@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อวิชชา 8 คือ ความไม่รู้ 8 ข้อ

รายละเอียด

1.      ไม่รู้ทุกข์ (ทุกฺเข อญญาณํ)

2.    ไม่รู้ทุกขสมุทัย (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ)

3.     ไม่รู้ทุกขนิโรธ (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)

4.     ไม่รู้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)

5.     ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง) ปุพพันเต อัญญาณัง

6.      ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง) อปรันเต อัญญาณัง

7.     ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง)

8.     ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่งการเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์ ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา)

(พระไตรปิฎก เล่ม 34 ข.691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ)

อดีตกับอนาคตเป็นศูนย์ได้แข็งแรง เป็นความสูง คือการรู้ทั้งส่วนอดีตและอนาคตว่าเที่ยงหมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 34 ข.691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:58:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:04 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:30:26 )

อวิชชา 8 สำหรับพระอรหันต์

รายละเอียด

สำหรับพระอรหันต์  ก็มีการทำกุศลเพิ่มตลอดเวลา ก็ไม่เที่ยงในส่วนนี้  อนาคตแม้จะไม่เที่ยง  แต่ฝีมือของพระอรหันต์ที่จบสำเร็จจริง  ก็มีกิเลส 0  ได้ตลอด  อดึต  อนาคต  ไม่เที่ยง  แต่มาถึงปัจจุบัน  พระอรหันต์  ผ่าน 0  หมด  อนาคตจะมารูปไหน เก่งยอดไม่เก่งยอดขนาดไหน อรหันต์ทำให้ 0  ให้หมด  อันที่ 7  ในอวิชชา 8 จึงเป็นความเที่ยง คือ 0  เพราะเข้าใจอันที่แปดอย่าง สำเร็จบริบูรณ์หมด  อวิชชา  หมดภพชาติ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่อุบัติ  นอกจากโพชฌงค์ 8  มรรคมีองค์ 8 ไม่เกิด  แล้ว ปฏิจจสมุปปบาทก็ไม่เกิดอีก  ปฏิจจสมุปปบาท จึงเป็นตัวหลักในอวิชชาทั้ง 8 นี้  ต้องรู้อย่างสมบูรณ์แบบเป็น กระบวนการ 108 อดีต 36 อนาคต 36 รวมเป็น 108 นี่คือ กระบวนการ 108  ที่ยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธอย่างสำคัญ  แล้วจะทำให้เกิดพลังงานจิตนิยามที่แข็งแรงปราดเปรียวสดใส  สุขภาพ ก็ดี  แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:17:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:50 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:31:28 )

อวิชชา 8 อกุศลเหตุของโมหะ

รายละเอียด

 คนไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท ก็ไม่รู้จักสภาวะของอวิชชาอีก 7 อย่าง 

1. ไม่รู้..ทุกข์  (ทุกฺเข อญฺญาณํ)

2. ไม่รู้..ทุกขสมุทัย  (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ) 

3. ไม่รู้..ทุกขนิโรธ (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)  

4. ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)   

5. ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง) ปุพพันเต อัญญาณัง 

6. ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง) อปรันเต อัญญาณัง 

7. ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง)

8. ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้น เป็นห่วงโซ่แห่งการเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์ ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา) 

(พตปฎ. เล่ม 34  ข้อ 691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ) 

อธิบายธรรมะมา 50 ปีก็รู้สึกพอใจในตัวเองพอสมควร คนไม่ชอบใจก็น่าเห็นใจเขา เพราะว่าเขามีอวิชชา พูดอย่างเห็นใจไม่ได้กดขี่ดูถูก พวกคุณเป็นคนที่มีภูมิปัญญาเข้ามาดูได้ พยายามทำไปแล้วคุณจะได้เป็นผู้ที่สืบทอดสืบต่อธรรมะพระพุทธเจ้าต่อไปให้ได้ต่อไปจนอายุศาสนาถึง 5000 ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:31:14 )

อวิชชา 8 อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอวิชชา 8 อวิชชาสวะ 8 เอ้าใครบ้างรู้ มีอะไรบ้าง อวิชชาสวะ 8 

1.   ไม่รู้..ทุกข์  (ทุกฺเข อญฺญาณํ)

2.   ไม่รู้..ทุกขสมุทัย  (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ) 

3.   ไม่รู้..ทุกขนิโรธ (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)  

4.   ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)   

5.   ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง) ปุพพันเต อัญญาณัง 

6.   ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง) อปรันเต อัญญาณัง 

7.   ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง)  

8.   ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์ ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา) 

(พตปฎ. ล.34  ข.691  ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ) 

 อาตมาสรุปภาษาสั้นๆ เป็น 3 ก 

1. เป็นกิจ ทำอาริยสัจให้จบกิจสำเร็จ 

2. อดีตอนาคตคือ ก. 2 คือ กาละเวลา 

3. เหลืออีก ก. คือกรรม ทำปฏิจจสมุปบาททำให้ชาติดับ เมื่อชาติดับแล้วอะไรดับต่อ ภพดับ ภพดับอุปาทานดับ อุปาทานดับ ตัณหาดับ เวทนาดับ ผัสสะดับ อายตนะดับ นามรูปดับ วิญญาณดับ สังขารดับ อวิชชาก็ดับ

ความดับพวกนี้ ยิ่งดับยิ่งเกิดวิชชา เพราะว่าพวกนี้ดับ ไอ้เจ้าพวกนี้โง่ทั้งนั้นอวิชชา เพราะอวิชชาโง่ จึงไม่รู้จักสังขาร เพราะมันโง่ไม่รู้จักสังขาร จึงไม่รู้จักวิญญาณ จึงไม่รู้จักนามรูป จึงไม่รู้จักอายตนะ จึงไม่รู้จักผัสสะ จึงไม่รู้จักเวทนา จึงไม่รู้จักตัณหา จึงไม่รู้จักอุปาทาน จึงไม่รู้จักภพชาติ จึงเต็มไปด้วยโศกะหรือโศก แล้ว อ้อยสร้อยสร้างปริเทวนาการ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 16:20:18 )

อวิชชา 9  (เพิ่มเติมจากอวิชชา 8 อวิชชาสูตร)

รายละเอียด

อวิชชาคือความหลงผิดไม่รู้กิเลส  เกิดมาจากผลสัมพันธ์สืบต่อเป็นลำดับ  ดังนี้

1. ไม่คบสัปบุรุษ(คนที่มีความเห็นถูกต้อง)

2. ไม่ฟังสัทธรรม(ธรรมของคนดี)

3. ไม่มีศรัทธา(ความเชื่ออย่างถูกต้อง)

4. ทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย(ไม่ลงไปถึงที่เกิด)

5. ไม่มีสติสัมปชัญญะ(ความระลึกรู้ตัว)

6. ไม่สำรวมอินทรีย์(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

7. ทำทุจริต 3 (ทำชั่วทางกาย-วาจา-ใจ)

8. มีนิวรณ์ 5 (กิเลส 5 อย่าง ที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุธรรม)  นิวรณ์ 5  นี้เองทำให้เกิด

9. เกิดอวิชชา

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 24 “อวิชชาสูตร” ข้อ 61

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:17:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:48:54 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:18:59 )

อวิชชา ความไม่รู้

รายละเอียด

“อวิชชา”ซึ่งเป็น“ความไม่รู้”ที่พระพุทธเจ้าทรงแยก แยะไว้ คือ  (1)ไม่รู้ทุกข์  (2)ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์  (3)ไม่รู้
ความดับทุกข์  (4)ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
(5)ไม่รู้ในส่วนอดีต (6)ไม่รู้ในส่วนอนาคต (7)ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต (8)ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาท ว่า สิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น

      ถ้า“ดับเหตุให้เกิดทุกข์”หมดไปจะสิ้น“อวิชชาสวะ 8”ได้ก็ถือว่า “จบกิจ”แล้วสำหรับเรื่อง“โง่”งมงายสำหรับมนุษย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:13:55 )

อวิชชา คือตัวฉลาดโลกีย์พลิกให้เป็นโลกุตระจึงจะบรรลุได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความซับซ้อนของคนฉลาดทางโลกีย์ ยิ่งฉลาดมากซับซ้อนมากยิ่งยากที่จะบรรลุ ถ้าคนที่ฉลาดทางโลกีย์ แล้วไม่ต่อภพภูมิจะฉลาดขึ้นไปอีก ก็ฉลาดแค่นี้ก็ล้างความฉลาดโลกีย์หรืออวิชชา อวิชชาก็คือตัวฉลาดโลกีย์พลิกมาให้เป็นโลกุตระให้เกิดชาติโลกุตระเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์จะบรรลุเป็นพระอรหันต์เร็ว คนที่จะไม่ต่อยุ่งเรื่องของคนอื่นมาก อรหันต์สายศรัทธา ไม่ชอบยุ่งทางโลกจะเอาพระอรหันต์ให้จบ มันจึงเร็ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:38:29 )

อวิชชา คืออัตตาโง่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอัตตาของเราโง่ อวิชชา ก็ไปยึดถือเป็นรูป เวทนาก็ไปยึดถือเป็นเวทนา หรือดีไม่ดีปรุงแต่งเป็นรูปที่มันเป็นรูปดีรูปสวย น่าได้น่ามีน่าเป็นอะไรไปใหญ่เลย ถ้าสัมมาทิฏฐิแล้วทั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ยังคงรู้ว่าเป็น 2 อย่าง คือ มันเป็นการปรุงกันขึ้นมาในสภาพที่มัน ผสมรวมร่วมกันอยู่ เพื่อให้เกิดเป็นธาตุรู้ตัวที่เป็นจิตนิยามที่มันเกิดมาในโลก เมื่อรู้แล้วก็ไม่ได้หลงใหลไม่ได้ไปวิปลาส ไม่สำคัญผิดอะไรชัดเจน อ๋อ รูปคือรูป เวทนาก็คือ ความรู้ต่อไปจากจิตของเราไปเกี่ยวข้องกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีเหตุและมีปัจจัย นามคือปัจจัย เหตุคือรูป กระทบกันก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงจบ 

แต่ผู้ไม่รู้อวิชชาก็ไปยึดถือว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น ไม่น่ามีไม่น่าได้ไม่น่าเป็น น่าจะทำลาย ที่จริงไม่น่าจะทำลายมันหลอกเพราะมันเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่เป็นไรอยู่ตลอด เพียงกองทุกข์กองที่ตั้งขึ้นมาเรียกด้วยภาษาคนว่าทุกข์ เรียกด้วยภาษาคนโง่ว่าสุข ที่จริงแล้วทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป แต่คนโง่ไปหลงว่าสุข นี่คือวิปลาสแท้ ไปหลงทุกข์ว่าเป็นสุข แล้วเขาก็เป็นคนวิปลาสอยู่อย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:53:56 )

อวิชชา คือโง่ก่อนมาฉลาด

รายละเอียด

ทีนี้ คนที่เป็นหนึ่ง ยึด 1 นิรันดรคือคนที่ไม่ค่อยรู้ หรือไม่รู้จริงๆคือ อวิชชา ที่แปลเป็นไทยว่ายังโง่อยู่ ก็จึงเป็นคนอย่างนั้น เพราะเราจะต้องโง่ก่อนมาฉลาด เป็นธรรมดาธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก จะมาฉลาดกว่ายังไม่ได้ คนเป็นสัตว์เดรัจฉานตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวมันก็โง่มาทั้งนั้น จนกว่าจะมาเป็นสัตว์มนุษย์ จากสัตว์มนุษย์จึงเจริญเป็นเวไนยสัตว์ ศึกษาได้สอนได้เรียนได้ เจริญไปเป็นอริยะ จนเป็นพระอรหันต์ จนเลยจากพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ ระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 ระดับ 8 จนถึง 9 ถือว่าสูงสุด นัยยะสังขยาเลข เลข 9 ถือว่าสูงสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:14:02 )

อวิชชา เป็นสุดยอดแห่งตถตา

รายละเอียด

ไปบังคับเขาไม่ได้หรอก คนเราจะเห็นเข้าใจว่า อย่างอาตมาเป็นเนื้อแท้ เป็นความถูกต้องที่แท้จริง เขาไม่เชื่อ เขาไม่เข้าใจ เขารู้ไม่ได้ ไปบังคับความรู้ไม่ได้ เขารู้ไม่ได้จริงๆ ที่ภาษาบาลีท่านว่า อวิชชา เขายังโง่อยู่ บังคับไม่ได้ เป็นสุดยอดแห่งความเป็นเช่นนั้น ตถตา มันต้องเป็นเช่นนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:05:46 )

อวิชชา ไม่รู้จักสังขารจึงต้องมาเรียนรู้ตั้งแต่สังขาร 2 คือ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อวิชชา ไม่รู้จักสังขาร นี่แหละเป็นประเด็นใหญ่ พอเริ่มต้นมาเรียนรู้สังขาร ก็จะเริ่มรู้ ตั้งแต่ธาตุ 2 สังขาร 2 หน่วย คือ เวทนากับสัญญา เวทนากับสัญญา 2 หน่วยนี้ทำงานมาเป็นสังขาร ปรุงแต่งกันอยู่เป็นตัวที่ 3 ก็คือ 2 

ถ้าเวทนาเป็นรูป สัญญาก็เป็นตัวนามที่กำหนดรู้ รูป เวทนาคือธาตุรู้ ความรู้สึก อารมณ์ จนกระทั่งถึงอารมณ์โลกีย์ ไปหมดเลย หรือความรู้สึก ที่เป็นรูปรสกลิ่นเสียงแล้วไปชอบกับชัง เป็นเรื่องผิดทั้งคู่ ชอบก็ผิด ชังก็ผิด ความรู้มันก็สักแต่ว่ารู้สิ จะไปผลักไปดูด ไปชอบไปชังทำไม รู้ว่านี้คืออันนี้ อันนี้คือความรู้สึก อ้อ.. เท่านั้นเองจบ ความรู้สึกอะไร รู้สึกหรือความรู้ที่รู้สิ่งที่เป็นจริง ตามความเป็นจริง นี่ใช้พยัญชนะมาอธิบายสภาวะละเอียดไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 14:30:38 )

อวิชชาของคนเกี่ยวกับสัตว์ 

รายละเอียด

อวิชชาของคนเกี่ยวกับสัตว์  คือ  สัตว์ที่เกิดมาเริ่มเป็นเซลล์เดียว  สัตว์เซลล์เดียวปล่อยเลยอย่าไปยุ่งกับเขา  เขาจะมีวิบากของเขาไปเรื่อยๆ แต่ละคนมีวิบากร่วมกับสัตว์มา คนเคยกินเนื้อสัตว์กันมาทั้งนั้นเคยหลงผิดเคยถูกครอบงำด้วยอวิชชามาทั้งนั้นไม่เว้นใคร  แม้แต่คนที่เกิดในอินเดียว  เขาไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่ต้นตระกูลปู่ของปู่ๆๆ  เขาล่ะคนระลึกถึงไม่ได้หรอกก็เคยกินมาทั้งนั้นแหละเนื้อสัตว์  คนนั้นเป็นอวิชชาผิดมาก่อนถูกทั้งนั้น   เมื่อรู้ว่าผิดก็จะทำต่อไปทำไม  รู้เมื่อไหร่ก็หยุด  แน่ใจแล้วว่ามันไม่ดีจริงๆ ก็หยุด  อะไรจะไม่มีอะไรจริงเท่าความจริง  ความจริงนั่นแหละจริงที่สุด  ความจริงแล้วใครบอกว่าไม่จริง คนนั้นต้องโง่  มันเป็นความจริงคุณมาแย้งความจริงได้อย่างไรคุณก็โง่

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:31:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:04 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:35:39 )

อวิชชาคือความไม่รู้ในสังขาร

รายละเอียด

อวิชชา เป็นความโง่หรือความไม่รู้ ความไม่ฉลาด ความไม่รู้นี้พระพุทธเจ้าเริ่มจัดคำแรกคือไม่รู้อะไรคือไม่รู้สังขาร ไม่รู้การปรุงแต่งของสภาวะตั้งแต่ 2 ขึ้นไป ถ้าเป็นวัตถุก็มีตั้งแต่บวกกับลบ พลังงานบวกกับพลังงานลบ 

พอเริ่มต้นมาเป็นชีวะ ก็จะมีพลังงานของชีวะกับพลังงานของวัตถุ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าพลังงานชีวกับพลังงานวัตถุยังไม่ถึงจิตวิญญาณ เรียกว่าพลังงานที่มีชีวะที่ยังไม่มีกรรมครอบครอง ยังไม่มีวิญญาณครอง เพราะฉะนั้นพลังงานนี้ก็มีแต่ปรุงแต่งสังขาร กับสัญญา กับตัวที่กำหนดรู้ รู้ธาตุนั้นธาตุนี้อย่างเช่น พืชพันธุ์ธัญญาหารมันไม่ใช่วิญญาณ ไม่ใช่วิญญาณธาตุ เป็นแค่พีชนิยาม 

ไม่ใช่จิตนิยาม ยังไม่มีความชอบความชัง ความสุขความทุกข์ ก็ยังเป็นกึ่งอัตตา มันมีแต่ตัวกูก็ได้ แต่มันไม่มีตัวกูไปทำร้ายคนอื่น พีชะนี่ มันมีแต่ตัวเองแล้วไปดูดดึงเอามา เป็นธาตุวัตถุหรือเป็นธาตุพีชะด้วยกัน หรือธาตุของสรีระหรือสัตว์มันสามารถดูดได้นะ 

พลังงานของจิตนิยามระดับต่ำมันสู้แรงงานของ พีชะไม่ได้ มันก็ดูดเอามาเป็นตัวมันโดยไม่มีจิตมุ่งร้าย มันมีแต่ตัวมันเองรู้ แต่ว่ามันจะต้องเอาสิ่งที่มันจะต้องเอา ธาตุของมะปราง มันก็จะเอามาเป็นมะปราง ธาตุของบัตเตอร์นัทมันก็จะเอามาเป็นบัตเตอร์นัท มะปรางยังมีเปรี้ยว แต่บักผูนี่ มีแต่หวานไม่มีเปรี้ยวเลย ผลมันเหมือนกับมะปรางเลย แต่ลูกเล็กกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:28:58 )

อวิชชาคือเหตุทำให้ชาวพุทธในเถรสมาคมประพฤติต่างจากชาวอโศก

รายละเอียด

มันมาจากอวิชชา มันมาจากความไม่รู้ มันหนักยิ่งกว่าทิฏฐิอีก ความไม่รู้เลย ว่าเกิดมาเป็นมวลมนุษย์ด้วยกันในโลก จะต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ อยู่ด้วยกันอย่างมีเมตตากรุณา มุทิตา อย่างแท้จริง 

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธมีคำสอนอันนี้ชัดเจน แล้วเข้าใจและเห็นจริง จึงประพฤติจริง แล้วใครลาะประพฤติจริง ก็คือชาวพุทธประพฤติจริง ชาวพุทธในเถรสมาคมประพฤติจริงไหม จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ไม่จริงเสียเยอะ ที่จริงๆ ก็คือชาวอโศก 

เมื่อประพฤติอย่างนี้กันได้จริง ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาสตรา มีความละอายที่จะไปทำร้ายทำลายกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:22:33 )

อวิชชาที่มีอัตราสัมประสิทธิ์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอวิชชาที่มีอัตราสัมประสิทธิ์ ที่ยิ่งขึ้นๆของความฉลาดแบบโลกีย์เฉโกจึงยิ่งเลวยิ่งขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อมีช่องทางได้ มันไม่จบ เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถเอาเปรียบได้ มีช่องทางที่ไม่ให้คนอื่นรู้สึกโดนเอาเปรียบ อย่างผู้ที่รวยได้อย่างเห็นๆ ในสังคมทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นบิล เกตส์ คุณธนินท์ แต่ในวิธีการซับซ้อนถ้าหากศึกษาให้ดี จะมีช่องทางเอาเปรียบโดยที่ไม่ให้ผู้อื่นรู้สึก ก็จะเพิ่มขึ้นๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณธนินท์หรือใครก็แล้วแต่ ในกลุ่มเซ็นทรัลคือใครก็แล้วแต่ ขออภัยที่ต้องออกชื่อ เพื่อสะดวกในการใช้อธิบายยกตัวอย่างในการศึกษา ที่พูดนี้เป็นวิชาการเป็นการบรรยายความรู้ความเข้าใจ ก็เลยต้องพยายามหาทางที่จะใช้ เพื่อจะทำความเข้าใจให้ดี ให้เร็ว ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(พลังสัมประสิทธิ์) ตอน สัมประสิทธิ์สองทิศทางที่ต่างขั้ว


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:57:19 )

อวิชชาปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

ต้องศึกษาอวิชชา เพราะไม่รู้สังขาร ไม่รู้วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา ภพ ชาติ ชรา มรณะ โศก ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาสะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:22:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:18 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:42:06 )

อวิชชาพาเกิดทั้งนั้น

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจการปรุงแต่งของธาตุ 2 สังขารปรุงแต่งของธาตุ 2 เป็นธาตุบวกธาตุลบ ตั้งแต่ระดับของอุตุนิยามของไอน์สไตน์มาก็ได้ คือคนที่พบธาตุบวกลบก่อนไอสไตน์ก็ตาม มันก็เป็นธาตุวัตถุ จนกระทั่งบวกลบนี้มีชีวะเป็นเจ้าของ เริ่มเป็น พีชะ มีบวกลบปรุงแต่งโดยที่ตัวเองยึดเป็นประธาน ยึดบวกลบนั้นตัวเองเป็นประธาน แต่ยังปรุงแต่งได้แค่ cyclic ของพีชะของวงวน ของกรอบ ของตัวเองเป็นตัวเองรู้ได้แค่นั้น แล้วก็วิวัฒน์พัฒนามาเป็นจิตนิยาม ทีนี้ ปรุงแต่งได้พิสดารมาก ทีนี้ก็มีบาปมีบุญ มีนรก มีสวรรค์ มีทุกข์ มีสุข มีอะไรเละเทะเลย จิตนิยาม

มันมาเป็นจิตนิยามเสร็จแล้วก็ด้วยอวิชชา อวิชชาพาเกิดทั้งนั้นเลย จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่าน มาย้อน เรียนรู้ว่ามันมาจากอะไร กว่าจะมาเป็นอวิชชาขนาดนี้ ย้อนศึกษาจนไปรู้ที่เกิด โยนิโส จนหยั่งไปถึงที่เกิดต้นธาตุต้นธรรม อ้อ ที่แท้ก็คือความไม่รู้ อวิชชา เป็นต้นธาตุต้นธรรม แล้วที่ความไม่รู้นี่ก็คือไม่รู้ว่า เมื่อมันเกิดมาแล้วมันมีธาตุ 2 ปรุงแต่งกันเรียกว่า สังขาร จนกระทั่งพัฒนามาเป็นจิตนิยามมีวิญญาณ เมื่อเป็นวิญญาณแล้วจะเรียนรู้วิญญาณได้ด้วยอะไรก็ได้ด้วยนามรูป เพราะวิญญาณอาศัยนามรูป ในปุตตมังสสูตร ข้อที่ 4 ยืนยัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 13:05:08 )

อวิชชาพาเกิดแล้วเกิดอีก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่รู้จักวิธีลดกิเลสและกำจัดกิเลสได้จริง จึงหมดกิเลส หมดความเห็นแก่ตัว แล้วจะมีจิตที่ดี เป็นจิตที่เป็นกุศลเป็นจิตที่เป็นประเสริฐที่เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่การทุกข์ร้อนของคน แล้วก็ไม่ดูดาย มีน้ำใจ อัชฌาศัยที่เจริญ ช่วยเขา ช่วยสอน ช่วยพาทำ ให้หลุดพ้นจากทุกข์อาริยสัจะ ทุกข์ที่สามารถเรียนรู้ตัวเหตุแห่งทุกข์ แล้วดับได้ในจิต ที่เรียกว่ากิเลสหรือโลภโกรธหลง สามารถกำจัดมันได้จริง หมดไปอย่างถาวรยั่งยืนที่สุด ได้ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ มันยังไม่หมดในชาตินี้ก็จะได้ส่วนหนึ่ง มาชาติหน้ามาลดต่อไปอีก ชาติหน้าก็ลดต่อไปอีก เพราะการเกิดของจิตวิญญาณนี้ศาสนาพุทธสามารถเกิดการสืบต่อ เกิดแล้วเกิดอีกเกิดแล้วเกิดอีก ไม่มีจบเลยถ้าเผื่อว่าไม่หมดอวิชชา ไม่สามารถทำให้เหตุที่พาเกิดให้หมดไป ก็ต้องเกิดอย่างซ้ำซ้อนไป Reincarnation หรือ Rebirth มีการเวียนตายเวียนเกิด นับชาติไม่ถ้วน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 10:33:22 )

อวิชชาย่อมมากับความลึกลับ

รายละเอียด

นี่คือ “ความลึกลับ(รหัสส)”ที่มีนัยะอันปกปิดไว้ 

คือ ยังมีสิ่งส่วนที่ลึกลับอยู่(รห,รโห) ที่เปิดเผยไม่ได้ ซึ่งเปิดเผยไม่ได้ด้วยอะไรก็ตาม ก็คือ ความเปิดเผยไม่ได้นั่นเอง 

ซึ่งไม่ใช่“ไม่กล้าเปิดเผย” แต่เป็นเพราะ“ไม่สามารถเปิดเผยได้” 

มัน“จบ”อยู่ที่“อวิชชา”ยั่งยืนถาวรแล้ว 

และเป็น “อวิชชา” นิรันดรกันทีเดียว   

เพราะหลง“สุข”ว่าเป็น“เทฺว” ไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว”

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 29 หน้า 59


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 15:07:38 )

อวิชชาสวะ

รายละเอียด

1. หมดความไม่รู้ หรือละขาดจากอาสวะกิเลสที่เป็นความหลุด ๆ หลง ๆ เพราะยังมีเศษธุลี มีความละเอียดลึกอยู่ในกามทั้งหลายนั่นเอง

2. ความไม่รู้ที่ยังหมักหมมอยู่ในสันดาน

3. กิเลสขั้นปลายของอวิชชา

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า311 , รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 60,พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า40


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 15:22:58 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:04:56 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:44:20 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

คือ ความหลงผิดที่หมักหมมอยู่ในสันดาน เพราะไม่รู้ในทุกข์ ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ไม่รู้ในส่วนอดีต ไม่รู้ในส่วนอนาคต ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาท ว่าสิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า237


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:49:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:32 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:45:02 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

คือความหลงผิดที่หมักหมมอยู่ในสันดาน โดย

1. ไม่รู้ทุกข์ (ทุกเข อัญญาณัง)

2. ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกขสมุทเย อัญญาณัง)

3. ไม่รู้ความดับทุกข์ (ทุกขนิโรเธ อัญญาณัง)

4. ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์(ทุกขนิโรธคามินียา ปฏิปทาย
อัญญาณัง)

5. ไม่รู้ในส่วนอดีต (ปุพพันเต อัญญาณัง)

6. ไม่รู้ในส่วนอนาคต (อปรันเต อัญญาณัง)

7. ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต(ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง)

8. ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทว่าสิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น (อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบันเนส ธัมเมสุ อัญญาณัง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 34“อาสวโคจฉกะ” ข้อ 712


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 20:28:49 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

คนผู้ที่มี“ความรู้”เป็น“ปัญญา”ที่เป็น“ความรู้”ของศาสนาพุทธ สูงถึงขั้นรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“อวิชชาสวะ 8”อันได้แก่ (1) ไม่รู้ทุกข์ (ทุกเข อัญญาณัง)  (2) ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ (ทุกขสมุทเย อัญญาณัง)  (3) ไม่รู้ความดับทุกข์ (ทุกขนิโรเธ อัญญาณัง)  (4) ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ (ทุกขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายะ อัญญาณัง)  (5) ไม่รู้ในส่วนอดีต (ปุพพันเต อัญญาณัง) (6) ไม่รู้ในส่วนอนาคต (อปรันเต อัญญาณัง) (7) ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต(ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง) (8) ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาท ว่า สิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น (อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปันเนสุ ธัมเมสุ อัญญาณัง) 

ถ้ารู้จักสิ่งที่อาศัยกันเกิดแล้วรู้ว่า มันจะดับได้ไง ก็ใช้พยัญชนะว่าเกิดนี่คือชาติ ก็ดับชาติสิ นี่เราใช้พยัญชนะก่อนนะ สภาวะธรรมค่อยรู้แล้วค่อยๆ ขยายความไป 

แล้วศึกษาปฏิบัติจนกระทั่งสามารถบรรลุหลุดพ้นหมดสิ้น“อวิชชาสวะ 8”นี้ได้บริบูรณ์สมบูรณ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:07:45 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

“อวิชชาสวะ 8”นั้นแบ่งออกเป็น ก.“กิจ” คือ “อาริยสัจ 4” ได้แก่ (1)ไม่รู้ทุกข์  (2)ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ (3)ไม่รู้ความดับทุกข์  (4)ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

      ก.“กาล” คือ “ภาวะของวาระเวลา” ได้แก่ (5)ไม่รู้ในส่วนอดีต (6)ไม่รู้ในส่วนอนาคต (7)ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต

      ก.“กรรม” คือ “(8)ไม่รู้ใน“ปฏิจจสมุปบาท” ว่า สิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น

      คนที่มี“อวิชชาสวะ 8”ก็คือ “คนผู้ไม่รู้ 8 อย่าง”นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:15:35 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

“อวิชชาสวะ 8” ได้แก่  (1) ไม่รู้ทุกข์ (ทุกเข อัญญาณัง)
(2) ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ (ทุกขสมุทเย อัญญาณัง) (3) ไม่รู้
ความดับทุกข์ (ทุกขนิโรธ อัญญาณัง)(4) ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้
ถึงความดับทุกข์(ทุกขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อัญญาณัง) 

 (5) ไม่รู้ในส่วนอดีต(ปุพพันเค อัญญาณัง)  (6) ไม่รู้ส่วนอนาคต(อปรันเตอัญญาณัง) (7) ไม่รู้ทั้งส่วนอดีตและอนาคต (ปุพพันตาปรันเตอัญญาณัง (8) ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทว่า สิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น(อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปันเนสุ ธัมเมสุ อัญญาณัง) ; [พระไตรปิฎก เล่ม 34 ข้อ 712]

ชีวะจะมีสัญญากำหนดเพื่อจะมีสัญญาสังขารมีการกำหนดรู้ธาตุที่มันต้องการแล้วก็เอามาปรุงแต่งตัวของมันแต่มันไม่มีเวทนา มีแค่รูปสัญญาสังขารสำหรับพืช 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:42:27 )

อวิชชาสวะ 8

รายละเอียด

“อวิชชาสวะ 8”นั้นแบ่งออกเป็น ก.“กิจ” คือ “อาริยสัจ 4” ได้แก่ (1)ไม่รู้ทุกข์  (2)ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ (3)ไม่รู้ความดับทุกข์  (4)ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

      ก.“กาล” คือ “ภาวะของวาระเวลา” ได้แก่ (5)ไม่รู้ในส่วนอดีต (6)ไม่รู้ในส่วนอนาคต (7)ไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและอนาคต

      ก.“กรรม” คือ “(8)ไม่รู้ใน“ปฏิจจสมุปบาท” ว่า สิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น

      คนที่มี“อวิชชาสวะ 8”ก็คือ “คนผู้ไม่รู้ 8 อย่าง”นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:13:51 )

อวิชชาสวะ 8 ประการ และปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

วิชชา 8 ประการ และปฏิจจสมุปบาท

ความไม่รู้ใน อวิชชา 

1. ไม่รู้..ทุกข์  (ทุกฺเข อญฺญาณํ)

2. ไม่รู้..ทุกขสมุทัย  (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ) 

3. ไม่รู้..ทุกขนิโรธ  (ทุกฺขนิโรเธ  อญฺญาณํ)  

4. ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)   

5. ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง)   ปุพพันเต อัญญาณัง 

6. ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง)  อปรันเต อัญญาณัง 

7. ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต  (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต  อัญญาณัง) . 

8. ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์  ตามหลักปฏิจจสมุปบาท  (หรืออิทัปปัจจยตา) 

(พตปฎ. ล.34  ข.691  ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ) 

ในสังคมมนุษยชาติ ถ้าเราจะเข้าใจหรือเราจะรู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร รู้จักทางหนีทีไล่ เราก็รู้จักที่ต้องหลีกเลี่ยงหรือจะไปอุ้มชู ผู้ที่รู้ปัจจุบันอย่างคล่องแคล่วที่สุดคือผู้มีปฏิจจสมุปบาท 11 หรือ 12 ที่เป็นชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ไปเรื่อยๆ ซึ่งเราไม่เอา มันเป็นนามธรรม เราไม่มีชรา หนุ่มตลอดหนุ่มเสมอ เราจะถึง 120 หรือไม่ คือไม่ประมาท 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:24:41 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

1.การไม่คบสัปบุรุษ เป็นอาหารของ.. การไม่ได้ฟังสัทธรรมที่ถูกต้อง 

2.การไม่ได้ฟังสัทธรรม เป็นอาหารของ.. ความไม่มีศรัทธา (หรือศรัทธาผิดๆ) 

3.ความไม่มีศรัทธา (ศรัทธาไม่บริบูรณ์) เป็นอาหารของ.. การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย (กระทำใจไม่เป็น) 

4.การกระทำในใจโดยไม่แยบคาย (หรือทำใจไม่เป็น) เป็นอาหารของ.. ความไม่มีสติสัมปชัญญะ

อาตมาเองบอกว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญาเป็นสัตบุรุษ อาตมาพูดอย่างสยังอภิญญาใครกล้าพูดอย่างอาตมาบ้าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 20:46:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:14 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:45:26 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

ไม่บริบูรณ์ด้วย สติปัฏฐาน 4 ที่จะต้องมีสุจริต 3 ที่บริบูรณ์ สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ โพชฌงค์ 7 ก็บริบูรณ์แล้ววิชชาและวิมุตติก็บริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

ายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:44:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:48:25 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

เพราะอวิชชาก็เกิดสังขาร เมื่อเราเผลอใจปนอวิชชาก็สังขาร เกิดอาการไม่ชอบใจขึ้นมา ในอุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจา ลักขณรูปมันมีอยู่ 4

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:08:56 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:56 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:43:35 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

1.การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ . .

2.การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์ 

3.ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์  

4.การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ . . สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา

5.สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ . . ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์ 

6.ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์ คือ กาย วาจา ใจ  เลิกทำการงานทุจริต 

7.สุจริต3 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สติปัฏฐาน4 บริบูรณ์ 

8.สติปัฏฐาน4 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ . 

9.โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:57:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:42:21 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

เพราะว่าคุณเป็นอวิชชามนุษย์ อย่างไร หนึ่งไม่รู้จักสัตบุรุษ 2 ไม่ได้ฟังธรรมอย่างบริบูรณ์​ 3 ก็เลยไม่เกิดศรัทธาที่บริบูรณ์ เพราะฉะนั้นคุณจึงทำโยนิโสมนสิการไม่บริบูรณ์ ในอวิชชาสูตร คุณจะทำสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์ก็ไม่ได้ สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ก็ไม่ได้ ไม่บริบูรณ์หรอก สุจริต 3 คุณก็ไม่บริบูรณ์ เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังเลยว่าจะเกิดสติปัฏฐาน 4 มันจะเกิดวิชชาวิมุติ นี่เอาอวิชชาสูตรไล่ไป  คนอวิชชาไม่ใช่ไม่มีอาหารแต่มีอาหาร อาหารนั่นคือนิวรณ์ 5 นิวรณ์ 5 ก็ไม่ใช่ไม่มีอาหาร นิวรณ์ 5 มีอาหาร อาหารของนิวรณ์ 5 คือการไม่มีสุจริต 3 การไม่มีสุจริต 3 ก็มีอาหาร อาหารของไม่สุจริต 3 คือไม่รู้จักสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 เพราะฉะนั้นการนั่งหลับตานั้นเอาอินทรีย์ทั้ง 5 ทิ้งไปอยู่ในจิตอย่างเดียว โมฆะทั้งนั้นเลยในศาสนา อาตมาจะพูดอีกกี่ทีดี พวกนั่งหลับตาเคี้ยวหมากกินปูนไม่ร้อนท้องไม่รู้ประสีประสาหรอก มันข้องอยู่ในถ้ำอยู่ในป่า หยั่งลงสู่ความหลง เป็นผู้ที่ไกลจากวิเวก เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในถ้ำ นี่มันดึงเขาให้ขึ้นมายากมากเลย เพราะฉะนั้นในคำโยนิโสมนสิการอยู่ในอะไรต่างๆนานา อยู่ในปัญญาวุฒิธรรม 4 อยู่ในสัมมาทิฏฐิ 2 อยู่ในอวิชชาสูตร 10 อยู่ในสุริยเปยยาลข้อที่ 7 อยู่ในมูลสูตรข้อที่ 2 ใช้คำว่ามนสิการ คำว่ามนสิการจึงยิ่งใหญ่ที่สุด นักรู้ของสังคมพุทธทุกวันนี้แปลคำว่าโยนิโสมนสิการเป็นเพียงว่าแปลแต่โยนิโส ไม่แปลคำว่ามนสิการ ทั้งที่แก่นแท้อยู่ที่มนสิการ เพราะเขาไม่ได้สำคัญมั่นหมายในคำว่ามนสิการแล้ว เขาทำใจในใจไม่เป็นแล้ว เป็นอย่างนั้น คนที่ไปนั่งสมาธิหลับตานี้เป็นคนที่ทำใจในใจผิดเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ได้ทำเป็น เขาทำเป็นอย่างเดียรถีย์ เป็นอย่างมิจฉาทิฐิ ส่วนคนที่ศึกษาปริยัติพยัญชนะมากแต่ทำใจในใจไม่เป็น ได้แต่ปริยัติกันเต็มไปหมดเป็นปทปรมบุคคลมีเยอะมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:48:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:21 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:41:43 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

ในอาหารของอวิชชา ในอวิชชาสูตร 

1. การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ 

2. การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์ 

3.  ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์  

4. การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ . . สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา

5. สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ . . ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์ 

6. ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์  คือ  กาย วาจา ใจ  เลิกทำการงานทุจริต 

7. สุจริต 3 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ 

8. สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ . 

9. โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติ บริบูรณ์     (อวิชชาสูตร พตปฎ. เล่ม 24  ข้อ 61) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 09:06:32 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

“ [61] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี”

ขยายความว่า ในยุคนี้ไม่มีใครมาบอกเงื่อนต้น เพราะอวิชชาก็สังขารผิด วิญญาณ นามรูปก็ผิด ก็เพราะมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ต้น จะพ้นมิจฉาทิฏฐิจะต้องมาฟังสัตบุรุษ 

“เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ” 

 ถ้าคุณมีแต่วิชาก็จะไม่รู้อวิชชา คุณต้องมีสิ่งที่เป็นการเปรียบเทียบเป็นคู่ ที่เป็น วิชชา ให้เปรียบเทียบ เหมือนนกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ คุณก็จะจมอยู่กับอวิชชาไป อย่างเช่นมหาเถรสมาคมหรือปราชญ์ของเถรสมาคม เขาจมอยู่กับอวิชชาน่าสงสาร

 เขายังจมอยู่กับอวิชชาไม่มีการเปรียบเทียบที่เป็น 2 ก็เป็นเทวนิยมอย่างนั้นเป็นแต่เพียงหนึ่งที่ยังเป็นอวิชชา 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย 

เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ 5”

 อย่างมหาบัว กาม กินหมากตลอดเวลาก็ไม่รู้ตัว เสพติดตลอดเวลา ก็ไม่รู้ตัวแล้วหลอกชาวบ้านว่าตัวเองเป็นอรหันต์ บาป ทั้งนั้นแหละทางสายหลับตา ตั้งแต่อาจารย์มั่น สายนั่งหลับตาที่บอกว่าเป็นอรหันต์ ท่านมีเป็นทำเนียบเลย ตั้ง 50-60 รูป

“แม้นิวรณ์ 5 เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ 5 ควรกล่าวว่า ทุจริต 3” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 20:19:20 )

อวิชชาสูตร

รายละเอียด

อวิชชาสูตร ต้องพบสัตบุรุษให้บริบูรณ์ ฟังธรรมให้บริบูรณ์ ศรัทธาของคุณจึงจะบริบูรณ์ เมื่อศรัทธาบริบูรณ์แล้ว คุณจึงจะย่อมได้โยนิโสมนสิการบริบูรณ์ เมื่อโยนิโสมนสิการได้บริบูรณ์ สติของคุณถึงจะบริบูรณ์ เมื่อสติของคุณบริบูรณ์แล้ว คุณจึงจะสำรวมอินทรีย์ 6 ได้บริบูรณ์ สุจริต 3 จึงจะบริบูรณ์ได้จ้ะ 

ก็ ถึงจะละนิวรณ์ 5 ได้หมด เป็นสติปัฏฐาน 4 เป็นโพชฌงค์ 7 แล้วก็บรรลุวิชชาและวิมุติ นี่คือ อวิชชาสูตรที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อวิชชามีอาหาร คือ นิวรณ์เป็นอาหาร นิวรณ์ก็มีอาหาร ไม่ใช่ไม่มีอาหาร อาหารของนิวรณ์ คือ ทุจริต 3 แล้วคุณก็ทุจริตกันอยู่ คุณก็กินอาหารทุจริตกันอยู่ เมื่อคุณกินทุจริต มีทุจริต 3 สำรวมอินทรีย์ 6 คุณก็ไม่บริบูรณ์ เมื่อสำรวมอินทรีย์ไม่บริบูรณ์ สติสัมปชัญญะของคุณก็ไม่มีทางบริบูรณ์ แล้วคุณจะไปทำใจในใจโยนิโสมนสิการบริบูรณ์ได้ยังไงจ๊ะ เมื่อคุณทำใจในใจไม่ถูกต้อง คุณก็ไปมีศรัทธาไม่บริบูรณ์เด็ดขาดแน่นอน เพราะคุณทำใจในใจไม่บริบูรณ์ ไม่ถูกต้อง ไม่ลงไปถึงที่เกิด ไม่ถ่องแท้แยบคายเพียงพอ ไม่โยนิโสเพียงพอ นี่ก็ใช้ศัพท์ทับศัพท์วิชาการอยู่ 

คุณทำใจในใจแบบไปนั่งหลับตา กับแบบลืมตาที่อาตมาพาปฏิบัติ มาพิจารณาอาหารการกิน พันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ บอกว่า มันปฏิบัติธรรมอะไรของพวกมันพูดแต่เรื่องการกินการกิน ตะกละชิบหายเลย ต้องไปนั่งหลับตาสิ จะมานั่งพูดอะไรแต่เรื่องกิน นี่คือ อนันต์ เสนาขันธ์ เขาว่าอาตมา ตั้งแต่พ.ศ 2525 อนันต์ซัดอาตมา นำทางมหาประยุทธ์  พอมหาประยุทธ์ ปี 2532 ซัดอาตมาตูมเลย เล่นเอาเราจะต้องเดินทางขึ้นศาลเสียจนไม่รู้กี่จังหวัด เอาละไม่ต้องรื้อฟื้น เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าปฏิบัติ โภชเนมัตตัญญุตา ต้องมาปฏิบัติธรรมเรื่องอาหารนี่แหละเป็นสำคัญ ทีนี้ก็โยงไปถึงสูตร ปุตตมังสสูตร อาหาร 4

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:45:54 )

อวิชชาสูตรครบแล้วในการเกิดดับทวนหรือตามก็ได้

รายละเอียด

เมื่อมีสุจริต 3 จะเป็นอาหารของสติปัฏฐาน 4 ในอวิชชาสูตร สุจริต 3 จะเป็นอาหารของสุจริต 4 ก็จะได้โพชฌงค์ 7 มาต่อ แล้วก็โพชฌงค์ 7 เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ ในอวิชชาสูตร สูตรนี้ครบแล้วในการเกิดดับ ทวนหรือตามก็ได้

1. การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์

2. การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์

3. ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์ 

4. การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา

5. สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์

6. ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์  คือ  กาย วาจา ใจ  เลิกทำการงานทุจริต

7. สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์

8. สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ 

9. โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติ บริบูรณ์    

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:54:32 )

อวิชชาสูตรว่าด้วยอะไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอธิบายในอวิชชาสูตรว่า

1. การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ . .

2. การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์ 

3. ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์  

4. การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ . . สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา

5. สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์ 

6. ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์ คือ กาย วาจา ใจ เลิกทำการงานทุจริต 

7. สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ 

8. สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ 

9. โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติ บริบูรณ์  (อวิชชาสูตร พตปฎ. เล่ม 24  ข้อ 61) 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:49:19 )

อวิชชาหลงสวรรค์ 6 ชั้น

รายละเอียด

ตั้งแต่เรื่องของทาน ทุกวันนี้การทานของเขามนสิการทำใจในใจไม่เป็น ทานแล้วก็ยังมีสาเปกโข ยังมีไอ้หวัง จะมีความหวังจะได้ภพชาติวิมาน ต้องทานไม่ให้มีอาการของสาเปกโขเลย หากไม่รู้ก็สั่งสมสาเปกโข แล้วสั่งสมภพชาติ เป็นปฏิพัทจิตโต ยังไม่พอ สั่งสมเป็นสันนิธิเปกโข ทานไม่พอก็สั่งสมเป็น ปริภุญชิตสามีติ ตายแล้วได้เสวยสมบัติที่มาในชาติหน้า ก็ยิ่งเป็นภพชาติมากขึ้น ที่จริงแล้วมันไม่มีตัวตนตั้งแต่ ไม่มีสาเปกโข ทำใจในใจตัดให้ได้ ตัดได้ก็สบาย แต่ตัดไม่ได้ ก็สั่งสมไปเรื่อย อาตมาถึงบอกว่าผู้จะหลงวิมาน สวรรค์ 6 ชั้นขี้หมาทั้งนั้นเลย สำหรับผู้ที่ยังอวิชชา หลงติดสวรรค์​ 6 ชั้นนี้ ฟังถ้าเข้าใจแล้วอย่าไปสร้างสวรรค์วิมาน เพราะสวรรค์ก็ภพนรกก็ภพ ศาสนาพุทธดับสวรรค์และนรกดับภพหมดสภาพคู่หมดเทวะ หมดสวรรค์นรก เทวะคือสัตว์นรกสัตว์ ซาตานกับพระเจ้าเป็นอย่างเดียวกัน เหมือนเหรียญ 2 ด้านเราก็ทำลายเหรียญเลยไม่ให้มีเหรียญ 2 ด้าน คุณจะเลือกเอาเหรียญด้านใดด้านหนึ่งเหมือนกระดาษมี 2 หน้าจะเอาหน้าใดหน้าหนึ่งไม่ได้ มันต้องไปด้วยกันมาด้วยกันแยกไม่ออก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:00:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:40:36 )

อวิชชาแล้วยังหลอกคนอื่นต่อ

รายละเอียด

นอกจากอวิชชาแล้วยังหลอกคนอื่นต่อ อวิชชาคือไม่รู้ว่าตนเองติดกามคุณ 5 สิ่งที่ติดอยู่เห็นชัดๆ อย่างอื่นก็ติด หมากพลูติด อย่างอื่นก็ติดไม่ต้องห่วงหรอก แต่เป็นเพียงเป็นผู้มีปฏิภาณรู้ว่า มักน้อย มีน้อยๆไว้ดี ก็เลยทำรูปธรรมเอาไว้น้อย แต่ในความมีน้อยนั้น มหาบัวสร้างความใหญ่ สร้างความมากอยู่ตลอดเวลา เป็นแต่เพียงว่าฝากไว้ที่ธนาคารฝากไว้ที่ประเทศ เรี่ยไรเขามาได้ ทั้งที่แค่เรี่ยไรได้มา โดยเอาประเทศชาติเป็นตัวประกัน ไปเรี่ยไรพูดหว่านล้อมมนุษยชาติรวมมาเข้ากองกลางที่ในประเทศ อย่างที่ได้กระทำ เรี่ยไร

แล้วตัวเองก็ยึดถือว่าเงินที่ได้นั้นเป็นเพราะข้าทำ เป็นโอฬาริกอัตตาใหญ่เลย มหาบัวก็ไม่รู้จักความ โอฬาริกอัตตา อันนี้ ตายไปพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นเจ้าของทองคำ ดอลลาร์ ที่ในคงคลังใส่ไว้ให้ประเทศ แล้วเข้าใจว่าประเทศนี้ฉันเป็นผู้ที่ค้ำจุนไว้ ด้วยคงคลัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:15:47 )

อวิชา 8

รายละเอียด

1.ไม่รู้..ทุกข์  (ทุกฺเข อญฺญาณํ)

2.ไม่รู้..ทุกขสมุทัย  (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ) 

3.ไม่รู้..ทุกขนิโรธ  (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)  

4.ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)   

5.ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง)   ปุพพันเต อัญญาณัง 

6.ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง)  อปรันเต อัญญาณัง 

7.ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต  (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต  อัญญาณัง) . 

8.ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์  ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา) 

(พตปฎ. ล.34  ข.691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ) 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 34  ข้อ 691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:06:15 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:39:59 )

อวิตถตา

รายละเอียด

1. ไม่แปรเปลี่ยน 

2. ไม่มีความแปรเปลี่ยน 

หนังสืออ้างอิง

จากอีคิวโลกุตระ หน้า280,หน้า 279 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 29


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:54:16 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:08:19 )

อวิตถตา

รายละเอียด

1. ไม่แปรเปลี่ยน

2. ไม่มีความแปรเปลี่ยน

หนังสืออ้างอิง

(จากอีคิวโกุตระ หน้า 280) , (จากอีคิวโลกุตระ หน้า 279 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 29)


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 15:24:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:45:10 )

อวินิปาตธรรม

รายละเอียด

ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 51


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:54:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:45:54 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:41:59 )

อวินิปาตธรรม

รายละเอียด

พอเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้คุณสมบัติมันสูงขึ้นไป จนกระทั่งไว้ใจได้เป็น อวินิปาตธรรม หมายความว่ามีคุณสมบัติของโลกุตระ ขึ้นไปได้ถึง 2 ส่วน 4 แล้ว

เพราะฉะนั้น จะยึกยักๆ ได้อยู่ แหม มันจะตกไม่ตกแหล่ ถ้าตกก็คือมันไม่เป็นแล้ว ไม่อยู่ในกระแสแล้ว ใช่ไหม เข้ากระแสแล้วก็ยังมาอยู่ตรงนี้ เดินทางยึกยัก ยึกยัก ถ้าหากยึกยักแล้วตกลงไปอีก มันก็คือ ไม่อยู่ในกระแส แต่ถ้ายึกยักไม่ตก นี่ก็คือผู้ที่อยู่ในกระแส แต่ยึกยักยึกยัก โสดาบันอันที่ 2 

อธิบายอีกที เรามาถึงเส้นชัย มาถึงขีดนี้แล้ว เราก็เข้ามาอยู่ในเขตวงวนนี้ พอเข้ามาถึง แล้วเราก็จะพยายามไปให้ถึงที่สุด ก็เข้ามา เข้ามา มาถึงตรงนี้ มันก็จะต้องพยายาม จะไปแต่มันก็จะถูกดึงลงต่ำไป มันจะดึงลงต่ำ ถ้ามันดึงลงต่ำสุดลงไปอีก แล้วก็ตกจากกระแส แม้แต่กระแสคุณก็ไม่เข้า แต่อันที่ 2 นี้ที่ยืนยันได้ว่า คุณเป็นขั้นที่ 2 แท้ก็คือ คุณจะยึกยักอย่างไรคุณก็ไม่ตกจากกระแส นึกออกไหมเข้าใจไหม แต่มันจะยึกยักอยู่นานเป็นร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปีก็ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 04:58:03 )

อวินิพโภครูป

รายละเอียด

อวินิพโภครูป อ (น นิบาต ไม่) วิส (แยก แบ่ง ส่วนๆ) +นิพโภค (เป็นไป) +รูป หมายถึงรูปที่แยกกันไม่ได้ ในทางพระพุทธศาสนา ถือว่า รูปธาตุในโลกนี้จะต้องมี อวินิพโภครูปเป็นส่วนประกอบ รูปธาตุที่ใหญ่กว่าหรือมีองค์ประกอบร่วมกันของอวินิพโภครูป จะเรียกว่า วินิพโภครูป แปลว่ารูปที่แบ่งแยกได้ รูปทั้ง 8 จะต้องอยู่ร่วมกัน ต่างรูป ต่างอยู่เป็นไม่มีเลย หรือ มีอีกชื่อว่า สุทธัฏฐกลาป

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:27:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:42:44 )

อวินิพโภครูป 8 มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไรกับรูป 28

รายละเอียด

อวินิพโภครูป เป็นรูปที่แยกออกจากกันไม่ได้ เช่นสุขกับทุกข์แยกออกจากกันไม่ได้ แต่แยกให้มาศึกษาได้ มันมีคู่ของมันคือวินิพโภคะ คือรูปที่แยกกันได้ แยกมาวิจัยวิจาร ด้วยความหมายพยัญชนะได้หรือแยกกันออกเป็นอาการได้ เช่นสุขทุกข์ คนที่ติดในสุขก็จะเอาแต่สุข มีทุกข์มาก็พยายามเอาออกจะเอาแต่สุขซึ่งมันไม่มีวันจบ มันเป็นภาวะอวินิพโภครูป เป็นรูปที่แยกไม่ได้จริงๆเลยคือสุขกับทุกข์ แต่อยากมาศึกษาเป็นอาการลำลองได้เป็น dialactic เป็นสิริมหามายา มันแยกกันจริงๆ ไม่ได้เลย แยกได้จริงๆ ก็ต้องรู้ด้วยปัญญาชัดๆ ว่าสภาวะอย่างนี้เป็นอย่างนี้แม้ที่สุดได้ถึงขั้นที่มันแยกได้ รูปที่แยกได้ มีลักษณะ 8 

อวินิพโภครูป 8 ประกอบด้วย มหาภูตรูป 4 และ อุปาทายรูป 4

มหาภูตรูป (รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน) 4 ได้แก่

1. ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) เป็นรูปที่อ่อนหรือแข็ง

2. อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) เป็นรูปที่เอิบอาบหรือเกาะกุม

3. เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) เป็นรูปที่ร้อนหรือเย็น

4. วาโยธาตุ (ธาตุลม) เป็นรูปที่ไหวหรือตึง

มหาภูตรูป 4 นี้ ต้องอาศัยกันเกิดขึ้น จึงแยกกันไม่ได้เลย และมหาภูตรูป 4 นี้เป็นปัจจัย โดยเป็นที่อาศัยเกิดของรูปอีก 4 รูป ที่เกิดร่วมกับมหาภูตรูปในกลาปเดียวกัน คือ

อุปาทายรูป 4 ได้แก่

5. วัณโณ (แสงสี) เป็นรูปที่ปรากฏทางตา

6. คันโธ (กลิ่น) เป็นรูปที่ปรากฏทางจมูก

7. รโส (รส) เป็นรูปที่ปรากฏทางลิ้น

8. โอชา (อาหาร) เป็นรูปที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 13:43:35 )

อวินิพโภครูปมี 8

รายละเอียด

1.ปฐวี (ดิน)

2.อาโป (น้ำ)

3.วาโย (ลม)

4.เตโช (ไฟ)

5.วัณณะ (สี)

6.คันธะ (กลิ่น)

7.รสะ (รส)

8.โอชา (อาหารรูป)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:31:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:03 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:39:12 )

อวิปปฏิสาร

รายละเอียด

ความไม่เดือดร้อน ไม่ลำบาก

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 63


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:55:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:10:02 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:38:52 )

อวิปริณามธัมม , อวิปริณามธัมมัง

รายละเอียด

1. ความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

2. ความไม่แปรเป็นอื่นอีก 

3. ไม่แปรเปลี่ยนอีก , ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า276 ,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 30, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 66, หน้า 94, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 33,142


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:56:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:14:16 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:43:08 )

อวิภาวะ

รายละเอียด

ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 103


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:57:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:16:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:38:34 )

อวิมุตตจิต

รายละเอียด

16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)   

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 14:09:58 )

อวิมุตติ (อวิมุตฺต)

รายละเอียด

1. จิตไม่หลุดพ้น 

2. ไม่หลุดพ้น 

3. จิตไม่หลุดพ้นก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น 

4. จิตของเรายังไม่หลุดพ้นสมบูรณ์สุดก็รู้ชัดแน่แล้ว

5. จิตที่ยังไม่หลุดพ้นก็รู้ว่ายังมีส่วนเศษเหลือ

6. จิตยังเหลือเศษส่วนที่ยังไม่วิมุตติบริสุทธิ์สมบูรณ์ ก็รู้ว่าจิตยังเหลือเศษส่วนที่ยังไม่วิมุตติบริสุทธิ์สมบูรณ์ ก็ต้องจัดการ

7. ใจไม่หลุดพ้น 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 134, หน้า 147, หน้า 155, คนคืออะไร? หน้า 275, หน้า 556, อีคิวโลกุตระ หน้า 35,หน้า230


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 06:59:03 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:22:49 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:37:53 )

อวิมุติจร

รายละเอียด

อวิมุติจรหมายความว่ายังไม่วิมุติสมบูรณ์ มีอวิมุติแทรกมา ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ ยังมีสิ่งไม่บริสุทธิ์ อวิมุติจร ที่จริงวิมุติก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่มีแวบๆเป็นเศษที่ไม่บริสุทธิ์ขึ้นมาก็เรียกว่า อวิมุติจร ใช่ตามที่ถามมา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:41:12 )

อวิวาทะ

รายละเอียด

ความไม่วิวาทกัน

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 102, วิถีพุทธ หน้า 10


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:00:06 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:45 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:35:53 )

อวิวาทะ

รายละเอียด

เรื่องวิวาทะไม่มี ไม่วิวาททะเลาะกับใคร ไม่ทะเลาะไม่วิวาท ขัดแย้งเราก็พยายามสงบระงับความขัดแย้ง แต่มันห้ามยากความขัดแย้ง แต่ขั้นทะเลาะวิวาทเราไม่เอาเราไม่ทำ เพราะฉะนั้นจะไปพูดถึงเรื่องการรบราฆ่าฟันตีกันฆ่ากัน..ไม่เลย หยาบมาก แม้ที่สุด ขัดแย้งกัน แล้วเขาจะมาฆ่าเรา เรายอมให้ฆ่าได้เลย ฆ่าก็ฆ่าไป เพราะเรารู้จักความตายความเกิด เราไม่ได้มีวิบากอะไร เราไม่ได้ไปเบียดเบียนทำร้าย แต่เขามาฆ่าเรา วิบากเป็นของเขา เรารู้กรรมวิบากของแท้ เขาไม่รู้ เขาทำเขาก็ต้องได้ ชีวิตถ้าเราจะอยู่ต่อเป็นพระอรหันต์แล้วจะตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เลิกกัน ถ้าไม่ตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะอยู่อีกต่อไป ผู้ที่มีการทำต่อเราเป็นหนี้เป็นวิบากเขาก็ต้องมาใช้หนี้เวรหนี้กรรมแก่เรา อันนี้ไม่ใช่ไปขี้ตู่อะไร แต่มันเป็นสัจจะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาแล้วจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 11:40:01 )

อวิหิงสาสังกัปโป

รายละเอียด

ดำริในความไม่เบียดเบียน

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า155


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:00:48 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:28:12 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:38:11 )

อวีตะ

รายละเอียด

ไม่ปราศจาก

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า219


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:01:14 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:29:25 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:35:36 )

อสมหิต

รายละเอียด

จิตไม่เป็นสมาธิ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 154


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:23:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:44:02 )

อสมาหิต , อสมาหิตะ

รายละเอียด

1. จิตที่ยังมีเศษมีส่วนใดที่ยังไม่แข็งแรงมั่นคง ยังไม่เป็นไปในอำนาจเด็ดขาด ยังไม่มั่นคงแท้ 

2. จิตยังไม่สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ ก็รู้ชัดมั่นใจ

3. จิตที่ยังไม่มีพร้อมทั้งกุศลประโยชน์ทั้งตั้งมั่น ก็รู้ว่าตนมีจิตยังไม่มีพร้อม 

4. จิตที่ยังไม่เป็นสัมมาสมาธิสมบูรณ์ มีเศษเหลือ

5. ใจไม่เป็นสมาธิ 

6. จิตยังไม่ตั้งมั่น 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 146, คนคืออะไร? หน้า 275,  556, อีคิวโลกุตระ หน้า 35, 229, 

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 104


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:39 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:43:20 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:37:03 )

อสมาหิตจิต

รายละเอียด

14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 14:07:12 )

อสรีระ

รายละเอียด

1. ไม่มีรูปร่าง 

2. ไม่มีร่างแท่ง ร่างก้อน ไม่มีสีสัน ไม่มีทรง ไม่มีโฉม

3. ไม่ใช่เรือนร่าง ไม่ใช่โฉมกาย 

4. เป็นเรื่องของจิตที่ไม่มีรูป ไม่มีร่าง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 11 , รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 123 , ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 67, สมาธิพุทธ หน้า 232, หน้า 252,

ทางเอก ภาค 2 หน้า 481


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:41:39 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:19:43 )

อสรีรัง

รายละเอียด

1. ไม่มีรูปร่างคงที่แน่นอน อยู่เฉลี่ยไปทุกส่วนของร่างกายตามรูปขันธ์ ใหญ่บ้าง รูปขันธ์เล็กบ้าง รูปขันธ์น้อยบ้าง จะสัมพัทธสัมพันธ์เฉลี่ยกันแทรกซึมแฝงไปทุกจุดทุกซอกยิ่งกว่าของเหลว ยิ่งกว่าอากาศ ยิ่งกว่าอุณหภูมิ ไม่มีนิ่งได้อยู่อย่างนั้น 

2. จิต เจตสิก ไม่มีภาพ ไม่มีรูปร่าง

3. ไม่มีรูปร่างโฉมกาย , ไม่มีรูปร่าง – ไม่มีรูปกาย

4. ไม่มีร่าง ไม่มีดินน้ำไฟลมให้สัมผัสเห็นสัมผัสรู้ได้

5. ไม่มีรูปร่างโฉมกายสีสัน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค2 หน้า184, หน้า600, เปิดโลกเทวดา หน้า 48 , 158, ค้าบุญคือบาป หน้า211

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ269


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:01 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:34:06 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:20:50 )

อสรีรัง

รายละเอียด

อสรีรัง ไม่มีรูปร่าง สรีระคือรูปร่าง ไม่มีรูปร่างไม่เห็น แล้วที่พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนท่านให้เรียนในนี้ คูหาสยัง กายยาววา-หนาคืบ-กว้างศอกพร้อมสัญญาและใจ ในร่างนี้จับไม่ได้ บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะอยู่ปลายนิ้วมันจะอยู่ตรงพุง ทางธรรมกายเขาก็บอกอยู่ที่เหนือสะดือ 2 นิ้ว ทางด้านอภิธรรมก็บอกว่าอยู่ที่หัวใจห้องที่ 4 ซึ่งไม่มีที่อยู่แน่นอนหรอก หทยรูป

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:47:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:20:15 )

อสังกุปปะ , อสังกุปปัง

รายละเอียด

1. ปลอดภัย

2. ไม่กลับกำเริบ 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 276หน้า 277, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 159 , รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 94 ,

 


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:40:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:35:18 )

อสังขตธรรม

รายละเอียด

1. ธรรมที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง , ธรรมที่ไม่ให้ปัจจัยใดๆ ปรุงแต่งได้อีกแล้ว ได้แก่นิพพาน 

2. นิพพาน หรือสิ่งที่ไม่มีการปรุงแต่งแล้ว

3. เพื่อความสิ้นทุกข์ที่แท้จริง 

4. ธรรมที่ไม่เกิดจากเหตุปัจจัย , เหตุปัจจัยทำให้ธรรมนี้เกิดอีกไม่ได้แล้ว[ไม่มีความเกิดเป็นธรรมดา]

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 478,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 19, ทางเอก ภาค 2 หน้า 284, 

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า270


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:07 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:34:05 )

อสังขาริก

รายละเอียด

1. ไม่มีกิเลสาสวะใดเป็นเหตุชักนำให้เกิดทุจริต – อกุศลใดอีกเลย

2. ไม่มีพลังงานของ “เหตุ” มามีส่วนผลักดันในจิตใจเลย ไม่มีพลังานแม้เล็กแม้น้อยของกิเลสาสวะกระตุ้นจิตใจเลย ไม่มีพลังงานแม้เศษของอวิชชาสวะหรืออวิชชานุสัยใดชักนำเลย

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า101, หน้า 220


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:53:34 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:21:14 )

อสังคณิกะ

รายละเอียด

ไม่คลุกคลีหรืออยู่ด้วยหมู่คนชั่ว

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า378


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:31 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:23 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:21:31 )

อสังสัคค , อสังสัคคะ

รายละเอียด

1. เป็นผู้ไม่คลุกคลีกับเรื่องอันยังยึด ติดอยู่ เช่น กาม วัตถุสมบัติ , สวรรค์ 

2. เลิกเกี่ยวข้อง

3. ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง

4. จิตปล่อยวาง เลิกคลุกคลี เกี่ยวข้อง

5. อย่าให้มีการคลุกคลี อย่าให้มันไปเกี่ยวข้อง อย่าให้มันปรนปรุง อย่าให้มันร่วมสังวาส สืบสัมพันธ์กัน

6. ไม่หลงสวรรค์โลกีย์ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 307, หน้า200, ทางเอก ภาค 2 หน้า 219, คนคืออะไร? หน้า 285, สมาธิพุทธ หน้า74, 

ค้าบุญคือบาป หน้า99


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:15 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:58 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:21:59 )

อสังสัคคกถา

รายละเอียด

เรื่องที่ชักนำไม่ให้คลุกคลีกับหมู่กิเลส อันนี้เราแปลนะ ของทางเถรสมาคมเขาแปลกันว่าคลุกคลีด้วยหมู่คณะ เท่านั้นเอง เขาไม่มีคำว่ากิเลส สังสัคคะ  คือประกอบสวรรค์กัน อสังสัคคะคือ ไม่ประกอบสวรรค์ แต่เขาก็แปลกันว่าไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ซึ่งอาตมาก็ว่า เอ๊.. เจตนาแปลให้ผิดเพี้ยนให้เลี่ยงออกไปหรือเปล่า แต่เขาก็บอกว่าเขาเรียนบาลีแปลกันมาอย่างนั้น อาตมาแปลนี้นอกรีต ..เอา ก็ยอมแพ้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:48:36 )

อสังสัคคะ

รายละเอียด

อย่าคลุกคลีเกี่ยวข้องกับ คนพาล คนชั่ว คนโง่ คนอวิชชา คนขี้เกียจ คนขี้คร้าน คนทุจริต คนอกุศล

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 89


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:28:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:07 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:22:23 )

อสังสัคคะ คืออย่างไร

รายละเอียด

อสังสัคคะ คือไม่ติดสวรรค์ไม่หลงสวรรค์ สัคคะ แปลว่า สวรรค์ อ แปลว่าไม่ รู้จักสวรรค์คือของเก๊ อารมณ์สวรรค์คืออารมณ์ของคนโง่ อารมณ์ที่ต้องการสวรรค์ต้องการความสุขต้องการความอร่อยต้องการความสนุกสนานเป็นอารมณ์โง่ 

ถ้าอารมณ์ปกติคือคนที่รู้ว่าอะไรคืออะไรโดยสภาพของมันเอง ไม่ต้องมีอารมณ์เก๊มาผสม มีแต่อารมณ์แท้ๆความรู้สึกแท้ๆ ความรู้สึกตามความเป็นจริงเท่านั้น นี่คือคนฉลาด คนโง่ก็ไปติดอารมณ์ติดสนุก ติดอร่อย ติดความเพลิดเพลิน หวือหวา ตีลังกาอะไรสร้างสวรรค์อย่างโง่ๆ เรียกว่า สัคคะ นี่ เขาไม่เข้าใจเรื่องสวรรค์คืออะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:29:25 )

อสังสัคคะในกถาวัตถุ 10 ข้อที่ 4

รายละเอียด

ไกลจากวิเวก ไม่รู้จักวิเวกแล้ว เพราะไปหลง สังสัคคะ คือ ประกอบไปด้วยสวรรค์ แล้วใช้พยัญชนะว่าอสังสัคคะ แปลว่าไม่คลุกคลีกับหมู่ แต่ที่จริงว่าไม่คลุกคลี คืออย่าไปหลงกับสวรรค์ไม่หลงประกอบสวรรค์อยู่ คือ อสังสัคคะ คือสภาวะแท้สภาวธรรมที่อาตมาแปลให้ฟัง ท่านเรียนแต่พยัญชนะแล้วเมากับพยัญชนะไม่ได้เรื่องได้ราว อาตมาก็เจาะลงไปถึงเนื้อแท้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:54:22 )

อสังหิร , อสังหิรัง

รายละเอียด

1. ไม่มีอะไรๆ จะมาเอาชนะหรือหักล้าง ล้มล้างได้

2. อันอะไรๆ นำไปมิได้

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 276,ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า159, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 66,94 , ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 33,

 


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:43 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:10:21 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:34:29 )

อสังหิรัง

รายละเอียด

สังคมชาวอโศกเป็น คอมมูน ถึงขั้นสาธารณโภคี เป็นนักประชาธิปไตยที่เสียภาษีให้รัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ และก็พูดมาหลายครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นชาวอโศกเป็นผู้ที่จบสุดแล้วในเรื่องของความเป็นมนุษย์สังคมและระบอบของโลกในยุคนี้ มันพูดใหญ่มากเลย ที่ทำได้เพราะทฤษฎีของพระพุทธเจ้าและอาตมาเอามาอธิบายได้ผล พวกคุณสามารถปฏิบัติได้รู้ได้ทำได้จนเป็นสังคมที่แข็งแรง อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้)ไม่มีใครล้มล้างได้ง่ายๆ เป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:16:37 )

อสัญญี

รายละเอียด

1. ดับจิตแบบไม่รับรู้อะไรทั้งหมดสนิท 

2. ดับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้อะไรรอบตัว 

3. สิ้นจิต , สิ้นสัญญา 

4. ไม่กำหนดหมายตามกติกาของสังคม ไม่เอาด้วยตามที่มนุษย์เขายึดถือกัน ไม่ยึดถือตามสังคมเขายึดถือ หมดความเกรงใจสังคม

5. วางโลก วางผู้คน ปล่อยหมด ไม่เอาภาระอะไร วางสิ้นแม้แต่การรับรู้ 

6. สภาพไม่รับรู้อะไรเลย ดับสนิททั้งหมด ทั้งความรู้สึก(เวทนา) ทั้งการกำหนดรู้(สัญญา) เท่ากับวัตถุไม่มีชีวิต

7. ดับการกำหนดรู้สนิท ไม่มีความรู้สึกใดๆ

8. ไม่มีสัญญากำหนดรู้อะไรเลย ดับจิตดำมืดไปเลย

9. ดับความรู้สึกในจิต ไม่รู้อะไรเลย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 20, ทางเอก ภาค 2 หน้า 109, 413,444,คนคืออะไร? หน้า 208,อีคิวโลกุตระ หน้า 132


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:24:29 )

อสัญญีสัตว์

รายละเอียด

1. สัตว์ที่มีชีวิต แต่ไม่เรียกว่ามีจิต หรือแม้ที่สุดดูเหมือนว่าไม่มีสัญญา

2. สภาพเมื่อจิตดับได้เกลี้ยง หยุดได้สนิท หลับสนิท สิ้นสมปฤดี ไม่มีจิตรับรู้อะไรเลยจริงๆ ของฌานหลับตา

3. ผู้ไม่มีความรู้สึก 

4. ดับชนิดไม่มีความรับรู้อะไรเลย เป็นพรหมลูกฟัก

5. ไม่มีการกำหนดรู้และไม่รับรู้สึกใดๆ แล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 276, ทางเอก ภาค 3 หน้า 55, คนคืออะไร? หน้า 386, หน้า519, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 167


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:39 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:32:06 )

อสัญญีสัตว์

รายละเอียด

อสัญญีสัตว์เป็นสายเทวนิยมสายสะกดจิต สายที่จะไม่ชัดเจนเรื่องความเป็นสัตว์ จมอยู่สุดท้ายกับโอปปาติกสัตว์ ไม่หมดความเป็นสัตว์ทางจิตวิญญาณเพราะจะกำหนดสัญญา หรือสัญญี คือที่มีตัวกำหนดรู้ อสัญญีก็ไปดับสัญญา นั่งหลับตาสมาธิเป็นการดับสัญญา หากหมดสัญญาไปดับสัญญาก็เจ๊งเลย มีแต่ดับๆๆ จมกลายเป็นอสัญญีสัตว์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 15:44:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:32:31 )

อสัญญีสัตว์

รายละเอียด

คุณจะหยุดนิ่งเฉยคุณระงับสัญญาเครื่องกำหนดอาการกำหนด หน้าที่กำหนดเองรู้ไหม คุณดับไม่ให้มันทำหน้าที่ไปเลย คุณดับแล้วก็ไม่รู้แม้แต่ความรู้สึกเวทนาก็ไม่รู้สึก คุณก็เรียกรวมว่าดับทั้งเวทนาสัญญา อสัญญีสัตว์พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้หมด ผู้ที่ไม่รู้ไปดับ คำว่าดับคือไปดับเวทนาดับสัญญา คุณก็เป็นอสัญญีสัตว์ คุณมิจฉาทิฐิอยู่ไปปฏิบัติเพื่อที่จะให้ทิ้งความเป็นสัตว์ 4 ประการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 12:12:10 )

อสัญญีสัตว์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้อย่างนี้คุณก็ไปงมโข่ง กายสังขาร ทำกายภายนอกให้สงบได้นึกว่าเสร็จ คุณก็นั่งสงบหลับตาทำให้จิตมันหยุด อย่าง หยาบ กลาง ละเอียด อย่างที่คุณจะประมาณเอง ว่ามัน หยาบ กลาง ละเอียด คือมันหยุดนิ่งจนคนไม่รู้เรื่องเป็นอสัญญีสัตว์ได้คุณก็นึกว่าสงบจิต เป็นอสัญญีสัตว์ ไม่กำหนดรู้อะไรเลย มะลื่อทื่ออยู่อย่างนั้น ซึ่งน่าสงสารแล้วก็เต็มอยู่ในเมืองไทยอย่างที่อาตมาพูดนี่แหละ ทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติได้อยู่แค่นี้ ไม่ได้ก็คือปฏิบัติให้ได้อย่างที่อาตมาพูดนี่แหละ เป็น เดียรถีย์ ซึ่งไม่ได้เป็นของโลกุตรธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 12:17:06 )

อสัญญีสัตว์ เป็นไฉน

รายละเอียด

ของศาสนาพุทธไม่ทำ อสัญญีสัตว์ เหมือนอย่างพวกที่นั่งหลับตาปฏิบัติธรรมที่เป็นโมฆะ คือไปปฏิบัติเพื่อให้เป็น อสัญญีสัตว์ เป็นสัตว์ที่ไม่มีการกำหนดหมาย ให้สัญญามันไม่ทำงาน ก็เลยไปเรียกแม้แต่คำที่ถูกต้องที่สุดเลยคือ สัญญาเวทยิตนิโรธ เขาก็เอาไปเรียกว่าเป็นการดับเวทนาดับสัญญา ดับอย่างบื้อๆดื้อๆทื่อๆ สัญญาทำหน้าที่กำหนดหมายก็ไม่ให้มันทำงาน เวทนาก็ไม่ให้มันรู้สึกอะไร จึงเรียกว่า อสัญญี ดับความรับรู้แข็งไปหมด เขาเรียกว่าเป็นพรหมลูกฟัก ทำได้เสร็จแล้วมันเข้าล็อคติดเลย แล้วก็ไม่รู้ตัวเองกลายเป็นตัวแข็งเป็นพรหมลูกฟัก เขาเรียกว่าเข้านิโรธได้เก่ง แข็งเลย ใครจะไปขยับอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนท่า แกะไม่ออก นั่งอยู่ในท่าไหน ขัดสมาธิอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ดึงอย่างไรก็ไม่ออก ดึงก็หักเท่านั้นเอง อย่างนั้นเลย 

นี่คือมิจฉาทิฐิเขาไปไกลมากเลย เพราะฉะนั้นปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธทุกวันนี้ชาวไทยนักปฏิบัติสายปฏิบัติทั้งหลาย ทำตนให้เป็น อสัญญีสัตว์ หรือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:08:48 )

อสัญญีสัตว์คืออะไร

รายละเอียด

อันนั้นมันเป็นอสัญญีสัตว์ คือ ไม่มีแม้แต่สัญญาจะไปรับรู้อะไรด้วยเลย เวทนาก็ไม่รู้เพราะตัวกำหนดรู้อยู่กับสัญญา สัญญีแปลว่าผู้มีสัญญา คนนี้ดับสัญญาไม่มีการกำหนดรู้เลย เวทนาก็ไม่รู้ สังขารก็ไม่รู้ วิญญาณก็ไม่รู้ ธาตุรู้ไม่มีอะไรเลยเหมือนคนถูกวางยาสลบ ไม่รู้ตัวเลยในภายนอก แต่จิตใจฟุ้งซ่านภายในก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่รับรู้แล้วร่างกาย ทิ้งความรับรู้ภายนอกหมด อสัญญีเป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน อานิสงส์ของคนที่ให้คู่ครองไปบวช


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:21:15 )

อสัญญีสัตว์เป็นสัตว์แท้ๆที่อวิชชา

รายละเอียด

จมสู่ความหลง หนักเข้าหนักเข้า เพราะฉะนั้นจุดที่สายนั่งหลับตาได้สูงสุดก็คืออสัญญีสัตว์ สัตว์ที่ใช้สัญญากำหนดไม่ได้แล้ว ไม่มีสัญญากำหนดแล้ว ธาตุจิต เจตสิก เวทนา สัญญา สังขาร มีตัวสัญญาเป็นตัวทำงานรู้ พอสัญญามันดับ สัญญามันไม่ทำงานเลยแล้วจะเอาเวทนาไปรู้ตรงไหนจะเอาสังขารมารู้ตรงไหน มันไม่มี เพราะคุณดับสัญญาไม่ให้สัญญาทำงาน คุณก็เป็นอสัญญีสัตว์ เป็นสัตว์แท้ๆเป็นสัตว์ที่อวิชชา ทีนี้ไปปฏิบัติก็เป็นการมิจฉาทิฏฐิมิจฉาปฏิบัติ เลยไปได้เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน ซึ่งเป็นฌานของอุทกดาบส ฌานหลับตา มืดและมืด เดี๋ยวนี้ก็ยังมืดอยู่เลย เป็นสัมภเวสีที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะตายไปแล้วเป็นสัมภเวสีไม่มีใครเห็นใครหรอก มีแต่เดามีแต่ฟุ้งซ่านมีแต่อุปาทานไปว่าเห็น แต่แท้จริงเป็นนิรมาณกาย แล้วก็ร่วมสอดคล้องกันเป็นสัมโภคกาย แต่ต่างคนต่างก็คือคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:08:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:31 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:33:11 )

อสันต

รายละเอียด

ไม่มีความเก่งจริง ไม่มีฤทธิ์จริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า465


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:31:06 )

อสันตุฏฐิ

รายละเอียด

ไม่มีความพอ หรือไม่สันโดษ คือผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องกิเลส หรือไม่ได้ศึกษาธรรมะ ก็ไม่รู้จักพอ มีเท่าไหร่ๆ ก็จะไม่พอ มีมากแล้วก็ยังไม่พอ

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 83


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:44:54 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:51 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:30:51 )

อสาธารณัง ปุถุชฺชเนหิ

รายละเอียด

ไม่สามัญทั่วไปกับปุถุชน

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า133


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:51:00 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:29:11 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:31:29 )

อสิโลกภัย

รายละเอียด

ภัยจากถูกติเตียน

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 71


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:52:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:30:31 )

อสีติสาวก

รายละเอียด

โลกนี้โดยเฉพาะความเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าจะมีคนที่เป็นตัวอย่าง เรียกว่า อสีติสาวก เป็นตัวอย่างหนึ่ง เป็นตัวอย่างที่ จัดที่สุด เป็นเชื้อที่เข้มที่สุด คนที่หลงที่สุด แต่ก็หลุดได้เป็นที่สุดเหมือนกัน อย่างเช่นพระมหากัสสปะ หลุดได้ด้วยปัญญา แต่ตัวเองก็ยังอยู่ป่า เป็นสิริมหามายาเป็นภาษา 2 ไม่หลงป่าแล้วแต่ก็ต้องอยู่ป่า เป็นวาสนาของท่านเป็นสิ่งที่ท่านสั่งสมมาไม่รู้กี่ล้านชาติ หลงป่าติดป่ามา แล้วมาถึงยุคพระพุทธเจ้าก็พอดีจะต้องมาเป็นหนึ่งในอิสีติสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในตัวอย่างที่ยกมา อสีติสาวก  สุดยอดแล้วหลุดพ้นมาได้ แม้จะทุกข์ทรมานอย่างมากก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง คนที่สูงสุดหรือลงต่ำสุด แต่ก็หลุดพ้นได้ เป็นตัวอย่างนี้เป็นต้นจะมี 1 และ 1 1 1 เป็นตัวอย่างอยู่ 80 อย่าง เป็นของแต่ละบุคคลเพื่อมายืนยันว่ามนุษย์เป็นเช่นนี้ได้นะ สุดโต่งไปจนสุดโต่ งแต่ก็หลุดพ้นได้ เป็นตัวอย่างความสุดโต่งแต่หลุดได้

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:32:51 )

อสีติสาวกสุดโต่งแล้วแต่วาสนาบารมี

รายละเอียด

ที่พระพุทธเจ้าท่านเทียบคือ ท่านจะทรมานเท่ากับคนคนนั้นได้แต่ท่านก็ไม่ทำ รายละเอียดอย่างที่คนอยากจะให้ ไปสุดโต่งอย่างที่คนคนนั้นชอบ ชอบอย่างไรก็อยากจะไปทำอย่างนั้น แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าแล้วแต่บารมีแล้วแต่วาสนาแล้วแต่คนจะเป็น ปล่อยเขาไปตามลำดับ ปัญญาธาตุรู้ของเขาจะเป็นตัวนำพาเขามาเอง จะนำพาเข้ามาหาความเป็นกลางที่สุด ความเหมาะสมที่สุด ความสมดุลที่สุด ความไม่ โต่งไปโต่งมาที่สุด นี่คือความหมาย คุณทำให้ได้ตรงตามความหมายนี้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นตัวอย่างที่ยกมาสุดโต่ง อย่างเช่นพระอรหันต์พูดคำหยาบพูดอะไรก็จะมีคำว่าไอ้ถ่อย ก็เป็น อสีติสาวก องค์หนึ่ง ก็ไม่รู้จะไปห้ามอย่างไร แต่ท่านก็หลุดพ้นได้ เป็นพระอรหันต์ได้อย่างนี้เป็นต้น แล้วคุณจะอยากได้มั้ยล่ะ..สิ่งที่มันทำได้ยากอย่าง นั้น เอามันอย่างสบายไม่ต้องไปหนักข้างใดข้างหนึ่งมันไม่ดีกว่าหรือใช่ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:35:24 )

อสุจิ

รายละเอียด

ไม่บริสุทธิ์ ไม่สะอาด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 423


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:13 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:11 )

อสุภสัญญา

รายละเอียด

เจริญอสุภะ ให้พยายามเห็นเป็นไม่งาม ไม่สวย ไม่ดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า229


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:39 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:30:15 )

อสุรกาย

รายละเอียด

1. พวกที่เกิดความกลัวขึ้นในใจ กลัวเพราะอะไรก็ตาม ใครมีความกลัวมากก็มีโอกาสสร้างกายทิพย์ในตนเป็นอสุรกายมากเท่านั้น

2. จิตที่ยังไม่กล้าแข็ง แม้จะรู้ว่านี่กิเลส นี่ตัณหา ตนก็ยังเอาชนะชั่วนั้นไม่ได้ หรือจิตที่ขี้กลัว ไม่ว่าจะเป็นกลัวอะไรก็ตาม แม้แต่จะจ่ายทรัพย์ออกเสพสิ่งที่อยาก ก็ล้วนกลัวจะหมดจะพร่อง ก็จำยอมทุกข์ทนอดอยากอยู่นั่นเอง หรือแม้กระทั่งที่สุดกลัวความตาย

3. องค์ประชุมของใจภายในที่อยู๋ใต้อำนาจของกิเลส , จิตองค์รวมที่ไม่กล้าทำดี , ความเป็นสัตว์โอปปาติกะที่อ่อนแอต่อโลกธรรม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า334, ทางเอก ภาค 2 หน้า 235, ค้าบุญคือบาป หน้า278


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:56:13 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:37:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:29:58 )

อสุรกาย นรก สวรรค์ อยู่ในจิตเรา รู้ได้ในปัจจุบัน

รายละเอียด

อสุรกายก็คืออยู่ในจิตเรานี่แหละ ต้องรู้ตัวมันให้จริง ไม่ใช่ว่าอสุรกายคือ เมื่อตายไปแล้วจิตเราก็ไปเกิดเป็นอสุรกายในภพหน้า ชาติหน้า โลกหน้า 

คำว่าโลกหน้าก็คือ โลกนี้นี่แหละ ถ้าคนเข้าใจแล้ว รู้เป็นสัมมาทิฏฐิดี 

โลกหน้าก็คือ ดินแดนโลกุตระ อยู่กับเราตรงนี้แหละ ไม่ใช่ตายแล้วค่อยไปโลกหน้า คิดแบบนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นพวกที่ไม่มีทางสำเร็จ ไม่มีทางบรรลุธรรม เข้าใจโลกหน้า ตายแล้วค่อยไปลงนรก ค่อยไปขึ้นสวรรค์ ต้องรู้สวรรค์ ต้องรู้นรกในปัจจุบันนี้ ว่าจิตของเราหรือเวทนา จับอาการความรู้สึกเรียกว่า เวทนาในเวทนา พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ในขณะที่มีผัสสะเป็นปัจจัย เป็นปัจจุบันชาติ ทิฏฐธรรม สัมผัสกันหลัดหลัดกันเลยขณะนี้ มันแพ้กาม อ่อนแอสู้มันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 19:51:57 )

อสุรกายคือจิตอ่อนแอ ที่แม้แต่หมากก็ยังติด

รายละเอียด

เรื่องกินหมาก สูบบุหรี่ อาตมาว่าเป็นเรื่องของสิ่งเสพติด ยาเสพติด ยาอี ยาบ้า อะไรพวกนี้เป็นต้น ก็ไม่ได้บัญญัติ ยาอี ยาบ้า ก็ไม่ได้บัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกหรอก  เอาเถอะคุณจะศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าตามแนวคิดของคุณ แค่ความกินหมาก สูบบุหรี่ ก็เข้าใจไม่ได้ คุณก็ต้องอยู่กับมหาบัวต่อไปก็แล้วกัน ไม่มีปัญหาหรอก กินหมาก สูบบุหรี่ เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเสพติด ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาระมัดระวังอะไร พระอรหันต์ก็ทำได้ คุณก็เป็นพระอรหันต์สูบยา เป็นอรหันต์กินหมาก จะแถมยาอี ยาบ้าอีก ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะคุณว่าไม่ได้บัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก ยิ่งยาอียาบ้า ไม่ได้บัญญัติไว้ใหญ่เลย อยากก็ทำซิ ไม่มีใครห้ามเลย จะเป็นอรหันต์กินหมาก สูบบุหรี่ ก็เอาเลยถ้าคุณยังกินหมาก สูบบุหรี่ ก็อยู่กับมหาบัวต่อไป ยาอี ยาบ้าก็ไม่เห็นได้บัญญัติในพระไตรปิฎก แนวคิดที่พยายามไม่เชื่อแม้แต่เรื่องนิดแค่นี้ ขออภัยเถอะอย่าหาว่าอาตมาได้ไปพูดข่ม มหาบัวมากเลย มหาบัวยังไม่มีภูมิธรรมมากเลย ใจยังอ่อน ใจยังไม่แข็ง ยังอ่อนแอ 

จริงๆ เคยพูดแล้ว ไม่ใช่มหาบัวจะไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าหมากพลูเป็นสิ่งเสพติด เคยคิดเลิกแต่เลิกไม่ได้ ก็เลยกลบเกลื่อน อย่างที่อาตมาเคยพูดมาหลายที ข้างในเขาจะรู้กันดีเรื่องนี้เพราะเป็นเหตุการณ์จริงๆ ในชีวิตมหาบัวเอง เสร็จแล้วก็หลอกชาวบ้าน ว่าตัวเองนี้เป็นพระอรหันต์ แท้จริงเป็นคนที่อ่อนแอ แค่สิ่งเสพติดแค่นี้ก็ละไม่ได้ จึงเรียกภาษาบาลีว่า อสูรกาย เป็นคนไม่กล้า จิตอ่อนแอมาก สิ่งเสพติดแค่นี้เลิกไม่ได้ แล้วกลบเกลื่อนหลอกผู้อื่นต่อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 11:14:37 )

อสุรกายคือใจที่ไม่กล้า

รายละเอียด

(1) อสุรคือจิตแท้ ของคน

ใจไม่กล้าของตน นั่นแท้

ใจตนต่ำลงจน เลวชั่ว ใช่เลย

คือจิตคนผู้แพ้ บ่กล้าทำดี

(2) แม้มีโอกาสให้ ตนทำ

แต่เพราะกิเลสจำ พ่ายแพ้

อ่อนแอจึ่งไม่สำ- เร็จกิจ นั้นนา

ลาภยศสรรเสริญแล้ ฤทธิ์ร้ายทำลายคน

(3) ปุถุชนทั้งหมดล้วน คืออสูร

เล็กใหญ่ตามกายกูล แต่ละผู้

นามและรูปคือมูล ประชุมเกิด กายแฮ

อสุรกายนั้นรู้- จักได้ในตน

(4) ทุกคนเรียนอ่านได้ จริงตาม จิตเฮย

องค์ประชุมรูปนาม เพ่งรู้

เห็นกายเกิดพ่ายกาม นั่นแหละ อสูรแล

จิตอ่อนแอไป่สู้ บ่กล้าทำดี

(5) ทุกคนมีจิตนี้ ในตน

พึงฉลาดทำใจจน แกร่งกล้า

เอาชนะจิตตนชน อุปสรรค 

โอกาสดีอย่าช้า จักพ้นจิตอบาย

(6) อสุรกายจิตแท้ ตนทำ

จิตถูกกิเลสกำ- หนดไว้

จิตจึงอ่อนแอสำ- เร็จเสร็จ มารเลย

ต้องกำจัดกิเลสได้ จึ่งพ้นจิตอบาย

(7) อสุรกายดับสิ้น จากจิต

บริสุทธิ์ให้สนิท จึ่งแท้

เผด็จศึกประเสริฐฤทธิ์ กันเถิด

จะชนะทุกสิ่งแล้ อย่าแพ้ภัยตัว.

 

สไมย์ จำปาแพง

5 พ.ค. 2558

[นัยปก เราคิดอะไร ฉบับ 299 ประจำเดือน มิถุนายน 2558]

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:38:06 )

อสุรกายคือใจที่ไม่กล้า

รายละเอียด

พอพูดถึงตรงที่จิตอ่อนแอนี้ ก็มีคนเอากวีที่อาตมาได้เขียนเอาไว้ ลงในหน้าปก หนังสือ “เราคิดอะไร” ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 เดือนพฤษภาคม  

_อสุรกายคือใจที่ไม่กล้า

(1) อสุรคือจิตแท้ ของคน

ใจไม่กล้าของตน นั่นแท้

ใจตนต่ำลงจน เลวชั่ว ใช่เลย

คือจิตคนผู้แพ้ บ่กล้าทำดี

(2) แม้มีโอกาสให้ ตนทำ

แต่เพราะกิเลสจำ พ่ายแพ้

อ่อนแอจึ่งไม่สำ- เร็จกิจ นั้นนา

ลาภยศสรรเสริญแล้ ฤทธิ์ร้ายทำลายคน

(3) ปุถุชนทั้งหมดล้วน คืออสูร

เล็กใหญ่ตาม”กาย”กูล แต่ละผู้

นามและรูปคือมูล ประชุมเกิด กายแฮ

อสุรกายนั้นรู้- จักได้ในตน

(4) ทุกคนเรียนอ่านได้ จริงตาม จิตเฮย

องค์ประชุมรูปนาม เพ่งรู้

เห็นกายเกิดพ่ายกาม นั่นแหละ อสูรแล

จิตอ่อนแอไป่สู้ บ่กล้าทำดี

(5) ทุกคนมีจิตนี้ ในตน

พึงฉลาดทำใจจน แกร่งกล้า

เอาชนะจิตตนชน อุปสรรค 

โอกาสดีอย่าช้า จักพ้นจิตอบาย

(6) อสุรกายจิตแท้ ตนทำ

จิตถูกกิเลสกำ- หนดไว้

จิตจึงอ่อนแอสำ- เร็จเสร็จ มารเลย

ต้องกำจัดกิเลสได้ จึ่งพ้นจิตอบาย

(7) อสุรกายดับสิ้น จากจิต

บริสุทธิ์ให้สนิท จึ่งแท้

เผด็จศึกประเสริฐฤทธิ์ กันเถิด

จะชนะทุกสิ่งแล้ อย่าแพ้ภัยตัว.

สไมย์ จำปาแพง

5 พ.ค. 2558

[นัยปก เราคิดอะไร ฉบับ 299 ประจำเดือน มิถุนายน 2558]

อสุรกายคือใจที่ไม่กล้า

(1) อสุรคือจิตแท้ ของคน

ใจไม่กล้าของตน นั่นแท้

ใจตนต่ำลงจน เลวชั่ว ใช่เลย

คือจิตคนผู้แพ้ บ่กล้าทำดี

(2) แม้มีโอกาสให้ ตนทำ

แต่เพราะกิเลสจำ พ่ายแพ้

อ่อนแอจึ่งไม่สำ- เร็จกิจ นั้นนา

ลาภยศสรรเสริญแล้ ฤทธิ์ร้ายทำลายคน

(3) ปุถุชนทั้งหมดล้วน คืออสูร

เล็กใหญ่ตาม”กาย”กูล แต่ละผู้

นามและรูปคือมูล ประชุมเกิด กายแฮ

อสุรกายนั้นรู้- จักได้ในตน

เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาจึงจะรู้ความเป็นอสูรกายในตัวเอง จะรู้ได้ 

(4) ทุกคนเรียนอ่านได้ จริงตาม จิตเฮย

องค์ประชุมรูปนาม เพ่งรู้

เห็นกายเกิดพ่ายกาม นั่นแหละ อสูรแล

รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส นี้กามคุณ 5 แล้วตัวเองพ่าย คนนั้นคือ อสูร อย่างมหาบัวนี้ คือ อสุร หรือ อสูร แท้จริง พ่ายแพ้รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส ที่ตัวเองติด แค่หมาก แค่บุหรี่สิ่งเสพติด ติดในเรื่องของอาหารนั้นนะ ก็ยังพอทำเนา มันทั่วไป มันเยอะ แต่ไอ้ติดต่ำๆ แค่หมากพลู บุหรี่นี้ ยังรู้ไม่ได้ มันไม่ไปถึงไหนหรอก จิตมนุษย์ จิตทั้งอ่อนแอ จิตทั้งไม่ฉลาดพอ จิตแค่นี้นะ 

เห็นกายเกิดพ่ายกาม นั่นแหละ อสูรแล

จิตอ่อนแอไป่สู้ บ่กล้าทำดี

(5) ทุกคนมีจิตนี้ ในตน

ทุกคนมีจิตนี้ ถ้าไม่ฝึกสะ จะจมอยู่ในอสูรนี้

พึงฉลาดทำใจจน แกร่งกล้า

ถ้าไม่ฉลาดพอ ไม่ฝึกฝนตนเอง คนจะไม่แกร่งกล้า

เอาชนะจิตตนชน อุปสรรค 

โอกาสดีอย่าช้า จักพ้นจิตอบาย

กล้าเข้าสู้เลย กล้าชนเลย สู้อุปสรรคพวกนี้

(6) อสุรกายจิตแท้ ตนทำ

เพราะฉะนั้น เมื่อไม่รู้ตนเองเป็นคนทำอสูรกายและอสูรกายยิ่งขึ้นๆ เป็นคนทำลงไปเรื่อย 

จิตถูกกิเลสกำ- หนดไว้

จิตจึงอ่อนแอสำ- เร็จเสร็จ มารเลย

ก็เลยเป็นทาสของมารไปตลอด 

ต้องกำจัดกิเลสได้ จึ่งพ้นจิตอบาย

(7) อสุรกายดับสิ้น จากจิต

บริสุทธิ์ให้สนิท จึ่งแท้

เผด็จศึกประเสริฐฤทธิ์ กันเถิด

จะชนะทุกสิ่งแล้ อย่าแพ้ภัยตัว.

สไมย์ จำปาแพง เป็นผู้แต่ง ชาวอโศกรู้ดี เป็นนามปากกาของอาตมาที่ใช้แต่งบทกวี เป็นชื่อเดิมของอาตมาตั้งแต่ใบเกิด สไมย์ จำปาแพง เป็นชื่อเดิม อาตมาไปเจอใบเกิด เลยเอามาใช้เป็นนามปากกานามแฝง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:22:33 )

อสุเภ สุภสัญญิโน

รายละเอียด

วิปลาสในสิ่งที่ไม่น่าพึงใจว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงใจ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า339


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:54:44 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:22 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:29:07 )

อสูร

รายละเอียด

ยักษ์ , มาร

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า442


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:25 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:45 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:24:47 )

อสูรกาย

รายละเอียด

1. อสูร , ยักษ์

2. อสูรในร่างของคน 

3. พวกที่เกิดความกลัวขึ้นในใจ หรือผู้ที่อ่อนแอทั้งหลายกลัว

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 415, 440 


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:37 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:46:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:25:46 )

อสโฐ

รายละเอียด

ผู้แสดง ผู้อวด ผู้เผยแพร่ผลธรรมที่เป็นอุตตริมนุสสธรรมอันมีในตนแล้วจริงออกปานนี้ จึงไม่ใช่ผู้ฉ้อฉล ไม่ใช่ผู้โอ้อวด ไม่ใช่ผู้ปลอมแปลง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 555


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:27 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:26:41 )

อสโฐ อมายาวี

รายละเอียด

ไม่โอ้อวด ไม่ใช่มารยา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 423


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:50:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:28:33 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์