คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ใช่ บำเรอกิเลสมันจะประเสริฐตรงไหน คนที่เข้าใจผิดทำอะไรได้ดั่งใจตัวเองว่าเป็นความประเสริฐคือมิจฉาทิฏฐิ ไม่ต้องไปบำเรอใจ ไม่ต้องได้อะไรดังใจ เรายินดีเสียสละไม่มีตัวตน ไม่มีตัวเอง ไม่ต้องเอาอะไรมาบำเรอใจนี่คือความประเสริฐ มันกลับกันตรงกันข้ามกัน เรียกร้องด้วยความเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็เรียกร้องสิทธิ์สิทธิฉัน ทำไม ก็ไปอยู่ป่าโน่น มาอยู่ทำไมในเมือง เขามีกฎ มีเกณฑ์ มีวัฒนธรรม มีอะไรเหมาะสมควร ไม่บำเรอตนเอง ไม่เอาอะไรใส่ตน ศาสนาพุทธเราเรียนเรื่องนี้ดีสุดยอด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 20:28:24 )
รายละเอียด
พูดไปสมมุติไปมันเป็นไปไม่ได้หรอกไม่ต้องไปคิดให้เสียแคลอรี่ ลุงตู่จะมาพบโพธิรักษ์ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องของสังคม ไม่ควรมาด้วย และก็ไม่มาหรอก เพราะฉะนั้นสมมุติไปก็เสียแคลอรี่เสียความคิดเสียเวลา ไม่ต้องไปพูดเล่น กับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่ต้องไปพูดเลย
แล้วก็ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก จะมาหรือไม่มา เขาก็ทำหน้าที่ พลเอกประยุทธ์ก็ทำหน้าที่ไปก็ดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรนี่ ถ้ามีปัญหา มีอะไรบ้างสะดุด
หลวงปู่ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็สามารถที่จะออกความเห็น Comment ก็อาจจะ comment ไปให้ถึงหูพลเอกประยุทธ์ก็ได้ ก็มีสิทธิ์สื่อ ทุกวันนี้สื่อสารมวลชนมัน globalization ไม่มีอะไรกั้นแล้ว มันถึงกันหมดก็รู้กันหมดได้ พูดฝากลมฝากแล้งไปก็ถ้าสำคัญก็ถึงหูเขา ถ้าเอาใจใส่ก็แก้ไขปรับปรุง ถ้าไม่เอาจะใส่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 11:41:00 )
รายละเอียด
มาศึกษาตามพระพุทธเจ้าแล้วจะรู้ว่าไม่ต้องไปเป็นพระศาสดาอะไรหรอก มันเมื่อยชะมัด เป็นแค่คนธรรมดานี่ก็แย่ ไม่ต้องเป็นศาสดาหรอกแค่คนธรรมดา แค่คนดาๆ ธรรมดาก็ยังเหน็ดเหนื่อยสารพัดภาระยุ่งยาก ผู้ที่เป็นพระอรหันต์จริงแม้จะเป็นพระอรหันต์ที่ไม่มีกุศลอะไรมาก ก็ยังรู้ว่าไม่น่าจะยังคิดอะไรไปมาก พระพุทธเจ้าสอนผู้ที่บรรลุอรหันต์ในรุ่นแรกๆ ยังไม่สมบูรณ์แบบ พากันฆ่าตัวตายไปเยอะแยะ จ้างคนอื่นฆ่า ไม่มีอะไรจะจ้างก็เอาบาตรให้เขาและบอกว่าช่วยกันฆ่าตัวเองให้ตาย ตัวเองไม่กล้าฆ่าตัวเองตาย แต่ให้คนอื่นฆ่า ฟังแล้วมันตลกไหมเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 10:27:51 )
รายละเอียด
อาตมาก็ยืนยันตามความจริงนี้ แต่ขออภัยพุทธศาสนาทุกวันนี้เป็นแบบเวลาที่ปฏิบัตินอกรีตกันอยู่ อาตมาก็ดึงเอาธรรมะที่ถูกต้องคืนมาได้เท่านี้ ก็ขอพูดตรงๆ เป็นวิชาการ ไม่ได้ไปข่มไม่ได้ไปทำร้ายทำลายใครหรอก ศึกษาให้ดีถ้ารู้แล้วก็เปลี่ยนทฤษฎี เปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ผิดๆเสีย มาเอาที่ถูกต้องที่อาตมาอธิบาย แม้จะยากอย่างไรก็ทำไปใจเย็นๆ เพื่อศาสนา ถ้าคุณไม่เอาศาสนาก็ไปเอาลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขก็แล้วไป คุณก็ไปเอาธรรมะกับพระเจ้า แต่ถ้าใครอยากจะเอาโลกุตรธรรมก็มาเอาอย่างอาตมา ไม่ต้องไปเอาหรอกศาสนาที่เป็นเดียรถีย์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 10:43:05 )
รายละเอียด
อยากสรุปลงไปว่า ถ้าเมืองไทยเราเข้าใจถึงเรื่องเศรษฐกิจเรื่องการเมือง เรื่องการสร้างรายได้มวลรวมของประเทศ ก็อย่าไปเที่ยวบ้าบอเหมือนเมืองนอกเขาเลยไปแข่งความรวย ให้ประชาชนเข้าใจว่าความจนไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องเสื่อมโทรมเสื่อมทราม แต่เป็นคนจนที่มีความพออุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนที่มีประโยชน์คุณค่าต่อมนุษย์ต่อโลก เพราะตนเองพออยู่พอกินมีความเพียงพอ ซึ่งเสียดาย ที่เขาไม่รู้พระราชดํารัสทฤษฎีของในหลวง
ท่านตรัสถึงความพอเพียงก็แล้ว ตรัสถึงแบบคนจนก็แล้ว ตรัสถึงขาดทุนของเราคือกำไรของเราก็แล้ว ผู้บริหารข้าราชบริพารก็ไม่กระเตื้อง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 06:12:36 )
รายละเอียด
ผู้ที่ศึกษาผิดไม่ทำตามลำดับอย่างที่ว่านี้ไปนั่งหลับตา เลยผ่านเข้าไปเลย ผ่านเข้าไปนึกว่า ตนเองเข้าไปอยู่ในกลางแก่นเลย เอาตรงนี้คือพวกมักง่ายมักได้ จะเอาเร็วๆ มักได้มักง่ายเอาเร็วๆ แล้วไม่มีปัญญารู้อะไรเลย บอกว่าหมดตรงนี้จะได้หมดจบ แต่ไม่ได้ทำตามลำดับ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:53:02 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:51:08 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:38 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:56:25 )
รายละเอียด
อาตมาว่าอาตมาเหนือกว่าเขา ที่อาตมาด่าเพราะเขาต้องต่ำกว่าอาตมา แต่ถ้าอาตมาไปด่าคนที่เหนือกว่าอาตมา อาตมาไม่กล้าเลยอย่างนี้มันไม่สมควร ไม่ทำเด็ดขาด อาตมาเสียหมดเลยอาตมาจะไม่ทำ อาตมาจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำไปด่าคนที่เหนือกว่าเราไปด่าได้อย่างไร จะด่าก็ด่าคนที่ไม่เหนือกว่าเราแน่นอน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:42:38 )
รายละเอียด
หมายความว่า ชาวอโศกไม่นิยมหลับตาทำสมาธินั้น พวกเราก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าสมาธิต้องนั่งหลับตา เพราะสมาธิของพุทธนั้นไม่ใช่สมาธินั่งหลับตา เป็นสมาธิแบบชาคริยา เป็นสมาธิอยู่ในสภาพของคนตื่นลืมตามีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ตลอดเวลา และก็สร้าง ไฟฌาน พลังงานอุณหธาตุที่ร้อนจนขจัดไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะได้ แล้วมันก็ถูกกำจัดได้จริง ไม่ต้องไปหลับตาที่เป็นการ กดข่มสมถะ แต่ของศาสนาพุทธเป็นการกำจัดกิเลสออกไปจากจิตจริงๆ จึงเป็นความสงบที่เป็นปัสสัทธิไม่ใช่สมถะ กดข่มหรือวิกขัมภนะ
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 12:19:41 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:05 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:57:03 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 13:40:00 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:58 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:58:05 )
รายละเอียด
มันไม่ได้น่ายกเลย ปฏิบัติก็ผิดสอนธรรมะก็ผิด แล้วแถมนำสิ่งที่ผิด ไปหลงสรรเสริญเยินยอหรูหรามักมากมักใหญ่ไปอีกต่างๆนานา โดยไม่รู้ตัว มันซ้อนตัวเองยังติดภพติดชาติ ความมากมายมหาศาล มหัปปิจฉะ มักมากมักใหญ่ ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ จนกระทั่งผู้อยู่ในระดับสถาบันสูงสุดต้องมาซูฮก ต้องมาเคารพต่างๆนานา มันก็เลยพลอยระเริงหลงไปกับสรรเสริญยกย่องนั้น ยิ่งกว่าว่าวดุ๋ยดุ่ย ติดลมบน ถ้าเชือกไม่ขาดก็ลอยติดอยู่อย่างนั้นถ้าเชือกขาดก็ลอยลงทะเลเลย ว่าวจุฬา มันมีธนูดุ๋ยดุ่ย ติดอยู่กับเชือก มันก็จะส่งเสียง เดี๋ยวนี้เขาไม่เล่นกันแล้ว มันคนละรสนิยม เดี๋ยวนี้ไม่ใช่รสนิยมของสมัยโบราณไปแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:58:33 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นการสำคัญผิด กำหนดหมายผิด สำคัญมั่นหมายผิดหรือมีสัญญาผิดพวกนี้แหละ จึงเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้วไม่บรรลุธรรม เพราะนามธรรม 5 ของเขาไม่บริบูรณ์ นามธรรม 5 ในการปฏิบัติธรรมคือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ พวกที่มิจฉาทิฏฐิหลับตาไม่มีผัสสะภายนอก เขาจึงทำใจในใจผิด นั่งหลับตาจึงเป็นพวกเดียรถีย์ นั่งหลับตาปฏิบัติธรรมไม่ใช่จรณะ 15 วิชชา 8 ตีทิ้งได้เลยนั่งหลับตาปฏิบัติธรรมไม่ใช่ของพุทธ ฌานก็เป็นฌานเดียรถีย์
เขาไปยึดถือว่าฌานคือทำจิตให้ไม่มีอาการของนิวรณ์ทั้ง 5 ให้ได้ เขาหลับตาสะกดไว้ไม่ให้จิตมันไปคิดไปนึกอะไร มันก็นิ่งๆๆ มันก็ไม่รับรู้อาการ ตาก็ไม่ได้กระทบรูป หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่ได้กระทบ ไม่กระทบมันก็ดีแล้วเหลือแต่จิต เขาก็ทำจิตให้เป็นนิ่งอีก แข็งแรงตั้งมั่นเขาก็ได้ ได้ประโยชน์แบบนั้น ซึ่งมันเป็นโทษที่มิจฉาทิฏฐิ แล้วคุณก็จมอยู่ในอวิชชาอย่างเก่า ไม่โงไม่เงยเพราะไม่มีสัมมาทิฏฐิที่จะฟื้นขึ้นมาปฏิบัติลืมตา ปฏิบัติรู้ความจริงตามความเป็นจริงให้ได้
หลับตานอนหลับ คุณจะหลับตาลงไปแล้ว ประโยชน์ของการหลับตามี 1.พักผ่อน 2. ทบทวนธรรม 3. ทำเตวิชโช 4. เอาไปเล่นฤทธิ์เล่นเดชบ้าๆบอๆได้ นั่นแหละการหลับตา เพราะฉะนั้นรู้จักใช้ประโยชน์ พักผ่อน ทบทวนธรรม หรือจะใช้เตวิชโช ส่วนที่จะไปเล่นฤทธิ์เดชบ้าๆบอๆ พระพุทธเจ้าท่านบอก พระองค์ทรงเห็นโทษภัยจึง อึดอัด(อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ) เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ)
สัจธรรมที่อาตมาอธิบายไปทั้งหมดคือการรื้อฟื้น เอาความถูกต้องเอาสัจธรรมที่ถูกต้องเข้ามาสถาปนาลงไปในความผิดพลาด ในความเสื่อม แล้วอาตมาไม่ได้พูดผิด อาตมาไม่ได้อวดตัวอวดตน ไม่ได้เบ่งอะไร แต่เป็นคนกอบกู้ โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญา มีไหวพริบ เข้าใจที่อาตมาพูดก็จะรู้ว่าใช่จริงๆ คนนี้ก็เจริญแน่
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 14:09:16 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 18:46:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 12:49:42 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:05 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:58:53 )
รายละเอียด
หรือ แม้แต่ มหาบัว ไม่ได้กินข้าวหรอก เพราะมหาบัวยังไปไกล แม้แต่ข้าวไม่ต้องพูดถึงเลย แค่สิ่งเสพติดหมากพลูเข้าไปในปาก เคี้ยวที่ลิ้นสัมผัสรสที่ลิ้นแล้ว มหาบัวยังไม่กระเตื้องยังไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย ยังติดไปตลอดจนตาย อันนี้แหละมันส่อให้เห็น อาตมาไม่ได้ไปลงโทษไม่ได้แปลว่าแต่สงสารมหาบัว ว่า ยาก แล้ว อาตมาก็ต้องพูดไม่เช่นนั้นก็ปล่อยมหาบัวหรอกคนไป ตัวเองเก๊ แล้ว ไปหลอกคนว่า แท้ มันเสียไหมล่ะ มันเท่ากับปล่อยให้โจรมาฆ่าศาสนา มันก็เจ๊งสิ เข้าไปไม่ได้ อาตมาจึงจำเป็นจะต้องแก้ไขไม่ใช่ไปโกรธ ไปชังมหาบัว ไม่ใช่เลย
ท่านผู้ที่นั่งหลับตาอยู่เป็นลูกศิษย์มหาบัว สายอาจารย์มั่น อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น มหาบัว อาตมาก็พอรู้ทั้งนั้นแหละ เพราะเขาเป็นคนอุบลทั้งนั้น อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น เป็นคนสายตรงนี้ทั้งนั้นก็รู้ทั้งนั้นแหละ แม้แต่มหาบัวจะเป็นคนอุดรก็ตาม
ที่อาตมาสาธยายยืนยันเอาตัวบุคคลมายืนยันอ้างอิงก็ตาม ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้ถล่มทลายอะไร แต่เป็นสิ่งที่เอามาอ้างยืนยันตัวตนบุคคลและมันเป็นของจริงที่แท้ ยิ่งมีตัวตนบุคคลจริง มันยิ่งจริงๆ แล้วพฤติกรรมผ่านมาทุกคนก็พอเข้าใจว่า มันเป็นอย่างไร มันก็ชัดมันก็ง่ายที่จะเข้าใจ อาตมาก็ต้องใช้ ใช้สิ่งที่มันจะเข้าใจง่าย จะมาว่าอาตมาไม่ได้หรอกตรงนี้ อาตมาก็ขอบคุณ ที่อาตมาใช้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 11:53:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 15:15:14 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 10:13:26 )
รายละเอียด
คือ เพียร คนที่ประเสริฐจะต้องมีความเพียรนำหน้า
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 86
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:13:15 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:10 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:59:13 )
รายละเอียด
1. น กัมมารามตา ภวิสสันติ (ไม่มัวเพลินยินดีการงาน คือไม่หลงเพลินหมกมุ่นวุ่นอยู่กับงาน จนเสื่อมเสียการศึกษาเล่าเรียนบำเพ็ญโพธิปักขิยธรรม)
2. น ภัสสารามตา ภวิสสันติ (ไม่มัวเพลินการคุย)
3. น นิททารามตา ภวิสสันติ (ไม่มัวเพลินการหลับนอน)
4. น สังคณิการามตา ภวิสสันติ (ไม่มัวเพลินการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ)
5. น ปาปิจฉตา ภวิสสันติ (ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก, ไม่ตกอยู่ในอำนาจความปรารถนาลามก)
6. น ปาปมิตตตา ภวิสสันติ (ไม่เป็นผู้มีปาปมิตร)
7. น อันตรา โวสานมาปัชชนา (ไม่ถึงความท้อถอยหยุดยั้งนอนใจเสียในระหว่าง ด้วยการบรรลุคุณวิเศษแต่เพียงแค่ชั้นต้นๆ อยู่เท่านั้น
ที่มา ที่ไป
กรรมสูตร เล่ม 23 ข้อ 22
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 21:16:25 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:45:14 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:00:33 )
รายละเอียด
ก็มาตอบผู้ที่ยังไม่เข้าใจ ไปหลงอยู่ในมิจฉาอาชีวะ 5 มิจฉากัมมันตะ 3 มิจฉาวาจา 4 มิจฉาสังกัปปะ 3
ผู้มิจฉาอาชีวะ 5 นั้น เพราะไม่สามารถรู้สัมมาทิฏฐิ ไม่สามารถปฏิบัติสัมมาสังกัปปะได้ วาจา 4 จึงไม่เป็นสัมมา พูดออกนอกรีตพระพุทธเจ้าเป็นมิจฉาวาจาไป พูดอะไรทั้งหมดเลย ทั้งพูดไม่จริงเรียกว่าโกหก แล้วยังมีส่อเสียด พูดหยาบ หยาบอย่างไร?.. หยาบอย่างหวาน หยาบอย่างไพเราะจนหลงคารม
อาตมาพูดไม่หยาบไม่หวาน พูดถึงความผิด พูดถึงสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มันก็ถูกต้อง พูดถึงมิจฉาทิฏฐิมันก็ไปโดนเขา มันก็เลยแรง คำว่าไม่พูดหยาบ จึงไม่ง่าย แล้วอาตมาไม่ได้พูดส่อเสียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 14:52:59 )
รายละเอียด
อนุสัย 7 ตัด อาสวะ สามอันแรก ต้องรู้จักโครงสร้างแรก คือกาย อย่างไม่สงสัย และมีศีลพรต อย่าไปเล่นหัวกับกิเลส จับเลยก็อยู่กับเราแท้ๆ แต่โจรไม่รู้ เราเป็นตำรวจ แล้วโจรไม่รู้ว่าเราเป็นตำรวจด้วย ฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่พ้นสีลัพพตปรามาสคือตรงนี้ รู้ตัวโจร มีทฤษฎีที่จะทำด้วย ไม่สงสัย แต่ไม่ลงมือทำสักที เล่นอยู่ได้เสียเวลา ของพระพุทธเจ้าชัดเจน แล้ว คือมันยังอร่อยอยู่นะ ยังเพลิดเพลินกับกิเลส แอบแฝงเสพกิเลส อันนี้จริง ไม่เล่นหัวแอบเสพ ไม่มากไม่มาย พลังงานที่จะก้าวหน้าไม่มี เอาแต่วนแค่นี้ แค่นี้ก็พอแล้ว พวกพอเพียง คุณจะล้างต่อไปในอนาคตยากขึ้นๆ ไม่เชื่อก็ศีรษะใครศีรษะมัน ปีติวิสัยของอานาคามี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:53:09 )
รายละเอียด
พุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าจึงระบุ“อปัณณกปฏิปทา 3”ลงไปใน“วิชชาจรณสัมปันโน”อันเป็นหนึ่งใน“พุทธคุณ 9”กันทีเดียวว่า ถ้า“3 ข้อปฏิบัตินี้(อปัณณกปฏิปทา 3)”ไม่มีใน“การปฏิบัติหรือไม่มีในการประพฤติธรรม” คือ ไม่มีใน“จรณะ”แล้วไซร้ ก็ผิดไปจากศาสนาพุทธแล้วไม่ใช่การปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ ถ้าผู้ปฏิบัติหรือการปฏิบัติใดไม่มี“3 ข้อ”นี้ ก็ตัดสินได้เลยว่า ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เช่น “หลับตา”ปฏิบัตินั้นแหละ เป็นต้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 178 หน้า 155
เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:03:47 )
รายละเอียด
ด้วย“ทฤษฎี”สำคัญวิเศษ เป็นต้นว่า “จรณะ 15 วิชชา 8” หรือสูตรอื่นๆในชื่อที่แยกย่อยออกไปอีกหลากหลายพิสดาร กระทั่งบรรลุผล“กำหนดรู้”และทำความเป็น“1”หรือ“0”ทุกนัยะสำเร็จ ดังนั้น“0”ก็ตาม หรือ“ประมาณมิได้”ก็ตาม ถ้าไม่ได้เรียนรู้จนมี“ความรู้ยิ่งแบบโลกุตระ”อันคือ“วิชชา” ก็จะไม่สามารถสลายความเป็น“ตัวตน”โดยเฉพาะ“ตัวตน (อัตตา)”ที่เป็น“จิตนิยาม”หรือสัตวโลกที่มี“ธาตุวิญญาณ” แล้วแยกธาตุที่มีความเป็น“จิตนิยาม”หรือ“อัตตา”ได้จริง จึงไม่สามารถ“ดับวิญญาณ”ให้สลายหายไปนิรันดรได้ ถึงที่สุด“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”สูญไปสำเร็จเด็ดขาด
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 447-448 ข้อที่ 617
เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2565 ( 13:33:57 )
รายละเอียด
ฟังตรงนี้ กามตัณหาก็ดี ภวตัณหาก็ดี วิภวตัณหาก็ดี ประกอบไปด้วยกาย ถ้าไม่มีกายไม่มีกาม
ต้องเรียนรู้กายเป็นเบื้องต้น เรียนรู้กามเป็นเบื้องต้น ถ้าตัดลัด ไปนั่งหลับตาไม่ได้มีกายเป็นเบื้องต้น ไม่ได้เรียนรู้กามเป็นเบื้องต้นนั้นก็เป็นโมฆะ ถ้าคุณจะไปเรียนรู้จากจิตเก๊ เป็นสัมภเวสีไม่ใช่จิตที่เป็นปัจจุบันที่มีที่ตั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไม่เป็นทิฏฐกาละ เป็นของจริง สัมภเวสีไม่ใช่ของจริง เป็นสัญญาจากความจำ ปรุงแต่งเป็นอะไรกันก็ได้ จากความจำ แต่ไม่เป็นความจริง
ตาเราสัมผัสรูป หูสัมผัสเสียง จมูกสัมผัสกลิ่น ลิ้นสัมผัสรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็น ทิฏฐิกาละ นี่เป็นความจริง
ผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้ความจริงไปนั่งหลับตาปฏิบัติเป็นพวกโมฆะทั้งนั้นเลย ไปปฏิบัติกับจิตสัมภเวสี จิตเก๊ ที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสกับภิกษุ สาติ
ถ้าเธอไปศึกษาแบบสัมภเวสี เท่ากับขุดตัวเอง ขี้ตู่ พระพุทธเจ้า เราไม่เคยสอนแบบนี้
ในประเทศไทยพุทธศาสนาไปนั่งหลับตาหนีออกป่าออกเขาออกถ้ำ ไปหลงสภาวะของจิตเก๊ ไม่ใช่จิตที่เป็นความจริง แต่เป็นจิตที่เป็นความจำ แล้วก็หลงอรหันต์เก๊เลย ว่า มันเก๊ใหญ่ เก๊ยกกำลัง ไม่ใช่คูณด้วยนะ เก๊ยกกำลัง หนักกว่าคูณ นี่ไม่ใช่ใส่ความแต่เป็นเรื่องจริงมันซับซ้อนเป็นความเชื่อผิดคูณ เชื่อผิดยกกำลัง เป็นความเชื่อผิดที่ยกกำลัง หนาแน่นเป็นปุถุ ไม่รู้กี่ชั้น
อาตมาพูดอย่างนี้พวกหลับตาจะฉุกคิดสะดุ้งสะเทือนอะไรบ้างหรือเปล่า จะมีสักคนสองคนไหมหนอ ฝากความหวังไปกับสายลมหนาว ลมหนาวจะมาแล้ว ได้สักคนสองคนก็ดีหนอ ให้เขาเข้าใจและเลิกมาเลย อย่าไปงมงายอย่างนั้น อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าสอนได้เต็มที่ ส่วนพระพุทธเจ้าท่านพูดอย่างอาตมาไม่ได้ เพราะท่านต้องอาศัยในยุคนั้น ต้องอาศัยคนในยุคนั้นแหละ เพราะฉะนั้นพูดอย่างเด็ดขาดอย่างอาตมาไม่ได้หรอก ท่านตีทิ้งอย่างนี้ไม่ได้ แต่อาตมาไม่ได้อยู่ในยุคนั้น กาละ เทศะ ฐานะ มันคนละเรื่องไม่เหมือนกัน อาตมาอธิบายพาดพิงไปหมดแล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:41:35 )
รายละเอียด
ไม่มีกิเลสไม่เห็นแก่ตัว คือ มันมีความลึกซึ้งซับซ้อนอยู่เยอะ แล้วทำให้สังคมอยู่ดีมีสุข อยู่ดีกันอย่างวิเศษ ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่ทำให้เกิดจิตใจโลกุตระ ล้างความเห็นแก่ตัวอาตมามีภาษาแล้วสื่อคุณธรรมของมนุษยชาติ เรารู้อย่างนี้แล้วก็ทำได้ แม้แต่ที่พาทำแล้วก็ดีแล้วเป็นโลกุตรธรรม และยังมีอีกที่ลึกซึ้งเอามาไขให้พวกเรา หลายคนอาจมีเชื้อแล้วแต่ไม่เข้าใจ คนมีเชื้อแล้วทำได้เร็ว คนไม่มีเชื้อก็ต้องฝึกฝน คนที่ไม่มีก็เข้าใจได้ก็พยายามสร้างเอา เป็นคุณธรรมที่เป็นความสะดวกของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า “โลกุตรธรรม” เป็นสิ่งดีงามเป็นสิ่งประเสริฐสุดยอด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:18:46 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:45:49 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:01:26 )
รายละเอียด
จริงๆ แล้วตัวเองนั่นแหละกรรมตัวเองทั้งนั้น ไม่มีก๊อด มีแต่กรรมเท่านั้นกรรมนั่นแหละยิ่งกว่าก๊อดถ้าเรียนรู้สมบูรณ์แบบแล้วเหนือกว่าก๊อดอีก เพราะเราทำเองให้เป็นเอง สุดท้าย สลายจิตวิญญาณ เป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปเลย ได้เองด้วย ไม่ต้องตายแล้วไปอยู่กับก๊อด พิสูจน์ได้เลย ก๊อดเด๋อเลย ไม่เข้ามาบัญชีนี้หายไปไหนไม่ต้องตายแล้วต้องไปอยู่กับก๊อด
พูดไปแล้วประเดี๋ยวจะหาว่าไปพูดข่มศาสนาเทวนิยม อาตมาเองก็พยายามแต่ว่ามันต้องเปิดเผยสัจธรรม มาถึงยุคนี้แล้วเป็นยุคเฉลียวฉลาดกันหมดแล้วแม้แต่เทวนิยมก็เฉลียวฉลาด ผู้ที่แสวงหายังมีอาตมาก็ต้องระมัดระวังเพราะเขายึดติดเหมือนกัน ไปวิจารณ์วิจัยเหมือนเชิงข่มเขามาก เขาก็จะติดใจถือสาได้ เอาเรื่องเอาราว มันก็ไม่ดี ก็พยายามอยู่
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:05:09 )
รายละเอียด
อาตมาว่า พระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับนี้น่าจะดีกว่าทุกฉบับ เรามีตัวอย่างอะไรขึ้นมาอีกเยอะ ปรับปรุงก็ต้องดีขึ้น อาตมาเชื่อว่า การออกกฎหมายชุดนี้ไม่ได้เป็นการออกที่ลำเอียง ไม่มีคณะที่จะต้องไปลำเอียง เพราะว่าอำนาจของธรรมกายก็หย่อนแล้ว อำนาจเถรสมาคมก็หมด ฝ่ายทางโลกที่เขาไปผสมโรงพวกทักษิณ ก็หมด ก็น่าจะดี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:38:23 )
รายละเอียด
ฟังดีๆ นะตรงนี้ ต้องอ่านอารมณ์เรียกว่า “เวทนา” ในสัตว์โลกนี้มีเวทนาเป็นจุดรวมของตัวประธานใหญ่ เวทนาจึงจะเกิดเจตนา รู้สึกปั๊บ! มีกิเลสเข้ามาร่วมเป็นราคะหรือโทสะ เห็นไหมเสร็จแล้วใช้สัญญาเป็นตัวการกำหนดรู้ว่า ราคะเกิดหรือโทสะเกิด แต่ชาวโลก สัญญาไม่มี เป็นสัญญาวิปลาสหมด วิปลาสทั้ง 3 วิปลาสทั้ง 4 ทิฏฐิวิปลาส สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส จึงมีวิปลาสทั้ง 4
เห็นความทุกข์เป็นความสุข
เห็นความไม่เที่ยงเป็นความจริง
เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นความมีตัวตน
เห็นความไม่น่าได้น่ามีน่าเป็น เป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น
เขาจึงมี เขาจึงสูญไม่ได้เขาจึงหมดเรื่องไม่ได้เขาวิปลาสอยู่ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นในบรรดาคนเทวนิยม คนจน คนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องคุณธรรมและเรียนรู้จนกระทั่งให้จบความวิปลาส ไม่มีความวิปลาสเลยเป็นพระอรหันต์ ผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์จึงเป็นคนที่มีวิปลาสอยู่เต็มไปหมด พูดหมดแล้วนะไม่ได้ด่าไม่ได้ว่าแต่เป็นความจริง เป็นความรู้ที่ตรัสรู้โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาตมาก็เรียนรู้ตามจนเอามาพูดได้ถูกต้อง ขอยืนยันว่าที่อาตมาพูดนี้ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นมนุษย์ในโลกนี้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีความวิปลาสอยู่ อนาคามียังมีความวิปลาสอยู่เหลือน้อยเท่านั้น สกิทาคามีก็เหลือมากกว่าอนาคามี พระโสดาบันก็เริ่มรู้แล้วว่าเรายังมีความวิปลาสอยู่ตั้งนาน รู้ตัวเลยเลิกวิปลาส มากลายเป็นคนที่หมดความวิปลาสตามลำดับ
เห็นไหม คำสอนพระพุทธเจ้าสอนจริงไหม พวกคุณจะเห็นจริงเพราะได้เรียนรู้ปฏิบัติและปฏิบัติจนมีสภาวะจึงอาศัยมาเรื่อยๆ ว่า มันใช่ตามลำดับตามลำดับ พอเป็นพระอรหันต์ก็รู้ครบ อาตมาพูดไปก็ชัดเจนทุกอย่าง แล้วคุณจะรู้ว่าอาตมาพูดถูก ถูกจนบางอย่างเรายังเข้าใจไม่ทัน พอรู้แล้วท่านถูกแต่เรายังเข้าใจไม่ทัน แต่มันถูกนะ มันมีปฏิภาณไรๆ ไกลๆ ว่า ท่านพูดถูก แต่เรายังไกล ไกลจากวิเวกอยู่เลย
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:44:15 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 10:42:09 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:29:41 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:01:59 )
รายละเอียด
ทีนี้ในโลกุตตรธรรมแม้จะเป็นหัวหน้า แม้จะเป็นผู้จัดการมวลมนุษย์ก็ไม่หลงตนว่าตนใหญ่ ไม่หลงตนว่าเรามีอำนาจ ไม่หลงตนว่าเราจะต้องไปเอาของคนอื่นมา จะต้องเป็นผู้ที่มีมากกว่าความรู้มากกว่า สมรรถนะสูงกว่า ความเฉลียวฉลาดอะไรต่ออะไรที่จะบริหารสูงกว่าหมด แต่ไม่ไปเป็นนายคนหรอก มีแต่จะช่วยเหลือคนเหล่านั้น เสียสละช่วยคนเหล่านั้น
ฟังให้ดีนะ มันลึกซ้อนนะ เห็นไหม ที่อาตมามาเรียบเรียง 6-7 คำสุดท้าย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ เกษมหรือเขมัง มันเป็นคุณสมบัติของจิตที่มันไม่มีคำภาษาไทยที่จะขยายความได้แล้ว มันเป็นสุดแห่งมงคล 38 อโศกะ วิรชะหรือเขมัง
ไม่มีความโศก ชาวอโศกยังอยู่ในระดับนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3 วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:37:46 )
รายละเอียด
ขนาดพบสัตบุรุษแล้วต้องพากเพียร พูดแล้วเหมือนคุยเขาบอกว่ายกตัวเองหลงแต่ตัวเอง เขาก็ใส่ความอาตมาทั้งนั้นที่เขาพูดมา อาตมาไม่ได้หลงตัวเอง ไม่ได้ยกยอตัวเองเพราะว่าอาตมาไม่มี สาเฐยจิต อยากอวดยกย่องตนเอง ไม่มี แต่เขาฟังไม่เป็น อาตมาบอกความจริงว่าอาตมาไม่มี สาเฐยจิต ที่อยากจะมายกย่องตัวเองโอ้อวดตัวเองไม่มี มีแต่พูดความจริงตามความเป็นจริง เพราะความจริงมันไม่มีแล้วในโลก มันไม่มีใครพูดความจริง อาตมาเป็นคนพูดความจริงคนเดียวในโลกยุคนี้ ยืนยันความจริงว่าที่ยืนยันความจริงสำคัญที่สุดก็คือว่า ยืนยันอะไร ยืนยันว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นความจริง คนอื่นโกหกทั้งหมด หรือไม่กล้ายืนยันตัวเองว่าเป็นอรหันต์ พูดเลี่ยงไป บรรลุอรหันต์แล้วบอกใครไม่ได้ ขืนบอกนั่นแหละว่าตัวเองเป็นอรหันต์ก็คือไม่ใช่อรหันต์ ไปนู้นเลยปราชญ์ท่านพูดอย่างนั้น ตีความไปออกนอกเรื่องนอกราวพระพุทธเจ้า พวกนี้ไปเปลี่ยนแปลงคำสอนพระพุทธเจ้า บาปมั้ย แต่ไม่ได้พูดซ้ำเติมเขาไม่รู้ก็เลยน่าสงสาร ก็พูดเตือนสติให้เข้าใจ
เพราะในโลกไม่มีใครกล้าพูดความจริง เพราะเขาไม่มีความจริงที่จะมาพูด อาตมามีความจริงที่จะมาพูดจึงกล้าพูดความจริง และเห็นว่าต้องพูด เพราะคนพูดความจริงมันไม่มี มันมีแต่คนโกหกหมดเลยหรือ ความจริงเขาไม่พูดหรอก อย่าไปบอกว่าตัวเองเป็นพระอาริยะ
เป็นพระอรหันต์ บอกแล้วจะไม่ถือว่าเป็นอรหันต์ ต้องเดาเอานะ จึงเป็นโลกแห่งความงมงาย เดาๆ ศาสนาพุทธจึงกลายเป็นศาสนาเดา ศาสนางมๆคลำๆ งมงาย เดา เพราะคนจริงมาพูดความจริงมันไม่มีแล้ว อาตมาย้ำยืนยันให้ฟัง กลับไม่สนใจ แต่ไปสนใจสิ่งที่ไม่จริง มันโง่ มันไม่ไหวแล้วมันเมื่อยสงสารคนเมื่อย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:13:53 )
รายละเอียด
สุดท้ายก็จบด้วยความไม่มี ไม่มี คือไม่มีอะไร? ก็ได้ขยายความไปหมดแล้ว
ไม่มี คือ การทำธาตุจิตวิญญาณนี้ให้สลาย ธาตุรู้นี้สลายเป็นพลังงานอุตุ เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย
ทำได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆ ตั้งแต่เราไปยึดในโลก โลกที่เป็นอบายมุข โลกหยาบๆ เราไปมีมีอารมณ์ มีเวทนานี่แหละ มีความสุขความทุกข์ มีความเป็นความมี จนกระทั่งเลิก ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ต้องเป็น ไม่ต้องมีเลยกับอันนั้น นั้นก็เป็นตัวหยาบ หยาบมาจากอบายมาเป็นกาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ทำจาก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วเราก็ทำได้อีก ละเอียดมาเป็นรูปธรรมในภวตัณหา รูป เราก็ทำได้อีก เหลือบางเบาเป็น อรูป เราก็ทำได้อีก หมดเลย พยัญชนะมันก็มีสื่อให้รู้ได้แค่นี้
ผู้ที่รู้จักสภาวะ ทำได้เป็นจริง มีของจริง เป็นลำดับๆ เป็นลำดับลำดา ไปจนถึงขั้น อรูป ก็จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง แล้วปฏิบัติได้หมดถึงขั้น อรูป
อาตมาพูดนี้ ไม่ได้เอามาจากตำรา แต่เอามาจากตัวเองที่มีสภาวะพวกนั้น แล้วมาพูดสู่พวกคุณฟังได้ จากสภาวะที่มีจริงของตนเอง พูดอย่างมั่นใจ พูดอย่างชัดเจน พูดอย่างละเอียด ละเอียดขนาดนี้ ผู้ฟังก็ตาม ตามความหมายจากพยัญชนะแล้วก็เอาไปปฏิบัติเอง ก็จะรู้เองตามนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:32:55 )
รายละเอียด
ใครฟังอ่านผ่านไปแล้วนี่ ฟังแล้วพอเข้าใจบ้าง ยกมือ? พอเข้าใจบ้าง อาจจะ 10 ตรี บั้งหนึ่ง สิบโท 2 บั้ง สิบเอก 3 บั้ง ถ้า 4 บั้งนี้เป็นจ่า เข้าใจหลายบั้ง
มันก็คงพอเข้าใจได้สำหรับพวกเรา สรุปแล้วก็คือว่าทุกอย่างไม่มี ไม่มีคืออะไร..สูญ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แม้แต่รูปที่ถูกรู้อยู่ในปัจจุบันนี้ มันก็เป็นศูนย์
พระสารีบุตร กับพระอวโลกิเตศวร ท่านพูดกัน คุณคือใคร จะมาพูดระดับนี้กันเหมือนอย่างพระสารีบุตรกับพระอวโลกิเตศวร เห็นไหม
เพราะฉะนั้นเราก็ฟัง เราพอเข้าใจก็ดีแล้ว เข้าใจนั้นเป็นการเข้าใจด้วยความเข้าใจ ด้วยความเข้าใจเฉยๆ มันยังไม่ใช่สภาวะที่สูงสุด ที่ท่านพูดนี้เป็นสภาวะที่สูงสุดในระดับของท่าน ซึ่งท่านจะพูดอย่างไร ท่านก็เข้าใจกันได้โดยทั้งสมมุติและปรมัตถ์ทั้งสภาวะ แต่สำหรับเรานั้นก็เอาให้เป็นศูนย์เท่าที่เป็นศูนย์
เราต้องเข้าใจคำว่า เป็นศูนย์ หรือคำว่า ไม่มี คืออะไร คำว่าเป็นศูนย์หรือคำว่าไม่มีเป็นไวพจน์กันว่า 0 ก็คือไม่มี ไม่มีก็คือ 0 ว่างๆ เป็นคำที่ใช้แทนกันได้ เป็นไวพจน์กันหมด เป็น synonym กัน ก็ฟังแล้วก็ระลึกถึงสภาวะ
คำว่า “ไม่มี” หรือคำว่า “ว่าง” แม้แต่ใช้คำว่า “หลุดพ้น” ก็ได้ แต่ความว่า ไม่มี ว่าง หลุดพ้น ไม่ได้หมายความว่า “เราพรากจาก” อันนี้เป็นนัยสำคัญ คำว่า ไม่มี ดับสนิท หลุดพ้น แล้วดับความรับรู้ ดับสัญญา ดับเวทนา ดับความรับรู้อะไรไปเลย อันนี้โมฆะ โมฆะความไม่มีแบบนี้ ไม่อยู่ในความหมายสำคัญของพุทธ
ความหมายสำคัญของพุทธนั้นหมายความว่า ไม่เกาะเกี่ยว อยู่เหนือ สิ่งที่เราสัมผัสอยู่ตอนนี้ไม่มีอิทธิพลต่อเราเลย เรารู้มัน รู้สิ่งนั้นตามความเป็นจริงของมัน..จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:00:11 )
รายละเอียด
มันไม่มีงานใดที่ยิ่งใหญ่กว่างานนี้งานมนุษย์ ที่อาตมาสรุปแล้วว่าพระพุทธเจ้าค้นพบแล้วก็สำเร็จทุกวิชาการในโลก สุดท้ายท่านไม่ทำเลยวิชาการอื่น ท่านมาทำงาน รื้อขนสัตว์ มาช่วยให้ได้โลกุตรธรรม งานเดียวของพระพุทธเจ้างานสุดท้าย 45 พรรษาของพระพุทธเจ้า สอนเรื่องนี้เรื่องเดียววิชาอื่นไม่เกี่ยว เลิกเลย จบ เสร็จแล้วท่านก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปแล้ว
คำว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ดี มีอยู่ในมูลสูตรข้อที่ 10 อาตมาต้องมาไขความ แล้วจะชัดเจนนะ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สลายตัวเองไปเลย อวสานจบ ปรินิพพานไปอย่างเยี่ยมยอดเลย ปริยะ โอสาน อวสาน เลิก เป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 12:08:57 )
รายละเอียด
อาตมาขออภัยอย่างสูงเลยตอนนี้ พูดแล้วนึกถึงมหาประยุทธ์ สงสารท่านเหมือนตาลปุตตะ ท่านเป็น learned man ท่านเป็นผู้คงแก่เรียน ท่านเรียนรู้มากแล้วก็อยู่กับความรู้ของท่าน ท่านไม่รู้ตัวเองท่านไม่รู้กาย ไม่รู้การจัดปริเฉท เริ่มต้นเป็นโสดาบัน สกิทาคามี ท่านไม่มีจุดเริ่มต้น ท่านไม่มีจุดจบ ท่านเป็น ปทปรมะ ขออภัยที่อาตมาวิจารณ์ท่านมหาประยุทธ์ ท่านรู้มาก จำพุทธพจน์ก็มากสั่งสอนก็มาก แต่ท่านไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินี้ ซึ่งสุดยอด อาตมาไม่รู้จะสงสารอย่างไรเพราะท่านเป็นปราชญ์ ท่านเป็นพหูสูต ท่านเป็นผู้ที่คงแก่เรียน เป็น learned man จริงๆ ยอมรับเลยเป็นความจริง แล้วมันก็เป็นภัยแก่ตัวเอง รู้มากก็เลยไม่รู้ที่จบ
แล้วไม่ฟังผู้ที่จะรู้ที่จบอย่างอาตมา รู้จบรู้สรุปให้รู้ความเริ่มต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ท่านไม่ฟัง ท่านไม่ศรัทธา อันนี้มันบังคับกันไม่ได้ เพราะว่าท่านไม่มี ปรโตโฆษะ ท่านก็ไม่เกิดสัมมาทิฏฐิ ท่านก็โยนิโสมนสิการไม่เป็น ซึ่งก็เข้าหลักของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งนั้น ถ้าอ่านหมด หมดเวลาวันนี้ คนที่สนใจไปเปิดหาอ่านเอา พระไตรปิฎก เล่ม 26 ข้อ 399
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 12:26:27 )
รายละเอียด
ประมาทจนกระทั่งโพธิสัตว์ อาตมานี่บอกว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์ เขาก็หัวเราะเยาะเหม็นขี้ฟัน ถามจริงๆ แล้วตัวท่านเองกล้ายืนยันเหมือนอย่างอาตมาหรือไม่
อาตมาไม่กลัวว่าจะพูดผิดไม่กลัวว่าจะหน้าแตก ไม่กลัวว่าจะอธิบายธรรมะไม่ถูกต้อง อธิบายทุกวันนี้ขอยืนยันว่าอาตมาอธิบายความถูกต้องความจริง โดยเฉพาะโลกุตรธรรมปรมัตถสัจจะของพระพุทธเจ้า ขออภัยพูดเหมือนอวดดี แต่มันดีจริงๆ อาตมาจะไปอวดความโง่ทำไม ใครอยากอวดโง่ก็อวดไปเถอะอาตมามีดีก็อวดดี ขออภัยของอาตมามีแต่ดีทั้งนั้น อวดออกมามีแต่ดี เพราะฉะนั้นอาตมาต้องอวดดี อาตมาไม่มีชั่วเลวให้อวด ขออภัยที่พูดนี้อาจจะจริงเกินไปจนรับไม่ไหวก็แล้วแต่ คุณไม่เชื่อว่าอาตมามีความจริงเกินจนคุณคาดไม่ถึงว่าอาตมามีความจริงขนาดนี้เชียวหรือคุณจะไม่เชื่อง่ายๆ จริง ยิ่งคุณมีการศึกษามา อัตตามานะมาก คุณก็ยิ่งจะไม่เชื่อง่ายๆ ก็น่าสงสาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:31:19 )
รายละเอียด
จริงๆแล้วอาตมาไม่ได้มีญาณหยั่งรู้ที่เก่งเฉพาะบุคคล เกิดมาหลายคนอาจจะมากชาติกว่าอาตมาก็ได้ แต่จิตมันเขรอะกว่าอาตมา พวกคุณมีสายปัญญา สายวิตักกะ ปนๆ มาในนี้ ถ้าเข้ามาจุดนี้ก็คือว่าผ่าน วิตักกะ ดูไม่เหมือนวิตักก ะทีเดียว แต่จะเป็นสายปัญญาได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน วิบากของอรหันต์ที่อภิญญาน้อย
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:37:58 )
รายละเอียด
โลกก็ต้องเอาทางธรรมะพระพุทธเจ้าไปใช้แต่เขาเข้าใจไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่ได้บังคับ อาตมาเคยพูด อธิกรณสมถะ 7 นี้ ท่านแบ่งไว้ชัด อยู่ในกรอบนี้ทั้งนั้น สมบูรณ์แบบในวิธีพิจารณาความ
ผู้พิพากษาก็มีความรู้ทางกฎหมายไม่ได้มีความรู้ทางธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างที่อาตมาพูดไป อาตมารู้แต่ก็ต้องยอมเขาต้องใช้กฏอันนี้ในสังคม อาตมาไม่มีปัญหาเพราะอาตมาไม่มีตัวตน เขาให้แพ้ก็แพ้ เราแพ้ไปแล้ว ตัดสินผิดก็ผิดไม่ว่ากัน เราก็ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ไม่ได้เข้าคุกหรอกรอลงอาญา 2 ปี ก็ผ่านไปแล้วก็จบไปแล้วเรื่องนั้น ซึ่งแม้แต่กฎหมายเขาก็ไม่ให้ทำต่อ เขาก็มีกฎหมายไม่ให้ทำซ้ำมันแล้วไปแล้วไม่มีอะไรจะทำต่ออีกแล้ว อาตมา ถึงบอกว่าจบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:06:29 )
รายละเอียด
เหมือนอย่างสังคมพวกเรามันเป็นสังคมที่สมบูรณ์แบบ เอาจิตวิญญาณเป็นประธาน จิตวิญญาณมี คุณธรรม คุณวิเศษ คุณธรรม ระดับโลกุตระเป็นจริงแท้จริง ไม่มีตัวตนลดตัวตน จะเหลือตัวตนก็น้อยลงน้อยลงให้ได้จนไม่มีตัวตน คำว่าตัวตนนี้จึงยิ่งใหญ่มาก
ไม่มีตัวตนเป็นภาษาทางนามธรรม จริงๆ แล้วตัวเองมี กัมมัญญา มีความรู้ความสามารถก็ใช้สร้างสรรผลผลิต วาจา ความคิด ให้ผู้อื่นได้เป็นประโยชน์ไปอย่างซับซ้อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ลึกซึ้งมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทุนนิยมคือ Infinity แต่บุญนิยมนี้ 0 ยิ่งกว่า 0 วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:59:05 )
รายละเอียด
คนจนนี่มันช่วยคนที่อื่นๆ อีก เขาคนจน เขาไม่ได้มาเป็นคนจนอย่างโลกุตระแบบพวกเรา เราก็ต้องช่วยเขา เพราะโลกียะเขาไม่ได้อยากจน เขาไม่ได้เหมือนพวกเรา พวกเรานี่อยากจนแล้วมาจนสำเร็จ พวกเขาไม่ได้อยากจน แต่เขาก็ยากจน แล้วเขาก็ไม่อยากจน ไม่เหมือนพวกเราอยากจน นี่พูดภาษาไทยนะ อธิบายธรรมะด้วยภาษาไทยง่ายๆ
เพราะฉะนั้นพวกที่แก้ปัญหาความจนสำเร็จนั้น มีพวกอโศกพวกเดียว อย่าไปพูดดังเดี๋ยวเขาจะว่าเอา ต่อให้รัฐมนตรี ต่อให้จบด๊อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์มา แก้ปัญหานี้ ไม่เสร็จ แต่ชาวอโศกโพธิรักษ์แก้ปัญหา เสร็จ ไชโย เราเบ่งข่มเขาได้สำเร็จ มันเป็นสัจธรรมที่ซับซ้อนเป็นสัจจะที่ลึกซึ้งมาก ไม่มีตำราเรียนในเทวนิยม ไม่มีตำราเรียนในตะวันตก ไม่มีตำเรียนในศาสนาอื่น ไม่มีตำราเรียนในศาสตร์ใดๆ นอกจากพุทธศาสนา ศาสนาใดๆ ก็ไม่มีสอน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:25:24 )
รายละเอียด
เมื่อไม่มีทฤษฎีสำคัญพิเศษที่ให้เรียนรู้“เทฺว” โดยตีแตกแยกแยะ (distinguish)“เทฺว”ออกมาศึกษาให้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงกัน ก็จะไม่สามารถมี“ปัญญา”อันเป็น“ธาตุรู้โลกุตระ”ที่สามารถรู้ความเป็น“เทฺว”อันคือ“อัตตา”ที่เป็น“ปรมัตถธรรม” ซึ่งก็คือ“วิญญาณ” คือ“จิต-เจตสิก-รูป”ทั้งหลาย ที่เรียนรู้ได้จริง ตั้งแต่“ตัวเอง”ที่รู้ได้ด้วย“รูป-นาม”หรือ“กาย (นอกและใน อันมี 2)” ผู้มี“ปัญญา”หรือมี“สัมมาทิฏฐิ”ก็จะเริ่มรู้ไปตั้งแต่“สังโยชน์ข้อที่ 1” คือ“สักกายทิฏฐิ”“กาย”รู้ได้ด้วย“การสัมผัสทางตา,หู,จมูก,ลิ้น,โผฏฐัพพะ”จะจากทวารใดทวารหนึ่ง หรือหลายทวารก็ตาม นั่นคือ ผู้รู้ได้ด้วย“ภาวะ 2”อันเป็น“รูป-นาม” หรือ“ภายนอก-ภายใน”ที่สำคัญในความเป็น“กาย”คือ “ภาวะ 2”ในความเป็น“ชีวะ”ว่า ภาวะแบบใดที่“ไม่ใช่จิตแล้ว” มันกลายเป็น“พีชหรืออุตุ”ไปแล้ว ซึ่ง“พีชหรืออุตุ”นั้นไม่มี“เวทนา”แล้ว คือ“ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์” หรือ“ไม่มีบาป-ไม่มีบุญ” เพราะ“เป็นกรรมที่ไม่มีวิบากบาปแล้ว”
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 442 ข้อที่ 609
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2565 ( 14:11:25 )
รายละเอียด
คนที่จะเปลี่ยนประเทศไปจากสังคมอิสระ ให้เป็นสังคมที่มีข้าราชการเป็นนาย หยุดกันเสียเถิด อย่างที่ธนาธรพยายามจะกระทำ อย่างนี้เป็นต้น หยุดกันเสียเถิด
ประเทศไทยทุกวันนี้ก็ดีที่สุดแล้ว อย่าพิสดารวิตถารคิดให้บ้าๆบอๆ หนักออกไปเลย เรียนรู้สัจธรรมของพระพุทธเจ้าที่มีปัญญาที่เป็นโลกุตระกันให้ดีๆ มันสุดยอดประเสริฐไร้เทียมทานแล้ว ไม่มีทฤษฎีไหนที่จะวิเศษเท่าได้อีกแล้ว
เป็นแต่ว่าโลกยุคนี้ คนเสื่อมจากพุทธศาสนากันไปจริงๆ คนไทยเมืองพุทธนี่แหละเสื่อมไปจากพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระ มีโลกุตรธรรมกันไม่ได้ มันจึงเกิดความทุกข์ เกิดความไม่สงบ ไม่สบาย ไม่อบอุ่น ไม่อิ่มเอม ไม่เกษมใส ไม่มีใจเกื้อกูล ไม่เพิ่มพูนการเสียสละกัน
แต่ถ้าหันมาศึกษาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าให้สัมมาทิฏฐิ แล้วก็บูรณะให้เกิดโลกุตรธรรมกัน ในคนในสังคมไทยนี่ทำให้ได้จริงๆ เพิ่มขึ้นๆ ให้ดีที่สุดเลย เมืองไทยมีของดี มีเชื้อของทฤษฎียิ่งใหญ่คือของพระพุทธเจ้า มีโลกุตรธรรมอยู่แล้ว อันนี้แหละถ้าเผื่อว่า ได้ฟังที่อาตมาพูดนี้ก็ตาม คนที่รู้แล้วก็มาช่วยกัน มาผนึกกันสร้างอันนี้
อาตมาสรุปในเรื่องบรรยายธรรมะนี้มาหลายทีแล้วว่า ในคนที่เกิดมาเป็นคนแล้ว พระพุทธเจ้าศึกษาเรื่องคนกับสังคมเท่านั้น แล้วในความเป็นคนและสังคมคืออะไร คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดพฤติการณ์พฤติกรรม จนถึงขั้นมันโง่ฆ่ากันจะเป็นเจ้าโลก ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แล้วก็สร้างอะไรต่ออะไรขึ้นมาให้มีอำนาจที่จะเป็นเครื่องต่อรอง สร้างอาวุธเป็นเครื่องต่อรอง ให้คนเห็นว่าอาวุธเป็นอำนาจใหญ่ที่จะยิ่งใหญ่ในโลก หรือว่าจะป้องกันตนเองได้อะไรก็แล้วแต่ สร้างเงินทองขึ้นมาให้มันหลงใหลกันไป สร้างเกม ขอเรียกว่าเกมการแข่งขัน เกมการอาศัย เกมอะไรขึ้นมาที่ไร้สาระหรือมันซับซ้อน ที่ทำให้คนไม่สำเร็จไม่จบกิจกัน
คำว่า “จบกิจ” คำนี้จะได้อธิบายต่อๆไป ในเรื่องของเศรษฐกิจ รัฐกิจ สังคมกิจ คำว่า กิจ กิจการ การกระทำแล้วก็จบกันที่คำว่า “จบกิจ” จะได้ขยายความอันนี้ให้เข้าใจกันชัดๆเพราะสำคัญมากเลย
ถ้าไม่เข้าใจคำนี้ซะแล้วมันไม่มีทางจบกิจ คำนี้เป็นคำของพระพุทธเจ้าที่คนไทยแปลจากพระบาลี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2
วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:38:43 )
รายละเอียด
วิญญาณัง อนิทัสสนัง อนันตัง สัพพโตปภัง
อนันตัง คือ ไม่มีที่สิ้นสุด
อนัตตา คือ ไม่มีตัวตน อันหนึ่งบอกถึงกาละเวลา อีกอันบอกสภาวะตัวเองที่ไม่มีตัวตน กับอีกอันไม่มีที่สิ้นสุด
อนันตัง คือ ระยะเวลา พยัญชนะสองคำนี้ หากไม่ชัดเจนสภาวะธรรม ก็จะยาก อนันตัง กับ อนัตตา
อันตะ แปลว่า ไม่มีขอบเขต ไม่มีสิ้นสุด
อนัตตา คือ อัตตาไม่มี ไม่มีอันตะ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ยอดสุดของความต่างคือนานาสังวาส วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 27 มกราคม 2563 ( 15:37:02 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:46:37 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:02:27 )
รายละเอียด
การดับสัญญาให้ดับให้ดำให้มืด คุณก็ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข แต่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขที่ต่างกัน
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขของมิจฉาทิฐินั้น เขาก็ไม่มีได้ แต่เขาทำแบบ ดำๆมืดๆ ไปเฉยๆ ให้มันหยุด มันดับ มันดำ มันผ่าน มันไม่มีแสงสว่างมันไม่มีปัญญา มันไม่มีความกระจ่างแจ้ง ไม่มีความรู้เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 08:38:16 )
รายละเอียด
จากนั้นเหลือรูปภพอรูปภพ เป็นภายในแท้ๆก็เหลือ อรูปอัตตาโดยตรง หมดความเป็นมโนมยอัตตา อัตตา 3 โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา ในพระไตรปิฎกเล่ม 9
ผู้ที่เรียนรู้สภาพปรมัตถ์ต่างๆพวกนี้ จิต เจตสิก รูป รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ โดยนามการกำหนดใช้สัญญา ผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่มีนาม 5 ไม่มีผัสสะ ไปทำใจในใจ หลับตาไม่มีผัสสะ พวกนี้นอกรีตเลยไม่มีนาม 5 ในการปฏิบัติ ทำมนสิการ ที่เป็นมูลสูตรข้อที่ 2
ข้อที่ 1 ฉันทะ ข้อที่ 2 มนสิการ เขาก็ทำมนสิการ เขาก็ทำนะแต่มันผิดไปเลย มันไม่มีผัสสะ เพราะฉะนั้นคุณจะรู้จักเจตนาไม่ได้ ไม่มีเจตนาให้เรียน มีเจตนาก็เพียงสัญญากำหนดไป มันเดาเอา มันไม่มีสัจจะความจริง ความจริงจะต้องมี ทิฏฐธรรม มีปัจจุบันชาติ
มีปัจจุบันที่ตาหูจมูกลิ้นกายและใจ ร่วมกับคนอื่น มันเป็นความจริง อยู่คนเดียวคิดคนเดียวไม่ถือเป็นความจริงเป็นความเพ้อฝัน เป็นการสร้างขึ้นไปเองเป็นภพชาติ มันจะคิดอย่างไร ก็คิดเอาของเก่ามาบุพเพ คุณจะคิดของใหม่ อนาคต คุณก็คิดไปได้สารพัด
ของเก่าก็อาจจะมีของเก่าที่คุณระลึกได้เท่านั้นแหละมี 18 อย่าง ตามที่พระพุทธเจ้าท่านรวบรวมไว้หมด ถ้าของใหม่มีมากที่สุดก็ 44 อย่าง
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้คำสอนพวกนี้ อาตมาก็นำมาวิจัย นำมาแจกแจง นำมาขยายความให้พวกเรารู้ละเอียดๆ แม้ตั้งแต่หยาบๆ แล้วพวกคุณก็รู้ไปตั้งแต่เบื้องต้น จึงเป็นการหลุดพ้นมาจากโลกหยาบ มาถึงโลกละเอียด อาตมาพูดไม่รู้กี่ทีว่าชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนอนาคามี มันไม่ใช่เรื่องตื้นๆเล็กๆ หรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:39:17 )
รายละเอียด
“พระเจ้า”เองก็ไม่มีประวัติและหลักฐานอ้างอิงยืนยัน
“ภาวะนั้นๆ”กันเลย ทุกอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไม่มี“เทฺว”นั่นเอง ไม่มี“ธรรมะ 2”ยืนยัน“เหตุกับปัจจัย”ก็ดี ยืนยัน“ความเป็นจริง”กับ“ความไม่จริง”ก็ตาม แต่ประการใด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบ“ความจริง-ความไม่จริง” หรือเปรียบเทียบ“เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้” แม้แต่“ความพ้นทุกข์
(พ้นสุขด้วย)”แท้ๆ“พระเจ้า”ก็ไม่สามารถทำให้มนุษย์“พ้นทุกข์”เด็ดขาดยั่งยืนตลอดกาล ไม่แปรปรวน ไม่มีอะไรหักล้างได้ ไม่กลับกำเริบ ได้เลย
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 324 หน้า 244
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:06:32 )
รายละเอียด
จะว่าเป็นเจตนาก็ไม่เจตนา กึ่งเจตนา มันมีกรอบของมันที่จะต่อชีวะ แต่มันไม่มี ยังไม่สามารถที่จะออกนอกกรอบชีวะของมันขึ้นไปเป็นสัตว์ นี่ก็นิยามไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ทีนี้ความตายความเกิดของพืช กับความตายความเกิดของสัตว์ ความตายความเกิดของพืช ไม่มีภพไม่มีชาติ ส่วนความตายของสัตว์ มีภพมีชาติ มีตัวกูของกู ข้ามภพข้ามชาติ คำว่า ตัวกูของกูข้ามภพข้ามชาติ นี่แหละ เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมีปัญญาอันยิ่งที่จะหยั่งรู้ได้ แม้แต่ชาวพุทธเอง ก็ไม่ใช่สามารถที่จะจัดการพลังงานธาตุจิตของตัวเอง ให้เป็นธาตุจิตที่ ผู้สามารถรู้ว่า ทำตายทำเกิด อย่างสมบูรณ์แบบได้ อย่างพระอรหันต์
เริ่มต้นเรียกได้ว่าผู้นี้เป็นอรหันต์ จะเริ่มต้นเรียกผู้นี้ว่าเป็นอรหันต์ได้ ต้องรู้กรอบของความคิด ความยึดของตนเอง ว่าตนเองยึดกรอบความคิด อันนี้ของตัวเอง ความยึดก็ดีถือก็ดีของตนเอง ว่าอันนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ มีอย่างนี้ ไม่มีปล่อยไม่มีวาง คุณก็เป็นอรหันต์ไม่ได้ คุณต้องเลิกว่า ไอ้ที่คุณยึดคุณถือคุณนับเอาเป็นตัวตน หมดไม่ได้ ปล่อยไม่ได้ วางไม่ได้ นี่แหละคุณยังไม่หมดตัวตนได้ คุณเป็นแต่เพียงเข้าใจด้วยตรรกะ ด้วยความหมายของภาษาว่า จิตคุณจะวาง ไม่ยึด อันนี้เป็นตัวเป็นตน
เช่น คุณไปติด ถ้าคุณไปติดของหยาบ ติดสิ่งเสพติด พิษมันร้าย ดีไม่ดีมันเอาประสาทเสียคลั่งอย่างในตัวอย่าง คุณก็กลัว กลัว ก็ไม่เอาแล้ว คุณก็เลิก ไม่ยึด พอเลิกไม่ยึด อาการที่คุณเลิกไม่ยึดได้โดยจิตคุณไม่ยึด นี่แหละมันคือ การปล่อยวาง มันคือการเลิกยึดมาเป็นตัวกูของกูแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 13:00:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:32:37 )
รายละเอียด
ไม่มีปัญญาเกิดในหลับตา อยู่ในมหาจัตตารีสกสูตรข้อ 258 มันแย้ง มันไม่มีปัญญาเกิดในหลับตาได้ มันไม่มี ปัญญาต้องเกิดในตอนลืมตาทั้งหมด ครบทวารทั้งหมด เป็นทิฏฐธรรม เป็นปัจจุบันชาติ ความจริงนั้นต้องอยู่ในปัจจุบันชาติ ไม่อยู่ในปัจจุบันนี้มีทั้งอดีต อนาคตมารวมอยู่ตรงนี้ และเป็นปัจจุบันนี้มันจึงจะกลายเป็นอดีตหรืออนาคตมาถึงตรงนี้ มันถึงจะเป็นความจริง แต่อดีตเป็นความจริงไหม มันไม่จริง อนาคตก็ไม่เป็นความจริง ความจริงมันอยู่ที่ปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นนี่ไม่มีผ่านปัจจุบันเลยหาความจริงไม่ได้
ก็ท่านไปยึดมั่นถือมั่นแล้วในเรื่องที่เป็นความผิด ก็เลยซวยใครซวยมัน เราจะไปช่วยได้ยังไง เพราะท่านยึดเอง พูดยังไงท่านก็ไม่ฟัง ไม่มีปรโตโฆษะ ยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อ คนอื่นไม่เอา เอาแต่ตัวเองเป็นหลัก ถ้าหากเห็นว่าคนอื่นน่าฟัง เห็นว่าโพธิรักษ์พูดน่าฟัง ก็ค่อยยังชั่ว แต่นี้ไปเชื่อคนที่ว่าโพธิรักษ์นี่ผิด แล้วปิดประตู เชื่อตามเลย น่าสงสารไม่รู้จะทำไง
(ต่อเรื่องมูลสูตร 10)
จากรากของสมาธิเป็นมิจฉาสมาธิ สติก็เป็นมิจฉาสติ ปัญญาก็เป็นมิจฉาปัญญา วิมุตก็เป็นได้เป็นแก่น
พูดถึงแก่นนี่ วิมุติเป็นแก่น ยังไม่ต้องอธิบายที่อมตะและ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน มหาสาโรปมสูตร ล.12 ข.347 ว่าด้วยเรื่อง ผู้ที่ไปแสวงหาแก่น แต่ไปหลงผิด (ไม่รู้จักแก่น จึงละเลย)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:58:40 )
รายละเอียด
คนไม่มีความรู้ไม่เกิดหรอกบุญ ทำบุญไม่สำเร็จ ไม่มีปัญญาที่เป็นโลกุตระ ไม่สามารถทำจิตให้เกิดบุญ คือ จิตทำให้เกิดการลดละกิเลสได้จนกิเลสหมด บุญจึงเป็นอาวุธฆ่ากิเลสที่สำคัญ เดี๋ยวนี้มันฟั่นเฝือ คำว่าบุญก็กลายเป็นกุศลไป ไม่รู้จักนิยามความหมายของบุญแท้ๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 13:19:38 )
รายละเอียด
อาตมาพูดอย่างนี้จะมีอาจารย์ทางศาสนาท่านไหนฟัง ถ้าฟังแล้วชัดเจนจะได้เอาไปปฏิบัติ เลิกจากการนั่งหลับตาสมาธิ
ในสติปัฏฐาน 4 ในจรณะ 15 ก็ไม่มีการนั่งหลับตา เพราะมีศีล สำรวมอินทรีย์ ถ้าขาดสำรวมอินทรีย์ 6 ศาสนาพุทธหายไปหมดแล้ว ไม่มีผัสสะ 6 ศาสนาพุทธสูญไปแล้ว จึงไม่เหลือศาสนาพุทธแล้วในประเทศไทย ขอพูดเลยว่า พูดไม่ผิด ขอยืนยันเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:32:57 )
รายละเอียด
ทฤษฎีมันถูกไง แต่กิเลสมันยังไม่หมด ทฤษฎีมันถูกต้องแล้ว แต่กิเลสมันยังไม่หมด มันก็ต้องแสดงบ้าง มันก็ต้อง มี error สิ่งที่มันยังมีจริง มันก็ต้องออกมาเป็นจริง มันก็นั่นแหละ มันก็ต้องมีผัสสะไง ถ้าไม่ผัสสะมันก็ไม่มีจริง มันก็นึกว่าเราหมดแล้ว มันก็ไม่ขึ้น หรือว่ามันไม่เกิด มันไม่ปรากฏตัว มันก็เลยไม่รู้ เพราะฉะนั้นธรรมะพระพุทธเจ้าจึงชัดเจนว่า ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยปฏิบัติธรรมะไม่ได้ ไม่มีผัสสะไม่มีฐาน พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้ว ไม่มีฐานะที่จะเป็นได้ เป็นได้ก็คือที่จะสามารถเป็นโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ ไม่มีเวทนามาปฏิบัติ ไม่มีฐานะจะเป็นอะไรได้เลย เป็นได้อย่างเดิม เป็นปุถุชนที่เต็มไปด้วยกิเลสอย่างเดิม เป็นตัวไม่เจริญ เป็นตัวที่พัฒนาโลกุตระขึ้นมาไม่ได้เลย ปฏิบัติเป็นอาริยะไม่ได้เลย
ที่มา ที่ไป
สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน การใช้นาม 5 ให้เกิดสัมประสิทธิ์
วันที่ 14 กรกฎาคม 2561
เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 15:15:19 )
รายละเอียด
ถ้าไม่มีผัสสะ ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 อ่านให้แตกฉาน ไม่มีผัสสะ ไม่มีเวทนา ไม่มีที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ ไม่มีฐานให้ปฏิบัติ ไม่มีผัสสะ ไม่มีเวทนา เป็นที่ตั้งไม่มีฐานให้ปฏิบัติ นี่คือตัวโมฆะในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร เป็นตัวสำคัญตรงนี้ ว่า จะปฏิบัติได้หรือไม่ได้ ก็คือ มีผัสสะ มีเวทนา เป็นฐานปฏิบัติหรือไม่ ถ้าไม่มี ผัสสะ เวทนาเป็นฐานปฏิบัติเลิกล้มได้ นี่คือตัวสำคัญมากสำหรับการปฏิบัติธรรม พรหมชาลสูตร
เวทนา สัญญา เจตนา
สัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ จบบรรลุแล้วตรวจสอบก็ต้องใช้สัญญาทั้งนั้นตรวจใน วิญญาณฐีติ 7
เจตนาเป็นกาม เป็นภพหรือวิภวตัณหา
เจตนา 3 หรือตัณหา 3 มี กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ผู้ที่เรียนรู้กามตัณหาเบื้องต้น แล้วลดละกำจัดกิเลสกามได้ก็จบเบื้องต้น กาม ต้องมี 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย กาม ไม่ใช่ 1 กามมี กามคุณ 5 ไม่ใช่กามคุณ 1
มหาบัวเกิดหรือยังไม่รู้ เกิดแล้วมานั่งฟังบ้างก็จะดี จะได้รู้กามคุณ 5 หรือมาแอบเกิดในบ้านราชฯก็ไม่รู้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 12:48:43 )
รายละเอียด
“เคหสิตอุเบกขาเวทนา”เป็นโลกียะ แต่“เนกขัมมสิตอุเบกขาเวทนา”เป็นโลกุตระ คนปฏิบัติธรรมทุกคนที่น่าสงสารมากไปเข้าใจการทำแบบกสิณจดจ้องสะกดจิต เป็นเรื่องเดียรถีย์ เป็นเรื่องของสมถะ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ในการวิจัย วิจัยก็วิจัยที่ไม่ถนัด พระพุทธเจ้าทรงแยกเวทนาที่ 108 หากเข้าใจทั้ง 108 จริง สามารถพิจารณากายในกายเวทนาในเวทนา ตรงนี้แหละ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) หากไม่มีเวทนาแล้ว กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด ด้วยเหตุ 62 ประการ แม้ข้อนั้นก็เป็นความเข้าใจของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็น ความแส่หา เป็นความดิ้นรน ของคนมีตัณหา เหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:15:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:31:56 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:03 )
รายละเอียด
ไม่มีพระวินัยห้ามภิกษุเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย อย่าเที่ยวเอาสิ่งที่ไม่จริงใส่ของพระพุทธเจ้ามันบาปนะ คุณมาพูดสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ มาพูดสิ่งที่ไม่มี ตกลงดีละ คุณเห็นว่าอาตมาเกี่ยวกับการเมืองได้ไม่ขัดแย้งกัน
ที่เขาห้ามภิกษุสมัยนี้ที่เป็นพระมหาศาล ห้ามไม่ให้ยุ่งกับการเมืองนั้นถูกแล้ว เพราะยังไม่มีภูมิปัญญา ไปยุ่งกับการเมืองก็จะถูกนักการเมืองเขาใช้เป็นเบี้ย ใช้เป็นหัวคะแนนให้หมดเลย ภิกษุ เป็นลูกกะโล่ให้นักการเมืองหมดเลย เพราะฉะนั้นมันยังไม่มีภูมิพอ ยังไม่เคี่ยวทันนักการเมืองเขา จึงออกกฎห้ามไม่ให้ภิกษุ ไม่ให้พระทางเถรสมาคมเขาเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นถูกต้องแล้ว ทำไปเถอะสมฐานะ แต่ของเรามันไม่มีปัญหา เพราะเราไม่ได้เป็นคนที่โง่กว่านักการเมือง แต่เข้าใจการเมืองแล้วก็จะพาการเมืองให้เจริญได้ด้วยจึงต้องทำงาน มันต่างกัน มันคนละฐานะ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 16:02:17 )
รายละเอียด
เพราะว่าเจ้าสำนักที่ไม่ได้เป็นสัมมาทิฏฐิทางตรงเหมือนอย่างแบบพระพุทธเจ้าพาไป ว่าให้เรียนรู้ทุกคนพึ่งตนเอง อย่าไปอุ้ม อย่าไปเที่ยวได้ใช้แรงช่วย ให้ได้รับความรู้ความเข้าใจแล้วไปฝึกฝนเกิดวิบากของตนเอง แล้วก็พึ่งวิบากของตนเอง เป็นกุศลวิบากเอง อย่างนี้มันรอด แต่ถ้าเผื่อว่ามีแต่หัวหน้าใหญ่ นอกนั้นถ้าหัวหน้าไม่มี หมดแรงก็แน่นอนเป็นอย่างที่คุณว่า แต่ศาสนาพุทธไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าแบบศาสนาพุทธมีน้อยคนที่จะรู้ละเอียดและทำได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:53:07 )
รายละเอียด
จริงๆแล้วอาตมาก็ไม่เคยมีจิตที่ คิดว่า ทำไมตนเองต้องต่ำต้อยจังเลย ไม่ได้เคยไปเรียนเมืองนอกกับเขาหนอชีวิต ไม่เคยคิดน้อยใจ คิดแต่ว่า เออ เราก็ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกกับเขา ดีไม่ดีเรียนเมืองไทยยังไม่จบปริญญาตรีสักใบ โอ้ โพธิรักษ์เอ๋ยทำไมถึงได้มีข้อด้อยถึงขนาดนี้
แต่ทุกวันนี้อาตมาเข้าใจแล้วว่าข้อเด่นของอาตมาคืออะไร เพราะคนที่ไม่ต้องไปเรียนสำนักโลกๆที่เขาสอน คุณมีธรรมะ คุณมีความรู้ความสามารถของคุณอยู่แล้ว ในตัวเองมาแล้ว
แล้วก็สามารถมีความรู้กับความจริงนี้สูงส่งด้วย ความรู้นี้ทำได้สำเร็จด้วย ไม่ใช่รู้เป็นตรรกศาสตร์เท่านั้น หรือเป็นปรัชญาเท่านั้น แต่เป็นปรากฏการณ์วิทยา เป็น Phenomenology เอามาปฏิบัติประพฤติให้เกิดปรากฏการณ์จริงได้
เพราะฉะนั้นอาตมาจึงพูดให้ชัดอีกก็คือ มันไม่มีมหาวิทยาลัยที่จะสอนความรู้แบบอาตมาสอนนี้ได้ เพราะอาตมาเรียนมาจากพระพุทธเจ้าแล้ว มีความรู้นั้นติดตัวมาตั้งแต่ชาติปางก่อนมาถึงชาติปางนี้ ก็เอามาประกาศจริงๆ ว่าอาตมามีความรู้นี้มาโดยไม่มีครูบาอาจารย์ในชาตินี้ คนเขาหมั่นไส้ก็ว่าไป แต่อาตมาก็ไม่เป็นไร เขาหมั่นไส้ก็ทุกข์ของเขา อาตมาก็สงสารไป เพราะว่าเขาหมั่นไส้ เขาทำของเขาเอง เขาก็ทุกข์ของเขา
แต่คนที่เขาเห็นว่า แปลกนะคนนี้กล้าพูดเช่นนี้ ไหนมาฟังซิ ฟังแล้วก็ดีนะ ดีก็ทำตาม ทำตามก็ยิ่งดี ทำได้สำเร็จก็ดี เอาชีวิตมาทิ้งกับทางนี้เลย
ใครเขาจะมาว่าคุณโง่ ใครเขาจะมาว่าคุณเป็นคนอะไร ถูกโพธิรักษ์หลอก มีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถอยู่ทางโลกเขาดีๆ ดันมาทำตัวมอซอ มาอยู่อย่างจนๆ มาอยู่อย่างผู้รับใช้ มาอยู่อย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอก
ก็เคยพูดไปแล้ว จริง อาตมาหลอกคนโง่ไม่ได้หรอกคนโง่ไม่มา ที่อาตมาพูด อาตมาอธิบายคนโง่เข้าใจไม่ได้ คนโง่ไม่เข้าใจ จะไม่เห็นว่าเป็นความจริงความประเสริฐ เขาก็ไม่มาไม่เชื่อ
เพราะฉะนั้นคนมาได้มีแต่คนฉลาดเท่านั้น นี่มันจริงนะไม่ได้พูดเล่นลิ้นอะไร มันจริง
เพราะฉะนั้นก็พิสูจน์กันไป ต้องใช้เวลา อาตมายังเคยนึกถึงว่า อีก 100 ปี คำสอนของอาตมาที่พูดอยู่นี้ รวมทั้งที่อาตมาอธิบายความจริงๆก็เป็นคำสอนความรู้ของพระพุทธเจ้า แต่อาตมาเอามาทำงานสืบทอด ขยายความเป็นภาษาสมัยใหม่ให้ร่วมสมัย ให้คนยุคนี้รู้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตหรือสอนไว้ ว่าให้มาอธิบายแบบภาษาสมัยใหม่ ท่านใช้คำว่าภาษาถิ่น ให้อธิบายตามภาษาถิ่น ในพระไตรปิฎกแปลไว้ว่าอย่างนั้น นี่แหละคือภาษาสมัยนี้ ภาษาของคนที่พูดกันรู้เรื่อง
อย่างพวกเราพูดภาษาที่อาตมาพูดนี่แหละก็เข้าใจ ภาษาสมัยนี้อย่างนี้แล้วรู้เรื่อง ดีไม่ดีก็เอาสแลงของทางโลกสมัยนี้ยุคนี้มาประกอบเสียด้วยซ้ำมาขยายความก็เข้าใจ ประกอบ English นิดหน่อย บางครั้งบางคราวมีภาษาจีนนิดๆ ภาษาจีนรู้น้อย ภาษาอังกฤษยังรู้มากกว่าภาษาจีน แต่ภาษาอีสานแถมมากหน่อยเพราะรู้มากหน่อย แต่ก็พูดใช้ภาษากลาง ภาษาไทยกลาง อธิบายกันไปมา 50 กว่าปีแล้ว ก็ยังเห็นว่าดี
พวกเรายังเข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งละเอียด ยังกระจายขยายความ อาตมาว่ายังขยายความไปได้อีก ให้มันละเอียดลึกซึ้งไปได้อีก ความลึกซึ้งที่อาตมารู้สึกว่ามันมากมายมหาศาล มันไม่จบง่ายๆ
แล้วก็อยากจะให้รู้กัน ดีไหม… ดี แล้วพวกคุณก็ยินดีที่จะรับฟัง มีอานิสงส์ในการฟังธรรม 5 ประการ มันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นก็ยิ่งเป็นประโยชน์ ยิ่งเป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:51:02 )
รายละเอียด
คนเข้าใจศาสนาพุทธว่าเป็นอย่างไร สำนักนี้สอนเนื้อแก่นเขาเป็นอย่างไร เขาก็สอนตามที่เขาเข้าใจ แต่ละเจ้าๆ แต่ละสำนักก็เชื่อว่า นี่แหละเนื้อๆแก่นๆของศาสนาเป็นอย่างที่อาจารย์หัวหน้าเจ้าสำนักนำพาเป็น บางคนก็โอ้โห กว้าง รู้มาก อย่าว่าแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเลย คำสอนของอาจาริยวาทก็รวบรวมสอนพูดเต็มไปหมด จนไม่รู้แล้วว่าแก่นสรุปลงไปที่จะทำมันยังไง มันก็ได้แต่รู้เต็มหู เต็มหัวหมดเลยนะ พอรู้มากๆก็เขียนตำราก็ได้มาก สาธยายก็มาก คนก็เข้าใจง่าย เข้าใจว่าช่างรู้ธรรมะศาสนาพุทธ แต่ไม่รู้ว่าพุทธอะไรบ้าง พุทธของอาจารย์ต่างๆ ของเกจิอาจารย์ต่างๆ ของอรรถกถาจารย์ ของใครต่อใคร ที่มันเพี้ยนไปแล้วต่างๆ นานาที่เอามาเก็บสรุปรวมเอาไว้ ก็เรียกว่า นี่ของพุทธ นี่ก็ของพุทธๆๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆตื้นๆ “นี่ก็ของพุทธ” นี่นะของพุทธยังไง เขาก็ “ยถาวารีวหา ....” แล้วก็ทำท่ากรวดน้ำ แล้วบอก “อย่างนี้ก็ของพุทธนะ” อาตมาก็ เออ พระพุทธเจ้าเคยสอนเคยมีอะไรอย่างนี้ที่ไหนพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอย่างนี้ มันเพี้ยนไปแต่เขาไม่รู้จริงๆ นะ ยังหยาดน้ำกรวดน้ำอะไรกันทุกวัน สวด ยถาวารีวหาปูราปริปูเรนติ นี้เป็นการนำคำของพระพุทธเจ้ามาด้วย เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าด้วย เอามาแอบอ้าง แล้วก็แต่งต่อใส่เข้าไป แล้วก็มาทำเป็นพิธีการ บอกว่าศาสนาพุทธอะไรวะ ไม่มีหยาดน้ำ ไม่มียถา ไม่มียถาสัพพี ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ถึงขั้นนั้นเลยนั่นแน่ะ คนตื้นๆเผินๆ อย่างนี้ มีเยอะ
“ใส่บาตร ทำไมไม่มียถาสัพพีเลยวะ”นี่เห็นไหมเดี๋ยวนี้ ทวงแล้ว แต่ก่อนไม่ถึงขั้นที่ใส่บาตรแล้วพระยถาสัพพีให้นะ เพิ่งจะเริ่มมีมาไม่นานนี้นะ ไม่นาน จะถึง 50 ปีไหม หรือไม่ถึง 20 ปี ไปบิณฑบาตกัน แล้วก็ต้องให้พรต้องสวดยถาสัพพี ซึ่งไม่ถึง 20 ปี อย่างว่า นี่มันคือเนื้องอกทั้งนั้น มันเป็นพวกมะเร็งศาสนาพุทธทั้งนั้น
ที่พูดนี่อย่านึกว่าเป็นเรื่องเล่นๆ เป็นเรื่องผิวเผินนะ มันเป็นเรื่องชี้บ่งถึงความเสื่อมของศาสนาพุทธ
อาตมาพูดหนักเลยนะ พูดชัดเลยว่า ยังกรวดน้ำกันอยู่ มีสิญจนยัญ มันไม่ใช่พุทธเลย มันเนื้องอกแท้ๆ มันของศาสนาอื่น ถือน้ำเป็นสื่อไปถึงวิญญาณล่องลอย ใช้การจุดธูปเทียนบูชากันขึ้นไป จะทำพิธีกรรมจะทำอะไรเรื่องธรรมะก็จุดธูปเทียน นี้มันก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้ว นี่มันเครื่องชี้บ่งของความหมดแล้วศาสนาพุทธ หมดแล้วนะ ฟังให้ชัดอีกที มันไม่ใช่ ฟังอาตมาพูดชัดเจนแล้วมันแรง
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 15:05:33 )
รายละเอียด
3 ตระกูลนี้เป็นกิเลส เราต้องกำจัดมันให้หมดไปจากจิตเรา มันมีในจิตแล้วเราเอาไว้ทำไม ต้องให้มันไม่มีราคะโทสะโมหะ ศัพท์ก็ว่า 4. วีตราคะ 5. วีตโทสะ 6.วีตโมหะ ปฏิบัติขั้นแรก ก็จะเกิดผลเป็น 7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) . 8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:49:30 )
รายละเอียด
อาตมาไม่ได้มีฤทธิ์เดชจะทำอย่างนั้นได้นะไม่ใช่ ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปแต่ขอบอกคุณนิดนึงว่าไม่ใช่นะอย่ามาดูถูกดูแคลนอาตมาอย่างนั้น มาดูถูกอาตมาแล้วอาตมาจะออกฤทธิ์เดชทำให้คุณเป็นมะเร็งอย่างนั้นไม่ใช่นะ ซึ่งแม้แต่คนทำร้ายคนด่าว่าอาตมาอาตมาก็ไม่ได้มีจิตที่จะไปให้ร้ายตอบ คิดร้ายตอบ ไม่เอา อย่าให้มีความร้ายอยู่ในมนุษยชาติ แต่มันเป็นไปไม่ได้คนก็ยังต้องเป็นกันอยู่เยอะ ขนาดนี้เราก็ช่วยสังคมมนุษยชาติอย่าให้มีความร้ายในสังคมเพิ่มขึ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:57:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 15:06:54 )
รายละเอียด
ถ้าเผื่อว่าไม่มาเรียนรู้ความจริงของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้หมดสงครามเป็นอรณะ ไม่ใช่สรณะ และไม่ใช่แค่มรณะ แค่ตายแล้วก็ต้องเกิดอีก เป็น อรณะไม่เกิดอีกเลย ไม่มีสงครามอีก อรณะก็เป็นอมตบุคคล เป็นคนที่จะรู้แล้วว่าจะเกิดหรือตายจะแยกธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้ สิ่งที่ขยายความมานี้ คร่าวๆ นี้ สั้นๆ สังเขป คือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ตรัสรู้ความรู้ความจริงอันนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:54:51 )
รายละเอียด
ผู้ที่ยังไม่มีความรู้ถึงสภาวะ มีความรู้แค่พยัญชนะจึง
เข้าใจ“สภาวธรรม”ที่เป็น“พลังงานของความเป็นบุญ”ไม่ได้
จะเข้าใจได้แต่คำว่า “บุญ”หมายถึง“กุศล”อยู่เท่านั้น
จะแยกความเป็น“เทฺว”คือ ภาวะ 2 ของ“บุญ”กับ“กุศล” ที่
มีนัยสำคัญแตกต่างกันของ“สภาวธรรม”อย่างยิ่งยวดไม่ได้
ผู้ที่จะเข้าใจสภาวะที่เรียกว่า“บุญ”ไม่ได้กันง่ายๆหรอก
แม้แต่ชาวพุทธในทุกวันนี้ ก็หลงผิดไปเข้าใจกันเพียงว่า
“บุญ”ก็คือ“กุศล”นั่นเอง ซึ่งมันผิดถนัดถนี่อย่างยิ่ง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคนิยม เล่ม 2 ข้อ 490 หน้า 364
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 08:54:49 )
รายละเอียด
อาตมาเป็นคนซื่อ พูดจริง โกหกไม่เป็น บอกว่า อาตมาเป็นอย่างนี้ๆๆ พูดซื่อ พูดอย่างหน้าตาเฉย พูดเหมือนคนไม่เดียงสา เราเป็นอย่างนี้แล้วก็บอกอย่างนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ต้องให้ตีความ พ่อครูไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก ไม่มีติงสะ ไม่มีแล้วสวรรค์ไม่มีนรกแล้ว มันเป็นหนึ่งเดียว มีแต่หนึ่งพูดตรงๆ เอกังสะ ส่วนเดียว ถ่ายเดียว แต่คนเข้าใจไม่ได้ หาว่าอวดตัวอวดตน อาตมาไม่มีอะไรจะพูด จะเอาออกมาให้ มันมีแต่ความจริงหนึ่งเดียว เพราะฉะนั้นพูดไปมันก็มีแต่อันนี้ แล้วจะให้อาตมาทำอย่างไร อาตมาก็จนปัญญา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:18:01 )
รายละเอียด
มันเข้าใจและมาเป็นไม่ได้ง่ายๆ เพราะมันจะมายินดีในโลกุตรธรรม มาทางนี้เลยตามมูลสูตรนี้ยาก กว่าจะมาทำมนสิการได้อย่างมีสัมมาทิฏฐิ มนสิการไปตามขั้นตอนนั้นอยู่ข้างนอกยากที่จะบรรลุธรรม ไม่มีสัปปายะ 4 ครบ ยาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:02:54 )
รายละเอียด
สติปัฏฐาน 4 ต้องมีกายในกาย กายนอกกาย ไปนั่งหลับตาไม่มีกายแล้ว ตัวแรกของสติปัฏฐาน 4 ก็ไม่มีแล้ว แล้วจะไปได้เวทนาได้อย่างไร เพราะเมื่อไม่มีสัมผัสเป็นปัจจัย เวทนาก็ไม่มีแล้ว มันไม่รู้เรื่อง เป็นสัมภเวสี เพราะฉะนั้นจะไปอธิบายจิตในจิตก็มีแต่สัญญากำหนด ไม่รู้จักกิเลสจริงเกิดในปัจจุบันที่กระทบสัมผัสแล้วทำ ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิในขณะนี้ เป็นการปฏิบัตินิพพานอย่าง จักขุมาปรินิพพุโพติ เรียนรู้กิเลสแล้วให้เกิดนิพพานอย่างขณะลืมตาไม่ใช่ไปนั่งหลับตา
พยายามฟังนะ อาตมาพยายามใช้พยัญชนะบาลีประกอบเพื่อยืนยันกับนักรู้ที่เรียนกันมาเยอะแยะ เขาก็เรียนบาลี แต่เขาอธิบายต่างกัน กับไม่เหมือนที่อาตมาอธิบายทีเดียว อาตมายืนยันว่าอาตมาอธิบายถูก เขาอธิบายเพี้ยนไป เบี้ยวบาลีไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็ไปยึดบาลีที่เบี้ยวผิดว่าถูก แล้วก็มาว่าอาตมาผิด ถ้าหากอาตมาอธิบายผิดแล้วจะมีสังคมสาราณียธรรม 6 ได้อย่างไรของชาวอโศก ว่านี่แหละคือประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ สาราณียธรรม 6 คือประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เดี๋ยวค่อยอธิบาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตย 3 อย่าง ในโลกวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 11:13:34 )
รายละเอียด
เมื่อคุณเข้าใจไม่ได้ก็แสดงออกตามที่คุณเป็นจริง ไม่ได้แปลก อาตมาไม่ได้แปลกอย่างคุณเดชา อัมพร แสดงออกมานี้ชัดเจน คุณจะรู้หรือไม่รู้ก็ชัดอยู่อย่างนั้น แสดงออกมาเถอะเผื่อจะได้ฉลาดบ้าง คนที่แสดงความโง่ออกมาแล้วเห็นว่าตัวเองโง่ คนนั้นเริ่มฉลาด คนที่แสดงออกมาจนเข้าใจว่าสิ่งที่เราแสดงออกมันโง่มันผิด เออ คนนี้เริ่มฉลาด คนเราเกิดมาจากรากฐานอวิชชา โง่มาก่อนฉลาดทั้งนั้นจนกว่าจะฉลาด แล้วฉลาดอย่างมีปัญญาฉลาดขึ้นๆ จนกว่าจะฉลาดสูงสุดได้เป็นพระพุทธเจ้า สูงรองลงมาก็เป็นโพธิสัตว์ระดับต่างๆ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ อาตมาไม่มีสิทธิ์จะพูดให้ใครเชื่อ อาตมามีสิทธิ์จะพูดความจริงให้จริงที่สุดให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง จบในตัวมันอยู่ในความจริงเท่านั้น ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ อาตมาไปบังคับได้อย่างไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 11:42:41 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:19:00 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:19 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:03:18 )
รายละเอียด
มาเข้าเนื้อหาสาระที่จะพูดกันในเรื่องที่ว่า สถาบันกษัตริย์ ที่มีความจริงที่ถูกบิดเบือน อันนี้มันเป็นความตกต่ำ เป็นความเสื่อม แล้วสรุปได้ว่า เป็นความเลวของมนุษย์ได้
คนที่เขาทำ เจตนาตรงๆ ที่จะทำความเลวนี้ ด้วยเจตนาทำความเสื่อม ต้องการทำลายให้มันสูญสลายไปเลย มีแน่นอน ที่เขาไม่ชอบใจที่จะให้มีสิ่งนี้อยู่ในโลก ในมหาจักรวาล ซึ่งมันเป็นความคิดของเขาที่เราห้ามไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้สัจจะ
ถึงจะอย่างไรก็ตาม อาตมาก็ขอชี้ความเห็นความรู้ของอาตมาว่า ในโลก มันต้องมีคู่ มี 2 ต้องมีสภาวะ 2 ที่ต้องดำเนินไป ไปเดี่ยวมันเป็นความผิดพลาด เบ่งพลังงานเต็มที่ เดี่ยวโดยที่ไม่มีทศพิธราชธรรม ไม่มีคุณธรรม ไม่มีสิ่งที่ดีในผู้ที่เดี่ยวสูงสุดได้ ไม่มีทศพิธราชธรรมเลยไม่มีคุณธรรมเลย มันไปไม่ได้เลย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 11:54:00 )
รายละเอียด
ไม่ใช่ว่า “วิญญาณ”ยิ่งใหญ่ตัวต้นของทุกสรรพสิ่งในมหาจักรวาล
หรือ“ต้นธาตุ-ต้นธรรม” หรือ“ต้นเหตุแห่งวิญญาณ”นั้นก็ยัง
“ลึกลับ”กันอยู่นิรันดร จับมั่นคั้นตาย“วิญญาณต้นธาตุ”ไม่ได้สักที
ในเมื่อ“พระเจ้า”คือ“ตัวต้น”แท้ๆ เป็น“เหตุ”ตัวต้น ไม่มีอะไร
จะเป็น“ต้น”ไปกว่านี้ได้แล้ว ก็ต้องเป็นสิ่งที่“เปิดเผย”จึงจะยอมรับ
เชื่อถือ เป็น“ความจริง”กันได้ร่วมกันโต้งๆ หลัดๆ โทนโท่ ด้วยทวาร
ทั้ง 6 ของคนผู้มี“วิญญาณ”หรือ“ธาตุรู้แท้ๆ”จริงๆ ยืนยันร่วมกัน
ไม่เช่นนั้น มันก็ยังไม่ชัดเจนแจ่มกระจ่างแจ้ง เปิดเผย จนเรียก
ได้ว่า“ความจริง”ที่จริงที่สุดกันได้อยู่นั่นเอง
ชัดๆก็คือ ทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป ไม่มีอะไรลึกลับ ไม่มีอะไร
คลางแคลง สงสัย ข้องใจทุกอย่างต้องกระจ่างแจ้ง เปิดเผย
จึงจะสามารถข้าถึง“ความจริงที่ชัดเจนสัมผัสของจริงกันได้”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 238 หน้า 195
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 19:27:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:54:58 )
รายละเอียด
ไม่สุขไม่ทุกข์เป็นพยัญชนะ เรียกอาการไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เพราะฉะนั้นเพราะอะไร ก็เพราะกิเลสมันหมดลง กิเลสมันไม่มีในจิตเจตสิกของเรา จิตก็เป็นจิตที่สะอาดจิตบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จากกิเลส อุเบกขาตัวแรกเรียกว่า “ปริสุทธา” สะอาดบริสุทธิ์ว่างจากกิเลส โดยพยัญชนะว่าว่างแล้วว่างจากอะไร ว่างจากสิ่งหยาบตั้งแต่โลกของอบายมุข หมดแล้วไม่เกิดอีกแล้วอบายมุขรู้ความเป็นอบาย อบายคือต่ำที่สุดในโลกกาม หมดแล้ว เหลือกาม กามหยาบ กลาง ละเอียดก็เรียนรู้มัน จนหมดกามหยาบหมด เป็นสกิทาคามี หมดกามทางตาหูจมูกลิ้นกาย ก็เป็นอนาคามี จะสัมผัสสัมพันธ์ปรุงแต่งอย่างไรก็ไม่เกิดอาการสุขทุกข์ของจิตแล้ว แต่เหลือ ตุ้งติ้งๆ เป็นรูป หรือเป็นภวภพหรือภวตัณหา
ก็แยกภวตัณหา หยาบกลางละเอียด รูป อรูป กับ 0 ก็เรียนรู้รูปเสียก่อนมันเบื้องต้นหยาบ อาการของรูป สังขารในมโนหรือในจิต ก็เรียนเจตสิก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:06:09 )
รายละเอียด
ส่วนความเป็น“พระเจ้า”นั้น ท่านไม่มีหลักฐานว่า ได้ประพฤติพิสูจน์“คำสั่ง(command,dictate)ของท่านเองมาจริง เป็นจริงหรือไม่? ก็ไม่เห็นมีหลักฐานของ“พระเจ้า”ว่า ท่านได้ปฏิบัติสั่งสมทั้ง
“ความรู้”ทั้ง“ความจริง”ด้วย“กรรม”ด้วย“วิบาก”จริงได้หรือไม่? ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ลัทธิ“พระเจ้า”ไม่รู้เรื่อง “กรรม”เรื่อง“วิบาก” ไม่รู้เรื่อง“กรรมเป็นของของตน”กันเลย
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 319 หน้า 241
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:01:03 )
รายละเอียด
ขออภัยที่พูดแล้วเหมือนยกตนข่มท่าน แต่อาตมาอธิบายสัจธรรมให้ฟังว่า ประเทศไทยเรามีพฤติการณ์ของสังคมมนุษยชาติอย่างไร อาตมาก็เอาธรรมะพวกนั้นมาอธิบาย แจกแจงสาธยายความจริงสู่ฟัง ไม่ใช่อื่นเลย ไม่ใช่อวดดี อวดโอ่ ยกตนข่มท่าน ไม่ใช่เป็นกิเลสตามที่คนจะหาเรื่อง เขาก็หาได้ แต่มันไม่มีหรอก ตัวอกุศลเหล่านั้นไม่มีในจิตอาตมา
ตลอดเวลาที่อาตมาทำงานทางธรรมะมา ไม่มีอกุศลจิต ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มี แม้แต่จะตำหนิติเตียนว่า คนนั้นคนนี้ อยู่ต่างประเทศก็ว่า พวกเราชาวไทย ว่าพวกเราชาวธรรมะ ว่ามหาบัวหนัก ว่าธัมมชโยหนัก ก็ว่ากันตามความจริง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับฟังได้รับรู้เหตุผล เรื่องราว เนื้อหา ที่มันมีความแตกต่างจากที่หมู่นั้นหลงยึดว่าถูกหรือดี อาตมาเห็นว่าไม่ถูกไม่ดีคืออย่างไร เป็นภาวะ 2 ทุกคนก็มีอิสรเสรีภาพที่จะฟังความ 2 ฝ่าย มันก็ห้ามไม่ได้ ใครมีธรรมวาทีอันไหน คนที่ยังยึดอยู่ว่าอย่างโน้น เถรสมาคมบ้าง ทางมหาบัวบ้าง ทางธัมมชโยบ้าง เขาก็ยึดของเขาอยู่นั้น ไปห้าม ไปดึงเขามาได้ที่ไหน เขาก็เป็นของเขาใช่ไหม มันเป็นธรรมชาติธรรมดา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:34:48 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 14:02:45 )
รายละเอียด
ที่อาตมาพูดได้อย่างนี้เพราะอาตมาทำงานมา 50 กว่าปี มีคนที่ ได้ยินได้ฟัง เข้าใจได้รับการศึกษาตามที่อาตมานำพาทำ ตรวจสอบหลักฐานมีพระไตรปิฎกกับพฤติกรรม ที่อาตมาปฏิบัติประพฤติกับพวกเรามาประพฤติตาม สอดคล้องกับหลักฐานพระไตรปิฎกหรือไม่ ไม่มีอะไรจะยืนยันอ้างอิงได้เท่ากับพระไตรปิฎกใช่ไหม พยัญชนะมันอาจจะแปลไม่ตรงกับภาษาบาลีตรงทีเดียว แต่ก็ใช้ได้ดีมากอยู่แล้ว แปลเป็นภาษาไทยขนาดนี้อาตมาก็ต้องขอบคุณมากที่ท่านแปลจากพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีมา สื่อมาให้อ่าน เป็นภาษาไทย 45 เล่มนี้ ก็ขอบคุณอย่างยิ่งแล้ว ใช้ได้ ไม่ต้องดีกว่านี้ ดีขนาดนี้ ปฏิบัติตามให้ถูกต้องให้ดีเต็มที่เถอะ ใครจะเก่งรู้มากกว่านั้นเขาบอกว่าแปลมาผิดๆ จะเปลี่ยนให้ถูกใหม่ก็เชิญ แต่ขนาดที่แปลไว้แล้วก็เป็นพระอรหันต์ไปตั้งร้อยชั้นแล้ว ปฏิบัติตามเถอะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:42:28 )
รายละเอียด
พยายามที่จะรักษาให้มันนาน แต่ไปห้ามมันไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องพรากจากกันไม่มีอะไรจะไม่พรากจากกัน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพรากจาก
ที่มา ที่ไป
610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:33:50 )
รายละเอียด
ฟังแล้วจะรู้ว่าอาตมาเป็นคนมีอะไรอยู่นะ พูดตรงๆ จนมีฉายาว่า ขวานจักตอกและสายฟ้าในวาทะ อาตมารู้จริงๆว่า ในความเป็นคน มันไม่มีอะไรดีกว่าการได้โลกุตรธรรม นอกนั้นมีแต่เป็นไปทางโลกีย์ เป็นความสุขความทุกข์ที่ต้องดับ เป็นธรรมะ 2 ที่ต้องดับ ความสุขความทุกข์ เหมือนกระดาษ 1 แผ่น จะเผาด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เผาอีกหน้าหนึ่งมันก็จะถูกอีกหน้าหนึ่งไปด้วย มันไม่สามารถแยกออกจากกันได้กระดาษหน้านี้กับอีกหน้าหนึ่งต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถ้าเขาบอกว่าเหรียญสองหน้ามันหนาก็อาจจะผ่าได้ แต่กระดาษนั้นยากที่จะผ่าออก 2 แผ่น เผาไปหน้าหนึ่งอีกหน้าหนึ่งก็เป็นขี้เถ้าไปด้วย ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนา อทุกขมสุข ดับทุกข์ดับสุขเป็นอุเบกขา อุเบกขาเป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าไม่สุขไม่ทุกข์ แต่เรียกแทนกันได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:56:00 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นความรู้ที่พระพุทธเจ้าท่านมาสอน สุดท้ายท่านตรัสรู้ความรู้ในโลกทุกวิชาการในโลก ถ้าพระพุทธเจ้าเกิดมาในยุคนี้ ท่านก็จะต้องเรียนรู้หมดทุกวิชาการ ท่านจะเรียนรู้และก็ได้หมดแหละ แต่โพธิรักษ์เรียนไม่ไหว เลยไม่เรียนเลย ไม่มีวาสนาได้เรียนเลย วิชาการทางมหาวิทยาลัย ไม่ได้เรียนกับเขาเลย แค่ธรรมะวิชาการโลกุตระ วิชาธรรมะศาสนาพุทธโลกุตระ วิชาเดียวอาตมาก็จะตายอยู่แล้ว มาทำหน้าที่งานเดียว วิชาเดียว เรื่องเดียวนี่ก็ โอย.. ไม่ใช่เรื่องจะธรรมดาแล้ว ใช่ไหม เพราะฉะนั้นทำให้เต็มที่เถอะ ถ้าอาตมายังอยู่ ยังไม่ ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปล่ะก็ อาตมาก็ต้องอยู่คู่โลกุตระ ไม่รู้อาตมาจะเกิดเมื่อไหร่ก็ต้องคู่อยู่กับโลกุตระ แม้จะเกิดมาแล้ว โลกุตระนี้ประกาศไปไม่ได้แล้ว ประกาศไปก็สูญเปล่า ไม่มีใครรับได้เลย ไม่คุ้มที่จะพูดที่จะสาธยายเลย ไม่ได้เรื่อง อาตมาก็ยังจะอยู่คู่โลกุตระคนเดียวนั้นแหละ ถ้าเราจะเกิดมามีเรารู้อยู่คนเดียว เราพูดไปไม่มีใครรู้ แต่ทุกวันนี้ยังอบอุ่น ยังมีพวกเรามีความรู้โลกุตระ
เพราะฉะนั้น การที่อาตมาจะยืนหยัด ยืนยัน ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาขอ ไม่ต้องมาอ้อนวอน ไม่ต้องมีใครมาบังคับเลย มันไม่มีอะไรดีกว่านี้
อาตมาอธิบายว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นคนเหมือนเรา คนเหมือนกับคนทุกๆ คนเท่ากัน พอท่านเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านก็คือคน เป็นคนมีขันธ์ 5 เหมือนกันกับทุกคน แต่ท่านเป็นผู้ที่มีสัพพัญญุตญาณบริบูรณ์ ท่านก็รู้ทันทีว่าท่านจะทำงานอะไร เหมือนอาตมานี่พอรู้ตัวแล้ว อาตมาก็ไม่เอาแล้วงานทางโลก แต่พระพุทธเจ้าท่านก็มีวิบากของท่าน มีลิงลมอมข้าวพองแบบของท่าน ของอาตมาก็มีแบบของอาตมา แล้วพอถึงเวลาท่านก็มา ของท่านอายุ 35 ของอาตมาอายุ 36 แต่มันไม่ได้ไล่คล้ายๆ ใกล้ๆ กันแค่ 35 กับ 36 นะมันห่างกันเยอะอยู่ แต่มันซับซ้อน อธิบายไม่ไหว อาตมาอธิบายไม่ถูกด้วย แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม ตัวเลขมันออกมาอย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:44:33 )
รายละเอียด
นี่พูดไปแล้วเหมือนยกยอตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านก็อุบัติขึ้นมาท่านก็ยกย่องตัวเอง ไม่มีใครเลิศเท่าเรา เรานี้เลิศที่สุด ใครเคยอ่านประวัติพระพุทธเจ้า พอคลอดออกมาเดินไปได้ 7 ก้าว พวกเราจำได้ไหม .. เรานี่แหละเป็นเลิศในโลกเป็นหนึ่งในโลก ทำไมคลอดมาปั๊บก็กล่าวได้เลย เดินไป 7 ก้าว และก็พูดได้เลย โอ้โห.. สงสัยพูดคล่องมาแต่ในท้อง
ก็เป็นเรื่องที่เราคิดไม่ถึงคิดไม่ออกว่าจะจริงหรือไม่จริง ก็ไม่เป็นไร แต่ท่านก็เป็นจริงของท่านได้ สำหรับเราชาวพุทธยอมรับได้ ว่านี่เลิศประเสริฐสุดยอดแล้ว
สรุปง่ายๆก็คือ เกิดมามีชีวิตเนี่ย มีชีวิต มีอัตภาพ มีร่างกาย มีตัวตนแล้ว ไม่มีอะไรดีเท่ามาเอาธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ ให้ได้จนถึงอรหันต์ เป็นขั้นจบกิจ สมบูรณ์แล้วทีนี้เป็นอรหันต์แล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:03:04 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นตั้งใจศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าเถิด อาตมาว่าไม่มีอะไรหรอกที่จะชนะความถูกต้องดีงาม ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราตรัสรู้สิ่งที่ประเสริฐสุดยอดแล้วในเรื่องความเป็นมนุษย์ ถ้าคนที่ไม่รู้จักจริงๆ ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลายาวนานเท่าไหร่พากเพียรจนกว่าจะบำเพ็ญบารมีจนกระทั่งได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 13:55:57 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าสามารถตรัสรู้แบบนี้ได้ เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มา พระโพธิสัตว์จึงไม่มีปัญหาในเรื่องการเป็นศาสดา เพราะเคยเป็นศาสดาทางโลกีย์มาทั้งนั้น แต่เวลามันยาวนาน บางทีก็ระลึกได้ บางทีก็ระลึกไม่ได้ เมื่อเป็นพระโพธิสัตว์แล้วก็จะรู้ว่าทางนี้เหนือกว่าทางอื่น สูงสุดก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรสูงสุดกว่านี้ได้ โดยที่ไม่งงไม่สงสัย ไม่คลางแคลง ไม่ริษยาอะไรเลย รู้ชัดเจนความจริงสิ่งเหล่านี้
ชัดเจนว่า อาตมาเกิดมาในชาตินี้จึงไม่มีปัญหา ไม่เคยไปริษยาโป๊บ ไม่เคยไปริษยาพระสังฆราชของทางพุทธ ไม่เคยไปริษยาทะไลลามะหรือนิกายอื่นใด ไหนก็แล้วแต่ ก็เข้าใจเขา เราทำงานของเรา ใครจะว่าต่ำต้อยด้อยค่าเราก็ชัดเจน คนที่ไม่เห็นค่าก็ว่าด้อย คนที่เห็นค่าก็ว่าไม่ด้อย ก็ดีไม่ดีเอาชีวิตมาทางนี้เมื่อเข้าใจแล้ว ไม่มีอะไรที่จะดีเท่าธรรมะโลกุตระ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:41:50 )
รายละเอียด
ก็เป็นเรื่องจริง อจินไตย ไม่ใช่เรื่องนอกความจริง มันเป็นสภาวะธรรมต่างๆ เป็นองค์ประกอบ เป็นองค์ธรรมของมันทั้งนั้นเป็นของมันจริงๆ ก็ทำไป ซึ่งอาตมาก็ภาคภูมิใจนะ เหนื่อยก็ไม่มีปัญหา ก็เหนื่อยเราก็เข้าใจว่าเราเหนื่อย แต่เหนื่อยก็ No Problem โนพรอมแพรม ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเรามีแต่ปัญญา จริงนะอาตมาไม่มีปัญหา อาตมารู้ตัวว่าอาตมาหมดปัญหา ตั้งแต่รู้ตัวเองว่า เราไม่มีอะไรที่จะอธิบายไม่ได้ อย่างอาตมาธิบายเกินกว่าคำถามที่คุณจะถามได้นะ คุณหาคำถามสู้อาตมาไม่ได้ เป็นอจินไตย นึกไม่ถึงว่าอธิบายได้นะ เอาอะไรมาอธิบายแล้วรู้เรื่องด้วยนะ ไม่ใช่เรื่องฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อแต่เป็นเรื่องอยู่ในกรอบมันเกี่ยวกันอยู่นะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:26:23 )
รายละเอียด
แต่ผู้ที่พากเพียร โตแล้ว มีวุฒิภาวะที่ควรศึกษานะอันนี้ แล้วอาตมาก็ขอย้ำเลยว่า มันไม่มีอะไรน่าศึกษาเท่าโลกุตรธรรม หรืออภิธรรมของพระพุทธเจ้า มันไม่มีความรู้อะไรที่ยอดเยี่ยมเท่าความรู้อันนี้ อธิบายไปไม่รู้กี่ทีแล้ว
พระพุทธเจ้านี้มีความรู้ที่รู้กันในยุคของท่าน มี 18 คณะในอยู่ในตักสิลา ท่านเรียนจบหมดทุกคณะ ได้เกียรตินิยมหมดทุกคณะ 18 วิชานั้น ท่านไม่เอา ท่านมาเอาวิชาของท่าน คือวิชาโลกุตระ เพราะฉะนั้นวิชาในตักสิลาที่เรียนมาในยุคโน้น ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยของยุคนั้น ในยุคนี้จะมีกี่ศาสตร์ มีเป็น100 ร้อยศาสตร์ คุณก็เรียนรู้ให้ครบ แต่ถ้าจะเรียนรู้ให้ครบหมดจะเกิดมาอีกกี่ชาติ
พระพุทธเจ้านั้นกี่ 100 ชาติก็ตาม มันรวมอยู่ในชาตินี้ชาติเดียว ให้รู้ศาสตร์นี้เป็นโลกุตรศาสตร์ โลกยศาสตร์นั้น จะถูกครอบงำได้หมด อันนี้เป็นเรื่องที่อาตมาไม่ได้พูดเกินจริง แต่เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ คุณพิสูจน์ก็แล้วกันแล้วคุณจะรู้
อย่างอาตมาพิสูจน์ อาตมาไม่ต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนกัน ปริญญาคณะต่างๆ ไม่ต้อง อาตมาเรียนโลกุตรศาสตร์คณะเดียว จากมหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้า เรียนมาแล้วตั้งแต่ชาติเก่าๆ มาชาตินี้ไม่มีโรงเรียนนี้เลย ไม่มีเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 12:21:48 )
รายละเอียด
โลกุตระทำให้คนเจริญแบบไหน ก็สบาย จิตของคนที่มีโลกุตระ มันยิ่งเป็นความรู้ยิ่งของโลกุตรธรรม เป็นปัญญาอันยิ่ง มันยิ่งรู้ความจริงที่ถูกต้อง ที่ลงตัว ที่จบ หมดสงสัย หมดวิจิกิจฉา หมดอะไรเลย นี่ก็อธิบายด้วยภาษาอย่างนี้ ให้คุณไปทำกับตัวเอง คุณจะรู้ว่า อ๋อ มีแค่นี้จบแล้ว เพราะฉะนั้นการรู้จักตัดรอบจบ มันยากอยู่ตรงที่คำว่า สัญญา สัญญา แปลว่า ความจำ กับแปลว่า ความกำหนดรู้
สัญญามีสองนัยสำคัญ ความจำนี่ล่ะมาหลอกเราอยู่เรื่อย เอ๊! ดูเหมือนเรายังมี มันเป็นความจำนะ มันมาหลอกเราอยู่เรื่อย ดูเหมือนว่ามันยังมี คุณเองคุณวางได้แล้ว แต่สัญญามันยังเคยจำได้ว่ามันมีอยู่อย่างนี้ แล้วมันก็หลอกคุณ ถ้าคุณบอกว่า สัญญาเอ็งไป อย่ามาหลอก คุณเอาความรู้ที่กำหนดรู้ว่าคุณอย่าไปแยแสที่สัญญามันมาหลอก ถ้าคุณวนเวียนอยู่กับสัญญา ดีไม่ดีคุณยังกรึ่ม ระลึกถึงความเก่าเคยสุขเด๊… มันหลอก
พระพุทธเจ้าได้ปรารภกับพระอานนท์ว่า อานนท์ สัญญานี่แหละ มันทำให้ไม่จบได้ง่ายๆ (สำนวนอาตมา) มันทำให้จบไม่ได้ง่ายๆ เพราะไอ้สัญญานี่แหละ เพราะฉะนั้นต้องตัด ตัดสะ นะโมตัสสะ นะโมตัดซะ จำไว้เลย เลิกเลยอย่าไปหัวซา ไม่เอาภาระปล่อยมันไป เราก็อยู่ว่างๆของเราไป เรื่องอะไรก็ช่างมันสิ ก็ต่างคนต่างเรื่อง เรื่องของเราก็ของเรา เรื่องของเอ็งก็ของเอ็งไม่ใช่เรื่องของเรา สรุปแล้วคนที่รู้จักปล่อยวาง รู้จักตัด รู้จักลดจนกระทั่งไม่มีอะไรผูกพันเป็นเรื่องสุดยอดแห่งความว่าง
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 13:11:06 )
รายละเอียด
ปีใหม่ปีนี้ อะไรๆก็ดูท่าทีจะเจริญนะ นี่เป็นความรู้สึกของอาตมา แม้แต่เราชาวอโศก ก็มีนิมิตหมายอะไรต่างๆนานา ให้เห็น Covid เข้ามายับยั้ง เข้ามาทำให้เกิดชะงัก ในสิ่งที่ไม่ควรจะเลยเถิดไป ไม่อย่างนั้นมันจะเลยเถิดจนไม่หยุดยั้ง พอ Covid มา ทำให้อบายมุขต่างๆนานาเยอะแยะหยุดยั้งไปได้มากเลย ซึ่งไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งอบายมุขได้ดีเท่ากับ Covid ฝีมือจริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:20:27 )
รายละเอียด
ที่ประเด็นของผู้ที่ถามมา ในเรื่องของเครื่องอาศัย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน ปุตตมังสสูตร เอาชื่อข้อแรกมาตั้งชื่อ คือเรื่องเนื้อลูก ปุตตมังสะเป็นเนื้อลูก ยังหลงใหล ถึงขั้นเอาเนื้อลูกมาเป็นอาหาร เครื่องอาศัยชีวิต
เครื่องอาศัยชีวิตที่สำคัญ ท่านสรุปไว้ตรงนี้แหละ
กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร และ วิญญาณาหาร สรุปไปแค่นี้แล้วลงท้ายอย่างที่
คุณสว่างแสง ขวัญดาวที่ ตั้งข้อสังเกตมาว่า ในวิญญาณาหาร แม้จะเข้าใจได้บ้างแล้ว แต่ก็มีข้อสงสัยที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เมื่ออาริยสาวก กำหนดรู้นามรูปได้แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่อริยสาวกจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว” นี้หมายถึงอะไร
มันก็จริงนะ มันน่าข้องใจ มันน่าสงสัยว่า เอ๊ ก็รู้เรื่องวิญญาณ เรื่องนามรูป เป็นเหตุเป็นปัจจัยกับ วิญญาณ นามรูป เท่านี้ ทำไมมันสุดยอด รู้เท่านี้ก็ไม่ต้องไปรู้อะไรอีกแล้ว แล้วมันจะได้หรือ?
มันต้องมีนัยยะสำคัญที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ว่าจริงนะ ถ้าใครรู้นามรูปของวิญญาณ จบ ขยายความ อิทัปปัจจยตา ของวิญญาณ คือ นามรูป
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:08:35 )
รายละเอียด
ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่อาตมาพาทำ และอาตมาก็ภาคภูมิใจ ยิ่งมั่นใจ ยิ่งเห็นว่า สัจจะมันจะช่วยโลกในยุคที่โลกจะไปถึงกลียุค ความเป็นจริงธรรมะของพระพุทธเจ้ามันจะช่วยคนได้ อีกจำนวนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ มันก็สุดๆแล้ว มันไม่มีอะไรสุดยอดกว่านี้อีกแล้ว ไม่มีอะไรสุดยอดเท่ากับความรู้ที่เป็นพุทธธรรมโลกุตระ นี้ไม่มี ใครจะหาว่าข่ม ใครจะหาว่าเอาไปกด ยกตนข่มท่าน ก็ขออภัย ไม่มีอะไรมากกว่านี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:00:36 )
รายละเอียด
คนที่รู้อรหัตผลจึงไม่ต่อหรอกความรู้อย่างอื่น มาต่อโพธิสัตว์สืบสานอาริยธรรมโพธิธรรมของพระพุทธเจ้านี้ต่อไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรอื่นดีกว่านี้ เพราะฉะนั้นกว่าจะเกิดมาเป็นจิตนิยามจนกระทั่งบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าและรู้ว่าปัดโธ่… เสียเวลามาไม่รู้กี่ล้านชาติ นึกว่าได้เป็นใหญ่เป็นโตได้เป็นเจ้าโลกเป็นผู้ร่ำรวย เป็นผู้เก่งเ ป็นผู้วิเศษ เป็นผู้ที่รู้มากเป็นศาสดามาไม่รู้กี่คน ไม่รู้กี่องค์แล้ว มันก็ไอ้เท่านั้นเอง ศาสดาก็ไม่รู้เรื่องของอนัตตา ไม่รู้เรื่องสุญญตา ก็ยังยึดอัตตาเป็นนิรันดรอยู่อย่างนั้น ทำไมพระพุทธเจ้าท่านรู้จักอัตตารู้จักปรมาตมันมาหมดแล้ว ต้องไปเกิดเป็นของจริงด้วยตัวเอง ไม่ใช่รู้แค่ตรรกะ อย่างนั้นมันเป็นมามากแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:48:13 )
รายละเอียด
อันนี้อยู่ที่ปฏิภาณของแต่ละคน ปฏิภาณของแต่ละคนที่จะต้องตัดสินเอา เหมาะสมของตน ว่าจะควรเท่าไหร่ พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสเอาไว้ว่า สิ่งที่เหมาะที่ควร พระพุทธเจ้าตรัสเป็นสูตรเอาไว้แล้วว่า เอาอันนี้ผสมกับอันนี้มันก็มีสิ่งที่ท่านตรัสไว้ ถ้าสิ่งใดที่มันไม่มีแล้วในที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อันนั้นก็จะต้องตัดสินเอง ตามมหาปเทส ตามเหตุปัจจัย ตามกาละ เทศะ ฐานะต่างๆที่มันเกิดอยู่
คำว่า กาละ เทศะ ฐานะ อาตมาก็ หมายถึงสภาพ 3 เส้า กาละ คือ การเคลื่อนที่อยู่ เทศะ คือ ภูมิประเทศ ฐานะ คือ ภูมิธรรม จำง่ายๆ ไว้แค่นี้ก่อน กาละ คือการเคลื่อนของเวลา การหมุนไป การดำเนินไปอยู่ตลอด เราก็อยู่กับการดำเนินไปตลอด แล้วมันก็มี เทศะ หรือ มีภูมิประเทศ ซึ่งมันไม่อยู่กับที่หรอก มันไม่เที่ยง เพราะคุณอยู่นี่คุณก็หมุนไปกับโลกแหละ โลกมันก็หมุนไปรอบพระอาทิตย์อีก พระอาทิตย์ก็รอบจักรวาลอะไรไปอีก จักรวาลน้อยจักรวาลใหญ่ ซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น ไม่มีอะไรเป็นเอกเทศเลย มันจะต้องเกี่ยวกันไปหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:30:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:35:37 )
รายละเอียด
ใช่ มันก็จะมีข้างเคียง มันคือข้างเคียงที่จะไปด้วยกัน อะไรอื่นมันไม่โดดเดี่ยว ไม่มีอะไรโดดเดี่ยว แม้เราเองก็มีเราอยู่ข้างๆ ด้วย
ที่มา ที่ไป
สื่อธรรมะพ่อครู(สัมประสิทธิ์) ตอน พลังงานสัมประสิทธิ์คือพลังแฝง
เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 14:43:29 )
รายละเอียด
ตรีตา เรื่องตาปัญญา โลกุตรธรรมพูดเท่าไหร่เขาก็ยังไม่กระเตื้อง พูดเท่าไหร่ปัญญาเขาก็คือรู้อยู่ในกรอบนั้นออกมาเป็นตัวที่ 4 ไม่ได้ อยู่ไหน 1 2 3 เป็นวงวน ยังไม่มีตัวตนอัญญธาตุ โลกุตระ เขาจะยังไม่เกิดไม่ใช่ไปเสแสร้งไม่ได้ไปบังคับ แต่เขายังไม่มี อัญญธาตุ วันนี้เกิดก็จะไม่เกิดปัญญาได้มารู้โลกุตรธรรมไม่ได้ อาตมาถึงไขความตรงนี้ว่าคนคนแรกในศาสนาพุทธ ของพระสมณโคดมคืออัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งมีตำนานเลย อาตมาได้ขยายความอธิบายชี้จุดสำคัญให้ฟัง ถ้าไม่เข้าใจไม่มีสภาวะจะมาอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้หรอก ทั้งที่มีในตำราก็เรียนกันมาทั้งนั้นว่ามีพระอัญญาโกณฑัญญะ อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 12:20:20 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 10:54:50 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:01:15 )
รายละเอียด
พวกนี้อวดดียิ่งใหญ่กว่าพระเจ้า เป็นเจ้ากรรมนายเวรทำได้ไม่มีหรอก ตัวเองเท่านั้น ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร ไม่มีเจ้าหนี้ เราเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ของกรรมตัวเอง คนอื่นไม่มีสิทธิ์ ไปชี้เป็นชี้ตายสั่งกรรมไม่ได้ขี้โม้ทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ประชาธิปไตยไทยในช่วงใกล้เลือกตั้ง 2561
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:40:09 )
รายละเอียด
ไปแปลว่าไม่มีเพื่อน 2 ความหมายของพระพุทธเจ้า เขาไปแปลไม่มีเพื่อน 2 ว่า อยู่คนเดียวเดี่ยวๆ ที่จริงแล้วผู้ไม่มีเพื่อน 2 คือผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว เขาก็เลยไปแปลว่า ไม่มีเพื่อน 2 คืออยู่เดี่ยวๆเดียวๆก็บรรลุธรรม ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ไม่มีเพื่อน 2 ภาษามันเป็นภาษาสิริมหามายา มันเข้าใจยาก มี 2 ใน 1 มี 1 ใน 2 มันก็เลยเข้าใจภาวะไม่ได้ แม้แต่ในความหมายของโลกเขาทุกวันนี้ เขาก็สับสน 1 2 2 1 สับสนกันมากเลย แค่ภาษา วาทะ คำพูด คุยโม้ พูดให้ชัดก็คือ เป็นภาษาคุยโม้ กับสภาวธรรมได้จริง แค่นี้เขายังสับสนอยู่เลย
เช่น นักการเมืองเก่งแต่วาทกรรม ทำไม่ได้เรื่องเลย ไม่ได้ทำอะไรเป็นจริงเลยนักการเมืองมีแต่มาโม้ อนาคตจะให้อันนู้นอันนี้ จะสร้างอันนู้นจะทำอันนี้ ชัชชาติเป็นต้น ยกตัวอย่างจริงๆนะ ก็มันยืนยันกันแล้ว แต่แกก็ยังอยู่นะ ไปไล่ออกก็ไม่ได้มันได้เลือกตั้งมาเห็นไหมเลือกตั้งมันเป็นเรื่องซวย รู้ทั้งรู้ จะไปขับออกได้อย่างไร เป็นแต่เพียงทำไม่ได้เพราะเขาไม่ได้ทำผิด ไล่เขาออกก็ไม่ได้ เขาทำไม่สำเร็จตามที่พูดเท่านั้นเอง ไล่เขาออกก็ไม่ได้ ประชาชนก็ได้แต่เจ็บปวด เจ้าตัวจะเจ็บปวดหรือเปล่าเราไม่รู้ เราก็วิจารณ์อยู่อย่างนี้เขาจะเจ็บปวดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใครๆ เขาก็วิจารณ์ดีไม่ดีเขาด่าเลย ไม่รู้ตัวเองเจ็บปวดหรือเปล่า ก็นี่แหละในสังคมมันก็มีตัวอย่าง พวกนี้เป็นตัวอย่างยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นจะว่าจริงๆแล้ว ไทยนี่โชคดีที่มีคนร้าย เป็นตัวอย่าง เขาไม่อยากเป็นคนร้ายหรอกแต่เขาไม่รู้ตัว คนเราไม่มีใครอยากเลวแต่ไม่รู้ตัว ไม่มีใครอยากเป็นคนร้าย อยากเป็นคนผิด อยากเป็นคนทุจริต แต่เขาโง่
ใช้ศัพท์วิชาการก็คืออวิชชา มันไม่รู้หรือมันมิจฉาทิฏฐิ อวิชชานี่คือโง่ เต็มๆรูปเลย มิจฉาทิฏฐิยังเปลี่ยนแปลง กำลังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจากมิจฉาทิฏฐิมาสัมมาทิฏฐิ แต่อวิชชานี้มันคือตัวผิดตัวตั้งเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องมาศึกษาความถูกต้องจริงๆจนกระทั่งถึงขั้น ทำเป็นความถูกต้องที่ถูกต้องอย่าง ภาษาอังกฤษ อาตมาไปเจอคำนี้คือ Axiom มันเป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงแล้วนั่นแหละมันจึงจะไปถึงที่สุด ถึงที่จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 15 เมษายน 2566 ( 11:22:39 )
รายละเอียด
คือ กายวิเวก ไม่ต้องไปเอาร่างกายออกป่า เขา ถ้ำ ก็ปฏิบัติกับสิ่งภายนอกที่ไปติดยึดเกาะเกี่ยว คุณสัมผัสอยู่ แต่คุณก็มีจิตที่หลุดพ้นเหนืออยู่ไม่ได้หนีไปไหน ไม่ได้ไปไหนแต่ทำจิตให้เป็นจิตในที่ไม่มีเพื่อนสองอยู่แต่ผู้เดียว มันไม่มีพยัญชนะจะเรียก เมื่อกี้นี้ก็บอกว่าอยู่ผู้เดียว บิณฑบาตผู้เดียว แต่ไปโทษว่า อยู่ผู้เดียวไม่ถูก แต่นี่บอกว่ามีจิตที่เป็นผู้เดียวไม่มีเพื่อนสอง แต่คำว่า ผู้เดียวอันนี้ ไม่ต้องเอากาย ไปบิณฑบาตคนเดียว จะอยู่กับใครคนอื่นได้อยู่กับการบิณฑบาตกับหมู่ก็ได้ แต่จิตไม่มีกิเลส ไม่มีเพื่อนสอง
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:45:24 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:48:01 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 08:03:53 )
รายละเอียด
ประชาชนผู้บรรลุผล“อาริยสัจ 4”รวมกันเป็นกลุ่มหมู่บุคคลที่มี“รูปธรรม”ปรากฏให้เห็นได้ สัมผัสได้ ยืนยันว่าเป็นคนบรรลุคุณธรรมอันวิเศษที่เป็น“โลกุตรธรรม” มีโสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์ ตรงตามพระไตรปิฎก อันเป็นหลักฐานอ้างอิงร่วมกันได้ และมีมวลมากพอจนสามารถยืนยันได้ว่า “ของจริง”..ไม่มี... ไม่เกิดขึ้นได้!
หรือแม้ผู้บรรลุ“อาริยสัจ 4”เป็น 1 เดียวกันกับสัตบุรุษ ก็ไม่มี...ไม่เกิด!
มันไม่มีใครที่บรรลุ“โลกุตระ”อันมี“สารสัจจะตรงกันเป็น 1 เดียวกันกับสัตบุรุษ”นั่นเอง จึงไม่มีภาวะ“สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น มิได้มี 2
(เอกัง หิ สัจจัง น ทุตียมัตถิ)”กันเลย ในยุคนั้น ระหว่างนั้น! แม้แต่“สัตบุรุษ”
ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“โลกุตรธรรม”ก็ไม่มีเลย
ในยุคนั้น ระหว่างนั้น ฉะนี้แหละคือ “พุทธันดร”แท้ๆ ซึ่งกาละนั้น
“โลกุตรธรรม”ไม่มีในคนกันเลย มีแต่“โลกียธรรม”เท่านั้นในโลกยุคนั้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 363 หน้า 266
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:23:47 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name