสาธารณโภคี ทั้งฆราวาสทั้งนักบวช ยิ่งกว่าในยุคพระพุทธเจ้าที่มีแต่ในเฉพาะนักบวชเป็นสาธารณโภคี ก็เพราะมีเงื่อนไขว่า ตอนนั้นเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส ยุคที่ยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ซึ่งอันนี้เป็นความรู้ความจริงที่อาตมามีแล้วเอามาพูด ผู้รู้ผู้มีปัญญาที่เป็นโลกุตระก็น่าจะสะดุดใจว่า จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:07:06 )

พ่อครูสร้างสังคมคนมีศีลตรงตามพระไตรปิฎกไหม

รายละเอียด

จริง..คุณก็อธิบาย คุณก็สาธยายพระไตรปิฎก คำเดียวกันคุณก็อธิบายอย่างของคุณ อาตมาก็อธิบายอย่างของอาตมา แล้วก็ยังแตกต่างกันอีก ทีนี้ก็ต้องเจาะลงไปถึงเนื้อแท้เลยว่า แล้วจริงๆของคุณน่ะ คุณเป็นได้หรือเป็นไม่ได้ด้วยหนึ่ง  2. ที่อาตมาพูดนี้ว่าเป็นได้หรือเป็นไม่ได้อีกด้วยเหมือนกัน โลกุตระของเรา เรามาเป็นคนจน อย่างนี้เป็นต้น มาเป็นคนเสียสละ มาเป็นผู้ที่มีความสุข มาเป็นคนมีสาราณียธรรม 6 มามีวรรณะ 9 เหล่านี้เป็นต้น 

มาเป็นสังคมคนมีศีลอย่างนี้เป็นต้น มันตรงตามพระไตรปิฎกไหม อาตมาก็จบตรงนี้ คุณก็ยึดถือพระไตรปิฎกเล่มเดียวกันอยู่ เหมือนกันอยู่ พยัญชนะตัวเดียวกัน อาตมาก็นำมาขยายความทุกอย่างว่าพระพุทธเจ้าสอน คุณก็มองพระพุทธเจ้าสอนให้ไปรวย ให้มีลาภยศ แบกลาภยศกันอยู่ เป็นสงฆ์คณะใหญ่ เราก็บอกว่าสงฆ์คณะเราไม่เห็นอย่างนั้นหรอก เราทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วเราก็มาเป็นของเรา เราก็จบ เราว่าเราตรงกับพระพุทธเจ้านะ เขาว่าของเขาตรงกับของพระพุทธเจ้าก็เรื่องของเขาแล้วละ ตอนนี้เราไม่มีปัญหา ส่วนเขาจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาก็เรื่องของเขา

เราก็จบอยู่ตรงที่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าทุกอย่าง ความเข้าใจของคุณก็เป็นอย่างหนึ่ง ความเข้าใจของเราก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ต่างคนต่างเชื่อธรรมวาทีของตนเอง คุณก็มีธรรมวาทีของคุณ คุณก็ดำเนินไป ศึกษาไป ปฏิบัติประพฤติไป คุณก็ได้ตามของคุณ เราก็ได้ตามของเรา มันก็จบอยู่ที่ตรงนี้..นานาสังวาส นี่คือสัจจะที่อาตมาได้พยายามอธิบาย พยายามที่จะสอน  

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2567 ( 08:54:35 )

พ่อครูสร้างสังคมอีกสังคมหนึ่งที่ลดละกิเลสได้จริง

รายละเอียด

ขนาดอาตมาไม่มีเครดิตอะไรเลยมาทำงานศาสนา ไม่มีเลยนะไม่มีที่ไปที่มาเลย แล้วแถมเถรสมาคมถล่มอีกต่างหาก อาตมายังทำให้พวกเราสามารถที่จะฟื้นความรู้ บรรลุธรรมะ มีฌานมีบุญขึ้นมาได้ ไม่ใช่มีบุญหรอก แต่ทำให้เกิดพลังงานจิตที่เป็นฌานเป็นบุญขึ้นมาได้ถูกต้อง สามารถใช้พลังงานฌานทำประโยชน์ สามารถใช้พลังงานบุญกำจัดกิเลสได้จริงแท้ ยังทำให้สำเร็จเลย ใช้เวลาแค่ตอนนี้ทำมา 50 กว่าปีก็ได้ผลจริง มีเหตุปัจจัย มีสิ่งที่ปรากฏจริง มีคนบรรลุก็มารวมกันอยู่นี่ ละลดกิเลสได้จริง ก็เป็นคนแบบนี้ เป็นความจริงที่พวกคุณได้ จึงมาเป็นสังคมอีกสังคมหนึ่งที่ซ้อนอยู่ในประเทศไทย ซ้อนอยู่ในสังคมศาสนาพุทธ เป็นความจริงอย่างนี้ 

นี่คือสิ่งที่เป็นสัจธรรมในโลกมนุษย์ อาตมาก็ยังคิดว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้ประสบความสำเร็จที่เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรม อันเป็น คัมภีรา ทุททัสสา ทุรนุโพธา สันตา ปณีตา อตักกาวจรา นิปุณา ปัณฑิตเวทนียา 

พุทธธรรม ลักษณะ 8 ประการ

คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34) 

คือเป็นธรรมะที่ลึกซึ้ง มันเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบชนิดที่เรียกว่าคนไม่เข้าใจสันติ สันตะ ไม่ได้ง่ายที่จะเข้าใจความหมายของสภาพของสันติ สันตะ 

สันติ สันตะ แปลกันไปเป็นภาษาไทย เพราะว่าภาษาบาลีมีละเอียดเยอะในคำว่าสงบ ไปแปล สันตะ ว่าสงบด้วย คำอื่นๆก็แปลว่าสงบอีกเยอะแยะ ยิ่งความสงบที่มาจากคำว่า สันตะ มันสุดยอดมันเป็นความสงบที่สุดยอด 

สันตะ เป็นความสงบที่เกิดจากสภาวะ 2 เรียก เทวะ แล้วทำให้เทวะ สภาวะ 2 นี้ สงบ อยู่ด้วยกัน เป็นประโยชน์แก่กันและกัน หรือจัดการกันและกันจนสูญ(ศูนย์)

ตกลง 2 นี่ทำ 0 ก็ได้ สงบเป็น 1 ก็ได้ เป็น 2 เป็นประโยชน์คุณค่า สร้างสรรไปอีก ขยายผลอีกไปอีกก็ได้ นี่อาตมาอธิบายสภาวธรรม คนเข้าใจได้ก็คงจะฟังแล้วรู้สึกลึกซึ้ง คนเข้าใจไม่ได้ก็ต้องขออภัย ก็ผ่านไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 17:58:03 )

พ่อครูสร้างเรือนาวาบุญนิยมไว้แล้ว

รายละเอียด

อาตมาพยายามสร้างเรือโนอาห์ หรือสร้างเรือนาวาบุญนิยม สร้างอยู่นี่ จะทำใหญ่แบบตามสมมุติโลกก็ทำไม่ได้ ก็เลยสร้างเรือหลายลำรวมกัน แล้วแต่ละลำก็ต้องให้มันดูอลังการโดยการทำประดับประดา ให้มันอลังการด้วย อย่างเรือลำที่ไม่ได้ต้องทำต่ออีกแล้ว ก็คือลำแรก เรือเจิ้นเทิ่น ตกแต่งประดับประดาขนาดนั้น คุมด้วยพญาแร้งใหญ่ จากเจิ้นเทิ่นก็มาถึง เรือรามจักร ซึ่งยังทำไม่เสร็จ 

คนที่ทำงานทางประติมากรรมมาเห็นเข้าจะร้องว่าโอ้โห มันใหญ่ และทำเป็นโลหะด้วย และก็มีรายละเอียดของโลหะไม่ใช่แบบง่ายๆตื้นๆ แม้แต่เกล็ดแม้แต่ขนของพญาแร้งก็ทำละเอียด เราจะเห็นก็จะรู้ว่าลงทุนไปมากหลายล้าน ที่เราทำนี้ไม่ได้ไปจ่ายค่าช่างของช่างใหญ่ อาจจะมีช่างเล็กช่างน้อยที่จ้าง แต่ตัวผู้ที่นำทำจริงๆเลยคือคุณแสงศิลป์ ไม่ได้คิดราคาค่าตัวเลย คิดราคาก็ไม่ไหว ไม่มีเงินจ้างแน่ๆ

ต่อมาเป็นเรือรามจักร ที่สร้างกำลังจะเสร็จ มีรูปปั้นพระรามอยู่ที่หัวเรือ ส่วนอีกลำเป็นลำที่ 3 คือเรือโคกใต้ดิน จะมีหนุมานตัวใหญ่อยู่ที่หัวเรือ 

ทำอันนี้ให้เสร็จก็ยังเหลือ ภูเฮา ขึ้นรูปแล้วยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อยเป็นรูปร่างอย่างไร เราก็ดูไปเราเป็นชาวดูไป ไม่ใช่ชาวดูไบ ลึกซึ้งนะ ดูไปกับดูไบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:20:48 )

พ่อครูสอนธรรมะ ไม่บังคับหลอกลวง ให้อิสระเสรีภาพ

รายละเอียด

แน่นอน อาตมาไม่ศรัทธาเรื่องการบังคับเลย ชัดเจนในเรื่องการบังคับ ว่ามันไม่มีประโยชน์สำหรับอาตมา แต่คนอื่นเขาอาจจะต้องใช้อยู่บ้าง ใช้การบังคับก็ต้องใช้อยู่บ้าง แต่อาตมา ในชีวิตนี้อาตมาว่าอาตมาไม่ได้บังคับใครเลย ให้อิสรเสรีภาพเต็มที่ 

มันเป็นการพิสูจน์ว่า อาตมาพยายามจะให้ความรู้ ประพฤติให้เห็น พูดให้ฟัง คิดอย่างไรก็อธิบายทุกอย่างให้เข้าใจต่างๆนานา เสร็จแล้วเขาก็ไปตัดสินเอง แล้วก็ไปประพฤติเอง ได้เอง เป็นเอง อาตมาจึงได้คนชนิดที่ทุกคนมีอิสรเสรีภาพหมด ไม่ประเล้าประโลม ไม่หลอกลวง ไม่โฆษณาเพื่อชี้ชวนให้อยากได้ มีแต่พูดผ่าๆ แรงๆ ตรงๆ เปรี้ยงๆ มันแข็ง อาตมาจะเทศน์แข็ง แล้วก็รับเอาเอง ผู้ที่ได้ฟังก็รับรู้เอาเองตัดสินเอาเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:07:03 )

พ่อครูสอนโลกุตระ พวกระดับอบายมุขฟังไม่รู้เรื่องหรอก

รายละเอียด

เพราะเขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง พูดอย่างไรก็ฟังไม่รู้เรื่อง อาตมานี้สอนเกินไกลไปถึงโลกุตระ ส่วนพวกนั้นอีกระดับเลย มันระดับเกินกว่าอบายมุข มันเป็นเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ จะพูดกันอย่างไรก็ยากที่จะรู้ได้ ก็ต้องค่อยๆเป็นไป ก็ช่วยคนได้จำนวนหนึ่ง 

อาตมาทำงานอยู่นี้ อาตมาไม่มีปัญหานะในเรื่องคนน้อย เพราะคนจะฟังธรรมะที่อาตมาบรรยาย เทศน์นี้ได้ ต้องคนมีภูมิปัญญาจริงๆ จึงจะตามฟังและเห็นดี ยินดี เขาไม่มีภูมิจริงๆเขาไม่มีธรรมรส เขาฟังไม่ติดรส ไม่รู้เรื่องจุดๆอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งมันก็เรื่องจริงมันก็น่าสงสารเขา แต่คนที่ฟังแล้วมีธรรมรส ก็โอ้โห วันนี้ดีจังเลย ดีจังเลย เรียกว่า ธรรมรส ภาษาธรรมดานี่ฟังเข้าใจทุกคน ธรรมมันมีรสจริงๆ รสไปหาวิมุติเรียกว่า  วิมุติรส รสไปหานิพพาน ไปหาโลกุตระ ฟังแล้วเข้าใจ อันนี้เข้าใจได้ ลดละกิเลส ละหน่ายคลายจริงๆ 

มันเกิดอนิจจานุปัสสี วิราคานุปัสสี นิโรธานุปัสสี ปฏินิสสัคคานุปัสสี จริงๆ ตามเห็นความจริงเลยว่า มันไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนแปลงไปทางละหน่ายคลายจนถึงนิโรธ เห็นว่ายังงี้ทำแล้วทำอีก ทวนที่ทำได้แล้ว บรรลุแล้วจนถึงที่สุด กลายเป็น นิสรณปหาน ไม่ต้องเลยกิเลสหมด มาแตะปั๊บหลุดเองเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:23:22 )

พ่อครูสอนโลกุตระนั้นมันยาก แต่ยิ่งต้องพยายาม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นงานโลกุตรธรรมนี้มันยากมากเลย ยากที่สุด ที่อาตมาทำงานนี้มันยาก แต่อาตมาก็ไม่ได้ท้อแท้หรืออาตมาก็ไม่น้อยในความพยายาม อย่างที่สุดเลย ยิ่งต้องพยายาม ยิ่งต้องเพิ่มความพยายาม ก็เห็นว่ามันไม่ได้ผล มันน่าจะได้มากกว่านี้ สังขารอายุเราก็ร่วงโรยไปเรื่อย นี่รู้สึกว่าจะต้องพยายาม ขืนไปท้อถอยหรือไปท้อแท้ ไปลดความพยายามให้น้อยลง ให้มีความพยายามน้อยลงมันไม่ได้ มันต้องพยายามจริงๆ 

เพราะฉะนั้นยิ่งอาตมาพูด ยิ่งอาตมาเปิดเผย หรือบอกมุมบอกประเด็น บอกแง่ที่ผิดไปมากเท่าไหร่เท่าไหร่ มันก็ยิ่งกระเทือน มันก็ยิ่งทำให้คนมองคนละด้าน เขายึดถืออีกด้านหนึ่งแล้ว เขาก็ยิ่งได้รับกระทบ ในการกระทบตนกระทบท่านที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ในภาษาคำสอนอันนี้ อย่าพูดกระทบตนกระทบท่าน อันนี้แหละ เป็นความหมายที่ลึกซึ้งมากเลย แปลว่ากระทบตนกระทบท่าน ภาษามันพูดตื้นๆง่ายๆ จริงๆกระทบแล้วคือพูดไปแล้วมันก็ไปถูก ไปแตะไปกระทบนั่นแหละ กับอีกฝ่ายหนึ่ง เราจะพูดฝ่ายดีชมฝ่ายดีมันก็กระทบฝ่ายดี เราจะไปพูดฝ่ายชั่วมันก็กระทบฝ่ายชั่ว 

ถ้าเรายิ่งไปพูดฝ่ายชั่วถูกต้องแล้วเขายึดว่าเขาดี มันก็จะต้องสะท้อนแรง เราพูดไปบอกว่าฝ่ายชั่วเป็นดี เราก็เป็นคนโง่ โง่แรง ไปมองที่เขาชั่วเป็นดีเราก็โง่แรง เขาชั่วเราก็ต้องบอกเขาชั่ว เราจะไปบอกเขาดี ไม่ได้ เราก็โง่แรง มันก็ผิดสัจจะ อาตมาก็ทำผิดสัจจะไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาชั่วก็ต้องบอกว่าเขาชั่ว เขาผิดก็ต้องบอกว่าเขาผิด ผิดมากผิดน้อยก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องบอกเหตุบอกผล บอกหลักบอกฐาน อย่างที่อาตมาพยายามเอาหลักฐาน เอาพระไตรปิฎกเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาอ้างอิง มายืนยันขยายความต่างๆนานา

จนกระทั่งขยายความไปเป็นธรรมะที่เป็นปรมัตถธรรมหรือเป็นธรรมะลึกซึ้งไปถึงจิต เจตสิก รูป นิพพาน มันก็ยิ่งชัดเจนสำหรับคนที่แสวงหา คนที่พยายามศึกษาพากเพียรศึกษาก็ยิ่งได้รับความรู้เพิ่มขึ้นอย่างพวกเรานี่เข้าใจ จนกระทั่งรู้ว่าอาตมาเป็นคนที่จะต้องเคารพสุดเศียรรสุดเกล้า เขาก็พูดออกมาจากความจริงใจ อาตมาไม่เคยไปแนะนำว่าคุณจะต้องเคารพอาตมาอย่างสุดเศียรสุดเกล้านะ ถ้าจริงๆแล้วอาตมาควรจะเหนียม นึกอยู่ในใจว่าเหนียมเหมือนกัน คนมายกย่องยกยอด้วยพยัญชนะด้วยภาษาให้อาตมาสูงเหลือเกินนะ ไม่ใช่ว่าต่ำๆนะ เคารพสุดเศียรสุดเกล้าอะไรต่างๆนานา มันเป็นคำที่ยิ่งใหญ่นะ 

ซึ่งอาตมาก็ว่าอาตมาไม่ได้ผิดไปจากความจริงที่เป็นหรอก แต่อาตมาพูดไปมันก็น่าหมั่นไส้ เพราะอาตมาเป็นผู้ที่ก็ควรเคารพอยู่ตามที่พูดที่ว่ามามันไม่ได้ผิด มันยิ่งสังคมผิดมาก แล้วมีคนถูกขึ้นมาคนหนึ่ง มันยิ่งเด่น มันยิ่งยอด ฟังเข้าใจไหมด้วยความหมายมันยิ่งเด่นมันยิ่งยอด และถูกอย่างโลกุตระด้วย มันยิ่งยอดใหญ่เลย ฟังดีๆนะอาตมาไม่ได้มาหลงตัวเองหรือว่ามาพูดชมเชยตัวเองยกย่องตัวเองอะไร อาตมากำลังพูดสัจธรรมสู่ฟัง 

เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆทำความเข้าใจให้ดีๆเถอะ พยายามศึกษาไป ผู้ที่มีภูมิปัญญามีดวงตาก็ได้ประโยชน์ ผู้ที่ไม่มีดวงตาก็แน่นอน จะให้อาตมาไม่พูด จะให้อาตมาไปพูดผิดๆเพี้ยนๆอาตมาก็บาป มันพูดไม่ได้ ถูกก็ต้องพูดให้ถูก ผิดหนักผิดมากอย่างไรก็ต้องว่ากันตรงๆตามน้ำหนักตามความเป็นจริงของมัน ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่ตรงมันก็เข้าใจเพี้ยนไปมันก็ไม่ดี นี่คือสัจธรรมต่างๆที่ มันต้องเป็นเช่นนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2566 ( 12:57:38 )

พ่อครูสอนไม่เหมือนพระรูปอื่นๆ

รายละเอียด

ขออภัยไม่เหมือนทั้งประเทศไม่มีใครเหมือนแน่นอน เพราะอาตมาเทศน์นั้น มันเป็นโลกุตตรธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นธรรมะของโลกียะสามัญธรรมดา เหมือนกับศาสนาไหนๆ แต่อันนี้มีชื่อว่าพุทธแต่เขาก็วนเวียนอยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มันไม่เป็นธรรมะที่จะมาเรียนรู้ลึกซึ้งเข้าไปเหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนที่ตรัสรู้แล้วนำมาสอนมาเปิดเผยมาประกาศ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นพุทธที่เต็มๆ หรือเป็นพุทธที่เข้าเขตพุทธ เป็นอาริยธรรมของพุทธ 

ซึ่งมันก็เป็นแบบโลกีย์ธรรมดาก็เจริญลาภยศเหมือนอย่างเถรสมาคมเขา ไม่เป็นโลกุตระ มันก็เป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นสังคมศาสนาพุทธกระแสหลักหมู่ใหญ่เขา คุณก็ได้ฟังอย่างนั้นมาทั้งนั้น เพราะมันไม่มี 

พออาตมา มาเทศน์ขึ้นคุณก็บอกว่าไม่เหมือนพระรูปอื่น มันก็ต้องถูกต้องแล้วจะเหมือนได้อย่างไร เพราะมันคนละชนิด อันหนึ่งไปนิพพาน อันหนึ่งมันไปพาล มันไม่ได้ไปนิพพาน พาล แปลว่า โง่ แปลว่ายังไม่ฉลาด 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 14:57:04 )

พ่อครูสักวันต้องจากไป

รายละเอียด

 หลวงปู่จะอยู่ค้ำฟ้าได้อย่างไร ก็ต้องตายสักวันจนได้ เอาล่ะเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ดูๆกันไป อาตมาก็ได้แต่พยายามอยู่ เพื่อที่จะยังพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า ว่าการฝึกฝืนการพยายามใช้อิทธิบาท ยินดีในความเป็นอยู่เรียกว่าฉันทะ แล้วก็วิริยะพยายามที่จะทำตนเองให้มีเหตุปัจจัยให้มันทรงอยู่ให้ได้ ไม่ว่ารูป ไม่ว่านามช่วยมันทุกอย่าง วิริยะ จิตตะ จิตมันก็มีพลัง จิตมันก็รวมมีกำลังมีจิตเป็นประธานขึ้นมา ยังไม่ตาย ยังไม่ตาย ยังไม่ตาย รวมแล้วเป็นวิมังสะ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ก็เป็นแก่นเป็นแกน เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นองค์ประกอบที่มันได้มรรคได้ผล ช่วยชูให้ชีวิตมันยาวยืนไปอยู่ทุกวันนี้ ก็พอเป็นไป 

เป็นแต่เพียงว่า ไอ้เจ้าเหตุปัจจัยที่มันไอหนัก แล้วมันมีอะไรต่ออะไรหลายๆอย่าง อาตมาเรียกมันว่าน้ำพิษ มันออกมาแล้ว มันไอแล้วมันก็จะต้อง โอ้โห รสชาติมันแหม คุณเอ๋ย ไม่รู้ว่ารสอะไร ทั้งที่อาตมามันไม่มีรสอร่อยแล้ว รสพวกนี้มันขื่นมันขม ต้องการจะขับมันออก ไม่ต้องการจะมีอยู่ในสรีระ เราต้องไอแรง มันเป็นอะไรที่แหม อาตมาก็เรียกมันว่ามันเป็นโรควิบากของอาตมา จนหมอก็ไม่มีทางที่จะแก้ไข เพราะว่าเหตุปัจจัยมันผ่าตัดไม่ได้ ก็ให้มันอยู่ไปอย่างนั้น แล้วมันก็ทำงานของมัน อายุมันก็โตวันโตคืน มันก็ทำงานหนักขึ้นทุกที มันก็ไม่หนักกว่านี้ก็ดีแล้ว อาตมาก็นึกแต่ว่าดีนะมันยังไม่หนัก มันก็ได้แค่นี้ มันเอาแค่นี้ก็ยังดี ยังพอทน อาตมานึกถึงคนอื่นๆที่เขามีวิบากของเขาหนักกว่าอาตมาเยอะ น่าสงสาร อาตมาแค่นี้มันไม่กระไรเท่าไหร่หรอก ก็นึกว่ามันยังดีกว่าคนซึ่งหนักหนากว่าเรา ก็เห็นๆอยู่เขาทรมานกว่าเราเยอะ เราเป็นอย่างนี้ก็เอา วิบากแค่นี้ก็ไม่ไปท้อแท้อะไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำราพิชัยสงคราม พรหมชาลสูตร ตอน 1 วันพุธที่ 20 กันยายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2566 ( 11:51:13 )

พ่อครูสาธยายคำว่า GDP และ GNP ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า 

รายละเอียด

อาตมาขอหยิบยกเอาข้อความต่อไปนี้ มาจาก“กูเกิ้ล” มาเป็นจุดเริ่มต้นสาธยาย

“คำว่า GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product หรือแปลเป็นไทยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ แปลจากไทยเป็นไทยอีกที คือ การที่นับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตาม โดย GDP ประเทศไทย จะนับการคำนวณเฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นในไทยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนไทย แล้วมีรายได้ที่ต่างประเทศ ไม่นับ อันนั้นเรียก GNP : Gross National Product ที่จะนับเฉพาะรายได้จากคนไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดในโลกนี้ก็ตาม”

นอกจากคำว่า GDP เขาแถม GNP : Gross National Product มาให้อีกด้วยนะ! 

ยิ่งใช้คำว่า GNP : Gross National Product นั้นแหละยิ่งเน้นหมายเจาะลงไปที่“เฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นของตนเองในชาติตนเองแท้ๆเท่านั้น” มันก็ยิ่งชัดเจนว่า เศรษฐศาสตร์ของชาวเทฺวนิยมโลกียะได้ว่า ไม่มี“โลกุตระ”

พ่อครูว่า... โลกุตระที่จริงนั้น อาตมาอธิบายล้ำหน้าไปก่อน จะได้เข้าใจก่อน ฟังต่อไปจะได้เข้าใจง่ายขึ้น

ความรู้ของอาตมาเรื่องเศรษฐศาสตร์ ที่บอกว่าเป็นรายได้เฉพาะภายใน domestic ก็คือคนไทยอยู่ในประเทศแล้วก็มีผลผลิต เมื่อผลผลิตที่มีแล้วก็ขาย ถ้าขายออกไปต่างประเทศแล้วไปเอาเงินต่างประเทศมา เราไม่นับนะ คุณขายเฉพาะในประเทศแล้วก็เงินที่ได้อยู่ในประเทศนี่แหละ domestic โดเมสติกที่อาตมาหมายถึงจริงๆ เขาจะหมายตรงอย่างนี้หรือเปล่า เขาก็ไม่หมายอย่างนี้จริงๆ 

ยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณเอาของๆเรานี้ขายในประเทศ ให้มันพออยู่พอกินในประเทศ ของผลิตของไทยแล้วก็ขายกันพออยู่พอกินในประเทศ ถ้าคนจนเราก็ยิ่งต้องขายให้เขาถูกๆ จึงจะพออยู่พอกิน นี่คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 

แต่นี่ไม่.. มีพ่อค้าคนกลาง มีพวกนายทุนมากว้านซื้อแล้วก็เอาออกไปขายต่างประเทศ แล้วพยายามกดราคาของคนไทย แล้วมีอิทธิพลด้วยนะ กดราคา แล้วเอาไปขายเอากำรี้กำไรจากต่างประเทศ

เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างนี้มันไม่ทำให้คนไทย เข้าใจตามพระพุทธเจ้าว่า อย่าไปหลงไอ้เงินๆทองๆ เราจะได้ไม่ตกเป็นทาสของพวกนายทุน อย่างพวกเรานี้ไม่หลงเงินๆทองๆ ไม่ตกเป็นทาสของนายทุน ดีไม่ดีไล่แจกนายทุน เพราะว่าเรามีความพอ เราพึ่งตนเองรอดพออยู่พอกินมีเหลือมีเกินจึงกระจายสะพัดให้แก่คนอื่น นี่คือการแก้ปัญหาสำเร็จ แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบกิจเสร็จแล้ว เราทำได้ ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:37:59 )

พ่อครูสำเร็จอรหันต์ได้อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาสำเร็จได้เพราะรู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน อธิบายมาตลอด ขยายความเจตสิกต่างๆ ขยายความสัมพันธ์จนปฏิจจสมุปบาท เขาฟังไม่รู้เรื่องหรอก เขาต้องไปนั่งหลับตาสะกดจิตไป มันไม่มีทางถูก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:34:58 )

พ่อครูสูงกว่าพระป่าเพราะการออกป่ายิ่งไกลจากวิเวก

รายละเอียด

คนที่สงสัยว่าทำไมในหลวงไม่มาเพราะอาตมา ทั้งๆที่มีภาวะร่วมกันตั้งหลายสิบปีทำไมท่านไม่มา ทำไมท่านไปแต่พระป่า หรืออาตมาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องขออภัยที่จะต้องพูดต่อไปนี้ ดูต่อไปเถอะแล้วจะรู้ว่าอาตมาสูงกว่าพระป่า จะรู้ว่าอาตมาถูกต้องธรรมะพระพุทธเจ้ายิ่งกว่าพระป่า เพราะการออกป่านั้น ในคุหัฏฐสุตตนิทเทส ว่าด้วยการออกป่ายิ่งไกลจากวิเวก เป็นความซับซ้อนที่เขาจะเข้าใจได้ยากมากเลย จะยิ่งจมอยู่ในความหลงมากยิ่งขึ้น นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้อันที่มีกิเลสมาก เข้าป่าเขาถ้ำปลีกวิเวก เป็นผู้ที่มีกิเลสมาก ปิดบังไว้แล้ว มันสำเร็จแล้วด้วยนะ เขาปกปิดกิเลสสำเร็จ เขาจมในหลุมที่ผิด นรชนที่ตั้งอยู่ จมอยู่ที่หลงนั้น นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวกเพราะกามทั้งหลายในโลกไม่เป็นของอันนรชนละได้โดยง่าย. เป็นสิ่งที่ปุถุชนทั้งหลายละได้โดยยาก นั่งหลับตาก็ไม่ออกจากภายในเลยไม่มีภายนอก แล้วเขาไปหลงเข้าป่าแล้วไปหลบหลับตาอีก ก็ได้แต่จมกับจมจมลงไป เขาก็ไม่มีทางที่จะออกมา ถึงชื่อว่าผู้ที่ไกลจากวิเวก (ทูเร วิเวกา หิ ตถาวิโธ) เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าช่วยเหลืออย่างไรหนอพวกนี้ ทำไมดันทุรังจัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 15:04:09 )

พ่อครูสูงยิ่งจริงในยุคนี้

รายละเอียด

อย่างอาตมา พวกคุณชม อะไร (เช่น) กราบคารวะอย่างสูงส่งยิ่งยอดอะไรว่ามา บูชาอย่างยิ่งอะไรมา เคารพอย่างสูงส่งยิ่ง อะไรอย่างนี้นะ เราฟังแล้วเป็นคำชมยอดเยี่ยมเลยนะ แล้วอาตมาก็มาตรวจดูความจริง ว่าเราควรจะต้องปล่อยให้เขาพูดอย่างนี้ไหม อาตมาเคยพูดเคยอธิบายไปแล้ว ก็มาเห็นว่ามันเป็นความจริงนะ อาตมาไม่ได้มีตัวตน ไม่ได้เห็นแก่ตัวตนอะไร ไม่ได้หลงตัวตนอะไร เขาชมจริงอย่างนี้ จริงอย่างไร อาตมาก็ดูออกว่ามันจริงตาม กาละ เทศะ ฐานะ กาละนี้ อาตมาก็ว่าอาตมาเป็นคนที่ไม่มีใครสูงเท่า ฟังดีๆ นะ ยิ่งพูดยิ่งยกตัวเองนะ กาละนี้ไม่มีใครจะรู้เรื่องธรรมะพระพุทธเจ้า โลกุตรธรรมสูงเท่าอาตมา อาตมาก็สูงยิ่งจริงในยุคนี้ ตาม กาละ เทศะ ฐานะ อาตมาก็อยู่ในฐานะที่สูงยิ่งตามกาละนี้ 

แน่นอน มันมีความแตกต่าง เทศะต่างๆ หรือมันเคลื่อนย้ายไปที่มันไม่เที่ยงแล้ว มาถึงวันนี้ตาม กาละ เทศะ ฐานะ นี้ อาตมาก็ว่าเป็นความจริง อันนี้ก็ต้องให้เขายืนยันความจริง เพื่อที่จะประกาศความจริงลงไปว่า ไอ้ที่คุณเข้าใจนั้น มันไม่เหมือนกับที่อาตมาเป็น มันแตกต่างกัน มาเรียนรู้ความแตกต่างว่า ที่คุณยึดนั้น อาตมาก็คน คุณก็คน อาตมาเป็นอย่างนี้ เป็นได้อย่างนี้ ทำอย่างนี้ คุณก็ทำอย่างคุณทำ ที นี้อาตมาโชคดีมากที่ยังมีพระไตรปิฎก อาตมาก็ยืนยันพระไตรปิฎกสาธยาย อธิบาย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2567 ( 08:50:52 )

พ่อครูหมดความยุ่ง แล้วมาช่วยโลกให้หายยุ่ง

รายละเอียด

คุณก็มีภูมิแค่ว่าสงฆ์ยุ่งทางโลก แต่คนไม่รู้จักว่าโลกมันยุ่ง แล้วสงฆ์ที่ท่านหมดความยุ่งแล้วท่านก็มาช่วยโลกให้หายยุ่ง คุณเข้าใจอันนี้ไม่ได้ คุณก็มองได้เท่าที่คุณมอง ก็ไม่เป็นไรคุณก็เข้าใจตามนั้น 

อาตมาไม่ใช่เป็นสงฆ์ที่ยุ่งเรื่องทางโลก แต่อาตมาเป็นคนที่หมดความยุ่งได้แล้วในตัวเอง เห็นสังคมเห็นโลกเขายุ่งมากเลยสงสารก็มาช่วย แก้ความยุ่งให้แก่โลกให้แก่สังคมเขา ก็มีคนที่เข้าใจแล้วก็ลดความยุ่งของตนเองลงไปได้เรื่อยๆ เข้ามารวมกันเป็นคนสงบ เป็นคนที่หมดความยุ่ง แล้วก็มาสงบสบาย เป็นคน อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ เป็นคนมีคุณสมบัติและคุณธรรมแบบนี้ มาสิ มาตรวจสอบดู 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:31:21 )

พ่อครูหรือชาวอโศกจะไปได้กี่น้ำ

รายละเอียด

พูดถึงอันนี้แล้วมันภาคภูมิใจ เอาน่า ดี กาลเวลาพิสูจน์คน อาตมาจึงอยากจะอยู่ยืนยาวให้เพื่อพิสูจน์ ถ้าหากอาตมาอายุได้ถึง 120 ปีคุณต้องยอมรับเลย ระยะทางพิสูจน์ พวกที่มีอคติกับไม่เชื่อ ระยะทางยาวนานไปจนคนอื่นที่เขาไม่เชื่อนั้นตายไปหมดแล้ว คนที่อยู่เขาก็จะจำนนว่าเราอยู่ได้ถึง100 ปี 120 ปี มันเป็นอย่างนี้เพราะเป็นอย่างนี้ Born To Be เป็นตถตา มันเป็นเช่นนี้ของมัน ในตัวมันเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:43:11 )

พ่อครูอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 ได้จึงคือสยังอภิญญา

รายละเอียด

ก็จริงนะที่เข้าใจที่พระพุทธเจ้าตรัสระบุไว้หมายถึงอะไรๆ ยังไง เข้าใจได้ชัดเจนคมชัดดี ก็ขอขยายความอีกนิดหนึ่งก็แล้วกันว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใช้ภาษาว่า สยังอภิญญา เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็หมายถึงว่า บอกระดับ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งแต่โสดาบันแล้วก็ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ถ้าพากเพียรดีๆก็เป็นสกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์ 

แม้อรหันต์แล้วเป็นโพธิสัตว์ ก็เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพิ่มต่อไป กว่าจะได้ฉายาว่า ผู้นี้อยู่ในฐานะ สยังอภิญญา มันไม่ใช่ธรรมดา ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มันไม่ใช่ขั้นสามัญธรรมดาของอาริยบุคคล อย่างน้อยๆก็ไล่ขึ้นไปตั้งแต่ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์( สยังอภิญญา ) 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สยังอภิญญาขั้นที่ 7 ขึ้นไปนะ อย่างนี้เป็นต้น

ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผู้ที่รู้อย่างอาตมารู้ก็บอกอธิบายให้ฟังได้ ผู้ไม่รู้อธิบายไม่ได้หรอก หรืออาจจะอ่านพยัญชนะที่ท่านเขียนบอกไว้แล้วก็อ่านไป เหมือนนกแก้วนกขุนทองได้ แต่อาตมาไม่ใช่รู้แค่นกแก้วนกขุนทองธรรมดาหรือเหนือกว่านกแก้วนกขุนทองธรรมดาที่รู้ความหมาย แต่อาตมาเป็นเองด้วย เป็น สยังอภิญญาเองด้วย จึงได้พูด สังเกตเอาเถอะ หยั่งถึงความจริงให้ได้เถอะที่อาตมาพูดย้ำยืนยันว่าตัวเองเป็น สยังอภิญญา คุณจะมีปฏิภาณปัญญารู้แค่ไหนที่จะบอกว่ามันจริงนะ มีอะไรหลายๆอย่างบอกมีอะไรที่ยืนยันลักษณะที่มีความจริงได้ชัด ยิ่งเป็นสัจจะที่เป็นโลกุตรธรรมมันมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เราสามารถที่จะหยั่งรู้ เข้าไปได้ถึงความเป็นจริงที่ลึกซึ้ง ศึกษาดีๆ 

แล้วคุณก็ยืนยันว่าพระพุทธเจ้ากันเหนียวไว้จริงๆ และพระกัสสปะก็เก็บมายืนยัน ที่จริงไม่เก็บไม่ได้หรอกเพราะมันสำคัญในทิฏฐิ10 ผู้ที่จะอธิบายทิฏฐิ 10 ได้อย่างเที่ยงแท้ ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน ก็จะต้องแสตมป์ไว้ด้วยว่าเป็นขั้น สยังอภิญญา ไม่เช่นนั้นมันยังไม่สมบูรณ์แบบหรอก ขอขยายความต่ออีกว่า ในยุคนี้ อาตมาก็บอกแล้วและก็เป็นความจริงแล้ว ถ้าคนใช้ปฏิบัติปัญญาดีๆจะรู้พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าโลกุตรธรรมมันเสื่อมและมันก็เสื่อมจริงๆ แล้ว อาตมาก็อุบัติขึ้นในยุคที่มันเสื่อมนี้ แล้วก็นำเอาโลกุตรธรรมมาด้วยตัวเองที่เป็นสยังอภิญญาความหมายหนึ่งของความสยังอภิญญา คือไม่ได้รับการถ่ายทอดธรรมะมาจากใคร อาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่ได้รับถ่ายทอดมาจากใคร ถ้ายังมีพระพุทธเจ้าก็ได้รับถ่ายทอดจากพระพุทธเจ้า ถ้าในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าแต่มีสัตบุรุษ มีผู้รู้ที่เป็นสัตบุรุษอยู่ก่อนแล้ว ผู้ที่อุบัติขึ้นมาก็ได้รับจากสัตบุรุษ 

แต่อาตมาเกิดมาในยุคที่ผู้ที่เป็นสัตบุรุษที่จะมีความรู้โลกุตรธรรมก็ไม่มี นอกจากไม่มีแล้ว โลกุตรธรรมเสื่อมไปจริงๆ ในสังคมศาสนาพุทธแล้ว ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสพยากรณ์ไว้ ก็ถึงวาระจริงนี้ อาตมาก็มาอุบัติขึ้นมา แล้วเอามากล่าว เอามายืนยัน นำคุณสมบัติหรือคุณธรรมหรือคุณวิเศษของความเป็นโลกุตรธรรม เอาขึ้นมา สถาปนาลงไป เอามาอธิบาย เอามายืนยัน เอามาประกาศ เอามาพาปฏิบัติ จนกระทั่งบรรลุมรรคผลโลกุตรธรรมขึ้นมาเป็นอาริยบุคคลได้จริง เป็นเหตุปัจจัยต่างๆ รวมเป็นองค์ประกอบของความจริง เกิดจริง เป็นจริง จนกระทั่งชาวอโศกเกิดเป็นผู้บรรลุธรรม เกิดเป็นสังคมพุทธ ที่เป็นสังคมพุทธ ที่เป็นสังคมของ สาราณียธรรม 6 เป็นสังคมที่อาตมายืนยันตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเลย มี พุทธพจน์ 7 มีคุณธรรมวรรณะ 9 มีศีล-สมาธิ-ปัญญา มีจรณะ 15 วิชชา 8 สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่ามีมรรคมีผลแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเปล่าดาย

มันเสื่อมไปมาก เป็นศาสนาพุทธที่มีแต่ชื่อมานานก่อนอาตมาจะมาเกิด มันเสื่อม มันเละ จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังเละอยู่ ขออภัยเถอะอาตมาพูดความจริง ไม่ได้ไปดูถูกดูแคลนกัน ไม่ได้ไปข่มไปบ่งกัน แต่สงสาร แต่มันเป็นวิสัยที่สุดวิสัยแล้ว ทางด้านโน้นท่านยึดติดเต็มที่แล้ว ท่านลดตัวลดตนไม่ได้ ท่านรับอาตมาไม่ได้ ท่านก็ต้องอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่ขณะนี้ 50 กว่าปี อาตมาทำงานมา เป็นกลุ่มเล็กนิดเดียวอาตมาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเลยในสังคม เกิดมา รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย ไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเลย ความรู้วิชาการก็ไม่ได้มีอะไรรับรองเป็นสถานะที่เป็นที่ยอมรับนับถือในสังคมอะไรเลย ไปอยู่ในโลกมายาด้วยซ้ำ โลกมายาก็ไม่ได้เก่ง ไม่ได้ใหญ่ ไม่ได้เด่น ไม่ได้ดัง ไม่ได้มีอิทธิพลอะไร ก็อยู่อย่างนั้นเหยาะๆแหยะๆ พอมีคนรู้จักบ้างนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ที่จริงมันก็คนละเรื่องกับธรรมะ แล้วมาเผยแพร่มาเป็นผู้นำธรรมะขั้นโลกุตรธรรมของศาสนาพุทธแก่นแท้ โอ้โห..เจ้าประคุณ มันจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 10:22:10 )

พ่อครูอธิบายได้ชัดเจน ทำให้คนลดละกิเลสได้

รายละเอียด

แน่นอนสายหลวงปู่มั่นไม่มีปัญญาจะอธิบายหรอก เพราะว่าไม่เอาเรื่องบัญญัติ เรื่องตำรา เรื่องการศึกษาทางพยัญชนะพวกนี้เลย เอาแต่นั่งหลับตาอย่างง่ายๆตื้นๆหลับไป หลับไป อย่าให้จิตออกจากตัว แล้วก็จะบรรลุทุกอย่าง เหมาเข่งไว้ในนั้นหมดเลย ส่วนพวกสายที่เขาศึกษาบัญญัติ ศึกษาพยัญชนะ ศึกษาภาษาหลักการอะไรต่างๆ นานาพวกนี้สิ เขาก็อธิบาย แต่เขาไม่ได้อธิบายอย่างอาตมา 

อย่างเวทนา 108 นี้ก็มีในพระไตรปิฎก มีหลักฐาน ก็ตรัสไว้พระพุทธเจ้าแบ่งแยกไว้บ้าง ตรัสไว้แต่ไม่ได้ขยายละเอียดนะอาตมาแจกแจงกับพวกเรา เวทนา 2 เป็นอย่างนี้ เวทนา 3 เป็นอย่างนี้ ท่านตรัสเอาไว้สั้นๆ เวทนา 5 เป็นอย่างนี้ เวทนา 18 เป็นอย่างนี้ เคหสิตะ เป็นอย่างนี้ เนกขัมสิตะ เป็นอย่างนี้ เวทนา 36 ก็รวมทั้งเนกขัมสิตะกับเคหสิตะ ปัจจุบันเป็นอย่างนี้นะ อดีตเป็นอย่างนี้ อนาคตเป็นอย่างนี้นะ รวมหมดเลยก็เป็นเวทนา 108 ขยายให้เห็นว่า อวิชชา 8 อวิชชา 8

ก็มี 1 2 3 4 คือไม่รู้อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค 

5. คือไม่รู้ส่วนอดีต 6. คือไม่รู้ส่วนอนาคต 7. ไม่รู้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต 8. ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท นี่คืออวิชชา 8 

อาตมาก็อธิบายขยายความหมดทุกอย่าง แม้แต่ว่าในข้อที่  5 คือส่วนอดีต และข้อที่ 6 คือส่วนอนาคต แล้วทำไมมาย้ำซ้ำอีกในข้อที่ 7 ว่าไม่รู้ ทั้งอดีตและอนาคต ก็พูดมาแล้ว ว่ามันต่างกันอย่างไรถึงต้องมีข้อ 7 ก็มันต่างกันที่ มันมีทั้ง 2 อย่างอยู่ในนี้ แล้ว 2 อย่างเป็นยังไง 2 อย่าง ก็คือส่วนอดีต มันก็คือส่วนอดีต มันไม่เท่ากันเพราะ มันยังไม่ใช่ 0 ส่วนอนาคตมันก็ไม่เท่ากัน เพราะมันยังไม่ใช่ 0 ส่วนอนาคตก็จะเป็น 0 ได้ ส่วนอดีตก็เป็น 0 ได้ ผ่านปัจจุบันมาก็มีอดีตแถมเข้าไปเรื่อยใช่ไหม อนาคตยังไม่มาแต่มันก็ต้องมีอนาคต มันยังไม่ถึงปัจจุบัน มันก็เป็นอนาคต พอถึงส่วนอนาคตมันก็ยังไม่เที่ยง ถ้ามันยังไม่ใช่เป็น 0  มันยังมีอนาคตอยู่ เอาอนาคตมาสู่ปัจจุบันมันก็เป็นปัจจุบันแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าทั้งส่วนอดีตและอนาคตมัน 0 แล้วทั้งคู่ มันไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว อดีตก็เป็น 0 อนาคตมันก็เป็น 0 เพราะฉะนั้นทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตนี้ ท่านไม่ได้ขยายความไว้ แต่อาตมาขยายความว่ามันต่างกันอย่างไร เมื่อมันสูญทั้งคู่ก็ไม่เหมือนในส่วนอดีตข้อที่ 5 ไม่เหมือนในส่วนอนาคตข้อที่ 6 สิ ท่านถึงกล่าวว่าเป็นอีกอันหนึ่งคือข้อที่ 7 อย่างนี้เป็นต้น ชัดเจนไหม  

แล้วจากนั้นก็เป็นปฏิจจสมุปบาท อาตมาก็อธิบายไว้ชัดเจนหมดแล้ว แล้วการอธิบายนัยยะต่างๆที่ละเอียดลออ พวกนี้ไม่มีอยู่ในตำราที่ขยายความ ที่เขาอ่านกันในอรรถกถาจารย์ อาตมาไม่เคยอ่านอรรถกถาจารย์เลย และไม่สนใจด้วย อย่างของพระพุทธโฆษาจารย์ คัมภีร์วิสุทธิมรรคที่เขาถือกัน เขานับถือเป็นตำราหลักเลยนะ อาตมาก็ไม่ได้เคยอ่าน มีแต่เขายกมาก็อ่านตามที่เขายกมาว่าท่านพุทธโฆษาจารย์ว่าไว้อย่างนี้เหรอ ก็จึงได้เห็นว่าท่านพุทธโฆษาจารย์ยังไม่บริบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ ยังมีมิจฉาทิฏฐิ ยังมีเทวนิยม ยังมีอะไรต่ออะไรอีกตั้งเยอะแยะ อาตมาก็เข้าใจก็เห็นเป็นไปตามภูมิของท่าน แล้วอาตมาก็อธิบายของอาตมา แม้แต่แค่เรื่องศีล อาตมาก็อธิบายอย่างของอาตมา 

ขออภัย เขาไม่มีภูมิอย่างอาตมาจะอธิบายได้อย่างไร อย่าว่าแต่สายอาจารย์มั่นเลย แม้แต่สายท่านมหาประยุทธ์ก็ยังไม่ได้อธิบายอย่างอาตมา

เรื่องตื้นๆหยาบๆ เรื่องผู้หญิงก็ตาม เรื่องเงินๆทองๆอะไรก็ตาม เป็นเรื่องตื้นๆหยาบๆ และก็เป็นเรื่องหลักที่จะเป็นเรื่องง่ายในการใช้ที่ตรวจสอบ เรื่องเงินกับเรื่องผู้หญิงนี่นะ ต้องใช้ระยะเวลาด้วย ก็เอามาใช้เป็นเครื่องตรวจสอบได้ 

แค่นี้ก็ชัดเจนเนาะ อาตมาเคารพพระพุทธเจ้ามากมาย บูชายกย่องพระพุทธเจ้า  อาตมาจะไปเป็นพระเทวทัตได้อย่างไร แค่นี้ก็ถือว่าโง่เนาะ มาหาว่าอาตมาเป็นเพระเทวทัต พระเทวทัตไม่ได้เคารพพระพุทธเจ้าสักนิดเลย ทำไมคุณไปขี้ตู่ไปว่าคน ทั้งๆที่ประเด็นเล็กๆแค่นั้นก็ชัดๆอยู่แล้ว คนหนึ่งตำหนิลบหลู่พระพุทธเจ้า อีกคนหนึ่งเทิดทูนพระพุทธเจ้า แล้วมันจะเป็นคนเดียวกันได้ยังไง เขาหาว่าอาตมาเป็นพระเทวทัต คนที่ตู่อาตมานี้เขาผิดหรือถูก โง่หรือฉลาด  

ก็อาตมาก็ทำตามพระพุทธเจ้าไง แทงด้วยหอก 100 เล่มเช้า กลางวันอีก 100 เล่ม เย็นอีก 100 เล่ม มันก็ไม่ตาย ไม่แทงมันก็ยิ่งไม่ตาย ไม่สะดุดอะไรเลย ไม่มีใครช่วยเลย ช่วยเขาหน่อยเถอะ มันไม่ตายก็รู้ว่ามันแทงไม่ตาย แต่ก็อย่าใจดำเลย หอกอาตมาทุกวันนี้ 100 เล่มเหลืออยู่ไม่กี่เล่มแล้ว ทำไม่ทัน  ทำหอกใหม่ขึ้นมาแทงไม่ค่อยทัน เพราะท่านหนังเหนียวกว่าการแทงของอาตมา หนังเหนียวเกินกว่าอาตมาจะทำหอกได้เร็วทันความเหนียวของท่านความเหนียวของท่านเร็วกว่าอาตมาเหลือเกิน นี่อธิบายสภาวะเข้าใจไหม ความเหนียวของคุณมันหนาเหนียวกว่าการกระทำหอกของอาตมาที่แทงคุณยังไม่ทันเลย นี่ก็พูดความจริงนะ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2566 ( 20:12:18 )

พ่อครูอยากจะรู้เงินคงคลังหรือเงินหมุนเวียนของหมู่เราทั่วประเทศ

รายละเอียด

พระอรหันต์สามารถสลายตัณหาอุปาทานได้สิ้นเกลี้ยง

ที่อาตมาอยากจะรู้เรื่องยอดเงินคงคลังก็ดีเงินหมุนเวียนก็ดี เพื่อที่จะรู้ความจริงที่แท้จริงเลยว่า อาตมาพามาเป็นลูกของพระพุทธเจ้าได้ขนาดนี้ และรวมกลุ่มกันเป็นชุมชนเป็นสังคมเหมือนชาวโลกเขา เป็นชุมชน หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด แล้วก็รวมกันเป็นประเทศ ในภาพเอาทั้งประเทศ แล้วเขาก็มีชื่อเรียกกันไปต่างๆแต่ก็พอรู้ว่ามันมีชุมชนหมู่กลุ่มที่รวมกันเป็นวัฒนธรรม มีพฤติกรรม และมีองค์ประกอบต่างๆที่เป็นนัยยะแตกต่างกันบ้าง 

แต่ก็คือเป็นมนุษย์รวมกันอยู่เป็นโขลงเป็นสัตว์โขลง ซึ่งคนนี้ฉลาดกว่าสัตว์ใดๆในโลกแล้ว สัตว์เดรัจฉานที่เป็นสัตว์โขลง เขาก็ยังสงบกันดีเหมือนกันนะ แต่เป็นคนแท้ๆกลับฆ่าแกงกันเปล่า เพราะฉะนั้น คนที่ฉลาด คนที่ประเสริฐแล้วจึงหยุดฆ่า หยุดทำร้ายคนอื่นๆแล้ว เพราะเข้าใจความหมุนเวียนของรูปนาม ความหมุนเวียนของสภาพ 2 คือธาตุรู้กับธาตุที่ถูกรู้ ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุด สรุปรวมแล้วมนุษยชาติกลับมาเป็นจิตนิยาม ก็จะมีสภาพ 2 ที่เรียกโดยพยัญชนะว่า เทฺว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 13:45:49 )

พ่อครูอยากจะอยู่นานๆ เพื่อจะยืนยันต่อไปอีก

รายละเอียด

ขนาดเถรสมาคมเป็นคณะของศาสนาพุทธเองยังไม่เข้าใจเลยก็ยังมาเล่นงานสิ่งที่ถูก มันซ้อนอยู่นะ ก็เลยไปให้คนสามัญที่เขายังไม่ได้เป็นผู้ที่ศึกษาเอาจริงเอาจังอยู่ มารู้เท่าเถรสมาคมได้อย่างไร ขนาดเถรสมาคมยังเข้าใจผิดอยู่ ยังเข้าใจถูกไม่ได้ ตัวเองก็ยังทำไม่ได้ แต่ที่เราทำได้นี้เขาเข้าใจไม่ได้ แล้วเขาเข้าใจเราผิดเขาก็เลยจะเล่นงาน แต่เล่นไม่ได้เพราะว่า ธัมโมหเวรักขติ ธัมมจาริง เราก็เลยทำมาได้ 40-50 ปีแล้ว อาตมาอยากจะอยู่นานๆเพื่อจะยืนยันต่อไปอีก เพื่อที่จะดูรักษาเวลาเลยว่า 

1.พวกเราจะจริงไหม พิสูจน์กับโลก พวกเรานี้จะถาวรยั่งยืน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ตามพวกนี้พวกคุณจะออกไปจากวิถีแบบนี้ไปอยู่วิถีอื่นทางโลกียะเขาไหม ...ไม่ 

โอ้โห…หนักแน่นดีจังเลย จริงๆ มันเรื่องจริง พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดแล้วถ้ามันลงเข้าล็อคเข้ากระแสแล้วมันไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีตกต่ำ อวิปริณามธัมมัง ยิ่งนิยตะ เที่ยงแท้แล้วมันจะมีแต่ไปสู่ที่สูงที่สุดอย่างเดียว สัมโพธิปรายนะ 

พวกคุณพิสูจน์สิแล้วจะรู้ว่า เราจริงเหมือนกันนะ ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์จริงๆใช่ไหม 

พวกชาวอโศก พวกคนข้างนอกเขาจะเรียก สันติอโศก ก็ไม่เป็นไร เป็นสังคมตัวอย่าง ที่ยืนยันได้ว่าเป็นผู้ที่หมดจบกิจในเรื่องเศรษฐกิจในเรื่องรัฐกิจ 

ทีนี้ก็เข้ามาหาจอมยุทธล่ะทีนี้ ในหนังจีนเขามีจอมยุทธ นั่นแหละเป็นเรื่องของศาสนาพุทธ โกวเล้ง กิมย้ง มังกรหยกก็แล้วแต่ โกวเล้งมีเยอะกว่ากิมย้ง แต่กิมย้งทำแก่นมากกว่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:16:38 )

พ่อครูอยู่กับความพยายาม ยังไม่ยอมตาย

รายละเอียด

อย่างอาตมานี่ เห็นใจตนเอง คือว่า อยู่กับความพยายาม พยายามอยู่ พยายามทำความอยู่ พยายามมีชีวิตอยู่ ยังไม่ยอมตาย แล้วโรคมันไม่ถึงกับทำให้ตายในทันทีทันใด ก็เป็นวิบาก มีแต่คัน ไอ คันแรง เบาไม่ได้ เบามันไม่หาย อาการนั้น มันไม่หยุด ต้องแรงถึงขีดที่มันต้องหยุดมันถึงจะหยุด เป็นไฟต์บังคับจริงๆเลย แล้วเป็นอะไรมากกว่านั้นมั้ย ก็เหลือแต่ขาดใจก็จบ ไอจนขาดใจก็จบ อาตมาก็รออยู่อย่างนั้น 1.ไอจนขาดใจก็จบ 2.ไม่ไอหรอก แต่นอนหลับไม่ตื่นก็จบ 2 ประตู รอดูว่าจะออกประตูไหน 

มันถึงขีด ไอถึงขีด ปฏิกิริยาแรงถึงขีดก็ตาย หรือนอนหลับไม่ตื่น ใครจะช่วยได้ สุเทพก็นอนหลับตายไปเลย อายุ 85 เท่ากัน สุเทพกับอาตมา เขาแก่กว่าอาตมา 2 เดือน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้าวงการ จนสุดท้าย ก็ต่างแยกกันไปคนละงาน อาตมาก็มาทางธรรมะ เขาก็ทำงานเขาจนสุดสิ้นเลย งานเขาคือร้องเพลง งานอาตมาคือธรรมะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 13:24:56 )

พ่อครูอยู่กับปัจจุบันที่รู้ว่าสังขารเป็นภาระ

รายละเอียด

อาตมาก็มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันนี้สังขารมันมีอยู่อย่างนี้ มีสิ่งที่บกพร่องและสมดุลอยู่บ้างซึ่งก็พอเป็นไป ถ้ามันหนักหนาสาหัสกว่านี้ก็อาจจะบอกว่าไม่อยู่ ตอนนี้มันยังพอไปได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ไม่ได้ทนอะไรมากมายก็พอเป็นไปได้แต่รู้ว่ามันเป็นภาระ ภาราหเวปัญจขันธา ก็ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:28:23 )

พ่อครูอยู่ทางโลกมา 36 ปีเป็นลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

อาตมาได้เกิดมารู้เกิดมาเรียนปฏิบัติตามได้จนเป็นโพธิสัตว์มาถึงป่านนี้ก็มาทำงาน สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า 

อาตมาเกิดวันที่ 5 มิถุนายน 2477 ตรงกับวันอังคาร แรม 8 ค่ำ เดือนเจ็ด(7) ปีจอ วันอังคาร เสร็จแล้วก็อยู่กับทางโลกมา 36 ปี เป็นลิงลมอมข้าวพอง พระพุทธเจ้าก็อยู่กับโลก 35 ปี 

อาตมาลิงลมอมข้าวพอง อยู่กับโลกเขา 36 ปี เสร็จแล้วก็มาทำงานนี้เลย ส่วนพระพุทธเจ้านั้นท่านไปถูกลิงลมอมข้าวพอง พระราชบิดามอมเมาหนักมากเลย 29 ปี กว่าจะรู้ตัว 29 ปี พอรู้ตัวแล้ว ไม่เอาแล้ว เลยออกทิ้งเลย ออกบวชเลย แต่บวชท่านก็ต้องบวชตามโลกเขา เขาว่า “มหาภิเนษกรมณ์” ท่านก็ออกไป ไปตามเขาลิงลมอมข้าวพองแท้

นั่นแหละถูกมอมเมาหลงไปตามโลก 6 ปี อาตมาก็ถือว่าลิงลมอมข้าวพองไป 36 ปีไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครมอมเมาอาตมา อาตมาก็บ้าของอาตมาเองคนเดียวเป็นหมากลางตลาดบ้าๆ บอๆ ไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:06:11 )

พ่อครูอยู่ร่วมในสังคมอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาอยู่ร่วมในสังคมอย่างไม่ได้ถดถอย แม้ที่สุดอาตมาก็บอกไว้ ถ้าอาตมาจะไปประท้วงรัฐบาล ถ้าเห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าท่าแล้ว ต้องไล่ออก เราก็จะไปร่วมกับอาตมา ใครจะไปร่วมด้วยยกมือซิ หมดเลยที่นี่ คนข้างนอกจะมีถึง 2,000 ไหมนี่ ยกมือใหม่ 2000 คนนี้ ขนาดนี้อาตมาถามว่าจะไปประท้วงกับอาตมาใหม่ก็คงจะได้ประชากรไม่น้อยแต่ว่ารัฐบาลคสช.นี้ อาตมาส่งเสริมอยู่นะ แต่ว่ารัฐบาลไหนก็แล้วแต่ที่พูดไป รัฐบาลไหนขึ้นมาที่จะมีเลือกตั้งกันมา รัฐบาลนี้จะได้รับการเลือกตั้งหรือเปล่า สมมุติว่ารัฐบาลคสช. ไม่ได้ขึ้นหลังเลือกตั้ง กลายเป็นรัฐบาลอื่นที่ไม่ดี รับรองว่า ถ้าอาตมาออกไปแน่ถ้าไม่เข้าท่า หากยังไม่ตายยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ดีไม่ดีให้หามไปประท้วงเลย จะไปกันไหม หากรัฐบาลไม่ดีจริง ไม่รู้ว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นอันไหน แก๊สน้ำตาอาตมาก็สู้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:11:25 )

พ่อครูอยู่กับอะไร

รายละเอียด

อยู่กับความจริงตามความเป็นจริง สมมุติก็รู้ว่าสมมุติ ปรมัตถ์ก็รู้ว่าเป็นปรมัตถ์ สิ่งที่มีก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่มี สิ่งที่ไม่มีก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มี เป็น อนุปคัมมะ เป็นบุคคลที่เข้าใจแล้วก็อยู่กลาง เป็นบุคคลบรรลุความเป็นกลางอย่างสำเร็จ  มันมีคนที่เขามีก็ต้องใช้อาศัยพวกนี้ พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 ว่าต้องอาศัยความมีกับไม่มีนี่แหละ เป็นเครื่องอาศัยในการศึกษา จนกระทั่งจบโลกสมุทัยกับโลกนิโรธ นี่ก็พูดสรุปๆ ศึกษาดีๆแล้วก็จะเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 14:55:07 )

พ่อครูออกเปิดตัวทางการเมืองใน พ.ศ. 2549 อย่างไร

รายละเอียด

พ.ศ. 2549 จำได้ว่าออกเปิดตัวการเมือง เดินนำหน้าสมณะพวกเราออกไปเข้าสู่สนามหลวง โดยมีเต็นท์อยู่ เราก็ไปไหว้พระสวดมนต์กันเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้นมา ประกาศตัวร่วมที่จะประท้วงรัฐบาลทักษิณ ตั้งแต่ 2549 ประชาชนเขาเริ่มไปก่อนแล้วเราก็ไปเปิดตัวร่วมตามประสาเรา คนเขาก็บอกว่าพระมายุ่งอะไรกับการเมือง โดยเฉพาะออกมาประท้วงเมืองไทยยังไม่เคยทำ แล้วทำกันเป็นกิจลักษณะด้วย พวกเราไม่ได้ทำกันเฉพาะกลุ่มเล็กเฉพาะสมณะต่างๆ จะรวมกันทั้งฆราวาสร่วมกันทำอย่างเป็นจริงเป็นจังทำเต็นท์ใหญ่ขึ้นไป รวบรวมร่วมกับคณะอื่นๆเข้ามา ซึ่งอาตมาก็ขอเล่าอย่างสรุปก่อนก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:21:27 )

พ่อครูอายุถึง 96 คนจึงจะเชื่อว่าสร้าง Coefficient ได้จริง

รายละเอียด

อาตมาเคยบอกอายุขัยของอาตมา 72 ปี แต่นี้เกินมาได้ 1 นักกษัตรเป็น 84 ปี ถ้าอยู่ได้อีก 12 ปีก็เป็น 96 ปี อายุ 96 อาตมาไปถึงได้ คนถึงเชื่อว่าอาตมาสร้าง Coefficient ได้จริงๆ ถ้าอายุไปถึง 108 ปี ทฤษฎีนี้คนจะเชื่อขึ้นอีกเยอะ ถ้าเกินร้อยนี่รับรองว่าคนเชื่อเพิ่มขึ้นเยอะเลย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 07:40:49 )

พ่อครูอุบัติมาเพื่อเผยแพร่ธรรมะชีวิตนี้ ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา ให้คนอื่นเขาเลี้ยงไว้

รายละเอียด

ก่อนอาตมามาปรากฏในโลกหรือมาเปิดเผย เมื่อจะมาอุบัติขึ้นมาถึงเวลา ที่จริงอาตมาก็เปิดเผยธรรมะมาตั้งแต่ก่อนบวช ก่อนอายุ 36 ปี อายุ 36 ปีก็บวช มาทำงานทางธรรมะเต็มตัว เลิกหาเงินแบบฆราวาส ชีวิตนี้ ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา  ให้คนอื่นเขาเลี้ยงไว้ ทำหน้าที่เผยแพร่ประกาศธรรมอย่างเดียว จนถึงวันนี้ก็สบาย เขาเลี้ยงไว้ ดูผักผลไม้เยอะแยะ แล้วมันจะอดตายได้อย่างไร ไม่มีทางอดตาย อุดมสมบูรณ์ด้วย แจกจ่ายคนอื่นได้ด้วย 

ทุเรียนคู่นี้เป็นคู่แฝดแต่วันนี้มาแยกจากกัน มาจากร้านหนึ่งน้ำฟ้า ศีรษะอโศก ตอนนี้เป็นฤดูกาลของทุเรียน กำลังกระฉ่อนไปทั่วโลก ไอ้ที่ไม่เคยกินพอเริ่มรู้จัก หลายประเทศเขาไม่รู้จักทุเรียน ภาษาฝรั่งบอกว่า Durian ก็ทับศัพท์ทุเรียน ถือว่าเป็นพืชยอดนิยม คือเหมือนจะราคาแพงสุดในกระบวนผลไม้ทั้งหลายแล้ว เคยประมูลลูกละเป็นแสน มันจะมีคุณค่าอาหารอะไรเท่าไหร่ไม่รู้ นี่เขาก็ให้อาตมาฉัน น้ำหนักมันขึ้นๆ ลงๆ พิสูจน์แล้วกินทุเรียนแล้วน้ำหนักจะขึ้นมันก็ไม่จริง อาตมากินทุกวัน วันละไม่ใช่น้อยเพราะมันมีมาเยอะ เขาก็เอามาถวาย กิน น้ำหนักก็ไม่ได้ขึ้นอะไร มันก็ยังขึ้นๆลงๆ ไม่เกี่ยวกับการเดินมากขึ้นด้วย 

เราวนเวียนมาพูดถึงเรื่องกิน วนเวียนเทศน์มาถึงกิน แล้วก็วนเวียนมาเน้นกินกันที่ พืชพันธุ์ธัญญาหาร ใบไม้ลูกไม้ กินใบกินผล นี่เป็นจุดชี้บ่งถึงว่า คนฉลาด รู้จักสาระชีวิต คนที่ไร้สาระ หรือไม่รู้จักสาระก็ไปกินทั่วทวีป ดีไม่ดีไปหลงไม่รู้จักแก่นแท้ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็นอาหารของคนที่แท้ แล้วหลงชีวิตตนเอง ไปกินเนื้อสัตว์อย่างพวกตะวันตก กินเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก กินใบไม้ผักพืชแทบจะไม่มีเลย พวกตะวันตกเท่าที่เห็น อเมริกาอย่างนี้กินแต่เนื้อ อย่างดีก็มีหัวมัน ตื่นเช้าขึ้นมากินมันทอดกับนม เสร็จแล้วก็ไปเล่นสเต็ก เบคอน ที่เป็นเนื้อ ไม่มีผักพืชอะไรประกอบด้วยซ้ำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:26:57 )

พ่อครูอุบัติในปางนี้เพื่อมาฟื้นฟูศาสนาที่เสื่อมไปหมดแล้ว

รายละเอียด

เอาอย่างนี้ อย่าหมั่นไส้อาตมาก็แล้วกัน ขอพูดความจริง บรรดาศาสนาพุทธที่มีอยู่ใน 2,500 ปีเสื่อมมาแล้ว ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก่อนเพราะไม่มีโลกุตรธรรม เรายืนยันในอาณีสูตร กลองอานกะ ที่ท่านพยากรณ์ไว้ตั้งแต่ตอนมีพระชนม์ชีพ แต่ความจริงก็มาเกิด 2,500 ปี กึ่งพุทธกาล มันเสื่อมจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่บอกว่าศาสนาพุทธ จะเสื่อมจาก โลกุตระที่ท่านพยากรณ์ไว้ แล้วมันจะไปเสื่อมตอนไหน เขาไม่รู้ตัวกัน อาตมาอุบัติขึ้นมาในโลกปางนี้ จึงมาชี้บอกว่านี่ไงมันเสื่อม แล้วอาตมาก็สาธยายมาตั้ง 50 ปี ยืนยันว่าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ๆๆ พวกคุณมาฟังคุณเข้าใจ มาปฏิบัติตามมีศีลสมาธิปัญญา มีจรณะ 15 วิชชา 8 กันจริงๆ จึงเกิดปรากฏการณ์จริง 

มีลักษณะวรรณะ 9 มีลักษณะสาราณียธรรม 6 มีลาภธัมมิกา เป็นสาธารณโภคี ชัดเจน ก็ไม่เห็นแย้งไม่เห็นเถียงได้ ยืนยันจริงๆอย่างนี้ ก็เถียงไม่ได้ ที่เถียงไม่ได้คือ คุณมาเป็นอย่างที่อาตมาพาเป็นไม่ได้ ..2.ที่เป็นไม่ได้เพราะคุณไม่รู้ หรือจะบอกว่าคุณรู้ไหม ที่คุณรู้ยังต่ำกว่าความเป็นจริงที่เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า นี่ก็พูดความจริงไม่ได้ผิด ไม่ได้ไปดูถูก ไม่ได้ไปลบหลู่ แต่พูดความจริงตาม ความเป็นจริง สู่ฟัง ใครฟังเป็นก็ชัดเจน ใครฟังไม่เป็นก็มาเพ่งโทษอาตมาเท่านั้นเอง อาตมาก็ไม่ได้แปลกใจไม่ได้ลึกลับอะไร ใครจะฟังแล้วเห็นเป็นอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ที่เขามีภูมิของเขาตัดสิน ไม่ใช่เรื่องแปลก 

เป็นเรื่องอิสรเสรีภาพอย่างพวกคุณเข้าใจ รู้แล้วก็มาเอา ไม่มีใครบังคับ อาตมาไม่ได้ล่อหลอกประเล้าประโลม มีแต่พูดความจริงออกไป พวกคุณมาแล้ว ใครที่ได้ก็ชัดเจน อยู่ก็อยู่ ใครไม่ได้ก็ไม่อยู่ หลายคนก็ยังอยากอยู่แต่มันไม่ได้อยู่ ผู้ที่ไม่มีวิบากมากก็อยู่ ก็มี จำนวนไม่มากหรอกผู้ที่จะรู้โลกุตรธรรมมันมีจำนวนไม่มาก มันเป็นยอดพีระมิด ก็พูดความจริงไปหมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร ในความจริงมันไม่ลึกลับ ของเรายิ่งมีสมาธิมากเท่าไหร่ ยิ่งทำงานคล่องแคล่วว่องไว กายปาคุญญตามากเท่านั้นๆ ยืนยันตามคำอ้างพระพุทธเจ้าด้วย เถียงสิๆ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2565 ( 12:54:32 )

พ่อครูอ่านและสาธยายว่าหนังสือที่ธัมมชัโยเขียน

รายละเอียด

ธัมมชโยนี่นะ เขาไปหลงคำว่า ธรรมกาย เขาเขียนไว้ในข้อที่ 78 ในหนังสือเล่มนี้แหละ ว่า เดี๋ยวอาตมาจะอ่านและสาธยายให้ฟัง 

พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเราและชาวโลกอย่างมากมายมหาศาล แต่เราคงเข้าใจได้เพียงย่อๆสั้นๆ จะไปอธิบายให้ลึกซึ้งในสิ่งที่ท่านเป็นนั้น มันยากกว่าการที่เราจะเข้าใจเหมือนจะเอาสายบัวไปวัดความลึกของท้องทะเลมหาสมุทร (เปรียบเทียบเสียจนคนโง่หลงไหลตามไปนะ) แล้วยกขึ้นมาว่าเท่าสายบัวเท่านี้หาควรไม่ 

แต่เราพอที่จะเข้าใจเช่นนี้ก็จะต้องอธิบายเท่าที่เราพอจะเข้าใจแค่ว่า ท่านค้นพบพระธรรมกายขึ้นมา นี่แหละอาจารย์ใหญ่จริงๆก็คือหลวงพ่อสดที่ค้นพบพระธรรมกาย ซึ่งจริงๆแล้วคำนี้มีอยู่ในพระไตรปิฎกในทุกๆนิกายด้วย (ไม่ได้เถียงเลยว่ามีอยู่ในพระไตรปิฎกจริงๆแต่มันเข้าใจกันคนละอย่าง หลวงพ่อสดเข้าใจเป็นมิจฉาทิฐิไป ธัมมชโยนี้ก็เลยโง่ ก็ไปหลงตามหลวงพ่อสด) 

อยู่ในพระไตรปิฎกมีทุกนิกาย ใช่ ก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นนิกายใหม่ (เห็นไหมสลับ คำว่าธรรมกายมีของจริงพระพุทธเจ้า ท่านเองบอกว่า ท่านเองเป็นธรรมกาย แต่มันมีคนเข้าใจพระพุทธเจ้า มีคนเข้าใจธรรมกายผิดกับถูก แต่พวกคุณไปยึดเอาผิด หลวงพ่อสดพายึดผิด แล้วคุณก็บอกว่าเป็นของเก่าแล้วของพระพุทธเจ้าจะเป็นของเก่าที่ผิดหรือถูก ... ก็ต้องถูกสิ แต่เขาไปยึดเอาผิดที่หลวงพ่อสดบอกว่าไปค้นพบอันนี้ แล้วเขาก็มีแผนผัง ใช้เลข 7 เลข 2 ด้วยนะ อาตมาคงไม่มีเวลาอธิบายยาวฉลาดเป็นนักมายากลเลยนะ เอามาแทนเหมือนใช่เลย เป็นภาษาของพระพุทธเจ้าทั้งนั้นเอามาใช้ แต่ความจริงมันผิดหมด)

ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นนิกายใหม่ แล้วผู้ที่ถูกกล่าวหาก็สร้างข่าวใส่ไข่จะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ล้วนไม่เคยปฏิบัติเลย (เขาปฏิบัตินั้นเขาปฏิบัติสัมมาแต่พวกคุณไปปฏิบัติมิจฉา ธัมมชโยเอ๋ย )ถ้าปฏิบัติแล้วคงไม่พูดอย่างนี้ (เขาปฏิบัติถูก เขาก็ไม่พูดอย่างที่คุณพูดสิ แสดงว่าแหล่งที่มาของความคิดนั้นไม่บริสุทธิ์ (พ่อครูว่า... นั่นแน่ไปโทษว่าความคิดที่ถูกว่าไม่บริสุทธิ์ ของหลวงพ่อสดบริสุทธิ์ เป็นการใส่ความบาปซ้ำบาปซ้อนธัมมชโยเอ๋ย 

เพราะตอนเขียนข่าวก็ดีหรือว่าคุยเรื่องข่าวก็ดีนั้นกำลังมึนเมา นอกจากเมาพระเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ยังเมาวัย เมาชีวิต เมาลาภยศสรรเสริญด้วย (เข้าตัวเองหมด ตัวธัมมชโยเองคุณเมาอย่างที่คุณพูด  เมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดื่มหรือเปล่าไม่เป็นไร เมาวัย เมาชีวิตเมาลาภ ยศสรรเสริญ อย่างนี้เป็นต้น) เพราะมีความเมาอยู่ในตัว (ใครหว่า ที่เมาตัวจริง ธัมมชโยไม่รู้ว่าตัวเองเมา) 

จึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเอามาพูดนั้นเป็นเพื่อประโยชน์ของตนทั้งนั้น ผู้มีบุญ พอได้ยินได้ฟังแล้ว จะเกิดปิติภาคภูมิใจ ดีใจว่าเป็นบุญของเราที่ได้มาเกิดในยุคนี้ที่วิชาธรรมกายหวนคืนกลับมา อีกครั้ง (เขาก็บอกว่าวิชาธรรมกายนี้มันหายไป เหมือนอาตมาพูด โลกุตระมันหมดไป เขาก็บอกว่าวิชาธรรมกายนี้มันหายไป หลวงพ่อสดนี้ไปค้นพบได้ก็เอามาเปิดเผย)

หลวงพ่อสดนี้ไปค้นพบได้ก็เอามาเปิดเผย หวนกลับคืนมาเป็นพยานตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง (นี่แหละหลับตาไปสะกดจิตใสๆนี่แหละ 

และเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมได้อย่างดี อย่างน้อยก็รู้ว่าพระธรรมกาย คือที่พึ่งที่ระลึกที่จริง คือเนื้อหนังหรือตัวจริงของพระรัตนตรัย ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนในโลกรวมทั้งตัวเราด้วย และเราสามารถเข้าถึงได้ถ้าเรายังเป็นปกติดีมีความเพียร แล้วก็ทำถูกหลักวิชา เพราะฉะนั้นเราควรจะมานึกว่าเป็นบุญ ลาภ ของเราแล้วที่เกิดมาในยุคนี้แทนที่จะไปกุข่าวสร้างข่าวว่าธรรมกายคือนิกายใหม่ลัทธิใหม่ ที่ว่า นิกายใหม่คือในเมืองไทยมีมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย พอมีคำว่ากายอยู่ข้างหลังคำว่าธรรมะ ก็เลยกลายเป็นนิกายใหม่ เพราะฉะนั้น ธรรมกายไม่ใช่นิกายใหม่ แล้วก็ไม่มีนิกายอันใด เพราะเกี่ยวกับเรื่อง กายภายในที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก ขึ้นชื่อว่ามีมนุษย์ที่ไหนที่ตรงนั้นมีพระธรรมกายเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของทุกคน สิ่งอื่นไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 19:16:14 )

พ่อครูเกษียณตัวเองเพื่อให้ลูกๆ ให้พี่ดูแลน้อง ให้เก่งขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ ก็ช่วยกัน อาตมาทำบ้างไม่ทำบ้าง เหมือนกับอาตมาไม่อยู่ แต่อาตมาจะยังไม่ตายหรอก จะยังหนุ่มกว่าเดิมด้วยซ้ำ ภาษาที่เรียกว่าพ่อเฒ่าโพธิรักษ์นี่ นั่นคือภาษาสิริมหามายา ยิ่งหนุ่มขึ้นไง อาตมาชื่อ รัก รักพงษ์ รู้ใช่ไหม? ผู้ใหญ่บ้านที่นี่ชื่อขวัญหินแก้ว…ที่นี่คือหินแก้ว พวกคุณคือขวัญของหินแก้ว ใช้ภาษามาพูดร้อยมาลัย นี่ดูบนโต๊ะ มีดอกเหลืองไม่หยุด แล้วมีดอกอื่นๆอีก นิมิตอะไร เหลืองๆๆๆ รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 10 อันนี้เป็นสัญลักษณ์เข้าใจเป็นนิมิตได้ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:44:50 )

พ่อครูเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ แรม 8 ค่ำ เดือน 7

รายละเอียด

เจริญธรรมลูกๆหลานๆเอ้ย ขณะนี้เวลา 7:10 น เวลาใกล้จะถึงเวลาที่คนๆหนึ่งจะอุบัติขึ้นมาในโลก ประมาณนี้ แม่ก็ไม่ได้บอกเวลาตรงเพราะไม่ได้ดูนาฬิกาไม่มีนาฬิกากันหรอก ในยุคนั้นนาฬิกาหายาก ดูเอาตามพระย่ำกลองระฆัง ตามพระว่าไปเท่านั้นเอง แม่บอกแต่เพียงว่า คลอดตอนที่ เห็นหลังไวๆ พระกลับจากบิณฑบาต มันก็ไม่น่าจะถึง 8:00 น.นะ ก็คงจะประมาณนี้ 7 โมงกว่า คือหลังบ้านเป็นวัด ทะลุไปถึงวัดเลยหลังบ้าน ต่อกับวัดเลย เกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาตกฟากจริงๆเวลาเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะไม่เป็นไร ที่สำคัญก็คือวันนี้ วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 อาตมาก็เกิดเดือน 7 แต่วันเกิดอาตมานั้นอาตมาเกิดแรม 8 ค่ำ วันนี้ขึ้น 15 ค่ำ (สู่แดนธรรมว่า แรม 8 ค่ำต้องนับไปอีกหลังข้างขึ้น) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:04:15 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:08:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:38:50 )

พ่อครูเกิดมาเพื่อฟื้นโลกุตรธรรมที่ไม่มีแล้วในยุค พ.ศ.2500

รายละเอียด

แม้แต่ในวงการ“พุทธศาสนา”เองแท้ๆ ก็ยังมีบางกาละ บางยุคที่ชาวพุทธเสื่อมหนักมี“โลกุตรธรรม”ไม่ได้ เช่น ในยุค พ.ศ. 2,500 นั่นเอง ไม่มี“โลกุตรธรรม”ในชาวพุทธ ชาวพุทธเองแท้ๆในโลกช่วงนี้ไม่มี“โลกุตรธรรม”กันอยู่ในช่วงหนึ่ง

อาตมาเกิดมาในยุคพ.ศ. 2,500 นี้ จึงต้องนำ“โลกุตรธรรม”ฟื้นคืนกลับขึ้นมาให้แก่ชาวพุทธ ตามสัจจะที่ต้องเป็นไป ขออภัยที่พูด“ความจริงซื่อๆ ตรงๆ เหมือนอวดตัวอวดตน  แต่แท้จริงในจิตใจของอาตมาไม่มี“สาเถยฺยจิต”เลยจริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 14:57:37 )

พ่อครูเกิดมาในช่วงพุทธันดร พ.ศ.2500 เพื่อนำโลกุตธรรม ฟื้นคืนมาให้แก่ชาวพุทธ

รายละเอียด

ทว่าก็มีบางช่วง“โลกุตรธรรม”ขาดหายไปจาก“ศาสนา พุทธ”ในบางยุคกัปป์  และที่สุดก็ถึงขั้นโลกในกาละนั้นไม่มี “โลกุตรธรรม”เลย มีแต่ชื่อศาสนาว่า “พุทธ”โลกยุคนี้ก็คือ ยุค“พุทธันดร”นั่นเอง  “พุทธศาสนา”จึงไม่ใช่ศาสนาที่มีประจำโลก

แม้แต่ในวงการ“พุทธศาสนา”เองแท้ๆ ก็ยังมีบางกาละ บางยุคที่ชาวพุทธเสื่อมหนักมี“โลกุตรธรรม”ไม่ได้ เช่น ในยุค พ.ศ. 2,500 นี้เอง ไม่มี“โลกุตรธรรม”ในชาวพุทธ ชาวพุทธเองแท้ๆในโลกช่วงนี้ไม่มี“โลกุตรธรรม”กันอยู่ในช่วงหนึ่งอาตมาเกิดมาในยุคพ.ศ. 2,500 นี้ กึ่งพุทธกาล จึงต้องนำ“โลกุตรธรรม”ฟื้นคืนกลับขึ้นมาให้แก่ชาวพุทธ ตามสัจจะที่ต้องเป็นไป

ขออภัยที่พูด“ความจริงซื่อๆ ตรงๆ เหมือนอวดตัวอวดตน  แต่แท้จริงในจิตใจของอาตมาไม่มี“สาเถยฺยจิต”(จิตอยากอวดโอ่)เลยจริงๆ อาตมาพูดความจริง ถ้าอาตมาพูดโกหกแล้วมันก็เป็นบาปอาตมาก็รับบาปไป อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้แล้วจะไปทำบาปให้แก่ตัวเองทำไม รู้ว่าเป็นบาปแล้วจะไปทำบาปให้โง่ทำไม  ศาสนาพุทธมี“จรณะ 15 วิชชา 8”ที่ประจักษ์สิทธิ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 14:58:52 )

พ่อครูเกิดในยุคนี้เพื่อดึงโลกุตรธรรมที่จมอยู่ในอนุสัยลึกของคนไทยขึ้นมา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นทุกอย่างไม่จำนน ทุกอย่างไม่สิ้นทาง ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ ต้องพากเพียรอุตสาหะเถอะ ทีนี้.. สู่แดนธรรมบอกว่าโลกุตรธรรมเกิดมาในเมืองไทยแล้ว ที่จริงมันมีรากเค้าแต่เดิมอาตมาเอามาฟื้นอีก ซึ่งมันจมอยู่ในอนุสัยลึกของคนไทย อาตมาก็ค่อยๆดึงขึ้นมา พวกเรานี้มันอยู่ตื้นก็เลยดึงขึ้นมาง่าย พวกอยู่ลึกก็ถูกดึงขึ้นมาเรื่อยๆ พวกแสวงหาก็จะมาเห็น คนปัญญาดีปฏิภาณดีก็จะเห็นว่าใช่ มันจึงค่อยๆเป็นมา

อาตมาเกิดมาทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมา เอาของพระพุทธเจ้าขึ้นมาปัดฝุ่น ขึ้นมาทำใหม่ ทำขึ้นมาให้เกิดพัฒนาการ เกิดผลงาน เกิดการใช้งานได้ คนก็จะรู้อย่างพวกคุณได้เอาไปใช้ ช่วยกันทำให้ดีขึ้นก็จะเกิดคุณภาพเกิดประสิทธิภาพ เก่งขึ้น เจริญขึ้น ดีขึ้น จนทำให้คนอื่นเขาได้รับประโยชน์ตาม มันก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว จนมันไม่มีใครดึงขึ้นมาได้ 2,500 กว่าปีอาตมามาเกิดในยุคนี้ก็เลยต้องดึงขึ้นมา เอามาปลูกฝัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:54:32 )

พ่อครูเคยคิดออกป่าบ้างหรือไม่

รายละเอียด

ไม่มี มีอยู่เหมือนกันที่ว่าออกป่านะ อาตมามาอยู่ที่แดนอโศกแล้ว จึงขอพรรคพวก ออกป่าบ้าง ก็ไปอยู่ในป่าเมืองกาญจน์ 1 เดือน เขาก็สร้างกุฏิน้อยๆให้ อยู่บนยอดเขาสูง เราก็ขึ้นไปอยู่ป่าคนเดียว กลางคืนก็ได้ยินเสียงสัตว์ได้กลิ่นสัตว์ออกมา เราก็นอนหลับอยู่ในกุฏิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:40:14 )

พ่อครูเคยคิดออกป่าไหม

รายละเอียด

มีแต่ก่อนผมก็ขอหมู่ออกไปอยู่คนเดียวบนยอดเขา อยู่ 15 วัน แล้วก็ลงมาอยู่ข้างล่าง อยู่ประมาณไม่ถึง 2 เดือน เข้าไปดูสิว่ามันเป็นอย่างไร มันเป็นอย่างที่เขาพูดไหม ก็เลยต้องไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:28:16 )

พ่อครูเคยบอกว่าจะไม่ไปเกิดที่สุทธาวาส 

รายละเอียด

ก็พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ไปเกิดในสุทธาวาส ท่านมีปรินิพพานเป็นปริโยสานเหมือนพวงมะม่วงหล่นจากขั้วแล้ว แตกกระจาย รวมตัวเป็นพวงมะม่วงเดิมไม่ได้แล้ว ท่านอธิบายให้หยาบ มีมะม่วงที่พวงนี้เป็นล้านลูก หล่นมากระจาย รวมเป็นพวงมะม่วงไม่ได้แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:06:40 )

พ่อครูเคยเกิดมาเป็นอะไรบ้างแล้ว

รายละเอียด

หลวงปู่เคยเป็นคนชั่วและเป็นคนดีมาตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:32:24 )

พ่อครูเคยเป็นพญาแร้งใช่ไหม

รายละเอียด

ที่ว่าเคยเกิดเป็นพญาแร้ง อันนี้ไม่รู้ มันระลึกไม่ออกจริงๆ แต่ปางนี้ ทำไมต้องเอาพญาแร้งมาเกี่ยวข้อง เพราะว่าพญาแร้งมันเป็นนกที่แข็งแรงไม่ทําบาป นกที่กินแต่สัตว์ตาย สัตว์เน่าแล้วไม่แย่งใคร นอกจากจะแย่งกันเอง แร้งแย่งกันกินเองแต่ไม่แย่งใคร

เช่นว่าเสือมันไปฆ่าสัตว์ตาย แร้งก็ปล่อยให้เสือกินไม่ไปแย่ง จนกว่าจะเหลือก็ถึงไปกิน

แร้งเป็นสัตว์ที่บินสูงที่สุด มันเป็นสัตว์ที่ดีมาก แต่คนรังเกียจ เพราะว่ามันกินสัตว์เน่า ทั้งที่มันกำจัดสิ่งที่เน่าให้แก่โลก ก็เหมือนกับพวกเรา เราก็เป็นพวกที่ดีนะแต่เขาก็มาจัดการ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:35:53 )

พ่อครูเคยเป็นศาสดาของเทวนิยมมาแล้ว

รายละเอียด

อาตมายืนยันทุกวันนี้ว่า ความรู้ที่เกิดมาแม้อาตมาเอง ความรู้ที่เป็นไปเพราะอาตมาสร้างมาเอง อาตมายังไม่ใช่ศาสดา ยังไม่ถึงขั้นเป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง เพราะอาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ถ้าหากอาตมาจะเป็นศาสดา ก็ต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่เป็นศาสดาของศาสนาเทวนิยมองค์ใดองค์หนึ่ง แบบนั้นอาตมาเคยเป็นมาแล้ว เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ ยังมีอะไรเป็นความแฝงซ่อนอยู่ ขนาดพระเจ้าเขาก็ยังไม่รู้จริงเลย พระเจ้าแท้ก็คือตัวเขาเองแต่เขาก็ไม่รู้ตัวเอง พระเจ้าก็ไม่รู้ตัวเอง ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเอง แล้วจะเอาอะไรกับศาสดาแบบนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:21:00 )

พ่อครูเคยเหนื่อยหรือท้อใจกับสิ่งที่ทำไหม

รายละเอียด

คนนะ ก็เหนื่อยเป็นสิ เหนื่อยเพราะพวกเราสอนยาก ให้เจริญยากเหลือเกินนี่แหละ ช่วยหลวงปู่ด้วย ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจศึกษาประพฤติให้พัฒนาได้ก็เป็นการช่วยหลวงปู่ แต่ไม่เคยท้อ ถามว่าแก้อย่างไร ไม่ต้องแก้เพราะทำได้ฝึกฝนทำมาแล้ว ไม่ท้อในการทำสิ่งที่ดี แต่เหนื่อยนี้ก็ต้องมี เพราะว่าใช้พลังงานมาก พระพุทธเจ้าก็ต้องเหนื่อย เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ พลังงานขาดไม่พอใช้ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:33:46 )

พ่อครูเคยแสดงความโกรธหรือไม่

รายละเอียด

จริงไหม...อาตมาว่าจริง อันนี้อาตมาก็ว่า อาตมาโกรธ? ระลึกถึงตั้งแต่ฆราวาสเคยโกรธ อาการโกรธเป็นอย่างไร ก็พอระลึกได้อยู่เหมือนกัน อาการโกรธไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้ไปโกรธ ไม่ไปเที่ยวมึงมาพาโวยกับใคร ยิ่งไปตบไปตีไม่เคยกับใครเลยในชีวิต มึงมาพาโวยก็มีบ้าง ถ้าไม่ชอบใจก็จะไปพูดกันเจรจากัน 

มีเหตุการณ์ที่อาตมารู้สึกว่าเขาก็รุนแรงกับเรา เท่าที่จำได้มีอยู่คนหนึ่ง ชื่อถนัดเป็นเพื่อนกันนี่แหละ อยู่หอพักเดียวกันเรียนด้วยกัน เวลากินข้าวก็มากินโรงอาหารเดียวกันพร้อมกัน เสร็จแล้วเขาโกรธอาตมา เขาก็ร่อนจานข้าวใส่อาตมาเลย เฉียดหน้าไปเลย อาตมาก็รู้สึกว่าคนนี้ทำไมทำหยาบคายอย่างนี้ อาตมาคิดว่าเป็นเช่นนั้น ไม่ควร เขานั่งอยู่โต๊ะโน้น อาตมาก็ลุกเดินไปหาเขา เพื่อจะไปถามไถ่คุยกันให้รู้ว่า มันอะไรกันนักกันหนา ที่โกรธกันถึงขนาดร่อนจานใส่กัน ถูกหน้าก็หน้าแหกเลยนะ ร่อนจานมีน้ำหนัก มีอาหารติดมาในนั้น 

อาตมาจะเดินเข้าไปเพื่อนมันก็ดึงแยกไม่ให้มาเจอกัน นี่คือครั้งหนึ่ง ระลึกดูว่าอาการจิตของเราไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกว่า ทำไมเพื่อนกันทำอย่างนี้ มันอาการเป็นอย่างไรถึงต้องทำถึงขนาดนี้ นั่นคือครั้งหนึ่ง 

อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนคนนี้เป็นทหารแผนที่ เป็นนักบิน สุดท้ายมาเป็นนักบินพาณิชย์หากิน ชื่อทองพิณ แต่งงานกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่จังหวัดอุบลนี่แหละ อยู่หอพักเดียวกัน เขาก็มีท่าทางยียวนอาตมาตลอดเวลา จนกระทั่งอาตมาก็คิดว่าทำไมเขาไม่ชอบใจอะไรเรา มีอยู่วันหนึ่ง อาตมาก็เดินไปจากห้องจะไปคุยไปถามให้ชัดเจน ไม่ได้จะไปหาความรุนแรงอะไร เพื่อนเขารู้ก็ตามมาดึงเอาไว้ ออกมาอีก ก็เลยไม่ได้พูดกันไม่ได้เจรจากัน 

ตั้งแต่บัดนั้นก็แยกกันไปทำการงานคนละอาชีพไม่ได้เจอกันเลย ก็เลยไม่ได้รู้เรื่อง ก็มีอยู่เท่านี้ อาการที่ระลึกได้ว่าอาการไม่ชอบใจ มันไม่ใช่โกรธ ไม่เคยถึงขั้นโกรธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 10:43:04 )

พ่อครูเจตนาตั้งปักหลักลงที่แผ่นดินพุทธ

รายละเอียด

อาตมาเองเจตนา ตั้งปักหลักลงที่นี่ ที่สถานที่นี้ ที่นี่มีอาณาบริเวณกว่าพันไร่ ก็ทำที่นี่ อายุปูนนี้แล้ว ก็มาทิ้งชีวิตที่นี่ ตายเราก็เผาที่นี่ ไม่มีปัญหา ก็ทำที่นี่แหละ ตอนนี้ไม่เคยคิดจะไปไหนเท่าไหร่มันเมื่อย นั่งเครื่องบินนั่งรถยนต์ นั่งรถยนต์ไม่ค่อยไหวจริงๆ มันเวียนหัว ก็เลย นั่งรถยนต์ไปทางไกลพวกเรารู้ก็ไม่ค่อยอยากให้นั่ง มันเหมือนไปเครื่องบินแล้วเหมือนร่ำรวย เดี๋ยวนี้ค่าเครื่องบินก็ไม่แพงอะไร เราก็พยายาม หาแบบโปรโมชั่นหน่อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 06:03:20 )

พ่อครูเจตนาไม่ไปเมืองนอก และไม่คิดจะไปด้วยเหตุใด

รายละเอียด

หลวงปู่ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมเมืองนอกเท่าไหร่ เอาแต่วัฒนธรรมไทยที่ดีคัดเลือกมาให้ครบดีๆ ทำงานอยู่กับคนไทย เจตนาเลยไม่ไปเมืองนอก ไม่อยากไป แล้วก็ไม่คิดจะไปด้วย ไม่ต้องเอาอะไรอีก อินเดียนี้ก็น่าจะไป  ไปดูสังเวชนียสถานต่างๆ เพราะรากฐานเดิมอาตมาก็มีสิ่งเหล่านั้น อาตมายังไม่ไปเลย ไม่คิดจะไปให้เสียเวลา ให้เสียแรงงานเสียทุนเงินทอง เพราะมั่นใจว่าไม่ไปก็ได้ครบอยู่แล้ว รูปนามจากที่มันมีแล้วครบ ถึงไปจริงๆก็เป็นรูปธรรมเสียส่วนใหญ่ นามธรรมนั้นเป็นสัพเพเหระเป็นพวกเทวนิยมจมอยู่ในสังเวชนียสถานทั้ง 4 อยู่เยอะแยะ

แต่ก่อนนี้บอกว่า อินเดียกับภูฏานจะให้เลือกไปนั้นจะไปภูฏานดีกว่า วันนี้เขาก็มาแล้วก็เลยไม่ต้องไปไง เขามาหาเอง หากเขาไปคราวนี้รู้สึกว่าได้อะไรดีก็จะมาหาอีก ได้จากเราไปเขาก็จะไปเปรียบเทียบว่าอันนี้ดี มีแก่นแกน หากเขามีภูมิปัญญาก็จะรู้ว่าอันนี้เป็นแก่นแท้ เขาก็จะมาหาเอง ไม่ต้องกลัวหรอกสินค้าเราดีจริงๆคนที่มีปัญญารู้เขาจะมาเอา ถ้าสินค้าเราดีจริงแต่คนไม่มีปัญญาดีมารู้ก็ไม่มาเอา ให้คนรู้ว่าของเราดีและมาเอาไม่เห็นว่าจะน่าเสียดายอะไร คนไม่รู้เขาก็ไม่มาเอา ก็ถูกแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาดีเขาก็ไม่มาเอานั้นถูกแล้ว คนเขารู้ว่าของเขาดีคนก็มาเอาพากเพียรมาเอาด้วย เราก็จะรู้ว่าคนนี้ยิ่งดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:15:45 )

พ่อครูเชิญมาพิสูจน์ที่อยู่กันอย่างเบิกบานของชาวอโศก

รายละเอียด

เขาสงบ เขาสุข เขาอบอุ่น เบิกบานร่าเริงจริง คุณจะมีปัญญารู้จิตของคนอย่างพวกคุณไหม จิตของพวกคุณเบิกบานร่าเริงเป็นอยู่สุขสบาย เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย,กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) สุดยอดแห่งความสงบคือ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เพราะจิตมันบริสุทธิ์จากกิเลสหมดแล้ว ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา 

เพราะฉะนั้นมีความขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)   ธูตะคือองค์แห่งการตรัสรู้ แต่เพราะไปแปล ธุดงค์เป็นการออกป่า ก็เลยเพี้ยนไปหมด ธุดงค์คือได้ออกป่า อาตมาอ่านอัมพัฏฐสูตร ยังไม่ถึงจุดเสื่อมของศาสนาเลย 

ความอวิชชา ความโง่ ความไม่รู้มันยังครอบครองชาวพุทธ แม้ชาวพุทธเอง เป็นโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นธรรมะที่เหนือโลกอื่นๆเขาหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไทยชาวพุทธไม่มีความรู้หรอกโลกุตระ ชาวอโศกมีและปฏิบัติมีตัวอย่างปรากฏ มีตัวตนบุคคลในชุมชน มีสังคม มีวัฒนธรรม เอาหลักอะไรมาจับ สาราณียธรรม วรรณะ 9 พุทธพจน์ 7 มาจับ ไล่เรียง ชาวอโศกมีธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสไว้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์จริงไหม มาตรวจสอบได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:03:27 )

พ่อครูเชียร์ทหารคือเชียร์เผด็จการหรือไม่

รายละเอียด

เขาหาว่าอาตมาไปเชียร์เผด็จการ เขาหาว่าพลเอกประยุทธ์เป็นเผด็จการ คนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตย 

ประชาธิปไตยที่พลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อจากประชาชนที่ทำรัฐประหาร สำเร็จแล้ว ตั้งหลายรัฐบาล กว่าประยุทธ์จะมารับไม้ต่อจากประชาชนไปบริหาร ประชาชนนั้น Neo - Protest นั่นแหละคือพวก Protestant แท้ๆ ประชาชนของไทยไปโปรเทส ไปประท้วง ประท้วงด้วยความสงบเรียบร้อยไม่รุนแรงไม่มีอาวุธถูกต้องตามสากลกฎหมายโลก แล้วใช้ความสงบ ใช้ความเรียบร้อยไม่มีอาวุธ ประท้วงเอาความถูกต้องความผิดมาประกาศมายืนยันมาชี้แจงมาอ้างอิง ทำให้เห็นชัดเจนจนประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลทักษิณผิดจริงๆ จบไป ทหารมาช่วย 

พลเอกสนธิมาช่วยปฏิวัติ มีแต่คนเอาดอกไม้ไปเสียบปากกระบอกปืน เสร็จแล้วก็จับนอมินีสมัครเข้ามาแทน เราก็ไปไล่อีก ตุลาการภิวัฒน์ก็สั่งให้สมัครผิดกฎหมายตกจากเป็นนายกอีก อันหนึ่งเป็นทหารอภิวัฒน์ให้ อันนี้ก็เป็นตุลาการภิวัฒน์ให้ ต่อมาก็มายกสมชายขึ้นไปอีกเก่งจริงๆนะ สมชายขึ้นมาอีกตอนนี้ไม่มีทำเนียบเข้าเลยทีนี้ พวกประชาชนเข้าไปยึดทำเนียบหมดเลยไปทำนาในทำเนียบเลย นี่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นนะ คือเรื่องพฤติกรรมของประชาชนที่ทำรัฐศาสตร์หรือทำการเมืองประท้วงด้วยความสงบ ขับไล่เป็นประชาธิปไตยที่สวยงามที่สุดในโลก ตั้งไม่รู้กี่รัฐบาลสำเร็จ เป็นการทำรัฐประหารหรือปฏิวัติ ประชาชนปฏิวัติรัฐบาลเลวออกไปได้อย่างถูกต้องตามหลักสากล 

จนกระทั่งมาถึงยิ่งลักษณ์ ประชาชนปฏิวัติทั้งนั้น ปฏิวัติไปจนกระทั่งยิ่งลักษณ์ ขาด เอาตัวแทนมาเด๋อๆด๋าๆ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล แล้วก็ทางกฎหมายก็ขาดหมดแล้ว สุดท้ายพลเอกประยุทธ์ก็บอกว่าผมขอยึดอำนาจ เรียบร้อยสุภาพ จริงๆไม่ได้ยึดอำนาจจากพวกนั้น เพราะประชาชนยึดอำนาจไว้หมดแล้ว ไม่มีคำว่า เผด็จการของทหารเลย ทหารไม่ได้ทำหน้าที่ขี้หมาอะไรเลยที่จะไปทำรุนแรงอะไรกับประชาชน ไม่มี แล้วประชาชนก็ปฏิวัติโดยไม่ได้รุนแรงถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลด้วย นักรัฐศาสตร์ฟังโพธิรักษ์พูดบ้าง เมืองไทยนี้เป็นตัวอย่างประชาธิปไตยที่สวยงามที่สุดในโลก บันทึกไว้เลย นี่คือเหตุการณ์จริงมีหลักฐาน เดี๋ยวนี้มีการเก็บเป็นภาพ เป็นรูป เป็นเหตุการณ์ทุกอย่างไว้เยอะแยะไป เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นเลย 

เพราะฉะนั้นคนที่ยังงมงาย บอกว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ เขาไม่มีความรู้ในเรื่องประชาธิปไตยสักเท่าขี้เล็บเลย ว่ามันไม่ใช่ ไม่มีการเผด็จการ มีแต่ปฏิวัติเป็นประชาชนปฏิวัติ มีแต่ประชาชนปฏิวัติ แล้วเขาทำหน้าที่เพราะตอนนั้นเขาเป็นหัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อจากประชาชน พอพลเอกประยุทธ์ รับไม้ต่อจากประชาชนไปบริหาร ประชาชนไม่ได้ไปปฏิวัติหรือไปไล่อีก ก็ดูให้พลเอกประยุทธ์บริหาร บริหารไปก็เข้าตาประชาชน ทุกวันนี้คะแนนสูงเท่าไหร่ 8 ปีที่บริหารมาคะแนนของพลเอกประยุทธ์สูงขึ้นไปเท่าไหร่ในการบริหาร มีพวกที่งมงายโง่ๆหลงอยู่ในอำนาจที่จะเอาคืนอยู่เท่านั้น เห่าบ๊องๆอยู่

คอยดูวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ การเลือกตั้งนี้ดูคะแนน ดูซิ เป็นคำตอบชนิดหนึ่ง อาตมาก็ไม่พยากรณ์หรอก ก็จะดูจากเหตุการณ์จริงที่มันเกิดขึ้น จะเป็นคำตอบที่ทำให้ไขว่า เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา มันก็จะไขให้เห็นว่าประเทศไทยมีการเมืองหรือมีรัฐศาสตร์ก้าวหน้า หรือยังไม่ก้าวหน้าไปอีกเท่าไหร่ ก็จะให้คำตอบ อาตมาก็จะดูความจริงจากอันนั้น ต้องดู status quo ตอนนี้ยังไม่ถึงวาระนั้น ก็รอไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 13:19:28 )

พ่อครูเชื่อว่าการทำงานการเมืองตอนแรกของทักษิณเขาตั้งใจบริสุทธิ์

รายละเอียด

คุณเดชา มีความคิดเห็นขัดแย้งก็ส่งมา คุณอยากเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ให้ทำได้อย่างอาตมา ทำเอาเองไปซื้อตามร้านขายยาไม่ได้ คุณเองคุณท่าจะรู้อาตมาก็ขอคารวะ 1 จอกที่คุณเป็นผู้รู้ใจคนแดนไกล อาตมาไม่รู้ขนาดนั้น รู้พอสมควรจิตใจของเขา อาตมาเชื่อนะคุณทักษิณ เจตนาตอนที่เขาเองเขามาทำงานการเมืองตอนแรกเขาตั้งใจบริสุทธิ์ ตั้งใจจะทำดีจริงๆ แต่อนุสัยความโลภความเห็นแก่ได้ เห็นช่องทาง เกิดโลภเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้มีความคิดยึด พอเจอช่องทางเข้า โอ้โห เขาดูดเอาไปเสียจนในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี เอาไปถล่มทลาย จนบัดนี้ อาจมากกว่าคงคลังของประเทศไทย เข้ามาทำการครอบงำระบบการเมืองไทยจนถึงทุกวันนี้คุณก็รู้ดี อาตมารู้ไม่เก่งเท่าคุณ คุณน่าจะมาบ้าง เอาแต่พูดทำไม เก่งอย่างนี้ มาเลยๆๆ เก่งๆ อย่างคุณเดชา อัมพร มาช่วยประเทศชาติหน่อยสิ ดีขอบคุณท้วงมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 19:35:55 )

พ่อครูเตือนพวกหลงรสชาติไปกับพยัญชนะให้พยายามตัดบ้าง

รายละเอียด

คุณชักจะเพลินไปกับพยัญชนะมากแล้วนะ ไม่อย่างนั้นมันจะหลงไปกับพยัญชนะมาก อย่างที่อาตมาเคยเตือนท่านเพาะพุทธ ท่านเจริญ ท่านก็เพราะพริ้งไปกับพยัญชนะเยอะ จนมาผูกเป็นกวีก็เยอะ เพราะฉะนั้นในคำสอนของท่านครั้งหนึ่งครั้งหนึ่งจะเต็มไปด้วยกวีที่ท่านแต่งไว้ ทวนแล้วทวนอีกก็ยาวเยอะอยู่เสมอ ก็ดีในคนจำนวนหนึ่ง ก็ฟังความไพเราะอาศัยความไพเราะเป็นสิ่งอาศัย ถ้าไม่มีความไพเราะมันกินไม่ลง มันไม่มีความอร่อยมันกินไม่ลง ก็คนจำนวนหนึ่ง อาศัยสิ่งที่มีรสชาติ จนกว่าคนจะเลิกรสชาติ ไม่ต้องติดในรสชาติ เข้าหาเนื้อหาสาระก็จะสั้นลง แต่ผู้ที่ยังติดรสชาติอยู่ก็จะยังยาวยืดอยู่เป็นธรรมดา พยายามตัดบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2565 ( 19:42:23 )

พ่อครูเตือนสติทั้งคนชวนและคนที่จะหลงเชื่อเรื่องการลงทุน

รายละเอียด

อโศกคนไหนทำ เดี๋ยวจะให้ออกไปจากอโศกนะ คนไหนทำไม่หยุดจะให้ออกจากอโศกถ้ารู้ตัว คนที่ชวนเล่น ไอ้พวกนี้เขานี่ อย่าบ้าน่า

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล เป็นเรื่องเลวร้าย นี่ทางการเขาก็ปราบกันอยู่ รัฐบาลเขาก็ปราบกันอยู่ 

คนมันฉลาดแกมโกงพวกนี้ มันรู้ว่าเป็นการโกง แต่คนโง่มันเยอะ มันเลยหลอก หลอกกันไปเป็นร้อยๆล้าน อย่าไปตกเป็นเหยื่อ อย่าไปทำด้วยมันบาป ไม่เข้าเรื่องไม่เข้าราว 

 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 12:09:29 )

พ่อครูเตือนอย่างหนักต่อสัทธิวิหาริก

รายละเอียด

ท่านก็ดูสื่อสารอยู่อาตมาพูดไปก็น่าจะถึงหู ท่านสรณีโย ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์อาตมานะ อาตมาก็ขอบอกในฐานะเป็นอุปัชฌาย์ หยุดนะ หยุดไอ้ที่ทำบ้าๆบอๆ ออกTiktok ต่างๆนานา มันบ้าแล้ว อาตมาก็เคยเตือนไปแล้ววันนี้พูดอีก ถ้าไม่หยุด นี่ อาตมาตัดเลิกนะไล่ออกจากหมู่ ไม่ยอมให้เป็นพระที่นี่แล้ว ขอบอก นี่เป็นคำหนัก ถ้าไม่หยุดจะไล่ออก อัปเปหิ ออกไปจากหมู่ ตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ทำผิดธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าหรอก แต่ถ้าไปหลงระเริงอยู่อย่างนั้นมันไม่เจริญถ้ามันเจริญจะไปห้ามทำไม เป็นการตกต่ำไปคะนองไม่เข้าเรื่อง มีคนดูเป็นแสนเป็นล้านชื่นชม นี่ล่ะหลงบ้าไปกับ คำเยินยอสรรเสริญยกย่อง ค่านิยมของสังคม แต่คนมันบ้าๆพวกนี้ก็เยอะ แล้วมันก็กดมา มันจะยุส่งหรือหลงตามก็ไม่รู้ได้ สรุปแล้ว หยุดบ้าได้แล้ว ไอ้นั่นไม่ใช่เรื่องดีเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่อยากจะไปพูดแรงพูดหนักอะไร 

นี่พยายามดึงอยู่นี่ ถ้าไม่เลิกก็ตัดปล่อยไม่ต้องเป็นพระอโศกเลย นี่ก็บอกความจริงไปแล้วนะ เป็นขั้นตอน ท่านจะกู่ไม่กลับหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ คนที่เขาดูเขาส่งมา คุณจรรยา เขายังดูออก นั่นแหละบ้าๆบอๆ ก็น่าเสียดายสิ่งที่ดี เมื่อไม่ดีแล้วกู่ไม่กลับก็ต้องปล่อยไป ดีไม่ดีไม่ใช่ปล่อยไปแต่ไล่ส่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 14:43:37 )

พ่อครูเตือนให้สติจตุพร ทนายนกเขาที่ไปหลงยกย่องคนชั่ว

รายละเอียด

อย่างน้อยใช้หนี้ไป หลายแสนล้านแล้ว เพราะคนทำฉิบหายไว้ รู้สึกรู้สากันไหม พูดถึงใคร ทำไมไม่รู้สึกรู้สา ก็เหลือเกินคนแล้ว ตัวเองทำชั่วแล้วมาพูดชั่วอยู่อย่างนี้ ... ยังบอกว่าอะไรหรือ ฉันทำชั่วหรือ ยังงั้นชั่วหรือ จะพูดกับคนอย่างนี้ยังไงดีนะเนี่ย แล้วก็ลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนี้ แล้วคนที่ไปหลงใหล ยกย่อง เชิดชู คนอย่างนี้อยู่นี้ก็ช่างกระไรหนอ อาตมาเห็นแล้วก็ โอ้โห.. ล่าสุดนี่ นกเขาก็ดี จตุพรก็ดี หัวก็โต๊โต ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น หัวก็น่าบรรจุสมองไว้อยู่นะ มันยังไง 

เป็นตัวอย่างที่เขาอาจจะไม่อยากเป็น แต่เขาก็เป็น มันเป็นตัวอย่าง หยิบขึ้นมาชี้ หยิบขึ้นมาอธิบาย ประเดี๋ยวพูดไปแล้วจะหาว่าไม่มีตัวตนจริง ใครเป็นได้จริง อันนี้เป็นได้จริงนะ ซึ่งมันเป็นไปได้นะ ที่จริงมันไม่น่าจะเป็น แต่มันก็เป็น นี่เป็นการศึกษา คนเรามีการศึกษาที่เราสามารถศึกษาได้ จากของจริง มีปรากฏการณ์จริง  ไม่ใช่ลอยลมคิดฟุ้งซ่านเป็น นิรมาณกาย อทิสมาณกาย สัมโภคกาย เนรมิตเองแล้วก็ร่วมกันบริโภค แล้วมันก็ไม่มีตัวตน 

กาย 3 นี้ ที่อาตมาพูดบ่อยๆ เข้าใจสภาวะไหม เข้าใจกันไหม เคยสร้างให้แก่ตัวเองไหม ก็เคยกันทุกคน เพ้อเจ้อไป เคยกันแล้วก็เข้าใจกันแล้วว่า มันเสียเวลา มันไร้ค่า มันไม่มีค่าอะไรหรอก มันลมๆแล้งๆ บ้าๆบอๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 15:10:26 )

พ่อครูเทศนาก่อนพาทำพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

รายละเอียด

วันที่ 9 มิถุนายนของทุกปีชาวอโศกเราก็เรียกกันว่า เป็นวันที่เราจะทำการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อก่อนเราทำกันอยู่ที่สันติอโศกมีพระเจดีย์อยู่ที่พระวิหารพันปี ที่นั่นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้เยอะ โดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์แรกที่อาตมาได้มา จริงๆแล้วอาตมามีพระธาตุอยู่องค์เดียวในชีวิตที่ปฏิบัติธรรมมาก็ได้อยู่องค์เดียว ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ก็ประกาศไปว่ามีใครอยากได้ให้ก็มาขอ ก็มีคนชื่อ ธรรมสามีติดต่อมารับไป จากนั้นก็ไม่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:25:54 )

พ่อครูเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชา

รายละเอียด

 วันนี้วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา คือวันเพ็ญเดือน 8 วันสำคัญเดือน 8 ชาวไทยเรามาค้นพบ ก็คงมีคนพูดถึงเยอะแล้วล่ะ มาค้นพบว่าเป็นวันสำคัญที่ 

1. เกิดพระสงฆ์

2. เกิดพระธรรม

3. พระพุทธเจ้า มาทำให้เกิดพระธรรม แล้วทำให้เกิดพระสงฆ์ รวมเป็น 3 อย่าง ครบพระไตรรัตน์ คือ รัตนะ 3 หรือแก้วสามดวง 

ชาวไทยพุทธมาค้นพบวันสำคัญนี้ ส่วนประเทศอื่นเขานับเอาวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญ เดือน 6 โน่น วันที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 แล้วท่านถึงได้พระราชดำเนินมาจากที่ตรัสรู้ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา มาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน มาพบปัญจวัคคีย์ 5 รูปที่เคยศึกษาอยู่ร่วมกัน เท้าความไปนิดนึง ศึกษาอยู่ร่วมกัน ปัญจวัคคีย์เขายังเป็นเดียรถีย์อยู่เต็มที่ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ก็พยายาม ความระลึกรู้ยังไม่ขึ้นมาตอนแรก ท่านก็ยังไม่ได้ว่ากระไร ท่านก็ปฏิบัติตามกันแบบผิดๆ เพราะว่าตอนนั้น พราหมณ์ทั้งหลายปฏิบัติผิดหมด พระพุทธเจ้า ก็ไปบำเพ็ญกันในป่า 6 ปี ร่วมกับ พราหมณ์ ทั้ง 5 ปฏิบัติ 6 ปีนั้นเป็นการปฏิบัติผิด ปฏิบัติ 6 ปีนั้นเป็นการปฏิบัติผิด ฟังให้ดีนะว่าผิดอย่างไร 

1. ออกป่า 

2. ปฏิบัติแบบหลับตา สะกดจิต นั่งสมาธิ อย่างทุกวันนี้เลยคือความผิดไม่ใช่ศาสนาพุทธ ปฏิบัติผิด นั่นแหละที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้คือความเสื่อมของศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่นะ ขออภัยขอแวะนิดหนึ่งว่าชาวอโศกนี้ปฏิบัติถูก จึงขัดแย้งกันกับทางสังคมหมู่ใหญ่ ที่ปฏิบัติผิด ยึดถือกันผิดๆ ไม่ว่าจะยึดถือกันทางความรู้แบบบัญญัติ แบบพยัญชนะ ศึกษาเปรียญ ศึกษาภาษาศึกษาไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์  อะไรกันอยู่นั่น เตลิดเปิดเปิงไปรู้มาก เป็นผู้รู้ ผู้คงแก่เรียน เต็มหูเต็มหัวหมด แต่ไม่ได้บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรียกว่าเป็น ปทปรมบุคคล เป็นบุคคลผู้จมอยู่ใต้โคลน ไม่ใช่ เนยยะ ไม่ใช่ อุคฏิตัญญู ไม่ใช่ วิปัญจิตตัญญู อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้แล้ว ก็จะต้องมายืนยันว่าจะมีผู้ที่ฟังธรรมนี้ ท่านตรัสรู้แล้วเห็นว่าเป็นโลกุตรธรรมที่ลึกซึ้งมาก คนจะฟังรู้เรื่องรึ ตอนที่ท่านยังไม่ตรัสรู้เองขึ้นมาโดยชอบนี้ บำเพ็ยยังไม่ได้ ยังไม่บรรลุธรรมขึ้นมายังอยู่กับหมู่ปัญจวัคคีย์ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ท่านก็ระลึกได้ว่า ความรู้ความเห็นของปัญจวัคคีย์ก็คงจะเหมือนที่เรายังระลึกไม่ได้นี่แหละ ที่ระลึกได้แล้ว โอ้โห..มันสุดยอด จะต้องนำไปเปิดเผยดูซิ คนมันจะฟังรู้เรื่องหรือ ท่านเห็นความลึกซึ้งของโลกุตรธรรมที่ท่านเองท่านเคยบำเพ็ญมาเป็นพระพุทธเจ้า บรรลุมาแล้ว บรรลุพระสัพพัญญุตตญาณมาแล้ว อาตมาเคยเล่าท้าวความมาก่อนแล้ว 

สิ่งที่พระพุทธเจ้าเอามาเปิดเผยในยุคที่ท่านตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม องค์นี้ หรือองค์ไหน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์พอตรัสรู้ รู้ตนเองว่าเป็นพระพุทธเจ้า ท่านมีธรรมะที่ท่านมีเองนั้นนะ ที่ท่านเคยบำเพ็ญมาแล้ว ขึ้นมาเอง แล้วมันก็รู้เองว่ามันลึกซึ้ง แล้วไอ้ที่ก่อนนี้ที่รู้ เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราไม่รู้คืออะไร คนที่รู้ว่าสิ่งที่เรารู้คือโลกุตระ มันจะรู้ว่าสิ่งที่เราเคยรู้มาก่อนว่าไม่ใช่โลกุตระคือ มันจะรู้ 2 อย่างเลย รู้โลกียธรรม โลกียธรรมสูงส่งอย่างไรก็ เข้าใจ เท่าที่เรามีบารมีตามแต่ละฐานะ ไอ้ที่เรารู้นี่ เช่นพระอรหันต์ธรรมดาก็ตาม ก็จะรู้ 2 อย่างเหมือนกัน ยิ่งเป็นโพธิสัตว์หลายระดับ อย่างที่อาตมาอธิบายสาธยายมาแล้ว โพธิสัตว์ระดับ 1 ระดับ 2 ระดับ 3 ระดับ 4 อะไรมาจนกระทั่งถึงระดับ 6 ซึ่งเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นอรหันต์ระดับ 1 อนุโพธิสัตว์เป็นอรหันต์ระดับ 2 อนิยตโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์ระดับ 3  นิยตโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์ระดับ4 มหาโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์ระดับ 5 ปัจเจกสัมมาเหล่านี้ก็เคยไล่ให้ฟังมาแล้ว

พระพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้ในวันที่ท่านตรัสรู้แล้ว ท่านะนำมาเปิดเผยเทศน์เป็นกัณฑ์แรก เรียกว่า พระธรรม ธัมมจักกัปปวัตตนะ จักกะ จะหมุนต่อขึ้นไปในกัปปวัตตนะ จะหมุน พระพุทธเจ้าได้เทศนาธรรมจักร ที่จะหมุนขึ้นไปในกัป วัตนะคือหมุน ธรรมะที่พระพุทธเจ้าเปิดเผย ก็จะเริ่มเกิดและเริ่มหมุน สร้างธรรมะโลกุตรธรรมขึ้น เป็นศาสนาพุทธ เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ในพระไตรปิฎกเล่ม 4 ข้อ 13 อยู่ในพระวินัย ไม่ใช่อยู่ในพระสูตร 

ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนา

[13] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่ควรเสพ คือ การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย เป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ 1

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้ ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน นั้น เป็นไฉน?

ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ 8 นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ 1 ความดำริชอบ 1 เจรจาชอบ 1 การงานชอบ 1 เลี้ยงชีวิตชอบ 1 พยายามชอบ 1 ระลึกชอบ 1 ตั้งจิตชอบ 1 ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่ควรเสพ  คำว่า ที่สุดสองอย่างนี้ ในภาษาบาลีว่าอันตา อันตาแปลว่าปลาย ปลายสองข้าง สุดโต่งสองข้างว่างั้นเถอะ สุดโต่งสองข้างนี้ไม่ควรเสพ  

การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย  กามสุขไม่ควรเสพ  เป็นธรรมอันเลว  กามเป็นธรรมะอันเลว ฟังดีๆ นะ ถ้าผู้มีปัญญา ฟังแล้วจะสะดุ้งถ้าเข้าใจว่ากามคืออะไรนะ แม้แต่กามหยาบๆ ก็ต้องสะดุ้งแล้วล่ะ ยิ่งกามละเอียดแล้ว คุณไม่สะดุ้งง่ายๆ หรอก เพราะยังไม่รู้เท่าทันเท่าไรหรอกในกามละเอียด ส่วนกามหยาบๆ สะดุ้งทั้งนั้น ฟังให้ดี สะดุ้ง เป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ 

ไม่ประกอบด้วยประโยชน์  ขออธิบายแทรกตรงนี้ว่า มันเป็นโทษ บาลีแปลว่า กามที่เป็นประโยชน์มาจากคำว่ากามคุณ คำว่า คุณนี้คือ ประโยชน์ เป็นประโยชน์ทางกาม แต่ที่จริงมันเป็น กามาทีนวะ เขาไม่เอาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อนุปุพพิกถา 5 ว่า กามาทีนวะ นี้คือสวรรค์ หรือเสพกามแล้วขึ้นสวรรค์ หอฮ่อ! มันเป็นโทษ กามาทีนวะ  แต่มาหลงว่าเป็นกามคุณ 5 แต่มันเป็นกามโทษ 5 ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสแล้วเกิดสุขอยู่ในใจ 

การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตน(อัตกิลมถะ) เป็นความลำบาก ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบ ด้วยประโยชน์ 1 ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง(มัชฌิมาปฏิปทา) ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ฟังอีก ปฏิปทาสายกลาง พระบาลีว่า มัชฌิมาปฏิปทา ทำดวงตาให้เกิด  คือจักษุ ทำญาณให้เกิด  ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ คือถ้าเกิดญาณ เกิดดวงตาแล้ว ก็จะเกิดความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน   

ปฏิปทาสายกลางนั้น ปฏิปทาคือข้อปฏิบัติ ได้แก่ อริยมรรค มีองค์ 8 นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ 1 เขาแปลมาจากสัมมาปัญญา ความดำริชอบ 1 เจรจาชอบ 1 การงานชอบ 1 เลี้ยงชีวิตชอบ 1 พยายามชอบ 1 ระลึกชอบ 1 ตั้งจิตชอบ 1 สรุปแล้วก็คือมรรค 8 นั้นแหละ ข้อปฏิบัติคือ มรรค 8 ท่านก็ตรัสเอาไว้ก่อนแล้ว คือ อริยมรรค มีองค์ 8 คือสัมมาทิฏฐิ ความเห็น ทิฏฐิตัวนี้ยังไม่เป็นปัญญาที่แท้จริง แต่ท่านมาแปลว่า ปัญญาเห็นชอบ หรือจะแปลซ้อนก็ต้องเข้าใจว่า  ปัญญาในระดับต้น ปัญญาในระดับความเห็น ทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ 

[14] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริยสัจ คือตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความเพลิน มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยสัจ คือ ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรค คือ วิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คืออริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์ 8

ท่านตรัสรู้ ท่านก็บอกว่า ท่านตรัสรู้ มรรค-ทางปฏิบัติ แล้วท่านก็ขยายต่อมาอีกว่า  ท่านตรัสรู้ ทุกข์ ทุกขอริยสัจ  คือความเกิด… ความแก่…  ความเจ็บไข้…  ความตาย… ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก… ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก… ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ต่อมาก็ สมุทัย   1. ทุกขอริยสัจ 2. ทุกขสมุทัยอริยสัจ นะ ขอสรุปสั้นๆ ไปเลย เป็น อริยสัจ 4 แล้วท่านก็ตรัสขยายความนิดหน่อย

เกิดตัณหา ตัณหาคือสมุทัย ทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความเพลิน  มันก็จะติดเป็นความกำหนัด เป็นกิเลสนี่และเพลิน เป็นความเพลิดเพลินอารมณ์ มี 3 คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ก็คือ ตัณหา 3 นั้นเอง ต่อมา ทุกขนิโรธ  ตัณหานั่นแลดับ  นิโรธนั้นคือดับ นิโรธ    ทุกขนิโรธอริยสัจ  ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรค  ปฏิบัติด้วยมรรคนี้แหละ มันก็จะเริ่มวิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน นี้แหละ ก็ค่อยๆ ปฏิบัติ มีมรรคมีผลไปตามลำดับ จางคลาย สละออก สละคืนนี้ก็คือปฏินิสสัคคะ แล้วก็ปล่อยวาง นิพพิทาวิราคะ ปล่อยไป ไม่เกี่ยวข้อง ไม่พัวพัน       

ทีนี้ข้อต่อมา ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ทุกขนิโรธ มันมีความยาวไปถึงคานิมีปฏิปทา  คือทางปฏิบัติ ข้อปฏิบัติ ที่ปฏิบัติไปตามลำดับ แล้วจากคามินี จากบุคคล เป็นต้น ตั้งแต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ นี้แหละ จะนิโรธได้เป็นลำดับไป  ปฏิปทา ข้อปฏิบัติก็จะมีมรรคองค์ 8 นี้เอง ก็ไล่ไปแล้ว ไม่ซ้ำ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ….ไปจนกระทั่ง สัมมาสมาธิ 

[15] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา(บาลีว่า วิชชา) แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง(อาโลกา) ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา คือจักษุ ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง นี่อาตมาอ่านในพระไตรปิฎกนะ คำว่า วิทยา ในฉบับภาษาไทยนะ แต่จริงๆ ฉบับภาษาบาลีท่านบอกว่า วิชชา ท่านไม่บอก วิทยา หรอก ท่านแปล วิชชา เป็นไทยว่า วิทยา  นะ อันนี้ก็ขออธิบายใส่เข้าไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง คำว่า แสงสว่างนี้บาลีว่า อาโลก (อ่าน อา-โล-กะ) อาโลกา อาโลกะ อโลก นี้แหละ  อาตมาเคยพูดหลายทีแล้ว จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก  ก็มีคนท้วงอาตมาว่า เอามาจากไหน มีอยู่ที่ไหน ก็อยู่ใน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร นี้เอง อยู่ในพระไตรปิฎก เล่ม 4  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อน ก็คือ ท่านไม่เคยฟังมาจากใคร ท่านตรัสรู้ ท่านรู้เองโดยชอบ โดยสัมมาสัมโพธิญาณขึ้นมา เป็นของตนเอง ขึ้นมาแล้วก็มาอธิบาย

ขออภัย อาตมาขอแทรก ขอแหยมนิดหนึ่งว่า ความรู้ที่มีขึ้นมาเอง อาตมามี อาตมายังไม่ถึงพระพุทธเจ้านะ แต่อาตมาเอาสิ่งเดียวกันอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านเป็น คือ มันเกิดเอง มาเป็นสยังอภิญญา มีเองมาตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้ก็เอาความรู้เก่าของตนเองขึ้นมาพูดมาบรรยาย แล้วมันก็ได้เกิดเรื่องกัน ขัดแย้งกับทางหมู่ใหญ่ที่พวกท่านพากันเสื่อมแล้ว มันผิดไป พออาตมาเอาสิ่งที่ถูกมาพูด มันก็ต้องขัดแย้งกับสิ่งผิดทั้งหลายของหมู่ใหญ่ อาตมาจึงถูกเขากระหน่ำย่ำแย่เลย ตั้งแต่ต้นจนถึงป่านนี้ วันนี้อาตมาก็คิดว่ายังเยอะอยู่ที่ท่านยึดถือ อาตมาเห็นใจนะ อันนี้ต้องพูดนิดหน่อย อาตมาก็ไม่ได้มีปัญหาหรอก ท่านจะต้องนำพาอันนี้ไป 

ถ้าท่านไม่ว่าอาตมาก็ดีแล้ว ถ้าท่านจะส่งเสริมว่า อย่างที่โพธิรักษ์เทศน์นั่นแหละถูกต้องแล้วล่ะ ดีแล้วแหละ อย่างนี้ของเราแม้มันจะไม่เหมือน มันจะไม่ดีก็เอาตามโพธิรักษ์ก็แล้วกัน โอ้โห! ถ้าเท่านี้ถ้าทางเถรสมาคมกล่าว อาตมาว่าศาสนาพุทธเรา ก็เป็นศาสนาธรรมดาศาสนาไหนก็ตามผู้ใหญ่ ตามผู้รู้ที่ยอมรับนับถือกันใช่ไหม ไม่ว่าศาสนาไหนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะมาเลย อาตมาก็ไปบังคับไม่ได้หรอก อาตมาก็ได้แต่รอ ได้แต่หวัง อ้อ! ขออภัย รอก็ไมjรอ หวังก็ไม่หวัง แต่เราทำสัจจะนี้ ยืนยันสัจจะไปอย่างเดียวไปเรื่อยๆ

ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว. อันนี้ ควรกำหนดรู้ ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทัย เป็นสัจจญาณ ทุกขนิโรธ ก็เป็นสัจจญาณ พอมาปฏิบัติสัจจญาณ ก็เรียก กิจจญาณ พอปฏิบัติไปจบกิจ ก็เรียกว่า กตญาณ นั้นคือ ญาณ 3

1.สัจจญาณ 2. กิจจญาณ 3. กตญาณ พอมาปฏิบัติสัจจญาณแล้วจะเกิดกิจจญาณ แล้วเกิด กตญาณ คือสำเร็จแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล ควรละเสีย.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล เราได้ละแล้วดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล เราทำให้แจ้งแล้ว.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล ควรให้เจริญ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล เราให้เจริญแล้ว.

เมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท่านก็บอกว่า ท่านได้ทำสัจจะนี้ให้แจ้ง เมื่อท่านให้แจ้งแล้วเสร็จ คือท่านได้ปฏิบัติมาแล้ว กิจคือการกระทำ การปฏิบัติ  เพราะฉะนั้นผู้ใดปฏิบัติได้ตรงกับสัจจะ แล้วก็บรรลุสัจจะทั้งหมด คือทุกขอริยสัจ สมุทัยอริยสัจ นิโรธอริยสัจ ทางปฏิบัติเพื่อความจบไปถึงนิโรธนั้น ปฏิบัติหมด เกิดญาณ เป็นกตญาณ ญาณที่รู้ความจบกิจ ที่ได้ปฏิบัติมาจนจบกิจ เป็น กตญาณ แล้ว ก็เป็นอันจบ 

ญาณทัสสนะ เดี๋ยวขออ่านอีกนิดหนึ่ง เพื่อขอแถมให้มันบริบูรณ์ ญาณทัสสนะ มีรอบ 3 มีอาการ 12

[16] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ 4 นี้ มีรอบ 3 มีอาการ 12 อย่างนี้ รอบ 3 คือญาณ 3 สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ แล้วก็มี อาการ 12 ก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค  มี 4 ทุกข์ก็เป็นสัจจะที่คุณปฏิบัติให้เห็นทุกข์ แล้วปฏิบัติจนเห็นความทุกข์ดับไป 3 กับ 4 คูณกันเป็น 12 ทุกข์ ทำให้จบเป็นสัจจะและเป็นกิจ แล้วเป็นกต 3 สมุทัยก็ทำให้จบรอบ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ นิโรธ ก็ทำให้จบรอบ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ มรรค ก็ทำให้จบรอบ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ

ไม่ใช่ รู้สัจจะคือความจริง แล้วก็รู้แค่ความจริง ไม่ได้ปฏิบัติกิจอะไรเลย ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรเลย ไม่ใช่ เอาแต่รู้ สัจจะ จริง จริงๆ ความจริง เห็นจริง รู้จริง ไม่ใช่ ต้องลงมือทำ แล้วต้องลงมือทำด้วยเกิดรู้มรรครู้ผล  สำเร็จด้วย สำเร็จแล้วนะ กตะ สำเร็จแล้วจริงๆต้องรู้ทั้งภายนอกภายใน รู้ทั้งความดับสนิท จบ ทั้ง สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ ใน ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค 4 อย่างนี้ ต้องจบทั้ง 3 อย่าง สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ ก็ครบ 12 จึงเรียกว่าญาณ 3 อาการ 12  พตปฎ.  

[16] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ 4 นี้ มีรอบ 3 มีอาการ 12 อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้ว เพียงใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเรา ในอริยสัจ 4 นี้ มีรอบ 3 มีอาการ 12 อย่างนี้ หมดจดดีแล้วเพียงใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่าเป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.

เทวดา มาร พรหม ก็คือสัตว์ เทวดา มาร พรหม สัตว์ 3 อย่างนี้ เทวดา คำว่า เทวะ แปลว่า 2 เทวนิยมไม่มีปัญญารู้ว่าตัวเองเป็นมาร พระพุทธเจ้าตรัสรู้จนกระทั่งรู้ว่า ที่แท้เราเป็นลูกกะโล่ของมาร แล้วหลงว่าเป็นเทวดา หมายความว่ามารมาหลอกให้หลงสุข คุณก็นึกว่านี่คือสวรรค์ คือดาวดึงส์ เราต้องเสพอยู่อย่างนี้ตลอดกาล เป็นยามา ให้นาน ให้ยาว ทุกยามทุกเวลาก็ยาว ยามก็คือเวลา ทุกอย่างทุกเวลาต้องเป็นเทวดาดาวดึงส์ ทำให้ได้ 

ทำได้แล้ว ดุสิตแปลว่าเย็น แปลว่าพัก ก็ไม่เย็นไม่พัก ติดด้วยความหลงซับซ้อน ไม่พัก ดุสิตก็ไม่พัก นอกจากไม่พักแล้วทำอย่างยิ่งเรียกว่า นิมมานรดี เป็นชั้นที่ 5 เป็นเรื่องเก๊หมดทั้ง 6 ตั้งแต่จตุมหาราชิกา ล่า ทั้ง 4 ทิศ เป็นมหาราชของโลก โลกอะไร โลกียธรรม สุขโลกียธรรมได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ล่าใหญ่เลย ไม่เข้าใจในโลกธรรม ไม่เข้าใจในโลกียะ เป็นทาสโลกียะ เทวนิยมทั้งหลายที่เป็นศาสนาพระเจ้านั้นไม่รู้เรื่องนี้เลย อันนี้อาตมาพูดมากประเดี๋ยวเขาจะไม่ชอบใจ เพราะเขาเองเขายึดมั่นถือมั่นด้วย พวกนั้นเขาไม่รู้จักการบรรลุธรรม ไม่รู้จักการละหน่ายจางคลายจากกิเลส ไม่รู้จักการโกรธ ไม่รู้จักการพยาบาท ไม่รู้จักการทำลาย เดี๋ยวเขาจะมาทำร้าย เดี๋ยวจะเป็นโอษฐภัย อาตมาก็พูดมามากแล้วนะที่จริง เขายังไม่รู้ภาษา สักวันหนึ่งอาตมาคงจะเจอ ตอนนี้ก็ว่าไปก่อน เรื่องนี้อาตมาว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเลยของโลก ก็รอแต่ผู้แสวงหา 

อาตมามีบุญดีอยู่อย่างหนึ่งว่า พูดภาษาโลกๆ ว่าบุญดี คือกุศลดี หรือบารมีดี ดีตรงไหน คือที่อาตมาไม่รู้ภาษาต่างประเทศ ถ้าหากอาตมารู้ภาษาต่างประเทศดีเหมือนพิธา เหมือนทักษิณ อาตมาจะพูดธรรมเท่ พูดภาษาอังกฤษ พูดภาษาสากลที่เขารู้กันทั่วโลกนะ มันจะกระจายไป อาตมาตายแล้วป่านนี้ เห็นไหมว่าอาตมามีกุศลดี เพราะฉะนั้นการที่อาตมาไม่รู้ภาษาต่างประเทศเลย พูดแต่ภาษาไทยอยู่ในโลกให้คนไทยรู้ไปก่อน เราจะช่วยกัน ถ้าไทยรู้เป็นมวลใหญ่แล้ว ศาสนาอื่นศาสนาใดก็ทำอะไรไม่ได้ 

แต่ขณะนี้ถ้าขืนชาวต่างประเทศ ชาวเทวนิยมที่เป็นศาสนาหมู่ใหญ่เป็นเทวนิยมอีกหลายศาสนา เป็นศาสนาพระเจ้าทั้งนั้น ขออภัยนะต้องพูดอย่างนี้ เขาเป็นศาสนาที่มีพระเจ้าทั้งนั้น ยังไม่เป็นศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า ศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้า มีเหมือนกันศาสนาที่ไม่มีพระเจ้าแต่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ อย่างเช่นศาสนาเชน ของพระมหาวีระ เป็นพระศาสดา แก้ผ้าเข้าป่า ไม่ออกมาหาใคร ไม่กิน ไม่เอาอะไรเลย สุดโต่ง นั้นเขาก็ไม่นับถือพระเจ้าเหมือนกัน แต่ว่ามันคนละขั้วกันเลยกับชาวพุทธ ชาวพุทธนี้มัชฌิมา แต่ของเขาไม่มัชฌิมา สุดโต่ง พรหม ผู้บริสุทธิ์จากเทวดา บริสุทธิ์จากมาร พรหมคือความบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จากเทวดา บริสุทธิ์จากมาร โดยเฉพาะคำว่ามารนี้คือทุกข์ คำว่าเทวดานี้คือสุข แล้วก็ไปหลงสุข มารก็หลอกสุขนี่แหละว่าเป็นตัวหลอก ที่แท้เป็นตัวทุกข์ อาตมาก็อธิบายมาหมดแล้วว่าสุขทุกข์มันอันเดียวกัน พระพุทธเจ้าอธิบายไว้หมดแล้ว แต่มันผิดเพี้ยน มันเสื่อมไปหมด อธิบายกันไม่ออก ไม่รู้ความจริง 

ขยายความสรุป เทวดานั้นอย่างหนึ่งคือความหลง มารนั้นคือความจริงของเทวดา เทวดาคือหลง ชัดๆก็คือความโง่ อวิชชา หลงไม่รู้ มันโง่ มันก็ไม่รู้ ที่แท้เราเป็นมารแต่เราหลงมารเป็นเทวดา เราหลงว่าเป็นเทวดา ที่แท้มันคือมาร แล้วก็หลงว่าตัวเองเป็นเทวดายิ่งใหญ่ ใหญ่ไปตามลำดับ หลงยิ่งใหญ่จนกระทั่งสุดท้าย นี่แหละจะเป็นโอษฐภัยตรงนี้ ยิ่งใหญ่สูงสุดก็เป็นเจ้าศาสนาเลย เพราะฉะนั้นเขาไม่รู้ความเป็นพรหมที่แท้จริง พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรานี่แหละคือพรหมกาย เราคือธรรมกาย คือกายบริสุทธิ์ กายสะอาด กายหมดจด กายแทงทะลุรอบ ไม่ติดยึดในความเป็นกาย แม้ที่สุดจะมีกายหรือไม่มีกายก็รู้รอบถ้วนได้ 

เมื่ออาตมาพูดมาถึงตรงนี้แล้วพระพุทธเจ้าสรุป ข้อ 17 พระไตรปิฎกเล่ม 4 อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความพ้นวิเศษของเราไม่กลับกำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด ภพใหม่ไม่มีต่อไป.ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.

[17] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสียงว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.เทวดาชั้นจาตุมหาราช ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดาแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.เทวดาชั้นดาวดึงส์ ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.

เทวดาชั้นยามา ...

เทวดาชั้นดุสิต ...

เทวดาชั้นนิมมานรดี ...

เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดีแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไปว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว

ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ  ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.ชั่วขณะกาลครู่หนึ่งนั้น เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ด้วยประการฉะนี้แล.ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้าน ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้ ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย.ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งพระอุทานว่า ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ เพราะเหตุนั้น คำว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้ จึงได้เป็นชื่อของท่านพระโกณฑัญญะ ด้วยประการฉะนี้.ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จบ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชา วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 

 

 


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2566 ( 16:22:19 )

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 48

รายละเอียด

ส่งเสียงเองก็ได้...สุ้มเสียงก็แหบๆเบาๆ ไม่มีพลังอะไร แต่มันถึงเวลาวาระของมัน ในวัฏจักรของการหมุนเวียน ของลูกโลก ของดวงดาวของอะไรต่ออะไรเป็นไปถึงวาระ วันนี้คือขีดเขตทั่วโลก สากลของลูกโลก ของดวงดาว ของอะไรต่ออะไรเป็นไปถึงวาระวันนี้คือขีดเขตทั่วโลกสากลเก่า 

ในศาสนาพุทธเราถือว่าเป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง แสงสว่างที่สุดว่างั้น เขาก็เอาทางโลกแสงสีเสียง แสงสว่าง เป็นวันสะอาดจากทางแสง ใจเราก็ควรจะสะอาด จากกิเลส รูปมันก็ออกทางแสง เสียงก็ออกทางเสียง ส่วนใจคนใจเราอันนี้แหละเป็นยอดสุด ใจของคนนี่เป็นยอดสุด ต้องอ่านใจ อ่านเจตสิก 

พระพุทธเจ้าแยกแยะเอาไว้ละเอียดละออหมดแล้วรายละเอียดของพลังงาน ที่มันปรุงแต่งกันจิตตั้งแต่เบา จิตตั้งแต่ยังไม่มีชีวะที่ได้พูดมาแล้ว 

อาตมาก็ได้ว่าอธิบายมาถึงขนาดนี้แล้วสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่พลังงานระดับทางวัตถุ พลังงานทางสสาร พลังงานทางมหาภูตรูป พลังงานทาง ดิน น้ำ ไฟ ลม จนข้ามเขตมา ต่อเนื่องด้วยพลังงานของเชื้อรา พลังงานเห็ด พลังงานเชื้อรา อหิจฉตตกะ ต่อเชื้อเข้ามาเป็น ภูตะ มาเป็นภูตคาม เริ่มเขาเรียกว่าเป็นชีวะ เริ่มต่อเชื้อมาจากเชื้อเห็ด มาเป็นชีวะก็ได้คิดว่าอธิบายจากความรู้ความรู้ ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เอาไว้ โดยใช้พยัญชนะ ภาษาเดิมคือภาษาบาลี เอามาชี้แจงอธิบาย 

แล้วคนเราก็จะรู้ที่สุดแห่งที่สุดได้ ว่าพลังงานที่สืบต่อจากมหาภูตรูป เชื่อมต่อมาเป็นช่วงที่เป็นเห็ดเป็นรา แล้วก็มาเป็น ภูตคาม พีชคาม เจตภูต ปานะ เจตสิก เป็นสัตตะ เป็นจิต เป็นวิญญาณ หรือ เรียกเต็มๆว่าเป็นจิตนิยาม 

แล้วจิตนิยามก็เป็นพลังงานของธาตุรู้ ที่รู้ได้เจริญสูงสุดถึงขั้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นแหละ จิตนิยาม คนจะจบเป็นรอบๆ ก็จบกิจก็อธิบายไปหมดแล้ว 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ใฝ่นิพพานจริงๆ ใฝ่ที่จะไม่เกิดจะดับสนิท จะสลายดินน้ำลมไฟ จะสลายจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมลงไปได้จริงๆ นี่ หรือจะมาเป็นถึงขั้นความเป็นพระพุทธเจ้าที่จะสลายจิตนิยาม อย่างอาตมายังตั้งใจอยู่ ยังไม่ยอมรีไทร์ ยังพยายามที่จะบำเพ็ญไปถึงธาตุรู้ ที่รู้รอบในขีดเขตที่ถึงว่า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคืออรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าระดับ 6 ให้สมบูรณ์แบบ ตามที่ได้อธิบายไปแล้ว หรือเป็นโพธิสัตว์ระดับ 9 ก็พากเพียรพยายามทำอยู่ 

เพราะมันได้ประโยชน์ที่สืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้า และก็ได้ประโยชน์ที่ให้ผู้อื่นได้รับรู้ เรียนรู้ศาสนา ธรรมะของพระพุทธเจ้าต่อไปด้วย ซึ่งมันก็จำเป็น 

อาตมาอายุขัยมันแย่เต็มที่แล้ว มันเมื่อย มีแต่เมื่อยกับเมื่อยแอนด์เดอะเมื่อย เมื่อย มันอยากจะขาดลมหายใจไป ก็พยายามว่าจะพยายามรักษาไว้บ้าง แต่มันก็ยังจะขาดอยู่นั่นแหละ  ขาดก็ขาดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะ ทุกคนก็อย่าไปคิดคาดคะเนอะไรกันไว้มากมาย ถึงเวลาไปก็ไป ขอไปก็แล้วกัน มันต้องเกิดมาอีกแน่อยู่แล้ว เพราะว่ามันเห็นอยู่แล้วว่า ธรรมะพระพุทธเจ้านี่ขนาดนี้ที่เป็นอยู่นี่ ไม่ถึงหรอก 5,000 ปีอีก 2,000 ปีไม่ถึง ไม่ถึง 

มันเป็นความรับผิดชอบที่อาตมาจะต้องเกิดมาเพื่อที่จะสืบต่อ เพื่อที่จะสืบทอดของพระพุทธเจ้าต่อไปจนให้มันมีเนื้อธรรม บริบูรณ์ไปถึงอีก 2,000 กว่าปี นี่มัน 2567

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 48 วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2567 ( 19:43:07 )

พ่อครูเทศน์แบบนักประพันธ์นักผูกเรื่องนักเล่านิทานนักพูกปากจัด

รายละเอียด

อาตมาอธิบายอย่างนี้รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่แล้ว ชีวิตพวกเรานี้ มันเป็นชีวิตที่สดใหม่อาศัยกันและกันอาศัยดินอาศัยน้ำอาศัยลมอาศัยไฟอาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหาร  ส่วนพวกนกหนูปูปีกก็ร้องสดชื่นอิสระอยู่ในนี้ อีกหน่อยสัตว์ต่างๆจะมากัน เพราะที่นี่ปลอดภัย นกกระจาบยังมาทำรังอยู่เยอะเลย มันไม่ไปที่อื่น มันมีสัญชาตญาณรู้ว่าอยู่ที่นี่มันปลอดภัย มันไม่อยู่ที่ไม่ปลอดภัยหรือสกปรก เดี๋ยวเถอะ นกอินทรีย์หนีจากอเมริกามาอยู่ที่นี่หมด นกหวีดจะหนีจากสุเทพ เทือกสุบรรณ มาอยู่ที่นี่หมดเลย  อัตมาเทศน์แบบนักประพันธ์นักผูกเรื่อง นักเล่านิทาน รับรอง JK rowling ตกกระป๋องเลย JK rowling เขียนเรื่องเดียวรวยเละเลย รวยมหาศาล ตอนนี้ยังนอนกินเงินเลย อาตมานี่อยากเป็นนักประพันธ์ เขียน แต่มันไปไม่ได้ โลกีย์เขาปิดทางไป ให้มาทางธรรม จะไปอะไรก็ไม่ได้ จะไปเป็นศิลปินใหญ่ ศิลปินทางไหนก็แล้วแต่ ร้อง แสดง แต่ง เพลง เรื่อง วาด พากย์  ถ่าย สมัยโน้นอยากเป็นนักพากย์ชื่อดัง ไม่ได้เป็นสักอย่าง ได้มาเป็นนี่ล่ะ นักพูดปากจัด ว่าเขาไปหมด อาตมานี่ถ้าพูดไม่เก่งนี่ไม่รอดนะ ที่อยู่รอดนี้เพราะว่าพูดเก่ง ด่าเขาแล้วเขาไม่มาฆ่า ด่าเขาทุกวัน ด่าชาวธรรมะไม่พอไปด่านักการเมืองเขาอีก ยังไม่พอยังด่านักเศรษฐศาสตร์อีก ด่าไปถึงต่างประเทศ ด่าแล้วเขาไม่ค่อยเอาเรื่องกะเรา หรือบางทีเขาไม่ค่อยรู้ตัวว่าโพธิรักษ์ด่าหรือ เขาไม่รู้ตัวหรอกทั้งๆที่ด่าหนานะ สายฟ้าในวาทะ ขวานจักตอกไม่แตก ก็สารพัดไม่ว่าจะด้านหยาบด้านละเอียด ก็ทำไปทุกด้านทุกมุมทุกอย่าง จนกว่าเราจะหมดสิ่งที่ใครเขามาด่าเราไม่ได้ มันเป็นสัจจะความจริงใครก็มาด่าเราไม่ได้ อาตมานี้ใครจะมาด่าอาตมาไม่ได้   แต่คนโง่ก็ด่าเอาๆ พวกนั้นเขาก็ได้บาปไปมันเป็นอกุศลกรรม เขามาด่าคนที่ไม่สมควรด่า มาด่าพระอาริยะนรกก็มี 11 ขุม ตกมันทั้ง 11 ขุม มาตำหนิพระอาริยะ ตกนรก 11 ขุม ซึ่งสัจจะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ พวกเราจะเข้าใจสภาวะ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:22:25 )

พ่อครูเทียบพวกหลับตาปฏิบัติเหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนัง

รายละเอียด

เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ แทนที่จะได้ยินเสียงบ้าง ภาพไม่ได้เห็นเพราะตาบอด แต่ไม่ได้ยินเสียงอีก บอกกันว่า พระเอกหล่อจังเลย ท้องฟ้าสีสวยจังเลย ตาบอดชมท้องฟ้าให้กันฟังมันเป็นอย่างนั้นจริงๆเลย เขาไม่รู้ตัวหรอกนะว่าที่เขาเป็นอย่างที่อาตมาพูด ตาบอดคุยกับคนตาบอด เราฟังแล้วก็โอ้โห คนตาบอดเคยคุยกัน ประเภทที่มาหลอกโลกเพราะตัวเองเป็นอย่างนั้น ตาบอดจะไปเห็นฟ้าอะไรได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก อาตมาก็พูดด้วยความจริงใจนะ สงสาร ที่มันเข้าใจไม่ได้ก็เห็นใจ มันบังคับกันไม่ได้ จะมาเห็นตามรู้ตามมีทิฏฐิตาม

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2565 ( 14:31:56 )

พ่อครูเน้นสังคม ผู้คน ธรรมะ

รายละเอียด

พ่อครูเน้นการสอนจริงๆ สร้างจริงๆ ปั้นจริงๆ จนมีสังคมชุมชนคนจน พยายามจะให้เกิดเป็นตำบลเป็นหมู่บ้าน ได้เป็นหมู่บ้านบ้างแล้ว แต่กระจายไป ถ้าเป็นทางนิตินัย รวมหมู่บ้าน ให้เกิดตำบล อย่างน้อยต้องมี 7 หมู่บ้าน 9 หมู่บ้าน มีคนคิดอ่าน แบ่งบ้านราชฯได้หลายหมู่บ้าน ก็เป็นตำบลบุญนิยม เราเน้นวัฒนธรรมพฤติกรรมแบบนี้สังคมแบบนี้ ซึ่งก็จะมีการบริหารเป็นการบริหารปกครองตามระบอบทางโลก เข้ามาอย่างมีบทบาทร่วม มีกรอบวิธีของโลกมาร่วม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:09:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:39 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:31:42 )

พ่อครูเน้นให้ทำถนนพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่ออะไร

รายละเอียด

อาตมาว่าถ้าหากอาตมามีชีวิตอยู่ไปอีก จะกี่ปีๆ ก็ตาม อาตมาจะมาเน้นให้พวกเราทำ ตอนนี้ใครจะทำ ขอให้ทำเลย นี่ทำเป็นถนนพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่จะพึ่งกินพึ่งใช้กันได้ เป็นถนนปันสุข ปลูกไป ใครจะกินก็เอาไปกินกัน ต่อไปนี้ก็คงจะต้องมีคนไปคอยดูเฝ้า จะมีคนตะกละตะกลาม ซึ่งไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก มีคนดูแลแทนอย่างซับซ้อน เขาจะบอกว่าตะกละอะไรกันนักกันหนา ลูกยังไม่ทันจะโตเลย เอาแล้ว ปล่อยให้มันแก่ให้มันสุกหน่อยไม่ได้หรือยังไง หรือบางคนหอบเอาไปมากๆ แต่มันจะค่อยๆรู้ เขาจะค่อยๆเข้าใจกัน ว่าเขาทำเผื่อแผ่เรา เราไม่ได้ทำ เราจะไปขี้โลภได้อย่างไร มันจะค่อยๆเสมอ ค่อยๆรู้สึกสำนึก มันเป็นการสอนซ้อนกันซึ่งต้องใช้เวลานานหน่อย ข้อสำคัญต้องอดทน พยายามปลูกไป จนเต็มไปหมด ตอนนี้เราทำเป็นสาธารณะคือข้างถนนเป็นสาธารณะ ปลูกข้างถนนให้เห็น คนเห็นก็บอกว่าเป็นของสาธารณะ เราก็มีเก็บกินพออยู่พอกินของเราข้างในอยู่แล้ว อันนี้เราไม่ได้เก็บไปแย่งเขาหรอก ปล่อยให้เขาเก็บกินกันนั่นแหละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:54:37 )

พ่อครูเปรียบตัวเองเหมือนหมากลางตลาดที่มาพิสูจน์โลกตระ

รายละเอียด

อาตมาเห็นอจินไตยที่อาตมาเกิดมาในชาตินี้ เกิดมาแล้วไม่มีอะไรเลยล่อนจ้อน อาตมาไม่มีอะไรเลย ล่อนจ้อน เป็นหมากลางตลาด ไม่มีเจ้าของ อาศัยกินของที่เขาทิ้ง ต้องหลบเท้า ไปใกล้เขาเอาน้ำร้อนสาด ต้องหลบน้ำร้อน หลบปังตอ เป็นหมากลางตลาด ยากเย็นกว่าจะมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ใช่หมาที่ไม่ทำงานนะ

แต่เป็นหมาที่พยายามอยู่เพื่อประกาศโลกุตระ อาตมาเกิดปีหมา หมอดูบอกว่าอาตมาเป็นหมากลางตลาด ฟังดูเข้าทีเหมือนกัน ต้องคอยหลบเท้า หลบน้ำร้อนเก็บกินสิ่งที่เขาทิ้ง ขนาดเขาทิ้งแล้วเขาก็ยังหวง อยู่ย่างอดอยาก ต้องพากเพียร หลบตีน หลบน้ำร้อน หลบปังตอ หลบไม้หน้าสาม เขาหาว่าไปกวน ที่จริงไม่ได้ไปกวนเขาหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:32:03 )

พ่อครูเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างอย่างไร 

รายละเอียด

ถ้ายังอยู่ต่อไปอาตมาว่าก็ยังทำประโยชน์ได้อยู่นะ อย่างดีก็ขอกินข้าววันละมื้อ มีที่นอนให้นอนอย่างไรก็ได้ มีที่นั่งทำงานที่ไหนก็ได้ มีเวลาทำงานเท่าไหร่ก็เอา ไม่มีเวลาให้อาตมาก็ทำของอาตมาเอง เขียนไป บ่นใส่ที่เก็บบันทึกไป คนเก็บบันทึกเขาก็เก็บไว้ทั้งหมด มีเวลานอนเท่านั้นเขาขอเอาไปชาร์จ ถ้าไม่ชาร์จก็เอาไว้อย่างนั้นตลอดกาล แต่เขาจำนนต้องเอาไปชาร์จ รุ่งเช้าก็เอามาให้แต่เช้า นอนลงเมื่อไหร่ก็เอาคืนไป ทุกวัน ไม่มีคำไหนตกหล่น อัดไว้หมด เสียงปู๊ดป้าดก็มี เอ้าจริง ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงเรื่องจริง ตลอด ถ้าเผื่อว่าไม่เอาไปชาร์จ เขาเอาไว้ 24 ชม.แน่ ก็มีเสียงกรนเสียงลมหายใจ อัดไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาไม่มีอะไรปกปิด ไม่มีอะไรซ่อนแฝง อาตมาก็เปิดทุกอย่าง เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่าง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:29:25 )

พ่อครูเป็น invisible และเป็น untouchable ด้วย

รายละเอียด

อาตมาเป็น invisible และเป็น untouchable ด้วย คนไม่ถูกหรอก ใครเคยอ่าน เรื่อง invisible Man บ้าง มันเป็นวิทยาศาสตร์คิดทำให้ตัวเองหายไปได้ ไม่มีใครเห็นได้ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมาก เพราะว่าคนไม่เห็นมัน ก็เดินชนมัน คนเดินชนมัน แต่ไม่เห็นตัวมัน มันมีตัวตนแต่มองไม่เห็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:27:31 )

พ่อครูเป็นคนมีเมตตาสูงจึงพูดซ้ำซาก

รายละเอียด

อาตมาไม่ไปว่าหรอกเดียรถีย์ข้างนอกหรือเดียรถีย์ข้างนอก อาตมาจะพูดกับพี่น้องชาวพุทธ ว่า เธอมิจฉาทิฏฐิไปแล้วนะ พูดกับเขาก็ตรงหน้าแงเขาก็เลยแรง แต่มันเป็นสัจจะ ที่อาตมาพูดซ้ำซากไม่ใช่อาตมาดื้อด้านดึงดัน แต่อาตมามีเมตตาสูง อาตมาจะมีเมตตาไม่มีประมาณอยู่ตลอด อาตมาพยายามดึงพวกเดียรถีย์มาสู่ทางพุทธ สำหรับพวกหลงทาง แต่พวกที่เป็น อัญญเดียรถีย์อย่างสนิทแล้วเขาไม่ฟังอาตมาหรอก เขาตีทิ้งคนละส่วนเลย เขาจะอยู่ส่วนเขาเราก็อยู่ส่วนเรา เป็นนานาสังวาส จะเรียกว่าคนละนิกาย คนละศาสนาก็ไม่เป็นไร มันอยู่ในศาสนาเดียวกัน อาตมาก็ถือว่าเป็นนานาสังวาส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 14:28:16 )

พ่อครูเป็นคนอีสานรุ่นเก่า

รายละเอียด

คนเก่าคนแก่พอๆกับอาตมาก็น่าจะรู้จัก บักผู อาตมาเป็นคนอีสานรุ่นเก่าจนกระทั่งวัยรุ่นจึงไปต่อที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ก็กลับมาย้อนอยู่ที่อีสาน อายุ 36 ปีบวชแล้วก็ยังอยู่ทางโน้นไม่ค่อยมาทางนี้ ยังอยู่ทางภาคกลาง จนกว่าจะย้อนมาที่อีสานก็อายุ 50 ปีกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:32:00 )

พ่อครูเป็นคนแห้งมาแต่ไหนแต่ไรต้องดื่มน้ำเพื่อผู้อื่น

รายละเอียด

อาตมาเป็นคนแห้งมาแต่ไหนแต่ไร ก็พูดยาก อาตมาเป็นคนแห้ง ทางสรีระ เขาว่า เยี่ยวเหลืองแล้ว คุณก็อัดน้ำไปเดี๋ยวเยี่ยวก็ใส แต่มันก็จะเหลืองตามปกติของอาตมา แต่เขาว่าต้องกินน้ำ เยี่ยวจึงใส มันละลายออกมา ก็มันสีเหลืองสีเข้มอะไรก็เป็นธรรมดาก็เป็นเรื่องของอาตมา แต่เขาก็บอกว่าต้องใส อาตมาก็เลยจำนนต้องดื่มน้ำไป ดีไม่ดี สุขภาพเราจะดีกว่าเดิมด้วย หากไม่ต้องดื่มน้ำมาก สรีระของอาตมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ อาตมาก็ไม่ประหลาดอะไรเป็นแต่เพียงบางอย่างยากหน่อย คือ อาตมาเข้าใจเจตนาดีตามความรู้ เขาก็ยืนยันความรู้ว่าถูกต้อง ต้องอย่างนี้ ก็เป็นเจตนาดี เขากลัวบกพร่องผิดมาตรฐาน Standard ของเขา ก็เอา ที่จริงมันก็ลำบาก Standard ของอาตมาบ้างเหมือนกัน อาตมาก็จำนนเพราะพอทนได้ก็ไม่มีปัญหา อาตมาดื่มน้ำเพื่อผู้อื่น เป็นคนแห้งมาแต่ไหนแต่ไร แต่จะให้อาตมาบวม มันคนละเรื่อง อาตมาไม่ใช่คนท้วม อาตมาเป็นคนแห้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 09:00:26 )

พ่อครูเป็นคนไม่มีโครงการ แต่รอให้เหตุปัจจัยมาถึงแล้วทำสิ่งนั้นไป

รายละเอียด

ใช่ เป็นผู้ที่มีตัณหาอันเป็น วิภวะ แล้ว ตัณหาอันไม่มีภพชาติเกิดอีกแล้ว เป็นตัณหาที่ไม่มีภพ ก็เป็นซินโนนีม เป็นความหมายเดียวกันถ้าใครเข้าใจ คำว่าบูชาสูงสุดยกย่องกราบคารวะสูงสุดสูงยิ่งอะไรต่ออะไร อาตมาก็รับแหละอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ ก็ไม่อยากปฏิเสธหรือไปตัดทิ้งอะไร คนที่เขารำคาญหรือคนที่เขารู้สึกไม่ดีก็ให้เขารู้สึกไป 

ส่วนคนมองมุมดีแง่ดี ก็จะรู้สึกว่า ควรมองยิ่งอย่างไรจะได้ศึกษา ส่วนคนที่หมั่นไส้ก็ไม่เอาเราก็จะได้คัดเลือกออกไป บอกว่ายกย่องมากไปเวอร์ไป ก็คัดเลือกคนที่ไม่ทนทาน ไม่มีภูมิพอจะรู้ว่าอันนี้จริงหรือไม่จริง มันอะไรยังไงขนาดไหน เขาก็ไม่ทนจะอยู่ศึกษาต่อ เพราะเขามีภูมิเบาบาง ภูมิไม่ลึกไม่แหลมพอ จะรู้สิ่งที่รู้ได้ยาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34) เขาจะไม่มีสิ่งลึกซึ้งพวกนี้เลยว่าเป็นธรรมชาติ  ถูกต้อง เขียนสภาวะของตัวเองออกมาก็ดี เข้าท่า เจริญ สรุปได้ว่าพัฒนาเจริญขึ้น ศึกษาไปแล้วเข้าใจ ทำได้ จนกระทั่งลดความกลัวในสิ่งที่ไม่น่ากลัว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2565 ( 19:27:44 )

พ่อครูเป็นดีเจคนแรกของประเทศไทย

รายละเอียด

วันนี้มีมากมายที่ให้อาตมาโฆษณา นอกจากจะโฆษณาหนังสือแล้ว นี่หอมแดงหุ้มทองมาด้วย ชีวิตอาตมาแต่ก่อนเคยไปเป็นคนเลี้ยงลูกให้เขา ซักผ้า ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ให้คุณล้วน ควันธรรม ตอนนั้นจำเป็นจำนนจึงต้องทำ อาศัยใช้เป็นที่อยู่รอดให้ได้ไปเรียนหนังสือ ก็ยังดีที่คุณล้วนเขายังให้จักรยานใช้ 1 คัน ในชีวิตก็ยังไม่เคยเห็นใครใช้จักรยานแบบนี้ คุณล้วนใช้อาศัยให้ขายหนังสือเขา เราก็อาศัยรถจักรยานอันนี้แหละที่ไปขาย หน้าเฉลิมกรุง แยกเฉลิมบุรี ที่เขามีงาน เอาใส่รถถีบไป เบรคมันจะเป็นแบบฟรีสเตอร์ลิง ถอยหลังปุ๊บมันจะหยุด ได้ใช้ตอนเรียนม.7 ม.8 เขามีกระเป๋าหนังสือใบใหญ่ให้ใช้ แต่ก็ไม่ได้ยึดมาเป็นของเรา ออกมาแล้วก็ไม่ได้เอาอะไรไป กระเป๋า รถจักรยาน เขาให้แหวนเหล็ก หัวมันสี่เหลี่ยมอาตมาชอบใส่นิ้วนางพอดีเลย ดูเท่ แหวนเหล็กสแตนเลส เหล็กหัวสี่เหลี่ยมธรรมดา ก็ให้ใส่ อาตมาออกมาจากบ้านคืนเขาหมด แหวนก็ถอดคืนออกมา ไม่เอาอะไรติดตัวมาเลย ที่เป็นของคุณล้วน เพราะว่า ขอพูดประวัตินิดหน่อย 

อาตมาเป็นดีเจคนแรกในประเทศไทย ตั้งแต่สถานีวิทยุในประเทศมันมีอยู่ 3 สถานี 1. กรมประชาสัมพันธ์  2. สถานี 1 ปณ. 3. สถานีรักษาดินแดน ของทหาร อยู่ที่ท่าพระจันทร์ อาตมาสนิทสนม ตั้งแต่เด็กๆอายุ 16-17 ตั้งแต่เรียนอยู่กับคุณล้วน สนิทสนมยังไงไม่รู้ เป็นความพิเศษของอาตมา 1 ปณ อาตมาทำละครวิทยุเอาไปเข้าเลย ทั้งๆที่อายุแค่ 15 16 17 ลุงเหงี่ยมให้เต็มที่เลย อาตมาก็ทำอยู่ตอนรักษาดินแดนเกิด คุณล้วน ก็ขอออกเป็นช่องรายการเพลง เอาเพลงของเขา แผ่นเสียงเอามาโฆษณา หรือได้เป็นเสียงของคนอื่นก็ตามเป็นเพลงใหม่ออกมา ดีใจ ได้มาก็เอาไปเปิดโชว์ก่อนใครเลย ได้มาแล้วดีใจ เดี๋ยวนี้จ้างนะ เจ้าของเพลงแผ่นเสียงต้องมาจ้าง ต่อมาต้องมาจ้าง เดี๋ยวนี้มันไกลไปลิบลับแล้ว 

อาตมาเป็น DJ คนแรก เปิดเพลงแล้วก็บรรยายไป แรกๆก็บรรยายอย่างเท่ แต่งเป็นกลอนแปด บรรยายเสร็จก็เปิดเพลงไป มีพูดบ้าง เป็นภาษาร้อยแก้วธรรมดาบ้าง กลอนประกอบอย่างเท่เลย เป็นดีเจคนแรกในประเทศไทย ได้สปอนเซอร์ มีสปอนเซอร์ใหญ่ 2 เจ้าของคุณล้วน คือ จักร Pfaff  กับ นาฬิกา Rolex อาตมาไม่ได้แอ้มเลย นาฬิกาจะให้สักเรือนก็ไม่มี หรือว่า จักร Pfaff ได้เงินได้ทองมาไม่เคยเล็ดลอดมาให้อาตมาเลย ก็ขอพูดความเป็นจริงไม่ได้มีนินทาว่าร้าย พูดถึงความขี้เหนียวของแก ขนาดแกชอบกินไอศกรีม อยู่หน้าศาลเจ้าพ่อเสือ ถนนบรรทัดทอง เป็นร้านอร่อย ไอ้เราก็อยากกิน แกก็ให้ไปซื้อใส่กระป๋องมา แกก็นั่งกินต่อหน้าเรา กินหมดก็บอก แกไม่แบ่งให้เรากินเลย เราก็ไม่ค่อยมีสตางค์มากไม่ค่อยได้กิน แกก็ซื้อมากินบ่อย ให้เราไปซื้อมา แกก็กินของแกคนเดียว จริงๆมันเป็นบทฝึกหัดของเรา ให้เราอดทนสู้ อย่าไปริษยาเขา ใครจะขี้เหนียวใครจะมีใครจะให้เราเขาก็มีส่วนเกื้อกูลเราเพราะเราได้อาศัยบ้านอาศัยที่กินที่อยู่ที่หลับที่นอน อาศัยเรียนหนังสืออยู่มีชีวิตไป เราก็เห็นอันนี้เป็นหลักเป็นบุญคุณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 12:47:40 )

พ่อครูเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าต้องมาเรียนกับพ่อครู

รายละเอียด

ทุกวันนี้ พุทธคุณข้อวิชชาและจรณะ มันไม่มี ไม่เข้าใจ ปฏิบัติธรรมก็เข้าใจหลักธรรมแบบฤาษี แบบเดียรถีย์ หรือหลงโลก เป็นพระนักวิชาการนักรู้ พุทธศาสนาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเทวนิยม ได้ปริญญาเอก มีแต่ผู้ที่เป็นเทวนิยม ชาวพุทธที่เป็นเทวนิยม ไปเรียนความรู้แบบนี้ของเขามากกว่าความรู้แบบอเทวนิยม แล้วก็หลงตัวหลงตน 

ขออภัย พูดและอธิบายยืนยันว่า อาตมาเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า มาเรียนกับอาตมานี่ พูดแล้วก็น่าเกลียดเนาะ อวดตัวอวดตน อาตมาพูดความจริงจากใจ ไม่มีอะไรที่จะมังกุ เก้อยาก ไม่เก้อเขิน ไม่อาย ไม่มีอะไรสะดุดเลย มันเป็นความจริง อาตมาพูดไปเปิดเผยทุกอย่างไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีอะไรติดขัด อาตมาบอกความจริงแบบ เกลี้ยงๆหมดแล้วนะ บอกความจริงครบพร้อม คนจะฟังเข้าใจ ก็ต้องมีไหวพริบพอสมควรที่จะรู้ว่าจริงขนาดไหน 

แล้วเวลาอาศัยเนื้อแท้สาระแท้ อาตมาก็อธิบายไป ที่จะติงเขา ตื่นเสียที รู้เสียที ที่หลงยึดติดนั้นไม่ถูก มาเอาความถูกต้องที่นี่ 50 กว่าปีนี้เหนื่อย ก็พยายามลากสังขารไปอีกนานมากกว่านี้หน่อย ได้มากเท่าไหร่ก็เอา ตั้งใจ ไม่เจตนาหรอกมันมีเหตุปัจจัยพาไปพูด 151 ปี เคยเล่าที่ไปที่มาให้ฟังแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:17:29 )

พ่อครูเป็นนักการเมืองไม่มีตัวตน

รายละเอียด

ทีนี้มาเข้าเรื่องที่อาตมาตั้งใจจะพูดเลย คืออยากจะพูดถึงเรื่อง การเมือง ใครจะว่าสะเออะก็ตาม อาตมาก็เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วอาตมาเห็นความจริงว่า อาตมาเป็นนักการเมืองที่พอใจน่าพอใจ เพราะอาตมาเป็นนักการเมืองที่แสดงการเมืองหรือไปทำงานการเมืองได้ผล จนกระทั่งทุกวันนี้ คนก็ไม่นับถืออาตมาว่ามีตัวตนเป็นนักการเมือง แหมดีจังเลย อาตมาก็เลยเป็นคนไม่มีตัวตนในเรื่องการเมือง แต่อาตมาก็ร่วมไปกับการเมือง แต่ไม่ได้ทำเป็นงานหลัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 13:49:13 )

พ่อครูเป็นนักภาษาที่ไม่หยุดพูด The Great word ไม่ใช่ big word

รายละเอียด

ดีกว่า ให้อาตมาไปทำอย่างหลวงพ่อคูณ ท่านพุทธทาส มหาบัว

หนึ่ง สิ่งที่อาตมาพูดไปนี้อาตมาเข้าใจทุกคำความทุกวลีเข้าใจทุกประโยค อาตมาเป็นนักภาษานะ คุณน่ะหลับหูหลับตา ขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก คุณขี้ตู่ผิด คุณกำลังตู่นักภาษา ว่าโม้ อาตมาว่าอาตมายังอธิบายไม่ถึงเลย คุณเอา Big word มาอธิบายอาตมา แต่ว่าอาตมากำลังพูด Great word ที่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ออก คุณแยกคำขี้โม้ กับคำพูดที่ยิ่งใหญ่นั้นต่างกัน อาตมาเป็นเจ้าภาษานะกำลังพูดภาษาให้ฟัง อาตมาเป็นคนรู้จักภาษาดี กำลังใช้ภาษาอธิบายสภาวะให้ฟัง 

เพราะฉะนั้นจะให้อาตมาทำอย่างนั้นอาตมาไม่ทำหรอก แล้วคุณเข้าใจว่าถ้าไปทำอย่างนั้นมันจะดีกว่าที่ทำอย่างนี้ อาตมาว่าคุณพยายามทำความเข้าใจใหม่ว่าคุณตู่ผิด อาตมาไม่ได้โม้ big word แต่อาตมาพูด great word อาตมาเป็นนักภาษาพูดแล้วเข้าใจทุกคำความทุกพยัญชนะทุกประโยค แต่คุณมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นขี้ขยะ คุณต่างหากเลอะเทอะ คือเห็นเพชรนิลจินดา ว่าเป็นขี้ขยะ คนเลอะเทอะไม่ใช่อาตมาแต่คนเลอะเทอะก็คือคุณ แล้วบอกว่าอาตมาขี้โม้ อาตมาเหน็ดเหนื่อยที่จะพากเพียรอธิบายสัจธรรมนะ คุณพูดอย่างไรอาตมาก็ไม่หยุดที่จะพูด The Great word อาตมาไม่ได้พูดคำขี้ big word แต่อาตมาพูดคำเพชรคำทอง คำดี The Great word 

อาตมาว่าจะมาทำสิ่งนี้ดีกว่าที่คุณแนะนำมาแน่นอน ขอบคุณที่แนะนำแต่อาตมายังไม่โง่หรือยังไม่บ้า ที่จะไปทำตามอย่างที่คุณว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:46:29 )

พ่อครูเป็นนักสภาวะ ไม่ใช่นักวิชาการ

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้อธิบายตามตำรา แต่นี่อธิบายเป็นภาษาไทย เข้าใจสภาวะง่ายๆ พูดไปก็จะไม่คงที่หรอก วันนี้อธิบายอย่างนึง พรุ่งนี้ก็จะอธิบายอีกอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนนักวิชาการเขา เพราะนักวิชาการจะต้องไปตามพยัญชนะ พอพูดซ้ำจะซ้ำเดิมเป๊ะ พอตรวจข้อสอบ คนตรวจข้อสอบก็เอาบล็อกมาวาง ถ้าผิดจากบล็อคก็ผิด คือนักวิชาการก็พาชื่ออย่างนั้น แต่อาตมาไม่ใช่นักวิชาการ อาตมาเป็นนักสภาวะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:56:49 )

พ่อครูเป็นนักเศรษฐศาสตร์ตัวจริง

รายละเอียด

ถ้าคนเขารู้ได้เร็วเพราะคนเขาแสวงหา คอมมิวนิสต์ก็แสวงหา เอาทรัพย์สินมารวมกับส่วนกลางแล้วมีคนซื่อสัตย์เป็นผู้บริหารที่ดี แจกจ่ายให้ทั่วถึงซึ่งคนเขาก็รู้กันว่าดี อาตมาก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์ แค่สมัครเป็นนักศึกษาแต่ไม่ได้เรียน อาตมามีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ทั้งที่ไม่ต้องไปเรียนแล้วก็มีความรู้เศรษฐศาสตร์ถึงขั้นสาธารณโภคี นักศึกษาเศรษฐศาสตร์ที่จบปริญญาตรี โท เอก อธิบายอย่างอาตมาไม่ได้หรอก เพราะอาตมาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ตัวจริง เป็นนักเศรษฐศาสตร์แบบพระพุทธเจ้า 

อธิบายแล้วพวกผู้ที่เป็นเวไนยสัตว์สอนได้เรียนได้ ก็เอาไปพิสูจน์จนเป็นผลสำเร็จจริง อยู่ร่วมกันอย่างนี้เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีลาภที่ได้ก็เอามารวมกันเป็นสาธารณโภคี อยู่อย่างนี้ตามสาราณียธรรม 6 

มีลาภโดยธรรมก็ไม่ได้ยึดเป็นของตน ดำเนินอยู่ด้วยทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา 

โสดาเสมอโสดา ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 ก็เสมอศีล 8 ศีล 10 เสมอศีล 10

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 19:22:49 )

พ่อครูเป็นผู้ที่จะนำกงล้อธรรมจักรมาเคลื่อน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไตร่ตรองตามได้แยกแยะความแตกต่างของสภาวะ 2 คือรูปกับนาม แล้วที่สำคัญมันคนละกาละ ซึ่งนามมันได้กลายมาเป็นรูปไปแล้วตอนนี้ ฟังตรงนี้ดีๆ 

เมื่อกาละมาถึงวันนี้แล้ว นามได้กลายมาเป็นรูป นามเป็นตัวกิริยาของสภาวธรรม ตอนนี้กิริยาตายแล้วไม่ฟื้น ที่จริงก็คือซากเน่า ซากแห้ง ของสัจธรรมฟื้นไม่ขึ้น นามนั้นได้กลายมาเป็นรูปแล้ว 

อาตมาเป็นผู้ที่จะนำกงล้อธรรมจักรมาเคลื่อน จึงปุพเพกตปุญญตา จึงระลึกเอาของเก่าที่ได้มาแล้วขึ้นมา ก็มาเห็นอัตตสัมมาปณิธิ จึงนำมาสอนในที่นี้ ปฏิรูปเทสวาสะ ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นใครมีดวงตาก็มาคบหา ก็มาฟัง

คำว่า จักร 4 คือธรรมะอันจะนำไปสู่ความเป็นใหญ่ เปี่ยมสมบัติ ดุจล้อหมุน นำรถไปถึงที่หมายได้สำเร็จ (จาก พตปฎ.เล่ม 21 ข้อ 31)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:02:09 )

พ่อครูเป็นผู้ที่เกิดร่วมในยุคพระพุทธเจ้าคือพระเถระ

รายละเอียด

เรามาเอาเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ ฟังที่อาตมาบรรยายไม่มีใครจะอธิบายเหมือนอย่างอาตมาอธิบายหรอก เพราะว่าเขาไม่ได้มีครบครัน แต่อาตมามีครบครัน สามารถนำสารัตถะต่างๆมาพูด บางทีขยายความแล้วไม่เห็นมีอาจารย์คนไหนอธิบายไว้ อาตมาเป็นเถรวาทะเอง เถรวาทะ คือผู้ที่เกิดเป็นพระเถระในยุคพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นผู้ที่เกิดร่วมในยุคพระพุทธเจ้า นั่นคือพระเถระ ที่อยู่มาตอนหลังเกิดมาตอนหลังไม่ใช่เถรวาทะ ถ้าเถรวาทะ คุณก็เอาคำพูดคำตรัสของพระเถระที่รวบรวมไว้ในพระไตรปิฎก เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าจริงและที่พระเถระต่างๆพูดไว้ พระเถรีพูดไว้ ที่เกิดอยู่ในยุคพระพุทธเจ้าพูดแล้วเอามาบันทึกไว้นั่นแหละ คือเถรวาทะหรือเถรีวาทะ วาทะของพระเถระ เถรี ที่เกิดพร้อมในยุคพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นผู้ที่เกิดพร้อมในยุคพระพุทธเจ้า พูดไปแล้วเขาก็หาว่าอวดดี เอ็งรู้ได้อย่างไรพูดแล้วจะโกหกคนอื่นเขา อาตมาโกหกหรือไม่โกหก อาตมาขยายความอธิบายธรรมะพระพุทธเจ้าได้ขนาดไหนอย่างไร คุณก็ดูเอาสิ เอาความจริงที่อาตมาทำงานสิ อันนั้นก็เป็นพยัญชนะที่บอกว่าเป็นอาตมาเป็นเถระ ก็พูดไป อาตมาเป็นผู้นั้นผู้นี้ คุณก็หมั่นไส้ไปเรื่อย อาตมาพูดความจริงคุณก็ยิ่งไม่เชื่อ จะให้ทำอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:41:34 )

พ่อครูเป็นผู้มาฟื้นคืนโลกุตระในยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

ผ่านมา 52 ปี อาตมาอุบัติขึ้นมาในยุคที่ศาสนาเสื่อมหมด โลกุตระมันเสื่อม คำว่าพุทธศาสนายังมีอยู่ ยังมีบุคคลเขานับถือยึดถือศาสนาพุทธอยู่ แต่โลกุตรธรรมมันหมดไปจริงๆ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ ในอาณีสูตรว่า ศาสนาพุทธจะมีความเสื่อม ตามหลักฐานเขามียืนยันไว้ชัดเจน ในพระไตรปิฎก อาณีสูตร แล้วมันก็เป็นจริงพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ไม่มีผิดหรอกเป็นไปตามพยากรณ์ไว้ 

ที่นี้ความเสื่อมที่ว่ามันมาถึงยุค 2,500 กว่าปี ครึ่งหนึ่งของศาสนาพุทธ มันเสื่อมมาก เสื่อมจนโลกุตรธรรมไม่เหลือ ดังที่คำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าตรัสไว้มันไม่เหลือ อาตมาก็เกิดมาในยุคนี้ ในยุค 2,500 กว่าปี เกิด พ.ศ. 2,477 มีชีวิตแบ่งตามวิบากอยู่ 36 ปีอยู่กับทางโลก แล้วก็ออกมาบวช ออกมาทำงานทางนี้ตั้งแต่อายุ 36  จนกระทั่งถึงบัดนี้อายุ 88 ปีแล้ว ทั้งหมด 52 ปี 

ก็ได้ผ่านการนำสัจธรรมที่อาตมามั่นใจว่าเป็นสัจธรรมโลกุตระเป็นอย่างที่ว่านี้ ยืนยัน ที่มันผิดเพี้ยนเห็นชัดๆ คำว่า ‘กาย’ก็มิจฉาทิฏฐิ คำว่า ‘บุญ’ก็มิจฉาทิฏฐิ คำว่า ‘ฌาน’ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยิ่งคำว่า ‘สมาธิ’ จิตที่ตั้งมั่นก็มิจฉาทิฏฐิ 

อาตมาก็ไม่ได้เก่งตั้งแต่แรก บวชแล้วก็พูดตรงเป๊ะถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ไม่ มันก็ยังไม่ค่อยตรงทีเดียว มาจนกระทั่งค่อยๆตรงๆๆ มา จนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้ถึงได้ตรงมาก มีความตรงตามธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างยืนยันได้และแน่ใจ และพวกเราก็เข้าใจตามมาปฏิบัติตามยืนยันความจริงแล้วเราก็จะรู้จักจิตเจตสิกของเราต่างๆ 

ว่าแบ่งออกไปแล้วมีจิตที่เป็นตัวธาตุรู้ตัวหลัก จิตธาตุรู้ตัวหลัก กับจิตเก๊ เจตสิกเก๊ ที่มันไม่ใช่ธาตุรู้ตัวจริงตัวหลัก มันมาผสมอยู่ในจิตเรา เราแยกออก ก็ถือว่าธาตุเก๊ จิตมันเป็นความโง่ชนิดหนึ่งมันมีเหตุแล้วก็ดับเหตุ แล้วก็ทำปัญญาให้แจ้ง จนเห็นจริงว่า มันโง่ มันพาหลงผิดจนกระทั่งกลับเข้าสู่ความถูกต้องเป็นสภาพที่เกิดจริงเป็นจริงขึ้นมา 

แล้วก็ยืนยันตามหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาได้ตลอด จนเกิดผล มารวมหมู่รวมกลุ่มกัน มีทิฏฐิสามัญญตา มีศีลสามัญญตา ก็เลยมารวมกันเป็นรูปธรรม ยืนยันต่อโลกได้ว่าเป็นสังคมโลกุตระ จนกระทั่งอาตมาพาทำไปได้ถึงหมู่มวลฆราวาส มีเศรษฐศาสตร์ถึงระดับสาธารณโภคี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:43:19 )

พ่อครูเป็นผู้ยอมแพ้ตามวิบากในยุคนี้

รายละเอียด

อย่างเมืองไทยเรานี้ อาตมาเกิดมาในยุคนี้ มันเป็นไปตามวิบาก ก็เกิดปรากฏการณ์ให้เห็นเลยว่าตลอดมาอาตมาเป็นผู้ยอมแพ้ กระทั่งอาตมามารู้ว่า เราต้องแต่งเพลงผู้แพ้ไว้ แล้วก็เป็นเพลงที่ตัวเองแต่งทั้งเนื้อร้องและทำนองของตนเองเลย เป็นเพลงแรก ดังที่สุดตั้งแต่อาตมายังถีบจักรยานส่งหนังสือพิมพ์อยู่เลย ยังเป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนเพาะช่างอยู่ นุ่งกางเกงขาสั้นถีบจักรยาน จะออกไปส่งหนังสือพิมพ์ เพลงมันก็ออกมาดังสนั่นเลย คนที่มารับหนังสือพิมพ์เขาเป็นผู้ใหญ่ก็ร้องเพลงผู้แพ้มารับหนังสือพิมพ์จากมือเรา เราก็ดูแล้ว เพลงมันเป็นดาว แต่เรามันเป็นดิน ถ้าเราจะบอกเขาว่าเพราะไหมครับเพลงนี้ ผมเป็นคนแต่งเองนะครับ เขาก็หัวเราะฟันร่วงอยู่ตรงนั้น เหตุการณ์พวกนี้อาตมาเคยเจอมาแล้ว อาตมาแต่งเองเขาไม่ค่อยเชื่อหรอก ใครรู้จักทรงศรี เทวคุปต์ เป็นนางเอก ออกโทรทัศน์ช่อง 4 วันนั้นมีโทรทัศน์ช่อง 4 กับช่อง 7 เขาก็ร้องบอกว่าแพ้ก็แพ้ชะตากรรมดวงใจทรงความมั่นคง ร้องต่อหน้าอาตมา อาตมาก็บอกว่าเนื้อความมันผิด บอกว่าต้องแพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง ทรงศรี เทวคุปต์เขาก็เถียงว่าชะตากรรม อาตมาก็ต้องบอกว่าเพลงนี้เพลงผมแต่งเอง ผมเป็นคนแต่งเขาก็หัวเราะ แล้วเขาก็เดินจากไป ทุกวันนี้ ทรงศรี เทวคุปต์ เสียหรือยังอยู่นะ เมื่ออาตมาเป็นผู้จัดรายการโทรทัศน์ เป็นเด็กๆเขาก็ยังไม่เชื่อ เหมือนอย่างเพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน แต่งตอนอายุไม่มาก อาตมาก็อยู่ในห้องอัดแผ่นเสียง เป็นคนซื้อโอเลี้ยงไปให้เขากิน ก็ไม่ได้รู้กันหรอกว่าอาตมาเป็นคนแต่ง เวลาผ่านมาหลายปี มาเจอกันที่โทรทัศน์พูดถึงเพลงนี้ขึ้นมา อาตมาก็บอกว่าเพลงนี้ผมแต่งเองเขาก็บอกว่าเหรอ เขาก็ยังทำหน้าไม่เชื่อ ตอนนั้นอาตมาก็เรียกพี่ลี (สวลี ผกาพันธุ์) ผมก็ยังซื้อโอเลี้ยงให้กินอยู่ เขาก็บอกว่าหรือๆๆ จะเชื่อก็ยังไม่รู้ว่าจะเชื่อสนิทหรือไม่นะ อย่างนี้เป็นต้น แม้ทุกวันนี้ก็มีร่องรอยของความอาภัพอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:26:21 )

พ่อครูเป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยมีเป้าหมายนำพาไปสู่นิพพาน

รายละเอียด

ไม่ได้แกล้งเอาใจ แต่เป็นจิตจริง ถ้าจะว่าไปอาตมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยมีเป้าหมายนำพาไปสู่นิพพาน อาตมาทำได้เป็นผลสำเร็จไม่ได้พูดอย่างกระดากปากหรือเขินอาย มันได้ผลมีผลสำเร็จ ในทฤษฎีของพระพุทธเจ้าเอามาอธิบายแล้วประพฤติแล้วได้มรรคผลจนเป็นรูปธรรมสังคม เห็นชัดเลยในสภาพสังคม ไม่ว่าจะเอาพระสูตรไหนของพระพุทธเจ้ามาจับก็ใช่ ยืนยันชัดเจนเลย พยายามที่จะยัดเยียด ทำเป็นว่าตรงกับพระพุทธเจ้าเลยมันก็ไม่ใช่ พิสูจน์ได้เลย แม้ในยุคนี้ก็ทำได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเพราะฉะนั้นโลกจึงไม่ว่างจากพระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:43:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:08:42 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:30:28 )

พ่อครูเป็นพญาแร้งของชาวอโศก

รายละเอียด

เหมือนกับพญาแร้ง อย่างเพลงที่ร้องกันเมื่อกี้นี้ คนรังเกียจแต่พญาแร้งไม่มีอะไรที่ทำให้คนลำบากเดือดร้อน มีแต่ทำให้เกิดความสะอาด เป็นสัตว์ที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่โลก แข็งแรงที่สุดบินได้สูงที่สุด เป็นพญาแร้งจะไปบอกว่าเป็นสกั๊งค์ คนก็ยังไม่เข้าใจเรา ก็เลยกำหนดอะไรซักอย่างที่เหมาะสมกับเรา ก็คือแร้งเป็นสัตว์ประเภทแร้ง อาตมาเป็นหัวหน้าแร้งเป็นพญาแร้งก็เป็นนิทานนิยายของชาวอโศก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:07:17 )

พ่อครูเป็นพระสารีบุตรหรือไม่

รายละเอียด

ตอบ คำว่า สารีบุตรนั้น ถ้าคุณเข้าใจว่าเป็นตัวตนบุคคลเราเขา อาตมาเป็นโพธิรักษ์ แล้วจะเป็นสารีบุตรได้อย่างไร ถ้าอาตมาไปยึด ยืนยันว่า ชาติที่อาตมาอยู่กับพระพุทธเจ้านั้นอาตมาเป็นพระสารีบุตร มันก็เป็นตัวตนบุคคลเราเขา อาตมาก็ ถ้าบอกว่า อาตมาเป็น คุณจะรู้ตามอาตมาได้อย่างไร ใครรับรอง อาตมารับรอง คุณเชื่อได้อย่างไร มันไม่มีประโยชน์ อยากรู้เฉยๆไม่มีประโยชน์อะไร แล้วอาตมาจะไปบอกทำไม คุณเอาตรงนี้ อาตมานี้เป็นบุตรของพระพุทธเจ้าที่ยืนยันเดินไปตามสาระของพระพุทธเจ้าไหม สารีปุตโต อาตมาเป็นบุตรพระพุทธเจ้า ธรรมะที่อาตมาอธิบายมันตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้าถอดมาเลย DNA เดียวกันกับพระพุทธเจ้าเลย มาอธิบายสืบทอด DNA ของพระพุทธเจ้าถูกต้องไหม อันนี้ต่างหากจะยืนยัน สารีปุตโต เพราะฉะนั้นอาตมายืนยันว่าอาตมาเป็น สารีปุตโต ไม่ผิดหรอก อาตมาตอบทั้งตัวตนบุคคลเราเขา ตอบทั้งความเป็นปรมัตถธรรมให้ฟัง แล้วถ้าคุณมายืนยันว่าโพธิรักษ์นี่แหละคือพระสารีบุตร คุณอย่ามาดูถูกอาตมา สารีบุตรคนนั้นตายไปแล้ว อาตมามาถึงวันนี้ อาตมาเจริญกว่าสารีบุตรคนนั้นถ้าจะเอาจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นอาตมาก็เสื่อมอาตมาก็เป็นผู้ที่ไม่เจริญ อย่ามาดูถูกว่าอาตมาเป็นสารีบุตร สารีบุตรคนที่ผ่านมาตั้ง 2 พันกว่าปีนั้น อาตมาต้องเจริญกว่านั้นเพราะเกิดมาอีกหลายชาติแล้ว พูดไปแล้วเดี๋ยวจะสงสัยมากไปกว่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:40:40 )

พ่อครูเป็นพระเจ้าแผ่นดินยุคสุโขทัยหรือยุครัตนโกสินทร์

รายละเอียด

ตอบ เป็นพระเจ้าแผ่นดินยุคสุโขทัย แต่ยุครัตนโกสินทร์ ไม่เคยเป็นเลย เหมาให้รุ่นของรูปธรรมไปหมด หลายคนเดาอาตมาว่า เป็นรัชกาลที่ 4 อะไรอย่างนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมะ ซึ่งไม่ใช่ อาตมาไม่ใช่รัชกาลที่ 4 ยุครัตนโกสินทร์ไม่ได้มาเกิด ในยุคสุโขทัยได้มาเกิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณกินข้าวได้ไหม อย่างไรคือสัมมาทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2564 ( 19:12:05 )

พ่อครูเป็นพระโพธิสัตว์ระดับสูงผู้ประเสริฐสุดของยุคนี้

รายละเอียด

อาตมาเชื่อว่าคุณสว่างแสง เชื่อมั่นอย่างจริงใจว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับสูง คนเขาให้ค่าอาตมาต่ำเพราะว่าเขาไม่รู้ไม่เข้าใจว่าอาตมาเป็นผู้ประเสริฐผู้เจริญ คนต้องมา คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์จะได้ฟังธรรมที่บริบูรณ์จะได้มีศรัทธาที่บริบูรณ์ จะได้มีโยนิโสมนสิการที่บริบูรณ์ จะได้สังวรสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ มีสุจริตกรรม 3 ที่บริบูรณ์ มีโพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ มีวิชาและวิมุติที่บริบูรณ์จริง 

ไม่ใช่ว่าเอาแต่พยัญชนะมาพูดแต่พวกเราได้ดำเนินตามสายธรรมมาอย่างได้ผลจริงตรวจสอบความจริงได้เลยว่าวิชาและวิมุติคืออะไร โพชฌงค์ 7 คืออะไรสติปัฏฐาน 4 คืออะไร เราได้ปฏิบัติกันจริงไหมมีพฤติการณ์พฤติกรรมของเราจริงไหม สำรวมอินทรีย์ก็ดีหรือทำให้ทุจริตมันสุจริตขึ้น จริงไหมไม่ใช่มีแต่พยัญชนะปากเปล่าพูดเอาโก้เอาความหมายเฉยๆ แต่ชีวิตจริงเราได้ประพฤติปฏิบัติทางกายวาจาจนกระทั่งจิตมันเปลี่ยนแปลง จิตมันพัฒนาจริงๆโดยมีญาณปัญญารู้กิเลสรู้เหตุแล้วฆ่าเหตุ สร้างปัญญาให้มีคุณสมบัติ ธาตุปัญญาเป็นธาตุพลังงานที่เผาราคะโทสะโมหะให้ละลายหายไปจากชีวิตจิตวิญญาณเราจริงๆได้ มันเป็นจริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังสาธยายธรรมจากคำถามของคนจริง วันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:36:24 )

พ่อครูเป็นยอดสงฆ์แต่เขาไม่ยอมรับคือความซวย

รายละเอียด

พูดไปแล้ว ถ้าเกิดว่าคนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน ยอมรับศาสนาพุทธ เชื่อมั่นในพระไตรรัตน์พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อาตมาเป็นพระสงฆ์แต่เขาไม่นับว่าเป็นพระสงฆ์นี่คือความซวย อาตมานี่ยอดสงฆ์ พูดแล้วน่าหมั่นไส้ ยกตัวยกตนอวดอ้างยืนยัน จริง แต่เขาก็เข้าใจผิด ไปเข้าใจผิดไปคิดว่าพวกโมฆะเดียรถีย์เป็นหมู่สงฆ์ แล้วไปหลงยึดติดนับถือวิธีการผิดๆ อยู่อย่างนั้น 

ผู้ใดเข้าใจแล้วนะ แม้ทุกวันนี้มันจะตกกระไดพลอยโจนไปอยู่เป็นสมเด็จ เป็นเจ้าคุณ ตั้งแต่ชั้นราชไปจนถึงขั้นสมเด็จก็ตามใจ ก็เอา อันนั้นเป็นสมมุติ ให้ตั้งใจมาเอาสาระแท้ ก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:53:08 )

พ่อครูเป็นรอง ข่มไม่ได้อยู่แล้ว

รายละเอียด

ถึงอย่างไร อาตมาก็ยกท่านให้เป็นเอกอยู่แล้ว ไม่ไปแย่งชิงหรอก เถระสมาคม จนตายไม่ไปแย่งเด็ดขาด แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปอยู่ไปแทรกแซงทางโน้น ต้องเป็นรองไปอีก 

เพราะฉะนั้นสรุปยอดเลยก็คือ ถึงแม้ 53 ปีไปแล้วโพธิกิจนี้ก็จะต้องอุตสาหะพากเพียรและสร้างความเป็นรองนี้ไปให้อีกมาก ให้รองนี้ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ เพราะความเป็นเอกของอาตมานั้น ไม่ได้แค่ เถรสมาคม ฟังทันไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 18:53:28 )

พ่อครูเป็นรามคือผู้สร้างอะไร

รายละเอียด

เป็นพระเจ้า 3 องค์ พระราม พระอิศวรพระพรหม อาตมาเคยบอกพวกเราว่าอาตมานี้เป็น ราม ไม่ใช่อิศวร(ศิวะ) แล้วก็พระพรหม ผู้ประนีประนอมผู้เป็นกลาง รามคือผู้สร้าง อาตมาเกิดมาในชาตินี้จึงเป็นผู้สร้าง สร้างอะไร  สร้างความรู้ สร้างความจริง สร้างสิ่งที่ประเสริฐลงไปในมนุษยชาติ  สร้างโลกุตรธรรม ไม่ได้สร้างหรอก อาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาสืบทอด จะว่าสร้างก็อาศัยภาษาโดยปริยายไม่ใช่เป็นตัวแท้เต็มๆ ถือว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นผู้สร้างศาสนาที่อยู่ในความรู้ แต่ท่านก็ไม่ได้ยึดถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างท่านเป็นเจ้าของ ท่านเป็นศูนย์ด้วยซ้ำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:27:14 )

พ่อครูเป็นลูกพระพุทธเจ้าหรือสารีปุตโต

รายละเอียด

ต้องขออภัยล่วงหน้า ข้าราชการทั้งหลายต้องถูกทุบหัวกันแน่นอน ยิ่งพาลชนต้องถูกทุบหัว ดีไม่ดีถูกทุบหัว ถูกตึ๊บด้วย ขออภัยนี่เป็นวิชาการ ไม่ได้ไประบุบุคคล แต่มันมีจริงอยู่ในบุคคลไหนก็รู้ตัวเอง ตัวเองไม่ได้ทำไม่ได้ประพฤติไม่ได้เป็นก็อย่าร้อนตัว แต่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติจริงตามที่อาตมาว่าอยู่ ก็ควรจะรู้ตัวเองว่า เฮ้ย เราเลวขนาดนี้เชียวหรือ จริงหรือ โพธิรักษ์เป็นใครมาพูดอย่างนี้ พระเจ้าหรือไงเป็นพระพรหมหรือไง ก็พระโพธิรักษ์นี่แหละขออภัย เขาไม่ให้ใช้คำเรียกว่าพระ ก็เรียกว่าสมณะโพธิรักษ์นี่แหละถูกต้องตามกฎหมาย เรียกด้วยภาษาสมมุติก็เป็นลูกพระพุทธเจ้า จะเรียกว่าพระบุตรมันดูยิ่งใหญ่เกินไป แต่ก็จริงเอาเนื้อหาสาระ ถ้าเรียกด้วยพยัญชนะก็เป็น สารีปุตโต เป็นลูกของสาระอันนั้น เป็นลูกถ่ายทอดมาจากสาระของพระพุทธเจ้านั่นแหละโดยตรง

โดยบุคลาธิษฐานคุณจะเป็นพระสารีบุตรมาเกิดคุณก็พูดกันไป อาตมาก็บอกแล้วว่าขี้ตู่อาตมาพระสารีบุตรนั้นตายไปแต่ไหนแล้ว ถ้าอาตมายังย่ำต๊อกเป็นพระสารีบุตร อาตมาไม่เจริญนะ ดูถูกอาตมา อาตมาไม่ใช่พระสารีบุตรนั้นแล้วนะ พูดไปแล้วเดี๋ยวก็หมั่นไส้เข้าไป ว่าไปข่มพระสารีบุตรอีก ก็จะมากไปใหญ่ก็ไม่ดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:21:41 )

พ่อครูเป็นศิลปินมีอัตลักษณ์และความตั้งใจในการแสดงธรรมอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาเป็นคนชนิดนี้ การแสดงธรรมของอาตมา อาตมาแสดงท่าทีแรง ใครก็เห็นอยู่แล้วบุคลิกอย่างนี้แน่นอน แสดงท่าทีแรงทั้งเป็นท่าทาง นัจจะ ทั้งสุ้มเสียงสำเนียง คีตะ ทั้งหาคำ เลือกสรรภาษาเอามาใช้ เรียกว่า วาทิตะ อาตมาก็ต้องเลือกอย่างนี้ทั้งสุ้มเสียงสำเนียงลีลา หาคำเหมาะสม ให้ชัดเจน อาตมาแสดงธรรม มีท่าที แรง ทั้งท่าทาง(นัจจะ) ทั้งสุ้มเสียงสำเนียง(คีตะ) ทั้งหาคำเลือกสรรภาษา(วาทิตะ)ที่เหมาะสมให้ชัดเจน รู้ได้ดีแม่นยำ สั้นๆกระทัดรัด(concise) ส่วนมากก็มักจะคิดขึ้นทันทีทันใดนั้นๆสดๆ ไม่ได้เตรียมมาก่อน(extempore) จึงเป็น“ความจริงและความรู้” แสดงออกมาอย่างที่เห็นกัน เป็นความตั้งใจของอาตมา มันจึง extend คือ มันดูมีแรงกระจายกำลังออกไปอย่างสุดฝีมือ เป็นความตั้งใจของอาตมา เพื่อให้เกิด extend เป็นกระแสกระจายออกไป เป็นความตั้งใจ อาตมารู้ มันรวมทั้งรูปและนาม มีนามธรรมที่ลึกซึ้ง แต่ทำอย่างมีเหตุผล อธิบายได้ ไม่ใช่ทำอย่างไม่รู้อาตมาถนัดการแสดงออกแบบนี้ ไม่ค่อยออมมือ ไม่ถนอม จึงไม่ดูนิ่มนวล ก็ดูแรงเสมอ  ด้วยความจริงใจ ไม่อมพะนำ ไม่เหยาะๆแหยะๆ ไม่มีนิสัยแบบนั้น เขาให้ฉายาอาตมามีทั้งขวานจักตอก หรือผู้มีสายฟ้าในวาทะ อาตมาตั้งใจอย่างนี้เจตนาอย่างนี้  ตรงกับความจริงของอาตมา ตรงกับธรรมะสองหรือรูปนามที่อาตมาทำ อย่าให้อาตมาลอกเลียนแบบคนอื่นเลย อาตมาเป็นศิลปินนะ อาตมามีอัตลักษณ์ของอาตมา ก็ทำอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:30:53 )

พ่อครูเป็นสมณะที่มีปฏิสัมภิทาญาณ

รายละเอียด

อาตมาเป็นสมณะที่มีปฏิสัมภิทาญาณ ที่แสดงออกมานี้ อาตมาพูดเหมือนคนหน้าไม่อาย..แหม คุยตัวเอง มันเป็นสัจจะมันไม่ได้อาย มันไม่มี มังกุ ไม่ได้เก้อเขิน มันง่ายๆ มันพูดความจริง โดยที่เราไม่มีอะไรต้าน ไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่ โต้ต้านอะไรไว้เลย มันไปเต็มที่ สะอาดใจ มันเป็นหนึ่งเดียว 

มันเป็นเรื่องที่อาตมาได้นำมาพูดมาบอกจนกระทั่งทุกวันนี้ เขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ สารภาพมุมนี้ไม่รู้คนจะเข้าใจได้แค่ไหน คนอาจจะหาว่าอาตมาแก้ตัวก็ได้ ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้เสร็จ แต่แท้จริงมันเป็นการเปิดเผยสุดแล้ว จำเป็นที่สุดที่อาตมาต้องพูดเช่นนี้ แล้วก็บอกเช่นนี้ แล้วก็อาศัยขยายความที่ละเอียดลึกแถมไป เพราะฉะนั้นใครอ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความลึกละเอียดแถมไป แล้วก็จะบอกสัจจะความจริงว่าอาตมาจำเป็นชาตินี้ ต้องพูดถึงขนาดนี้ 

ซึ่งเขาถือว่า ผู้ที่สูงหรือผู้ที่ดีแล้วย่อมไม่พูด ย่อมไม่อวดตัวเช่นนี้ แต่อาตมามันต้องอวดตัวเช่นนี้ มันแย้งย้อนแย้งกับสัจจะของโลกที่เขายึดถือผิด ไม่ผิดของเขาหรอกเพราะฐานเขาอย่างนั้น แต่อาตมานั้นเป็นอีกฐานหนึ่ง มันคนละมาตรฐานกัน มันไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน มันก็เลยเข้าใจยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการปรับทุกข์ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 15:48:55 )

พ่อครูเป็นสยังอภิญญา

รายละเอียด

ในโลกนี้มี มีอะไร สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ
โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ

มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว มีไหม? โลกนี้มีไหม คนเกิดมาคุณได้พบ คุณเกิดมาในโลกนี้ขณะนี้ คุณได้พบคนคนใดคนหนึ่ง เป็นอย่างนี้ สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา และคนผู้นี้เป็นอย่างไร เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ เป็นผู้ประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ้งสว่างกระจ่างชัดด้วยสยัง อภิญญา ด้วยความรู้ของตัวเองแต่ยังไม่ใช่ สยัมภู อันนี้ พระพุทธเจ้าตรัสหมายถึงสาวกลำโพงไม่ใช่พระพุทธเจ้า เป็นสมณะพราหมณ์ สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา ผู้ที่ปฏิบัติชอบดำเนินชอบ ในโลกนี้มีไหมคุณได้พบไหม ถ้าคุณไม่พบแน่นอนชาตินี้ทั้งชาติ คุณก็ไม่ได้อะไรอีกในสัมมาทิฏฐิ 9 ข้อ ถ้าคุณไม่พบผู้ที่เป็นสัตบุรุษ สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา แต่ถ้าคุณพบแล้ว คุณก็ตาบอด ไม่เห็น เห็นแล้วคุณก็บอก ไม่ใช่ เอ๊ มันก็น่าจะใช่นะ แต่คุณก็ไม่เชื่อ น่าเชื่อนะ แต่กูไม่เชื่อ อัตตามานะเขาใหญ่มาก จะเพราะอะไรทำให้เขามีอัตตามานะมากก็ไม่รู้ ทำไมเขาถึงได้โง่ ยกกำลังล้าน เมื่อไหร่จะสิริมาเสียที ก็ต้องหายโง่ ก็น่าสงสาร

อาตมาพูดเปิดตัวไปจนหมด แล้วก็แสดงตัวเอง แสดงอะไร แสดงภูมิ แสดงตัวเองว่า เป็นสยังอภิญญา แสดงไปหมดเอาพระไตรปิฎกมาอธิบายด้วย 48 ปีแล้วนะ มันไม่เข้าท่าบ้างหรืออย่างไร อธิบายธรรมะอย่างชัดเจนหรือไม่อย่างชัดเจนไม่จริงหรือจริง พิสูจน์ได้หรือพิสูจน์ไม่ได้ พิสูจน์ได้ไหม...ได้ พวกนี้พูดอย่างสง่าผ่าเผยเลยว่า พิสูจน์ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:51:47 )

พ่อครูเป็นสยังอภิญญา ในสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อที่ 10

รายละเอียด

คนที่มีปัญญาก็คงจะพอเข้าใจ จะยากมากเลย ในยุคพศ. 2560 กว่า ศาสนาพระพุทธเจ้ามันเสื่อมไปจนเกือบหมด อาตมาจึงจำเป็นต้องบอกว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา ผู้นั้นที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 มากอบกู้คืนมา

เช่น อาตมาอธิบายตั้งแต่สัมมาทิฏฐิ 9 ข้อ อาตมาเป็นผู้ที่อยู่ในข้อที่ 10 ของสัมมาทิฏฐิ 10 เป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ)

      (พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 257)

ในยุคนี้จะมีใครมาอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 ได้ยังอาตมา

เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา)  ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน สมณพราหมณ์ผู้มาเปิดเผยสัมมาทิฏฐิของพุทธ


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:21:16 )

พ่อครูเป็นสยังอภิญญาที่ได้ครบถูกต้องตามของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ฌานอาตมาก็ได้ อภิญญาอาตมาได้ อาตมาเป็นสยังอภิญญา ฌาน อภิญญา สมาบัติ วิโมกข์ วิมุต อาตมาได้ครบบริบูรณ์ อาตมาได้ครบถูกต้องตามของพระพุทธเจ้า คุณไปสำรวจของคุณให้ดี อาตมาสงสารคุณมากไปตรวจให้ดี อย่างมงาย ตรวจตามตำราให้ดีเลยในพระไตรปิฎก 45 เล่ม อ่านทวนให้ได้ครบๆเลย อ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ได้เท่าไหร่ยิ่งดี 

อ่านไปก็ชัดเจน ความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมาคนละอย่างกันแล้ว ก็เป็นนานาสังวาสกัน เป็นพุทธเหมือนกัน อย่าทิ้งอาตมานะ อาตมายินดีอธิบายให้คุณฟัง โดยที่อาตมาอธิบายไปทั้งหมดกำลังอธิบายให้คุณฟังทั้งนั้น ตั้งใจฟังไปตลอดให้ดีๆทบทวนให้ดีๆ คุณอัดไว้ฟังบ้างสิเพื่อทบทวน อย่าฟังครั้งเดียว คุณเปิดจิตบ้าง ปรโตโฆษะบ้างแล้วฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:41:29 )

พ่อครูเป็นสยังอภิญญาเป็นผู้เอาโลกุตระมาเปิดเผย

รายละเอียด

ถ้าคุณไปเข้าใจว่าท่านพุทธทาสสูงกว่าอาตมา แย่เลยศาสนาไปไม่ออก พูดความจริงไม่ได้ยกตนข่มท่านพุทธทาส ส่วนท่านพุทธทาสนั้นกำลังบำเพ็ญกำลังเริ่มรู้เริ่มเข้าใจแล้วก็มาแสดงตน ถ้าจะว่าไปแล้ว ศาสนาเทวนิยมจะบอกว่าท่านพุทธทาสเป็นคนมากล่าวคำว่าโลกุตระ เหมือนแบ๊บติส พูดมาก่อน ประกาศก่อนนำทางพระศาสดาว่า พระบุตรจะมาอุบัติแล้วนะ คล้ายๆกับท่านพุทธทาสมากล่าวเรื่องโลกุตระก่อน แล้วโพธิรักษ์ก็จะมาเปิดเผย แล้วสยังอภิญญาคืออาตมาจะเอาโลกุตระมาเปิดเผยก็คืออาตมา วันนี้เปิดเผยอะไรมากมาย คนที่ฟังไม่ได้โลหิตร้อนออกจากปากก็ระวัง คนที่ฟังไม่ไหวแล้วจะสึกออกไปจะมีไหมนี่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:43:20 )

พ่อครูเป็นสยังอภิญญาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เอามาจากใครมาในชาตินี้แต่เอามาจากชาติปางก่อน เป็นสยังอภิญญาไม่ได้เรียนจากใคร อาตมาพูดอย่างนี้ตอนแรก เขาก็หาว่าเป็นพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร อาตมาไม่ได้พูดเช่นนั้น ว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่คนขี้ตู่เอา

อาตมาไม่เคยพูดว่า อาตมาเป็นพระพุทธเจ้า อาตมายังไม่ใช่มหาโพธิสัตว์ ไม่ได้คุยตัวอย่างนั้น อาตมาบอกว่าอาตมาระดับ 7 เรื่อง 8 9 ไม่ได้พูด เขาหาว่าอาตมาอวด แต่อาตมาพูดความจริงตามฐานะตามความเป็นจริง พิสูจน์ไปเถอะ อาตมาจะอยู่ไปอีกนาน ทำงานศาสนามาจะ 50​  ปีแล้ว

แล้วอาตมาอธิบายอย่างเละเทะเอาอะไรมาพูดหรือเปล่า คุณก็เข้าใจได้ที่พูดนี้ หากอธิบาย เละเทะ อธิบายมาไม่รู้กี่วันป่านนี้มันก็เละเทะ แต่มันมีหลักฐานมีการสอดคล้องขยายกันมีความลึกซึ้งขึ้นด้วยซ้ำไป เข้าใจมากขึ้นด้วยซ้ำไปแล้วเอาไปใช้ได้อีก จริงๆนะอาตมาพูดไปเหมือนคุยแล้วยกตัว หาเหตุให้คนเข้าใจว่าตนเก่ง ยอดรู้ ยกตัวยกตน ก็อธิบายไปดีกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:40:02 )

พ่อครูเป็นสารีบุตรมาเกิด แต่พ่อครูไม่ใช่สารีบุตร

รายละเอียด

อาตมาเป็นสารีบุตรมาเกิด แต่อาตมาไม่ใช่สารีบุตร ถ้าใครว่าอาตมาเป็นสารีบุตร อาตมาว่า คุณดูถูกอาตมา อาตมาหากเป็นพระสารีบุตรมาแล้ว กว่าจะมาเกิดเป็นโพธิรักษ์ก็ต้องเกิดมาอีกหลายชาติ แล้วอาตมาก็พอรู้ว่า อาตมาพอรู้ว่าพูดเรื่องอจินไตยพวกนี้คนรู้ได้ยาก แต่ถ้าคุณฟังแล้วเอาไปปฏิบัติให้เกิดการลดกิเลสได้ ก็เอาอันนี้ อันนี้แหละ เข้าใจให้ได้ว่านี่คือกิเลสแท้ นี่คือราคะนี่คือโทสะ อ๋อ นี่คือ วิธีทำให้ ราคะโทสะลด ทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้คือวิปัสสนา ทำอย่างนี้คือสมถะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ
ตอน 4 วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:18:48 )

พ่อครูเป็นอมตบุคคล

รายละเอียด

อาตมาเป็นอมตบุคคล อาตมาจะตายปรินิพพานเป็นปริโยสาน อันสุดท้ายในมูลสูตร 10 ตายแล้วก็ปรินิพพานไปเลย หายไปหมดแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลม เป็นอุตุนิยามไม่เหลือเชื้อแม้แต่ พีชนิยาม ก็ไม่เป็นแล้วไม่เหลือแล้ว กระจายเป็นดินน้ำไฟลมไปหมดเลย จึงเป็นการทำปรินิพพานได้สุดสิ้นเป็นปริโยสานจริงๆ ยิ่งใหญ่นะศาสนาพระพุทธเจ้า ทำจิตนิยามให้เป็นอุตุนิยามได้เลย

ที่อาตมาอธิบายเป็นหลักธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะเป็น อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามก็ตาม ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐไม่ได้เก็บเอานิยาม 5 นี้ไว้เลย แต่มีอยู่ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค 

เพราะผู้ที่คัดพระไตรปิฎกเล่มนี้เป็นสายพระมหากัสสปะซึ่งไม่ใช่สายปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:39:22 )

พ่อครูเป็นอรหันต์ข้ามชาติมาแล้ว

รายละเอียด

ดีมากที่ไม่ใจร้อน ก็ขอบคุณ สาธุ เอาประเด็นที่คุณอยากทราบ ตอนเป็นฆราวาส หลวงปู่เป็นอรหันต์หรือยัง อันนี้เป็นอจินไตย อาตมาเป็นอรหันต์ข้ามชาติมาแล้ว เหมือนพระพุทธเจ้าเป็นอรหันต์ข้ามชาติมาแล้ว ไม่ใช่เท่านั้น พระพุทธเจ้าสมเด็จสัมมาสัมโพธิญาณมีแต่ชาติก่อนๆ ชาติที่ท่านอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านก็พร้อมเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะท่านไม่ได้ศึกษาจากใคร เกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะไม่มีสำนักพุทธศาสนายังไม่มี ท่านจึงเป็นผู้ประกาศศาสนาพุทธ ตอนนั้นยังไม่มีศาสนาพุทธเกิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ 

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 04:20:52 )

พ่อครูเป็นเจ้าแห่งวาทะจริงอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านใช้ภาษาบาลี ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อยๆ เราก็ต้องเอาบาลีมาขยายความเป็นไทยขยายไปอีกหลายชั้น ก็ยากหน่อย พอมายุคนี้ ผู้รู้อื่นก็เพี้ยนไปเรื่อยๆ

จากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ 

เถรวาทะคือ วาทะของผู้ที่เกิดร่วมในยุคของพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นเถระ เอาวาทะมาพูด อาตมาคือเจ้าแห่งวาทะจริง ท่านที่ว่าเป็นเถรวาท ท่านยืนยันไม่ได้หรอก แต่อาตมารู้เหนือความรู้ของคนทั่วไป มันเป็นเรื่องยาก อจินไตย เป็นเรื่องกรรมวิบากที่อาตมาสร้างกรรมวิบากมาจนชาตินี้ก็บอกความจริงว่า อาตมามีความรู้เก่ามาของอาตมา หากว่าอาตมาไม่ใช่ตัวจริง ทำงานมาห้าสิบปี ภาษาที่สอนก็ต้องมิจฉาทิฏฐิ คนก็ต้องมาอ้างอิงว่าผิด แต่นี่ทำให้เกิดหมู่กลุ่มสาธารณโภคีได้ มันเป็นไปไม่ได้ง่ายๆนะ คุณวิเศษระดับอุตตริมนุสสธรรม ที่จะมาเป็นคนจน ไม่ใช่คนจนอย่างโง่งมงาย แต่เป็นคนจนที่สบาย อุดมสมบูรณ์ พึ่งพาตนเองได้ เป็นคนจนที่ไม่สะสม เป็นคนจนที่เป็นยอดนักเศรษฐกิจ เพราะว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงสุดแล้ว ที่ถึงขั้นสาธารณโภคีแล้ว เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงสุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 19:17:11 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์จะมากอบกู้ศาสนาซึ่งเริ่มจากดาราโลกียะถึงโลกุตระ

รายละเอียด

มาทางธรรม แต่แรกเลยก็เคยเล่า เคยอธิบาย บันทึกไว้ก็มี อาตมาไม่ได้คิดอ่านจะมา กอบกู้ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์จะมากอบกู้อะไร เป็นแต่เพียงว่ามันเป็นสัจจะว่า มันหน่ายทางโลกมา ก็เลิกก็ทิ้งเลยไม่ไยดีทางโลกเลย ออกมา 

ตอนแรกก็ยังเป็นฆราวาสแต่งตัวเป็นฆราวาสโกนหัว นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อคอกลมสีขาวรองเท้าก็ไม่ใส่ เดิน แล้ว อาตมาเป็นดาราโทรทัศน์นะ ที่เป็นโทรทัศน์ช่องแรกของประเทศไทยเลยนะ อาตมาทำงานโทรทัศน์ ตั้งแต่ช่องแรก เปิด พ.ศ. 2498 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:16:29 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์