@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ตรวจอารมณ์

รายละเอียด

จงระวังอารมณ์ก่อนงาน 
จงปรับอารมณ์ก่อนพูด 
จงปรับอารมณ์ก่อนทำ 

เราจะมีสติ และฝึกวิจัยธรรม ด้วยความวิริยะ พากเพียรกระทำ รู้กายกรรม รู้วจีกรรม โดยเฉพาะ จิตวิญญาณ ที่ให้กายก็ดี ให้วจีก็ดี กระทำนั้น จิตวิญญาณเป็นตัวสั่ง เป็นตัวบงการ 

เราจะต้องตรวจอารมณ์ของจิตวิญญาณ ให้ดี ว่าจิตวิญญาณนั้น มีกิเลส ตัณหา อุปาทาน อยู่เท่าใดๆ ผู้ฝึกปรือโดยแท้จริง มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม รู้กรรมของกาย รู้กรรมของวาจา และตรวจอารมณ์ รู้กรรมของจิต วิเคราะห์วิจัยจิต ว่ามีกิเลส เห็นกิเลส รู้กิเลส และมีวิธีดับกิเลส หรือ ลดกิเลสได้จริง 

ผู้ใดกระทำอยู่เช่นนี้ๆ เนืองๆ นั่นคือ ผู้ปฏิบัติธรรม โดยทฤษฎีของพระพุทธเจ้า โดยแท้ 

ที่มา ที่ไป

 สมณะโพธิรักษ์ 25 พฤศจิกายน 2528


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:05 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:12 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:35:00 )

ตระกูลของศรัทธา

รายละเอียด

ตระกูลของศรัทธานั้น จะไปตกหล่มตกหลุมอยู่ที่ สัทธาวิมุติ นาน วน เข้าใจผิดหลงนิโรธดับ ไปหลงมิจฉาทิฏฐิ ติดในสุขอยู่ในสมมุติ ศรัทธาวิมุติ จะติดสุข ติดจมอยู่ในนั้น อย่างเป็น อาฬารดาบส อุทกดาบส นาน อย่างไม่มีเวลาจะกำหนดเลย อย่างอาฬารดาบส อุทกดาบส โอ้โห มันไม่มีเวลา ไม่มีกาละที่จะไปช่วยได้ อาฬารดาบสได้อรูปฌาน 7 กับ อุทกดาบส อรูปฌาน 8 เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็จมอยู่อย่างนั้น ๆ และจะหมุนเวียนมา ไม่มีสิ้นสุดหรอก อย่างรู้ๆเห็นๆเป็นปัจจุบันนั่นเทียว ว่ามันสูญได้ อย่างไรไม่รู้จักสูญจริง มีแต่ตัวมืดดำมืดเป็น กิณหา ไม่ใช่รู้แจ้ง 

เป็นโทษภัยของสมาธิอย่างสูงเลย เพราะฉะนั้นท่านไม่ได้เรียกภาษาสมาธิของท่านว่าเป็นสมาธิ แต่เป็นสมาหิโต คือเป็นอนุตรจิตแล้วคือตรวจสอบว่ามันเป็นจิตที่ตั้งมั่นอย่างแท้จริง สมาหิโต หรือไม่ตั้งมั่นจริง ก็ตรวจอีกว่า เป็นวิมุตติญาณทัสสนะ เห็นด้วยการสัมผัสรู้เห็นอย่างที่มี ที่เป็น ที่อยู่นี้มันหมดมันสิ้น และใช้เวลาพิสูจน์ทุกโลก โลก หยาบ กลาง ละเอียด จนมันไม่มีโลก ไม่หมุน ไม่วนเลยอย่างแท้เลย จะทำจิตให้ไม่หมุน ไม่วนได้อย่างลืมตา เป็นจิตไม่หมุนไม่อะไรเลยรู้รอบเป็นนิพพาน เป็นสุญญตา อยู่อย่างนี้ นิ่ง อย่างอาตมาจะทำจิตนิ่งๆก็อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องมีอะไรนึก ไม่รู้อะไร นิ่งๆ จะดับมืดก็ดับไป หลับตาก็มืด ลืมตาก็เห็นแสงแต่ไม่ได้หิวแสงนะ อาตมาหมดความหิวแสงแล้ว ก็เห็นแต่ความเป็นจริง ตามที่ตามันเห็นอยู่ 

ว่าจะไปผ่าตาต้อกระจกเขาก็บอกว่า อย่าไปผ่าเลย อายุยาวแล้วเสี่ยงเปล่าๆ มันพอใช้ได้ไปได้ดีอยู่ก็เอาไปก่อน จนกว่ามันจะถึงขั้น หมอเขาตรวจก็บอกว่าพอได้ มันก็ไม่ถึงการทรมานอะไร มันไม่ใช่ต้อหินมันเป็นต้อกระจก มันก็มัวบ้าง แต่มันไม่ชัดเต็มที่เท่านั้นเองแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็พอได้เพิ่มแสงสว่างเอา แสงสว่างมากก็พร่า แสงสว่างพอดีก็ชัด ก็ใช้งานได้ ไม่มีปัญหา ใช่ เจตนาทำตามประสงค์ วสวัตตีโก ผู้ที่กำหนดมีอำนาจเหนือ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ ไปได้ตามความต้องการ 

ใช่ ไม่ทำงาน ของพระพุทธเจ้าวิญญาณทำงานเต็มที่ เป็นผู้ตื่นเต็ม เป็นผู้ครบพร้อมทุกอย่างเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา ไม่ดับ แต่จะดับก็ต้องหลับตา ถ้าลืมตาก็เห็นแสง มีอาโลกา มีอาโลก มีแสงสว่าง เห็น ก็เห็น จะปฏิเสธไม่เห็นได้อย่างไร คุณทำตาให้ไม่เห็น คุณก็เข้าไปอยู่ในภวังค์ มันก็ผิด เพราะฉะนั้นคนที่มี จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก 5 ประการนี้ มันก็เห็นครบ ทุกอย่างเหมือนคนอื่นเขาดีๆ ได้ยินเหมือนกันหมด ได้กลิ่นเหมือนกันหมด ทวารทั้ง 5 เขาเห็นอย่างไรก็เห็นเหมือนกันกับเขาหมด 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:36:04 )

ตระกูลศรัทธากับตระกูลปัญญา 

รายละเอียด

ทำให้มันลดน้อยลงไปได้ คน 2 ตระกูลที่เป็นตระกูลศรัทธากับตระกูลปัญญา ตระกูลศรัทธาก็จะเป็น สังขิตฺตํจิตตํ ส่วนตระกูลปัญญาก็ วิกตฺตํจิตตํ ตระกูลศรัทธาก็เป็นก้อนตีไม่แตก ส่วนตระกูลปัญญาก็แยกกระจายออกไปมากจนจับไม่ติด ฟุ้งซ่าน เป็นสายถีนมิทธะ กับสายอุทธัจจะกุกกุจจะ 2 ตระกูล

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2566 ( 14:40:07 )

ตรัสรู้

รายละเอียด

1. การเกิด การตายทางวิญญาณของพระพุทธเจ้า

2. เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความหลุดพ้น เพื่อความหมดอาสวะ

3. ความสามารถเข้าขั้นมีวิชชา หรือความสามารถของจิตมีทั้งความฉลาดและทั้งทำงานถึงขั้นลดละกิเลสได้จริง ขั้นบรรลุมรรคผล

4. ความรู้หรือปัญญาที่บรรลุธรรมของพุทธ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 5

ทางเอก ภาค 3 หน้า 21

อีคิวโลกุตระ หน้า 68

เปิดโลกเทวดา หน้า 75


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:21 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:35:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:36:19 )

ตรัสรู้

รายละเอียด

ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น เอาภาษาก่อนแปลภาษาก่อน 1.คำว่าตรัส  2.คำว่ารู้ 

คำว่า รู้เป็นของพระพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าทรงรู้หรือได้บรรลุธรรมได้รู้จบรู้ถ้วนรู้เป็นสัมมาสัมโพธิญาณ ญาณคือความรู้  รู้สัมมาสัมโพธิมาแล้ว แล้วเอาความรู้นั้นนั้นๆแหละมาตรัส เรียกรวมความก็ว่า คำตรัสรู้หรือความตรัสรู้ ถ้ามาเรียกโดยคำว่า คำ ก็เรียกว่าตรัสรู้ เน้นที่ตรัสคำ ถ้าไปหมายความถึงความตรัสรู้ ก็ไปเน้นที่ รู้ ความก็ไปเน้นที่รู้ คำก็มาเน้นที่คำตรัส เท่านั้นเอง 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะมาตรัสหรือมาพูดหรือมาอธิบายมาขยายความมาประกาศ พระพุทธเจ้าท่านมีของท่าน เรียกว่า ความตรัสรู้ เป็นของพระองค์เอง ที่เรียกว่าเป็นของพระองค์เองนั้นก็คือ สิ่งนั้นได้ติดเข้าไปในจิตวิญญาณ ฝังลึกเข้าไปจนกระทั่งติดจิตวิญญาณตนเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:35:00 )

ตรัสรู้คือรู้ตามคำสอนคำตรัสของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ตั้งแต่โลกอบาย โลกกาม โลกรูปโลก อรูปโลก ครบหมดทุกโลก ไม่มีโลกใดเหลืออีกแล้ว คุณก็เป็นพระอรหันต์ คุณยังไม่ตายคุณยังมีโลกที่คุณจะอาศัยอยู่ เกิดหมุนเวียนอยู่ในโลกนี้ไป และเป็นผู้ที่ได้ภูมิธรรม ขั้นอรหัตตผล ได้แล้วมันต้องได้จริง สัมมาทิฎฐิจริงมีมรรคมีผลสมบูรณ์จริง มันจริง มันไม่ใช่พูดด้วยปาก ไม่ใช่เหลาะแหละ เป็นเรื่องจริง ทำอย่างให้ชัดเจนด้วยความรู้ และปฏิบัติให้ตรงตามความจริงนั้นให้ครบบริบูรณ์เถอะ แล้วคุณจะยืนยันได้ ค่อยๆศึกษาไป 

เพราะฉะนั้นคุณเมื่อได้แล้ว คุณผาหินงงๆ ที่ว่า จักษุ ปัญญา ญาณ ​วิชชา อาโลก มันยังไง คือเวลาตรัสรู้ จะต้องตรัสรู้ด้วยตาเปิด จักษุ ต้องมี ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก เห็นอยู่มีแสงสว่าง(อาโลก) แล้วปฏิบัติให้เกิดปัญญา ญาณ วิชชา นี่คือการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่จะบรรลุธรรม การรู้ตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า คือการตรัสรู้คือรู้ตามคำสอนคำตรัสของพระพุทธเจ้า การจะตรัสรู้ได้ต้องมีครบองค์อย่างนี้ จักษุ ปัญญา ญาณ ​วิชชา อาโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:21:31 )

ตรัสรู้ที่แท้จริงหมายถึงอย่างไร

รายละเอียด

แต่พระพุทธเจ้าระลึกได้ว่าท่านมีเรียบร้อยมีจรณะ 15 วิชชา 8 บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ถึงได้ออกมาประกาศ หรือตรัส หรือพูด คือ เอาความรู้นี้มาพูด จึงเกิดคำพูดที่ พูดถึงเรื่องโลกุตรธรรมขึ้นมา คำพูดที่พูดถึงโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า รวบ สรุปเป็นคำสั้นๆว่าตรัสรู้ 

คำว่า ตรัสรู้ หมายถึง ความรู้โลกุตรธรรมของศาสนาพุทธหรือของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะตรัสรู้เรื่องโลกุตรธรรมมีทุกพระองค์ เมื่อระลึกรู้ตัวว่าเรามีสัมมาสัมโพธิญาณ จึงเริ่มต้นสอนพระสูตรแรกคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร กับพราหมณ์ 5 รูป สอน เป็นพระสูตรแรกของโลกในศาสนาพุทธ ตอนเป็นพระสมณโคดม 

สอนเสร็จแล้ว โกณฑัญญะสามารถรู้ได้ เข้าใจได้ พอ โกณฑัญญะรู้ได้ พระพุทธเจ้าก็ทรงหยั่งรู้จิตของโกณฑัญญะว่า โกณฑัญญะมีอัญญธาตุเกิดขึ้น เพียงพอที่จะเรียนรู้โลกุตรธรรม อัญญาสิวตโภ โกณฑัญโญ คำอุทาน

อัญญา แปลว่าความรู้ แบบมี อัญญธาตุ อัญญาสิวตโภ (เจริญ) โกณฑัญโญ ปัญญาความรู้มี อัญญธาตุ เกิดขึ้นในจิตโกณฑัญญะแล้วหนอ โอ! อัญญาสิวตโภ โกณฑัญโญ จึงอุทานเช่นนั้น 

คำว่า อัญญธาตุ จึงเป็นธาตุ ความรู้อื่น อัญญะแปลว่าอื่น ไม่ใช่อันนี้ โลกอื่น โลกหน้า โลกนี้กับโลกอื่น โลกหน้า มันคนละอันกัน ดาวคนละดวง ภาษาคนละภาษา รูปร่างหน้าตาองค์ประกอบในชีวิต คนละเรื่องกัน ต่างกันคนละเรื่อง คนละโลก  คนละดวงดาว

พระพุทธเจ้าก็เริ่มต้นสอนจากธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร อาทิตตปริยายสูตร โกณฑัญญะก็บรรลุโสดาบันในกัณฑ์แรก และบรรลุอรหันต์ในกัณฑ์ที่ 2 ต่อจากนั้นพราหมณ์อีก 4 รูปจึงศึกษาเพิ่มเติมมีปัญญาข้อที่ 2 3 4 นี่คือประวัติตำนานลำดับที่ไล่เรียงให้ละเอียด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:45:14 )

ตรัสรู้สิ่งสำคัญที่สุดในความเป็นคน

รายละเอียด

นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จิตตรัสรู้สิ่งสำคัญที่สุดในความเป็นคน เป็นคนต้องรู้จักจิตวิญญาณ รู้จักธรรมะ 2 เทวะ พยายามระงับกายกรรม วจีกรรมที่จะทำให้เกิดการกระทบ การขัดแย้งมีมุมมีเหลี่ยมกันอยู่ก็ลดลงมาก็เข้าใจกัน ที่อย่างหยาบๆเลวๆของชาวอโศกนั้น เราลดลงไปไม่มีในสังคมเรา 

เราก็อยู่อย่างละเอียด อยู่อย่างนิ่ม อยู่อย่างอ่อนโยน อยู่อย่างสุภาพนี่แหละเป็นสังคมสูงสุดแล้ว 

ขณะนี้ใครได้ยินเสียงหายใจของคนไหม ไม่มีเสียงใครเลย มีแต่เสียงหายใจ ใครสามารถได้ยินเสียงหายใจได้ เห็นไหม สังคมที่เงียบสงบ มีคนอยู่เป็นร้อยหลายร้อยอาจจะไม่ถึงพันตอนนี้ ยังเงียบสงบอย่างนี้ มันไม่ใช่สังคมที่จะหาง่ายๆ มีอะไรดึงความสนใจ ก็มีหลวงปู่พูดอยู่คนเดียว เป็นจุดแห่งความสนใจ เป็นจุดรวมความสนใจ คนที่ไม่สนใจบ้างก็แล้วไป แต่คนสนใจมีอยู่เกือบทั้งนั้นเยอะและรับฟังรับรู้รับความเข้าใจ ก็ฟังก็ได้ประโยชน์จากที่ฟังอันนี้ 

พวกเราเรียนมา 6 ปีอย่างน้อยแต่ละคน บางคนซ้ำชั้น บางคนมีอะไรเรียนต่อก็มี ก็อยู่ ยิ่งคนเข้าใจว่าสังคมนี้เป็นสังคมที่พอแล้ว ข้างนอกเราเข้าใจแล้ว ไปดิ้นรนเพิ่มความรู้เพิ่มสมรรถนะอะไรเอามาให้ชีวิตเพื่อที่จะ รวยลาภ รวยยศ รวยสรรเสริญขึ้นไปอีกไม่เอาแล้ว ผู้ใดเห็นอย่างนั้นก็หยุดก็พอจบ ไม่เอาแล้ว 

เมื่อไม่เอาแล้วก็อยู่กับหมู่ อยู่กับหมู่ก็อยู่กันไป มีงานมีอะไรรับผิดชอบก็ช่วยกันไป ไม่เห็นแก่ตัว รู้พัก รู้เพียรขยันทำงานสร้างสรรไป มันก็เป็นสถานที่ที่จบกิจ สถานที่ที่มีเศรษฐศาสตร์มีรัฐศาสตร์ที่จบกิจ 

เศรษฐศาสตร์ก็คืออยู่กันอย่างมีการสร้างสรร มีอาศัย พออยู่พอกิน เหลือกินก็แจกจ่ายเกื้อกูลออกไปแก่ที่อื่น การเป็นอยู่ของพวกเรา ผู้บริหารก็ไม่มีความลำบากอะไร บริหารง่ายเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายมักน้อยสันโดษ มีวรรณะ 9 จริงๆ สบายที่สุดเลยเป็นสังคมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเอามาเป็นทฤษฎีหลักสูตรให้เรียนรู้ประพฤติ สำเร็จ 

หลวงปู่ดีใจและภูมิใจมากที่เกิดมาในชาตินี้เอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามา มาอธิบายแล้วก็มาทำให้พวกเราสนใจ แม้แต่พวกเราเด็กๆก็เข้าใจ และสามารถปฏิบัติประพฤติได้ สอบได้ใบคะแนนเกียรตินิยมทั้งนั้นเลย เรียบร้อยสอบได้ชั้นดีมาก 

แสดงว่าคนเรานี้ไม่ว่าในยุคไหน ก็สามารถที่จะพัฒนาให้เป็นคนที่ดีตามสมมุติของโลกได้ ในที่สุดไม่ใช่สมมติของโลกแต่เป็นความจริงของจิตวิญญาณคือรู้สุขรู้ทุกข์ แล้วก็ไม่เดือดร้อนในความทุกข์ไม่หลงใหลในความสุข อยู่อย่างที่สบาย มันไม่ตรงกันทีเดียวต่างกันเล็กๆน้อยๆตามสภาพ 

ส่วนคนที่เขายังติดยึดอยู่มาก ต้องการจัดจ้าน ต้องการมากต้องการใหญ่ เขาก็แย่งกัน เพราะฉะนั้นช่องว่างระหว่างความต้องการมันกว้าง มันใหญ่เกิน เขาก็ไม่สงบ แต่พวกเรานี้สงบอบอุ่น สบาย 

นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และพาทำ หลวงปู่ก็เข้าใจอย่างนี้แล้วพาพวกเราทำอย่างนี้ ใครจะไปทำอย่างอื่น จะไปพาคนหาเงินให้ได้มากๆ จะพาคนสร้างอำนาจให้ได้ใหญ่ๆ จะพาคนสร้างอาวุธให้เก่งๆ ก็เชิญไปเถอะ 

เรามาสร้างอาหารให้เก่งๆ แข่งกัน ใครจะสร้างอาวุธเก่งก็ช่างศีรษะเขา เรามาสร้างอาหารให้มากๆ เป็นอาหารที่ดีๆมีปริมาณมาก กินใช้อยู่ในนี้อุดมสมบูรณ์ในชีวิตเรา แจกจ่ายเครือแหเผื่อแผ่ผู้ที่ควรเผื่อแผ่ออกไป ได้กว้างเท่าไหร่ก็เท่าที่เราสามารถมีความสามารถที่จะทำได้มีสมรรถนะสูงเท่าใด เราก็ทำไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:23:22 )

ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์

รายละเอียด

วันที่นั่งใต้ต้นโพธิ์ พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิบัติธรรม นั่งใต้ต้นโพธิ์ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม ยิ่งไปเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านไปนั่งใต้ต้นโพธิ์แล้วก็เข้าสมาธิ ก็ได้เข้าอยู่นะ เข้าสมาธิ จะบอกว่าเข้าไประลึกได้ เข้าไประลึกได้ในวันนั้น ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ที่ท่านนั่งใต้ต้นโพธิ์วันที่ท่านจะรู้รอบทั้งหมดว่า ท่านคือพระพุทธเจ้ามีสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้ว พร้อมมาแล้ว มีสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้ว 

เพราะพระพุทธเจ้า 6 ปีที่อยู่บำเพ็ญนั้นพอวันสุดท้าย พอวันที่นั่งใต้ต้นโพธิ์ 15 ค่ำเดือน 6 ได้ระลึกชาติตั้งแต่ยามแรก ยามสอง ยามสาม ก็ชัดเจนหมดทุกอย่างเลยว่า อ๋อ…ท่านเป็นผู้ที่มีสัมมาสัมโพธิญาณอย่างนี้อย่างนี้ก็ของท่านนั่นแหละเท่าที่ระลึกได้ 

การระลึกความรู้ขึ้นมา มันก็ไม่ได้ทันทีหรอก ได้แล้วท่านยังไปทบทวนระลึกอีก 49 วันต่อจากนั้น จึงขึ้นมาอีกไม่ใช่น้อย แล้วก็จึงเริ่มต้นเปิดเผย เริ่มต้นสอน เริ่มต้นอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:23:44 )

ตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 คือรู้ตัวเอง

รายละเอียด

จะบอกว่าท่านตรัสรู้ ท่านก็รู้ตอนนั้นในร่างเจ้าชายสิทธัตถะ รู้ว่าเราเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้วแต่ก่อนมา จะเรียกอันนี้ว่าตรัสรู้ท่านก็ตรัสรู้มาแล้ว มาก่อน ท่านไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมอะไร การไปนั่งหลับตาปฏิบัติตามฤาษีเป็นทางผิดตั้ง 6 ปี ท่านออกมาอยู่ในป่าปฏิบัติตามแบบ ลิงลมอมข้าวพอง เขาพาปฏิบัติ ท่านก็ทำได้อย่างอุกฤษฏ์เกินกว่าเขาที่เขาทำมาด้วย แต่ท่านก็ไม่ได้บรรลุอะไร ท่านก็มานั่งตรวจสอบ ยามหนึ่งยามสองยามสาม รู้ว่าเราได้ปฏิบัติมาครบหมดแล้ว ท่านก็รู้ตัวเองว่าท่านนี่แหละเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะบอกว่าท่านตรัสรู้ท่านก็คือรู้ตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน สมณพราหมณ์ผู้มาเปิดเผยสัมมาทิฏฐิของพุทธ


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:19:03 )

ตราบใดไม่สิ้นอาสวะก็ต้องถามผู้รู้ไปเรื่อยๆ

รายละเอียด

ผู้รู้ที่มีปัญญาก็จะตอบได้ ผู้ที่มีปัญญาเป็นไก่ตัวพี่จะมีมากกว่าจริงๆ อย่างเช่นพระพุทธเจ้าท่านจะบอกว่าท่านเป็นไก่ตัวพี่ ทุกคนต้องไปถามท่าน  พอมายุคนี้ 2,500 กว่าปี อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ต้องมาถามอาตมา เพราะฉะนั้นผู้ที่ชัดเจนแล้วว่า เรายังไม่รู้ก็ไปถามท่านเถอะ ท่านที่เป็นไก่ตัวพี่จริงๆก็จะบอกให้ได้ 

ผู้ที่มีปัญญามากกว่ามีอยู่จริง ถ้าไม่มีเราก็ไม่รู้จะไปถามใคร ผู้ที่ไม่มีอคติเห็นความจริงและเป็นผู้ที่มีปัญญาจริงก็เป็นจริง ก็ได้เกิดถ่ายทอดกันไปเกิดการสืบทอดธรรมะ สืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้าไปได้เรื่อยๆ พวกคุณก็เกิด ปรับปวาทะ ก็เกิดได้มีความรู้จากวาทะเป็นสภาพอื่นที่สื่อสภาวะทำไปให้รู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

จนกว่าจะสาธยายบอกจะจำแนกจะทำให้แจ้งให้แก่ผู้อื่นต่อ พระพุทธเจ้าตอบมารอย่างนั้น เราถึงจะปรินิพพาน มารเอ๋ย ถ้าสาวกผู้สืบทอดยังไม่สามารถ ปรับปวาทะ ขยายความ สามารถจำแนกแจ้งบอกให้แก่ผู้อื่นได้ เราก็ยังไม่ปรินิพพานนะมาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 21:42:37 )

ตรีตา หรือ 3 ตา

รายละเอียด

ตีตรา กับ ตีตา หรือ ตรีตา 

ตีตรา คือ ถูกประทับแล้วว่าเป็นเช่นนี้

ตรีตา หรือ 3 ตา มีตาเนื้อที่รู้เหมือนกับสัตว์โลกเขารู้ได้ทั้งหมด หรือสามารถรู้แบบทิพย์ แบบประหลาด magical ที่คนมันไม่ได้ ยากเหมือนกันแต่ไม่ใช่ความรู้ที่เป็นไปเพื่อความละหน่ายคลายกิเลส เฉลียวฉลาดเป็นอัจฉริยะได้จะเป็นความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกๆ 

ปัญญาตาที่ 3 จึงเป็นไปที่ความละหน่ายคลาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:03:27 )

ตรีมูรติ

รายละเอียด

ตามปุคคลาธิษฐานหมายถึง พระพรหม – พระนารายณ์ – พระศิวะ ส่วนโดยปรมัตถ์หมายถึง จิต เจตสิก – รูป – นิพพาน

หนังสืออ้างอิง

จากยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 350


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:54 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:35:39 )

ตรีมูรติมี พระศิวะ พระราม พระพรหม

รายละเอียด

ผู้ปราบบางทีก็แย่งกันระหว่างพระศิวะกับพระราม ท่านแย่งกันเป็นผู้ปราบ ผู้ที่เป็น กลางเรียกว่าพระพรหม ตรีมูรติมี พระศิวะ พระราม พระพรหม ก็แย่งกันไม่เป็นไร แย่งกันเพื่อที่จะช่วยมนุษย์ พระศิวะช่วยในลักษณะปราบ พระรามช่วยในลักษณะสร้างสรร ส่วนพระพรหมก็เป็นกลาง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:08:15 )

ตลอด 50 ปีทำงานหนักมากด้วยเหตุใด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำว่าบุญ ความหมายคำว่าบุญทุกวันนี้มันไม่รู้จักความหมายที่แท้จริงกันแล้ว ไปตีค่าคำว่าบุญนี้เท่ากับกุศล ซึ่งมันผิดเพี้ยนไปหลายพันปีมาแล้ว  มันก็เลยยาก อาตมานำมารื้อฟื้นจึงเป็นงานหนักมาก 50 ปีนี้  ถ้าไม่ใช่โพธิรักษ์โพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมาทำงานมา 50 ปีนี้หนักมากเลยนะในตลอด 50 ปีทำงานหนัก แล้วอาตมาร่างกายจะทรุดโทรมกว่านี้อีกเยอะเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:12:58 )

ตลอดทางสายยาวของมนุษยชาติ เราอาจไม่มีวันเลิกทาสได้

รายละเอียด

อันนี้เป็นความจริงชนิดหนึ่ง ทุกวันนี้ยังมีทาสอยู่ แม้แต่ในชาวอโศกก็ยังมีทาส ถ้าเข้าใจความเป็นทาสคือยังตกเป็นทาส ตกเป็นทาสความอร่อย ตกเป็นทาสกิเลสอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พวกเราไม่เป็นทาสตัวตนบุคคลแล้วล่ะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:49:40 )

ตลาดของชาวอโศก

รายละเอียด

งานปีใหม่นี้ก็มีคนมาขายของ มีคนเอาของมาขายเขาก็ใช้เป็นที่ขาย เป็นที่ที่จะสะพัด เขาขายเขาสร้างแล้ว เราไปสร้างตลาดให้เขา ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อหาเงิน เขามาขายเขาเห็นสถานที่ เราก็ดูแลจัดสรรให้เข้าที่เข้าทางเป็นจราจร ให้อยู่สถานที่เป็นหมวดหมู่ เป็นนักเทศกิจหน่อยดูแลช่วยกัน อาตมาเห็นปีนี้ ระวังแต่สิ่งที่เราจะไม่ให้เขาเอามาค้าขายคือสิ่งที่เป็นเนื้อสัตว์สิ่งที่เป็นมอมเมา เป็นของเป็นพิษ เป็นมิจฉาวณิชชา 5เอาสัตว์เป็นมาขาย เอาสัตว์ตายมาขาย เอาอาวุธมาขาย เอาสิ่งที่เป็นของมอมเมามาขาย เอาสิ่งเป็นพิษมาขาย นอกจากนั้นก็เอามาขายได้ ต่อไปที่นี่ก็จะเป็นตลาด ที่นี่จะเป็นที่รวมไม่ว่าทางบกทางน้ำ ก่อสร้างสนามบินสิ อาตมาคงไม่มีวาสนาสร้างสนามบินละมั้ง ดีไม่ดีสร้างสถานีรถไฟหัวกระสุน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:03:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:38:57 )

ตลาดบวรในราชธานีอโศก

รายละเอียด

เราจะมีสินค้าทั้งสินค้าแห้ง สินค้าสด แจกฟรีได้ สำหรับสินค้าสดทั้งแห้งมีทุกระดับเป็นตัวอย่าง ของแจกฟรีก็มีประจำ ของขายต่ำกว่าทุนก็มีประจำขายเท่าทุนก็มีประจำ ขายเกินทุนบ้างก็มี ที่เราทำได้เพราะพอมีพออยู่ เหลือกินเหลืออยู่ เราจึงได้เสียสละได้ขาดทุนได้เพราะเรามีเหลือกิน ชีวิตของเรามีแรงงานมีความรู้ความสามารถผลิต กินอาศัยเหลือ ร้อยคนพันคนหมื่นคน มีพลังงานมีพลเมืองมากเราก็จะผลิต ในสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่เป็นสาระเป็นเหตุปัจจัยของชีวิต ที่ต้องอาศัยนี้แหละ ก็จะเป็นตลาดหรือเป็นสถานที่ที่มาพักผ่อนรื่นรมย์ ให้คนไปคนมา เป็นสังคมที่หมุนเวียนอย่างอบอุ่นน่าอยู่น่าไปน่ามา เด็กๆหรือผู้ใหญ่

หมู๋บ้านราชธานีอโศก = อาตมาทำสวนน้ำพวกนี้ไม่ได้ตั้งใจให้เด็กๆมาพักผ่อนเล่นน้ำ ตั้งใจจะให้ผู้ใหญ่มา แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่กล้า จะมาอาบน้ำอาบท่าก็มาเลย เหมือนหาดทราย ที่นี่หาดทราย ริเวอร์ราชฯ  คนข้างนอกก็มาขายได้ พวกเราเองก็มาขายได้ ช่วยดูแลอย่าให้ขายสิ่งที่เป็นพิษ สิ่งที่เป็นสิ่งมอมเมาๆ สิ่งที่ไม่สมควรก็บอกกัน พยายามจะรักษาเป็นตลาดที่ขายสิ่งที่ดี สิ่งที่เหมาะควรก็มาขายเป็นตัวอย่างเขาอยู่กันอย่างเป็นสัดส่วน พวกเราจะได้จัดสรรกันไป ขายต่ำกว่าราคาท้องตลาดก็ได้ จะสูงกว่าราคาตลาดเขาบ้างก็ได้ แต่ก็พยายามให้ต่ำกว่าราคาตลาดให้ได้เสมอจนลดลงจนเท่าทุน ขายเท่าทุนก็อยู่ได้ อาตมาจะแนะนำให้นิดหน่อย คุณไปซื้อของแล้วเอามาขายในตลาดนี้ แล้วก็มากินข้าวกินน้ำที่บ้านราช เสร็จแล้วพรุ่งนี้คุณก็เอามาขายใหม่ แต่ก็กินอยู่ในนี้ แนะนำให้ ก็พอมีให้อาศัยกินได้อยู่ ถ้ามันไม่มีไม่พอเขาก็จะพูด ไม่มาทำ ไม่มาช่วยปลูกแล้วมากินเขาก็จะว่าเอง แต่ถ้ายังมีเหลือเขาก็ไม่ว่าหรอก เอาสิ เห็นไหม อย่างนี้แหละดี อาศัยใช้สอยกินอยู่มีชีวิต ในสิ่งที่สร้างทำขึ้นมา เป็นพี่เป็นน้อง ไม่คิดมาก ไม่มีเรื่องมากอะไร ก็อยู่กันกินช่วยกันทำ ช่วยกันกินไป มันขาดแคลนก็ช่วยกันสร้าง อาตมาว่าก็จะมีคนขึ้นมาอยู่กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จะมีแผ่นดินให้ปลูกสร้างหรือแม้แต่จะมาสร้างบ้าน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:05:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:40:30 )

ตลาดประชารัฐ

รายละเอียด

ตลาดที่สร้างให้ประชาชนมาอาศัยขายของได้ ถ้ามีหลักเกณฑ์ 4ห้าม 3ต้อง เราทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อหาเงินทองอะไรทำด้วยความจริงใจ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:44:54 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:54 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:45:00 )

ตลาดอาริยะ

รายละเอียด

อุดมการณ์ "ตลาดอาริยะ"

1.กำไรของชีวิต การ "ให้" การ"เสียสละ"
2.สินค้าที่ขายต้องขายต่ำกว่าทุน(ยอมขาดทุนนั่นคือ เสียสละ)
3.เจตนาได้ให้ผู้ซื้อสินค้าได้แสดงน้ำใจเปิดโอกาสให้ผู้อื่นซื้ออย่างแบ่งปันไม่โลภ

หนังสืออ้างอิง

สรรค่าสร้างคน


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 13:43:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 07:12:14 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:46:05 )

ตลาดอาริยะเกิดจากสาธารณโภคีที่ชาวอโศกพิสูจน์ได้

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก เขายังสนุกสงกรานต์กันอยู่นะวันนี้ยังครื้นเครงกันอยู่ แต่พวกเรานี่ก็ครื้นเครงกันในตลาดอาริยะ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว โอ้โห วันนี้ก็ยังมาก แต่ 3- 4 โมงก็เบาแล้ว พรุ่งนี้มีอีก 1 วัน ยังเหลือสินค้าอยู่อีกหน่อยนึง ใครยังไม่ได้มา มาเลย สินค้ายังมีอยู่ คนสนุกสนานมากันเป็นหมื่นๆ รถจอดกันเป็น 5 พันกว่าคันโอ้โห มากันเป็นรถตู้ รถปิคอัพ รถเก๋งมากันเต็ม มันก็สนุกสนานกันไป เราสนุกสนานกันที่ได้เอื้อเฟื้อเจือจานแจกจ่ายกันไป

มันเป็นความจริงใจที่คนมีปัญญา คนไม่เห็นแก่ตัว คนไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ ที่จริงคนพอมีปฏิภาณรู้ว่ามันดี คนที่ไม่เห็นแก่ตัว คนที่ช่วยเหลือผู้อื่น เกื้อกูล เต็มใจทำ แล้ว สุดท้ายเราก็เป็นคนมาเป็นคนจน มาเป็นคนไม่ต้องมีมาก มีไว้น้อยๆ 

อาตมาก็เคยเทศน์มา ย้ำซ้ำซากไม่รู้กี่ทีแล้ว คนที่มีปัญญาแล้วก็มั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมั่นใจในหมู่กลุ่ม มีมวลสังคมมนุษย์ที่มีความเห็นร่วมกัน มีความเข้าใจ เหมือนกัน ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ลดกิเลสมาได้มากบ้างน้อยบ้างเหมือนกันจริงๆ มันจึงเป็นสังคมสาธารณโภคีได้ อย่างที่ชาวอโศกเป็นมา 50 ถึง 60 ปีแล้วเท่าที่อาตมาทำงานศาสนามาตั้งหมู่บ้านชุมชนมาก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงมาตลอด ตั้งแต่เริ่มมีชุมชนมีหมู่บ้าน เป็นหลายชุมชนหมู่บ้านเกิดหมู่บ้านมันก็เป็นสาธารณโภคีมาตลอดเลย 

ซึ่งเรื่องของเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์แบบสาธารณโภคีนี่แหละ เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงทำให้เกิดปรากฏการณ์ในโลก ในประเทศไทย ในคนไทยขึ้นมา 

จนกระทั่งทุกวันนี้ 40-50 ปีแล้ว คนข้างนอกเขาก็ยังไม่ไว้ใจ ยังไม่เชื่อถือเท่าไหร่นัก เขาก็รู้ว่ามันดี เสียสละจนกระทั่งไม่เป็นคนรวยเลย  มาเป็นคนจนมีเท่าไหร่ก็เสียสละช่วยกัน กินอยู่มากน้อยเขาก็รู้สันโดษเขาก็รู้ 

แต่เขาไม่เชื่ออาตมา ว่าอาตมานี้เป็นคนจริง เป็นผู้สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้ามาจริงๆ แล้วเอาทฤษฎีพระพุทธเจ้ามาให้ปฏิบัติจริง จนกระทั่งเกิดผลจริง เขายังเชื่อกระแสหลัก เขายังเชื่อส่วนใหญ่ 

อาตมาว่ามีน้อยนี้มันก็เป็นยอดพีระมิด ...พ่อครูถามน้องปุ้ย(จากสปป.ลาว) ว่า พีระมิด ฮู้บ่ ข้างล่างมันใหญ่ ทางยอดมันเล็ก  แหลมๆน้อยๆ ฐานมันมาหาข้างล่างมันก็ใหญ่ มันก็เป็นสัจธรรมที่ไม่ใช่รู้ยากรู้เย็นอะไร เพราะว่าคนจะเป็นคนประเสริฐเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนที่ลดกิเลสได้จริงๆ มันไม่ใช่ง่าย แต่มันจริงได้ เพราะมันจริงมันถึงเป็นปรากฏการณ์ที่จริงที่ดี 

เอาละ..ไม่มีปัญหาอะไร เราเองได้แล้วก็อาศัยไป ชีวิต ของเรา ก็ได้ ไป   ข้ามชาตินี้ชาติหน้ามันก็จะมีไปเรื่อยๆ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็สุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:56:22 )

ตลาดอาริยะเป็นการช่วยเศรษฐกิจประเทศเศรษฐกิจโลก

รายละเอียด

จริง ในโลกขณะนี้ไม่มีที่ไหนที่จะมีเจตนาจริงบริสุทธิ์ใจ ที่จะทำตลาดอาริยะ เพื่อช่วยมนุษยชาติให้เขาได้มีเครื่องกินเครื่องใช้ เพราะว่าเราไม่ได้ไปหาเครื่องเล่น  เครื่องประเทือง เครื่องบำเรออะไรมาขาย เราขายแต่สิ่งที่เป็นสาระ เขาก็ได้มาอาศัยซื้อราคาถูกเอาไปใช้งาน มันเป็นการช่วยเศรษฐกิจให้แก่สังคม ให้แก่ประเทศ ให้แก่มนุษยชาติ เป็นการช่วยเศรษฐกิจ เหมือนรัฐบาลช่วย รัฐบาลแจกเงินไปแล้วเขาเอาไปทำเอง จะไปหาอั้นนั้นอันนี้แจกให้ทีเดียวมันก็ละเอียดเกิน แต่พวกเราอยู่ในพื้นฐานมวลมนุษยชาติก็พอรู้ว่าเครื่องใช้สำคัญ เครื่องกิน เครื่องใช้ที่สำคัญจริงๆเป็นสาระเป็นปัจจัยชีวิต เราก็หาสิ่งนั้นมาบริการกันเราก็ทำอยู่อย่างนี้ 

แล้วก็ทำมานานตั้งแต่อาตมาพาทำงานศาสนามา ทำตลาดอาริยะมา 40 กว่าปี 40 กว่าครั้งแล้ว ที่จริงมากกว่า 40 ครั้งที่ไม่ได้นับครั้งย่อยๆอีก เราเคยทำมาในจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ ไม่ได้ทำส่วนกลางที่เดียวก็เคยทำ 

ก็เป็นความรู้ของเราที่รู้ว่าเราช่วยมนุษยชาติเสียสละอย่างนี้แหละ สังคมก็จะได้ค่อยยังชั่วขึ้น เหมือนกับรัฐบาลมีหน้าที่ช่วยสังคมเป็นการช่วยเศรษฐกิจสังคมโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:43:35 )

ตอน GDP แบบพุทธที่เห็นแตกต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมหรือผู้ยังนับถือพระเจ้า ตอนที่ 2 ประเด็นที่ 1

รายละเอียด

เอาที่เขียนมาอธิบาย ... GDP มันก็เป็น“รายได้มวลรวม”ที่ไปนับเอา“รายได้”จากที่ขาย“ผลผลิต”ออกไปให้แก่ต่างประเทศโน่นมา “รวมเป็นรายได้ปนเปเข้าไปด้วยอีก” แล้วหลงผิดนับว่า เป็น“รายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ” ซึ่งไม่ใช่ที่อาตมาหมายเรื่องGDP 

GDP อย่างเข้ม ต้องเอาเฉพาะภายในที่เป็นผลผลิตภายในเท่านั้น อย่าเอาจากที่เราส่งไปขายต่างประเทศได้ หรือจากคนไทยที่อยู่ต่างประเทศเอารายได้ส่งเข้ามาให้ในไทย มารวมเป็นมวลรวมด้วย อย่า อาตมาเข้มตรงนี้ว่า Domestic หรือ รายได้มวลรวมประเด็นที่ 1 ตรงนี้ แต่เขาไม่ได้คิดกันอย่างนี้หรอก เขาคิดรวม อาตมาก็เลยเอาแบบของอาตมาบ้างว่าเป็นอย่างนี้ แล้วมันจะทำได้สูงสุดเพราะคุณภาพของคน คุณภาพของคนที่ไม่มีกิเลส เสียสละเป็นที่สุด มีใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ 

เพราะฉะนั้นเสียสละเมื่อคนไทยหรือชาวอโศกเป็นต้น ชาวอโศกพออยู่พอกิน ทำได้มาก ทำได้เกิน ก็สะพัดส่วนมากส่วนเกินออกไปสู่คนอื่น ขายก็ขายขาดทุนได้ เพราะเราไม่ขี้โลภ แจกฟรีก็แจกได้ เราถือว่าเป็นความดีงามของมนุษยชาติ เป็นความเจริญของมนุษยชาติเป็นความประเสริฐความพัฒนาขึ้นของคน 

เพราะฉะนั้นเราทำได้จริงก็จึงยืนยันมั่นใจว่าเราทำได้จริง 

เพราะฉะนั้นถ้าไปสำคัญตรงนี้ รวมตรงนี้ผิด มันจะไปกระทบความงามคุณงามความดีของคน จะทำให้สูง เจริญยิ่งกว่านั้นในประเด็นสุดท้าย ปลายๆไม่ได้ คืออะไรคอยติดตาม

อาตมาก็ถามประโยคต่อไปว่า ...มันสำคัญผิดไปมั้ย? พินิจดูกันให้คมๆ แม่นๆ ชัดๆ กันเถิด พินิจกันลึกๆชัดๆคมๆแม่นๆแล้ว จะเห็นว่า ที่ว่า“รายได้มวลรวมในประเทศเท่านั้น” หรือจากภาษาที่ว่า Gross Domestic Product นี้ มันเป็น“รายได้มวลรวม”คือ Gross ที่ถูกต้องตรงตามความกำหนดหมายกันแล้วหรือไม่ใช่? มันเป็น“รายได้มวลรวม”ที่เกิดขึ้น“เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น”จริงหรือ?

มันต้องเอา“รายได้ที่เกิดขึ้นจากการนับ‘รายได้’อันได้ขายผลผลิตของไทยที่ไทยผลิตขึ้นได้”กันในประเทศ”เท่านั้นเป็น“รายได้มวลรวมจากผลผลิตของไทยเอง”ต่างหาก

ประเด็นที่ 1 นี้ จึงเป็นการหลงผิดในการขาย“ผลผลิต”ที่ควบรวม“รายได้”จากภายนอก ของ“ผลผลิต”ที่ส่งออกไปขายนอกต่างประเทศ และหรือนับเอาของคนไทยที่ไปได้ “รายได้”อยู่นอกต่างประเทศแล้วส่งเงินเข้ามาให้คนไทยในประเทศไทย ว่า เป็น“รายได้มวลรวม”เฉพาะของไทยคนไทยภายในประเทศไทยเท่านั้น ว่า เป็นการขาย“ผลผลิตไทยกันเองภายในประเทศเท่านั้น” แต่หลงว่า“เป็นรายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ”

“เศรษฐกิจ”ประเด็นที่ 1 นั้นกำหนดหมายผิดเพี้ยนตรงหลงควบรวมเอาที่“ไม่ใช่”

ภายในเท่านั้น”แท้ๆ มาควบรวมเป็น“ภายในแท้”เข้าไปด้วยอย่างสับสนอยู่ ไม่“ตรง”แท้ 

เช่นเดียวกับการเลือกตั้งที่ไปหลงแต่ตัวเลข ใช้วิธีการซับซ้อนต่างๆมานานแล้วก็ไปเอาที่การเลือกตั้ง ประชาชนส่วนมากก็ถูกลากจูงให้สำคัญผิดไปกับการเลือก โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่า ลึกๆคนนี้ดีจริงๆหรือไม่ คนนี้เป็นคนทำงานดีมีเนื้องานรับใช้ประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้โฆษณาตัวเอง ไม่ได้หาเสียงให้ตัวเองด้วย แต่เขาทำงานจริงๆเหมือนอย่างในหลวงร. 9 ทำงานจริงๆ มีเนื้องาน มีผลงานอะไรอยู่ โดยที่ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรือเปล่า ด้วยวิธีการโฆษณาหาเสียงเหมือนอย่างพวกเขาหาเสียงกัน บ๊องๆๆ กัน ฟังดีๆแล้วจะได้ความรู้ความเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:40:08 )

ตอนนี้พ่อครูขึ้นเป็นโพธิสัตว์ระดับ 8 แล้ว

รายละเอียด

อาตมาในฐานะ ตอนนี้ขึ้น 8 แล้วนะ 88 แล้ว 18 แล้ว จริง ขึ้น 8 แล้ว จาก 7 ขึ้น 8 แล้ว แล้วคุณธรรมก็เพิ่มขึ้นเป็น 88 เป็นระดับ 8 แล้ว นี่ก็บอกให้รู้นะนี่ ให้สังเกต อันนี้ก็จริงที่สุด ถ้าอาตมาไม่พูดแล้วจะมีใครในโลกนี้รู้หรือไม่ สรุปลงที่อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ถ้าไม่มีอาตมาพูด ในยุคนี้ไม่มีใครจะพูดหรอกถ้าไม่ใช่อาตมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:04:16 )

ตอนนี้ยิ่งเป็นประชาธิปไตยเต็มใบชัดเจนอีก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไป พวกทักษิณก็ยึดเอาคำว่าประชาธิปไตยเป็นของเขาไปแล้ว เขาบอกว่าพวกนี้เป็นพวกเผด็จการทหาร เขาก็จะใช้กลยุทธ์แบบนายชัชชาติ คุณซึ้งชื่อก็เป็นห่วง เป็นห่วงประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของนักเลือกตั้ง

อาตมาอธิบายหลายครั้งแล้วว่า นายกประยุทธ์เป็นนายกแบบประชาธิปไตย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เป็นนายกเลย เพราะว่าประชาชนปฏิวัติแล้วนายกมารับไม้ต่อแล้วบริหารมา มันเป็นประชาธิปไตยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เชื่อกัน จนกระทั่งมีเลือกตั้ง แล้วเขาก็เลือกนายกประยุทธ์ขึ้นมาซึ่งคู่กับธนาธรตอนนั้น ตอนนี้ยิ่งเป็นประชาธิปไตยเต็มใบชัดเจนอีก เขาก็ยังบอกว่าเป็นทหารอยู่ คือเป็นพวกตามืดตาบอดไม่มีความรู้อะไรเลย มันก็ซื่อบื้ออยู่อย่างนั้น ปึ๊กขนาดพวกนี้ ภาษาอีสานคือโง่ขนาดหนัก อยู่อย่างนั้นไม่เคยโง เคยเงยอะไรขึ้นมาเลย 

อาตมาก็บอกอย่าไปหลงคารมนะ จบ ก็มันง่ายๆชัดๆอยู่แล้ว จริงๆแล้วประชาชนยังเต็มใจยินดีที่จะให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกอยู่ พลเอกประยุทธ์ก็เต็มใจที่จะทำงานต่อ แต่ว่านักประชาธิปไตยหรือแม้แต่นักกฎหมาย ก็ไปทำกฎหมายให้บอกว่า 8 ปีไม่ให้ต่ออีกมันก็เลยยาก ก็เลยมีคนดำริว่า ควรจะแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายนั้นเสีย อยากให้นายกประยุทธ์ทำต่อ ก็มีคนดำริเห็นจริงอันนี้ แต่จะปลดล็อคได้แค่ไหนก็ไม่รู้ได้ ก็มีช่องทางกฎหมายซ้อนอยู่ ถ้าเป็นได้ ตอนนี้บอกว่าถ้าจะเป็นก็เป็นได้อย่างมากอีก 2 ปี ซึ่งเขามีกฎหมายที่เป็นบทเฉพาะกาล บอกว่าถ้าเป็นได้ก็เป็นได้อีก 2 ปี อย่างนี้เป็นต้น 

ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องบัญญัติขึ้นมาในแต่ละยุคสมัยตามควร ไม่น่าจะเอากฎเกณฑ์มาเป็นหลักใหญ่ แต่ว่าน่าจะเอาพฤติกรรมจริงของมนุษย์ ผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ เป็นนายกคือรัฏฐาธิปัตย์แทนประชาชน มีพระเจ้าแผ่นดินเป็นรัฐธาธิปัตย์องค์พระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว และก็มีอีกคู่หนึ่ง ประชาธิปไตยจะต้องมี 2 เป็นธรรมดามีทั้ง ราชประชาสมาสัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 17 มกราคม 2566 ( 12:10:54 )

ตอนนี้เศรษฐกิจดีไหม

รายละเอียด

คำว่าเศรษฐกิจดีหรือเศรษฐกิจไม่ดีนี้ลึกซึ้งนะ ชาวอโศกชาวบ้านราชเราเศรษฐกิจดีไหม (เสียงตอบ ดี) พวกเรารวยหรือจน (เสียงตอบ จน) แต่พวกเราเป็นคนจนนะ ตอบกันอย่างไม่มีสงสัยเลยมีคำตอบเดียว ไม่มีให้เลือกเลย เศรษฐกิจดีแต่เราเป็นคนจน แล้วคนจนทำไมมีเศรษฐกิจดี ...​ไม่มีหนี้ 

เงื่อนไขว่าเศรษฐกิจดีคือ 

1. ไม่มีหนี้ 

2. มีสมรรถภาพขยันหมั่นเพียรทำงาน เลี้ยงตัวเองรอด งานที่สุจริต งานที่ดี มีประโยชน์คุณค่า และเลี้ยงตัวเองรอด 

3. นอกจากเลี้ยงตัวเองรอดแล้ว ยังมีส่วนเหลือส่วนเกิน จากที่ตัวเองใช้อยู่ใช้กิน ใช้อย่างสบายแล้ว อุดมสมบูรณ์ดี ยังมีเหลือส่วนเหลือส่วนเกิน 

4. สะพัดแจกจ่ายเจือจาน เพราะมีส่วนเหลือส่วนเกินขายก็ขายราคาต่ำกว่าทุนหรือแจกได้เลย 

นี่คือเครื่องวัดเศรษฐกิจดีของผู้ที่มีความชัดเจนแล้ว แต่ทุกวันนี้นี่นักเศรษฐศาสตร์เขาเรียนทฤษฎีของเทวนิยม เขาไม่เข้าถึงเนื้อแก่นสาระของคำว่า ความเป็นอยู่ดีของมนุษยชาติของคนคืออะไร เขาไปสำคัญที่ความรวย ไปสำคัญที่วัตถุทรัพย์ แล้วเขาก็ว่าเขาฉลาด วัตถุทรัพย์นั้นสะพัด มีวัตถุทรัพย์โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้เป็นตั๋วแลกเงิน เรียกกันว่า แบ็งค์โน๊ต แล้วก็สะพัดหมุนเวียน คือมันห่างออกไปจากแก่น มันขยับเคลื่อนจากตัวแท้เนื้อแท้ออกไปไกลเลย 

สุดท้ายเขาก็บอกว่าเศรษฐกิจดี ใช้ GDP (Gross Domestic Product) เป็นเครื่องวัด GDP ก็คือ Ghost Disease Product ผีกินตับไปโน่นเลย มันต่างกันคนละโลกเลย ทางโลกเขายึดอย่างนั้น เขาก็เป็นอย่างนั้น เขายึดว่าต้องมี GDP ดี แล้วเขาก็แปล GDP Gross Domestic Product อาตมาก็อธิบายรายละเอียดของเขา เขาก็ว่าไป เขาแปลหรือให้ความหมายของมันอย่างเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ เขามี Concept อย่างนั้น เขาก็เลยแปลไปเป็น Concept ของตัวเอง มันก็ได้ความหมายแบบเขา เพราะฉะนั้นจะถือว่าดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่ Concept อยู่ที่ความเข้าใจองค์รวมของแต่ละคน 

อาตมาตอบสำหรับคุณผู้ก่อความสงบนี้ ก็คงจะถามหมายถึงสังคมประเทศไทย เศรษฐกิจของสังคมประเทศไทย ดีไหม 

อาตมาก็ขอตอบว่า สังคมประเทศไทยนี้เศรษฐกิจดีมาตลอด ไม่เคยเดือดร้อนเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เดือดร้อนไม่มีจะอยู่จะกินถึงขั้นปล้นกัน จลาจลไม่เคยมี เมืองไทยไม่เคยมี มีแต่ทำทานกันได้เผื่อแผ่กันได้ ยิ่งอยู่ย่านนี้แล้ว แถวๆ กระท่อมปันสุข พอได้เวลาก็มา เขารู้เวลาก็มารับแจกไป วันนี้วันนั้นได้ หน่อไม้ ผักปลัง นานๆ จะมีทุเรียนไปแจก จริงนะทำเป็นเล่นไป เราไม่เคยแจกถึงคนละลูก เราแจกคนละพู แต่แจกถึง 800 กิโลกรัมก็เคยมี 

เพราะฉะนั้น GDP ก็แล้วแต่ว่าคนจะมี Concept อย่างไร ประเมินไปโดยรวม อาตมาก็ว่าเมืองไทยไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจเท่าไหร่ จะบอกว่าข้าวยากหมากแพง มันไม่มีปัญหานะ 

ข้าวยากหมากแพงเป็นสำนวนตื้นๆของคนที่ไม่เข้าใจแนวลึก อะไรมันจะแพง แต่ก่อนนี้ตอนอาตมาเป็นเด็ก ก๋วยเตี๋ยวชามละสลึง เดี๋ยวนี้ชามละ 50 บาท แล้วมันอยู่ได้อย่างไร แล้วจริงๆก๋วยเตี๋ยวสมัยที่อาตมากินกับก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวนี้ก็ชามเท่ากัน ตัวเลขมันขึ้นไปเฉยๆ เราเองก็มีรายได้ประมาณในยุคเดียวกันนี้ ที่มันก็จะพอไปได้กับสังคม รายได้เราก็พอไปได้กับสังคม มันก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่ตัวเลขมันเปลี่ยนเท่านั้นเอง 

แล้วทีนี้มันมีความโง่อวิชชาของคน มันมีความโง่ตรงไหน ตรงที่ว่ามันอยากจะได้ธนบัตรหรือว่าตัวเลขของเงินนี่แหละ มาไว้ที่ตัวเองมากๆ เท่านั้นเอง แล้วก็จะได้จ่ายมากๆ คล่องๆ บางคนขี้เหนียวนะ มีเงินมากๆ ก็จ่ายเท่าเดิม จ่ายกินอยู่เท่าเดิม แต่เงินที่มีมากก็เก็บไว้ชื่นใจ สุดท้ายตายจากไป โอ้โห เหลืออยู่กองเบ้อเร่อเลย กองอยู่เยอะเลยนะ ตัวเองก็ไม่ได้ใช้หรอก ตัวเองก็กินอยู่เหมือนเดิม นอกจากพวกที่ว่ามีมาก ก็กินอยู่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยตามแฟชั่น กิเลสเพิ่มซ้อน อีกก็เรื่องของเขา 

เพราะฉะนั้นถ้าศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าดีๆแล้วเข้าใจ มีปัญญาปฏิภาณลึกซึ้ง มันไม่เดือดร้อนอะไรหรอกชีวิต คนๆหนึ่งทำงานอาศัยการงาน ไม่ว่าจะเป็นการงานที่เป็นการลงมือทำเลย เป็นการงานกรรมกรเลย หรือการงานนักบริการ ใช้แรงงานอื่น กรรมกรทำของตัวเอง ใช้ของตัวเอง กินของตัวเอง หรือไปรับใช้คนอื่นกรรมกร หรือเป็นกรรมการเป็นนักบริหารอย่างนี้เป็นต้น 

แม้แต่ที่สุดมาเป็นนักบวช มันอยู่ได้ นักบวชที่เคร่งๆที่อยู่ด้วยธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าอย่างพวกเรา ไม่ได้มีการสะสมเงินทองทรัพย์สินอะไรเลย อาศัยความดี อาศัยการอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เป็นคนเจริญในธรรมจริงๆเลย พอเลี้ยงตัวเองรอด จริงๆองค์รวมของประเทศไทยสบาย อย่างพวกเราพิสูจน์ได้เลย อย่าว่าแต่เรานักบวชชายเลย นักบวชหญิงสิกขมาตุเราก็อยู่สบาย เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องพูดถึงเลยเมื่อมาบวช ก็สบายอยู่สบาย สึกมีน้อย อาตมาอยากบอกว่า ตายเยอะกว่าสึก มันไม่น่าจะใช่นะ สิกขมาตุเสียชีวิตไปมีจำนวนมากกว่าที่สึกไป สึกไปมีน้อย บวชแล้วก็มีชีวิตไปจนกระทั่งเป็นโรคตายบ้าง แก่ตายบ้าง 

นี่เป็นเรื่องพิสูจน์ยืนยันเลยว่าเศรษฐกิจคืออะไร ศึกษาดีๆ มีคนแซมมาว่า ต้องทำให้จนจริงๆ แต่ไม่จนใจในสมรรถภาพ เป็นการยืนยันได้ว่า ชีวิตมนุษยชาติ มันไม่ยากอะไร รู้จักวิธีเป็นอยู่ แล้วต้องมีหมู่ มีกลุ่มด้วย เหมือนอย่างพวกเรา เป็นศาสนาพระพุทธเจ้าที่เป็นเรื่องจริงและพิสูจน์ ได้มันจะเป็นอย่างที่มันเป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2566 ( 13:39:47 )

ตอนพ่อครูอยู่วัดอโศการามท่านอาจารย์ได้พานั่งหลับตาหรือไม่

รายละเอียด

ตอนนั้นยังทำนั่งหลับตาอยู่ด้วยเหมือนกันแต่ว่า ก็ไม่ได้ไปติดยึดแบบเขาก็รู้อยู่ แต่ทีนี้ มันจะทำอย่างไรได้อยู่ในท่ามกลางอย่างนั้น ขนาดนั้น จะเรียกว่า เป็นหมาหัวเน่าก็ได้อยู่ในหมู่ พวกนั้นก็เอาอย่างที่เขาเป็น กินหมากปากเปรอะกันไป ดูดบุหรี่ตุ๋ยๆ เราก็โอ้..มันยังไง

เพราะฉะนั้นจึงอยู่กับวัดอโศการามไม่นาน ก็ออกมา ไปตามลำดับของเรา จนกระทั่งไปหาที่ อยู่แดนอโศก พ.ศ.2516 อาตมาบวช พ.ศ.2513 ช่วงปลายปี วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2513 อยู่ได้ 2 ปีกว่าก็ออกไปแล้ว ไม่อยู่ทนนานอะไร 

ตอนอยู่วัดอโศการาม ก็ออกมาบรรยายวัดข้างนอก วัดธาตุทอง วัดวรนาถ วัดอาวุธเป็นต้น อธิบายธรรมะข้างนอกทุกวัน ก็มีญาติโยมมารับไปอธิบาย บรรยาย ข้างในเขาก็ให้เทศน์ พระใหม่ปกติแล้วเขาไม่ให้ขึ้นเทศน์นะ พระใหม่ บวชยังไม่ได้ถึง 10 ปียังไม่ใช่เถระเขาไม่ให้ขึ้นธรรมาสน์เทศน์บนศาลา แต่อาตมาได้รับการยอมรับให้ขึ้นเทศน์ ท่านให้ขึ้นเทศน์เมื่อไหร่อาตมาก็ขึ้นเทศน์ บางทีไม่เทศน์อาตมาก็ออกไปบรรยายข้างนอก พูดไปแล้วบางทีก็ไปลบหลู่ ไปข่มเขา ก็ไม่น่าดูอะไร แต่ก็เป็นจริงไปแล้วตามสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:37:22 )

ตอนเป็นๆทำให้ไม่มีกายได้อย่างไร

รายละเอียด

อย่าว่าแต่ตายไปเลย ตอนเป็นๆนี้ก็ทำให้ไม่มี กาย เพราะฉะนั้นจิตที่รู้ดีแล้วไม่ได้ยึดถือกาย เป็นเราเป็นของเรา แต่รู้ความหมาย คำว่า กาย หมายถึงภายนอกกับภายในคู่กัน เพราะฉะนั้น กาย คือ ภายนอกกับภายใน แต่เวลาปฏิบัติปฏิบัติภายใน และทำให้ภายในนี้มันซับซ้อนอย่างนี้นะ ทำให้ภายในเป็นภายนอกคือไม่มีกาย ทำให้จิตนี้เป็นอุตุ ให้จิตเป็นพีชะ อุตุ พีชะ ไม่มีกาย แต่จิตมีกายด้วยปัญญา ด้วยความรู้ ว่า จิต ไม่ต้องไปยึดมั่นถือมั่นมันเป็นสมมุติที่ สื่อ ให้รู้ว่าเราก็มีภายนอกภายในนะ กายเพียงฐานอาศัย เอาพยัญชนะมาใช้ ให้อาศัยเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 14:12:52 )

ตอบคนที่เห็นว่าศาสนาไม่มีจุดประสงค์ให้คนบรรลุอรหันต์

รายละเอียด

ขอพูดตรงนี้ก่อน ความหมายของพระพุทธเจ้าของคุณ นี่คือความเห็นของคุณ อย่ามาขี้ตู่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นความเห็นของคุณ อาตมาจับได้เลยตรงนี้ ว่าความเห็นของพระพุทธเจ้าไม่ตรงกับความเห็นของคุณหรอก ความเห็นของคุณ คุณยึดถือของคุณ แล้วเอามาตู่ว่าเป็นของพระพุทธเจ้า แล้วก็บอกว่าไม่นับถือความคิดของใครด้วย เอาความคิดของใครมาอ้าง แม้แต่เอาหนังสือมาอ่าน แล้วก็มายืนยันกับหนังสือ แล้วจะให้อ่านหรือไม่ให้อ่านเนี่ย 

คุณพูดอย่างนี้คุณก็วนแล้ว ถ้าคุณเองไม่ต้องเอาตำรามาอ่านด้วย คุณจะไปหวงแหนทำไม เขาจะเอาตำรามาอ้างว่าใช่หรือไม่ใช่ คุณก็ปล่อยเขาสิ คุณจะมายุ่งกับเขาทำไม ไปดูตัวเองสิว่าตัวเองสุดโต่งไปไหม ตรวจให้ดีๆ อาตมาพยายามไม่ให้มีข้างไม่ให้มีคู พยายามให้ตรงเป็นหนึ่งเลย 

หาว่าพวกเราตายไปจะไม่มีนรกสวรรค์ ก็คงจะไม่วิจารณ์อะไรคุณจิรวัฒน์ เพราะฟังแล้ว คุณไปเรียบเรียงของคุณให้ลงตัวก่อน ก่อนจะมาพูดกับอาตมา อาตมาพูดตรงๆว่า อาตมาตามที่คุณว่า ตรงนั้นตรงนี้ อาตมาเรียงแถวไม่ได้ เพราะของคุณมันวุ่นไปหมด อาตมาเรียงแถวไม่ได้ อาตมาว่า ให้คุณเรียงแถวมาพูดกับอาตมาบ้าง อาตมาจะพอไปได้ เพราะอาตมาไม่ฉลาดเหมือนคุณ คุณไม่เรียงแถวคุณก็รู้จักเส้นตรงได้ อาตมาไม่สู้ อาตมาจะสู้คนที่ทำเส้นตรงได้ แล้วอาตมาพูดกันได้ คุณยังไม่เข้าแถวที่จะมาเข้าเส้นตรง ตรงนั้นตรงนี้จับมาปนกันเละ บอกว่านี่เส้นตรง อาตมาก็จนปัญญาแล้ว มีความเห็นแสดงมา อาตมาว่าสู้ไม่ได้ อาตมาก็ยอม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:09:51 )

ตอบคนน้ำท่วมเริ่มเครียด

รายละเอียด

ก็ค่อยๆรู้จักใจตัวเอง ไปเครียดไปแข็งอะไรกันนักหนา ไม่ต้องไปเครียดไปแข็งอะไรกันนักหนาหรอก ช่วยกันไป ทำกันไป

อาตมานี่ภูมิใจในพวกเรามันเป็นสาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 ได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้า เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์จริง ส่วนตัวที่จะมีจิตใจสับสนวุ่นวาย ก็พยายามทำไป ใจเย็นๆ ทำอะไรได้แค่ไหน เราก็ไม่ได้เป็นคนดูดาย ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจ มีความขยันขันแข็ง เมื่อยก็พักไม่เมื่อยก็เพียรไป ช่วยกัน คุณถนัดอะไร และคุณเห็นอะไรควรกว่า จะช่วยงานเจหรือจะช่วยขนของที่นี่ ขนาดพวกเราของไม่มาก เป็นพวกไม่สะสม น้ำท่วมนี่ยังต้องขนของ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียหาย เราก็ยิ่งจนๆอยู่ด้วย ปล่อยให้น้ำท่วมมันก็ดูไม่ดี ก็ค่อยๆ เป็นไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 18:38:46 )

ตอบความเห็นคนชอบอยู่เดี่ยวๆไม่ชอบกระบวนการกลุ่มเหมือนคนจิตนั่งหลับตา

รายละเอียด

ม.ซ. ย่อมาจากมองซึ้ง คนมาทำงานฟรีก็มี แต่คนที่จะมาเอาอะไรจากที่นี่อยู่ก็คือยังมีกิเลสตัณหาอุปาทานไปตามฐานะ คนที่หนาก็ยังเอามากอยู่ แต่ก็ไม่มากเกิน ส่วนใหญ่เราทำงานฟรีไม่เอาเลยก็มีเยอะกว่าคนที่จะเอา ซึ่งมีจำนวนไม่มากหรอก เป็นความรู้ที่คุณตรงเตือนเขาได้เรียบเรียงมาอย่างสังเขปชัดเจน เป็นมรรคผลที่เจริญถูกต้องดีแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2565 ( 15:03:43 )

ตอบคำถาม ด.ญ.ใสกลางเพ็ญ กาย ร่างที่ไม่มีจิตทำไมเรียกว่ากาย

รายละเอียด

เขาถามโดยที่มีความเข้าใจแล้ว ถามมาประเด็นเรื่องกาย ร่างคือสรีระที่ไม่มีจิตแล้วทำไมไม่เรียกกาย? ซากศพคือร่างที่ไม่มีจิตแล้ว ก็ไม่มีกายแล้ว ฟังให้ดีนะนี่เด็กหญิงอายุ 11 ปีถาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องเข้าใจได้ง่ายนะแต่เด็กเรา 11 ปี ซึ่งถามนี้ก็เข้าใจมาระดับหนึ่งแล้วว่า ร่างหรือซากศพไม่มีจิตจึงไม่เรียกว่ากาย 

เพราะคำว่ากายต้องมีจิต ถ้าไม่มีจิตร่วมด้วยเลยไม่ใช่กาย เช่น ดิน น้ำ ไฟ ลม สสาร วัตถุ ไม่มีจิตร่วมด้วยอย่างนั้นคือไม่มีกาย แม้แต่พืช พืชไม่มีเวทนา ไม่มีจิตร่วม มีแต่แค่พีชนิยาม ไม่ใช่จิตนิยาม นี่แหละคือเรื่องลึกซึ้ง ผู้ที่ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามแล้วปฏิบัติด้วยตัวเองเรียกว่าทำกรรมเป็นกรรมนิยามให้เกิดผลทรงไว้ จบ

ถ้าแยก อุตุนิยาม พีช จิต ไม่ได้ เข้าใจถึงอาการ 3 ขั้นนี้ไม่ได้ไม่มีวันบรรลุอรหันต์ ผู้บรรลุอรหันต์ก็คือผู้ที่สามารถทำจิตให้เป็นอุตุได้เป็นพีชะได้ ทำจิตมนสิการทำจิตในจิตของเราได้ เมื่อกระทบสัมผัสกับอะไรต่ออะไรในโลกสามารถที่จะมี วสวัตตีโก ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ ทำให้จิตเป็นอุตุ เป็นพีชะ และเป็นจิตที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ เป็นโลกุตรจิตอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ได้ จึงเป็นผู้ที่ควบคุมจิต จัดการจิตไม่ให้จิตมันไปทำชั่ว ไม่ให้จิตมันไปสุขไปทุกข์ เป็นจิตที่สุดยอดฉลาดและสามารถทำจิตให้แตกสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปได้เลย นี่คือความจริงใจที่สุดในศาสนาพุทธ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรื่องจิตวิญญาณ และจัดการกับจิตวิญญาณได้เสร็จสมบูรณ์แบบจบกิจเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 20:40:16 )

ตอบคำถาม ดช.ธัมมะ อปัณณกปฏิปทา 3 และ วิชชา 8 คืออะไร

รายละเอียด

ดช.ธัมมะ ประถม 3 ตอบ...อปัณณกปฏิปทา 3 คือ เวลากินข้าว กินขนม กินอาหารต้องระมัดระวัง อย่าตะกละตะกราม อย่าขี้โลภ อย่ากินอย่างไม่ประหยัด ไม่พิจารณา ... เอาแค่นี้ก่อน ถ้ากินข้าว กินอาหาร กินอะไรต่ออะไรอยู่ ก็จะต้องระมัดระวัง อย่าตะกละตะกราม อย่าทำเป็นเสียกิริยาเกินไปแย่งเขาอย่างโน้นอย่างนี้ ทำไม่สุภาพ ที่เรานี้มีความ สุภาพหลายอย่าง กินก็รู้จักนั่งกินเรียบร้อย อย่าทำอย่างคนไม่มีการศึกษาที่ไม่ได้สอนกัน เรามีการสอนกัน  ที่จริงก็เรื่องกินอาหารนั่นแหละ โภชเนมัตตัญญุตา เรื่องเครื่องกินเครื่องใช้ด้วย แต่เครื่องกินเป็นเรื่องหลัก เครื่องใช้ก็เป็นการสัมผัสแต่ไม่ลึกซึ้งเท่ากับเครื่องกิน 

แล้ววิชชา 8 คืออะไร เอาอย่างนี้ วิชชา 8 มีอยู่ 8 ข้อ

1.วิปัสสนาญาณ 2.มโนมยิทธิญาณ 3.อิทธิวิธญาณ 4.โสตทิพย์ญาณ 5.เจโตปริยญาณ 6.บุพเพนิวาสานุสติญาณ 7.จุตูปปาตญาณ 8.อาสวักขยญาณ

วิปัสสนาญาณ คือ ความรู้ในขณะที่สัมผัส ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน แล้วก็พิจารณาแล้วก็เห็นของจริง เรียนรู้ให้รู้ของจริงว่า มันเกิดกิเลส แล้วเราก็ลดกิเลสได้ เมื่อลดกิเลสได้นี่แหละ เป็นญาณข้อที่ 2 เรียกว่ามโนมยิทธิ ญาณข้อที่ 2. คือสำเร็จทางจิต มีฤทธิ์ทางจิต สามารถทำให้กิเลสลดได้ ไม่ใช่เหาะเหินเดินน้ำดำดิน ไม่ใช่ ไม่ใช่ไปหยั่งรู้ใจผู้นั้นผู้นี้ไม่ใช่ เป็นการลดกิเลสได้ เป็น อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ เดินน้ำดำดินเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ หยั่งรู้ใจคนนั้นคนนี้ได้เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าเบื่อหน่ายรังเกียจไม่เอา เอาแต่อนุสาสนีฯอย่างเดียว 

3. อิทธิวิธญาณ ก็คือการทำอย่างมโนมยิทธิสำเร็จนั่นแหละ มีฤทธิ์อย่างนั้น ที่ลดกิเลสได้นั่นแหละแต่ได้หลากหลาย วิธะ แปลว่า มากมายหลากหลายยิ่งขึ้น เก่งขึ้น ทำได้มากยิ่งขึ้นๆ

4. ก็ยิ่งเจริญเก่งขึ้นละเอียดขึ้นเป็นทิพย์ แม้จะเป็นของที่รู้ยากอยู่ไกลๆ ละเอียดลออ ก็เก่งขึ้นตามลำดับๆๆ เรียกว่า ทิพยโสตญาณ

5. เจโตปริยญาณ 16 คือ ญาณ ที่มีหลัก 16 อย่าง มี 16 ภาษา ตั้งแต่ ราคะ โทสะ โมหะ

เจโตปริยญาณ 16

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2 . วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  ราคะ โทสะ โมหะ 3 อย่างนี้ เราก็ต้องรู้ว่ามันมีกิเลสนี้หรือไม่ แล้วเราก็ทำให้ ราคะ โทสะ โมหะลดลงได้ เรียกว่า วีตะ

4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) ทำให้มันดับไป ให้มันลดลงไปตามลำดับ จนถึงขั้นไม่มี 

 7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) เป็นจริตของศรัทธาหรือเจโต ส่วนพุทธิจริต เป็นทางปัญญาก็เป็น  8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 

สายเจโต จะเกาะตัวแน่นและตีไม่แตก ก็ต้องให้รู้ตัวเอง ทำให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ไม่เจริญ ถ้าเปลี่ยนแปลงได้ก็เจริญ หาก เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็เป็น อมหัคตจิต ถ้าเปลี่ยนแปลงได้เจริญขึ้นก็เป็น 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) ถ้าทำได้ เจริญขึ้นๆ เราก็จะรู้ว่าจิตเราเจริญขึ้นพัฒนาขึ้นเป็น สอุตตรังจิตตัง

 11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) เราจะรู้ว่าเจริญกว่านี้ยังมีอีกเราจะรู้รอบว่า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นอย่างไร หรือศึกษาเป็นโพธิสัตวภูมิต่อ รอบ อนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ จะรู้ความจริงตามความเป็นจริงเก่งได้เป็นลำดับๆไป จะรู้ได้ว่าจบหรือไม่ เป็นรอบๆก็เป็น 

 12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) เป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ สูงไปเป็น อนุโพธิสัตว์ ก็จะรู้รอบรู้กรอบไปเรื่อยๆ จนเป็นอนิยตโพธิสัตว์ เป็นนิยตโพธิสัตว์เป็นมหาโพธิสัตว์  เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นโพธิสัตว์ระดับ 9 ก็จะรู้จบของตนเองในระดับที่ 9 นั้น เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแค่เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างที่อธิบายแล้ว

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)   

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 เมษายน 2566 ( 15:21:16 )

ตอบคุณคอยโครกลัวพ่อครูเบื่อตอบคำถามโง่ๆของเขา

รายละเอียด

ไม่เบื่อหรอกคุณถามมาเถอะ คุณคอยใคร คนที่มีความรู้และพูดถึง อธิบายมาในตัวและมาถามซ้อน เพื่อรับรองความเข้าใจ ความถูกต้องในเรื่องด้ามมีด กาวทาด้ามมีด มันมีด้ามมีดและกาวทาด้ามมีด และน้ำยาล้างกาว ในคำอธิบายจะมีฝักดาบ มันมีกาวติดอยู่อีกด้วย สุดท้ายถอดฝักดาบออกจากดาบได้หมด ล้างกาวออกไป ได้หมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2565 ( 19:31:59 )

ตอบคุณเอื้อมพรขอขึันเรือพ่อครูและคุณบุญนิยมขอเกาะขอบเรือ

รายละเอียด

เรือไม่ใช่เรือของอาตมาหรอก เป็นเรือของสังสารวัฏ เรือพิเศษ ทางโลกีย์เขาเรียกเรือโนอาห์ ของเราเรียกเรือนาวาบุญนิยม เกาะให้ติดก็แล้วกัน ขึ้นเรือให้ได้ เอาดีๆ อย่าให้หลุดไปเชียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2565 ( 13:32:02 )

ตอบประเด็น ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมขับเคลื่อนด้วยกิเลส

รายละเอียด

คุณพูดถูกต้อง 100% แต่เขาเข้าใจไม่ถึงคุณหรอกแต่คุณมีความรู้ความเข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้นเขาไม่เรียนรู้ไม่ประสีประสาเกี่ยวกับโลกุตระด้วยซ้ำ แต่เขารู้ว่า เอ๊..คนที่มาปฏิบัติธรรมโลกุตระ มันหลอกไม่ได้ มันไม่เป็นเหยื่อเขา เขาก็พอสะดุดๆแค่นั้น แต่เขาไม่รู้ถึงขั้นโลกุตระ เขาไม่อยากให้เอาโลกุตระมาสอน แต่เขาขาดสมาชิกที่จะหลอกได้เพิ่มขึ้นเขาก็สะดุดเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:03:51 )

ตอบประเด็น สายหลับตาก็บอกว่าลืมตาเห็นแล้วนี่มันจะสงบได้ไง

รายละเอียด

โยมนี่บอกว่า สายหลับตาก็บอกว่าลืมตาเห็นโน่นเห็นนี่แล้วมันจะสงบได้ไง นี่แหละคือประเด็นยิ่งใหญ่ นี่คือความสงบ 2 ประการ สงบของพระพุทธเจ้านั้นคือสงบลืมตา ไม่ใช่สงบหลับตา อาตมาเคยอธิบายแล้ว ความเคลื่อนไหว เขาไปเอาความสงบหมายถึงความไม่เคลื่อนไหว สงบของเขาคือ จิตก็ไม่เคลื่อนไหวก็หยุดนิ่งนี่คือความสงบของเขา แต่ของพระพุทธเจ้านั้นจิตยิ่งคล่องแคล่วยิ่งว่องไวเป็น จิตปาคุญญตา ยืนยันหลักฐานอ้างอิงพระบาลีเลย คำของพระพุทธเจ้าเลย 

ผู้ที่สงบนั้นคือกิเลสตัวเหตุทำให้มันไม่สงบนั้น ตายหรือออกจากจิต จึงเหลือแต่จิตที่ แคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว เป็นลิงเลยทั้งกายกรรม วจีกรรม  มโนกรรมเป็นประธาน อาตมาว่า อาตมาเป็นคนสงบ แคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว 

เพราะฉะนั้นคนจะเข้าใจความสงบ 2 ประการ โลกุตระกับกับโลกียะไม่ได้ง่ายๆ ในปัญญา 8 ข้อที่ 3

คนเขาบอกความสงบอย่างหนึ่งคือพวกที่มีฌาน มีสมาธิที่นั่งหลับตา ไม่เคลื่อนไหวกาย ไม่เคลื่อนไหววจี ไม่เคลื่อนไหวจิต ให้จิตมันนิ่งๆตามต้องการให้จิตมันหยุดคิดหยุดทำได้ ไม่มี วิญญัติ ไม่มีการเคลื่อนไหว 

มันไม่สงบเพราะกิเลสออกจากจิตเมื่อจิตบริสุทธิ์แล้วจิตก็แคล่วคล่อง กายก็คล่องแคล่ว จิตปาคุญญตา กายปาคุญญตา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 21:08:34 )

ตอบประเด็นคนที่เขาเอาการแต่งงานไปในโบสถ์นี่ร้ายกาจยิ่งกว่านั่งหลับตาอีก 

รายละเอียด

อาตมาเคยท้วงแล้ว พระทำอย่างนั้นเป็นอาบัติสังฆาทิเสส แนะนำให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน สังฆาทิเสสนะ อาบัติสังฆาทิเสสนะรองจากปาราชิก อาตมาท้วงไปแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ก็อ้างอิงหลักธรรมอาตมาอ้างอิงตามหลักธรรมวินัย 

คุณเองคุณชัดเจนเบื่อหน่ายชีวิตแล้วแต่เขาไม่เข้าใจ แม้แต่เป็นพระเป็นเจ้าเป็นระดับนั้น แล้วจะเอาเข้ามาจัดการให้แต่งงานกันอยู่ในโบสถ์ ของศาสนาพุทธนั้น จะร่วมกันทำสังฆาทิเสส อาตมาก็ท้วงไปแล้วเขาจะยังทำกันอยู่ก็เรื่องของเขาอาตมาก็ไม่รู้ ก็เห็นใจก็มันไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 21:01:58 )

ตอบประเด็นความคิด ความสุขความทุกข์เกิดพร้อมกันได้

รายละเอียด

ความคิดของผมนะครับ สุขกับทุกข์สามารถเกิดพร้อมกันได้ ในจิตไม่มีอะไรที่ตายตัว มันผสมมั่วตั้วกันได้ เหมือนคนดูหนังผีมีความสุขพร้อมความทุกข์ไปด้วยกัน สุขกับความตื่นเต้นกับเรื่องราวหรือแม้สุขที่จะได้เห็นตัวผี แต่พร้อมกันก็ปะปนด้วยความทุกข์จากความกลัวผีความสงบสยองน่ารังเกียจสะอึกสะอื้นความฝันเสียครับ ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยด้วยครับพ่อท่าน

ก็ขอบอกคุณนิดๆ ไม่ต้องพูดมากว่า คุณยังอ่านสภาวธรรมต่างๆไม่ได้ เอาสุขกับทุกข์ไปเห็นด้วยกันได้ มันก็ขัดแย้งแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสท่านสอนเอาไว้ก็บอกว่า สุขก็อย่างหนึ่งทุกข์ก็อย่างหนึ่ง ไม่สุขไม่ทุกข์ก็อีกอย่างหนึ่ง คนละกาละ คนละวาระ ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน มันเร็วเกินจนกระทั่งคุณแยกไม่ออกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร คุณยังแยกไม่ทัน มันก็เลยมั่วซั่ว คุณนั่นแหละมั่วซั่วเอง มันปนกันเอง ศึกษาดีๆ กำหนดให้แม่นๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 ที่ บวร ราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 20:29:42 )

ตอบประเด็นความเห็น ฝืนทำไมพระพุทธเจ้าปลงอายุสังขารตอนแปดสิบปี

รายละเอียด

ขอบคุณที่ให้เกียรติอาตมาเท่าพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ใช่คนที่จะมีอะไรเท่ากับพระพุทธเจ้า ที่ท่านก็เป็นของท่าน ท่านจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านมีหน้าที่สร้างศาสนา หมดหน้าที่ของท่านแล้วท่านก็จบ ท่านหมดหน้าที่ก็จบสบายไป แต่อาตมาเป็นทั้งพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่จะต้องพากเพียรตัวเอง เป็นทั้งผู้ที่ยังไม่มีบารมีเท่าพระพุทธเจ้า คุณเปรียบกันไม่ได้ ความซับซ้อนอันนี้ มันก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ 

ท่านไม่ได้ฝืนสังขารเหมือนอาตมา คนละบารมี คนละอย่าง คนละสัมภารวิบาก ขอบคุณที่นึกว่าอาตมานี่เท่ากับพระพุทธเจ้า อย่าไปนึกเดาสิ อาตมาไม่ได้เท่าพระพุทธเจ้า จะไปทำให้เหมือนกันได้อย่างไร มันไม่เหมือนกันหรอก อันนี้ซับซ้อน ก็ค่อยๆ ศึกษาไปนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:48:08 )

ตอบประเด็นเรื่องยิ่งมีทรัพย์มีเงินมากยิ่งทุกข์

รายละเอียด

ขยายความอย่างนี้แสดงว่าคุณเข้ากระแส อาตมาฟังเท่าที่คุณพูด แสดงว่าคุณเลื่อนฐานะของจิตเป็นอาริยบุคคลขึ้นไปแล้ว ก็พัฒนาไปเถอะ นี่เป็นของจริงนะ เป็นคนที่ธรรมะพระพุทธเจ้ามันมีอริยบุคคลสมณะ 4 เหล่า มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แต่ข้อมูลมานี้อาตมาก็รู้ไม่ได้ว่า คุณจะเป็น สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แต่กำหนดได้ว่าเป็นโสดาบันแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครู GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:02:06 )

ตอบประเด็นเอาเงินไปบริจาคไถ่ชีวิตโคทำบุญกับคนหรือทำกับสัตว์ 

รายละเอียด

ทีนี้เขาถามอีกประเด็นว่า ตกลงไอ้ที่เอาเงินไปบริจาคไถ่ชีวิตโคนี่ มันทำบุญกับคนหรือทำกับสัตว์ 

ทำบุญกับคนคืออะไร ไถ่ชีวิตโคแม่ลูกอ่อนก็คือ โคแม่ลูกอ่อนไม่ตายเพราะไปไถ่ชีวิตมันไว้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงเอาเข้าโรงฆ่า คงจะมีแม่ลูกอ่อนติดด้วย ตกลงว่าจะทำบุญ เขาใช้คำว่าบุญนี่คือความดีงามกับคนหรือกับสัตว์ 

กับคน ถ้าไปไถ่ชีวิตโคกับลูกมันมา แล้วบุญของคุณหมายถึงความดี ถือว่าเป็นการทำความดีงามกับคนตรงไหน เอาเงินไปบริจาคให้คนก็ดูเหมือนเป็นความดีใช่ไหม แล้วทำให้สัตว์ไม่ตาย มันไม่ต้องไปคิดอย่างนั้นหรอก เพราะว่าไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราควรทำเลย จริงๆแล้วมันลึกซึ้งซับซ้อนเรื่องพวกนี้ เขาทำกันเป็นวิบากของคนไป เขาจะฆ่าสัตว์เขาจะอะไรต่ออะไร เหมือนที่อาตมาเคยอธิบายว่า งูมันจะกินเขียด เราก็บอกว่าไอ้นี่มันฆ่าสัตว์ มันจะกินเขียด เราก็ไปช่วยเขียด ไปดึงเขียดออกจากปากงู คุณเอามือให้มันกิน คุณเอาขาให้มันกิน คุณเอาส่วนใดส่วนหนึ่งเนื้อของคุณให้งูมันกินแทนหรือเปล่า ก็มันจะกินอาหารของมัน เขียดมันเป็นอาหารของสัตว์นะ อย่างนี้เป็นต้น 

ซึ่งมันเรียกว่า ไปเผือกเขาทำไม ไปเผือกกับงูมันทำไม ใครไม่เข้าใจก็ไปถามไถ่กันเอาเอง อาตมาพูดหมายความอะไร อ้าว ไปเผือกกับงูมันทำไม ก็งูมันจะกินอาหารของมัน อันนั้นน่ะใช่เลย เขียดมันเป็นอาหารของงู งูมันกินสัตว์ มันก็กินเขียด กินอย่างอื่น กินหนู กินไหน่ กินอะไรไปตามเรื่อง ดีไม่ดีงูเคยกินคนด้วย งูเหลือมใหญ่กินคนได้ อย่างนี้ก็คือมี อย่างนี้เป็นต้น มันกินสัตว์ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของมัน แต่สิ่งที่ไม่ใช่ธรรมดาธรรมชาติของมัน มันก็ไม่ใช่นะ ธรรมชาติของมัน มันก็เป็นไป เพราะฉะนั้นคนไปเผือกกับสิ่งที่มันเป็นธรรมชาติมันก็ไม่ค่อยถูกนะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 18:20:53 )

ตอบปัญหาของ อ.แปลงเรื่องความเป็นสยังอภิญญา

รายละเอียด

ตบท้ายด้วยมีสุขเป็นนิรันดร์นี้ก็ลึกซึ้งนะ แต่อาตมาไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ขยายความไปแล้วว่าอาตมาไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แต่คุณสรุปจบว่าจะมีสุขนิรันดร์ก็หมายความว่าต้องทำอย่างที่คุณพูดไปแล้ว ท่านจะมีสุขนิรันดร์ อาตมาก็ว่าคุณมีสุขไปเถอะ อาตมาไม่เอาทั้งสุขและทุกข์ 

ที่ว่าบางทีผู้อวดรู้กับผู้ไม่รู้ก็เป็นผู้เดียวกัน คุณพูดถูก มีเยอะ ผู้อวดรู้กับผู้ไม่รู้เป็นผู้เดียวกัน น่าสงสารมาก ก็ตนเองไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเอง จำขี้ปากผู้อื่นมาพูด เลยพูดให้ผู้อื่นเข้าใจไม่ได้พูดวกไปเวียนมาเอาสาระไม่ได้ ก็ตนเองไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเอง คำนี้คุณไม่รู้อาตมา อาตมาเป็นผู้รู้ตัวเองว่าอาตมาเป็นผู้ที่เป็น สยังอภิญญา คือผู้รู้เองเห็นเองเกิดมาในยุคนี้ ไม่มีใครกล้าพูดหรอก มีอาตมามากล้าพูดคนเดียว ยืนยันในความเป็น สยังอภิญญา 

ที่ว่า อาตมาไปจำขี้ปากผู้อื่นมาพูด เลยพูดให้ผู้อื่นเข้าใจไม่ได้ พูดวกไปเวียนมา ขออภัย อาตมาไม่เอาขี้ของใครมา โดยเฉพาะขี้ปาก อาตมาเอาแต่เฉพาะเนื้อหาสาระของพระพุทธเจ้ามา อาตมาไม่เอาสกปรกขี้ปาก ไม่ไปเอาขี้ปากใครมาหรอก อาตมาเอาแต่เนื้อๆ ของพระพุทธเจ้ามา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:30:17 )

ตอบปัญหาคุณเดชาประเด็นแรกสอนบริสุทธิ์หรือไม่?

รายละเอียด

อ่านจบแล้วทำให้เห็นภูมิธรรมของคุณเดชา อัมพร ก็ยังสับสน สลับไปสลับมา ไม่เป็นแถวเป็นแนว ไม่สอดคล้อง ไม่ร้อยเรียงกันเลย เอาประเด็นไหนก็ว่ากันตามความเห็นมีขัดแย้งกันในตัวเองบ้าง ทำให้ดูสอดคล้องกับตัวเองบ้าง 

ประเด็นแรกที่ถามกลับว่าสมณะโพธิรักษ์สอนบริสุทธิ์หรือไม่ที่พูดอุตตริมนุสสธรรมว่า(ตนเอง)เป็นพระอาริยะ

ตอบ บริสุทธิ์จริงๆ อาตมาเป็นคนที่สอนอย่างบริสุทธิ์จริงๆ พูดอุตริมนุสธรรมจริงๆ และเป็นพระอาริยะจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2565 ( 14:25:27 )

ตอบปัญหาถือสาด้วยปัญญา SMS โคลง 4 ถวายพ่อครู

รายละเอียด

ในข้อ 1 ก็อย่าไปติดใจ อย่าไปถือสาเลย แต่ก็พอรู้ แต่ใช้การกดข่มก็เลยสั่นระริก แต่ถ้ารู้ด้วยปัญญาไปตามลำดับจะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่สั่นระริก

2 ก็ให้เขาผูกคนเดียว คุณก็อย่าไปผูกกับเขา อย่างที่คุณทำนั้นดีแล้วล่ะ ไม่ต้องไปนั่นอะไร 

 SMS วันที่ 7 มิ.ย. 2565

 ๏ แปดสิบแปดพรรษ์ผ่านแล้ว ท่านพ่อครู

ห้ามิถุนาพรายพรู                ผ่องหล้า

ขอสมเด็จบรมครู                 เสริมส่ง

ให้ท่านแกร่งเก่งกล้า            กาจสู้หมู่พาลฯ

 ๏ เหล่ามารผลาญพุทธให้      เป็นอธรรม

ศาสนิกหลงลำนำ                ติดตื้น

มีเพียงพ่อครูคลำ                ทางสว่าง แสดงแฮ

เผยแก่หมู่ศิษย์ชื่น               ฉ่ำด้วยพจมานฯ

 ๏ กาลอโศกรำลึกถ้วน          แต่ละปี

เทิดท่านผู้ปูชนีย์                 นั่นแล้

ให้ท่านอยู่เป็นศรี                ชาวอโศก

จนตราบหมู่มารแพ้              พ่ายทั้งปฐพีฯ     

 เพื่อนของ สมณะเด่นตะวัน ประพันธ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 05:30:01 )

ตอบผู้ที่ฟังสายวัดป่าเข้าใจ แต่ฟังพ่อครูไม่เข้าใจ

รายละเอียด

เป็นไปจริง คุณมีทิฏฐิไปทางนั้น คุณก็ฟังทางนั้นเข้าใจ ก็ขอสรุปให้ฟังว่า ธรรมะมี 2 สภาพ หรือ 2 แบบ แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ แบบอาจารย์มั่นยังเป็นโลกียะ 100% ท่านก็สอนแบบโลกียะ แบบทางตะวันตก แบบพระเจ้า แบบเทวนิยม เพราะว่าท่านเองยังเป็นชาวโลกียะเทวนิยมอยู่ ถึงขั้นหลงผิดว่าเป็นพระอรหันต์ แล้วอาตมาก็ขอยืนยันว่า อาตมาไม่ได้เจตนากล่าวร้ายว่า ยังเป็นอรหันต์ไม่จริง อรหันต์เก๊ อรหันต์ไม่ถูกต้อง แต่พวกคุณน่ะ ยังเป็นพวกที่ยังอยู่ในกรอบของโลกีย์ ก็ฟังเข้าใจโลกีย์ คุณก็รับ บอกว่าคุณฟังเข้าใจสิ มันก็ไม่ผิด คุณก็ต้องเข้าใจโลกีย์เท่านั้น คุณฟังโลกุตระที่อาตมานำพาสอนนี้ยังไม่ได้ ยังไม่ออก คุณก็ไม่ได้มรรคได้ผลโลกุตระ คุณก็ได้มรรคผลแบบโลกีย์มันก็เป็นธรรมดา 

แต่พวกที่มาฟังโลกุตระที่อาตมาพูดแล้วได้โลกุตระ ก็เป็นอย่างนี้ จนกระทั่งมาเป็นหมู่กลุ่ม แต่ทางสายโน้นเป็นอย่างโน้นมานานยาวนานกว่าอาตมามาก อาตมาทำงานมา 50 ปี ทางโน้นหลายร้อยปี จนถึงพันปี ทำงานมาหลายร้อย หลายพันปี เขาก็ได้หมู่กลุ่มไม่เป็นเหมือนอย่างที่อาตมาพาทำ อย่างที่อาตมาพาทำ มาเป็นหมู่กลุ่มชุมชนที่ยืนยันได้ว่า เป็นชุมชนที่เป็นสาราณียธรรม 6 นี่สุดยอดแล้ว มีพุทธพจน์ 7 มีวรรณะ 9 อาตมายืนยันตามธรรมะพระพุทธเจ้า ยืนยันได้คุณธรรมอย่างนี้ วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  ซึ่งเป็นสภาวธรรมที่มีจริง พวกเราเข้าใจและประพฤติปฏิบัติได้ ไม่ใช่มีแต่พยัญชนะ ไม่ใช่มีแต่ความรู้พยัญชนะภาษาบัญญัติ แต่เข้าใจแล้วและมีสภาวะมากกว่าบัญญัติด้วย บัญญัติมันเยอะ แต่พวกเรายังจำกันไม่ได้เหมือนอย่างอาตมาจำได้ มีเยอะ แต่พวกเรานี้เข้าใจสภาวะได้ดีกว่าพยัญชนะ 

เมื่อพูดพยัญชนะก็เข้าใจ ด้วยมีสภาวะ แต่ทางพวกคุณนี้จะพูดแต่พยัญชนะ โดยเฉพาะสายวัดป่านั้นพยัญชนะก็ไม่รู้ รู้แต่สัญญา อสัญญีสัตว์ รู้แต่ทางหลับหรี่นิ่งเฉย รู้แต่อย่างงั้นเป็นหลักไม่มีอะไรมาก เพราะฉะนั้นพวกคุณก็ไม่มีอะไรกันมากหรอก ก็เป็นธรรมดา ศึกษากันดีๆ อย่าทิ้งกันนะ ฟังกันบ้าง ทีละเล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี วรรณะ 9 นี้ ไม่มีใครมาพูดหรอก มีอาตมาเอามาพูด อยู่ในธรรมวินัย พตปฎ.เล่ม 1 ข้อ 20 นะ ปฏิบัติกัน แต่อาตมาเอามาให้พวกเราปฏิบัติซึ่งเป็นลักษณะธรรมะที่วิเศษวรรณะ คือ ขั้นชั้น คลาสสิก หรือ Classical เป็นลักษณะของความมีขั้นชั้นที่สูง เป็นคนเลี้ยงง่าย สุภระ ก็คือกินง่าย อยู่ง่าย เลี้ยงง่าย ไปง่ายมาง่าย นั่งง่าย นอนง่าย ว่านอนสอนง่าย สุโปสะ พาให้เจริญง่าย พัฒนาง่าย บำรุงง่าย

อัปปิจฉะ คนลดละกิเลส น้อยลง น้อยลง มักน้อยลง กล้าจน เป็นคนจนได้พิสูจน์ได้ เหมือนอย่างพวกเราพิสูจน์ได้ว่า มาเป็นคนจน เป็นคนมักน้อย เป็นคนไม่มีมาก แต่สร้างสรรมากๆ อุดมสมบูรณ์ แจกจ่ายเจือจาน ไม่อดไม่อยาก มันจบทั้งเศรษฐศาสตร์ จบทั้งรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ มันจบ เพราะฉะนั้นพวกที่เรียนศาสตร์ต่างๆ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ให้มาดูตัวอย่างที่นี่ที่มีความจบกิจ จบกิจของเศรษฐศาสตร์ จบกิจของรัฐศาสตร์ จบกิจของสังคมศาสตร์ ซึ่งศาสตร์นี้เป็นโลกุตรธรรม เทวนิยมตะวันตก ศาสนาพระเจ้าไม่มีทางรู้ ไม่มีทางเข้าถึง ไม่มีทฤษฎี ไม่มีศาสตร์ที่จะเรียน เพราะนี่เป็นโลกุตรศาสตร์ของพระพุทธเจ้า มีในพุทธและเป็นพุทธที่สัมมาทิฏฐิ เช่นชาวอโศกนี้เท่านั้นด้วย แม้แต่พุทธส่วนใหญ่ที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิเท่าใดก็ยังไม่ได้ ยังไม่เหมือน ติดตามดีๆ อาตมาพูดไปก็ขยายความไป ด้วยเหตุปัจจัยที่พวกคุณต่อสะพานให้อาตมาขยายความไปเรื่อยๆ นี่แหละ จะค่อยๆ เข้าใจไป 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2566 ( 08:20:02 )

ตอบพี่ที่เลี้ยงน้องพิการ แต่พี่ที่รับเลี้ยงจะไม่เอาภาระต่อลูก

รายละเอียด

ที่โยมเขียนมา ก็ตอบเองได้อยู่แล้ว แต่คุณยังไม่ชัดก็เอาให้ชัด ก็เท่านี้เอง ก็เป็นไป ตามวิบากของแต่ละคนอย่างนี้แหละ ก็ดีนะเป็นคนที่รักพี่รักน้อง ทีนี้ คุณบอกว่าลูกไม่เอาถ่านน้าๆ เลย อันนี้ก็เป็นธรรมชาติ พ่อแม่ลูกก็ใช่ เมื่อมาเป็นน้าอาก็ห่างไปหน่อยก็เป็นธรรมดา เขาก็ไปมีลูกมีเต้าของเขาไปต่อ น้า อา เขาก็จะห่างกันไปอีก มันเป็นธรรมดาธรรมชาติ คุณไม่ต้องไปสงสัยอะไรหรอก เหมือนความรัก 10 มิติที่อาตมาอธิบายให้ฟัง ไปทำความเข้าใจให้ดีในความรัก 10 มิติ ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ มันก็ต้องให้ห่วงพ่อแม่ลูกก่อน แล้วถึงจะไปถึงญาติ ไปถึงสังคม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:05:23 )

ตอบวิธีเอาชนะใจตน ปฏิบัติตามหัวข้อศีล

รายละเอียด

คุณก็มีไหวพริบถูกต้องแล้ว ก็มาปฏิบัติตามหัวข้อของศีล 5 นั่นแหละ แล้วเราก็จะถึงปฏิเวธไปตามลำดับ เพราะฉะนั้นการที่จะไปพูดโน้มน้าวจิตใจคน มีจิตวิทยาดี ต่างๆนานาพวกนี้ มันเป็นเรื่องของขั้นจิตในจิต ซึ่งมันเป็นเรื่องของขั้นจิตในจิต ซึ่งก็ไม่เป็นลำดับเท่าไหร่ คุณไล่เรียงไปตามลำดับ แนะนำกันเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2565 ( 14:59:49 )

ตอบเรื่องค่าไฟฟ้าแพงเกี่ยวกับอริยสัจ 4 หรือไม่

รายละเอียด

สุดยอด แล้วสื่อมวลชนหรือว่าผู้มาถาม จะฟังเข้าใจจะรู้เรื่องหรือ แล้วจะบอกว่า พลเอกประยุทธ์เอาอะไรมาพูดเขาพูดเรื่องโลกแล้วเอาเรื่องธรรมะมาพูด เออ นะ ของเราบ้านวัดโรงเรียนประมาณ 3 แสนบาทต่อเดือน อยากทราบว่าคนที่ทุกข์เพราะไฟฟ้าแพงเกี่ยวข้องกับอริยสัจ 4  หรือเปล่าครับ? 

เกี่ยว มันไม่มีอะไรแยกขาดจากกันหรอก รูปกับนาม กายกับจิต วัตถุกับจิต มันไม่มีอะไรแยกกัน คนดูแลมันจะเกี่ยวข้องกันไปตลอด เป็นแต่เพียงว่าเราเข้าใจ เรายึดถือหรือไม่ยึดถือ ถ้าเรารู้จักการจัดการ ก็ไม่มีอะไรที่เราจะจัดการไม่ได้ เราจัดการได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เรารู้จักเลิกรู้จักรับ อันนี้ไม่ไหวก็เลิกอันนี้ยังไหวอยู่ก็รับ ก็ทำไปเท่าที่ได้

ชีวิตปัจจัย 4 เรามีสมบูรณ์แบบไหม ตัวนี่เป็นหลัก เมื่อปัจจัย 4 มีสมบูรณ์แล้วอุดมสมบูรณ์ชีวิตอยู่ดีแล้ว นอกนั้นก็เป็นเรื่องอาศัยที่เราอยู่เป็นประโยชน์หรือเป็นสิ่งที่เราเป็นผู้สร้างสรรช่วยผู้อื่นต่อไป สำหรับปัจจัย 4 ตัวเองสบายบริบูรณ์อุดมสมบูรณ์แล้ว ชีวิตก็ง่าย พวกนั้นก็จะลดลงลดลงบ้าง ก็พยายามช่วยเขาช่วยกัน สำหรับตนเองนั้นปัจจัย 4 สมบูรณ์แล้ว จบเลย พึ่งตนเองรอด 

โดยเฉพาะพฤติกรรมสังคมอย่างพวกเรานี้ ช่วยกันทำอยู่ทำกินไปคนละไม้คนละมือ คนละงานคนละหน้าที่ ก็ทำกันต่อไป ใครขี้เกียจใครกินแรงเพื่อน ก็เป็นหนี้เป็นบาปไป ใครไม่กินแรงเพื่อนก็ไม่เป็นหนี้ไม่เป็นบาป ก็ได้เป็นกุศลของตนเอง วิบากมีจริง สัจจะมีจริง ถึงแม้เราจะไม่รู้แต่มันมีจริง พวกกินแรงก็เป็นวิบากตัวเอง เป็นหนี้ตัวเองติดหนี้ไป เราไม่รู้ชาติหน้าใช้หนี้ใช้สินอะไรยังไง โดยเฉพาะมากินแรงของคนที่สูง คนที่เป็นอาริยะ คนที่เขายิ่งไม่ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา กลายเป็นคนกินแรงเขา ยิ่งราคาค่าหนี้ค่าบาป มันยิ่งสูง จะเป็นไปตามธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:30:51 )

ตอบแทนพระคุณที่พ่อครูได้จ่ายพลังงานออกมา

รายละเอียด

ถือศีล 5 ให้ได้ นี้เป็นมาตราฐานขั้นต้น จริงๆ ก็ ศีลข้อ 1 2 3 ส่วนศีลข้อที่ 4 เป็นวาจา ศีลข้อที่ 5 เป็นจิต 

จิตเป็นตัวประธาน วาจาเป็นตัวขยายผล คู่นี้ จิตก็เป็น Static วาจา ก็เป็น Dynamic  ก็เป็นคู่ 

ฉะนั้นฐานจริงก็เป็น 3 ศีลข้อ 1-3 เป็นสมบูรณ์ ก็เคยขยายความมาบ้างแล้ว ก็ค่อยๆฟังไป มันยังมีนัยยะละเอียดที่อาตมาจะอธิบายได้อีกไม่น้อย อธิบายไปถ้าอายุ 120 ก็อธิบายได้อีกยาว ทำเป็นชื่นใจพอพูดจะอยู่ไปถึงอายุ 120 ซึ่งอาตมาทุกวันนี้ ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ 120 นี่ ไม่รอ ไม่หวัง เราทำไปเรื่อยๆ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น 

อาตมายังรู้สึกเลยว่า อาตมาคงจะตายไม่รู้ตัวหรอก มีแต่พยายามจะเป็น จะเป็น จะไม่ตาย จะไม่ตาย แต่พอมันตายนี่มันก็คืออยู่ในภาวะที่อาตมาต้องพักผ่อน อาตมาต้องดร็อปตัวเองหรือต้องดับตัวเอง ใช่ไหม..พักผ่อน มันคงจะอาศัยช่วงนั้นแหละไปเลย เท่าที่อธิบายนี้พอเข้าใจใช่ไหม มันเป็นสัจจะอย่างหนึ่ง มันสุดวิสัย มันสุดฝืนแล้วมันก็ไปเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 15:21:43 )

ตอแยดีกว่าพรหมทัณฑ์

รายละเอียด

ก็คุณวินัย ก็ถ้าคุณไม่เอา คุณก็ผ่านไปก็แล้วกัน ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าคุณเห็นว่าน่าจะเอาบ้างก็มาเอา แต่ไม่มีปัญหานะ คุณเอาหรือไม่เอาก็ยังมาตอแยกับอาตมาก็ไม่เป็นไร  อาตมาไม่ถือสาหรอก อาตมาว่าดีด้วยซ้ำ คุณตอแยอาตมาก็ดี ดีกว่าพรหมทัณฑ์ เหมือนอาตมาไม่มีอยู่ในโลก พรหมทัณฑ์คือการลงโทษที่สูงที่สุดของศาสนาพุทธรองจากปาราชิก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:39:01 )

ตะวันออกกลางเขาก็จะพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ 

รายละเอียด

พวกที่ยังหลงอำนาจแต่เฉพาะวัตถุ ขอเอาปัจจุบันเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด ขณะนี้ชาวตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นคนกลุ่มนึงที่ไม่ออกมาประสานกับใครต่อใคร ตอนนี้เขาก็ขยายตัวออกมาแล้ว โดยเฉพาะขยายตัวออกมาตอนประชุมเอเปคนี่มันชัดเจน ซาอุดิอาระเบียเขาก็นำมาเลย เป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง 

พระเจ้าแผ่นดินของซาอุดิอาระเบียเสด็จมาเอง แล้วมาทำความสัมพันธ์ มาทำสัญญา MOU อะไรต่างๆ ที่จะมีอะไรออกไป 

ตะวันออกกลางเป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นเรื่องของโลกตะวันออกกลางเป็นโลกที่รวยที่สุด เขารวยมาตั้งแต่ทองดำทองดิบมา แล้วคนก็ใช้ทองดิบทองดำ ซึ่งเป็น Dynamic ส่วนทองคำแท้ๆนั้นเป็น Static ไม่ค่อยมีประโยชน์หรอก แต่ทองดำทองดิบ มันเป็นพลังงานที่เขาต้องใช้ในโลก เขาก็ได้ใช้อันนั้น

เขาใช้ทองดำ ทองดิบ เป็นตัวทรัพย์สินเอง แต่อนาคตต่อไปพลังงานเหล่านี้มันก็จะลดลง ทรัพยากรในโลกมีจำกัดแล้ว ทองดิบทองดำมันก็จะค่อยๆร่อยหรอ ต่อไปก็จะพยายามใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์ใช้แทนทองดำ เมื่อไหร่ตะวันออกกลางก็มีฤทธิ์น้อยลง อำนาจน้อยลง ความยอมรับนับถือก็จะน้อยลง แต่ตอนนี้เขายังนับถืออยู่ก็ว่ายังใช้น้ำมันอยู่ 

กว่าจะสร้าง กว่าจะพัฒนาการใช้ไฟแดดก็ยังใช้เวลานาน และทางตะวันออกกลางก็เข้ามาประสานพวกเรา ไม่ได้ดูถูกนะแต่ตะวันออกกลางไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของทางช่าง ทางก่อสร้าง จะเป็นวิศวกรรม ทางศิลปกรรม ทางด้านโน้นยัง แต่เขาก็จะพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:44:53 )

ตักกะ

รายละเอียด

คือ ความคิดแกนของสังกัปปะ 7เลย  ของความขบคิด  ความรู้  วิจัย  วิจาร  แล้วล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปหมด  ซึ่งเป็นพฤติกรรมทั้งหมดเลย ที่เรียนรู้แล้วก็จักการกิเลสออกหมดจนกิเลสหายไปเป็นหน้าที่ของการทำใจในใจ  ของผู้ที่สามารถมนสิการ ทำให้กิเลสออกไปให้หมด  ก็ต้องมีธาตุรู้ มีปัญญาฌานอย่างยิ่ง  รู้รายละเอียดจองเจตสิก  รูป นิพพานต่างๆ   รู้ในกระบวนการเวทนา 108ทำการแยก ทำให้กิเลสออกไปหมดจนเป็นอุเบกขา  สั่งสมเป็น อเนญชา จิตมีสมาธิตั้งมั่น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 15:16:44 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:47:40 )

ตักกะ

รายละเอียด

ความคิดแกนของสังกัปปะ 7 เลย  ของความขบคิด  ความรู้  วิจัย  วิจาร  แล้วล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปหมด  ซึ่งเป็นพฤติกรรมทั้งหมดเลย ที่เรียนรู้แล้วก็จักการกิเลสออกหมดจนกิเลสหายไปเป็นหน้าที่ของการทำใจในใจ  ของผู้ที่สามารถมนสิการ ทำให้กิเลสออกไปให้หมด  ก็ต้องมีธาตุรู้ มีปัญญาฌานอย่างยิ่ง  รู้รายละเอียดจองเจตสิก  รูป นิพพานต่างๆ   รู้ในกระบวนการเวทนา 108ทำการแยก ทำให้กิเลสออกไปหมดจนเป็นอุเบกขา  สั่งสมเป็น อเนญชา จิตมีสมาธิตั้งมั่น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:25:40 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:49:06 )

ตักกาวจรา

รายละเอียด

วิสัยตรรกะ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 32


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:44:31 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:36:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:49:53 )

ตักกี

รายละเอียด

การนึก

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 180


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:00 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:36:44 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:50:54 )

ตักกีโหติวิมังสี

รายละเอียด

1. เป็นนักคิด นักคาดคะเนเดาเอา 

2. เป็นนักตรรกศาสตร์ หรือนักทฤษฎี ได้แต่คิด ได้แต่ด้นเดาเอา คาดคะเนเอาด้วยมันสมอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 337

ทางเอก ภาค 3 หน้า 140


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:20 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:37:50 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:51:56 )

ตักโก

รายละเอียด

ความตรึก

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 115


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:50 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:38:30 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:53:06 )

ตัณหา

รายละเอียด

1. อยากได้ อยากมี อยากเป็น 

2. ความอยาก , ความต้องการ

3. ความทะยานอยาก 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 72

คนคืออะไร? หน้า 396,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า48

ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:49:16 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:39:32 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:55:16 )

ตัณหา 3

รายละเอียด

ความดิ้นรนปรารถนา (ตัณหา) มี 3 อย่าง คือ

1. กามตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาในกามวัตถุ)

2. ภวตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาในภพจิต)

3. วิภวตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาหมดกาม หมดภพ เป็นตัณหาอุดมการณ์)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 22 "ตัณหาสูตร" ข้อ 377

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2562 ( 15:17:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:39:22 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:54:37 )

ตัณหา 3

รายละเอียด

กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เริ่มต้นอ่าน กามตัณหาเป็นอย่างนี้ กำจัดกามตัณหา เป็นเช่นนี้จนกระทั่งหมดก็เหลือภวตัณหา ก็ลดรูปของตัณหาที่มันเป็นภายใน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งหลับตาไม่มีกามาวจร มี ยังมีอวจรกับภพกาม แต่กิเลสกามของเราไม่มีแล้วหยาบ เหลือแต่กิเลสระริกอยู่ภายในที่เป็นรูป รูปคือสิ่งที่แรงภายในเรา เรารู้ของเราจนมันบางเบาเป็นอรูปไปเรื่อยๆ หมดแล้วก็เหลือแต่อรูปที่น้อยลงเรื่อยๆ คุณก็ทำให้หมดจนหมดรูปภพอรูปภพสิ้นไป คุณก็เหลือแต่ตัณหาที่เป็นวิภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 15:20:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:06 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:52:37 )

ตัณหา 3

รายละเอียด

เมื่อไม่มีเวทนา ก็ไม่มีทางที่จะเกิด ตัณหา เมื่อเกิดตัณหา ตัณหานี้มี 3กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา กามตัณหาเป็นเหตุก็ล้างกาม เหลือรูป อรูปภายใน หมดกามภายนอก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส จิตก็เฉยเมื่อกระทบสัมผัส มีของจริง หากยังไม่ได้ก็ต้องพยายามลด แม้กดข่มก็มีอาการสัมผัสได้ แต่ถ้าเป็นปัญญาไม่กดข่มจะเห็นจริง ถาวรด้วย คือปัญญาที่ลดละได้ถาวรด้วย ก็จะเหลือรูปราคะ อรูปราคะ คือรูปภพ อรูปภพ ก็ทำให้หมดอีกเป็นลำดับ ภาษาเท่านั้นว่าอรูป ที่จริงก็คือรูปที่ละเอียด จนไม่มีภาษาจะเรียกแล้ว หรือสุข ไม่มีภาษา พระพุทธเจ้าก็อนุโลมใช้เป็นคำว่าสุข ที่จริงคำว่า สุ คือ ดี ข คือว่าง ที่จริงว่างได้แล้ว หมดภพชาติอรูปภพได้ก็มีวิภวตัณหา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:00:33 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:09:36 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:54:11 )

ตัณหา 3

รายละเอียด

ตัณหาคือความต้องการความอยากทั้งหลาย ถ้ามันอยากแล้วมีกามก็ต้องล้างกามทั้งหมด ต้องเป็นเจตนาที่ไม่มีกาม เหลือรูปในภวตัณหา กับอรูป คุณก็มาล้างรูป วน ภวตัณหา หมดรูป รูปตัณหาในภวตัณหาก็เหลืออรูป อรูปตัณหาก็ล้างอรูปอีก ก็หมดทั้งกาม รูป อรูป สามภพหมดเลย กิเลส กาม รูปภพ อรูปภพหมดเกลี้ยง ก็ไม่มีภพ ก็วิภวะ เป็นเจตนาที่ 3 คือวิภวตัณหา เขาไปแปลวิภาวะตัณหาว่า”ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น” มันก็เลยวน อันนี้อยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่ถ้าวิภวตัณหาคือตรงข้ามกัน ไม่อยากได้ไม่มีอยากเป็นทวนกระแสกันก็อยู่ในระนาบเดียว ก็เลยไม่เป็นโลกุตระก็เป็นโลกียะ กลับไปกลับมาไปซ้ายไปขวาวนอยู่อย่างนี้วนกันไปวนกันมาอยู่ในระนาบเดียว ซ้ายขวาขวาซ้ายซ้ายๆขวาขวาขวา วนเวียนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ออกจากภพ เป็นโลกียะ เปลี่ยนแปลงชั้นตอนไม่ได้เลย จะมีชั้นเชิงที่สูงขึ้นไปไม่ได้อยู่ในระนาบเก่า 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:37:41 )

ตัณหา 3

รายละเอียด

ความดิ้นรนปรารถนา (ตัณหา) มี 3 อย่าง คือ

1. กามตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาในกามวัตถุ)

2. ภวตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาในภพจิต)

3. วิภวตัณหา (ดิ้นรนปรารถนาหมดกาม หมดภพ เป็นตัณหาอุดมการณ์)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “ตัณหาสูตร” ข้อ 377


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 20:55:42 )

ตัณหา 3 ความต้องการความใคร่มุ่งหมาย

รายละเอียด

1. กามตัณหา (ใคร่อยากในกามภพอันอาศัยรูปภายนอก) 
2. ภวตัณหา (ความใคร่อยากได้รูปภพและอรูปภพ ภายใน)
3. วิภวตัณหา (อยากได้ความไม่มีภพ  หรืออยากพ้นไปจากภพ, หรือปรารถนาสิ่งที่ไม่ใช่ภพเพื่อตน  เป็นตัณหาแห่งอุดมการณ์ที่อาศัยไว้เพื่อดำเนินความดีไปเช่นนั้นเอง) ศึกษาเป็นไปเพื่ออาศัยวิเวก  วิราคะ  นิโรธ  อันน้อมนำไปเพื่อความปลดปล่อย (วิเวกนิสสิตัง วิราคนิสสิตัง  นิโรธนิสสิตัง  โวสสัคคปริณามิง) 
 

ที่มา ที่ไป

  พระไตรปิฎก เล่ม 22 ข้อ 377, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 13:04:11 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:33 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:53:50 )

ตัณหา คืออะไร

รายละเอียด

ส่วน “ตัณหา” นั้น หมายความว่า กิเลสมันอยาก เป็นกิเลสแท้ๆ เป็นความโง่ชนิดหนึ่ง ตัณหาคืออาการของจิตมันอยาก อยากได้อยากเป็นอยากมี อยากอย่างโน้นอย่างนี้ อยากต่างๆ ภาษาไทยตรงๆ คือ อยาก นั่นแหละคือตัณหา ไอ้นี่แหละคือตัวสำคัญที่พระพุทธเจ้าท่านจะให้ฆ่าหรือกำจัด อย่าให้มีอาการอย่างนี้ในจิต ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเป็นเรื่องลึกซึ้งสูงส่งที่สุด ซึ่งคนคิดไม่ถึงหรอกว่า ถ้าไปเลิกความอยากเสียแล้ว ไม่อยากอะไรไม่ต้องการอะไร มันจะไม่กลายเป็นคนเซื่องๆแข็งๆเฉยๆเด๋อๆ หรือ หมดความอยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:26:43 )

ตัณหา แปลว่าอะไร

รายละเอียด

ตัณหา แปลว่า อาการของจิต ภาษาที่ได้กี่คำก็เรียกว่าเป็นกิเลส ตัณหาหรือกิเลสของเรา ถ้าคำว่ากิเลสก็คงจะเข้าใจมากกว่าต่างหาก สรุปแล้วคือจิตที่มันชั่ว จิตตัวที่มันไม่ดี มันไม่ใช่จิตเราจริง มันเป็นตัวอาการเป็นพลังงานที่แฝงอยู่ในจิตเรา แล้วก็ยึดว่า ตัวมันเป็นตัวเรา มันปลอมตัวแล้วแสดงอำนาจยึดติดใจเราเลยแล้วก็แสดงอำนาจนั้นออกมา จนคนที่แพ้อำนาจของกิเลสแพ้อำนาจของตัณหาก็ต้องตามมัน มันอยากได้ อยากโกรธ มันอยากทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามอำเภอใจ ทั้งๆที่สิ่งที่ทำออกไปนั้น โดยสามัญสำนึก ก็รู้ว่ามันชั่วเขาก็ยังทำ เช่น คนที่มันปล้ำข่มขืน ข่มขืนก็ชั่วแล้วใช่ไหม มันรู้ว่าการข่มขืนชั่วมั้ย..มันก็รู้ เสร็จแล้วมันก็รู้ว่ามันชั่ว มันก็กลัวคนที่ถูกข่มขืนจะไปฟ้องจะไปบอกว่ามันเห็นหน้าเห็นตา มันก็ฆ่า แล้วมันรู้ว่าการฆ่าคนชั่วหนักเข้าไปอีก…มันก็รู้ นี่แหละคืออำนาจของกิเลสและตัณหาที่มันแรง น่ากลัวมากเพราะฉะนั้นทุกคนต้องเรียนรู้กิเลสตัณหา แล้วล้างมัน กำจัดมันออกไปจากจิต ทฤษฎีพระพุทธเจ้านั้น ฆ่ากิเลสได้จริง ขอยืนยันว่าฆ่าได้จริง มาสู่ที่นี่แล้ว สนามรบฆ่ากิเลส ชาวอโศกคือสนามรบฆ่ากิเลสเป็นสนามสำคัญเลยของโลก อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆด้วย ขอพูดอย่างนั้น ตั้งใจดีๆนักเรียนที่มาที่นี่เป็นโชคของพวกเธอแล้วนี่เด็กม.1ดีมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:05:15 )

ตัณหากับอุปาทานคือภพชาติของคน

รายละเอียด

ตัณหากับอุปาทาน อุปาทานคือ อาการอันเดียวกับตัณหาแต่มันสงบนิ่งหยุดเป็น static ส่วนตัณหามันก็เป็น Dynamic เป็นตัวบทบาทเมื่อไม่มีบทบาทมันก็นิ่งเฉย มันก็เป็นตัวอันเดียวกัน ตัวหนึ่งนิ่ง ตัวเคลื่อนที่ก็เป็นตัณหา ไม่เคลื่อนที่ก็เป็นอุปาทาน

ก็ 2 ตัวนี้แหละคือภพชาติของคุณ คุณสั่งสมไว้ในตัวภวะ ตัวที่มันเกิดอยู่กับคุณเองตัวพลังงาน ว ที่มันโตมันใหญ่อยู่กับคุณเสร็จแล้วมันก็รอเวลาชาติ เวลาเกิด คุณก็ไม่รู้ ภว กับ ชาติ ภว ก็เป็น static ส่วนชาติก็เป็น Dynamic มันเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อมันเคลื่อนขึ้นมาก็เป็นชาติแต่ละคู่เป็นเทวะ  ดับชาติก็ดับภพ แต่ดับภพก็ดับชาติ พอดับชาติได้ ภพก็ดับ อุปาทานก็ดับ เหตุคือชาติตัวอวิชชา เกิดมาก็เป็นอวิชชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:22:58 )

ตัณหากับอุปาทานต่างกัน

รายละเอียด

พยัญชนะก็บอกว่าตัณหาคือตัวเคลื่อนไหว อุปาทานคือแกนของจิต เป็นกิเลสตัวเดียวกัน กามุปาทานคือตัณหา ถ้ามันเคลื่อนไหวเป็น Dynamic ก็เป็นตัณหา ถ้ามันนิ่งอยู่ก็เป็น กามุปาทาน หากเคลื่อนไหวก็เป็นตัณหา ก็อ่านตัวกามนี้ให้ได้ มันมีตัวกามอยู่ก็ฆ่ามัน

ถ้ามันเคลื่อนไหวแล้วก็รู้ได้ดี ถ้าหากมันนิ่งอยู่ก็ตีไม่แตกรู้ได้ยาก จึงปฏิบัติชนิดที่ไม่มีผัสสะไม่มีอาการเคลื่อนไหว มันจะทำลายกิเลสได้ยาก ทำลายกิเลสไม่ออก ทำอย่างไรไม่ถูกตัวมันด้วย ดีไม่ดีมันทำตัวหายตัวไปเลยไม่มีตัวตนเลย ทำเป็นตัวไม่มีตัว ท่านเรียกว่าแปลงกายนิรมาณกาย เสร็จแล้วก็อทิสมานกาย เป็นกายที่มองไม่เห็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทำวัตรเช้างานอโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:28:04 )

ตัณหากับอุปาทานเป็นพลังงานที่ต่างกัน

รายละเอียด

สรุปแล้วก็คือ ปฏิบัติยังเป็นมิจฉากันทั้งหมด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงความจริงว่าจริงๆแล้วจิตวิญญาณนี้มันติดอยู่ที่มันหลงยึด อุปาทาน พอยึดได้แล้ว เมื่อเคลื่อนไหวก็เป็นตัณหา อุปาทานคือ ยังมีความอยาก แต่ฝังไว้ในจิตอยู่ ยึดฝังไว้ในจิต เป็นลักษณะของเสถียรสถิตย์ หรือ ลักษณะ Static ลักษณะกระแส เมื่อปรุงแต่งเคลื่อนไหวขึ้นมาก็เป็นตัณหา เป็นแรงเคลื่อน ทางฟิสิกส์ก็มีลักษณะของกระแสกับแรงเคลื่อน Static กับ Dynamic อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นสภาพ 2 เป็นคู่เอกของโลกเลย อย่างเช่นไอสไตน์ จะเรียกว่ารู้ จะเรียกว่าตรัสรู้ เขายังไม่ให้คำยกย่องว่าตรัส แต่ก็แปลว่าพูด แกก็พูดอธิบายบรรยายมาเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน 2 อย่าง ซึ่งสรุป= mc2

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 20:10:09 )

ตัณหาของพระอรหันต์

รายละเอียด

วิภวตัณหา คือตัณหาที่ไม่มีภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพหมด แต่เป็น ตัณหาที่เป็นตัณหาอุดมการณ์ ตัณหาของพระพุทธเจ้า ตัณหาของพระอรหันต์ ตัณหาคือความต้องการความอยากใช้ภาษามาซ้ำเท่านั้นเอง แต่เป็นตัณหาที่ไม่มีกิเลสแล้วไม่มีภพชาติแล้ว เป็นความปรารถนาดีที่จะทำสิ่งที่ดี ถ่ายทอดสิ่งที่ดี เอาสิ่งที่ได้ดีแล้วมาเปิดเผย สิ่งที่ไม่ดีออกไปหมดแล้วเหลือแต่สิ่งที่ดีเอาไว้ให้ๆๆ ก็เอาสิ่งที่ดีๆมาแจกจ่าย มาสถาปนาลงไปในมนุษยชาติ ก็วนอยู่อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 15:22:02 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:31 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:53:20 )

ตัณหาคือตัวเคลื่อนที่ของอุปาทาน 

รายละเอียด

เมื่อผัสสะ แล้วอวิชชา มันก็เกิดตัณหาโดยที่คุณไม่รู้มีอวิชชา แต่ตอนนี้มาเรียนรู้ตามทฤษฎีกระบวนการพระพุทธเจ้าแล้ว มันก็จะรู้ตัวเหตุ ตัวมาร ตัวผี ตัวกลิ ตัวสำคัญ​ ไอ้เจ้าตัวการ คือ พลังงานตัวที่เรียกแปลเป็นภาษาไทยว่า ตัวเคลื่อนที่ของอุปาทาน 

อุปาทานคือ Static ส่วนตัณหาคือ Dynamic 

ตัวอยากแล้วสั่งสมความอยากเป็นที่ตั้งที่ อุปาทาน อยากมาบำรุง อายตนะคุณก็สามารถที่จะรู้ตัวเหตุคือความอยาก อาการมันเป็นอย่างไร คุณก็ต้องดูอาการ ลิงคนิมิต จากคำสอนคำอธิบาย อุเทส ที่อาตมาอุเทส คุณก็ต้องจับผัสสะทุกผัสสะจับ อายะ คู่นี้มาแล้วรู้ให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:59:52 )

ตัณหาล้ำหน้าอภิชัปเป็นเช่นนี้เอง

รายละเอียด

ตอบไม่ต้องยาว เพราะเหตุปัจจัยของแต่ละคนหรือบารมีของแต่ละคนมันยังไม่ถ้วนยังไม่ถึง หลายคนอยาก อยากให้คนไปตามที่อยากได้ด้วย แต่ไม่ใช่พลังอยากจะดึงได้เท่ากับสิ่งที่มีจริง พลังสิ่งที่คุณมีจริงจะนำไปได้ดีกว่า คนที่อยากแต่มีแต่ อภิชัปปา เช่น คุณแซมดินกำลังจะมีความอยากล้ำหน้าในสิ่งที่ไม่เป็นจริงตอนนี้มันไม่ถ้วนรอบ ก็เป็นอภิชัปปา เพราะว่าเหตุปัจจัยมันยังไม่สมบูรณ์ยังไม่พร้อม คำตอบที่ชัดเจนที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 25 กันยายน 2563 ( 18:52:58 )

ตัณหาสูตร

รายละเอียด

  1. การไม่คบสัตบุรุษ เป็นอาหารของ.. การไม่ได้ฟังสัทธรรมที่ถูกต้อง 

  2. การไม่ได้ฟังสัทธรรม เป็นอาหารของ.. ความไม่มีศรัทธา (หรือศรัทธาผิดๆ) 

  3. ความไม่มีศรัทธา (ศรัทธาไม่บริบูรณ์) เป็นอาหารของ.. การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย (กระทำใจไม่เป็น) 

  4. การกระทำในใจโดยไม่แยบคาย (หรือทำใจไม่เป็น) เป็นอาหารของ.. ความไม่มีสติสัมปชัญญะ . 

  5. ความไม่มีสติสัมปชัญญะ (หรือทำสติไม่เป็น). .เป็นอาหารของ.. ความไม่สำรวมอินทรีย์ 

  6. การไม่สำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของ.. ทุจริต 3 (กาย,วาจา,ใจ ทุจริต) 

  7. ทุจริต 3 เป็นอาหารของ.. นิวรณ์ 5 

  8. นิวรณ์ 5 เป็นอาหารของ.. อวิชชา 

  9. อวิชชา เป็นอาหารของ ภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พตปฎ. เล่ม 24   ข้อ 62


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 17:25:01 )

ตัณหาสูตร / อาหารของโพชฌงค์ 7

รายละเอียด

อาหารของวิชชาและวิมุตติคือ "โพชฌงค์ 7"

อาหารของโพชฌงค์ 7 คือ "สติปัฏฐาน 4"

อาหารของสติปัฏฐาน 4 คือ "สุจริต 3"

อาหารของสุจริต 3 คือ "สำรวมอินทรีย์"

อาหารของสำรวมอินทรีย์คือ "สติสัมปชัญญะ"

อาหารของสติสัมปชัญญะคือ "ทำใจโดยแยบคาย"

อาหารของทำใจโดยแยบคายคือ "ศรัทธา"

อาหารของศรัทธาคือ "ฟังสัทธรรม"

อาหารของฟังสัทธรรมคือ "คบหาสัตบุรุษ"

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่ม 24 ข้อ 62

หนังสืออ้างอิง

 4 5 7 8 ของชาวอาริยะ  โพธิปักขิยธรรม


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2562 ( 11:50:51 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:52:57 )

ตัณหาสูตรเกิดจากการมีอวิชชา

รายละเอียด

แต่ถ้าหากมีอวิชชามันก็เกิดตรงกันข้ามกันย้อนกันไปตามนั้น ตัณหาสูตร

1.การไม่คบสัปบุรุษ เป็นอาหารของ.. การไม่ได้ฟังสัทธรรมที่ถูกต้อง

2.การไม่ได้ฟังสัทธรรม เป็นอาหารของ.. ความไม่มีศรัทธา (หรือศรัทธาผิดๆ)

3.ความไม่มีศรัทธา (ศรัทธาไม่บริบูรณ์) เป็นอาหารของ.. การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย (กระทำใจไม่เป็น)

4.      การกระทำในใจโดยไม่แยบคาย (หรือทำใจไม่เป็น) เป็นอาหารของ.. ความไม่มีสติสัมปชัญญะ

5.      ความไม่มีสติสัมปชัญญะ (หรือทำสติไม่เป็น).เป็นอาหารของ.. ความไม่สำรวมอินทรีย์

6.      การไม่สำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของ.. ทุจริต 3 (กาย,วาจา,ใจ ทุจริต)

7.      ทุจริต 3 เป็นอาหารของ.. นิวรณ์ 5

8.      นิวรณ์ 5 เป็นอาหารของ.. อวิชชา

9.      อวิชชา เป็นอาหารของ ภวตัณหา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:56:58 )

ตัณหาอุดมการณ์

รายละเอียด

ส่วนเจตนานั้น กามตัณหา ภวตัณหา หมดกามตัณหา ภวตัณหาคือรูปภพ อรูปภพ ล้างรูปภพ ล้างอรูปภพหมด ก็หมดภพ 3 หมดแล้วก็เป็นวิภวภพ เป็นตัณหาอุดมการณ์เป็นตัญหาที่หมดภพชาติหมดอัตตา ก็มีแต่ความอยากความประสงค์ความต้องการเหมือนอย่างอาตมา ประสงค์ต้องการยังไม่ยอมตาย ยังอยากอธิบาย จนกระทั่งเขาบอกว่าอยากอวดเป็นพระอรหันต์อยากอวดเป็นพระโพธิสัตว์ อาตมาไม่ได้ไป ระริกระรี้อะไร ไม่ได้ไปอยาก พูดด้วยพยัญชนะ แต่จิตของเราไม่ใช่ ไม่มี อาตมาบอกอวด แต่ไม่มีจิตสาเฐยจิต ไม่ใช่อยากอวดโอ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:16:39 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:08:16 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:54:05 )

ตัณหาอุดมการณ์

รายละเอียด

ก็เข้าใจว่า พระอรหันต์แล้วไม่มีภพแล้ว แต่มีตัณหาที่ไม่มีกิเลส เป็นตัณหาอุดมการณ์ เป็นตัณหาแบบทำงานไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลส ไม่มีเพื่อตัวเพื่อตน มีแต่เพื่อผู้อื่น เป็นประโยชน์ 

ส่วนกามตัณหา ภวตัณหานั้นแน่นอนมันไม่มีหมดแล้ว เหลือภพ แม้ภพนั้น ก็เป็นภพอันยิ่งวิภวะ

วิ คือยิ่งไม่มีแล้ว กามก็ไม่มี ตัณหาก็ไม่มีหมด เป็นตัณหาอุดมการณ์อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:02:40 )

ตัณหาอุดมการณ์เป็นวิภวตัณหาอย่างไร

รายละเอียด

วิภวตัณหา พระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์มีตัณหาอุดมการณ์เป็นวิภวตัณหา เป็นตัณหาที่ต้องการสอนให้เขาไม่มี เพราะตามที่เราเคยมีแล้วและก็ไม่มีได้ ก็สอนให้คนอื่นไม่มีภพอย่างที่เราทำได้ ก็เป็นตัณหาอุดมการณ์ สำหรับมรรค คุณนั้นยังพากเพียรที่จะไม่ให้มีภพก็ถูก แต่วิภวตรงนี้ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติแต่เป็นผลแล้วจบ ปฏิบัติตนแล้วได้ผลจบ ก็เป็นวิภวตัณหาเป็นคนมีตัณหาที่ไม่มีภพ วิภวภพ แปลว่าไม่มีตัณหาได้เต็มๆ คำว่าวิ มีสองนัย นัยหนึ่งมีอย่างยิ่ง 

เริ่มลดลงได้ก็ยิ่งไปตามลำดับ ยิ่งๆๆๆ จบหมด ก็เป็นคนมีตัณหาที่ต้องการไม่มีตัณหาจนตัณหาที่จะไปโลภ ระดับ กาม รูป อรูป หมดไม่เหลือ ก็เป็นคนมีตัณหาไม่มีภพอะไรเหลือเลยแต่คุณก็ยังมีชีวิต ภพชาติ ยังไม่ตายแต่เป็นพระอรหันต์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:06:54 )

ตัณหาอุปทานเป็นความติดยึดจะเกิดได้ต้องมีผัสสะ

รายละเอียด

ศานาพุทธไม่มีสวรรค์นรก มีสวรรค์ก็มีนรก หากไม่ติดยึดเข้าใจแล้วไม่มีสวรรค์นรกเป็นอรหันต์ชัดนี้เลย แต่ความติดยึดมันยาก มันโง่ที่ติดยึด ถ้าคุณเข้าใจไม่ติดยึด ความติดยึดเรียกว่าอุปาทานเป็น Static ตัณหาเป็น Dynamic อุปาทาน เป็นตัวตั้ง เมื่อมันเคลื่อนที่เมื่อไหร่ก็เป็นตัณหา ปัญหาจะเกิดได้ต้องมีผัสสะ มันเกิดมาในปัจจุบันในจิตนั้นมันไม่ทำอะไรใครหรอก แต่มันทำให้สะสมเป็นอุปาทาน ให้คุณเติมเข้าไปเท่านั้นเอง มันไม่มีผลกระทบอะไรกับใครหากไม่ออกมาทางวาจากับกาย ตัณหาของคนบ้าให้แรงอย่างไรก็ไม่มาออกทางกายวาจาเลย ก็ไม่มีผลอะไรกับใคร ไม่ทำความทุกข์ทำเวรไปกับใคร คุณทำกับตัวเองเท่านั้น เพราะฉะนั้นมันจะมีผลต่อเมื่อผัสสะแล้วมาเกี่ยวข้องกับคนอื่นทั้งนั้นแหละ เป็นตัวทุกข์ทรมานเกิดความวุ่นวายในโลกนี้  แต่ถ้าอยู่ในใจของคุณคนเดียวคุณจะบ้าบอคิดฟุ้งซ่านอย่างไรให้หนักหนาสาหัสไปเท่าไหร่ เชิญคุณเถอะ ถ้าเขาไม่เอาไปโรงพยาบาลบ้าก็ดีแล้ว ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:13:37 )

ตัณหาแต่ละระดับ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ที่ยังไม่เข้าใจในผัสสะ ยิ่งไม่รู้จักเจตนา ตัวนี้ลึกกว่าผัสสะ ว่าเรายังมีเจตนาที่เป็นกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ซึ่งจะลึกซึ้งขึ้นไปเป็นตัณหาแต่ละระดับ ในกามตัณหาเบื้องต้นเขาก็ไม่รู้ แล้วในตา หู จมูก ลิ้นกาย รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส ติดหยาบๆนี่ อย่างมหาบัวนี้หมากพลูเป็นต้น ยังไม่ต้องไปไล่ถึงเนื้อสัตว์ เอาหมากพลูก่อน เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่รู้จักเจตนาของเขาหรอกว่า เขายังไม่รู้เลยว่าเจตนาของเขานี้ เขาจะละออกหรือเขาจะติดไว้ให้ยิ่งขึ้น เขากินทุกวันเขาติดเพิ่มทุกวันหรือเขาละออกตอบสิ เขากินทุกวันแล้ว เขายังไม่สำนึก เขาไม่รู้เจตนาของเขาเลยว่าเขาทำอย่างนี้นี่ เขาก็ยิ่งผนึกความติดยึดเข้าไปอย่างจริงน่ะ 

ปัญญาหรือปฏิภาณทิฏฐิเขาไม่มีแล้ว เขาก็เหลือแต่ศรัทธา เหลือแต่ความเชื่อถือของตนเอง เขาก็ยิ่งสั่งสมศรัทธาเข้าไปใหญ่ เป็น สัทธินทรีย์ สัทธาพละ ในสิ่งที่ผิด เขาก็ยิ่งจมอยู่ในศรัทธาเพราะปัญญาเขาไม่มีแล้ว หรือน้อย แต่ศรัทธาเขาหนัก เขาก็เลยจมไปในสัทธินทรีย์ สัทธาพละ เชื่อว่าตัวเองถูก นี่มันจมหนักเข้าไปในศรัทธา เพราะฉะนั้นจึงหมดหวังในเจตนา ไม่รู้จักเจตนาของตน 

เมื่อไม่รู้จักเจตนาของตน วิญญาณอันเป็นอาหารที่ 4 เขาก็จะเป็นเหมือนกับโจรทำลายศาสนา แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้กล่าวคำนี้ ท่านบอกว่าโจรของพระราชา พระราชาก็บอกว่าไอ้นี่มันโจรนะ ให้เจ้าพนักงานไปฆ่าเสียด้วยหอก 100 เล่มเช้า ไปเปิดดูในปุตตมังสสูตรข้อ ฆ่าด้วยหอก 100 เล่มเช้า เสร็จแล้วเจอหน้าเจ้าพนักงาน พระราชาก็ถามแล้วเป็นไงตายแล้วยังโจร ไม่ตายพระเจ้าข้าก็เอาไปฆ่ามันอีกด้วยหอก 100  เล่มกลางวันนี่แหละ เจ้าพนักงานก็ไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มอีกหอกหักหมด กลับมาก็แหมไม่รู้จะทำอย่างไร พระราชาถาม อีกเป็นไงตายหรือยังโจร ยังพระเจ้าข้า มันยังไม่ตาย ไปฆ่ามันอีกด้วยหอก 100 เล่ม เย็นก็ไปฆ่าอีกด้วย หอก 100 เล่ม มันตายไหม ...ไม่ตาย ในข้อวิญญาณที่ไม่ตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์ ครั้งที่ 47 วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:52:44 )

ตัด “กาม” ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง?

รายละเอียด

ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน“มูลสูตร”(พระไตรปิฎก เล่ม 4 ข้อ 58) เป็นข้อต้นกันเลยทีเดียวว่า คนผู้นั้นจะต้องมี“ความเข้าใจจริงๆ (สัมมาทิฏฐิ)”และมีใจ“ยินดี (ฉันทะ) ที่จะกำจัดกิเลสกามออกจากใจตนจริงๆ”ด้วย จึงจะสามารถบรรลุธรรมโลกุตระนี้ได้จริง ขนาดนั้นก็ยังยาก! นอกจากผู้ที่ได้สะสมบารมี (มรรคผล) มาแต่เก่าก่อนบ้างแล้ว [ปุพเพกตปุญญตา = ความสะอาดจากกิเลสที่ชำระได้แล้วมาตั้งแต่ชาติอดีตของคนผู้นั้นๆ] แม้ภาษาคำว่า“ปุพเพกตปุญญตา”นี้ ก็ไม่ใช่ได้“บุญ”นะ! ที่เป็น“สมบัติ”ตกทอดข้ามชาติมา แต่ภาวะที่มีข้ามชาติมานั้นเป็น“จิตสะอาดจากกิเลสนั้นแล้ว”ตะหาก คือ“ผลของบุญ”ที่สำเร็จแล้ว คือ“จิตสะอาดจากกิเลส”แท้ๆ ไม่ใช่“มีบุญ”หรือ“ได้บุญ”เลย! ซึ่งเป็น“จิตสะอาด” จิตที่“บุญ”ได้กำจัดกิเลสกามออกไปจากจิตได้แล้วจริงแท้แน่นอนแล้ว ที่เหลือเป็น“สมบัติ”นี้เป็น“จิต” ไม่ใช่“บุญ”

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 439 ข้อที่ 604


เวลาบันทึก 11 มิถุนายน 2565 ( 15:03:12 )

ตัดคอถวายพระพุทธเจ้าเป็นบาปไหม

รายละเอียด

ตอบ บาป บาปเต็มที่ เป็นกุศลไหม ไม่เป็นเลย อย่าอุตริกระทำ ไม่เป็นประสาเลย โง่เต็มที่เลย โดยไปเอาแง่เชิงประเด็นที่ดูเท่ๆ ตัดหัวถวายพระพุทธเจ้า แล้วคุณตัดไปทำไม ตัดคุณก็ตายทิ้งไปเฉยๆ ถวายพระพุทธเจ้าแล้วพระพุทธเจ้าต้องการให้คนตายทิ้งไปเฉยๆ หรือ อย่าทำเท่มาเป็นถวายเลย ท่านไม่ต้องการให้คนมาตายทิ้งฟรีๆ ไปถวายท่านทำไมท่านไม่ต้องการอะไรแล้ว ท่านให้คุณเกิดปัญญา แล้วทำไมโง่หนักเข้าไปอีก ท่านต้องการให้ฉลาดให้รู้ว่า เออ..สงวนรักษาขันธ์แล้วศึกษาปฏิบัติตนให้พัฒนาไป ได้ร่างมาเป็นคนก็เป็นกุศลหนักหนาแล้ว แล้วมาพบพระพุทธศาสนาด้วย ก็ยังทำโง่ไปตัดหัวถวายอีกนี่คือความโง่ มันคือมิจฉาทิฏฐิซ้อน ว่าดีว่าเท่สุดยอด ฆ่าตัวตายถวายพระพุทธเจ้าอย่างนี้ พระพุทธเจ้าไม่เคยส่งเสริม อันนั้นเป็นเล่ห์เหลี่ยมของผู้ที่เป็นศาสดาอื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:05:39 )

ตัดสินกันได้ที่ อปัณณกปฏิปทา 3 

รายละเอียด

มหาศีลนี้เป็นเรื่องของเดรัจฉานวิชาเป็นส่วนใหญ่ เป็นวิชา ที่มันขวางทางนิพพาน ทุกวันนี้ในวงการศาสนาพุทธเต็มไปหมดเลยในมหาศีล เพราะเขาไม่เรียนกันแล้ว แล้วเขาก็ทำกันเป็นจารีตประเพณี ผิดมหาศีลเกือบไปทั้งหมดแล้ว 

อาตมาไม่อยากเอามาขยายความ เพราะขยายความแล้วเหมือนกับตั้งทัพรบกับมหาเถรสมาคมเหมือนอย่าง ยูเครนกับรัสเซียเลย มันจะอย่างงั้นเลยจริงๆต้องห้ำหั่นกันจริงๆ ก็ต้อง อนุโลมเอาไว้ว่ายังเอาไว้ก่อนอันนี้ พูดจุลศีลยังไม่ต้องถึงมัชฌิมศีล มหาศีลเอาไว้ก่อน 

ศีลข้อ 1 2 3 ขยายไปทะลุในได้ แม้แต่ศีลข้อ 1 คุณไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ผิดแล้ว อปัณณกะ แปลว่าไม่ใช่พุทธ ผิดพุทธ ปฏิปทาแปลว่าข้อปฏิบัติ เพราะฉะนั้น 3 ข้อนี้ ปฏิปทา 3 ข้อ ถ้าไม่มีในการปฏิบัติธรรม ผิดเลย ตัดสินได้เลยทันที ผิด ไม่ใช่พุทธ ไม่มีทางเกิดสัทธรรม 7 ไม่เกิดฌาน ไม่เกิดวิชชา  8 ไม่มีเกิด ตัดสินกันได้ที่ อปัณณกปฏิปทา 3 ที่นี้ลงลึกในปฏิปทา 3 ไม่ยากเลย เข้าใจเป็นพื้นฐานง่ายๆและปฏิบัติตามพื้นฐานก็ได้ 

1. สำรวมอินทรีย์ 2.โภชเนมัตตัญญุตา 3.ชาคริยานุโยคะ 

สำรวมอินทรีย์ อินทรีย์คือตาหูจมูกลิ้นกายใจ ใจก็เป็นอินทรีย์ภายในร่วมกันกับอินทรีย์ภายนอก 5 ตาหูจมูกลิ้นกาย ต้องทำงานร่วมกันเป็น 2 เพราะฉะนั้น กาย เป็น 2 นี่แหละยากที่จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจกายเป็นหนึ่ง กาย ก็เหลือแต่วัตถุหรือร่างภายนอก ไม่มีใจเข้าไปร่วม คนนี้ก็มิจฉาทิฏฐิตั้งแต่สังโยชน์ข้อที่ 1 

เมื่อมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่สังโยชน์ข้อที่ 1 คุณจะปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ไม่ได้เลย คุณจะเข้าใจว่าการปฏิบัติกายในกาย คุณก็ไปหลับตาปฏิบัติกายในกาย ไม่มีภายนอกก็เจ๊งกระบ๊งแล้วเห็นไหมมันเพี้ยนแล้ว มันเพี้ยนนิดเดียวนะ เขาว่าฉันเข้าปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 แล้ว กายในกายก็หมายถึงในจิต แล้วพระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสด้วยว่ากายนี้เราก็เรียกว่าจิตมโนวิญญาณมันจะผิดที่ไหน ทิ้งภายนอกเลย เจ๊งกระบ๊ง เพราะไม่มีสำรวมอินทรีย์ 6 ไม่มีสติทางกายทางวาจาทั้งมโนครบภายนอกไม่ตื่นเต็ม

โดยเฉพาะอาหารคือคำเคี้ยว อาหารคือสิ่งที่เคี้ยวทางปาก แล้วคุณก็สัมผัสภายนอก สัมผัสทางตา อาหารนี้ องุ่นนี้โอ้โหลูกมันน่าปลิดใส่ปาก คุณก็เป็นกรรมแล้ว โอ๊ องุ่นนี้ไม่น่ากินเลย คุณก็ปฏิฆะแล้ว คุณไม่ได้ปฏิบัติจริง ดีไม่ดี คุณกินอร่อยด้วยอร่อยอยู่นั่นแหละคุณไม่ได้ปฏิบัติ คุณไม่ได้เรียนรู้เลย นะ แล้วคุณจะไปเกิดความจริงได้ไง บรรลุตรงไหน เพราะฉะนั้น โภชเนมัตตัญญุตา ของคุณไม่มี คุณไม่เคยตื่นมารู้ครบความตื่นสติอันบริบูรณ์ สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ในอวิชชาสูตร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:42:53 )

ตัดเศียรถวายพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องวิตถาร

รายละเอียด

ก็เป็นเรื่องวิตถาร แปลกๆ กัน  สามัญเขาก็วิตถารอยู่แล้ว ใครจะมีความคิดความเห็นอย่างนั้นมันก็เป็นน้อยเป็นส่วนน้อย ธรรมดาสามัญ ก็ไม่เป็นกันหรอก เราเห็นว่ามันแปลกวิตถาร มันเกินไปในทางรุนแรง จะมองไปในแง่
เด่นก็โก้ดี ตัดเศียรถวายพระพุทธเจ้า ทำรูปเท่เลย มันก็เกินไป ก็เอา คนที่ชอบๆในเรื่องที่วิตถาร เรื่องแปลก ไม่เหมือนใคร เด่นโด่งดังก็แล้วแต่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:25:09 )

ตัดให้มันสั้นลงจนกระทั่งรู้ที่จบ

รายละเอียด

ถ้าไม่มีความรู้ชัดเจนยิ่งจริงแล้วตัดให้มันสั้นลงจนกระทั่งรู้ที่จบ และสุดท้าย คุณเกิดมาเป็นคนนี้ มีจิตนิยาม เทวนิยมเขารู้แค่ดีชั่วเท่านั้น เขาทำดีอย่าทำชั่ว แล้วเขาก็ไม่สงสัยในสมมุติสัจจะหรือสมมุติธรรมว่าดีชั่ว ก็เข้าใจ แล้วดีชั่วก็ไม่เที่ยง ขึ้นอยู่กับ กาละ เทศะ ฐานะ สถานที่ เทศะ ที่แตกต่างกันของอเมริกากับของไทย ไม่ได้ยึดดียึดชั่วเหมือนกัน แต่สุขทุกข์มันเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ใครหลงสุขหลงทุกข์ แล้วในสุขในทุกข์ ยังมีสมมุติอีก สมมุติว่าอย่างนี้สุข สมมุติว่าอย่างนี้ทุกข์ เป็นมายาหลอก แม้มายึดอันเดียวกันก็แย่งกันเลย จนที่สุดแล้วว่า ก็มันสุขทุกข์มันจะแย่งไปทำไมกันเล่า มันไม่มี มันถึงจะ อ๋อ.. เหรอ 

แล้วคุณก็จะต้องทำให้ได้ว่า จิตของคุณมันก็เป็นอย่างนั้น แล้วคุณก็บอกว่าอย่างนี้ น่าได้นะมันสวย น่าได้นะ มันไพเราะดี น่าได้นะมันหอมดี น่าได้นะมันอร่อยดี น่าได้นะ มันกระทบเย็นร้อนอ่อนแข็งเสียดสีสัมผัสกันอย่างนี้ แล้วมันก็เกิดอาการตามที่คุณสมมุติยึดกัน แล้วก็หลงยึดกันก็เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 12:29:57 )

ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก

รายละเอียด

มีใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 343


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:49:51 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:40:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:52:08 )

ตัตระ วิสัตโต

รายละเอียด

ผู้เกี่ยวข้องในวิญญาณนั้น

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:51:31 )

เวลาบันทึก 03 พฤษภาคม 2563 ( 15:21:51 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:51:48 )

ตัตระ สัตโต

รายละเอียด

ผู้ข้องในวิญญาณ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 219


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:03 )

เวลาบันทึก 03 พฤษภาคม 2563 ( 15:22:26 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:51:29 )

ตันทิ

รายละเอียด

ความเกียจคร้าน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 532


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:35 )

เวลาบันทึก 03 พฤษภาคม 2563 ( 15:23:06 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:51:13 )

ตัวการสำคัญให้ช้าอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สัทธาวิมุติ ก็ดี เพราะไม่มีความรู้ในความเป็นกายนี่แหละ มันเป็นตัวการสำคัญให้ช้า 

พาดพิงถึงหลักพระสูตรของพระพุทธเจ้าเลย ผู้ที่มาศึกษาธรรมะพุทธเจ้าต้องรู้กาย สัมมาทิฏฐิเป็นตัวแรก ทั้งในสังโยชน์ 10 ตัวที่ 1 ต้องรู้กายอย่างสัมมาทิฏฐิ ทั้งที่จะแยกกายแยกจิตได้ ต้องรู้กายคืออย่างไร จิตคืออย่างไรให้สัมมาทิฎฐิ จึงจะแยกกายแยกจิตได้ 

เมื่อแยกกายแยกจิตได้ ซึ่งจะทำให้เข้าใจมูลกรรมฐาน 5 หรือ เข้าใจ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ทั้ง 5 ได้ 

ผู้ที่จะรู้กายรู้จิต แยกได้ กายกับจิตนั้นจริงๆแล้วไม่แยกกัน แยกกันไม่ได้ ต้องตายไปด้วยกัน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายไปด้วยกัน แต่ในสมมุติสัจจะสามารถแยกได้ 

หรือแม้ใน ปรมัตถสัจจะ ใช้คำนี้ก็ได้เหมือนกัน ผู้ที่มีปรมัตถสัจจะแล้วก็แยกได้ ผู้ที่รู้จักในปรมัตถสัจจะแยกได้ ผู้ที่มีแต่สมมุติสัจจะแต่ไม่มีปรมัตถสัจจะจะแยกไม่ได้ แยกไม่เป็น มีแต่สมมุติ ปรมัตถ์ไม่มี ยังไม่กระจ่าง รู้ไม่ได้ แต่ผู้ที่มีปรมัตถ์สัจจะ จะรู้สมมุติสัจจะ 

เพราะฉะนั้น ปัญญานำ ปัญญินทรีย์นำ อินทรีย์แปลว่า มีพละกำลัง มีจำนวนของพลังงาน อันหนึ่งใช้ปัญญานำ อันหนึ่งใช้ศรัทธานำ ปัญญานำก็ไปได้เร็ว ศรัทธานำยังข้องขัดยังไม่คล่อง ไปติดอยู่ที่ สัทธาวิมุติ อันที่ 3 สัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ ไปติดอยู่ตรงนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 05:31:32 )

ตัวจริงของกามคุณคือกามโทษ

รายละเอียด

มันมีเจตนาเช่น เจตนาอยากได้มัน รักมัน หลงว่าเป็นกามคุณทางตา ทางหูจมูก ลิ้น กาย ไม่ใช่กามโทษ ไม่รู้จักกามโทษ ไม่คิดว่าเป็นกามโทษ ไม่คิดว่าเป็นกามทีนวะ แต่ไปคิดแต่ว่า เป็นกามคุณ เป็นสวรรค์ ที่จริงแล้วมันเป็นนรกเป็นกามโทษ มันหลอกคุณว่าเป็นกามคุณ ตัวจริงมันคือกามโทษ กามาทีนวะ เราจะได้รู้ว่าเราหลงผิด ไม่มีใครมาบอกให้เราชัดเจนวันนี้มีคนบอกให้ชัดเจนขึ้นบ้างคงจะพอเข้าใจนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:42:42 )

ตัวชี้วัดสำคัญอยู่ที่มโนปวิจาร 18

รายละเอียด

มโนปวิจาร 18 กับ 18 คือ เคหสิตเวทนา 18 กับ เนกขัมสิตเวทนา 18 

มันมี เวทนา 2 3 5 6 18 แล้ว 36 แล้วก็มี อีก 3 กาละ คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็จบเป็น 108 

เพราะฉะนั้นตัวชี้วัดสำคัญก็คืออยู่ที่ มโนปวิจาร 18 คืออะไร 

18 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 ทวาร เวลาปฏิบัติธรรมจะต้องมีความสัมผัสรู้ เวทนา ที่รู้สึก ทั้งเวทนา 6 จากการสัมผัสตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ แต่ก็ปฏิบัติธรรม กาย 5 ก่อน หมดรูปฌาน ไปสู่อรูปฌานต่อ 

สัมผัสทั้ง 6 ทวารแล้วจะเกิดเวทนา 3 คือสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ ก็เป็น 18 ตากระทบรูป มีความสุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายเหมือนกันหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:07:06 )

ตัวช้าง (จากหางช้างติดพวยกา)

รายละเอียด

กิเลสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย , กามราคะ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 315 ,317


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:13 )

เวลาบันทึก 03 พฤษภาคม 2563 ( 15:24:06 )

ตัวซาตานคือตัวคุณเองไม่รู้ตัวเอง 

รายละเอียด

จะทำอย่างไรเอา 1 โดยไม่มีเลยไม่ได้ ถ้าคุณจะทำลายต้องทำลายหมดเลย ทำลาย 2 เลยหมดเลย อันนี้ทำได้ แต่ถ้าเลือกเอา 1 ไม่เอา 2 ไม่ได้ เลือกเอาความสุขไม่เอาความทุกข์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้าไม่รู้จักซาตาน ซาตานอยู่ด้วยแฝงด้วยโดยที่พระเจ้าไม่รู้ตัว แล้วทำร้ายซาตานนั้นได้ตลอดนิรันดร เพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ซาตาน จริงๆแล้วตัวซาตานคือตัวคุณเอง ตัวซาตานคืออะไรคือโง่ คืออวิชชา มันไม่รู้ตัวเอง 

ตัวเองนี่แหละทำร้ายจนกระทั่งมาทำดี ทำดีก็ต้องมีคู่ ทำดีอย่างไรก็ต้องมีคู่ คุณทำดีคนเดียวจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบ บอกว่าอันนี้ดีที่สุดแล้ว มันดีอย่างไร มันก็เหนือกว่าชั่ว แล้วชั่วอยู่ไหน ความชั่วก็ต้องมี 2 สิ ดีตัวเดียวจะไปเปรียบเทียบกับอะไร นัตถิอุปมา เปรียบเทียบอะไรก็ไม่ได้ คุณก็ต้องมีการเปรียบเทียบ อัตถิอุปมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:15:27 )

ตัวตนคืออย่างไร

รายละเอียด

ผู้ที่เสียสละและเข้าใจตัวตน ตัวตนคือมาเป็นตัวเรา แล้วก็มาเป็นของเรา มาเป็นของของเรา เพราะงั้นจะยึดอะไรมาเป็นของของเราตั้งแต่

1.หยาบๆ เป็นวัตถุ เป็นของเรา นั่นคือไม่เสียสละ ถ้าเสียสละออกไป คุณก็จะลดตัวตน เป็นวัตถุหยาบๆ

2.ยึดถือสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุแล้ว เป็นนามธรรม เป็นความรู้ เป็นความเห็น ยึดถือความเห็นยึดถือความรู้ ก็เป็นตัวตน ซึ่งใครแย้งก็โกรธก็เคือง ก็ถือดีอะไรต่างๆ สูงขึ้นไปอีกก็ยึดถือความดี ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ยึดความดีใดๆ 

ถ้ายังยึดอะไรเป็นเรา อะไรเป็นของเราอยู่ นั่นคือยังเป็นตัวตน ท่านให้เสียสละทุกอย่าง เช่น

การทำทาน ทำทานแล้วอย่าสร้างภพสร้างชาติใส่จิตคืออย่างไร ในทานสูตรข้อแรกเลย ทำทานแล้วอย่าตั้งจิตให้มีภพชาติต่อไป คุณให้อะไรใครแล้ว เช่น ทำทานไป 900 ล้าน เหมือนอย่างเถ้าแก่จุล ทำทานไป 900 ล้าน แล้วไม่ต้องการอะไรกลับคืนมา จิตไม่มีสาเปกโข 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 11:52:27 )

ตัวตนจริงๆ แล้วเป็น อธิวจนสัมผัสโส

รายละเอียด

ในโลกนี้มีแต่เหตุปัจจัยที่ปรุงขึ้นมาเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้นจริงๆ แล้วมันมีตัวตนจริง จริงๆ แล้วมันก็สักแต่ว่าชื่อที่เรียกกันด้วยพยัญชนะ เป็นอธิวจนสัมผัสโส เรียกมันว่ารูป นี่เรียกมันว่ากล้วย นี่เรียกมันว่ามะเขือเทศ เป็นภาษาไทย มันเรียกว่ามะม่วง เรียกว่าไมโครโฟนเป็นภาษาไทย หรือเรียกบักอะโหล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:21:47 )

ตัวตนที่สะอาดคือไม่มีกิเลส

รายละเอียด

ในมหาสุญญตสูตร ไม่มีตัวธาตุกิเลส ธาตุซาตานตัวไม่ดีมาร่วม เมื่อไม่มีธาตุตัวไม่ดีในใจเรา นั่นแหละคือตัวตนที่สะอาด คุณต้องอาศัยมันจนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสานคุณจะต้องมีธาตุรู้ตัวนี้ แล้วธาตุรู้ตัวนี้ปราศจากกิเลสทุกอย่างละเอียดสนิทเลย นั่นคือเป้าหมายจุดสำคัญที่จะต้องรู้ชัดเจนและทำให้ถึงตรงนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:39:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:04 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:50:49 )

ตัวตนมี ISH เกิดความเห็นแก่ตัว

รายละเอียด

มาเป็นพีชะ ดูดผลักในระดับพีชะ มันมีตัวตนขึ้น มี ISH มีตัวประธานคือ I และเป็นผู้ที่สั่งการ S เพศหญิง H เพศชาย She and He สามเส้า ISH เรียกว่าตัวตน ISH คนเรียกว่า Self คือตัวตนของคน มันโง่ มันไม่รู้ก็เลยเอา ISH สามเส้านี่ เข้ามาเป็นตัวเองเลยแล้วก็รับมาเป็นเราเป็นของเรา ก็เลยเป็น Selfish แปลว่าอะไรเด็กๆ...​แปลว่า เห็นแก่ตัว 

ความเห็นแก่ตัวนี่แหละยึดติดความเห็นแก่ตัว แล้วก็โง่ จะต้องเอาอะไรมาเป็นของตัวให้ได้มากๆมายๆ ใครเขาว่าความสวยตัวน่าได้ ก็จะยึดก็จะหาใส่ตัวเอง เกิดมาไม่สวย เกิดมาขี้เหร่แถมตดเหม็น ก็จะต้องเป็นคนไม่ขี้เหร่ตดไม่เหม็นให้ได้ ภาษาอีสานเขาบอกว่าอย่างนั้นนะ ขี้ฮ้ายตื่มตดเหม็น คือ ขี้เหร่แล้วแถมตดเหม็นอีก โอ้โห! เป็นคนที่เรียกว่าเกิดมาขี้เหร่สุดๆ แล้วนะ ทั้งขี้เหร่ทั้งตดเหม็น 

คนที่ไม่รู้ก็ไปจริงจังเลย ยึดถือ ต้องให้สวยไม่ขี้เหร่ ตดเหม็นก็จะต้องให้ตดหอม ยึด ไม่รู้จักวิธีทำ ชาวอโศกนี่ หมดยึดถือ ตกลงไม่ต้องไปยึดขี้เหร่ ขี้เหร่หรือไม่ขี้เหร่ก็ตาม รูป นาม ตามที่เกิดมา เกิดมาเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ตามวิบากกรรม เราก็นึกไม่ออกหรอกว่า มันเป็นอจินไตย เกิดมาจะต้องได้รูปร่างหน้าตาอย่างนั้นทั้งๆที่พ่อแม่ก็ดูสวยดูหล่อแต่ลูกออกมาขี้เหร่ขนาด มันก็ช่วยไม่ได้วิบากใครวิบากเขา แล้วก็ไม่รู้เรื่องกินอะไรไปสารพัดสารเพ ตดเหม็นก็ไม่รู้วิธีจะทำให้ตดดีขึ้น กลิ่นมันไม่เหม็น มากินมังสวิรัตินี่แหละตดไม่เหม็น ก็มีพวกที่รู้คือพวกมังสวิรัติ รู้สึกไหมว่าแต่ก่อนนี้กินเนื้อสัตว์ ตดเรานี่เหม็นน่าดู เดี๋ยวนี้มากินมังสวิรัติแล้ว ตดออกมามันก็กลิ่นเหมือนพืชผักเน่า มันต่างกับสัตว์เน่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 12:55:53 )

ตัวตนหรืออัตตาเป็นคำคำแทนสภาวะอะไร

รายละเอียด

คำว่า ตัวตนคำนี้อีกคำ คือ อัตตา คำว่า อัตตา เป็นคำที่แทนสภาวะนี้ขึ้นมา แทนวิญญาณ แทนตัวตน แทนอายตนะ แทนทุกอย่าง อัตตา แทนสภาวะของจิตวิญญาณที่เกิดเป็นธาตุรู้ขึ้นมา ผู้อวิชชา ไม่มีความรู้ในเรื่องสัจธรรมพวกนี้เลย ไม่ได้ศึกษาตามหลักปฏิจจสมุปบาท ผู้อวิชชา ไม่รู้จักสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้จักว่าวิญญาณคืออะไร ก็ไม่รู้จักรูปนาม นามรูป ไม่รู้จักอายตนะ ไม่รู้จักผัสสะ มีผัสสะนะแต่ไม่รู้ สังขารก็มี วิญญาณก็มี รูปนามก็มี อายตนะก็มี ผัสสะเขาก็มี แต่เขาก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น อวิชชา 

ยิ่งไปถึงขั้นเรียกรวมว่าเป็นเวทนา เป็นความรู้สึก เขาก็มี เขามีความรู้สึก แล้วติดยึด เป็นความรู้สึกสุข เวทนาถาวร เป็นสุขนิยมด้วย แต่เขาไม่รู้ไม่ได้เรียนเลย แล้ว ไม่รู้ไม่ได้เรียนก็ไม่รู้ว่าเกิดมาเป็นเวทนา เวทนา เป็นตัวสำคัญ ความรู้สึกเป็นตัวฐานที่ตั้งของมนุษยชาติจะอยู่ที่เวทนา เป็นอารมณ์ที่ตนเองอาศัยตลอดเวลา อาศัยความรู้สึก อาศัยธาตุรู้แล้วมันเร็วนะ เราสุขหรือเราทุกข์ เราทุกข์ เราก็ไม่เอา จะออกจากสิ่งนั้น จะออกด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ จะไปหาเอาแต่สุข เหตุมันมีเวทนาขึ้นมาด้วยอะไร

พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ตัวที่เป็นเหตุก็คือ ตัณหา อยากนั่นอยากนี่ อยากปี้ อยากป่น อยากล่างอยากบน อยากจนในกระเป๋าผู้หญิงน่ะตัวดีมีกระเป๋าหิ้ว แล้วยึดอย่างที่อยากได้นี่แหละ แล้วตกผลึกลงเป็นอุปาทานไม่มีเข็ดหลาบ จึงวนเวียนอยู่ในภพในชาติตลอดกาลนาน นี่อธิบายปฏิจจสมุปบาทจบแล้ว เมื่อมีภพพมีชาติก็ โศกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส จบ

หากไม่มีตัวตน เช่น เราเคยติดอบายมุข พอเราตัดอบายมุข เราก็ไม่มีตัวตนเรื่องอบายมุขแล้วเป็นต้น แต่เขาจะบอกว่าอย่างพ่อครูนี่ตัวตนมาก โพธิรักษ์ตัวตนสูง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ งานอโศกรำลึก 2565 อภิภายตนะ 8 ตอน สังคมสาราณียธรรมที่จริงยิ่งกว่ายูโทเปีย วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2565 ( 09:28:18 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์