@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ชีวะ อุตุ ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความเป็นชีวะแล้ว มันมีตาย ส่วนความเป็นอุตุ เป็นวัตถุนั้น มันไม่มีตาย มันมีแต่เสื่อมสลายไปเฉยๆ ไม่มีคำว่าตาย ไม่มีเกิด ไม่มีตาย คำว่า ชีวะ มีเกิดกับตาย อุตุ มันยังไม่มี มันมีแต่เปลี่ยนแปลงไป หมดความเป็นสภาพแล้วก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ตัวตนด้วยนะ หมดความเป็นสภาพ หมดความเป็นสภาวะด้วย เอาตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้ ท่านแบ่งไว้มี 3 Choice อุตุ พีชะ จิต เป็น 3 เส้าใหญ่ๆ อุตุ พีชะ จิต ทีนี้ในอุตุก็ตาม ก็ต้องเกี่ยวกับสอง ในพีชะ ก็เกี่ยวกันกับสอง ในจิตก็เกี่ยวกันกับสอง ทั้งนั้น ตลอด 

ใช่ แต่มันไม่มีตัวมันเอง มันมีธาตุของตัวมันเองแต่มันไม่มีตัวของมันเอง เป็นตัวกลางๆ ใครมาเปลี่ยนแปลงมันมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามผู้ที่มีอำนาจมาเป็นแปลง ผู้ที่มีพลังงานเหนือกว่ามาเปลี่ยนแปลง ให้พลังงานตัวตนตัวสภาพ พลังงานที่เหนือกว่าก็ไปเปลี่ยนแปลงพลังงานที่ด้อยกว่าได้ มันเป็นธรรมชาติของมัน 

ใช่ ไฟกับลม จนมาเป็นตัวตนของน้ำ มาเป็นตัวตนของดิน มันก็เปลี่ยนแปลงสภาพไป สรุปแล้วมันปรุงแต่งกับธาตุ 2 ธาตุ ตั้งแต่บวกกับลบ ขั้นอุตุ ทีนี้ อุตุ มันมีบวกกับลบเท่านั้น มันไม่มีความเป็นชีวะ มันก็ไม่มีชีวะมันก็ไม่มีเกิดไม่มีตาย จนกระทั่งมันสามารถที่จะมายึดตัวตนของมันเป็นชีวะ มันก็มีเกิดมีตาย เพราะฉะนั้นพืช เริ่มเกิดเริ่มตาย แต่มันไม่ได้ยึดตัวตนของมัน เกิดก็เกิด เกิดได้ มีเชื้อให้เกิดมันก็เกิดได้ หมดเชื้อไม่ให้มันเกิดมันก็สลายเป็นอุตุ เท่านั้น ยังไม่มีนามธรรม 

เพราะฉะนั้นเมื่อ ธาตุหรือชีวชาติของพีชะ ชีวชาติ ชีวะการเกิดของพืช ของพีชะ จึงเป็นชีวะที่ เกิด ตาย อย่างไม่มีความอาฆาตมาดร้ายหรือผูกพัน ไม่มีรักไม่มีชัง เพราะฉะนั้น ชีวะที่ตาย กับหมดความเป็นชีวะ ตาย ไม่ผูกพัน ในธาตุของชีวะ ในระดับพืชมันมีเชื้อ เชื้อเกิดของมัน เพราะฉะนั้นถ้าเชื้อของมันหมดฤทธิ์ สลาย มันก็สูญสลายเป็นอุตุ แต่เชื้อของมันยังรักษาเชื้อของชีวะของมันไว้ได้ พร้อมจะเกิด ในชีวะของพืช มันก็เกิดแล้วก็จะพยายามพัฒนาให้เป็นจิตเหมือนกัน  ยังยาก ยังข้ามขีดนี้ไม่ได้ หรือแม้แต่พุทธก็ตาม คนไหนอธิบายเก่งช่วยอาตมาด้วยเถอะ ไก่ตัวพี่ ที่สามารถที่จะรู้ประเด็นนี้ แม้เป็นไก่ตัวพี่ในประเด็นเดียวนี้ก็ได้ 

จริงๆ มันข้ามมา แม้จะเพิ่มจากพืช เชื้อชีวิตของมัน จากพืชข้ามมาเป็นสัตว์ แม้จะเป็นสัตว์เซลล์เดียวเริ่มต้น มันเป็นความรู้ที่ละเอียดลึกมากเลย เขาเรียก nich แล้วมีสิ่งที่จะเกาะอยู่กับ nich ถ้ามันหมุนมันเคลื่อนก็ไปกับมัน แต่มันไปไม่ออก จนกว่า nich จะหลุดออกมาจากที่มันติดอยู่กับ มันหลุดออกมาเขาจะเกิด 2 ตัวแล้ว วงใหญ่นี่มันจะมีมากมีน้อย มีไซโตพลาสซึมอยู่ในนั้น มันก็ไม่เกี่ยวมัน ตัวใครตัวมันมันเป็นของมัน หลุดออกมามันก็เป็นตัวของมัน แม้อยู่ในวงวนของโพรโทพลาสซึม ที่มันหุ้มอยู่ในกรอบของมัน มันก็จะเป็นอิสระของมันอย่างชนิดหนึ่งแล้ว

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 12:18:45 )

ชีวะ 

รายละเอียด

ชีวะ  คือ ธาตุที่จะเจริญไปอีกแต่ระดูนี้มันไหลทิ้งแล้ว  เหมือนถามว่าปัสสาวะในตัวเรามีชีวะไหมก็ไม่มีชีวะ นัยเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:12:01 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:12:15 )

ชีวะของสัตว์

รายละเอียด

ชีวะของสัตว์  คือ  โดยตัวมันเองแล้วตายง่ายกว่าพืช  แต่ถ้าโดยตัวสัตว์มันฉลาดทำให้พืชตายก่อนตัวมัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 06:31:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:17:35 )

ชีวะต้องเป็น 2 คือมีรูปกับนาม

รายละเอียด

สรุปจบอีกที ชีวะมันต้องมีรูปกับนาม ชีวะมันต้องเป็น 2 คุณแตกสลายแล้วไม่มีชีวะ ไม่มีธาตุรู้เลย เป็นอุตุเป็นดินน้ำไฟลม คุณก็ไม่มี 2 เลยไม่มีธาตุรู้ เริ่มธาตุรู้เป็นพีชะ ก็มีความรู้ในกรอบของพีชะ ไม่บังอาจไปรู้อันนอก 3 หรอก พีชะอยู่ในกรอบแค่ 3 เท่านั้นจะขยายเป็น 4 5 6 ไม่ได้ พีชะมันต้องรู้ในกรอบของมัน แล้วมันจะมีธาตุอะไรผสมส่วนมัน มันก็รู้แค่นั้น จบอยู่แค่ของมัน มันทำตัวเองออกไปจากตัวเองไม่ได้ พืชหรือพีชะ มีแต่ตัวเองจะเสื่อมลงไป

ถ้าจะพัฒนาขึ้นมาต้องมีคนไปช่วย จึงเรียกว่าการปรุงแต่งใหม่ Breed ใหม่ เพิ่มขึ้น เขาเรียกว่า ดัดแปลงพันธุกรรม เขาก็ทำได้แค่พืช สัตว์เขาทำไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:30:18 )

ชีวะต้องใช้สัญญาทำงานตลอดจึงจะเกิดปัญญา

รายละเอียด

พวกนั่งหลับตาสะกดจิตทำตัวเองให้เป็นอสัญญีสัตว์ทั้งนั้นเลย สัญญามาต้องทำงานเต็มทำงานตลอดเวลา ทำงานหนัก แต่ไปดับสัญญาเสียนี่ แล้วคุณจะทำให้เกิดปัญญานั้นอย่าหวัง สัญญาคุณก็ไม่ให้มันทำงาน เพราะสัญญามันเป็นตัวทำงานตั้งแต่ต้นจนจบจะปรินิพพานเป็นปริโยสานต้องใช้สัญญาทำงานตลอด ชีวะ มันต้องใช้สัญญา แม้แต่พืชมันก็ต้องใช้สัญญาเลย พืชมันต้องใช้สัญญากับสังขาร มันไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณเท่านั้น ชีวะมันมีสัญญาทั้งนั้น ความเกิดเป็นความเกิดประจำสัตว์ สัญ กับ ญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:14:54 )

ชีวะระดับของพีชนิยาม

รายละเอียด

และอีกชั้น 1 พัฒนาจากพลังงานสสารธรรมดา อุตุนิยาม ขึ้นมาเป็นชีวะ เป็นระดับที่ 2 ท่านเรียกว่า ชีวะระดับของพีชนิยาม 

พีชนิยามนี้ มีชีวะที่ยังไม่ถึงขั้นจิตนิยาม ยังแยกละเอียดไปถึงเจตสิก ยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ มีแค่สัญญากับสังขาร มีรูปแล้วก็นามธรรม ก็แค่สัญญากับสังขารยังไม่เป็นเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น 

ภาษาบาลีที่กำกับสภาวะพวกนี้ ผู้ศึกษากันดีๆ จะรู้จักรู้จริงรู้แจ้งได้ ถ้าเผื่อว่าไม่ได้ศึกษากันจริงๆ ศึกษาอย่างมีสภาวะรองรับ แล้วค่อยๆ ตามรู้ รู้ใจของตน เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ รู้ได้สัมผัสอ่านอาการลิงคนิมิต ตามคำบรรยายของผู้รู้ อุเทส ต่างๆ คำบรรยายของพระพุทธเจ้า ของผู้รู้ ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น รู้จนกระทั่งรู้แจ้งเห็นจริง แล้วมันจะตรงกันกับผู้รู้ ตั้งแต่พระพุทธเจ้า สัตบุรุษผู้อยู่ในฐานะของครูที่สัมมาทิฏฐิแล้วจะตรงกันหมด จึงเรียกว่าสัจจะมีหนึ่งเดียว จะรู้ไปหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 09:29:15 )

ชีวะระดับจิต

รายละเอียด

อ่านอาการของจิตที่มันยังมีชีวิตอยู่คุณจะต้องรู้ความเป็นชีวะ ชีวะระดับพืช หรือชีวะระดับจิต คุณต้องมีความรู้ระดับพืชระดับจิต คุณทำให้ระดับจิต drop ลงมา ก็จะมีลักษณะของพืช ความรู้สึกนี้เอาพยัญชนะมาเรียกที่จริงพืชไม่มีความรู้สึกไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ แต่มีสัญญากับสังขาร ความรู้สึกมันจะมีสุข ทุกข์ แบบอื่นมันไม่มีความสุข ความทุกข์ มันไม่มีวิญญาณ ไม่ใช่ธาตุจิตวิญญาณ มันต่ำกว่าจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:50:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:18:58 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:30:48 )

ชีวิต

รายละเอียด

1. โลกเล็ก ๆ อันมีแค่กายยาววา หนาคืบ กว้างศอกพร้อมสัญญาและใจ 

2. เครื่องหมายบอกชีวิต คือลมปราณและลมหายใจ  หรือเข้าใจว่าเป็นพลังงานในคน คือเป็นกำลังหรือเป็นสิ่งที่ยังมีแรงเคลื่อนอยู่ และสุดท้ายก็เหมาเอาเรียกว่าสัตว์ คือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง จึงกลายเป็นมีความหมายมากมาย 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 137

ทางเอก ภาค 1 หน้า 237


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:19:31 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:10:39 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:31:35 )

ชีวิต

รายละเอียด

ชีวิตนี้สั้นนัก ชีวิตนี้น้อยนัก ผู้ไม่รู้จักชีวิต จึงใช้ชีวิตเป็นโมฆะ ไปตลอดแต่ละชีวิตหรือไม่ ซ้ำมิหนำ ก็ใช้ชีวิต ให้ได้รับบาปกรรม ได้รับหนี้ชีวิต ติดตัวไปนั้น มากกว่ามาก 

ดังนั้น ผู้ฉลาด จึงพยายามศึกษาชีวิตของตนๅ ให้รู้ซึ้งถึงชีวิต ว่าเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาแล้ว จะเป็นชีวิตที่ได้กำไร ได้ประโยชน์ คุณค่าแก่ชีวิต ทั้งแก่โลกได้ ฉันใด 

ผู้ฉลาดแท้ รู้แจ้งในชีวิต และกระทำชีวิตของตน ให้เป็นชีวิตที่มีค่าประเสริฐ ได้เท่านั้น จึงชื่อว่า ไม่ใช่มนุษย์โมฆะ

ที่มา ที่ไป

 สมณะโพธิรักษ์ 29 ธันวาคม 2528


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:27 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:33:20 )

ชีวิต กินใช้ด้วยความโง่

รายละเอียด

คือ คนที่กินใช้อย่างหรูหรา  ฟุ่มเฟือย  แล้วยังอวดอ้างโชว์รวย

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:57:24 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:28 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:34:06 )

ชีวิต ของผู้ที่ยังวนเวียนจะดับชาติได้อย่างไร

รายละเอียด

“ชีวิต” ของคนผู้นี้ก็จะวนเวียน “ตกนรก-ขึ้นสวรรค์” ไปในวัฏฏสงสารอยู่ในกาล ไปกับ “อวิชชา” ของตน “หลุดพ้นจากความวนเวียนอยู่ในกาลหรือวัฏฏสงสาร” ไม่ได้เลย 

      เพราะอะไร?  

      เพราะ “อวิชชา” เป็นปัจจัย จึงมี สังขาร 

      แต่คนผู้ “อวิชชา” ไม่มี “ความรู้” ว่า

            1. เพราะ “อวิชชา” เป็นปัจจัย จึงมี สังขาร    

            2. สังขาร เป็นปัจจัย จึงมี วิญญาณ

            3. วิญญาณ เป็นปัจจัย จึงมี นามรูป

            4. นามรูป เป็นปัจจัย จึงมี สฬายตนะ

            5. สฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงมี ผัสสะ

            6. ผัสสะ เป็นปัจจัย จึงมี เวทนา

            7. เวทนา เป็นปัจจัย จึงมี ตัณหา

            8. ตัณหา เป็นปัจจัย จึงมี อุปาทาน

            9. อุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมี ภพ

            10. ภพ เป็นปัจจัย จึงมี ชาติ

            11. ชาติ เป็นปัจจัย จึงมี โศก ปริเทวะ ทุกขะ
โทมนัส อุปายาส

      จึงต้องเป็นคนผู้มี “วิชชา” หรือมี “ญาณ-ปัญญา” ให้ได้

      ผู้มี “วิชชา-ญาณ-ปัญญา” จึงจะมี “ความรู้” เป็นผู้ “พ้นอวิชชาสวะ 8” ได้ ก็จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “การเกิด-การดับ”

      จึงสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “การดับชาติ” ได้สำเร็จแท้ เพราะมี “ปัญญา 8” ก็ “รู้จบ” ความเป็น “ชาติ 5” อันได้แก่

      (1) ชาติ  (2) สัญชาติ  (3) โอกกันติ  (4) นิพพัตติ

(5) อภินิพพัตติ   

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:39:02 )

ชีวิตกลางคืนเป็นควันกลางวันเป็นไฟของพ่อครู

รายละเอียด

หลวงปู่ก็นึกเราจะไปอะไร ก็รู้้แต่ว่ามาทางธรรมจะต้องรู้เรื่องจิต ก็เลยแสวงหาว่าใครหนอพอจะรู้เรื่องจิต ใครจะอธิบายจิตให้เราได้ วันหนึ่งเข้าไปพบสมาคมค้นคว้าทางจิต วิทยาศาสตร์ที่วัดมกุฏ เจอหมอจรูญ หมอประพันธ์ ที่เล่นบทบาทค้นคว้าทางจิตเป็นวิทยาศาสตร์ หลวงปู่ก็สนใจเข้าไปศึกษา เขาก็พาให้ทำการสะกดจิตไปนั่งสมาธิ ก็ไปกับเขา ก็พาไปดูนั่งสมาธิ การไปนั่งสมาธิมันก็เป็นทางจิตเหมือนกัน ที่นี้ก็มีเพื่อนคนนึง คบกันในการทำรายการโทรทัศน์ร่วมกัน คนนั้นเขาเล่นไสยศาสตร์ ทุกวันนี้เขาก็ยังเล่นไสยศาสตร์อยู่ เขายังจมอยู่กับไสยศาสตร์ เข้าทรงมีความรู้แบบไสยศาสตร์ต่างๆนานา มีความรู้ทางจิตอย่างรู้อันนั้นอันนี้ เราก็รู้สึกว่าจิตอย่างนี้ก็มีความสามารถ ก็ไปกับเขา ก็ไปพบกับอาจารย์ทางไสยศาสตร์ อาตมาก็เลยเข้าไปทางไสยศาสตร์ ก็เลยกำลังเดินทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมอ กลางวันก็ไปทางพวกไสยศาสตร์ ชีวิตเลยไม่ได้นอนไม่หลับเลย กลางคืนเป็นควันกลางวันเป็นไฟ ไม่ได้หลับได้นอนเลย ไปสนใจศึกษา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:18:41 )

ชีวิตของกสิกรเป็นชีวิตประเสริฐเลิศยอด

รายละเอียด

ตีหัวเข้าบ้าน เหลืออีก 10 นาทีก็คือ คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ นี่เป็นเรื่องทุบหัวของสัจธรรม พูดออกไป ให้เขาได้ยินได้ฟัง แม้เป็นภาษาไทย คนต่างชาติไม่ค่อยรู้ เพราะไม่ค่อยมีคนแปลภาษาโพธิรักษ์ออกไปเท่าไหร่ เขาก็เลยไม่เห็นความสำคัญ ก็ไม่เป็นไร อาตมาก็พูดอยู่ในวง ผู้ใดแสวงหาพากเพียร มีบารมีได้มารับฟังรับรู้ก็ดี 

แล้วก็พยายามเรียนรู้ตาม ค้นคว้าตาม ก็จะเห็นจริงเห็นจังว่าชีวิต ถ้าคนไทยเท่านี้แหละ คนไทยประเทศไทยเท่านี้แหละ ประชากรของคนไทย เข้าใจว่าอาชีพมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดในชีวิต ชีวิตของกสิกร มาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี้ เป็นชีวิตประเสริฐเลิศยอด ชีวิตที่ไปคิดสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ได้เก่งกาจขนาดไหน เลวยอด นี่แยกดำแยกขาวให้ฟังอย่างชัดที่สุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 20:40:42 )

ชีวิตของคนที่เจริญคือชีวิตของคนที่เสียเปรียบ (อย่างเสียสละ)

รายละเอียด

แล้วชีวิตของคนที่เจริญ คือชีวิตของคนที่เสียเปรียบ เรียกตามศัพท์ง่ายๆ เรียกตามศัพท์เท่ๆ ก็ว่าเสียสละ เรียกตามศัพท์ง่ายๆ ว่า เป็นคนเสียเปรียบ คนที่อยู่ในโลกอย่างเสียเปรียบ คนที่อยู่ในโลกอย่างเอาเปรียบนั้นน่ะ สามัญเขาก็รู้ว่าเป็นคนดีหรือคนเลว แต่อวิชชา คนไม่เข้าใจว่าเอาเปรียบเขา พยายามเอาเปรียบแทบทุกวินาทีเพื่อจะเอาเปรียบได้เปรียบตลอดเวลา เป็นสามัญของโลกทั้งนั้นไม่ได้ศึกษาโลกุตระว่าเป็นคนเอาเปรียบเขา ได้เปรียบเขาได้ดีใจแล้วฉลองเฉลิมด้วย มันโง่หรือฉลาดกันแน่นะ เป็นความฉลาดหรือความโง่ของคนจริงๆ แน่ทางปรมัตถ์มันต่างกัน มันโง่หรือมันฉลาด ซับซ้อนสลับไปสลับมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 20:54:04 )

ชีวิตของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ป.1 ถึง ป.6

รายละเอียด

ทุกคนผ่านชีวิต ต้องผ่านชีวิตที่เป็นเด็ก หลวงปู่ก็ผ่านชีวิตที่เป็นเด็กมา แต่ชีวิตที่เป็นเด็กของหลวงปู่ ค่อนข้างจะไม่เหมือนใคร เพราะว่าชีวิตเด็กของหลวงปู่นี้ เป็นเด็กที่แม้เป็นเด็กก็เอาแต่ทำงานไม่ค่อยเล่นอย่างใครเขาไม่ค่อยทำ มีแต่หาเรื่องงาน หาเรื่องที่จะเป็นงานมาทำ หรือไม่ก็ไปหาเงิน รับจ้างหาเงิน หลวงปู่เป็นเด็กอยู่ที่นี่แหละ ตกฟากอยู่ที่ศรีสะเกษ อายุขวบ 2 ขวบ ลุงเอาไปเลี้ยงเป็นลูก ลุงเป็นหมอ ก็ไปอยู่หนองคาย เรียนโรงเรียนวัดหายโศก ที่หนองคาย เรียนอยู่ป.1 ป.2 ก็ย้ายเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดตูมตาม ลุงก็ได้หอบหิ้วกันไป มียายติ๋วยายแต๋วเกิดมาแล้ว นายตุ๋ยอยู่ในท้อง ลุงย้ายจากเป็นแพทย์ที่หนองคาย แล้วไปเป็นแพทย์ที่สกลนคร ย้ายไปได้หน่อยนึงลุงก็บอกว่าไม่ไหวแล้วมีลูกหลายคน เลยบอกว่าแกกลับไปอยู่กับแม่ก่อนเถอะ ตอนนั้น 6 ขวบกว่าลุงก็ส่งคืนให้แม่ แม่ยังขายของอยู่ที่ศรีสะเกษอยู่เลย คุณยายก็บอกว่าอยู่ห่างพี่น้อง ตระกูลที่อุบล หลวงปู่เป็นเชื้อสายเจ้าเมืองของเมืองอุบลฯเลย ยายก็เลยบอกว่าไปกับยาย กลับไปบ้านเรา อย่างไรจะตายเพราะระเบิดลงทุกวัน ก็เลยกลับมาที่อุบลฯ

ยายก็บอกว่า อยู่ในจังหวัดมันมาทิ้งระเบิดกันที่ในจังหวัดมากกว่าข้างนอก ยายก็บอกว่า ไปอยู่ที่จริงๆคืออำเภอพิบูลฯ คือทวดของหลวงปู่เป็นเจ้าเมืองพิบูลฯ พี่ชายทวดหลวงปู่มาเป็นเจ้าเมืองอุบล น้องชายก็เป็นเจ้าเมืองพิบูลฯ ยายก็บอกว่าไปอยู่พิบูลฯเถอะ แต่แม่บอกว่าทำมาหากินสู้อยู่ที่วารินฯไม่ได้ เพราะว่ามีรถไฟอยู่ที่วารินฯ รถไฟไปไม่ถึงพิบูลฯ แม่ก็เลยขอยายว่า ขออยู่ค้าขายทำมาหากินที่นี่เถอะ แม่ยังแข็งแรงคล่องแคล่วทำมาหากิน ส่วนพ่อก็ไปเป็นทหารเกณฑ์ ในสงครามโลก หลวงปู่จึงเป็นเด็กและโตอยู่ที่วารินฯ โรงเรียนเทศบาลวารินฯ จบป 4 ที่นี่ แล้วไปต่อ ม. 1 ในจังหวัดอุบลฯ  แล้วก็ต้องไปเรียน ม.2 ที่พิบูลฯ ที่วัดกลาง จบม.3 ที่พิบูลฯ ม.4 มาเรียนโรงเรียนสิทธิธรรมวิทยาอยู่ที่อำเภอวารินฯ เสร็จแล้วไปเรียน ม. 5 ไปเรียนที่อุบลวิทยาคม จบป. 5 แล้วไปเข้าม.6 ที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เรียนตก ม.6 เลยอยู่ที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช 2 รุ่น เลยมีเพื่อนเยอะ เรียนม.6 ซ้ำสองปี

ที่มา ที่ไป

รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี2562 ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:17:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:55 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:08:35 )

ชีวิตของพ่อครูหลังจบ ม.6

รายละเอียด

จบม.6 แล้วก็ไปเรียนม. 7 เข้ากรุงเทพที่โรงเรียนสีตบุตร แต่ไปเรียนม.8 รร.เทพวิทยาก็ตกเอาๆ แผนกวิทย์ ตกสองปี แต่ปีที่ 3 นี้จะซ้ำอีกก็เบื่อ ก็เดินเลาะไปมาจะไปเรียนรร.เก่าก็อย่างไรไม่รู้ ก็เลยจะไปเรียนศิลปะ ไปเวียนวนที่เพาะช่าง ศิลปากร ไปรู้จักอาจารย์รุ่นแรกๆ ตั้งแต่เป็นอนุปริญญา ยังไม่ได้ประสาทปริญญาเลย

เรียนโรงเรียนเพาะช่างก็ทำงานเลี้ยงตนเองส่งหนังสือพิมพ์เป็นต้น หาเงินเลี้ยงตัวเองไป ลงเรียนในมหาวิทยาลัยก็เป็นแต่เพียงชื่อ ไม่ได้ไปเรียนกับเขาสักเท่าไหร่นัก

ที่มา ที่ไป

รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี2562 ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:18:28 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:14 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:35:22 )

ชีวิตของมนุษย์แต่ละคนคือ กรรมกับกาละ

รายละเอียด

แต่เรารู้เป้าหมายว่า ชีวิตของเราจริงๆ ทุกกรรมในกาล กรรม and กาล of continuum เราก็รู้ไม่มีปัญหาอะไร ความสัมพันธ์อิทัปปัจจยตา ของ กรรมกับกาละ สัมพันธภาพของกรรมกับกาละเท่านั้นเอง ชีวิตของมนุษย์แต่ละคนคือ กรรมกับกาละ ที่ดำเนินให้เป็นอิทัปปัจจยตาหรือปฏิจจสมุปบาทหรือสันตติ เป็นรีเลชั่น ไปตลอดกาลนาน เป็นแต่เพียงว่าเราทำจิตวิญญาณของเราให้ตั้งมั่น ที่เป็นจิตวิญญาณอันไม่มีทุกข์ จิตวิญญาณอันมีประโยชน์คุณค่า จิตวิญญาณที่รู้จักจุดหมายเป้าหมายของเราแล้ว ดีสมบูรณ์แบบหรือยัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:45:55 )

ชีวิตคนควรเลือกที่จะเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ ต่อต้นไม้ หรือต่อมนุษยชาติ

รายละเอียด

คุณจะเอาไหมล่ะชีวิตของคุณถ้าให้เลือก ถ้าจะเป็นประโยชน์ต่อเดรัจฉาน หรือเป็นประโยชน์ต่อต้นไม้ กับเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ อันไหนจะดีกว่ากัน

เพราะมนุษยชาติจะไปช่วยต้นไม้ ไปช่วยสัตว์เดรัจฉานได้อีกทีนึง แต่สัตว์เดรัจฉานมันจะช่วยอะไรได้มากมาย ต้นหมากรากไม้มันจะไปรู้เรื่องอะไร ก็คนนั้นแหละไปหาเอาเอง ต้นหมากรากไม้มันก็อยู่ของมัน เกิดกับที่อยู่กับที่มันไปไหนไม่ได้หรอก คุณก็ไปหาเอา เอามาเป็นประโยชน์ ก็เท่านั้นเอง สำหรับมนุษย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:15:18 )

ชีวิตคนถ้าได้โลกุตรธรรมจริงๆ แล้วมันจบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความเป็นชีวิตของคน เกิดมาเป็นชีวิต ถ้ามาได้โลกุตรธรรม แล้วได้จริงๆ แล้วมันจบ อย่างพระพุทธเจ้า ท่านมีความรู้ทุกแขนงในโลก รู้ดีไม่ใช่รู้ธรรมดาด้วย รู้แล้วก็เป็นได้ด้วย ยถาวาที ตถาการี ศาสตร์ใดแขนงใดท่านรู้ดีแล้วทำได้ดี ยุคของท่าน ถือว่ามีใหญ่ๆ 18 สาขาวิชา 18 แขนง ทุกวันนี้มีเป็นร้อยๆพันๆ ศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าก็จบปริญญาเอกมาทุกแขนงในสำนักตักสิลา แต่ท่านโยนทิ้งหมดเลย มาเอาศาสนาพุทธวิชาเดียว มาเอาวิชานี้วิชาหลักวิชาเดียว เข้าใจไหมที่อาตมาพูดว่าอะไรมันสำคัญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 20:35:24 )

ชีวิตคนอยู่กับสังขารการปรุงแต่ง 2 ด้าน

รายละเอียด

อาตมาก็พูดๆ มา ตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ ชั่วโมงกว่าแล้ว เหลืออีก 21 นาที พูดเรื่องนี้เรื่องเดียวมาตลอด เพื่อให้รู้ว่าชีวิตของคนมันอยู่กับสังขารการปรุงแต่ง 

ถ้าเราสามารถรู้สังขารการปรุงแต่ง 

1. ปรุงแต่งทั้งด้านดินน้ำไฟลม 

2. ปรุงแต่งทางด้านจิตวิญญาณ 

การปรุงแต่งทางจิตวิญญาณ เอาเวทนาเป็นตัวตั้ง เอาปฏิจจสมุปบาท เป็นตัวโครงสร้างทั้งหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:54:00 )

ชีวิตคนอยู่กับอาหาร 4

รายละเอียด

น่ามาอยู่ที่นี่นะ พ่อครูโชว์หอมใหญ่ มะเขือใหญ่ ให้ดู มะเขือเปาะใหญ่มาจากศีรษะอโศก แล้วหอมใหญ่ปลูกที่บ้านราชฯ อาตมาว่า เกี่ยวกับองค์ประกอบทุกอย่างดินน้ำไฟลม ที่ที่นี่นั้นแรกๆ ก็ไม่ได้ดีอะไร เป็นที่เขาทิ้งร้างไม่ได้เรื่อง แต่เมื่อเรามาอยู่แล้วทำให้มันดีขึ้น เมื่อปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารก็ใหญ่โตเหมือนมันแกล้งประชด เริ่มต้นกล้วยยังไม่ขึ้นเลย 

นี่แหละ เราก็พูด ที่พูดนี้ไม่ใช่อะไร แต่มันออนซอน! ภาษาอีสาน คือมันสุดชื่นชม ชีวิตเราก็อยู่กับ อาหาร 4

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:37:22 )

ชีวิตคนอโศกมีแต่พัฒนาความเสียสละจนถึงที่สุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความเป็นเศรษฐกิจของชาวอโศกในโลกตะวันตก จบด็อกเตอร์มา 5 ใบ 10 ใบก็ไม่มีอย่างนี้ เพราะเกิดจากจิตเป็นประธานมีปัญญา รู้พอ รู้จบ มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มันยังเหลือสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ก็ขัดเกลาตนเอง กาย วาจา ใจ มีหลักเกณฑ์ให้ปฏิบัติที่สูงขึ้น  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) สุดท้ายเป็นคนไม่สะสมเหมือนพวกเรา สร้างสรรไป ไม่ยึดเป็นเราเป็นของเรา สบายๆ สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจก็มีแต่ความเกื้อกูล ช่วยเหลือเฟือฟายกันไป ทุกคนก็มีแต่เพิ่มพูนการเสียสละ ชีวิตสุดท้ายปลายเปิด  ชีวิตคนนี้มีแต่พัฒนาความเสียสละๆๆๆ จนกระทั่งเสียสละได้อย่างสุดยอด อย่างเจ้าชายสิทธัตถะเกิดมา มีวัง มีเวียง มีสมบัติ เกิดมารู้ตัวว่า เราต้องเป็นพระพุทธเจ้านี่ก็หนีเลยเดินออกมาเฉยๆเลย สมบัติพัสถาน ทั้งอำนาจบาตรใหญ่ ทรัพย์สินเงินทองก็หนีออกมาเฉยเลย เลิกเลย มาถอดเครื่องทรงแบบกษัตริย์ออกมา นุ่งห่มผ้าห่อศพ ผ้าบังสุกุล เดินเท้าเปล่า แต่ก่อนฉลองพระบาทเป็นทองคำ สมัยโบราณเป็นทองคำจริงๆ มาเดินพระบาทเปล่าเฉยๆ เป็นสุขุมาลชาตินะพระพุทธเจ้า แน่นอนเท้าบางแน่ แต่ท่านก็มีบารมี ไม่มีปัญหา อย่างนี้เป็นต้น 

คือมันไม่ใยดีไม่แยแสแล้ว สมบัติโลก พอรู้ตัวก็ไม่เอาแล้ว อย่างอาตมาไม่ต้องถึงพระพุทธเจ้า พอรู้ตัวแล้วก็ไม่เอา มาทางนี้เลยแล้วก็พาพวกคุณมาจนได้ จนสำเร็จด้วย ซึ่งมันเป็นทฤษฎีที่ชาวเทวนิยม ชาวโลก ชาวโลกียะเขาบอกว่าอะไร ให้มาจนยังไง 

แล้วมันซับซ้อนเป็นสิริมหามายา มาจนทำไมมันรวยๆ มันเอาแต่แจก ทำไมมันรวยได้ไง ดูที่นี่อะไรๆ ก็ดูอุดมสมบูรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือเครื่องใช้ดูสิทำให้คนมาเล่นมาอาศัยมากิน มาใช้จ่ายนะ เครื่องเล่นทั้งหลายก็จ่าย แล้วแถมจ่ายค่าไฟทุกวัน รวมแล้วหลายแสนต่อเดือน 

ในบ้านราชเรานี่ ตั้งแต่มาใหม่ๆ ก็มีคนมาทำงาน จนเดี๋ยวนี้มีคนงานมาอาศัยทำมาหากินตั้งแต่เรามาอยู่ก็หลาย 10 ปีแล้ว เขาก็ทำมาหากินจนกระทั่งตั้งหลักตั้งฐานะของเขาได้ เยอะแยะไป รวยกว่าพวกคุณ รวยกว่าพวกเรา พวกเราเป็นนายทุน เป็นคนจ่าย แต่ทางโน้นเขารวยกว่าพวกเรา มีทุกอย่างมีสมบัติพัสถาน พวกเราก็มีแต่รถส่วนกลาง มันดูแล้วมันสลับ แต่พวกเราไม่สับสน เราชัดเจนแล้ว เราเต็มใจยินดีอย่างนี้ พวกนั้นเขาจะต้องอาศัยติดยึดอยู่ ก็เป็นไป เราไม่มีปัญหาอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:35:32 )

ชีวิตคนในสังคมต้องสร้างสิ่งที่มีประโยชน์แท้จริงแก่กันและกัน

รายละเอียด

ดังนั้น เราจึงต้องเป็นคนที่ “สร้างสิ่งที่มีประโยชน์แท้จริง”  ให้แก่สังคม ให้แก่โลก ไม่สร้าง “รูป (วัตถุที่มีคุณค่าแท้)” ก็สร้าง “นาม (ความรู้-ความจริง)” ให้แก่สังคม แก่โลก “รูป” หรือ “อรูปธรรม” (ภาวะที่ตนเป็นอยู่ไม่ว่าพฤติทางกาย, พฤติทางวจี แม้แต่พฤติทางมโน) ที่ใช้อาศัยอย่างมีประโยชน์คุณค่าและ “นามธรรม” คือ ความรู้ (ปัญญา) หรือความจริงที่ใช้อาศัยอย่างมีประโยชน์คุณค่าเช่นกันในสังคมคนต้องมีประโยชน์แก่กันและกัน ผู้มีประโยชน์แก่ผู้อื่นมากได้ ได้นานติดต่อกันเสมอ นั่นแหละ “ดี-ประเสริฐ” ผู้ปรารถนาดีแก่ผู้อื่น คือ ผู้มีความรู้จริงนั้นแล้วช่วยตำหนิผู้อื่นที่ยังผิด ยังบกพร่องอยู่ ให้เขารีบ “รู้ตัว” แล้วแก้ไขตน นี้คือ การทำ “ดี” ที่สุดยาก แต่ควรทำอย่างยิ่ง และผู้ทำก็ต้องอย่าให้กิเลสในความมี “ตัวตน” บงการ จึงจะจริงใจบริสุทธิ์ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 103 หน้า 106


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:44:36 )

ชีวิตคืออะไร

รายละเอียด

ชีวิตคือการดิ้นด๊อกแด๊ก สัตว์เดรัจฉานตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวก็ดิ้นด๊อกแด๊กกันทั้งนั้น แต่ถ้าหมายถึงคน ชีวิตคืออะไร มันยาว ชีวิตก็คือสิ่งที่เกิดมาแล้วได้อัตภาพมา จนกระทั่งมาเป็นคน จนกระทั่งมาได้พบธรรมะ พบโลกุตรธรรมด้วยนี่แหละชีวิตมนุษย์เดินมาดีแล้ว มาถึงคราวที่ได้มาพบพระพุทธศาสนาโลกุตรธรรม ซึ่งมันเป็นเรื่องยากไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นคำว่าชีวิต เข้าใจเลยว่าคุณอยากไปตัดชีวิตอะไรง่ายๆเลย ตราบใดที่คุณยังไม่บรรลุธรรมแล้วปรินิพพานเป็นปริโยสานไป คุณจะยังตกค้างไปในความเป็นชีวิตตลอดไปอีกเป็นล้านๆปี ขอยืนยัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 14:43:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:32 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:34:43 )

ชีวิตจบไม่มีปัญหาแบบชาวอโศกเป็นเช่นไร

รายละเอียด

อาตมายืนยันว่าชาวอโศกรอดแล้วทั้งปัญหาทางสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์เศรษฐศาสตร์ เพราะว่าอยู่กันเป็นหมู่กลุ่มมีระบบเรียบร้อยแล้ว อยู่ทำมาหากินสร้างสรรก็นำมากินมาใช้ ก็เหลือกินเหลือใช้ เหลือกินเหลือใช้ นี่คือเศรษฐศาสตร์ เหลือกินเหลือใช้แล้วไม่ขี้เหนียวไม่เห็นแก่ตัวไม่กักเก็บไม่เอาไปออกดอก ไม่เอาไปหาทางได้มาทับทวีให้แก่ตัวเองรวยขึ้น ไม่ ไม่ต้องรวยขึ้น อยู่ในฐานะคนจนที่พอใจที่จะอยู่อย่างจนๆ นี่แหละ จนสูงสุดก็คือ 0 ไม่ต้องมีทรัพย์สินส่วนตัว แต่ก็ทำงานอยู่ในหมู่กลุ่มมีชีวิตในนี้ เข้าใจจบเลยว่าไม่มีปัญหา อยู่กับหมู่ ทำงานเสร็จแล้วเรามีแรงงานเราก็ทำ ไม่มีแรงงานเจ็บป่วยเราก็พักคนอื่นก็ดูแลก็ช่วย แก่แล้วก็มีคนดูแลช่วยตายแล้วเพื่อนก็เผา จบจริงๆ ชีวิตจบ รู้สึกไหมว่าชีวิตจบ มันจบมันไม่มีปัญหา ก็มีที่พึ่ง มีเพื่อนฝูง มีพี่น้อง มีปู่ย่าตายาย เกิดแก่เจ็บตาย เราพึ่งกันได้หมดเลย จะแก่ก็พึ่งพาได้ จะเจ็บป่วยก็พึ่งพาได้ จะตายก็พึ่งพาได้ คนเกิดมาใหม่ๆ ก็มีที่พึ่งอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 10:50:40 )

ชีวิตจริงๆ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ง่ายๆ ยิ่งกว่ายอดหญ้า

รายละเอียด

คนก็เข้าใจกันไป สร้างหนังอะไรมาจากความเข้าใจโลก แต่มันก็ได้เป็นปลีกย่อย ไม่ได้มารวมลงที่จุดสำคัญ ว่าชีวิตจริงๆ มันจะไปมีเรื่องมากอะไรนัก มันไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่ ที่จริงแล้วชีวิตเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องง่ายๆ ยิ่งกว่ายอดหญ้า สบาย ไม่มีอะไรมากหรอก อย่างพวกเราเข้าใจไม่มีอะไร วันๆ...ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 20:37:17 )

ชีวิตตกต่ำถ้าไม่ศึกษาธรรมะ

รายละเอียด

มาสู่ ปฏิจจสมุปบาท คนเราเกิดมาพร้อมอวิชชา ถ้าเป็นสัตว์โลกที่มันไม่ประสีประสาไม่รู้เรื่องที่จะมาศึกษาธรรมะ อย่างผู้ที่มีฐานะที่รู้ค่าของชีวิตแล้วค่าของชีวิตนี้ ถ้าไม่ศึกษาธรรมะมันไม่เจริญมันจะตกต่ำ ตกต่ำอย่างไร มันจะไปหลง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วพยายามใช้ชีวิตแสวงหา ลาภ ด้วยวิธีเฉลียวฉลาดโลกีย ให้ได้มาซึ่งลาภที่ดูดี ยศที่ดูดี สรรเสริญที่ดูดีแล้วก็หลงความสุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:48:23 )

ชีวิตต้องพัฒนาให้เกิดวิบากที่ดีขึ้นไป

รายละเอียด

แต่ชีวิตเราจะต้องพัฒนาให้เกิดวิบากที่ดีขึ้นไปให้เกิดชาติต่อไปให้ดีขึ้น เขาไม่มีการศึกษาเหล่านี้เขาไม่มีการพัฒนาก็จะจมอยู่อย่างนั้น ตายไปอยู่กับพระเจ้าอยู่แค่นั้น สั้นๆ ไม่รู้กรรมวิบากอะไรเลย น่าสงสารศาสนาเทวนิยมมันสั้น มันไม่มีอะไรมันตื้นน่าสงสาร แล้วก็ปล่อยไปตามพระเจ้าจะสั่งหรือไม่สั่ง มันเหมือนคนสิ้นท่า รอแต่กับอะไรไม่รู้ที่เขาจะสั่งให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็อ้อนวอนขอให้สั่งให้ดีขอให้มาดีๆ ให้พระเจ้าทำให้ ดีอยู่นิดเดียวคือรู้ว่าดีคืออะไรแล้วสังวรทำแต่ดี ก็จมอยู่กับความดีและความชั่ววนเวียนอยู่ไปนาน ไม่มีทางออก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน คนต้องรับมรดกกรรมของตน


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:24:07 )

ชีวิตต้องสู้ของสมณะโพธิรักษ์ขณะเป็นฆารวาส

รายละเอียด

สมัยก่อนอาตมารับสอนเด็กหลายโรงเรียน ทำงานหนักเลย ได้ค่าชั่วโมงมากนะ 30 บาทต่อชั่วโมง ก็เลยมีแรงทำงานมากเลย ต้องเลี้ยงน้องหลายคน ออกมาเช่าบ้านเดือนละ700 บาท อยู่สี่แยกวิชัย จบออกมาก็บรรจุทำงานเงินเดือน 750แต่บ้านเช่า700 บาทต่อเดือนเลี้ยงน้อง 6 คนก็ทำมาได้ เรื่องจริง ส่งน้องไปเรียนอเมริกาได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 14:25:50 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:11:21 )

ชีวิตต้องแสวงหาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาก็เป็นชีวิตเหมือนพวกคุณทุกคน เกิดมาแล้วก็แสวงหา เมื่อถึงเวลาแสวงหาก็แสวงหา จนกระทั่งสามารถแสวงหามาเจอโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วก็สั่งสมมา ค่อยๆ มีหน่วยกิตของความรู้เรียกว่า อัญญธาตุ ทางโลกุตระ ทางศาสนา พระพุทธเจ้า ก็ได้หน่วยกิตมา ทีละหน่วย 2 หน่วย 20 หน่วย 30 หน่วย เป็น อัญญธาตุ เป็นธาตุอื่นที่ต่างจากธาตุโลกี
ยะ

ธาตุโลกียะเขาก็มีมิติต่างกันของแต่ละโลกีย์ก็มี เพราะฉะนั้นจึงมีศาสดาของโลกียะมาก เป็นศาสดาหลายองค์อยู่ในศาสนาเทวนิยม ศาสนาพระเจ้า แต่พระเจ้าคนละองค์ เขาไม่รู้ว่าพระเจ้าคนละองค์นั้น ก็คือศาสดาของแต่ละศาสนานั่นแหละ ต่างคนก็ต่างศาสนาแต่ละองค์แต่ละคน เป็นความรู้ที่สั่งสมด้วยบารมีของแต่ละคน สั่งสมไปตามกรรมวิบาก เขาไม่รู้กรรมวิบากของตนเอง อัตตาเป็นอจินไตย เขาไม่รู้จัก 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:13:19 )

ชีวิตที่ขยันและมีสมรรถนะที่จำเป็นของสังคม

รายละเอียด

ชีวิตที่จะขยัน ชีวิตที่จะมีสมรรถนะความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าเรางอมืองอเท้า เราก็มีชีวิตที่ขยัน ที่มีสมรรถนะที่มีความสามารถที่จำเป็นที่สำคัญของสังคม ไอ้ที่มันเฟ้อเกิน ไม่เข้าท่าเราไม่ไปเสียเวลา เสียแรงงาน ใครจะไปเก่งทางนั้นก็เก่งไป ยกตัวอย่างเก่งทางสร้างอาวุธ มันเป็นบาป คนสร้างอาวุธมาเป็นคนบาปทั้งนั้น นี่พูดสัจจะนะ ไม่ได้ไปว่าไปลงโทษเขา แต่มันเป็นเรื่องจริง 

เพราะฉะนั้นถ้าจะสร้างวิศวกรรม ก็จะสร้างแต่สิ่งที่อาศัย อย่างคอมพิวเตอร์ก็สร้างมา อะไรที่เป็นทางวิศวกรรมมันมีตั้งเยอะแยะ แต่เขามันยาก พวกที่คิดจะเป็นเจ้าใหญ่นายโต คนที่สร้างอาวุธคือคนขี้กลัว คนไม่ต้องใช้อาวุธคือคนไม่กลัว เราไม่ต้องการไปฆ่าใคร ใครจะมาฆ่าเรา เราไม่กลัว ฆ่าก็ฆ่าไป 

ใครที่กล้าหาญชาญชัยกว่ากัน คนมีอาวุธมากๆ คือคนขี้กลัว ยิ่งสร้างอาวุธมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นคนขี้กลัว อย่างเช่นเกาหลีเหนือ โอ้โห ลงทุนสร้างอาวุธร้ายต่างๆเอาไว้ขู่โลกเขา ขี้ขึ้นสมอง ขี้กลัวขนาดหนักเลย นี่เป็นปรัชญาที่ลึกซึ้งนะ เป็นเรื่องจริง ถ้าเขาไม่ทำขู่ไว้เขาก็กลัวว่าจะถูกรุกราน มีเมืองจีนอาจจะรุกราน แต่เดี๋ยวนี้จีนเขาก็คงจะไม่ทำ เกาหลีใต้อาจจะเอาคืน ซึ่งมันจะต้องเป็นตัวอย่างของโลกต้องเป็นไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:48:28 )

ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี เป็นตัวตัดสินอรหันต์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่จะศึกษาวิชาการในโลกนี้ วิชาการเศรษฐศาสตร์ วิชาการบริหารรัฐศาสตร์ วิชาการสังคม วิชาการอะไรก็แล้วแต่เถอะ เพื่อชีวิตที่จะจบกิจ ชีวิตที่สมบูรณ์แล้ว มันไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรอีกแล้วชีวิต

อย่างพวกคุณหลายผู้หลายคน บางคนก็อายุยังไม่มากเท่าไหร่ ก็ไม่ไปไหนหรอก ก็อยู่อย่างนี้แหละ ชัดเจนแล้ว ชีวิตมันจบกิจ นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์นะ มันไม่ไปไหนหรอก บางคนอายุไม่มากหรอก อย่างนี้ ชีวิตอย่างนี้ ชัดเจนอยู่ 

หลายคนมาอยู่ตั้งแต่อายุ 20 30 เดี๋ยวนี้ปาเข้าไป 70-80  สบาย ยิ่งเห็นยิ่งสบาย ยิ่งแก่ยิ่งสบาย ยิ่งรู้เลยว่าตายที่นี่ดีที่สุด เพราะว่าเผาได้สวย อ้าว! เผาโชว์ได้ไม่สวยหรือ? ไอ้ที่เขาเผาน่าเกลียดเขาโชว์ไม่ได้ เขาเผากันไม่ค่อยเห็นหรอก แต่ของเรานี่เผาโชว์เลย ใช่ไหม เผาโชว์เลย เปิดเผยนะ

นอกจากเผาโชว์แล้ว พวกเรานี่ก็ไม่กลัวผี ไม่กลัววิญญาณ ไม่กลัวอะไรต่ออะไรพวกนี้อีก เพราะเข้าใจเรื่องวิญญาณ เรื่องพลังงานพวกนี้ ผีมันไม่มี ผีเข้าร่างนั้นเข้าร่างนี้ อย่างหมอปลาไปพาทำ มันไม่มี มันเป็นอวิชชา มันเป็นความโง่ มันเป็นอุปทาน ที่ยึดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นผีเข้าแล้วจะต้องตัวแข็งต้องดีดต้องเต้น ต้องแสดงท่าอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นความยึดติดเข้าใจว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ แล้วคนก็มาเป็นอย่างที่ยึดว่ามันเป็น แล้วก็ไปนึกว่าผีเข้า นั้นคุณโง่อยู่ คุณบ้าของคุณอยู่คนเดียวเอง ถ้าเข้าใจได้ว่ามันไม่ต้องไปมีอย่างนั้น ก็อยู่อย่างสามัญปกติมนุษย์นี่แหละ ไม่ต้องไปเต้นไปดีด ไม่ต้องไปไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็รู้ตามประสา ตา หู จมูก ลิ้น กาย รู้โลกเขาสามัญ ตามสมมุติโลกไป มันเป็นธรรมดาธรรมชาติปกติสามัญของมนุษย์ จะต้องไปประหลาดพลิกแพลงอะไรล่ะ มาถึงชาติแล้ว เดี๋ยวจะขึ้นต้นชาติแล้ว ก็ทวนกระแสมาหาปฏิจจสมุปบาท อธิบายกันมาแล้วและก็อธิบายอนุโลม-ปฏิโลม ทวนไปทวนมา ผู้ที่ทวนไปทวนมาได้ด้วยกรรมของตัวเองและทำได้สำเร็จ ผู้นี้จบทุกอย่างเลย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 19:41:03 )

ชีวิตที่ดีที่สุดคือต้องมาจน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่มาเป็นชาวอโศก หยุดที่จะเลิกไปรวยอีกเลย หันไปทางมาจน มุ่งมาจน ตั้งใจจน เต็มใจจน จนสำเร็จ จนจนสำเร็จ มันมีอีกไม่รู้กี่จนต่อกี่จนเลยที่นี้ เข้าใจซาบซึ้งคำว่าจน จนเอาไปตั้งนามสกุล มันจะถึงร้อยนามสกุลหรือยังไม่รู้ ที่เอาไปจดทะเบียนกัน เอาคำว่าจนไปจด ตอนนี้มี 15 นามสกุล แล้ว จนสารพัด

คือซาบซึ้งในคำว่าจน ซึ่งมันไม่ใช่ความหลอกความหลง แต่มันเป็นความชัดเจน มันเป็นความเห็นจริงว่า คนเรานี้เนาะ เราก็แย่งความรวยมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ โอ้โห ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พอเข้าใจแล้วก็มาทำตัวเป็นคนจน เมื่อเป็นคนจนได้ที่ คนจนได้พอสมควร สามารถที่จะเข้ามาอยู่รวมกลุ่มกับชาวอโศกที่เป็นแดนคนจนที่แท้จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:26:44 )

ชีวิตที่ทำจิตให้เป็นพีชะรู้จิตเจตสิกอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็เอาประเด็นนี้ ถ้าทำให้จิตนิยามนี้กลายเป็นพืชไปเสียได้ ไม่รบราฆ่าฟันกันก็ปรุงแต่งไป ก็เป็นความปลอดภัยของมนุษย์หรือสัตว์โลกอย่างหนึ่ง ไม่เบียดเบียนไม่ทำร้ายอะไรใคร เลี้ยงด้วยตัวเอง ทำให้ตัวเองมีชีวิตเป็นพีชะ ตรงนี้แหละเป็นประเด็นสำคัญเป็นธาตุรู้ปัญญาที่เป็นปัญญารู้ความจริงอย่างนี้ แล้วก็รู้จิตเจตสิกต่างๆ รู้อาการของจิต เจตสิก รูป นิพพาน รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ ก็เลยแยกจิตเจตสิกต่างๆ กับตัวธาตุรู้ที่ถูกรู้นี้ โดยแยกอาการของธาตุรู้ที่ถูกรู้ แยกอาการ ลิงค กำหนดความต่างของมันได้ รู้นิมิต

เวทนา หากไม่มีเวทนาเก๊ เวทนาปลอม ก็จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง สัญญากำหนดรู้เวทนาเป็นความจริงตามความเป็นจริง ก็จบแล้ว มันจะปรุงแต่งก็ตามหน้าที่ปรุงแต่งไป สังขารก็เป็นสังขารที่เรารู้ยิ่ง เป็นอภิสังขารควบคุมได้ โดยที่ไม่ให้มีสิ่งอื่นเข้ามาแซมปน จับตัวมารตัวปลอม ตัวเก๊ ตัวปลอม คือกลิหรือที่เรียกว่ากิเลส กลิ คือตัวโทษภัยนี้ได้ จับมันได้แล้วไม่ให้มันมีตัวนี้ รู้ว่าตัวตนมันเป็นอาการอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:06:52 )

ชีวิตที่ปฏิบัติฝึกฝนอบรมตนจนเป็นฌาน

รายละเอียด

ไม่มีเรื่องราวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลต้องมีตำรวจมาจัดการ พูดใช้หอกปากก็ไม่มีมากมายอะไร ไม่มีอวิวาทะจริงๆ หอกปากก็หอกทื่อๆ ไม่แหลมไม่คม ไม่แข็งแรงด้วย แตะๆ แทงๆ กันเบาๆ อวิวาทะ อยู่กันอย่างสามัคคียะ อยู่กันอย่างพรั่งพร้อม พร้อมเพรียง ว่าง่าย อยู่กันอย่าง สุภระ สุโปสะ ทุกคนก็ตั้งใจศึกษา ศึกษาพัฒนาตนเองให้เจริญงอกงามไพบูลย์ อย่างแท้จริง มีวรรณะ อย่างแท้จริง 

เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) ซึ่งหลักธรรมของพระพุทธเจ้าพวกนี้พวกเรานำมาศึกษา แล้วปฏิบัติฝึกฝนอบรมตนได้ทำสำเร็จ จนกระทั่งอยู่ได้โดยไม่ยากโดยไม่ลำบาก เป็นชีวิตที่เป็น ฌาน

เป็นฌานวิสัย คำว่าฌานคำนี้ ที่เป็นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า เขาเข้าใจไม่ได้เลย เป็นอจินไตย ฌานวิสัย เขาเข้าใจไม่ได้หรอก นี่แหละคนพวกนี้ ฌาน นั้นจะต้องไปนั่งหลับตาเข้าฌาน ไม่ใช่ นี่แหละฌานของฤาษี ฌาน คือปัญญา ปัญญาคือฌาน ปัญญาคือความรู้ แล้วความรู้นี้เผากิเลสได้ พอเผากิเลสได้ ขั้น ฌาน 1 กิเลสก็เริ่มรู้จัก ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ แล้วลดกิเลสได้ เป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา ทำอภิสังขารแยกแยะ ตักกะ วิตักกะ มีปัญญาแยกกิเลสออกจากจิตแล้วทำกิเลสลดได้ 

โดยปัญญามันจะเข้าใจอย่างแรกเลยว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ซึ่งปัญญาที่เฉลียวฉลาดแบบโลกุตระ เห็นความไม่เที่ยง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 09:27:36 )

ชีวิตที่ประเสริฐ

รายละเอียด

ชีวิตนั้นสั้นนัก ชีวิตนี้น้อยนัก หากคนประมาทชีวิต ไม่คิดศึกษา ไม่คิดสังวรตน ไม่คิดบำเพ็ญตน ปล่อยเวลาให้ล่วงไปๆ โดยระเริงอยู่กับโลก ก็ตาม 

เผลอตัว เผลอใจ ไม่มีสติ ปล่อยไปตามความเคย ความเป็นเดิมๆ ก็ตาม ย่อมทำให้ชีวิตหล่นไป จากการตั้งใหม่ ผู้ใดได้ศึกษาปฏิบัติธรรมะ มีสติสัมปชัญญะ รู้ตนเอง ทำขณะแต่ละขณะ ให้สังวร ระวัง ระลึกได้ถึงกุศล ทำตนให้มีกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี ให้สู่กุศล อยู่ในขณะทุกขณะได้ ผู้สังวรตน มีสติรู้ตน กระทำตนได้ เช่นนั้นๆแล ชื่อว่า เป็นผู้ยังชีวิต ให้สู่สุคติ หรือ ใช้ชีวิตที่น้อยนี้ ให้มีการก้าวหน้า ไปสู่ความเจริญความประเสริฐ อย่างถูกต้อง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สอนเรา เพื่อก้าวเดินไปสู่ ความเป็นที่สุดแห่งผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ โดยมีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ พากเพียร กระทำตนดังกล่าวนี้ เทอญ 

ชีวิตอันน้อยนี้ จักเดินไปสู่ที่หมาย สมกับความเป็นมนุษย์ ผู้มีจิตสูงได้ จริงแท้

ที่มา ที่ไป

 สมณะโพธิรักษ์ 30 ธันวาคม 2528


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:04:11 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:15 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:36:01 )

ชีวิตที่มีคุณค่าคือชีวิตอย่างไร

รายละเอียด

ชีวิตที่มีคุณค่าคือชีวิตเป็นผู้ให้ โดยไม่มีอะไรเอากลับมาเลย เป็นเส้นตรงไม่โค้งมามีเราเลยไม่เป็นเราเลย เป็นนิวเคลียร์ fission ไม่มีแสง พลังงาน โค้งบูมเมอแรงกลับมาอีกเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:58:05 )

ชีวิตที่มีโภชเนมัตตัญญุตา

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถรู้ชีวิตที่มีโภชเนมัตตัญญุตา แล้วก็รู้จักการจัดสรรการกิน ของเรามีประโยชน์คุณค่าและไม่ติดในเรื่องรสชาติ ไม่ติดในสมมุติ กินอย่างมีปัญญา คุณก็หมดทุกข์หมดสุข ดีชั่วมันไม่ได้ยากอะไรหรอก รู้ว่ากินพืชดีกว่ากินเนื้อสัตว์ มันจะมีปัญญาปฏิภาณรู้ คนที่ยังไม่รู้เขาก็ยังคิดว่ากินเนื้อสัตว์นั่นแหละดีกว่า  มันก็เป็นความเห็นของเขา แต่ของพระพุทธเจ้านั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์ แต่เขาเชื่อว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์ ท่านฉันเนื้อ สุกรมัทวะ บอกว่าท่านฉันเนื้อหมูแล้วก็ตาย ก็มันชื่อ สุกระ เขาก็แปลว่าเนื้อหมู มัทวะ คืออ่อน เขาก็แปลว่าเนื้อหมูอ่อน 

แต่ที่จริงคือชื่อของเห็ดสุกรมัทวะ ในอินเดียมีราคาแพงนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:19:33 )

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

ชีวิตของพวกเราอยู่อย่างนี้ มันเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว ใช้คำว่าสมบูรณ์แบบ คือมันมีวรรณะ 9 มีพุทธพจน์ 7 สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ละคนมี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ 

แต่ละคน มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)   

พระสูตรที่เอามาพูดนี้ เป็นพระสูตรสำคัญ ก็อยากจะพูดถึงสูตรหลักอีกสูตรหนึ่งก็คือมูลสูตร 10 ซึ่งสำคัญมากเลย มูล แปลว่ารากเหง้า รากเค้า คือต้นฐานต้นรากของอะไรต่างๆ พระพุทธเจ้าแบ่งไว้ 10 ข้อ 

  1. มีฉันทะเป็นมูล 

  2. มีมนสิการเป็นแดนเกิด 

  3. ผัสสะเป็นปัจจัย 

  4. เวทนาเป็นที่ประชุมลง 

  5. มีสมาธิเป็นประมุข 

  6. มีสติเป็นอธิปไตย 

  7. มีปัญญาเป็นอุตตระ 

  8. มีวิมุติเป็นสาระ 

  9. มีอมตะเป็นที่หยั่งลง 

  10. จากอมตะเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:55:19 )

ชีวิตที่สำเร็จ ต้องเป็นเช่นไร

รายละเอียด

สรุปแล้ว ชีวิตใครก็แล้วแต่ ถ้าคุณเป็นผู้ที่ให้ได้ เป็นผู้ที่ยอมได้ เป็นผู้ที่แพ้ได้ เป็นชีวิตที่สำเร็จ อย่างทักษิณนี้เขาบอกว่าเขาแพ้ไม่เป็นไม่มีการแพ้ มันจริงของเขา พวกนี้จะหานรกอยู่ จะสร้างแต่นรกให้แก่ตัวเอง ทุกวันนี้เขาก็สร้างนรกให้แก่ตัวเอง ไม่มีจบ ทักษิณ เห็นชัดเจนนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง ขอบคุณคุณทักษิณที่ให้อาตมาเอามาเป็นตัวอย่าง ขอบคุณ เป็นตัวอย่างอันชั่วนะ ไม่ใช่ตัวอย่างอันดี 

มันไม่ได้แกล้งหรอก ไม่ได้เป็นเรื่องเสแสร้ง เขาไม่ได้เล่นละครนะ แต่ตัวจริงสดๆของเขาแท้ๆ มันเป็นอย่างนั้น ผู้ที่รู้จักให้ และยอม แล้วอาตมาต่อให้อีกอันคือแพ้ ผู้ที่แพ้ได้สุดท้ายก็แพ้ แม้เราจะถูก แม้เราจะเป็นผู้ถูกก็ยอมแพ้ได้ ดังที่อาตมาได้ทำมาแล้ว นี่แหละย่อมประเสริฐ คือสิ่งที่เจริญ ประเสริฐคือเจริญสูงส่ง งอกงามไพบูลย์ไปเรื่อยๆ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 13:51:05 )

ชีวิตที่สูงที่ดีที่สุดในโลกีย์

รายละเอียด

มาเข้าสู่คำที่อยากจะพูด คือชีวิตของคนทุกคน เกิดมาแล้วเราอยากจะไปสู่ที่สูงที่สุดของคน แล้วคนที่เข้าใจว่า ชีวิตที่สูงที่ดีที่สุด ที่เราจะไปถึงได้มันคืออะไรอย่างนี้แหละ คนที่มุ่งหมายจะต้องได้ลาภ ยศ สรรเสริญ ขนาดนี้ก่อน จะต้องมีครอบครัวที่เป็นอยู่ดีเป็นสุขอย่างนี้ก่อน คนที่เขารู้สึกว่า ความหมายของชีวิตเป็นเช่นนั้น เขาก็อยู่ในโลกีย์ แต่พวกคุณนี่ไม่ แตกต่างจากคนที่มีความคิดแบบนั้นจึงมา มาหาความหมาย แต่ไม่ใช่สุดท้ายก็ได้กระดาษแผ่นเดียวนะ ที่นี่ไม่มีกระดาษ ที่วิทยากร เชียงกูลแต่งกวี เขาบอกว่า ฉันเยาว์ฉันเขลาฉันทึ่งฉันจึงมาหาความหมาย ฉันหวังอะไรมากมายแต่สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:28:24 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:18 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:36:44 )

ชีวิตที่เป็นสุคติ ชีวิตที่ดีคืออะไร

รายละเอียด

เราเป็นที่พึ่ง เราทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคน ให้คนได้อาศัย จากเรี่ยวแรงจากความรู้ความสามารถของเราทำให้แก่โลก ถ้าเข้าใจที่อาตมาพยายามพูดพยายามอธิบายมาวันนี้ตั้งแต่ต้นจนขณะนี้ รู้ว่าอะไรคือสาระแก่นสารแล้วมาทำมาเป็นให้ได้อย่างที่อาตมาว่า ชีวิตไม่มีตกต่ำ

ชีวิตไม่ได้ไร้ประโยชน์จะมีแต่ความเป็นคุณค่ามีความประเสริฐพัฒนาขึ้นไป เพราะฉะนั้นเกิดมาเป็นคนต้องรู้ทิศทางชีวิต ชีวิตที่เป็นสุคติชีวิตที่ดีคืออะไร อย่างบี อย่าไปดิ้นรนประพฤติแบบทุคติ ประพฤติไปในทางที่มันโง่ๆชั่วๆ ต่ำๆ ยกตัวอย่าง อย่าไปสร้างอาวุธอย่าไปเจริญแบบนั้นเลย มันเป็นทุคติ มันไม่ใช่สุคติ มาเป็นผู้สร้างอาหารสร้างความเกื้อกูล เอื้อเฟื้อเจือจานแจกจ่ายเสียสละ นี่คือผู้ประเสริฐ เป็นเรื่องเจริญเป็นเรื่องของมนุษย์ เข้าใจให้ได้ง่ายๆ มันไม่ยากอะไรหรอกที่จะเข้าใจ แล้วมาเป็นให้ได้อย่าเอาแต่คำพูดอวดโอ่อย่างที่พูดผ่านไปแล้ว เอาแต่โม้คุยโม้จะทำอย่างนู้นอย่างนี้ บำเรอกิเลส 

เขาจับจุดได้ว่าคนนี่ถ้าเผื่อว่าจะไปบำเรอกิเลสเขาได้เขาจะชอบใจเรา ฟังให้ดีนะที่เขาล่อกิเลส คนมีกิเลสอยากได้อยากมีอยากเป็นโดยเฉพาะวัตถุตื้นๆ หลอก จะให้เงินมากๆ จะให้อันนู้นอันนี้มากๆ ฟังที่เขาคุยโวมีแต่อย่างนั้น ไม่มาพูดถึงสาระแก่นสารไม่มาพูดถึงการเสียสละ 

มันซ้อนที่ว่าเขาพูดว่าเขาจะทำให้เขาจะเป็นผู้บันดาลเขาจะเป็นพระเจ้าจะทำให้ แต่ไม่ใช่ตัวเองพาให้คนมาทำมาสร้างสรรแล้วก็มาเสียสละไม่ โดยเฉพาะตัวเองไม่ทำ ทำอะไรไม่เป็น เอาธนบัตรหรือเอากระดาษชำระเอาตัวเลข ตัวเลขของกระดาษชำระตัวเลขของธนบัตร ราคาของตัวเลขนั้นมาคุยเขื่อง มาสร้างเป็นวาทกรรม บอกตัวเลขเท่านั้น บอกตัวเลขเท่านี้ คนโง่ก็ไปหลงตัวเลขกันทั้งนั้นมันตื้นเหลือเกิน คุณพูดมานั้นคุณทำอะไรเป็นบ้าง คุณจะพาทำคุณจะพาลุย คุณพูดอันนั้นหน่อยสิ มีไหมออกจากปากเขามีไหม ไม่มี 

พลเอกประยุทธ์พาทำ แม้พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ไปลงมือหรอกหรือแม้แต่ในหลวง ร.9 ก็เหมือนกัน ไม่ได้ลงพระจริยวัตรลงไปหรอกแต่ท่านก็ลงไปลุยพาคนอื่นทำ ทุกคนช่วยกันทำ ได้กินได้อาศัยได้อยู่ ได้ยังชีพยังชีวิตกันมา ที่เรารอดกันมาได้ประเทศไทยขึ้นมานี้ เพราะพวกเรารู้จักสาระแก่นสารเครื่องอาศัยในชีวิต ไม่ใช่ไปหลงโลกหลอก หลอกด้วยอาวุธ หลอกด้วยธนบัตร หลอกด้วยสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยมอมเมา ไม่ใช่อย่างนั้นเลย 

เพราะฉะนั้นการมามีชีวิตที่เข้าใจสาระแก่นสาร แล้วลงมือพากันทำ อย่างชาวอโศกเรานี่ถูกแล้ว ถูกทางแล้ว มาเป็นกสิกรแข็งขัน หรือกสิกรแข็งขลัง กระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม นี่ก็เป็นเพลงของคนไทยที่มีความรู้แต่งไว้ว่าเมืองไทยจะเจริญด้วยอย่างนี้ ไม่ใช่ไปเจริญแบบอื่น ไม่มีเนื้อเพลงของไทยจะไปสร้างอาวุธปราบคนนั้นคนนี้ ไม่เห็นมีเพลงไทยแบบนั้นเลย มีแต่เพลงสร้างอะไรแข็งขันกระดูกสันหลังของชาติ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 24 ศึกษาความผูกพัน-ความสัมพันธ์ กรณี บี-ประทับใจ วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2566 ( 12:58:06 )

ชีวิตที่ไม่มีธรรมะก็เสื่อมไปทั้งชาติ

รายละเอียด

เราก็มาโอภาปราศรัยกันในเรื่องของธรรมะ ชีวิตไม่มีธรรมะก็ซวยไปทั้งชาติ ชีวิตที่มีธรรมะก็เจริญไปทั้งชาติ ใครจะเอาเจริญหรือจะเอาซวยก็แล้วแต่ 

เอ๊ะ.. ซวยภาษาไทยหรือภาษาจีน (โยมเข่งว่า ภาษาจีน ) แล้วภาษาไทยว่าไง ...ซวยคือเสื่อม ไม่มีโชค โชคไม่ดี เป็นภาษาโลกีย์ซวยกับเฮง ไม่ซวยก็เฮง ซวยก็คือขาดทุนอะไรอย่างนี้ ที่จริงก็ควรจะเอาธรรมะคือ เจริญกับไม่เจริญ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:24:09 )

ชีวิตที่ไร้ค่า

รายละเอียด

อยู่เฉยๆไม่ทำงานอะไรมันก็ไร้ค่า นอกจากอยู่บ้านเฉยๆ นอกจากไร้ค่าแล้วหนักแผ่นดินด้วยนะ เพราะว่าอาศัยแผ่นดินต้องรับน้ำหนักเราอยู่นะ เสร็จแล้วยังไม่พอ ยังกินพืชยังกินอากาศยังกินอาหาร ในโลกเขาไปด้วย แม้จะใช้สตางค์ซื้อก็ตามคุณก็กินอาหารของโลกเขา ยิ่งพวกที่กินอาหารของโลกหยาบๆคายๆกินเหล็กกินผา กินคือขี้โกงเขาก็ยิ่งไร้ค่ามากยิ่งขึ้น ไร้ค่าจนกระทั่งเป็นคนกินประเทศ ภูมิปัญญาหรือความเฉลียวฉลาดของคนจะรู้จักว่ามนุษย์มีค่าหรือไม่มีค่า อยู่หนักแผ่นดินหรือว่าอยู่อย่างมีประโยชน์คุณค่าแก่โลก อย่างชาวอโศกเป็นลูกพระพุทธเจ้าอาตมาสอนสัจธรรมเหล่านี้แท้จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 06 พฤศจิกายน 2562 ( 14:53:06 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:23 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:09:15 )

ชีวิตนี้ต้องคบสัตบุรุษผู้มีเชื้อโลกุตระ

รายละเอียด

สรุปแล้วพวกเรามีบารมีแล้ว ได้ผ่านได้รับเชื้อ อย่างน้อยก็ได้รับฟังได้รับรู้เป็นปัญญาระดับที่ 1 ของปัญญา 8 ได้ฟังได้รับแล้วถ้าเราไม่ขวนขวายเอา ไม่ตามมาพยายามฝึกฝนศึกษาต่อตามปัญญาข้อที่ 2 ขาด ถ้าไม่ติดต่อไม่พยายามศึกษาเรียนรู้ มาพบพระพุทธเจ้าหรือมาพบสัตบุรุษให้บริบูรณ์เต็มที่ ผู้ที่มีเชื้อโลกุตระนี้ยังไงก็ต้องพบ ชีวิตนี้ต้องคบผู้มีเชื้อโลกุตระ ไม่คบก็โง่ ไม่ได้ใส่ความนะเป็นความจริง ผู้ที่ได้พบสัตบุรุษแล้วไม่คบนี่โง่ แต่ถ้าคนไหนพบสัตบุรุษแล้วไม่เชื่อว่าเป็นสัตบุรุษคนนั้นก็โง่  ยังโง่มาก พบสัตบุรุษแล้วยังไม่เชื่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563 วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:23:41 )

ชีวิตนี้ที่สุดคืออรหันต์ไม่มีความลึกลับทั้งพยัญชนะทั้งสภาวะ! 

รายละเอียด

ไม่มีอะไร “ลึกลับ” จึงชื่อว่า “อรหะ (ไม่ลึกลับ)” ที่สุด “อรหันต์ (ไม่ลึกลับอย่างเป็นที่สุด)”  ซึ่งมีความครบบริบูรณ์ลงกันเป็น “หนึ่งเดียว” ทั้งพยัญชนะก็ “ไม่ลึกลับ” ทั้งสภาวะก็ “ไม่ลึกลับ” เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “สภาวะจริง” นี้ได้ด้วยการมี “สัมผัส” ถึงที่สุดขั้น “อรูปอัตตา” ที่เป็น “สัญญายะ นิจจานิ โลเก” จึงสัมบูรณ์ครบ “2” ที่ลงตัวเป็น “1” นั่นคือ “พยัญชนะ” กับ “สภาวะ” นี้ “2” แต่ทั้ง “พยัญชนะ” กับ “สภาวะ” คู่นี้ไม่ขัดกันเลยลงตัวเป็น “1 เดียวกัน” ให้ผู้อื่นใครๆ ก็ตรวจสอบพิสูจน์ได้สนิทศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่พิสูจน์ความเป็น “อัตตา” หรือ “อาตมัน” ได้แม้ที่สุด “ปรมาตมัน” หรือความเป็น “เทฺว” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างเปิดเผย ไม่มี “ธาตุวิญญาณ” ใดๆ  “ลึกลับ” สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงควมเป็น “เทฺว” และความเป็น “จิตวิญญาณ” บริบูรณ์จึงรู้จักแจ่มแจ้งความเป็น “เทฺว” หรือ “พระเจ้า” เปิดเผยหมด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือรวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 207 หน้า 173


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:05:23 )

ชีวิตนี้อาหารคือสิ่งจำเป็นที่สุด อาหารเป็นหนึ่งในโลก

รายละเอียด

อาหารเป็นหนึ่งในโลก โอ้โห เหลือพอเลย อันอื่นๆ ยิ่งเกินทั้งนั้น ชีวิตจึงสบาย แม้ที่สุด ชีวิตนี้คืออาหารนอกนั้นไม่มีก็ได้ คุณไม่ต้องมีเงินไม่ต้องมีลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ต้องมีวัตถุอะไรได้ คุณมีแต่กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ดี คุณไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เอาลาภ ยศ สรรเสริญกับใครไม่ไปแย่งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกับใคร คุณไปอยู่ที่ไหนก็ได้ อาศัยกิน เลี้ยงชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นจะมีในสังคมนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 17:55:01 )

ชีวิตนี้เลือกได้ดีจัง

รายละเอียด

อาตมาจะพาไปไล่ก็จะมีคนไปกัน อาตมาก็ยังคึกคักอยู่ ขณะนี้ไม่เห็น ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับลุงตู่ อาตมาก็จะไม่ไปแข่ง จะหนุนช่วยอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่ฐานะที่จะไปทำอย่างนั้น ถ้าลุงตู่ไม่ดี อาตมาติงแน่ติแน่ จะฆ่าอาตมาก็เชิญ อาตมายอมแพ้โดยไม่สู้รบต่อต้านอะไร เรายอมได้มันไม่ขาดทุนหรอก รู้ความจริง ว่าเรายอม ไม่เสียหายอะไร ก็ยอมแล้วก็ทำงานได้อยู่ นอกจากเรายอมแล้วไม่ทำงานต่อก็ปรินิพพานปริโยสานไป มันทำไปไม่สนุกแล้วก็ตายไป เอานักสู้คนใหม่มาลงสนาม เลือกได้ ชีวิตนี้เลือกได้ดีจัง อยากลงสนามที่สนุกอย่างไรก็ได้เลือกได้ สนามนี้ไม่ได้แล้วก็จบได้พอได้ ตายไปก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:57:59 )

ชีวิตบรรลุสูงสุดคืออะไร

รายละเอียด

ก็ประชาสัมพันธ์หนังสือตะลุยไฟตะไลเพลิง แจกฟรีก็ต้องโฆษณา ไม่มีอะไรดีกว่าธรรมะ ธรรมะเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องทำมาหากินก็ทำไป เป็นการเลี้ยงชีพธรรมดา แต่สิ่งที่เราจะใส่ใจศึกษาฝึกฝนตนเอง เมื่อทำมาหากินเลี้ยงตนเองพอกินพอใช้ตนเองรอดแล้ว ดีไม่ดีก็เหลือเกินเรากินเราใช้ ก็ได้เผื่อแผ่แจกจ่ายผู้อื่นไปได้แล้ว เราจะใช้ชีวิตอะไรกันไปมากนักหนา นอกจากจะใส่ใจเรื่องธรรมะ เพื่อทำให้ชีวิตเราบรรลุสูงสุด ชีวิตบรรลุสูงสุดอะไร ศาสนาพุทธมีคำตอบ ศาสนาเทวนิยมก็มีคำตอบชีวิตสูงสุดของเขาคือตายแล้วก็ได้ไปอยู่กับพระเจ้า แต่เขาก็ไม่มีคำตอบอะไรที่เขาจะตอบตัวเองได้ว่า แล้วเขาได้อะไร เขาอ้อนวอนพระเจ้าจริงๆ ตายแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าไหม ก็ไม่มีอะไรเป็นคำตอบที่ชัดเจน แต่พระพุทธเจ้านี้สอนชัดเจนทุกอย่าง ไม่ต้องไปอยู่กับพระเจ้า ไอ้ที่เกิดที่ตายคืออะไร ก็คือจิตวิญญาณของเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:28:20 )

ชีวิตผู้ที่รู้จักสาระแล้ว

รายละเอียด

ชีวิตผู้ที่รู้จักสาระแล้วเอาเวลาเอาแรงงานเอาทุนรอน เวลา แรงงาน ทุนรอนเอามาสร้างสาระแก่นสารชีวิตแม้แต่บริขารก็อาศัยใช้บ้าง อาศัยด้วย แต่อันไหนเป็นที่หนึ่งในโลกก็เข้าใจช่วยกันทำ 

เพราะฉะนั้นอาตมาเน้นให้พวกเรามาเป็นกสิกร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี้ ผู้ที่จะเก่งในทางที่จะสะพัด การสะพัดทุกวันนี้ การที่จะแจกจ่ายเจือจาน ออกไปสู่มือผู้จะรับข้างนอกอีก เราก็พยายามมีความรู้ศึกษาเพื่อเอาไปแจกจ่าย 

แต่ การจะแจกจ่ายเผื่อแผ่เพื่อผู้อื่นต่อไปของเรา เป็นระดับเศรษฐกิจโลกุตระ ไม่ได้ออกไปแจกจ่ายเผื่อแผ่แบบที่จะได้เปรียบหรือเอาเปรียบมาคืน แต่เป็นการแจกจ่ายไปเพื่อที่จะเสียสละ 

เพราะเรามีความพอ จิตของเรามีสันโดษ สันตุฏฐิ มีความสามารถสร้างอาศัย มากินใช้เพียงพอ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปเอาเปรียบเอาเกินกว่าค่า กว่าสิ่งที่จะไปเอาเปรียบเขา มันเป็นหนี้ เอาเปรียบมันชั่ว ไม่ได้เป็นคนดีอะไร 

เราไปเผื่อแผ่แจกจ่าย เสียสละแบ่งปันแก่ผู้อื่น ผู้ที่มีเศรษฐศาสตร์ในญาณปัญญาแบบนี้ คือ ผู้ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์เอกของโลก และประพฤติเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยสังคมอยู่จริง เป็นตัวที่ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ต้องแก้ เพราะเราช่วยให้เศรษฐกิจนี้เป็นจริง กระจายสะพัดสิ่งที่อาจจะมีจำนวนจำกัดให้ทั่วถึงกัน คือนิยามของเศรษฐศาสตร์ เราทำแล้ว เราทำอยู่ และทำต่อ อันเดียวกันกับ นายกฯ ประยุทธ์ ตรงกันเลย

ของในหลวงตรงกันคือ ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ก็ตรงกันเราก็ทำ นายกฯ ประยุทธ์ ทำโดยเจตนารมณ์อย่างนี้ ตามที่ท่านรับผิดชอบ เราก็สำคัญในหน้าที่ของพวกเรา นายกฯ ประยุทธ์ ไปแบกรับการบริหารของประเทศ ท่านก็รับไป เราก็ไม่ได้ไปทำหน้าที่นั้น เราก็ทำหน้าที่สร้าง สิ่งที่ให้คนอาศัย แล้วเราก็บอกกล่าวกัน 

บอกกล่าวกัน ถึงขั้นให้เข้าใจชีวิตว่า คนไม่จำเป็นจะต้องรวย เพราะคนที่เจตนาไปรวยนั้นเป็นคนโง่ เป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนที่ทำโทษภัยแก่สังคม เป็นคนมีภัยแก่สังคม

ส่วนคนขยันหมั่นเพียรมีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถและก็สร้างให้แก่สังคมและก็เสียสละสะพัดออกไป นี่ต่างหาก พูดกับคนในโลกที่ไม่ใช่คนโง่ดักดาน ก็รู้กันทั้งนั้นว่าอย่างนี้เป็นความดีงามของมนุษย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:55:04 )

ชีวิตผู้ฟังโลกุตระธรรมแล้วรู้สาระเป็นสาระจะไม่เบื่อ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสูงสุดแล้วรู้ความมีความไม่มี ก็จบที่ความไม่มี ที่เขาพูดคือคนไม่รู้ คนอวิชชาคนเทวนิยม คนรู้สิ่งเดียว ไม่รู้ 2 อัน แล้ว 2 อันนี้รู้จักการทำจบ ทำเป็น 1 เป็น 0 ได้ สมบูรณ์แบบ อาตมาก็อธิบายสังขยาเลขอธิบายให้ฟัง ใช้สภาวะอธิบายบ้างจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วทุกวันนี้ก็วนอยู่ตรงนี้ พวกเราก็ฟังดี เพราะว่าฟังธรรมะแล้วรู้สาระเป็นสาระ ชีวิตก็มีสาระดีกว่าอันอื่น เพราะเทศน์ก็ไม่มีเทศน์ตลอดกาลหรอก เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องมืออัด วนซ้ำไปซ้ำมา เบื่อบ้างไม่เบื่อบ้าง ฟังซ้ำฟังซากก็ไม่เป็นไร คนฟังธรรมะโลกุตระฟังแล้วไม่เบื่อ แม้พระอรหันต์แล้วก็ฟังธรรมะไม่เบื่อ จนกระทั่งเป็นพระพุทธเจ้าก็ฟังธรรมะโลกุตรธรรมไม่เบื่อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:30:34 )

ชีวิตมีทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปแล้วอะไรคือดับเหตุแห่งการเกิด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระผู้ที่จะรับคำสอนเหล่านี้ว่า ชีวิตมีทุกข์เท่านั้น มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วจะอยู่ไปทำไม ก็ฆ่าตัวตาย การไปฆ่าตัวตายนั้นไม่จบ ทุกข์ไม่ได้ดับจริง ก็เขาไม่ได้ดับต้นเหตุของเชื้อที่มันพาเกิดพาเป็นพาตาย คืออุปาทานหรือตัณหา เขาไม่รู้ 

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่า ถ้าเราจะไม่เกิด เราจะดับสิ้นสูญสลายเลย มันต้องดับความต้นเหตุแห่งการเกิด จนท่านค้นพบแล้วตรัสรู้ได้จริง ดับเหตุนี้ได้จึงเกิดเป็นนิพพานเป็นปริโยสาน จึงสามารถที่จะดับสูญไปเลยได้ชีพสลาย ดับคือทำให้ธาตุจิตวิญญาณแตกสลายแยก ออกหมด ไม่เหลือความเป็นชีวะของจิตนิยาม ทำลายได้เลยเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตแยกธาตุแตกออกไปได้เลยให้เป็นอุตุ เป็นพลังงานดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลย ธาตุที่จับตัวเป็นชีวะของสัตว์ของมนุษย์ของคนก็ไม่เหลือ กลายเป็นพลังงาน ดิน น้ำไฟ ลม ไป ก็สูญสลายอัตภาพ ได้เลย ฉะนั้นจึงจบ แม้จะยังอยู่ก็ทำได้ถึงขั้นเป็นธาตุจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:36:12 )

ชีวิตมีสาระ เป็นชีวิตที่โชคดีเยี่ยมยอด

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกๆ คน วันนี้วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม 

เราก็มาเจรจาฟังธรรมกันอีก พวกเรานี่นะ อาตมาเห็นแล้วรู้สึกว่าโอ้โห..ยอดเยี่ยมจริงๆ ยอดเยี่ยม อะไร ฟังเทศน์ฟังธรรมกันจริงๆ ชีวิตมีสาระ มันเป็นชีวิตที่มีโชคดีที่เยี่ยมยอด คนในโลกเขาทำมาหากินกัน ไม่มีเวลาสนใจฟังธรรมกัน ดีที่วันพระวันเจ้า วันอาทิตย์วันเสาร์ก็ไปวัดไปวา ไปตามจารีตประเพณี ไปทำทานอย่างเสริมกิเลส ไปรักษาศีลอย่างงงๆ งวยๆ ก็อย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้รักษาศีลอย่างที่รู้ว่าเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 คือรักษาศีลนี้แล้วคุณจะต้องสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ คุณมีศีลข้อ 1 เป็นต้น ตั้งจิตไปว่าไม่ทำร้ายสัตว์ มีความกรุณามีความเอ็นดูต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ วางทัณฑะ วางอาวุธ ตามพยัญชนะที่ท่านว่าไว้ 

สรุปก็คือว่าสัตว์ในโลก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือคน คนนี่แหละตัวดี ที่เป็น สัตว์ใหญ่ที่เราจะต้อง สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ อย่างแท้ๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 11:41:20 )

ชีวิตรูป

รายละเอียด

ภาวะความเป็นชีวิตของสัตว์โอปปาติกะ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 203


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:20:06 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:11:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:10:13 )

ชีวิตรูป

รายละเอียด

คือ  ชีวิตินทรีย์  รู้ความมีชีวิตอยู่ของกิเลส  ชีวิตต้องมีความเป็นกับความตาย  ถ้ายังเป็นอยู่ ก็เรียกว่า  ยังมีพลังงานของชีวิตที่เรียกว่า  อินทรีย์  หรือพลังงานสูงสุด  เรียกว่า พละ หากมีชีวิตอยู่ ก็เรียก  ชีวิตินทรีย์  สูงสุด  เป็นชีวิตพละ ก็เราไม่เรียกเท่าไหร่

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ  บ้านราช  วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:38:36 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:14 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:37:25 )

ชีวิตรูป

รายละเอียด

คือ  กวฬิงการาหารจนถึงวิญญาณาหาร  คนก็มีอาหาร  กวฬิงการาหาร ทำให้ชีวิตยาวยืนได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่  29 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:39:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:12:26 )

ชีวิตรูปคืออะไร

รายละเอียด

แล้วก็รู้ว่า ชีวิตรูป คืออาการชีวิตของผี ของกิเลส มันยังมีชีวิตอยู่นะ เพราะฉะนั้นต้องจัดการฆ่าผีนี้ให้ตายหมดชีวิตดับสูญ คุณก็ต้องรู้ชีวิตรูป สิ่งที่ถูกรู้ ที่มันมีอาการมีชีวิตเกิดในจิต เราเรียกว่ามันมีชีวิตรูป มันไม่เกิดตลอดหรือเกิดชั่วคราว คุณก็ใช้สัญญากำหนดรู้ วิธีปฏิบัติพระพุทธเจ้านั้นไปทำให้สัญญามันสมบูรณ์ สัมผัสจริงเป็นปัจจัย แล้วทำปัจจุบันนี้ จนกระทั่งมันตายดับสนิท 

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:04:18 )

ชีวิตวรรณะ 9 ทฤษฎีของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คือพระพุทธเจ้าท่านมีทฤษฎีที่สอนให้คนมาเป็นชีวิตวรรณะ 9 ก็จบแล้ว เป็นคนเลี้ยงง่าย นี่แหละมีอยู่ มีกินอย่างนี้ มันเกิด มีอยู่ มีกินแล้วไม่แย่งชิง ทะเลาะวิวาท  อุดมสมบูรณ์  สุขสบาย ชีวิตสบายๆ หลายคนเข้ามาสัมผัส อยู่ที่นี่แล้วดี๊ๆ แต่ทำไมไม่มา บอกไม่ได้ ตอบไม่ถูก ดี บอกว่าอยากมา แล้วอยากทำไมไม่มา ใครไปบังคับเอาไว้ แต่บอกว่า ติดตรงนั้น ตรงนี้ เหตุผลมีเยอะ  แต่ละคนเหตุผลเป็นกระบุงๆ บางคนติดหมา(สู่แดนธรรม)

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:44:05 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:19 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:38:27 )

ชีวิตสุด 8 ประการ คืออะไร

รายละเอียด

คนจนที่มีแบบ นี่เล่ม 1 จำนวน 512 หน้า อาตมาก็เพิ่งอ่านจบวันนี้ อ่านทวน แล้วมีติ๊กแก้นิดหน่อย บอกว่าไม่แก้ แต่อดไม่ได้หรอก มันผิด หรือควรจะเติมนิดหน่อย คนจนที่มีแบบ เล่ม 1 หนาเหมือนกันนะ เป็นหมอนหนุนหัวได้สบาย อ่านทวนหลายวันเลย เพราะงานอื่นต้องทำไม่ได้ตั้งใจอ่านทีเดียว ก็รู้สึกว่าได้เขียนไว้ครบบริบูรณ์สมบูรณ์ดีแล้ว 

คําสอนพระพุทธเจ้านี่ อัปปิจฉะ ชอบที่จะมาเป็นคนจน มักจน กล้าจน ท่านบอกว่ามักน้อย น้อยคือจนนั้นแหละ ไม่ใช่ มหัปปิจฉะคือมีมาก อัปปิจฉะคือมีน้อยๆ มาเป็นคนจน กล้าจน มันสุดยอดมนุษย์ แล้วเป็นคนจนที่มีประโยชน์เป็นคนจนที่ช่วยเหลือเศรษฐกิจของมนุษยชาติของสังคม เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนที่ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ อย่างนี้เป็นสุดยอดของมนุษย์จริงๆ 

เพิ่มไปเดี๋ยวถึง10 มันมีคุณสมบัติที่พิเศษไปเรื่อยๆ ธรรมะพระพุทธเจ้าสัมมาทิฏฐิ มันเป็นการทวนกระแสไม่เหมือนโลกที่เขาคิดหรอก เขาคิดเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าพวกนี้จะเป็นได้จริงอย่างที่พูด บางทีเขามีปฏิภาณเข้าใจเหมือนกัน ว่าอย่างที่เราพูดนี้คืออะไร แต่เขาไม่ค่อยเชื่อว่าจะเป็นจริง เราทำได้จริง จริงอย่างสุขสำราญเบิกบานใจด้วยไม่ใช่ฝืน เราทำได้เราสบาย สบายจริงๆ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ จริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 12:31:27 )

ชีวิตสุดประเสริฐ 4 ประการสั้นๆง่ายๆ

รายละเอียด

เชื่อฟังเชื่อถือ ก็ไปปฏิบัติ ได้เกิดมรรค เกิดผล เป็นประโยชน์ขึ้นมา จนเกิดความเชื่อมั่น ทุกวันนี้เป็นผลจริงๆที่อาตมาพาทำพวกเราก็ 1 พึ่งตนเอง  

1.จริงๆนั้นคือไม่เป็นหนี้ 

2.ทำอยู่ทำกินได้อยู่ได้กินพออยู่พอกิน 

3.ทำให้มากให้เกินที่เรากินเราใช้ ไม่ใช่ทำแต่เชิงเหมือนข้าวกรอกหม้อ มีแต่พออยู่พอกินไปวันๆ ไม่ใช่ แต่ทำให้เหลือให้มากขึ้น ทำให้เกินกำลังเรามีเราก็ขยันเราก็ทำไป แล้วก็แบ่งแจกเผื่อแผ่คนอื่น เท่านี้แหละชีวิตสุดประเสริฐแล้ว ชีวิตเจริญสั้นๆง่ายๆ 3-4 ระดับ ไม่เป็นหนี้ ทำอยู่ทำกินเลี้ยงตัวรอดทำให้มากทำให้เกิน แล้วแบ่งแจกผู้อื่น แบ่งแจกไม่ใช่ไปค้าไปขายเอากำไรหรือไปโลภโมโทสัน เผื่อแผ่แก่ชีวิตอื่นเป็นประโยชน์แล้วตัวเองก็หมดทุกข์ 

ความหมดทุกข์อยู่แค่นี้ง่ายๆ แต่เราไปหลงโลกมันครอบงำมันหลอกลวงให้เราติดยึดอะไรตามโลกสารพัด ไม่ว่าจะ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ครอบงำ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) มันมอมเมาแย่ไปหมดเลยกว่าที่พวกคุณจะรู้ตัวว่าไปหลงเพ้ออะไรรอบตัว ที่ไร้สาระเสียเวลาเกิดมาแล้วก็มีแต่กิเลสแล้วก็ไปทำร้ายสร้างวิบากกรรมให้แก่ตัวเองเยอะกว่าจะลดลงมาแล้วก็มาเป็นผู้รู้ที่เป็นความเจริญสูงสุด เป็นที่จบ โอ้โหไม่ง่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:07:40 )

ชีวิตหนอ พออยู่พอกิน

รายละเอียด

ปัจจัย 4 ข้าว ผ้า ยา บ้านหรือพืชพันธุ์ธัญญาหารอาหารการกิน ข้าวคืออาหาร ผ้าคือเครื่องนุ่งห่ม ยาคือยารักษาโรค บ้านคือที่อยู่อาศัย เราก็อาศัยสมาชิกของเรา แล้วสมาชิกของเราสร้างข้าวหรือพืชพันธุ์ธัญญาหาร ได้อุดมสมบูรณ์ ได้มาก จนพอกินพอใช้ ชีวิตหนอ พออยู่พอกิน เหลือ นี่คือความจริงทั้งนั้น ที่อาตมาพูด ไม่ได้โม้เกินจริง ไม่ได้โอ้อวด พูดความจริงทั้งนั้น แล้วเราก็แจกจ่ายได้ แจกจ่ายอยู่นี้ถูกน้ำท่วมหมดเลยพืชพันธ์ธัญญาหารของเรา 3 เดือนมันท่วมตายเรียบเลย ไม้ล้มลุกไม้ที่จะกินมีส่วนมาก ไม้ต้นโตที่ทนน้ำได้เท่านั้นที่อยู่ได้ นอกนั้นแม้แต่ไม้โตที่มันทนไม่ได้มันก็ตาย โล้นเลย 

ดินแดนราชธานีอโศกนี้ โล้นหมดเลย เหลืออยู่นิดๆหน่อยๆ ก็ต้องมาปลูกฝังขึ้น อะไรต้องรีบปลูกรีบฝังเอามาใช้มากิน เดี๋ยวนี้ก็พอสมควร ดีขึ้นมามาก แต่ก่อนเคยพูดแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีกินมีอยู่ ระบบสาธารณโภคี ภายในเราไม่มี คนภายนอกเขาก็ส่งมาให้กิน คนที่เขาน้ำไม่ท่วมก็ส่งมาให้เรากิน นี่คือระบบสาธารณโภคีที่ไม่อดตาย ยังไงก็ไม่อดตาย เรื่องสุดยอดในเรื่องเศรษฐกิจ 

เพราะฉะนั้น ในประเด็นที่ โยมบุญ ไม่เข้าใจถึงสัจจะว่า คนมาเข้าใจพวกเรามีน้อย มันลึกซึ้ง มันยากที่จะรู้ มันเป็นธรรมะ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:23:49 )

ชีวิตหมดสุขหมดทุกข์ก็จบเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ที่อธิบายไปเป็นปรมัตถ์ธรรม เป็นอภิธรรมที่ยาก แต่ต้องเรียนอย่างนี้ นี่คือศาสนาพุทธ ถ้าไม่ได้เรียนอย่างนี้คุณก็ไม่ได้อะไร ถ้าเรียนอย่างนี้เข้าใจได้ดีถูกต้องทำได้ดี คุณก็มีจิตเป็นอรหันต์ หมดสุขหมดทุกข์ก็จบแล้วชีวิต ชีวิตหมดสุขหมดทุกข์ก็จบ ดีชั่วนั้นแน่นอนไม่ทำชั่วแน่นอน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:27:58 )

ชีวิตหลังความตายแบบอเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ได้จบที่ตายแล้วสูญ ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าแล้วขยายอะไรไม่ออก พระเจ้าเท่านั้นจะสั่งจะบันดาล ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธมีตายแล้วเกิด Rebirth นับชาติไม่ถ้วน เกิดจากการกระทำกรรมของแต่ละคน

ชีวิตหลังความตาย อยู่ที่วิบากกรรม กรรมของตนเองต้องเป็นของเรา กัมมัสกตา จะทำด้วยกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม เล็กละเอียดเท่าใดก็ตามก็เป็นของคุณ คุณจะเอาไม่เอาก็ไม่ได้ แบ่งให้ใครก็ไม่ได้ คือ พิสูจน์กันง่ายๆ คนคนนี้ตีหัวคนนี้ แล้วบอกว่า ไม่ดี คนอื่นเอาไปหน่อย แบ่งกรรมของการตีหัวคนไปให้หน่อย ถ้าคนเขาจับก็แบ่งให้ครึ่งนึง มันได้ที่ไหน กรรมของคุณทำคนเดียวคนอื่นไม่ได้รู้ด้วยเลย แล้วจะยกให้ แม้จะรู้ร่วมเขาก็ไม่ได้ทำ เขารู้ว่าคุณทำแต่เขาก็ไม่ได้ทำ แค่กฎหมายเขาก็ไม่ได้เอาผิด นอกจากคุณเป็นคนสั่ง คนสั่งถือว่าเป็นต้นตอมากกว่าคนทำด้วย

คนเราโดยรูปที่ต้องตายต้องมีที่เผา คือเฮือนสุดชีวิต ศาสนาพุทธมีที่เผาศพก็จะได้จบ บางคนบอกว่าเผาแล้วเหลือขี้เถ้าอาจยึดถืออยู่บ้างก็เอาไปลอยน้ำทิ้งไปเลยให้หายไปไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 21:05:36 )

ชีวิตหลังความตายแบบเทวนิยมชีวิต

รายละเอียด

อันนี้นี่นะ คนตายแล้ว เทวนิยมตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าไม่มีอะไรต่อ ยืนยันเองไม่ได้ยืนยันว่ามีสวรรค์กับนรกแล้วแยกแยะไม่ออกโยนให้กับพระเจ้ามีสิทธิ์องค์เดียว ท่านจะชี้นรกก็ของท่านเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ถ้าไปอยู่กับพระเจ้าก็ถือว่าไปสวรรค์ เป็นความโมเม ที่ไม่รู้ว่าเป็นความจริงอย่างไร

ต้องเอาสิ่งที่มนุษย์รับรู้ได้ร่วมกัน เรียกว่าความรู้สึก เราสามารถพูดให้ตรงกันได้รู้ร่วมกันได้ เช่น เห็นสีนี้ก็คือสีเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนไทย จีน ฝรั่ง แขก สัจจะมีหนึ่งเดียวแต่เห็นแตกแยกกันไปว่า อันนี้ชอบอันนี้ไม่ชอบอันนี้ชอบน้อยอันนี้ชอบปานกลาง นับระดับไม่ถ้วนความแตกต่าง เพราะฉะนั้นความจริงมันมีหนึ่งเดียว ทุกคนสัมผัสแล้ว

หนึ่ง แต่ ส่วนความเห็นแตกแยกนั้นมีเป็นล้าน เราประมาณไม่ได้ เราก็จะเอาหนึ่งเดียวเป็นหลัก ถ้าแยกกันแล้วอยู่ร่วมกันได้ก็อยู่ร่วมกันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 21:01:24 )

ชีวิตอย่าไปตั้งอุปทานว่าจะต้องได้อย่างนี้เป็นอย่างนี้

รายละเอียด

เมื่อเรียนรู้ให้ลึกซึ้งเข้าไปแล้ว ปัดโธ่ เราเข้าไปตั้งอุปาทาน สมมุติเข้าไปว่าจะต้องได้อย่างนี้เป็นอย่างนี้ ถ้าเราไม่ตั้งว่าจะต้องได้อย่างนี้ เป็นอย่างนี้ รู้ความจริงว่า อ๋อ.. มันกระทบกับเราทางตาตอนนี้แหละ ขณะนี้ปัจจุบันนี้กระทบทางตาก็เป็นรูปอย่างนี้ สีอย่างนี้ กลิ่นทางจมูกรสทางลิ้นอย่างนี้ กระทบทางหูเป็นเสียงอย่างนี้ อ้อ ก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงของมัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 09:29:11 )

ชีวิตินทรีย์

รายละเอียด

1. อินทรีย์แห่งชีวิต คือพลังงานแห่งความเป็นชีวิต

2. ชีวิตรูป 

3. พลังงานชีวิต 

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 183 , 192 , 194

 

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:20:56 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:11:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:38:50 )

ชีวิตินทรีย์

รายละเอียด

พลังงานกับสสารไม่มีชีวะ หมดอินทรีย์ของชีวิต เป็นรูปที่ไม่ใช่ชีวิตินทรีย์แล้ว ไม่มีพลังงาน ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีลักษณะของอินทรีย์ของชีวิต ชีวิตินทรีย์ไม่มีแล้ว คุณก็รู้ว่ารูปนี้ไม่มีแล้ว นี่เป็นรูป 1ในรูปของ 24 หรือในรูป 28 เอามหาภูตรูปเข้ามาด้วย อุปาทายรูปอีก 24 

คุณก็ต้องรู้ อาการ ลิงค นิมิต  ของความเป็นชีวิตหรือไม่มีชีวิต ที่นับได้ว่าเป็นชีวะของชีวิต มันไม่เป็นแล้วชีวะ หรือมันเป็นชีวะอยู่ในระดับพืช ไม่เป็นชีวะไปเลยเป็นระดับอุตุ คุณก็ต้องรู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส อย่างสมบูรณ์แบบและคุณก็ทำได้ ทำไม่ได้แต่รู้ก็ยังดี เข้าใจ ทำให้ได้ แล้วคุณก็จะรู้ด้วยตนเองว่า อ๋อ…เราทำได้แล้วนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:04:26 )

ชีวิตินทรีย์ของกิเลส

รายละเอียด

ชีวิตความเป็นกิเลส

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 192


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:21:33 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:12:16 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:39:12 )

ชีวิตเรากินเพื่ออยู่และทำประโยชน์คุณค่า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจะกินจะอยู่ก็เพื่อร่างกายให้มันทรงอยู่ แล้วก็มีกรรมการงานมีการกระทำที่จะเป็นประโยชน์คุณค่า เท่านั้นแหละชีวิต 1 อยู่ 2 มีประโยชน์คุณค่า อย่ามีโทษภัยอะไรต่อกันนักหนาก็แล้วกัน แต่คนไม่ได้ศึกษาอย่างนี้ไม่รู้อย่างนี้ เลยมีชีวิตที่กลายเป็นโทษภัยต่อกันเยอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:07:07 )

ชีวิตเอาที่เป็นปัจจุบัน

รายละเอียด

คือ  เรื่องผ่านไปแล้ว ผ่านไป 3 วัน 5 วันแล้ว เอามาถาม แล้วเมื่อไหร่มันจะได้มาทำกินทำอยู่เสียที  ไปงมอยู่กับอดีตมันเป็นเรื่องผ่านไปแล้ว แม้มันจะดี ก็ดี  มันจะไม่ดี  ก็ไม่ดีไปแก้ไขมันไม่ได้แล้ว  คุณเอาปัจจุบันนี้สิ  มีชีวิตเป็นปัจจุบัน แล้วแก้ไขปัจจุบันนี้ให้พอเหมาะพอควร  เร็วไปแก้ไม่ทัน  ช้าไปก็ยิ่งไปงมอยู่ทำไม มันผ่านไป ตั้ง5 วัน7 วัน ถ้าขนาดนั้นแล้วเอามาอีก แล้วเมื่อไหร่มันจะรู้แล้วเสียที เอาที่มันพอเหมาะดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 14:00:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:40:44 )

ชีวิตในระบบสาธารณโภคี จะเป็นฌานที่มีทั้งศรัทธาและปัญญา

รายละเอียด

มาเข้าสู่หลักวิชาการกันให้ดีๆ จะเอาจรณะ 15 

ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วเกิดสัทธรรม 7 แล้วจะเป็นฌาน ฌานคือทั้งพลังงาน ศรัทธาและปัญญา 

ฌานคือพลังงานจิตที่มีทั้งศรัทธาและปัญญา 

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า (มีลำดับตั้งแต่) ข้อแรกคือสัตว์ ศีลข้อที่ 1 คือสัตว์ คือคนด้วยกัน คนนี้เป็นสัตว์ประเสริฐ แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นสัตว์ในนรกกันไปหมด เป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็เป็นสัตว์นรก นักบริหารก็เป็นสัตว์นรก เป็นนักรบก็เป็นสัตว์นรก ยิ่งเห็นชัดเลยนักรบนี่สัตว์นรก ที่เห็นชัด 

ทุกวันนี้ฆ่าแกงกันอย่างไม่รู้สีรู้สาเลย โอ้โห! เวรกรรม แล้วไปฆ่าคนที่เขาไม่รู้สีรู้สาอะไรอีก คุณฆ่าคู่ต่อสู้ก็ยังพอว่า แต่นี่ไปฆ่าชีวิตผู้อื่นที่เขาไม่รู้สีรู้สา เด็กเล็กคนแก่คนเฒ่าคนโต คุณจะเบ่งอำนาจของคุณอย่างเดียว นี่มันเกินกว่าฆ่าสัตว์แล้วนะ นี่มันฆ่าคน คุณไม่เข้าใจหรือว่าคนนี้ไม่ควรฆ่ายิ่งกว่าสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านสอนถึงขั้น (ตั้งแต่ระดับ) ปาณะ อย่าไปทำให้ตกร่วง อาตมาก็อธิบายไปแล้ว 

พลังงานที่มันเป็นระดับจิตนิยาม มาเป็นขั้นสัตตะ มาเป็นขั้นปาณะ อย่าไปทำให้ตกร่วงเลย อย่าทำร้ายเขา ขณะนี้จิตวิญญาณเขากำลังเกิดสูงแล้ว 

ปาณะ เจตสิก เจตภูต พีชคาม ภูตคาม ไปถึงมหาภูตรูป 4 คือพลังงาน ที่พระพุทธเจ้าท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิต นักวิทยาศาสตร์ทางไบโอโลจี นักวิทยาศาสตร์ทางชีววิทยา ที่รู้จักพลังงานที่มันเกิดตั้งแต่เป็นอุตุ มาเป็นพืช มาเป็นสัตว์ชั้นต่ำ จนถึงสัตว์ชั้นสูง จนมาถึงขั้นเป็นมนุษย์ 

พระพุทธเจ้าท่านเป็นนักจิตวิทยา เป็นนัก Biology ชีววิทยาทางจิตวิญญาณที่สุดยอดหมดแล้ว เทวนิยมเขาเน้นวิทยาศาสตร์ยังไงๆ เทวนิยมก็ไม่มีทางเรียนรู้ได้เหมือนอย่างของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเขาจะมาทำให้จิตเกิดความสงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ อย่างที่เราเป็นกันนี้ เขาทำไม่ได้หรอก  

ที่บอกว่า ต้องการสันติภาพเอย สันติภาพเอย ร้องหาสันติภาพกันอยู่ ร้องให้คอแตกคุณก็ฆ่ากันอยู่อย่างนั้น แต่พวกเรานี่มีสันติภาพแล้ว สงบแล้ว สบายแล้ว อบอุ่นสบาย สร้างสรร มีกินมีใช้ เหลือกินเหลือใช้ ทางเศรษฐศาสตร์ทางบริหาร อยู่ด้วยกันอย่างสาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม เศรษฐศาสตร์มีสาธารณโภคี ซึ่งอาตมาอธิบายไปหมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:35:43 )

ชีวิตไม่เต็มเต็งอย่างไร

รายละเอียด

ชีวิตที่ไม่มีกายคือคนที่ไม่เต็ม ไม่ครบ ไม่ครบความเป็นคน คือคนพิการ คนไม่เต็มเต็ง ก็มีชีวิตไม่เต็มเต็งไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นพวกที่หลับตาปฏิบัติก็ดี พวกเทวนิยมก็ดี คือคนพิการทั้งนั้น เป็นชีวิตไม่เต็มเต็ง ไม่ใช่ไปด่าเขา ไม่ใช่ไปข่ม ไม่ใช่ไปดูถูกเขานะ ตามสัจจะที่เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ พูดตามหลักวิชาการ ไม่ได้ไปด่าไปว่าเขา 

เพราะฉะนั้นคนที่พิการตลอดกาลแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดศาสนาไหนก็ตาม ก็ต้องมีกาย อันเป็นสภาวะที่ต้องมี 2 แต่เมื่อไปเข้าใจว่าเป็นสภาวะ 1 คนมีสภาวะเพียง 1 ไม่ว่าชาติไหนศาสนาไหนไม่ละเว้นเลย คนนั้นก็พิการไปอีกตลอดชาติ เกิดอีกกี่ชาติๆ ก็เป็นคนพิการ คนไม่เต็มคน 

ฟังดีๆนะ เกิดมาเป็นคน การจะเป็นคนเต็มคนไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะที่อาตมาพูดนี่ มันต้องมีกายที่มีความเป็น 2 ยืนยันความจริงด้วยกันหมดทุกคน แต่มันหมดไม่ได้หรอก ไม่ง่ายหรอกที่คนจะรู้ได้ 

จะต้องรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงชนิดที่เป็นปัญญา 8 พอรู้แล้วคุณจะต้องศึกษาจนกระทั่ง อ๋อ.. ต้องรู้เป็นความรู้อีกชนิดหนึ่งคือเรียกว่าปัญญา 8 พระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึง 8 ขั้น 8 อย่าง จึงจะรู้จริง รู้จบ ถ้าคุณไม่รู้ปัญญา 8 อย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์ คุณไม่รู้แจ้งรู้จริงรู้จบ คือไม่จบกิจ ไม่เป็นอรหันต์ ไม่สำเร็จสูงสุด ครบความเป็นกายเป็นจิต

และที่สุดจะแยกกายแยกจิตได้ถึงที่สุดสำหรับผู้ที่รู้แท้ ที่สุดสำเร็จสมบูรณ์ จึงมีปัญญารู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า อัตตานั้นคือภาวะ 2 ที่สังขารกันอยู่เท่านั้นด้วยอวิชชา อัตตาคนคือภาวะ 2 ที่มันปรุงแต่งกันด้วยอวิชชา 

ผู้มีวิชชาหรือมีปัญญาก็จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่ามีภาวะ 2 ของนามกับรูปปรุงแต่งกัน สังขารกันอยู่ เป็นวิญญาณมีนามรูป เมื่อเข้าไปปรุงแต่งกันสนิทก็เป็นอายตนะ แยกให้ชัดๆ มีผัสสะก็เป็นเวทนา ก็รู้เวทนา เวทนาจึงเป็นอาการของความรู้สึก ที่เต็มรูปของปุถุชน 

เทวนิยมมีเวทนาเต็มรูปของปุถุชน คือยังอวิชชา หลงอยู่ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส หลงอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข  สุขเต็มบ้องเลย เขาไม่ได้เรียน เขาไม่ได้คิดจะเลิก แต่เขาก็จะมีปฏิภาณรู้เหมือนกันว่ามันหยาบ มันน่าจะพอแล้ว ไม่เอา แต่เขาไม่รู้จักแท้จริงหรอก ลดได้ชั่วคราวเสร็จแล้วก็ไม่รู้เรื่อง ถูกครอบงำใหม่ก็วนเวียนใหม่ ไม่แล้ว ไม่มี นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จบกิจเสร็จแล้วเสร็จเลยแต่เขาไม่เสร็จ วนเวียนได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า อยู่อย่างนั้นแหละไม่เคยจบ  วน เป็นโลกียะหรือเป็นโลกอยู่ตลอดกาล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:03:56 )

ชีวิตไม่ได้ฟังธรรมก็ตกต่ำ

รายละเอียด

เชื่อไหมว่าคนไม่ได้ศึกษาธรรมะแม้จะศึกษาธรรมะก็ยังไม่ง่ายเลย กิเลสมันเพิ่มตลอดเวลา อยากได้อยากมีอยากเป็น หรือไม่ก็โทสะ ราคะโทสะโมหะเจริญอยู่ตลอดทุกเวลามากหรือน้อย ขนาดมาศึกษาธรรมะแล้วก็ไม่ใช่หยุดง่ายๆเลย มาศึกษาดีๆจะรู้ว่าหากชีวิตไม่ได้ฟังธรรมก็ตกต่ำ เกิดมาชาติหนึ่งสะสมกิเลสตกนรก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:56:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:43:55 )

ชี้ขุมทรัพย์

รายละเอียด

เราควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ  คอยกล่าวคำตำหนิ (นิคฺคัยหวาทิง  เมธาวิง) ขนาบอยู่เสมอไปว่า.. คนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์  ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น  เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่  ย่อมมีแต่ดีถ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย (เพราะว่าเมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐ โทษที่ลามกย่อมไม่มี – เสยฺโย โหติ น ปาปิโย)

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่น ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 25 ข้อ 16


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:24:50 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:05 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:45:19 )

ชี้ขุมทรัพย์เอาที่พอเหมาะ

รายละเอียด

คุณก็รู้อยู่แล้วว่า อันพอเหมาะเป็นอย่างไร ถ้าหากไม่ชี้ขุมทรัพย์เสียเลย มันก็ไม่มีใครมาชี้ได้เลย ขี้เหนียวตาย หมักขุมทรัพย์ไว้คนเดียวไม่บอกให้คนอื่นรู้ หากว่าควรจะชี้ให้เขาบ้างก็ไม่ชี้ก็กลายเป็นใจดำ ก็เอาที่พอเหมาะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:35:05 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:36 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:45:51 )

ชี้ความทุจริตได้ตรงความจริงเป็นคำที่แรงที่สุด

รายละเอียด

อย่างอาตมาทุกวันนี้ตำหนิทุกวัน ทำอย่างไรให้เขาดื่มได้ มีทั้งภาษา อย่างเคยยกตัวอย่าง คนกระหายน้ำอย่างแรงมาถึง คนนี้ก็เอาน้ำอย่างดีจะให้เขาดื่ม แล้วบอกว่า เอ้าแดกซะ ให้ด้วยภาษาอย่างนี้แทบจะดื่มไม่ลงเลย หายความกระหายเลย อย่างนี้เป็นต้น ไม่พูดอะไรเลยก็จะดื่มอย่างชื่นใจ แต่นี่พูดเลยเต็มที่ มันมีความหมายอย่างไรคุณไม่รู้ความหมายของคำหยาบคำแรงอย่างนี้เลยเหรอว่าแล้วก็เข้าตัวเอง 

อาตมาพูดคำแรง แต่คำแรงของอาตมาไม่ใช่คำหยาบ คำแรงของอาตมาคือภาวะของการชี้ทุจริตตรง มันจึงแรง พระพุทธเจ้าก็ตรัสอันนี้ สิ่งที่แรงคือ ที่ชี้ความทุจริตให้ตรงความจริงมันเป็นสิ่งที่แรงที่สุด คนที่ชี้ความจริงเป็นเรื่องทุจริต ไปชี้ทุจริตใครก็แล้วแต่ที่ตรงความจริง เป้งๆๆ แรงที่สุด เป็นความแรงที่สุด ทำความเข้าใจดูดีๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:50:14 )

ชี้จุดสำคัญ

รายละเอียด

ฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติคือเวทนา แล้วก็ศึกษาเวทนานอกเวทนาใน เดี๋ยวค่อยขยายกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิตธรรมในธรรม 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีผัสสะ โมฆะเลย โดยเฉพาะผัสสะภายนอก ที่มี 5 ทวารกับใจ 

เพราะฉะนั้นนั่งหลับตานี่ปิดประตูเลย โมฆบุรุษเด็ดขาด สูญเปล่า 

ไม่เป็นลำดับ ไม่ปฏิบัติเป็นลำดับ ตั้งแต่ศีลข้อ 1 แล้วก็มีผัสสะเป็นปัจจัย มีตื่นรู้ แล้วก็กำหนดรู้ มันถึงจะสร้างฐานของสติและปัญญาเป็นอธิปไตย เป็นอุตระอยู่เหนือมันได้ แล้วมีพลังอธิปไตยแข็งแรง 

เพราะไม่เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้น แต่ไปนั่งกดข่ม ไปนั่งทำอะไรนั่นมันออกนอกทางหมดเลย มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ตรงคำสอนพระพุทธเจ้าเลย แล้วมันก็ไม่ได้มรรคผลของพระพุทธเจ้า ไปได้มรรคผลของเดียรถีย์ แล้วก็เอาอันโน้นมาแย้งอาตมา 

เพราะฉะนั้น มันไม่มีรากอย่างที่อธิบายไปยังไม่จบเมื่อครู่นี้ ลัดมาถึงสติปัญญาแล้ว เมื่อไม่มีผัสสะก็ไม่มีเวทนา เมื่อไม่มีเวทนาก็ไม่ได้ปฏิบัติ ปฏิบัติเวทนา 108 อันนี้แหละเป็นกรรมฐานเป็นจุดกลางจุดสำคัญ 

ขอสรุปลงท้ายไว้ให้ฟังก่อน แล้วค่อยมาขยายความ ถ้าคุณไม่เรียนรู้ที่เวทนา ศาสนาพุทธทั้งหมด สโมสรณา รวมลงที่เวทนา เพราะเวทนาเป็นตัวธาตุ ธาตุความรู้สึกทุกข์สุข เป็นธาตุเวทนาความรู้สึกอารมณ์แห่งความรู้สึกสุขทุกข์ จะต้องรู้ความจริงว่าอาการหรืออารมณ์ที่มันเกิดทุกข์เกิดสุขของจริงตรงนี้ ต้องเข้าใจสภาวะธรรม ไม่ใช่มีแต่พยัญชนะว่าเวทนาคืออะไร ความรู้สึกหรืออารมณ์คืออะไร 

คุณต้องอ่านอาการเมื่อกระทบสัมผัส แล้วเกิดเวทนา เกิดความรู้สึก ความรู้สึกเป็นสังขารปรุงมา คุณก็ต้องแยกให้ออกว่ามันมีกิเลสกับตัวความรู้สึกจริง เวทนาแท้กับเวทนาเก๊อธิบายมาหมดแล้ว ถ้าแยกอันนี้ไม่ออก ไม่มีทางปฏิบัติธรรมบรรลุธรรม ไม่มีทางบรรลุธรรม ปฏิบัติให้ตายก็ไม่มีบรรลุธรรม ถ้าไม่มีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์แยกเวทนาในเวทนา เวทนาแท้กับเวทนากิเลส ถ้าแยกไม่ออก ปฏิบัติให้ตายยังไงกี่ชาติกี่ชาติก็ไม่มีทางบรรลุ นี่ชี้จุดสำคัญให้ฟังแล้วนะ ภาษาก็ใช้ภาษาได้แค่นี้ แต่สภาวะคุณต้องมีทักษะจริง 

แค่ลืมตาปฏิบัติมีผัสสะจริงกิเลสเกิดขึ้นจริง จึงจะได้รู้จักกิเลสจริงๆ เวทนามันมีนะมีกิเลสในเวทนา เวทนาในเวทนา (เวทนา 2) เวทนาแท้อันหนึ่ง (อีกอัน)เวทนาเก๊เพราะกิเลสมันปรุงแต่ง แล้วคุณไปหลงกิเลสปรุงแต่ง ไปหลงเวทนาที่มันปรุงแต่งด้วยกิเลส ได้ลาภก็ปรุงแต่ง ยึดติดมัน ได้ยศก็ปรุงแต่ง ติดมัน ได้สรรเสริญก็ปรุงแต่ง ติดมัน มันยิ่งละเอียดไปเลยในลาภยศสรรเสริญ ได้เสพสุขก็กรึ่ม! โลกีย์  คุณก็เฉยเมยเลย ก็มันไม่ทุกข์ 

ไม่ทุกข์ด้วยวิธีเดียรถีย์หลอกให้ไปกดข่มจิต เป็นวิธีทำจิตไม่ให้ทุกข์ด้วย เขาก็เลยหลงเชื่อว่านั่นแหละถูก ไอ้ที่อาตมาอธิบายไปนี้เขาบอกยาก อย่างที่ สู่แดนธรรมว่า ฟุ้งซ่านนั้นน่ะ เห็นไหม มันสิริมหามายา อธิบาย มันซับซ้อนอยู่ในนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:16:29 )

ชื่นชมจตุพร และ ทนายนกเขา

รายละเอียด

จริง เขามีเพชรในตัวเหมือนกัน ผู้ที่มีจิตวิญญาณที่จะมองถึงเราและกล้ามาเผชิญกับเรา มีความแข็งแรงมีความกล้าหาญไม่ใช่เล่น มั่นใจในตัวเองไม่ใช่น้อย และ พูดในสิ่งที่ไม่ใช่ง่าย ไม่ง่ายนะเรื่องนี้ ที่กำลังเกิดอะไรอยู่ในสังคมไม่ง่าย เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่หาได้ยาก นายแน่มาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 15:26:20 )

ชื่นชมศิษย์เก่าศีรษะอโศก

รายละเอียด

อาตมาก็ชื่นชมศิษย์เก่าศีรษะอโศกที่มารวมตัวกันได้ดี ที่อื่นนั้นรวมตัวกันได้น้อย ที่อื่นก็เหลียวหลังดูแลหน่อย อย่าเอาแต่ข้างหน้าจนลืมหลัง เหมือนอาตมาเลยเปิดโทรศัพท์ก็ไม่เป็น แต่อาตมาคงมีคนบริการ ก็ดูในชุมชนชาวอโศกจะมีไว้ให้ดูส่วนกลางหรอก คงจะไม่โหดร้ายเกินไปขนาดนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:32:27 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:15 )

ชื่นใจในธรรมะมากกว่า 50 ปี

รายละเอียด

ก็มาสรุป เหลืออีก 8 นาที สรุป ในเรื่องของธรรมะ อาตมาทำงานมากว่า 50 ปีตอนเป็นฆราวาสรวมบวชด้วย ก็เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว อาตมาก็ชื่นใจในธรรมะอันที่รู้ได้ยากเห็นตามได้ยากลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)สันตะ เป็นความสงบที่ครบพร้อมทั้งแนวกว้างแนวลึก เดาไม่ได้ ในการใช้เหตุผลตรรกะของคิดในเรื่องบัญญัติ ต้องบรรลุด้วยจิต ต้องทำใจในใจเป็น มนสิการ การทำใจในใจ เป็นข้อ 2ของมูลสูตร 

มูลสูตร 10

1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) คือความยินดีความต้องการความประสงค์ความปรารถนาว่าอันนี้ดีนะ นำจิตใจเรา ไม่มีใครบังคับคุณหรอก 

2.มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)(ยังไม่มีคำว่าโยนิโสฯนะ) ต้องทำใจในใจเป็น

3.มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

4.มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) 

5. มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)  สุ

6.  มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . . 

7. มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด  

8. มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง 

9. มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.  

10. มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

(พตปฎ. เล่ม 24  ข้อ 58


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 11:35:19 )

ชื่อ รวงทองแพง หมายถึงอะไร

รายละเอียด

บุตรคนแรกได้บุตรีชื่อว่า ปุณย์ อาตมาตั้งให้เอาชื่อมาจากพ่อของเขาคือ ปุ๊ก และรุณ เป็นปุนรุ๊ก ก็เลยได้ชื่อ ปุณย์ เป็นชื่อเล่น ชื่อจริงชื่อเต็มเขาชื่อ รวงทองแพง แม่ของเขาชื่อฟางรวงทองพ่อของเขาชื่อทองไทย ย่าของเขาชื่อทองธรรม บ้านนั้นบ้านทอง สี่ทองแล้ว ลูกหรือหลานออกมาคนนี้ก็ทองอีกคน ชื่อ รวงทองแพง รวงทองคืออะไรคงรู้ ที่ออกเป็นรวงคือรวงข้าว ก็เชื่อมโยงจากฟางรวงทอง แต่ลูกเป็นรวงทองเลย ข้าวมีราคาเป็นนิมิตหมายว่าให้ประเทศไทยเพิ่มข้าวให้ดีๆให้มากๆ ให้กระจายเผื่อแผ่ไปทั่วโลก ทั่วโลกกินข้าวกันเกือบทั้งโลก มีชาวเอสกิโมอาจจะกินข้าวไม่ค่อยเป็น เขากินปลาเป็นหลัก แม้แต่สัตว์มันก็มีน้อย พวกเรามันจะเป็นอย่างนี้เป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกมีหลานออกมาก็ยินดีปรีดากัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:12:40 )

ชื่อของชาวอโศกมักจะมีสภาวธรรมลงตัวหลายๆ คน

รายละเอียด

จบเลยนะคนที่ไม่มีไอ้หวัง ไอ้หวังตายสิ้นเสร็จเลย ลอยตัวเลย บินบนเลย หมดความสมหวัง บินบนเลย ลอย เป็นผู้หลุดพ้น ลอยตัว บินบนเลย หมดความหวัง ไม่ต้องสมหวังอีกแล้ว นี่ทุกอย่างลงตัวหมดเลยอาตมาพูดนี่หมายถึงตัวบุคคล คือสมหวังกับบินบนด้วย เห็นไหม สภาวธรรมมันลงตัวกันด้วย ส่วนคนที่พระอินทร์ตอนนั้นลงมาเดินดินหมดเลย พระอินทร์จร คือ จรินทร์ ลงมาเดินดินหมดเลย ท่านเดินดินชื่อจรินทร์ก็มาลงดิน มันลงตัวหมดเลย มันเป็นสภาวธรรมจริงๆ

อาตมานี้เป็นมงคลอันอุดมลงตัวไหม แล้วมาแผ่ เป็นความรักให้แก่ทุกๆคน กระจายอะไร กระจายโพธิ โพธิรักษ์ แต่รัก อาตมาไม่มี ษ มีนัยยะ 2 อย่าง ทั้งรัก และรักษ์ เพราะฉะนั้นอาตมารักมวลมนุษย์ ก็มาแจกโพธิ เพื่อรักษาโพธิ เพื่อเป็นคนรักษาโพธิ สืบทอดของโพธิพระพุทธเจ้า คือโพธิรักษ์ ตนเองมีมงคลตนเอง เมื่อตนเองมีมงคลอันอุดม ดีมากพอ ก็เผื่อแผ่แก่คนอื่น กระจายแบ่งแจกความรักให้แก่คนอื่น อย่างนี้เป็นต้น 

ที่อาตมาขยายความ เอามนุษย์เอาตัวตนบุคคลมาประกอบในการที่จะอธิบายสัจธรรม เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าชื่อสิทธัตถะ ก็แน่นอนมันต้องลงตัว เป็นผู้ที่สำเร็จแล้วเรียบร้อย เป็นผู้ที่มีสารัตถะอันสูงสุด สำเร็จบรรลุ อัตถะ สิทธะ แปลว่าผู้สำเร็จหมดแล้ว สำเร็จอะไร  สำเร็จอัตถะ สัจธรรมทุกอย่าง ทำไม มารดาพระพุทธเจ้าต้องชื่อสิริมหามายา ก็ความเกิด แม่ผู้ให้ความเกิด ทางโลกก็เป็นแม่ มารดา ที่ก่อเกิดทางรูปธรรมอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆแล้วแม่ของสิทธัตถะนั้น มีตัวตนอยู่แค่ 7 วัน เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง พลังงานที่ทำให้ถึงขั้น 7 วันก็เที่ยงแท้แล้ว จบ เอาแค่นั้น ไม่เอามากกว่านั้น เพราะทำงาน แป๊บเดียวก็หายไป เกิดอะไร เกิดสิทธัตถะ 7 วันแล้วสิริมหามายาก็หายไป สัจจะมันลงตัวอย่างนี้หมด 

อาตมาปาง 7 จึงมีความลงตัวบ้าง บินบนบ้าง สมหวัง จรินทร์ พระอินทร์จร เป็นต้น มันลงตัวหลายๆ คน ไม่อยากขยายความไป เดี๋ยวจะไปเล่นลิเกพวกนี้อีก เอาพยัญชนะเอาชื่อมาพูดกัน แล้วก็เลอะเทอะไปอีก แต่ถ้าเผื่อว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะเข้าใจถึงรูปและนาม ถึงชื่อนาม กับตัวบุคคลผู้นั้นๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสมมุติ หรือไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ผู้ที่อยู่ในกรอบของสัจธรรม จะมี แต่ทั่วไปก็จะสะเปะสะปะไปตามเรื่อง แต่ผู้ที่เข้ากรอบของสัจธรรมมาแล้วจะมีอย่างนี้ ชื่ออย่างนี้ นามมันจะลงตัว นามจะมีสัจธรรมในเนื้อหาของมัน เราไม่ต้องไปวุ่นมัวเมา ปฏิบัติธรรมจะมีสัจจะที่จะรู้แจ้งไปอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 13:42:59 )

ชื่อบอกสภาวะสัจธรรม

รายละเอียด

โกณทัญญะคือคนโง่ อัญญาโกณฑัญญะคือคนโง่คนแรกที่เริ่มมีญาณปัญญาของพุทธ ซึ่งในพระพุทธเจ้านั้น ชื่อแต่ละคนๆ เป็นชื่อบอกสภาวะที่แท้จริง แม่ชื่อสิริมหามายา พ่อชื่อสิทธัตถะ ยโสธราพิมพา พระราหุล ชื่อต่างๆบอกสภาวะของสัจธรรม สภาวธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:24:52 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:41 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:47:19 )

ชื่อพวกวกนี้จะลงตัวกับสภาวะให้อาตมาอาศัยใช้

รายละเอียด

มาถึง คุณประยุทธ เชื้อจง เป็นพ่อของรอยทราย ดีรัตนา ตอนนี้คุณประยุทธตายแล้วนอนในโลงเป็นศพ ศพ นี้คือ สว สพ  ส่วนเป็นตน คือ สก สว สย สามอย่าง สว มีพลังงานตัวที่ 4 สก คือพลังงานตัวต้น ย ร ล ว ส ห ฬ อํ พยัญชนะเป็นสิ่งแทน ลึกละเอียด ยังรู้ไม่ครบ พูดถึงเรื่องประยุทธ ตกลงคำว่าประยุทธ อาตมานึกถึงคน 3 คน นี่ประยุทธคนหนึ่งตาย ตอนนี้อจินไตย ประยุทธตายแล้ว ประยุทธ์แปลว่าการรบ วันนี้สงบศึกแล้ว จำไว้นะ ยังเหลือธุลีละอองของโควิด ประยุทธ์หนึ่งจบไปแล้วเหลือประยุทธ์อีก 2 ประยุทธ์ประยุทธ์ 1 เป็นสมณะ อีกประยุทธ์เป็นนักรบ ชื่อพวกวกนี้จะลงตัวกับสภาวะให้อาตมาอาศัย ใช้ ยิ่งสมัยพระพุทธเจ้าแล้วจะมีหมดเลยคนนี้พระสารีบุตร คนนี้โมคคัลลานะ คนนี้อานนท์ เป็นชื่อที่บอกสภาวะธรรม สารีคือผู้ที่เต็มไปด้วยสาระ โมคคัลลานะคือมีฤทธิ์ กัจจายนะ คือผู้ขยายความละเอียดลออ อานนท์คือผู้รู้เยอะ กัสสปะคือจอมตัด ผู้เป็นจอมใหญ่ ยาวนาน ยึด เยอะ นี่ก็พูดคร่าวๆ ที่พูดไปไม่ได้เพ้อเจ้อ พล่อย แต่เป็นเรื่องลึกซึ้งเรื่องใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 09:55:12 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:14 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:48:28 )

ชุดคำสอนของ God เป็นความรู้ของศาสดาเองแต่เขาไม่รู้

รายละเอียด

เขาเข้าใจแต่ God ซึ่ง God ของศาสดาแต่ละองค์ก็สอนเป็นชุดของแต่ละศาสนา ซึ่งจริงๆ แล้วศาสดากับ God นั้นอันเดียวกัน แต่ศาสนาเทวนิยมไม่รู้ตัว ว่าความรู้นี้คือของตัวเองเพราะไม่เข้าใจกรรมวิบาก ที่ตนเองได้สั่งสมมา จนได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งเขาไม่รู้ นี่คืออวิชชาที่ซับซ้อน มันไม่เที่ยง แต่เขาคิดว่าเที่ยง แต่มันไม่มีเที่ยงโดยสัจจะ แต่เขายึดของเขาเองว่า เขาเที่ยงจริงๆ เลย 

จริง พยัญชนะ ที่สอนกันถือกันที่บันทึกกันอยู่ อาจมีอยู่ แต่แม้แต่พยัญชนะ มันก็ไม่ได้คงที่ ก็มีคนอธิบายผิดเพี้ยนเลอะเทอะไปบ้างด้วยได้ มันก็ไม่เที่ยงอยู่ดี ยิ่งยุคนี้ ความหลากหลายมีเยอะ แต่ก่อนนี้เขาไม่ได้บันทึกแบบเทคโนโลยีอะไรอย่างนี้ ดูเหมือนมันจะอยู่เที่ยงกว่า มันจำกันแม่นกว่า แล้วก็มีการสังคายนากัน มาตรวจสอบกันมันก็จะคม แต่เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างบันทึกไปหลากหลายมากมาย ใครจะเอาอย่าง Google ก็เอาอย่าง Google ใครจะเอาอย่างวิกิพีเดียก็เอาอย่างวิกิพีเดีย หรือใครจะเอาอย่างหัวเหว่ย Android

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 17:01:30 )

ชุดอโศกเป็นชุดที่สวยที่สุด

รายละเอียด

เหมือนชุดประจำชาติ มีความแตกต่างกันไป ชุดที่ใส่ อาตมาพยายามจะดึงกลับไปสู่เครื่องแต่งตัวแบบไทย ผู้หญิงก็นุ่งผ้าถุง ผู้ชายก็นุ่งกางเกงเรียกว่ากางเกงไทย กางเกงกุยเฮ็ง ไม่มีเป้า ไม่มีแบบกางเกงฝรั่งมีเป้า ก็ใส่มาอย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรเดี๋ยวนี้ไม่เหลือแล้วนุ่งกระโปรงกันหมดดีไม่ดีเป็นนุ่งกางเกงลายสำหรับผู้หญิงผู้ชายก็นุ่งกางเกงฝรั่ง กางเกงมีเป้า จนกระทั่งมีกางเกงขาบานขาเดฟ มอส อะไรไปต่างๆ นานา ก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะว่าไปแล้วแต่ถ้าคนที่เขายังยืนหยัด ยืนยันในวัฒนธรรมเครื่องแต่งตัวชาติของเขามีเยอะแยะหลายชาติ ชาติไทยเท่านั้น เปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือวัฒนธรรมไทยมีอยู่บ้างหรือน้อย จะมีอยู่ตอนที่มีงานถึงจะแต่งชุดไทยกัน เรียกว่าเป็นชุดเอาบุญเป็นชุดพิเศษออกงานไปงานเป็นชุดโก้ นานๆใช้ที เป็นชุดพิธีการราคาแพง ไหมอะไรพวกนี้ ธรรมดาชุดพื้นๆก็มีเสื้อแขนกระบอกแบบไทยคอกลม อย่างเจริญหน่อยก็เป็นเสื้อคอตั้ง ที่พลเอกเปรมดึงขึ้นมาเป็นเสื้อพระราชทาน 

คนที่รู้สึกว่าใส่ชุดชาวอโศกสวยที่สุด มันเป็นเอกภาพ มันดูดีมีวัฒนธรรม เป็นแบบอย่าง เป็นสิ่งที่เข้าใจว่าอันนี้เป็นสัญลักษณ์ของเรา เป็นวัฒนธรรมของเรา มันก็เป็นความมีสิ่งที่เป็นตัวเรา จะบอกว่าเป็นอัตตาก็ไม่เชิงทีเดียวแต่จะเป็นอัตลักษณ์ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:32:00 )

ชุมชน Classic มีวรรณะ 9 อย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้วรวมเป็นคนที่มีภูมิธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส แต่ละอย่างแต่ละข้อท่านตรัสไว้ เราเข้าใจความหมายแล้วก็เอามาประพฤติปฏิบัติ อาตมาว่าเราไม่ได้ขี้ตู่ เราว่าพวกเราศึกษาธรรมะพุทธเจ้าแล้วเข้าใจ เข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติประพฤติได้ผลสำเร็จ มีมากมีน้อยได้ผลน้อยผลมากก็เจริญตามฐานานุฐานะจริงๆ แล้วก็มารวมกันอยู่เป็นชุมชนมนุษยชาติ ซึ่งเป็นชุมชนที่สูงที่สุดเรียกว่าเป็นชุมชน Classic มีวรรณะ เป็นชุมชนที่มีชั้นวรรณะ Classic เป็นวรรณะ 9 

วรรณะ 9 ถ้าชาวโลกเขาคนโลกีย์นักเศรษฐศาสตร์ หรือแม้แต่นักบริหารปกครองโดยเฉพาะนักสังคมศาสตร์ เข้าใจวรรณะ 9 นี้บริบูรณ์เลย ว่าเป็นสังคมที่เจริญสูงสุด เป็นชุมชนที่คลาสสิคที่สุด ชั้นสูงที่สุด เป็นคนที่มี สุภระ เลี้ยงดูง่าย อยู่กันอย่างง่าย อย่างเราเลี้ยงลูกเต้า ลูกหลานเราเลี้ยงง่าย 

สุโปสะ สอนง่าย ทำให้เจริญง่าย เป็นคนว่านอนสอนง่าย พัฒนาให้เจริญง่ายๆ

สุภระเลี้ยงดูง่าย สุโปสะ สอนง่ายพัฒนาให้เจริญง่ายๆ 

อัปปิจฉะ เป็นคนกล้าจน เป็นคนมักน้อย ชอบมีน้อยๆ มักน้อยคือชอบ มักมากคือ ชอบมากๆตะกละตะกรามโลภโมโทสันจัดมีเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เอาเข้าไปโลภไปเรื่อยๆจนตายก่อนจะตายก็ยังขอดูบัญชีอีกนิด โอ้ คนเรานี่มันไม่รู้เรื่องเลยอะไรคือความเจริญ คนเจริญคือคนจน ถ้าฟังอย่างนี้แล้วเข้าใจพระพุทธเจ้าสอนให้มาเป็นอย่างนี้นะ ให้มาเป็นคนจนเป็นคนเจริญ 

เป็นคนมักน้อยเป็นคนใจพอ สันตุฏฐิ หรือสันโดษเป็นคนใจพอ จุดนี้แหละเป็นจุดใหญ่สำคัญ พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินประเทศไทย อยู่ในจักรีวงศ์รัชกาลที่ 9 ได้เอาจุดสำคัญนี้มาประกาศให้คนในโลกฟัง โดยใช้ภาษาคำศัพท์ว่า พอเพียง

พอเพียง ก็คือเอาคำที่มาจาก สันตุฏฐิ เป็นคนใจพอ มีความรู้จักพอ มีเท่านี้พอแล้ว คนที่สมบูรณ์สุดมี 0 บาท พอ ไม่มีหนี้ ไม่มีส่วนเกินที่จะโลภกักไว้ เป็นคนหมดตัวหมดตน จะอยู่ได้ไหม อยู่ได้ แม้เราจะแก่เฒ่าจะทำอะไรไม่ได้ก็มีคนช่วยเหลือ ชีวิตเรามีคนช่วย ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ฝากชีวิตไว้กับสังคมหมู่กลุ่ม อยู่ด้วยกันเกื้อกูลกัน พึ่งพาเกิดแก่เจ็บตายกันได้

เป็นคนที่ใจพอรู้จักการขัดเกลา ขัดเกลากายกรรมวจีกรรม โดยเฉพาะขัดเกลามโนกรรมขัดเกลาด้วยศีลในกิเลสที่มันเป็นตัวอย่างละเอียด โดยมีจิตเป็นประธานสูงสุด ศาสนาพุทธรู้จักต้นตอของมนุษย์ รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ แยกแยะออกมา ตัวสำคัญคือ เวทนา 

แม้ที่สุดมาเป็นคนมีวรรณะ 9 อย่างที่ว่า จนกระทั่งอธิบายถึงขั้นสัลเลขธรรม มาขัดเกลากายวาจาใจ มาเป็นคนที่มีศีลเคร่งได้ ศีลเคร่งหมายถึงศีลที่เจริญขึ้นเป็น อธิศีล คนที่ปฏิบัติศีลเจริญขึ้นแล้ว ก็เป็นความไม่เคร่ง ตอนแรกๆก็ฝืน ปฏิบัติได้แล้วก็ได้ดี คล่องแคล่วขึ้นทำได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้า จนไม่ต้องฝืนไม่ต้องทน ทุกอย่างมันแคล่วคล่องว่องไวปราดเปรียวทำได้ จนกลายเป็นอัตโนมัติ เป็นปกติ มีศีลเป็นปกติ มีศีลได้ชำนาญจนเป็นปกติ เป็นอัตโนมัติ 

ไม่ฆ่าสัตว์ ปุ๊บ! มันทำได้เลย เมตตาสัตว์มัน ไม่เบียดเบียนมัน มีแต่ความปรารถนาดีต่อสัตว์ หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้เขาจะเป็นคนเลว ก็ปรารถนาดีกับคนเลว เป็นคนร้ายเราก็ปรารถนาดีต่อคนร้าย ทำอย่างไรจะช่วยเขาได้ ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยให้ผู้ที่ฐานะเดียวกันหรือว่าอยู่ในพวกเดียวกันที่ต้องแรงเขาแรงด้วยกันร้ายก็ร้ายด้วยกัน เราแรงกับเขาไม่ไหวหรอก ปล่อยให้เขาร้ายเขาแรงกันไปจัดการกันไปเอง เราอยู่ในส่วนที่จะช่วยผู้ที่ช่วยได้ ผู้ที่ยังช่วยไม่ได้ เกินแรงเกินมือ เกินสถานะ เกินความสามารถ ก็ให้เขาเป็นไป มันมีในโลกในประเทศไทย

จนพวกเรานี้ มาแสดงตัวเป็นผู้ที่มักน้อยเป็นผู้ที่มีศีลเคร่ง ธูตะ ตามฐานะ เคร่งแล้วสบายปกติไม่เคร่งเลย มีอธิศีลเพิ่มขึ้นไปจนกระทั่งบรรลุศีลเป็นวิมุตติญาณทัสสนะ ก็จบความมีศีลของแต่ละคน ธูตะ 

ศีล ทำให้เกิดอาการที่น่าเลื่อมใส กายกรรมที่น่าเลื่อมใส วจีกรรมที่น่าเลื่อมใส มโนกรรมที่น่าเลื่อมใส มีปาสาธิโก เป็นวรรณะข้อที่ 7 มีอาการที่น่าเลื่อมใส อาตมานี้ปาง 7 เลยมาทำให้คน มีอาการที่น่าเลื่อมใส คนตาดีก็จะเห็นว่าน่าเลื่อมใส คนที่มีภูมิปัญญาก็จะเลื่อมใสว่าอโศกนี้น่าเลื่อมใส คนที่ตาถั่ว ตาลอ รู้จักคน ตาลอไหม ..คนไม่รู้จักมีเยอะ ตาลอ ภาษาอีสานแปลว่าตาถั่ว จะมีจุดขาวๆอยู่กลางตา เห็นเม็ดถั่วขาวๆอยู่กลางตา ตาลอ

เป็นคนที่มีอาการที่น่าเลื่อมใส โดยเฉพาะเป็นคนที่ไม่สะสม อปจยะ ไม่สะสม มีเท่าไหร่ก็เทให้ส่วนกลางหรือเอามาเผื่อแผ่สะพัด เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง สะพัดให้แก่ผู้ที่ควรสะพัด ยิ่งมีสังคมร่วมเป็นสาธารณโภคี ตัวเองไม่ต้องมีอะไรเลยไม่ต้องสะสมอะไรเลย อยู่กับส่วนกลางสบาย เชื่อไหม? ..เชื่อ ใครเป็นได้แล้วบ้าง?..(ยกมือกัน) จริงหรือเปล่า? ..จริง ยักไว้เท่าไหร่? ..มีอยู่ค่ะสองพัน ยักไว้มีอยู่ค่ะสามพัน ยักไว้อยู่ค่ะ 10 ล้าน 

เพราะฉะนั้นจะเข้าใจ บอกว่า เออ มาอุดหนุนทางนี้แล้วพวกเราอยู่อย่างคนจน ตลกที่สุดเลยนะพวกเรานี่อยู่แบบคนจน ชาวบ้านชาวช่องมองมาบอกว่าพวกนี้มันมาหลอกคนว่ามาจน จนอะไรของมันวะ เป็นความซับซ้อนสิริมหามายา เหมือนกับหลอก คนเขาก็ไม่เชื่อว่าเราดีทั้งที่เราดี เราบอกว่าเราไม่ดีเราไม่หลอกเขาบอกว่าเราไม่ดี แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเราไม่ดี เขาไม่เชื่อว่าคนจนนี่ดี คนไม่สะสมนี้ดี 

คนวิริยารัมภะ คนยอดขยันมันดีอันนี้ไม่ยาก สุดท้ายก็มาเป็นคนยอดขยัน การขยันนี่ไม่ใช่การฝืนนะ ปรารภความเพียร ไม่ใช่ริเริ่ม แต่ปรารภคือต่อเนื่องอยู่เสมอ ปรารภ ปรารมย์ ต่อเนื่องอยู่เสมอไม่ใช่ริเริ่ม ริเริ่มมันยากแต่ต่อเนื่องคือมีอะไรเกิดก็เกิดต่อสืบเนื่องกันไป มันยิ่งกว่า relation มันยิ่งกว่า Connection มันละเอียดกว่า มัน relation อย่าง Osmosis อารัพภธาตุ อารัมภธาตุ นิกกัมธาตุ ปรักกัมธาตุ ถามธาตุ ฐีติธาตุ อุปักกัมธาตุ 7 ธาตุ ที่ละเอียดมากเลยนะ เป็นพลังงานแห่งความขยันหมั่นเพียร เป็นพลังงานที่ละเอียดมาก ตั้งแต่เริ่มดำริเลย อารัพภธาตุ แล้วอารัมภธาตุ เติมอีกๆ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:50:28 )

ชุมชนกลุ่มหมู่ที่ไหนที่ประเสริฐที่สุดที่น่าเที่ยว

รายละเอียด

ยิ่งประเทศไทยเขาบอกว่าเบอร์ 1 เป็นที่น่ามาเที่ยว เดี๋ยวจะมีคนที่มีปฏิภาณปัญญาเข้ามาเที่ยวเมืองไทยแล้ว แล้วเขาก็จะค้นหาว่า แล้วมันมีชุมชนกลุ่มหมู่ที่ไหนที่ประเสริฐที่สุดที่น่าเที่ยว พูดอย่างนี้แล้วรู้ไหมว่าที่ไหน ... ยังไม่มีหรอกตอนนี้เขายังไม่รู้ เขาจะไปเที่ยวเชียงใหม่ เขาจะไปเที่ยวภูเก็ต อย่างนี้เป็นต้น 

เขายังไม่รู้ว่าอุบลมีที่น่าเที่ยว ประเทศไทยนี้มีจังหวัดที่ชื่อว่า ราชธานี จังหวัดเดียว ใน 77 จังหวัด คือ อุบลราชธานี เพราะฉะนั้นโพธิรักษ์ก็มาตกอยู่ตรงนี้ มาอุบัติอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่โพธิรักษ์ไม่ได้เกิดอยู่อุบล โพธิรักษ์ตกฟากที่ศรีสะเกษ แต่มาอยู่ที่หัวใจ เกิดที่หัว แต่มาอยู่ที่หัวใจ อุบลดอกบัวหัวใจ มาทำงานอะไรต่ออะไรอยู่ที่นี่เป็นหลัก ไม่ได้ทำอยู่ที่ศีรษะอโศกแต่ก็มีเครือข่ายอยู่ที่ศรีษะอโศก แน่นอนก็ร่วมกันอยู่กับเรี่ยวแรง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:19:33 )

ชุมชนคนจนมหัศจรรย์ชาวอโศกอุบัติขึ้น ณ โลกใบนี้!

รายละเอียด

ในสิ่งแวดล้อมทั้งมวลที่เป็นองค์ประกอบเกิดขึ้นได้จนกระทั่งมีเป็นสังคม

“ชุมชนคนจนมหัศจรรย์ชาวอโศก”ก็ดี 

ทั้งความเป็นไปได้ที่เกิดชุมชน“สาราณียธรรม 6”ถึงขั้นมีเศรษฐกิจ

สุดวิเศษคนในชุมชน ทำงานฟรีทั้งนั้น ทุกคนเสียภาษีเข้าส่วนกลาง

100% อีกด้วย และเป็นอยู่กันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจไปกับระบบ

เศรษฐกิจ“สาธารณโภคี”กันในยุคสังคมทุนนิยมสามานย์ปานนี้

แถมอีกทีเดียว 

มันเกิดขึ้นได้ยังไง?!  ..ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์ก็เกินไปล่ะ!!!!! 

งานที่อาตมารับจากพระพุทธเจ้ามานี้ มันเป็น“สัจธรรม”

ที่พระโพธิสัตว์ทุกองค์ต้องทำ“สัมภารวิบาก”นี้กันให้สอบผ่านทุกองค์

อาตมาไม่ได้ประหลาดใจอะไรอีกแล้ว เมื่อมีเหตุปัจจัยครบพร้อมทั้ง

“ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่”ของอาตมาเป็นหลักฐานชัดปานนี้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 516 หน้า 384


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2564 ( 11:59:10 )

ชุมชนคนจนสำเร็จด้วยภูมิปัญญา

รายละเอียด

ถ้าคนไทยเราได้สนใจธรรมะพระพุทธเจ้า แล้วทำความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงก็ดี เศรษฐกิจแบบคนจนก็ดี ขาดทุนของเราคือกำไรของเราก็ดี ซึ่งเป็นคำตรัสของในหลวงทั้งนั้น อาตมาเอามาขยายความแล้วพาทำมาตั้งแต่ต้นทำงานศาสนามา ตั้งแต่ พ.ศ 2513 อาตมาเริ่มทำชุมชนชาวอโศกที่เป็นสาธารณโภคี เป็นชุมชนคนจน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็สำเร็จได้กันอย่างที่คนเข้ามาในนี้ มีเป็นสมาชิกมีภูมิปัญญารับรู้เรื่องนี้ได้อย่างดี เข้าใจเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจแบบคนจนเรียบร้อยเลย หมดความสงสัย เพราะมีจิตวิญญาณที่เป็นผู้ที่เข้ากระแสโลกุตระของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นทาสโลกธรรมไม่ต้องไปแย่งลาภ ยศ สรรเสริญ​ ก็น่าจะเข้าใจได้ชัดเจน ไม่แย่ง มีน้อยก็อยู่ได้หรืออย่างเก่งคือไม่ต้องมีเลยส่วนตัว อาศัยกับส่วนกลาง จะขอเบิก มีให้ก็ใช้ ไม่มีให้ก็ไม่เอา ประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่ายไม่ฟุ่มเฟือยและก็ไม่ตายหรอก และไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจริญมีความเจริญด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:34:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:12 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:49:07 )

ชุมชนชาวอโศก

รายละเอียด

ชาวอโศกได้ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติที่เป็นสัมมา แล้วมีวิมุตติญาณทัสสนะมาพอสมควร มารวมกันจนกระทั่งเป็นกลุ่มคนมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะได้ประมาณนี้ เป็นชุมชนชาวอโศก เป็นชุมชนจริงๆ มีสมาชิกประจำ ชุมชนของชาวอโศกมีมากกว่า 10 ชุมชน ชุมชนที่มีสมาชิกเกิน100 คน มีรูปธรรมมีวัฒนธรรมสังคม มีความเป็นอยู่สาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 ยืนยันได้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า

อาตมาเอาสาราณียธรรม 6 วรรณะ 9 มาที่บ้านสังคมมนุษย์กลุ่มคน ที่มีเศรษฐศาสตร์แบบนี้มีรัฐศาสตร์แบบนี้มีสังคมศาสตร์แบบนี้ เป็นบวร บ้านวัดโรงเรียนร่วมกันอยู่ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่คนแก่คนพิการ คนติดเตียง ก็ดูแลกันไป นี่แหละวัฒนธรรมอย่างนี้ที่เราเป็น มีน้ำใจ ในที่สุดท้ายก็ไปร่วมกันเผา สะดวกสบายไม่ต้องมากเรื่อง แม้จะไม่หรูหราฟู่ฟ่าอัครฐานอะไร แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร อยู่กันอย่างเป็นสุข คำว่าความสุขคำนี้ก็ขอยืมภาษาของโลกมาใช้ มันเป็นวูปสโมสุโข คือมีความสุขอย่างมีสัมมาทิฏฐิ สุขอย่างเป็นสังคมที่สัมมา ไม่ใช่เป็นสังคมที่ไม่เข้าเรื่อง

แล้วก็ช่วยพัฒนากันไปมีเมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สาราณียธรรม 6 แล้วก็มีหลักเกณฑ์ที่เรียกว่า ศีล อย่างต่ำนี่ศีล 5 เคร่งครัดบ้าง ไม่เคร่งครัดบ้าง เคร่งครัดจัดไปก็มี ศีล5ก็รู้กันจริงได้ประโยชน์จากศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ไม่ได้ลงรายละเอียดตอนนี้ อธิบายพอเป็นตัวอย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:20:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:22 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:50:38 )

ชุมชนชาวอโศก กองกลางเป็นอรหันต์ ประชนเป็นอนาคามี

รายละเอียด

คือพระอรหันต์ ไม่มี จะอยู่กับกองกลาง สร้างสรร เป็นคนขยันหมั่นเพียร ไม่ใช่เป็นคนแฝงกิน เป็นคนขยันหมั่นเพียร สร้าง สรร  แม้จะรู้ว่าเราเสียสละ  เราทำงานมีผลผลิตเยอะแยะ แต่เราเอาเข้ากองกลางหมดเลย  เรากินน้อย ใช้น้อย ไม่ริษยาคนอื่น  ใครจะตะกละกิน  อยากมีกิเลสอยู่ ก็เรื่องของเขา  เราลดลงมาเรื่อยๆดีกว่า  แค่นี้ก็พอ  แต่ไม่ได้มาทรมาน  สังขารร่างกายนะ  จะเห็นได้ว่าร่างกายก็แข็งแรงดูดี  จะเห็นได้ว่า ชาวอโศก ลงพุงน้อย

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่37วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 15:23:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:27 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:52:04 )

ชุมชนชาวอโศกคือหลักฐานยืนยันโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ติดตามฟังให้ดีๆ ซึ่งจะมีจุดพิสูจน์กันตรงนี้ ตรงที่ว่า คำอธิบายของอาตมา เป็นของผู้ศึกษาธรรมะโลกุตรธรรมจริงๆ ของพระพุทธเจ้าคือโลกุตรธรรม ซึ่งอาตมายืนยันว่าอาตมาเป็นผู้นำโลกุตรธรรมมาเปิดเผยกระจาย ซึ่งมันสูญหายไปแล้ว ยกอ้าง อาณิสูตร หรือกลองอานกะ พระพุทธเจ้าทำนายไว้ในอนาคตว่า ต่อไปโลกุตรธรรมจะหายไปเหมือนกับกลองอานกะ ที่จะเป็นการปลอมไป อาตมาก็ต้องเอาเนื้อแท้ของกลองอานกะ คือ เอาสิ่งที่ถูกต้องกลับคืนมาให้ได้ 

อาตมาก็ได้พิสูจน์มาแล้วจน 50 ปี ค่อยๆอธิบายค่อยๆสร้างความเข้าใจ ซึ่งก็มีคนที่ติดตามอาตมา ตั้งแต่ผู้มีบารมีเดิม เป็นพวกเป็นหมู่เก่ามาด้วย เป็นพวกใหม่ด้วยเข้ามารวมกัน ใช้เวลา 51-52 ปีแล้ว  ก็ได้หมู่ขนาดนี้เป็นรูปขึ้นมาขนาดนี้ มีชุมชนชาวอโศก ซึ่งเป็นสาธารณโภคีเป็นสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีพุทธพจน์ 7 อะไรพวกนี้ต่างๆ ซึ่งอาตมายืนยันหลักฐานของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ติดตามฟังดีๆ แล้วก็จะค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ รู้อะไรต่ออะไรเพิ่มขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 13:53:15 )

ชุมชนชาวอโศกจะเป็นโมเดลที่ให้ชาวโลกมาศึกษา

รายละเอียด

เดี๋ยวนี้มีชุมชนชาวอโศกประมาณ 20-30 ชุมชนกระจายอยู่ทั่วประเทศ ก็เป็นหมู่บ้านที่เป็นรูปธรรมชัดๆ หมู่เล็กๆ ก็ไม่ได้พูดถึง

จะเป็นโมเดลที่ให้ชาวโลกมาศึกษา มันเป็นของเป็นได้ไม่ใช่ของเหลือฝืนไม่ใช่ของสุดโต่งที่บอกว่า จะทำไปทำไมไม่ใช่ของทั่วไป แต่ที่จริงมันเป็นของทั่วไป เป็นของมหัศจรรย์ที่คนไม่ได้ไปยกเว้นอภิสิทธิ์ ไม่มีอภิสิทธิ์ ทุกคนที่มีภูมิธรรมมาศึกษา คนไม่รู้หนังสือคนกระจอกก็มาเป็นมวลของอโศกนี้ได้ หรือแม้แต่ที่จะเป็นระดับด็อกเตอร์ เป็นระดับผู้ที่มียศศักดิ์ชั้นสูงเข้ามาเป็นอโศกนี้ก็ได้ อันโน้นสิยากต้องลดตัว คนกระจอกมาเป็นพวกเราได้ง่ายแต่คนที่เป็นชนชั้นสูงจะเข้ามาก็ต้องลดตัวเข้ามา อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนระดับอยู่หอคอยงาช้างจึงเข้ามาได้ยากเพราะเขาลดตัวตนไม่ใช่ได้ง่าย แต่ผู้ลดตัวลดตนก็มีที่นี่ ก็ยังไม่มาก อย่างนายพล ก็มีพลเอกปรีชาเป็นต้น ก็มีพลตรี ที่จริงถ้าคุณจำลองไม่รีไทร์ออกมาก่อนกำหนด เออรี่รีไทร์ออกมาก่อน ก็ได้เป็นพลเอกแน่นอนเพราะว่าเก่งกว่าเขาในรุ่นหมดเลยด้วยซ้ำไป เพื่อนๆก็เป็นพลเอกกันทั้งนั้นเยอะแยะ คุณจำลองก็ออกมาเป็นผู้ว่า มาทำประโยชน์ต่างๆนานาซึ่งไม่อยากจะมี 2 ตำแหน่งมันจะแฝง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:07:16 )

ชุมชนชาวอโศกถือว่าเป็นชุมชนที่หายากในโลก

รายละเอียด

จริงนะ สังคมอย่างชุมชนชาวอโศกถือว่าเป็นสังคมที่หายากในโลก แม้แต่ในประเทศไทย ก็มีกลุ่มพวกเรานี่แหละ ที่มีสังคมชุมชนดำเนินชีวิตอยู่ โดยเฉพาะ ถึงขั้นสาธารณโภคี ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกหรอก มีชาวอโศกในประเทศไทยกลุ่มนี้เท่านั้น ไม่มีคนไหนอีกในโลก ซึ่งเรื่องนี้อาตมาเข้าใจว่าเขายังเข้าใจไม่ถึงคำว่าคุณวิเศษ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของมนุษย์และสังคมความเป็นเศรษฐกิจระดับสาธารณโภคีซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์อาตมาก็ว่ายังไม่มีไหวพริบ ยังไม่เข้าใจ ยังไม่เห็นว่า อันนี้เป็นยอดของระดับเศรษฐศาสตร์ที่เป็นไปได้ Possible มันไม่ใช่ Idealism ไม่ใช่เป็นแค่ตักกะเฉยๆ มันเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้ และเป็นไปได้อย่างสุขสบายด้วยสุขสำราญ เป็นคนจน พูดได้เต็มปากว่าเป็นคนจน เราไม่ได้มาหลอกลวงตลบตะแลงตอแหลชาวโลก เราจนจริงๆ เข้าใจว่าคนจนคืออะไร คนจนคือคนไม่สะสมทรัพย์สินเงินทอง แล้วก็ไม่เจตนาจะสะสม 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:39:31 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:32 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:13:17 )

ชุมชนชาวอโศกที่ราชธานีอโศก จนได้ที่แล้ว จนลงตัวแล้ว

รายละเอียด

การศึกษาเรื่องของเศรษฐกิจสังคมมีการชี้วัดอย่างไร ได้ประสิทธิภาพอย่างไรยกตัวอย่างเช่น พูดด้วยภาษาง่ายๆ ชุมชนชาวอโศก ที่ราชธานีอโศก จนได้ที่แล้ว ฟังไหวไหมนี่ จนลงตัวแล้ว ที่ว่าจนลงตัวคือ เป็นสังคมโดยองค์รวมแล้ว รายได้ที่หมุนเวียนแต่ละวันแต่ละเดือนแต่ละปี จากที่เราผลิตแล้วก็เกิดรายได้ เราไม่ได้กักตุนนะเราไม่ได้สะสมให้แก่ตัวเองมาเป็นของตัวของตน ไม่ต้องไปพูดถึงว่านอกจากสะสมเป็นของตัวแล้วยังเอาของตัวเองไปออกดอกปันผล อาละวาดดึงดูดให้แก่ตัวเองอีกรอบไม่พูดเลย อโศกไม่ทำ มีแต่เมื่อมีแล้วผลผลิตมีส่วนเกินขึ้นมา เอามากินใช้อาศัยมีเหลือยังแจกจ่ายเจือจาน จะขายก็ขายถูกที่สุด ดีไม่ดีไปแจก ยิ่งโควิดยิ่งแจกเก่งกว่าเก่า นี่คือพฤติกรรมในโลกในสังคมจริงๆประเทศไทยจะมีอันนี้ ประเทศอื่นจะมีหรือไม่นะ ประเทศอื่นมีบ้างแต่ไม่เข้มข้นอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:02:40 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:27 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:52:49 )

ชุมชนชาวอโศกผู้ไม่มีความเศร้าหมอง

รายละเอียด

พูดมาว่าอาตมาเป็นผู้ที่ไม่มีความเศร้าหมองเลย คุณคนนี้เก่งที่มองว่าอาตมาไม่มีความเศร้าหมองเลยอันนี้อาตมาไม่รู้ว่าความเศร้าหมองเป็นอย่างไร โดยเฉพาะความเครียดก็บอกว่ามีความเครียด อาตมาก็ไม่รู้ว่าความเครียดอาการมันเป็นอย่างไร เพราะว่าอาตมาไม่รู้จักความเครียด ก็มีแต่เรื่องสนุกเบิกบานสำราญใจไม่เห็นมีเรื่องเศร้าหมอง คนเขาทุกข์เขาวุ่นวายเขามีเรื่องราวอะไรต่ออะไรเราก็เห็นใจเขา ถ้าหากจะช่วยเขาก็ช่วยเท่าที่ทำได้ แต่คนเขาเป็น แต่เราไม่ได้เป็น อาตมาไม่มีความเศร้าหมอง อาตมาจึงมาระลึกรู้ว่าชาตินี้เกิดมา ตั้งชุมชนก็ชื่อว่าชุมชนชาวอโศก เป็นชาวที่ไม่มีความเศร้าหมอง มันเป็นอย่างนั้นก็จริงเป็นผู้ที่ไม่มีความเศร้าหมอง อาการเศร้าเราก็ต้องการรู้ว่ามันเป็นความไม่เบิกบานร่าเริงไม่ชุ่มชื่น อาตมาก็ว่าใจเรานั้นก็เป็นใจเราเต็มๆใจเราสะอาดสว่าง แต่ไปทำใจหม่นหมองเว้าๆแหว่งๆ น้อยๆทำใจน้อยน้อยใจ ก็ใจเราไปทำมันทำไม มันอร่อยหรือไง ทำใจน้อยนี้มันมาก ทำใจเศร้ามันมากทำใจโหดมันมากหรือ รู้แล้วก็ทำไปทำไม ก็ทำใจในใจให้ได้อย่างที่เข้าท่า ไม่ต้องทำอย่างไม่เข้าท่าอย่างที่ถามไป สรุปแล้วการปฏิบัติธรรมอยู่ที่การมนสิการการ ทำใจในใจตามที่เราเข้าใจไว้ดีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:03:14 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:02 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:53:55 )

ชุมชนชาวอโศกมีสมาชิกประจำมากกว่า 10 ชุมชน

รายละเอียด

อาตมาได้พวกเราได้ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติที่เป็นสัมมา แล้วมีวิมุตติญาณทัสสนะมาพอสมควร มารวมกันจนกระทั่งเป็นกลุ่มคนมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะได้ประมาณนี้ เป็นชุมชนชาวอโศก เป็นชุมชนจริงๆ มีสมาชิกประจำ ชุมชนของชาวอโศกมีมากกว่า 10ชุมชน ชุมชนที่มีสมาชิกเกิน100คน มีรูปธรรมมีวัฒนธรรมสังคม มีความเป็นอยู่สาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 ยืนยันได้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาเอาสาราณียธรรม 6วรรณะ 9 มาที่บ้านสังคมมนุษย์กลุ่มคน ที่มีเศรษฐศาสตร์แบบนี้มีรัฐศาสตร์แบบนี้มีสังคมศาสตร์แบบนี้ เป็นบวร บ้านวัดโรงเรียนร่วมกันอยู่ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่คนแก่คนพิการ คนติดเตียง ก็ดูแลกันไป นี่แหละวัฒนธรรมอย่างนี้ที่เราเป็น มีน้ำใจ ในที่สุดท้ายก็ไปร่วมกันเผา สะดวกสบายไม่ต้องมากเรื่อง แม้จะไม่หรูหราฟู่ฟ่าอัครฐานอะไร แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร อยู่กันอย่างเป็นสุข คำว่าความสุขคำนี้ก็ขอยืมภาษาของโลกมาใช้ มันเป็นวูปสโมสุโข คือมีความสุขอย่างมีสัมมาทิฏฐิ สุขอย่างเป็นสังคมที่สัมมา ไม่ใช่เป็นสังคมที่ไม่เข้าเรื่อง แล้วก็ช่วยพัฒนากันไปมีเมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สาราณียธรรม 6 แล้วก็มีหลักเกณฑ์ที่เรียกว่า ศีล อย่างต่ำนี่ศีล 5 เคร่งครัดบ้าง ไม่เคร่งครัดบ้าง เคร่งครัดจัดไปก็มี ศีล 5 ก็รู้กันจริงได้ประโยชน์จากศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ไม่ได้ลงรายละเอียดตอนนี้ อธิบายพอเป็นตัวอย่าง ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์กับคน ศีลข้อที่2 เกี่ยวกับข้าวของเพชรนิลจินดาแม้กระทั่งพืชผักผลไม้ต่างๆ มันเป็นของไม่ใช่สัตว์ สัตว์มันก็เป็นอีกชนิดหนึ่ง อธิบายแยกกันให้ชัดเจน ใครยังแยกจิตวิญญาณ หรือธาตุรู้วิญญาณคือธาตุรู้ที่แบ่งเป็นพีชะกับธาตุรู้ที่เป็นจิต ถ้ายังแยกไม่ออก ….มีจำนวนหนึ่งคนในหลายร้อยคนนี้ ก็ค่อยๆศึกษา ก็ช่วยกันอธิบาย บางคนนึกว่าอธิบายดี ก็ไม่เข้าใจก็มี บางคนอธิบายเละเทะก็เข้าใจก็มี ลางเนื้อชอบลางยา ก็เป็นไปได้เหมือนกันก็ช่วยกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:14:57 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:53 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:54:55 )

ชุมชนชาวอโศกมีอยู่ทั่วประเทศ

รายละเอียด

ถือว่าขณะนี้ บ้านราชธานีอโศกเป็นชุมชนชาวอโศกใหญ่ที่สุด ที่มีสมาชิกชุมชน บุคคลประมาณ 500 ขึ้น เข้าๆออกๆ บ้าง อยู่ประจำบ้าง จะให้ขึ้นไปเป็น 700 เป็น 1,000 ก็ยังหืดขึ้นคออยู่นี่ แต่กระจายอยู่ทั่วไปก็อยู่ แต่อยู่ในชุมชนชาวอโศกอยู่ในประเทศไทย หลายสิบชุมชน จะเรียกว่าถึง 100 ชุมชนหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะถึงไหม มันมีสถานที่ มีที่ดิน แล้วพวกเราก็ไปอยู่ 

หลายๆชุมชนมีที่ดินเป็นร้อยไร่ แต่มีคนอยู่ไม่ถึง 20 คนก็มี น้อยกว่า 10 คนก็มี เป็น100 คนก็มี แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เป็น 1,000 นั้นไม่ต้องพูดเลย ยังไม่มี ถือว่าราชธานีอโศกยังไม่ถึง 1,000 พยายามจะให้ถึง 1,000 นายโอ๋ร้องเพลงเท่าไหร่ก็ไม่ถึง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:31:50 )

ชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนที่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าจริง

รายละเอียด

เป็นสังคมในระดับอนาคามีภูมิขึ้นไป จะมีคนที่มี กามบ้างเป็นสกิทาคามี ก็เข้าใจไม่เป็นไร 1.ก็สู้ได้แต่ใจไม่เก่ง หรือ 2.วิบากไม่สู้ วิบากมีเหลือบ้าง มาแหย่ก็ใจอ่อนกับวิบาก กับไม่เอาจริงกับวิบากก็เลยแพ้ แต่ถ้าเอาจริงแล้วก็ชนะ เปอร์เซ็นคนที่มีจิตใจชาวอโศกเป็นคนระดับอนาคามีเป็นต้นไปถึงพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นสังคมชาวอโศกจึงสร้างเศรษฐกิจในระดับ สาธารณโภคีสำเร็จในยุคนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:50:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:42 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:14:13 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์