คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:53:33 )
รายละเอียด
ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ คือ รู้ได้ด้วยตน
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:42:03 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:38 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:49:24 )
รายละเอียด
อาตมาเป็นนักประชาธิปไตย นักเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ มาไม่รู้กี่ชาติ มาชาตินี้ก็ทำคะแนนไปตามลำดับ สรุปแล้วมีอจินไตย มาศึกษาให้ดีเมื่อถึงเวลาแล้วจะพอเข้าใจได้ต้องมีภูมิปัญญาไปเอง ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ มายัดเยียดพูดอย่างไรก็ไม่ได้ ต้องมีอัญญา ปัญญา จึงจะมีธาตุรู้ตัวสำคัญเข้าไปรู้เรื่องของ วงโลกุตระเป็นโลกวงใหม่ โลกวงเก่าคือโลกโลกียะ อาตมาอธิบายตั้งแต่พลังงานมันเป็น 3 จะสมดุลจนกว่าจะมีพลังงานออกมา 4 5 6 แล้วจะมี 7 เป็นแรงเหวี่ยง ออกไปหา 8 9 แล้วไปหา 0 หรือ 10 เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาในโลก
คนที่สามารถรู้จักการปฏิบัติธรรม ที่มีความสามารถทำได้ถึงขั้นสัมประสิทธิ์ คนนี้ก้าวหน้าเป็นโลกุตรธรรม เจริญได้จริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:31:57 )
รายละเอียด
เหตุใหม่ต่อไป
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 96
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:33:11 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:15:20 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:33:23 )
รายละเอียด
1.อาหาร สักแต่ว่าเป็นอาหารแท้ ๆ
2. ที่อยู่ที่สักแต่ว่าเป็นที่อยู่พออาศัย
3. เครื่องนุ่งห่ม ที่สักแต่ว่าเครื่องนุ่งห่มพออาศัยประโยชน์จำเป็น
4.ยารักษาโรค ที่ต้องใช้เมื่อมีโรค
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 281
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:34:01 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:16:03 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:49:59 )
รายละเอียด
ปัจจัย 4 คืออาหาร ข้าว ผ้า ยา บ้าน อาหารการกิน พืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วก็เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แล้วก็ที่พักที่อาศัย ที่พักที่อาศัย อย่างเราชาวอโศกไม่ต้องยึดว่าเป็นบ้านของเรา มีบ้านส่วนกลาง แม้คนที่มาสร้างบ้านในส่วนกลางนี้ก็จนกระทั่งไม่ยึดว่าเป็นบ้านของเรา ใครจะมาอาศัยร่วมก็ได้ เพราะว่าบ้านก็อยู่ได้หลายคน อย่างนี้เป็นต้น เราก็พึ่งพาอาศัยกัน บ้านไม่ต้องมีของตนเลย ก็อาศัยพึ่งพากันไปได้ ยาก็มีของส่วนกลาง อย่างบ้านราชที่โฮ่งปัว ผ้านุ่งก็เบิกใช้กับกองกลาง ก็มีเบิกได้
อาหารการกินยิ่งมีส่วนกลาง แต่ละวันแต่ละวันก็เก็บขึ้นมาช่วยกันปลูกช่วยกันใช้ทุกวัน กินไปหมดไป แล้วก็อุจจาระออกไป ทิ้งไป มันก็ต้องปลูกต้องเก็บทุกวัน อันนี้เป็นเรื่องหนักต้องทำงานสำคัญเรื่องอาหารการกิน กวฬิงการาหาร เรากินพืชพันธุ์ธัญญาหาร อุดมสมบูรณ์ เราก็สร้างจนกระทั่งเป็นปกติสามัญ ซึ่งอาตมาก็ยังพยายามจะเร่งรัดพัฒนาให้พวกเราลงมาเป็นชาวไร่ ชาวสวน ชาวกสิกรกัน ไปปลูกพืชผักกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะถ้ามากแล้วเราก็มีหน่วยสะพัดแจกจ่ายออกไป เชื่อว่ามีที่แจกจ่าย จะขายบ้างเพื่อที่จะได้อะไรแลกเปลี่ยนมาอย่างถูกๆจริงๆ แจกได้อยู่แล้ว มันมาก ทุกวันนี้เราก็ยืนยันว่าเราพอแจกได้อยู่ ขายถูกเราก็ขายได้อยู่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566 วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 17:26:14 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:09:56 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:03:04 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:51:38 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนนี้ต้องตั้งใจมีความยินดีมีความเต็มใจที่จะรับ พอยินดีได้ยินได้ฟังได้อ่านก็เอามาศึกษา ศึกษาจากผู้ที่รู้อื่น ที่เขารู้โลกุตระแล้วมาก่อน ถึงจะเป็นการต่อเชื้อ
แล้วผู้อื่นที่รู้ ก็คือ ผู้ได้รับรู้มาจากผู้อื่น ที่รู้จากผู้อื่นมาก่อนอีก เป็นทอดๆ ดังนั้นผู้อื่นก็คือผู้ที่ไม่ใช่ตัวเอง สรุปลงมา ผู้อื่นก็ไม่ใช่ตัวเอง ตัวเองไม่มีสิทธิ์รู้หรอก ธาตุรู้ของมนุษย์ ธาตุรู้ยิ่งยอดของมนุษย์ มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้พิสูจน์สูงสุดแล้ว แม้จะเป็นผู้ที่ใกล้ก็ยังไม่ถึงสำหรับพุทธพิสัยแท้ อย่างอาตมาก็ยังไม่ถึง เป็นระดับ 7 ก็พยายามไประดับ 8 ถ้าไประดับ 8 ก็จะไม่หลงตัวแล้ว เหลือแต่ว่าเมื่อไหร่จะจบ
ขั้น 8 ที่เลยขีดของ 8 สมมุติว่า 8 มีร้อยก็เลย 50 ของ 8 ไปแล้ว เข้าไปหา 75 แล้วก็ยิ่งไม่มีคำพูด คำพูดก็พูดเท่านั้นเอง ผู้ที่มีเองจะรู้เองเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ หรือเป็นปัจเจกจึงจะรู้เอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:44:15 )
รายละเอียด
คือ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:21:34 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:35 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:53:01 )
รายละเอียด
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว
ผู้ที่เข้าใจรู้จริงจะเกิดหิริโอตตัปปะ ถ้าหากเราเข้าใจธรรมะผิด แต่ว่าผู้รู้คนไทยที่ได้ยินอาตมาพูด เขาคงไม่รู้สึกไม่เข้าใจว่าตนเองเข้าใจผิด รู้สึกสะดุดละอาย ในบรรดาผู้รู้ทั้งหลายในสังคมศาสนาพุทธทุกวันนี้
อาตมาจึงต้องยืนยันว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา ตามที่พระไตรปิฎกได้พูดเอาไว้ ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 คนอื่นอ่านเจอเขาก็ไม่มีการสะดุดเพราะไม่มีอะไร เขาไม่รู้เรื่อง แต่อาตมารู้เรื่อง ว่าเราอยู่ตรงนี้หรือนี่เรา ถ้าไม่ใช่เราแล้วจะใครหนอ 2,500 กว่าปีมาแล้ว
ผู้ที่ฟังด้วยดีจะสะดุดที่อาตมาพูด ว่า ช่างพูดได้ขี้ตู่ตัวเองหรือเข้าท่าเหมือนกันหนอ ผู้ที่ได้ทำแล้วรู้สึกดูถูกแต่พอรับรู้ได้ก็จะละอาย เข้าไปตั้งความละอายความเกรงกลัว ความรัก ความเคารพไว้อย่างแรงกล้า คนที่จะมีภูมิอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มันไม่ง่ายเลย ถ้าหากเป็นได้อาตมาจะสบายกว่านี้ แต่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นถ้าไม่เกิดอาการนี้คุณก็จะไม่ได้ปัญญา ถ้าเขาเข้าใจจะสะดุ้ง รู้สึกเลย มันน่าสงสารคนทุกวันนี้ที่ยึดถืออุปาทานผิดไปไกล แต่อาตมาก็ไม่ท้อจำเป็นจะต้องมาพูดขยายความ อาตมาไปอีกนานเท่าไหร่ก็สบาย มีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานอ้างอิงยืนยันได้ เชื่อไหมว่าอาตมาอายุ 151 ปีก็ยังไม่หมด
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:49:29 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:56 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:52:38 )
รายละเอียด
คือ เมื่อพบครูแล้วเข้าไปหาแล้วไต่ถามสอบถามเป็นครั้งคราว ถึงภาษิต เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร แล้วเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย และทำให้แจ้ง ข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้งอีกทั้งบรรเทาความสงสัยในธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:22:31 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:06 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:38:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 18:18:12 )
รายละเอียด
เธออาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้านั้นแล้ว เธอเข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่าข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการแก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 2 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ
พ่อครูเทศน์ออกอากาศไปเขาก็ไม่ฟัง มันไกลแสนไกลจากวิเวก ข้องอยู่ในถ้ำ
กายต้องมีทั้งภายนอกและภายในแยกกันไม่ออก สามารถแสดงออกอย่างแคล่วคล่องว่องไว แต่จิตใจสงบคือปราศจากกิเลส กายกรรมจะแรงจะเร็วจะดังอย่างไร วจีกรรมก็อย่าให้พูดคำหยาบหรือส่อเสียดเพ้อเจ้อ ให้เป็นคำที่จริง ไม่ปด กายวิญญัตวิจีวิญญัติ แต่สงบ ไม่ใช่ทำกายวาจาให้แข็งทื่อ แล้วจิตสงบเขาก็ให้หยุดคิด ไปอ่านดูของอาจารย์บูรพา ผดุงไทย การสงบเป็นฌาน สมาธิคือหยุดคิด แล้วปัญญาจะโผล่ขึ้นมาเองอธิบายไปอย่างนั้น
แทนที่จะทำให้เกิดปัญญาคือจิตไม่มีกิเลสแล้วจิตก็จะสงบ แต่นี้ไปนั่งสงบแล้วจะเกิดปัญญา เขาเข้าใจ อธิศีล อธิจิต ปัญญาจะเกิดตาม ที่จริงปัญญาเป็นธาตุรู้ที่รู้ไปตลอดการปฏิบัติศีลปฏิบัติจิต ครบถ้วนปัญญาบริบูรณ์ก็เรียกว่า ปัญญา
ปัญญาเป็นยาดำ ไม่ได้ละไปจากทุกๆอิริยาบถทุกอย่าง
ศีล คือข้อต้นของจรณะ 15 ปัญญาคือข้อที่ปลายของ วิชชา
วิชชาคือปัญญา แม้ในจรณะ 15 ปัญญาก็อยู่ที่ข้อ 11
ฌานต้องมีปัญญา ฌานไม่มีปัญญาไม่มี ฌานคือพลังงาน ที่เราสร้างพลังงานขึ้นมา ละลายพลังงานไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะได้
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:54:23 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:23 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:53:23 )
รายละเอียด
คือเธอฟังธรรมแล้วนั้นย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือความสงบกาย และความสงบจิตให้ถึงพร้อม
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:24:13 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:49 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:53:56 )
รายละเอียด
เธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือ ความสงบกายและความสงบจิต ให้ถึงพร้อม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 3 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ
พ่อครูว่า...กายสงบ จิตสงบ คือกายที่มีกิเลสน้อย กายหมายถึงครบทั้งภายนอก ครบทั้งภายในกระทบสัมผัสภายนอกอย่างไรกิเลสของคุณก็ไม่มีเข้ามาร่วม แม้ในปัจจุบันที่ทำได้ชั่วคราวเป็นตทังคปหาน ชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังดี เราก็รู้ว่ากิเลสมันมี เรามีประสิทธิภาพธาตุรู้ รู้ว่ากิเลสโผล่หน้า หากปัญญามีฤทธิ์มากกว่ากิเลส เจอหน้ากันปั๊บ กิเลสมันก็หลบเลยนี่คือประสิทธิภาพของปัญญา
แล้วคุณต้องมารักเคารพมาเกรงกลัวชัดเจนเลย ถ้ามาอย่างไม่เคารพไม่เกรงกลัว มาอย่างอาบน้ำกลัวเปียก แล้วคุณก็ไม่ได้อาบน้ำฉันใดก็ฉันนั้นคุณมายังไม่มีความรักไม่มีเคารพไม่มีเกรงกลัว ดีไม่ดีมาตั้งเป้าลองของไว้เลย ดูซิ เอ็งจะพูดอย่างไรจะว่าอย่างไร อย่างนั้นไม่เข้าท่าแน่ นึกว่าจะใกล้เคียงกับที่ข้ารู้ไหม
อย่างนั้นกายไม่สงบ จิตก็ไม่สงบ ตั้งท่ามาเป็นศัตรูมาเป็นคู่แข่ง มาจับผิด 100 เปอร์เซ็นต์ คุณเข้ามาอย่างนี้ คุณต้องเทน้ำออกจากถ้วยชาออกให้หมด แล้วมารับ ไม่ใช่มาอวดดี ไม่ใช่มาแสดงตัวเต็มถ้วยเป็นน้ำชาเต็มถ้วย ไม่ใช่
อย่างพวกคุณมาด้วยความรักความเกรงกลัวความละอาย เอาถ้วยชาเทน้ำทิ้งมา คุณก็ได้ แต่ขนาดนั้นก็ยังไม่ง่ายเพราะชามันมีอยู่ ถ้วยรั่วอีก มีสารพัด
คนที่มีกายสงบจิตสงบ กาย รวมถึงภายนอกชัดเจน จิตก็เน้นภายใน จิตกับกายแยกกันไม่ได้ เน้นให้รู้มีนัยสำคัญเท่านั้น ให้รู้ว่านี่คือจิต เน้นจิตแต่ทิ้งกายไม่ได้
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:59:51 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:56 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:55:45 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 18:20:31 )
รายละเอียด
คือเธอเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระ และโคจรมีปกติ เห็นภัยในโทษ แม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เป็นพหูสูต ทางจำสุตะ สั่งสมสุตะ พหูสูตร ไม่ใช่แค่จำได้มาก แต่เพราะว่ามีปัญญาแท้แล้ว เข้าใจแล้ว พวกจำได้มาก รู้มาก เรียนมาก ก็เป็นปทปรมบุคคลได้ สอนคนก็มาก แต่ไม่ได้บรรลุก็มี น่าสงสารเป็นบัวใต้ตึก
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:25:52 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:00 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:54:00 )
รายละเอียด
. เธอเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรมีปรกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 4 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯเพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ
ปฏิบัติแล้วจะเป็นผู้ที่เข้าใจทางปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 เริ่มต้นทำศีลก็จะมาปฏิบัติด้วยหลัก 3 อย่าง ถ้าคุณไปปฏิบัติโดยไม่มีหลัก 3 อย่างนี้ คุณก็นอกรีต
ปฏิบัติศีลแล้วต้องมีการสำรวมอินทรีย์ มีโภชเนมัตตัญญุตา มีชาคริยานุโยคะ
สำรวมอินทรีย์ไม่ใช่แค่ทวารใจ แต่ต้องมีทวารทั้ง 6 ครบ แล้วคุณจะต้องรู้สิ่งที่กินใช้เรียกว่าโภชนะ คุณจะต้องเรียนรู้ จะต้องเอาการกินการใช้ เครื่องกินเครื่องใช้ อาหารสิ่งที่จะต้องอาศัยก็คือ ของกินของใช้ในชีวิต คุณจะต้องสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับการใช้เครื่องกินเครื่องใช้ คุณสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้แล้วมันจะเกิดกิเลส คุณต้องเรียนรู้กิเลสที่เกิดจากเครื่องกินเครื่องใช้ที่คุณมี มันไม่ได้ห่างไกลไปจากชีวิตเลยการปฏิบัติธรรม ไม่ต้องไปหนีเข้าป่า ไม่ต้องไปหาที่นั่งหลับตาสงบ ไม่ต้องอยู่กับของกินของใช้ อยู่กับการงานการทำอาชีพทุกอย่างกัมมันตะ อยู่กับการพูดอยู่กับการคิด ไม่ต้องไปหยุด งานอาชีพการกระทำเลย ไม่ต้องหยุดพูดหยุดคิด
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 18:09:30 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:17 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:57:24 )
รายละเอียด
คือ เป็นผู้ได้ยิน ได้ฟังมาก ทรงจำไว้ คล่องปากมั่นใจ แทงตลอดด้วยดี ด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบี้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ข้อที่ 5 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญา ได้แล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:30:11 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:20 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:55:24 )
รายละเอียด
คือเธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ข้อที่ 6 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:31:35 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:45 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:54:35 )
รายละเอียด
คือเธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่าง ๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยะเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 7 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว สมณะโพธิรักษ์ กล่าวว่า พระอริยะบางรูปไม่ถนัดพูดก็มี บางรูปก็ถนัดพูดมี ถ้าหากถามท่าน ท่านก็ตอบได้เท่าที่ท่านตอบได้ อย่างพระอัสสชิเป็นต้น
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:34:28 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:15 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:55:13 )
รายละเอียด
คือ เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 รูปเป็นดัง ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนา เป็นดังนี้ สัญญาเป็นดังนี้ สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ข้อที่ 8 ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว
สมณะโพธิรักษ์ว่า เวทนาเป็นนามธรรมแต่เมื่อเวทนาถูกรู้ ก็คือ รูป สรุป คือ ปัญญา คุณต้องรู้รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แล้วมันเกิด คุณทำให้มันดับได้ด้วยความจริง อุปหัจจะ คุณก็ชัดเจนในความเกิดความดับ ไม่ได้ หมายความว่าดับแบบ ร่างกายเกิดดับ สัตว์เดรัจฉาน ก็มีเกิดดับแบบนั้นได้ คนไม่รู้มิจฉาทิฏฐิก็เกิดดับแบบนั้นได้ แต่ความเกิดดับนี้เป็นความเกิดดับ ของสิ่งที่เราต้องการให้มันดับ ไม่ให้มันเกิด สิ่งที่จะให้มันเกิดอยู่อาศัย แล้วมันมีที่จบว่า เมื่อมันจบ เราก็ทำให้มันสลายแยกธาตุไปเลย แยกเป็นธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งในโลกนี้มันก็มี ดิน น้ำ ไฟ ลมเป็นฐานของทุกอย่างในวัตถุธาตุ เมื่อมีชีวะขึ้น
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:36:21 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:28 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:56:23 )
รายละเอียด
ปัจจัยชีวิตการปฏิบัติธรรม คือ ไม่ต้องมีอะไรมาก ปัจจัยชีวิตมีแต่จะพอที่อาศัย
1.เลี้ยงสังขารร่างกาย
2.เป็นองค์ประกอบ เป็นบริขาร เป็นเหตุที่จะมาร่วมทำงานใช้เป็นเครื่องอาศัยทำงานบ้าง เป็นเป็นอะไรก็แล้วแต่ มาร่วมมันพอเหมาะพอดีคุณก็ใช้เพื่อปฏิบัติงาน เพื่อทำงานเป็นองค์ประกอบ ก็ไม่ต้องไปมีมากไม่ต้องไปหามามากเกิน ไม่ต้องไปกอบโกย ไม่ต้องไปเหน็ดเหนื่อย มันก็สบาย ทำตามเหตุปัจจัยที่เราทำงานแล้วมันก็มีอะไรต่ออะไรไป
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:08:09 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:58:51 )
รายละเอียด
เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเป็นเวทนา หากดับผัสสะได้ เวทนาก็ไม่เกิด มันซ้อน หากคนพาซื่อจะไปดับผัสสะ ดับเวทนาคือดับความรู้สึกไปหมดเลย แต่ความจริงไม่ใช่ ผัสสะมี แต่คุณดับส่วนที่ผัสสะแล้วเกิดเวทนา มันเกิดคู่กัน ผัสสะก็เกิดกิเลส เวทนาก็เกิดกิเลส คุณต้องทำให้มันดับไม่ปรากฎ เพราะนามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ นี่แหละตัวสำคัญเพราะผู้นี้ เข้าใจว่าปฏิบัติธรรมต้องมีนามรูป ทำไมท่านไม่เรียกรูปนาม ทำไมเรียกนามรูป เพราะเมื่อมีผัสสะมีเวทนา นามมันก็จะเกิด แล้วเราก็จะมีสัญญากำหนดตามรู้รูปภายใน จิต เจตสิก รูป แล้วก็เรียนรู้รูปตัวนี้ กิเลสตัวนี้ จัดการกิเลสก็เป็นนิพพาน อภิธรรมทำไมเอารูปมาไว้ภายใน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ก็จะไม่สับสน จะเข้าใจทำไมต้องเรียงพยัญชนะอย่างนี้ ก็เพราะเหตุนี้ เพราะนามรูป เป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ หากไม่มี อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ผัสสะก็ปรากฏไม่ได้ ถ้าไม่มีอาการ เพศ นิมิต อุเทส เมื่อไม่มีผัสสะ อาการก็ไม่มี เพศหรือลิงคก็ไม่ปรากฎ เพศคือความแตกต่างกัน เพศ ก็มีเพศชาย เพศหญิง อิตถีลิงค์ ปุงลิงค์เป็นต้น แต่ไม่มีผัสสะก็เรียนรู้ไม่ได้ เมื่อมีวิญญาณจึงเกิดนามรูป วิญญาณมีเจตสิก 3 คือ เวทนา สัญญา สังขาร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:29:26 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:57 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:56:56 )
รายละเอียด
1. ปรโต จ โฆโส จ (การได้ฟังสัจจะมุมอื่นจากผู้รู้อื่นๆ หรือจากบัณฑิตอื่น จะไม่ติดยึดแต่ภูมิรู้เดิมๆ ของตน)
2. โยนิโส จ มนสิกาโร (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำใจให้ละเหตุแห่งการเกิดกิเลสที่ใจ กระทำใจละให้เป็น ให้ถ่องแท้ ให้หยั่งลงไปถึงแดนเกิด คือ สมุทัย ที่ใจ)
สัมมาทิฐิย่อมมีเจโตวิมุติ มีปัญญาวิมุติ เป็นผล เป็นอานิสงส์ โดยมีองค์ 5 คือ สัมมาทิฐิอันมีศีลอนุเคราะห์แล้ว อันมีสุตะอนุเคราะห์แล้ว สากัจฉาอนุเคราะห์แล้ว สมถะอนุเคราะห์แล้ว และวิปัสสนาอนุเคราะห์แล้ว
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่ม 12 ข้อ 497
ธรรมาธิบายจากพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:36:06 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:01 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:59:23 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:42:45 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:28 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:57:29 )
รายละเอียด
พุทธการกธรรม
ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า มีอยู่แล้วครบถ้วน
พุทธุปปาทกาละ
ยุคสมัยที่พระมหาโพธิสัตว์สมควรประกาศตนเป็นพระพุทธเจ้า ก่อตั้งพระพุทธศาสนา โดยมีปัจจัยพอเพียงครบพร้อม เช่น มีผู้ร่วมพระบารมีมาเกิดอย่างครบพร้อมแล้ว ฯลฯ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2562 ( 17:52:25 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:07 )
รายละเอียด
คุณเดชายังไม่มีความรู้เรื่องอจินไตย ถึงเรื่องความเหมาะสม ความลงตัวของธรรมะสภาวะธรรมที่เรียกด้วยภาษาว่าบารมี คุณเดชายังอีกนานมากที่จะเข้าใจคำว่าบารมี ของคำว่าปัจจุบันธรรมหรือปัจจุบันชาติหรือ status quo 2 ประเด็นนี้ใหญ่ๆคุณเดชายังอีกนานไกลมากที่จะรู้จักว่า มีความสำคัญกับบุคคลว่าเรื่อง status quo ปัจจัยมันเป็นการบอร์นทูบีต้องเป็นอย่างนี้ คุณเดชายังอีกนานที่จะเข้าใจ ฉะนั้นที่พูดมานี้เห็นได้ชัดคุณเดชาไปไกลในเรื่อง อจินไตยต่างๆ ที่พูดนี้เป็นเรื่องกรรมวิบาก ส่วนฌานวิสัย คุณเดชายังอีกไกลมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:21:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:46:25 )
รายละเอียด
สรุปแล้วเครื่องนุ่งห่มก็เอาไว้ใช้ ที่อยู่อาศัย คนที่มีอารยธรรมแล้ว มีวัฒนธรรมก็มีที่อยู่อาศัยที่พัก ไม่ได้โง่จนกระทั่งแดดเราก็ทนแดด ฝนตกก็อาบน้ำฝน อะไรพัดไปพัดมาทับถมเสร็จตัวเองก็ยอมรับมันแล้วไปล้างเอา จะบ้าเหรอ มีที่พักที่อาศัยพอสมควร เสื้อผ้าหน้าแพรที่อยู่อาศัย ปัจจัยสำคัญมีเท่านี้แหละมนุษย์ นอกนั้นก็อาหารกับยา
อาหารก็คือสิ่งที่กินเข้าไป สังเคราะห์สังขารปรุงแต่งให้ชีวิตนี้ยังอยู่ อาหารกับยาถ้าอย่างนี้กินแล้วมันบำรุงร่างกายให้เจริญก็เรียกว่าอาหาร ถ้ามันไม่สมดุลก็ใช้อาหารนี่แหละเป็นยา มันก็คือธาตุต่างๆที่เขาเรียกป็นธาตุต่างๆก็เอาธาตุนั่นแหละมาแก้กัน เป็นยา ทำให้ธาตุที่เป็นอาหาร ที่มันเป็นพิษหรือมันไม่ถูกปรับมัน คนจะเข้าใจธาตุต่างๆทางวิทยาศาสตร์โภชนาการเขาก็จะรู้ธาตุวิทยาศาสตร์ เพราะเขาจะรู้เขาก็จะมาแก้ ก็เกิดเป็นธาตุที่อาศัยไม่เป็นธาตุที่ทำลาย ยาก็เข้าไปแก้หรือสิ่งที่ขาดก็เอาไปใส่ สิ่งที่จัดการให้ออกเอาสิ่งอื่นมาทดแทนก็ได้ก็เรียกว่า ยา จะไปเรียกด้วยภาษาว่าโอสถอะไรก็แล้วแต่ มีภาษาอะไรอีกสารพัด ชาติไหนๆก็มีของเขาเอง จะเรียกยา เรียกเภสัช ไม่ใช่ยาดูดนะ ยาดูดนั่นก็อีกอย่าง ยาเสพติดก็อีกอย่าง
สรุปแล้วปัจจัย 4 เสื้อผ้าหน้าแพร อาหาร กับยา ยานั้นไม่มีเรื่องก็ไม่ต้องไปใช้มัน แต่มันก็เป็นของสำคัญในชีวิต อาศัยก็อาหารเป็นหลักเป็นเครื่องอาศัยอาหาร กินที่เข้าไปเลี้ยงขันธ์ด้วยธาตุต่างๆ นอกนั้นก็แยกเป็นอุปโภคกับบริโภค อุปโภคคือเครื่องอาศัยที่อยู่กับเสื้อผ้า บริโภคก็คืออาหารกับยาที่กินเข้าไปภายในร่างกาย อุปโภคอยู่ข้างนอก บริโภคก็เอาเข้าข้างใน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:26:48 )
รายละเอียด
ส่วนคนที่ยังหลงอยู่อย่างอเมริกาหรือรัสเซียบ้างก็ตาม แม้แต่จีนตอนนี้เปลี่ยนแปลงมาบ้าง ไม่ไปสำคัญมั่นหมายในเรื่องนั้น แต่ก็สำคัญมั่นหมายในเรื่องสิ่งที่เป็นปัจจัย 4 ข้าว ผ้า ยา บ้าน เป็นต้น ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้หมดแล้ว ข้าว ผ้า ยา บ้านเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตที่สำคัญกว่าปืนผาหน้าไม้ หรือแม้แต่พลังงานรุนแรงอะไรต่างๆ อย่างนี้เป็นต้น คนที่เข้าใจแล้วอย่างจีน พลเมืองมากในโลกขณะนี้ เข้าใจอันนี้ โลกทุกวันนี้ก็เลยดีขึ้น
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 19:57:21 )
รายละเอียด
เขาเอาตัวนี้มาเป็นหลักเลย เน้น ขอแวะนิดนึง คนในสังคม มีจำนวนพัน จำนวนหมื่น จำนวนแสน จำนวนล้าน โดยเฉพาะล้านคนขึ้นไปหลายล้าน จะไม่ให้มีคนทุจริตได้ไหม ยากมาก ยาก เพราะฉะนั้นกฎหมายต้องเข้มในเรื่องทุจริตมาก ไม่เช่นนั้นประเทศที่ไม่ใช้กฎหมายเข้มข้นในการเอาผิดผู้ทุจริต คนในประเทศนั้นก็ต้องเป็นคนดีเป็นคนเจริญ เป็นคนมีกิเลสน้อย จนกระทั่งถึงขั้นไม่ทำทุจริต นั่นแหละมันถึงจะเป็นไปได้ ใช่ไหม
เหมือนอย่างพวกเรานี่ เดี๋ยวค่อยๆอธิบายแล้วจะค่อยๆเข้าใจว่า จิตเป็นประธานสิ่งทั้งปวงได้ เพราะมีกิเลสน้อยจนกระทั่งถึงไม่มีกิเลส
เพราะฉะนั้นคำว่าคนไม่มีกิเลสเป็นไปได้ และไม่ใช่เรื่องเกินเชื่อหรือเกินที่จะมีได้ เสียภาษี 100% ด้วยความยินดี แม้มันจะกิเลสไม่หมด พวกชาวอโศกกิเลสไม่หมดตั้งเยอะแยะก็ยังมาเป็นสมาชิกชาวอโศกเสียภาษี 100% เลย กิเลสยังไม่หมดยังไม่ใช่อรหันต์หรอกใช่ไหม เพราะฉะนั้นยิ่งคนเป็นอรหันต์ก็ยิ่งสบายแล้วก็เป็นแกนหลักให้แก่สังคมด้วย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:32:53 )
รายละเอียด
ปัจจัย 2 อย่างที่ทำให้สัมมาทิฎฐิเกิดขึ้น
1.ปรโตโฆสะ (การได้ฟังสัจจะมุมอื่นจากผู้รู้อื่นๆ หรือจากบัณฑิตอื่น จะไม่ติดยึดแต่ภูมิรู้เดิมๆ ของตน)
2.โยนิโสมนสิการ (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำใจให้ละเหตุแห่งการเกิดกิเลสที่ใจ กระทำใจละให้เป็นให้ถ่องแท้ให้หยั่งลงไปถึงแดนเกิด คือ สมุทัยที่ใจ)
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:43 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:08 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:59:40 )
รายละเอียด
ปัจจัย 2 อย่างที่ทําให้สัมมาทิฏฐิเกิดขึ้น
1. ปรโตโฆสะ (การตั้งใจรับฟังผู้อื่น)
2. โยนิโสมนสิการ (การทําในใจโดยแยบคายพิจารณาลงไปถึงที่เกิด)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 12 “มหาเวทัลสูตร” ข้อ 497
เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 20:41:12 )
รายละเอียด
มันวิเศษนะ มันเป็นงานที่พระพุทธเจ้า ที่ได้พาทำ เป็นปุถุชนมันไม่รู้เรื่องหรอกมันไม่ทั่วไปกับสาธารณะปุถุชน ก็เชื่อมั่นเห็นจริงว่าทฤษฎีนี้ เป็นอาริยะ ถ้าอาริยสาวกของพระพุทธเจ้าสามารถที่จะทำได้ มีวิติกมกิเลสหายไป มีปริยุฏฐานที่ยังเห็นอยู่ นี่คือความเป็นพระโสดาบัน รู้จักสักกายะทิฐิ เท่านั้น พ้นวิจิกิจฉาไม่ได้สงสัยอะไร แล้วก็มีศีลพรต ที่จะปฏิบัติให้ลดละตรงนั้น จะเป็นหลักฐานของปฏิบัติ
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:34:21 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:10 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:58:25 )
รายละเอียด
ปัจจุบัน คือ ความจริงที่เป็นปัญญาปัจจุบันจะต้องมีการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:31:55 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:09 )
รายละเอียด
คือ จะต้องมีแสง อาโลก มีจักขุ ตา หู จมูก ลิ้น กายมี คนอื่นร่วมรับรู้ด้วยว่านี่มันเป็นสัจธรรมนี่มันเป็นธรรมะแท้ๆ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 15:58:37 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:41 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:58:51 )
รายละเอียด
เพราะกิเลสหนาแน่น กิเลสแรงจัด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:13:41 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:06 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:59:09 )
รายละเอียด
ทุกวันนี้สองพันห้าร้อยกว่าปี ยึดถือการนั่งหลับตาแบบเดียรถีย์หมด อาตมาไม่ได้ดูถูก แต่เห็นที่คุณทำมันผิด แต่อาตมาเห็นถูก ที่คุณทำผิดมา ก็เอาพระไตรปิฎกมายืนยันอธิบาย ที่คุณว่าไม่เสื่อม ที่จริงเสื่อม ตัวคนเสื่อมจากศาสนา แต่ว่าพระไตรปิฎกไม่เสื่อม พระอรรถกาทำให้คนเข้าใจผิดเพี้ยนไปมากเลย อาตมาเอามาอธิบายได้โดยไม่ต้องอาศัยอรรถกถาจารย์ อาศัยบ้างที่รับรู้ตรงกันก็เอามาใช้ไม่ตรงก็ตีทิ้ง อาตมาเอาตัวเองเป็นใหญ่ ใครจะหาว่าอาตมาหลงตนเองก็ไม่เป็นไร อาตมาว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ หาคนถูกกว่า ไม่มี พูดแล้วเหมือนอวดดียกตัวยกตน อาตมาต้องพูดต้องบรรยายเช่นนี้ อาตมาขยายเข้าหาเนื้อ จะใช้ภาษาที่แรงเหมือนหยาบก็ใช้บ้าง ขออภัยที่ต้องใช้เพื่อสื่อให้เข้าหาสาระแก่นแท้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ฌานวิสัยของอรหันต์และโพธิสัตว์ วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:07:05 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:22 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 13:59:43 )
รายละเอียด
อาตมายังไม่เก่งตรงที่ลืมง่าย นี่ก็ฟื้นความลืม เก่งขึ้นมาได้พอสมควรแล้ว ตอนก่อนๆนี้ อาตมาลืมแม้กระทั่ง นี่เราอาบน้ำหรือยัง วันนี้กินข้าวหรือยัง อย่างนี้จริงๆ เพราะว่าพระอรหันต์เก่งในการทำความเกิดความดับ ยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ สำนวนหนังกำลังภายใน อาตมาเคยพูด อดีตไม่เร็วหรอก แต่ปัจจุบันความจริงนั้นที่จุดเล็กนิดเดียว นั่นแหละคือความจริง แต่ทุกวันนี้อาตมาฟื้นไม่ใช่วาง จะเห็นได้ว่ามันมีมากขึ้น ได้ฟังสิ่งใหม่ๆเป็นอานิสงส์ในการฟังธรรม 5 ประการไหม มีใหม่เพิ่มขึ้น เสร็จแล้วสิ่งที่ไม่เคยได้ยินก็ได้ยินได้ฟังเพิ่ม ความเข้าใจก็เข้าใจยิ่งขึ้น ทิฏฐิก็ยิ่งสัมมาทิฏฐิมากยิ่งขึ้นๆๆ จิตก็เลื่อมใสยิ่งขึ้นๆ อานิสงส์ 5 ประการในการฟังธรรมของสัตบุรุษ เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:25:55 )
รายละเอียด
คือ ต้องมีธรรมะเป็นปัจจุบัน ต้องมี จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก มีแสงสว่างร่วมกันกับผู้อื่นเห็นยืนยันกันได้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป หากคุณคิดคนเดียวเห็นอยู่คนเดียว รู้อยู่คนเดียว ไม่มีใครรับรองว่าอันนี้เป็นความจริงกับคุณได้เลย มันเป็นสัญญายนิจจานิ เที่ยวอยู่กับสัญญาของตนเองเท่านั้น ไม่มีใครรับรองจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ จะตัดสินว่าจริงไม่ได้หรอก จะตัดสินว่าจริง ต้องมีคนรับรองอีกอย่างน้อย 1 คนเปิดโลกออกมา แต่ถ้าจริงแล้ว ไม่ต้องแค่หนึ่งคนหรอก คนอื่นเข้ามาร่วมกันได้ด้วย
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 14:29:38 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:23 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:00:28 )
รายละเอียด
อย่างอาตมานี้ พอมาเรียนพุทธศาสนาก็กลับไปช่วยคนที่เคยเข้าไสยศาสตร์เข้าทรงเหล่านี้ บางคนเคยเล่ามาแล้ว ไปหลงว่ามีสามีเป็น พระพรหม เขามีอายุ 16 ,17 ปี อาตมาก็อธิบายให้ฟังทำให้เขาหาย ไม่หลงเลอะเทอะที่จะไปสร้างอุปาทาน คนที่จะมีอุปาทานต่างๆนานาเป็นเทวดาผีสาง นางไม้ อะไรต่ออะไรที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนหรอกเป็นเรื่องที่เขามีมาเก่าเป็นพวกเดียรถีย์ ยึดติดแล้วก็เอามาเล่าแล้วก็ทำกันไป พระพุทธเจ้าก็ดึงกลับมาสอนให้รู้ความจริง จนกระทั่งสุดท้ายจริงๆแล้ว สิ่งที่เป็นความจริงที่สุดคือ ปัจจุบันธรรมที่ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก เย็นร้อนอ่อนแข็ง
นี้คือ ความจริงสิ่งเดียว นอกนั้นเป็นเรื่องของสัญญา อุปาทานเป็นเรื่องของสัญญาที่เป็นอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง นอกไปกว่าความจริง คุณเห็นอย่างกะหล่ำปลีนี้มันก็เป็นอย่างนี้ สีมันอย่างนี้ ใบมันอย่างนี้ รูปร่างอย่างนี้ กลิ่นมันอย่างนี้ มันก็อย่างนี้ทั้งนั้นอย่างเดียว และก็รู้ต่อว่ามันเป็นอาหารได้ เป็นสิ่งที่เลี้ยงชีพได้ ก็ใช้มันให้ตรงตามที่มันเป็นที่ควร มันดีกว่าทองคำนะ บางทีมีแต่ทองคำไม่ดี สิ่งเหล่านี้ตายกินไม่ได้ แต่มีสิ่งเหล่านี้แล้วไม่ต้องมีทองคำ อยู่รอดไหม ก็อยู่รอดอย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นจะรู้ความจริงลึกซึ้งขึ้นไปอีก หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤษดากร บอกไว้ว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง อะไรอย่างนี้ นี่ก็เป็นปฏิภาณปัญญารู้ความจริงขึ้นมา เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังสาธยายธรรมจากคำถามของคนจริง วันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:50:06 )
รายละเอียด
ตอนนี้ก็ขอเข้าปัจจุบันธรรม บ้านราช น้ำท่วมประมาณ 2-3 เดือน หมด ไอ้ที่ปลูกเอาไว้ ต้นหมากรากไม้ นี่บิ๊กคลีนนิ่งมาช่วยกัน
แล้วเราก็ไม่ได้คิด จะปลูกไว้กินอยู่เท่านั้น เราจะปลูกไว้ข้างถนนให้ไปถึงหมู่บ้านข้างเคียง เผื่อแผ่ให้แก่ประชาชนทั่วไป ให้เขาเก็บกินได้ เราทำมาแล้วนะ ให้เขาเก็บกินได้เราทำมาแล้วก่อนน้ำท่วม
เราทำอย่างนี้ ไม่ใช่ทำเล่น ไม่ใช่ทำเอาโก้ ไม่ใช่ทำอวดอ้าง แต่ทำด้วยน้ำใสใจจริง เราอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็เกื้อกูลกันแบ่งแจกกัน สำคัญที่สุดคืออาหารเป็นหนึ่งในโลก อาหารคือคำข้าว คือกวฬิงการาหาร นี่แหละเป็นยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สัตว์เดรัจฉานจนกระทั่งถึงพระเจ้าแผ่นดินจึงพระพุทธเจ้าก็ต้องกินอาหาร กวฬิงการาหาร ทั้งนั้น ต่อให้เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องฉันอาหารทั้งนั้น อาหารจึงเป็นหนึ่งในโลกจริงๆ
สรุปคนเหล่านี้ทำงานฟรี เข้าหลัก เศรษฐศาสตร์นิดหน่อย ทำงานฟรี และก็มีเหลือเข้ากองกลาง เสียภาษี 100% ไม่ได้หักเลย ทำแล้วให้กองกลางหมดเลย กองกลางก็เอาไปบริหาร กองกลางเอาไปบริหารก็เพื่อสังคม ไม่ใช่เพื่อหากำรี้กำไร ไม่เลย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:47:09 )
รายละเอียด
(พ่อครูยกหอมหัวใหญ่มาชื่นชม)...คนก็อาจเพ่งโทษ
คุณจงสำคัญให้แม่นมั่นว่าปัจจุบันธรรมนั้นมีความต่างจากอดีต
ปัจจุบันนั้นมี จิ๊ดนึง จากนั้นก็เป็นอดีตแล้ว ปัจจุบันมันละเอียด อาตมาสื่อให้เห็น
อาตมาไม่ใช่ตัวดื้อด้านดึงดัน จนกระทั่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย จะพัฒนาขึ้นเปลี่ยนแปลงในทางสัมมาทิฏฐิมีปรโตโฆษะ อาตมาไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่อาตมาต่างหากเป็นคนที่จะเตือนย้ำซ้ำซากสำหรับคนที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่อย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:15:36 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:17:50 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:38 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:15:56 )
รายละเอียด
การปฏิบัติปัจจุบันต้องลืมตา แล้วสัมผัส มีจักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก แสงสว่างจึงจะเกิดปัญญาแท้
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:50:35 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:34 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:00:05 )
รายละเอียด
ถ้าคนเดี๋ยวนี้ถูกครอบงำให้เป็นลิงลมข้าวพองออกป่าออกปฏิบัติในป่า ศาสนาพุทธอายุยืนมาถึง 2500 กว่าปี ตอนนี้ก็เลยหลงผิดไปยังเก่าเหมือนตอนที่พระพุทธเจ้ายังไม่ได้ประกาศศาสนาอีก อาตมาต้องมาเกิดมารับผิดชอบ ที่จะต่ออายุศาสนาไปให้ถึง5000 ปี อาตมาสืบทอดจิตวิญญาณเป็นพระโพธิสัตว์ ต่อภูมิธรรมไปเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต ก็รู้ความจริงลึกๆมาตั้งแต่พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็มีความเป็นโพธิสัตว์
1.โสดาบันโพธิสัตว์
2.สกิทาคามีโพธิสัตว์
3.อนาคามีโพธิสัตว์
4.อรหันต์โพธิสัตว์
5. อนุโพธิสัตว์
6.อนิยตโพธิสัตว์
7.นิยตโพธิสัตว์
8.มหาโพธิสัตว์
9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
รายการพระพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:42:24 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:17 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:00:36 )
รายละเอียด
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมะของพระเจ้า เพราะธรรมะของพระเจ้านั้นอยู่ในกรอบ ศาสดาองค์ใดมีความรู้ของตัวเอง ก็อยู่ในกรอบของตัวเอง พระเจ้าของตัวเองมีความรู้เท่านั้นก็เท่านั้น แล้วยึดถือความรู้เท่านั้นไม่ยอมให้อันอื่นมาเจือปน ไม่ขึ้นกับกาละเทศะฐานะ เที่ยงๆ ซึ่งความจริงมันไม่เที่ยง โลกมันเคลื่อนไปตลอดทุกเวลา มันเที่ยงที่ไหนเล่า แค่กาละเวลาก็ไม่เที่ยง ยังเคลื่อน ไม่อยู่อย่างเก่า อะไรอย่างอื่นที่จะมาผสมกัน ความร้อนความเย็น แม้แต่วัตถุแท่งก้อนอีก มันไม่มีเท่ากัน ไม่มีคงเดิมมันไม่เที่ยง มันมีขยายขึ้นกับเสื่อมลง จงอยู่กับปัจจุบันเป็นปัจจุบันที่สั้นนิดเดียว เพราะฉะนั้น ทุกอย่างมันไม่มีอะไรจริงเท่ากับปัจจุบันและปัจจุบันนี้จริงเที่ยงเล็กนิดเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:29:39 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นความเป็นเวทนานี้จึงเป็นแกนหลัก เป็นกรรมฐาน เรียนรู้กรรมฐาน กรรมฐานที่จะต้องเรียนก็คือ เวทนาในเวทนา แยกเป็น 108 แยกเป็นมโนปวิจาร 18 แล้วก็ทำให้ มโนปวิจาร เป็นความฉลาดปัญญา รู้จักเหตุปัจจัยที่มันเป็นกิเลสปรุงแต่งแล้วเอามันออกเอามันออกจนหมดได้ จนสะอาดสะอ้านเลย มโนปวิจาร ทำได้ทุกเหตุปัจจัยที่เป็นความจริงเมื่อกระทบสัมผัส เป็นปัจจุบันชาติ กิเลสเกิดตัวจริง
ถ้ามีตากระทบรูป ก็เป็นของจริงเป็นความจริง ถ้าไปนั่งหลับตาไม่มีความจริง มีแต่อดีตกับอนาคตไม่มีปัจจุบัน ปัจจุบันเท่านั้นเป็นความจริง เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะดับกิเลสก็ต้องดับกิเลสที่มันเกิดสัมผัสแล้วมันเกิดกิเลสจริงๆ ไปหลับตาแล้วมันเป็นแต่อดีตกับอนาคต แล้วก็นึกว่าเป็นกิเลส มันมีแต่ความจำ มันไม่มีความจริง มีแต่ความจำในอดีต
เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่พฤติกรรมที่เรียกว่าวิจาระของมโน ที่เป็นปัจจุบันเป็นความจริง มันไม่มีพฤติกรรมของอาการของกิเลสจริง มันต้องมีผัสสะ มันต้องมีปัจจุบันชาติ จึงจะเกิดพฤติกรรมของจิต ของวิจาระ เกิดจริงๆแล้วก็จับตัวจริงนี้มาเรียนรู้แยกวิเคราะห์ ธัมมวิจัย เห็นตัวกิเลสได้ มีความรู้เจโตปริยญาณ 16 ว่าอย่างนี้เรียกว่าราคะ อย่างนี้เรียกว่าโมหะ ทำยังไงมันจะลดราคะ ลดโทสะ ลดโมหะเรียกว่า วีตราคะ วีตโทสะ วีตโมหะ ทำยังไง อ๊อ ทำอย่างนี้ทำอย่างนี้ทางนี้ลดลงได้อย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:16:05 )
รายละเอียด
ปัจจุบันเป็นความจริงที่ทรงอิทธิพลสูงสุด คือ อดีตไม่ใช่ความจริงเท่าปัจจุบัน อนาคตก็ยังไม่ใช่ความจริงเท่าปัจจุบัน ถ้ายิ่งปัจจุบันต่อเนื่องคือ จุดๆๆๆ ปัจจุบันยังไม่ทิ้ง แต่เวลาปัจจุบันมันยิ่งเร็วกว่าจุด เพราะมันเร็ววินาทีหนึ่งสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที เป็นความเร็วของแสงแต่ความเร็วของจิตนั้นยิ่งกว่าแสง ปัจจุบันจึงเป็นความจริงที่สุด คนไปนั่งหลับตามีแต่อดีตกับอนาคตเท่านั้น ปัจจุบันจะต้องมี จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก ต้องมีแสงสว่างมีการดำเนินไปของโลก หากไม่มีการกระทบสัมผัสไม่สามารถรู้อะไร อยู่ในภพแข็งทื่อ ไม่เอาประสาทมารับรู้มันก็ไม่มีอะไรเหมือนคนตายเหมือนท่อนไม้ส่วนคุณแข็งทื่อ ข้างนอกไม่รับรู้ แต่ปรุงภายในก็เป็นนิรมานกายเป็นอดีตของคุณ ของๆคุณ คนที่ 2 คนอื่นๆ ไม่ได้ร่วมรับรู้กับคุณ แต่ถ้าสัมผัสร่วมกันร้อยคนพันคน ก็รู้ร่วมกันได้บอกกันร่วมกันได้ นี่คือความจริง ทุกคนสัมผัสด้วยกันจะเป็นภาษาคนละภาษาก็แล้วแต่ แต่เป็นสิ่งนี้สภาพจริงเหมือนกันหมด สัมผัสด้วยตา หู จมูก ด้วยลิ้นด้วยกาย แต่จะเอาแต่ภายใน มันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ของปัจจุบันนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีภายนอก เลยโมฆะจากการปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้า เพราะไม่มีรูปนาม ไม่มีภายนอก ภายในพร้อมกัน มีแต่ภายในจะถือว่าเป็นความจริงไม่ได้ไม่มีปัจจุบัน ไม่มีสัมผัสนอก ไม่มีภายใน คุณก็พูดกับใครไม่รู้เรื่อง จะไปสมมุติเป็นอนาคตจะปรุงแต่งเป็นอะไรอีกก็ได้ วิมานต่างๆนานาก็ได้ สมมุติของคุณเองยิ่งกว่าฝันก็ได้สารพัด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:41:40 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:13 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:02:45 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธถึงละเอียดตรงที่ อดีตก็ไม่เอา ถือว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ยิ่งอนาคตเป็นของเพ้อเจ้อ ของเพ้อฝันเลอะเทอะ อดีต ท่านก็บอกว่า มันเกิดจากเหตุ อาศัยขันธ์เก่าระลึก 18 อย่าง อาศัยขันธ์ใหม่ ระลึกอนาคตอีก 44 อาตมาก็ยังไม่แจกแจงทิฏฐิ 62 เอาไว้ก่อน
ลักษณะการหลับตาก็มีแต่อดีตกับอนาคต สิ่งที่เป็นจริงๆๆ มีในปัจจุบันเท่านั้น คำว่าปัจจุบันก็ยากมาก ที่อาตมาพยายามขยายความว่า ปัจจุบันเป็นตัวสัจจะที่แท้จริง ไม่มีปัจจุบันไม่ถือว่าสัจจะ ไม่มีแสงสว่าง ตาไม่ลืม หูไม่เปิดรับ จมูก ลิ้น กายสัมผัสไม่เปิดรับความรู้สึก ไม่ถือว่าเป็นสัจจะ สัจจะต้องครบภายนอกภายในทำงานร่วมกันอยู่ มีการสัมผัสสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นอธิบายไปละเอียดแล้วถึงตัดเรื่องหลับตาทิ้งได้เลยว่า เสียเวลา คุณทำทวนไปทวนมาเสียเวลาเปล่าๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:41:17 )
รายละเอียด
ถึงเข้าใจได้บ้างแล้วแต่มันได้ตกมาอยู่ในหมู่นั้นแล้ว เขาจะมาอยู่หมู่นี้แต่อินทรีย์พละเขาก็ไม่เพียงพอ เขาก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุไป คนที่สนใจตามศึกษาอยู่ก็มี คนที่เขาไม่ค่อยศึกษา เขารู้ว่าดีแต่ยังไม่ศึกษาก็มี คนที่ตีทิ้งเลยก็ไม่ต้องว่ากันก็ต้องมีและจะมากด้วย ได้เข้าใจผิดแล้วหลงทางไปทางหลับตา ทางเถรสมาคม ไปเป็นเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์ทางพุทธศาสนาจบมาจาก Harward อะไรพวกนี้ ทั้งๆที่เป็นเทวนิยม ประสาทปริญญา ดร.ทางพุทธศาสนามา แล้วมันจะรู้อะไรเพราะเป็นเทวนิยม จะรู้จักพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อ่านแต่หนังสือก็เข้าใจได้แล้วมันไม่ใช่นะ แค่จะเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิไม่ง่าย กายคำเดียว สักกายทิฏฐิ สังโยชน์เบื้องต้นขอให้มันชัดเจนก่อนเถอะ ไม่ใช่ง่ายนะ กายคำเดียวนี้ ที่ อาตมาพยายามขยายความพูด อธิบายแจกแจง พวกคุณก็ยิ่งเข้าใจดี รอบถ้วนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่คนบางคนอาจจะบอกว่าอะไรกันนักกันหนาวะ เขาก็จะว่าแต่อย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 14:59:23 )
รายละเอียด
สัมผัสอันเกี่ยวเนื่องกับปัจจุบัน
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 50
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:35:32 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:16:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:16:40 )
รายละเอียด
การพิจารณาตรวจสอบทบทวนความเป็นฌานให้บริสุทธิ์สัมบูรณ์
หนังสืออ้างอิง
จากกำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉ.265
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:22:34 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:20:19 )
รายละเอียด
คำตรัสสั่งและสอนประโยคสุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเป็นคัมภีร์ที่สั้นที่สุด เป็นความละเอียดที่สั้นที่สุด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 387
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:41:57 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:22:27 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:01:00 )
รายละเอียด
1. เฉพาะตัวผู้เดียว
2. ความสว่างเป็นสุดแท้ เป็นเรื่องจริง เรื่องเดียว ไม่ผิดกับที่พระพุทธองค์หมายเลย เป็น “ส + อัจจ” จริง
3. เป็นของตนเอง , เป็นของเฉพาะตน , เฉพาะตน
4. ผู้มีธรรมที่เป็นพุทธเริ่มขั้นอาริยธรรมเกิดขึ้นเป็นสมบัติของตนแล้ว
5. ผู้เริ่มมีโลกุตรธรรมเป็นของตนไปตามลำดับ แต่ยังต้องพึงอาริยะองค์อื่นในภูมิที่สูงกว่าจากผู้เป็นพี่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 25
ทางเอก ภาค 3 หน้า 501
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 141,142
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 47
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:37:47 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:23:30 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:17:41 )
รายละเอียด
ปัจเจก คือเป็นอัญญาก็สะสมความรู้ที่เป็นโลกุตระจนกระทั่งมีจำนวนหนึ่งก็เรียกว่า “ปัจเจก” จากปัจเจกมากขึ้นเกิน 50% เป็นต้นไปก็เป็นสยังอภิญญา
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:42:28 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:04 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:01:30 )
รายละเอียด
ผู้มีความจริงขั้นปรมัตถ์เป็นของตนแล้ว
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 141
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:38:34 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:57:21 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:01:51 )
รายละเอียด
ผู้มีโลกุตรภูมิสมบูรณ์แล้วในตนเอง
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 72
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:39:35 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 11:58:11 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:02:20 )
รายละเอียด
คือ เป็นภูมิที่ไม่ได้อยู่ในฐานะของสาวกภูมิ ที่จะต้องมีครูอาจารย์ เป็นปัจเจกรู้ ที่รู้ได้ด้วยตนเอง
หนังสืออ้างอิง
"สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 433
เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:40:09 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:18:12 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:02:49 )
รายละเอียด
ตนมีความรู้นั้น, มีความรู้ชนิดนั้นในตนขึ้นมา
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 90
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:40:26 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 12:01:32 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:18:29 )
รายละเอียด
และกว่าจะสั่งสมบารมีผ่านความเป็น“ปัจเจกภูมิขั้นต้น”นี้ขึ้นไปเป็น“สยัง อภิญญา” ก็คือ ผู้ที่มีภูมิ“โสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์”ของตนแล้ว และได้ศึกษาความเป็น“อาริยคุณ”ของผู้อื่นจนสามารถช่วยผู้อื่นให้เป็น“โสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์”ตามที่ตนเป็นได้ด้วย จึงจะเริ่มเป็น“โพธิสัตว์ ระดับ 5”คือ “อนุโพธิสัตว์”ซึ่งเป็นผู้มีภูมิ“โพธิสัตว์”ตามพระโพธิสัตว์ทั้งหลายองค์ก่อนๆที่เคยมีมา จนกระทั่งมีภูมิ“อนุโพธิสัตว์”มากถึงขั้นแล้วจึงจะเข้าสู่ความเป็น“อนิยตโพธิสัตว์”ซึ่งเป็น“โพธิสัตว์ ระดับ 6”
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 411-412 ข้อ 558
เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2565 ( 14:25:54 )
รายละเอียด
สรุปแล้ววาระนี้เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มี สัตบุรุษ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ เป็นสยังอภิญญาที่สูงกว่าปัจเจก ปัจเจก มีปัจจัตตัง ปัจเจก และเป็นสยังอภิญญาแล้วเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ ปัจเจกของตนเช่นอรหัตตผลของตนแล้วจะเดินขึ้นไปอีก ก็เป็นอนุโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่เชื่อมต่อ ถ้าเป็นอรหันต์แล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็จบ แต่ถ้าไม่จบ ยังจะเกิดมาบำเพ็ญต่อก็เป็นอนุโพธิสัตว์ เจริญถึงอนุโพธิสัตว์เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นอนิยตนโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์เที่ยงแท้ต่อการเป็นพระพุทธเจ้า 8.มหาโพธิสัตว์ เป็นโพธิสัตว์ใหญ่เที่ยงแท้ต่อสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งมีสัมมาสัมโพธิญาณได้ ก็เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เพราะไม่ประกาศศาสนาในโลกยุคใดยุคหนึ่ง มีเฉพาะตน ไม่ใช่สอนผู้อื่นไม่ได้ แต่เขาไปแปลผิดเลยเพื่อบรรลุเฉพาะตนสอนคนอื่นไม่ได้เป็นการแปลผิดแบบมิจฉาทิฏฐิ 9.สัมมาสัมพุทธโธ(พระพุทธเจ้า)
ที่มา ที่ไป
เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:13:34 )
รายละเอียด
ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ คือ เป็นโพธิสัตว์ระดับ9 ที่มีสัพพัญญูเท่ากับพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ชื่อว่าสัมมาสัมพุทธองค์ใดองค์หนึ่งในโลก เพราะไม่ประกาศศาสนาขึ้นในโลกเท่านั้น แล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปไม่ประกาศ ก็ไม่มีในทำเนียบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปไหนก็แล้วแต่ หายสาบสูญไปเลย แต่ผู้มีภูมิเท่ากันจะมาเกิดพร้อมกันเป็นไปไม่ได้เพราะท่านก็รู้กันแล้ว จะเกิดมาซ้อนกันทำไม ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะท่านเกิดมาหลายครั้งได้ เพราะอาภัพเรื่องบารมี เรื่องคน ประกาศศาสนาไม่ได้เพราะไม่พร้อม ท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยดีกว่า เพราะผู้ที่จะประกาศศาสนาต้องมีบารมีที่มีพระอัครสาวกครบพร้อม ก็เป็นของตัวเองบำเพ็ญบารมีมาร่วมกัน พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องมีมวลจำนวนนั้น ไม่ได้มาเกิดพร้อมกันในยุคนี้ท่านก็ประกาศไม่ได้
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:43:27 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:00 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:04:12 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:20:44 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:13 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:03:32 )
รายละเอียด
ถ้าเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีสิทธิ์ปฏิบัติตนเป็นต้นเค้า จนมีสัมมาสัมโพธิญาณเท่ากับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่ท่านไม่แสดงตัว ว่าท่านเป็นผู้มีสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปส่วนตนจึงไม่มีพระพุทธเจ้าขึ้นมา ถ้าหากประกาศก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นมา
แต่พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นโลกก็เลยไม่รู้จักว่ามีองค์นี้มีภูมิธรรมสูงสุดในความเป็นคน แล้วท่านก็มาช่วยโลก ท่านจะไม่ประกาศซ้อนกับพระพุทธเจ้าองค์อื่น ถ้าจะประกาศท่านเป็นเจ้าของศาสนาแห่งหนึ่งในโลกที่จะพึงเป็น ไม่ใช่ไปแย่งกับพระพุทธเจ้าองค์ไหน
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ อจินไตย คิดเอาเดาเอาไม่ได้หรอก เป็นความละเอียดลออลึกซึ้งที่มีนัยยะศึกษาต่างกันไปอย่างละเอียดประณีตจริง นิปุนา ยิ่ง ละเอียดลึกซึ้งซับซ้อน เดาเอาไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 20:58:37 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:01:45 )
รายละเอียด
ความเก่งเด่นพิเศษในอภิญญา 5 อย่าง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 325
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:43:00 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 12:02:46 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:19:02 )
รายละเอียด
การรักษาศีล 5 เป็นหลักเกณฑ์อันดีงาม เป็นกฎอันประพฤติปฏิบัติให้แก่ชีวิต อย่างน้อย 5 ข้อ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 124
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:44:03 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 07:51:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:03:51 )
รายละเอียด
บัญญัติ
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 169
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:45:11 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:27 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:04:08 )
รายละเอียด
ครรลองแห่งบัญญัติ
หนังสืออ้างอิง
จากถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 169
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:46:32 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:26 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:04:34 )
รายละเอียด
คือ ความรู้ ความฉลาด ที่เกิดจากอัญญธาตุ มีเฉพาะของ “พุทธ” เท่านั้น
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 176
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:05:10 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:06:19 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:20:11 )
รายละเอียด
คือ คนมีความฉลาดแบบโลกุตระ คือ ความฉลาดไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม และฉลาดที่ยอมเสียเปรียบ ฉลาดที่เต็มใจเสียสละ เพราะมีปัญญาแท้
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 68
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 15:48:43 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:16:53 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:05:24 )
รายละเอียด
คือ ปัญญาจะเกิดได้ต้องมีองค์ 6 ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ จะมีได้ต้องมี ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:43:47 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:35 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:06:01 )
รายละเอียด
ความรู้ที่เข้าข่ายโลกุตระที่จะมีองค์รวมเกือบทั้งหมด ส่วนสัญญา ก็ใช้กำหนดรู้ อยู่ภายในภายนอกก็ได้ คุณนั่งหลับตาปฏิบัติจะใช้แต่สัญญาระลึกได้แต่อดีต ระลึกได้ถึงอนาคตก็ตาม เกิดความนึกคิด ย้อนขันธ์เก่าหรือสร้างขันธ์ใหม่อนาคต พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ อนาคตเราจะสร้างใหม่อย่างไรก็ประมวลได้ 44 ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็อาศัยได้อดีต 18 อนาคต 44
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:44:21 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:29:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:06:29 )
รายละเอียด
คือ การรู้ดี รู้ชั่ว รู้กุศล รู้อกุศล ก็เกิดจากการปฏิบัติศีล
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า107
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:17:15 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:17:33 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:08:00 )
รายละเอียด
คือ คนมีฌาน เป็น ฌาน 1,2,3,4 ใช้ไม่ได้ แต่คนที่ทำได้ ฌาน 1-4 ใช้ฌานไหนก็ได้ โดยรู้อันนี้ปรุงแต่งแค่ไหนก็ทำได้ คุณทำใจในใจของคุณได้ทั้งหมดมันก็อยู่ที่ความสามารถของคุณที่จะมีสมรรถนะ มีความสามารถ หรือมี เจโตวสิปัตโต ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจตามที่เราต้องการได้ในจรณะ15 ขาดปัญญา ขาดญาณ ขาดวิชชาไม่ได้ ต้องมีปัญญาตั้งแต่วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อิทธิวิธญาณ โสตทิพย์ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:28:34 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:07:12 )
รายละเอียด
คือ จาก จรณะ15 มีปัญญาอีก 8 เรียกว่า วิชชา 8 ก็คือปัญญา ปัญญาที่สูงกว่า ปัญญาเรียกว่า วิชชา ในจรณะ 15 มียาดำของปัญญา
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:23:17 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:10 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:07:31 )
รายละเอียด
ปัญญา คือ พลังงานที่ไปสลายกิเลสไปฆ่ากิเลส เราจะรู้ว่าปัญญามันมีประสิทธิภาพขนาดนี้มีฤทธิ์เดช สลายกิเลสเราจะเห็นว่า ปัญญา หรือ บุญนี้ หรือฌาน แล้วมันถึงจะทำลายพลังงานของกิเลสนี้ได้ ทำลายด้วยพลังงานปัญญา ความจริงรู้ว่า เอ็ง (กิเลส) อย่ามาเสนอหน้า พลังงานจิตเรารู้ทันทีมีประสิทธิภาพให้พวกนี้ไม่เสนอหน้า แม้มันจะมีอยู่เต็มโลก มันอยู่กับเรา แต่มันไม่กล้ามาตอแย มาใกล้รัศมีเลย
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:42:13 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:49 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:08:01 )
รายละเอียด
ปัญญา คือ ปัญญาไม่ได้เกิดจากการหลับตา พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เกิดปัญญาในขณะหลับตา สมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ใช่สมาธิหลับ แต่เป็นสมาธิลืมตา เกิดปัญญา ถ้าเป็นสมาธิหลับตาไม่มีปัญญามีแต่สัญญาอย่างเดียว ไม่มีปัญญาเกิดในโลกที่หลับตา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:52:40 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:01 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:20:49 )
รายละเอียด
ปัญญา คือ เป็นตัวฉลาด ฉลาดที่เป็นโลกุตระ ฉลาดที่จะทำออก ฉลาดที่จะดับกิเลสได้ ปัญญาฉลาดเอากิเลสออก ปัญญา คือ ต้นทุนเก่า ปัญญาไม่มีการสะสม ปัญญาต้องมารู้ใหม่จากลัทธิหรือศาสนาโลกุตระจึงจะมีความฉลาดที่เรียกว่าปัญญาอันเกิดมาตั้งแต่ อัญญธาตุ หากไม่เกิดอัญญธาตุ เป็นความรู้ใหม่ที่ทวนกระแสโลกีย์ เป็นปฏิภาณไหวพริบอย่างที่มี มุทุธาตุ อัญญธาตุ ไม่สับสน อย่างอธิบายไว้ว่า อัญญาสิวตโภ โกณฑัญโญ หากไม่มีปรโตโฆษะคนนั้นก็ปิดประตูที่จะเจริญ จนกว่าเขาจะมารู้ว่าอันนี้ไม่ใช่อันที่เรารู้ ก็คือ ของคนอื่นที่ต่างจากที่เราเคยเรียนรู้ เชื่อถือ แม้แต่อาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์เก่า หรือไม่ใช่อาจารย์แต่ก็ทำไม่เหมือน ก็ต้องมาเรียนมาศึกษาอันใหม่บ้าง แล้วจะได้อะไรใหม่ แต่ก็ไม่ควรจะจมอยู่กับบ้านเก่าของคุณนี้อีกนานนับชาติ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:48:44 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:37 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:09:09 )
รายละเอียด
1. ความฉลาด และเป็นฉลาดที่เจริญแท้ ๆ ความเจริญแท้ ๆ ของ-มนุษย์
2. รู้จริง
3. การจะรู้ จะเห็นของตนเอง จะแน่ใจของตัวเอง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 617, 618
สมาธิพุทธ หน้า 238
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:48:36 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:18 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:09:09 )
รายละเอียด
พอท่านเทศน์ ผู้ฟังก็เกิดจิตมีปฏิภาณปัญญาเกิดขึ้นมา เป็นปัญญาหรือเป็นธาตุรู้อันใหม่ จากที่แต่เดิมเป็นคนโลกียะ พอได้ฟังเทศน์อันนี้ของพระพุทธเจ้า หรือได้ฟังใครก็ตามที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแต่เป็นสัตบุรุษ ผู้อยู่ในฐานะของครู ที่ได้พูดบรรยายสาธยายธรรมะที่เป็นสัมมาทิฏฐิอันนั้น ผู้ฟังเกิดธาตุเข้าใจรู้ขึ้นมา เป็นความรู้ที่มันทวนกระแสมันไม่ใช่ความรู้โลกียะอย่างเดิม มันเป็นความรู้ที่ อย่างนี้เองหรือโลกุตระ อย่างนี้เองหรือความที่มีจิตที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาวะอย่างนี้น่ะหรือ โลกุตรธรรมเกิดขึ้นในจิตของผู้นั้น อย่างนี้เรียกว่า เป็นการได้ปรมัตถธรรม จิต เจตสิก รูป นิพพานมันเกิดอาการขึ้นมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:09:16 )
รายละเอียด คือตัวรู้ ตัวแทรก เป็นกุศลกรรมของศีล เป็นคุณสมบัติของจิต
เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:47 )
รายละเอียด
มันต้องเติมความรู้ ต้องมีความรู้เข้ามาทั้งนอกและในมีความละเอียด ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายโดยเฉพาะใจอย่างลึกซึ้ง มันถึงจะเต็ม รู้พอขนาด รวมให้สร้างพลังงานฌาน พลังงานไฟ ที่จะเผากิเลสในแต่ละระดับได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:41:22 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:07 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:10:52 )
รายละเอียด
ต้องเกิดจากศีลเป็นตัวตั้ง แล้วจะเกิดปัญญา ต่อเมื่อปฏิบัติอธิจิต แล้วจะเกิดอธิวิมุติ ละกิเลสออก จิตใจจึงจะสะอาด ฉลาดรู้เป็นปัญญา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:02:56 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:39 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:09:52 )
รายละเอียด
คือเป็นภาษาของศาสนาพุทธ ปัญญาเป็นอัญญะเป็นความฉลาดที่เป็นโลกุตระ...มีจำนวนน้อยที่ยกมือ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:50:20 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:28 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:21:55 )
รายละเอียด
คือ คำว่าปัญญา จึงเป็นความฉลาดที่รู้อะไรที่เป็นความจริง การรู้ความจริงของขันธ์ 5 รู้ว่า นี่คือเวทนา รู้ว่านี่คือสัญญา ลักษณะอย่างนี้ อย่างนี้ อาการของความเป็นสัญญาเป็นอย่างนี้ เวทนาเป็นอย่างนี้ รูป คือสิ่งที่ถูกรู้ มหาภูตรูป อุปาทายรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่เป็นนามอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:03:56 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:15 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:10:42 )
รายละเอียด
คือเกิดได้จากผู้ที่มีต้นปัญญา คือ พระศาสดา ตัวเองไม่ได้นั่งหลับตา แล้วจะเกิดปัญญาขึ้นมา อย่ามาพูดให้ขัดแย้งคำสอนพระพุทธเจ้า คุณต้องฟังศาสดา คุณต้องฟังสัตบุรุษ คุณจะไปเกิดเองไม่ได้ อวดดี เพราะฉะนั้น คนที่บอกว่าปัญญา นี่เป็นข้อที่ 1 หากไปนั่งหลับตา สงบแล้วปัญญาจะโผล่ขึ้นมา ไปนั่งคิดนึกในใจอะไร ต่ออะไรต่างๆ อย่างนี้ ไม่เรียกว่าปัญญา นี่คือการอธิบายผิดคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พูดนี้ก็นึกถึง อาจารย์บูรพา ผดุงไทย ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่เขียนอยู่ใน คอลัมภ์ฉบับเล็ก อาตมาก็บอก อาจารย์บูรพา พยายามอธิบายอย่าให้ขัดแย้งกับพระพุทธเจ้าสิ ไม่อย่างนั้น ก็ต้องไปตั้งสำนักเอง เป็นศาสดาเอง อาตมานี้เพยายามยืนยันตามหลักของพระพุทธเจ้านะ คุณอ้างอิงได้อย่างอาตมามาไหม นี่พูดเพื่อที่จะให้ไม่ต้องเสียเวลา เสียแรงงานไปทำอย่างนั้น อาตมาเห็นใจ และเข้าใจอยู่ก็ไม่อยาก ให้เสียเวลาแรงงานอย่างนั้น ก็ทำให้มันถูกเสีย เมื่อทำไม่ถูกก็จะมาขัดแย้งกับของพระพุทธเจ้า มันเป็นบาปด้วย นี่ไม่ได้ตู่นะ แต่เป็นบาป โดยสัจจะท่านก็เป็นอาจารย์ อายุน้อยหรือมากกว่าอาตมาไม่รู้
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 13:35:52 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:46 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:24:12 )
รายละเอียด
คือจึงเป็นตัวที่เกิดผลมาจากการปฏิบัติจรณ15 ปัญญา จึงไม่ได้เกิดจากการนั่งหลับตา สะกดจิต ไม่ใช่เลย เห็นโทษภัย กายกลิ ตัวโทษภัย จับตัวนี้ประการ กำจัดได้ ก็เกิดความสงบ เกิดความบรรลุ เกิดความเจริญ จึงจะเป็นปัญญา รู้ อาการ ลิงค นิมิต สิ่งที่จัดการได้ด้วยปัญญา โดยที่ปัญญานั้นก็คือฌาน ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ปัญญาอยู่ที่ไหน ฌานอยู่ที่นั่น นัตถิ ฌานัง อะปัญญัส สะ นัตถิ ปัญญา อะฌายิโน นัตถิ ฌานัง อปัญญัสสะ ปัญญา นัตถิ อ ฌายโต ยัมหิ ฌานัญจะ หัญญา จ ส เว นิพพานสันติเก ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแลอยู่ในที่ใกล้นิพพาน (พตปฎ.เล่ม 25 ข้อ 35) ฌานเหมือนไฟโหมไหม้ทำลาย ราคะ โทสะ โมหะ แต่การไปแปลฌาน คือ เพ่งนิ่งนี้ผิด ยังดีที่มีพจนานุกรมบางเล่ม แปลฌานว่า เป็นไฟ กองใหญ่ บางเล่มแปลฌานว่า เป็นเพียงการเพ่งนิ่ง มันได้ผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว ฌานเป็นพลังงานร้อน พลังงานทำลาย พลังงานเผา ถึงจะเผาพลังงานเหมือนกันคือ พลังงานราคะ พลังงานโทสะ พลังงานโมหะ ให้หมดได้จริง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562
หนังสืออ้างอิง
พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 35
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 13:49:21 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:49 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:11:51 )
รายละเอียด
เป็นความรู้ หรือความเฉลียวฉลาดแบบโลกุตระ เฉพาะในศาสนาพุทธเท่านั้น
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 403
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:41:46 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:40 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:24:59 )
รายละเอียด
คือ เป็น“ธาตุรู้”ที่เป็น“อุตตริมนุสสธรรม(ธรรมะ ซึ่งเหนือความเป็นปุถุชนสามัญขึ้นไปเป็นพิเศษจริงๆ)” เพราะเป็น “อัญญธาตุ”(ธาตุ“อื่น”ที่ไม่ใช่แค่ธาตุสามัญของปุถุชน) แต่เป็น “ธาตุใหม่”ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ จึงมีเครื่องมือมาใช้งาน ที่เป็น“สมบัติ”ใหม่ เป็น“นวัตจิต”ที่มีใน“ศาสนา พุทธ”เฉพาะ ผู้อยากได้อยากมี“สมบัติ”นี้ก็ต้อง“ต่อเชื้อ”เอา จากเชื้อที่เป็น“เชื้อแท้ของความเป็นปัญญา”จริงจึงจะได้ เพราะไม่ใช่“ความรู้หรือความฉลาดเฉลียว”แบบเก่าที่เป็นแค่ DNA โลกีย์ หรือแบบปุถุชนคนสามัญทั่วไปจริงๆ
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 506-507
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:54:44 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:14 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 16:26:18 )
รายละเอียด
เป็นความเข้าใจและอยู่เหนือโลก
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:39:19 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:52 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:12:28 )
รายละเอียด
คือ ความรู้ขั้นโลกุตระ จึงเป็น ความรู้ขั้น“อาริยะ”ทั้งรู้ ทั้งตีแตก“เทฺว” ไม่เหมือน“ความรู้”ทั่วไปที่สากลโลกปุถุชนมีกัน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:06:38 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:14 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:13:07 )
รายละเอียด
เป็นธาตุรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่เข้าใจกันไม่ได้ง่ายๆแม้แต่ในชาวพุทธ ไม่ง่าย มันเป็นธาตุรู้ที่ยิ่งกว่าสัญญา
1. มันเป็นธาตุรู้ที่เกิดจาก อัญญา
2. มันเป็นธาตุรู้ที่รู้รอบ รู้ลึกซึ้งซับซ้อน รู้รอบถ้วน เป็นต้น มันรู้ทั้งรูปทั้งนาม หยาบ กลาง ละเอียด โดยเฉพาะมันรู้พร้อมทั้งภายนอกและภายใน สัญญาก็รู้ได้ภายใน ภายนอกจะไม่รู้ ภายนอกได้อย่างฉาบฉวย การกำหนดสัญญาเป็นเรื่องความเร็ว ปัญญาเป็นธาตุที่เร็วและรอบถ้วน ปัญญาเป็นธาตุรู้ที่รู้ได้ยากมาก กว่าปัญญาจะเกิดได้อย่างไร
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:35:40 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:49 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:13:48 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:37:19 )
รายละเอียด
จะรู้จะเห็นของตนเอง จะแน่ใจของตัวเอง จะเห็นความดีที่แท้ ความดีที่ไม่แท้ได้จริงขึ้น ๆ ชัดขึ้น ๆ มั่นแน่ขึ้น แม่นแน่วขึ้นเรื่อย ๆ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 239
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 20:51:47 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:20 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:14:24 )
รายละเอียด
การเกิดปัญญา (ความรู้) มี 3 อย่างคือ
1. จินตามยะปัญญา (ปัญญาสำเร็จด้วยความคิดทบทวน)
2. สุตมยปัญญา (ปัญญาสำเร็จด้วยการฟังบัณฑิต)
3. ภาวนามยปัญญา (ปัญญาสำเร็จด้วยการกระทำจนเกิดผล, ปัญญาสำเร็จด้วยการอบรมจิต จนเห็นแจ้งรู้จริง ในผลการปฏิบัติที่ละได้ของตน)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 11 "สังคีติสูตร" ข้อ 228, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 14:11:08 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:14:51 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:14:52 )
รายละเอียด
การเกิดปัญญา (ความรู้ มี 3 อย่างคือ
1. จินตามยปัญญา ปัญญาสําเร็จด้วยการคิด)
2. สุตมยปัญญา (ปัญญาสําเร็จด้วยการฟัง)
3. ภาวนามยปัญญา (ปัญญาสําเร็จ -
ด้วยการกระทําจนเกิดผล)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฏกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 228
เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 21:09:19 )
รายละเอียด
ปัญญา 3 สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา สุตมยปัญญา สุตะ ก็ฟังมา แล้วก็เอามาใคร่ครวญคิด แล้วก็ปฏิบัติให้เกิดผล เป็นภาวนามยปัญญา เกี่ยวข้องตอนไหนอย่างไร ก็เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ เป็นขั้นตอนตามลำดับ สุตมยปัญญา แล้วก็จินตามยปัญญา แล้วก็เกิดผล ภาวนามยปัญญา ตามลำดับ ภาวนาเป็นการเกิดผล แต่ทุกวันนี้เพี้ยนไปเป็นภาวนาก็คือพากันมานั่งปฏิบัติหลับตา ไปโน้นเลยสรุปง่ายๆ เอา มาภาวนา มาปฏิบัติ จริงๆ ภาวนาคือการเกิดผลแล้ว ฟังไปแล้วเข้าใจทีละระดับ ศีลข้อ 1 ปฏิบัติอย่างนี้ อปัณณกปฏิปทาปฏิบัติอย่างนี้ แล้วจะเกิดสัทธรรมอย่างนี้ แล้วจะเกิดฌาน เกิดวิมุติ นี้คือของพระพุทธเจ้า
แต่เขาไปหลงแบบเดียรถีย์ ภาวนาก็เลยไปนั่งหลับตาซะ ออกนอกทางไปไกลมากเลย
เกี่ยวข้องกับปัญญา 8 อย่างไร? ไม่เกี่ยวกับปัญญา 8 เลยถ้าไปจินตาแบบนั้น แต่ถ้ามาปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาก็จะเกิดปัญญา 8 ไปตามลำดับ ตั้งแต่ฟัง ปัญญาข้อที่ 1 ได้ฟังของพระพุทธเจ้า ปัญญาข้อที่ 2 ก็ถามแล้วถามอีก ถามแล้วถามอีก จึงจะพอรู้จักความสงบ 2 ประการในปัญญาข้อที่ 3 เมื่อเข้าใจปัญญาข้อที่ 3 รู้จักความสงบ 2 อย่างแล้ว คุณก็เริ่มมาปฏิบัติ การเริ่มปฏิบัติจริงๆก็เริ่มจากศีลเป็นปัญญาข้อที่ 4 นะ ปัญญาข้อที่ 5 ก็ปฏิบัติให้เจริญเป็นพหูสูต ข้อที่ 6 คุณก็เห็นผลว่ามันเจริญเป็นพหูสูต คุณก็ วิริยารัมภะ ข้อที่ 7 ก็เป็นผู้ที่บรรลุ เป็นผู้ที่อยู่ในสภา เป็นบัณฑิต ส่วนข้อที่ 8 ก็รู้หมดเลย รวมหมดทุกอย่าง รู้ความเกิดความดับอะไรต่างๆนานาสมบูรณ์แบบ เป็นปัญญาสมบูรณ์แบบในข้อที่ 8 นี้อาตมาก็พูดสรุปปัญญา 8 ให้ฟังสั้นๆ ตามที่อาตมามีสภาวะ ไม่ได้พูดตามพยัญชนะ ที่ท่านบรรยายไว้เท่าไรหรอก แต่อาตมามั่นใจว่าอาตมาไม่ได้พูดผิด
แล้วมาถามแถมว่า อสุภสติ อีกเรื่องครับ เอาน่ะ ค่อยๆมาเรียนใหม่คุณ มันเยอะเหลือเกิน ถามพยัญชนะมาอย่างนี้มันมั่ว รู้พยัญชนะเยอะหลากหลายเลย แต่ไม่รู้สภาวะสักอย่าง ซึ่งบางทีคุณก็ถามเกินภูมิของคุณไปเยอะ ในที่ถามมานี้ อาตมาอธิบายไป ยังไงมันก็ยังไม่ถึงขั้นที่คุณจะต้องรู้อะไร คุณยังไม่มีภูมิพอที่จะรู้ได้ อสุภสติ คือสติที่รู้จักสิ่งที่ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น อสุภะ เขาก็แปลว่างามบ้าง อสุภะคือความไม่งาม ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น แต่ไปแปลแค่ว่างาม แต่ถ้าใช้คำว่า ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น มันจะเข้าใจมากกว่า ลึกซึ้งกว่าเยอะ งามมันไปทางโลกีย์ งามหรือไม่งาม
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #29 พ่อครูฝืนสังขารเพื่อต้องการลูกๆได้ PI(โพธิรักษ์ Intelligence)วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 แรม 8 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 16:48:19 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name