@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ธุดงค์ 13

รายละเอียด

คือองค์คุณเครื่องกําจัดกิเลส

1. ปังสุกูลิกังคะ (ถือใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร)

2. เตจีวริยังคะ (ถือครองผ้าสามฝันเป็นวัตร)

3. ปิณฑปาติกังคะ (ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร)

4. สปทานจาริกังคะ(ถือบิณฑบาตไปตามลําดับเป็นวัตร)

5. เอกาสนิกังคะ (ถือนั่งฉันที่นั่งแห่งเดียวเป็นวัตรคือ ฉันวันละมื้อเดียว)

6. ปัตตปิณฑิกังคะ(ถือการฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร)

7.ขลุปัจฉาภัตติกังคะ (ถือห้ามภัตที่เขามาถวายภายหลังคือ ลงมือฉันแล้วไม่รับเพิ่มอีก)

8. อารัญญิกังคะ (ถืออยู่ป่าเป็นวัตร)

9.รุกขมูลิกังคะ (ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร)

10. อัพโภกาสิกังคะ (ถืออยู่ที่กลางแจ้งเป็นวัตร)

11. โสสานิกังคะ (ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร)

12. ยถาสันถติทั้งคะ(ถืออยู่ในที่พักแล้วแต่เขาจัดให้เป็นวัตร)

13. เนสัชชิกังคะ(ถือการนั่งเป็นวัตรคือ ยืน เดิน นั่ง แต่ไม่นอน)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 8 “ธุดงควรรค” ข้อ 1192


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 10:43:44 )

ธุดงค์ของพระพุทธเจ้าคืออะไร

รายละเอียด

ธุดงค์ของพระพุทธเจ้า คือองค์แห่งศีลเคร่ง ส่วนแม้จะมีธุดงควัตร 13 ข้อ ก็เป็นเรื่องอนุโลมให้พระสายพระมหากัสสปะ ที่ติดอยู่ป่าหนัก อยู่เดี่ยว ไม่เกี่ยวกับใคร กลายเป็นใกล้เดียรถีย์หรือพวกเชน สุดโต่ง แต่พระพุทธเจ้าก็ ช้อนไว้ สามารถรู้จักมรรคมีองค์ 8 ได้ปฏิบัติเป็นอรหันต์ได้ แต่ท่านก็มีวาสนาอย่างนั้นมาซึ่งเป็นเรื่องยาก แม้ท่านต้องการเลิก แต่ท่านเป็นเช่นนั้นมานานนับชาติ ดีที่มีปฏิภาณปัญญาสามารถรับอัญญธาตุ รับโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าได้ จึงทำให้สามารถหลุดพ้นได้ แต่เป็นวาสนาที่ท่านติดอย่างนั้น ก็เป็นตัวอย่างของผู้ที่สุดโต่ง สุดขีด สุดเขต คนหนึ่ง แล้วก็มีผู้มีจริตนิสัยเหมือนกันก็ไปอยู่กับพระกัสสปะก็มีจำนวนหนึ่ง ก็ไม่มากหรอกทางศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:32:59 )

ธุดงค์คือความเคร่งของศีล

รายละเอียด

ธุดงค์คือความเคร่งของศีล เคร่งแล้วปฏิบัติได้แล้วมันไม่เคร่ง มันก็สบาย ศีลที่เคร่ง ปฏิบัติได้เป็นปกติสามัญ ผู้ที่บรรลุ ธุดงค์ หรือธุตังคะแล้ว ใครเห็นก็จะบอกว่าเคร่ง แต่ท่านก็สบายๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:41:47 )

ธุดงค์ทิฏฐิเสื่อมของสังคม ไปเข้าใจสิ่งที่ผิดมาเป็นสิ่งที่ถูกของศาสนาพุทธ 

รายละเอียด

ผู้จะได้ความเป็นจรณะวิชชาสมบัติจะต้องไปแสวงหาอาจารย์ที่มีจรณะวิชชาอยู่ในป่า นี่คือความเสื่อม เข้าใจว่าพระปฏิบัติได้มรรคผลต้องหนีออกจากสังคม เข้าไปอยู่ป่าเขาถ้ำ นั่นแหละคือความเข้าใจเสื่อม ทิฏฐิเสื่อมของสังคม เพราะไปเข้าใจสิ่งที่ผิดมาเป็นสิ่งที่ถูกของศาสนาพุทธ 

เมื่อหลงแล้วก็ไปตามหาพระในป่า ข้อที่ 1 มีบริขารไป ไม่มีเสียม ไม่มีตะกร้า แต่มีบริขารของผู้ออกบวช ยังมีวินัยดี แต่เข้าใจผิดแล้วว่าวิชชาจรณะต้องไปอยู่กับพระที่ออกป่าเดินธุดงค์ คำว่าธุดงค์นี้มันแสบจริงๆ ดงแปลว่าป่า เขาก็ว่าพระธุดงค์คือพระออกดงออกป่า มันก็เลยน่าสงสาร ภาษาบาลีเขาไม่มี ด.เด็ก หรอก 

ธุดงค์ บาลีคือ ธุตังคะ หรือธูตะ แต่เขาไปแปลธุดงค์คือ ทะลุดงออกป่า เลยไปนั่งหลับตาสะกดจิตเป็นกรรมฐาน ออกนอกรีตพระพุทธเจ้าหมด ไม่รู้สีรู้สา ไม่รู้ตัวเลยว่าออกนอกรีต พระพุทธเจ้า มันสุดสงสารจริงๆ น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2565 ( 14:28:37 )

ธุดงค์ที่แท้จริงคือโพธิปักขิยธรรม 37

รายละเอียด

คำว่า ธุดงค์ เข้าใจผิดเป็นสายเข้าป่าเข้าดงไปเสีย ที่จริงแล้วธุดงค์เป็นภาษาบาลีมาจาก ธูตะ คือองค์ ไม่ใช่ว่าพระเข้าป่าเข้าดงจึงเรียกว่ามีธุดงควัตร อย่างนั้นเป็นเรื่องเลอะเทอะคิดเอาเองเข้าใจผิดเพี้ยน บัญญัติอะไรขึ้นมาเองเลอะเทอะ

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นไปเพื่อเจริญสูงสุดเป็นโลกุตรธรรม ซึ่งมี 37 ข้อของโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นแหละคือธุดงค์ที่แท้จริง ฟังให้ชัด อย่าเอามาปนเปเลอะเทอะแล้วเข้าใจผิดเอาตัวผิดมาเป็นตัวถูกมายัดเยียดศาสนาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าที่รับพระกัสสปะนั้นโดยจำนนโดยอนุโลมที่สุด สงสารเพราะเป็นผู้ที่แสวงหาใฝ่หา แต่ไปหลงติดมานานเหลือเกินแต่อุตส่าห์มาเจอได้ก็รับแล้ว จนสามารถมาเป็นพระอรหันต์ได้ ก็เดชะบุญ ก็จนจะตกขอบอยู่แล้วก็อย่าเอาอย่างเลย แล้วคนไม่รู้ก็ไปเอนเอียงทางพระป่าก็ไม่รู้ อาตมาก็วิจารณ์สู่ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:35:38 )

ธุดงค์และผีที่มิจฉาทิฐิ

รายละเอียด

ในยุคที่สัมมาทิฏฐิไม่มีพระไปเดินธุดงค์หรอก เดินธุดงค์ สัญญาของคุณกับของอาตมานั้นต่างกัน กำหนดเดินธุดงค์ของคุณคือไปออกป่าเข้าไปหลงป่า แต่ธุดงค์ของอาตมาไม่ต้องเดินหรอก ธุตังคะของอาตมาคือศีลเคร่ง และผีของคุณเป็นผีที่มีตัวตนอย่างนี้เป็นมิจฉาทิฐิที่เอาอัตตาตัวตน เพราะฉะนั้น 

กายของคุณกับของอาตมาก็คนละเอย่าง กายของคุณหมายเอาที่ผี เหมือนของอาจารย์มั่น หลับตาแล้วก็จะมีวิญญาณของเทวดาเยอรมันนี มาฟังธรรมอาจารย์มั่นเป็นตัวเป็นตน เท่านี้ผู้ที่รู้ก็รู้แล้วว่าอาจารย์มั่นยังมีอุปาทานกับสิ่งเหล่านี้อยู่ ยังไม่ได้เข้าใจคำว่าเทวดาคืออะไร เทวดาที่เป็นนามธรรม ไม่ใช่เทวดาที่เหาะไปเหาะมา ซึ่งมันไม่ใช่ง่าย คำว่าผี ธุดงค์กลางไพรของคุณนี่เก่งจริงๆ เฮ่อ พูดไปก็น่าเห็นใจนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:46:39 )

ธุตังคะ ในวรรณะ 9 ต่างจากลัทธิเดียรถีย์หลับตา

รายละเอียด

อาตมาพยายาม ที่พูดนี้ด้วยเมตตาสงสารจริงๆว่า ที่ท่านก็พยายามกันเนาะอุตสาหะวิริยะพากเพียรเอาชีวิตมาทิ้งทางนี้ตั้งแต่ เยอะ บวชตั้งแต่เป็นเณร จนกระทั่งถึงเป็นพระจนกระทั่งถึงอายุมากจนกระทั่งมีตำแหน่งยศศักดิ์ ทางศาสนามากมาย 

เพราะฉะนั้นวิธีปฏิบัติที่มันไม่ถูกต้อง ที่อาตมาพูดย้ำซ้ำซากว่าอย่างนั้นมันเป็นลัทธิเดียรถีย์หลับตานั้น ไปอดทนต่อความลำบากยากเข็ญ ซึ่งเป็นความลำบากภายนอกปฏิบัติการ อย่างสายพระป่าสายบุกตะลุย ไปผจญภัยในป่าเขาถ้ำ ต่อสภาวะภายนอก แล้วก็หลงเรียกภาษาคำว่าธุดงค์ไปเรียกพระธุดงค์ หรือพระกรรมฐาน  ธูตะ หรือ องค์ เป็นภาษาไทยคือธุดงค์ เลยเพี้ยนแต่เป็นออกป่าดง ทะลุดงไปเลย ธุดงคือธุตังคะ คือศีลเคร่ง หลักปฏิบัติที่สูงขึ้นเข้มข้นขึ้นเรียกว่า ธุดงค์ อยู่ในวรรณะ 9 ธุตังคะ 

ที่จริงพยัญชนะต่างๆที่พระพุทธเจ้าสอนบันทึกในพระไตรปิฎก ดี ยังไม่ผิดอะไรมากมาย ไม่เหมือนท่านพุทธทาสที่ตีทิ้งไป 60% ท่านรู้ได้แค่นั้นท่านเลยฉีกทิ้งไป 60% อาตมารู้ได้เกือบเต็มร้อย มีที่เขาแปลกันผิดเพี้ยนบ้าง จากบาลีมาเป็นไทย ก็เบี้ยวบาลีกันไปบ้าง อย่างนั้นอย่างนี้อาตมาไม่อ่านหรอกมันยืดยาด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 16:25:32 )

ธุรวา

รายละเอียด

ความเอาการเอางาน ไม่ทอดธุระ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 486


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:08:48 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:17:52 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:07:44 )

ธุลีหมองและธุลีเริงคืออะไร

รายละเอียด

ธุลีหมองนี้มาจากไหน อาตมาแปลมาจากคำว่า โศกะ คือธุลีหมอง อธิบายสภาวะนะ ที่จริงโศกะแปลว่าโศกเศร้า แล้วตัวนี้เป็นมงคลธรรม ข้อที่ 36 แล้ว ก็วิรชะ แล้วก็เขมัง โศกะ เป็นตัวที่ 36 คือธุลีหมอง  มันก็คือเศษอ่อนน้อยของความหมอง แล้วมันจะมาทางยินดี ทางปล่อยความเศร้าโศกไม่สบายมาเป็นสบาย เป็นการรื่นเริงสบายใจก็เป็น วิรชะ มีเศษธุลี ไม่มีพยัญชนะแล้วก็เอามาเรียกซ้ำ ธุลีหมองก็หยาบกว่าธุลีเริง หมดธุลีหมองแล้วก็จะหมดธุลีเริง ก็ถึงจะสะอาดบริสุทธิ์เกษม ภาษาบาลีบอกว่า เขมัง เป็นตัวสุดท้าย สิ่งเหล่านี้อาตมาไม่ได้เดา ที่อธิบายไปทั้งหมดมันเดาไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:45:52 )

ธุว

รายละเอียด

ยั่งยืน

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 158


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:09:52 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:18:25 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:14:01 )

ธุวัง

รายละเอียด

1. คงที่ , ถาวร

 2. ความยั่งยืน

หนังสืออ้างอิง

 ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 29

อีคิวโลกุตระ หน้า 276

 รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 65

 ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 33


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:11:58 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:19:56 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:08:16 )

ธูตะ

รายละเอียด

มีศีลเคร่ง

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 71


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:13:31 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:20:29 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:08:34 )

ธูตะ

รายละเอียด

ศีลที่ทำไม่ได้ปกติก็เคร่งเครียด สิ่งที่ทำได้เรียกว่าเคร่งครัดศีลที่ไม่ต้องเคร่งเลยเป็นปกติธรรมดาสามัญ ไม่เคร่งเลย หายเคร่ง ไม่ต้องเคร่งเลย คนที่มีศีล 10 แล้วไม่ต้องใช้เงินทองได้แล้วก็ไม่ต้องเคร่งเลย ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไรเลย สบายมากไม่ต้องใช้เงินไม่ต้องสะสมเงินไม่ต้องมีเงินในตัวเลย เสื้อผ้าหน้าแพรก็มีแค่ 3-4 ชุด ไม่ต้องไปอวดอ้างไม่ต้องไปโชว์ แค่นี้ก็เหลือแหล่ หอบไว้ข้อเสียพื้นที่ใส่ตู้แมลงสาบมากินอีก

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:37:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:59 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:09:15 )

ธูตะ

รายละเอียด

แล้วก็มีธูตะ เป็นข้อปฏิบัติที่สูงขึ้นเรื่อยๆเรียกว่าธุดงค์ ธุดงค์ภาษาบาลีเพี้ยนมาจากคำว่า ธุตังคะ ซึ่งเป็นภาษาบาลี มาเป็นไทย ต.เต่ามาเป็นด.เด็ก แล้วมาเป็นธุดังคะ ก็ไม่อ่านดังอ่านดง เป็นองค์ของข้อปฏิบัติ ธูตะ แปลว่าข้อปฏิบัติ 

ธุดงค์เขาก็เพี้ยนไปเป็นออกดง พระธุดงค์คือพระออกป่า เห็นไหมเพี้ยนไหม บอกว่าไปเดินเป็นพระธุดงค์บอกว่าเดินบุกดงมามากแล้วคือพระป่า นี่ เห็นไหมว่าเป็นความเพียร ซึ่งไม่ใช่ความหมายของศาสนาพุทธเลยพระออกป่านั้นผิดด้วย ไม่ใช่พระที่น่าเคารพด้วย แต่ไปเคารพพระธุดงค์กัน นี่เดินกัน อาจารย์บุญชื่นเห็นเดินธุดงค์กัน แม้แต่ธัมมชโยธรรมกายก็เดินธุดงค์ แอ๊คท่า ดง ขี้หมาอะไรมาเดินในเมืองเขา เอาดอกไม้มาโปรยแล้วก็เหยียบอีก มันบ้าบอคอแตก ทำให้ศาสนาเขาชิบหายวายป่วง เป็นเรื่องของ กาม ตกแต่ง ชาตะรูปะระชะตะ มาลาคันธะวิเลปะนะ ทำลายศาสนาพระพุทธเจ้าให้ฉิบหายวายป่วง 

แล้วก็ไปยกย่องโฆษณายิ่งใหญ่แล้วคนโง่ก็ไปทำตามกันเสียจน น่าสงสารจริงๆ เมื่อไหร่จะโง่เสร็จสักที มันเสร็จโง่สักที จริงๆนะพูดแล้วมันน่าสงสาร อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็ได้แต่ปลงอนิจจังวะตะสังขาร มันเป็นความรู้สึกจริงๆว่าเกิดมาเป็นพุทธหนอ พระพุทธเจ้าไม่ได้พาให้งมงายโง่เง่าอย่างนั้นเลย ไปทำกันอยู่ได้ พูดแล้วก็รู้สึกว่ายากจริงๆอาตมาทำงานกอบกู้ก็เห็น มันน่าสงสารจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:19:42 )

ธูตะ ปาสาทิกะ

รายละเอียด

“ธูตะ” มีข้อปฏิบัติ มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติ ที่ทำให้เจริญสูงไปเป็นขั้นเป็นตอน ธูตะ หรือธุดงค์ ธุตังคะ

“ปาสาทิกะ” แล้วก็จะเกิดอาการที่น่าเลื่อมใส ผู้ที่มีดวงตา ผู้ที่มีภูมิปัญญาสัมผัสคนเช่นนี้แล้ว คนที่มีมรรคผลมา เลี้ยงง่าย บำรุงง่ายเป็นคนกล้าจน ใจพอ สันโดษมานี่ หรือว่าขัดเกลาตัวเองมาจนได้ผลจริงๆเลย ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าคือ “ธูตะ” ขัดเกลาที่ให้ทำลายกิเลสแล้วเจริญขึ้นเจริญขึ้น จนมีผล มีอาการที่น่าเลื่อมใส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 18:46:49 )

ธูตะ และ ปาสาทิกะ

รายละเอียด

ธูตะ แปลว่า ข้อปฏิบัติที่เจรืญ สูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆ ธุดงค์หรือธุตังคะ หรือธูตะ คือข้อปฏิบัติหรือศีลหรือหลักธรรมที่เจริญสูงขึ้นเรื่อยๆและจะกลายเป็นผู้ที่น่าเลื่อมใส ปาสาทิกะ ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาจึงจะเลื่อมใส ถ้าเป็นคนโง่ก็ไม่เลื่อมใส อาการที่ดี อาการน่าเลื่อมใสแต่เขาไม่เลื่อมใส อย่างของอาตมานี้เขาไม่เลื่อมใส

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:37:38 )

น ปโหติ

รายละเอียด

ไม่พอเหมาะได้

หนังสืออ้างอิง

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 271


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:14:18 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:21:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:09:37 )

น มัญญติ

รายละเอียด

ไม่สำคัญมั่นหมาย

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 9


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:15:09 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:21:41 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:09:52 )

น เหว โข แปลที่ถูกต้องคือไม่ต้องไปกล่าวไม่ต้องไปพูดถึงหรอกเพราะอะไร

รายละเอียด

มันแปลว่า ไม่ต้องไปกล่าว ไม่ต้องไปพูดถึงหรอก เพราะท่านผู้นี้มีสัมมาทิฏฐิ มีกายมาตั้งแต่ ธัมมานุสารีมาแล้ว แล้วกายสักขีก็มีกายทั้งนั้น มาถึง ปัญญาวิมุติ ระดับที่ 6 เท่านั้น ก็จบ เป็นอรหันต์ อาสวะสิ้น แต่คุณสิ คุณศรัทธาเอ้ย คุณยังไม่สิ้น เพราะว่ากายของคุณไม่บริบูรณ์ ปัญญาของคุณก็ไม่บริบูรณ์ คุณต้องไปมีปัญญาอย่างจริงจังอีกทีหนึ่งที่ อุภโตภาควิมุติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:56:45 )

น เหวโข คือ

รายละเอียด

น เหวโข คือไม่ต้องอีกแล้วนั่นแล คือผ่านแล้ว มีแล้ว ไม่ต้องไปกล่าวคำว่ากายอีก ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ไม่ต้องกล่าว สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายอีก เพราะว่าผ่านมาตั้งแต่ ทิฏฐิปัตตะ กายสักขีแล้ว ก็ท่านไปแปลง่ายๆเข้าใจลวกๆว่ามี น ต้องบอกว่าไม่เลย ตีทิ้งเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 19:09:42 )

น เหวโข ที่ถูกแท้แปลเช่นไร

รายละเอียด

น เหวโข เขาไปแปลด้วยความไม่เข้าใจ ปัญญาวิมุติพระพุทธเจ้านับเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว กายสักขี อาสวะ บางอย่างสิ้นไปเท่านั้น แต่ปัญญาวิมุติ อาสวะสิ้นไปหมดแล้ว แต่เขาไปแปล น เหวโข ต้องแปลว่า น คือไม่ เหว คือ ความจริงอันนั้น ห คือ ความจริง เอวะ คืออันนั้นสิ่งนั้น, โข นี่แหลว่า ล่วงแล้ว ซ้ำย้ำ แล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้วความจริงอันนั้นมีแล้ว น เหวโข ท่านไม่มีสภาวะก็เลยแปลว่า ไม่ ที่จริงแล้วไม่ต้องไปพูดซ้ำว่าต้องสัมผัสวิโมกข์อีก เพราะท่านมีมาแล้วตั้งแต่ กายสักขีอาสวะสิ้น พอมาถึงปัญญาวิมุติก็หมดเลย อาสวะทุกอย่างสิ้นไปแล้ว ไม่ต้องไปกล่าวเลยที่เหลือ ท่านต้องมีกายสักขีมาแล้ว ท่านรู้จักกาย เข้าใจกาย สัมมาทิฏฐิยิ่งกว่าศรัทธา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:27:33 )

น โหติ

รายละเอียด

1. ไม่มี

2. ไม่เกิดอีก หรืออะไร ๆ ก็ไม่มีไม่เป็นอีก

3. ไม่มีการเกิดอีก

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 102

คนคืออะไร? หน้า 543

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 83


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:16:36 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:22:45 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:10:10 )

นปุงสกลิงค์

รายละเอียด

ความเป็นกลางที่ไม่มีเพศ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 117


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:17:30 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:23:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:56:58 )

นมเป็นของให้ ไข่เป็นของหวง

รายละเอียด

อาตมาตอบไว้นานแล้วว่า นมเป็นของให้ ไข่เป็นของหวง 

อาตมาอนุโลมตามฐานานุฐานะ ของแต่ละคนที่ถามมาตามควรและไม่ควร ก็ตอบไป จะทำบาป นมเป็นของให้ ไข่เป็นของหวง ก็หมายความว่า อย่างน้อยที่สุด ไข่นั้นน่ะ คือตัวลูกของสัตว์ ส่วนนมนั้นเป็นอาหารของสัตว์ มันต่างกัน 

เพราะฉะนั้น ถ้าจะบอกว่า บาป คุณไปกินไข่ มันก็บาปกว่ากินนม นี่คือประเด็นของความหมาย 

ถ้าคุณจะทานนม นมเป็นของให้ แต่ไข่นี่ เป็นลูกสัตว์นะ มันบาปกว่ากัน ก็ต้องตอบว่าได้ ก็ต้องอนุโลมเขาไปก่อน เพราะเขายังติด 

จะตอบเหมือนเดิมก็ได้ คุณอ่านใจสัตว์ได้เลยนะว่า ลูกวัวมันทุกข์หรือว่าแม่วัวมันทุกข์ ทุกข์พวกนี้ละเอียดไม่ต้องอธิบาย มันก็ทุกข์ทั้งนั้น แต่มันจำนน มันเป็นสัตว์ต้องมีวิบากก็รับวิบากไปมันเป็นวัวนมก็ต้องให้รีดนมไปตลอด ระวังเถอะเกิดไปกินแต่นมสดจะไปเกิดเป็นวัวนมให้เขารีดกินไปตลอดเวลา ยิ่งไปกินเนื้อสัตว์ กินลูกวัวอีกจะเกิดไปเป็นลูกวัวอีก ระวังเหอะ เลิกได้เลิก 

สรุปนมก็ตาม นมวัวก็ตาม นมพืชมันมันมีอยู่แล้วให้กินเยอะแยะ นมวัวก็ตามลูกวัวก็ตามไม่ต้องไปกินมันหรอก สรุปแค่นี้ก็แล้วกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:16:01 )

นรก

รายละเอียด

1. ทุกข์ร้อน

2. อบายภูมิ

3. ทุกข์ในจิต(อริยสัจ)...

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 42 , 313

ทางเอก ภาค 3 หน้า 214

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:19:10 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:24:42 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:11:39 )

นรก

รายละเอียด

ฟังดีๆ นรก แปลว่า ในองค์ประกอบของที่เราจะตกอยู่ในตรงไหน ตรงนั้นอยู่แล้วเดือดร้อน อยู่แล้วไม่เป็นสุข อยู่แล้วทรมาน ตรงนั้นเรียกว่านรก เพราะฉะนั้น ถ้าคนนั้นไม่ฉลาดพอ เอาตัวเองไปอยู่ในกระทะน้ำเดือดๆ ร้อนลวกไหม้เลย ตาย นี่คือที่ยกตัวอย่าง ชอบยกตัวอย่างกันว่าเป็นนรก นรกเหมือนคนตกกระทะทองแดงต้มน้ำเดือด ร้อนมาก เดือดมากร้อนมากนี่เป็นรูปธรรมตัวอย่าง ยกตัวอย่าง หรือขึ้นต้นงิ้วก็มีหนามเต็มไปหมด ก็ให้ปีนป่าย หนามก็เสียบแทงผิวหนังตลอด เอาเนื้อตัวไปถูกหนามก็แทงที่เนื้อตัว พอมือไปถูกก็เสียบที่มือเจ็บปวด นั่นคือที่ที่เราอยู่แล้วเดือดร้อนอย่างนี้เป็นต้น สรุปแล้ว นรก คือ สถานที่ที่เราอยู่แล้วก็เดือดร้อนมาก ร้อนใจร้อนกาย เดือดร้อนใจเดือดร้อนกาย ไม่เป็นสุขทางใจ ไม่เป็นสุขทางกาย นี่เรียกว่านรก แดนที่ไม่ค่อยน่าอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำบาปเราทำไม่ดี เราจะต้องไปตกอยู่ในแดนอย่างนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกับคนในโลกที่เห็นได้ว่าเขาไม่อยากเป็นนะ แต่เขาต้องเป็น เหมือนกับถูกต้มอยู่ในน้ำร้อนเดือด เหมือนกับจะต้องไปขึ้นต้นงิ้วที่มีแต่หนาม เขาต้องเป็นอย่างนั้น เขาหนีกรรมวิบากไม่ได้ เขาพ้นจากกรรมวิบากที่เขาทำไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่เกินจะคิด เราคิดเอาเราไม่อยากเป็น แต่ถ้าเราทำกรรมชั่ว เราจะต้องเป็นอย่างนั้น เหมือนคนที่ตกอยู่ในนรกอย่างนั้น เขาตกอยู่ในนรกทรมานมาก คนที่ตกอยู่ในนรกหรือคนที่ถูกทรมาน ทั้งร้อนทั้งเจ็บปวด อะไรก็แล้วแต่ แล้วเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่อยากอยู่หรอก ตรงนี้เขาเจ็บปวด เขาไม่อยากจะได้อาการนี้ อาการเจ็บปวดทรมานไม่อยากได้ เขาก็อยากจะหาทางออก อย่างนี้ก็เป็นผู้ที่สามารถจะพ้นนรกได้ เพราะเขาจะต้องพยายามดิ้นหาทางออก ทีนี้ ตอบด้วยภาษาธรรมะ คุณจะต้องทำดีแล้วคุณจะหลุดพ้นจากนรกนี้ คุณต้องทำดีคุณถึงจะหลุดพ้นจากนรกนี้ นี่ก็เป็นภาษาง่ายๆ แล้วคุณจะต้องศึกษาว่าดีคืออะไร ที่นี้มีความซับซ้อน คนที่โง่ซ้อนแต่หลงว่าฉลาด คนที่โง่ซ้อนแต่หลงว่าตัวเองฉลาด คือ เราไปแย่งชิงเขา ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา เขาตายเขาสู้ไม่ได้ เขาได้เมียของผู้ที่เขาฆ่าตาย แล้วเขาก็ว่าเขาชนะ เขาก็หลงว่าเขาได้สุข แต่เขาได้ทำชั่วไปแล้ว เขาฆ่าคน เป็นวิบากที่มันจะต้องตอบสนองกันโดยไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:16:44 )

นรก 2 ขุมใหญ่ มโนปโทสิกะกับขิฑฑาปโทสิกะ

รายละเอียด

เรื่องนี้ก็ให้เบาๆหน่อย อาตมาก็สนุกไปบ้าง แต่ที่จริงเป็นเรื่องหนักเป็นเรื่องของสัจธรรม ในยุคนี้เขาครอบงำกันด้วย ขิฑฑาปโทสิกะ เต็มไปด้วยเรื่องของความบันเทิงเริงรมย์ เป็นโทษของจิตวิญญาณ หรือไม่ก็ มีแต่จริงจังอยู่กับจิต มโนปโทสิกะ อย่างอวิชชา มันก็เป็นโทษ หลงอยู่กับจิต เพลินอยู่กับจิตอย่างมืดบอดไปนักหนา ก็น่าสงสาร เพราะฉะนั้นนรก 2 ขุมใหญ่ มโนปโทสิกะ กับ ขิฑฑาปโทสิกะ อาตมาก็เอามาขยายความให้ฟังว่าเป็นคู่สำคัญของความเป็นโทษของจิต เป็นโทษในระดับ มโนปโทสิกะ ก็สายเจโต ขิฑฑาปโทสิกะ ก็เป็นสายระเริง สายโรแมนติกอิซึ่ม 

เพราะฉะนั้น ในความรู้ที่อาตมาเอามาพูดมาขยายความต่างๆนานาพวกนี้ ติดตามศึกษาดีๆเถอะ อาตมาเขียนหนังสือปัญญา 8 เขียนไปเขียนมาสงสัยจะไปถึง 3 เล่ม เล่มแรกก็ยังไม่ออกใช่ไหม ก็รออ่านกันอยู่ แต่อาตมาก็นำมาอ่านแสดงธรรม ขยายความนำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพิมพ์ออกมา แล้วค่อยได้หนังสือนี้กันไป ส่วนเล่ม 2 เล่ม 3 มันอยู่ในสิ่งที่กำลังเขียนอยู่ ตอนนี้ปาเข้าไป 700 กว่าหน้าแล้ว ทวนมาถึงกำลังทบทวนมาถึง 100 200 หน้า จะต้องรีไร้ท์กันไปจนกว่าจะจบจริงๆ อาจจะถึง 800 หน้า เชื่อฝีมือเลย ก็บอกตัวเองว่าอย่าขยายไปอีกเลย พยายามตามตัวเองอยู่นะ แต่มันก็น่าจะให้รู้นะ อดไม่ได้ แถมนิด มันมีนิดเดียว แต่มีหลายนิด 

เพราะฉะนั้น ปัญญา ญาณ วิชชา เป็นความรู้ที่รู้ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดยเฉพาะของอัตตาหรือของจิตวิญญาณ แม้ที่สุดของพระเจ้า พูดไปสายเทวนิยมก็จะหาว่ายกตนข่มท่าน เพราะพวกเทวนิยมเขามีอัตตาตัวตน ก็ค่อยๆสาธยายกันไป พิสูจน์กันไป มันจำเป็นต้องเปิดเผยความจริง เพราะเทวนิยมเขาไม่รู้จักที่จบมีแต่อัตตาที่เป็นนิรันดร ส่วนของพุทธนั้นรู้จักความเป็นอัตตา ความเป็นอนัตตา ความคงสภาพ 2 รู้ความมีและความไม่มีอยู่แล้ว ไม่ได้เอียงไปข้างไหน ไม่ได้ไปอยู่ข้างไหน ถ้าใจยังมีก็มีไป จะเป็นโพธิสัตว์ เป็นอวโลกิเตศวร ที่มีปณิธานว่าจะบรรลุเป็นคนสุดท้ายของการรื้อขนสัตว์หมดไปจากโลก เพราะฉะนั้นต้องให้มนุษย์คนสุดท้ายได้บรรลุนิพพานแล้ว ท่านจึงจะปรินิพพานสุดท้ายองค์ที่สุดท้าย เป็นปณิธานของพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม 

ซึ่งก็เป็นปณิธานที่สูงส่ง เป็นอุดมคติที่ยิ่งใหญ่ ก็ดี จะมีตัวตนหรือไม่มีตัวตน ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ก็เป็นปณิธานที่ยิ่งกว่าพระเจ้า อันนี้พิสูจน์ได้ สามารถล้มล้างไม่เหลือพระเจ้าได้เลย อันนี้จึงจะไปถึงพวกเทวนิยม ในอนาคต ก็รับลูกให้ดีก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2565 ( 17:19:32 )

นรก คืออย่างไร

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติธรรมศีล สมาธิ ปัญญา หรือ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา หรือที่ขยายเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 จะต้องปฏิบัติอย่างนี้ตลอดทุกคน แต่มันเสื่อมแล้ว ไม่ปฏิบัติกัน ไม่ต้องพูดถึงนั่งหลับตานั่นเลย ตีทิ้งได้เลย พวกนี้ไม่ใช่พุทธ เป็นพวกนอกรีต ทำลายศาสนาพุทธ เป็นโจรทำลายปล้นศาสนาพระพุทธเจ้าที่พระพุทธเจ้าให้เอาไปฆ่า ท่านสมมุติให้เป็นพระราชาไปฆ่าโจร ผู้ทำลายเนื้อแท้ของพุทธศาสนา แต่ก็ยังอยู่นะ ยังบื้อๆอยู่อย่างนั้นแหละ อาตมาพูดเขาก็ยังไม่กระดิก เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักที ถ้าเมื่อไหร่ประเทศไทยเลิกนั่งหลับตาสมาธิแล้วหันมาศึกษาจรณะ 15 วิชชา 8 ให้ดี เริ่มต้นศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ คุณจะต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 เกี่ยวกับสัตว์ 

สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เขาก็อยู่ตามยถากรรมตามวิบากกรรมของเขาแต่เกี่ยวกับสัตว์คนนี่แหละสำคัญ ก็ต้องปฏิบัติศีลข้อ 1 สัมผัสกับ คน 

คนนี่ โง่ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข โง่ด้วย รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อวิชชา เราก็ต้องเรียนรู้สัมผัสกับคนเหล่านี้ก็รู้ว่าคนเหล่านี้ยังหลงในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่ สัมผัสภายนอกภายใน รู้ว่าคนคนนี้ยังจมอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อยู่อย่างหนัก อบายมุขทั้งนั้น ต่ำสุดเรียกว่าอบายมุข ก็ช่วยเขา

อาตมาเทศน์ ช่วยคนเหล่านี้มาตลอดไม่รู้ตัว อาตมาก็เทศน์ไม่เก่งกว่านี้ พยายามเทศน์ไม่ได้ออมมือเลย ก็พยายามจะช่วยสัตว์ ผู้ตกในอบาย คือ สัตว์นรก ตก อยู่ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสคือสัตว์นรก ตกอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ก็คือสัตว์นรก เถรสมาคม เต็มไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คือนรกทั้งนั้น เต็มๆเลย

อาตมาพูดสัจธรรม มันดูจะหนัก แรง รูปธรรมภาษาสื่อเต็ม เถรสมาคม เต็มไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แล้วหลงสุข เป็นโลกียสุข เป็นนรก แต่เขาหลงว่า เป็นสวรรค์ สวรรค์หอฮ่อ เขาหลงว่าชาตินี้เกิดมาชาตินี้เขาได้อยู่สวรรค์ สวรรค์-นรกเป็นอันเดียวกันเขาไม่รู้หรอก ว่าเขาติด ติดอะไร ติดนรก โดยโง่ว่า เป็น สวรรค์ ฟังธรรมะให้ดีๆ อาตมาใช้สภาพสิริมหามายาเป็นสภาพคู่ สลับไปสลับมาอธิบาย ฟังให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:08:56 )

นรก ตอนตาย

รายละเอียด

ทำไม "นรก" ตอนตาย จึงร้ายหนักยิ่งกว่า "นรก" ตอนเป็นๆ ตอนตายกายแตกตายไป (กายัสสะเภทา) ยิ่งเป็นสัตว์นรกแท้ๆ ที่ทุกข์ทรมาณแท้ๆ จริงยิ่งกว่าตอนเป็นๆนี้ นับเป็นกี่เท่า ต่อกี่เท่าไม่ได้เลย เพราะตอนตายไปแล้ว ไม่มีร่างกายนั้น ไม่ทางออก ไม่มีทางชะลอ ไม่มีทางเลี่ยง ไม่มีทางบรรเทา ไม่มีทางหลบไปไหนเลย จึงต้องอยู่กับฤทธิ์ของกิเลสมันเป็นจริง "มันก็จะอาละวาด" อยู่ในจิตอย่างมืดบอด ไม่มีช่องอื่นเลี่ยงเลย ตอนชีวิตเป็นๆมีครบกายทวารนั้น คนที่เกิดกิเลส ก็หาทางบำบัดบำเรอได้ ไม่อัดอั้น ไม่กักเก็บ ไม่แรง ไม่หนัก เพราะได้บำเรอกิเลสตรงที่อยาก

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 115


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2562 ( 19:20:09 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:42:05 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:12:23 )

นรก นริยะ นรกะ

รายละเอียด

ทีนี้คำว่า นรก พยัญชนะว่า นระ มันมีคำว่าไม่อยู่ นระ แปลว่าไม่ แล้วนระ จะเพิ่มไปเป็นนลิ ก็แปลว่าไม่เหมือนกัน นรกะก็เป็นนรก นริยะก็เป็นนรก แล้ว นรกะ เป็น static นริยะป็น dynamic เป็นพลังงานเคลื่อนเป็นความชั่วที่เคลื่อนไหวมากกว่า แต่นรกะ เป็นพนักงานชั่วที่จมนิ่งแข็ง เดือดร้อนก็ร้อนจมอยู่กับความร้อนอย่างนั้นแหละ ด่าน static นริยะ เป็นทางเคลื่อน นริยภูมิ กับ นรกภูมิ เอาสภาวะตามพยัญชนะขยายความให้ฟังตามที่อาตมามีความรู้ในสภาวะเหล่านี้ สรุปแล้ว ทั้งนรก นริยะ นรกะ ไม่มีใครอยากเป็นหรอก อาตมามีสภาวะจึงยึดเอาเป็นพยัญชนะมาขยายความให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:22:32 )

นรกของคนโกงทรัพย์สินของประเทศ

รายละเอียด

หรืออย่างนี้ก็เข้าใจง่าย คุณไปโกงทรัพย์สินของประเทศ คุณไปโกงได้แล้วคุณก็หลงในความฉลาดขี้โกง คุณโกงสำเร็จอย่างที่คนในประเทศไทยที่มีตัวอย่างให้เห็นยังอยู่ด้วย โกงชนิดที่เรียกว่าถูกพิพากษาแล้วว่าโกงจริงๆ แต่ตัวเองก็ฉลาดหนี ไม่ให้จับเข้าคุกไม่ให้จับมาลงโทษอย่างนี้ เป็นต้น คนนั้นแหละเป็นคนชาตินี้ เขายังไม่ได้รับวิบาก ชาติต่อไป ไม่ต้องกลัว เขาจะต้องตกอยู่ในสภาพเดือดร้อน เหมือนกับขึ้นต้นงิ้วหรือตกในกระทะทองแดงจริงๆ อย่างน้อยที่สุดเขาตายไปจิตวิญญาณของเขาจะตกนรกกระทะทองแดง เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ เขาช่วยตัวเองไม่ได้ คนที่ตายไปแล้ว ธนบัตรเงินทองทรัพย์สินอำนาจช่วยเขาไม่ได้เลย จิตวิญญาณตายแล้วนี้ไม่มีอำนาจเงินอำนาจของคนนั้นคนนี้ของอะไรก็แล้วแต่ ช่วยเขาไม่ได้ เขาจะต้องรับวิบากนั้น เพราะฉะนั้นตายแล้วเขาจะต้องลงกระทะทองแดงจะต้องถูกหนามงิ้วแทงอย่างนั้นเลย แต่ที่มันเจ็บปวดนี้ไม่ใช่แค่ตกอยู่ในน้ำร้อนกระทะทองแดงหรือขึ้นแค่ ดีนะครับน้ำก่อนนะครับ ต้นงิ้ว มันมีอีกหลายอย่างที่จะทรมานเดือดร้อนเจ็บปวด เขาจะต้องเป็น สิ่งนี้เป็นอจินไตย คิดเอาไม่ได้ คุณไม่กลัวแต่คุณจะต้องตก คุณไม่กลัวเพราะคุณไม่รู้ ตายไปแล้วคุณไม่รู้ แต่จิตวิญญาณของคุณเป็นจิตวิญญาณคุณได้รับ ยิ่งทำไว้มาก คุณจะยิ่งจะตกแรง ร้ายและนาน นี่เป็นสัจจะ แต่เขาไม่รู้ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องรับโทษอยู่ในนรกนั้นจนกว่าคุณจะรู้สึก เข็ด สัจจะจะให้คุณต้องเข็ด เมื่อสัจจะเห็นว่าขณะนี้คุณเข็ด คุณจะพ้นวิบาก ให้คุณรับนานเท่านั้นเมื่อคนพ้นมาแล้ว ถ้าคุณไม่เข็ดอีก มาทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อได้ขันธ์มาอย่างนั้นอย่างนี้ก็ทำชั่วอีกหนักกว่าเก่า แต่ถ้าคุณเข็ด คุณก็พัฒนาขึ้น อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:20:18 )

นรกคือแดนของ “มิลักขะ(ผู้ยังเถื่อนถ่อย)”

รายละเอียด

ซึ่งคนผู้“จิตยังไม่มีอาริยคุณ”เป็น“จิตเข้ากระแสโลกุตระ(โสตาปันนะ)”นั้น ยังรับประกันไม่ได้ว่า จะ“เที่ยงแท้(นิยตะ)”ต่อการไม่ตกต่ำไปสู่นรกเด็ดขาด แม้จะเป็น“คนร่ำรวยล้นฟ้า”ปานใดก็ไม่พ้นตกนรกไปได้หรอก!

เพราะนรกนั้นคือแดนของ“อาริยกะ(ผู้เจริญ)”ที่มี“ปัญญา” แต่สวรรค์นั้นคือ แดนของ“มิลักขะ(ผู้ยังเถื่อนถ่อย)” ที่ยังมีแต่“เฉโก” ยังพ้น“ความโง่(อวิชชา)”ไม่ได้ ถ้าคนผู้ใด“จิต”ไม่เจริญ“เข้ากระแสโสดาบัน”ขึ้นไป ก็แน่นอนว่า คนผู้นั้นยังจะต้องตกต่ำ คือ ต้อง“ตกนรก”อยู่ ยังจะหนักหน้าไปกับ“ทุกข์ร้าย” คนผู้นี้ยังไม่“พ้นนรก”ไปได้ แม้จะเป็นคน“ร่ำรวย” มีอำนาจล้นฟ้าเป็น“เจ้าโลก”ก็ตาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:33:14 )

นรกชั้นจตุมหาราชใครเลิกได้เป็นคนเจริญ

รายละเอียด

อาการของสุขที่คนยังอวิชชามากๆไม่รู้ก็คือโอ้โห..ได้เป็นเจ้าใหญ่เจ้าโลก มีอำนาจบาตรใหญ่ดังทั่วโลก เป็นต้น ดังเพราะมีอำนาจที่เขาต้องยอมรับว่าเราเป็นเจ้าอำนาจ เช่น จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ประธานาธิบดีของรัสเซีย เขาก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกมันใหญ่ สุขแล้วตายคาตำแหน่ง ดีใจเลิศยอดแล้ว พวกนี้ลงนรกทั้งนั้นเพราะไม่รู้จิตพิเศษหลงในอำนาจบาตรใหญ่ เป็นจตุมหาราช หลงว่าเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 จตุมหาราช แล้วก็ได้เป็นสมใจ นี่คืออวิชชาที่ยากที่คนเขาจะเข้าใจ โดยที่ไม่รู้ว่าจตุมหาราชนี้ฆ่าคนนะ ถืออาวุธเขี้ยวงอกตาโปนดุเดือด 

นั่นเป็นรูปสมัยโบราณเขาทำ ถ้าเป็นสมัยนี้ให้ดีไซน์หน้ายักษ์รับรองหนุ่มคนนี้ นี่เรียกว่าใครดูรูปสัมผัสปั๊บ แลบลิ้นออกมาเป็นไฟเลย มันจะดุขนาดไหน เขี้ยวนี้อย่าไปแตะเชียว พิษร้ายยิ่งกว่าจงอาง 5 ตัวประกอบกัน มันดุเดือดแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเขาได้อำนาจนั้น เขาพอใจซึ่งมันเป็นความหลงผิดอย่างนี้เป็นต้นหรือจะเสพความสุขแบบดาวดึงส์ เสพสุขสมใจในทวารที่อาการ 33  แม้จะได้สมรักสมต้องการ เป็นกาม เป็นราคะ เป็นใคร มันซ้อนเช่น พวกที่ไม่รู้ การกีฬาหรือการละเล่นบันเทิงเริงรมย์เป็นโทษทั้งนั้น เป็นโทษแล้วก็ไม่รู้อารมณ์ที่ชื่นใจ 

โอ้โห.. ชนะกีฬา ยิ่งเป็นกีฬาที่เขานิยมกันทั่วโลก ราคาค่าตัวแพงลิ่ว  ราคา 100 ล้าน พันล้าน เตะเข้าโกล์ได้เป็นล้านๆ แล้วทำเงินกันทั้งโลกจริงๆด้วย คนก็นั่งดูกันดึกดื่นแค่ไหน คนมันติดทั่วโลกด้วยอวิชชา เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองนี่โง่ มันอวิชชาไปติดรสเรื่องพวกนี้อยู่ มันซาดิสเป็นพวกแรงมีแทคติกอะไรเก่งนิยมชมชอบถ้าคุณมีพลังงานมีสมรรถนะความสามารถมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารเก่งอย่างนั้นน่ะมีประโยชน์คุณค่า อันนั้นมีอะไรไม่มีประโยชน์อะไรเลย เด็กๆมันยังเห็นเลย ทำไมผู้ใหญ่พวกนี้มาแย่งลูกบอลกันอยู่ได้ มาถือลูกบอลเข้าไปสนามที่กำลังเตะกัน เอาลูกบอลมาให้จะแย่งกันทำไมตั้ง 20 คน  เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเคยถือลูกบอลไปให้ เห็นไหมว่าเด็กมันยังฉลาดกว่า ไปแย่งกันอยู่ทำไม 

ซึ่งมันส่อแสดงให้เห็นว่าคนนี้มันโง่กันเท่าไหร่ ขออภัยนะที่อาตมาพูดความจริงแล้วโลกมันยังติดรสชาติอย่างนี้อยู่ มันไม่ใช่ความเจริญมันเป็นความเสื่อม มันเป็นความเจริญของกิเลสแต่เป็นความเสื่อมของคนที่มันหลงเลอะเทอะอะไรพวกนี้ แทนที่จะเอากาลเวลา แรงงาน ทุนรอนมาสร้างสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์ในความเป็นมนุษย์ ไปเสียเวลา เสียเงิน เสียทอง เสียแรงงานอะไรต่ออะไรอยู่อย่างนั้นล่ะ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นประเทศที่เจริญคือประเทศที่ไม่หลงใหลอะไรพวกนี้มากมาย อาตมาเห็นแล้วทั้งข่าวคราว ทั้งนักวิจัยของสังคมอะไรๆ 

อาตมาก็เคยโง่ เคยเตะบอลอยู่ในวารินฯนี่แหละ มีทีมฟุตบอลตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ อาตมาเคยแต่งเพลง เอาชื่อนักฟุตบอลที่เป็นทีมเรามาเป็นเพลงตั้งแต่เด็กเคยทำ จำไม่ได้แล้ว คือมันก็มีเศษของความหลงเป็นสัญชาตญาณติดๆมายังลิงลมอมข้าวพอง ยังติดเศษมาก็เห็นใจ

แต่ก็จะพยายามพูดเพื่อจะให้รู้ว่าควรจะเลิก ไม่ใช่ว่าควรส่งเสริม มันมากอยู่แล้วแต่คนโง่ไม่รู้ คนอวิชามันเยอะส่งเสริมกันอยู่ มันก็ไม่มีหมด มีแต่จัดจ้าน  แต่ก่อนต้องไปชวนพ่อแม่พี่น้องมานั่งเต็มสนามฟุตบอล ต้องไปขอร้องพ่อแม่พี่น้องมานั่งดูหน่อย คนไม่มีมาดู แต่เดี๋ยวนี้ต้องเสียเงินไปดูเพราะกิเลสมันเจริญคนมันโง่ เสียเงินเสียทองเท่าไหร่ก็ต้องบินไปดูนัดสำคัญๆ อย่างทักษิณมีสตางค์ที่ออกนอกประเทศไปเข้าไม่ได้ก็จะไปดูกีฬาที่ดูไบอย่างนี้เป็นต้น อาตมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเนาะพูดพยายามพูด พยายามข่มดูถูกสิ่งที่ไม่น่าไปติดไปยึด มีอาการมองเห็นด้วยปัญญา เลิกพวกนี้ได้คุณเจริญ ไปนิยมชมชื่นไปติดไปยึด คุณเสื่อม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2566 ( 10:44:39 )

นรกตอนเป็นๆเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ขนาดชาวพุทธด้วยกันเขายังไม่เชื่อ เขาทำบาปทำกรรมเป็นนรกอยู่เลย ถ้าเขากลัวเขาก็จะไปทำหรือ มันไม่ได้กลัวจริง ไม่มีหิริโอตตัปปะ ถ้ากลัวจริงใครจะไปกล้าทำชั่ว นรกมันยิ่งกว่าเงินกว่าทอง นรกมันยิ่งกว่าทรัพย์ศฤงคาร นรกมันยิ่งกว่าอะไรต่ออะไรอีก จริงๆแล้วก็พอเข้าใจ ใครจะไปทำ แต่เขาไม่รู้ เราก็พยายามบอกว่า นรกตอนเป็นทุกข์ร้อนก็คือนรก แต่เขามีเหตุปัจจัยที่เขาไม่ได้ทุกข์ร้อนในขณะนี้ เหมือนอย่างกับพวกขี้โกงไปแล้วก็ยังมีอำนาจของเงิน มีอำนาจของสิ่งที่ได้ทำลูกน้องเลี้ยงไว้อะไรต่ออะไรไว้ เสนอหน้ากันอยู่ในสังคมนี้ อย่างที่กำลังเสนอหน้านี้ทำดี และเอาอะไรไปถวายอย่างนี้ทำดูดีกลบเกลื่อนเอาไว้เท่านั้นเอง ตายแล้วนรกไม่รู้จักเท่าไหร่ เขาไม่รู้ตัวหรอก เขาก็แป้นแล้นเสนอหน้าไป ยังไม่ตายก็เลยยังไม่เสวยวิบากต่อไปในชาติต่อๆไป 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:08:44 )

นรกปหาส

รายละเอียด

นรกสนุกรื่นเริง

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 171


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:20:09 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:25:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:58:21 )

นรกปหาสะ

รายละเอียด

คือ สนุกสนานเป็นนรกรื่นเริงบันเทิงธุรกิจ ที่บานปลายออกไปจนสุดกั้น ไม่สามารถยับยั้งกันได้แล้ว

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม1 หน้า199


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:25:18 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:42:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:12:50 )

นรกปหาสะ

รายละเอียด

มีโทษสองอย่างคือ มโนปโทสิกะ กับขิฑฑาปโทสิกะ คือนรกรื่นเริงสนุกสนาน อาตมาก็เสียเพื่อนไปเยอะ เพราะอาตมาเคยอยู่ในวงการบันเทิงก็ไปว่าเขา ว่า ความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงว่าเป็น สัตว์นรก เขาก็เลยไม่มาเลย คนที่ไปหลง ความบันเทิงรื่นเริงเป็นสวรรค์ลวง ที่จริงแล้วมันเป็นนรก นรกปหาสะ (รื่นเริง)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:17:07 )

นรกปหาสะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นต้องเลิกตั้งแต่ อันนี้หยาบรู้ตื้นๆ รู้ง่ายๆ ขิฑฑาปโทสิกะ หรือเรียกอีกศัพท์ว่า นรกปหาสะ นรกสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์ แล้วก็รู้ว่าอาการของจิตที่ไปติดยึดเอร็ดอร่อย มีอัสสาทะ อยู่กับความสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์ อย่างไร มันบำเรออัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:21:29 )

นรกสวรรค์ ภพชาติก็สร้างเองจากผู้ไม่รู้

รายละเอียด

ก็สร้างเองจากผู้ไม่รู้ผู้มิจฉาทิฏฐิทั้งนั้น ผู้ที่สัมมาทิฏฐิแล้วภพชาติไม่มี เพราะฉะนั้นคุณฟังอาตมาเข้าใจเดี๋ยวนี้ คุณก็ไม่ต้องติดใจว่ามันมี คนอื่นเขาไปหลงว่ามีก็ปล่อยไป เราไม่มีแล้วเราก็ทำจิตของเรา มันจะต้องไปมีชาตินั้นชาตินี้ชาติโน้น ไม่ต้อง อยู่กับปัจจุบันนี้ 100%เต็มๆ อดีตอนาคต จะว่ามันไม่มี มันก็เป็นผลของอดีต ผลของอนาคต ปัจจุบันนี้ไม่ใช่อดีตไม่ใช่อนาคต ก็เอาอันนี้เลย จะว่าไม่มีอดีตไม่มีอนาคต ไม่ได้มันก็มี แต่ว่าคุณจะไปมีกับมันทำไม เพราะว่ามันไม่ใช่ปัจจุบันไม่ใช่ของจริง เอาของจริงอยู่กับปัจจุบัน คุณทำดีสั่งสมลงเป็นอดีตก็ดี สั่งสมเป็นกิเลสก็มีกิเลส ดีกับชั่วเป็นโลกีย์ ส่วนกิเลสหมดกิเลสไม่หมด มันเป็นโลกุตระ 

เรื่องดีกับชั่วเป็นเรื่องโลกีย์ เรื่องสุขกับทุกข์เป็นเรื่องโลกุตระ เทวนิยมเขาไม่เรียนความสุขความทุกข์เพราะหลงความสุขและก็เสพสุข เป็นพวกสุขนิยม เขาไม่ได้เรียนรู้ความทุกข์เพราะว่าความทุกข์มันเป็นอันเดียวกับความสุข เขาได้ความสุขก็ได้ความทุกข์ไปด้วย เขาได้ความทุกข์ก็ได้ความสุขไปด้วย เพราะมันเหมือนกระดาษแผ่นเดียวกัน ศาสนาพุทธจึงได้ฉีกทิ้งและเผาทำลายกระดาษความสุขทุกข์ ทำลายความสุขความทุกข์ไปทั้งหมด ซึ่งอันนี้ไม่รู้กัน เขาไม่มีปัญญาทะลุที่จะหยั่งรู้อย่างที่อาตมาพูด 

สรุปแล้ว เรื่องโลกนี้ เทวโลก มารโลก ก็ต้องต่างกันแน่ เทวะกับมาร แต่เพราะความไม่รู้ของคุณ คุณหลงเทวะก็คือมาร เทวะกับมาร อันเดียวกัน เทวะคือหลงว่าเป็นสวรรค์ มารคืออาริยสัจที่รู้ว่ามันเป็นทุกข์เป็นนรก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:47:50 )

นรกสวรรค์คือภพคือชาติคืออุปาทาน

รายละเอียด

ดีมากหลายคนจะเข้าใจเพิ่มขึ้น นรกสวรรค์จริงๆคือจิตเป็นภพเป็นชาติ แล้วก็คิดว่าอาการหรือสภาพของนรก สภาพของสวรรค์ มันเป็นภพเป็นชาติ ตายไปแล้วค่อยไปอยู่ที่นรกตายไปแล้วค่อยไปขึ้นสวรรค์ ไอ้อย่างนั้นมันก็เป็นความเข้าใจที่มันไม่เป็นความจริงมันเป็นความเข้าใจแล้วก็เอามายึดถือ มันเป็นสัญญาในอนาคต เรายังไม่ตาย ตายไปแล้วเราก็มีภพมีชาติเป็นอนาคตซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่งใน 62 เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรจะต้องไปคิดอย่างนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นมันไม่ถูกมันมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ต้น 

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าผู้ใดจับได้ว่า นรก-สวรรค์ ก็คือการสัมผัสจิตของตนในขณะปัจจุบันนี้ จิตของเราตกนรกจิตของเรามีทุกข์ก็คือตกนรก จิตของเรามีสวรรค์ก็ขึ้นสวรรค์ ศาสนาพุทธสอนไม่ขึ้นสวรรค์ตกนรก อาการรู้อะไรตามความเป็นจริงเท่านั้น ตากระทบรูปอันนี้อันนี้ก็เห็นเป็นอันนี้เท่านั้นอันนี้ไม่มีอาการทางจิตฟูแฟบ หรือตกนรกขึ้นสวรรค์ชอบไม่ชอบชังไม่ชังไม่มี ถ้ามีก็ยังเป็นกิเลสอยู่ หยาบ กลาง ละเอียด แล้วแต่อย่างนี้ เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายในบุคคล 7 วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2566 ( 19:46:04 )

นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่

รายละเอียด

นรกสวรรค์มีจริง นรกสวรรค์ไม่จริง นรกสวรรค์มีจริงคนที่โง่ก็สร้างอาการเหล่านี้ใส่จิตใจ นรกอยู่ในจิตใจสวรรค์อยู่ในจิตใจ สวรรค์คือจิตใจมันเกิดเรียกตามภาษาว่าเป็นความสุขมีความชอบใจพอใจ จิตพองผยองโตขึ้น ถ้าจิตแฟบเหี่ยวก็ทุกข์ อาการจิตนี้ใช้ฟูกับแฟบใช้มากหรือน้อยลง แต่จิตเป็นนามธรรมไม่มีตัวตน รู้ว่ามากคืออะไรมันเป็นอินทรีย์ มีพลังมีแรงมากแรงน้อย แรงสูงแรงต่ำ แรงผลักแรงเบา เป็นเรื่องของอาการของพลังทั้งนั้นเลย เราก็ต้องอ่านดู นรกคืออะไร นรกคือสภาพ ไม่ดี เป็นทุกข์ แล้วสิ่งที่เป็นสวรรค์คือดี คือสุข ทั้งสองอาการ ทั้งนรก ไม่ดี ทั้งสุข แล้วก็ว่าดี มันก็เป็นสภาพตัวตนเป็นสภาพๆ แล้วเราก็ต้องมาเรียกโดยภาษาว่าเราเอาอาการสุข อาการดีก็แล้วกัน หากเราจะมีอยู่ แต่ไม่ต้องไปดีแล้วยึดดีเป็นเรา สุขก็ไม่ต้องไปยึดสุขเป็นเรา ถ้ามันดีแรง แต่อย่าไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา หรือเป็นสิ่งน่าได้น่ามีน่าเป็น เราทำดีได้มากได้แรงด้วย แต่เราก็ถอนตัวจากแรง ไม่ดูดไม่ซึมไม่ติด เราก็ต้องรู้ว่าดีแรงๆเป็นอย่างไร อย่างหลวงปู่ทุกวันนี้พูดแรงให้คนไม่ดีรับไปปรับปรุง พวกนี้หนังเหนียวต้องบอกความไม่ดีให้แรงให้เขารู้สึกตัว ให้เขาเจ็บว่าถูกด่าแล้วนะ ไม่ได้แก้ตัว ต่อไปจะเบาลง มีคนมาช่วยมากขึ้น หลวงปู่ก็จะมีคนมาแรงแทนสรุปแล้วนรกสวรรค์คือสิ่งดีกับไม่ดี สิ่งสุข กับสิ่งทุกข์ อาการเหล่านั้นเราอาศัยบ้างแต่เพียงอาศัยใช้งาน เพราะฉะนั้นเราไม่อาศัยสิ่งที่ไม่ดี เราไม่อาศัยสิ่งที่เป็นนรก เราไม่อาศัยสิ่งที่เป็นความไม่ดี เราอาศัยสวรรค์สิ่งดีทำงาน แต่เราไม่ติดสวรรค์ สุขเป็นภาษา แต่ใจเราต้องทำให้มีอาการวางได้ แล้วเราก็ทำอย่างดีอย่างถูกต้องอย่างประเสริฐ เราก็มาเรียนรู้ให้ครบแล้วฝึกหัดไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:37:48 )

นรกอยู่ที่ความอยาก

รายละเอียด

คุณหลงสวรรค์อย่างไรตอนเป็นตอนตายก็ไปเป็นวิมานลอยอย่างนั้นได้ก็เป็นจริงเท่าที่พลังงานคุณได้สร้างไว้เสร็จแล้วหมดฤทธิ์หมดอำนาจคุณก็ไปตกเป็นนรกเพราะว่านรกนี้มันอยู่ที่อยาก หากคุณอยากได้สวรรค์มากเท่าไหร่ นรกก็ลึกเท่านั้น คุณอยากได้สวรรค์ 80 ปีแต่ตกนรกเป็น 800 หรือ 8000 ปี สวรรค์นิดเดียวแต่ว่านรกมันเยอะกว่าเทียบกันไม่ได้เลย เพราะความติดยึด สวรรค์นั้นคือของปลอมมันมีนิดเดียวแต่นรกเป็นของจริง จิตหรือว่านรก หรือว่าทุกข์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้เป็นอาริยสัจเป็นสัจจะความจริง ส่วนสวรรค์นั้นพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็น สุขัลลิกะ เป็นของเก๊ ของเท็จ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:41:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:13:10 )

นรกแม้พระพุทธเจ้าก็ไม่หมดแต่เป็นเช่นไร

รายละเอียด

นรกไม่ใช่หมดนะ แม้พระพุทธเจ้านรกก็ไม่หมดแต่มันเป็นหมาล่าเนื้อที่วิ่งไล่ตามไม่ทันตราบใดที่มีชีวิตอยู่ การก้าวหน้าของผู้ที่เจริญมันมีอัตราการก้าวหน้ามากกว่าตัวชั่วที่จะวิ่งตาม มันยังตามล่าอยู่นะ กุศลอกุศล ไม่มีหมดไปจากอัตภาพของบุคคล อย่าประมาท อกุศลก็ไม่หมด กุศลไปเรื่อยๆ พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่าแม้แต่ตถาคตก็ไม่สันโดษในกุศล กุศลไม่รู้จักพอแต่อกุศล จบ พระอรหันต์ทุกองค์งดบาปแล้วหยุดอกุศล มีแต่กุศลไม่รู้จักพอแล้วมันจะไปทำอย่างไรไม่มีทางทัน เป็นอัตราเร่งที่แน่นอน ไม่ต้องกลัว ตกนรกไม่ต้องกลัวตาย มันง่ายๆ ถ้าเข้าใจแล้วไม่มียากลำบากอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:37:32 )

นรกและสวรรค์คือมายาทั้งคู่

รายละเอียด

สภาวะของสวรรค์ก็รู้สึกอย่างหนึ่ง นรกก็รู้สึกอย่างหนึ่ง ความหมายที่ทดแทนกันได้สวรรค์ก็คือความสุข นรกก็คือทุกข์ ถ้าเผื่อว่าเอาคำว่าสุขแล้วคำว่าทุกข์จะเข้าใจง่ายกว่าสวรรค์และนรก เพราะคำว่าสวรรค์และนรกนั้น สวรรค์เป็นความหมายของภพ แต่ภพเป็นเรื่องรูปสถานที่ แต่สุขกับทุกข์เป็นเรื่องของนามจิตใจความรู้สึกในความรู้สึกทุกข์และสุข สุข ก็คือสวรรค์ ทุกข์ ก็คือนรก ศาสนาพุทธไม่มีทั้งสวรรค์และนรก เพราะสวรรค์และนรกคือมายาทั้งคู่ไม่ใช่ของจริงเลย ผู้ใดรู้จักความสุขที่เราไปติดในอบายมุขมีความสุขในอบายมุขก็ต้องมีความสุขในอบายมุข ติดกาม ติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็ต้องมีความทุกข์ หรือจะไปหลงว่าเป็นความสุขอยู่กับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เพราะฉะนั้นเราดับความสุขความทุกข์ ก็หมดทั้งอบาย หมดทั้งกาม หมดทั้งรูป อรูปเลย เป็นลำดับละเอียดขึ้นไป 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:30:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:16:09 )

นรชนคือคนผู้เพลินไปด้วยอวิชชา

รายละเอียด

นรชนก็คือคนทุกคนถ้าอวิชชาก็เพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ สร้างไอ้นี่โตไปเรื่อย งอกงามจมลงไปเรื่อยๆ ฟังให้ดีแต่ละคนๆ ใช้ปัญญา ใช้ความเข้าใจให้ดีๆเราเคยโง่มาทุกคนโง่เง่าอย่างนี้ทั้งนั้น เสร็จแล้วก็ติดยึดจมอยู่นานนับชาติเป็นล้านๆ ฟังดูแล้วมันเหมือนนิดเดียวง่ายๆ แต่ที่แท้มันกินลึกมหาศาล นานมากกว่าจะมาถึงวันนี้ พวกคุณได้ฟังได้เข้าใจก็ชัดเจนขึ้นเกิดความรู้ๆๆ แล้วพลังงานที่รู้ก็คือปัญญา มันมีธรรมฤทธิ์มากนะ เป็นธรรมฤทธิ์ มันจะสลายความยึดติด  สลายความโง่ ปัญญายิ่งมีพลังงานมาก ยิ่งมีฤทธิ์มาก ยิ่งสลายได้จริง สลายได้เยอะ สลายได้แน่นอน สลายได้ถาวรมั่นคงยิ่งขึ้นๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 18:57:29 )

นรชนเมื่อตั้งอยู่ก็หยั่งลงในที่หลง

รายละเอียด

นรชน คือคนยังตั้งอยู่ด้วยอวิชชางอกงามไพบูลย์อยู่ในวิญญาณที่เกิดปรุงแต่ง ที่เกิดสังขาร งอกงามไพบูลย์ถึงเวทนาต่างๆ ก็ไม่รู้จักเวทนา ยึดถือเวทนาเป็นเราอยู่  

จึงชื่อว่า นรชนเมื่อตั้งอยู่ก็หยั่งลงในที่หลง คุณตั้งอยู่เพราะหยั่งลงในที่หลง หลงว่าเป็นตัวกูของกู ควรจะได้ควรจะมีจะเป็น งอกงามไพบูลย์  มันก็มีแต่จะบานไปไม่มีที่สิ้นสุด ใครจะมาหาทางสูญก็ชัดเจน คนละมุมคนละทิศละทาง 


 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:18:48 )

นวังคสัตถุศาสตร์

รายละเอียด

คือ คำสอนของพุทธศาสดา 9 หรือ พุทธคุณ 9

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า82


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:24:23 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:43:17 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:13:41 )

นวังคสัตถุศาสตร์

รายละเอียด

1. การเรียน-การสอนซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้สร้างศาสนามาตลอด

2. ใช้ภาษาเพื่อเกิดญาณแก่ผู้รับถ่ายทอดภาษาไปให้มีผลสูงที่สุด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2หน้า 158

ทางเอก ภาค 3 หน้า 120


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:21:28 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:26:23 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:00:01 )

นวังคสัตถุสาสน์ 9

รายละเอียด

คือคําสอน 9 อย่างของพระพุทธเจ้า

1. สุตตะ (แสดงเนื้อความของพระสูตรต่างๆ)

2.เคยยะ (เป็นร้อยแก้วบ้างเป็นคาถาร้อยกรองบ้าง ปนกัน)

3. เวยยากรณะ (เป็นร้อยแก้วล้วนๆ)

4. คาถา (ประพันธ์โดยผูกเป็นร้อยกรองล้วนๆ)

5. อุทาน (คําความที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งด้วยความเบิกบาน)

6. อิติวุตตกะ (พระสูตรที่อ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้)

7 .ชาดก (พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องราวในอดีตชาติ547 เรื่อง)

8. อัพภูตธรรม (พระสูตรว่าด้วยเรื่องอัศจรรย์ ที่ไม่เคยมีมา)

9. เวทัลละ (พระสูตรที่เป็นไปด้วยการถามและตอบ)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “ธรรมวิหารสูตร” ข้อ 73


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 20:59:53 )

นวังคสัตถุสาสน์ 9       

รายละเอียด

คือคำสอน  9  อย่างของพระพุทธเจ้า

1. สุตตะ (แสดงเนื้อความของพระสูตรต่าง ๆ)

2. เคยยะ (เป็นร้อยแก้วบ้าง เป็นคาถาร้อยกรองบ้าง  ปนกัน)

3. เวยยากรณะ (เป็นร้อยแก้วล้วน ๆ)

4. คาถา (ประพันธ์โดยผูกเป็นร้อยกรองล้วน ๆ)

5. อุทาน (คำความที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งด้วยความเบิกบาน)

6. อิติวุตตกะ (พระสูตรที่อ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้)

7. ชาดก (พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องราวในอดีตชาติ 547 เรื่อง)

8. อัพภูตธรรม (พระสูตรว่าด้วยเรื่องอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมา)

9. เวทัลละ(พระสูตรที่เป็นไปด้วยการถามและตอบ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 22 “ธรรมวิหาริสูตร” ข้อ 73

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:07:53 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:44:13 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:01:57 )

นอกจากขยันและสมรรถนะแล้ว...

รายละเอียด

ก็ย้ำอีกที ว่า ชาวอโศกขอให้ทำความยินดี ทำความชอบมาหากสิกรรมให้มาก ผู้ใดทำได้ มันจะมีพลังงานเข้ามาช่วยสร้าง สร้างการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหาร ขณะนี้ในบ้านราช มีที่ดินมากพอที่พอเราจะทำผลผลิตให้ได้มากกว่านี้ทั้งความขยันทั้งสมรรถภาพ นอกจากขยันและสมรรถนะแล้ว ยังมีกำลัง กำลังของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม พลังงานทั้งหมด นอกจากจะเป็นความรู้ความสามารถ กับความขยันแล้ว ยังมีกำลังอีก เส้าหนึ่งเป็นเส้าที่ 3 เพราะฉะนั้นกำลังคุณก็มี ความรู้คุณก็มี มีความขยันมี ก็มาใช้เถิด ที่ดินเรายังมีเหลือในบ้านราชนี้ยังมีที่ดินเหลืออีก ถ้ามันเจริญจริงไมยราพยักษ์จะไม่ขึ้น ในแผ่นดินราชธานีอโศกนี้ ใช่ไหม ถ้าเราเจริญจริงไมยราบยักษ์ก็ไม่เหลือ แล้วเราก็จะใช้ อย่างน้อยก็ปล่อยให้ ตาโก้งขึ้น ผักโขมขึ้น ผักบุ้ง โสน ก็จะขึ้นแทน แต่นี่แทนที่จะเป็นพวกนั้นมันเป็นไมยราบยักษ์ เราก็เอาไมยราบยักษ์มาทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เราก็ส่งฑูต ที่จะไปทำการช่วยเหลือเขาให้เขา ไม่ใช่เป็นทูตที่ไปเอาเปรียบเขาไปจ้องจะหาวิธีการหากำไรขูดรีดเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:58:26 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:20:00 )

นอกจากไม่กำจัดออก มิหนำซ้ำยังเติมภพเติมชาติ คัวใหม่อีกๆๆๆ!

รายละเอียด

แทนที่จะได้“กำจัดกิเลส”ที่เป็นเหตุให้เกิด“ภพ”ไปเป็น “ภพๆ-ชาติๆ” คือ กำจัด“กิเลสกามภพ”ขั้น“ผิวนอก”ก่อน จึงจะเหลือ“กิเลสรูปภพ”ที่เป็น“ผิว”ขั้นต่อไปที่เป็น“ผิวในเข้าไปเรื่อยๆ”เป็นชั้นๆ ของ“ภพเดิม-ชาติเดิม”ที่มีอยู่แล้ว ก็ไม่ได้กำจัด“ภพ”นั้น แต่กลับไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น “หลับตา”สร้างภพภายใน”เติมเข้าไปกันเลย เติม“ภพ”เติม“ชาติ”เข้าไปให้มากให้เพิ่มยิ่งๆขึ้นซึ่งแสดงว่า ยัง“อวิชชา”หนักหนาสาหัสจริงๆ แม้แค่ขั้นต้นความเป็น“ภพ 3 เดิม”ก็ยังไม่รู้เลยว่า มี“กาม”เป็นขั้นหยาบขั้นใหญ่ขั้นต้น ขั้นนอกที่เปิดที่เผยโต้งๆ เห็นได้ไม่ยาก เรียนรู้ได้ง่ายถึงก่อน ทำก่อนมันก็ต้อง“เริ่มต้น”กันที่“ขั้นต้น”เป็นขั้นถึงก่อนแล้ว“ทำก่อน” ก็ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง แล้วกลับหลบหลับมุดเข้าไป“ทำภพใหม่”ในที่มืดดำไม่มีแสงสว่าง อันไม่ครบ“จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก”ตามแบบพระพุทธเจ้า มันก็นอกรีตไปแล้ว 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 463-464 ข้อที่ 644


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2565 ( 14:47:32 )

นอกเขตพุทธเพราะรู้แต่กายนอกไม่รู้กายใน ไม่ดูจิตดูใจดูอาการ! (1 ไม่ได้ ต้อง 2 เสมอ)

รายละเอียด

ดังนั้น ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิแต่แรกเลยจากภาษาว่า“กาย”

ก็ไปเข้าใจผิดว่า มีแต่“ภายนอก”เดียวๆเดี่ยวๆไม่มี

“ภายใน”ด้วย 

ผู้ปฏิบัติผู้นี้ก็เริ่ม“ผิด”ไปแล้วตั้งแต่“กาย”ที่ไปหมายเอา

ว่า“มีแค่ภายนอก”

เอาแต่“ภายนอก” 1 เดียว จึงกำหนด“กายไม่เป็น 2”

“กาย”เป็นแค่“1”  ก็“ผิด”ไปอย่างสำคัญฉะนี้แล  

การพิจารณาหรือจัดการกับ“กาย”ของผู้ปฏิบัติผู้นี้ก็มีแต่

สรีระ“ภายนอก” 1 เดียวเท่านั้น 

มันไม่เกี่ยวกับ“ใจในใจ“เลย 

“การทำใจในใจ(มนสิการ)”ก็ไม่มีเลย!!! ..ชัดเจนมั้ย?

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 135 หน้า 124


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 04:26:44 )

นักกสิกรรมเป็นกระดูกสันหลังของโลก

รายละเอียด

นี่มันน่ากัด กรอบแน่นอน หวานจ๋อยเลย สดๆ (ชูแตงกวา) เรามีอาหารเป็นหนึ่งในโลก แม้จะมีเครื่องใช้ แม้จะมีเสื้อผ้า มีที่พักก็เป็นรองทั้งนั้น อาหารนี่เป็นหนึ่งจริงๆ 

อาตมาได้ระดม ได้พยายาม ทำความเข้าใจกับพวกคนทั้งหลาย พวกเรานี่แหละเป็นสำคัญ ให้เอาชีวิตมาลงไปที่ มาช่วยกันเป็นกสิกร ใครอยู่หอคอยงาช้างอยู่ที่งานสูงงานเหินฟ้าไม่ติดดินอะไร ให้ลงมา ลงมาจนกระทั่งพอใจยินดีที่จะเป็น นักกสิกรรม เป็นกสิกรแข็งขัน กระดูกสันหลังของชาติ ของโลกเลย กระดูกสันหลังของโลกเลยไม่ใช่ของชาติเท่านั้น มันช่วยชาติจริงๆ 

อาตมาพูดไปแล้ว ถ้าประเทศไทยเรานี้มีพื้นดินเท่านี้แหละ แต่ละคนเข้าใจอันนี้แล้วปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เต็มที่ เป็นผลผลิต เป็นสินค้า อันยิ่งใหญ่ จะยิ่งใหญ่กว่าระเบิดปรมาณู จะยิ่งใหญ่กว่าปืนวิเศษ ที่เขาคิดมาฆ่ากัน ยิ่งใหญ่กว่าจริงๆเลย อาตมาอยากจะพิสูจน์อันนี้จริงๆ มาช่วยอาตมาพิสูจน์บ้างเถอะ ใครจะช่วยอาตมาพิสูจน์เรื่องนี้บ้าง บางคนยังไม่อยากยกมือเพราะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ค่อยๆเข้าใจ อาตมาไม่ได้บังคับนะ  ให้เกิดภูมิปัญญา ให้เกิดปฏิภาณของเราเอง เข้าใจ แล้วก็เต็มใจทำเแล้วมันดี ถ้าไม่เต็มใจทำแล้วมันก็อย่างนั้นแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ 8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:30:23 )

นักการกุศลคือนักประเหลาะ

รายละเอียด

นักการกุศลคือนักประเหลาะ ได้รับความยอมรับ คำว่านักการกุศลได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดี ถ้านักบุญแล้ว เขาก็ไปเข้าใจคำว่าบุญคือกุศล ก็เลยพอๆกัน นักบุญหรือนักการกุศล อย่างแม่ชีเทเรซา เป็นนักบุญ เป็นนักการกุศล ทำการกุศลตลอดชีพเลยจนตาย เสียสละชีวิตทำจนได้รับ Nobel Prize จนได้รับการยกย่องจนทางศาสนาคริสต์ก็ยกให้เป็นนักบุญ เป็นคนรับใช้ประชาชน เพราะฉะนั้นในความเป็นนักฆ่า มีความเป็นนักการกุศลอยู่ในตัว ซ้อนอย่างลึกซึ้งที่สุด นักบุญจะฆ่าตัวเองก่อน นักบุญจะฆ่าตัวเองให้ตายเสร็จก่อน ก็เลยตาย พอตายก็เหลือแต่ซากของการกุศล เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่ทำการกุศลอย่างผีดิบ ผีดิบฆ่าไม่ตาย อย่างไรก็ไม่มีการฆ่าตาย พูดอย่างโวหารโพธิรักษ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:40:30 )

นักการเมือง

รายละเอียด

1. ผู้ที่เข้าไปเสียสละช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ ไม่ใช่ผู้เข้าไปแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

2. คนที่อยู่ในฐานะนักบริหาร อันเป็นฐานะระดับสูงขั้นที่ 2 ของสังคม[ขั้นที่ 1 คือนักบวช] ซึ่งมีศักดิ์ศรี ได้รับความเคารพนับถือเทียบเท่า

อาริยขนขั้นอนาคามี จึงต้องมีคุณภาพเพียงพอให้สมกับฐานะ

หนังสืออ้างอิง

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 267

 


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 07:23:51 )

เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 14:27:48 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:04:56 )

นักการเมือง

รายละเอียด

คือผู้ที่จะไปบริหารประเทศ ช่วยพระราชา ตำแหน่งสูงสุดในระบอบประชาธิปไตย2ขาก็คือนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ตามพระปรมาภิไธย

ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข = มีทั้งจิตวิญญาณและมีวัตถุโลก เป็นเทว เป็นธรรมะ 2 ครบ ประชาธิปไตยมีทั้งกษัตริย์มีทั้งประชาชน เป็น 2 เทวะครบมีกระทั่งถึงวัตถุ กษัตริย์จะให้ท่านมาลงถึงวัตถุทำไร่ไถนาทำอุตสาหกรรมของตนเองมันไม่ได้ อย่างเช่นในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังมีโมเดลของโรงงานกสิกรรมอุตสาหกรรมอยู่ในวัง คิดดูสิ แล้วให้คนไปรับองค์ความรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องหนัก ในหลวงท่านก็หนักแล้วเรื่องวัตถุ อาตมาหนักในเรื่องนามธรรม อาตมาหนักทางธรรมะท่านหนักในทางวัตถุรูปธรรม ขออภัยที่พูดเป็นวิชาการ บางคนเขาอาจรู้สึก ทำไมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับในหลวง แต่นี่คือการอธิบายธรรมะ แล้วธรรมะขนาดนี้ อาตมาจะต้องอธิบายขยายความยิ่งกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วประชากรโลกกำลังใส่ใจในเรื่องนามธรรม เรื่องของจิตวิญญาณยิ่งขึ้น เขาเก่งแล้วในเรื่องทางวัตถุ ในหลวงรัชกาลที่  ท่านบอกว่าไม่ต้องไปเก่งทางด้านอุตสาหกรรมมาเอาทางกสิกรรม แต่ท่านจะไปตรัสอะไรได้มากไม่ได้ ต้องแบ่งหน้าที่กันไปตามฐานะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:39:29 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:33 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:23:05 )

นักการเมืองกับนักธรรมะต้องเป็นคนคนเดียวกันได้ 

รายละเอียด

อาตมาจะไปตอบเรื่องอะไรเขาจะคิดอย่างไร ก็คงจะต้องตอบว่า เขายังไม่รู้อยู่ เขายังโง่อยู่ เขายังนึกว่าคนที่เป็นธรรมะก็อย่างหนึ่ง คนที่เป็นการเมืองก็อีกอย่างหนึ่ง แต่เขาไม่คิดว่าคนการเมืองคนธรรมะนั้นคือคนเหมือนกัน และก็เป็นคนสังคมเดียวกัน 

เพราะฉะนั้นในคนเหมือนกันนี่ ก็มีการเมืองกับมีธรรมะอยู่ในตัวคนเดียวกันได้ และมันต้องมีด้วย พยายามศึกษาดีๆทำความเข้าใจ 

อาตมาเข้าใจนะที่คุณถามมานี่ เพราะว่าสังคมไทยนี่แหละ เมืองอื่นอะไรอื่นเขาจะว่ากันอาตมาไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของต่างประเทศเท่าไหร่ คนไทยนี่ศาสนาพุทธในเมืองไทยนี่แหละ พยายามแยกพยายามแบ่งว่า ผู้บวชนักบวชอย่าไปยุ่งกับการเมืองเขา อาตมาก็เข้าใจเห็นใจเขาเหมือนกัน 

เพราะว่านักบวชของเขา มันยังตื้น ยังไม่มีภูมิธรรมอะไร ถ้ามาเจอนักการเมืองที่เขี้ยวลากดินก็ดึงเข้าไปเป็นเครื่องมือ ก็เสียพระเสียศาสนาเสียธรรม เขาก็เลยกันเอาไว้ ดูเหมือนทางเถรสมาคมประกาศไว้ว่า พระอย่าไปพูดเรื่องการเมืองอย่าไปเกี่ยวเรื่องการเมืองมันเป็นอย่างนั้นด้วย..ก็ดี ป้องกันไว้เพราะว่า พระในเมืองไทยแย่และอ่อนแอ เข้าไปยุ่งกับการเมืองไม่ได้ เพราะนักการเมืองเขี้ยวลากดินจริงๆก็เสร็จเขาหมด เขาก็กันเอาไว้ก็เป็นการป้องกันที่ดี 

แต่ผู้ที่เข้าใจแล้วและมีภูมิธรรมพอแล้ว ก็สามารถที่จะไม่ว่าจะเป็นพระด้วยกันจะเป็นนักการเมือง ก็สามารถทำธรรมะเอาธรรมะใส่ลงไปในนักบวชก็ตามฆราวาสนักการเมืองก็ตาม ให้เขาได้ เพราะว่ามีอุตระมีโลกุตระ มีความเหนือที่เขายังไม่มีที่จะให้เขาได้ นี่ก็เป็นไปตามสัจจะ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:44:52 )

นักการเมืองจริงเป็นไฉน

รายละเอียด

อย่างโลกของความวนของการเมือง คนไม่รู้จักการเมืองจริง มีตัวตนอยู่ในโลกของโลกีย์ พวกนี้ทำให้การเมืองฉิบหายวุ่นวาย มาเป็นพระอริยะ เข้าใจสภาพจริงแล้วว่า อ๋อ เราทำการเมืองนี้เป็นงานเพื่อประชาชนรับใช้ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน พูดอย่างนี้มันดูหยาบๆ คนเราช่วยคนอื่นได้ไปเรื่อยๆ ก็เป็นนักการเมืองทั้งนั้น ถ้ายังช่วยคนอื่นแล้วหวังประโยชน์ตอบแทนตัวเองคือนักการเมืองขี้เก๊ เป็นนักหลอกลวง นักการเมืองที่จริงนั้นช่วยเหลือคนอื่น ถ้ายังหวังมาเพื่อตัวเองบ้าง ถ้าโลภมาให้แก่ตัวเองก็ไม่ใช่นักการเมืองจริง เป็นนักบรรลัยจักร นักการเมืองต้องทำเพื่อผู้อื่น ถ้าทำเพื่อคนอื่นมากกว่ามาให้แก่ตนเองคนนั้นเริ่มเป็นนักการเมือง เพื่อคนอื่นมากกว่ามาให้ตน ตัดเขตตรงนี้ คนเอาให้มาแก่ตัวเอง 5 ให้คนอื่น 4 คนนี้เริ่มเป็นนักการเมืองแล้ว ให้คนอื่น 6 ให้แก่ตัวเอง 3 ให้คนอื่น 7 ให้ตัวเอง 2 คนนี้เป็นนักการเมืองที่ขึ้นระดับ 7 คนนี้เที่ยง นิยตโพธิสัตว์ขึ้นไป คนนี้เป็นนักการเมืองตัวจริงของโลก ยิ่งเป็นระดับ 8 เป็นนักการเมืองสุดยอด ระดับ 9 ไม่ต้องพูดเลย พระพุทธเจ้าจึงเป็นนักการเมืองสุดยอด ระดับ 9 รู้โลก รู้อัตตา เพราะฉะนั้น เป็นผู้มีโลกาธิปไตย

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:55:02 )

นักการเมืองจริงเป็นไฉน

รายละเอียด

อย่างโลกของความวนของการเมือง คนไม่รู้จักการเมืองจริง มีตัวตนอยู่ในโลกของโลกีย์ พวกนี้ทำให้การเมืองฉิบหายวุ่นวาย มาเป็นพระอริยะ เข้าใจสภาพจริงแล้วว่า อ๋อ เราทำการเมืองนี้เป็นงานเพื่อประชาชนรับใช้ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน พูดอย่างนี้มันดูหยาบๆ คนเราช่วยคนอื่นได้ไปเรื่อยๆ ก็เป็นนักการเมืองทั้งนั้น ถ้ายังช่วยคนอื่นแล้วหวังประโยชน์ตอบแทนตัวเองคือนักการเมืองขี้เก๊ เป็นนักหลอกลวง นักการเมืองที่จริงนั้นช่วยเหลือคนอื่น ถ้ายังหวังมาเพื่อตัวเองบ้าง ถ้าโลภมาให้แก่ตัวเองก็ไม่ใช่นักการเมืองจริง เป็นนักบรรลัยจักร นักการเมืองต้องทำเพื่อผู้อื่น ถ้าทำเพื่อคนอื่นมากกว่ามาให้แก่ตนเองคนนั้นเริ่มเป็นนักการเมือง เพื่อคนอื่นมากกว่ามาให้ตน ตัดเขตตรงนี้ คนเอาให้มาแก่ตัวเอง 5 ให้คนอื่น 4 คนนี้เริ่มเป็นนักการเมืองแล้ว ให้คนอื่น 6 ให้แก่ตัวเอง 3 ให้คนอื่น 7 ให้ตัวเอง 2 คนนี้เป็นนักการเมืองที่ขึ้นระดับ 7 คนนี้เที่ยง นิยตโพธิสัตว์ขึ้นไป คนนี้เป็นนักการเมืองตัวจริงของโลก ยิ่งเป็นระดับ 8 เป็นนักการเมืองสุดยอด ระดับ 9 ไม่ต้องพูดเลย พระพุทธเจ้าจึงเป็นนักการเมืองสุดยอด ระดับ 9 รู้โลก รู้อัตตา เพราะฉะนั้น เป็นผู้มีโลกาธิปไตย

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 12:09:11 )

นักการเมืองชาวอโศกประท้วงอย่างไรที่เป็นประชาธิปไตย 100%

รายละเอียด

นี่คือนักการเมืองชาวอโศก ทำอย่างยืนยันเปิดเผยไม่ได้ปิดบัง แล้วประท้วงกันอย่างสงบ ประท้วงโดยไม่ใช้อาวุธ ประท้วงโดยประชาธิปไตย 100% แล้วความสงบก็สยบความเคลื่อนไหวด้วย ชนะจนกระทั่งคุณประยุทธ์ถึงเวลาจะปฏิวัติ เพราะว่าทางโน้นกำลังหมดแล้ว ก็บอกว่าปฏิวัติเท่านี้ก็จบแล้ว นี่คือผลสำเร็จของความสงบสยบความเคลื่อนไหวได้สวยงามที่สุด เป็นปรากฏการณ์ในเมืองไทย ฟีโนมีนอน ที่อื่นเลียนแบบไม่ได้ ทั้งผู้ปฏิวัติและผู้ที่ถูกปฏิวัติ ทั้งประชาชน ประเทศไหนจะทำได้อย่างมีองค์ประกอบของสังคม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:46:05 )

นักการเมืองต้องมีความจริง 4 ข้อ

รายละเอียด

ตั้งแต่จิตวิญญาณเรียกว่า ปรมัตถ์ เป็นจริง ไม่มีกิเลสจริง เพื่อมนุษยชาติจริงซื่อสัตย์จริง รับใช้ประชาชนจริง เป็นต้น อย่างนี้จริงๆ 

เพราะฉะนั้นเรามีความจริงสั้นๆย่อๆ แต่คำแค่ 4 ความหมายนี้ ซื่อสัตย์ ไม่มีตัวตน  รับใช้ประชาชน เสียสละ 

แค่นี้ก็เป็นคุณวิเศษหรือคุณสมบัติของนักการเมือง เท่าที่เรามีความจริงได้ ทำได้แบบนี้ มีแกนความจริงแบบนี้ เราจะสามารถ มีสมรรถนะมากเท่าไหร่ สามารถรับใช้ สามารถเสียสละ หรือแม้แต่สามารถซื่อสัตย์นี่แหละ เรามีจริงเท่าไหร่ เราก็ทำเท่าที่เรามี เต็มที่ 

เช่นเสียสละอย่างนี้เป็นต้น เราไม่ได้ทำเพื่อเอาอะไร ใจซื่อเราก็เรียกว่าซื่อ รับใช้ก็เท่าที่เรารู้ว่าจะต้องรับใช้ประชาชน ต้องทำอย่างนี้ให้มวลประชาชนเท่าที่เราจะมีสมรรถนะสามารถทำออกไปได้ ซึ่งเป็นสัจจะที่ พิสูจน์ได้ เราทำ อาตมาจะพาทำ จะได้แค่ไหนจะได้อย่างไร จริงๆอาตมาอยากเห็นจริงๆ อยากเห็นว่า ถ้ามันเป็นดังที่อาตมาว่า 

ที่มา ที่ไป

สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:50:37 )

นักการเมืองต้องมีธรรมะที่สัมมาทิฏฐิเป็นอาริยบุคคล

รายละเอียด

ที่พูดเรื่องการเมือง คุณก็ยังเข้าใจไม่ได้ว่าการเมืองคืออะไร คุณแยกธรรมะกับการเมืองออก ซึ่งเป็นความผิดที่มหันต์ คนที่แยกธรรมะออกจากการเมืองคนนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลทำให้สังคมบ้านเมืองฉิบหาย เพราะว่านักการเมืองไม่ให้มีธรรมะ แล้วนักการเมืองมันจะไปเจริญได้อย่างไร บ้านเมืองก็จึงได้ชิบหายเพราะความคิดที่ผิดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นต้องให้นักการเมืองมีธรรมะเป็นธรรมะที่เป็นสัมมาทิฏฐิจนเป็นอริยบุคคลเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์เลย ถ้าหากนายกรัฐมนตรีก็ดีเป็นพระอรหันต์บ้านเมืองจะดีมาก แต่คนเข้าใจผิดว่าฆราวาสเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาพูดไปแล้วก็อย่างที่เขาเข้าใจผิดกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม  2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:20:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:06 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:24:40 )

นักการเมืองต้องเข้าใจครอบครัว

รายละเอียด

นักการเมืองต้องเข้าใจครอบครัว ไม่เป็นภาระครอบครัวมาก ครอบครัวจะต้องพอไปรอด มีอาชีพส่วนตัวสำหรับหัวหน้าครอบครัว ซึ่งผู้ที่มาทำงานให้แก่การเมืองเป็นนักการเมืองไม่ต้องเป็นกังวลเลย  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:41:48 )

นักการเมืองต้องเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ข้อ 9 นักการเมืองคือผู้มีอิสระอย่างแท้จริง ไม่เป็นทาสโลกธรรม นักการเมืองต้องเป็นอริยบุคคลต้องเป็นพระอรหันต์ แสดงว่า เขายอมรับข้ออื่น แต่ละคนมีสิทธิ์จะเข้าใจอย่างไรก็ได้ พิสูจน์สัจจะไป 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 11:28:26 )

นักการเมืองนอกสภา

รายละเอียด

จริงนะ พรรคการเมืองนี่ อาตมาจะพาทำเป็นนักการเมืองที่ไม่สมัคร ส.ส.หรอก จะเป็นนักการเมืองนอกสภา ฟังไว้ เป็นนักการเมืองนอกสภา ก็เรียนรู้ ดูแลประชาชน ใครจะเอาเขตไหนก็ไปดูแลเขตนั้น ใครมีความเดือดร้อนอย่างไร เรามีสื่อสารอะไรก็ออกไป ไม่ต้อง ไปพูดที่สภาเศรษฐกิจ ไปเถียงกันที่เขาเถียงกัน แต่นี่มีอิสระ คุณมีแรงจะพูดเป็นนักการเมืองอิสระก็พูดไปจนกว่าจะหมดแรงได้ ดีไม่ดีมาขอพูดออกสื่อโทรทัศน์ เราก็ว่าไป นักการเมืองของเรา เราให้พูด นักการเมืองข้างนอกไม่เอา ใครจะว่าเอาแต่พวกมัน ก็ไม่เป็นไร อาตมาพาทำเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง ไม่ได้หาเสียงให้แก่ตัวเองด้วย แต่จะพูดคุณต้องทำงาน คุณต้องไปทำงานกับประชาชนจริงๆว่าอันนี้เขาขาดแคลน อันนี้เขาไม่สะดวกก็บอกไป ใครจะพอมีช่วยได้บ้างอย่างนี้อย่างนี้นะนี่คนนี้ ลำบากอย่างนี้ขาดแคลนอย่างนี้ ใครจะพอช่วยได้อยู่ใกล้กันไหมอยู่ตรงนั้นตรงนี้มาช่วยกัน นี่คืองานการเมืองช่วยกันให้อยู่อย่างสะดวกสบาย 

จะเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจก็ใช่ สิ่งที่คนอาศัย แต่ทุกวันนี้นักการเมืองหาแต่เสียง มันโทรมมันเสื่อมไปหมดแล้ว แล้วนักเมืองจริงๆไม่หาเสียงทำงานกับประชาชน แล้วประชาชนจะก็รู้เองว่าคนนี้เป็นคนทำงาน ไม่ใช่เอาแต่ชัชชาติ มันเป็นศัพท์แล้วนะคุณไม่รู้หรอกว่า ชัชชาติแปลว่าอะไร คือ Big word 

Big Word แปลว่าขี้โม้ เขามี Big Word กับ Great Word  ถ้า Big Word ก็คือขี้โม้ ถ้าเป็น Great Word ก็คือยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:46:00 )

นักการเมืองประชาชนหรือนักประชาธิปไตยติดดินคือใคร

รายละเอียด

อาตมาทำงานมาถึงในยุคนี้แล้วก็พอจะมีคนเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อาตมาก็นำพายืนหยัดยืนยันอย่างที่อาตมาเข้าใจตาม Concept ความรู้องค์รวมของอาตมาที่มีความเข้าใจว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างนี้นี่แหละนำพาไปตั้งแต่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นนักการเมือง ที่ไม่รับตำแหน่งหน้าที่บริหาร เป็นประชาชนเต็มใบ เป็นประชาชนเต็มที่ เป็นนักการเมืองประชาชน ไม่ขอไปเข้าสภา อยู่ติดดินนี่แหละ เป็นนักประชาธิปไตยติดดิน นำพาประชาชนไปเลย 

เพราะฉะนั้นก็จะยืนหยัดยืนยัน ยิ่งไม่แน่หรอก ถ้าเผื่อว่ายังไม่หยุดก็จะเกิดรุนแรงขึ้นไปอีกไม่แน่อาตมาอายุ 100 ปีอาจจะออกไปนำหน้า ใครจะไปกับอาตมายกมือขึ้น ...อาตมาถามลำลองไว้ก่อน อย่าหลบหน้านะ ยกมือเต็มที่แล้วนะ ร้อยปีแล้ว ยิ่งมีเหตุการณ์จำเป็นที่จะต้องพาพวกเราออกไป รับรองไป อาตมาเชื่อว่าพวกเราไม่ได้พูดเล่นไปกับอาตมาแน่ จริงๆเพราะมีเรื่องหลายอย่าง มันสนุกแน่งวดนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:16:41 )

นักการเมืองร้ายกาจกว่านายทุน 

รายละเอียด

ก็ขอบคุณในความเห็นของคุณเจี๊ยบธีระที่ให้ความเห็นมา อาตมารับฟังปฏิบัติตามสมควร จริงๆแล้วอาตมาทำตามอยู่บ้างที่เจี๊ยบว่า ก็ไม่ได้ไปทำเสียเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นยุ่งกับการเมืองยุ่งกับนายทุน อาตมายุ่งกับทั้งนายทุนและการเมืองเพราะร้ายกาจทั้งคู่ นักการเมืองนี่แหละร้ายกาจกว่าทุนนิยมด้วยว่ากันจริงๆ จุ้นจ้านวุ่นวายกว่านายทุน นายทุนนั้นมุ่งหน้ามุ่งตาสร้างให้คนเขาศรัทธาเลื่อมใส แต่นักการเมืองไม่ค่อยสร้างศรัทธาเลื่อมใส เอาแต่อำนาจบาตรใหญ่ใส่ตัวเพื่อจะได้ข่ม เพราะฉะนั้นถ้าว่าจริงๆแล้ว นักการเมืองร้ายแรงยิ่งกว่านายทุน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 06:29:23 )

นักการเมืองอวรรณะ 9 เขาชอบหาเสียง

รายละเอียด

อาตมาพูดไปแล้ว ไม่ใช่พูดอย่างโม้ๆ ไม่ได้พูดอย่างลอยลม แต่พูดอย่างที่มีสภาวะรองรับ มีบุคคลชาวอโศกรองรับ คุณลักษณะทั้งหลายแหล่นั้นจริง เป็นคนพ้นจาก อวรรณะ 6 แปลง่ายๆภาษาไทยว่าเป็นคนชั้นต่ำ 

1. เลี้ยงยาก  (ทุพภระ) 

2. บำรุงยาก  (ทุปโปสะ) 

3. มักมาก  (มหัปปิจฉะ) 

4. ไม่รู้จักพอ  (อสันตุฏฐิ)  ไม่สันโดษ 

5. เกียจคร้าน  (โกสัชชะ) 

6. คลุกคลีหมู่คณะ(คลุกกองกิเลส) (สังคณิกา) 

(พตปฎ. เล่มที่ 1  ข้อ 20)  ตรงข้ามกับ วรรณะ 9

เป็นความเกียจคร้านและยังเป็นคนเกียจคร้านด้วย โกสัชชะ กุสีตะ พวกอวรรณะ 6 นี้ เป็นคนไม่เจริญ เป็นมนุษย์หรือ เป็นคนในสังคมที่เป็นโทษ เป็นคนเลี้ยงยากคืออย่างไร เลี้ยงยากมีชีวิตมีความยึดถือมากอย่างนี้ จะกินอย่างนี้ จะอยู่อย่างนี้ จะเอาอย่างนี้ จะเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ยึดถือตัวเอง ที่คนอื่นเขาไม่เห็นด้วยหรือเขาคนอื่นเขาตามยากจะเป็นคนอย่างนั้น และเป็นคนยึดมั่นด้วยข้อที่ 2 เป็นความไม่เจริญข้อที่ 2 พัฒนาแก้ไขยากคนนี้ ทุโปสะ ไปแก้ไขที่เขายึดนี่ยากด้วย 

3. เป็นคนไม่รู้จักพอไม่สันโดษ เท่าไหร่ๆก็จะต้องการไม่มีที่สิ้นไม่มีที่สุด บำเรอกิเลส บำเรอตนเอง แล้วเป็นคนที่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ หมู่คณะที่เป็น อวรรณะ คลุกคลีด้วยหมู่คณะ พวกของตัว จะหาพวกและจะคลุกคลีอยู่กับพวกของตัว ไม่เปิดจิตรู้จักคณะอื่นที่เขาดีบ้าง  

ถ้าจะพูดถึงคณะของพิธา กับคณะของชาวอโศกนี้คนละฟากโลกเลย เอ้า พอ ผ่านพวกนี้ไปก่อน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนที่เกียจคร้าน คำนี้ลึก เป็นความเกียจคร้าน เป็นคนเกียจคร้าน ภาษามันฟังดูง่ายว่าคนเกียจคร้าน เขาก็ดูไม่เห็นเป็นคนเกียจคร้าน แต่เขาขยันหาพวกหาคณะ ไม่ได้มาขยันเรียนรู้สิ่งที่จะเปิดกระโหลกของเขาเลย ของเขาจะอยู่ในความรู้กะลาครอบของเขา เป็นกะโหลกหุ้มอยู่ที่ในตัวเอง เป็นอัตตาตัวตนที่ยึดติดความรู้ ยึดติดสิ่งที่เขานึกว่ามันดี ซึ่งเขาเลิกกันแล้ว เป็นเรื่องที่ ซับซ้อน เป็นเรื่องที่นึกว่าฉลาดแต่โง่ซับซ้อน เขานึกว่าเขาฉลาดแต่เขาโง่ซับซ้อน นึกว่าความซับซ้อนที่หลากหลายนั่นคือความมากรู้ ความโง่ที่หลากหลายนั้นนึกว่าเป็นความมากรู้ความฉลาด แต่มันยิ่งโง่ซับซ้อนทับถม หลากหลาย แล้วก็นึกว่าที่เขารู้อย่างนี้คือความฉลาด เอ๊ อธิบายชัดดีนะอันนี้ 

เป็นความโง่ที่เขาโง่ซับซ้อนมากๆๆๆ แล้วเขานึกว่าความหลากหลายของความโง่ที่ซับซ้อนนี้คือ ความฉลาด ชัดดีไหม นี่เป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างที่พิธาเขานึกว่าเป็นสมัยใหม่ ที่จริงมันเก่าแล้วล่ะ เด็กน้อยเอ๋ย มันเก่ามากแล้วอย่างที่ทำนี้ เขาเลิกแล้ว เขาไม่หาพวก เขาไม่คลุกคลีด้วยหมู่ เขาขยันที่จะไปหาเสียงให้ตัวเอง เปรียบเทียบพิธากับพลเอกประยุทธ์นี่คนละเรื่อง พิธานี้หาเสียงให้แก่ตัวเองตลอดเวลา แต่พลเอกประยุทธ์นี้ทำงานไม่หาเสียงเลย แค่นี้คุณก็ไม่มีดวงตา คุณก็มองไม่ได้ มองไม่ออก ไม่รู้ แล้วก็หานโยบายอะไรต่ออะไรมาล่อหลอกคนโง่ คนอยากได้ตะกละตะกลามทางโลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เอามา สร้างอัตราการก้าวหน้าที่จะหลอกให้คนตะกละตะกลาม คุณก็ได้คนที่มีกิเลสตามมาเป็นพวก 

คุณไม่ต้องหาเสียงหรอก คนจริงเขาไม่หาเสียง เขาทำงานเลย คุณทำงานกับประชาชนเช่นนักการเมืองที่บอกว่า ทำงานกับประชาชน แต่นี่ไม่ได้ไปทำงานกับประชาชนมีแต่ไปหาเสียงกับประชาชน คำว่าหาเสียงกับทำงานกับประชาชน หาเสียงกับประชาชนกับคนทำงานกับประชาชน 2 อย่างนี้แยกให้ออก แล้วทำให้จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:58:29 )

นักการเมืองโลกุตระ มีคุณสมบัติ 5 ประการ

รายละเอียด

นักการเมืองต้องเป็นคนที่ไม่มีตัวตน เป็นโลกุตรบุคคลนั้นดีที่สุด ถ้าไม่มีธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรมก็เป็นนักการเมืองที่สมบัติผลัดกันชมยิ่งใหญ่ ประเดี๋ยวก็ถูกเขาเล่นงานฆ่าแกง ลงโทษ แล้วก็หมุนเวียนฆ่าแกง เป็นเวรานุเวรกันไปอีกไม่มีวันจบ ไม่มีจบ 

มันลึกซึ้งในความเป็นนักการเมืองตามที่อาตมาได้ทำตามพระพุทธเจ้าที่ท่านบัญญัติไว้แล้ว อาตมาก็เอามาใช้เป็นภาษายุคนี้ ค่อยๆฟังไป ก็จะรู้

นักการเมืองโลกุตระที่จะทำงานให้แก่ประชาชนนั้น อาตมาเริ่มทำมาแล้ว ประกาศตัวแสดงตัวว่าเริ่มทำตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ออกมาประกาศตัว ทำ อาตมาก็ทำงานรับใช้ประชาชนมาตลอด ซึ่งมันก็เป็นการเมืองชั้น 1 แล้ว 

 1. เสียสละมาตลอด

 2. ไม่มีตัวตนมาตลอด 

 3. ซื่อสัตย์มาตลอด

 4. มีสมรรถนะมีความรู้

 5. ทำมาตามความรู้ตามความสามารถที่ได้ปฏิบัติพากันทำมา จนมาถึงวันนี้ก็เปิดจนกระทั่งตั้งพรรคการเมืองเข้าไปช่วย เข้าไปให้มันเป็นตัวอย่าง ไม่ได้เข้าไปแย่งชิงตำแหน่งอำนาจจากนักการเมืองที่เขากระเหี้ยนกระหือรือแย่งกัน ไม่

เอาเถอะ พูดไปก็ยังไม่ง่ายที่จะเข้าใจ อาตมาจะค่อยๆพาทำ พรรคของเราไป พรรคสัมมาธิปไตย แค่ 5 ข้อที่เมื่อกี้นี้ขึ้นไป แต่ยังมียิ่งกว่านั้น ไว้ฟังจอมยุทธ 9 ประเด็นสวยกว่านี้อีก 9 ประการ มีวรยุทธ์ 9 เคล็ดวิชา ฝากไว้ก่อนโอฬาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2566 ( 20:28:48 )

นักการเมืองไม่ได้รักประชาชนจริงตอนมีอำนาจเพราะเขายังโง่

รายละเอียด

เขาไม่ได้รักประชาชนตอนมีอำนาจ เขาก็รู้ว่า การช่วยประชาชน การรักประชาชน มันดีมันจริง แต่เมื่อเป็นคนได้อำนาจมีอำนาจหน้าที่ตำแหน่งบริหาร ก็กลายเป็นคนที่ไม่รักประชาชนจริง ก็เป็นเพราะเขายังโง่ ยังไม่รู้ สรุปง่ายๆ เขายังไม่มีปัญญาพอว่า ถ้าจริงมันมี one way มันมีความจริงอันเดียว มันไม่กลับไปกลับมาหรอก แต่นี่ บอกว่ารักประชาชน อยากได้อำนาจ แต่เมื่อได้อำนาจแล้วไม่ได้รักประชาชนจริง เป็นนักมายากลหลอกคน กลับไปกลับมา โดยไม่รู้ตัวเองว่าหลอกล่อกับหลอกตัวเอง กิเลสมันล่ออำนาจลาภยศสรรเสริญสักการะต่างๆ มันทำให้คนเลว มันทำให้คนหลง มันทำให้คนกลับกลอก ตลบตะแลงเป็นนักมายากล 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 05:10:25 )

นักขวานผ่าซากแม้ยากต้องทำ

รายละเอียด

อาตมาขออภัยที่ต้องวิจารณ์แม้แต่ท่านพุทธทาส หรือใครก็แล้วแต่ อาตมาพูดลดเลี้ยวไม่เป็นพูดอย่างประนีประนอมไม่เป็น อาตมาเป็นนักขวานผ่าซาก ก็เลยยากแต่ก็ต้องทำ คัดเลือกเอาคนที่เห็นว่าคนนี้เป็นคนแท้มั่นใจพูดสัจจะ ไม่เสียเวลาเลียบเคียง พูดเปรี้ยงๆเลย แค่นี้ก็เมื่อยแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน คำสอนจากสยังอภิญญาพาบรรลุจริง


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:01:14 )

นักข่าวที่ดีต้องเป็นเช่นไร

รายละเอียด

การจะเป็นนักข่าวที่ดีต้องรู้ว่าตัวเองพูดส่อเสียดหรือไม่ พูดให้เกิดความเข้าใจหรือไม่ คุณต้องตัดสินแยกแยะว่าอะไรผิดหรือถูก การจะเป็นนักข่าวได้ คุณต้องเป็นยอดยิ่งกว่านักผู้พิพากษาที่จะต้องรู้ความถูกความผิดจริง การเป็นนักข่าวที่ไม่มีปัญญาจึงได้บาปเยอะ โดยไม่รู้ตัว น่ากลัวมาก พูดให้ฟัง พวกนักข่าวทั้งหลายแหล่ หรือนักหนังสือพิมพ์ นักเขียนบรรณาธิการ พวกหาเรื่องเก่งๆ ถ้าไม่มีเรื่อง เขาก็ไม่มีสิ่งที่จะทำมาหากิน จึงมีความเสี่ยงมาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นงานที่ไม่น่าทำ เป็นมิจฉาชีพที่น่ากลัวมากเลย งานบรรณาธิการงานนักข่าวจะต้องมีปัญญาจริงๆ มีภูมิธรรมสูงเป็นอรหันต์ หรือเป็นอริยบุคคลชั้นสูงที่จะรู้ความถูกความผิด หรือว่าอะไรคือกุศลอกุศลที่แท้ คุณจึงจะแยกแยะพูดให้รู้ว่า อันนี้เป็นกุศล แต่พวกคุณยังไม่ได้เป็นเลย มันก็เลยยากมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:09:13 )

นักทุนนิยมมากๆเป็นอบายมุขได้อย่างไร

รายละเอียด

อบายมุข คนที่โลภมากจัด  นักทุนนิยมมากๆนี้เป็นอบายมุขได้เปรียบมากก็รวยสิ แต่คนที่รวยและมีคุณธรรมจะไม่เอาไว้มากก็จะเผื่อแผ่ตัวเองเอาไว้น้อย จนอาตมาเคยอธิบายพยายามพูดว่า คนที่เป็นหัวหน้าบริษัทใหญ่เป็นเจ้าของบริษัทพอได้สมบัติเป็นของตัวเองอยู่รอดแล้วก็เลยแจก โดยสมมติมาเป็นหุ้น หุ้นของนายทุนใหญ่แต่ก่อนมี 1 ล้านหุ้น เมื่อเราเจริญขึ้นๆเราก็แจกมีส่วนของผู้ที่ร่วมทำงานด้วยกันเราก็แจกไปคนละชั้นคนละชั้น ยิ่งคนที่ต่ำ ก็แจกให้มาก ให้มีทุนของตนมาก คนที่เก่งมากก็ยิ่งมีน้อย คนที่ไม่เก่งมากก็มีมากหน่อย คนยิ่งเก่ง มีความสามารถความรู้สร้างได้มากก็ช่วยคนอื่นได้มากคนที่มีน้อยที่สุด คือคนที่แย่ที่สุดให้มีมากรวย คนที่มีมากที่สุดคือคนที่ต่ำที่สุดแย่ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:34:03 )

นักธรรมะต้องจัดการให้ประชาชนปฏิวัติด้วยความจริงความสงบ

รายละเอียด

อย่างพวกทักษิณนั้นต้องใช้ประชาชนทั้งประเทศไปจัดการ เราอยู่ในฐานะนักธรรมะ ก็รู้ก็เห็นก็เลยต้องไปช่วยจัดการ  คนยังเข้าใจไม่ได้หรอกว่าชาวอโศกเข้าไปช่วยจนกระทั่งตัดขั้วถอนรากโคนของทักษิณได้ จนกระทั่งเชื้อสุดท้ายคือเชื้อยิ่งลักษณ์ถอนออกไปเลย เป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศไทยกันทั้งคู่ สำเร็จเรียบร้อย คนเขาก็จะหาว่าเราขี้ตู่ บอกว่าเราไปนั่งกินนอนบนถนนเฉยๆ เขาไม่รู้ว่าเราเอาความจริงความสงบไปปฏิวัติ ไปรัฐประหาร รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขั้วกับปลาย ที่เขาใช้ รัฐบาลนอมินีสมัครสมชายมาคั่น ก็ปราบไปด้วยความสงบความจริง เขาบอกว่าไม่ใช่เป็นพลเอกประยุทธ์มาปฏิวัติต่างหากเป็นเผด็จการทหาร เราบอกว่าไม่ใช่เมืองไทยไม่ใช่เผด็จการทหารแต่เมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนไปปฏิวัติรัฐประหารสำเร็จเรียบร้อยแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็มารับมือเชื่อมต่อรับไม้ต่อจากประชาชน มาบริหารจนกระทั่งวันนี้ แล้วพวกที่โง่เง่าไม่รู้ ก็ออกมาไล่ให้ออกไป ประยุทธ์ลาออกไปออกไป นี่คือพวกโง่ไม่เสร็จพวกนี้ ยังจะโง่ต่อไปอีกหลายชาติ แล้วก็บอกว่าตัวเองคือประชาธิปไตย

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:19:09 )

นักธรรมะนี่แหละต้องยุ่งการเมือง

รายละเอียด

เราก็มาต่อ เรื่องราวประชาธิปไตยที่จะต้องอธิบายต่อ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ประชาธิปไตยของไทยไม่เหมือนใครในโลก เป็นแบบไทยโดยเฉพาะ 

อาตมาได้กลับมาชัดเจนเหมือนกันว่านักธรรมะนี่แหละต้องยุ่งการเมือง นี่ก็พูดซ้ำพูดไปแล้ว นักธรรมะที่ต้องยุ่งการเมืองโดยเฉพาะนักธรรมะที่มีภูมิอาริยะ มีโลกุตรธรรมแท้ เพราะว่าจะเป็นคนผู้มีคุณธรรมที่บรรลุธรรมกันจริงๆ ตั้งแต่โสดาบันไปถึงอรหันต์ มีจริงๆ แล้วก็มีความจริงใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:07:32 )

นักบริหาร

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมะพุทธเจ้าและลดกิเลสไป มันจะมีความรู้ความสามารถในระบบการบริหารปกครอง พระพุทธเจ้าก็เคยเป็นกษัตริย์เป็นนักบริหารมาก่อน อาตมาก็เคยเป็นมาไม่รู้กี่ชาติแล้วพูดอย่างไม่ได้อวดตัวอวดตน บริหารมาแล้ว ขออภัยแม้แต่เป็นกษัตริย์ของไทยก็ผ่านมาแล้วแต่ไม่พูด รู้ไว้อย่าเพิ่งไปขยายความ เฉยๆไว้ก่อน หากเขาซักคุณ คุณตอบไม่ได้จะเสียหมด ถ้าซักไปถึงที่สุดตอบต่อไปไม่ได้เรียกว่าอมโป้ พูดไม่ออก ถ้าจะพูดก็ต้องเอานิ้วออกจากปาก เหมือนเด็ก เอาไว้ก่อนอันนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:33:44 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:51 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:32:57 )

นักบริหารที่เลวร้ายที่สุดคือทักษิณ ชินวัตร

รายละเอียด

นักบริหารที่เลวร้ายที่สุดคือทักษิณ ชินวัตร ปู่ยี่ปู้ยำเงินกองกลางไปเป็นของตน เอาไปเป็นล้านๆ เสร็จแล้วก็ไปออกดอกจนทุกวันนี้ เป็นปฏิภาคทวี ใช้ยังไงยังไงก็ไม่ทัน แกขี้เหนียวด้วย ทุกวันนี้ก็เลยต้องพูดว่า ไปลงทุนที่ต่างประเทศ ถ้าตีค่าเป็นเงินไทยก็คงมากมาย แล้วแกก็เรียนอาชญวิทยา ถึงซับซ้อนซุกซ่อนไม่ให้โลกรู้ทันได้เก่ง ขนาดได้ข่าวว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็ยังชื่นมื่นอยู่เลย 

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า เป็นตัวอย่างที่สุดยอดแห่งตัวอย่าง ยิ่งกว่าเทวทัตอีก เป็นสมัยใหม่ สุดยอดตัวอย่างสมัยใหม่ ทำให้เห็นถึงสิ่งไม่ดีไม่งามจากที่เขาทำ มันซับซ้อน คนไม่รู้ก็ไปหลงคารมเขา หลงในพฤติกรรมความสามารถแบบนั้น หรือหลงเงินทองรายได้ เป็นทาสเขาอยู่ รวมแล้วก็ยังมีฤทธิ์ ยังไม่หมดฤทธิ์ ไม่ยอมหยุด ก็เป็นธรรมชาติของเขา ก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จริง มันก็ต้องดันทุรังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำนึกเป็นดันสุรังได้ แต่นี่มันคงทุรังไปเรื่อยๆ ทุร แปลว่าไม่ดี สุ แปลว่าดี มันก็ดันทุรังไปเรื่อยๆ แทนที่จะดันสุระ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:39:30 )

นักบวช ฆราวาส ทำกิเลสออก

รายละเอียด

นี่คือหัวใจศาสนาพุทธเลย ทำอย่างนี้ได้แยกกิเลสออก ว่าอันนี้คืออาการกิเลสเราก็ทำเนกขัมมะ ทำให้กิเลสออกได้ เขาพูดด้วยศัพท์ว่า ออกบวช บวชแล้วทำกิเลสออกไม่ได้ก็ได้แต่รูปแบบ แต่แม้บวชหรือฆราวาสแต่ทำกิเลสออกได้ทำเนกขัมมะได้จนเป็นจิตอุเบกขาฐานนิพพานได้เสมอๆ ก็บรรลุอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:50:14 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:34:18 )

นักบวชกับฆราวาส ปฏิบัติธรรมต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ประเด็นคือ นักบวชกับฆราวาส ต่างกันอย่างไร

ต่างกันอยู่ที่ข้อกำหนด นักบวชมีข้อกำหนด มีศีล มีวินัย ส่วนของฆราวาสนั้นมีวินัยน้อยมีวินัยสามัญของฆราวาสด้วยกัน แต่ไม่ใช่วินัยของอาริยะ วินัยที่จะรู้จักกิเลส กับวินัยอยู่ด้วยกันจะต้องอย่างโน้นอย่างนี้ตามสามัญของโลก โลกเขาก็มีวินัยกันเยอะแยะ กลุ่มหมู่ไหนเขาก็มีวินัยกันเยอะแยะ ต่างกันมีวินัย มีศีล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:59:56 )

นักบวชของพุทธทำการเมืองเป็นเรื่องที่มีมาแล้วในโลก 

รายละเอียด

มันไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของชาวโลก ศรีลังกานั้นพระเป็น ส.ส.เลยนะ แม้แต่พม่า ศาสนาพุทธนี้เขาก็เป็นการเมือง ทำการเมืองประท้วง ทำอะไรต่ออะไรกันเป็นกลุ่มเลย มันไม่ใช่เป็นประวัติศาสตร์ของชาวโลกหรอก เรื่องพระของพุทธหรือศาสนาพุทธที่เข้าไปทำงานการเมือง ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องประหลาด มันไม่ใช่เรื่องผิด 

แต่ประเทศไทยนี่ต่างหาก ไปยึดถือ ไปถือสาแบบนั้นว่า อย่านะอย่าเอาธรรมะเข้าไปยุ่งกับการเมือง พระนี่คือชาวธรรมะ การเมืองมันไม่ใช่เรื่องของธรรมะ การเมืองเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะฉะนั้นพระต้องออกไปไกลๆ มันก็ยิ่งแย่ใหญ่สิ ประเทศก็ยิ่งเสื่อมยิ่งทรุด ไม่ผิดหรอกคุณพูดถูกการเมืองยิ่งเละอย่างนั้นน่ะ เพราะฉะนั้นมันต้องเอาธรรมะเข้าไปใส่ อันนี้แม้แต่ท่านพุทธทาสท่านก็เคยเตือนมาแล้ว แต่ท่านไม่ลึกเข้าไปถึงว่าพระจะไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ท่านยังไม่ถึงหรอก ท่านยังไม่กล้าและท่านก็ไม่ทำ ท่านก็อยู่ของท่านไป รักษาตัวรอดพอสมควร แต่อาตมามันก้าวข้ามขั้นนั้นมาแล้วก็พาทำ จึงต่างกัน 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:05:24 )

นักบุญคือใคร

รายละเอียด

แต่เทวนิยมเอาชื่อบุญไปใช้เรียกนักบุญ ขี้ตู่ เขาไปเรียกหน้าตาเฉยว่านักบุญ เห็นไหมเป็นความเข้าใจไม่ได้ของเขา ด้วยความเข้าใจของคนทั่วไปก็เข้าใจแบบเขาเยอะ เข้าใจบุญว่าเป็นกุศล นักบุญคือผู้รู้ ผู้เสียสละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:33:41 )

นักบุญจะลดอัตตาได้มากกว่านักกุศล

รายละเอียด

เราฟังธรรมถึงทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าทำให้ชีวิตเราง่ายและสบายขึ้นอย่างมาก เช่นเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า เราก็ไม่มีปัญหา แต่ดูเหมือนว่าจะมีสุนัขเริ่มเข้ามาอยู่ในชุมชน ทุกวันนี้พ่อครูอธิบายเรื่องบุญให้พวกเราเข้าใจกันมากขึ้น พ่อครูพาพวกเราเป็นนักบุญมากกว่าเป็นนักการกุศล นักบุญนี้อยู่ไปจะลดตัวลดตนได้มากขึ้น แต่นักกุศลทำงานไปตัวตนจะเพิ่มขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:20:55 )

นักปฏิวัติถ้าสำเร็จก็เป็นผู้นำ ถ้าไม่สำเร็จก็เป็นกบฏ

รายละเอียด

เสร็จแล้วจากวันนั้นพลเอกประยุทธ์ก็ขึ้นบริหารจากนั้น 4 ปีต่อมา โดยเขาก็เลยถือว่าพลเอกประยุทธ์เป็นนักปฏิวัติ นี่คือถ้าสำเร็จก็เป็นผู้นำ ถ้าไม่สำเร็จก็เป็นกบฏ นักปฏิวัติถ้าสำเร็จก็เป็นผู้บริหาร  เป็นนายก เป็นประธานาธิบดีได้ 

ปีนี้ประชาชนก็ไม่ต่อต้าน ทักษิณก็มา ประชาชนก็มาต่อต้าน สมัครประชาชนก็ออกมาต้าน  สมชายก็ต่อต้าน ยิ่งลักษณ์ก็ต่อต้าน พลเอกประยุทธ์ขึ้นประชาชนไม่ต่อต้าน

จนกระทั่งครบ 4 ปีพลเอกประยุทธ์ก็ได้รับการเลือกตั้ง ทำงานต่อ ขึ้นมาเป็นนายกที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เป็นคนนอกไม่ได้อยู่ในพรรคไหนด้วย ไม่มีพรรค เป็นประชาชนเต็มรูป  แล้วได้รับโหวตเป็นนายก ซึ่งมีความเป็นประชาธิปไตยของไทย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 20:31:37 )

นักประชาธิปไตย

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้ามีทฤษฎีหลักคือไตรสิกขา เป็นนักประชาธิปไตยที่ ยืนนานตราบนานเท่านาน Forever ด้วยจิตที่สะอาดไม่มีอคติ ไม่มีความขี้เกียจ มีแต่ความเอ็นดูเกื้อกูลที่เป็นอธิปัตย์ ที่เป็นพลังงาน เป็นอำนาจที่แรงกล้าจากขั้วหัวใจที่บริสุทธิ์จึงทำประชาธิปไตยนี้ให้แก่ผู้อื่นได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:44:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:28 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:36:19 )

นักประชาธิปไตยของไทยที่แท้จริง

รายละเอียด

นักรัฐศาสตร์จะมาเรียนรู้ในอนาคต เขาจะเข้าใจว่า นักประชาธิปไตยของไทยที่แท้จริง  คือ  ชาวอโศกนั่นเอง  นักรัฐประหารของประเทศไทยตัวงานแท้ ประการด้วยความสงบเรียบร้อย  ชนะมาแล้วหลายรัฐบาลด้วย   อยู่ในเมืองไทยนี่เอง  เขาก็ว่าของเขา  แต่ทางสังคมประเทศจะไม่พูดถึง  กองทัพธรรมชาวอโศก  เขาจะพูดถึง  กปปส. จะพูดถึงพันธมิตร  เขาจะไม่พูดถึงชาวอโศก  ไม่พูดถึงกองทัพธรรม  เพราะพวกเราเป็นพวกปิดทองในลำไส้พระ  ชาตินี้ต้องเป็นอย่างนี้จริงๆ  อาตมาไม่ได้น้อยใจ  ไม่ได้เสียใจ  มันเป็นความจริงอย่างนั้น ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่รู้ไว้เสียด้วย  พวกเราไม่ใช่พวกปิดทองหลังพระ แต่เป็นพวกปิดทองในลำไส้พระ  ลึกกว่าหลังพระอีก  อยู่ข้างใน  ไม่มีใคร  ไม่เห็นได้ง่าย  ๆ  ในโลกียะเทวนิยม ปัญญาไม่มี  เขาจะไม่ได้ พระโสดาบัน  สกิทาคามี อนาคามี  อรหันต์ที่เป็นครู  ต้องขออภัยไม่ใช่ยกตนข่มท่าน  แต่กำลังขยายความวิชาการ ความรู้  ความจริงให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:27:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:03:31 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:41:40 )

นักประชาธิปไตยจริงต้องมี อธิปไตย อภิบาล และปัญญาหรืออภิปัญญา

รายละเอียด

ถ้าเป็นโลกีย อธิปไตยคือโลกียะร้อยเปอร์เซ็น อภิบาลก็มีโลกียะได้ แต่ปัญญาหรืออภิปัญญาไม่มีโลกียะ มีแต่ในโลกุตระ

โลกียะมีแค่อภิปรัชญาหรืออภิเจโต ในโลกียะ

 อภิปัญญา คือ จิตวิญญาณเป็นเรื่องนามธรรมแท้

อธิปไตยที่เป็นตัวกูของกูแท้ๆยกตัวอย่างทักษิณหรือธัมมชโย อาศัยสถานะของธรรมะ ส่วนทักษิณอาศัยสถานะของการเมือง เป็นตัวอย่างคือสองคนนี้ เป็นตัวจริงของจริงไม่ได้เป็นง่ายๆนะ เขาเป็นแล้วได้นรก เพราะอวิชชา เป็นตัวอย่างที่เราต้องศึกษา อาตมาพูดไปเขาจะมายิงทิ้งเมื่อไหร่? ถ้ายิงก็เป็นวิบากเขา ที่ทำมาก็นรกมากแล้วทำอีกก็นรกมากอีก

อธิปไตยแปลว่าแรง พลัง energy พลังงาน

อภิบาล เอาพลังงานมาทำกับมนุษย์สัตว์โลก ช่วยเหลือกัน ผู้อภิบาล ช่วยเหลืออย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้ภูมิปัญญาความฉลาด ปัญญาฉลาดไม่เห็นแก่ตัวทำเพื่อผู้อื่น ส่วนปัญญาคือไม่เห็นแก่ตัว

จะอาศัยอภิบาลในการช่วยเหลือสังคมโดยตนเองมีปัญญา ให้ตนเองก็อยู่ได้ยืนยาว และช่วยคนอื่นได้ด้วย ไม่ทำร้ายตัวเอง ก็อยู่ช่วยโลกไปเรื่อยๆ

 อภิปัญญาคือความรู้ที่ไม่เห็นแก่ตัว มีจริงไหม ได้ทำงานอภิบาลจริงไหมแล้วมีพลังงานอธิปไตยในตัวเองจริงไหม หรือที่ทำนี้ไม่มีพลังงานจริงอะไรเป็นตัวประกอบตัวเบี้ย อย่างที่เห็นมีเยอะแยะ ไปสะสมแต้มสะสมบารมีตนเองไปเรื่อยๆก็มี ตลอดสังคมมนุษยชาติไม่ขาดแบบนี้หรอก

ผู้ที่มีปัญญาความรู้สามารถเข้าใจ อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญา นี้ได้ ถ้าคุณมีแสดงว่ามีน้ำหนักนะ อธิปไตยมีน้ำหนัก อภิบาลช่วยจริง อภิปัญญาจริงคนนี้มาทำงานในสังคมนี่แหละคือนักประชาธิปไตยจริง คือมีสภาวะจริงรู้พยัญชนะด้วยได้ คือนักประชาธิปไตย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:25:25 )

นักประชาธิปไตยชั้น 1 ต้องรับใช้ผู้ใด

รายละเอียด

อาตมาเป็นนักประชาธิปไตยชั้น 1 เป็นผู้รับใช้ แต่ไม่ไปรับใช้พวกที่หยำฉ่า มันเสียของเละเทะ มารับใช้ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ตั้งใจจริงยินดีจะมา โดยไม่ได้สงวนสิทธิ์ อาตมาก็กระจายไปทั่วมีทั้งโทรทัศน์และอย่างอื่นกระจายไป ใครเห็นดีก็มาเอาเองเป็นอิสรเสรีภาพ อย่างพวกคุณแต่ละคนมานั่งศึกษาฟังอยู่นี่ อิสระของพวกคุณเองทั้งนั้น คุณมาโดยไม่ได้บังคับไม่ได้หลอกล่อ ไม่ได้อ่อยเลย ความจริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:30:52 )

นักประชาธิปไตยต้องมีลักษณะ 3 อย่าง

รายละเอียด

ประชาธิปไตยคือความไม่มีตัวตน ประชาธิปไตยคือความมีปัญญา ประชาธิปไตยคือผู้ที่เสียสละเพื่อมวลประชาชนผู้อื่น 

แค่ 3 ประเด็นนี้คือประชาธิปไตยเจ๋งๆ เลย 

ทวนอีก

ประชาธิปไตยคือความไม่มีตัวตน ประชาธิปไตยคือความมีปัญญา ประชาธิปไตยคือการทำงานรับใช้ผู้อื่น 

ประเด็นนี้เจ๋งไหมคุณจะมีปัญญาความเฉลียวฉลาดแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพฤติกรรมความสามารถของคุณมี 3 อย่างนี้ก็คือคุณเป็นนักประชาธิปไตย 

ไอ้ที่ขี้โม้อยู่ว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่เต็มไปด้วยตัวตนไม่มีปัญญาเลย มีแต่ เฉโก มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ความรู้ความฉลาด เฉโก โลกีย์ แล้วไม่ได้เสียสละเพื่อประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆเลย ต้องให้โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน เสียสละโดยไม่ต้องการมีชนะ มีแพ้ สละเพื่อมวลประชาชนเท่าที่เราจะมีความรู้ว่า เสียสละเท่าไหร่จะได้เป็นกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ก็แล้วแต่ ฟังดีๆนะนักประชาธิปไตยอย่างโพธิรักษ์ จะเหมือนพวกคุณทั้งหลายที่เป็นนักประชาธิปไตยที่ว่าแน่ๆ จะเหมือนกันไหม ฟังดู 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:40:47 )

นักประชาธิปไตยที่แท้จริงจะไม่หาเสียง

รายละเอียด

ผู้ที่เป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริงจะไม่หาเสียง ให้ประชาชนเขารู้เองว่าเราคือคนที่ประชาชนต้องเลือกไปเอง หากประชาชนไม่บอกไม่ต้องว่าฉันเป็นนักประชาธิปไตยที่จะไปช่วยคุณ นักประชาธิปไตยจริงจะไม่พูด ถ้าหากพูดก็คือดูถูกประชาชนต้องไปครอบงำความคิดต้องไปอวดตัวตนว่าฉันเป็นนะ ถ้าคุณเป็นจริงประชาชนก็มีดวงตามองเห็น มองออกเอง เพราะฉะนั้นคนที่ ปุ๊บปั๊บ เป็นน้องใหม่เป็นส.ส. ใหม่ก็ยังหรอก ประชาชนยังไม่เห็นฝีมือ ก็ยังไม่ต้องท้อใจทำงานไป แต่นักการเมืองหน้าเก่าๆที่เขาไม่เลือกนั้นใช่แล้วล่ะ ถ้านักการเมืองหน้าเก่าๆเขาเลือกนั้นก็ใช่เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:33:56 )

นักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลก

รายละเอียด

สรุปลงตัวอย่างตรง อย่างอโศกเราเนี่ยเป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกพูดเบาๆเดี๋ยวเขาจะตกใจเป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกไม่ใช่พูดเล่นนะพูดความจริงเพราะว่าประชาธิปไตยนี้ยังจะขยายความไปอีกมากเพราะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติสมัยพระพุทธเจ้าไม่ได้เรียกว่าประชาธิปไตยเพราะยังไม่มีคำนี้สมัยถ้าจะพูดเรื่องประชาชนจำนวนประชาชนเพื่อประชาชนโดยประชาชนอะไรยังไม่ได้พูดไม่ได้หรอก หากเป็นยุคไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไรเนี่ยพูดไม่ได้ไม่รู้เรื่องหรอก ต้องใช้คำใช้ภาษา 3 คำคือ 1.โลกาธิปไตย 2. อัตตาธิปไตย 3. ธรรมาธิปไตยนี่เป็นสามเส้าอย่างหนึ่ง  สามเส้าอีกอย่างหนึ่งก็คือพหุชนะหิตายะ พหุชนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ อีก 3 เส้า 1 เป็นกระบวนการ 3 เป็นสามเส้า 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 09:56:08 )

นักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกคือในหลวงรัชกาลที่ 9

รายละเอียด

มันเป็นผลสำเร็จของมนุษยชาติ นักรัฐศาสตร์คนเจริญอย่างยิ่งมันหาตัวอย่างนี้ไม่ได้ในโลกทั้งโลกนี้ไม่มี มันมีอยู่ที่นี่ในประเทศไทยไม่ใช่น้อยนะกลุ่มชนชาวอโศก มีในภาคกลางภาคเหนือภาคอีสานมีหมด เป็นสาธารณโภคีบริหารกันอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างเข้าส่วนกลาง  เศรษฐกิจที่สูงที่สุดที่ดีที่สุดคือเศรษฐศาสตร์แบบคนจนตามในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตรัสไว้แบบคนจนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นี่เป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกคือในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระปัญญาธิคุณสูงสุด ทำความเข้าใจให้ดี เราไม่ก้าวหน้าอย่างที่เขาทำกัน เราก็รวยพอสมควรไม่ต้องรวยอย่างเขาไม่ต้องอยากก้าวหน้าอย่างเขา เอาแต่แบบคนจน ซึ่งมันเป็นภาวะโลกุตระเข้าใจได้ยาก มาอยู่อย่างชาวอโศก จนอย่างมีปัญญา มีจิตใจที่เพียงพอสันโดษมักน้อย อัปปิจฉะ แม้ที่สุด ชาวอโศกไม่สะสมสมบัติส่วนตัว โดยเฉพาะเงินทอง อาตมาเห็นความเห็นของคุณไม่เอากับอาตมาเลย ยังดีมีโต้ตอบกับอาตมาให้เห็นก็ขอบคุณอย่างยิ่ง คนตีทิ้งก็แล้วไปแต่คุณนี่ไม่ตีทิ้งมาว่ากันเลย มีอะไรก็มาอีกได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:16:02 )

นักประชาธิปไตยโลกุตตระ ไม่มีตำแหน่งรองรับ

รายละเอียด

อาตมารับรองคำพูดนี้ถูกต้องที่สุดว่าอาตมานี้เป็นนักประชาธิปไตย เดี๋ยวจะได้พูดขยายความกันต่อเรื่องนี้ อาตมาขอยืนยันว่าขณะนี้ในโลกมีประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น ไม่ได้พูดเล่น พูดอย่างแข็งแรง พูดอย่างยืนยันยืนหยัด ประกาศไป เดี๋ยวนี้สื่อสารทั่วโลกผู้ที่เขาเข้าใจแล้วเขาก็รับรู้ แปลไทยเป็นภาษาเขาเองได้ด้วยว่าอาตมาหมายถึงอันนี้จริงๆ ยืนยันภาษาประชาธิปไตยเป็นคำกลางๆที่เข้าใจกันทั่วโลกแล้ว แต่มันมีนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งละเอียดในความเป็น เป็นลัทธิหรือเป็นแบบเป็นระบอบของการบริหารการปกครองการเป็นอยู่ของมนุษยชาติ แล้วของโลกุตระนี้เหนือกว่า เหนือกว่าประชาธิปไตยที่โลกเขามี เหนือกว่าที่เขามีกันคือ ไม่มีตำแหน่งรองรับ เป็นจริง ทำจริง ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ นำพวกเราไปประท้วงมา 5 รัฐบาลสำเร็จแล้ว ประชาธิปไตยโลกุตระไม่ต้องหาเสียง เป็นการทำดีแบบต่อเนื่อง คือได้เสียงเอง 

เสียงเองหมายถึงเสียงของประชา ของมวลประชา ของพหุชน คือมวลประชา พหุคือมาก ชน คือประชาชน คำว่าพหุชนนี่แหละคือ มวลประชาชน ในคำศัพท์ของพระพุทธเจ้าใช้ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นอายะ 3 อาตมาเคยอธิบายมาแล้ว แล้วสิ่งเหล่านี้ที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตระนี้ ไม่ต้องหาเสียง ฟังเน่อ นักการเมืองทั้งหลายเอ๋ย 

การปฏิบัติประพฤติเป็นนักการเมืองเป็นนักรัฐศาสตร์ที่ประพฤติต่อสังคมอยู่ ไปรับหน้าที่รับตำแหน่งอะไรเข้าไป ศึกษาดีๆคำว่าไม่ต้องหาเสียงกับการหาเสียงคืออย่างไรแท้ๆ การไปทำดีคือการไปทำงานกับมวลประชาชน ใช้สมรรถนะความรู้ความสามารถทั้งหมดกับมวลประชาชน เขาลำบากเขาไม่อยู่ในฐานะที่ควรจะเป็น ต้องช่วย แล้วเราก็ได้ช่วยจริงๆตามควร มันมีคนอยู่ในตำแหน่งในสถานที่ต่างๆที่เราจะสามารถรู้ได้ทั่วถึง แล้วเราก็รู้ว่าคนนี้ควรช่วยก่อน คนนี้ควรช่วยกว่า แล้วก็ลงมือไปช่วยเห็นควรก็ไปช่วยเท่าที่เราเห็นว่าเราอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้ก็ช่วยกันไป 

โดยจะใช้แรงงาน ทุนรอนของตนเองเป็นหลัก ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่สามารถที่จะเอาทุนรอน หรือองค์ประกอบต่างๆที่จะเอามาใช้เพื่อช่วยเขาได้ เท่าที่ควรก็ทำเต็มที่ แล้วก็ได้ช่วยคนเช่นนั้น สังคมเช่นนั้น นี่เป็นสัจจะที่ในโลกนี้ควรเป็นควรมีกัน ทำจริงๆ แล้วเสียงคนเสียงของประชาชน เสียงคำนี้เป็นคำกลางๆคือความรู้รู้จักของประชาชนให้เขาเห็นเขารู้ว่า ท่านผู้นี้ได้ทำงานเพื่อเขา ได้ทำงานเพื่อมวลประชาชน เห็นรู้ว่าได้ทำงานเพื่อเขาเพื่อมวลประชาด้วยใจซื่อสัตย์สุจริตเสียสละ จริงใจจริงจังสุดความสามารถของเขา จนเขาได้พ้นทุกข์ มนุษย์ก็มีมุทิตาจิตเห็นจริงๆมีมุทิตาจิตต่อคนที่ทำงานให้เขา ระลึกถึงคุณ รู้จักบุญคุณคน ว่าคนๆนี้แหละคือคนที่จะต้องให้เขาทำงานอย่างนี้แหละ นี่แหละคือความเป็นนักการเมืองตัวจริง โดยไม่ต้องหาเสียง ขอให้ทำเท่านี้เลยนักการเมืองเอ๋ยสิ่งที่ได้จะเป็นเสียงบริสุทธิ์เสียงสวรรค์เสียงจากสัจจะของมนุษยชาติ เขาจะให้เราเอง ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 13:03:47 )

นักพูดธรรมะโลกุตระ

รายละเอียด

365 วันของพ่อครู ท่านใจจดจ่อ จะให้มนุษย์รับรู้เข้าใจธรรมะโลกุตรธรรม พูดจนเจ็บคอ หมอเคยต่อรองกับพ่อครูว่า ไม่เน้นไม่เค้นไม่ดังได้ไหม อย่างหลวงพ่อปัญญา พูดโทนเดียว 2-3 ชม.ต่อวัน แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเส้นเสียงต้องไปผ่าตัด แต่พ่อครู ทั้งเค้น เน้น ดัง พ่อครูทุ่มเทลงทุน จะให้พวกเราเข้าใจได้ละเอียด อาตมายังนึกเป็นห่วง ว่าคนบ้านราชฯคนที่เคยเห็นหน้าก็ยังเห็นหน้าประจำ คนที่ไม่เคยเห็นหน้าก็ยังไม่เห็นหน้าเป็นประจำ ทั้งที่อยู่ด้วยกันกินข้าวหม้อเดียวกัน คนหนึ่งเห็นการฟังธรรมเป็นเพชรพลอยเป็นของมีค่า ก็มาฟังธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:17:17 )

นักมายากลที่เป็นสิริมหามายา

รายละเอียด

เป็นความสงบที่ละเอียดสูงส่งเหมือนนักมายากล คนเร็วพอก็จะจับได้ คนนี้แหละเป็นสิริมหามายามีความรู้ระดับสิริมหามายาเป็นนักมายากลที่ สิริ ที่มหา ที่ดีที่ยิ่งใหญ่ ถึงจะรู้ทันการพูดกลับไปกลับมา

เพราะจิตเจโต ปัญญาจะเร็วกว่าแสง เจโตอาจไม่วิ่ง static แต่ปัญญานี้วิ่ง เร็วกว่าแสง หากจิตไม่เร็วกว่าแสงก็รู้ไม่เท่าทันนักมายากล เขามีความเร็วของจิตยิ่งกว่าแสงจึงเป็นสิริมหามายา เป็นนักมายากลที่เก่งกว่า houdini ที่เป็นนักมายากลจริง เขาเก่งจนดังทั่วโลก

คนนี้ถ้าไม่มีธนบัตรจะเอาธนบัตรไปช่วยคนได้อย่างไร ถ้าหากคุณเป็นโพธิสัตว์แต่ไม่มีสิ่งที่คุณจะช่วยเขา เขาขาดกล้วยคุณก็ไม่มีกล้วยให้เขา คุณก็ต้องเอากล้วยของคนอื่นมา มันไม่ใช่ของคุณ คุณช่วยเขาไม่ได้ คุณต้องมีของคุณ โพธิสัตว์ต้องมีของตัวเองก่อนจึงจะไปช่วยคนอื่นได้ อรหันต์ต้องมีความเป็นอรหันต์ของตนเองก่อนจึงจะเป็นพระโพธิสัตว์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:14:55 )

นักรบ 5 ประเภท

รายละเอียด

แพ้ตั้งแต่ เมื่อเข้าสนามรบ ยังไม่ได้เห็นตัวข้าศึกเลย ได้ยินแต่เสียงม้าควบก็วิ่งหนีแล้ว นี่คือนักรบเก๊เต็มที่ 

ต่อมานักรบชั้นต่อมาเมื่อเข้ามาในสนามรบเห็นฝุ่นกระจายมาแล้ว แต่ก่อนใช้ม้าควบ พอเห็นฝุ่นกระจายมา ก็วิ่งหนีเลย 

นักรบชั้นเก่งกว่านั้น เห็นฝุ่นก็ยังไม่หนี เห็นตัวนักรบคู่ต่อสู้ขี่ม้าควบมา วิ่งหนีเลย

นักรบที่เก่งกว่านั้น เข้ามาประจันหน้าสู้กันก่อน จนกระทั่งสู้ไม่ได้จึงถอย เก่งกว่านั้นไม่ถอยเลย สู้จนตายเป็นตาย นักรบที่ตายคาสนามรบเคยมีแล้ว แล้วเขาก็เป็นคนเก่งที่ใจสู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:32:35 )

นักรบของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ในโยธาชีวสูตร เล่ม 21ข้อ 181 บอกว่า นักรบอาชีพผู้ประกอบด้วยองค์ 4

1.อยู่ในสมรภูมิที่ดี(เป็นผู้สมาทานศีล)

2.ยิงลูกศรได้ไกล(เห็นรูปที่เป็นอดีตปัจจุบันและอนาคตทั้งภายนอกและภายใน หยาบ ละเอียด ใกล้หรือไกล)

3.ยิงไม่พลาด(เห็นแจ้งอาริยสัจ 4นี้ ทุกข์สมุทัยนิโรธมรรค)

4.ทำลายข้าศึกได้มาก(กองอวิชชาทั้งหลายพินาศไป)

นี่คือนักรบของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:40:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:01 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:43:40 )

นักรบต้องรู้เท่าทันทวาร 6

รายละเอียด

ถ้าคุณไม่รู้เท่าทันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจและเป็นนักรบ นักรบที่ต้องระวังเลย ประตูตา หู จมูก ลิ้น กาย คุณต้องเป็นนักรบระวังตัว เฮ้ย ศัตรูจะเข้าประตูมาแล้วนะ ศัตรูมันมามีกระบวนการจะมาทำลายกำแพงเราเข้ามาแล้วนะ อะไรต่างๆ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีล ให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 13:49:06 )

นักวิชาการที่สัมมาทิฏฐิศึกษาถึงขั้นนามธรรม

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถศึกษาตัวกลางเป็นนักวิชาการ นักวิชาการจึงเป็นผู้ศึกษา ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิก็ศึกษาถึงขั้นนามธรรม ถึงขั้นวิญญาณ ถึงรายละเอียดของวิญญาณที่รู้พฤติกรรมของจิตวิญญาณต่างๆ เวทนาเป็นอย่างนี้ สัญญาเป็นอย่างนี้  สังขารเป็นอย่างนี้หรือแยกออกไปเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แจกนามเป็นเวทนา  สัญญา  เจตนา  ผัสสะ  มนสิการ  แล้วก็รู้จักสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรูปอีก 24 ทำงานร่วมกันปรุงแต่งกันออกมาจนกระทั่งต้นจนจบในรูป 28 ตั้งแต่ ดินน้ำไฟลม 4 พฤติกรรมอีก 9 ปสาทรูป โคจรรูป วิสยรูป รวมกันเป็น 9 ทำงานออกมาทีละคู่ๆเรียกว่าภาวะรูป มี 2 อิตถีภาวะกับปุริสภาวะ ทำงานร่วมกันสังเคราะห์สังขารโดยเกิดที่ หทยรูป เป็น 1 เป็นความจริงที่ตั้งอยู่แต่ลำลองมาก ห คือความจริง ท คือความแข็งแรง ย คือพลังงาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:32:06 )

นักวิชาการเป็นตัวกลางเป็นพวกนักศึกษา 

รายละเอียด

สรุปแล้ว มาถึงอันสุดท้าย พาลชน เป็นผู้โง่ จึงเป็นเบี้ยให้พาลชนที่เป็นลิ่วล้อเป็นบริวารรวมพลอยู่ใต้อำนาจของนายทุน อยู่ใต้อำนาจของศักดินา โดยนักวิชาการเป็นตัวกลาง ที่จะให้ความรู้ระหว่างพาลชน ขึ้นไป เก่งขึ้นไปก็เป็น ข้าราชการหรือเป็นข้าราษฎรการ

ข้าราชการก็เป็นผู้ขึ้นตรงกับศักดินา ข้าราษฎรการก็ไปเป็นผู้ขึ้นตรงกับนายทุน นักวิชาการเป็นตัวกลาง ตัวนักวิชาการเองก็เก่ง แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่สุดยอดหรอกนักวิชาการ ถ้าสุดยอดตัวเองต้องนายทุนเป็นยอดนายทุนหรือศักดินาเป็นยอดศักดินา เขาก็จะเป็นอย่างนั้น ด้วยความคลุมๆเครือๆความไม่ชัดเจนความหลง หลงในอำนาจนายทุน หลงในอำนาจศักดินา แล้วนักวิชาการก็เป็นพวกนักศึกษา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:39:42 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์