คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
แต่ของพระพุทธเจ้ารู้จบ รู้ต้น รู้กลางปลาย รู้เกิดดับตามปัญญาข้อที่ 8 นั่นแหละสรุปจบเป็นปัญญาข้อที่ 8 รู้จักความเกิด รู้จักความตั้งอยู่ รู้จักความดับไป ของรูป เกิดขึ้นเป็นรูปตั้งอยู่แล้วก็ดับไป เวทนาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป สัญญาสังขารวิญญาณเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป รู้ความจริงของการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วปฏิบัติให้ดับไปได้อย่างนิรันดร ศาสนาพุทธทำได้ แยกธาตุจิตธาตุวิญญาณออก ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลิกเลย ไม่มีธาตุจิตแล้วกลายเป็นดินน้ำไฟลมเด็ดขาดเลย
อันนี้ ในยุคนี้ที่อาตมาพูดถึง ดีที่มีหลักฐานอยู่ในมูลสูตรข้อที่ 10 ปรินิพพาน เป็นปริโยสาน ถ้าไม่มีหลักฐานนี้อาตมาคงไม่มีพยัญชนะไปพูด ก็คงได้แต่อธิบายสภาวะไปพยัญชนะไม่มีสภาวะ คนก็จะรู้ยาก ทีนี้ อาศัยพยัญชนะแล้วมีสภาวะให้คนรู้ ปรินิพพานเป็นปริโยสานให้รอบถ้วน และเป็นที่สุดท้ายเลยสุดท้ายอย่างไร ก็มันไม่มีแล้ว ทีนี้ ไม่มีอัตตา ไม่มีปรมาตมันไม่มีพระเจ้า ไม่มีธาตุรู้ ไม่มีวิญญาณ ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เป็นดินน้ำไฟลมไปเสร็จ หายไปเลยหมดแล้ว อยู่ในวัฏสงสารนี้อยู่ในเอกภพมหาจักรวาลนี้ไม่มีแล้ว อัตตาผู้นี้ วิญญาณผู้นี้ ปรมาตมันยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีนิรันดร ไม่มีหักล้างนิรันดร ที่มีอยู่นิรันดรเป็นไม่มีนิรันดรคนละขั้วเลย หักล้าง ความมีอัตตาอยู่นิรันดร อันนี้ไม่มีเลยนิรันดร ไม่ต้องตายไปแล้วอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าตรัสสั่งให้ลงนรกจะให้อยู่สวรรค์ด้วยกันก็เป็นเรื่องของพระเจ้า คุณก็มีนรกสวรรค์ แต่ของพระพุทธเจ้าไม่มีนรกไม่มีสวรรค์ ไม่มี นรกสวรรค์เป็นของเก๊ของปลอมอยู่ทั้งนั้นแหละ สวรรค์ 6 ชั้นก็เป็นสวรรค์เก๊ หลงกันอยู่นั่นแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 21:00:20 )
รายละเอียด
ของพระพุทธเจ้าไม่มีกสิณ 40 ท่านพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรคได้รวบรวมเอาไว้เป็นกสิณ 40 เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่มีธรรมวิจัยไม่มีโพชฌงค์ 7 ไม่มีสติสัมปชัญญะ ที่จะมีธรรมะวิจัยมีวิริยะ ไม่มีทำไมมีใจก็มีแต่หยุดๆๆๆๆ มีแต่หยุดอย่างเดียว มีแต่หยุด อย่าคิดอย่านึก อย่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก แล้วก็ร้องว่ามันคือความสงบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:15:31 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นพวกที่เรียนรู้โลกียะจบก็ได้เป็นพระศาสดาของเทวนิยมองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็มีเยอะแยะที่แข่งกัน เห็นศาสนาเทวนิยมไหมมีตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ของพระพุทธเจ้าไม่มีแข่งกัน พระพุทธศาสนามีพระพุทธเจ้าองค์เดียวไม่มีใครแข่งกับพระพุทธเจ้า เพราะรู้ดีหมดเลยว่าภูมิธรรมที่สูงเป็นโพธิสัตว์แต่ละระดับ จะรู้ดีเลย รู้จักเคารพอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า เคารพบูชาอย่างแรงกล้าจริงๆเลย
ไม่ต้องเอาอะไรพวกคุณนี่เคารพอาตมาอย่างแรงกล้า พวกคุณจริงใจหรือเปล่า อาตมาไม่เคยไปให้ใครมาเคารพ พวกคุณมาเคารพเอง มาเอาเท้าอาตมาไปลูบหัวไปเหยียบหัว หรือเอาหัวมามุดเท้า ให้อาตมาเหยียบหัว อาตมาก็ไม่อยากทำเกรงใจ แต่เขาถือเป็นสิริมงคล อย่างนี้เป็นต้น ไม่ใช่คนเดียวมันเป็นความรู้ มันเป็นความจริงใจ มันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง มันเห็นคุณค่า เห็นความมีคุณค่าของคน อาตมาไม่ได้ไปยกตนยกตัว แต่อธิบายความจริง เขาก็หาว่ายกตนยกตัว ความจริงที่พูดมันก็เป็นของสูงของลึกซึ้ง และอาตมาเอาที่ไหนมาอธิบายหากไม่เอาของตนเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3 วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:43:54 )
รายละเอียด
เขาคงหมายถึงว่าโลกีย์ที่มีคนอื่นด้วยเป็นโลกียะ แล้วเราก็พยายามปฏิบัติโลกุตระพระพุทธเจ้า แล้วจะอยู่อย่างไรให้สมดุล ด้วยความผาสุก นั่นคือประเด็นที่ 1
ประเด็นที่ 2 จากการฟังธรรมในวันที่ 1 มกราคม 2566
1. การจบ ไม่ใช่การรู้ภาษาเท่านั้น แต่ต้องลงไปทดสอบกิเลสที่ตัวนั้น เรามีหรือเปล่า
ถูกต้องเข้าใจถูกดีแล้ว
2. การจน ไม่ใช่การจนน้ำใจ การจนไม่ใช่จนเงินตรา คนจนมีสิทธิใช้ของที่มีคุณภาพได้ ใช่ไหมคะ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นได้ (เพราะกิเลสยังมีมากอยู่ ) ถูกต้องไหมคะ และสามารถมีของมีค่าได้เล็กน้อย การเจ็บป่วยที่ ขันธ์ มันทำให้เราลดกิเลสลงไปได้มาก
ได้สิ และของที่มีคุณค่า เข้าไปในประเด็นด้วยนะไม่ใช่ของที่มีคุณค่าราคาแบบทางโลกๆเขา ขายราคาแพงๆ โก่งราคาไม่ใช่ แต่เป็นของที่มีคุณค่า ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น ออกไปในทะเล คุณมีก้อนทองคำกับคุณมีก้อนข้าว ออกไปกลางทะเล อะไรมีค่ามากกว่ากัน ...ก้อนข้าว ... ทำไมฉลาดอย่างนี้รู้ความจริง
มันก็ไม่ได้ยากอะไรทุกคนเข้าใจ แต่แน่นอน อยู่กลางทะเลมันก็ต้องอย่างนั้น แต่ถ้าอยู่บนนี้เขาก็ต้องเอาทอง เพราะไปขายทองไปซื้อก้อนข้าวได้เยอะ นี่ก็คือเหลี่ยมคูของคน แต่คนที่ไม่ต้องเสียเวลาเอาทองคำไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวอีกที ก็เอาข้าวนี่แหละกินทันทีไม่เสียเวลาไม่ต้องไปใช้แรงงานต้องไปขาย ต้องไปทะเลาะกับคนซื้อขายอีกไม่ต้อง ก็ได้ข้าวแล้ว คุณได้ทองคุณต้องเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะ กินทองไม่ได้ แต่ได้ข้าวกินข้าวได้เลย ยังชีพได้แล้ว ดีไม่ดีเอาทองไปขายจะถูกปล้นกลางทาง ตาย ไม่ได้กินข้าวอีก นี่ก็ขยายความไป ให้มันมากเรื่อง
เรียนรู้ทุกขขันธ์ มันเจ็บ มันป่วย มันมีพยาธิ เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ดีนะ อธิบายธรรมะกับประเด็นที่พวกเราฟังแล้วมีอะไรหยิบมา เอามาพูดมาถามมาคุย ก็ได้เป็นปกิณกะอย่างนั้นอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตย 3 อย่างในโลก วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 10:42:11 )
รายละเอียด
สุดท้ายก็เป็นของส่วนกลางเป็นเงินส่วนกลาง อยู่ได้แม้กระทั่งกลายเป็นสังคมหมู่บ้านชุมชน ถึงขั้น มันซับซ้อน ซับซ้อนอย่างไร มีถึงขั้นมีคู่ ศีล 5 นะ แล้วก็มีลูก แม้มีลูก เหมือนเป็นลูกสาธารณะ ใครก็เลี้ยง ปล่อยเลี้ยงกัน บางทีมา มันเหมือนลูกของญาติกันจริงๆ มันเหมือนญาติ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันลึกซึ้งเรื่องจิตวิญญาณมันลึกซึ้ง เด็กๆ อยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาหรอก เด็กเล็กเด็กน้อย แต่เด็กอ่อนก็อยู่กับพ่อกับแม่ก่อน บางทีเล่นได้มันก็ไป แต่ก่อนนี้ นิ่ม(ดอมไพร) มีเจ้าขนุน คะนิ้ง แม่ก็ไปทำงาน เช้า ปล่อยให้ลูกไปไหนก็ไม่รู้ ลูกสามคน เย็นกลับมา ก็บอกคะนิ้ง ขนุน กลับบ้าน เรียกหาลูกกลับบ้าน ลูกก็ใครเลี้ยงกันบ้างก็ไม่รู้ บางคนเข้าโรงเรียนบางคนไม่เข้าโรงเรียนก็วิ่งเล่นไป โรงเรียนก็อยู่ในนี้ โรงเรียนตอนนั้นก็มีสมุนพระรามกับอนุบาลก็ไม่ทีเดียว ใครก็เลี้ยงกันไป อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:05:56 )
รายละเอียด
ใช่ เพราะว่าเป็นของส่วนกลางไม่ใช่ของเราแล้ว ไปยึดเป็นของๆ เรา เราดูแลรักษาแค่เพียงดูแลรักษา ช่วยกันถูกแล้วนะ
หวงกันจัง เสร็จแล้วก็อยู่ตรงนั้นแหละ เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า พระหวงจีวร เสร็จแล้วตายไปแล้วกลายเป็นเล็นเกาะอยู่ที่จีวรไม่ไปไหน วนเวียนอยู่กับของๆ กูอยู่นั่นน่ะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 20:48:42 )
รายละเอียด
อันนี้ก็เป็นคะแนนกระแสเสียงจากต่างประเทศถึงประเทศไทยอันนี้เป็นจริง ท่านใช้คำว่าสำนึกนี้แรงนะ แต่คนจะรู้สึกเบา สำนึก เพราะฉะนั้นคนที่สำนึกตัวเองว่าผิดรู้สำนึกได้นี่ โอ้โห สุดยอดเลย คำว่าสำนึกนี่ อาตมาเคยตั้งชื่อสำนึก ให้แก่ ดร.คนหนึ่ง เขาบอกว่าตั้งชื่อดูถูกผม ผมผิดอะไรจึงต้องสำนึก อาตมาบอกว่าเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีนะเขาก็บอกว่าไม่เอา ผมไม่ได้ทำผิดจะสำนึกอะไร อาตมาก็เลยเลิกเลยคนนี้ แล้วก็เห็นเขาอยู่อย่างนั้น
ความเห็นจะเป็นของคนรุ่นเก่าหรือเป็นคนรุ่นใหม่ก็ตาม เราก็ต้องมีภูมิปัญญาที่จะมาตัดสินเหตุปัจจัย ในแต่ กาละ เทศะ ฐานะ ซึ่งมันไม่เคยนิ่งอยู่กับที่ มันไม่เคยอยู่อย่างเก่า คงที่ มันเปลี่ยนไปเลื่อนไปทั้ง กาละ เทศะ ฐานะ ทุกอย่างมันไม่คงเดิมเลย
เพราะฉะนั้นคุณจะไปเอาของเก่ามาเป็นตัวตัดสินทีเดียวก็ไม่ได้ แต่ของเก่ามันเคยมีมาดังที่ในหลวงท่านตรัส ว่าของเก่านี่แหละทำให้เกิดของใหม่
เช่น คุณไม่มีแม่ แล้วคุณจะมีลูกขึ้นมาได้ไหม เหมือนกันกับที่ไปแย้งว่าไก่เกิดก่อนไข่หรือ ไข่เกิดก่อนไก่ คุณตอบได้ไหมว่าอะไรเกิดก่อน
(โยมตอบว่า...ถูกทั้งนั้นครับ)
มันมีสภาพ 2 จริงๆแล้วมันต้องเกิดด้วยกัน ไก่กับไข่ต้องเกิดด้วยกัน ในสภาวะของโลกก็ดี ของอัตตาก็ดี มันคือภาวะ 2 เรียก เทวฺ จึงจะเกิดการสังขารและปรุงแต่งกันขึ้น ถ้าไม่มีภาวะ 2 อะไรก็ไม่เกิด แม้แต่ในเรื่องของวัตถุก็ต้องมีพลังงานบวกและพลังงานลบเกิดมา แม้เป็นพืชก็ต้องมีพลังงานเพศผู้เพศเมีย ที่มันเกิด
ยิ่งเป็นจิตนิยามจิตวิญญาณยิ่งชัด เพราะฉะนั้นผู้รู้จะต้องรู้สภาพพวกนี้ที่จะทำความเกิด ไม่สำคัญที่ความเกิดเพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่รู้จักต้นแห่งความเกิดว่าอยู่ที่ไหนเมื่อใด นี่ท่านตรัสความจริงเลย
เพราะฉะนั้นคนจะพูดว่าต้นธาตุต้นธรรมเราก็เอาที่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น แต่จุดแห่งความเกิดของวัฏสงสาร ของเอกภพ ของจักรวาล ของอะไรก็แล้วแต่มันไม่มีใครจะไปรู้ได้หรอก มันรู้ไม่ได้ ยิ่งหมดมหาจักรวาลนี้ ตั้งแต่เป็นแก๊สอยู่ จนกระทั่งเป็นดินเป็นน้ำไฟลม จนกระทั่งเป็นลูกโลกขึ้นมา จนกระทั่งเป็นจักรวาลน้อยจักรวาลใหญ่ จนกระทั่งมีชีวะ มันละเอียดเกินไปที่จะไปศึกษารายละเอียดทั้งนั้น
เรามาศึกษาว่าตัวเรามีชีวิตอยู่ในนี้จะเป็นประโยชน์คุณค่าและจะอยู่กับมันไปอีกนานเท่าไหร่ และรู้ที่จบว่า เราจะจบความเป็นจิตนิยามชีวะของเราให้ได้ ก็จบเท่านั้นเอง ก็ไม่ต้องมีตัวเองอีกแล้ว เราก็เลิกไป
แต่ถ้าเรายังรักที่จะอยู่ไปอีก ยังสนุกที่จะช่วยมนุษยชาติต่อไปอีก ตั้งจิตปณิธานเป็นพระอวโลกิเตศวร ก็เชิญ ก็เป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอาตมาก็ไม่คิดที่จะทำเหมือนอย่างพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม อาตมาก็ไม่ทำถึงขนาดนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:23:04 )
รายละเอียด
ของแจกฟรีมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก เพราะคนตะกละไม่รู้จักพอมันก็เอาไปไม่รู้จักพอ ก็ค่อยๆ ศึกษาไปอย่างนี้แหละ เราก็จำนน ก็หาทางจะเตือนสติเขาต่างๆ นานา อาตมาว่า เช่นเอากล้องไปตั้งไว้ให้เขาเห็นกล้อง ก็จะรู้จักเหนียมบ้าง ดีเหมือนกันนะ เอาไปตั้งๆ ไว้ ก็ไม่ใช่จับผิดเขาหรอก แต่ว่าให้เขาสำนึกบ้าง บางคนอาจจะไม่สำนึก กล้องจับก็จับไปก็ได้นะ เราก็จะได้รู้ว่า คนนี้คงจะสอนยาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:00:11 )
รายละเอียด
มีก็แต่พากันเชื่อและปฏิบัติ“หลับตา”เข้าไปในภวังค์แล้วจึงจะเกิด“ฌาน”ทั้งนั้น จึงหาความเป็น“ฌาน”ที่ถูกต้องเป็น
“สัมมาทิฏฐิ” ตรงตามพระพุทธเจ้าตรัสจริงๆแทบไม่มีเลย!
ก็ขอย้ำว่า “ฌาน”ของพุทธที่“สัมมาทิฏฐิ”นั้น จะไม่ใช่“ฌาน”
ที่หลงผิดพากันเข้าใจว่า“หลับตา”ปฏิบัติข่มจิตสะกดจิตเข้าไปๆแล้วจะเกิด“ฌาน”เป็นอันขาด “ฌาน”ของพุทธไม่ต้อง“หลับตา”เลย
“ฌาน”ของพุทธปฏิบัติตามกระบวนการ“จรณะ 15 วิชชา 8”
ซึ่งปฏิบัติโดยมี“ศีล”เป็นหลักนำในการปฏิบัติ ซึ่งการปฏิบัติก็จะมีข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 ข้อสำคัญเรียกในภาษาบาลีว่า“อปัณณกปฏิปทา 3” ได้แก่ 1.อินทรียสังวร 2.โภชเนมัตตัญญุตา 3.ชาคริยานุโยคะ
แต่“หลับตา”ปฏิบัตินั้น“มันผิด”จึงได้แต่“ฌาน”แบบเดียรถีย์
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 309 หน้า 234
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:47:29 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:48:46 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:18:41 )
รายละเอียด
อาตมามาบวชเพื่อจะวิจัยวิจารณ์ วิเคราะห์ จะบอกธรรมะอย่างมากเลย เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ที่จะมากอบกู้ศาสนาพุทธในยุคนี้ แต่คุณไม่ใช่ก็มาทำอย่างอาตมาไม่ได้ อาตมาก็ขอทำหน้าที่ของอาตมา ขออภัยนะที่อาตมาทำไม่ตรงกับความเห็นของคุณ มันก็เป็นความเห็นต่างอาตมาก็ขออนุญาตเห็นต่างนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:56:41 )
รายละเอียด
มาถึงในวาระนี้ covid มันจัดการให้ไม่ต้องรดน้ำสาดกันเล่น ขอบคุณ covid มากเลยทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ผู้ที่บริหารปกครองดีเลย จะออกเป็นกฎหมายได้เลยดี มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย การสาดน้ำเล่นสงกรานต์ แล้วนับถือกันว่าเป็นจารีตประเพณีที่น่านิยม จารีตที่ส่งเสริมให้คนมีอิสรเสรีภาพ อะไรก็แล้วแต่ที่จะไปอ้างมาประกอบ เป็นจารีตที่พูดทั้งโทษและคุณของมัน มันมีโทษมากกว่าคุณ มันเป็นคุณของนายทุน ที่หยาบลามกจกเปรต อยากสนุกสนาน ในการปรุงแต่งโลกีย์ โทษมันมีมากกว่าคุณ สาดน้ำ มันไม่ใช่รดน้ำดำหัว รดน้ำดำหัวเป็นจารีตประเพณีอันสูงส่งที่คนไทยเขาทำ มาแต่ดั้งเดิม แต่เสร็จแล้วก็เพี้ยนไปพวกที่มันแปลงให้มันเลวลงให้มันเสื่อมลงให้มันได้เป็นเรื่องโลกๆโลกีย์สนุกสนานบันเทิง ผนวกกับลามกอนาจาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:53:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:51:33 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:04:51 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:51:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 08:58:22 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:06:17 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:52:38 )
รายละเอียด
อาตมาหน่ายไม่ได้ แต่เหนื่อยนั้นเหนื่อย ท้อก็ไม่ท้อ แต่คุณเองไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่คุณไม่ใช่อาตมานะ แต่ขอบคุณที่เหนื่อยแทนอาตมา อาตมาหายแทนไปเยอะเลย คุณเหนื่อยแทน ก็ขอบคุณที่สงสารอาตมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:29:01 )
รายละเอียด
อาตมากินข้าวฉันอาหาร มันไม่อร่อย นั่นหนึ่ง ไม่อร่อย และสอง อายุขัย ไม่มีแล้ว ต้องฝืนใส่อาหารเข้าไป ยิ่งกว่ามนุษย์พืชที่เขาต่อท่อเข้าไป เอาอาหารใส่ให้ขันธ์มันก็อยู่ได้
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามกินอาหารเข้าไป ให้ได้ปริมาณพอสมควร ให้มันใช้ได้ อาตมายังขอบคุณสังขารขันธ์ของอาตมาว่า มันก็ดีนะ พยายามเอาธาตุอาหารเข้าไปขนาดนี้ มันก็ยังทำงาน ท้องไส้ก็ยังย่อยยังทำงานดี ไม่ต้องไปกินยาช่วยย่อย ไม่ต้องไปอะไรต่ออะไร ขอบคุณสังขารตัวเองอยู่เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นบารมีของอาตมาเหมือนกัน อาตมามาปางนี้ชาตินี้สังขารขันธ์ มันก็จะต้องเก่งเหมือนกัน ขันธ์ 5 ของเราก็ต้องเก่งเหมือนกัน เพราะทั้งปรุงแต่ง ทั้งทำอะไรต่ออะไรก็ต้องได้สัดส่วนของมัน ดีมันไม่มีอาการ ย่อยยาก ท้องเสีย อย่างโน้นอย่างนี้ไม่เป็น สบาย สิ่งเหล่านี้ศึกษาไปแล้วไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปค้นคว้าอะไร มันจะเข้าใจเหตุปัจจัยต่างๆ มันสังเคราะห์สังขารกันอยู่อย่างไร จะเข้าใจง่าย
ใช่ มนุษย์พืชที่มีคุณวิเศษ พยายามกินอาหารไป ที่มันยากเพราะอายุขัยของอาตมาหมดแล้ว อาตมาต่ออายุขัยมาตั้ง 1 นักษัตรแล้ว อายุ 72 ปี 84 ปี เป็นนักษัตรที่ 2 แล้ว กำลังย่างนักกษัตรที่ 3 พยายามฝืนขันธ์ เพราะฉะนั้นถึงได้ยาก มันจึงฝืน เพราะมันต้องพยายาม บอกว่าเฮ้ย!เอ็งทำไมไม่ตายสักที เลยอายุขัย 72 ปี ไป 18 ปีแล้ว พูดอย่างนี้พวกเราจะพอเข้าใจ คนข้างนอกเขาจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่พวกเราฟังก็คงจะเข้าใจ
จะเห็นได้อย่างสามัญว่าจริงๆแล้ว มันยิ่งเห็นทุกข์เลยว่า ภาราหเว ปัญจขันธา มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ต้องให้มันอยู่ได้ ทนไป ใส่ไป พยายามให้มันอยู่ได้ แล้วใส่อาหารเข้าไป เพื่อให้ขันธ์มันอยู่ได้ แล้วทำงานทำการมีประโยชน์ พยายามให้เผื่อพอมีขันธ์ต่อไปและก็จะได้ใช้ทำงานให้ได้มากที่สุด ลากขันธ์นี้ไป มันยังไม่ถึงกับทุเรศทุรังการ อยู่อย่างง๊อกๆแง๊กๆ มันก็ดู 90 ยังแจ๋ว นะ ใช่ไหม มันก็น่าจะอยู่นะ มันก็ทำงานได้ ไม่ดูน่าทุเรศทุรังการ อย่างที่ว่า อันนี้ต้องขอบคุณบารมีของสังขารขันธ์ที่มันช่วยเราให้เป็นไปได้ ซึ่งธรรมดาคนที่มันไม่ดี พูดไปก็เหมือนกับชมตัวเอง มันได้ความพิเศษขึ้นมา มันเหนือสามัญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2566 ( 18:12:55 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:24:23 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:10:29 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:53:09 )
รายละเอียด
แต่ปุถุชนหรือคนที่ยังไม่มี“ปัญญา” ที่ยังมีแต่“ความรู้-ความฉลาด”ที่เป็น“เฉโก”อยู่นั้น
แม้จะฉลาดเฉลียวยอดเยี่ยมอัจฉริยะปานใด
ถึงขั้นเป็น“ศาสดา”องค์ใดองค์หนึ่ง สร้างศาสนาได้เป็นศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ปานนั้นก็ตาม
ก็จะมีแต่“อวิชชา”เป็นเจ้าเรือน (“อวิชชา”คือ ความรู้อย่างโลกีย์ทั้งหมด เป็นความรู้ที่ยังไม่ใช่“วิชชา”เลย แม้แต่เป็น“วิปัสสนาญาณ”ที่เป็น“วิชชา”ข้อแรกของ“วิชชา 8”)”
จะยังไม่สามารถมี“วิชชา”ที่เป็นโลกุตระเองได้เลย
ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังหรือได้รับรู้จากผู้มี“ภูมิโลกุตระ”
เช่น จากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าโดยตรง หรือจากสัตบุรุษ หรือจากผู้อยู่ในฐานะครูที่“สัมมาทิฏฐิ”แสดงออกมาให้ได้รู้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 177 หน้า 154
เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 20:57:04 )
รายละเอียด
นี่ก็ขอปรามขอติงพวกเรา ผู้ที่ทำอาหารให้อาตมากิน ปรารถนาดีแต่อย่าไปซื้อของข้างนอกมาให้อาตมากิน ของข้างนอกนั้นไม่สะอาดบริสุทธิ์หรอก มีสารพิษอะไรแฝงมา อาตมาก็ไม่รู้ บางทีก็ทำปนกันมา อาตมาก็ปรามไว้ ปรารถนาดีอยากให้กินดีตามภูมิของตน แต่หยุดเลย อย่าเอาของข้างนอกมาให้กิน ถ้าในนี้ไม่มีอะไรกินอาตมาจะกินดิน ไม่ต้องไปซื้อของข้างนอกมา เอาแต่ของข้างในพวกเรานี้ก็พอ โดยเฉพาะอาหารที่จะให้อาตมา ไม่ต้องเอาของข้างนอก เอาแต่ของพวกเราก็พอ แล้วไม่ต้องแย่งเขามา เขาให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:34:36 )
รายละเอียด
ก็ต้องพิสูจน์ว่าความพยายามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราจะอายุเกินกว่า 100 หรือเกินกว่ากัปก็ได้อานนท์ เรื่องจริง อาตมามาชาตินี้ปางนี้ ขอพิสูจน์ว่า ได้ เพราะอาตมาพูดจริงว่า อายุขัยของอาตมาหมดไปนานแล้ว ผ่านไป 1 นักษัตร ตอนอายุ 72 ปีจะต้องตาย แต่นี่ 84 ปีแล้วเพิ่งได้นักษัตรเดียว นี่เลย 84 ปีมา 3 ปีเอง ถ้าไป 96 ปีก็เป็น 2 นักษัตร อาตมาจะพยายามแข็งแรงไปให้ถึง 96 ปี มันจะแข็งแรงไปขนาดไหน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:30:22 )
รายละเอียด
แต่คนยังไม่มีความรู้ในเรื่องรัฐศาสตร์ในเรื่องของประชาธิปไตยที่ดี ก็ไปเข้าใจว่าพลเอกประยุทธ์ มาปฏิวัติ ที่จริงมารับไม้ต่อไม่ได้ไปทำอะไรมาก บอกว่าผมขอยึดอำนาจเป็นการใช้ภาษาเพื่อที่จะสื่อให้รู้ว่า อำนาจนี้ผมจะดำเนินการนะ ซึ่งประชาชนก็รู้ก็เห็นโดย พลเอกประยุทธ์ไม่ต้องมาบอกประชาชนก็ได้ แต่ทำแล้วมันสอดคล้องกับความเป็นจริง ความเห็นด้วยของประชาชน เราก็ไม่ได้ออกไปประท้วงคุณประยุทธ์อีกเลย เพราะคุณประยุทธ์บอกว่าอย่างนั้นก็ไปดำเนินการ ทั้งๆที่แต่ก่อน พอทักษิณไป สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนเราก็ไปประท้วง สมัครประท้วงได้ออกไปอีก ก็เอาสมชายมาแทน เราก็ไปประท้วง เราก็เอาออกได้อีก ก็เอายิ่งลักษณ์มาแทน เราก็ไปประท้วง ประท้วงเสร็จ เดือนพฤษภาคม 2557 วันที่ 22 คุณประยุทธ์ก็บอกว่าผมขอยึดอำนาจแล้วก็เข้ามาแทนยิ่งลักษณ์ ประชาชนไม่ได้ออกไปประท้วงจนถึงทุกวันนี้ก็มีแต่พวกที่ เย้วๆ พวกที่ตาบอดตามืดพวกนี้ ก็ไปตามประสาคนตาบอดตามืด สักวันหนึ่งก็คงวิ่งไปชนอะไรตายเอง เพราะเขาตาบอดตามืดเขาวิ่งไปชนเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2564 ( 04:51:10 )
รายละเอียด
ขอยืนยันเด็ดเดี่ยวว่า การปฏิบัติธรรมของพุทธนั้นต้อง
มี“เวทนา”เป็น“ฐานแห่งกรรม”
หรือเป็น“กรรมฐาน”
หรือเป็น“ฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติธรรม”โดยแท้
ปฏิบัติ“เวทนา 108”ให้บรรลุบริบูรณ์ได้
โดยเฉพาะต้องจัดการที่“มโนปวิจาร 18”ที่เป็น“โลกียะ”ให้
เป็น“โลกุตระ”จนบริบูรณ์สัมบูรณ์
ก็จบกิจกันตรงนี้
หากไม่มี“เวทนา” ก็เท่ากับ“ไม่มีความจริงของสุข-ทุกข์”ที่
เป็น“ปัจจุบัน”
ทิฏฐกาลแท้ๆปฏิบัติกันอยู่ชัดๆโต้งๆ ก็เป็นอันผิด!
ขืนไม่มี“เวทนา”เป็น“ฐาน”ปฏิบัติ
ก็ไม่มี“ความรู้สึกสุข-ทุกข์”ที่เกิดอยู่หลัดๆในปัจจุบันนั้นๆ
มันก็มีแต่อดีตหรืออนาคตเท่านั้น
ที่ไม่ใช่“ความจริงแท้ๆ”สดๆเท่า“ปัจจุบัน” ชัดเจนมั้ย?
ไม่มีอื่นเลย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน“พรหมชาลสูตร”
ก็ดี “สามัญญผลสูตร”ก็ดี หรือสูตรอื่นๆทั้งหลาย
อ่านดูดีๆศึกษากันให้ชัดๆเถิด จะได้ไม่พากันจมอยู่แต่
กับ“อดีต 18”หรือ“อนาคต 44”กันเท่านั้น
อย่างที่เป็นกันอยู่เต็มสังคมพุทธทุกวันในปัจจุบันนี้
ต่างก็ยึดถือผิดปฏิบัติผิด เป็นที่น่าสงสารยิ่ง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 171หน้า 151
เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 12:07:21 )
รายละเอียด
ทีนี้ วรรณะ 9 ยอดขยันกับไม่สะสม 2 อย่างนี้เป็นปาสาทิกะ เป็นอาการที่น่าเลื่อมใสของมนุษยชาติ ปราชญ์หรือผู้รู้จะสรรเสริญยกย่องบูชาเคารพ ผู้ที่ขยันและไม่สะสม เพราะฉะนั้นในกลุ่มหมู่หรือสังคมชุมชน ที่เขามีสาธารณโภคี มีวัฒนธรรมอย่างนี้ มีพฤติกรรมพฤติการณ์กันอยู่อย่างนี้ สังคมนี่แหละเป็นสังคมจริง ไปตรวจหาดูเถอะ ขอยืนยันว่าชาวอโศกเป็นเช่นนี้
พอไม่สะสมแล้วก็จะเป็นคน ธูตะ คือ มีข้อปฏิบัติที่เจริญขึ้นเจริญขึ้นเจริญสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือเขาเรียกว่าเคร่งขึ้นเรื่อยๆ องค์ปฏิบัติของศีล สมาธิ ปัญญาที่เคร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่อะไรที่ปฏิบัติได้แล้วมันสบาย มันเป็นปกติ ศีลคือ เป็นปกติ เป็นได้สบาย ธูตะ แล้วปาสาทิกะ แล้วก็สัลเลขะ ขัดเกลาตัวเอง ขัดเกลากายที่ไม่บริบูรณ์ขัดเกลาวาจาที่ไม่บริบูรณ์ ขัดเกลามโนที่ไม่บริบูรณ์ ยังบกพร่อง ยังไม่ดีพอ ขัดเกลาเป็น สัลเลขะ
แล้วจะถึงจุดสำคัญจุดนี้คือจุดที่มีใจพอ สันโดษคือมีใจพอ เขาไปเบี้ยวบาลี ว่ายินดีในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไปถามบิลเกตส์ ไปถาม มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ไปถามเขาสิว่า เขาพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เขาก็ยังจะต้องเพิ่มๆๆ อยู่นั่นแหละ ไม่มีใจพอ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 14:03:54 )
รายละเอียด
ตอบข้อนี้ก่อน แน่นอนอาตมาก็ต้องตรวจต้องดู ก่อนจะพูดไปว่าอาตมาเหนือกว่าท่านพุทธทาส อาตมาก็ต้องรู้ว่าทั่วไปนี้ คำพูดเป็นนายตัวเองนะ คนฟังเขาเอามาย้อนได้เมื่อมาย้อนเราแล้วเราไม่จริงเราก็เน่า อาตมาก็ขอยืนยันว่าอาตมารู้มากกว่าท่านพุทธทาส มีภูมิธรรมมากกว่าท่านพุทธทาสในยุคนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:22:13 )
รายละเอียด
ก็มีเชิงที่ถูกบ้างสำหรับวิสุทธิมรรค แต่ก็ต้องไปคัดดูว่าอันไหนที่ถูก อาตมาว่ามันเสียเวลา ไปเอาที่อรรถกถาจารย์ มันก็ต้องคัดเลือกอย่างที่ว่า ให้ทำความเข้าใจกับพระไตรปิฎก อาตมาขอยืนยันว่าท่านพุทธโฆษาจารย์ไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะท่านยังมีลักษณะของเทวนิยมอยู่อีกเยอะ อาตมาขออภัยที่พูดความจริงตามความจริง เป็นความเห็นอาตมา หากไปขัดแย้งกับผู้ใดก็แล้วแต่
ส่วนของเถรวาทที่ท่านบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกก็น่าจะฟังเอาไว้ด้วย เอาที่ตรงเลย ในพระไตรปิฎกก็มีของพระเถระในยุคพระพุทธเจ้าตรัสไว้ เช่นพระสารีบุตรตรัสไว้ ถ้าอยากจะอ่านเถรวาท เถรวาทะก็มี ส่วนอาจาริยวาท อาตมานั้นว่าละเว้นไปเถิด มันออกนอกทางไปมาก เอาแค่เถรวาทกับพระพุทธเจ้าก็พอ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:56:08 )
รายละเอียด
ด่าฟรีนะ เราไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับเขาอย่างนั้นเลย ก็ต่างคนต่างเห็นต่างคนต่างคิดนะ อาตมาก็ขอยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้มาเผด็จการ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้มายึดอำนาจ ทุกวันนี้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการยึดอำนาจ แต่เป็นนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายของประเทศ ได้รับการเลือกตั้ง แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใด แต่เขาก็เลือกตั้งกันแล้ว คุณนั้นงมงายอะไรกันอยู่เล่า เขาผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว จะครบ 4 ปีสมัยนี้แล้ว
ใช่ 4 ปีแรกนายกฯประยุทธ์เหมือนยึดอำนาจ แต่เราขอยืนยันว่านั่นก็ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจ แต่เป็นประชาชนยึดอำนาจ เสร็จแล้วพลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อ แต่คนที่ไม่ประสีประสาก็บอกว่านายกฯมายึดอำนาจ พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจ ก็ไม่ผิดหรอกก็ถูกของเขาเพราะว่ารูปธรรมมันเป็นอย่างนั้น แต่ที่จริงอำนาจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่มีแล้วประชาชนไล่ไปเปิดเปิงแล้ว แล้วนายกฯประยุทธ์ก็มารับหน้าที่ดำเนินการบริหารประเทศต่อไป เพราะเป็นหัวหน้า คสช.
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:12:20 )
รายละเอียด
เพราะว่าคนที่แสวงหามีคนที่ไม่มีอคติมีคนที่เคารพด้วยความเต็มใจยินดี มีอยู่ มีความยินดีเต็มใจอย่างแรงกล้าเคารพอย่างแรงกล้า ละอายอย่างแรงกล้า ที่ตนเอง รู้ตัว เรานี้หลง ดีไม่ดีเคยดูถูกพระโพธิรักษ์ ก็จะเกิดความละอายซึ่งไม่ต้องเกิดความละอายหรอก ละอายก็ดีแล้ว หิริดีแล้ว โอตตัปปะดีแล้ว เข้ามาเถอะ แต่อาตมาไม่ได้ไปถือสาว่า คุณได้ด่าอาตมาจัดการอาตมาอย่างไร อาตมาจะไม่ถือสาเลย ขอยืนยัน อาตมาจะยินดีด้วยซ้ำไป ดีแล้วหนอ สาธุๆ อนุโมทนาที่คุณได้เข้าใจและรู้สึกจริงๆได้เข้าใจจริงๆ ตื่นขึ้นมาจริงๆชาคริยา ชาคระ ตื่นขึ้นมาจริงๆ ดีๆๆ แล้วจงตั้งใจเถิด แสวงหาทางนี้ ขอยืนยันว่าอาตมาไม่ใช่ของปลอมหรอกแต่เป็นของจริง ยืนยันอย่างนี้เขาก็อาจจะหมั่นไส้สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจศรัทธา เดี๋ยวจะมีอย่างคุณเดชา อัมพร ที่จริงไม่ได้โกรธไม่ได้จองเวร แต่ชมเชย อาตมาชอบผู้แสวงหาอย่างนี้ แย้งมา สักวันหนึ่งอาตมาเป็นของจริงก็จะเป็นของจริง กาลเวลาจะพิสูจน์ อาตมาไม่กลัว ของจริงต้องจริง กาลเวลาพิสูจน์ คุณตามไปเถอะสักวันจะรู้ ของจริงจะเที่ยงแท้มั่นคงไม่ต้องห่วงหรอก กาลเวลาจะยืนยัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:04:17 )
รายละเอียด
ก็ขอยืนยันอีก ด้วยความจริงใจ ไม่ได้มีอคติในจิตใจ พูดอีกทีว่าอรหันต์หลวงปู่มั่นหลวงปู่แหวน หลวงตามหาบัว สายหลับตาทั้งหลายแหล่เป็นโมฆะทั้งนั้น สายหลับตาไม่ใช่ศาสนาพุทธตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่มีอปัณกปฏิปทา ไม่เป็นไปตามจรณะ 15 วิชชา 8 ก็หลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวนก็ปฏิบัติหลับตา มันไม่มีชาคริยา มันไม่ตื่น ไม่มีการสัมผัส ไม่มีการสังวรอินทรีย์ ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา ไม่มีชาคริยานุโยคะ มหาบัวก็กินหมากปากเปรอะ เป็นสิ่งเสพติดอยู่ก็รู้ง่ายๆ แต่ก็ยังเสพติด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 10:46:23 )
รายละเอียด
“บุญ”มี“อาการเดียว-เป็นพลังเดียว” มี“หน้าเดียว-ทำหน้าที่เดียว-งานเดียว”
งานของ“บุญ”คือทำให้กิเลส“สูญ”
“บุญ”ไม่ทำลายสิ่งอื่น
หน้าที่ของ“บุญ”คือ ต้องทำ“ภาวะ”นั้นๆ ให้“สูญ”เป็น“ผล” แล้วก็จบสิ้น“บุญ”
ภาวะนั้นๆก็คือ กำจัดกิเลสเท่านั้น ไม่มีอื่นเลย
จบเสร็จ..“บุญ”ก็สลายหายไปเลย ไม่เหลืออยู่ในที่ไหนอีกแล้ว
“บุญ”เป็น“วิบัติ”
“บุญ”ทำหน้าที่สำเร็จแล้ว จึงมีแต่“สูญ”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 58 หน้า 77
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 19:50:06 )
รายละเอียด
ก็ขอย้ำอีกก่อนจะจากว่า นายกฯตู่อย่าออกจากการเป็นนายกฯเพราะท่านยังไม่แก่ ท่านทำไปได้อีก อาตมาอายุ 85 ก็ยังทนทำ พยายามทำอยู่ ท่านช่วยประเทศไทยหน่อย ทนทำหน่อย พยายามพากเพียร อย่าใจเสาะ(ขออภัย)ให้แข็งแรงๆ ช่วยประเทศไทยหน่อย อาตมาเห็นอย่างนั้นจริงๆถึงพูดด้วยความจริงใจ ไม่อย่างนั้นอาตมามองไม่เห็นเลย มันยิ่งกว่าเสือสิงห์กระทิงแรด มันไม่ใช่แล้วนกกามันไม่ใช่ เสือสิงห์กระทิงเเรดก็ไม่ใช่ มันยิ่งกว่าสัตว์พวกนั้นน่ะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:43:50 )
รายละเอียด
วิ มีความหมายได้หลายยอย่าง คือ ไม่มี, วิเศษ, แจ้ง, ต่าง
วิ ในความหมายว่า “ไม่มี” ก็คือ สิ่งที่เป็นโทษ เป็นภัย เป็นต้นเราจะ“ไม่ให้มี” เราก็ทำใจในใจเราจนมัน“ไม่มี” ก็จบกิจ“วิ”ไป 1
“วิ”ที่ 2 คือ “วิเศษ” ก็หมายถึง ดีเยี่ยม “วิ”ที่ 3 ก็แจ่มแจ้งรู้แจ้ง ชัดแจ้ง ในความจริงนั้นๆ “วิ”ที่ 4 ก็รู้ในภาวะ“ต่างๆ”ด้วยและรู้ในภาวะ“ที่แตกต่างกัน”ของภาวะนั้นๆด้วย และได้คัดเลือกเอาส่วนที่“ดีเยี่ยม”นั้นได้สำเร็จด้วย จึงเป็น“ความดีเยี่ยม” ดังนี้
ตก หรือ ตักก คือ องค์รวมของจิต ที่ปรุงแต่งกันอยู่(สังขาร นี้แหละที่ผู้มี“วิชชา”จะรู้จักได้เป็น“ตัวแรกของกระบวนการ‘สังกัปปะ 7’ ซึ่งมี ตักกะ-
วิตักกะ-สังกัปปะ-อัปปนา-พฺยัปปนา-เจตโส อภินิโรปนา-วจีสังขาร) ซึ่งจะเกิดขึ้นมาในจิตเรา เมื่อเราเริ่มสัมผัสได้ ภาวะของมันทั้งหมดนี้แหละที่เราจะต้องเรียนรู้องค์ประกอบของมันทั้งหมดให้ชัด มันคือ “ธาตุรู้” องค์รวมที่เราเริ่มสัมผัสได้ เรียกว่า “ความตรึก”ก็คือ ความตริตรึกนึกคิดทั้งหมดที่กำลังเกิดอยู่ในใจเรา
จาร คือ การเคลื่อนไหวของจิตนั้นๆ แล้วเราก็เจาะละเอียดลงไปในพฤติของจิต หรือกิริยาของจิตที่เคลื่อนไหวนั้นซึ่งเรากำลังสัมผัสของจริงอยู่นี้อีกที แล้วแยกแยะให้ออกว่ามีอะไร ที่ร่วมผสมปรุงแต่งกันอยู่นั้น ด้วยการรู้จักรู้แจ้งรู้จริงให้ได้ ว่ายังไงไฉนกัน?
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 288 หน้า 223
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:23:04 )
รายละเอียด
อาตมามี“วิสัย”ที่สามารถหยั่งรู้่ใน“อจินไตย”ขั้นนี้พอจะพูดถึงได้ จึงขออาสานำ“อจินไตย”อันเป็นเรื่องที่ผู้ยังไม่ถึง“วิสัย”จะหยั่งรู้ได้ก็ด้วยการ“ขบคิด”จุดนี้ มายืนยันอธิบายสู่กันฟังบ้าง ผู้ที่แสวงหา“ความหลุดพ้นจากทุกข์”หรือนิพพานอยู่ก็จงฟังเสียงนกเสียงกานี้ดูหน่อย และตั้งใจทำความเข้าใจดีๆ ลองปฏิบัติพิสูจน์ตาม“ทิฏฐิ”ที่อาตมายืนยันว่าเป็น“สัมมาทิฏฐิ”นี้บ้างปะไร มัวแต่ไปหลงผิด ยึดถือปฏิบัติผิดๆ ตามเดียรถีย์มานานแสนนานแล้ว 2 พันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ครึ่งพุทธกัปป์ของพระสมณ โคดมพุทธเจ้ามาแล้วนะ!
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 431-432 ข้อที่ 591
เวลาบันทึก 08 มิถุนายน 2565 ( 14:53:36 )
รายละเอียด
อาตมาต้องแก้คนที่เขายึดผิดว่าคนเป็นอรหันต์เป็นแบบนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ ขณะที่แก้ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงเขา เขาก็ไม่เชื่อว่าจะมาเป็นพูดสัจจะจริงทุกอย่าง ถ้าเขาฟังเขาก็ยิ่งจะอ้วกแตก ก็ต้องขออภัยที่อาตมาพูดสัจจะ คุณ เอซุส เวสเกต ...ก็เป็นผู้ปรารถนาดี อาตมาก็นับถือน้ำใจคุณมาก อาตมาก็ต้องมีความเมตตาปรารถนาดีที่จะช่วยคุณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:57:09 )
รายละเอียด
อย่างเช่น สายอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่มี มหาบัว ญาณสัมปันโน
ผู้เป็นลูกศิษย์เอก ซึ่งมีบทบาทสืบทอด“มิจฉาทิฏฐิ”ของอาจารย์มั่น
ได้อย่างแพร่หลายมาก เป็นต้น
มหาบัวท่านยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กามคุณ 5”เลย ท่านเอา
แต่ปฏิบัติ“หลับตา” เป็นการ“มนสิการ”กันได้แต่แบบ“หลับตา”
จึงไม่สามารถ“ออกจากกาม”กันเป็นเบื้องต้นได้ก่อนกันเลย
การ“หลับตา”ปฏิบัตินี้ มันเป็น“อโยนิโสมนสิการ”โดยแท้
เพราะมันไม่เป็นการปฏิบัติ“การทำใจในใจ(มนสิการ)”ตามกระบวนการ
“จรณะ 15 วิชชา 8” ไม่มี“สัมมาอริยมรรคองค์ 8” ไม่ใช่การปฏิบัติ
“อริยสัจ 4”เลย
“ฌาน”จึงเป็นได้แต่“ฌานฤาษี”หรือ“ฌานเดียรถีย์โลกีย์”
มันมีแต่มืดมิดหลงผิดมุทะลุปฏิบัติแบบ“หลับตา”ที่เป็นของเดียรถีย์
กันไป แล้วก็หลงผิดว่า “ตนบรรลุธรรม”ถึงขั้นหลงว่าตนเป็น“อรหันต์”
กันปานนั้นเลย!
ซึ่งมัน“มิจฉาทิฏฐิ-มิจฉาปฏิบัติ”กันไปสุดขั้ว มันก็“มิจฉาปฏิเวธ”
กันทะลุออกนอกโลกของศาสนาพุทธไปไกลลิบทีเดียว
มหาบัวก็พาพุทธศาสนิกชน“หลงผิด”ตามมหาบัวไปกันใหญ่ก็เท่า
กับช่วยกันกัดกร่อนศาสนาพุทธหนักหนาสาหัสบาปยิ่งๆขึ้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 352 หน้า 258
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:09:00 )
รายละเอียด
ที่ท่านมหาบัวท่านเสพติดหมากพลูอยู่จนตาย แล้วท่านก็ทำให้ชาวพุทธอีกมากหลายหลงว่าท่านเป็นผู้บรรลุธรรมสูงสุด เป็นอรหันต์นั้น มันเป็น“ความผิด”ที่จริง ที่ต้องรีบบอกกัน ให้รู้ทัน
ไม่เช่นนั้นจะพากันหลงจมไปกับ“ความไม่รู้(อวิชชา)”ที่หนักลึกถลำสาหัสเข้าไปสู่“มิจฉาทิฏฐิ”ที่ยิ่งกว่านี้อีก มันร้ายกาจเกินไป
ท่านมหาบัวนั้นท่านไม่ได้เป็น“อรหันต์”เลย ท่านต้องเรียนรู้อีกมาก ยังอยู่ไกลอีกนักกว่านักที่จะผ่าน“ความรู้”ที่เป็นพุทธศาสนา แม้แต่ความเป็น“อนุปุพพิกถา 5” ได้แก่ ทานกถา-สีลกถา-สัคคกถา-กามมาทีนวกถา-เนกขัมมานิสังสากถา
แม้แต่ความเป็น“กาย” ที่เป็น“ภายนอก” เป็น“กาม”แท้ๆ ท่านก็ยังไม่เริ่มต้นกันเลย ท่านพากันละเลย ข้ามไปเสียด้วยซ้ำ
เพราะท่านยังไม่รู้ความเป็น“กาม ไม่รู้จัก“โทษภัยของกาม” ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กามมาทีนวะ”ว่า“กามเป็นโทษภัย”กันแท้ๆท่านจึงไม่มีความคิดสักนิดที่จะออกจากกาม หรือหลุดพ้นจาก
“กายกลิ”กันให้ได้ก่อน แล้วจึงจะจัดการกำจัด“จิตตกลิ”ต่อไปได้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 379 หน้า 275
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:37:00 )
รายละเอียด
นี่คือรายละเอียดของความละเอียด ขออภัย ขอบคุณ ส.ศิวรักษ์ ที่อาตมายืมโดยไม่บอกก็มาเป็นตัวอย่างในการอธิบายธรรมะ คุณก็ได้รับกุศลไปแล้ว เพราะอาตมาเอามาทำกุศล เอามาใช้เป็นกุศลในการเอาเป็นตัวอย่าง ในการอธิบายนี้
ที่อาตมาพูดไปนี้เป็นพยัญชนะที่สื่อให้รู้ ให้พวกคุณได้รู้ พวกคุณก็พอเข้าใจได้มีประโยชน์ไหม อาตมาว่า มีประโยชน์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 20:50:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 11:10:05 )
รายละเอียด
ที่อาตมาพูดไปนี้ก็ขอเตือนให้สติ ว่าอย่าเหลิง พลเอกประยุทธ์ ก็ดี อย่าเหลิง องค์รวมของชาวไทย ก็อย่าเหลิง แม้ Bloomberg จะยกให้เป็นเบอร์ 1 ก็ตาม เราดีแล้วก็เลยฟูใจประมาท ทำอะไรอวดดี กลายเป็นไม่เจียมตัวไม่ถ่อมตน ไม่พยายามเป็นผู้ถ่อมตน เป็นคนรับใช้ หรือว่าไม่ต้องไปหลงระเริงเกินการณ์หรอก ถ้าความจริงของเราเป็นความสุขสำราญเบิกบานใจแล้ว ชาวอโศกเราก็อาศัยสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พัฒนาการ ตัวเองไป เรามี หมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี นอกนั้นเราก็มีจิตวิญญาณเป็นตัวตัดสิน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:38:30 )
รายละเอียด
ผู้จบกิจ แล้วจะรู้กาละ ทำกาละได้ทุกอย่าง ทำกาละให้อยู่ต่อเกิดอีก ตายชาตินี้แล้ว ชาติหน้าจะเกิดอยู่อีกก็ได้ ถ้าเกิดแล้วเกิดอีกจะช่วยคนไปอีกให้นานยิ่งกว่า ที่อาตมาปณิธานไว้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็พอแล้ว จะไม่ทำต่อจะไม่ประกาศตัวเองอย่างพระอวโลกิเตศวร ที่ไม่ยอมประกาศตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าสักที จะเป็นโพธิสัตว์ช่วยสัตว์โลกกันไป เหมือนเจ้าแม่กวนอิมอวตารเขาก็อธิบายไป ก็จะช่วยมนุษย์นี่แหละจนกว่าจะหมดเป็นคนสุดท้ายถึงจะปรินิพพาน ก็อธิบายไปหมดแล้ว ก็ไม่ว่ากัน
ใครจะทำอย่างนั้นก็ไม่ว่า อาตมาไม่สู้หรอก ขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้น นี่ยังตั้งจิตปณิธานอยู่นะ ก็พอแล้วเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ขอปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่เอา 2 สมัยหรอก สมัยเดียวก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ไม่ตะกละตะกรามเหมือนนักการเมืองเขาที่อยากเป็นนายกหลายสมัย เป็นประธานาธิบดีหลายสมัย เราก็ไม่เอาอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นเรื่องธรรมะพระพุทธเจ้าตามที่อาตมาอธิบายไปบ้าง ตามลำดับพวกนี้ ซึ่งมาขยายความต่างๆ แม้จะขยายโพธิสัตว์ถึง 9 ระดับ อรหันต์อีก 6 ระดับ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจจริงๆแล้วโพธิสัตว์จึงสูงกว่าอรหันต์ถึง 3 ระดับ อรหันต์มีแค่ 6 ระดับ
พระอรหันต์คือตัวจบ โพธิสัตว์คือตัวรวม ยังไม่อธิบายอันนี้วันนี้ โพธิสัตว์กับอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:27:46 )
รายละเอียด
เขาก็ไปเอาเศษเนื้อข้างเขียง อิทมตฺถิตฺเว นิสฺสาย อารฺโก คือมันเป็นเรื่องที่อาศัยสิ่งเหล่านี้ทำประโยชน์ ถ้าคนมีจิตมักน้อยสันโดษขัดเกลาสงบจากกิเลส คนนี้ก็อยู่ในเมือง แต่เป็นคนมีป่าในหัวใจเต็มเลย มีความมักน้อยสันโดษขัดเกลาสงัดจากกิเลส เต็มๆอยู่ในจิต แม้จะอยู่ในเมือง เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นการงานอันวิเศษที่ประเสริฐอยู่กับสังคมเลย เป็นการงานอันเหมาะสมควรไม่มากไม่น้อยไป ได้สัดส่วนพอเหมาะพอดี เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจความมักน้อยสันโดษขัดเกลาเงียบสงัดที่เป็นคุณสมบัติของธรรมชาติ ก็อาศัยอันนี้ เหมือนกับขอเศษเนื้อข้างเขียงของป่า ที่จริงไม่ใช่เศษเนื้อข้างเขียงแต่เป็นเนื้อแท้ความพิเศษของป่า มันมีความมักน้อยสันโดษขัดเกลา แต่คนกลายเป็นคนหลงป่าโง่เขลามันคนลามกฟุ้งซ่านคนบ้า หรือว่านึกว่าพระพุทธเจ้าสรรเสริญการออกป่า ก็เลยออกไป แต่ที่เก่งจริงๆคือจะเอาประโยชน์จากธรรมชาติของป่าได้ ถ้าไม่เก่งพอไม่ฉลาดพอจะกลายเป็นถูกป่าเอาใจเธอไปหมดเสียแน่ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอุปาลิสูตร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:20:22 )
รายละเอียด
อาตมาใช้สังขยาเลขในการทำงานมาเยอะ แล้วก็รู้ว่าสังขยาเลขตัวนี้แทนสภาวะทำอย่างไร ซึ่งคนอื่นใช้ไม่เป็น ใช้กับอาตมาไม่ได้
ใช่ อาตมาเข้าไปในระดับ 8 มีราศีรังสีระดับ 8 มาเรื่อยๆ เข้าหาอภิภู ขอเอาเรื่องของโหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นตัวไขความ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่อย่าไปดูถูกดูแคลนนะ ทุกอย่างต้องลงตัว เช่น พระพุทธเจ้าจะต้องประสูติวันเพ็ญ จะต้องตรัสรู้วันเพ็ญ จะต้องปรินิพพานวันเพ็ญอย่างนี้เป็นต้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่สิ่งที่จะไปพูดเล่น ต้องเป็นเช่นนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องลงตัว ต้องชื่อสิทธัตถะ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ต้องเป็นอย่างนั้น อาตมาขยายความภาษาเรื่องสิทธัตถะก็ดี สิริมหามายาก็ดี พวกเราก็จะเอามาใช้ได้ ไม่ใช่เรื่องที่สงวนลิขสิทธิ์ว่า พระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้าชายสิทธัตถะรูปเดียวเท่านั้นที่คือ สิทธัตถะ คนอื่นใช้ไม่ได้นะ อย่าเผยออะไร ไม่ใช่ เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นหรือว่าเผยอหรือไม่เผยอ แต่เรามาอาศัยสภาวะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปีโพธิกิจยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:48:32 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:31:31 )
รายละเอียด
อาตมาดูโทรทัศน์ สายนั่งหลับตาก็มุ่นอยู่กับอาจารย์ว่ากันไป หลงว่าเป็นอรหันต์เก๊ น่าสงสาร ดีพวกคุณยังมีดวงตาเข้าใจรู้แล้วมากันได้ ที่อยู่ข้างนอกก็คงมี มีที่ไม่อยากแสดงตัว ไม่อยากมาส่งเสริมโพธิรักษ์ทำนองเรียกว่าเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงดีกว่า ไม่ให้มันได้ดีหรอกโพธิรักษ์ มันมาทำให้บัลลังก์ลาภยศสรรเสริญของฉันสั่นสะเทือนอะไรเป็นต้น ก็แล้วแต่ อาตมาก็ไม่ว่าอะไร ขอให้ได้สาระสัจจะก็แล้วกัน ได้เมื่อไหร่ก็ได้
ถ้าคุณได้แล้วก็เมื่อนั้นแหละ ดวงตาคุณเปิดเต็มว่า โพธิรักษ์เป็นโพธิสัตว์ตัวจริง เมื่อนั้นคุณจะละอายอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นเกรงกลัวอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นคุณจะรักอย่างแรงกล้า คุณจะเคารพอย่างแรงกล้า
อาตมาก็ไม่ได้กังวลอะไรหรอกว่าจะได้หรือไม่ได้อะไรแค่ไหน ทำความจริงอย่างเดียวเลยอาตมา ทุกอย่างจะเป็นเองไปตามคำตรัสของพระพุทธเจ้าทุกอย่างเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:22:01 )
รายละเอียด
อันใดที่มันยังไม่เจริญอยู่ ยังต้องขัดเกลาอยู่จะต้องปฏิบัติเพื่อลดสิ่งที่ยังไม่เจริญสมบูรณ์ก็ขัดเกลากันไปอีกเรื่อยๆ ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) มีหลักเกณฑ์มีวิธีการ มีข้อปฏิบัติที่เรียกว่า เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) เพิ่มหลักเกณฑ์การปฏิบัติลดกิเลสสูงขึ้นสูงขึ้น เกิด มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) สูงสุดแล้วผู้รู้จะไม่ตำหนิเลย สุดยอดของคำสรุปของพระพุทธเจ้าก็คือเป็นคนไม่สะสมแต่ยอดขยัน ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
คนก็มีชีวิตอยู่กับการไม่สะสม ขยัน สร้างสรรค์ เกื้อกูลแ แจกจ่ายไป แล้วก็พอใจเต็มใจตั้งใจที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างนี้ อาตมาว่าอาตมาพูดไม่ได้ยากอะไร เด็กๆ เข้าใจไหม ...เข้าใจ เสียงก็ดีอยู่นะไม่ต้องกลัวหรอก เราตอบในสิ่งที่ไม่ใช่เลวร้าย เป็นสิ่งดีสิ่งประเสริฐอยู่แท้ๆ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:04:26 )
รายละเอียด
ขัดเกลาหรือเอาเปรียบ คุณจะเอาเปรียบเรา คุณก็เอาไปสิ มีคนเอาเปรียบกับคนเสียสละ ก็จบแล้วสิ เราก็เป็นคนเสียสละ คุณจะเอาก็เอาไป คุณจะเอาเปรียบอะไรล่ะ เราก็ไม่ว่า คุณเอาเปรียบ คนอื่นเขาให้เราเกินกว่าที่คุณจะกินจะใช้อีกด้วยซ้ำ อยู่ที่นี่ ไม่ต้องห่วงหรอกคุณจะเอาเปรียบอะไร คุณจะเอาเปรียบเราเพราะว่าเราเองเราติดลิปสติก คุณเอาเปรียบเรา เราก็เลยไม่มีลิปสติกใช้ ก็แน่นอนคุณก็เดือดร้อน แต่บอกว่าลิปสติกเราไม่ใช้แล้วนี่ คุณเอาเปรียบเราก็เอาไปสิ อะไรที่เราจะมีใช้มีกิน มันก็ต่างคนต่างทำช่วยเผื่อแผ่กันนี่เหลือเฟืออยู่นี่แล้ว ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร มันจบได้แล้ว
มันห่างไกลเลยที่จะเอาสงครามอิสราเอลมาเทียบกับชาวอโศก มันไกลกันมาก พวกนั้นเขายังแบกโลก ยังแบกอำนาจ ยังแบกวัตถุ แบกอะไรๆ มโหฬาร ของเรานี้ไม่แบกอะไรแล้ว มันเทียบกันไม่ติดหรอก มันไกลกันเหลือเกิน เปรียบเทียบกันไม่รู้จะเปรียบยังไง
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 20:29:48 )
รายละเอียด
นี่ก็บอกสภาวะของตัวเองมา ประทับใจตัวเองนี่คือปิติ มันโกรธก็ขัดใจมัน อย่าไปโกรธ ไม่โกรธ มันโลภก็ขัดใจมันอย่าไปโลภ อะไรอย่างนี้ ก็ทำได้ ก็ดี ก็ใช้ปัญญา แต่ถ้าขัดเฉยๆไปสะกดไว้ มันโกรธก็อย่าไปโกรธ หยุดโกรธสะ อยู่เฉยๆ กดไว้ มันไม่หมด ต้องทำปัญญาให้แจ้ง ศัพท์คำว่า ทำปัญญาให้แจ้ง นี้ยิ่งใหญ่ ให้รู้ตามความเป็นจริง รู้อะไร? รู้ว่าโกรธ ก็ไปโกรธมันทำไม อาการโกรธ มันดีนักหรือ? อย่างน้อยอย่างมากก็แล้วแต่ ไปกดข่มทันทีเลย มันก็ทำได้ มันก็ได้สมถะ แต่เอาอย่างวิปัสสนาสิ วิจัยวิจารว่า เออ เราจะไปให้อารมณ์อย่างที่มันโกรธเกิดอารมณ์อย่างนั้นขึ้นมา อารมณ์นั้นใครทำ อาการโกรธ อารมณ์โกรธ ใครทำ ... กูเอง
อาการโลภ ใครทำ..กูเอง ถ้าไม่โลภ ไม่โกรธ ใครทำ เราทำ ก็ทำอย่างรู้อาการของมันว่า อาการโลภเป็นยังไง อาการโกรธเป็นยังไง อาการไม่โลภเป็นอย่างนี้ ไม่โกรธเป็นยังนี้ นี่คือตัววิปัสสนา รู้จัก อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ก็คือคำอธิบายที่อาตมากำลังยกหัวข้อต่างๆมาขยายความ คืออุเทส ก็อ่าน อาการ ลิงค นิมิต อาการคือลีลาของมันเกิดอาการทางใจ ลีลาข้างนอกหยาบๆ ทางกายกรรมวจีกรรมก็รู้ง่าย ทางใจก็ต้องเรียนรู้อาการ กำหนดรู้นิมิตก็คือกำหนดรู้ว่าอาการอย่างนี้ หมายดูอาการอย่างนี้ นิมิตหมาย เครื่องหมายว่า อ้อ! อาการมันอย่างนี้ “นิมิต” มันเป็นสภาวะ static “อาการ” มันเป็นสภาวะ dynamic
กำหนดรู้นี้ แล้วมันก็ขยายความแตกต่างกันต่างๆ 1. มันโกรธ 2. อาการไม่โกรธ ใจของเราอาการมัน จะเห็นความแตกต่างว่า อาการตอนก่อนนี้ เรามีอาการอย่างนี้ นี่เรียกว่าอาการโกรธ ตอนนี้ทำได้แล้ว อาการในใจเรามันไม่โกรธ เออ.. มันไม่โกรธ หรือมันลดลง ก็เห็นความแตกต่างกัน ลิงคะ ความแตกต่างของอาการจิตเรา นี่ ไปศึกษาอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาไม่มีเหตุจริงเป็นจริง ไปนั่งอยู่แต่ในอดีต 18 อยู่ในอนาคต 44 นั่งหลับตาขออภัยเถอะ ไม่รู้จะแทงด้วยหอก 100 เล่มเช้า แทงด้วยหอก 100 เล่มกลางวัน เย็นอีก 100 เล่ม ไม่รู้จะแทงพวกนั่งหลับตายังไง จะเข้าสักกะนิดหนึ่งไหม แทงหนังมันเหนียว ทำไมมันยึดมั่นถือมั่นกัน จน หอกอาตมาก็หักไปไม่รู้เท่าไหร่ จะไม่หยุดแทง เราพม่าแทงกบ อ้อ.. ขออภัยแล้วไม่เอาแล้ว เลิกแทงกบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:03:11 )
รายละเอียด
การ“หลับตา”ปฏิบัติมันจึงไม่ใช่ การปฏิบัติที่เป็นไปตามลำดับอย่างวิเศษน่าอัศจรรย์ ซึ่งขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่โต้งๆฉะนี้เอง แล้วมันจะมีมรรคผลบริบูรณ์ได้อย่างไร? เพราะไม่ได้“กำจัดกิเลส”ที่ตนตกเป็น“ทาษของกามภพ”อันเป็น“กิเลสขั้นต้น-ขั้นภายนอกที่ห่อหุ้มอยู่อย่างหยาบ”ออกไปก่อนจึงจะเหลือ“กิเลสขั้นต่อไปในภายใน”ที่เป็น“รูปภพ”ขั้นต่อไปมันก็ผิดลำดับของธรรมดาธรรมชาติไปแล้วแท้ๆ
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 461 ข้อที่ 640
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:53:59 )
รายละเอียด
เช้าจรดเย็นอาตมาก็ทำงานอย่างอื่นด้วย ไม่ได้บ้าการเมืองอย่างเดียว คุณใส่ความอาตมาเกินไป เวอร์เกินไป อาตมาไม่ได้เป็นเช่นอย่างที่คุณว่า ที่ว่าปลุกปั่นให้คนแตกแยก อีกแหละอาตมาไม่ได้ปลุกปั่นให้คนแตกแยก แต่อาตมากำลังเตือนสติมนุษย์เตือนสติสังคม ว่าคุณกำลังทำสิ่งที่มันจะเกิดความแตกแยกหรือทะเลาะวิวาท ขัดแย้งกันแรงไป ขัดแย้งกันอย่างไม่ดี
ขัดแย้งกันอย่างพอเหมาะนี่ดี เพราะว่าสังคมที่สงบ สังคมที่อยู่ดีสังคมที่เจริญจะมีความขัดแย้งอันพอเหมาะ ซึ่งเป็นการขัดเกลาบอกให้รู้ความแตกต่างของสิ่งที่ควรกับไม่ควร อย่างมหาปเทส สิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควร บอกให้รู้ความแตกต่างแล้วปรับเสีย เพราะมันยังมีความเจริญสูงสุดขึ้นไป แตกต่างขึ้นไป สูงขึ้นไปสุด สูงสุดก็เป็นโพธิสัตว์สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงที่สุดเรียกว่าพระพุทธเจ้า ถึงขั้นสูงสุดเป็นพระพุทธเจ้า นอกนั้นจะมีความแตกต่างๆๆ ไม่ใช่แตกแยก คุณใส่ความอาตมาว่าอาตมาทำความแตกแยก เพราะคุณยังเข้าใจรายละเอียดหรือความสุขุม คัมภีรภาพของธรรมะ คุณยังเข้าใจไม่ได้ คุณก็ว่าออกมา อาตมาขออธิบายความจริงให้ฟังไป คุณเข้าใจได้ก็น่าจะดี ถ้าคุณยังเข้าใจไม่ได้หรือเข้าใจผิดก็ต้องขออภัยถ้าอาตมาทำให้คุณยิ่งเข้าใจผิดหนักเข้าไปก็ต้องขออภัย ไม่ได้เจตนาจะให้เป็นอย่างนั้น เจตนาให้คุณเข้าใจละเอียดลออขึ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2566 ( 07:34:53 )
รายละเอียด
1. อดทน อดกลั้น
2. ต้องอด ต้องทน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 112
ทางเอก ภาค 3 หน้า 271
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:53:45 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:16:14 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:53:32 )
รายละเอียด
ความอดทน
ที่มา ที่ไป
รวมศัพท์อโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:02:22 )
รายละเอียด
ความเป็นเจ้าของความอดทน ความอดกลั้น ซึ่งส่อถึงความเอาจริง ความเป็นนักสู้ ความเป็นผู้ไม่ท้อถอยนั่นเอง
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 487
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:54:31 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:16:53 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:53:55 )
รายละเอียด
ที่พูดมาก็ถูก ขันธวิมุติ ไม่ได้ตัดขาดจากขันธ์ 5 คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ผู้ที่ได้วิมุติของพุทธแล้วไม่ตัดขาดจากขันธ์ 5 เห็นทุกสิ่งเป็นอนัตตาถูกต้อง
คำว่าเห็นอนัตตาไม่ใช่แค่ตรรกะความคิดนะ เห็นอนัตตา ผู้ที่เห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง ไม่ได้เป็นแค่ตรรกะ คนแยกตรรกะกับสภาวะความจริงไม่ง่าย เมื่อปฏิบัติแล้วคนที่มีจิตรู้พยัญชนะมาก เก่งพยัญชนะมาก แต่จิตไม่เข้าถึงปัญญาปฏิภาณ ไม่เข้าถึงสภาวะ เริ่มตั้งแต่ความเป็นกายของตน สักกายทิฏฐิ เข้าใจความเป็นกายคืออย่างไร กายมีทั้งภายนอกและภายใน นี่เป็นคู่แรกง่ายๆ กายคือรูปนาม ก็ต้องมี 2 สภาพภายนอกภายในก็มี 2 รูปนามก็มี 2 แล้วต้องรู้จักกายอย่างถูกต้องดีพอสมควร หลายคู่ทีเดียวแล้วก็รู้มาที่ตน
ตนเองนอนหลับ ไม่มีกายภายนอกไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่มีธาตุรู้ออกมารู้จักอะไรข้างนอกเลยมันก็ขาดจากกายขาดจากภายนอก ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ของพระพุทธเจ้าจะต้องมีกายอยู่ตลอดเวลา จะต้องมีกายเสมอ ขาดไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:59:56 )
รายละเอียด
หมู่ , กอง
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 122
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:55:17 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:17:43 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:54:22 )
รายละเอียด
หมู่หรือกองอย่างน้อยขันธ์ 5 มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:58:59 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:57 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:54:45 )
รายละเอียด
หมู่ , กอง , หมวดหมู่ , พวก
ที่มา ที่ไป
รวมศัพท์อโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:03:59 )
รายละเอียด
ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:57:54 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:32 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:55:13 )
รายละเอียด
ขันธ์ 5 คือ องค์ประชุมของตัวรูป (ตัวที่ถูกรู้) คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูป สิ่งที่ถูกตั้งให้รู้ (มหาภูตรูป, อุปาทายรูป)
เวทนา สิ่งที่รู้รสความรู้สึก (สุข ทุกข์ เฉยๆ)
สัญญา สิ่งที่จำธรรมรสต่างๆ
สังขาร สิ่งที่ปรุงแต่ง สังเคราะห์ ระคนเข้าด้วยกัน
วิญญาณ สิ่งที่รับรู้จากกองทั้งหมด
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2562 ( 20:52:48 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:54 )
รายละเอียด
คือองค์ประชุมของตัวรูป (ตัวที่ถูกรู้) และตัวนาม (ตัวที่เข้าไปรู้) ที่รวมตัวกันเข้าเป็นชีวิต
1. ตัวร่างกาย (รูปขันธ์)
2. ตัวความรู้สึก (เวทนาขันธ์)
3. ตัวความจำ ความกำหนดหมาย (สัญญาขันธ์)
4. ตัวปรุงแต่งจิต (สังขารขันธ์)
5. ตัวความรู้แจ้งอารมณ์ (วิญญาณขันธ์)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 17 "ปัญจขันธสูตร" ข้อ 95
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 22:23:33 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:20 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:56:22 )
รายละเอียด
คือ องค์ประชุมของตัวรูป (ตัวที่ถูกรู้) และตัวนาม (ตัวที่เข้าไปรู้) ที่รวมตัวกันเข้าเป็นชีวิต
1. รูปขันธ์ (ตัวร่างกาย)
2. เวทนาขันธ์ (ตัวความรู้สึก)
3. สัญญาขันธ์ (ตัวความจํา ความกําหนดหมาย)
4. สังขารขันธ์ (ตัวปรุงแต่งจิต)
5. วิญญาณขันธ์ (ตัวความรู้แจ้งอารมณ์)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฏกเล่ม 17 “ปัญจขันธสูตร” ข้อ 95
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:00:12 )
รายละเอียด
หมวด 5 แห่งขันธ์ คือ รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ
ที่มา ที่ไป
รวมศัพท์อโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:05:18 )
รายละเอียด
ก็ตามที่คุณเข้าใจถูกแล้วที่อาตมาพยายามยืดอายุตัวเองอยู่นี่ พยายามกระเสือกกระสนไป จริงๆความจริงคือความจริง อาตมาเห็น ภาราหเวปัญจขันธา ขันธ์ทั้ง 5 เป็นภาระจริงๆเลย ต้องกินให้มัน ต้องนอนให้มัน ต้องอาบน้ำอาบท่าให้มัน โอ้โฮ.. ตลอดเวลาเป็นภาระ
เพราะฉะนั้นถึงเวลาวาระที่ต้องอาศัยมันยาก มันเก่า มันคร่ำคร่า เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระอานนท์ อานนท์ ร่างกายเราแก่เฒ่าเหมือนเกวียนเก่าคร่ำคร่าไม่แน่นแล้ว เป็นภาระ มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปเป็นสัจจะ ก็พยายามไป เท่าที่มันจะสามารถเอาไว้ได้ ประคองไปได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2565 ( 14:17:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:01:50 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:07:50 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:57:05 )
รายละเอียด
เขาเข้าใจไม่ได้ในความละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนของขั้นชั้นเรียกว่าวรรณะ The Classes ขั้นชั้นวรรณะที่ละเอียดลึกซึ้งซับซ้อน ผู้ที่จะเข้าใจความละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนของขั้นชั้นต้องเป็นอภิภู เป็นโพธิสัตว์ระดับ 8 สูงกว่าอาตมา จะมาเริ่มเข้าใจบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ละเอียดลออเท่าขั้นอภิภู ท่านแปลเป็นภาษาไทยว่าพระผู้เป็นเองคืออภิภู สยังอภิญญา คือผู้เป็นเองเหมือนกันแต่ต่ำกว่าอภิภู จากอภิภูก็เป็น สยัมภู เป็นพระพุทธเจ้าเลยเป็นผู้ที่ตรัสรู้เองโดยชอบเลย
ที่เราพูดนี้เป็นการพูดธรรมะพุทธเจ้าของศาสนาพุทธขั้นสูงขั้นละเอียดที่อาตมาพูดไปนี้ ไม่มีใครมาพูดหรืออธิบายธรรมะที่ละเอียดสูงขั้นอย่างนี้ ในหมู่กลุ่มที่พูดกันรู้เรื่อง พูดกันเข้าใจและเอามาใช้ได้ ไม่มีหรอก มีแต่ขออภัยต้องพูดความจริง มีแต่ เดียรถีย์ ออกป่านั่งหลับตา ออกป่า นอกพุทธหลับตานี้เป็นมิจฉาทิฏฐินอกพุทธ หลับตาปฏิบัติแล้วก็หลงว่าผู้หลับตา นี่เป็นอรหันต์ ที่ไปยกย่องพวกหลับตามหาบัว อาจารย์มั่นเป็นอรหันต์ ขอยืนยัน อาตมาพูดอย่างไม่กลัวถูกฆ่า อรหันต์เก๊
อาตมาพูดสัจธรรมนะ พูดสภาวธรรม ไม่ได้ไปพูดดูถูกตัวบุคคล ท่านมีความอุตสาหะ อาจารย์มั่นก็ดี มหาบัวก็ดี มีความตั้งใจ จนเสียชีวิตคาผ้าเหลืองทั้งนั้น จริงจังนะ อุตสาหะพยายามมากมาย แต่น่าสงสารน่าเสียดายที่ท่านมิจฉาทิฏฐิ ไปออกปฏิบัติแนวของเดียรถีย์กัน ตอนนี้ก็มีเดียรถีย์กัน ยุคนี้มันเสื่อม แล้วไปหลงผิดว่าอย่างนั้นคือของจริง คือของแท้ คือของจะพาบรรลุธรรม อาริยธรรม ท่านอธิบายอาริยธรรมไม่ได้ ท่านอธิบายสาระของ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แยกแยะ วรรรณะ 9 อย่างอาตมาไม่ได้ แยกแยะ เวทนา 108 ไม่ได้ ในตำรามี ในพระไตรปิฎกมี แต่ไม่มีใครกล้าแตะ กล้าเอามาแยกแยะมาพูด จนกระทั่งพวกเราเข้าใจ แล้วก็ปฏิบัติ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:24:16 )
รายละเอียด
เริ่มกำจัดจากขั้นหยาบหรือขั้นต้นไปตามลำดับ จนหมดขั้นหยาบ ลดลงเหลือกิเลสขั้นกลาง และกิเลสขั้นปลาย ก็กำจัดต่อไปเป็นลำดับอย่างมหัศจรรย์จริงๆ และจะกำจัด (ปหาน)ได้ก็ต้องด้วย "กรรม" ที่ "สัมมาทิฏฐิ" ไปตามลำดับอย่างแสนมหัศจรรย์ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเลิกจากหยาบ
"มิจฉาอาชีวะ 5"
"มิจฉากัมมันตะ 3"
"มิจฉาวาจา 4"
ภายนอกก่อนตามลำดับ พร้อมกับกำจัด "มิจฉาสังกัปปะ 3" พลางๆ สุดท้ายเหลือเฉพาะ "มิจฉาสังกัปปะ" ขั้น "อรูป" ภายในที่ต้องกำหนดหมายรู้ให้จริงอย่างเห็นๆ (อัชฌังตังอรูปสัญญีปัสสติ) ตามวิโมกข์ 8 ข้อ 2 ก็ต้อง "ปรับแต่งจิต" (อภิสังขาร) นั้นให้กิเลสหรือบาปลดละได้ ด้วย "กรรม" คือการกระทำทั้งนั้น
ซึ่งแตกต่างจากการปฏิบัติที่เพียงแต่ทำให้ "อาการหรือกิริยาของทุกอย่างหยุดลงไปๆๆๆ" ทำให้ทุกอย่างอยู่นิ่งๆทำให้ "กรรม" ทุกอย่าง "อาการ" ทุกอย่าง นิ่งลง หยุดลง อยู่เฉยๆให้ได้เท่านั้น จนกระทั่งองคาพยพต่างๆไม่มีกิริยา ไม่มีอาการ ไม่มีกรรมใดๆได้ ถ้าอย่างนั้นจะ "กำจัดตัวตนของกิเลสหรือกำจัดกิเลสตายลงได้" อย่างไร ? ทำตรงไหน ?
หนังสืออ้างอิง
คนจะมีธรรมะ ได้อย่างไร ? หน้า 39
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2562 ( 11:14:30 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:23 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:58:17 )
รายละเอียด
แก่นสาร ภาษาบาลีเขาเรียกว่า สาระ ผู้ใดได้สาระ ก็เพราะว่ากิเลสหมดเรียกว่า วิมุติ ผู้ที่มีวิมุติก็เหลือแต่สาระ ผู้ที่ได้สาระสมบูรณ์แบบแล้ว จะไม่มีรสอุปาทาน รสสุขรสทุกข์ เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จริงๆแล้ว เมื่อสำเร็จเป็นอรหันต์แล้วก็จึงรู้ว่า อ้อ คนในโลก มันจะเป็นอรหันต์ ปุ๊บเดียวไม่ได้ มันต้องมีขั้นตอนจึงอนุโลม ให้ติดให้ยึด เป็นตามลำดับ สอนไปทีละขั้น นี่เป็นความรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ทีละขั้นๆ มีวิธีไล่ลำดับ เรียงลำลำดับ แบ่งเป็น 4 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์
ศาสนาอื่นพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าไม่มีลักษณะ 4 นี้ เป็นมนุษย์ 4 เหล่าเป็นมนุษย์ 4 ขั้น ไม่มี มีแต่ของพุทธเท่านั้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธที่ไปหลงนั่งหลับตา ไม่มีรู้จักรูป รู้จักสี รู้จักกลิ่น รู้จักเสียง ทางตาหูจมูกลิ้นกายเอาแต่หลับตาๆแล้วหยุดจิต จนกระทั่งทำให้มันหยุดได้เก่งแบบสมถะแล้วก็หลงว่าบรรลุธรรม เดียรถีย์ ก็ทำแบบโง่ๆ ซื่อๆ สะกดจิตหลับตา มันมีที่สุดอยู่ตรงนั้น
พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็มีแต่พวกหลับตาอยู่เต็มป่า สะกดจิตทั้งนั้น พระพุทธเจ้าถึงได้มาสอนเลิกหลับตา ให้มีปัญญารู้ ยิ่งไปสะกดจิต มันก็ยิ่งโง่ อย่าไปสะกดจิต มาเรียนรู้ตามหลักปฏิบัติมีหลักเกณฑ์ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 แล้วก็ลดกิเลสเป็นขั้นๆ รู้ความจริงตามความเป็นจริงชัดขึ้นฌาน มีปัญญา มีวิชชา ฌาน ไม่มีปัญญา ไม่ใช่ฌาน ฌานได้แต่หยุดนิ่งคือไม่ใช่ ฌาน ของพุทธ ฌานของพุทธต้องมีปัญญา ปัญญาไม่ใช่เฉโก ปัญญาคือ การรู้ความจริงตามความเป็นจริงได้ชัดเจนขึ้น ผู้ใดที่สามารถเรียนรู้ตามพระพุทธเจ้าได้ถูกต้องแล้วก็จะรู้รายละเอียดสารพัด วิจิตรพิสดารจริงๆ แล้วมันเชื่อมโยงกันเป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกันทั้งนั้นเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:10:47 )
รายละเอียด
ขั้นตอนการบวชเป็นสมณะชาวอโศก คือ การบวชไม่ได้บวชง่ายๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ปีไล่มาตั้งแต่เริ่มต้นเป็น อารามิก ปะ นาค เณร กว่าจะได้บวชอย่างน้อย 2 ปี
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:45:08 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:24 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 02:58:47 )
รายละเอียด
พัฒนาไปเป็นอนุโพธิสัตว์ เลยจากอรหันต์ไปตามพระพุทธเจ้าไป อนุ แปลว่า ตามพระพุทธเจ้าตามพระโพธิสัตว์เริ่มจากพระอรหันต์แล้ว เป็นอรหันต์แล้วสามารถตายแล้วแยกธาตุเป็นอุตุไปเลยได้ แต่ยังไม่ตายจะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้รู้เพิ่มของตนทำได้แล้ว ของผู้อื่นองค์นี้คนนี้ ผู้นี้โพธิสัตว์องค์นี้ ท่านทำได้เก่งขึ้น คนๆ นี้เขาทำอย่างไร ก็เรียนไปต่อ อนุ ตาม อนุ ไปเรื่อยๆ เป็นอนิยตะ อนิยตโพธิสัตว์ยังไม่เที่ยง
ไปเรื่อยๆจะเป็นโพธิสัตว์ที่จะเที่ยงต่อการได้ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นโพธิสัตว์ระดับที่ 7 เรียกว่า นิยตโพธิสัตว์ ก็จะรู้ตนเองได้ ตอนนี้ไม่มีใครจะบอกเราได้เก่งเท่าเราหรอก นิยตโพธิสัตว์เป็นผู้ที่ถึงขั้นที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้เที่ยงแล้ว สอบมหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าได้แล้ว ตนเองต้องพากเพียร ไม่มีรีไทร์ นอกจากตนเองจะรีไทร์ตนเอง คนอื่นมารีไทร์เราไม่ได้ใครมาไล่ออกไม่ได้ เราสมัครใจเลิกเอง หรือจะต่อเอง
เพราะฉะนั้นโพธิสัตว์ระดับนิยตโพธิสัตว์ รีไทร์กลางทางเยอะ ระดับ 7 ก็หนักหนาสาหัสยิ่งไประดับ 8 ก็ยิ่งหนักหนาสาหัส ไม่เป็นแล้วพระพุทธเจ้า เพื่อนอาตมารีไทร์ไปเยอะแล้ว อาตมายังสู้อยู่ เดินออกมานี้พวกสมณะเราบอกว่าสู้ๆ พ่อท่านสู้ๆ
ระดับ 7 นี้รีไทร์ไปเยอะ ไประดับ 8 จะไม่ค่อยรีไทร์ อย่างไรยังไงก็ต้องสู้นะลงทุนมาเยอะแล้ว เหลืออีกขั้นเดียวจะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้นจะรีไทร์หรือไม่รีไทร์ก็ขั้นที่ 7 นี่แหละหนักหนาสาหัสกันตรงนี้แหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 20:07:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 09:23:49 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นความจริงที่อาตมามีเอามายืนยันนี้ มันบอกได้โดยอาตมาพาทำ พาศึกษาและพาทำ แล้วได้คนมาปฏิบัติจนกระทั่งเกิด เป็นสาราณียธรรม 6 เป็นสังคมที่มีการเป็นอยู่ร่วมกัน น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน อยู่ร่วมกันเป็นทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา มันก็มารวมกัน ก็อยู่กันเป็นสังคมกลุ่มที่ครบพร้อมด้วยสาราณียธรรม 6 แล้วก็มีคุณสมบัติวรรณะ 9 อย่างแท้จริง หรือตรวจสาราณียธรรม 6 เพราะว่าจิตเป็นพุทธพจน์ 7 จิตมีการระลึกถึงกัน แทนที่ผู้ที่จิตเข้ากระแสแล้ว แทนที่จะไประลึกถึงชาวโลกๆ แม้แต่พี่น้อง มันจะระลึกถึงญาติธรรมมากกว่า สาราณียธรรม
สาราณียธรรมแล้วก็ ระลึกถึง รักกัน ปิยกรณะ เคารพกัน มันรู้ขั้นตอนของชั้นผู้น่าเคารพ แล้วก็เกื้อกูลกัน สังคหะ ไม่ทะเลาะวิวาทกัน อย่างชาวอโศกไม่ทะเลาะวิวาทกัน ตำรวจไม่เคยจะต้องเข้ามาอะไรมากมายเลย ถ้ามีคนอย่างชาวอโศกตำรวจไม่ต้องมีหรอก ประเทศไทยมีคนอย่างชาวอโศกอยู่ครึ่งค่อนประเทศ ตำรวจไม่ต้องมีหรอก เพราะจ้างมาทำไมมาให้ว่างงาน ตำรวจไม่มีอะไรทำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 11:21:30 )
รายละเอียด
ผัสสาหาร จะต้องศึกษาธรรมะมีผัสสะแล้วมี ถึงมีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติ การปฏิบัติต้องมีฐานผัสสะมีเวทนาเกิดแล้วจะปฏิบัติกรรมฐาน คือเวทนา 108 อาตมาก็ชี้ชัดลงไปแล้ว ปฏิบัติที่เวทนา 108 หากปฏิบัติเวทนา 108ได้แล้ว เป็นอรหันต์ จริง ไม่เป็นอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องบรรลุอนาคามี อาตมาขอยืนยัน แต่ทีนี้ไม่แล้ว ไปหลับตา ทิ้งผัสสะ ก็เลยยิ่งออกนอกไปไกลจากวิเวก ไกลแสนไกล ไม่มีทางแม้จะทำความสงัดให้แก่จิตวิญญาณก็ไม่มีทาง นั่นคืออาหารรูป เมื่อไม่มีผัสสะไม่มีเวทนา คุณก็อ่านนาม 5 ไม่ได้ เวทนา สัญญา เจตนา คือมโนสัญเจตนา เกิดจากผัสสะ ผัสสะมีเวทนา แล้วจึงอ่านเจตนา อ่านตัณหาได้ใน มโนสัญเจตนาคือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาเมื่อไม่มีผัสสะจะมนสิการไม่ได้ จะทำให้เกิดวิภวตัณหาไม่ได้กามตัณหา ต้องล้างกามตัณหา เหลือภวตัณหาก็ล้างภวตัณหาคือรูปภพอรูปภพ หมดภวตัณหาก็เป็นวิภวตัณหา เป็นตัณหาไม่มีภพ เป็นพระอาริยะ พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า เป็นตัณหาอุดมการณ์พูดสภาวะกัน ก็เข้าใจ จะไปเอาบัญญัติหาว่าพระพุทธเจ้าไปมีตัณหาอีก ก็ไม่รู้จักว่าท่านใช้วิภวตัณหาความต้องการของพระพุทธเจ้า…หากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวกและสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ยังไม่ได้รับคำแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ยังปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรมที่เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดงบัญญัติแต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ และข่มขี่ปรัปปวาทะที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อย โดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯลฯ . (มหาปรินิพพานสูตร พตปฎ.เล่ม 10 ข้อ 102)
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563
หนังสืออ้างอิง
มหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 10 ข้อ 102
เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:06:13 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:58:01 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:00:29 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:49:14 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:09:36 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:01:29 )
รายละเอียด
ผู้ศึกษาและปฏิบัติจนกระทั่งเกิด“ธรรม”ที่เป็น“พลัง”หรือ
“อำนาจ”ทางจิต“
หยั่งลง(โอคธา) หรือ“ทรงขึ้น(ธัญญ)”
และสะสมเพิ่มขึ้น“ทรงไว้(ธัมม)”ไปตามลำดับเป็น“โลกุตร-
ธรรม”
มีแรงหรือกำลังตามกระบวนการของ“อินทรีย์ 5-พละ 5”
ที่เป็น“อำนาจ”หรือ“อธิปไตย”อันเกิดในจิตอย่างวิเศษ
เป็นอุตตริมนุสสธรรม
ซึ่งเป็น“โลกุตรธรรม”ก็เรียกเต็มภาษาว่า “ธรรมาธิปไตย”
“ธรรมาธิปไตย”นี้เป็น“โลกุตรธรรม” อันเป็น“ธรรมะ”ที่
มี“อำนาจ”อยู่เหนือ“โลก” และอยู่เหนือ“อัตตา”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 114 หน้า 112
เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 21:08:45 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 25 กันยายน 2563 ( 19:04:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:18:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 09:51:14 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นการขัดแย้งกันการทะเลาะกัน การตกลงกันให้สำเร็จจบยุติ ยุติกันได้ โดยไม่ต้องลำบากลำบนขึ้นมาถึงสูงสุด ระดับประเทศก็ไม่ขึ้นสูงสุดถึงนายก จบได้ก่อน อย่างนี้ก็เป็นความสงบความสบายของสังคม เพราะฉะนั้นเรื่องสังคมที่ประชาชนที่แต่ละคนมีอธิปไตย แต่ละคนมีพลัง แต่ละคนแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของตนเอง แต่ความเป็นกิเลสในตนเองนั้นไม่มาก มันจึงออกไปทะเลาะกันไปแย้งกันไปแข่งดีแข่งเด่นกันน้อย มันก็เลยเรื่องไม่มาก
เมืองไทยเรื่องไม่มาก แต่คนไม่รู้ความพอเหมาะพอดี ยังไม่เข้าใจความเป็นจริงของความสงบ ของสภาพของรัฐศาสตร์หรือการเมืองหรือประชาธิปไตย หรือแม้แต่การแย่ง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเรื่องของเศรษฐกิจก็ตาม เมืองไทยไม่มีปัญหามากเลย สบาย
สบายถึงขนาดว่าชาวอโศกปีนี้ ชาวอโศกเป็นคนจน นี่ไม่ได้พูดเล่นเป็นสังคมคนไม่ได้สะสมเงิน ไม่ได้ไปเอาเปรียบเอารัดโลกเขา ไม่ได้ไปเอาเปรียบเอารัดสังคม มีแต่เสียสละให้สังคมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเงินกองกลางเงินก้อนของตนเองนั้นจะมีน้อย แต่มันก็พอหมุนมาได้ ปีนี้เสียสละจัดงานตลาดอาริยะ ขาดทุน 10 ล้าน ทั้งที่เป็นคนจนนะ ไม่ใช่คนรวย นี่เรื่องยากที่คนจะเข้าใจ และคนที่จะมาได้รับประโยชน์จาก 10 ล้านที่เราพยายาม ไม่แจกเงินไปให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย เราก็มีวิธีแจกโดยใช้วิธีซื้อของจำเป็นที่จะต้องใช้กันในย่านนี้ ไม่ใช่พวกไฮโซ ของที่เราจะขายไม่มีสินค้าแบบไฮโซ มีจอบ มีเสียม มีตะกร้า มีกระบุง มีครก มีสากอะไรต่ออะไร มีกระทะ มีหม้อ อย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มกราคม 2566 ( 19:48:30 )
รายละเอียด
“ผู้สร้างขึ้นมาได้โดยสุจริต” เราก็เป็นผู้มี“ทุน”ตามสัจจะ
ที่เป็นสิทธิของเรา
แล้วก็“สละทุนของตนที่สร้างขึ้นมาได้”นั้น ผู้นั้นก็เป็น
ผู้“ขาดทุน”ของเราให้ผู้อื่น เป็นผู้เสียไป สละไปให้ผู้อื่น
เราเป็น“ผู้ขาดทุน” นี้แหละคือเราเป็นผู้“อยู่เหนือ”แล้ว!
ขืนเราเป็น“ผู้กำไร”เราคือ“ผู้เอาส่วนได้เปรียบ”เราก็ต่ำ!
เพราะเราเป็น“ผู้เอาเปรียบหรือได้เปรียบ” เราก็คือ“คน
ที่เบียดเบียนผู้อื่น”แท้!
ผู้ทำทุกข์แก่ผู้อื่น ผู้เป็นภาระแก่ผู้อื่นจริง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 97 หน้า 103
เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 19:39:30 )
รายละเอียด
ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา มาตีให้แตก ขาดทุนแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ไม่ต้องสอนจระเข้ว่ายน้ำหรอกนักเศรษฐศาสตร์ระดับนี้
ขาดทุนคืออะไรกำไรคืออะไรคุณคิดหมด ต้นทุนทุกอย่างตั้งแต่ถ้า วัตถุดิบแรงงาน โสหุ้ย ค่าแรงงาน แล้วก็ยังบวก Error อีก 5% แล้วต้นทุนมันจะขนาดไหน มันประมาทมากเลย เพราะฉะนั้น คุณมาคิดอย่างที่ชาวอโศกคิด เรามั่นใจในสมรรถนะความสามารถมวลชนเราแข็งแกร่งพอ มักน้อยสันโดษ ไม่หลงสวรรค์ ที่เขาครอบงำว่านี่ก็ใหญ่โตหรูหราน่าได้น่ามีน่าเป็น สวรรค์หลอกๆสร้างขึ้นมาปรุงแต่งมาหลอกกันทุกวันต่อหางหัวแข้งขา ออกไปบานเบิก หลอกคนไปมอมเมาคนไป ต้องเข้าหาแก่นหาเนื้อให้ดี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:52:39 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นในสิ่งที่ชาวอโศกเราทำนี้ มองเผินๆตามที่เขาพวกเขาโง่ๆ ไม่รู้อะไรก็บอกว่า รัฐบาลบริหารมานี้ทำให้มาเป็นคนจน จนหมดตูดจะแย่อยู่แล้วนี่ จริงๆแล้วมันไม่จริงเลย อาตมาก็ชี้แจงหลายทีแล้วว่า ประเทศไทยขณะนี้เงินทุนสำรองมีถึง 2.4 แสนล้านดอลลาร์ อยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก สูงกว่าหนี้ต่างประเทศ จะยืมเงินกู้เงินจากต่างประเทศก็จริง แต่มีเงินทุนสำรองสูงกว่าที่กู้มาเกือบ 3 เท่า เทียบเงินสำรองกับ GDP ก็คิดเป็น 48% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกด้วย พวกนักสถิติเขารายงานไว้
สรุปแล้วเรื่องเศรษฐกิจไทยนั้น ความจริงตามสมมุติ ไทยก็ไม่ได้เป็นเลย แล้วยิ่งมีคนอโศกเป็นความจริงตามปรมัตถ์อีก มาเป็นคนจน เต็มใจจน ตั้งใจจน จนสุขสำราญเบิกบานใจอีก มันแก้ปัญหาสำเร็จแล้ว นักเศรษฐศาสตร์ที่จะไปช่วยให้คนรวย เราบอกเราไม่ต้องช่วย เราเอาแบบคนจนอย่างที่ในหลวง ร. 9 ตรัส นอกจากนั้นยังมี ขาดทุนของเราคือกำไรของเราอีก แล้วเราก็ทำสำเร็จด้วยนะ ชาวอโศกเราทำสำเร็จทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 20:41:17 )
รายละเอียด
ยังมั่นใจว่าเรื่องเศรษฐกิจที่อาตมาพูดนั้นไม่เหมือนกับเศรษฐกิจที่โลกเขาสนใจสากลเขาสนใจ เศรษฐกิจของอาตมามันยาก ซึ่งอาตมาเข้าใจนั้นเป็นแนวเดียวกับพระพุทธเจ้า สังคมที่มีเศรษฐกิจดีอย่างเช่นชาวอโศกถือว่าเป็นเศรษฐกิจดี เป็นคนอย่างไรก็คือเป็นคนจน เหมือนอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้เป็นคนที่ขาดทุนให้แก่สังคมที่คือเศรษฐกิจดี ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นั่นคือคนที่เศรษฐกิจดี ฟังแค่นี้คนก็หูหักแล้ว สรุปง่ายๆ สังคมนี้มีอยู่มีกินอุดมสมบูรณ์จึงขาดทุนให้แก่สังคมได้ อย่างนี้ไม่เรียกเศรษฐกิจดีได้อย่างไร แต่ไม่เป็นหนี้นะ เราอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเข้าใจยาก เศรษฐกิจโลกีย์ไม่รู้จักโลกุตรธรรม เขาเบียดเบียนกันและกัน ในโลกต้องขยันหมั่นเพียรพออยู่พอกิน มีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มีผลผลิต เหลือกินเหลือใช้ก็ขาดทุนให้แก่คนอื่นได้ อาตมาอธิบาย GDP ที่ยืนยัน Gross รายได้องค์รวม เศรษฐกิจดีคือรายได้ของเราไม่ได้เอามาก มีเหลือน้อย นั่นคือเจริญ เราไม่ไปเอาของคนข้างนอกมาคิดรวมเป็นรายได้ของเรา แต่เราเอาจากการสร้างผลผลิตของเราเอง จะต้องสร้างได้มากขึ้น ได้Gross น้อย แต่product ของเรามากๆๆนี่คือเศรษฐกิจ แล้วเมื่อมีมากเราก็สะพัดแก่คนอื่น เราไม่ต้องรวย คนก็ไม่ทำร้ายเรา เราก็เกื้อกูล ได้น้ำใจมนุษยชาติ ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อจะได้น้ำใจแต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปตามธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 17:42:53 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:29 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:02:24 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนสรุปอีกทีหนึ่งก็คือ เขายังไม่รู้กันหรอกว่า คนที่เข้าใจทำตนเองให้น้อยทำตัวเองให้มักน้อยสันโดษ ตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้า มาเป็นคนจน มาเป็นคนพอ มาเป็นคน 0 แล้วมันก็เป็นความซับซ้อนมีส่วนกลาง และส่วนกลางก็ไม่ต้องมีมาก อาศัยพลังงานสร้างสรรค์นี้เป็นตัวพลังงานสร้างสรรค์ ให้มากให้ครอบคลุม สภาพตัว static dynamic ให้มันครอบคลุม
ตัวเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ให้มันมีแรงสร้างสรรค์มากกว่าสิ่งที่เป็นตัวเก็บ เป็นตัวคงคลัง คงคลังน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะมันเป็นของตายๆไม่มีประโยชน์ ทิ้งไว้ก็มีแต่ของเปล่าประโยชน์หรือเน่า ของทิ้งไว้นี่มีแต่ของเน่า ของที่เคลื่อนมีแต่พลังงานสดใหม่และเป็นประโยชน์ไปเรื่อยๆ
นี่เป็นทั้งเศรษฐศาสตร์ ทั้งสังคมศาสตร์เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากรัฐศาสตร์ พวกที่ยังไม่เป็นโลกุตระ ถ้าหากรัฐศาสตร์เป็นโลกุตระก็จะเข้าใจซ้อนอีก รัฐศาสตร์หรือการเมืองทุกวันนี้ เขายังเป็นรัฐศาสตร์โลกียะ เข้าใจเอาตำราของต่างประเทศมาใช้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นนักรัฐศาสตร์ที่จบมาจากมหาวิทยาลัยเอาตำราจากต่างประเทศมาใช้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็บอกว่าเขาเปิดอ่านตามตำรา ถึงหน้าสุดท้ายก็กลับมาเปิดหน้าหนึ่งใหม่ มันจะไปไหน วนอยู่ในอ่าง วนอยู่ในโลกียะอยู่อย่างนั้น
แต่ในหลวงท่านไม่ได้อธิบายต่อไปท่านบอกว่า ให้มาเอาแบบคนจนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:09:11 )
รายละเอียด
ขาดทุนของเราเป็นกำไรของเรา (our loss is our gain) คือ ในที่นี้ย่อมไม่ใช่เสียหาย แต่มุ่งหมายถึงการกระทำที่เราได้เสียสละ ซึ่งนัยของการที่เราได้เสียสละออกไปนั่นแหละเป็นการได้ คือ ได้ทำความดีแล้วในมนุษย์ใดที่ทำการให้ ยิ่งการเสียสละหรือการให้ใดๆ ออกไปแก่ผู้อื่น โดยไม่หวังหรืออยากได้อะไรตอบแทนเลย นั่นคือสุดยอดมนุษย์ผู้ประเสริฐ
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 27
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:32:08 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:01 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:03:01 )
รายละเอียด
คือ ถ้าเราทำอะไรที่เป็นการกระทำแล้วก็เราเสีย แต่ในที่สุด ก็ไอ้ที่เราเสียนั้นมันเป็น การได้
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:26:28 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:35 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:03:20 )
รายละเอียด
ขาดทุนคือกำไร ไม่ใช่ภาษาเล่นลิ้น ไม่ใช่ภาษาตลกหรือเท่ๆโก้ๆแล้วมันทำได้จริงๆไหม ...ทำได้ ขาดทุนได้จริง แล้วเราก็อยู่อย่างขาดทุน พวกนักเศรษฐศาสตร์ของโลก เขาก็เข้าใจไม่ได้ว่า เอ็งมาขาดทุนแล้วเอ็งจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง ธรรมดาเขารักษาทุนให้มันเหลืออยู่นะอย่าให้มันขาดทุน มันยังพร่องเลย มันยังไม่เหลือเลย แล้วนี่มาขาดทุนเอ็งจะเอาอะไรมาตู๊ไว้ได้ ชีวิตที่อยู่อย่างขาดทุนจะเอาอะไรมาสู้ไม่ได้ เขาคิดไม่ออก คิดไม่ออกไม่เป็นไร
โพธิรักษ์เป็นนักเศรษฐศาสตร์แท้ๆจะบอกให้ คนเหล่านี้อยู่ได้เพราะแรงงานและสมรรถภาพ อยู่ได้ด้วยการขยันหมั่นเพียรและความสามารถ ความรู้ ทำ เขาไม่เอาแต่พูด เขาทำ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 16:00:04 )
รายละเอียด
ขาดทุนคือกำไร นักเศรษฐศาสตร์ก็บอกว่าไม่ใช่พูดอย่างนั้นไม่ถูก ท่านก็ว่าไว้เรียบร้อย แต่มันใช่ แล้วท่านก็ขยายความสรุปความ ว่าเราเสียนี่แหละคือเราได้
ซึ่งเป็นภาษาที่ทวนกระแส เราเสียนี่แหละคือเราได้ แล้วมันเป็นสัจจะความจริงที่สุด ผู้ใดเข้าใจความจริงอันนี้แล้ว ..สรุปว่าคนสามารถศึกษาเอาความจริงอันนี้มาใช้ แล้วต้องใช้ ต้านทานกระแสโลกีย์ที่เข้าไปหาความทุกข์ หาอบายมุข แย่จริงๆอย่างเห็นได้เลย อย่างที่เขาเข้าใจไม่ได้ อย่างเช่น ชาวอเมริกัน เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:59:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:26:29 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:23:17 )
รายละเอียด
เพราะคนผู้นี้จะไม่สามารถมี“ปัญญา” รู้จักรู้แจ้งรู้จริงเข้าไปถึง“สภาวะ”ความเป็น“เทฺว”
ตีแตกแยกแยะ“เทฺว”ไม่ได้ ก็จะมี“เทฺว”เป็นสรณะ
คือมี God หรือมี“พระเจ้า” เป็น“ที่พึ่ง-ที่นับถือบูชายิ่งใหญ่”
จึงเป็น“อวิชชา”อยู่
ยังรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ที่พึ่ง” ที่เป็น“สัจจะ”ยิ่งกว่านั้น ซึ่งได้แก่“กรรม”นี่เอง ไม่ได้
จึงต้องพึ่ง God พึ่ง“พระเจ้า” อยู่ตลอดกาลนานนิรันดร
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 35 หน้า 63
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 15:26:56 )
รายละเอียด
ขายทวนกระแสโลก ขายให้ต่ำได้ราคาต่ำที่สุดเป็นดีที่สุด มันจำนนหรือเหมาะควรก็เอานิดหน่อย มีหลักเกณฑ์ทำกันอย่างจริงจังไม่ใช่พูดเล่น ยืนยันมาได้ทำมา อย่างการค้าการขายก็ทำมาตลอด 40-50 ปีไม่ได้หยุดหรอก แม้แต่ที่สุดทำมันชัดๆถึงตลาดอาริยะ ก็ทำกันจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่อต้องการดัง ไม่ได้ต้องการดัง ไม่ได้ต้องการเด่น ไม่ใช่
ทำเพื่อให้รู้ว่าเราจะต้องทำจริง เสียสละจริง เกื้อกูลกันจริงๆ แม้ปลีกย่อยเราก็แจกจ่ายเท่าที่ทำได้ มันมีได้ อันนี้มันเป็นเรื่องของความจริงของมนุษย์ที่เข้าใจด้วยจิตวิญญาณแล้วก็ออกมาทางกายกรรม วจีกรรมเต็มใจตั้งใจ แล้วก็บันเทิงใจที่เราได้ทำสิ่งเหล่านี้
มันไม่ใช่เป็นทุกข์ มันไม่ได้เป็นทุกข์นะ จะบอกว่ามันเป็นสุขก็ได้ เรียกด้วยอนุโลม ความหมายของมัน มันไม่ได้ทุกข์ที่เราได้ไปทำ นอกจากเราขี้เกียจก็ไม่ได้ไปทำ ถ้าไม่ขี้เกียจก็ขยันร่วมกันทำ มีอะไรเราพอทำได้ ไม่มีอะไรก็เก็บผักตาโก้งไปแจก คนจะเอาไหมนี่ มันเยอะเหลือเกิน หรือผักบุ้งก็เก็บไปแจกได้ทุกวันก็ว่ากันไป มันก็งามของมันเต็มไปหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:46:34 )
รายละเอียด
1. ความเพลิดเพลิน
2. รสอร่อย – รสสุข – รสสนุก – ความเพลินของทุกสรรพสิ่งในโลกีย์
3. หลงรสโลกีย์
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 500
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 308, 319
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 21:58:09 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:18:24 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:03:45 )
รายละเอียด
เชิงชอบกับเชิงชัง บางคนมันไปชอบแบบชัง แบบซาดิส แบบมาโซคิส แบบเจอกันต้องแรงๆ มันถึงจะเพื่อนแท้ ถ้าอีกแบบก็เป็นกะเทย พวกซาดิสจะชอบความรุนแรง พวกฮาร์ดร็อก พวกกีฬา พวกนักรบ แม้แต่เสียงก็ต้องให้ดัง แม้แต่ รสก็ต้องจัดจ้าน ต้องซี้ดๆ กลิ่นต้องให้ฉุนขนาดหนัก มันก็ชอบจัดๆจ้านๆ พวกนี้ยังอีกนานมันยังสลายยาก ชอบแบบแรงๆ ชอบเป็นก้อน ชอบหนัก ชอบจัดจ้าน กระทั่งว่าเมื่อไหร่มันถึงจะจบ ถ้ามันไม่บางจางคลายลงไปได้ ถ้าหากบางจางคลายลงไปเรื่อยๆ คนนี้ก็มีหวังให้หมดความติดยึด มันเป็นสัตว์โลก
ท่านแบ่งเป็นขิฑฑาปโทสิกะ กับมโนปโทสิกะ
หนึ่งโง่เพราะอารมณ์โลก ขิฑฑา ขิฑฑาแบ่งเป็น 2 อย่างคือ ซาดิสม์กับโรแมนติก โรแมนติกก็ชอบกาม ซาดิสซึ่มก็ชอบอัตตารุนแรง มันก็มี 2 ทิศทางใหญ่ๆ กามสุขขัลลิกะ กับอัตตกิลมถะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:15:48 )
รายละเอียด
1. จิตวิญญาณที่เป็นผู้หลงอยู่กับความเพลิดเพลินจนเกิดความเสียหาย หรือเป็นผู้ถูกความรื่นรมย์ สุขสบายใจนั่นเอง ทำให้ตกต่ำ ทำให้เลวลง คือผู้มีความสุข สนุกสบายนั่นแหละเป็นโทสะแก่ตน
2. เทวดาประเภทจิตขึ้นสวรรค์เพราะได้เสพรสอร่อย , จิตของปุถุชนผู้ยังหลงอยู่กับ “ฝัน” อันเป็นความสนุกรื่นเริงที่แสวงหาความสนุกรื่นเริงกันอยู่ ก็ยังคงเป็นปุถุชนผู้หลงฝันเป็นความจริง ก็เสพฝันนี้แหละจริงอยู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 403
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 295
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:00:05 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:19:03 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:04:20 )
รายละเอียด
1. จิตวิญญาณที่เป็นผู้หลงอยู่กับความเพลิดเพลินจนเกิดความเสียหาย หรือเป็นผู้ถูกความรื่นรมย์ สุขสบายใจนั่นเอง ทำให้ตกต่ำ ทำให้เลวลง คือผู้มีความสุข สนุกสบายนั่นแหละเป็นโทษแก่ตน
2. เทวดาประเภทจิตขึ้นสวรรค์เพราะได้เสพรสอร่อย , จิตของปุถุชนผู้ยังหลงอยู่กับ “ฝัน” อันเป็นความสนุกรื่นเริงที่แสวงหาความสนุกรื่นเริงกันอยู่ ก็ยังคงเป็นปุถุชนผู้หลงฝันเป็นความจริง ก็เสพฝันนี้แหละจริงอยู่
ที่มา ที่ไป
รวมศัพท์อโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:07:13 )
รายละเอียด
ตั้งแต่รู้ว่าเกิดอย่างหยาบ เกิดในภพของนรก เกิดอยู่ในภพของความหลงใหญ่ หลงสนุก มีอยู่ 2 อย่าง ใหญ่กับสนุก เรียกว่า ขิฑฑาปโทสิกะ กับ มโนปโทสิกะ
ขิฑฑาปโทสิกะ คือสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์ ก็พากันไป อีกพวกหนึ่งก็คือยิ่งใหญ่ มโนปโทสิกะ เรียกว่า จิต เป็นใหญ่ที่สุด จิตเป็นพระเจ้า
ขิฑฑาปโทสิกะ คือความสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์ความเอร็ดอร่อย เป็นโทษ กับ มโนปโทสิกะ มี 2 อย่างเท่านี้แหละ แยกเป็น 2 อย่างทั้งหมดนี้เลยทั้งโลก รวมลงเท่านี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:16:10 )
รายละเอียด
มันซ้อน 1. ชนะนึกว่ายิ่งใหญ่ 2. ให้คนอื่นยินดีหรือพอใจ ชอบใจ ยึดติดสนุกสนานไปด้วย ขิฑฑาปโทสิกะ ในโลกที่มี 2 อย่าง บันเทิงเริงรมย์ ร้องรำทำเพลงบรรเลงไป บันเทิงอีกอย่างก็เก่งทางแทคติกต่างๆ เก่งทางฟันดาบ เก่งทางฟุตบอล เก่งทางชกเขา เก่งทางทำร้ายเขา
มันก็มีโรแมนติกกับซาดิสม์ 2 อย่างเท่านี้ ก็มารู้ว่าถ้าขืนไปหลงอยู่กับอันนี้ ก็ไม่รู้กี่ชาติหลุดพ้นไม่ได้สักที ก็มาเข้าใจให้มันรู้ว่า ขิฑฑาปโทสิกะ มันเป็นเช่นนี้ มโนปโทสิกะ มันเป็นเช่นนี้ หลงสนุกสนานเพลิดเพลินเป็นอย่างนี้ หลงในจิตยึดเป็นเจ้าเป็นใหญ่เป็นอย่างนี้ ก็มาลดพวกนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:25:07 )
รายละเอียด
เหตุที่ทำให้มันติดอยู่ในมโน เหตุที่ทำให้ติดอยู่ใน ขิฑฑา แค่ ขิฑฑา สนุกสนานบันเทิงเริงรมย์เอร็ดอร่อย มันหยาบกว่า มโนอีก ขิฑฑายังไม่รู้เลย ทุกวันนี้ยังปรุงแต่งสนุกสนาน เอร็ดอร่อย กับยิ่งใหญ่มโน สนุกสนานเพลิดเพลินกับยิ่งใหญ่
พวกสมาชิกของความสนุกสนานรื่นเริงนี้ มากกว่าสมาชิกของพวกจะไปยิ่งใหญ่ เพราะมันยากกว่า ใช่ไหม จะไปเป็นผู้ยิ่งใหญ่นี้มันยากกว่า แต่สนุกสนานบันเทิงนี้ เป็นตัวที่จะทำให้คนอื่นเขาสนุกสนานรื่นเริงบันเทิง เรียกโดยศัพท์สำนวน เท่ๆว่า ให้ความสุขแก่มวลประชาชน เป็นผู้ทำความบันเทิงให้แก่มวลประชาชน บำเรอเอร็ดอร่อย ก็คือ ขิฑฑาปโทสิกะ
เพราะฉะนั้นมวลสมาชิกของพวกบันเทิงเริงรมย์จึงมากกว่ามวลที่จะไปแย่งกันใหญ่ ใช่ไหม พวกไปแย่งกันใหญ่ ทำได้ยากกว่ามาก ก็เลยสมาชิกน้อย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:20:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:55:23 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:02:41 )
รายละเอียด
1. พุ่งไป ซัดไป ขว้างออกไป หรือเริ่มเป็นตัวตนที่ก่อเรื่อง ก่อสุข ก่อทุกข์ได้แล้ว
2. พุ่งออกไป
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 139 , 143
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:02:23 )
เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:19:37 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:04:46 )
รายละเอียด
สิ้นอนุสัย
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 199
เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:03:57 )
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 04:55:06 )
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:05:08 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name