@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

รากที่ 3 มีผัสสะเป็นเหตุเกิด

รายละเอียด

มนสิการ การทำใจในใจ แล้ว ทีนี้รากที่ 3 มีผัสสะเป็นเหตุเกิด เพราะฉะนั้น คำว่า “ผัสสะ” คำนี้ มันเป็นเรื่องตัดสินได้เลยว่า ศาสนาพุทธเสื่อมหรือไม่เสื่อม เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้ มาเรียนรู้หลับตา ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัย ไม่มีผัสสะ มันชี้บ่งถึงความเสื่อมชัดเจนแล้วว่าพวกนี้เดียรถีย์ เดียรถีย์แท้ๆ ขออภัยอาตมาไม่ได้ไปพูดไปว่าหรอก มันเป็นสัจจะความจริง อาตมากำลังสาธยายสัจจะความจริง อาตมาไม่ได้ไปบอกว่า คนนี้ผิด คนนี้ถูกไปลงโทษ ไปข่มไปเบ่งอะไรไม่ใช่ มันเป็นการยืนยันความจริงของความจริง ไปนับถือกันหมดเลยไปนับถือหลับตา 

ซึ่งหลับตามันโมฆะเลย โมฆะจริงๆ ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติธรรมโลกุตระ คุณจะใช้เป็นอุปการะบ้าง เป็นเตวิชโช เป็นการพักผ่อน เป็นการทบทวนธรรมอะไร ดีไม่ดีเอาไปเล่นฤทธิ์เดช เอาไปเป็นอภินิหารอะไรไป ท่านถือการหลับตาเป็นอุปการะ แต่มันไม่ใช่ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพาน ไม่ว่าจะหลับตาด้วยวิธีใด 

เพราะฉะนั้น ในฌาน สมาธิ ในนิโรธ ลืมตาทั้งสิ้น ไม่มีหลับตาเลยของพระพุทธเจ้า ฌานก็ลืมตา สมาธิก็ลืมตา นิโรธก็ลืมตา ไม่ได้หลับตา ปัญญา มันมีปัญญาที่จะรู้เรื่องเหล่่านี้ มันต้องลืมตาสิ 

ปัญญาไม่เกิดในการหลับตา ในมหาจัตตารีสกสูตร ข้อ 258 ยืนยันชัดเจน ว่าปัญญาจะเกิดได้ จะต้องมีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ มีสัมมาทิฏฐิ มีมัคคังคะ จึงจะเกิดปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาผล 

หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่า คุณต้องมีมัคคังคะ มรรคมีองค์ 8 มีทั้งในขณะที่คุณทำงานอาชีพ อาชีพนี่คุณหลับตาทำไหม? หรือกัมมันตะ ในการกระทำการงาน คุณหลับตาทำไหม? หลับตาทำงาน มีคนตาบอดทำงานหลับตาทำ คนตาดีไม่มีใครเขาหลับตาทำงานหรอก เอาล่ะ ถ้าพูดอาจจะหลับตาพูดได้ แต่กัมมันตะหรืออาชีพ ไม่ได้หลับตา หรือนึกคิด คุณอาจจะหลับตาคิดได้ นี่คือองค์ทั้ง 4 ของมรรคองค์ 8 มันบังคับว่าไม่ได้อยู่ในการหลับตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:54:07 )

รากศัพท์คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง

รายละเอียด

ทีนี้ ย้อนมาถึงเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ในหลวงใช้ภาษาคำนี้ ซึ่งเป็นภาษาที่อนุโลมกับภูมิปัญญามนุษย์ ภูมิปัญญาของประชาชน ท่านใช้คำว่าพอเพียง 

คำว่าพอเพียง  จริงๆแล้ว แปลมาจากรากศัพท์ คำว่า สันโดษ หรือ สันตุฏฐิ หรือสันโตสะ มันหมายถึง ความพอ ใจพอ ใจมันมีความพอ “เพียงนี้ แค่นี้ พอ” 

อาตมาเคยขยายความให้ฟัง เช่น เราเองเราไม่มีภูมิปัญญาในเรื่องสันโดษ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า เคยเป็นมาแล้วบ้างหรือยัง?  (เสียงตอบ..เคยเป็น) อาตมาว่าถ้วนหน้า แม้แต่อาตมาก็เคยมาแล้ว กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ยังไม่เคยมีภูมิปัญญาเลย  ไม่มีความสำนึก ไม่มีความรู้เลยแม้แต่เพียงแค่นี้ 

พอมีปัญญาเห็นแล้ว เห็นแล้วว่า อย่างนี้ไม่ควร 

1. ไม่ควรเพิ่มปริมาณ เรากินแค่นี้พอแล้ว 

2. กินอย่างมีปัญญา รู้จักคุณภาพว่าควรกิน “เออ! อย่างนี้ไม่ควรกิน ไม่เอาแล้ว” แต่ก่อนเราเคยกินเละเลย อย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ว่าจะคำนึงถึงสุขภาพหรือว่าคำนึงถึงบุญบาป คำนึงถึงกรรมวิบากอะไรก็แล้วแต่ ไม่คิดไม่รู้ กินแหลก ทุกอย่างที่ขวางหน้า 

จนมีภูมิปัญญารู้ ทั้งเรื่องของปริมาณก็กำหนด ยิ่งเรื่องของคุณภาพก็ใช้ปัญญาธรรมวิจัย วิจัยวิจารณ์เลือกเฟ้น ไอ้ที่ไม่ควรก็เอาออก พอ อย่างนี้หยุด 

เช่น แต่ก่อนนี้ โอ้โห กินไอ้น้ำเสียนิสัย กินอย่างไม่รู้ กินอย่างโง่ ไม่รู้จักหยุด พอ มีจิตว่าควรพอ คนที่ติดเหล้าเขารู้เหมือนกันนะว่ามันไม่ดี แต่กิเลสมัน..เขาอดไม่ได้ ทนไม่ได้ เขาสู้กิเลสไม่ได้หรือคนเสพยาเสพติดแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่ดี แต่มันติดซะแล้วมันอดไม่ได้ เพราะกิเลส มันจึงมีกำลัง กิเลสมันมีกำลังมาก จนคนตกเป็นทาสกิเลสและสู้ไม่ได้ นี่ก็สุดสงสารแล้ว ไม่รู้จะช่วยยังไง 

เพราะฉะนั้นเป็นคนที่มีจิตตามลำดับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นคนวรรณะ 9 สันตุฏฐิ คือใจพอหรือความพอเพียง ที่เราเอามาใช้อธิบายอยู่ตอนนี้ 

คนมีวรรณะ 9  วรรณะนี่ ภาษาอังกฤษก็คือ Classes คลาส-สิส, คลาส-เสส 

คลาสสิค คือ  ผู้เจริญ คนเป็นหนึ่ง คนเป็นเอก คนมีวรรณะหรือคนมีขั้นชั้นเป็นอาริยะที่แท้จริง เป็นอาริยะมีขั้นชั้นถึงขั้นหนึ่งขั้นเอก เรียกว่า คลาสสิค เป็นคนที่คลาสสิค เขาเอาไปใช้เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับอะไรที่คลาสสิคเยอะแยะ เอามาอธิบายความเป็นคนคลาสสิคคือ อาริยะที่แท้จริง เป็นคนมีชั้นวรรณะ ถ้าจะใช้ชั้นวรรณะประเดี๋ยวมันจะเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ อาตมาก็เลยเรียกง่ายๆว่า “เป็นคนมีขั้นชั้น มีขั้นชั้นที่เจริญจริงๆ”

เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่มีคุณสมบัติ 7 อย่างของวรรณะ 9 (ข้อ 1-7) นี้แล้ว สูงสุดแล้วก็มีคุณสมบัติพิเศษ มีคุณธรรมขั้นวิเศษ คือมี อปจยะกับวิริยารัมภะ ไม่สะสมแล้วและขยันหมั่นเพียร

อย่างชาวอโศก ขยันหมั่นเพียร ความขี้เกียจหายไป แม้แต่ว่า พวกเราแต่ละคนจะรู้สึกว่าแต่ก่อนเรามีความขี้เกียจไม่มากก็น้อย แต่มาทุกวันนี้อยู่ที่นี่แล้ว มันลดไปจริงๆนะ มันเลิกไปไอ้ขี้เกียจอย่างเก่าๆ มันไม่แล้ว บางคนนี้ โอ้โห ขยันจนไม่สบายเลย ต้องมีเพื่อนบอกให้พัก ทั้งๆที่เคยขี้เกียจมาเก่า มัน Over เกิน มันกลายเป็นเกินเลยไปได้ เรียกว่ามันกลายเป็นอุปกิเลส ซ้ำซ้อนจนตัวเองเลยเถิดไป มันเป็นไปได้เหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 19:05:49 )

รากเค้าของความจบ 

รายละเอียด

เป็นสุดยอดรากเค้า ปริโยสานคือรากเค้าของความจบ 

รากเค้าของตัวจบ คือ ถ้าไปถึงรากตรงนี้ทำลายรากตรงนี้หมดเลยหมดแล้ว จิตนิยามหรือจิตวิญญาณหมดเลยไม่เหลือ แหลกเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปหมดเลย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ผู้ที่จะทำปรินิพพานเป็นปริโยสานได้คือผู้ที่เป็นอรหันต์ขึ้นไป 

เพราะฉะนั้นความเป็นอรหันต์ ซึ่งไม่ใช่ว่า คุณเองไปนั่งหลับตาดับนิโรธ แล้วคุณก็บอกว่าคุณเองเป็นอรหันต์ แต่คุณแยกเวทนาไม่เป็น สัญญากำหนดรู้ธาตุเจตสิกต่างๆ ก็แยกไม่ออก ได้แต่สะกดจิต อย่างสายมหาบัว มหาบัวนั้นพูดมาก กิเลสมาก็ฆ่าไม่ให้เหลือ กิเลสมาไม่ยอม โวหารรอบด้าน ฆ่ากิเลสๆๆ แต่ไม่เคยแยกแยะเป็น กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมเลย ทั้งๆที่เป็นมหา บาลีก็เรียนรู้มามากกว่าอาตมา 

ก็รู้บาลีเยอะแยะ เสร็จแล้วไม่มีสภาวะจริงๆมันก็อธิบายไม่ออก อาตมาอธิบายสภาวะออก พยัญชนะสับสนบ้าง จนกระทั่งท่านประยุทธ์ปยุตโตจะเอาตาย เดี๋ยวนี้ก็ค่อยๆเข้าร่องเข้ารอย มีผิดพลาดบ้างอาตมาก็ยอมรับ ทุกวันนี้ก็ผิดพลาดน้อยลงไปๆ ก็ยังไม่กล้าบอกตัวเองว่าจะใช้พยัญชนะบาลีถูกหมดเลย ก็ยังไม่กล้าพูด ก็ยอมรับผิด แต่ก็พยายามไม่ให้ผิด เพราะผิดมันไม่ดี เป็นกรรมวิบาก 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:56:58 )

รากเหง้าของคำว่ากิเลสคือ กลิ

รายละเอียด

รากเหง้าของคำว่ากิเลสคือ กลิ  กลิ แปลว่าโทษ แปลว่าภัย แปลว่าร้าย เรียนรู้ กายกลิ เรียนรู้ จิตกลิ มาเรียนรู้ตัวนี้แล้วจัดการกับตัวนี้ ศาสนาพุทธมาเรียนรู้สิ่งนี้แหละยิ่งใหญ่ ที่ว่ายิ่งใหญ่เพราะว่าศาสนาพุทธนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องความดีความชั่ว มันเป็นเรื่องของพฤติกรรม แต่เรื่องของเทวที่แปลว่า 2 ดีชั่วก็เป็นเทวคู่หนึ่ง เทวะอีกคู่หนึ่งคือสุขกับทุกข์ ศาสนาเทวนิยมตีไม่แตก หลงความสุขเป็นสุขนิยม บอกว่าเป็นสุขที่เที่ยง จะเอาแต่สุขเที่ยงแต่ไม่เรียนรู้เหตุแห่งทุกข์เขาก็เลยแก้ไม่ได้เขาก็วนเวียน ใครแย่งเอาสุขมาได้ก็เป็นสมบัติผลัดกันชมมีความสุขเพราะอะไร สุขเพราะได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ศาสนาพุทธสอนเรื่องทุกข์แต่เอ็งไปหลงในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขทั้งๆที่เอ็งแย่งกันจะเป็นจะตาย พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าไปหลงใหลมันทำไมลาภยศสรรเสริญสุข ท่านก็รู้ด้วยปัญญาชัดเจนว่า ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขเป็นเพียงเครื่องอาศัย 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:48:52 )

รากเหง้าของภาษาบาลี 

รายละเอียด

ผู้ที่บัญญัติพยัญชนะใครก็ตามที่บัญญัติมาเป็นภาษาบาลี  

รากเหง้าของภาษาบาลี 

วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง

วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ

วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น

วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม

เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ

ตั้งขึ้นมาไม่ใช่ตั้งขึ้นมาแบบไม่มีความหมายแต่มีสิ่งลึกซึ้งของสภาวะของจิตวิญญาณและเอามาผสมรวมกัน ผสมกับสระ สื่อให้รู้ถึงสภาวะเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านสภาวะโดยพยัญชนะ ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก อาตมารู้จักพยัญชนะเหล่านี้มาหลายชาติ ปางนี้อาตมาไม่จำเป็นต้องตั้งพยัญชนะเขาตั้งไว้หมดแล้วแม้แต่ไวยากรณ์เขาก็เรียน ไวยากรณ์ที่เขาเรียนกันเป็นตำราทีหลังที่รวบรวมเอาไว้ใช้ เป็นเรื่องแยกก็ไปอีกนิดหน่อย แต่คนที่ไปหลงติดไวยากรณ์อาตมาเป็นต้นราก ก็เลยขัดแย้งกันหน่อย ก็ไม่อยากพูด เขาก็ต้องอาศัยไวยากรณ์ไปก่อน ยิ่งอาตมานี้เข้าใจเขา แต่เขาไม่เข้าใจอาตมาเขายึดถือไวยากรณ์แล้วเป็นบัญญัติเป็นหลักเกณฑ์ ที่พวกรุ่นหลังตั้ง ไม่ใช่ต้นแท้ผู้ที่เป็นบัญญัติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:58:04 )

รากไม้ที่ชุ่มด้วยยางจากน้ำ

รายละเอียด

 เรามีศีลเป็นตามลำดับ เหมือนไม้ที่ชุ่มด้วยยางสดๆ แช่อยู่ในน้ำ จะทำให้แห้ง จะไปสีไฟมันไม่ขึ้นไม่ได้ ต้องทำให้แห้งก่อน อย่างน้อยต้องเอาออกจากน้ำ มันจะสดไปนาน พรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำ เป็นรูปธรรมก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:16:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:17 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:48:22 )

ราคะ , ราโค

รายละเอียด

ความกำหนัด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:39:56 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:31 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:49:13 )

ราคะ โทสะ โมหะ

รายละเอียด

โทสะกับโมหะนี่นะ มันไม่ต้องอาศัยเลยในชีวิตนี้ โมหะคือความสับสนวุ่นวาย ที่นี้คุณเองคุณตัดโมหะมาอยู่กับหมู่ตัดโมหะได้ง่าย บอกเคล็ดลับ คุณอยู่กับหมู่เอาหมู่เป็นหลักโมหะหายเลย อยู่กับหมู่

โทสะ คุณอ่านอาการมันให้ได้ อาการโทสะตั้งแต่หยาบถึงละเอียด ถึงละเอียดขนาดไหนมันไม่มีประโยชน์เลย คุณอ่านให้เจอเลยถ้าเจออาการของโทสะ อาการกลางอาการละเอียดนิดน้อยขนาดไหนก็แล้วแต่ เอามันออกหยุดมันได้ทันทีเลย คุณไม่ต้องไปหาเหตุผล คุณไม่ต้องไปตอแยอะไรกับมันเลยตัดออกไปจากจิตให้ได้เลย

อาตมามีโศลกสอนไว้เยอะเลย ส่วนราคะกับโลภะ มีประโยชน์

ราคะตัดได้ก่อน ราคะเป็นรส โลภะเป็นตน

หมดราคะแล้ว เหลือตน คุณหมดกามราคะ รูปราคะ อรูปราคะ คุณจะมีตน

กามภพ หมดแล้วเหลือรูปภพ อรูปภพ นี่แหละคือตน ที่จะมีรายละเอียดเรียนรู้ไปหาอนุสัย

สรุปแล้วราคะ โมหะ มาอยู่กับหมู่ฝากตนกับหมู่ก็หมดโมหะได้

โทสะ หยาบกลางละเอียดอย่างไรเอาออกไปได้เลย

แต่ราคะ โลภะนี้เรามีอาศัย แต่เราอาศัยไว้เพียงเพื่อช่วยผู้อื่น พูดไม่ใช่แค่ภาษาแต่เป็นจิตที่สะอาดปราศจากกิเลสจริงๆ เราจะเรียนรู้สภาวะหมดอัตตาตัวตนจริง

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 15:21:26 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:09 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:15:36 )

ราคะคืออะไร

รายละเอียด

ราคะ คือ กิเลสที่อยากได้มาเสพมาติดมาอร่อย มาชิม  มาเป็นรสโลกีย์รสอร่อย อัสสาทะ ก็ลดลงๆ จนอาการ จะอร่อยไม่อร่อยไม่่มี เหลืออีก เป็น รูป อรูป ก็ไม่ให้มี จนเฉยครึ่งๆกลางๆรู้ความๆเป็นจริงของรส รสนี่มันรวมไว้หมดเลยนะ รสทางตาคือรูปสวย เสียงคือ คือเสียงไพเราะไม่ไพเราะ รสทางกลิ่น รสทางลิ้น ก็ลงไปหมดอร่อยไม่อร่อยตามสัจจะ รสหวานรสเผ็ดรสอะไรของคุณก็เป็นจริงตามนั้น ส่วนชอบก็อร่อยไม่ชอบก็ไม่อร่อย รสทางสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง รสทางใจปั้นเองเสพเอง เป็นอารมณ์เพ้อพกเป็นฝันฟุ้งซ่านไป นับไม่ถ้วนเลยอันนี้ พวกนี้ ยิ่งยาก ลำบาก นั่งก็ฝันเพ้อไป เสร็จแล้วก็เอามาปั้นเอามาหลอกคนอื่นให้มาหลงตาม บางทีเอามาปั้นสร้าง เอาวัตถุมาปั้นตามฝันเอามาพูดให้คนอื่นเขาเชื่อให้คนอื่นเขาหลงคิดตาม หลงเพ้อพกคิดตามนี่แหละ มันมีได้สารพัดสารเพ มันมีได้นานัปการ อันนี้สมมุติว่าสวยที่จริงแล้วมันไม่มีหรอกสวยไม่สวย มันก็มีสภาพของมันตามนั้นแต่คนไปสมมุติเอง อันนี้มันฐานะสูงอันนี้มันฐานะต่ำมันไม่มี มันจะอยู่สูงก็สูงมันจะอยู่ต่ำก็ต่ำ ก็พูดยกเอาเอง แล้วก็แบกกัน ยอมรับกัน แล้วก็ยึดถือกัน ก็ลำบากหนักหนาสาหัสตามที่สมมติยึดถือกันแย่งกันอยากเป็นอยากได้อะไรสูง อันไหนสวย อันไหนเลอเลิศก็ต้องเอาอย่างนั้นตามสมมุติกันไป เหน็ดเหนื่อยกันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:40:24 )

ราคะต้องมี ปฏิฆะไม่ต้องมีเลย

รายละเอียด

ที่จริง ปฏิฆะต้องรู้ก่อนลดก่อน ราคะค่อยรู้ทีหลัง เพราะจริงๆแล้วจิตมนุษย์ต้องร่วมกันอยู่ ราคะต้องมี ปฏิฆะไม่ต้องมีเลย ขาดกัน หยาบแรง หมดสูญได้ เหลือไม่หยาบไม่แรงแล้ว อย่างชาวอโศกไม่มีซาดิสม์ มาโซคิสแต่มีราคะ ราโค หยาบกลางละเอียดก็แล้วแต่ เราก็มาล้างอัตตาอื่นๆอีก นานัตตะ กำหนดรู้อัตตาต่างๆด้วยสัญญา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:06:20 )

ราคาสินค้าลดลงเป็นความเจริญ

รายละเอียด

หากราคาสินค้าลดลงมันเป็นความเจริญ แล้วเราก็อยู่ได้อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ อยู่อย่างกระแทกแดกกัน ถ้าจะขายก็ขายอย่างถูกๆ นั่นคือเศรษฐกิจที่เจริญในความเห็นของอาตมา ไม่ใช่มองอย่างนายทุนหรือทุนนิยมว่าถ้าค้าขายแล้ว นายทุนจะได้ส่วนเกินเยอะขึ้นได้เปรียบเยอะขึ้นอย่างนั้นถือว่าเป็นการเฟื่องฟู มันเป็นการมองคนละฐานกันเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:03:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:35:15 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:50:46 )

รางวัลผู้นำสันติภาพมาสู่สังคมโลก

รายละเอียด

อาตมาสอนอย่างนี้ อธิบายอย่างนี้เอามาจากของพระพุทธเจ้า แม้แต่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 แม้ความรู้อาตมาเองก็สอดคล้องกัน แล้วเอามาอธิบายพวกเรา จนพวกเราก็มีภูมิธรรมชัดเจนในเรื่องว่า เออ อย่างนี้แหละคือคติ อุดมคติ ที่ประเสริฐ เป็นคติชั้นสูง ว่า ใช่อย่างนี้แล้วเราก็ต้องมีสำนึก อาตมาก็เป็นผู้พาทำมา 50 ปี ก่อนจะถึง 50 ปี 49 ปี อาตมาได้รางวัล จากสถาบันแมนเฮ เขาให้มา แล้วให้อาตมาในฐานะที่ทำหน้าที่พระ คนไทยนับถือพระก็คือสมณะ ตามความหมาย สถาบันนี้เขาเข้าใจแล้วเขาระบุว่า ให้ด้วยสามารถสร้างสันติภาพ เป็นตัวหนังสือที่ระบุไว้ในประกาศนียบัตร มา เพราะได้ทำสันติภาพ จึงให้รางวัลนี้มาและได้รับเป็นเงิน 100 ล้านวอน แต่เป็นเงินไทยก็ประมาณ 2 ล้านหกกว่าๆ ขณะนี้ เอาเถอะเรื่องเงิน เรื่องรายได้ เรื่องผลตอบแทน ทางโน้นเขาก็แสดงน้ำใจ แต่เกียรติที่เขาให้ Hornor ที่เขาให้เรา อันนี้สิเป็นเรื่องความรู้ ทำไมเกาหลีรู้ เขาไม่ได้ตั้งขึ้นมาใหม่ๆนะ สถาบันนี้ แล้วเขาก็ไม่ได้ให้อาตมาเป็นคนแรก เขาก็ให้ใครต่อใครมาที่อยู่ในสังคม เช่น ดาไลลามะ , เนลสัน แมนเดลา ฯลฯ คือในระดับกระทบไหล่ดาราพอสมควร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 08:33:10 )

รางวัลระดับโลกสาขาสมาธิกับสันติภาพที่หลวงปู่มั่นได้รับ

รายละเอียด

ตอนนี้เขาก็มีการ ชักชวนกันร่วมกัน สานต่อ ศรัทธา 152 ปีชาตกาลของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขอเชิญร่วมประกวดภาพวาดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับสมาธิและสันติภาพ คือท่านหลวงปู่มั่น ได้รับการยอมรับ ได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นผู้ที่นำพาสันติภาพแห่งโลก ผู้ที่ให้รางวัลก็เป็นองค์กรทางเทวนิยม ไม่ใช่องค์กรพุทธที่เป็นโลกุตระหรอก เป็นของเทวนิยม ก็ชักชวนกัน 152 ปีของหลวงปู่มั่น ที่อุบัติขึ้นมา แล้วก็ละขันธ์ไป เสียชีวิตไปแล้ว มรณภาพไปแล้ว ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งทุกวันนี้ได้ 152 ปี ก็พยายามที่จะโปรโมทหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กัน 

โดยหยิบคำว่าสมาธิกับสันติภาพ ของแต่ละคน เรียกภาษาว่า สมาธิกับสันติภาพ เป็นภาพวาดหลวงปู่มั่น UNESCO ยกย่อง UNESCO เขาเป็นองค์กรเทวนิยมไม่ใช่พุทธ เขาก็มีความเข้าใจในเรื่องของโลกียะ เทวนิยม เขาเข้าใจโลกุตระยังไม่ได้หรอก เขาก็ยกย่อง ก็ไม่ได้ประหลาดอะไร อาตมาก็ชัดเจนอยู่ ผู้ที่ได้รับการยกย่องทางเทวนิยม ทางโลกียะนั้น ก็เป็นธรรมดาสามัญ 

ก็ศึกษากันไปไม่ว่าจะเป็นสายเทวนิยมเขาก็ต้องโปรโมท เขาก็ต้องรักษา รักษาธรรมะโลกียะของเขาไว้เช่นกัน ซึ่งก็ไม่ผิด ถูกต้อง มันก็เป็นแล้วก็เอาแต่ดีๆ ประมวลเอาความดีของโลกียะนั้น มารักษาไว้ เพราะในโลกมันต้องมีโลกียะกับโลกุตระ มีโลกุตระนั่นแหละ ในโลกบางช่วงมันไม่มี จึงเรียกว่าพุทธันดร ในระหว่างที่ไม่มีพุทธ เรียกว่าพุทธันดร ช่วงระยะเวลาที่ไม่มีพุทธ ส่วนโลกียะนั้น เขามีตลอดกาลนาน มีอยู่ประจำโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2565 ( 11:33:19 )

รางวัลสันติภาพเกาหลี

รายละเอียด

https://drive.google.com/file/d/1jZfAY7mI2BzitKW9dx0hfj9CkkKDCPa5/view


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:23:00 )

รางวัลเชิดชูคุณธรรม 

รายละเอียด

ก่อนที่จะได้รางวัลนี้เคยได้รางวัลเป็นโล่ห์ชุบทอง เป็นโลหะจากพณฯท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นอันแรกเลย รางวัลเชิดชูคุณธรรม 

ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ได้เป็นตำแหน่งสำคัญในประเทศหลายอย่าง เป็นคนเดียวที่สถิติได้เป็นทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานสภา เป็น 3 สถาบันหลักเลย ยังได้เป็นประธานองคมนตรี และยังเคยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:24:55 )

รางวัลแมนเฮให้พ่อครูเป็นผู้สร้างสันติภาพ

รายละเอียด

อย่างอาตมาพิสูจน์ตัวเองเลย แต่ใครก็ไม่ค่อยเชื่อนะ ถ้าอาตมาอายุ 100 ปีแล้วยัง Active อยู่อย่างนี้นะ คนก็จะพอเชื่อแล้วว่า ถ้าอาตมา 100 กว่าปี 108 ปีคนจะรับรองเลย ดีไม่ดียูเนสโกจะรับรองอาตมาขึ้นทำเนียบ อาตมายังไม่มีใครจะรับรองยิ่งต่างประเทศ แต่เรื่องนี้เขาจะฟังขึ้น มีวิธีการที่จะทำให้อายุยืนเขาก็จะฟังขึ้นเขาชอบ แต่บอกว่าลดกิเลสเขาฟังไม่ค่อยขึ้น ยูนิเซฟไม่ค่อยรู้เรื่องหรือ Nobel prize ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง อาตมาว่าถ้าอาตมาได้ Nobel prize ตลกตายเลยนะแสดงว่าโลกเจริญ ระดับนี้มีปัญญาเข้าใจว่า ต้องอย่างนี้สิ มนุษย์เจริญต้องแบบนี้เป็นโลกุตรธรรมอย่างนี้ เขาเข้าใจเราก็ทำได้ เขาจึงจะตัดสินให้รางวัลได้ พูดไปพูดมาขออภัย พูดเข้าตัวเองนิดหน่อย รางวัลแมนเฮให้อาตมา จะถือว่าเป็นรางวัลแรกก็ไม่ได้ 

อาตมาได้รางวัลมาถือว่าได้ 2 รางวัล รางวัลอื่นอาตมาก็ไม่พูดถึงหรอก รางวัลพวกแต่งเพลง เคยเล่ามาจนเมื่อยแล้ว 

เป็นรางวัลที่รางวัลแมนเฮเขาให้ก็คือ เป็นผู้สร้างสันติภาพ เป็นผู้ที่ชักชวนให้มนุษยชาติเกิดสันติภาพ ได้มาร้อยล้านวอน ถ้าเป็นเงินไทยประมาณ 2 ล้าน 6 แสนกว่าบาท ก็ไม่น้อยเหมือนกันนะ ใช้เป็นผุยผงหมดแล้ว 

แล้วของวัดชิลซังซาให้มา เป็นอีกรางวัลที่สนับสนุนรางวัล Manhae อันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:23:29 )

รางวัลแรกและครั้งเดียวในชีวิตพ่อครู

รายละเอียด

ในชีวิตนี้อาตมาไม่เคยรับรางวัลอะไรเลย นอกจาก 1 ครั้งนี้ในชีวิต คนที่ให้รางวัลกับอาตมานี้บอกว่าให้มาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่ารางวัลนี้ให้อาตมา พอรู้ว่าให้อาตมาได้นี้เขาด่าไอ้เหี้ยเลย

อาตมาอยู่กับพี่ล้วน ควันธรรม อาตมาเป็นเลขาประกวดเพลง อาตมาก็ว่าเราก็แต่งเก่งเหมือนกันคนหนึ่ง แต่พี่ล้วนเขาไม่ค่อยเชื่อมืออาตมาหรอก ในชีวิตนี้ เขาให้อาตมาแต่งเพลงเมฆหม่นบนฟ้า นอกนั้นให้อาตมาแต่งเพลงแล้วเอาไปหลอกขายที่เวิ้งนครเกษมเท่านั้น อาตมาก็แต่งแข่ง ใช้นามปากกายุบลรัตน์ และมีคนอื่นแต่งอีก เช่น ศักดิ์พิสิทธิ์ อาตมาก็แต่งเพลง กลางไพรสณฑ์ อีกอันไปเข้าแฟ้ม คุณล้วนเขาก็อ่าน ก็บอกว่าอันนี้ก็ดีอีก สุดท้ายเขาให้ที่หนึ่งคู่กัน ประกาศให้มารับรางวัล ศักดิ์พิสิทธิ์เขาก็มารับไป แต่อีกรางวัลไม่มีใครมารับ เราก็ไม่พูดจนผ่านไปหลายวัน สุดท้ายอาตมาก็จำนนว่า อันนั้นของผมเอง เขาก็เลยด่าว่าไอ้เหี้ย แล้วให้กูเสียเงิน อันนี้แหละที่อาตมาเคยได้รางวัลครั้งเดียวในชีวิต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:29:09 )

รางวัลในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจากสหประชาชาติ

รายละเอียด

อาตมาเคยย้ำแล้วว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แม้มันจะเสื่อมไป 2,500 ปี รากเหง้าก็เป็นพุทธอยู่ ยังมีเชื้อของพุทธมาเรื่อยๆ แต่มันยังไม่เด่น มันมาเด่นเอายุคพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 รัชกาลอื่นก็ยังไม่มี รัชกาลอื่นก็ยังไม่เด่น 

คนแม้แต่ชาวต่างประเทศก็เห็น เขาให้รางวัลในหลวงรัชกาลที่ 9 เขาถวายรางวัลในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเขารู้ลึกๆอยู่ว่ามันดี แต่เขายังอธิบายโลกุตระไม่ออก เขายังอธิบายไม่ได้หรอก 

ที่เขาให้ เขาถวายรางวัลในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจากสหประชาชาติ แม้แต่รางวัลของ Noble Price ก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ เขาไม่รู้เลย Noble Price เขายังเป็นเทวนิยมอยู่ กรรมการ Noble Price เขายังเป็นเทวนิยม เขายังไม่รู้ เพราะฉะนั้นในหลวงได้ไม่ได้แบบ Noble Price มันเป็นเรื่องของทางลักษณะการเมืองกลายๆ 

สหประชาชาติให้แก่ในหลวง ลึกๆเขารู้ว่ามีความดีที่เขาปฏิเสธไม่ได้ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานมีพระจริยวัตรที่ พูดชัดๆคือท่านรับใช้ประชาชนจริงๆ ซึ่งเป็นคำสากล คำว่า รับใช้ประชาชน ไม่ใช่รับจ้างนะ คำนี้สูงส่ง นี่ ใช้ภาษาเราจะใช้ภาษา ราชาศัพท์จะใช้อะไร ท่านทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ อย่างที่เป็น พวกเราก็รู้ ถึงได้เกิดระเบิดแห่งความรัก พอท่านสิ้นพระชนม์ ก็ร้องไห้กันทั้งประเทศ  เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆศึกษาไป แล้วจะค่อยๆเข้าใจ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:21:14 )

ราชจักรีวงค์

รายละเอียด

เรื่องนี้สัจจะพอจะบอกได้ แต่ไม่ควรจะพูดเล่น เพราะเป็นเรื่องที่ล่อแหลมไม่ดี  คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ก็ขอตอบคุณว่า ผู้จะได้เป็นกษัตริย์อยู่ดีๆจะเป็นกษัตริย์โดยไม่มีวิบากเลยไม่ได้ มีคนที่อยากจะเป็นกษัตริย์ ฆ่าคนโดยใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตั้งตัวจะเป็นกษัตริย์ ก็จะถูกฆ่าตายก่อนมีเยอะ บารมีคนไม่ถึงไม่ได้เป็นหรอก เมืองไทยเรานี้ โดยเฉพาะราชวงศ์จักรี ไม่มีปัญหาอะไร มีบารมีทั้งนั้น ไม่มีบารมีมาเป็นกษัตริย์ไม่ได้ ราชจักรีวงค์ ตอนนี้ 10 พระองค์ก็ดีทั้งนั้น ในยุคอยุธยาก็มีกษัติย์ที่ไม่ดีก็มี อยุธยามี 34 พระองค์ที่เป็นกษัตริย์ 

ก็ขอบอกในประเด็นที่ว่าอย่าไปพูดเล่น คนพยายามใช้อำนาจบาตรใหญ่ฆ่าคนมาเป็นอยู่ไม่ช้าไม่นานก็จะถูกโค่นล้ม บางคนก็ถูกฆ่าอย่างทรมาน อย่าไปทำเป็นเล่นวิบาก กรรมวิบากเป็นอจินไตย ไม่ใช่เรื่องอธิบายกันได้ง่ายๆ ก็ขอบอกว่าอย่าไปกล่าวเล่น 

ไม่ต้องถึงเป็นกษัตริย์ แม้แต่เป็นคนรวยเงินทองก็มีวิบากของเขา อย่าง แจ็คหม่า เขาก็มีวิบากของเขา หน้าตาโหวงเฮ้งเขาไม่น่าเป็นแต่เขารวยจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 17:05:33 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:34 )

ราชธรรม ราษฎรธรรม

รายละเอียด

ถ้าจะดีที่สุดแล้ว คน มี ทศพิธ จะเรียก ราชธรรมหรือ ราษฎรธรรม ก็ตาม ก็คือ 10 อย่าง ทศพิธ

ในคำ 10 คำที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ แล้วก็รวบรวมไว้ให้ มันเป็นความครบ ความสมบูรณ์แบบ ของมนุษยชาติแล้วในตัวบุคคล ถ้ามีคุณธรรม 10 ข้อนี้แล้วละก็ เป็นหลักประกันได้เลย ว่าจะเป็นคนที่จะเป็นประโยชน์คุณค่าที่สุด ให้แก่สังคมมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเกิดชาติไหน ยิ่งมีมากเท่าไหร่ในทศพิธ มีปริมาณหรือมีคุณภาพของ 10 อย่างนี้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นคุณค่าของมนุษย์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ยิ่งไปรวมกับมวลอื่นของธรรมะพระพุทธเจ้า เช่น ไปรวมกับของหลักธรรมวรรณะ 9 ซึ่งสำคัญมากจริงๆเลย วรรณะ 9 นี้ ต้องพูดด้วยโลกุตระเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 11:59:16 )

ราชธานีอโศก กลายเป็นที่ทำมาหากินของชาวบ้าน

รายละเอียด

คือพวกเราชาวอโศก เกื้อกูลได้ จนทุกวันนี้  พวกที่ทำงานในนี้มีชาวบ้าน  พวกเราทุกคนในนี้ ทำงานไม่มีใครมีรายได้ส่วนตัว  เอาเข้ากองกลาง แต่เมื่อมีคนข้างนอกเป็นชาวบ้านมาทำงานในนี้  ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนของชาวอโศก  คนข้างนอกมาทำงานภายในชาวอโศก  ที่เราทำงานแบบนั้นไม่ไหว หรือเขามาช่วยเราก็จ่ายเงินให้เขาเป็นค่าทำงาน  กลายเป็นที่ทำหาหากินของเขา  ทุกวันนี้  ก็มีคนหาเลี้ยงชีพอยู่ในนี้   10 ปี  20 ปี  ตั้งแต่ตั้งราชธานีอโศก เขาก็ทำมาตลอด   ฐานะเขาก็ดีขึ้นค้น มีเงินทองซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ ซื้อเครื่องกลหนักเป็นของตัวเองก็ได้  รายได้จาการทำงานอยู่ที่นี่แหละ  แต่พวกเราก็ยังอยู่ในฐานะเดียวกัน  คือจนอย่างเดิม  ไม่ได้มีฐานะที่มากขึ้น  ดีขึ้น  เหมือนกับคนงานที่ทำงานอยู่ในนี้

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:54:43 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:27 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:52:31 )

ราชธานีอโศก 

รายละเอียด

ราชธานีอโศก  คือ  เป็นหมู่บ้านต่ำสุด ร่วมกับหมู่บ้านอื่นก็น่าจะมี  แต่หมู่บ้านอื่นเขาไม่ได้อยู่เป็นเมืองแต่เราอยู่เป็นเมืองเลย  แต่ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าเจตนาร้าย  แต่ไม่ใช่ เจตนาสร้างโมเดลราชธานีอโศก  จะสร้างใหญ่เกินตัว ยกตัวอย่าง แค่หมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านดูแล ราชธานีอโศก  สร้างมา 20 กว่าปีที่เป็นวัตถุร่วมทั้งจิตวิญญาณเจริญกว่าหมู่บ้านข้างเคียงเลยนะ หมู่บ้านข้างเคียงมีอายุหลายร้อยปี ถ้าดูโดยรวมเขาก็จะหาว่าบ้า  บอกว่าจนอะไร เครื่องไม้ เครื่องมือ กลับมีมากกว่าเขา อาคาร 11 ไร่ โฮงปัว  วิทยาลัยเทคนิคเราใช้เครื่องมือไม่คุ้มเลย  เราทำตลาดประชารัฐให้คนมาขายของได้ฟรีเลย  คนยังไม่คึกคักเลย หากเต็มแล้วต่อไปจะแย่งกัน ทั้งคนในคนนอก แต่มีเกณฑ์ให้ไปขาย  คนในทำไม่เหมือนคนนอกทำนะ คนละเกณฑ์กัน  ต่อไปจะเป็นตำบลบุญนิยม  แม้แต่หมู่บ้านข้างเคียงจะเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านอโศกได้ในอนาคต

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:30:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:38 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:55:59 )

ราชธานีอโศกคือตัวอย่างของมนุษย์จริง

รายละเอียด

อาตมาอธิบายให้ฟังแล้ว แม้คำว่า ราชธานีอโศก ก็คือ ตัวอย่าง ของมนุษย์จริง พฤติกรรมจริง วัฒนธรรมจริง หลักธรรมที่จริงๆเอามาปฏิบัติแล้วก็ผลได้ทางจริง ที่เกิดบรรลุธรรมจริงๆ 

ในคนชาวอโศกที่เป็นอาริยบุคคล โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็มี โพธิสัตว์ก็มี จริง อธิบายไปก็ยาก อาตมาค่อยๆไขความ ค่อยๆเปิดเผยว่าคนนี้นะโพธิสัตว์ คนนี้นะโพธิสัตว์

เขาก็จะบอกว่าโพธิสัตว์อะไรวะ เขาก็ข้องใจมองไปในแง่ลบ ไม่ได้มองไปในแง่บวก แน่นอน คนมันก็ต้องมีแง่ลบกันได้ก่อน ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์มีแง่ลบ อาตมาก็มีแง่ลบอีกตั้งเยอะ ไม่มีปัญหา คุณก็เอาแต่แง่ลบ 

คุณเคยเอาบอกว่า ชั่ว 1 ที ทำให้ความดี 100 หนป่น ความชั่ว 1 ที ลบความดี 100 หนป่นเลย ไม่เหลือเลย ไอ้อย่างนั้นก็เกินไป โอ้โห มันลำเอียงเกินไป อย่าไปลำเอียงถึงขนาดนั้นเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:05:02 )

ราชธานีอโศกตัวอย่างสังคมเมืองที่ไม่ใช่ป่าคอนกรีต

รายละเอียด

เราอยู่อย่างคนเมือง แต่เป็นคนเมืองที่ไม่ทิ้งธรรมชาติ เราได้พยายามสร้างต้นไม้แม่น้ำลำธารเป็นธรรมชาติขึ้นมา แต่จะมากอย่างไรก็ไม่เหมือนป่า อาตมาพาทำจนป่านนี้ สร้างให้เหมือนอย่างไรก็ไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนป่าจริง เพราะมันต้องเป็นอย่างนั้น พยายามสร้างไปเถอะ จะไม่เปลี่ยนสภาพ เราเข้าใจจังหวะเวลา

อย่างราชธานีอโศก จะให้เป็นตัวอย่างของสังคมเมืองที่ไม่ใช่เมืองแบบป่าคอนกรีต แต่จะเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็น สุขสําราญ มีธรรมชาติได้อาศัย ดินทำงานของมัน น้ำทำงานของมัน ไอน้ำอบอุ่น ตามธรรมชาติจะไม่ร้อนมาก ไม่เหมือนป่าคอนกรีต จะร้อนอย่างไรก็ไม่เหมือนป่าคอนกรีต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:44:27 )

ราชธานีอโศกพยายามให้มี 777 คน

รายละเอียด

คือ  สิ่งที่พิเศษของพระพุทธเจ้าในยุคนี้เป็นยุคที่กิเลสหนักหนาสาหัส แต่สมณะโพธิรักษ์ก็ยังเอาสาธารณโภคีของพระพุทธเจ้ามาอธิบายมาให้คนรับรู้ แล้วคนพวกเราก็เข้าใจ แล้วก็มาปฏิบัติประพฤติ มาอยู่ในแวดวงสาธารณโภคีกันอย่างนี้เป็นหมู่บ้านซึ่งก็ไม่ง่าย ประกาศไปพยายามให้ราชธานีอโศกมี 777 คน ตอนนี้ 500 ก็ยังไม่ถึง  ได้สัก 777 คนมันจะเกิดรูปธรรม พฤติกรรมสังคมที่สร้างสรรค์ที่จะมีอะไรให้แก่สังคมเด่นชัด มีรูปธรรม นี่มีแค่นี้ก็แค่นี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:44:56 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:49:42 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:17:42 )

ราชธานีอโศกพาให้ประเทศไทยเจริญ

รายละเอียด

ราชธานีอโศกก็เป็นสถานที่มีบุคคล มีอาหาร มีธรรมะ มีสถานที่มีสัปปายะ 4 ประพฤติตนมีวัฒนธรรมมีการดำเนินชีวิต แล้วคุณคนนี้บอกว่า ราชธานีอโศก ทำประเทศฉิบหาย อาตมาว่า คุณนี่ ควรจะศึกษา ศึกษาความรู้ทางโลกก็ตาม พาประเทศชิบหายคือใครแล้วคำว่าพาให้ประเทศฉิบหายคือทำอย่างไร ถ้าไม่รู้จะบอกตัวอย่าง อย่างนายทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น เป็นคนทำให้ประเทศไทยชิบหาย หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นต้น และอีกหลายคนที่เป็นนักการเมืองบริหารประเทศที่ผ่านมา มีอำนาจมีตำแหน่งหน้าที่ แล้วทำให้ประเทศฉิบหาย อาตมาเป็นประชาชน เป็นผู้นำของชาวอโศก พาชาวอโศกศึกษาประพฤติธรรมให้ได้มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็ประพฤติตนอยู่ในประเทศ ไม่ได้ไปบริหารประเทศ ไม่ได้ไปปกครองประเทศ ชาวอโศกส่วนใหญ่ แม้แต่ชาวอโศกรับราชการก็ลาออกจากราชการมาเป็นชาวอโศกเต็มตัว อยู่กับหมู่กลุ่มสาธารณโภคี ไม่มีเงินเดือน ไม่มีรายได้ แล้วก็ทำอย่างที่เข้าใจ แล้วก็ดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศ คือ ขอยืนยันว่าชาวอโศกไม่ได้พาประเทศฉิบหาย แต่ชาวอโศกพาประเทศ ให้เจริญทางเศรษฐกิจ เจริญทางรัฐศาสตร์ เจริญทางการเมือง เจริญทางสังคม เจริญอย่างไร เศรษฐกิจเจริญ อันนี้แหละไม่ง่าย ด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ก็ยังเข้าใจยาก เศรษฐกิจ เขานิยามกันสั้นๆอย่างสังเขปว่า เศรษฐกิจเจริญเศรษฐกิจดีคือ ผู้ที่รู้จักทรัพยากรที่มีกินมีใช้อยู่ในสังคม แล้วก็จัดการกับทรัพยากรที่มีกินมีใช้ในสังคมให้เฉลี่ยกันให้ทั่วถึง ให้อยู่เย็นเป็นสุขกัน แม้แต่ผู้ที่ด้อยทางสมรรถภาพ   ด้อยทั้งความรู้ ขอให้มีกินมีใช้ตามฐานานุฐานะ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถฐานะดีหน่อยก็ดีหน่อย แต่อย่าเอาเปรียบเอารัดกันเกินไปอย่าข่มเบ่งอย่าทำร้ายกันเกินไป นี่คือการนิยามเศรษฐกิจดีที่ยาวไปหน่อยแต่ก็คงพอจะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:36:03 )

ราชธานีอโศกเป็นหมู่บ้านของอนาคามี 

รายละเอียด

ราชธานีอโศกเป็นหมู่บ้านของอนาคามี  คือ มีกายสักขี  จิตก็มีด้วยไม่ติดยึดบ้านช่องเรือนชานจิต ไม่ได้ติดยึดอะไรมากมายมีเล็กมีน้อยก็ได้  ไม่มีเลยก็ได้  ของเราทำสาธารโภคีได้สมบูรณ์แบบ คนมาอยู่ที่นี่บางคนไม่ได้ติดใจใช้เงินทองเลยก็ได้  มีเงินส่วนกลางก็ใช้ได้  ไม่มีก็ไม่เป็นไรคนมีภูมิธรรมอย่างนี้ในชาวอโศกมีเยอะ  ก็เรียกว่า ชุมชนสาธารณโภคี  จะเป็นไปได้ดีต้องมีฐานขอจิตเป็นอนาคามีอยู่มาก  ไม่อย่างนั้นจะมีการแย่งชิง  วุ่นวาย  แต่นี้ไม่มีของเราทำสาธารณโภคีมาจะ 50  ปีแล้วไม่มีปัญหา  เป็นเรื่องประเสริฐวิเศษที่จะมีได้ยากในสังคมมนุษยชาติ  เป็นเรื่องเป็นไปได้เป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่  เพราะแต่ละคนไม่ได้เดือดร้อนในการแย่งชิง สมบัติ  วัตถุ  เครื่องกินใช้ ยิ่งเป็นเพชรนิลจินดา  เครื่องประดับหรูหราไม่เกี่ยวอะไร  ชาวอโศกเราอยู่กับสาระอาศัยเครื่องกินเครื่องใช้อุปโภคบริโภคใช้ในการพัฒนาชีวิตเป็นสาระแก่นสาร  เราไม่ไปวุ่นวายกับเครื่องประดับตกแต่ง  ไม่เดือดร้อนไม่ต้องพูดกันเลยเรื่องนี้  เข้ามาในนี้  คนที่จะเข้ามามวลใหญ่เป็นอย่างนี้ หากคนมาทาปากแดง ทาหน้าสามชั้น มาอยู่เดี๋ยวเขาก็ต้องไปล้าง  เขาทนไม่ได้หรอก  แม้อยู่ข้างนอกเขาจะทำแต่เข้ามาในนี้  เขาจะไม่ทำมันมีสนามแม่เหล็กพลังงานอย่างนี้จริงๆ โมเลกุลพลังงานอ่อนก็จะถูกปรับได้ง่ายในนี้  จะเป็นเรื่องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามจะเป็นธรรมชาติอย่างนั้น  ไม่เช่นนั้นจะเป็นแกะดำในนี้  หรือนอกจากคนหน้าด้าน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:14:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:52:17 )

ราชธานีอโศกเป็นอาริยประเทศแล้วอย่างไร

รายละเอียด

คุณ Gu dong sa ที่บอกว่าราชธานีทำให้ประเทศคุณฉิบหายนั้น คุณให้ลืมตามาดูธรรมะความจริงมาศึกษาความจริง ที่บอกว่าราชธานีอโศกทำให้ประเทศฉิบหายมันผิดคนละขั้ว ที่จริงแล้วทำให้ประเทศเจริญ ถ้าเอาตามราชธานีอโศก ประเทศชาติจะเจริญ คุณยังงมงายอยู่อีกมากต่อมาก ขออภัยต้องพูดความจริงตรงคุณยังงมงายอยู่อีกเยอะ ไม่เข้าใจหรอกว่าราชธานีอโศกเป็นอริยะประเทศเป็นประเทศเจริญแล้ว ขออภัย เป็นอะไรวะสังคมเป็นอริยะชุมชนแล้วเจริญ ไม่ได้เป็นภาระแก่สังคมประเทศชาติแม้แต่อยู่ในจังหวัดนี้ จังหวัดอุบลไม่ต้องห่วงราชธานีเลย มีแต่ราชธานีจะให้ช่วยเหลืออะไรก็บอกมา สังคม จังหวัด อำเภอ หรือหมู่บ้านเท่าที่พอเป็นไปได้ ก็ไม่ได้ไปอวดดีอวดใหญ่ไปอ้าขาผวาปีกจะไปช่วยคนนั้นคนนี้เกินไป เราก็พร้อมอุดมสมบูรณ์ มีพอเป็นไปเพื่อกูลกันได้ ไม่ใช่เป็นเศรษฐีที่จะมานั่งแจกทีเดียวหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:46:09 )

ราชธานีอโศกเป็นเมืองหลวงของชาวอโศก

รายละเอียด

อะไรบกพร่องสัลเลขะ อาตมามีกายกรรมวจีกรรมบกพร่อง อาตมาเคยเป็นคนสุภาพเรียบร้อยอาตมาทำได้เมื่อก่อนแต่ตอนนี้ขอทำตามกาลสมัยเหตุปัจจัยเถอะ ถ้าหากว่า อาตมาจะรักษามาดก็จะได้รับความนิยมชมชอบเยอะ แต่มาเยอะอาตมาก็ไม่ไหว ทุกคนก็ช่วยอาตมาได้ขนาดนี้ ถ้ามามากเกินมันไม่ไหว ไม่ได้แก้ตัวมันเป็นเรื่องจริง ขนาดนี้ก็พอเป็นไป ถึงว่าอยากได้คนพวกเรามารวมกันให้มากขึ้น เช่น ตอนนี้คนมาใช้บริการที่ร้านจิตอาสาของเรามากมายจนเราต้องปิดถึง 2 วันต่อสัปดาห์ พูดแต่ว่า อาตมา จะสร้างราชธานีอโศกเป็นเมืองหลวงของชาวอโศกไม่ไปสร้างที่อื่นหรอกสร้างที่นี่แหละ มันไม่ไหวหรอกสร้างที่อื่นมันไม่ทันการต้องสร้างที่นี่แหละ พูดถึงแล้วเปลี่ยนสถานที่ด้อย น้ำท่วม เขาไม่เอาแล้ว แต่เราก็มาทำให้ดีขึ้น เหตุปัจจัยองค์ประกอบต่างๆ คำว่า ของภายในเรา เข้าใจให้ชัด เลือดเนื้อของเราไม่เอาของคนอื่นมาตีรวมด้วย เราจะมีผลผลิตของภายในทั้งคุณภาพดีปริมาณมากเผื่อแผ่แจกจ่ายเจือจานออกไปอีก ได้ไหม…ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม  2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:50:30 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:59:49 )

ราชธานีอโศกเป็นแดนสร้างคนที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

คือการอยู่ที่นี่ไม่ได้พาให้เราต่ำ มีแต่พาให้เจริญ  เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจใหม่ดีๆ  ว่าที่นี่ไม่ว่าใครทั้งนั้น ผู้ใหญ่ ก็ตาม นักเรียนก็ตาม  เด็กก็ตาม  พยายามจะช่วยให้เป็นผู้ที่ให้ได้พบแต่สิ่งที่ดี ได้ฝึกฝนแต่สิ่งที่ดี ได้ ทำแต่สิ่งที่ดี ทำกันอย่างจริงใจ  ทำกันอย่างตั้งใจ  อย่างพยายามเลย    ไม่ได้รับจ้าง ทำกันด้วยใจบริสุทธิ์ ทุกอย่างทำให้ดี   ทำความเข้าใจให้ดี ๆ  อย่างนี้แล้วจะรู้สึกว่าโอ้โห ที่นี่เป็นแดนสร้างคนที่ยิ่งใหญ่  เป็นสังคมที่พัฒนาคนที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราเห็นคุณค่าอย่างนี้แล้ว เราก็จะมีใจ ไม่อยากจะไปหรอก  อยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ  เห็นความจริงอันนี้ให้ได้ นี่พูดความจริง  ถ้าเห็นไม่ได้เราก็ไม่เกิดภูมิปัญญา  เราก็เห็นว่าที่นี่เป็นที่บังคับ ไม่ได้ดั่งใจเรา  เป็นกิเลส เห็นแต่ตัว สำคัญ  เราไม่ต้องไปตามใจเรามากว่า ไม่ต้องไปตามใจที่อยากได้ ดั่งใจเราเลย  และเราก็ทำตามผู้อื่นได้  โดยมีพวกมีผู้รู้ที่จะจัดสรรให้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:52:42 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:58:11 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:01:19 )

ราชธานีอโศกเป็นแดนสร้างคนที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

การอยู่ที่นี่ไม่ได้พาให้เราต่ำ มีแต่พาให้เจริญ  เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจใหม่ดีๆ  ว่าที่นี่ไม่ว่าใครทั้งนั้น ผู้ใหญ่ก็ตาม นักเรียนก็ตาม  เด็กก็ตาม  พยายามจะช่วยให้เป็นผู้ที่ให้ได้พบแต่สิ่งที่ดี ได้ฝึกฝนแต่สิ่งที่ดี ได้ทำแต่สิ่งที่ดี ทำกันอย่างจริงใจ  ทำกันอย่างตั้งใจอย่างพยายามเลย    ไม่ได้รับจ้าง ทำกันด้วยใจบริสุทธิ์ ทุกอย่างทำให้ดี   ทำความเข้าใจให้ดี ๆ  อย่างนี้แล้วจะรู้สึกว่าโอ้โห ที่นี่เป็นแดนสร้างคนที่ยิ่งใหญ่  เป็นสังคมที่พัฒนาคนที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราเห็นคุณค่าอย่างนี้แล้ว เราก็จะมีใจ ไม่อยากจะไปหรอก  อยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ  เห็นความจริงอันนี้ให้ได้ นี่พูดความจริง  ถ้าเห็นไม่ได้เราก็ไม่เกิดภูมิปัญญา  เราก็เห็นว่าที่นี่เป็นที่บังคับ ไม่ได้ดั่งใจเรา  เป็นกิเลส เห็นแต่ตัวสำคัญ  เราไม่ต้องไปตามใจเรามากกว่า ไม่ต้องไปตามใจที่อยากได้ดั่งใจเราเลย  และเราก็ทำตามผู้อื่นได้โดยมีพวกมีผู้รู้ที่จะจัดสรรให้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  25 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 20:18:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:37:39 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:02:30 )

ราชธานีอโศกแดนไม่สุขไม่ทุกข์ตามสัจจะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ถามก่อน ที่คุณมาศึกษาที่นี่บางคนหลายสิบปีมันพ้นทุกข์กันบ้างหรือไม่ …ได้ แต่ยังไม่หมด แต่พ้นมาได้ตามลำดับ รู้ทุกข์ด้วย แล้วที่นี่แดนทุกข์หรือแดนสุข มีคนตอบว่า แดนสุข อีกคนตอบว่าแดนไม่สุขไม่ทุกข์ แดนสุขก็เป็นเพียงคำอนุโลมเรียกกันตามสังคม ตามที่เขาเข้าใจว่าขนาดนี้ เป็นฐานอนุโลม จริงๆแล้วคือไม่สุขไม่ทุกข์คือขั้นสมบูรณ์ สัจจะของพระพุทธเจ้าตรัสรู้คือตรัสรู้ทุกอริยสัจ คำว่าหมดทุกข์หมดสุขเป็นอรหันต์ ศาสนาพุทธมีเท่านี้ เอ๊าะเจ๊าะ แอ๊ะแจ๊ะเท่านี้รวมแล้วหมดสุขหมดทุกข์ แต่มันมีองค์ประกอบต่างๆเยอะกว่าจะรู้ความไม่สุขไม่ทุกข์ ความรู้โลก รู้อัตตา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม  2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:05:12 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:17 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:03:46 )

ราชประชาสมาสัยที่ดีที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด

รายละเอียด

แล้วก็ขอสรุปลงตรงนี้ว่า ประเทศไทยเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยที่มี 2 ขา มีทั้งกษัตริย์และประชาชน เป็นราชประชาสมาสัยจริงๆ ที่ดีที่สุดในเรื่องมนุษยชาติที่ต้องมีคู่ช่วยกันตลอดเวลา ไม่เดี่ยวๆ มันจะหนักไปทางเผด็จการ ถ้ามีประชาธิปไตยขาเดียว มันจะหนักไปทางเผด็จการ แต่ถ้ามีประชาธิปไตย 2 ขา มีกษัตริย์เป็นรัฏฐาธิปัตย์ด้วย มีประชาชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ด้วย นี่แหละสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ถูกธรรมชาติ ถูกสัจธรรมของความเป็นชีวะ คน ต้องมีกายมีจิต ต้องมีกายมีวิญญาณ เป็น 2 อย่างต้องมีธาตุรู้ มีรูป มีนาม ซึ่งมันสมบูรณ์แบบตามสัจธรรม ขั้นปรมัตถธรรมเลย สูงสุด ค่อยๆ ศึกษาตามไปก็แล้วกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:08:58 )

ราชประชาสมาสัยหรือประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

ส่วนเมืองไทยเป็นประชาธิปไตย 2 ขามาตั้งแต่สร้างประเทศไทยมีกษัตริย์มาตลอด แล้วก็มีพุทธศาสนาซึ่งเป็นประชาธิปไตย 2 ขาในยุคพระพุทธเจ้าก็มี ในยุคของพระพุทธเจ้ามีกษัตริย์ มาเดิมแต่ก็เป็นประชาธิปไตย 2 ขา พระพุทธเจ้ารู้ดีว่าต้องมีประชาธิปไตย 2 ขาเพราะฉะนั้นจึงไม่มีเชิงที่จะให้ตีกษัตริย์ทิ้ง เข้าใจว่าต้องอาศัยกัน ภาษาสมัยใหม่มีคนตั้งชื่อว่า ราชประชาสมาสัย เรียกว่า ราช กับ ประชา อาศัยซึ่งกันและกันไม่แยกกันและเกื้อกูลกันและกัน รักกัน เคารพบูชากัน นับถือกันยกให้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:19:29 )

ราชพลี

รายละเอียด

เสียสละให้แก่ราชาให้แก่ราชการส่วนกลาง สังคมประเทศชาติ จะสละข้าวของเงินทอง เครื่องใช้ก็ตาม หรือแรงงานเช่นทุกวันนี้มีจิตอาสา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:37:31 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:07 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:18:25 )

รายละเอียดของการลากขันธ์ของพ่อครูเพื่อสืบทอดศาสนา

รายละเอียด

ตอบได้เลยว่าไม่ได้หรอก อาตมาต้องอธิบาย ทางด้านเถรสมาคมไม่ได้เข้าใจคุณธรรม แม้แต่ฌาน วิมุติ หรือปัญญาที่เป็นของโลกุตระ ไม่ได้เข้าใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางที่จะเข้าใจอรหันต์ โสดาบันก็ไม่ชัด สกิทาคามีก็ไม่ชัด เรียนมาตามพยัญชนะตามความหมายก็เรียนมา แต่ปฏิบัติจิตไม่ได้เข้าถึงฐานที่เป็นสัจธรรม สมณะ 4 เหล่า เป็นโสดาบัน แล้วก็มาเรียนรู้เป็นลำดับ ไม่ใช่โดยปริยาย แต่ต้องมีธาตุรู้ชัดแจ้งเลยว่า กามคุณ 5 คืออะไร ไม่หลงใหลกับกามคุณ 5 แล้ว การไม่หลงใหลกามคุณ 5 นี่คือรู้ทันใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) แล้วลดจริงๆ เจตนาลด ลดแล้วก็อย่างพวกเรา เจตนาลด ลดได้ 

พวกนี้เขาจะยังไม่ลด เขาจะรู้โดยปริยายเท่านั้น เหลาะแหละ ลดบ้าง ไม่ลดบ้าง เขาจะไม่อ่านเข้าไปถึงเวทนาในเวทนา ความรู้สึกในความรู้สึก เขาจะไม่รู้จักอัสสาทะ รสอร่อย รสอร่อยของรูป รสอร่อยของเสียง รสอร่อยของกลิ่น รสอร่อยของสัมผัส รสอร่อยของอัตตาเลย เขาจะไม่ละเอียดลอออย่างนั้น แล้วเขาก็จะทำไม่จริง ทำจริงมันก็จะไม่มีจริงๆ เหมือนอย่างที่อาตมาพูด ทุกวันนี้รสอร่อยมันไม่มีเลย อย่างที่อาตมาก็บ่นไป แล้วก็ลากขันธ์ไป ที่ลากขันธ์ไปนี่อาตมายิ่งเห็นชัดเจนว่า ความจริงมันเป็นเช่นนี้ 

คือ 1. อายุขัยของอาตมามันหมดแล้ว มันฝืน มันลากขันธ์ไป  มันไม่ง่ายนะ 

2. รสอร่อยมันไม่มี มันไม่มีอะไรชูรส แต่มันต้องกินไปให้ขันธ์ ต้องฝืนกิน รสไม่มี แล้วขันธ์เราก็หมดแล้วด้วย ควรตายแล้ว แต่ไม่ยอมให้มันตาย มันก็จะต้องฝืน ๆๆ เอ็งใส่เข้าไป ใส่เข้าไป ปริมาณไม่พอเอ็งผอมด้วยนะ ไม่มีกำลังด้วยนะ เดินไม่ไหวนะ อาตมาก็กลัวจะเสียภาวะโพธิสัตว์ กลายเป็นไอ้กุ้งแห้ง เสียท่าหมดเลย ไม่ได้ ก็จะต้องให้มันสมสัดส่วน อย่างน้อยไม่พุงโลไม่อ้วน ขนาดนี้ก็ใช้ได้แล้ว 

จริงๆนะ อายุ 90 แต่ก่อนท้องแขนโตงเตง เดี๋ยวนี้มันดีขึ้นเยอะ แล้วกำลังภายในอาตมา อาตมาก็ว่าอาตมาไม่ได้ฝืนอะไรมากมาย คิดว่าแข็งแรง แต่พวกเราจะพยายามดูรูปนอก เดิน เดี๋ยวคนนั้นคนนี้ก็ประคอง เพราะเขาเห็นตัวเลขอายุอาตมามัน 90 เขาก็เลยช่วย ที่จริงไม่ต้องช่วยอาตมา อาตมาก็ไม่ถึงกับขนาดจะต้องหกล้มเจ็ดล้มอะไรหรอก จริง ไม่ 6 ไม่ 7 หรอก อย่างมากก็ 1 ล้ม 2 ล้มเท่านั้นแหละ ไม่ถึง 6 ล้ม 7 ล้ม แน่นอนอย่างเก่งก็พลาดท่าก็อาจจะหนึ่งล้มสองล้ม แต่ไม่ถึง 6 แน่นอน นี่ก็อธิบายตามปฏิภาณของอาตมานะ มันมีสัจจะความจริงนะ 1 ล้ม เป็นอย่างไร 2 ล้ม เป็นอย่างไร 3 ล้ม เป็นอย่างไร 

มันล้มถึง 2 เส้า 6 ล้มนี่ 2เส้า มันไม่ระมัดระวัง สติตก ความกำหนดรู้มันไม่ดี สติก็ไม่ดี สัญญาก็ไม่ดี สถานที่ก็ไม่ชัดเจน ก็ล้มสิ ทั้งสติ ทั้งสัญญาทั้งสถานที่ ไม่กำหนด 3 อย่างนี้มันล้มแน่ เซนะ ไม่ใช่เซะ ผู้ใดไล่หมาว่า เซะ ไล่ไก่ว่า โซ มันผู้นั้นคือลาว นี่คือนิยามของความเป็นลาว ผู้ใดไล่หมาว่า เซะ ไล่ไก่ว่า โซ มันผู้นั้นคือลาว อีสานสมัยใหม่รู้ไหม ไล่ไก่ว่า โซ ไล่หมาว่าเซะ ไล่ควายว่า ฮุ่ยๆๆ อ้าว แวะไปไกล ตอบแล้วนะเรื่องเป็นโพธิสัตว์ แล้วพระเป็นใหญ่สุดในประเทศ เขาไม่ได้วัดคุณธรรมหรอก เขาไม่รู้เรื่อง เขาก็วัดตามแบบโลก โดยโลกุตระจริงๆไม่เกี่ยวหรอก จะมีตำแหน่งยศศักดิ์อะไรก็ไม่รู้ ดีไม่ดีลบหลู่กันเล่นด้วย ความไม่รู้มันลบหลู่แล้วมันก็ไม่รู้จริงไปลบหลู่สิ่งที่เป็นสัจจะ ไปลบหลู่พระอาริยะ ไม่ต้องถึงอรหันต์หรอก ลบหลู่พระอาริยะก็ตกต่ำแล้ว 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2566 ( 16:01:37 )

รายละเอียดของจรณะ 15 วิชชา 8 อยู่ในพุทธคุณ 9 

รายละเอียด

เรามาลงรายละเอียดลองฟังดู รายละเอียดของจรณะ 15 วิชชา 8 คนปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ต้องปฏิบัติธรรมตามนี้ อันนี้เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า วิชชาจรณสัมปันโน ในพุทธคุณ 9 มีเนื้อแท้การปฏิบัติอยู่ตรงนี้ นอกนั้นมีแต่คำยกย่องพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่อยู่ในพุทธคุณ 9 

  1. อรหํ เป็นพระอรหันต์ 

  2. สมฺมาสมฺพุทโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ 

  3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ 

  4. สุคโต เสด็จไปดีแล้ว หมายความว่า ทุกคนกำลังเดินทางอยู่ในทางไกลกันดาร ผู้ที่เดินทางไปถึงจุดหนึ่งเรียกว่าเป็นอรหันต์ ก็เป็นผู้ที่ถึงจุดจบหนึ่งในความเป็นอรหันต์จบแล้ว ไปได้ถึงที่สุดแล้ว สุดอย่างไร สุดคือตายแล้วเป็นผู้ทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสานสำเร็จ จบ ไม่ต้องไปอีกแล้ว ไม่มีอะไรไปอีกแล้ว จิตวิญญาณดับสูญเป็น ดินน้ำไฟลมไปเลย อรหันต์ ส่วนอาตมานั้น เป็นอรหันตโพธิสัตว์ ไม่ยอมจบอรหันต์ระดับที่ 1 แต่บรรลุอรหันต์ในขั้นต่อมาเป็นอนุโพธิสัตว์ ไม่ยอมจบอีก ก็มาทำอรหันต์ อนิยตโพธิสัตว์ ต่อมายาวนาน จนกระทั่งไม่ยอมจบอีก เป็นอรหันต์ระดับ 7 นิยตโพธิสัตว์ แล้วอาตมาตั้งใจว่าจะต่อเป็นมหาโพธิสัตว์ระดับ 8 อีก จนจบระดับ 8 จึงจะเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีปณิธานอย่างนั้น นี่คือรายละเอียดของสัจธรรม 

  5. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก 

  6. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ มีความรู้เหนือ และเป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า 

  7. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย 

  8. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว 

  9. ภควา ติ เป็นความจบในความเจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 11:36:53 )

รายละเอียดของชีวกสูตร 5 เจตนาข้อที่ 1-4

รายละเอียด

เจตนาข้อที่ 1 แม้แต่เริ่มต้น มีชื่อ กล่าวชื่อสัตว์ตัวใดตัวหนึ่ง ไก่ หมู ไปเอามา บางทีหมาเขาก็กิน พอเจตนาที่จะไปจับสัตว์มา กล่าวชื่อนั้นสัตว์นั้นให้ไปจับมา คนที่มีปฏิภาณรู้ว่าไก่ตัวนี้ ปลาตัวนี้ ไม่ต่อไปว่า น่าเอามาต้ม น่าเอามาย่าง น่าเอามาปิ้ง ไม่พูดต่อ แต่กล่าวชื่อสัตว์เท่านั้น เจาะจง อุทิสสะ หรือเจตนามุ่งหมาย นำชื่อสัตว์ตัวนั้นมากล่าวแค่นี้ก็เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย 

ยิ่งมีเจตนามากขึ้นสูงขึ้นเป็นข้อที่ 2 ให้เขาไปจับมันมา ผูกคอมา ลากมันมา สัตว์มันก็มีทุกขเวทนา มันก็บาปหนักมากยิ่งขึ้นอีก เป็นบาปของผู้ทำ ไม่พอ 

ขั้นที่ 3 จงฆ่ามันเลย สัตว์ตัวนี้ ตรงนี้ก็ปฏิเสธไม่ออกแล้วทั้งกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมครบเลย ฆ่า 

ขั้นที่ 4 สัตว์นั้นแม้กำลังถูกฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ขณะที่สัตว์มันถูกฆ่าอยู่นั้นมันเป็นทุกข์ มันก็เกิดทุกข์เท่าไหร่บาปก็เกิดเท่านั้นให้แก่ผู้ที่ไปสั่งฆ่าและผู้กำลังฆ่า ร่วมกันทำบาปด้วยกัน ทั้งผู้สั่งฆ่า ทั้งผู้ลงมือฆ่า บาป เป็นอย่างที่ 4 หนักขึ้นไปอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:47:07 )

รายละเอียดของอภิธรรม 

รายละเอียด

ที่อาตมาอธิบายขยายความเรียกว่า อุเทส ให้ฟังว่าอาการอย่างนี้มีลักษณะต่างกันเรียกว่า ลิงคะ แล้วคุณก็กำหนดอาการนั้น กำหนดเครื่องหมายอาการของจิตนั้นซึ่งมันเป็นนามธรรม กำหนดเป็นนิมิต นิมิตมันตัวนี้หมายถึงอย่างนี้ เราสามารถเห็นจริงโดยรู้สึกสามารถสัมผัสอาการนั้นเรียกว่า ปัสสติ ฟังอาตมาเข้าใจเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ ถ้าไม่เข้าใจยังไม่รู้ก็เรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ รู้ก็เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ 

รู้เฉยๆ ทิฏฐิ แต่ไม่ได้สัมผัสจริงไม่ได้อ่านจริงไม่ได้รู้สึกจริงไม่ได้กระทบจริงไม่ได้มีเหตุปัจจัยของรูปนาม แล้วเห็นเป็นปัสสติจริงๆได้ยินจริงๆได้กลิ่นจริงๆได้รสจริงๆ กระทบเย็นร้อนอ่อนแข็งจริงๆ ถ้ายังไม่เกิดยังไม่มี ปัสสติ เกิดแล้วก็มี ปัสสติ นี่เป็นรายละเอียดของอภิธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:18:17 )

รายละเอียดของอภิภายตนะ 8

รายละเอียด

ดูกรอานนท์ อภิภายตนะ 8 ประการ เหล่านี้แล 8 ประการเป็นไฉน คือ

ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่เล็กซึ่งมีผิวพรรณดีและมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่ 1 ฯ

ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่ใหญ่ ซึ่งมีผิวพรรณดี และมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้วมีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่ 2 ฯ

คำว่าครอบงำคือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลเหนือ สามารถควบคุม ดูแล จัดการภายนอกภายในทั้งจิตทั้งกาย สามารถอยู่เหนือหรือควบคุมจัดการได้ ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่เล็ก ซึ่งมีผิวพรรณดี และมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่ 3 ฯ 

 รายละเอียดของอภิภายตนะ 8 คือรายละเอียดของผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากที่เป็นอภิภู เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ศึกษาธรรมะแล้วถึงขั้นนี้ เป็นผู้ที่มีความสามารถที่จะครอบงำ ที่จริงแล้วสามารถที่จะมีปัญญา มีภูมิธรรมความรู้ จัดการสิ่งเหล่านี้ได้เพราะว่ามีอิทธิพลอยู่เหนือ สิ่งเหล่านี้คือตัวเราทั้งนั้น คือจิตของพวกเรา จิตเจตสิกเกี่ยวข้องกันเสมอ มีความสามารถจัดการสิ่งเหล่านั้นโดยมีอิทธิพลเหนือ อุตระ เอกอุตระหรือเอกอุดม มีความสามารถขนาดนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:34:46 )

รายละเอียดมันลึกซึ้งอย่างไร

รายละเอียด

คำว่ารายละเอียดมันลึกซึ้งอย่างไร ฟัง ณ บัดนี้ ผู้ที่มีรายละเอียดดีมาก พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า อภิภู แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่เกินกว่า สยังอภิญญา คำว่า สยังอภิญญา คือผู้รู้ได้เองข้ามชาติมา อาตมาเองยืนยันตนเองเป็น สยังอภิญญา มาบัดนี้จะเพิ่มเป็นขั้นที่ 8 อาตมานี้กำลังจะขึ้นจากโพธิสัตว์ขั้นที่ 7 ขึ้น 8 จะเข้าไปหาอภิภู ก็เริ่มต้นที่จะมีอภิภู ดีขึ้นๆ อภิภูดีขึ้นคือ สามารถรู้จัก อภิภายตนะ ฟังพยัญชนะด้วยสภาวะด้วยกันดีๆนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 11:03:28 )

รายได้จากการท่องเที่ยวมันเป็นบาป

รายละเอียด

ค่อยๆรู้ไป แต่อาตมาก็ไม่โทษผู้บริหารเสียทีเดียว เพราะมันมีความซับซ้อน จะมีคนต่างชาติคนไหนจริงใจจะมาลงทุนให้กับเมืองไทยไม่มีหรอก ถ้ามีเขาก็เอามาบริจาคให้แล้ว อีกอันหนึ่งก็คือรายได้จากการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลัก เพราะฉะนั้นที่นี่เราไม่มีการให้ใครมาเที่ยวที่นี่แล้วเราจะไปหาเงินจากเขา มันเป็นบาปเป็นการรีดนาทาเร้นเอาเปรียบเอารัดยิ่งบาปซ้ำบาปซ้อน เราให้มาได้ จะได้ให้การศึกษาเขา คำว่านักเที่ยวคำว่าคนเที่ยวเป็นคำไม่ดีไม่ใช่คนดี มันจะหลงระเริงไม่เข้าท่าอะไรเป็นเรื่องไร้สาระไม่รู้จักกาละเวลา ไม่รู้จักประโยชน์ ท่องเที่ยวก็ไปท่องเที่ยวดินน้ำไฟลมและความประพฤติของมนุษย์ ไปที่ดินน้ำไฟลมสัตว์และพืชและความประพฤติของมนุษย์ เท่านั้นแหละ ไปที่ไหนก็มีเท่านั้น ศึกษากลุ่มหมู่ของคนใกล้ชิดนี้ให้รู้ก่อนแล้วค่อยขยายแตกออกไป แต่นี่ขยายไปรู้จักพวก New Guinea  Papua New Guinea ไปดูพวกขั้วโลกเหนือ ซึ่งพวกเราเองก็ยังดูกันไม่ทั่วเลย อย่าไปหลงผิดหลงเพ้ออะไรมากมาย ก็ขอสรุปว่า ไม่ได้ดิบดีอะไรเลย รายได้จากการท่องเที่ยว เราให้เขามารับสาระประโยชน์แล้วเราจะให้เขารู้เลยว่าเรามีแต่เสียสละให้เขา เราไม่ได้เอาอะไรจากเขาเลยอย่างนี้ถึงจะแน่ถึงจะดีจริงๆ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นที่แท้จริง ถ้าหากเอา เขาเป็นเยอะเลยมาแล้วเราจะได้ขูดรีดเขา พูดก็น่าเกลียดแล้ว ทำจริงๆจะได้เรื่องอะไร ศึกษาให้ดีๆค่อยๆเป็นไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 11:31:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:39:37 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:06:01 )

รายได้มวลรวมของประเทศควรเป็นเช่นไร

รายละเอียด

เศรษฐกิจที่เขาเรียกว่า GDP Gross domestic Product การจัดการรายได้มวลรวมของประเทศ ด้วยความคิดของอาตมา รายได้มวลรวมของเราของประเทศเรา คือเราสร้างแล้วเราก็มีผลผลิตนั้นแจกจ่ายจำหน่ายขาย ได้สิ่งแลกเปลี่ยนกลับคืนมา ได้เท่าไหร่ อันนี้เป็น Gross domestic เป็นของเรา จบตรงนี้ แต่ ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์นักเศรษฐกิจสังคมเขาไม่เอา เขาก็ไปเอาข้างนอกด้วย ทั้งๆที่บอกว่า Domestic ของคุณ เขาก็ไปเอาของนอกมาเป็นการตะกละ แล้วคุณก็บอกว่าเศรษฐกิจของคุณดี คุณได้เปรียบจากข้างนอกเขามาเอามารวม แล้วคุณก็บอกว่าเจริญเท่านั้นกี่เปอร์เซ็นต์ มันเป็นการออกนอกกรอบ Domestic เป็นการคิดแบบตรรกะเห็นแก่ได้เอาเปรียบ เอาของคนอื่นมารวมและบอกว่าเจริญ เป็นการเอาเปรียบคนอื่นมันเป็นบาป เพราะแนวคิดของอาตมานั้น ความเจริญทางเศรษฐกิจคือเราสามารถสร้างผลผลิตของเราได้ โดยรวมแล้วเรากินเราใช้เหลือ เอาส่วนเหลือนี้ไปขายให้ถูกๆ หรือให้แจกเลย นี่คือความเจริญทางเศรษฐกิจ หากขี้โลภมากไม่รู้จักพอถือว่าเศรษฐกิจเจริญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม5 รูป28


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:53:54 )

รายได้องค์รวมภายใน GDP

รายละเอียด

รายได้องค์รวม Gross domestic product GDP

รายได้องค์รวมภายในก็คือของคนไทยในคนไทย สร้างมาเป็นมวลที่คนไทยกินใช้พอ ไม่เดือดร้อน เอาเข้ากองกลาง ไม่แพร่แก่ข้างนอกเขา อย่างนี้เศรษฐกิจของ domestic ไทยเจริญ แต่ถ้าของคนไทยมีพอแล้วเหลือเอาไปเอาเปรียบต่างประเทศ อย่างนี้ไม่ใช่ GDP เป็น GIP หรือ GEP เป็น international หรือ export เอาของเขามา อย่างนี้ไม่ใช่ GDP ที่ดี แต่ถ้าของภายในเราทำได้มากมีเหลือเอาไปช่วยประเทศอื่นอย่างนี้ GDP ดีที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:30:08 )

รายได้องค์รวมภายในประเทศ หรือ GDP

รายละเอียด

GDP เขาไปอธิบาย ว่าคือ รายได้องค์รวมภายในประเทศ แต่ไปเอาเปรียบเอาสินค้าไปขายให้ได้กำไรจากต่างประเทศมากๆแล้วบอกว่ารวมเป็น GDP ของประเทศไทย ซึ่งคำว่าโดเมสติกมันหมายถึงภายใน คนที่มี GDP รายได้องค์รวมเจริญของพวกเรา เช่นชาวอโศกไม่ได้กำไรจากภายนอก เราเสียสละให้แก่ภายนอก อันนี้ GDP แท้ของเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์แท้ที่ถูกต้อง แต่ที่เขาพูดกันเป็นความผิดเพี้ยนไปเพราะเอาของต่างประเทศมาเป็นรายได้ของตนเอง ภายในประเทศ คุณเอาของข้างนอกไปเอาเปรียบเอารัดจากต่างประเทศเก่ามันก็เป็นสมบัติผลัดกันชม คุณเก่งก็แย่งชิงมาได้มาก แล้วมาพูดเล่นๆว่าเป็น GDP ซึ่งมันไม่ใช่เป็นของภายในของคุณ แต่ของชาวอโศกเป็น GDP แท้ ประเด็นนี้คนก็เข้าใจยากแม้แต่ ด.ร ทางเศรษฐศาสตร์ฟังแล้วจะไม่เข้าใจ ขอให้อย่าทุจริตและลดความได้เปรียบ มาให้ได้มากๆ นายทุนมักจะเอาเปรียบซึ่ง มันเป็นบาป

1. อย่าทุจริต

2. ลดความได้เปรียบลงมาบ้าง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 31 ตุลาคม 2562 ( 07:55:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:09:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:07:31 )

ราศีรังสีของธรรมะ

รายละเอียด

คือใครจะมารักเรา  มาชังเรา  เป็นนิยาย เราไม่เกี่ยวทั้งนั้น ส่วนคนอื่นจะมารัก มาชัง เราต่อก็ตบมือข้างเดียว เราก็รักษาสถานะอย่าให้มันเกิดอะไรขึ้นอีก ก็จะเป็นคุณธรรม  คนสมบัติ  เป็นอำนาจ  ราศีรังสีของธรรมะที่จะกันไม่ให้พวกที่จะมารักหรือจะมาทำร้ายเรามาได้ยากขึ้น  หรือทำร้ายไม่ได้  ก็จบที่ทำรายไม่ได้ แต่คนเขาจะอยากทำร้าย หรืออยากรัก  ห้ามไม่ได้หรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:56:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:13:16 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:08:41 )

ราศีรังสีของธรรมะ

รายละเอียด

ใครจะมารักเรา มาชังเรา เป็นนิยาย เราไม่เกี่ยวทั้งนั้น ส่วนคนอื่นจะมารักมาชังเราต่อก็ตบมือข้างเดียว เราก็รักษาสถานะอย่าให้มันเกิดอะไรขึ้นอีก ก็จะเป็นคุณธรรมคุณสมบัติเป็นอำนาจราศีรังสีของธรรมะที่จะกันไม่ให้พวกที่จะมารักหรือจะมาทำร้ายเรามาได้ยากขึ้นหรือทำร้ายไม่ได้ ก็จบที่ทำร้ายไม่ได้ แต่คนเขาจะอยากทำร้าย หรืออยากรัก ห้ามไม่ได้หรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:28:29 )

ราษฎรประหาร

รายละเอียด

ขณะนี้อาตมาพูดไปแล้วว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีประชาชนเป็นราษฎรของประเทศ เป็นผู้ที่ปฏิวัติ เป็นผู้ที่ ประหาร เป็นราษฎรประหาร ไม่ใช่รัฐบาลประหาร ประชาชน ไปปราบปรามผู้บริหารที่ไม่ดีไปหมดแล้ว ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจริงๆใช้พลังของประชาชนไปจัดการคณะบริหารที่แย่ คณะบริหารที่แย่ๆๆ ตั้งแต่คณะทักษิณ อยู่ในยุคที่พวกเราออกไปทำ นายกฯของจอมพลแปลก จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม พวกนั้นอาตมายังไม่ได้เข้ามาอะไร เขาก็มีการประท้วงอะไรไปตามประสา ก็ไม่ได้ไปร่วมด้วยเอามาพูดไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:33:51 )

ราสิ , ราศิ , ราศี

รายละเอียด

กอง  ก้อน  กลุ่ม  ฝูง  หมู่  พวก  ประชุมกัน  หรือรวมกันเข้า มีมากจนเห็นชัด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 405


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:42:10 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:12 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:09:33 )

รำลึกถึงคุณแพรฟ้าหรือคุณหญิงสุดารัตน์

รายละเอียด

ผู้ที่จะดำเนินทฤษฎีของพุทธเจ้าจริงๆให้ได้จริงๆนั้น พูดตรงนี้แล้วก็นึกถึง คุณแพรฟ้า คุณหญิงสุดารัตน์ จบดอกเตอร์จากจุฬา จบปริญญาเอกจากจุฬาฯ มหาจุฬาราชวิทยาลัย ก็คือทางศาสนา ก็ปริญญาทางศาสนาแต่มันไม่สัมมาทิฏฐิมันน่าเสียดายน่าสงสาร ก็สนิทสนมกับเรานะ เริ่มต้นมา มาที่เราแล้วก็มาพลังธรรม อะไรต่ออะไรนี่แหละ เสร็จแล้วก็ถูกผีดึงออกไปน่าสงสาร ถ้าไม่เช่นนั้น…ป่านนี้อาจจะตั้งหลักตั้งลำได้เพราะมีประสิทธิภาพ สุดารัตน์นี้มีประสิทธิภาพ ไม่งั้นจะไปได้ดีทีเดียว แต่มันก็ไปเป็นตามสัจธรรม ก็คงจะเลี้ยวกลับมายาก แต่ก่อนนี้ก็ยังเอากระเช้าปีใหม่ส่งมาให้ ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าแล้วมีอะไรหลายอย่าง ซึ่งที่พูดนี้ก็ไม่ได้ทวงนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:53:00 )

รำลึกถึงพลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ผู้เสียชีวิต

รายละเอียด

ทำไมว่าไม่ไปเกิดที่ไหนไกลหรอก พลเอกปรีชาเป็นคนรักบ้านรักเมืองรักพี่รักน้องเป็นโพธิสัตว์ อาตมากำลังเขียนถึงพลเอกปรีชากำลังคิดว่าจะเขียนให้สั้น บอกอยากมาอยู่บ้านราชฯแต่รักครอบครัว ครอบครัวยังยาก ก็เลยต้องตามใจลูกเมียจนกระทั่งสุดท้ายก็เสียชีวิต จิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในจิตลึกๆพวกนี้ไม่ต้องห่วงหรอก และคุณธรรมมีพอที่จะมาอุบัติ ณ ที่นี้ได้ แล้วมันจะไปไหนเสีย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน  วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม  2562


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2562 ( 19:34:51 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:10:54 )

รำลึกถึงอดีตการงานทางโลกและสุเทพ วงศ์กำแหง

รายละเอียด

โทรทัศน์ของเมืองไทยเปิดครั้งแรกเมื่อ พศ. 2498 ตอนนั้นอาตมายังเรียนอยู่เพาะช่าง ปี3-4 อาตมาจบ ปี 2500 ที่อาตมามาทำงานโทรทัศน์แล้ว พอพูดถึงตรงนี้ก็นึกถึงสุเทพ สิ้นชีวิตไปเมื่อเช้าวานนี้ สุเทพ วงศ์กำแหง รู้จักกับอาตมาตั้งแต่พ.ศ 2494 เป็นนักร้องเหมือนกัน มาสมัครร้องเพลงเหมือนกันตอนนั้นกลุ่มที่ร้องเพลงจะมี 3 กลุ่มใหญ่ๆ แต่กลุ่มที่ 3 ของ คุณไพบูลย์ บุตรขัน เกิดทีหลังนิดหน่อย กลุ่มสุนทราภรณ์เป็นกลุ่มใหญ่ กับของคุณล้วน ควันธรรม ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกลุ่มสุนทราภรณ์ ดาว 2 ดวงอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลยตกลงกัน ล้วนก็เลยยอมลาออกจากกรมประชาสัมพันธ์ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว เขาเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรก สำหรับคุณ ล้วน ควันธรรม แต่งเพลงเองร้องเองขายแผ่นเสียงเองแล้วก็มีเมียหลายคน นักร้องหลายคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเหลืออยู่คือคุณวิโรจน์ ควันธรรมเป็นลูกของพี่เล็ก คณะวงดนตรี ซึ่งเป็นน้าหรืออะไรของเมียของ สุเทพ วงศ์กำแหง นี่แหละ มีลูกชายกับ คุณล้วน มีชื่อนายแหลม หรือหลิม  แม่ของวิโรจน์ ควันธรรม อาตมาก็ชักเลือนๆ อยู่กันมาเกี่ยวข้องกันมา อายุตอนนี้ 86 ปีแล้วก็ลืมไปบ้าง พ่อครูพูดไปตามภาพที่insert ตอนทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม วิทยุของประเทศไทยมีอยู่ 3 สถานีตอนนั้น 1. สถานีกรมประชาสัมพันธ์ 2. สถานี1ป.ณ.  3. สถานีรักษาดินแดน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:01:43 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:37 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:13:45 )

รำลึกถึงอโศกรำลึก

รายละเอียด

เทศน์เปิดงาน งานคืองานอะไร งานอโศกรำลึก มาถึงครั้งที่ 40 เราเคยจัดงานอโศกรำลึกที่กลางถนนราชดำเนินมาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะว่าเราไปชุมนุม ก็เลยจัดงาน มันตรงนั้นแหละถนนราชดำเนินนี่แหละ ก็เคยจัดมาแล้ว มีการบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วย เป็นจุด interest point ระลึกถึงคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยพระบรมสารีริกธาตุเป็นเครื่องหมาย ซึ่งเรามีบรรจุไว้ในเจดีย์พระวิหารพันปีบรมสารีริกธาตุที่สันติอโศก และมีพระธาตุบรรจุอยู่ในพระนลาฏของพระพุทธาภิธรรมนิมิต ปางตรีลักษณ์ ปางแรก แล้วก็ปางวิชิตอวิชชา แล้วมีปางปรองดอง เราสร้างพระขึ้นมา 3 ปาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:28:05 )

รำลึกถึงเพื่อน การงาน ด้านวิทยุโทรทัศน์ เพลง

รายละเอียด

ก็เท่าที่ระลึกได้ ก็นึกถึงคบหากันมา คืออาตมาเป็นคน shut in ตรงที่ว่าไม่ยอมเปิดเผยชื่อเมื่อทำงานอะไร อยู่กับพี่ล้วน เขาก็ไม่รู้ว่าอาตมาแต่งเพลงเป็น จนอาตมาก็อยู่ พบกับคุณสุเทพเข้า วัลลภ วิชชุกรณ์ก็เป็นนักร้อง สามีคนแรกของผ่องศรีวรนุช วัลลภหน้าตาดีกว่าสุเทพ เป็นพระเอกหนัง แต่เขาเป็นพระเอกละครเร่ของพรานบูรพ์ แล้ว ผ่องศรี วรนุชก็เป็นนางเอกละครเร่ (ตอนอายุ 15) อาตมาก็เรียกออด เขาก็เรียกอาตมาแป๊ก เสร็จแล้วก็อาตมาก็เข้ามาพอมาอยู่กับคุณล้วน ชีวิตอาตมระหกระเหิน พอแม่ล้มป่วย ถูกโกง เงินทองหมด พ่อกินเหล้าเก่ง หย่ากับกับแม่3 ครั้งแบ่งสมบัติไปทีละครึ่ง สุดท้ายก็หมด พ่อกินเหล้าแล้วแจกคนอื่นหมด หย่าสามครั้งสมบัติหมด ชรินทร์อยู่อีกค่ายหนึ่งกมลสุโกศล ชรินทร์เป็นลูกศิษย์อ.ไศล ไกรเลิศ โดยเฉพาะชุดผู้ชนะสิบทิศ ดัง  พี่ไหลนี้อยู่อันนึงที่เกี่ยวข้องกับอาตมาเขามาขอเพลงธารสวาทไปอัดเสียง ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไม่ได้เดือดร้อนวุ่นวายอะไรก็อยากให้อัดด้วยเพราะเราชอบไง ทำแผ่นเสียงเราเท่ ก็เอาไปอัด อย่างนี้เป็นต้น ก็ใส่ชื่อเขา คนก็เลยเข้าใจว่า พี่ไศลเป็นเจ้าของ แก้เพลงนี้ประโยคเดียว โอ้กระแสธารเจ้าเลย หลั่งเลยไหลใจล่องลอย เขาก็ไปแก้ หลั่งเลยไหลมาจากดอย ..สรุปแล้ว เทพกับอาตมา ตอนอาตมาเรียนม.7 ม.8 เรียนม.8 อยู่ 3 ปี จนถึงปี 2496 ความรู้จึงแน่นเพราะตกสองปี   อาตมามีเพื่อนหลายรุ่น เพื่อนจบไปแต่เรายังอยู่ก็เลยได้เพื่อนรุ่นน้องมาเป็นเพื่อนหลายรุ่น ม.6 ร.ร.เบญจะมะ ก็ซ้ำสองปีมีเพื่อนเยอะ ออดนี่ชื่อ วัลลภ วิชุกรกับสุเทพ วงศ์กำแหง ก็ตั้งชื่อวงขึ้นมา เทพวิชชุ อาตมาเป็นคนตั้ง อาตมาเป็นผู้จัดการหมด แม้แต่เป็นพิธีกรเชื่อมโยงบรรยาย เราร้องสู้เขาไม่ได้ มันขาดมันเหลือก็ร้องหรือร้องหมู่ผสมผสานไป แต่เป็นผู้จัดการ ประกาศใครจะร้องแต่งกลอนประกอบเพลงด้วย อาตมา ตกม. 8 ก็ไม่เรียนต่อแล้ว จนปี 2496 ตุปัดตุเป๋ ไปโรงเรียนเพาะช่าง เขาก็กำลังเปิดคณะวิจิตรศิลป์บอกว่ามันยังไม่เต็ม เปิดใหม่ ก็บอกว่าเข้าได้ อาตมาก็เลยเข้าเรียนคณะวิจิตรศิลป์ Pure Art เข้าไปเป็นนักเรียนโข่ง เพื่อนจบปี 4 แต่เราอยู่ปี 1 มันมีหลายคณะ ที่จริงรู้จักสุเทพตั้งแต่ปี 2494 – 2495 ตั้งแต่มัธยม อยู่วงการด้วยกัน แต่งเพลง อาตมาก็ใช้วิธีเป็นผู้จัดการ พออาตมาไปเรียนเพาะช่าง ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ได้ร่วมกันเท่าไหร่ ปี 97-98เขาก็ไปกับพี่ไหล พี่หมาน (สมาน กาญจนะผลิน) เราก็เล่นหนังละครเรื่องดวงดาวที่มีผู้ช่วยพระเอกชื่อ ชาลี ดวงดาว หรือ วนิดาไม่ทราบ สง่า อินทรวิจิตร หรือ อินทรวิจิตร ที่แต่งเนื้อร้อง สดุดีมหาราชา สุเทพเขาโด่งดังทางดนตรี แต่อาตมามาเอาดีทางโทรทัศน์ ตอนนั้นก็มีแค่ขาวดำ ตอนหลังมี ช่อง 7 ช่อง 5 ขึ้นมา ส่วนช่อง4 บางขุนพรหมเป็นของรัฐบาล ก็มีช่อง3 มาขออาศัยใช้แทคติก ตอนนั้นเขาเสนอ สร้างสี มาตุกติก จริงๆกม.ไม่ให้ตั้งแต่เขาขอใช้ชื่อของช่อง 4 แล้วก็เป็นช่องสีของช่องสี่ก็เลยเป็นช่อง 3 ก็ได้ ก็ตั้งขึ้นมา เกิดเป็นโทรทัศน์ช่องสีช่องแรกของประเทศไทย ตอนนี้ ประชา มาลีนนท์ก็ยิ่งใหญ่ อาตมาไปทางเรียนจนกระทั่งตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือก็ลดหย่อนพวกนี้ไป จบแล้วก็ไปทำงานโทรทัศน์ มีงานเยอะ ต้องเลี้ยงน้องต้องหาเงิน ตอนนั้นค่าแต่งเพลงราคาไม่มากบวกลบแล้วเหลือแค่ 300 บาทต่อเพลง ดีไม่ดีอัดเสียงไปเล่นไพ่ไปก็หมด ไม่เหลือหรอก สรุปแล้วก็สนิทสนมกันเขาก็เรียกอาตมาว่าแป๊ก อาตมาเป็นคน shut in จนมีเรื่องกับพี่ล้วน เขาจัดประกวดเพลง อาตมาก็ส่งประกวด ใช้นามปากกาส่งประกวด อาตมาเป็นเลขาของพี่ล้วน ตัดสินแล้วของศรีสวัสดิ์ แต่งได้ชนะ แต่ก็พี่ล้วนเห็นเพลงอีกเพลงของนามปากกา ยุบลรัตน์ เขาก็ว่าดีเหมือนกัน ศรีสวัสดิ์ แต่งเพลง วาสิฏฐีจำแลง เพลงชมโฉม แต่เพลงอาตมาชมธรรมชาติ กลางไพรสณฑ์ …เขาก็ว่าเฮ้ยดีนี่หว่า ก็ตัดสินไม่ลง จะให้ใครที่ 1 ตัดสินไม่ลง ก็ให้ที่ 1 คู่กันก็แล้วกัน ดูเถอะ วาสนาโพธิรักษ์ ประกาศให้มารับรางวัล แล้วที่ 1 ก็มี 2 คน ดีทั้งคู่ ศรีสวัสดิ์ก็มารับ มารับก็มารับจากอาตมา เพราะอาตมาเป็นเลขา ส่วนอีกคนไม่มารับ พี่ล้วนก็ถามว่าทำไมอีกคนไม่มารับสักที อาตมาก็เลี่ยงตอบไปหลายที สุดท้ายก็ต้องบอกไปจนได้ ก็บอก คนนี้ผมเองล่ะครับ…เขาก็ว่า ไอ้เหี้ย ทำให้กูเสียเงินค่ารางวัล ได้รางวัลกับเขาทั้งที ก็เป็นอย่างนี้ เขาด่าซ้ำอีก อาตมานี่เป็น DJ คนแรกของประเทศไทย สถานีวิทยุรักษาดินแดน เป็นแห่งแรกที่อาตมาได้นำเอาแผ่นเสียงมาแล้วมาเปิดมีการบรรยายว่าเพลงเป็นมาอย่างไรคนไหนร้องคนไหนแต่งอะไรต่างๆนานา เป็นประวัติประกอบแล้วก็เปิดเพลง สมัครเป็น DJ คนแรกของประเทศไทย เป็นวิทยุ1รด. 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:05:29 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:25:07 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:16:21 )

รำลึกอดีต ปี 32-33 พ่อท่านให้สร้างภูเขาน้ำตกปฐมอโศก

รายละเอียด

เราก็มีการสร้าง monolith เป็นแท่งหินแท่งเดียว ที่ปฐมอโศกเอาไปตั้งไว้กลางปฐมอโศก เดี๋ยวนี้ก็ตั้งไว้อย่างนั้น แล้วสลัก เน้นเนื้อ ให้เหนือกว่ามาก เน้นลาก แม้ยากกว่าแล่น เน้นจริง ให้ยิ่งกว่าแค่น เน้นแก่น ให้แน่นกว่ากว้าง พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 2533. ปิดทองไว้ตอนนี้ทองดำไปแล้ว ก็พยายามสร้าง monolith โดยที่นี่ก็ว่าจะสร้างตึกสูง ทำเป็นรูปแท่งหิน ภายในเป็นอาคารอยู่อาศัยได้ แผ่นดินนาโม คำว่าโม มาจาก monolith แต่คงไม่เป็นแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้ก็เพลาความคิดแล้ว แต่สร้างภูเขาน้ำตกให้เกิดธรรมชาติ อย่างน้ำตกนี้ตกแล้วทำให้น้ำแตกกระจายตัวทำ oxygen ให้แก่อากาศ ไหลเวียนให้มาก เรียกว่า circulation เกิดบรรยากาศเหล่านี้มีประโยชน์แก่ชีวิตที่เราอาศัย แผ่นดินเราดีประกอบดินน้ำไฟลม มีปุ๋ยสะอาดอีก ผักพืชที่นี่ปลูกได้ดีมาก เหตุมันถูกต้อง ปู่เถาว์ ไถจังเลยเรียกปู่ไถ ดินว่างๆอย่าเผลอนะ เป็นไถ ปลูกผักก็จะได้กินอาศัย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2562 ( 22:01:47 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:27:55 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:12:50 )

ริตตโต

รายละเอียด

เป็นของว่างเปล่า

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 51


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:42:51 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:54 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:11:34 )

รินชาออกจากถ้วยบ้าง

รายละเอียด

มันก็เป็นความเห็นนะ คนที่มีความเห็นความเข้าใจที่แตกต่างกัน คนหนึ่งมองเห็นเป็นโคลนตม อีกคนหนึ่งมองเห็นดาวอยู่พราวพราย มองสิ่งเดียวกัน แต่เห็นต่างกัน มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของคนที่ความเห็นที่ต่างกัน เรื่องนี้ศึกษาให้ดีๆ จะว่าเป็นคนใหม่ แต่ก็เข้าใจประวัติของอาตมาด้วย อาตมาก็พูดอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้มาเพิ่งพูด ทำไมเพิ่งมาขึ้นตอนนี้ ทำไมเพิ่งรู้สึก ก็ไม่เป็นไร มันเป็นธรรมดาแสดงความเห็นแย้ง ก็ฟังสิ พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้ทุกคนฟังความ เมื่อความต่างกัน 2 ข้าง นี่เรียกว่านานาสังวาส ใครเห็นว่าธรรมอันใดดีก็ฟังเอา อันใดไม่ดี ที่ฟังแล้วไม่ดี เห็นว่าเป็นอธรรมวาที ก็ไม่เอา แต่อันนี้เป็นธรรมวาที เป็นคำพูดที่เป็นธรรมก็เอา อาตมาก็พูดสิ่งที่เป็นธรรม 

อันที่ว่า ไม่เป็นธรรม แต่มันเป็นธรรมเหมือนกัน คือมันเป็นธรรมของเดียรถีย์ อาตมาก็วิจัยวิจารณ์ว่าไป อันไหนเป็นธรรมพระพุทธเจ้า ก็ว่าไป ก็พูดอย่างนี้ อธิบายอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ก็ทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าทุกอย่าง อาตมาไม่ได้นอกรีตนอกรอยอะไร มาหาว่าอาตมาเป็นพวกนอกรีต อันนี้คุณมองอาตมาผิด อาตมาไม่ได้นอกรีต เพราะอาตมาทำตามพระพุทธเจ้า เอาพระไตรปิฎกมาเทียบเคียง ยืนยันอ้างอิงจากพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าตลอดเวลา แต่พวกคุณนี่ อาตมาสงสาร น่าสงสารที่ว่า ไปเข้าใจผิดตามครูบาอาจารย์ที่พากันผิดมานานแล้วเป็นร้อยเป็นพันปี ค่อยๆ ผิดมาทุกวันนี้ก็ผิดหนักเลย จึงเห็นกันแย้งกัน 180 องศาเลย จึงน่าสงสารจังเลย  

อาตมามาทำงานในยุคนี้ นี่บวชทำงานศาสนามาตั้งแต่เห็นว่าเราควรเลิกแล้วทางฆราวาส ก็ออกมาทำงานทางศาสนา 50 กว่าปีเข้าไปแล้ว จนถึงทุกวันนี้และก็จะทำต่อไปจนตาย อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมานี่เป็นลูกพระพุทธเจ้า ส่วนคุณไม่เข้าใจ คุณก็ว่านอกรีต คุณก็ไปเอาพระพุทธเจ้าคนละองค์กับอาตมาแล้ว  มันนอกรีตนอกเรื่อง ถ้าอาตมานอกรีตก็นอกรีตจากของคุณ ของคุณก็รีตหนึ่ง ของอาตมาก็รีตหนึ่ง คำว่า รีต มาจากคำว่า จารีต ก็คนละจารีตเท่านั้นเอง คุณว่าไร้สาระ เพราะคุณรับสาระที่อาตมาให้ไม่ได้ ก็เป็นธรรมดา คุณรับไม่เข้า เป็นชาเต็มถ้วย รินชาออกจากถ้วยบ้าง ฟังๆ ดูบ้าง ให้มีปรโตโฆษะ พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น 

นี่ก็อ้างอิงคำสอนพระพุทธเจ้า อย่าทำตัวนอกรีตของพระพุทธเจ้า เอาน้ำชาเก่าออกจากถ้วยให้มันมีที่พร่องรับน้ำชาใหม่เข้าไปในถ้วยบ้าง มี ปรโตโฆษะ จะได้เกิดสัมมาทิฏฐิ ไม่อย่างนั้นน้ำชาเต็มถ้วยอยู่อย่างนี้ จะรับไม่เข้าเลย ไม่มีปรโตโฆษะเลย ถ้าคุณมิจฉาทิฏฐิอยู่อย่างไร คุณก็จะยิ่งมิจฉาทิฏฐิอยู่อย่างนั้น ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ถ้าคุณรินออกมาก็จะมีน้ำชาอันใหม่ที่สัมมาทิฏฐิเข้าไปเจือบ้าง ยิ่งรินออกไปหมดถ้วยแล้วรับใหม่ โอ้! จะไวเลยนะ แต่คงยาก ไม่ได้ ก็ว่าไปก่อน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 10:56:16 )

รินน้ำชาออกจากถ้วย

รายละเอียด

คุณเดชาเรียนรู้ให้ดีๆ คุณมัวแต่เพ่งโทษจับผิดอาตมา ไม่ได้เรียนรู้หรอก คุณรินน้ำชาออกจากถ้วยให้หมดเกลี้ยงแล้วฟังอาตมา สุสูสังละภะเตปัญญัง ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา แต่ถ้าคุณยังฟังจับผิดขอยืนยันว่า 

อาตมาเป็นอาริยะ เป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ ไม่ได้มีสิ่งแฝงเป็นความผิด พูดความจริงพูดความถูกต้องเสมอ ตั้งใจศึกษาให้ดีๆแล้วปิดการเพ่งโทษอาตมา นี่ไม่ใช่ไปบังคับคุณ แต่บอกวิธีที่คุณจะเจริญ ถ้าคุณทำได้ คุณเจริญเด็ดขาด คุณทำเป็นไหม แต่ก็ยาก คุณไม่ศรัทธาอาตมาเพราะคุณเข้าใจสิ่งที่ผิดเป็นถูก คุณก็เลยไม่ศรัทธาอาตมา

เมื่อไม่ศรัทธาอาตมาคุณก็ฟังสัตบุรุษไม่บริบูรณ์ เมื่อคุณฟังสัตบุรุษฟังเหมือนอาบน้ำกลัวเปียก คุณจะต้อง 1. คบสัตบุรุษให้บริบูรณ์ 2. ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์ 3. ให้เกิดศรัทธาที่บริบูรณ์ 4. โยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ 5.สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ 6. มีการสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ 7. ทำสุจริต 3 บริบูรณ์ 8. จะเกิดสติปัฏฐาน 4 9. จะเกิดโพชฌงค์ 7 10. จะเกิด วิชชา และวิมุติ นี่คือ คำสอน อวิชชาสูตร 

หยุดเลย หยุดเพ่งผิด ตั้งใจจริง เชื่อว่าอาตมาถูกไว้ก่อน หมดไว้ก่อน ไม่เพ่งผิดเพ่งโทษ ซึ่งมันจะไม่มีทางเข้าใจหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 05:32:00 )

ริยะ

รายละเอียด

ความว่าง  ความเปล่า

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 616


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:43:26 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:35 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:11:17 )

รื้อขนสัตว์คือ อะไร

รายละเอียด

จริงไม่จริงไม่รู้ล่ะ มันมีอย่างนั้นเลย ตามที่ตำราว่าไว้ รื้อขนสัตว์คือ สอนให้พวกคุณพ้นจากนรก พ้นจากเทวดา พ้นจากโลกโลกียะขึ้นมาสู่โลกุตระจนเป็นอรหันต์ หมดโลก มีแต่โลกุตระอยู่เหนือโลกเลยอยู่ไปก็ไม่ถูกโลกหลอกไม่ต้องไปหลงอยู่กับโลกเขาอีก ก็มีชีวิตอยู่อย่างช่วยโลกเขาเท่านั้นเองเพราะตัวเองสบายแล้ว 

แม้ในยุคนี้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมกับที่อาตมาพาทำ คุณบรรลุแล้ว คุณจะรู้ว่าชีวิตมันสบายอยู่กับพวกเรานี้ ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด  ผ้าขาดมีคนช่วยชุน  พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย กันได้สบาย ไม่เป็นญาติโกโยติกา ไม่ได้เป็นพี่น้องกันมาเลย แต่มาอยู่ที่นี่พึ่งพากันได้หมดเลย มายืนยันพิสูจน์กัน คุณกำพร้าขนาดไหนไม่มีพ่อแม่พี่น้องเลยมาอยู่ในนี้ก็ไม่ต้องห่วงเจ็บป่วยเขาก็ช่วยกันดูแล ตายเขาก็ช่วยเผาให้ ไม่ปล่อยให้อีแร้งแทะหรอก จริง เขาทำมาหลายศพแล้ว ที่เผาเราก็สร้างไว้แล้วหลายที่อยู่ หรือไม่มี ก็ไปเผาวัดนั้นวัดนี้ 

เพราะฉะนั้นที่จบของคน มันจบ พระพุทธเจ้าสอนมนุษย์ไว้ นี่ อย่างพวกเรานี้มันมีที่จบ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีภูมิธรรมมีความชัดเจนแล้ว อ๋อ ชีวิตก็แค่นี้เองหรือ กินอยู่หลับนอน นอกนั้นก็ขยัน ขี้เกียจมันก็เลวไม่เข้าท่า เราก็ขยันทำอะไรที่เราถนัด งานที่นี่อย่างนี้เราทำ 

งานจะมาสร้างอาวุธมีดไม้ปืน เราไม่สร้าง เราไม่สร้างเราพาสร้างกันอยู่ที่กรุงเทพฯ เราก็ไม่ได้ไปทำกสิกรรมมากนัก ก็เป็นงานของเมือง ก็ทำ ค้าขายกันเป็นหลักหรืองานอื่น สื่อสาร การศึกษาก็ว่าไป ดีไม่ดีก็จะเป็นนักการเมือง ตอนนี้มีพรรคขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:42:35 )

รูป

รายละเอียด

คือสิ่งที่ถูกรู้  รูปทั้งหมดมี  28 คือ  ดิน  น้ำ   ไฟ  ลม 4 เรียกว่า มหาภูตรูป   เป็นอุตุนิยามธรรมดา  ดินน้ำไฟลม  เป็น  ธาตุวัตถุธรรมดา  พอเริ่มต้น  อุปาทายรูป   24  ก็เรียกที่ชีวะ

ก. ปสาทรูป 5

1. จักขุ      (ตา)

2.  โสตะ     (หู)

3.    ฆานะ   (จมูก)

4. ชิวหา     (ลิ้น)

5.  กายา     (กาย)

ข. โคจรรูป    วิสัยรป 4

1. รูปะ   (รูป)

2. สัททะ (เสียง)

3. คันธะ   (กลิ่น)

4.  รสะ   (รส)

5.  โผฏฐพพ  (สัมผัส)

รูปนอก  กับใจ มันทำงานร่วมกันจึงเรียกมันเต็ม ๆ  ไม่ได้ จึงรวม กาย กัฐโผฏฐัพพะได้ด้วยกัน  เป็น 1  ทำให้รวม ปสาทรูป  กับโคจรรูป  เป็น  9 อย่าง  หากว่าไม่ได้มีสองอย่างนี้ทำงานร่วมกันก็จะอยู่แต่ในภพใน  เป็นเรื่องของอดีต  18 อย่าง อนาคต  44 อย่าง  ถือว่าไม่ใช่ความจริงที่ครบ  เป็นความจริงพิการ  ไม่เต็มเต็ง  ต้องมีปัจจุบัน  ซึ่งปัจจุบันนี้  ไม่มีอดีต อนาคต  ถือว่าไม่ใช่ความจริงที่ครบ  เป็นอดีตมาใช้ครบ อาตมาใช้ครบ อยู่กับปัจจุบันได้มากกว่า ผู้หลับตาปฏิบัตินั้นมีแต่อดีตกับอนาคต ไม่เป็นการสัมผัสวิโมกข์  8 ด้วยกายอย่างครบ สมบูรณ์  ซึ่งจะปฏิบัตินั้นจะต้องมีสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมีแสงสว่างจากภายนอกมากระทบสัมผัส ทำให้คนอื่นเขารู้ร่วมกันได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่  29 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:21:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:32:38 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:10:55 )

รูป

รายละเอียด

คือสิ่งที่ถูกรู้ด้วยเรา ถูกรู้ทางรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ถูกรู้ภายใน แล้วเข้าไปยึดถือในรูป อันเป็นความตั้งมั่น ความยึด ความถือมั่น

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม  2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:09:06 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:42 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:08:27 )

รูป

รายละเอียด

1. กายซึ่งเกิดด้วยของหลายอย่างประกอบกันขึ้นมา

2. เป็นส่วนกายเหมือนวัตถุ ไม่มีการรับรู้อะไรเลย  , ของที่เหมือนวัตถุ ไม่มีการรับรู้อะไรเลย

3. สิ่งที่เรียกว่า อัตตา (คือยึดไว้ ไม่ยอมวาง ไม่ยอมให้สลาย ไม่เชื่อว่ามันเปลี่ยนแปลงได้)

4. สภาวธรรมที่เป็นตัวถูกรู้

5. สิ่งที่ถูกรู้

6. สภาพตัวที่ถูกรู้

7. ตัวก่อให้เกิดนาม

8. ภาวะหรือสภาวะที่ถูกรู้

9. “ธาตุที่ถูกรู้” (สิ่งที่อยู่ในฐานะ object) ตั้งแต่รูปหยาบไปจนกระทั่งรูปละเอียดขั้นรูปจิต อรูปจิตที่เป็นสภาพในภายในจิต

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 56, หน้า 105, หน้า 106, หน้า 138

ทางเอก ภาค 1 หน้า 53

ทางเอก ภาค 2 หน้า 25

ทางเอก ภาค 3 หน้า 82

สมาธิพุทธ หน้า 231

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 210

ค้าบุญคือบาป หน้า164

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 74

 

 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:53:29 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:32:23 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:08:04 )

รูป

รายละเอียด

สิ่งที่ถูกรู้ ใครสามารถมีนามที่จะรู้ได้เท่าไร ลึกกว้างขนาดไหน จะเป็นความเฉลียวฉลาด หรือบ้องตื้นแค่ไหนก็อยู่ที่แต่ละคน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม  2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:00:29 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:36:43 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:06:47 )

รูป

รายละเอียด

สิ่งที่ถูกรู้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:26:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:37:40 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:06:30 )

รูป

รายละเอียด

คือ สิ่งที่ถูกรู้  มหาภูตรูป  อุปาทายรูป

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:04:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:39:17 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:06:02 )

รูป

รายละเอียด

สิ่งที่ถูกรู้สิ่ง ที่เป็นองค์รวมของอีกอันหนึ่งเป็นรูปไม่ใช่นาม อีก 4 ขันธ์นี้เป็นนามเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ 4 คำนี้มีสภาวะธรรมต่างกัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:59:55 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:41:53 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:05:44 )

รูป

รายละเอียด

คือ สภาวะที่ถูกรู้

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 293


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:30:08 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:19 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:05:22 )

รูป

รายละเอียด

รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ หากเป็นมหาภูตรูปก็เป็นอุตุ จะมีรูป 28 ให้ศึกษา แยกรูป แยกนาม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:39:13 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:44:13 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:05:02 )

รูป 2 ส่วน

รายละเอียด

1.   มหาภูตรูป (คือ ดิน, น้ำ, ไฟ, ลม  รูปกายภายนอก)

2.   อุปาทายรูป (รูปที่อาศัยมหาภูตะไปอยู่ในใจ)

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 14  ข้อ 83

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:57:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:09 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:04:41 )

รูป 28

รายละเอียด

รูป 4 คือ มหภูตรูป ดิน น้ำ ไฟ ลม รูป 24 จะมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คุณมีใจเป็นกลาง มันร่วมรู้ทั้งหมด ทั้งภายนอก และภายในเมือสัมผัสก็จะเกิดรู้ต้องมีนอกและมีใน 5 คู่ แต่ภายนอก โยฏฐัพพารมย์ รับนอกใน  แทนใจไปเลย จึงหักออกเสีย 1โยฏฐัพพารมย์ ไม่ใช่ใจแต่แทนใจ แล้วสัมผัสกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หักออก 1 เหลือ 9  นับอุปทายรูปมาเกิด ภาวรูปให้เกิดรู้ คือ สิ่งที่ปรากฎ มี 2 เป็น ปุริสภาวะ หรือ อิตถีภาวะ อีก 2เป็น 11 ก็รู้จัก ภาวะจิตให้ชัด หทยรูป รูปตัวนี้คือนามนะ อีก 1 เป็น 12

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่  20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:26:05 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:00:20 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:03:57 )

รูป 28

รายละเอียด

รูป 28 คือ มหาภูตรู 4 และอุปาทายรูป 24

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 13:41:31 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:35 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:03:12 )

รูป 28

รายละเอียด

มหาภูตรูป 4 และ อุปาทายรูป 24

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 245


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:43 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:09 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:00:23 )

รูป 28

รายละเอียด

คือ  ลักขณูรูป 4 อันสุดท้ายที่จะลงตัวก็จะเหลืออีก 4 อุปจยะ  สันตติ  ชรตา  อนิจจตา

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราชฯ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:45:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:00:42 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:02:52 )

รูป 28

รายละเอียด

ลักขณรูป 4 อันสุดท้ายที่จะลงตัวก็จะเหลืออีก 4 อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 13:57:02 )

รูป 28

รายละเอียด

มหาภูตรูป 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นอุตุแท้ๆ มันก็จะร่วมกันมาผสม เป็นร่างเป็นสรีระ สรีระของเราก็มีตาหูจมูกลิ้นกาย ซึ่งก็จะมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเข้าไปรวมกันอยู่ที่ใจ 

อุปาทายรูป 24

ก. ปสาทรูป 5

จักขุ (ตา) 

โสตะ (หู) 

ฆานะ (จมูก) 

ชิวหา (ลิ้น) 

กายา (กาย)

ข. โคจรรูป, วิสัยรูป 4

รูปะ (รูป) 

สัททะ (เสียง) 

คันธะ (กลิ่น) 

รสะ (รส)

โผฏฐัพพะ (สัมผัส) 

(กายกับโผฏฐัพพะ ถือว่าเป็นอันเดียวกัน) 

ปสาทรูปไปโคจรพบกันเข้าก็จะเกิดสภาพรับรู้ขึ้นมา ตาหูจมูกลิ้นกายมี 5 ใจมี 1 

ให้เจ้าหนึ่งมันร่วมกับกาย 5 ซึ่ง 5 สอง 5 เป็น 10 เสร็จแล้วท่านก็ไปนับหักออกครึ่งหนึ่ง นับเหลือแต่ 9 ไม่ไปนับ 10 เพราะถ้าไม่มีใจ ต้องมีใจร่วมด้วยจึงมี 5 คู่นี้ใจไปร่วมใน 5 คู่นี้ สำคัญที่สุดคือโผฏฐัพพะ ซึ่ง 5 นี้แหละเป็น 1 

ตา หู จมูก ลิ้น กาย เอาไปครึ่ง, ใจเอาไปอีกครึ่ง โผฏฐัพพะก็เลยเป็น 9 

ถ้าคุณไม่มีใจไปอยู่กับโผฏฐัพพะ ก็ไม่เกิดนามรูป สรุปว่า เป็น 10 แต่มานับ 9 

 ค. ภาวรูป 2

10. อิตถัตตภาวะ, อิตถินทรีย์ (ญ) 

11. ปุริสสัตตภาวะ, ปุริสสินทรีย์ (ช) 

ภาวะ 2 คือรูปกับนามกระทบกัน ต้องเรียนรู้รูปนามหรือเทวะ หรือกาย ก็คือ 2 แต่กายเป็นทีละคู่ 2 ต้องเรียนทีละคู่

โดยแยกเป็นความต่างกัน มีอิตถีภาวะกับปุริสภาวะ เพศผู้ เมีย เพศชายเพศหญิง บวก ลบ เป็นต้น

จากภาวรูป 2 ก็ไล่ไปหา 

ง. หทยรูป 2 = 12.หทัยรูป ที่ตั้งการเกิดอาการของรูป   

อภิธรรมท่านไม่รู้ก็ไปเอาที่หัวใจที่เป็นอวัยยะ แต่ที่จริงไม่ใช่ หทยรูปไม่ใช่ที่อยู่หรอก แต่เป็นองค์รวม คำว่า ห คือความจริง, ท คือ ตัวมีสภาพแข็งแรงเต็มที่, ย คือพลังงานเริ่มต้น ตัวแรกของเศษวรรค 

ส เป็นตัวที่ 5 ของเศษวรรค ใน ย ร ล ว ส ห ฬ อ 

เมื่อมี ท มี ห มีความจริง มีความแข็งแรงหนุ่มแน่นสดใหม่ ย คือพลังงาน 

มันจะมารวมกัน 3 เส้า ห ท ย แต่ดูได้ว่านี่คือสภาวะของจิต ฆ คือ สภาวะหทยรูป 

ตัวนี้แหละเรียนรู้ชีวิตของมัน เราจะเรียนรู้ความไม่มีชีวิตของมันดับชีวิ
ตินทรีย์ของมัน ดับมันก็สูญไป อุตุไปได้หรือดับมันได้ครึ่งหนึ่ง เป็นพีชะ 

จ. ชีวิตรูป1 = 13.ชีวิตินทรีย์ รู้ความมีชีวิตอยู่ของกิเลส 

เราจะทำจิตให้มันเป็น อุตุหรือพีชะต้องดูพยัญชนะที่สื่อสภาวะพวกนี้ หากไม่พูดกับคนอื่นก็รู้ของตัวเองเท่านั้น เป็นปฏิฆสัมผัสโสแล้วมีอธิวจนสัมผัสโสก็สื่อสารให้คนอื่นรู้ได้ จากนั้นก็เป็นเครื่องอาศัย

ฉ. อาหารรูป 1 = 14.กวฬิงการาหารจนถึงวิญญาณาหาร 

ช. ปริเฉทรูป 1 = 15.อากาสธาตุ=รูปที่กำหนดจะให้ว่าง 

ซ. วิญญัติรูป 2 = 16.กายวิญญัติ  17.วจีวิญญัติ ไหวให้รู้ 

ฌ. วิการรูป = 18.ลหุตา  19.มุทุตา  20.กัมมัญญา 

ญ. ลักขณรูป 4 = 21.อุปจยะ ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป  

22.สันตติ ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง 

23.ชรตา เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม 

24.อนิจจตา 8 ความไม่เที่ยงเคลื่อนไปเสื่อม>มากกว่าเจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:12:38 )

รูป 28 นาม 5

รายละเอียด

ไม่เกิดนี่นะ สรุปสั้นๆ คุณต้องแยกจิตเรียนรู้จิตให้ออก แล้วคุณต้องแยกจิตแล้วก็ทำจิตให้เกิดและทำจิตให้ดับ จิต แยกเป็นเจตสิกต่างๆ แล้วแยกละเอียดถึงเวทนา เจตสิก ซึ่งเป็นตัวแรกของขันธ์ 5 ข้นธ์ 5 รูป แล้วเป็นเวทนา ตัวแรก แล้ว ซึ่งเป็นสัญญา สังขาร วิญญาณ  ตัวแรกคือเวทนา เราจะศึกษาพระพุทธเจ้าก็ให้แยกรูปแยกนามเป็นรูป 28 นาม 5 ใน นาม 5 ตัวแรกก็เป็นเวทนา เพราะฉะนั้นตัวเวทนาจึงเป็นตัวสำคัญเป็นตัวฐานเป็นกรรมฐานหลัก และกรรมฐานของการปฏิบัติธรรมของพุทธนั้นคือเวทนา ผู้ที่บำเพ็ญมิจฉาทิฏฐิไปในทางเทวนิยมในทางสะกดจิต ไปในทางเดียรถีย์ ก็ไปมีสิ่งที่เป็นกรรมฐานเป็นกสิณ 40 เป็นอะไรที่จะเอาจิตไปเพ่งก่อนและจิตมันจะได้หยุด เรื่องของสมถะ การสะกดจิตทางวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกันให้เพ่งรูปภายนอกเลย อาตมาเรียนสะกดจิต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:40:16 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:19:40 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:02:31 )

รูป 28 เป็นอย่างไร

รายละเอียด

มีรูปมีนามมีนอกมีในมีกายนอกกายใน ตอนนี้เราครบกายนะ เพราะว่ามีทั้งดินน้ำไฟลม มหาภูตรูป มีรูป 24  ปสาทรูป โคจรรูป เกิดภาวรูป 4 มีอิตถีภาวะ ทำให้เป็นปุริสภาวะในหทยรูป ทำอาหารรูป เกิด วิการรูป ทำกายวิญญัติ วจีวิญญัติ นอกแล้วทำให้เกิด ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา จบตรงที่ลักขณรูป 4  จิตรู้อุปัจจยะ คือการต่อ สันตติ เราควบคุมได้เลยจะให้เกิดต่อหรือไม่เกิดต่อในจิตเรา สันตติ จะเป็นตัวจะต่อหรือไม่ต่อ ถ้าไม่ต่อเราก็ไม่ต่อ ไม่ต่อก็ไม่มีชรตา ไม่มีอนิจจตา อะไรไม่ให้ต่อ จิตหรือเจตสิก เวทนา เวทนาเทียมกับเวทนาแท้ ก็เป็นส่วนของเจตสิก เราไม่ให้อกุศลเวทนามันเกิด ไม่ให้อุปัจจยะ ไม่ให้มันเกิดได้สำเร็จ แล้วก็ไม่ให้มันต่อ หรือมันจะต่ออยู่ อุปัจจยะ เมื่อมันต่อก็จะต้องมีชรตา อนิจจตา เมื่อเราควบคุมลักษณะ 4 นี้ได้ก็จบ รูป 28 เป็นโครงสร้างเป็นกระบวนการของการปฏิบัติธรรมที่จะรู้รูปเหล่านี้ด้วยนามด้วยธาตุสัญญากำหนดรู้และปฏิบัติได้ตามลำดับ ก็เกิดปัญญา ปฏิบัติได้มีมรรคผลเจริญถูกต้องไปตามลำดับ ก็เป็นปัญญา ตัวสัญญากำหนดตามรู้ ทุกๆพยัญชนะนี้ที่พูดนี้ยังน้อยไป ยังมีอีกเยอะ โดยเฉพาะในบาลี เปิดพจนานุกรมบาลีมีรายละเอียดมากมาย ความเป็นกายความเป็นนามความเป็นรูป

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:34:40 )

รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้

รายละเอียด

เขาก็ถูกรู้เป็นนิรมาณกายของเขาแต่ละคน 

คนที่หลับตาแต่ละคนเขาก็คิดไปเองพวกนี้พวกมโนเอาเองทั้งนั้นต่างคนต่างมโน หลับตาก็มีพวกๆหนึ่งแต่พวกไม่มีบางพวกก็มี อันเนื่องมาจากคำว่าปัจจุบัน...พวกที่หลับตาเขาก็ถือว่าเป็นปัจจุบันของเขาแต่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นอนาคต 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม  2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 07:18:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:59 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:01:41 )

รูป ต้องมี 28 ที่ นาม 5 สามารถรับรู้ได้ 

รายละเอียด

ทีนี้นามทั้ง 5 มันจะทำงาน เมื่อสัมผัสรับรู้กับรูป รูปคือสิ่งที่ถูกรู้โดยจิตโดยนามเข้าไปสัมผัส ถ้าไม่ได้สัมผัส รูป ที่เป็นข้างนอก แล้วก็รู้ทั้งข้างนอกและข้างในเรียกว่า กาย ความรู้ที่รู้ทางข้างนอกภายนอก ในขณะที่จิตทำงาน เขารู้ทั้งภายนอกและรู้ทั้งภายใน 2 อย่างพร้อมกันเรียกว่า “กาย” 

“กาย” ไม่ได้หมายความว่ามีแต่สรีระข้างนอกไม่มีจิตร่วมด้วยเลย กาย คือ สรีระคือร่างกาย เป็นดินน้ำไฟลมเป็นมหาภูตรูปเฉยๆ ไม่ใช่ รูป ต้องมี 28 ที่ นาม 5 สามารถรับรู้ได้ ถ้า กาย มีแต่มหาภูตรูป 4 รูปอีก 24 ไม่มีด้วย ไม่มีเลย ก็คือ คนประสาทไม่ทำงาน ประสาทกระทบกับรูป เช่น ตากระทบกับรูป ก็ไม่รู้เรื่องไม่ทำงาน ไม่มีภาวะ 2 

ภาวะ 2 จะเกิดได้ ในความเป็นสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานไปจนกระทั่งถึงสัตว์ที่มีตา หรือสัตว์ไม่มีตาก็รู้ได้ด้วยสัมผัส ยิ่ง คน เราก็ศึกษาจากคนมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกายภายนอกสัมผัส กับ สิ่งอีกสิ่งหนึ่งเป็นสอง มันก็จะเกิดธาตุรู้ขึ้นมา เรียกว่า นามรูป เพราะมันมีนามคือจิตวิญญาณเป็นตัวรู้ เป็นตัวกำหนดก็รู้เป็นประธานที่จะรู้เมื่อไปสัมผัส โดยเฉพาะกับภายนอก มันก็จะรู้ขึ้นมา ครบความรู้ของความเป็นสัตว์โลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2566 ( 14:04:31 )

รูปกลับเป็นนาม และนามกลับเป็นรูปได้เช่นใด

รายละเอียด

ฟังดีๆ รูปกลายเป็นนามนี่ อาตมาอธิบายตั้งแต่เขียนหนังสือธรรมะเล่มแรก คือหนังสือที่ชื่อว่า “คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก” หนังสือธรรมะที่บรรจงเขียนเป็นเล่มแรกในชีวิต เป็นธรรมะเล่มแรก แล้วก็อธิบายขยายความประเด็นนี้ คนสงสัยและติดขัดและถึงขั้นไม่เชื่อ ก็รูปก็รูป นามก็นาม คนมันก็จะยึดมั่นถือมั่นอย่างนั้น รูปจะกลายเป็นนาม และนามจะกลายเป็นรูป แล้วจะไปยังไง มันจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ไง กลับกลอกหรือเปล่า สับสนหรือเปล่า มันเป็นสัจจะ ฟัง อาตมาจะอธิบายสรุปให้ฟังง่ายๆ 

รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ ต้องให้นิยามชัดๆ (พ่อครูหยิบก้อนหินบนโต๊ะ ยกขึ้นมาใช้เป็นตัวอย่างอธิบาย) หิน นี่มันเป็นรูป มันถูกเรารู้ คือใช้จิต ใช้วิญญาณ ใช้นามธรรมของเรา ตัวรู้-ธาตุรู้ของเรามาสัมผัสมัน มันก็เป็นรูป จิตเราก็เป็นนาม 

ทีนี้มันลึกซึ้งขึ้น ไอ้นี่(หิน) มันเป็นรูปภายนอก ภายนอกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันกระทบของภายนอก ก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้ภายนอก นั่นก็เป็นขั้นหยาบ ขั้นแรก  ขั้นต้น มันไม่มีปัญหา ก็คงเข้าใจได้ อธิบายไปแล้ว และก็คงเข้าใจกันได้ไม่ยากอะไร

ทีนี้เรียกภาษาว่า รูป คือสิ่งที่ถูกรู้ อีกแหละ หินนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้นะ แต่มันอยู่ภายนอก ตาไปกระทบกับข้างนอก ทีนี้นามธรรมของเราที่มันรู้ เช่น มันรู้หินก้อนนี้แหละ นามธรรมที่ไปรู้หินตัวนี้ เสร็จแล้วเราก็ไปกระทบนามธรรมของเราข้างใน แล้วเราก็อ่านนามธรรมข้างในของเรา อ๋อ.. นามธรรมของเรามันมารู้ตัวนี้ เราก็รู้แล้วตัวนี้มันเป็นรูป รูปยังไงมันก็คืออย่างนั้น ใครที่ตาไม่เพี้ยนไม่บอดไม่เบี้ยวอะไรก็เห็นตรงกันหมด รูปก็เห็นตรงกันหมด 

แต่นามธรรมของเรารับรู้นี่ เราเรียกกันว่า จิต เป็นนามธรรมนี้คือจิตกระทบรู้  แล้วจิตของเรานี่แหละ แยกย่อยเป็นเจตสิก เป็นเวทนาเจตสิก เป็นต้น มันมีเวทนา สัญญา สังขารก็ตาม เอาละ คราวนี้เอาตัว เวทนา 

เวทนา คือความรู้สึกเลย ความรู้สึก มันรู้สึก แล้วความรู้สึกนี้มันปรุงแต่งวับ(ในทันที)เลย ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ มี 3 นัย ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ-กลางๆ 

กลางๆ ประเภทบื้อๆ ก็เรียกว่าเป็นกิเลสเหมือนกัน แต่ยังไม่อธิบาย เอาอันนี้ก่อน อ่านอาการ ชอบหรือไม่ชอบ

ไอ้ชอบหรือไม่ชอบนี่แหละ เราจะต้องวิจัยตัวนี้ แยกให้ออก เวทนาในเวทนา ศัพท์ของภาษาวิชาการ 

รูปก็คือสิ่งที่ถูกรู้ (พ่อครูชี้ที่ก้อนหินในมือ) เมื่อมันถูกรู้ ภายนอก อันนี้มันไม่กลับไปเป็นนามได้หรอก วัตถุข้างนอกมันไม่เป็นนามได้ 

แม้แต่คน เขาก็มีนามอยู่ในตัวของเขา เราหยั่งรู้จิตของคนข้างนอก มันก็เป็นรูป เราหยั่งรู้จิตของเขา คุณสามารถรู้  มันไม่ง่ายหรอกนะ แต่มันก็สามารถรู้ได้อย่างตื้นๆ คุณรู้ได้ในจิตของคนอื่น เราไปรู้จิตของคนอื่น จิตของคนอื่นก็เป็นชื่อว่า รูป ที่เราเป็นนาม ธาตุรู้ของเราไปรู้ว่าอันนั้นเป็นรูป จิตของเขานะ 

ทีนี้จิตของเรา จิตที่เกี่ยวกับวัตถุภายนอกนี้ เราเรียกว่า กามภพ เราก็เรียนรู้กิเลสที่กามนี้ให้ได้ แล้วเราก็กำจัดกามกิเลสนี้ให้ได้ เออ! ไอ้รูปนี้เราก็ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีชอบ ไม่มีชังกับมันได้แล้ว..เป็นอนาคามีภูมิขึ้นไป 

ทีนี้ก็เหลือรูป รูปราคะ อรูปราคะ ข้างในต่อไป เราก็ไปรู้รูป รูปราคะนั่นแหละ มันเป็นนาม แต่เราจะต้องมีปัญญาญานหยั่งรู้ รูปราคะ เขาเรียกว่ารูปอยู่นั่นแหละ รูป รูปราคะ นั้นมันเป็นสิ่งที่ถูกรู้โดยญาณปัญญา โดยวิปัสสนาญาณของเราอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้น รูปราคะ ก็กลายมาเป็นรูปที่มันคือนาม มันเป็นรูปราคะ มันไม่ใช่กามราคะข้างนอกนี่แล้วทางทวาร 5 แต่มันเป็นทวารจิต เป็นรูปราคะเป็นต้น

อรูปราคะ ก็ละเอียดขึ้นไปอีก ก็เหมือนกันนั่นแหละ พ้นรูปราคะได้ คุณหมดกิเลสรูปราคะได้ก่อน คุณจึงจะไปถึงขั้น อรูปราคะ มันเป็นขั้นตอนอย่างนี้ 

และในขณะที่คุณมี รูปราคะ ไม่ได้หมายความว่าคุณหลับตานะ คุณก็ลืมตา เรื่องเก่านี่แหละ เช่น ไอ้หินลูกนี้ คุณพ้นแล้วกามราคะ (กามภพ-รูปภายนอก) ไม่มีรัก-มีชัง ไม่มีผลัก-มีดูด เฉยๆ แต่ รูปราคะ คุณยังมีน้อยๆ ผลัก-ดูด ยังเป็นรูปที่คุณจับรูปได้ชัด จึงเรียกว่า รูปราคะ จับรูปของจิตในจิต ไม่ใช่กาม(รูปภายนอก)

ข้างนอกนี่คุณเองเฉยแล้ว ไม่แล้ว ได้-ไม่ได้ (ไม่ยึดแล้ว) ถ้าเป็นประโยชน์จะได้ก็เอา ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ทุกข์ได้สุขอะไรเลยกับไอ้สิ่งข้างนอก แต่ อารมณ์หรืออาการข้างในจิตของเรา รูปราคะของเรา มันยังมีอยู่ 

เพราะฉะนั้น รูปกลายเป็นนามก็อย่างนี้ รูปข้างนอกดับไปแล้ว เหลือเข้าไปเป็นรูปข้างในที่เรารู้มันได้ มันก็เป็นรูป รูปกลายเป็นนาม นามมันกลายเป็นรูป มันก็รู้ซ้อนขึ้น “ที่ถูกรู้เรียกว่า รูป” - “ความรู้สึกเรียกว่านาม” (นาม)ที่ถูกรู้หรือที่รับรู้ สัญญา เวทนา สัญญาก็คือตัวกำหนดรู้ เวทนาก็คือความรู้สึก ตัวรู้สึกเอง อันนั้นเป็น “นามที่ถูกรู้”

เพราะฉะนั้น เวทนาที่เป็นของแท้ กับ เวทนาที่(เป็นของเก๊)เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ของแท้กับสุข-ทุกข์ ต่างกันใช่ไหม? เวทนาที่รู้อันนี้ คือหินอันนี้ หินกลมๆ อันนี้ ก็คือของแท้ (แต่ความรู้สึก)ชอบหรือไม่ชอบ เป็นของเก๊ หรือเป็นตัวที่จะถูกรู้อาการชอบหรือไม่ชอบ 

ไอ้ของเก๊นี้ที่ถูกรู้ (เวทนาเก๊)เพราะมันเป็นนาม แต่มันถูกรู้เข้า มันเป็นรูป มันถูกรู้เข้า มันถูกญานปัญญาตั้งแต่สัญญากำหนดรู้ จนกระทั่งถึงความฉลาดปัญญาว่า อ๋อ.. ไอ้นี่คือผี มาร ไอ้นี่ตัวเก๊ ตัวปลอม ไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงมันก็คือของจริงเท่านี้ แขก ฝรั่ง จีน ไทย เขมร กระทบแล้ว รู้สึกเดียวกันหมด แปลภาษาจะต่างกันเท่านั้น ภาษาต่างกันไป แต่ความรู้สึกเดียวกันตรงกันหมด เวทนาตรงกันหมด 

เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้ตัวเก๊ อาการเก๊กับอาการของแท้ได้ เราทำของเก๊ด้วยปัญญานี่ “เฮ้ย! เอ็งเก๊” อาตมาอธิบายมาแล้ว ปัญญามีธรรมฤทธิ์ ไอ้ตัวโง่..มันเจอกับปัญญาเป็นธรรมฤทธิ์ก็บอกว่า…”เฮ้ย! ปัญญาเห็นหน้าเราแล้ว รู้จักเราแล้ว” แล้วมันวิ่งตูดแป้น อาตมาพูดไม่รู้กี่ทีแล้ว อยู่ในสูตรมารสังยุต (พตปฎ ล.15 ข้อ 416-424) 

ในสูตรมารสังยุต มารวิ่งหนีไป ใช้คำว่า “ตถาคตเห็นเราแล้ว”แล้วมารวิ่งหนี มารก็หายไป มารหายวับไปเลย นี่แหละคือตัวปัญญา ตถาคตคือปัญญา เห็นไอ้สิ่งที่มันเป็นของเก๊ มันเป็นตัวหลอก มันหายไปเลย 

นี่อธิบายเป็นภาษาไทย อธิบายเป็นสภาวะ ขยายโดยภาษาที่อาตมาใช้ ไม่ใช่ภาษาตามพระไตรปิฎกคำต่อคำเท่านั้น อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นสัจจะ 

เพราะฉะนั้น รูปกลายเป็นนาม นามกลายเป็นรูป นั้นก็คือเป็นเรื่องของ ภาวะ สภาวธรรมที่มันกลับไปกลับมาได้ แต่ตัวญานปัญญาตัวธาตุรู้ที่รู้ชัดรู้เจนนี่แหละ ที่อาตมาอธิบาย ความไม่คงที่ เหมือนกลับไปกลับมา เดี๋ยวนามเป็นรูป เดี๋ยวรูปเป็นนาม ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก มีเป็นไม่มี ไม่มีเป็นมี  สลับกันอยู่นี่ มันเป็นพยัญชนะที่แทนสภาวะ ที่ต้องศึกษาดีๆ แล้วเราจะเข้าใจว่า อ๋อ เมื่อไหร่มันเป็นตัวจริง เมื่อไหร่มันเป็นตัวเก๊ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:22:04 )

รูปกับนามของรูปี รูปานิ เมื่อถูกปัสสติแล้วจะดับเป็น 0 ได้อย่างไร

รายละเอียด

รูปีคือสิ่งหนึ่ง รูปานิ คืออีกสิ่งหนึ่ง จะแปล รูปีเป็นนามหรือรูปก็ได้ รูปานิ เป็นนามหรือรูปก็ได้ ความหมายสลับกันได้ แล้วมันจะเกิดสภาวะ ปัสสติ รูปีรูปานิปัสสติ ในวิโมกข์ 8 ข้อที่ 1 นี่แหละรูปกับนาม แล้วเกิดปฏิกิริยาอีกอันหนึ่ง ที่เรียกว่า เห็น หรือได้ยิน หรือได้กลิ่น หรือได้รส หรือได้สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง หรือยังรับรู้สึกทางจิต จะเรียกว่า เวทนา หรือสัญญา ก็คู่สุดท้ายแล้ว เวทนากับสัญญา 

เวทนาคือตัวตน รู้สึก สัญญาคือตัวที่ไปเกี่ยวกับตัวตนเขา เวทนาคือตัวตน สัญญาคือไปเกี่ยวกับตัวตนเขา แล้วแยกกันไม่ได้นะ สุดท้ายจะตายก็ตายด้วยกันไปทั้งคู่ สุดท้ายดับเวทนา ดับสัญญา เป็น 0 พวกสุดโต่งดับเวททนากับสัญญาดื้อๆเลย พระพุทธเจ้าจะดับ อย่างนั้นก็ได้ ก็รู้  ดับเป็นอสัญญี ก็ไม่มีอะไรรู้ ตัวตนก็หายไป กดข่มไว้นิ่งเลย แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า นิ่งมันก็ต้องกลับมาอีก เพราะมันไม่สูญจริง แต่พระพุทธเจ้าสรุปตัวที่สูญจริงได้ก็คือ มันมีธาตุจิต แล้วก็ธาตุชีวะระดับพีชะ แล้วก็ธาตุที่มีแต่พลังงานไม่มีธาตุรู้ร่วมเลยคืออุตุ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2565 ( 14:38:42 )

รูปกับนามในวิโมกข์ 8 ข้อที่ 1 และ 2

รายละเอียด

รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ นามคือตัวรู้ จะเป็นตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนกระทั่งมาเป็นพระพุทธเจ้า นาม คือผู้รู้ รูปี รูปานิ 

รูปี คือรูป รูปานิ คือ ตัวผู้ที่จะเข้าไปรู้รูป รู้อย่างสัมผัสเห็น ปัสสติ ในวิโมกข์ 8 มี รูปี รูปานิ ปัสสติ (วิโมกข์ 8 ข้อที่ 1)

วิโมกข์ 8 ข้อที่ 2 ก็ขยายความ อัชฌัตตัง อรูปสัญญีเอโก พหิทารูปานิปัสสติ

อัชฌัตตังแปลว่าภายใน  สัญญีคือ ผู้มีการกำหนดรู้ สามารถกำหนดรู้สภาพทั้งรูปทั้งนามตั้งแต่ กามรูป จนถึงรูปรูป พ้นจากกามแล้วมาเป็นรูปภพ อรูปภพ ก็มารู้รูป แล้วก็ทำลายรูปได้ อยู่เหนือรูปได้จึงเรียกว่า อรูปสัญญี เป็นผู้ที่กำหนดได้ทั้ง กาม ทั้งรูปภพ อยู่เหนือได้ แล้วก็เหนืออรูปภพ ทำลายอรูปภพได้ ก็อยู่ในนี้ในตัวเองโดยส่วนตัวทั้งหมด เอโก ทั้งหมดมีทั้งภายในและทิ้งภายนอกไม่ได้ด้วย พหิทารูปานิ ต้องเป็นผู้รู้ภายนอกด้วย ปัสสติ นี่คือ วิโมกข์ 8 ข้อที่ 2 อัชฌัตตัง อรูปสัญญีเอโก พหิทารูปานิปัสสติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ที่จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:11:41 )

รูปกับรูปปรุงแต่งกันอยู่เรียกว่าอุตุนิยาม มีสูตรพลังงานนี้ E=MC2 พลังงานพัฒนาขึ้นมาถึงขั้นพืช ระดับจิตพระพุทธเจ้ารู้ได้ทะลุทะลวง

รายละเอียด

ในโลกียธรรมทั้งหมด เขามีจุดหมายที่ยึดถือ แล้วก็ถือว่าสิ่งที่มีที่เป็นนั้น มีอยู่นิรันดร โดยเฉพาะจิตวิญญาณ มีอยู่นิรันดร เทวนิยมหรือโลกียะเขาเข้าใจอย่างนั้น แล้วเขาก็ยึดถือกันอย่างนั้น 

พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ใหม่ ว่าอย่างนั้นไม่ใช่ จิตวิญญาณไม่ใช่อยู่นิรันดร จิตวิญญาณเป็นธาตุที่ปรุงแต่งขึ้นมาของเหตุและปัจจัย ดังที่ปฏิจจสมุปบาท ที่ท่านตรัสไว้ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่รู้คือมีอวิชชา ก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่นั้น เป็นสิ่งที่มีเหตุและปัจจัยเท่านั้นที่ปรุงแต่งกันอยู่ โดยพยัญชนะก็เรียกว่าสังขาร การปรุงแต่งที่ว่านี้ ไม่ใช่การปรุงแต่งของรูปกับรูปเท่านั้น 

ถ้ารูปกับรูปปรุงแต่งกันอยู่ก็เรียกว่าอุตุนิยาม เช่น นิวเคลียร์ เป็นต้น พลังงาน 2 อย่างบวกกับลบที่ปรุงแต่งกันอยู่ เกาะแน่นเล็กละเอียดก็เรียกว่านิวเคลียร์ อย่างนี้เป็นต้น และไอสไตน์ก็ค้นพบพลังงานอันนี้ สูตร E=MC2 เอามาใช้กันทั่วโลกแล้วก็พัฒนา การต่อให้ด้วยความซับซ้อนมากขึ้น 

คนก็พยายามศึกษาไปถึงชีวะ ซึ่งระดับพืช ระดับสัตว์ เขาก็ศึกษา ระดับพืชก็ศึกษาได้ดีเหมือนกัน ได้ดีได้เก่งพอใช้ทีเดียว แต่ก็ยังไม่ทะลุทะลวงเหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าศึกษาถึงขั้นระดับพืชคือ เห็นความแตกต่างของการปรุงแต่งเกาะตัวกัน เป็นชีวิต ซึ่งก็แตกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ เป็นล้านๆเลย ก็เป็นชีวะแล้วต่างจากอุตุ 

สูงไปกว่านั้นปรุงแต่งกันอีกไปเป็นธาตุรู้ พืชเริ่มมีธาตุรู้ตัวเองมีตัวเองมี ISH มีตัวเองเป็นประธานแล้วก็มีพลังงาน 2 เป็นสามเส้า เป็นพนักงานสำเร็จรูปเรียกว่า cyclic order

เมื่อพลังงานเพิ่มขึ้นพัฒนามาเป็นสัตว์ เรียกภาษาว่าสัตว์ มันก็ต่างจากพืช มันเป็นพลังงานที่วิจิตรพิสดารเก่งกว่าพืชเยอะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็นำมาประกาศเผยแพร่ 

พืชกับสัตว์ พืชยังไม่มีเวทนา เป็นธาตุรู้ที่เรียกว่ามีสังขารกับสัญญา มีการปรุงแต่งแล้วกำหนดรู้ธาตุที่เอามาปรุงแต่งเป็นชีวะ ควบคุมบงการ ก็ไม่มีฤทธิ์มากอะไร ไม่ไปทำลาย ไม่ไปเบียดเบียนใคร เบียดเบียนใครไม่เป็น มีแต่พยายามรวมเอาธาตุอุตุมาปรุงแต่งให้ตัวเองมีชีวะ 

จนกระทั่งมีพืชเป็นนานาชนิดเป็นล้านๆชนิด เมื่อพืชพัฒนาตัวเองขึ้น พืชนี้มันจะมีตัวสำคัญอยู่ตรงที่ มันยังไม่ทิ้งจากดิน มันยังไม่ทิ้งจากที่เกาะอยู่ แม้จะอยู่ในน้ำอยู่ใต้ทะเล หรือบนทะเล อยู่ในกลางทะเล ลอยตัวอยู่อาศัยน้ำเกิด หรืออยู่ใต้ทะเลเกาะดินอยู่ ก็ตาม มันก็ยังเป็นธาตุชีวะระดับพืช ซึ่งยังมีอีกหลายอย่างมาก จนกระทั่งมันหลุดออกมาจากดิน ปลาดาวเป็นต้น หรืออะไรอีกหลายๆอย่าง หลุดออกมาจนพัฒนาตัวมาเป็นสัตว์น้ำ ตั้งแต่สัตว์เล็กจนกระทั่งถึงสัตว์ใหญ่ ใหญ่จนกระทั่งใหญ่กว่าสัตว์บกใหญ่กว่าช้างเลย ไม่รู้จะใหญ่กว่าไดโนเสาร์หรือเปล่า เรายังไม่เคยเห็นไดโนเสาร์ เห็นแต่ประวัติศาสตร์เขาก็ประมาณกันมา 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:03:05 )

รูปกาย

รายละเอียด

1. องค์ประชุมในความเป็นรูป 

2. รูปที่เป็นภาวะที่ถูกรู้จากภายนอกประกอบกันอยู่ทั้งภายใน

3. องค์รวมหรือองค์ประชุมของรูปกับนาม เป็นการเน้นหนักไปในข้างฝ่ายรูป 

4. องค์ประชุมของธรรม 2  ที่ผู้มีภาวะหรือมีสิ่งนั้นได้ถูกรู้-เห็นภาวะนั้นหรือสิ่งนั้นได้(นี้คือรูป) โดยธาตุรู้ได้แก่จิต-มโน-วิญญาณ(นี้คือนาม)

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 202

ค้าบุญคือบาป หน้า 181, หน้า 222

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 19


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:41:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:46 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:59:56 )

รูปของอโศกปรับไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ 

รายละเอียด

ฟังดีๆ นะ อันนี้ ดร.จําลองบอกว่า “ในหลวงเป็นต้นแบบ ในพระพุทธศาสนา จุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัย” โอ้โฮ! ข้อหานี้อาตมาจะแก้ตัวไหวเรอะ เอ๊! ข้อหานี้ โดยอ้างอิงสถาบันเบื้องสูงเลย อาตมาจะไปรอดไหมวันนี้ 

“.…เมื่อก่อนไม่พิมพ์พระ ไม่หล่อพระ..ดี..ตอนนี้พิมพ์หล่อองค์พระใหญ่ๆ ครบทุกพุทธสถานหรือยัง

ครบหมดแล้ว โดยเฉพาะปางตรีลักษณ์ ไปพุทธสถาน ทุกพุทธสถานมีหมด นอกจากพุทธสถานยังมีเลย มีปางตรีลักษณ์เล็กๆ หล่อ อันนี้ต้องอธิบายกันดีๆ

อ้างในหลวง ในหลวงต้องอนุโลมไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ ที่พอควร ต้องให้ฐานของคนที่ยังติดยังยึดยังอะไรๆ ไล่(ระดับ)ขึ้นไป ใช้ คนที่ฐานสูงก็เข้าใจ คนที่ฐานเตี้ยก็ต้องให้เขามีฐานรองรับมีบันไดเป็นขั้นๆ 

ในหลวงเป็นในหลวงฉันใด อาตมาก็ใช้อันนี้ด้วยอยู่ ไม่ใช่ว่าอาตมาไม่มีฐานแต่ละบุคคล  เร่งเริ่มแรกๆ อาตมาเคร่งจัด คัดหัวยอดมา คัดผู้ที่รู้ธรรมะเอาเพียวๆสะอาดๆบริสุทธิ์เป็นพุทธแท้ๆมาได้ แล้วก็ค่อยๆมีมวล ก็ลดบันไดลงมา อนุโลมขั้นต่อมาๆ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้อนุโลมไปเยอะ จนมาอย่างที่ ดร.จำลองว่าอาตมานี่แหละ ว่าเดี๋ยวนี้นี่แหม มามีพระหล่อพระอะไร จนกระทั่งมีพระองค์ใหญ่ อะไรต่ออะไรต่างๆ นานานี้ เมื่อก่อนใส่รองเท้าไม่ดี เดี๋ยวนี้ก็ใส่รองเท้าแล้ว อะไรๆ นี้

มัน กาละ เทศะ ฐานะ มันไม่ได้เที่ยง มันไม่ได้อยู่กับที่อะไร  ก็ต้องขอพูด อย่าหาว่าแก้ตัวเลย อาตมาอายุมากขึ้น อาตมาต้องใส่รองเท้าบ้าง ต้องทำเพื่อสุขภาพบ้าง จะต้องมีอะไรที่ใช้สมควรกับอายุขัยสรีระร่างกาย 

อย่างที่อาตมาเคร่งจัดก็มีมาแล้ว ในฐานะที่อาตมามีเหตุปัจจัยพร้อม กาละ เทศะ ฐานะ ยังหนุ่มแน่น ยังแข็งแรง อาตมาก็ทำเต็มที่ แล้วก็ไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ 

เพราะฉะนั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่นโดยไม่รู้แม้แต่สิ่งที่ควร เหตุปัจจัยองค์ประกอบที่มันเปลี่ยนแปลงไป คุณก็ยังยึดมั่นถือมั่นจุดเก่าแบบเก่าอย่างเก่าอันเดียว ไม่มีเหตุปัจจัยอะไร ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยอะไรเลย พาซื่อถือหนึ่งเดียวเป๊ะๆๆ เคร่งอย่างนั้น คุณจะเคยเคร่งอย่างอาตมารึ? 

อย่างในหลวงท่านจะมาเคร่งอย่างอาตมาก็ไม่ได้ เพราะท่านเป็นในหลวงต้องอนุโลมต่อคนเยอะ เพราะฉะนั้นในหลวงท่านจะมาสอนธรรมะเคร่งครัด จนกระทั่งถึงขั้นที่อาตมาเหมือนอย่างอาตมาพาทำ ไม่ได้ ในหลวงก็ต้องทำตามฐานะของพระองค์ ตาม กาละ เทศะ ฐานะ นี้ 

อาตมาก็เคยพูดแล้วว่า ในหลวงก็คือธรรมิกราชองค์หนึ่ง อาตมาก็คือธรรมิกราชองค์หนึ่ง มาในยุคนี้ ขออภัยที่ต้องพูดความจริง ใครไม่เชื่ออาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาอธิบายความจริงให้ฟัง  ซึ่งเป็นความจริงที่เกิดอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ  อันนี้ก็เป็นของพุทธ ธรรมิกราช 2 องค์ก็มีตำนานมีอะไรๆ อยู่ชัดๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา แต่ใครเชื่อก็ยืนยัน 

ตัวสำคัญก็คือ ผลทำงาน ในหลวงท่านก็ทรงงานของท่านไป จนท่านสวรรคตไปแล้ว อาตมาก็ทำตามหน้าที่ของอาตมา แต่มันอันเดียวกัน มันเป็นโลกุตระเหมือนกัน แต่โลกุตระของในหลวงอธิบายเหมือนอย่างอาตมาไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นรูปธรรมมันหยาบ อาตมาค่อยๆอธิบายสู่ฟัง 

ทวนกระแส อย่างรูปธรรมง่ายๆ พาคนมาจน “ขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา” ซึ่งเป็นธรรมะทวนกระแสนี้ (คำตรัส) ของในหลวง อย่างนี้เป็นต้น แล้วในหลวงก็ทำได้เท่านั้น ท่านจะพาคนมาจนแบบโพธิรักษ์พาทำ ไม่ได้ ตายเลย ต้องอนุโลมปฏิโลมมาตามขั้นตามตอน แต่ท่านก็ตรัสให้มาจน แบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ท่านก็ตรัสได้พอทำเนา เอามาลงลึกลงแรงจนกระทั่งเป็นรูปธรรมอย่างโพธิรักษ์นั้นไม่ได้ โพธิรักษ์ทำได้อย่างนี้เป็นต้น 

พอเข้าใจไหมล่ะ ถ้าพอเข้าใจก็อนุโมทนาสาธุด้วย ถ้ายังไม่เข้าใจก็ขออภัยที่อาตมาไม่เก่งที่จะทำให้เข้าใจได้ ก็ขอผลัดไปก่อนก็แล้วกัน 

นี่ก็เป็นด๊อกเตอร์ นะ ดร.จำลอง เผยแผ่ดี ที่เขียนมาว่า”ในหลวงเป็นต้นแบบ ในพระพุทธศาสนา จุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัย เป็นแบบอย่างที่ดี” ขออภัยขอยืนยันว่า ไม่ดีหรอก แต่ท่านต้องจำนน เหมือนโพธิรักษ์ต้องจำนนหลายอย่างที่จะต้องทำในหลายสิ่ง ต้องทำอย่างนี้ แต่พูดไปแล้ว ต้องจำนน จำยอม จำใจ จำต้องทำ ในหลวงท่านก็เป็นเช่นนั้น 

“ทำแบบในหลวงผิด ต้องถูกแบบพระครูโพธิรักษ์กระนั้นหรือ” ถ้าคุณทำได้ก็ถูกอย่างพระโพธิรักษ์แล้ว ดี เข้าหลักธรรมพระพุทธเจ้า ชัดเจนด้วย ศึกษาดีๆ อาตมาไม่ได้ยกตนข่มใครหรอก 

คุณยึดมั่นถือมั่นเกินไป ไม่มี กาละ เทศะ ฐานะ ไม่รู้จักองค์ประกอบของเหตุปัจจัยต่างๆ ก็ศึกษาดีๆ นะ เอาละ ก็ขอบคุณ ฟังกันดีๆนะ ฟังดีๆ ให้ได้ปัญญา แล้วก็ติดตามกันไป ยินดีมาก ด๊อกเตอร์จำลอง นะ จำลองซะด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ถือศีลให้รู้รูปนาม ให้เกิดปัญญาจนอวิชชาหายไป วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2567 ( 19:00:50 )

รูปขันธ์

รายละเอียด

1. คือท่อนไม้ที่ถูกตัดโค่นออกมาแล้วจากต้นของมันซึ่งมีแต่นับวาระจะแห้งเหี่ยว ผุพัง หรือเน่าเปื่อยลงไป 

2. สิ่งที่เกาะยึดติดกันอยู่นานมากกว่านามโดยตรง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 406

ทางเอก ภาค 2 หน้า 282


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:45 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:49:25 )

รูปฌาน

รายละเอียด

1. ความสงบระดับต้นแบบเจโตสมถะ 

2. การที่จิตในฌานขั้นที่เพ่งเพียรจนถึงจตุตถฌานนั้นถูกยกขึ้นจากนามให้เป็นรูป 

3. จิตละเอียดขั้นหนึ่ง ถ้าเทียบขนาดก็เล็กเหลือเกินที่ได้ย่อยลง ๆ เป็นลำดับ ผู้ที่จะพ้นทุกข์ทั้งปวงได้คือผู้ที่ละวางตัณหาขั้นต้นมีกามตัณหา  ผู้ที่บรรลุรูปฌานแล้ว คือผู้ที่ดับกามตัณหาแล้ว เป็นผู้ไม่ข้องอยู่ในกามภพ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 186, หน้า 241, หน้า 386


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:44:12 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:25:37 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:49:53 )

รูปฌาน 4

รายละเอียด

รูปฌาน 4 คือ ที่สุดการตรวจสอบด้วยอรูปฌาน 4 ก็ทำได้  และผู้ยังไม่สมบูรณ์แบบก็ต้องตรวจด้วย อรูปฌาน 4  จนสมบูรณ์  การตรวจสอบก็หมดไปอรูปวิญญาณนี้คู่หนึ่งสิ่งที่เหลือกับไม่มีต้องหมดไปพ้นความสงสัยหมด  เป็นสัญญาเวทยิตนิโรธ  อรูปฌาน 4 เป็นการตรวจสอบชีวิตของอรหันต์โพธิสัตว์จึงต้องใช้ฌาน

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันศุกร์ที่ 27 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:32:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:02:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:51:36 )

รูปฌาน 3-4

รายละเอียด

รูปฌาน 3 ไม่มีโทมนัสแล้ว โสมนัสก็ลดลงไป สุขลดลงไป เป็นอุเบกขาลำลอง พอฌาน 4 หมดสุขหมดทุกข์ หมดโสมนัสโทมนัส เป็นอุเบกขาเป็นสมาธิที่แท้จริง และเป็น1 ใช่ไหมค่ะ ใช่ ฌาน 4 เต็มรูปเต็มสภาพก็ได้สภาพเป็นอุเบกขา ตัวที่ 1 ในอุเบกขา 5 กระบวนการของอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา   มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:42:43 )

รูปฌาน 4

รายละเอียด

รูปฌาน 4ของพุทธ (ต่อสู้เพ่งเผากิเลส  จนจิตไร้นิวรณ์) คือการเพ่งเผากิเลสจนเกิดสภาวะจิตแน่วแน่ สงบจากกิเลส โดยอาศัยรูปธรรมเป็นอารมณ์

1. ปฐมฌาน (ฌานที่ 1) มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เกิดจากวิเวกอยู่ , ยังคาวิตก คาวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากจิตหลีกออก

2. ทุติยฌาน (ฌานที่ 2) ไม่มีวิตก วิจาร มีปีติ สุข เกิดจากสมาธิอยู่, ละวิตก-ละวิจารได้แล้ว  แต่ยังคาข้องในปีติและมีสุขอันเกิดจากจิตตั้งมั่นมีสมาธิ คือจิตคลายกิเลสลง

3. ตติยฌาน (ฌานที่ 3) ปีติสิ้นไป ได้สุขด้วยนามกาย (จิต) มีสติ มีอุเบกขาอยู่, ปีติจางลงจนสิ้นไป  มีอุเบกขา  มีสติ  มีสัมปชัญญะ  เสวยสุขด้วยนามกาย

4. จตุตถฌาน (ฌานที่ 4)  ละสุข ละทุกข์ ดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ จิตเป็นมัชฌิมา เป็นกลางอยู่)  

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9 "สามัญญผลสูตร"  ข้อ  127-130

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 10:49:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:37:51 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:52:25 )

รูปฌาน 4

รายละเอียด

ดูกร อัมพัฏฐะ  รูปฌาน 4 ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ 5 ประการเหล่านี้ที่ยังละไม่ได้ในตน เหมือนหนี้เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร (พ่อครูว่า…คือโลกียะ คุณไม่รู้จักทางกันดาร เริ่มต้นตรงไหนที่จะหมดความกันดารคุณไม่รู้เลย) และเธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ 5 ประการที่ละได้แล้วในตน เหมือนความไม่มีหนี้ เหมือนความไม่มีโรค เหมือนการพ้นจากเรือนจำ เหมือนความเป็นไทยแก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษม ฉันนั้นแล.เมื่อเธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ 5 เหล่านี้ ที่ละได้แล้วในตนย่อมเกิดปราโมทย์ (พ่อครูว่า…มันอ่านยากเหมือนกันนะ ปราโมทย์ มันไม่ใช่กิเลสแต่เป็นอุปกิเลสต้องละเหมือนกัน แต่ต้องอาศัยก่อน) เมื่อปราโมทย์แล้วย่อมเกิดปิติ เมื่อมีปิติในใจ กายย่อมสงบ(พ่อครูว่า…กายสงบไม่ใช่สงบร่างกายให้หยุดหายใจหรือหายใจน้อยแบบนั้น แต่กายหมายถึงภายนอกสัมผัสกับภายนอกมีกิเลสภายนอกกิเลสในระดับกามก็ไม่มี สงบ พอสัมผัสอยู่ก็รู้ แคล่วคล่องว่องไวมีมุทุภูตธาตุ ไม่ใช่ว่าแข็งทื่อหลบเลี่ยงสิ่งสัมผัสเกี่ยวข้องไม่ใช่เลย แต่ต้องเกิดกายปาคุญญตา กายยิ่งแคล่วคล่องว่องไว กายปาคุญญตา แปลว่าความคล่องแคล่วของจิตเจตสิก ยิ่งรู้ทัน จับกิเลสเนื้อกิเลสทำให้กิเลสลดไปได้อย่างเก่ง มีปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาขยายความอ้างอิงธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างพิสดาร คนที่ฟังได้ เข้าใจได้ก็จะยิ่งอ๋อ มันเป็นเช่นนี้เองหรือจะมีคุณสมบัติเป็นเหตุปัจจัยกันอย่างนี้ เข้าใจอย่างนั้นไหมไม่ใช่พูดไปแล้วมันไม่รู้เรื่องไม่มีมรรคผลไม่มีความดีอะไรเกิดขึ้นเลย ฟังภาษาไปยิ่งงงยิ่งมืดตื้อไม่ใช่ตอนนี้มันยิ่งเข้าใจสภาวะไปยิ่งขึ้นเลย) เธอมีกายสงบแล้วย่อมได้เสวยสุข เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น (พ่อครูว่า…กายวิเวกคือสัมผัสภายนอกแล้วไม่มีกิเลส) เธอสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปิติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นจรณะของเธอประการหนึ่ง.ดูกรอัมพัฏฐะ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปิติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่แม้ข้อนี้ก็เป็นจรณะของเธอประการหนึ่ง.(คำว่าวิตกวิจารเป็น 2 สภาวะรูปนามที่คุณจะต้องรู้ ตักกะ คือ มันจะขึ้นมาเป็นพฤติกรรมของอาการ ตักกะ เป็นตัวลักษณะ  static จาร เป็นลักษณะ Dynamic เป็นคู่ๆหนึ่งของเทวธรรม คุณก็จะรู้ วิตกวิจารสงบไปก็หมายถึงคุณจัดการกับวิตกวิจารที่มันมีกิเลสเข้าไปร่วม ลดกามวิตก เห็นกามวิตกหายไป เป็นกามาวจรภายนอก คุณก็ไม่มีกิเลสอยู่ได้แล้วทำได้แล้ว เพราะสงบ วิตกวิจารก็สงบ ไม่มีวิตกไม่มีวิจารนี่เป็น ฌาน 2ฌาน 1 ต้องมีสังกัปปะ 7 ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ ทำให้พฤติกรรมของจิต จาระนี้สะอาด อัมพัฏฐะมาเถียงพระพุทธเจ้าว่า เขานี้แหละรู้จักวิชาจะระณะสัมปันโน ในพระเวท เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของโปกขรสาติพราหมณ์ พระพุทธเจ้าก็ไล่เรียงให้ฟังทั้งหมด พระพุทธศาสนาวิชชาจะได้เป็น ฌาน เป็นสมาธิฌานที่  3 สุขด้วยนามกายก็จะสบายขึ้น หากได้ฌาน 2 ก็มีปีติ ดีใจ ต่อมามันก็จะชินชา ไม่ต้องไปดับมันก็จะชินชา ยิ่ง คุณรู้คำสอนแล้วก็จะไม่ไป ฟูฟองอะไร) ดูกรอัมพัฏฐะ อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปิติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข แม้ข้อนี้ก็เป็นจรณะของเธอประการหนึ่ง (สุข มันคือ ว่าง) ดูกรอัมพัฏฐะ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นจรณะของเธอประการหนึ่ง ดูกรอัมพัฏฐะ แม้นี้แลคือจรณะนั้น. (.ศาสนาพุทธนั้นดับทั้งความสุขความทุกข์เขาก็ไม่เข้าใจ ความสุขเขาไม่รู้ว่าคืออะไรความสุขมันเป็นโลกีย์ สุข ทุกข์เป็นภายนอก โสมนัสโทมนัสก็คือภายใน ก็ดับภายนอกได้แล้วก็ดับสุขทุกข์ภายในอีก) 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:57:33 )

รูปฌาน 4

รายละเอียด

คือสภาวะจิตแน่วแน่สงบจากกิเลส โดยอาศัยรูปธรรมเป็นอารมณ์

1. ปฐมฌาน (ฌานที่ 1) มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เกิดจากวิเวกอยู่

2. ทุติยฌาน (ฌานที่ 2)ไม่มีวิตก วิจาร มีปีติ สุข เกิดจากสมาธิอยู่

3. ตติยฌาน (ฌานที่ 3)ปีติสิ้นไป ได้สุขด้วยนามกาย มีสติ มีอุเบกขาอยู่

4. จตุตถฌาน (ฌานที่ 4)ละสุข ละทุกข์ ดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 9 “สามัญญผลสูตร” ข้อ 127-130


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 05:01:21 )

รูปฌานมีสภาพเช่นไร

รายละเอียด

รูปฌานจะรู้ว่า มีภาวะฟูฟ่องเรียกปีติ สภาพที่ยังสุขทุกข์อยู่บ้างเรียกวิตกวิจาร วิตกวิจารยังมีโทมนัสโสมนัสผสมอยู่ หรือแม้สุขทุกข์ก็ผสมอยู่ทั้งสี่ส่วน เมื่อทำให้อุเบกขา กลางๆ จนหมดอยากสุขทุกข์ภายนอก สุขทุกข์เป็นสวรรค์นรกภายนอก หยาบ กระทบดินน้ำไฟลมวัตถุภายนอกทั้งหมด ทางตาหูจมูกลิ้นกาย ภายนอกหมดสุขหมดทุกข์จริงๆ วางสบาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:44:38 )

รูปฌานใช้ล้างกามภพอย่างเดียวหรือไม่

รายละเอียด

ถูก อย่างนั้นก็ถูก หากใช้ภาษาต่อไปอีก แล้วอรูปฌานก็ใช้ล้างรูปภพ อรูปภพ เป็นภาษาสิริมหามายา กลับหางเป็นหัว หัวเป็นหาง ซ้อนไปซ้อนมา

ตั้งแต่คนคืออะไร? อาตมาเขียน สภาพรูปไปเป็นนาม นามกลับเป็นรูป คนหัวหมุนเลยตอนแรก แล้วเมื่อไหร่ นามเป็นนาม รูปเป็นรูปเสียที แต่ทำไม รูปเป็นนาม นามเป็นรูป หนังสือคนคืออะไรเล่มแรกที่อาตมาเขียนนี่ อาตมาก็ไขความเป็นสิริมหามายาตั้งแต่นั้น

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:19:23 )

รูปที่ถูกรู้คืออย่างไร

รายละเอียด

สรุปอีกทีว่า ใครมาปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าแล้วไม่จับที่เวทนา แล้วก็ไม่เรียนรู้ความจริงของอาการทั้งหลาย 

ทุกตัวจะมีรูปคืออาการ หรือนิมิตของมันในแต่ละอย่าง ทุกอาการของจิตเจตสิกต่างๆ รูปคือสิ่งที่ถูกรู้แม้ที่สุดคือนิพพานนี่คืออภิธรรม4 จิต เจตสิก รูป นิพพาน ถูกรู้ได้ทั้งนั้น แล้วต้องถูกสภาวะ ถูกอาการ ที่มีความหมายตรงกับความเป็นจริง 

รูปที่ถูกรู้ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้นคือ รูปจิตหรือ จิตชรูป รู้ได้ด้วย รูป 28 ต้องแจกแจง ต้องรู้ประมาณหนึ่ง แม้จะรู้ไม่ได้ครบละเอียดทั้งหมดก็ตาม รูปมีอาการ 28

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:37:32 )

รูปธรรม

รายละเอียด

1. ได้แก่รูปขันธ์ทั้งหมด(แค่รูป ไม่ถึงนิพพาน)

2. มีรูปร่างของชีวิตพุทธศาสนาอยู่ ซึ่งประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพุทธบริษัท รวมทั้งวัตถุทางโลก อาการทางโลก อาการทางธรรมที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายร่วมกันสังเคราะห์ประกอบขึ้นเป็นอยู่ 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 287, หน้า 478


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:27:16 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:52:49 )

รูปธรรมของคนที่จะมาเป็นสาธารณโภคี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่จะมาเป็นสาธารณโภคีถึงขั้นสูงสุด เป็นรูปธรรม เป็นสาธารณโภคีให้เห็นสำเร็จเลยนะ เป็น phenomena เป็นปรากฏการณ์ยืนยันให้เห็นจริง เป็นจริงเลย อยู่จริงเลยนะ อย่างชาวอโศกนี้เป็นอยู่นี้ ต้องเป็นคนปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าจนมีวรรณะ 9 ได้จริงๆ 

วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ), บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ),  มักน้อย กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ใจพอ เป็นคนที่ 0 ก็พอ ไม่มีของตนก็พอ สันโดษ หรือสันตุฏฐิ และคนที่ยังไม่ถึงจุดสมบูรณ์ก็ขัดเกลาตนเอง สัลเลขะ ขัดเกลากิเลสตนเองออก จนกระทั่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ มีธูตะ มีข้อปฏิบัติของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติได้สูงขึ้น คนที่ทำไม่ได้ก็เหมือนเคร่ง แต่ที่จริงผู้ที่ทำได้แล้วไม่เคร่ง มีข้อปฏิบัติเป็นศีลเคร่ง เขาไม่เคร่งหรอก 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น มีศีลข้อที่ไม่ต้องมีเงิน ไม่เห็นจะเคร่งอะไร ผู้ที่เป็นได้แล้ว บรรลุได้แล้ว มันสบาย กินมื้อเดียวอย่างนี้ ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไร ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลย อย่างนี้เป็นต้น 

ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ฟังก็เข้าใจได้ แต่ผู้ที่ยังอวิชชา ผู้ที่มีกิเลสหนา จะไม่ค่อยซาบซึ้ง แต่ผู้ที่กิเลสเบาบางลง หรือเป็นผู้ที่แสวงหา รู้จักบัญญัติภาษาที่มีความหมายดีแล้ว ก็จะซาบซึ้งเข้าใจดี ว่า โอ้โห…โลกนี้มันมีด้วย ปัจจุบันนี้ ธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมอย่างนี้มันมีด้วย จะรู้สึกอย่างนั้นเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:57:19 )

รูปธรรมของวรรณะ 9

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจิตใจของผู้ที่มีสาราณียธรรมจะแข็งแรง จิตใจแข็งแรงตั้งมั่น จิตใจอย่างนี้เรียกว่าเป็นจิตใจที่มีสมาธิ ที่มีพุทธพจน์ 7 สะสมตกผลึกตั้งมั่นลงไปเป็น สมาหิโต มีภาวะของ วรรณะ 9 ซ้อนอยู่ในนี้ รวมแล้วเป็นรูปธรรมของวรรณะ 9 อธิบายซับซ้อนขยายความวนไปวนมาแล้วขยายความ 

วรรณะ 9 มี เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ)   ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

เป็นคนเลี้ยงง่ายเป็นคนไม่มากเรื่องอยู่ง่ายกินง่ายไปง่าย อยู่กันไม่ลำบาก บำรุงง่าย สุโปสะ หมายความว่าทำให้เจริญพัฒนาพากันสอนแนะนำกันได้ง่าย เจริญเร็ว ไม่ได้ดื้อด้านดึงดัน ไม่ได้ว่ายากสอนยาก แต่เป็นคนว่านอนสอนง่าย อัปปิจฉะ ชอบมีน้อยๆหรือกล้าจน มีกันไม่ต้องมาก ไม่ต้องสะสมอะไรกันมากมายมีแต่พออาศัย มีใจพอ 

สันโดษ เขาไปแปลว่า ยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็ไปถามคนร่ำรวยอย่างคุณ
ธนินท์ หรือคุณเจริญ เขาก็พึ่งพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ จะไปถามบิลเกตส์ก็ได้ หรือไปถามเศรษฐีในโลก เขาก็ยินดีทุกคนนะ แต่ไม่ใช่ เป็นการแปลอย่างเบี้ยวบาลี สันโดษมันแปลว่าใจพอ พอเท่าที่มี น้อยเท่าไหร่ก็พอ มันมีสัมพันธ์ มีพันธกิจร่วมกับ อัปปิจฉะ น้อยที่สุดก็เป็น 0 โดยไม่เป็นหนี้ เพราะฉะนั้น 0 ก็พอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:49:15 )

รูปธรรมที่สร้างด้วยนามธรรมกับพลังงาน Coefficient

รายละเอียด

ในหลวงท่านทำอย่างเป็นรูปธรรมมหาศาล อาตมาทำอย่างเล็กเท่าขี้ฝอย แต่ทำทางนามธรรม ต้องขอบพระคุณในหลวงอย่างมากที่ท่านทำมาก่อนเป็นจริง ก็ต้องขยายต่อไปให้มีองค์ประกอบรูป และนาม เกิดจากจิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง

สรุป รูปธรรมที่อาตมาสร้างด้วยนามธรรมที่สั่งให้อาตมาทำ ใช้เป็นพลังงานที่ทำอะไรต่ออะไร ก็ยังไม่เป็นหลักฐานรูปธรรมที่เพียงพอ อาตมาก็เลยคิดว่ายังตายไม่ได้ อาตมารู้ว่าอายุขันธ์อาตมา 72 ปี แต่ก็รู้ว่าตายไม่ได้นะ ต้องใช้ความรู้ที่ได้มาจากพระพุทธเจ้า มาเสริมพลังงานสัมประสิทธิ์ Coefficient เป็นพลังงานเสริมให้มีอัตราการก้าวหน้าในระดับคูณขึ้นไป ไม่ใช่แค่บวกนะ ต้องคูณหรือยกกำลัง ทำให้ได้ มันถึงจะเกิดพลังปฏิภาคทวีก้าวหน้าไปได้ ไม่อย่างนั้นถูกอันอื่นดึงไปไม่ออก เหมือนจรวดจะออกนอกโลกต้องมีพลังงานและตั้งทิศทางให้ถูกต้องจึงหลุดพ้นได้ เท่าที่ประมวลพลังงานในตนเองได้เท่าที่มีทวัตติงสาการ อาการ 32 นี้ไปได้

อาตมาทำมาได้จนถึงอายุ 84 ปี กึ่งหนึ่ง นักษัตร 12 ปีผ่านมาแล้วอาตมาถึงบอกว่าเอาเพิ่มอีก หากปฏิภาคทวีทับทวีไปก็จะมากขึ้นต้องทำ 12 ต่อไปอีกหลายทบ 151 ปีคือโกลของอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:48:21 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์