@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ทท

รายละเอียด

การเป็นผู้ให้ ผู้ทาน

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 486


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:40 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:00:48 )

ทนอีกนิดน่านายกฯตู่

รายละเอียด

วันนี้อยากจะพูดเรื่องประชาธิปไตย นายกฯตู่ พลเอกประยุทธ์สมชื่อจริงๆรบไม่ถอย แล้วรบแล้วก็ได้รสดีเป็นรสโอชา โอชาดีด้วยนะ ไม่ใช่ตะวันโอชา แต่นี่ จันทร์โอชา ดี รบแล้วก็ได้รับรสโอชา ได้รับรสสบาย ระดับพระจันทร์ไม่ใช่ระดับตะวัน แสงจันทร์นวลสบายไม่ร้อนได้ความสว่างไสวดี อธิบายจากพยัญชนะไปสู่สภาวะที่เป็นนามธรรมลึกซึ้ง ในยุคนี้อาตมาว่า ตอนนี้นายกประยุทธ์อายุเท่าไหร่แล้ว เอาน่าเป็นไปอีกสัก 10 ปี วางรากฐานให้ดีๆ เอาคำของพันตำรวจตรีประชา พูนวิวัฒน์ ก็แล้วกันเขาบอกว่า ทนอีกนิดเถอะน่า เขามีนิยายเรื่องหนึ่งชื่อว่า ทนอีกนิดเถอะน่า นิยายเขาบรรทัดละ 8 บาทนะ ข้อเขียนของประชา พูนวิวัฒน์ บรรทัดละ 8 บาทนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:35:59 )

ทบทวนความจำว่าวันมาฆบูชาคืออะไร มีความสำคัญไฉน

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก วันที่ 6 พ.ศ. ก็ 66 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ วันนี้นับเป็นวันมาฆบูชา มาเดือน 4 แล้ว แต่ก็ทางจันทรคติเขายังต้องให้กำหนดนับเอาวันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญ 

วันมาฆบูชาเขาถือว่าเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงที่สุด กลมที่สุด สว่างที่สุด ในหนึ่งปี หมุนเวียนมาบรรจบครบกัน 12 เดือน วันที่ลงตัวที่สุดที่พระจันทร์จะแสดงตัวต่อโลก โลกลูกนี้ ก็ถือว่า วันขึ้น 15 ค่ำเดือนมาฆะ ทางจันทรคติเขามาก่อน สุริยคติ เขาก็กำหนดกันไว้มานานแล้ว ก็ได้อย่างนั้น

เอ้า.. วันนี้อาตมาก็เตรียมเรื่องที่จะเอามาบรรยายเอาไว้สำหรับวันนี้ ก็จะเป็นเรื่องเก๊าเก่า เป็นเรื่องสามเส้าของคำสอนศาสนาพุทธ คือ ทาน ศีล ภาวนา กับ ศีล สมาธิ ปัญญา 3 เส้าของ 2 นัยยะนี้ มีนัยยะสำคัญที่ต่างกัน เหลื่อมกันอยู่ หมุนรอบเชิงซ้อนอยู่ เดี๋ยวค่อยขยายความ เดี๋ยวค่อยอธิบาย

นักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ เขียนมาให้อาตมาในวันมาฆบูชานี้อยู่ 2 ราย ซึ่งก็เหมือนรายเดียว คือ ท่านสมณะเด่นตะวัน กับเพื่อนของท่านเด่นตะวัน 

“มาฆบูชาวันนี้”

@วันมาฆบูชานั้นสำคัญไฉน

ชาวพุทธไทยควรระลึกควรศึกษา

ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสี่หกมีนา

พระศาสดาสอนธรรมสามประการ

@เรียกกันว่าโอวาทปาติโมกข์

พุทธศาสน์ทั่วโลกแผ่ไพศาล

ศาสดาทุกยุคทุกกัปกาล

ทรงประทานประกาศโอวาทมา

@สัพพะ ปาปัสสะอะกะระณัง.  

จงหยุดยั้งชั่วบาปถือศีลห้า

กุสะลัสสูปะสัมปะทา 

สร้างกุศลบุญญาพร้อมเพริดแพรว 

@สะจิตตะปะริโยทะปะนัง

อย่าหยุดยั้งชำระใจให้ผ่องแผ้ว

พระพุทธองค์บัญญัติไว้ให้เป็นแนว

จงแน่แน่วน้อมนำทำความดี

@ทั้งเป็นวันจาตุรงคสันนิบาต

วันประหลาดเกิดอัศจรรย์ขึ้นทั้งสี่

หนึ่งเป็นวันมาฆะฤกษ์พอดี

สองสาวกล้วนมีแต่อรหันต์

@สามเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา

สี่ท่านมาโดยมิได้นัดหมายนั่น

มาชุมนุมนอบน้อมพร้อมเพรียงกัน

ตั้งหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบองค์

นี่ของท่านสมณะเด่นตะวัน ก็เป็นการทบทวนความจำว่าวันมาฆบูชาคืออะไร มีความสำคัญไฉนเท่าที่ได้เรียนรู้กันมาแล้ว 

 

 

 

 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:56:40 )

ทบทวนตรวจสอบล้างอาสวะ

รายละเอียด

ใช่สิ ถ้าไม่มีหลักการที่ถูกต้องเป็นสัมมา ก็ไม่มีการถูกกำจัดถูกลดให้ตายไป เพราะฉะนั้น การไปปฏิบัติธรรมโดยไม่มีหลักการพวกนี้ ไม่มีวิชาการพวกนี้ ไม่มีสูตรทฤษฎีพวกนี้ของพระพุทธเจ้า มีสังโยชน์ 10 เป็นต้น หรืออื่นๆ อีกเยอะ ตรวจสอบ นอกจากจะอวิชชาในอาสวะ สังโยชน์คือล้างอาสวะสิ้น ยังจะมีอวิชชาในอนุสัยอีก 7 ข้อ จะต้องตรวจสอบด้วยอนุสัยอีก 7 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:04:42 )

ทบทวนปัญญากับอนัตตา

รายละเอียด

อาตมาได้อธิบายขยายความเรื่องปัญญากับอนัตตา แต่พูดติดต่อยืดยาดแล้วไม่ได้จบง่ายๆ เพราะเป็นตัวภาษาไม่ว่าจะเป็นปัญญาหรืออนัตตา  อนัตตาแปลเป็นไทยว่าไม่มีตัวตนปัญญาก็แปลว่าความรู้ 

แต่ความรู้มันมีคำนิยาม มีคำจำกัดความที่สุดยอด อาตมาเอามาจากพระไตรปิฎก เล่มที่ 13 มาอธิบายขยายความ​ข้อ 92 เราก็ได้ศึกษากันมาเรื่อยๆ ก็อยากจะขอทบทวน มีคนที่ฟังธรรมะอาตมาหรืออ่านหนังสือที่อาตมาเขียนก็บอกว่า อาตมาพูดวนซ้ำไปซ้ำมา อาตมาก็เคยว่าก็ไปอ่านของพระพุทธเจ้าสิ พระพุทธเจ้าวนยิ่งกว่าซ้ำยิ่งกว่า เขาบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก ก็ยังต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจตั้งเท่าไหร่ หากตามพระพุทธเจ้าและท่านทบทวนไม่ให้ตกหล่นเลยตั้งแต่ต้นจนถึงปลายไม่มีตกหล่นเลย ยาวเท่าไหร่ท่านก็ต้องซ้ำ เติมทีละนิดบางครั้งคำเติมคำเดียวจากทั้งพารากราฟ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 18:51:58 )

ทบทวนลัทธินอกพุทธอีกที!

รายละเอียด

ความเชื่อถือยึดถือหรือลัทธิต่างๆ ที่เป็น“ลัทธินอกพุทธ”นั้น

พระพุทธเจ้าตรัสตัวอย่าง“3 แบบ”(พระไตรปิฎก เล่ม 20 ข้อ 501)ให้ดู

1. ปุพเพกตเหตุวาทะ คือ ลัทธิที่มีวาทะ มีความเชื่อว่า

ทั้งหมดมีแต่กรรมเก่าเป็นเหตุ  

2. อิสสรนิมมานเหตุวาทะ คือ ลัทธิที่มีวาทะ มีความเชื่อ

ว่า ทั้งหมดล้วนแต่พระเจ้าเนรมิต

3. อเหตุอัปปัจจยวาทะ คือ ลัทธิที่ม่ีวาทะ มีความเชื่อ

ว่า ทั้งหมดล้วนไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย

มันก็ยึดถือเชื่อถือกันไปได้ต่างๆ สารพัดยิ่งไปกว่านี้ก็ได้

ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแจกความมี“ทิฏฐิ 62” ให้เห็นกันมาแล้ว 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 236 หน้า 194


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 19:24:05 )

ทบทวนสภาวะจบด้วยการปฏิบัติ กาละ 3 ให้เป็น 0

รายละเอียด

เมื่อสัมมาทิฏฐิอย่างนี้ปฏิบัติมาถึงอากิญจัญญายตนะกิเลสมันก็จะหมด คุณก็ยังต้องทบทวนด้วยเตวิชโชด้วยการปฏิบัติ กาละ 3 ปัจจุบันสั่งสมลงเป็นอดีตจนกระทั่งอนาคตมันมาอีกเมื่อไหร่ก็มาเลย เราจัดการให้มันเป็น 0 ได้หมดจนกระทั่งมันเข้ามาไม่ถึงตัวเราเลยแค่มาใกล้ก็เป็น 0 แล้วอย่างคารวะด้วยความเกรงกลัว คารวะด้วยความรักเคารพอย่างแรงกล้าเลย กิเลสมันจะสยบมาถึงขนาดนั้นเลย เหมือนหนังจีนเลยสุดยอด นั่นถือว่าจบแน่นอนอย่างนี้มันถึงเป็นของแท้ไม่ใช่เป็นหลงแต่เป็นจริงด้วยมีเหตุการณ์ปรากฏตามที่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ไปปฏิบัติจนกว่าจะตาย คุณก็ได้เหตุปัจจัยจริงๆ ปฏิบัติแล้วมีสภาวะเกิดจริงเป็นจริงตามที่อาตมาว่ามันก็จบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:39:49 )

ทบทวนสุริยเปยยาล 7

รายละเอียด

เมื่อมีมิตรดีแล้ว ถึงจะรวมเริ่มต้นที่ ศีล แม้ได้พบมิตรดี ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากมิตรดีเขาต้องเริ่มต้นด้วยศีล 

ศีลจึงเป็นข้อที่ 2 ใน สุริยเปยยาลฯ เมื่อเริ่มศีลแล้ว คุณไม่ตามด้วยความยินดีเลย ฉันทสัมปทา ก็ไม่มีทางก้าวหน้าไม่มีทางเป็นไปได้ 

ตัวที่ 4 นี้สำคัญมาก ตัวกลาง อัตตสัมปทา ต้องรู้ความเป็น อัตตา ตั้งแต่เริ่มสักกายะของอัตตา กายะของตนของอัตตา สักกะคือตัวเรา อัตตาที่ตัวเรา ให้รู้กาย

คำว่า “กาย” นี้ ยิ่งใหญ่ คนเราทุกวันนี้ชาวพุทธเข้าใจ กาย ผิดไปอย่างสำคัญเลย เข้าใจว่า กายเป็นเรื่องของวัตถุ แต่ถ้าเข้าใจว่า กาย เป็นเรื่องของจิตวิญญาณยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าเข้าใจว่ากายไม่เกี่ยวกับจิตใจเลยเป็นเรื่องของภายนอกเป็นวัตถุก็จบเห่เลย ไปไม่ออกเลย ในเรื่องศาสนาพุทธ

อัตตา ก็โยงใยไปถึงกาย สู่ความเข้าใจอย่างถูกต้องเป็นทิฏฐิสัมปทา มีความเข้าใจถูกต้อง เข้าถึงทิฏฐิที่สัมมา อย่างน้อยเมื่อได้ฟังปรโตโฆษะจากผู้รู้แล้ว จากเดิมเราไม่เคยเอาใจใส่เราก็มาเอาใจใส่ ปรโตโฆษะ เข้าใจว่า อ๋อ ปฏิบัติโยนิโสมนสิการเป็นอย่างนี้ ปฏิบัติให้ถึงจิตถึงใจเป็นอย่างนี้ 2 ตัวนี้ถ้าเข้าใจจะเกิดเป็นสัมมาทิฏฐิได้ เป็นสัมมาทิฏฐิ 2 เพราะเราต้องได้ฟังจากผู้อื่น

ถ้าคุณเองมีสัมมาทิฏฐิแล้ว คุณปฏิบัติอยู่นั้นจะต้องบรรลุเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจเพราะยังไม่เป็นอรหันต์สักที หรือว่าเป็นอรหันต์อย่างมิจฉาทิฏฐิเป็นมิจฉาผลก็แล้วไป หลงเตลิดเปิดเปิงทะลุไปจนนึกว่าตัวเองบรรลุ ไม่รู้จะทำอย่างไรคนที่หลงตัวเองว่าสำเร็จเป็นมิจฉาทิฏฐิก็ยาก อย่าว่าแต่ผลสำเร็จเลย ผู้หลงตามผู้ที่สำเร็จมิจฉาผล ยังจะดึงกลับมายากเลย ทุกวันนี้อาตมาพยายามช่วย ให้มาฟังให้มาทำความเข้าใจให้ดี 

เมื่อทำทิฏฐิได้แล้วก็ต้องไม่ประมาท! ต้องพยายามจริงๆอย่าไปทำเหลาะแหละ ต้องตั้งใจจริงๆให้เสมอ คำว่า ประมาท เป็นข้อสุดท้ายของอุปกิเลส 16 เชียวนะ พยายามพากเพียรปฏิบัติจริงๆ โดยทำโยนิโสมนสิการให้ชัดเจนให้แน่นอนเป็นตัวที่ 7 เลย ของสุริยเปยยาล นั่นคือทบทวนสุริยเปยยาล 7 ข้อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:40:18 )

ทบทวนอัตตาธิปไตยอีกที

รายละเอียด

ดังนั้น จึงไม่มีความรู้ยิ่งใน“อัตตาธิปไตย” ซึ่งหมายถึง ความไม่มีพลังปัญญา(อุตตร)-ไม่มีพลังจิต(อธิปไตย)ที่มี “ประสิทธิภาพ” หรือมี“อำนาจ”พอที่จะเข้าไปรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“อัตตา-ความเป็นตน-ความปรุงแต่งกันอยู่อันมีภายนอก-ภายในของตน”ที่เรียกว่า “สังขาร 3 (กายสังขาร-วจีสังขาร-มโนสังขาร)”ด้วย“วิชชา”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 27 หน้า 58


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 15:00:19 )

ทมะ

รายละเอียด

1. ต้องข่ม ต้องฝืน 

2. แม้จะต้อ'มีข่มฝืน 

3. การฝึก การข่มใจตนเอง การควบคุมใจตนเอง การบังคับใจตนเอง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 112

ทางเอก ภาค 3 หน้า 271

สมาธิพุทธ หน้า 487


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:56 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:02:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:18:33 )

ทรงวินัย

รายละเอียด

รู้ทั้งกฎของสังคมและศีลวินัยของศาสนารวมถึงมารยาทสังคมและสมมุติสัจจะ มีอนุโลม ปฏิโลมกับสังคมอย่างพอเหมาะ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 53


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:36 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:02:46 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:20:17 )

ทรงเข้าผีเข้าไสยศาสตร์คือโรคจิตหรืออุปาทาน

รายละเอียด

ทรงเข้าผีเข้าไสยศาสตร์คือโรคจิตหรืออุปาทาน ที่จริงจะเอาเจ้าอาวาสมาสัก100 องค์มาพูดก็ยังได้อีกเยอะ ได้อีกหลายเรื่องคุณเอ้ย… เกินร้อยก็ยังได้อีกหลายเรื่อง พูดก็พูดเถอะทุกวันนี้ก็น่าสงสาร ศาสนาพุทธมันเสื่อมไปจนกระทั่งมันเหลือแต่ประเพณี แล้วประเพณีก็เป็นประเพณีประยุกต์ เป็นประเพณีที่แม้แต่ในยุคพระพุทธเจ้าถ้าท่านอุบัติมาตอนนี้ ถ้าท่านมาเห็นศาสนาพุทธของท่านก็จะบอกว่า ไอ๊หยา... ไปได้ไกลปานนี้เชียวหรือพุทธ นึกไม่ออกว่าชาวพุทธจะประยุกต์ศาสนาของพระองค์ไปได้ไปถึงขนาดนี้ 

มันเป็นเรื่องอะไรที่เละเทะ เหลวไหล เป็นเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์อะไรต่ออะไรเนี่ย ออกข่าวคราวอยู่ทุกวันนี้ หมอปงหมอปลาบ้าๆบอๆ ไม่ได้เรื่องได้ราว มันไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย มันไม่ใช่ศาสนาเลย มันเป็นเรื่องของเดียรถีย์ แล้วก็เข้าใจว่าอันนั้นเป็นธรรมะ เป็นศาสนาอีก จะมาบอกเขาตรงนี้ เรื่องที่คนมันชักดิ้นชักงอ แล้วก็บอกว่ามีองค์เข้า องค์สิงองค์ทรงเข้ามา มันเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ใช้ภาษาสมัยใหม่ว่า โรคจิต ภาษาพระพุทธเจ้าก็คือ อุปาทาน เป็นการเชื่อ ยึดถือผิดๆ ยึดถือว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เป็นอย่างนั้น ยึดยังไงมันก็เป็นอย่างนั้น จะต้องเต้นอย่างนี้ต้องดีดอย่างนี้ต้องแข็งอย่างนี้ต้องโวยวายตึงตัง ออกแสดงท่าโน้นท่านี้อะไรต่างๆ 

อาตมาเล่นไสยศาสตร์ศึกษาไสยศาสตร์มาในชาตินี้ตั้ง 8 ปี เรียนรู้พวกนี้ โดยเฉพาะอาตมาเป็นโพธิสัตว์มีพื้นฐานพวกนี้ในจิตแล้ว ตอนแรกอาตมาก็ไม่ได้รู้หรอกแต่ตอนนี้มาเข้าใจว่า ก็เหมือนพระพุทธเจ้าต้องไปเรียนรู้กับ อาฬารดาบส อุทกดาบส เรียนรู้ทุกรกิริยาอีก เป็นลิงลมอมข้าวพอง ก็เท่านั้นเองไม่มีอะไร เป็นสิ่งที่ในโลกนี้มันยังมีอยู่ก็รู้กับเขา ว่าเขาก็เป็นเช่นนี้ ที่จริงน่าสงสาร เพราะมันไม่รู้ บางทีก็เกินแรงที่จะช่วยเหลือได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:20:02 )

ทรงไว้ซึ่งความเป็น

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะพูดถึงความเป็นกลาง เรียกว่า ทรงไว้ซึ่งความเป็น มัชเฌนธรรม ทรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ผู้ที่จะมีได้ถึงขั้นนี้ต้องทั้งรู้กาม รู้อัตตา แล้วก็เป็นผู้ที่อยู่เหนือแล้วช่วยผู้อื่นขึ้นมา มาเป็นผู้ที่อยู่เหนือกาม เหนือกามอัตตาได้ หยาบ กลาง ละเอียด ขึ้นมาได้จริง นี่คือคนที่เป็นผู้รู้จริง ทำได้จริง แล้วช่วยมนุษย์เกิดผลจริงอย่างที่อาตมาทำนี้ ใครจะหาว่าอาตมา อวดตัวอวดตน คุยโม้ก็ไม่ว่าแต่ถ้าจะมาทำจริงได้มาจริง นี่แหละ เด็กๆ ก็มาเรียนต่อคนที่แก่ตายไปแล้วก็มี บรรลุอรหันต์ไปแล้วก็มี อนาคามีตายไปแล้วก็มี สกิทาคามีตายไปแล้วก็มีเยอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 12:06:46 )

ทรถ

รายละเอียด

 คือ ความกระวนกระวายทั้งปวงอรหันต์แล้วก็ยังมี  ทรถ  แต่มีจุดบางเบา ดีไม่ดีใช้เป็นทหารเลย  คือ เป็นความแข็งแรง  อยู่อย่าง ทหระ  คือ ผู้แข็งแรง

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:41:33 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:22:59 )

ทรถ

รายละเอียด

อีกคำหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าใช้ก็คือพระอรหันต์จะอาศัย ทรถ ท คือ แข็งแรง ท.ทหาร ร คือเศษวรรค ย ร เศษวรรค ตัวที่ 2  ท ก็เป็น Static  ร ก็เป็น Dynamic หรือ Kinetic ที่มันเป็นพลังงานรอบแกน

แกนต้องมี 2 ตัววิ่งต้องมี 1 ตัววิ่งคือ ร ตัวนิ่งคือ ท ถึงคำว่า ปฏิสรณะกับปฏินิสสัคคะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:58:48 )

ทรัพย์ที่เหนือธนบัตร

รายละเอียด

เพราะเรามีสมรรถภาพกับขยัน นั่นคือทรัพย์ที่เหนือธนบัตร ที่จะเอาไปสั่งสมใส่คงคลังไว้ แต่คงคลังของเราคือความรู้ความขยันกับสมรรถนะ ความรู้ความสามารถกับความขยันก็ทำงานทุกวันทุกวัน แล้วเราก็ใช้สิ่งที่เรามีสมรรถนะ จะใช้ความรู้ความสามารถไปสร้างอะไร ไม่ทำสิ่งที่ไร้สาระอบายมุขต่างๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรมีแต่ทอดมีแต่ความสูญเสียเปล่าเราไม่ไป เราเก็บคืนเขาหมดเลยความโง่ความสูญเสียเหล่านั้น เอามารวมเป็นพลังงานเป็นพฤติกรรมสร้างสิ่งที่ดี อย่างบนโต๊ะนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:18:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:35:15 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:31:06 )

ทรัพย์อันยิ่ง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น วิชชาจรณสมบัติ เรียกเต็มๆ วิชชาจรณสมบัติ นี่แหละคือทรัพย์อันยิ่ง ปันโน แปลว่าบรรลุ ผู้บรรลุ ปฏิบัติให้บรรลุ ด้วย วิชชา แตกไปเป็น วิชชา 8 ทุกวันนี้ชาวไทยมีภูมิรับได้แล้ว เป็นโลกุตระอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ อปัณณกปฏิปทา 3 ข้อปฏิบัติ ไม่ใช่ กามสุขัลลิกะ ไม่ใช่อัตตกิลมถะ  ที่เป็นสุดโต่งของข้อปฏิบัติ 2 อย่าง ข้อปฏิบัติที่จะให้บรรลุมัชฌิมา บรรลุความเป็นกลางๆ ไม่โต่งไปทั้ง กามสุขัลลิกะ กับ อัตตกิลมถะ แต่เรารู้ทั้งอัตตะ อัตตา รู้ทั้งกาม กามมันเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งร่วมกับข้างนอก อัตตาคือเข้าไปข้างใน

อาตมาพยายามอธิบายเป็นภาษาง่ายๆ ภาษาของอาตมาเองทั้งนั้น ไม่ได้ลอกตำราไหนมา พูดภาษาตามตำรา ผู้ที่ศึกษามาและจำตำราได้ดีที่ภาษาไพเราะ อาตมาพูดอาจจะบาดเสียด แทงใจ แรง หนัก สั้น ลัด เรียกว่าคอนไซส์ concise  ลัด คัด สั้น ชัด ตัด ตรง อาตมาอาจจะพูด concise หน่อย 

สำหรับวันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับประเทศไทย เรียกว่า อาสาฬหบูชา ที่เรามีธรรมะพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเป็นครั้งแรก ได้เทศน์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ให้แก่ พราหมณ์ 5 รูป ซึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นอาริยสงฆ์ของพระพุทธเจ้า ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมคือโกณฑัญญะ เป็นองค์แรก แล้วต่อจากนั้นก็จะค่อยๆเป็นองค์อื่นๆต่อๆ ไป จึงเกิดเป็นพระสงฆ์องค์แรกในศาสนาพุทธ 

พระพุทธเจ้าท่านเป็นพระพุทธแล้ว เป็นผู้มีสัพพัญญูขึ้นมาเอง แล้วก็มาเกิดพระธรรม พระสงฆ์ ครบสามเส้าไตรรัตน์ จึงเรียกว่าเป็นวันสำคัญเดือน 8 อาสาฬหะแปลว่าเดือน 8 อาสาฬหปุณมี เป็นวันสำคัฯของโลก ของดวงดาวนะ วันเพ็ญเดือน 8 ก็เกิดสิ่งสำคัญอันนี้ขึ้นมา นี่คือสำหรับวันนี้ที่ท่านพระทั้งหลายแหล่พยายามเทศน์เรื่องนี้กันอย่างนี้ แต่อาตมาก็มาสรุปภาษาอาสาฬหบูชาเท่านั้น อาตมาเทศน์เนื้อแท้ของศาสนา เอาพระไตรปิฎก ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ในพระวินัย 

ติดตามฟังให้ดี อาตมาว่าประเทศไทยเราเกิดโลกุตรธรรมขึ้นมาแล้ว ถึงขั้นสาธารณโภคี มีสังคมสาราณียธรรม 6 เกิดจริงเป็นจริงแล้ว โปรดติดตามหารับฟัง และเข้ามาพบ เข้ามาคบคุ้น เข้ามาศึกษาตามพิสูจน์ ขอพูดสำคัญอีกนิดหนึ่งว่า มาตาม มาจับผิดให้ได้ เจริญธรรม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชา วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2566 ( 16:41:12 )

ทรัพย์แท้ของชาวอโศก

รายละเอียด

คนที่พอรู้จักชาวอโศกก็น่าจะเป็นแสน แต่ไม่สนใจก็มีเยอะพวกคนที่เห็นว่าบ้าบอ ดีไม่ดีเขาเห็นว่าเป็นพวกที่มาทำลายไม่ใช่แปลกเท่านั้น แต่ว่าเป็นลัทธิทำลาย แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะพวกเราแข็งแรง เขาก็ทำลายอะไรเราไม่ได้มาจัดการอะไรเราก็ไม่ได้ ลึกๆถ้าเขามีปัญญา เฉลียวฉลาดก็จะรู้ว่าก็มันไม่ได้ทำลายอะไรโลก แต่บ้าๆบอๆ ก็ปล่อยมันเถอะช่างมันเถอะเขาก็เลยปล่อยเราไว้เราก็ทำไป เขาปล่อยไว้ก็ดีแล้ว ส่วนใครจะมาปราบปรามมันก็น้อยลงแล้ว เพราะว่าเราเองเราทำงาน ยิ่งมีการประพฤตินานไปคนจะรู้มากยิ่งขึ้นว่าเราไม่ใช่เป็นตัวร้าย จะรู้มากขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าศัตรูจะเกิดขึ้นอีก ศัตรูจะไม่เกิดขึ้นอีก มีแต่ผู้ที่เข้าใจเพิ่มขึ้น แต่มิตรที่จะเข้ามาสนิทสนมนั้นก็คงจะต้องรอ เขาไม่รู้ชัดเจนได้เร็วนักหรือมากนัก ต้องนานไปหน่อย ของเรามีทรัพย์คือสมรรถนะและความขยัน อาจจะชำนาญและเก่งหลายด้านด้วยนะในคนคนหนึ่ง แต่มันทำได้ทีละอย่างทีละด้าน ทำได้เหมือนกันแต่ไม่ดี ต้องทำทีละด้าน เหมือนกับสุนทรภู่บอกว่า รู้แต่เพียงอย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล ทรัพย์ของมนุษย์คือสมรรถนะและความขยัน อาตมาว่าอันนี้เป็นของอาตมานะ ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ไหมอันนี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอาตมาเองเป็นผู้ที่เข้าใจเองว่าอันนี้เป็นทรัพย์ที่แท้ของมนุษย์ สมรรถนะหรือความสามารถ กับความขยัน มันเป็นนามธรรมอยู่ที่จิตวิญญาณเรา ขยันทำเมื่อไรก็เกิดผลที่จิตเราก็จะมีปัญญากำกับเราไม่ไปทำสิ่งที่เป็นอกุศลสิ่งที่ไม่ดีงามเราไม่ทำ เพราะฉะนั้นทำเมื่อไหร่ก็มีแต่ยังกุศลให้ถึงพร้อม(กุสลัสสูปสัมปทา) ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วพระพุทธเจ้าระบุไว้ชัดเจน คนนี้รับรองได้ กรรมที่ทำต่อไปจะเกิดก็มีแต่กรรมดี เราไม่ทำกรรมร้ายเด็ดขาดเลย เป็นหลักประกันยืนยันได้เลย ถึงจะเป็นของจริง แต่ถ้าคุณยังทำร้ายได้อยู่ก็ยังไม่ใช่พระอรหันต์ พระอรหันต์จะไม่ทำ ขนาดพระโสดาบันก็ไม่ทำแล้วอนาคามีรับรองว่าภายนอกไม่ทำร้ายใคร ยิ่งเป็นพระอรหันต์ เป็นตัวรับรอง ยิ่งเป็นโพธิสัตว์ทำอะไรบางทีเหมือนจะไปทำร้ายเขา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:39:18 )

ทรัพย์แท้ของมนุษย์

รายละเอียด

คุณนั้นแหละสังคมนั้นแหละประเทศนั้นแหละ จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดไม่รวย แต่เป็นประเทศที่ไม่เป็นภัยต่อโลก ไม่เป็นภัยต่อใคร มีแต่การสร้างและเลี้ยงดูโลก เกื้อกูลแก่โลก ไม่เอาเปรียบโลก เผื่อแผ่โลก เผื่อแผ่ออกไป โดยไม่สะสมด้วย ไม่กลัวว่าไม่ขาดแคลน เพราะ 1. เรามีความรู้ความสามารถ 2. เราขยันมันจะขาดแคลนทำไม ทรัพย์แท้ของมนุษย์คือ 1. ความรู้ ความสามารถ 2. ความขยัน ไม่มีบกพร่อง มีอยู่เหลือเพราะกินเผื่อแผ่ ยิ่งรวมกันเป็นมนุษย์ทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทุกคนมีความขยันหมั่นเพียรสร้างสรรแล้ว ยิ่งปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าแล้วก็ต้องรู้การใช้การกิน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:57:17 )

ทรัพย์แท้คือสมรรถนะและความขยัน

รายละเอียด

พวกเรามีความรู้ในเรื่องการจัดสรรเศรษฐกิจส่วนตัวเศรษฐกิจส่วนรวม คนที่มีปัญญาเห็นแก่ตัวน้อยจนไม่เห็นแก่ตัวเลยก็จะตัด เคิร์ฟปัดเศษไปจากตัวเรา คนที่มีศูนย์นี้ตัดง่าย คนที่มีเหลือก็ตัดยาก หากยิ่งมีกิเลสมากก็จะตัดไม่ไหว นี่คือทุกข์ทั้งสิ้น คนที่ไว้ใจหมู่กลุ่ม ไว้ใจพฤติกรรมสังคม   ทรัพย์แท้คืออะไร?.. คือสมรรถนะและความขยัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:45 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:23:17 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:47:30 )

ทรัพย์แท้ๆของมนุษย์คืออะไร

รายละเอียด

แม้จะไม่มีคงคลังเก็บไว้ในที่กักเก็บมาก แต่เราก็สร้างทุกวัน อาตมาถึงบอกว่า ทรัพย์อยู่ที่กองคลังหรือกองทุนที่เก็บไว้คือทรัพย์แท้ อันนั้นคือความโลภแสดงถึงรูปธรรมของความโลภคนคนนั้นประเทศนั้น ทรัพย์แท้ๆนั้นอยู่ที่ความสามารถและความรู้และความขยัน คุณมีความรู้ความสามารถและคุณก็ขยันทำ ผลผลิตออกมามีแรงงานออกมามันก็เกิดผลผลิตแรงงานที่เอาไปใช้ แล้วมันก็หมดไป ก็ขยันทำอยู่อย่างนี้ ขยันทำขยันสร้างมันก็มีเรื่อยๆ มันก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆตามแรงงานความสามารถกับความขยัน หากว่าคุณมีความรู้แต่ไม่ลงมือทำมันจะเกิดอะไรขึ้น หรือพวกที่ขยันแต่ไม่มีความรู้เขาบอกว่าพวกที่ขยันแต่โง่คนพวกนี้ทำให้เกิดความบรรลัย ชิบหายหมดเลย ขยันทำเสียหายหมดเลยมันก็ไม่ได้ จึงมีนิยามชัดเจนว่าทรัพย์คืออะไร ทรัพย์ของมนุษย์คือความรู้ความสามารถและความขยัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:27:56 )

เวลาบันทึก 09 เมษายน 2567 ( 20:58:44 )

ทรัพย์แท้ๆของมวลมนุษยชาติ

รายละเอียด

คนเรามีความรู้ความขยันหมั่นเพียร คำว่าความรู้คือรู้อะไรดีอะไรควรแล้วหรือว่าทำอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะเกิดผลตามที่เราต้องการ ที่เรารู้องค์ประกอบ แล้วเราก็ทำพลาดเพียงทำตามความรู้นั้น มันคือทรัพย์ อาตมาได้อธิบายว่ามันคือทรัพย์ในตัวคนที่ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ใครก็ปล้นเอาไปไม่ได้ นี่เป็นสุดยอดแห่งทรัพย์ นี่เป็นทรัพย์แท้ๆของมวลมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:27:12 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:35:42 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:32:26 )

ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่บริหารประเทศไทยควรมาดูเป็นตัวอย่าง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประเทศไทยผู้บริหารจะมาดูตัวอย่างนี้ก็ได้ มันไม่ใช่ทฤษฎีของอาตมาหรอก แต่เป็นทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ไม่ต้องบอกว่ามาเอาอันนี้แล้วจะเป็นทฤษฎีของโพธิรักษ์ ไม่ต้องไปคิดว่าอาตมาจะไปทวงว่าเป็นทฤษฎีอาตมา ไม่ใช่หรอก แต่เป็นของพระพุทธเจ้าอาตมาก็ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า คนที่มีอิสระเสรีมาฟังแล้วเข้าใจตามได้ก็มาทำตามก็ได้ไป คนที่ไม่เชื่อไม่ทำตามก็ไม่ได้ เขาก็มีชีวิตที่ลำบากลำบนของเขาไปตามประสา แต่ว่าพวกเรานี้ความทุกข์ก็น้อยลงจนไม่มีทุกข์เลยก็ได้แล้ว ก็จนสำเร็จแล้วด้วย ใครจะไม่จนงุบงิบบ้างก็ไม่เป็นปัญหา

ไม่ได้ไปโลภโมโทสันแย่งชิงกอบโกยจากสังคม อาตมาทำสำเร็จแล้วโดยสอนคนกลุ่มหนึ่งของคนไทยให้ไปอย่าไปแย่งสมบัติส่วนกลางของเขา เราสร้างสรรให้ได้เถอะ สร้างสรรแล้วแจกจ่ายสะพัดให้คนอื่น เราเอาไว้แต่น้อยด้วย อาตมาช่วยเศรษฐกิจประเทศชาติแล้ว ดร.ทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายเข้าใจไหม ให้ที่อื่นหมู่บ้านอำเภอจังหวัด ในประเทศมาทำอย่างที่อาตมาพาทำนี่สิ แล้วสอนให้คนทำอย่างที่อาตมาพาทำ คุณจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองสังคมสำเร็จ จะเป็นสังคมที่เป็นอยู่สุขอยู่กันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าไม่มีมากแต่อุดมสมบูรณ์ เหลือกินเหลือใช้ ของดีด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน ชุมชนบุญนิยมสร้างจากคนจนมหัศจรรย์


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:55:24 )

ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าลัดที่สุดสมบูรณ์ที่สุด

รายละเอียด

วิธีลัดของพระพุทธเจ้า จึงบอกว่าฟังจากผู้ที่ได้เข้ามาแล้ว ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าลัดที่สุดสมบูรณ์ที่สุด ไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้และเอามาพิสูจน์แล้ว ถามจริง คุณรู้จักกองขยะของคุณไหม ไม่ต้องกังวลหรอกคุณมีวิธีกำจัดแล้ว แต่โลกีย์ไม่มีทางกำจัดขยะสำเร็จ มันจะเน่าซับซ้อนหมุนวนมาไม่รู้จบ ไม่มีเสร็จไม่มีแล้ว แต่โลกุตระนั้นเสร็จแล้ว ออกมาจบได้หมดเชื้อ เกลี้ยง นี่คือสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบ ตอนนี้เขาแสวงหากันทั้งโลก แต่ยังไม่รู้จุดสำคัญที่เป็นเชื้อโรคหรือตรวจเชื้อเกิด โอปปาติกโยนิ เชื้อเกิดอาริยะ ทางนี้ทางเดียว “มรรค มีองค์ 8” นั้นคือ "ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น"(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) ล.25 ข.30

พวกที่เป็นยังหลับตาเอ้ยฟังโพธิรักษ์บ้างเถอะ จะได้ออกมาจากวงเวียนอันนั้น ถ้าเขาไม่ไปนั่งหลับตามาสัมผัสทางนี้ เขายังไม่จมอยู่กับที่ แต่นั่งหลับตาจะจมอยู่กับที่นาน มีความนานมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน สร้างสัมประสิทธิ์คนจนอาริยะด้วยไตรสิกขา


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:26:53 )

ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ถาวร

รายละเอียด

จะแก้ปัญหาที่เขาเรียกร้องกันในสังคมโลกจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผู้ที่บรรลุธรรมพระพุทธเจ้าดังที่พูดมาแล้วมีวรรณะ 9 อยู่กันอย่างสาราณียธรรม 6 ปัญหาเศรษฐกิจก็หมดเลยไม่ต้องแก้ต่อ จบ และsustainable ยั่งยืนด้วย แก้ตก แล้วยั่งยืนถาวรด้วยไม่ต้องแก้แล้วแก้อีกไม่เป็นระบบเลย ทั้งโลกก็ต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับสังคม แต่ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าเขาไม่ได้เรียน แม้แต่ในประเทศไทยเป็นเมืองพุทธก็ไม่มีความรู้อันนี้ ขออภัยที่พูดตรง ไม่มี เถรสมาคม หรือกระแสหลัก ไม่มีความรู้เรื่องนี้จึงไม่ได้สอนไม่ได้บอกลูกศิษย์ลูกหา ลูกศิษย์ลูกหาที่ขึ้นไปบริหารประเทศจัดการปกครองดูแลประเทศก็เลยไม่มีความรู้อันนี้ไปสอนสังคม

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:29:20 )

ทฤษฎีของพุทธ รู้จักช้างทั้งตัว

รายละเอียด

อาตมาคิดตามแล้วสงสารเขา มันขี่ช้างจับตั๊กแตน ไม่สรุปแบบทฤษฎีของพุทธ ที่รู้จักช้างทั้งตัว จับอะไรต่ออะไรได้ยังเป็นองค์รวม ในมุมมองของอาตมานะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:20:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:08:21 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:40:59 )

ทฤษฎีคอมมิวนิสต์ของคาร์ล มาร์กซ์

รายละเอียด

เอาล่ะ ยื่นดาบมาเป็นอันสุดท้าย อาตมาเคยพูดว่าคาร์ล มาร์กซ์ไม่น่าจะตายก่อนจะเจอสมณะโพธิรักษ์ เขาเป็นเจ้าพ่อทฤษฎีคอมมิวนิสต์ ก็เป็นแค่ทฤษฎีแต่มีเลนินรับช่วงมา มีเหมาเจ๋อตุงทำได้สำเร็จ รัสเซียเขาเป็นตัวตั้งต้น ก็เลยเป็นเลนิน กับจีนที่เป็นเมาเซตุงทำขึ้นมา ที่เหมาทำมา ก็เป็นลัทธิแปร รัสเซียเองก็เป็นลัทธิแปร ไม่เอาอย่างคาร์ล มาร์กซ์(Karl Marx) มา 100% 

คาร์ล มาร์กซ์ นั้นเป็นคอมมิวนิสต์ 100% อย่างที่เป็นอำนาจหมู่แข็งเป๊ก บังคับ ก็เหมือนอำนาจเผด็จการฟาสซิสต์ อำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์เด็ดขาดคนเดียวสั่งการ มันใช้อำนาจ คอมมานด์ สั่งการ มันไม่มีคำสอนไม่มีการให้สิทธิไม่มีการให้อิสระ คอมมิวนิสต์ไม่มีอิสระเต็มร้อย ประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะอิสระเต็มร้อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:25:33 )

ทฤษฎีคอมมูนิสต์ก็ยังเฉโก

รายละเอียด

ในประเด็นที่“คนรวย”โลภไม่เสร็จ เห็นแก่ตัว “คนรวย”ยังเห็นแก่ได้ตามประสาปุถุชนนี่แหละ คือ จุดสำคัญที่ชาวคอมมูนิสต์เห็นเด่นชัด จึงได้เกิด“ทฤษฎีคอมมูนิสต์”เพื่อจะเปลี่ยนสังคมให้มีเศรษฐกิจ“ดี”ขึ้น ตามที่เขาก็เชื่อในความฉลาดชนิดที่ยัง“เฉโก”อยู่ นั่นคือ ยังเข้าใจตามความรู้แบบ“โลกียะ”กันเท่านั้น อันยังไม่ใช่ฉลาดอย่างเป็น“ปัญญา” คือยังไม่เป็น“โลกุตระ” จึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ เสร็จจบ อย่างยั่งยืนดอก

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 406-407  ข้อที่ 550


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 15:14:09 )

ทฤษฎีงาน

รายละเอียด

งานตามทฤษฎี 19 ข้อ

1.มีคนที่ดี

2.มีงานที่ดี

3.มีความรู้ความสามารถ

4.มีเวลาหรือโอกาส

5.มีทุนที่เหมาะควร

6.มีสุขภาพ และกำลังที่ดี

7.มีความขยัน อุตสาหะ บากบั่น

8.มีหลัก มีระเบียบ มีเป้าหมาย

9.มีการจัดสรร และจัดโครงการ

10.มีการแบ่งงาน และประสานเนื่องหนุน

11.มีกะจิตกะใจ มีความใส่ใจ ขวนขวายไม่ดูดาย

12.มีการปรับการเข้าใจกัน ให้เกิดความสามัคคีอยู่เสมอ

13.มีการขัดเกลา ปฏิบัติละกิเลสเสมอ

14.มีความเห็นดี ยินดี

15.มีความเห็นจริง ซาบซึ้ง เชื่อมั่น

16.มีสติ ปฏิภาณ ปัญญา

17.มีสมาธิ ฌาน อุเบกขา

18.มีความเสียสละแท้

19.มีพลังน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

 ("เอกีภาวะ" ที่มี "วิมุติ" เป็นพลัง)

หนังสืออ้างอิง

สรรค่าสร้างคน หน้า 7-8


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 12:42:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:54 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:41:27 )

ทฤษฎีงาน 19 ข้อ ของคนโลกุตระ

รายละเอียด

ทฤษฎีงาน 19 ข้อ

เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเรามาเรียนรู้ได้ จึงเป็นคนที่อาตมาเรียบเรียงเอาไว้ในสรรค่าสร้างคนบทที่ 1 เลย คือจะเป็นคนที่ปฏิบัติแล้วจะเป็นคนมีกรรม กรรมกิริยา กัมมันตะ มีการงานที่เรียกว่าทฤษฎีงาน 19 ข้อ 

ทฤษฎีงาน 19 ข้อ

1.มีคนที่ดี  เป็นคนที่มีสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะครบ มีจิตที่เป็นอาริยะเป็นพระอรหันต์สูงสุดเป็นคนดี เพราะฉะนั้นวาจาก็ดีการกระทำทุกอย่าง กัมมันตะทุกอย่างดีหมด เลี้ยงชีพก็เป็นคนเลี้ยงชีพดี ถึงขั้น ลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา ที่เป็นมิจฉาอาชีวะก็หลุดพ้นมิจฉาอาชีวะข้อที่ 5 ทำงานฟรี เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ อยู่ร่วมกันมีชีวิตสุขสำราญเบิกบานใจสุขสดชื่น เป็นความจริงไหมที่อาตมาพูดนี้ 

2.มีงานที่ดี   พวกเราผู้ที่เป็นอรหันต์จึงย่อมชัดเจนว่า คนเราตื่นขึ้นมาก็ต้องทำงาน พระพุทธเจ้าตื่นขึ้นมาท่านก็นึกว่าจะไปทำอะไร นึกถึงงานเลย อาตมาตื่นมาก็นึกถึงว่าจะทำงาน ใครมีจิตอย่างนี้แล้วบ้าง โอ้โห มีพุทธคุณนะเนี่ย นี่เรียกว่าพุทธคุณ ในพุทธคุณ 9 คนเราตื่นขึ้นมาก็นึกถึงงาน แล้วเป็นงานที่ดีด้วย งานที่ดีคืองานอะไร งานเสียสละ 

3.ความรู้ความสามารถที่ดี  แล้วความรู้ความสามารถที่ได้ไม่ใช่ความรู้แบบโลกๆ ความรู้แบบโลกมันมีแฝงที่จะได้ลาภยศสรรเสริญ พวกเราผู้ที่เป็นอรหันต์จึงค่อยชัดเจนว่า คนเราตื่นขึ้นมาก็ต้องทำงาน พระพุทธเจ้าตื่นขึ้นมาท่านก็นึกว่าจะไปทำอะไร นึกถึงงานเลย อาตมาตื่นมาก็นึกถึงว่าจะทำงาน ใครมีจิตอย่างนี้แล้วบ้าง โอ้โห มีพุทธคุณนะเนี่ย นี่เรียกว่าพุทธคุณ ในพุทธคุณ 9 คนเราตื่นขึ้นมาก็นึกถึงงาน แล้วเป็นงานที่ดีด้วย งานที่ดีคืองานอะไร งานเสียสละ 

4,เวลา โอกาส เราต้องดู กาลัญญุตา อันควร เวลาทุกคนมีเท่ากันหมดเลย คนชาวอโศกบางคนมีโอกาสที่จะมาทำงานที่ชุมชนนี้ ทำงานที่นี่ สุดยอดเลย มีสาธารณโภคี แต่ชาวอโศกหลายคนอยู่ข้างนอก โอกาสดีๆอย่างนี้ไม่เอา มีหนี้มีภาระ มีลาภแลกลาภ ไปทำอะไรกับข้างนอกอยู่เห็นไหม เวลาทุกคนมีเท่ากันแต่โอกาสที่จะมาทำ คนที่รู้ว่ากาละนี้เราต้องรีบมาอยู่กับชุมชนชาวอโศก เพราะชุมชนนี้ทำงานฟรี ทำงานสุดประเสริฐ เป็นงานที่มีความรู้ความสามารถสุดยอด เป็นงานที่ดี เป็นคนดี คนก็รู้จักใช้เวลา  เวลาเท่ากัน เวลาของโลกเคลื่อนไป โลกมันหมุนก็คือเคลื่อนไป เวลามันเคลื่อนไป แล้วมันก็ขับเคลื่อนซ้อนอยู่ในมหาจักรวาล เราก็เคลื่อนหมุนไปตามโลก เราไม่รู้สึกหรอก เราไม่เวียนหัวหรอก โลกก็หมุนเวียนไปตามมหาจักรวาล จักรวาลของตนเองก็หมุนเวียนอยู่ในจักรวาลใหญ่อีกไม่รู้กี่ซับซ้อน แต่เราก็ไม่เวียนหัวเพราะมันชินแล้วเกิดมาก็รู้แล้ว ก็ไม่เป็นไร เราก็ไปกับเวลา โอกาส 

5.ทุนที่เหมาะควร เป็นวัตถุ เป็นทุนแถม พวกเราหมดทุน เป็นทุนที่มีอมตะนิรันดร คนที่ยังต้องใช้ทุน ต้องมีก้อนทุน ต้องมีต้นทุน ถ้าไม่มีต้นทุนทำงานอะไรไม่ได้ นั่นคือคุณยังไม่มีทุนอมตะ ยังไม่มีทุนนิรันดร ของเรามีทุนอะไร?…0, ทุน 0 โอ้โห! พูดเหมือนพูดเล่นๆนะแต่จริงไหม?…จริง สุดยอดจริงๆเลย มีทุนที่เหมาะควร คนที่อยู่ในอโศกแล้วยังยักไว้ แล้วเอาทุนนั้นไปออกดอกออกผลเอาไปลงทุนเพื่อให้เกิดมีผลกลับคืนมา ซับซ้อน มีปันผลมีอะไรต่ออะไร คุณก็ยังไม่มีทุนที่สมบูรณ์สูงสุด เพราะฉะนั้นทุนที่เหมาะสมควรก็จะขยับขึ้นมาจนกระทั่งมาเป็นทุนที่ยิ่งใหญ่ มีทุน แล้วเป็นทุนที่สมบูรณ์แบบเหมาะที่สุด ดีที่สุด ควรที่สุด คือทุน 0 

6.สุขภาพร่าง กายกำลังกายดี พวกเรามีสุขภาพ 8 อ กำลังวังชาดี ดูสิ 87 ปี ยังแจ๋ว ฟิตเนส อาตมาจะพยายามเลี้ยงขันธ์นี้ไปให้ถึง 100 ปี จริงๆ จะพยายาม สาธุ จะให้ถึง 100 ปี ไม่พูดเล่นหรอก 151 ปี มันมากไป ถึงแม้ว่าอาตมาจะอยู่ได้อาตมาว่าคงไม่ไหวหรอก เพราะว่าทุกวันนี้ไม่ถึงร้อยยังรู้สึกว่ามันไม่ไหวจริงๆนะ 151 ปี อีกเท่าไหร่ อีก 64 ปี ก็ไม่ไหวหรอกอีก 64 ปี กระดูกคงกรอบไปหมด ทุกวันนี้รู้สึกว่าเมื่อยเร็ว แม้แต่เดิน เราไม่น่าจะเหนื่อยนะเดินแค่ 3 – 4 กม. บางทีเดิน 5 กม. ทำไมเราเมื่อย แต่ก่อนนี้เดิน 10 กม. 20 กม.ไม่มีปัญหาหรอก ร่างกายใช้มานานก็เสื่อมเป็นธรรมดา มันก็เป็นไปตามธรรม แต่ก็ยังปรารถนาที่จะยังขันธ์ไว้ต่อเพื่อที่จะเทศน์ เพื่อที่จะบรรยาย เพื่อที่จะสถาปนาความรู้โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าลงไปในผู้ที่ยังรับได้ พวกคุณนี้อย่างน้อยก็พวกคุณ ตั้งใจรับ อาตมาก็เทศน์ไปแต่ละวันก็มีคนฟัง เดี๋ยวนี้ยิ่งมีสื่อสารอยู่ทางบ้านไม่มาแล้วไม่มานั่งอยู่นี่ อยู่กับบ้านดีกว่า สบาย กดปุ่มเอา อยากฟังก็ดูไม่ฟังก็ไม่ดูไม่ฟังก็ไม่ถูกว่า อยู่บ้าน มาที่นี่ถ้าอยู่ที่นี่ไม่มาแล้วถูกว่า อยู่บ้านก็ว่า ทำไมไม่ว่า อาตมาก็ว่า มาอยู่ด้วยกันสิอบอุ่นนะนี่ ต้องการสัก 777 คนก็มา (ที่นี่มีคนฟังประมาณ 377 คน) ขึ้นปีใหม่วันที่ 2 แล้ว อยู่ที่บ้านฟังทางอินเตอร์เน็ตอีกเท่าไหร่ 

7.มีความขยัน อุตสาหบากบั่น 

8.มีหลักเกณฑ์ มีระเบียบ มีเป้าหมาย 

9.มีการจัดสรรและจัดโครงการ 

10.มีการแบ่งงานและประสานเนื่องหนุน 

11.มีกะจิตกะใจใส่ใจขวนขวายไม่ดูดาย 

12.มีการปรับใจกันให้เกิดความเข้าใจกันเสมอ

13 . มีการปฏิบัติขัดเกลากิเลสเสมอ คือตำหนิติติงกัน พยายามมีศิลปะ ให้อีกคนเขาเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม กาย วาจา ใจ 

14.มีความเห็นดี ยินดี จะมีความเข้าใจว่าดีอย่างไร

15.มีความเห็นจริง ซาบซึ้ง เชื่อมั่น

16.มีสติ ปฏิภาณ ปัญญา

17.มีฌาน สมาธิ ปัญญา 

18.มีความเสียสละแท้

19.มีพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน(เอกีภาวะ ที่มีวิมุติเป็นพลัง)

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:14:46 )

ทฤษฎีงาน 19 ประการ

รายละเอียด

งานที่อาตมาได้ทำเอาไว้ ได้เขียนคิดเป็นทฤษฎีงาน 19 ข้อ ในหนังสือสรรค่าสร้างคน ขึ้นอยู่บทแรก 

ทฤษฎีงาน 19 ประการในการสรรสร้างงานอาริยะ

1. มีคนที่ดี

2. มีงานที่ดี 

3. มีความรู้ความสามารถ 

4. มีเวลาหรือโอกาส

5. มีทุนที่เหมาะควร (ไม่ใช่ทุนสามานย์)

6. มีสุขภาพ และ กำลังที่ดี

7. มีความขยัน  อุตสาหะ  บากบั่น 

8. มีหลัก  มีระเบียบ  มีเป้าหมาย

9. มีการจัดสรร  และจัดโครงการ 

10. มีการแบ่งงาน และประสานเนื่องหนุน

11. มีกะจิตกะใจ  มีความใส่ใจ  ขวนขวายไม่ดูดาย

12. มีการปรับความเข้าใจกัน ให้เกิดความสามัคคีอยู่เสมอ

13. มีการขัดเกลา ปฏิบัติละกิเลสเสมอ

14. มีความเห็นดี ยินดี

15. มีความเห็นจริง  ซาบซึ้ง  เชื่อมั่น

16. มีสติ  ปฏิภาณ  ปัญญา

17. มีสมาธิ  ฌาน  อุเบกขา

18. มีความเสียสละแท้

19. มีพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  (เอกีภาวะ ที่มีวิมุติเป็นพลัง) 

ที่มา ที่ไป

 เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:01:11 )

ทฤษฎีทุน 8 ประการ

รายละเอียด

ทฤษฎีทุน 8 ประการ เป็นทุนพื้นฐานในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย

  1. Human Capital ทุนมนุษย์ คือ ทุนเริ่มต้นของคนแต่ละคนที่เกิดมามีร่างกาย รูปร่างหน้าตา สติปัญญาที่แตกต่างกัน
  2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา คือ ทุนที่เกิดจากการศึกษาเรียนรู้ที่ทำให้คนคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และสามารถนำความรู้ที่มีไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
  3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม คือ ทุนภายในส่วนลึกหรือสามัญสำนึกของจิตใจคน ซึ่งจะส่งผลต่อทุนทางปัญญาที่จะคิดวิเคราะห์ด้วยความดี มีศีลธรรม มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
  4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข คือ ทุนที่อยู่ภายในจิตใจของคน ในการลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากแรงบันดาลใจ ที่จะส่งผลให้เกิดความสุขความอิ่มเอมใจในการกระทำสิ่งเหล่านั้น เป็นแรงผลักดันให้การทำงานมีเป้าหมายที่ชัดเจน
  5. Social Capital ทุนทางสังคม คือ ทุนที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือสังคมภายนอกในการหล่อหลอมตัวตนของแต่ละบุคคลให้เป็นไปในทางดีหรือทางเสื่อมขึ้นอยู่กับทุนทางจริยธรรมของแต่ละบุคคลที่จะมุ่งสร้างคุณงามความดี หรือจะกระทำความเดือดร้อนให้แก่คนรอบข้างและสังคม
  6. Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน คือทุนที่เกิดจากการกระทำของคนที่มุ่งหวังผลในระยะยาวโดยเริ่มต้นจากการกระทำความดีต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
  7. Digital Capital ทุนทางไอที คือ ทุนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สามารถนำเครื่องมือเครื่องใช้ด้านไอทีต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และสังคมโดยรวมได้
  8. Talented Capital ทุนทางความสามารถพิเศษ คือ ทุนที่ได้จากการสั่งสมประสบการณ์ทักษะความรู้ บ่มเพาะจนเป็นผู้เชี่ยวชาญมีความชำนาญในด้านต่างๆ ตามแต่ความถนัดและทัศนคติของแต่ละบุคคล

ที่มา ที่ไป

บทความของ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  560416


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 03:15:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:43 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:41:57 )

ทฤษฎีนักปราชญ์ในโลกแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ!

รายละเอียด

ซึ่งชาว“โลกียะ”หรือชาว“เทฺวนิยม”ทั้งหลายในโลกกระทำ“การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”

กันอยู่ตลอดมานั้น มัน“เป็นไปไม่ได้แท้จริง” 

ที่แก้ด้วยทฤษฎีสารพัดของด็อกเตอร์หรือของปราชญ์ต่างๆอยู่ในโลกโลกียะกัน

แม้จะแก้อย่างไรมันก็“ไม่มั่นคงยั่งยืน”เด็ดขาดอยู่นั่นเอง

มีทฤษฎี“แบบคนจน”หนึ่งเดียวนี้เท่านั้น ที่จะใช้“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”

ให้แก่สังคมประเทศได้สำเร็จยอดเยี่ยมที่สุดกว่าทฤษฎีใดๆ      

เพราะมีความรู้“โลกุตรธรรม”จึงสามารถ“กำจัดกิเลสในจิตตน” 

จนกระทั่งเป็น“ผู้ไม่เห็นแก่ตัว”สำเร็จจริงๆ 

โดยเกิด“ปัญญา”ที่ครบด้วยประสิทธิภาพขั้นเป็นผู้มี“อายะ 3”

ได้แก่ “พหุชนหิตายะ-พหุชนสุขายะ-โลกานุกัมปายะ”อยู่ตลอดเวลา

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 525 หน้า 390


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2564 ( 16:50:06 )

ทฤษฎีนิพพานทฤษฎีพระอาริยะ

รายละเอียด

ต้องให้มาพิสูจน์ว่าเป็นสังคมสาธารณโภคีอย่างไร แน่นอนหากไม่มีนิพพาน ไม่มีอาริยะสร้างสังคมสาธารณโภคีไม่ได้ ยุคพระพุทธเจ้าสร้างได้แต่ในวงการสงฆ์ ยังไม่สามารถทำได้ในวงการฆราวาส แต่ในยุคนี้สามารถทำได้ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่เพราะว่ามันคนละบริบทคนละยุคสมัย ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของทาส ในยุคของพระพุทธเจ้าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในยุคนี้คนใช้สิทธิได้เต็มไม่ใช่สังคมทาส ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึง บุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ ถึงทฤษฎีสาธารณโภคี จริงๆแล้วก็คือทฤษฎีนิพพานทฤษฎีพระอาริยะ เอามาประกาศ พวกคุณก็ปฏิบัติตามทฤษฎีนี้ได้ผลจึงมารวมตัวเป็นสังคมนิพพานมีพระอาริยะไง นี่คือ ความจริงที่คนคนนี้เข้าใจพยัญชนะสภาวะไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:15:03 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:29 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:42:20 )

ทฤษฎีบุญนิยมเอาจากภายในการให้ไปเป็นการเจริญ

รายละเอียด

สรุปว่า ถึงอย่างไรการคิดเรื่องเศรษฐกิจของ CLMV เขายังคิดอยู่ในทฤษฎีของทุนนิยม เขายังไม่ได้มาคิดตามทฤษฎีของบุญนิยม เพราะฉะนั้นเขาจึงหนักหนาสาหัส เขาพึ่งพาแต่เรื่องการส่งออก เอาของคนอื่นมาใช้ภายใน การคิด GDP ของเขาที่บอกว่าภายในของเขาผิดเพี้ยนไปพึ่งพาภายนอกมันจึงเป็นกบฏ พวกทุนนิยมจะเข้าใจได้ยากเรื่องนี้ เพราะเขาเอาแต่เอาของคนอื่นมาเป็นตัวกูของกู เขาว่าได้จากภายนอกเป็นการเจริญ มาให้เรานี่เราเจริญ แต่ของเรา เราไม่เอาจากภายนอก เราเอาจากภายในให้ไปได้นี่ก็เจริญ​ ให้ได้น้อยก็เจริญน้อยให้ได้มากเท่าไหร่ก็เจริญมากขึ้นเท่านั้น เขาได้เปรียบทางสังคมเขาถือว่าเขาเจริญแต่เราว่าเราเสียสละให้แก่สังคมเป็นการเจริญ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 11:14:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:36:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:42:46 )

ทฤษฎีพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ที่ท่านตรัสไว้แล้วพวกเราเอาไปปฏิบัติการเป็นไปได้จริงตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่การมีศีลเป็นคนมีศีลมีสังคมที่มีศีล มีศีลกันทั้งหมู่บ้าน จะรวมกันเป็นตำบล อยู่กันอย่างมีวัฒนธรรมหลักเกณฑ์ของบุญนิยม เป็นคนมีบารมีเดิมเก่าแล้วก็มาต่อภพภูมิกัน  มาช่วยกันฟื้นภูมิเก่าและเพิ่มเติมสิ่งที่ใหม่เข้าไปที่ดีๆ ทางด้านนามธรรมจะเป็นกลุ่มที่มีคนอายุยืนมาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 16:02:43 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:30 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:43:11 )

ทฤษฎีพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นทฤษฎีสากลที่พิสูจน์ได้ทุกยุคทุกสมัย

รายละเอียด

ทุกวันนี้ชาวอโศกพิสูจน์ได้ตรงนี้ ไม่เป็นหนี้ ทำอยู่ทำกินเลี้ยงตัวเองรอด พึ่งพาตัวเองได้ดี มีส่วนเกินส่วนเหลือ และเผื่อแผ่แจกจ่ายผู้อื่น จะขายก็ขายอย่างขาดทุน ขายอย่างเผื่อแผ่แจกจ่ายเลย แจกฟรีด้วย อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เป็นไปได้ ไม่ได้พูดลอยลม ไม่ได้พูดปากเปล่า เพราะฉะนั้นอาตมามาเกิดในชาตินี้ ได้เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราได้ศึกษาฝึกฝนปฏิบัติจนบรรลุมรรคผล จนเป็นคนมีวรรณะ 9 ได้จริง สังคมเป็นสังคมสาราณโภคีได้จริง อาตมาบรรลุผลสำเร็จในการเป็นคนเกิดมาชาตินี้ แล้วก็ได้ทำงานตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นทฤษฎีสากล แม้แต่ในยุคนี้สมัยนี้ก็เป็นทฤษฎีที่ ชาติอื่นใดมาศึกษาให้ดีๆเถิด..ยอดเยี่ยม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 18:12:53 )

ทฤษฎีพระพุทธเจ้าเป็นอริยสัจ 4 เป็นผู้เจริญ

รายละเอียด

อาตมาก็สบายใจที่พากันปฏิบัติธรรมและได้บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้ามาเป็นสังคมพุทธ  เป็นแผ่นดินพุทธ  มีศีล สมาธิ ปัญญา มีวิมุติ หรืออธิมุติ ได้กัมมปฏิสรโณเป็นเครื่องอาศัยมาจนกระทั่งอยู่เย็นเป็นสุขไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลายผู้คนก็ไม่มีปัญหา จะอยู่กันอย่างนี้แหละไปจนตาย หลายผู้หลายคนจะมีความรู้สึกอย่างนั้นเลย เอ๊ อาตมาพูดผิดไหม…ใครว่า มีความรู้สึกว่าชีวิตจะอยู่อย่างนี้ไปจนตายใครมีความรู้สึกอย่างนั้นบ้างยกมือขึ้นซิ กว่าครึ่งเลย เด็กๆเขายังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผู้ใหญ่นั่งอยู่เก้าอี้ แสงไปไม่ถึง ถ่ายไปก็ไม่ค่อยเห็น ทฤษฎีพระพุทธเจ้านี้เป็นทฤษฎีที่ท่านเรียกของท่านว่าเป็นอริยะ เป็นอริยสัจ 4 เป็นผู้เจริญ ภาษาสมัยใหม่เป็นอารยะ เป็นความเจริญศิวิไลซ์ แล้วศิวิไลซ์ของพุทธเป็นความเจริญทางโลกุตรธรรมด้วยไม่ใช่แค่โลกียธรรม มันแปลกไม่เหมือนเขา เจริญอย่างไร ตอนนี้เข้าหาเนื้อหาอีกนิดหน่อย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 18:03:46 )

ทฤษฎีพระพุทธเจ้าใช้ได้ทุกยุคสมัย

รายละเอียด

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ยุคโน้นแล้ว คนมีความรู้ความเข้าใจไม่ใช่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คนมีปัญญารู้สิทธิมนุษยชนเต็มที่ด้วย ยุคทาสก็ไม่ได้ เขาเลิกทาสกันหมดแล้ว สังคมในยุคนี้จึงแตกต่างจากในยุคโน้นมาก แต่ความรู้ของพระพุทธเจ้านั้น ยุคโน้นก็ตาม ความรู้ทันมีเต็มสภาพ อาตมาพยายามอธิบายได้ว่า ความรู้อันเดียวกันของพระพุทธเจ้าไม่ได้ปิดกั้น ความรู้เต็มทฤษฎีเต็มสภาพเลยของพระพุทธเจ้า มาถึงในยุคนี้ก็ใช้ทฤษฎีพระพุทธเจ้า เช่นว่า มีสาธารณโภคี มีอิสระเสรีภาพสมบูรณ์จริงๆ และเป็นผู้ที่ ส่วนตัวส่วนตนไม่ต้องสะสมทรัพย์ศฤงคารเป็นของตัวของตน เป็นคนจนขั้น 0 และเป็นสังคมองค์รวมไม่แตกแยก อบอุ่น มีทรัพย์ศฤงคารส่วนกลาง มีระบบสาธารณโภคี ทุกคนมีจิตใจดีงามไม่ยึดมั่นถือมั่นเป็นของตัวของตน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ อย่างดีงาม พูดไปแล้วอาตมาก็ภาคภูมิใจว่าสังคมชุมชนชาวอโศกที่ทำได้ดังกล่าว เอาทฤษฎีพระพุทธเจ้า มาตรวจสอบมาวัด ชัดเจนตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าตรงตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าทั้งนั้นเลย แม้มันจะไม่งดงามไม่ยิ่งใหญ่แม้จะไม่มีมวลมาก แต่มันเป็นสภาพที่ตรงชัดเจนดีมาก

อาตมาก็ปรารถนาอยากให้สังคม แม้แต่เริ่มต้นที่ใกล้ชิดคือคนไทยด้วยกันให้เกิดสังคมแบบนี้ มีคุณสมบัติมีคุณวิเศษ ขอเรียกว่าคุณวิเศษ เพราะเป็นคุณสมบัติที่ดีงามประเสริฐ ให้เกิดขึ้นจริงเป็นจริง โดยใช้วิธีอย่างอิสระเสรีภาพไม่ไปบีบบังคับไม่กดขี่ สนใจมีปัญญาด้วยตัวเองก็มา ไม่ชอบใจไม่ยินดีก็ไม่เป็นไร ดีที่ไม่ต่อต้าน ก็ได้ทั้งนั้น ยินดีมาเลยก็ได้ Wait and see ก็ตาม ต่อต้านเลยก็ไม่มีปัญหา เรามีแต่ความจริงใจปรารถนาดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:36:25 )

ทฤษฎีพาคนมาจนแก้ปัญหาสังคมเศรษฐกิจการเมืองได้หมด

รายละเอียด

เช่น การแก้ปัญหาสังคม คุณจะมองไปในแง่เศรษฐศาสตร์ในแง่รัฐศาสตร์ในแง่สังคมศาสตร์ก็ตาม การแก้ปัญหาสังคมพัฒนาตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เป็นการแก้ปัญหาโดยที่ทฤษฎี นี้คือทฤษฎี พาคนมาจน ทำให้คนมาจนให้ได้จริงๆ นี่เป็นการแก้ปัญหาของอาตมาแก้ปัญหาสังคมเศรษฐกิจแก้ปัญหาการเมือง มันได้หมดเลย

การแก้ปัญหาของอาตมามีจุดสำคัญคือจะต้องมาเป็นคนมีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าหรือตามศาสตร์พระราชารัชกาลที่ 9 ของราชวงศ์จักรีนี่แหละ อาตมาจะไม่แก้ปัญหาด้วยการพาคนไปรวยเด็ดขาด ไม่ได้พูดเล่น และอาตมามั่นใจว่ามีความรู้ด้วย มั่นใจว่าพาคนไปรวยมันแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองสังคมไม่ได้ คนทั่วโลกนี้ ขออภัยเขาจะต้องพยายามให้คนไปรวย

แทนที่จะทำให้คนมาจนมารู้จักความจนอย่ากลัวความจน แล้วมีชีวิตอยู่เป็นคนจนใครมาทำตัวให้เป็นคนจนจนเข้าใจมีปัญญาแล้วไม่ต้องไปแย่งความรวยกับใครเลยคนๆนี้ช่วยปัญหาเศรษฐกิจให้สังคมและประเทศชาติแล้ว แต่ว่าหากอยากจะรวยหาทางเอาเปรียบดีไม่ดีคนดีไม่ดีขึ้นเอาเปรียบมันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม คนที่ไม่มีปัญญามีแต่กิเลสเต็มหน้าเต็มตัวก็จะทำไปอย่างนั้นเพราะฉะนั้นต้องลึกซึ้งไปถึงสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:47:31 )

ทฤษฎีพิเศษสุด

รายละเอียด

เพราะถ้าใครศึกษาทำตามอย่าง“สัมมาทิฏฐิ”และปฏิบัติเป็น“สัมมาปฏิบัติ”ก็จะสำเร็จเป็นผลที่“สัมมาปฏิเวธ”ได้เหมือนกันทุกคน หากสามารถปฏิบัติบรรลุถึงขั้น“อาริยสัจ 4” ที่เป็น“ทฤษฎีเดียว”อันพิเศษสุดของศาสนาพุทธ ซึ่งสามารถ“กำจัดกิเลส”ที่เป็นเหตุแห่ง“ทุกขสัจ”ได้แท้ ได้จริง ได้อย่างเป็น“สวากขาโต(พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ดีแล้ว)”จริงๆ “บุญ”ของศาสนาพุทธมีคุณค่ายิ่งแบบอุตุนิยาม “บุญ”เป็นคำเฉพาะที่พระพุทธเจ้าทรง“บัญญัติ”ขึ้นมาเรียก“พลังงานวิเศษ”ให้ใช้ ใน“จิตนิยาม” แต่ทุกวันนี้คนเอาไปใช้ผิดเอง “บุญ”เป็นภาษาไทย ที่มาจากบาลีคำว่า“ปุญญ” จากพยัญชนะ“ป” สระ“อุ” สะกดด้วยพลังงาน“อัญญะหรืออัญญา” “ป” คือ ภาวะที่เกิดขึ้นบ่งบอกทิศทางของ“ความเคลื่อนไหว”ไปข้างหน้า “ป”นี้จึงหมายถึง สภาพที่ดำเนินไปและดำเนินไปๆๆ ส่วนสระ“อุ” คือ เส้าที่ 3 ของ“สระคี่” ซึ่งมี“อะ,อิ,อุ” เป็น“พลังงานถึงขั้นครบรอบ 3 เส้า”ที่เกิดพลังงาน“วงวน”หมุนเป็น“ตัวตน(อัตตา=ISH)”เป็นสสาร-พลังงานขั้นหนึ่งแค่นั้น  ยังไม่ก้าวหน้าถึงขั้นเป็น“พีชนิยาม” ต้องเป็น“พีชนิยาม”ก่อนจึงจะเจริญขึ้นๆถึงขีด“จิตตะ”ได้แล้วพัฒนาขึ้นเป็น“จิตนิยาม”สระ“คี่(อะ,อิ,อุ)”คือ ความเด็ดเดี่ยว มีพลังเป็นของตนเอง เป็นเอกบุรุษ มีนัยสำคัญต่างกันกับความเป็นสระ“คู่(อา,อี,อู=อิตถีภาวะ)”ดังนั้น เมื่อเกิดอาการหรือพลังงานของ“สระ”คือ “อะ-อา-อิ” ก็เป็น“รอบหนึ่ง”ของ“3 สระ” มี“อิสระในตน”(เอาสระ“อิ”มาเรียก“3 สระ”นี้)  “อิ”คือ ตัวที่ 3 ของสระ ส่วน“ส”กับ“ร”จับตัวกันเกิด“วงวน”ก็เป็น“อัง(นิคหิต= 0) เมื่อมีพลังงานของ“วงวน(อัง,0)”ที่มี“สะ กับ ระ” ปรุงกันเป็น“วงวน”คือ สะกับระ เกิด“อัง(0)” “ว-ส-ห (3 เส้าเศษวรรค)”ก็จับเอา“สะ”มา  ส่วน“ย-ร-ล (3 เส้าเศษวรรค)”ก็เอา“ระ”มา“พลังงานวงวน”คือ “อัง”มี 3 เส้า(ส+ร+อัง) ก็เป็นตัวของตัวเองได้“วงหนึ่ง” หรือ “ตัวตนหนึ่ง”(เกิดเป็น..1.เธอ 2.เขา 3.ประธานผู้ควบคุม‘เธอ-เขา’(ประธาน=I, เธอ=S, เขา=H)”ได้ภาวะ(วงวน 3 เส้า)นั้นขึ้นมา มี“วงวนที่สมดุล”เป็น“เอก”ในตัวเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:51:20 )

ทฤษฎียิ่งใหญ่ที่ตอบปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้

รายละเอียด

ที่จริงแล้วมนุษยชาติ สุดยอดแห่งความเป็นมนุษย์ชาติ สุดยอดแห่งความเป็นสังคม สุดยอดแห่งความเป็นเศรษฐกิจ สุดยอดแห่งความเป็นการเมือง มันสุดยอดแล้ว ทุกวิชาการที่สัมพันธ์กับความเป็นมนุษยชาติ  

รวมแล้วสามเส้าใหญ่ๆ นี้ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ก็รู้กันทั่วโลก นักสังคมวิทยา นักประชาธิปไตย นักคอมมิวนิสต์ รู้กันทั้งนั้น มันสุดยอดแล้ว 

เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญก็ตรงที่ว่า จะทำอย่างไรที่จะทำสิ่งสุดยอดนี้ได้ พระพุทธเจ้ามีสูตรแล้ว คือ จรณะ 15 วิชชา 8 นี่คือสูตรสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ วิชชาจะระณะสัมปันโน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์บรรลุวิชชาจะระณะ เรียกว่าวิชชาจะระณะสมบัติ นี่สุดยอดยิ่งใหญ่ที่สุด 

เพราะฉะนั้นถ้าโลกทั้งโลกเข้าใจว่านี่คือ ทฤษฎียิ่งใหญ่ที่สุด คือ จรณะ 15 วิชชา 8 ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่นักรัฐศาสตร์ก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ก็ดี นักสังคมศาสตร์ก็ดี จะต้องรู้ว่า โอ้โห! ไม่มีทฤษฎีไหนที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว เป็นผู้หมดตัวตน หมดกิเลสเพื่อมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นประชาธิปไตย จะเป็นสังคมนิยม จะเป็นคอมมิวนิสต์ ก็ต้องการทั้งนั้น นอกจากเผด็จการเท่านั้นที่ไม่ต้องการ เผด็จการนั้นมันคนตรงกันข้ามกันที่สุด แล้วก็แสวงหาความเป็นเผด็จการโดยพรางลวงกลบเกลื่อนว่าตัวเองไม่ได้เผด็จการ เช่น ประชาธิปไตยขาเดียว ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีของแต่ละชาติแต่ละประเทศ ที่เป็นอยู่นั้น นั่นแหละคือประชาธิปไตยลวงโลก ไม่ใช่ประชาธิปไตยจริง 

คอมมิวนิสต์ก็คือเผด็จการที่เป็นหมู่ เผด็จการที่เป็นกลุ่ม คณาธิปไตย ส่วนผู้ที่ไม่เป็นเผด็จการ ทั้งไม่เป็นเผด็จการหมู่ แต่ทุกคนเสมอภาคกัน ทุกคนมีอิสรเสรีภาพ นี่คือประชาธิปไตยแท้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเจ้าแห่งวิชารัฐศาสตร์ วิชาเศรษฐกิจ วิชาสังคมศาสตร์ สุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:24:03 )

ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

รายละเอียด

"สูตร" ที่ไม่มีใครล้มล้างได้นิรันดร ที่ละเอียดยิ่งกว่า "อรูป" ทางฟิสิกส์ใดๆ และละเอียดยิ่งกว่าความรู้ "นามธรรม" ใดๆอื่นหมด

@คนจริตสาย "ศรัทธา" นั้นพระพุทธเจ้าจำเป็นต้องระบุเป็นเงื่อนไขให้ "ศรัทธานุสารี" ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วย "กาย"

@คนจริตสาย "ปัญญา" พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องระบุว่าให้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วย "กาย" เพราะสายปัญญานั้นเมื่อ"สัมมาทิฏฐิ"แล้ว ก็ปฏิบัติ "โพธิปักขิยธรรม 37" ไปได้ "โลกุตระ" ตั้งแต่ปฏิบัติ "กายในกาย" ได้ผล

คำว่า "กาย" จึงต้องมี "รูปทั้ง 28" "มหาภูตรูป 4" ต้องมีสัมผัสอยู่เสมอในการปฏิบัติ จึงจะเรียนรู้ "อุปาทายรูป 24" ทั้งหลายได้ครบ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป 140-142


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2562 ( 18:28:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:48:44 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 06:39:37 )

ทฤษฎีสุดยอด “กรรม” กับ “กาล” เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต!

รายละเอียด

“ทฤษฎีวิเศษ”สุดยอดของศาสนาพุทธจึงได้แก่ “กรรม”กับ “กาล”ที่เป็นอยู่ใน“ปัจจุบันแห่งการต่อเนื่องกันไป” Karm and Time of Continuum ที่ต่อยอดจาก Space and Time of Continuum ของ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์  จึงเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งสามารถเรียนรู้“ความจริงตามความเป็จริง”ที่“สัมผัส”อยู่โต้งๆชัดๆ อันพิสูจน์ได้ด้วย“กรรม”กับ“กาล”นี่เอง“กรรม”กับ“กาล”นี้ก็เป็น“เทฺว”คือ “ภาวะ 2”แน่นอน ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดที่สามารถสัมผัส“ความจริงอันปรากฏจริง”ให้เราพิสูจน์ได้ทั้ง 2 ภาวะ ทั้งในความเป็น“โลก” และทั้งในความเป็น“อัตตา”  ในเอกภพมหาจักรวาล เท่าที่มนุษย์จะพึงสามารถหยั่งถึงได้

ที่มา ที่ไป

 

 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 472 ข้อที่ 658


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2565 ( 14:42:59 )

ทฤษฎีหลักทางเศรษฐกิจของในหลวง ร.9 คืออะไร

รายละเอียด

ในเรื่องเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ เราก็นำเสนอตลอดเวลาให้เข้าใจทฤษฎีหลักของในหลวงเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา และก็มาแบบคนจน คือเราก็มีพอสมควรแจกจ่ายได้ไม่ต้องไปรวยมากมาย กักตุน คนอื่นก็ไม่ได้ กลายเป็นเรื่องเดือดร้อนของสังคมอย่างนั้นเราไม่ทำ มันเดือดร้อนคนในสังคมและมนุษยชาติ เราก็ไม่ทำจริงๆ เราก็ทำอย่างที่เราเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:13:46 )

ทฤษฎีเอกของมนุษย์โลก

รายละเอียด

นี่คือ สัจจะที่ต้องพิสูจน์ให้สำเร็จแล้วยืนยันต่อโลก แล้วสังคมโลกก็จะเข้าใจได้ ก็จะเป็นอยู่สุขกันทั้งโลก แต่ทุกวันนี้..ยัง อาตมาถือว่าประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งของโลกประเทศไม่ใหญ่ประเทศเล็กๆ ทั้งเสนาสนะคือพื้นที่ ก็ไม่ได้ใหญ่ เทียบเคียงกับโลกทั้งโลก ประเทศอื่นที่เขาใหญ่กว่า แอฟริกาตะวันออกกลางมีพื้นที่ใหญ่โตแม้แต่อเมริกาก็มีพื้นที่มหาศาล ไทยมีอยู่ส่วนหนึ่งในเอเชีย ส่วนหนึ่งในอินโดจีนนี้นิดน้อย มันก็แค่นี้เอง แต่มันมีพฤติกรรมของมนุษยชาติ อาตมาว่า ที่เป็นไปได้ก็เพราะเรามีพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เรามีทฤษฎีของมนุษย์โลก ซึ่งอาตมาก็สรุปให้ฟังไม่รู้กี่ทีแล้วว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงศึกษาอะไรยิ่งใหญ่ ท่านศึกษาความเป็นมนุษย์ชาติและสังคม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด วิชาการนอกจากนั้นท่านก็ศึกษา วิชาในยุคของท่านมี 18 วิชาในตักศิลาท่านศึกษาจบหมด ได้เกียรตินิยมทั้งนั้น เสร็จแล้วท่านทิ้งหมดเลย 18 วิชา มาเอาวิชามนุษยชาติวิชาเดียว ตลอดพระชนม์ชีพเลย นอกนั้นใครจะเอาไปทำก็ทำไป ท่านไม่ไปแข่ง ไม่ได้ไปเอา ไม่ได้ไปแวะเวียน มาเอาอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน สาธารณโภคี สิ่งมหามหัศจรรย์สูงสุดของมวลมนุษยชาติ


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:21:32 )

ทฤษฏีของพุทธต้องศึกษาแล้วปฏิบัติจึงพบความมหัศจรรย์

รายละเอียด

จะว่าถูกก็ถูก คำพูดการสอนเป็นทฤษฎีเป็นบัญญัติเป็นพยัญชนะทั้งหมด คนไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้อะไร ก็ถูกอีกถ้าคนฟังแล้วไม่เอาไปปฏิบัติ 

เช่น ศีล สอนถูกต้องตามทฤษฎี เมื่อมีศีลแล้วคุณก็ต้องปฏิบัติ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ มีศีลแล้วก็สำรวมอินทรีย์ มีความตื่นจากกิเลส มี สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์  

ต้องมีสัมผัสกับเครื่องกิน เครื่องใช้นี่แหละ อย่างสายหลับตาอย่างมหาบัว เขากินหมากกินพลู กิเลสหนาหยาบขนาดไหนก็ติดมันเฉย แล้วก็ไปสอนหลับตา ปึ๊งๆปั๊งๆ อะไรไป พูดไป มีบาปมีบุญ ธรรมะพระพุทธเจ้ามีการตรัสรู้สิ่งวิเศษ พูดไปน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงไป 

อาตมาเปิดโทรทัศน์เจอมหาบัวเมื่อไหร่ก็พยายามตั้งใจฟัง โอ้.. น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงจริงๆ ไม่มีปรมัตถ์อะไรเลย มีแต่ทำใจในใจของเขาเหมือนกัน แต่มันไม่มีเรื่องของจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่มีเรื่องของเวทนาในเวทนา เวทนา 108 ไม่มี ไม่รู้รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่รู้เรื่องเลย ไม่พูดถึงเลย 

มันน่าสงสารคนที่นั่งหลับตา อาตมาพูดจนกระทั่งหมดเหมือนกันนะ อาตมากับพระพุทธเจ้านี้ต่างกัน พระพุทธเจ้าตีทิ้งพวกนั่งหลับตาไม่ได้ พระนั่งหลับตากันหมดทั้งนั้นเต็มป่า มันหลงผิดกันหมด ถ้าตีทิ้งก็ไม่เหลือใครเลย แล้วพระพุทธเจ้าจะสอนใคร แต่อาตมาไม่ พระพุทธเจ้าจัดการถูกต้องหมดแล้วอาตมาก็ตีทิ้ง ตีทิ้งก็ยังมีคนเหลืออย่างพวกคุณ เข้าใจ พวกที่อยู่กึ่งๆ ก็จะเข้าใจมากเพิ่มขึ้น 

พวกที่ยึดมั่นถือมั่นในการนั่งหลับตาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเป็นพญานาคเฝ้าถาดทองคำพระพุทธเจ้ามาชั่วนานนับกัปกาลก็แล้วไปเถอะ พวกนี้เอาหอกแทงเช้ากลางวันเย็นอย่างละ 100 เล่มก็เฉย ฟันไม่เข้าแทงไม่ออก ไม่ใช่ยิงไม่ออก อยู่อย่างนั้นแหละ คือ ยึดมั่นถือมั่นอย่างไม่ยอมเปิดจิตเปิดใจอีกแล้ว ก็สุดวิสัยที่จะไปช่วยได้ ก็ต้องให้เต่าให้ปลากินไป ไม่รู้จะทำอย่างไร 

ทีนี้ ถ้าเผื่อว่าคุณ9706 พูดว่าคำพูดคำสอนจัดเป็นทฤษฎีทั้งหมด ถ้าคนฟังไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้อะไร หมายความว่า อาตมาสอนไปนี่ เป็นทฤษฎี ที่อาตมาพูด แน่นอนก็ไม่ได้อะไร แต่คุณปฏิบัติกันหรือเปล่า ... ปฏิบัติ 

ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 เข้าใจ ปฏิบัติถูกต้อง จึงเกิดผลเป็นที่มหัศจรรย์ พูดได้เลยว่าเป็นความมหัศจรรย์ เกิดผลมหัศจรรย์ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 11:11:15 )

ทฤษฏีทุนใหม่ 5 ประการ

รายละเอียด

ทฤษฏีทุนใหม่ 5 ประการ (5K’s New) เป็นทุนที่สำคัญสำหรับทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์ ประกอบด้วย

  1. Knowledge Capital ทุนทางความรู้ คือ ทุนในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เจาะลึกความรู้ทั่วไปภายใต้มิติเดียว ไปสู่การรอบรู้อย่างลึกซึ้งในหลากหลายมิติ
  2. Creativity Capital ทุนทางความคิดสร้างสรรค์ คือ ทุนในการคิดดัดแปลง คิดประยุกต์ใช้ คิดขึ้นใหม่ และคิดพัฒนาโดยมุ่งให้เกิดความเจริญในทางบวก
  3. Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม คือ ทุนในการพัฒนาต่อยอดจากของเดิมไปสู่สิ่งใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น
  4. Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม คือ ทุนในการเรียนรู้ ค่านิยม แนวคิดหรือความเชื่อของคนที่เราติดต่อสัมพันธ์ด้วยเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงความคิดของบุคคลนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง
  5. Emotional Capital ทุนทางอารมณ์ คือ การบริหารจัดการ EQ ซึ่งจะส่งผลถึงทุนในด้านต่างๆ ให้พัฒนาไปอย่างยั่งยืน         หมายเหตุ : Kapital ภาษาเยอรมัน แปลว่า “ทุน”

ที่มา ที่ไป

560416_รายการสงครามสังคมธรรมะการเมือง 


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 03:27:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:16:40 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 06:39:59 )

ทลิทโธคือคนจนที่มีวรรณะ 9

รายละเอียด

คำว่า เสฏฐะ เสฏโฐ เศรษฐี ไม่เป็นกระฎุมพี เป็นทลิทโธ มาเป็นคนจน ถ้าเป็นคนจนก็เข้าหลักวรรณะ 9 ตั้งแต่เลี้ยงง่าย กินข้าวกินน้ำเหมือนหมูเอาอาหารมาวางเรียงกันไป วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) มักคือชอบ มีมากแต่เอาไว้น้อยๆ ยังมีอยู่นะ อัปปิจฉะคือยังมีอยู่ แต่ถ้าไปถึงอปจยะ คือไม่สะสม ตัวสุดท้ายยอดขยัน ปรารภความเพียร แต่ของตัวเองไม่สะสมอะไรเลย ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)กายกรรมวจีกรรมน่าเลื่อมใสไม่สะสมยิ่งน่าเลื่อมใส

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:32:29 )

ทวนกระแสชรตาด้วยโพชฌงค์ 7

รายละเอียด

อาตมาก็ยิ่งทำงานศาสนาพระพุทธเจ้า ยิ่ง แหม สัจจะอย่างหนึ่งคือความเสื่อม ความ ชรตา มันจริงๆเหมือนกัน อาตมาก็พยายามทวนกระแส ชรตา ไม่ให้มันถดถอย ไม่ให้มันตายง่ายๆว่าอย่างนั้นเถอะ แล้วก็พยายาม ใช้อิทธิบาทอันนี้ สร้างพลังงานอิทธิบาทให้เกิด coefficient พยายามโดยใช้โพชฌงค์อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา คือท่านตรัสว่าใช้โพชฌงค์ 7 ซึ่งเขาบอกว่าไปท่องโพชฌงค์ 7 ให้คนฟังแล้วจะหายป่วยอายุยืน 

คำว่าโพชฌงค์ ความหมายไม่ได้พาซื่อเป็นฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ พอได้ฟังก็เหมือนคาถาอาคมเลยไม่ใช่ แต่มันเป็นเรื่องของความรู้ ความเข้าใจ เป็นเรื่องของการเข้าใจอย่างแท้จริง แล้วปฏิบัติตามโพชฌงค์ ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้านี้เถอะ ซึ่งมันมีนัยยะสำคัญรายละเอียดลึกถึงความหมาย ไม่ว่าจะเป็นเริ่มต้นด้วย สติ ธรรมวิจัย วิริยะ แล้วจะเกิด ปีติ ปัสสัทธิเกิดสมาธิ เกิดอุเบกขา ก็ตาม ขยายเป็น โพธิปักขิยธรรม 37 แล้วมันยิ่งจริงที่สุดเลย ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาก็ใช้ธรรมะพระพุทธเจ้าพากเพียรพิสูจน์มาจนถึงทุกวันนี้ เลยมาได้ถึงอายุ 87 แล้วนี่ก็ยังเห็นความจริงดีว่าเป็นไปได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 18:38:29 )

ทวนปฏิจจสมุปบาท 3 เส้าแรก

รายละเอียด

เรามาทวน ปฏิจจสมุปบาท ส่วนอดีต อนาคต ก็คงจะเข้าใจแล้วนะ จะต้องเก่งทำส่วนอดีตให้เป็น 0 สั่งสมตกผลึกเป็น 0 เป็นแท่นแห่งพลังงาน เป็นแท่นแห่งพลังงานสูงที่มีประสิทธิภาพสูงส่ง

ปฏิจจสมุปบาทอาตมาก็พยายามอธิบาย โดยจับทีละ 3 เส้า

3 เส้าแรก อวิชชา สังขาร วิญญาณ 

ตราบใดที่คุณยังอวิชชา คุณก็ไม่รู้สังขาร ไม่รู้วิญญาณ 

สังขารคือสภาพแรงเคลื่อน วิญญาณคือสภาพตัวตั้ง Static สังขารคือสภาพปรุงแต่งกันอยู่ตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป เป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 เท่าไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณไม่เข้าใจ เอาจริงๆเป็นตัวเลขแล้ว วิญญาณเป็น 1 สังขารเป็น 2 อวิชชาเป็น 0 หรือโง่สุด 

ถ้าอวิชชาไม่ใช่ 0 แต่ปัญญาเป็นปัญญาฉลาดสุด อวิชชาไม่เป็นปัญญาก็คือโง่ ก็ 0 ไม่รู้เรื่องอะไร

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานี


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:35:34 )

ทวนปัญญาข้อที่ 1

รายละเอียด

ทวนปัญญา 8 ประการ

ตั้งแต่ข้อที่ 1 จะต้องยืนยันเลยว่า ความรู้โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านี้ ไม่มีใครสามารถที่จะเอามาประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ถ้าไม่ใช่มาจากต้นตอคือพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เมื่อมีพระพุทธเจ้าประกาศขึ้น มีผู้รับรู้สืบทอดไป จะตายข้ามชาติก็ตาม ผู้ที่มีของจริงนี้แล้วได้ของจริงนี้ที่ตัวเป็นปัจเจกเป็นปัจจัตตังเป็น สยังอภิญญา ยิ่งเกิดได้ถึงเป็นของตนเป็นสยังอภิญญา ถึงจะเป็นนิยตโพธิสัตว์ ถึงจะเป็นผู้สืบทอดที่เที่ยงแท้ถึงขั้นที่ 7 ขั้นที่ 6 ยังไม่รับรองเต็มที่ แต่ถ้าขั้นที่ 7 นี้ของแท้ 

ปัญญาข้อที่ 1 คือผู้ได้รับความรู้จากพระพุทธเจ้าแล้ว หรือผู้มีสัมมาทิฏฐิอยู่ในฐานะครูเป็นสัตบุรุษ เป็นต้น  หรือเป็นผู้มีสัมมาทิฐิของพระพุทธเจ้าบรรยายพูด แม้กระทั่งยังไม่บรรลุทีเดียว แต่ก็ยังยาก ไว้ใจยาก แต่ก็มีได้เหมือนกัน ใช่ไหม ผู้ที่อ่านตามตำราไม่ผิดเพี้ยนเลยซื่อสัตย์เลยก็จะได้ เท่าที่ภูมิของตัวเองมี ส่วนมากจะไม่สามารถวินิจฉัยได้ เอามาอธิบายเป็นอาจาริยวาทเยอะ เป็นการทำให้ศาสนาเสื่อมไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 20:44:05 )

ทวนปัญญาข้อที่ 2

รายละเอียด

ปัญญาข้อที่ 2 เราก็จะต้องขมีขมันไต่ถามศึกษา แต่อย่าไปจู้จี้จุกจิกมากเกินไป ท่านก็บอกว่าเป็นไปตามควร ฝึกฝนศึกษาใส่ใจอยู่อย่างพอเหมาะพอดี เราก็จะได้คลายสงสัย บรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการ ท่านก็จะบรรเทาให้เรา เราก็จะเจริญด้วยความรู้แม้จะเริ่มด้วยปริยัติและเอาไปปฏิบัติ แล้วจะเกิดผลของตนเอง เมื่อเกิดผลของตัวเองได้กิเลสก็สงบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 20:48:14 )

ทวัตติงสาการ

รายละเอียด

อาการ 32

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 289


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:43 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:03:25 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 06:40:21 )

ทวัตติงสาการ

รายละเอียด

คือ อาการ 32

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 240


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:57:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:12 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:04:52 )

ทวัตติงสาการอาการ 32

รายละเอียด

สมองไม่ได้สั่งจิตใจ จิตใจคนอาศัยสมองเป็นเครื่องทำงาน เป็นสรีระ ทวัตติงสาการ อาการ 32 สมองก็เป็นหนึ่งในทวัตติงสาการ มีอาการทำงาน จนกว่าจะไม่มีชีวะ ร่างกายก็จะขับออก สิ่งที่ไม่มีชีวิตในร่างกาย อาการ 32ไม่ว่าจะเป็นตับไตไส้พุงแม้กระทั่งน้ำเสลดขี้อ่อนขี้แก่ จนกระทั่งถึงเลือดน้ำเหลืองอะไรต่างๆ อย่างผู้หญิงมีเลือดที่จะเป็นไข่ ที่จะเกิดเป็นคน เกิดเป็นชีวิต แต่เมื่อชีวิต เลือดที่เป็นก้อนไข่มันเสีย ไม่ได้รับการผสมมันหมดอายุมันเสียมันก็จะขับออก ก็จะกลายเป็นของเสีย จะมากับสิ่งที่เลี้ยงคือเลือดด้วย ก็ไหลออกเป็นเลือดระดู ที่เป็นอุตุแล้ว ในพจนานุกรมภาษาบาลีแปลคำว่าอุตุว่า เลือดระดูด้วย ไม่เป็นพีชะไม่เป็นชีวะด้วยเกิดเป็นดินน้ำไฟลม เลือดระดูของผู้หญิงจึงเรียกว่าเป็นอุตุอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:49:55 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:06 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:04:26 )

ทวาร 6

รายละเอียด

ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 98


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:17 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:04:02 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:02:50 )

ทวิชาติ 

รายละเอียด

เจริญธรรม วันนี้ก็วันสำคัญคือวันที่ 7 ตรงกับวันจันทร์ เราเอาเลข 7 เป็นเลขกำหนด เลข 7 คือวันบวช ของหลวงปู่ บวชมาแล้ว 52 ปี ปีนี้ปีที่ 53 ขึ้นเลข 7 วันที่ 7 ก็เป็นวันแรก คือวันบวชวันนี้ 7 พฤศจิกายน 2513 บวชมาแล้ว ปีนี้ 2565 13 - 65 ก็เหลือ 52 ก็เต็ม 52 ขึ้น 53 วันที่ 7 ครบรอบวันเกิดของการบวช ก็เป็นการเกิดใหม่อีกชนิดหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงความเกิด 2 ชนิดที่เรียกว่า

เกิดอย่างที่เป็นรูปร่างกายสรีระออกมาจากท้องพ่อท้องแม่นั้นอย่างหนึ่ง แล้วมาเกิดทางจิตวิญญาณ ได้รับการคลอดจากภาวะ 2 

ภาวะ 2 ที่ถ้าเป็นตัวตนบุคคลก็ถือว่าพระพุทธเจ้ากับธรรมวินัย 2 อย่าง ทำให้มีการเกิดมา ถ้าเผื่อว่าเอาเป็นปรมัตถ์นามธรรมทำให้เราเกิด ก็คือ ศีลกับปัญญาทำให้เราเกิด 

เมื่อเราเกิดมาได้ทั้ง 2 ชนิด ก็สมบูรณ์แบบ ถ้าได้เกิดแค่ร่างกาย สรีระเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้เกิดทางจิต ศีลก็ไม่มี ปัญญาก็ไม่มี จะมาร่วมช่วยกันให้เกิดก็ไม่มีพ่อมีแม่ 

ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ อย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่ได้เกิด เพราะฉะนั้น ชีวิตของจิตวิญญาณเรียกว่าสัตว์โอปปาติกะ ในสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อ พ่อมี แม่มี สัตว์โอปปาติกะมี ก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้ 

ถ้าอธิบายเรื่องสัตว์ทางจิตวิญญาณก็เป็นสัตตาวาส 9 เป็นสัตว์ ไม่ได้เกิดมาเป็นอาริยะ ไม่ได้เกิดมาเป็นคน เป็นมนุสโส เป็นผู้ที่มีจิตสูงจิตฉลาด จนกระทั่งบรรลุสูงสุดในความเป็น มนุสโส มีอุตริมนุสธรรม มีธรรมะอันวิเศษ สามารถรู้ความจริงแจ่มแจ้งในจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้ได้ครบบริบูรณ์ มีนิพพานเป็นอรหันต์ ก็ยังไม่ได้เกิดทางจิตวิญญาณกันบริบูรณ์

พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องการเกิด 2 ชนิดที่เรียกว่าทวิชาติ ทวิแปลว่าสอง เทวะ 2 ชนิด คำว่าเทวะ จึงเป็นคำที่หยิบออกมาเพื่อที่จะสมมุติ เป็นบัญญัติที่ทำให้เข้าใจสภาพทุกอย่าง 

อาตมามาถึงวันนี้แล้วเห็นคำว่า เทวะ พยัญชนะคำนี้ มันกินความถึงสภาพคู่ สภาพ 2 ภาวะ 2 ทั้งใดทั้งสิ้น ทั้งใดทั้งหมด แล้วก็เอามาเทียบกัน แล้วเอาอันใดเป็นเอกอันใด เป็นรองมาเทียบกันทุกคู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:08:13 )

ทศพิธราชธรรม 10

รายละเอียด

ทศพิธราชธรรม 10 คือคุณธรรม 10 ประการของผู้ปกครองบ้านเมือง

1. ทาน (การแบ่งปันให้)

2. ศีล (การไม่ทำชั่วทางกาย วาจา ใจ)

3. ปริจจาคะ (การสละออกเต็มที่ ไม่สะสม, การบริจาค)

4. อาชชวะ (ความซื่อตรง)

5. มัททวะ (ความอ่อนโยน)

6. ตปะ (ความเพียรเผากิเลส)

7. อักโกธะ (ความไม่โกรธ)

8. อวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน)

9. ขันติ (ความอดทน)

10. อวิโรธนะ (ความไม่ประพฤติผิดธรรม, ความเที่ยงธรรม ไม่คลาดธรรม)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 28 “มหาหังสชาดก” ข้อ 240

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:29:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:52 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:03:15 )

ทศพิธราชธรรม 10

รายละเอียด

คือคุณธรรม 10 ประการของผู้ปกครองบ้านเมือง

1. ทาน (การแบ่งปันให้)

2. ศีล (การไม่ทําชั่วทางกาย วาจา ใจ)

3. ปริจจาคะ (การสละรอบไม่สะสม)

4. อาชชวะ (ความซื่อตรง)

5. มัททวะ (ความอ่อนโยน)

6. ตปะ (ความเพียรเผากิเลส)

7. อักโกธะ (ความไม่โกรธ)

8. อวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน)

9. ขันติ (ความอดทน)

10. อวิโรธนะ (ความไม่ประพฤติผิดธรรม)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 28 “มหาหังสชาดก” ข้อ 240


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 03:05:09 )

ทศพิธราชธรรม  

รายละเอียด

ทศพิธราชธรรม  

1. ทาน (การให้) .

2. ศีล (ความประพฤติดีงาม)

3. ปริจจาคะ (การบริจาค)

4. อาชชวะ (ความซื่อตรง)

5. มัททวะ (ความอ่อนโยน)

6. ตปะ (การเพ่งเผากิเลส) 

7. อักโกธะ (ความไม่โกรธ) 

8. อวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน) 

9. ขันติ (ความอดทน) 

10. อวิโรธนะ (ความเที่ยงธรรม ไม่คลาดธรรม) 

(พตปฎ. เล่ม 28 ข้อ 240)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 19:05:32 )

ทศพิธราชธรรม ข้อ 1 และข้อ 2

รายละเอียด

ทศพิธราชธรรม 

2. ทาน (การให้

คุณสังเกตมั้ยว่า สังคมที่มีทศพิธ ไม่ใช่ของราชะ แต่เป็นของพลเมือง เช่นชาวอโศก มีทานไหม มีทานอย่างยิ่งด้วย ทานให้ จิตใจให้เสียสละสร้างสรร 

2. ศีล (ความประพฤติดีงาม) เป็นสังคมที่มีศีล ชาวอโศกมีกฎพื้นฐาน 3 ข้อต้องมีศีลอย่างน้อย ศีล 5 ไม่กินเนื้อสัตว์ไม่มีอบายมุขอย่างนี้เป็นต้น เป็นสังคมที่มีศีล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2565 ( 12:16:18 )

ทศพิธราชธรรมของในหลวงร.9

รายละเอียด

เมืองไทยเรา มีพระเจ้าแผ่นดิน มีทศพิธราชธรรมที่แท้จริง 70 พรรษาก็ได้แสดงออกเต็มที่ อาตมามีข้อมูลน้อยๆข้อมูลหนึ่งว่า ตอนที่ต้องไปพำนักที่ศิริราช ทอดพระเนตรมาทางพระแกลที่โรงพยาบาลศิริราช ท่านก็รำพึง ว่า เราไปทำอะไรให้เขาหนอ เขาถึงมาทำอะไรกับเราถึงขนาดนี้เพียงนี้ เราไปทำอะไรให้เขา ให้เขาลำบากให้เขาโกรธ แต่ท่านไม่ได้ว่ายาวอย่างนี้หรอก มีคนว่าอย่างนี้ ไปได้ฟังท่านรำพึง มาอย่างไรก็ไม่รู้ 

ท่านก็คงจะทรงไปเปรยกับใคร ก็เลยมีเล็ดลอดออกมา อาตมาก็ไม่ได้เพ้อไป ไม่ได้ปั้นเรื่องสร้างเรื่องขึ้นมาว่าได้ยินอย่างนั้นจริงๆ 

แต่ถึงอย่างไรก็ผ่านพ้นไปแล้ว 70 ปี ที่เห็นพระจริยวัตรของท่าน คนทั้งโลกได้เห็นได้รู้ วันนี้ก็ลองมาคุยกันดู อาจารย์ยักษ์นี้ได้อยู่ใกล้ชิด พระองค์มาไม่ใช่น้อย ก็จะได้รู้พระจริยวัตรต่างๆมาเล่าสู่กันฟัง ยืนยันสู่กันฟัง ว่ามีอะไรที่น่าจะได้มาเปิดเผยอธิบายในนัยยะละเอียด เท่าที่ท่านจะมีพระกิริยาจริงๆ ที่อาจารย์ยักษ์ก็คงจะได้รู้จริงๆ ส่วนอาตมาก็จะได้ขยายความพระกิริยานั้นๆว่า นี่มันหมายถึงธรรมะอะไร โดยเฉพาะธรรมะที่ท่านมี ธรรมะที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านมีแล้วท่านแสดงออก มันเป็นโลกุตรธรรม คนไม่ค่อยรู้ คนไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้โดยปฏิภาณสามัญสำนึกว่า มันของดีทั้งนั้น ของเจริญทั้งนั้น เป็นโลกุตระนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 21:18:44 )

ทศพิธราชธรรมเป็นหลักของสังคมมนุษยชาติ

รายละเอียด

ประชาธิปไตยสองขา มีพระมหากษัตริย์ มีการสืบสันตติวงศ์ ผู้ที่จะมาเป็นพระมหากษัตริย์นั้นจะต้องสืบสันตติวงศ์กษัตริย์ต้องเป็นคนดี มีกฎมณเฑียรบาลรองรับให้อยู่ในกรอบนี้ให้ได้ ถ้าหากว่าอยู่ในกฎมณเฑียรบาล ก็เป็นกษัตริย์ที่ไม่ดี อย่างที่เคยมีกัน มันก็ไปไม่รอด มันก็เป็นสัจจะ ถึงบอกว่า มันมีกรอบของมนุษยชาติอยู่แล้ว อย่างน้อยสืบทอดมาตลอดสาย มาถึงยุคนี้ เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เพราะได้สืบทอดทางจิตวิญญาณมาอยู่ในกรอบ ทศพิธราชธรรม เป็นหลักของสังคมมนุษยชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:49:55 )

ทศพิธราษฎรธรรม

รายละเอียด

มาเข้าสู่คำว่า การเมือง เศรษฐกิจเราพูดแล้วว่าพวกเรามีเศรษฐกิจสูงสุดเสียภาษี 100% มันมีรายละเอียดอีกเยอะเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ แต่เอาแค่นี้ก่อน ทีนี้การเมืองหรือรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นความรู้ ศาสตร์นี่คือความรู้ ความรู้ที่ทำให้พลเมืองมาทำงาน การเมืองคือการงาน ให้พลเมืองมีการมาทำงาน ทำงานอย่างที่มีทศพิธ ทำงานอย่างมีคุณธรรมนั่นแหละ 10 ข้อเป็นข้อสำคัญเอาไปตรวจสอบเถอะ ถ้าคุณมีครบนั่นแหละ คุณเป็นพระอรหันต์แน่นอน คุณมีครบ 10 ข้อ ทศพิธ ไม่ต้องบอก ว่าเป็นของราชะเท่านั้น แต่เป็นของราษฎร ราษฎรทศพิธด้วย เอาสภาวะ เอาเนื้อหา ถ้าสังคมใดมีทศพิธราษฎรธรรม จริงๆเลย มีทาน ศีล ปริจาคะ อาชชวะ มัธวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2565 ( 12:01:36 )

ทศพิศราชธรรม

รายละเอียด

1.     ทาน (การให้) เป็นเรื่องสามัญคนทุกคนรู้ แต่ว่าถ้าปริจาคะจะลึกกว่า

2.     ศีล (ความประพฤติดีงาม)

3.     ปริจาคะ (การบริจาค)

4.     อาชชวะ (ความซื่อตรง)

5.     มัททวะ (ความอ่อนโยน)

6.     ตปะ (การเพ่งเผากิเลส)

7.     อักโกธะ (ความไม่โกรธ)

8.     อวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน)

9.     ขันติ (ความอดทน)

10.   อวิโรธนะ (ความเที่ยงธรรม ไม่คลาดธรรม)

(พตปฎ. เล่ม 28   ข้อ 240)

ที่มา ที่ไป

560905 พระไตรปิฎก เล่ม 28   ข้อ 240


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2563 ( 13:46:22 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:37 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 06:42:27 )

ทส

รายละเอียด

เข้าใจได้ อันเป็นที่มาของคำว่า “โทสะ”

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 43


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:33:08 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:04:40 )

ทหระ

รายละเอียด

 คือ ผู้แข็งแรง

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:42:27 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:55 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:09:22 )

ทหารเก่ามี seniority แข็งมาก

รายละเอียด

พูดไป อาตมาก็เห็นใจนายกตู่ ทหารเก่ามี seniority แข็งมากเลย ก็เลยเห็นใจไม่รู้จะทำอย่างไร ก็บ้าอวดโชว์อยู่ได้ เอาไปเรือนที่ 18 แล้ว (อดีต) ก็น่าจะมีปฏิภาณรู้ ขออภัยไม่ได้สอนบิ๊กป้อม

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:54:27 )

ทองคำเป็นวัตถุถือว่าเป็นหลักของการประกันมีราคาสูง

รายละเอียด

ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่าทองคำดีกว่าดอลลาร์แน่นอน ตอนนี้ อเมริกานั้นปั๊มดอลลาร์ออกมา ทองคำเป็นเครื่องประกันประเทศของคุณมีไหม เพราะทองคำถือว่าเป็นวัตถุถือว่าเป็นหลักของการประกันมีราคาสูงสุด ทุกประเทศทุกคนยอมรับกันหมดทั่ว ไปเอาอันอื่นก็ไม่ค่อยได้ เอาเพชร ก็ไม่ค่อยเที่ยง ทองคำจะมีราคาตลาดโลกเลย บาทละเท่าไหร่ที่ราคาเท่าไหร่ประเทศไหนก็ธนบัตรของแต่ละคนว่ากันไป ค่าเงินของแต่ละเจ้า ของอเมริกาเรียกดอลลาร์ของไทยเรียกว่า บาท ราคาทองนั้นมันจะตรงกันหมดทั่วโลกเลย เพราะฉะนั้นทองคำกับดอลลาร์นี้เทียบไม่ได้เลย อย่างอเมริกา เรียกเงินดอลล่า ประเทศไทยเรียกว่าเงินบาท เกาหลีเรียกว่าเงินวอนอย่างนี้เป็นต้น เดี๋ยวนี้ยังไม่ไว้ใจเลยว่าอเมริกามีทองคำเป็นหลักประกันดอลลาร์ของตัวเองหรือไม่ ที่ปั๊มเงินดอลลาร์ออกไปทั่วโลก จะเรียกว่าเขาเก่งที่ทำดอลล่าให้ตลาดโลกยอมรับค่าของเงินได้อยู่ทุกวันนี้ อาตมาว่าสักวันหนึ่ง จะไม่รู้วันไหนนะ ดอลลาร์คือเศษกระดาษ ถ้าจะเอาดอลล่าไปขึ้นอเมริกา อเมริกาจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนกับดอลลาร์คืน เป็นค่าที่จะเอาไปใช้ได้โดยเฉพาะทองคำ หรือ ทรัพยากรอื่น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:15:12 )

ทองคำแท้คือวรรณะและสาราณียธรรม 6

รายละเอียด

ทองคำแท้ของพวกเรานี้ สรุป…ดีแล้วที่เตือน พวกเรานี้ได้ทองคำแท้เป็นทองคำแท้แล้ว แท้จริงๆ มีวรรณะ 9 อยู่กันอย่างสาราณียธรรม 6 ก็ยืนยันประกาศให้ฟัง สาราณียธรรม 6 เศรษฐกิจทางด้านสาธารณโภคี ไม่มีโลกไหนทำได้ สังคมที่ทำได้คือสังคมพุทธแท้ ศาสนาพระพุทธเจ้าอยู่ในยุคที่มันทำไม่ได้หรอกเพราะว่าคนสมบูรณาญาสิทธิราชย์มันไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน มันเป็นสังคมทาสมันทำสาราณียธรรม 6 ไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าทำจนได้โดยตั้งธรรมนูญหลักเกณฑ์ขึ้นมา หลักเกณฑ์ของท่าน ใครมาปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ก็อยู่ในรีตของท่าน แล้วจะมีหมู่มวลนี้สาราณียธรรม 6 มาปฏิบัติตามศีลสมาธิปัญญา จะมีคุณสมบัติเป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นคนคลาสสิค เป็นคนชั้นสูง

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:14:43 )

ทองคำแพงอยู่ที่ชุมชนอโศกทุกแห่ง

รายละเอียด

สรุปแล้วสาราณียธรรม 6 เป็นสุดยอด อาตมาบรรลุผลในชาตินี้ที่เอาสัจธรรมพระพุทธเจ้ามาประกาศให้พวกเราศึกษาปฏิบัติเรียนรู้จนได้ผลสำเร็จในตัวเองเท่าที่ได้มีจำนวนประมาณนี้ ซึ่งมันยิ่งกว่าเอานิ้วจิ้มลงไปในแผ่นดินแล้วก็มีดินติดเล็บขึ้นมาเท่านี้แหละ เท่านี้ก็เอาได้เท่านี้ก็ดี ในสาราณียธรรมข้อที่ 4 3 ข้อแรกคือเมตตากายกรรมวจีกรรมมโนกรรม ส่วนข้อที่ 4 เป็นลาภโดยธรรม ลาภธัมมิกา คือแต่ละคนมีความสามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่เราทำได้เป็นสิทธิที่ได้สร้างขึ้นหรือเป็นมรดกมาก็แล้วแต่มันก็เป็นสิทธิของคุณ เอามาเข้ากองกลางไม่เอาไว้กับตัวเองสละออก ให้แก่กองกลางจนหมดตัวหมดตน ลาภธัมมิกา เป็นสาธารณโภคี แล้วมีชีวิตอยู่ด้วยหลักเกณฑ์ของศีลมีทิฏฐิที่เป็นสัมมา พระโสดาบันเสมอพระโสดาบันพระสกิทาคามีเสมอกับพระสกิทาคามี พระอนาคามีเสมอนาคา พระอรหันต์เสมอกับพระอรหันต์อยู่กันเป็นสุขอบอุ่น นี่แหละอาตอาตมาทำสำเร็จ  ทองคำแพง ได้แล้ว อยู่ที่ชุมชนชาวอโศกทุกแห่งเรียกว่าชุมชนโลกุตระ ชุมชนสาราณียธรรม 6 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:33:40 )

ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ

รายละเอียด

พวกเรามาเป็นคนจน จริงๆเรามาเป็นคนชนะ โลกนี้แพ้พวกเรา พวกเราเป็นคนจนโลกุตระ ชนะโลก เพราะฉะนั้น “ทองคำแพงแท้แพ้แรงคนจนโลกุตระ” ที่เป็นโศลกของเรา เข้าใจยากมากเลย ซับซ้อนมากเลยโศลกปีนี้ ทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ คำว่า ติ่ง คำว่าโลกุตระก็มึนแล้ว แล้วยังมีคำว่าทองคำแพงแท้ด้วยนะ แล้วมาแพ้แรงคนจน คนจนผู้ยิ่งใหญ่เหนือชั้น ชนะ คนจนจะไปชนะคนรวยเขาได้อย่างไร คนรวยนั่นมีทุกข์เยอะ คนจนนั้นมันไม่ทุกข์อะไรมากหรอก จนอย่างไม่มีสมบัติเลยใครจะมาปล้นเอาอะไร ใครเคยได้ยินนิทานที่เขามาปล้นคนจนไหม ปล้นเสร็จแล้วไม่มีอะไรจะให้เอาไปเลย จนต้องเอาอะไรของตนเองให้…ไว้ ทำไมเอ็งถึงจนขนาดนี้ เห็นว่าเขาไม่มีอะไรใช้สอยก็เลยควักของตัวเองให้ ได้ยินนิทานนี้ไหม ไปปล้นบ้านนี้นึกว่ารวย เพราะพวกนี้ขี่รถเบนซ์ แต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู ขี่รถเบนซ์อยู่ข้างนอกโอ้โห แต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู ไม่มีอะไรจะกินเลย พ่อโจรไปปล้นบ้านนี้นึกว่าคนคนรวยขี่รถเบนซ์ แต่เข้าไปในบ้านเจอแต่ใบทวงหนี้ ก็มันเบ่งอย่างนั้น ชีวิตอย่างนี้ไม่มีหนี้ได้อย่างไรออกมาจากบ้านทำเป็นเต๊ะขี่รถเบนซ์ โจรไปปล้นบ้านนึกว่าจะเจอธนบัตรเจอแต่ใบทวงหนี้ โจรก็เลยถอดนาฬิกาให้เอาให้ไปใช้หนี้น่าสังเวชใจ นิทานเรื่องนี้ เขียนเป็นนวนิยายเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวก็ได้ สร้างพล็อตเรื่องเขียนนิยาย สนุกนะ จบแล้วถึงเห็นว่าโอ้โห คนจนขี่รถเบนซ์อยู่ข้างนอกแต่เข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู เสร็จแล้วมีแต่ใบทวงหนี้กระดาษมาทุกวัน แล้วชีวิตมันจะอยู่อย่างไร เพราะคนเขาไม่รู้ ถ้าคนที่มาจน จนกระทั่ง 0 เป็น 0 สำเร็จทั้งโลกและอัตตา แล้วมีชีวิตอยู่เป็นหมู่ชนเป็นคณะ เป็นคณะอาริยชน เป็นคณะคนโลกุตระสบายเลยทุกคนไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์ ไม่ต้องยึดถือเป็นตัวกูของกูสบายอยู่กันอย่างวันต่อวันๆ ทำงานไปยิ้มแย้มสบายตื่นเช้ามาเจอกัน Hello Good Morning ต่างคนต่างเห็นหน้ากันแจ่มใสสบายสดชื่น เอามาช่วยกัน ใครมี Schedule อะไร ทำอะไรก่อนทำอะไรหลังดี ช่วยกันไป สบายอุดมสมบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:18:58 )

ทอดกฐินหาเงิน 

รายละเอียด

ที่อาตมาพูดนี้พูดสัจจะความจริง มันก็ขัดแย้งกับที่เขายึดถือ ซึ่งมันเสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ คนมันเสื่อมไปจากความถูกต้องไปเยอะ 

สรุป กฐิน ทุกวันนี้ ไม่ใช่ กฐินไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น เป็นกฐินที่อนุโลมอย่างเดียวก็คือ ให้คฤหบดีทอดได้ นำจีวรมาเลย เรียกว่าไตรจีวร 3 ผืน แล้วไตรจีวร 3 ผืนนี้ ได้ชุดเดียวนะ เอามาทอดวัดนี้ เมื่อทอดวัดนี้แล้ว พระมีหลายรูปนี่ ก็จะต้องมาประชุมกันเพื่อจะเห็นว่าใครเหมาะสมที่จะได้กฐินนี้ มาลงมติกันอย่างนี้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหยัด เป็นเรื่องมัธยัสถ์ เป็นเรื่องมักน้อย เป็นเรื่องที่ไม่เฟ้อไม่เกินไม่สุรุ่ยสุร่าย เดี๋ยวนี้มันเฟ้อ มันเกิน เอาไปเป็นกโลบายอย่างที่ว่า เป็นกลยุทธ์ เป็นมายากลที่หลอกลวงหาเงิน ทอดกฐินหาเงิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:05:53 )

ทอดผ้าป่าทอดกฐินบาปทั้งสิ้น

รายละเอียด

การทอดผ้าป่านั้นทุกวันนี้ได้บาป เพราะว่าผ้าป่า คือผ้าที่ไม่มีเจ้าของ เป็นผ้าบังสุกุล เขาทิ้งแล้วไม่มีราคา เดี๋ยวนี้ผ้าป่าก็เอาผ้าใหม่มา มีเจ้าของผ้านั้นด้วย ทำลายพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า การทอดกฐิน สมัยโบราณ สมัยพระพุทธเจ้าหาผ้าได้ยาก ก็เลยต้องทำสะดึงที่มีขนาดใหญ่ เอาผ้ามาต่อกัน เพราะเป็นผ้าบังสกุล เป็นผ้าที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นผ้าที่เขาทิ้งแล้วได้เป็นเศษเล็กเศษน้อยก็เอามาต่อกัน หรือผืนใหญ่ก็เอามาต่อกัน แต่เมื่อนางวิสาขาเข้าไปเห็นเข้าก็เลยสงสารภิกษุ ก็เลยขออนุญาตพระพุทธเจ้า ว่าให้ผู้ที่มีฐานะหาซื้อผ้าที่ดีเป็นไตรจีวรเอามาถวาย เอามาทอดให้แก่ภิกษุสงฆ์ แล้วสงฆ์ก็ไปกรานกฐินเอง จุดมุ่งหมายคือการหาผ้ามาให้พระนุ่งเพราะว่าผ้ามันไม่พอ แต่ยุคนี้ถ้ามันเหลือเฟือการทอดกฐินก็บาปไปอีกเพราะเป็นการผิดเพี้ยนวินัยของพระพุทธเจ้า ไปเป็นวิธีการหาเงิน แล้วพระที่หาเงินด้วยการทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินได้บาปด้วยกันทั้งสิ้น วินัยพระพุทธเจ้าเละ อาตมาตั้งแต่ทำงานศาสนามาตอนแรกก็พยายามจะทำตามให้ถูกประเพณีถูกพระธรรมวินัยแต่มันเป็นไปไม่ได้เลย ก็เลยเลิกประเพณีนั้น เพราะว่าผ้าเดี๋ยวนี้มันเหลือเฟือกองทิ้งเละเทะ ถึงไม่มีความจำเป็นในจุดนี้ ในยุคพระพุทธเจ้านั้นไม่มีอุตสาหกรรมทอผ้า ผ้าจึงมีน้อยไม่พอกินพอใช้จึงลำบาก แต่ในยุคนี้มันหมดสมัย เป็นกาละนี้ที่ไม่ใช่ยุคพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เลิกได้ไม่เสียหาย แต่ไม่เลิก เอาไปแปลงทำลายพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช  วันศุกร์ที่  10  มกราคม  2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 18:20:32 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:05:49 )

ทอดผ้าป่าเป็นบาปมหาศาลเลย เพราะอะไร

รายละเอียด

ขอแวะอีกนิดนึง ที่มันเลวร้ายอีกก็คือ ทอดผ้าป่านี่ก็บาปมหาศาลเลย เพราะอะไร เพราะผ้าป่านี้ทอดกันไม่มีวันไม่มีเวลาเลย รวมหัวกันจะทอดเมื่อไหร่ก็ทอด ได้เงินทั้งนั้น คือหาเงินจริงๆเลย ผ้าป่า ผ้าป่านี้ผิดไปตั้งแต่ต้นแล้ว คำว่า ผ้าป่าคือผ้าบังสุกุล ผ้าที่ไม่มีเจ้าเข้าเจ้าของ ผ้าที่คลุกขี้ฝุ่น ผ้าที่เขาทิ้งแล้ว ก็ต้องรู้ชัดเจนนะว่าผ้านี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของนะ ถ้ามีใครมายืนยันเป็นเจ้าของอยู่ก็ต้องคืนเขา เป็นอาบัติเลย ไม่ได้เลย ไปทอด 

จริงๆผ้าสมัยโบราณที่เป็นผ้าบังสุกุล มันคลุกขี้ฝุ่นจริงๆ สมัยต่อมาก็อีกแหละ เห็นว่ามันหายากน่าสงสาร คนนี้น่าจะได้ คหบดีที่มีทุนพออยากจะให้พระรูปนี้ได้อาศัยผ้าจีวรนี้ ก็เลยออกกุศโลบาย เอาผ้าไปพาดไว้ในทางเดินที่พระรูปนี้จะเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ ก็ไปพาดทิ้งไว้ พระรูปนี้ก็เดินผ่านไปผ่านมาก็เห็นผ้า แต่มันจะใหม่ๆพับเป็นผืนดี ผ่านไปผ่านมาวันแล้ววันเล่า ก็เห็นว่าเขาเอามาทิ้ง มันไม่มีเจ้าของแล้ว เขาเรียกอนิจจา อนิจจาวะตะสังขารา ก็เป็นพิธีการสมัยใหม่ ไปทำเป็นพิธีว่าเหมือนกับไปขอจากคนตาย ขอจากศพตายแล้วนะ นี่ผ้าบังสุกุล ผ้าจีวรศพ ขออนุญาตเอามาใช้นะ อะไรไป เป็นวิธีการแก้เขินแก้ขวยไป 

สรุปแล้ว ผ้าป่านี้ยิ่งเละใหญ่เลย ทอดกัน หาเงินได้ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร เป็นเรื่องหาเงิน สรุป มันบาปตรงที่มัน หาเงินแล้วก็มาเฟ้อ เป็นเรื่อง พระเลยถือโอกาสอันนี้เป็นเครื่องหากิน ..พระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงิน เสื่อม! .. พระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงิน เสื่อม!..ไม่ขยายความมากกว่านี้ เดี๋ยวมันจะแรงกว่านี้ พอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:10:22 )

ทะลุฝากำแพงภูเขาเหมือนเดินไปในที่ว่าง

รายละเอียด

ทะลุฝากำแพงภูเขาไปได้ไม่ติดขัด เหมือนเดินไปในที่ว่าง เขาก็แปลว่าหัวไปไชทะลุภูเขากำแพง มันจะเป็นไปได้อย่างไร 

คือ อบายมุข ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกีย์กองหนาแน่น เราก็เดินไปเหมือนเป็นที่ว่างไม่แปลก เพื่อนเราทำอะไรเราไม่ได้ อย่างนี้ทำให้เข้าใจไหม 

ท่านพุทธทาสจึงพูดว่าภาษาคนภาษาธรรม เขาไม่เข้าใจภาษาธรรม เขาเข้าใจแค่เป็นภาษาคนซื่อบื้อ เป๊ะๆไปหมด แต่ไม่เข้าใจภาษาธรรม

ทะลุสิ่งที่เป็นโลกีย์อบายมุขก็ดี ทุนนิยมหนาแน่นอะไรก็ตาม เราก็เดินอยู่รอก็ได้ตื่นเต้นเหมือนกับเดินไปที่ว่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:10:33 )

ทะเยอทะยานสร้างแต่กุศลโลกีย์เป็นเช่นไร

รายละเอียด

ที่จริงแล้วคนทั้งหลายแหล่น้อยกว่าน้อยนัก ที่ไม่ทะเยอทะยานอยากจะเป็นใหญ่มีอำนาจแบบนั้น น้อยกว่าน้อยนักที่จะไม่ทะเยอทะยาน เพราะฉะนั้นพวกที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะนี้ทะเยอทะยานอยู่ไม่รู้จบทั้งนั้น ชาติหน้าก็ลืมแล้ว ทะเยอทะยาน ถ้าผู้ที่ทะเยอทะยานสร้างกุศลไว้กุศลจะช่วยให้คุณทะเยอทะยานได้ เสร็จแล้วถ้าคุณสร้างกุศลได้อีก ชาติต่อไปคุณก็จะทะเยอทะยานได้ยิ่งกว่าเก่า ถ้าคุณสร้างอกุศล อกุศลจะทำให้คุณทะเยอทะยานไม่ออก มันเหน็ดเหนื่อย มันก็จะลดทอนกำลัง เพราะฉะนั้นคนที่สร้างอกุศล สร้างกุศลได้ไม่เก่ง ได้กุศลบ้างอกุศลบ้าง ไม่นานก็จะเบื่อ ไม่นานก็หาทางออก ถ้าทางออกอย่างโลกีย์ ก็ได้แต่สร้างกุศลอย่างเดียวกัน อย่างเดียวเท่านั้น ก็สร้างกุศล สูงสุดก็ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งในทางเทวนิยม เท่านั้นเอง เสร็จแล้วไม่เที่ยง คุณจะต้องวนเวียนกลับไปในวัฏสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:25:57 )

ทักขิณาวิสุทธิ 4

รายละเอียด

ทักขิณาวิสุทธิ 4(ความบริสุทธิ์แห่งทาน) purifications of offerings; purities in gifts  

1. ทักขิณาที่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก คือ ทายกมีศีลมีกัลยาณธรรม แต่ปฏิคาหกทุศีล  มีบาป

   - the offering purified on the part of the giver,  not of the recipient 


2. ทักขิณาที่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก คือ ทายกทุศีล  มีบาปธรรม... แต่ปฏิคาหกมีศีล มีกัลยาณธรรม

    -the offering purified on the part of the recipient,  not of the giver 


3. ทักขิณาที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายก ทั้งฝ่ายปฏิคาหก คือ ทั้งสองฝ่ายทุศีล มีบาปธรรม

    - the offering purfied on neither side


4. ทักขิณาที่บริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายก ทั้งฝ่ายปฏิคาหก คือ ทั้งสองฝ่ายมีศีล มีกัลยาณธรรม

    - the offering purified on both sides
 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2562 ( 17:28:05 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:23 )

ทักขิเณยบุคคล 7

รายละเอียด

การถือสา สมณะโพธิรักษ์บอกว่าคุณอย่าเพิ่งโทษท่านเลย ถ้าคุณเพ่งโทษจะไม่เปิดจิต รับท่านได้ ไม่มีปรโตโฆษะที่เป็นผู้ที่ฟังได้รับได้ หากตั้งใจฟังให้ดีจะเข้าใจ การกระทำจิตมนสิการแล้วคุณจะเข้าใจถ่องแท้ละเอียดละออ จนกระทั่งจับ ต้น กลาง ปลาย ลงไปถึงที่เกิด ลงไปถึงแดนที่จะแก้ไขจุดสำคัญ คือ จุดที่เกิดที่ดับ คือ จิต เจตสิก มี หทยรูปอยู่ตรงไหน ซึ่งมันไม่อยู่กับที่ กับทาง จะต้องมีวิญญาณที่เราจับได้ว่า อันนี้แหละ คือ หัวใจ หรือจิตวิญญาณ ของมัน หทยรูป แล้วก็จัดการมัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:24:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:37:04 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:06:30 )

ทักขิเณยยบุคคล

รายละเอียด

1. บุคคลผู้ควรได้รับของทาน เป็นผู้ควรได้รับอนุเคราะห์ปัจจัย 4 [ถึงแม้จะเป็นคฤหัสถ์ก็ตาม]

2. ผู้พากเพียรปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามคำสอนที่ตนเข้าใจได้แม้จะผิดจากพุทธ แต่ก็เป็นผู้มักน้อย สันโดษ เป็นต้น

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 172-173-174

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:24 )

เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 15:08:53 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:09:05 )

ทักขิเณยยบุคคล 7

รายละเอียด

คือผู้ที่ควรได้รับของทำทาน เพื่อผลอันเจริญ

1. อุภโตภาควิมุต  (ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน) ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย (เจโตวิมุต) และกิเลสสิ้นเกลี้ยงด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุต)

2. ปัญญาวิมุต (ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา) ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่กิเลสสิ้นเกลี้ยงด้วยปัญญา

3. กายสักขี  (ผู้มีกายบริสุทธิ์เป็นหลักฐาน) ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายอาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

4. ทิฏฐิปปัตตะ (ผู้หลุดพ้นด้วยความเห็นถูกต้อง) รู้ชัดตามจริงในอาริยสัจ4 ด้วยปัญญา ประพฤติดีแล้วด้วยปัญญาอาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

5. สัทธาวิมุต (ผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา) อาศัยศรัทธาความเชื่อมั่นเป็นตัวนำรู้ชัดตามจริงในอาริยสัจ 4 ด้วยปัญญา ประพฤติดีแล้วด้วยปัญญา อาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

6. ธัมมานุสารี (ผู้ตามระลึกถึงธรรม) อาศัยอำนาจของปัญญาที่แก่กล้า อบรมอาริยมรรคอันมีปัญญาเป็นตัวนำปฏิบัติแล้ว เพื่อให้บรรลุโสดาปัตติผล (ถ้าผู้นี้บรรลุผลแล้วจะกลายเป็นทิฏฐิปปัตตะ)

7. สัทธานุสารี (ผู้ตามระลึกถึงศรัทธา) อาศัยอำนาจของศรัทธาที่แก่กล้า อบรมอาริยมรรคอันมีศรัทธาเป็นตัวนำปฏิบัติแล้ว เพื่อให้บรรลุโสดาปัตติผล (ุถ้าผู้นี้บรรลุผลแล้วจะกลายเป็นสัทธาวิมุต)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 36  "สัตตกนิทเทส"  ข้อ 149

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 05 กรกฎาคม 2562 ( 15:53:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:07 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:08:07 )

ทักขิเณยยบุคคล 7

รายละเอียด

คือ ผู้ควรได้รับของทำทาน เพื่อผลอันเจริญ 2 สาย

สายศรัทธา 

1. สัทธานุสารี  

3. สัทธาวิมุติ  

5. กายสักขี   

(ต้องอาศัยวิโมกข์ 8)

สายปัญญา

2. ธัมมานุสารี  

4. ทิฏฐิปัตตะ  

6. ปัญญาวิมุติ  

(มีวิโมกข์ 8 มาตลอด)

7. อุภโตภาควิมุติ  รวมทุกสายที่บรรลุครบครัน

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 13:22:19 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:38:27 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:07:43 )

ทักขิเณยยบุคคล 7

รายละเอียด

คือผู้ควรได้รับการทําบุญ เพื่อผลอันเจริญ

1. อุภโตภาควิมุต (ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน)ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย (เจโตวิมุต)

และกิเลสสิ้นเกลี้ยงด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุต)

2. ปัญญาวิมุต (ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา) ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

แต่กิเลสสิ้นเกลี้ยงด้วยปัญญา

3. กายสักขี (ผู้มีกายบริสุทธิ์เป็นหลักฐาน)ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

อาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

4. ทิฏฐิปปัตตะ (ผู้หลุดพ้นด้วยความเห็นถูกต้อง)รู้ชัดตามจริงในอาริยสัจ 4 ด้วยปัญญา ประพฤติดีแล้วด้วยปัญญา อาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

5. สัทธาวิมุต (ผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา)อาศัยศรัทธาความเชื่อมั่นเป็นตัวนํา รู้ชัดตามจริงในอาริยสัจ 4 ด้วยปัญญา ประพฤติดีแล้วด้วยปัญญา

อาสวะบางอย่างสิ้นแล้วด้วยปัญญา

6. ธัมมานุสารี (ผู้ตามระลึกถึงธรรม)อาศัยอํานาจของปัญญาที่แก่กล้า อบรมอาริยมรรคอันมีปัญญาเป็นตัวนํา ปฏิบัติแล้ว เพื่อให้บรรลุโสดาปัตติผล (ถ้าผู้นี้บรรลุผลแล้วจะกลายเป็นทิฏฐิปปัตตะ)

7. สัทธานุสารี (ผู้ตามระลึกถึงศรัทธา)อาศัยอํานาจของศรัทธาที่แก่กล้า อบรมอาริยมรรคอันมีศรัทธาเป็นตัวนํา ปฏิบัติแล้ว เพื่อให้บรรลุโสดาปัตติผล (ถ้าผู้นี้บรรลุผลแล้วจะกลายเป็นสัทธาวิมุต)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฏกเล่ม 36 “สัตตกนิทเทส” ข้อ 149


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 15:51:14 )

ทักขิเนยยบุคคล 7

รายละเอียด

สายศรัทธา                                                       
1. สัทธานุสารี ผู้แล่นตามไปด้วยศรัทธา  คือ  ผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุโสดาปัตติผล  มีสัทธินทรีย์แก่กล้า  อบรมอริย- มรรคโดยมีศรัทธาเป็นตัวนำ  (ท่านผู้นี้ถ้าบรรลุผลแล้วจะกลาย เป็นสัทธาวิมุติ)                                                  
3. สัทธาวิมุติ ผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา คือ  ท่านที่เข้าใจอริยสัจถูกต้องแล้ว และอาสวะบางส่วนก็สิ้นไป เพราะเห็นด้วยปัญญาแต่มีศรัทธาเป็นตัวนำหน้า  หมายเอาพระผู้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วขึ้นไป จนถึงเป็นผู้ปฏิบัติเพื่ออรหัตที่มีสัทธินทรีย์แก่กล้าในการปฏิบัติ
5. กายสักขี  ผู้เป็นพยานด้วยนามกาย หรือผู้ประจักษ์กับตัวคือ ท่านที่ต้องสัมผัสวิโมกข์8 ด้วยกาย*  อาสวะบางส่วนก็สิ้นไป  เพราะเห็นด้วยปัญญา  หมายเอาพระอริยบุคคลผู้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วขึ้นไป  จนถึงเป็นผู้ยังปฏิบัติเพื่ออรหัต  ที่มีสมาธินทรีย์แก่กล้าในการปฏิบัติ
(ต้องอาศัยวิโมกข์ 8)

สายปัญญา
2. ธัมมานุสารี ผู้แล่นไปตามธรรม  คือ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุโสดาปัตติผล ที่มีปัญญินทรีย์แก่กล้า อบรมอริยมรรคโดยมีปัญญาเป็นตัวนำ (ท่านผู้นี้ถ้าบรรลุผลแล้วจะกลาย เป็น ทิฏฐิปัตตะ) 
4. ทิฏฐิปัตตะ ผู้บรรลุสัมมาทิฏฐิ คือ  ท่านที่เข้าใจอริยสัจถูกต้องแล้ว และอาสวะบางส่วนก็สิ้นไป เพราะ เห็นด้วยปัญญา หมายเอาพระผู้บรรลุโสดาปัตติผลขึ้นไป จนถึงเป็นผู้ปฏิบัติเพื่ออรหัต ที่มีปัญญาและปัญญินทรีย์แก่กล้าในการปฏิบัติจนเกิดปัญญาพละ
6. ปัญญาวิมุติ ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญาเท่านั้น คือ ท่านที่ไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์8 ด้วยกาย* . (น เหว อัฏฐ วิโมกเขฯ)  แต่สิ้นอาสวะแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญา  หมายเอาพระอรหันต์ผู้ได้ปัญญาวิมุตติ  ก็สำเร็จเลยทีเดียว 
(มีวิโมกข์ 8มาตลอด)

7. อุภโตภาควิมุติ  รวมทั้งสองสายบรรลุครบครัน  ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน คือ ท่านที่ได้สัมผัสวิโมกข์8 ด้วยกายและสิ้นอาสวะแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา (หมายเอาพระอรหันต์ผู้ได้เจโตวิมุติ ขั้นอรูปสมาบัติมาก่อนที่จะได้ปัญญาวิมุตติ)  

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 17:04:26 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:49:56 )

ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ไม่รู้จักจิตตัวเองที่เป็นอวิชชาความเลวร้าย

รายละเอียด

ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช้หนี้ไม่ใช้คืน ไม่ทำคืน ไม่ใช้หนี้ ไม่แก้กลับ ไม่ยอมรับก็ไม่แก้กลับ 

ก็จะต้องยั่งยืนถาวรกับความผิดความชั่วโดยที่ไม่เข้าใจว่า ตัวจิตที่เป็นอวิชชา ตัวจิตที่เป็นความเลวร้าย เขาจะไม่รู้หรอก เขาจะยึดถือจิตแบบนี้ไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้เท่าไหร่ แพ้แล้วก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังไม่เห็นว่าตัวเองแพ้อีก ยังไม่ยอมถอย ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมรับสารภาพ หากยอมรับสารภาพว่าเราแพ้จริงๆ แต่เขาบอกว่าเขาแพ้ไม่เป็น แล้วเขายึดมั่นถือมั่นอย่างนั้นจริง 

เพราะอะไร เพราะเขาโกงเอาไว้ได้มาก แล้วทรัพย์สินที่เขาโกงไว้มาก มันทำให้เขาไม่กลัว อย่างไรก็ไม่อดตาย เพราะทุกวันนี้ใช้แต่ดอกแค่นั้นก็เหลือแหล่ เพราะโกงไปเป็นล้านๆเลย ก็เลยมันกลบให้เขาเชื่อมั่น นี่มันเป็นบัญชีของเขาหมดแล้ว ประเทศไทยก็ไม่สามารถไปยึดคืนมาได้ เขาก็เอาไปแตกเป็นอะไรต่ออะไรไป เพราะว่าเป็นคนที่เรียนทางอาชญวิทยามา ก็ทำได้สนิทแนบเนียน ทำได้จนไม่สามารถที่จะมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เขาก็เชื่อมั่นว่านี่เป็นของเขา ตัวกูของกู จนตายก็มั่นใจ ทรัพย์ศฤงคารพวกนี้ก็ยังจะตกเป็นของลูกหลาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:09:19 )

ทักษิณทำกรรมแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ โง่เกินคนจริงๆ

รายละเอียด

กรรมเป็นอันทำ คุณจะทำอย่างนี้แล้วบอกว่าไม่ใช่อย่างนี้ อย่าโง่ให้เท่าทักษิณเลย ทำแล้วก็ว่าตัวเองไม่ได้ทำ แล้วก็บอกว่าตัวเองทำดีด้วย ทำที่ทำชั่วแท้ๆก็ยังไม่รู้ นอกจากไม่รู้แล้วคิดว่าตัวเองไม่ทำอีก คนก็ยืนยันหลักฐานอีกเท่าไหร่ หน้าแข็งไม่รับรู้ด้วย มันเกินคนจริงๆ ตัวอย่างในยุคนี้ อาตมาเห็นแล้วก็ โอ้..คุณเกิดเมืองเหนือแต่ไปดันชื่อใต้ ก็เป็นอย่างนี้แหละ มันเป็นคนผิดเพศ เป็นคนละเรื่องกัน ผิดฝาผิดตัวไปหมด มันไม่จริง เกิดเหนือดันชื่อใต้ เป็น อจินไตย นึกไม่ออกหรอก ต้องเป็นเช่นนี้เพราะเป็นตัวอย่างของ มนุษยชาติ โดยเฉพาะประเทศไทย ยิ่งกว่าเทวทัตสมัยพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 11:23:06 )

ทักษิณน่าจะหยุดเพราะอะไร

รายละเอียด

แต่ก็ยังไม่จำนนทุกวันนี้ก็ยังทำดิ้นอยู่ คือ เขายังไม่ยอมจำนน ถ้าเขาจำนน ถ้าทักษิณรู้แพ้รู้ชนะจบ เขาก็จะอยู่อย่างนั้นของเขาไป คนไทยไม่ได้ใจดำเกินการ ก็ปล่อยเขาไป จนกระทั้งเขาจะแก่ตายจะเจ็บป่วยตายก็แล้วแต่วิบากเขา มันก็เป็นไปได้แต่เขาไม่ยอมหยุด ทั้งๆที่อาตมาเห็นแล้วว่าน่าจะหยุด ทักษิณน่าจะหยุด เพราะอะไร ถ้าเขาหยุดแล้วลูกเต้าที่อยู่ในประเทศไทยจะได้สบาย เขาคิดตรงนี้ไม่ออก นี่คือความอวิชชาแปลว่าความโง่ของทักษิณ เขาคิดไม่ออก ถ้าเขาหยุดแล้วลูกเต้าจะสบายไม่มีผลกระทบ แล้วยังมีหลานอีกด้วย แต่นี่เขาทำ เพราะฉะนั้นอันนี้คือ ตาทักษิณทำร้ายหลาน พูดอย่างนั้นได้เลย นี่เขาทำ เป็นการทำร้ายเป็นผลกระทบไปถึงหลานไปถึงลูกเขาด้วย แต่คนไทยใจดีก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ พอเป็นไป สู้คุณหญิงพจมานไม่ได้ ทักษิณ คุณหญิงพจมานรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางหรือวิธีการ ก็พฤติการณ์ของคุณหญิงพจมานก็ดูไปก็แล้วกันแต่เริ่มแล้ว เพื่อที่จะประนีประนอม เพื่อที่จะลด low profile ลง นี่คือมหากาพย์การเมืองไทย สรุปแล้ว พวกเราก็ wait and see 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:22:25 )

ทักษิณสุดยอดหน้าด้านที่สุดอย่างไร

รายละเอียด

จริงๆแล้วทักษิณนี่มันสุดยอดหน้าด้านที่สุด มาเที่ยวได้ตั้งอะไรออกมา ออกสื่อสารมา แล้วเห็นแล้วประเทศไทยเข้าใจดีเขาไม่เอา เขาไม่ไปตามจับมาลงโทษ แล้วทำเป็นคะนอง หน้าด้านจริงๆเลย ตัวเองผิด 100% แล้ว แล้วก็ทำเป็น  ไม่อาย เป็นนักโทษหนีคุกวิพากษ์วิจารณ์ศาล ทั้งนั้นแหละ อาตมาไม่ได้พูดความจริงว่าหน้าด้าน เป็นเรื่องจริง มันเกินกว่ามนุษย์ที่เขาจะเป็นแล้วและก็ยังทำแสล๋น ทำเป็นอวดดีนั้นเวรจริงๆเลย มันเป็นตัวอย่างยิ่งกว่าเทวทัตในยุคพระพุทธเจ้า 

ขออภัยลูกเต้าเหล่าหลานเขาอยู่ในเมืองไทยได้ฟังอาตมาพูดก็ต้องขออภัย อันนี้เป็นเรื่องความรู้สัจธรรม วิชาการ แต่มันเป็นเวรเป็นกรรม เขาเป็นพ่อเป็นแม่คุณก็แล้วแต่ ก็ต้องขออภัย มันเป็นเรื่องของสัจธรรม หลวงปู่พูดเรื่องสัจธรรมไม่ได้ไปพูดถึงตัวตนบุคคล แต่ก็สงสารเขาไม่รู้จะช่วยอย่างไร มันสุดวิสัย ขนาดมหาบัวแท้ๆก็ยังด่าเปิงเลย แล้วหลวงปู่จะมีน้ำยาไปช่วยอะไรเขา เขาเป็นลูกศิษย์ลูกหากัน ก็โดนด่ากันเปิงเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง

วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:32:44 )

ทักษิณหลงตัวรูปเป็นอมตะ ดีกว่าเทวนิยมหลงนามเป็นอมตะ

รายละเอียด

จริงๆแล้วทักษิณก็ดีกว่าเทวนิยม เทวนิยมนั้นหลงตัวไม่ใช่รูป หลงว่านามเป็นอมตะ เทวนิยมหลงว่าจิตวิญญาณเป็นอมตะ แต่ทักษิณ แกไม่รู้ว่าจิตเป็นอมตะแต่รูป เพราะแกเป็นคนไทย แกยังมีพุทธศาสนาบ้าง ก็ยังดีกว่าเทวนิยมเขาบ้าง เอารูปมาไว้เป็นอมตะนะ และอมตะ มีความหมายอย่างไรแกก็ไม่รู้ แกก็รู้อมตะคือนิรันดร อยู่ไปนานตลอด 

ผู้ที่มีอมตธรรมคือผู้ที่รู้เกิดรู้ตาย จะทำเกิดก็ได้ จะทำตายให้แก่ตัวเองก็ได้ทั้งนั้น ทำตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้สูญเลยก็ได้ จะให้อยู่นานเป็นพระอวโลกิเตศวรหรือเป็นเจ้าแม่กวนอิมก็ไม่ยอมเลิกสักที จะช่วยมนุษย์โลกอยู่ตลอดกาล เป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เชิญ เชิญไปอยู่กับโลกลูกเล็กๆ มีคนไม่มากสิจะได้จบเร็วๆ คุณจะได้ปรินิพพานเร็ว นี่แนะนำอวโลกิเตศวรนะ แนะนำกวนอิม แกจะได้ช่วยคนให้หมดโลกจะได้ปรินิพพานของตัวเองบ้าง อย่าไปหาโลกลูกที่มันใหญ่นักเพราะมันมีมนุษย์เยอะ เหมือนเชิงเล่นๆ แต่ไปแนะนำอะไรไม่ได้หรอก ก็พูดไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2565 ( 04:22:29 )

ทักษิณอาศัยโลกีย์ธรรมประโลมตนเองอยู่

รายละเอียด

แล้วแยก โลกีย์ โลกธรรมที่เขาอาศัยประโลมตนเองอยู่ กับ โลกุตระหรือปรมัตถสัจจะแท้ในจิตลึกของเขาว่าเขาอยู่เป็นสุขหรือไม่ เอาแต่แค่สุขทุกข์มันเป็นโลกียะเท่านั้น เขาไม่ได้สุขเลยเขามีความทุกข์ ที่ภาษาธรรมะเรียกว่า นรกอเวจี นี่แหละคือนรกอเวจีแท้ๆ ของมนุษยชาติ เข้าใจให้ได้ 

แล้วก็มีอะไรเป็นองค์ประกอบสังขารธรรมปรุงแต่งอย่างนู้นอย่างนี้อย่างนี้อย่างนั้น เอานอมินีมา เพื่อให้ดึงตัวเองกลับได้ โดยมีประเด็นเดียว ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้จงได้ ประเด็นเดียวแท้ๆเลย ออกกฎหมายให้ได้ ยังไงๆก็ต้องให้ได้ สส.มีอำนาจในสภา แล้วก็ชนะ มีอำนาจในการออกกฎหมาย แล้วกฎหมายที่ออกนั้นต้องนิรโทษกรรมให้เขากลับบ้านได้อย่างเท่ห์ๆ นี่คือเป้าประเด็นหลักที่เขาจะต้องทำให้ได้ เดี๋ยวนี้เขาก็ยังคิดว่าเขาจะต้องทำให้ได้ แต่เขาทำไม่ได้ ด้วยสัจธรรมที่เขาโกงก็ต้องมีวิบากออกไป ถ้าอยู่ก็ต้องติดคุก ถ้าติดคุกเสีย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ตุลาคม 2565 ( 12:52:28 )

ทักษิณเป็นข้อสอบของพ่อท่านใช่ไหม

รายละเอียด

ไม่ใช่ข้อสอบของอาตมา ข้อสอบของโลกเลย พระเทวทัตไม่ใช่ข้อสอบของพระพุทธเจ้า คุณเทียบมวย จับมวยไม่ถูกคู่เลย ทำไมเอาพระเทวทัตไปเทียบกับพระพุทธเจ้า มันคนละชั้นเลยนะ

คุณพูดนี้ มันซับซ้อนอยู่ คุณเอาความต่ำไปเทียบความสูง  พระเทวทัตนี้ต่ำสุดไปเทียบกับพระพุทธเจ้าที่สูงสุด มาเทียบคู่กัน ไม่ได้ คู่กันที่จะเทียบคู่กันได้ มันจะต้องมีภาวะที่เท่าๆกัน มีภาวะใกล้เคียงกัน เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน แต่ไอ้นี่มันคนละฟากฟ้าสุดลึกเหวเลย มันจะไปเทียบกันยังไงกันล่ะว่าพระเจ้าจะช่วยคนชั่ว ก็ใช่ แต่พระเจ้าช่วยคนชั่วได้ระดับหนึ่ง พระเจ้าจะช่วยคนชั่วที่ชั่วหนัก ไม่ได้หรอก ฉันเดียวกับพระพุทธเจ้าจะช่วยคนชั่วหนัก ไม่ได้ อาตมาก็ช่วยคนที่ชั่วหนักเกินกว่าที่จะช่วยได้ ไม่ได้  เห็นไหมความซับซ้อนลงไปอีกระดับหนึ่ง เพราะงั้นคนที่ชั่วเกินกว่าที่เราจะช่วยได้ พูดตรงนี้ชัดๆเลยว่าอาตมาไม่เชื่อว่าอาตมาจะช่วยทักษิณได้ เข้าใจไหม มันเกินกว่ามืออาตมาจะช่วยได้ เข้าใจตรงนี้ อาตมาไม่มีภูมิปัญญาที่จะไปช่วยทักษิณ 

อาตมาไม่เก่งพอ อย่าว่าแต่ทักษิณเลย แม้แต่มหาประยุทธ์เนี่ย อาตมาจะช่วยได้หรือเปล่า เห็นไหม อาตมาไม่ได้มีฝีมือเก่งขนาดนั้นเลย ช่วยได้แต่อย่างพวกคุณนี่แหละ เราก็แค่นี้ก็เอาละ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:45:48 )

ทักษิณเรียนรู้อาชญวิทยามาเพื่อเป็นอาชญากร

รายละเอียด

คนอยู่ในโลกที่มืดๆบอดๆก็เป็นอย่างนี้ จะพูดอย่างไรเขาก็จะว่าทักษิณเขาถูกศาลแกล้ง เพราะทักษิณเขาพูดอย่างนี้เลยบอกว่าศาลนี้แกล้ง ศาลนี้ไม่สุจริต ศาลไม่ซื่อต่อเขา อะไรต่างๆนานาของเขาหาเรื่องไป เพราะว่าเขาจบด็อกเตอร์ทางอาชญวิทยา ซวยจริงๆเลย ไปจบด็อกเตอร์ทางอาชญวิทยา คือวิชาของอาชญากร แล้วเขาก็ได้ความรู้ทางอาชญวิทยา ความรู้ของอาชญากรมาเป็นตัวอาชญากรซะเอง ซวยจริงๆทักษิณเอ๋ย แล้วยังไม่พอยังมาครอบงำคนอื่นให้เป็นอาชญากรตามอีก บาปซับบาปซ้อน ดีไม่ดีใจดำมาก มาสอนให้ลูกเป็นอาชญากรอีกด้วย โฮ้! ทักษิณเอ๊ย เขาทำด้วยความไม่รู้นะ ซึ่งภาษาก็คือโง่ ไม่รู้ก็คือโง่ เขาทำด้วยความไม่รู้ของเขา น่าเห็นใจจริงๆน่าสงสาร เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักที ถ้าเขารู้ตัวแก้ไขซะ ยังจะได้เพลานรกลงไปได้บ้าง แต่นี่เขาคิดว่าคงจะยาก คงไม่มีวันจะสว่าง สงสัยจะมืดมามืดไปหนักกว่าเก่าทักษิณเกิดมาชาตินี้ มืดมาแล้วก็มืดไป ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอน น่าสงสารจริงๆ 

อาตมาพูดถึงก็พูดด้วยความสงสารเป็นเมตตา ถ้าหากอาตมาไม่แตะเลยมันก็ใจดำ ที่แตะเพราะว่า1.สงสารเขา 2. มันเป็นตัวอย่างอันชัดเจนที่จะใช้ให้สังคมมนุษยชาติได้เรียนรู้ตาม อันนี้ต้องขอบคุณเขา ที่เขาเป็นตัวอย่างให้เราได้พูดความไม่ดีของเขา เขาไม่ได้อนุญาตหรอก แต่เราเอามาเฉยๆ เอามายืนยันกับโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 15:06:06 )

ทักษิณแพ้แล้วพาลจริงๆ

รายละเอียด

อาตมาขอละเมิดพูดสำทับให้เขารู้ความจริงก็แล้วกัน ส่วนคุณจะไม่เห็นด้วยก็เป็นความเห็นที่แตกต่างกัน 

คุณคนนี้สาวกทักษิณนี่เอง เป็นการมองของคุณแต่อาตมาเข้าใจความจริงตามที่ว่านี้เป็นอย่างนี้ ทักษิณแพ้แล้วพาลจริงๆ อาตมามองอย่างนี้แต่คุณว่าไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:12:24 )

ทักษิณโง่ Infinity ที่หลงสกดคำว่าแพ้ไม่เป็น

รายละเอียด

อย่างที่ทักษิณว่า ตอนนั้นคนเผลอๆก็ได้อย่างนั้น แต่แล้วอยู่ไม่ได้นาน เพราะพวกเราก็เข้าไปประท้วง ไล่ไปทั้งตระกูลเลย ตอนนี้เขาก็ยังดิ้นรนอยู่ เขายังไม่เชื่อว่า เขาหมดอำนาจแล้ว เป็นไปไม่ได้ เขายังไม่เชื่อ เขาไม่รู้หรอกว่า อำนาจของประชาชน ความรู้ของประชาชน ตื่นหมดแล้ว เขาก็หลงในหมู่คนที่ป้อยอ ที่ล้วงกระเป๋าเขาอยู่เท่านั้นแหละ 

และกิเลสของเขาที่เขายังไม่ยอมหยุด เขายังหวังลมๆแล้งๆว่าเขาจะได้ เพราะมันยังมีอะไรที่เป็นรูปเป็นรอย ตอนนี้ก็ฝากไว้ที่อุ๊งอิ๊ง แล้วก็ฝากไว้ที่คณะเพื่อไทยอะไรพวกนี้ เขาก็ยังว่าเขายังมีอิทธิพล มีอำนาจมีอะไรที่จะต้องได้ เขายังไม่ขาดใจตาย เขาจะเอาให้ได้ เพราะเขาบอกแล้วว่าเขาสะกดคำว่า แพ้ไม่เป็น เพราะฉะนั้น คนที่สะกดคำว่า แพ้ไม่เป็นนี่คือ คนที่โง่ไม่เสร็จโง่ Infinity โง่ eternity ตลอดกาลเลย เป็นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาไม่ได้ใส่ความ 

กลับมาขยายความที่สิกขมาตุถามที่บอกว่า กษัตริย์นั้นคือจิตวิญญาณของสังคมประเทศ ประชาชนคือกายของสังคมประเทศ ในหนังสือ อธิบายต่อว่า กาย คือภาวะ 2 ที่ขาดภายนอก และขาดภายในอันคือจิตวิญญาณ ไม่ได้ หมายความว่ากายต้องมีจิตวิญญาณทั้งภายนอกภายในต้องมีจิตวิญญาณทั้งนั้นขาดไม่ได้ ถ้าขืนขาดจิตวิญญาณ ก็มีแต่ร่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:14:55 )

ทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่มีบุญคุณใดๆ

รายละเอียด

คุณคนนี้เป็นคนหลงผิด คิดว่าทักษิณเป็นคนดีเป็นประชาธิปไตย ที่จริงเราไม่ได้เนรคุณ เพราะว่าทักษิณไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้แก่อาตมาเลย มีแต่เราให้ไป ครั้งหนึ่งก็ให้เรือไม้ ลำเล็กๆสลักว่าบุญนิยม อันที่ 2 ให้ กลด ที่ศีรษะอโศกให้ไป 2 อัน เป็นนิมิตบอกว่าให้เรือไปก็เลยไปลอยเท้งเต้ง น้ำท่วมโลกกระต่ายลอยคอ 2  ก็เลยได้อาศัยที่พักคือได้ กลด เป็นบ้านเคลื่อนที่ ระเหเร่ร่อนไปตามเรื่อง นี่มันเป็นนิมิตอันหนึ่งที่เขาได้ไปอย่างนั้น สรุปตรงนี้ อาตมาไม่ได้เนรคุณทักษิณ เพราะทักษิณไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับอาตมา แล้วคุณจะไปหมายถึงว่าทักษิณเป็นเจ้าของประชาธิปไตย อาตมาต้องได้ประชาธิปไตยจากทักษิณสิ แล้วทักษิณมีประชาธิปไตยขี้หมาอะไร ทักษิณไม่มีประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการที่ซับซ้อน ที่คนหลงคารมของแก ไปเป็นทาสโง่ ทักษิณไม่ใช่ตัวประชาธิปไตยเลย คุณยังไม่ตื่นเลยคุณยังหลับใหลอยู่เลย เราเชียร์ลุงตู่เพราะลุงตู่เป็นประชาธิปไตย แต่ทักษิณไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย ขออภัยให้คุณตั้งใจศึกษาให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:03:03 )

ทักษิณไม่โกงจะถูกศาลพิพากษาลงโทษไหม

รายละเอียด

วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันพิเศษไม่ใช่วันธรรมดา จะไม่ตอบ sms ลองอ่านบทความของสารส้ม กวนน้ำให้ใสก่อน

กวนน้ำให้ใส ... สารส้ม

วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565, 02.00 น. นสพ.แนวหน้าออนไลน์

ถ้าทักษิณไม่โกง ชีวิตจะเป็นอย่างนี้หรือ?

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯคดีทุจริตประพฤติมิชอบ หลายคดี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra อ้างรำลึกในครบรอบ 16 ปี ของการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 กล่าวถึงเรื่องที่เสียดาย 10 เรื่อง สร้างภาพให้ตัวเองดูดี ฟอกขาว ทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ สร้างสรรค์ทั้ง 10 เรื่องนั้น ได้แก่

“1. ผมเสียดายความเป็นประชาธิปไตยของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่วันนี้เรากลับต้องมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเผด็จการ 2. ผมเสียดายความสง่างามและความไว้เนื้อเชื่อใจของประเทศไทยบนเวทีโลก 3. ผมเสียดายโอกาสประเทศในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรม 4. ผมเสียดายโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งคนไทยควรจะหายจนไปแล้ว 5. ผมเสียดายโอกาสของคนไทยที่ทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน 6. ผมเสียดายความเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน 7. ผมเสียดายที่ลูกหลานต้องติดยาเสพติด ซึ่งตอนนี้ซื้อง่ายยิ่งกว่าหมากฝรั่ง 8. ผมเสียดายที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 9. ผมเสียดายระบบราชการที่กำลังทันสมัยต้องกลับมาเป็นรัฐราชการที่ประชาชนต้องวิงวอนขอรับการบริการ 10. ผมเสียดายที่ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนต้องขยายเพดานการกู้และหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนสูงจนจะใช้คืนได้ยาก...”

ถามจริงๆ ถ้าทักษิณไม่โกง จะถูกศาลฎีกาพิพากษาลงโทษว่ามีความผิดไหม?

ถ้าไม่โกง จะไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องเร่ร่อน เที่ยวโอดครวญอยากให้ลูกน้องใช้อำนาจรัฐล้างผิดให้ตัวเองเพื่อจะได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก แบบที่เป็นอยู่นี้หรือไม่?

แล้วที่วาดภาพสวยหรู 10 เรื่องที่เสียดาย เอาไว้หลอกเด็กเมื่อวานซืนอาจจะพอได้ แต่ใครที่ติดตามศึกษาความจริง ข้อมูลจริง ดูจากหลักฐานในคำพิพากษาคดีทุจริตต่างๆ ก็ได้ ฯลฯ ไม่ใช่เชื่อตามการปั่นวาทกรรมล้างสมองในช่วงหลัง อ่านตามที่ทักษิณเขียนก็ได้แต่หัวเราะก๊าก

เขียนนวนิยาย หรืออะไรเนี่ย!!!! เพราะในความเป็นจริง 10 อย่างที่ว่านั้น ระบอบทักษิณได้ร่วมทำลาย บิดเบือน แทรกแซง ใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์เข้าตนเองและครอบครัว ไปเสียเกือบทั้งหมด

1. เรื่องที่ว่าเสียดายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้น... นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตมือกฎหมายพรรคเพื่อไทย เคยเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” ชำแหละระบอบทักษิณอย่างหมดเปลือก ระบุว่า รัฐธรรมนูญถูกฆาตกรรมไปเสียตั้งแต่ก่อนรัฐประหารแล้ว โดยน้ำมือ

ของระบอบทักษิณนั่นเอง พร้อมชำแหละ “ทศลักษณ์ทักษิโนมิกส์” ลักษณะของระบอบทักษิณ 10 ประการเอาไว้ ประกอบด้วย

1.บริหารประเทศด้วยการขยายอาณาจักรทางธุรกิจของครอบครัวและพวกพ้อง

2.แปลงรัฐธรรมนูญให้เป็นเครื่องมือของเผด็จการรูปแบบใหม่

3.ใช้การตลาด การโฆษณาชวนเชื่อและเงินเป็นเครื่องมือกลไกหลักในการบริหารประเทศ

4.เปลี่ยนประเทศให้เป็นสมรภูมิของความรุนแรง เปลี่ยน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นมิคสัญญี

5.ใช้สัญชาตญาณ “นักล่าอำนาจ” ที่คิดแต่จะเอาเปรียบคู่ต่อสู้มากกว่าจะใช้ “สปิริต” ในการสร้างความปรองดองแห่งชาติ

6.ได้ดิบได้ดี มีอำนาจด้วยอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยเห็นความสำคัญของรัฐธรรมนูญ ทำทุกวิถีทางเพื่อเบี่ยงเบนและหาผลประโยชน์จากช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนสามารถเข้าสู่อำนาจและอยู่ในอำนาจได้นานๆ อย่างไม่ละอายแก่ใจ

7.สะท้อนความเป็นผู้นำประเทศคิดเร็ว พูดเร็ว ทำเร็วเปลี่ยนเร็ว ลืมเร็ว

8.เล่นพรรคเล่นพวกเลือกปฏิบัติ

9.บริหารประเทศแบบข้าเก่งคนเดียว

10.เป็นนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของอาณาจักร ทางธุรกิจ พยายามทำให้ตนเองและครอบครัวเป็นศูนย์กลางระบอบ

2. เรื่องเล่ห์เหลี่ยมการแสวงหาอำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐ และการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน... นายเสนาะ เทียนทอง อดีตผู้จัดการรัฐบาลทักษิณ มือปั้นทักษิณให้เป็นนายกฯ ก็เคยแฉไว้ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ4”

นายเสนาะวิพากษ์การทำงานของทักษิณว่า “... ทักษิณมีลักษณะเป็นนักเสี่ยงโชคนิยมความเสี่ยง เข้าลักษณะกล้าได้กล้าเสีย ขาดความรอบคอบกระทั่งเคยประสบปัญหาทางธุรกิจ “ทักษิณ” นิยมบริหารธุรกิจและคิดไวทำไวชอบตัดสินใจเดินหน้าไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหารายละเอียดภายหลังโดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือสำคัญ “ทักษิณ” มีวุฒิการศึกษาแต่ขาดวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำไม่มีสภาวะผู้นำโดยเฉพาะในระดับประเทศ ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้นำไปสู่พฤติกรรมการใช้อำนาจ การกำหนดนโยบายและการดำเนินนโยบายที่ไม่รอบคอบ สุ่มเสี่ยง อาทิ การจดทะเบียนคนจน ผมเคยแนะนำว่า “ทำไม่ได้นะ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ การประกาศสงครามความยากจน แต่เอาเขามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ แต่ไม่ใช่คนจนก็มาจดทะเบียนด้วยนะมันจะบานปลายกันไปใหญ่ น้องไปให้เขาจดทะเบียนพี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันทำไม่ได้ มันได้แต่ตัวเลขมาโชว์ตอนเลือกตั้งแต่หลังจากนั้นมันไม่มีผลจริง” แต่ทักษิณบอกว่า “โธ่...พี่เหนาะคนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ”

นายเสนาะเคยแฉถึงขนาดว่า “..มีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้ เรียกว่ามี 2-3 คนไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊ แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าจะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้ เหมือนกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ นโยบาย 10 เปอร์เซ็นต์

รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการจะครอบคลุม 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องหักเข้าพรรค จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย...”นอกจากนี้ นายเสนาะยังแฉประโยคเด็ด

“...พี่เหนาะผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วนเก็บไว้สำหรับตายายกินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงว่า “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม”เขาพากันตอบว่า “ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”

เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า “ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า “ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”...”

จริงหรือไม่ ปัจจุบัน คุณเสนาะ เทียนทอง ยังคงอยู่ในพรรคเพื่อไทย คงยืนยันได้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไรในหนังสือดังกล่าว สารส้ม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ตุลาคม 2565 ( 12:30:05 )

ทันสมัย ใหม่เสมอ ไม่มีเก่า 

รายละเอียด

จริง อาตมานี้คนโบราณ อาตมาใช้นามปากกาโบราณถึง 3 นามปากกา 

1. โบราณสนิมรัก 2. โบราณนวทัศน์ แปลว่าโบราณแต่สมัยใหม่ 3. โบราณใหม่เสมอ 

อาตมาใช้นามปากกาโบราณถึง 3 ตัว โบราณสนิมรัก แหม…โรแมนติกเสียไม่มี โบราณนวทัศน์ แปลว่าทัศนะใหม่ 3. โบราณใหม่เสมอ 3 นามปากกา อาตมาเคยใช้อย่างนี้เป็นต้น 

อาตมาเป็นคนโบราณ และชอบความเป็นโบราณ ฉะนั้นจะเดินทางมาสู่สิ่งที่ย้อนทวนกระแส ไม่ใช่ไปสมัยใหม่กับเขาหรอก แต่เราว่าเราใหม่เสมอนะของเราใหม่ ที่เราใหม่มากก็เพราะว่าเรามีธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า ไม่มีเก่าเลย ธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ทันสมัย ใหม่เสมอ ไม่มีเก่า อะไรก็ติดแฮชแท็ก มันหมายความว่าอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:36:36 )

ทันสมัยใหม่เสมอ

รายละเอียด

เห็นไหมว่า เรานี้ทันสมัยใหม่เสมอจริงๆ ไปก่อนเขาๆ เขามาก็ค่อยยืนยันเราเป็นได้ตั้งนานแล้วจ้า กว่าเขาจะมาถึง เราก็ไปก่อนแล้ว เราขยับไปเรื่อยๆ ต่อไปชาวอโศกจะมีสิ่งที่ยืนยันต่อโลกยิ่งกว่านี้ ที่อาตมาอธิบายยังไม่ได้ก็คือเรื่องของ โควิด นี่แหละ มันนำสมัยล้ำสมัยมาก อาตมายังพูดไม่ออกเลยว่า โควิดมันทำอะไรบ้าง ต้องขอบคุณโควิด มันช่วยได้มากเลยอาตมาทำมา 50 ปียังสู้ โควิดทำมาไม่ถึง 2 ปีเลย ตั้งแต่ปี 19 มาถึง ปี 20 แล้วนะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 09:29:15 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:38:58 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 03:10:01 )

ทัศนคติ

รายละเอียด

คือความคิดความเป็นธรรมดา เป็นความคิดองค์รวมหรือเป็น จิต อคติมโนคติ เป็น Concept ธรรมดา ทัศนคตินั้นยังอยู่ในกรอบของโลกียธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:32:55 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:42 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 06:43:02 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์