@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ยุคนี้หยาบ ต้องใช้คำพูดแรง

รายละเอียด

เรื่องแรงนี้ อาตมาเคยเขียนจดหมายถึงท่านประยุทธ์ ปยุตโต ตอนท่านเขียนหนังสือมาจัดการอาตมา 3 เล่ม จนกระทั่งอาตมาเกิดเหตุการณ์ ให้โลกตัดสินอาตมา อาตมาจึงต้องรับภัย ต้องถูกพิพากษาติดคุกรอลงอาญา 2 ปี จนผ่านไปแล้ว อาตมาก็ว่า เหตุที่อาตมา เพราะอาตมาเขียนจดหมายไปบอกว่า ท่านคนนับถือท่านมาก แต่ท่านแสดงเบาไป ตรงนี้แหละแรงกว่านี้หน่อยสิ ยุคนี้เบามันไม่ได้ผลต้องแรงกว่านี้ เท่านี้แหละท่านเขียนเล่มที่สองที่สามซัดอาตมาต่อ เสร็จแล้วท่านเขียนทิ้งท้ายเล่มสามก็ว่ายังมีอีก สุดท้ายท่านก็หยุดไม่เขียนต่อ อาตมาได้ข้อมูลอีกอัน จากดร.ที่มาบอกว่า ท่านประยุทธิ์ท่านว่า อาตมาพลาดไป อาตมาก็ไม่กล้าซักถามต่อ ท่านได้พูดว่าเรื่องนี้อาตมาได้พลาดไป เท่านั้นแหละ เป็นคำตอบที่อาตมาเป็นข้อมูล ที่อาตมาพูดเรื่องนี้ก็ควรเปิดเผย ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะเสียผล

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:18:23 )

ยุคนี้เป็นยุคเปิดเผยความจริง

รายละเอียด

ในยุคนี้เป็นยุคที่เปิดเผยความจริงออกมา นั่นในโลกีย์นะ อย่างที่พูดกัน ทางอเมริกากับจีน คือ แต่ละประเทศแต่ละสังคมก็พยายามค้นหาความจริง ค้นหาความถูกต้อง อะไรจะดีกว่า ก็ค้นหาความจริงกันทั้งนั้น จนกระทั่งก็ได้ตามที่เขาเชื่อ คนเรามันไม่แกล้งตัวเอง ตัวเองก็ต้องการความจริงที่เป็นความสบาย ความสุข ความสงบ ความประเสริฐต่างๆนานา  เขาต้องการความดี ความงาม ความประเสริฐ ความสุขสงบ แล้วอะไรมันสุดยอดที่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 18:56:20 )

ยุคนี้เป็นยุคเสื่อม

รายละเอียด

ขอย้ำอีกว่า อาตมาพูดจริง ยุคนี้มันเสื่อม ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสพยากรณ์ไว้ว่าเป็นยุคเสื่อม เสื่อมจากโลกุตรธรรม แล้วคำว่าโลกุตรธรรมนั่นแหละธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าโลกีย์มันก็ไม่ใช่ มันก็มีระดับดีของโลกีย์นะไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ถึงแม้จะเป็นระดับดีของโลกีย์ มันก็ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น มันทวนกระแสโลกีย์ มันทิ้งโลกีย์ด้วยซ้ำ เห็นไหม อันนี้แหละมันยิ่งใหญ่ตรงนี้ ตรงที่ทวนกระแส 

ตรงที่ทวนกระแส ที่อาตมาได้เริ่มมาบ้างแล้วที่อธิบายในเรื่อง โลกทั้งโลก ตั้งแต่หมอดู จนกระทั่งถึงนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ทั้งปราชญ์เอกทั้งหลายแหล่ ศาสดาก็ตาม ล้วนแต่อยู่ตามกระแสของจักรวาล กระแสของโลก กระแสของมหาเอกภพ เวียนจากซ้ายไปขวา ๆ ทั้งนั้นและทั้งนั้น 

มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละเวียนจากขวากลับมาซ้าย จึงมาเจออดีต จึงมาเจอศูนย์ จึงมาเจอวิบาก จึงเจออดีตและจึงรู้อนาคต จึงรู้ปัจจุบัน นี่ก็ค่อยๆอธิบายไป กล่าวถึงพวกนี้ก่อน วันนี้ก็คงลงลึกยังไม่ได้ ขอขยายความอันอื่นไปก่อน 

เพราะฉะนั้นก็เลย มันไม่เข้าใจจริงๆ ก็หลงเพลิดไป ก็เลยกลายเป็นศาสนาดอกไม้พลาสติก ทั้งๆที่หลงดอกใบผลนั้นน่ะมันก็ผิดแล้ว แถมเป็นพลาสติกอีกต่างหาก โอ้ เมืองใหญ่เมืองนี้ เอาล่ะถึงแม้จะเป็นเมืองไทยเมืองเล็กก็เถอะ โดยโวหารว่ามันเป็นเมืองใหญ่เมืองที่มันเจริญงอกงามนี่ ทำไมผู้คนถึงเป็นอย่างนี้กันไปหมด ไม่รู้จักสัจจะ เหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เหมือนคนโง่คนอะไรต่ออะไรไปนี้ สิ่งที่ดีที่งามกลับไม่รู้ ไปหลงสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 18:54:21 )

ยุคนี้เพี้ยนไปหมดไปกินเนื้อสัตว์เป็นหลัก

รายละเอียด

แต่ในยุคนี้มันเพี้ยนไปหมดไปกินเนื้อสัตว์เป็นหลักแล้วกินมังสวิรัติเล็กน้อยมันกลับกันตรงกันข้ามเลย มันก็เลยต้องบอกว่าต้องมากินมังสวิรัติมันต้องพูดต้องบอกต้องเป็นอย่างนี้ เพราะว่าไปกินเนื้อสัตว์กันเป็นหมู่ใหญ่แล้ว ก็ในยุคพระพุทธเจ้าไม่กินเนื้อสัตว์เป็นหมู่ใหญ่ กินเนื้อสัตว์มีนิดหน่อยเป็น error อย่าว่าแต่ศาสนาพุทธเลย ศาสนาที่มาบวชเป็นภิกษุโดยเฉพาะตั้งแต่พราหมณ์มา เขาไม่กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ฮินดู พราหมณ์ นอกจากพวกกเฬวราก

ชั้นต่ำฮินดูชั้นต่ำ ก็กินเนื้อสัตว์ แม้พราหมณ์ ฮินดู นักการศาสนาในอินเดียผ่านมา 20 กว่าปีจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังรู้ดี คนอินเดียเขารู้ดีกันหมด ถ้าพระภิกษุของพุทธไปที่โน่นไปกินเนื้อสัตว์กัน เขาก็จะบอกว่า พระภิกษุของพุทธอะไร ทำไมกินเนื้อสัตว์ 

ประชาชนคนอินเดียเขารู้กันหมดมีแต่ประชาชนคนไทยนี่แหละ ขออภัย ไม่มีปัญญา ไม่ได้ว่าโง่นะ ทึบตื้ออยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีสติปัญญาไหวพริบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:39:04 )

ยุคนี้เรียกตัวเองว่าสมณะพราหมณ์

รายละเอียด

แต่ในยุคนี้มาใช้คำว่าพระภิกษุ พออาตมามาได้เป็นสมณะพราหมณ์ สุดเท่เลย แต่เขากลับบอกว่า ไอ้นี่ไม่ใช่พุทธๆ  ไม่เป็นไร พอตกลงกับมหาจรวย ซึ่งเป็นกรรมการของเถรสมาคมคนหนึ่ง มาตกลงกับอาตมา ว่าตกลงจะให้อาตมาเรียกตัวเองว่าอะไร ก็เอานักกฎหมายมา มหาจรวยเป็นนักกฎหมายด้วย ก็เปิดกฎหมายเลย คำในกฎหมาย ห้ามเรียกตัวเองว่าภิกษุว่าพระว่านักพรตว่านักบวช แต่คำว่า สมณพราหมณ์ไม่มี ในกฎหมายไม่ห้ามไว้ เขาก็บอกว่าให้เรียกตัวเองว่าสมณพราหมณ์ก็แล้วกันอาตมาก็ตกลง ก็เรียกสมณะ พอมาตกลงเสร็จ ประกาศ เราก็ได้ตกลงกับกรมการศาสนาแล้วนะ แล้วก็มีเจ้าคุณที่ร่วมโทรศัพท์คุยกันกับมหาจรวย ปรึกษากันว่าจะใช้คำนี้ ก็เท่ากับว่ากรรมการมหาเถรสมาคมกับมหาจรวยตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ตกลงเราเรียกตัวเองว่าสมณะพราหมณ์ เมื่อประกาศสมณพราหมณ์มหาระแบบเต้นเลย มาเอาคำว่าสมณพราหมณ์ไปได้อย่างไร เพราะว่าสมณพราหมณ์มันหมายถึงอรหันต์นะ อ้าว..แล้วกัน เราได้มาแล้วนะ ทุกอย่างมันเป็นสัจธรรมเราไม่ได้ไปดิ้นรนไม่ได้ไปแย่งชิง มันก็เป็นของมันเอง เหมือนกันกับยุคพระพุทธเจ้านั้น ตอนนี้เราก็เอา อัมพัฏฐสูตร มาอ่านให้ฟัง ซึ่งจะได้เห็นประวัติศาสตร์ ตำนาน ซึ่งจะย้อนไปถึงยุคโน้นเลยว่า คำสอนที่เรียกว่าพระเวท อันเดียวกัน ของพราหมณ์กับของพุทธอันเดียวกัน แต่ว่าตีความกลับกันคนละอย่าง สมณพราหมณ์ก็มีพระเวทคืออันเดียวกันกับของพุทธ แต่ตีความกันไปคนละเรื่องเหมือนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น อัมพัฏฐมานพ ก็จะเป็นตัวละครที่มาแสดงต่อ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:03:54 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:02 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:54:38 )

ยุคนี้เหลือแต่พลังงานเฉื่อยของอาริยธรรมต้องอาศัยพระไตรปิฎก

รายละเอียด

อย่างอาตมาเกิดมาในยุคนี้เหลือแต่พลังงานเฉื่อยของอาริยธรรม โลกุตรธรรม เกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอาศัยพลังงานเฉื่อยที่เกือบหมดแล้ว หาจากคนแทบไม่ได้ อาตมาก็ต้องเอาพลังงานโลกุตรธรรมอาริยธรรมที่ติดตัวมาแต่ปางก่อน เอามาทุ่มเทใส่สิ่งที่เกือบหมดแล้ว แต่ว่ามันหมดจากคนก็พูดได้เลยว่าหมดจากคนไปแล้ว เหลืออยู่ในพระไตรปิฎกที่เป็นวัตถุ อาตมาจึงอาศัยพระไตรปิฎกมายืนยันว่าโลกุตรธรรมเป็นเช่นนี้นะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:45:11 )

ยุคนี้ใกล้กลียุคไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะมาประกาศตน

รายละเอียด

ถ้ายุคใดเป็นกลียุคไม่มีคนจะรับได้เลย ขณะที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา มาสอนเขาก็รับไม่ได้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่เก่ง แต่คนมันหมดท่าแล้ว มันไม่มีทางจะรับได้ มันทั้งหนักทั้งแน่น ทั้งละเอียด เบา ว่าง จับไม่ติด ได้ทั้งนั้น มองไปได้ทั้ง 2 ด้าน เหมือนอย่างยุคนี้ ไม่เหมาะสมที่พระพุทธเจ้าจะมาประกาศตน คนที่มีธุลีในดวงตาน้อยมีแค่นี้ เสียของ ไม่พอที่พระพุทธเจ้าจะขึ้นมาอุบัติ เมื่อพระพุทธเจ้าไม่อุบัติขึ้นมาแล้ว ศาสนาพุทธก็ยังพออยู่ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีภูมิธรรม จะมาสืบทอดศาสนาพุทธยืนยาวให้เต็มที่ อย่างอาตมาก็มาทำหน้าที่เท่านั้นเอง เพื่อให้ศาสนาพุทธยืนยาวไปเต็มที่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 13:20:16 )

ยุคนี้ไม่มีใครกล้าบุกเบิกเหมือนพ่อครู

รายละเอียด

ขออภัยไม่ต้องไปนั่งเลยหรือจะนั่งก็ไม่ต้องไปนั่งสมาธิหลับตา แล้วไปนั่งหลับตาทำสมาธิมันเป็นของเดียรถีย์ พระพุทธเจ้าออกบวชก็เจอนั่งเต็มป่าไปหมด เท่านี้ก็น่าจะสะดุดแล้ว แล้วพระพุทธเจ้าท่านก็ทำไปตามลำดับ แต่ผู้ฟังคงเข้าใจยากว่าท่านไปสอนใคร เพราะเขาเชื่อว่า การนั่งสมาธิหลับตาเป็นทางเดียวที่จะหลุดพ้น เหมือนยุคนี้ 2,500 ปี ก็เสื่อมไปเหมือนยุคพระพุทธเจ้า เกือบเหมือนกันแล้วจะเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย ยุคโน้นทั้งหมด เชื่อแบบนั่งหลับตา ในยุคนี้อาจจะเกือบหมด อาจจะเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่มีใครกล้าบุกเบิกเหมือนกับอาตมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:16:32 )

ยุคพระพุทธเจ้า ยุคปัจจุบันกับการนั่งหลับตา

รายละเอียด

ยุคพระพุทธเจ้าเป็นพวกปฏิบัตินั่งหลับตาทั้งนั้น พระพุทธเจ้ามาเปิดฉาก แต่อาตมานี้พระพุทธเจ้าท่านทำมาก่อนแล้ว แต่ยุคพระพุทธเจ้าท่านเปิดใหม่เลย แต่ท่านค่อยทำค่อยประนีประนอม ทำแรงไม่ได้เขามีเยอะ พวกต่างศาสนาอาตมาไม่ไปยุ่งด้วยมาก แต่พวกชาวพุทธอาตมาทำเต็มที่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 13:16:40 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:21:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:51:07 )

ยุคพระพุทธเจ้ามีแต่นั่งหลับตาสมาธิ

รายละเอียด

คนที่ไปนั่งหลับตาจะได้แต่เจโตสมาธิ ในยุคพระพุทธเจ้ามีแต่นั่งหลับตาสมาธิ ท่านตีทิ้งไม่ได้ต้องอนุโลม ท่านเป็นองค์แรกมาเปิดเผยอันนี้ แต่อาตมาพูดอยู่ในวงการของศาสนาพุทธมีพื้นฐานมีหลักฐาน อาตมาไม่ไว้หน้าตีแรงเลย มันต่างกันคนละบริบทกับพระพุทธเจ้า อดีตมันผ่านไปแล้ว  อนาคตก็ยังมาไม่ถึง แล้วมันจะจริงได้อย่างไร เห็นไหมว่า ความจริงมันอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น  ถึงได้พูดกับพวกเรา อาตมายืนอยู่ที่จุดปัจจุบันที่เล็กที่สุด นอกนั้นก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย อนาคตกับอดีต ไม่มีความจริง ถ้าหากไปทำงานกับความไม่จริงมันจะได้ผลอะไร มันก็ได้ผลไม่จริงเป็นของหลอก ต้องทำงานกับความจริง ถ้าหลับตาปี๋ แต่อดีตกับอนาคต 62 ความเห็น อดีต 18 อนาคต 44 ในพระไตรปิฎกเล่มหนึ่งของพระสูตร  พรหมชาลสูตรว่าไว้ เจโตสมาธิจะไม่มีผัสสะ ก็ไม่เกิดเวทนาเป็นฐานแห่งการปฏิบัติเสียเวลากับของปลอมอดีต  อนาคต

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:25:34 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:23:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:17:21 )

ยุคพระพุทธเจ้ามีแต่นั่งหลับตาสมาธิ

รายละเอียด

คนที่ไปนั่งหลับตาจะได้แต่เจโตสมาธิ ในยุคพระพุทธเจ้ามีแต่นั่งหลับตาสมาธิ ท่านตีทิ้งไม่ได้ต้องอนุโลม ท่านเป็นองค์แรกมาเปิดเผยอันนี้ แต่อาตมาพูดอยู่ในวงการของศาสนาพุทธมีพื้นฐานมีหลักฐาน อาตมาไม่ไว้หน้าตีแรงเลย มันต่างกันคนละบริบทกับพระพุทธเจ้า อดีตมันผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง แล้วมันจะจริงได้อย่างไร เห็นไหมว่าความจริงมันอยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น ถึงได้พูดกับพวกเรา อาตมายืนอยู่ที่จุดปัจจุบันที่เล็กที่สุด นอกนั้นก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย อนาคตกับอดีตไม่มีความจริง ถ้าหากไปทำงานกับความไม่จริงมันจะได้ผลอะไร มันก็ได้ผลไม่จริงเป็นของหลอก ต้องทำงานกับความจริง ถ้าหลับตามีแต่อดีตกับอนาคต 62 ความเห็น อดีต 18 อนาคต 44 ในพระไตรปิฎกเล่มหนึ่งของพระสูตร พรหมชาลสูตร ว่าไว้ เจโตสมาธิ จะไม่มีผัสสะก็ไม่เกิดเวทนาเป็นฐานแห่งการปฏิบัติ เสียเวลากับของปลอมอดีตอนาคต

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:17:44 )

ยุคพระพุทธเจ้าสร้างไม่ได้ในฆราวาส

รายละเอียด

สร้างได้แต่ในหมู่ภิกษุ เป็นยุคมีข้อจำกัด เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีนายทาส  ลูกทาส ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่มนุษย์พึงมี สมัยนี้ทรัพยากรโลกขาดแคลน เอาไปกอบไปกองกับนายทุนเยอะ เป็นยอดปิรามิด ให้ข้างล่างแย่งชิงอดตายกันเลยในบางประเทศ เป็นยุคที่เห็นทุกข์อย่างชัดเจนเป็นสาธารณะโภคีไม่ได้ แต่ยุคนี้เป็นยุคที่มีปัญญา ปลดจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แม้แต่ว่าทรัพยากรธรรมชาติเจริญน้อยอย่างไรก็กัดกันน่าดู แต่ชาวอโศกไม่กัดกับใคร อาตมาภูมิใจที่พาให้สมาชิกชาวอโศก มาอยู่รวมกันเป็นสังคมที่มีพฤติกรรมวัฒนธรรมสังคมมีความเป็นอยู่บริบูรณ์ด้วยเศรษฐกิจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6  ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:51:49 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:24:10 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:51:44 )

ยุคพระพุทธเจ้าเป็นคนมีบารมีไม่ต้องเทศน์มาก

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้าท่านเองท่านไม่กล้าจะพูดแรงเหมือนอาตมา ในยุคของท่านเพราะว่ายังไม่มีศาสนาพุทธไง หลับตากันทั้งนั้นเต็มป่าเลย ถ้าท่านไปพูดแล้วจะเหลือใครมาศึกษาล่ะ ไปด่ามันอย่างอาตมาไม่มีใครมาเอา ใช่ไหม ท่านก็เลยต้องประนีประนอมไปค่อยๆพูด ก็เป็นบารมีของท่าน ท่านไปหาชฎิล 3 พี่น้อง บอกว่าเลิกหลับตาเถอะ มาปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ท่านมีบารมี คนก็เชื่อก็ฟัง ได้มาตามลำดับ สำหรับผู้มีบารมีก็ไม่ต้องมาก เป็นพระอรหันต์มาช่วยกันเลย ฟังเทศน์ 1-2 กัณฑ์ ก็ได้เป็นอรหันต์ตอนแรกได้ถึง 60 รูป อาตมาได้สักครึ่งรูป เทศน์มาหลายแล้ว แต่ก็ได้มาเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:52:11 )

ยุคพระพุทธเจ้าและยุครัตนโกสินทร์พราหมณ์หรือพระเสื่อมกว่ากษัตริย์

รายละเอียด

อัมพัฏฐมานพก็เหมือนศิษย์เอก แล้วคะนองเกินครู โปกขรสาติพราหมณ์ก็เลยปัดด้วยเท้าให้ ที่จริงก็คือเตะเข้าให้น่ะ ที่ไปทำขายหน้าครู ใช้เท้าปัดจนล้มเลย คือเตะนั้นเอง ยุคของพระพุทธเจ้า พราหมณ์ก็เสื่อมก็ต่ำกว่ากษัตริย์ ยุครัตนโกสินทร์ ยุคนี้กษัตริย์ดีกว่าแต่พราหมณ์ หรือพระเสื่อม กษัตริย์มีคุณธรรมมีความรอบรู้องค์รวมสูงกว่า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:17:32 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:29:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:52:50 )

ยุคพระพุทธเจ้าไม่กินเนื้อสัตว์

รายละเอียด

อาตมาขอบอกความจริงให้ฟังว่ายุคพระพุทธเจ้าไม่กินเนื้อสัตว์กันหรอก ผู้ที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่บ้างมันมีน้อย ก็ยังติดอยู่มากก็กินบ้าง 

 เพราะฉะนั้นท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องไปออกกฎทำไม เพราะว่าคนส่วนใหญ่แม้แต่พระเทวทัตก็ยังกินมังสวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วพระเทวทัตนั่นแหละบอกให้พระพุทธเจ้าออกเป็นกฎระเบียบวินัยว่าทุกคนต้องกินมังสวิรัติให้หมด พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่บังคับ 

ทำไมไม่ออกกฎระเบียบบังคับ แล้วก็ยืนยันว่าพระพุทธเจ้าท่านฉันมังสวิรัติแม้แต่พระเทวทัตก็ฉันมังสวิรัติอย่างนี้เป็นต้น แล้วมาขอให้พระพุทธเจ้าออกกฎระเบียบให้ทุกคนกินมังสวิรัติให้หมด แต่พระพุทธเจ้าไม่ออก เพราะว่าส่วนใหญ่เขาไม่กินอยู่แล้ว มันมีเล็กๆน้อยๆที่กินอยู่ ไม่ต้องไปบังคับเขาหรอก เขาเข้าใจกันหมดอยู่แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:35:25 )

ยุคพุทธันดร มี 2 ยุค

รายละเอียด

แต่มียุคพุทธันดรที่พระพุทธเจ้าไม่เกิดเพราะมีสิ่งแวดล้อมมีอะไรที่ไม่สมควรเกิดเลย ยุคที่พระพุทธเจ้าไม่เกิดเป็นสังคม 2 ยุค คือ 

1. ในยุคที่เป็นกลียุคเกิดมาก็สอนคนไม่รู้เรื่องเกิดมาเสียพระพุทธเจ้าหมดไม่คุ้มค่า พระพุทธเจ้าก็ไม่เกิด 

2. ไม่ต้องเกิดเพราะไม่ต้องใช้ศาสนาพุทธ เขาก็ดีกันหมดแล้วอยู่กันอย่างสงบสบายดี แล้วพระพุทธเจ้าจะเกิดมาทำไม เขาสงบดีแล้ว แบ่งแจกกันกินกันใช้อยู่กันอย่างพี่น้องแล้ว มันก็เหมือนเป็นศาสนาพุทธนั่นแหละ มันมีอยู่แล้วตัวมันเอง ก็ไม่ต้องเกิดมาเป็นพระพุทธจ้า

จนมันเสื่อมจนถึงขั้นต้องเข้ามาโปรดแล้ว  ซึ่งมันชักจะไม่ดี พระพุทธเจ้าก็ค่อยๆช่วยให้มันดีขึ้นมาอีกวนเวียนอย่างนี้อาตมาเป็นโพธิสัตว์ก็เข้าใจสิ่งเหล่านี้ผ่านสิ่งเหล่านี้มา มาเกิดในยุคนี้จึงรู้รายละเอียดของความหยาบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:25:51 )

ยุคสมัยมีสิ่งเปรียบเทียบจึงจะสมบูรณ์

รายละเอียด

สรุปแล้ว ต้องให้เขาทำ เพราะเป็นยุคสมัยมันต้องมีสิ่งที่เปรียบเทียบจึงจะสมบูรณ์ ถ้าไม่มีคู่เปรียบเทียบเลย ภาษาการมีคู่เทียบกับการไม่มีคู่เทียบภาษาคำนึงคือ นัตถิอุปมา หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่รู้ความจบ หากว่าเปรียบเทียบแล้วตัดสินไม่ได้คุณก็ไม่จบ นัตถ แปลว่าไม่ คุณไม่จบ คุณต้องเปรียบเทียบแล้วจบได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:35:31 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:54:56 )

ยุคอิสรเสรีภาพสมบูรณ์แบบ 

รายละเอียด

แต่ยุคนี้ไม่มีแล้วทาส ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ด้วย ทุกคนรู้จักสิทธิมนุษยชนเต็มที่ อิสระบริบูรณ์ เพราะฉะนั้นจึงทำได้หมด ไม่ใช่อาตมาทำเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ในยุคพระพุทธเจ้าทำไม่ได้ มันมีข้อจำกัดจริงๆ แต่ยุคนี้มันไม่ใช่แล้วมันทำได้ไม่ใช่เก่ง แต่มันทำได้เพราะมันหมดข้อจำกัด มันไม่มีข้อจำกัดอย่างยุคพระพุทธเจ้าแล้ว มันเป็นยุคอิสรเสรีภาพสมบูรณ์แบบ 

เพราะฉะนั้น พวกเราจึงมาเป็นพวกที่มีอิสรเสรีภาพเต็มที่ แล้วก็เข้ามารวมกันเป็นภราดรภาพ เป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ เป็นพี่เป็นน้องเลยยิ่งกว่ากงสีของชาวจีน กงสีของชาวจีนเขายังมีการแบ่งทรัพย์ออกไปได้ แต่ของเราไม่มีใครแบ่งกองกลางออกไปเลยยิ่งกว่ากงสี แล้วก็ฝากผีฝากไข้ยิ่งกว่าญาติพี่น้องสายเลือด ฝากผีฝากไข้ได้ เจ็บป่วยก็ดูแลรักษากัน ตายก็ช่วยกันจัดการให้เรียบร้อยตามจารีตประเพณีที่ดี อะไรต่างๆพวกนี้ 

ซึ่งเป็นการพิสูจน์เรื่องมนุษย์และสังคมได้สมบูรณ์แบบจริงๆ สักวันหนึ่ง นักวิชาการทั้งหลายแหล่จะมาเห็น เสียดายแต่ชาวพุทธเถรสมาคมที่ยังตาบอดอยู่ อาตมาว่าคนต่างประเทศที่เขาพยายามแสวงหา เขาจะมาเห็นก่อนนะ จะมาเห็นก่อนชาวพุทธหรือว่าเห็นก่อนเถรสมาคม ว่าอย่างนี้ธรรมะพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ชาวอโศกนี้นำมาสถาปนาลงไปในสังคมยุคนี้ มีจริงเป็นจริง เป็นโลกุตรธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:07:01 )

ยุคเปิดศักราชโลกโลกุตระ

รายละเอียด

เห็นหน้าใหม่ๆหลายคน อาตมาไม่ชินตา ใครที่มาครั้งแรกยกมือซิ …หลายคนเลย ก็ยินดีต้อนรับ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าจะเข้าใจกันเพิ่มขึ้น จากนี้ไปก็น่าจะเป็นยุคที่เปิดศักราช ชาวโลกุตระ น่าจะเป็นยุคเปิดศักราชของโลกโลกุตระ หมายความว่า คงจะเป็นยุคที่ แสงสว่าง ปลายอุโมงค์ ไกลๆ มันคงสาดส่องมาถึงแล้ว คนข้างนอกก็คงจะเข้าใจเต็มใจ และสมัครใจที่จะมาเพราะว่ามีความอิสระเสรีภาพ เราไม่ไปล่อลวงประเล้าประโลม ให้คนรู้เองเข้าใจเองซาบซึ้งเองแล้วยินดี ว่าอย่างนี้หรือ ต้องเอาสิอย่างนี้ ตัวแรกของมูลสูตรที่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีฉันทะเป็นมูล มายินดีมาทำตามเอง ถึงจะเป็นของจริง ใครก็ตามถ้าเกิดธาตุจิต ฉันทะธาตุ มันเป็นความยินดีพอใจ โดยเฉพาะมันยินดีพอใจที่รู้ว่าอันนี้สิ ไม่ใช่สิ่งที่เราเคยวนเวียนมากี่ล้านปี สุขๆทุกข์ๆ ทุกข์ๆสุขๆแบบโลกีย มันไม่ใช่ นี่มันเป็นแบบโลกุตระ มันเป็นโลก ดาวคนละดวงเป็นดาวดวงใหม่ ไม่ใช่ดาวดวงที่เราวนเวียนอยู่อย่างเดิม เราเห็นแล้วแล้วสามารถเข้ามาได้ด้วยมาตรงนี้ใช่เลย เป็นดาวดวงที่เจริญ มันจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งคนทั่วไป โลกียะ จะคำนึงในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข กาม อัตตาเท่านั้น น่าเบื่อ แต่เขาไม่เบื่อกันเสียที พอรู้จักทางออกว่ามีโลกใหม่แล้วเราก็เข้ามาได้ เป็นความยินดีชนิดโลกุตระจะมีฉันทะ เราได้สัมผัสของจริง ตอนนี้น่าจะเปิดศักราชให้คนได้เริ่มรู้ เข้าใจแล้วมาสัมผัสแล้วได้ แต่ก่อนก็มีแต่น้อยทยอยมา คนมีบารมีเก่าแสวงหา แต่ตอนนี้ แม้คนจะไม่ตั้งใจจะคิดเข้ามาโลกุตระมาหานิพพาน แต่เขาจะมา และรู้สึกว่าตัวเองต้องมาเอาอันนี้ เกิดฉันทะเกิดความยินดีในโลกใหม่ อาตมาว่าครั้งนี้จะได้เปิดศักราชอย่างนี้ ในวันที่ 5 วันอโศกรำลึกที่จะถึงปีนี้ อายุเต็ม 84 ของอาตมา ขึ้น 85 แม้จะมีกิจกรรมแบบเก่าแต่ไม่ใช่แบบของปุถุชนทั่วไปคนข้างนอก แต่ก็เปิดกว้างสาธารณะผู้ที่ยินดีก็มาได้ มาแล้วก็ต้องกลมกลืนนะ หากมาแล้วไม่กลมกลืน มาเป็นจระเข้ขวางคลองก็แน่นอนคุณก็จะต้องถูกเขาจัดการเอาออกไปแน่นอน มันเป็นปฏิปักษ์ไม่ลงรอยก็ไม่ได้ งานนี้ก็จะลองดูมาจัดที่อุบลราชธานี ปลายตะวันออก ชายแดนสุดเขต ปากช่องปากเซออกไปก็เป็นเขตลาวแล้ว คนจะมาจะต้องใจถึงและเต็มใจมาจริงๆ ไม่ใช่ไปมาสะดวก ต้องใช้เวลาใช้ความพยายามในการมา ก็เป็นการคัดเลือกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่ใจถึง ก็คงจะได้เห็นได้ดูความจริง แม้แต่ทางสื่อสาร ตอนนี้ก็มีสื่อสารมา เป็นสื่อสารทั่วไป เป็นสื่อสารของสาธารณะของสากล สื่อสารของเรานั้นจะต้องสนใจจริงๆจึงจะเปิดดู แต่สื่อสารทั่วไปของโลก จะมาเชื่อมกับเรา มาเปิดศักราช ยังไม่เคยมีมาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้เลยแต่ไหนแต่ไรมา ก็ยินดีที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 10:48:36 )

ยุคเสื่อมของศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

ยุคนี้เป็นยุคเสื่อมของศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล เสื่อมหนักจริงๆ อาตมาเป็นผู้มากอบกู้ ซึ่งมันหมดไปแล้วมันหายไปเลยโลกุตรธรรม มันเป็นโลกุตรธรรม อาตมาเอามาประกาศ อาตมาถ้าไม่มีธรรมะที่แท้เป็นธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจาริง ถ้าไม่มีธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม อาตมาตายไปแล้ว ตอนนั้นจะถูกยิงบนกลางเวทีที่ผ่านเหตุการณ์มาก็ได้ หรือตายไม่เวทีหรอก แต่ที่อื่น มันก็ตายอย่างไรก็ได้ 

หรือไม่ตายอย่างนั้นก็มาทำงานศาสนานี้ไม่ได้ จะเอาพระไตรปิฎกคำสอนพระพุทธเจ้าซึ่งโชคดีที่เมืองไทยยังยึดถือพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ที่พระมหากัสสปะทำมานี่แหละ ดีที่ยังยอมรับพระไตรปิฎกเล่มเดียวกัน มหายานมีพระไตรปิฎกหลายเล่มมากมายเลย ไม่ใช่แค่ 45 เล่ม มากกว่านั้นอีก มหายานบานปลาย เลอะ ดีไม่ดีก็ไปรับคำสอนจากอรรถกถาจารย์ที่เป็นอาจาริยวาท บานปลายกันไปใหญ่ แม้แต่ในพุทธของไทยเข้าไปรับอาจาริยวาท ไปรับอรรถกถาจารย์ ซึ่งอรรถกถาจารย์ก็มีส่วนถูกบ้างแต่มันมีส่วนผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆเป็นอาจาริยวาท ซึ่งเถรวาทคือคำสอนที่เป็นวาทะของเถระ เป็นวาทะของพระเถระหมายถึง พระผู้ที่เกิดในระดับเป็นพระเถระในยุคพระพุทธเจ้า ได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ร่วมกันกับพระพุทธเจ้ามาเป็นพระเถระ ในยุคของพระพุทธเจ้า แล้วมาเกิดในยุคนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:09:56 )

ยุคใกล้กลียุค มันจะคัดเฟ้น

รายละเอียด

ตอบ โชคร้าย ไม่ใช่โชคหรอก เป็นเคราะห์ร้าย เคราะห์เลย ที่ไปหลงใหลอบายมุข อันนี้มันลึกซึ้งค่อยๆขยายความไป 

เรื่องเหล่านั้นอาตมาก็ไม่เก่ง ไม่เก่งที่จะขยายความอบายมุขเหล่านั้น อบายมุข อบาย คือความไม่เจริญ ไม่เจริญในการละเล่น บันเทิงเริงรมย์

เรื่องกีฬามันเป็นอบายมุข 6 แต่เขาไม่เข้าใจ คำสอนของพระพุทธเจ้า แม้แต่คนไทยก็ยังเข้าใจยาก ข่าวกีฬานี้ขึ้น โอ้โห ออกกันแทบทุก 15 นาที ข่าวกีฬา แต่ข่าวธรรมะนี้ปีนึงออกสักครั้ง ข่าวธรรมะโดยเฉพาะธรรมะโลกุตระ ก็เห็นใจเขาไม่รู้ เป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่า เขาไม่มีภูมิธรรมที่จะรู้สิ่งนี้ แน่นอนเขาก็จะไม่รู้จะพูดยกย่อง เชิดชูอย่างไร ก็เป็นสัจจะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ไม่มีปัญหาอาตมาเข้าใจอยู่ 

จะเห็นได้ว่าถ้าเผื่อว่าสิ่งเหล่านี้ อย่างเมืองไทยก็เป็นตัวอย่าง ขนาดเมืองไทยที่เป็นเมืองโลกุตระปักหมุดลงไปแล้วจริงๆ มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นในสังคมแท้ มีทั้งราษฎร ธรรมะ ทศพิธราษฎรธรรม มีทั้งทศพิธราชธรรม แท้ๆเลย มีจริงนะไม่ใช่อาตมาพูดลอยลมเป็นพยัญชนะปากเปล่า เรื่องจริง ขนาดนั้นมันก็ยังได้ขนาดนี้เลย แต่โดยองค์รวม อาตมาก็ดูตามภูมิปัญญาของอาตมา เมืองไทยนี้นำพาโลกุตรธรรม เจริญขึ้น นำโลกไปเรื่อยๆ 

เพราะฉะนั้นในยุคใกล้กลียุค มันจะคัดเฟ้น มันจะคัดเลือกคนระดับผู้นำ ระดับปัญญาชนที่จะแสวงหาสิ่งที่เป็นสิ่งยอดที่สุด เขาจะเข้าใจกลุ่มนึง เพราะฉะนั้นจะมีอิทธิพลของผู้ที่มีภูมิปัญญาที่จะรับได้เข้ามาเป็นมวลหรือน้ำหนัก เป็นคุณธรรมองค์รวมที่จะมีพลังงานของธรรมะ แสดงออกมาเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสามัคคียะ เป็นเอกีภาวะ ปรากฏการณ์เกิดขึ้นในโลกไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้น อาตมาคิดว่า อาตมาเข้าใจไม่ผิด จะเป็นเช่นนั้น ก็ค่อยๆช่วยกัน มารวมตัวกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 12:47:30 )

ยุตติ , ยุติ

รายละเอียด

1. การจบ การหยุด

2. ถูกแล้ว , เหมาะควรแล้ว , ประกอบแล้ว , จบแล้ว , ตกลงแล้ว

3. หยุด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 140

คนคืออะไร? หน้า 367

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 312


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:24:40 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:12:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:55:41 )

ยุติการสิ่อสารทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม

รายละเอียด

ยุติอะไร ยุติการสื่อสารทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ที่ได้ทำการยุตินั้นก็บอกไขความให้เข้าใจว่า ที่ยุติ

1.เราเมื่อยหาเงินค่าดาวเทียมมาถึง 12 ปี 6 เดือน เราหาเงินมาใช้จ่ายสื่อสารในระบบนี้ เราก็รู้ว่า เครื่องมือเทคโนโลยีเดือนนี้ก็มีอีกหลายอย่างที่ทำได้โดยไม่ต้องอาศัยดาวเทียม ก็สามารถที่จะดูได้แล้ว เราก็เห็นว่าสมควรแก่ฐานะเราและโอกาสที่เหมาะควร 

2.มันเป็นการคัดเลือกบุคคล เพราะฉะนั้นคนใดที่เห็นว่าอันนี้มีคุณค่าแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลยที่จะติดตามทางสื่อที่เราออกไป ทาง Facebook ทาง LINE ทาง YouTube ที่เราใช้เทคโนโลยีที่เขาใช้กันอยู่แล้วนี่ ทางอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ทางดาวเทียม เราทำได้แล้วโดยอาศัยอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้อาศัยดาวเทียม เพราะดาวเทียมมันแพงอินเทอร์เน็ตมันถูก สมควรแก่เวลาเราก็เลยทำเช่นนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:53:01 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:03 )

ยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร

รายละเอียด

เราก็มาโอภาปราศรัยกันไปตามฐานะที่เป็นมนุษย์ก็คุยกันพูดกัน รู้เรื่องกันด้วยการพูดนี่แหละ ฉลาดหรือโง่ก็อยู่ที่การพูดนี้ด้วยเป็นอย่างยิ่ง โลกทุกวันนี้ มันเต็มไปด้วยการส่งสื่อสารข่าวสาร มันเป็นโลกแห่งข่าวสารมวลชน มันก็เลยหลงข่าวสารกัน คนที่เก่งเรื่องการทำข่าวสารกับคนที่เก่งเรื่องการทำ ลงมือทำ ทำจริงๆ ด้วยกาย วาจา ใจออกมาเป็นผลผลิตเป็นชิ้นงาน เป็นผลงานให้มนุษย์ได้กินใช้อาศัย อย่างถ้าเจริญก็สุขสำราญเบิกบานใจเลย 

แต่ทุกวันนี้ผลที่ประเทศไทยกำลังได้รับขณะนี้ เป็นเรื่องของผลของผู้ชนะด้วยความเก่ง ในการใช้ IO ใช้ยุทธการทางข้อมูลข่าวสารกัน ความรู้ที่รู้กันแค่ข่าวสาร ซึ่งถูกกรอกหูกรอกตากัน กรอกวันแล้ววันเล่ามากมาย มันเป็นแค่การรับรู้ที่ฉาบ พอก เอาไว้เพียงภายนอก 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริงการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 12:56:31 )

ยุทธวิธีการชุมนุม

รายละเอียด

• ยุทธวิธีการชุมนุม (รูปแบบการชุมนุม) 

    1. สุภาพ สงบ และเรียบร้อย

    2. ไม่มีความรุนแรง

    3.เสนอ ความรู้ และ ความจริง

    4. ไม่หยาบ

    5. ไม่ผิด

  กล่าวคำแรง เสียงดัง เท่าใดก็ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:29:24 )

ยุทธวิธีการชุมนุม (Strategies)

รายละเอียด

1. สุภาพ สงบ และเรียบร้อย

2. ไม่มีความรุนแรง

3. เสนอ ความรู้ และความจริง

4. ไม่หยาบ ไม่ผิด กล่าวคำแรง เสียงดัง เท่าใดก็ได้

ที่มา ที่ไป

560816  ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2563 ( 15:05:28 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:56:05 )

ยุทธศาสตร์ชาติ ชูมหาอำนาจทางการเกษตรแม่เหล็กท่องเที่ยวโลก

รายละเอียด

ถูก ถ้าทำได้อย่างนี้สมบูรณ์ เป็นแต่เพียงว่า อย่างชาวอโศกทำอย่างนี้แหละ คือทำให้การเกษตรมีพลังอำนาจ เป็นแต่เพียงว่า ทำให้ก้าวหน้าอย่างมากแต่ไม่มีเชิงแข่งขันเอาชนะคะคานใคร จะเรียกว่าเป็นแม่เหล็กท่องเที่ยวโลก อาตมาว่าคนฉลาดจะมาท่องเที่ยวแดนอย่างนี้ คนไม่ฉลาดจะไปท่องเที่ยวแดน disneyland หรือ las vegas

 ดูเหมือนว่าเขาประกาศแล้วว่าประเทศไทยเป็นสถานที่ที่มีผู้มาท่องเที่ยวเป็นสถานที่อันดับ 1 ของโลก

ประเทศไทยไม่ใช่ Disneyland หรือลาสเวกัส เพราะมันเป็นแดนอบายมุข เช่น เป็นแดนกีฬาดังมีนักกีฬาใหญ่ราคาแพง ไม่ใช่ หรือเป็นนักเต้นร้องรำอบายมุขดังใหญ่ระดับโลก ราคาค่าตัวสูง ไม่ใช่ เมืองไทยไม่ใช่อย่างนั้นสักอย่าง เมืองไทยมีนักท่องเที่ยวมามากแสดงถึงโลกมีปัญญา ประชากรโลกมีปัญญา รู้ว่า ควรจะไปเที่ยวที่ไหน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 12:58:01 )

ยุทธศาสตร์ประเทศไทยให้เป็นกลางและเป็นผู้สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

อาตมาก็ขอย้ำเลยนะว่า อาหารนี้เป็นหนึ่งในโลก โดยเฉพาะอาหารที่อย่าไปเกี่ยวข้องเอาสัตว์มาเป็นอาหาร สัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่อะไรก็อย่าไปเอามาเป็นอาหาร (เรา)อยู่รอด อยู่ได้ เจริญดีด้วย อายุยืนด้วย พิสูจน์ได้จริงๆ 

เพราะฉะนั้นที่เราพากันทำนำสังคม มันไม่ได้หมายความว่าเราโดดเดี่ยวนะในเรื่องอาหารพืช อาหารวีแกน อาหาร Vegetarian มันไม่ใช่ว่าเราโดดเดี่ยวนะ มันทั่วโลก เขาเข้าใจกันมาแล้ว เราไม่ได้เพิ่งเริ่ม แต่เราเห็นสำคัญ เรานำกันอย่างจริงจัง อาตมาเอามาเป็นบุญญาวุธหมายเลข 1 ซึ่งไม่ประสีประสากันเท่าไหร่เลยในคนไทย มีคนจีนที่มีการกินเจกันบ้างกุ๊กๆกิ๊กๆอยู่อย่างนั้นแล้ว ก็ตามโรงเจ งานเจ เกาอ่วงเจทีหนึ่งก็นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ฮือฮาอะไร 

จนกระทั่งอาตมามาตีปี๊บเป็นมังสวิรัติขึ้นมา จนกระทั่งเรามา พูดไปก็เถอะ เรามาฮุบเอาเจเข้ามาร่วมด้วย จริงๆมังสวิรัติของเรานี้มันมีนัยยะที่ต่างกันด้วย เจของเขามันก็ไปแบบของเขานะ ตาม Concept (แนวความคิด)ของเขา Concept ชาวเจ ก็ว่าของเขาไป ของเรามังสวิรัติ Concept ของเราก็ต่างกันไปบ้าง มันไม่ไปมุ่งแบบอะไรของเขามาก แต่มุมของเขาก็ดีเหมือนกันนะ เขาก็มองว่า เจ นี่เขาไม่เอาอะไร ให้มันละเอียดเลย ไม่เกี่ยวเลย ทุกภาชนะก็จะต้องสะอาด ไม่เคยใช้เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์มาเลย อย่างนี้เป็นต้น รักษาความสะอาดให้ยิ่งไม่ให้มันต่อเชื่อมอะไรเลย ก็ดูดี แต่มันจะละเลียดเกินไปหรือเปล่า หรือมันจะมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสนะ มันมีกลิ่นยั่วยวน มันเป็นรสยั่วยวนในผักพืชอีก 5-6 ชนิด ห้ามกินห้ามอะไรพวกนี้ มันก่อเกิดอะไร เขาก็อธิบายกันไป 

อาตมาว่าก็ดี แต่ว่ามันจะละเลียดเกินไปหรือเปล่า มันจะกระเบียดกระเสียนตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เราเรียนรู้สิ่งที่เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแล้วก็เรียนรู้อยู่แล้ว กินเจก็จะเอาถึง  รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่มันอยู่ในพืชอีก  ก็ได้นะ แต่มันจำกัดจำเขี่ยมากไปบ้างหรือเปล่า นี่ก็อธิบายพอสมควร 

ก็ขออธิบายเพิ่มเติมขึ้นว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละ ให้เราตื่นตัวกันเถิด เมืองไทยนี่เป็นเมืองที่อยู่ในศูนย์สูตรนี้ บรรยากาศที่ปลูกผักปลูกพืชได้ ถ้าไม่ใช่ที่น้ำท่วมเหมือนบ้านราชละก็ จะปลูกได้ตลอดปี 12 เดือน นอกจากบ้านราชนี่น้ำท่วม ก็อาจจะไม่ได้ตลอด 12 เดือนเท่านั้น นอกจากไม่ได้ตลอดแล้ว พอถึงน้ำท่วม ไอ้ที่ปลูกไว้ก็ตายไป ต้องมากอบกู้กันใหม่อีกอันนั้นก็แล้วไปเถอะ เราเป็นพวกขยันเราก็ทำ คนขี้เกียจเขาไม่มาทำหรอก ที่จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก บารมีเรามันได้แค่นี้ ไอ้ที่ดีๆที่ไม่ต้องมาเสียเวล่ำเวลาที่จะต้องมาน้ำท่วมตาย มันก็ไม่ได้ บารมีเรามีแค่นี้ ก็เอาแค่นี้ ก็รับเอาไปแล้วกัน ก็ไม่เสียหลายอะไรหรอก 

อาตมาย้ำแล้วย้ำอีกว่า อยากจะให้เมืองไทยเป็นเมืองพืชพันธ์ธัญญาหาร ประเทศแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร ดีไม่ดีจะแพ้ตะวันออกกลางเขานะ ส่งพืชพันธุ์ธัญญาหารขายตีตลาดไทย ขายขี้หน้าเขาตายเลย จริง แผ่นดินเขาเยอะ เงินเขาเยอะ เขาเนรมิตอะไรต่ออะไรได้เยอะก็จริงอยู่ แต่อย่าให้เสียท่าตรงนี้เลย อาตมาว่า 

เอาเถอ ะเขาจะชนะหรือไม่ชนะก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะว่าประเทศเราประเทศเล็ก คนน้อย พื้นที่น้อยกว่าเขาเยอะ ทุนรอนก็น้อยกว่าเขาเยอะ แต่เราทำให้เต็มที่ของเราเถอะ อาตมาว่าอันนี้ อาตมาไม่อยากจะใช้คำว่า อำนาจ อำนาจใหญ่ ที่จะคุ้มตัวเราเองไปสู่สังคมโลก ก็คือเรามีพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอำนาจหรือเป็นพลัง ไม่ใช่ปืนผาหน้าไม้อาวุธฆ่าคน ไม่ใช่ หรือแม้แต่ไอทีต่างๆ หรือไอ้พวกเทคโนโลยีต่างๆเราเก่งก็ไม่ใช่ เราจะเก่งพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละ อาตมาสรุปมาหลายทีแล้ว 

1. ประเทศไทยขอให้รักษาความเป็นกลางให้ดี อย่าไปหาเรื่องที่จะไปรบราฆ่าฟัน ไปรบราฆ่าฟันกับใคร ประสานให้ทั่วสิบทิศเลย ไม่ใช่ผู้ชนะ 10 ทิศหรอก แต่เป็นผู้ประสาน 10 ทิศ เป็นผู้ประสานสิบทิศให้ได้ เป็นกลางและประสาน 10 ทิศ 

2. ทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้เป็น…มันยังคิดคำไม่ออกที่เกินกว่าพลังอำนาจ ให้เป็นอะไรดีล่ะ ให้เป็นคุณก็ได้ เป็นพลังอำนาจ เป็นธรรมฤทธิ์ ที่จะเข้าไปกอบกู้อะไรทุกอย่างเลย จะใช้คำว่า ประเทศมหาอำนาจ มันก็ดุเดือด ภาษามันดูรุนแรง ใช้คำว่า ประเทศมหากรุณา จะดีกว่า เป็นมหาเมตตา

สรุปแล้ว อาตมาเคยเน้นมาหลายทีว่า 1.เป็นกลาง 2.สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วเคยพูดอีกเรื่องหนึ่งก็คือไม่อยากย้ำเท่าไหร่เพราะว่าเห็นใจเหมือนกัน อันนี้มันยาก คืออย่าไปหลงเศรษฐกิจในเรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องการท่องเที่ยว เศรษฐกิจในการท่องเที่ยวหรือสรุปง่ายๆก็คือ ได้เงินจากการท่องเที่ยวมาเป็นรายได้หลัก รายได้สำคัญอะไร อย่าเลย 

อาตมาเคยอธิบายว่า มีแขกมาเยี่ยม มาสู่เรือนชาน ต้อนรับเขา ให้เขา ดีไม่ดีเลี้ยงดูเขา แล้วให้ของใส่กระเช้า ใส่ชะลอมกลับบ้านไปอีก อย่างนี้ต่างหากเล่า แต่ไอ้นี้ แขกมาหรือว่านักท่องเที่ยวมา คุณขูดรีดขูดเลือดขูดเนื้อ เอาเปรียบเขา อาตมาพูดแค่นี้ก็น่าจะมีปฏิภาณเข้าใจได้แล้วนะว่า มันไม่งามเลย ใช่ไหม มันไม่งามเลย ไปขูดรีดรายได้จากแขกอาคันตุกะ จากผู้มาเยี่ยมเยียน จากมิตรสหายชาวโลก ชาวต่างบ้านต่างเรือนต่างเมือง ต่างประเทศมา เราน่าจะต้องมีน้ำใจให้แก่เขาให้มากๆ แทนที่จะไปดูดเลือด ฉวยโอกาส เห็นไหมว่านี่คือในความอาริยธรรมหรืออาริยกะ อาริยธรรมอย่างนี้ เข้าใจให้ดีๆเถอะ แล้วเมืองไทยทำให้ได้ 

เศรษฐศาสตร์พุทธนี่เข้าใจถึงสาระ เข้าใจถึงปัจจัยสำคัญ เน้นเข้าหาปัจจัย 4 อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านเน้นแล้ว นอกนั้นก็เป็นความสำคัญด้อย น้อยลง น้อยลงทั้งนั้น ความสำคัญหลักก็คือปัจจัย 4 

อาหารสำคัญที่หนึ่ง ต่อจากนั้นก็เป็นที่พัก เสื้อผ้าหน้าแพร ยารักษาโรค ยารักษาโรคนี้เป็นอันที่ 4 เลย เพราะถ้าเราแข็งแรงดี ไม่ต้องใช้ยารักษาโรคเลยตลอดชีวิต แต่คนก็ต้องนุ่งผ้าบ้างอันที่ 3 แล้วคนต้องมีที่อยู่เป็นอันที่ 2 อันที่ 1 ก็คืออาหารหรือคำข้าว เห็นไหมลำดับความสำคัญของมัน อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าเราเอง เรามีที่หนึ่งคืออาหารได้แล้ว แม้ที่อยู่เราจะไม่เก่ง เสื้อผ้าหน้าแพรเราจะไม่เก่ง ยารักษาโรคเราก็จะไม่เก่ง  อาหารคำข้าวพืชพันธุ์ธัญญาหารเราเก่งที่1 นี้ให้ได้ เน้นจุดนี้เป็นเลิศเป็นหนึ่ง เท่าที่เราทำได้ แล้วถ้าเราทำได้ แม้คนเราจะน้อย พื้นที่เราจะน้อย กำลังงานเราจะน้อย เราทำเต็มที่มันก็ได้เต็มที่ เรากินเราใช้ ไม่ได้หลงโลกมามอมเมา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) มอมเมาด้วยค่านิยม อวดโอ่อะไรมากมาย เราก็กินน้อยใช้น้อย กินอย่างถูกๆ ไม่แพงไม่อะไร แต่ได้เนื้อหาสาระ เพราะเรามีปัญญาในเรื่องโภชนาการเต็มที่แล้ว 

เพราะฉะนั้นเราสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วก็เอาไปแจกจ่าย ในความซับซ้อน ไดอะแลกติกของความเห็นที่ย้อนแย้งกันนี่ แม้แต่รายได้ที่เราจะแลกกลับคืนมานี้ เศรษฐศาสตร์ที่เจริญของศาสนาพุทธโลกุตระได้คืนมาน้อยที่สุดหรือไม่เอาคืนมาเลยต่างหากคือความเจริญ คุณให้เขาไป 100% เลย เอากลับมา 0 นั่นคือความเจริญ แลกเอาคืนมาน้อยที่สุด นั่นคือความเจริญ ถ้าเอามากขึ้นมากขึ้นคือความเสื่อม 

แต่ทิศทางของคนกลับจะแลกกลับมาให้ได้มากๆ นี่คือความคิดเศรษฐศาสตร์ของเทวนิยม เศรษฐศาสตร์โลกียะ เศรษฐศาสตร์ของผู้ที่ไม่เข้าใจชัดเจนเลยในโลกุตรธรรม ก็ค่อยๆเข้าใจไป มันไม่ใช่ง่าย พูดแล้วดูเหมือนง่าย  พวกเราเข้าใจได้ เพราะพวกเราศึกษามาแล้วก็ปฏิบัติประพฤติแล้ว ก็เห็นจริงแล้ว มันมีของแท้ มันมีของแท้ของจริงในตัวเอง เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยากไม่เย็นอะไร แต่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจ ยังยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 04:09:46 )

ยุ่งอะไรกับการเมือง

รายละเอียด

อาตมายุ่งการเมืองอยู่ไม่ใช่น้อยเลย ยุ่งกับการเมืองก็ไม่ใช่น้อยเลย 

ตกลงที่ว่ายุ่งอะไรกับการเมือง อาตมาก็ปฏิบัติไปตามการเมืองที่เขาเป็นกันอยู่ แล้วก็ไปช่วยเมืองยุ่งๆ ให้มันหายยุ่ง ดีไหม ถูกไหม อาตมาก็ทำถูกแล้ว พวกเราก็รับรอง 

เพราะฉะนั้น ง่ายๆ ยุ่งอะไรการเมือง เพราะการเมืองมันยุ่ง อาตมาก็เลยไปช่วยให้มันหายยุ่ง ตอบง่ายๆ 

ปฏิบัติให้ถูกนั้น อาตมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมือนกันนะ ถูกต้องคืออะไร คือทำให้การเมืองเขาได้รับการกระทบและมีผลบ้าง ช่วยการเมืองที่มันไม่ไหว เพราะฉะนั้นการเมืองที่อาตมาไปทำนี้มีผลพอสมควร แต่คนเขาเช็คผลไม่ได้กัน เขาเช็คผลไม่ได้ พวกเราก็ไม่ได้เที่ยวไปขี้ตู่หรือยึดถือว่าเราไปช่วยการเมืองอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็ไม่ได้ไปขี้ตู่อะไร ก็ให้เป็นไปตามธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:57:00 )

ยูโทเปียของโทมัสมอร์คิดแล้วทำไม่ได้แต่ชาวอโศกทำได้

รายละเอียด

ชาตินี้อาตมาไม่ได้ทำอะไรเลยเงินทองข้าวของอะไรให้แก่ประเทศชาติ อาตมาทำแต่ความรู้ทำแต่ธรรมะเป็นเรื่องนามธรรม แม้แต่ทำเป็นหนังสือเป็นข้อเขียนก็แจก แต่ก่อนนี้ขายบ้าง เพราะว่าคนมาช่วยน้อยมันไม่หวาดไม่ไหว แต่เดี๋ยวนี้ก็ทำได้พอสมควรแจกได้เลย 

ไม่ได้ยึดเป็นของตน ต้องการให้กว้างออกไป อาตมาไม่ได้ยึดว่าเป็นของประเทศไทยเท่านั้น ให้ไปทั่วโลก ประเทศไทยยังไม่มีฐานรู้ธรรมะมากแต่ค่อยๆติดตามมาได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นจุดสูงสุด คนจะเข้าใจตามว่าคนทำได้อยู่นะ ไม่ใช่ยูโทเปียของโทมัสมอร์ที่คิดแล้วทำไม่ได้ เป็นวิมานอยู่   แต่นี่ทำได้นะ มีทั้งวัตถุตัวตนบุคคลพฤติกรรม มีทั้งจิตวิญญาณที่สอดคล้องตามพฤติกรรมข้างนอก พฤติกรรมข้างนอกไม่เอาเป็นของเรา จิตใจก็เป็นเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:00:21 )

ย่อชีวิตให้มาเรียนรู้กิเลส

รายละเอียด

สัญญากำหนดหมายให้แม่น แล้วทำการอภิสังขาร คือฆ่าตัวกิเลสให้ได้ พระพุทธเจ้าย่อชีวิตให้มาเรียนรู้กิเลส วิชาอะไรอื่นทั้งนั้นในโลกไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับวิชานี้คือเรียนรู้กิเลสพระพุทธเจ้าท่านจบ 18 สาขาวิชาเอกทั้งนั้น ท่านก็ไม่ใช้เลย ท่านมาเอาวิชชาของท่าน ซึ่งวิชาทั้งหลายในตักสิลา 18 วิชาก็ไม่มีวิชานี้ท่านก็โยนทิ้ง18 วิชานี้หมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:24:59 )

ย่าง 41 ปี จะเพิ่มเงินมาทำตลาดอาริยะมากขึ้น

รายละเอียด

กลับกันมาเป็นคนโลกุตระนั้นจะเสียสละให้ได้หมดเนื้อหมดตัว ไม่เอามีแต่เป็นผู้ให้ ผู้เสียสละให้ถึงที่สุดจิตวิญญาณเป็นได้จริง จนกระทั่งมาเป็นหมู่เป็นกลุ่มเป็นชุมชนมีพฤติการณ์มีวัฒนธรรมของโลกุตระบุญนิยม ชัดเจนอย่างที่ชาวอโศกเรามีแล้ว 

คนเขายังไม่ค่อยเชื่อน้ำหน้าพวกคุณหรอก ว่าคุณทำอย่างนี้เป็นของจริงที่ออกมาจากจิตใจจริงๆ เขาก็บอกว่าเป็นดรามาติคชนิดหนึ่ง ทำโชว์ ทำแอ๊ค ทำอวดอ้างว่าให้มันดูดี เขาก็บอกว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ มันก็อดทนเอา 

41 ปีนี้น้ำฝนตกแล้ว 41 พรรษา ย่าง 41 ปี ซึ่งพวกเราทำแล้ว เราถึงพยายามจะเพิ่มเงินมาทำตลาดอาริยะมากขึ้น มากขึ้น ปีนี้ก็ได้ข่าวว่าตุนไว้เพราะ ไม่ได้ทำมาหลายปี ก็จะมีถึง 10 ล้านเป็นต้นไป มันเป็นเรื่องจริง แล้วเราได้ทำแล้วมันไม่ตาย พวกเราไม่ตาย สาธารณโภคีหรือว่าโลกุตรธรรมขั้นนี้ มีวรรณะ 9 จริงๆกันนี้ เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 เป็นจริงอย่างเรา มันพิสูจน์ยืนยันไปอีกในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:00:44 )

ย้อนมาดูนายทุนผู้ชั่วร้่ายอีกที!

รายละเอียด

ส่วนผู้ไม่สร้าง แต่ใช้กลวิธีซับซ้อน“ในการแลกเปลี่ยน-โยกย้ายผลผลิตของผู้อื่น-เอาของผู้อื่นมาค้าขายแบบได้เปรียบ ยิ่งง่ายดาย ยิ่งสะดวกได้เปรียบคล่องตัว” แล้วตักตวงเอาราคาส่วนเกินที่ได้เปรียบเรียกว่า“กำไร”ให้ได้มากๆ 

ซ้ำมิหนำขี้โลภกักตุน“ทุน”เป็นเจ้าข้าวเจ้าของไว้เป็นของตน“มากไม่มีที่จบ” นี้คือ“นายทุน”เจ้าเล่ห์ชาญฉลาด(เฉโก)ตัวร้ายกาจในโลก!  

ผู้สร้างผลผลิต สร้าง“ต้นทุน” สร้างความรู้-ความจริง เพื่อผู้อื่น แล้วสะพัด ไม่สะสมกอบกองไว้เป็นของตนส่วนตนให้มาก นั่นคือ “ผู้เสียสละ” ผู้ไม่กอบโกย ผู้ไม่สะสม ผู้ไม่กักตุน 

คนผู้ยิ่งหอบหวงกอบโกยเอามาเป็น“กองทุน”ของตนเองไว้ยิ่งมากเท่าใดๆ ก็ยิ่งเป็น“ผู้ร้าย”ของสังคมมากเท่านั้นๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 101 หน้า 104


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:38:06 )

ย้อนมาเรื่อง“บุญ”อีกที บุญคือการชำระล้างกิเลสเท่านั้น!

รายละเอียด

แต่แท้จริงนั้นคำว่า“บุญ”คือ“ชำระจิตสันดานให้หมดจด

(สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ)” ซึ่งก็คือ ชำระกิเลสที่มันแปลงตัวเป็น“จิต”อยู่ในสันดานเรานั่นเองให้สะอาดเกลี้ยง 

แล้ว“บุญ”ก็สิ้นไปจากจิต เช่นเดียวกันกับ“บาป”ที่สิ้นไป เป็นผู้“ไม่มีบุญไม่มีบาป”อีกแล้ว

ที่เป็นสภาพของ“ปุญญปาปปริกฺขีโณ”ตรงตามคำตรัสพระพุทธเจ้า 

“บุญ”เมื่อชำระกิเลสเสร็จกิจ “บุญ”ก็หมดสิ้นไปพร้อมกับ“กิเลส”หรือ“บาป”ที่เป็น“ซาตาน”ให้หมดสิ้นไป ไม่เกิดในตนอีกแล้ว ตามที่บาลีว่า “ปุญญปาปปริกฺขีโณ”

คนผู้นั้นจึงจะชื่อว่า มี“นิพพาน”ได้แท้จริง และเป็น“ผู้“สิ้นบุญสิ้นบาป”เป็นผู้จบกิจ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 487 หน้า 361


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 15:31:47 )

ย้อนรำลึกเปิดบันทึกวันประวัติศาสตร์พ่อครู

รายละเอียด

ย้อนรำลึกเปิดบันทึกวันประวัติศาสตร์พ่อครู

ขึ้น 12 เดือน 10 จันทร์ 23 พฤศจิกายน 2513

เป็นวันสำคัญยิ่งอีกเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จสิ้น สิ่งที่ปรากฏ ณ เบื้องท้ายสุด ใน “มโนวิญญาณ”แห่งข้าพเจ้านั้น มันคือ “ความสูญ จุดแท้ จุดจริง”นั่นเอง ที่ปรากฏเกิดขึ้นมาให้กระจ่าง และพร้อมกับชัด ประจักษ์ต่อสภาวะ “อาสวักขยญาณ” จริงๆ เมื่อเดินจงกรมไปครบเที่ยวที่ 77 อันเป็นปีเกิดของข้าพเจ้า ครบถ้วนครบรอบพอดิบพอดี ซึ่ง “เตวิชโช” ที่ชัด ญาณนั้นก็ปรากฏ จนข้าพเจ้าต้องหยุดนิ่งอยู่เป็นครู่ เพื่อรักษาสภาวะปีตินั้น ลมหายใจเฮือกสุดท้าย แห่งความแทงทะลุ ก็ถอนออกมาจากอก อย่างจริงอย่างแท้ เป็นสภาพที่เกิดแล้วเป็นแล้ว มันลึกมันไกล ใครบ้างจะเข้าใจได้ง่ายๆ ถ้าไม่เกิดกับตน ผุดโผล่ออกมาให้ซับซาบ สัมผัสกับตนดังนี้

ข้าพเจ้าทบทวนรำลึก พร้อมกับเดินจงกรมต่อไป จนครบถ้วน 150 เที่ยว ซึ่งก่อนจะถึงเที่ยวที่ 150 เหลืออีกสัก 5-6 เที่ยว ท้องไส้ก็เร่งเร้า เข้าสู่สภาวะ “ทุกข์หนัก” ข้าพเจ้าต้องเอาชนะกันด้วย “จิต” อย่างแกร่งกล้า มั่นคง และดำรงไปด้วยดี แม้จะต้องทน แต่ก็บริบูรณ์ถ้วนทั่ว ไปอย่างดี

เมื่อข้าพเจ้ามาเปิดดูสมุดนี้ขึ้นดู วันที่ 23 พ.ย. 13 จะได้พบเลข 0 อยู่ตรงแนวบนหน้ากระดาษนี้ ข้าพเจ้ายิ่งงงเพิ่มขึ้นว่า วันอย่างนี้ในไดอารี่นี้ มีเลข 0 อยู่อย่างนี้ทุกวันหรือ? ข้าพเจ้าเปิดย้อนไปดู ตามหน้า ที่มีวันอาทิตย์ต่างๆ ก็ไม่เห็นมี เพราะไดอารี่อันนี้ เป็นของเก่าปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเอามาใช้ โดยประทับวันใหม่ลงไป วันจันทร์จึงไปทับวันอาทิตย์ ของปีที่แล้ว

เปิดดูทั้งหมดก็ทราบว่า เป็นเครื่องหมายชนิดหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่า เขาจะใช้หมายถึงอะไรแน่ แต่มันก็เป็นความบริบูรณ์ของข้าพเจ้านั้นแน่ๆ

นิมิตเกิดก่อนเดินจงกรม ขณะนอน ในช่วงก่อนจะลุกขึ้นมาทำสมาธิ และเดินจงกรม ประมาณตี 2 เศษเท่านั้น

นิมิตอันหนึ่ง คือ ข้าพเจ้าอาบอาจมเต็มตัว เปื้อนไปหมดทีเดียว เพราะในห้องน้ำของข้าพเจ้า ส้วมก็แตกร้าวออกมา อาจมก็ทะลักออกมา เปื้อนเปรอะเลอะอาบตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบได้ดีจากนิมิตนี้ทันที ดุจดังนิมิตที่พระพุทธองค์ทรงได้ ที่พระองค์ทรงเดินลุยไปในอาจม ทั้งปวงเช่นกัน

และอีกนิมิตหนึ่งคือ ข้าพเจ้าพบ 0 นิมิตนั้นเป็นลูกปิงปอง ข้าพเจ้าพบคนต่างๆ ที่สนุกสนานกันอยู่กับการเล่นลูกปิงปอง เล่นกันมากมายหลายตา หลายโต๊ะ ต่างสนุกสนานกัน ไม่มีใครคิดอื่น ลูกปิงปองที่ตีแล้ว แตกไป-ร้าวไป ก็ทิ้งขว้างไป ที่ดีอยู่ก็ตีโต้กันอยู่อย่างสนุก ข้าพเจ้าสิ ไปเก็บลูกปิงปองเหล่านั้นมาดู มันมีทั้งที่ร้าว ทั้งที่แตก และที่ยังดี และทุกลูก เมื่อข้าพเจ้านำมันมาซ้อนกันดู มันก็คือ ปิงปองลูกบริบูรณ์ ที่ไม่มีร้าวมี-แตก ลูกเดียวกัน หรือเหมือนกันนั่นเอง

นิมิตทั้งสองนี้ ชัดแจ้ง ให้ความหมายกระจ่างแจ้งที่สุด  

เมื่อข้าพเจ้าผ่านการพบเลข 0 มาแล้ว ณ บัดจงกรมครบรอบที่ 77 นั้น

วันเสาร์ที่ 21 พ.ย.  ข้าพเจ้าเกิดญาณแจ้งในความเป็น “อนุพุทธ” 

ได้ด้วย “บุพเพนิวาสานุสติญาณ”และ “จุตูปปาตญาณ” และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. ความรู้ก็เพิ่มขึ้นมาบ้าง ขณะจงกรมอยู่ ความแน่ใจ-มั่นใจ-แกร่งใจใดๆนั้น มีมากขึ้น

จนที่สุดวันนี้ คือวันจันทร์ที่ 23 พ.ย. 13 นี้ มันเป็นความจบ ดังที่ข้าพเจ้าได้รู้สึกล่วงหน้ามาแล้ว ตั้งแต่วันเสาร์ว่า “ต้องคอยดูในวัน 10 ค่ำ อันเป็นวันครบ 0 และเป็นวันครบวันที่ 23 เพราะข้าพเจ้า พระพุทธโคดม และพระศรีอารยะ ย่อมเกี่ยวกันอยู่ในเลข 1-2-3 นี้ ทั้งสิ้น พระโคดม คือเลข 1 พระศรีอารยะ คือเลข 2 และ ข้าพเจ้า ย่อมคือเลข 3 ดังนั้น แม้วันเสาร์ (7) อาทิตย์ (1) และจันทร์ (2) ก็ย่อมหมายถึง 1-2-3 โดยนัยเดียวกัน”

และในวันนี้เอง ก็แจ้งใน “จุตูปปาตญาณ” อีกแยะเยอะ

พบแม้กระทั่ง “ปฐมครู”ของข้าพเจ้า ในปางร่วมยุคแห่งท่านผู้หมายเลข 1 นั้น และข้าพเจ้าได้ตื้นตัน ปีติเกิดด้วยญาณที่ได้รู้ว่า “ครูคือใคร” อย่างมากล้น จนน้ำตาไหลล้นออกมา ในขณะแจ้งทีเดียว

และข้าพเจ้าจึงได้รู้ต่อไปอีกว่า “มานะสังโยชน์”นั้น ขาดสะบั้นลงไป ในวาระนี้-บัดนี้-มื้อนี้-คาบนี้ นั่นเอง คงจะต้องเหลือเพียง “อุทธัจจะ” อันจะคงมีไว้ เพื่อใช้เป็นประโยชน์โลก และประโยชน์ตนเท่านั้น

เมื่อคืนนี้ ก่อนจะล่วงเข้าสู่ราตรี พระ 2 รูป คือท่านสุมิตร กับ ท่านชิต ก็ได้มาหาข้าพเจ้าถึงกุฏิ และได้ไต่ถามปัญหาต่างๆ อันพึงควร จนได้รับความเข้าใจ และได้ปัญญาญาณ ไปพอสมควร พร้อมกันนั้น ทั้ง 2 รูป ก็ได้ร่วมกัน “อาราธนา” ให้ข้าพเจ้าค้นคว้า นำพระไตรปิฎก ออกมากระจายขยายความ สอนส่ำสัตว์

พระชิต เป็นผู้กล่าวโดยตรง และคงจะมั่นใจด้วย จึงได้กล่าวด้วยว่า “ท่านจะเป็นเพชรเม็ดหนึ่ง ในพุทธศาสนาทีเดียว”

แรกๆ..มาถึง ทั้งสองขอ ก็คือ “อย่าออกธุดงค์เลย อยู่ในนี้เถิด อยู่สอนคนเถิด” ข้าพเจ้าก็แจ้งให้ทราบว่า “ที่ข้าพเจ้าจะธุดงค์ไปนั้น มิใช่เจตจำนงแท้ แต่เป็นทัศนมรรค ที่ข้าพเจ้าวางไว้เท่านั้น” ถ้าข้าพเจ้าออกธุดงค์ ก็เพราะว่า

1. ไปเพราะเพื่อให้ผู้อยู่เป็นสุข เหตุก็เนื่องจาก ผู้อยู่ในนี้ จะมีทุกข์เพราะข้าพเจ้า อันเนื่องมาแต่ “กิเลส”ของเขาเอง

ดังนั้น ข้าพเจ้าก็ต้องปลดทุกข์นั้นให้เขาด้วย ข้าพเจ้าต้องไป

2. ไปเพื่อสงบระงับ เหมือนไปหาอาหารเติมให้ “จิต”เสียบ้าง บางครั้ง บางคราว “จิต”ก็กินอาหาร “จิต” เมื่อใช้อาหารคือ “ความสงบในจิต” เมื่อ “จิต” ของผู้สงบหมดความสงบ อันเป็นอาหารที่ยัง “จิต”อยู่ ก็จะต้องไปหาอาหารนี้เติม นัยสำคัญ เช่น พระพุทธเจ้า ก็ทรงออกปฏิสัลลีนะ นั้นแล

ทั้ง 2 รูปเข้าใจดี และโดยเฉพาะท่านสุมิตร บอก...ยินดีปรีดามาก เมื่อได้ยินจากปากข้าพเจ้าว่า “เถระวาทนั่นแหละ ถูกต้องบริสุทธิ์ มั่นคง และแท้จริง ตรงกว่ามหายาน เป็นหลักการเบื้องต้น ที่จะต้องทำให้บรรลุให้ได้ ส่วนใครจะเป็นมหายาน จะต่อภพต่อภูมิกันต่อไปอย่างไร ก็เป็นเรื่องของผู้นั้น”

เหตุเพราะท่านสุมิตร เข้าใจข้าพเจ้าว่า “ข้าพเจ้าไปยึดมหายาน”

จึงได้ถามข้าพเจ้าประโยคหนึ่งว่า “ถ้าใครมาถามท่านว่า ท่านเป็นเถรวาท หรือมหายาน ท่านจะตอบเขาว่าอย่างไร?”

ข้าพเจ้าก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นพุทธ มิได้เป็นเถรวาท หรือมหายาน ความแบ่งแยกไม่มี ข้าพเจ้าเห็นแต่ความเหมือนกันของสัตว์ และความเป็นสูญ”

และเมื่อได้พูดกันไปมา ท่านสุมิตรจึงได้บอกว่า “ยินดีปรีดามาก เมื่อได้รู้ “จิต” รู้ความเข้าใจของข้าพเจ้าแท้ๆว่า ข้าพเจ้าไม่จงใจ ทำอะไรออกไป นอกลู่นอกทางแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะเคยเล่า ปัญญาญาณ อันรู้แจ้ง ในส่วนนอกเรื่อง นอกพิภพใดๆ ไปจนล้นจนเกินเหตุ เกินความต้องการใดๆ อย่างใดก็ตาม”

เป็นดังหนึ่ง พระพรหม มาอาราธนา ให้พึงสอนคนที่พอรู้ได้ อย่าก้าวไปให้มากนักเลย เพราะถ้าเป็นดังนั้น คนจะไม่มีอะไรนั้นหนึ่ง และขอให้ข้าพเจ้าอยู่สอนคนเถิด อย่าหนีออกสู่ป่า หนีบ้านไป ทิ้งผู้คนไปเลย

“ญาณ” หรือ “วิชชา 3” ที่ต้องทะลุแจ้งแทงตลอดนั้น แทงตลอดดังนี้

“ญาณ” อันคือ “วิชชาบริสุทธิ์ขึ้น” เรียกว่า “ญาณ” เรียกว่า “ปัญญา”นั้น ต้องประกอบด้วย “ของจริงแท้” อันเป็นนามรูป แล้วประกอบด้วยเหตุและผล พร้อม “เหตุ-นิทาน-สมุทัย-ปัจจัย”ดังนี้ อิงอาศัยกันเป็นวัฏจักร เป็นรอบเป็นสาย เป็นลูกโซ่ ไม่มีออกนอกของจริง-เหตุและผล ที่หนุนเนื่องเกี่ยวโยงกัน มันไม่ใช่เพียงนิมิต... แค่รูปภพ-แค่สมมุติ-แค่สภาวธรรม ที่เป็นตัวตนให้คนเห็น ให้คนเข้าใจว่า นี่แหละจริงแท้ นี้แหละคือปรากฏการณ์แท้ หาใช่เท่านั้นไม่

แท้ที่สุด “ปรากฏการณ์ที่สัมบูรณ์” ก็คือ ไม่มีเลยที่เป็นของเรา มีจุดศูนย์เท่านั้น ที่รวมลงในที่สุด จนขั้นสิ้นสุดยอด “อาสวักขยญาณ” สำหรับชีวิต อันอุบัติขึ้นมาในภพนี้ของข้าพเจ้า แต่ยังจะมีรอบของ “อาสวักขยญาณ” ในช่วงต่อไปอีกข้างหน้า ที่ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้าในภพนี้ ไม่ใช่งานของข้าพเจ้าเลยในภพนี้ นี่แหละจึงเรียกว่า “รู้ได้ด้วยตนว่า หมดภาระแห่งตน หมดงานของตน อย่างครบถ้วน

นี่คือสัมมาบัณฑิตไปค้นไปโค้ดมาให้อาตมาฟื้นความจำ ฟื้นความเป็นจริงที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งในตอนนั้นมันก็จะยังไม่มีอะไรสมบูรณ์เท่าไหร่ ก็จะมีอะไรเริ่มต้นที่เป็นตัวจริงขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้ อาตมาขอบอกว่าอาตมาจริงกว่าเมื่อ 50 ปีที่แล้ว อาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่จริงยิ่งกว่าเมื่อ 52 ปีที่ผ่านมาขึ้นปี 53 แล้ว เพราะนั่นเป็นเหตุการณ์ พ.ศ. 2513 นี่ พ.ศ.2565

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565  แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 10:26:32 )

ย้ำ “บุญ” เป็นเรื่องจบกิจจริงๆ!

รายละเอียด

อย่าวนเวียนเป็นคน“ไม่จบกิจ” แม้จะ“หมดบาปหมดบุญ”แล้วก็ยังหลงผิดติดอยู่แต่กับพยัญชนะ“วน”กลับเอา“อปุญญ”ไปเป็น“บาป” วนกลับมา“มีบาป”กันอีก ทั้งๆ ที่ท่านผู้นี้ทำกรรมใดก็“ไม่ต้องเป็นบุญ”กันอีกแล้ว ก็ยังไปหลงแปลคำว่า“อปุญญ”กลับวนไปเป็น“บาป”กันอีกอยู่ มันก็“สิ้นบุญสิ้นบาป”กันไม่ได้สักที ถ้าขืน“วน”กันไม่รู้สิ้นสุดได้เลย การ“จบกิจ”ก็มีไม่ได้เลย 

ดังนั้น คำว่า“บุญ”หรือ“ปุญญ”นี้ จึงไม่ใช่“พลังงาน”ที่จะ “ปุญญาภิสังขาร(อภิสังขาร)”แล้ว ก็ยังสะสม“บุญ”ลงไปใน“จิต”อีก และเมื่อผู้ที่“ปุญญาภิสังขาร”เสร็จแล้วเป็นผู้“อปุญญาภิสังขาร”กันแล้ว ก็ยังจะให้กลับไปเป็น“บาป”กันอีก แล้วเมื่อไหร่ผู้ที่ทำ“อภิสังขาร”จึงจะเป็นผู้“สิ้นบุญสิ้นบาป”ที่บาลียืนยันว่า “ปุญญปาปปริกฺขีโณ”กันได้สักทีล่ะ?

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 489 หน้า 363


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 15:42:25 )

ย้ำคำสอนพุทธธรรมต้องได้ยินได้ฟังจากสัตตบุรุษเท่านั้น!

รายละเอียด

ปุถุชนคนโลกีย์จะสร้าง“โลกุตรธรรม”หรือ“ปัญญา”ขึ้นมาเองด้วยตนเองไม่ได้ ต้องได้ยินได้ฟังหรือได้รับรู้มาจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าโดยตรง หรือจากสัตบุรุษ หรือจากผู้อยู่ในฐานะครู ที่สัมมาทิฏฐิ จึงจะสามารถมี“ปัญญา”มี“โลกุตรธรรม”ขึ้นมาได้(พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 92)  

เพราะ“ปัญญา”หรือ“โลกุตรธรรม”เป็นของ“พระพุทธเจ้า” ท่านเป็น“ต้นธาตุ-ต้นธรรม”ที่เป็น“ปัญญา”และ“โลกุตระ”แท้ๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 360 หน้า 264


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:20:10 )

ย้ำซ้ำ “ฌานโลกียะ”อีกที! 

รายละเอียด

แต่“ฌานโลกียะ”ที่ไม่ใช่ของพุทธนั้น ไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน” ที่ละเอียดด้วยกระบวนการของ“รูป 28-นาม 5”ทุกสภาวะของ“กายและจิต” เพราะไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“สักกายะ”ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ตัวตน”ของ“กิเลส”ตั้งแต่เป็น“กายกลิ” เมื่อกำจัด“กายกลิ”ได้แล้ว เหลือ“จิตกลิ”ก็ตามเข้าไปกำจัดกิเลสที่เป็น“จิตกลิ”กันอีกจนหมดสิ้นเกลี้ยง จิตก็บริสุทธิ์จากกิเลส ชนิดที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงภาวะของกายของจิต คือ ภาวะ“เทฺว”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 305 หน้า 232


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:43:11 )

ย้ำซ้ำ “ฌานโลกุตระ”อีกที!

รายละเอียด

เพราะ“ฌานโลกุตระ”ของพุทธนั้น สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “จิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน” ละเอียดด้วยกระบวนการของ“รูป 28-นาม 5”ทุกสภาวะ โดยเฉพาะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“สักกายะ” รู้จักรู้แจ้งรู้จริงตัวตนของ“กิเลส”ตั้งแต่เป็น“กายกลิ” เมื่อกำจัด“กายกลิ”ได้แล้ว เหลือ“จิตกลิ”ก็ตามเข้าไปกำจัดกิเลสที่เป็น“จิตกลิ”กันอีกจนหมดสิ้นเกลี้ยง จิตก็บริสุทธิ์จากกิเลส อย่างรู้จักรู้แจ้งรู้จริงทุกสภาวะของของกายของจิต จึงสามารถบรรลุนิพพาน

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 304 หน้า 232


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:42:23 )

ย้ำซ้ำ...ผู้ใดเห็นโทษของกาม จงออกมา จงทำให้หลุดพ้น!

รายละเอียด

คนผู้ใดเห็น“โทษภัยของกาม(กามาทีนวะ)จริง”ก็จะพยายาม“ออกจากกาม”หรือ“ปฏิบัติตนดิ้นรน“ออกจากกาม”ให้ได้แน่นอน อาตมารู้เรื่อง“กาม”มีโทษ(กลิ) และได้ปฏิบัติ“ออกจากกาม”ได้จริง โดยปฏิบัติตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นปราชญ์แท้

เมื่อมีสูตรหรือทฤษฎีของปราชญ์เอกพา“ออกจากกาม”ได้ ผู้ใดเชื่อถือทฤษฎีนั้น ก็นำไปปฏิบัติตาม กระทั่ง“หลุดพ้นจากกาม”ได้จริง นั่นก็คือ“ความจริง”ที่ผู้แสวงหา“ความจริง”จะได้รับผลของ“ความจริง”ที่ว่านี้  “ความจริง”ของพระพุทธเจ้ามีให้พิสูจน์ เชิญ!.. ใครเต็มใจจะพิสูจน์ ก็มาพิสูจน์ได้ เป็น“เอหิปัสสโก”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 385 หน้า 279


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:44:40 )

ย้ำซ้ำเรื่องเทฺวเป็นภาวะ 2 ปรุงแต่งเป็น รูปกับนาม เราจึงเรียก “วิญญาณ” ในทุกขั้นตอน!!

รายละเอียด

“โลกที่มีอัตตาด้วย”หมายความว่า “โลก”ที่มี“ภาวะ 2”หรือเทฺว นั่นเอง ปรากฏขึ้นใน“โลก” เมื่อมี“ความทรงอยู่(ธรรม)”ของ“ภาวะ 2 

(เทฺว)”อันเป็น“ความจริง”ของ“สังขาร”ที่มี“โลก(รูป)”กับ“ธาตุรู้(นาม)(ซึ่งก็คือ “เทฺว”หรือ“ภาวะ 2”อีกแหละ) มันเจริญเข้าสู่ภาวะที่นับได้ว่า เข้าขั้น“จิตนิยาม” (เจริญข้ามขั้น‘พีชนิยาม’ได้แล้ว) อันเป็นพลังงาน“วิญญาณ”กันแล้ว

เพราะความเป็น“สังขารโลก”ขั้น“จิตนิยาม”นั้นเกิดจาก“เทฺว”

คือ เกิดจาก“ภาวะ 2”ปรุงแต่งกันขึ้นมาของ“รูปกับนาม”ที่ได้สัดส่วน“ความจริง”นี้ก็เรียกว่า“วิญญาณ”[ซึ่งเป็น“สังขาร” ของ“นาม” กับ “รูป” ปรุงแต่งกันอยู่ หรือ “สังขาร”ที่มี“วิญญาณ” เป็นปัจจัย และ“วิญญาณ” ที่มี “นามรูป”เป็นปัจจัย และ “นามรูป” ก็จะมี “อายตนะ” เป็นปัจจัย ...“อายตนะ”ก็จะมี“ผัสสะ”เป็นปัจจัย ...“ผัสสะ” ก็มี“เวทนา”เป็นปัจจัย ...“เวทนา”ก็มี“ตัณหา”เป็นปัจจัย ...ตัณหา”ก็มี“อุปาทาน”เป็นปัจจัย ...“อุปาทาน”ก็มี“ภพ”เป็นปัจจัย ...“ภพ”ก็มี“ชาติ”เป็นปัจจัย ...“ชาติ”ก็มี “ชรา-มรณะ-โสกะ-ปริเทวะ-ทุกขะ+โทมนัส-อุปายาสะ” ซึ่งมี“เหตุ”มี“ปัจจัย”แก่กันและกันเป็น “ปัจจยาการ” ไปตาม“ปฏิจจสมุปบาท” ของพระพุทธเจ้านั่นเอง] 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 402 หน้า 290


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:08:34 )

ย้ำว่าการเรียนรู้ “วิญญาณ” ต้องครบพร้อมภายในภายนอกแล้ว มาทำ “นามรูป” ให้สำเร็จ!

รายละเอียด

การเรียนรู้“วิญญาณ”จึงต้องมี“ภาวะ 2”ของ“นาม-รูป” อย่างน้อยก็ต้องมี“ตา”รับรู้สึก“ภายนอก”(คู่อื่นๆก็นัยเดียวกัน เช่น หูกับเสียง ฯลฯ) ผู้มี“สติสัมปชัญญะ”และมี“แสงสว่าง”กระทบ“รูป”มาเข้า“ตา”เรา ทำให้เรา“รู้ได้”ในธาตุรู้ภายนอก-ภายใน เป็นความครบทั้ง“รูป”ทั้ง“นาม”ตาม“ภาวะ 2”มาตลอดมี“เหตุ”กับ“ปัจจัย”เสมอตามปกติธรรมดาของความเป็นคนที่ตื่นๆอยู่อย่างสามัญ ซึ่งไม่ใช่คนอยู่ในสภาพ“นอนหลับ”หรือ“หลับตา”เข้าไปอยู่ในภวังค์

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 470-471 ข้อที่ 655


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 15:04:21 )

ย้ำว่าอย่ามอมเมาใส่ความคิดว่าจะต้องรวยทุกคนต้องรวย

รายละเอียด

เศรษฐกิจคนจนนี่แหละที่ยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องรวยอย่างที่ในหลวงเราได้ตรัสไว้ เราไม่ได้รวยมากเราไม่ก้าวหน้าแบบนั้นจะถอยหลังอย่างน่ากลัว

 อาตมาถึงขอย้ำว่า อย่าไปมอมเมาใส่ความคิดว่าจะต้องรวยทุกคนต้องรวย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สังคมพระพุทธเจ้าอยู่ทั้งพระองค์ก็ทำให้คนรวยทั้งหมดไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะคนเป็นปุถุชนส่วนมากจะต้องรวยไม่เปลี่ยนแปลง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:55:26 )

ย้ำอรหันต์จบจริง สัจจะมีหนึ่งเดียว นอกนั้นอาจต่างคิดต่างเห็นก็เป็นธรรมดา!

รายละเอียด

มันก็คือ “ความเป็น 2”หรือ“เทฺว”นั่นเอง ที่คนผู้ได้ศึกษาปฏิบัติจนกระทั่งบรรลุจบเรื่อง“เทฺว”สูงสุดเป็นที่สุดแล้วจะหมดสิ้น“ปัญหา”เด็ดขาด จะมีแต่“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จบ” 

สรุป ผู้จบกิจใน“อาริยสัจ 4”แล้ว เป็น“อรหันต์”ด้วยกันเท่านั้นที่มี“สัจจะที่เที่ยงแท้แน่นอนด้วยสัญญาในโลก”จึงจะมี

“สัจจะหนึ่งเดียวเที่ยงแท้” ไม่ถกเถียง ไม่แย้งกันแล้ว นอกนั้น “สัจจะมากอย่างต่างๆกัน”ทั้งนั้น ต่างคนต่างยึดต่างแย้ง ต่างเถียงกันอยู่ทั้งสิ้น เพราะยังจบลงด้วย“ปัญญาอันยิ่ง”ไม่ได้ หรือจบลงตาม“วิชชา 8”ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 270 หน้า 214


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:36:20 )

ย้ำอีกที “บุญ” กับ “กุศล” เป็นคนละเรื่องคนละตัว

รายละเอียด

“บุญ”เป็นสิ่งที่คนไม่ควรต้อง“มี”ขึ้นมาให้ตนเลย เพราะ“บุญ”ไม่ใช่“กุศล”แต่อย่างใด ที่คนควร“มี”ขึ้นมาให้แก่ตนแม้สักนิด

คนต้อง“จบกิจ”เป็นผู้ไม่ต้องทำ“บุญ”อีกเด็ดขาด เป็นคนผู้ “สิ้นบุญสิ้นบาป(ปุญญปาปปริกฺขีโณ)”จบกิจเป็น “อรหันต์”ขึ้นไปให้ได้นั่นต่างหาก เป็นคนไม่มี จึงสะสม “บุญ” แล้ว จึงใช้คำว่า “นักบุญ” เรียกใครไม่ได้เลย เพราะคำว่า “นัก” แปลว่า มาก, ยิ่ง, อย่างยิ่ง อรหันต์ไม่ใช่ “ผู้มีบุญมาก” แต่คือ “ผู้ไม่มีบุญแล้ว” 

มีศาสนาที่ไม่ใช่พุทธ หรือแม้แต่ชาวพุทธมิจฉาทิฏฐิก็หลงผิดเอาคำว่า“บุญ”ไปใช้ว่า “นักบุญ”โดยหมายความว่า คนผู้นั้นเป็นผู้เก่งกาจในการทำ“บุญ”อันเป็นความดีทั้งหลายแหล่บ้าง ทำความเสียสละยิ่งยอดบ้าง ในศาสนาคริสน์เอาไปใช้หมายถึงผู้ทำความดีไว้มากเมื่อตายแล้วได้รับยกย่องเป็น“นักบุญ” ผู้สำเร็จในทางศาสนาบ้าง  ซึ่ง“ผิด”ไปจากความหมายของ“บุญ”ทั้งนั้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคนิยม เล่ม 2 ข้อ 491 หน้า 364


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 08:58:10 )

ร (อรห)

รายละเอียด

ความตั้งอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 161


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:32:33 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:29 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:56:32 )

ร.9 เป็นตัวอย่างของมนุษย์ในโลก

รายละเอียด

อย่างในหลวงร.9 ได้อย่างสุภาพเรียบร้อยงดงาม ต้องทำการศึกษาจริงๆว่าท่านทำได้อย่างดี ตรัสน้อย แต่ทรงงานมาก พระจริยวัตร 70 ปี ชัดเจนมีหลักฐานยืนยัน มีวิดีโอบันทึกไว้ด้วย อีกหน่อยจะแพร่หลายเป็นตัวอย่างของมนุษย์ในโลก ทรงจริงพระวรกาย จริงพระทัย เหน็ดเหนื่อยเหงื่อไหลไคลย้อย พระเสโทไหล ภาพหยดเหงื่อไหลที่ปลายจมูกเป็นภาพ master piece เลย คนถ่ายก็เก่ง แจ๋วเลย พระองค์เป์นมนุษย์ มีพระชนม์ชีพย์มีพระจริยวัตรให้เห็นกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ประชาธิปไตยไทยในช่วงใกล้เลือกตั้ง 2561


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:28:09 )

ร.รามรักษ์ กับ ส.ศิวรักษ์

รายละเอียด

คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์นี้ ค่อนมาทางอาตมา แรง กระทบคนเยอะ แต่ของใครจะเปรียบเทียบกัน อาตมานี่ ร.รามรักษ์ กับ ส.ศิวรักษ์ ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเถอะ อาตมามีอจินไตยของอาตมา อาตมา ร.รามรักษ์ นี้คนจะรู้ได้ยากกว่า แสดงออกทางรูปธรรมน้อยกว่า ส. ศิวรักษ์

อาตมาจะมีความกว้างน้อยกว่า แต่จะมีความลึกมากกว่า ขออภัยนะพูดนี้ไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่เป็นศึกษาวิชาการบอกความจริง ให้รู้สิ่งที่มีจริงเป็นจริงในยุคนี้ด้วยกัน คุณก็ศึกษา จะได้มีหลักฐานใช้ในการศึกษาเข้าใจ แทนที่จะพูดลอยลม เป็นเทวดาเป็นพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:33:23 )

รณ

รายละเอียด

1. ความยินดี ความกำหนัด

2. กำหนัด  ใคร่  อยาก

3. รสอร่อย – รสสุข – รสสนุก – ความเพลินของทุกสรรพสิ่งในโลกีย์

4. หลงรสโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 33, หน้า 257

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 308, หน้า 319


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:34:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:16:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:57:06 )

รณรงค์ให้ปลูกผักสวนครัว

รายละเอียด

อาตมาหยิบบทความที่ดูเหมือนจะไม่น่าสนใจแต่ต้องบอกว่าเป็นความเหมาะสมกับยุคสมัยนี้ อย่างมากเลย แม้แต่จะผ่านมาตั้งวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว แต่มาถึงวันนี้ยิ่งทันสมัยใหม่เสมอ อาตมาก็ขอขยายความเพิ่มเติม ผักสวนครัวหมายความว่าอะไร ผักที่เอามาทำกับข้าวกับน้ำกินกันอยู่ทุกวันนี้คือผักสวนครัวที่กินเป็นประจำที่เป็นอาหารผักพืชหรือว่าอาหารที่กินเป็นประจำ ส่วนมากคนที่กินอาหารจะไม่ค่อยกินอาหารแปลกไปสักเท่าไร กับข้าวแกงโดยเฉพาะแม่ครัวพ่อครัวหรือลูกก็ตามทำอาหารกินกันก็จะมีความรู้ความสามารถวนเวียนเดิมๆก็จะวนเวียนอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันก็จะมีอาหารที่เป็นอาหารของพวกกลุ่มสังคมอีสานกลุ่มนี้จะกินสิ่งนี้ ทางเหนือกลุ่มนี้จะกินสิ่งนี้กลุ่มนี้ก็กินอาหารแบบนี้ ถ้ากลาง ภาคใต้ใกล้ๆกันก็จะคล้ายๆกันต่างกันไปก็ตามพื้นที่ที่มันจะมีอะไรต่าง วัตถุดิบต่างกัน วัฒนธรรมต่างกันบ้าง แต่ก็จะเหลื่อมกันประสานกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 10:43:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:25 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:58:48 )

รดน้ำดำหัว คือประเพณีสงกรานต์ไทย

รายละเอียด

หน้าแล้งน้ำหายากจะต้องสงวนน้ำ ประหยัดน้ำ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้น้ำกันโดยลักษณะที่จะต้องมีคุณค่าประโยชน์เรียกว่าสงกรานต์ เป็นภาษาไทยคือ รดน้ำดำหัว 

ซึ่งเป็นสำนวนที่สูงส่งเอาน้ำไปรดผู้ใหญ่ผู้ที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชู เป็นการแสดงความเคารพกตัญญูกตเวที เอาสิ่งที่หายากในขณะนั้นคือน้ำเอาไปคนละจอกคนละขัน ไม่ได้เอามาสาดโครมๆ เอามาเล่นเสียหายให้ชิบหายวายป่วง ไม่ใช่ ทำอย่างประหยัดคนละขันคนละจอก แล้วก็เอาไปรดผู้ใหญ่แสดงความคารวะความระลึกถึง ความนับถือความกตัญญูกตเวทีต่างๆเท่านั้น 

และผู้ที่จะได้รับการรดน้ำนั้นต้องเป็นผู้ที่ควรเคารพเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่อยู่ในสังคมหรือในตระกูลเราก็ตาม อย่างนี้เป็นต้น ไม่ใช่สะเปะสะปะ ใครก็สาดส่ง ดีไม่ดีสาดเล่นสกปรกเลอะเทอะ ลามกอนาจารไปอีกด้วย อันนี้มันบานปลายเป็นเรื่องเหลวไหลเลวทรามไปแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:51:41 )

รดน้ำดำหัววันสงกรานต์เพื่ออะไร

รายละเอียด

ธรรมเนียมเดิมของท่าน น้ำมีน้อยมันร้อนไปอาบน้ำ มันก็จะเย็น ก็เอามาแสดงออกในความมีน้ำใจ เรามีน้ำน้อยต่างคนเอามาคนละจอก คนละขัน เอามารดน้ำดำหัวผู้ที่เคารพนับถือ ผู้ใหญ่ก็เรียกว่า รดน้ำดำหัว โดยจารีตประเพณีเดิมมีคุณธรรมสูง ให้ระลึกถึงบุญคุณแม้มีน้ำน้อยก็เสียสละแบ่งให้กันได้ มันร้อนก็จะได้ชุ่มเย็นด้วยน้ำพอสมควร 

ทีนี้ก็เกิดการบานปลาย ใครก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นใหญ่ควรจะได้รับการรดน้ำดำหัวด้วย แต่มันไม่แค่รดน้ำดำหัว มันสาดกันเละเทะ ที่จริงรดน้ำดำหัวก็คือ รดน้ำให้หัวดำ ส่วนมากผู้ใหญ่แล้วบรรพชนจะหัวหงอก เพราะฉะนั้นก็จะรดน้ำหัวดำ คือให้สดชื่นกลับฟื้นขึ้นมาจากแก่เป็นหนุ่ม นัยยะซับซ้อน ให้มันคล้องจอง คนไทยชอบคำสัมผัส คือรดน้ำให้เป็นหนุ่มขึ้นมาสดชื่นจากหัวหงอกเป็นหัวดำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 22:08:24 )

รย

รายละเอียด

รีบเร่ง  ด่วน

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 447


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:34:55 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:04 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:57:22 )

รวมกันเป็นหนึ่งอย่างไรเรียกเอกีภาวะ

รายละเอียด

เอามาพูดตามความเข้าใจตัวเองก็จะได้ เอกีภาวะ เป็นภาวะที่ลงตัวเข้าใจไๆร่วมกันมีทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา ในการประพฤติปฏิบัติ ก็จะเกิดภาวะ ตั้งแต่ 2 คนรวมกันเป็นหนึ่ง 3 คนรวมกันเป็นหนึ่ง 4 คนรวมกันเป็นหนึ่ง 5 คนรวมกันเป็นหนึ่ง ทำอยู่เสมอรวมกันเป็นหนึ่งก็เป็น เอกีภาวะ เป็นปึกแผ่นเหนียวแน่นเหมือนอย่างเช่นชาวอโศก สิ่งที่แน่นอนเที่ยงแท้ไม่แปรเปลี่ยนเป็นอื่น ก็จะตีไม่แตกอย่างเช่นชาวอโศกเพราะเป็นสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 19:20:16 )

รวมตัวเป็นสัตว์เซลล์เดียวสะสมวิบากตนใหม่

รายละเอียด

จบเป็นพระอรหันต์คุณสมบัติเป็นพระอรหันต์ อรหันต์ขี้เก๊เท่าไหร่ก็ได้ รู้จักจิตวิญญาณที่อยากให้เป็นอุตุธาตุ เป็นพีชธาตุ ด้วยกรรมหรือทรงไว้ธรรมนิยาม static กรรมคือ dynamic จบอรหันต์สามารถทำจิตให้เป็นอุตุนิยามได้ และแยกหมดทุกข์หมดโศก แล้วแยกธาตุจิตของตัวเองให้เป็นดิน น้ำไฟ ลมเป็นมหาภูตะรูปได้เลย มันไม่จับตัวกันอีก จะจับตัวกันอีกก็พลังงานฟิสิกส์ดิน น้ำไฟ ลมแล้วแต่มันจะจับตัวทำปฏิกิริยากัน และความเป็นอัตตา ish ของตัวเองก็อยากไปแล้ว สามเส้า สภาพอิตถีภาวะ ปุริสภาวะ ก็แยกตัวไม่จับตัวกันอีก แล้วมันจะเกิดกันอีกก็เป็นของใหม่ อัตตาใหม่ กรรมวิบากของผู้ใดผู้ใดก็สลายยกเลิก ปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วก็เลิก จะรวมตัวกันเป็นสัตว์เซลล์เดียวใหม่ ก็ต้องเริ่มสะสมความเป็นวิบากของตัวตน จนกระทั่งสะสมความเป็นพระอาริยะก็ของคุณเองทั้งสิ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:27:51 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:31:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:59:30 )

รวยจนหรือชั่วดี ล้วนเป็นเรื่องสมมุติและเป็นเรื่องสำคัญ

รายละเอียด

ชั่วกับดียังเป็นเรื่องสมมตินั้นถูกแล้วเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณคนนี้เห็นว่ารวยจนเป็นเรื่องสมมุติ ชั่วดีเป็นเรื่องสำคัญ รวยจนก็เป็นเรื่องสมมุตินั้นถูก ชั่วดีก็เป็นเรื่องสมมุติอีกสำคัญอยู่ ไม่ใช่ไม่สำคัญ รวยจนก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าจิตไม่มีปัญญา จิตไม่ลดกิเลสจนกระทั่งไม่มีตัวตน มันก็จะยังมีอยู่นั่นแหละ จะต้องรวยต้องจนอยู่นั่นแหละ มากน้อยก็แล้วแต่ มันก็ค่อยๆศึกษาไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 20:17:09 )

รวยและมีอำนาจด้วยในทางที่ดี (ในทางธรรม)ได้ด้วยพ่อครูว่าจริงไหม

รายละเอียด

ไม่ดี ทางโลกตุระเขายังไม่ดีอยู่นั่นเอง ของเรามาจน 0 เลย  ถ้านายกมาเป็นคนจนแบบชาวอโศกเลยนะ ทรัพย์สินเงินทองสละออกไม่ต้องมีอะไรมาก แล้วมาอยู่กันอย่างชาวอโศก สุดยอด แล้วอำนาจก็ไม่ต้องเบ่งอำนาจด้วย อย่างหลวงปู่ไม่เคยเบ่งอำนาจและไม่เคยมีอำนาจอะไร แต่มีคนเกรงใจเท่านั้นเอง นี่แหละ มีคนเกรงใจ 

ถ้าคนที่เข้าใจดีแล้วว่า จะไปเกรงไปกลัวทำไม โพธิรักษ์ คนเหล่านั้นไม่กลัวอาตมา แต่เกรงบ้าง เคารพนับถือ ยกย่อง เชิดชู เท่านั้นเอง คำว่าเกรงคำนี้ ยกให้ อย่าทำตีตัวเสมอ มันเป็นสัจธรรม เท่านั้นเอง เคารพคารวะด้วยสัจจะความจริงเลย เคารพคารวะอย่างจริงใจ 

มันจะเกิดความเคารพคารวะอย่างจริงใจ คุณนกเขา คุณจตุพร เจอกันที่นั่น ไม่กราบหรอก แค่ไหว้ พอเสร็จรายการ กราบ กราบลา นี่ ประเด็นเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่นะ แต่นิดหน่อย แค่ 2 ชั่วโมงก็กราบ เชื่อว่า จิตได้รับอะไรเข้าไป เห็นความจริงอะไรเข้าไป เขาเป็นคนมีปัญญา ทั้งจตุพรและนกเขา ไม่ใช่คนโง่เง่าอะไร มีปฏิภาณปัญญา รู้อะไรดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 20:24:10 )

รวยแล้วทำทานก็เป็นมิจฉาทิฐิ

รายละเอียด

แล้วเกิดมาเป็นคนคุณจะสร้างจิตวิญญาณไปเป็นอย่างนี้หรือในชีวิต ดันมีร่างเป็นมนุษย์กับเขา ก็เลยสะสมความขี้โลภวิบาก แล้วรู้ไหมวิบากที่คุณมี ต่อให้คุณรวยแล้วได้ก็เอาไปทำทานก็เป็นมิจฉาทิฐิ สาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข ปริภุญชิตสามีติ กลายเป็นภพชาติไปอีกพระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริมการมีภพมีชาติ เขาไม่เข้าใจโลกุตระกัน สร้างแต่ภพชาติไม่มีจบ บานปลายไปเรื่อยๆ 

ที่อาตมาพูดนี้เป็นสัจธรรม ที่มันเข้าใจไม่ง่าย แต่จำเป็นต้องพูด ต้องว่า ต้องติเตียนผู้ไม่รู้ ผู้รู้แล้วก็ต้องช่วยกันบอกกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:00:55 )

รวยแล้วหรือให้พร้อมก่อนค่อยมาอยู่วัด

รายละเอียด

ยังมีคนคิดอย่างนี้เยอะ สร้างความร่ำรวยตัวเองก่อนแล้วก็ค่อยมาช่วยงานวัด คุณคงจะตายอีกหลายชาติคิดอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:28:48 )

รวยได้ไม่นาน 4

รายละเอียด

ตระกูลใดถึงความเป็นใหญ่ในทรัพย์สมบัติแล้วจะตั้งอยู่ได้ไม่นาน เพราะ

1. ไม่แสวงหาของที่หายไป

2. ไม่ซ่อมแซมของคร่ำคร่า (ของเก่าแก่ชำรุด)

3. ไม่รู้จักประมาณในการกิน

4. ตั้งบุรุษหรือสตรีที่ละเมิดศีลเป็นพ่อบ้านแม่เรือน

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21   "อภิญญาวรรค"  ข้อ  258

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 14:49:14 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:27:30 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:58:17 )

รวยได้ไม่นาน 4

รายละเอียด

ตระกูลใดถึงความเป็นใหญ่ในทรัพย์สมบัติแล้วจะตั้งอยู่ได้ไม่นาน เพราะ...

1. ไม่แสวงหาของที่หายไป

2. ไม่ซ่อมแซมของคร่ําคร่า ของเก่าแก่ชํารุด)

3. ไม่รู้จักประมาณในการกิน

4. ตั้งบุรุษหรือสตรีที่ละเมิดศีลเป็นพ่อบ้านแม่เรือน

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “อภิญญาวรรค” ข้อ 258


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 04:56:26 )

รวยไปทำไม

รายละเอียด

ก็ถามตัวเองแล้วตอบตัวเองให้ได้สิ ว่าจะรวยไปทำไม คนที่รวยไม่เสร็จจะรวยไปทำไม รวยไปทำทุกข์ เพราะคุณรวยไปแล้วก็จะหลงความสุข แล้วก็จะใช้ความรวยบำเรอความสุขให้แก่ตัวเอง มันโง่ซ้ำโง่ซ้อน บำเรอสุขมากเท่าไหร่ สุขก็ยิ่งหนา ความสุขหนา กิเลสทุกข์ก็ยิ่งหนาไปด้วยกัน เพราะสุขทุกข์มันอันเดียวกัน 

ถ้าเข้าใจคำว่า สุขกับทุกข์นี้เป็นอันเดียวกันไม่ได้ แล้วคุณต้องเลือกทั้งสุขทั้งทุกข์ เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง ก็อธิบายมามากแล้ว ถ้าคุณไม่เลือก คุณก็ติดอยู่กับสุขกับทุกข์ มันเป็นเทวะที่ พระเจ้าหลอกเอาไว้พระเจ้าคือสุขนิยม พระเจ้าคือ ในตัวเองเป็นจอมมายา ตัวเองเป็นซาตาน เป็นผีแล้วหลอกให้หลงสุข โดยมีมีดแห่งทุกข์ซ่อนอยู่ข้างหลัง ขออภัยพูดไปยาวมากเดี๋ยวจะไปหาว่าพระเจ้าเขาเยอะ แต่มันเป็นสัจธรรมอาตมาพูดให้เป็นวิชาการศึกษาให้ดีๆก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 15:04:42 )

รส คือ

รายละเอียด

รส คือ ความมี ไม่หน่ายไม่คลาย ไม่อยากจาก นี่แหละรสอันนี้แหละ มันเป็นภาวะความอวิชชา ความโง่ ความหลง ที่ ทำให้คนหลงจริงๆ หลงอย่าง ไม่รู้ตัวเลย ทั้งๆที่ความมี ประเดี๋ยวมันก็หายไป ประเดี๋ยวมันก็ไม่มี เขาก็ผ่านอยู่นะ แต่เขาไม่สะดุดความไม่มี เขาไม่สะดุด แล้วเขาไม่สามารถที่จะทำให้ความไม่มี ไม่มีได้นิรันดร ไม่มีได้อีกต่อไปเลย 

พระพุทธเจ้าเริ่มให้พิสูจน์ตนเอง ตั้งแต่คุณไปติดอะไรในโลกที่ หยาบๆ แรงๆ ร้ายๆ ติดจัดจ้าน มันแรงมันร้าย อื้อหือ ต้องลงทุนลงแรง ลงกำลังหนัก ไปเสพไปติด เลิกออกมาบ้างลองดูบ้าง เรียกว่าโลกอบายมุข หัวหน้าความไม่สบายความไม่รู้ ว่าจริงๆแล้วมันไม่สบายมันเป็นทุกข์ มันเป็นสิ่งที่ทนได้ยาก เป็นสิ่งที่คนไปหลงวนเวียนอยู่กับมัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 14:11:20 )

รสของโลกียสุขเป็นสุขที่เป็นตัวเหตุแห่งทุกข์

รายละเอียด

อัสสาทะ  คือ คุณแห่งรสแช่มชื่นโลกียสุขที่ผูกสัตว์โลกไว้

อลิกะ   คือ ความลวง ไม่มีจริงแท้ เช่น สวรรค์โลกีย์

สุขัลลิกะ คือ ความสุขลวงๆ ย่อมแปรเปลี่ยนเป็นอื่นไปได้

กามสุขัลลิกะ คือ สิ่งที่คนทั้งหลายมอบใจไปติดข้องอยู่กับ

รสอร่อยลวงของโลกีย์นี้  อย่างถอนตัวไม่ออก

อาทีนวะ คือ โทษของความแช่มชื่น (ควรกำหนดรู้โทษ)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:23:36 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:32:02 )

รสจริงกับรสเก๊

รายละเอียด

รสจริงคือรสที่สัมผัสแล้วรสนี้ทุกคน ประสาทใครไม่พิการ เจ็กไทยฝรั่งแขกมาแตะรสของทุเรียนตรงกันหมด แต่ใครจะเลือกภาษาอะไรก็แล้วแต่ใคร แต่ภาษานั้นจะต้องสื่อสภาวะเดียวกัน 

ส่วนเวทนาอีกเวทนานึง คนที่แตะแล้วบอกว่าตรงกับสเปค Specification ชอบคุณก็มีอาการชอบ หากว่าอีกคนหนึ่งเกิดความชังไม่ชอบ ก็เกิดคนละเวทนา เวทนาเก๊ มันอาจจะคล้ายกันแต่ก็ไม่ตรงกันหมดหรอก ตรงกันต่างอร่อยก็แย่งกัน ไอ้ที่ชอบกันแย่งกันดีนัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:40:32 )

รสจริงรสเดียว คือ เอกัคคตา

รายละเอียด

คุณว่าคุณอร่อย คุณกินชมพู่ น่ากินกรอบ สดๆใหม่ๆ หากคุณชอบชมพู่มันก็อร่อย  ชมพู่อันนี้ลูกนี้ ใครมากิน รสเดียวกันหมด เจ๊กแขกฝรั่งไทยญวน อเมริกันมากินก็รสเดียวกันหมด แต่คนชอบเขาก็อร่อย คนไม่ชอบเขาก็ไม่อร่อย อร่อยไม่อร่อยนี่แหละของเท็จ คุณว่าอร่อยคืออะไรก็ของเท็จ เพราะรสจริงมันเป็นของจริงตามความเป็นจริงเท่านั้น ใครสามารถทำให้รสอร่อยหายไปจากจิต จิตใจไม่มีรสอร่อยนี้เลย กลางๆอุเบกขา รู้สึกไม่มีอาการรสอร่อยหมดไปจากจิต เหลือแต่รสของความจริงตามความเป็นจริง รสเดียวคือเอกัคคตา เป็นเวทนา 1 เท่านั้น จริงๆ คนอวิชชา จะมีเวทนา 2 เทวธัมมา เวทนา 2 นี้ ก็ทำเวทนา 2 ทำให้เกิด เอกสโมสรณา ภวันติ ทำให้เกิดรสเดียวเป็นรสแท้ รสเท็จ รสสวรรค์ รสทุกข์ ทำให้มันหายไปเลย มันไม่ใช่ของจริง คุณก็จบ ศาสนาพุทธจริงๆ มีอยู่เท่านี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:06:17 )

รสชาติมันมีอยู่สองอย่างคือรสแท้กับรสเก๊

รายละเอียด

เสียงคุณได้ยินอย่างไร ไทย จีน แขกฝรั่งได้ยินเสียงเหมือนกันหมด แต่คนหนึ่งชอบ เสียงนี้ดี คนหนึ่งไม่ชอบ รูปอย่างนี้เสียงกลิ่นรส อย่างนี้ชอบไม่ชอบ ใจก็ปั้นเองชอบไม่ชอบแต่ละคน อย่างนี้เป็นต้นก็มีอยู่ 2 ก็มาเรียนรู้รสเก๊ ในเวทนาในเวทนา คือหัวใจศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้ ได้ตามชอบก็สุขไม่ได้ตามชอบก็แย่งชิง ฆ่าแกงกัน มันเป็นอิทัปปัจจยตา ศาสนาพุทธให้รู้เหตุแล้วเลิกเหตุ แค่นี้ก็พอ เรามีกระบวนการสาราณียธรรม 6 วรรณะ 9 เป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ คนจนที่คนไม่เชื่อว่ามาจน พอถึงฤดูสังคมลำบากยากเย็น พวกนี้ไปแจกอีก คนจะมาช่วยที่นี่ไม่เอาอีก ไปช่วยคนอื่นอีก นี่พูดเรื่องจริงนะ มันมหัศจรรย์ประหลาด แล้วเป็นเรื่องดี มหัศจรรย์ดีนะ ไม่ใช่บ้าๆบอๆ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์อาเทศนาปาฏิหารย์นะ แต่เป็นจริงอานุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ยืนยันได้ เป็นคนจนมีเศรษฐกิจรับใช้สังคม ไม่ใช่คนแย่งชิงเศรษฐกิจกับประชาชน ชาวอโศกจะมีจำนวนเท่าไหร่ รวมทั้งหมดจะถึงแสนไหม อาตมาทำได้เกินเป้าเกินคาดแล้ว เกินกว่าผลที่คาดว่าจะได้ ตามหลักของทุนนิยมเขาอาตมาทำได้เกินคาดที่จะได้แล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:18:52 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:33:07 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:19:52 )

รสตามสัจจะกับรสชอบไม่ชอบ

รายละเอียด

ประสาทเราไม่ได้เสียก็รู้รสจริงของมัน เรื่องรสก็ตามสัจจะของความเป็นจริง จะเป็นไทยเป็นแขกเป็นฝรั่งก็มีรสเดียวกัน จะมีชื่อเรียกตามภาษาของแต่ละประเทศก็แล้วแต่ว่ากันไป มันคือของจริง ส่วนความชอบหรือไม่ชอบก็อยู่ที่แต่ละคน สภาวะธรรมพวกนี้ปฏิบัติเรียนรู้ทำใจในใจ ให้ออกจริงๆให้ลดและจริงๆแล้วเกิดปัญญาญาณ จนมีพลังปัญญาล้างสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ไป กดข่มไว้ จนเกิดความชินและชำนาญ ไม่เกิดอาการชอบไม่ชอบได้เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า มันเป็นอัตโนมัติแต่ก่อนพวกคุณก็เป็นคนข้างนอกไม่ได้เข้ามาปฏิบัติธรรม คุณมีกิเลสโลภโกรธหลง แล้วคุณจะปล่อยออกไปเรี่ยราดไหม ก็ไม่ คุณก็กดข่มเป็นธรรมดาธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกหรอก กดข่ม รู้แล้วว่ากดข่มเป็นอย่างนี้ คุณก็ทำเพิ่มขึ้นฝึกเอาไม่ได้ยากอะไร แต่มันต้องมีพลังงานด้วยความจริงด้วยปัญญา มันเป็นตัวแฝง อาคันตุกะมันเป็นตัวกิเลส รู้มันจนมันยอมแพ้มันสลายไป ล้างมันด้วยปัญญา รับประทานอาหารให้ได้ธาตุอาหารอันนี้ เอาอันนี้ไปอย่างที่พระท่านปัจเวกขณ์ ก่อนฉัน ฉันเพื่อเลี้ยงขันธ์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:55:14 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:34:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 16:00:35 )

รสพริกแสบเผ็ดคือรสแท้ รสแซ่บคือรสเทียม

รายละเอียด

ใช่ สัมผัสจริงๆจะรู้ว่าเรายังมาแซ่บมาอร่อยยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่อีกหรือ จริงๆให้ลึกไปกว่านั้นอีกแล้ว ความแซ่บความอร่อยนี้มันเป็นอุปาทาน เป็นของยึดมั่นถือมั่นไว้เอง มันอนัตตา มันไม่มีความจริงหรอกความแซ่บ ความอร่อย แต่รสของลิ้นที่มันแตะพริก มันเกิดแสบปวด มันจริงเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติของมัน

สารเคมีอย่างที่พูดมาของพริก ที่มันทำปฏิกิริยากับลิ้นของเรา ที่มีสารเคมี ปฏิกิริยามันแรงมันแสบมันปวดเจ็บ เห็นจริงๆแล้วจะค่อยเห็นจริง แล้วเราจะทน มิน่า อาตมาถึงทุกวันนี้แตะไม่ได้เลย แตะพริกนี่มันแสบจริงๆ ชัด ความจริง ก็ไม่รู้จะแตะไปทำไม แต่ถ้าพริก เขาไม่มีรสแสบ สารเคมีไม่มี เขาเอามาให้อาตมากิน เขาเลือกมาแล้วเขาชิมกันมาก่อนว่าต้นนี้รสไม่เผ็ด ก็เอาต้นนั้นมาให้กิน สักวันหากพลาดท่า เม็ดมันเหมือนกันนะหยิบผิดพลาด คงมีสักวันหนึ่ง เพราะแตะเข้าไม่ได้จริงๆ มันแสบมันแรงร้อน ไอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:29:30 )

รสสวรรค์หรือรสนรก

รายละเอียด

คือ รสเก๊ที่แต่ละคน อุปาทานเองแล้ว หลงยึดว่ามีจริงเอง  ของแต่ละคนปั้นขึ้นเองจนเป็น อาการที่ 33 (ดาวดึงส์)  ที่แต่ละคนตนเองปั้นขึ้นมาหลงเองลมๆ แล้งๆ  ของใครของมัน ซึ่งไม่ใช่รสแท้ แต่เป็นรสเก๊ แท้ๆ ต่างหาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:05:39 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:35:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:59:22 )

รสสวรรค์หรือรสนรก

รายละเอียด

คือ "รสเก๊" ที่แต่ละคน "อุปาทาน" เองแล้ว หลงยึดว่ามีจริงเอง ของแต่ละคนปั้นขึ้นเอง...ลมๆแล้งๆของใครของมัน ซึ่งไม่ใช่ "รสแท้" แต่เป็น "รสเก๊" แท้ๆ

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 128


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 12:30:52 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:29:46 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:38:01 )

รสสวรรค์หรือรสนรก

รายละเอียด

คือ“รสเก๊”ที่แต่ละคน“อุปาทาน”เองแล้ว“หลงยึดว่ามีจริงเอง”ของแต่ละคนปั้นขึ้นเอง จนเป็น“อาการที่ 33”(ดาวดึงส์) ที่แต่ละคนตนเองปั้นขึ้นมาหลงเองลมๆแล้งๆของใครของมัน ซึ่งไม่ใช่“รสแท้”แต่เป็น“รสเก๊”แท้ๆตะหาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:50:05 )

รสอร่อยคือความหลอกคือผีหลอก

รายละเอียด

ทีนี้เข้าใจยากขึ้นนิดนึง เพราะมันละเอียด แต่จะชัดขึ้น เช่นว่า เรากินขนม อร่อย ไอ้รสอร่อยนั่นล่ะ ผีหลอก รสอร่อยมันไม่มี แต่คนหลอกมานานหลายพันชาติแล้ว หลอกว่ามันมีก็เลยไปเชื่อ ก็ติดมาไม่รู้กี่ล้านชาติ รสอร่อยนี่แหละมันหลอก ผู้ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าได้สำเร็จ มันหายไปเลย ขนมอันนี้เคยกินอร่อย กินอีกมันก็เป็นรสอันนั้น มันเป็นรสจริงๆของมัน ขนมอันนี้มันเป็นรสอันนี้ อาจจะใส่เกลือนิดหน่อยเค็มนิดนิด อาจจะใส่เปรี้ยวหน่อยๆก็แล้วแต่ มันก็จะมีรสนั้น เป็นแป้งเป็นน้ำตาลก็มีรสอย่างแป้งอย่างน้ำตาล จะเป็นรสอะไรใส่เข้าไปก็เป็นรสของอันนั้น ตามความเป็นจริง แต่อร่อยนั้นเป็นความหลอกนั่นแหละคือผีหลอก 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 16:03:30 )

รสอร่อยมันไม่มีจริง

รายละเอียด

รสอร่อยมันไม่มีจริง…คุณต้องอ่านอาการของจิต ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างสีสันที่เขาสมมุติกันว่าอย่างนี้แหละดี อย่างนี้แหละเหนือกว่า นี้ชนะอันนี้ หรืออันนี้ด้อยกว่าอันนี้ อันนี้ไม่ดีเท่าอันนี้ มันเป็นโลกียะ  จิตของคุณถ้าอยู่เหนือ คุณก็จะรู้ดีหรือไม่ดี มันเป็นสมมุติ แต่เราไม่ยึดติดทั้งดี ไม่ยึดติดทั้งไม่ดี แต่เรารู้ว่าเราต้องดี ดีที่โลกมี สูงอย่างไรเราก็รู้ได้แต่เราไม่ยึดติดส่วนไม่ดีนั้น ไม่ดีมากไม่ดีน้อยนั้นไม่เอาหมดเลย เอาแต่ดีแล้วไม่สันโดษในความดีด้วย ไม่สันโดษในกุศล ความดีก็สมมุติไม่ชั่วได้หมดทำดีกว่าเขาได้หมดแต่ไม่ติดในความดีนี่คือใช้พยัญชนะเอามาอธิบายสภาวะ

ทีนี้รสต่างๆ หากว่าเรียนรู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรสทางตากระทบรูปแล้วสวย เสียงไพเราะ นี่อย่างที่เขาไปคอนเสิร์ตบิ๊กเมาท์เท่น ซึ่งเขาห้ามไม่ให้ไปทำพวกนั้นก็ติดยึดหน้ามืดตามัวทั้งๆที่ก็พอรู้ว่าจะไปติด covid ได้ ตัวผู้ที่จะจัดนั้นถ้าติดเข้าก็ไม่ชอบใจหรอก ก็จะตายได้ แต่มันอยากได้เงินทองเป็นโลกียทั้งนั้น มันหน้ามืดตามัวผู้ที่จะทำ แต่รัฐบาลก็ดียังจะพยายามช่วยไม่ให้มันเกิดเป็นแหล่งเป็นเหตุต้นเหตุที่จะเกิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:26:32 )

รสอัสสาทะของโลกีย์เป็นตัวหลอกทั้งนั้น

รายละเอียด

ผู้ที่รู้จักรสอัสสาทะโลกีย์ที่มันอร่อย มันหลอกเป็นจอมมารอย่างยิ่งรู้ทันแล้วก็ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรสัมผัสแล้วก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงมันจบมัน 1 ๆๆ รู้ว่าไอ้ตัว 2 เป็นตัวหลอกทั้งนั้นเสร็จแล้วเราก็รู้ว่าโลกมันมี 2 กับคนอื่นใครจะมาติดมากก็ช่วยกันใครติดน้อยก็ช่วยกันเท่านั้นเท่านี้อยู่ก็ช่วยกัน มันก็เหลือแต่จะช่วยกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 15:10:23 )

รสเลิศที่สุดในโลกหล้า

รายละเอียด

เป็นวิมุติรส รสเป็นภาษาธรรม ไม่ใช่ภาษากาม ที่เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กามคุณ 5 แต่นี่เป็นรสที่เป็นโลกีย์กับโลกุตระ ถ้าเป็นวิมุตติรสก็เป็นรสที่หลุดพ้นจากกิเลส ธรรมรสก็คือรสที่เข้าใจธรรมะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:42:02 )

รสแท้

รายละเอียด

คือจิตหรือารมณ์เป็นหนึ่ง คือรสของความเป็นจริงเดียวกันทุกคน ตรงกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:04:47 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:35:53 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:38:42 )

รสแท้

รายละเอียด

คือรสของ "ความเป็นจริง" เดียวกันทุกคน-ตรงกัน

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 128


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 12:25:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:30:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:20:59 )

รสแท้

รายละเอียด

“รสแท้”คือรสของ“ความเป็นจริง”เดียวกันทุกคน-ตรงกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตยืที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:48:25 )

รสแท้ของอาหารไม่ใช่การขึ้นลงของจิตมีอุปาทานในสัญญา

รายละเอียด

”กินโรยเกลือกับข้าว รสชาติดีมาก จิตก็พิจารณา..”  นี่นักปฏิบัตืธรรม ที่ จิตก็พิจารณา

“เป็นเพราะสัญญาเดิม “ อันนี้นะ ภาษาพวกเราพูดกัน อธิบายธรรมะ มามาก เป็นเพราะสัญญาเดิม นี้เราก็เป็นภาษาธรรมะ เราก็รู้มาแล้วว่าสัญญาคืออะไร เจตสิกเรา มันเป็นของเดิมสัญญาเก่า มันเป็นเพราะอันนี้นี้แหละมันขึ้นมาเล่นงานเรา มันอยู่ในความจำเก่า สัญญาเดิมมันมากำหนด พอสัมผัสอะไรขึ้นมาก็…เอาแล้ว!! สัญญาเก่าก็ขึ้นมา ถ้าไอ้ที่สัญญาเก่ามันยังติดอยู่ ยังมีกิเลสอยู่ในสัญญา มันก็เอาอีกแล้ว แหม!! นี่ของเคยชอบ ของเคยอร่อย อะไรต่ออะไรอย่างนี้นะ 

พวกเราปฏิบัติธรรมก็พวกนี้แหละ เป็นพฤติกรรม พยัญชนะนี่ก็อาตมาก็สาธยายความหมายให้ฟัง ก็เป็นการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร ก็หลับไป  นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม จรณะ 15 วิชชา 8 โดยเฉพาะ นี่คือ อปัณณกปฏิปทา 3 แท้ๆเลย 

รสชาติแท้ของอาหารมันก็ของอาหารสิ แต่เป็นเพราะคุณขึ้นๆลงๆ ไอ้นี่มันก็อร่อยเหมือนไอ้นี่ มันก็ไม่ใช่ธรรมชาติของอาหาร อาหารมันก็เป็นธรรมชาติของมันเป็น คุณต่างหากเล่ายังดีดๆดิ้นๆ กระดุ๊ก กระดิ๊ก.. กิเลสคุณทั้งนั้น ของอาหารมันก็เป็นของมันเอง ของอะไรมันก็เป็นของมันอยู่ 

“อาหารที่บ้านราช” ที่นี่เขาเรียกว่า “ยิ่งกว่าเหลา” อีก ดินแดนสัปปายะทุกๆที่ ที่สบายทุกๆ ที่ พวกเราก็เป็นเช่นนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สำนึกรู้เพื่อเข้าสู่โลกที่ดีที่สุด คือโลกโลกุตระ วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 แรม 14 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:08:31 )

รห , รโห

รายละเอียด

ลับ , อย่างลับ ๆ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 243


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:36:19 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:52 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:59:56 )

รหัสธรรมของวิหารพันปี

รายละเอียด

คือ ตัวอาคารชั้นล่างสุด ลอยสูงเด่นจากพื้นดินถึง 8 เมตร เปรียบเสมือนอาคารที่ลอยอยู่เหนือโลกธรรมชาติ และเหนือแรงดึงดูดของโลก เป็นรหัสธรรมแทนโลกุตรธรรม เป็นธรรมะที่ช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นจากโลกียวิสัย อยู่เหนือแรงดึงดูดของกิเลสทั้งหลายทั้งปวง

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.135


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:51:41 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:31:09 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:21:57 )

รหัสส

รายละเอียด

คือ ความลับ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 207


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:33:33 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:32:16 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:39:12 )

รหัสส

รายละเอียด

ความลับ

หนังสืออ้างอิง

จากรู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 140


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:36:54 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:00:25 )

รองเท้ารัดส้นใช้พลังงานน้อยลง เป็นการปรับตัว

รายละเอียด

อาตมาก็เพิ่งมาใส่รองเท้าหุ้มข้อมาปี 2 ปีนี้แหละแต่ก่อนก็ไม่ได้ใส่ เพิ่งมาใส่ตอนนี้ คนเห็นหลายคนก็รับไม่ได้ สู้ไม้ร่มไม่ได้ ไม้ร่มไม่ใส่รองเท้า แต่โพธิรักษ์ใส่รองเท้า สู้ไม่ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาเข้าใจปลีกๆย่อยๆไป อาตมาก็ไม่ได้ไปติดอกติดใจอะไรมากมาย แต่เท้ามันบางขึ้นทุกทีนะ ก็เลยใส่รองเท้า ใส่หนักเข้า เขาก็ให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น หากใช้รองเท้าคีบมันก็ต้องใช้พลังงานในการหนีบ หากเป็นรองเท้าที่รัดส้นด้วยมันก็ใช้พลังงานน้อยลง ก็เป็นไปในเรื่องสรีระที่ควรสงวน เอาสรีระไปใช้ประโยชน์อื่น ก็เป็นการปรับตัวไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 10:55:37 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:31:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:24:23 )

รอบที่ 2 โพธิสัตว์ระดับมัธยม!(ขั้น 5 ถึงขั้น 6)

รายละเอียด

จากนั้นจึงจะเป็น“ระดับมัธยม”ในการเป็น“โพธิสัตว์” อันเป็นขั้นสูงต่อขึ้นไปสู่“โพธิสัตว์อีก 4 ขั้น” นับต่อไปก็เป็นขั้นที่ 5 เรียกว่า“อนุโพธิสัตว์”คือ น้องใหม่ใน“ระดับมัธยม”ในการเป็น“โพธิสัตว์” 

เมื่อบำเพ็ญบารมีเต็มรอบขั้นที่ 5 แล้วจึงจะเป็นระดับ 6 ก็เรียกว่า“อนิยตโพธิสัตว์”ก็จบความเป็น“ระดับมัธยม” 

จาก“ระดับมัธยม”จึงจะสูงขึ้นไปเป็นระดับ 7 เรียกว่า“นิยตโพธิสัตว์”อันเป็น“ระดับอุดมศึกษา”ขั้นต้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 480 หน้า 357 


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 09:31:19 )

รอบที่ 3 โพธิสัตว์ระดับอุดมศึกษา!(ขั้น 7,ขั้น 8)

รายละเอียด

ผู้มีภูมิ“โพธิสัตว์ระดับ 7” จึงจะเรียกว่า “สยัง อภิญญา”ได้“สยัง อภิญญา”นั้นคือ ผู้ที่มีภูมิธรรมที่เป็น“พุทธโลกุตระที่สัมมาทิฏฐิ”ในตนที่ได้สั่งสมบารมีมาจาก“อนุโพธิสัตว์” และ“อนิยตโพธิสัตว์”อีกจนถ้วนเต็ม จึงจะก้าวเข้าสู่ความเป็น“นิยตโพธิสัตว์”ที่มี“อภิญญา(ความรู้ขั้นปัญญาอันยิ่งแบบพุทธคือโลกุตระที่ไม่มีศาสนาใดมีได้)” ซึ่งจะเป็น“เอง(สยัง)” มี“เอง(สยัง),ด้วยตนเอง(สยัง)

แม้จะเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ในโลกยุคใดสมัยใดก็มีติดตัวมา“เอง(สยัง)” ไม่มีใครบันดาลให้ คนผู้“สยัง อภิญญา”หรือ“นิยตโพธิสัตว์”จึงสามารถเป็นผู้เกิดมาไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ ไม่ต้องได้ยินได้ฟังจากใครก็สามารถรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงใน“ความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม”ได้เองจริง

ดังเช่น “อาตมา(สมณะโพธิรักษ์)”ที่เป็นคนผู้เกิดมาในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ คือ ในยุคพ.ศ. 2500 อันปรากฏขึ้นจริงในโลกที่สัมผัสได้ และพิสูจน์ได้ว่า เป็นผู้มี“ความรู้-ความจริง”ยืนยัน “โลกุตรธรรม”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 481 หน้า 357


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 14:42:09 )

รอยพระบาทสร้างขึ้นเองไม่ใช่ของจริง

รายละเอียด

แต่เอาเถอะคนจะบอกว่า ถึงแม้ยังไม่ชื่อว่าประเทศไทย แต่แผ่นดินตรงนี้ที่ไทยมายึดตรงนี้ว่าเป็นประเทศไทย พระพุทธเจ้าเคยประทับพระบาทตรงนี้ก็เลยใหญ่นะ และมีลายด้วย หลวงปู่ขอยืนยันว่าเขาสร้างขึ้นเอง แล้วก็จินตนาการไป มีเรื่องราวมีลวดลาย อะไรต่างๆที่พิลึกพิลืออยู่ในพระบาทของพระพุทธเจ้า นี่ ราชธานีอโศกก็มีหินสลักเป็นหินแกรนิตสลักพระพุทธบาทเลย แต่ไม่เห็นมีใครจะเอาใจใส่ เขาสลักมา หลวงปู่ได้มาก็เอามาตั้งไว้ คนก็บอกว่ารอยพระบาทพระพุทธเจ้าที่จริงมันไม่จริงหรอก มันเป็นเรื่องของศิลปินเขาแกะสลักเท่านั้นเอง ไม่จริงหรอก

แต่เรานับถือพระพุทธเจ้า แม้ที่สุดถึงพระบาทเราก็เอาไว้เหนือหัว เพราะว่าท่านสูงสุดท่านประเสริฐสุด อย่างนี้เป็นต้น เราก็นับถือฝ่าพระบาทพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง ก็กราบเคารพตั้งแต่ฝ่าพระบาทธุลีละอองพระบาทเลย สูงไปจนถึงพระเศียร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:16:05 )

ระดมการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

มาระดมการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร มีที่ทางทำพืช ทั้งแบบยืนต้นเก็บใบเก็บดอกเป็นอาหารแบบล้มลุก ปลูกในระยะเวลาสั้น ที่จะใช้กินอาหาร สั้นมากๆก็เช่นถั่วงอก เดี๋ยวก็ได้กิน อะไรอย่างนี้เป็นต้น จะอายุยาวหน่อยก็ว่าไป จนกระทั่งมันอยู่เป็นร้อยร้อยปี มันก็ออกดอกออกผลให้เรากินอยู่ก็ว่าไปหรือกินใบ  กินดอก  กินผลเป็นร้อยเป็นพันปี เราก็อาศัยซึ่งกันและกัน มีอาหารเป็นเครื่องอาศัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

ประเทศไทยไม่ต้องสร้างอาวุธแต่หันมาสร้างอาหารก็จะอยู่ได้อย่างดี


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:14:30 )

ระดับ 5 ขั้นตอนตามลำดับของความเป็นเจ้าของธรรมะโลกุตระ

รายละเอียด

เกิดมาในชาตินี้แล้วมารู้สึกจริงๆว่า ชีวิตเรามีคุณค่าที่ได้นำคุณค่าอันสุดยอดอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าเอามาแก้ไข เอามาประกาศขึ้นมาใหม่ ที่ใช้คำว่าประกาศขึ้นมาใหม่ก็เพราะว่าสัจจะของพระพุทธเจ้าความจริงคือโลกุตรธรรมมันได้เสื่อมหายไปหมดแล้วจากคนไทย จากพุทธศาสนิกชนคนไทย มันก็เลยจำเป็นที่จะต้องพยายามนำสิ่งเหล่านี้มาประกาศไปสถาปนาลงไปในมนุษยชาติ ในพุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะคนไทยใหม่ เพราะมันไม่มี มันหายไปมันลบเลือนไปจนแทบจะไม่เหลือร่องรอยโลกุตระ อาตมาจึงชัดเจนในตัวเองว่าตัวเองเป็น สยังอภิญญา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เป็นภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่จะได้มาประกาศโลกนี้โลกหน้าที่รู้ได้ด้วยตนเอง รู้ได้ด้วยตนเองภาษาบาลีคือ สยังอภิญญา ไม่ใช่รู้ได้ด้วยตัวเองอย่าง สยัมภู ที่เป็นแบบพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของธรรมะโลกุตระ เป็นธรรมะสามีเป็นเจ้าของ แต่อาตมานี้เป็นเจ้าของในระดับโพธิสัตว์ คือมีมาด้วยตนเองในตนเอง คำว่าโดยตนเองในตนเอง คำว่าตนเองนี้เริ่มจากปัจจัตตัง ปัจจะคือแจ้งสว่าง รู้ได้ด้วยตนเอง หมายความว่าตัวเองสัมผัสแตะต้องตัวเองเกิดขึ้นในตัวเองเรียกว่าปัจจัตตัง แล้วก็มาเป็นปัจเจก จากปัจเจกแล้วก็จะมาเป็น สยังอภิญญา จากนั้นก็จะเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า มี 5 ขั้น ปัจจัตตัง ปัจเจก สยังอภิญญา ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ สัมมาสัมพุทธะ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 11:42:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:38:37 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 03:40:31 )

ระดับ 7 ไม่มีใครตามทัน

รายละเอียด

อันนี้ก็ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังดักดานโง่อยู่ จนกระทั่งห้ามอาตมาไม่อยู่แล้ว ต้องปล่อยให้อาตมาเป็น แม้จะเป็นคนเดียว แม้จะเป็นหมู่มีพวกน้อยไม่มากไม่มาย เขาก็จำนน เพราะว่าเราเองเราไม่ได้เป็นการสาธยายธรรมอย่างไม่มีหลักฐาน อย่างไม่มีสิ่งอ้างอิง อย่างไม่มีอะไรยืนยัน มันมีหมด อ้างอิงพระไตรปิฎก อ้างอิงหลักฐาน คำสอน อธิบายมาให้รู้ คนก็มารู้ได้ รู้แล้วมาปฏิบัติได้ แล้วก็มาเห็นคนปฏิบัติได้ แล้วก็มีพฤติกรรม มีองค์ประกอบ มีพฤตินัย มีปรากฏการณ์ จนกระทั่งเป็นสาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี ลาภที่ได้มาโดยธรรม แล้วก็เอามารวมกัน ไม่ยึดถือเป็นของตัวของตน มันสุดยอดโลกแล้วนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:52:20 )

ระดับของศรัทธา

รายละเอียด

คือศรัทธา  มี 3  ระดับ  เชื่อถือ  เชื่อฟัง  เชื่อมั่น     เชื่อถือ  ก็เชื่อแต่ยังไม่ปฏิบัติตาม  แต่เชื่อฟังนี้  เชื่อแล้วก็ปฏิบัติตาม  เชื่อมั่น ปฏิบัติตามได้ผลแล้วจึงเชื่อมั่น  ศรัทธา ต้องประกอบด้วยปัญญา  แต่คนที่ศรัทธาที่ไม่ได้ประกอบด้วย  ปัญญามีเยอะ ศรัทธา กับปัญญา  ในสัทธรรม  7  มี  ศรัทธา  หิริ  โอตตัปปะ  พหูสูต  วิริยะ  สติ  ปัญญา ศรัทธา  กับปัญญา  เป็นหัวท้าย ของ สัทธรรม 7

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 82   วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:21:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:27 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:25:07 )

ระดับสยังอภิญญาจึงจะรู้เองข้ามชาติได้และหมดหลงจริง

รายละเอียด

จนกว่าคุณจะอยู่ในระดับสยังอภิญญาขึ้นไปถือว่ารู้เอง ข้ามชาติได้ ยังไม่ถึงพระพุทธเจ้าแล้วผู้นั้นจะรู้ตัว ไม่บังอาจไปปฏิญาณตน แล้วไม่ไปพูดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าหรอก คนนี้ไม่หลง เพราะหมดหลงแล้ว ถ้ายังหลงอยู่อีก คุณก็จะวนไปอีกแล้วเมื่อไหร่คุณจะเสร็จสักที หมดหลงสักทีสิ แล้วมันก็ต้องหมดหลงจริง สติสัมปชัญญะมันจะแข็งแรง ไม่มีวอกแวกวอแว ไม่มีโค้งไม่มีงอ จะตรงอย่างแข็งแรง จะพูดอะไรก็ตรงไปหมด จนตรงแข็ง จนแรง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:47:52 )

ระดู , รัตโต

รายละเอียด

แดง  หมายความว่าเลือด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 423


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:37:29 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:22:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:00:53 )

ระดู เป็นอุตุ

รายละเอียด

อาตมาจะพูดถึงเรื่องระดู อาตมาเมื่อมาปฏิบัติธรรมพอไปเห็นพยัญชนะว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า ระดู เป็นอุตุ ในพจนานุกรมบาลี อุตุ ท่านแปลว่า เลือดระดู ก็ทำให้เราฉุกคิดว่า ระดูมันไม่เป็นชีวะ แต่ก่อนยังไม่มีความรู้เรื่องอุตุ พีชะ จิต อาตมาก็งง ว่า ทำไม เลือดระดู พระพุทธเจ้าใช้พยัญชนะบาลีว่า อุตุ

จนกระทั่งมาศึกษาได้เรียนรู้ว่า อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม จึงเข้าใจทะลุปรุโปร่งว่าอุตุเป็นธาตุที่ไม่มีเชื้อชีวิตแล้ว เข้าใจชัดเจนขึ้นไหม เลือดที่ไหลทิ้ง แล้วไม่มีเชื้อชีวิตที่จะเกิดอีกแล้ว ก็เป็นเลือดที่เป็นอุตุ ซึ่งไม่ใช่คำว่า ฤดูนะ ที่แปลว่า ฤดูกาล หน้าร้อนฝนหนาวเป็นฤดูกาล ถ้า ระดู แปลว่า เลือดประจำเดือน 

เพราะฉะนั้น ในธาตุระดูหรือเลือดไหลทิ้ง ก็คือมันหมดภาระ เลือดนี้ก็จะต้องเลี้ยงดูไข่ เมื่อไข่นี้ไม่มีการผสมฝ่อแล้วก็ตกออกมา เลือดก็ต้องไหลทิ้งด้วย เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องสงสัยมันก็เป็นธรรมดาผู้หญิงก็ต้องเป็น แต่นี่อาตมาอธิบายถึงกลไกของสรีระ มันเป็นอย่างนั้นสำหรับผู้หญิง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 21:17:31 )

ระดูของผู้หญิง

รายละเอียด

ระดูของผู้หญิง คือ  ส่วนประกอบของการเลี้ยงไข่  พอไข่มันฝ่อแล้วก็จะหมดชีวะไม่ได้ผสมก็จะฝ่อทิ้ง  ก็จะร่วมมากับเลือดไหลทิ้งไป  เรียกเลือดอย่างนั้นว่า ระดูแต่ที่เป็นอุตุเพราะไม่มีเชื้อชีวะ  เป็นอุตุตอนออกจากร่างกาย  เรื่องระดูนี้มันจะเป็นอุปาทานตามๆ กันมา  ถ้ามีระดูจะปวดหากไม่มีอุปาทานคนที่ถึงเวลามันก็ออกไปก็ไม่เจ็บปวด  มันมากก็ต้องปวดเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:11:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:34 )

ระบบการสืบทอดสันตติวงศ์ของเมืองไทย

รายละเอียด

เอามาจากศาสนาพุทธ ที่สืบทอดกันมายังมีแก่นแกน ความถูกต้องจะผิดบ้างถูกบ้างก็แล้วแต่ ประชาธิปไตยของไทยจึงเป็นประชาธิปไตยแบบพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65  วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:35:57 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:01:40 )

ระบบคนจนอย่างอเมริกาทำให้คนจนไม่ลง

รายละเอียด

อย่างอเมริกา ถ้าให้คนเอาเงินดอลลาร์ที่เป็นกระดาษปั๊มแจกไปทั่วโลก ไปตั้งราคา เอากลับไปแลกทรัพย์สินคืนมาใช้ มาผลาญในประเทศของเขา แล้วคนอื่นๆ ก็นึกว่าเขาเป็นเจ้าหนี้ของอเมริกา ถือธนบัตรดอลลาร์เอาไว้ ถ้าคนทั้งโลกเอาธนบัตรดอลลาร์มาคืนให้อเมริกาทั้งหมด แล้วก็คิดค่าตามราคาที่เขาตั้งเอาไว้ อย่างเมืองไทย 1 ดอลลาร์เท่ากับ 30 กว่าบาท 

ให้เอาสิ่งที่เป็นทองคำหรือเป็นสิ่งมีค่า หรือแม้แต่พืชพันธุ์ธัญญาหาร ตีราคาตามสามัญตลาดโลก   คืนมาให้แก่ประเทศไทยหรือประเทศอื่นใดที่มีดอลลาร์และเอาดอลลาร์ไปคืนให้อเมริกา แล้วคุณจะใส่เก๊ะหรือเผาทิ้งก็แล้วแต่คุณ เพราะคุณปั๊มมาเป็นตัวแทน ก็เอาทรัพย์สินคืนกลับมา ใบธนบัตรดอลลาร์จะเอาไปห่อเสื้อผ้าก็ไม่ได้ ไปห่อเกลือก็อาจจะได้หน่อยนึง 

ที่พูดไปก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เขาก็ยืนยันยืนยันจะมีอำนาจ เหมือนเขามีทรัพย์สินเหมือนเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่เขารวมหัวกัน ที่พูดไปเปิดเผยอย่างใจจริง ว่าที่พูดไปนี้ไม่ผิด หลายร้อยปีแล้วที่อเมริกาตั้งประเทศมาประมาณ 300 ปี แล้วเขาก็มีระบบทุนนิยมอย่างนี้ 

ซึ่งไม่ได้มาเป็นคนจน ไม่ได้เป็นคนกินน้อยใช้น้อย ไม่เลย แต่คนอเมริกันนั้นจนไม่ลงเลย หรูหราฟู่ฟ่ามีหน้ามีตา ออกจากบ้านขับรถเบนซ์ กลับเข้าบ้านกินข้าวกับก้างปลาทู เป็นคนเอาหน้าเอาตาอย่างนั้น ขออภัยเถอะ อาตมาพูดตรงพูดชัดๆ ก็สงสารนะ ไม่ได้พูดไปเป็นเชิงดูถูก ซึ่งมันก็เป็นการดูได้อย่างถูกในสิ่งที่ดีก็ดี สิ่งไม่ดีก็ว่าไม่ดี แต่เขาไปแปลคำว่าดูถูกคือเป็นการไปข่ม ไปกด อ้าว พูดผิดก็ต้องกด จะให้ยกพูดผิดมันก็ไม่ได้ผิดธรรมชาติอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 20:22:17 )

ระบบทุนนิยมมีแต่บาปกับบาป

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่เอาชีวิตมารู้จักว่าคนจะไปปั๊มแบงค์ ไปทำงานแล้วก็ได้รับแบงค์ธนบัตรได้เงิน 1,000 ล้าน ต่อวัน คนรวยๆเดือนหนึ่งเงินเข้าเป็นพันล้าน ขนาดนั้นก็ตามไม่ใช่ทรัพย์อย่างยิ่ง แต่เป็นภัยด้วย คนที่ขี่รถมีวิธีการเชิงกล สามารถสร้างค่ายกลให้ตัวเอง ค่ายกลวิธีการของตัวเอง กวาดเงินไหลให้แก่ตัวเองได้ วันๆหนึ่งยิ่งกว่าน้ำก๊อก คนนั้นต้องมีวิธีการได้เปรียบระบบทุนนิยมได้เปรียบเขามากมีแต่บาปกับบาป เพราะเป็นการเอาเปรียบไม่ใช่การเสียสละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 17:49:41 )

ระบบนายทุนทำให้คนเข้าใจผิดไปยกย่องอุตสาหกรรม

รายละเอียด

มันมีเชิงคิดอยู่แต่แค่ว่า ระบบนายทุนทำให้คนเข้าใจผิด โดยไปยกย่องอุตสาหกรรมให้ราคาแพงกว่ากสิกรรม มันมีความซับซ้อน ราคาแพงราคาถูกไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าผลผลิตมันมีคุณภาพดี อุตสาหกรรมมีคุณภาพดีกับกสิกรรมมีคุณภาพดี มันก็ดี เป็นพิษเป็นภัยน้อย แต่เป็นประโยชน์คุณค่ามากกว่ากัน เทียบกันจริงๆแล้ว 1 ต่อ 1 อุตสาหกรรม กสิกรรม คุณกินอุตสาหกรรมเลี้ยงชีวิตไม่ได้หรอก คุณกินอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างๆ กินเพื่อเลี้ยงชีวิตไม่ได้ แต่การกสิกรรมอย่างไรคุณก็ใช้ยังชีพได้ อันนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะศึกษา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:23:49 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์