@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 พูดตามสภาวะเป็นภาษาไทยอันเป็นภาษาแม่

รายละเอียด

อาตมารู้ และพูดถูกพูดได้ เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 คนไม่เชื่อก็ฟังที่อาตมาพูดอธิบายดู อาตมาแกล้งพูดก็ได้ แกล้งพูดให้มันได้อย่างนี้นะ อาตมาพูดจากที่อาตมามี ไม่ได้อธิบายในพระไตรปิฎก แต่รายละเอียดที่พูดเป็นสภาวะของอาตมาที่แจกแจงเป็นภาษาไทยพูดให้คุณฟัง ไม่ใช่ภาษาในพระไตรปิฎก ไม่ใช่สำนวนตามบาลีที่แปลพยัญชนะให้เป็นพยัญชนะ แต่แปลเป็นภาษาไทย ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าให้สอนอธิบายตามภาษาถิ่น ภาษาของตนเองที่ใช้ อาตมาเป็นคนไทยก็ขยายเป็นภาษาไทย ไม่ต้องไปเป็นภาษาบาลี หรือภาษาอื่น แต่อาตมาเป็นคนไทย ก็ใช้ภาษาไทย คนเกิดเป็นฝรั่งก็อธิบายเป็นภาษาฝรั่ง คนเกิดเป็นแขกก็อธิบายเป็นภาษาแขก คนเกิดเป็นจีนก็อธิบายเป็นภาษาจีน มันเป็นภาษาแม่ มันจะรู้ได้ดียิ่งกว่าภาษาต่างชาติ มันจะซาบซึ้งกว่ากันเยอะเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 20:47:44 )

เป็นโพธิสัตว์เริ่มต้นที่ใด

รายละเอียด

โพธิสัตว์แปลว่า ผู้ตรัสรู้ เป็นโพธิสัตว์ก็คือมีความรู้ตั้งแต่เริ่มเป็นโสดาบัน ความรู้ที่เข้ากระแสโลกุตระ เริ่มต้นโพธิสัตว์ระดับหนึ่งก็เป็นโสดาบัน ระดับ 2 สกิทาคามีระดับ 3 อนาคามีระดับ 4 อรหันต์อย่างที่อธิบายไปหมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 15:17:53 )

เป็นโลกุตระสมบูรณ์แบบเมื่อมีศีล

รายละเอียด

ให้รู้อาการของกิเลสนั้น เลิกกิเลสนั้น จิตจึงจะไม่สุขไม่ทุกข์อย่างแบบสัมมาทิฏฐิด้วยปัญญาแล้วเลิก ไม่ใช่ไปเที่ยวกดข่ม วิขัมภนะกับปัสสัทธิ วิขัมภนะก็กดข่มเป็นสมถะได้

ปัสสัทธิ เห็นจริงเห็นจังแล้วก็ระงับ ปัสสัมภยัง เป็นการระงับเป็นการสงบ ไม่ใช่ไปวิขัมภนะแล้วสมถะกันอยู่ เป็นปัสสัมภยัง หรือ

วิปัสสนา เห็นอย่างยิ่ง เห็นด้วยการเกิดปัญญาญาน ในขณะที่มีตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส เปิดรู้ มีกายมีจิต

การพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม นี่เป็นโลกุตระสมบูรณ์แบบ เมื่อคุณมีศีล

ข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ คุณก็พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนาจิตในจิต ธรรมในธรรมเกี่ยวกับสัตว์ แล้วคุณเกิดเวทนาอย่างไร กระทบแล้วคุณก็อยากกินเนื้อสัตว์ กระทบแล้วคุณก็ไม่ได้วิจัยวิจารเวทนา ความรู้สึก แยกกิเลสไม่ออก ไม่รู้บาป ไม่รู้บุญที่เกี่ยวกับสัตว์ ไม่ละอายเลย ไม่เอ็นดู ไม่กรุณา ไม่หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่

คำว่า หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อาตมาอธิบายหลายทีแล้วว่า ทุกเซลล์ทุกจุติที่มันเป็นชีวะขึ้นมาแล้ว จิตนี้เริ่มจุติจากพืชมาเป็นสัตว์แล้ว อัตภาพของจิตตัวนี้อาจจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในอนาคตก็ได้ คุณไปทำร้ายเขาทำไม อาตมาเทศน์ไปกี่ทีแล้วจำได้ไหม

นี่คือหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อาตมามีจิตหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่อย่างนี้ ปล่อยเขาเซลล์ที่เป็นจิตนิยามแล้ว พืชนี่แหละกินเข้าไปสิ ไม่มีวิบาก ไม่ก่อบาปก่อเวร

เพราะฉะนั้น ศาสนาเทวนิยมทั้งหลายแหล่อธิบายเขายากมาก มันไม่มีภูมิที่จะรับ ไม่มีภูมิที่จะรู้เรื่อง อิสลามเขาก็ดี เริ่มดีขึ้นมาจุดหนึ่งคือเขาไม่กินหมู ได้อย่างเดียว ละเว้นไม่กินสัตว์อย่างเดียว หมู ก็เริ่มแล้วนะ ส่วนคริสต์เขาก็มีลัทธินิกายไม่กินเนื้อสัตว์ อาตมาไม่อยากจะพูดต่อไปว่า อาตมามีเพื่อนอิสลาม ไปนั่งกับเขากินก๋วยเตี๋ยวหมู เฮ้ย…อย่าพูด ก็เพื่อนกันกับอาตมาเป็นอิสลามตั้งหลายคน เรียนด้วยกันมา ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ก็เป็นที่รู้กัน เราก็ไม่พูดก็กินไป ขออภัยที่เอามาเปิดโปง เป็นเรื่องจริง ก็ดีเป็นจิตกุศลอย่างหนึ่งให้ละเว้นเนื้อสัตว์นะ แต่ขอหมูอย่างเดียว ไม่รู้เหตุผลอะไร แต่ก็ไม่กินเนื้อหมู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:26:52 )

เป็นโสด

รายละเอียด

ล้างกิเลสอยากแต่งงาน 

1.กิเลสราคะทำให้ไปแต่งงาน

2.หลงไปกับโลกที่เขาหลอกว่าต้องแต่งงาน เดี๋ยวแก่ไม่มีใครดูแล นี่พูดให้โก้ๆกลบเรื่องกาม ที่แฝงอยู่ แล้วก็อ้างแต่งงานเป็นเพื่อนกัน สร้างสังคม อ้างไปสารพัดแต่มันแฝงกามลึกๆ 

คนไม่ต้องเป็นคู่ไม่ต้องไปแต่งงาน เป็นเพื่อนกันโดยไมต้องเป็นคู่แต่งงานต้องเสพกาม เป็นเพื่อนกันผู้ชายผู้หญิงเป็นเพื่อนทำงานกันโดยไม่ต้องมีอาการกามได้หรือไม่? …คุณไม่ต้องเสพกามเลย เป็นเพื่อนผู้ชายผู้หญิงไป  มีเยอะไป 

พูดอันนี้ให้ฟัง อาตมามีชีวิตมา คนเข้าใจว่าอาตมาคบเพื่อนผู้หญิง แล้วคนแวดล้อมคนทั้งตัวผู้หญิงเองไปคิดว่าอาตมาไปจีบเขา ทั้งที่อาตมาไม่ได้ไปรักเขา แต่คนเข้าใจไม่ได้ ตอนนั้นอาตมาก็ไม่เข้าใจ เพื่อนผู้หญิงนึกว่าอาตมารักเชิงกาม แต่ก่อนอาตมาไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวนี้รู้ว่าใจเราไม่ได้ไปรักทางเพศกับเพื่อนผู้หญิง คุยกันสนิทสนม ไปมาหาสู่จนคนเข้าใจว่าไปจีบ แต่ที่จริงไม่ใช่เลยไม่มีจิตทางกาม การตั้งจิตเป็นโสดดี พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่า ผู้ตั้งตนเป็นคนโสดเขาเรียกกันว่าเป็นบัณฑิต ผู้ฝักใฝ่ในเมถุนย่อมเศร้าหมอง ศึกษาให้ดีอย่างมีปัญญา ถ้ามีปัญญาแล้วจะเข้าใจ มีพลังไม่ไปหลงอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 14:23:33 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:54:32 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 03:48:03 )

เป็นโสดาบัน

รายละเอียด

เป็นโสดาบัน  คือ มีจิตสงัดจากสักกายทิฏฐิ  วิจิกิจฉา  สีลัพพตปรามาส  ทิฏฐานุสัย  วิจิกิจฉานุสัย  และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับสักกายทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:36:00 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:54:58 )

เป็นใหญ่โดยไม่ต้องเป็นใหญ่ อย่างไร

รายละเอียด

ปัญญานี้จะเป็นเจ้าโลกโดยไม่เป็นเจ้าโลกเพราะมันไม่ถือตัวตน มันเป็นใหญ่โดยไม่ต้องเป็นใหญ่ เหมือนในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นใหญ่ แต่ท่านไม่ทำตัวเป็นใหญ่เลย เป็นนั่งคลุกอยู่กับชาวบ้านต่างๆ นานา ท่านนั่งคลุกเสมอกับชาวบ้าน แต่ท่านไม่ได้นั่งคลุกเสมอกับคนในเมือง หรือกับคนที่มีศักดิ์ มันเป็นคนละ กาละ เทศะ ฐานะ เห็นไหมในรายละเอียด ท่านวางตนได้เหมาะสมกับ กาละ เทศะ ฐานะ 

นี่เอาพฤติกรรมจริงมายืนยัน ไปต่างจังหวัดท่านก็นั่งเสมอสมาน ให้เคารพก็เคารพยิ่งอย่างได้ใจเลยนะ ประชาชนยิ่ง หือ.. ในหลวงไม่ถือตัว เห็นไหมว่าคนเรา ถ้ายิ่งไม่มีตัวตนไม่ถือตัวถือตนยิ่งได้รับความเคารพยิ่งกว่า ที่ท่านทำ อย่างมหาระแบบว่า โพธิรักษ์เป็นใคร ท่านเป็นเปรียญ 6 ปริญญาโทนะ โพธิรักษ์มีอะไร มหาระแบบพี่ชายของจตุพร แต่คนละพ่อ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:47:29 )

เป็นไก่ตัวพี่มาต่อสู้กับโลกแห่งความเป็นทาส

รายละเอียด

นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ความรู้ของอาตมา อาตมาก็ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า มาในยุคนี้ก็พูดอย่างเท่ว่าเป็นไก่ตัวพี่ ไม่มีใครเอาจริงเอาจังที่จะมาต่อสู้ เอาความจริงอันนี้มาต่อสู้กับโลกลวงๆมายา โลกแห่งความเป็นทาส อาตมาเอาโลกแห่งการปลดปล่อยจากความเป็นทาสมาพูด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:26:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:01 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:05:20 )

เป็นไก่ที่เจาะกระเปาะออกมาก่อนเอาโลกุตระมาเปิดเผย

รายละเอียด

อาตมาก็มีนัยคล้ายท่านแต่ไม่ใช่เท่าเทียมนะ อาตมาก็ระลึกของเก่าของอาตมาได้ อาตมาเกิดขึ้นมาในสังคมศาสนาพุทธยุคนี้ มันไม่มีใครที่จะมีความรู้ของพระพุทธเจ้าที่มีความรู้โลกุตระมันเลือนไปหมดแล้ว อาตมาได้โลกุตรธรรมก็เอามาฟื้นมาสาธยาย มันค้านแย้งกับที่เขาอธิบายกัน หากไม่ค้านแย้งกันมันก็ตรงกันสิ แต่นี่อาตมาอธิบายมันก็ไม่เหมือนกับเขา ถ้าหากอาตมาไม่ถูกเขาก็ถูก แล้วอันนั้นคุณว่ามันถูกไหม ถ้าอันนั้นถูกอาตมาก็ผิด แต่ถ้าอันนั้นผิดอาตมาก็ต้องถูกมันก็มีเท่านี้แหละสัจจะ ใช่ไหม นี่คือสัจจะ อาตมาไม่ได้งงไม่ได้สงสัย หากไม่เป็นเช่นนี้มันก็ไม่ใช่อาตมามาประกาศได้อย่างไร ประเด็นที่อาตมาพูดว่า อาตมามาชาตินี้มาประกาศว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ มันไม่มีไก่ตัวพี่ที่จะมาเจาะกระเปาะออกมาก่อนในยุคนี้ อาตมานี่เป็นไก่ตัวพี่เจาะกระเปาะออกมาก่อน เอาโลกุตระมาเปิดเผย ซึ่งมันหายไปหมดแล้วเหมือนอาณิสูตร พระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้แล้วว่าต่อไปโลกุตรธรรมจะหายไปหมดมีแต่โลกียธรรม พูดให้ตรงๆไม่ได้เหนียมอายไม่ไว้หน้าเถรสมาคมว่าไม่มีแล้ว ทางโน้นมีแต่ดอกใบผลโลกียธรรม เปลือกคือศีลก็ไม่มี เขาไม่มี จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เขามีแต่วินัย 227 ยึดถือพระวินัยเป็นศีล ซึ่งวินัยกับศีลนั้นต่างกันเขาก็ไม่รู้ ยิ่งมหาศีล..เถรสมาคมเละหมด ละเมิดศีลของพระพุทธเจ้าเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:12:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:20 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:06:49 )

เป็นไปตามธรรม

รายละเอียด

ผมก็ต้องโยนไปให้หมด บางส่วนก็ต้องอนุโลมให้ มันก็เป็นไปตามธรรมไง ก็หมู่ไม่ร่วมด้วย แต่ถ้าเขารู้ว่าผมให้เขาก็จะยอมอีก ก็มาลงตรงนี้ มันเป็นคนละบริบทก็ต้องรู้บริบทกัน

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:22:16 )

เป็นไปตามมาตรฐานสากล

รายละเอียด

แรกๆ โทรทัศน์มีน้อยช่อง ถ้ามันช่องติดกันมันจะกวนกัน คำตอบที่ดีที่สุด จาก ยาฮูรู้รอบ : การเรียกชื่อช่อง เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึงมีข้อกำหนดว่า ความถี่นี้ เรียกช่องที่1 ความถี่นั้นเรียกช่องที่2 ความถี่โน้นเรียกช่องที่3

เหตุที่มีแต่ 3 5 7 9 11 แต่ข้าม 4 6 8 10 เพราะ....

ทีวีไทยใช้กำลังส่งที่ค่อนข้างแรง ความกว้างของสัญญาณมีขนาดใหญ่

ช่อง 3 อาจมีความกว้างของสัญญาณเข้ามาถึงช่องที่ 4ได้ และ สัญญาณช่อง 5 ก็อาจแทรกเข้ามาในช่องที่ 4 ได้เหมือนกัน

หากช่องทีวีใช้ช่อง3 4 5 ออกอากาศ สัญญาณอาจจะรบกวนกันจนดูไม่ได้

แต่ทีวีไทยก็ใช้ช่องสัญญาณครบหมด ที่ภาคกลางมี 3 5 7 9 11 แต่ในต่างจังหวัดที่แรงส่งจากกรุงเทพไปไม่ถึง จะมีสถาณีย่อยช่วยส่งอีกทีนึง สถานีย่อยเหล่านี้ เมื่อรับสัญญาณจากช่อง 3 ก็จะส่งออกอากาศในช่องที่ว่างอยู่และไม่รบกวนกัน อาจจะเป็นช่อง 4 หรือช่อง 10 ก็ได้ เพียงแต่เราเรียกว่าช่อง 3 ตามสถานีหลักที่กรุงเทพเท่านั้น

ช่องทีวีที่ใช้ตอนนี้ น่าจะมากกว่า 40 ช่อง อย่างไอทีวีน่าจะช่องที่ 36 ช่อง7 ทางหัวหิน น่าจะช่อง 30 หรือ 32

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:22:06 )

เป็นไปโดยธรรม ศีล 5 มีน้อย ศีล 8 มีเยอะ

รายละเอียด

ซึ่งพวกเรานี้มันเป็นไปโดยธรรม ศีล 5 น้อย ศีล 8 จะเยอะ คนที่ไม่ได้แต่งงานก็เออ พอใจจะมาอยู่ ไม่ได้เคยแต่งงานก็มาอยู่ที่นี่คนแต่งงานแล้วเกิดเป็นโสด คู่ตายไปหรือหย่ากันก็แล้วแต่ เข้าอยู่ชุมชนนี้ก็เข้ามาอยู่ ก็อยู่กันเยอะก็เลยกลายเป็นคนไม่มีคู่เยอะในชุมชนชาวอโศกเป็นคนไม่มีคู่เยอะ คนที่มีคู่มีน้อย วันสำคัญนี้ก็จะมีคนมาเยอะบ้าง เรื่องอย่างนั้นก็เป็นไปตามธรรมชาติของศาสนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:07:06 )

เป็นไปโดยธรรมเป็นตถตา

รายละเอียด

ขออธิบายซ้อน โดยความจริงที่อาตมาเป็นมาอาตมาบรรลุธรรมมาตั้งแต่ก่อนบวชด้วยซ้ำ ก่อนบวช อาตมาก็เป็นพระอรหันต์แล้ว พอมาทำงาน ก็ทำไม่ผิดอาบัติอะไรหรอก ในพระธรรมวินัย มันจะรู้อยู่ว่าเราไม่ทำ แม้เราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ยิ่งถ้าเป็นโพธิสัตว์อย่างอาตมา อาตมาทำนานาสังวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2518 อาตมาก็ไม่รู้มาก่อน แต่มันเป็นไปโดยธรรม อย่างนี้เป็นต้น หลายอย่างอาตมาทำแบบไม่ประสีประสาอะไรหรอก แม้แต่ไม่ต้องเอาอะไรมาก สาธารณโภคีนี้อาตมาไม่ประสีประสาไม่รู้เรื่อง แต่ทำไปแล้ว พวกเรามาปฏิบัติธรรมก็เป็นเองเป็นอย่างนี้ไปจนกระทั่งเกิด นี่มันสาธารณโภคีเลย ตั้งแต่รวมเป็นหมู่กลุ่ม ตั้งแต่สังคมปฐมอโศกเป็นชุมชนแรกเลย ก็เป็นสาธารณโภคีตั้งแต่โน่นจนถึงบัดนี้เลย ซึ่งตอนนี้ถึงบอกว่ามันเป็นตถตา มันเป็นเช่นนั้นของมันเอง มันจะต้องมีเหตุปัจจัยครบตรงนี้ จึงเป็นเรื่องยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้มันลอกเลียนกันไม่ได้ ทำเป็นแบบเสแสร้งไม่ได้ จริง จะปลอมได้บ้าง แต่ไม่นานหรอก ได้ชั่วคราว เดี๋ยวก็หมดความอดทน หมดความกดข่ม หมดเสแสร้งดราม่า ก็จะกลับไปสู่สัญชาตญาณเดิมของตัวเอง แต่ถ้ามันจริงมันไม่เปลี่ยนแปลง 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 08:36:40 )

เป็นไปได้อย่างไรที่ศีลพระโพธิสัตว์มีอยู่ข้อหนึ่ง เมื่อเจ็บไข้ไม่ปรารถนาจะหายป่วยโดยเร็ว

รายละเอียด

ไม่เคยได้ยินมาก่อน องค์ไหนเป็นพระโพธิ์สัตว์แล้วพูดว่าเจ็บไม่ต้องรักษา ให้มันหายเอง ไม่เคยได้ยิน มันมีหลากหลาย โพธิสัตว์ก็ไปตั้งกฎเกณฑ์ ตั้งปณิธานของตัวเอง บางคนก็บอกว่าจะช่วยคนให้บรรลุอรหันต์ให้หมดโลกก่อน ท่านจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ดับขันธ์ไปเลย ก็เป็นปณิธานของท่านไป เป็นสิ่งหนึ่งของสมมุติในโลก อันนี้เป็นปณิธานของพระอวโลกิเตศวรเป็นปณิธานอันหนึ่งของโลก ซึ่งคำตอบก็คือนิรันดร ก็ไม่มีปัญหา คุณอยากจะสมมุติก็สมมุติไป เช่นพระเจ้าสมมุติว่าเป็นผู้รู้ที่สุดอยู่ไหน ..ไม่รู้ แต่พระเจ้ามีคำสอนให้คุณก็แล้วกัน อยู่ที่ไหน..ไม่รู้ ก็เหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 11:03:20 )

เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตอรหันต์ต้องมาเป็นแบบพ่อครู

รายละเอียด

เป็นไปได้สิ มันหยั่งรากลงแล้วความรู้นี้ อย่าว่าแต่ชาวพุทธ อย่าว่าแต่
อเทวนิยมเลย เทวนิยมก็แสวงหาเหมือนกัน แต่เขายังติดยึดความเป็นตระกูลของเขา ก็ตระกูลของเขาเป็นพวกศรัทธาธิกะ เป็นสัทธาธิกโคตร พวกนี้จะพัฒนาตัวเองมีปัญญา แต่มันต้องช้าเพราะว่าเป็นศรัทธาธิกะ เปลี่ยนโคตรยาก เปลี่ยนโคตรจากศรัทธาธิกะมาเป็นปัญญาธิกะนั้นยาก 

ในขณะที่พวกเขายังไม่เห็นเพราะเขาตาบอด ชนตาอย่างไรก็ไม่เห็น จนกว่าเขาจะค่อยๆถูกความจริงนี่แทรกซึมกระแทกเข้าไป จนตาเขาเหมือนถูกยาโอสถทิพย์ เข้าไปทำให้ตาเขามีความรู้ มีความเข้าใจ ไปเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นๆๆ ถึงตาบอดก็ทำให้คนตาบอดเห็นได้ อย่างที่อาตมาพูดไปแล้ว ส่วนใครที่ตาไม่บอดตาบอดตาใสอยู่บ้างแล้วพยายามไม่รับอะไร คุณก็บอดแล้วยังบอดสนิท บอดหนักด้วย แต่คนที่เขาพยายามเลิกตาบอด แสวงหาพากเพียร เขาก็มีสิทธิ์ ที่จะตาดีได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:51:35 )

เป่าควายใส่หูปี่

รายละเอียด

ก็เป็นประเด็นที่ว่า 1 ปี่ 2 ควาย มันมีพฤติกรรมกัน ถ้าปี เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีชีวิตถ้าควายเป็นพฤติกรรมเป็นสิ่งมีชีวิตมันรับความกระทบรู้สึกได้ มีจิตวิญญาณมีจิตนิยามมันก็จะรู้สึกได้ ปี่นี่ก็มีไว้สำหรับเป่าให้เกิดเสียง เสียงมันก็จะดังๆๆ ทีนี้ควายนี้มันมีหูมีธาตุรู้ทางทวารหู มันก็รับเสียงได้ ถ้าไปต่อดังๆใส่หูมากๆมันก็จะรำคาญมันก็จะเกิดอาการไม่ชอบใจได้ มันก็จะเป็นอย่างนั้น มันรู้เรื่องรู้สึก แต่ทีนี้ที่หลวงปู่รู้สึกก็คือ เป่าควายใส่หูปี่ หากเป่าปี่ใส่หูควายเดี๋ยวควายมันเกิดวิ่งชนไส้ทะลักได้มันโกรธได้ ถ้าเป่าปี่ใสหูควาย สามารถทำให้ควายมันเกิดอาการรักหรือชังชอบหรือสั่งได้ เกิดพัฒนาเกิดความรู้สึกได้ แต่ถ้าไปเป่าควายใส่หูปี่ ปี่มันไม่รู้เรื่องหรอก เป่าอย่างไรมันก็ไม่รู้เรื่องแล้วจะเป่าตรงไหนควายมันถึงออกเสียง ไปเป่าที่ซี่โครงควายหรือท้องควายก็ดังที่เราเท่านั้น ควายไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้เป่า พูดให้ชัดเจนว่าสิ่งที่ไปทำแล้วมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หลวงปู่ได้ยกตัวอย่างเป่าควายใส่หูปี่ หรือเข็นเขาขึ้นครกก็รู้ ภูเขาที่ติดยึดพื้นดินใครจะไปเคลื่อนได้ ถ้าเคลื่อนครกก็ได้ พยายามอุตสาหะ พากเพียร ถ้าไม่ใหญ่เกินไปนักสักวันหนึ่งก็เข็นครกขึ้นเขาได้ แต่เข็นเขาขึ้นครก เข็นเขาก็ไม่ได้แล้ว มันเป็นสิ่งกลับกัน ที่หลวงปู่พูดคือให้เห็นว่าไปทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทำไม เป่าควายใส่หูปี่ทำไม หรือใช้สำนวนที่เขาใช้กันคือ สีซอให้ควายฟัง หรือจะกลับกัน สีควายให้ซอฟัง ซอมันก็ไม่รู้เรื่อง ความหมายก็คืออย่าไปทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสียเวลาเปล่าๆ หรือไปหลงเพ้อเจ้อกับสิ่งที่ผิดก็เสียเวลาเสียแรงงานเสียชาติไปเปล่าๆอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:55:45 )

เป้าประเด็นที่แท้ 

รายละเอียด

จิตเป็นศูนย์ จะไปคิดเห็นผิดหรือถูกอย่างไรล่ะ สภาวะที่เราทำ แล้วเราอ่านรูปนาม 

รูปนามสูญ ก็คือรูปนามมันไม่มีกิเลส มันสูญกิเลส ไม่ใช่มันสูญรูปสูญนาม รูปก็ไม่มี นามก็ไม่มี มันก็เป็นแท่งดินน้ำไฟลมเท่านั้น มันต้องมีความรู้ รูปก็รู้รูป นามก็รู้นาม แล้วรูปนามนั้นกิเลสมันสูญ นี่คือเป้าประเด็นที่แท้ 

อ่านกิเลสให้ออกเลย กิเลสกาม กิเลสภพ เมื่อกิเลสกามหมดก็เหลือกิเลสเข้าไปในจิต เรียกว่า รูปภพ อรูปภพ กิเลสรูปภพก็ทำให้มันหมดต่อ หมดกิเลสรูปภพ ก็เหลือกิเลสอรูปปภพ ก็ทำกิเลสอรูปภพหมดไปอีก เมื่อหมดทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ 3 ภพนี้ กิเลสก็หมดสิ้นเกลี้ยง

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:37:19 )

เป้าสูงสุดของเศรษฐกิจสุดยอดคือสาธารณโภคี

รายละเอียด

แม้แต่เป้าสูงสุดที่คำว่าสาธารณโภคี มันก็สุดยอดแล้วแห่งเศรษฐกิจแห่งเศรษฐศาสตร์ คือสมบัติเป็นส่วนกลางของทุกคน ไม่มีใครที่จะยึดถือแบ่งแยกมรดกอันนี้ออกไปได้เป็นของส่วนตัวเลย ของส่วนกลางก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ แล้วก็ไม่มีการให้ใครด้วยที่จะแบ่งออกจากส่วนกลาง จะเป็นลูกหลานในไส้อย่างไรก็ไม่ให้ อันนี้เป็นของส่วนกลาง อยู่ไม่ได้ก็ดิ้นรนไปจากส่วนกลาง ไปอยู่ข้างนอก ถูกขัดเกลา ให้ไปรู้ความทุกข์ทรมาน จนสุดท้ายทนไม่ได้ก็ต้องเข้ามา หรือไปฟอกตัวอยู่ข้างนอก แล้วก็เข้ามาใน อย่างสบายก็มี หรือถูกทางโลก ถีบเข้ามา ขัดด้วยแปรงทองเหลือง รับรองถลอกปอกเปิก เขาจะหักเอากันทีนี่ทนได้ก็ทน ทนไม่ไหวก็ทน ทนพิษบาดแผลไม่ได้ตายไปก็ยังดีกว่าไปถูกข้างนอกเขาเตะหน้าเตะหลังเหมือนลูกบอล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:09:16 )

เป้าหมายการประพฤติพรหมจรรย์ 9

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ (บวช)

1. มิใช่เพื่อหลอกลวงประชาชน

2. มิใช่เพื่อเกลี้ยกล่อมประชาชน

3. มิใช่เพื่อผลประโยชน์ในลาภ สักการะและสรรเสริญ

4. มิใช่เพื่อผลประโยชน์ในการอวดอ้างเป็นเจ้าลัทธิ

5. มิใช่เพื่อปรารถนาว่า ชนทั้งหลายจงรู้จักเราด้วยอาการดังนี้(ดังที่อวดอ้าง)

6. ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อสํารวมอินทรีย์ (สังวร)

7. เพื่อละกิเลส (ปหานะ)

8. เพื่อคลายกําหนัด (วิราคะ)

9. เพื่อดับกิเลส (นิโรธะ)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “พรหมจริยสูตร” ข้อ 25


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 21:03:04 )

เป้าหมายการประพฤติพรหมจรรย์ 9       

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ (บวช)

1. มิใช่เพื่อหลอกลวงประชาชน(หลอกลวงคนให้มาเคารพนับถือ)

2. มิใช่เพื่อเกลี้ยกล่อมประชาชน(เรียกคนมาเป็นบริวาร)

3. มิใช่เพื่อผลประโยชน์ในลาภ สักการะ และสรรเสริญ

4. มิใช่เพื่อผลประโยชน์ในการอวดอ้างวาทะ(เพื่อจะได้เป็น

เจ้าลัทธิ  หรือค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มไป)

5. มิใช่เพื่อปรารถนาว่า  ชนทั้งหลายจงรู้จักเรา(ว่าเป็นผู้วิเศษ)  ด้วยอาการดังนี้ (ดังที่อวดอ้าง)

6. ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อสำรวม (สังวร)

7. เพื่อละกิเลส (ปหานะ)

8. เพื่อคลายกำหนัด (วิราคะ)

9. เพื่อดับกิเลส ดับทุกข์สนิท (นิโรธะ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21  “พรหมจริยสูตร” ข้อ 25

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:09:19 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:14:16 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:05:54 )

เป้าหมายของ Neo protest

รายละเอียด

เป้าหมายของการชุมนุม

1. ไม่มุ่งหาปริมาณเป็นเอก แต่ มีปริมาณการแสดงออกเป็นประชาธิปไตย

ที่จริงแล้วคนออกมาร่วมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการแสดงประชาธิปไตย แต่เราไม่เน้น จะมาร่วมโดยที่เราไม่ต้องไปอยาก แต่ถ้ามันเกิดได้จริงมันก็จะมามาก

 2. แสดงคุณภาพของความเป็น ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่แท้นี้คือจิตที่มีธรรมะ เอาวิถีชีวิตความเป็นสาธารณโภคีมาแสดง (มีทรัพย์สินเป็นของส่วนกลางให้ทุกคนต่างร่วมกินร่วมใช้ได้) ได้แสดงได้ประกาศได้เขียนไว้เป็นสังคม เป็นหมู่บ้าน ดูไป ล้อเลียนดูไบเขาที่สวนลุมฯ แสดงอยู่พักหนึ่งเลย ให้เห็นลักษณะของสาธารณโภคีว่าเราเป็นอยู่กันอย่างไร 

ก็มีคนไปรับบริการ มีคนไปสัมผัส มีคนไปเห็นไปดูแล้วก็ไปกินอาหารร่วมกับพวกเรา คนไปนอนไปพักอะไรด้วย อยู่พักหนึ่ง แสดงสาธารณโภคีว่าเป็นอย่างนี้ มวลชนเป็นสาธารณโภคีสังคมเป็นสาธารณโภคีทำให้ดูให้เห็น แล้วก็มีคนที่ได้เข้ามาร่วมได้เข้ามาสัมผัสมากินมานอนมาอะไรต่ออะไรอยู่จนมากลายเป็นชาวอโศกก็เห็นอยู่ 

ใครมาในยุคสวนลุมบ้างยกมือขึ้นซิ ซึ่งมันเป็นเรื่องสัจจะของมนุษยชาติเป็นความรู้ความจริงที่ได้ดำเนินการ 

3. เพื่อมาแสดงสิทธิร่วมชุมนุม ยืนยันอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชนตั้งแต่เราก่อหวอดมีผู้มาร่วม ที่จริงเราไปร่วมกับพันธมิตรตั้งแต่เริ่มต้นคุณจำลอง คุณสนธิเป็นแกนนำด้วยกัน แล้วก็ร่วมประท้วงกันมาตั้งแต่บัดโน้น จนกระทั่งคุณสุเทพนำมวลมา ปฏิกิริยาของคุณสุเทพเป็นนักการเมือง เคยเป็นผู้นำ เป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองมาแต่ไหนแต่ไรก็มีกู๊ดวิลทางนี้ ทำให้ประชาชนเห็น เขาเป็นนักรัฐประศาสนศาสตร์ จึงทำให้คนมาร่วมกันได้หลายสิบล้านคน ก็เป็นมวลประชาชนที่ใหญ่ จนกระทั่งยืนยันอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชนนี้ได้ 

4. ไม่มุ่งหมายชนะหรือแพ้ ให้ความรู้ความจริงเป็นตัวตัดสิน เราไม่ได้มุ่งชนะหรือแพ้ แต่เราเอาความจริงเข้าว่า ความจริงมันเป็นความจริงที่มันชนะมันก็เป็นเรื่องของความจริง ก็แสดงว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะความจริงมันชนะ  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2564 ( 04:37:15 )

เป้าหมายของการชุมนุม

รายละเอียด

เป้าหมายของการชุมนุม

1. ไม่มุ่งหาปริมาณเป็นเอก แต่ มีปริมาณการแสดงออกเป็นประชาธิปไตย

2. แสดงคุณภาพของความเป็น ประชาธิปไตย (จิตที่มีธรรมะ)

3. เพื่อมาแสดงสิทธิ์ร่วมชุมนุม ยืนยันอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชน

4. ไม่มุ่งหมายชนะหรือแพ้ ให้ความรู้ความจริงเป็นตัวตัดสิน 

5. เอาวิถีชีวิตความเป็นสาธารณโภคีมาแสดง (มีทรัพย์สินเป็นของส่วนกลางให้ทุกคนต่างร่วมกินร่วมใช้ได้) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:34:49 )

เป้าหมายของการชุมนุม (Goals)

รายละเอียด

1. ไม่มุ่งหาปริมาณเป็นเอก แต่ มีปริมาณการแสดงออกเป็นประชาธิปไตย

2. แสดงคุณภาพของความเป็น ประชาธิปไตย (จิตที่มีธรรมะ)

3. เพื่อมาแสดงสิทธิ์ร่วมชุมนุม ยืนยันอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชน

4. ไม่มุ่งหมายชนะหรือแพ้ ให้ความรู้ความจริงเป็นตัวตัดสิน

5. เอาวิถีชีวิตความเป็นสาธารณโภคีมาแสดง(มีทรัพย์สินเป็นของส่วนกลางให้ทุกคนต่างร่วมกินร่วมใช้ได้)

         พระพุทธเจ้าท่านว่า...ภิกษุทั้งหลาย !  พรหมจรรย์เราประพฤติ มิใช่เพื่อ...  หลอกลวงคนให้มาเคารพนับถือ  (น  ชนกุหนัตถัง) มิใช่เพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร (น  อิติ มังชโน) มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะและเพื่อเสียงสรรเสริญ    มิใช่เพื่อจะได้เป็นเจ้าลัทธิ  หรือค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มไป  มิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า.. เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้น ก็หามิได้ ภิกษุทั้งหลาย ! ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ, เพื่อคลายกำหนัด, เพื่อดับทุกข์สนิท ฯ (พรหมจริยสูตร พตปฎ.เล่ม 21  ข้อ 25)

ที่มา ที่ไป

560816


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2563 ( 15:08:39 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:55:58 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:10:10 )

เป้าหมายของการชุมนุมของชาวอโศก

รายละเอียด

เป้าหมายของการชุมนุม

1. ไม่มุ่งหาปริมาณเป็นเอก แต่ มีปริมาณการแสดงออกเป็นประชาธิปไตย

2. แสดงคุณภาพของความเป็น ประชาธิปไตย (จิตที่มีธรรมะ)

3. เพื่อมาแสดงสิทธิ์ร่วมชุมนุม ยืนยันอำนาจอธิปไตยของมวลประชาชน

4. ไม่มุ่งหมายชนะหรือแพ้ ให้ความรู้ความจริงเป็นตัวตัดสิน 

5. เอาวิถีชีวิตความเป็นสาธารณโภคีมาแสดง(มีทรัพย์สินเป็นของส่วนกลางให้ทุกคนต่างร่วมกินร่วมใช้ได้) 

ข้อที่ 5 นี้ยังไม่เคยมีในสังคมพุทธในสังคมประเทศไทยก็ตาม สาธารณโภคีนี้เขายังไม่ค่อยรู้เรื่องกัน ยังไม่เข้าใจ ยังไม่เห็นฤทธิ์เดช ยังไม่เห็นธรรมฤทธิ์ของสาธารณโภคี อาตมานำคนที่ประพฤติ มีพฤติกรรมที่เป็นสาธารณโภคีได้แล้ว เอาไปแสดงความเป็นจริง ท่ามกลางการชุมนุมตลอดมาตั้งแต่ต้นจนจบ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:44:02 )

เป้าหมายของการชุมนุมคือ

รายละเอียด

1.ไม่มุ่งหาบริวารเป็นเอก แต่ถ้ามีมวลมากก็ดี

2.ต้องให้มีคุณภาพความเป็นประชาธิปไตย จิตต้องมีธรรมะ

3.เพื่อมาแสดงสิทธิร่วมชุมนุม

4.ไม่มุ่งหมายเอาชนะหรือแพ้ ให้ความรู้ความจริงเป็นตัวตัดสิน บ่งชี้ว่าสังคมไทยเจริญหรือไม่ที่จะเอาความรู้ความจริงตัดสิน

5.เอาวิถีชีวิตความเป็นสาธารณโภคีไปแสดง ความเป็นประชาธิปไตยคือสาธารณโภคี สูงส่งกว่าคอมมิวนิสต์เป็นยอดประชาธิปไตย

ที่มา ที่ไป

560809


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2563 ( 12:50:54 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:56:56 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:11:03 )

เป้าหมายของคนลงสมัคร คือเลือกตั้งทั่วไป

รายละเอียด

ต้องการพัฒนากิเลสเขา เขาอ้างว่าจะมาพัฒนาประเทศแต่น้อยคนที่จะทำสำเร็จผลจริง เชื่อไหมว่าชาวอโศกต่างพากันมาพัฒนาประเทศ… (ตอบ)เชื่อ… นี่เป็นความจริงใจ แล้วชาวอโศก สำหรับปัญหาตนเอง สบายแล้ว อย่างอาตมาสมณะ แม้แต่ฆราวาส มีปัญหาที่จะดำเนินชีวิตตนเองด้วยอาชีพด้วยกัมมันตะด้วยวาจาด้วยสังกัปปะ …ไม่มี เขาพ้น มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉาอาชีวะแล้ว ชาวอโศก แล้วแต่ใครที่ยังมีกิเลสส่วนตัวบ้างก็ทำออก ทำของใครของมัน คนใกล้หมดแล้วก็อยู่กันตามสบาย เข้าเกณฑ์อรหันต์ก็สบายก่อนเพื่อน เป็นอรหัตตมรรคก็ว่ากันต่อ อนาคามี สกิทาคามี โสดาบันก็ไปตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:17:50 )

เป้าหมายของศาสนาพุทธ 

รายละเอียด

เป้าหมายของศาสนาพุทธ  คือ การที่ไม่รู้ตัวเองปฏิบัติผิดไปจากพระพุทธเจ้าสอน  แล้วไม่ได้ประโยชน์จากชีวิตเท่าที่ควรจะได้  ทำอย่างไรจึงจะได้รู้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณของเราซึ่งมันติดไปกับอัตภาพของเรา  จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน อย่างไรถึงรู้จักพวกนี้ดีๆ เราจะได้จัดการกับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของเราให้มันดีขึ้น กิเลสมันลดลงชีวิตเจริญขึ้น  ชีวิตมีความทุกข์น้อยลง  ชีวิตที่สบายๆขึ้น และมีประโยชน์อย่างยิ่งที่เกิดเป็นมนุษย์ยิ่งๆ ขึ้น  ที่เป็นเป้าหมายของศาสนาพุทธ คือ คนที่ไม่มีทุกข์ เป็นคนที่หมดกิเลสส่วนจะอยู่กับสังคมเขาก็อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ  สัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องดีไม่ดี  ขยันขึ้นกว่าเดิม  ทำงานรับใช้สังคมได้เป็นประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น  ก็คือ พระพุทธเจ้าท่านจะสร้างคนให้เป็นคนที่มีคุณค่าประโยชน์  อย่างที่ตัวเองไม่เป็นทุกข์ร้อน  แต่เป็นคนที่มีคุณค่าประโยชน์  ต่อมวลมนุษยชาติต่อสังคม นี่คือสุดยอดของพระเจตนารมณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แล้วก็ทำให้สำเร็จ  แล้วมันก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่  งานของคนที่ทำให้หมดสุขหมดทุกข์ เป็นเรื่องที่สุดยอด   อยู่เหมือนกับคนอื่นเขาทุกอย่างจะเจอกับน้ำท่วมก็เหมือนกัน จะเจอกับคนรุนแรง คนขี้โกรธ  คนมาทำร้ายก็เหมือนกัน จะเจอกับคนดีก็เจอเหมือนกันแต่ท่านไม่ทุกข์  ไม่สุขแล้ว  ท่านก็แก้ปัญหาได้ด้วยความรู้ที่เหมาะควรไม่เกิดความรุนแรงเลวร้าย  เกิดประโยชน์คุณค่าก็จบ เป็นคนสร้างคนให้มีคุณค่าประโยชน์ต่อโลก ต่อมวลมนุษยชาติ  ไม่เป็นพิษภัยแล้วตัวเองก็สบาย ปราศจากทุกข์ ปราศจากสุขอย่างนี้เป็นต้น นี่คือสุดยอดของพระพุทธเจ้า มันเป็นเนื้อหา

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:17:27 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:57:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:13:39 )

เป้าหมายคุณภาพของศาสนาพุทธกัปป์นี้ 5,000 ปี

รายละเอียด

หากอาตมาทำได้ เส้นแดงสูงนี้ อย่างนี้ไว้ใจได้ว่าศาสนาพุทธจะยืนยาวไปถึง ห้าพันปี นี่คือรูป pattern ที่อาตมาใช้เป็นเครื่องมือทำไว้ แต่ถ้ามันไม่ได้ถึงประมาณนั้นก็คงต้องเวียนกลับมาเกิดอีก ใน กัปป์นี้ ใน 5000 ปีของศาสนาพุทธ ดูคุณภาพคุณธรรมของศาสนา อาตมาก็จะประมาณเองว่า เนื้อหาสาระขนาดนี้จะไปถึงไหม หากไม่ถึงก็เกิดมาเติมอีก แต่ถ้าถึงแล้วก็ไม่มาแล้ว ขอพักหน่อย แล้วค่อยถึงเวลาวาระใหม่ค่อยมาเกิดแล้ว ก็บำเพ็ญต่อ เพราะอาตมายังไม่ถึงสัมมาสัมพุทธะ ผู้ที่ยังไม่ถึงฐานะก็ฟังไว้ไม่ต้องไปกระดี๊กระด๊าตาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:57:32 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:02 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:16:24 )

เป้าหมายประพฤติพรหมจรรย์

รายละเอียด

อาตมายืนยันว่าอาตมาเดินตามพระพุทธเจ้า ไม่ได้ทำเพื่อลาภยศสรรเสริญ

ไม่ทำเพื่อหาบริวาร ไม่พูดเพื่อให้คนเชื่อ เอาความจริงมายืนยัน

อาตมาแสดงธรรมยืนยันหนักแน่นเลย

ภิกษุทั้งหลาย! พรหมจรรย์เราประพฤติ มิใช่เพื่อ... 

หลอกลวงคนให้มาเคารพนับถือ (น ชนกุหนัตถัง) 

มิใช่เพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร (น อิติ มังชโน) 

มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะและเพื่อเสียงสรรเสริญ

มิใช่เพื่อจะได้เป็นเจ้าลัทธิ  หรือค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มไป  

มิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า.. เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้น ก็หามิได้ 

ภิกษุทั้งหลาย! ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ, เพื่อคลายกำหนัด,

เพื่อดับทุกข์สนิทฯ (พรหมจริยสูตร พตปฎ.เล่ม 21  ข้อ 25) 

อาตมาไม่มีใจอยากจะเป็นเจ้าลัทธิ หัวหน้าหมู่ ยังไม่อยากเป็นหัวหน้าเณร ยังไม่อยากเป็นเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 21:59:26 )

เป้าหมายพุทธต้องอยู่เหนือโลกเหนืออัตตาให้ได้!

รายละเอียด

เป้าหมายหลักสำคัญยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติของศาสนาพุทธนั้นอยู่ที่ความ“อยู่เหนือโลก”ที่เรียกด้วยภาษาว่า “โลกุตระ”และจะรวมความ“อยู่เหนืออัตตา”ไปด้วยพร้อมกันในตัว เพราะการศึกษาของพระพุทธเจ้าจะเป็น“ภาวะ 2”เสมอ“โลก”กับ“อัตตา”จึงคือ “ภาวะ 2”คู่เอก ที่จะต้องรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง แล้วศึกษาปฏิบัติจนกระทั่งบรรลุ“อนุตตริยะ”สัมบูรณ์

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 117 หน้า 114


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:16:19 )

เป้าหมายลากสังขารไปให้ถึง 120 ปีเก่งที่สุดแล้ว

รายละเอียด

ตอนนี้อาตมาก็พยายามพิสูจน์ความจริงของอาตมา คนอื่นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา ลากสังขารไปถึงจะ 90 แล้ว ถ้าอาตมาลากสังขารไปได้นะ เป้าหมายจริงๆ ที่อาตมาว่าอาตมาเก่งที่สุดนี้ 120 ปี เก่งที่สุดแล้ว แต่ก่อนที่มันมีตัวเลข 151 ก็มีประวัติมาแล้วมีตำนานก็เคยเล่าให้ฟังแล้วหลายที ว่า มันพูดกันเล่นๆไปอย่างนั้น ไม่เชื่อว่าตัวเองจะอยู่ได้ถึง 151 ปีหรอก แต่ก็นำมาใช้นำทาง ใช้ปฏิบัติพิสูจน์ยืนยันมันก็ดูดีเหมือนกันใช้ได้ 

แต่ถ้าเป็นจริงมันได้ถึง 120 อาตมาว่า อาตมา ชาตินี้พิสูจน์ เพราะขันธ์ของอาตมา มัน 72 ปีนี่ลากมาได้ 84 ปีเลยมา 1 นักษัตร ถ้าเป็น 96 ก็จะเป็น 12 นักษัตร ถ้าเป็น 108 ก็ 3 นักษัตร ได้ 3 นักษัตรก็เก่งเยี่ยมแล้ว เลยจากนั้นไป จะเลยไปอีกเท่าไหร่ก็แล้วแต่ 109 110 111 บวกไปอีก 6 ปีครึ่งนักษัตร ก็เป็น 114 บอกอีก 6 ปีก็เป็น 120  108 ก็สุดยอดแล้วอาตมาว่า ถ้าลากเลยไปได้อีก ก็มหัศจรรย์แสนมหัศจรรย์เลย สุดมหัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:04:40 )

เป้าหมายสำคัญสุดยอดของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คำที่พระพุทธองค์สอนไม่ให้เกิดอีกนั้นเป็นเพียงกิเลสหยาบกลางละเอียด เราสามารถประหารในใจของเรา ที่เป็นชีวะเป็นจิตนิยาม ประหารให้ตายสนิทเลยไม่ให้เกิดอีกนั่นคือเป้าหมายสำคัญสุดยอดของศาสนาพุทธ ไม่ได้หมายความว่าร่างกายนี้เกิดอีก เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าใจธรรมะ 2 อย่างนี้การเกิดคืออะไร คนก็นึกถึงแต่ร่างกายเวียนตายเกิด ชาติสองชาติสามชาติ หรือ 7 ชาติ อย่างนี้ พอเข้าใจคำว่าชาติแค่คลอดจากท้องแม่ ตายทางร่างกายก็ 1 ชาติ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:34:57 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:58:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:17:42 )

เป้าหมายสูงสุดของสมณะโพธิรักษ์คือความเป็นพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาเป็นพระพุทธศาสนาความเป็นพุทธเป็นพระโพธิสัตว์มาไม่รู้กี่ล้านชาติ อาตมาพูดความจริงให้ฟัง มาชาตินี้ถึงบอกว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์ บอกไปคนก็ไม่เชื่อจะมาไม่ได้ประหลาดใจอะไร หากเขาเชื่อทันทีมันเป็นเรื่องแปลก ทุกวันนี้อาตมาต้องใช้ความอุตสาหะพยายามพากเพียรเพื่อที่จะเอาความจริงนี่มาขยาย เจตนาเป็นความรู้ความสามารถเป็นหลักฐาน ด้วยอะไรทุกอย่างที่จะเอามาประกอบอ้างอิงยืนยัน เพื่อที่จะให้คนเห็นจริงว่าใช่จนต้องจำนน ขนาดนั้นก็ยังไม่ได้ง่ายนะแต่ก็ไม่เคยท้อแท้ มันเป็นสิ่งดีที่ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้วมันสุดทางเลือก เป้าหมายของอาตมาจะเกิดมาเป็นความรู้เกิดมามีอัตภาพแห่งความเป็นสัตว์โลกสูงสุดความเป็นมนุษย์คือความเป็นพระพุทธเจ้า ตามหลักธรรมของศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นเขาก็ว่ากันไปไม่วิจารณ์ต่อ พูดในบริบทของศาสนาพุทธเท่านั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้จริงๆ อาตมามีความมุ่งมั่นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาว่าอาตมาเอง เป็นคนที่มาประกาศมาบอกว่าโพธิสัตว์มี 9 ระดับ อาตมาไม่ได้เอามาจากอรรถกถาจารย์ได้เลย แต่เอามาจากภูมิธรรมของตัวเองเอามาพูด จะบอกว่าอาตมาบัญญัติเองก็ไม่ใช่ อาตมาแน่ใจว่าบัญญัตินี้มีมาก่อนแล้ว เพราะว่ามันจะไม่มีการผิดเพี้ยนไปจากของจริงสำหรับบัญญัติเช่นนี้ อาจจะไม่ใช่ภาษานี้ เป็นภาษาอื่นๆไม่ใช่คำนี้ แต่ว่าสภาวะธรรมอันเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2562 ( 20:00:18 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:58:57 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:16:40 )

เป้าหมายหลักในการทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจของชาวอโศกคืออะไร

รายละเอียด

สรุปแล้วอาตมาภาคภูมิใจที่อาตมาไม่ได้มีเชิงเรี่ยไร ไม่มี มีแต่บอกว่า ถ้าเผื่อว่าคนภายในที่เป็นสมาชิกชาวอโศกจริงๆ โดยเกณฑ์ ที่เป็นสมาชิกแท้ เราก็ไม่ได้เรี่ยไร แต่เรารับบริจาค ถ้าคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกแท้ชาวอโศกก็ไม่รับบริจาค บริจาคให้อย่างไรก็ไม่รับ เช่นเป็นรูปธรรม คุณเคยมาอโศกหรือยัง? ถ้าคุณไม่เคยมาอโศกเลย ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบริจาค หรือ คุณเคยอ่านหนังสือ หรือเคยศึกษาชาวอโศกจากหนังสือหรือยัง ซึ่งจะต้องอ่านอย่างน้อย 7 เล่ม ถึงจะได้ ซึ่งไม่ใช่อ่านแค่หน้าปกเท่านั้นนะอ่านทั้งเล่มมีเนื้อหาที่เข้าใจใช้ได้แล้ว คือ เรามีเหตุผลเงื่อนไข เพื่อกันความมักง่าย ให้รู้ว่าเราเองนี้ ไม่ใช่อยากจะทำงานเพื่อให้คุณมาเป็นบริวารเลื่อมใสเอาลาภ ยศสรรเสริญมาให้นะ ไม่ใช่นะ เราทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจเพื่อจะให้คุณ ละหน่ายคลาย รู้จักกิเลสตัวเอง กำจัดกิเลสตัวเองได้นั่นคือเป้าหมายหลักเลย  จนกิเลสหมดไปถาวรเลย นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) กิเลสตายอย่างไม่มีทางฟื้นเลย อันนี้อธิบายซับซ้อน ฟังให้ดี จะเห็นความวิจิตรพิสดารของศาสนาพุทธที่เยี่ยมยอดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ   ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:41:41 )

เป้าหมายแห่งปชาธิปไตย

รายละเอียด

     นักการเมืองทั้งหลาย ! หน้าที่บริหารของเรามิใช่เพื่อ ล่อลวงหลอกประชาชนให้มาเคารพนับถือ นิยมชมชอบ  (ประชานิยม) 
มิใช่ประพฤติเพื่อเรียกคนมาเป็นบริวารเข้าพวกเป็นพรรคใหญ่
    มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะ  และเพื่อเสียงสรรเสริญ   มิใช่เพื่ออานิสงส์จะได้เป็นพรรคยอดนิยม   หรือเพื่อค้านพรรคอื่นใดให้ล้มไป และมิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่าเราได้เป็นผู้บริหารอันวิเศษอย่างนั้น  ก็หามิได้ 
    นักการเมืองทั้งหลาย! ที่แท้งานของเรานี้ประพฤติเพื่อเสียสละ เพื่อละ เพื่อหน่ายความฉ้อโกง,  เพื่อดับทุกข์สนิท ฯลฯ
 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 13:04:19 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 06:59:35 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:19:34 )

เผด็จการหรือประชาธิปไตยดูกันที่ไหน

รายละเอียด

 

 

ระบอบทักษิณ

 

คสช.

1

ประชาธิปไตยคือเลือกตั้ง แต่เบื้องหลังทุกอย่างได้มาด้วยการทุ่มซื้อ ๆ นักการเมือง ซื้อพรรคการเมือง ซื้อหัวคะแนน สุดท้ายแม้ประชาชนจะเลือกกันจนตาย ใครจะเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีก็อยู่ที่ ทักษิณสั่งการคนเดียว ไม่ว่าสมัครสมชายยิ่งลักษณ์ก็อยู่ที่ทักษิณสั่งเพื่อไทยทำตามเท่านั้นเอง

1

ประชาธิปไตยแบบเชิญตั้ง  ซึ่งเกิดจากประชาชนส่วนใหญ่ยินยอมพร้อมใจให้เข้ามาบริหารประเทศ  (หลังจากที่ประชาชนได้ขับไล่รัฐบาลทรราชออกไป จนบริหารประเทศต่อไปไม่ได้)   จะทำโพลกี่ครั้ง ๆ ประชาชนก็ให้การสนับสนุนมาตลอด จนครบ 4 ปี กว่าแล้ว  และประชาชนกำลังจะเชิญตั้งในสมัยที่ 2 ต่อไปอีก  ซึ่งมีคะแนนนิยมจากผลโพลสูงกว่า รัฐบาลทักษิณและนอมินีมาตลอด

2

มุ่งประโยชน์เพื่อตัวเองและพรรคพวกของตัวเองเป็นหลัก  จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทยก็จะให้ความดูแลก่อน   เคยกำหนดให้วันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันราชการ  เพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับครอบครัวของตน จนได้รับนานาสารพัดฉายา  เช่นโคตรโกง และโกงทั้งโคตร   (แถมยังสืบทอดการโคตรโกงอย่างยั่งยืน แม้จะมีการปราบปรามอย่างขุดรากถอนโคนได้มากแล้ว  แต่ก็ยังเหลือผีตายซากทั้งร้องทั้งดิ้นให้เห็น ๆ กันอยู่) 

2

มุ่งทำประโยชน์เพื่อประชาชนในทุกๆด้าน เช่น  ยึดที่ดินจากผู้มีอิทธิพล คืนมาได้กว่า 300,000 ไร่ ปลดทุกข์ให้กับประชาชนทั่วประเทศที่เป็นหนี้สิน นายทุน หน้าเลือด จับ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง นายพลนายพัน นักธุรกิจ นายธนาคาร นักวิชาการที่ละเมิดกฎหมายติดคุกไปแล้วหลายราย จนพูดได้ว่าคุกไม่ได้มีไว้ขังคนจนเท่านั้น

3

สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง จนยากที่จะประเมินมูลค่าได้  เฉพาะคดีของยิ่งลักษณ์คดีเดียว เรื่องทุจริตจำนำข้าวก็ปาเข้าไป 2.8 แสนล้านแล้ว  แต่ ของทักษิณ  มีอีกเป็น สิบ ๆคดี บางคดีศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ไปแล้วหลายหมื่นล้าน  สุดท้ายก็ต้องพากันหลบหนีออกไปต่างประเทศอย่างสุขสำราญ  ทั้งน้องทั้งพี่  ปล่อยให้ลูกน้องที่ร่วมกันโกงพากันเข้าคุกอย่างทุกข์ทรมาน

3

ภาพรวมของประเทศไทยได้เกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในหลายๆด้าน

•เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยพุ่งแตะ 1.95 แสนล้านดอลลาร์ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

• ส่งออกข้าวมากที่สุด อันดับ 1 ของโลก

•ยอดนักท่องเที่ยวปี2017ทะลุ35ล้านคน

• ทำรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด อันดับ 3 ของโลก ประจำปี 2017

• กรุงเทพมหานคร คือ เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ประจำปี 2017

• สำนักข่าว Bloomberg จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์น้อยที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน

 

4

การสร้างความรุนแรงที่กระทำต่อประชาชน ด้วยนโยบายกำปั้นเหล็กที่ใช้ปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด  ทำให้มีประชาชนถูกวิสามัญฆาตกรรมกว่า 2800 ศพ  ซึ่งมีเบาะแสน่าเชื่อว่าจะมีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตัดตอนไม่ต่ำกว่า 2000 ศพ และมีประชาชนพากันบาดเจ็บล้มตายไม่ต่ำกว่าพันคน ที่ออกมาชุมนุมประท้วงกันอย่างสงบ ไม่มีอาวุธ แต่ถูกฝ่ายของทักษิณ เอาระเบิดและอาวุธปืนร้ายแรง มาใช้ เข่นฆ่าทำลายทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมกันอย่างสงบ

4

แม้จะมีม. 44 ให้ใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่  แต่คสช. ก็ไม่เคยเอาอำนาจเด็ดขาดนั้นมาใช้เข่นฆ่าประชาชนให้ตายแม้แต่คนเดียว แต่กลับเอามาใช้ประโยชน์ในทางสร้างสรรค์จรรโลงสังคม   เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมหมักหมมมาอย่างยาวนานชั่วนาตาปีที่รัฐบาลเลือกตั้งยุคใหน ๆ ก็แก้ไม่ได้

5

สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ  จนคนเหนือคนใต้ไม่กล้าไปมาหาสู่กัน  เกิดความแตกแยกในที่ทำงาน  และลุกลามบานปลายไปถึงครอบครัว แม้แต่นอนในมุ้งเดียวกันก็เลือกสีคนละข้าง

5

ทำให้ทหารแตงโม  ตำรวจมะเขือเทศหมดไป  คนไทยหันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเทิดทูนสถาบันชาติ-ศาสนา -พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดไปทั่วโลก ในงานพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 และการช่วยเหลือเด็ก ๆ ทีมหมูป่า Academy 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง

6

ทำลายระบอบประชาธิปไตยฯ, ละเมิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2540 หัวใจของระบอบประชาธิปไตยฯ คือการตรวจสอบ ถ่วงดุล เป็นระบบที่มีเหตุมีผล สังคมเปิดกว้าง ไม่ปิดกั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิและเสรีภาพ เพราะประชาธิปไตยเชื่อว่า สังคมเปิดที่ไม่มีการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร และมีกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดี จะเป็นเครื่องกำกับการใช้อำนาจของผู้ปกครอง แต่ระบอบทักษิณได้ทำลายกลไกทั้งหมด มุ่งมั่นทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง อย่างเห็นแก่ตัว ขัดกับหลักประชาธิปไตยที่ต้องทำเพื่อประชาชน โดยไม่เห็นแก่ตัว

ทำลายและครอบงำกลไกการตรวจสอบถ่วงดุล -- คือ ส.ส. (ใช้กุศโลบายยุบรวมพรรค) ส.ว. (ซื้อ, แทรกแซง) และองค์กรอิสระ (ซื้อ, แทรกแซง และเข้ากำกับตั้งแต่ขั้นสรรหาและขั้นเลือกในวุฒิสภา

 

6

แม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มีหัวใจของนักประชาธิปไตย

แม้พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯที่มาจากรัฐประหาร มีอำนาจสั่งการด้วยม.44 แต่ว่า กลับยอมให้คนวิจารณ์คสช.หรือตัวพล.อ.ประยุทธ์ได้ โดยไม่ได้เอาคืน หรืออาฆาตพยาบาท อาจแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ว่า ก็กล้าขอโทษในสิ่งที่ผิด ซึ่ง ระบอบทักษิณไม่มีคำว่าขอโทษ ไ่ม่มีคำว่ายอมรับผิด มีแต่ความอาฆาตพยาบาท และเอาคืน ล้างแค้น หนีความจริงตลอดเวลา

มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชนโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตน คือหัวใจประชาธิปไตยคือทำเพื่อประชาชนโดยไม่เห็นแก่ตัว

 

7

ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

มีพฤติกรรมจาบจ้วง ใช้วาจาไม่เหมาะสม ละเมิดพระราชอำนาจ ซ้ำซ้อน หลายเรื่อง

 

 เมื่อทักษิณมีปัญหาทางการเมือง สื่อมวลชนและประชาชนได้เรียกร้องให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทักษิณกลับกระทำการมิบังควรอย่างยิ่งอีกครา ด้วยการพูดผ่านสื่อมวลชนว่า

“ถ้าพระเจ้าอยู่หัวกระซิบรับสั่งกับผมคำเดียว ทักษิณออกเถอะ รับรองกราบพระบาทออกแน่นอน”

ยามทักษิณเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง แทนที่จะยอมรับข้อผิดพลาดของตน ทักษิณกลับประกาศกร้าวว่า มีมือที่มองไม่เห็นและคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คอยทำลายรัฐบาลของตน!

การจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ของทักษิณ ทั้งลับและเปิดเผยนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล “ขบวนการล้มเจ้า” หรือ “ขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” รวมไปถึง “ขบวนการสาธารณรัฐ” เริ่มขยายเติบโตอย่างรวดเร็ว

7

สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาล คสช.ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

 

“รัฐบาลจึงถือเป็นหน้าที่สำคัญ...ที่จะเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ”

 

คำแถลงนโยบายข้อนี้สอดรับกับสถานการณ์หลังการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. กล่าวคือ มีการเร่งดำเนินคดีและจับกุมคุมขังผู้ต้องหาว่ากระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวนมากขึ้น ปัจจุบันมีถึง 16 กรณี (ดูรายงานการปรากฏตัวของคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ หลังรัฐประหาร 2557) ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงคือการจับกุม ภรณ์ทิพย์ และ ปติวัฒน์ สองนักกิจกรรม จากการแสดงละครเวทีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเดือนตุลาคม 2556

8

อภิมหาฉ้อราษฎร์บังหลวง

 

สมัยก่อน “โคตรโกง” แต่สมัยนี้ “โกงกันทั้งโคตร” หนักไม่หนักคิดดูก็แล้วกันว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ต้องมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 ทรงแช่ง

 

เป็นการโกงแบบใหม่ที่เนียนกว่าเก่า ใช้อำนาจหาผลประโยชน์มิชอบแก่ตนและพวกพ้อง ผ่านนโยบายสาธารณะที่มีวาระซ่อนเร้นทับซ้อนอยู่

 

สร้างมาตรฐานค่าคอมมิชชั่นใหม่ จากเดิม 10 % มาเป็น 30 %

 

โกงกันเป็นขบวนการ - คดีที่ดินรัชดาฯเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ราคา 772 ล้านบาท รัฐบาลประกาศวันที่ 31 ธ.ค. 2546 ไม่เป็นวันหยุดราชการ เพราะวันที่ 1 ม.ค. 2547 ราคาประเมินที่ดินจะเปลี่ยนไป (คือเปลี่ยนทุก ๆ 4 ปี/ครั้ง) ฉะนั้น 1 ม.ค. 2547 กรมที่ดินเปลี่ยนราคาประเมินเฉพาะตรงนั้นเป็นตารางวาละ 7 หมื่นบาท (ซึ่งตอนนั้นเสียภาษีอยู่ที่ 48,000 บาท) ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณประหยัดค่าธรรมเนียมได้ 5,977,000 บาท

ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ทีมทนายความนำถุงขนมใส่เงิน 2 ล้านบาทไปให้เจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับ(ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำคุกนายพิชิฏ กับพวก คนละ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล)

 และอีกหลายๆคดี เช่น คดีซุกหุ้น (โอนให้คนรับใช้ คนขับรถ) - ค่าโง่ทางด่วน - ค่าโง่ ITV - บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ...มาจนถึง คดีจำนำข้าวฯลฯ

 

8

มีการโกงกินกันน้อยมาก

 

ในรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะตัวพล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวหาเรื่องของการโกงกิน ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้ข่าวลือเรื่องพล.อ.ประยุทธ์โกงกิน

 

นโยบายที่ออกมาก็ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีวาระซ่อนเร้น

9

ขายสมบัติของชาติอย่างไร้ศักดิศรี

 

เป็นการขายโดยผ่านนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยึดสมบัติชาติเป็นสมบัติตัวและพวกพ้อง ผ่านทางการกระจายหุ้นในตลาด และให้ Nominee ทั้งไทยและฝรั่งเข้ามาถือครอง

 

ดึงต่างชาติเข้ามาร่วมถือครองรัฐวิสาหกิจที่เป็นสมบัติชาติ

 

ขายสถานีโทรทัศน์ และดาวเทียม ซึ่งมีความละเอียดอ่อนเรื่องความมั่นคง ให้ต่างชาติ

9

ไม่ขายสมบัติชาติ ปกป้องศักดิศรีชาติ

 

พยายามปกป้องผลประโยชน์ของคนในชาติ ไม่ยอมให้อเมริกามาครอบงำประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ว่า “ผมยืนยันว่าในฐานะนายกฯ จะไม่ยอมให้ประเทศใดเข้ามาแทรกแซงบ้านเรา ทุกประเทศมีศักดิ์ศรี ประเทศไทยก็ต้องมีศักดิ์ศรี เราให้เกียรติกับทุกประเทศ ผมไม่เคยไปต่อต้านใคร แต่ผมเสียใจได้ในการแสดงความคิดเห็นบางอย่างที่มันไม่ใช่ ไปฟังข้างนี้แล้วออกมาพูดแบบนี้มันไม่ใช่ ผมไม่ใช่ศัตรูของเขา เมื่อพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย เขาก็คิดถึงประชาธิปไตยแบบตะวันตก แต่อย่าลืมว่าคนของเรา วิถีชีวิตของเราหรือผู้นำทางการเมืองของเราในอดีต ไม่เหมือนของเขา สหรัฐต้องฟังบริบทเหล่านี้ด้วย”

10

แบ่งแยกดินแดน

 

กระบวนทัศน์แบบพ่อค้าทำให้ปัญหาภาคใต้ถึงวิกฤต และแบ่งแยกคนในชาติเป็นฝ่ายไทยรักไทย กับฝ่ายไม่ใช่ไทยรักไทย ตอนแรกคิดว่าโจรกระจอก เด็ดแต่ตัวหัว ๆ สัก 200 กว่าคนก็พอ

 

ประกาศสาเหตุว่าเพราะภาคใต้ไม่ได้รับการพัฒนา จึงทุ่มเงินลงทุน ซึ่งก็คือกระบวนท่าเงินฟาดหัวแบบเดิม ๆ ทำไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจ เชื่อขันทีใกล้ชิด รื้อโครงสร้างการจัดการใหม่ จนเหตุเลวร้ายถึงที่สุด

 

 

10

รวมแผ่นดินไทยให้เป็นปึกแผ่น

 

คนไทยไปไหนได้ทุกภาค ลดการแบ่งแยกสีเสื้อได้อย่างมาก ได้คืนความสงบไม่มีสงครามกลางเมือง ไปไหน มาไหนไม่ต้องกลัวลูกหลง

 

จากการรวบรวมสถิติด้านต่างๆของศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจำนวนเหตุรุนแรง คดีความมั่นคง การขยายตัวหรือหดตัวของ "หมู่บ้านพื้นที่สีแดง ก็พบว่ามีจำนวนที่ลดลงสถานการณ์ความรุนแรง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จากสถิติการก่อเหตุในปัจจุบันถือว่าลดลงอย่างมาก

โดยจากปี2557-2558 ลดลงถึง 60%

11

วงการสงฆ์มีแต่ความแปดเปื้อนโสมมหมักหมมเน่าในมากยิ่งขี้น ทักษิณและครอบครัวรวมทั้งบริวารสนับสนุนวัดพระธรรมกาย  ที่ผ่านมาวัดธรรมกายสามารถสร้างเครือข่าย สร้างมวลชน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “สาวก” ได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในสมัยที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ เป็นลักษณะจัดตั้งแบบลูกโซ่ ซึ่งรวมไปถึงการให้เงินสนับสนุนกับวัดในต่างจังหวัด หรือโรงเรียนทั่วประเทศ ที่มักมีกิจกรรมในเรื่องพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ

 

ตั้งสมเด็จพระสังฆราชซ้อน

ต่อมายังได้ลงนามเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช มี สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นประธาน อ้างว่า สมเด็จพระญาณสังวร สังคปรินายก สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันประชวร มิอาจปฏิบัติพระภารกิจได้

 

กรณีที่เกิดขึ้นได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า เป็นการละเมิดพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งที่หากพิจารณาตามโบราณราชประเพณีแล้วพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช หรืออย่างน้อยก็ต้องขอพระราชทานกราบทูลเพื่อให้ทรงวินิจฉัยเสียก่อน

11

มีการทำความสะอาดชำระความทุจริตในวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ เช่นกรณีปราบปรามวัดพระธรรมกาย การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ที่ขอเงินทอนวัดกว่าร้อยละ 80 และมีวัดดังหลายแห่งเกี่ยวข้อง จนสามารถจับกุมพระผู้ใหญ่ระดับกรรมการมส.ได้

ลดความขัดแย้ง โดยแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชและ กรรมการมส.

หรือแม้แต่การให้ส่งตัวเณรคำในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาชำระคดีในประเทศไทย

 

 

 

12

เกี่ยวกับการบุกรุกผืนป่า

นโยบายแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน ทำให้มีการบุกรุกยึดครอบครองที่ดินผืนป่ากันมากมายโดยอ้างนโยบายนี้

12

การทวงคืนผืนป่าจากนายทุน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดินหน้าอย่างแข็งขันและถือเป็นผลงานที่ค่อนข้างเด่นชัดของ รัฐบาล และคสช.โดยสามารถทวงคืนผืนป่าได้จำนวนมาก โดยในปี 59 สามารถทวงคืนผืนป่าจากนายทุนได้ 1.4 แสนไร่และในปี 60 ตั้งเป้าทางคืน 1.07 แสนไร่ และในปี 61 ยังคงเดินหน้าต่อ

13

ทักษิณและนอมินี เป็นรัฐบาล พรรคพวกมีแต่รวยๆๆๆขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

แม้แต่นายขวัญชัย ไพรพนาใส่สร้อยคอเส้นเท่านี้

13

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯไม่มีข่าวว่ารวยขึ้นอย่างผิดปกติแต่อย่างใดทั้งที่เป็นยุคการสื่อสารไร้พรหมแดน ต้องถูกตรวจสอบอย่างมากแต่นายกฯประยุทธ์กลับประพฤติตนตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ใช้ชีวิตพอเพียง

14

มีการเพิ่มขึ้นของการละเมิดสิทธิมนุษยชน ...เหตุการณ์ และคดีที่มีเงื่อนงำ และเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล - ชิปปิ้งหมูถูกฆ่าตาย - อุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิต - สั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่กรือเซะ, ตากใบ - ฆ่าตัดตอนคดียาเสพติด

อัยการสูงสุด “นายพชร ยุติธรรมดำรง” มีคำสั่งให้ถอนฟ้องพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รัฐบาลทักษิณใช้สถานที่จัดประชุมผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในวัดธรรมกาย มีทั้งสว. และรัฐมนตรีที่เป็นลูกศิษย์

 

14

มีการลดลงของการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เช่น แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย และ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ถือเป็นมาตรการที่ รัฐบาลและ คสช.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องดำเนินการโดยทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยกวาดล้างจับกุมอาวุธสงคราม อาวุธปืน กระสุน และวัตถุระเบิดได้จำนวนมาก มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 30,000 คน รวมถึงและกำลังจับตาเครือข่ายและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง

นี่ก็พยายามรวบรวมจากที่มีจริงเป็นจริงได้ขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเมืองขณะนี้ อาตมาว่า กำลังเด่นชัดในสิ่งที่กำลังจะบอกความจริงแก่มนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติ ในสื่อสารมวลชนเป็น globalization รู้กันเร็วทั่วกันไปแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  สิ้นยุคประชาธิปไตย-เผด็จการ วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2561

ที่บ้านราชฯ สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน สิ้นยุคประชาธิปไตย-เผด็จการ


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:44:13 )

เผยแพร่ธรรมะโลกุตระ

รายละเอียด

การแสดงความคิดเห็นมา พยายามทำความเข้าใจก็แล้วกัน จริงอาตมาจะเป็นคนแสดงธรรมะวกวนเยอะ แต่ผู้ที่ตั้งใจฟังให้ดีก็จะเข้าใจได้  ไม่ตั้งใจฟังให้ดีหรือไม่มีภูมิปัญญาพอก็จะเข้าใจได้ยาก อาตมาแสดงธรรมะไม่ใช่แค่พระโสดาบัน แต่แสดงไปถึงพระอรหันต์พระโพธิสัตว์ ไม่ได้บรรยายธรรมะเรื่องโลกียะเท่าไหร่ ไม่ได้แสดงธรรมะที่เกี่ยวกับโลกียะเท่าไหร่ หรือเรื่องทุจริตสุจริต คนเขาอธิบายกันเยอะอยู่แล้วอาตมาเลยไม่ค่อยได้อธิบายเท่าไหร่ในเรื่องโลกียะ อาตมาก็แสดงธรรมโลกุตระเป็นส่วนใหญ่

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 17:48:29 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:01:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:17:11 )

เพชรพุทธ

รายละเอียด

เพชรพุทธ กะรัตที่ 1 ⇒ ทิฏฐิ 62

เพชรพุทธ กะรัตที่ 2 ⇒ สามัญญผลสูตร (โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 3 ⇒ อัมพัฏฐสูตร (ไม่หลงเข้าป่า สร้างภพแบบเทวนิยม)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 4 ⇒ โสณทัณทสูตร (ศีลกับปัญญา)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 5 ⇒ กูฏทันตสูตร (ไม่หลงมหายัญญ เจริญสมาธิแบบเทวนิยม)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 6 ⇒ มหาลิสูตร (เจริญสมาธิแบบพุทธ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 7 ⇒ ชาลิยสูตร (รู้ผลได้ด้วยตนเอง)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 8 ⇒ มหาสีหนาทสูตร (การบันลือสีหนาท)

เพชรพุทธ กะรัตที่ 9 ⇒ โปฏฐปาทสูตร (การดับหรือนิโรธแบบพุทธ)

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ "คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ?"


เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2562 ( 13:42:53 )

เพชรแท้ของนักการเมือง

รายละเอียด

คนมีดวงตา คนมีความรู้ความเข้าใจที่ดี มองออก มองเห็นเพชรเป็นเพชร มองเห็นแก้วก็เป็นแก้ว มองเห็นเศษขยะเป็นเศษขยะ คนที่มีดวงตาที่ดีก็มองเห็นความจริงความดีของบุคคล คุณพีระพันธุ์นี่ ก็อย่างที่คุณจรรยา ประเสริฐว่า เป็นคนที่ท่านเป็นเพชรแท้ของนักการเมืองจริง เป็นนักการเมืองตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเหมือนกัน คุณพีระพันธุ์ ไม่ได้ติดยึดในเรื่องของ ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่ง ขนาดเคยเป็นรัฐมนตรี เคยเป็นผู้พิพากษามา ไม่ใช่เล่นๆ ก็เป็นไป เป็นแนวคิด จริงๆ ไม่ได้ปิดบัง ท่านพีระพันธุ์บอกว่า ลุงตู่เป็นคนดี เป็นคนประเสริฐที่ทำงานให้ประเทศมา 8 ปีนี่ คุณพีระพันธ์เห็นเลยว่า โอ้โห…ฝีมือคนนี้ยอดเยี่ยม ก็เลยพูดออกมาต่อสาธารณชน ลุงตู่อยู่ที่ไหน ผมอยู่ที่นั่นสนับสนุนเต็มที่ นี่เป็นคำพูดของคุณพีระพันธุ์พูดต่อสาธารณะ อาตมาก็ได้ยิน อาตมาเชื่อว่า 1.พูดด้วยความจริงใจ 2. พูดด้วยความมีภูมิรู้ลึกซึ้งของคุณพีระพันธุ์ 

เพราะฉะนั้น คนที่มีภูมิลึกซึ้งคนนี้มีความรู้เข้าใจของทั้ง อัตตาทั้งโลก เข้าใจว่าผู้ที่ไม่ติดโลกธรรมเยอะ คนที่ไม่มีอัตตามากหรือไม่มีอัตตาเลยจะเข้าใจ จะเป็นคนแบบนี้ เป็นคนที่มีภูมิธรรมลึกซึ้ง มีธรรมะที่ลึกซึ้ง เมืองไทยจะมีคนที่มีธรรมะลึกซึ้งแบบนี้ ที่เป็นคนทำงานอยู่กับสังคม ช่วยเหลือสังคมเรียกว่า โพธิสัตว์ จะเป็นอย่างนี้ลักษณะของคนที่ช่วยรื้อขนสัตว์ ช่วยคนทั้งโลกเขาอยู่ ประโยชน์ตนนั้นมีแล้ว มีสบายพอสมควรแล้ว มีสัปปายะพอสมควรแล้วสำหรับตน ไม่ว่าจะเป็นคุณพีระพันธุ์หรือพลเอกประยุทธ์ มีของตนเอง แล้วก็ไม่กระดี๊กระด๊า ได้เท่าที่มีก็เหลือเฟือแล้ว ได้อีกก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร มีเท่าที่ได้ มีจิตพอ มีสันโดษ เพราะฉะนั้นได้ขนาดนี้ก็ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หลงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ซับซ้อนมันเป็นความเจริญเป็นความจริงที่จะต้องเรียนรู้สัจธรรมพวกนี้ 

ในประเทศไทยมีคนเช่นนี้อยู่ ซึ่งต่างกับคนเทวนิยมอย่างอเมริกา เปรียบเทียบกับพวกนักการเมืองอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์หรือแม้แต่นายโจ ไบเดน ก็ต่างกันมาก เขายังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เขายังกะเหี้ยนกระหือรือด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างหนัก แต่อย่างพลเอกประยุทธ์บอกว่าให้ผมทำก็ทำ ประชาธิปไตย ประชาชนให้ผมทำก็ทำ ผมหมดหน้าที่ ผมหมดตำแหน่ง หมดที่เขาให้ทำแล้วก็ไม่ละเมิดหน้าที่ ไม่ละลาบละล้วง ได้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังเป็นนายกรักษาการ ยังเป็นนายกที่ไม่สมบูรณ์แบบที่เขามีวิธีการทางการเมือง ได้มีเลือกตั้งเข้ามาอีกคนที่จะเดินทางเข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ จะไปเต็มที่ก็ไม่ได้ ก็รู้จัก กาละ เทศะ ฐานะ ฐานะขนาดนี้ก็ทำขนาดนี้ อย่างนี้เป็นต้น รู้จัก กาละเทศะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:47:45 )

เพราะกิเลสบังตาจึงแก้ปัญหาไม่จบ

รายละเอียด

สังคมนี้มีคนแสนคน พิมพ์เงินออกมาแสนบาทก็ควรจะต้องมีใช้คนละ 1 บาท แต่เสร็จแล้วคนนี้เอาไปกองไว้ 100 คนนี้เอาไปกองไว้ 1,000 ของข้า คนก็ขาดแคลนไปอีกทีละเท่าไหร่ ก็เดือดร้อนกันไปหมด เศรษฐกิจนี้ง่ายๆ แต่เพราะกิเลสมันบังตาจึงแก้ปัญหาไม่จบ ถ้าแก้ปัญหามาให้คนจน อย่างที่ในหลวงของเราบอกว่ามาเอาแบบคนจน อย่าไปเอาแบบคนรวย มาขาดทุนอย่าไปเอากำไร การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแก้อย่างนี้ แม้ว่าจะจบด็อกเตอร์เป็นผู้บริหารทั้งหลายแหล่ก็แก้ไม่ได้ แม้แต่ของเมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระโพธิสัตว์ บอกทฤษฎีวิเศษ มาทำให้ตนขาดทุนอย่าทำให้ตนมีกำไร คนเรามีสมรรถนะมีความสามารถทำอย่างไรมันก็ได้มาก คุณทำตนให้เป็นคนเปลืองน้อยใช้น้อยไม่ต้องสะสมไม่ต้องเอาไว้มากคุณเหลือทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นส่วนเหลือนี่แหละคือการสะพัด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 18:16:07 )

เพราะจิตมันมีวรรณะ 9 สมบูรณ์ จึงเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจได้

รายละเอียด

สังคมคนที่มามีปัญญาเข้าใจมาจน และมาจนได้สำเร็จจริงๆ แล้ว แล้วก็มีชีวิตดำเนินไปอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ เป็นอิริยาบถเป็นกิริยาของชีวิตที่เป็นไปธรรมดา ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะจิตมันมีวรรณะ 9 สมบูรณ์ อยู่สบายๆเป็นคนเลี้ยงง่ายๆ ศึกษาร่ำเรียนพวกเราก็ร่ำเรียนตลอดเวลา เพื่อจะไปสู่โลกุตระตลอดเวลาเป็นอาริยะที่แท้จริง สุโปสะ 

ขัดเกลาตนเองมักน้อย มันยังมีมากไม่ถึงที่สุดไม่ถึงศูนย์ก็มีจริงๆ จะใช้สอยอะไรก็ตามถึงเวลา วาระ ก็ใช้ก็มีก็เป็นไป ใช้แล้วมันเหลือก็เอาไปคืนกองกลาง ถึงเวลาจะใช้ก็ไปเบิก ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เราก็ทำงานให้กองกลาง

โดยเฉพาะผู้ที่รู้ชัดเจนเลยว่า ส่วนตัวเรามันจบ มันพอ มันไม่บำเรอตัวเราเองอีกแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่ถึงขีดคั่นขนาดนี้สบาย เพราะมันไม่บำเรอตนไม่ต้องให้แก่ตน จิตที่จะต้องเอามาให้แก่ตนเป็นของตนมันไม่มี ขอเบิก 100 เขาให้มา 50 ให้มา 80 ก็ไม่เป็นไร ก็ทำแค่นี้ เพราะเราทำให้ส่วนกลาง มันจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ทำไมเขาไม่ให้มันต้องมีเหตุผลไม่ต้องไปซักไซ้ไล่เลียงอะไร เขาชังน้ำหน้าเราก็เป็นได้ ไม่ชังน้ำหน้าแต่มันมีเท่านี้เบิกได้เท่านี้ก็ได้ 

ถ้าเราไม่ใช่คนเป็นหมาหัวเน่า เราทำให้ส่วนกลางจริงๆ เบิกเท่าไหร่เขาก็ไม่ขัดข้องถ้ามี นอกจากมันไม่มีก็จำนน มันมีเท่านี้ก็ต้องเอาเท่าที่มันมี ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้ขัดสนถึงขนาดนั้น จะทำอะไรเท่าที่พอเป็นไป พวกเราก็รู้ว่าส่วนกลางก็ตาม ส่วนตัวก็ไม่มีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรที่มันมากเกินไป ก็รู้อยู่แล้ว มากเกินพวกเราก็ช่วยกันดูแลว่ามากไปมันเกินฐานะ 

ทีนี้ คนเป็นคนจนอยู่ในสังคม เป็นคนช่วยเศรษฐกิจประเทศชาติ เพราะเราเองเราเป็นคนจน เป็นคนจนแบบที่ประเสริฐ ไม่ใช่คนจนแบบอวิชชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 10:55:54 )

เพราะฉะนั้นคนจะมีศรัทธาที่เชื่อมีน้ำหนักความเชื่อ แบ่งไว้สาม

รายละเอียด

         เพราะฉะนั้นคนจะมีศรัทธาที่เชื่อมีน้ำหนักความเชื่อ แบ่งไว้สาม คือ

1. เชื่อถือ 2 เชื่อฟัง 3 เชื่อมั่น คำไทยนะ ถ้ามีคนเชื่อถือศาสนาพุทธก็เชื่อถือไปอย่างนั้นแหละหัวหกก้นขวิด ไม่ได้ปฏิบัติอะไรทำตัวเละเทะ บอกว่าเป็นศาสนาพุทธ รักศาสนาพุทธ ใครอย่ามาแตะ ศาสนาข้าใครอย่าแตะสามารถตายแทนได้เลย แต่ไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลยนั่นคือ เชื่อถือ 

2. เชื่อฟัง จะปฏิบัติตาม คนที่เชื่อฟังก็จะปฏิบัติตามที่ท่านสอน ไม่ให้ฆ่าสัตว์หรือ ก็จะเชื่อฟังสูงกว่าเชื่อถือ 

3. เชื่อมั่น ปฏิบัติแล้วเห็นผลชัดเจนจริงเลย อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา แน่วแน่ แนบแน่น ปักมั่นเลย เมื่อศรัทธามากพอจึงเกิดอาการหิริ ละอาย เมื่อจิตไม่ดีกับสัตว์ คุณจะละอาย เช่น ปลาตัวนี้อ้วนพี น่าใส่หม้อแกงนะ คุณรู้จักใจตัวเองแล้วจะละอาย เห็นผู้หญิงคนนี้งาม เฮ้ย! กามนะเว้ย จะละอาย แต่ถ้าคนไม่มีสำนึกอย่างนี้จ้างให้มันก็ไม่ละอาย แล้วมันไม่รู้ด้วยว่าอายทำไมวะก็ผู้หญิงสวย ชายมันก็ต้องชอบสิ ปลามันอ้วนพีมันก็ต้องน่ากินสิ น่าเอามาลงหม้อแกง ใช่ไหม มันจะหิริอะไร

หิริ แล้วก็โอตตัปปะ 

หิริ คือ ละอาย แต่ลับหลังก็ยังทำอยู่แต่ถ้าโอตตัปปะแล้วมันมีความเกรงกลัว ต่อหน้าหรือลับหลังก็ไม่ทำบริสุทธิ์ตลอด 

แค่หิริโอตตัปปะ ปฏิบัติแล้วจะเจริญขึ้นจากบาปอกุศลที่คุณละอายคุณกลัวและคุณก็ปฏิบัติถูกต้องคุณก็สั่งสมคุณธรรมลงไป เป็นจริงเรียกว่าพหูสูต เป็นผู้รู้ที่ได้เกิดจากผลของการกระทำมากไม่ใช่แค่รู้เฉยๆนะ พหูสูตหรือพาหุสัจจะ

พหู ก็แปลว่ามาก

พาหุ ก็แปลว่ามาก แต่มากคนละระดับ

อา กับ อุ พาหุ กับพหู

อู นี้มีน้ำหนัก อุ นี่เริ่มต้นคี่ อา พา หุ นำมา พอมาถึง มันสั้นแล้วมันก็สูง พหู สูงกว่าพาหุสัจจะ พหูสูต สูต ก็แปลว่าความเจริญความดีงามความรู้ มันมีความรู้สูงขึ้นสูงขึ้น เจริญมากขึ้นมากขึ้น ถ้าจะเอาคำว่าพหูสูต มาใช้ตรงนี้ ไม่ใช่พาหุสัจจะ

ส่วน วิริยะ สติ ปัญญา เป็นพลังงานร่วมที่จะเสริมให้เจริญใน 4 อันนี้แหละ ในศรัทธาหิริ โอตตัปปะ พหูสูต มันจะเป็นตัวเสริม เมื่อเห็นว่าดีแล้วก็จะเว้นระยะมีสตินำสติกับปัญญาเป็นคู่ที่จะพาให้เจริญ สติเป็นอธิปไตย ปัญญาเป็นอุตตระพาให้เจริญให้ได้ 

ในอินทรีย์ 5 ศรัทธาเป็นตัวต้นเหตุวิริยะสติสมาธิปัญญาต่อมาสั่งสมคุณสมบัติเหล่านี้จึงจะเกิดเป็นฌานเป็นสมาธิ 

ก่อนจะเป็นสมาธิ ไม่มีสมาธิในสัทธรรม 7 นะ คือจิตจะตกผลึกตั้งมั่น ต้องมีสัทธรรม 7 นี้ทำให้เกิดจิต สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปตามลำดับของฌานที่ 1 2 3 4

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช 2/08/ 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:16:45 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:03:09 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:19:23 )

เพราะธรรมทำให้ทำงานอย่างมีความสุข เกิดจากอะไร

รายละเอียด

ธรรมะทำให้ทำงานอย่างมีความสุข อันนี้เข้าสู่ธรรมะได้เลย ผู้ที่ธรรมะทำให้ทำงานอย่างมีความสุข คือคนที่รู้จักปฏิบัติมรรค 8 นี้ตัวปฏิบัติก็มีสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ มรรคมีองค์ 8 มีอะไรบ้าง 1. สัมมาทิฏฐิ 2. สัมมาสังกัปปะ 3. สัมมาวาจา 4. สัมมากัมมันตะ 5. สัมมาอาชีวะ 6.สัมมาวายามะ 7. สัมมาสติ 8. สัมมาสมาธิ 

สัมมาสมาธิ ตัวนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน มหาจัตตารีสกสูตร ชัดเจนว่า สัมมาสมาธิเกิดได้เพราะมีการปฏิบัติ มรรค 7 องค์ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแล้วเกิดสัมมาสมาธิ นี่ก็เรียนมาหัวผุหัวพัง เขาเรียนกันมาเยอะ เปรียญ 9 ปริญญาเอกทางศาสนาพุทธ ก็เรียนกัน ก็ชัดๆ ในมหาจัตตารีสกสูตร 

[253]  พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉนดูกรภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ประกอบแล้วด้วยองค์ 7 เหล่านี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิของพระอริยะ  อันมีเหตุบ้าง  มีองค์ประกอบบ้าง  ฯ

ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาและเกิดสัมมาสมาธิหรือไปเดินจงกรม เดินไปมาแล้วจะเกิดสัมมาสมาธิไม่ใช่ อันนั้นมันเป็นเรื่องสมถะไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้า สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นเป็นจิตที่กิเลส รู้จักกิเลส แล้วก็พิจารณาด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำให้กิเลสมันแพ้ กิเลสมันสลาย กิเลสมันจางคลาย กิเลสมันดับไปได้ ด้วยพลังปัญญา นี่คือ วิธีปฏิบัติ 

เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าไปหลับตาเสียแล้ว หลับตาไม่มีปัญญาเกิดในศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธ ปัญญาเกิดในขณะลืมตาเท่านั้น ในมหาจัตตารีสกสูตรนี่แหละ ข้อ 258 เล่ม14

[258]  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะเป็นโลกุตระ

เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์ปัญญาพละ  ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่นี้แล  สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค  ฯ

ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายามของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ  ฯ

ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้นเป็นสัมมาสติ ฯด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น  ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 11:55:21 )

เพราะนั่งหลับตาจึงไม่ได้สมาธิ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่รู้จัก มโนปวิจาร 18 แล้วไม่เอาอันนี้มาพูดกัน มีแต่ไปนั่งหลับตาดับเวทนาไปน่าสงสาร การนั่งหลับตา อาตมาขอพูดดังๆว่ามันโง่ นั่งหลับตาปฏิบัติธรรมนั้นในไม่ใช่ของพุทธเลย ใครจะไปนั่งหลับตาปฏิบัติธรรมเพื่อจะไปนิพพาน คนนั้นซวยตลอดโลกแตก ชาติหน้าก็ซวยโง่ต่อแน่ ถ้าคุณยังเข้าใจว่านั่งหลับตาคือการปฏิบัติธรรม คุณจะโง่ต่อไปอีกในชาติหน้า ถ้าคุณฟังแล้วเข้าใจ แล้วเลิกเลย มาปฏิบัติทำแต่สมาธิลืมตาปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ ไปหลับตาได้สมาธินั้นไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า หามาสิสักคำ ว่าให้หลับตาแล้วเกิดสัมมาสมาธิ แต่ท่านตรัสว่าหลับตาแล้วเกิดสมาธิก็เป็นสมาธิของเดียรถีย์ ที่มีในโลกทั่วไป แต่ศาสนาพุทธนั้นพระพุทธเจ้าตรัสสัมมาสมาธิ หรืออริโยสัมมาสมาธิ คือสัมมาสมาธิของพระอาริยะ ของพระพุทธเจ้า มันต่างกันเลย หากเข้าใจสมาธิของพระอาริยะของพระพุทธเจ้าไม่ได้แล้วไปนั่งหลับตาคุณจะจมไปอีกไม่รู้กี่ชาติ ขอยืนยันเลย ผู้ที่เข้าใจว่านั่งหลับตาทำสมาธิเก่งกัน เก่งจนหลงว่าเป็นพระอรหันต์จากการนั่งสมาธินั้น อรหันต์เก๊ทั้งนั้น อาตมาพูดด้วยความเกรงใจจริงใจสงสารด้วย ไม่ได้ลบหลู่ข่มเหง มันเป็นความจริงที่เขาผิดแล้ว คุณไปหลงอยู่มันไม่ถูก ไปหลงอยู่ไม่ได้ไม่ควร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:23:36 )

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงเกิดผัสสะ

รายละเอียด

 การบัญญัติ “นามกาย”  ต้องพร้อมด้วยอาการ  เพศ  นิมิต  อุเทศ  การสัมผัสเพียงแต่ชื่อใน “รูปกาย”  จึงจะพึงปรากฏได้

 การบัญญัติ “รูปกาย”  ต้องพร้อมด้วยอาการ  เพศ  นิมิต  อุเทศ  การสัมผัสโดยการกระทบ  จึงจะพึงปรากฏใน “นามกาย” ได้

 การบัญญัตินามกายก็ดี   รูปกายก็ดี   ต้องพร้อมด้วยอาการ  เพศ  นิมิต  อุเทศ  หากเมื่ออาการ เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี   การสัมผัสเพียงแต่ชื่อก็ดี  การสัมผัสโดยการกระทบก็ดี  ย่อมจะไม่ปรากฏ  (เล่ม.10  ข้อ.60)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 17:08:58 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:03:51 )

เพราะประชาชนปฏิวัติสำเร็จแล้วพลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อ

รายละเอียด

ขอต่ออีกนิดนึงว่าเพราะประชาชนปฏิวัติสำเร็จแล้วพลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อ พวกนักรัฐศาสตร์ทั้งหลายก็ยังฟังไม่ขึ้น พลเอกประยุทธ์ยังจะบอกว่าผมขอยึดอำนาจซึ่งอาตมาก็บอกว่ามันไม่มีอำนาจให้ยึดแล้ว เพราะว่าคุณนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาลไม่มีอำนาจอะไรเหลือแล้ว แม้แต่ในทางนิตินัยก็หลุดหมดแล้ว ไม่มีกำลังอะไรในมือเลย ก็เข้ามาทำเต็มอำนาจเลย ยากที่จะอธิบาย ตั้งแต่สมัครสมชายยิ่งลักษณ์ชินวัตร มันยังไม่หมด แต่เขาก็ยึดถือคำนี้บอกว่าประยุทธ์ไปยึดอำนาจเป็นพวกเผด็จการอำนาจทหาร ถือว่าทหารปฏิวัติ 

ที่จริงแล้วเป็นประชาชนปฏิวัติรัฐประหารมาตั้งหลายรัฐบาลแล้วตั้งแต่ทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ มีตัวคั่นเป็นอภิสิทธิ์ต้องยุบสภา ที่จริงเป็นเหตุปัจจัยที่จะช่วยกัน แต่ประชาชนปฏิวัติตั้งแต่สมัคร เขาก็อ้างว่าศาลตัดสินแพ้ สมชาย ยิ่งลักษณ์หมดจนกระทั่งทุกวันนี้ พอยิ่งลักษณ์จบแล้วรออยู่ตั้งนาน กว่าที่พลเอกประยุทธ์จะมาก็รออยู่ตั้งนาน พลเอกประยุทธ์รออยู่ตั้งแต่เราปฏิวัติสมัครก็ไม่มารับ เราปฏิวัติสมชายก็ไม่มารับ รอจนยิ่งลักษณ์จึงมารับ พ.ศ. 2557 แล้วก็ยังมีสภาพพวกนี้มันยังไม่หมดยังไม่งาม มันค่อยๆเจริญไป เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์การเมืองประชาธิปไตยจะมีพวกนี้บันทึกไว้เยอะ อย่างละเอียดลออ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:28:42 )

เพราะผู้เขียนได้พิสูจน์แล้วมีจริง เป็นจริงไม่มีสิ่งใดจะยิ่งใหญ่เกินกว่านี้!

รายละเอียด

ซึ่งอาตมาได้พิสูจน์แล้วด้วยตนเองจริงๆอย่างมั่นใจที่สุดว่าเป็น“ความจริง”ของ“เทฺว”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไม่มี“ความจริง”ที่ยิ่งใหญ่ใด จะใหญ่ยิ่งเกินกว่านี้อีก อย่างอื่น เรื่องอื่นนอกจาก“อาริยสัจ 4”ที่เป็น“สัจจะหนึ่งเดียว”นี้แล้วจะไม่มีเลย มีแต่ผู้บรรลุ“อาริยสัจ 4”แล้วด้วยกันมี“นิพพาน”ตรงกันเท่านั้นที่จะมี“สัจจะหนึ่งเดียว” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 268 หน้า 213


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:33:46 )

เพราะพลเอกประยุทธ์ใจดีมีความกรุณาเป็นอัชฌาสัยเป็นอย่างมาก

รายละเอียด

แต่เขาไม่ค่อยจะพูดเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเชิงริษยา อาจจะมีคนที่มีจิตริษยาเป็นนักวิชาการพวกนั้น แล้วต่อจากที่สืบทอดอำนาจจากประชาชน ก็บริหารประเทศ ก็ปฏิบัติได้ดี มีฝ่ายค้านก็ค้านกัน ทุกวันนี้เขาก็ผยองมาก เพราะพลเอกประยุทธ์ใจดีมีความกรุณาเป็นอัชฌาสัยเป็นอย่างมาก ก็ไม่รุนแรงตอบ พลเอกประยุทธ์ก็พูดเองว่าพวกนี้เป็นลูกหลานเรา บางคนก็ร้อนวิชา บางคนก็มีการติดยึดมีความคิดล้ำยุคล้ำหน้าไปเกินความเป็นจริง ซึ่งสุดโต่งไป แม้ว่ามันลงตัวแล้วประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแล้ว เป็นไปอย่างดีงามแล้ว บริหารประเทศเจริญเป็นลำดับ แต่เขาก็พูดไปมี fake news ไปเรื่อยๆ ข้อมูลไม่จริง ดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์ไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:15:45 )

เพราะมองไกลจึงได้สร้างเรือโนอาห์นาวาบุญนิยม

รายละเอียด

เรื่องเรืออาตมาเคยพาดพิงถึงศาสนาเทวนิยมเขา ว่าเขาบอกว่าเรื่องเรือเป็นเรื่องสุดท้าย ใครเคยได้ยินเรื่องเรือโนอาห์ เป็นเรือที่พระเจ้าให้สร้างเอาไว้มีไว้ เขาเล่าเป็นตำนานจนกระทั่งเรือนี้ยังอยู่ที่ยอดภูเขาเอเวอร์เรส หิมะคลุมอยู่ พอหิมะละลายแล้ว ทีนี้น้ำท่วมโลก เรือลำนี้จะโผล่ออกมาให้ ผู้ใดขึ้นได้ จัดสรรไปให้ขึ้น สัตว์ให้ขึ้นไปอย่างละคู่มากกว่านั้นไม่ได้เดี๋ยวมันเต็มเรือ ขน รักษาไว้ เพราะน้ำท่วมโลกจะไม่เป็นไฟประลัยกัล ไฟไหม้โลก เขาจะเป็นน้ำท่วมโลก เพราะฉะนั้นน้ำท่วมโลกจะอยู่ได้ต้องอยู่บนเรือ เป็นเรือพิเศษ ไม่รั่วไม่ซึมเท่านั้น ใหญ่พอ มีภาพประกอบด้วย เป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่วเพราะเป็นศาสนาที่มีพลเมืองส่วนใหญ่นับถือด้วย 

อย่างศาสนาพุทธโลกุตรธรรมนี้เป็นส่วนน้อย เมื่อไหร่ๆๆ ก็น้อย เพราะมันเป็นยอดพีระมิด มันเป็นศาสนาที่ต้องคนมีภูมิธรรมจริงๆ จึงจะมีภูมิรู้ จึงจะมีจิตวิญญาณ จึงจะมีปัญญารับรู้โลกุตรธรรมนี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะรู้ยาก อาตมาจึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องต่ำต้อยน่าน้อยใจ ด้อยอะไรเลย มันเป็นเรื่องถูกแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้น มันเป็นธรรมดาธรรมชาติ ถ้าใครเข้าใจยอดพีระมิด ถามเด็กๆ ว่ายอดพีระมิดกับฐานพีระมิดอะไรมันมากกว่ากัน ฐานพีระมิดก็จะมากกว่า เด็กๆ ก็ตอบได้ มันเป็นธรรมชาติธรรมดามันเป็นเช่นนั้น มันเป็นความจริงตามความเป็นจริง 

แม้ในยุคนี้ พวกชาวอโศกเป็นพวกจำนวนมากหรือจำนวนน้อยในประเทศไทย ตอบว่าจำนวนน้อย แต่ขอยืนยันว่า เป็นชุมชนหรือมนุษยชาติกลุ่มคนที่สุขสำราญ เบิกบานใจ เป็นคนที่มีความปลอดภัย เป็นคนที่มีความปลอดภัยแม้จะมีน้ำท่วมยังปลอดภัยเลย 

อาตมาเคยตั้งข้อสังเกตให้ดู บ้านราชไม่ใช่มีน้ำท่วมปีเดียว มีน้ำท่วมเกือบทุกปี ไม่ใช่เกือบแต่เขามาทุกปี แต่ว่าบางปีมาน้อยไม่เข้ามาถึงบ้านเรือนซึ่งน้อยปี นอกนั้นท่วมมาถึงบ้านเรือน อย่างที่มามากอย่างปี 62 และปี 65 มันจะมาก แต่ไม่มีใครตกน้ำตาย ไม่มี มีถูกไฟดูดคนเดียว และอีกคนหนึ่ง ไฟดูดตาย ไม่ได้ตกน้ำ ทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็เยอะ ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้างยกมือขึ้น โอ้โหไม่ใช่น้อย หัดว่ายบ้างสิ มันไม่ยาก น้ำมันมีอยู่ในบุ่งที่ตื้นๆก็มี เดี๋ยวก็จะมีที่ให้เล่นน้ำหัดว่ายได้ กำลังทำอยู่ เดี๋ยวปีใหม่นี้ก็จะมีสระน้ำให้เล่นกันสนุกสนาน เปียเขากำลังทำ เดี๋ยวจะได้เล่นกัน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ กลัวผู้ใหญ่จะแย่งกับเด็กแล้วนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 11:44:41 )

เพราะมันผิดจึงต้องข่ม ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง 

รายละเอียด

ตรวจสอบตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าจริงๆ สิ แล้วก็ฟังคำบรรยาย อาตมาก็พยายามฟังการบรรยายของมหาบัว เขาบอกว่า ธรรมะนี้มีแต่ยอดไม่มีใครเทียมแล้วสุดยอด ทำตามพระพุทธเจ้าเถอะ ปฏิบัติอย่าไปวุ่นวายอะไรมากมายเลย ปฏิบัติ ก็อธิบายวนอยู่ตรงนี้ ไม่มีรายละเอียดของเหตุปัจจัยที่เป็นปฏิจจสมุปบาทต่างๆ 

สังขารเป็นอย่างไร วิญญาณเป็นอย่างไร นามรูปเป็นอย่างไร ไม่เคยอธิบายเลย ไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยอธิบายแยกแจกแจงเลย แม้แต่ จรณะ 15 วิชชา 8 ก็ไม่เคย ที่จะใกล้เข้ามาอธิบายพวกนี้เลย ฟังกี่ทีๆ ก็บรรยายไป น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งไม่เกิด ไม่ใช่ผักบุ้งโหรงเหรงนะ มันน้ำเน่า ขนาดนั้นผักบุ้งยังเกิดไม่ได้ ขออภัยพูดแล้วเหมือนกับข่มกับว่า แต่ก็ว่าจริง ข่มจริง เพราะมันผิดก็ต้องข่ม นิคฺคเณฺห นิคฺคหารหํ ปคฺคเณฺห ปคฺคหารหํ  ควรข่มคนที่ควรข่ม  ยกย่องคนที่ควรยกย่อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:55:39 )

เพราะมิจฉาฯ เพราะอวิชชา ร่างที่ตายจึงปรุงแต่งสังขารให้เป็น“พืช”อยู่!

รายละเอียด

ยิ่งเติม“มิจฉาทิฏฐิ”ให้ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“กาย”มี“อวิชชา”หนาแน่นยิ่งๆขึ้น หลงยึดมั่นถือมั่นว่า “ร่าง”นี้ยังเป็น“กาย”ของตนอยู่ จึงงมงายอยู่กับ“ความเป็นพืช”ว่าเป็น“กาย”ของตนอยู่ แม้“ตาย”แล้วไม่มี“จิตวิญญาณ”แล้ว ก็ยัง“ยึดมั่นถือมั่น”ว่า“ร่าง”เป็น“กายของตน”กันอย่างที่เห็นและเป็นกันอยู่ มันก็“มิจฉาทิฏฐิ” หนักหนาสาหัสจัดจ้านยิ่งๆๆขึ้น ก็น่าสงสาร น่าสังเวชใน“ความหลงผิด (โมหะ)”ชนิดนี้สุดๆ 

ที่ผู้“มิจฉาทิฏฐิ”กันนี้ กลับไปหลงงมงายกันอยู่ ผู้ทำได้สำเร็จชนิดนี้จึงผิดประหลาดวิตถารเลยเถิดไปแม้แต่จากความเป็นสามัญธรรมดาของสัตวโลกทั้งหลาย ไม่ว่าเดรัจฉานหรือคนปุถุชน เมื่อตายลงมันก็ต้องทิ้ง“ร่าง”อันหมดสิ้นความเป็น“ชีวะ”ที่ไม่มี“จิต”แล้วนี้ให้เปื่อยเน่าสลายไป ก็เป็นปกติตามสัญชาตญาณสัตวโลกที่ไม่หลงผิดวิตถาร 

ธรรมดาสัตวโลกมันก็“ไม่มีความหลงยึดติด”นี้กันหรอก แต่ผู้มิจฉาทิฏฐิจัดหนักกลับ“ยิ่งยึดติดหนักจัด”เข้าไปใหญ่ เพราะเข้าใจผิดงมงายเลอะเทอะเละเทะเข้าไปอีกว่า มันเป็น“ความวิเศษ”! ก็เลยยิ่งโง่หนัก โง่หนา โง่อวิชชาซับซ้อนสลับสับสนกันยกใหญ่

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 450 หน้า 328


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:59:42 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:51:57 )

เพราะมีความจริงจึงมั่นใจว่าเป็นคนจริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการศึกษา พระพุทธเจ้าสอนอาตมาถึงบอกว่า เรานี้มันรู้ได้อย่างนี้เพราะเรามีความจริง อาตมาถึงมั่นใจว่าอาตมาเป็นคนจริง อาตมาไม่ใช่เป็นคนปลอม ไม่ใช่คนมาหลอกมาล่อคนอื่น ว่าฉันเป็นโพธิสัตว์ ฉันเป็นระดับ 7 มีความรู้มาทำงานอันนี้แก่สังคมแก่มนุษยชาติ ชาตินี้ปางนี้ พูดเพ้อเจ้อพูดลอยลม ไม่ใช่ มันเป็นของจริง เป็นจริง จึงได้ชัดเจนในตัวเองจริงๆๆ เนาะ เออ 

ยิ่งทุกวันยิ่งมั่นใจขึ้นทุกวันเลยว่า เราก็เป็นแก่นสารสาระของทุกอย่างในมหาจักรวาลที่มันเป็นอย่างนี้อย่างนี้นะ แล้วรู้อะไรหลายๆ อย่างที่อาตมานำมาอธิบายไม่ไหว เพราะมันมากเกินกว่าที่พูดกับพวกเรา แต่อาตมาบางทีก็เอามาเปิดกับพวกเรา เขาก็ว่าคุยอะไรกันวะ คนข้างนอกจะเป็นอย่างนั้น แต่คนข้างนอกบางคนเรียนพยัญชนะมาก็รู้ว่า เออ..อันนี้ก็พอไปได้เป็นพยัญชนะต่อพยัญชนะ แต่สภาวะนั้นยาก สภาวะนั้นเข้าถึงยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:28:16 )

เพราะมีบารมีจึงปฏิบัติได้ง่ายและเร็ว

รายละเอียด

เราก็เริ่มปฏิบัติศีลไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ จนกระทั่งไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่เอาแล้วเงินทองทรัพย์ศฤงคารต่างๆนานา มันก็ชัดเจนเพราะมีบารมี มันก็ง่ายสิ ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญาก็ง่ายศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ก็ไวประเดี๋ยวเดียว จนกระทั่งศีล 8 ศีล 10 ก็ไม่ยากอะไร ทิ้งสมบัติเข้าให้ ศีล 10 ก็เลิกละโลกียเข้าให้ ปื้ดๆๆ มาเลย จิต พระพุทธเจ้าก็เข้าทรงมาเลย ปึ้ด หรือจิตโพธิรักษ์เขาก็มาเข้าทรงในตัวเอง เราก็รู้ว่าตัวเองคือใครเท่านั้นก็ไม่เอาแล้วทางโลกีย์ ก็เลิก เราก็มองไปในสังคมศาสนาพุทธ แล้วจะไปบวชกับใครวะ ใครจะเป็นอุปัชฌาย์เราได้โว้ย ตอนนั้นรู้ตัวว่ามีคุณธรรมมีธรรมะแล้ว ก็ดูไปว่าคนอื่นที่เป็นนักบวชเป็นครูบาอาจารย์ไม่ใช่ธรรมะพระพุทธเจ้า สำนักต่างๆ เราบวชเองไม่ได้ก็ต้องไปมีอุปัชฌาย์ แต่หาอุปัชฌาย์ก็ไม่ได้ ก็ให้คนที่เป็นแม่บ้านไปหาที่ คนใช้นั่นแหละ ให้ไปหาที่ สักสองไร่ ที่มีต้นไม้เยอะๆ เขาก็ไปถามที่ตลาดว่าคุณผู้ชายอยากได้ที่สัก 2 ไร่ เขาก็บอกสเปคไป ก็มีแม่ค้าเพื่อนเขาก็บอกว่า ก็จะไปซื้อทำไมเล่า ที่อย่างที่พูดนี้ วัดอโศการามไปเลย มีที่เยอะแยะ เข้าไปอยู่ได้ไปปลูกกุฏิอยู่ได้เลยว่าอย่างนั้น แม่บ้านก็มาบอก เราก็ไปดูวัดอโศการาม ก็ว่าดี เอาที่นี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:25:56 )

เพราะมีภูมิรู้อันเดียวกันจึงเป็นคู่เสริมไม่ใช่คู่แข่ง

รายละเอียด

แม้ว่าผู้ที่เข้าสมัครแข่งขันนั้นเขาจะรู้ว่าเขามีความรู้มากกว่านายกฯตู่ ภูมิมากกว่า เขามีคุณสมบัติจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ดีกว่านายกฯตู่ แต่เขาจะรู้ภูมินายกฯตู่ ว่าถูกต้องเป็นอย่างนี้ เขาเป็นผู้ที่สูงกว่า เขาก็ไม่ดูถูกผู้ที่รู้น้อยกว่า แล้วจะไปคุยทำไม เขาก็ออกมาให้เลือกและขอทำงาน เขาก็ต้องส่งเสริมนายกฯตู่ เพราะอย่างไรก็ต้องทำงานกับนายกฯตู่ดีกว่า เพราะเขาสูงกว่าเขาก็มาทำงาน นายกฯตู่ หากเป็นโพธิสัตว์จึงรู้ว่าพี่มาแล้วก็ต้องช่วยกันทำงานไปหากนายกตู่ยังไม่ตาย สัจจะมันเป็นอย่างนั้น จะไม่ใช่คู่แข่ง แต่เป็นคู่เสริม เพราะมีภูมิรู้อันเดียวกันไม่แตกต่างกันไม่ขัดแย้งกัน เหมือนอาตมากำลังประกาศถามหาพี่ มาแล้วอาตมาจะรู้ว่าเป็นพี่ หากมาหาเรื่องจะเป็นพี่ได้อย่างไรมันต้องสอดคล้องกับอาตมา พูดถูกคอกันไปด้วยกันส่งเสริมกันเป็นผู้ที่จะสนับสนุนน้อง หากมาขัดแย้งมาตีทิ้งอาตมาคนนี้เป็นน้อง น้องจะตีพี่ พี่ไม่ตีน้องหรอก นี่คือสัจจะ อาตมาพอจะรู้ได้ว่าใครเป็นพี่จริงไม่เป็นพี่จริง อาตมาไม่ได้ปิดกั้นพี่ ใครเป็นพี่ก็มาแสดง ยิ่งเป็นฐานะใกล้กันมาแสดงก็ยิ่งดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:28:37 )

เพราะมีศีลจึงมีอปัณณกปฏิปทา 3 อย่างไร

รายละเอียด

เช่น เราถือศีลข้อที่ 1 เราไม่ฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นเราไม่ฆ่าสัตว์นี้ เราจะต้องสังวรสำรวม ในอปัณณกปฏิปทา สังวรสำรวมตาหูจมูกลิ้นกาย เมื่อเรากระทบสัมผัสเกี่ยวกับสัตว์ เราจะต้องมีเมตตา เราจะต้องไม่ทำร้าย เราจะต้องไม่เบียดเบียน ไม่ต้องพูดถึงฆ่าเลย ปฏิบัติต่อกันอย่างมีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อยู่กันอย่างปรารถนา หรือ หวังประโยชน์เพื่อ โดยเฉพาะคนด้วยกัน หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ เช่น อาตมาหวังประโยชน์เพื่อมหาบัว หวังประโยชน์เพื่อธัมมชโย อย่างนี้เป็นต้น หรือแม้แต่ผู้ใดผู้อื่นที่อาตมาตำหนิอยู่ มันเป็นการหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ เป็นความเมตตาเกื้อกูลกันด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:30:04 )

เพราะมีสภาวะมีเรื่องจริงจึงพูดได้เขียนได้

รายละเอียด

สังโยชน์ข้อแรกคือ สักกายทิฏฐิ เขาก็เข้าใจคำว่ากายผิด อาตมาก็กำลังเขียนหนังสือเรื่องเกี่ยวกับ กาย ซึ่งเขียนแล้วก็มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ยังไม่หมด คนอ่านคงจะรู้สึกว่าคนเขียนหาเรื่องอะไรมาพูดนี่ แต่มันมีเหตุผลมีหลักฐานไหม ก็ศึกษา มาดู อาตมาไปเอามาจากไหนถ้าไม่มีสภาวะไม่มีเรื่องจริงอะไรเลยที่จะเอามาพูดได้ เอามายืนยัน สื่อให้เป็นภาษารู้ได้ ถ้าหากว่าอาตมาไม่มีสภาวะจะพูดได้อย่างไร ตำราก็ไม่มีเขียนไว้เลย อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:03:50 )

เพราะมีสัปปุริสธรรม 7 จึงนำข้อด้อยมาใช้ได้

รายละเอียด

อาตมาพูดถึงความซับซ้อน ที่อาตมาเอาความด้อยเอามาใช้ ซึ่งอาตมาก็ต้องใช้ หลายคนฟังชัดเจนมีภูมิปัญญาพอ ก็คงไม่มีปัญหา ส่วนคนที่ยังมีปัญหาอยู่ว่า อาตมาไปทำข้อด้อยทำไม ทำไมไม่ทำให้หมดข้อด้อยไป ไม่มีปัญหา คุณเองคุณสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีข้อด้อยเลยคุณก็ทำเถอะ อาตมาก็อนุโมทนาสาธุนะคนที่ไม่มีข้อด้อยเลย ดีจริงๆ นะ ดีตามสัจธรรมไม่มีข้อด้อยเลย อาตมาก็อนุโมทนา อาตมาก็เห็นอยู่

เพราะฉะนั้นอาตมายอมรับสำหรับสิ่งที่อาตมาดูข้อมูลองค์ประกอบต่างๆ  ว่ามันสมเหมาะสมควร ตามสัปปุริสธรรม 7 ประการที่อาตมาใช้

1.ธัมมัญญุตา   (รู้จักทุกองค์ประกอบ) 

2.อัตถัญญุตา   (รู้จักเนื้อหาเป้าหมาย) คือเนื้อแท้

3.อัตตัญญุตา   (รู้จักตนเอง)

4.มัตตัญญุตา   (รู้จักประมาณจัดสรรสัดส่วน)

5.กาลัญญุตา    (รู้จักกาลสมัย)

6.ปริสัญญุตา    (รู้จักหมู่กลุ่มบริษัทอื่น)

7.ปุคคลปโรปรัญญุตา (รู้จักบุคคลอื่น)

(พตปฎ. เล่ม 23  ข้อ 65)

 

คือมีเนื้อแท้เป็นอย่างนี้ มีองค์รวมองค์ประกอบเป็นอย่างนี้เนื้อแท้ท่านเรียกว่าอัตถะ องค์ประกอบรวมทั้งหมดท่านเรียกว่าธัมมะ อัตถัญญุตา กับ ธัมมัญญุตา ธัมมัญญุตาคือองค์รวม อัตถัญญุตาคือแก่น เป้าของมัน เนื้อสุดยอดปลายทางของมัน สองอย่าง อย่างกว้างและอย่างลึก อัตถะก็อย่างลึก ธัมมะก็อย่างกว้าง ก็ใช้เป็นหลักใหญ่จะเรียกว่า Static หรือ Dynamic ก็ได้ หลักใหญ่สองอันซึ่งเป็นตัวที่จะช่วยพิจารณา ขยายความหลักใหญ่ก็ขยายได้หมดรูปกับนาม ตั้งแต่อุตุนิยาม พีชนิยาม ชีวนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ซับซ้อน ธรรมะก็วนมาหาอีกทั้ง 5 กรรมนิยามเป็นตัวปัจจุบัน กรรมะอยู่กับกาละ ถ้าไม่มีกาละไม่มีเวลา กรรมะเกิดอยู่ของคุณคนเดียว มโนกรรม ยังไม่ถือว่าเป็นสัจจะ สัจจะต้องออกมาข้างนอกให้คนอื่นเขายืนยันพิสูจน์ตั้งแต่ 2 คนรับรอง ยิ่งล้านคนหลายล้านคนรับรองมันก็ยิ่งถือว่าเป็นสัจจะที่จริงเท่านั้นๆ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาต้องใช้สิ่งเหล่านี้ นอกจากอัตถัญญุตา ธัมมัญญุตาแล้วก็มีอัตตัญญุตา ตัวเราก็เท่านี้ ต้องประมาณเราจะทำเกินนี้มันไม่ได้ผลหรอก แต่ทำขนาดนี้ได้ผล ซึ่งก็ยากอธิบายยากอยู่ตัวเราก็เท่านี้ ถ่อมตนไว้ อย่าไปอวดใหญ่อวดโต เรามีภูมิ 100 ใช้ 80 นี้ก็มากแล้ว 70 ได้ก็เอา ยอม หรือใช้ 60 ก็เอาแค่ 60 ถ้ามันน้อยเกินไปก็ไม่เกิดผลดี ก็ต้องใช้เท่าที่ควรจะทำ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8

 


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:57:40 )

เพราะรู้จักสิ่งนี้ ว่าเป็นสิ่งสูง สิ่งที่ควรเคารพ

รายละเอียด

แค่เจโตปริยญาณ 16 ก็ต้องรู้ สอุตระ มันรู้ยิ่งรู้จริงแต่ยังไม่รู้ถึงที่จบ ไม่ใช่ อนุตระ แค่เจโตปริยญาณ 16 ก็ยังรู้เลยผู้เป็นอรหันต์ธรรมดาระดับหนึ่งก็รู้แล้วใน เจโตปริยญาณ 16 ก็รู้รายละเอียดของจิตเป็นความรู้ที่รู้จบหรือไม่รู้จบเป็น สอุตระ ยังไม่ใช่อนุตระ ผู้สูงกว่านั้นเป็นอรหันต์ระดับ 2 3 4 ขึ้นไป อาตมาเอาอรหันต์ระดับ 1 ระดับ 2 ระดับ 3 ระดับ 4 ระดับ 5 มาพูด แม้ที่สุดอรหันต์ระดับ 6 ออกข้อสอบอรหันต์ระดับ 6 คือใคร โยมตอบว่า อนิยตโพธิ ผิด อรหันต์ระดับ 1 คือ อาริยะ โสดา สกิทา อนาคามี แล้วอรหันต์ระดับ 1 อนุโพธิสัตว์เป็นอรหันต์ระดับ 2 อนิยตะ โพธิสัตว์ระดับ 3 นิยตะ โพธิสัตว์ระดับ 4 มหาโพธิสัตว์เป็นระดับ 5 ปัจเจกหรือสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นระดับ 6 

ผู้ที่จะมาแจกอรหันต์ระดับ 5 - 6 ก็ต้องมีความรู้ ถ้าไม่มีความรู้เดี๋ยวโดนซัด คุณจะเอาขี้หมาขี้แมวอะไรมาอธิบายให้ฟัง ใช่ไหม ทำอวดดีผู้รู้เขารู้ซักเข้ามา หน้าแหกไปเกาหลีเขาก็ไม่ช่วย ในเมืองไทยช่วยไม่ได้แล้วต้องไปเกาหลี หน้าแหกจนหมอเกาหลีก็ไม่รับเย็บหมดเลย

คำว่า อุตริ ภาษาไทยกับภาษาบาลี อุตริมนุสธรรม พอมาเป็นภาษาไทยก็เลยกลายเป็นอุตริ(อุด ตะ หริ) รู้ไหม อุตริแปลว่า พวกเพี้ยน พวกทำความผิด พวกแปลผิด พวกแสดงความผิด อุตริ(อุด ตะ หริ) เอาสิ่งที่มันไม่เข้าท่า ไม่เข้าเรื่อง มันผิดไปเลยอะไรอย่างนี้ อุตริ ความหมายมันเป็นภาษาไทยจึงเป็นความหมายง่ายๆ ว่ามันไม่ถูกต้องนะ อุตริ มันบ้าๆบอๆ อุตริอะไรว้า อย่างนี้ อย่ามาทำอย่างนี้ อุตริไม่ดี มันไม่เข้าท่า มันไม่เข้าเรื่อง มันไม่ถูกต้อง อุตริ(อุด ตะ หริ)ก็หมายความง่ายๆ ตื้นๆ แค่นั้น 

ความจริงอุตริ(อุด ตะ ริ)ที่ไทยมาออกเสียงเรียกอุตริ(อุด ตะ หริ) มันเป็นโลกุตรธรรมเป็นธรรมะที่เหนือโลกียธรรมทั้งหมดทั้งมวล พลเมือง 7,000 ล้านกว่าจะ 8,000 ล้านแล้วนี่ รู้จักอุตริมนุสธรรมธรรมะที่เหนือโลกแท้ๆ อยู่กับชาวอโศก คิดดูสิว่าเรา คู่ต่อสู้ของพลโลก ที่เขาไม่รู้ 7,000 ล้านกว่า จะ 8,000 ล้านแล้ว ของเรานี่กระจุกหนึ่ง รู้จริงๆ นี่โลกุตระจะถึง 1 ล้านหรือเปล่าอาตมาก็ไม่รู้ รู้อย่างสัมมาทิฏฐิจริงๆเป็นโลกุตระทุกวันนี้ โอ้โหให้ 1 ล้านก็แล้วกันต่อ 7,000 ล้าน โอ้โห คู่ต่อสู้ 

เพราะฉะนั้นอันโน้นถึงเป็นเรื่องของเทวนิยม เป็นเรื่องของทุนนิยม มันไม่รู้เรื่องบุญเลย แม้แต่ชาวพุทธทุกวันนี้ก็ยังเพี้ยน กายก็เพี้ยน บุญก็เพี้ยน ฌานก็เพี้ยน สมาธิก็เพี้ยน วิมุติก็เพี้ยน มันเพี้ยนไปหมดเลย ขออภัยพูดแล้วก็ดูเหมือนตัวเองใหญ่ พูดไปว่าเขา อาตมาจำนน จำเป็นต้องว่า ว่าอย่างโน้นมันไม่ถูก ส่วนที่ถูกคือตัวเองรู้อยู่คนเดียว ทำไมอาจารย์ของข้าตั้งกี่รุ่นไม่ได้พูดอย่างเอ็งโพธิรักษ์เอ็งใหญ่มาจากไหน อาตมาก็จำนน เอาเถอะน่าคบกับอาตมา ฟังดีๆ สุสูสังลภเตปัญญัง คุณจะรู้ว่าอาตมาคือใคร พูดไปเดี๋ยวเขาจะหมั่นไส้หนักเข้าไปอีก เอ็งหมายความว่าอะไร เอ็งคือใคร อาตมาก็บอกว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมาคือสัตบุรุษ ก็บอกไปไม่ได้ปิดบังเลย มันก็แสดงความสบายเหมือนกัน ก็ไม่ได้ไปปิดบังอะไรพวกนี้ มันก็บอกไปภาษาครบ คุณก็ตามสภาวะกันไปเอาเถอะ 

เพราะฉะนั้นคุณรู้สภาวะของอาตมานี่แหละและคุณจะรู้ว่าอาตมาคือใคร คุณเริ่มรู้รู้นี่แหละ เพราะความรู้อาตมาคือใคร แต่ละคนถึงแสดงออกมานี่ พ่อท่านอย่างสุดเศียรสุดเกล้าเคารพ เพราะจิตของคุณรู้ว่าอาตมาคือใคร คุณพูดมาจากสิ่งที่คุณรู้ว่าคนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเราจะเจอได้ง่ายๆ มันเป็นการบอกความจริงจากใจคุณ เอาเถอะ อาตมาว่าคนเรามันไม่กล้านะที่จะเขียนออกมา แล้วก็เขียนออกมาจริงๆซื่อๆ เลย โอ้โห พ่อท่านที่เคารพสุดเศียรสุดเกล้า ที่เคารพอย่างสูง ไม่ใช่คำประโลมโลก แต่เป็นคำจากใจจริงๆ แสดงออกเป็นความเคารพอย่างแรงกล้า ในความหมายที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นการเคารพอย่างแรงกล้า 

เพราะมันรู้จักสิ่งนี้ ว่าเป็นสิ่งสูง สิ่งที่ควรเคารพ เป็นการเกิดจากจิต ลึกๆ จะเอาภาษาทางโลกๆมาทำเป็นปะเหลาะก็ได้แต่คนจริงใจก็มี อย่างคนที่คบกับอาตมา จะเป็นคนที่มีภูมิปัญญา คนไม่มีภูมิปัญญาไม่คบอาตมา เขาไม่เห็นคุณค่าอาตมาที่จะมาคบอาตมา เพราะฉะนั้นใครที่คบอาตมาแล้วก็รู้ว่า คนนี้ต้องคบ ชาตินี้ต้องเข้าหา ต้องศึกษาให้ดี ต้องติดตาม คนนั้นมีภูมิปัญญา ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ในอวิชชาสูตร ที่มีเครื่องอาศัยเรียกว่า อาหาร อาหาร แปลว่า เครื่องอาศัย ผู้ที่สามารถรู้จักวิชชา วิมุติ ผู้นั้นมีวิชชา มีวิมุติเพราะ เป็นผู้ที่รู้ อวิชชา มีนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร ของอวิชชา ผู้จะเรียนรู้วิชชาและวิมุติ ต้องอาศัยนิวรณ์ 5 

แล้วนิวรณ์ 5 ก็จะต้องอาศัยจริต 3 ซึ่งมีทุจริตกับสุจริต 3 ผู้ที่จะอาศัยจริต 3 ต้องมีอาหาร คือจะต้องมีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ผู้ที่อาศัยสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 จึงจะสามารถมีสติเป็นเครื่องอาศัย เป็นอาหาร เป็นเครื่องอาศัยต่อ ถ้าคุณสำรวมอินทรีย์แล้วคุณไม่มีสติที่มีการตื่นทั้งข้างนอกข้างใน สติต้องร้อย สติต้องเต็มร้อยทั้งภายนอกภายใน มีแต่ภายในสติไม่เต็มหรอก สติเต็มต้องเต็มร้อยทั้งภายนอก สติทั้งกาย ทั้งวาจา สติทั้งใจ อธิบายมาหลายทีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 13:17:13 )

เพราะลดกิเลสได้จริงจึงอยู่อย่างสหศึกษาได้

รายละเอียด

อาตมาพาทำกันอย่าง สหะ คือรวม เป็นสหศึกษาทั้งภิกษุทั้ง สิกขมาตุ จนแรกๆเขาก็บอกว่า มันก็คงจะมีลูกเณรออกมาหรอก เขาไม่ไว้ใจหรอก แต่ 50 ปีผ่านมาแล้วพวกเราไม่มีกรณีพวกนี้เลย ไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้ปกปิด สะอาดบริสุทธิ์ เพราะอะไร เพราะมันลดกิเลสได้จริง มันมีมรรคผลจริง มันจึงไม่เกิดกรณีพวกนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:11:05 )

เพราะวิปลาสจึงอวดโชว์สิ่งที่ไม่น่าโชว์น่าอวด

รายละเอียด

เพราะวิปลาสจึงอวดโชว์สิ่งที่ไม่น่าโชว์น่าอวด ก็มีสิ เป็นวิบากกรรมของเขา คนเรามีทั้งที่เรียนได้และเรียนไม่ได้ เรียกว่า เวไนยสัตว์และ อเวไนยสัตว์ แม้คนที่จะมีโชคเข้ามาสู่วงศ์อโศก แม้ได้ศึกษามาตั้งแต่เด็กแต่เล็กก็ตาม พูดถึงคำชัดๆก็คือ สันดานของเขา ลึก เขามาไม่ได้ พยายามเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเหตุปัจจัย ที่ทำให้เขามาได้บ้าง แต่เขามีโลกียะมากจัดจ้าน ก็ต้องไปจัดจ้าน นี่ก็พูดถึงแค่ เป็นเด็กผู้หญิงอโศก ไปแล้ว ก็ไปทำอย่างนั้น มันก็ของเขา เป็นผู้ที่วิปลาส เห็นสิ่งไม่น่าโชว์เป็นสิ่งที่หน้าโชว์ ก็ไปโชว์นึกว่า น่าโชว์ พวกที่อวดอยู่ ดาราหลายล้าน พวกน่าอาย มันน่าอายทั้งนั้น ก็พูดสามัญธรรมดาเข้าใจใช่มั้ย อาตมาไม่ได้ด่าเขานะ รู้จักอายบ้างสิ เป็นคนเจริญแล้วก็นุ่งผ้ากันทั้งนั้น คนไม่เจริญเท่านั้นถึงไม่นุ่งผ้า เป็นพวกมิลักขะถ้าเป็นผู้เจริญอาริยกะ สิ่งที่ควรปิด จะไปเปิดทำไม มันเป็นเรื่องสามัญไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่นี้ก็ไม่รู้ แล้วยังแถม ไปฝืน อวดสิ่งที่ไม่น่าอวด โชว์สิ่งที่ไม่น่าโชว์ มันก็โง่เท่านั้น อวิชชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 10:48:56 )

เพราะศาสนาเสื่อมจริงๆ จึงต้องตำหนิ

รายละเอียด

เราไม่เสียดสีเราตำหนิตรงๆ การเสียดสีมีเชิงอคติ และมีเชิงอิตถีภาวะบ้าง อะไรต่างๆนานา เสียดสี มันมีอกุศลเจตสิกประกอบในการพูดเสียดสี เพื่อหนำใจด้วย มีรายละเอียดของอกุศลเจตสิกต่างๆแต่อาตมาบอกตรงๆว่าความจริงใจ และจะห้ามไม่ให้อาตมาตำหนิไม่ได้เพราะว่าศาสนามันเสื่อมจริงๆ มันผิดเอามากๆ เมื่ออาตมาไม่ตำหนิ มันไม่รู้จะทำอะไร ไม่ได้ จะไปพูดชม ขออภัยก็ต้องพูดชมแต่พวกตัวเอง เพราะพวกตัวเองมันถูก อาตมาเกรงใจจริงๆ คนที่ควรชมก็มีน้อย แต่จะให้ไปชมพวกเดียรถีย์ออกป่าเขาถ้ำ อาตมาทำไม่ได้ อันนี้เข้าใจยาก แม้แต่พระบ้านพระเถรสมาคมก็ยังเข้าใจว่าปฏิบัติต้องออกป่านั่งหลับตา เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เขาก็พลอยเข้าใจผิดไปด้วย แต่เขาไม่รู้ว่าตัวว่าตัวเองผิดนะ  พวกที่เป็นพระบ้านแล้วพยายามศึกษาอยู่ในเมืองใช้สติปัฏฐาน แบบฝึกวิปัสสนาอะไรพวกนี้ ตามประสาพวกเขาวิปัสสนาหรือสติปัฏฐานเขาก็ยังเข้าใจไม่ถูกต้อง ก็ยังเข้าใจสติปัฏฐาน 4 พิจารณากายในกาย กายคืออะไรเขาก็ยังไม่รู้เรื่องว่ากายคืออะไร นี่คือความผิดไม่เหลือเลยในศาสนา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:45:11 )

เพราะศึกษายังไม่จบ เพราะไม่ได้ปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดว่ายังสงสัยอยู่ว่า ผู้ไม่บรรลุธรรมในชาตินี้อย่างท่านประยุทธ์ ไม่รู้แม้แต่โสดาบัน แต่เก่งที่ท่านศึกษา เป็นนักศึกษา learned man ทุกวันนี้ท่านก็ยังศึกษา สังขารร่างกายท่านก็ป่วยเจ็บอยู่หลายรอบ แล้วท่านก็บอกว่า ท่านทำงานยังไม่เสร็จเพราะท่านศึกษายังไม่จบ แต่ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมให้ตนเองบรรลุธรรมในชาตินี้ ท่านก็เลยกลายเป็นที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าผู้ที่เป็นเช่นนี้คือ ผู้ที่เป็น ปทปรมบุคคล ผู้ที่มีแต่ธรรมะโดยบท ไม่ได้ธรรมะโดยธรรม ไม่ได้ธรรมะโดยสภาวะ ได้แต่ธรรมะโดยบท พยัญชนะบทบัญญัติบทภาษาเท่านั้น คือ ผู้ที่ปทปรมบุคคล คือผู้ที่ทรงจำธรรมะของพระพุทธเจ้าไว้ก็ได้มาก ท่องบ่นได้มากทรงจำได้มาก สอนคนอื่นอยู่ได้มาก แต่ตนเองไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ นี่อาตมาก็ยังสงสัยอยู่ว่า ท่านจะเป็น ปทปรมบุคคล แต่ท่านเป็นผู้ที่ทรงจำธรรมะพระพุทธเจ้าได้มาก ท่องบ่นได้มาก สั่งสอนได้มากจริงๆแล้ว แต่ท่านจะบรรลุธรรมในชาตินี้ไหม แม้โสดาบัน 

ขออภัยนะท่านประยุทธ์ ขณะนี้ที่อาตมาพูด เป็นความเมตตาและเป็นความสงสารเกื้อกูลกัน ความสงสารคำนี้ก็หมายความว่า ยังเห็นท่านยังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ได้หมายความว่าอาตมาต้องมีใจไปสงสารท่าน ท่านสูงกว่าอาตมา ท่านมีคนนิยมชมชอบ ยกย่องสรรเสริญยิ่งกว่าอาตมาเยอะ ท่านควรจะสงสารอาตมา เพราะอาตมาด้อยกว่า ตกต่ำกว่า ดูถูกดูแคลน เป็นผู้ใดก็ควรถูกสงสารแต่ท่านเป็นผู้สูง อาตมาจะไปสงสารท่านได้ยังไงท่านต้องสงสารอาตมา แต่อาตมาสงสารท่าน นี่เป็นสิริมหามายา เป็นความซับซ้อนของ 2 สภาพ แทนที่ท่านจะสงสารอาตมา อาตมากลับสงสารท่าน อันนี้เรื่องจริงใจที่พูดสงสาร สงสารท่านที่ท่านเป็นนักวิชาการ เป็นนักศึกษา learned man ศึกษาจริงๆ แต่ไม่ได้ธรรมะมันน่าเสียดาย ก็ขอเอาใจช่วยให้ท่านบรรลุส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายๆส่วนหรือบรรลุอรหันต์เถิด ก็ขอพูดถึงท่านเท่านี้ 

แล้วอาตมาก็ขอขอบคุณท่านเยอะ ที่อาตมาได้อาศัยคำศัพท์ ท่านรู้จักบัญญัติท่านรวบรวมคำศัพท์ต่างๆไว้เยอะ อาตมาก็ใช้ศัพท์ที่ท่านรวบรวมไว้ มีผิดบ้าง ไม่ตรงบ้าง ไม่ถูกบ้าง นิดหน่อย นอกนั้นใช้ได้ ที่เขาบัญญัติกันมา ท่านก็เก็บรวบรวมบันทึกไว้ เหมือนคลังความรู้ อาตมาก็ได้อาศัยบัญญัติพวกนี้ ก็ดีก็ขอบคุณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 13:06:02 )

เพราะสงสารคนไม่ค่อยรู้จึงต้องทบทวนให้

รายละเอียด

อาตมากำลังเขียนถึงพวกนี้อยู่ใน เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 3 ส่วนเล่ม 2 นั้นตัดไปให้คุณสมพงษ์ไปแยกและตัดหัวข้อแล้ว เขาตั้งหัวข้อได้เก่งด้วย เป็นคำคมชัดดี แต่เขาก็บ่นกับอาตมาว่า เขียนวนจังเลย อาตมาก็ว่าไม่ใช่วน อาตมาก็ซ้ำแซะซ้ำซาก ซึ่งพระพุทธเจ้านั้นยิ่งกว่าอาตมาด้วย เพราะสงสารคนไม่ค่อยรู้จึงต้องทบทวนให้ เอาเถอะตั้งหัวข้อมา อาตมายังนึกอยู่เลยว่าจะให้เมื่อตั้งหัวข้อเสร็จ ก็เอามาให้ใครช่วยดูหัวข้อแล้ว มาจัดหัวข้อหน่อยได้ไหม ว่าหัวข้อต่างๆจะมีเรื่องซ้ำซาก แล้วก็เรียงชื่อเรื่องชื่อหัวข้อเป็นสารบัญ เช่น เรื่องนี้เป็นเรื่องบาปเรื่องบุญ มีอยู่ในข้อนั้นหน้านั้น หน้าไหน ก็จะสะดวกขึ้นเยอะเลย มีใครสมัครใจทำช่วยไหม เอาจากหัวข้อที่สมพงษ์ทำนี่แหละ เขาทำหัวข้อมาพอแล้ว ก็ให้ใครมารวบรวมสารบัญ เพื่อให้ช่วยผู้อ่าน ทำให้ค้นคว้าศึกษาง่าย เรียนรู้ง่ายด้วย แม้แต่อาตมาก็สะดวกเวลาจะเอามาใช้งาน อาตมาจำไม่เก่งเท่าท่านหนักแน่น ท่านอ่านมาก อย่างหนังสือสมาธิพุทธ ท่านอ่านหลายร้อยเที่ยว หรือหนังสืออื่นก็ตาม ท่านขยันอ่าน ตื่นมาไม่นอนสักที เอาแต่อ่านๆๆ ท่านเป็นคนมุ่ง ท่านทำงาน เวลามี 25 ชม.ตั้งแต่ฆราวาส เพราะท่านเอาชั่วโมงของคนอื่นมาใช้ ท่านก็ได้วิสัยอันนั้น หลับไว ไม่กี่วินาทีก็กรนครอก แล้วก็ตื่นไวด้วย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:10:33 )

เพราะสอนยากบำรุงยากจึงมักมากตลอดกาล

รายละเอียด

ขออภัย พูดไปแล้วมันก็ชัดเจนเหมือนไปว่าเขา เราพูดสัจจะ สาระธรรมะ อธิบายแล้วมันก็ชัด พูดไปสอนไปอธิบายไปให้เข้าใจ ก็ทุโปสะ อยู่นั้นแหละ ไม่ฟัง ผู้จะสอนเขา เป็นอาจารย์เขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ลูกศิษย์ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน อาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์ ลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของลูกศิษย์ ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น สอนยากบำรุงยาก ก็เลยมักมากอยู่ตลอดกาลนาน มหัปปิจฉะอยู่ตลอดกาล ไม่มีมักน้อย ไม่รู้จักพอ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:30:33 )

เพราะสังขารจึงเกิดรูปนาม

รายละเอียด

สังขารคือรวมกันทั้งหมด ปรุงแต่งอยู่ด้วยกันภายนอกภายใน ทั้งกายทั้งจิต ทั้งเหตุปัจจัยอะไรต่ออะไรขึ้นมา เสร็จแล้ว เราก็แยกเป็นรูปกับนาม ตัวนึงถูกรู้ ตัวนึงเป็นตัวรู้ ถ้ารู้ทีละ 2 ๆๆ เสมอ เปรียบเทียบกันแล้วก็สังเคราะห์กันให้ได้อะไรเลือกเอาอันหนึ่ง ทีละ 2 ก็ต้องเปรียบเทียบกันว่าอันไหนจะดีกว่าอันไหนแล้วก็เลือกเอาอันหนึ่ง ถ้าอันหนึ่งปลอม อันหนึ่งจริง อันหนึ่งเก๊ อันหนึ่งจริง  อันหนึ่งไม่ดีอัน 1 แท้หรือไม่แท้เราก็เลือกอันหนึ่งเสมอเราก็เลือกเป็นที่หนึ่งที่ 1 ของ 2 2 2 ทุก 2 นี่คือสภาวะที่อธิบายเป็นภาษา ก็รู้สึกว่ายังไม่เก่งเท่าไหร่แต่คิดว่าชัดเจนขึ้นไม่ใช่น้อยแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:47:40 )

เพราะสิ่งที่มีอยู่มันไม่เที่ยง คนเราจึงเกิดความบกพร่องขึ้นเสมอ 

รายละเอียด

ผู้ที่รับคำตำหนิได้คือผู้ที่ลดตัวตน หมดตัวตน คุณหมดตัวตน จะถูกทำอย่างไรก็ได้ ฟังคำตำหนิ เขาตำหนิผิดก็บอกเขา เขาตำหนิถูกก็บอกเขาได้ ขอบคุณเขา

อาตมาก็มีข้อบกพร่องแน่นอน เรายกให้พระพุทธเจ้าองค์เดียวที่สมบูรณ์แบบไม่มีข้อบกพร่องเด็ดขาดแล้วในความเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลก จะมีอย่างไรตามกาละ เทศะ ฐานะ ซึ่งไม่เที่ยง กาละอย่างนี้ก็มีอย่างนี้ เทศะอย่างนี้ก็มีอย่างนี้ ฐานะอย่างนี้ก็มีอย่างนี้ มันต้องเป็นอย่างนั้นนะ ไม่เท่าเดิม ไม่คงเดิมหรอก กาละเปลี่ยนไป 

กาละ เปลี่ยนไป 1 วินาที คุณก็แก่ลงไป 1 วินาที กาละ เปลี่ยนไป 1 วินาที คุณก็เปลี่ยนไป 1 วินาที มันไม่คงที่ กาละ มันไม่ได้อยู่กับที่ ฉันเดียวกันเทศะฐานะ มันก็ไม่เท่าเดิมไม่คงเดิม พระพุทธเจ้าท่านสรุปว่าทุกๆ อย่างไม่เที่ยง สัพเพธัมมาอนิจจา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 13:58:49 )

เพราะหมดบุญจึงเกิดฌาน!

รายละเอียด

นั่นคือ “บุญ”นั้นผู้ที่“จบกิจ”เป็นอรหันต์แล้ว อรหันต์จะไม่มีพลังงานที่เป็น“บุญ”เกิดในจิตตนอีก จะเกิดก็แต่“ฌาน”ที่ยังทำอยู่ เพราะ“ฌาน”เป็น“พลังงาน”ที่จะต้องอาศัยใช้งานคู่ไปกับ“ปัญญา”อยู่ตลอดตราบที่ยังมี“สัมผัส”ก็ต้องมี“ฌาน”และมี“ปัญญา”คู่หูช่วยกันทั้ง“สัมผัส”ด้วยปัญญา”และทั้ง“ชำระล้าง” ด้วย“ฌาน”อยู่ตลอด ไม่ให้มีอะไรติดค้างเป็นอันขาด ต้อง“ไม่ประมาท”เป็นที่สุด ดังนั้น ใน“วิญญาณฐีติ 7”จบด้วย“อากิญจัญญายตนะ”เสมอ  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 75 หน้า 88


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 05:08:18 )

เพราะหลงติดจึงหลงผิด จึงเสพติดตลอดชีวิต!

รายละเอียด

ท่านไม่รู้แม้แต่“สุข”แค่ใน“สิ่งเสพติด”นี้ จึงไม่คิดปล่อยวาง ท่านจึงพากัน“หลงติด”ความเป็น“ทุกข์”อย่างอวิชชาอยู่จนตาย ดังที่ท่านเป็นและเห็นกันอยู่ จนตายไปกับชีวิตของท่าน มันก็ติดอยู่ในอนุสัยของท่านนั่นแหละไปอยู่ตลอด ดังนั้น ท่านจึงยังอยู่ในหมู่คนผู้ที่ยังไม่พ้น“วิปลาส” ซึ่งมีทั้ง“วิปลาส 3” ทั้ง“วิปลาส 4”กันอยู่จริง(พระไตรปิฎก เล่ม 21 ข้อ 49)

ดังที่ท่านมหาบัว ญาณสัมปันโน ติด“กามคุณ 5”ในหมากพลูอยู่แท้ๆ ความรู้ระดับปุถุชนคนสามัญตื้นๆแค่นี้ ท่านก็“ไม่รู้”ว่า ท่านติด ท่านเสพ“กามคุณ 5”อันเป็นกิเลส“กามภายนอก”หยาบๆแท้ๆ นี้อยู่ มันก็ยืนยันได้ว่า “ความรู้”ขั้นลึกเข้าไปหา“ภายใน”ท่านทั้งหลายไม่สามารถะจะรู้ได้เป็นอันขาด 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 374 หน้า 272


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:31:03 )

เพราะอวิชชาจึงมีสังขาร

รายละเอียด

เป็นคำตรัสที่รวมเอาไว้ทุกอย่างที่ให้รู้จัก ทุกอย่าง สังขารเป็นตัวที่ 1 ของอวิชชาในปฏิจจสมุปบาท 

ปฏิจจสมุปบาท “เพราะอวิชชาจึงมีสังขาร” เพราะฉะนั้นสังขารที่เกิด เพราะอวิชชาหรือเกิดด้วยอวิชชา คนผู้นี้ก็คือผู้ที่ยังไม่รู้จักสังขาร เป็นผู้ที่จัดการกับสังขารไม่ได้ ไม่รู้จักเหตุที่จะดับสังขาร เพราะฉะนั้นเมื่อไม่รู้จักเหตุที่จะดับสังขาร สังขารก็เป็นปัจจัยหรือมีปัจจัยเป็นวิญญาณ ก็คือจิต วิญญาณหรือจิต หรือธาตุรู้ของคน 

เพราะฉะนั้น อวิชชาอยู่ สังขารก็ยังอวิชชา-ไม่รู้ มันก็มาเป็นวิญญาณ วิญญาณด้วยอวิชชา วิญญาณที่ยังไม่มีความรู้ วิญญาณก็เข้าใจเละเทะไปหมด 

วิญญาณคือธาตุรู้ที่ต้องมีกาย วิญญาณคือธาตุรู้ต้องมี 2 สภาวะเป็นอย่างน้อย ปรุงแต่งกันเรียกว่าสังขาร ต้องมีอย่างน้อยมี 2 มีภายนอกภายใน หรือมีกายกับจิต จะเรียกว่ามีร่างกับจิต ก็ได้ แต่เป็นคู่กันจริงๆนะ คือหมายความว่ามี Body แล้วก็มีจิตที่รู้อยู่ร่วมกัน Body คือร่าง สรีระ 

เพราะฉะนั้นก็จะแยกวิญญาณให้ได้เป็น 2 คือนามกับรูป เป็นปัจจัยของวิญญาณ พระพุทธเจ้าถึงสอนให้ศึกษาเรื่องนามรูป ก็จะอาศัยซึ่งกันและกันไปตลอด นาม รูป อาศัยกันเป็นวิญญาณ ฉะนั้นพอเป็นวิญญาณ ก็มีร่าง มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอกเรียกว่า กายภายนอก และกายภายนอกก็จะมีกาม มีกามเป็นกิเลสเจ้าเรือน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:50:31 )

เพราะอวิชชาจึงอยู่กับสามเวทนาใหญ่

รายละเอียด

แต่ตอนนี้วิจัยเป็นการเรียนรู้พฤติกรรมของมันเกิดขึ้นเมื่อมีผัสสะก็เกิดธาตุรู้เกิดวิญญาณเป็นเวทนาแยกออกไปเป็นเวทนาเป็นตัวรู้ อ๋อ ตัวรู้เป็นอย่างไร มันจะมี 3 อาการใหญ่ เวทนา สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ อวิชชาก็อยู่กับสามอาการใหญ่ ไม่ต้องการทุกข์เอาแต่สุข เจริญหน่อยก็บอกว่ามันเมื่อยความสุข ก็เอา อทุกขมสุข เอาแบบไม่ทุกข์ไม่สุขดีกว่า พวกแสวงหาเริ่มต้นก็เอา อทุกขสุข ก็ทำได้ด้วยวิธีโลกีย์ ก็กดข่ม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:18:11 )

เพราะอวิชชาจึงเกิดสังขาร วิญญาณ นามรูป

รายละเอียด

สังขาร วิญญาณ นามรูป ผู้ที่มีอวิชชา สังขารคือการปรุงแต่งระหว่างรูปนาม เขาเรียนพยัญชนะมาก็รู้ทุกคน แต่จริงๆรูปนามของคุณเป็นรูปนามอะไรบ้าง มีธาตุรู้กับอีกสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งจริงๆก็คือวัตถุเลย สสารเลย ดินน้ำไฟลมเลย ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านแจกรูปไว้ถึง 28 ดินน้ำไฟลมแค่ 4 เท่านั้น จาก 4 ไปแล้วซับซ้อน ลึกซึ้ง 

จาก 4 ตั้งแต่เกิด ปสาทรูป โคจรรูปหรือวิสยรูป จากทวารนอก ทวารใน ทำปฏิกิริยากันทำงานกันระหว่างประสาทกับภายนอก 

ประสาทเองมันก็เป็นรูป มันจะมี ปสาทรูป โคจระก็เริ่มเดินทางออกมาทำงาน เป็นวิสัยที่จะมีความรู้ในระดับวิสัย ไม่ใช่ความรู้ระดับอาศัยหรือนิสัย 

อาตมาแบ่ง อาศัย วิสัย นิสัย อนุสัย แบ่ง 4 ก็เอามาใช้งานยกตัวอย่างประกอบว่าเยอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณกินข้าวได้ไหม อย่างไรคือสัมมาทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2564 ( 19:23:24 )

เพราะอวิชชาจึงไม่รู้สังขารคืออะไร วิญญาณคืออะไร

รายละเอียด

ไล่ ปฏิจจสมุปบาทให้ฟัง เริ่มต้นตั้งแต่สามเส้าแรก อวิชชา สังขาร วิญญาณนามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ตัวที่ 10 นี้ครบ รู้หมดเลย 10 ตัวที่ 11 เป็นตัวประธาน 

เพราะคนอวิชชาไม่รู้ ก็ไม่รู้สังขารคืออะไร วิญญาณคืออะไร สังขารคือตัว Dynamic วิญญาณคือตัว Static สังขารปรุงแต่งเป็นตัวธาตุ 2 วิญญาณเป็นตัวธาตุ1 อวิชชาก็คือความไม่รู้ของคนที่มี 3 ตัวนี้ มี อวิชชา สังขาร วิญญาณ

อวิชชาก็ควบคุมตนด้วยอวิชชา ความรู้ของเขาจะเป็นวิชชาโลกีย์ เขาก็จะควบคุมวิญญาณให้มันปรุงแต่งกันให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าธาตุรู้ ปรุงให้มันฉลาดที่มาจาก ฉฬายตนะ ฉฬ + อายตนะ โดยรากเหง้าทั้งศัพท์และสภาวะจริง คืออายตนะ 6 กับธาตุรู้ เกิดมาจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:12:10 )

เพราะอวิชชาจึงไม่ได้พบสัตบุรุษ

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่า ไม่ได้พบสัตบุรุษ ก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ สัตบุรุษจึงเป็นตัวต้นเลย ถ้าไม่ได้พบสัตบุรุษ ไม่ได้ฟังสัทธรรม ก็ไม่สามารถเจริญอะไรต่อไปได้อีกเลย

ทำอย่างไรจึงได้พบสัตบุรุษ กามนิตหนุ่มพยายามแสวงหาพระพุทธเจ้า เสร็จแล้วก็มีโชคดีมากเลย ในโชคกลายเป็นเคราะห์ร้ายเพราะอวิชชา พบกับพระพุทธเจ้า โอภาปราศรัยกับพระพุทธเจ้าเจอกัน คุยกันทั้งคืนเลย เสร็จแล้วรุ่งเช้า ต่างคนต่างไป แยกย้ายกันไป มาเป็นกามนิตแบบนั้นเยอะเลย แต่ส่วนมาก ไม่เชื่อว่าเป็น มิตรควรคุย นึกว่าเป็นศัตรูด้วย มาพูดขวางหู พูดไม่เข้าหู ทำไมรู้ว่าไม่เข้าหู เพราะว่าได้ยินใช่ไหม ใช้สำนวนว่าไม่เข้าหูแปลว่าไม่ชอบ โกหก พูดไม่เข้าหู ไม่เข้าแต่ทำไมรู้เรื่อง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน4 วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:02:34 )

เพราะอวิชชายึดถือความรู้ผิดๆ อยู่จึงไม่สามารถรู้ความจริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่มาเรียนธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จะชัดเจนทุกอย่าง จะรู้ทุกอย่าง อาตมาศึกษามาจนเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จึงพูดได้อย่างเต็มปากเลย พูดจนกระทั่งที่ท่านไม่เชื่อ ไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือ จริงๆ คือท่านมิจฉาทิฏฐิอยู่ ท่านยังอวิชชาอยู่ ท่านจึงไม่สามารถรู้ความจริงที่อาตมานำมาเสนอนี้ได้ อาตมาเสนอความจริง ท่านก็บอกว่าไม่ใช่ เพราะท่านไปยึดผิดไง อาตมามาพูดสิ่งที่ถูกก็บอกว่าไม่ใช่ จนเดี๋ยวนี้ก็ยังดื้ออยู่อีกเยอะ พูดได้ยังยึดถือความรู้ผิดๆ มิจฉาทิฐิกอดอยู่กับความรู้มิจฉาทิฏฐิผิดๆ ก็น่าสงสารอย่างเดียว ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็พูดกระทุ้งกระแทกกระเทือนอย่างไรทุกอย่าง พูดอย่างดีๆ เรื่อยๆ สบายๆ ก็พูด พูดกระแทกก็พูด พูดทุกลีลา ทุกแบบ เพื่อที่จะให้กระทบ กระเทือน กระทุ้ง กระแทก แต่ไม่ได้แดกดันนะ ทุกนัยยะ เพื่อที่จะให้รู้ให้สะดุดให้เกิดไหว พริบๆๆ บ้าง แต่นี่ไม่ไหวเลย มีแต่กอดแน่นติด อะไรมาครับก็ทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตลอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:48:25 )

เพราะอะไร ไม่เอาแต่เราต้องเอา ไม่มีแต่เราก็ต้องมี

รายละเอียด

เราก็ต้องเรียนรู้สิ่งที่น่ายินดีก็น่ายินดี ไม่ต้องไปฟูฟ่องแรงมากไป จริง เราอาจเคยฝึกในเรื่องของ ยินดีในสิ่งที่ดี อย่าไปยินดีในสิ่งที่ไม่ดี แต่ว่าก็ไม่ถึงขนาดจะต้องไปแรง หรือเราเคยศึกษามาว่า ซาบซึ้งในสิ่งที่ดีไว้ เป็นพื้นฐาน ขั้นลึกซึ้งมาก็รู้แล้วว่าเราปล่อยได้ทั้งสองข้าง แล้วปล่อยสิ่งที่ไม่ดีกว่า ถือสิ่งที่ดีไว้อาศัย แล้วค่อยวางสิ่งดี ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่เราก็ต้องอาศัย เราจะซ้อนสภาพสิริมหามายา ไม่เอาแต่เราต้องเอา ไม่มีแต่เราก็ต้องมีอยู่ จบ

เพราะอะไรเพราะชีวะชีวิตของเรายังมีอยู่ เราต้องอาศัยสิ่งมี แต่เราก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามันมี อันนี้เป็นสภาวธรรม ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามี เป็นภาษาบอก คุณไม่ยึดมั่นถือมั่น ยึดไว้แค่อาศัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:42:08 )

เพราะอะไรจึงตำหนิมหาบัวทั้งที่สิ้นชีพไปแล้ว

รายละเอียด

คนไม่เข้าใจหาว่าอาตมาตำหนินั้น เป็นการอวดดี อวดใหญ่ เบ่งข่ม อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของธรรมะ อย่างมหาบัวนี้สิ้นชีพไปแล้ว แต่อาตมาก็ยังพูดอยู่ เพราะอะไร เพราะลูกศิษย์มหาบัวยังดำเนินรอยตามมหาบัวอยู่อีกเยอะมาก ถ้าจะพูดไปแล้วก็ตั้งแต่อาจารย์มั่นมาแล้ว แต่มหาบัวเป็นตัวเด่น อาจารย์มั่นก็ไม่ได้มาสอนหรือมาพูดกับคนทั่วไป ไม่เป็นที่กว้างขวางเหมือนมหาบัว มหาบัวเป็นตัวฉากหน้าที่คนรู้จักดี ก็เอาชื่อมหาบัวขึ้นมากล่าว เพื่อเรื่องราวนี้ เพื่อเรื่องนี้จะได้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น เลือกเอาสิ่งที่มันเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่รู้กันดีทั่วไปในเรื่องนี้ประเด็นนี้มาใช้ แล้วมันก็เข้าใจได้ เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:32:41 )

เพราะอันนี้จึงมีอันนี้ ดับเหตุเสีย

รายละเอียด

นี่คือความรู้ความฉลาดต้องมีเหตุมีผลมีสภาพ 2 คือเหตุและปัจจัย เพราะฉะนั้นเหตุและปัจจัยที่เป็นปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องที่เพราะอันนี้จึงมีอันนี้ พระพุทธเจ้าจึงมีความรู้หรือความฉลาดที่เรียกว่า วิชชา รู้จักเริ่มตั้งแต่ ธาตุ  2 ธาตุ รูปกับนาม เกี่ยวเกาะ ปรุงแต่งกันอยู่ตั้งแต่ 2 ธาตุจนถึงนับไม่ถ้วน สังขารวิญญาณไปเป็นวิญญาณนามรูปแล้วก็เรียนรู้แยกได้ว่า มันมาจับตัวกันเรียกว่าอายตนะ กระทบกันไปกระทบกันมา จึงจะเกิดภาวะต่างๆ และภาวะต่างๆนั้นคือเรียกว่าความรู้สึกหรือเวทนา 

แล้วก็ความรู้สึกนี่แหละมันไม่หมดไปในมหาจักรวาล พระพุทธเจ้าจึงให้เรียนรู้เวทนาให้ชัด จบเวทนา รู้จักเหตุที่ทำให้เกิดเวทนา ดับเหตุเสียทุกอย่างก็ดับที่เวทนา ตัวการที่ทำให้เวทนาไม่ดับก็คือตัณหาอุปาทาน ตัณหาอะไร ตัณหามันยังติดสุข เสพสุข ยึดสุข แต่ในสุขในทุกข์ มันเป็นภาวะ 2 ที่แยกกันไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ เขาก็หนีความทุกข์แสวงหาความสุข วนอยู่ตลอดกาลนานของธาตุรู้ คือจิตนิยามวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารอยู่นิรันดร 

ชาวเทวนิยมต่างๆอยู่ในนิรันดรทั้งหมด พระพุทธเจ้าค้นพบว่า เลิกความเป็นนิรันดรได้ สลายธาตุรู้สลายวิญญาณสลายพระเจ้า สลายจิตวิญญาณนี้เป็นดินน้ำไฟลมของตนเองไปเลยเลิกเลย หรือจะไม่เลิกจะอยู่ ตัวเองก็อยู่อย่างไม่ต้องทุกข์ต้องสุข นอกจากไม่ต้องทุกข์ต้องสุขแล้วเป็นธาตุรู้ มันเป็นธาตุที่ ถ้าอยู่ก็มีแต่ทำดีไม่ชั่วเลย สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ได้ล้างความโง่อวิชชาได้หมดแล้วจึงสามารถรักษาธาตุรู้นี้ให้เป็นธาตุรู้ที่ได้ทำดีก็มีประโยชน์ตลอด จะอยู่นิรันดรก็เชิญ หรือจะแยกเป็นสูญสลายเป็นศูนย์ไปเลย ก็ได้ จบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:12:19 )

เพราะเหตุใดชาวพุทธทั้งหลายแหล่จึงไม่เชื่อคำสอนของพ่อครู

รายละเอียด

พูดถึงอันนี้ อาตมาสอนตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้านี่ ทำไมชาวพุทธทั้งหลายแหล่ ไม่สะดุดตรงนี้ อาตมาอ้างอิงตั้งแต่ศีลจนถึงคำสอนต่างๆซึ่งเป็น ถึงขั้นเป็นสูตรรวมวรรณะ  9 สาราณียธรรม 6 หรือสูตรต่างๆ นานาที่อาตมาเอามาไล่อธิบายก็ตาม นอกจากจะอธิบายได้แล้ว เรายังปฏิบัติได้ด้วย ยืนยันว่าเป็นความจริงแม้แต่ในยุคนี้ด้วย 

ทำไมคนไม่มีปฏิภาณรู้ว่า ทำไมเข้าใจไม่ได้ เขาก็ไม่ใช่คนโง่เท่าไหร่ แต่เขามีอคติ เป็นตัวสำคัญ อคติ ไปเชื่อผู้รู้ในคณะของตนว่า โพธิรักษ์ผิด ยังไงก็ผิดเอ็งไม่ผิด พ่อเอ็งก็ผิด พ่อเอ็งไม่ผิดปู่เอ็งก็ผิด เป็นหมาป่า 

เขาก็ไปหลงคำครูบาอาจารย์ ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเองว่า โพธิรักษ์นั้นสอนอย่างไร ก็เอาพระไตรปิฎกมากางยืนยันอ้างอิงว่าผิดตรงไหน มาทุกวันนี้อาตมากล้าพูดคำนี้อย่างมั่นคงแน่นอนอย่างหนัก อย่างหนักแน่นเลย มายืนยันกับพระไตรปิฎกเลย 

ดีนะ โชคดีมากที่พระไตรปิฎกยังมีอยู่ ในวงการศาสนาพุทธยุคนี้ ถ้าไม่มีพระไตรปิฎกอย่างเดียวเท่านั้นแหละ อาตมาตายอย่างเขียดถูกกระทืบตาย ตายแน่ๆ แต่นี่ยังดีอยู่ที่มีพระไตรปิฎกปฏิบัติมีผล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:27:05 )

เพราะเหตุใดเราไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับสัตว์

รายละเอียด

คนแต่ละคน เรามีจิตวิญญาณ ก็เกิด สัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องร่วมกันไป กับสิ่งที่เกี่ยวกับอันอื่นตั้งแต่วัตถุมาจนกระทั่งถึงพืชจนกระทั่งถึงสัตว์ เกี่ยวข้องไป กับวัตถุกับพืช ไม่ได้มีวิบากแก่กันและกัน แต่เกี่ยวกับสัตว์นี่สิ มันมีวิบากแก่กันและกัน พระพุทธเจ้าถึงสอนว่าสัตว์เดรัจฉานให้ปล่อยเขาไปตามวิบากกรรม อย่าไปเกี่ยวข้องอย่าไปทำอะไรกับเขาไปฆ่าเขา ไปเบียดเบียนไปทำร้ายเขาไม่เอา ปล่อยเขาไปสิมันก็เป็นชีวิตของเขาเป็นวิบากของเขา 

สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายแหล่มันพูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นเรามีแต่จะไปตกต่ำ สัตว์เดรัจฉานถ้าไปเกี่ยวข้องกับมันมีแต่ตกต่ำ คุณไปรักกับสัตว์คุณก็ตกต่ำ คุณไปเกลียดสัตว์ เกลียดชังสัตว์ จนฆ่าสัตว์ คุณก็ยิ่งตกต่ำชัดๆเลยง่ายๆ แม้แต่คุณรักสัตว์คุณก็ตกต่ำ เพราะคุณก็จะไปเกี่ยวข้องพัวพันอยู่กับสัตว์ เอาพลังงานเอาเวลาเอาทุนรอนไปเกี่ยวข้อง ดีไม่ดีเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ซื้อเพชรซื้อพลอยไปใส่ให้หมาให้แมว เออ รู้แล้วเอ็งรวย คนยังไม่ใส่เพชรเลย หมาของเอ็งได้ใส่เพชรแท้นะ อวดร่ำอวดรวยอะไร รักมาก 

เกี่ยวพันจนกระทั่ง เขาไม่รู้จักกรรมวิบาก รักมาก ต่อไปก็จะพัวพันเป็นลูก เป็นแม่ เป็นอะไรกันไปอีกกี่ชาติไม่รู้ เพราะทั้งรักทั้งชัง ..ไม่ต้องเกี่ยวสัตว์ทั้งหลายแหล่ แล้วยิ่งไม่ต้องไปฆ่า หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ วลีสุดท้ายของศีลข้อที่ 1 

เมื่อเกิดมาเป็นจิตนิยาม เป็นสัตว์มาแล้ว ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนกระทั่งถึงกี่เซลล์ก็แล้วแต่ ปล่อยมัน อย่าไปยุ่งกับมัน 

มายุ่งกับพืชกับวัตถุ ชีวิตอยู่กับพืชกับวัตถุก็อยู่ได้แล้ว กับคนนี่แหละ อะไรอย่างไรก็ต้องเกี่ยวข้องกันอยู่ด้วยกัน หวังประโยชน์แก่ คนนี่แหละ หวังประโยชน์เจริญไปด้วยกันให้ได้กับคนนี่แหละ แค่นี้ก็งานหนักหนาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 กันยายน 2565 ( 15:25:55 )

เพราะแพ้จึงอยู่รอดได้ เป็นอจินไตยที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

แม้แต่เรื่องการเกิดคดี ทนายความทองใบทองเปา มาว่าความศาลชั้นต้นแพ้ก็อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็แพ้อีก แล้วทนายทองใบจะยื่นฎีกาแต่อาตมาบอกว่าไม่ต้องยื่นฎีกาหรอก เราจบแค่ชั้นอุทธรณ์ เพราะผู้พิพากษาท่านอย่างนี้ถ้าไปอีกก็แพ้อีกเฉยๆ แพ้เท่านี้ก็พอแล้วจบที่ผู้แพ้ก็จบแล้ว เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรในความเป็นผู้แพ้ เราไม่มีอัตตา เราก็ทำงานได้เต็มที่ได้อยู่ กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสิ้นสุดกฎหมายทางโลกแล้ว ทางธรรมะเรารู้ไง 

เพราะแพ้จึงอยู่รอดได้ เป็นอจินไตยที่ยิ่งใหญ่ คนที่ยังแพ้ไม่ได้มีตัวตนทั้งนั้น ยังเหลือนิดหน่อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ อย่างอาตมาแพ้เลย ใครจะมาแพ้ยิ่งกว่าอาตมาแพ้ คนนั้นชนะอาตมาเลยนะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:07:26 )

เพราะโลกุตรธรรมเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องพยายามเผยแพร่ให้ได้มากทุกทาง 

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 

ทีนี้เราก็มาสู่การฟังธรรม พวกเรานี้เจริญเป็นคนเจริญ รู้จักสาระในสาระ รู้จักความสำคัญในความสำคัญ ที่ถูกต้อง 

การได้ฟังธรรม โดยเฉพาะเป็นธรรมที่เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า เหมือนหาอาหารอันประเสริฐ ไม่มีอะไรมาเท่าเทียมที่เราได้ เราเป็นผู้รู้ เราก็รับเอาไป ผู้ที่ไม่รู้เขาก็เฉยเมย ไม่รู้สารู้สีอะไร ไม่ประสีประสาอะไร ทั้งๆ ที่เราส่งออกไปกระจายทางโทรทัศน์ พยายามจะให้ไปทางโทรทัศน์ เป็นทั้งพวกแบบส่งทาง Media ต่างๆ เดี๋ยวนี้เยอะแยะ รับได้ทางอินเตอร์เน็ต ทางอะไรต่ออะไรมากมาย ไม่ต้องถึงขั้นไปเอาทางดาวเทียมก็ได้ เยอะแยะมากมาย 

แต่เราก็พยายามให้มีดาวเทียมด้วยมันจะได้กว้างทั้งโลก หมุนรอบโลกเลย เราก็พยายามให้มันไปถึง ยอมเสียค่าดาวเทียมอยู่เดือนละหลายแสน ก็ต้องเอา เพื่อมนุษยชาติ 

เพื่อมนุษยชาติ ได้มากได้น้อยไม่มีปัญหาหรอก ได้น้อยแม้คนหนึ่ง 2 คน 5 คน 10 คนก็ถือว่าได้ ถือว่าประเสริฐ ราคามันเทียบกันไม่ได้เลย โลกุตรธรรม พยายาม จะเรียกว่ายัดเยียด เราก็ยัดเยียด พยายาม แต่เราก็ไม่ไปแดกดันอะไรเขา ยัดเยียดแดกดัน เราก็กระจายออกไปธรรมชาติ ทุกคนมีอิสรเสรีภาพที่จะใช้ปัญญาเต็มใจรับเอา ไม่รับเอาก็ของใครของมันจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:03:10 )

เพราะใจที่วางไม่ลง

รายละเอียด

วางไม่ได้ทั้งแม่ ทั้งลูก ทั้งสัตว์เลี้ยงด้วยนะนี่ อาตมาเคยพูดนะว่า มาวัดมาอยู่ที่นี่เลย แต่มาวัดไม่ได้เพราะติดหมา อาตมาก็ว่า โธ่เอ๊ย! มาวัดไม่ได้เพราะหมาดึงเอาไว้ ติดหมา ทำไมชีวิตถึงคิดไม่อะไรไม่ออกถึงปานนั้น ถ้าบอกว่าวางแม่ ลูก วางไม่ได้ พี่สาวน้องสาวไม่ได้ ก็ยังพอทำเนา แต่บอกว่าวางไม่ได้เพราะหมา อาตมาก็ว่า เออเนาะ 

มีตัวอย่างอยู่ที่นี่คนหนึ่ง กว่าจะมาได้ กว่าจะวางหมา มาอยู่ที่นี่ได้ คนหนึ่ง ตัวอย่างแม่ของเจมส์ กว่าจะวางทิ้งหมาได้มา เคยเย้าเขาเหมือนกัน เรื่องยังไปหลงหมาวางไม่ได้ พอมาแล้วก็ค่อยๆ เข้าใจ ในที่สุดก็ โธ่ มันก็อย่างนั้นแหละนะ นั่นแหละเวลามันผูกพัน เวลามันไม่มีปัญญา มันก็ห่วงหาอาวรณ์ จริงก็ไม่ใช่เรื่องต่ำ เรื่องทรามเสียอะไรหรอก มันเป็นเรื่องเมตตา เป็นเรื่องผูกพัน ลึกๆ เข้าไปมันเป็นเรื่องกรรมวิบาก  มันเป็นเรื่องอยู่ขั้นตอนของบารมี 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 19:17:59 )

เพราะได้ดูได้เห็นคนอื่นจึงว่าได้

รายละเอียด

ที่คุณบอกว่าให้มีปรโตโฆษะ ให้ชาวอโศกไปดูเถรสมาคมบ้าง..เราก็ดูกันจนตาแฉะแล้ว เอาที่สายพระต่างๆประพฤติอยู่มาพูดด้วย จนกระทั่ง แล้วคุณบอกว่าไม่ดู ไม่ดูจะเอามาพูดได้อย่างไรไม่เห็นจะเอามาพูดได้อย่างไร บอกว่าทำไมเราว่าแต่คนอื่นทั้งนั้นก็เพราะเราเห็นเราจึงว่าได้ แต่คุณมาใส่ความว่าเราไม่เห็น ไปอยู่กับธนาธรไป คือมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตัวเองไม่ดูตัวเองบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:00:02 )

เพราะได้ศึกษาสัญญา 9 มา จึงเกิดผล

รายละเอียด

ผู้สมบูรณ์ด้วยอานาปานสติ เพราะได้ศึกษาสัญญา 9 มา จึงเกิดผล ไปนั่งหลับตา หรือว่าไปนั่งสะกดจิต เพ่งกับลมหายใจเข้าออกแล้วก็ทำให้ลมหายใจมันนิ่ง ไปตีกิน ไปจับจิตให้จิตมันนิ่งเป็นสมถะ หยุดนะๆๆ หยุดได้แต่กาย กายสงบ จิตสงบ รู้แต่ว่าสงบคืออาการไม่เคลื่อนไหว แต่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น สงบคือไม่มีตัวกวน ไม่มีตัวเหตุคือกิเลส มันสงบเพราะกิเลสมันลดลงหรือกิเลสมันดับไป กิเลสมันตายสนิท มันไม่มีตัวกวนเลย กายกรรมก็ยิ่ง แคล่วคล่อง เรียกว่าเป็น กายปาคุญญตา อาตมาอธิบายไปเขาเข้าใจไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 11:42:57 )

เพราะไม่พบสัตบุรุษคือพ่อครูทำให้เข้าใจบุญไม่สัมมาทิฏฐิ จึงไม่บรรลุธรรม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นเสื่อมไปมาก ถ้าใครฟังแล้วเข้าใจดีว่าบุญต่างจากกุศลอย่างไร แม้แต่มีพระบาลีบอกว่า ปุญญปาปปริกขีโณ เมื่อบาปหมดบุญก็หมด ก็สูญสิ้น ปุญญปาปปริกขีโณ พระอรหันต์พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่มีบาปแล้วก็ไม่ต้องปฏิบัติบุญอะไรอีกแล้ว แค่ความหมายคำว่าบุญที่อาตมาเอามาไขในยุคนี้ อาตมาคิดว่าอาตมาคงเป็นคนเดียวนะ ที่เอามาพูดว่า บุญ ต่างกับกุศลคนละเรื่อง ลิบลับเลย บุญสะสมไม่ได้ บุญไม่มีหน้าที่สะสมเลยอะไรอย่างนี้ 

คนเข้าใจทำบุญที่เกิดจากฌานเผากิเลสจนหมดเป็นบุญได้ ไม่เข้าใจพยัญชนะภาษาคำว่าบุญได้จะเอาไปปฏิบัติสภาวะเป็นบุญได้อย่างไรจะบรรลุได้อย่างไร เพราะเอาไปปฏิบัติก็จะเพี้ยนความหมายอย่างอื่นแล้ว ไม่ใช่ความหมายตรงของมันแล้ว เป็นความหมายเพี้ยนไปแล้วจะได้ผลอย่างไร เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ของแปลกที่มันเสื่อมไปขนาดนี้จนไม่มีใครบรรลุธรรมแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:20:54 )

เพราะไม่มีความรู้เรื่องสยังอภิญญา

รายละเอียด

วันนี้คงจะได้ฤกษ์อธิบายหลักการธรรมะสำคัญของพระพุทธเจ้า สัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 วิโมกข์ 8 อนุปุพพวิหาร 9 เมื่อตรวจสอบตามคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วมันไม่เข้ากับหลักเกณฑ์อะไรพวกนี้เลย พูดกันไม่รู้เรื่องเลย มันก็เป็นการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ ไม่ได้เข้าใกล้ของพระพุทธเจ้าเลย ไกลกัน เป็นของเดียรถีย์ไปเลย ย้ำแล้วย้ำอีกอย่างพวกไปหลับตาปฏิบัติ มันโมฆะเลยเป็นเดียรถีย์ไปหมดเลย ศาสนาพุทธผ่านมา 2,500 กว่าปี ครึ่งพุทธกัปป์ของศาสนาพุทธไปแล้ว มันหมดสิ้นเห็นผิดเพี้ยนกันไปอย่างที่เรียกว่ากู่ไม่กลับ ต้องใช้คำนี้ จะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง เพราะว่าเขาถือว่าอาตมาไม่มีเครดิต ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เป็นครูบาอาจารย์มาจากสำนักไหน มีอาจารย์สืบทอดมา ดันบอกว่าตัวเองรู้มาแต่ชาติก่อนด้วย เขาก็เลยยิ่งหมั่นไส้ เพราะเขาไม่มีความรู้เรื่องสยังอภิญญา ผู้ที่มีความรู้เป็นอภิญญาของตัวเอง เป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอง เอาคำธรรมะนี้มาอธิบายให้แจ่มแจ้งชัดเจนตามที่ท่านตรัสไว้ในข้อที่ 10 ของสัมมาทิฏฐิ 10 เขาก็ไม่เชื่อกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 10:55:37 )

เพราะไม่มีปัญญาอันยิ่งจึงสิงเสพโลกีย์อยู่

รายละเอียด

ชาวพุทธนี้จึงไปหลงไปทำความเกิดให้แก่ลาภ ยศ สรรเสริญ ไปทำความเกิดให้แก่สุขแล้วก็เสพ แล้วก็สิงเสพ เพราะไม่มีปัญญาอันยิ่งจึงสิงเสพโลกีย์อยู่ โลกียธรรม ก็มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันใดเกิดลาภ สิงเสพติด อันใดเกิดยศก็สิงเสพ อันใดเกิดสรรเสริญก็สิงเสพ อันใดเกิดสุขก็สิงเสพอยู่ ยังมีอยู่เต็ม 

เพราะฉะนั้น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขนี้คือ ดอกผลใบ อันงอกงาม เจริญไพบูลย์ เป็นดอก ใบ ผล ของต้นไม้ที่งอกงามเจริญไพบูลย์ ในมหาสาโรปมสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อุปมาอุปไมย แก่นไม้คือวิมุติ ผู้แสวงหาอยากได้วิมุติ แต่อวิชชาก็ไปหลงงมงายอยู่แต่ผลใบดอกของต้นไม้ สิ่งเสพ บริโภคชื่นใจ เป็นสุขอยู่ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เต็มไปหมด 

ขออธิบายคู่ อาตมามีสภาวะ จำแต่พยัญชนะมาแปะไว้ให้ถูกสภาวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:43:07 )

เพราะไม่รู้จักโลกุตระจึงแยกไม่ออก

รายละเอียด

แค่แยกโลกุตระกับโลกีย์เบื้องต้นเขาก็แยกไม่ออก เพราะเขาไม่รู้จักโลกุตระ กายของเขาเป็นโลกียะ การกำหนดของเขาก็ยังเป็นโลกียะทั้งกายทั้งสัญญา เขาแยกเป็นโลกุตระไม่ออก พูดไปแล้วก็นึกถึงศิลปินแห่งชาติ ที่ไปดูเราแสดงศิลปะโลกุตระแล้วเขาก็อุทานว่าศิลปะมีโลกุตระด้วยหรือ นี่น่าสงสาร เรียนพยัญชนะ แต่งกวีเก่ง เอาพยัญชนะมาร้อยเรียงเก่งแต่เข้าถึงสภาวธรรมโลกุตระไม่ได้แยกไม่ออกไม่รู้เรื่อง น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:34:04 )

เพราะไม่เข้าใจกรรม ไม่เข้าใจชีวะ จึงมีแต่ชนะที่แพ้ในที่สุด

รายละเอียด

เราที่พูด เราก็เห็นกันอยู่ว่า สังคมโลกไม่เข้าใจความหมายคำว่า ชีวะ ซึ่งก็แบ่งแยกเป็นชีวะในระดับเริ่มต้นจากพืช จนกระทั่งไปถึงจิต จิตนิยาม จนกระทั่งจากพืชไปถึงจิตที่เราเรียนแล้ว อาตมาก็กำลังแยกให้ฟัง แม้จากพืชมาถึงจิต หรือจากดินน้ำไฟลมมาเริ่มมาถึงพืช มันก็เพิ่มหน่วยแห่งความเป็นชีวะมา ละเอียดลออมา เท่าที่จะพออธิบายได้ ก็ค่อยอธิบายกันไป ละเอียดกว่านั้นก็ได้ แต่ค่อยๆ ไปตามลำดับ จากหยาบไปหาละเอียดก่อน ก็ได้อธิบายให้ฟังไปเรื่อยๆ 

เช่น จากมหาภูตรูป ซึ่งเป็นดินน้ำไฟลม เริ่มจากภูตะพวกนี้เข้ามา เจริญขึ้นเรียกว่า คามะ ก็มาเป็นภูตคาม มหาภูตก็มาเป็นภูตคาม จากภูตคามเจริญไปเป็นพืช เป็นคามะนี้แหละ อาศัยความเจริญขึ้นไปอีกเป็นพีชคาม เป็นต้น จนจะเข้ากระแสที่เรียกว่าเป็นสภาวะของ จิต แต่ยังไม่ใช่จิตแท้ๆ เรียกว่าเจตภูต อย่างนี้เป็นต้น

จาก เจตภูต ค่อยๆเจริญขึ้นไปอีก เจตภูตไปเป็นปาณะ จากปาณะไปเป็นเจตสิก จากเจตสิกไปเป็นสัตตะ จากสัตตะจึงจะเป็นจิตวิญญาณหรือจิตนิยาม อย่างนี้เป็นต้น

ซึ่งเป็นพลังงานด้านจิต ไม่ใช่พลังงานด้านวัตถุหรือสสารเหมือนอย่างที่ไอน์สไตน์เขาค้นพบจุดสำคัญของพลังงานด้านสสารไปแล้ว 

จุดสำคัญของพลังงานด้านนามธรรม ก็โครงสร้างที่เป็น E=mc2 ของไอน์สไตน์ ก็เอามาใช้ได้ แต่มันละเอียดไปกว่านั้น เท่ากับ  E=C (mc2 + A)  นี่เป็นสูตรเต็มๆ ที่อาตมาเองได้นำมาอธิบายแล้ว แต่มันยังไกล ยังยาก คนยังไปไม่ถึง ถ้าคนทำได้ถึงขนาดนั้นนะ รับรองระเบิดโลกทั้งโลกแตกไปเลย 

ระเบิด จะเป็น E=C(mc2 + A) 

A ก็คือ mc2 ก็คือ บวกกันไปเรื่อยๆ ก็ทดเป็น C มาข้างหน้า มันก็จะยกกำลังซ้อนๆ ไปเรื่อยๆ หาที่สุดไม่ได้เลย ระเบิดโลกลูกนี้ทั้งโลกแตกเลย นี้ก็ฟังเอาไว้ ผู้ที่ยังคิดไม่ออก ก็ฟังไว้ก่อนเท่านั้นแหละ ผู้ที่พอเข้าใจได้ก็คิดตามไปก็แล้วกันว่า 

พลังงานหรืออะไรก็แล้วแต่แม้แต่ทางจิตวิญญาณ หรือทางวัตถุ มันก็จะมีทั้งเพิ่มและลด 

ในการเพิ่ม จึงเป็นการสร้างสรรก็ได้เท่าที่ควร แต่ถ้ามันเกินขอบเขตแล้วมันจะเป็นการทำลาย พลังงานที่มากเกินก็คือทำลาย เพราะฉะนั้นคนที่รู้จักพลังงานและจัดการพลังงานได้เหมาะสมจึงเป็นความเจริญ ทำความเจริญได้อย่างเหมาะสม ไม่เอาไปทางทำลาย แต่คนไม่รู้นี่นึกว่ามันเป็นอำนาจใหญ่เอาไปทำลาย แล้วทำลายจนกระทั่งโง่ โง่จนกระทั่งไม่รู้ว่าไปทำลายอะไร 

มาทำลายชีวิต มาทำลายชีวะ แล้วก็ไม่รู้กรรม ไม่รู้วิบาก นี่พวกที่เป็นศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้จักกรรมไม่รู้จักวิบาก เขาก็ทำกันอย่างที่เขาไม่รู้คืองมงาย มันเอาแต่กิเลส มันเอาแต่ชนะ แต่เขาไม่รู้กรรมวิบากที่เขาทำว่าเขาจะต้องมารับกรรมวิบากที่ต้องวนเวียนมาเล่นงานเขา ซึ่งมันเป็นนิยายพรหมลิขิตกันอยู่ไม่รู้กี่ร้อย กี่พัน กี่แสน กี่ล้านๆเรื่อง ที่ทุกวันนี้นักประพันธ์เขาเอามาร้อยเรียง เล่นกันไปสารพัด ซึ่งมันก็มีเหตุปัจจัยจากการผูกพยาบาทกัน รักกัน ชังกัน แก้แค้นกัน ดูดดึงกัน อะไรอยู่อย่างนี้แหละ มันไม่มีอื่นเลย 

เพราะฉะนั้นการศึกษา ถ้ามาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจะรู้จักสิ่งเหล่านี้ดี แล้วก็ไม่ไปทำสิ่งที่มันเป็นทุกข์เป็นร้อนกันต่อชีวิต และรู้จักความเกิดความตายที่มันหมุนเวียนอยู่ไม่รู้จักจบ 

เทวนิยมมีการเกิดการตายกันอยู่ ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด แล้วก็รับวิบากทุกข์ๆๆ หลงว่าเป็นสวรรค์ แล้วก็เป็นทุกข์ แล้วก็หลงว่าเป็นสวรรค์ แล้วก็เป็นทุกข์ ยิ่งทุกข์หนักยิ่งขึ้น แต่เขาไม่รู้เรื่อง เขาไม่รู้เรื่องด้วยการเพิ่มกรรมเพิ่มวิบาก เขาไม่รู้ เขาก็ทำกันไม่รู้จักจบ จะไปบังคับความรู้กันไม่ได้ ถ้าเขาไม่มีปฏิภาณปัญญา ไม่มีบารมีพอจะมาทางโลกุตระ มาทางพุทธ เขาก็จะต้องวนเวียนรับวิบากกรรมอยู่อย่างนั้นนานนับชาติไม่ถ้วนเลย 

นี่คือสิ่งที่เป็นอจินไตย ที่พูดไปเขาก็ไม่รู้เรื่องว่าอะไร คุณพูดอะไร ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะไม่รู้จะทำยังไง มันบังคับกันไม่ได้ 

เพราะฉะนั้น ในศาสนาพุทธทุกวันนี้มันเป็นยุคเสื่อมที่อาตมานำความที่เป็นพุทธจริงขึ้นมา สถาปนาลงไปในความเสื่อมของพุทธศาสนา 2,500 กว่าปีผ่านมานี้ มันเสื่อมไปหมดแล้ว เชื้อของโลกุตระ อาตมาต้องนำเชื้อโลกุตระเข้ามาปลูกฝังนำพา ให้เข้าใจจนมาปฏิบัติกลับคืน เอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าฟื้นคืนมาได้ มาสู่พวกเรานี้ เป็นตัวยืนยันว่าปฏิบัติได้ จนกระทั่งถึงขั้นเป็นสังคม มีวัฒนธรรม มีจิตวิญญาณเป็นประธาน จึงมาเป็นอย่างนี้ได้ ถึงขั้นเป็นสังคมสาธารณโภคี สังคมสาราณียธรรม 6 อย่างที่เป็นอยู่นี่ เพราะเกิดจิตจริง จิตเจริญเป็น สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ ขออภัย ไม่ได้ขยายความพยัญชนะบาลี พุทธพจน์ 7 นี้อีก เพราะว่าจะเสียเวลาจึงไม่พูดถึงเลย ขอผ่านไปก่อน พูดถึงมาหลายทีบ่อยแล้ว วันนี้ตั้งใจจะพูดอันอื่นไปให้มากขึ้น เตรียมมาพูดพอสมควร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:05:58 )

เพราะไม่เข้าใจฐานะที่แตกต่าง จึงเลยเถิดเห็นความไม่เสนอภาค ประกาศกร้าว “คนต้องมีฐานะเท่าเทียมกัน”!

รายละเอียด

การเป็น“คนจน”ที่ตั้งใจจน มุ่งมาจน เต็มใจจน จึงไม่ใช่“การข่มฝืนไว้”

ให้ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะ“จนได้ไปจนตลอดชีพ” 

หรือเป็น“คนจน”ที่งมงายไม่มี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น

“ฐานานุฐานะ”ของคนของสังคม ที่ต่างมีฐานะที่แตกต่างกัน 

แล้วโง่เลยเถิดไปเป็นเรื่องของ“ความไม่เสมอภาค” 

โง่เตลิดเปิดเปิงหลุดโลกไปว่า คนต้องมี“ฐานะเท่าเทียมกัน”นั้น คือ

ต้องให้คนทุกคนในสังคม“จนเท่ากัน” หรือ“ให้“รวยเท่ากัน” หรือให้มี

“อะไรๆก็เท่ากัน”ไปทุกอย่าง

ซึ่งมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลย 

ที่จะให้รูป-ให้นาม ก็ดี ให้ฟ้า-ให้ดินก็ดี 

ให้ฐานะของคนก็ดี ให้วิบากของคนก็ดี ให้คนต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้

ให้มีอย่างนั้นมีอย่างนี้ ฯลฯ ตามที่ตนปรารถนา ได้ดอก 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 528 หน้า 392


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2564 ( 17:15:56 )

เพลง ทึ่งจริงๆ

รายละเอียด

เพลง ทึ่งจริงๆ

  ทึ่งตะลึงซาบซึ้งจับใจ

ดูไฉนเขาก็คนเช่นเราทุกอย่าง

กายเล็กใหญ่ ไม่เห็นต่าง

แต่ใจสิไยห่างกันหนักหนา

    ทึ่งตะลึงซาบซึ้งแปลกใจ

ดูไฉนใจเขาจึงต่างคนทั้งหล้า

ใจเขาซื่อ ใจเขากล้า

ท่าทีที่ทำ น้ำใจเลิศคน

    ท่ามกลางแวดวง
    หลงเกียรติกามลาภยศสับสน

สังคมจมขี้ จนปี้ป่น

ทนแทบไม่ไหว

ทึ่งตะลึงที่เขากล้าฟัน

ยืนหยัดหยันฟื้นสังคมล่มจมนั้นได้

ใจเขายอด ใจยิ่งใหญ่

ฝึกใจอย่างไร… ถึงจริง …ทึ่งจัง ..[ทึ่งจริงๆ]

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อวันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 20:09:40 )

เพลง บูรณภาพ

รายละเอียด

เพลง บูรณภาพ

คำร้อง-ทำนอง : ครูรัก รักพงษ์

แม้ภัยพิฆาต ชาตินี้มีวิบาก

สุดยาก ตรากตรำ ซ้ำเติม ย้ำตาม

ก็พยายาม สุดความ อุตสาหะเสริม

ภัยร้ายปานใด ไม่ท้อ คงเดิม

ยิ่งเติม เพิ่มแรง แห่งเพียร

สุดลึกพระคุณ สุดเกล้าสุดเศียร

แม้เจียนใจขาด ชาตินี้มิอาจ ขยาดใด

เพื่อฟ้า เพื่อดิน ถิ่นรักชาติไทย

เชิดชูบูรณภาพ จนตราบ อสงไขย

ไทยคือไท เทิดไท้สุดใจ

สิ้นใจเพื่อไท นิรันดร์กาล

แต่งคำร้อง ทำนอง ในคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บ้านราชเมืองเรือ

เมื่อกี้ได้ยินได้ฟังเพลงบูรณภาพ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้าย ที่จริงอาตมาแต่งไว้จมหายไปเขาไปควักขึ้นมา อาตมาก็จำไม่ได้ เดี๋ยวนี้ความจำแย่มาก ของเก่าๆ มีอยู่ ของใหม่ใส่เข้าไปมันไม่ค่อยจะรับแล้ว เพราะฉะนั้นการศึกษาใหม่ของอาตมาจะไม่มีไม่เกิดเลยในชีวิต ระดับนี้ต่อไป ไม่มีอะไรใหม่เกิดเลย มันก็มีแต่ของเก่า อันนี้ก็ดี ของเขาก้าวไกลเกินไปเพราะฉะนั้นเอาของเก่ามาถ่วงไว้หน่อย ก็คงจะได้ผล 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันเกิดอยู่นี่มันเป็นนิยาย เหตุ นิทาน สมุทัย มันเป็นตอนหนึ่งของบุพเพสันนิวาสของประเทศไทย เป็นเหตุนิทานสมุทัยปัจจัย มีเรื่องราว เป็นเรื่องราวจริงของประวัติศาสตร์หรือของตำนานในเรื่องเกี่ยวกับสังคมประเทศไทยที่มันดำเนินไป มามองกันในแง่ของรัฐศาสตร์หรือมองในแง่การบริหารปกครองดูแลกัน มีผู้ขึ้นมาเป็นหัวหน้านำ เป็นท่านขุนของเผ่า แล้วก็นำหมู่กลุ่มเผ่าพันธุ์ดำเนินไป มีมาแต่เดิมแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่งมาตั้งชื่อหัวหน้าเผ่าเป็นอะไรต่ออะไร เดี๋ยวนี้มีภาษาอีกเยอะ เรียกพระเจ้าแผ่นดินแล้วเรียกพระมหากษัตริย์ เรียกว่าราชาธิบดีก็ได้ เป็นภาษาที่ใช้แทนกัน จนกระทั่งเป็นหัวหน้า เรียก ประธานาธิบดี หรือภาษาอะไรอื่นก็แล้วแต่ 

มันก็เป็นธรรมชาติ ถ้าเผื่อว่าฟังเนื้อหาเนื้อความของเพลงบูรณภาพ ครบ ดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรคือจิตวิญญาณของเราอย่างเต็ม บูรณะแปลว่าเต็ม ยังมีสภาพเต็มที่จะมีบทบาท มีการกระทำ จากจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งที่เราเทิดทูนสุดเกล้าสุดเศียรต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 19:48:31 )

เพลง พริก มะเขือ ข่า ตะไคร้

รายละเอียด

(เพลง)พริกมะเขือข่าตะไคร้ ไม่ต้องไปซื้อตามตลาด ปลูกให้งามอย่าได้ขาด เก่งกาจอยู่ในสวนครัว เลือกเก็บเอาตามชอบใจ(ซ้ำ) จะแกงอะไรก็ไม่ต้องกลัว แกงหมู แกงเห็ด แกงเผ็ด แกงคั่ว ปลูกผักสวนครัวไม่ต้องกลัวอดกิน เช้าๆ ไปทำนา เย็นกลับมาพรวนดิน ล้อมรั้วด้วยผักกระถิน(ซ้ำ) ถั่วพลูน่ากินปลูกไว้ข้างๆ ตำลึงน่ากินปลูกไว้ข้างๆ"…

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 11:06:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:19:56 )

เพลงชีวิต หมายเลข 3

รายละเอียด

ลองฟังเพลงซ้อนอีกที เป็นเพลงที่อาตมาเขียน เรียกว่าเพลงชีวิต 

แม้เจ้าจะตาบอด มาแต่กำเนิด

แต่เจ้าก็ยัง "เห็น" แสงสว่างของโลกได้

เจ้ายัง "เห็น" แมกไม้ และเกลียวคลื่น

เจ้ายังสามารถ "เห็น" คนเศร้าโศก "เห็น" คนระเริงสุขได้

แม้เจ้าจะหูหนวกมาแต่กำเนิดอย่างสนิทปานใด

เจ้าก็ยัง "ได้ยิน" เสียงของนกร้องละเมอ…

เสียงของความอลวนของโลก

เจ้ายัง "ได้ยิน" เสียงคนด่าทอ และเสียงสรรเสริญเยินยอได้

แม้คนผู้หนึ่งจะพยายาม ปิดตา ปิดหูของตน

ให้มันบอด และหนวกสนิท เช่นนั้นก็ตาม

คนผู้นั้นก็จะต้อง "รู้" ต้อง "ทราบ"โลก "ทราบ"ชีวิต

ที่มันเป็นไปอยู่ ในโลกนี้ได้

ไม่น้อยไปกว่าคนดีๆ ธรรมดา ๆ เลย

เพราะโลกนี้ มี "วิญญาณ" ! !

การสัมผัสต่างๆ ที่ทำให้คน "รู้" ได้ นั่นแหละ คือ "วิญญาณ"

ผู้มี "วิญญาณ " ชาญฉลาดแท้ จะสามารถเห็นแจ้ง ว่า…

อย่างนั้นแหละคือ "โลกที่ยังวนเวียน ไม่รู้จบ"

อย่างนั้นแหละคือ "อารมณ์โลกที่ดึงดูดใจมนุษย์"

อย่างนั้นแหละ คือ "ความเจ็บปวด"

อย่างนั้นแหละ คือ "ความเอร็ดอร่อย"

และนั่นเอง คือ "ความทุกข์" กับ "ความสุข"

 

"ฆ่า" มันเสียสิ ! ! !

อย่าให้ "เจ้าสิ่งต่างๆ" เหล่านั้น มาเป็นของเรา

โลกมันต้อง "มี" สิ่งเหล่านั้นเป็นธรรมดา

สำหรับผู้ไม่รู้ว่ามันเป็น "มายา"

 

แต่ "เรา" ต้องเรียนรู้

ต้องลด ต้องฆ่าสิ่งเหล่านั้น อย่าให้ "มี" ในตน

มันเกิดอยู่ มีอยู่ อย่างเก่งฉลาด และพัฒนาเจิดจ้าเต็มโลก

หรือ แม้ในตัวเรานั่นแหละ

ที่มันยังหลง "มี"อยู่ อย่างแฝงซ่อนแท้จริง

 

แต่ มันไม่ใช่ "ของจริง" หรือ "ของเรา" หรอก

อย่าหลงผิดว่า มันคือ "เรา" เลย

และ อย่าหลงผิดว่า มันเป็น"ชีวิตชีวา" ของเราเลย

 

เมื่อผู้ใด "ฆ่า" มันได้จนตายดับสนิท

ไม่เหลือเชื้อเป็นตัวเป็นตนอีกแน่

แล้วเมื่อนั้น เราจะยืนอยู่สูงสุด "เหนือโลก" อย่างแท้จริง"

 

20 เมษายน 2514

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 13:31:29 )

เพลงชีวิต หมายเลข 4

รายละเอียด

“สันติภาพ” เจ้าเอ๋ย! …”สันติภาพ” เจ้าเอย!

บทร้องนั้นดังอยู่สนั่นโลกทั้ง 6 ทิศ

จะมีใครบ้างเล่าที่ไม่เคยได้ยิน?!

แม้ ไม่ได้ยินด้วยหู ท่านก็จะได้ยินด้วยตา

หรือ แม้ไม่ได้ยินด้วยตา ก็ตาม

ด้วยจมูก หรือ ด้วยลิ้น หรือ ด้วยกายสัมผัส

ก็จะบอกท่านได้ว่า “โลกนี้ร่ำร้องหาสันติ”

แม้ที่สุดผู้บอดแล้วด้วยทวารทั้ง 5

ก็ยังจะได้ยินจากทวาร”ใจ” ของเขา นั่นเอง

ว่า ทั้งโลกและทั้งตัวเขาเองก็ต้องการ “สันติ”

โลกดิบๆ ก็”สันติ” ตามสภาวะของธรรมชาติ

นั่นคือ เมื่อแดดทอแสงให้พืชไม้เพียงพองาม

เมื่อฝนฉ่ำน้ำ ให้พืชไร่แต่เพียงพอดี

เมื่อลมโปรยให้ไม้สลัดใบแก่ สลัดกลีบดอกได้ แต่เพียงพอเหมาะ

เมื่อนั้น ย่อมเป็น “สันติภาวะ” สำหรับโลกธรรมชาติแล้ว

ความอุดมย่อมมีแล้วอยู่เต็มโลก

นกน้อย ก็จะลงจิกกินผลที่สุกอร่าม จากต้นพืช แต่พอเลี้ยงกาย

จะโลภก็เพียงหมายไปให้ลูกที่ในรัง

จะไม่มุ่งสั่งสมสะสมเกินกำลังเกินพอดี

ยิ่งตัวใดมุ่งเมตตารู้จักคาบไปแบ่งปันเพื่อนบางตัว

ที่ง่อยเปลี้ยเจ็บไข้ และน้อยแรงกาย ด้อยแรงปัญญา

ก็นั่นแหละ คือ “สันติภาวะ” อันมีแล้วอุดมโลก

ก็คนหนอคน ? ! จะมีบ้างไหมที่เข้าใจคำว่า “พอดี”

โลกมันย่อมไม่มีความพอดี

อันเนื่องมาแต่ “กรรมปัจจัย” จำแนกบงการให้เกิด

บางคนเกิดมามีมรดกสมบัติทันที โดยไม่ต้องเหนื่อยยาก

บางคนแม้ ไม่มีมรดก ก็อาจจะเก่งกาจสามารถ

สร้างความอุดมลาภ อุดมยศ ให้แก่ตนได้

ซึ่งแม้ใครใดจะมีลาภสมบัติ ยศสมบัติด้วยลักษณะใด ก็ตาม

เมื่อ มากเกิน “พอดี” แล้ว

จงทำโลกให้มันสันติ ด้วย “สติปัญญา”

ด้วยใจ และด้วยน้ำมือของท่านเถิด

“ความเก่ง” ในทางสะสมสั่งสมจนเกินความ “พอดี” นั้น

จะไม่ใช่ทางแห่ง”สันติ” เลยแม้ประตูเดียว

แต่…”ความเก่ง” ในทุกๆทาง

ยกเว้นการสะสมสั่งสม

ไม่ว่าลาภ – ยศ – สรรเสริญ หรือแม้แต่สุข

และทุจริต มิจฉาทั้งปวง

นั่นแหละจะช่วยค้ำจุนโลก

และจะทำโลกให้มี “สันติภาพ” ได้ชะงัดทันที

เมื่อ ผู้มี “ความเก่ง” นั้น แจกจ่าย “ความเกินพอดี” ของตน

ช่วย “คนที่ยังไม่พอดี” ทุกวิถีทางอย่างจริงใจ

โลกจะไม่ต้องโอดโอยร่ำร้องด้วยบทครวญของคำว่า

“สันติภาพเจ้าเอ๋ย”

แต่…โลกจะเงียบสนิท

และ สู่สันติด้วยสภาวะของความแท้จริงเอง

หากจะมีเสียงที่ดังขึ้นมาแทน

ก็จะคือ เสียงแซ่ซ้อง 

ของคำ “สรรเสริญคุณ” แห่งผู้รู้บุญคุณ นั้นเอง

ที่จะดังอยู่ ไม่มี “สันติ”ลงได้

และ ไพเราะเสนาะซึ้งไปนานเท่านาน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:37:10 )

เพลงชีวิต หมายเลข 9

รายละเอียด

เพลงชีวิต หมายเลข 9

ถ้าสิ่งใดยิ่งน้อย และ หายาก

แล้วรู้สึกว่า สิ่งนั้นยิ่งมีค่า และมีอำนาจสูง

เช่น "เพชร" เช่น "เงิน" ของกระยาจก

ณ โลกนั้น ก็คือ โลกียะ หรือ แดนปุถุชน !

ถ้าสิ่งใดยิ่งน้อย และหายาก

แล้วรู้สึกว่า สิ่งนั้นยิ่งมีค่า และ มีอำนาจสูง

เช่น "ความโลภ" เช่น "เงิน" ของมหาเศรษฐี

ณ โลกนั้นแหละ คือ โลกุตตระ 

หรือ แดนอริยชน !

 

แต่ถ้าสิ่งใดยิ่งมีมากในตน และ ยิ่งสะสม

แล้วรู้สึกว่า สิ่งนั้นยิ่งมีค่า และ มีอำนาจสูง

เช่น ความโลภ เช่น ความโกรธ 

เช่น เงิน เช่น เพชร ฯลฯ

ณ โลกนั้น ยิ่งคือ โลกันต์ 

หรือ แดนแห่งความทุกข์ชัด !!

 

โลกแท้ๆ เป็นอยู่ด้วยความพอดี

แต่ "ค่า" ที่จิตของคน ได้ตีราคาให้กับสิ่งต่าง ๆ

ว่า มาก-น้อย สูง-ต่ำ นั้น

มันคือ อำนาจจิต ที่หลอกหลอน

และจิตที่ช่างคิดเปรียบเทียบ 

ด้วยวิญญาณผีๆ เท่านั้นดอก

แท้จริงความมีอยู่สมดุลภายในโลกนั้นๆ 

มันเท่ากัน และ เท่าเดิม

"ความอยาก" และ "การตั้งหน้าสะสม"

เป็นต้นเหตุแห่ง การตีราคาทางจิต

ถ้า "ความอยาก" และ "การสะสม" นั้น

เพียงพอดี พอเหมาะแก่อัตตภาวะแล้ว

รู้จัก "หยุดอยาก" และ รู้จัก "แจกจ่ายเผื่อแผ่"

"ราคาแห่งจิต" นั้น จะสูง

"ค่าแห่งวิญญาณ" นั้น จะบริสุทธิ์

แต่ถ้าแม้ผู้ใดก่อ "ความอยาก"

และ "การสะสม" เกินขอบเขตแวดวงแห่งตน

ผู้นั้น คือ ผู้ลดค่าของทุกๆ สิ่ง 

ทั้งวัตถุ ทั้งจิต และวิญญาณ

เงินหนึ่งบาทของขอทาน

มีราคาเดียวกันกับ หนึ่งบาทของมหาเศรษฐี

แต่ "ค่า" ของมัน ไม่เท่ากันเลย 

ใน "จิต" ของคนทั้งสอง

เงินพันบาท อาจจะแลกกับ เรี่ยวแรง-ศักดิ์ศรี 

และ แม้ชีวิตของ "คนจน" 

ผู้หลงค่าของเงินได้ อย่างไม่กลัวนรก

แต่… มันจะไม่มีอำนาจเยี่ยงนั้นเลย

ที่จะแลกเอาชีวิต-ศักดิ์ศรี หรือ แม้เพียงเรี่ยวแรง

ของ "มหาเศรษฐี" ผู้ตีราคาของเงิน 

กับศักดิ์ของตนอยู่เสมอ

ทว่า "ค่า" ของมัน เท่ากัน และ เท่าเดิม 

จริงๆในโลก !

 

และเงินล้านบาท ไม่อาจแลกกับ 

ชีวิต-ศักดิ์ศรี และ แม้เรี่ยวแรง

ของ "คนจน" ผู้ไม่หลงค่าของเงิน

แต่...เงินบาทเดียว อาจจะแลกกับ 

เรี่ยวแรง-ศักดิ์ศรี และ แม้ถึงชีวิต

ของ "มหาเศรษฐี" ผู้งกเงิน 

จนตาบอด ใจมืด ก็ย่อมได้

เมื่อนั้น "ค่า" ของ "จิต" 

ของคนทั้งสองต่างกันยิ่ง !

 

ผู้ไม่โลภ ไม่หลง เท่านั้น

ที่จะเห็นค่าอันแท้ๆ จริงๆ 

ที่ เท่ากัน และ ไม่เท่ากันนี้ ได้

"จิต" ของคนต่างหาก 

ที่เห็นเงินร้อยบาท มี "ค่า" ต่างกัน

ผู้เห็นเงินร้อยบาทมีค่าต่ำ 

หรือ เล็กน้อย ก็คือ...

ผู้มีวิญญาณผี หรือคือ 

คนโง่ที่หลงตน ว่า เป็นเศรษฐี

และ ผู้เห็นเงินร้อยบาทมีค่าสูง ก็คง ยังคือ...

ผี หรือ คนโง่ที่ยังหลงตน ว่า เป็นกระยาจก

หรือ ผู้กระหาย อยู่อีก นะแหละ !

 

เงินร้อยบาท ย่อมมีค่าเที่ยงแท้

สมดุลดังเดิมเสมอ

ในโลกที่เขาสมมุติกัน !

 

ว่าแต่ผู้มี เงินร้อยบาทนั้น

รู้จัก "ความพอดี" หรือ "ความเพียงพอ" 

อันสมดุลที่แท้จริง

ใน "ชีวิตแท้ๆ " ของตนเอง แล้วหรือยัง ?

หรือว่า ท่านก็ยังคือ "ผู้ใฝ่หาหลงเสพย์" 

และ "เผาผลาญ"

ที่ ไม่รู้จักจบทั้งวัตถุ ทั้งวิญญาณ

แล้วก็ตั้งหน้าสะสมกับเขาด้วย

ผู้หนึ่งในโลก ! !

2 เมษายน 2515... สมณะโพธิรักษ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 31 ตุลาคม 2562 ( 08:26:26 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:05:23 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:21:48 )

เพลงชีวิตหมายเลข 3 สมณะโพธิรักษ์เขียนไว้ 20 เมษายน 2514

รายละเอียด

คืออาตมาก็ทวนไปเมื่อ 48  ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังสอนอยู่อย่างนี้แหละแต่อธิบายได้อย่างพิสดาร  หลากหลายเป็นภาษาง่าย ๆ  อันนี้เป็นภาษาที่เป็น  วาทิตะ  คือร้อยกรอง ไม่ใช่ร้อยแก้วที่พูดไปเรื่อยๆ  แต่หาคำที่เน้นมา ภาษาในพระไตรปิฎกเรียกว่า เป็นลักษณะการพูดแบบคาถา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 14:01:43 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:06:15 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 04:24:24 )

เพลงที่พ่อครูแต่ง

รายละเอียด

อาตมาแต่งเพลง อิสรภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ แต่งไปได้ 4 ภาพ 4 เพลงแล้ว อีกภาพหนึ่งคือ บูรณภาพ สู่แดนธรรมว่า จองเอาไว้ว่าจะแต่ง แล้วไม่เอาขันหมากมาสักที ว่าจะแต่ง จะแต่ง ก็ไม่เอาขันหมากมาสักที นี่ภาษาไทยนะ เราไปได้เรื่อยๆ ภาษาไทย บูรณภาพยังไม่ได้แต่ง บูรณภาพ แปลว่าเต็ม อิสระเสรีภาพ พวกเราชัดเจนแล้ว ภราดรภาพ คือ เป็นพี่เป็นน้อง พวกเราก็มีแล้ว เต็มแล้ว สบายแล้ว สันติภาพ พวกเราก็ได้แล้ว สมรรถภาพ เราก็ได้แล้วนี่ ทุกวันนี้ก็ใช้สมรรถภาพกัน ต่างคนต่างกระปรี้กระเปร่า ขยันหมั่นเพียร สนุกสนาน แต่ละวัน แต่ละวัน มีเรี่ยวมีแรง ใครเมื่อยใครป่วยก็พักไป คนมีแรงก็ทำไป ไม่เกี่ยงกัน บ่หนิ่งกัน ภาษาอีสานว่า บ่หนิ่งกัน ไม่เกี่ยงกัน ต่างคนต่างร่วมไม้ร่วมมือกันสนุกสนานทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 12:02:15 )

เพลงผู้ใหญ่ลี Louise Kennedy

รายละเอียด

เนื้อเพลง ผู้ใหญ่ลี - ไก่ พรรณนิภา

เพลง : ผู้ใหญ่ลี

พ.ศ.สองพันห้าร้อยสี่ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม

มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา

ทางการเขาสั่งมาว่า ทางการเขาสั่งมาว่า ให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดและสุกร

ฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร

ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด

สุกรนั้นไซร้ คือหมาน้อยธรรมดา หมาน้อยหมาน้อยธรรมดา หมาน้อยหมาน้อยธรรมดา ......

จากเนื้อร้องเดิม ของศักดิ์ศรี ศรีอักษร คนอุบลนี่แหละ อันนี้เป็นเรื่องที่เราสืบเนื่องจากเขามี อยากฟังต้นฉบับเก่าจริงๆ มีไหม...ร้องว่า

...สายัณห์ตะวันร้อนฉี่ ผู้ใหญ่ลีขี่ม้าบักจ้อน แดดฮ้อนๆใส่แว่นตาดำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกฮำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกฮำ ถอดแว่นตาดำ ฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจ้ง ฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจ้ง ฟ้าแจ้งจางปาง ...... คอกลมเหมือนดั่งคอช้าง เอวบางเหมือนยางรถยนต์ รูปหล่อเหมือนตอไฟลน หน้ามนเหมือนเขียงน้อยซอยซำ เขียงน้อย เขียงน้อยซอยซำ เขียงน้อย เขียงน้อยซอยซำ......

อันนี้ก็เป็นเรื่องเก่าที่เอามาให้เห็นว่า มันก็มีการสืบเนื่อง เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ต่อกันมาเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:46:38 )

เพลงสมรรถภาพ เพลงรากไท เพลงไทยแท้

รายละเอียด

เช่นการแต่งเพลง มันปรุงไม่ขึ้นเลย เช่น เพลงสมรรถนะ 

อาตมามาทบทวน เป็นเพลงสุดท้ายที่แต่งขึ้นมา ตั้งชื่อใหม่ว่าเป็น เพลงชีวิตรากไท หรือจะบอกว่า ชีวิตไทยแท้ ก็ได้ เนื้อเพลงสมรรถภาพนี่แหละ

...มาเถิดมาอย่าช้า อยู่ไหนรีบมาคว้ามีดพร้าและจอบเสียม มาปลูกย้ำธรรมเนียม เตรียมไถไร่นาป่าสวนมวลพืชพันธุ์ มาสร้างคนร่วมกันรังสรรค์บ้านเมือง ประเทืองประทีปไทย เมื่อเกิดมาเป็นคน ทุกชีพชนม์ฝันใฝ่ สูงสุขจริงยิ่งใหญ่ ต่างไขว่ต่างคว้า ทุกข์ทนฟันฝ่า เพื่อจะพาชีวิตดี หากใครเชื่อกรรม สมรรถะทำเต็มที่ ขยันสร้างสรรแล้วพลี ย่อมมีคุณแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ ผู้แผ่บุญหนุนโลก

เมื่อเกิดเป็นคนแล้ว จะแคล้วคลาดความทุกข์โศก ก็เพราะฝึกตนทวนโลก โชคดีหลุดพ้น พลิกตนพาชาติ ปราศอบายเสริมบุญ สร้างคนสร้างงาน สามารถจานเจือจุน สมรรถะนี้คือทุน ยอดคุณค่าแท้ ทั้งเป็นทรัพย์แก่ผู้แผ่บุญหนุนโลก

วันนี้ตั้งเป็นชื่อใหม่ว่าเพลงชีวิตรากไท หรือเพลงชีวิตไทยแท้ ทำไมอาตมาตั้งอย่างนั้นก็หมายความว่า อยากจะให้คนไทย พยายามทำความเข้าใจกับความเป็นชีวิต เกิดมาอะไรยิ่งใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 13:03:33 )

เพลงสันติภาพ

รายละเอียด

ทันสมัยด้วยนะ ตอนนี้มีคนมาสรรเสริญเรา … อาตมาก็บอกของอาตมาทันทีเลย ทำใจกลางๆเฉยๆไม่ขึ้นไม่ลง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่รับรู้ความจริง เขาสรรเสริญแล้วก็เอาคำสรรเสริญเขามาตรวจสอบ อย่างคำสรรเสริญของแมนแฮ ที่เขาให้มาตอนนี้เขาสรรเสริญในประเด็นใด เขาสรรเสริญในประเด็นของผู้ส่งเสริมสันติภาพ สันติภาพคืออะไรอาตมาก็เข้าใจ แต่งเพลงสันติภาพมาตั้ง 3 เพลง 1. เพลงสันติภาพ 2. เพลงสันติภาพผี 3. เพลงสันติภาพประกาศิต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:21:37 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์