คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:20:57 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 10:47:00 )
รายละเอียด
เกิดขึ้นแล้วสิ ความรู้แบบของอาตมามันเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่วิจิตรพิสดารลึกซึ้งเท่าไหร่ตอนแรก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:33:54 )
รายละเอียด
สรุปแล้วสิ่งที่ยังมีกับไม่มี เป็นคู่สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ใช้ 2 อย่างนี่แหละ เป็นการปฏิบัติธรรมในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 เราใช้ทั้งความมีกับความไม่มี นัตถิ กับ อัตถิ หรือ โหติ กับ นโหติ ใช้พยัญชนะบาลีคือมีกับไม่มี นัตถิ นโหติ แปลว่าไม่มี อัตถิกับโหติ แปลว่ามี สุดจบแล้วผู้ที่มีกับไม่มีแล้วเป็นผู้ อนุปคัมมะ มันมีอยู่ในโลก แล้วจิตของเราไม่มีแล้ว เราก็ไม่ไปติดในเรื่องไม่มี เออ จิต เราไม่มีก็ดีแล้ว แต่โลกมันยังต้องมี คุณยังจะต้องเกี่ยวข้อง สัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตคุณยังรับรู้อย่างโลกเขารู้ทุกอย่าง แต่มีแล้วจิตของคุณก็ไม่มี ไม่มีการดูดการผลัก ไม่มีการชอบการชัง ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ส่วนความดีความชั่วนั้นเป็นแค่โลกีย์ เราก็ทำแต่สิ่งที่ดี เพราะในโลกโลกีย์ต้องอยู่กับสมมุติว่าต้องทำส่วนดีให้สังคม
อย่างนี้ คนที่นี่ ถือว่า อันนี้ดีกว่าอันนี้ นี่ อย่างฝรั่งก็มีมันของเขา มะเขือเทศเขาก็มี เขาไม่มีสับปะรดเท่าเราหรอก เขามีมันฝรั่ง เขาได้สับปะรดไปก็ดีแปลก มันฝรั่งนี้มันเท่าไหร่ มันชินชามันเชยแล้วไปกินสับปะรดบ้าง เขาก็บอกว่าสับปะรดดีกว่ามันฝรั่ง ราคาแพงกว่ามันฝรั่งอะไรอย่างนี้มันก็เทียบอย่างโลกๆ แต่ที่นั่นที่นี่บอกว่ามันฝรั่งหายากกว่าสับปะรด เฝือแล้วกินมาเยอะแล้ว มันฝรั่ง จะเป็นมันไทยมันเทศมันแขกอะไรก็ตาม มันที่ขุดมาจากป่า มันแซง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:50:20 )
รายละเอียด
คำว่า ใช้ธรรมะปราบอธรรม อันนี้เป็นสัจจะที่ยิ่งใหญ่เช่นที่เราไปชุมนุม เราใช้ธรรมะปราบอธรรม คำว่าปราบ ดูเหมือนรุนแรง แต่ที่จริงสุภาพ เรียบร้อย ราบรื่น ง่าย งาม เย็น อบอุ่น มีทั้งเย็น มีทั้งอบอุ่นในที คนนี้รู้สึกอย่างนั้นเลยนะ อาตมาก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน เคยพูดไปไม่รู้กี่ทีแล้วว่า เมืองไทยใช้โพรเทส ที่อาตมาใช้ศัพท์เรียกว่า Neo-protest เป็นการประท้วง ซึ่งแต่ละประเทศเขาก็มีการประท้วงกันทั้งนั้น ประท้วงจนกระทั่งฆ่ากันตาย มีเยอะ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ทำอยู่ แต่เมืองไทยทำแล้วตั้งแต่พ.ศ. 2549 มาจนกระทั่งมีผลสำเร็จที่เป็นตัวอย่าง จนทุกวันนี้พวกที่จะมาประท้วงมีหมู่คนมาประท้วง แต่ประท้วงอย่างที่มาแล้วก็เกเร ไม่เรียบร้อย ไม่สุภาพ ไม่มีปัญญา เขาเรียกด้วยภาษาว่า ม็อบ ไม่ใช่โพรเทส อย่างนี้เป็นต้น มันก็ต่างกัน
ทุกวันนี้เมืองไทยมีพวกม็อบเหลืออยู่น้อยเป็นเศษ เป็น After Shock เป็น momentum ของ After Shock มันเกิดหลังจากแผ่นดินไหวแล้วก็จะเกิดคลื่นตามมา เป็นแรงที่เหลือ แรงที่ค่อยๆ เฉื่อยเหลืออยู่ตามมาเท่านั้น มันไม่มีฤทธิ์แรงอะไรมากมาย ดูแล้วเหมือนหมาน้อยเห่าหมาใหญ่ แง่งๆๆๆ
อันนี้คนยังไม่เชื่อ แม้แต่นักรัฐศาสตร์เขาก็ยังไม่เชื่อว่า เพราะฤทธิ์แรงแห่งธรรมะชนะอธรรม เขาไม่เชื่อว่าเป็นพลังประชาชนทำรัฐประหาร คำว่ารัฐคำนี้ก็คือรัฐบาล ประหารรัฐบาล ว่างั้นเถอะ เขาไม่เชื่อกันเท่าไหร่ เพราะมันยังไม่เคยมีสวยงามเหมือนอย่างที่เมืองไทยทำมา มันเป็นตัวอย่างแรก เป็น Pioneer เป็นหัวเจาะนำขบวนมาในโลก คนก็เลยรู้สึกว่าอะไรนี่ แต่เขาก็เห็นแล้วนะ เขารับซับทราบไปแล้ว แต่เขายังไม่ซาบซึ้ง ยังไม่รู้สึกว่านี่เป็นธรรมฤทธิ์ที่สามารถทำให้เกิดความสำเร็จ ที่จบลงได้อย่างสวยงามที่สุด
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กันยายน 2566 ( 15:38:37 )
รายละเอียด
ปัญญาเราจะได้ไปดับ ชาติ ซึ่งชาติ ปฏิจจสมุปบาทตัวสุดท้าย จากนั้นก็โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ ด้วยความไม่รู้อวิชชา คนผู้ไม่ได้ศึกษาก็คือความวนเวียนของ โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ
จริงๆ แล้วไม่มีตัวสุขหรือโสมนัสให้คุณเลย มีแต่ตัว โศก ปริเทว(ไม่รู้จักขาดตอนพิรี้พิไรอยู่นั่นแหละ) ทุกข โทมนัส อุปายาสะ ไม่ได้เคยขาดเป็นจริงเลย อุปายาสะ มันก็ยังต้องหมุนเวียนวน โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ ๆๆๆๆ น่าเบื่อ แต่คนไม่รู้ก็ด้านทน จนแข็งหนา ด้านๆๆ จนโอ้โห มาถึงทุกวันนี้ยากสุดยากที่อาตมาสอนธรรมะมันแข็งหนา มันโด้ด้าน ไม่รู้จะแกะจะแงะกันอย่างไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 05:28:46 )
รายละเอียด
ต้องใช้ปัญญาในการปฏิบัติฝึกฝนอบรม จนมันไม่เป็น อัตตา ไม่ใช่แค่ความนึกคิดความฝันสร้างอนัตตา ไม่ใช่ว่าทุกอย่างก็ไม่มีตัวตน ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป อย่างนั้นมันเป็นตรรกะตามบัญญัติ ตามพยัญชนะที่ท่านสอนมา ก็ได้แค่นั้น ความจริงจะต้องเข้าไปถึงสภาวะเข้าไปถึงเนื้อจริงแท้จริงของจิตเรา ของกิเลสเราจนกิเลสหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 05:25:35 )
รายละเอียด
ก็วนเวียนอยู่ในสามเส้าของ สังขาร วิญญาณ นามรูป จนกว่าคุณจะมาเรียนเรียนผัสสะเวทนา 108 เกิดผัสสะเกิดเวทนา เมื่อผัสสะก็จะเกิดอายตนะเป็นสะพานเชื่อม แล้วจึงเกิดตัวตนเป็นเวทนาพระพุทธเจ้าจึงให้เรียนเวทนาให้ไปถึงตัณหาคือตัวเหตุ อุปาทานเป็นตัวเหตุ จนกระทั่งใช้ปัญญาล้างตัณหาอุปาทานได้หมด หมดภพชาติ ชรา มรณะ โศกะ ปริเทวะหมด พวกนี้ก็เหลืออายตนะ ผัสสะ เวทนา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:10:25 )
รายละเอียด
อาตมาก็ยังนึกอยู่เลย ท่านจะเข้าใจคำว่ากายหรือยัง ท่านจะเข้าใจถึงสภาวะคำว่ากายที่เป็น สักกะหรือยัง เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดา บุญ งั้นท่านไม่เข้าใจแน่ เพราะท่านเข้าใจบุญว่าเป็นกุศล ท่านก็ยังเข้าใจว่า อปุญญะ เป็นบาปอีก ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะบุญมันเป็น One Way Traffic บุญมันมีทางเดียว เอกังสะ ส่วนเดียว มันทำงาน กำจัดกิเลสหมดสิ้นแล้วบุญก็หมดไป บุญไม่เหลือค้างอยู่ที่ไหน
ฉะนั้นศาสนาพุทธที่มันผิด ไปสะสมบุญ ไปเอาบุญ ไปสร้างบุญ อะไรพวกนี้ พยัญชนะมันก็พาให้สภาวะผิด ผิดหมดเลย บุญมันสะสมไม่ได้ บุญมันเอาไม่ได้ บุญใครไม่อยากมีหรอก เป็นอรหันต์แล้วเป็นคนไม่มีบุญ ถ้ายังไม่เป็นอรหันต์คุณอยากได้บุญอยู่ด้วยความโง่ทั้งนั้น คนที่ยังไม่เป็นอรหันต์อยากได้บุญด้วยความโง่ๆทั้งนั้น พูดอีก 100 ครั้งก็อย่างนี้ ผู้ที่ยังไม่เป็นอรหันต์ก็อยากได้บุญทั้งนั้น นี่โง่แล้ว ผิด ใช้พยัญชนะผิด สภาวะผิด สุดท้ายก็เลยไม่ได้เจริญไปถึงไหน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 12:58:57 )
รายละเอียด
ผู้ที่ไม่ได้ติดยึดในพยัญชนะ จะบอกว่าพูดพยัญชนะไม่เหมือนอาจารย์เราก็ได้ จะต่างกันก็ได้ อาตมาขยายความได้พอรู้บาลีบ้าง พอรู้ความหมายของบาลี บ้างก็เอามาสื่อพยัญชนะเอามาสื่อ ใช้พยัญชนะสื่อสภาวะ ถ้าไม่มีพยัญชนะสื่อมันก็เลยไม่รู้จะรู้ร่วมกันได้อย่างไร มันต้องมี อธิวจนสัมผัสโส มันถึงจะรู้ร่วมกันได้ถ้ามีแต่ ปฏิฆสัมผัสโส สัมผัสของตัวเองมีอยู่ข้างใน รู้เองอยู่ข้างในคนเดียวไม่มีพยัญชนะออกมาสื่อ พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก สื่อกันไม่ได้เลย รู้ของใครของมัน ต้องอาศัย เพราะฉะนั้น ปฏิฆสัมผัสโส ต้องอาศัย อธิวจนสัมผัสโสนำมาสื่อถึงผู้คนนั้นแล้วก็เรียนรู้จากพยัญชนะเป็นตัวสื่อไปหาสภาวะ แล้วก็แก้ไขสภาวธรรมจิตเจตสิกต่างๆ
ผู้ที่สามารถมีจิตที่เป็นตัวตั้ง เป็นประธาน ทำจิตให้สะอาดได้จากกิเลส คนนั้นก็อยู่กับโลกอยู่กับมนุษย์อยู่กับสังคม มีพฤติกรรมทางกายวาจาทางใจ ไม่มีกิเลส ไม่มีตัวตนไม่มีความเห็นแก่ตัว รับใช้สังคมเป็นนักการเมืองก็ตาม เป็นนักเศรษฐกิจก็ตาม เป็นนักสังคมก็ตาม เป็นคนที่ไม่มีกิเลส ดีหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:44:18 )
รายละเอียด
ขอพูดนิดหนึ่ง พยายามลุ้นไปตามลำดับ ใช้พลังงาน Coefficient สัมประสิทธิ์ช่วยจริงๆ พยายามจัดการรูปนามให้ลงตัวสมดุล ให้มีพลังงานเสริม เป็นการพิสูจน์พลังงานสัมประสิทธิ์ ที่หลวงปู่เป็นผู้ชัดเจนแต่ยังอธิบายไม่เก่ง แต่จะมีคนเอาไปใช้ทางวัตถุก่อน พลังงานสัมประสิทธิ์ เหมือนไอน์สไตน์ เอาพลังงานไปใช้ทางวัตถุ เกิดรุนแรงได้ แต่นี่ไม่ใช่พลังงานรุนแรง รุนแรงอีกทางหนึ่งคือทางสร้างสรร ต่อความยั่งยืนของชีวภาพ ไม่ใช่วัตถุธาตุ แต่นี่ต่อความยาวยืนของ จิตภาพหรือชีวภาพ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:33:36 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าสอนให้คนมีจิตวิญญาณหรือจิตนิยามให้มีลักษณะนี้ เสร็จแล้วจึงอยู่ในโลก ยังเป็นคนที่ใช้พลังงานจิตของตนเป็นประโยชน์และไม่เป็นโทษแก่สัตว์ใด แม้สัตว์ใดจะมาทำร้ายเราจะเป็นโทษต่อเรา ก็ไม่มีโกรธ ไม่มีถือสา ไม่มีอาฆาต ไม่ร้ายตอบ มีแต่จะทำดีตอบ
เขาจะร้ายกับเราขนาดไหนเราก็ต้องหาทางช่วย ช่วยไม่ได้ก็ห่างกันเสียก่อน ช่วยไม่ได้ต่างคนต่างอยู่ เราก็ไม่มีฐานะพอจะช่วยเขาได้ นอกจากจะฝากลมฝากฟ้าฝากดินไปให้เขา เผื่อเขามีภูมิธรรมรับได้ ก็ฝากไปบ้างฝากให้บ้าง แต่ไม่มีสิทธิ์จะไปช่วยเขาได้ ยิ่งเขายึดถือตัวเองว่าเขาถูกต้อง เขาเหนือกว่าเรา ปิดประตูไม่รับ เป็นการเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ดีไม่ดีหาว่ามาทำร้ายทำลาย
เขาไม่ทำร้ายเราก็ดีแล้ว เราก็ต้องพยายามทำให้เขาจนกระทั่งว่า เราไม่ไปทำร้ายเขาหรอก จนกระทั่งเขาเชื่อถือไว้ใจเราว่าเราไม่ทำร้ายเขาหรอก มีแต่จะทำดีตอบ แม้เราจะตำหนิติเตียน จะตำหนิเขา จะพาดพิงว่าสิ่งที่เขาทำนี้ผิดก็ต้องประมาณ ให้เขารับประโยชน์จากที่เราว่า เราตำหนิให้ได้ ถ้าประมาณผิดเขามีภาวะสะท้อนตอบแรงหรือโกรธมา มันไม่ดี ก็ต้องประมาณให้ดี นี่เป็นเรื่องที่อาตมาทำ แล้วอาตมาก็ระมัดระวังสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 16:16:43 )
รายละเอียด
แต่อาตมาเทศนาก็หาคำที่เหมาะควรมาพูดให้มันได้คิดว่าเป็นคำหรือภาษาที่ฟังแล้วจะเข้าใจ จะกระเทาะกิเลส จะเปิดของที่คว่ำให้หงาย จะเป็นแสงสว่างที่จุดในที่มืด วาทิตะที่อาตมาพูดไม่ใช่พูดชุ่ยๆ ใช้ภาษาแรงถูกสมัยถูกสัจธรรม อาตมาขอยืนยันว่าใช้ภาษาได้ถูกสัจธรรม ทำอย่างไรคำด่า แม้หลายครั้งเหมือนเป็นคำหยาบผสมมา แต่ไม่มากหรอก อยู่ในคำที่แรง ที่แรงนี่คือคำตำหนิทุจริตมันเลยแรง ยกตัวอย่าง คนรวยคือคนชั่ว คนรวยคือคนโง่ มันแรง แต่มันเป็นสัจจะนะ เพราะคนรวยนี้ มันทำให้สังคมเขาเดือดร้อน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:48:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:12:28 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:13 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:34:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:08:57 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:14:23 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:14:02 )
รายละเอียด
ชั่ว ชั่วแน่นอน แล้วเขาจะมีวิบากบาปแน่นอน ในการทำชั่วทางสัจจะ โดยที่เขาไม่รู้เขานึกว่าดีก็มี ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ดีก็มี แต่เขาต้องทำเพื่อความอยู่รอดที่จะสร้างอำนาจ สร้างสิ่งที่เป็นวิถีทางของเขาที่เขาจะดำเนินต่อไป เขาใช้วิถีทางนี้ อย่างนี้ เขาก็จะก้าวหน้าต่อไปได้ เขาก็จะทำ
_ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ว่า... แล้วกระบวนการนี้เขาทำอย่างต่อเนื่อง ในหนังสือจะมีส่วนของบทที่ 3 ที่เขียนเรื่องความจริงที่ถูกบิดเบือน ส่วนแรกพูดถึง โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ซึ่งถูกเอามาใส่ร้ายว่า พระเจ้าอยู่หัวเข้าไปก้าวก่ายกับราชการแผ่นดิน เป็นการแทรกแซงราชการแผ่นดิน ทั้งๆที่โครงการราชทัณฑ์ปันสุข เป็นการบริจาคทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับโรงพยาบาลในกรมราชทัณฑ์แค่นั้นเอง
แต่ว่าเอามาถูกบิดเบือนว่า พระเจ้าอยู่หัวแทรกแซงราชการแผ่นดินของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งแท้จริง มันไม่ได้แตกต่างกันกับการทำกฐินผ้าป่า ซื้อของไปเข้าวัดอะไรอย่างนั้น เป็นแค่ราชการในพระองค์ ซึ่งถูกบิดเบือนว่าเป็นราชการแผ่นดินแล้วใส่ร้ายพระเจ้าอยู่หัว การกระทำแบบนี้ ผมคิดว่าไม่ถูกต้องก็เลยเขียนชี้แจง
เพราะว่านักโทษในเรือนจำราชทัณฑ์ มีโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ที่เดียว อุปกรณ์อะไรก็ไม่ทันสมัย ขาดแคลนมาก คนเข้าไปอยู่ในคุกก็ลำบากมากอยู่แล้ว พระเจ้าอยู่หัวท่านเห็นสภาพนักโทษในคุกในเรือนจำซึ่งเจ็บป่วยซ้ำไปอีก ท่านก็ทรงพระเมตตาเห็นว่าควรจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาและดูแลนักโทษ ซึ่งไปเจ็บป่วยอยู่ในเรือนจำให้อยู่รอดปลอดภัยมีสุขภาพที่ดีขึ้น ได้มีโอกาสกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มีคนเอาไปบิดเบือนว่าพระองค์ไปแทรกแซงราชการแผ่นดิน ทั้งๆ ที่มีพระราชประสงค์เป็นราชการส่วนพระองค์ที่จะทำบุญ
เวลาเราทำบุญทำกฐินผ้าป่าไปตามวัด บางทีก็อาจจะมีผู้ว่า รองผู้ว่ามาช่วยอำนวยความสะดวก แต่ไม่ได้เป็นการแทรกแซงราชการแผ่นดินแต่อย่างใด อย่างนี้ก็เป็นตัวอย่างที่เขาโกหกและบิดเบือนเพื่อจะใส่ร้ายพระเจ้าอยู่หัว หนังสือก็ชี้แจงข้อเท็จจริงให้คนเข้าใจว่ามันเกิดการโกหกใส่ร้ายอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 12:02:57 )
รายละเอียด
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกินวิสัยสามัญ อาตมาว่าอันนี้แหละจะพิสูจน์ให้คนพอเชื่อถืออธิบายโลกุตระไปจนตายคนไม่เชื่อเอากันแค่นี้ ลากชีวิตให้ยาวยืนแค่นี้จะเชื่อไหม นี่เชื่ออาตมาบ้างสิ ทีลากสังขารยังเชื่อเลย แต่ว่า โลกุตระ เชื่อบ้างสิ ต้องหาวิธีดึงลูกค้าแบบนี้ ใช้วิธียืดอายุขัยเป็นปาฏิหารย์เพื่อจะได้เป็นประโยชน์บ้างและไม่ใช่เรื่องอุตริเกินไปของมนุษย์มนา ยืดอายุไขอย่างไม่ง่องแง่งด้วย ยืดอายุไขอย่างเบิกบานร่าเริงด้วย หากไม่มีอาการไอสักอย่างคนจะเชื่อถือมากขึ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:43:00 )
รายละเอียด
อาตมาเรียนศิลปะมาแต่ไม่ได้ใช้ศิลปะในการทำมาหากิน แต่อาตมาใช้ศิลปะสื่อโลกุตระ จะใช้ศิลปะด้านไหนก็แล้วแต่ แต่ด้านที่ใช้มากที่สุดก็คือทางด้านวรรณกรรม ใช้ศิลปะทางคีตะวาทิตะ ในทางเสียงในทางภาษา เป็นสื่อออกไปให้พวกเราได้รับรู้มาก ศิลปะของอาตมา สื่อทางนัจจะ คีตะ วาทิตะ ท่าทางลีลากับสุ้มเสียงสำเนียง ภาษาเอามาประกอบสื่อให้พวกเราเข้าใจ อาตมาทำงานศิลปะสื่อความหมายของโลกุตรธรรมให้เขาเข้าใจให้รู้แล้วเอามาปฏิบัติได้ลดละกิเลสได้ จนกระทั่งพวกคุณสามารถฟังแล้วเข้าใจได้เอามาปฏิบัติได้จึงออกมา ละโลกโลกีย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ ทิ้งโลกียสุขมา แต่ก่อนนี้มัวมุ่งวุ่นวาย อยู่กับความสุขทางโน้นเดี๋ยวนี้ก็ไม่แล้ว โหยหากลับคืนไปไหม...ไม่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:17:16 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 14:03:06 )
รายละเอียด
อาตมาตั้งใจ ต่อไปถึง 90 96 หาก ถึง 100 จะตอบอะไรได้ดี เพราะทุกวันนี้ อาตมาก็พยายามใช้สัมประสิทธิ์ เพื่อให้เกิดอายุยาวยืนต่อไป เป็นอัตราเร่ง จะให้อายุเรายืนไป ตอนนี้ ก็ยังอธิบายเรื่องนี้ไม่เก่ง พยายามใช้สูตรทางวิทยาศาสตร์ E= C (mc + A) ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่าอาตมาไม่เก่งทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:31:52 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:05 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:15:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:25:58 )
รายละเอียด
เหลือหมด เพราะกิเลสนี่ราคาแพงนะ การลดกิเลสได้นี่ค่ามันแพงมันสูงกว่าโลกียะไม่รู้กี่ต่อ มากมาย เอาอย่างนี้ ถามคุณ โสดาบันหนึ่งหน่วยจะซื้อราคากี่ตังค์ ให้เท่าไหร่..ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอกคุณเอาโลกุตระให้ได้ โลกุตระหาค่าบ่มิได้ มันเป็นสัจจะมันเหนือกว่ากันจริง เอาโลกุตระ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:31:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:39:18 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:38:53 )
รายละเอียด
ถูกต้อง ฌานที่ 1 มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตตา จิตรวมเป็นหนึ่ง ไม่แตกกระสานซ่านเซ็น ฌานที่ 1 การสังเคราะห์สังขารจัดการกันอย่างเต็มรูปแบบ มันเป็นหนึ่งได้ เอกัคคตา ไม่กระจาย เช่น จับตัวกิเลสได้มันก็จะรู้ว่ากิเลสมีประมาณไหน ลักษณะไหน กิเลสมันดิ้นมันแสดงตัวเต็มตัว เสร็จแล้วคุณก็ทำให้มันลดได้ คุณลดได้ประมาณหนึ่ง พอสมควรเลย ถ้าแบ่งเป็น 4 ส่วนเป็น 1 ส่วน 4 คุณก็ดีใจที่มันลดได้ คุณก็จะเทียบได้ว่าตอนต้นกับตอนที่ 2 มันต่างกัน เออ ต่างกันนะ พอใจยินดี ก็จะมีกำลังของปิติขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าทำได้ๆ ถูกแล้ว อันนี้เข้าท่าแล้ว อย่างนี้
เสร็จแล้วอันที่ 3 อันที่ 4 ที่จริงอันที่ 3 ที่ท่านว่า สุขะ คือ ความสงบ วูปสโมสุข คือมันว่างเบาลง จากอาการดีใจที่เป็นปีติ ที่มันขึ้นแรงมันก็เบาลง พอถึงฌาน 3 ผู้รู้ท่านก็จะบอกว่า จะมีอาการมันสงบลงมาแล้ว มันจะไปหาเฉยๆ อุเบกขา
เพราะฉะนั้นเริ่ม ฌาน 3 จะมีอาการที่จะวางเฉยเป็นตัวเฉยๆ เริ่มเข้ามาให้เห็นเลยว่าอาการนี้เข้ามาเพิ่มมาใส่ใน ฌาน ประมาณส่วนที่ 3 ที่แบ่งพลังงานระดับที่เป็นมาตร เป็นอัตราส่วนเป็นทฤษฎีเป็นสูตรให้เรารู้อาการ แล้วใช้สังขยาเลข แล้วใช้ประมาณการตรงนี้เท่าที่พระพุทธเจ้าสอน เราก็เข้าใจในวิธีคำนวณแบ่งส่วนพวกนี้ เรารู้ดีแล้วมันก็จะลดลงจริงๆ ก็จะเป็นสภาวะ มีอาการดังที่อาตมาอธิบาย
จนมันเป็นฌานที่ 3 เก่งขึ้นไป จะเข้าหาอุเบกขา
พอฌานที่ 4 อุเบกขาก็จะเต็มรูป
อุเบกขาคืออะไร คือกิเลสมันหมดเกลี้ยงไปจนจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ปริสุทธา ก็จะบริสุทธิ์เข้าไปนิ่งสบาย เห็นแจ้งเต็มรูป จิตก็เต็มรูปสว่างไสว มีพลังงานเต็ม ไม่ใช่ยิ่งแข็งทื่อยิ่งมืดไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ แต่ยิ่งรู้แจ้งรู้สว่างรู้เต็ม รู้อย่างเต็มรูปเลย ตื่น แล้วก็ไม่ใช่ฌานหลับตาด้วย เป็นฌานลืมตา เห็นทุกอย่างครบอยู่ แล้วก็เห็นจิตตัวเองเลยว่า จิตเราสะอาด ตัวกิเลสมันหายไป จิตบริสุทธิ์ คุณก็จะเห็นสภาวะจริงพวกนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:32:02 )
รายละเอียด
คนที่เขาสะสมบารมีทางด้านนั้นมา สามารถที่จะเห็นเหตุการณ์ในอนาคตบางก่อนคนอื่นทั่วไปได้ในภาวะที่ใช้อาเทศนาปาฏิหาริย์ ได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ส่งเสริม ไม่สนับสนุน ท่าน อึดอัด (อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ) เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ) ท่านรังเกียจน่าเบื่อหน่าย น่าระอา ท่านไม่ส่งเสริม มันเป็นจริงแต่ท่านไม่ส่งเสริมอาเทศนาปาฏิหาริย์กับอิทธิปาฏิหาริย์ ท่านไม่ส่งเสริม ท่านส่งเสริมอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ไปอ่านดูในเกวัฏสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 341-342 อาตมาจำได้เพราะเพิ่งผ่านตาก่อนลงมา
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจสว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:42:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:43:37 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:40 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:15:46 )
รายละเอียด
ไม่ใช่พาซื่อว่าเอาตัวตนร่างกายเหาะไปพรหมโลกที่เป็นลูกๆเลย ไม่ใช่
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:26:51 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:54 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:16:01 )
รายละเอียด
ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้
คำว่ากาย คือ ลักษณะ 2 มีรูป มีนาม มีภายนอก มีภายใน เต็มสภาพ ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งกายทั้งจิต ไปตลอดพรหมโลก พรหมคือแดนสงบ สะอาด สว่าง แดนที่ปราศจากกิเลสไปได้หมด ทั่วทั้งแผนดิน เป็นอิสรเสรีภาพทั่วทั้งแผ่นดิน ตั้งแต่โสดาบัน ไปได้หมดทั้งทุกส่วนทั่วโลก ทุกส่วนของความเป็นเรา เอาทั้งร่างกายทั้งตัวตน ทั้งเนื้อหนังมังสา มีอวัยวะน้อยใหญ่ ไปทั้งหมดเลยได้ ไป ตัวเราทั้งตัวนี่แหละนำไป เพื่อที่จะเอาไปยืนยัน อย่างประหลาด
เช่น เรานำพาตัวตนบุคคล พวกเราจึงออกสนามรบ เป็นทหารพระพุทธเจ้า กองทัพธรรมออกไป ทุกคนเป็นทหารไม่มีปืน ไม่มีมีด ไม่มีระเบิด เอาความจริงกับความสงบไปรบ รบโดยสันติ มีหลักฐานที่เหลือเป็นโบรชัวร์อยู่ เราออกไปรบกับกองทัพของรัฐบาลในยุคนั้น รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาตมาก็ไปรบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:18:56 )
รายละเอียด
คือมันเลยอายุขัยของอาตมาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เพิ่มมา 1 นักษัตร ขึ้นสู่นักษัตรที่ 2 อาตมาเคยบอกว่าอายุขัยของอาตมา 72 ปีตอนยังไม่ถึง 72 ปีก็ตั้งใจพากเพียรใช้อิทธิบาท ใช้โพชฌงค์ 7 ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเพื่อที่จะต่ออายุ ตั้งใจทำมามันก็ได้ เลยจาก 72 ปีมาเป็น 84 ปีตอนนี้ 87 ปีแล้วก็ยังแจ๋วยังใช้ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:45:27 )
รายละเอียด
ทำไมพูดความจริงจังเลย ความจริงที่เถียงไม่ออกสักเม็ด เงินทองซื้ออะไรได้หมดแหละ เขาพยายามจะใช้เงินทองซื้อโลกทั้งโลก ให้ได้กัน ทุกวันนี้ ใช้กันไปแล้วก็หาเงินหาทองมาเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต กว่าจะพอรู้ตัว กว่าจะไม่ต้องยุ่งเรื่องเงินทองได้เลย มันเป็นโลกุตรธรรม มันเป็นความรู้ชั้นพิเศษที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ หรือแม้ไม่ถึงขั้นโลกุตรธรรม โลกียธรรมประเภทหนึ่ง เขาก็พอรู้แล้วว่าลาภยศเงินทองเป็นของไม่ได้เรื่องหรอก แต่เขาไม่มีโลกุตรธรรม โลกุตรธรรมคืออะไร ไม่มีโลกุตรธรรมคือยังไม่เข้าถึงจิตเจตสิกรูปนิพพาน ยังไม่เข้าถึงกาย เวทนา จิต ธรรม เขายังแยกไม่ออกและยังหยั่งเข้าไปถึงสภาวจิตเจตสิกต่างๆ แยกกายแยกจิตไม่ออกจริงๆ เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 11:39:13 )
รายละเอียด
บาป พระพุทธเจ้าสอนเรา ไม่ให้หวังอะไรมาให้ตน ไม่มี ทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อผู้อื่น ให้ผู้อื่น แล้วเราอย่าไปเอาอะไร อย่าไปคิดว่าจะได้รับอะไรตอบแทนกลับมาเลย แม้แต่ สาเปกโข แม้แต่ความหวัง หวังว่าจะมีความหวังต่อไป ทำอะไรก็แล้วแต่ เป็นการได้ให้ ได้ช่วยผู้อื่น ได้เสียสละ จากตัวเรา ตัวเราจะเป็นคนมีประโยชน์ และมันก็เกิดไปตามสัจธรรม เราได้ให้เขาได้ ตั้งแต่วัตถุมาจนกระทั่งถึงแรงงาน จนกระทั่งถึงความรอบรู้ จนสุดท้ายมีผลสำเร็จถึง จิตวิญญาณ นั่นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนและตรัสรู้แล้วเอามาให้คนรับรู้ และก็เป็นให้ได้ อย่างที่ท่านตรัส
อาตมาได้นำธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศ มาอธิบาย มาแนะนำ จนกระทั่งถึงปีนี้ย่างเข้าปีที่ 53 ตั้งแต่ พ.ศ.2513 อาตมาออกมาทำงานศาสนามาบวช ปีนี้ 2565 กำลังจะขึ้น 2566 และก็ทำให้พวกเรา ผู้ที่ศึกษาตามชาวอโศก ตามที่อาตมากระจายความรู้ เอาของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย มากระจาย อธิบาย จนพวกเราเข้าใจและก็เห็นดีเห็นงาม และมาปฏิบัติตามจนบรรลุมรรคผล กระทั่งมารวมตัว เอาชีวิตมาอยู่ร่วมกัน เป็นชาวชุมชน ชาวอโศกเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 20:16:24 )
รายละเอียด
นี่พูดถึงแพทเทิร์นสามเหลี่ยม อาตมาเองบอกลึกๆ มันจะมีรูปสามเหลี่ยมอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ อาตมาก็คิดถามตัวเองอะไรนะ?..นี่ขนาดของตัวเอง ดูตามมืออาตมาคงเข้าใจนะสามเหลี่ยมคางหมู มันไม่ใช่สามเหลี่ยมด้านเท่า แต่เป็นสามเหลี่ยมคางหมู มันจะกี่องศาไม่รู้ ชันขึ้นไปต่อเส้นตรงที่ตั้ง 90 องศาเส้นตรงกลับฐานก็จะมีเส้นนี้ที่ชัน โดยเฉพาะเส้นชันนี้ขึ้นไปถึงยอดสุดมันรวมเวลาถึง 500 ปี
การทำงานมา 500 ปีนี้ แล้วจะได้ผลงานขึ้นสู่สูงสุด ผลงานนั้นก็จะเป็นชรตาทำให้เนื้อโลกุตรธรรมนี้ ให้ประชาชนได้อาศัยใช้ไปอีก 2,500 ปี สุดจบ
เพราะฉะนั้นเวลา 500 ปีนี้อาตมาใช้เวลามาตั้งแต่เกิด อาตมาเกิดมา 36 ปี ไปเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ทางโลกีย์ เป็นธรรมดาธรรมชาติที่อาตมาอธิบายแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็มีหลักฐานยืนยันเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ในทางโลกีย์อยู่โลกีย์แท้ๆของท่านก็ 29 ปี พอมาเป็นเหมือนนักบวชก็อีก 6 ปีรวมแล้วเป็น 35 ปี จึงได้ประกาศเต็มที่ แล้วก็ประกาศโลกุตรธรรมเมื่อพระชนม์ชีพ 75 ปี
สำหรับอาตมาก็ 36 ปีก็ออกมาทำงาน จะบอกว่าประกาศทันที ก็ยังไม่เชิง ออกมาบวช 2513 ก็ค่อยๆอธิบายไป ตอนแรกๆก็อีโหลกโขลกเขลก ถูกเขาเล่นงาน มีวิบาก จนกระทั่ง พ.ศ 2540 ค่อยเป็นไทแก่ตัว จากนั้นมาก็ทำงาน ทางโน้นก็ไม่ได้มาทำอะไร เราก็สงบไปได้ จนวันนี้ 2564 ก็สามารถทำอะไรขึ้นมาได้เรื่อยๆ แล้วพวกผู้แสวงหา พวกคนหรือพวกที่ยังไม่เข้ามาก็ตามก็มี คนที่ได้รับความรู้ความจริงเข้าใจได้มากขึ้น เข้าใจเข้าถึงบรรลุได้มาเรื่อยๆซึ่งไม่ใช่เรื่องสามัญเป็นเรื่องวิสามัญเป็นเรื่องยาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40
ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:38:36 )
รายละเอียด
แต่ไหนแต่ไรคนที่ฉลาดที่สุดคนแรกจนกระทั่งเดี๋ยวนี้อันเดียวกัน อันเดียวกันแต่เขาเข้าใจรายละเอียดไม่ได้ แต่อาตมาอธิบายรายละเอียดได้
ใน 0 มีทั้ง 1 ทั้ง 2 ทั้ง 0
0 คือ อม 1 กับ 2 ไว้
0 คือเขียนเป็นรูป
1. คือ ถ้าดิ้นไม่ออกจากผนังวงกลม nich ก็มีอีกอันตรงกลางดิ้น ถ้าดิ้นออกมาก็เป็น 2 ตัวเป็น 3 4 5 6 7 ยกกำลัง ทวีคูณไป เรียกสิ่งที่ขยายตัวเป็นอยู่ข้างในเรียกว่าไซโตพลาสซึม ก็มีกรอบของมันเรียกว่าโพรโทพลาสซึม
เจตนา อาตมาอธิบายให้เอาไปใช้กับตัวเอง พัฒนาตัวเองได้ ไม่ใช่อวดใหญ่อวดดีอวดรู้อะไรหรอก พวกคุณก็ได้รับความเข้าใจเพิ่มเอาไปทำได้จนกระทั่งกลายมาเป็นอาริยบุคคล เป็นโลกุตรบุคคล อยู่เหนือโลกลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขที่เขายึดติดกันในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในโลกโลกีย์ แล้วพวกคุณก็หลุดพ้นจากตรงนั้นมา พวกคุณก็ตัดสินเอง รู้เองว่ามันดีไหม ไม่ดีคุณก็กลับไปเอาใหม่ มาทางนี้ไม่ดีก็เอาคืน แต่ถ้ามันดีคุณก็มาเลย คุณก็มาทางนี้ ก็ยังเหลืออยู่ คนที่จะมาเอาทางนี้อยู่อาตมาก็อยู่กับคนที่เอาอาตมาไม่ได้เหลาะแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 12:39:57 )
รายละเอียด
ซึ่งมันต่างกันโลกียะกับโลกุตระอาริยธรรมแท้ๆ ต่างกันกับโลกียเทวนิยม มันต่างกันตรงที่ปฏิบัติแล้วมันมีสิ่งรองรับเกิดจริงเป็นจริงจิตวิญญาณเกิดจริง วัตถุสถานที่สิ่งแวดล้อม ทั้งหมดมันเป็นจริง
ของศาสนาอื่นเขาก็มีจะออกมาเหมือนอย่างพวกเรา อย่างพวกชุมชน อามิช คิปบุช แต่เขาสู้ อามิชไม่ได้นะ เขาเป็นมาได้ 300-400 กว่าปี อาตมาว่ามันก็ได้ แต่จะแพร่หลายยากกว่าอย่างนี้ อาตมาไม่รู้นะว่าอาตมาทำอันนี้มาในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคที่มีความเดือดร้อนมากในความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ อาตมาว่าในระยะยาว 100 ปีขึ้นไป พวกคุณก็คงจะม่องเท่งกันไปหมดแล้ว เพราะแต่ละคนอายุ 40 50 60 ปี แล้วคุณจะอยู่อายุ 160-170 ปีเลย ม่องเท่งไปหมดแล้ว 100 ปีขึ้นไปอาตมาว่าเขาจะเห็นคุณค่าความจริงอันนี้
เพราะเราได้สถาปนาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าลงไปแล้วทุกวันนี้บันทึกลงไปในอะไรของเขา สื่อสารสนเทศไอทีบันทึกไว้หมดแล้ว อยู่ใน YouTube อยู่ใน Google อยู่ในวิกิพีเดีย มันมีทั้งนั้น จะบันทึกไว้ทีหลังหรือเขาแต่ตั้งต้นก็ตามก็บันทึกไว้แล้ว แล้วคนก็แสวงหาคนก็พยายามจะเอามาใช้ให้จริง มันจะได้เพราะคนจะมีความเฉลียวฉลาดขึ้นจะรู้ว่าอะไรคืออะไร เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ 100 ปีขึ้นไปจึงจะเจริญ..อยู่กันให้ถึงนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:35:05 )
รายละเอียด
พุทธก็เหมือนกัน หนักเข้า ถ้าเขาไม่เรียกคำว่าพุทธ ก็เป็นคนละศาสนาแล้ว ทุกวันนี้ มีมีมหายาน มีหินยาน หรือมีเถรวาท มีพวกไม่ใช่เถรวาท
เพราะฉะนั้นผู้ที่วันนี้อาตมาฟังได้สักคนหนึ่ง ใน 95%ของศาสนาพุทธ ได้สักคนหนึ่งฟังอาตมาพูดแล้ว ว่าจะไปสวดมนต์ข้ามคืน ก็จะไม่เอาแล้วชักจะรู้แล้ว ได้สักคนก็เอาว่ะ ซึ่งมันน่าสงสาร มันเปล่าดาย นอกจากเปล่าดายแล้วทำลายศาสนาด้วย เพราะพาให้ผิดไปจากธรรมเนียมของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 12:26:49 )
รายละเอียด
ส่วนสมถะกับวิปัสสนา จะต้องให้มีทั้งสองอย่าง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีชีวิต บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:33:01 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:15 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:16:29 )
รายละเอียด
เมื่อเป็นอรหันต์แล้ว อัตภาพคือตัวกูของกู ตัวเรา จิตวิญญาณของเรา ตายแล้วเราจะเลิกเป็นเราอีกต่อไป ไม่มีเราเกิดมาอีกเลยในกาละ ในกาละคืออะไร คือเวลาที่มันเดินไปอยู่ในโลก ถ้ามีอะไรที่มันเดินไปในในโลก ในกาละ ในจักรวาล มันมีอยู่นี่ รวมกันแล้ว ทั้งมหาจักรวาลทั้งเอกภพนี่ มันก็หมุนอยู่ เคลื่อนอยู่ทั้งหมดเลย เรียกว่า กาละ ไม่มีนิ่งไม่มีหยุด มีแต่นาฬิกามันหยุดมันตาย แต่เวลาจริงมันไม่เคยหยุด กาละและเวลามันไม่เคยหยุด มีแต่จะเคลื่อนไป
แต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ชีวิตหรือจิตวิญญาณของเราเกิดมาก็ต้องอยู่ในกาละ ต้องเคลื่อนไปตามกาละ ตอนนี้เรานั่งอยู่อย่านึกว่าไม่เคลื่อน โลกมันพาเคลื่อนไปหมุนไป ตอนนี้หมุนมามืดลงแล้ว ค่ำมืดตอนนี้ก็ 06:34 นาทีแล้ว เดี๋ยวก็ 35 36 ไป เดี๋ยวก็ไปวนเวียนพรุ่งนี้เช้าใหม่อะไรอย่างนี้ มันก็หมุนเคลื่อนไปไม่รู้จักจบ
แต่คนที่ได้เป็นอัตภาพขึ้นมาในนี้แล้ว หมดสิทธิ์ที่จะเลิกหลุดออกไปจากกาล จากกาละ ตายแล้วก็ต้องเกิดใหม่ ๆ เกิดไป กรรมวิบากที่ทำไว้ พาเรา ขึ้นสูงลงต่ำ สุขบ้างทุกข์บ้าง ดีบ้างชั่วบ้าง ไม่เที่ยงเลย ไม่รู้จักจบ ควบคุมไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:05:13 )
รายละเอียด
ตอบอะไรที่ไปชาติหน้าก่อน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไปหมดทั้ง 5 นี่แหละ ตราบที่คุณยังมีขันธ์อยู่ คุณก็มีขันธ์ 5 เป็นจิตนิยามแล้วมันมีขันธ์ 5 พืชมันก็มีขันธ์แค่ 3 มีรูป สัญญาสังขาร จิตนิยามมันมีขันธ์ 5 วัตถุมันมีขันธ์แค่ 2 มันมีแต่ดูดกับผลัก มีบวกกับลบ ตัวมันเองก็ไม่มีประธาน ถ้ามีประธานก็เป็น 3 แต่นี่มันมีแค่ 2 คนนี้แหละเป็นตัวประธานไปจัดการบวกลบจนถึงปรมาณู ทุกวันนี้เทคโนโลยีทั้งหลายแหล่
เพราะฉะนั้นอะไรที่ไปถึงชาติหน้าก็ทั้งขันธ์ 5 มันไม่ทิ้งกันหรอก คำตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านี้สุดยอดแล้ว ไม่มีอะไรขาดหกตกหล่น หรือมาจากชาติที่แล้วมันก็ไปจากชาติที่แล้วที่คุณยังไม่สามารถใช้กรรมวิบากชาติที่แล้วมาเล่นงานคุณได้จบในชาตินี้เป็นอรหันต์แล้ว กรรมวิบากชาติก่อนก็จะไม่มาเล่นงานคุณต่อ คุณยังไม่เป็นอรหันต์กรรมวิบากก็มาเล่นงานคุณต่อไม่จบ
เพราะฉะนั้นคนเรายังไม่เป็นอรหันต์จะต้องทรมานทรกรรม กะโผลกกะเผลกไป ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เป็นทุกข์เป็นสุขไป แล้วความสุขมันก็ไปหลงสวรรค์โลกีย์อีก ต้องอทุกขมสุข หรือปรมังสุขัง ที่จริงควรจะแปลว่ายิ่งกว่าสุข แต่เขาไปแปลว่า สุขอย่างยิ่งอีก
พยัญชนะนี้ไม่ง่ายจะเข้าใจ แต่เข้าใจได้ คิดดีๆ ไต่ตรองดีๆ แล้วมาเรียนสภาวธรรมให้ถูกเริ่มต้นตั้งแต่ศีลข้อที่ 1
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 15:17:00 )
รายละเอียด
ในขันธ์ทั้ง 5 มีอะไรไปกับเราในชาติหน้า ตอบอะไรที่ไปชาติหน้าก่อน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไปหมดทั้ง 5 นี่แหละ ตราบที่คุณยังมีขันธ์อยู่ คุณก็มีขันธ์ 5 เป็นจิตนิยามแล้วมันมีขันธ์ 5 พืชมันก็มีขันธ์แค่ 3 มีรูป สัญญาสังขาร จิตนิยามมันมีขันธ์ 5 วัตถุมันมีขันธ์แค่ 2 มันมีแต่ดูดกับผลัก มีบวกกับลบ ตัวมันเองก็ไม่มีประธาน ถ้ามีประธานก็เป็น 3 แต่นี่มันมีแค่ 2 คนนี้แหละเป็นตัวประธานไปจัดการบวกลบจนถึงปรมาณู ทุกวันนี้เทคโนโลยีทั้งหลายแหล่
เพราะฉะนั้นอะไรที่ไปถึงชาติหน้าก็ทั้งขันธ์ 5 มันไม่ทิ้งกันหรอก คำตรัสรู้ของพุทธเจ้านี้สุดยอดแล้ว ไม่มีอะไรขาดหกตกหล่น หรือมาจากชาติที่แล้วมันก็ไปจากชาติที่แล้วที่คุณยังไม่สามารถใช้กรรมวิบากชาติที่แล้วมาเล่นงานคุณได้จบในชาตินี้เป็นอรหันต์แล้ว กรรมวิบากชาติก่อนคุณก็จะไม่มาเล่นงานคุณต่อ คุณยังไม่เป็นอรหันต์กรรมวิบากก็มาเล่นงานคุณต่อไม่จบ
เพราะฉะนั้นคนเรายังไม่เป็นอรหันต์จะต้องทรมานทรกรรม กะโผลกกะเผลกไป ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เป็นทุกข์เป็นสุขไป แล้วความสุขมันก็ไปหลงสวรรค์โลกีย์อีก ต้องอทุกขมสุข หรือปรมังสุขัง ที่จริงควรจะแปลว่ายิ่งกว่าสุข แต่เขาไปแปลว่า สุขอย่างยิ่งอีก พยัญชนะนี้ไม่ง่ายจะเข้าใจ แต่เข้าใจได้ คิดดีๆ ไต่ตรองดีๆ แล้วมาเรียนสภาวธรรมให้ถูกเริ่มต้นตั้งแต่ศีลข้อที่ 1
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 13:42:15 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นในความเป็นคนเกิดมาแล้ว อาตมาเคยเทศน์ไม่รู้กี่ที คนที่รู้ว่าชีวิตเกิดมาแล้ว มันไม่มีอะไรดีไปกว่าต้องได้ธรรมะ คุณจะไม่ได้ลาภเยอะ เกิดมาร่ำรวยมหาศาลเป็นเจ้าโลก ซึ่งมันก็ป่วยการ คุณตายแล้วคุณก็ทิ้งสมบัติเหล่านั้นไว้ ยศก็ตาม คืนหมด ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข คืนหมด ติดตัวคุณไปคือกรรมวิบาก สิ่งที่เป็นของของตนคือกรรม กรรมเป็นของของตน คุณก็รับมรดกกรรม กรรมเป็นของตน คุณก็มีมรดกของตนเอง เป็นมรดก เป็นพินัยกรรมให้แก่ตนเอง แล้วพาเราให้เป็นไป เป็น กัมมโยนิ กัมมพันธุ ก็เกิดเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นตระกูล
สมัยพระพุทธเจ้าก็เรียกว่า พุทธตระกูล สมัยนี้เรียกว่า อโศกตระกูล ลำลอง แต่ก็ได้จริง เป็นเผ่า เป็นพันธุ์ เป็นตระกูล แล้วคุณก็ได้อาศัย กัมมปฏิสรโณ อาศัยอันนี้แหละทำสงคราม ธรรมาธรรมะสงครามเรียกว่า ปฏิสรณะ สรณะคือทำสงคราม ปฏิคือการขัดเกลาคือการทำสงครามขัดเกลาตนเอง แต่ละคนก็รบชนะกิเลส คนไหนชนะสุดยอดก็เป็นอรหันต์ สบาย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ เพิ่มพูนการเสียสละเป็นปลายเปิด ที่อาตมาใช้คำนี้เป็นคำสุดท้าย คือคนเราจบแล้วไม่มีอะไร มีแต่จะเสียสละ เสียสละได้ยิ่งๆขึ้นไป คนที่ไม่มีอะไรเป็นของตนแล้ว มีแต่กรรมเท่านั้นเป็นตัวเสียสละ กรรมกิริยา ทำให้แก่คนอื่น ก็เป็นสุดยอดแล้วในความเป็นมนุษย์ เป็นสุดยอด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 17:23:49 )
รายละเอียด
ก็“จบ”กันตรงที่ว่า “ความเห็นของคุณ”กับ“ความเห็นของข้าพเจ้า”ต่างก็ยืนยัน“ความเห็นของตนๆ”ไปคนละอย่างเด็ดขาด ก็สุดๆ กันแล้วในความเป็น“อิสระเสรีภาพ” เพราะมันต่างคนก็ต่าง“เห็น(ทิฏฐิ)” ต่างคนก็ต่าง“ยึดถือ(อุปาทิยติ)”ของตนๆกันแล้วนี่!จะไป“บังคับใจ”ของคนอื่น ให้มาเป็นอย่างเรากะไรได้
“นานาสังวาส”จึงเป็นหลักสำคัญยิ่งใหญ่ของธรรมวินัยข้อสุดท้ายที่พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ให้มนุษย์ใช้“ปลดปล่อยอิสระเสรีภาพ”แก่ตนและแก่บุคคลอื่นอื่นสูงสุดแล้ว
หลักธรรมวินัย“นานาสังวาส”นี้จึงเป็นความตรัสรู้ที่ยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้าแท้ๆ ไม่มีใครใดสามารถมี“ความรู้”ถึงจุดสุดยอดที่จะ“ปลดปล่อยอิสระเสรีภาพ”ให้แก่ตนและแก่บุคคลอื่นสูงสุดได้ชนิดที่“สุดแห่งที่สุดในความเป็นอิสระเสรีภาพ”จริงๆ กันปานฉะนี้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 411 หน้า 298
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:32:32 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:24:07 )
รายละเอียด
แล้วในจิตเจตสิกต่างๆ ตัวสำคัญที่สุดที่จะต้องรู้ก็คืออาการความเป็นตัณหา หรืออุปาทาน อาการของอุปาทานมันก็รู้ยาก เพราะมันเป็นตัวตั้ง ส่วนตัณหามันเป็นตัวเคลื่อน เป็นอาการของกิเลสที่มันเคลื่อน เป็น Dynamic อุปาทานเป็นกิเลส Static รู้ยากกว่า พอมีอาการเคลื่อนก็รู้ง่ายกว่า
เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้ตัณหา ตัณหาจะเกิดได้ในเวทนา พระพุทธเจ้าก็สอนเจาะเข้าไปที่เวทนา ให้เรียนรู้เวทนา โดยโพธิปักขิยธรรม 37 เป็นโลกุตระธรรม 37 พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดว่าโลกุตรธรรมมี 37
อยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 31 ข้อ 620 โลกุตรธรรม 46 ท่านก็ตรัสไว้ชัด ว่าจะต้องมาเรียนรู้ โลกุตระข้อแรกคือกาย กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 20:08:30 )
รายละเอียด
ขอแทรกตรงนี้นิดนึง ไม่ใช่ว่าอาตมาทำ แต่มันเป็นมาแต่ปางบรรพ์ บอร์นทูบีเป็นข้ามชาติมาแล้ว ในชีวิตของอาตมาตั้งแต่เด็กจนโตจนถึงป่านนี้ อาตมายังนึกไม่ออกเลยว่าอาตมามีความเครียด เคยมีความเครียดและก็ยังไม่รู้จักว่าความเครียดคืออะไร จนพยายามมาทำความเข้าใจตอนหลังนี้ว่า ความเครียดมันเป็นอย่างนี้เหรอ ก็พยายามทำความเข้าใจว่าความเครียดที่เขาหมายถึงมันมีอาการอย่างนี้ของจิตของอารมณ์ของความเป็นตัวเรา ความเครียดเป็นอารมณ์เป็นเวทนาอย่างนี้หรือ อาตมาก็พยายามทบทวนความจริงในชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตมาถึงอายุป่านนี้ อาตมาไม่เคยมีอาการเครียดอย่างนั้นในจิตเลยตั้งแต่ยังไม่ปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไป จนกระทั่งปฏิบัติธรรมแล้วจึงได้มาสงสัยว่าอาการเครียดมันจริงๆ คืออย่างไรเขาเป็นอย่างไร แล้วก็พยายามทำความเข้าใจกับที่เขาเป็นที่เขาแสดง อาตมาก็พอมีปฏิภาณปัญญา พอที่จะเข้าใจทั้งๆ ที่เราไม่เคยเป็นอาการอย่างนี้ หยาบกลาง ละเอียดของความเครียด มันเป็นอย่างนี้ ก็ตรวจสอบตัวเองว่าไม่เคยมีตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:09:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 08:43:58 )
รายละเอียด
อันนี้ อาตมาไม่ได้คิดนะ ไม่ได้คิดไม่ได้นึก ก็พอเข้าใจตัวเองอยู่บ้างว่า มันก็ตอบยังไม่ได้เหมือนกันนะ ว่า ที่จริงมันน่าจะตอบได้คือ กลียุค ยุคนี้มันอีกไม่นาน อีก 2,500 ปี อาตมารับผิดชอบ 2,500 ปีนี้ เพราะฉะนั้นจะไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ต่อจากนี้ เพราะฉะนั้นอาตมารับผิดชอบอีก 2,500 ปี แล้วอาตมาก็จะทำต่อไป
ช่วง 2,500 ปีนี้เป็นหน้าที่ที่อาตมารับผิดชอบ แต่ที่สู่แดนธรรมถามว่า อาตมาจะต้องไปรับใช้พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปไหม อาตมาไม่ได้คิด ไม่ได้กังวล ไม่ได้วางแผน
ถ้าอาตมาจะมีบารมีไม่พอ อาตมาก็ยังไม่ได้ประเมินตนเอง เพราะอาตมายังไม่ได้เป็นแม้แต่มหาโพธิสัตว์ แต่คุณตะกละก้าวหน้า ใช้คำนี้ อาตมาไม่ได้คิดตะกละก้าวหน้าอย่างคุณ เพราะฉะนั้นอาตมายังไม่ได้คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ยังไม่ได้คิดเลย เพราะฉะนั้นมันยังไม่ได้ข้ามขั้นอย่างนั้น สำนึกแต่หน้าที่ของตนเองเท่านั้น
(ภาพที่ขึ้นบนจอ)
อันนี้เป็น Pattern ที่อาตมาทำไว้นานแล้ว โลโก้ของบริษัทเดินหน้าฝ่ามหาสมุทร
อาตมาจะรับผิดชอบ 2,500 ปีก็คือปลายแหลมของเวลานี้ ระยะเวลา 2,500 ปี ตอนนี้อาตมาทำงานมา อายุ 36 อายุ 72 ทางด้านซ้าย(ของเส้นกราฟ) อายุ 108 144 ถึง 151 อาตมาทำ peak ให้ถึงขั้น นี้เป็นไปตามภาพสามเหลี่ยมนะ ถ้าเป็นไปถึงสุดยอด ไปถึง 151 ปี ถ้าอาตมาทำคุณธรรมไม่ถึงพีคถึงขั้นประมาณ 151 ปี เช่น อาตมาตายก่อน 151 ปี อาตมาก็คงจะต้องมาเกิดอีก มาต่อภพภูมิเพื่อจะต่อให้มีพลังของคุณธรรมโลกุตระนี้ มันมีน้ำมีเนื้อของโลกุตระมากพอที่จะไปชะลอให้สังคมโลก มนุษย์โลกยาวยืน ให้ธรรมะของพระพุทธเจ้าในพุทธกัปของพระสมณโคดมนี้ยืนยาวไปครบ 5,000 ปี ก็เหลืออีก 2,500 ปี ไม่ถึงด้วย เหลือ 2,400 กว่าปี อาตมาก็รับผิดชอบอันนี้ จะต้องเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก
ถ้าอาตมาทำได้พอหรืออาตมามีอายุถึง 151 ปีได้ นี่ก็คงจะไม่ถึงอยู่แล้ว แต่อาตมาก็ต้องเร่งทำคุณทำเนื้อ ไม่ใช่ทำเวลา เวลา 151 ปีนี้ขันธ์อาตมาคงไม่ถึงแน่ เพราะฉะนั้น 108 ปีนี้จะถึงหรือเปล่าไม่รู้ อาตมาก็ต้องเร่งเนื้อ ไม่ใช่ไปเร่งกาละ เพราะกาละมันชัดแล้วว่าอาตมาขันธ์ไม่ถึงแน่
แต่อันนี้ก็ตลก ตอนนี้กล้ามเนื้อมันเต่งตึงขึ้นเพิ่มขึ้นมาได้ อาตมาก็เลยเหลือแต่ว่าจิตวิญญาณ เคยพูดไปแล้วว่าเหลือแต่จิตวิญญาณ แล้วทำไมขันธ์สรีระมันดีขึ้น มันหนุ่มขึ้นได้ แล้วทำไมจิตของอาตมาจะไม่หนุ่มขึ้นได้อีกล่ะ อาตมาก็เลยฟิตขึ้นมาหน่อย เอาละวะ ก็ในตัวอาตมาเองใช่ไหม อาตมาก็จะต้องเอารูปกับนามนี้ ก็รูปมันได้ ทำไมนามมันจะไม่ได้ล่ะ อาตมาจะโง่ยังไง อาตมาว่าไม่โง่ ก็ลองดู
เพราะฉะนั้นก็ดูกันไป ถ้าเผื่อว่าอาตมาทำนามธรรมนี้เพื่อที่จะตามรูปที่มันนำหน้าก่อน รูปนี้มันจะง่ายกว่า รูปนี้มันจะปรากฏก่อน นามมันละเอียด มันจะเห็นยาก มันจะรู้ได้ยาก
เพราะฉะนั้นเบื้องต้นผู้รู้ รู้รูปธรรมนี้ หยาบมันต้องมาก่อน ไอ้ละเอียดจะต้องตามมาทีหลัง ก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของสัจจะ ก็ค่อยๆตามดูกันมา ถ้าอาตมาทำนามธรรม ทำวิญญาณ ทำธรรมธาตุ หรือนาม ตามอันนี้ได้(พ่อครูแสดงท่าบอก ผ่านได้) แต่อย่าไปคิดหวังนะ อาตมาพูดอย่างนี้ จะบอกว่า โอ้! พ่อท่านยังไม่ตาย เราก็เลยชะลอ ไม่เป็นอะไรหรอก พ่อท่านยังไม่ตาย เราไม่ต้องไปรีบอุตสาหะเร็วไวอะไร อย่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ให้ขวนขวาย อย่าประมาท พยายามพากเพียรขึ้นไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:56:19 )
รายละเอียด
อาตมาเองอาตมา จริงๆแล้วนี่ อาตมาเกิดมาในชาตินี้ตอนแรกก็ไม่รู้ตัวละเอียดลอออะไรมากมายหรอก ก็ค่อยๆรู้ตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ก็รู้ตัวว่าเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วก็มาทำงานจนกระทั่งฟื้นสัญญาเก่า ภพเก่า ความรู้เก่า สัมภารวิบากเก่า เอามาสาธยาย สิ่งที่ศาสนาใดที่พูดไปแล้วมันก็ไม่มีใครมี เพราะยังไม่มีโพธิสัตว์โดยเฉพาะโพธิสัตว์ระดับ 7 ยังไม่มี
ก็เลยยังไม่มีใครที่จะอธิบายขยายความอย่างนี้ ยังดีที่มีโพธิสัตว์ระดับ 6 อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ ท่านก็ทรงงานของท่านไป ทรงงานตามสัมภาระ วิบากของท่าน เสร็จแล้วก็มีผลเป็นการสร้างรูปให้แก่อาตมาได้ ได้เข้าไป แต่อาตมาก็เป็นอาภัพพบุคคล เป็นบุคคลอาภัพชาตินี้ เป็นภาษาไทยเข้าใจคำว่าอาภัพ เป็นอาภัพบุคคล คือเป็นบุคคลที่ ตกต่ำ เป็นคนที่คนไม่ค่อยยอมรับนับถือง่ายๆ เป็นคนอาภัพ เป็นหมากลางตลาด ต้องคอยหลบปังตอ ต้องหลบน้ำร้อน หลบแรงถีบของเจ้าของร้านนั้นร้านนี้ ก็เป็นอย่างนั้น
เกิดมาในชาตินี้อาตมาที่เป็นเช่นนั้น ไม่มีอลังการ ไม่มีความรู้ ไม่มีใครยอมรับ ไม่มีสำนักไม่มีครูบาอาจารย์ ไม่มีอะไรนี่ มีแต่ตัวล่อนจ้อน ไม่มีอลังการอะไร นักธรรมตรีก็ไม่ได้สอบได้เปรียญ 2 3 ไม่มีทั้งนั้น แม้แต่ความรู้ทางโลก ปริญญาตรี ก็ไม่ได้กับเขา ได้แค่ ปวส. ยังดีไม่ใช่ได้แค่ ปวช. ไม่มีปัญหา ความรู้ทางธรรมไม่ได้เทียบกับทางโลก
อาตมาจึงยืนยัน จำเป็นที่จะต้องสาธยาย ให้ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญามีบารมีรับฟังรับรู้ แล้วมาเอา มาปฏิบัติตามจนมีมรรคมีผลขึ้นมา แล้วก็สามารถเกิดมนุษยชาติ จับกลุ่มกันเป็นชุมชนสังคมขึ้นมา เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 ก็ยืนยัน ก็พิสูจน์กับชาวโลกเขายืนยันตั้งแต่เรียนอยู่เพาะช่าง มีเพื่อนร่วมรุ่น ปวช.ด้วย อาตมาเรียนวิจิตรศิลป์ ไม่ได้เรียน ปม. อาตมาอยู่หลังสุด(ตามภาพ) อาตมาว่าอาตมายิ้มเท่กว่าใครอยู่นะ เป็นสัญลักษณ์ของตัวเอง
ก็เอาละ อันนั้นก็คือสิ่งที่ผ่านมา แต่ธรรมะนี่สิ มันเป็นของตัวของตนเองแท้ๆ อาตมาก็ขอยืนยันว่ามันเป็นโลกุตรธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2565 ( 09:20:07 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 11:00:43 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:52 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:17:13 )
รายละเอียด
ในทิฏฐิ 62 พรหมชาลสูตร มีทิฏฐธรรมนิพพาน วาทะ 5 นั้นพระพุทธองค์ว่า มีสภาพบางอย่างที่เป็นปัจจุบัน
1) อัตตาที่อิ่มเอิบในกาม
2) ฌาน 1
3) ฌาน 2
4) ฌาน 3
5) ฌาน 4
ทั้ง 5 ข้อเป็นพวกปรารภขันธ์ในอดีต
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 16:08:15 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:48 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:17:34 )
รายละเอียด
ใน“ทิฏฐิ”ทั้งมวล มี“อดีต 18-อนาคต 44” ซึ่งใน“อนาคต 44”นี้มี“ปัจจุบัน 5” ซึ่งคนผู้“มิจฉาทิฏฐิ”เขาหลงยึดว่า “กาม”กับ“ฌาน 1,2,3,4”เป็น“นิพพาน”ใน“อนาคต ”นั้นด้วย แต่ผู้“มิจฉาทิฏฐิ”ไม่สามารถรู้ความซ่อนซ้อนใน“อนาคต”นี้ ซึ่งมีความเป็น“ปัจจุบันในภวังค์”ที่ยึดถือกันอยู่ด้วย ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ประมวลมาไว้ให้เราศึกษา มีทั้งที่ไปที่มาพร้อมคือ กำหนดจาก“ขันธ์อดีตหรือขันธ์อนาคต”นั่นเอง ตรวจสอบทบทวนใน“พรหมชาลสูตร”กันดูดีๆเถิด (พระไตรปิฎก เล่ม 9 สูตรที่ 1)
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 425 ข้อที่ 578
เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2565 ( 14:12:28 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้ามีคำสอนให้พิสูจน์ได้ด้วย“กาย”นี่เอง ดังที่ทรงยืนยันไว้ใน“อาหาร 4”ข้อที่ 4 ว่า พึงเรียนรู้โดยการกำหนดรู้“วิญญาณ”ได้ด้วย“นาม-รูป”จาก“วิญญาณาหาร”อันมีองค์ประกอบ“4”ได้แก่ กวลิงการาหาร-ผัสสาหาร-มโนสัญเจตนาหาร-วิญญาณาหาร”นี้แลเป็นต้น(พระไตรปิฎฎก เล่ม 16 ข้อ 244) ซึ่งทรงอธิบายและยกอุทาหรณ์ลึกซึ้งชัดแจ้งยิ่ง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 328 หน้า 246
เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:11:34 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น ในธรรมะพวกนี้จะสัมพันธ์ไปหมดเลย อธิบายกันและกันเชื่อมโยงกันไปอย่างที่อาตมาอธิบาย อาตมาไม่ได้เป็นนักศึกษาในชาตินี้ ไม่ได้เรียนรู้อภิธรรม อภิธรรมเขาท่องกันเก่ง แต่อาตมามีสภาวะจริงเอามาพูดเป็นลำดับๆ ให้เอาไปปฏิบัติได้เป็นขั้นเป็นตอน
ขอยืนยันอย่างหนึ่งว่า อาตมาพูดเหล่านี้มั่นใจว่า เป็นความถูกต้องทั้งนั้น เป็นความจริงทั้งนั้น ไม่ได้พูดความผิด ไม่ได้พูดสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง เพราะมันเป็นบาป อาตมาไม่ทำ ไม่ทำเด็ดขาด เพราะทำแล้วกรรมเป็นอันทำ อาตมาจะไปทำทำไมเพราะมันผิดเป็นบาป ยิ่งจะไปมดเท็จไปโกหก มันยิ่งไกลที่อาตมาจะต้องทำ อาตมาไกลในเรื่องโกหกในเรื่องที่ไม่จริง ไกลมากแล้วในชีวิต ซึ่งรู้ความจริงอันนี้ก็จะไม่ทำ ถูกต้อง คนอื่นจะรู้จักชาวอโศกได้ต้องรู้จักพวกเรานี่แหละ จริงถูกต้อง ถูกต้องแล้ว คุณคิดอย่างที่คุณพูดเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 12:52:09 )
รายละเอียด
นี่อาตมาไม่ได้โมเมไม่ได้เอาแพะมาชนแกะ บรรยายธรรมะนะ แต่เป็นจริงๆเลย การหลับตาปฏิบัตินี้เหมือนโจรปล้นศาสนา เอาเดียรถีย์มาใส่ อาตมาธิบายอยู่ในปัญญา 8 ขยายความว่า พวกนี้เหมือนพญานาค ที่นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น ดับมืดบอด รู้อย่างเดียวว่า ในโลกนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเท่านี้ สั้นนิดเดียวรู้แค่นี้ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยในศาสนาพุทธ เป็นเดียรถีย์หมด 100% เหมือนพญานาคนอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นอยู่ที่ใต้ก้นมหาสมุทร แล้วก็เฝ้ากองถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ตรัสรู้แล้วก็ลอยถาดมา
กริ๊ก ได้ยินเท่านี้รู้เท่านี้ในความรู้ ว่าพระพุทธเจ้าเกิดแล้วนะ พอรู้แล้วก็ดับมืดอยู่ต่อไปอีกจนกว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติอีกองค์หนึ่ง แล้วมีลอยถาดไปอีก 1 กริ๊ก โอ้.. พระพุทธเจ้าเกิดอีก 1 องค์หรือ ว่าแล้วก็หลับต่อไปอีก ไม่รู้ไม่ชี้ ดูเถอะตำนานพระพุทธเจ้าที่บรรยายเอาไว้นี้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆเลยพญานาค คืองู ที่เอาแต่นอนเอือกแล้วหลับ เป็นงูชนิดที่ต้องเรียกว่าพญางู คนก็มาใส่หงอน ใส่ลายกนกให้เป็นงู ครบเครื่องพญาใหญ่เลย เป็นงูที่โง่เง่า เป็นยอดงู ยอดพญางู ที่นอนเอาแต่นอน เอาแต่หลับเอาแต่นอน หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นแล้วแถมอยู่ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทรอีก แล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แต่ว่าพระพุทธเจ้าเกิดเท่านั้น มีความรู้เท่านี้ แล้วพระพุทธเจ้ามีอย่างไร สอนอะไรอย่างไร ไม่รู้
โพธิรักษ์พูดไปเถอะ แต่จะมีคนพอเห็นบ้างได้บ้างไปเรื่อยๆ ไม่เปล่าดาย ไม่สูญเปล่าอาตมาพูดไปบรรยายไปจะค่อยๆ เข้าใจ แต่มันยาก เป็นพญานาคกว่าจะตื่น ว่ามันหมายความอย่างนี้หรืออย่างที่โพธิรักษ์พูดนี้หรือ เหรอ ดีใจจัง ใครที่เข้าใจที่อาตมาพูด ถ้ายิ่งเข้าใจแล้วเลิกเลย รู้ว่าเราเป็นพญานาคงมงายมานานขนาดนี้เชียวหรือ ตายๆๆๆ เราโง่ขนาดนี้เชียวหรือ
พระพุทธเจ้าถึงให้เรียนรู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจากตาหูจมูกลิ้นกายนี่แหละมีกิเลสเกิด ถ้าไม่รู้กิเลสอย่างนี้ ลืมตาชัดๆ ตาคุณก็กระทบรูป หูก็กระทบเสียง กินอาหารอยู่ทุกวัน
มหาบัวพยายามตีกิน ลวงคนอื่นว่าไม่ได้ติดอาหาร อย่าว่าแต่อาหารเลย ขนาดรสของหมากพลูก็ยังติดขนาดนี้ แล้วรสอาหารจะไปเหลืออะไร แล้วก็ไม่รู้อะไรนึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์แค่นี้ก็ยังรู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะไปเรียนรู้เรื่องผัสสะก็ไม่เอาไปนั่งหลับตาเสีย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2565 ( 13:06:20 )
รายละเอียด
นี่อาตมาไม่ได้โมเมไม่ได้เอาแพะมาชนแกะ บรรยายธรรมะนะ แต่เป็นจริงๆเลย การหลับตาปฏิบัตินี้เหมือนโจรปล้นศาสนา เอาเดียรถีย์มาใส่ อาตมาธิบายอยู่ในปัญญา 8 ขยายความว่า พวกนี้เหมือนพญานาค ที่นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น ดับมืดบอด รู้อย่างเดียวว่า ในโลกนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเท่านี้ สั้นนิดเดียวรู้แค่นี้ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยในศาสนาพุทธ เป็นเดียรถีย์หมด 100% เหมือนพญานาคนอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นอยู่ที่ใต้ก้นมหาสมุทร แล้วก็เฝ้ากองถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ตรัสรู้แล้วก็ลอยถาดมา กริ๊ก ได้ยินเท่านี้รู้เท่านี้ในความรู้ ว่าพระพุทธเจ้าเกิดแล้วนะ พอรู้แล้วก็ดับมืดอยู่ต่อไปอีกจนกว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติอีกองค์หนึ่ง แล้วมีลอยถาดไปอีก 1 กริ๊ก โอ้.. พระพุทธเจ้าเกิดอีก 1 องค์หรือ ว่าแล้วก็หลับต่อไปอีก ไม่รู้ไม่ชี้ ดูเถอะตำนานพระพุทธเจ้าที่บรรยายเอาไว้นี้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เลยพญานาค คืองู ที่เอาแต่นอนเอือกแล้วหลับ เป็นงูชนิดที่ต้องเรียกว่าพญางู คนก็มาใส่หงอน ใส่ลายกนกให้เป็นงู ครบเครื่องพญาใหญ่เลย เป็นงูที่โง่เง่า เป็นยอดงู ยอดพญางู ที่นอนเอาแต่นอน เอาแต่หลับเอาแต่นอน หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นแล้วแถมอยู่ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทรอีก แล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แต่ว่าพระพุทธเจ้าเกิดเท่านั้น มีความรู้เท่านี้ แล้วพระพุทธเจ้ามีอย่างไร สอนอะไรอย่างไร ไม่รู้
โพธิรักษ์พูดไปเถอะ แต่จะมีคนพอเห็นบ้างได้บ้างไปเรื่อยๆ ไม่เปล่าดาย ไม่สูญเปล่าอาตมาพูดไปบรรยายไปจะค่อยๆ เข้าใจ แต่มันยาก เป็นพญานาคกว่าจะตื่น ว่ามันหมายความอย่างนี้หรืออย่างที่โพธิรักษ์พูดนี้หรือ เหรอ ดีใจจัง ใครที่เข้าใจที่อาตมาพูด ถ้ายิ่งเข้าใจแล้วเลิกเลย รู้ว่าเราเป็นพญานาคงมงายมานานขนาดนี้เชียวหรือ ตายๆๆๆ เราโง่ขนาดนี้เชียวหรือ
พระพุทธเจ้าถึงให้เรียนรู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจากตาหูจมูกลิ้นกายนี่แหละมีกิเลสเกิด ถ้าไม่รู้กิเลสอย่างนี้ ลืมตาชัดๆ ตาคุณก็กระทบรูป หูก็กระทบเสียง กินอาหารอยู่ทุกวัน มหาบัวพยายามตีกิน ลวงคนอื่นว่าไม่ได้ติดอาหาร อย่าว่าแต่อาหารเลย ขนาดรสของหมากพลูก็ยังติดขนาดนี้ แล้วรสอาหารจะไปเหลืออะไร แล้วก็ไม่รู้อะไรนึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์แค่นี้ก็ยังรู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะไปเรียนรู้เรื่องผัสสะก็ไม่เอาไปนั่งหลับตาเสีย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2565 ( 09:39:43 )
รายละเอียด
การเข้าไปสอบถาม สอบถามเป็นครั้งคราวนะ อย่างไปทำจุกจิก จู้จี้นะ ท่านละเอียดจริงๆพระพุทธเจ้า อาตมากำลังอธิบาย แม้คุณไม่ได้ถามเลย คุณมานั่งหน้าสลอน ตาตั้งอย่างนี้ ก็คือถามแล้ว จะชิงถามทันทีก็ไม่ได้ อาตมาก็อธิบายไปรวม ๆ อธิบายทีละคนไม่ไหว พวกเรานี้ ไปอยู่กับธรรมะตลอด แม้จะพูด จะเล่น ก็อยู่กับธรรมะตลอด สังเกตไหม อาจจะมาทำอย่างนั้น ไม่มีตกหล่นหรอก มากน้อยก็แล้วแต่
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:28:35 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:33 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:18:17 )
รายละเอียด
อาตมาเกิดมาในปางนี้โพธิสัตว์ระดับ 7 มันต้องไม่มีคนช่วย อาตมาเกิดมาต้องไม่มีตัวช่วย ผู้ที่จะช่วยได้ถ้าช่วย เช่นเอาง่ายๆ
ในหลวง ร.9 เป็นโพธิสัตว์เกิดมาในยุคนี้เป็นธรรมิกราช อาตมาก็เป็นธรรมิกราช ในหลวงรู้อาตมาแต่ช่วยไม่ได้ แสดงออกไม่ได้ แสดงออกพังเลย ศาสนาพุทธพัง ถ้าในหลวงแสดงออกพังเลย มีคนถามเข้ามาอาตมายังไม่อยากพูดแต่ตอนนี้พูดไปแล้วล่ะ
เขาบอกว่าแน่จริงทำไมในหลวงไม่เสด็จมาหาโพธิรักษ์เลย ท่านไปหาแต่พระที่โพธิรักษ์ด่านั่นแหละ
แต่เขาไม่รู้อจินไตย ในหลวงแสดงออกไม่ได้ เพราะท่านรู้สมมติสัจจะ รู้จัก status quo ของมนุษยชาติ ยุคนี้กาละนี้ต้องแสดงออกอย่างไร
เรื่องลึกซึ้งพวกนี้พูดไปต่อก็จะไม่ดี พอแล้ว พูดแค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้ หลายคนก็หาว่าอาตมาอ้างอิงยกตนเทียบท่าน หาว่าตัวเองเป็นธรรมมิกราชอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งอาตมาก็พูดไม่รู้กี่ทีแล้วว่าอาตมาจะไม่พูดเรื่องไม่จริง อาตมาพูดอะไรก็เป็นแต่ความจริงทั้งนั้นไม่มีอะไรที่ไม่จริง แต่คนไม่รู้ความจริงที่อาตมาพูดเท่านั้น ฟังแล้วเขาก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ว่าทำเป็นคุยโม้ แต่แท้จริงทุกอย่างไม่มีอะไรที่อาตมาพูดแล้วไม่จริง
อาตมาโดยเฉพาะพูดเรื่องธรรมะเรื่องศาสนาเรื่องโลกุตรธรรมเรื่องการแสดงธรรม ไม่มีอะไรที่พูดไม่จริง ไม่มี มีแต่จริงทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:50:23 )
รายละเอียด
ยกตัวอย่าง เปิดพจนานุกรมบาลีไทยเลย กายะ คือ กอง ไม่ใช่เดียวนะ คือกอง ฝูง คือหมู่ คือ องค์ประชุม แล้ว กายคืออะไร คือหมวดแห่งเจตสิกธรรม คือได้แก่ เวทนา สัญญา และสังขาร
เวทนา สัญญา สังขาร นี่แหละคือ กาย นี่เปิดพจนานุกรมอธิบายแล้วนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 20:43:37 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:23:15 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:30 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:19:25 )
รายละเอียด
ส่วนอาตมาเกิดพ.ศ. 2477 ในช่วงอายุที่ยังไม่ถึงพศ.2513 ตั้งแต่ พุทธศาสนา 2,500 ปี อาตมาก็เริ่มเข้าหาศาสนาเข้ามาศึกษาบำเพ็ญอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งรู้ตัว นี่เป็นไปตามชะตาของคน ตั้งแต่ไม่รู้ตัวจนกระทั่งถึงรู้ตัว รู้ตัวก็ประมาณครึ่งหนึ่งของศาสนาพุทธ 2500 ถึง 2513 ครึ่งหนึ่งก็ประมาณพ.ศ. 2506 - 2509 อาตมาก็รู้สึกตัวว่าต้องบำเพ็ญต่อ
ก็ค่อยๆเป็น เป็นจนถึงพ.ศ 2512 ก็สำแดงเดชเลย ยังไม่ถึง ปี12 อาตมาก็เริ่มต้นเปิดคอลัมน์ตอบปัญหาธรรมะในคอลัมน์หนังสือธรรมะ หนังสือธรรมะของอาตมาเล่มแรกก็คือการรวมตอบปัญหาธรรมะ ก็ยังมีหลักฐานเหลืออยู่ จนกระทั่งตัวเองเขียนหนังสือธรรมะจริงๆพอรู้ตัวได้ดีก็เขียน เล่มแรกก็คือ “คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก” เขียนแล้ว พ.ศ. 2511 ก็เปิดเผยด้วยการลงพิมพ์ในหนังสือสตรีสาร รายสัปดาห์ ก่อนเพื่อน จนจบ แล้วจึงมารวมเล่ม แจก พ.ศ. 2512 แจกแหลกเลย
จนพ.ศ. 2513 อาตมาก็ลาจากทางโลกมาหมดเลย เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม เขียนใบลาออก เจ้านายก็ยับยั้งไว้ จนกระทั่งสุดท้ายก็อยู่ไม่ได้แล้วอย่างไรก็จะต้องไป เขาก็เห็นว่าเราปฏิบัติธรรมเอาจริงเอาจัง ก็ต้องยอม ออกมาได้ก็ลาออก
ลาออกมาตอนแรกอาตมามีมานะอัตตาอย่างหนึ่ง มันมองไม่เห็นความจริงว่าใครจะมีโลกุตรธรรม แล้วก็อยู่กันอย่างสังคมพุทธที่เหลวเละ ก็ไม่คิดจะไปร่วมกับเขาเลย จึงคิดว่า ไปอยู่คนเดียวทำงานคนเดียว ตอนนั้นก็ กับคุณชวนไชย เตชศรีสุธี อาตมาก็ไม่เอาทางโลกแล้ว ก็คิดจะไปหาที่อยู่มีที่สัก 2 ไร่แล้วก็สร้างกระต๊อบอยู่ อยู่แค่นี้ ใครมาหาก็บอกใครไม่มาก็แล้วไป อยู่อย่างสงบๆ
พยายามตะลอนๆหาที่ 2 ไร่ไม่ได้ มีแม่ครัว คือแม่พวงอยู่ด้วย แม่พวงก็พูดเปรยกับแม่ค้าตอนไปตลาดว่า คุณผู้ชายอยากได้ที่สัก 2 ไร่ เพื่อที่จะบำเพ็ญธรรม ก็มีแม่ค้าคนหนึ่งว่า จะไปซื้อทำไมก็ให้ไปอยู่ที่วัดอโศการามสิ นี่ เป็นเหตุปัจจัยอจินไตยจะต้องชักนำให้อาตมาต้องไปอยู่ที่วัดอโศการาม แม้ค้าคนนั้นก็บอกแม่พวง ว่า น่าไปปลูกกุฏิอยู่ที่วัดอโศการามออกไปทางชายทะเลมีที่เยอะแยะไป ใครเขาก็ไปปลูกกุฏิอยู่ มาบอกอาตมา อาตมาก็เลยไปดูก็ดูเข้าท่า
ก็เลย ไปสร้างกุฏิหลังที่เห็นนี่แหละ มีแม่พวงว่า อยากออกไปด้วยก็เลยต้องสร้างอีก 1 หลัง คอยดูแลอุปัฏฐากก็ดี ก็ออกมาด้วย ออกมารองเท้าไม่ใส่ นุ่งกางเกงขาสั้นทั้งที่เป็นดารานะ ไม่มีใครไม่รู้จักอาตมา อาตมาออกโทรทัศน์มากกว่าใครเพื่อน เพราะอาตมาทำรายการหลากหลายตั้งแต่รายการเด็ก รายการสารคดี รายการละ 30 นาที อาตมาเหมารายการมากกว่าเพื่อนจึงมีรายได้มาก แม้จะเป็นรายการเล็กๆแต่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านได้เยอะ คนก็ต้องรู้จักเพราะมีโทรทัศน์อยู่ช่องเดียว ต่อมาก็มีเพิ่มอีกหลายช่อง วิวัฒนาการมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:11:24 )
รายละเอียด
มาสับสนตรงคำว่าตรัสรู้ พระพุทธเจ้า คนก็บอกว่าตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 จริงๆพระพุทธเจ้าก็ทรงรู้พระองค์เอง ว่า อ้อ ตถาคต ก็บรรลุเป็นพระพุทธเจ้านะ มีพระสัพพัญญุตญาณมาแล้ว ตั้งแต่ปางก่อน
พระพุทธเจ้าองค์สมณโคดมนี้ ท่านเองท่านอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็มีพราหมณ์ มีผู้รู้ มีคนทำนายว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า มีโกณฑัญญะทำนายคติเดียวว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนอาจารย์อื่นๆ อีกหลายคน ก็ทำนาย 2 คติ ถ้าอยู่เป็นฆราวาสจะได้เป็นจอมจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลก แต่ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่โกณฑัญญะทำนายคติเดียว
เมื่อพระพุทธเจ้า 29 ปีก็ออกมาจากวัง ทิ้งพระราหุลพระโอรส อุบัติขึ้นมาก็ทิ้งเลย ชวนนายฉันนะเข้าป่า ในยุคนั้นยังนิยมกันแบบเดียรถีย์ เพราะว่าศาสนาพุทธยังไม่เกิดมีแต่พราหมณ์ เป็นมิจฉาทิฐิกันหมดแล้ว ความรู้เพี้ยนเป็นมิจฉาทิฏฐิไปหมดแล้ว พราหมณ์ กับพุทธ ก็คือผู้ที่เรียนรู้จรณะ 15 วิชชา 8 ก็สลับกันไปสลับกันมา กัปนี้เรียกว่า พุทธ อีกกัปเรียกว่า พราหมณ์ ซึ่งกัปที่พระพุทธเจ้าอุบัติ ไม่มีศาสนาพุทธมีแต่ศาสนาพราหมณ์ แต่ในพระคัมภีร์ไตรเภท ก็คือไตรสิกขา ก็คือ ความรู้หรือการศึกษา 3 อย่าง ก็คือ จรณะ 15 วิชชา 8 ถ้าอ่าน อัมพัฏฐสูตร ไล่เรียงก็จะเข้าใจ แต่วันนี้ไม่อ่านเพราะเวลาไม่พอ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:38:04 )
รายละเอียด
ในยุคนี้ อาตมาทำได้เท่านี้ อาตมาก็คิดว่าได้กำไรเยอะแยะแล้ว อาตมาว่าไม่ได้ขาดทุนอะไรเลย แม้ว่าอาตมาจะแพ้ๆๆๆ ยังไม่ชนะเลยก็ตาม แต่อาตมาก็ยังเห็นว่าอาตมามีอัตราการก้าวหน้ารายทาง เท่าที่อาตมาทำงานมา 50 กว่าปีมีการก้าวหน้ารายทางอยู่ ทั้งที่สังขารร่างกายทุกวันนี้ควรตายได้แล้ว ก็มันย่ำแย่แล้ว มันเกินอายุขัยของอาตมา ผ่านมาตั้ง 1 นักษัตรแล้ว จะพยายามลากให้ไปถึงนักษัตรที่ 2 ถ้าหากอายุ 96 เมื่อไรก็เข้านักษัตรที่ 2 ก็ลากขันธ์อยู่นี่ ตามพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าด้วยว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้กับพระอานนท์ว่า ตถาคตจะอายุถึง 1 กัปป์เหลือเกินกว่ากัปป์ไปอีกก็ทำได้อานนท์ อาตมาก็พิสูจน์เรื่องนี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัส แล้วก็เห็นว่ามันเป็นไปได้จริง
อาตมาคิดว่าจะอยู่ถึง 96 แม้ตอนนี้ก็กำลังจะ 90 แล้ว ยังแข็งแรงทุกวันนี้ แม้จะรู้สึกว่าสรีระส่วนรวม มันแย่ มันจะไม่ให้หายใจ ไม่หายใจมันก็ตาย เชื้อโรคไม่ต้องมากหรอก ถ้ามันไม่ให้หายใจก็ตายแล้วคนเรา ภายในเวลาไม่กี่นาทีก็ตายแล้ว ก็อาจจะเป็นโรคอย่างนั้น โรคที่จะไม่ให้หายใจทุกวันนี้ แต่ก็พยายามที่จะแก้ไข แต่มันสุดวิสัยที่จะแก้ไข ก็พยายามไป
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:52:43 )
รายละเอียด
ผู้เป็นสัตบุรุษก็ต้องเป็นไก่ตัวพี่ในศาสนาพุทธยุคนี้ เพราะจะไม่มีไก่ตัวไหนใหญ่กว่าไก่ตัวนี้ พระเจ้าตรัสว่าพระองค์เป็นไก่ตัวพี่ในศาสนาพุทธ เป็นไก่ตัวพี่ถึงขนาดเป็นพระพุทธเจ้าด้วย จะมีพระพุทธเจ้าองค์ก่อนซ้อนอยู่ไหม..ก็ไม่มี แม้ในกาละอันใกล้ ก็ไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:10:00 )
รายละเอียด
เป็นโอปะนะยิโก เป็นของสูง ที่ควรได้แล้ว ก็ได้มาแล้วและเป็นปัจจุบันแล้วโอปะนะยิโก เป็นอกาลิโก ในยุคนี้ก็มีพระอรหันต์ อกาลิโก คนที่ไม่เชื่อว่ายุคนี้ไม่มีพระอรหันต์ก็เป็นเรื่องของเขา คนที่เขาเชื่ออย่างสนิทเลยว่าไม่มีอรหันต์ เขาก็จะไม่มีโอกาสพบพระอรหันต์เลย แม้พระอรหันต์จะมาแสดงตัวบอกอย่างไรเขาก็จะไม่เชื่อ ว่ายุคนี้ ไม่รู้เขาไปเชื่อใครที่บอกว่าในยุคนี้ไม่มีพระอรหันต์ แต่เมื่อพระอรหันต์มาเกิดแล้วบอกว่ามี คุณก็เลยต้องไม่เชื่อ แต่กลับไปเข้าใจอรหันต์เก๊ ส่วนคนมีปัญญาก็รู้ว่าอรหันต์ที่ติดเสพ แค่การกินหมากสูบยาติดเสพแค่ตื้นๆ จะเป็นอรหันต์ได้ยังไง ขออภัยพูดอย่างวิชาการไม่ได้ด่าทอใครว่าโง่ แต่คุณเป็นจริงอย่างนั้นก็โดนตามความเป็นจริงอย่างที่อาตมาใช้พยัญชนะ บอกว่าอย่างนี้ผิด อย่างนี้ไม่รู้ ไม่รู้คือโง่ ก็ยังไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่อรหันต์ ก็ยังไปงมงายอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ยังเต็มไปหมดพระนั่งหลับตาพระป่า ตั้งแต่สายอาจารย์มั่น อาจารย์มหาบัว จนกระทั่งสายหลับตาในสำนักอื่นๆเขาก็แยกไปบ้าง สายฤาษีลิงดำ สายหลวงพ่อปาน มาก่อนเก่าก็มีหลายสาย สายคนอีสาน สายคนภาคกลาง สายคนภาคเหนือ ก็เป็นตุ๊เจ้า สายคนภาคใต้ก็เป็นพ่อท่าน ก็เยอะไป ก็ว่ากันไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:14:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:22:03 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:16:06 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:20:12 )
รายละเอียด
อาตมาว่าเป็นทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้ามันจบได้ แต่คนไม่เข้าใจอย่างที่อาตมาเข้าใจ ถ้าเข้าใจเขาจะมาเอาทฤษฎีนี้ทั้งหมดโลกเลย แต่เขาอวดดีเขาก็เชื่อว่าของที่เขาเข้าใจที่ต่างกับที่อาตมาอธิบายนี้ อาตมามั่นใจว่าที่อธิบายอยู่นี่ตรงกับของพระพุทธเจ้า เรียกว่าที่สุดในยุคนี้ ยังไม่มีใครอธิบายธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ตรงเท่าอาตมาหรอกในยุคนี้ พูดอย่างนี้เลยแหละใครจะว่าอย่างไรก็ว่าไม่เป็นไรอาตมาพอใจจะพูดอย่างนี้ และมั่นใจว่าพูดไม่ผิด สุดยอดเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 10:52:26 )
รายละเอียด
อาตมาอยู่ในยุคพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสวดอย่างที่เป็นแบบนี้
หนังสืออ้างอิง
การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 29
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 17:27:21 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:25:12 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:20:37 )
รายละเอียด
มีสิ แต่ไม่เหมือนกัน มันคนละยุคกาลจารีตประเพณี วัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป ในยุคพระพุทธเจ้าท่านออกมาบวชแล้วอิสระจริงๆ ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง สมบัติพัสถานบ้านช่องเรือนชาน ไม่มีแม้แต่ที่พักที่อยู่เป็นของตัวเองจริงๆ นอนรุกขมูลโคนไม้ ไม่ได้ติดยึดจริงๆ แต่ในยุคนี้ไม่ได้ แม้แต่กฎเกณฑ์ของเถรสมาคมจะต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:41:32 )
รายละเอียด
อาตมาเคยบอกแล้วว่า ในหลวงกับอาตมาคือธรรมิกราช 2 องค์ นี่เป็นเรื่องจริงที่คนฟังแล้วก็อาจจะหมั่นไส้มาก แต่อาตมาจำเป็นจะต้องพูด ทำไมต้องพูดย้ำ ทำไมต้องย้ำอย่างนี้ ที่ต้องย้ำอย่างนี้ เพื่อให้รู้ว่า ความจริงมันมีในความจริง แล้วความจริงเมื่อใดจะมีการปรากฏตัว ก็ยุคนี้ไง
ในยุคเสื่อม จะมีธรรมิกราชมากอบกู้ไง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็กอบกู้ไปแล้วจนสิ้นพระชนม์แล้ว ยังเหลือโพธิรักษ์นี่ แบกหามอยู่นี่ ยังลุยถั่วอยู่นี่ สังขารร่างกายก็อายุ ในหลวง 89 อาตมาก็กำลัง 89 ก็น่าจะเลยท่าน น่าจะเลย 89 อยู่ ในหลวง 89 ไม่เต็ม สิ้นพระชนม์ตุลาคม ยังไม่ถึงธันวาคม ถ้าถึงธันวาคมก็เต็ม 89 ปี ตุลาคม พ.ศ. 2513 อาตมาอายุ 89 ปี เกือบจะเต็ม 5 เดือนแล้ว เต็มก็ต้อง 5 ธันวาคม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:46:17 )
รายละเอียด
แต่แค่นี้ก็เป็นแก่น เพราะมีวิมุติ เพราะมีสะเก็ด มีเปลือก มีกระพี้ มีแก่น คนตาดีจะเห็นว่ามี สะเก็ดคือศีล คนตาดีจะเห็นว่าในอโศกมี เปลือก มีกระพี้ มีแก่นคือวิมุติ เพราะฉะนั้น คนตาไม่ดีจะไม่เห็นแต่ก็อาจจะพอรู้ ว่า ถ้าจะเอาศีลต้องไปที่อโศก พวกนี้มันยึดศีล แต่เขาจะมองไม่เข้าใจว่าศีลเป็นคุณค่าอันประเสริฐ แก้ปัญหาเศรษฐกิจสังคมประเทศด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ในกิมัตถิยสูตร ศีล มีอานิสงส์ ตั้งแต่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปจนถึงวิมุติ เป็นอรหัตตผลไปโดยลำดับ เขาแยก ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ ออกจากกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:34:29 )
รายละเอียด
แม้แต่ในวงการศาสนาพุทธ โดยเฉพาะแตกต่างไปจาก“สัตบุรุษ” หรือแม้นจะเห็นด้วยก็“น้อยเหลือเกิน” ไม่สามารถจะนำพา“โลกุตรธรรม”เจริญขึ้นไปได้ นอกจากจะมีได้แค่วงเล็กๆ และที่สุดก็จะค่อยๆ ร่อยหรอหมดสูญสิ้น “โลกุตรธรรม”ที่มีอยู่ส่วนน้อยนั้นไปไม่เหลือเลย
ในระหว่างนั้น ประชาชนคนยุคนั้นมันเผยแพร่หรืออธิบาย
“โลกุตรธรรม”ออกไปสู่ประชาชนก็เข้าใจกันไม่ได้ ในยุคนั้นสมัยนั้น มันมีแต่“โลกียธรรม” แม้เขาจะเป็น“สัจจะหนึ่งเดียวกัน”ในหมู่
“เทฺวนิยม”หรือ“โลกียะ”ด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่“อาริยสัจ 4”ที่“สัมมาทิฏฐิ” ทว่ามันเป็น“สุขนิยม” คือยังหลงติดยึด“สุข”กันอยู่
เขายังไม่รู้ว่า“สุข”เป็น“มายา” เขายังแยก“ภาวะ 2”หรือความเป็น“เทฺว”ไม่ออก แม้คำว่า“เทฺว”จะหมายถึง“2”แท้ๆ
เขาไม่รู้กันว่า “ทุกข์”มันเสนอ“หน้าสุข”ออกมาหลอกคนให้หลงว่าเป็น“ความจริง” ทั้งๆ ที่“ตัวแท้ของมันมี 2 หน้า”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 366 หน้า 268
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:21:25 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เข้าใจกาย ซึ่งต้องมีเวทนาเป็นสัมผัสเป็นปัจจัย ภายนอกเป็นปัจจัยจึงจะเป็นเวทนาแท้ เรียกว่าวิญญาณฐีติ มีจิตวิญญาณร่วมด้วยตั้งอยู่ทางตากระทบรูปก็ดี หูกระทบเสียง เออนี่แหละวิญญาณอยู่ตรงนี้ธาตุรู้อยู่ตรงนี้ องค์ประกอบอื่นของโลกอะไรทั้งหมดก็ใช่แล้วครบอยู่ตรงนี้ ถ้ามีแต่จิตไม่ครบ ถ้ามีแต่ สรีระ มีแต่ตาไม่มีธาตุรู้ไม่มีประสาท มีแต่หูไม่มีถ้าได้ยินไม่มีประสาท หรือมีก็ไม่โคจร มีก็ไม่ออกมา หูมีก็ไม่เปิดออกมา ตามีก็ไม่เปิดออกมา จมูกมีก็ไม่เปิด ลิ้นไม่เปิด โผฏฐัพพะไม่เปิดรับอะไรเลยไม่มี 2 ไม่ได้
เพราะฉะนั้นกายต้องมี 2 ถ้าไม่มีกายก็สูญไปเลย ถ้ามีกายต้องมี 2 กาย ไม่เป็น 1 ในพจนานุกรมบาลียังแปลว่า กาย คือ องค์ประชุม คือฝูง คือกลุ่ม คือหมู่ คือพวก เรียกว่า องค์ประชุมของเจตสิก แต่ขนาดนั้น บาลีเรียน เปรียญ 9 มาแท้ๆ ยังถือว่ากายเป็น 1 ไปหมดเลย เรียนมานะ ไปยึดเอาผิดๆ เมื่อมีสิ่งที่ถูกมาพูด เขาจะบอกว่าใช่ สำหรับคนเคยเรียนเคยผ่าน คนไม่เคยเรียนไม่เคยผ่านก็จะบอกว่าพูดอะไรวะ เขายึดมั่นถือมั่นว่ากายเป็นเพียงภายนอก เป็นเพียง 1 แต่กายนั้นมี 2 เป็นต้นไป ตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป เป็นองค์ประชุม อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4
วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 16:00:08 )
รายละเอียด
ในศีล 8 ข้อหรือข้อเดียวก็ดี สำคัญทุกข้อ ถ้าข้อใดที่เราตรวจตัวเอง เรายังคงละเมิดไม่ปฏิบัติตามนั้นเลย ปฏิบัติไม่ได้ดังที่ศีลที่ท่านว่า ให้ละเว้นต่างๆ เราก็ปฏิบัติเสียให้ดี ข้อใดก็แล้วแต่สำคัญทุกข้อ ที่เราจะต้องไล่ไปตามลำดับ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 จุลศีลมัชฌิมศีล ส่วนมหาศีล อีก 7 ข้อ เป็นเรื่องของศาสนาเป็นเดรัจฉานวิชา เดรัจฉานกถา ที่ศาสนาพุทธไม่มีพฤติกรรมอย่างที่ว่านี้ แต่ทุกวันนี้ศาสนาพุทธมันเสื่อมจนสนิท ไม่มีศีลดังที่ว่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ในศีล 8 ข้อนั้นศีลข้อใดสำคัญที่สุด
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:10:25 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:30:58 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:09 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:21:08 )
รายละเอียด
1. ยุคสมัยนั้นยังเป็นยุค “สมบูรณาญาสิทธิราชย์”
2. ยุคสมัยนั้นประชาชนยังจำนนในยุคสังคมทาส
3. คนยุคสมัยนั้นยังไม่มีความรู้เรื่อง“สิทธิ”ต่างๆ ที่มนุษย์พึงมี ตามธรรมชาติ ตามกฎหมาย ตามวัฒนธรรม และพึงมีตามสัจธรรมกันอย่างดีพอ
4. ทรัพยากรของโลกในยุคโน้นยังไม่อัตคัดขาดแคลนเท่ายุคสมัยนี้ ยุคสมัยนั้นสังคมยังไม่เลวร้ายหนักหนาสาหัสเท่ากับสังคมยุคนี้ ยุคนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีกลุ่มสังคมที่เลวร้าย
5.เพราะยุคนั้นมีสังคมคนดี มีวัฒนธรรมคนดีที่ดีอย่างเข้มข้นที่ดีอย่างเป็นตัวอย่างได้จริงชัดเจนอยู่แล้ว จึงยังไม่ต้องให้สังคมคนมายืนยันประสิทธิภาพของคน ให้ถึงขั้นเป็น “สาธารณโภคี” เกิดขึ้นในสังคมฆราวาส เพื่อถ่วงดุลหรือจูงนำสังคมที่ยังไม่ดีส่วนใหญ่เหมือนกับยุคสมัยนี้เลย
6. สิทธิในทรัพยากรในยุคโน้น ยังไม่เคร่งครัดต่อการแย่งชิงเท่ากับสมัยนี้
7. ทรัพยากรสาธารณะในยุคโน้น ยังมีมากมายเหลือเฟือ มีมากกว่ายุคสมัยนี้หลายเท่า
8. ความมีอิสรเสรีภาพของคนยุคโน้น ยังไม่รุ่งเรืองเท่าในยุคสมัยนี้
9. และในยุคโน้นยังไม่ถึงขั้นเปิดโลก หรือยังไม่ถึงยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) อย่างสมัยนี้.
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:11:42 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:24:54 )
รายละเอียด
แต่ผู้ที่สูงกว่านั้นก็ไม่ต้องเตือนเขา เพราะว่าเขารู้ว่าจะต้องทำงานแน่นอน บางคนทำงานเกินไปด้วยซ้ำก็ต้องเตือนกัน แต่ผู้ที่ไม่ค่อยทำงาน มาอยู่ในสังคมชาวอโศก มันชวนให้ไม่ทำงาน เพราะว่ามันข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน เพราะฉะนั้นคนนี้ก็ไม่เจริญด้วยการลดกิเลส ไม่เจริญด้วยการเพิ่มอาริยธรรมให้แก่ตัวเองแน่นอน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 20:04:30 )
รายละเอียด
ในหลวง ร. 9 เป็นผู้ที่เป็นนักการเมืองทำงานการเมืองที่แท้จริง ท่านไปช่วยประชาชนทั่วราชอาณาจักรไทย นักการเมืองไหนก็สู้ท่านไม่ได้ ท่านทำจริงเป็นนักการเมืองจริงและไปช่วยประชาชนจริง นั่นแหละตัวอย่างนักการเมืองเบอร์ 1 ของโลก ในหลวง ร.9 นักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลก แต่คนก็ยังดูไม่ออก เพราะท่านไม่พูดตามหลักวิชาการตามหลักเทวนิยม ท่านตรัสไว้เสร็จแล้วก็ปิดตำรา ปิดแล้วก็เป็นไงเปิดใหม่แล้วก็มาเดินตามตำรา ท่านตรัสสั้นๆอย่างที่เราเอามาเปิดฟัง เสร็จแล้วก็ปิดตำราแล้วก็เปิดหน้าใหม่
พูดถึงตำราทางตะวันตก ไม่ใช่ตำราประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้าคือพระไตรปิฎก เข้าใจอำนาจอธิปไตย 3 อธิปไตยจะทำงานเพื่อประชาชนเป็น พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ นี่แหละประชาธิปไตยถ้ามีความรู้ในโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธรรมาธิปไตย และ พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ
นี่คืออธิปไตยที่รู้จักสาระเพื่อพหุชนหรือเพื่อมวลประชาชนก็คือประชาชน แล้วก็ทำงาน หิตะ ประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติมีสุข พหุชนสุขายะ ไม่ปิดกั้น แค่ประเทศไทย
ประโยชน์อันนี้ความสุขอันนี้ไปทั้งโลก โลกานุกัมปายะ นักประชาธิปไตยคือผู้รู้สรุปลงมาแค่ อธิปไตย 3 กับประโยชน์และความสุข การอนุเคราะห์โลก 3 อัน พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ ย่อลงมาสองอัน จบแล้ว นักการเมืองหรือนักรัฐศาสตร์จะทำงานกับประชาชน เศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์อะไรอยู่ในนี้หมด การบริหารดูแลอยู่ในนี้หมด รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์อยู่ในนี้หมด รวมเป็นสังคมศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 11:47:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:15:54 )
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:48 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:22:26 )
รายละเอียด
ซึ่งคนจะรู้ประชาธิปไตยแบบพระพุทธเจ้ายาก หรือแม้แต่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสไว้แล้วทำของท่าน ท่านรับใช้ประชาชนเต็มที่ 70 ปีแล้วท่านก็จากไป คนก็เห็นความจริงอันนี้ได้จึงเกิด bomb of love เมื่อพระเจ้าอยู่หัวสิ้นพระชนม์โอ้โห ร้องไห้กันหลายวันเลยในประเทศไทยสุดยอด คนจะเข้าใจอย่างที่พระเจ้าอยู่หัวบอกว่ามาเอาแบบคนจน มาขาดทุนของเราคือกำไรของเราตามสัจจะ เราขาดทุนให้แก่ประชาชนนี่แหละเรากำไร นักเศรษฐศาสตร์ระดับดอกเตอร์หรือใครก็แล้วแต่ฟังแล้วหูหักทั้งนั้น ขาดทุนมันจะเป็นกำไรอย่างไรมันบอกชัดๆกำไรก็คือต้องได้เกินทุน แต่ขาดทุนแล้วจะเป็นกำไร พูดผิดพูดใหม่ได้ แต่เขาไม่กล้าพูดกับพระเจ้าอยู่หัว เขาก็จำนนไปเท่านั้นเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:23:17 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจจึงบอกว่า พัฒนาแบบคนรวยให้คนรวยเสมอภาคกัน อย่าให้จน มันเป็นหลักการหลักวิชาที่ล้มเหลวตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่ให้คนแต่ละคนอย่าไปสะสม อย่าไปมีมาก ให้ลดน้อยลงมันเป็นไปได้ ให้มารู้จักความจนเต็มใจจนรู้จักพอ ชีวิตเท่านี้ก็พอแล้ว ชีวิตเท่านี้ก็สมบูรณ์แบบและอุดมสมบูรณ์แล้ว ให้เข้าใจด้วยปัญญา
เพราะฉะนั้นในหลวง ร.9 จึงตรัสไว้ว่าประเทศชาติให้พัฒนาแบบคนจนพวกจบด็อกเตอร์มาทั้งหลายแหล่ไม่มีใครขานรับเลย มืดแปดด้านกันทั้งนั้นไม่รู้เรื่องกับในหลวง แต่จะไปค้านแย้งกับในหลวงไม่ได้ ในหลวงท่านก็ตรัสแล้ว ก็แขวะ พวกนักเศรษฐศาสตร์ ว่าพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เป็นอย่างนั้นจริงๆ ท่านก็รู้ว่า พูดไปนี้มันขัดหูเขาแน่นอน มีที่ไหนคนจะมาคิดจน ในหลวง ร.9 นี่แหละคิดจน แต่ท่านทำไม่ได้เหมือนโพธิรักษ์ ขออภัยที่ต้องพูดถึง โพธิรักษ์ทำได้ เพราะมันเป็นฐานะอาตมาจริงๆ อาตมาทำได้ ให้มาจนได้ มาจนอย่างเต็มใจ มาจนอย่างตั้งใจมาจนอย่างสุขใจ แล้วมาจนกันจริงๆ แล้วก็อุดมสมบูรณ์ ถือว่าเป็นคนสบาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:25:01 )
รายละเอียด
ในหลวง ร.9 ตรัสว่า เราเลยบอกว่าถ้าจะแนะนำได้ต้องทำแบบคนจน
“เราเลยบอกว่า ถ้าจะแนะนำได้ ต้องทำ “แบบคนจน”
เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้
แต่.. ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก
เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก
เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก
ก็ จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง !
ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า
จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง และถอยหลังอย่างน่ากลัว !
แต่ถ้าเริ่มมีการบริหารที่เรียกว่า “แบบคนจน”
แบบที่ไม่ติดกับตํารามากเกินไป ทําอยางมีสามัคคีนี่แหละ
คือ เมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป...”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3 วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:38:22 )
รายละเอียด
สรุปว่าเมืองไทยจะเป็นตัวอย่างที่สุดยอดที่สุดเลย เรื่องของการบริหารประเทศก็ดีเศรษฐกิจก็ดี ทำให้เกิดสังคมที่เป็นสังคม ที่สุดยอดก็ดี ยังเหลือแต่ว่ามันจะดียิ่งขึ้นตรงที่พวกเรามาพยายามศึกษา เอาสิ่งที่เรามีตัวอย่าง จะเป็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานมา 70 ปีเป็นตัวอย่าง ของท่านทำรูปธรรม แล้วของอาตมาพาทำ อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ในหลวงท่านก็เป็นโพธิสัตว์ทำตามอย่างพระพุทธเจ้า แต่ท่านทำอย่างเป็นรูปธรรม อาตมาทำอย่างนามธรรม ซึ่งต้องรับแบกหามมากกว่า ทำทางนามธรรมนี้ยาก ละเอียดบางเบาจับต้องไม่ได้ด้วยแล้วมันลึกซึ้งละเอียดซับซ้อน มีสิริมหามายา ยากกว่าที่จะรู้ ของในหลวงยังรู้ชัดที่รับใช้ประชาชนช่วยเหลือกันเห็นนั้นง่าย แต่ของโพธิรักษ์นี้ คนยังข้องใจสงสัยโพธิรักษ์ก็มีอยู่อีกเยอะ สงสัยว่ามันพูดอวดตัวตนจะจริงหรือ พูดอย่างนี้มันขัดแย้งอยู่นะจะมาอย่างไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:38:39 )
รายละเอียด
เป็นกษัตริย์เป็นราชาทั้งโลกที่มีทศพิธราชธรรมที่แท้จริง จึงเป็นราชาที่ถูกต้อง ก็รับใช้ประชาชนอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่างของโลก ที่จะยืนหยัดยืนยันรูปธรรม นามธรรม ที่จะเป็นหลักฐานเอาไปอ้างอิงว่านี่มีคนจริงนะ มีการปฏิบัติประพฤติจริง มีคุณค่าจริงมีทศพิธราชธรรม
ทศพิธราชธรรมไม่ใช่มีแค่ 10 ข้อ ขยายลึกซึ้งไปใน 10 ข้อนั้นสมบูรณ์แบบเลยนะ ท่านแบ่งไว้ 10 แต่ทุกอย่างครบหมดแล้วเป็นความรู้ของมนุษย์โลก ของพฤติกรรมที่สมบูรณ์แบบครบอยู่ในทศพิธราชธรรมหมดแล้วละเอียดลออ เป็นแต่เพียงเป็นตัวตั้งของ 10 ข้อนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีทศพิธราชธรรมจริง ต้น กลาง ปลาย หยาบ กลาง ละเอียด มีครบอยู่ในนั้นแล้ว เป็นผู้ที่ใช้ทศพิธราชธรรม ทำงานกับมวลประชาราษฎร์ในโลกอย่างไม่มีตัวตน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อย่างเป็นผู้ที่อุตสาหะวิริยะ ทำงานเพื่อมนุษย์โลกจริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:24:35 )
รายละเอียด
คนหมดตัวตนก็คือพระอรหันต์ขึ้นไป ที่นี้คนเข้าใจไม่ได้ว่าเป็นพระอรหันต์ต้องมาบวช ที่จริงแล้วฆราวาสไม่ต้องบวชก็เป็นพระอรหันต์ได้ ไปเป็นนักการเมืองไปบริหารประเทศได้ อย่างพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 9 นี่ไงนักประชาธิปไตยชั้น 1 ก็เป็นฆราวาสบริหารประเทศ ทำงานได้แท้ๆ ยืนยันได้ตรง มีทศพิธราชธรรมหรือมีธรรมะที่สูงส่ง อย่างน้อย ทศพิธราชธรรมที่ยังพื้นฐาน สูงกว่านั้นลึกซึ้ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:32:59 )
รายละเอียด
แต่อธิบายโดยรูปธรรม ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่สืบสันตติวงศ์มาก็เป็นของประเทศต่อทอดกันมา พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ จะเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ออกมาใช้มากหรือน้อยเท่านั้นแหละ ก็อยู่ที่แต่ละองค์
รัชกาลที่ 9 ท่านมีบารมีมีผู้โดยเสด็จพระราชกุศล มาถวายให้เป็นส่วนใช้สอยตามอัธยาศัยต่างๆและรายได้ที่พระองค์ควรจะได้เท่าที่ควรจะได้ ท่านก็ทำงานมีส่วนตอบแทน รัฐบาลให้บ้าง ท่านเองก็ไม่ได้เรียกร้องซื้อขายอะไรไม่มี ท่านไม่ได้ทำกิจการส่วนตัว พวกที่มี fake news หาเรื่อง เลอะเทอะ พูดมาบาปกินหัว ท่านไม่เป็น
ท่านเองท่านเป็นประชาธิปไตยแบบพุทธ ใช้ทรัพย์สินส่วนพระองค์และที่ได้โดยเสด็จพระราชกุศลมาทำงานกับรายได้ส่วนที่พึงได้ควรได้ ท่านไม่ได้ทำงานค้าขายหรือทำมาหากินที่เป็นส่วนรายได้ มีแต่ท่านจะบริจาคช่วยราษฎรไป แล้วท่านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย รัฐบาลก็ให้บ้าง จะเรียกว่าเงินเดือนก็เท่าที่ให้ ท่านไม่ได้เรียกร้อง ท่านก็เอามาใช้
ส่วนพระองค์เอง ท่านไม่ได้ฟุ่มเฟือยกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่เป็นอบายมุขไม่มี หาเวลาจะมาสบายก็ยาก ทรงงานตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำอย่าง เหน็ดเหนื่อย ตลอด 70 พรรษาตั้งแต่พ.ศ 2489
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:07:42 )
รายละเอียด
รัฐศาสตร์ของประเทศไทย เป็นรัฐศาสตร์โลกุตรธรรม อย่างพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ที่นำพารัฐศาสตร์โลกุตรธรรมมาตั้ง 70 ปี เขาก็ยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจอย่างไรไม่เข้าใจอย่างไรมันก็จะซึมซับเข้าไปในมันสมองของมนุษย์แน่ๆ Osmosis เข้าไป 70 ปีท่านได้ทรงงาน ทรงโลกุตรธรรม ทรงพระจริยวัตร ซึ่งมันอธิบายไม่ง่าย ลักษณะอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 นี่แหละ เป็นลักษณะโลกุตรธรรม ทรงมีพระจริยวัตรของพระองค์ คนก็ดูเห็นพระจริยวัตร มันจะมีตัวตัดสินเลือกเฟ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 21:15:47 )
รายละเอียด
อาตมาเข้าใจในหลวงอย่างไม่ธรรมดา อาตมาเคยพูดไปแล้วว่า อาตมาเป็นผู้พูดเองว่าในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ไม่มีหลักฐานตรงนั้น ยังไม่ชัด
พระโพธิสัตว์ในความหมายอาตมาก็ไม่เหมือนกับคนอื่นเข้าใจด้วย พระโพธิสัตว์ 9 ลำดับมีอย่างไรคนก็ยังไม่เข้าใจ มหายาน มีพระโพธิสัตว์ไม่รู้กี่ประเภท ส่วนเถรวาทไม่ได้ศึกษาพระโพธิสัตว์ แต่อาตมาเข้าใจทั้งมหายานและเถรวาท เมืองไทยต้องเอามหายานมาแก้เถรวาทให้มีความเป็นมหายานเพิ่มขึ้น ทั้งสองอย่างก็มีข้อดี แต่มันเลยเถิดโต่งเกินไปกลายเป็นผิดเพี้ยน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:29:58 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:29:42 )
รายละเอียด
อาตมาเห็นสัจธรรมจึงรู้ว่าพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งคือในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ที่ทำหน้าที่เดียวกันกับหน้าที่ที่อาตมาพยายามขยายความ แต่ท่านอยู่ในสถานะนั้น สถานะกษัตริย์แล้วก็มาเกิดในยุคเดียวกัน ท่านก็ทำไปตามหน้าที่ของท่าน ท่านอยู่ในฐานะของรูปธรรม ส่วนอาตมาอยู่ในฐานะนามธรรมก็ทำหน้าที่คนละอย่าง จึงรู้ว่าท่านเป็นโพธิสัตว์องค์หนึ่ง อาตมาก็รู้ตัวเองว่าเป็นโพธิสัตว์ พูดไปแล้วคนที่เขาไม่เชื่อถือไม่ยอมรับนับถือก็จะหมั่นไส้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:27:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:32:11 )
รายละเอียด
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อาตมาทราบมา ท่านไม่เอาเงินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาใช้ ท่านใช้แต่เงินที่ท่านมีสิทธิ์ แล้วก็ไม่ได้มีมากเพราะท่านไม่ได้สะสม ก็มีจากที่ประเทศตั้งให้ กับผู้ที่ให้โดยเสด็จพระราชกุศล ซึ่งก็ใช้อยู่ในวงพวกนี้เท่านั้นซึ่งบังคับกันไม่ได้ โดยเสด็จพระราชกุศลเนี่ย อย่างอาตมา อาตมาก็ใช้เงินในข้อจำกัด อาตมาใช้เงินจากราษฎรกุศลให้มา จะใช้ศัพท์คำว่าโดยเสด็จไม่ได้ แต่เป็นราษฎรกุศลให้มา แล้วมีข้อจำกัดอีก อาตมาไม่รับเงินคนนอกสมาชิกชาวอโศกที่จะบริจาคมาให้ ไม่รับ ไม่มีสิทธิ์
มีกติกา เพราะฉะนั้นจะมาบริจาค เราไม่เอา เช่น ไม่ได้มาคบคุ้นกับชาวอโศก ไม่ได้อ่านหนังสือ 7 เล่ม ไม่ได้ศึกษามาวัดถึง 7 ครั้งต่างๆนานา ซึ่งก็เป็นกติกาหลักมาตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้ แล้วเราก็อยู่ได้ เงินของพวกเราชาวอโศกแท้ๆ เงินจากสมาชิกชาวอโศกจริงๆ ที่จะเอามาเข้ากองกลางหรือมาบริจาคกับส่วนกลาง แล้วก็บริหารกัน อาตมาก็เป็นผู้ที่ดูแลจับจ่ายตามสมควร ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันบริหาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:00:23 )
รายละเอียด
อันที่ 2 บอกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ต้องเสด็จมากราบเคารพท่าน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านไม่ใช่คนโง่ ก็ใช่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นฉลาดเกินกว่าที่โยมบุญจะรู้จัก ว่า ในหลวงต้องไม่มากราบอาตมา เพราะในสถานะที่เป็นจริงอยู่ทุกวันนี้ ในหลวงคือผู้ที่เป็นหนึ่งของประชาชนทุกคน แล้วประชาชนโดยเฉพาะคนไทย ส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยนับถืออาตมา ก็ส่วนน้อย นับถืออาตมา
แม้ที่สุดคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นก็มี ในหลวงจึงต้องเป็นกลาง ต้องไม่มา take side ต้องไม่มาเข้าข้างหรือมาส่งเสริม อย่างเปิดเผย ขอใช้อันนี้ ในหลวงต้องไม่มาส่งเสริมอาตมาอย่างเปิดเผย แต่ โยมบุญไม่รู้หรอกว่าในหลวง ส่งเสริมอาตมาอย่างไม่เปิดเผย ก็พูดแค่นี้ก็แล้วกัน ในหลวง ร. 9 นี่แหละส่งเสริมอาตมาอย่างไม่เปิดเผย อาตมาเคยพูดมาแล้วยกตัวอย่างเหตุการณ์ด้วย มีอธิบดีกรมชลประทาน ในหลวงตรัสกับอธิบดีกรมชลประทานเคยพูดมาแล้ว วันนี้ขอผ่านไม่พูดซ้ำ โยมบุญไม่มีข้อมูลบริบูรณ์จึงเข้าใจผิด เอาแค่นี้ก็แล้วกัน ที่ในหลวงไม่มากราบอาตมานั้น ไม่มีปัญหาเลย อาตมาก็ไม่ได้น้อยใจ ในหลวงท่านก็รู้ดี ท่านก็ทรงเข้าพระทัยดีอย่างกับอะไรดี ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับท่าน แล้วท่านก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะอาตมาก็รู้ท่านก็รู้ มันก็มีข้อมูลส่งถึงกันนิดหน่อยอย่างที่ยกอ้างไปแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญ ให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:29:58 )
รายละเอียด
อาตมารู้ว่า ในหลวงคือในหลวง ในหลวงรู้แสนรู้ว่าโพธิรักษ์คือใคร แต่ในหลวงจะมา มีเถรสมาคม มีประชาชนส่วนมาก ที่ยังติดยึดอยู่ในอันโน้น ที่มาที่นี่คือคนมีภูมิปัญญา เฉลียวฉลาด มีโลกุตรธรรม จำนวนน้อย ในหลวงรู้ว่า ทางนี้รอดแล้ว แต่ทางโน้นยังไม่รอด แล้วท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องมาช่วยทางนี้ เพราะฉะนั้นท่านไม่จำเป็นจะต้องแสดงออกอะไรที่จะต้องมาพบปะมาสังสรรค์อะไรเลย
ท่านเคยกล่าวถาม อธิบดีกรมชลประทานอยู่ครั้งหนึ่ง ว่า น้ำท่วมบ้านราชมาก แล้ว ท่านก็ตรัสเปรยถามอธิบดีกรมชลประทานว่า บ้านราชเป็นอย่างไร อธิบดีก็ตอบว่าเขาอยู่สบายดี เขาพึ่งตนเองรอด เพราะเราเคยไปช่วยแล้วเขาไม่รับอะไรเลย เราไปดูแลคนที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้เถอะ
มันเป็นสัจจะ คุณก็มีข้อมูลของคุณ อาตมาก็มีข้อมูลของอาตมา ฟังอธิบายให้ดีๆ ไม่จำเป็นที่ในหลวงต้องมาประจ๋อประแจ๋ชาวอโศก ไม่จำเป็น เพราะในหลวงก็คือในหลวง ท่านคือโพธิสัตว์ระดับหนึ่ง ท่านไม่ได้ทำอย่างคุณหรอก ที่ว่า นั่งสมาธิทีไรต้องเกิน 10 นาทีทุกที ใช่ไหมที่มันเขียนมาอย่างนี้ นั่งทั้งคืน อาตมาก็ยังเคยทำมาเลย นั่งตั้งแต่หัวค่ำจนเช้าลุกขึ้นมาค่อยเดินจงกรม อาตมาเคยทำมีคนบันทึกไว้ด้วย คุณก็หาข้อมูลให้ชัดๆหน่อย ละเอียดหน่อย พูดว่าอาตมาไม่ตรง มันไม่ดี ซึ่งคุณจะไปเชื่อได้อย่างไร คุณมีภูมิเท่าของคุณ นายจุฑามาศเอ๋ย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:50:34 )
รายละเอียด
ชีวิตดำเนินไปโดยปรมัตถ์ มีแต่กำไร เพราะเราขาดทุนคือกำไรไปจนตาย ชีวิตของพวกเราก็แสนเจริญ มาอ่านคำตรัสของในหลวงดูอีกบ้าง อ่านแล้วก็ชื่นใจ
เราจะเป็นที่หนึ่งในโลก
“…ประเทศไทยเราอาจไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก แต่ก็ขอให้เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบได้ เพราะว่าในโลกนี้หายากแล้ว เราทำเป็นประเทศที่สงบ ประเทศที่มีคนที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริงๆ เราจะเป็นที่หนึ่งในโลกในข้อนี้ แล้วรู้สึกว่าที่หนึ่งในโลกในข้อนี้จะดีกว่าผู้อื่น จะดีกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก จะดีกว่าคนที่เก่งในทางอะไรก็ตามที่สุดในโลก ถ้าเรามีความสงบ แล้วมีความสบาย ความมั่นคงที่สุดในโลกนั้น รู้สึกจะไม่มีใครสู้เราได้…”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในโอกาสที่ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ และนักเรียนทุนพระราชทาน เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พุทธศักราช 2539
ท่านไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่ท่านพูดสัจธรรม ความสงบสบายแบบที่ในหลวงตรัส เป็นความสงบที่มั่นคง มันคงยั่งยืน อย่างพวกชาวอโศกเรา มั่นคงยั่งยืนไม่เสื่อมง่ายๆ จะบอกว่าไม่เสื่อมไม่ได้ ในอนาคตข้างหน้า มันจะเป็นลัทธิแก้ ลัทธิแปลง กิเลสมันเข้ามาเรื่อยๆ วันข้างหน้ามันก็ต้องเสื่อม แต่มันนาน วันข้างหน้ามันก็ต้องเสื่อม แต่มันนาน คำว่ายังยืนมั่นคงคือมันอีกนาน ไม่มีอะไรไม่เสื่อมไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่ศาสนาพุทธ เกิดมาก็ต้องหมดต้องสูญ แต่ถ้ามีความมั่นคง มันคงจนกระทั่งแต่ละคนในชีวิตของแต่ละคนเมื่อจบอรหันต์ก็มั่นคงแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
จบเลย อาตมาก็นำคำตรัส นำสิ่งที่พระพุทธเจ้ามายืนยันไว้ มาพูดซ้ำซาก ก็คนหลายคนคงท่องได้หมดแล้ว แม้แต่บาลีที่อาตมาพูดนี้ เขาพูดกันไม่รู้กี่ล้านครั้งแล้วมั้ง พูดไปเรื่อย พูดย้ำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 20:52:57 )
รายละเอียด
ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีจริง แต่ท่านไม่อยู่ในขั้นในฐานะที่จะบอกตัวเองได้เหมือนกับอาตมา ท่านไม่ได้อยู่ในขั้นนั้น แต่ท่านก็เป็นจริง ท่านก็ทรงพระจริยวัตร ประพฤติของพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพ 89 พรรษา ท่านประพฤติโลกุตรธรรม ทำงานเพื่อประชาชน เสียสละ ทั้งๆที่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะของกษัตริย์ แล้วก็ต้องอยู่ในฐานะกษัตริย์ ในฐานะกษัตริย์ที่รับใช้ประชาชน
ใช่ ไม่ได้เป็นเจ้านายไม่ได้เป็นการบังคับข่มขู่อะไรเลย แต่ทำงานเพื่อประชาชนไปตลอดพระชนม์ชีพ 70 ปี มารับหน้าที่ของกษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันทางรูปธรรม ท่านก็ทำ แต่ท่านอธิบายธรรมะทางนามธรรมไม่ออก เพราะในฐานะของท่านก็ทำได้ตามฐานะจริงของท่าน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 15:16:30 )
รายละเอียด
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 ของโลก ตรัสถึงเศรษฐกิจพอเพียง
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:22:24 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:57 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:22:49 )
รายละเอียด
พระองค์ท่านส่งเสริม ท่านตรัสไว้ชัด ท่านบอกว่าเราไม่ก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมทางอื่นเขาหรอก เรามาทางกสิกรรมซึ่งจะเป็นทางรอด อาตมาพูดเป็นเชิงข่มว่า อุตสาหกรรมก็ช่วยชีวิตได้ แต่ถ้าเอาจริงๆแล้วเหลือแต่เพียงอุตสาหกรรมกับกสิกรรมอะไรจะเป็นสิ่งที่พาให้ชีวิตรอด อุตสาหกรรมสร้างลูกระเบิดได้วิเศษใหญ่ กับการสร้างบล็อกโครี่กะหล่ำปลีได้พิเศษ อะไรจะช่วยชีวิตได้มากกว่ากัน แม้จะเป็นเครื่องยนต์กลไกอะไร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 17:23:45 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:41 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:23:25 )
รายละเอียด
คือในหลวงท่านตรัสออกมา อย่างไม่เหนียมเลยนะว่าต้องมาเป็นคนจน แล้วไม่ใช่ตรัสธรรมดานะ แต่ตรัสกับรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเพื่อนของประธานาธิบดีเกาหลีเลยนะ ประธานาธิบดีเกาหลีฝากถามว่า ให้บริหารประเทศแบบไหนดี ในหลวงบอกว่าประเทศของคุณบริหารกันดีแล้ว มาถามเราทำไม รัฐมนตรีคนนี้ก็เซ้าซี้ถาม บริหารแบบไหนบอกหน่อยซิไม่รู้เขามีเซ้นส์ว่าเมืองไทยบริหารดี ไม่น่าจะแกล้ง เซ้าซี้ถามท่าน ในหลวงท่านก็บอก คนเราจะพูดเรื่องนี้ออกไปให้บริหารแบบไหน บริหารแบบคนจน ทำให้ประชาชนมาเป็นคนจน ซึ่งมันเป็นความคิดของโลกุตระนะไม่ใช่ความคิดของโลกียะ ไปถามสิประเทศไหนเขาจะมาคิดแบบนี้ ผู้บริหารประเทศ ผู้มีอำนาจ เขาจะคิดอย่างนี้ไหม ไม่ต้องไปถามใครหรอก ไปถามคนไทยที่เป็นนักบริหาร นักเศรษฐกิจ จะมีความคิด ตรงกับในหลวงเช่นนี้หรือไม่ อาตมาว่าไม่ เขายังไม่เข้าใจ ยังไม่เห็นว่าต้องทำอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 15:13:35 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:44 )
เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:24:39 )
รายละเอียด
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพุทธศาสนา “...พระพุทธศาสนานั้นมีลักษณะพิเศษ ประเสริฐ ในประการที่ อาศัย เหตุผลอันเที่ยงแท้ตามเป็นจริง เป็นพื้นฐาน แสดงคำสั่งสอนที่บุคคลสามารถใช้ปัญญาไตร่ตรองตาม และหยิบยกขึ้นปฏิบัติ เพื่อความสุขความเจริญและความบริสุทธิ์ได้ตามวิสัยของตน จึงเป็นศาสนาที่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ ง่ายที่จะส่งเสริม ...” พระราชดํารัส ในการเปิดประชุมใหญ่สมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2515
2515 อาตมาบวชได้ 3 ปี ย่างขึ้นปีที่ 3
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:01:57 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561
เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:29:23 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name