@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เทว แปลว่า 2

รายละเอียด

เทว แปลว่า 2คือ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่มากอาตมาไม่เก่งในการอธิบายคำว่า เทวะ รวมศาสนาเทวนิยมและอเทวนิยมได้หมดเลย  พุทธก็อยู่ด้วย  แต่ท่านรู้แจ้งในความเป็นเทวะได้,แยกเทวะได้,อาศัยเทวะได้,ควบคุมเทวะได้, เทวะใหญ่ขนาดไหนก็ควบคุมได้,แม้ที่สุด  ขออภัยต้องใช้ภาษานี้  เย้ยพระเจ้าได้  เย้ยตรงไหน  ตายแล้วพระเจ้าอย่ามายุ่ง  เราสลายวิญญาณเราเองได้ไหม  วิญญาณของเราเองไม่ใช่พระเจ้า  เรามีสิทธิ์จะสลายเป็นอุตุธาตุไปเลย  สูญหาย  ไม่ต้องไปหาพระเจ้า  ไม่เอาความสุขของพระเจ้าไม่เอาความทุกข์ของพระเจ้าแม้แต่ ปรมังสุขัง  ยิ่งกว่าสุข  อย่างไรก็ตาม  แยกธาตุแตกแยกไปแล้วก็ไม่ต้องมีอีกเลยหากแยกรูปนามเท่านี้ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แยกธรรมะสองไม่ได้  แยกเวทนาไม่ได้ ก็ทำไม่ได้  ก็ไม่มีทางนิพพานแล้ว  ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:30:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:33 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:38:41 )

เทวดา

รายละเอียด

คือ คนที่มีภูมิจิตสูง รู้สัจธรรม มีพฤติกรรมเป็นกุศล เป็นบุญ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.429


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:36:06 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:47:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:39:24 )

เทวดา

รายละเอียด

การปฏิบัติกำจัดกิเลส ลดละจางคลายมาเรื่อยๆตามลำดับ ขณะที่กิเลสจางคลายลงๆๆนั้น ก็คือจิตใจกำลังเป็น "เทวดา" ที่มีปรากฏขึ้น (อุปปัติ)ให้เห็นเป็นลำดับๆ ศัพท์เรียกว่า "อุบัติเทพ" เมื่อกำจัดได้หมดเกลี้ยงคือ "กิเลสดับ" เรียกว่า "นิโรธ" จิตตอนนี้สะอาดหรือบริสุทธิ์จากกิเลสนั้นๆเป็น "วิสุทธิเทพ"หรือ พรหม

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 198-199


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2562 ( 19:52:34 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:46:23 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:40:42 )

เทวดา

รายละเอียด

คือจิตอยู่ในธาตุดี  จิตของผู้ที่บริสุทธิ์สะอาด  จะระลึกถึงความดี ก็เพื่อแก้ไข  สิ่งที่บกพร่อง สมมุติต่างๆ  กัน  อย่างเช่นอาตมาเขาถือว่ามีกิริยาหยาบ ว่าเขาแรง หลุกหลิก ไม่สงบนิ่ง เขาก็ยึดถือตามสมมุติของเขา  เราก็ไม่มีปัญหาอะไร  เราคิดว่าทำอย่างนี้เหมาะ,สมควร, มันสะดวก ทำแล้วคิดว่ามันเป็นประโยชน์คุณค่า  ปรุงต่างอย่างนี้ได้ผล เหมาะสม กับผู้รับกับฐานของยุคนี้  อาตมามีความจริงใจ ไม่ได้ปรารถนาร้ายเหมือนพ่อแม่ ด่าลูก หยาบ แต่อาตมาไม่ได้ด่าหยาบๆ  อย่างโลกเขาหรอกแต่มันแรง  ที่คนรู้สึกว่าหยาบ เพราะผิดและทุจริต  การกล่าว คำว่า เขาทุจริต  ผิด เสียหาย  แล้วยิ่งบอกแรงๆ  เตือนแรงๆ,  ว่า แรงๆ,  มันก็เลยรู้สึกว่า  ตัวมันเองก็แรงร้ายอยู่แล้ว ยิ่งไปหาคำ สำเนียงแรงๆ  เลือกใช้เพื่อให้คนอื่นรับรู้  และเกิดความรู้  ตามที่เราต้องการ คือ วาทิตะให้คนอื่นได้,จะได้ตามประสงค์ก็แล้วแต่  มนายตนะ กับ ธัมมายตนะ หากอาตมาคุย ก็คุยกับเทวดา ได้เอามาใช้  ทำได้ทุกที่ คุณลืมตา จิตมีความสามารถทำได้ปัญญากับ สัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:32:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:18 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:43:14 )

เทวดา

รายละเอียด

จิตอยู่ในธาตุดี  จิตของผู้ที่บริสุทธิ์สะอาด  จะระลึกถึงความดี ก็เพื่อแก้ไข  สิ่งที่บกพร่อง สมมุติต่างๆ  กัน  อย่างเช่นอาตมาเขาถือว่ามีกิริยาหยาบ ว่าเขาแรง หลุกหลิก ไม่สงบนิ่ง เขาก็ยึดถือตามสมมุติของเขา  เราก็ไม่มีปัญหาอะไร  เราคิดว่าทำอย่างนี้เหมาะสมควร มันสะดวก ทำแล้วคิดว่ามันเป็นประโยชน์คุณค่า  ปรุงต่างอย่างนี้ได้ผล เหมาะสม กับผู้รับกับฐานของยุคนี้  อาตมามีความจริงใจ ไม่ได้ปรารถนาร้ายเหมือนพ่อแม่ ด่าลูก หยาบ แต่อาตมาไม่ได้ด่าหยาบๆ  อย่างโลกเขาหรอกแต่มันแรง  ที่คนรู้สึกว่าหยาบ เพราะผิดและทุจริต  การกล่าว คำว่า เขาทุจริต  ผิด เสียหาย  แล้วยิ่งบอกแรงๆ  เตือนแรงๆ  ว่า แรงๆ  มันก็เลยรู้สึกว่า  ตัวมันเองก็แรงร้ายอยู่แล้ว ยิ่งไปหาคำ สำเนียงแรงๆ  เลือกใช้เพื่อให้คนอื่นรับรู้  และเกิดความรู้  ตามที่เราต้องการ คือ วาทิตะให้คนอื่น ได้จะได้ตามประสงค์ก็แล้วแต่  มนายตนะ กับ ธัมมายตนะ หากอาตมาคุย ก็คุยกับเทวดา ได้เอามาใช้  ทำได้ทุกที่ คุณลืมตา จิตมีความสามารถทำได้ปัญญากับ สัญญา   

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  ปฐมอโศก  วันจันทร์  18 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 18:17:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:44 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:43:52 )

เทวดา

รายละเอียด

คือ ตาทิพย์ นามธรรม หรือ อรูปก็ไม่เหลือแม้แต่  ดิน  น้ำ  ไฟ  ลม  ก็จะแยกไป  หากเข้าใจกายกับจิตไม่ได้  แยกกาย แยกจิตไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 11:52:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:44:28 )

เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่างในทานสูตร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นที่สุดพระพุทธเจ้าอธิบายเรื่องทาน 

ล.23 ข.49 ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง

 อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว

1. ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ

2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ

3. มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ

4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ

 อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ ทำทานเพราะว่าเห็นว่าเป็นความดี

 อันที่ 3 ยามา คือ ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี

 อันที่ 4 ดุสิต คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้

 อันที่ 5 นิมมานรดี คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ

 อันที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ)

 อันที่ 7 สหายแห่งพรหม คือทำทานอย่างมี จิตฺตาลงฺการ จิตฺตปริกฺขารํ (ต้องทำปุญญาภิสังขาร ทำทานเพื่อลดกิเลส) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน การทำบุญทำทานอย่างสัมมาทิฏฐิเป็นเช่นไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:14:52 )

เทวดา มาร พรหม คือเช่นไร

รายละเอียด

หันมาสู่สาระสัจจะชัดๆ เอาคำว่า เทวดา มาร พรหม 3 คำนี้มาพูด เทวดานี่คือคำหลอก เทวดาตัวจริงก็คือมาร เหมือนทุกข์สุข กระดาษแผ่นเดียวกัน แต่มารเองโง่ หลงว่าเป็นเทวดา มารถ้ารู้ตัว มารจะเจริญกว่าเทวดา เทวดาไม่รู้ตัวง่ายเท่ามาร เพราะมารมันอยู่กับทุกข์ แต่เทวดามันอยู่กับสุข 

เพราะฉะนั้นคนที่เห็นทุกข์ก่อนนี่แหละเป็นคนเจริญก่อน ทุกข์มันพาให้คนรู้ก่อน สุขมันไม่พาให้คนรู้ก่อนหรอก พระพุทธเจ้าจึงไม่ตรัสอธิบายสุขอริยสัจ ท่านถึงตรัสเป็นพยัญชนะว่า สุขัลลิกะ คือความสุขนี้เป็นขัลลิกะ คำว่า ขัลลิกะแปลว่าเท็จ สุขนี้เป็นความเท็จ เป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องเก๊ ถ้าคนฉลาดมีปัญญาเรียกว่า อาริยะ จะรู้ว่าทุกข์ต่างหากที่มันจริงกว่า มันฉลาดกว่า อย่าไปโง่งมงายอยู่กับสุขทำไม แต่ทุกข์ก็สามารถเลิกได้ ปฏิบัติตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสก็คือ วิชชาจรณะสัมปันโน ให้บรรลุวิชชาจรณะ 

แล้วก็หลงคบมาร หลงอยู่กับมาร หลงอะไร หลงสุข ที่จริงทุกข์ ทุกข์กับสุขอันเดียวกัน เพราะฉะนั้นพระเจ้ากับมารอันเดียวกัน พรหม ผู้บริสุทธิ์จากเทวดา บริสุทธิ์จากมาร พรหมคือความบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จากเทวดา บริสุทธิ์จากมาร โดยเฉพาะคำว่ามารนี้คือทุกข์ คำว่าเทวดานี้คือสุข แล้วก็ไปหลงสุข มารก็หลอกสุขนี่แหละว่าเป็นตัวหลอก ที่แท้เป็นตัวทุกข์ อาตมาก็อธิบายมาหมดแล้วว่าสุขทุกข์มันอันเดียวกัน พระพุทธเจ้าอธิบายไว้หมดแล้ว แต่มันผิดเพี้ยน มันเสื่อมไปหมด อธิบายกันไม่ออก ไม่รู้ความจริง ขยายความสรุป เทวดานั้นอย่างหนึ่งคือความหลง มารนั้นคือความจริงของเทวดา เทวดาคือหลง ชัดๆก็คือความโง่ อวิชชา หลงไม่รู้ มันโง่ มันก็ไม่รู้ ที่แท้เราเป็นมารแต่เราหลงมารเป็นเทวดา 

เราหลงว่าเป็นเทวดา ที่แท้มันคือมาร แล้วก็หลงว่าตัวเองเป็นเทวดายิ่งใหญ่ ใหญ่ไปตามลำดับ หลงยิ่งใหญ่จนกระทั่งสุดท้าย นี่แหละจะเป็นโอษฐภัยตรงนี้ ยิ่งใหญ่สูงสุดก็เป็นเจ้าศาสนาเลย เพราะฉะนั้นเขาไม่รู้ความเป็นพรหมที่แท้จริง พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรานี่แหละคือพรหมกาย เราคือธรรมกาย คือกายบริสุทธิ์ กายสะอาด กายหมดจด กายแทงทะลุรอบ ไม่ติดยึดในความเป็นกาย แม้ที่สุดจะมีกายหรือไม่มีกายก็รู้รอบถ้วนได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชา วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2566 ( 16:36:43 )

เทวดา มิจฉาทิฏฐิ เป็นสมมุติเทพ 

รายละเอียด

เทวดา มิจฉาทิฏฐิ เป็นสมมุติเทพ เป็นเทพที่ยังมีกิเลส เป็นเทพที่ยังเสพกิเลส เสพสมใจในลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นสุขเป็นทุกข์ เสพสมใจในรูป รสกลิ่น เสียง สัมผัส เป็นสุขเป็นทุกข์ ก็เป็นอยู่อย่างนั้น เทวดาขี้เก๊ เทวดา 6 ชั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:31:32 )

เทวดาจะบรรลุธรรมได้อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาว่า ถ้าปฏิบัติแล้วไม่มีผัสสะ เป็นการปฏิบัติที่ผิด ไม่มีผัสสะภายนอกเป็นการปฏิบัติที่ผิด นี่คืออาตมาอธิบายยืนยัน ไม่มีทางบรรลุหรอกแบบนี้ คุณจะพูดถึงผัสสะ หรือคุณจะพูดถึงเทวดา อาตมาอธิบายว่าถ้าไม่มีผัสสะแล้วคุณปฏิบัติธรรมไม่มีทางบรรลุ แล้วคุณก็บอกว่าถ้าไม่มีผัสสะแล้วทำไมเทวดาบรรลุธรรมได้ ถามว่าไปไหนมาสามวา 7 ศอก แล้วมันจะรู้เรื่องกันไหมนี่ ผัสสะก็อย่างหนึ่งเทวดาก็อย่างหนึ่ง คุณเข้าใจว่าเทวดาคืออะไร อาตมายังไม่รู้ แต่ในพระไตรปิฎก “พระพุทธเจ้าแสดงธรรมมีเทวดาบรรลุมากมาย” เอาคำนี้ก็ได้ ก็ต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านกล่าวคำว่าเทวดานี้หมายถึงอะไร เทวดาก็คือ เทวะ คำว่า ดา คือ ภาษาบาลีเป็นคำ ตา เป็นคำนาม เอาปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นคำนาม เทวะ แปลว่า 2 ผู้ที่รู้ความเป็น 2 โดยเฉพาะเป็นนามธรรมเป็นจิตวิญญาณ แล้วแยกเทวะนี้ได้ แยกออกมาแล้วปฏิบัติได้ว่าถ้า 2 แล้วเอาอันใดอันหนึ่งที่จริงกว่า ถูกต้องกว่าให้ได้ คนนั้นทำสำเร็จ คนนั้นได้ประโยชน์ เช่นดีกับชั่วเป็น 2 คุณรู้ได้ว่าอันไหนดีกว่า อันไหนชั่ว ดีควรจะเอาจะทำ คุณก็ทำให้ได้ ความสุขกับทุกข์แน่นอนคุณก็ต้องเอาความสุขไม่เอาความทุกข์ สูงไปกว่านั้น สุขทุกข์กับไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์เป็นศูนย์เลย หรือเป็นสุญญตา ความสุขกับความทุกข์นั้นแยกกันไม่ได้แต่คนไม่รู้ก็ไปหลงหน้าเดียว เหรียญมันมี 2 หน้าแต่ไปหลงหน้าความสุข แต่คุณก็ได้ความทุกข์ไปด้วยกัน ถึงเวลาหมดอายุของความสุขก็เป็นความทุกข์ มันไม่เที่ยง แต่ผู้ศึกษายังไม่สมบูรณ์ก็ไปหลงติดความสุขจนกระทั่งเป็นสุขนิยม แต่ก็ไม่เรียนรู้ทุกข์ เลยความทุกข์ก็ไม่หายไปเพราะไม่จัดการเหตุแห่งทุกข์ เหตุแห่งทุกข์มีแค่ไหนก็ฆ่าให้ตาย ฆ่าเหตุแห่งทุกข์ให้ตาย ความทุกข์ก็ตายความสุขก็หมดไปด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:55:01 )

เทวดาชั้นต่ำสุดคือจตุมหาราช

รายละเอียด

อันแรกเป็นจาตุงฯ คือทำทานแล้วหวังจะได้ 4อย่างนี้ เป็นลักษณะเทวดาที่เป็นยักษ์ มีเขี้ยวใหญ่ อย่างเช่นโดนัลด์ ทรัมป์ ตายไปแล้วจะเป็นจตุมหาราช ฟังดูแล้วไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเป็นเลย เป็นเทวดาที่ร้ายที่สุดแล้ว เทวดาชั้นต่ำที่สุดคือจตุมหาราชเป็นเทวดาตัวร้ายแย่งชิงเขาทั้งนั้น ฆ่าแกงแย่งชิง เทวดามีทั้งเขี้ยวเล็บอาวุธ สมัยนี้อาวุธก็ยิ่งกว่านิวเคลียร์เพื่อจะแย่งชิงเอามา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2562 ( 20:04:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:20 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:45:44 )

เทวดาชั้นที่ 4 กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน

รายละเอียด

ส่วนฝ่ายสัมมาทิฎฐิรู้ว่าดับดำมืดก็ทำได้ทำให้แก่ตัวเองได้ดี ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายสัมมาทิฏฐิก็ดับความมืด ทำความมืด ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็ถูกแล้วก็ทำได้ตรง

ส่วนคนที่หลงเป็นมิจฉาทิฎฐิ เขาก็นึกว่าได้นี้นิโรธ สุภะทั่งคู่ น่าได้น่ามีทั้งคู่เป็น ความดับความมืดเท่านั้นไม่ใช่การดับกิเลส 

อันนี้แหละกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ทั้งสัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิคู่นี้ มันอยู่ที่มิจฉากับสัมมาก็ต่างกันแล้ว เขากำหนดเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนซ้อนอยู่ในนั้นว่ามิจฉาทิฏฐิมันเป็นนิโรธที่มีกิเลส แต่สัมมาทิฏฐิรู้ว่าไม่ใช่นิโรธ แต่เป็นความมืด เทวดาชั้นที่ 4 จึงลึกซึ้งกว่าเทวดาชั้นอาภัสรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:47:50 )

เทวดาชั้นสูง

รายละเอียด

คือ  ความมีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ มันมีสภาวะจริงมาฆ่าเลย แม้สัตว์นั้นจะทำให้เราตายเราก็ไม่ฆ่าเขาตอบ นี่ยิ่งเป็นเทวดาชั้นสูงใหญ่เลย เป็นเทวดาที่เจริญมาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 15:42:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:06 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:46:28 )

เทวดาปลอมหลอกคนอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราจะต้องชัดเจนจริงๆ ต้องมาเรียนรู้จริงๆ มันเป็นสัจจะที่ค่อยๆ ศึกษา

เทวดาปลอมนั่นหลอกคนมาเยอะ ชั่วที่สุดในแผ่นดินคือหากินกับคำว่าช่วยเขา หลอกเขาอย่างสนิทหลายท่าหลายทางมากมาย ธัมมชโยเป็นต้น ทักษิณเป็นต้น อย่างนี้แหละ เห็นชัดๆ อยู่แล้วบอกว่าช่วยเขาช่วยเขา แม้แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เหมือนกันบอกว่า ช่วยเขา หาเงินไว้มากๆแล้วเอาเงินไปแจกจ่ายช่วย แต่อาตมาว่า ธัมมชโยนี่นะเก่งกว่าทรั้มป์ เก่งกว่าทักษิณ ทุกวันนี้ก็ยังจับไม่ได้ ธัมมชโยนี้ลึกซึ้งซับซ้อน เลวลึกกว่า น่าดูเลย ถึงเป็นมารที่เก่งกว่า เดี๋ยวนี้บริวารก็ยังมีเยอะ รัฐบาลก็ยังไม่กล้าทำอะไร เพราะไม่อยากให้บริวารเกิดศึกเพิ่ม รู้สึกทางธนาธรก็ยากอยู่แล้ว ก็เลยต้องพักไว้ก่อน 

ธนาธรไม่พอก็ยังมีฝ่ายค้าน ตอนนี้ก็ชักรู้สึกว่าตัวเองมีคารม อย่างนายหนวดอภิปราย อาตมาฟังแล้วลิงตกต้นไม้เลย ชื่ออะไรนะ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ นี่นายหนวด โอ้โห เขียนเป็นชาร์ทมา เสียงดัง น้ำหนักมันกำลังดีจริงๆ ต่อว่าประธานอีก เวลาผมยังไม่หมดนะ ยอดเยี่ยมจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

กามโทษ กามาทีนวะไม่ใช่ให้เสพกามคุณ


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 20:30:23 )

เทวดาสูตร

รายละเอียด

สูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องตั้งตนบนความลำบากแล้วกุศลธรรมจึงจะเจริญ ถ้าหากตั้งตนบนความสบายอกุศลธรรมก็เจริญยิ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:56:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:47:15 )

เทวดาหรือเทพ

รายละเอียด

ผู้ไม่มี "วิชชา 8" จะไม่รู้แจ้งรู้จริง "เทวดาหรือเทพ" ทั้งหลายได้ อย่างเป็นสัจจะเด็ดขาด

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 20


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 16:23:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:45:39 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:48:23 )

เทวดาอันที่ 1

รายละเอียด

จาตุมหาราชิกา (ท้าวกุเวร   ท้าววิรุฬหก  ท้าวธตรฐ  ท้าววิรูปักษ์)  คือทำทานแล้วมี

1.      สาเปกโข (มุ่งหวัง) ทำนํ  เทติ

2.    ปฏิพทฺธจิตโต (ผูกพัน) ทานํ เทติ

3.     สนฺนิธิเปกโข  (สั่งสม) ทานํ เทติ

4.     อิมํ  เปจฺจ  ปริภุญชิสสามีติ (ให้ข้ามภพชาติ)  ทานํ  เทติ   เอาไปใช้ได้ตอนหลังตายไปแล้ว มาประเคนให้เขามากมายเงินทอง  ตนเองหลอกเขาก็ได้บาป  คนที่ตะกละที่ช่วยจริงๆ  หวังจริงๆว่ามันจะได้  ซึ่งมันไม่ได้หรอก   มันไม่เป็นสัจจะคุณจะไปตะกละ ตะกลามแล้วมีแต่วิมาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่79  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562               


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:42:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:50:11 )

เทวดาอันที่ 1

รายละเอียด

คือ  จาตุมหาราชิกา (ท้าวกุเวร   ท้าววิรุฬหก  ท้าวธตรฐ  ท้าววิรูปักษ์)  คือทำทานแล้วมี

1. สาเปกโข (มุ่งหวัง) ทำนํ  เทติ

2. ปฏิพทฺธจิตโต (ผูกพัน) ทานํ เทติ

3. สนฺนิธิเปกโข  (สั่งสม) ทานํ เทติ

4. อิมํ  เปจฺจ  ปริภุญชิสสามีติ (ให้ข้ามภพชาติ)  ทานํ  เทติ  

เอาไปใช้ได้ตอนหลังตายไปแล้ว มาประเคนให้เขามากมายเงินทอง  ตนเองหลอกเขาก็ได้บาป  คนที่ตะกละที่ช่วยจริงๆ  หวังจริงๆว่ามันจะได้  ซึ่งมันไม่ได้หรอก มันไม่เป็นสัจจะคุณจะไปตะกละ ตะกลามแล้วมีแต่วิมาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:17:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:35 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:50:50 )

เทวดาอันที่ 2

รายละเอียด

ดาวดึงส์   คือทำทานเพราะว่า เห็นว่าเป็นความดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:43:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:37 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:51:42 )

เทวดาอันที่ 2

รายละเอียด

คือ ดาวดึงส์   คือทำทานเพราะว่า เห็นว่าเป็นความดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:18:42 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:05 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:52:38 )

เทวดาอันที่ 3

รายละเอียด

ยามา  คือทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562   


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:44:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:13 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:53:30 )

เทวดาอันที่ 3

รายละเอียด

คือ ยามา  คือทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:19:51 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:41 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:54:34 )

เทวดาอันที่ 4

รายละเอียด

ดุสิต  คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่79  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                       


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:45:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:21 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:52:49 )

เทวดาอันที่ 4

รายละเอียด

คือดุสิต  คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:21:28 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:11 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:52:28 )

เทวดาอันที่ 5

รายละเอียด

นิมานรดี  คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ ๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                         


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:46:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:05 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:52:08 )

เทวดาอันที่ 5

รายละเอียด

คือ นิมานรดี  คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ ๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:22:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:43 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:51:45 )

เทวดาอันที่ 6

รายละเอียด

ปรมิมิตวสวัตตี  ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ (อตฺตมนตาโสมนสฺสํ) จิตปลื้ม  ยินดีกับของเก๊  จิตมันยินดีมากปลื้มๆ  ธัมมชโย  เอาคำว่าปลื้มมาใช้ มันดีใจที่ตัวเองจะได้ของลม ๆ แล้งๆ  หลอกกันอย่างนี้ เป็นต้น  โสมนัส  อัตตา   สองลักษณะนี้ทับถม ซับซ้อนก้อนใหญ่โต  มหาศาล  พลังงานสูง  หลงในวิมานเก๊  ที่เป็นการปลื้ม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  ครั้งที่79  วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562                           


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:47:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:44 )

เทวดาอันที่ 6

รายละเอียด

คือ ปรมิมิตวสวัตตี  ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ (อตฺตมนตาโสมนสฺสํ) จิตปลื้ม  ยินดีกับของเก๊  จิตมันยินดีมากปลื้มๆ  ธัมมชโย  เอาคำว่าปลื้มมาใช้ มันดีใจที่ตัวเองจะได้ของลม ๆ แล้งๆ  หลอกกันอย่างนี้ เป็นต้น โสมนัส อัตตา สองลักษณะนี้ทับถม ซับซ้อนก้อนใหญ่โต  มหาศาล  พลังงานสูง หลงในวิมานเก๊  ที่เป็นการปลื้ม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:23:51 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:33 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:50:56 )

เทวดาอาภัสรากับเทวดาสุภกิณหา

รายละเอียด

พวกนักสะกดจิตคือดับแต่ทุกข์ดับอาการทุกข์ ไม่เอาๆๆ เอาแต่ความสงบ สงบของเขาก็ช่าง บื้อๆ แบบสะกดข่ม ไม่ได้หาเหตุของมันด้วยปัญญาอันยิ่ง นี่คือพวกหลับตาสะกดจิตหรือพวกสะกดจิตลืมตาก็ตาม แม้ว่าสะกดจิตลืมตาก็ไปหลงความใส อาภัสรา เหมือนอย่างกับสายธัมมชโย 

สายที่ไปทางมืด กิณหา คือ สายหลับตาทั้งหลาย เช่นของอาจารย์มั่น มีเยอะหลับตาไปทางมืด แต่ทางใส ก็พวกดื้อตาใส มันหลับตาแท้ๆก็บอกว่าใส ก็ไปสร้างอุปาทานว่า ใส โสดาบันก็ใสเท่านี้ สกิทาคามีก็ใสอย่างนี้ยิ่งกว่า อนาคามีใสยิ่งกว่า อรหันต์ก็ใสยิ่งกว่า เป็นการเนรมิตเอาเอง เป็นการสมมติเอาเอง เป็นการสร้างนิรมาณกาย หลงเองทั้งนั้นเลย 

เพราะฉะนั้นสายที่นั่งหลับตาก็ดี หลับตานี่แหละ สายดำ สายหลับมืด เรียกว่ากิณหะหรือกัณหะ ส่วนสายลืมตามาสร้างความใสเรียกว่าอาภัสรา 

มี 2 ชนิด เทวดาอาภัสรากับเทวดาสุภกิณหา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:43:48 )

เทวดาโลกีย์กับโลกุตระ

รายละเอียด

แต่แม้เป็นเทวดาแล้วยังแยกเป็นสองเทวะ ถ้าโลกีย์ก็ดีอยู่แค่ในสมมุติเท่านั้นเอง

ไม่ได้เป็นโลกุตระไม่ได้เป็นปรมัตถสัจจะ คุณก็ดีสะสมดี จนได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง แต่จะได้เป็นศาสดาสมัยที่สองนั้นยากมาก เพราะศาสดาของเทวนิยมนั้นแข่งกันไม่ห่างกัน ชิงตำแหน่งกันจะได้เป็นแชมป์ 2 สมัยนั้นยากมาก ส่วนมากก็ได้เป็นสมัยเดียวแล้วก็เสื่อมลงคนอื่นก็ขึ้นมาแทนหมุนเวียนกันอยู่อย่างนั้น เพราะเขาไม่รู้จักจิตไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่ได้เรียนรู้รายละเอียดอย่างละเอียดลออเหมือนของพุทธ ในจิตเจตสิกรูปนิพพานอย่างละเอียดลออ แยกอาการ ลิงค นิมิต โดยได้ฟังธรรมอย่างบริบูรณ์ แยกอาการกับนิมิตต่างๆของอาการจิตในจิตตั้งแต่ เวทนาในเวทนา จิตในจิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:31:34 )

เทวดาในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พลังงานอย่างหนึ่งคือเทวดา เทวดาเป็นสภาวะพลังงานจิตวิญญาณที่เป็นเทวดา หมายใจว่าเทวตาคือผู้อยู่ในกามภพกามเทพเป็นเทวที่มีความเสพ เช่นดาวดึงส์เป็นต้น คือเป็นสภาวะ แล้วแม้เรียนรู้สภาวะเหล่านั้น ว่า ศาสนาพุทธตรัสรู้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่ามันเป็นของเก๊ทั้งหมด ก่อนจะเป็นดาวดึงส์ได้ต้องเป็นจตุมหาราช,

จตุมหาราชก็คือยอยักษ์เขี้ยวใหญ่ มารที่ต้องไปต้นที่ขูดรีดมาจากคนอื่นหมด แย่งได้แล้วก็หลงว่าเป็นความสุขคือดาวดึงส์ แล้วก็อยากให้มันอยู่ยาวนาน ยามา ได้มีความสุขเพราะว่าเป็นเจ้าแห่งลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ได้มาแล้วก็มีความสุขเป็นดาวดึงส์ ตาวติงสา แล้วจะให้อยู่ยาวนานเรียกว่ายามา เสร็จแล้วด้วยสัจธรรมธรรมชาตินั้นความสุขความทุกข์มันก็จะมีการพักยกเป็น อทุกขมสุขบ้าง ก็ไม่ยอมดุสิตา แม้เมื่อยก็ให้คนอื่นช่วย ทีนี้ เนรมิต หรือมันทำด้วยหยาบไม่ได้ก็ทำละเอียด เรียกว่า นิมมานรดี เนรมิตเองสร้างเอง หนักกว่านั้นตัวเองเนรมิตไม่พอก็ให้คนอื่นมาเนรมิตช่วยด้วย เลยกลายเป็นโลกที่บ้าเองสร้างเองเป็นอุปาทานเรียกโดยศัพท์ว่า นิรมาณกาย แล้วคนก็ไปรู้สัมโภคการบริโภคร่วมกัน บริโภคสวรรค์แบบนี้ร่วมกันหมดเลยอยู่ในโลก ในโลกที่เป็นเทวะหลงสุขทั้งนั้นแต่ทิ้งทุกข์ไม่ออก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม  2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:31:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:41:27 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:53:37 )

เทวตาพลี

รายละเอียด

การเสียสละให้แก่จิตที่เจริญ เทวตา เพราะฉะนั้นจิตของผู้ใดที่เจริญเราก็ไปรับใช้เขา เสียสละให้แก่เขา ก็รับใช้จิตที่เจริญให้แก่คนนั้นคนนี้ หรือแม้แต่จิตของเราที่ดี เราก็ต้องขยันหมั่นเพียร เสียสละอดทนทำเพื่อการเจริญของจิตเรา จิตเทวดา เป็นอุบัติเทพ ให้เป็นวิสุทธิเทพ ให้เป็นเทวดาที่สะอาดบริสุทธิ์ ให้ได้ก็รับใช้จิตที่ดี นี่พูดเป็นปรมัตถ์ ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขานะ เราทำอาการจิตเราอย่างนี้ หรือแม้แต่จิตเทวดาของคนอื่นที่เราจะช่วยเหลือ เป็นสิ่งที่ดีแก่ผู้อื่นอย่างนี้เรียกว่าเทวตาพลี ยอมเสียสละแค่จิตวิญญาณที่ดีแก่สัตว์โลกที่ดีนี่คือพลี 5 อย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:39:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:44:29 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:50:18 )

เทวตาพลีคืออะไร

รายละเอียด

เทวตาพลี มีคำพยัญชนะสองคำ คือคำว่าเทวดา กับคำว่าพลี

คำว่า พลี ก็ลึกซึ้ง พลี ก็คือ สละ เทวดา หมายความว่าผู้เจริญ ผู้มีจิตอันสูง แต่คุณไปหลงติดเทวดา หลงติดจิตสูง แต่เทวดาเก๊คือมาร เรียกเต็มๆว่าเทวปุตมาร บุตรจริงๆ เป็นเทพบุตร แต่ทำไมไม่เรียกเทพมารเลย เอาตรงๆ คือเทพหลอกคน เทวะ คือ มายา ไม่ใช่ความจริง ท่านจึงไม่เรียกว่าเทวะ ขออภัยต้องพูดตรงนี้ เหมือนพระเจ้าไม่เปิดตัวแต่ให้เทวบุตร  เรียกเต็มๆ ว่าเทวปุตมาร ลูกของพระเจ้าคือมาร ขออภัย พูดสัจธรรมอย่าไปโกรธกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

กามโทษ กามาทีนวะไม่ใช่ให้เสพกามคุณ


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 20:27:52 )

เทวทัตยุคดิจิตอลมีตัวอย่างจริงในสังคมไทย

รายละเอียด

พวกคุณนี่ไม่ด่าอาตมาเพราะ พวกคุณมีดวงตารู้ว่าด่าได้ไง เป็นพ่อครูด่าได้อย่างไร ด่าท่านไม่ได้หรอก แต่คนที่เขาไม่รู้ พวกตาบอดไม่กลัวเสือ เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นเสือ ตาบอดไม่กลัวเสือ ก็เข้าไปให้เสือกิน แล้วก็ตาย แล้วก็เกิด แล้วก็มาให้เสือกินไป แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเขาถูกเสือกัดกิน คือเขาถูกความโง่กัดกิน ขออภัย เช่น ทักษิณนี้ ไม่รู้ว่าความโง่คืออะไร ทุกวันนี้ก็ยังทำความโง่กันอยู่อีกตลอดไม่รู้ตัว ไม่ลดละเลย หลงตน แล้วก็ยังพยายามเบ่ง อภิสิทธิ์ เอาอำนาจเบ่งใหญ่ ฉันจะต้องให้ได้ดั่งใจ ได้ดั่งใจอยู่ตลอดกาลนาน โอ้โห.. เป็นตัวอย่างที่อาตมาเห็นแล้ว น้อ คนที่มันสุดดันทุรัง ยึดอัตตา ยึดตัวกูของกู กูจะต้องได้ต้องมีต้องเป็น ทำทีเป็นว่ายอมมาให้จับ ความผิด แล้วก็จะกลับมาเบ่งอยู่นั้นแหละ  เบ่งจนไม่มีขี้จะแตกแล้ว เบ่งจนไม่มีขี้จะแตก 

ซึ่งมันแสดงถึง จะบอกว่าเมืองไทยหรือคนไทยนี้ฉลาด มันฉลาดหรือมันโง่กันแน่วะ ไปเคารพทักษิณอยู่ได้นี่ อาตมาขออภัยทักษิณว่าอาตมาไม่ได้ลบหลู่หรอก แต่คุณเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาก็จำเป็นต้องพูดความจริง ชี้ความจริงให้ทุกคนรู้ตัวว่า ไม่ควรไปเอาอย่างคุณเลย เกิดมาอีกกี่ชาติ อย่าไปเอาอย่าง อย่าทำอย่างทักษิณ อย่าไปหลงเงินทอง หลงในลาภยศ จมอยู่กับอำนาจบาตรใหญ่ เจ้าประคุณ มันตัวอย่างเกินกว่าที่เทวทัตทำนะนี่ นี้แหละเทวทัตสมัยใหม่ ใช่ เป็นเทวทัตยุคดิจิตอล สุดยอดจริงๆ เลย 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2566 ( 15:42:22 )

เทวทูต 4

รายละเอียด

ไปเห็นเทวทูต 4 ไปเห็นความแก่ความเจ็บความตายแล้วไปเห็นสมณะ ทางออกคือทางเป็นสมณะ เราต้องหนีไปเป็นสมณะจึงออกจากความแก่เจ็บตายก็ถูกเขาหลอกอีกว่า สมณะต้องออกป่า บำเพ็ญทุกรกิริยาที่มันไม่ได้เรื่อง ทุกรกิริยา เป็นกิริยาที่ไม่เข้ามรรคมีองค์ 8 ท่านก็ทำได้อุกฤษฏ์ยิ่งกว่าเขาหมดก็ไม่ได้พาบรรลุไม่ได้เรื่องได้ราว จนกระทั่งนั่งทบทวน วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 วิสาขบูชา แล้วก็มาเทศน์กับพราหมณ์ 5 รูป พอเทศน์แล้วโกณฑัญญะก็เกิดอัญญธาตุ เป็นธาตุรู้ใหม่โลกุตระในจิต พระพุทธเจ้าก็อุทานว่า “ อัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ” มีอัญญธาตุเกิดในจิตอัญญาโกณฑัญญะ เกิดได้เป็นคนแรก ญาณหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้าก็รู้ว่ามีตัวนี้ปรากฏ เป็นอัญญธาตุ ที่ไม่เคยมีปรากฏในมนุษย์โลก อัญญาโกณฑัญญะซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกในยุค 2500 กว่าปีนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:50:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:30 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:49:19 )

เทวทูต 4 / นิมิต 4

รายละเอียด

คือตัวเหตุหรือตัวแทนสื่อสาระให้เกิดความสังเวช

1. ชิณณะ (คนแก่)

2. อาพาธิกะ (คนเจ็บ)

3. กาลกตะ (คนตาย)

4. ปัพพชิตะ (นักบวช)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 10 "มหาปทานสูตร" ข้อ 32-38

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:28:58 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:19:28 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:48:26 )

เทวทูต 4 / นิมิต 4

รายละเอียด

คือตัวเหตุหรือตัวแทนสื่อสาระให้เกิดความสังเวช

1. ชิณณะ (คนแก่)

2. อาพาธิกะ (คนเจ็บ)

3. กาลกตะ (คนตาย)

4. ปัพพชิตะ (นักบวช)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 10 “มหาปทานสูตร” ข้อ 32-38


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 20:54:25 )

เทวทูตทั้ง 4

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสมณโคดมหรือองค์อื่นก็ตามท่านไปเห็นเทวทูตหมายความว่าเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อมาให้เกิดความรู้ในเทวะ รู้เห็นอาการคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฏสงสารของชีวิตทั้งหลายของสัตว์โลก สัตว์โลกมีเกิดมีแก่ ห้ามความแก่ไม่ได้ห้ามความเจ็บปวดความป่วยไข้ไม่ได้ จะเป็นใครก็แล้วแต่ ต้องมีเจ็บมีปวด ถ้ายิ่งมีโรคก็ยิ่งจะเจ็บมากขึ้นเพราะมีเชื้อมีเหตุ เกิดแก่เจ็บ ท่านถึงไม่ใช้คำว่าปวด มันเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้เกิดแก่เจ็บแล้วก็ตาย ตายก็ต้องอธิบายกันอีกเยอะแยะ ตายยังเกิดอีก หรือตายแล้ววัตถุแยกกันหายไปเลยไม่รวมกันอีก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:21:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:00 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:47:18 )

เทวธรรม

รายละเอียด

คือ  จิตเจริญ เป็นสมบัติของผู้เจริญ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 15:33:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:54:58 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:46:14 )

เทวธรรม หิริ โอตตัปปะ

รายละเอียด

สัทธรรม 7 ตัวสำคัญก็ “หิริ-โอตตัปปะ” ละอายต่อบาป ไม่ใช่หยิ่งผยองหรือโง่ต่อ แต่เป็นฉลาดที่จะละอาย คนที่เกิดสำนึก เกิดละอายต่อสิ่งนี้ที่เราไม่น่าประพฤติอย่างนี้-เราไม่น่าปฏิบัติอย่างนี้ มันผิด คนที่ละอายต่อสิ่งผิด  ละอายต่อบาปหรือละอายว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แล้วเราได้ทำไปแล้ว แล้วก็มาสำนึกทีหลังมารู้ว่า “โอ้โห! เราไม่น่าทำ เราละอาย” คนนี้แหละเจริญ 

เพราะฉะนั้น องค์ธรรมในสัทธรรม 7 ละอายนี้จึงเป็นตัวสำคัญท่านจึงเรียกว่าเป็น”เทวธรรม” ธรรมะแห่งความเจริญ ท่านจึงเรียก ”เทวธรรม หิริ โอตตัปปะ”  

“โอตัปปะ” นี้มันยิ่งละอายอย่างกลัวเลย ไม่ทำอีกแล้วอย่างนี้ สำนึกอย่างสูงเลย “เว้ย! เราโง่หนัก รู้ว่าโง่หนักเลย เราทำผิดพลาดมาก” 

เพราะฉะนั้นท่านถึงใช้คำอธิบายว่า ละอายอย่างแรงกล้า โอตตัปปะอย่างแรงกล้า เสร็จแล้วกลับตัว เคารพอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า ก็คือศรัทธาอย่างแรงกล้า คนก็เจริญด้วยลักษณะพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 03:33:04 )

เทวธัมมา

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเรียน เทวธัมมา แล้ว จุดสำคัญที่ท่านสอนก็คือที่เวทนา ให้เรียนรู้อันนี้แหละเป็นกรรมฐานเป็นเรื่องเดียวเลย ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 แยกให้ฟังง่ายๆ เวทนา 2 มีเวทนาแท้กับเวทนาเก๊ เวทนาแท้  คือความรู้สึกที่สัมผัส ถ้าไม่มีการสัมผัสไม่มีการศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า ไปนั่งหลับตาแล้วจะหลงไปว่าได้ปัญญาได้เป็นอาริยะได้เป็นอรหันต์ พวกหลับตาปฏิบัตินั้น โมฆะหมด ไม่มีทางเลย เพราะว่ามันไม่ใช่ทางที่จะรู้ ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจ ไม่ใช่มัชฌิมาปฏิปทา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2562 ( 10:06:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:13 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:45:50 )

เทวนิยม

รายละเอียด

1.เทวนิยม คือ  เขาไม่รู้จักตัวเองไม่รู้จักความเป็นเทวะ  เทวะจึงยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นธาตุ 2 รูป นาม หรือ กาย กับ จิต  เขาแยกไม่ได้แล้ว สามารถทำให้เป็น 1ได้ เป็น 0 ได้ โดยทรงไว้ที่ 1หรือ 0 ได้ เขาทำไม่ได้  ไม่สำเร็จ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:31:25 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:10 )

เทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยม คือ ยึดถือเทพเจ้า หรือพระเจ้าว่าเป็นอัตตาที่เที่ยงแท้  เป็นความยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลก  ยิ่งใหญ่อยู่ชั่วกาลนาน  ยุคกลียุคทุกคนเป็นเทวนิยมหมด

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 18


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:45:50 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:32 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:44:37 )

เทวนิยม

รายละเอียด

2.ไม่แยกแยะเลยเขาจำนนแล้วว่า เทวะมีหนึ่งเดียว ใครก็ห้ามแตะ อ่านว่า อย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น จึงไม่มีการเคลื่อนที่ออกมาทางโลกุตระเลย เป็นเรื่องยึดมั่นถือมั่นในโลกีย์ จมอยู่กับนรกสวรรค์ วนเวียน ดีชั่ว ตกต่ำ ขึ้นสูง ดี ชั่ว อย่างนั้น ทุกข์ๆสุขๆ ลงนรกขึ้นสวรรค์ ไม่มีวันจบ เป็นนิรันดร เพราะฉะนั้นพวกเทวนิยมนิรันดร จึงไม่ดับ ความสุข ความทุกข์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:38:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:12:22 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:44:16 )

เทวนิยม

รายละเอียด

3.ผู้ที่ตีแตกแยกเป็น 2 ไม่ได้ 2แรกคือ รูปกับนาม รูปกับนามแรกคือกาย กายคือภายนอกกับภายใน กายคือสิ่งหนึ่งที่ต่างจากจิต แต่ในความเป็นกาย ก็มีความเป็นจิต ซับซ้อนอยู่ เพราะฉะนั้นต้องเอาภายนอกกับภายในเป็นคู่แรกของรูปนาม ของคำว่ากาย กำหนดรู้รูปนอก กายนอกกาย ง่ายกว่ากำหนดรู้ กายในกาย เพราะ กายในกาย มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ เป็นเฉพาะตัว คนอื่นไม่รู้ได้ด้วย ก็เลยไม่พิสดารไม่หลากหลาย ละเอียดกว่ากัน คนที่ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจึงต้องมาเรียนรู้ กาย กายที่เป็น 2 ที่มีภายนอก ภายนอกมันมากกว่าภายใน ที่จะเรียน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:04:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:09:15 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:43:52 )

เทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยมนั้นไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะตัดสุขไหม ดับสุขไหม เขาปิดประตูที่จะเรียนรู้ มีชาวพุทธที่สัมมาทิฏฐิที่จะเรียนรู้ ชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิก็จะไม่ใส่ใจ ไม่เรียนรู้ ไปดับหลับตาไม่รู้เรื่อง น่าสงสาร อาตมาสงสารพูดทุกทีสงสาร มันอย่างงั้น มันจะไปรู้ได้อย่างไร มันเปิดตารู้สึกสุขทุกข์ที่เวทนา ไปดับไปกดข่มอยู่ในโน้น ไม่รู้จะพูดยังไงหนอ มันโง่ระดับโง่ทริปเปิ้ลโง่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:39:19 )

เทวนิยม น้อยมากที่จะมาลดละ

รายละเอียด

อย่างชาวเทวนิยม ชาวศาสนาที่มีความรู้ระดับพระเจ้าเป็นเทวนิยมเป็นโลกียะอยู่ เขาก็มีความคิดอยู่ในกรอบของเขานั่นแหละเขาไม่รู้สุขรู้ทุกข์ไม่รู้จักโลกธรรม เขาจะแย่งโลกธรรมกันเป็นเจ้าโลกให้ได้ เขายังไม่รู้หรอกอย่างที่เห็นๆ 

ทางเอเชียเราก็ดีตะวันออกมา จะไม่เหมือนเลยจะไม่เหมือนทางตะวันตกทางอเมริกา ทางยุโรป ที่เขามีแต่ศาสนาเทวนิยมศาสนาพระเจ้า เขายังกระเหี้ยนกระหือรืออยู่ในการจะแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข กันอย่างเต็มเหนี่ยว เขายังไม่รู้จักเลยว่าสุขนี้เป็นมายา เป็นสิ่งที่ต้องลดละ จะเห็นได้ว่าศาสนาเขาไม่มากระทำอย่างนี้ซึ่งมีน้อยมากที่จะมาลด ละ มักน้อย มีบ้างแต่น้อยมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2566 ( 20:26:49 )

เทวนิยมกับทิฏฐิ 62 เหมือนกัน

รายละเอียด

เขาไม่รู้กรรม ไม่รู้วิบากที่เป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง เขาไม่รู้การเวียนว่ายตายเกิด แม้รู้การเวียนว่ายตายเกิดก็ยังไม่ครบสมบูรณ์บริบูรณ์จริงๆ เหมือนอย่างศาสนาเทวนิยม เหมือนกันในทิฏฐิ 62 ที่รู้จักการเวียนตายเวียนเกิดแต่ไม่สมบูรณ์ ไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้โลก ไม่รู้ ก็ยังไม่จบ ก็ต้องมาพากเพียรศึกษาเรียนรู้ความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:22:37 )

เทวนิยมกับอเทวนิยม

รายละเอียด

ก็ขอขยายความอีกนิดหนึ่ง เทวนิยม กับ อเทวนิยม ก็เป็นคู่ของธรรมชาติเป็นเทวะหรือธรรมะ 2 เป็นคู่ที่ยิ่งใหญ่มาก เทวะ กับ อเทวะ 

อเทวะ เป็นอย่างเดียวเท่านั้นในทุกยุคทุกสมัย ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเป็น อเทวะ ก็มีอเทวะจริงอยู่อันเดียว นอกนั้นก็ไม่ได้เรื่องอะไรเป็นสะเปะสะปะ ในยุคนี้อาตมานำอเทวะมายืนยัน พุทธทั่วไปหลงในเทวนิยมเต็มไปหมด มีอเทวนิยมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสะเปะสะปะที่จะรู้ตั้งแต่ สังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายะ ก็แยกกายแยกจิตไม่เป็น แยกอุตุ พีชะ จิต ก็มีความรู้ว่า กายที่ไม่เหลือกายเป็นอย่างไร พีชหรืออุตุ ไม่มีกายแล้ว ความเป็นกายต้องมีความรู้สึกทางจิต เมื่อไม่มีจิตแล้วก็ไม่มีกาย เป็นหนึ่งไปเลย กายต้องมี 2 เสมอ กายเป็นหนึ่งไปแล้วกายก็ไม่มีตัวเอง

ถ้าเป็นจิตก็เหลือแต่จิตไม่มีกาย แล้วก็ไม่ศึกษากาย พวกเอาแต่จิตๆๆๆ  ไม่ศึกษากายเป็นเทวนิยม 100% กายก็นึกว่าเป็นของภายนอกเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งไม่ใช่ กายต้องมีคู่ภายนอกภายในเสมอ ทั้งรูปธรรมและนามธรรมคู่กัน เป็นวิญญาณมีรูปมีนาม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาหาร 4 ข้อที่ 4 รูปกับนาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:09:39 )

เทวนิยมกับอเทวนิยมต่างกันเรื่องใดเป็นสำคัญ

รายละเอียด

พูดมาถึงเทวะก็มาไกลมากแล้ว เพราะในโลกนี้มีสองศาสนาคือเทวนิยมและอเทวนิยม การรู้เทวะที่เป็นธรรมะสองแล้วแยกแยะได้ที่ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

ไม่ว่าศาสนาใดในโลกที่เป็นเทวนิยมก็ตีไม่แตกในเวทนา 2 นี้ เขาจะไม่รู้ความสุขความทุกข์เพราะเขาตีธรรมะสองนี้ไม่แตก ตกลงมีแต่ศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่รู้จักความสุขความทุกข์ และมีวิธีทำจิตใจให้ไม่ต้องมีความสุขความทุกข์ เป็นอุเบกขา จนสร้างอุเบกขาได้นั่นแหละคือฐานของนิพพาน เป็นฐานภูมิธรรมที่ไม่มีเทวไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เป็นอุเบกขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:55:49 )

เทวนิยมกับอเทวนิยมเป็นโลกียะกับโลกุตระ

รายละเอียด

เรื่องการศึกษาทางจิตวิญญาณที่รู้และเป็นได้นี้ รู้แล้วเป็นไม่ได้มีเยอะรู้แล้ว เป็นได้มีน้อย ไม่รู้แล้วก็เป็นไม่ได้ยิ่งมีมากมาย มากถึงขั้นเป็นเทวนิยม เทวนิยมกับอเทวนิยมเป็นโลกียะกับโลกุตระ พูดไปเหมือนไปข่มเขาทับถมเขา เหมือนดูถูกดูแคลนเขา อย่างนั้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:28:41 )

เทวนิยมขาเดียว เป็นความรู้ที่ไม่บริบูรณ์

รายละเอียด

ค่อยๆ ศึกษากันไปเป็นเรื่องลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องตื้น เรื่องต้องมีสภาพ 2 เทวฺ พอเป็นพิการขาเดียวหนึ่งเดียว เหมือนอย่างเทวนิยม พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวนี้ก็พิการแล้ว แล้วแถม เป็นหนึ่งเดียวที่ลึกลับด้วยพระเจ้าอยู่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าจริงพระเจ้าก็คือพระศาสดาเองนี่แหละที่มีภูมิธรรมทั้งหลายทั้งหมด ของศาสนาคริสต์หรือศาสนาอิสลามหรือศาสนาเทวนิยมใดๆ ก็แล้วแต่ ที่มาสอนเป็นคัมภีร์ที่บอกว่าเป็นของพระเจ้าแท้จริงเป็นของพระศาสดาเองที่ได้สั่งสมกรรมวิบากมา 

จนกระทั่งไม่รู้ว่าเป็นของตนเองที่ได้สะสมมาจนสูงส่ง ตนเองได้สะสมความรู้ความจริงของแต่ละศาสนา มีความรู้ของตนเองมาก็ไม่รู้ว่าเป็นของตนเองไม่มั่นใจ ไม่กล้ารับรองว่าเป็นของตนเอง ก็เลยบอกว่าเป็นของพระบิดา เป็นของพระเจ้าประทานมาให้ แล้วอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ สมมุติกันอยู่ในจินตนาการอยู่ในห้วงลึก จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า ไม่มีใครเคยสัมผัสพระเจ้าได้เลย ต่างๆนานาพวกนี้มันเป็นความไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีความชัดเจน 2 สภาพเลย เทวะ ซึ่งสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ ครบโลกครบอัตตา มันเป็นความรู้ที่ไม่บริบูรณ์ในเทวนิยมขาเดียว 

สรุปง่ายๆก็คือศาสนาพระเจ้าเป็นความรู้ที่ยังขาเดียวลึกลับอยู่ยังไม่เต็มเต็ง ยังไม่เป็น เทวฺ ที่เป็นสอง ยังไม่เป็นสองที่แท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆ ถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 11:29:17 )

เทวนิยมคนละขั้ว 

รายละเอียด

พราหมณ์คือ สายเทวนิยมของพุทธ แต่สายเทวนิยม100% อย่างสายทางยุโรป ทางตะวันออกกลาง มันไม่ใช่สายทางเอเชีย อินเดีย มันเป็นเทวนิยมคนละขั้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 14:18:45 )

เทวนิยมคือโง่งมงาย

รายละเอียด

สังขาร นั่นแหละคือวิญญาณเป็นปัจจัย คุณก็ไม่สามารถที่จะเรียนรู้สังขารได้เพราะคุณไม่มีวิญญาณมาเรียน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องมีวิญญาณมาเรียน 

วิญญาณ จะเกิดได้อย่างไร?.. วิญญาณจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อวิญญาณนี้รู้ว่าวิญญาณคือเทวะ พระเจ้าคือเทวะ เป็นวิญญาณ เทวะแปลว่า 2 เทวนิยมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสภาพ 2 แต่หลงว่ากูนี่แหละเป็นหนึ่ง ใหญ่ ใครอย่ามาแตะใครอย่ามาแยก ห้ามด้วยนะ กูใหญ่ใครอย่ามาแยกกูเป็น 2 ไม่ได้นะ คนนี้ก็เลยเป็นหนึ่งนิรันดร ไม่สามารถแยกสภาพ 2 ได้เป็นเทวนิรันดร พระบุตรเอาคำสอนมา 1 อย่างไรก็อย่างนั้น โลกมันจะพลิกแพลงเปลี่ยนไปเป็นองค์ประกอบไม่เหมือนเดิมหรอก ก็เอาสูตรเก่านี่แหละทำ ตะบี้ตะบันอยู่อย่างนี้ เขามีเหตุปัจจัยไปไหนต่อไหนแล้ว พูดเหตุปัจจัยอยู่อย่างเก่ามันคร่ำครึอยู่อย่างเก่า มันเป็นเศษสวะหมดแล้วก็ยังงมงายอยู่อย่างนั้น เทวนิยมคือโง่งมงาย ขออภัยที่ต้องพูดสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:31:17 )

เทวนิยมจบที่ซอยตัน

รายละเอียด

และยิ่งไม่รู้ว่าคุณจะต้องไปอยู่กับพระเจ้า เงียบ ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า จบ อธิบายอะไรต่อจากนั้นไม่ได้ นั่นคือความรู้เทวนิยม ที่ อั้นตู้ เรียกว่า จะไปก็ไปๆ พักๆ พอถึงปลายซอย ตันแล้ว ไม่มีที่ไปแล้ว ก็เลยต้องจอดอยู่ตรงนั้นหมดเลย เต็มโลกอยู่ตรงนี้ คือเทวนิยมที่ไปถึงซอยตันด้วยกันหมด ก็เลยจบอยู่ตรงนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 09:23:43 )

เทวนิยมจะต้องศึกษาให้เกิดตาปัญญา

รายละเอียด

อาตมาก็แยกความรู้มาเป็นตาปัญญา ซึ่งตาปัญญาจะเข้าใจความเป็น ตาทั้ง 3  คือตาปัญญาเองจะรู้ทั้งตาเนื้อและตาทิพย์ ส่วนสายเทวนิยมหรือว่าสายที่ไม่มีปฏิภาณปัญญา ที่มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ไปโทษเขาไม่ใช่ไปว่าเขาหรอก มันเป็นสัจธรรมธรรมชาติของมนุษย์มหาเอกภพ ชีวะมันจะต้องเป็นอย่างนั้นมีผู้รู้กับผู้ไม่รู้ เป็นธรรมดา ผู้ที่เป็นเทวนิยมจะต้องศึกษา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:08:07 )

เทวนิยมจะไม่รู้จักความสูญ

รายละเอียด

คนหลงยึด จึงเป็นคนที่ยังมีอวิชชา โง่อยู่ คนที่รู้แล้ว ยึดไว้เพียงอาศัยให้พอเหมาะพอดีน้อยลงน้อยลง แล้วเราก็สามารถรู้ว่าคนอื่นเขาต้องอาศัยเยอะอาศัยมากเป็นภาระมาก เขาก็ต้องใช้ทั้งแรงทั้งเวลา ทั้งทรัพย์  ทุนรอน อาตมาสรุปไว้ เวลา ทุนรอน แรงงาน คุณก็ต้องใช้ 3 อย่างนี้มากขึ้นมากขึ้น คุณก็ติดอยู่ในโลกีย์ในสังสารวัฏนี้ ไปอีกนานนนนนนนนน... คุณจะไม่ยอมให้มันหยุดหรอก 

เพราะเทวนิยมจะไม่รู้จักความสูญ เทวนิยมจะรู้แต่ว่าต้องมีต้องมากต้องเยอะต้องมากต้องมีตลอดกาล แล้วจะยึดให้เป็นเราเป็นของเรา อยู่ให้เที่ยงไม่เปลี่ยนแปลง ได้ไหม? ไม่ได้ ไม่มีวันที่ฉันจะคุกเข่าให้ นี่เพลง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 13:45:31 )

เทวนิยมจ๋า คือ เทวนิยมลึก

รายละเอียด

เทวนิยมจ๋า คือ เทวนิยมลึกไม่รู้จักอเทวนิยมได้ง่ายๆ คนที่มีวิบากบาปมากๆก็จะถูกซัดไปไกล จากมนุษย์ที่มีโลกุตระหรืออเทวนิยม มันเป็นสัจจะเลยทั้งสถานที่บุคคลพฤติกรรม แม้แต่ที่สุดจิตวิญญาณหรืออารมณ์นี่แหละเป็นตัวพาเราไป แบบนี้ไม่ต้องพูดกันเลยหรอกอีกหลายชาติอีกเป็นร้อยชาติพันชาติ เป็นหมื่นชาติมานิดเดียว ในกาละของมหาจักรวาลคือเวลาที่เดินทางไป ชีวะของมนุษย์ หรือชีวจิตวิญญาณอัตภาพของมนุษย์มันเกิดวนเวียนในมหาจักรวาล มันไม่ได้ดับได้ง่ายๆเลย มันจะต้องตายเกิดเกิดตาย ถ้าจำได้นี่คุณตายแน่ ถ้าคุณจำระลึกชีวิตคุณได้ โดยที่ไม่มีภูมิธรรม แต่ถ้ามีภูมิธรรมก็ไม่กลัว แต่ไม่มีภูมิธรรมนี้กลัว จะสับสนเลยจะยุ่งมาก เพราะฉะนั้นธรรมชาติที่ทำให้คนอยู่ได้ หรือสัตว์มันจำชาติก่อนไม่ได้ ถ้าจำได้ ตาย สัตว์มันก็ตาย ถ้ามันจำชาติก่อนๆได้ แต่มันจำไม่ได้ จนกว่าจะมีภูมิปัญญาพอที่จะรู้ว่า ชาติเกิด ชาตินี้ชาตินั้นเป็นอันนี้วนเวียนอย่างไร จึงจะพอควบคุมการไม่ยึดติด ถ้าจำได้นี่ลูกของเราพ่อของเรา แม่ของเรา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่เคยมีใครไม่เคยเกิดเป็นพ่อเป็นลูกเป็นแม่กันที่เกิดมาแล้วมาเกี่ยวข้องกัน ไม่มีใครไม่เคยเกิดมาเป็นลูกเป็นพ่อเป็นแม่กันไม่มี เกิดวนเวียนกันซับซ้อน นับไม่ถ้วนหรอก เราก็ไม่ต้องไปติดใจเรื่องเหล่านั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:40:40 )

เทวนิยมตายตัวแยกไม่ได้ ผิดความเป็นจริง

รายละเอียด

แต่เทวนิยม ไม่แยก ก็เลยมีแต่สะสมรวม แม้มีอยู่แล้วก็แยกไม่เป็นแยกไม่ได้ ตายตัว ถ้ามีความรู้ก็ตายตัวอยู่เท่าเดิม โลกจะเปลี่ยนแปลงจะเคลื่อนไปอย่างไร ก็ตัวเก่าเดิม กี่ปี กี่สิบปี กี่ร้อยปี กี่พันปี กี่หมื่นปี กี่แสนกี่ล้านปี ก็อยู่อย่างนั้นมันก็ผิดธรรมชาติ ผิดสิ่งที่ทุกอย่างเคลื่อนไป ไม่มีอะไรคงที่ ไม่มีอะไรไม่เคลื่อน ผิดความเป็นจริง ความเป็นจริงทุกอย่างเคลื่อนไป ไม่มีอะไรที่จะไม่เคลื่อนเลย เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งซับซ้อนละเอียดลออมากของพระพุทธเจ้า แต่ทางเทวนิยมคิดไม่ออก มันไม่เคลื่อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 15:35:04 )

เทวนิยมตีกรอบไว้ ส่วนของพุทธรู้ต้น รู้จบ

รายละเอียด

ไม่ใช่ว่าจะต้องได้ตามที่พระเจ้าตรัส เอาไปเปิดเผยได้ตามนี้เท่านั้นนะ ออกนอกจากนี้ไม่ได้นะ ศาสนาใดก็ตีกรอบไว้ ตามศาสนาเทวนิยม ของตนของตนตามแต่ละศาสนา ก็เต็มที่ของแต่ละองค์ของศาสดาแต่ละองค์ มีสิ่งที่คล้ายกันบ้างมีสิ่งที่แปลกแตกต่างกันบ้างมากหรือน้อย ก็อย่างนั้นเท่านั้น 

ส่วนของพุทธนั้นรู้จบ รู้ต้นรู้จบแล้วก็ไม่ต้องไปแย่ง ซึ่งเขาก็แยกการรู้ไปของแต่ละศาสนาเราก็ตามรู้ของศาสดาแต่ละองค์ให้หมดเลยไม่หวาดไม่ไหว ก็เป็นโลกจินตา เป็นความคิดแบบโลกๆ ที่จะสร้างอะไรไปออกไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักบทสรุป บทเข้ามาหาตัวจบสุดท้าย แล้วหมดสงสัยเลยว่า เกิดมาแล้วหลงสังขาร แล้วก็ดับ ดับโดยไม่รู้แล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ จนสามารถทำปุญญาภิสังขาร รู้สังขารแล้วเลิกสังขารได้ มีอภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร

ปุญญาภิสังขารคือ ผู้ชัดเจน กำจัดกิเลส กำจัดกิเลสได้หมดก็ไป อปุญญาภิสังขาร หมดกิเลส ก็เป็นพระโพธิสัตว์สั่งสอน อเนญชาภิสังขาร สั่งสมไป ในโลกจินตาต่างๆนานา เข้าใจไปได้เรื่อยๆ ได้มากเท่าไหร่ เป็นพระพุทธเจ้าก็รู้หมดมากที่สุด อาตมาก็รู้ได้ตามภูมิของตนเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:26:22 )

เทวนิยมต่างกับโลกุตระอย่างไร

รายละเอียด

ศาสดาเทวนิยมทั้งหลายแหล่ทั้งนั้นเลย นอกจากพุทธ ที่เป็นโลกุตระ แม้แต่ชาวพุทธที่ไม่เป็นโลกุตระก็ยังเป็นเทวนิยมอยู่นั่นเอง เทวนิยม ต่างกับโลกุตระอย่างไร โลกุตระนั้น คือ มีอัญญธาตุ มีธาตุรู้ที่รู้ทางออกจากความเป็นจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้จักจิตเจตสิก รู้และมีทางออกของจิตให้รูปนาม พ้น เป็นนิพพาน 

นิพพานคืออะไร นิพพานคือรู้จักต้นเหตุที่มันถ้าเกิด ถ้าเป็น มีภพ มีชาติๆๆ แล้วมันเดือดร้อนวุ่นวายอยู่กับอวิชชาจนกระทั่งถึงอุปาทาน อวิชชา ไม่รู้สังขาร ไม่รู้นามรูป ไม่รู้อายตนะ ไม่รู้ผัสสะ ไม่รู้เวทนา ไม่รู้ตัณหา ไม่รู้อุปาทาน ก็วนอยู่ตรงนี้ เสร็จแล้วก็ฝังรากเป็นภพเป็นชาติๆๆๆ วนเวียนเกิด เกิดแล้วตายไปตามวิบากสั่งสมวิบากไป รักกัน พยาบาทกันไปไม่รู้กี่นิยายต่อนิยาย แต่ละคนแต่ละคนมีนิยายแต่ละชาติ แต่ละชาติ นับไม่ถ้วน เมื่อยจริงๆ มารู้แล้วมันเมื่อย 

เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าเกิดขึ้นมา ก็มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ศาสนาเทวนิยมไม่รู้สุขรู้ทุกข์ แต่หลงสุขเป็นสุขนิยม ติดสุข แล้วไม่เรียนรู้ทุกข์ ไม่ฉุกคิดไม่ระแวงว่า สุขมันมีคู่หูคือทุกข์ แยกกันไม่ออกหรอก มันเป็นเทวะ เป็นคู่ คู่ที่แยกกันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 16:03:53 )

เทวนิยมถ้าชั่วก็ว่าเป็นผี ถ้าดีก็ว่าเป็นเทวดา

รายละเอียด

ถ้าเทวดายังติดสุข เทวดาจตุ เทวดาดาวดึงส์ เทวดายามา อะไรเหล่านี้น่ะ เทวดายังมีสวรรค์ ก็เป็นเทวดาสมมุติ ยังไม่รู้เรื่อง ถ้าจะเป็นเทวดาก็ขอเป็นเทวดาสวรรค์ เป็นสวรรค์อุปาทาน เป็นจตุมหาราชก็อุปทานแล้วเลวร้ายด้วยเพราะจะต้องสร้างอำนาจให้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าโลกทั้ง 4 ทิศ จตุคือสี่ มหาราชยิ่งใหญ่มาก 

ถ้าได้มาดังใจเป็นดาวดึงส์ เป็นเมืองสวรรค์ที่สมใจ เป็นอาการที่ 33 ตวติงสะ ซึ่งเป็นอาการเก๊ไม่มีจริง คนมีแค่อาการ 32  เพราะฉะนั้นอาการอีกหนึ่ง เก๊ สมมุติเอาแล้วก็นึกว่าเป็นจริงแล้วคนก็เป็นจริง นั่นแหละผีหลอก เป็นเทวดาหลอกคุณ ผีแท้ๆ หนักกว่าผีปอบ ผีกระสืออีก

ผีกระสือนี้เลือกกินลำไส้เลยนะ ชอบกินเครื่องใน ผีเปรต เปตู ผู้ตกต่ำ เปตะ ผู้โง่ ผู้ตกต่ำ เดรัจฉาน พวกขวางทางนิพพาน ยังไม่เจริญ อวินิปาตะ พวกขี้กลัวจะทำดี พวกขี้กลัวที่จะเป็นโลกุตระ พวกขี้กลัวจะมาเป็นชาวอโศก เป็นพวกอสูรทั้งนั้น  อสุรกาย นอกจากอสูรกายขี้กลัวแล้วยังขี้โง่ด้วย โง่น่ะ ไม่รู้จักสิ่งที่ควรใกล้แล้วก็ไม่มาใกล้ แย่เลย เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่รู้จักความเป็นมนุสโส ยังหลงเทวดาหลงผีอยู่ ถ้าชั่วก็ว่าเป็นผี  ถ้าดีก็ว่าเทวดาแค่นั้นเอง เข้าใจง่ายๆ ตื้นๆ แต่เป็นโลกียะ ก็ดีไปขั้นหนึ่ง ไม่ทำชั่ว ไม่เป็นสัตว์นรก ไม่เป็นผี แต่ก็เป็นผีฆ่าแกงคนอยู่ทุกวันนี้ เทวนิยมเขาไม่รู้เรื่อง

แต่พุทธรู้เรื่องแล้ววางศาสตรา วางอาวุธแล้วมีแต่เอ็นดูกรุณา หวังดีเอ็นดูสัตว์ หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ นี่คือสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ เมืองไทยจะเป็นตัวอย่างที่มีคุณธรรมอันคลาสสิคอันนี้ เป็นโลกุตระธรรม ศีลข้อ 1 นี่แหละ แต่ทุกวันนี้เขาไม่เข้าใจแล้ว ปฏิบัติศีลอะไร ไปเรียนไปบวชให้ได้เปรียญแล้วมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในวงการศาสนา เป็นเจ้าคุณ  เป็นอนุศาสนาจารย์เลี้ยงชีวิตไปชาติหนึ่งๆ ก็เป็นโลกีย์อยู่อย่างนั้นไม่ได้โลกุตระ

ผู้ที่ออกมาบวชก็เพราะว่ารู้เวทนาในเวทนาที่เป็นมโนปวิจาร 18 เรียนรู้ทุกข์ ออกจากทุกข์ตั้งแต่กาม ปฏิฆะ แล้วรู้ว่าทำจางคลายได้ แต่เขาแค่กดข่ม ระงับง่ายๆ ตื้นๆ เผินๆ ไม่ได้รู้ถึงขั้นปัญญา ญาณ แล้วละเลิกจิตเจตสิก ถึงขั้นมีมโนปวิจาร เรียนรู้สุขทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:32:59 )

เทวนิยมทั้งหลายไม่มีศิลปะ

รายละเอียด

พูดไปแล้วจะไปทะเลาะกับศิลปินทั้งหลาย เทวนิยมทั้งหลายไม่มีศิลปะหรอก แต่เขาเรียกกันเองว่าเป็นศิลปะ คือมันไม่พาไม่นำไปสู่มงคลอันอุดม ไม่พาไปสู่โลกุตระ ของเทวนิยมของชาวโลก แม้จะมีราคาแพงยกย่องกันขนาดไหนก็ตาม 

อาตมายังไม่อยากจะหาศัตรูเท่าไหร่เพราะว่าศิลปินมีอัตตาสูง ไปแตะเข้าก็จะสร้างศัตรู เราก็ไม่อยากไปมีศัตรู เพราะว่าศัตรูมีคนเดียวก็มากแล้ว แต่อยากได้มิตรล้านคน หลายสิบล้านคนหลายร้อยล้านคนก็ยังไม่พอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 4 วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:16:25 )

เทวนิยมนับถือพระเจ้าไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก

รายละเอียด

เทวนิยมนับถือพระเจ้า เขาไม่ได้เรียน ไม่ได้รู้เลย ไม่ประสีประสาน่าสงสาร Innocent ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เดียงสา ไม่เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องวิบาก ก็ไม่ซาบซึ้งเรื่องความหมุนเวียนของจิตนิยาม ที่จะต้องเป็นอัตภาพเกิดแล้วเกิดอีก แล้วก็มีลีลา มีสิ่งต้องพบประสบอยู่ในแต่ละชาติแต่ละชาติ ยิ่งกว่านิยาย นิยายล้านๆๆๆ เรื่อง ก็คือคนทุกคน แต่ละคนมีนิยายแต่ละชาติแต่ละชาติ คนเดียวก็นิยายมากมายแล้ว แต่ละคน หลายขั้นหลายตอนหลายประสบการณ์ แล้วก็หลงในสุขบ้างทุกข์บ้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:15:21 )

เทวนิยมน่าสงสาร แต่ก็ยังน่าสงสารน้อยกว่าชาวพุทธอย่างมหาบัว

รายละเอียด

แต่เรื่องหลวงตาบัวน่าสงสาร อาตมาว่า จริงๆ นะ คือตายฟรีไปชาตินี้เลย แล้วตั้งจิตไม่เกิดอีกแล้ว ตั้งได้ แต่สัจจะความจริงของคุณธรรม ของเราจะถึงขั้นไม่เกิดอีกได้หรือเปล่า อันนี้ต่างหากที่มันเป็นเรื่องจริง เมื่อยังไม่ได้เป็นอรหันต์จริง ยังมิจฉาทิฏฐิเป็นอรหันต์เก๊ มันจะไม่เกิดได้อย่างไร

อันนี้เทวนิยมก็ยังน่าสงสาร แต่ก็ยังน่าสงสารน้อยกว่าชาวพุทธอย่างมหาบัว เพราะเรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าแต่กลับไม่ได้ เทวนิยมเขาไม่ได้เรียนก็น่าสงสาร แต่ก็น่าสงสารไม่มากไปกว่ามหาบัว เพราะว่าได้เรียนแท้ๆ แต่ยังผิดพลาดไป หลงว่าตนจะไม่เกิดอีกแล้วซะอีก ป่านนี้คงจะเกิดเป็นอะไรต่ออะไรไปแล้ว อาจจะไม่ได้เกิดเป็นคนก็ได้ ไปเกิดเป็นอะไรต่างๆ นานา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 08:30:18 )

เทวนิยมมีกิเลสเป็นพระเจ้า หรือพระเจ้าคือกิเลสนั่นเอง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนธรรมดาสามัญปุถุชนมีกิเลสเป็นนาย มีกิเลสเป็นเจ้า มีกิเลสเป็นพระเจ้าเลย เทวนิยมมีกิเลสเป็นพระเจ้า เพราะเขาไม่รู้จักเทวะ เขาไม่รู้จักพระเจ้า ไม่รู้จักอำนาจของพระเจ้า 

จริงๆพระเจ้าคือกิเลส เขาไม่รู้จักอำนาจของพระเจ้า ไม่รู้จักอำนาจของกิเลส เพราะเขาแยกไม่ออกว่าอำนาจของกิเลสกับอำนาจของอาริยะ ของคนที่ไม่มีกิเลสนี้ อำนาจของอรหันต์ อรหันต์กับปุถุชน อรหันต์เป็นอำนาจที่ไม่มีกิเลสไปเรื่อยๆเลย ตั้งแต่ระดับที่ 4 แต่ปุถุชนมันมีกิเลส จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ฐานะบุคคล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 05:21:12 )

เทวนิยมมีจิตวิญญาณนิรันดรด้วยเหตุใด

รายละเอียด

ทุกอย่างเมื่อเทียบกันแล้วมันมี 2 ทั้งนั้น เทวะ เป็นตัวตนเป็นตัวเองตีไม่แตก เทวนิยมจะตีเทวะไม่แตกตลอดเลย สายเทวนิยมมีจิตวิญญาณนิรันดรเขาตีไม่แตกเขาไม่มีความรู้เขาแยกไม่ได้ ไม่มีความกระจ่างในความจริงสองนี้ ส่วนพุทธนั้นแยกได้รู้อะไรดีกว่าไม่ดีกว่ารู้ละเอียดรู้หมดเลย และสุดท้ายแยกธาตุให้เป็น0ได้เลยจบ โลกนี้ก็มีเทวะกับอเทวะ ศาสนาพุทธเป็นอเทวะรู้จัก 2 แล้วจัดสรร 2 ให้เป็นหนึ่งให้เป็นศูนย์ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:47:17 )

เทวนิยมมีพระเจ้าเป็นเจ้าของความดีเที่ยงที่สุด

รายละเอียด

ตั้งแต่ดินน้ำไฟลม จนกระทั่งมาถึงพืชมาถึงสัตว์ ไม่มีอะไรเที่ยง ทุกอย่างเปลี่ยนสภาพหมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรคงทนไม่มีอะไรเที่ยง เปลี่ยนสภาพทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องแปรปรวนไป อารมณ์อาการจิตแปรปรวนไปกับความเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งมีคนพยายามจับ ศาสดาพยายามหาที่ที่ไม่แปรปรวนไม่เปลี่ยนแปลงมีความเที่ยงเกิดมาแล้วก็เป็นชีวะที่เที่ยง ทำให้ความสุขนี้เที่ยง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าสุขไม่เที่ยง เขาก็เอาว่าดีที่สุดนั่นแหละ จะเป็นพระเจ้าเที่ยง และผู้ที่เที่ยงที่สุดคือพระเจ้าเป็นเจ้าของความดี เที่ยง ก็ได้แค่นั้น ทางด้านเทวนิยม ศึกษาแล้วได้แค่นั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

นิพพานเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:31:17 )

เทวนิยมมีสุขมีทุกข์ตลอดนิรันดร

รายละเอียด

ทีนี้ ผู้ที่สามารถจบได้ ก็สามารถอยู่กับสิ่งนี้ได้ โดยไม่สุขไม่ทุกข์ ก็รู้ไม่สุขไม่ทุกข์ก็เพราะว่าเราโง่ก็ได้ เป็นแบบเทวนิยมก็มีการมนสิการแบบข่ม เป็นเคหสิตะ เฉย แต่เขาไม่ได้ล้างเหตุ อุเบกขาของชาเคหสิตะคือชาวโลกีย์ ไม่ได้ล้างเหตุมันก็เฉย ต้องใช้พลังงานกดข่ม แล้วก็ไม่มีวันจบมันก็วนเวียนมาหมดฤทธิ์ ของการกดข่ม หยุดพักตรงนั้น มันก็มาสุขมาทุกข์อีกนิรันดร เพราะฉะนั้นสายนี้มีสุขมีทุกข์ตลอดนิรันดร จนกระทั่งมาเรียนรู้คู่ของมันแล้วหาเหตุ ดับเหตุ แห่งทุกข์ดับหมดสูญ สุขก็หมดไปทุกข์ก็หมดไปด้วย ความรู้อย่างนี้เทวนิยมไม่มีทำไม่ได้ทำไม่เป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:43:10 )

เทวนิยมยังมีความ innosent อย่างไร

รายละเอียด

สภาวะเหล่านี้หรือผู้ที่มีสภาวะใกล้เคียงกันหรือเริ่มมีบ้างแล้วจะพูดกันค่อยๆเข้าใจ แต่ถ้าคนใดไม่มีสภาวะเลยนะ ไม่รู้เรื่องหรอกเวิ้งว้าง พูดไปแล้วอาตมาอธิบายแล้วไม่เดียงสา innosent ยังไม่เสร็จยังอินโนอยู่ที่จริงเขาไม่ได้สะกดเช่นนั้นแหละเขายังไม่มีสภาพที่จะดึงเส้นก็เวิ้งว้าง มันไม่ค่อยรู้เรื่อง มันไม่รู้อะไรเป็นอะไร ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของความจริง เมื่อคุณยังไม่รู้มันก็ไม่รู้ ต้องพยายามรู้ ผู้ที่รู้แล้วก็จะรู้ 

เพราะฉะนั้นเทวนิยมกับอเทวนิยม อเทวนิยมสามารถรู้ทั้ง 2 อย่าง แต่เทวนิยมนั้นไปบังคับไปปิดตัวเอง ก็เลยกลายเป็นรู้อันเดียว ไม่รู้ 2 อย่าง ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของผู้ที่ยังไม่สามารถที่จะเปิดจิตหรือว่าให้จิตยังรับไม่ได้ คือมันยังไม่เดียงสา ยังมีความ innocent เขายังไม่มีสภาพที่จะมีเซ้นส์ ที่จริง sense กับ innocent เขียนไม่เหมือนกัน คือ พยัญชนะ 2 อันแต่เอาคำพ้องเสียง sense ลงท้ายด้วย e หรือ t ก็สามารถแปลตามลักษณะของคำไวยากรณ์เขา 

สรุปแล้วภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไร ภาษาอังกฤษก็ตาม ภาษาบาลีก็ตาม ภาษาไทยก็ตาม ภาษาไทยจะไปผัน เหมือนกับบาลีแจกวิภัติ เหมือนกับอังกฤษเขา อังกฤษยังคล้ายกับบาลีมาก แต่ไทยเอามาใช้ดื้อๆ ดึงภาษาบาลีดิบๆ มาใช้ หนักเข้าก็เอาบาลีมาเป็นไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:48:43 )

เทวนิยมรู้แค่โลกียะไม่รู้โลกุตระ 

รายละเอียด

กำลังขยายความให้เห็นว่าเทวนิยมกับ อเทวนิยมของพระพุทธเจ้า เทวนิยมนั้นจะว่ารู้อะไรก็รู้ๆ อยู่แค่โลกียะ ที่ไม่รู้ก็คือไม่รู้โลกุตระ 

สิ่งที่พระเจ้ารู้ทั้งหมดแต่ไม่รู้อะไร ไม่รู้โลกุตระ แล้วพระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างหมด แต่ไม่สามารถสร้างโลกุตระ พระพุทธเจ้าสร้างโลกุตระได้ จึงสามารถรู้โลกียะทั้งหมด เพราะโลกุตระคือเหนือกว่าโลก โลกทั้งหมด นี่เหนือกว่าโลกทั้งหมด เพราะฉะนั้นโลกุตระจึงรู้โลกด้วย รู้โลกีย์ด้วย และมีสิ่งที่รู้เกินโลกีย์ คือ โลกุตรธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:40:22 )

เทวนิยมล้างอัตตาหรือทำลายวิญญาณไม่ได้

รายละเอียด

ซึ่งไม่มีใคร ไม่มีศาสดาองค์ใดตรัสรู้จุดนี้ได้เลย มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้อันเดียวกัน มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นในมหาจักรวาลนี้ ในประดาศาสดาทั้งหลาย ก็มีศาสนาพุทธมีพระพุทธเจ้า ที่จะสามารถทำให้จิตของตนเองทำให้อัตตาของตนเอง วิญญาณของตนเองนี้ เลิกเป็นจิต เลิกเป็นวิญญาณ เลิกเป็นอัตตา สลายกลายเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ จึงพิสูจน์ได้ว่า เทวนิยมล้างอัตตาไม่ได้ ทำลายวิญญาณไม่ได้ ผู้รู้สูงสุด ศาสดาทางเทวนิยมทุกองค์ยอมจำนน ว่าจิตวิญญาณเป็นอัตตานิรันดร เป็นอยู่ แล้วก็มีเจ้าแห่งวิญญาณใหญ่เรียกว่าพระเจ้า เรียกว่า พระเจ้าครอบครอง บงการสั่งการเป็นเจ้าของทุกจิตวิญญาณหมด จะเป็นอย่างไรต้องพระเจ้าเป็นผู้บัญชา เป็นผู้บงการ เป็นผู้ให้เป็น แล้วไม่มีสิ้นสุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:20:10 )

เทวนิยมสลายธาตุจิตวิญญาณตนเองไม่ได้จึงเป็นวิญญาณนิรันดร

รายละเอียด

เทวนิยม ส่วนใหญ่เขาทำความไม่มีให้แก่ธาตุวิญญาณของเขาไม่ได้ เขาทำไม่ได้ ส่วนใหญ่ในโลกทั้งโลกเลย เขาทำไม่ได้ เขาจะต้องมีจิตวิญญาณหมุนเวียนอยู่ในกรรมวิบาก อยู่ในวัฏสงสารอีกนานเท่านาน ฉะนั้นผู้ที่จะทำได้ ก็ต้องมาบรรลุธรรมศาสนาพุทธเท่านั้น เป็นอรหันต์เป็นต้นไป ถึงจะสลายธาตุจิตวิญญาณตนเองเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้ 

จบ เลิก หรือจะไม่จบก็ได้ จะต่อไปอีกก็ได้ เรื่องที่จะเป็นแค่ศาสดา ขออภัยนะ นี่พูดความจริง จะเป็นแค่ศาสดาของโลกียะนั้นเรื่องเล็ก ไม่ใช่ เป็นเรื่องดีเรื่องชั่วเท่านั้น เพราะฉะนั้นที่เป็นโลกุตระเหนือกว่าดีกว่าชั่ว เรื่องดีชั่วเราชัดเจนอยู่แล้ว เราทำดีที่สุดอยู่แล้ว เราไม่มีปัญหาในเรื่องดี แต่การเลิกจิตวิญญาณนี่ซิ เทวนิยมที่รู้จักดีจักชั่วแล้ววนเวียนในวัฏสงสารอย่างนี้ไม่มีทางรู้การเลิกจิตวิญญาณ วิญญาณของศาสนาเทวนิยมจึงเป็นวิญญาณนิรันดร แล้วก็ไปจบอยู่ที่ว่า ไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร  แล้วพระเจ้าอยู่ที่ไหน  ไม่มีใครรู้ ปิดประตูรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 04:44:09 )

เทวนิยมเขายังไม่เข้าใจอิทัปปัจจยตา

รายละเอียด

อาตมามองแบบความรู้ของพระพุทธเจ้า จึงไม่ได้มองแบบความรู้ตะวันตกแบบเทวนิยม ความรู้ของชาวศาสดาเทวนิยมที่เป็นความรู้ ที่มันไม่ครบสมบูรณ์ อาตมาขยายธรรมะนี้อยู่ว่า  มันยังไม่เป็น 2 แบบ ที่เป็นปฏิสัมพัทธ์กัน จนกระทั่งจากผู้เดียวกระจายออกไปจนถึงประมาณไม่ได้ เขายังไม่เข้าใจปฏิสัมพัทธ์ตรงนี้ หรือว่าเป็นอิทัปปัจจยตาหรือปัจจยาการของมัน เขายังเข้าใจไม่ได้

เพราะเหตุนี้จึงเป็นผลอันนี้ เพราะเหตุอันนี้จึงเกิดผลอันนี้เขายังไม่รู้ถึงวันนี้ เป็นการเชื่อมต่อกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ขาดจากกันหรอก มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ใครจะอยู่ในที่แคบ วนอยู่ในที่แคบ หรือ วนอยู่ในกรอบความรู้ที่กว้างขึ้น แล้วก็มีคนที่จะมีความรู้ทะลุออกมาจากกรอบเดิม กว้างขึ้นไปอีก ทะลุออกมาจากกรอบเดิมกว้างขึ้นไปอีก มันจะเป็นอย่างนั้น ความรู้ของคนมันจะขยายความรู้ที่เจริญขึ้นพัฒนาขึ้นวิวัฒนาการขึ้นไปอย่างนี้ 

สรุปอีก อาตมาว่าเมืองไทยเป็นรากเหง้าของจิตวิญญาณมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองรัฐศาสตร์ หรือว่าด้านเศรษฐศาสตร์ หรือไม่ว่าจะเป็นด้านสังคมศาสตร์ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 19:34:12 )

เทวนิยมเขาไม่เรียนรู้ความสุขความทุกข์

รายละเอียด

เทวนิยมเขาไม่เรียนรู้ความสุขความทุกข์ เขาไม่รู้และเขาก็ไม่รู้ความวนเวียน ความสุขความทุกข์นี่แหละมันพาวนเวียน เขาเป็นสุขนิยม เทวนิยมถือว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของสุข ซึ่งที่จริงไม่ใช่ ไม่มีใครเป็นเจ้าของสุขทุกข์ แต่ตัวเราเองนี่แหละกำหนดเองว่าสุขทุกข์ กำหนดเองว่าสุขกำหนดเองว่าทุกข์

สุขทุกข์มันเป็นการสมมุติตัวเอง บางคนได้ทำงานมีสุข บางคนได้อยู่เฉยๆ ขี้เกียจๆ ก็เป็นสุข ใช่ไหม มันเป็นอย่างนั้นมากน้อยก็แล้วแต่ขยันกับขี้เกียจนี่แหละมันมีระดับเป็นขนาดไหนก็แล้วแต่ มันมีหลายระดับ บางคนได้ขี้เกียจก็เป็นสุข บางคนได้ขยันก็เป็นสุข บางคนได้ขยันเป็นทุกข์ ได้ขี้เกียจเป็นสุข 

มันก็ยึดถือต่างกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจชีวิตแล้ว และพระพุทธเจ้าสอนให้จบจิตวิญญาณ จบจิตนิยาม เลิกจิตนิยามสลายไปเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นการล้มล้างเทวนิยมหมดขั้วเลย เพราะว่าเทวนิยมตายไปแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร พระพุทธเจ้าก็บอกว่านิรันดรอะไรไม่ใช่หรอกเพราะว่ามันสูญได้ ทำเองได้ด้วย ไม่ต้องให้พระเจ้าทำ ล้มล้างพระเจ้าอย่างหมดรูปเลย 

นี่สักวันเทวนิยมเขามีมากในตะวันตก ในศาสนาเทวนิยม ศาสนาอเทวนิยมหรือศาสนาพุทธมีอยู่ในย่านเอเชียนี้ จากอินเดียก็มานี่แล้ว แล้วเดี๋ยวนี้ก็เพี้ยนกันไปหมด ก็เหลือแต่อโศกนี่แหละที่จะรู้จักโลกุตรธรรมที่แท้จริง รู้จักสุขทุกข์ แล้วทำตนให้หมดสุขหมดทุกข์ ทำตัวเองให้จิตวิญญาณหมดภพชาติไม่เอาแล้ว ภพสุขภพทุกข์ก็ไม่เอา ภพทุกข์ก็ไม่เอา ก็เรียกว่า จิตวิญญาณที่มีปัญญา ญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:54:47 )

เทวนิยมเที่ยงอยู่กับความไม่รู้ว่า เทวะ คือ 2 

รายละเอียด

เหมือนอย่างเทวนิยม เทวนิยมนี่ เที่ยงอยู่กับ ความไม่รู้ ไม่รู้ว่า เทวะ คือ 2 ภาวะในโลกนี้มี 2 อย่าง ตั้งแต่ไอน์สไตน์มีเกิดปัญญาเกิดค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 2 สภาพ คือ space and time of continuum ค้นพบ ทุกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ ทั้งหมดนี่แหละ ทั้งหมดคืออวกาศ Space การเคลื่อนไปคือเวลา เขาก็ค้นพบอันนั้น ก็เป็นจริง เรื่องของอุตุ เรื่องของสสาร เรื่องของสภาพดิน น้ำ ไฟ ลม เทหวัตถุแท่งก้อนก็มีการเคลื่อน แล้วเขาก็เอาพลังงานมาใช้ได้ 

ทีนี้ของพระพุทธเจ้านั้นเป็น Kama  and time of continuum กรรมนี่จริงๆคือ ธาตุวิญญาณ คือก๊อต God คือธาตุจิต ธาตุวิญญาณ ซึ่งเป็นของใครของมัน ซึ่งผู้ไม่รู้อย่างสายเทวนิยมพระเจ้าแยกไม่ออก แยกเทวไม่ออกแล้วก็นึกว่าตัวเองไม่มี แยกไม่ออก นึกว่าตนเองเป็นหนึ่งแล้วก็จมอยู่ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสอง สุดท้ายตัวเองเป็นหนึ่ง สะสมความเป็นหนึ่งตามวิบากได้จริงเป็นผู้รู้มาก เป็นผู้ที่มีบริวาร เป็นผู้ที่มีอิทธิพล สามารถเป็นผู้ยิ่งใหญ่ พระบุตรเองนั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่ากรรมวิบากของตัวเองได้สั่งสมมาจนเป็นผู้รู้ใหญ่มีบริวารมีลูกศิษย์ลูกหา แล้วไม่รู้ว่าเป็นความรู้ของตนเอง นึกว่าของใครหนอของพระบิดาให้มา ไม่รู้จักตัวเอง 

พระศาสดาทางเทวนิยมไม่รู้ อัตตา อันนี้เป็นความลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าค้นพบ อัตตา จนกระทั่งเห็นว่า อัตตานี่คือสังขารปรุงแต่งกับสภาวะ 2 อย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:07:36 )

เทวนิยมเป็นความรู้ที่ไม่พ้นวิจิกิจฉา

รายละเอียด

ศาสนาพุทธหมดวิจิกิจฉากระจ่างหมด ศาสนาเทวนิยมแม้แต่พระเจ้าก็ยังมีวิจิกิจฉา คนก็สงสัยว่าพระเจ้าเป็นอย่างไร เป็นตัวตนอย่างไรไม่เคยเห็นเลย แม้แต่พระบุตรที่เอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาประกาศก็ยังสงสัยว่าเป็นอย่างไร คือตัววิจิกิจฉาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดละเอียดที่สุดด้วยสำหรับพระเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศษสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2563 ( 20:23:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:14:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:43:16 )

เทวนิยมเป็นทาสของพระเจ้า แต่โลกุตระไม่มีใครเป็นทาสใคร

รายละเอียด

เทวนิยมจึงเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไป คือยังเป็นทาสของพระเจ้า แต่ว่าโลกุตระหรือพระพุทธเจ้านั้นไม่มีใครเป็นทาสใคร เป็นทาสของพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่ คุณเป็นของคุณเอง แล้วสูตรนี้บอกว่า ไม่ต้องเชื่อใครเลย เชื่อด้วยตัวเอง เห็นด้วยตัวเองเลย เข้าใจด้วยตัวเองเลย นี่ ถ้าเข้าใจแล้วอธิบายไปอีกหลายปี สูตรเดียวนี้ เล่ม 16 ข้อ 43 อธิบายไปอีกกี่ปีก็ได้หมุนเวียนละเอียดลออ ซ้ำซาก วนเวียนไปมา 

_พระไตรปิฎกเล่ม 16 (43) พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัย

ส่วน 2 อย่าง คือ ความมี 1  ความไม่มี 2 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลกด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลกด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความมีในโลก ย่อมไม่มีโลกนี้โดยมากยังพัวพันด้วยอุบายอุปาทานและอภินิเวส แต่พระอริยสาวก ย่อมไม่เข้าถึง ไม่ถือมั่น ไม่ตั้งไว้ซึ่งอุบายและอุปาทานนั้น อันเป็นอภินิเวสและอนุสัยอันเป็นที่ตั้งมั่นแห่งจิตว่า อัตตาของเรา ดังนี้ ย่อมไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าทุกข์นั่นแหละ เมื่อบังเกิดขึ้น ย่อมบังเกิดขึ้น ทุกข์เมื่อดับ ย่อมดับ พระอริยสาวกนั้นมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย (อปรปฺปจฺจยา  ญาณเมวสฺสเอตฺถ โหติ ฯ) ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล กัจจานะจึงชื่อว่าสัมมาทิฐิ ฯ

[44] ดูกรกัจจานะ ส่วนสุดข้อที่ 1 นี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่ ส่วนสุดข้อที่ 2 นี้ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มี ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ... ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขาร ดับ วิญญาณจึงดับ ... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 21:02:54 )

เทวนิยมเป็นทาสพระเจ้าส่วนพุทธเป็นประชาธิปไตย

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมที่มีพระเจ้าครอบงำอยู่ เป็นศาสนาที่ไม่มีความรู้ในเรื่องความอิสรเสรีภาพสมบูรณ์​ Absolute ยังเป็นทาสพระเจ้า ส่วนศาสนาพุทธนี่แหละถึงจะเป็นประชาธิปไตย ที่ไม่มีความเป็นทาสเหลืออยู่อีกเลยสำเร็จได้จริง ถึงจะเป็นประชาธิปไตยจริง เพราะฉะนั้นเทวนิยมหรือพวกไม่นิยมศาสนาเลยอย่างคอมมิวนิสต์ ปิดประตูที่จะมีอิสรเสรีภาพอย่าง Absolute ปิดเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นคอมมิวนิสต์ต้องศึกษาหาความรู้ให้มีหัวเจาะ 7 หัวเจาะพุทธพจน์ 7 นี้ให้ได้

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 05:27:14 )

เทวนิยมเป็นพวกสุขนิยมอย่างไร

รายละเอียด

มีตัวตนก็ไปติดอยู่ที่สุขมันกลายเป็นเทวนิยม ได้เป็นพวกสุขนิยม จนกระทั่งลืมว่าวิธีมันแยกแยะอย่างไร จมติดอยู่กับสุข ไม่ต้องปรุงอะไรเป็นหนึ่ง อย่างเดียว หนึ่งไม่มี 0 มีแต่ 1 กับ 1 เป็นเทว เทวมันเป็น 2 แต่เขาก็ให้เป็น 1 อย่ามาแตะแยกแยะต้องเป็นหนึ่งเด็ดขาด อย่ามาใหญ่กว่าข้า ข้าใหญ่ที่สุด อย่ามาแตะต้องข้า นี่คือพระพรหมเป็นใหญ่ ห้ามใครแตะต้อง ห้ามใครวิตก วิจาร ตัวเองก็ไม่รู้จักวิตก วิจารตัวเอง ช่างไม่รู้ตัวเองๆๆๆๆ ยึดติดตัวเองเป็นของกูตัวกูนี่แหละ อยู่ที่สุข จมอยู่ที่สุข นิรันดร นี่คือพวกสุขนิยม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:39:39 )

เทวนิยมเป็นลักษณะควบคุมบังคับไม่มีการรู้แจ้งแทงทะลุ

รายละเอียด

เทวนิยมไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักจิตเจตสิก รูป นิพพาน ไม่เคยศึกษาไม่มีทฤษฎี เทวนิยมจึงจมอยู่กับทำอย่างไรที่จะสามารถบังคับ กายวาจาแต่จัดการจิตไม่ได้ บังคับกายวาจาให้ เป็นกายดี วาจาดี กายกรรมที่ดี วจีกรรมที่ดี มีการเคลื่อนไหวทางกายวาจาที่ดีเท่านั้น มันก็เลยไปมีส่วนบังคับจิตตัวเองไปโดยปริยาย ทางเทวนิยมไม่รู้จักจิต แต่ก็จิตนั่นแหละเป็นตัวสั่งการ จิตนั่นแหละเป็นตัวบังคับ จิตนั่นแหละเป็นตัวให้การศึกษา ศึกษาบังคับกายกรรมอย่าให้กายกรรมเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ไม่ควรไม่ดี อย่างนี้ควรก็ดี ก็ให้ทำสิ่งที่ควร สิ่งที่ไม่ควรก็ไม่ให้ทำ ไม่ว่ากายกับวาจา ก็เลยได้แต่การควบคุมได้แต่การบังคับ นี้เป็นลักษณะควบคุมบังคับ ไม่มีการรู้แจ้งแทงทะลุ ก็บังคับกันไป บังคับได้ก็ได้ บางทีที่มันสู้ไม่ได้ก็แพ้ บังคับได้เก่ง ก็อยู่รอดหน่อย จนกระทั่งเก่งด้วยการบังคับจึงเป็นยอดแห่งนักบังคับ ถือว่าเป็นยอดแห่งความรู้ ยอดแห่งความจริง เป็นคนที่ฝึกฝนจิตจนเป็นยอดแห่งความรู้แห่งความจริงได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 11:21:53 )

เทวนิยมเรียนรู้ดีและชั่วไม่รู้จักกรรมวิบาก

รายละเอียด

สายเทวนิยม เขาเรียนรู้ดีและชั่ว ดีคือสมมุติของเขา ชั่วก็คือสมมุติกัน ในกลุ่มไหนก็แล้วแต่สมมุติว่าอย่างนี้ดีสมมุติว่าอย่างนี้ชั่วก็สมมุติกันไป สมมุติว่าฉันนี้ฆ่าใครได้หมดใครสู้ฉันไม่ได้ดีที่สุด เขาก็เป็นจตุมหาราชิกา เป็นจอมจักรพรรดิ์ ใครอย่าแหยมฆ่าตายหมด ฉันใหญ่ที่สุด หยาบๆ อย่างนั้นก็ยังเหลืออยู่เลยในยุคนี้เป็นยักษ์ขมูขี ตัวจิตวิญญาณเลวร้าย จะทำร้ายทำลายแทนที่จะช่วยกันไป 

เสร็จแล้วแม้จะไม่ต้องไปฆ่าแกง ไม่ต้องไปตี ไม่ต้องไปเบียดเบียน ช่วยเหลือกันก็ยังต้องตายจากกันเลย ไม่เบียดเบียนกันเลยมีแต่ช่วยเหลือกัน ก็ยังตายจากกันเลย แต่ไม่รู้จักวิธีที่จะตายจากกันแล้วจะต้องมาเกิดกันอีกหรือไม่ ไม่รู้จักวิบาก ไม่รู้จักการเกี่ยวพันเป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติเป็นตระกูลต่อกัน เป็นย่าเป็นยายเป็นตระกูลต่อเนื่องกันไปอีกตั้งเท่าไหร่ ไม่มีความรู้ ความรู้พวกนี้ของพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสรู้ เทวนิยมไม่เข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:44:56 )

เทวนิยมเรียนรู้แค่ละชั่วประพฤติดี

รายละเอียด

อันใดยืนยันกันว่าดีก็สั่งสมลงไป อันใดยืนยันว่าไม่ดี ถ้าทำก็สั่งสมลงไปทั้งนั้นกรรมเป็นอันทำก็มีดีชั่ว ชั่วดี ผู้ที่รู้ด้านเทวนิยมก็มาเรียนรู้ละชั่วประพฤติดี อย่าไปทำชั่วทำแต่ดีทำแต่ดี โลกียะเทวนิยมก็จะรู้จักดีจักชั่ว กรรมดีและชั่ว ก็เรียนแค่นี้ปฏิบัติแค่นี้สั่งสมอยู่แค่นี้ทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 20:13:01 )

เทวนิยมเรียนรู้แต่ดี-ชั่ว ส่วนโลกุตระเรียนรู้สุข-ทุกข์

รายละเอียด

ธรรมะเทวนิยมเรียนรู้แต่ดีแต่ชั่ว ส่วนโลกุตระธรรมนั้นเรียนรู้สุขเรียนรู้ทุกข์ ศาสนาเทวนิยมทั้งหลายแหล่ไม่รู้จักสุขจักทุกข์ ติดสุข แล้วไม่เรียนรู้ทุกข์ ทุกข์ถึงตีท้ายครัว หรือว่า เป็นมีดเหน็บหลังอยู่ตลอดเวลาของเทวนิยม เพราะไม่รู้จักทุกข์ ไม่ได้เรียนรู้ทุกข์ ที่เป็นทุกข์อริยสัจ ทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกข์กับสุขเขาแยกกัน ไม่เรียนรู้ อันนี้แหละยิ่งใหญ่มาก ศาสนาพุทธเรียนรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ แล้วเลิกสุขเลิกทุกข์ รู้เหตุที่มันไปติดความสุขความทุกข์ คุณติดความสุขมันก็ติดความทุกข์ คุณติดทุกข์คุณก็ติดสุข แล้วเรียนรู้เหตุที่มันติดสุขติดทุกข์ จิตวิญญาณมีตัวเหตุตัวกลิ หรือ กิเลส ตัวสำคัญ อาการของกลิหรือกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ก็เรียนรู้ตั้งแต่ตัวใหญ่หยาบก่อน อย่าให้มันเกิดอาการนี้ในจิตของเรา ตามศีล เกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับของ 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 19:12:57 )

เทวนิยมเอาแต่สุข เจ้าของสุขคือพระเจ้า

รายละเอียด

ในเทวนิยมเอาแต่สุข คนที่ประสบผลสำเร็จที่สุดก็คือคนที่อยู่กับพระเจ้าหรือเป็นพระเจ้าหรือลูกพระเจ้าได้ความสุข เพราะฉะนั้นเจ้าของสุขคือพระเจ้า พระเจ้าไม่เกี่ยวกับทุกข์ ไร้ความทุกข์ ไม่รู้เรื่อง เขาเรียกว่าซาตานเหมือนกัน แต่ไม่เอาถ่านไม่รู้เรื่อง มันจะอยู่อย่างไรช่างหัวมัน แต่มันก็เล่นงานตนเองให้เมาหลงอยู่กับความสุข หน้ามืดตาบอดไม่รู้เรื่อง จนเราไม่รู้เลยว่าพระเจ้าอยู่ตรงไหน พระบุตรปรากฏตัวมาบอกว่านี่คือคำสอนพระเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:53:07 )

เทวนิยมแยกธาตุไม่ออก

รายละเอียด

ส่วนเทวนิยมนั้นแยกธาตุไม่ออก แล้วเขาก็สมมุติว่า องค์นี้เที่ยง องค์นี้อยู่เป็นเจ้าแห่งความสุขแห่งสรรพสิ่งทุกอย่าง แล้วเขาก็บอกว่าพระเจ้าสร้างทุกอย่าง สร้างจักรวาล สร้างเนบิวล่า สร้างอะไรที่มันเกิด พระเจ้าเป็นผู้สร้างหมด พระเจ้าเป็นเจ้าของหมดเลย เป็นต้นธาตุต้นธรรมต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพมหาจักรวาลนี้ เขาก็ว่าอย่างนั้น แล้วชีวะกับดิน น้ำ ไฟ ลม อะไรมันเกิดก่อนกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:38:38 )

เทวนิยมใหญ่เป็นจริตคนแก้ไม่ได้ง่ายๆ

รายละเอียด

ขอสรุปก่อนว่า เทวนิยมใหญ่ คุณหายโง่คงเข้าใจแล้วนะ เทวนิยมใหญ่เป็นจริตคนแก้ไม่ได้ง่ายๆ พุทธเจ้าต้องช้อนไว้อนุโลมไว้ ได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ทำลายมีปฏิภาณปัญญาพอ เทวนิยมมีปัญญาพอไม่มาทำลายของพระพุทธเจ้า เป็นแต่เพียงว่าเขาก็ยังจมอยู่ในฐานะของเขาส่วนหนึ่งก็คืออนุโลมเขา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีการเอื้ออนุโลมอะไรเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:10:49 )

เทวนิยมใหญ่ในสายพระมหากัสสปะ

รายละเอียด

เทวนิยมใหญ่ ก็คือ ติดยึดความเป็นเทวะ ถ้าใครศึกษาประวัติของพระมหากัสสปะ ศึกษาดีๆแล้วจะรู้ว่า พระมหากัสสปะเป็นสายพระป่าเป็นเทวนิยมตัวเบิ้ม จนในยุคพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นหนึ่งเดียว คนจะอยู่ป่าพระพุทธเจ้าก็ให้ทำได้ ก็มีลูกศิษย์ลูกหาที่มีทัศนคติความชอบแบบเดียวกันก็มีบริวาร ซึ่งมีส่วนน้อย ไม่เหมือนในยุคนี้บริวารพระป่ามีเยอะ 

เทวนิยมใหญ่จึงเป็นหัวหน้าเทวะที่มีบริวารที่เหลือ พระพุทธเจ้าก็อนุโลม ยอมรับว่าท่านต้องใช้ศัพท์ที่เรียกว่าอุ้มพระมหากัสสปะไว้ ถึงขั้นที่เรียกว่า สายนี้เจโต ไม่ค่อยมีปฏิภาณปัญญาเท่าไหร่ ลูกศิษย์ก็เหมือนกันท่านก็ต้องอุ้มไม่ให้ลูกศิษย์ลูกหาแหนงหน่ายพระมหากัสสปะ ก็เลยบอกว่าพระมหากัสสปะมีฐานะเสมอเรา ช่วยพระมหากัสสปะไว้ถึงขนาดนั้น บริวารถึงอยู่ได้ไม่อย่างนั้นพระมหากัสสปะจะว้าเหว่เลย มันก็ตายสิน้อยอยู่แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:23:25 )

เทวนิยมไม่มีนิพพาน เป็นนานาสังวาสกับอเทวนิยม

รายละเอียด

แม้แต่โลกียะ เขาก็ส่งเสริมให้เอาธรรมะ ต้องเอาธรรมะ แล้วธรรมะที่จะต้องเอา ต้องพยายามที่จะเข้าใจความเป็นโลกุตระให้ได้ แล้วต้องเอาโลกุตระนี่แหละ จึงจะมีนิพพาน โลกียะไม่มีนิพพาน เทวนิยมไม่มีนิพพาน แล้วขอยืนยันว่า จิตวิญญาณนิรันดรจะต้องอยู่กับเวลาอยู่กับมหาจักรวาลนี้ไปนิรันดรโดยมีพระเจ้าเป็นเจ้าของ มีพระเจ้าเป็นผู้บัญชาเป็นผู้บงการ เทวนิยมเขาก็จบอย่างนี้เราก็เข้าใจเขา มันไม่มีความสามารถที่จะไปเปลี่ยนได้ เพราะเขายึดถืออย่างจริงจังก็เป็นนานาสังวาส ใหญ่เลย แยกระหว่างเทวนิยมกับอเทวนิยมเป็นนานาสังวาสอยู่ร่วมเป็นมนุษย์โลกด้วยกัน เทวนิยมก็เป็นมนุษย์ร่วมโลกของเราก็เท่านั้นเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 21:21:29 )

เทวนิยมไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้โลกุตระได้ เว้นเสียอย่างไร

รายละเอียด

อันนี้เป็นเรื่องที่ผู้ที่แสวงหาแม้จะเป็นเทวนิยมก็ตามในศาสนาใด ถ้าไม่ยึดมั่นในเทวนิยมจัดเกินไปจะได้ แต่มันก็ยากเหมือนกัน เพราะว่าต้องมีบารมีต้องมี อัญญธาตุ หากไม่มีอัญญธาตุ เข้าใจไม่ได้หรอก เพราะว่าเป็นของพิเศษ 

อัญญธาตุ เป็นธาตุรู้ที่สามารถรู้ไปถึงโลกุตระ เป็นธาตุรู้โลกุตระได้ เทวนิยมไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้โลกุตระได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมี อัญญธาตุได้ อย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์ถ้าไม่ได้มาได้ยินได้ฟังด้วยความยินดี ต้องได้ยินได้ฟังด้วยความยินดี จึงจะสามารถรู้ได้ นี่คือศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:21:41 )

เทวนิยมไม่มีอนัตตา มีแต่เทวะนิรันดร

รายละเอียด

มโนปวิจาร แบบเคหสิตะ คือแบบโลกีย์ธรรมดา อยังโลโก ผู้อวิชชาหลงอย่างนี้ทั้งนั้น ทุกคนจะผ่านทุกคนจะมีจะเป็นแล้วหลงสุขนิยม แต่ของพระพุทธเจ้า ลดสุข ลดทุกข์ รู้ว่า สุข ทุกข์เป็นมายา เป็นภาวะคู่ เป็น เทวะ แปลว่าสอง แปลว่าคู่ อันนี้ยิ่งใหญ่มาก อันนี้เทวะตีภาวะคู่ไม่แตก หรืออย่าไปแยกนะนี่เป็น 1 บัญญัติกับสภาวะเป็นหนึ่งเลยเทวนิยมห้ามแบ่งแยก เลยกลายเป็นศักดินาเป็นภาวะ 1 ไม่เป็นสภาวะของธาตุรู้คือจิตที่จะต้องแยกแยะตั้งแต่หยาบถึงละเอียด จนสุดท้ายมันไม่ใช่พระเจ้ามันไม่ใช่เทวดาไม่ใช่อะไรเลย มันเป็นอนัตตา เทวนิยมไม่มีอนัตตา มีแต่เทวะนิรันดรเขาตีไม่แตกแยกไม่ได้ แล้วอย่าแยกอย่าแตกด้วย สูงที่สุดเป็นหนึ่งแล้วคำสอนที่เป็น 1 นี้ก็เป็นคำสอนที่ตายแล้วไม่ขึ้นอยู่กับเวลาองค์ประกอบอะไรอย่างอื่นหมดเลย เป็นคำสอนที่ตายเป็นคำสอนหนึ่งเดียว จะมีอะไรอย่างอื่นก็ช่างจะต้องมีอย่างนี้เป็นอย่างนี้เท่านั้น มันก็เลยเป็นความแคบเป็นความหลง 1 อย่างตื้นๆ เพราะหลงว่าตนเองถูก คำสอนของฉันเป็นประกาศิต คำสอนของฉันไม่ขึ้นกับกาละ ไม่ขึ้นกับองค์ประกอบใด ดินน้ำไฟลม ไม่ขึ้นอยู่กับสังขารปรุงแต่งของยุคสมัย ไม่เกี่ยว ต้องเป็นอย่างที่ฉันว่า แล้วใครจะเข้าใจอย่างไรมันก็จะง่ายก็เลยรู้กันได้ง่าย แล้วก็รู้ได้ตรงกันเป็นหนึ่งกำหนดลงไม่ต้องทำอย่างอื่นอีก 1 แล้วไม่มีอะไรต่อ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:55:20 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:07:24 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:42:44 )

เทวนิยมไม่รู้จักกรรมวิบาก

รายละเอียด

คนที่ได้เกิดมาแล้วมาเป็นชีวะตั้งแต่จิตนิยาม มันไม่รู้แล้วมันจะต้องมีอย่างนี้ไปนิรันดรอยู่กับทุกข์กับสุข 2 ลักษณะนี้โดยไม่รู้เป็นไปอย่างนั้นแหละนิรันดรชั่วนาตาปีหมุนเวียนแล้วก็มีกรรมมีวิบาก อันนี้ทางเทวนิยมเขาไม่รู้จักกรรมวิบาก วิบากเป็นเรื่องจริง กรรมเป็นอันทำ ตั้งแต่คิดก็เป็นแล้ว พูดออกมาทางกิริยากายทั้งหมดครบ สั่งสมลงไปในวิบาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 20:06:49 )

เทวนิยมไม่รู้จักการตายอย่างปรินิพพานจึงไม่เห็นทุกข์จากเทวทูตทั้ง 4

รายละเอียด

เทวนิยมไม่รู้จักการตายอย่างจบที่เป็นปรินิพพาน เทวนิยมไม่รู้จักจุดนี้ มีศาสนาพุทธรู้จักจุดนี้ แต่ตอนใหม่ๆ พระพุทธเจ้ายังไม่รู้จัก ภูมิธรรมเดิมของท่านยังไม่ขึ้นมา ยังระลึกของเก่ายังไม่ขึ้น ก็เห็นทุกข์เรียกว่าเทวทูตทั้ง 4 เห็นคนเจ็บ คนแก่ คนตาย และเห็นสมณะ

สมณะคือ ผู้แสวงหาทางหลุดพ้นการเกิดการแก่การเจ็บนี่แหละ อ้อ! ต้องไปทำอย่างนี้เหรอ ต้องแสวงหาอย่างนี้เหรอ ใช่พะยะค่ะ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เราคงต้องแสวงหาอย่างนี้แหละ เพราะคนจะต้องเวียนเกิด แก่ ตาย อย่างไม่รู้จักจบสิ้น แล้วเป็นสมณะจะหาทางหลุดพ้นได้ 

สมัยโบราณยังไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ เขาก็มีลัทธิที่บอกว่าตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้า สรุปทางเทวนิยม หมดเจ็บ หมดป่วย หมดแก่ ตายไปแล้วจิตวิญญาณก็จะไปอยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์ จบอยู่ที่นั่น ความรู้ของเทวนิยมไม่มีต่อ ไม่รู้จักความวนเวียน ไม่รู้จักกรรมวิบาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:16:18 )

เทวนิยมไม่รู้จักโลกุตรธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครบรรลุเลย ไม่ว่าจะเรียนทางปริยัติ เรียนบัญญัติเป็น

ด็อกเตอร์ เป็นเปรียญ 9 ทางศาสนาพุทธ หรือไม่เรียนเอาแต่ปฏิบัติหลับตาไปเป็นพวกออกป่าเขาถ้ำ ก็ไม่ได้กินอาหาร ยังมีนิวรณ์ 5 อยู่อย่างนั้นแต่ไม่รู้จัก 

อย่างที่เห็นง่ายๆพวกนั่งหลับตาที่บอกว่าเป็นอรหันต์จบสูงสุดแล้ว ก็ยังกินกามคุณ 5 อย่างมหาบัวเคี้ยวหมากจั๊บๆ แล้วไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองเสพติดกามคุณ 5 อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นตัวอาหารอันที่ 1 ของอวิชชาที่เป็นเงื่อนต้น อาหารข้อที่ 1 เป็นปัจจัยคือนิวรณ์ 5 และตัวแรกคือ กาม ไม่รู้ แล้วจะเอาอะไรมารู้ 

เพราะฉะนั้นพวกที่เรียนเปรียญ Doctor มาทางพุทธศาสนา ก็จบด็อกเตอร์ทางพุทธศาสนามาจากมหาวิทยาลัยเทวนิยม แล้วเทวนิยมไม่รู้จักโลกุตรธรรมของพุทธหรอก แล้วก็มาเป็นด็อกเตอร์นั่นแหละสูงสุดก็เป็นอย่างนั้นแหละเป็นเทวนิยม ไม่ได้เป็นพุทธหรอกไม่ได้เป็นโลกุตระหรอก มันก็ชัดๆ อยู่อย่างนี้ 

อาตมาก็พูดความจริงทั้งหมดแล้วนะว่า โลกุตรธรรมที่เป็นเนื้อแท้ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสรู้โลกุตรธรรม แล้วโลกุตรธรรมนี้ก็จะไม่มีในยุคใดยุคหนึ่ง มันเสื่อมไปจนกระทั่งโลกุตระไม่มีตามอาณีสูตร ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2565 ( 21:20:42 )

เทวนิยมไม่รู้ว่าตัวเองสั่งสมมาเอง 

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมมีความรู้แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองสั่งสมมาตามวิบาก ก็นึกว่า โอ่โห..ยอดเยี่ยม ความรู้พวกนี้ เราคงไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ได้ขนาดนี้ ต้องมีใครสักคนหนึ่ง ก็นึกว่าเป็นผู้ที่ประทานความรู้นี้ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เพราะว่าไม่รู้อัตตา ไม่รู้กรรมวิบาก ไม่รู้ว่าตัวเองสั่งสมมาเอง 

ศาสดาของศาสนาเทวนิยมแต่ละองค์ท่านสั่งสมบารมีมาของท่านเองทั้งนั้นแล้วมาเป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งและมาแข่งกัน เพราะมันไม่เหมือนกันเลยไม่เท่ากัน มันไม่ลงที่ศูนย์ มีศาสนาพุทธเท่านั้นนอกนั้นไม่มี 

พระพุทธเจ้าจึงรู้จักจิตเจตสิกต่างๆรู้จักจิตวิญญาณ ตั้งแต่ต้นจน 0 ตั้งแต่ หาประมาณมิได้จนกระทั่งเป็น 0 รู้ครบหมดเลยจึงจะต่อไปเป็นนิรันดรเท่ากับพระอวโลกิเตศวร คุณก็ทำไปสิจะอยู่อีกจนโลกแตกก็ว่าไป หรือจนไม่มีมนุษย์ในโลกนี้แล้ว ท่านทำให้ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปหมดแล้ว นิมนต์เถอะท่าน 

อาตมาสรุป 9 ประเด็นจนกระทั่งถึงประเด็นอรหันต์ กายแตกตาย จนกระทั่งแยกกายแยกจิตเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม สำเร็จ สุดท้ายปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็อธิบายกันมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 13:38:23 )

เทวนิยมไม่รู้อัตตา ไม่รู้ตัวเอง

รายละเอียด

พลังงานที่เรียกว่า โลก พลังงานที่รวมตัวเป็น อัตตา 

นั่นแหละสุดยอด ก็รู้ 2 สิ่งคือ อัตตากับโลก

ส่วนเทวนิยมนั้น อัตตาไม่รู้ ไม่รู้ตัวเอง แม้แต่ศาสดาก็บอกว่าไม่ใช่ความรู้ของตัวเองเป็นความรู้ของคนอื่น ของใครหนอ? ไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีความรู้ได้เองขนาดนี้ แล้วไม่เชื่อด้วย ของใคร สุดท้ายไม่รู้จะทำอย่างไร ของใครก็เอามาใช้ประกาศให้แก่โลก ก็ได้รับตำแหน่งเป็นศาสดา แต่ตนเองไม่รู้ว่าได้มาอย่างไรความรู้นี้ บอกว่าได้จากพระเจ้า แล้วพระเจ้าประทานแบบไหน ยังไม่เห็นเลย ก็เห็นแต่ในหนัง เหมือนแผ่นบัญญัติ 10 ประการ เขวี้ยงออกมา ไฟลุกโชนมาให้โมเสครับ ซึ่งเป็นผู้ประกาศคนหนึ่ง เป็นศาสดาคนหนึ่ง สำหรับโมเสคตามประวัติเขาก็ว่าอย่างนั้น คือ ความรู้มันไม่รู้ ก็เลยกลายเป็นชาดก ประวัติศาสตร์ ตำนาน ที่สร้างด้วยกันมาแล้วก็ดูไม่ออก แต่ก็มีนัยแฝงว่า เหมือนจะมีความจริงอยู่ในนั้น แต่มันก็รู้ไม่ได้ฝากไว้อย่างนี้แหละ ฝากไว้ๆ จับไม่มั่นคั้นไม่ตายไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:18:46 )

เทวนิยมไม่รู้โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยและธรรมาธิปไตย

รายละเอียด

เทวนิยมนี้จะไม่สามารถรู้โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยและธรรมาธิปไตย และก็จะไม่รู้เรื่อง พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ อย่างที่ได้อธิบายย่อๆ สังเขปผ่านมาเมื่อกี้นี้ พหุชนหิตายะนั้น คือเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ คนที่มี พหุชนหิตายะอย่างจริงใจอย่างมีความรู้อย่างมีปัญญา 

เพราะฉะนั้นกรรมกิริยาที่ตัวเองมีจะต้องทำเพื่อมวลมนุษยชาติ  ทำประโยชน์อะไรคือประโยชน์อันควร กัมมัญญาการกระทำที่ควร จะมีความรู้อันนั้นจริงๆที่จะรู้ว่าอะไรเป็นโทษตามบารมีของแต่ละคน แม้ว่าโทษน้อยโทษเล็กไม่ทำเสียดีกว่า นอกจากสุดวิสัยเขาก็จำเป็นต้องทำ แต่ผู้ไม่รู้ก็ไม่รู้ มันเป็นโทษเป็นภัยมากเขาก็ยังไม่รู้เลย เช่น พวกสร้างอาวุธ สร้างอาวุธอะไรให้ร้ายแรงขึ้นมาในโลก อย่างเช่นคิมจองอึนเขาไม่มีความรู้หรอกเขาก็สร้างแต่อาวุธให้มันยิ่งใหญ่ เขาก็นึกว่าถ้าไม่สามารถสร้างอาวุธให้ยิ่งใหญ่กว่าใคร ไว้ขู่ประเทศอื่นอันนี้ เขาก็จะยากเหมือนกัน มันก็เป็นความจำเป็นที่เขาต้องทำ ก็เข้าใจเขาเห็นใจเขา ถ้าเขาไม่ทำก็ไม่รอด อยู่ไม่ได้ 

นอกนั้นประเทศอื่นก็เบ่งกันแล้วก็ปกปิดกันอยู่ ซึ่งอย่างเช่นจีนแผ่นดินใหญ่เป็นลัทธิแก้จากคอมมิวนิสต์มาเป็นประชาธิปไตย จากเฉโก มามีปัญญาเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว อย่างเช่นประเทศจีนนี่ก็จะเป็นตัวอย่างกันไปเรื่อย ๆ อาตมาก็อธิบายไปตามความรู้ความจริงใจของอาตมา ใครที่รับได้ตอนนี้ก็ฟังไปก่อน อาตมาจะไม่ลงรายละเอียดจนกระทั่งพวกเราจะตามความละเอียดลึกซึ้งไม่ได้ อาตมาก็จะต้องอธิบายฐานที่มันตื้นก่อนไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1 วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2566 ( 13:23:15 )

เทวนิยมไม่ศึกษาซาตานไปหลงพระเจ้า

รายละเอียด

เมื่อนามรูปไม่มีอายตนะ ไม่มีผัสสะ ไม่มีเวทนา ไม่มีตัณหา ที่เป็นตัวการใหญ่ที่เป็นซาตาน เป็นมาร เทวนิยมไม่รู้จักซาตานไม่ศึกษาซาตานไปหลงพระเจ้า หลงเทวแดนสวรรค์ ไม่รู้จักแดนนรก นรกกับสวรรค์เป็นมายาเป็นคู่หูเป็นเทวดาแยกไม่ออก แล้วคุณก็หลงเสพ นึกว่ามันมีแต่หนึ่งคือมีแต่สุข ที่แท้มันมีทุกข์อยู่คู่ตลอดเวลาเลย สุขก็คือทุกข์ ทุกข์ก็คือสุข ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น  ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ไม่รู้จัก ปรุงจนกระทั่งมันทุกอย่างทุกข์แรง ทุกข์จัดจ้านขนาดไหน ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เป็นตัวตน แล้วหลงว่าเป็นสุข ก็จึงยิ่งหยาบใหญ่ ยิ่งอยาบใหญ่ ยิ่งโง่ใหญ่ ยิ่งหลงสุข ทุกข์ที่ปรุงแต่งจัดจ้าน แล้วก็หลงว่าสุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:34:10 )

เทวนิยมไม่ให้วิจัยวิจารณ์พระจ้า

รายละเอียด

เทวะ ก็สอง สภาวะต้องสอง แต่เขาก็บอกว่าต้อง 1 ความรู้ของพระเจ้าแยกไม่ได้เลยนะพระเจ้าว่าอย่างไรต้องว่าอย่างนั้น เขาก็เลยจบ แยกแยะความรู้ต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ พระเจ้าว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นหมดเลย เพราะฉะนั้นความรู้ที่นอกเหนือไปจากความรู้ที่จะจริงยิ่งกว่าไม่มีอะไรอื่นแตกต่างที่จะวิจัยวิจารณ์มากกว่านี้ ปิดประตูเขาไม่ให้รู้เลยไม่ให้วิจัยวิจารณ์ พระเจ้าเขาจะสอนอย่างนั้นด้วยจะมีคำสอนของพระเจ้าห้ามไปวิจัยวิจารณ์อย่าไปแตะต้อง ซึ่งต่างกับพระพุทธเจ้าที่บอกว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็อย่าให้เชื่อในกาลามสูตร 10 อย่างนี้เป็นต้น ทั้ง frank และ fair 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:27:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:53 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 20:41:45 )

เทวนิรันดรก็คือ cyclic order

รายละเอียด

สมดุลนิรันดรคือเทวนิรันดร  คุณไม่ออกไปไหนหรอก คุณอยู่ในวงวนอันนั้น 

เทวนิรันดรก็คือ cyclic order ของ 60 60 60 นิรันดรนี่แหละ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ใครสามารถจะออกจาก 60 ได้เริ่มต้นจาก 6  เพิ่มหนึ่งจุด ก็มาหา 7 จนกระทั่งอย่างโพธิรักษ์ 7 มานานแล้วจะขึ้น 8 หรือยังไม่รู้ แต่ตัวเลขมันขึ้นแล้วนะเลขอายุ เลขเนื้อหาสาระยังไม่รู้ แค่จะเอาที่บ้านราชจะให้ 777 คนยังไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเราก็ได้เกิน 88 คนแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึง 888 เรายังไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:05:08 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์