@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ปัญญาที่อยู่เหนือโลกเหนืออัตตาคือธรรมาธิปไตย

รายละเอียด

ที่เป็นผู้ที่เข้าใจโลก เข้าใจ อัตตา เพราะฉะนั้นจึงอยู่เหนือ เป็นอธิปไตยด้วยปัญญาที่อยู่เหนือโลก อยู่เหนืออัตตา นี่คือธรรมาธิปไตย ซึ่งธรรมาธิปไตยนั้นเข้าใจโลกและอัตตา 

โลกคือสิ่งที่รวมกันอยู่ อัตตาคือตัวเองของแต่ละคน จะทำอย่างไรให้ โลกและอัตตาอยู่ร่วมกันได้อย่างเรียบร้อย สันติ ง่าย งาม อบอุ่น ท่านทำได้ 

มีมวลประชากรมาอยู่ในธรรมนูญของพระพุทธเจ้าในยุคนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ยอมรับ พระเจ้าพิมพิสารก็ยอมรับ พระพุทธเจ้าท่านทดสอบ จนกระทั่ง ท่านพูดกับพระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร 

ซึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูมีอนันตริยกรรมคือฆ่าพ่อ ภูมิปัญญายังไม่เข้าโลกุตระ เป็นโลกียะแต่ยังเข้าใจได้ 

พระพุทธเจ้าท่านสอบทานกับพระเจ้าอชาตศัตรูทดสอบว่า ถ้าคนรับใช้ของท่านที่เป็นคนใกล้ชิดตื่นก่อนนอนทีหลัง เป็นผู้ที่ท่านไว้ใจมากที่สุด เป็นคนของท่าน เกิดมายอมรับลัทธิของพระพุทธเจ้า ยอมรับแบบของพระพุทธเจ้า ท่านจะเอาคนของท่านคืนไปไหม

พระเจ้าอชาตศัตรูก็บอกว่าไม่ ไม่ ไม่เอาคืนหรอก มีแต่จะยกให้ท่านไปเลย เพราะเขาเจริญแล้ว มีแต่จะยกให้ สนับสนุน อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นความเป็น อจินไตย ชนิดหนึ่งว่า โลกุตรธรรมนี่ยิ่งใหญ่แม้แต่คนที่มีอนันตริยกรรมยังต้องยอม พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นอนันตริยกรรมฆ่าพ่อ ก็ยังยอมพระพุทธเจ้าเลย อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทางตำนาน ทางพระพุทธศาสนา 

เพราะฉะนั้น สรุปแล้วโลกุตรธรรมมันเป็นพลังงานทางจิตวิญญาณ ที่มีทั้งความรู้ มีทั้งความจริง มีทั้งความเฉลียวฉลาด จะพูดแล้วก็คือยิ่งใหญ่ และทุกวันนี้เขาก็แสวงหาจุดนี้กัน แต่เขาไม่รู้ตัว มีแต่เพียง Concept ของเขาว่า อยากได้อะไรให้มันเลิศยอดทางจิตวิญญาณ เขารู้แล้วว่าจิตวิญญาณมันเหนือกว่าจิตนิยม เหนือกว่าวัตถุนิยม ก็พอรู้แล้วล่ะเดี๋ยวนี้คนทั้งโลก โดยเฉพาะผู้บริหารเข้าใจแล้ว เป็นจิตนิยมเหนือกว่า วัตถุนิยม แต่ก่อนนี้เขาเถียงกันว่าวัตถุนิยมหรือจิตนิยม อันไหนจะเหนือกว่า เขาก็เถียงกันไป 

ทุกวันนี้ก็มาเข้าใจแล้วว่า จิตนิยมเหนือกว่าวัตถุนิยม ฉะนั้นเขาก็จะเริ่มต้นเข้ามาหาจิตวิญญาณ ก็จะเริ่มต้นมาหาโลกุตระได้ นี่คือวิวัฒนาการของสังคมโลก ทุกวันนี้เป็นอย่างนี้ มวลมนุษยชาติของโลกที่ยังยึดถืออยู่แต่วัตถุไม่เข้าหาวิญญาณ ไม่เข้าหาจิตวิญญาณ ยังตกอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:42:08 )

ปัญญาที่เข้าถึงจากสัมผัสจริง

รายละเอียด

ญาณปัญญาของคุณ ทำสัญญาของคุณ กำหนดหมายเอาเองว่า อย่างนี้อาการเวทนา แล้วเวทนาแยกได้เป็นเวทนาสุข เวทนาทุกข์ เวทนาไม่สุขไม่ทุกข์ หรือเวทนานี้เนื่องมาจากภายนอก กายิกเวทนา เวทนานี้เนื่องจากภายใน คือ เจตสิกเวทนา 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถแยก 2 กายิกเวทนา กับเจตสิกเวทนา เป็นเวทนา 2 มันมีความต่างกันอย่างไร ถ้ากายิกเวทนาก็เชื่อมมาจากภายนอก แต่ทีนี้ข้างนอกต่ออยู่ ตาเห็นรูปอยู่ แต่กิเลสที่ร่วมกับภายนอก แต่ก่อนมีกิเลสภายนอกร่วมอยู่ ทีนี้ทำกิเลสภายนอกให้หมดไป เป็นอนาคามีก็ถือว่ากิเลสภายนอกหมด แต่มันยังเหลือภายในเป็นรูป อรูป ก็เข้าไปรู้ภายในจิต เป็นเจตสิกเวทนา มีกิเลสอย่างไร แยกเป็น เวทนา 3 สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ อาการ อย่างนั้นมันเกิดเราก็รู้ในจิตของเรา มันเกิดเมื่อไหร่รู้เมื่อนั้น เราก็อ่านความจริงตามความเป็นจริง ไม่ใช่แค่กะคาดคะเนเอาตามความเข้าใจ ไม่พอ ต้องมีสัมผัสจริงเกิดอาการจริง การปฏิบัติธรรมต้องเกิดการสัมผัสจริง เกิดอาการจริง มันสุข มันทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:23:09 )

ปัญญาที่เข้าถึงเจโตปริยญาณ 16 

รายละเอียด

วิปัสสนาญาณ​ มีมโนมยิทธิ มีความรู้ที่เป็น ปัญญาที่เป็นอิทธิวิธญาณ ปัญญาที่เป็นโสตทิพย์ ก็จะเข้าใจถึงเจโตปริยญาณ 16 เข้าใจราคะโทสะ แล้วจะรู้ว่าทำอย่างไรให้ราคะมันลดลง ให้มันไม่มีราคะ โทสะ โมหะ (วีตะราค วีตโทสะ วีตโมหะ) จะทำอย่างไรให้มันเป็นอย่างนั้นได้ก็ชัดเจน ก็ทำให้มันเกิดเจริญขึ้นเป็น สังขิตตังจิตตัง วิกขิตตังจิตตัง ก็เริ่มเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ แต่มันก็ยังยาก 

คนที่จะมีตระกูลศรัทธา ตระกูลปัญญา 

ตระกูลศรัทธา เจโต ก็จะเกิดสังขิตตังจิตตัง ตระกูลปัญญาก็จะเกิด วิกขิตตังจิตตัง ตามลักษณะของเขา คนสายศรัทธา คนสายปัญญา ซึ่งมันเป็นแก่นของจิตแต่ละคน เจริญขึ้นไปยังเจริญไม่เท่าไหร่ สายศรัทธาจะเป็นกลุ่มก้อน สังขตัง รวบรวมได้แล้ว แต่ก็กลายเป็นแน่น ส่วนสายปัญญาจะวิกขิตตังจิตตัง ฟุ้งกระจาย แต่ก็รวบรวมได้เหมือนกัน 

คู่ต่อไป คือ มหัคตะ กับอมหัคตะ ทำให้มันยิ่งขึ้น ทำให้มันใหญ่ยิ่งขึ้น ทำให้มันเลิศยิ่งขึ้น มห แปลว่ามาก อัคค แปลว่าเลิศ ใหญ่ ยิ่ง เจริญยิ่ง อัคคะ กับ มห ทำให้มันดีขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งเจริญขึ้น เลิศเลอมากขึ้น มหัคตะ ถ้ามันยังไม่ก็ อมหัคตะ มันยังไม่เจริญ ก็รู้ แต่ถ้ามันได้แล้ว ก็ทำถูกแล้วได้ขึ้นมาแล้วเรื่อยๆแล้ว มหัคตะ ขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว เจริญขึ้นมาเรื่อยๆ
แต่คู่ต่อไปเป็นคู่สุดท้าย แล้วถึงจะมีคู่จบอีก 2 คู่ คู่สุดท้ายคือ สอุตรังจิตตัง กับ อนุตรังจิตตัง 

สอุตรังจิตตัง คือ จิตเจริญขึ้นดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีดีกว่านี้อีก จนกว่าจะถึงขั้นจบ อนุตรังจิตตัง จบ ไม่มีดีกว่านี้อีกแล้ว 

แล้วมาตรวจสอบอีก 2 นัย นัยตั้งมั่นกับนัยหมดกิเลสแล้วนะ 

ก็มาตรวจ 2 แกน แกนจิตตั้งมั่นไม่เสื่อมคลาย นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จริงหรือเปล่า ไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว เคลื่อนย้ายไม่ได้แล้ว จบในตัวมันแล้ว 

แล้วมันมีเศษเสี้ยววิมุติอะไรหลงเหลือ มีธุลีละอองเศษหม่นหมองอะไรอีกไหม ตรวจสอบวิมุติว่าเกลี้ยงเกลาหลุดพ้นสมบูรณ์แบบหรือเปล่าทั้ง 2 นัย เจโตกับปัญญา อีกสองคู่ สมาหิตัง กับอสมาหิตัง และ วิมุติกับอวมุติ อาตมาเอาสภาวะธรรมาอธิบายเจโตปริยญาณ 16 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:53:17 )

ปัญญาที่เป็นความฉลาดโลกุตระเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

ปัญญาที่เป็นความฉลาดโลกุตระเป็นเช่นไร 

ความรู้ความฉลาดที่ใช้พยัญชนะว่าปัญญา มันหมายถึงโลกุตระจริงๆอย่างเดียว แต่ที่นี้เอาภาษาไปปู้ยี่ปู้ยำ เอาไปใช้แทนความเฉลียวฉลาดแบบ เฉโกโลกีย์เสียหมด จนคนเขานึกว่าความเฉลียวฉลาดนั้นมีแต่ความฉลาดแบบเฉโกโลกีย์ ก็เลยทำให้ความเฉลียวฉลาดแบบปัญญาหรือแบบโลกุตระมันหายไปเหลวไหลเละเทะไม่เหลือเชื้อกันเลย 

อาตมาต้องเอามาปลูกฝังขึ้นใหม่ อาตมาขอใช้คำนี้เลยนะ เอามาปลูกฝังให้รู้ว่าปัญญาไม่ใช่ความเฉลียวฉลาดอย่างโลกีย์ของศาสดาเทวนิยมทุกองค์ ไม่ใช่ 

ศาสดาของเทวนิยมทุกองค์นั้นเป็นศาสดาโลกีย์ทั้งสิ้น ไม่ใช่โลกุตระ เฉลียวฉลาดที่สุดก็ยังไม่หมดความวน

ส่วนศาสดาที่เป็นอเทวนิยมของพุทธนั้น หมดความวน จบความวน มี one way Traffic เป็นนิวเคลียร์ฟิชชั่น ตัวเดียวเลย เป็น isotope พุ่งดิ่งไม่มีถอยหลังเลย ไม่มีโค้งงอเลยไม่มี loop ไม่มี turn อะไรเลย ตรงอย่างเดียวแล้ว หายไปเลยออกนอกจักรวาลไปไหนก็ไม่รู้ ตรงไปเลย ไม่มีโค้งไปแล้วสลายหายไปเลยจักรวาลตรงไหนก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรเหลือความโค้งกลับมาอีกเลย นี่คือพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชั่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:49:00 )

ปัญญาที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถมีปัญญา กำหนดรู้ต่างๆได้ เป็นเรื่องที่เป็นโลกุตระที่แท้จริง ปัญญาคือความฉลาดที่เป็นโลกุตระที่แท้ ไม่ได้เป็นความฉลาดแบบโลกีย์ที่เรียกว่า เฉกาหรือเฉโก เพราะบาลีสองคำนี้ เฉกาหรือปัญญา มันหมายถึงความฉลาด 2 ชนิด คำว่าปัญญาของพระพุทธเจ้าหมายถึงความฉลาดที่เป็นโลกุตระ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความฉลาดนั้น เป็นความรู้ที่ฉลาดออกจากโลกโลกีย์ แต่ชาวโลกีย์ทั้งหลายเทวนิยมทั้งหมด ไม่มีปัญญามีแต่ เฉโกอย่างเดียวมีแต่ความฉลาดทางโลกีย์อย่างเดียว ไม่ได้ออกจากโลกโลกีย์ ถึงไม่มีปัญญา แต่ขโมยเอาพยัญชนะคำว่าปัญญาไปเรียกคำว่าฉลาด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:43:25 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:33:04 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:27:41 )

ปัญญาที่ใช้ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คือธรรมะทั้งหมดของพระพุทธเจ้าใช้ปัญญาทั้งนั้น กระบวนการทุกกระบวนการ เป็นเรื่องพุทธพิสัยเป็นเรื่องอจินไตยใช่ไหม ก็ใช่ เป็นเรื่องพุทธพิสัยเป็นเรื่องอาจินไตยที่เดาไม่ได้ แต่จะตามรู้เป็นลำดับไปได้เบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลาย ยังมีบทละครสมมติที่จิตวิญญาณเขียนขึ้นมาด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:47:18 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:33:54 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:29:29 )

ปัญญาที่ไม่มีตัวตน กับปัญหาที่จอดรถซอย 44 นวมินทร์

รายละเอียด

อาตมากำลังพูดถึง ปัญญาที่ไม่มีตัวตน อนัตตาคือไม่มีตัวตน ปัญญากับไม่มีตัวตน 2 ตัวนี้สุดยอดแล้ว 

ใช้ปัญญาที่ไม่มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่ คือเหลือแต่ปัญญา ตัวตนเราไม่มี ไม่มีตัวตนเราเข้าไปเป็นคู่ มีแต่ปัญญา ถ้าเอาแต่ปัญญาจริงๆแล้ว อาตมาก็ว่า อย่าไปเอาที่ประเด็นกลัวคุณน้อยได้ประโยชน์ ก็ให้เขาทำงาน จริง เขาได้ประโยชน์ด้วยบ้าง แต่มันก็เป็นประโยชน์ส่วนรวมด้วย ถ้าเผื่อว่าถนนนี้โล่ง สะดวกดี มันก็จะเกิดความเร็ว ซึ่งจะไม่ปลอดภัยกับเด็กเล็กหรือแม้แต่คนแก่ คนเฒ่า เพราะมันซิ่งกันมา ก็จะไม่เหลืออะไรกั้น หากไม่กล้าซิ่ง สำนึกรวม รู้สึกโล่งเลย แล้วรถก็ไม่เร็วได้ เป็นเหตุปัจจัยที่ชัดเจนไม่ให้เร็วได้มันก็ดี แต่ถ้าเผื่อว่ามันโล่งสะดวกดีมันก็ดี แต่มันจะอดหรือจะทำให้มันช้าลง ก็อันนี้มันมีการขวางทางอยู่ มันก็ต้องช้าอยู่ดี จะว่าไปแล้ว ตำรวจเขาก็ไม่รู้จะทำไง เขาก็ให้เกียรติ ก็อยู่ที่พวกเราเองจะมีเกียรติตามที่เขายกให้หรือเปล่า ถ้ามีเกียรติก็จัดการกันเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 11:16:42 )

ปัญญาธิกะหรือศรัทธาธิกะเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะเป็นพุทธิปัญญาหมด

รายละเอียด

คุณถามถึงอัครสาวกจะต่างกันไหมก็ไม่หรอกจะเหมือนกัน แม้เป็นสายศรัทธาธิกะจะมาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน สายปัญญาธิกะสายศรัทธาธิกะนั้นเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ลบทิ้ง เป็นปัญญาเต็มที่เป็นพุทธิปัญญาเหมือนกันหมดทุกองค์ พระพุทธเจ้าทุกองค์เป็นพุทธิปัญญาหมดจะเป็นแกนอะไรมาก่อนก็เลิกหมดเลย แกนศรัทธาก็ตามปัญญาก็ตาม วิริยาธิกะไม่ต้องพูดถึงเลย มันก็ต้องเป็นเหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:54:14 )

ปัญญาธิคุณ, พระปัญญาธิคุณ

รายละเอียด

1. การรู้จิตที่จะทำอย่างไรจึงจะลดโลภะ โทสะ โมหะได้ และการรู้เห็นจิตที่มันลดจนมันหมดได้จริง ๆ

2. ความรู้แท้ คือวิชชา คือนามธรรม คือธาตุจิต ธาตุวิญญาณ

3. จิตที่มีคุณลักษณะสร้างสรร ซึ่งเป็นคุณธรรมของพระนารายณ์(พระวิษณุ , พระราม หรือพระกฤษณะ ตามแล้วแต่ปาง)ในตรีมูรติ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 69, หน้า 87,

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 351


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:54:11 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:19:19 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:28:15 )

ปัญญานั้นรู้ชัด วิญญาณนั้นรู้แจ้ง

รายละเอียด

พระมหาโกฏฐิถาม : “ปัญญาและวิญญาณ  ธรรม 2 ประการนี้  ปะปนกัน หรือแยกจากกัน ?  ท่านผู้มีอายุอาจแยกออกแล้วบัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้หรือไม่ ?”

พระสารีบุตรตอบ : “ปัญญาและวิญญาณ ธรรมสองประการนี้  ปะปนกัน  ไม่แยกจากกัน   ผมไม่อาจแยกออก แล้วบัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้  เพราะ..

  ปัญญารู้ชัด(ปชานาติ)สิ่งใด  วิญญาณก็รู้แจ้ง(วิชานาติ)สิ่งนั้น 

  วิญญาณรู้แจ้ง(วิชานาติ)สิ่งใด  ปัญญาก็รู้ชัด(ปชานาติ)สิ่งนั้น 

  ฉะนั้น ธรรม 2 ประการนี้ จึงปะปนกัน ไม่แยกจากกัน ผมไม่อาจแยกออกแล้ว บัญญัติหน้าที่อันต่างกันได้” 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 12  ข้อ 494 , ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:41:16 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:34:46 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:42:30 )

ปัญญานั้นเป็นความรู้ความฉลาดที่พิเศษ มีเฉพาะศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระแท้จริงเท่านั้น

รายละเอียด

ปัญหามันไม่หมด ปัญหาต่างๆ ไม่หมด เพราะไม่มีปัญญา คำว่า ปัญญา คำนี้นี่ อาตมาพยายามบอกต่อโลกว่า ปัญญานั้นเป็นความรู้ความฉลาดที่พิเศษ มีเฉพาะศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระแท้จริงเท่านั้น เรียกว่าปัญญา พยายามอธิบายก็ยังยาก 

ปัญญา 8 ตอนนี้อาตมาขยายไป แน่นอนแล้วว่าจะต้องแบ่งเป็น 2 เล่ม เล่มละ 300 กว่าหน้า เพราะตอนนี้เกือบ 800 หน้าแล้ว ว่าจะตัดครึ่งนึงออกมาพิมพ์ก่อน ลองลิ้มลองดูว่าจะเป็นรสชาติอย่างไร ถ้าคนอ่านแล้วเรียกร้องหาอีกก็ต้องรีบเร่งหาสตางค์มาพิมพ์เล่ม 2 ต่อ แต่ถ้าอ่านแล้วบอกว่าไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ต้องพิมพ์เล่ม 2 

แต่อาตมาคิดว่า มันมีอะไรที่ครบรอบ เอามาขยายความสัมพันธ์ ขยายความ “มี” ให้พิสดาร แล้วเติมความที่ไม่รู้ใน “ความไม่มี” แต่มัน “มี” อยู่ในมนุษยชาติ ให้ได้รู้เต็มๆ ครบๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 09:10:04 )

ปัญญานั้นเป็นองค์รวมที่มีสัญญาอยู่ในปัญญาด้วย

รายละเอียด

มาเข้าสู่คำว่า ฌาน ฌาน ไม่ใช่พลังงานที่มันไปเพ่งอยู่กับที่ แต่ ฌาน เป็นพลังงานที่สว่างจ้า กระจายรอบ รู้เร็ว รู้ไว รู้รอบทิศ รู้แม่น รู้ครบ ฌานเป็นปัญญา ฌานอยู่ที่ไหน ปัญญาอยู่ที่นั่น ซึ่งก็มีคำตรัสของพระพุทธเจ้า ฌาน อยู่ที่ไหน ปัญญาก็อยู่ที่นั่นทั้งนั้น ฌานไม่มี ปัญญาไม่มี ฌาน ที่แปลว่าไม่มีปัญญาเลยคือแม้แต่สัญญาเขาก็ไปดับ สัญญานี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นปัญญานะ ปัญญามันเป็นความครบถ้วน ธาตุรู้ครบถ้วนบริบูรณ์ ส่วนสัญญานั้นเป็นเพียงธาตุเจตสิกที่กำหนดรู้รายละเอียดที่ซอยลงไป ไม่ได้เป็นองค์รวม ส่วนปัญญานั้นเป็นองค์รวมที่มีสัญญาอยู่ในปัญญาด้วย เพราะฉะนั้นสัญญาไม่ใช่ปัญญา 

คำว่า สัญญา ใช้อักษรเป็นพยัญชนะของเศษวรรค สัญญาคือ อัญญะ กับ สะ ส่วน ปัญญา ใช้ตัว ป ปะ เลย ฐานตัวที่ 5 เป็นพยัญชนะตัว ป ปะ ปัญญา เป็น อัญญธาตุ ที่มันเต็มรูปเลย นี่พยายามอธิบายที่เป็นต้นรากบาลี ที่ท่านเอามาเป็นพยัญชนะที่สื่อสภาวะ ที่เขาพยายามเรียนรู้ ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์  เข้าไม่ถึงอาตมาหรอก เขาก็เข้าใจของเขาตามสูตรแผนผังของเขา พออาตมาออกนอกกฎเกณฑ์ เป็นนักดนตรีออกนอก addrip  เขาก็งงเลย ซึ่งอาตมาไม่ใช่ว่าออกนอกเข้าป่าเลยนะแต่กลับเข้ามาในแบบแผนได้สบาย นี่ก็เอาเรื่องของดนตรีการมาประกอบอธิบายบ้าง

คำว่า ฌาน รากศัพท์คือ ฌ กะเฌอ แปลว่า เผา เผาอะไร? เผากิเลส เพราะฉะนั้นฌานต้องมีปัญญารู้จักตัวกิเลส ผู้มีฌานจะต้องมีปัญญาเผากิเลส ฌานไม่มีปัญญาไม่ได้ (แต่เขา)ไปดับให้เหลือแต่สัญญา แล้วแถมยังไปดับสัญญาอีก โง่ดักดาน นั่งหลับตาแล้วก็สะกดจิตให้เป็น อสัญญีสัตว์ แข็งทื่อเป็นลูกศิษย์ อาฬารดาบส อุทกดาบส

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 สิงหาคม 2566 ( 13:22:33 )

ปัญญาปน

รายละเอียด

การแต่งตั้ง , การประกาศให้รู้ , การค้นพบ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 169


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:55:47 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:05 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:28:46 )

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เฉโกประดิษฐ์ 

รายละเอียด

ตอนนี้มันกำลังแสดงผลว่ามันมีผลมาก ผลของการกรอกหู กรอกตาพวกนี้ มันมีผลมากในยุคสมัยนี้สมัยใหม่ ซึ่งมันเป็นการใช้เครื่องมือ แล้วก็ใช้วิธีการ ซึ่งเป็นเทคนิคสมัยใหม่ ที่คนผู้ไม่รู้ทัน เขาเรียกอันนี้อย่างสวยงามเลยนะว่า ปัญญาประดิษฐ์ 

ที่จริงไม่ใช่ ถ้าเข้าใจปัญญาอย่างที่อาตมาอธิบายแล้ว มันไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ แต่มันเป็น เฉโกประดิษฐ์ ใช้ภาษาผิดว่าเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นแล้วก็เรียกมันว่า ปัญญา เพราะฉะนั้น คำพูดก็ผิดแล้ว แล้วเขาก็เอามาใช้ครอบงำคน คนส่วนใหญ่แม้แต่คนไทย เข้าใจคำว่า ปัญญา กับ เฉโก ยังไม่ได้ยังมิจฉาทิฏฐิกันอยู่ด้วย ก็เลยยิ่งงมงายกันไปใหญ่ ยิ่งหลงเลอะเทอะกันไปใหญ่ 

เพราะฉะนั้นนัยยะสำคัญที่ผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ในยุคนี้ก็คือ คำว่าความรู้ความฉลาดที่เป็นปัญญา กับความรู้ความฉลาดที่เป็น เฉโก สงครามระหว่าง เฉโก กับ ปัญญา ตอนนี้ เฉโก กำลังทำท่าว่าจะชนะ นั่นคือการใช้ IO 

IO นี้มาจากคำว่า Information Operation แปลเป็นไทยว่ายุทธการทางข้อมูลข่าวสาร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 12:59:01 )

ปัญญาประดิษฐ์แท้จริงคือเฉโกประดิษฐ์

รายละเอียด

คนทุกวันนี้อยู่กับ AI จริง อยู่ในกล่องพวกนี้เป็นตัว AI 100% เลย เป็นเฉโกประดิษฐ์แต่เขาไปดัดจริตเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ มันเกิดปัญญาไม่ได้ ปัญญาเป็นโลกุตระ เฉโก วัตถุจะมาสร้างโลกุตระไม่ได้ 

และที่สำคัญที่สุดต่างประเทศเทวนิยมไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความรู้โลกุตระ เพราะฉะนั้นมันจะไปสร้างสิ่งที่ไม่รู้จักเลยไม่มี ทั้งๆที่เป็นคนชาวพุทธเองเยอะเลย ยังรับโลกุตรธรรมเข้าไปรู้ในจิตวิญญาณในปัญญา เป็นความรู้ความฉลาดยังไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นมันเป็นอจินไตยเกิน มันเป็นเรื่องที่เกินนึกคิด หรือไกลมาก ค่อยๆฟังค่อยๆติดตามค่อยๆเข้าใจกันไปตามลำดับ ก็จะได้ขยายความไปเรื่อยๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566  แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤษภาคม 2566 ( 11:39:36 )

ปัญญาปันสุขเป็นอจินไตย

รายละเอียด

อย่างอาตมานี่จะพยายามทำให้เกินกว่ากัปของตนเอง ที่จริงอายุขัยมันเกินมาแล้วล่ะ ก็จึงชัดเจนว่าเราทำได้ ก็เป็นปัญญาทั้งนั้น เป็นปัญญาปันสุข อันนี้ก็เป็นอจินไตยนะพูดไป อย่างที่ปัญญาเขาทำ ก็เป็นการช่วยมนุษย์ เก็บช่วยผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เท่าที่เขาจะช่วย แล้วคนอื่นๆจะช่วยกันโดยการบริจาคเข้าไป โดยการที่เขาได้สปอนเซอร์ก็แล้วแต่เป็นกรรมวิธีของโลกเขาก็ทำ เขาก็ช่วยมนุษย์โลกไปอย่างนี้ มันก็เป็นการช่วยแบบโลกียะไง เหมือนพระเจ้าช่วยไปให้เป็นอยู่ด้วยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แต่ไม่มีโลกุตรธรรม มันตกทุกข์ได้ยากตามวิบากของเขาก็อนุเคราะห์กัน วิบากชาตินี้ก็ช่วยกัน ก็จะเป็นวิบากร่วมกัน ก็ช่วยกันไป ปัญญากับคนพวกนี้ก็จะอนุเคราะห์กันชาตินั้นชาตินี้ไปเรื่อยๆ ร่วมกันช่วยกันไปจนกว่าจะเจริญ ใครจะเจริญสูงสุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมดรู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:32:09 )

ปัญญาพระพุทธเจ้าข้อที่ 1 ข้อที่ 2 

รายละเอียด

ไขแน่ มาเป็นปึ๊งเลย เขียนไปแก้ไปทวนไป ฟังซ้ำซากแต่ขยายความออกไปอีก ไม่ใช่ง่าย ปัญญาพระพุทธเจ้าข้อที่ 1 ข้อที่ 2 

ข้อที่ 1 ได้ยินได้ฟังจากพระพุทธเจ้า จากสัตตบุรุษ ต้องฟังอย่างละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้า อะไรพวกนี้ในข้อ 1 

ข้อ 2 ก็อย่างแรง แต่ข้อ 2 คือต้องเข้าไปอีก เข้าไปถามแล้วถามอีก เข้าไปรับทราบอีก เพื่อให้ความรู้นั้นเจริญงอกงามไพบูลย์ จะต้องให้บริบูรณ์ไพบูลย์ ให้เต็ม ไปแล้วไปอีก ไม่ใช่ว่าจะได้เก่งเองทีเดียว ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2566 ( 19:53:09 )

ปัญญาพละ

รายละเอียด

1. กำลังของปัญญา

2. ปัญญาผล

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 71, หน้า 236


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:57:47 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:47 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:29:05 )

ปัญญาพลัง

รายละเอียด

ปัญญา พละ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 114


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:01:39 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:24:51 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:29:35 )

ปัญญาพาสู่นิพพาน

รายละเอียด

ปัญญาพาสู่นิพพาน แต่เฉโก ไม่พาไปสู่นิพพาน จะเป็นความฉลาดของศาสดาองค์ใดก็ตามในศาสนาเทวนิยม กี่ศาสดาประกาศศาสนาเป็นของตัวเองได้ไม่รู้กี่องค์ก็ไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่เรียกว่าปัญญา 

ใน พระไตรปิฎกเล่ม 36 ที่ท่านบอกว่าจะทำให้อาสวะสิ้นได้ด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาก็ทำให้อาสวะสิ้นไปไม่ได้ เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าชัดเจนในบุคคล 7 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:32:23 )

ปัญญาพาให้หลุดพ้นจากกิเลส

รายละเอียด

ก็จะมีความรู้เรียกว่าปัญญาจะพาให้เรารู้ว่าเราติดในโลกีย์ แล้วเราก็ทำออก เรียกว่าเนกขัมมะ แล้วเราก็หลุดออกมาได้จริง จนกระทั่งมีกาละเวลาตกผลึก จนกระทั่งชัดเจนแล้วเราก็ไม่เอา เราก็เห็นใจโลกเขาอย่างไม่ได้ข่มเบ่ง ไม่ได้ไปซ้ำเติมอะไรเขาหรอก แต่ก็บอกให้รู้ว่ามันยังต่ำ มันยังไม่เจริญนะมันยังจะทุกข์ร้อน ก็มีวิธีการพูดสิ่งที่ต้องกดก็กดข่มก็ข่ม นิคคัณหะ แต่ไม่กดไม่ข่มคืออะไรมันยาก แต่ผู้สามารถรู้กายวิญญัติ วจีวิญญัติหรือมโน อาการเคลื่อนไหวของนัจจะ คีตะ วาทิตะ ก็จะอ่านออกว่า อาการเคลื่อนไหวอย่างนี้มันเป็นโลกียะอยู่ อาการเคลื่อนไหวอย่างนี้มันเป็นโลกุตระอยู่ ก็จะอ่านที่ใจของเรา อาการมันจะกลับกันเลย ดูเหมือนแรง เหมือนโกรธมีแรง แต่ใจไม่มีเลยมีแต่สงสาร อย่างนี้คนอ่านไม่ได้ มันเป็นสภาวะสิริมหามายา อ่านอาการ ตามด้วยอาการอย่างกาลามสูตร แล้วมาตีความว่าเราเป็นอย่างนั้น คนนั้นก็น่าสงสาร คนนั้นยึดถือตามอาการ บอกว่าอาการอย่างนั้นคืออาการโกรธ อาการเป็นโลกียะอยู่ เขาก็ตีความตามอาการ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชวันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:57:47 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:36:11 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:44:19 )

ปัญญามี 3 ระดับ

รายละเอียด

สุตมยปัญญา   จินตามยปัญญา  ภาวนามยปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก  วันอาทิตย์ที่  17พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 17:46:49 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:37:03 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:30:20 )

ปัญญามีธรรมฤทธิ์

รายละเอียด

อ่านเวทนาในจิต ดีมาก เข้าใจฐานปฏิบัติ เป็นกรรมฐาน อ่านเวทนาของตนเองนี้เป็นกรรมฐานที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ต้องอ่านเวทนาแล้วก็ปรับ อ่านเวทนาในขณะมีผัสสะ จิตจะเกิดมีสุขทุกข์ แล้วอ่านเหตุแห่งความสุขความทุกข์นั้น รู้ต่อไป นั้นคือ คุณปฏิบัติธรรมเป็นปัญญารู้ 

เหตุมันคือตัวปลอมทั้งนั้น มันเป็นเหตุมันเป็นทุกข์ แต่มันมาหลอกเป็นสุข คุณจะเกิดปฏิภาณปัญญาในการผัสสะ จนกระทั่งปัญญาของคุณมีธรรมฤทธิ์ พอเจอหน้ากิเลส กิเลสมันก็รู้ว่าปัญญามันรู้หน้าเราแล้ว อย่างที่เคยอธิบาย แล้วกิเลสมันจะรีบวิ่งหนีเลย ปัญญารู้หน้าเราแล้ว เจ้าของปัญญานั้น ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า กิเลสมันเห็นหน้าตถาคต กิเลสมันว่า เฮ้ย! ตถาคตเห็นเรา แล้วมันก็รีบวิ่งหนีหูตูบเลย นี่อธิบายเป็นรูปธรรมให้ฟังชัดๆเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วนามธรรมมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย 

ก็ช่วยกันดูแลเอาใจใส่บ้านเมืองประเทศชาติสังคมที่เราร่วมอยู่ด้วย ถ้าสังคมมันเสื่อมเสีย มันทรุด มันไม่ดีไม่งาม เราก็ร่วมอยู่ในสังคมด้วย มันก็ต้องดูแลช่วยกัน ไม่ดูดาย ดีแล้ว ดูดีกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 19:53:25 )

ปัญญามีฤทธิ์ฆ่ากิเลสอย่างไร

รายละเอียด

เป้าประเด็นที่สำคัญที่สุดของศาสนาพุทธ คือศาสนาพุทธต้องมีผัสสะ แต่ไปหลับตานั้นมันออกนอกทางศาสนาพุทธเลย หลับตาปฏิบัตินี้มันโมฆะ  ออกนอกทางไปได้ผลเป็นเดียรถีย์เป็นมิจฉาผล มันก็เลยยึดมิจฉาผลกัน ทุกวันนี้ก็เลยไปเห็นอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์จริง พออรหันต์จริงมาบอก กลับบอกว่าเป็นอรหันต์เก๊ นี่มันซวยอย่างนี้ การปฏิบัติธรรมต้องมีผัสสะแล้วจะรู้อาการของจิตได้ นี่แหละแล้วจะได้ปฏิบัติฌาน วันนี้ตั้งใจว่าจะขยายความคำว่า ฌาน สะกด ฌอ เฌอ สระอา นอหนู นี้ให้ฟังชัดๆ จะมีโอกาสหรือเปล่า เดี๋ยวจะว่าไปเรื่อยๆ 

ต้องอ่านอาการจิตของเราเสมอ มีโพชฌงค์ 7 นะ ต้องมีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ เป็นหลักเลยนะ ขยายขึ้นโพชฌงค์ 7 ก็มาเป็นโพธิปักขิธรรม เป็นสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อย่างนี้เป็นต้น นี้ต้องปฏิบัติอย่างนี้จึงจะเป็นของพุทธ เป็นอปัณณกปฏิปทา 3  ถ้าไม่มีอันนี้ ไปนั่งหลับตาหนีเข้าป่า ออกนอกศาสนาพุทธไปหมด หัวใจเลยก็คือเรื่องสุขเรื่องทุกข์ ศาสนาพุทธนี่ รู้จักสุข รู้จักทุกข์ แล้วก็เข้าใจว่าสุขทุกข์นี่เป็นอนัตตา สุขทุกข์นี่เป็นมายา สุขทุกข์นี่เป็นตัวหลอกล่อให้คนหลงติดอยู่ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้อย่างเทวนิยมนี้ ติดสุข กลายเป็นสุขนิยม เป็นอยู่อย่างนี้ เป็นโลกีย์ ไม่มีทางบรรลุ ไม่มีนิพพาน 

อ่านจิตอ่านกิเลสเป็น นี้ อ่านกิเลสเป็นจริงๆ แล้วจะเกิดความรู้  รู้จักหน้ากิเลส ปัญญาหรือธาตุรู้ของเราที่มันสัมผัสรู้ จะรู้ต่อผัสสะที่เป็นปัจจุบันทุกทีๆ มันยิ่งซ้ำหน้ามันยิ่งรู้ชัด มันยิ่งซ้ำหน้ามันยิ่งรู้ชัด ยิ่งสัมผัสยิ่งซ้ำหน้ายิ่งรู้ชัด ชัดๆๆ ไม่ใช่หนี ต้องเห็นจริง ชัดจนกระทั่งปัญญามันก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ มีธรรมฤทธิ์สูงขึ้น ทำให้กิเลสถอยๆๆ กิเลสไม่รอหน้า กิเลสบอกว่า เฮ้ย! ปัญญามันเห็นหน้าเราแล้ว กิเลสมันจะวิ่งหนีหูตูบเลย นี่พูดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเลยนะ มันเป็นอย่างนั้น มันไม่ได้ไปฆ่าไปแกง ไปทำร้ายอย่างโหดร้ายอะไรหรอก มันเป็นธรรมฤทธิ์ เป็นเรื่องของนามธรรม เป็นปรมัตถ์ที่ยิ่งใหญ่ 

เจ้าแม่กวนอิมนี่ ถ้าจะไปว่าแล้ว นี้เป็นทางสายศรัทธา เจ้าแม่กวนอิมนี้ ไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังอยู่นิรันดร อ่านเนื้อความ อ่านพลความแล้วชัดเจนว่า เข่ง เขาปฏิบัติธรรม ได้บรรลุธรรมนะ พวกเรานี่บรรลุธรรมกันจริงๆ ในสมณะ 4 เหล่า มีในพวกเรานี้แหละ โสดาฯ สกิทาฯ อนาคาฯ อรหันต์ กันจริงๆ เลย อาตมาถึงว่าเกิดมาชาตินี้ทำงานศาสนาแล้วไม่เสียเปล่า ไม่สูญเปล่าทำงานแล้วได้ผล กอบกู้ศาสนาเอาโลกุตรธรรมขึ้นมาได้ แต่ แหม! มันยากเย็นจริงๆ แต่มันก็ได้ พวกเราก็ยังมีบารมีสามารถเรียนรู้และทำได้

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 

 


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 17:55:37 )

ปัญญามีองค์ 6

รายละเอียด

ปัญญามีองค์ 6 คือ  ปัญญา  ปัญญินทรีย์  ปัญญาพละ  ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ องค์แห่งมรรค  สัมมาทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:51:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:38:22 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:30:11 )

ปัญญามีเองไม่ได้ต้องเรียนรู้จากใคร

รายละเอียด

สายเทวนิยม สายเรียนรู้แบบหลับตาวิธีเทวนิยมทั้งหลาย ไม่มีปัญญาเกิดได้หรอก ธาตุรู้ที่เป็นโลกุตระที่เรียกว่าปัญญา ปัญญา 8 ที่อาตมากำลังเขียนอยู่ยังไม่จบนี่แหละ ละเอียดลออชัดเจน ยิ่งเขียนยิ่งเห็นชัดเจนว่า ธาตุรู้เป็นปัญญาที่ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้า แล้วคนก็เอาคำว่าปัญญาไปเรียกกันเลอะเทอะ ซึ่งแท้จริงมันมีไม่ได้ง่ายๆหรอก แม้แต่ ข้อ 1 ไปจนถึงข้อ 8 ในปัญญา 8 มีเองไม่ได้ ต้องได้รับการเรียนรู้จากพระพุทธเจ้า จากสัตบุรุษจากครูที่สัมมาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 12:07:32 )

ปัญญาย จัสส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนติ

รายละเอียด

อาสวะทั้งหลายของบุคคลนั้น สิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 35


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:17 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:31:17 )

ปัญญารวบยอดหรือเจตคติ

รายละเอียด

ขณะนี้ความอะลุ่มอล่วยของพลเอกประยุทธ์มีมาก จนกระทั่งคนบอกว่าทำไมไม่จัดการอันนั้นอันนี้ อาตมาถึงได้เห็นใจพลเอกประยุทธ์ จริง มันควรทำอย่างที่คุณว่า แต่มันก็มีเหตุปัจจัยที่ต้องคำนึงอีก ซึ่งคนพูดคนมองในด้านแต่ละคนก็มองกันไปได้หลากหลาย

ถ้าใครไม่มีปฏิภาณกว้างพอที่จะดูค่ารวมที่มันเกิดขึ้น ค่ารวมความรู้รวบยอด ปัญญารวบยอดหรือเจตคติ หากไม่เข้าใจก็ต้องพยายามฟังผู้ที่เขาเสนอ แม้เขาจะไม่มีตำแหน่งไม่มีใบรับรองไม่มีปริญญาไม่มีใบประกาศนียบัตร ไม่มียศศักดิ์ ไม่มีฐานะทางสังคมอะไร ก็อย่าเพิ่งไปตีทิ้งมากมายนัก ก็รับพิจารณาดูบ้าง เอาเนื้อหาสาระแก่นสารแท้ๆจริงดูว่ามันพอเป็นไปไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:25:18 )

ปัญญารู้จักสงสารแล้วละสงสาร

รายละเอียด

ละความเวียนว่ายตายเกิดจากโลกของ อบายมุข กาม โลกธรรม ชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนที่ไม่มีอบาย แม้กามหยาบๆ กามจัดจ้านอย่างโลกีย์ก็ไม่มี มีเหลือในระดับสกิทาคามีบุคคล มีกามเหลือบ้าง อนาคามีเยอะ กามไม่จัดจ้านแล้ว เหลือแต่รูปราคะอรูปราคะที่พวกคุณอ่านยาก มันไม่มีปัญหาริกรี้ๆ นอกจากระริกระรี้แล้วมีวิบาก ก็เลยยอมมัน แต่ถ้าสู้กับวิบากก็ไปได้ พวกเราฐานจะเข้าสู่อนาคามีแต่ไม่สู้วิบาก ถ้ามันมีอะไรสู้ให้ตาย อย่าไปแต่งงานอย่าไปวุ่นวายเรื่องนี้ อยู่เป็นโสดให้ได้ไม่ตายหรอก คนโสดของชาวอโศกจึงมีเยอะ จนถูกหาว่าพวกนี้จะทำให้คนสูญพันธุ์ อาตมาจึงบอกว่า อาตมาไม่เถียงกับคุณหรอก อาตมาให้คุณมาปฏิบัติก่อน คุณจะลดอันนี้ได้จนไม่ต้องไปแต่งงานก็แล้วกัน แล้วก็จะสบายเป็นพระอรหันต์คุณทำได้ เขาก็ไม่เถียง พวกเรานี้อาตมาเคยพูดไปมากหลายทีแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:49:19 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:39:18 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:33:22 )

ปัญญาวิมุตติ

รายละเอียด

1. ปัญญาที่รู้นั้นเกิดก่อนตัวจิตตัวใน จิตตัวในตามรู้ทีหลัง

2. รู้แจ้งแทงตลอดทั้งที่เกิด ตั้งอยู่ ดับ รู้ทั้งผลอย่างชัด

3. ผู้เข้าใจชัด มีญาณ มีปัญญาจริง ไม่หลงทาง และไม่หลงยึดอย่างงม ๆ คลำ ๆ แน่  ทั้งมีวิมุตติได้แล้วเพราะอาศัยปัญญาอันมีความสิ้นรอบลงไปอุปการะกันและกัน เบื้องต้น ขั้นกลาง บั้นปลายอย่างดี

4. ปัญญาที่หลุดพ้น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 391,

ทางเอก ภาค 1 หน้า 226,

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 202,

ทางเอก ภาค 2 หน้า 367


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:55 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:29:34 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:32:21 )

ปัญญาวิมุติ

รายละเอียด

คือผู้ไม่ต้องถูกต้องวิโมกข์ 8 อันละเอียด เพราะท่านมีกายเป็นปกติ ลืมตาอยู่แล้ว คนลืมตามีกายยู่แล้ว  แต่คนหลับตาสิ  ต้องบอกเขาให้ลืมตามามีกาย  นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  หลับตาไม่ครบกาย  ศาสนาพุทธต้องมีกาย บรรลุไม่มีกายไมได้  เพราะฉะนั้นต้องลืมตาปฏิบัติ ผู้ลืมตา ไม่ได้เป็นคนสติตก  ไม่ป้ำเป๋อ ก็ต้องมี ตา หู  จมูกลิ้น กาย  กระทบสัมผัส ต้องรู้ใช่ไหม เมื่อได้สัจจะของท่านสมบูรณ์แล้วจะยึดก็ได้ ไม่ยึดก็ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:27:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:40:21 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:33:54 )

ปัญญาวิมุติ เป็นไฉน

รายละเอียด

[41] บุคคลชื่อว่าปัญญาวิมุติ เป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้ มิได้ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำเร็จอิริยาบถอยู่ แต่อาสวะของผู้นั้นสิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้ เรียกว่า ปัญญาวิมุต

[41] กตโม จ ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุตฺโต อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล น เหว โข อฏฺฐ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ อยํ   วุจฺจติ ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุตฺโต ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:37:34 )

ปัญญาวิมุติกับพระพุทธเจ้านั้นต่างกัน

รายละเอียด

คำสอนของพระพุทธเจ้าบทนี้มีความลึกซึ้ง ขอยืนยันว่าอาตมาคือผู้ปัญญาวิมุติ ซึ่งมีความแตกต่างจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นผู้อุบัติผู้รู้แจ้งมรรควิธี รู้แจ้งแล้ว แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้แจ้งตาม ส่วนภิกษุผู้เป็นปัญญาวิมุติ ไม่ได้รู้เอง ต้องรับฟังมาจากของพระพุทธเจ้าและเอามาปฏิบัติตามจนบรรลุเป็นปัญญาวิมุติ นี่คือข้อแตกต่างของพระพุทธเจ้ากับปัญญาวิมุติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ปัญญาวิมุติกับพระพุทธเจ้านั้นต่างกัน


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:07:15 )

ปัญญาวิมุติคือผู้ที่เป็นตัดเกรดว่าอรหันต์

รายละเอียด

เรียกว่าเป็นอรหันต์ได้แล้วเพราะคนนี้สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ กายสักขียังไม่สามารถรู้จัก อัตตาตัวเองเต็ม ไม่รู้จักโอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตาได้ครบชัด ทำกามภพ หมดเหลือรูปภพอรูปภพก็ดับได้อีก

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:23:33 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:31 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:34:11 )

ปัญญาวิมุติต้องมีทั้งปัญญาและเจโตด้วยกันใช่ไหม

รายละเอียด

มันมีตัวรู้สัมมาทิฏฐิแล้ว คำว่าเฉลียวฉลาดนี้รอบรู้ความเป็นโลกความเป็นธรรม ความเป็นภายนอกความเป็นภายใน และจริงๆ มันถึงขั้นมีความรู้โลกียะหรือโลกุตระ คนที่เกิดความเฉลียวฉลาดจริงๆว่าโลกุตระคือดีกว่าก็จะไม่ถอย เพราะเข้ากระแสแล้วจะไปถอยทำไม (แสดงว่าต้องได้ทั้งเจโตและปัญญา)ใช่ คำว่าศรัทธาหรือเจโตก็ไม่ได้หมายเอาปัญญา เจโตคือยังไม่มีความฉลาด ต้องมา เรียนรู้ถึงปัญญา เจโตคือธาตุรู้ยังไม่พัฒนาสู่ปัญญาโลกุตระ ปัญญานี้เป็นคำของศาสนาพุทธเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มีปัญญามีแต่เฉโก ศาสนาอื่นมีแต่ดีชั่ว วน ออกมาไม่ได้ ศาสนาพุทธเหนือดีเหนือชั่ว ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก ลดสวรรค์ลดนรก จนหมด นั้นคือผู้มีปัญญาเต็ม ศาสนาพุทธหมดสวรรค์หมดนรก เทวนิยม แม้ที่สุด พระเจ้าคือเจ้าของสวรรค์ คนตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:48:34 )

ปัญญาวิมุติเป็นตัวจบหรือไม่

รายละเอียด

เจโตวิมุติก็จบได้ ปัญญาวิมุติก็จบได้ แต่ ถ้าเจโตวิมุติ คือ จิตมันดับไปตะพึดตะพือ เจโตนี่มันไม่มีปัญญา ไม่ได้แยกแยะมันดับทางจิต ดับไปเรื่อยๆก็ดับได้เหมือนกันเรียกเจโตวิมุติ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีปัญญา รู้ว่าเราไม่ใช่ดับทั้งยวงของจิต แต่ดับเฉพาะกิเลส ต้องแยกแยะกิเลสออกจากจิต แล้วก็ดับเฉพาะกิเลสให้ได้ จิตก็ยิ่งจะใสสะอาดมากขึ้นเป็นอย่างนั้น สิ่งหนึ่งเกิดสิ่งหนึ่งตาย เพราะฉะนั้นวิมุติของศาสนาพุทธหรือว่าทำฌานกำจัดกิเลสได้  ฌานหรือวิมุติได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 18:56:15 )

ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร

มาเข้าเรื่องบุคคล 7 บุคคล 9 ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า 2 บุคคลนี้ยกไว้ยังไม่ต้องพูดถึง ศึกษาไปตั้งแต่ขั้น อุภโตภาควิมุติ มาจนถึง สัทธานุสารี จำภาษาบาลีไว้บ้าง อุภโตภาควิมุติ ปัญญาวิมุติ กายสักขี ทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุติ ธัมมานุสารี สัทธานุสารี (ไล่จากสูงลงมา)

ทีนี้มาไล่ 7 สองอันแรกยกไว้แล้ว คือไล่ตั้งแต่ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ ทิฏฐิปัตตะ กายสิกขี กายสักขี ปัญญาวิมุตติ อุภโตภาควิมุติ อาตมาขอถามพวกคุณนิดนึง ปัญญาวิมุติ กับ อุภโตภาควิมุติ ใครสูงกว่ากัน...อุภโตภาควิมุติ 

ที่จริงแล้ว อุภโตภาควิมุติ นั้นต่ำกว่าปัญญาวิมุติ เห็นไหมว่าสิริมหามายา เป็นอย่างนั้น เพราะ อุภโตภาควิมุติ ยังไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้นจึงต้องไปอีกขั้นหนึ่งไปถึงอุภโตภาค ก็ค่อยได้ปัญญา เพราะเป็นสายเจโตเป็นสายศรัทธา อุภโตภาควิมุติ คือ สายสัทธานุสารี แล้วจะต้องใช้ปัญญาพัฒนาตัวเองจนถึงขั้น 7 จึงบรรลุ อาสวะสิ้น 

ส่วน ปัญญาวิมุติ อาสวะ สิ้น ตั้งแต่ขั้นที่ 6 แล้ว เป็นความลึกซึ้งซับซ้อน ฟังดีๆจะชัดเจน เพราะฉะนั้น สายปัญญาจึงตรัสรู้เร็วกว่าสายศรัทธา พระพุทธเจ้าสายปัญญา เป็นต้น อาตมาสายพระพุทธเจ้า สายพระสารีบุตร ไม่ใช่สายพระโมคคัลลา นี่เป็นความซับซ้อน ลึกซึ้ง มาไล่ให้ฟัง เอาตามพระไตรปิฎกเลย แล้วหยิบคำต่างๆมาเทียบให้ฟังเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:42:56 )

ปัญญาวุฑฒิ 4

รายละเอียด

คือธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา

1. สัปปุริสลังเสวะ (คบหาสัตบุรุษผู้ที่ -มีความคิดเห็นถูกต้อง)

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังคําสั่งสอนของคนดี)

3. โยนิโสมนสิการ (ทําไว้ในใจอย่างแยบคาย -พิจารณาลงไปถึงที่เกิด)

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ(ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “อาปัตติภยวรรค” ข้อ 258


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 21:11:43 )

ปัญญาวุฑฒิ 4 (ความเจริญด้วยปัญญา)

รายละเอียด

คือธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา

1. สัปปุริสสังเสวะ (คบหาสัตบุรุษผู้ที่มีความคิดเห็นถูกต้อง, รู้จักคบบัณฑิต)

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังคำสั่งสอนของคนดี, ฟังสัทธรรม)

3. โยนิโสมนสิการ (ทำใจในในอย่างแยบคายพิจารณาลงไปถึงที่เกิด, การกระทำลงในใจโดยแยบคาย)

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21  "อาปัตติภยวรรค"  ข้อ 248, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:48:54 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:50 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:44:57 )

ปัญญาวุฒิ 4

รายละเอียด

ต้องมีการสัมผัสสัมพันธ์กับหมู่กลุ่มกับข้างนอกด้วย ไม่ใช่ไปเกิดจากการนั่งหลับตาทำสมาธิให้สงบสนิทแล้วปัญญาจะโผล่ขึ้นมาเอง อันนี้น่าสงสารมันห่างไกลจากสัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่รู้กี่พระสูตร ไม่ว่าจะปัญญา 6 หรือปัญญาวุฑฒิก็ตาม 

1. สัปปุริสสังเสวะ (รู้จักคบบัณฑิต  คบหาสัตบุรุษ) .

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังสัทธรรม)  

3. โยนิโสมนสิการ (กระทำลงในใจโดยแยบคาย) . .  

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)  

 ก็ได้แต่เตือนไป ท่านก็ไม่เงี่ยหูฟังสักนิดกันเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฏก  เล่ม 21 ข้อ 248


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:33:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:43:17 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:34:29 )

ปัญญาวุฒิ 4 มีอะไร

รายละเอียด

1. สัปปุริสสังเสวะ (รู้จักคบบัณฑิต คบหาสัตบุรุษ) เสวนากับสัตบุรุษ 

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังสัทธรรม) ก็คือฟังธรรม 

3. โยนิโสมนสิการ (กระทำลงในใจโดยแยบคาย) จึงจะเข้าใจการทำใจในใจอย่างถูกต้องถ่องแท้ถึงที่เกิดที่ตาย ถึงที่เกิดเลย คำว่า โยนี หมายถึงอวัยวะเพศหญิงที่ให้เกิดคนมาเลย คนออกมาจากที่นั้นเป็นต้น นี่คือพยัญชนะกับสภาวะต่างๆมีระบุ เมื่อสามารถโยนิโสมนสิการได้จึงเกิดการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม) ถ้าไม่มีโยนิโสมนสิการก็ไม่มีสัมมาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 18:45:42 )

ปัญญาวุฒิ 4 อย่างไรคือผู้ที่มีความสูงส่งด้วยปัญญา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในปัญญาวุฒิสูตร 

1. สัปปุริสสังเสวะ (รู้จักคบบัณฑิต คบหาสัตบุรุษ) .

2. สัทธัมมัสสวนะ (ฟังสัทธรรม)  

3. โยนิโสมนสิการ (กระทำลงในใจโดยแยบคาย) . .  

4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)  

(พตปฎ. เล่ม 21   ข้อ 248)  

ผู้ที่ไม่ได้พบสัตบุรุษอย่างบริบูรณ์เมื่อพบพระพุทธเจ้าได้ฟังจากพระโอษฐ์ หรือไม่ได้พบผู้ที่อยู่ในฐานะครูที่สัมมาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นต้องได้คบสัตบุรุษบริบูรณ์ ได้ฟังธรรมที่บริบูรณ์แล้ว ถึงจะทำการโยนิโสมนสิการได้บริบูรณ์ เห็นไหม ในอาหารสูตร เพราะอยู่ๆ จะโยนิโสมนสิการได้ทันทีนั้น มันผิด 

เพราะฉะนั้นในปัญญาวุฒิสูตร พบสัตบุรุษ ฟังสัทธรรม ต้องบริบูรณ์ คุณจึงจะถึงขั้นโยนิโสมนสิการได้บริบูรณ์ ถึงจะรู้จัก อัตตา รู้จักทิฏฐิ ที่สัมมา แล้วอย่าประมาทนะ ในรายละเอียดต่างๆทำเป็นเล่นไปไม่ได้ จึงจะถึงโยนิโสมนสิการ 

เมื่อคุณโยนิโสมนสิการได้แล้วคุณจึงจะปฏิบัติธรรมะไปเป็นลำดับได้ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ เห็นไหมชัดเจนไหม ผู้ที่มีความสูงส่งด้วยปัญญาเรียกว่าปัญญาวุฒิ 

ขออภัยเหมือนอย่างอาตมา ปัญญาวุฒิ อธิบาย 4 ข้อนี้ได้ละเอียดกว่าธรรมดาที่เคยอธิบาย ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นธรรมะเมื่อไม่ปฏิบัติสมควรแก่ธรรมตามธรรมไปตามลำดับทำอย่างขาดวิ่น ถูกหั่นทิ้งไปไม่ได้ ลัดขั้นตอนไม่ได้ อนุ แปลว่า เป็นไปตามลำดับ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ไม่อย่างนั้นมันตัดลัดความไปหมดเลย 

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสถึงความมหัศจรรย์ข้อที่ 1 ลาดหลุมยิ่งกว่าฝั่งทะเล เห็นไหมความมหัศจรรย์ข้อที่ 1 อาตมาอธิบายข้อเดียวจะหมดเวลาชั่วโมงกว่า เห็นไหม เห็นความละเอียดลออแห่งความลึกซึ้ง ของธรรมะพระพุทธเจ้าใหม่ ฟังรำคาญหรือเปล่า ...ไม่ ฟังแล้วได้ความลึกซึ้งเพิ่มหรือเปล่า ..ได้ จะมาแกล้งยอฉันว่าฉันเป็นดวงจันทร์ที่ถูกเมฆบังหรือเปล่า?

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 06:45:52 )

ปัญญาสลายกิเลสเฉโกสร้างชาติ

รายละเอียด

ปัญญา สลายกิเลสจนสิ้นสะอาดเกลี้ยง ถ้าหากไม่เป็นปัญญา แต่เป็นเฉโกที่หลงผิดก็สร้างชาติ เมื่อมาเป็นโลกุตระก็ล้างชาติ คุณก็เก่ง สัญญาคุณก็บริบูรณ์แทนที่จะเป็นสัญญาแบบดับ คุณก็ล้างกิเลสรูปฌานไปหมด เผาหมด มาจนกระทั่งถึงอุเบกขาเป็นฐานนิพพาน สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสเป็นอุเบกขา บริสุทธิ์สะอาดจากกิเลส มีความเก่งทั้ง เจโตและปัญญา มุทุ เร็ว กระทั่งสามารถทำกรรมการงาน ทุกกรรมกริยา ทุกกรรม พระโพธิสัตว์จะเก่งเป็นผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้เรื่อยๆ เก่งไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:11:28 )

ปัญญาสัมปทา

รายละเอียด

ถึงพร้อมด้วยปัญญา

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 168


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:08:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:31:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:45:18 )

ปัญญาสูตร

รายละเอียด

จะมีปัญญาได้ ประเด็นสำคัญต้องได้รับการถ่ายทอด รู้เองไม่ได้ เกิดเองไม่ได้ อ.บูรพาหรือหลายๆอาจารย์ที่อยู่ในสำนักนั่งหลับตาจะบอกว่าปัญญาจะเกิดเอง คุณต้องมีสมาธิก่อน เขาไปเอาศีลสมาธิปัญญามาใช้ โดยเข้าใจตื้นๆว่าต้องนั่งสมาธิให้เกิดสมาธิก่อนให้จิตนิ่ง อย่าไปคิดนึก ถ้าหากคิดมันจะไม่เกิดปัญญา ต้องโพล่งขึ้นมาเอง ซึ่งความจริงไม่ใช่เลย ปัญญาจะเกิดได้พัฒนาได้ต้องมีผัสสะ ต้องมีมรรคมีองค์ 8 ต้องมีทำวิจัยสัมโพชฌงค์ต้องมีสัมมาทิฏฐิ จะเกิดปัญญา แล้วก้าวหน้าเป็นปัญญินทรีย์แล้วก้าวหน้าเป็นปัญญาพละได้ จะต้องมีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ ต้องมีสัมมาทิฏฐิ เป็นองค์แห่งมรรค 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:46:37 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 02:45:38 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:35:34 )

ปัญญาสูตร

รายละเอียด

คือเหตุปัจจัย 8 ประการเพื่อเป็นที่เกิดแห่งการได้ปัญญา

เหตุปัจจัยข้อที่ 1 อาศัยพระศาสดาหรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครูที่มีความรักความเคารพ ย่อมเป็นไปเพื่อปัญญา

เหตุปัจจัยข้อที่ 2 อาศัยการเข้าไปหาผู้อยู่ในฐานะครูที่มีความรัก ความเคารพ เข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถาม เรื่องภาษิตนี้   เนื้อความแห่งภาษิตนี้  ท่านก็จะเปิดเผย ทำให้แจ้ง ข้อที่สงสัญที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการได้

เหตุปัจจัยข้อที่ 3 เมื่อเธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือความสงบกาย  และความสงบจิตให้ถึงพร้อม

เหตุปัจจัยข้อที่ 4 เธอเป็นผู้มีศีล  สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วย  อาจาระและโคจรมีปกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย  สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

เหตุปัจจัยข้อที่ 5 เธอเป็นพหูสูต  ทรงจำสุตะ  สั่งสมสุตะ พหูสูตไม่ใช่แค่จำได้มาก แต่เพราะว่ามีปัญญาแท้แล้ว เข้าใจแล้ว พวกจำได้มากรู้มา เรียนมาก ก็เป็นปทปรมบุคคลได้ สอนคนก็มากแต่ไม่ได้บรรลุ เป็นบัวใต้ตม ใต้ตึก  สอนคนอื่นให้บรรลุก็มี  น่าสงสารเป็นบัวใต้ตึก เป็นผู้ได้ยิน ได้ฟังมากทรงจำไว้คล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดี ด้วยทิฎฐิ  ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น  งามในท่ามกลางงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์  พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์  บริบูรณ์สิ้นเชิง

เหตุปัจจัยข้อที่ 6 เธอย่อมปรารถความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง  มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม

เหตุปัจจัยข้อที่ 7 เธอเข้าประชุมสงฆ์  ไม่พูดเรื่องต่างๆ  ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง  ย่อมไม่ดูหมิ่น การนิ่งอย่างพระอริยเจ้า

เหตุปัจจัยข้อที 8 เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 ว่า  รูปเป็นดังนี้  ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้  ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ สัญญาเป็นดังนี้ สังขารเป็นดังนี้ วิญญาณเป็นดังนี้  ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้  ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฏก เล่ม 23 ข้อ 92


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:01:30 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:14:34 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:35:21 )

ปัญญาสูตร

รายละเอียด

คือ ข้อ 92 ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุ 8 ประการปัจจัย  8 ประการนี้  ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้  เพื่อความงอกงามไพบูลย์ เจริญบริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว  8 ประการเป็นไฉน

1. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู  ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย  ความเกรงกลัว  ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อปัญญา ฯลฯ  เพื่อความบริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว

สมณะโพธิรักษ์ว่า  ครูในที่นี้  คือ  สัตบุรุษ  เช่น สยังอภิญญา  ผู้มีภูมิของตนเองมาแต่ชาติก่อน  ชาตินี้อย่างอาตมามีภูมิแล้ว ได้ข้ามชาติมา ในชาตินี้ก็ไม่ได้ไปรับจากใคร  แต่ไม่ได้เป็นสยัมภูอย่างพระพุทธเจ้านะ  อาตมาเจียมตัวเป็นโพธิสัตว์ระดับ  7  บุรุษ  คือ คน  แล้วมี  สต  คำว่า  สต คือ 7 อธิบายขยายไปอีก  7  คือ  พลังงาน   หากเป็นรูปธรรม  พยัญชนะชัดๆ  คือ  โพธิสัตว์ระดับ 7 เลข 7  เป็นเริ่มเส้าที่ 3 พลังงาน  ISH  คือเส้าที่ หนึ่ง  I  คือ  ฉัน  S  สูตรพลังงานลักษณะผู้หญิง  H  เป็นพลังงานลักษณะผู้ชาย  7 เริ่มเส้าที่ 3  แม้มีหน่วยเดียว  แต่ควบคุมพลังงานอีก  สองเส้าได้ หากเพิ่มเป็น  8  เป็น 9 จะเป็นสามเส้าที่ครบ  ซ้อนไปเรื่อยๆ  หากเป็น 10 ก็เป็นตัวแทน  พระอรหันต์ก็เป็น สิบ  เป็นตัวศูนย์ที่จบถ้าไม่จบคุณก็เป็น  11  (เรียก สิบหนึ่งไม่ให้ออกเสียงใกล้กับสิบเจ็ด ) ก็อีก 1 ขึ้นมา เป็น 7 ซึ่งเป็นพลังงานที่แข็งแรง  จาก 3  ก็คือ  พลังงานสามเส้า วงวน หากพลังงานนี้ไม่ลดไม่เพิ่มจะอยู่ไปนิรันดร  หากว่ามันมีตัวด้าน  Resistant   ก็จะชรตาเสื่อมลง  แต่ถ้ามีแรงเพิ่มทศนิยมเพิ่มจะอยู่ไปอีกนาน  ยิ่งพลังงานที่เป็น 4  ก็ยังไม่แรงพอ  ยังไม่แน่ใจ  ถ้าเป็นพลังงานระดับ  5  จะเป็น + 2 ก็จะยังไม่ค่อยมั่นใจ  มันต้องเป็น 6 ถ้าเป็น 6 แล้วจะกลายเป็นสองเส้า  ระดับคูณเขาถึงเรียกพลังงานระดับคูณว่าเป็น  Coefficient     ถ้าผู้ใดทำ 6 ให้เป็น 7 ได้  ก็มีแรงดันมหาศาลที่จะควบคุม 6 นี้ให้ไปเป็น 8  เป็น 9  ขึ้นไปอีกเส้าหนึ่งได้ไว  จึงเป็นอัตตราการก้าวหน้าขึ้นสัมประสิทธิ์  Coefficient  พอ  พอเข้าใจนะ  อาตมาพยายามอธิบายเป็นภาษาไทย  เป็นเชิงคณิตศาสตร์   พลังงานที่มันทดขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างไร  พลังงาน 6  เป็น สองเส้า  ยิ่งพลังงาน 7  เกินจากสองเส้า 6 ยิ่ง 8 ก็เก่งใหญ่  9 ครบยกกำลังเป็น 3 ยกกำลัง 2  คือ เอา 3 x 3 เป็น 9  แต่ถ้า  3 + 3  ก็ได้แค่ 6

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:59:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:22:19 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:40:21 )

ปัญญาสูตร

รายละเอียด

ปัญญาสูตร  ล 23 ข 92 

 [92] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุ 8 ประการ ปัจจัย 8 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงามไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว 8 ประการเป็นไฉน

1.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:52:01 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 1

รายละเอียด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว อาตมาอยู่ในฐานะครู หากคุณไม่ได้ฟังจากสัตบุรุษที่ตั้งในฐานะครู ที่พูดโลกุตระให้ฟัง ผู้มีโลกุตระจึงถือว่าเป็นครูแล้วก็ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองมีเท่านั้น อย่าไปโชว์เกินกว่าที่ตนเองมี ถ้าจะบอกก็ต้องบอกว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจับได้ว่าไม่จริงถ้าบอกว่าเป็นของตัวเองแล้วตัวเองมีไม่จริง ซึ่งลึกซึ้งมากเลย ต้องอาศัยผู้ที่อยู่ในฐานะของครูที่เราจะไปตั้งความละอาย ละอายต่อบาป ละอายต่อสิ่งที่ไม่ดีงาม กับพระพุทธเจ้าเป็นต้น กับครูเป็นต้น เหมือนกับพ่อแม่ที่เราไม่ต้องอาย เรามีความผิดความบกพร่องก็ไปถามพ่อแม่ถามครูถามพระศาสดา ไปเปิดเผยความโง่ ไปเปิดเผยความไม่รู้ของตน แล้วก็ละอาย แต่ไม่ต้องอายครูอายศาสดาที่จะไปเปิดเผย แต่หากอายครูก็จะไปรู้อะไร มีคำพังเพย อายครูบ่รู้วิชาอายภรรยาไม่มีบุตร แต่ภาษาว่า เข้าไปตั้งความละอาย คุณละอายที่ตัวเองมีบาป แต่อย่าละอายกับครูกับพระศาสดา เป็นภาษาสิริมหามายาพูดสลับไปสลับมา แต่พวกเราไม่สับสนเข้าใจแล้วไม่สับสน ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า มันจะไม่ค่อยกล้าเข้าหาครูหาศาสดา เพราะอายที่ตัวเองมีบาป แต่ไม่ต้องอาย สู้กับความอายเข้าไปหาครูหาพระศาสดา ที่เคารพรักอย่างแรงกล้า นี่เป็นข้อที่ 1 เป็นเหตุปัจจัยข้อที่ 1 ที่ย่อมเป็นไปเพื่อปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:29:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:28:45 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:37:23 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 1

รายละเอียด

1.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว

ปัญญาข้อที่ 1 ต้องได้รับได้ยินได้ฟังจากพระโอษฐ์จากพระศาสดาหรือผู้อยู่ในฐานะครู ที่เป็นสัตบุรุษหรือเป็นผู้ที่สืบทอดผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิถูกต้องจริง เป็นพระอริยะแท้ๆ เป็นต้น 

เมื่อท่านพูดท่านบอกความจริงโลกุตรธรรมให้ความรู้ขั้นปัญญานี้แล้ว ผู้ที่ได้ยินนั้นจะรู้สึกละอายเลย ประเด็นแค่นี้มันยากมากเลยที่อาตมาจะอธิบายถึงความจริงขึ้นมาได้ แต่ความจริงมีอยู่ให้เห็น แต่เขาไม่ละอาย เพราะเขายังไม่เกิดปัญญา ถ้าเขาเกิดปัญญาเขาจะละอาย ฟังเข้าใจขึ้นไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 13:55:00 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 1 ใน 8 ข้อ

รายละเอียด

คือการเข้าไปหาบุคคลที่ตั้งอยู่ในฐานะครู  อย่างมีความละอาย เกรงกลัว  ด้วยความรัก ความเคารพ  สมณะโพธิรักษ์ กล่าวว่า เรายกไว้ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้เกิดในยุคนี้   ก็ต้องหาคนที่เราถือว่าเป็นที่ยอมรับ ว่าเป็นคนในฐานะครู  แต่ละคนตัวเองก็ต้องมีเครื่องมือตัดสิน คุณชอบใครเป็นครู  ใครชอบลางเนื้อชอบลางยา ใครชอบคนไหน  ก็ยกให้เป็นครู  ไม่ได้แย่งกันหรอก  อาตมาก็มีผู้ที่จะฟังอาตมา เห็นว่า  อาตมาควรจะเป็นครู คุณก็มา แล้วคุณก็ไม่ไปฟังสิ่งที่คุณไม่เอา ไม่เป็นครู คนที่เขาไปอย่างโน้นไปเอาอย่างโน้นเป็นครูก็ไม่มาเอาทางนี้  มันก็ไม่แปลก จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า  แล้วคนไหนจะเป็นครู  ตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้อย่างสัมมาทิฏฐิ   อันนั้นคือ สัจจะ  อันนี้ก็ตัวใครตัวมันจริงๆ  แล้วก็ไปเชื่อคนอื่น  คนอื่นแนะนำบ้าง คุณก็ต้องฟังเขาบ้าง แต่ถ้าคุณเชื่อตัวเองก็ไม่เป็นไร  คุณก็เลือกเอา คุณอยากเชื่ออันนั้นก็ไปทำอันนั้นก่อน  จนกระทั่งคุณสุดท้าย รู้อันนั้นจบ  ถ้าอันนั้นมันเป็นความจริง  คุณก็จบอยู่นะ แต่ถ้าอันนั้น มันยังไม่ใช่ความจริง มันก็ไม่จบจริง  คุณก็จะรู้ว่ามันยังไม่ใช่คุณ  ก็ต้องตามหาอันใหม่อยู่ดี  แล้วคุณก็ต้องไปเสียเวลา ก็เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 14:02:39 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:32:23 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:46:31 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 2

รายละเอียด

2. เธออาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้านั้นแล้ว เธอเข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่าข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการแก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 2 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

ผู้ที่เห็นความจริงก็จะเข้ามาหา แล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ตอนนี้เรียกใหม่ ไม่เรียกโพธิรักษ์เฉยๆ แต่นี่ว่า ข้าแต่ผู้เจริญ  ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผย ข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:06:27 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 2 เมื่อเข้าหาผู้เป็นฐานะครูแล้วสอบถามภาษิตเป็นครั้งคราว

รายละเอียด

คือ  หากคุณแน่ใจว่าผู้นี้อยู่ในฐานะของครูแล้ว  ควรจะต้องเข้าไปตั้งฐานะของความละอาย  ตั้งความเกรงกลัว  แล้วให้ความรัก  เคารพอย่างแรงกล้า  ฟังดูเหมือนว่า พระพุทธเจ้าสั่งให้ทำแบบนี้  แต่ไม่ใช่หรอก  ศาสนาพระพุทธเจ้าให้อิสระ  เสรีภาพ  ในวิชชาจรณสัมปัณโณ  เริ่มจาก  สังวรศีล  และอปัณณกธรรม  3  มามี สัทธรรม  7  ศรัทธา  มีความเชื่อความเข้าใจ  คุณเป็นเอง รู้เข้าใจ  อันนี้พูดแล้วรู้เรื่องเข้าใจนะ เชื่อ  ถ้าคุณมีคุณลักษณะอย่างนี้จริง  ฟังแล้วรู้  คนนี้พูดรู้เรื่อง  จริตภูมิธรรมที่เข้ามานี้ ที่มารับรู้ได้ มีจริตอย่างนี้  ส่วนคนที่ไม่มีภูมิธรรม  ไม่มีสนิทอย่างนี้  คุณก็ไปฟังที่อื่น ก็แยกกันไป ไม่แย่งกันดี  ไม่อย่างนั้นก็มาทางนี้หมด  อาตมาทำไม่ไหวหรอก  คุณฟังแล้วเข้าใจ  มีความเชื่อคุณก็จะมาฟัง  คุณจะเป็นเอง  คุณจะรัก คุณจะเคารพอย่างแรงกล้า  รักครูผู้นี้  เคารพครูผู้นี้อย่างแรงกล้า  อย่างจริตแต่ละคนมันไม่มี ใครทำเกินกว่าความเป็นจริงของตนหรอก  มันจะเป็นจริงตามนั้น  อันนี้อันที่ 1  เนื้อความของปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 14:08:57 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:26:02 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:38:28 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 3

รายละเอียด

3. เธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือ ความสงบกายและความสงบจิต ให้ถึงพร้อม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 3 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

เป็นความสงบที่เป็นโลกุตระ มันเป็นความสงบที่ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย คำว่า กายสงบไม่ได้หมายถึงร่าง ส่วนกายไม่ใช่ร่าง แต่กายนั้นมีความเป็นร่างด้วย จริงๆแล้ว ความสงบไม่ได้หมายความว่า ร่างสงบ แต่กายสงบไม่ได้หมายความว่า เอาสรีระสงบ ฟังให้ชัด กายสงบ ไม่ได้หมายความว่า ร่างข้างนอก body ข้างนอก ดินน้ำไฟลมข้างนอกสงบ สงบคือมันอยู่เฉยๆ ก็ไม่ใช่ เพราะว่ามันมีเหตุให้สงบคือตัวที่ทำให้ไม่สงบหายไปมันไม่มีในกายอีก ตัวที่ทำให้ไม่สงบหายไปในจิต ร่างนี้จึงคล่องแคล่วว่องไว ยิ่งสงบจากกิเลส กิเลสมันไม่มีในกาย กิเลสมันไม่มีในจิต กายก็ยิ่งคล่องแคล่ว กายปาคุญญตา จิตก็ยิ่งคล่องแคล่ว จิตปาคุญญตา ใช้บาลีอันนี้ให้คนเชื่อมากขึ้นหน่อย

เพราะฉะนั้นในความสงบจึงไม่ใช่เรื่องสามัญง่ายๆ สงบกายสงบจิตถึงไม่ได้พาซื่อนี่แหละจึงจะเรียกว่าต้องรู้จักด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาก็เข้าใจความสงบกายสงบจิตไม่ได้ง่ายๆก็จะไปพาซื่อเอาร่างสรีระสงบนี่คือกาย จิตสงบก็คือจิตหยุดอยู่นิ่งๆจิตอยู่เป็นหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:14:59 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 4

รายละเอียด

4.เธอเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรมีปรกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 4 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯเพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

จิตสงบขึ้นมาพอสมควร แต่ก่อนนี้มันไม่มีฉันทะ ไม่มีความยินดี มันไม่มีความละอายความเกรงกลัว ไม่มีความรักเคารพ ตอนนี้จิตมันสงบเพราะ มีความยินดี แล้วมันก็เกิดปัญญาเกิดความเฉลียวฉลาดชนิดใหม่ เพราะมันละอายแล้ว แต่ก่อนนี้เราไปยึดถือความฉลาดที่ไม่ใช่ปัญญา ตอนนี้มีผู้มาแสดงความฉลาดที่เป็นปัญญา ก็เลยละอายแล้วก็เกรงกลัว รักเคารพ อย่างแรงกล้า เข้ามาตั้งใจฟัง แต่ก่อนนี้จิตใจมันดื้อ มันแย้ง มันสู้ ไม่เชื่อ ว่าจะเป็นการกล่าวถูก ตอนนี้พอเกิดปัญญาข้อที่ 3 นี้แล้วก็มีความสงบ ละอายแล้ว เกรงกลัวแล้ว รักและเคารพแล้ว ก็จะฟัง

จะฟังก็คือ จะได้ฟังเรื่องศีล

จะเริ่มเชื่อจะเริ่มเป็นจริงว่า ศีลนี่แหละ จะเป็นตัวต้นที่จะพาเราเจริญต่อไป อาตมาเคยย้ำเคยพูดว่า ทุกวันนี้หาสังคมที่มีศีล เป็นสังคมคนมีศีลไม่ได้ แต่อาตมา มาทำให้ เกิดสังคมมีศีล จนเป็นหมู่บ้านชุมชนของคนมีศีลจริงๆ อย่างต่ำศีล 5 แล้วก็มีกว่าศีล 5 จุลศีล มัชฌิมศีล มีศีล 5 8 10 จุลศีล 26 ก็ไล่ไป เห็นความสำคัญของศีล และเอาศีลเป็นตัวตั้ง ปฏิบัติ อปันกธรรม 3 จะเกิดสัทธรรม 7 เกิดฌาน เป็นจรณะ 15 มีวิชชา 8 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:39:59 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 5

รายละเอียด

เมื่อเอาศีลมาปฏิบัติ 5. เธอเป็นพหูสูต ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมากทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 5 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว 

อาตมาก็คือพหูสูตคนหนึ่ง ที่พยายามที่จะมาสืบทอดคำสอนพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:05:39 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 6

รายละเอียด

6. เธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 6 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

อาตมามาดูตัวเอง เราเป็นไหม อาตมาว่าอาตมาเป็นอยู่ ไม่ได้ทอดธุระเลย แต่ละเวลา จะกิน จะนอน จะนั่ง แม้หลับก็ไม่ได้ทอดธุระเลยในเรื่องธรรมะ บากบั่นพากเพียร ที่จะเอาสิ่งเหล่านี้มาขยายความในธรรมะโลกุตระ ให้ทุกคนได้เข้าใจ ให้รู้ เลิกละอกุศลธรรมไปสู่กุศลธรรมจริงๆ พากเพียรจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:07:39 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 7

รายละเอียด

7. อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 7 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

รายละเอียดข้อที่ 7 นี้ยากมากเลย ที่จะอธิบาย 

เมื่ออยู่ในหมู่สงฆ์ ที่ประชุมสงฆ์เรียกว่า สภาของบัณฑิต ก็จะนิ่งจะเงียบ ไม่พูดเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ สงวนท่าที มีโอกาสก็แสดงธรรมเองบ้าง เชื้อเชิญให้ผู้อื่นแสดงบ้าง ใครที่ไม่พูดเลยนิ่ง ก็ไม่ไปดูหมิ่นดูแคลนอะไร ก็ทำตนเป็นพระอาริยะ อาตมาทำตนเหมือนไม่เป็นพระอาริยะ ไปดูแคลนดูถูกดูหมิ่นผู้ที่เขาพูดอยู่ในสภา ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆมันไม่รู้จะทำอย่างไร พูดเขาไม่เชื่อ ไม่บอกก็ไม่ได้ ก็ต้องบอก ว่าเรานี่แหละเป็นผู้รู้ เรานี่แหละเป็นผู้ถูก ของคุณนั้นมันผิดหมด มันก็เลยยิ่งน่ากลัวน่าเกลียดใหญ่เลยว่าไปดูถูกเขาว่าผิดหมด อาตมาก็พูดความจริง ก็มันยิ่งยาก ไม่พูดก็ไม่ได้เพราะมันถึงยุคนี้แล้ว เป็นยุคที่มันไม่มีแล้วมันผิดไปหมด พูดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองนี้ทำไมไปตีทิ้งเขาหมด มันมีบ้างที่ถูก แต่มันไม่อยู่ในกลุ่ม พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเกิดมาในยุคนี้ต่างคนต่างมีมานะ จะว่าไปอาตมาก็มีมานะของอาตมา คนอื่นเขาก็มีมานะกันทั้งนั้น มันก็เลยพูดกันไม่รู้เรื่อง ข่มกันอยู่ ข่มก็ข่มไป ใครจะข่มกันลงได้ก็เอา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:11:32 )

ปัญญาสูตร ข้อที่ 8

รายละเอียด

8. อนึ่ง เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 ว่ารูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ ... สัญญาเป็นดังนี้ ... สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ ... วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 8 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

คำว่ารู้เห็นความเกิดความดับ ภาษามันฟังง่ายๆ แต่ความเป็นจริงของสภาวะมันยาก อย่างน้อยกว่าคนจะรู้แค่คำว่า รูป เป็นดังนี้ มันเป็นอย่างไร 

คุณมองรูป ที่เป็นรูปที่ตากระทบ ไม่ยาก โอ้.. วันนี้มีแต่ลูกมะตูม เรามองเกือบไม่ออกเป็นมะตูม มีบล็อกโคลี่ มีมะเขือเทศ กะหล่ำปลี หัวผักกาด กะหล่ำสีม่วง(สีแหล่) โอ๊ นี่มันบัตเตอร์นัท ก็เห็นรูปวัตถุก็ว่าไป
ทีนี้ จะเห็นรูปที่เป็นจิตเจตสิกรูป รูปที่เป็นนามธรรม รูปที่เป็นอาการของเวทนา รูปที่เป็นอาการของสัญญา รูปที่เป็นอาการของสังขาร รูปที่เป็นอาการของวิญญาณ นี่สิ ไม่ง่าย  ต้องเห็นด้วยอาการ ลิงค นิมิต ส่วนอุเทสคือ คำอธิบายชี้แจงที่อาตมาพูดไปแล้ว ไปทำความสำคัญมั่นหมายกำหนดเอาเอง ว่าอาการอย่างนี้เรียกว่าเวทนา มันต่างกันนะ มันต่างกันกับสัญญาด้วย อาการของสัญญามันก็ต่างไป มีลิงคะมันต่าง 

อาการของสังขารก็ต่างไป ในเจตสิก 3 อาการมันต่างกัน ก็กำหนดหมายความต่าง เรียกว่านิมิต 

ผู้ที่รู้จักรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รู้อาการของมันชัดเจน แยกได้ชัดเจนว่าต่างกันอย่างไร แล้วทำให้เป็นรูปที่บริสุทธิ์ ทำให้เป็นเวทนาที่บริสุทธิ์ สัญญาบริสุทธิ์ สังขารบริสุทธิ์ วิญญาณบริสุทธิ์ ไม่มี กลิ ไม่มีตัว ภัยตัวโทษ ไม่มีกิเลส ไม่มีอาการของสิ่งที่แปลกปลอม 

เวทนาก็เป็นเวทนา 1 เป็นเวทนาแท้ๆ ไม่มีเวทนาปลอมผสมอยู่ 

สัญญาก็เหมือนกัน สังขารก็เหมือนกัน วิญญาณก็เหมือนกัน ไม่มีตัวปลอม มีตัวแท้ที่สะอาดบริสุทธิ์เต็มหมดเลย คุณทำได้สำเร็จ คุณก็จบปัญญาข้อ 8 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:20:07 )

ปัญญาสูตร เล่ม 23 ข้อ 92

รายละเอียด

คือว่าด้วยเหตุ  8 ประการ  ปัจจัย 8 ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  เพื่อความงอกงามไพบูลย์  เจริญบริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:20:32 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:34:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:47:00 )

ปัญญาสูตร เล่ม 23 ข้อ 92

รายละเอียด

เหตุ 8 ประการ ปัจจัย 8 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงามไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว 8 ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว เธออาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้านั้นแล้ว เธอเข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่าข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการแก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 2 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ เธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือ ความสงบกายและความสงบจิตให้ถึงพร้อม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 3 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ เธอเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรมีปรกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 4 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ เธอเป็นพหูสูต ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ(พหูสูตไม่ใช่แค่จำได้มากแต่เพราะว่ามีปัญญาแท้แล้วเข้าใจแล้ว พวกจำได้มากรู้มากเรียนมากก็เป็นปทปรมบุคคลได้ สอนคนก็มากแต่ไม่ได้บรรลุ เป็นบัวใต้ตมบัวใต้ตึก สอนคนอื่นให้บรรลุก็มี น่าสงสารเป็นบัวใต้ตึก เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมากทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 5 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯเธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 6 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์  ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 7 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ อนึ่ง เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 ว่า รูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ … สัญญาเป็นดังนี้ …สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ … วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 8 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 14:30:23 )

ปัญญาสูตรข้อที่ 6

รายละเอียด

6. เธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 6 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

อะไรที่ดีกว่านี้ยังมีอีก ภิกษุทั้งหลาย กายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีก เราต้องทำเพิ่มเพราะฉะนั้นจิตที่เจริญแล้ว เราก็ต้องมาเรียนรู้กายวาจาอีก เรียนรู้จากไหน อรหันต์เป็นต้น อรหันต์สมบูรณ์แล้วกายวาจาใจของตน เพราะจิตบริสุทธิ์อย่างมีอำนาจ เป็นวสวัตตี ทำให้กายกับวจีของเราออกไปบริสุทธิ์ แต่เราต้องศึกษากายวาจาของคนอื่นๆ อีกเยอะแยะเลย ต่างจากเรา เราต่างจากเขา แต่ละคนก็ของแต่ละคน ละเอียดลออเป็นล้านๆๆ โพธิสัตว์ศึกษาอันนี้ของตัวเองครบบริบูรณ์แล้วจะแสดงท่าทีเหมือนแรงเหมือนหยาบ ก็มีจิตบริสุทธิ์เป็นตัวตั้ง ออกไปดูเหมือนจะ Over หน่อยแรงหน่อยจะมากน้อยก็แล้วแต่ ไม่มีอกุศลจิต พระอรหันต์ท่านไม่มีอกุศลจิตเพราะฉะนั้นอย่าไปเอาผิดท่าน ท่านอาจจะแรง ต้องการให้ได้ ลงทุนลงแรงเมื่อยแล้วจะไปเอาโทษท่านอีก ท่านไม่มีจิตที่ปรารถนาร้าย มีแต่ปรารถนาดีทั้งนั้นเลย 

ทำงานเพิ่มขึ้นก็จะได้เจริญเพิ่มยิ่งขึ้นจากที่ตัวเองเต็มแล้วก็ตาม ความเจริญในโลก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านไม่สันโดษในกุศล ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังไม่สันโดษในกุศลเลย เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์จะไปสันโดษในกุศลได้อย่างไร ขนาดพระพุทธเจ้าบรรลุสูงสุดก็ยังไม่สันโดษในกุศล กุศลมันจึงไม่มีที่จบ หาที่สุดไม่ได้ แต่ว่าบุญมีจบ บุญนั้นหาที่สุดได้ จบแล้วกิเลสหมดเกลี้ยงสิ้นแล้วไม่เหลืออีกแล้ว จบ แต่กุศลคือคุณงามความดีสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะในโลกมีไปเรื่อยๆ คนอีกไม่รู้กี่ล้าน แตกต่างกันมากมายก่ายกอง เห็นต่างกันไหมว่ากุศลกับบุญนี้ต่างกันอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:33:59 )

ปัญญาสูตรข้อที่ 7

รายละเอียด

7. อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 7 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

ข้อที่ 7 นี้มีนัยยะที่จะนิ่งจะรู้จักความหยุด จะรู้จักความดำเนินไป ไม่เพื่อตัวเอง ก็เชิญคนอื่นพูดเชิญคนอื่นแสดงบ้าง แม้ว่าผู้ใดไม่พูดไม่แสดงเอาแต่นิ่งๆ แต่ท่านเป็นพระอริยเจ้านะ แต่ท่านสงวนท่าที ก็ไม่ไปว่าท่าน ไม่ไปดูหมิ่นดูแคลน เพราะเป็นอิสรเสรีภาพ ตัวนี้เป็นตัวไข ว่ามันเป็นอิสระเสรีภาพ  ท่านจะนิ่ง ท่านจะพูด ก็ไม่ต้องไปบังคับอะไรท่าน

ในข้อที่ 7 จึงละเอียดลออมากเลยในการที่จะอยู่กับที่ประชุมสงฆ์ แล้วก็จะแสดงหรือไม่แสดงเป็นอิสรเสรีภาพ ให้เกียรติกันไม่ให้เกียรติกันอยู่ในนี้ครบเลยในข้อ 7 เรียกว่ามีปัญญารู้จักความเป็นผู้ดี มีปัญญารู้จักความเป็นผู้มีมารยาท สมบูรณ์แบบอยู่ในข้อที่ 7

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:36:34 )

ปัญญาสูตรข้อที่ 8

รายละเอียด

8. อนึ่ง เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 ว่ารูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ ... สัญญาเป็นดังนี้ ... สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ ... วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 8 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

ก็หมายความว่า จริงๆแล้วมีเหตุกับปัจจัยทำงานกันอยู่ 2 อย่างเท่านั้น แล้วสิ่งที่ทำงานอยู่ของเหตุกับปัจจัยนี้แหละ มันทำให้เกิดรูป เกิดเวทนา เกิดสัญญา เกิดสังขาร เกิดวิญญาณ แท้จริงแล้ว ถ้าสามารถที่จะรู้ทัน มันปรุงแต่งกันขึ้นของ 2 สิ่งคือรูปกับนาม ไม่ว่าจะเป็นรูป ไม่ว่าจะเป็นเวทนา  ไม่ว่าจะเป็นสัญญา ไม่ว่าจะเป็นสังขาร ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณ ถ้ารู้ทั้ง 2 อย่างนี้ชัดเจนเลย แล้วคุณก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่า อ๋อ.. 2 อย่างนี้เป็นเหตุอันหนึ่งปัจจัยอันนึง รูปคือรูป อีกตัวที่มันรู้รูปคือตัวเราเอง คืออัตตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:51:27 )

ปัญญาสูตรว่าด้วยปัจจัยทำให้เกิดปัญญาข้อที่ 1 ครูผู้เป็นสยังอภิญญา

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจรู้จริงจะเกิดหิริโอตตัปปะ ถ้าหากเราเข้าใจธรรมะผิด แต่ว่าผู้รู้คนไทยที่ได้ยินอาตมาพูด เขาคงไม่รู้สึกไม่เข้าใจ ว่าตนเองเข้าใจผิด รู้สึกสะดุดละอาย ในบรรดาผู้รู้ทั้งหลายในสังคมศาสนาพุทธทุกวันนี้ อาตมาจึงต้องยืนยันว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญา ตามที่พระไตรปิฎกได้พูดเอาไว้ ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 คนอื่นอ่านเจอเขาก็ไม่มีการสะดุดเพราะไม่มีอะไร เขาไม่รู้เรื่อง แต่อาตมารู้เรื่อง ว่าเราอยู่ตรงนี้หรือนี่เรา ถ้าไม่ใช่เราแล้วจะใครหนอ 2,500 กว่าปีมาแล้ว ผู้ที่ฟังด้วยดีจะสะดุดที่อาตมาพูดว่า ช่างพูดได้ขี้ตู่ตัวเองหรือเข้าท่าเหมือนกันหนอ ผู้ที่ได้ทำแล้วรู้สึกดูถูก แต่พอรับรู้ได้ก็จะละอาย เข้าไปตั้งความละอายความเกรงกลัว ความรัก ความเคารพไว้อย่างแรงกล้า คนที่จะมีภูมิอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มันไม่ง่ายเลย ถ้าหากเป็นได้อาตมาจะสบายกว่านี้ แต่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นถ้าไม่เกิดอาการนี้คุณก็จะไม่ได้ปัญญา ถ้าเขาเข้าใจจะสะดุ้ง รู้สึกเลย มันน่าสงสารคนทุกวันนี้ที่ยึดถืออุปาทานผิดไปไกล แต่อาตมาก็ไม่ท้อ อาตมาจำเป็นจะต้องมาพูดขยายความไปอีกนานเท่าไหร่ก็สบาย มีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานอ้างอิงยืนยันได้ เชื่อไหมว่าอาตมาอายุ 151 ปีก็ยังไม่หมดโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้นใครที่เป็นปุถุชนเป็นเทวนิยมเป็นคนโลกีย์ จะรู้เองไม่ได้เลย จะต้องได้ยินจากพระศาสดาหรือได้ยินได้ฟังจากผู้ที่อยู่ในฐานะของครู ได้ยินจากสัตบุรุษ เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่ได้พบสัตบุรุษ ไม่ได้ยินจากสัตบุรุษก็เป็นห่วงตลอดเวล ไม่ได้รับอาหารที่จะทำให้เกิดโพชฌงค์ต่อไปเลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้อาหารเป็นอาริยสัจ อาหารเป็นโพชฌงค์ 7 เพราะอันนี้เป็นอาหาร สติปัฏฐาน 4โพชฌงค์ 7 เป็นอาหาร แต่พวกคุณไปกินอาหารที่เป็นนิวรณ์ 5 อยู่ตลอดเวลา แล้วยังเล่นทุจริต 3 เป็นอาหารอีก ไม่พอยังไม่สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 อีก ดีไม่ดีไปนั่งหลับตาอีกทั้ง 5 ทวารเลย ปิดทวารอีก แล้วจะบอกว่าบรรลุอรหันต์ตรงทวารใจอย่างเดียวนี่แหละ นั่งจนตูดแข็งตูดด้าน พูดอย่างไรก็ไม่เคลื่อนไม่คลายพูดอย่างไรก็ไม่รู้สึกว่าศาสนาพุทธไม่ได้ไปนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น พูดไปเถอะ มีหูหรือเปล่าคน มีหูก็เหมือนกับเป็นหูกระทะหูหม้อไห หูที่ไม่ได้มีแก้วหูมีประสาทหู ไม่ได้มีรูหูด้วยซ้ำไป ก็เลยไม่เข้า หรือมีรูหูก็เข้าหูขวาทะลุหูซ้าย 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 12:05:39 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:40:20 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:40:03 )

ปัญญาหรือเฉกตาหรือเฉกา

รายละเอียด

คำว่า ปัญญา อาตมาก็พยายามเน้นย้ำ ว่ามันคืออะไรกันแน่ ตอนนี้เขียนเป็นหนังสือ เขียนไปจนกระทั่งคอมพิวเตอร์มันรวน เขียนต่อไปไม่ได้ ก็ให้สมณะช่วยแก้ไขคำว่าเฉกตา หรือเฉกา แปลว่าความฉลาด แต่ก่อนมีคำนี้คำเดียวที่ใช้กันอยู่ในสังคมชุมชน เมื่อพระพุทธเจ้ามาอุบัติจึงมีคำว่าปัญญาขึ้นมา หมายถึงความฉลาดที่เป็นโลกุตระ ไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกีย์ แล้วก็เอามาใช้ พอใช้แล้วคนก็ชักลาม เหมือนเล่นกับหมา หมาก็เลียปาก เล่นกับสาก สากก็ต่อยหัว ได้เข้ามาใกล้ผู้ที่สูงผู้ที่เจริญก็ชักลาม ภาษาไทย คำว่าลาม คำว่าปัญญาถูกลาม คำว่าเฉโกก็เลยเท่ากันกับปัญญา ตีเสมอกันเลย ดีไม่ดีจะเกินเลยหน้าปัญญาไปอีก 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ 29 ธันวามคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 12:00:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:04 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 02:48:33 )

ปัญญาหากเหลาะแหละจะช้ากว่าศรัทธา

รายละเอียด

เริ่มต้นด้วยคู่แรก ธัมมานุสารี กับ สัทธานุสารี  ธัมมานุสารี ไม่ใช่คำว่าปัญญา ถ้าว่าถ้าปฏิบัติธรรมตัวเองช้าก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกับศรัทธานั่นแหละ ปัญญาก็ตามหากเหลาะแหละ มีสีลัพพตปรมาส ไม่เอาจริงเอาจัง ดีไม่ดีจะนานกว่าสายศรัทธาด้วยซ้ำไป กลายเป็น พวกวิตักกจริต เหลาะแหละ เอาจริงบ้างไม่จริงบ้าง  ดีไม่ดีช้ากว่าสายศรัทธาเป็นเท่าเลย เป็นศรัทธาจริต พุทธิจริต วิตักกจริต พุทธิจริต ก็คือสายปัญญา ศรัทธาจริต 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:31:59 )

ปัญญาอยู่ในอัตตาของแต่ละคนที่ต้องมีธาตุจิต เจตสิก

รายละเอียด

ตัวปัญญา ตัวอัตตาจริงๆ จะค่อยๆเรียนรู้แล้วเกิดเป็นปัญญา ปัญญาอยู่ในอัตตาของแต่ละคน ที่ต้องมีธาตุจิต เจตสิก เรียกว่า ปัญญา เรียกว่า ความรู้ ก็จะไปรู้ 2 ธาตุ ปรุงแต่งกันอยู่ในตัวเรา ตั้งแต่หยาบภายนอก ดินน้ำไฟลม แท่งก้อน ตัวตนบุคคลเราเขา ซึ่งเป็นส่วนนอกเลย ไม่อยู่ในร่างกายเรา จนกระทั่งติดกับร่างกายเรา ข้างนอกคนละสัดส่วน ดินน้ำไฟลม ข้าวของตัวตนบุคคล สัตว์พืชอะไรต่างๆ มันต่างหาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:02:44 )

ปัญญาอ่านอาการ ลิงค นิมิต ของกิเลสคือโลกุตระ

รายละเอียด

เรื่องที่จะนำมาอธิบายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สาธารณบุคคลทั่วไปจะรู้ได้ ต้องไปฟังจากบุคคลที่เป็นสัตบุรุษเป็นพระพุทธเจ้าเป็นผู้อยู่ในฐานะครูที่สัมมาทิฏฐิมาก่อน ถึงจะพอเข้าใจ แม้จะได้ฟังแล้วจะต้องไปซักไซ้ไต่ถาม ทั้งอรรถทั้งธรรมทั้งพยัญชนะทั้งสภาวะอีกเยอะ จนกว่าจะได้มีปัญญารู้เท่าทันขึ้นมาได้ เพราะสิ่งที่พระพุทธเจ้านำมาแสดงเปิดเผยในโลกนั้น มันคือโลกุตรธรรม มันไม่ใช่ธรรมดาสามัญที่คนทั่วโลกทั้งโลก ศาสดาทุกศาสนา อื่นๆที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ยังไม่สามารถรู้ มีพระพุทธเจ้า ชื่อว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้นจึงจะมีโลกุตรธรรมนี้ขึ้นมา พูด พูดแล้วเขาก็จะยังฟังไม่ค่อยขึ้นหรอกคนทั่วไป เขาก็คงฟังได้ว่า 

ความรู้ก็คือความรู้ ความฉลาดก็คือความฉลาดสิ มันก็เหมือนกัน ใครจะฉลาดมากฉลาดน้อย ฉลาดสูง ฉลาดต่ำ เขาก็เข้าใจกันอย่างนั้น แต่นี่มันไม่ใช่ฉลาดมากฉลาดน้อย มันเป็นความรู้ความฉลาดที่ลึกเข้าไปถึง อาการ ลิงค นิมิต ของจิต เจตสิก รูป นิพพาน พูดโดยอาศัยพยัญชนะแค่นี้ คนสามัญ ผู้ที่เรียนพยัญชนะเหล่านี้มาก็เคยได้ยินได้ฟังพยัญชนะเหล่านี้มาทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องลึกลับอะไร ใครก็เคยได้ฟังกันมา คำว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คำที่สื่อสภาวธรรมที่เป็นของพระพุทธเจ้า เป็นพยัญชนะ ก็ได้ยินได้ฟังกันมาทั้งนั้น 

แต่คนที่จะสามารถเข้าไปถึงเนื้อหาสาระของสภาวะแท้ของ อาการ ลิงค นิมิต อาการของจิตมีอาการที่แตกต่างกันเรียกว่าลิงคะ แล้วสามารถอ่านจับนิมิตของอาการนั้น กำหนดหมายจุดสำคัญ อาการสำคัญ สภาวะที่เราจะเข้าใจเองให้ได้ว่าอย่างนี้นะ คุณหมาย หมายเป็นที่เข้าใจของคุณเอง คุณต้องเข้าใจให้ได้แล้วอย่าให้ผิดเพี้ยน ต้องแม่นว่าอย่างนี้กำหนดมาอย่างนี้ 

ทีนี้การกำหนดหมายอย่างนั้นอย่างนี้ มันจะต้องตรงกับสภาวะของผู้ที่เป็นสัตบุรุษ หรือผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้ากำหนดหมายไม่ตรงกัน​ ถ้าไม่ตรงกันมันก็ต่างกัน กายต่างกันสัญญาต่างกัน ก็พูดกันไปอย่างโมเม ไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ แต่ถ้ามันเข้าใจกันแล้ว ​สัญญาตรงกันกายตรงกัน มันก็รู้เรื่องกันได้ มีนิพพาน สื่อไปถึงสภาวะละเอียดลออจนถึงกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ก็ไม่มีแล้ว ก็รู้ชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2565 ( 15:46:49 )

ปัญญาเกิด กิเลสไป

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายมาแต่ไหนแต่ไรว่า เหมือนกับปลิงเราเอายาหม่องทาขา ปลิงปะทะกับยาหม่องมันงอหลุดไปเลย เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เรารู้หน้าเธอแล้วมาร สมณะโคดมรู้จักตัวเราแล้วมารก็หนีไป ท่านตรัสภาษาง่ายๆ ภาษาสุภาพให้รู้จักสภาวะ ปัญญาเกิด กิเลสไป ปัญญาเกิดกิเลสไม่รอหน้ากิเลสหายไปเลย เป็นภาษาใช้ได้เท่านี้แต่สภาวะมันจริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 15:41:55 )

ปัญญาเกิดจะปล่อยวาง

รายละเอียด

วัวไม่มีหนัง อุทธาหรณ์ของพระพุทธเจ้าสุดยอดเลย เปรียบเทียบให้เห็นสภาวะที่สลับซับซ้อนหลายชั้น แต่จริงที่สุดชัดที่สุด ถ้าใครมีตัวปัญญาเกิดเลย จะปล่อยวางจะกลัวจะเห็นว่าเป็นของไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็น ถ้าเกิดสภาวะจริงอย่างนั้นไม่ใช่ใครมาบันดาลใจ คุณต้องรู้สึกเองละอายก็ดี กลัวก็ดี หิริโอตัปปะ เช่น กามฉันทะ ยินดีในการเสพกามรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส หรือหยาบๆ คืออบายมุข ยินดีเสพรสอบายมุข สิ่งเสพติดการพนันทุจริตขี้โกง รสชาติจัดจ้านของละคร ไม่ถึงพริกถึงขิงก็ไม่สนุก สรุปก็คือ กามรุนแรงขั้นต้น เป็นเบื้องต้นของกามฉันทะ เลิกกามฉันทะได้ พ้นอบายก็เป็นพระโสดาบัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:49:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:50 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:40:53 )

ปัญญาเกิดจากหิโรโอตตัปปะอันแรงกล้าได้อย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านใช้คำศัพท์ว่า ตัปปัง คือ แรงกล้า เพราะฉะนั้นผู้ใดที่พอเข้าใจแล้วว่าเราไม่ควรดื้อด้านดึงดันต่อพ่อท่าน คนที่ดื้อด้านแล้วจับได้ว่าตัวเองดื้อด้าน อย่างหยาบด้วยนะ จะละอาย มันเป็นความโง่ที่มาดื้อด้านกับพ่อท่าน ใครที่เกิดความรู้สึกตัวนี้ ตัวนี้คือตัวเริ่มรู้สึกฉลาดมีสัทธรรม ตัว ศรัทธา หิริ ละอาย หากละอายแรงมากยิ่งขึ้นถึงขั้นกลัวแล้ว ละอายต่อบาป กลัวต่อบาป มันจะแรงขึ้นเป็นเท่าตัว จะเกิดสภาวะจริงของจิตอย่างนี้นั่นแหละคือตัวคนที่มีธาตุปัญญา รู้สว่างแจ้ง รู้จักความจริงว่าตัวเราเองทำไมถึงโง่ดักดานหยาบกระด้างขนาดพ่อท่านชี้ความจริงตัวหยาบ เบ้อเร่อ ขนาดนี้ยังไม่มีดวงตาเห็นเลย แล้วดีไม่ดีเราเคยลบหลู่ดูถูกว่าพ่อท่านด้วย จะเกิดสำนึกเกิดความรู้สึกละอาย ผู้ที่เกิดสภาวะละอายอย่างแรงกล้า พยัญชนะมันซับซ้อน มันมีความสำนึกละอายอย่างแรงกล้าจริง ตัปปัง หิโรตัปปัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 12:51:26 )

ปัญญาเกิดต้องปฏิบัติลืมตา

รายละเอียด

การปฏิบัติหลับตาไม่ได้เรียนรู้ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธแม้แต่บรรลุฌานที่ 4 แล้วก็ไม่นั่งหลับตา เป็นพระโสดาบันก็ไม่ได้หลับตาปฏิบัติ พระสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็ไม่ได้นั่งหลับตาปฏิบัติ ต้องลืมตาอย่างมีปัญญา ปัญญาจะเกิดได้ต้องมี ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ต้องมีมัคคังคะ   มีสัมมาทิฏฐิ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ ต้องมีมัคคังคะ ปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ขณะทำงานอาชีพ ในขณะทำกรรมการกระทำการงานกัมมันตะ ในขณะพูด ในขณะมีวาจา ในขณะนึกคิดอยู่ แต่การทำฌานนั่งหลับตาทำสมาธิ แล้วบอกอย่าไปคิด แล้วจะเกิดปัญญา มันคนละขั้วกับของพระพุทธเจ้าเลยที่จะต้องมีกรรมการงานมีอาชีพมีมรรคมีองค์ 8 มีสัมมาทิฏฐิ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ คุณจึงจะเกิดภูมิปัญญา แต่เขายึดถือผิดๆไปนั่งหลับตา อาตมาขออภัยอ.บูรพา ผดุงไทย ที่เขียนอยู่ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เป็นการเผยแพร่สิ่งที่ผิด เราก็พูดในฐานะเป็นชาวพุทธด้วยกัน เมื่อเขาไปเผยแพร่ผิดเรามีความเห็นต่างก็ต้องท้วงอย่างปรารถนาดีไม่ต้องการไปข่มหรือไปทำลาย อยากให้พิจารณาศึกษาดีๆ หากว่าไปเผยแพร่สิ่งที่ผิดของศาสนาพุทธมันเท่ากับทำลายศาสนาพุทธ ต้องได้ฟังจากสัตบุรุษ ผู้อยู่ในฐานะครู แต่ที่เขาฟังและทำตามกันมามันผิดมาตลอด คุณมนสิการมาเหมือนกัน แต่พากันทำใจในใจอย่างอโยนิโสไม่ถ่องแท้ไม่แยบคาย ไม่ถูกต้อง ไม่ลงไปถึงที่เกิด มนสิการไม่เป็นปภวะ ในมูลสูตร 10 ข้อที่ 2 คุณไม่มีแดนเกิดที่ต้องไปจัดการกิเลส คือที่หทยรูป แม้แต่ในจิตก็ไม่ถูกต้อง และก็มิจฉาทิฏฐิอีก ก็เลยไปใหญ่เลย เอาแพะมาชนแกะ ชนกับช้างกับม้ากับแมงหวี่เละไปหมด ขออภัยพูดเหมือนดูถูก แต่พากันไปใหญ่แล้ว อาตมาอ่านแต่ของอ.บูรพา แต่หากอาตมาได้อ่านของคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อ่านเท่าไหร่ เวลาที่มีในชาตินี้ก็เลยไม่ค่อยได้ศึกษาของคนอื่น อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ที่เจาะกระเปาะไข่ออกมา เจาะกรอบของอวิชชาออกมาได้ก่อนเพื่อน นอกนั้นไม่ได้เจาะออกมาเลย อวิชชายังหุ้มอยู่ พูดสัจจะ ไม่ได้ดูถูกข่มเบ่งยกตัวยกตน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ฌานวิสัยของอรหันต์และโพธิสัตว์ ศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 15:48:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:54:07 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:12:51 )

ปัญญาเกิดเองไม่ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นปัญญาเริ่มแรกจึงเกิดเองไม่ได้ ใครใครก็มาคิดจะรู้อย่างพระพุทธเจ้าท่านรู้ไม่ได้ ใครจะไปบำเพ็ญเองไม่มีรากฐานมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ไม่มีเชื้อ เริ่มต้นมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆไม่ได้เลย เกิดเองไม่ได้เลย ความรู้ชนิดนี้ เป็นความพิเศษจนกระทั่งว่า ใครเริ่มได้ยินได้ฟังความรู้ที่เรียกว่าปัญญา หรือความรู้ที่เรียกว่า ความรู้โลกุตระออกมาจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า หรือผู้อยู่ในฐานะครู เพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ตั้งอยู่ในฐานะครูคือ มีความรู้โลกุตระแล้ว มีความรู้ที่มีปัญญานั้นแล้วจึงจะเป็นครูได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:15:14 )

ปัญญาเป็นของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ก็ค่อยๆเรียนไป แม้แต่คำว่าบุญ คำว่าบาป เรื่องของโลกุตระ ปัญญาเป็นเรื่องเฉพาะของศาสนาพุทธ อาตมากำลังเขียนหนังสืออยู่ 2 เล่ม เรื่องของการเมือง 1 เล่มกับเรื่องของปัญญา 8 อีก 1 เล่ม ก็คงจะได้พิมพ์ออกมาแจกกัน เขียนเสร็จแล้วก็จะเอามาอธิบายกันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:52:38 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:39 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:41:24 )

ปัญญาเป็นความฉลาดที่เป็นฌาน

รายละเอียด

เพราะปัญญานี้ เป็นความฉลาดที่เป็น ฌาน ถ้าปฏิบัติฌาน ของพระพุทธเจ้าสำเร็จ เป็นมรรคผลที่แท้จริง สัมมาทิฏฐิ แต่ทุกวันนี้ปฏิบัติฌานไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ที่เป็นแบบฤาษี เดียรถีย์สมัยเก่า ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็น ฌาน นั่งหลับตาสะกดจิต แบบนั้นไม่ใช่ฌาน ของพระพุทธเจ้าที่จะมีปัญญา ปัญญาย จัสสทิสวา จะไม่มี 

นัตถิ ฌานัง อปัญญัสสะ ปัญญา นัตถิ อฌายโต 

ยัมหิ ฌานัญจะ ปัญญา จ ส เว นิพพานสันติเก 

ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน

ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแล อยู่ในที่ใกล้นิพพาน

(พตปฎ. เล่ม 25   ข้อ 35)

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:31:35 )

ปัญญาเป็นความฉลาดแบบโลกุตระ แต่เฉโกเป็นความฉลาดแบบโลกีย์

รายละเอียด

ปัญญากับฌานนี้ต้องอยู่ด้วยกัน เป็นอันเดียวกัน คำว่าปัญญาก็พูดๆ ขยายคำว่าปัญญาเป็นความฉลาดโลกุตระ ไม่ใช่เฉโก เฉโก ก็เป็นความฉลาดแต่เป็นความฉลาดแบบโลกีย์ ส่วนปัญญาเป็นความฉลาดแบบโลกุตระ มันต้องรู้จักใช้

เพราะฉะนั้นเอาปัญญาไปเรียกความฉลาดทั่วไปหมดเลยนะ ทำให้คำว่า ปัญญาของพระพุทธเจ้าเสียหายหมด เละเทะหมดเลย ซึ่งมันไม่ใช่ ปัญญา หมายถึงโลกุตรธรรมหมายถึงจิตที่ฉลาดรู้จักโลกุตระแล้วปฏิบัติโลกุตระ 

ปัญญา 8 ของพระพุทธเจ้า อาตมากำลังเขียนขยายความไปได้ 800 หน้าแล้ว เป็นเรื่องยิ่งใหญ่กว้างขวางลึกซึ้งมาก สุดยอด แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นถูกทำลายให้ตื้น แคบ ให้เละเทะไปหมดแล้ว พูดกันแล้วก็เหมือนยกย่องตนเอง คนอื่นโง่ไปหมดเลย ก็ต้องขออภัยจริงๆ สาธุ ไม่รู้จะทำอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:56:08 )

ปัญญาเป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นปัญญาจึงเป็นความรู้ที่เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเกิดมาไม่รู้กี่ล้านองค์แล้ว คำว่าปัญญานี้ พวกเฉโกโลกๆ เอาไปตีกิน เป็นความฉลาดเหมือนแบบเขามันก็เลยยากขึ้นมา โดยเฉพาะเมืองไทยเอามาจากภาษาบาลีด้วย ความรู้ละเอียดทางธรรมะก็มาจากรากเหง้าของฐานพระพุทธเจ้าทางอินเดีย ก็เลยใช้ปัญญามาเป็นภาษาไทย เสร็จแล้วมันก็เพี้ยนก็เสื่อม 

ปัญญาก็เลยกลายเป็น เฉโก เสื่อมมาจนสนิท คนเสื่อมจากความจริงไม่ใช่ศาสนาเสื่อมธรรมะเสื่อม แต่คนเสื่อมไปจากความจริง ผิดเพี้ยนไปจากความจริงแล้วไปยึดถือความไม่จริงไม่ตรง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 12:13:29 )

ปัญญาเป็นความรู้แบบโลกุตระ 

รายละเอียด

ปัญญา จึงเป็นธาตุรู้ที่ไม่ใช่ความรู้ธรรมดา ไม่ใช่ความรู้แบบโลกๆ แต่เป็นความรู้แบบโลกุตระ 

ปัญญา 8 ข้อที่ 1 เป็นความรู้โลกุตระ ที่จะรู้ได้ต้องได้ยินจากพระศาสดา อาศัยจากพระศาสดา อาศัยเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งที่ตั้งอยู่ในฐานะครู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:56:55 )

ปัญญาเป็นความรู้โลกุตระอย่างไร

รายละเอียด

ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ ปัญญาไม่ใช่ความรู้สามัญ เป็นความรู้โลกุตระมีแต่ศาสนาพุทธเท่านั้น แต่เอาไปใช้กันเลอะเทอะ เอาปัญญาไปใช้แทนคำว่า เฉกา ซึ่งเป็นความฉลาด โลกีย์ ปัญญาเป็นความฉลาดโลกุตระที่รู้จักกิเลส ล้างกิเลสออก จนจิตสะอาดบริสุทธิ์เป็นจิตว่าง จิตสบายแบบปกติ ซึ่งไม่ใช่แบบโลกๆ มันเป็นปรมังสุขังไม่ใช่แบบโลกๆ ยิ่งกว่าสุข แต่เขาไปแปลว่าสุขอย่างยิ่งมันก็วนไปหาโลกีย์ 

ใช้พยัญชนะแทนสภาวะที่ไม่ใช่อันเดียวกัน โลกียะกับอันนี้คล้ายๆกันมันมีมุมเดียวที่ไม่เหมือนกัน ต้องฟังตามให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:22:48 )

ปัญญาเป็นความเฉลียวฉลาดของโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ปัญญาเป็นความเฉลียวฉลาดของโลกุตรธรรมที่จะเรียนรู้ธาตุขันธ์ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ใช่เป็นความรู้สารพัดสารเพที่จะรู้อะไรโลกๆโลกีย์ทั้งหมด ไม่ใช่เลย เป็นความรู้พิเศษต่างหาก ที่ตรัสรู้โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ศาสนาไหนก็มีไม่ได้ตัวปัญญานี้ มีได้เฉพาะศาสนาพุทธ มีได้เฉพาะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เท่านั้น ไม่มีใครสามารถรู้ได้ 

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสความหมายของปัญญา 8 ข้อนี้ไว้เลย

ข้อ 1 คนจะเกิดปัญญาได้ต้องได้ยินจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าในโลก ยุคไหนๆก็ตามก็ไม่เกิดปัญญา…ในพระไตรปิฎก เล่ม 36 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:36:12 )

ปัญญาเป็นตัวกำหนด

รายละเอียด

แต่ปัญญาวิมุตินั้น เขาไปแปลบาลีว่า นเหวโข ไปแปลว่า ไม่ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย เนวะ แปลว่า ไม่ น เหวะ โข ในปัญญาวิมุติไปแปลว่าไม่ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ ปัญญาวิมุติอาสวะสิ้นแล้วนะ เท่าเทียมกับ อุภโตภาควิมุติ แล้วนะ

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าไม่มีสภาวะ ไม่รู้จักความหมุนรอบเชิงซ้อน คัมภีราวภาโสอันนี้ ก็ไปงงเลยว่า ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกายคือการปฏิบัติทำสมาบัติ ที่จะต้องเข้าไปนั่งหลับตา ซึ่งมันไม่ใช่ หลับตามันไม่มีกาย แต่ปัญญาวิมุติท่านปฏิบัติมีกายมาตลอดสาย 

ตั้งแต่ธัมมานุสารี ทิฏฐิปัตตะ พอปัญญาวิมุติท่านก็อาสวะสิ้นแล้ว ส่วนสายสัทธานุสารีเป็นสัทธาวิมุติ เป็นกายสักขี ถ้าไม่มีปัญญาเข้าไปอีก สัทธาก็ยังไม่มี อุภโตภาควิมุติ ยังวิมุติไม่ได้ เพราะฉะนั้นปัญญาจึงเป็นตัวกำหนด เป็นตัวสำคัญ ที่จะรู้อาสวะ ที่จะทำให้อาสวะสิ้นได้รอบถ้วน อันนี้แหละ เขาเข้าใจยังไม่ได้ สับสนอยู่ในพวกนั่งหลับตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:08:51 )

ปัญญาเป็นตัวต้นของความรู้แบบโลกุตระต่อด้วยญาณและวิชชา 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในคำว่ารู้ เฉโกก็ดี ปัญญาก็ดี ญาณก็ดี วิชชาก็ดี เฉโก กับตัวปัญญา ปัญญาเป็นตัวต้นของความรู้แบบโลกุตระ ที่มีความรู้ อัญญธาตุ ธาตุทวนกระแสโลกีย์ที่เรียกว่า อัญญธาตุ ที่เริ่มนับเป็นความรู้ความเข้าใจในลักษณะโลกุตระ 

ปัญญาเป็นตัวรู้สูงกว่า อัญญา อัญญะเป็นเอกพจน์ อัญญาเป็นพหูพจน์ 

ปัญญาก็เป็นตัวรู้โลกุตระตัวแรก แล้วจึงไปเป็น ญาณ แล้วจึงไปครบคำว่า วิชชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:44:43 )

ปัญญาเป็นพญาครุฑคืออย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาเป็นพญาครุฑคือ มีปัญญาฟรุ้งฟริ้งมากมาย รวบรวมความคิดที่มันเป็นความคิดเฟ้อๆเกิน เช่น คิดออกนอกโลกไปสร้างเมืองอยู่นอกโลก อย่างในหนัง Star Wars 

ในทุนนิยม คนที่คิดฟุ้งฝันเพ้อเจ้อได้เก่งคือ JK rowling เขียนเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ รวยไม่เสร็จเลย ทั่วโลก คนรับความคิดนั้นไปมีฤทธิ์เดชไปกับโลก กึ่งๆของสตาร์วอร์ กับความคิดฝันเพ้อแบบ ผสมกัน คนก็เพ้อฝันอยากได้เมืองในฝันแบบนั้นๆกัน ซึ่งอาตมาขอยืนยันว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทั้งแบบสตาร์วอร์และ Harry Potter มันเป็นความเพ้อฝันทั้งสองสภาพ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:57:37 )

ปัญญาเป็นพ่อ ศีล สติ เป็นแม่

รายละเอียด

คุณจะไปคิดเปรียบเทียบอะไรขนาดนั้น   แม้จะเปรียบเทียบได้ แต่ภาษามันจะเกินไป ศีลอาตมาเคยบอกว่า ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ สติ กับปัญญา อะไรเป็นพ่ออะไรเป็นแม่ สติ เป็นอธิปไตย ปัญญาเป็นอุตระ ปัญญานี้เป็นความลึก แหลม คม สติ คือความรู้สึกตัวทั่วพร้อม สติควรเป็นแม่ ปัญญาก็ควรเป็นพ่อ เป็นต้น  เราก็จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ไปที่เป็นเรื่องของเทวะที่แปลว่า 2 ศาสนาอื่นตีแตกแยก เทวะไม่ออก คำว่าเทวะของเขาเลยกลายเป็นเรื่องตื้น เป็นเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง แล้วนอกจากไม่รู้เรื่องแล้วก็หลงด้วย   หลงงว่าเทวะนี่คือสภาพจิตวิญญาณที่ใหญ่ยิ่ง ที่ตีไม่แตก แยกแยะไม่ได้ ใครอย่าไปแย้งเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีอะไรแตกแยกไปได้ไม่มีอะไรจะวิจัยวิจารณ์ได้ อะไรต่างๆนานา อย่างนี้แหละเป็นเรื่องที่เขาทำให้เขากลายเป็นไม่เป็นไรมาไหน จมอยู่ในจุดเดิม ทั้งๆที่โลกมันเคลื่อนไป มันไม่เที่ยงไม่อยู่ที่เก่า แล้วมีอะไรเกิดในมหาจักรวาลนี้ ทุกอย่างเลย ตั้งแต่ดินน้ำไฟลม จนกระทั่งถึงตัวสัตว์ คน เปลี่ยนแปลง แต่ก่อนมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าไดโนเสาร์ ถ้าหากพระพุทธเจ้าเกิดในยุคที่มีไดโนเสาร์ก็จะมีองค์ประกอบที่มีไดโนเสาร์ แต่ในยุคนี้ มันมีปรมาณู คนคิดปรมาณู พระพุทธเจ้าก็จะสอนว่าอย่าไปใช้ เป็นเรื่องบาปเรื่องเลวร้าย แล้วคำสอนเทวะ จะยุคไหนก็เอาแบบนี้ มันก็คร่ำครึ ไม่ทันสมัย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 09:32:22 )

ปัญญาเป็นยาดำอยู่ในทุกอิริยาบท

รายละเอียด

กายต้องมีทั้งภายนอกและภายในแยกกันไม่ออก สามารถแสดงออกอย่างแคล่วคล่องว่องไว แต่จิตใจสงบคือปราศจากกิเลส กายกรรมจะแรงจะเร็วจะดังอย่างไร วจีกรรมก็อย่าให้พูดคำหยาบหรือส่อเสียดเพ้อเจ้อ ให้เป็นคำที่จริง ไม่ปด กายวิญญัตวิจีวิญญัติ แต่สงบ ไม่ใช่ทำกายวาจาให้แข็งทื่อ แล้วจิตสงบเขาก็ให้หยุดคิด ไปอ่านดูของอาจารย์บูรพา ผดุงไทย การสงบเป็นฌานสมาธิคือหยุดคิด แล้วปัญญาจะโผล่ขึ้นมาเองอธิบายไปอย่างนั้น แทนที่จะทำให้เกิดปัญญาคือจิตไม่มีกิเลสแล้วจิตก็จะสงบ แต่นี้ไปนั่งสงบแล้วจะเกิดปัญญา เขาเข้าใจ อธิศีล อธิจิต ปัญญาจะเกิดตาม ที่จริงปัญญาเป็นธาตุรู้ที่รู้ไปตลอดการปฏิบัติศีลปฏิบัติจิต ครบถ้วนปัญญาบริบูรณ์ก็เรียกว่า ปัญญา ปัญญาเป็นยาดำ ไม่ได้ละไปจากทุกๆอิริยาบถทุกอย่าง 

สู่แดนธรรม ผมเคยเข้าใจว่า ศีลกับปัญญาทำให้เกิดสมาธิ

 พ่อครูว่า…ศีล คือข้อต้นของจรณะ 15 ปัญญาคือข้อที่ปลายของ วิชชา วิชชาคือปัญญา แม้ในจรณะ 15 ปัญญาก็อยู่ที่ข้อ 11

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 12:13:36 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 03:57:18 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:41:58 )

ปัญญาเป็นวิชชาจึงทำลายอวิชชา

รายละเอียด

ฟังอาตมาแล้วเกิดจิตสงบเกิดปัญญา แล้วปัญญานี่แหละ คำว่าปัญญานิยมเลยมันทำให้กิเลส ฝ่อ สงบระงับฆ่ากิเลสด้วยปัญญาอันยิ่ง ท่านใช้คำว่าปัญญา ปัญญามันมีฤทธิ์มีประสิทธิภาพมีอำนาจสูง เพราะปัญญาเป็นความฉลาดโลกุตระ มันรู้ถึงความเป็นจริงในความเป็นจริงอันลึกซึ้ง มีฤทธิ์แรงจนกิเลสมันฝ่อเพราะปัญญามันเป็นวิชชา ก็ทำลายอวิชชาเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:04:29 )

ปัญญาเป็นวิสัยของชาวพุทธที่จะเป็นได้

รายละเอียด

เพราะว่าแก่นแท้ของคนมีปฏิภาณปัญญาเพียงพออันนี้เป็นเรื่องอจินไตย เป็นเรื่องขยายความยากมากเลย ที่จะมีปัญญาเป็นวิสัยของชาวพุทธศาสนาที่จะเป็นได้ แต่ข้างนอก ยากมากเลยจะมีปัญญาได้ ยากจะมีปัญญา มีแต่เฉโก เป็นโลกียะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 20:25:16 )

ปัญญาเป็นอตรินนุสสธรรม

รายละเอียด

อาตมาก็เคยวิจารณ์ไปนิดหนึ่งแล้วว่า โรคนี้ทำให้เกิด nervous ทำให้เกิดโรคประสาทไปทั่วโลกเป็น psychosis เป็นโรคทางจิตที่มีมากเกินไป 1.มันมี Social Media ที่มีการสื่อสารถึงกันหมดเลย ก็เลยยิ่งกว่ากระต่ายตื่นตูม 2.โรคกลัวตายมากหนัก โดยไม่เข้าใจในเรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีมรณสัญญา ไม่ชัดเจนในมรณสัญญา ว่า การตายนี้เป็นธรรมดาของมนุษย์ เราไม่ประมาทนี้ดี แต่ก็อย่าไปตื่นตระหนกจนเกินการณ์เกินไปมากนัก เป็นแฟชั่นที่กลายเป็นไปทั่วโลก มันเป็นเหยื่อของพวกนายทุนตอนนี้ก็ไม่ต้องทำการขายอะไรมาก ขายหน้ากากนี่แหละมีการขี้โกงด้วยมีเรื่องของการเมืองด้วย แม้แต่เรื่องผ้าปิดปากนี่ก็เลยยุ่งกันใหญ่กลายเป็นเรื่องอิทัปจยตา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:53:15 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:39 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:49:24 )

ปัญญาเป็นอุตระเหนือโลกเหนืออัตตาอย่างไร

รายละเอียด

และมีปัญญาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเป็นโลกุตระ คืออุตระ คือเหนือ เหนือตนเหนือโลก อธิปไตยที่เหนือโลก โลกาธิปไตยที่เหนืออัตตาธิปไตย ไม่เอาอัตตาเป็นอำนาจ เป็นไปตามสัจจะที่เป็นสังขารปรุงแต่งทุกปัจจุบัน ไม่ใช่มีอัตตาเข้าไปร่วม เป็นการมีอำนาจที่ไม่ให้อัตตาไปมีอำนาจ 

รู้จักอัตตาแล้วไม่ให้อัตตาเป็นอำนาจ แต่ถ้าผู้ใดยังอวิชชาไม่รู้จักอัตตา แล้วไม่สามารถมี วสวัตตีโก ไม่เป็นผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ คุณก็ถูกอัตตาคุณเป็นอำนาจมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ผลักดันไปตามอัตตา คุณก็ทำกรรมกริยาที่มีอัตตา แทรกแซงอยู่ในกรรมกริยาต่างๆ ถ้าไม่มีอัตตาไปแทรกแซงคุณก็มีกรรมกิริยาที่บริสุทธิ์ ไม่มีตัวตนเข้าไปแทรกแซง มีแต่ปัญญา ปัญญาที่เหนือ เหนือโลกเหนืออัตตา นี่คือสัจจะที่มันต้องมีสภาวะจริงจึงจะพูดถูก อาตมาพูดตามสัจจะที่อาตมาเข้าใจ ที่มีจริง ไม่ใช่เอามาจากตำรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:39:46 )

ปัญญาเป็นอุตระได้อย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาเป็นอุตระ ต้องเป็นปัญญาที่เต็มเป็นสติ สติคือตัวครบร้อยของธาตุรู้ทั้งกายภายนอกทั้งวาจาทั้งจิต สติที่ไปหลับตาปฏิบัติมันไม่ครบร้อยมันไม่เต็มเต็ง มันไม่ตื่นเต็มมันไม่รู้พร้อมทั้งตาหูจมูกลิ้นกาย มันไปเอาแต่ใจเฉยๆรู้ มันหลงงมงายว่าธาตุรู้คือจิต มันเต็มแล้ว แต่จะไปเต็มอย่างไร มันต้องมีทั้งภายนอกภายในครบ มีทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ แล้วก็ต้องเรียนไปทีละคู่ด้วย จึงจะจับตัวกิเลสได้ชัดเจนแม่นๆ ไม่เลอะเทอะไปจับตัวอื่นสับสนไป 

จับตัวกิเลสฆ่าไปทีละตัว ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา อัตตาภายนอกที่เกิดจากการกระทบตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็ฆ่ามันไปทีละตัว เมื่อฆ่าได้มันก็จะเก่ง จะชำนาญ จะมีปฏิภาณปัญญาชัดเจนว่า ตัวที่มาปรุงแต่ง เป็นผีมารที่มาร่วมด้วยเป็นอย่างนี้ เป็นปัญญาความเฉลียวฉลาดที่แท้ของตัวเองมันจะเกิดอย่างนี้มันจะรู้ความจริงตามความเป็นจริงเร็วขึ้น เก่งขึ้น ไวขึ้น  ละเอียดขึ้น ครบครันได้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฆ่ากิเลสภายนอก โอฬาริกอัตตาได้หมด คุณจะสามารถยืนอยู่โดยที่กิเลสภายนอกกระทบแต่ไม่สามารถทำอะไรก็ได้ เพราะปัญญามีการครอบงำเหนืออยู่ภายใน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท็ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:38:51 )

ปัญญาเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่จะเป็นพุทธ

รายละเอียด

ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งความรู้ความฉลาดของพรหมจรรย์คือ ศาสนาพุทธ ถ้าไม่มีเบื้องต้นความรู้อันนี้ ยังไม่เป็นพุทธได้ ยังไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่จะเป็นพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 18:44:55 )

ปัญญาเป็นเรื่องของพุทธวิสัยเป็นอจินไตย

รายละเอียด

ปัญญาก็เลยถูกลดค่าลดราคาของความเฉลียวฉลาด ซึ่งมันเป็นความเฉลียวฉลาดที่เป็นอุตตริมนุสสธรรม เป็นความฉลาดที่เกินคนโลกๆโลกีย์จะเข้าใจ เกิน เพราะมันเป็นเรื่องของพุทธวิสัย เป็นวิสัยที่อจินไตย คุณคิดให้หัวแตกเจ็ดเสี่ยงก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร พุทธวิสัย

พุทธวิสัย ไม่ต้องไปขบคิดเลย ขบคิดให้ตายก็ไม่ได้ สายศาสนาพุทธ ศาสนิกชนแท้ๆจะมีความรู้ในระดับพุทธะ หรือโพธิ ไม่ง่าย เพราะเป็นพุทธะวิสัย ที่เรียกว่าโลกุตระ อาตมาก็ใช้พยัญชนะระหว่าง โลกียะกับโลกุตระ มันต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:31:16 )

ปัญญาเป็นโลกุตระ เฉโกเป็นโลกียะ

รายละเอียด

มาพูดถึงปัญญากัน ปัญญาคือความรู้ที่เขาเข้าใจผิดกันทั่วโลกว่าคือเฉโก คือ ความรู้ที่รู้ผิดว่าปัญญาก็คืออันเดียวกันกับ เฉโก พอมันเริ่มต้นรู้ว่าปัญญาคือ ความรู้อันเดียวกับเฉโก ก็เลยพากันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว 

เพราะว่าปัญญานี้มันจะไม่ใช่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโลกๆ ไม่ใช่เลย มันเป็นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโลกุตระ และเกี่ยวข้องกับโลกุตระเท่านั้นด้วย ไม่ไปยุ่งกับ เฉโกหรอก แต่มันรู้ว่าเฉโก คือความรู้แค่โลกๆโลกีย์ เพราะปัญญาโลกุตระคือ มันเหนือกว่านั้น มันพ้นไป พ้นไปจากความรู้โลกีย์เท่านั้นเอง พูดไปแล้วมันก็ข่มเฉโก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:13:15 )

ปัญญาเป็นโลกุตระต่างจากฉลาดแบบโลกียะอย่างไร

รายละเอียด

นัยยะต่างๆในยุคนี้อามาต้องแยกแยะขยายความซึ่งมากจริงๆ แต่ก็ต้องทำเพราะเป็นยุคปัญญา ปัญญาก็ไม่ใช่ความฉลาดแบบ โลกีย์เขาเป็นนะ ปัญญามาจากรากเหง้าของอัญญา เป็นความฉลาดที่ตรงกันข้ามกับโลกียะ ที่เขาฉลาดอยากได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข แต่ว่าฉลาดอย่างโลกุตระ มีปัญญาคือฉลาดที่เราลดกิเลสไม่ติดในลาภ ไม่ติดในยศ คืนลาภยศสรรเสริญได้แล้วก็มีความสุข มันทวนกระแสกัน ทางโลกีย์ได้ลาภก็สุข ได้ยศก็สุข ได้สรรเสริญก็สุข ตรงสเปค แต่โลกุตระ เราสัมผัสกับสิ่งนี้แล้ว ความสุขที่เราเคยได้มาอย่างแต่ก่อนลดลง หรือไม่เกิดความรู้สึกเป็นสุขเลยนั่นต่างหากที่เป็นความหมายของปัญญา และก็มีจิตที่เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย คุณรู้สึกหรือไม่ว่าคุณเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า …หากรู้สึกได้แสดงว่ามีโลกุตรธรรม ซึ่งมันตรงกันข้ามกับแต่ก่อนที่เรามีความรู้สึกแบบโลกีย แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่เขาพาปฏิบัติ ชาวอโศกพาปฏิบัติโลกุตรธรรม ไม่ใช่ศาสนาพุทธที่เป็นโมฆะเป็นหมันแล้วไม่มีโลกุตระเลยไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:04:39 )

ปัญญาเป็นโลกุตระที่ทวนกระแสใจอย่างยิ่ง

รายละเอียด

อาตมาก็ทำเรื่องของปัญญา โดยจับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในปัญญาสูตร 8 ข้อ ซึ่งมันอัดแน่นอยู่ในนี้ อาตมาก็พยายามขยายความ เพราะคำว่า ปัญญา คำเดียวนี้ อาตมาพยายามคลี่คลายขยายความกับชาวโลก กับชาวพุทธ 

ว่า ปัญญา มันไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่เป็นความรู้ความฉลาดของชาวโลกีย์ แต่มันเป็นของโลกุตระ เป็นอัญญธาตุที่ต่างกันคนละโลก เป็นดาวคนละดวง เป็นชาวต่างดาวซึ่งเป็นคนละภาษา คนละความหมายที่เข้าใจกัน ซึ่งไม่ง่ายที่จะเข้าใจ 

เขาเข้าใจความรู้ความฉลาดในกรอบ 1 กรอบเดียวเท่านั้น แต่อันนี้ไม่ใช่ มันเป็นกรอบใหม่ ที่ทวนกระแสของโลกีย์ด้วย แล้วมีนัย ละเอียดลึกซึ้งวิเศษ ซึ่งทวนกระแสใจอย่างยิ่งเลย เรียกว่า มาจนแต่ยิ่งเบิกบานร่าเริงสุขใจสงบ ไปรวยนั้น แหม ดีใจ แต่ไม่สงบหรอก กลัวของจะเสื่อมสูญ กลัวจะเสื่อมลาภยศสรรเสริญ กลัวใครจะมาแย่ง กลัวมันจะพร่องไป แต่นี่ไม่เลย มันไม่เหมือนกันเลย เป็นคนละทิศคนละทาง ซึ่งมันไม่มีภาษาที่จะอธิบายในรายละเอียดพวกนี้อีกเยอะ เพราะฉะนั้นจึงค่อยๆพยายามติดตาม อาตมาก็พยายามต่อ ถ้าเผื่อว่าอาตมาจะตายตอนนี้แล้วเกิดมาใหม่ ก็เสียเวลากว่าจะโต กว่าจะพยายามพูด ตอนเด็กพูดคนก็คงไม่เชื่ออะไร จนกระทั่งต้องโตพอสมควร หรือดีไม่ดี วิบาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:27:40 )

ปัญญาเป็นโลกุตระมีแต่ในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเป็นปัญญาจึงเป็นคำที่สำคัญยิ่งเป็นคำยิ่งใหญ่มาก เป็นของพระพุทธเจ้าแต่เขาเอาไปใช้จนฟั่นเฟือน ต้องปรับมาใหม่ให้มันกลับมา เข้าหาสาระเดิมของพระพุทธเจ้าเราจะไปอนุโลมไม่ได้ เราต้องให้ชัด ไม่อย่างนั้นปัญญามันก็จะไม่เป็นโลกุตระ ซึ่งปัญญาต้องเป็นโลกุตระถ่ายเดียว ปัญญาไม่ใช่โลกีย์ อาตมากำลังเขียนหนังสือเรื่องปัญญา 8 อธิบายอยู่ซึ่งมีที่มาที่ไป เริ่มต้นปัญญามีแต่ในศาสนาพุทธทั้งนั้น ต้องได้ยินจากพระพุทธเจ้าหรือผู้รู้ที่เป็นสัตบุรุษมีสัมมาทิฏฐิอย่างแท้จริง ต้องไปไต่ถามซักไซ้ไล่เรียงตามปัญญา 8 ข้อ ไม่อย่างนั้นจะสับสนวุ่นวายอย่างที่เป็น ไม่คมชัดเต็มรายละเอียดบริบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:41:37 )

ปัญญาเลือกเฟ้นมิตรที่ดี เลือกงานที่ดี

รายละเอียด

คำว่าสันโดษ จึงหมายความถึงสภาพเป็นผู้ที่สบายแล้ว ตัวเองคนเดียวนี่แหละอยู่กับใครๆก็เป็นเพื่อนเป็นมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดีได้ มีปัญญาเลือกเฟ้นมีปัญญารับที่จะเชื่อมโยงกันไปร่วมงานกันไปทำประโยชน์ร่วมกันไป ผู้ใดที่ยังทำไม่ได้ก็ยังไม่ได้ ผู้ที่ร้ายกับเราทำร้ายเราก็ห่างไว้ แต่ไม่ต้องไปทำร้ายเขา เพราะแต่ละคนเขามีวิบากของเขาให้รับวิบากกันไป เราไม่ต้องไปแส่กับเขา ก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรม แม้แต่สัตว์เดรัจฉานต่างๆมันพูดกับเราไม่รู้เรื่องเมื่อเกิดมาเป็นสัตว์ทั้งหลายก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรมสัตว์มันเก่งอย่างไรอย่างไรคุณก็ไม่สามารถสอนสัตว์ให้มันเป็นพระอรหันต์ได้หรอก แค่คนนี้ก็สอนให้เป็นพระอรหันต์ให้ได้ก็แล้วกันซึ่งก็ไม่ง่ายได้เป็นบางคนเพราะฉะนั้นถ้าไปเสียเวลากับสิ่งพวกนั้นมันเปล่าประโยชน์มันสูญเปล่าไม่ได้เรื่องเอาสิ่งที่ได้ประโยชน์ดีกว่า คนที่เป็นมิตรสหายดีเป็นผู้ที่พูดกันรู้เรื่องไปด้วยกันได้แต่นี่พูดกันอย่างไรมันก็ไม่รู้เรื่องหรอกก็ปล่อยมันไปตามยถากรรม คุณเก่งก็ไปสอนเขาทำอีกเขาหรือไปด่าเขาแต่ระวังเถอะไปด่าเขา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:49:43 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:18 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:49:19 )

ปัญญาเหนือกว่าเจโตโดยสัจจะ

รายละเอียด

เอาง่ายๆ ผู้ที่มีฐานของปัญญา บำเพ็ญเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ส่วนสายศรัทธานั้น 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ส่วนพวกวิริยาธิกะ ใช้เวลา 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป หลงทางอยู่ในป่ากว่าจะออกจากป่าก็ใช้เวลานาน นี่เป็นสัจจะตามวิชาการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:19:09 )

ปัญญาเห็นคุณค่าในการทานมังสวิรัติ

รายละเอียด

หากเรากินมังฯเราจะได้ขาย เราจะได้ประโยชน์ ยังไม่ได้เกิดปัญญาที่เห็นคุณค่าของการกินมังสวิรัติ เห็นโทษภัยของการกินเนื้อสัตว์ว่ามันเป็นบาปเวรภัยอย่างไร เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณ เกี่ยวกับวัฏสงสาร เกี่ยวเรื่องกับสัตว์โลกมนุษยชาติ คนยังไม่เข้าใจอย่างที่อาตมาอธิบายขยายความนี้ ต้องค่อยๆเป็นไปให้เขาศึกษา ให้เข้าถึงจิตวิญญาณจะได้เป็นแกนของสังคมมนุษยชาติ โลกโลกุตระที่อาตมาพาทำได้ขนาดนี้ก็ดี ปลูกฝังไว้ในมนุษยชาติเท่าที่ได้ก่อนที่อาตมาจะตาย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:43:24 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:22 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:49:48 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์