@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สามัญญตาเป็นไฉน

รายละเอียด

อาตมาพูดแล้วสบายใจอบอุ่นใจ มันเป็นพฤติกรรมที่ประเสริฐ คนเข้าใจแล้วทำได้ จะเป็นหมู่กลุ่มที่มีหลักเกณฑ์มีทฤษฎี ที่เป็นสามัญญตา

ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา เป็นหลักเกณฑ์เป็นความเห็นที่สอดคล้องกันจึงมาร่วมกันทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:21:10 )

สามัญญผลสูตร

รายละเอียด

1. สำรวมอินทรีย์อันเป็นอาริยะ

2. สำรวมสังวรอินทรีย์อันเป็นอาริยะ

3. มีสติสัมปชัญญะอันเป็นอาริยะ

4. มีความสันโดษอันเป็นอาริยะ 4 หลักนี้จะได้อธิบายกันไปอย่างสำคัญเลย ถ้าเผื่อว่าคุณได้ 4 ภาพนี้เป็นพระอาริยะชั้นสูงได้เป็นอรหันต์แน่นอน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:33:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:34:17 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 14:59:17 )

สามัญญผลสูตร

รายละเอียด

สามัญญผลสูตร สามัญแปลว่าความสงบ สามัญแปลว่า การปฏิบัติเข้าไปสู่ความเป็นสมณะ สมณะคือผู้สงบ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติอย่างเข้าใจก็คือการมีปัญญา มีสามัญญะ สมณะ พระพุทธเจ้ามีนิทานประกอบเรื่อง จากพระเจ้าอชาตศัตรู พบกับพระพุทธเจ้าแล้วถามพระพุทธเจ้าว่าศาสนาของท่านมีมรรคมีผลไหม เพราะว่าพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นทุกข์ร้อนเนื่องจากฆ่าพ่อแย่งชิงสมบัติจากพ่อ ท่านสำนึก แต่มันเป็นอนันตริยกรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าไม่ได้ฆ่าพ่อก็จะบรรลุธรรมไปแล้วสำหรับพระเจ้าอชาตศัตรูเพราะมีภูมิมีบารมีอยู่ แต่เพราะอนันตริยกรรมจึงทำให้มืดบอด เป็นอจินไตยเป็นเรื่องยากอธิบาย เป็นเหมือนกำแพงบดบัง ไปไม่ออก เข้าใจไม่ได้ มาถึงพระพุทธเจ้าท่านก็มาถามว่า อยากหาทางออก มีทางที่จะสามารถบรรลุธรรม มีผลธรรมอะไรบ้างไหม ท่านก็สอนไปตามลำดับ ไล่ไปตามลำดับ เป็นคนมีปัญญานะ ไปพบอาจารย์ สำนักใหญ่มาหมดแล้ว 6 สำนักใหญ่ก็ไม่เข้าใจไม่รู้เรื่อง เข้ามาพบพระพุทธเจ้าแล้วก็เลยพอรู้เรื่อง เข้าใจเรื่องบุญเรื่องวิบาก ท่านก็สอนต่างๆนานา จนกระทั่งเริ่มต้นท่านก็ชักเข้าเรื่อง ให้เริ่มต้นที่ ศีล

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:50:04 )

สามัญญผลสูตร

รายละเอียด

พระสูตรที่ 2 เป็นสามัญญผลสูตร เป็นการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงเป็นสามัญ เป็นเรื่องปกติของศาสนาพุทธ ก็คือ ปฏิบัติไปตามลำดับ มีการรู้ศีล ปฏิบัติศีลไปตามลำดับ สำรวมอินทรีย์ ทำให้เกิดความสันโดษ มีสติสัมปชัญญะ ลดละไปตามลำดับ นั่นคือความถูกต้อง ต้องอย่างสามัญญผลสูตร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 10:52:37 )

สามัญญผลสูตรกับสิ่งที่เป็นอาริยะทั้งสี่

รายละเอียด

ท่านบอกว่า ถึงพร้อมด้วยศีลคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นผู้สันโดษ. ในสามัญญผลสูตรก็ขึ้นอย่างนี้ มีศีลอันเป็นอาริยะ สำรวมอินทรีย์อันเป็นอริยะมีสติสัมปชัญญะแล้วก็เป็นผู้สันโดษ สันโดษคืออะไร สันโดษเป็นภาษาที่ยิ่งใหญ่มาก ในหลวงเราเอามาใช้เป็นภาษาไทยว่าพอเพียง อาตมาแปลว่าใจพอ สันตุฏฐิ หรือสันโตสะ แปลว่าใจพอ ใจพอคืออะไร ผลของการปฏิบัติศีลสำรวมอินทรีย์ แล้วก็มีสติสัมปชัญญะแล้วก็ปฏิบัติโดยองค์รวมของจรณะ 15 วิชชา 8 จะได้ผลจากมรรค เป็นผลคือสันโดษขอลัดตัดเลย ถามว่า พวกคุณสันโดษไหม…สันโดษ สันโดษแปลว่าโดดเดี่ยวหรือไม่? ไม่ สันโดษแปลว่าใจพอ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 15:07:23 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:00:33 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:01:30 )

สามัญผล

รายละเอียด

1. ทำอยู่เป็นปกติธรรมดาของผู้เป็นได้ เป็นแล้วอย่างนั้น

2. ผลตามปกติ ผลอันเป็นสามัญผล 

3. ผลตามปกติธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติธรรมแบบพุทธอย่างสัมมาทิฏฐิจะได้จะมี ผู้ได้ผู้มีก็ชื่อว่าสมณะของพุทธ หรือพระอาริยะ

4. ผลที่เกิดเป็นสมณะ (ซึ่งก็คือสมณะ 4 อันได้แก่ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์), ผลแห่งความเป็นสมณะ

5. ผลที่แสดงความเป็นสมณะ หรือเป็นพระอาริยะ

สามัญผล จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ไม่มีใครตรัสรู้ได้ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าแล้วไม่มีใครรู้ได้

สังวรศีล 

อปัณกธรรม 3 หลักปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ เอาหลักปฏิบัติ 3 ข้อนี้ไปจับสำนักต่างๆที่สอนให้ปฏิบัติได้เลย ซึ่ง 3 ข้อนี้เป็นหลักปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ หากปฏิบัตินอกทั้ง 3 ข้อนี้ก็ผิด ต้องมีครบ 3 ข้อนี้ด้วย มีสำรวมอินทรีย์ ต้องสำรวมทวาร 6 ด้วย ไม่ใช่ไปเอาทวารเดียวหลับอยู่ภายใน 

แล้วปฏิบัติกับสิ่งที่เป็นอุปโภคบริโภค ปฏิบัติในขณะสัมผัสกับเครื่องกินเครื่องใช้ ไม่มีอะไรนอกไปกว่านี้หรอก แล้วก็ลดกิเลสจากสัมผัสเหล่านี้ให้ได้ 

เมื่อไม่เกิดสัทธรรม 7 ฌานก็ไม่ใช่ของศาสนาพุทธ หากปฏิบัติแล้วเกิด สัทธรรม 7 จะเกิดฌาน 1 2 3 4 แล้วมีวิชชา 8 เกิด 

มาถึงคำว่า ฌาน ตัวนี้ จึงขอสะกิดเตือนคนไปนั่งหลับตาปฏิบัติฌาน มันเป็นฌานทั่วไปของสาธารณะเดียรถีย์นอกรีตไม่ใช่ฌานของพุทธ

สามัญผลสูตร ในยุคพระพุทธเจ้ามี 6 สำนักใหญ่ แต่ยุคนี้มี ไม่รู้กี่ 6 ล้านสำนัก พระพุทธเจ้าตรัสกับพระเจ้าอชาตศัตรูว่าไปพบมากี่สำนัก 

พระเจ้าอชาตศัตรูก็ถามว่า การปฏิบัติของท่านทำให้เกิดการเจริญมีมรรคผลอย่างไร แต่เจ้าสำนักใหญ่ 6 สำนักตอบไม่เข้าเป้า ถามมะม่วงไปตอบขนุนสำมะลอ  

ครูสญชัยเวลัฏฐบุตร โง่งมงายกว่าเขาทั้งหมด 

ฉะนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันถามถึงสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ครูสญชัย เวลัฏฐบุตร กลับตอบส่ายไปเปรียบเหมือนเขาถามถึงมะม่วง ตอบขนุนสำมะลอ หรือเขาถามถึงขนุนสำมะลอ ตอบมะม่วงฉะนั้น หม่อมฉันมีความดำริว่า บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านี้ ครูสญชัย เวลัฏฐบุตร นี้โง่กว่าเขาทั้งหมด งมงายกว่าเขาทั้งหมด เพราะเมื่อหม่อมฉันถามถึงสามัญผลที่เห็นประจักษ์ อย่างไรจึงกลับตอบส่ายไป หม่อมฉันมีความดำริว่า ไฉน คนอย่างเรา จะพึงมุ่งรุกรานสมณะหรือพราหมณ์ผู้อยู่ในราชอาณาเขต ดังนี้ แล้วไม่ยินดี ไม่คัดค้านภาษิตของครูสญชัย เวลัฏฐบุตร ไม่พอใจแต่ก็มิได้เปล่งวาจา แสดงความไม่พอใจ ไม่เชื่อถือ ไม่ใส่ใจถึงวาจานั้น ลุกจากที่นั่งหลีกไป

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 80, หน้า 262

อีคิวโลกุตระ หน้า 184, หน้า 198 , หน้า 199

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 95


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:49:48 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:11:46 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:15:03 )

สามัญลักษณ์ , สามัญญลักษณ์

รายละเอียด

1. ธรรมชาติของสมมุติสัจจะ 

2. ลักษณะตามปกติธรรมดาทั่วไป 

3. การรู้แจ้งไตรลักษณ์ที่ยังจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย เป็นแค่ความเข้าใจซึ่งการขบคิดด้วยตรรกะว่าทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป แม้ถึงการเห็นจิตสังขารในขณะนั่งหลับตาทำจิตเข้าไปรับรู้เฉพาะที่อยู่ในภวังค์เท่านั้น   ยังเป็นโลกียธรรมอยู่  ไม่หยั่งไปถึงจิต-เจตสิก-รูปของปรมัตถธรรม 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 91, หน้า 125

ค้าบุญคือบาป หน้า 185-186


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:51:06 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:15 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:16:53 )

สามารถทำอรหันต์ได้ อภิชัปปาจะไม่มี

รายละเอียด

มันมีเรื่องที่เราจะต้องจัดการของเราให้มันจบ ให้มันเสร็จเสีย พอมันเสร็จแล้วทีนี้คุณหมดภาระ คุณจะไม่ไปตะกละ ถ้าคุณเป็นพระอรหันต์จะจบภาระ ไม่ตะกละอยากรู้อะไรอีก ที่มันเป็นความรู้อันล้ำหน้า อภิชัปปา เป็นตัณหาล้ำหน้า จะไม่มี แต่คุณสามารถทำอรหันต์ได้ อภิชัปปาจะไม่มี แต่ถ้าคุณอยากรู้มากมันจะเป็น อภิชัปปา พระพุทธเจ้าสอนว่า มีลูกศรอาบยาพิษปักลึกแน่นแล้วแต่ไม่รีบให้เขาผ่าตัดออก บอกว่าไม่ได้จะต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า คนยิงมันชื่ออะไร อยู่ที่ไหน เอายาพิษชนิดไหนมาใส่ รู้เสียก่อนจึงจะให้ผ่า คุณก็ต้องตายก่อน คุณก็ไม่ได้รู้เรื่องอยู่ดี ไปหาเหตุผลมาเพิ่มให้ตัวเองต้องเสียประโยชน์ ต้องไม่ได้ประโยชน์ในสิ่งอ้างอิงมันโง่ เพราะฉะนั้นอย่าโง่จบตรงนี้ก็แล้วกันมันจะแรงไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:35:14 )

สามิสสุข

รายละเอียด

สุขที่ได้เสพสมตรงตามตัณหา อุปาทาน

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 270


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:35 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:13 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:21:01 )

สามเทพ คือใคร 

รายละเอียด

เทวดาสูงสุดเรียกว่า วิสุทธิเทพ อุปัติเทพคือเทพโลกุตระ มีสามเทพ คือ 

1. สมมติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเสพโลกียสุขได้สมใจ)

2. อุปปัตติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเกิดความเป็นอาริยะ) 

3. วิสุทธิเทพ (คนที่มีสภาวะจิตบริสุทธิ์ขั้นอรหัตตผล)

(พตปฎ. เล่ม 30 ข้อ 654) 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:01:47 )

สามเส้าของกลุ่มเวทนาในปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

ขยายความไปถึงเวทนา สามเส้าของกลุ่มเวทนาคือ อายตนะ ผัสสะ เวทนา

แล้ว ขยายความแล้วว่า อายตนะก็คือคู่ 2 เหตุปัจจัย นามรูป คืออายะกับตนะ

ตนะ เป็นรูป, อายะ เป็นนาม, ตนะ เป็นบวก(เป็นเพศชาย), อายะ เป็น ลบ (อิตถีเพศ เพศหญิง)

เมื่อคุณสามารถรู้นามรูปคู่นี้ และเวทนากับอายตนะก็คือนามรูป ถ้าเกิดตัวนี้ได้ต้องมีผัสสะ ต้องมีการกระทบ ก็ต้องกระทบหมดครบทั้ง 5 6 ตาหูจมูกลิ้นกายใจ แล้วคุณก็ต้องทำกายก่อน 

ตากระทบรูป หูกระทบเสียง คุณก็สามารถจัดการกับ เส้า 3 อายตนะ ผัสสะ เวทนา แล้วจัดการกับตัวอะไร?.. ก็คือตัวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:57:35 )

สามเส้าของวงวนโลกและธรรม

รายละเอียด

 _ในมหาจักรวาลนี้เวิ้งว้าง ว่างเปล่าด้วยอากาศ ด้วยพลังงาน ด้วยอุณหภูมิ(ร้อนจัด เย็นจัด) เมื่ออณูบางเบาเกิดขึ้น 1 อณู เวลาผ่านไปนานมากนับเป็นกัปๆ(ปีแสง) ก็เกาะตัวกันแน่นหนาโตขึ้น จนนับเป็น 1 ได้ ด้วยองค์ประกอบของธาตุลม ธาตุไฟ (อุณหธาตุ) เป็นเหตุให้เคลื่อนออกจากจุดเริ่มต้นในแนวระนาบ ก็เกิดจุดที่ 2 เคลื่อนกลับไปกลับมา ด้วยความไม่เที่ยง จากเส้นตรงก็เบี่ยงไปเกิดองศา ออกมานิดหน่อยก็เกิดจุดที่ 3 ครบ 1 รอบวงกลม cyclic  เป็นวงรีก่อน 

พอนานเข้าก็รอบจัดขึ้น มากขึ้น กลมเป็นวงกลม 1 2 3 วงกลม 1 2 3 นี่ ถ้ามี 1 2 3 มันจะเป็นวง พอได้ 3 เส้า 3 อณูก็จะเป็นวงกลม 1 อณู 

1 อณูก็เคลื่อนตัวจากจุดเริ่มต้น เป็นอิสระในตัวเอง ออกไปเป็นแนวตรง เข้าไปสู่ศูนย์ตัวใหม่ คือเกิดจุดที่ 2 อย่างที่มันเกิดจุดที่ 1 มา เป็นจุดที่ 2 แล้วมันก็จะเวียนกลับไปอีก ไปเติมเต็มอีกรอบ ก็กลับมาอีกเกิดเป็น 3 พอเกิด 3 มีองศานิดหน่อยก็เป็นวงรี ขึ้นมา 

รอบมากขึ้น วงรีก็จะเป็นวงกลมมากขึ้น นานเข้าก็เป็นวงกลม มันมีหลายๆ อณูขึ้นมา หลายๆ เส้า หลายๆ cyclic มันก็จะเกิดต่อกันเป็นวงกลมขึ้นมา จาก 3 เป็น 4 จาก 4 เป็น 6 จาก 6 เป็น 9 ก็จะเกิดเป็นวงกลม 

_จากธาตุลม + ธาตุไฟเรียกว่าอุณหภูมิ ก็เกิด 3 เกิดเป็นของเหลว 

_แล้วก็เกิดเป็นของแข็งคือดิน เกิดเป็นพลังงาน 1 หน่วยขึ้นมา 1 2 3 วิ่งวนรอบ 1 เป็นวงกลมอยู่ (cyclic)

เป็นความรู้ละเอียดลออ ที่เมื่อศึกษาธรรมะแล้ว จะเข้าใจไปเอง แล้วมันก็ไม่มีมรรคมีผล ไม่ได้เกิดอะไรกับตัวเราหรอก มันรู้ไปอีกเพิ่มเติมเป็นความรู้ ที่มันรู้ความจริง ในความเป็นจริงละเอียดลออเพิ่มขึ้นเท่านั้น อย่าไปหลงเก่ง ถ้าไปหลงเก่งกับมัน ก็จะเสียเวลา เอาเวลานั้นแทนที่จะไปใช้เวลากับสิ่งนั้นเอามารู้ตัวจบ เราเป็นอรหันต์จริง เป็นโพธิสัตว์ก็ทำงานกับมนุษย์ต่อไป สิ่งเดียวนี้เราก็จะรู้อยู่นั่นแหละ มันจะรู้ละเอียดขึ้นไปอีก โดยไม่ต้องไปอธิบาย 

คนอื่นที่เรียน จบอรหันต์ ก็จะรู้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เอง มันจะรู้ความจริงตามความเป็นจริง ที่ถูกต้องด้วย ไม่ใช่ไปนั่งเข้าใจความหมาย ของที่มีพยัญชนะ แล้วก็มีสภาวะ ปรุงแต่งเพิ่มขึ้นไป มันก็จะเกิดความรู้เหมือนกัน แต่เป็นความรู้ที่เกินจะใช้ แต่มันเป็นความรู้เป็นโลกยศาสตร์ เป็นความรู้โลกจินตา เป็นความรู้ความรู้ที่มันปรุงแต่งกันขึ้นมา จนเป็นสภาพเป็น cyclic เยอะแยะ เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องไปกังวลกับมันมากหรอก นี่ก็จะไปเสียเวลากับมันเยอะแยะเลย 

ขยายมาก็เยอะ มาสรุปตรงที่ว่า มันก็เกิดไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็สามเส้านั่นแหละ สุดท้ายพระพุทธเจ้าก็สรุปให้ อย่างสุดสมบูรณ์ รู้ความสมบูรณ์ด้วยแล้วก็ไม่ต้องไปขยายอีก ยังไงก็จะมาจบสมบูรณ์ตรงนี้

นี่ก็พูดถึงผู้ที่ร่วมโอภาปราศรัยกับผู้ที่ร่วมศึกษา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรเพิ่ม หรือไม่มีอะไรหยุด เพราะฉะนั้น ควรจะหยุดในสิ่งที่พอแล้ว ไม่ต้องเพิ่มก็ได้แล้ว มาศึกษาสิ่งที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันและกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิสัทธรรม 7 ที่จะทำให้เกิด ฌานของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 08:22:20 )

สามเส้าสุดท้าย คืออากาศ วิญญาณ อากิญจัญญายตนะ 

รายละเอียด

ส่วนข้อที่ 3 เป็นอาภัสราคือสว่างแจ้งชัดเจนก็ไม่มีปัญหาอะไร ทำทุกอย่างถูกต้องตามที่รู้ที่เห็น มีเหตุปัจจัยถูกต้องสมบูรณ์แบบ อาภัสรา 

ส่วนในเหตุปัจจัยที่มันไม่สว่างขนาดนั้น มันก็มีกิณหามันมืด มันดำมันคล้ำบ้างแต่เราก็ต้องทำปัญญาของเราให้เป็น สุภะ อย่าให้มันวิปลาสไปในสุภะ อย่าให้เข้าใจ อสุภะเป็นสุภะ เมื่อเราชัดเจนไม่วิปลาสมี สุภะ มันเก่งกล้าสมบูรณ์ตามเหตุปัจจัย นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ขยายความรู้ลึกไปถึงวิญญาณฐิติ 7 

1 นั้นมันเละเทะ 2 นั้นมันจัดสัดส่วนได้เป็นปฐมฌาน ได้สัดส่วนที่พอมาพอดีได้ อันนั้นก็ทำ แต่ทีนี้เหตุปัจจัยมันมากขึ้นก็ด้วยภูมิปัญญา หรือความสามารถที่พอดีทำสิ่งที่เป็นอาภัสรา เป็นสิ่งที่อาศัยใช้สอยอย่างชัดเจนสดสวยงดงามน่ารัก แม้เหตุปัจจัยมันลงไป มันจะคล้ำ มันจะมืด มันจะยากสักหน่อย เราก็จะต้องเติมความรู้ความสามารถเรียกว่า สุภะ อย่าสูงไป อย่าให้ผิดพลาด ก็เป็นอันที่ 4 ของวิญญาณฐิติ ลืมตาอย่างมีเหตุปัจจัยครบ ไม่ใช่ทำอย่างงมคลำ ส่วนอันที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 วิญญาณฐิติอีก 3 อัน อันนี้เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยของ cyclic order ของสามเส้า 

1. อากาศ อากาสานัญจายตนะ ที่ว่าง 

2. วิญญานัญจายตนะ 

มันก็มีเท่านี้แหละสรุปลงในโลกก็มีที่ว่างกับวิญญาณ และวิญญาณของคุณไม่มีกิเลสคือ อากิญจัญญายตนะ หรือที่ว่าง ของคุณไม่มีสกปรก ที่ว่างของคุณนี้สะอาด ที่ว่างนี้บริสุทธิ์ ที่ว่างนี้ไม่เป็นพิษเป็นภัย คุณก็อาศัยที่ว่างที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย มีพิษมีภัยก็ช่วยกันเอาออกแล้วจิตใจก็มีสมรรถนะ มีความสามารถ ที่จัดการได้ไม่ให้มีภัย ไม่ให้มีโทษ ไม่มีเรียกด้วยโทษทางจิตก็คือกิเลสไม่มีกิเลส เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นสิ่งเสียหาย อากิญจัญญายตนะ มีแต่สิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีตลอดหมดเลย นี่คือสามเส้าสุดท้าย ถ้าเข้าใจก็คือมีแค่นี้แหละ อากาศ วิญญาณ อากิญจัญญายตนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2566 ( 12:33:51 )

สามเส้าหลักที่ต้องทำทีละข้อ

รายละเอียด

ทุกวันนี้เขาเข้าใจ จรณะ ของพระพุทธเจ้าไม่ได้เข้าใจ ฌาน ของพระพุทธเจ้าไม่ได้เข้าใจสมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ได้ ฌาน เดียรถีย์ ไปนั่งหลับตาเอา สมาธิของเดียรถีย์ไปนั่งหลับตาเอา  มันไม่มีวันได้หรอก ต้องมาศึกษาศีล สมาธิ ปัญญา หรืออธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ให้ดีให้สัมมาทิฏฐิ ตะกละไม่ได้ ต้องทำทีละข้อ เอาแค่ 3อย่างก่อน เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับพืช เกี่ยวกับข้าวของและเกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส สามเส้าหลัก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 15:05:20 )

สามเส้าหลักปฏิบัติธรรมของพระอาริยะ

รายละเอียด

อยู่กับคนกับสัตว์แล้วก็ช่วยคนช่วยสัตว์ อยู่กับข้าวของเราก็ช่วยข้าวของ อยู่กับผัสสะเราก็ทำกับผัสสะให้ดี เรียนรู้ 3 เส้า ของศีลข้อ 1 2 3 ครบสมบูรณ์แบบเลย ถ้าเข้าใจให้ดีปฏิบัติธรรมเท่านี้ ผู้ที่รู้สรุปรวม นี่แหละเป็นโพธิสัตว์ก็แค่นี้ อย่าว่าแต่อรหันต์เลย 3 หลักใหญ่นี่แหละ สัตว์ ของ สัมผัส สามเส้าหลัก เท่านี้

คนไม่เข้าใจก็จะบอกว่าไปวุ่นวายอะไรกับเรื่องกิน ทำไมไม่ไปนั่งเข้าฌาน ไม่เป็นสมาธิ มันถึงจะไปนิพพาน ไปวุ่นอะไรกับเรื่องเล็กน้อย เรื่องกินเรื่องอยู่ พันตำรวจตรีอนันต์เสนาขันธ์ บอกว่าทำไมไม่ไปปฏิบัติธรรม พูดแต่เรื่องกินเรื่องอยู่อะไรก็ไม่รู้ แล้วมันหลงอย่างนั้นจะไปนิพพานอย่างไร พันตำรวจตรีอนันต์ แต่สุดท้ายก็ได้สำนึก เขียนมาบอกว่าข้าวของท่านมียาง คือแกติดคุกแล้วเราก็ส่งข้าวส่งน้ำให้แกกิน แกก็ระลึกถึงพวกเรา ทั้งๆที่แกห้ำหั่นพวกเรา เขียนหนังสือด่าอาตมา หนังสือพิมพ์พญาครุฑขึ้นหน้าปกเลย เดรัจฉานโพธิรักษ์ ตัวหนังสือตัวเดียวเลย เดรัจฉานโพธิรักษ์ตัวเดียวเลย แดงเต็มหน้าหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของเขา หนังสือพิมพ์พญาครุฑ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:14:24 )

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นสัญลักษณ์ของอะไร

รายละเอียด

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่โง่ไม่เสร็จ ไม่มีทางรู้อะไรเลยอะไรหายเข้าไปในนั้น ตามหาไม่เจอเลย โง่หายไปเลย โง่หายอย่างช่วยไม่ได้เหมือนอย่างกับอาฬารดาบส อุทกดาบส พระพุทธเจ้าบอกว่าจะจมไปในนรก ดิ่งนรกอยู่ช่วยไม่ได้อีกไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์ก็ยากที่จะฟื้นหรือจะตื่นขึ้นมารู้เลย ท่านถึงได้เปล่งคำว่า ชิบหายแล้วหนอ
อาฬารดาบส อุทกดาบส จะมาช่วยก็ช่วยไม่ทัน..ตายก่อน   

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:22:01 )

สายท่านติช นัท ฮันห์ เป็นภพเป็นชาติที่ไม่ใช่โลกุตระ

รายละเอียด

ถ้าสร้างอารมณ์นิสัยจิตแม้แต่กดข่ม เหมือนสายท่านติช นัท ฮันห์ สบายๆท่านก็จะสร้างอันนี้ไว้จนชินสั่งสมลงไปตกผลึก ตายแล้วตอนที่จะหมดแรงของการพยายามสั่งสมความเป็นเช่นนี้ เป็นภพเป็นชาติที่ไม่ใช่โลกุตระนะ ท่านติช นัท ฮันห์ก็เป็นการติดภพสบายสวรรค์ ส่วนพวกนั่งหลับตาดับก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนของติช นัท ฮันห์ท่านก็พยายามให้มีสติตื่นสบาย หลับก็ให้มีสติตามสบาย นี่คือของท่านติชนัทฮันห์ หมดฤทธิ์แรงของการพยายามสร้างอย่างนั้นที่เนรมิตเอาไว้ หมดแรงเมื่อไหร่ก็กลับคืนสู่วิบาก สุขทุกข์หรือโลกียะดังเดิม เพราะไม่ได้เรียนรู้หรอก รู้ตลอดเลยตั้งแต่ศีลข้อ 1 ข้อ 2 แม้แต่ศีลข้อ 1 ท่านติชนัทฮันห์ท่านก็มี แต่ไม่ได้เรียนรายละเอียดของศีลมันจะเกี่ยวข้องกับจิตอย่างไรเกี่ยวข้องกับปัญญาอย่างไรเกี่ยวข้องกับวิมุติอย่างไร เรียนรู้ตามจรณะ 15 วิชชา 8 ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 ไปไม่รู้เลย ไม่มีรายละเอียดอย่างนี้เป็นต้น ขออภัยที่วิจัยวิจารณ์ท่านติชนัทฮันห์ ลูกศิษย์ลูกหาอาจจะได้ฟังบ้าง ขออภัยอันนี้พูดถึงวิชาการ ท่านก็มีคุณงามความดี อย่างน้อยก็ มีโลกียที่น่านับถือ ทางโลกต้องให้รางวัลนะคนอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:01:41 )

สายธัมมานุสารี

รายละเอียด

กายสักขี จึงกำชับว่าต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย (นเหวโข) สายสัทธานุสารี ทิฏฐิปัตตะจะไปเป็นปัญญาวิมุติได้เลย เลยไม่ต้องผ่านกายสักขีเพราะรู้จักกายได้ดีแล้ว รู้สักกายะทิฏฐิ พ้นวิจิกิจฉาต้องแยกกายแยกจิตได้ถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:55:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:16 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:22:22 )

สายธารของปัญญา

รายละเอียด

อัญญา   ความเป็นอื่น  ความรู้อื่น ต่างไปจากอื่นๆ

กัญญา   ความให้เกิดยินดี บ่มเพาะ(มีครรภ์ให้ก่อเกิดตัวตน)

ฆัญญา  การฆ่า, การทำลาย  

ชัญญา   พึงรู้,  ควรรู้,   ผู้รู้ 

ถัญญา    น้ำนม  

สัญญา  ความกำหนดรู้  

มัญญติ สำคัญหมาย, รู้

ปัญญา   ฉลาด  มีความรู้จริงตามความเป็นจริง 

ธัญญา   มีสิริ, ดี, เจริญ, มั่งมี, รุ่งเรือง, ร่าเริง, สำราญ, เลิศ

ภัญญา  ความเป็นไปแห่งการกล่าว  

มัญญนา กิริยาที่ถือตัว, หยิ่ง, เย่อหยิ่ง  

ยัญญ  การบูชา เซ่นสรวง

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:32:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:36:15 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:25:11 )

สายปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

ธรรมทั้ง 2 เหล่านี้ อวิชชา สังขาร วิญญาณ  นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:01:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:36:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:27:46 )

สายปัญญา

รายละเอียด

คือพวกบุ๋น ใช้แค่สะกิดด้วยปัญญา ก็จะเข้าใจได้เร็ว

หนังสืออ้างอิง

สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 โพธิรักษ์…โพธิกิจ  หน้า 481


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:47:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:30:02 )

สายปัญญา

รายละเอียด

สายปัญญานั้นเร็ว อมตบุคคล จึงเป็นสายปัญญาเป็นหลัก สายปัญญาจะกลับมาอีกจะเหนือกว่า

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 14:03:58 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:37:32 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:32:10 )

สายปัญญา สายเจโต

รายละเอียด

ปัญญาเป็นสายปัญญาฟุ้งซ่านก็ต้องดับ ส่วนสายเจโตเป็นสายหลับ สายหลบ สายไม่เอาอ่าว ไม่เอาอะไร ไม่เอาถ่าน ไม่เอาขี้เถ้าเลย ก็เลยต้องพยายามปลุกฝขึ้นมาฟื้นขึ้นมา มันมี 2 สภาพเสมอ คนที่เป็นจริตสายเจโตหรือสายศรัทธาจริต ก็จะไปชอบดับหยุด ไม่ค่อยตื่น มันจะมี 2 เสมอ สังขิตตังจิตตังกับวิกขิตตังจิตตัง เป็นสองตระกูล สัทธานุสารีกับธัมมานุสารี ก็มี 2 ตระกูลนี้ ซึ่งมันต้องรู้ตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่รู้ตัวเองจะช้าแล้วสับสน กลายเป็นว่าเราจะแสวงหาอะไร ถ้าเราเป็นฐานเจโตหรือศรัทธา ก็ไปหาปัญญาหาผู้รู้คนละสายกับเรา จริงๆมันคนละสายกันจะทะเลาะกันมันจะไม่ค่อยอยากเข้าหากัน แต่ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาแล้วจะรู้ว่าเรามีอย่างนี้เราเป็นแกนนี้เราต้องหาอีกแกนหนึ่ง เราเป็นแกนศรัทธาต้องไปหาแกนปัญญา เราเป็นแกนปัญญาต้องไปหาสายศรัทธา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 09:31:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:29 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:35:24 )

สายปัญญาคัดเฟ้นนาม 5 เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

เวทนา สัญญา เจตนา ต้องมีการผัสสะจึงจะมีการทำใจในใจได้สมบูรณ์ หากไม่มีการผัสสะอย่างไรก็ไม่สมบูรณ์ในการทำใจในใจ ต้องมีผัสสะ นาม 5 เป็นตัวกลางที่สำคัญ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ สายปัญญาจะคัดเฟ้นได้เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ จึงมีศีลเป็นตัวกำกับ 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:28:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:38:22 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:38:21 )

สายปัญญาจะฟุ้ง วิมุติสายปัญญาจะไม่แน่นเท่าเจโต

รายละเอียด

ใช่ เพราะ มันรู้มากก็เลยจะวนเวียนสับสนปนเปกันเยอะมาก ใครจัดระบบตัวเองก็พอได้ ใครที่จัดไม่ได้ก็จะเหมือนคนบ้าเลยเพราะมันรู้มาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:52:06 )

สายปัญญาจะเอาฟู สายโง่จะเอาจม

รายละเอียด

ฟุ้งมาหาสว่างมันเห็น แต่ถ้าจมมันมืดไม่เห็น เราไม่เอาจม เราเอาฟู สายปัญญาจะเอาฟู สายโง่จะเอาจม พวกเราสายปัญญาหรือสายเจโต เลือกเอาได้นะแล้วมันจริงไหมก็รู้ตัวก็แล้วกัน มันก็เลือกเอาปัญญา จะไปเลือกเอาเจโตศรัทธา มันจะ 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ถ้าปัญญาเป็น 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ทำได้สั้นกว่ากันตั้งครึ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:15:23 )

สายปัญญาที่สัมมาทิฏฐิบริบูรณ์จะเร็วและมั่นคง

รายละเอียด

แล้วจะทั้งเร็วและแน่น มุทุภูตธาตุ คือจิตแกนของเรา พยัญชนะ มุทุ แปลว่าอ่อน เร็วไวทั้งเจโตและปัญญา จะเก่งขึ้นเรื่อยๆตามฐานความจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:56:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:38:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:40:11 )

สายปัญญารู้ง่ายหลงยาก สายศรัทธาหลงง่ายรู้ยาก

รายละเอียด

ก็กลายเป็นตัวเองติดยึดอยู่แต่ของตัวเองตัดสินเอง อันนี้มันมี 2 สภาพ ใจสภาพ 1 รู้สภาพ 1 

ใจหรือจิตวิญญาณแล้วก็มีปัญญาหรือจิตวิญญาณ เป็นตัวรู้ที่มีปัญญา ถ้ารู้แต่บัญญัติยังไม่ถึงปัญญา รู้แต่ความรู้ตรรกะความรู้เหตุผลความรู้บัญญัติ พยัญชนะอะไรที่เรียนกันเยอะ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลผู้ ปทปรมะ คือผู้เรียนธรรมบทของพระพุทธเจ้ารู้มากท่องจำได้มากพร่ำสอนอยู่ก็มาก แต่ตนเองไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น นี่ ในเถรสมาคมมีเยอะ ไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ แล้วก็ไม่รู้ตัวหรอกก็นึกว่าตนเองบรรลุธรรม ยิ่งไปนั่งหลับตา สายหลับตายิ่งหลงง่าย ไปหลง อสัญญีสัตว์ หลงดับนิโรธ เพราะมันตื้นและง่ายทำได้ง่าย ตัวเองสะกดจิตให้ดับให้จิตว่างเหมือนไม่มีกิเลส 

สายที่เป็นตักกะ สายเหตุผล จะเรียกว่าสายปัญญามันก็ยังไม่มีปัญญาได้อย่างแท้จริง ก็ไม่ค่อยจะหลงตัวเท่าพวกนั่งหลับตา พวกนั่งหลับตาจะหลงตัว แต่พวกที่เป็นสายพุทธิจริต แต่ปัญญาจะไม่ค่อยหลงตัวง่ายนะ สายหลับตานี้หลงตัวง่าย สายหลับตามีอรหันต์ขึ้นทำเนียบไปตั้งเท่าไหร่ในเมืองไทย แต่ทางสาย ดร. สายเปรียญ 9 ไม่ค่อยกล้าบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ เพราะมันพอรู้อยู่ อรหันต์มันต้องไม่มีกิเลส มันต้องเข้าใจมีปัญญาเข้าไปแทงรู้ว่าไม่มีกิเลส สัมผัสอยู่ด้วยตาหูจมูกลิ้นกายอยู่ชัดๆ เรายังมีอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ ว่อบแว่บ บางทีมันก็แรงด้วยมันก็รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:14:54 )

สายปัญญาเท่านั้นใช่ไหมที่มีโอกาสเรียนรู้ความเป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

ใช่ แต่สายศรัทธาก็มีมาอยู่ในนี้ และเจริญด้วยปัญญาไปตามลำดับด้วย โดยเฉพาะอาตมานี่สายปัญญาโดยตรงสายเดียวกันกับพระสมณโคดม สายปัญญา สายพุทธิจริต เรียกว่าสายปัญญา

จริตมี 4 อย่าง พุทธิจริต ศรัทธาจริต วิตักกะจริต มีราคะ โทสะ โมหะ อีก  รวมเป็น 6 อย่าง 

ก็เยอะมันละเอียดลออกันไป แยกแยะให้มันละเอียด อาตมาอธิบายละเอียดเข้าไป จนรู้สึกว่าเราเองจะมากไปหรือเปล่า 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:47:14 )

สายปัญญาเหนือกว่าสายศัทธาได้อย่างไร

รายละเอียด

[46] บุคคลชื่อว่าสัทธานุสารี เป็นไฉนสัทธินทรีย์ของบุคคลใดผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล มีประมาณยิ่ง อบรมอริยมรรคมีสัทธาเป็นเครื่องนำมา มีสัทธาเป็นประธานให้ เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า สัทธานุสารี บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าสัทธานุสารี ผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าสัทธาวิมุต มีสัทธินทรีย์ แค่มีกำลังมีพลังงานโดยมีศรัทธานำ มีศรัทธาเป็นแกนที่พาไป ซึ่งตระกูลของศรัทธา 

ศรัทธาจริต กับพุทธิจริต คือปัญญานี่แหละ เป็นสองตระกูลใหญ่ๆ เป็นธรรมดาธรรมชาติของ 2 สายนี้ จนกว่าจะถึงสุดท้ายคือ อุภโตภาควิมุติ จึงจะหมด 

เพราะฉะนั้น สายศรัทธาจริงๆ กว่าจะถึง อุภโตภาควิมุติ ต้องมีถึง 7 ขั้นถึงจะบรรลุ ส่วนสายปัญญานั้นมีแค่ 6 ขั้น ก็บรรลุเป็นอรหันต์แล้ว สายศรัทธา ต้องถึงขั้นที่ 7 จึงบรรลุ แม้แค่กายสักขี ก็ทำไห้อาสวะบางอย่างสิ้นไปเท่านั้น ไม่ทั้งหมด แต่ปัญญาวิมุติขั้นที่ 6 ก็หมดสิ้นอาสวะแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:47:03 )

สายปัญญาแท้แยกอนุสัยกับอาสวะออก

รายละเอียด

ผู้ที่ปัญญาวิมุติ คือผู้ที่สิ้นอาสวะแล้ว ยังไงจะไม่มาเกิดอีกเลย ได้เลย จะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีทุกข์แล้ว ก็จะค่อยๆเจือจาง dilute ไปตามธรรมชาติ สูญเอง จะสลายอาสวะกับอนุสัยไปเองแต่ผู้เป็นสายปัญญาแท้จะแยกแยะอนุสัยกับอาสวะออก อันนี้จะไม่มีใครมาอธิบายให้คุณฟังหรอกถ้าไม่ใช่อาตมา เชื่อว่าองค์เดียว คนเดียวที่สามารถแยกแยะอนุสัยกับอาสวะได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:05:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:39:33 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:41:09 )

สายปัญญาไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

รายละเอียด

เพิ่งเห็นว่าท่านไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริง เหวโข แปลว่าความแท้จริงแต่ถ้าไม่มีความจริงอันนี้ เราก็มาย้ำความจริงอันนี้ จึงต้องกล่าวต้องย้ำ ผู้ที่เป็นสายปัญญาจริงของเขาตรงแล้ว นเหวโข ถึงไม่ต้องกล่าวต้องย้ำต้องพูดถึงอันนี้อีก จึงบอกว่าไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย พูดไปตามบัญญัติ แต่มันมีอยู่แล้วไม่ต้องไปพูดของท่าน ท่านก็ทำได้เร็วเป็นอุภโตภาควิมุติเลย แต่ผู้ศรัทธาก็แวะไปสั่งสมเป็นกายสักขีพยายามให้เต็ม จึงเป็นปัญญาวิมุติ มาเต็มปัญญาอีกที จึงจะอุภโตภาควิมุติ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:03:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:39:58 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:42:50 )

สายพญานาคหรือพญาครุฑน่าสงสาร

รายละเอียด

เหมือนกันกับอาตมาบอกถึงผู้ที่เป็นสายพญานาคหรือพญาครุฑ พญาครุฑบินสูงบินว่อนไปสู่เวหาไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนพญานาคก็ดำดิ่งไปอยู่ใต้บาดาลแล้วจมอยู่ในบาดาลนั่นแหละ เขาเกิดอะไรรู้อะไรก็ไม่รู้ แม้ที่สุด พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกทีละพระองค์ นานๆๆ มาเกิดพระองค์หนึ่งก็ลอยถาดทองคำ เสร็จแล้วพอไปถึงบริเวณนั้นก็จมลงไปกองรวมกันเสียงดังของถาดทองคำที่กระทบกัน เสียงจะเป็นเสียงสุดยอดแห่งเสียงจึงจะสะเทือนให้พญานาครู้สึกตัว จากความหลับลึก ยิ่งกว่าคนขี้เซา เอาไฟเผาก็ยังไม่ตื่น หนังไหม้ก็ยังเฉย พญานาคได้ยินก็ตื่นขึ้นมาบอกว่าพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาอีกพระองค์แล้วหรือ ว่าแล้วก็หลับต่อเหมือนเดิมหนักกว่าเก่า นี่คือพญานาค อาตมาว่าได้ไขความพญานาคพญาครุฑขึ้นมาชัดเจนขึ้น แต่พวกคุณผ่านพวกนี้มาแล้ว สองพวกนี้ไม่รู้จะได้ยินถึงพวกพญานาคพญาครุฑนี้หรือเปล่า เสียงอาตมาไม่ใช่เสียงถาดทองคำกระทบกันนะ ไม่รู้จะทำยังไงน่าสงสาร ถ้าหากยังใฝ่หาแสวงหา ผู้มีปรโตโฆษะ จะยอมรับบ้างหรือไม่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:44:21 )

สายพุทธที่ไม่สัมมาทิฏฐิเขาจะมี 2 สภาพ

รายละเอียด

คือ มีรูปนามแยกกันไม่ออก แล้วเขาจะติดอยู่ที่สุขชาวพุทธที่ยังแสวงหาความสุขอยู่ ชาวพุทธคนนั้นยังไม่ใช่ชาวพุทธ  ชาวพุทธที่แท้หมดความสุขความทุกข์  จะต้องเข้าใจความสุข  ความทุกข์ เกิดในจิต คือ เวทนา จุดที่จะต้องศึกษา คือ เวทนา เท่านั้นของศาสนาพุทธ เป็นสุดยอดหัวใจ ของศาสนาพุทธ ศึกษาจนกระทั่งรู้อาการความสุข ความทุกข์แล้วลดเหตุที่ทำให้เราไปหลงติดความสุข ความทุกข์  ความสุขความทุกข์แยกกันไม่ได้  มันเป็นคู่หูที่แยกกันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:20:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:40:44 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:44:09 )

สายลืมตาเถรสมาคมน่าสงสารมากกว่าสายหลับตา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในสายของศาสนาเถรสมาคม เป็นอัญญเดียรถีย์ไป ทั้งหลับตาปฏิบัติก็เป็นเดียรถีย์ 100% ลืมตาก็เป็นเดียรถีย์ 100% เพราะไปหลงโลกีย์เต็มรูปด้วย พระปฏิบัติเค้าหลับตายังไม่หลงลาภยศสรรเสริญเท่ากับสายลืมตาเถรสมาคม สายนั้นจมอยู่ในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขอย่างเนียนสนิทเลย ซึ่งน่าสงสารมาก อาตมาพูดด้วยความสงสาร “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา เมื่อเติบใหญ่เจ้าจะได้มีวิชา เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน” น่าสงสาร ยังเป็นเด็กผู้ไม่เดียงสาอยู่เลย อาตมาทำงานจนอายุป่านนี้แล้ว จึงพูดได้เหมือนผู้เป็นผู้ใหญ่ พูดอย่างเอ็นดูหรือสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 14:46:18 )

สายวิริยาธิกะ เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสายวิริยาธิกะ แปลว่า คุณไม่มีสิทธิ์จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องพากเพียร ล้างกลับไปกลับมา เสียเวลาอยู่นั่นแหละ สับสนววุ่นวายหมุนไปหมุนมา สับสนวุ่นวาย ขยันแต่โง่ จับไม่มั่นสักที คุณถามมาโดยพาซื่อ แต่จะไปเอาความรู้อย่างเป็นวิริยาธิกะมาเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ต้องเลิกต้องละความเป็นวิริยาธิกะ ถ้าคุณมีแกนของศรัทธาก็จะไปสายศรัทธา ถ้ามีแกนของปัญญาก็เข้าหาปัญญา คุณต้องเลิกวิริยาธิกะให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายกรพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:42:45 )

สายศรัทธา

รายละเอียด

โดยตรงจะช้านาน ใครยิ่งไปวนเวียนหลงติดวงวนโลกียะ คุณจะวิมุติโลกียะ เคหสิตอุเบกขา นั่งหลับตาสะกดจิต เหมือนอาฬารดาบส อุทกดาบส ไม่เอาอ่าวกับภายนอกไม่ใส่ใจเรื่องภายนอกทวาร 5 ภายนอก มุ่งแต่อยู่กับภายในแล้วก็ดับ แล้วบอกว่านี่คือวิมุตินี้คือนิโรธ ก็จมสู่ความหลงไกลจากวิเวก ไกลแสนไกล ไม่ใกล้เลย ไปใหญ่ ด้วยความไม่รู้ไม่มีพุทธิปัญญา หลงไป วนไป แล้วก็ฟื้นมาใหม่ ก็ไม่เข็ดอีก แต่ละชาติก็ทนได้ต่อทุกข์ ทนได้มากกว่าก็หลงสุขได้มากกว่าอีก ก็ตกนรกอเวจีหนักขึ้นไปอีก เมื่อหมดวาระแห่งฤทธิ์อำนาจ ใช้เวรเสร็จก็หลงสุขอีก ไม่รู้จักทุกข์ หลงสุข เป็นสุขนิยมไม่รู้จักทุกข์ เพราะฉะนั้นสายศรัทธาไม่ต้องพูดถึงว่าความวนเวียนจะนานแสนนาน จนกว่าสายศรัทธา จะมามีความรู้ทางปัญญา เริ่มรู้ทางปัญญาก็จะเริ่มมาเป็น ธัมมานุสารี แต่ก็ติดสัทธาวิมุติมาพอสมควร นี่ไม่ได้ใกล้ปัญญาวิมุติเลยนะ ปัญญาวิมุติจะอยู่ขั้นที่ 6 สัทธาวิมุติ เริ่มมีความรู้บ้างแต่ก็วนเวียนอยู่ในกรอบเข้ามาเป็นสัทธานุสารี สัทธาวิมุติ อยู่ในวัฏฏะวงวนของสามเส้า ความนานของศรัทธา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:27:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:41:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:47:31 )

สายศรัทธา จบแบบสมถะ จบไม่สมบูรณ์

รายละเอียด

ส่วนทางสายศรัทธานั้น จบเป็นเหมือนกัน แต่จบไม่จบ กับจบไม่สมบูรณ์ 

จบไม่สมบูรณ์คือ จบแล้วเขานึกว่าเขาจบ แต่เขาทำแบบสมถะ ก็นึกว่าเขาจบอย่างเช่น อาฬารดาบส อุทกดาบส เหมือนอย่างพวกสายฤาษีสายหลับตา อย่างที่อาตมาว่าๆๆ เขาบ่อยๆ เขาไปทำ อสัญญีสัตว์ เขาไประงับสัญญาธาตุเจตสิกที่เป็นตัวสำคัญ ไประงับไม่ให้มันทำงาน ไม่ให้มันนึกออกมาใช้ ให้หยุดคิด แล้วกดข่ม มันก็ทำได้ ทำมากๆ มันก็ข้ามชาติได้ ทำได้ อย่าง อาฬารดาบส อุทกดาบส เป็นต้น เป็นหัวหน้าใหญ่ เป็นตัวอย่าง พอตายแล้วพระพุทธเจ้าก็บอกว่าชิบหายใหญ่แล้ว เพราะช่วยเขาไม่ได้ เพราะเขาจะไปเป็นสัมภเวสีที่อยู่ในภพ อสัญญีสัตว์ แล้วจะไปตามได้ที่ไหน จิตวิญญาณใครตามใครไม่ได้ ตายไปแล้วภพใครภพมัน สัมภเวสีเป็นภพใครภพมัน จิตวิญญาณเป็นของใครของมัน ไม่ได้ออกจาก niche หรือคูหะของตนเอง ไม่มีออกนอกกรอบ 

ที่บอกว่าตายไปแล้วไปเจอกันคุยกันได้ อันนั้นมันเพ้อเจ้อไม่จริงหรอก เขาก็ฝัน แบบโลกๆไป แล้วอันนั้นมันแค่โลกที่คุณฝัน โลกจริงมันไม่มี ก็เพราะอาตมาเกิดมาวนเวียนนับชาติไม่ถ้วน แล้วเขาระลึกไม่ได้ เขาระลึกชาติไม่ได้ ระลึกถึงความตายความเกิดไม่ได้ ตายเป็นอย่างไร เกิดเป็นอย่างไร เขาไม่รู้ เป็นสัมภเวสีเป็นอย่างไร เขาไม่รู้ สติเขาไม่มีพอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:02:42 )

สายศรัทธา สายปัญญา

รายละเอียด

สายศรัทธาก็อาศัยศรัทธาเป็นหลัก สายปัญญาก็อาศัยปัญญาเป็นหลัก แต่เบื้องต้น ท่านใช้คำว่าธรรมะกลางๆ แต่แยกตระกูลไว้สองอย่างคือตระกูลศรัทธา กับตระกูลจิตฉลาดทางปัญญา

ภาคปฏิบัติ สายธรรมะก็จะเดินไปตามปัญญามีปัญญานำ เกิดการบรรลุไปตามลำดับเรียกว่าปัตตะ คือการเข้าถึงการบรรลุไปตามลำดับ ปัตตะ ปันนะ

ก็เป็นผู้ที่กำลังไป โดยใช้ทิฏฐิ ใช้ปัญญานำ

ส่วนศรัทธาก็ใช้ศรัทธานำ แล้วก็บอกว่าตัวเองได้วิมุติ ก็ได้ศรัทธาวิมุติ มีจิตอยู่ในภพชาติไม่เต็มจนกระทั่งได้สภาพที่อาศัยเรียกว่าสักขี แต่คุณยังไม่ครบกายสักขี คุณเองคุณยืนยันตัวคุณเองไม่ครบกาย ถ้าคุณยืนยันให้ครบกาย เรียกว่ามีภายนอก ต้องมีอิริยาบถให้คนอื่นสัมผัสอยู่ทั้งภายนอกและภายในเรียกว่ากาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:59:35 )

สายศรัทธากับสายปัญญา

รายละเอียด

ขณะนี้ เป็นเรื่องปกติทันทีทันใดไม่ได้เตรียมเรื่องนี้มาพูดเลย ศรัทธากับปัญญาเป็นคู่ที่มีมาตลอดแต่ไหนแต่ไร สัทธานุสารี ธัมมานุสารี หรือผู้มีผู้ที่มีศรัทธานำกับปัญญานำ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ตรัสรู้อันนี้ทั้งนั้น เพราะงั้นก็จะต้องยอมรับความจริงให้ได้อยู่อย่างหนึ่งว่า อย่างไร อย่างไร ศรัทธาก็ช้ากว่าปัญญา ศรัทธาก็ยากกว่าปัญญา ปัญญาก็ง่ายกว่าศรัทธา ปัญญาเร็ว ศรัทธาช้า มันเป็นสัจจะของมันในตัวไม่มีใครอยากเป็น ศรัทธาจริงๆเขาอยากจะเป็นปัญญา แต่คุณต้องเป็นสิ่งที่คุณสะสมมาด้วยบารมีกี่ชาติก็ไม่รู้ คุณก็ต้องไปกับอันนี้ เพราะว่าคุณสั่งสมมาเอง พระเจ้าไม่ได้สร้างคุณหรอกคุณสร้างตัวเองมา แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นมา เดี๋ยวนี้ก็ยังมี จะยกตัวอย่างให้ฟังในปัจจุบันนี้ 

สายศรัทธาคิดว่าตัวเองเป็นปัญญาเรียนรู้มาก กับสายที่ไม่เรียนรู้อะไรมาก แต่มีวิธีว่าจะต้องเป็นอรหันต์ได้ด้วยการนั่งหลับตาเข้าไปหา 1 1 1 อย่างเดียวจนถึง 0 ส่วนอีกสายหนึ่งบอกว่ารู้ให้มากๆ แล้วจะรู้ได้บริบูรณ์ รู้อย่างครอบจักรวาลก็คือเอกภพเป็น 1 แนวคิดคนละทาง เห็นไหม เพราะฉะนั้น สายเพ้อ ฟุ้งซ่านมาก สรุปไม่ลง สายสรุปก็ไม่รู้อะไรอื่นเลย เป็นก้อนเป็น แท่งเป็นแข็งเป็นบื้อ มันเป็นลักษณะสภาพ 2 แต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นมาช่วยกัน ปัญญาเป็นผู้รู้ดี ก็พยายามจะช่วยศรัทธาเสมอ ศรัทธาอธิบายให้ชัดลงไปอีกก็คือ โง่มากกว่าปัญญา นี่สภาวธรรมนะไม่ได้ไปดูถูกศรัทธานะ เป็นสัจจะอย่างนั้น โมหะมากกว่า โง่มากกว่า สับสนมากกว่า รู้ได้ยากกว่า ทั้งนั้น มันจึงช้าไง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:29:32 )

สายศรัทธากับสายปัญญาเป็นเรื่องจริตของแต่ละคนต้องอนุโลมกัน

รายละเอียด

คุณจะนิยมชมชื่นฝ่ายไหนอย่างไร อาตมาก็ไปละลาบละล้วงของคุณไม่ได้หรอก คุณจะชื่นชมฝ่ายไหนก็เลือกเอา แยกง่ายๆ สัทธานุสารี หรือธัมมานุสารี หรือสายศรัทธากับสายปัญญา อาตมาเป็นสายปัญญาโดยตรง สายเดียวกันกับพระสมณโคดม ส่วนคานธีหรือพระเยซูเป็นสายศรัทธา ไม่ใช่สายปัญญาโดยตรงอย่างอาตมา ก็เป็นธรรมดาเพราะว่าสายปัญญากับสายศรัทธาพระพุทธเจ้าแบ่งไว้ชัด มันเป็นเรื่องของจริต เป็นเรื่องของแต่ละคนสั่งสมเป็นตระกูลเลย เป็น DNA ปัญญากับ DNA ศรัทธา เป็นอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ในโลกก็มี 2 ชนิด คนก็มี 2 ชนิดใหญ่ๆนี่แหละ 

อย่างสายศรัทธาเป็นเทวนิยม มีเยอะ สายปัญญานี่ อเทวนิยม รู้แจ้งรู้จบในเทวะ แล้วก็ไม่ติดใจในเทวะ สูงสุดถึงขนาดนั้น มีปัญญา 

เพราะฉะนั้นคนที่จะมีปัญญาสูงสุด จนกระทั่งถึงขั้นเข้าใจคนมี 2 ตระกูล แล้วก็เห็นใจเขา อนุโลมปฏิโลม แต่ก็รู้ว่าคนตระกูลปัญญาสูงกว่าศรัทธา หรือเทวนิยมโดยตรง

สายศรัทธาโดยตรงจะเลือกเอา เลือกเอาการซื่อๆอย่างเดียว ไม่มีแทคติกหรือกุศโลบายหรือกโลบาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 18:22:29 )

สายศรัทธาจับตัวกันเป็นก้อนสายสัทธานุสารีเป็นฟุ้ง

รายละเอียด

สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .  วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) สายศรัทธาก็จับตัวเป็นก้อน สายธัมมานุสารีก็จะไปเป็นการฟุ้ง กำหนดหมายโดยใช้ตั้งแต่ สัญญา มาเป็นอัญญา กัญญา ชัญญา ปัญญา  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:51:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:41:39 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:00:06 )

สายศรัทธาช้ากว่าสายปัญญา

รายละเอียด

แกนสองแกน แต่การจะเปลี่ยนให้ศรัทธาเป็นปัญญานั้นเป็นได้ แต่สายปัญญาเขาไม่เปลี่ยนตัวเองเป็นศรัทธาหรอก เพราะว่าศรัทธามันช้ากว่า ด้วยความรู้ด้วยความสำเร็จ ศรัทธาสำเร็จก็ช้า ได้รับความรู้ที่เต็มก็ยากกว่า จะว่าไปแล้วไม่ได้หมายความว่าเอาปัญญาไปข่มศรัทธาก็ไม่ใช่ แต่คุณสมบัติของแต่ละแกนจิตวิญญาณมันเป็นจริงอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:30:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:16 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:49:28 )

สายศรัทธาธิกะไม่เข้าใจเรื่องโลกุตรธรรมได้ง่ายๆ

รายละเอียด

คุณจำลองเป็นสายศรัทธาธิกะ ไม่เข้าใจเรื่องโลกุตรธรรมเหล่านี้ง่ายๆ แม้ในตัวเองมีโลกุตรธรรมแล้ว ไม่ใช่ธรรมดานะเป็นโพธิสัตว์ระดับนึง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ง่ายๆ คนที่รู้ตัวผิดๆนึกว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์ นึกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระศรีอาริย์ มันก็เป็นได้ไม่มีปัญหาอะไร คนที่เข้าใจแล้วก็เห็นเป็นตลก พระศรีอาริย์ คนที่ไม่มีปัญหา คนที่เป็นจริงได้ก็เป็นจริงไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:18:38 )

สายศรัทธาพากเพียรไปตามลำดับ

รายละเอียด

ถ้าสายศรัทธาพยายามเข้าหาสายปัญญาให้ดี แต่อย่าไปอยากได้ พากเพียรไปตามลำดับจะได้เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องให้รู้การศึกษา 3 ทำศีล แล้วให้เกิดจิตอธิจิตบรรลุสั่งสมๆ ตามจรณะ 15 วิชชา 8 แล้วก็จะตกผลึก เป็นจิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่นจะเกิดหลังจากที่คุณมีความบริสุทธิ์สะอาดจากอาสวักขยญาณ อาสวักขยญาณ คือญาณที่ 8 ของวิชชา 8 แล้วก็จะสั่งสมความสะอาดของจิต หากไม่ถึงขั้นญาณที่ 8 ก็สั่งสมมาเรื่อยๆ เป็นลำดับที่หมุนรอบเชิงซ้อน ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อัญญา เป็นตัวละเอียดที่ง่ายที่ชัดที่เร็ว ก็จะเห็นเป็นปัญญาวิมุติ ก็จบปัญญาวิมุติ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:33:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:00:59 )

สายศรัทธาภายในภายนอกต้องสมดุลกัน

รายละเอียด

สายศรัทธาคือเส้นแดง ก็จะกลายเป็นกายสักขี ภายนอกภายใน จะต้องครบทั้งภายนอกและภายใน สายศรัทธาไม่ค่อยเอาภายนอก ไปมั่วในจิต อย่าลืมภายนอกไม่ทำภายนอกภายในให้สมดุลกันมันก็เลย โต่งไปหนักแต่ภายใน มันก็ไม่ออก ภายในภายนอกสมดุลกัน  พอรู้ภายในภายนอกก็ทำให้สมดุลกัน เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ราบเรียบเหมือนฝั่งทะเล จะเรียงลำดับสมดุล กามกับอัตตา ภายนอกกับภายใน ปัญญาจะบรรลุ กามกับอัตตาได้สัดส่วนดี แต่สายศรัทธาจะทำแต่อัตตา จมกับอัตตาอีกนาน 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:15:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:43:18 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:50:44 )

สายศรัทธามาปฏิบัติธรรมสูตรพระพุทธเจ้าจะเร็ว

รายละเอียด

คนที่ฟังไม่ขึ้นก็ดันทุรังไป ให้เปลี่ยนมาเป็นดันสุรังหน่อยเถอะน่า ทำให้ดีเป็นลำดับแม้เราจะเป็นสายศรัทธา มาปฏิบัติธรรมสูตรพระพุทธเจ้าก็เร็ว คนเรามันมีฐานศรัทธาฐานปัญญามีอยู่จริง ไม่เช่นนั้นก็มีอัครสาวกคู่ของพระพุทธเจ้า พระสารีบุตรเป็นสายปัญญา พระโมคคัลลานะเป็นสายเจโต เป็นการบำเพ็ญมา มันเลือกเกิดไม่ได้หรอก มันสั่งสมมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ในฐานจิตที่เรียกว่าอนุสัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้างานอโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:17:43 )

สายศรัทธามาเป็นสายปัญญายังสับสน

รายละเอียด

สังเกตพวกเราที่เป็น สายศรัทธา มาเป็นสายปัญญาก็ยังสับสน บาป บุญ กุศล อกุศลอยู่เลยบุญ ไม่ใช่กุศล บุญเป็นพลังงานที่ฆ่ากิเลสจบ มันจบไม่มีอะไรต่อเลย แต่กุศล เป็นพลังงานที่สะสมเป็นสมบัติ ส่วนบุญนี้ เป็นวิบัติ มันทำหน้าที่ ปัติ หรือ เข้าถึง บรรลุ โดยไม่ต้องปันนะ ไม่ต้องสั่งสมต่อไป ทำงานเสร็จปุ๊บสลายตัวหากเป็นปันนะก็เป็นกล่องสมบัติสะสมเอาไว้ใช้เป็นฐานความดีเป็นฐานสมมุติ แต่วิบัติ เป็นปรมัตถ์อย่างเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:01:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:44:07 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:01:38 )

สายศรัทธายึดติดไม่มีปัญญา

รายละเอียด

ผู้ไปหลงสำคัญมั่นหมายในสรรพสิ่งว่าเป็นอัตตาจึงติดอยู่กับอัตตาไม่มีปัญญา ที่จะปล่อยวาง เพราะฉะนั้นปัญญาจึงยิ่งใหญ่ สายศรัทธาจะยึดติดอยู่อย่างนี้ จิตไม่เกิดปัญญาขึ้นมา ถ้าจิตเกิดปัญญาขึ้นมา ถ้าคุณมีปัญญาขึ้นมาจากฐานกายสักขี เป็นฐานปัญญาวิมุติ คุณก็เป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้ายังไม่ยอมรับกายสักขีว่าเป็นอรหันต์ เพราะยังไม่มีปัญญา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:58:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:45:04 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:02:15 )

สายศรัทธายุ่งยิ่งกว่าลิงแก้แห

รายละเอียด

เรื่องภพชาติ ที่เป็นนิรมาณกาย ปั้นเองมีเอง มีวิญญาณมาจากต่างชาติมีพญายมมีลูกน้องพญายม ไปกับโลกจินตา มากไปเรื่อยๆ อ.มั่นเป็นแกนศรัทธา แต่ปรุงแต่งกับแกนฟุ้งซ่าน ก็จะแยกไม่ออกปนกันไปหมดนี่มันจะช้า สายศรัทธามันจะยุ่งยิ่งกว่าลิงแก้แห ยิ่งกว่า ชาละ ข่ายแหในพรหมชาลสูตร ยิ่งแก้ยิ่งแน่น ถึงบอกว่าสายศรัทธาหยุดทำอย่างต่อเถอะมาศึกษาทางนี้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะอาการยิ่งหนัก พูดไปอย่างไรเขาก็กลายเป็นโจรที่ฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นก็ไม่ตาย ดื้อวนเวียนอยู่อย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:25:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:45:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:53:33 )

สายศรัทธาสภาวะเกิดแต่ไม่รู้ตัวเอง

รายละเอียด

สายศรัทธาหลายคนสภาวะเกิดแล้วแต่รู้ตัวเองไม่ได้ก็มีหรือบางคนใช้ปัญญาในตัวเองแล้วตัวเองไม่รู้ก็มี หรือไปรู้ซ้อนก็ได้รู้ความเกิดความเป็นของตัวของตนนั้นรู้ไม่ได้ก็ได้ มันเป็นเรื่องนามธรรม ใช้ภาษาสื่อสภาวธรรมที่ไม่มีตัวตนรูปร่างไม่มีหัวไม่มีหาง เป็นนามธรรมอยู่ เราต้องรู้เอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 09:53:38 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:45:57 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:02:51 )

สายศรัทธาหลงปัญญา

รายละเอียด

อาตมาไม่กังวลอาตมาเป็นสายปัญญา อาตมาไม่ใช่ธัมมชโย ธัมมชโยกับอาจารย์มั่นก็ไปแยกกันเป็นสว่างกับมืดแต่ที่จริงเป็นสายศรัทธาทั้งคู่ ธัมมชโยศรัทธาที่ไปหลงปัญญาหลงความฉลาด กลายเป็นความฉลาดโง่ไม่ใช่ความฉลาด ไม่ฉลาดโลกุตระ เป็นความฉลาดโลกียที่โง่ซับซ้อนแล้วหลงความฉลาดตัวเองเป็น วิปัสสนูปกิเลส ซับซ้อนเขาจะยิ่งจม จมนี่เขาก็ยิ่งฟู ธัมมชโย ส่วนอาจารย์มั่นยิ่งจมก็ยิ่งจม ยิ่งดิ่ง สังคตัง สังขิตตังจิตตัง แน่นไปเรื่อย ทางโน้นก็วิกขิตตังจิตตัง เราออกมาจากสิ่งเฟ้อมากเกินทั้ง static อาจารย์มั่นก็ต้องออกมา ไม่อย่างนั้นก็ต้องจมดิ่งไปเรื่อยๆจมลงสู่ความหลง ในคุหัฏฐกสุตตนิทเทส กายวิเวก ก็เอาร่างกายออกไปสู่ป่ามันก็ยิ่งผิด กายเข้าใจเป็นวัตถุดินน้ำไฟลมไม่เข้าไปหาจิต แต่คนก็หลงผิดว่าคุณไปกับจิต ไม่ใช่ ท่านบอกให้ กาย ออกจากกายหรือทำกายให้ดับ แต่คุณไม่ได้ปฏิบัติ กาย 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 11:12:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:47:06 )

สายศรัทธาหลงปัญญา

รายละเอียด

สายศรัทธาจะช้านานกว่าสายปัญญา แต่ไม่ได้เป็นการพูดข่มกันนะคนพวกที่ช้านานวนคือสายศรัทธาที่ดื้อๆหน่อย จะเสียเวลาไม่ใช่ปีเดียวนะ แต่เป็นร้อยชาติพันชาตินะ พูดแล้วก็นึกถึงเจ้าอ้อ ตั้งชื่อตัวเองว่าเป็นพุทธพันชาติ เป็นลูกคนเดียว มีสมบัติที่พ่อทิ้งไว้มากก็เลยทำให้มีเครื่องอลังการทำให้ช้านาน ลูกผัวก็ไม่มี สายศรัท​ธาที่ช้าก็เพราะว่าหลงปัญญา เวลาหลงมันไม่รู้ตัว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:10:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:48:01 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:04:08 )

สายศรัทธาและสายปัญญาถ้าเป็นอรหันต์ต้องมาเป็นปัญญา

รายละเอียด

สัทธาวิมุต วิมุติทางสายศรัทธาอย่างกายสักขีอย่างไรก็ต้องมาทางปัญญา ถ้าเป็นพระอรหันต์ได้ ก็มี สัพพปาปัสสอกรณัง กรรมกิริยาต่างๆไม่มีเจตนาทำบาปแล้ว แต่ถ้าคุณทำอย่างไม่บริสุทธิ์ใจจริงๆ มีกุศลเจตนาแม้น้อยก็เป็นวิบากคุณ แต่ถ้าเจตนาไม่ดีไม่มีเลย กรรมวิบากจึงอยู่ที่เจตนา เจตนาจึงเป็นอาการของจิตที่ทำให้เกิดบาปบุญได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:26:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:48:30 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:55:24 )

สายศรัทธาไม่มั่นหมายกับภายนอก

รายละเอียด

แต่สายศรัทธานี้ก็ไม่ค่อยเอา ไปจมกับในอัชฌัตตังหนักเข้าแปลเป็นอสัญญีไปเลย   กลายเป็นผู้ไม่กำหนดหมายไม่สำคัญมั่นหมายก็เลย เจ๊งเลย พยัญชนะทำให้เข้าใจไปตามจริตของเขา ซึ่งแปลว่าผู้ไม่สำคัญมั่นหมายในภายใน ที่จริงคุณสำคัญมั่นหมายแต่ภายในคุณจมอยู่กับแต่ภายในต่างหาก   คุณไม่มาสัมพันธ์มั่นหมายกับภายนอก  ภาษาสับสน ว่า ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปภายใน (10/66)   ย่อมเห็น รูปทั้งหลายในภายนอก อันนี้คุณกลับกันกับที่คุณทำเลย คุณไม่เอาอ่าวภายนอกคุณทำจากภายใน 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:37:34 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:49:38 )

สายศัทธาต้องอย่างระดับ 6 ไประดับ 7 จึงเป็นอรหันต์ได้

รายละเอียด

กายสักขี ยังเรียก อรหันต์ไม่ได้ จะเป็นพระอรหันต์ได้ต้องระดับที่ 7 ระดับที่ 6 ก็ยังเป็นไม่ได้ ต้องไประดับที่ 7 จึงเป็นพระอรหันต์ได้ ในสายศรัทธา 

ฟังดีๆ ธรรมะนี้เป็นสิริมหามายา ถ้าเข้าใจไม่ได้ก็เหมือนถูกเล่นกล อันนี้มีนกพิราบ อันนี้นกพิราบหายไปเป็นมายากล แต่ของพระพุทธเจ้าเป็นสิริมหามายาจะให้เกิดให้ เป็น อะไรก็ได้อย่างไม่ได้เล่นกล เป็นความจริงด้วย อันนี้อันนี้ก็เป็นความจริง อีกอันหนึ่ง ก็เป็นความจริงอีกด้านหนึ่ง สลับไปสลับมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:03:26 )

สายสัทธานุสารี ธัมมานุสารี กับ สัทธาวิมุต ขาดแรงปัญญาออกนอกโลกไม่ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ใน cyclic order ของสัทธานุสารี ธัมมานุสารี กับ สัทธาวิมุต นี่คือสามเส้าของ cyclic order วงวนที่ ไม่มีออกไปไหนเป็นเทวนิยมหรือเป็นโลกียะ วงวนที่ออกจากแรงดึงดูดของวัฏสงสาร เหมือนกับอยู่ในแรงดึงดูดของพลังงานของโลก ออกนอกโลกได้ต้องมีพลังงานพิเศษที่ต่อเป็น 4 ให้ได้ ถ้าไปถึง 4 ไม่ได้ก็ออกไม่ได้ พลังงานทางวัตถุเขาก็ทำได้แล้ว 

แต่ถ้าเผื่อว่าไม่มีความรู้ ก็ออกไม่ได้ มีความรู้แบบโลกียะก็ดันออกได้เหมือนกัน แต่ถ้ามีความรู้แบบปัญญา ออกได้อย่างมีหลักการ สรุปแล้ว ผู้ที่จะพ้นจาก วงวน สามเส้า ผู้จะออกได้ต้องมีแรงของปัญญาอย่างแท้จริง ปัญญาที่มีทิฏฐิใหม่ ทิฏฐิใหม่นี้เป็นสัมมาทิฏฐิของสายปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:15:17 )

สายสัทธานุสารีกับปหาน 5

รายละเอียด

ส่วนสายสัทธานุสารีนี้   มันยังไม่ง่าย ยังทำปัญญาไม่ชัดเจนพอ จะมาถึงทิฏฐิปัตตะก็จะยาก จะได้แค่สัทธาวิมุต ได้แค่กดข่ม จะเข้าใจเรื่อง ปหาน 5  

  1. วิกขัมภนปหาน (ละด้วยการข่มใจ-ใช้เจโตนำหน้า) .

  2. ตทังคปหาน (ละได้เป็นครั้งคราว-ใช้ปัญญาอบรมจิต) . 

  3. สมุจเฉทปหาน (ละด้วยการตัดขาด  สลัดออกได้เก่ง) .

  4. ปฏิปัสสัทธิปหาน (ละด้วยการสงบระงับ  ทวนไปมา) . 

  5. นิสสรณปหาน (สลัดออกได้เองทันที  เก่งจนเป็นปกติ) 

 คุณก็ยังเข้าใจไม่ได้บริบูรณ์ สายศรัทธาก็ได้แค่วิกขัมภนวิมุตติ เพราะมีสมาธินิดหน่อยคุณก็จะทำ ตทังคปหาน คือปหานได้เป็นหน่วยเป็นเรื่องเป็นอันไป เป็นองค์ๆส่วนๆไป จนกระทั่ง พอได้บ้างแล้ว จนได้เป็นหมดอาสวะแต่ละเรื่องเป็นสมุจเฉทปหาน ได้เป็นส่วนๆ ได้แล้วคุณก็ทำเพิ่ม 1. ทำให้เป็นอธิ 2. ทำเพิ่มอันใหม่ ก็จะได้เป็น ปฏิปัสสัทธิปหาน  แล้วก็จะได้เก่งจนเป็นนิสสรณปหาน คุณก็จะทำประหาร 5 นี้ไม่คล่องไม่สำเร็จไม่สมบูรณ์ ผู้สามารถปฏิบัติได้จริงจึงสมบูรณ์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:49:42 )

สายสัทธานุสารีสู่กายสักขีต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

รายละเอียด

สายศรัทธา สัทธานุสารีมา ธัมมานุสารี มาทิฏฐิปัตตะ แล้วต้องแวะไปกายสักขี คุณต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย หากไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายคุณก็จะไปวนอยู่ตรงนี้ อย่างเก่งก็ได้อาสวะบางอย่างดับ อาสวะบางอย่างยังไม่ดับยังไม่เหลือ คุณก็จะได้ปลายแล้วก็ลืมต้น ได้ต้นก็ลืมปลาย จะวนไม่อย่างนั้นแม้จะได้หมดอาสวะบางอย่างก็วนเวียน ทิฏฐิปัตตะ กายสักขีวนอีก แต่ธัมมานุสารีมาที่ทิฏฐิปัตตะแล้วไปปัญญาวิมุติ

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:19:38 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:05 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:05:30 )

สายสัทธาวิมุตินั่งหลับตามีวิมุติดับสัญญาโง่ซ้ำซ้อนไม่มีเวทนา

รายละเอียด

ทีนี้มาย้ำอีกที สัทธาวิมุติเป็น การรู้ยากรู้ช้า เพราะไปเชื่อ ครูบาอาจารย์ เชื่อสิ่งที่ตัวเอง เป็นหลักการอะไรมาอยู่ก่อนอยู่เก่า กว่าจะคลายได้ ก็หลงเสพวิมุติที่เป็นมิจฉา ก็นี่แหละ การนั่งหลับตานี่แหละ มีวิมุติดับสัญญา เป็นอสัญญีสัตว์ ซึ่งไม่ใช่ เอากิเลสมาล้างจนหมด กิเลส ไม่เห็นจะต้องหลับตา ไปหลับตาก็ไม่รู้กิเลส ไม่มีผัสสะภายนอก เวทนาก็ไม่มี  นอกจากไม่มีเวทนาแล้ว ก็ยังไปดับสัญญาอีก เลยโง่ซ้ำซ้อน เวทนา ก็ไม่มีให้รู้ สัญญาก็ไปดับมันอีกก็ไม่รู้อีก แล้วคิดดูสิ คนที่ทั้ง เวทนา ที่ดิ้นจะให้รู้ ก็ไม่ให้รู้ คุณก็ไปดับตัวที่จะกำหนดรู้คือสัญญา คุณก็ไปดับมันอีก ดับเบิ้ลดับเลยมีตัวประธานเป็นทริปเปิ้ลดับ 

อาตมาเตือนแล้วเตือนอีกพวกหลับตา หากอาตมาได้พวกหลับตา ยิ่งกว่า ชฏิลสามพี่น้องมาเป็นขบวน จะเจริญได้มากเลย เพราะเขาก็แสวงหาแต่ไปงมงาย อยู่ที่ศรัทธาวิมุต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:53:16 )

สายหลับตา อธิบายสภาวธรรมของ

รายละเอียด

จรณะมีศีลเป็นขั้นต้น ก็ไม่มีศีล เอาศีล มาปฏิบัติให้แก่ตัวเอง โดยการปฏิบัติคือ อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ไม่ได้ปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 โดยมีศีล ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับโทสะ เราปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 ข้อกำหนดในการสัมผัสสัมพันธ์กับสัตว์เมื่อไหร่ สำรวมอินทรีย์ เกิดราคะ โทสะ โมหะ ศีลก็ไม่มีมรรคผล ก็ต้องรู้ เวทนา สัญญา วิญญาณ ของตัวเองไม่รู้เจตสิกของตัวเอง ปฏิบัติศีลแล้ว เมื่อมีสัมผัสแล้ว ต้องรู้ไปถึงนามธรรมของตัวเอง แล้วก็ ควบคุมดูแลด้วยชาคริยานุโยคะ ด้วยการพากเพียรเป็นผู้ตื่นรู้ มีสติรู้สัมผัสสัมพันธ์อะไรต่างๆ แล้วก็เกิด โพชฌงค์ 7 มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ เรียนรู้พิจารณาวิจัยธรรม กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิตของตัวเอง อ่านออกแยกได้ สัมผัสแล้วกิเลสมันเกิด มีกิเลสตัณหาอุปาทาน มีสังขารปนในจิตหรือเปล่า แยกให้ออกแล้วพิจารณาให้กิเลสมันลดละจางคลายหายไป ด้วยปัญญาอันยิ่ง หรือให้เกิดฌาน เป็นพลังงานที่จะเผาผลาญ ทำให้เกิดปัญญานั้นแหละ หรือ จะทำให้เกิดบุญ ก็คือ ว่าฌานนั้นจะมีอำนาจมีฤทธิ์เผา ฌานนี่แปลว่าเผาหรือแปลว่าไฟ เผากิเลสให้ได้จริงๆ 

อาตมาอธิบายเป็นสภาวธรรมแท้ๆ ที่ท่านสายหลับตาอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้หรอก ต่อให้ร้อยมหาบัวก็อธิบายไม่ได้ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนนะ เพราะเขาไม่ได้ศึกษาอย่างนี้ เขาศึกษาแต่การสะกดจิต แล้วไม่ได้เรียนรายละเอียดของจิตเจตสิกต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ ตั้งใจฟังให้ดีๆ อาตมาไม่ได้ลบหลู่ ไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่ว่าอธิบายสัจธรรม สภาวธรรม อธิบายวิชาการให้ฟัง เพราะฉะนั้นตั้งใจดีๆ อาตมาเอาชีวิตมาทิ้งทางนี้ตั้ง 50 ปีแล้ว ตั้งแต่อยู่ทางโลกอาตมาก็ไม่มีปัญหาทางโลกอาตมาก็เจริญอยู่ ถ้าอยู่ทางโลกป่านนี้ก็ร่ำรวยเป็นเศรษฐีร้อยล้านพันล้านไป ตามประสาทำมาหากิน ทางธุรกิจบันเทิง แต่อาตมาไม่เอา เลิกมา มาทำงานทางศาสนาทิ้งโลกธรรมต่างๆ มาทำงานเป็นโลกุตระ แสดงตน พากเพียรพยายามพาคนที่สนใจมาปฏิบัติธรรมตาม เกิดโลกุตรธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:45:28 )

สายหลับตา เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ

รายละเอียด

คุณคนนี้มีสัมมาทิฏฐิ ส่วนพวกสายหลับตา เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ ไกลจากวิเวกไม่มีความสงัดเลย ก็ไม่เคยเจอ ไกลวิเวก จะเอาปัสสัทธิก็ไม่ได้ จะเกิดแต่สมถะอย่างเดียว กดข่ม แต่ไม่ได้เรียนรู้เหตุดับเหตุได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:36:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:54 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:58:43 )

สายหลับตา แค่กามคุณก็ยังไม่ชนะ!

รายละเอียด

นี่แหละ เครื่องชี้บ่งให้เห็นว่า ผู้ปฏิบัติ“หลับตา”กันนั้นไม่สามารถที่จะเข้าถึง“เนกขัมมานิสังสา” คือ “อานิสงส์ในการออกจากกาม”ที่เป็นขั้นแรกเบื้องต้น ก็อย่างที่เห็นและเป็นอยู่กันนี่เอง เพราะแค่“กามคุณ 5”ก็รู้จักรู้แจ้งรู้จริงกันไม่ได้

“หมากพลู”ที่ท่านมหาบัวเสพติดอยู่นี้ มันคือ การเสพ

“กามคุณ 5”แท้ๆจริงๆ ท่านก็ยัง“หลุดพ้น”มันไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ไปหาความท่านมหาบัวเลย นี้เป็น“ความรู้วิชาการ”พุทธศาสนาโดยตรง ที่ต้อง“หลุดพ้นกามภพ”ก่อน“รูปภพ-อรูปภพ” 

จึงจำเป็นต้องนำมาพูดถึง“ปรากฏการณ์”ที่มีจริงนี้กันให้ชัด  

ที่ท่านมหาบัว ยังติด ยังเสพ“กามคุณ 5 ”ของหมากพลูอยู่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องแกล้งพูด แต่เป็นเรื่อง“จริง”ที่ต้องบอกกันให้รู้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 378 หน้า 275


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:35:50 )

สายหลับตาปฏิบัติเป็นสายมิจฉาทิฎฐิ 100% ปฏิบัติไม่ผิดปฏิบัติอย่างไร

รายละเอียด

การปฏิบัติอย่างสายหลับตาอาจารย์มั่น สายมหาบัว จึงเป็นสายมิจฉาทิฏฐิ ที่เรียกว่า 100% เลย ทิ้งได้เลย เลิก มาลืมตาเริ่มต้นปฏิบัติไปตามลำดับ ที่พาฝึกพาเรียนรู้ ไปตามขั้นตอน ศีล สมาธิ ปัญญา หรือศีล แล้ว อปัณณกปฏิปทา 3 เกิดสัทธรรม 7 เกิดฌาน  ฌานเป็นมรรค บุญเป็นผล แต่ฌานกับการปฏิบัติ ฌานจะเป็นผลจากการปฏิบัติ ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7  หลักปฏิบัติไม่ผิด อปัณณกปฏิปทา 3 ของศาสนาพุทธ ถ้าไม่มี 3 ข้อนี้ผิดเลย เพราะไปหลับตาเข้าแล้วไม่ตื่น ไม่พยายามตื่น แต่พยายามหลับ พยายามสะกดจิตดับไปเลย หนักเข้าเป็น อสัญญีสัตว์ แล้วไปหลงว่า อสัญญีสัตว์เป็นนิโรธหรือนิพพาน ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิไปใหญ่หมดเลย 

เพราะฉะนั้น เมื่อลมหายใจออก ลมหายใจเข้าของเรายังมี แสดงว่า คนยังไม่ตาย คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นชีวิตสามัญที่เราจะทำอะไรต่ออะไรได้ กาย วาจา ใจ ครบ กัมมันตะทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมอย่างตื่นๆ ถ้าคุณหลับไปก็จะมีแต่มโนกรรมอย่างเดียวเลยโดยที่คุณควบคุมมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องตื่นมาควบคุมมันให้ได้ พยายามควบคุม พยายามตื่นรู้ด้วยชาคริยานุโยคะ ตื่นรอบรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจให้ตื่นเต็มร้อย แล้วปฏิบัติ 

หลับตามันปฏิบัติได้ยาก กว่าที่คุณจะคุมสติและสตินี้จะมีพลัง สามารถควบคุมการหลับ โดยที่คุณไม่มีความคิดที่จะมีสัญญากำหนดหมายออกไปฟุ้งซ่าน ไปหาอะไรเลยหรือกิเลสมาครอบงำ สัญญาก็ตกเป็นทาสของกิเลสไป เป็นปุถุชน เป็นกัลยาณชนก็ตกเป็นทาสของกิเลสไป มันต้องเป็นอาริยชนที่เก่งจึงจะไปควบคุมได้ในขณะหลับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 15:02:45 )

สายหลับตามิจฉาทิฏฐิในการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ขาดภายนอกไม่ขาดภายใน เช่น สายที่นั่งหลับตามิจฉาทิฏฐิขาดภายนอกไปหมดเลย เขาจะทำจิตในจิตให้หมดกิเลสก็ไปนั่งหลับตาเขาทิ้งภายนอก 5 ทวารไว้ แล้วก็งมกับการนั่งสมาธิทำจิตอยู่อย่างนั้นไปกันใหญ่ทิ้ง 5 ทวารไปหมด เริ่มต้นจากขั้นแรก เบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์คือการสงัดจากกาม เขามีที่ไหนเบื้องต้นเริ่มต้นแห่งพรหมจรรย์ในการสงัดจากกาม แล้ว กามคุณ 5 มันอยู่ภายในหรือ กามคุณ 1 ไม่มี เพราะฉะนั้นคุณจึงไกลแสนไกลจากวิเวก เพราะข้องอยู่ในถ้ำแห่งใจ พวกนั่งหลับตาคือพวกไกลจากวิเวกตลอดกาลนิรันดร คือพวกนอกรีตของศาสนาพุทธ เดียรถีย์ นั่งหลับตาปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้านอกรีตหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 14:44:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:53:50 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:06:15 )

สายหลับตายอมรับปทปรมะบุคคลเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ก็สอนกันอย่างนั้นกายสงบ คือ อย่าเคลื่อนไหวกาย จิตสงบก็ดับสัญญาดับเวทนาเลย พาซื่อย่างนั้น จะไปล้มเลิกได้อย่างไรมันเป็นสัจจะหนึ่งเดียว ซึ่งมันจะได้มากเท่าที่ได้เพราะจะไปบังคับคนที่ไม่มีบารมีไม่มีภูมิไม่ได้ เรียนให้ตายอย่างไรเก่งที่สุดก็เป็นแค่ ปทปรมะบุคคล เรียนรู้พุทธพจน์ก็มาก ท่องจำได้ก็มาก สอนคนอื่นก็มาก แต่ตนเองไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินี้เลย แล้วเขาก็ไม่เชื่อง่ายๆหรอกว่าเขาไม่บรรลุธรรม เขาก็บอกว่าบรรลุอรหันต์กันไปเยอะ สายหลับตาเขายอมรับ แต่สายลืมตาไม่ยอมรับกันเท่าไหร่ 

สายลืมตาอาจจะยอมรับกันบ้าง เช่น พอรู้เลาๆ อย่างท่านพุทธทาสก็นับถือกันเป็นอรหันต์ หรือผู้ที่จะเก่งได้เปรียญธรรม ได้ดอกเตอร์ทางโลกเขาเก่ง เขาก็ยังคลางแคลงไม่เชื่อเท่าไหร่ อย่างท่านพุทธทาสท่านก็ยังกึ่งๆนะ ท่านบอกว่าท่านเป็นพระบ้านกึ่งหนึ่ง พระป่ากึ่งหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:15:18 )

สายหลับตายังแก้ได้แต่สายธัมมชโยพวกโง่แล้วโง่เลยไม่มีสิทธิ์จะไปช่วย

รายละเอียด

พูดถึงพวกที่หลับตาทำ ก็ยังแก้ได้ อันโน้นแก้ไม่ได้หรอกอย่างธรรมกายแก้ไม่ได้ โง่แล้วโง่เลย หลงแล้วหลงเลยไปแล้วไปเลย ยาก อาตมาไม่มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยได้เลยสำหรับพวกธรรมกาย เพราะฉะนั้นอาตมาถึงไม่เอามาก อาตมาถึงมาทางด้านมหาบัวด้านอาจารย์มั่น ทางด้านธัมมชโยอาตมาปล่อย อาตมารู้ตัวเองว่าไม่มีสิทธิ์จะไปช่วยธรรมกายหรือช่วยธัมมชโยได้ เพราะว่าเขาแย่หนักเกินมืออาตมา เกินความสามารถจริง อาตมาจึงเน้นมาเตือนมาช่วยทางนี้ได้ ยังพอน่าจะได้กว่า ส่วนผู้ที่ได้ก็ได้ไปเรื่อยๆไม่มีปัญหาอะไร ผู้ที่ยังไม่ได้ก็ช่วยกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2565 ( 14:34:09 )

สายหลับตาหรือเทวนิยมเป็นเป็นนิพพานเก๊ผิด 100%

รายละเอียด

ผู้ที่จะรู้ในโลกุตรธรรม จะรู้ความรู้สึกที่มันลึกซึ้ง มันไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ง่ายจริงๆ อาตมาทำงานมา 50 กว่าปีเหนื่อยแสนเหนื่อย ไม่อะไรหรอก แค่จะให้มาลืมตาปฏิบัติหยุดหลับตากันเสียที เมื่อกี้นี้ก่อนลงมาก็เปิดช่องหลวงตามหาบัว เขาก็ฉายภาพ หลวงตามหาบัวก็เทศน์ พระแน่นศาลา ของพวกเราหาสมณะอยู่ฟัง 4 รูปเอง ของมหาบัวเป็นร้อย 

ท่านก็เทศน์แบบเจโต เทวนิยมท่านก็ว่ากันไป อาตมาก็ฟัง คือ อย่างเทวนิยมนี้ไม่ใช่อาตมาไม่รู้ อาตมารู้และฝึกมาด้วย ฝึกอย่างมหาบัว นิโรธอย่างมหาบัวอาตมาก็ฝึกมาได้ แม้แต่การเล่นฤทธิ์เดชอย่างสายเทวนิยมก็ได้ แต่มันไม่ใช่ความละหน่ายคลาย มันไม่ใช่นิพพาน มันเป็นนิพพานเก๊ พูดอย่างไม่ไว้หน้าไม่ออมมืออะไรแล้ว พูดเปรี้ยงๆ เป็นสัจจะตรงเปรี้ยง ว่ามันผิด

มันผิด นี่ไม่ได้ผิดเต็มที่ ถูก 90% ผิด 10 % มันไม่ใช่แต่มันผิด 100% ตรงกันข้ามกันเลย อันนั้นมันเป็นเทวนิยมเป็นสายหลับตา เป็นเรื่องของอดีตและอนาคต เป็นเรื่องของ นิรมาณกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 18:53:50 )

สายหลับตาหลงอยู่กับสัญญายนิจจานิ

รายละเอียด

อาตมาอธิบายละเอียดละออให้ฟังเลย เพราะฉะนั้นสายหลับตานี่เป็นสายที่..ขออภัย ใช้ภาษาชัดๆ โง่ได้ที่จริงๆ.. สายหลับตา หลงใหลติดยึด ผู้ที่รู้ดีมาพูดก็ไม่เคยฟัง หรือฟังแล้วก็ไม่เคยรู้สึกว่า เอ..มันน่าเอามาคิด ไม่งั้นเราก็หลงจมอยู่กับความไร้สาระไร้แก่นสารไร้สภาพมีจริง ไม่มีอะไรจริงสักอย่างในการนั่งหลับตา ในธรรมะ ในสัจธรรมนะ มันไม่มีรูปนาม ไม่มีวิญญาณ มีแต่สัญญากำหนดรู้เท่านั้น แล้วสัญญาตัวนั้นก็ไปกำหนดอะไรขึ้นมาเอง สัญญายนิจจานิ แล้วหลงเที่ยงแท้อยู่กับสัญญานั้น ในโลกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:06:06 )

สายหลับตาเป็นอรหันต์เก๊ทั้งนั้น

รายละเอียด

นิโรธของโลกุตระนั้น หากไม่มีภูมิธรรมที่เป็นโลกุตรธรรม คุณก็วนอยู่ในโลกียธรรม เพราะฉะนั้นการนั่งปฏิบัติธรรมหลับตา นิโรธจะเก่งให้ตายอย่างไร นั่งมาตายมาเยอะแล้ว แล้วก็บอกว่านั่งหลับตาบรรลุเป็นอรหันต์กัน เป็นอรหันต์เก๊ทั้งนั้น สายหลับตา นั่งแล้วบอกว่าบรรลุธรรมด้วยการหลับตา อรหันต์เก๊ทั้งนั้น เพราะปฏิบัติธรรมไม่ได้เข้าทางพระพุทธเจ้าเลย ไปนั่งหลับตาเข้าฌานได้แล้ว จึงค่อยยกจิตเข้าสู่วิปัสสนา มันเป็นคนละสิ่งคนละอย่างคนละเรื่อง เป็นการเข้าใจผิด

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:23:17 )

สายหลับตาไม่มีทางบรรลุธรรม

รายละเอียด

แม้ที่สุด ปฏิบัติมาหลับตาแบบเดียรถีย์มันไม่ได้ ก็พาไปทำ แต่ก็ดันทุรังปฏิบัติจนกระทั่งนึกว่าตัวเองบรรลุ สายหลักๆ ตั้งแต่อาจารย์เสาร์อาจารย์มั่นก็ไม่พูดมากเท่าไหร่ พอมาถึงมหาบัวเป็นฆ้องปากแตก โพนทะนามาก ว่าตนบรรลุสูงสุดจะเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย พูดคำเลี่ยง ไม่กล้าประกาศตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์เหมือนอย่างอาตมา แต่สายนั้นไม่รู้จักโพธิสัตว์อยู่แล้ว มีแต่อรหันต์อย่างเดียว แล้วเป็นอรหันต์อย่างมืด อรหันต์เก๊ด้วย อาตมาต้องมาพูดแก้ไข ขออภัยไม่ได้ดูถูกมหาบัวเลย ขออภัยลูกศิษย์ลูกหา แต่อาตมาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงไม่ได้ 

สรุปว่า สายหลับตานั้นไม่มีทางบรรลุธรรม หลับตาเป็นอุปการะของการปฏิบัติธรรม จะหลับตาหรือไม่หลับตาอยู่ในภวังค์ ก็คิดได้ ไม่อยู่ในภวังค์ คิดโดยทางลืมตา คิดเลยแม้กระทั่งลืมตาก็สามารถเตวิชโชถ้ามีไหวพริบปฏิภาณที่เร็วเพียงพอ ไปได้ ทำได้ แต่ถ้าเผื่อว่าได้หลับตา พิจารณาระลึกถึง บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ก็ได้เป็นเนื้อเป็นหนังดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:30:45 )

สายหลับตาไม่มีทางบรรลุอรหันต์

รายละเอียด

หลักเกณฑ์แต่ละคนที่ไม่ศึกษาศีล ไม่เอาศีลมาเป็นตัวหลักเดิมแล้วสั่งสมมาเป็นลำดับ คนนี้ก็เลิกเลย ไม่มีทางจะบรรลุอรหันต์ สายหลับตาไม่เอาศีลไม่เอาจรณะ 15 โดยเฉพาะไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 พวกนี้ก็โมฆะตลอดกาล จะเป็นแกนของเทวนิยม เป็นแกนของพวกศรัทธาเจโต อยู่อย่างนั้นตลอดกาลนานจะไม่ขึ้นมาเป็นปัญญา จะไม่ขึ้นมามีความรู้ใหม่ ไม่ออกนอกกรอบ วงวนของโลกียะ จะอยู่ในโลกียะตลอดกาลนิรันดร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 13:37:10 )

สายหลับตาไม่ได้ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 จึงไม่มี วิญญาณฐิติ 7

รายละเอียด

ไม่ได้ เพราะสายหลับตาปฏิบัติไม่ได้ปฏิบัติด้วยจรณะ 15 วิชชา 8 ไปตามลำดับขั้นตอนเหมือนของพระพุทธเจ้าตรงกับของพระพุทธเจ้า จะไม่มีทางที่จะลงเอยด้วย วิญญาณฐิติ 7 มีกาย มีสัญญา กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ถ้าเผื่อว่าเป็นสัตตาวาส อยู่ เป็นสัตตาวาสข้อที่ 4 เหมือนกับวิญญาณฐีติ 7 ข้อที่ 4 เหมือนกัน แต่ของสัตตาวาสนั้นยังมิจฉาทิฏฐิ แม้จะเป็นกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ก็ยังมิจฉาทิฏฐิ ในสัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 นั้นกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน แต่สัมมาทิฏฐิ ไม่มิจฉาทิฐิแล้ว ท่านก็ยกตัวอย่างเหมือน สุภกิณหา เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง 

ผู้ที่สัมมาทิฏฐิก็จะเห็น กิณหา แปลว่ามืด แปลว่าดำ ผู้ที่สัมมาทิฏฐิแล้ว จะเห็นความมืด ความดำ เป็นความมืดความดำ ด้วยปัญญา ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิอยู่ ในสัตตาวาสข้อนี้ก็จะเห็นความมืดความดำเหมือนกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกันแต่ทิฐิคนละอย่าง ความเห็นความเข้าใจคนละอย่าง เห็นความมืดความดำเป็นลักษณะของจิต ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิทำจิตให้มืดให้ดำ ส่วนของวิญญาณฐีตินั้น ทำวิญญาณของตนนี้ แยกมืดแยกดำออก มีสว่างกับมืดกับดำ 

เพราะฉะนั้นความมืดก็รู้ว่ามืด มืดคือไม่มีแสง ดำคือไม่มีแสง ส่วนความสว่างนั้นมีแสง เพราะฉะนั้นคุณหลับตาลงก็มืด ไม่มีแสง ก็สัมมาทิฏฐิ ลืมตาขึ้นมาก็มีแสงก็สว่าง แต่คุณแยกสว่างลืมตาหลับตาไม่ได้ คุณไปทำความสว่างในความหลับความสว่างอยู่ในการหลับตา เป็นอุปาทานทั้งนั้น จริงๆแล้วหลับตาลงก็มีแต่ความมืดอย่างเดียวสำหรับผู้ที่บรรลุธรรมสมบูรณ์แบบหลับตาก็มืด ยิ่งอยู่ในภาวะที่มืด แสงสว่างไม่มีอยู่ในที่มืด หลับตาลงก็มืดจริงๆไม่มีอะไร แต่ถ้ามีแสงสว่างเกิดขึ้นในภพในความมืดในจิต มันจะเป็นอุปาทานทั้งนั้น มากน้อยก็แล้วแต่เป็นแสงเป็นสีอะไรต่ออะไรต่างๆนานาด้วย แล้วนึกว่าตัวเองเห็นแสงเห็นสีโง่ซ้อนอีก แล้วหลงว่ากูเก่ง แต่ขยายแสงขยายสีได้อีก ยิ่งบ้ากันไปใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:59:43 )

สายอรหันต์เก๊ ไม่เข้าใจปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

ก็เป็นธรรมดา 2 คนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวพราย 

มันก็น่าเห็นใจ อาตมาสงสารสังคมพุทธศาสนายุคนี้ มันเสื่อมหนักจริง ๆ เลย คนส่วนใหญ่ไปหลงผิดเคารพสิ่งที่มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาปฏิบัติ มิจฉาปฏิบัติ ผล คือไปหลงอรหันต์เก๊ ไปหลงคนที่ดำเนินผิด อย่าว่าแต่พระหลับตาปฏิบัติเหมือนสายมหาบัวเลย แม้แต่เถรสมาคม ก็ไปยึดถือออกนอกรีตนอกทาง ศีลสมาธิปัญญาไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว ไปเข้าใจถึงวิชาการอะไรภายนอก แล้วก็ไปประพฤติปฏิบัติสร้างก่ออะไรกันเพื่อที่จะได้ ตำแหน่งยศศักดิ์ หรือว่าสร้างให้ฐานะของวัดของตัวเอง สถานที่ของตัวเองมีคนมายอมรับนับถือ มีแขกเหรื่อมากๆอะไรพวกนี้ ดูแล้วก็น่าสงสารศาสนาพุทธ 

ยุคพระพุทธเจ้า คนเข้าใจอยู่ว่าคนที่มาบวชในพุทธศาสนาคือคนมาละหน่ายจางคลายจากกิเลส ในยุคนี้ในชาวอโศก อาตมาก็พานำกลับมา นำของพระพุทธเจ้ามาพาปฏิบัติกัน จนสำเร็จมรรคผล แล้วก็มีสิ่งที่เกิดเป็นปรากฏการณ์จริง เป็นพฤติกรรมจริง เกิดขึ้นในสังคม มีพฤติกรรมทางมีศีล มีพฤติกรรมทางมีสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิแบบของพระพุทธเจ้าเป็นสัมมาสมาธิ เป็น สมาหิโต ไม่ใช่เจโตสมาธิแบบที่เขาหลับหูหลับตาปฏิบัติแบบมิจฉาทิฏฐิ ไม่ใช่ คนละเรื่อง 

เป็นปัญญา แต่ของเขาไม่เป็นปัญญา ไม่เข้าหลักเกณฑ์ปัญญาของพระพุทธเจ้า เป็นแค่เฉโก เป็นแค่ความรู้โลกียะ ที่แม้ว่าจะพอรู้สึกเข้าใจเรื่องสุขเรื่องทุกข์บ้าง เข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นอวิชชา ไม่เข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นอวิชชา 8 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นั้น อวิชชา 4 แล้ว ก็ไม่มี ไมู่กต้องแล้ว  สิ่งที่เป็นส่วนอดีตก็ไปยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่เป็นอนาคต ส่วนที่เป็นอนาคตก็ไปยึดมั่นถือมั่น แล้วแต่บุคคล ใครจะไปยึดอดีตมาก ใครจะไปยึดอนาคตมาก ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ไปยึดอีก บางคนก็ยึดเอาหมดเลยทั้งอดีตทั้งอนาคต ไม่อยู่ในปัจจุบัน นี่คือวิชาที่แท้จริง เพราะอดีตก็ดี อนาคตก็ดีไม่ใช่ความเป็นจริง อดีตผ่านมาแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง พูดไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ต้องเข้าใจใน กาละทิฏฐธรรม ปัจจุบันชาติเป็นความจริง 

เพราะฉะนั้นแม้แต่แค่นี้แหละเข้าใจไม่ได้ว่าคุณจะไปปฏิบัติกับความจริงหรือคุณจะไปปฏิบัติกับสิ่งที่มันไม่จริง อยู่กับอดีต มันก็มีแต่สัญญา อนาคตก็มีแต่สัญญา กำหนดหมายอะไรไปล่วงหน้า มันไม่ได้เป็นปัญญา มันไม่ได้เป็นของจริงอะไรเลย มันไม่ได้ประโยชน์ มันเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ในทิฏฐิ 62 พรหมชาลสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรแรก มิจฉาทิฏฐิจมอยู่ตรงนั้นเยอะเลย 

เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท 11 12 อวิชชาสนิท สังขารก็ไม่รู้เรื่อง วิญญาณก็ไม่รู้เรื่อง เรื่องวิญญาณก็กลายเป็นเรื่องสัมภเวสีไป หลับหูหลับตานึกคิดอยู่ในอดีตไปอยู่ในอนาคตไป ไม่อยู่ในปัจจุบัน วิญญาณก็ต้องมีเหตุปัจจัยเดี๋ยวนี้ ผัสสะเดี๋ยวนี้ วิญญาณฐิติขณะนี้ ต้องเป็นวิญญาณฐิติอยู่ในปัจจุบันขณะนี้จึงจะใช่ของจริง แต่นี่ไม่เลย ดีไม่ดีกำหนดวิญญาณก็ไปกับหมอปลา วิญญาณผีเข้าผีออกอะไรต่ออะไรกัน ซึ่งเป็นอุปาทาน มันไม่มีอะไร รักษาจริงๆก็ต้องบอกให้เขารู้  มันเป็นอุปาทานของเขา อย่าไปจำ อย่าไปยึด อย่าไปถือตามที่เขาทำตามๆ กันมา คุณไปจำมาตั้งแต่กี่ชาติแล้วว่าผีเป็นอย่างนั้น 

ผีมันคือกิเลสอยู่ในตัวคุณ อย่างน้อยที่สุดบอกว่าผีเข้าคือความโง่ของคุณ ผีกิเลสมาเข้าคุณ กิเลสนั่นแหละเป็นผีของคุณแล้วคุณก็รู้จักกิเลสและคุณก็เริ่มลดลงมา ตามศีลสมาธิปัญญา 

อันนี้กิเลสเกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับคน อันนี้กิเลสเกี่ยวกับข้าวของเกี่ยวกับพืช เกี่ยวกับวัตถุ อันนี้กิเลสเกี่ยวกับกามคุณ 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) นี่แหละผี รู้จักผีให้ได้ อย่าไปงมงายกับผีอย่างนั้น ก็เรียกอย่างติดปากว่า ผีหลอก ผีหลอก เอาผีจริงๆสิ เอาผีออกจากตัวให้ได้สิ คนไม่เข้าใจไปศรัทธาอรหันต์เก๊ไปศรัทธามิจฉาทิฏฐิอรหันต์สายหลับตามหาบัวเป็นต้น ก็ได้แต่สงสารอย่างเดียว ฟังอาตมาบ้างเปิดจิต อย่าไปงมงายจนเกินกาล ไม่งั้นก็ได้แต่จมกับจม คุณเอ๋ย คุณ รชต หอมนาน อาตมาว่าจะเหม็นนานนะ ขออภัยไปแปลงชื่อคุณ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 19:39:04 )

สายอาภัสรากับสายสุภกิณหา

รายละเอียด

คนไม่มีอุปาทานอะไร ปิดตาแล้วก็มีแต่มืดแต่มืด หากมีแวบก็เป็นเศษอุปาทานหากยิ่งเข้าใจผิดว่านั่งหลับตาแล้วจะเกิดเห็นแสงสีใส แดงเขียวอะไรมันยังไม่ใสก็เพ่งให้มันใส ยิ่งใสยิ่งอาภัสรา หรือสายมืด ทำให้ดับดำมืดได้เป็นสุภะก็เป็นสายสุภกิณหา ก็มีแค่สองสาย

ความเป็นพุทธไม่ได้มีแสงไม่มีสีไม่มีมืดไม่มีสว่าง มีแต่กิเลสกับกิเลสลดลงไป จางคลายลงไปมีแต่ประภัสสร มีแต่เจริญ มีแต่สะอาด มีแต่รู้อย่างเต็ม กิเลสหมดไปได้เรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:13:31 )

สายเจโต

รายละเอียด

คือพวกบู๊ ก็จะเอาเป็นเอาตาย เอาชนะคะคานให้ได้ จะเข้าใจได้ช้า มักจะทำอะไรขาดๆเกินๆกว่าขีดที่กำหนดเสมอ สายนี้จะได้รับการกำราบที่แรง

หนังสืออ้างอิง

สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 โพธิรักษ์…โพธิกิจ หน้า 481


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:45:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:32 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:07:33 )

สายเจโตกับปัญญา

รายละเอียด

สายเจโตเป็นสังขิตตังจิตตัง สายปัญญาเป็นวิกขิตตังจิตตัง สายปัญญาจะฟุ้งกระจาย สายเจโตจะเป็นก้อนตีไม่แตก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:24:03 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:14 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:00:31 )

สายเจโตจะเอาประโยชน์จากสายปัญญาอย่างไร

รายละเอียด

สายเจโตก็ต้องคบคุ้นกับสายปัญญา คนคบคุ้นกันก็จะได้รับความรู้จากกัน ปัญญานี้รับรู้ก่อนฟังมารับมาแล้วเอาไปปฏิบัติก็จะเกิดกายวาจาใจ ใจก็คือตัว เจโต สายเจโตต้องปฏิบัติให้เกิดแม้คุณไม่มีปัญญาจะปฏิบัติให้คุณเข้าใจจะต้องมีตัวนำที่เป็นสัมมาทิฏฐิก่อน ทิฏฐิคือความเข้าใจ ปฏิบัติจนเกิดเป็นสภาวะคุณก็จะเกิดการรู้ รู้ด้วยการกำหนดรู้ พอเต็มก็จะเป็นปัญญา ทิฏฐิก็เป็นตัวนำทำให้เกิดความเข้าใจปฏิบัติให้เกิดปัญญา สรุปแล้วก็คือ คุณเจโตก็ต้องคบกับคนที่มีปัญญา คือคนที่ฉลาดมีความรู้ คุณเจโตอยากจะได้ปัญญาไปคบกับคนขายก๋วยเตี๋ยว ก็ไม่ได้ปัญญา คุณเป็นคนมีปัญญาต้องคบกับคนเจโตก็จะได้ เจโต คือ ตัวหลุดพ้น เช่น วิมุติ คือตัวหลุดพ้น วิมุตติญาณทัสสนะก็คือเป็นตัวรู้สิ่งที่หลุดพ้นอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 09:42:56 )

สายเจโตรู้ง่ายกว่าสายปัญญา

รายละเอียด

ผู้ที่ไม่ใช่สายปัญญา เข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เป็นสายศรัทธาเจโต ที่จริงสายเจโตหรือสายศรัทธาว่าไปแล้ว ถ้าเผื่อว่าไม่ยึดถือยึดมั่นเกินไป เปิดจิตฟังผู้อื่นบ้าง จะรู้ได้ง่ายกว่าสายปัญญา สายปัญญานั้นรู้มากยากนาน เราพูดอะไรเขาก็จะย้อนแย้งได้หมด จะไม่ลงตัวง่ายๆ จนกว่าเขาจะจำนนอย่างมากมาย ต้องยาวนาน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรมบ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 19:05:41 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:54:38 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:17:10 )

สายเจโตหรือสายปัญญาอันไหนบรรลุก่อน

รายละเอียด

มันตอบตรงๆง่ายๆพื้นๆไม่ได้ทันที อย่างท่านพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะบรรลุธรรมก่อนท่านสารีบุตร ท่านโมคคัลลานะเป็นสายเจโต พระสารีบุตรเป็นสายปัญญา ถ้าเป็นลำดับอย่างแท้จริงแล้วสายปัญญาจะบรรลุธรรมก่อนสายเจโต หากไม่เป็นลำดับมากๆสายเจโตจะช้ากว่าสายปัญญา และถ้าไม่เป็นลำดับอย่างมากจะช้ามาก อย่างพวกที่นั่งหลับตาดับนี้ ก็ไม่บรรลุเอาเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าพอรู้ปฏิบัติธรรมสติปัฏฐาน มรรคมีองค์ 8 โพชฌงค์ 7 อยู่บ้าง ก็ยังได้บ้าง แต่ถ้าเผื่อว่าไม่เป็นเลยจึงจะไม่เร็วเท่าปัญญา อันนี้อาตมาก็เจตนาอธิบายบุคคล 7 สัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ ทิฏฐิปัตติ กายสักขี ปัญญาวิมุติ เกี่ยวข้องกับจริตนิสัยและวิธีปฏิบัติ ถ้าหากวิธีปฏิบัติตรงดีสายเจโตจะได้รับปัญญาเจริญไปเร็ว เท่าๆกันกับปัญญาเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:08:10 )

สายเทวนิยมหรือสายออกป่า

รายละเอียด

สายเทวนิยมหรือสายออกป่า โต่งทางศรัทธา จึงจมอยู่กับการหยุดถ่วงไว้ สายเจโต วิมุติเป็นแก่นแล้วส่วนมากก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่ค่อยกลับมาช่วยโลกหรอก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 13:03:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:55:07 )

สายเลือดทางธรรมยั่งยืนกว่าสายโลหิต

รายละเอียด

ถ้าจะมาทางโลกุตระจะตัดญาติทางสายเลือดได้อย่างไร 

ญาติทางสายเลือดอาศัยกันเกิด  มันก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับญาติทางสายธรรม สายธรรมนี้ยิ่งใหญ่กว่าสายเลือด สายเลือดเป็นโลกียะธรรมดา ผูกพันทางสายเลือด แต่สายธรรมนี้ ลึกซึ้งยิ่งใหญ่มาก อาตมากับพระพุทธเจ้าเป็นญาติสายธรรมกันเลย เป็นพ่อเป็นลูก เห็นไหม ไม่ได้เกี่ยวทางสายเลือดเลย แต่ลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่กว่ากันเยอะ 

อย่างพวกคุณที่มานี้ คุณว่ามาทางสายเลือดหรือสายธรรม ก็มาทางสายธรรม ทางสายเลือดอาตมาเขาก็เข้าใจ ตอนนี้แก่กันแย่แล้วก็เลยไม่ค่อยจะมากัน คนเล็กสุดตอนนี้ ก็ อายุ 70 กว่าแล้ว บัวบูชาก็ 80 กิ่งรักก็ 85 ส่วนนายฟ้า น้องชาย อยู่อเมริกาไม่ได้มีข่าวคราวอะไรเลย เขาก็คงจะไปเรื่องของเขาไป ไม่ส่งข่าวส่งคราวอะไรเลย ก็เหลือแต่ผู้หญิง 3 คน 

มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน อาตมาเป็นคนที่ 1 มีน้องสาวน้องชายอย่างละ 3 ผู้ชาย 3 คนเหลืออยู่คนเดียว กับอาตมาเป็น 2 น้องชายก็คนติดกันกับอาตมา ก็เสียไปแล้วไปเผาที่ปฐมฯอโศก น้องชายคนเล็กก็เสียที่ปฐมอโศกเผาที่ปฐมฯเหมือนกัน นายด้าว นายชาติ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ที่เมืองกาญ สุดท้ายก็ตายที่โน่น 

ก็ยังเหลือผู้หญิงอยู่ ยังไม่มีปัญหาอะไร เขาก็พยายามมา แต่อย่างไรไม่รู้ก็บังคับกันไม่ได้ อาตมาไม่ได้ไปบังคับนะ เขารู้เองก็มาเอง ตอนนี้รู้ว่าไม่เหมือนก่อน แต่ก่อนนี้มาบ่อยแต่เดี๋ยวนี้แก่แล้วก็ไปมายาก เรื่อง covid ด้วย ก็เลยมีเหตุปัจจัยต่างๆ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 08:55:50 )

สารถีฝึกบุรุษที่สมควรฝึก

รายละเอียด

ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่สมควรฝึก สารถี แปลว่าผู้ที่นำพา เก่ง ไม่มีใครเท่าเทียม นำพาไปสู่นิพพานไม่มีใครเก่งเท่า อย่างยุคนี้อาตมาก็เป็นผู้นำพา จะเรียกว่าไม่มีใครยิ่งกว่าก็ได้ในยุคนี้ปางนี้ แต่ไม่ได้เก่งเท่าพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:31:16 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:01 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:18:23 )

สารสัจจะ

รายละเอียด

แก่นแท้

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 80


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:21 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:23 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:01:54 )

สาระ

รายละเอียด

แปลว่าเนื้อแท้ของมันเข้าเกณฑ์สัจจะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:30:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:55:46 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:18:58 )

สาระ

รายละเอียด

แก่น

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 64


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:54:15 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:38:05 )

สาระของชีวิต

รายละเอียด

การมีชีวิตอยู่แล้วเราก็รู้จักการศึกษา รู้จักว่าจริงๆชีวิตเรามีสาระคืออะไร ไปศึกษาสาระแบบโลกจะเป็นการปรุงแต่งเพื่อให้ได้ลาภได้สรรเสริญ ได้อะไรก็ไม่รู้ เลอะเทอะไป กว่าคนเราจะเข้าใจสาระแท้ว่าคนเราเป็นหลงเลอะเทอะที่เป็นโลกียะ ถ้าออกไปเสียเวลาแรงงานทุนรอนสมบัติพัสถานวัตถุ กว่าจะกอบกู้ความสูญเสียที่ไม่เข้าท่านี้คืนมา ทั้งเวลาแรงงานทุนรอน ก็เอามาสร้างสิ่งที่มีคุณค่ามีประโยชน์ อาตมาทุกวันนี้ต้องใช้ทุนรอน สร้างอะไร สร้างธรรมชาติเพราะว่าธรรมชาติถูกเผาผลาญทำลาย

ทำไมจึงมาสร้างธรรมชาติสร้างสิ่งเเวดล้อมสร้างดินน้ำไฟลม ให้มีการสะพัด มีน้ำสะอาดมีดินดี มีพลังงานไฟพลังงานลมที่ดี แล้วก็สังเคราะห์สังขารกันขึ้น ด้วยตัวมันเองด้วยแล้วก็ด้วยเราช่วยมันด้วยใช้วิทยาศาสตร์ช่วยบ้าง แล้วก็ให้มันเกิดอยู่ในนี้ ให้ครบพร้อมบริบูรณ์อยู่ในนี้ เราก็ใช้ความรู้ความสามารถอยู่ในนี้ในราชธานีอโศก พร้อมเลย อุดมสมบูรณ์ สิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายเป็นอบายมุขต่างๆ ไม่มีในนี้ ไม่สร้างและไม่สนใจ มาในนี้มีแต่เนื้อของสาระสัจจะทั้งนั้น จะเป็นที่พึ่งพาของคน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราชฯ วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:02:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:56:30 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:21:31 )

สาระนิพนธ์

รายละเอียด

โรงเรียนข้างนอกไม่มีหรอก  แต่โรงเรียนสัมมาสิกขา เราจะมีสาระนิพนธ์  คือคุณใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  ตั้ง 6 ปี  เมื่อจบ  ม.6  คุณเขียนประสบการณ์ความรู้สึก  ผลดี ผลเสีย  วิจารณ์บ้างได้อะไร  ก็เขียนมา หัดเขียนเล่าเรื่อง Story  6 ปีที่แล้ว อยู่ในนี้มีประสบการณ์อะไรบ้างบันทึกมา  ฝึกทำมันก็จะมีประโยชน์ มีความสามารถ ให้เขียนสาระนิพนธ์  เราก็จะได้รู้จักเด็ก แต่ละคนด้วย เด็กเขาก็จะตรวจสอบเวลาเขาเขียน  ก็จะระลึกถึงว่าเราได้ผ่านอะไรมามีเหตุการณ์อย่างไร  รู้สึกอย่างไรได้ด้วย เขาก็จะแยกได้ว่าอะไรควร  หรือไม่ควร อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรที่ไม่อยากเล่า  ไม่อยากเขียนก็ได้ อะไรที่อยากเล่า บางคนก็เล่าถึงความไม่ดีของตัวเองเอาไว้ บางคนไม่อยากเล่าความไม่ดี ก็เล่าแต่ความดีมาก็ได้ เราก็จะได้เรื่องราวจริง  ประสบการณ์จริง ของแต่ละคน ก็ได้ศึกษามันเป็นการเรียนรู้มนุษยชาติ พระโพธิสัตว์จะเรียนรู้หลากหลายพวกนี้  อาตมาจึงให้ทำสาระนิพนธ์ก่อนจบ  จะเห็นได้ เวลารับกลด เขาก็จะให้อาตมาไว้อ่าน  อาตมาก็ให้กลดเขาไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                           


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:00:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:57:42 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:03:01 )

สาระสัจจะที่แท้จริงของมนุษย์ชาติคืออาหาร

รายละเอียด

จริงๆแล้วมันมีความซับซ้อนลึกซึ้งมากเลยว่า สาระสัจจะที่แท้จริงของมนุษย์ชาติคืออาหาร เราเอาอาหารจากอเมริกามาเลี้ยงประเทศไทย ประเทศไทยขาดแคลน เราต้องเอาอาหารจากอเมริกามาเลี้ยงประเทศไทยเราจึงจะอยู่ได้ หรือว่าอเมริกาต้องพึ่งพาอาหารจากประเทศไทย นี่มันลึกซึ้งตรงนี้ แม้ว่าเขาจะมีเงินมากเป็นดอลล่าร์ ได้เปรียบตั้งเท่าไหร่ก็ตาม ทั้งๆที่เป็นกระดาษปั๊มตัวเลขขึ้นมาเฉยๆ แล้วมันก็ยกค่าอยู่ในสังคมในโลกให้จำนนให้ยอมคนนี้ อัตราเงินของเขาเท่านี้ได้ก็ว่ากันไป แต่โดยนัยยะซับซ้อนลึกซึ้งแล้วมันเป็นการลดค่าหรือเพิ่มค่าในตัว 

บางทีเขาก็เรียกว่าเงินดอลลาร์แข็ง เงินบาทแข็ง เป็นช่วงๆ ซึ่งที่จริงแล้วเขาไปหลงยึดถืออัตราการวัดด้วยตัวเลข ของรายได้รายรับกับรายจ่าย เขาไม่ไปดูที่ว่า 

1. สาระสัจจะสร้างอะไร ถ้าประเทศใดยิ่งสร้างอาวุธขึ้นมา แล้วได้เงินทองจากอาวุธมากมาย ประเทศนั้นยิ่งทรามยิ่งเสื่อม ถ้าหากประเทศใดยิ่งสร้างอาหารได้มากยิ่งขึ้นๆ แล้วสะพัดไปให้กับประเทศอื่นได้ราคาต่ำลงเรื่อยๆ ยิ่งเจริญ ยิ่งเจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:39:16 )

สาระสำคัญแท้ของชีวิตคืออะไร

รายละเอียด

ปลูกอยู่ปลูกกินนี่แหละ เป็นคนเจริญเป็นคนล้ำยุคเป็นคนนำหน้ามนุษย์ในโลก มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช อาตมาว่า จะไปทำอะไรก็แล้วแต่ ผู้ที่เห็นสาระสำคัญว่าอาหารเป็นหนึ่งในโลกแล้วก็มาจัดการกับอาหาร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:37:46 )

สาระแท้ๆ ของความเป็นคนจน 

รายละเอียด

ธาตุที่พลิกจากแต่ก่อนเข้าใจทิศทางอย่างนั้นทิศทางเดียว ว่าต้องมารวย คนมาจนก็เป็นคนบ้าสิ คนจะมาเอาความจนแบบจริงใจ แต่เราบอกว่าคนจนนี่แหละราชันกว่า เป็นคนเลิศประเสริฐกว่า ไม่ต้องไปแข่งรวยหรอก มาจนนี่แหละ อยู่อย่างสุขสำราญเบิกบานใจ แล้วไม่ใช่จนแบบโง่แบบคนต่ำๆ แต่เป็นคนจนอย่างขยันหมั่นเพียร มีสมรรถนะสร้างสรรขยันเพียร มีผลผลิตเยอะแยะแล้วก็มีมากๆ ก็ให้เขาไปหมด มันก็มีน้อยกว่าเขา มีน้อยก็เป็นคนจนอย่างเดิม จะได้ให้แก่ผู้อื่นมากๆๆๆ อาตมาพยายามอธิบายสภาวะถึงสาระแท้ๆ ของความเป็นคนจน 

พวกเรารู้สึกและเข้าใจอย่างใหม่ และได้ปฏิบัติอย่างที่อาตมาว่าไหม นี่คนบรรลุธรรมเป็นโลกุตรธรรมตามแนวพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นคุณจะอยู่ในสังคมในยุคไหนก็ตาม ไม่ว่าจะในยุคไหน คุณเป็นคนอย่างนี้เป็นคนไม่มีพิษภัยไม่มีโทษต่อมนุษยชาติ มีแต่ความเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 18:50:37 )

สาระแท้ๆของชีวิตคือธรรมะ

รายละเอียด

อย่าเป็นลิงถือลูกท้อ คนที่ท้อนี่ไม่จริง คนที่จริงต้องไม่ท้อ คือคนเรานี่นะ ดีนะที่พวกเรายังเข้าใจสาระสัจจะแท้ๆของชีวิต สาระแท้ๆของชีวิตคือธรรมะ ศาสนาเทวนิยมธรรมะของเขาก็เป็นสัจธรรมที่ยิ่งเหมือนกัน ยิ่งของพุทธแล้วยิ่งเป็นสาระสัจจะโลกุตตระด้วย เพราะฉะนั้นด้วยคนทุกคนไม่ว่าใคร ถ้ามีความเข้าใจ แล้วก็สำคัญมั่นหมายในตนเองเลยว่า เราจะต้องใส่ใจในเรื่องธรรมะ ถ้าเป็นคนที่มีความเข้าใจแล้วใส่ใจเราต้องใส่ใจในธรรมะนะชีวิตนี้ เพราะฉะนั้นเกิดมาชีวิตๆหนึ่ง ถ้าเผื่อว่าไม่มีความสนใจในธรรมะมันไม่ใช่คน ขออภัย มันเป็นสัตว์เดรัจฉานไปเลย มันหลงในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขแล้วก็ลงนรกขึ้นสวรรค์หรือลงนรกขึ้นสวรรค์ มีแต่สะสมกิเลส คุณได้สวรรค์ก็ได้กิเลสคุณได้นรกก็แน่นอนได้กิเลสไม่มีอย่างอื่นเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 10:42:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:47 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:24:22 )

สาระแห่งความสำคัญของกสิกรเหนือกว่าข้าราชการ

รายละเอียด

ที่จริงไม่ต้องด้อยกว่าข้าราชการ ให้เหนือกว่าข้าราชการยังได้ยิ่งดีเลย คนจะได้เห็นความสำคัญของกสิกร ยิ่งกว่าไปรับราชการอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าราชการไม่สำคัญนะ ราชการก็สำคัญ แต่จริงๆแล้วกสิกรสำคัญกว่า ราชการหรืองานที่จะไปบริหาร ถ้ามีธรรมะโลกุตรธรรมแล้วบริหารง่ายมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องมาเรียนธรรมะโลกุตรธรรมกันให้ได้ การบริหารจะสบาย การเป็นกสิกรจะยากกว่าด้วย แต่จริงๆแล้วมาเป็นกสิกรนี่แหละ พวกที่เรียนรู้ธรรมะโลกุตระก็จะเห็นสาระแห่งความสำคัญ 

คนที่มีภูมิปัญญามีมาแต่เดิมเป็นอาริยบุคคลเป็นโพธิสัตว์ อย่างเช่นหมอฟากฟ้าหนึ่ง บอกว่ารู้อย่างนี้ไม่ไปเรียนหมอหรอก มาเป็นกสิกรดีกว่า ตั้งใจไว้ว่าเกิดชาติหน้าจะมาเป็นกสิกรเป็นชาวนา หมอฟากฟ้าหนึ่ง... มันเป็นภูมิปัญญาบารมีของหมอฟากฟ้าหนึ่ง เป็นภูมิปัญญาบารมี เห็นความสำคัญในความสำคัญ เห็นสาระในสาระ อาตมาภาคภูมิใจที่จะมาเอาคนบนหอคอยงาช้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:29:58 )

สารัตถะของชีวิตชาวอโศก

รายละเอียด

พวกเรานี้ฟังธรรมะกันทุกวัน ไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ แสดงธรรมกัน นอกจากวันที่มันมีเหตุการณ์สำคัญเท่านั้นที่จะไม่มีเทศน์ ก็ไม่ได้ฟัง ถ้าเทศน์ มาฟังกันทั้งนั้ั้นแหละ ไม่ได้เทศน์ก็ไม่ได้มาฟัง แต่ถ้าเทศน์แล้วอาตมาเทศน์ สมณะสิกขมาตุ ที่เทศน์ออกอากาศนี้ ยังมีนอกเวลาที่จะถ่ายทอดออกอากาศอีกนะ บางที ท่านหินจริงเทศน์ ก็ถ่ายทอด บอกคนฟังทางบ้านว่า มีคนฟังอยู่ที่นี่ 3 คน นอกนั้นก็ไปทำงานกัน ท่านก็เทศน์ครึ่งชั่วโมง ก่อนฉัน มีคนฟัง 3 คน 2 คน บางทีอาตมาไม่เห็นคนฟังสักคนมีกล้องก็ถ่ายภาพท่านก็เทศน์ อย่างท่านเพาะพุทธ ท่านเทศน์กับข้างฝา ตั้งกล้องของท่าน แล้วก็เทศน์กับข้างฝา พวกเรานี่เทศน์เก่ง อาตมาว่า เทศน์มีสาระด้วยนะ ไม่ชมนกชมไม้หรือว่าเทศน์ไปอะไรต่ออะไรเยอะแยะที่เขาเทศน์กัน มันก็ไม่เหมือนกัน แนวการเทศน์ไม่เหมือนกัน สารัตถะของชีวิตต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:37:48 )

สารัมภะ

รายละเอียด

1. แข่งดี 

2. แข่งดี หาทางโต้เถียง ต่อสู้เพื่อชนะอย่างไม่ลดละ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 46- , สมาธิพุทธ หน้า 367-433


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:55:22 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:40:42 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:04:04 )

สาราณิยธรรม 6 (ธรรมเป็นเหตุให้อยู่ร่วมกันอย่างมีเอกภาพ)

รายละเอียด

1. เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง 
2. เข้าไปตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง 
3. เข้าไปตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง 
4. แบ่งปันลาภผลให้กับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย  (ลาภา  ธัมมิกา - มีลาภตามธรรมแห่งสาธารณโภคี) 
5. มีศีลเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย (สีลสามัญญตา) 
6. มีความเห็นเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย  (ทิฏฐิสามัญญตา) 
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 22  ข้อ 282-283, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2562 ( 12:12:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 03:59:14 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

1. เมตตากายกรรม

2. เมตตาวจีกรรม

3. เมตตามโนกรรม

4. แบ่งปันลาภแก่กัน เป็นสาธารณโภคีหรือลาภที่เกิดขึ้นได้มา ก็กินใช้ร่วมกัน เป็นสาธารณโภคี

5. ศีลบริบูรณ์เสมอกัน

6.  ความเห็นอย่างอาริยะเสมอกัน

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 204)


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:32:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:05:03 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:04:46 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

คือ เป็นหลักการอยู่ร่วมกัน คือ

1.       เมตตัง กายกัมมัง (กายกรรมประกอบด้วย เมตตาทั้งลับ – แจ้ง)

2.       เมตตัง วจีกัมมัง (วจีกรรมประกอบด้วย เมตตาทั้งลับ – แจ้ง)

3.       เมตตัง มโนกัมมัง (มโนกรรมปะกอบด้วย เมตตาทั้งลับ – แจ้ง)

4.       ลาภาธัมมิกา (แบ่งปันลาภผลแก่กันเป็นสาธารณโภคี)

5.       สีลสามัญญตา (มีศีลบริบูรณ์เสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์)

6.       ทิฏฐิสามัญญตา (มีความเห็นอย่างอาริยะเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์)

หนังสืออ้างอิง

สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4โพธิรักษ์…โพธิกิจ


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:35:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:49 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

สาราณียธรรม 6 คือ เมตตากายกรรม  เมตตาวจีกรรม  เมตตามโนกรรม  แบ่งปันลาภแก่กันเป็น
สาธารณโภคี  (ลาภธัมมิกา) ศีลบริบูรณ์เสมอกัน(สีลสามัญญตา) ความเห็นอย่างอาริยะเสมอกัน(ทิฏฐิสามัญญตา)

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 14:49:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:18 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:27:24 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

เราได้คนมีสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมคืออย่างไร ก็จะเห็นว่าเราช่วยเหลือกันทางกายกรรมที่เห็นเป็นรูปร่าง มีกายวิญญัติ ช่วยกันทางวจีกรรม มีคำพูดคำจาเมตตาเกื้อกูลกัน มีประธานคือจิตที่มีเมตตา จิตที่เมตตาก็เลยออกมาทางกายวาจา อยู่ร่วมกันอย่างนี้ เราไม่ได้ตบตีอะไรกันรุนแรงไม่ได้ทำร้ายอะไรกัน ไม่มีคดีขึ้นศาลขึ้นโรงพักให้ตำรวจมาจับ ละเมิดทางกายตบตีกันหัวร้างข้างแตก ทำร้ายกันจนกระทั่งรุนแรงไม่มี มีบ้างก็น้อยเป็นความ error ตบกันลับหลังไม่รู้มีหรือเปล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว ทำร้ายกันจนเจ็บตัวก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว อยู่กันอย่างเรียบร้อยมากเลย   อยู่กันอย่างด้วยเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม ปากหอกก็มีแต่หยาบๆไม่เห็น ทิ่มแทงกันด้วยภาษาธรรมะ บางคนคมจนกระทั่งไม่เจ็บเลย แต่คนนี้ไม่คมเลย ทื่อๆนี่เจ็บนะ ไม่ค่อยคม ทิ่มมาหยาบๆเหมือนเสียมเหี่ยน ห้อเลือดเลย เราก็เข้าใจ อยู่กันอย่างมีเมตตามีศีลสามัญญตามีหลักเกณฑ์ ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 เสมอกับศีล 8 ศีล 10 เสมอกับศีล 10 ศีล 20 เสมอศีล 20 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เสมอสมานกันไปเราก็พอเข้าใจ รู้กันว่าอยู่กันยังมีศีลสามัญญตา 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:16:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:53 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:03:38 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์