@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อมตบุคคลของพระพุทธเจ้าคือเช่นไร

รายละเอียด

แต่ของพระพุทธเจ้า อมตบุคคลคือผู้ที่รู้ความเป็นความตายทำความเป็นความตายได้ จะทำความตายก็ได้และตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายอย่างแยกธาตุจิตออกไปเลยแล้วจบกันเลย เรียกว่า จบสูงสุดแล้ว แยกธาตุไปเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม แยกแล้วแยกเลย เอามารวมตัวกันอีกไม่ได้แล้ว อัตภาพหายไปแล้ว อัตตาหายไป ตายตอนแยกก็ดีแล้วนี่แหละคือความจบแห่งที่สุดของที่สุดของจิตวิญญาณ ถึงพิสูจน์ได้ว่า วิญญาณไม่ใช่ของพระเจ้า ที่มีอยู่ยังไม่รู้จักตาย เป็นธาตุรู้ที่ไม่รู้จักจบ 

แต่ของพระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธทำลายธาตุรู้ที่เป็นนิรันดรนี้ได้ หมดสูญเป็นดินน้ำไฟลม เพราะฉะนั้นตายแล้วไม่ต้องไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าก็เด๋อเลยว่าพวกนี้ขบถ พวกขบถ พวกนี้คือ พวกมีอิสรเสรีภาพสมบูรณ์ ไม่เป็นทาสของพระเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 12:35:32 )

อมตบุคคลความสามารถที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

เหตุปัจจัยที่ยังไม่สิ้นสุดจริงๆซึ่งมันมีวาระที่จะสิ้นสุดเหมือนกัน ไปด้วยเหตุปัจจัยของการหมดเรี่ยวแรงหมดอำนาจหมดฤทธิ์ มันก็สิ้นสุดลงไปของมันเอง แต่ในภาวะที่ยังไม่สิ้นสุดอย่างนั้น เราจะให้สิ้นสุดก็ได้ จะให้ต่อไปก็ได้ อันนี้แหละเป็นความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ค้นพบ แล้วให้ตนเองเป็นผู้สามารถทำให้เกิดให้ตายเองเป็นได้เรียกว่าเป็นอมตบุคคล เป็นข้อที่ 10 ของมูลสูตร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:26:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:57 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:31:12 )

อมตบุคคลที่ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน

รายละเอียด

นี่เป็นความรู้และความจริงที่เรียนรู้และทำได้ อาตมาที่พูดนี่ทำได้จึงพูดได้ อาตมาก็ย้อนแย้งเป็นอมตบุคคล ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพื่อที่จะพูดและอธิบายสิ่งจริงให้ทุกคนมาพิสูจน์ ใครมาพิสูจน์ได้แล้ว คุณจะได้อรหัตตผล คุณจะปฏิบัติปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็ทำไป ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว หาไม่เจอหรอกอยู่ในวัฏสงสารนี้ วิญญาณอันนี้ธาตุรู้อันนี้หมดในวัฏสงสารแล้ว 

เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าคุยกันกับพระอรหันต์วังคีสะว่า วิญญาณของกะโหลกนี้ไปอยู่ไหน ก็เข้าใจแล้วคนที่ปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นอรหันต์ได้แล้ว ก็ตามหาวิญญาณไม่เจอหรอก ทั้งๆ ที่ วังคีสะ สามารถหยั่งรู้ว่าวิญญาณใครต่อใครที่ตายไปแล้วเป็นอย่างไร ด้วยการเคาะกะโหลกศีรษะ แต่มาเจอพระพุทธเจ้า พาให้สลายวิญญาณได้เลย นี่แหละหลักธรรมพระพุทธเจ้า ตัวอย่างเรื่องราวตำนานในศาสนาพุทธ มีครบครันมีจริงที่สุด อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:43:32 )

อมตบุคคลฝ่ายเทวนิยมแปลว่าไม่ตายนิรันดร

รายละเอียด

ก็ต้องให้มันมีต่อและควบคุมการมีและควบคุมการไม่มีได้เป็นที่สุด ผู้ที่สามารถควบคุมการมีและไม่มีได้เป็นที่สุด ยังมีอำนาจมีพลัง วสสัตตี จะให้มีก็ได้ไม่มีก็ได้ 

สรุปลงไปอีก จะให้ตายก็ได้ ให้ยังไม่ตายก็ได้ เรียกว่า อมตบุคคล ความจบที่ใช้พยัญชนะว่า อมตบุคคล ฝ่ายเทวนิยมเขาแปลว่าไม่ตายนิรันดรเลย อมตบุคคลคือ บุคคลที่ไม่ตายนิรันดร แต่ของพุทธนั้นอมตบุคคลคือ ให้ตายก็ได้ ไม่ให้ตายก็ได้ แต่เทวนิยม ไม่เข้าใจรายละเอียดทั้งหมดครบเขาก็จะเป็นหนึ่งเดียว อมตะคือไม่ตาย เอาพยัญชนะ อ แปลว่าไม่ มตะ แปลว่าตาย อมตะแปลว่าไม่ตาย เขาเข้าใจอันเดียวอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 12:29:09 )

อมตบุคคลรู้จักอนุสยะ และมี วสวัตตีสูงสุด

รายละเอียด

ผู้รู้จักอนุสยะ สูงสุดจึงทำให้ อนุสยะ แข็งแรงที่สุดหรือจะสลายไปเร็วที่สุดก็ได้ทำให้เกิดหรือทำให้ดับได้ตามต้องการเรียกว่ามี วสวัตตี มีอำนาจ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้สูงสุดจบนี่คืออมตบุคคล จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานยังจะทำประโยชน์อยู่ อย่างอาตมาอยู่ทำประโยชน์ แต่จริงๆแล้วอาตมาพยายามจะเป็นพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะทำประโยชน์ก็ทำประโยชน์ต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 16:17:39 )

อมตบุคคลสามารถที่จะยืดอายุตัวเองได้

รายละเอียด

อาตมาก็พิสูจน์ความจริงอันนี้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ความรู้ในเรื่องของสัจธรรมทางจิตวิญญาณ อมตบุคคล สามารถที่จะยืดอายุตัวเองได้อยู่ แต่มันก็มีขอบเขตเหมือนกันมีที่สุด ซึ่งเราก็พยายามต่อ ต่อด้วยกรรมวิบาก ต่ออายุด้วยกรรมวิบาก ไม่มีใครมาต่อให้เราหรอก เราต้องต่อกรรมวิบากด้วยสัมประสิทธิ์ที่เราจะต้องพากเพียรสร้างอยู่ มันก็ถึงที่สุดของมันจนได้ ซึ่งเราก็พยายามที่จะเรียกว่า ตะกละ จะเรียกว่า โลภมากก็ได้ คือจะไม่ตายง่ายๆ เอาเถอะ โลภ จะอายุยืน 

เราจะโลภเอาอายุยืนไปเพื่ออะไร อายุยืนไปเพื่อรักษาลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หรือสุขอะไรก็แล้วแต่เถอะ มันไม่ใช่ แม้แต่สุข มันก็ไม่ได้เสพสุขเสพทุกข์อะไร ก็กลางๆ เป็น อนุปคัมมะ แล้วสบายพวกเราเรียนสูงพูดอนุปคัมมะได้ เข้าใจรู้เรื่อง แต่ผู้ยังไม่เข้าใจก็ติดตามไปพิสูจน์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 09:13:19 )

อมตบุคคลเป็นเช่นนี้เอง

รายละเอียด

ผู้ที่ล้างกิเลสได้สนิทแล้วจะเกิดทางร่างกายอีกเท่าใดก็ได้ แม้ที่สุดจะแยกธาตุอัตภาพให้ตายอย่างเลิกเกิดอีกเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพรหมชาลสูตร เราจะตายเป็นชาติสุดท้ายเหมือนกับพวงมะม่วงขาดจากต้นตกลงมาแตกกระจายแล้ว ลูกมะม่วงแตกกระจายไปหมดแล้วจะรวมเป็นพวงมะม่วงอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้ว แตกธาตุจิตนิยามให้ไม่เหลือแม้แต่เป็น พีชนิยาม กระจายเป็นอุตุนิยามหายไปเลย ตายอย่างไม่เหลือสภาพจิตนิยาม ไม่เหลืออัตภาพได้อย่างแท้จริงเลย แล้วกลับมาฟื้นอีกไม่ได้แล้ว พระโพธิสัตว์จะรู้ดี อย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์ รู้ว่าตัวเองยังไม่ตายแบบ ตัดขั้ว อาตมายังกลับมาเกิดอีกแต่เป็นอมตะบุคคลแล้ว อาตมามีวิมุติแล้วจะเกิดจะตายอีกเท่าไหร่ก็ได้ ในเรื่องร่างกาย แต่จิตใจของอาตมากิเลสมันตายไม่เกิดอีกแล้ว นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:47:10 )

อมตบุคคลในมูลสูตร 10 ข้อที่ 9

รายละเอียด

ในมูลสูตร 10 กว่าจะถึงประชุมลงที่เวทนาจบ สโมสรณา ก็จะสมบูรณ์ด้วยสติ ปัญญา วิมุติ เป็นแก่นแกนหมดเลย ผู้ที่สมบูรณ์ด้วย 3 อย่างก็เป็นอมตะบุคคล ในมูลสูตรข้อที่ 9 เป็นอมตบุคคล เป็นคนที่อยู่เหนือความเป็นความตาย อยู่เหนือความเกิดความตาย จะเกิดก็ได้จะตายก็ได้ สามารถจริงๆ ผู้มีบารมีสูงสามารถจะตายก็ตาย เกิดก็เกิด จะไม่เกิดอีกก็ได้ จะตายแล้วไม่เกิดอีกก็ได้ ผู้ที่ไม่มีปัญญารู้ถึงขนาดนี้ ตายแล้วไม่เกิดอีก ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเทวนิยมจึงจำนน ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้า อยู่กับความลึกลับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อยู่ในที่ลึกลับมืดไม่รู้อยู่ที่ไหนอะไรอย่างไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:37:10 )

อมตะ

รายละเอียด

การงานไม่มีโทษ การงานไม่มีบาป เป็นการงานของคนที่ "หยั่งลง" สู่ "อมตะ" คือ สู่ "ความไม่ตาย" ผู้ชื่อว่า "อมตะ" จึงมีเครื่องชี้ "ความไม่ตาย" ที่เห็นได้ว่า "พิเศษวิเศษ" จริงคือมี "กรรมประเสริฐ" แสดงให้เห็นอยู่ การงานที่บาปหรือการงานที่มีโทษได้ "ตายไป" สิ้นจากชีวิตแล้ว แต่มี"กรรม"คือการงานอยู่ จึงเป็นการงานหรือกรรมหรือกริยา ของคน "ไม่ตาย" (อมตะ) คือ ยังไม่ทำ "บทสุดท้าย" (ปริโยสาน) ด้วย "นิพพาน" "ไม่ตาย" ได้แก่ "กรรม" หรือ "การงานอันไม่มีโทษ" (อนวัชชะ) ทั้งตนทั้งผู้อื่น ไม่มี "บาป" ไม่มี "โทษ" แน่นอนเที่ยงแท้ถาวรยั่งยืน "คนไม่มีบาป-คนไม่มีโทษ" ที่ "ไม่ตาย" (อมตะ) แท้จริง คืองาน "อมตะ" เป็น "อมตะ" ของคนอมตะ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 105-106


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2562 ( 16:19:22 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:43 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:31:38 )

อมตะ

รายละเอียด

อมตะ คือ การสะสมลงไปในจิต สั่งสมคุณธรรมปัญญาสูงขึ้นจนมีพลังงานปัญญามากพอที่จะอนุโลมปฏิโลมกับใครต่อใครได้

คำอธิบาย

กล่าวคือ กิเลสของผู้นี้ได้ "ตาย" ดับสิ้นหมดสนิทถาวรยั่งยืนแล้ว จึงไม่มีกิเลสเกิดอีกแล้วในจิต เมื่อไม่มีเกิดอีกเลยถาวร จึงไม่มีกิเลสใดๆจะ "ตาย" อยู่ในจิตอีกต่อไป นี่คือ "ความไม่ตาย" ที่หมายถึงในที่นี้ (หนังสือคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 34 )

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 78


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:17:37 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:57 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:32:05 )

อมตะ คือ

รายละเอียด

“อมตะ”นั้นคือ คนบรรลุธรรมจบ“อรหันต์”ระดับ 1”ได้แล้ว มีความสามารถ“ทำใจในใจ”ของตนให้“ตาย”ลงแล้วทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน” หมายความว่า คนผู้นี้ตายสิ้นลมหายใจลงไปแล้ว เมื่อ“ตายกายแตกลง”คนผู้นี้ก็ตาย“จบ”ด้วย“นิพพาน 3” คือ ตายด้วย“สุญญตนิพพาน (ตายอย่างสูญ)-อนิมิตนิพพาน(ตายอย่างไม่ทำนิมิตใดอีก)-อัปปณิหิตนิพพาน(ตายอย่างไม่ตั้งจิตใดอีก)”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2566 ( 10:31:31 )

อมตะ นิพพาน

รายละเอียด

อมตะ นิพพาน  คือ อุปธิวิเวก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:42:51 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:24 )

อมตะคือสอุปาทิเสสนิพพาน

รายละเอียด

สอุปาทิเสสนิพพาน เหลืออยู่ ยังไม่ดับปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นดิน น้ำไฟ ลม ไง ปริโยสาน ก็ไม่มีแน่นอน เพราะว่าแยกธาตุจิตนิยามเป็นอุตุนิยามไป สุดยอด ลักษณะตอนเป็นพระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้เรียนรู้อาการของจิตวิญญาณ  แล้วโลกที่คุณสัมพันธ์เกี่ยวข้อง คุณก็ต้องทำให้โลกที่คุณอยู่ด้วย อัตตาจิตวิญญาณของคุณก็ทำให้เป็นอุตุได้ โดยที่ไม่ต้องมีอะไรมาปรุงแต่งกันอีกให้เป็นชีวะเลย แม้ไม่ถึงขนาดนั้นอยู่แต่ทำจิตให้เป็น พีชะ ก็ไปรอดแล้วคือไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีภาวะเวทนา ไม่มีภาวะวิญญาณแล้ว ธาตุรู้มันลดลงมาแค่พีชะ เป็นขั้นเป็นตอน แต่ยังไม่ถึงที่สุด ถ้ายังทำให้เป็นอุตุนิยามไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 17:18:04 )

อมตะบุคคล

รายละเอียด

คือ การมียึดก็ได้  ยึดก็ได้นั่นแหละเป็นอมตะบุคคลแล้ว  สิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เที่ยงแท้ตลอดกาล  เอาไว้ใช้ปฏิบัติ ประพฤติเป็นอยู่เท่านั้น จริงไหม  จริง  ไม่จริงไหม  ไม่จริง แต่จริงนะ เลิกก็ได้  ได้  ไม่เลิกก็ได้ ก็ยังไม่เลิก ทำไม พูดไป พูดมา เหมือนยวน เลย  พูดไปเหมือนเล่นตลก ฟังไปแล้วสนุกเหมือนเล่นตลกแล้วได้สาระเนื้อหาแก่นสารด้วย  ไม่ใช่สนุกแค่ดูตลก เล่นคารม โวหารเท่านั้น แต่มันมีสาระแก่นสารที่ลึกซึ้งถึงสัจจะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:28:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:33:34 )

อมตะบุคคล

รายละเอียด

การมียึดก็ได้  ยึดก็ได้นั่นแหละเป็นอมตะบุคคลแล้ว  สิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เที่ยงแท้ตลอดกาล  เอาไว้ใช้ปฏิบัติ ประพฤติเป็นอยู่เท่านั้น จริงไหม  จริง  ไม่จริงไหม  ไม่จริง แต่จริงนะ เลิกก็ได้  ได้  ไม่เลิกก็ได้ ก็ยังไม่เลิก ทำไม พูดไป พูดมา เหมือนยวน เลย  พูดไปเหมือนเล่นตลก ฟังไปแล้วสนุกเหมือน เล่นตลกแล้วได้สาระเนื้อหาแก่นสารด้วย  ไม่ใช่สนุกแค่ดูตลก เล่นคารม โวหารเท่านั้น แต่มันมีสาระแก่นสารที่ลึกซึ้งถึงสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 19:34:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:36 )

อมตะบุคคล กับ พระโพธิสัตว์

รายละเอียด

อมตะ จะตายแล้วเกิดอีก(สอุปาทิเสสนิพพาน)หรือตายแล้วไม่เกิดอีกก็ได้(อนุปาทิเสสนิพพาน)ตายไม่เกิดคือตายแล้วแยกธาตุจิตเป็นอุตุนิยามได้ จิตตายด้วย อนิมิตนิพพาน ไม่มีนิมิตอะไรไม่ตั้งจิตต่อหรือเกิดอะไรอีก แล้วก็แยกเป็นอุตุธาตุจะไม่จับตัวกันอีกต่อไปแล้ว เพราะยางเหนียวนั้นได้ล้างสลายไปหมดยางเหนียวได้แล้วพระอรหันต์จะปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้ว ตายไปแล้วจะมีการต่อด้วยความเหนียวของวิภวตัณหาก็ไม่มีแล้ว หมดความเกาะตัวกันสลายไปได้ผู้ทำจิตตนให้เป็นอุตุธาตุได้จึงเป็นอรหันต์ ยถาวาทีตถาการี พูดได้อย่างไรทำได้อย่างนั้น แต่อาตมายังเป็นอมตบุคคลอยู่เพราะเป็นโพธิสัตว์ ในเถรวาทไม่รู้เรื่องโพธิสัตว์ แม้แต่มหายานก็เข้าใจโพธิสัตว์ผิดเป็นสัสสตทิฏฐิ ส่วนเถรวาทเข้าใจโพธิสัตว์เป็นอุจเฉททิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:29:34 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:33 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:34:44 )

อมตะบุคคลได้จะต้องทำจิตให้หลุดพ้นจากโลกจากอัตตา

รายละเอียด

ผู้ที่จะเป็นอมตะบุคคลได้จะต้องทำจิตให้หลุดพ้นจากโลกจากอัตตา โลกคือสภาพภายนอก อัตภาพในจิตของเรา รู้ทั้ง 2 ส่วนเลยว่าเราจะไม่เกิดมาในโลกนี้อีกเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:53:31 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:03 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:35:04 )

อมตะเป็นเทวะ ตายก็ได้ไม่ตายก็ได้

รายละเอียด

อาตมานำคำสอนของพระพุทธเจ้าเอามาใช้เท่าที่ความรู้ของอาตมามี มันก็ครบเป็นสัดส่วนไปได้เรื่อยๆ จนเกินตัวจบ ฉะนั้นจบอย่างอรหันต์ได้แล้ว จบอย่างโพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 ระดับ 8 แม้อาตมาจะยังไม่ถึงระดับ 8 ก็ตาม มันก็นัยยะเดียวกัน เรารู้แล้ว ตั้งแต่ 4 5 6 7 มันก็เป็น 8 ก็นัยยะเดียวกัน 9 ก็นัยยะเดียวกันอีก เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงรู้จบและรู้ไม่มีที่สุดได้ดีที่สุด ท่านจึงมีที่จบแล้วเป็นอมตะ แล้วก็ตัดสินใจเองเลย จะตายหรือไม่ตายก็ได้ อมตะ เขาแปลอมตะแค่ว่าไม่ตาย เพราะเขาแปลไปตามนัยยะของนิรันดร เขามีทิฏฐิที่เขาติดยึดตามแบบเทวนิยม มันไม่เป็นโลกุตระ เป็นโลกียะ เขาก็เลยแปลอมตะว่าไม่ตาย ก็ตรงกับนิรันดรสูงสุด ความจริงไม่ใช่ 

อมตะ เป็นเทวะ ตายก็ได้ไม่ตายก็ได้ สองอันเป็นเทวะคู่สุดท้าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 21:03:33 )

อมตะโลกุตระกับอมตะโลกียะ

รายละเอียด

อาวุธของสัตว์นรก อาตมาเกิดมาในชาตินี้มีเยอะที่จะมาทำร้ายอาตมา มาจากกลุ่มศาสนาพุทธนี่แหละ ทุกวันนี้อาวุธนรกทำอะไรอาตมาไม่ได้ อาตมาเป็นคนที่ไม่ใช่ว่า เอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม เช้า เที่ยงเย็นแล้วไม่ตายไม่ใช่ อาตมาเป็นคนที่ตายแล้วเพราะรู้จักนามรูปรู้จักวิญญาณ ทำให้เกิดการตายของจิตวิญญาณได้แล้ว ไม่ใช่คนที่ฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มก็ไม่ตายตอนเช้ากลางวันเย็น  ไม่ใช่อมตะแบบฆ่าไม่ตายแบบนั้น เป็นสิริมหามายา อมตะโลกุตระกับอมตะโลกียะ นี่คือความละเอียดลึกซึ้งในธรรมะของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 20:34:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:46 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:35:39 )

อมนสิการ

รายละเอียด

1. การจะไม่ใคร่ครวญ จะไม่ไตร่ตรอง ไม่กระทำในใจอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด 

2. จิตไม่ใส่ใจเต็ม (มน  = จิต ;   สิ = ผูก  ; การ  = งาน  ;  อ = ไม่)

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2หน้า 525,ทางเอก ภาค 3 หน้า 240


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:21:39 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:14 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:36:57 )

อมนสิการ เป็นไฉน

รายละเอียด

อมนสิการ เป็นผู้ที่จบกิจแล้วไม่ต้องทำใจในใจอีก ใจในใจทำเป็นทำคล่องทำเรียบร้อยมี ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา มีอะไรมากระทบกระแทกก็ไม่เกิดกิเลส จิตมุทุธาตุ จนมีบารมี จนมีราศีรังสี จนกิเลสเข้ารอหน้าไม่ติด มีบารมี มีฉัพพันรังสี รังสีทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ 6 ทวาร มีราศี รังสี ที่เป็นกำแเพง อันไร้สภาพ ไม่ให้เจ้ากิเลสเข้ามาใกล้ มีพวกนี้เป็น barrier เป็น buffeกันได้อย่างยาวไกลแข็งแรงเลย กิเลสรอหน้าไม่ติด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์  วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:57:28 )

อมนสิการคือ

รายละเอียด

คำแปลในพระไตรปิฎกว่าอย่างนี้เลยนะ ไม่ใส่ใจอย่างนั้นอย่างนี้ ก็โง่ดักดานต่อไป เขาไปแปลมสิการ ว่า ใส่ใจ อมนสิการคือไม่ใส่ใจ ไม่ใช่ 

อมนสิการคือ การทำใจในใจ ที่มีผลสำเร็จเป็นโยนิโสมนสิการจนไม่ต้องมนสิการอีก เรียกว่า อมนสิการ มันเป็นความหมายซับซ้อน ก็เข้าใจอันนี้ไม่ได้ เขาก็เลยไปแปลรวบรัด ว่า ไม่มีการสำคัญมั่นหมาย ไม่มีการทำใจในใจ แล้วคุณจะทำอะไร ทำแต่กายในกายกายนอกกายเท่านั้นหรือ คุณไม่ทำใจในใจ ไม่เหมือน อมนสิการเลย 

ใช่ อมนสิการคือ โยนิโสมนสิการได้บริบูรณ์จบกิจแล้ว คือคำว่าไม่กับคำว่ามี พระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ใน พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 เรื่องความมีกับความไม่มี นัตถิกับอัตถิหรือโหติกับนโหติ มีกับไม่มี อันนี้เป็นเครื่องตัดสิน ถ้ามีเหตุเป็นโลกสมุทัย คุณก็ต้องดับสมุทัยให้ได้จนเป็นโลกนิโรธ ดับสนิทกับเหตุในโลกสมุทัยหมดแล้ว จบ โลกของคุณก็เป็นโลกุตระสบายชัดเจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 13:08:31 )

อมนสิกโรติ

รายละเอียด

1. ว่าง หรือไม่มี , การกระทำอย่างไม่ยึดสิ่งใด , ทำอย่างมีปัญญาแยบคายถ่องแท้ว่าอะไรที่เราจะวางออกไป จะไม่ยึดสิ่งนั้น

2. ทำที่ใจไม่ให้ติดยึด

3. วาง หรือทำที่ใจไม่ให้ติดยึด

 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 122-123, 125, ค้าบุญคือบาป หน้า 165


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:19:50 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:43 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:37:46 )

อมนุสส์ , อมนุษย์

รายละเอียด

1. ผู้มีใจต่ำช้า

2. ผู้ยังมีจิตต่ำอยู่แท้ 

3. ไม่ใช่ผู้จิตสูงแล้ว 

4. ยังเป็นสัตว์(ทางใจ)อยู่ 

5. คนผู้มีจิตใจที่ยังไม่ใช่ “มนุษย์”แท้จริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 155, หน้า 511, คนคืออะไร? หน้า 443, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 277, 

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 85


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:23:23 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:43 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:38:16 )

อมมา

รายละเอียด

ไม่มีทุกข์

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 201


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:23:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:38:35 )

อมหัคคต , อมหคฺคต , อมหัคคตะ

รายละเอียด

1. จิตไม่เป็น มหรคต 

2. จัดการกับกิเลสในจิตไม่ดีขึ้น , ดำเนินไปไม่ได้ดี ไม่สูงขึ้นก็รู้

3. จิตไม่เจริญขึ้นก็รู้ว่าจิตไม่เจริญขึ้น

4. จิตไม่สูงขึ้นไปอีก 

5. จิตไม่เจริญ ไม่ไปสูง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 134, คนคืออะไร? หน้า 275, หน้า 555, อีคิวโลกุตระ หน้า 229, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 104


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:26:22 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:07 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:39:17 )

อมายาวี

รายละเอียด

เป็นผู้เปรื่องปราด ผู้มีความปราณี ผู้สูงแล้ว ดีแล้ว ผู้เป็นคนเก่งก็ยังไม่ผิด ยังไม่หลอกไม่เก๊ ถูกแท้เอาด้วย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 555


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:27:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:12 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:39:38 )

อมโตคธ

รายละเอียด

หยั่งลงสู่อมตะ

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 48


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:18:21 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:19 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:40:04 )

อมโม

รายละเอียด

1. เพราะเป็นผู้ไม่มีความยึดติดอะไรเป็นของเราแล้ว ไม่มีความเห็นแก่ตัว หมดตัว หมดตนอย่างแท้ๆ จึงหมดทุกข์สนิทจริง

2. ไม่รู้จิตจนทำจิตอย่างใหม่ กลบเกลื่อนจิตอย่างเก่ายังไม่ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 102, ทางเอก ภาค 3 หน้า 197


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:24:52 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:40:29 )

อยังโลก

รายละเอียด

โลกนี้ , ภพนี้

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 167


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:28:23 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:24 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:40:48 )

อยังโลโก

รายละเอียด

อยังโลโก คือโลกนี้  อยัง แปลว่า นี้ 

อยะ แปลว่า ความเจริญ แปลว่า รายได้หรือกำไร ในความหมายของโลกุตระคือกำไรคือสิ่งที่เสียไป ชาวอโศกนี้เป็นพวกที่สร้างสรรแล้วเสียสละ ถ้าไปเอาพลังงาน แรงงาน เวลา ไปตะลอนๆ จะได้มาสร้างอะไร อย่างท่านเพาะพุทธว่า มาปลูกป่ามาปลูกต้นไม้ ปัดโธ่ มาปลูกที่ในบ้านราชนี่ ปลูกผักปลูกต้นไม้ที่เป็นแก่นสาร จะปลูกป่าก็ปลูกด้วยนะ แต่ไม่ไปปลูกป่าชนิดที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ป่าที่มันเป็นเถื่อน ไปปลูกป่าอย่างนั้นมันไม่ได้แก่นหรอก มันกระจายหมด ต้องปลูกต้นไม้ แล้วมันจะเป็นหมู่ต้นไม้ ปลูกป่า กระจายไปหมด 

เพราะฉะนั้น เจตนาจะสร้างป่า คุณไม่มีทางสร้างป่าได้นอกจากโลกเขา ธรรมชาติเขาจะสร้าง คุณจะไปเก่งเกิน เก่งจะไปสร้างป่า มาสร้างต้นไม้ที่ควรสร้าง จะเป็นต้นไม้อาศัยร่ม บ้านราชนี่ก็สร้างอยู่ มันก็เกิดของมันไป จะอาศัยต้นไม้หรือพืชพัธ์ุธัญญาหารที่เป็นสิ่งอาศัยกิน อาศัยใช้ ต้นไม้ใช้เราก็ใช้ ต้นไม้กินเราก็กิน กินลูกกินใบกินดอกก็ว่ากันไป ไม่เป็นสาระแก่นสารของมนุษยชาติ ถ้าฟ่ามเกินไป มันพริ้ว เจือจาง สลายไม่ได้แก่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 13:38:21 )

อยังโลโก ปโรโลโก

รายละเอียด

คือ  เขาก็ไม่รู้ว่าโลกอื่นที่มียังมีโลกโลกุตระอยู่นะ คำว่าอื่นมีอีก คือ  อัญญา จะรู้โลกอื่นต้องมีอัญญธาตุ อย่างอัญญาโกณฑัญญะที่เกิดธาตุรู้ขึ้นเป็นคนแรกในโลก เกิดจิตเข้ากระแส มีปัญญา มีธาตุรู้อันยิ่ง อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ พระพุทธเจ้าจึงอุทานอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:17:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:35 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:41:15 )

อยังโลโกกับปโรโลโก

รายละเอียด

อยังโลโก คือ โลกนี้ 

ปร แปลว่า อื่น ปโรโลโก คือ โลกอื่น อันนี้กับอันอื่นต่างกันไหมล่ะ อันนี้กับอันอื่นจากนี้มันก็ต่างกัน ทีนี้ใครจะอธิบายคำว่า อื่น ได้ ถูกต้องสภาวธรรมสำคัญของพระพุทธเจ้า 

เช่น เขาบอกว่า โลกนี้ คือโลกที่ยังมีชีวิตกันอยู่ และอื่น เขาก็บอกว่าตายลง ตายลงชีวิตก็เลยไปอยู่ที่โลกอื่น ไม่ใช่ที่โลกที่อยู่กันอย่างนี้ นี่เขาก็จะเข้าใจกันตื้นๆง่ายๆแบบนี้เท่านั้น ส่วนใหญ่โลกนี้โลกอื่นหรือโลกนี้โลกหน้า มันคนละโลกกันเขาก็ว่างั้น คนละโลก 

แต่ความจริงอาตมาไม่ได้อธิบายอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นไม่ต้องไปอธิบายนี่ จะว่ามันเป็นไหม มันก็ใช่ มันก็เป็น ก็เข้าใจอยู่ทุกคนแหละ มันไม่ต้องไปอธิบายไม่ต้องไปพูดถึงมันหรอก ที่ควรจะต้องพูดถึงก็คือนัยยะคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ ปรโลกหรือปโรโลโก โลกหน้าหมายถึงโลกอื่นที่เป็นอีกโลกหนึ่ง มันต่างไปที่เป็นโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:51:26 )

อยังโลโกกับปโรโลโก โลกนี้โลกหน้าคือเช่นไร

รายละเอียด

จะว่าใช่ก็ใช่ บาลีท่านใช้ว่า อยังโลโก คือ นี้ 

ปร แปลว่า อื่น ปโรโลโก คือ อื่น อันนี้กับอันอื่นต่างกันไหมล่ะ อันนี้กับอันอื่นจากนี้มันก็ต่างกัน ทีนี้ใครจะอธิบายคำว่า อื่น ได้ ถูกต้องสภาวธรรมสำคัญของพระพุทธเจ้า 

เช่น เขาบอกว่า โลกนี้ คือโลกที่ยังมีชีวิตกันอยู่ และอื่น เขาก็บอกว่าตายลง ตายลงชีวิตก็เลยไปอยู่ที่โลกอื่น ไม่ใช่ที่โลกที่อยู่กันอย่างนี้ นี่เขาก็จะเข้าใจกันตื้นๆง่ายๆแบบนี้เท่านั้น ส่วนใหญ่โลกนี้โลกอื่นหรือโลกนี้โลกหน้า มันคนละโลกกันเขาก็ว่างั้น คนละโลก 

แต่ความจริงอาตมาไม่ได้อธิบายอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นไม่ต้องไปอธิบายนี่ จะว่ามันเป็นไหม มันก็ใช่ มันก็เป็น ก็เข้าใจอยู่ทุกคนแหละ มันไม่ต้องไปอธิบายไม่ต้องไปพูดถึงมันหรอก ที่ควรจะต้องพูดถึงก็คือนัยยะคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ ปรโลกหรือปโรโลโก โลกหน้าหมายถึงโลกอื่นที่เป็นอีกโลกหนึ่ง มันต่างไปที่เป็นโลกุตระ 

นี่ต่างหากล่ะ ที่โลกของศาสนาอื่นเขาไม่รู้จักเรื่องนี้ โลกุตระหรือโลกของคนอาริยะที่ไปเป็นโลกุตระ เรียกว่าเป็นผู้มีภูมิปัญญาและปฏิบัติได้ โลกุตระ คือ เป็นโลกของคนที่มีปัญญาหยั่งรู้กิเลสตนเอง แล้วก็ทำให้กิเลสตนเองลดได้หรือหมดได้จริง นี่คือโลกสำคัญ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และจริงๆด้วย ทำได้จริงๆ จนหมดสุขหมดทุกข์ จนทำให้ตนเองสลายจิตวิญญาณไปเป็นดินน้ำไฟลมด้วย ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ อธิบายไปหมดแล้วเคยอธิบายมาเยอะ 

ถ้าโลกหน้าที่ตายไปแล้วไม่ต้องไปพูดกันเลย มันพิสูจน์กันไม่ได้ คุณตายไปแล้วแล้วคุณจะไปยังไงจริงๆ มันคืออะไร ใครตายไปแล้วนี่ต่างคนต่างไปมันพิสูจน์ไม่ได้เลย แต่โลกนี้อยู่นี่แหละและก็ทำให้บรรลุโลกหน้าในปัจจุบันนี้ต่างคนต่างพิสูจน์กันได้ อย่างน้อยก็เราเองเป็นปัจจัตตังของเราบรรลุได้ ของคนอื่นไม่รู้ล่ะ จะได้หรือไม่ได้อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 18:24:29 )

อยากกอบกู้ศาสนาแบบหลวงปู่จะทำได้อย่างไร

รายละเอียด

คำตอบ ก่อนอื่นก็ตอบอย่างนี้ ทำอย่างหลวงปู่ ซึ่งก็คงยาก อย่างเด็กถามมา ก็ตอบว่าทำอย่างหลวงปู่นี่แหละ ทีนี้ทำอย่างหลวงปู่ทำอย่างไร อย่าละสายตา อย่าหนีไปไหน หลวงปู่ก็ยังไม่ตาย ก็ยังมีพี่ป้าน้าอา มีพี่มีน้องอยู่ในนี้อีกเยอะ นี่แหละอยู่ร่วมในนี้แหละ คนหลายคน แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน มันจะสอดคล้องเข้าไปถึงที่สุดจบ มีหนึ่งเดียว มีข้อเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ 2 อย่าง เปรียบเทียบกันแล้วได้อันหนึ่ง แล้วก็จะไปมีอันที่สูงขึ้นไปอีก เอาไปเทียบแล้วก็เลือกเอาอีก 1 อัน ก็ได้อันที่สูงขึ้นไปอีก เหมือนกับแชมเปี้ยนโลกเขาจะไต่เต้าตั้งแต่ เป็นนักมวยที่ยังไม่มีชื่อเสียง จนไต่ระดับเก่งขึ้นมาอีกหน่อยแล้วก็ไต่ระดับเก่งขึ้นไปอีก เป็นกระทั่งเป็นรองแชมป์เปี้ยน รองแชมป์เปี้ยนโลก แล้วก็จะชนะรองแชมป์เปี้ยนโลกเป็นแชมป์เปี้ยนโลก มันมีขั้นมีตอนมีคู่ 

นี่แหละคือ 2 สภาพที่จะต้องเทียบขึ้นไปเรื่อยๆ อันนี้แหละเป็นเรื่องยาก คำว่าเทวะแปลว่า 2 ยิ่งใหญ่ทุกอย่างคือเทวะ อย่างเทวนิยมนี่เขาแยกไม่ออก หนึ่งเดียว หนึ่งเดียวแล้วเขาตีไม่แตก และห้ามตีแตกด้วย พระเจ้าของเขาว่าไปแล้วอย่าแยก อย่าแตก ของพระเจ้าเที่ยงแท้ กาละจะเปลี่ยนวินาทีจะเดินไปเรื่อยๆ เขาก็ต้องอย่างเดิมอยู่ที่เก่า กาละก็อยู่อย่าง เทศะก็อันเดียวฐานะก็อันเดียว ไม่ขึ้นอยู่กับอย่างอื่นเลย นี่คือความพาซื่อ เป็นสิ่งที่ไม่เจริญ เป็นสิ่งที่ปักหลักหนึ่งเดียว ทั้งๆ ที่โลกมันไม่ได้อยู่หนึ่งเดียวมันไม่เที่ยง จึงเป็นคำว่าเที่ยงนิรันดร์เดียว หนึ่งเดียวนิรันดร กับคำว่าไม่เที่ยง 2 คำนี้คนละโลกกันเลย 2 คำนี้เท่านั้นแหละ ผู้ที่จะตรัสรู้อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 1 เป็น 2 และ 2 เป็น 1 จนกระทั่งขยายเป็น 3 จนกระทั่งสังเคราะห์ 3 นี้ให้มี 4 มี 5 มี 6 มีเป็น 0 แล้วก็ยังมีต่อไปอีกเป็น 20-30 เป็น 50 เป็น 100 ขยายไปจนเป็นประมาณมิได้ เสร็จแล้วก็จะเห็นว่าสรุปลงมาหา 0

0 คืออะไร 0 คือหาประมาณมิได้เป็นอันเดียวกัน มาเข้าสู่คำที่ได้เรียบเรียงร่างเอาไว้ ก็ยังเอามาแก้ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ วันนี้ปริ้นท์ออกมา 20 กว่าหน้าเท่านั้น มันมีภาษาเก่าซ้ำอยู่ มากน่ารำคาญ ถ้าคนฟังไม่รู้ดีก็จะรำคาญจะเบื่อ เหมือนกับอ่านพระไตรปิฎก ถ้าความรู้ใหม่ที่เราจะได้ถ้าเราเจริญ มันจะเหมือนใหม่ขึ้นไปอีก จากพระไตรปิฎกอันเก่านี่แหละ นี่ก็คือความซับซ้อนของสภาวะกับความเจริญของเรา แต่อาตมาเอาอันนั้นมาขยายกันช่วยพวกเรา ขยายความด้วยภาษายุคนี้ภาษาใหม่ให้เข้าใจได้ ยิ่งเอามาจากพระไตรปิฎก พระบาลีมาอ่านให้ฟัง พวกเราไม่ได้เรียนบาลีมาก็จะมืดเลยไม่รู้เรื่อง แล้วบาลีทุกวันนี้ก็แปลกันเพี้ยนจากบาลีเดิม 

ภาษาบาลีเป็นภาษาตาย หมายความว่าเป็นภาษาที่เหมือนกับเทวนิยมไม่เปลี่ยนแล้ว แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไม่ยึดมั่นถือมั่น เปลี่ยนไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ เริ่มต้นตั้งแต่คำว่า กาละเวลา มันอยู่กับที่ไหม นอกจากนาฬิกาตาย มันอยู่กับที่ โลกมันก็หมุนไปเป็นเวลาอยู่ตลอดไม่มีอะไรหยุดหรอก ฉะนั้นคำว่าหยุด คำว่าจบกิจ คำว่า 0 คำว่าลงตัวแล้ว จึงคือคำตอบชนิดหนึ่ง ในคำว่าเที่ยงหรือคำว่าหยุด หยุดสะเด็ด หยุดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว เป็นสภาวะหนึ่งเท่านั้น อยู่ในสภาวะ 2 ตราบที่เรายังมีร่างกายมีกายกับจิต มีคนอื่นกับตัวเรา มัน 2 ทั้งนั้น แต่เราต้องรู้จบ 

เมื่อเราไม่มีตัวตนจะแพ้ก็ได้ ยอมก็ได้ จะให้ชนะก็ไม่ประหลาดอะไร จะยอมให้เราชนะ เราก็ยอมได้ จะให้เราชนะก็ชนะก็คือชนะ เราก็ไม่ไปกระดี๊กระด๊าฟูใจ เราชนะเขาได้ ถ้าเขาให้เราชนะคือเขาได้นะ คือเขายอมแพ้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ยอมแพ้นั่นแหละคือ ผู้ชนะ สรุปตรงนี้ไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2566 ( 11:43:23 )

อยากฆ่าสัตว์ เป็นสภาวะของสัตว์นรก

รายละเอียด

อยากฆ่าสัตว์ เป็นสภาวะของสัตว์นรกนะ 

สัตว์มันก็คือสัตว์มีชีวิตมีวิบากของเขา จะเป็นสัตว์เซลล์เดียวหรือกี่ล้านเซลล์ก็ตามเขาก็มีวิบากของเขา เราก็หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวง อย่าไปเกี่ยวข้องกับสัตว์เลย สัตว์ที่มายุ่งกับเราเราก็เอาไปปล่อย อย่างนกพิราบ สัตว์ที่เป็นพิษเราก็เอาไปปล่อย แต่ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเราเราก็ให้มันอยู่ไป มันจะทุกข์จะร้อนบ้าง หากเราจะช่วยมันได้ก็ช่วยมันบ้าง เราจะช่วยมันเมื่อไหร่ก็ร่วมวิบากกับมันทันที วิบากกรรมเป็นอันทำมันเป็นเรื่องอจินไตย

ดูที่คนดีกว่า เราก็ร่วมวิบากมาเยอะ ช่วยกันแค่นี้ก็เหลือแหล่ เพราะฉะนั้นสัตว์เดรัจฉานปล่อยไปได้เลยอย่าไปยุ่งกับมัน มันเป็นวิบากของมัน เราก็พยายามดูให้มันเป็นไปตามสัตว์โลกมันก็น่าเวทนา น่าสงสาร

สรุป อย่าไปอยากฆ่าสัตว์ หากมันเป็นภัยก็เอามันออกไป

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 11:19:13 )

อยากจะเกิดในแผ่นดินพุทธควรทำเช่นไร

รายละเอียด

คุณไปคิดแทนเขาหมดเลยมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ที่พูดมานี้คุณอยากจะให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ คุณคิดแทนเขาหมดเลย ส่วนคุณเองอยากจะเกิดที่นี่ ตั้งจิตไว้เลย ถ้าหากเหตุปัจจัยวิบากคุณมีพอคุณได้เกิดมาที่นี่แน่ แต่ถ้าหากคุณมีเหตุปัจจัยไม่พอวิบากก็ดึงคุณไปจะไปเกิดที่ไหนอีกแล้วแต่วิบากมันแรงกว่าที่คุณจะมาเกิดที่นี่ได้ ก็ต้องเร่งบําเพ็ญปฏิบัติให้มีกุศลให้มีปรมัตถ์ที่เป็นโลกุตระให้ได้มากๆ จะได้ตามปรารถนา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 08:09:54 )

อยากทราบว่าบุญที่แท้จริงที่พระพุทธเจ้าหมายคืออย่างไรกันแน่

รายละเอียด

เจอคำแปลในพจนานุกรมฉบับภูมิพโลภิกขุ ที่ท่านพระธรรมปาละแปลเอาไว้เป็นภาษาบาลีว่า สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ ปุญหรือปุญญะนี่ คือ สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ เป็นบาลี ซึ่งแปลว่าชำระ บุญนี่คือการชำระกิเลสให้สะอาดจากจิตสันดานทั้งหมด แปลว่าอย่างนั้น 

ฉะนั้นความหมายของบุญจึงชี้เฉพาะลงไปเลยว่า เป็นลักษณะคุณลักษณะของพลังงานที่เกิดบุญ พลังงานที่เกิดผลที่ชื่อว่าบุญนี้คือมันสามารถ พลังงานจิต เราทำใจในใจ ทำจิตในจิตของเราให้เกิดการกำจัดกิเลสได้โดยมีฌานคือมีปัญญา แล้วก็มีประสิทธิภาพของบุญหรือฌาน เผากิเลส กำจัดกิเลสไปจนหมดได้ ซึ่งอาตมาก็เอามาอธิบายขยายความเป็นภาษาไทยให้ฟังแล้ว นี่ค่อยๆ รู้มา 

ซึ่งหลายๆ อย่าง อาตมาค่อยๆ ได้ไม่ใช่ว่ามาทันที ที่เป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธ ตั้งแต่คำว่าสมาธิแต่แรกๆอาตมาก็รู้พอสมควร แต่ก็ไม่ลึกซึ้งพอ แต่ค่อยๆรู้ว่า สมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ได้อย่างที่พูดกัน ยึดถือกัน ไปนั่งหลับตาเข้าสมาธิกัน แรกๆก็ไม่ลึกซึ้งพอก็ยังนั่งหลับตากับเขาอยู่บ้าง จนกว่ามาเข้าใจดีถึงว่า อ๋อ… สมาธินี่คือมันเป็นผล เป็นสมาหิโต ของพระพุทธเจ้า จึงได้มาขยายความเต็มรูป 

และกว่าจะสั่งสม สมาหิโต ที่เป็น อเนญชา ก็ต้องผ่าน ปุญญาภิสังขาร ผ่านอปุญญาภิสังขาร จึงจะเป็นอเนญชาภิสังขาร ตามอภิสังขาร 3

ปุญญาภิสังขาร  คือการปรุงแต่งจิตจัดการจิตให้กำจัดกิเลสลดกิเลสได้จนกระทั่งกิเลสหมดอาสวะตามขั้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นอรหันต์แล้วก็ อปุญญะ ไม่ต้องใช้บุญอีก พระอรหันต์คือผู้ไม่ต้องใช้บุญ หมดบุญ อปุญญะ

แต่ผู้เข้าใจสภาวธรรมไม่ได้ก็ไปแปล อปุญญะว่าบาป เป็นพระอรหันต์ที่เรียกว่า อปุญญะคือพระอรหันต์ แล้วไปแปลว่าพระอรหันต์มีบาปอีก มันก็เจ๊งสิ 

เพราะฉะนั้นไม่มีบาปเลยนั่นแหละแน่นอนแล้ว กำจัดมาตั้งแต่อภิสังขาร 1 จนกระทั่งหมดบาป ถอนอาสวะหมด ก็เป็น อปุญญะ อภิสังขารอะไรก็เป็นอปุญญะ ไม่ต้องล้างกิเลสอีกแล้ว จิตจึงเป็นจิตสะอาดทุกกรรม กรรมนั้นจึงสั่งสมลงไปเป็น อเนญชาภิสังขาร คือเป็นจิตสะอาดที่สั่งสมลงไป เพราะฉะนั้นจิตจะ อเนญชา ไม่หวั่นไหวเพราะจิตตั้งมั่น จิตตกผลึก ควบแน่นเข้าไป เป็นจิตตั้งมั่นที่ยิ่ง อเนญชา ยิ่งอเนญชาๆๆ ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องไปนั่งสะกดจิต จะสะกดจิตให้ไม่หวั่นไหว ไม่มีทางนิ่งได้ ตามที่ใครถามมาเมื่อกี้นี้ จะทำให้จิตมันนิ่งยังไง มันไม่สำเร็จ อย่างนี้สิสำเร็จถาวร สำเร็จยั่งยืนถาวรตลอดกาลเลย ได้แล้วได้เลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ  ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 18:34:32 )

อยากทำงานเพื่อผู้อื่น จะไม่เป็นภัยต่อใคร แต่จะสุดยอดอย่างไร

รายละเอียด

เมื่อเราฆ่ากิเลสที่มันทำให้เกิดเป็นตัวเราเป็นตัวการ ถ้าไม่มีแล้วเราหมดกิเลสมันได้เรียนรู้จริงๆศาสนาพระพุทธเจ้าล้างได้ พอล้างได้ กำจัดมันหมดไปจริงๆไม่มีแล้วเราก็เป็นคนอยาก อยู่ไป อยากเพื่อทำงาน เพื่อผู้อื่นทั้งนั้น ตัวเองไม่ต้องกังวลเลยอยู่ได้จะมีคนเลี้ยงไว้จะมีคนดูแลไว้ เจ็บป่วยจะมีคนช่วยดูแลรักษา จะไม่มีอะไรกินอะไรอยู่เขาก็หามาให้หมดจนมากเกินต้องการด้วย พิสูจน์ได้เลยอย่างอาตมาพิสูจน์มาจนถึงทุกวันนี้ 

การที่เราไม่เป็นเจ้ากี้เจ้าการจะทำเพื่อตัวเองนี้ แต่เป็นเจ้ากี้เจ้าการ ที่จะทำเพื่อผู้อื่นจะไม่เป็นภัยต่อใครสุดยอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:31:12 )

อยากทำอยากให้เพื่อผู้อื่นไม่ใช่มีกิเลส

รายละเอียด

พูดแล้วเหมือนมีกิเลสอยากจะอายุยาว แต่ที่จริง มันไม่ใช่กิเลส กิเลสนั้นเพื่อตัวตน กิเลสนั้นพลังงานด้วยความต้องการความอยากที่ทำออกไป อยากทำเพื่อตัวเอง คือกิเลส แต่ถ้าเราไม่ได้ทำเพื่ออยากให้ตัวตน แต่อยากให้ผู้อื่น ได้รับประโยชน์คุณค่าได้รับสิ่งประเสริฐ อันนี้มันไม่ใช่กิเลสเลย เป็นคุณธรรมอันประเสริฐสุดที่มนุษย์ในโลกเช่นพระพุทธเจ้าทรงมี พระพุทธเจ้ามีความปรารถนาดีที่อยากให้คนได้รับความเจริญ ได้รับความไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีความวุ่นวายเดือดร้อนอะไรเลย เป็นความเจริญงอกงามดี พระอรหันต์ทุกองค์พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แม้แต่ผู้ที่ไม่ถึงอรหันต์ ก็ปรารถนาอย่างนี้ได้ แต่จะมีทฤษฎี มีประสิทธิผลจริงหรือเปล่า ใช่ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 10:52:16 )

อยากมาอยู่ในหมู่บ้านชาวอโศกต้องทำอย่างไร

รายละเอียด

เอาตัวกับหัวใจมาเท่านั้นได้เลย ไม่ต้องมีอะไรมาก จะทำอย่างไรก็เอาตัวกับหัวใจ แล้วถ้าจะมาก็ดูตัวเองหน่อย ถ้ามาอยู่ที่นี่ต้องมา 1.ถือศีล 5 อย่างต่ำ แล้ว 2.ต้องไม่กินเนื้อสัตว์ 3.ไม่มีอบายมุขนะ มาอยู่ในนี้ ที่นี่เขาไม่มีกัน เพราะฉะนั้นเนื้อสัตว์ไม่ได้กิน ถือศีล 5 ต้องถือ อบายมุขเขาไม่มี ถ้าคุณมี 3 อย่างนี้พอได้ มาอยู่ได้ เชิญ รีบมาเลย ยินดีต้อนรับมาได้มีตัวกับหัวใจเท่านั้นมาได้อยู่ที่นี่พออาศัย ไม่มีที่พักที่ผ่อนอะไรแม้แต่เสื้อผ้าไม่มี ก็มีที่สถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจ มีอยู่เยอะ นี่ทำงานฟรี มันสุดยอดเป็นดินแดนที่ ธเนศเขาบอกว่า ศิวิไลซ์อยู่ที่ไหน ศิวิไลซ์ อะไรอยู่ที่ไหนอยู่ที่นี่ อยู่ตัวคนเดียวมาอยู่ที่นี่แหละดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:07:43 )

อยากรู้ประวัติบ้านราชฯ

รายละเอียด

เกิดจากอาตมาได้รับบริจาคที่ดินมา แล้วก็มาซื้อเพิ่ม เดิมมา 40 ไร่ ตอนแรก ต่อมาก็เป็นหมู่บ้านทางนิตินัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน หลวงปู่สู้ใจตนเองอย่างไร


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:49:53 )

อยากรู้เหมือนพ่อครูก็ต้องเพิ่มภูมิความรู้

รายละเอียด

อยากรู้อย่างอาตมาคุณก็ต้องเพิ่มภูมิความรู้ที่จะรู้ละเอียดเพิ่มขึ้นเป็นโพธิสัตว์ระดับ 2 3 4 5 6 7 ไป เมื่อถึงระดับ 7 อย่างอาตมาก็จะอธิบายได้อย่างอาตมา อาตมาขึ้นระดับ 8 ก็เป็นเรื่องของอาตมา​ มันลอกเลียนกันไม่ได้หรอก มันก็จะไปตามจริงของมัน

เพราะฉะนั้น ในรูปที่ถูกรู้ ไม่ว่าจะเป็นเวทนา ไม่ว่าตัวเองตัวรู้จริงๆคือสัญญา ไม่ว่าจะเป็นสังขาร วิญญาณ ถูกรู้ ก็เป็นรูป เจตสิกเป็นรูปที่แยกได้ละเอียดลออขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่ง ถึงรูปหรือตัวจิตเจตสิกที่ถูกรู้ ว่า 

อ้อรูปตัวนี้ ว่างจากกิเลสได้สนิทแน่นอนเที่ยงแท้เป็นสมาหิโต เพราะได้กระทำ มีอภิสังขาร มีการปรับตัว ปรุงตัว จัดการตัว ตกแต่งตัว สร้างมันใหม่ ตั้งแต่

ปุญญาภิสังขาร คือ ฆ่า กิเลส ตัวเหตุร้ายนี้ออกจากจิตให้หมด หมดแล้ว บุญก็ไม่ต้องทำงานอีกเป็นอปุญญาภิสังขาร ไม่ใช่แปลวน อปุญญะว่าบาป ตามผู้ไม่รู้ความจริงมันก็ไม่จบ 

เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึง อปุญญาภิสังขาร ปรุงแต่งโดยไม่ต้องทำบุญอีกแล้ว เหลือแต่จิตที่สะอาดตกผลึกลงเป็น อาเนญชาภิสังขาร 

ฉะนั้นการเกิดกรรมเกิดการปรุงแต่งอภิสังขารอีก อภิสังขารตัวนี้ก็จะไม่มีกิเลสอีกเลยมันก็จะเหลือแต่จิตสะอาด หมดอาสวะ สรุป ตกลงไปเป็นอนุสัย แต่เป็นอนุสัยตัวดี ตัวที่ประเสริฐ ตัวที่สะอาด ไม่ใช่อนุสัยที่เป็นอวิชชา แต่เป็นอนุสัยที่เป็นวิชชา 

สมาหิโต อาตมาก็ยืนยันว่า ไม่ใช่สมาธิของศาสนาใดและเทวนิยมไม่ใชของศาสนาอื่นเลยแต่เป็นของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ สมาหิตะหรือสมาหิ

ตัง เขาไม่เรียกว่า สมาหิตา ที่เป็นพหูพจน์ เพราะมันจะต้องเป็น 1 ไปตลอด มันสั่งสม ตัวเองเป็นความตั้งมั่นเป็นความเป็น 1 ของจิต จึงไม่เรียก

สมาหิตา ไม่เรียกเป็นพหูพจน์ เรียกเป็นสมาหิโต สมาหิตังหรือสมาหิตะ

สมาหิโต ก็โอฬารที่สุดแล้ว แต่ก็เป็น 1 ไม่มี 2  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:48:10 )

อยากรู้แต่เรื่องลึกลับจะถูกคนฉลาดแกมโกงหลอกล่อไป

รายละเอียด

หากไปอยากรู้แต่เรื่องลึกลับก็จะถูกคนฉลาดแกมโกงหลอกล่อไป อาตมารู้ทันแต่จะไม่ใช้อันนี้มาหลอกเป็นฉลาดแกมโกง ระลึกชาติอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเอามาหลอกพวกคุณ ตีกิน มันไร้ศักดิ์ศรีที่สุดเลย อาตมาไม่ทำ มันไร้ศักดิ์ศรี 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:35:11 )

อยากเป็นชาวบุญนิยมมากกว่าเป็นชาวอโศก

รายละเอียด

บุญนิยมคือ ผู้ที่ทำจิตให้รู้จักกิเลส แล้วสร้างพลังงานจิตตนให้ประหารละกิเลสได้ เหมือนกับสร้างระเบิดปรมาณู ที่มีแต่พลังงานจิต ระเบิดทำลายกิเลสได้หมดแล้วระเบิดก็หายไป ทุกวันนี้เข้าใจบุญไม่ได้ก็ไปสั่งสมบุญ เหมือนกับสั่งสมระเบิดมากแล้วนึกว่าตัวเองมีความดีงาม แท้จริงแล้วตัวเองมีกิเลสมากขึ้นต้อง สร้างระเบิดปรมาณูไว้ให้แก่ตัวเองมาก มันตรงข้ามกับสัจจะสภาวะความหมาย อันนี้สิทำให้ศาสนาพุทธเสื่อม เดี๋ยวนี้ก็มีคำว่า กาย คำว่าเทวะ มันได้ทำให้สัจธรรมผิดเพี้ยนไปหมด

บุญนิยม หมายถึงลัทธิหรือหมู่ชน ถ้าหมายถึงคนก็หมายถึงคนที่เข้าถึงบุญ อย่าง
นิยมะ คือเที่ยงแท้ทำลายกิเลสได้ แม้จะไม่ใช่ชาวอโศกแต่ศึกษาบุญนิยมให้ได้มรรคผล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 19:35:06 )

อยากเป็นชาวอโศกต้องทำอย่างไร

รายละเอียด

อยากเป็นชาวอโศกมันจะยากอะไร ก็ฟังธรรมะจากบุญนิยมทีวี เดี๋ยวนี้ใครมีโทรศัพท์มือถือก็ฟังได้หมด ไม่ต้องไปใช้สัญญาณดาวเทียมเลย กดดูได้หมดอยู่ที่ไหนก็กดดูได้ ฟังทาง LINE ทาง facebook ทาง youtube กดดูได้เลย เมื่อฟังแล้วเข้าใจคุณก็จะต้องปฏิบัติตามโดยมีศีลสมาธิปัญญาวิมุตติ นั่นคือคุณเป็นชาวอโศกทันทีอยู่ในมุมไหนของโลกก็ได้ไม่ยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 10:16:56 )

อยากเป็นอรหันต์ต้องทำเช่นไร

รายละเอียด

นั่นคือ ตรรกะ คุณไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย คุณต้องมีฉันทะ คือ อยาก ต้องการ ปรารถนา ใคร่

มีมโนสัญเจตนา ฉันทะ ยินดีที่จะปฏิบัติธรรม มีฉันทะเป็นมูลกา ตามมูลสูตร ต้องมีความยินดี มีความอยาก ฉันทะ ยินดีที่จะปฏิบัติ คุณไม่ยินดีมาปฏิบัติไม่ไหวหรอก มียินดีแล้วก็ต้องมีความปรารถนายิ่ง ปรารถนายิ่ง ต้องการยิ่ง ตั้งใจยิ่ง แล้วต้องมนสิการเป็น ต้องทำใจในใจเป็น ประเด็นนี้ไม่มีเลย โยนิโสมนสิการได้แต่คิด ไม่ใช่คิด ทำใจในใจ ทำใจในใจ ก็คือ ทำกายในกาย ทำเวทนาในเวทนา ทำจิตในจิต ทำใจในใจ ทำใจในใจตั้งแต่เรียนรู้ แยกออกว่าเจโตปริยญาณ คือ สราคะ ทำให้ออก วีตราคะให้ได้ จับสราคะ สโทสะ สโมหะ ให้ออก แล้วก็ลดลงมา ลดลงมาได้ จึงกลายเป็นวีตราคะ  ไม่ใช่ .. สังขิตตัง จิตตัง วิกขิตตัง จิตตัง ลงมาตามลำดับ จนกระทั่งเป็นมหัคคตะ จนกระทั่งลงไปถึงอนุตตระ  จนสำเร็จเป็นสมาหิตังเป็นวิมุติ ตามหลักของเจโตปริยญาณเลย ผมอธิบายได้เพราะว่ามีสภาวะ แล้วมันเรียง มันไม่ได้ต้องไปสับสนอะไร เจโตปริยญาณ 16 ก็ไม่เห็นจะต้องไปท่องอะไร มันเรียงแล้วเป็นหมวดหมู่ เป็น คู่ๆๆๆๆ ตั้งแต่ สราคะ วีตราคะ สโทสะ วีตโทสะ คู่ๆๆ มาจนกระทั่ง สังขิตตัง วิกขิตตัง จนกระทั่ง มหัคคตะ อมหัคคตะ  จนกระทั่ง อุตตระ อนุตตระ จน สมาหิตโต อสมาหิตโต วิมุติกับอวิมุติ  เป็น คู่ๆ ๆๆ มาเลย 8 คู่ 16 ตัว อย่างนี้เป็นต้น เวทนา 108 ก็ไม่เห็นจะต้องไปท่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมกับปัจฉา เวทนา 108 ย่อความให้ง่าย  วันที่ 10 ตุลาคม 2561 ในสวนดาว ถอดความ 


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:28:56 )

อยากให้ดีต้องฝึกบ่อยๆ เรื่อยๆ จะได้ดีขึ้นจริงๆ

รายละเอียด

หลวงปู่เรียนมาด้วยแต่ตอนนี้ไม่ได้วาด ไม่ได้ฝึกมือไม่ได้ซ้อมวาดอะไรไม่เป็นเลย แต่ก่อนนี้ก็ฝึกก็เรียนมา เรียนมาตั้ง 5 ปี ออกมาแล้วก็ไม่ค่อยได้ทำ หลวงปู่มาทำอื่นมากกว่า จบออกมาแล้วก็มาทำงาน สอนธรรมะนี่แหละเยอะมาก อยากจะให้มันสวยก็ต้องฝึกฝนเอา อยากจะให้ดีก็ฝึกบ่อยๆฝึกไปเรื่อยๆมันก็จะดีขึ้นได้จริงๆ ฝึกเอา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 16:07:25 )

อยากให้ผู้ใหญ่สังวรลดละพฤติกรรมคนคู่เพราะเด็กนักเรียนมักผิดศีลข้อ3

รายละเอียด

อย่ารำคาญ อันนี้เป็นธรรมชาติของคน เด็กมันมีฮอร์โมน มันเป็นธรรมชาติคุณหลีกพ้นไม่ได้หรอก อย่ารำคาญอย่ากังวลกัน พวกเรามีวิธีสอนกัน มันจะมีหรือไม่มีก็ตามจะมีคนเป็นตัวอย่างนี้ก็ตาม ไม่มีตัวอย่างนี้ก็ตาม เด็กมันก็จะต้องมีอาการพวกนี้ทั้งนั้นแหละไม่ต้องไปว่า ฟังการตำหนิติติงบ้าง ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ยอมให้เขาว่าไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:54:27 )

อยากให้พ่อครูอยู่นานๆต้องมาฟังธรรมมากๆ

รายละเอียด

ของเราหากแสดงไปไม่มีใครรับก็เสียทิ้งเปล่าๆ แต่เมื่อมีคนรับได้ก็ยินดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:45:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:21 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:41:38 )

อยากให้เมืองไทยมีความสงบสุข แบบ Switzerland

รายละเอียด

พูดดักไว้เลย อาตมาไม่เจตนาให้เขาเอาไปทำ อย่างที่แบบไอน์สไตน์ค้นพบ E=mc2 ซึ่งเขารู้กันแล้วเรื่องแบบนี้ ว่าตอนนี้ไม่พยายามทำ เขารู้กันมาก แต่คนทำมีน้อยกว่า คนมิจฉาทิฏฐิ ก็จะสร้างไว้เพื่อป้องกันตัว เบอร์หนึ่งก็คือ เกาหลีเหนือที่ทำอยู่ นอกนั้นก็มีอีกหลายประเทศที่เขามีทุนรอน และมีความกลัวเพื่อป้องกันประเทศตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นภาวะเป็นจริงในมนุษยชาติสังคม ในความคิดของมนุษย์ เมืองไทยนี่แหละ ถ้าจะพูดแล้ว ในเมืองไทย หลวงปู่เคยพูดถึงสวิตเซอร์แลนด์ เป็นตัวอย่างของความสงบสุข ไม่สร้างความรุนแรงได้สนิทยิ่งกว่าประเทศไทย หลวงปู่ว่าอยากได้คุณสมบัติแบบนี้จังเลย แบบ Switzerland มาเป็นในเมืองไทย แต่อยากได้ก็ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามสัจจะที่จะมีองค์ประกอบตามบารมี จะเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตถตา ทุกอย่าง บังคับหรือบีบคั้นไม่ได้เลย ในทุกกัปป์ทุกยุคสมัยในวัฏสงสารจะเป็นเช่นนั้น ก็ต้องเป็นไปตามลำดับ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:38:50 )

อยากไปอยู่บ้านราช

รายละเอียด

ขอเชิญมาได้ มีหลักเกณฑ์ถือศีล 5 รับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่มีอบายมุข ก็มาได้ในชุมชนชาวอโศกทั่วประเทศ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 18:31:14 )

อยู่กันตามความเป็นจริงที่เราเกื้อกูลกันได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอยู่ในที่นี้อย่ากลายเป็นคนมาแอบแฝงกิน แอบแฝงอยู่ แต่พูดไปแล้วนี่ คนที่ไม่ค่อยได้ทำงาน เพราะว่าแก่แล้ว เจ็บป่วยมากแล้ว อะไรก็อย่าไปทำเกินไปล่ะ ก็ให้สมสัดส่วน เจียมแก่บ้างเจียมเจ็บบ้าง ไม่ใช่เสแสร้งนะว่าเราไม่รู้ตัว ไม่ใช่ ก็รู้ตัวตามสมควร ก็อยู่กันตามความเป็นจริงที่เราเกื้อกูลกันช่วยเหลือกัน พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย มันเป็นสังคมที่ประเสริฐ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำ เดือนห้า ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:24:13 )

อยู่กันอย่างประนีประนอม

รายละเอียด

โลกุตระอยู่ร่วมกับโลกียะได้อย่างผาสุก แต่โลกียะสิ เขาจะกระเหี้ยนกระหรือเอากับทางโลกุตระ  เราก็พยายามรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางไป อยู่กันไปอย่างประนีประนอม อยู่กันอย่างที่ไม่ไปเที่ยวทำอะไรรุนแรงกัน นี่เป็นคุณสมบัติของผู้ที่สามารถรู้จักป้องกันตัวเอง รู้จักรักษาตัวเองและอยู่กับชาวโลก ชาวมนุษยชาติ เท่าที่จะต้องสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ก็อยู่กันอย่างพอดิบพอดี 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 19:34:28 )

อยู่กันอย่างพรั่งพร้อมมีความขัดแย้งอย่างพอเหมาะ

รายละเอียด

หลวงปู่จะรู้สึกเงียบเหงา ปิดเทอมและเด็กกลับบ้านไปหมด ก็จะเงียบเหงาถ้าเด็กๆอยู่ก็ครื้นเครง อย่างนั้นจริงๆ หลวงปู่นี่ชอบจะให้มีคนอยู่กันอย่างพร้อมพรั่ง สนุกสนานรื่นเริง อย่าทะเลาะกัน อย่าทำร้ายกัน อยู่กันอย่างสนุกสนาน มีการขัดแย้งอันพอเหมาะ อย่างสังคมที่หลวงปู่พาทำนี้เป็นสังคมที่พอเหมาะแล้ว ลงตัวดีแล้ว แม้จะเป็นเด็กๆพวกเราก็ไม่เหมือนข้างนอกเขา  ไม่ไปทะเลาะกันก็อยู่กันอย่างสงบสมควรแก่ธรรม ดีมากแล้วเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าขาดอย่างนี้ไปก็เงียบเหงา ใครปิดเทอมแล้วอยู่ที่นี่เลยก็ดี พูดไปแล้วมีเด็กคนไหนคิดจะไม่กลับบ้าน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:29:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:14 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:42:07 )

อยู่กันอย่างสบายด้วยสาราณียธรรม 6 เป็นเช่นไร

รายละเอียด

มันลงตัวที่สุดเป็นสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างสบาย อยู่กันอย่างเมตตามีกายกรรม พฤติกรรมทางกายทำงานทำการกันไปมีเมตตาทางวาจา ใครขี้เกียจหน่อยก็ช่วยบอกว่าให้ขยันกันขึ้นมาบ้าง อย่างโน้นผิดอย่างนี้ไม่ดีก็บอกก็เตือนกันไป อย่างนี้ดีก็ชมกันได้ เล็กๆน้อยๆ สัมมาวาจาเมตตาวาจา เมตตาทางใจเป็นประธานเลย จิตใจไม่ไปโกรธเคืองไม่ไปแค้นไม่ไปกดข่ม ไม่ไปดูถูกดูแคลนอะไรเขา เห็นเขาตกต่ำเห็นเขาเลวเขาชั่ว เห็นเขาไม่ดีไม่งาม เห็นเขาเลวทราม เขาจะมองอย่างนี้เห็นเขาว่า นั่นแหละเขามีกรรมที่ทำเลวทำชั่วไม่ดีงามทำทรามอย่างนี้ เราก็สงสาร อย่างนี้มันจะพ้นสงสารอีกเมื่อไหร่ จะพ้นสังสารวัฏอีกเมื่อไหร่ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:26:58 )

อยู่กันอย่างสามัคคีอยู่กันอย่างสงบ

รายละเอียด

ที่นี้มาพูดถึงเศรษฐกิจคือการกระจายสิ่งที่กินที่ใช้ มันไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือการบริหารการให้ประชาชนแต่ละคนอยู่กันอย่างสามัคคีอยู่กันอย่างสงบอย่างพอเป็นไปได้อาศัยเศรษฐกิจ อาศัยความเป็นสังคม มาถึงการกระจายสิ่งที่กินที่ใช้ก็ไปหลงเฟ้อ จะต้องเสพความสนุกสนาน จะต้องเสพความชนะความแพ้ จะต้องเสพรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เขาไม่รู้จักความติดยึด เขาไม่รู้จักกิเลส 

ชาวอโศกรู้จักกิเลสแล้วไม่ไปแย่ง ไม่ไปแย่งความชนะแบบนั้น จะชนะแบบรวย ก็ไม่แย่ง ชนะแบบสวยก็ไม่แย่ง ชนะแบบมีอำนาจก็ไม่แย่ง ชนะแบบได้ยศศักดิ์ ก็ไม่แย่ง แม้แต่ชนะแบบจะได้รับการยกย่องสรรเสริญก็ไม่แย่ง จนที่สุดเรามาเข้าใจว่าแม้แต่สุขก็ไม่ไปแย่ง เพราะเราไม่เสพสุข เรารู้ว่าสุขคือความติดยึด คือมายาตัวหนึ่ง คือสิ่งที่หลอกของอารมณ์ สิ่งหลอกอารมณ์ เวทนาของมนุษย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:02:41 )

อยู่กับ 1 และ 0

รายละเอียด

1 คือบทบาทอาศัยให้มี ยังไม่สูญเป็นปรินิพพานปริโยสาน ก็ยังทำงาน เพื่อให้คนอื่นทำ 1 หรือ 0 ได้อีก เป็นผู้ที่สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้าไป ด้วยการให้อิสระให้สิทธิ์คิด ไม่ใช่ให้เชื่ออย่างเดียวโดยไม่มีวิจัยวิจาร เห็นต่างก็ได้สุดยอดประชาธิปไตย คนเชื่ออย่างนี้ก็พิสูจน์ของตัวเองไป ก็บอกว่าของเราถูก คุณก็บอกว่าของคุณถูก ต่างคนต่างพิสูจน์เป็นนานาสังวาส ไม่มีการทะเลาะกัน ไม่ไปทำร้ายทำลายกัน เขาเชื่ออย่างนั้นก็ให้เขาทำอย่างนั้น แต่เราบอกว่ามันไม่ถูกนะ เราก็มีสิทธิ์ จริงใจ ก็บอกว่าอย่างนี้ถูกกว่า อย่างนั้นเราก็รู้แล้วพิสูจน์มาแล้ว จะแยกแยะ 2 ออกมาเป็น 1 จนกระทั่งทำ 0 ได้ ทำได้จนกระทั่งชำนาญ อย่างอาตมาโพธิสัตว์ระดับ 7 ชำนาญมาสอนอย่างนี้พูดไป ตกผลึกเป็นอเนญชา เป็นธาตุนิพพานที่สั่งสอน อเนญชา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา

ระดับ 7 นี้ก็แข็งแรงในคุณสมบัติ 5 อย่างนี้มากพอ ไม่มีอะไรทำลายได้แล้ว

เวทนาเป็นธรรมะสอง คือสุขกับทุกข์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:10:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:57 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:42:55 )

อยู่กับกิเลสอย่างไรให้สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

เราก็อยู่อย่างพยายามรู้จริงๆ ว่าเราอยู่กับกิเลสมันเป็นอาการอย่างไร กิเลสมันเป็นตัวเลวตัวไม่ดีอย่างไร ก็อ่านอาการมันให้ชัด จนเราชัดว่า อ๋อ.. กิเลสมันไม่ดีอย่างนี้ ตัวปฏิภาณปัญญาของคนรู้ว่าอันนี้เป็นตัวผีร้ายตัวเลวตัวไม่ดีจริงๆ ปฏิภาณคนรู้ว่าอันนี้มันอยู่กับเราเป็นตัวไม่ดีนะ ใครล่ะ ความฉลาดของตัวเองย่อมมีเป็นสามัญอยู่แล้ว ใครจะเอาความไม่ดีไว้ รู้ว่ามันไม่ดีก็ไม่ต้องพูดแล้ว รู้ว่ามันไม่ดีคุณจะเอาไว้ก็เอาเถอะ รู้ว่ามันไม่ดีจริงๆ ชัดเจนแล้วถ้ารู้แล้วยังจะเอาไว้ก็แล้วแต่คุณสิ อย่างนั้น แต่สามัญแท้ๆ ใครจะอยากเอาความไม่ดีไว้ตัวเอง ถ้ามันรู้ว่าไม่ดีมันจะไม่เอาไว้ ข้อสำคัญก็คือว่า จะไม่เอาไว้แต่มันยังอยู่จะทำอย่างไรจะไม่อยู่กับเราจะไม่เอาไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:50:53 )

อยู่กับคนคิดต่าง เราจะปฏิบัติตัวอย่างไร?

รายละเอียด

หาก“ดี”แก่กันไม่ได้ ก็อย่าสัมผัสกันเลย ต่างคนต่างอยู่

อย่ากระทบภาวะนั้นๆให้ได้ โดยมันก็อยู่ของมันไปตาม“ธรรมชาติ”

ของมัน(คือ ยังมี“ชาติ”อยู่)  ส่วนเราก็อยู่ตาม“ธรรม”ของเรา 

แต่ถ้าต้องสัมผัสกัน ก็อย่าให้มีผลเสียหายต่อกันให้ได้ ให้

เป็น“ผลดี” เช่น ตำหนิเขาให้รู้ตัว ให้เขาเข้าใจตัวเองแล้วแก้ไข

ตนเองได้ นั่นแลวิเศษ ซึ่งเราก็ต้องแน่ใจว่าเรา“ถูกต้อง”จริงแท้

แน่นะ ก่อนจะตำหนิเขา เราก็จะเป็นผู้ช่วยเหลือเขาจริงๆ

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 104 หน้า 106


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:46:00 )

อยู่กับความปรุงแต่งของโลกต้องอนุเคราะห์กัน

รายละเอียด

แต่เราอยู่กับความปรุงแต่งของโลกที่ยังเกี่ยวข้องกันต้องทำงานร่วมกัน ต้องอนุเคราะห์กันต้องอนุโลมปฏิโลมต้องช่วยเหลือกัน เพื่อที่เราจะเป็นผู้ที่มีประโยชน์เป็นผู้ที่ไม่เป็นภาระ ไม่เป็นโทษไม่เป็นภาระแก่ผู้อื่นเลย ชีวิตของคน พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่าเราจะทำตนอย่างไรให้เป็นคนที่ไม่เป็นโทษเป็นภัยกับผู้อื่น นอกจากไม่เป็นโทษไม่เป็นภัยกับผู้อื่นแล้วต้องไม่เป็นภาระ แต่ไอ้ภาระนี้ มันถึงครั้งคราวก็จะต้องให้เขาช่วย อย่าสะดีดสะดิ้งมากนัก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:26:36 )

อยู่กับปัจจุบันให้เล็กที่สุด

รายละเอียด

ถ้าสมมุติว่าจะออกไปอย่างนั้นจริงๆพวกเราจะมีคนช่วย มาช่วยปอกมะม่วงปอกมะละกอมาช่วยเด็ดผัก คงจะมีเยอะเลย เพราะว่าความจริงพวกเราที่แสดงออกในเรื่องพวกนี้ได้แพร่หลาย คนจะเข้าใจโดยปริยาย รู้ว่าชาวอโศกมีอะไรเป็นจุดเด่นที่จะมาร่วมได้ คนที่มีปฏิภาณปัญญารู้ว่า เราต้องมาร่วมอย่างนี้ ส่วนคนที่ไม่ยินดีก็ไม่มา แต่แค่คนมีปฏิภาณความรู้ก็เพิ่มขึ้นแน่นอน ถ้าได้ออกไปอีกจะมีคนมาแน่นกว่านี้อีกเยอะ ก็ไม่รู้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอีกจะต้องไปหรือไม่ไปหาตั้งนานไม่ใช่ guru sudandham อาตมาไม่มีปัญหาหรอก อาตมาว่าอาตมาพร้อมตลอดเวลา อาตมาอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นจุดที่เล็กที่สุด อดีตกับอนาคตอาตมาไม่เอามาคิดมาก อยู่กับปัจจุบันให้เล็กที่สุด อดีตนิดนึงอนาคตนิดนึงอาตมาก็ไม่กังวล ไม่เอามาเป็นเครื่องกังวลอะไร สบาย ใครไม่สบายก็เป็นเรื่องของคนอื่นอาตมาสบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:27:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:32 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:43:41 )

อยู่กับอโศกคุณได้ความไม่ได้

รายละเอียด

ผู้ที่มาใช้หนี้หรือสร้างบารมี พวกเรา มันก็มีที่อาตมาอธิบายไปแล้ว พวกคุณจะต้องมีความเฉลียวฉลาดหรือมีปัญญาของตัวเอง ที่จะมา ตัวปัญญาหรือธาตุรู้ของแต่ละบุคคลเป็นตัวตัดสินตัวเอง คุณจะได้ฟังใครพูดจะได้ฟังอะไรอย่างอื่นแนะนำมาบ้างก็แล้วแต่ แต่การตัดสินใจมันอยู่ที่ตัวคุณเอง ตัวเราเองเป็นเจ้าของชีวิตของเรา เพราะฉะนั้นเราจะเป็นอย่างไรก็ตัดสินของเราเอง ถือว่าตัวตัดสินนั้น ที่นี้ตัวความรู้ ไหวพริบ ความเฉลียวฉลาด การตัดสินใจมาอยู่กับอโศก กับการตัดสินใจ ไม่เอา ไม่อยู่กับอโศก ต่างกันไหม …ต่าง ก็เป็นเชิงความคิดของเขาแต่ละคน อย่างนี้นี่ง่ายๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่ตัดสินใจมาอยู่กับอโศกจริงๆโดยความมุ่งมั่นหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีตัวความเจริญ ความฉลาด ความรู้ของแต่ละคน ทั้งๆที่ลึกๆแล้วคุณมาที่นี่โดยทางโลกแล้วคุณไม่มีได้เลย มีแต่ทำ โดยโลกโลกีย์คุณไม่ได้ คุณก็มีภูมิปัญญารู้อันนั้นใช่ไหม และที่ว่าทำนี้เป็นโลกุตรธรรม คุณได้อะไร คุณได้ความไม่ได้ ? แล้วเอาไปทำไม…ก็ไม่เอา…(ดี) ได้ก็ไม่ได้ ก็คือไม่เอา ไม่ได้แล้วไปทำมันทำไม ก็คือไม่ได้ เพราะไม่เอา เอากับไม่เอา ใช่ไหม ไม่ใช่เล่นลิ้นตลกชวนชื่นนะ เอาอะไร? …เอาไม่เอา เราเอาความไม่เอา แล้วไม่เอาอะไร หากคนโลกีย์จะไม่รู้เรื่อง คนที่มี อัญญธาตุ เป็นธาตุโลกุตระในจิต แต่มาไม่ได้เพราะมีวิบาก คุณก็ได้แต่ติดตามฟัง ค่อยๆปฏิบัติใช้หนี้ทางโน้นค่อยๆพัฒนาตัวเองไปจนกว่าจะหลุด หลุดๆๆ หนี้ หลุดที่มันเกาะเกี่ยวได้จนมาได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:41:00 )

อยู่กับอโศกคุณได้ความไม่ได้

รายละเอียด

ผู้ที่มาใช้หนี้หรือสร้างบารมี พวกเรา มันก็มีที่อาตมาอธิบายไปแล้ว พวกคุณจะต้องมีความเฉลียวฉลาดหรือมีปัญญาของตัวเอง ที่จะมา ตัวปัญญาหรือธาตุรู้ของแต่ละบุคคลเป็นตัวตัดสินตัวเอง คุณจะได้ฟังใครพูดจะได้ฟังอะไรอย่างอื่นแนะนำมาบ้างก็แล้วแต่ แต่การตัดสินใจมันอยู่ที่ตัวคุณเอง ตัวเราเองเป็นเจ้าของชีวิตของเรา เพราะฉะนั้นเราจะเป็นอย่างไรก็ตัดสินของเราเอง ถือว่าตัวตัดสินนั้น ที่นี้ตัวความรู้ ไหวพริบ ความเฉลียวฉลาด การตัดสินใจมาอยู่กับอโศก กับการตัดสินใจ ไม่เอา ไม่อยู่กับอโศก ต่างกันไหม …ต่าง ก็เป็นเชิงความคิดของเขาแต่ละคน อย่างนี้นี่ง่ายๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่ตัดสินใจมาอยู่กับอโศกจริงๆโดยความมุ่งมั่นหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีตัวความเจริญ ความฉลาด ความรู้ของแต่ละคน ทั้งๆที่ลึกๆแล้วคุณมาที่นี่โดยทางโลกแล้วคุณไม่มีได้เลย มีแต่ทำ โดยโลกโลกีย์คุณไม่ได้ คุณก็มีภูมิปัญญารู้อันนั้นใช่ไหม และที่ว่าทำนี้เป็นโลกุตรธรรม คุณได้อะไร คุณได้ความไม่ได้ ? แล้วเอาไปทำไม…ก็ไม่เอา…(ดี) ได้ก็ไม่ได้ ก็คือไม่เอา ไม่ได้แล้วไปทำมันทำไม ก็คือไม่ได้ เพราะไม่เอา เอากับไม่เอา ใช่ไหม ไม่ใช่เล่นลิ้นตลกชวนชื่นนะ เอาอะไร? …เอาไม่เอา เราเอาความไม่เอา แล้วไม่เอาอะไร หากคนโลกีย์จะไม่รู้เรื่อง คนที่มี อัญญธาตุ เป็นธาตุโลกุตระในจิต แต่มาไม่ได้เพราะมีวิบาก คุณก็ได้แต่ติดตามฟัง ค่อยๆปฏิบัติใช้หนี้ทางโน้นค่อยๆพัฒนาตัวเองไปจนกว่าจะหลุด หลุดๆๆ หนี้ หลุดที่มันเกาะเกี่ยวได้จนมาได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:41:00 )

อยู่กับโลกโดยไม่ตกเป็นทาสของโลกได้อย่างไร

รายละเอียด

รู้อธิปไตยของโลก อธิปไตยของอัตตา รู้จักอธิปไตยของโลกจึงรู้จักอธิปไตยของประชาชน มันก็เป็นภาษาใช้แทนกันได้ เป็นไวพจน์ โลกาธิปไตยหรือประชาธิปไตยก็ใช้แทนกันได้ อธิปไตยคือพลังคืออำนาจสิ่งที่มีในตัวเอง เรียกว่าเป็นพลังหรือว่าอำนาจ ที่รู้จักโลก แล้วก็อยู่กับโลกโดยไม่เป็นทาสของโลกเลย เช่น ท่านแจกว่าโลกนี้คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เราก็อยู่เหนือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีพลังอยู่เหนือหรือเป็นใหญ่ อธิปไตย ลาภก็มีโดยธรรมเรียกว่า ลาภธัมมิกา อาตมาก็มีลาภโดยธรรม ยศก็มียศโดยธรรม แต่ไม่ต้องติดยึด แต่ไม่ต้องเอาลาภมาเป็นตน ยศของอาตมาคือพ่อครู ตอนนี้จะให้เรียกพ่อเฒ่า แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากให้เรียก เฒ่า ก็ใกล้กับขี้เถ้า คือใกล้ตายเผาเป็นขี้เถ้า ยังมี เท่า อีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำหนิให้เขาดื่มได้คือหน้าที่ของผู้ทำงานศาสนา วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2564 ( 19:27:00 )

อยู่คนเดียวก็ตายลูกเดียว

รายละเอียด

อ้าว บรรลุธรรมแล้ว รอรับ สักวันหนึ่งคงมาแล้ว คุณพอใจ รักดี จะไปไหน คุณไม่สะสม ก็จะอยู่สาธารณะโภคี ไม่สะสมแล้วข้าวของเงินทองไม่เอาแล้วจะอยู่คนเดียวก็ตายลูกเดียว คือมันได้เหมือนกันนะคุณไม่ใช้เงินทองคุณไม่สะสมเลย แล้วสิ่งของคุณก็ไม่สะสม แล้วคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าเผื่อว่าคุณวันนี้มันเจ็บปวดทำอะไรไม่ได้ แล้วคุณจะทำอย่างไร คือละเอียดๆ แล้วมันไม่ได้หรอก ศาสนาพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าเป็นศาสนาแห่งสังคม ศาสนาที่จะต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นหมู่ เป็นฝูง มีกายมีจิต กายคือองค์ประชุม กายคือหมู่คือฝูง กายไม่ได้มีเดี่ยว กายต้องมี 2 ขึ้นไป อย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำ เดือนห้า ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:12:26 )

อยู่คนเดียวเป็นการติดภพ

รายละเอียด

ก็เอาตั้งแต่การติดภพ เลยไม่เข้าใจว่าอยู่คนเดียวไม่เห็นเกี่ยวกับใครๆเลยก็คือถูกต้องเป็นการติดภพ แม้แต่ติดภพอยู่ข้างนอกที่จะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 09:49:32 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:08 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:44:01 )

อยู่ชื่นชมความจริงโลกุตระของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ถ้าเป็นอรหันต์ขึ้นไปก็ชัดเจน อาตมาถึงอยากจะอายุยาวเพื่อจะดูความเจริญความจริงของโลกุตระของพระพุทธเจ้า อยากจะอยู่ดูว่ามันจะน่าชื่นใจขนาดไหน ขนาดมีน้อยขนาดนี้ก็ยังชื่นชม ถ้ามันสามารถมีกระจายไปตามประเทศอื่นก็ยิ่งชัดเจน เข้าใจโลกุตระแล้วทำไปอย่างมีเพื่อนทำด้วยกันมีประเทศที่ 2 3 4 สาธุ ถ้าอยู่ 151 ปี ก็พอจะได้เห็นรอยๆไรๆบ้าง เอาน่า เดี๋ยวอีก 4 ปีอาตมา 90 อีก 6 ปี อายุ 96 ถ้าถึง100 ความเจริญคงพอสมควรแล้ว คงจะไม่มีเงินมีทองก็ฉลอง ไม่มีเงินทองก็ฉลองกันได้ เอาพวกนี้(พืชผักผลไม้) มาฉลอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:39:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:35 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:44:33 )

อยู่ด้วยกันต้องเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน 

รายละเอียด

ถามความเห็นของอาตมา อาตมาก็ต้องฟังกรรมการ ความเห็นกรรมการ เขาตัดสินอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น อาตมาไม่ใช่เจ้าเข้าเจ้าของ สิ่งที่จะมากำหนดต่างๆนานาในหมู่กลุ่ม ซึ่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์เหตุปัจจัยอะไรต่างๆนานา เราจะไปกำหนดเอาเองไม่ได้ ก็แล้วแต่กรรมการเขา เขาจะว่าอย่างไรอาตมาจะไปบงการก็ไม่ดี เพราะอยู่ด้วยกันต้องเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 15:39:42 )

อยู่ตามกฎสังคมโลกกับกฎของธรรมะต่างกัน

รายละเอียด

สมมุติว่าใครคนหนึ่งกิเลสที่จัดๆ เข้ามาในนี้ คุณจะรู้สึกเลย คุณจะให้อยู่ไหม?...ก็เขาจะมามี เขาจะไม่มีศีลเลย เขาจะไม่เลิก อบายมุขเขาก็เอามา …(มีเสียงคนว่าให้ธนาธรรับไป) 

มันก็ยากนะ เขาไม่กล้าลองกันหรอก ไม่ได้ มันอดไม่ได้มันยั้งหยุดไม่ได้ เขาก็ต้องวิ่งออกไปข้างนอกเพราะที่นี่มันไม่มีให้ คุณจะเอาเงินมากๆคุณก็ปล้นเอาสิพวกเราก็ได้แค่นี้ คุณอยู่ทางโน้นมีให้ดูดไม่ต้องปล้นเลยทางโน้นคุณสามารถเอามาใช้ตามกฎสังคมโลกเขา คุณก็เอาเปรียบเขาได้ คุณก็ได้เปรียบเขาอยู่สามารถกว่าเขาในโลกมีเชิงชั้นเอาเปรียบกันได้ ตามกฎเกณฑ์ของโลกที่ยินยอมกัน แต่ของเราเป็นกฎของธรรมะ ไอ้โน่นเขายินยอมตามกฎของโลก เอ็งแย่งได้แต่นี้ยอม แต่ที่นี่ไม่ต้องแย่ง ใครยินดีให้เท่านี้ก็เอาไปเลยมันต่างมุมกัน อยู่กันต่างคนละอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 18:53:36 )

อยู่ต่ออย่างน้อยให้ครบ 8 ปี

รายละเอียด

แต่ส่วนใหญ่ของประเทศนั้นชัดเจนรู้ดีและว่าการบริหารประเทศนั้นขณะนี้ ที่พลเอกประยุทธ์บริหารอยู่นี้ เป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้น กระแสที่บอกเหมือนประชดว่าอยู่ไปเลยตลอด แต่ความรู้สึกที่เป็นจริงมีอยู่เยอะ ในความเป็นจริงของคนไทยที่แสดงออก มีนี่เป็นสิ่งที่อาตมาวิเคราะห์วิจัยให้ฟังบ้าง ทีนี้ สิ่งที่จะเกิดต่อไป เชื่อมต่อไป มันก็อยู่ที่ว่า นายกฯประยุทธ์นี่แหละ อาตมาว่า ลองทำไปดูสักประมาณ เท่าที่เมืองไทยเรามีผู้ทำ คือ พลเอกเปรมทำมา 8 ปี พลเอกประยุทธ์ก็ทำไปไม่ถึง 4 ปีดี ทำไปเถอะ อย่างน้อยสัก 8 ปี เท่าพลเอกเปรมดูซิ อาตมาว่า การทำงานจะเห็นผล ทำงานอย่างพลเอกเปรม กับทำงานอย่างพลเอกประยุทธ์ แล้วจะมีผลต่อประเทศหรือเป็นผลต่อโลกด้วย อย่างไรแค่ไหน อาตมาว่า น่าสนใจนะ น่าให้ลองไหม น่าให้ลองนะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:59:28 )

อยู่ที่คน กับการใช้งาน

รายละเอียด

มันก็อยู่ที่ว่าจะสร้างอะไร สิ่งที่สร้างขึ้นมานั้นเป็นสิ่งจำเป็นเป็นคุณค่าเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติหรือสร้างสิ่งที่ขึ้นมาทำลาย สร้างเหล้ายาสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่ากันสิ่งเหล่านี้มันทำลาย แต่ที่สร้างขึ้นมาเป็นคุณค่าประโยชน์นั้นมันจะสร้างอยู่ในประเทศไทยหรือประเทศไหน มันก็ดีทั้งนั้นแหละ และยิ่งเผยแพร่แจกจ่ายเจือจานเกื้อกูลกัน ด้วยคุณธรรมที่ดีมันก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก 1 สิ่งที่สร้างดีหรือไม่ดี 2 พฤติกรรมของการเอาสิ่งนั้นไปแจกจ่ายเกื้อกูล หรือเอาไปเป็นโทษ มันก็เป็นความจริงทั้งนั้นเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดมากหรอกมันจะอยู่ไหนก็ได้มันอยู่ที่คน กับการใช้งาน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:02:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:45:01 )

อยู่ที่ฐานจิตภูมิธรรม

รายละเอียด

การมาอยู่กับชุมชนชาวอโศก มันอยู่ที่ฐานจิตของคุณภูมิธรรม ของคุณที่มาร่วมมาอยู่ได้  หรือไม่ได้คนที่จิตใจยังไม่ยินดีจะเข้ามาจริงๆมาอยู่จะยาก ถ้าหากมีจิตยินดีมาอดทนฝืนได้นะ มาเร็วได้ก็ยิ่งดีไม่ต้องประมาทว่าเรายังสาวยังหนุ่มอยู่ มาได้ตอนหนุ่มสาวก็ยิ่งดีแก่แล้วอายุ 101 มาแล้วมันจะเกินไป หากหามกันมาช่วยกันดูแลภายนอก ก่อนก็น่าจะดีกว่า ทางไปไหนก็ยังมีภาระ ถ้าหากมีคนเหลือเพียงพอ มีชราภิบาล พิการภิบาล มีสถานที่ช่วยดูแลคนชรา คนพิการได้เราก็ค่อยมารับได้ตอนนี้เรายังไม่พร้อมเท่าไหร่

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:27:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:42 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:45:38 )

อยู่ที่ไหนก็สุขได้

รายละเอียด

พูดให้คนไม่มีความรู้มันเป็นตรรกะตื้นๆ คนมีกิเลสตัณหาจึงจะสุข คนไม่มีกิเลสตัณหาถึงจะไม่มีสุขแล้ว พูดว่าอยู่ที่ไหนก็สุขถ้าไม่มีกิเลสตัณหา มันเป็นตรรกะตื้นๆ โดยเฉพาะธรรมะของพุทธ ที่พูดนี้ผิดชัดเจนเลย เป็นการพูดด้วยโวหาร เป็นปรมัตถ์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย มันเป็นตรรกะเป็นภาษาคารมเฉยๆ ยิ่งมีความสุขมากๆก็ยิ่งมีกิเลสตัณหาหนา เพราะติดในความสุข โดยไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีคู่คือความทุกข์ แยกไม่ออกหรอก แต่แท้จริงมันแยกกันไม่ได้ แต่คุณต้องแยกด้วยความรู้ ต้องให้เป็น 2 ด้วยความรู้แต่จริงๆมันแยกกันไม่ได้ มันต้องดับทั้งคู่ ดับทั้งความสุขและความทุกข์ เพราะมันแยกไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนซาดิสจะเห็นคนอื่นทุกข์แล้วชอบ คนที่เป็นมาโซคิสตนเองเจ็บปวดทรมานก็ชอบ เป็นความบ้าบอความวิปลาส 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 06 พฤศจิกายน 2562 ( 15:25:32 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:35 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:46:27 )

อยู่นิรันดรได้ให้เมื่อยทำไม

รายละเอียด

อาตมาว่าอาตมาจะอยู่นิรันดรได้ แล้วจะอยู่ไปให้เมื่อยทำไม มันมีความเบื่อหน่าย มันมีความเบื่อความหน่าย ก็พอแล้ว แต่คุณคิดโดยไม่รู้ความจริงว่า แม้แต่ความเมื่อยความเหนื่อยความหมาย คุณก็ไม่รู้ความจริงว่าพระเจ้าทำให้ไม่รู้จักความเบื่อความหน่ายความเมื่อย คุณไม่ศึกษาว่ามันมีผลักกับมีดูด เบื่อหน่ายคลายก็คือการสละแยกเลิกออกไปเลย คุณก็รู้จักดูดจนกระทั่งได้สูงสุดเป็นพระเจ้าใหญ่เลยดูดไม่มีการปล่อยเลย ดูดเป็นเจ้าของความดูด คุณก็เลยเป็นเจ้าของอัตตา จนกระทั่งเป็นปรมาตมันเป็นอาตมัน คุณก็นึกว่าคุณเป็นอย่างนั้นจะเป็นผู้บัญชา เป็นผู้บงการ เป็นผู้สร้าง ยิ่งกว่านิรันดร ไม่มีอะไรเป็นช่องว่างเลย ไม่มีอะไรอยู่ในระหว่างเลยยิ่งกว่านั้นอีก ยิ่งกว่า นิระ กับ อันตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 10:31:11 )

อยู่บนภูดูเสือกัดกัน

รายละเอียด

จะต้องให้เกียรติเสียงส่วนน้อยบ้าง มีคำกล่าวของสากลเขาบอกว่า Majority Rule Minority Right 

Majority คือส่วนใหญ่ เราก็เคารพ แต่ควรต้องเคารพ Right ของส่วนน้อยเขาด้วยไม่ใช่คุณจะมาเหยียบย่ำดูถูกดูแคลนมาข่ม ได้ยอดพีระมิดเป็นส่วนน้อย
หรือส่วนใหญ่หนอ.. เป็นส่วนน้อย

ก็ดูเขาไป ไม่อยากติเรือทั้งโกลนให้เขาทำไปก่อน ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำงานยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังขัดข้องทางกติกาทางเทคนิคทางความเป็นจริงอีกหลายช้อยส์เลยที่จะต้องสังเคราะห์กันขึ้นไปอยู่ ก็ Wait and See พวกเราก็ดูเข้าไป เราก็ไอซียูไป Wait and See เราก็ดูไป เราไม่ใช่คนดูไบ อยู่บนภูดูเสือกัดกัน อยู่บนภูก็ดู 4 ขากัดกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2566 ( 19:01:59 )

อยู่บ้านตั้งตนชอบแล้ว หรือย้อนแย้งกับการทำให้เจริญก้าวหน้า

รายละเอียด

ไม่ย้อนแย้ง มันเป็นภาวะที่เป็นคู่ ก็ตั้งตนไว้ คุณทำให้มันตั้งลงหยั่งลง ตน ทำตนให้ตั้งลง 

ตน เราอ่านด้วยสำเนียงสระไทย ก็คือ ตน แม่กนเลย บาลีจะอ่าน ตะนะ อย่างกะนะ แต่คนไทยเรียก กน 

ทำตน จะเรียกตนะหรือ ตต ถ้า ตต เป็นตัวไม่หมด ถ้า ตน นี้เป็นตัวหมดได้ ต คือตั้งตั้ง น คือไม่มี ตต นี่ไปเรื่อยๆๆ ไม่หมด คุณก็จะมีแต่มีแต่มีไม่รู้จักจบ 

เพราะฉะนั้นจากคุณจะเรียน ตต คุณโง่กับ ตต เพราะมาเรียนแต่ ตต 

ก็มาอยู่กับสิ่งที่เป็นคุณค่า เป็นสิ่งที่ดี คุณก็มาเรียนจนกระทั่งรู้เราไปหลง ตต ตั้งนานก็เลิกเสียที ไม่เอา ก็เป็น ตน จาก ตต มาเป็น ตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:31:29 )

อยู่ป่าตัดนิวรณ์ 5 ไม่ได้เพราะไม่ลืมตาปฏิบัติสัมผัส

รายละเอียด

ในอุปาลิสูตร ไม่ได้ให้ไปหนีออกป่าเขาถ้ำพระอุบาลีปรารถนาจะไปอยู่ป่า  และราวป่าอันสงัด พระพุทธองค์ตรัสว่า…  ป่าและราวป่าอันสงัดอยู่ลำบาก  ทำความวิเวกได้ยาก   ยากที่จะอภิรมย์ในการอยู่ผู้เดียว.    ป่าทั้งหลายเห็นจะนำใจของภิกษุผู้ไม่ได้สมาธิไปเสีย  ผู้นั้นจำต้องหวังข้อนี้  คือ  จักจมลงหรือจักฟุ้งซ่าน เปรียบเหมือนกระต่ายหรือเสือปลาลงสู่ห้วงน้ำใหญ่   หวังจะเอาอย่างช้างใหญ่สูง 7 ศอก  หรือ 7 ศอกกึ่ง  กระต่ายหรือเสือปลานั้น จำต้องหวังข้อนี้  คือ จักจมลง   หรือจักลอยขึ้น !!  (พตปฎ. เล่ม 24   ข้อ 99)อย่างในสันติอโศกเราก็ทำให้เป็นป่า หากจิตคุณเป็นสมาธิแล้วก็ไปออกป่าลองดู ไปอยู่แล้วจิตคุณจะฟุ้งไปกามหรือโลกธรรม อัตตาไหม หากคุณอยู่ป่าก็อ่านจิตคุณอย่างดี อย่างน้อย เป็นอนาคามีเป็นต้นไป ภูมิธรรมคุณสูงมากก็ไม่จำเป็นต้องไปออกป่า คุณอ่านจิตของคนที่อยู่เหนือพวกนี้แล้ว เป็นจิตตั้งมั่นหมาย ก็ได้ลองดูไปอยู่ป่าไปอยู่ห่างสิ่งเหล่านี้มันจะโหยหาลาภยศสรรเสริญ โหยหากามโลกีย์ไหม นั่นคือไปลองปฏิบัติ วัตรปฏิบัติดู อยู่ป่าหากคุณไม่มีสมาธินี้แล้วไปอยู่ป่า พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่าป่าจะเอาใจเธอไปเสีย คุณยังปฏิบัติไม่มีหลักประกันอะไรเลยเสร็จเลย เหมือนกับช้างตัวใหญ่ 7 ศอกหรือกระต่าย หวังจะเอาอย่างช้างใหญ่สูง 7 ศอก  หรือ 7 ศอกกึ่ง  กระต่ายหรือเสือปลานั้น จำต้องหวังข้อนี้  คือ จักจมลง   หรือจักลอยขึ้น !!นี่คือคำตรัสของพระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดทุกอย่างแต่เขาไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีทางที่จะตัดนิวรณ์ 5 ได้เลย เพราะว่าคำแรกของนิวรณ์ 5 คือกาม กามคุณ 5 ต้องลืมตาปฏิบัติสัมผัส ตัวแรกคุณก็ไม่ได้เรียนเลยของนิวรณ์ 5 แล้วคุณจะไปเอาอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:55:29 )

อยู่ป่าสงัดจากสิ่งแวดล้อมไม่ใช่สงัดจากกิเลส

รายละเอียด

เมื่อหลงผิดเข้าไปในป่า หลงทางจาก 4 ข้อต้นแล้ว มันก็มีเศษดีจากธรรมชาตินิดเดียว นี่คือรายละเอียดที่อธิบายไม่ง่ายเลย ก็ต้องแคะเอาประโยชน์จากตรงนี้ให้ได้ จะต้องเป็นผู้มักน้อย จิตต้องมีใจพอ ขัดเกลา สงัดจากกิเลส สงัดจากสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ความหมายของศาสนา เป้าหมายของศาสนาพุทธคือสงัดจากกิเลส สงัดจากลาภยศสรรเสริญ สงัดจากกาม สงัดจากอัตตา แต่ละคนอัตตาเล็กๆก็ไม่ แล้วเราขัดเกลาให้จิตสงบจากสิ่งเหล่านั้นหมดเลย ลาภยศสรรเสริญจะมาอย่างไร กระแทกกระเทือนอย่างไร เราสบายมาก เราไม่ติดยึด ไม่หลงหรูหราฟู่ฟ่า เหมือนนักสะสมของแพงระดับมืออาชีพ ก็เลยจ๊ะเอ๋กับความสุขอย่างท่วมท้น แล้วก็พาพบกับความสุขอย่างสาหัสสากรรจ์พร้อมกัน ได้เรือนที่ 23 แล้วก็เลยได้ความสุขอย่างสาหัสไปพร้อมๆ กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:42:46 )

อยู่ป่าเป็นวัตร(วัตต)

รายละเอียด

ว่าด้วยการอยู่ป่า ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งในอีกหลายๆ เรื่องของการปฏิบัติธรรม ใครจะปฏิบัติก็ได้ ไม่ปฏิบัติก็ได้ตามควรแก่ฐานะ หรือควรแก่นิสัย ไม่ได้หมายความว่าให้อยู่ป่าเป็นประจำ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเข้าไปอาศัยป่าชัฏแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่  เมื่อเธอเข้าไปอาศัยป่าชัฏนั้นอยู่  สติที่ยังไม่ปรากฏ  ก็ไม่ปรากฏ 
จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น  อาสวะที่ยังไม่สิ้นไปก็ไม่ถึงความสิ้นไป   และภิกษุนั้น ไม่ได้บรรลุธรรมอันปลอดโปร่งจากโยคะอย่างสูงที่ยังไม่บรรลุด้วย 
ส่วนปัจจัยเครื่องอุดหนุนชีวิต คือ  จีวร  บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัช  บริขารเหล่าใด ที่บรรพชิตจำต้องนำมาบริโภค  ปัจจัยเหล่านั้น  ย่อมเกิดขึ้นได้โดยยาก

ที่มา ที่ไป

วนปัตถสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 12 ข้อ 235, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 5,7


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:29:50 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:47:16 )

อยู่ป่าเป็นวัตรยินดีในเสนาสนะอันสงัดเป็นเช่นไร

รายละเอียด

อยู่ป่าเป็นวัตร คำว่าวัตร แปลว่าการประพฤติ แต่เขาแปลว่าอยู่ป่าเป็นวัตรคืออยู่ป่าประจำ ถ้าอย่างนั้นต้องมีภาษาที่ยากกว่านั้นประกอบด้วย วัตร แปลว่า การประพฤติ ถ้าเผื่อว่าจะอยู่ประจำกว่านั้นเรียก กิจวัตร แปลว่า routine วัตร แปลว่ากรรมกิริยาเท่านั้น ในการประพฤติปฏิบัติ 

แต่ที่พระพุทธเจ้าอธิบายประโยคหลังว่า “ยินดีในเสนาสนะอันสงัด” อันนี้สิ เป็นตัวไข ว่าเรา ไปประพฤติอยู่ป่าได้ อย่างอาตมาไปอยู่ป่าเดือนกว่าๆ ก็รู้แล้ว จบแล้ว

การอยู่ป่าเป็นวัตร การอยู่ป่าเป็นการประพฤติ ฝึกฝน เรียนรู้ ก็เรียนบ้าง ยกตัวอย่างอาตมาก็ไปศึกษาฝึกฝนดู คนที่ไม่รู้ไปติดป่า แล้ว อธิบายชัดเจนว่าป่าไม่ใช่เมือง คนเมืองอาริยะ ไม่ใช่มิลักขะ ก็แยกไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นจิตยินดีในเสนาสนะสงัด อาตมาก็เป็น ไม่ได้ผิดคำสอนพระพุทธเจ้าเลยอย่างนี้เป็นต้น แต่คนไม่เข้าใจรายละเอียดของภาษาพยัญชนะต่างๆของพระพุทธเจ้าที่ว่านี้ เขาชอบอย่างไหนหนัก ก็ไปอธิบายความหมายเป็นอย่างนั้นไป น้ำหนักติดป่าเขาก็บอกว่าอยู่ป่าเป็นวัตรก็ต้องไปอยู่ป่า อธิบายอยู่ป่าเป็นวัตรคือต้องไปอยู่ป่า ยินดีในเสนาสนะอันสงัด อธิบายขยายความก็ต้องบอกว่าอยู่ป่ามันสงัดกว่า ใครจะไปเถียงเรื่องความสงัด แบบแสงสีเสียงไม่มี สงัดแบบอยู่ในป่ามันก็หนวกหูตามป่า แต่มันก็ไม่หนวกหูเท่าเครื่องกลเทคโนโลยีในเมือง ไม่มีอะไรมากมาย ดีไม่ดีเสียงร้องของคนก็หนวกหูจะตายชัก มันร้องกันไปคอจะแตกก็บอกว่าเพราะ อย่างนี้เป็นต้น สัตว์เดรัจฉานมันยังร้องสู้พวกนี้ไม่ได้ มันบ้าดีเดือดมันหลงว่าอะไรต่างๆนานา มันงมงายก็เป็นไปอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:41:55 )

อยู่ป่าเป็นวัตรหมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

มีคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสว่า ตามศรัทธา 10 จะมีการอยู่ป่าเป็นวัตร คนก็ว่านี่ไงท่านยืนยันให้อยู่ป่า คำว่าอยู่ป่าเป็นวัตร ท่านก็ไม่ได้หมายความว่า คุณอยู่ป่าตลอดกาล คุณก็ทำได้เป็นคราวๆ เราใช้คำว่า กิจวัตร หมายความว่า เป็นสิ่งที่เราทำเป็นประจำ แต่อันนี้ ไม่ใช่กิจวัตร อยู่ป่าเป็นวัตร คือไม่ได้ทำประจำ หรือยินดีในเสนาสนะอันสงัด อาตมาหากไม่ยินดีในเสนาสนะอันสงัดเป็นป่าอาตมาไม่ไปสร้างป่าในเมืองหรอก อาตมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาก็สร้างป่าในเมืองตลอด สันติอโศกทุกวันนี้ก็ยืนยันแล้ว ไปดู ก็แต่ก่อนเป็นนาเน่าๆไม่ใช่ที่ดินป่าเป็นที่ดินเมือง เราก็ค่อยซื้อที่ดินเพิ่ม แพงจะตาย เราก็ได้ออกไปแค่นั้น สันติอโศกจะถึง 20 ไร่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะถึง แต่มันขยายป่าออกไปอีกไม่ได้ ก็เลยได้แต่สูงขึ้นไป ส่วนข้างๆนั้นไม่ค่อยได้ เป็นตึกราม เราก็ต้องมีอาคารอาศัยอีก เป็นกลุ่มชุมชนเมือง มันขยายรูปธรรมขยายองค์ประกอบเสนาสนะสัปปายะไม่ค่อยได้ ต่อมาเราก็ไปทำที่ปฐมอโศก ต่อมาเราก็ไปทำศาลีอโศก  ศีรษะอโศก จากป่าช้า 2 แห่ง ก็ขยายไป จากนั้นก็มีอีกหลายสิบชุมชนชาวอโศก สรุปแล้วอยู่ป่าเป็นวัตร ก็หมายถึงว่า ไปบ้าง ไปป่าเป็นการประพฤติบ้างไปทำไมไปป่าไปเพื่อพิสูจน์ พิสูจน์ว่าเมื่อไปอยู่ในป่าไม่มีใครแล้วไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่มีอะไรยียวนชวนโลกีย์เลย อยู่กับสิงสาราสัตว์ คุณจะอาลัยอาวรณ์ถึงลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ถึงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสถึงวอะไรที่น่ารื่นรมย์ที่เป็นของโลกีย์ คุณจะประหวัดถึง มีจิตโหยหา ฟุ้งซ่าน ออกมาหรือไม่ หรือไปอยู่ป่าเพื่อพิสูจน์ว่าคุณจะมี กามฟุ้งออกมาหรือไม่ หรือไปอยู่ป่า เพื่อพิสูจน์ว่าคุณจะจมอยู่ในป่าติดป่าหรือไม่ พิสูจน์ 2 ด้าน คุณจะติดป่าหรือเปล่า อาตมาไปป่าอยู่เดือนเดียวก็ชัดเจนไม่มีปัญหาอะไร จะอยู่ป่าก็อยู่ได้สบาย แต่จะไปอยู่ทำไม อยู่ป่าไม่มีประโยชน์อะไร เอาชีวิตไปทิ้งไว้ในป่า อาตมาอยู่กับพวกเราอบอุ่นจะตาย วันๆหนึ่งมาสอน มีคนมาฟังมากกว่า 5 คน แต่ยังไม่ถึง 500 ถ้ามาเทศน์ทีไรก็ถึง 500 คงจะน่าดู อย่างสมัยพระพุทธเจ้าจะมีเลข 500 เป็นเลขหลัก เป็นเรื่องไม่ยาก แต่ของเรานี้มันยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 10:22:59 )

อยู่ป่าเป็นแค่วัตรปฏิบัติชั่วคราว

รายละเอียด

การไปอยู่ป่านั้นไม่ใช่กิจวัตรแต่เป็นแค่วัตรปฏิบัติ ไปเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เป็นการไปเช็คดู ว่าเราติดป่าหรือไม่ เหมือนชาตินี้โพธิรักษ์ได้ไปลองอยู่ป่า เมืองกาญ ไม่มีใครมากเลย มีแต่คนส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น แล้วอาตมาขึ้นไปอยู่บนยอดเขา ไปอยู่ป่า 1. ไปเช็คผล หากมีเศษของกาม ก็จะฟุ้งเรื่องกามเพราะห่างกาม  2. เช็คว่าไปอยู่ป่าจะติดป่าหรือไม่ หากอยู่ป่าติดป่าก็ผิด หรืออยู่ป่าแล้วฟุ้งในกามก็ผิด ไปเช็คดูให้แน่ใจ แต่ถ้าคุณแน่ใจแล้วก็ไม่ต้องไป

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:49:45 )

อยู่ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนสอง

รายละเอียด

ภิกษุมีปกติอยู่ด้วยรูปที่พึงรู้แจ้งด้วยตา อันน่าปรารถนา น่าใคร่  น่าพอใจ  ให้เกิดความรัก  ชักให้ใคร่  ชวนให้กำหนัด มีอยู่   เสียง... กลิ่น... รส... ธรรมารมณ์ที่พึงรู้แจ้งด้วยใจ (มโนวิญเญยยา)  อันน่าปรารถนา น่าใคร่  น่าพอใจ  ให้เกิดความรัก  ชักให้ใคร่  ชวนให้กำหนัด  มีอยู่  

ถ้าภิกษุไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่หมกมุ่นในธรรมารมณ์นั้นอยู่ ฯลฯ  เมื่อไม่ยินดี  ความเพลิดเพลินย่อมดับ  เมื่อไม่มีความเพลิดเพลิน  ก็ไม่มีความกำหนัด   เมื่อไม่มีความกำหนัด  ก็ไม่มีความเกี่ยวข้อง  (น โหติ  นันทสัญโยชนสัง)

แม้จะอยู่ปะปนกับภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา  เดียรถีย์  สาวกของเดียรถีย์  ในที่สุด-บ้านก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกว่า มีปกติอยู่ผู้เดียว (เอกวิหารีติ)

 

ที่มา ที่ไป

มิคชาลสูตร เล่ม18  ข้อ 67   ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 13:13:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:19 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:47:56 )

อยู่ร่วมกัน ต้องร่วมกันสร้างจึงไม่เป็นหนี้

รายละเอียด

ถ้าเราอยู่ร่วมด้วยเราก็สร้างในสิ่งนี้ที่เราต้องกินใช้ต้องอาศัยเราก็ร่วมสร้าง ถ้าเราไม่สร้างเราก็ไปกินไปอาศัยสิ่งที่คนอื่นเขาสร้างเราก็เป็นหนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องร่วมสร้างขึ้นมามันจึงจะไม่เป็นหนี้ แม้เราไม่ได้ไปสร้างโดยตรงแต่สร้างทางอ้อมก็สร้าง สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร เอามากิน พอกินพอใช้แต่เรามีงานอื่นอีกเราก็ไปแบ่งมาทำ อันไหนควรทำตามหน้าที่ ที่เราจะใช้อาศัยในสังคมนี้ ก็ไม่ใช่อยู่แต่หน้าที่เดียว ทุกคนจะปลูกแต่ข้าวปลูกแต่พืชผักก็ไม่ใช่ มันต้องมีงานอื่นบ้างที่ต้องอาศัย ต้องแบ่งกันกินกันใช้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน เตือนสติอย่างไรเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะตาย


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:40:33 )

อยู่ร่วมกันอาศัยกัน

รายละเอียด

ละเอียดจนถึงละเลียด ก็เป็นเชิงให้คิดพิจารณา ข้อมูลก็คงจะมีมากกว่านั้น เอาล่ะ ในจิตใจ จะไปเหมาเลยว่าใจเขาชอบ อย่างนั้นหรือไม่ อาตมาก็ไม่รู้ข้อมูลละเอียดพอ ก็บกพร่องบ้าง ก็ไม่มีเจตนาที่จะให้ร้ายแรงอะไร คิดว่าอย่างนั้นนะ ก็ฟังไว้ ผู้ที่เป็นจำเลยถูกติงก็พิจารณากัน ทุกคนปรารถนาที่จะทำให้ดีที่สุดสมควรที่สุดเหมาะสมที่สุด จุดหมายก็ตรงกันทั้งนั้นก็ตั้งใจ อาจจะดูว่าอย่างนั้นผิดอย่างนั้นถูก แต่จริงๆอย่างนั้นถูกอย่างนั้นผิด ก็เป็นสองคนยลตามช่องคนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคมเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย ก็เป็นได้ อยู่ร่วมกันอาศัยกันก็มีบกพร่องกันบ้าง ก็แก้ไขไปตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2565 ( 17:14:54 )

อยู่ร่วมกันและแยกกันแบบนานาสังวาส

รายละเอียด

ปรามาสคำนี้ ก็คือ ดูถูกดูแคลนนั้นเอง 

ซึ่งก็ไม่เป็นไรมิได้ เป็นธรรมดาธรรมชาติ มีผู้ที่ปรามาสดูถูกดูแคลนเรามีอยู่ ข่มเราก็มีอยู่ เป็นเรื่องที่เขาไม่รู้จริงๆ เขาก็ทำด้วยความไม่รู้ เราไม่ได้ไปถือโทษ ไม่ได้ไปถือสาอะไรหรอก เพราะว่าเข้าใจอยู่ อาตมาเข้าใจ 

ผู้ที่มาทำร้ายอาตมาพูดตรงๆ เจตนาจะเอาอาตมาให้ตาย อาตมาก็ไม่เคยจะไปถือสา ไม่ได้ถือโกรธ ไม่ได้อาฆาตอะไรเลย ก็เข้าใจเขา เห็นใจ เขาก็ปรารถนาดี ดีไม่ดีเขามีความรู้ความสามารถอยู่ในวงการสามารถจัดการอาตมาได้ซึ่งเขาก็ทำมาแล้วอย่างที่ผ่านมา ผ่านประวัติศาสตร์มา ที่อาตมาเจอมาในชาตินี้ ก็ไม่ได้ถือสา ไม่ได้อาฆาตมาดร้าย ไม่ได้ติดใจ 

เพราะเข้าใจความจริงว่าเขาปรารถนาดีนะ เขาถือว่าที่เขาเข้าใจนี้เป็นของถูก เราจะทำของถูกให้เขาเสียหาย เขายังเข้าใจว่าเขาถือสิ่งที่เขาถืออยู่นี่มันถูก อาตมาทำนี่มันผิด เขาก็จริงใจของเขา ไปถือสาเขาได้อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็จัดการเพราะเป็นของหวงของเขา ศาสนาพุทธต้องรักษา ใครจะมาทำร้ายก็ต้องสู้กันหน่อยด้วยปากหอก ไม่ไปทำร้ายมากกว่านั้นหรอก มีแต่พูดกันว่ากัน ปฏิกโกสนา พูดกันว่ากันอย่างแรงๆ ได้ด้วยปากหอก มุขสตีเท่านั้น

นอกนั้นไม่เอา จะไปฟ้องร้องเป็นอธิกรณ์เป็นคดีกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าเป็นนานาสังวาสแล้วทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นนิกาย “นิกาย” คือไม่รู้เรื่องกาย เขาก็ทำผิดธรรมวินัยพระพุทธเจ้าไปหมด ถ้าเขารู้เรื่องกาย หรือเป็นนิกายที่มีปัญญา นานาสังวาส แม้เขาจะอยู่ในนิกายอยู่ เช่น ธรรมยุติกนิกาย มหานิกาย แล้วถ้าเขามีความรู้ในนานาสังวาส เขาก็จะไม่ละเมิดหลักเกณฑ์ธรรมวินัยของนานาสังวาส เขาก็จะรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 14:10:45 )

อยู่วัดได้คือ ตั้งตนบนความลำบากกุศลธรรมเจริญยิ่ง

รายละเอียด

ยากหรือลำบาก ตั้งตนบนความลำบาก พระพุทธเจ้าตรัสว่าเจริญๆๆ ไปหาความสบายนี้ เสื่อมๆๆ ความลำบากนี่แหละทำให้คนเจริญ ตั้งตนอยู่บนความลำบากนี่ อกุศลหรือความเลว ความไม่ดีไม่งาม มันจะเสื่อม แต่ถ้าไปตั้งตนอยู่บนความสบาย เราอยู่ตามสบายไปหาความสบายใส่ตัว อกุศลธรรมเจริญยิ่ง ไม่เชื่อก็ไปทำดูเลย นี่คือพระพุทธเจ้าตรัสนะ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าตรัสก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาหมดปัญญาที่จะช่วยไว้ ถ้าอยากจะไปลงต่ำตกต่ำอย่างนั้นก็ ก็ไม่เชิญนะ ไม่อยากให้ไปหรอก ประเดี๋ยวจะหาว่าเชิญ ไม่ได้ไม่ดี ไม่อยากให้ไป ทนเอานะ สู้ทน สู้ทน สู้ๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:01:01 )

อยู่สงัด แต่มีเพื่อนสอง

รายละเอียด

ภิกษุผู้มีปกติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้คือ รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยตาอันน่าปรารถนา  น่าใคร่น่าพอใจ  ให้เกิดความรัก  ชักให้ใคร่  ชวนให้กำหนัด มีอยู่  เสียง กลิ่น.. ธรรมารมณ์ที่พึงรู้แจ้งด้วยใจ  อันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ  ให้เกิดความรักชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ (มโนวิญเญยยา  ธัมมา อิฏฺฐา  กันตา มนาปา  ปิยรูปา กามูปสัญหิตา  รชนิยา   ถ้าภิกษุยินดี  กล่าวสรรเสริญ  หมกมุ่นในรูป..ธรรมารมณ์นั้นอยู่ ฯลฯ   ย่อมเกิดความเพลิดเพลิน  เมื่อมีความเพลิดเพลิน  ก็มีความกำหนัดกล้า  เมื่อมีความกำหนัดกล้า  ก็มีความเกี่ยวข้อง (นันทิสัญโญชนสัง)

ถึงจะเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าหญ้าและป่าไม้  เงียบเสียง  ไม่อื้ออึง  ปราศจากลมและชนเดินเข้าออก  ควรเป็นที่ประกอบกิจของมนุษย์ผู้ต้องการสงัด  สมควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่  ก็จริง  ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกว่ามีปกติอยู่ด้วยเพื่อน 2  ข้อนั้นเพราะเหตุไร  เพราะผู้นั้นยังมีตัณหาเป็นเพื่อน 2  เขายังละตัณหานั้นไม่ได้  ฉะนั้นจึงเรียกว่า  มีปกติอยู่ด้วยเพื่อน 2 (สทุติยวิหารีติ) 

ที่มา ที่ไป

มิคชาลสูตร เล่ม 18  ข้อ 66  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 13:17:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:48:37 )

อยู่อย่างคนจนดีที่สุด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าออกมาจากการเป็นพระเจ้าแผ่นดิน มาเป็นเพื่อนกับคนจน รูปธรรมก็ชัด นามธรรมก็แน่นอนชัดอยู่แล้ว ออกมาเป็นพระสมณโคดม เป็นนักบวชโกนหัว ซึ่งในยุคนั้นคนโกนหัวเขาถือว่าเป็นคนชั้นต่ำ แต่พระพุทธเจ้าโกนหัว เดินพระบาทเปล่า นุ่งห่มผ้าห่อศพ เก็บผ้าห่อศพมา เก็บผ้าจีวร ผ้าบังสุกุลที่เขาทิ้งมาเย็บใส่กฐินใส่สะดึง ให้เป็นผืนพอที่จะห่มได้ อยู่อย่างคนจนที่สุด
สรุปเข้าเป้า อยู่อย่างคนจนดีที่สุด แม้แต่ชีวิตพระพุทธเจ้าก็ทรงมาเป็นคนจน มีชีวิตอย่าง ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา ภาษาบาลี แปลว่า ชีวิตของตนเองนี้ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ ตนเองจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวไม่แคร์ จะมีกินหรือไม่มีกิน จะมีที่นั่งที่นอนหรือไม่ ไม่แคร์ 

อาหารการกิน ท่านไม่ได้ไปขอนะ อาตมา เขียนหนังสือเรื่อง ศาสตร์และศิลป์ของการบิณฑบาต ตั้งแต่เป็นสามเณรก็ให้อ่าน เพราะจะต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเรียกว่าเลี้ยงตนเองด้วยปลีแข้ง คุณไม่มีเงินมาซื้อของ ในพระธรรมวินัยห้ามไว้ เพื่อท้าทายว่า ถ้ามาบวชแล้วเป็นคนไม่ดีเขาไม่เลี้ยงไว้นะ คุณก็ตาย เพราะฉะนั้นต้องให้เข้าตาประชาชนเพราะฉะนั้นต้องให้เข้าตาประชาชน เขาให้อยู่ให้กินเลี้ยงไว้ แล้วท่านก็ไม่ต้องไปหลอกล่อเขา เป็นคนธรรมดาสามัญมาก และเป็นคนจนด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:33:23 )

อยู่อย่างชาวอโศกเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เป็นคนที่มีปัญญาเต็ม มีศรัทธาเต็ม อยู่อย่างปัญญาพละ วิริยพละ ขยันหมั่นเพียร มีสติรู้ตื่นเบิกบาน ตื่นเช้ามาวันนี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มันเบิกบานร่าเริงตื่นเต็ม ใครสังเกตไหมว่าอาตมาตื่นเต็ม ไม่เจียมแก่เลย โอ้โห..เบิกบานร่าเริงสดชื่นแข็งแรงปราดเปรียว พวกเราใครเป็นอย่างนั้นบ้าง (ยกมือกัน) เก่งนี่ จริงหรือเปล่า พูดไปตอบเท่ๆ เฉยๆ แต่ความจริงมันเซื่องซึม มันไม่สดชื่น มันไม่เบิกบานร่าเริงเลย แต่ทำเป็นตอบเอาเก๋หรือไม่ พวกเราได้ออกมาออกกำลังกายแต่เช้าเลยก็เลยสดชื่นดีจัง พวกเรารู้จักวิธีทำ รู้จักวิธีการจัดการกับชีวิตตัวเอง ก็ทำให้ชีวิตของเรามีพลังมีความตื่นเต็ม มีสมาธินทรีย์ สมาธิพละ เกิดจิตตั้งมั่นเป็นตัวแกนประธาน ของชีวิต สัตว์เดรัจฉานมันไม่รู้เรื่อง แม้แต่คนที่เป็นอเวไนยสัตว์เขาก็ไม่รู้จักทฤษฎีเอกทฤษฎีใหญ่อันนี้ของพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ามีทฤษฏีอันนี้แล้วเอามาให้พวกเราปฏิบัติจนเกิดจริงเป็นจริง มีสมาธินทรีย์ หรือสมาธิพละ เป็นความตั้งมั่นของจิต ทุกวันนี้เรียนรู้กันอย่างดี แต่เขาเรียนรู้อย่างโบราณเรียนรู้อย่างพวกที่เพี้ยนไปแล้ว ผิดเพี้ยนไปไกล สมาธิก็ไปนั่งหลับตาเป็นสมถะมันก็เลยตื้อๆๆ ไม่มีกายปาคุญญตาไม่มีจิตปาคุญญตา มันแคล่วคล่องว่องไวมันเป็นเรื่องอื่นแข็งทื่อแกร่ง ตื้อๆ ทื่อๆ แข็งจนกระทั่งกระทุ้งกระแทกไม่ออก ก็นั่งหลับตาผิดแบบเดียรถีย์ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:11:09 )

อยู่อย่างสนิทเนียน harmony

รายละเอียด

พวกเราชาวอโศกอยู่กันอย่างสนิทเนียนแบบ harmony  จะมีสิ่งที่ไหลซึมซับกันอย่างสนิทเนียนเรียกว่า Osmosis อันนี้แหละไม่ค่อยรู้กันได้ง่ายว่าพวกเรามีได้ แม้แต่เด็กและผู้ใหญ่มันละเอียดมาก ซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัวเพราะฉะนั้นหลายคนอยู่ในนี้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ขึ้นมาเหมือนกับเขาไม่ได้เรียนอะไรมากมาย แต่เขาได้คุณธรรมนั้นเข้าไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:31:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:43 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:49:17 )

อยู่อย่างอยู่รอด อยู่อย่างเหลือเฟือ

รายละเอียด

น้ำท่วมแล้วก็ยังมาอยู่ อยู่แล้วก็บูรณะให้อุดมสมบูรณ์มีเหลือแจกจ่ายคนอื่นได้ด้วย สิ่งนี้เป็นความประเสริฐ เป็นความฉลาด ชาวอโศกฉลาด ประเสริฐ อยู่ในที่ที่คนอยู่ยากได้ แล้วก็อยู่อย่างอยู่รอด อยู่อย่างเหลือเฟือแจกจ่ายเจือจานเกื้อกูลผู้อื่นได้ นี่เป็นคุณสมบัติหรือเป็นความเจริญ เป็นความประเสริฐ ที่มีประสิทธิภาพ ย้อนแย้ง กับคนในโลกที่เขานึกว่าเขาฉลาด ไปหาทางรวย ไปหาทางสร้างเศรษฐกิจให้คนรวย 

คนจะรวยนี่เขาคิดว่า  การรวยคือการมีเงินมาก ไม่ใช่มีพืชพันธุ์ธัญญาหารมาก หรือไปมีอาวุธ สร้างอาวุธได้เก่ง แล้วก็ขายได้ราคาแพง ก็เลยได้เงินมาก นั่นคือคนรวย ฉะนั้น คนที่สร้างอย่างนั้น ดำเนินชีวิตอย่างนั้น เป็นการดำเนินชีวิตไปทางบาป นี่อาตมาพูดสัจธรรมนะ เป็นบาปจริง ไม่ใช่อาตมาไปขี้ตู่เขา น่าสงสาร เขาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:50:29 )

อยู่อย่างเสือสงวนศักดิ์

รายละเอียด

ในหลวงตรัสแบบคนจน คือไม่สะสมไม่ไปเอาเปรียบกอบโกยของใคร พึ่งพาตนเอง อยู่อย่างเสือสงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้องปลูกไม้กินเอง ของเราเสือ vegan เสือกินพืชแล้ว โซก็เสาะใส่ท้องปลูกไม้กินเอง

เป็นคนจนที่สร้างสรร คนจนที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนจนที่มีพอเพียง ช่วยเหลือ เจือจาน พฤติกรรมอย่างนี้มีนิสัยอย่างนี้ มีวิสัยอย่างนี้ จึงเป็นคนที่มีนิสัยดี มีวิสัยดีมีพฤติกรรมดี อยู่ในสังคม มีพฤติกรรมมีจรณะ มี จาระ แบบนี้สร้างสรร เผื่อแผ่ เจือจาน

เป็นความจริงลึกซึ้งซับซ้อนว่า คนชนิดนี้มีเชื้อมีตระกูลนะ เป็นเชื้อตระกูลอาริยบุคคล อาตมาเรียก อาริยะ ภาษาอังกฤษว่า Civilization เป็นความเจริญของเขา แต่ความเจริญของเรามีข้อแม้มีเงื่อนไขพิเศษสำคัญ ว่าจะเป็นคนจนแบบนี้ จนก็จนเจริญแบบนี้ มีพฤติกรรมมีการบริหารสังคมแบบนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน สร้างสัมประสิทธิ์คนจนอาริยะด้วยไตรสิกขา


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:39:01 )

อยู่อย่างไม่ทุกข์ 

รายละเอียด

อยู่อย่างไม่ทุกข์  คือ การอยู่กับสิ่งที่เป็นปัจจุบันนี้แหละคุณจะไม่ทุกข์มาก อยู่กับปัจจุบันนี้ที่พอสมควร  ปรุงแต่งกันแค่นี้ไม่ต้องไปมาก หอบไว้มาก  คนที่บริหารโดยมีภาระมากน่าสงสาร อย่างนายกประยุทธ์ รับหน้าที่บริหารบ้านเมืองมาก  ก็น่าสงสาร  แต่ก็ยังดีรู้จักวาง รู้จักปล่อย   รู้จักมีความสุขสนุกรื่นเริง บันเทิง  มาประกอบ ถ้าเผื่อว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้บ้างก็เครียดตาย  นายกคนนี้คงไปได้นาน  เพราะว่ามีอารมณ์ขัน คนก็หาว่าไม่อยู่กับร่องกับรอยจะให้ขรึม  ตีหน้าเก๊กตลอด  อย่างนี้เป็นธรรมชาติดีแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:59:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:34 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:49:54 )

อยู่อย่างไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แล้วเป็นทุกข์หรือไม่ 

รายละเอียด

เรายังมาปฏิบัติตัวเองอยู่ท่ามกลางสังคมที่มีพฤติการณ์แย่งลาภ ยศ สรรเสริญ กันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ได้ และอยู่ด้วยความทุกข์ด้วยเพราะไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือไม่? ไม่ใช่ อาตมาจะลองดูพวกเราเกิดความเข้าใจชัดเจนในเรื่องนี้หรือไหมว่า มาอยู่อย่างไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อย่างพวกเราชาวอโศกแล้วเป็นทุกข์กันไหม 

พวกเราไม่ได้เป็นทุกข์ แต่เป็นสุขที่ไม่ใช่เป็นสุขทีเดียว แต่อนุโลมเรียกว่าสุข แต่เป็นสุขสำราญเบิกบานใจ ไม่ใช่อยู่อย่างอดทนฝืนลำบากใจ ใจลำบากแต่ก็ทำเต๊ะท่าว่าสุข ไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นทุกข์ แล้วมันก็ไม่ได้ไปเสพสุข 

คำว่าไม่สุขไม่ทุกข์หรือเป็นคำที่ชัดเจนก็คือ อุเบกขา อันนี้แหละ มีศาสนาพุทธศาสนาเดียวในโลกที่มีพระศาสดาตรัสรู้อารมณ์นี้ และไม่ได้เข้าใจกันง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 14:14:38 )

อยู่อโศกเหมือนมาติดคุก แต่คนอโศกชัดเจนว่าเป็นดินแดนอิสระของปัญญาชน

รายละเอียด

ในนี้ใครติดคุกยกมือขึ้น ยกมือขึ้นชาวอโศก ไม่มีสักคนเลย ทำไมคุณตาบอดขนาดนั้นพูดอยู่ข้างนอก นอกจากไม่ได้ติดคุกแล้วยังมาเรียนรู้วิธีออกจากคุกด้วย ฟังไว้นี่คือคำตอบของชาวอโศกไม่ใช่คำพูดของคุณ คุณชักจะเลอะเทอะใหญ่เดาส่งพูดไปทั่ว ระวังนะมันบาป พูดผิดจริงที่กรรมเป็นของของตน ทำกรรมแล้วมันเป็นจริง คนอโศกเข้าใจว่าชุมชนอโศกเป็นดินแดนอิสระของปัญญาชน ไม่มีใครชวนหรอก อาตมาก็ไม่ได้พูดเชิญชวนชี้หว่านล้อมให้มาเยอะ ก็พูดถึงสัจธรรมทั้งนั้นว่าดีควรมาถ้ามีปัญญาคุณก็มาอย่างนี้เป็นต้น คนมีปัญญาเขาก็มั่นใจ อาตมามั่นใจว่าได้ให้อิสรเสรีภาพแก่คนทุกคน ไม่ได้ไปแคะออกมา ไม่ได้ไปปะเหลาะ หว่านล้อมมา 

คุณฟังแล้วเข้าใจอย่างนี้ใช่คนที่เขาเข้าใจถูกเขาก็เข้าใจถูกแล้ว ส่วนคนเข้าใจผิด คนที่เข้าใจความถูกเป็นความผิดคนนั้นผิด คนที่เข้าใจความผิดเป็นความผิดคนนั้นถูก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 10:40:27 )

อยู่อโศกได้ต้องมีเกณฑ์ขั้นต่ำถือศีล 5 ละอบายมุขทานมังสาวิรัติ

รายละเอียด

อยู่ที่นี่มีหลักเกณฑ์ขั้นต่ำมีศีล 5 ไม่มีอบายมุข รับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นต้น ทำไมอาตมาเข้ม อยู่ที่นี่ทำไมไม่ให้กินเนื้อสัตว์ เพราะว่าศีลข้อที่ 1 นั้นไม่ใช่ให้แค่ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ท่านให้มีรายละเอียดถึงมีจิตใจที่เมตตา วางอาวุธ มีจิตใจที่เมตตา หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อความมันมีรายละเอียดยาวถึงขนาดนั้น แต่เขาเอาแค่ศีล 5 ไม่ฆ่าสัตว์ก็ทำให้ได้ก่อนเถอะ ศีลข้อ 1 พระสมณโคดม ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ แต่ว่าพระ เจ้าต่างๆบอกว่ามีศีล 227 ซึ่งมันเป็นวินัยเป็นข้อบังคับเป็นอาชญา แต่ศีลคือนุสาสรีย​์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:02:27 )

อยู่เฉยๆ ไม่ทำงานอะไร ก็ไร้ค่า

รายละเอียด

คือการอยู่เฉยๆ  ไมทำงานอะไรไร้ค่า  นอกจากอยู่บ้านเฉย ๆ  นอกจากไร้ค่าแล้ว  หนักแผ่นดิน ด้วยนะ เพราะว่าอาศัยแผ่นดินต้องรับน้ำหนักเราอยู่นะ เสร็จแล้วยังไม่พอ  ยังกินพืช  ยังกินอากาศ ยังกินอาหาร ในโลกเขาไปด้วย  แม้จะใช้สตางค์ซื้อ ก็ตาม คุณก็กินอาหารของโลกเขา ยิ่งพวกที่กินอาหารของโลกหยาบๆ คายๆ  กินเหล็ก กินยา กินคือขี้โกง เขาก็ยิ่งไร้ค่ามากยิ่งขึ้น ไร้ค่าจนกระทั้งเป็นคนกินประเทศ  ภูมิปัญญาหรือ ความเฉลียวฉลาดของคนจะรู้จักว่า  มนุษย์มีค่า หรือไม่มีค่าอยู่หนักแผ่นดินหรือว่าอยู่อย่างมีประโยชน์คุณค่าแก่โลก อย่างชาวอโศกเป็นลูกพระพุทธเจ้า  ท่านสอนสัจธรรมเหล่านี้แท้จริง  อยู่เป็นสัตว์ใต้ต้นโพธิ์เฉยๆ  ได้อย่างไร  เอาโพธิ์ด้วยสิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:31:11 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:39 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 11:50:53 )

อยู่เพื่อทำงาน

รายละเอียด

แต่ถ้าคนจะรู้จักว่า กินก็กินเข้าไปเถอะ อาศัยให้มันอยู่เหมือนอย่างอาตมา ไม่ได้กินด้วยอยากกินเลย เจ้าประคุณ จะกินก็เอามาแล้วกินไป แต่อย่ามาเป็นอย่างอาตมามากนักเลย เป็นไม่ได้ง่ายๆ เหมือนอาตมา อาตมาไม่ได้อยากกินเลยจริงๆ แต่ทุกวันนี้รู้ว่าเราต้องกิน ต้องอยู่ ต้องอาศัย ต้องทำงาน อยู่เพื่อทำงาน นอกนั้นวันๆกินแล้วก็ทำงาน งานเดี๋ยวนี้ก็มีผู้รับช่วงไปทำ อาตมาก็เหลือแต่บรรยายสาระสัจจะ นอกนั้นไม่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ทำอะไรแล้ว นอกจากบรรยายแล้วก็เขียนบันทึกไว้เป็นตัวหนังสือ 2 อันนี้เท่านั้น นอกนั้นก็เดิน โหล่ยไปโหล่ยมา บีบแตรแป๊นๆ ไปทักทายคนนั้นคนนี้ 

ก็จริงๆ อาตมาพูดผิดตรงไหนล่ะ แต่พวกคุณก็ต้องการที่จะฟัง ต้องการจะอ่านที่อาตมาเขียน อาตมาก็ทำงานเท่านี้เองเป็นหลัก 1 พูดกับ 2 เขียนใช่ไหม ก็เท่านั้น มีชีวิตอยู่ก็เท่านั้นคืองานหลัก ทุกวันนี้ นอกนั้นไม่ใช่งานหลักหรอก งานที่ได้ยั่วคนนั้นเย้าคนนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 14:47:13 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์