@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

จิตสะอาดคือจิตที่กำจัดกิเลสสะอาดล้างอาสวะออกแล้ว

รายละเอียด

ปริสุทธา ปริยโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสราเป็นคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา เพราะฉะนั้นสมาธิสะอาดนั้นจิตสะอาดจึงจะมาสั่งสม จิตสะอาดแล้วค่อยๆสั่งสม จิตที่จะมาสั่งสมเป็นจิตของผู้ใด คือจิตที่ได้กำจัดกิเลสสะอาด ล้างอาสวะออกแล้วนะ ในวิชชา 8 ต้องมีอาสวักขยญาณ ล้างออกให้สะอาดและสั่งสมเป็นสมาหิโต เป็นจิตตั้งมั่นแล้ว จิตสมาธิของพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องตื้นแค่เดียรถีย์ นั่งหลับตาสะกดจิตแล้วบอกว่า จิตว่าง จิตนิ่ง ว่างแบบเคหสิตเวทนา ว่างแบบโลกียะ แบบโลกๆ จะรู้ว่ากระทบด้วยทางตาหูจมูกลิ้นกายในทวารทั้ง 5 มีทวารทั้ง 6 มี แล้วก็เกิดความสุขความทุกข์ ทำให้เกิดความไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอุเบกขาหรือ อทุกขสมุข 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:42:56 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:38:08 )

จิตสะอาดจากโลกีย์เป็นโลกุตระได้อย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาวุฒิ ที่ท่านให้มาทำใจในใจแล้วแบ่งธรรมะ แยกธรรมะ ธรรมะดีชั่วที่เป็นโลกีย์เราจบมั่นคงแข็งแรงแล้ว สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลัสสูปสัมปทา ไม่ทำชั่วแล้วทำแต่ดีเด็ดขาด จิตสะอาดจากโลกีย์นี้แล้ว เป็นโลกุตระ ก็คือปราบกิเลสเลย ตัวเหตุใหญ่ ปราบด้วยบุญ ปราบด้วยฌาน เป็นพลังงานไฟ เป็นพลังงาน อุณหธาตุ สลายพลังงานทุกอย่างเลย อุตุก็เป็นพลังงาน พีชะเป็นพลังงาน จิตก็เป็นพลังงาน

แล้วสามารถสร้างพลังงานบุญไปเผาพลังงานที่มันจับตัวได้เก่ง คือพลังงานของ ราคะ โทสะ โมหะ พลังงานจิตที่มันโง่มันต้องเสพสุขเสพทุกข์ อยู่ที่ราคะโทสะโมหะ นี่ จนสามารถทำพลังงานนี้เก่ง สลายพลังงานพวก ราคะ โทสะ โมหะ ได้หมด จนกระทั่งค่อยๆ ทำมาเป็นพีชะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:14:48 )

จิตสะอาดจิตตั้งมั่นไม่ใช่การสะกดจิต

รายละเอียด

จิตที่ได้แต่สะกดจิตลงไป ไม่ได้เรียนรู้รายละเอียดเลยในกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด แล้วทำให้กิเลสนั้นดับไปตามลำดับ หมดกิเลสหยาบก่อน ความหยาบของกิเลสหยาบ ไม่เกิดอีกยังเหลือแต่กิเลสชั้นกลาง ก็มาดับกิเลสชั้นกลางอีกที่เรียกด้วยภาษาว่า รูปภพ จนดับรูปภพหมด​ เหลือปลายจริงๆ เรียกว่าอรูปภพ อรูปจิต ก็ดับกิเลสขั้น 3 ขั้นปลายอีกหมดจบ จึงเป็นจิตสะอาด แล้วจึงปฏิบัติด้วยกรรม 

จิตสะอาดตกผลึกเป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จับตัวกันเป็นจิตตั้งมั่น มันต่างเวลาต่างกาละ ต่างลักษณะกัน 

ถ้าไม่เข้าใจความจริงที่เป็นจริงตามรายละเอียดที่อาตมาใช้ภาษาสาธยายสู่ฟัง แม้รู้คุณก็ยังไม่รู้ รู้รายละเอียดอย่างที่อาตมาสาธยาย แม้รู้ก็ยังไม่รู้รายละเอียดพวกนี้แล้วคุณจะไปทำได้อย่างไร ผู้ที่รู้รายละเอียดแล้วยังทำไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:55:23 )

จิตสังขาร

รายละเอียด

องค์ประชุมหรือองค์รวมที่ปรุงแต่งของจิตในจิต หรือเวทนาในเวทนา

หนังสืออ้างอิง

จากคนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:35 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:23:23 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:38:35 )

จิตสังขารปฏิสังเวที

รายละเอียด

เป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตสังขาร

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 41


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:24 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:24:09 )

จิตสังขารปฏิสังเวที

รายละเอียด

เป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตสังขาร

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 41


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:30 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:24:55 )

จิตสันโดษเป็นเช่นไร

รายละเอียด

มีเยอะเลย มากกว่าครึ่ง นี่เราหลุดพ้น ความหลุดพ้นพิสูจน์ยืนยันได้ เราไม่ไปเดือดร้อนแย่งชิง ไม่ไปตกอยู่ในวงจรแฟชั่นเขา เราไม่ได้ไปอยากเรื่องอยากมีอยากได้อยากเป็นอยากมีอย่างที่เขาเป็นเขามี เราเข้าใจแล้ว เขาเป็นเขามีเขาก็เหนื่อยของเขา เราพอแล้วเรามีความพอจิตสันโดษ สันตุฏฐี มันสันโดษมันพอ สันโดษไม่ใช่โดดเดี่ยวไปอยู่ป่าเขาถ้ำกับอะไรต่ออะไร ไม่ใช่ แต่อยู่กับสังคมที่เขาจุ้นจ้านกัน พวกนั้นก็ดิ้นรนไปแสวงหาแย่งชิงกันไปแต่เราไม่ ชัดขึ้น หลายคนจนกระทั่งในชาวอโศกนี้ เป็นสมาชิกชุมชนชาวอโศก ให้ไปช่วยขายของก็ไม่ได้เอาไม่ได้อยากได้เงิน แต่ว่ามันต้องมีมาใช้บ้าง ไม่ไปช่วยขายของเลย มันเลยเถิดสุดโต่งไปอย่างไม่รู้ความพอเหมาะพอดี คุณว่าอาตมาต้องใช้เงินหรือเปล่า ใช้ในการบูรณะ ใช้ในการสร้างสรร ใช้ในการทำงาน อะไรๆต่างๆนานา ซึ่งเราไม่ใช่คนป่าเถื่อนบนเขา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:01:20 )

จิตสันโดษเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

การสะพัดให้แก่คนไปกินไปใช้อาศัยนี้ คนผู้รับจากส่วนกลางก็ต้องเป็นคนมีจิตวิญญาณเจริญ คือ ไม่มักมาก ไม่ติดยึดเยอะ ใช้น้อย กินน้อย อาศัยน้อย เครื่องกินก็น้อย เครื่องใช้ก็น้อย ไม่ไปเป็นแฟชั่น ไม่ไปติดยึดอย่างที่โลกเขามอมเมาครอบงำ เข้ามาหาปัจจัยสำคัญของชีวิตได้ น้อยลงๆๆ ก็อยู่ง่าย เรียกว่า อยู่ง่ายกินง่าย สุภระ คนเลี้ยงง่ายอยู่ง่ายกินง่าย เพราะไม่ติดไม่ยึดอะไรมากแล้ว นี่เป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ 

สุภระ ข้อแรก อยู่ง่าย กินง่าย เลี้ยงง่าย จิตก็ไม่ต้องฝืนไม่ต้องกดข่ม อยากนะแต่มันจำนนที่ต้องได้น้อยๆ แต่ที่จริงถ้าได้มากฉันก็จะเอา แต่ไม่ แม้มีมากให้เท่านี้ก็พอ จิตสันโดษ 

จิตสันโดษ นอกจากมักน้อยแล้ว พอ แค่นี้ก็พอ น้อย ไม่ต้องไปมีมากหรอก เขามีฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยมอมเมา เป็นแฟชั่นหลอกครอบงำทางความคิดกันให้ไปหลงติดอะไรมากมาย เราไม่แล้ว มีปัญญาพอ  ไม่โง่ไปตามแฟชั่น ไม่โง่ไปตามโลกที่หลอกให้ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย หรูหรา ฟรุ้งฟริ้ง เป็นภาระเยอะแยะ หนัก ทรมาน รู้จักปัจจัยสำคัญของชีวิต รู้จักสาระแก่นสาร ที่น้อยที่เล็กลง ที่มันไม่ต้องไปเที่ยวแบกหามต้องมาบำเรอตัวเองมากกว่านี้ แต่สร้างสรรได้มากมีวิริยารัมภะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:54:38 )

จิตสำนึก จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก 

รายละเอียด

ถามลึกไปถึงขนาดนั้นนะ จิตสํานึกหมายถึงจิตสามัญสำนึก คอนเชียส conscious ถ้าเป็นจิตใต้สำนึกก็เป็นซับคอนเชียส subconscious ถ้าเป็นจิตไร้สำนึก ก็เป็นอันคอนเชียส unconscious มันเป็น 3 ขั้น 

เพราะฉะนั้นคนที่จะมีสำนึก ดึงสำนึกของตัวเองออกมาใช้ ก็ดึงลึกออกมาใช้ได้ยาก กว่าตื้น เพราะฉะนั้นธรรมดาก็ใช้สำนึกสามัญเป็นสามัญสำนึก  คนที่มีภูมิธรรมก็สามารถนำเอาจิตใต้สำนึกมาใช้ เพราะฉะนั้นจิตใต้สำนึกของคนที่มีภูมิธรรม เช่นรู้ว่า อย่างนี้มันดี อย่างนี้ไม่ดีไม่ควรทำ ไปโป๊ไปเปลือยไม่ดี ก็เป็นจิตสำนึก โป๊เปลือย ก็ลึกเข้าไปหาจิตใต้สำนึกแล้ว แต่คนมิจฉาทิฐิก็บอกว่าเปลือยนี่แหละมันต้องรีบโชว์ เดี๋ยวจะเหี่ยวจะเฉา เดี๋ยวจะแห้งจะแก่ มันไปโน่นเลย ต้องรีบโชว์ อะไรอย่างนี้ มันไปโน่นเลย แล้วก็ต้องรีบ จะได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียะมันอาศัยพวกนี้เพื่อจะชิง ลาภยศสรรเสริญ โลกียสุข โดยเอาอันนี้มาเป็นเครื่องเสริมให้ตัวเองจะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข 

สรุปแล้วไม่รู้จักอาย เอาสิ่งที่น่าอายมาขายเพื่อที่ตัวเองจะได้ ลาภ ยศสรรเสริญ เป็นทาสลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขหนัก ผู้หญิงจะมีเชิงนี้ตั้งแต่ต้นมาทั้งนั้น แม้แต่ผู้ชายก็ลักหล่อก็เหมือนกัน เอาละพอ วิจารณ์อันนี้ เข้าใจแล้วนะจิตสำนึก จิตใต้สำนึก และจิตไร้สำนึก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้นน 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 11:56:06 )

จิตสำนึกที่เจริญตัวต้นของเทวธรรม

รายละเอียด

เป็นจิตที่เจริญตัวต้นของเทวธรรม หรือเทวดา เป็นตัวต้นเลย หิริ ถ้ามันสูงขึ้น แรงมากแข็งขัน กลัว โอตตัปปะคือเกรงต่อสิ่งผิด สิ่งที่ตนเองไปหลงยึดมา สิ่งที่ตนเองไปโง่มาเต็มประตูเลย พอระลึกได้ ผู้นี้นี่เป็นผู้ที่จะให้เราออกจากความโง่ ความหลง ความไปยึดถือผิดๆ ที่เราได้ไปยึดถืออย่างที่ท่านพูด มันตรงกันข้าม 180 องศาเลย แล้วเราก็ไปหลงงมงาย  ดีไม่ดีหลงดูถูกดูแคลนตอนแรกๆ ว่าท่าน โธ่เอ๋ย!.. ผิด ของเราถูก นอกจากดูถูกดูแคลน ยังเคยถล่มทลายท่านด้วย แล้วคนๆ นี้ถ้าเกิดมีจิตสำนึกขึ้นมา สำคัญมากเลยนะ จิตสำนึก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:20:23 )

จิตสูงจิตเจริญระลึกถึงกันอย่างปรารถนาดี

รายละเอียด

จิตมีคุณสมบัติอย่างไร สาราณียะ ไม่ใช่คนตัดขาดโดดเดี่ยว ไม่ระลึกถึงใคร หรือ..แต่ผู้เดียวเดี๋ยวเดียวก็เป็นพระอรหันต์..ไม่ใช่ 

มีการระลึกถึงคนนั้นคนนี้อย่างมีจิตสูงจิตเจริญ ไม่ใช่ระลึกอย่างฟุ้งซ่านหรือมีกิเลสประกอบ ประกอบไปด้วยกิเลส ไม่ใช่ ระลึกอย่างปรารถนาดี 

แม้แต่พระพุทธเจ้ายังระลึก ทรงตื่นบรรทมขึ้นมาก็ระลึกถึงว่า วันนี้เราระลึกถึงว่ามีใครที่ควรจะไปโปรด ที่เรียนรู้มาก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านระลึกอย่างนี้เป็นอย่างนี้ ทำหน้าที่เป็นประโยชน์ ก็ไปโปรดคน ไปสอนคน ไปช่วยใคร คณะไหนก็แล้วแต่ 

ปิยกรณะ ด้วยความปรารถนาดี ด้วยความรักความสัมพันธ์อันประเสริฐ ไม่ใช่ความผูกพัน เป็นความรักที่เป็นความปรารถนาดีเป็นความสัมพันธ์อันประเสริฐ ที่ไปช่วยกันสัมพันธ์ รักกัน ปรารถนาดีต่อกัน

แล้วก็รู้จักที่ต่ำที่สูง ครุกรณะ จะเป็นที่ต่ำที่สูงด้วยสัจธรรมหรือที่ต่ำที่สูงด้วยสมมุติ วัยวุฒิ คุณวุฒิ สมมุติวุฒิ ก็รู้จักทั้งสมมุติและปรมัตถ์ว่าควรเคารพกันอย่างไร 

จุดกลางจุดที่ 4 นี่แหละสำคัญ สังคหะ คือ มีใจเกื้อกูล อย่างที่อาตมาสรุปเอาไว้ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:12:54 )

จิตหมอง เพราะจิตมีอวิชชาเราทำเองทั้งนั้น

รายละเอียด

จะฝืนไปทำไมก็รับรู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่ต้องถึงกับหมอง รู้ว่าใจหมองก็ดีแล้ว แต่อย่าไปทำใจหมอง ให้จิตว่างๆ ร่าเริงเบิกบาน ให้รู้ความจริงตามความเป็นจริง ดีแล้วล่ะที่อ่านอาการหมองๆ ของจิตตัวเองออกก็อย่าไปทำจิตให้หมอง 

“ที่จิตของเราหมอง เพราะเรามีจิตอวิชชาเป็นตัวเหตุ เราทำเองทั้งนั้น เราจะหมอง เราจะน้อยใจ เราจะเสียใจ เราจะโกรธ เราจะรัก เราทำเองทั้งนั้น! เรียนรู้แล้วก็ทำใจนี่แหละ เรียกว่าโยนิโสมนสิการ ทำใจในใจอย่างถ่องแท้แยบคาย ทำให้ได้ ทำให้ดี ปรับมันขึ้นไป นี่คือการปฏิบัติธรรม”

มันจิตก็ปกติของคุณ ที่คุณยังมีข้อบกพร่องของคุณ อาตมาก็อธิบายผ่านไปแล้วก็ปรับปรุงทำให้ได้ให้เป็นใจสบาย รู้ความจริงตามความเป็นจริง คนนั้นคนนี้คนที่เรารัก คนที่เรายินดี คนที่เราบูชา คนที่เราเคารพ เป็นอย่างนี้อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปมัวหมอง เรารู้ความจริงตามความเป็นจริง เท่านั้นก็พอแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:30:03 )

จิตหรือกิเลสเลือกเฟ้นให้พ้นวิจิกิจฉา

รายละเอียด

ฉันเดียวกัน ถ้างานเสร็จก็เอาไปใช้สร้างสรรหรือเอาไปทำลายก็ได้ ทำลายอะไรก็คือทำลายกิเลส จะต้องรู้จักกิเลสคืออะไร อาการของกิเลสในจิตต้องรู้แม่น เลือกเฟ้นเอาให้ได้ ตัวนี้ตัวใหญ่เอาก่อน พ้นวิจิกิจฉาว่าใช่กิเลสแน่ๆ ไม่ใช่ไปฆ่าจิตที่ไม่มีกิเลสไปหมด กิเลสมันแฝงเป็นแขกมาอย่างสนิทเนียน ทำตัวเหมือนกับจิตทีเดียว จิตหรือกิเลส มันหลอกตัวเองว่าเป็นจิต เนียนสนิทมากเลย ถ้าไม่มาเรียนดีๆ ไม่สามารถรู้และทำออกได้ 

กิเลสพระพุทธเจ้าเรียกภาษาบาลีว่า กลิ เป็นตัวเป็นภัยเป็นโทษ ต้องมาแยกออกจาก กาย กายกลิ ตั้งแต่ภายนอก หยาบ เบื้องต้น อะไรอย่างนี้ อาตมาก็ค่อยๆ อธิบายสู่ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:20:00 )

จิตหรือตัวเราเป็นประธานของตัวเราเองเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ความเป็นสัตว์เมื่อเริ่มต้นเป็นจิตนิยาม เป็นสัตว์ก็เริ่มมีใจเป็นประธานมีจิตเป็นประธาน เป็นจิตนิยาม จิตใจจะบงการตัวเอง เริ่มตั้งแต่เกิดมา จิตที่บงจิตที่บงการตัวเองนั้นคือตัวสัญญา ท่านเรียกเต็มๆว่าสัญชาตญาณ ญาณ นี่แหละคือตัวรู้ของตัวเอง เป็นประธาน ญาณหรือจิตหรือสัญญา เป็นจิตทั้งนั้น ก็บงการตัวเอง เราไม่ต้องสงสัยเลย สัตว์ที่เกิดมาทุกวันนี้มันเป็นสัตว์ที่พัฒนาขึ้นมา ที่ยังไม่พัฒนาทำอะไรไม่เป็น ต้องไปดูสัตว์ใต้ทะเล ตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่มีหลายเซลล์ พูดไปแล้วเป็นเรื่องอจินไตย อธิบายไม่ไหว สรุปแล้ว จิต ตั้งแต่เกิดเป็นสัตว์เป็นจิตนิยาม มันเริ่มต้นเป็นผู้บงการ บงการสรีระ ตั้งแต่มันเป็นจิตที่เริ่มเป็นพลังงานที่เป็นพืชยังไม่ใช่จิต พลังงานที่เป็นชีวะก็บงการในตัวมันเอง จนกระทั่งมาพัฒนาเป็นจิตนิยาม มันก็บงการใหญ่เลย เป็นจิตนิยามเป็นสัตว์ที่มันยังไม่ออกจากที่ จะเห็นได้ว่าสัตว์ใต้ทะเลหลายอย่างก็ยังไม่ออกจากที่ จนกว่ามันจะพัฒนาหลุดออกจากที่ได้มันก็เป็นอิสระ มันจะควบคุมตัวเองตั้งแต่มันไม่ออกจากที่ จนกระทั่งมันหลุดออกมาแล้วก็มีจิตเป็นประธาน ไปตามที่ตัวกิเลสเป็นตัวบงการเรียกว่าอวิชชา มันยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ไปตามประสาของมัน มันมีตัวธาตุรู้ที่มันต้องการ แล้วมันก็จะค่อยๆวิวัฒนาการไป เป็นเรื่องอจินไตย สรุปแล้วตัวจิตเป็นประธานเพราะว่าเป็นตัวที่ควบคุมสัตว์ ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวเป็นสัตว์หลายเซลล์เป็นล้านเซลล์ คำว่าจิตเป็นประธานนี้ จึงเป็นพลังงานของอัตตา เป็นอัตภาพของแต่ละจิตนิยามตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวมา ไม่ใช่พระเจ้าเป็นประธานของจิตนิยามหรือของสัตว์ไม่ใช่ ตัวเราเองเป็นประธานของตัวเราเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:14:18 )

จิตหลุดพ้นมีอาการเช่นไร

รายละเอียด

สมมุติว่าเขาเอาอาหารอร่อยๆมาให้อาตมา อาตมาก็มีสัญญาว่า อาหารที่เคยอร่อย แต่เดี๋ยวนี้อาการในจิตของเราที่ชื่นชอบ คุณต้องอ่านอาการที่ว่า ดีเหมือนกันนะ แอบแลบเลีย ชื่นใจนิดๆ ไม่ได้มากอะไรเราก็รู้ว่านั่นแน่ ผีน้อยๆ จนจิตของเราไม่มีเลย ไม่เกิดรสชื่นชอบกลางๆ ชินชา มันเคยมีมาแล้วเคยบ้าเคยหลง อาการของจิตมันกลางๆ ไม่กระดิกไม่สุขไม่ทุกข์ กลางๆ จนอาการไม่สุขไม่ทุกข์ไม่มีลบไม่มีบวก ไม่มีชื่น ชื่นนิดชื่นหน่อยก็ไม่มี ฟังภาษาแล้วไปศึกษาของตัวเองให้สนิท คุณก็ศึกษาเองจนพิสูจน์ได้ว่า อ๋อ คุณจะได้กำไรที่รู้อาการจิต เหตุอันนี้ แหละ ชอบปาท่องโก๋ แล้วได้เห็นปาท่องโก๋ก็ว่าง รสมันเคยเป็นอย่างนี้ๆ แม้รสปาท่องโก๋ คนเขาชื่นชอบกันเยอะเราก็เฉย สัมผัสกินปาท่องโก๋ที่เขาเอง โอ้โห คนนิยมชมชื่นเขาทำขายกันเละเราก็เฉยๆ อ่านอาการเฉยในจิตเราได้ ต้องมีปัญญารู้ความเฉยของเรา หลอกตัวเองก็ได้ แต่ถ้าไม่หลอกตัวเองชัดนั่นก็คือความจริง ปัญญาหรือญาณปัญญาควรจะต้องมีประสิทธิภาพสูงไม่ผิด และคุณก็เกิดจิตของคุณสะอาดสุญญตาจริงๆ มีทั้งสุญญตาและปัญญา มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือหลุดพ้น และรู้ความหลุดพ้นอันยอดเยี่ยมอันปราศจากกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ถาวรยั่งยืนแน่นอนเมื่อไหร่สัมผัส ขนาดนี้ยิ่งกว่านี้ก็ยังไม่มีได้ ก็แสดงว่าชนะ และใช้เวลาสัมผัสเท่าไหร่ๆ

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:12:57 )

จิตอภิสังขารนี้อยู่ในขั้นที่ 2 ไม่ต้องล้างกิเลสแล้ว

รายละเอียด

จิตอภิสังขารนี้อยู่ในขั้นที่ 2 นี้เป็น สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง ไม่ต้องล้างกิเลสแล้วไม่ต้องอาศัยเครื่องมือบุญแล้ว การกระทำจึงมีแต่กุศล กุศลไม่ใช่บุญ กุศลคือสมบัติ กรรมที่ทำต่อไปจึงมีแต่กุศล พระอรหันต์เป็นต้น หรือแม้แต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีก็มีที่ทำกุศลได้ มีบาปที่หมดไปเป็นส่วนๆ เป็นลำดับๆ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:47:57 )

จิตอยากอวดหรือเพียงแสดงความจริง 

รายละเอียด

มันต้องดู ความจริงในจิตของเราอย่างที่อาตมาพูดไปแล้วจิตไม่มี สาเฐยจิต คือจิตอยากอวดอ้างอวดโอ่ อาการของจิตอยากอวดมันเป็นอาการอย่างไร เราต้องอ่านอาการนั้นของจิตเราให้เป็น 

เราไม่มี อาตมาไม่มี พูดถึงหลายทีพูดถึงบ่อยอยู่นะ ว่าจิตอาตมาไม่ได้มีจิตอยากอวดอยากโอ่เลย มันน่าอวดไหมน่าอวดสิ คำว่าของดีๆ มันน่าเอามาแสดงเอามาโชว์ มันของดี 

แต่อยาก มันมีลักษณะอยาก ต้องการโชว์ เพื่อบำเรออารมณ์ตนเอง ต้องการโชว์เพื่อบำเรออารมณ์ตัวเอง ต้องอย่างนี้นะ ถ้าต้องการโชว์ แต่โชว์โดยไม่มีจิตอีกตัวหนึ่งคืออยากบำเรออารมณ์ตนเอง จิตสะอาดแล้ว ถ้ามีจิตอยาก บำเรอตนเอง อย่าง หยาบ กลาง ละเอียด ก็เท่านั้นแหละเป็นตัวที่ยังมีอุปกิเลส ยังมีตัวกิเลสที่เหลือ ก็ต้องให้ศึกษาอาการนั้นจริงๆ ซึ่งมันไม่ง่าย แต่มันเป็นจริง 

ศึกษาแล้วจะได้ความจริง ถ้ามัวแต่กังวลว่า โชว์แล้วเขาก็ว่าอยากอวด อันนี้ ต้องไปอ่านรายละเอียดใน โลหิจจสูตร คนที่บรรลุแล้วมีจิตอยากอวดแต่พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ใช่แต่มันควรเป็นประโยชน์ เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้รับสิ่งดีอันนี้ โดยไม่มีอะไรอยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:25:23 )

จิตอยู่เป็นหนึ่งคือไม่มีเพื่อนสอง

รายละเอียด

จิตอยู่เป็นหนึ่ง ของเขาก็คือหยุดนิ่งไม่คิดไม่ปรุงอะไรอยู่เฉยๆ นี่แหละเป็นหนึ่งของเขา 

แต่ของพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งนั้นคือ คือไม่มีเพื่อน 2 แล้ว เพื่อน 2 คืออะไร?.. เพื่อน 2 ก็คือกิเลส กิเลสตายไปแล้วจึงเรียกว่าเป็นหนึ่ง แต่ก่อนอยู่กับกิเลสมีเพื่อน 2 อยู่ตลอดเวลา คำว่าเพื่อน 2 ก็เป็นศัพท์ของพระพุทธเจ้า แต่ก่อนมันมีแต่กิเลสเป็นเพื่อนอยู่ แต่เดี๋ยวนี้มันเป็นหนึ่งคือไม่มีกิเลสนี่คือสงบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:23:36 )

จิตอย่างไรที่จะมีปัญญามีความฉลาดเต็ม

รายละเอียด

คนที่มีจิตไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้ว อทุกขมสุข หรือเรียกว่าอุเบกขา “อุเบกขา”คือความบริสุทธิ์ (องค์คุณอุเบกขา 5 คือ ปริสุทธา ,ปริโยทตา ,มุทุ ,กัมมุญญา ,ปภัสสรา) บริสุทธิ์จากอวิชชา บริสุทธิ์จากกิเลส กิเลสไม่มีเพื่อน จิตสะอาด จิตอย่างนี้เป็นจิตที่จะมีปัญญามีความฉลาดเต็ม เพราะไม่มีสิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้ามัวหมอง ก็เป็นจิตที่ใสสะอาดบริสุทธิ์แล้วรู้ความจริงตามความเป็นจริงได้ชัดเจน เรียกโดยพยัญชนะให้ชัดว่า ปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:56:38 )

จิตอรหันต์ ไม่มีตื่นเต้นหวาดกลัว ชีพจรนิ่ง

รายละเอียด

ก็ทวนไปดูว่าคำอธิบายที่พูดกันกับหมอ หมออธิบาย ตอนที่ทำการผ่าตัดอาตมา เขาฉีดยาชา แต่ก็เห็นทุกอย่างว่าทำอะไร เขาก็ผ่าอยู่ เขาก็มีเครื่องวัดชีพจร เขาก็สงสัยกันว่า อาตมาทำไมเครื่องมันไม่ได้บอกเคลื่อนที่อะไรเลย ชีพจรจะอยู่ที่ 50-60 ครั้งต่อนาที คืออาการคนที่มีตื่นเต้นตกใจกลัว ชีพจรก็จะเปลี่ยน ของอาตมาก็ไม่มีเปลี่ยน เขาก็เลยรู้สึกว่าเข้าใจ สิ่งที่จิตวิญญาณที่ได้ฝึกดีแล้ว เพราะเขาทำผ่าตัดมาเยอะ เขาเป็นหมอผ่าตัด คนผ่าตัดทุกคนก็จะกลัวและกลัวมากเลย บางทีต้องวางยาสลบ ฉีดยาชาไม่พอ 

อันนี้ประสบการณ์ของเขา คืออาตมารู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของอาตมา แต่เขาจะรู้สึกเป็นเรื่องแปลกพิสดารก็แล้วแต่ ขออธิบายขยายความเรื่องนี้ว่า จิตที่ได้ฝึกดีแล้ว โดยเฉพาะอาตมาก็บอกความจริงว่าอาตมาเป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ถึงระดับ 7 อย่างนี้ จิตก็เป็นจริง ไม่มีผลักมีดูดจิตมันไม่ได้หวาดกลัว  ไม่ได้วูบวาบมีผลักมีดูดอะไร มันก็ปกติ เขาจะผ่าตัดก็ผ่าตัด เจ็บ อาตมาก็เจ็บ ก็ร้องโอย เพราะอาตมายังมีเวทนารู้สึกรับความรู้สึกได้เหมือนกับสามัญมนุษย์ มันกระแทกถูกก็ต้องเจ็บต้องปวดอะไรเป็นธรรมดา เขาฉีดยาชาแล้วอาตมาก็ไม่เจ็บก็เฉย หมอจะทำอะไรก็ทำไป แต่คนธรรมดา เขาจะไม่นิ่ง เพราะมันกลัว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2566 ( 11:58:27 )

จิตอัญญธาตุ

รายละเอียด

คือ เป็นธาตุจิตโลกุตระเป็นธาตุใหม่ ธาตุอื่นจากโลกียะสามัญทั่วโลก ธาตุจิตที่ทอนกระแสโลก คนเขาชอบรวย เรามาชอบจน  คนเขาติด เรามาวาง คนเขาไปตามกระแส ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทางนี้ก็ไม่ชอบ ไม่ชัง รู้แล้ว ไม่ติดยึดใน ลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข เลิกมาแล้วมีวิธีปฏิบัติ มีทฤษฎี มีสูตรให้มาประพฤติ ปฏิบัติได้จริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:35:11 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:38:55 )

จิตอาสา2 แบบ

รายละเอียด

จะเป็นทางการ หรือเป็นรูปแบบเป็นพิธีการ ก็ตาม จิตอาสาก็ถือว่าดี แม้จะเป็นทางการให้มีจิตอาสามา เพราะอย่างน้อยที่สุดจะบอกว่าจิตอาสา เชิงมีการกลัวอำนาจตำแหน่งยศศักดิ์ก็เลยไปสมัครเป็นจิตอาสา จะมีการครอบงำอย่างนั้นอยู่บ้างก็ตามก็ยังเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ถ้าจิตอาสาจริงๆ โดยไม่ได้มีอำนาจของพิธีการไม่ได้มีอำนาจของตำแหน่งหน้าที่ ไม่ได้มีอำนาจของกลุ่มอิทธิพลอะไรเลย เป็นจิตอาสาเอง สมัครใจจะทำอย่างนี้เองจริงๆมันเป็นความบริสุทธิ์อันมีค่ามาก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:20:05 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:40 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:39:51 )

จิตอาสาเป็นคำใหญ่ของประเทศ

รายละเอียด

เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะมีความรู้สึกร่วมในทางโลกุตระลดละความเห็นแก่ตัวความเห็นแก่ได้ คือ จิตวิญญาณของคน เขามาเห็นร่วมแล้วรู้สึกว่าเรภสาน่าจะได้มีการร่วมทานร่วมเสียสละร่วมให้ คำใหญ่ของเมืองไทยคำนี้ก็คือคำว่าจิตอาสา คำว่าจิตอาสาเป็นคำใหญ่ของประเทศไทยเป็น big word ที่จะเอาไปกระจายความหมายทางจิตวิญญาณให้แก่โลกเขาได้รับรู้ มันลึกซึ้งนะ จิตอาสา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:18:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:07 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:40:09 )

จิตอุปาทาน

รายละเอียด

เช่นผู้ที่ศึกษาอย่างพวกเราชาวอโศก แต่ก่อนเราไม่รู้ อย่างอาตมาชาตินี้ อาตมาไม่รู้แต่ก่อนชอบแทงบิลเลียด ก็แทงไปบิลเลียดแต่แทงอย่างไรก็ไม่เก่งเพราะมันชั่วไม่เก่ง แทงอย่างไรมันก็ไม่เก่ง สู้เขาไม่ได้เพราะเขาชั่วกว่าเรา เก่งทางอบายมุข ขออภัยพวกที่เป็นแชมเปี้ยนสนุกเกอร์บิลเลียดทั้งหลายจะว่ามาด่าเอา แต่มันจริงนะ อาตมาก็กินไปแทงไปจนไม่นอน พอถึงตาเราก็แทง ไม่ถึงตาเราก็กิน ถึงตาเราก็แทง แทงจนยกแขนไม่ขึ้นแต่มันก็ต้องแทง นึกถึงตัวเองตอนนั้นมันทรมานทรกรรมมาก ไม่รู้ว่าเป็นทุกข์นะ เห็นไหมว่ามันโง่ มันบอกว่าเป็นความสุขนะเป็นสวรรค์ มันโง่ ไม่จัดจ้านเท่าไหร่หรอก ไปติดการแทงบิลเลียด แต่ว่าคนเขาจัดจ้านกว่านั้น เช่น คนเขาบอกว่าเดินลุยไฟ ที่เทศกาลกินเจที่ภูเก็ตตอนนี้ เขาทายากันเหมือนกันนะ แต่มันก็พลาดบ้างผิดบ้าง ยากันไม่ได้ก็พองเจ็บ แต่เขาก็บอกว่าเขาเก่ง ซ้อนไปกว่านั้น เก่งที่ว่ามีพลังงานพิเศษมีองค์ทรงอีก ซับซ้อนไปในนั้น แล้วเขาก็ทำกัน จริงๆแล้วเป็นจิตอุปาทาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 12:44:28 )

จิตอุเบกขา มีแต่ 1 และ 0 เท่านั้น ไม่มี 2 แล้ว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาก็วนเวียนอยู่ที่การบอกกัน การสอนสัตว์คือคน ให้รู้ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ให้รู้ในลาภยศ สรรเสริญ อย่าไปหลงโลกียสุขอีกเลย คนไม่ติดในสุข ในลาภ เขาก็ออกจากลาภ คนไม่ติดสุขในยศก็ออกมาจากยศ​ คนไม่ติดสุขในสรรเสริญ อย่างเช่นอาตมาคนด่าก็มี คนสรรเสริญก็มี อาตมาไม่ไปหลงชื่นอกชื่นใจ กับคำสรรเสริญหรอกแต่ก็ดี เขาเข้าใจได้ว่าอาตมาเป็นคนน่าสรรเสริญ เขาก็จริงใจของเขา อาตมาจะฟูใจไม่ฟูใจ อาตมาก็รู้ตัวของอาตมาว่าอาตมาหลงในสรรเสริญไหม หรือจะหดหู่กับคำด่าไหม ก็ไม่มีทั้งสองด้าน ฟูใจเพราะว่าคำสรรเสริญก็ไม่มี หดหู่ใจในคำด่าว่าก็ไม่มี มันเป็นจิตอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์มีแต่ 1 และมี 0 เท่านั้นไม่มี 2 แล้ว อาตมาอยู่กับ 1 กับ 0 แต่รู้ 2 ดีมาก รู้สภาพ 2 ที่มันสังขารกันปรุงแต่งกันเป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 จนนับไม่ถ้วนจนหาที่สุดไม่ได้ อาตมาเข้าใจ ก็ไม่ได้หลงไปกับพวกนั้นแล้วก็อยู่กับ 1 กับ 2 และ 0

เพราะฉะนั้นเลข 0 เลข 1 เลข 2 จึงเป็นเลขที่อาตมาให้พวกที่จะไปทำงานการเมืองไปเป็นโลโก้ เขาก็ออกแบบโลโก้เป็นเลข 0 เลข 1 เลข 2 เขาก็อาจจะงง เอาโลโก้เป็นแบบไทยๆ เลยนะ ถามพวกเรา 0 1 2 หมายถึงอะไร ... ใครตอบศัพท์ที่ตรงธรรมะพระพุทธเจ้านี้คืออะไร คือ อเทวะ ก็พอได้ คืออะไรอีก... มี กับ ไม่มี ก็ได้ ... ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน และปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ synonym 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:23:41 )

จิตอุเบกขาของผู้ที่สะอาดจากกิเลสแล้ว

รายละเอียด

ผู้ที่สะอาดจากกิเลสแล้วมีจิตอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา

องค์คุณ 5 ของ..อุเบกขา 

1. ปริสุทธา (บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนิวรณ์ 5)  

2. ปริโยทาตา (ผุดผ่องขาวรอบแข็งแรงแม้ผัสสะกระแทก)  

3. มุทุ  (รู้แววไว อ่อน-ง่ายต่อการดัดปรับปรุงให้เจริญ)   

4. กัมมัญญา (สละสลวยควรแก่การงาน ไร้อคติ)   

5. ปภัสสรา (จิตผุดผ่องแจ่มใสถาวรอยู่ แม้มีผัสสะ) (ธาตุวิภังคสูตร  พตปฎ. เล่ม 14   ข้อ 690) 

ท่านก็แปลในพระไตรปิฎก ซึ่งแปลแล้ว ไม่ถูกสภาวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:57:43 )

จิตอุเบกขาบริสุทธิ์จากอะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จักสุขทุกข์และไม่ติดสุขติดทุกข์ รู้จักเวทนาในเวทนา เวทนานี่คือความรู้สึกคืออารมณ์ นี่แหละคือตัวจิตที่เป็นเจตสิกแยกมาเรียนรู้ เรียนรู้อารมณ์นี้ แล้วก็จัดการกับเวทนา ทวเยนเวทนายะ ไม่ให้มันสุขมันทุกข์ ให้มันเป็นธาตุรู้ที่ยังไม่ตาย ก็ไม่สุขไม่ทุกข์ เรียกโดยคำไวพจน์ว่า อุเบกขา แต่ที่จริงเหนือกว่าไม่สุขไม่ทุกข์คือ อุเบกขา เรียกคำแทนก็คือ ให้มันรู้ว่าไม่สุขไม่ทุกข์ จิตไม่สุขไม่ทุกข์แล้วอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ เรียกจิตอุเบกขา จิตอุเบกขานี่แหละเป็นจิตที่หมดความโง่หมดอวิชา หมดกิเลส บริสุทธิ์จากธาตุโง่ บริสุทธิ์จากธาตุกิเลส บริสุทธิ์จากธาตุที่ยึดในตัวตน จึงเป็นจิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีอวิชาไม่มีความยึดตัวตน ไม่ไปหลงไหลในสุขในทุกข์ ทำจิตเหนือสุขทุกข์ได้ จึงเรียกว่า จิตบริสุทธิ์ ปริสุทา ปริโยทาตา มุทุตา กัมมันยา ปภัสรา เป็นความตรัสรู้ของธาตุรู้จิตวิญญาณและสูงสุดก็คือสามารถที่จะเลิกความเป็นจิตวิญญณานเลิกความเป็นธาตุรู้ เลิกความเป็นอัตภาพ ตั้งแต่เป็นๆก็อยู่เหนือความเป็นการยึดถือต่างๆได้หมด

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:18:23 )

จิตอุเบกขินทรีย์

รายละเอียด

สุข ทุกข์มันหยาบจากภายนอกแต่ โทมนัส โสมนัส อยู่ภายใน แต่ที่ยากคือไม่ใช่ทำภายในก่อนทำภายนอก มันต้องทำสุขทุกข์ภายนอกให้ได้ก่อน หยาบ กลาง ละเอียดไปตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อพ้นทุกข์สุข ก็เหลือโทมนัสโสมนัสภายใน ทั้งๆที่คุณอยู่กับภายนอกอยู่นั่นแหละแต่คุณก็เฉย เหลือแต่ภายในคุณก็มาล้างต่อแต่สำหรับสุขทุกข์ภายนอกคุณเฉยแล้วไม่ต้องไปปฏิบัติไม่ต้องไปเกี่ยวข้องไม่ต้องไปสังขารปรุงแต่งร่วมได้เลยก็ได้แล้วต้องเห็นด้วยต้องรู้อยู่เห็นอยู่ตาก็ลืมเห็นหูก็ได้ยินเสียงจมูกได้กลิ่นลิ้นได้รสสัมผัสเสร็จอยู่ภายนอก แต่คุณมีจิตอุเบกขินทรีย์ เฉย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:29:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:03 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:40:37 )

จิตฺตมสฺส ปสีทติ

รายละเอียด

จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใสศรัทธายินดี

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 51


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:41:13 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:25:27 )

จิตเกิดใหม่เพราะรู้แจ้งโลกุตระเป็นสัจฉิกัตวา

รายละเอียด

นี่ก็ประกาศมาแล้ว 50 ปี ผู้ที่สามารถรับรู้ได้ เป็นสัจฉิกัตวา ก็มีไปแล้ว  

อย่างสิกขมาตุ จินดา นี่ จินดา คือ ความคิด ความรู้ รู้จนกระทั่งตัวเองจะต้องชื่อว่า  

สัจฉิกตา เลย สิกขมาตุ จินดา เลยเป็น สัจฉิกตาเลย รู้แจ้งโลกุตระเข้าใจดีรับได้ไป เจริญธรรม บรรลุธรรมไปในตัวเลย ผู้เจริญแล้วก็ต้องบรรลุธรรม บรรลุๆ ไป อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งสภาวะต่างๆ โดยบัญญัติความรู้นำมา แล้วก็เอาความรู้ที่นำมาเป็นบัญญัติ มาสอบทาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นความรู้ บัญญัติ มาสอบทานปรมัตถ์ จิต เจตสิก รูป นิพพาน สามารถที่จะปฏิบัติจิต จิตเกิดพัฒนาการเกิดใหม่ โอปปาติกะ จิตเกิดใหม่ เกิดเป็นคนใหม่ของโลกใหม่ โลกอื่น โลกโลกุตระ เป็นคนละโลกกับโลกียะ เรียกว่าโลกนี้คือโลกโลกียะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 10:55:13 )

จิตเข้ากระแสโสดาบันจึงจะมาจนอย่างโลกุตระได้

รายละเอียด

รายละเอียดของมนุษยชาติยิ่งใหญ่ในเรื่องของความจน ประเทศไทยมีพระเจ้าแผ่นดินที่มีความรู้เรื่องนี้และทำเรื่องนี้ อาตมาก็ทำได้ตามบารมีตามที่เป็นได้จริง มีจำนวนคนที่จะเข้าใจเป็นอาริยะจริงๆเลย อย่างในหลวงก็ทำให้คนเข้าใจเรื่องนี้บ้าง แต่คนจะมีจิตถึงเข้ากระแสและมาเป็นอย่างนี้ อาจจะมีแต่ก็ยังไม่มา ยังไม่แรงยังไม่พอ​ยังไม่มีหมู่กลุ่มกระจายกันอยู่ทั่วไป หากความเข้าใจถึงจะมีหมู่ไหนพาจนอย่างนี้ได้ ในหลวงกับอาตมา ทำเหมือนกัน ใครเข้าใจแล้วก็จะมา จิตเข้ากระแสเป็นโสดาบันก็จะมา ถ้าจิตใจยังไม่เข้ากระแสก็จะไปที่อื่น อยากจนแต่ก็ไปที่พระมหาวีระ เชน จนเก่งกว่าพระป่า สำนักพระป่า สำนักที่มักน้อยสันโดษในชาวไทยมีเหมือนกัน มีจำนวนมากสำนักเหมือนกันแต่ยังไม่เก่งเท่าเชนเขาหรอก เชนเขาไม่มีอะไรเลย มีภาชนะใส่อาหาร 1 ชิ้น เสื้อผ้าไม่มี มีดโกนไม่มี ถอนผมเอา อย่างนั้นจนยังไม่ใช่โลกุตระ จนอย่างเป็นโลกุตระนั้นมีลำดับเป็นโสดาบัน สกิทาคามีอนาคามี อรหันต์ ตอนนี้เราพยายามเอามาตรการของโสดาบันมาประกาศมาอธิบายขยายกัน ให้คนได้รับรู้อันนี้ให้มากๆ เป็นเบื้องต้น เพราะว่าคนต้องการอันนี้จริงๆ โลกชัดเจนในเรื่องโลกียะโลกุตระมีความเบื่อและอยากจะหาทางออกจากโลกียะ แต่เราก็กลุ่มเล็ก อาตมาก็ไม่ค่อยมีชื่อเสียงไม่มีผลงานที่เข้าตาแบบโลกีย์ ดีไม่ดีด่าโลกีย์หนักด้วย เขาก็ไม่นิยม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:29:32 )

จิตเข้ากระแสโสดาบันไม่มีตกต่ำ แต่ยังไม่แข็งแรง 

รายละเอียด

เพราะคนส่วนมากไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็ทำชั่วกันเยอะ คนจึงทุกข์ยาก พิการทรมานอยู่เยอะ ช่วยกันไม่หวาดไม่ไหว คนที่หลุดพ้นหรือว่าคนที่จะไปอยู่ได้กุศลวิบาก ได้ดีมันก็ชั่วคราวแล้วมันก็ไม่ได้รู้อย่างเที่ยงแท้ หรือแม้แต่แค่โลกียะ ทำได้ดีชั่วคราว เดี๋ยวมันก็หลงไปทำชั่วใหม่เพราะมันแก้แค้นกัน มันไม่ถาวร มันไม่ชัด มันไม่เป็นแบบพุทธที่คุณทำดีเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี 

เริ่มเป็นโสดาบัน มี อวินิปาตธรรม พระพุทธเจ้ารับรองแล้ว จิตเข้ากระแสไม่มีตกต่ำ แต่ยังไม่แข็งแรง 

สกิทาคามีก็ดีขึ้น มี อวินิปาตธรรม ไม่ตกต่ำ จนกระทั่งเที่ยง 

อนาคามีขึ้นไป เที่ยง ไม่ตกนรกแล้ว ไม่ตกต่ำอีกแล้วไปเป็นอรหันต์สูงสุดนิพพานเลย 

สรุปง่ายๆ แต่มันจริงมันลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่อยากจะรู้สัจจะความจริงแล้ว มา มาศึกษา ชีวิตที่เกิดแล้วเกิดเล่าไม่รู้กี่ล้านล้านชาติของคนทุกคนในโลกนี้ ถ้าเผื่อว่าไม่มาศึกษาศาสนาพุทธโลกุตตรธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วก็รู้สัจธรรมเป็นอารยธรรมเป็นโลกุตระ ไม่มีทางจบ จะวนเวียนอยู่อย่างอวิชชา วนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ วนเวียนเกิดเป็นผู้ทำชั่ว ก็ไม่รู้เรื่องผีเรื่องสาง 

ศาสนาเทวนิยมก็ไม่ได้งมงายเรื่องผีสางเท่าศาสนาพุทธไทย อันนี้อาตมาก็ไม่รู้ว่ามันไปเกิดได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์แสดงธรรม รายการพุทธศาสนาตามภูมิ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566  ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:07:39 )

จิตเดิมแท้ของอรหันต์เท่านั้นจึงบริสุทธิ์จริง

รายละเอียด

จิตเดิมของทุกคนเป็น อวิชชามาก่อนทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นคำอธิบายของท่านพุทธทาสบอกว่าจิตเดิมสะอาดบริสุทธิ์ ถ้างั้นเด็กเกิดมาจิตบริสุทธิ์ก็เป็นอรหันต์เลยสิ ซึ่งไม่ใช่แต่ว่าเกิดเพราะว่าอวิชาพาเกิด ต้องมาศึกษาเรียนรู้จนกระทั่งเป็นอริยบุคคลได้จึงสะอาด เป็นจิตบริสุทธิ์ แล้วจิตบริสุทธิ์นี้ก็จะสะสม อย่างเช่นบรรลุอรหันต์แล้วจิตก็จะบริสุทธิ์สะอาดได้ เมื่อบริสุทธิ์สะอาดแล้ว พระอรหันต์องค์นี้ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังไม่ยอมจบจะบำเพ็ญสูงขึ้นไปสู่พุทธภูมิขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้จิตของพระอรหันต์มาเกิดหรือว่าจิตเดิมแท้ของพระอรหันต์นี้บริสุทธิ์ ถ้าอย่างนี้แหละ แต่ถ้าคนสามัญจะโมเมว่าจิตเดิมแท้บริสุทธิ์เลย อันนี้ไม่ถูก เกิดบริสุทธิ์ได้ถึงขั้นจิตมีความนิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)  จิตเดิมแท้ที่บริสุทธิ์ของอรหันต์จะมีความสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป จะเกิดมาอยู่ในโลกอาจจะถูกกระแสโลกครอบงำได้แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ก็จะไปตามกับเขาเป็นโลกๆกับเขา แม่ที่สุดบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมาเป็นคนในชาติสุดท้ายเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ก็ยังถูกมอมเมาไปกับโลกเขา ยังต้องไปมีแบบโลกๆแบบโลกีย์ มีกามมีพยาบาทมีโกรธ มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสตามเขาพอสมควรแต่ท่านก็ไม่จัดจ้าน ก็ยังเป็น อย่างพระพุทธเจ้าสมณโคดมก็เสียเวลาไปตั้ง 29 ปี มาบวชแล้วยังเสียเวลาอีก 6 ปีถูกครอบงำทางธรรมะถูกหลอกให้ไปเป็นฤาษีไปเป็นลัทธินอกรีตอีก 6 ปี จนท่านระลึกของตัวเองได้ อันที่ว่าระลึกตนเองได้ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก หาว่าท่านตรัสรู้ตอนนั้นที่จริงแล้วท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณมาก่อนแล้วก่อนจะเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ บรรลุมาเรียบร้อยหมดแล้ว   บรรลุมาจนกระทั่งรอเป็นพระเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วก็จะประกาศ เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีสัมมาสัมโพธิญาณมานานแล้ว เมื่อถึงวาระถึงคิวจะเป็นพระพุทธเจ้าท่านก็มาประกาศศาสนาแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป จะไปทำเล่นๆกับสัจธรรมกรรมวิบาก กรรมวิบากไม่ใช่เรื่องเล่นแต่เป็นเรื่องจริงทุกกรรมทุกกิริยา จงระมัดระวังให้ดีโทษภัยอันมีประมาณน้อยอย่าทำเสียเลยนี่คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช สภาวะของวิชชาจรณสัมปันโน วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 12:21:20 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:23 )

จิตเดิมแท้มีอวิชชาเป็นเจ้าเรือน

รายละเอียด

เกิดมาตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวจนมาเป็นมนุษย์จนมาเป็นมนุษย์มาเรื่อยๆ มีอวิชชาเป็นเจ้าเรือนมาตลอด จิตเดิม มีอวิชชาเป็นเจ้าเรือนมาแต่เดิมเลยยังไม่สะอาด จะมาสะอาดเมื่อพบสัตบุรุษพบพระพุทธเจ้าพบผู้รู้จริงๆ สอนแนะนำให้แล้วจึงจะรู้วิธี เพราะวิธีเหล่านี้ทั้งพระพุทธเจ้าและสัตบุรุษผู้ที่รู้ความจริงเหล่านี้มาก่อน คิดเอาเองไม่ได้ ฝันเอาเองไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดกันมากมาย 

เมื่อเข้าใจผิดกันอย่างนี้จึงไม่มีวันจะถูกได้ แล้วจะทำอย่างไร หากจิตบริสุทธิ์มาตั้งแต่ต้นแล้วมารับกิเลส แล้วไปหลงเซ็นด้วย อาตมาอธิบายแล้วว่าจิตเดิมแท้เป็นอวิชชาหากไปเข้าหาจิตเดิมแท้ก็ยิ่งโง่เง่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:56:48 )

จิตเดิมแท้ไม่ใช่จิตบริสุทธิ์ 

รายละเอียด

อรหันต์วัดที่สภาวจิต ใช่ …จิตเดิมแท้

อันนี้ขออธิบาย การเอาคำว่าจิตเดิมแท้มาใช้สายท่านพุทธทาสก็พูด คุณเข้าใจจิตเดิมแท้ไม่ได้ก็ไปอธิบายว่าจิตเดิมแท้เป็นจิตสะอาดเป็นจิตประภัสสร อย่างเช่นท่านพุทธทาสอธิบายเลยว่าเด็กที่เกิดใหม่ๆ สะอาดบริสุทธิ์จิตประภัสสร เมื่อโตขึ้นมาก็รับที่เหลือจากผู้ใหญ่ จึงเกิดจิตเศร้าหมองมีกิเลสเพิ่มขึ้น เกิดมาโอเคเขาบอกว่ามีจิตเดิมแท้เป็นจิตสะอาด นี่แหละคือความเห็นต่างระหว่างอาตมากับเขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:55:37 )

จิตเทวดาทางโลกุตระมี 3 อย่าง 

รายละเอียด

บางทีจิตใจสูงขึ้นในแง่แค่โลกีย์ เป็นโลกียธรรมของเทวนิยมทั้งหลาย เป็นผู้เจริญแบบโลกีย์เท่านั้น ก็เรียกว่าผู้นี้มีจิตใจเป็นเทวดา เพราะฉะนั้นเขาก็เข้าใจได้ เราก็รู้ร่วมกับเขาได้ว่าเขาเข้าใจอย่างนี้ แต่ถ้าไปจำเพาะเจาะจงลงไปถึงโลกุตระ จิตใจของเทวดาก็คือ 

เทวดา พระพุทธเจ้าท่านแบ่งเป็น 3 อย่าง 

1. สมมติเทพ  (คนที่มีสภาวจิตเสพโลกียสุขได้สมใจ)

2. อุปปัตติเทพ (คนที่มีสภาวจิตเกิดความเป็นอาริยะ)

3. วิสุทธิเทพ  (คนที่มีสภาวจิตบริสุทธิ์ขั้นอรหัตตผล)

(พตปฎ. เล่ม 30 ข้อ 654) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:17:42 )

จิตเปรต

รายละเอียด

จิตที่มีอาการอยากในทิศทางชั่ว ในทิศทางที่เสียหาย หรืออาการอยากมาให้แก่ตัวเองเสพ อาการที่ต้องการมาให้ตัวเองได้ลิ้มรส สมใคร่ สมอยากรสอร่อย รสสนุก รสเพลิดเพลิน เป็นต้น

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 292


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:20 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:26:02 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:41:26 )

จิตเป็นกลางอย่างลืมตา หมดอันตาสองฝั่งกามและอัตตา

รายละเอียด

พวกเราปฏิบัติธรรม เรียนรู้แล้ว รู้จักวิธี รู้จักความจริง ดีจังเลย ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา แล้วก็ไม่รู้การอ่านจิต การทำจิต มนสิการไม่เป็น มนสิการคือการทำใจในใจ นะ พวกนั่งหลับตาก็ทำใจในใจ แต่ทำใจในใจไม่ถูกทาง ทำใจในใจผิดทาง เรียกว่าทำไม่เป็น ทำไม่ถูก ทำเป็นแต่มันไม่ถูก แต่ทำถูกทางต้องเป็นอย่างนี้ ทำให้เป็นกลาง รู้ตื่นๆ อยู่นี้ เดี๋ยวจะขยายความ ในฌานนี้ ลืมตา ไม่ได้หลับตาเลย หลับตาไม่ใช่ฌานพุทธ พุทธนี้ลืมตา รู้ครบ รู้สว่าง รู้แจ้ง รู้ครบ รู้ถ้วนเลย 

กว่าจะทำใจให้เป็นกลางคืออุเบกขา นี่พูดเอาสรุปเลย กว่าจะเป็นอุเบกขาไม่ใช่ธรรมดา มันจะต้องลดกิเลส 2 ข้างไปเรื่อยๆ กามอัตตา จนหมดกามและหมดอัตตา หมดแล้วถึงจะเป็นอุเบกขา บริสุทธิ์สะอาดจากทั้งกามทั้งอัตตา 2 ข้าง พยัญชนะมีทั้งกามทั้งอัตตา มี 2 ข้าง สภาวะมันก็มีจริง สภาวะที่มันไม่มีกาม ไม่มีอัตตาไม่มีกาม ไม่มีอัตตาหรือมีลดน้อยลงจนกระทั่งมันหมด เป็น 0 เลยไม่มีทั้งกามทั้งอัตตา นี่แหละคือกลาง กลางคือ 0 ไม่มีทั้ง 2 ข้าง ไม่มีอัตตา ไม่มีปลายทั้ง 2 ข้างเลย เป็นอุเบกขา เพราะฉะนั้น อุเบกขาไม่ใช่อยู่เฉยเด๋อๆ เซ่อๆ ไม่ใช่ รู้ครบ รู้ถ้วน รู้เร็วด้วย แล้วมันไม่มีกิเลส 2 ข้าง ไม่มีกาม ไม่มีอัตตา นี่คืออุเบกขา 

ความเป็นฌาน ฌานนั่นแหละคือตัวปัญญา  ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ปัญญาคือฌาน ฌานคือปัญญา มันจะรู้เร็ว รู้กามรู้อัตตา รู้แล้ว พอธรรมฤทธิ์ของปัญญาสูงขึ้น กามก็หายไป อัตตาก็ลดลง กามก็ลดลง อัตตาก็ลดลง ๆ ๆ จนกระทั่งเหลือคู่สุดท้าย คู่ที่เล็กละเอียดที่สุด หมด ไม่เหลือกาม ไม่เหลืออัตตา เป็นกลางคือ บริสุทธิ์ อุเบกขา กลาง ไม่มีทั้งตัวกามทั้งอัตตา 0 ไม่มี 2 นี่คือความเป็นกลาง สังขารร่างกายมันก็ผุเปื่อยเน่าไป จิตมันก็สบายถ้าจิตเป็นกลางได้แบบนั้นอย่างแข็งแรง ก็เป็นอรหันต์ ตายแล้วจะจบด้วยนิพพาน 3 (สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน) ก็สลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย เจตสิกของเราก็ไม่เกาะตัวอีกเลย ไม่เกาะตัวกันแล้ว นี่คือตายอย่างสูญสลายอัตตา หรือสูญสลายจิตนิยาม 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 18:03:53 )

จิตเป็นนิพพาน คือมาตรฐานของคนกล้าจนที่ไม่ต้องสะสมสมบัติ

รายละเอียด

ได้ นิพพานคือมาตรฐานของคนจนได้ ทำไมว่าได้ 

เพราะคนจนนี้เป็นคนที่มีวรรณะ 9 ในวรรณะ 9 อาตมาแปลคำว่า อัปปิจฉะ ว่า กล้าจน หรือมักน้อย มีน้อยก็พอ เอาไว้แต่น้อยๆ คนที่น้อยได้เก่งที่สุดก็คือ 0 ไม่มีเลยเป็น 0 อยู่ในหมู่กลุ่มสาธารณโภคี ตัวเองไม่ต้องมี พึ่งอยู่กับส่วนกลาง กินใช้อยู่กับส่วนกลาง เป็นการฝึกตัวเองไม่ต้องสะสมส่วนตัวแล้วตัวเองก็พึ่งส่วนกลาง ไปเบิกได้ก็ได้ เบิกไม่ได้ก็ฝึกตัวเองไม่น้อยใจ ไม่ได้ก็ไม่เอาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เท่าที่เราจะสามารถ ถ้าเราต้องการ เราไม่ต้องการ เราก็ไม่เอา อยู่ในหมู่ก็ขยันหมั่นเพียร สร้างสรรทำกินทำใช้ ก็กินใช้อยู่ในที่ที่เราทำ 

เพราะฉะนั้น คนที่อยู่ในกลุ่มชาวอโศก บางทีไม่ได้เบิกเงินทองอะไรกับเขาเลยกองกลาง อยู่ไปแต่ละปีแต่ละปี ไม่ได้เบิกเงินทองเลย ดีไม่ดีคนนั้นคนนี้ใส่มือให้ไม่ใช้ก็เอาไปคืนเขา ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าว่า ไม่ต้องมีจิตติดยึดในเรื่องเงินทองข้าวของอะไรเลย มีอยู่มีกินอุดมสมบูรณ์นะ ในสิ่งที่เป็นปัจจัยในชีวิต นี่เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้มันจึงเป็นคนจนที่เป็นนิพพาน 

ยิ่งมีจิตเป็นนิพพาน เป็นมาตรฐานยืนยันว่า เป็นความจน ไม่ต้องสะสมสมบัติ ไม่ต้องมีสมบัติ อย่างพระพุทธเจ้านี้มีสมบัติ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านไม่เอาเลย ท่านออกมา แม้แต่เครื่องทรง แม้แต่เครื่องแต่งตัว ก็ไม่เอา มาเอาผ้าห่อศพบังสุกุลเขาทิ้ง เอามาเย็บใส่ อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้มีสมบัติอะไรเลย ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ใครเขาจะเอามาถวาย จนนางวิสาขาบอกว่า ท่านๆๆ ขอให้คหบดีถวายผ้าหน่อยเถอะ พระพุทธเจ้าบอกว่า ถวายก็ถวาย แต่ใครนิยมผ้าบังสุกุลผ้าห่อศพได้ ก็ดี ก็เก่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:40:11 )

จิตเป็นประธาน 

รายละเอียด

จิตเป็นประธาน  คือ การจัดการพลังงานของร่าง ของจิต สมณะโพธิรักษ์พูดทดสอบท่านไม่เจตนาตายก่อน ยังพูดความจริงว่าจะพยายามให้ยาวยืนไม่ใช่โชว์ว่าฉันเท่ ฉันเก่ง แต่อยู่เพื่อทำงานพิสูจน์สัจธรรมพระพุทธเจ้า  อยู่เพื่อขยายความสิ่งที่ยังไม่ได้ขยายตั้งใจรับดีๆ ท่านยังไม่สมควรจะตาย  นอกจากวิบากจะมีตายก็ตาย  ไม่ตายก็อยู่ตามเจตนา  ต้องพยายามรักษาขันธ์ทางร่างกันเจตนาให้อยู่ยืนยาวแต่ถ้าร่างเกิดไม่แข็งแรงรับจิตที่เจตนา10  แต่ร่างรับได้แค่ 4 แค่ 5  ก็ไปไม่รอดต้องพยายามให้ได้สัดส่วนไปได้ดีจิตใจเป็นประธานจัดการพลังงานของร่าง  ของจิต  ร่วมกันทำปฏิกิริยากันให้ดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:10:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:02 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:42:17 )

จิตเป็นสมาธิของพระพุทธเจ้ามีลักษณะอย่างไร

รายละเอียด

จิตเป็นสมาธิของพระพุทธเจ้านั้นคือ จิตที่ไม่นิ่ง แต่คล่องแคล่ว ว่องไว ทั้งภายนอกภายในด้วย กายปาคุญญตา ทั้งจิตปาคุญญตา มีความแคล่วคล่อง ว่องไว ปราดเปรียวทั้งหมดเลย แต่ไอ้ที่นิ่งนั้นคือ กิเลสมันหายไปจากจิตเลย ตัว newsance ตัวกวนไม่มีมาเลย จะเรียกว่าผีมารซาตานก็แล้วแต่ คือ กลิ ตัวที่เป็นภัยเป็นโทษของจิต นี่คือนัยยะละเอียด จับตัวนี้ให้ได้ ตั้งแต่ หยาบ กลาง ละเอียด ละเอียดมาก จนมันเกลี้ยง จิตบริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อย่างตั้งมั่นแข็งแรงเที่ยงแท้ นิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2564 ( 13:16:29 )

จิตเป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา

รายละเอียด

จิต มันเป็นทั้ง อัตตา และ มันเป็นอนัตตาได้ เมื่อผู้เรียนรู้ปฏิบัติจนทำอัตตาของตัวเองให้เกิดปัญญา เกิด ละ ลด ปล่อย วาง ทำลายอัตตา คุณก็จะเห็นหน่วยแต่ละหน่วย เริ่มต้นหน่วยเล็กของอนัตตา ของความไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตน ไม่เหลือตัวตน ในสิ่งที่เราปฏิบัติแล้ว 

คำว่า ตัวตน เป็นภาษาไทย คำว่า อัตตา เป็นภาษาบาลี ก็ค่อยๆ ละลดไป 1 หน่วย 1 ตัวตน 2 ตัวตน 3 ตัวตน 4 ตัวตน 5 ตัวตน 6 ต้น 7 ตัวตน 8 ตัวตน 9 10 ตัวตนไปเรื่อยๆ คุณก็จะเห็นความจริง จะเข้าใจความเป็นอนัตตา ว่า อ๋อ…. ตถตา มันเป็นเช่นนี้เอง เมื่อมันมีสภาวะ ภาษาก็ขยายความแปลให้ฟังได้เท่านี้ มาปฏิบัติดูดีๆ แล้วถึงจะได้ 

เพราะฉะนั้นคำว่า อัตตา จิตนี้เป็นอัตตาหรืออนัตตา

“จิตที่ยังมีอวิชชาก็เป็นอัตตา จิตที่มีวิชชาแล้วก็เป็นอนัตตา” จบคำตอบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:01:28 )

จิตเป็นอุตุ เป็นเช่นไร

รายละเอียด

อย่างเช่น อาตมา ดูเขาสนุกสนานฟุตบอล เตะฟุตบอลเข้าโก โอ้โห ชื่นใจ อาตมาก็เฉยๆ จิตเป็นอุตุ รู้ความจริงตามความเป็นจริง จิตเราไม่ได้เกิดอะไร เห็นความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้น ที่มันกระทบทางตา หรือเสียง เสียงที่จะทำร้ายกัน หรือเสียงที่จะประเล้าประโลมกัน ถ้าเสียงที่จะทำร้ายกัน เราก็รู้เชิงว่านี่เป็นเสียงที่ดุเดือดจะทำร้าย เราก็ดูก็เห็นว่า เออ! มันร้ายมันแรงอย่างไร แต่ใจเราก็ไม่ได้ไปร้ายแรงอย่างนั้น 

แม้แต่ที่สุดเห็นเขาฆ่ากัน เราก็ได้แต่สังเวชใจเฉยๆ สังเวชใจไม่ได้หมายความว่าใจมีเวทนาด้วยนะ เวชะ ไม่ใช่เวทนา มันก็รู้ว่าเขาทำไม่ค่อยดีเลยนะ ทำได้กันถึงปานนี้ เช่น อาตมาดูผู้บริหารประเทศแต่ละประเทศ ยังกระเหี้ยนกระหือรือ ยังต้องการอำนาจ ยังต้องการเอาชนะ ก็เลยฆ่ากัน ตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่าหรอกนะ ให้ลูกน้องไปฆ่าตายกันเป็นเบือ ตัวเองก็รอดตัวอยู่นี่แหละ สั่งอยู่ในห้องแอร์ด้วยอะไรต่างๆ นานา มันก็เห็นอัตตา เห็นความเห็นแก่ตัว เห็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ จะเอาชนะด้วยอำนาจก็ดี ชนะด้วยความรัก ด้วยความต้องการ ด้วยความแย่งชิงก็ตาม มันก็เป็นสัจจะที่เราเห็น เราก็บอกว่าเราเองเราไม่มีอย่างนี้เด็ดขาด นั่นคือจิตเราขาดจากอันนี้แล้ว เห็นว่ามันหยาบ มันแรง มันร้าย ให้ตายเราก็ไม่ทำ แม้แต่เขามาทำให้เราตาย เราก็ไม่ไปทำตอบแบบเขา เขาจะฆ่าเรา เราก็ไม่ฆ่าเขาตอบ เพราะเราเข้าใจขนาดนี้แล้ว เราจะเข้าใจความตาย ตายก็ตาย ความตายความเกิด ถ้าเรายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้วเราก็เกิดมาอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 11:33:10 )

จิตเมตตา

รายละเอียด

จิตเมตตา  คือ ความเห็นแก่ตัวคุณต้องไม่มี หรือ มี ก็ต้องไม่ให้แสดงออกแม้คนชั่วเป็นโจรก็ต้องมี  คนสะสมจิตเมตตาตั้งแต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน  แม่ของสัตว์เดรัจฉานเลี้ยงลูก  ตัวเองหนัก ตัวเองเจ็บ ตัวเองจะเหนื่อย  ดีไม่ดีลูกเล่นด้วยอย่างแรง  เจ็บก็ไม่เป็นไร ลูกมันก็สบายใจ  ได้สนุกสนาน  แต่มันเล่นกับเราแรงไปหน่อย  เจ็บ  มันสะสมมาแล้ว  ตั้งแต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน  มาเป็นคนก็จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น  จะบอกว่าพวกเราไม่มีเมตตา  ไม่ได้ผิด  เรามีเมตตา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:19:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:54 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:42:45 )

จิตเริ่มเป็นอาริยะโลกุตระ

รายละเอียด

คำถามว่าเริ่มเป็นอาริยะ โลกุตระ ถ้าเป็นโสดาบันก็เต็มตัว กัลยาณชนก็ไม่ใช่ ปุถุชนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ มันละเอียด ก็ไม่เป็นไร อะไรที่ไม่ตรงนักก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปยึดถือ เข้าใจสภาวะธรรมแล้ว ถ้าเราทบทวนดูแล้ว แต่ก่อนเราก็รู้เท่านี้ เมื่อเราศึกษาไปมันละเอียดขึ้นสูงขึ้น อันเก่าแต่ละเอียดขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้ง85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:29:36 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:39 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:43:06 )

จิตแท้ต่างจากจิตเดิม

รายละเอียด

เพราะเมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วก็มีจิตวิญญาณ สำคัญที่สุดก็ต้องศึกษาจิตวิญญาณแล้วทำให้สะอาดที่สุด จบ เป็นเรื่องใหญ่สุดในการเกิดมาเป็นจิตนิยาม เพราะเกิดมาเป็นจิตนิยามมันเกิดด้วยอวิชชาทั้งนั้น ต้องมาเรียนรู้ว่าทำไมมันโง่ มันอวิชชา ต้องมาล้างสิ่งโง่สิ่งที่ผิดออกเป็นชั้นๆ จนกระทั่งเป็นจิตสะอาดบริสุทธิ์เป็นจิตแท้ซึ่งไม่ใช่จิตเดิม จิตเดิมคือจิตอวิชชา

คนเกิดมาด้วยจิตเดิมคือจิตที่ไม่สะอาด ต้องมาทำความสะอาดให้เหลือจิตแท้ คือจิตที่สะอาดเป็นพรหมจรรย์ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:55:51 )

จิตแบบเดียรถีย์มิจฉาทิฏฐิเพราะเหตุใด

รายละเอียด

มันเป็นจิตแบบเดียรถีย์ ออกนอกขอบเขตพุทธ มันไปยึดสิ่งเหล่านั้นว่าถูกอย่างยึดมั่นถือมั่น อาตมาพูดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ เพราะว่าปิดประตูแล้วไม่มี ปรโตโฆษะ ไม่มีทางจะโยนิโสมนสิการ ทำใจในใจได้อย่างถูกต้องถ่องแท้ตามของพระพุทธเจ้าหรอก อย่างไรก็ยาก เพราะฉะนั้นมิจฉาทิฏฐิในคู่ที่บอกว่าเป็น ปรโตโฆษะ กับ โยนิโสมนสิการ เขาไม่มี เขาก็ไม่มีทางได้สัมมาทิฏฐิ

อาตมาพาทำอย่างโยนิโสมนสิการไปถึงที่เกิดกิเลส เขาทำไม่ได้ ไปนั่งหลับตาไม่มีวันเข้าถึงที่เกิดเหตุ ไม่มีวันที่จะถ่องแท้ แยบคาย ไม่มีวันที่จะมีการปฏิบัติจิตได้ เพราะมันไม่เป็นวิญญาณฐีติ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 10:47:57 )

จิตแบ่งเป็น 2 ส่วน

รายละเอียด

จิตของคนไม่ใช่จิตของพืช แต่จิตของคนที่สามารถทำจิตของตนเองส่วนหนึ่งให้เป็นพืชได้ ส่วนที่เหลือเป็นจิตสะอาดเป็นจิตแท้ๆ เลย แต่ก่อนนี้จิตถ้าแบ่งเป็น 2 ส่วน คือจิตส่วนหนึ่งเป็นจิตอวิชชา จิตส่วนหนึ่งเป็นจิตเดิมที่ไม่มีกิเลส เมื่อคุณล้างอวิชชาออกไปจากจิตหมด จิตใจของคุณก็เลยสมบูรณ์ไม่มีกิเลสได้ จิตนิยามของคุณมีพลังงานมากกว่าหรือ วิจิตรพิสดารกว่าพืช ก็เอามาใช้งานทำประโยชน์ได้ ช่วยพืชเอง ช่วยสัตว์โลก ช่วยวัตถุดินน้ำไฟลมได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:17:39 )

จิตโกรธ

รายละเอียด

คือเป็นคำถามของเด็ก ป.3เข้าใจสภาวะของตัวเอง ทำอย่างไรไม่โกรธเพื่อน เขาเข้าใจ จิตวิญญาณ อารมณ์ของจิตได้ว่า จิตโกรธ คือเป็นอารมณ์ เป็นความรู้สึก ชนิดหนึ่ง เราเรียกว่าเวทนา   อธิบายเป็นภาษาไทยว่ามันคือความรู้สึก  รู้สึกโกรธ  เป็นเวทนาชนิดหนึ่งเข้าใจว่า  อาการพวกนี้ มันเรียกว่าโกรธ  ทำอย่างไรจะหายโกรธ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:54:14 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:02 )

จิตโกรธ

รายละเอียด

นี่เด็กป.3 ถามมานะ เข้าใจสภาวะของตัวเอง ให้เอาเพ็ญบี้โกรธ อย่าเอาเพ็ญขี้โกรธนะ เด็กป 3 แต่เข้าใจจิตวิญญาณอารมณ์ของจิตได้ ว่า จิตโกรธ เป็นอารมณ์เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่ง เราเรียกว่าเวทนา อธิบายเป็นภาษาไทยว่ามันคือความรู้สึก รู้สึกโกรธเป็นเวทนาชนิดหนึ่ง เข้าใจว่าอาการพวกนี้มันเรียกว่าโกรธ ทำอย่างไรจะหายโกรธ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:25:24 )

จิตโพธิสัตว์

รายละเอียด

จิตที่เกิดเป็นปัญญาญาณ ตรัสรู้ รู้แจ้งกาม รู้แจ้งโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 41


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:51 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:26:40 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:44:21 )

จิตโพธิสัตว์

รายละเอียด

สมณะโพธิรักษ์ไม่ได้มีจิตคิดไปสร้างภาพ อันนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจของอาตมาเอง อาตมาหมดความชั่วความอยาก ประกาศตนเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ไปแล้ว อาตมาไม่มีจิตใจชั่วร้ายชั่วเลวอะไรเลย ไม่มีสาเฐยจิต หรืออยากอวดอ้างอะไรไม่มี จิตเราก็ต้องอ่านอาการจิตออก แต่จะไปโกหกคนอื่นมันก็บาปมันไม่ดี เราก็บอกความจริงไป อาตมาบอกความจริงไปหมดแล้วเขาก็ยัง กระแนะกระแหนว่ามาอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาก็ห้ามเขาไม่ได้ แต่ว่าคนเราไม่พยายามจะเข้าใจคนอื่น ถ้าหากเขาปฏิเสธสิ่งที่ดี ก็จะกลายเป็นคนไม่ได้สิ่งที่ดี โดยเฉพาะคนคิดดีๆจริงและสร้างสิ่งที่ดีจริง คุณนึกว่าคุณฉลาดนักหรือ แต่อาตมาว่า เป็นคนที่โง่สุดโง่เพราะคุณไม่รู้ว่าดีคืออย่างไรไม่รู้ว่าใจเขาสะอาดอย่างไร อาตมาไม่บ้าไปอวดอุตตริมนุสสธรรมในสิ่งที่ไม่จริงเมื่อเรามีจริง กรรมนั้นเป็นการกระทำที่เป็นอันทำ แค่เพียงคิดก็เป็นกรรมแล้ว ไปพูดอีกก็เป็นกรรม มันก็ยิ่งบาปน่ะถ้าหากเป็นบาป แล้วเรารู้ว่าเราไม่ดีแต่เราไปพูดว่าเราดีเราผิดเราทำตัวชั่วอยู่ก็ตามแล้วจะมาบอกว่าเราดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 มกราคม2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:34:41 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:02 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:44:56 )

จิตโพธิสัตว์กับจิตอรหันต์ต่างกันไหม

รายละเอียด

ได้อธิบายจนมากจนจบครบบริบูรณ์แล้วนะ อรหันต์คือฐานที่จะต้องทำให้แก่ตัวเองก่อน เป็นฐานที่จะต้องทำให้ตัวเองสำเร็จก่อน แล้วอรหันต์จะต่อโพธิสัตว์หรือไม่ก็เป็นส่วนตัว

เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ธรรมะ ก็มี 2 หน่วยใหญ่ อรหันต์กับพระโพธิสัตว์ เข้าใจแล้วก็ถ้อยทีช่วยกัน ทำอรหันต์ไปด้วยกัน เข้าใจอย่างนี้มันก็ไม่แยกไม่แตก อรหันต์กับโพธิสัตว์ก็ไปด้วยกัน อรหันต์คือทำตัวเราให้สมบูรณ์แบบ โพธิสัตว์คือตัวเขาคนอื่นเป็นอรหันต์ คนอื่นบรรลุธรรม ก็ต่างคนต่างเรียนกันแจกกัน มุมนั้นมุมนี้ มันก็จะเร็ว 

เพราะฉะนั้นผู้รู้แล้วอรหันต์กับโพธิสัตว์ แม้จะมีนัยยะว่า อรหันต์คือผู้ที่จะต้องทำกิเลสให้หมด โพธิสัตว์คือผู้ทำกิเลสให้หมดเหมือนกัน แต่ไม่ทิ้งเพื่อน ไปด้วยกัน อะไรมันจะดูดีกว่ากัน 

ผู้ที่มีเพื่อนไปด้วยกันนี่จะมีคู่ผัสสะ จะได้ประโยชน์ ผู้ที่จม ไปแต่ตัวเองคนเดียวไร้ประโยชน์ และไม่มีสิ่งสัมผัสไม่มีเหตุปัจจัย ให้ตัวเองได้ปฏิบัติ ซวย เพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้วโพธิสัตว์ดีกว่าอรหันต์ในเชิงปฏิบัติ แต่ในเชิงรู้ตัวรู้กิเลสอรหันต์ดีกว่าโพธิสัตว์ คุณจะอยู่กับเพื่อนด้วยรู้ตัวเองรู้จักกิเลสด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:59:06 )

จิตโพธิสัตว์จะเห็นแก่ผู้อื่นแล้วจะมีความเมตตา สงสาร เวทนา

รายละเอียด

เราก็ใช้ดินน้ำไฟลมเป็นองค์ประกอบศิลป์ เพื่อที่จะเป็นการสื่อสาร ทำให้ผู้ที่มาสัมผัสมาตั้งใจฟังตั้งใจรับรู้เข้าใจกันได้ ก็สื่อสารกันไป อาตมาก็มีแต่เจตนาเท่านั้น ใครทำได้ก็อนุโมทนาสาธุ เป็นมุทิตาจิต ใครยังไม่ได้ก็ช่วยกันอยู่อย่างนี้แหละ ถ้าเผื่อว่าปฏิบัติธรรมขึ้นมาเป็นโพธิสัตว์ จิตโพธิสัตว์จะเห็นแก่ผู้อื่นแล้วจะมีความสงสารเมตตาเวทนา มีจิตใจที่จะรู้อยู่ว่าสิ่งที่คนยังอยู่ จะเห็นอาการสงสาร สังสาระ ยังวนอยู่ เวทนา จะเห็นคนคนนี้อยู่กับเวทนาคนนี้ติดอยู่ที่สงสาร ก็ต้องช่วยกันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:27:52 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:31 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:45:15 )

จิตโลกียะและจิตโลกุตระ

รายละเอียด

จิตเราไม่เที่ยง เหลาะแหละ เดี๋ยวก็ไปเสพโลกีย์เดี๋ยวก็ตลบตะแลงเป็นโลกุตระ แต่คนที่ไม่รู้โลกุตระเลยก็ไม่เข้ามาหาทางโลกุตระ แต่คนที่ไปเสพโลกียะไม่เข้าฐานโลกุตระก็จะวนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมีปัญญามีธาตุรู้ ที่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างโลกียะกับโลกุตระ มันสวนกระแสกัน คนนี้จะไปเอารวยคนนี้จะมาจน คนนี้อร่อยด้วยรูปอย่างนี้ คนนี้ไม่เอาแล้วรสอะไรมันติดยึด ก็ลดลง เสียงอย่างนี้กลิ่นอย่างนี้รสอย่างนี้อะไรอย่างนี้ คนได้ติดในลาภ ยศสรรเสริญ โลกียสุข

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:56:20 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:46 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:45:53 )

จิตใจคนที่สูงก็คือคนที่วางศาสตรา วางทัณฑะ

รายละเอียด

วิเคราะห์วิจัยให้ฟังนิดหน่อยจะเห็นได้ว่าให้พิจารณาตาม ทำไมมันถึงได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหง รังแก กดข่ม มนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่สัตว์ด้วย ซึ่งมันก็มีลักษณะเลว ร้าย เพราะฉะนั้นผู้ใดที่เห็นสัตว์เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เห็นสัตว์แล้วก็เอ็นดู เมตตา กรุณา หวังประโยชน์ เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ช่วยเหลือกัน น้ำใจของผู้เจริญเป็นอย่างนี้ ในหลักเกณฑ์ของศีลข้อ 1 เลย ตั้งแต่ชีวิตเราจะต้องสร้างอาวุธและเครื่องมือสมัยโบราณสร้างอาวุธมีดพร้า เมื่อสมัยเจริญขึ้นมาก็สร้างศาสตราอาวุธยิ่งกว่าการถือไม้ถือท่อนไม้ อะไรต่างๆพวกนี้ ศาสตรา เป็นอาวุธที่เป็นเครื่องมือฆ่า ถ้าในสังคมโลกไม่ว่าประเทศไหนก็แล้วแต่ ที่ยังมีความคิดที่จะสร้างศาสตรา สร้างอาวุธ หรือยังเห็นว่าท่อนไม้ท่อนไร่เป็นเครื่องประหาร เครื่องทำร้าย จิตใจคนอย่างนี้ยังต่ำ จิตใจคนที่สูงก็คือคนที่วางศาสตรา วางทัณฑะ มีจิตใจเมตตาเอ็นดู หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้ว่าสัตว์นั้นจะร้าย โดยเฉพาะคน แม้คนจะร้ายก็หวังประโยชน์เพื่อคนเหล่านั้น คนก็คือสัตว์ หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นความหมายเป็นความรู้ของศีลข้อที่ 1 เป็นเรื่องลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องลึกลับ เป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ผู้ใดมีจิตอย่างที่ว่านี้คร่าวๆเป็นผู้เจริญ เป็นอาริยบุคคล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:03 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:46:21 )

จิตใจสงบมโนกรรมเป็นประธานที่คล่องแคล่วที่สุด

รายละเอียด

ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นลึกซึ้งที่สุด คนยิ่งมีจิตใจสงบ กายกรรมยิ่งคล่องแคล่ว วจีกรรมยิ่งคล่องแคล่ว มโนกรรมเป็นตัวประธานที่คล่องแคล่วที่สุด เรียกว่า มุทุ คล่องแคล่ว มุทุ แปลตามพยัญชนะว่า อ่อน แต่ในสภาวะธรรมของศาสนาพุทธนั้น มุทุนี้ เป็นคำที่ท่านใช้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว แต่คนเข้าใจไม่ได้ อาตมาจะไม่ลงลึกถึงพยัญชนะ ถึงอักษรอะไรหรอก มันจะยาวไป สรุปแล้วจิตตัวนี้ มุทุ แปลว่าอ่อน ไว เร็วดัดง่าย จะให้เป็นอย่างไรก็ได้เร็วไว ทั้งเร็ว ทั้งเป็นได้ในเชิงปัญญาก็เร็วทำให้เจโตหรือจิตเป็นอย่างที่ตามต้องการก็เร็ว เร็วทั้งสองสภาพทั้งปัญญาและ เจโต อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 12:59:01 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:15 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:46:40 )

จิตใจอิสระจากตัวถ่วง

รายละเอียด

นี่แหละคนที่เป็นพระอรหันต์นี่แหละ ยิ่งมี กายปาคุญญตา มีจิตปาคุญญตา คือ คล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่เฉื่อย กายกรรม ความปรุงแต่งในเรื่อง นัจจะ คีตะ วาทิตะ อย่างเช่นโพธิรักษ์นี่แหละคือคน กายปาคุญญตาเพราะจิตปาคุญญตา เป็น มุทุภูตธาตุ มีทั้งความแววไว เบา ง่าย อยู่ในตัวหมดเลย มุทุตาลหุตา

ใช่ จะเป็นคนมีปัญญา จะเป็นคนมีพระกรุณา มีความเป็นจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่ช่วยคนอื่น  ปัดโธ่ แต่ก่อนโง่เกิดมาแล้วมันเห็นแก่ตัว หลงเห็นแก่ตัวแล้วโทษแต่คนอื่นเยอะแยะ จนกระทั่งไม่เป็นโทษแล้ว เมื่อไม่เป็นโทษแล้วก็ต้องเป็นคุณแก่ผู้อื่นสิ ไปไหนก็ได้ เกิดเป็นอัตภาพแล้ว ถ้าเราจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เราก็ทำได้แล้ว คุณมีกตัญญูกตเวทีต่อศาสนาต่อพระพุทธเจ้า โอ้…. คุณได้อันนี้ก็เพราะศาสนา คุณได้อันนี้ก็เพราะพระพุทธเจ้า ก็ช่วยกันหน่อยสืบทอดต่อพระพุทธศาสนา ช่วยคนตาดำๆ ให้เขาได้รู้ว่าเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วจะไปอย่างไร รู้จริงแล้ว อ้อ… อย่างนี้เองเกิดมา รู้จบ พอรู้จบก็จะรู้ว่า โธ่เอ๋ยชีวิตก็เท่านั้น 

คนเอ๋ยคนเราก็เท่านี้ ไม่เห็นมี สิ่งใดจะใฝ่หา กินกามเกียรติเก่งโก้ในโลกา ก็สบายๆ อภิปโมทยังจิตตัง อาตมาก็ไม่มี อโศก แล้วไม่หลงระเริงอะไร

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:29:30 )

จิตในจิต กับ ธรรมในธรรม

รายละเอียด

จิตในจิตเป็นมาตรวัด ส่วนธรรมในธรรมเป็นการแยกโลกุตระกับโลกีย์ เราทำแต่ดี ไม่ทำชั่ว เสร็จจบ เสร็จแล้วโลกุตระไม่สุขไม่ทุกข์ สุขทุกข์มันยังเป็นคู่หูที่หลอกมนุษยชาติเป็นมายากล เป็นนักมายา เราไม่เอาแล้วสุขทุกข์ อารมณ์อย่างนี้เวทนาในเวทนา 

ก็มาเรียนที่เวทนาสุขทุกข์นี่แหละที่เป็นโลกีย์ มันก็หลง เพราะฉะนั้นเทวนิยมไปหลงสุขเป็นสุขนิยมเลย เพราะเขาไม่ได้แยก เขาไม่ได้เรียนเขาติดสุขเลย แล้วสุขเขาก็ไม่รู้สุขโลกีย์ เขาติดอยู่ในสุขโลกีย์ มันก็บานทะโร่เป็นปากกรวย ไม่รู้จักจบจักพอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:12:52 )

จิตในจิตก็คือเจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

จิตในจิตก็คือเจโตปริยญาณ 16 ส่วนเวทนาในเวทนาก็คือเวทนา 108 ส่วนกายในกายนั้นก็คือ กายนอกกายตั้งแต่ 2  ไม่รู้ตั้งกี่คู่ คุณจะกระทบสัมผัสในฐานศีลของคุณที่เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับของ เกี่ยวกับพืช เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อันเป็น 3 ข้อหลักของศีล เป็นขั้นๆๆ ไป เป็นระดับๆ ตั้งแต่ สุรา เมรยะ มัชชะ ก็เป็น 3 เส้า

ท่านเรียกเป็นภาษาว่าเมา สุราก็แรงจัดจ้าน เมรยะก็กลาง มัชชะขั้นปลาย จนกระทั่งไม่เมาแล้วเป็นขั้นปลายมัชชะ ก็ไม่เมา ก็จบหมด

อาตมาขยายความพยัญชนะบาลีต่างๆ ที่พูดเขาเรียนรู้มาทั้งนั้นแหละ อาตมาไม่ได้มาตั้งเอง แต่อาตมารู้สภาวะทั้งนั้น เอามาขยายสู่ฟัง ฟังให้ดีๆ พูดไปแล้วจะหาว่าอวดตัว มันมีของดีจริงก็เอามาพูดให้ฟังมันก็เลยดี ไม่ได้อวดอะไร ไม่มีสาเฐยจิต มันจะพูดความจริงด้วยความจริงใจอย่างใสสะอาด ไม่มีแม้แต่ สาเฐยจิต จิตที่คิดอยากอวดโอ่ ไม่ได้อยากอวด แต่พูดแต่สิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นของจริง อาตมาพูดสิ่งที่ไม่จริงไม่เป็น แล้วก็พูดสิ่งที่อวด ก็ไม่เป็นอีก เอาความไม่ถูกต้องมาพูดก็ไม่เป็นอีก พูดแล้วก็ทำให้เขาคันเขี้ยว เขาหมั่นไส้ อาตมาพูดภาษาที่จริงที่สุด แล้วมาหมั่นไส้อาตมา ก็ไม่รู้จะทำยังไง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:33:05 )

จิตในจิตคืออย่างไรในสติปัฏฐาน 4

รายละเอียด

จิต ในจิตนั้น พระพุทธเจ้าคือ ตารางสูตรคูณ หรือสูตรหารก็แล้วแต่ สูตรบอกถึงลักษณะกิเลสต่างๆคือเจโตปริยญาณ 16  จิตในจิต คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง) . รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆในจิตอาริยของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์. 

  1. สราคจิต  (จิตมีราคะ) 

  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ) 

  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ) 

  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ) 

  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ) 

  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) 

  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) . 

  8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)

  9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)  

  10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) 

  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) 

  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) .

  13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) 

  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์) 

  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . . 

  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) .

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 15:18:59 )

จิตในภวังค์

รายละเอียด

จิตยังคงปรุงแต่งอยู่แต่ภายในจิตของตัวเอง ซ้อนลงไปเป็นจิตละเอียด

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 151


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:24 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:27:19 )

จิตในภวังค์แห่งภพ

รายละเอียด

จิตใต้สำนึก

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 293


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:57 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:27:53 )

จิตใหม่เกิดได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวมันไม่รู้จักโลกุตระหรอก เมื่อมาเป็นคน อเวไนยสัตว์ก็ยังสอนไม่ได้ จนมาเป็นเวไนยสัตว์ที่สอนได้เริ่มรู้จักธรรมะสัตบุรุษฟังธรรมะพระพุทธเจ้า จากผู้รู้เป็นครูที่สอนได้จริงก็จะค่อยๆรู้ไปตามลำดับแล้วจึงบรรลุธรรมไปตามลำดับ ก็คือล้างกิเลสอวิชชาไปเรื่อยๆ จิตก็ค่อยสะอาดไปเรื่อย เป็นจิตใหม่ไม่ใช่จิตเดิมแท้ เป็นจิตอื่นจากเก่าเรียกว่า อัญญา อัญญธาตุ ธาตุใหม่ จากโลกีย์เดิมๆ จิตเดิมแท้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:57:55 )

จิตไม่ทุกข์ไม่สุขมีได้ 2 นัย

รายละเอียด

 คือ นัยโลกีย์เป็นเคหสิตอุเบกขา ทำให้จิตกลางได้แต่ด้วยวิธีกดข่ม  แล้วจิตคุณก็ทนได้เฉยได้  เพราะการข่มมีประสิทธิภาพมีผล แต่ไม่ได้ดับเหตุ ตัวอุปาทาน ตัณหา อุปาทานรู้ได้ยากกว่ามันอยู่ในสภาพ Static ตัวนิ่งสมถะ เรียกว่า “เจโต” ก็ได้ ศรัทธาก็เรียก เป็นธาตุไม่ระลึกรู้อยู่นิ่งเฉย  ส่วนธาตุตัวเคลื่อนไหวมันเป็นธาตุคู่ของเทวะ ทางวิทยาศาสตร์เป็นพลังงานที่จับตัวกันอยู่ไม่แยกจากการเป็นธาตุบวก ธาตุลบ “ธาตุจิตที่จับตัวแน่นแข็ง”  เรียกว่า  “เจโต หรือ ศรัทธา” ส่วน “พลังงานที่เคลื่อนไหวอยู่” คือ “พลังงานลบ”  “ส่วนพลังงานกระแสบวก” คือ “เจโตหรือศรัทธา” พอมาเป็นพืชก็มีชีวะมีบวก ลบ แต่ไม่รู้ถึงขั้นจิต ก็ควบคุม บวก ลบ แต่ไม่มีบาปเวรอะไรไม่สามารถเอามาปรุงแต่งตัวเองได้ก็สูญพันธุ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:23:46 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:47:03 )

จิตไม่มีกิเลสกับความแข็งด้านของจิตต่างกัน

รายละเอียด

แต่เขาไม่ได้เข้าใจและไม่ได้ปฏิบัติตามแบบนี้ที่อาตมาอธิบาย เขาไปนั่งหลับตาสะกดจิตให้จิตเป็นหนึ่ง มันไม่ปรุงแต่งอะไรมันก็ไม่สุขไม่ทุกข์ แต่มันไม่เป็นธรรมชาติไม่เป็นธรรมดาของคน มันก็เลยเป็นพรหมลูกฟัก เก่ง คุณก็ได้แต่พรหมลูกฟัก เมื่อลืมตาคุณก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีก กิเลสมันก็เข้าครอบงำ หากคุณจะสะกดจิตได้เก่งมันมีประสิทธิภาพเหมือนกัน เมื่อสัมผัสแล้วก็เอาสมถะนี้ไปสู้ ก็เลยยิ่งหลอกตัวเอง ว่าตัวเองกิเลสลด เปล่า พลังงานของการฝึกแบบนั้นเป็นสมถะ เก่งแล้วเอาอันนี้มาใช้ได้ กระทบสัมผัสแล้วคุณก็ยิ่งแข็งด้าน ไม่ปรุงแต่ง แต่มันเป็นความแข็งด้านของจิต มันไม่ได้หมายถึงว่าจิตไม่มีกิเลสนะ คุณสามารถสะกดจิตให้จิตใจแข็งได้ สัมผัสแล้วกิเลสมันก็เข้าไม่ไหวมันแข็ง แต่คุณก็ไม่รู้ว่าคุณสู้ได้คุณอยู่เหนือมันได้ มันไม่เป็นโลกุตระ คุณไม่ได้อยู่เหนือมัน แต่คุณได้สภาวะแข็งแรงเหมือนกัน มันหลง อย่างนั้นมันสู้ได้แต่มันไม่ถาวร มันไม่ได้ดับที่เหตุ

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู (รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:37:42 )

จิตไม่มีกิเลสเป็นตัวบังคับ จึงจะจริง 

รายละเอียด

ปฏิบัติศีลไปเป็นจารีตประเพณี เป็นมะยังภันเตวิสุงวิสุงไป เขาบอกว่าควบคุมได้แต่กายวาจา ไม่ได้เกี่ยวกับจิต นี่มันก็ตัดทิ้งแล้ว เพราะฉะนั้น ศีลก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่กายกับวาจา กายกับวาจาไม่เที่ยง จะเที่ยงได้ต้องมีจิตเป็นประธาน จิตเป็นประธานจึงจะเที่ยง จิตต้องหมดกิเลสจึงจะตั้งมั่นแข็งแรง เพราะจิตที่มีความจริงมีสัจจะที่ไม่มีกิเลสเป็นตัวบังคับ มันจึงจะจริง 

แต่เขาไม่ได้ศึกษาอย่างนั้นเลย อย่างที่เป็นการเปิดตาศึกษาในขณะนี้ ทิฏฐธรรม ในขณะเป็นปัจจุบันชาติหรือปัจจุบันกาล ถ้าไม่มีตัวปัจจุบันชาติ ไม่มีทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ เพราะฉะนั้นทิฏฐิใดที่ไม่มีนิพพานเป็นทิฐธรรม นิพพานในขณะปัจจุบัน เป็น จักขุมาปรินิพพุโพติ นิพพานในขณะตาเปิดๆ ไม่ใช่ไปหลับตา ไปรู้จักสัมภเวสี อยู่ในภพอยู่ในภวังค์ ไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 19:09:55 )

จิตไม่มีเพื่อนสอง

รายละเอียด

เป็นจิตวิเวกจิตสงบอาตมาทำได้ แล้วพวกเราก็พากันทำได้ ไม่ใช่ทำได้แต่คนเดียวด้วย

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 21:51:34 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:19 )

จิตไม่มีเพื่อนสอง 

รายละเอียด

จิตไม่มีเพื่อนสอง  คือ  จิตไม่มีกิเลส  กิเลสหมด  จิตเป็นหนึ่งอย่างเดียวแล้วมีประสิทธิภาพสูงสุดจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับใครต่อใครต่างๆ หู  จมูก  ลิ้น  กาย  จิตของคุณก็เป็น  เอกัคคตตา  กามไม่เข้า  อัตตาก็ไม่ไป  เป็นจิตใจที่แข็งแรง  ปริสุทธา  ปริโยทาตา  มุทุ  กัมมัญญา  ปภัสสรา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29กันยายน2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:49:07 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:25 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:47:44 )

จิตไม่สุขไม่ทุกข์แบบเดียรถีย์

รายละเอียด

จิตไม่สุขไม่ทุกข์ มันมีได้ 2 อย่างคือ 1. แบบเดียรถีย์ 2. แบบพุทธ ซึ่งไม่สุขไม่ทุกข์แบบเดียรถีย์เขาก็ทำให้สุขไม่ทุกข์ได้คือแบบกดข่ม วิกขัมภนะหรือสมถะกดไว้ได้แต่ไม่ถาวร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 15:00:25 )

จิตไม่เห็นแก่ตัวเองจิตที่เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างสู้คนอื่นจึงจะเจริญ

รายละเอียด

เราไม่จำเป็นจะต้องไปรับประโยชน์จากคนอื่นแล้วจึงไปต่อประโยชน์เขา ไม่อย่างนั้นคนก็ไม่ต้องก้าวหน้า ถ้าเราไม่ได้ประโยชน์จากใครเราก็จะไม่ทำประโยชน์ตอบแทนใครก็จะเป็นคนอยู่แก่ตัวเองเห็นแก่ตัวเองก็แคบ มันต้องคิดกว้างเกื้อออกไปสู่คนอื่น ควรจะฝึกใครควรจะไปช่วยใคร เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ตื่นขึ้นมาก็นึกว่าวันนี้จะไปโปรดใคร ใครควรกว่า เราต้องมีจิตเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างออกไปอย่างแท้จริงอย่างนั้นจึงจะเจริญ

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 16:53:54 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:27 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:48:03 )

จิตไม่ได้อยากแต่ทำเพราะเห็นควร

รายละเอียด

จบเลยสุดยอด อย่างอาตมาบอกบ่อยๆ ว่า อาตมาไม่ได้มีใจอยากอวดโอ่อะไร เอาปัจจุบันก็ได้เมื่อกี้นี้ อาตมาอยากจะพัก อยากจะนอนต่อ คนก็เห็นก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอกให้นอนเถอะไม่ต้องไปแสดงธรรม ให้รีรันก็ได้ แต่อาตมาก็ว่า มันก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น ไม่มีกำลังไปก็ฝืน เดี๋ยวก็จะตายกลางเวที มันก็ไม่ใช่ไม่ถึงอย่างนั้น มันทำได้อยู่ ทำได้

ก็มา มาแสดงธรรม ก็ทำไปเรื่อยๆ โดยที่จิตไม่ได้อยาก สรุปจบ จิตไม่ได้อยาก แต่ทำเพราะเห็นควร มีเวลา มีโอกาส มีสิ่งที่พร้อม คนอื่นเขาพร้อม คนอื่นก็รอรับ มีคนรอรับอยู่บ้าง แม้จะไม่มีแฟนเท่ากับ พส. เป็นล้านวิว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:30:14 )

จินตามยปัญญา

รายละเอียด

คือ เรียนแต่ปริยัติ เรียนแต่คิด

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 73


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 13:58:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:15:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:48:25 )

จินตามยปัญญา

รายละเอียด

1. มีปัญญาคิดใคร่ครวญตาม 

2. คิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองตาม

3. คิดทบทวนให้เข้าใจ

4. การเข้าถึงความรู้ได้แค่คิดเอาได้เท่านั้น ไม่ถึงความจริง [จินตามย = ซึ่งสำเร็จด้วยความคิด]

5. ความรู้ที่รู้แจ้งจากการขบคิด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 33 , 55 , 98 , 

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 122

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 113


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:05 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:28:28 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:48:47 )

จีน สายทางปัญญา

รายละเอียด

พวกเราชาวไทยจะเป็นผู้ที่ไขความอันนี้ ว่าคุณธรรมที่บริบูรณ์ด้วยสภาพ 2 คำว่าสอง หรือเทวะ หรือสิ่งที่เป็นมนุษยชาติ จิตนิยามต้องมี 2 สภาพ มีภายนอกกับภายใน มีกายกับจิต มีสิ่งที่จะต้องสัมพันธ์กันแยกกันไม่ได้ ช่วยเหลือกัน ไปมีอันเดียวจะมีแต่จิตอย่างเดียว อย่างอินเดียเน้นจิตอย่างเดียวมันก็จะเป็นแบบนั้น ช้าๆ ก็เงียบ ก็สงบ ก็เบา ก็ไม่ไปวุ่นวายอะไรกับใคร ไม่ไประรานใคร แม้จะมีพลเมืองมาก 

ทีนี้จีน สายทางปัญญา สายทางไม่ใช่เจโตทีเดียว เสร็จแล้วก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมา มันซับซ้อนจนกระทั่งก็ได้พิสูจน์อีกชั้นหนึ่ง ได้พิสูจน์แล้ว มีปัญญาเข้าใจถึงความสงบ แต่กระนั้นก็ดีก็ยัง อาตมาก็ยังเห็นว่า ขณะนี้อาตมาให้คะแนน สีจิ้นผิง ว่าสีจิ้นผิงเข้าใจก็ดูแลไป ประชาชนจีนเขาก็เข้าใจเขาก็ยังยอมรับว่าอันนี้ดี เพราะฉะนั้นจีนจึงอยู่ในลักษณะที่สงบ แต่ก็ยังแสดงท่าทีออกให้รู้ว่า อย่านะ ข้าก็สร้างอาวุธเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่ทำเป็นไปขู่เขาเหมือนกับเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือก็น่าเห็นใจเขา เขาต้องแสดงออกอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นมันเหมือนกับหมาน้อย ต้องยิงฟันร้องเวลาถูกหมาใหญ่เขารังแก มีแค่แหลมๆ กัดเจ็บเหมือนกันนะ ขู่ไว้ คล้ายๆอย่างนั้น เขาก็ต้องทำ แต่จีนเขาไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก พลเมืองเขามาก เขาก็ไม่ไปประกาศจะทดลองอาวุธให้ดูว่าฉันสร้างได้นะเหมือนกับเกาหลีเหนือ 

นี่ความซับซ้อนพวกนี้อาตมาเล็งเห็นและยิ่งชัดเจนยิ่งเข้าใจถึงมนุษยชาติ ที่จะต้องรักษาเนื้อรักษาตัว ที่จะต้องป้องกันตัวเอง ที่จะต้องแสดงออก ที่จะต้องสร้างคุณงามความดี แต่ที่เข้าใจผิดไม่เป็นคุณงามความดี แต่เขาไม่เจตนานะไม่ว่าที่ไหน อเมริกาเขาก็ไม่เจตนาจะไม่สร้างคุณงามความดี เกาหลีเหนือเขาก็ไม่เจตนาจะไม่สร้างคุณงามความดี เขาคิดว่าเขาสร้างความดีทั้งนั้น แต่จริงๆแล้วมันจะเทียบกันได้ มันจะตัดสินตามสัจธรรม ดูไปเรื่อยๆ เราจะเห็นความจริงเข้าไปเรื่อยๆ ตัดสินตอนไม่จบไม่ได้ นี่เป็นละครของโลก เป็นบุพเพสันนิวาสของโลก เป็นเรื่องใหญ่ดูแล้วโครงสร้างไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ก็ค่อยๆ ดูไป 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:13:19 )

จีนกับรัสเซียยกให้ผู้นำทำต่อไป

รายละเอียด

มันมีเรื่องที่อาตมาดูกว้างไปถึงโลก ตอนนี้มีกระแสอยู่ 1. จีน ประเทศจีน ก็คนจีน จะยกให้ สีจิ้นผิง บริหารไปเลยตลอดกาล ยกฐานะเท่ากับประธานเหมา ไปทางรัสเซีย เลือกตั้งรอบนี้ ก็ได้ 77​% ให้อยู่ต่ออีก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:41:14 )

จีนปลดแอกความเห็นของประชาธิปไตยอย่างไร

รายละเอียด

แม้แต่ประชาธิปไตยที่รองลงมาก็ยังไม่ได้เด่นอะไร ตอนนี้ที่พอขานชื่อก็มีจีนกับรัสเซีย อังกฤษก็ยังไม่ใช่ แต่อาตมาว่าจีนเด่นกว่ารัสเซีย อาตมาพูดด้วยความจริงใจนะ ไม่ได้มีความลำเอียง เอามิเตอร์ของอาตมาสีจิ้นผิงมีมวลประชากรประเทศสูงสุดในโลก ประชากรมีมากที่สุดในโลก ถึงขนาดปลดแอก ให้สีจิ้นผิงเป็นรัฏฐาธิปัตย์เบอร์ 1 ของประเทศจนตายเลย เขาตั้งให้ถึงขนาดนั้นนั่นเป็นความเห็นของประชาธิปไตยนะ คนจีนให้ อาตมาไม่ได้ขัดแย้งและเห็นด้วย เพราะไม่ได้หลับหูหลับตาดูสังคมโลกอยู่ เท่าที่จะพอดูได้ พอที่จะประมวลได้ แล้วก็เอามาพูดให้ฟังเผื่อแผ่กันขยายความขี้เท่อ ความรู้เท่านี้ ใครจะเห็นดีเห็นงามเท่าไหร่ก็ว่ากัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:08:13 )

จีนมีอัญญธาตุ

รายละเอียด

รางวัลที่ในหลวงได้ “พอเพียง” ทางตะวันตกเขาก็เป็นเทวนิยม ทฤษฎีโลกุตระเขายังไม่ได้ แต่เขาก็เริ่มรู้แล้วมันมี อัญญธาตุ กระจายออกไปเรื่อยๆ อย่างจีนมี อัญญธาตุ แพร่เข้าไป เป็นมวลใหญ่ 

แล้วก็ทำกันเป็นหมู่ แม้จะเป็นสภาพ สัมโภคกาย เป็นหมู่รวมทำเป็นอุปาทานหมู่ คือ มันยังไม่เกิดปัญญาแท้ แต่มันเริ่มมี อัญญธาตุ ที่เป็นโลกุตระ เข้าไปเป็นตัวปฏิกิริยาอยู่ในประธานคือจิตวิญญาณที่เป็นประธานสิ่งทั้งปวง มันก็เลยรู้ว่า มาลักษณะนี้แหละ เป็นลักษณะที่เขารู้ลึกๆแล้วว่า 

1. มารวมตัวกัน ผนึกรวมตัวกัน เสมอสมานกัน คำนี้ก็ยาก สมานัตตตา ปรองดองหรือเสมอสมานกัน มันก็ไม่ง่าย 

เพราะฉะนั้น สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา ความพร้อมเพียงด้วยชนที่เป็นหมู่ ย่อมยังผลสำเร็จ นี่เป็นความรู้เกิดปฏิภาณปัญญารู้ จีนรู้ดีแล้ว 

จีนเป็นมวลชนหรือประชากรของประเทศที่เป็นปัญญา เพราะฉะนั้นจะรู้ว่าอะไรเจริญ อะไรที่จะต้องเร่งรัดพัฒนามันจะรู้ได้ง่าย แล้วก็จะเจริญก้าวหน้าไปอีก ปรุงแต่งกันขึ้นไป เป็นสายปรุงแต่งเป็นสาย อุปจยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:22:20 )

จีนเข้าใจโลกุตระเพิ่มขึ้น

รายละเอียด

ส่วนจีนนั้นเป็นธัมมานุสารี พยายามตามศึกษา ออกมาเป็นทิฏฐิปัตตะ มาเป็นผู้ที่มีความรู้ความเห็นบรรลุโลกุตระ เขาก็ค่อยๆ พัฒนามา มีวิวัฒนาการจริง เป็นสภาพจริงเป็นฟีโนมีนอล เพราะมีประเทศเดียวคือจีน เป็นปรากฏการณ์จริง ที่อาตมาเห็น อาตมารู้ อาตมาเข้าใจ เรื่องสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์เหล่านี้ แม้แต่เศรษฐศาสตร์ของจีน อาตมาก็เข้าใจ 

เศรษฐศาสตร์ของจีนนี่เขาก็เข้าใจเป็นโลกุตระเพิ่มขึ้น จีนเห็นแล้วว่า ทำราคาต่ำลงไปเรื่อยๆ รอด พวกที่ยังมิจฉาทิฏฐิจะเห็นว่า ต้องทำราคาให้สูง สินค้าของฉันยิ่งดียิ่งตีราคาแพงเข้า เอาเปรียบเอารัดเข้า แต่จีนนี้ ถ้าไปแพง มันได้น้อยมันแคบ กระจายไม่ได้กว้างมันไม่ถึงมือคนจนไม่ได้แต่ถึงมือคนรวย เพราะฉะนั้นเขาค่อยๆเข้าใจ 

แล้วมันซับซ้อนตรงที่ว่าตอนแรกๆ เขาก็ต้องใช้วัสดุถูก ราคาถูก วัตถุที่ไม่ดี ในตอนแรก แต่คนที่รับเขาก็รู้แล้วว่า ของไม่ดีมาราคาถูก มันก็แข่งกัน แข่งกันสร้าง ของดีราคาถูก ของดีราคาถูก ของถูกราคาไม่ดี ของราคาไม่ดีก็ไม่ดี ก็เลยไม่ค่อยมีคนซื้อ ของไม่ดีราคาถูก มันก็ไม่ขึ้น ของดีราคาถูกมันก็จะขึ้น 

ความฉลาดเขาก็ค่อยๆ รู้ขึ้นมา เขาก็ยอม แล้วจิตมันเจริญขึ้นจริงๆด้วย มันมี อัญญธาตุ เริ่มแพร่กระจายเข้าไปสู่ผิว ยังไม่ลึกไปหารากนะ ผิวบนของประชาชนคนจีนแล้ว 

ยังจะได้พูดกันต่อไปอีก อาตมายังไม่ยอมตายจะลากไปอีก ก็ไม่รู้มันจะขาดสะบั้นเมื่อไหร่โดยที่เราไม่อยากตาย แต่มันขาดจะตายไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นก็แล้วแต่ เอาที่มันจะได้สูงสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3 วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 14:03:10 )

จีนเป็นพุทธิจริต

รายละเอียด

แต่อินเดียเป็นสายที่เสื่อมเป็นสาย ชรตา เพราะฉะนั้น สันตติ แบ่งกัน ระหว่างจีนกับอินเดีย สันตติคือตัวกลาง สันตะ สันติ คือตัวกลาง แล้วก็แบ่ง เกิดปฏิภาณปัญญา

ปฏิภาณปัญญาของอินเดียเป็นในเชิงสมถะ ปฏิภาณปัญญาของจีนไปในทางพุทธิปัญญา อันโน้นเป็นศรัทธาจริต อันนี้เป็นพุทธิจริต จีนเป็นพุทธิจริตคือ จริตมาทางปัญญา ท่านไม่เรียกว่าปัญญาทีเดียว เรียกว่า ธัมมานุสารี แล้วค่อยมาเรียกว่าเป็นปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565  ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:24:03 )

จีนไม่ได้สร้างนามธรรมเหมือนทางประเทศไทย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เรื่องรวยเรื่องจนนี่แหละ คนทุกวันนี้ ไม่ต้องไปเอาตามต่างประเทศ เทวนิยมที่นิยมความรวย นิยมทุนกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ มันก็นิยมความรวย หรือจะเอา จีน จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คอมมิวนิสต์เต็มที่ เป็นคอมมิวนิสต์แปลง เป็นคอมมิวนิสต์แท้ เอาปัญญาเป็นความรู้ในระดับสูง 

พยายามดึงความเป็นอารยะโลกุตระเข้าไปนะสำหรับจีน เขาทำได้พอสมควรและพลเมืองเขาเยอะด้วย แต่เขาก็ยังอยู่กับการสร้างสรรค์ขยันเพียร อาศัยการสร้างสรรค์ขยันเพียรสร้างวัตถุไม่ได้สร้างนามธรรมเหมือนทางประเทศไทย อันนี้ต้องชัด ไม่ได้สร้างนามธรรมเหมือนกับประเทศไทย เขาสร้างวัตถุได้ดี เขาอาศัยวัตถุในสังคมโลก 

ในสังคมโลกขณะนี้ประเทศจีนจึงอยู่ในฐานะของวัตถุที่เหลือเฟือ ร่ำรวย มากพอ ชนะโลกอยู่ขณะนี้ เขาอยู่ได้ แล้วเขาจะต้องอาศัยเรา และประเทศไทยก็ต้องอาศัยวัตถุจากจีน เพราะเราเป็นรองในเรื่องการสร้างวัตถุ ประเทศไทยเป็นรองจีนแน่นอน เป็นรองทางด้านวัตถุ ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:05:01 )

จีวรปัจจัย

รายละเอียด

เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 226


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:53 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 16:29:00 )

จีวรสีต้องห้าม

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็ให้รู้ว่าสีก็อย่าให้เป็นโลกธรรมมากเกินไป ท่านถึงบอกว่ามาเป็นนักบวชแล้ว เฉดสีที่จะเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้ทำจีวรมี 7 สี คราม แสด เหลือง แดง บานเย็น ดำ ชมพู แต่ทุกวันนี้สีเหลืองกันเต็มสีแดงก็มี คือมันบกพร่องผิดเพี้ยน ประจักษ์คำสอนพระพุทธเจ้าแล้วอยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 5 สีจีวรต้องห้าม แต่เดี๋ยวนี้คนเขาไม่เชื่อจะทำอย่างไม่สนใจก็มี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:07:27 )

จึงคือเศษสวะอย่างไร

รายละเอียด

จึงคือ “เศษสวะ” ลอยไปตามน้ำ หรือคือ หมาเน่าลอยไปตามน้ำไหล แต่ไม่รู้จักความเน่าที่หมักหมม มันก็เน่ายิ่งขึ้นๆ ไปกับน้ำไหล เผยแพร่กระจายกลิ่นเน่าให้เลื่อนไหลแพร่ไปไกลแสนไกล ไม่มีที่สิ้นที่จบ “ความเน่า” มีแต่ความหลอกกันให้หลงติดยึดความเน่ายิ่งๆ ขึ้นไปด้วยความโง่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:27:19 )

จึงนั่งคู้-บัลลังก์ คลั่งดับจิต

รายละเอียด

“จึงนั่งคู้- บัลลังก์ คลั่งดับจิต จึงเสพติด ภวังค์ ช่างวิตถาร

จึงคลั่งบ้า อาถรรพ์ อันธการ จนเป็นมาร ศาสนา ค้าเครื่องราง”

"จึงนั่งคู้ - บัลลังก์ คลั่งดับจิต” นี้เป็นภาษากวีนะ ก็ไปนั่งบัลลังก์ คุ้ดคู้บัลลังก์ ใช้คำว่าคลั่งใส่เข้าไปเลย เพื่อต้องการคำมาชี้ลักษณะว่ามันไม่ดี ถึงขั้นคลั่ง คลั่งอะไร “คลั่งดับจิต” เข้าใจว่าการดับจิตนี้ คือดับจิตไม่ให้รับรู้ แต่ไม่ได้ดับกิเลส ดับจิตให้จิตหมดหน้าที่ ให้จิตไม่ทำงาน จิตมันก็หยุด มันก็ดับนะ ดับจิต  ดับสัญญา ดับเวทนา ดับเจตสิกของมันต่างๆ ให้ไม่คิดไม่นึกไม่ทำอะไร ไปบื้อเฉยๆ นี่แหละมันไร้สาระ ไร้ประโยชน์จริงๆ ออกนอกศาสนาพุทธ แล้วก็ไม่ใช่ง่ายเหมือนกันนะ ไปนั่งทำให้มันดับได้นานๆ โอ้โห มีสำนักที่ร่ำรวยเพราะสอนสมาธิสมถะ สำนักมีเยอะเลย คนตะวันตกคนทางที่ยังไม่เข้าใจศาสนาดีนัก มันวุ่นวายฟุ้งซ่านแบบโลกีย์ แบบทุนนิยม พอมาให้พักดับจิตนี่ โอ้โห..สบาย ติดใจชอบใจ โอ้โห ร่ำรวยกันใหญ่ มีเท่าไหร่ทำทานบริจาคช่วย อู้ฟู่ๆๆ เลย สำนักแต่ละสำนัก ได้รับทั้งชื่อเสียง ได้รับทั้งเงินทอง ได้รับทั้งญาติโยมได้บริวารเยอะ มีมากมายสำนัก เดี๋ยวนี้ก็ยังเยอะอยู่ นี่เราไม่ได้มีเลย ชาวอโศกเราไม่ได้ทำสำนักแบบนี้เลย 

“จึงนั่งคู้- บัลลังก์ คลั่งดับจิต จึงเสพติด ภวังค์ ช่างวิตถาร”

เอาภาษาแต่ละคำมาต่อได้เนื้อความเต็ม ถ้าอธิบายขยายความนี่ โอ้โห! เวลาวันนี้ พูดไม่หมดหรอก นี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของบทกวีนี้

“จึงเสพติด ภวังค์ ช่างวิตถาร” เสพติดภวังค์ก็คืออยู่ในภพภวังค์ ภวังคะของจิต ไม่ได้ออกมาข้างนอก ไม่มีกาย ก็ไปเสพไปติดฌานหลับตา ฌานในภวังค์ “ช่างวิตถาร” เป็นเรื่องวิตถาร 

คำว่า “ช่าง” คำนี้หมายความว่า คุณมากมายไปในเรื่องนั้น ช่างเป็นอย่างนี้ประจำเลย ทำไมช่างทำอย่างนี้จังเลย หมายความว่าสิ่งนั้นมากมาย อะไรมากมาย วิตถาร ช่างวิตถาร ก็เลยกลายเป็นวิตถารหนักหนาสาหัสไปเรื่อยๆ 

“จึงคลั่งบ้า อาถรรพ์ อันธการ จนเป็นมาร ศาสนา ค้าเครื่องราง”

ขยายเพิ่ม จึงเป็นบ้าคลั่งไปใหญ่ คลั่งคือมันไม่ดีแล้ว มันปั่นป่วน มันเป็นอาถรรพ์ มันไม่ใช่เรื่องเจริญ ไม่เข้าท่า มากมาย มืดมน อนธการ อันธการ มากมายด้วยความมืดมน “จนเป็นมาร ศาสนา ค้าเครื่องราง” นี่เลยกลายเป็นพวกนี้เลย  ขลัง ค้าเครื่องราง 

อาตมาก็คิดตอนนี้มีในสังคม คุณเปลว สีเงิน กำลังโปรโมทเรื่องสร้างหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ อาตมาก็นึกไม่ออกว่าจะมีคนสร้างหลวงพ่อทวดองค์เล็กไหม ไม่ได้ดู อาตมาไม่รู้ นึกไม่ออกว่าเขาจะมีสร้างองค์เล็กไหม ถ้าพวกที่มีไหวพริบในการจะแสวงประโยชน์คงมี คงแอบสร้าง แล้วก็เอามาจำหน่ายกันในงานนี้ รวยเละเลย 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:21:14 )

จุดจบที่สำคัญที่สุด

รายละเอียด

ทีนี้ตัวเหตุตัวจุดที่จะทำกรรมฐานนี่คือเวทนา เรียนมันตรงนี้ แล้วจะรู้จักจุดจบ จุดจบที่สำคัญที่สุดคือ มนุษย์รู้ทุกข์รู้สุข แล้วก็รู้ว่า ทุกข์สุขนี่แหละเป็นผีหลอก เป็นมายาที่ร้ายแรง เมื่อจัดการให้จิตตัวเองหมดสุขหมดทุกข์ได้ จบเลย ทุกอย่างจบ 

จบคำนี้พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า จบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ 

เสร็จแล้วหมดเลย จบกิจหมดเลย เพราะฉะนั้นจบกิจ อาตมาได้พยายามแยกวิจัยมาให้เห็นให้ฟังหลายทีแล้ว 

จบกิจที่ 1 จบกิจตามสมมุติสัจจะ เขาสมมุติกันว่าอะไรดีในสังคมกลุ่มไหนก็ตาม เราก็ทำดีตามสมมุติของกลุ่มนั้นๆ ได้ อย่างเที่ยงแท้ นิยตะ ไม่ทำสิ่งที่มันไม่ดีหรือชั่วตามสมมุตินั้นได้ นี่เป็นกิจที่ 1 ที่ทำได้ตามสมมุติสัจจะ เป็นโลกีย์ จบกิจที่ 1 ทำดีไม่ทำชั่ว อย่างนิยต ไม่ใช่นิจจังด้วย นิยตะคือเที่ยงแบบโลกุตระ ถ้านิจจังเป็นความเที่ยงแบบโลกียะ อธิบายขยายความมามากแล้ว 

เพราะฉะนั้นจบกิจข้อนี้เป็นเรื่องของโลกีย์ธรรมดาได้ 

จบกิจ 2 จบกิจโลกุตระ คือ ขั้นสุขทุกข์ จบกิจขั้นสุขทุกข์นี้ก็คือต้องรู้เวทนานี่แหละ นี่เป็นฐานปฏิบัติ ทำจิตให้รู้จักมายาตัวนี้ จนจิตไม่สุขไม่ทุกข์ คนเดายากมากเลยว่ามันไม่สุขไม่ทุกข์อย่างไร ต้องรู้ทุกข์อย่างที่ตากระทบรูป หู
กระทบเสียง ตื่นๆ นี้อ่านเวทนาในเวทนาของตนได้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส อุเทส คือคำอธิบายที่อาตมาอธิบายชี้แจงอยู่นี้ ก็อธิบายอาการ ลิงค นิมิต ก็คืออธิบายความแตกต่างระหว่างอาการหรือนิมิตของจิตเจตสิกต่างๆ อาการจิต อาการเจตสิกของคุณ

โดยเฉพาะอาการของเวทนาเจตสิก อาการมันเป็นอาการของความรู้สึก อาการของอารมณ์ คุณก็อ่านอาการนี้ออก 

เมื่อมันกระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบใน โอฬาริกอัตตา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทั้งหมดเลย โอฬาริกอัตตา

คนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองยังจมอยู่ในลาภ ตัวเองยังจมอยู่ในยศ ตัวเองจมอยู่ในสรรเสริญ แล้วก็กรึ่มอยู่กับสุขที่ตัวเองจมอยู่นั่นแหละ โดยอวิชชา นี่เป็นโลกธรรม 100% มันเสื่อมก็ทุกข์ มันเจริญก็สุข อยู่อย่างนั้นแหละ นั่นเป็นโลกธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 49 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:01:57 )

จุดจริงและจุดจบของพุทธสุดยอดอย่างไร 

รายละเอียด

ถ้าใครชัดเจน รู้ทะลุคำว่า เทวะ ได้ครบสมบูรณ์แบบเลย จนสามารถทำความเป็นเทวะสิ้นไปจากตัวเองได้เลย ภาวะ 2 ไม่มีภาวะ 2 เลยเข้าใจ 2 ได้ดีหมด สามารถที่จะสรุปสองจาก 2 เป็น 1 ได้ ที่สุดเป็น 0 ได้เลย ทุก 2 เอามาเปรียบเทียบกัน ง่ายๆก็คือ มีภาวะ 2 เอามาเทียบกันแล้ว อะไรควรกว่า ดีกว่า เหนือกว่าเอาอันนั้น ง่ายๆจะเป็นอย่างนี้ อีกอันหนึ่งก็คือไม่ดีเท่า เก๊ ไม่สมบูรณ์ไม่บริบูรณ์ เอา 1 สำหรับความมีสำหรับการเป็นอยู่ แม้ที่สุดรู้ว่า 1 นี้ก็ไม่ใช่อัตตาตัวตน 1 ก็สลายเป็น 0 เป็นดินน้ำไฟลมไปได้ นี่คือจบสุดของศาสนาพุทธเป็นถึงขนาดนั้นได้ถึงขนาดนั้น 

คนในโลกถ้ายังไม่มีความจริงความจบก็ยังไม่สูงพอ ไม่มีความรู้ความฉลาดอะไรจะเกิน เมื่อคุณถึงจุดจริงและจุดจบ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 11:21:09 )

จุดชวาล

รายละเอียด

คือ จุดเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว เป็นก๊าซจากความร้อนไป (Critical point) เป็นเปลวจากความเย็น  เป็นความเดือด  เป็นจุดเปลี่ยนแปลง

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:56:43 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:24 )

จุดที่ทำให้เที่ยงแท้ 

รายละเอียด

จุดที่ทำให้เที่ยงแท้  คือ 

1.     ความบรรลุโลกุตรธรรม

2.    แม้จะเป็นโลกุตรธรรมแล้วก็ไม่ประมาทต้องทำซ้ำ อาเสวนาทำให้เกิดโลกุตระอย่างเคยได้  ทำอีกๆๆ พหุลีกัมมัง  ทำให้มาก  เป็นการรักษาผล  อนุรักขนาปธานนี่คือความไม่ประมาทของพระพุทธเจ้า  มีแต่อัปปนา  ทำให้เหนียวแน่น  แข็งแรง  มั่นคง  แล้วต้องการรักษาผล  สมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:46:13 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:05 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:49:33 )

จุดที่พอเหมาะที่สุดคือจุดของความไม่เที่ยง

รายละเอียด

อันนี้ต้องมีปฏิภาณ จุดที่มันจะพอเหมาะที่สุดคือจุดของความไม่เที่ยง จริง ทุกอย่างมันไม่เคยอยู่กับที่ เวลาไม่เคยอยู่กับที่เก่าฉันใด

ถ้าใครยึดมั่นถือมั่นก็จะทะเลาะกัน ถ้าใครรู้ว่ามันไม่เที่ยงหรอก จบ มันเลื่อนไปตรงนี้มันก็ไม่ใช่แล้ว เข้าใจถึงกรรมกับ กาละ มันก็เคลื่อนไป ถ้าคุณไปยึดมั่นทำกรรมอยู่กับกาละเก่า ปัดโธ่! กาละมันเลื่อนไปทุก...ยิ่งกว่าลมหายใจเข้าหายใจออก ยิ่งกว่าไม่มีบัญญัติภาษาจะไล่ ความถี่ของกาละ สูงสุดเท่าไหร่ คุณก็ไปถอยหาช่องว่างไปเรื่อยๆ ตีกินนี่ แบบนี้มันก็นิรันดรสิ

 

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ (พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สื่อธรรมะพ่อครู (อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:30:55 )

จุดที่สำคัญที่สุดแห่งสัจธรรมพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ขอขยายความตรงนี้ 

สุข-ทุกข์ นี้เป็นจุดที่สำคัญที่สุดแห่งสัจธรรมพระพุทธเจ้า ผู้ที่ปฏิบัติจิต โดยเฉพาะอ่านเวทนาเป็น แล้วก็ทำเวทนาหรือความรู้สึกให้หมดสุขหมดทุกข์ 

เวทนามี 3 ใน “เวทนา 108” นั่นแหละ แต่ “เวทนาหลัก 1. สุข 2. ทุกข์ 3. ไม่สุขไม่ทุกข์ “

ไม่สุขไม่ทุกข์แบ่งเป็น 2 อันหนึ่งเป็นของโลกีย์ เขาก็ทำได้ แต่มันยังมิจฉาทิฏฐิ ต้องสัมมาทิฏฐิ ไม่สุขไม่ทุกข์
เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถเข้าใจได้อย่างที่อาตมาอธิบายไปว่าสุข-ทุกข์เป็นจอมมายา มันไปรวบ 2 มาเป็น 1 มันหลอกนะ มันหลอกแล้วหลอกหน้าเดียว คือหลอกให้หน้าสุข โดยหน้าหลังที่เป็นทุกข์นี้มันไม่บอก หรือไม่รู้-เขาไม่รู้ เขาก็เลยมี 2 สุข-ทุกข์ สลับสับวนอยู่ในชีวิต อยู่ในวัฏฏสงสาร ไม่หมดไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะดับต้องดับทั้ง 2 ทั้งสุขทั้งทุกข์ดับไปหมด เหลือ 0 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ดับเวทนาสุข-ทุกข์ได้หมดแล้วเป็น 0 แล้ว ตัวเหตุแห่งความสุขทุกข์เพราะกิเลส เพราะกิเลสหมดแล้วเป็น 0 จริงๆ คุณก็กลับมาอาศัยชีวะเป็น 1 ฟังให้ดีนะ มากลับอาศัยชีวะ มากลับอาศัยจิตนิยาม เฉพาะจิตนิยามที่มีพลังงาน อธิปไตยอันวิเศษ อำนาจอยู่เหนือ “อุตระ-อยู่เหนือ” อาศัยอยู่กับความเป็นชีวะเท่านั้นเอง ไม่ได้สั่งสมให้เจตสิกต่างๆ สั่งสมเป็นนิสัย สั่งสมเป็นวิสัย สั่งสมเป็นอนุสัย..ไม่ อาศัยเท่านั้น เพื่อทำงานหรือเพื่อยังชีพไปเฉยๆ 

เช่น พระอรหันต์ที่จบกิจแล้ว บรรลุธรรมแล้ว ตรัสรู้อรหันต์ อรหัตตผลแล้ว ก็ทำงานไป ไม่ต่อภพภูมิเป็นโพธิสัตว์ ก็ตายด้วยปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายไปด้วยนิพพาน 3 ก็สูญเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม แยกธาตุไปเลย นั่นคือสำหรับพระอรหันต์ที่ไม่ต่อภพภูมิจริงๆ เลย 

ส่วนพระอรหันต์ที่ต่อภพภูมิเป็นพระโพธิสัตว์ต่อไปอีก ทำความรู้เพิ่มขึ้นไปอีก (โลกวิทู) อย่างที่ได้อธิบายโพธิสัตว์กี่ชั้น อรหันต์กี่ชั้น อาตมาก็อธิบายไปแล้ว ก็พอแค่นี้ก่อน ไม่ขอขยายความต่อตรงนี้ 

นี่คือสัจธรรมสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:04:15 )

จุดที่เข้าเป้าว่าเป็นโลกุตรธรรมที่สุดคืออะไร

รายละเอียด

ซึ่งจุดที่เข้าเป้าที่สุดก็คือ บอกว่าโลกุตรธรรมนั้นคือ มีญาณปัญญา มีสติสัมปชัญญะ มีสติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ หรือขยายเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 มีกาย เวทนา จิต ธรรม รู้ข้างนอกข้างใน รู้เข้าไปถึงข้างใน ในเข้าไปหากายใน ในเข้าไปหาจิต จิตก็ในเข้าไปหาธรรมะเป็นโลกุตรธรรม โลกุตรธรรมก็คือมารู้จักเจโตปริยญาณ 16 รู้จักราคะ โทสะ โมหะ แยกราคะ โทสะ กับไอ้ที่มันไม่เป็น เป็นจิตสะอาดจากราคะ โทสะ โมหะ คือ วีตราคะ วีตโทสะ วีตโมหะ แยกให้ออกระหว่างลักษณะที่มีกิเลสกับไม่มีกิเลส มันลิงคต่างกันนะ ต่างกันอย่าง หยาบ กลาง ละเอียด ก็ต้องเรียนรู้ความจริง ต้องเอาให้หมด ละเอียดก็ไม่เอา เอาจนกว่าจะหมดเป็น 0 หรือละเอียดเป็นอรูปอยู่ ก็ไม่เอา เอาให้หมด ให้ไม่มีเลย นี่พยัญชนะภาษาง่ายๆ 

จนทำได้เป็นขั้นๆ สังขิตฺตํจิตตํ วิกขิตฺตํจิตตํ เป็นคู่ๆ ไป จนเป็นมหัคต อมหัคตะ จนเจริญเป็นอนุตระ สอุตระ จนเป็นสมาหิตะ อสมาหิตะ เป็นวิมุติ อวิมุติเพราะฉะนั้น โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าคือ รู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน อธิบายเจตสิกต่างๆ ได้ โดยเฉพาะเจตสิกที่เป็นเวทนา เวทนา 108 แล้วก็แบ่งออกเป็น โลกียะคือ เคหสิตเวทนา ทำให้กิเลสออกได้เรียกว่า เนกขัมมสิตเวทนาอีก 18 จนสำเร็จถึงอุเบกขาทุกทวาร 

สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ 3 อย่างกับอีก 6 ทวารเป็น 18 ตาก็ 3 สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ หูจมูกลิ้นกายก็ 3 สุขทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะฉะนั้นกิเลสเกิดใน 6 ทวาร แล้วก็ไปยึดเป็นสุข ไม่เอาทุกข์ไม่ชอบทุกข์ แต่ไม่มีวิธีทำให้ทุกข์หมด ไปเข้าใจว่าทุกข์ เอาความทุกข์ออกแล้วจะเอาความสุขมันผิดมันเป็นมายา นี่คือประเด็นที่เข้าใจผิด ไม่เข้าใจว่าสุขทุกข์นี้แยกไม่ออกมันเป็นมารตัวเดียวกัน มารตัวหลอกว่าสุข แท้จริงแล้วตัวเองเป็นตัวทุกข์ หลอกว่าเป็นสวรรค์แต่แท้จริงตัวเองเป็นนรก ไปหลอกว่า ตัวเองเป็นพระเจ้า แต่ตัวเองเป็นซาตาน มันแยกไม่ออกว่าเป็น 2 คือเทวะ 2 ฉะนั้นแยกไม่ออกก็เลยตีทิ้งมันทั้ง 2 อันเลย นี่คือศาสนาพุทธ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2565 ( 13:24:45 )

จุดธูปเทียน

รายละเอียด

แต่ทุกวันนี้ศาสนาพุทธไม่รู้แล้วว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแต่กลับถือเป็นองค์ประกอบของศาสนา ถ้าจะเริ่มต้นงานศาสนา ไม่มีการจุดธูปจุดเทียนก่อน ไม่ใช่พิธีกรรมทางศาสนา แล้วต้องมีการจุดธูปเทียนและมีการรดน้ำมนต์ ดูแล้วก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรพูดความจริงแต่ความจริงนั้นวงการศาสนาพุทธ ไปถึงรัฐพิธีก็ยังมีอยู่ (ในมหาศีลได้ว่าไว้…พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ...)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2562 ( 07:59:11 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:49:59 )

จุดบรรลุธรรมของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เมื่อใดมันเป็นกาย เมื่อใดไม่ใช่กาย แต่เป็นชีวะ และยังติดกับร่างของเราและเมื่อใดมันเป็นจิต ความเป็นพีชะแล้วมันไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีบาปไม่มีบุญ จิตตัวนี้สำคัญ ต้องทำจิตของเราให้เป็น พีชธาตุ ทำได้แล้ว เราจะไม่มีสุขไม่มีทุกข์แต่ไม่ใช่แบบที่กดข่ม ไม่ใช่ แต่สัมผัสแล้วต้องเข้าใจว่าจิตอารมณ์บรรลุธรรม จุดบรรลุธรรมของศาสนาพุทธคือ จิตไม่สุขไม่ทุกข์หรือว่าอุเบกขา แต่ก่อนมันมีอาการ แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วไม่มีอันตา คือปลาย ทั้งสุขและทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ในกามแล้วต้องเรียนรู้อัตตา หรือกิลมถะ หากไม่ทำเรื่องกามก่อนแล้วจะไปละอัตตาไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:50:09 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:06 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:50:18 )

จุดพักของพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

แต่ถ้าพระอรหันต์บำเพ็ญโพธิสัตว์ ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตาย จิตนี้ ท่านก็บอกว่าไปอยู่ที่ดุสิต ดุสิตคือแดนสงบ ดุสิตคือที่ที่ไม่ใช่นรกและสวรรค์คือ จุดพักของพระโพธิสัตว์ ใครเคยได้ยินบ้าง พระโพธิสัตว์มาเกิดก็มาจากดุสิตเป็นจุดพักของโพธิสัตว์ ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็พักที่ดุสิต ดุสิตแปลว่าที่พักที่เย็น สิตะ แปลว่าเย็น ก็เป็นการอธิบายสภาพของจิตวิญญาณ ผู้รู้ท่านอธิบายไว้ อาตมาก็รู้จริงด้วย อาตมาก็เข้าใจเรื่องนี้เพราะอาตมาก็ผ่านจิตวิญญาณ อาตมาก็ผ่านเรื่องเหล่านี้มา ก็พอเข้าใจพอรู้ระลึกได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:59:32 )

จุดยืนของเทวนิยม

รายละเอียด

คือ “สุขนิยม” จะเอา “สวรรค์” นิรันดร

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า166


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:01:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:50:39 )

จุดสำคัญการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องแบบคนจน

รายละเอียด

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แบบคนจนนี้ อาตมาภูมิใจที่นำเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาให้เราศึกษาได้สำเร็จ สบายอยู่ในหมู่กลุ่มชุมชนของเรา ช่วยเศรษฐกิจได้มาก ทั้งที่พวกเรานั้นจนไม่ได้ไปตะกละแย่งความรวยกับเขา พวกผู้บริหารประเทศมองไม่ออกหรอกถ้ามองออกก็จะเอาไปเป็นโมเดลอธิบายและให้คนได้ศึกษา เพราะมันมีสังคมจริงพฤติกรรมจริงการเป็นอยู่จริงเลี้ยงชีวิตจริง มาสัมผัสมาศึกษามันดีกว่ามานั่งท่องอ่านกันอยู่ หัวผุหัวพัง มันได้เร็วได้จริงกว่าลึกซึ้งกว่า ที่พูดนี้ไม่ได้เรียกร้อง แต่เขายังไม่เข้าใจในจุดสำคัญตรงนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู (สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน คำสอนจากสยังอภิญญาพาบรรลุจริง


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:04:04 )

จุดสำคัญของการฝึกหัดทำต้องมีผัสสะ

รายละเอียด

อารมณ์หรือความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ ชอบมาก ชอบน้อย สุขหรือทุกข์ ผลักหรือดูดมันเป็นกิเลส ต้องทำให้มันหมดไป ให้มันรู้จักความจริงตามความเป็นจริงเป็นหนึ่ง นี่แหละคือจุดทำอรหันต์ จุดสำคัญของการฝึกหัดทำต้องมีผัสสะ ต้องมีของจริง ต้องทำใจในใจอ่านใจของตัวเองในขณะเกิดเป็นปัจจุบันนั้นจริง มันจึงจะคือความจริง ปฏิบัติธรรมนี้ พูดไปแล้วก็สงสารพวกหลับบตาปฏิบัติ ไม่สัมผัสความจริง แค่นี้มันก็ไปไกลมาก เดียรถีย์ เข้ากับยุคพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาแล้วก็เห็นปฏิบัติหลับตาอยู่ในป่า เดี๋ยวนี้ก็เหมือนกับคนปฏิบัตินอกศาสนาพุทธ ของพระพุทธเจ้าที่เป็นเดียรถีย์ ก็คือพวกนอกพุทธ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:29:50 )

จุดสำคัญของชาวพุทธที่จะต้องรู้ความจริงอันนี้

รายละเอียด

นี่เป็นจุดสำคัญของชาวพุทธที่จะต้องรู้ความจริงอันนี้ แล้วจบได้จบเป็นจบอย่างสัมมาทิฏฐิ จบด้วย วิญญาณฐิติ 7 มี สัญญากำหนดรู้กาย  กาย องค์ประชุมทั้งหมด กายมันคือองค์ประชุมของจิตเจตสิกต่างๆ โดยเฉพาะอ่านเวทนาในเวทนา และสรุปจิตในจิต โดยมีกายมีธรรมะมาช่วย กายเวทนาจิต มีเจโตปริยญาณ 16 ครบกระบวนการ ก็รู้หมดเลยว่ากิเลสเราหมดไปค่อยๆ เป็นไปตามขั้นตอน ราคะ โทสะ โมหะไปทีละคู่ สังขิตฺตํจิตตํ วิกขิตฺตํจิตตํ มหัคคะ อมหัคคะ สอุตระ อนุตระ สมาหิตัง อสมาหิตัง วิมุติ อวิมุติ ครบเลยเจโตปริยญาณ 16 เป็นสัจจะ บริบูรณ์ถ้วนรอบ ไม่เหลือเศษเลย นี่เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2566 ( 19:36:23 )

จุดสำคัญของชีวิตอยู่ที่ปัจจุบัน

รายละเอียด

คนที่รู้จุดสำคัญของชีวิตว่าไม่มีอะไรหรอกอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ อดีตกับอนาคตไม่จริงเท่ากับมาอยู่กับปัจจุบัน แล้วเรียนรู้กับสัจจะ แล้วเราก็รู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูกอะไรควรไม่ควรต่างๆ คุณจะรู้ได้ไปหมดเลย จริงๆแล้วอดีตเราก็พอจำได้ อนาคตเราก็เก็งความจริงได้ อดีตอะไรผ่านมาดีชั่วอย่างไรเราก็เข้าใจ เพราะฉะนั้นมันไม่หายไปไหนหรอก มันเอามาใช้มาเทียบเคียงเสมอ เราไม่ทิ้งมันเป็นสัญญาของเราอยู่แล้ว เราสัมผัสอะไรเราก็จะสามารถที่จะเปรียบเทียบ สามารถที่จะวัดค่า ตามที่เราเคยรู้เคยจำเคยเข้าใจเคยอะไรได้ ก็จะตัดสินใจได้ คนที่รู้จักจุดยืนของชีวิต หมดอดีตหมดอนาคตอยู่ที่ปัจจุบัน คนนั้นสบายที่สุด นี่คุณจักรพลนี้ก็ดี พยายามเข้าใจและได้จุดสำคัญแล้วก็ดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:07:11 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:42 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 08:50:56 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์