@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

รู้ด้วยปัญญาให้ละเอียดไปตามลำดับ วิเศษ คือ อย่างไร

รายละเอียด

ทีนี้จะมีหรือไม่มี เราก็ต้องสร้างพลังงานทางจิตที่เรียกว่า ฌานหรือปัญญา ฌานหรือปัญญาจึงไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิต แต่เป็นจิตที่จะต้องเห็นความจริงจริงๆ มีสติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ละเอียดขึ้นเรื่อยๆเลย รู้การแยกกายแยกเวทนาแยกจิตแยกทำได้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ มันก็รู้ความจริงที่มันแยกได้ละเอียดไปเรื่อยๆ เท่าที่จะสามารถละเอียดได้ 

ทุกวันนี้อาตมาก็แยกละเอียด ซ้อนไปเรื่อยๆ ยังไม่จบนะ ยังจะมีละเอียดอีก สนุก ผู้ที่มีธรรมรสแล้วยิ่งไปถึงวิมุติรสด้วยแล้ว สนุก รู้ด้วยปัญญาให้ละเอียดไปตามลำดับ จิตจะไปถึงขนาดนั้น คำว่าควบคุมจิต กับ คำว่าอบรมฝึกฝน อบรมจิตฝึกฝนเรียนรู้จิต อย่างให้เห็นละเอียดด้วยปัญญาอันยิ่ง บริบูรณ์สมบูรณ์ เป็นการรู้ชัดแจ้งกระจ่าง รู้หมดปัญหา รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ไม่เหลือเศษ ภาษาบาลีว่า วิเศษ เศษ แปลว่าเหลือ ไม่เหลือเหลือ วิเศษก็คือไม่เหลืออย่างยิ่ง มันก็จะเหลือชีวิตอยู่ มีปัญญายิ่งเหลืออยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:07:50 )

รู้ด้วยสัญญา

รายละเอียด

กำหนดหมายรู้ หรือสำคัญมั่นหมายรู้

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 188


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:54:58 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:40:01 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:14:32 )

รู้ตัวตนที่ไม่มีตัวตนแต่อาศัยตัวตน

รายละเอียด

ให้มานิยมทางโลกุตระสิไปนิยมทางโลกทำไม นี่แดนโลกุตระมานิยมอันนี้มาตามทางนี้ดีกว่า อย่าไปตามทางโลก พอพูดอย่างนี้เข้าเขาจะบอกว่าคนพวกนี้หลงตัวหลงตน ทีนี้ทางนี้ไม่มีตัวตนหรอก มันหลงตัวตนที่ไม่มีตัวตน มันรู้ตัวตนที่ไม่มีตัวตนต่างหาก แต่คุณใส่ความว่ามันหลง เรารู้ตัวตนอาศัยตัวตน พูดอยู่กับคุณเท่านั้นเอง จริงๆแล้ว สูญมันก็ไม่มีตัวตนหรอก ต้องอาศัยพยัญชนะเพื่อเข้าใจสภาวะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:02:22 )

รู้ตัวตามกาละและมีหลักฐานความเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

อาตมาเป็นสัตบุรุษ เป็นบุรุษระดับ 7 แล้วอาตมาก็พูดมาแล้ว ระดับ 7 มีเนื้อหาสาระอย่างไรตอนนี้ก็เอาพยัญชนะมาจับ สัตบุรุษ เริ่ม 7 แต่จะเปิดเผยก็ต้องถึงคราวเปิดเผยว่าตัวเองเป็นสัตบุรุษ ผู้ที่จะเป็นสัตบุรุษผ่านมา 4 5 6 เป็นสัตบุรุษมาแล้ว พอมาถึง 7 จึงประกาศกับโลกว่าตัวเองเป็นสัตบุรุษ นิยตบุคคล อย่างนี้ต้องรู้ตามกาละ นี่ก็พูดยืนยันให้ฟัง ไม่ได้เหลาะแหละ ไม่ได้ไม่มีหลักฐาน มีหลักฐานมาพูด ก็พากันมา 30 ถึง 50 ปีแล้ว ชัด 

พระไตรปิฎกไม่มีเรื่องของพระโพธิสัตว์ พระสมณโคดมสอนเฉพาะเรื่องอรหันต์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:27:32 )

รู้ตัวเองกับความจริงที่กระทบสัมผัสเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ถ้ามีศีลแล้ว มีอปัณณกธรรม 3 แล้ว มีการสังวรสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบสัมผัสแล้วต้องรู้ตัวเองกับความจริง 

รู้ตัวเองกับความจริงอย่างไร ตัวเองยึดอะไรอยู่ ติดอะไรอยู่ เป็นอย่างไรอยู่กับความจริงที่เรากระทบสัมผัสด้วยตา หู จมูก ลิ้น กายแล้ว อ้าว... มันขัดแย้ง มันผิด ข้อสำคัญตรงนี้ แต่ก่อนเราหลงยึดว่ามันถูกๆๆๆ แต่มันผิด ความจริงใจก็จะละอาย ทำไมเรามันโง่ ทำไมโง่มานาน ทำไมไม่รู้ ทำไมเพิ่งรู้ กูเอ๊ยๆ โธ่ นี่แปลคำว่าละอายคำเดียวไปใหญ่เลย มันละอายตัวเอง ยิ่งคนออกมายืนยันว่าอย่างนี้ถูกต้อง ก็ด่าเขาเสียนี่ หาว่าจะมาทำลายสิ่งที่ตนเองยึด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:35:03 )

รู้ตัวและทำจิตอย่างไรจึงจะได้เป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

พวกเราเป็นอรหันต์โดยไม่รู้ตัวก็มีเยอะ อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรค่อยๆรู้ตัวให้สรุปได้ ว่ากิเลสเรามีหยาบกลางละเอียดอย่างไร มันอาจจะสับสนเรียงลำดับไม่ถูก หากไล่เรียงดีๆ ตรวจสอบเราก็ไม่ได้ติดยึดอะไรมากมาย ลาภยศสรรเสริญสุขก็ดี เราเข้าใจแล้วสุขมันก็ไม่ใช่ของจริง ก็พูดอธิบาย มันก็เป็นเรื่องของการยึดถือว่าอาการอารมณ์อย่างนี้มันเป็นเรื่องสุขอาการอารมณ์อย่างนี้เป็นเรื่องทุกข์ มันเป็นของปลอม ตั้งแต่หยาบจนถึงละเอียด มันไม่มีหรอก แล้วก็หลงลมๆแล้งๆว่ามันสุขมันทุกข์ 

ผู้ใดสามารถรู้จักสุขทุกข์ได้ ถ้าใช้ปฏิภาณให้ดี ก็ทำจิตให้ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ได้ทันทีง่ายๆ สัมผัสอะไรก็ไม่เห็นมีอะไรมาก จิตก็ว่างๆไม่สุขไม่ทุกข์อะไร สัมผัสแล้วเฉยๆเห็นรู้ความจริง อันนี้ก็งามนะมันก็ดูอุดมสมบูรณ์ ป่าที่เขาว่ามันงามก็เปรียบเทียบกันได้ แต่เราก็ไม่ได้หลงใหลยินดีได้ปลื้มกับเขาอยากได้อยากมีเหมือนเขา จนขี้โลภอยากได้ของเขามันก็ไม่ ใครจะมากินใช้ร่วมกันก็ไม่ได้หวงแหนอะไร ที่พูดนี่ไม่ได้ยากอะไรนะทำแค่นี้เป็นพระอรหันต์แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:54:35 )

รู้ถึงความดับไปในจิตอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจิตของพระอรหันต์ ก็ต้องรู้ถึงความดับไปแล้วในจิต คุณอยู่กับโลกเขา คุณอยู่กับวัตถุต่างๆ สมมุติวัตถุต่างๆอย่างไร คุณก็เข้าใจสมมุติของเขา แต่คุณก็ไม่ได้ไปกระดี๊กระด๊ากับมัน อะไรควรอาศัยก็อาศัยมัน เช่น ธนบัตร อาตมาก็อาศัยธนบัตรในทุกวันนี้ แต่อาตมาไม่ได้ยึดติดอะไร หากจำเป็นจะต้องใช้ธนบัตรเพื่อการงาน เพื่อสิ่งที่จะต้องอะไรต่างๆนานา จะต้องใช้อันนี้เป็นสื่อในการใช้กับสังคมสมมุติเขาไป ก็ใช้ไปก็ทำไป ตามกฎระเบียบวินัย อาตมาก็ไม่ได้ผิดวินัยเอาไปใช้เงินใช้ทองตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไม่ให้ทำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เจอเงินเลย ไม่แตะเงินเลย ไม่มีเงินเลย ไม่ อาตมาทำงานบริหารชุมชนซึ่งมีหลายชุมชนชาวอโศกในเมืองไทย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:17:10 )

รู้ทันตัณหาอย่างไร

รายละเอียด

คุณต้องรู้ทันตัณหา คุณต้องรู้อาการตัวนี้แหละ ตัวอยาก แปลเป็นไทยว่าตัวใคร่อยากตัวต้องการ อาการมันเป็นอย่างไร สภาวะเป็นอย่างไร นี้แหละ ตัวการสำคัญ อย่าให้มีอาการนี้ 

เพราะฉะนั้นรู้ความจริงในความเป็นจริงเมื่อผัสสะ จิตก็เฉย ในขณะสัมผัส คุณผลักก็เป็นความอยากชนิดหนึ่ง อยากไม่มี อยากไม่เป็น อยากไม่ให้เกิด ผลัก 

ดูด ก็อยากให้มี อยากให้เป็น อยากให้เกิด ไม่มีก็อยากไม่ให้มี ไม่อยากให้เป็น ไม่อยากให้เกิด ใช่ไหมล่ะ มันไม่กลางๆ อ๋อ.. อันนี้เฉยๆ รู้ความจริงตามความเป็นจริงเฉยๆ คุณก็จบตรงนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 05:14:45 )

รู้ทันมายา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น จิตผู้ใดที่สามารถจับความเกิด ความดับ หรือความเก๊ ความจริงนี้ได้ 2 สภาวะ จิตนั่นแหละ เรารู้ทันมายา เรียกด้วยศัพท์ว่า “สิริมหามายา” รู้ทันมายา 

คำว่าเป็นมายาคือ สัจจะชนิดที่ครองโลก คือความหลอก มายาคือความหลอก เป็นสัจจะครองโลกถือว่าเป็นความหลอกที่เป็นความจริงที่เก๊ ความจริงครองโลก 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้ความจริง จริงๆ แล้ว มันคือสิ่งที่กลับไปกลับมาอยู่ 2 อัน เพราะฉะนั้นยึดมั่นถือมั่นมันไม่ได้ เมื่อใดมันมีประโยชน์ก็ใช้มัน เมื่อใดมันไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องไปใช้มัน แม้มันมีประโยชน์ใช้มันก็อย่าไปเชื่อมันอีก มันจะหลอกเราอีกได้ กลับกลอกได้อีก ก็แค่อาศัย อย่าไปสั่งสมลงใส่จิตให้เป็นนิสัย เป็นวิสัย เป็นอนุสัย นี่ก็ขยายความ อาศัย นิสัย วิสัย อนุสัย มาหลายทีแล้ว 

สยะ นี้ ตั้งแต่ อาสยะ นิสยะ วิสยะ และก็อนุสยะ ก็ขยายมาหลายที วันนี้ไม่ลงรายละเอียดอันนี้ ไปค้นหาอ่าน ฟังก็ได้ เดี๋ยวนี้เขามีเสียงอะไรกันเยอะ 

สรุปแล้ว ตัวอย่างรูปกลายเป็นนาม หรือนามกลายเป็นรูป พอเข้าใจไหม คุณพลัธ นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง 

เพราะฉะนั้น คนที่มาเข้าใจธรรมะอย่างที่ว่านี้ มันเป็นอัตตาอนัตตา มันเป็นตัวสิริมหามายาหรือเป็นมายา เรามีปัญญาญาณที่จะรู้ได้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่เราจะอาศัย ถือว่าความจริงก็เป็นความจริงลำลอง เป็นความจริงที่เราใช้อาศัย บางอย่างอาศัยนาน บางอย่างอาศัยชั่วคราว อาศัยสั้น อาศัยยาวไปเป็นธรรมชาติธรรมดาตลอดกาล เอ้า..ศึกษาดีๆ ผู้ที่เพิ่งเริ่มมาศึกษา อาตมาก็ยินดีต้อนรับ เริ่มเข้าใจ ผู้ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าก็อนุโมทนาสาธุ ยินดีด้วยอย่างมาก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:33:25 )

รู้ทั่วถึงคุณของธรรม 2

รายละเอียด

การรู้ทั่วถึงคุณของธรรม 2 อย่างนี้

1.ไม่สันโดษในการกุศลธรรม

2.ไม่ย่อหย่อนในความเพียร

จะทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 20"ปฐมปัณณาสก์" ข้อ 251

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2562 ( 12:09:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:39:08 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:14:54 )

รู้ทั่วถึงคุณของธรรม 2

รายละเอียด

การรู้ทั่วถึงคุณของธรรม 2 อย่างนี้

1. ไม่สันโดษในกุศลธรรม (อสันตุฏฐิตา)

2. ไม่ย่อหย่อนในความเพียร (อัปปฏิวาณิตา) จะทําให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “ปฐมปัณณาสก์” ข้อ 251


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 20:44:37 )

รู้ทั้งสองสภาพคือทั้งพยัญชนะและสภาวะ

รายละเอียด

อาตมาอธิบายสภาวะธรรมต่างๆผู้ที่ติดตามให้ดีๆ อาตมาไม่ได้อธิบายเหมือนอาจารย์ต่างๆ จะไม่เหมือน เพราะอาตมาเองขออภัยต้องพูดความจริง อาตมาเข้าใจสภาวะเข้าใจพยัญชนะพวกนั้นแล้วรู้ทั้งสองสภาพทั้งพยัญชนะและสภาวะ เรียกพยัญชนะตัวนี้คือสภาวะอย่างไรมารู้ตัวนั้นแล้วเอามาขยายความจริงเป็นพยัญชนะต่อไปอีก ที่เขาใช้กันฟุ่มเฟือย และอธิบายเข้าไปให้ถึงสภาวะ พยายามอธิบายให้พวกเราเข้าใจไปถึงสภาวะ พยัญชนะจะมีความกว้างและหลากหลายมาก ส่วนสภาวะมันเป็นตัวจริงตัวแท้ก็ต้องอธิบายดิ่งเข้าหาสภาวะต้องทำอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:16:56 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:18 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:19:43 )

รู้ทุกข์ในอริยสัจ 4 ได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อริยสัจ 4 จึงมีทุกข์เป็นตัวที่จะต้องรู้ให้ได้ จะรู้ทุกข์ได้อย่างไรก็ต้องรู้ด้วยนามรูป ทุกข์เป็นอาการของเจตสิกคือเวทนา เวทนาเป็นส่วนของวิญญาณ เรียนรู้วิญญาณด้วยนามรูป อาการ 2 มีรูปอันนึง กับนามอันนึง 

เพราะฉะนั้นผู้ใดกำหนดรู้ว่า เทวะ คู่สำคัญที่สุดในโลกคือ รูปกับนาม แล้วก็ใช้รูปกับนาม ศึกษาทุกอย่างที่เรียกว่าวิญญาณ แจกวิญญาณออกเป็นรายละเอียดของเจตสิก ไม่ต้องเอาไกลหรอกเอาแค่เจตสิก 108 คือจากเวทนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:39:15 )

รู้ธรรมแล้วไม่ต้องเชื่อใครอีก

รายละเอียด

 คำว่า  ไม่เชื่อใครๆ  ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยตนเอง อันประจักษ์แก่ตนเองว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา  จึงไม่เชื่อต่อใครๆ อื่น ซึ่งเป็นสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร หรือพรหม.  สมจริงดังที่ 

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  ดูกรสารีบุตร  เธอย่อมเชื่อหรือว่า สัทธินทรีย์  วิริยินทรีย์  สตินทรีย์  สมาธินทรีย์  ปัญญินทรีย์  ที่บุคคลเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  เป็นธรรมชาติหยั่งลงสู่อมตะ   มีอมตะเป็นเบื้องหน้า  มีอมตะเป็นที่สุด ? 

ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ในข้อนี้ ข้าพระองค์ไม่ถึงความเชื่อต่อพระผู้มีพระภาค ว่า สันธินทรีย์ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ที่บุคคลเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  เป็นธรรมชาติหยั่งลงสู่อมตะ  มีอมตะเป็นเบื้องหน้า  มีอมตะเป็นที่สุด.

 พระสารีบุตรทูลว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัทธินทรีย์เป็นต้นนั้น  ชนเหล่าใดยังไม่รู้  ไม่เห็น  ไม่ทราบ  ไม่ทำให้แจ้ง  ไม่ถูกต้องแล้วด้วยปัญญา  ชนเหล่านั้นย่อมถึงความเชื่อ  ต่อชนอื่นในข้อนั้นโดยแน่นอน 

ส่วนว่าสัทธินทรีย์เป็นต้นนั้น ชนเหล่าใดรู้(ญาตํ)  เห็น(ทิฏฐํ) ทราบ(วิทิตํ)  ทำให้แจ้ง(สจฺฉิกตํ)   ถูกต้องแล้วด้วยปัญญา(ผุสิตํ ปญญายะ)  ชนเหล่านั้น  ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัย(นิกฺกงฺขา)   ในข้อนั้นว่า สัทธินทรีย์ ... ปัญญินทรีย์  ที่บุคคลเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  เป็นคุณชาติหยั่งลงสู่อมตะ (อมโตคธํ  โหติ)  มีอมตะเป็นเบื้องหน้า (อมตสมฺปรายนํ)  มีอมตะเป็นที่สุด. (อมตปริโยสานนฺติ)    

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  สัทธินทรีย์เป็นต้นนั้น  ข้าพระองค์รู้  เห็น ทราบ  ทำให้แจ้ง  ถูกต้องแล้วด้วยปัญญา  ข้าพระองค์ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้น”   (พระภ.ตรัสว่า  ถูกล่ะ  ถูกล่ะ)

ที่มา ที่ไป

เล่ม 29 ข้อ 407  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 15:11:21 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:41 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:21:38 )

รู้นิ่งเฉย เป็นสมถะไม่ใช่วิปัสสนา

รายละเอียด

ระวังจะเป็นสมถะมากเกินไปนะหรือแม้แต่ติชนัทฮันห์ หรือหลวงปู่พุทธทาส หรือแม้แต่หลวงอัตถ์ รู้นิ่งเฉย ก็เป็นสมถะ ก็มีการฝึกได้เร็วได้เก่งได้คล่องได้บ่อย จนเป็นอัตโนมัติเลยก็หลงว่าอัตโนมัตินั่นคือสำเร็จ แท้จริงบำบัดด้วยสมถะไม่ใช่วิปัสสนา วิปัสสนามันจะต้องจับตัวมาเลย นามธรรมในอากาศวิญญาณ แล้วทำให้มันไม่มีให้ได้เรียกว่าอากิญจัญ สิ่งนั้นต้องจับอาการ รูปร่างตัวตนอาการมันยิ่งกว่าอากาศนะ จับมันให้ได้แล้วให้มันหมดจากอาการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:20:14 )

รู้บาลีแต่ปางก่อนมาเป็นบาลีสภาวะ

รายละเอียด

คืออายะ 3 อายะ คือประโยชน์ ทำสร้างเพื่อมนุษยชาติ ขอยืมคำว่าสุขมาใช้ แท้ๆแล้วพยัญชนะคือ สุ กับ ข คือ ดี กับว่าง รวมเป็น ว่างนั้นแหละดี พวกเปรียญบาลีก็ค้อนอาตมา อาตมารู้บาลีแต่ปางก่อนมา บาลีเป็นสภาวะ ไม่ใช่บาลีพยัญชนะ แต่ท่านเรียนแค่พยัญชนะก็ขัดแย้งติดใจอาตมา ท่านเอาภาษาพยัญชนะมาตีอาตมา ก็ให้เข้าคุก แต่ให้รอลงอาญา ให้อยู่นอกคุกก็ดีหน่อย ถูกพิพากษาให้ติดคุก 6 เดือนแต่รอลงอาญา 2 ปี ก็จบเลยตั้งแต่บัดนั้น จะเอาเรื่องกฎหมายทางโลกมาเล่นงานอาตมามันก็ผิดแล้ว อาตมายืนยันอธิบายตามธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ไม่ฟัง เพราะผู้พิพากษาก็ไม่ได้เอาธรรมะเป็นหลัก ท่านก็มีธรรม แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องธรรมะ ท่านก็เอากฎหมายมาตัดสิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 21:05:12 )

รู้ผัสสะต่างๆ แล้วไม่ตามติดใจ

รายละเอียด

คำว่า   กำหนดรู้ผัสสะแล้ว  ไม่เป็นผู้ตามติดใจ  มีความว่า ผัสสะทั้งหลาย  ได้แก่  จักขุสัมผัส  โสตสัมผัส  ฆานสัมผัส  ชิวหาสัมผัส   กายสัมผัส   มโนสัมผัส   อธิวจนสัมผัส    ปฏิฆสัมผัส   และสัมผัสอันเป็นที่ตั้ง.. คือ

สัมผัสเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา   สัมผัสเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา   สัมผัสเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา   ผัสสะอันสัมปยุตด้วยกุศลจิต  ผัสสะอันสัมปยุตด้วยอกุศล-จิต   ผัสสะอันสัมปยุตด้วยอัพยากตจิต

ผัสสะอันสัมปยุตด้วยกามาวจรจิต    ผัสสะอันสัมปยุตด้วยรูปาวจรจิต   ผัสสะอันสัมปยุตด้วยอรูปาวจรจิต  ผัสสะเป็นสุญญตะ  ผัสสะเป็นอนิมิตตะ   ผัสสะเป็นอัปปณิหิตะ  ผัสสะเป็นโลกิยะ   ผัสสะเป็นโลกุตตระ   ผัสสะเป็นอดีต  ผัสสะเป็นอนาคต   ผัสสะเป็นปัจจุบัน 

ผัสสะใดเห็นปานนี้คือความถูกต้อง  ความถูกต้องพร้อม   ความที่จิตถูกต้องพร้อม  นี้ชื่อว่า  “ผัสสะ” 

คำว่ากำหนดรู้ผัสสะแล้ว  คือ กำหนดรู้ผัสสะโดยปริญญา 3 ประการ  คือ  ญาตปริญญา  ตีรณปริญญา  ปหานปริญญา.

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 19:22:59 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 07:59:22 )

รู้ผูก รู้ตัด รู้หัดปล่อยวาง

รายละเอียด

คุณยังดีตีกรอบได้ถูก ที่แท้เรื่องครอบครัว คุณอยากเอาครัวมาครอบหัวก็เป็นอย่างนี้แหละ พูดไปแล้วเหมือนคนใจดำ ถ้าดูความเป็นอยู่ของครอบครัว จะเป็นลูกเต้าเหล่าหลาน โตพอแล้ว แม้ปัญญาก็มีอาชีพทำงานพึ่งพาตนเองรอดเหลือเฟือ ลูกหลานก็ไม่ต้องห่วง ช่วยตัวเองได้ดีหมดแล้ว จบ คุณอย่าไปห่วงจนเกินการ เลี้ยงลูกให้รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ให้รู้จักตาย อาตมาเคยพูด ลูกมันโตมีวัยที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ คุณทำเสร็จ หรือแม้ภรรยา หากเขาอยู่โดยไม่มีเราเขาก็มีความสามารถความรู้ หรืออยู่กับลูกก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณออกมาได้เลยไม่ผิดไม่ใจดำด้วย แต่ถ้าเผื่อว่า มันยังจะต้องเป็นภาระ หนักเข้าไปไม่รอด ลูกก็ยังเล็ก เมียก็พึ่งไม่ได้ช่วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นจริงๆก็ เวรใครเวรมัน วิบากใครวิบากมัน คุณก็ต้องอยู่อย่างนั้นไปชั่วชีวิต แต่ถ้าไม่แล้ว นี่อาตมาแนะนำอย่างจริงใจนะ ทุกคนฟังแล้ว จะอยู่ในยึดนิยายเรื่องนี้อย่างนี้ ตามที่อาตมาว่า ถ้าอาตมาเอาไปขยายเป็นพล็อตเรื่องได้เลย รอมแพงเขาช่างตั้งนามปากกา รอมแปลว่าผู้เป็นที่รัก แพงแปลว่า ของรักของมีค่า เช่นคำว่า คำแพง แพงนี่ยิ่งกว่าเพชรกว่าทอง แต่รอมแพงนี่ เอาล่ะพอเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:10:01 )

รู้พยัญชนะและทำสภาวะศูนย์ให้ได้เป็นอรหันต์

รายละเอียด

ผู้ที่มีสภาวะแล้ว จะรู้พยัญชนะเหล่านี้ เอามาสื่อให้รู้สภาวะชัดเจน โดยพยัญชนะผู้ตั้งมาแต่เดิม ตั้งแต่พระพุทธเจ้าก็มีความหมายเหล่านี้ สุดท้ายตอนนี้มันก็เพี้ยนไปก็เลยยากขึ้น นอกจากยากแล้ว ผิดไปเลยกลับความหมายไปคนละเรื่องเละเทะเลย ก็ต้องดึงกลับมาสู่ความถูกต้องใหม่ เป็นงานที่ยากมากที่สุด เป็นงานที่มนุษย์จำเป็น มนุษย์จะต้องรู้สิ่งที่เป็นสัจจะเหล่านี้ ไม่งั้นก็ปรินิพพานยาก เป็นคนดีสูงสุดไม่ได้เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ต้องมีความรู้พวกนี้ แต่จะเป็นพระอรหันต์ก็ไม่ต้องรู้มากขนาดนี้ รู้พยัญชนะให้ดีเอาพยัญชนะไปแปะให้ได้ ทำสภาวธรรมให้ 0 ให้ได้คุณก็เป็นอรหันต์ เป็นพระอรหันต์แล้วจะรู้พยัญชนะเพิ่มแล้วก็ได้ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้มีสิทธิ์แยกธาตุจิตเป็นอุตุธาตุได้หมดเลย มีทุกขีดขั้นตอนในสมัยพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:54:38 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:22:06 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:29:33 )

รู้พยัญชนะไม่รู้สภาวะ

รายละเอียด

เขามีพยัญชนะแต่ไม่ได้เรียนรู้ พยัญชนะก็โมเมกันไป จบเปรียญ 9 จบด็อกเตอร์ นามรูปปริเฉทญาณ ข้อที่1 ของโสฬสญาณ ญาณที่ 2 ปจยปริคหญาณ ก็ไล่กันคล่องปรึ๊ดเลย พูดไปแล้วเหมือนดูถูกเขาว่าเขา แต่อาตมาเอาความจริงมาพูดแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 10:04:00 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:22:33 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:30:02 )

รู้พัก รู้เพียรพอประมาณ

รายละเอียด

ความพากเพียรอย่าให้มันเกินอย่าให้มันมากไปจนเกิน ต้องเผื่อไว้ถ้าน้อยไปหน่อย ถ้าเกินแล้วมันดึงกลับยาก ถ้าน้อยแล้วมันก็ยังก้าวหน้าเผื่อพอไว้ ถ้าโอเวอร์แล้วมันจะดึงกลับ แต่ถ้ามันน้อยอยู่มันจะก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น มันไม่เสียประเด็นนี้จำไว้ให้ดี คนกิเลสมากต้องการความเร็วต้องการได้มากมันจะโอเวอร์อย่างนี้ ยิ่งเป็นนามธรรมจิตวิญญาณมันไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่างสัมผัสได้ยากประมาณได้ยากมาก แต่ก็ทำได้ศึกษาให้ดีดี เราสามารถควบคุมดูแลอาการหนึ่งชนิดของนามธรรมได้ สามารถประมาณได้มัตตัญญูตาได้ ทำให้ได้สัดส่วนตามสมเหมาะสมควร

ที่มา ที่ไป

เทศน์ก่อนเผาศพ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:01:48 )

รู้พักรู้เพียรตามพอเหมาะ

รายละเอียด

พวกเรารู้จักพักรู้จักเพียร ให้พอเหมาะ ควรพัก พัก ควรเพียร เพียร เราไม่พักอยู่  (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป เราไม่เพียรอยู่  (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว  (โอฆมตรินติ) เมื่อใดเรายังพักอยู่ (สันติฏฺฐามิ) เมื่อนั้นเรายังจมอยู่โดยแท้ เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ (อายูหามิ) เมื่อนั้นเรายังลอยอยู่โดยแท้ เราไม่พัก เราไม่เพียร  ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563

หนังสืออ้างอิง

(พตปฎ. เล่ม 15  ข้อ 2) 


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:30:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:01:06 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:30:39 )

รู้ภายนอกหรือภายในก็เป็นอภิภูขึ้นเรื่อยๆ 

รายละเอียด

กาย หมายความว่า 2 คำสำคัญคือภายนอกกับภายใน เป็นรูปกับนาม สิ่งที่ถูกรู้คือรูป โดยผู้รู้คือนาม แยกกันไม่ได้วิญญาณต้องมีรูปนาม มีตัวรู้ รู้ภายนอกหรือภายในก็เป็นอภิภูขึ้นเรื่อยๆ 

อภิภูหรืออภิภายตนะข้อที่ 1 ไม่มีคำว่ากายเลยนะ แต่ความหมายหมายถึง ใจและรู้รูปภายนอก เริ่มต้นตั้งแต่ข้อหนึ่งคือรูป ข้อ 3 ถึงจะเป็นอรูป ข้อต่อไปแยก ปริตตัง อปริตตัง สุพรรณะ ทุพรรณะ 

สุพรรณะ ทุพรรณะ คือนัยยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวภายนอกจนกระทั่งลึกถึงภายใน ที่มีสุขมีทุกข์ มีดีกับไม่ดี เรียกว่าขั้นชั้น อาตมาแปลวรรณะว่า ขั้นชั้น มีมากมายหลากหลายละเอียดลออไปอีก อธิบายกันไม่จบง่ายๆ ตามภูมิ ก็จะรู้ละเอียดขึ้นไปตามจริง 

เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจึงสุดวิศิษฐ์ สุดวิจิตร สุดวิเศษ จริงๆเลย เราได้ศึกษาตามอาตมา อาตมาก็ยืนยันว่าไม่ได้พูดอวดตัวอวดตนอะไรว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ในยุคนี้ ที่จะแสดงธรรมได้วิจิตรพิสดาร แสดงธรรมได้ครบถ้วนกระบวนความต่างๆ ได้มากกว่าใครๆ พูดไปก็น่าสงสารคนที่เขาไม่เชื่อถือเขาจะอ้วกแตก ก็ต้องขออภัยอาตมาขอพูดความจริงอาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น 

ก็จะบอกว่าคนอะไรขี้คุยจังเลย อาตมาก็ว่าอาตมามีแต่เนื้อไม่มีขี้ ขี้นั้นเป็นของคุณอาตมาไม่มีเนื้อใครขี้ใคร ขี้นั้นมันของคุณไม่ต้องไปถาม แต่เนื้อนั้นของอาตมา นี่ก็พูดความจริงนะพูดความไม่จริงไม่เป็นอีกนั่นแหละ พูดความจริงไม่น่าหมั่นไส้ไม่ใช่เล่นวาทกรรม แต่เป็นความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 11:43:19 )

รู้ภาวะการเกิด รู้ภาวะการดับ และดับได้จริง อนัตตาก็เป็นไปได้เสมอๆ!

รายละเอียด

เราจึงจะสามารถรู้ภาวะ“การเกิด”และภาวะ“การดับ”ของ“วิญญาณ”ได้สำเร็จแท้ๆ “ไม่ลึกลับ” เพราะเราสัมผัสของจริง ทำการ“ดับ”ได้จริง จึงจะพิสูจน์ว่า “วิญญาณ” เป็น “อนัตตา”

นั่นคือ “วิญญาณ”หรือ“อัตตา“หรือ“เทฺว” หรือ“พระเจ้า”นั้นล้วน“ไม่ใช่ตัวตน”จริงเลย เพราะเราสามารถ“ดับ”ภาวะเหล่านั้นได้กันจริงๆ จึงรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “ทุกอย่างเกิดมาแต่เหตุ” เมื่อทำตาม“กระบวนการ”นั้นๆ ดับ“เหตุ”นั้นๆได้แล้ว “ผล”ก็เป็น“ความดับ”ได้ไปทั้งหมดทั้งสิ้นแน่แท้ ก็“ดับวิญญาณ”หรือ“ดับอัตตา”หรือ“ดับเทฺว”อันเป็น“พระเจ้า”แท้ๆได้สำเร็จพิสูจน์“ความจริง”นี้กันได้ด้วยตนเอง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 241 หน้า 197


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 12:45:08 )

รู้มากจนสรุปไม่ลงหาจุดสำคัญ 

รายละเอียด

ขออภัยวันนี้ต้องกล่าวพาดพิงถึง อย่างท่านประยุทธ์ ปยุตโต ท่านเป็นภันเตบวชก่อนอาตมา อายุน้อยกว่าอาตมา 4-5 ปี แต่บวชก่อนก็ต้องไหว้ท่าน แล้วท่านก็มีความรู้มากเป็นผู้รู้ เป็นเลินเน็ตแมน (Learned man)  เป็นผู้ศึกษามาก รู้มากท่องจำพุทธพจน์ได้มาก สอน สาธยายอยู่ก็มาก รู้มากท่องจำได้มาก สาธยายอยู่มากสอนมาก แต่ ท่านไม่ได้บรรลุธรรม ขออภัยที่กล่าวความจริงนี้ ไม่บรรลุในชาตินี้ เข้าหลักเกณฑ์เป็น ปทปรมบุคคล ไม่ใช่ไม่รู้นะ แต่รู้มากจนสรุปไม่ลงหาจุดสำคัญ เริ่มตั้งแต่รู้จักกายอย่างสัมมาทิฏฐิหรือยัง จับความเป็น สักกะ สักกายะของตน ตั้งแต่เริ่มต้นเลย เรียกว่า พ้นสักกายทิฏฐิ สังโยชน์ข้อที่ 1 ได้ดีหรือยัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 14:22:23 )

รู้มากจะยากนานเพราะไม่อ่านและจบที่สภาวะจริง

รายละเอียด

มันก็น่าเห็นใจ คุณรู้แล้วรู้ถูกหรือไม่ ก็บอกว่าคุณรู้มากรู้แล้วรู้ถูก คุณหยุดได้แล้วอย่าถามอีก คุณจะอ่านจิตเจตสิกรูปนิพพานอย่างไร นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนท่านมหาประยุทธ์ที่รู้มาก จำพระพุทธพจน์ได้ก็มาก  สาธยายอยู่ก็มาก แต่ไม่บรรลุธรรม เพราะไม่สรุป ระวังเถอะ 

คุณก็รู้ทุกอย่างถูกต้องหมด ไม่ต้องขยายออกมาหรอก คุณขยายออกมาก็คล้ายๆกับมาโชว์ออฟสิ่งที่คุณรู้ พอแล้วไม่ต้องโชว์มากหรอก จบของตัวเองให้ได้ ที่เขียนมาเข้าใจถูกแล้ว ก็คุณเป็นคนพูดเองวิชาเทพไม่ผสมมารก็บริสุทธิ์ดีสิ พูดพยัญชนะไปสู่สภาวะที่ถูกต้อง มันก็ถูก ให้เอาที่สภาวะของจิตเจตสิกของคุณให้ได้ ชน เหตุปัจจัยของภาษาความรู้พวกนี้คุณรู้หมดแล้ว ครบแล้วจบได้แล้ว เอามันมาใช้ สรุปมาจบลงให้ได้  

คุณเองคุณยังตายไม่ลง ทำความตายให้แก่ความเกิดยังไม่ได้ ได้แต่ทำความเกิดให้แก่ความตายไปเรื่อย ...เด็กๆฟังไหวไหมนี่ เดี๋ยวค่อยขยายความ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:33:17 )

รู้มากยากนานคือเอาแต่ความรู้ไม่เข้าหาสภาวะ

รายละเอียด

SMSของคุณเดชา อัมพร ส่งมาเยอะ ขอตัดออกสัก 1 เพราะมันเยิ่นเย้อ

อาตมาสงสารคุณ เหมือนพวกคงแก่เรียน ส่วนมากจะเยอะๆแต่ไม่ได้เข้าหาสภาวะ ดูเข้าหาสภาวะตั้งแต่แยกกายแยกจิต เริ่มต้นตั้งแต่สักกายะ ปฏิบัติตั้งแต่ธรรมะสองให้บรรลุทีละขั้นยังไม่ได้เลย ขอบอกอย่างนั้น เป็นความจริงใจนะที่พูดน่าสงสารจริงๆ ท่านจะเสียเวลาอย่างนี้นาน หากไม่ฟังอาตมาพูดจะไปอย่างนี้อีกนาน มันก็ภาคภูมิ มันก็สนุกได้เห็นความสำคัญก็จริงนะ แต่มันไม่เอา 2 ส่วน เอาสภาวะปัจจุบันได้มีมรรคผลมาปฏิบัติ ก็เอาแต่ความรู้ รู้มากยากนาน ศัพท์ง่ายๆ รู้มากยากนาน แล้วท่านก็จะยากไปเรื่อยๆนาน นานนี่เป็นล้านล้านปี ซึ่ง อาตมาพูดไปแล้วก็ไม่เชื่อกันง่ายๆหรอก 

ในขณะนี้มีอาตมาเป็นผู้ติงเตือน ในขณะที่ไม่มีอาตมาติงเตือน 2,500 กว่าปีที่ผ่านมามันยาก คิดดูสิมันจะหลงเลอะเท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:43:00 )

รู้มากยากนานเป็นเช่นไร

รายละเอียด

รู้มากจะยากนานคนนี้ อธิบายเหตุผลเหตุปัจจัยวนกันไปยาวๆ ก็เข้าใจว่าคุณ แต่ถ้าเป็นอย่างคุณบรรจงไม่ได้ข้อสรุป ศีล คือข้อกำหนดให้ปฏิบัติ อย่างนั้นๆ คุณจะต้องสรุปลงให้ได้ แต่นี่คุณไปอธิบายศีลกับจิต อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา มันหมุนวน เป็นความเคลื่อนอิทัปปัจจยาการ เหตุปัจจัยแก่กันและกันไปตลอด ไม่เคยจบ ไม่มีข้อสรุป มันมีแต่ความเข้าใจ ไอ้นี่แหละ เป็นพิษเป็นภัยอย่างยิ่ง ที่มนุษย์ไปเพลินกับเหตุผล เหตุและผลที่เป็นตรรกะที่ยิ่งใหญ่ ที่หลอกคนให้หลงอย่างมากเลย แล้วมันจะมากเหตุและผลต่างๆไป จนกระทั่งไปหน้าลืมหลัง แล้วก็วนมาหาหลังไปอีกวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจบ ขออภัยยกตัวอย่างชัดๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 10:48:32 )

รู้มากยากนานในพยัญชนะ

รายละเอียด

รู้มากยากนานในพยัญชนะแสดงว่าไม่เข้าถึงสภาวะ ก็ถ้าทานอาหารจืดแล้วกิเลสลดลงไปลดลงไปจนหมดมันก็ดีกว่า นี่คือการไปติดในพยัญชนะในภาษา อย่างคุณอโศกสัมปวังโก อาตมาวิจารณ์ได้ว่าไปติดในภาษาไทยมากกว่าไปทำในสภาวะ ตัวหนังสือคุณก็เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกทีเลย เพราะติดในบัญญัติหมด

ที่มา ที่ไป

สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน อาหารอร่อยไม่ใช่อาหารปราณีต

วันพุธที่ 13 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:30:49 )

รู้มากยากนานไม่ใช่ปัญญา

รายละเอียด

คุณไปเรียกพวกสายปัญญาไม่ใช่หรอก ที่จริงเรียกว่าสายฟุ้งซ่าน สายเฉโกฟุ้งซ่าน พวกรู้มากยากนาน ไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ที่เข้าหลักเข้าเกณฑ์ 

เพราะฉะนั้น ผู้เข้าใจเรื่องศีล จะชัดเจนเข้าใจในความหมายต่างๆว่า ศีลเป็นอย่างไรแล้วทำไป ได้ผลอย่างไร ทั้งภายนอกภายใน ตั้งแต่กายถึงใจ ถึงขั้นลดกิเลส จะชัดเจนว่าศีลปฏิบัติแล้วทำให้เราเข้าใจเนื้อแท้ของสัจธรรมที่จิต แล้วจิตมันมีกิเลส ศีลมีหน้าที่ปฏิบัติให้ละหน่ายคลายจางจากกิเลส ไม่ใช่ไปปฏิบัติเพื่อสะสมทรัพย์ศฤงคาร ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขไม่ใช่หรอกศีล ศีลของเราเป็นโลกุตระเพื่อขัดเกลากิเลส มีปกติเห็นโทษภัยในโทษ แม้มีประมาณน้อย แม้จะบกพร่องนิดหน่อย ก็ระวัง สมาทานอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1 วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 20:05:54 )

รู้มากลำบากนาน 

รายละเอียด

ธรรมชาติเขาก็พอดีของเขา คนนี้มันควรตายแล้วก็ตายไป มันก็พอดีตาย ที่จริงเป็นพืชนั้นพลังงานเป็นพืชมันหมดแล้วที่จะจองเวรจองกรรมไม่มีพยาบาท มนุษย์เหมือนกันแต่จิตวิญญาณมัน Drop มันตกลงพลังงานมันไม่ขึ้นแล้วมันจะทำงานอยู่แค่ระดับพืช ทีนี้คนมันมีเมตตาแม้ระดับพืชก็เลี้ยงไปเถอะมันก็ยังไม่ตาย ก็เลยเป็นภาระ รู้จักวิธีเลี้ยงไปจนกว่าจะหมดพลัง ไม่มีปัญหาอะไรพวกเราก็ต้องทำกันไปมันรู้มากก็เลยยากนาน ลำบากนาน รู้มากลำบากนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:29:49 )

รู้มากสรุปจบไม่ลงเป็นอรหันต์ไม่ได้

รายละเอียด

เหมือนกับทุกวันนี้น่าสงสารพวกที่ศึกษามากๆรวมไม่ลง แม้แต่พวกเราอาตมาก็บอก พวกเราจะจบเป็นอรหันต์ได้ แต่สรุปไม่ลงมันรู้มาก จับสภาวะไม่จบ 

คุณจบสภาวะของโสดาบันหมดเรื่องของอบาย คู่ไหนกลุ่มไหนเรื่องไหนของคุณก็จัดหมู่จัดหมวด อันนี้ตรงนี้หยาบต่ำตรงนี้ เราปิดประตูแล้วก็จบหลักสูตรแล้ว ตรวจเวทนาของเรามันมีอยู่ในโลกเต็มไปหมด ปิดหูปิดตาปิดทวารทั้ง 6 ก็ยังรู้ได้อีกเป็นทวารพิเศษ มันก็รู้ก็เห็นโลกมันแสดงจัดจ้านอย่างกับอะไรดี แรง นอกจากหลบหนีเข้าป่าเขาถ้ำไม่รับรู้เลย แต่ถ้าอยู่กับโลกกับสังคมก็ต้องรู้ แล้วต้องรับเป็น ต้องเรียน ต้องรับลูกเป็น อยู่กับเขาได้อย่างอยู่เหนือ อุตระ โลกุตระ อยู่เหนือโลกพวกนี้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 12:06:31 )

รู้ลึกในใจของท่านนายกฯตู่ว่ามีอีกเยอะงานที่จะทำ

รายละเอียด

อาตมาขอพูดอย่างเปิดอกเลยว่า หนังสือพิมพ์วันนี้ก็บอกว่า…

มีคนไปถามพลเอกประยุทธ์ ว่าจะเป็นนายกฯต่อไปไหม แล้วก็มีเสียงบอกว่า ถ้าตอบว่าจะเป็นก็จะมีคำถามต่อมา จะเป็นแล้วจะเป็นในบัญชีพรรคไหน ลุงตู่ก็กั้นหมดเลยไม่ให้ถาม แต่เปิดใจว่า ถ้าเป็นต่อ จะทำให้ดีที่สุด เพราะว่ายังมีอะไรให้ทําอีกเยอะ นี่เป็นคำตอบที่น่าจะพอไขความ อาตมาก็ยิ่งรู้ลึกในใจของท่านว่ามีอีกเยอะ งานที่จะทำ แล้วท่านทำงานมา 4-5 ปีมีผลเข้าตามาก อยากให้ทำต่อไปอีก ทนไปเถอะแม้จะเหนื่อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:35:27 )

รู้ว่าคุณด่าแต่อาตมาไม่ได้ถือสา

รายละเอียด

บวชมานาน 50 ปี อาตมาว่า คุณไม่รู้ ไม่ใช่อาตมาไม่รู้ คุณใช้ศัพท์คำสำคัญคำนี้แทน คำที่คุณใช้แทน หมายถึงความต่ำอาตมาก็คงไม่ค่อยรู้ แต่อาตมารู้สิ่งที่เจริญ อาตมาก็เอาสิ่งที่เจริญมาพูดมาบรรยาย ยิ่งบรรยายคุณก็ยังไม่รู้ นอกจากไม่รู้แล้วก็ไปกระทบ ไปยืนยันทั้งคุณ ทั้งคณะของคุณ ครูบาอาจารย์ของคุณ ความรู้ความเข้าใจของคุณ มันก็ไปข่มหรือไปตำหนิ วิจารวิจัยว่า ทางของคุณมันผิด คุณก็เลยด้วยความมีอัตตามานะ ติดยึดมาก คุณก็เลยเป็นอย่างที่เป็น ตรวจสอบให้ดี อาตมาเอาวิชาการมาพูด วิจัยวิจารณ์ให้ฟัง คุณจะถือสาก็ขออภัย มันเป็นวิชาการที่ต้องพูดให้ฟัง แต่คุณยังไม่เข้าใจอาตมาไม่มีตัวตนรู้สึกว่าคุณมาด่าว่าอะไร รู้ว่าคุณใช้คำด่า หากอาตมาแปลมาก็รู้ว่าคุณด่าแต่อาตมาไม่ได้ถือสา อธิบายสัจธรรมให้ฟัง ตั้งใจศึกษาให้ดี คุณจะแสดงอะไรมาก็ขอเชิญได้เลยอาตมาก็ได้สาธยายธรรมให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่น จะเข้าใจ และผู้ที่มีสำนึกในความรู้สึกดีจะรู้สึกดีทีเดียว ฟังที่อาตมาหยิบตัวอย่างที่คุณทำมา อาตมาก็หยิบสิ่งที่คุณทำมาเอามาสาธยาย เอามาอธิบายขยายความตอบกันให้เข้าใจ ก็ได้เห็นสิ่งที่จริงซับซ้อนหลายอย่าง ก็จะได้ประโยชน์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:18:55 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:50:58 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:31:57 )

รู้ว่าตัวเองยังมีกิเลส ดีกว่านึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์

รายละเอียด

ดีรู้ว่าตัวเองยังมีกิเลส คนที่หลงตัวเอง ว่าไม่มีกิเลส ทั้งๆ ที่กิเลสของตนเองยังไม่รู้ แม้แต่กิเลสขั้นหยาบ แล้วนึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ คนนี้น่าสงสารยิ่งกว่า เช่น พระนั่งหลับตาปฏิบัติ เป็นต้น 

การนั่งหลับตาปฏิบัตินี้ ไม่มีทางที่จะเป็นพระอรหันต์ได้ ไม่มีทางที่จะหมดกิเลสได้ มีแต่พวกวิปริตนะ ก็หลงตัวเองว่ากิเลสหมด แล้วก็หลงนึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ เดี๋ยววันนี้อาตมาเตรียมเรื่องออกป่า โดย พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องป่าไว้ 5 ประการ ที่จะได้เอามาสาธยาย ใช้องค์ประกอบต่างๆ เป็นเหตุปัจจัยในการปฏิบัติธรรม ที่พูดนี้เข้าใจ คือพวกเรานี้ อาตมาภาคภูมิใจที่ปฏิบัติตรงธรรมะพระพุทธเจ้า แล้วมันเห็นรายละเอียด พวกเราเก็บเล็กเก็บน้อยเก็บละเอียดมุมนั้นมุมนี้ คนนั้นก็มองมุมนั้นมุมนี้ แล้วก็มาพูด บางทีอาตมาฟังแล้ว โอ้โห แง่นี้เรายังไม่ได้รู้สึกว่า เคยประหวัดไปถึงเลยนะ เขาก็หยิบขึ้นมา อึ้งนะ เราก็เห็นได้ตามที่เขานำมาพูด มันก็เป็นเรื่องที่ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 18:49:30 )

รู้ว่าปฏิบัติอย่างนี้ไม่บรรลุก็ยังไม่ขวนขวาย มันน่าสงสารสุดๆ!  

รายละเอียด

ที่น่าสงสารยิ่งก็คือ ทั้งๆที่รู้ว่าที่ปฏิบัติอยู่นั้นมันไม่บรรลุมรรคผลหรอก แต่ก็ยังไม่ขวนขวายหา“ความรู้-ความจริง”ที่มันมีมรรคมีผลจริงกันให้ได้ แถมผู้ที่มีมรรคผลจริงบอกให้ ก็ยังยึดไอ้ที่ไม่มีมรรคผลอยู่นั่นแหละ มันก็สุดสงสารจริงๆ!

ก็ในเมื่อคุณยึดอย่างที่คุณยึดนั้นมันยังเป็นความรู้หรือเป็นความเห็นกันคนละอย่าง คุณก็รู้ว่าที่คุณยึดอยู่นั้น ทั้งศึกษา ทั้งฝึกฝน มันก็ยังไม่ชัดในมรรคผล ยังไม่ถึง“นิพพาน”คุณก็ยอมรับใช่มั้ย?ว่าคุณไม่เกิด“วิมุตติญาณทัสสนะ”จริงๆซักที ลาภสักการะสรรเสริญที่คุณได้รับอยู่นั้น มัน“มายา”นะ!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 156 หน้า 138


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 10:45:40 )

รู้ว่าผิดแล้วต้องหยุด

รายละเอียด

คำว่าหยุด เมื่อคุณรู้ว่าผิดแล้วก็หยุด หรือว่า คุณไม่รู้ว่าผิดหรือถูก แต่ถ้ารู้ว่าผิดก็ชัดต้องยิ่งหยุด

ต้องชัดเจนว่าขืนต่อไปเราซวยนะ หยุดได้ แต่คนขี้โกงไม่หยุด กลับเอาพยัญชนะมาตีกินโก้ๆ ฉันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้คนอื่นนะ หากคนรู้แล้วก็อย่าทำเลย กรรมเป็นอันทำ ไม่มีใครลบล้างได้ จะเอาสารเคมีสูงสุดแค่ไหนก็ลบไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน สำนึกผิดดีได้ถ้าไม่ตีกิน


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:16:17 )

รู้ว่าเป็นอรหันต์ได้อย่างไร

รายละเอียด

ที่ไม่เชื่อนั้นก็น่าเห็นใจเขา เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้เป็นคนกระจอก เป็นคนไม่มีตำแหน่งไม่มีหน้าที่ไม่มีความรู้ ไม่มีที่อ้างอิงทางสถาบันศึกษา โผล่มาจากวงการมายาด้วย โผล่มาจากดำดินมาจากไหนไม่รู้มาบอกว่าตัวเองเป็นพระอริยะตัวเองเป็นพระโพธิสัตว์ เขาไม่มีที่มาที่ไปก็น่าเห็นใจที่เขาจะไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรอาตมาก็เลยต้องบอกว่า อาตมาเป็นคนที่มีอันนี้มาแล้วเป็น สยังอภิญญา ผู้ที่มีอภิญญามาตั้งแต่ปางก่อนยังไม่ถึงกับเป็นสยัมภู เป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ที่ร่ำเรียนมาก็คงจะเข้าใจพยัญชนะเหล่านี้ อาตมาไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า จริง ดูอีกระดับหนึ่ง ปัจจัตตัง ปัจเจก สยังอภิญญา สยัมภู อาตมาก็อธิบายความ ตั้งแต่เป็นพระโสดาบันก็มีเป็นปัจจัตตังแล้ว จนเป็นพระสกิทาคามีอนาคามีจนเป็นพระอรหันต์ก็มีของตัวเองครบบริบูรณ์ในเรื่องของกิเลส สิ้นอาสวะ อย่างนี้เป็นต้นไม่ใช่ มีในตำรามีในตำนานแต่เขาอ่านตำราไม่แตก เขาเข้าใจผิดในตำรา เขาเข้าใจภาษาของศาสนาพุทธ จากถูกเป็นผิด ก็ยืนยันตามตำราเดิมของพุทธเจ้า เขาเข้าใจผิดเขายึดถือสิ่งที่ถูกเป็นผิด ยึดถืออรหันต์เดา เป็นต้น อรหันต์เดาไม่ได้ อรหันต์ต้องรู้แจ้งเห็นจริงยืนยันได้จึงเป็นพระอรหันต์ ถ้าจะบอกว่าเป็นอรหันต์ ก็มีมังกุ ไม่ควรพูดอะไรอย่างนี้ สะดิ้ง มันไม่ใช่ มันต้องชัดเจนมันต้องมั่นใจต้องรู้จิตเจตสิกรูปนิพพาน ขนาดอาตมาประกาศตัวเองเป็นอะไรเขาบอกว่ารู้ได้อย่างไรตัวเองเป็นอรหันต์ อ้าวแล้วกัน ผู้ที่ประกาศตัวเองเป็นอรหันต์และไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไรก็หน้าแตกสิ ก็ต้องรู้ อาตมาประกาศตัวเองว่าเป็นอรหันต์เพราะอาตมาไม่มีกิเลสแล้ว กิเลสเป็นอย่างไรก็อธิบาย กายกลิต่างๆ เดี๋ยวนี้เขาก็ไม่รู้ว่ากายเป็นอย่างไรแล้ว เรียนรู้ตั้งแต่สังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายทิฏฐิ คือคู่รูปนาม เรียนรู้กาย แยกกายแยกจิตให้ได้ พอบวชปั๊บ ก็มีวินัยเลย ให้อุปัชฌาย์สอนการแยกกายแยกจิต เพราะถ้าไม่เข้าใจเรื่องการแยกกายแยกจิตได้แล้ว จะไม่มีทางบรรลุอรหันต์ เมื่อไหร่เป็นกาย เมื่อไหร่ไม่เป็นกายความไม่เป็นกายเลย เริ่มตั้งแต่ พีชะ แต่ยังเป็นชีวะ กาย คือ สภาวะสอง ที่เริ่มตั้งแต่เวทนา วิญญาณ พีชะไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ ท่านก็เลยมาสอนให้รู้ตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนังเมื่อไหร่มันไม่เป็นกาย ก็ต่อเมื่อมันไม่เกี่ยวข้องกับจิตกับพีชะเลย สภาพมันเป็นอุตุ คือมันไม่เป็นชีวะ เพราะฉะนั้นเล็บที่ยังมีชีวิตอยู่มันยังไม่ใช่อุตุมันยังเป็นพีชะ แต่มันไม่มีเวทนาไม่มีความรู้สึกไม่มีวิญญาณไม่มีบาปไม่มีบุญ ไม่มีวิบากอะไร เพราะฉะนั้นมันก็ไม่เจ็บ เราเรียนรู้อย่างนี้เราจะได้รู้ว่าเราทำจิตนิยามของเรานี้ ให้เป็นอุตุให้เป็นพีชะ โดยกรรมโดยธรรม ทำให้เป็นได้คุณจะบรรลุเป็นพระอรหันต์จะต้องรู้จักอาการของรูปนาม หรือเรียกว่า กาย ที่มันทำปฏิกิริยาปรุงแต่งกัน เล็บมันมีธาตุดินปรุงแต่งกันเป็นก้อนตัดออกมันก็เป็นอย่างนั้น มันไม่มีชีวแล้วเป็นอุตุแน่แท้ แม้แต่คุณยังไม่ตาย ถ้าจิตของคุณมันไม่มีชีวะ มันตายเลย เช่น จิตของเราที่ไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เลวที่ผิดที่ต่ำที่หยาบแล้ว เราเรียนรู้มันให้จริงว่าอันนี้แต่ก่อนเราหลงมันเป็นชีวิตชีวา หลงมันได้มา แล้วก็สุขแล้วก็ทุกข์เป็นตัวเราของเรา ให้เป็นเวรแท้ๆของนี่ได้ไปยึดมาเป็นเราเป็นของเราก็เข้าใจแล้วจะหลุดจากอบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:31:37 )

รู้สภาวธรรมจริง ของปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้สภาวธรรมจริงๆของปฏิจจสมุปบาทแล้วรู้หมดแล้วทำให้หมดเกลี้ยงความไม่รู้ เป็นวิชชาทั้งหมด ทำจิตของเราสมบูรณ์แบบก็คือรู้ว่าความจริง แล้วมันเป็นธรรมชาติของจิตสังขารปรุงแต่งไปแล้วไม่ได้มีกิเลสเข้าไปปรุงแต่งเป็นอภิสังขาร มีบุญแล้วก็หมดบุญ กลายเป็น อาเนญชาภิสังขาร เป็นสังขารที่แข็งแรง ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม อีกแล้วเป็น อาเนญชาภิ
สังขาร เป็นผู้ที่มีสังขารอย่างอภิอย่างยิ่งใหญ่แล้วคุณก็อยู่กับโลกทุกอย่างอยู่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อยู่กับรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส อยู่กับทรัพย์สินเงินทองข้าวของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือเป็นเกียรติยศสรรเสริญอะไร แต่ไม่มีกิเลสแล้วก็อยู่กันอย่างอภิสังขารเป็นผู้ที่ อาเนญชา ไม่ได้วูบวาบหวั่นไหวอะไรไปกับโลกเขาเลย สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2566 ( 15:49:17 )

รู้สังขาร วิญญาณ นามรูปได้อย่างไร

รายละเอียด

อวิชชาคือมันไม่รู้ ไม่รู้อะไร?.. มันไม่รู้ว่าธาตุ 2 ปรุงแต่งกันอยู่เป็นนามรูปแล้วก็มาเป็นวิญญาณ อ๋อ.. วิญญาณนี้พอรู้แล้วก็แยกแยะได้เป็นนามรูป มันมี 2 อันสังขารปรุงแต่งกันอยู่ 

สังขาร วิญญาณ มีนามรูป ก็เลยเกิดความรู้ว่า สามเส้าแรก รู้สังขาร วิญญาณ นามรูป แล้วนามรูปและวิญญาณจะรู้ได้อย่างไร คนอวิชชาก็ไม่รู้เรื่อง มีแต่สังขารเป็นไปของตัวเอง ท่านก็ละเอียดลออรู้ยิ่งขึ้นไปอีก พระพุทธเจ้ารู้ถึง 

ต่อจากนามรูปก็มีอายตนะ ผัสสะ เวทนา นามรูปเราจะรู้ได้เพราะมีผัสสะกันระหว่างธาตุหนึ่งธาตุสอง สองสิ่งสัมผัสกันแล้วเกิดตัวกลางนี่แหละ ผัสสะก็เกิดอายตนะ จึงรู้ว่า อ๋อ.. มันมี 2 ซึ่ง 2 คือตัวรูปกับตัวนาม เมื่อสัมผัสกันก็เกิดพลังงานตัวที่ 3 ยืดพลังงานตัวที่ 3 ออกไปก็จะเห็นเป็นสะพานเป็นอายตนะ อธิบายเป็นรูปธรรม (อธิบาย Slow motion 1,000 เฟรมต่อวินาที)

เกิดอันนี้ อันนี้เองเป็นวิญญาณ อายตนะคืออันนี้ วิญญาณคืออันนี้ เมื่อตากระทบรูปก็เกิดวิญญาณทางตา เรียกว่า อายตนะทางตา 

ทางหูได้ยินเสียงก็เรียกว่าเป็นอายตนะทางหู เกิดธาตุรู้ทางหูขึ้นมา ก็เรียกเป็น จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ​ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ เป็นวิญญาณที่เกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:44:57 )

รู้สัจธรรมชีวิตจะไม่ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

รายละเอียด

สุดท้ายเมื่อสอนให้รู้เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขแล้ว มันเป็นเพียงเครื่องอาศัยเล็กๆไม่ต้องไปยึดติดมากมายเลย มีน้อยเท่าไหร่ก็สบายเท่านั้น ถ้าไปหลงมากจะต้องมีมากๆมันก็หนักคุณก็บ้า ไม่ต้องมีเลย อาศัยในปัจจุบัน คนเดียว ถ้าอยู่คนเดียวเข้าใจอย่างนี้แล้วปัจจุบันถ้าหากอาตมาอยู่คนเดียว อาตมาจะมีชีวิตอยู่ก็ต้องอาศัยตัวเองก็ต้องปลูกเผือกปลูกมันทำงานไม่ไหวหรอกคนเดียว กินเผือกกินมันแทน ไปเรียนรู้ปริญญาโทปริญญาเอกมาเหมือนกับอย่างนายแอ๊ด ปลูกถั่วปลูกมันกิน กสิกรพวกเรายังไม่มีคนจบปริญญาเอกเรื่องกสิกรรม ไปจบปริญญาโทเยอะพวกเรา รู้สัจธรรมชีวิตจะปลูกผักปลูกมันปลูกเผือกกินไปสบาย เอาใบตองมามุงหลังคาใบตองมันแห้งมันเหลืองก็ย้ายไปเอาใบตองมามุงใหม่เป็นผีตองเหลือง อาศัยใบตองเป็นที่พักที่นอนเป็นทั้งที่อาศัยเป็นฝาเป็นเพดานเป็นหลังคา ผีตองเหลือง อันไหนที่มันเหลืองมันรั่วมันซึมแล้วก็ย้ายไปที่ใหม่ เขาเลยเรียกผีตองเหลือง อาศัยใบตอง ใบตองมันใหญ่ไง ในบรรดาใบไม้ที่จะมาใช้ในชีวิต

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:50:46 )

รู้สิ่งที่อาศัยบริโภคในชีวิต

รายละเอียด

มาเข้าเป้าตรงที่ง่ายๆ พูดง่ายๆว่า การหลงพึ่งเงิน กับ การมีความรู้ หลงเงินงมงายกับการมีความรู้ในการรู้สิ่งที่อาศัยบริโภคในชีวิต คำว่า สิ่งที่อาศัย ภาษาบาลีคือ อาหาร ผู้ที่เห็นความสำคัญในสิ่งที่อาศัย ถ้าจะรวมหมดเลยก็คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็มีอาหาร คือข้าว ข้าวผ้ายาบ้านเป็นปัจจัย 4 นี่เป็นอาหาร 4 หรือข้าวผ้ายาบ้านเป็นเครื่องอาศัยของมนุษยชาติ ไม่ว่าชาติไหนศาสนาไหน ความคิดแนวไหน ต้องมีเป็นพื้นฐานของมนุษยชาติ 

มนุษยชาติที่ไม่ใช้ผ้า หรือไม่ใช้เครื่องนุ่งห่มก็มีแต่พวกเชน พวกไม่นุ่งผ้าเลย แล้วมันจะมาอยู่กับสังคมเขาอย่างไร มันไม่รู้จักเวทนา มันไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักความรู้สึก และ มันไม่รู้จักเรื่องกิเลสของมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องมีกิเลส ที่ยังไม่บรรลุธรรม แล้วจะไปบังคับให้คนไม่มีกิเลสได้อย่างไร เชน เข้าใจสุดโต่งเกินไป ก็เลยทำอะไรกับมนุษยชาติไม่ได้ ก็เลยหนีไปคนเดียวตายไปคนเดียว ก็ดักดาน จะไม่ขยายผลในเรื่องนี้ที่มันสุดโต่งเกิน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 12:26:57 )

รู้สิ่งเหล่านี้มีแต่พัฒนาขึ้น

รายละเอียด

ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งเหล่านี้ แล้วจบสุดท้ายเป็นอรหันต์แล้วอยากอยู่ต่ออีก เกิดตาย ตายเกิด มีแต่พัฒนาขึ้น เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 แล้วระดับ 5 ระดับ 6 ไม่มีตกต่ำ มีแต่เจริญๆๆ รู้โลกรู้อัตตา ของคนอื่นๆเพิ่มขึ้นอีก คนอื่นเขาก็มีจิตอย่างนี้ เขาก็มีจริตแบบนี้ คนแบบนี้ก็มีอย่างเรา เราก็ช่วยเขา คนเขามีความต่าง เราก็รู้ความต่างโดยมีนัยยะลึกซึ้ง ช่วยของเขาอีกนัยยะหนึ่ง ช่วยของเราก็อีกแบบนึง ถ้าคนคล้ายๆเราก็รู้แล้ว ถ้าคนไม่คล้ายเราก็ต้องศึกษา หาวิธีช่วยจึงช่วยคนที่มีความติดยึดต่างๆกันได้ไปเรื่อยๆก็ยิ่งคนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเกิดอีกไม่รู้กี่ชาติ กี่ชาติ เป็นโพธิสัตว์เพิ่มขึ้น  เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 แล้วระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 อย่างหลวงปู่ไต่ขึ้นเป็นระดับ 8 อีกก็ยิ่งรู้พวกนี้ 

พวกเราฟังแล้วจะเข้าใจ สมมุติว่าแม้ว่าหลวงปู่พูดนี้หลวงปู่ไม่ได้เป็นจริง แต่เข้าใจไหม เอาไปปฏิบัติได้ไหม ได้ ได้แต่ยังไม่ได้ เข้าใจเอาไปปฏิบัติได้แน่เลย อย่างที่ความหมายนี้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เท่านั้นเองใช่ไหม เราก็เรียนรู้ความรู้ไปก่อนถึงได้ไปฝึกให้ตัวเองเป็นได้ นั่นแหละก็เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:11:57 )

รู้สึกพ้อตัวเองจึงต้องร้องไห้

รายละเอียด

เออเนาะ ทำไม ตัวเองก็ว่าดีรับฟัง พี่ๆเขาว่า ก็เอาไปปรับปรุงตัวเองอยู่ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อ่อนแอด้วย แต่ว่าเขาทำเอ๊ ทำไมลูกร้องไห้ตลอด อันนี้สงสัยตัวเองเหมือนกันนั่นสิ หลวงปู่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเขาทำแล้วทำไมลูกร้องไห้ อยากรู้ว่าเป็นอะไร 

ตามความรู้ของหลวงปู่ก็เห็นว่า เข้าใจเอาเองนะว่า คงเป็นสิ่งที่อยู่ในใจว่า มันจะเป็นเชิงพ้อตัวเองในที เขาบอกเขาว่าก็รู้สึกดี ก็เอาไปปรับปรุง เขาพูดเขาบ่นอะไรก็ฟัง แล้วก็ไปแก้ไข แต่ทำไมเราต้องร้องไห้ ก็คงรู้สึกพ้อตัวเอง เราก็เป็นคนดี มันพ้อตัวเองทำดี พี่ๆก็บอก เราก็ฟังเอาไปแก้ไขปรับปรุง แต่ทำไมเราจะต้องไม่ดี มันลงโทษตัวเอง พ้อตัวเอง ทำไมเราจะต้องให้คนอื่นเขามาว่ามาบ่นมาสอนอยู่เรื่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:33:29 )

รู้สึกว่าโลกุตรธรรมยากที่จะเจริญต่อไปอีก 2000 กว่าปี

รายละเอียด

ก็พยายามที่จะดูเหตุปัจจัยที่มันจะพอปรุงแต่งกันไปจนถึง 5000 ปีที่เหลือ ก็เหลืออีก 2000 กว่าปี จะครบ ศาสนาพระพุทธเจ้า เราก็ไม่บังอาจจะอ้าขาผวาปีกว่าจะต้องเกิน 5000 ปี อาตมาก็ไม่บังอาจจะคิดจะทำอย่างนั้น ก็ได้เท่าที่มันได้จริงก็ทำไป ไม่ง่ายเลย อาตมายังไม่มั่นใจเท่าไหร่เลย อีก 2 พันกว่าปีมันถึงจะครบ 5000 ปีมันจะไปไหวไหม ดูแล้วรู้สึกว่ามันยากที่จะเจริญต่อไป พลเมืองที่คิดเทียบเคียงกันแล้ว อีก 60-70 ล้านคน แล้วคนอโศก มันจะได้ซักเท่าไหร่ แก่นแท้ อย่างบ้านราชฯ เอาตัวรูปธรรม 777 คนยังไม่ได้เลย 67 ล้านเอา 670 ยังไม่ถึงเลย ก็เป็นอัตราส่วนที่เทียบเคียงกันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:22:13 )

รู้สึกสำนึกบ้างว่ายังหลงผิดแล้วเลิกหลับตาด้วย

รายละเอียด

สายศรัทธาต้องพูดอย่างนี้ ดันเข้าไป ดึง ตัวเองมันจะไม่เข้า มันกลัวมันเกรง ก็ต้องเข้าดันแรงๆ ศัพท์คำว่า ละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า และเข้าไปอย่างไร ก็เข้าไปอย่างเคารพอย่างแรงกล้า 

ภาษามันสื่อสภาวะ อธิบายไปเข้าใจใช่ไหม มันเป็นสภาวะ 2 ซ้อนอยู่ในนี้ ละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้า แต่ก่อนนี้ดูถูกดูแคลน ด่า สาดเสียเทเสียบ้าง ดีไม่ดีจะเอาเข้าคุกอีก ดีแต่ว่า ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม ก็เลยรอดออกมา เอาสัจจะเข้าพิสูจน์ เอาความจริงเข้าพิสูจน์ ก็พอได้หลุดออกมา ขนาดนั้นยังหลุดออกมาอย่างไม่สมบูรณ์นะ เพราะเขาฟ้องอันแรกก็ฟ้องไม่สมบูรณ์ 

เขาบอกว่าไม่ทำตามสังฆราชสั่ง มีที่ไหนศาสนาพุทธ..สังฆราชมีสิทธิ์สั่งให้สึก เราไม่ผิดเราก็สู้เราไม่ผิด ไม่ได้ปาราชิก แม้แต่สังฆาทิเสส ก็ไม่ได้เป็น ความผิดอีก 11 อย่างก็ไม่ได้เป็น เอาหลักฐานในพระวินัยมายืนยัน แล้วไปให้ฆราวาสที่เป็นผู้พิพากษามาตัดสินพระธรรมวินัย ก็เพราะว่าพวกคุณไม่กล้าตัดสินธรรมวินัย ไปเล่นลับหลัง และเอาทั้งธรรมยุตและมหานิกายไปรวมกันเป็นวิบัติคณปูรกะ ด้วย เอาพระต่างนิกายไปรวมกันพิพากษาไม่ได้ ไปทำสังฆกรรมกันไม่ได้ นี่สังฆกรรมการพิพากษาผู้ผิด แล้วไม่เอาผู้ผิดเข้าไปให้การในนั้นด้วย พูดกันเองเอาหลักฐานตัดสินกันเองมันผิด โมเมจัง ขออภัยพูดแล้ว มันรู้สึกว่า ทำไมถึงรู้ยากเย็น ทำไมไม่รู้สึกบ้าง อาตมาก็ต้องใช้คำนี้ 

ที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าโกรธเคือง ไม่ได้หมายความว่าถือสา เอาผิดพวกคุณ ไม่ได้หมายอย่างนั้น แต่หมายถึงว่าให้คุณรู้สึกตัวบ้างรู้สึกสำนึกบ้าง สำนึกว่าตัวเองนี้ยังหลงผิด แล้วก็ประเด็นที่อาตมาพูดก็คือประเด็นเลิกหลับตา ประเด็นใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 05:28:14 )

รู้สึกแย่ต้องแก้ไขด้วยความเข้าใจให้ได้

รายละเอียด

มันก็ดีแล้ว เรารู้สึกว่าเราแย่ เพราะว่าเราไม่ดีอย่างที่เขาดี มันก็เป็นความสำนึกชนิดหนึ่งนะ

ก็ดี เราก็แก้ไขสิ รู้สึกแย่ แล้วเราก็เลยอ่อนแรง ไปตามที่เรารู้สึกแย่ มันก็ไม่เข้าท่า เราก็เข้าใจให้ได้ เราแย่ เราแก้เสีย

ที่มา ที่ไป

เทคนิคการปล่อยวางความยึดและอยู่กับปัจจุบัน 14 ก.ค. 2561 ป้าขาว(สีพลบ)กับลูก(พิมพ์บูชา) มาพบพ่อครู


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 15:56:07 )

รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางกับเชื้อโรค

รายละเอียด

แผ่นดินนี้ทั่วโลกเป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดินในอบายมุข ที่อู๋ฮั่นมีเชื้อโรค พูดกับมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก มันจะเอาเราตายท่าเดียว เราก็เป็นตัวเป้า เราตัวใหญ่มันเป็นตัวเล็กด้วยมันเข้ามาเราไม่เห็นไม่รู้ทันมันเสร็จมันเลย เพราะฉะนั้นเราต้องรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง อย่าไปอวดดีกับมัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:36:45 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:09 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:53:56 )

รู้อริยสัจ 4

รายละเอียด

ดี เข้าใจทุกข์ ผู้ที่เข้าใจทุกข์ รู้ทุกข์ คือผู้ปฏิบัติธรรม รู้อริยสัจ 4 อ่านจิตตัวเองว่าเป็นทุกข์ แล้วรู้ว่ามันจางคลายหรือลดลงไหม ทุกวันนี้สัมผัสสิ่งที่เราสัมผัสมีทุกข์ เคยอยากได้อยากมีอยากเป็น ไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น อะไรมันเป็นทุกข์ เพราะมันผลักมันดูดในสิ่งที่สัมผัส แล้วเราก็อยู่กับโลก สัมผัสกับคน สัมผัสกับวัตถุเงินทองข้าวของ สัมผัสเพชรนิลจินดาบ้านเรือนที่ดิน อะไรก็แล้วแต่ จนกระทั่งถึงพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วก็มีรสมีชาติทางตาหูจมูกลิ้นกาย สัมผัสสิ่งเหล่านั้นแล้วก็รู้ว่ามันเกิดอาการผลักดูด อาการชอบอาการไม่ชอบ 

ทุกข์หรือสุข ศาสนาเทวนิยมไม่ได้เรียนรู้เรื่องทุกข์เรื่องสุข เรียนรู้แต่เรื่องดีชั่วมันเป็นโลกียธรรมทั้งนั้น โลกุตรธรรมเท่านั้นที่จะเรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ ผู้ที่เรียนรู้สุขทุกข์ได้จริงในจิตวิญญาณ แล้วก็ดับเหตุที่เกิดสุขเกิดทุกข์ จนไม่มีสุขไม่มีทุกข์ จิตสะอาดจากกิเลสจริง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบญาติธรรมสันติอโศก 

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 19:07:38 )

รู้อาการจิตอย่างไรว่าเป็นอนาคามีหรืออรหันต์

รายละเอียด

ข้างนอกไม่โต้ตอบ แต่ข้างในมันยังมีถือดี ว่าเออ คนที่ยังอดไม่ได้ก็โต้ตอบออกไปบ้างออกไปทางภาษาก็ยังหยาบอยู่ บางคนก็โต้ตอบไปด้วยท่าทีเท่านั้น บางคนภาษาก็ไม่โต้ตอบท่าทีก็สงบนิ่ง แต่ในใจเหมือนโต้ตอบว่า เอ็งว่าข้า เอ็งเข้าใจผิด เอ็งยังไม่รู้ความจริงอะไรพวกนี้มันก็แย้งเขาอยู่ จนกระทั่งข้างในไม่โต้ตอบ เป็น อรูป ข้างในอรูปแล้ว ขั้นปลาย ก็เข้าใจว่าเขายังเข้าใจเราไม่ได้ เป็นจิตที่สงบแล้ว จิตอรูป จะมีกระเพื่อมนิดๆว่า เอ็งยังมองคนไม่ออก มาว่าเรา แต่ไม่มีความรังเกียจไม่มีความผลัก ไม่มีความโกรธ สบายๆ จิตก็สงบ รู้ความจริงว่าเขาไม่รู้จักเรา ก็ไม่เป็นไร เราเองสงบได้เราก็รู้ความจริงของเรา พระอนาคามีรู้ชั้นของรูป เราก็ไม่มีแม้แต่อรูปเราก็ไม่มี ก็เป็นอรหันต์ แต่อรูปมันยังมีอยู่ก็เป็นอนาคามี ไม่มีรูปแล้วเหลือแต่อรูปมันก็เป็นอนาคามีขั้นปลาย ไม่มีอรูปแล้วถือดีอยู่มีมานะ ก็ยังไม่สงบทีเดียวถือดีจนกระทั่งถือดีก็ไม่ถือดี มันยังมีวอกแวก อุทธัจจะกุกกุจจะอยู่กระดุ๊กกระดิ๊กของตน ไม่สงบจะเข้าใจอาการต่างๆของจิตตัวเอง 

แม้เป็นอรหันต์ก็คือผู้จะหมดสิ่งที่จะบกพร่องต่างๆ จิตไม่มีกิเลสทั้งภายนอกภายใน 

ข้างในถ้าเป็นการยึดถือตัวตนตอบโต้เป็นปฏิฆะ กับยึดตัวตน มันหมดแล้วก็เป็นพระอรหันต์ คนก็รู้ความจริงว่าจิตตัวเองไม่มีกิเลส ทั้งมีปัญญารู้จริงตามเป็นจริง แล้วก็ทั้งไม่ติดใจไม่มีมานะไม่ถือดีไม่อวดตัวอะไร ก็บอกความจริงไปซื่อๆง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:08:32 )

รู้อาการติดงัวเงียให้จริง

รายละเอียด

นอนๆๆๆ เป็นคนต้องนอน ไม่นอนไม่ใช่คน คนมันติดมาจากสัตว์เดรัจฉาน มันถึงเลิกการนอนไม่ได้ง่าย จนสุดท้ายมันติดการนอน จนกระทั่งบอกเคล็ดลับพวกเราได้ ใครเอาไปใช้ทำได้ไหม  นั่นแหละภาษา ใช้ภาษา ความงัวเงีย ตัวนี้แหละ รู้อาการมันให้จริง ตัวนี้แหละโอ๊ยไอ้โง่ ไอ้นี่มันนั่งหลอกเรา ไอ้งัวเงียเนี่ย มันหลอกเราให้เราไปติดงัวเงีย เฮ้ย เอาออกมันชัดเจน มันไม่มีภาษาอื่นที่จะไปเรียกตัวมัน  ตัวนี้แหละไอ้งัวเงียนี้ เฮ้ย นั่นแหละอะไรก็ไม่รู้ภาษานู้น มันไม่รู้เรื่องภาษาไทย  งัวเงียนี่ชัดแล้ว แปลชัดแล้ว อารมณ์นี้ อาการนี้

ที่มา ที่ไป

 งัวเงีย คือ กิเลสสายดับ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 16:25:26 )

รู้อาการไม่ทุกข์ไม่สุขนี้ รู้ได้ 2 อย่าง 

รายละเอียด

วิเศษ คนที่สามารถรู้ว่าอาการจิตของเรา อาการที่มันไม่ทุกข์ไม่สุข อทุกขมสุข การที่รู้อาการไม่ทุกข์ไม่สุขนี้ รู้ได้ 2 อย่าง 

(1) รู้อย่างงมงาย รู้อย่างไม่ชัดแจ้ง ไม่เปิดเผย ไม่สว่าง  (2) รู้อย่างมี จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก(แสงสว่าง) สัมผัสเหตุปัจจัยอยู่อย่างสว่างๆ กับ(1)รู้อย่างมืด ไม่มีจักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา ไม่มีแสงสว่าง ดับแล้วก็ทำให้ไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะเป็นการดับสัญญา ดับการกำหนดรู้ มันก็เลยไม่รู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ พวกหลับตาได้ไม่สุขไม่ทุกข์เหมือนกัน ตรงนี้ นี่แหละซวย การดับแล้วนึกว่าตัวเองไม่ทุกข์ไม่สุข เพราะว่าความไม่ทุกข์ไม่สุขเป็นยอดสำคัญของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นไปดับอย่างนั้น ก็เลยได้ แต่ งม จม ซวย ไปหลงเลย

เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปนั่งหลับตาให้ไม่รู้ไม่สุขไม่ทุกข์แบบนั้น ไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นมันไม่มีปัญหาเลย สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติให้เข้าใจความสุขความทุกข์โดยดับเหตุ เมื่อดับเหตุ ไม่สุขไม่ทุกข์ได้แล้ว กิเลสละเอียดหมดเกลี้ยงเลย ความไม่สุขไม่ทุกข์ก็รู้กันอย่างสว่างๆ รู้กันอย่างสัมผัสกับอะไรต่ออะไรได้เลย หลับตาลงก็เงียบสบาย ไม่ต้องไปนั่งหลับตาให้ยากเลย อย่างนั้นสะกดจิตแทบตาย กว่าจะไม่สุขไม่ทุกข์ได้ แต่ผู้ที่ไม่สุขไม่ทุกข์อย่างสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าแล้ว ลืมตา พอได้จริงแล้วเป็นอรหันต์ จะหลับตาลงไป มันก็สบาย เพราะมันไม่มีหรอกจะไปดับไม่สุขไม่ทุกข์แบบหลับตา เพราะไม่สุขไม่ทุกข์ในขณะแม้แต่ลืมตาแล้ว หลับตามันก็เหลือแต่จิต จิตก็ไม่มีเหตุ คือกิเลสไม่มี ตาหูจมูกลิ้นกายก็ไม่มีเหตุที่กระทบสัมผัสแล้ว หลับตาไปจิตก็สบาย ง่าย 

ถ้าลืมตาสัมผัสด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่สุขไม่ทุกข์ยากกว่า แต่นี่ เหตุ สัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่มี ดับไปหมด ยิ่งหลับเลย ก็เลยมีแต่จิต เมื่อจิตหมดกิเลสแล้วเหตุก็ไม่มี นอนหลับก็มีแต่กรน ด้วยสรีระ มันไปห้ามไม่ได้ พระอรหันต์ก็ห้ามกรนไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 18:52:41 )

รู้เขารู้เรา ประโยชน์สูงประหยัดสุด

รายละเอียด

เราเรียนมาก็รู้สิ่งที่โลกเขาสอน เขาสอนได้แต่โลกียะไม่ได้สอนเรื่องจิตวิญญาณเรื่องโลกุตระ แต่มันต้องคู่กัน เมื่อเรารู้โลกเพิ่มขึ้นรู้ความเป็นอยู่ของชาวโลกเพิ่มขึ้นเขาก็จะมีความคิดกันอย่างโลกๆ ต้องการอย่างโลกๆ เราก็เข้าใจเขาอนุโลมให้กับเขาดีขึ้นประโยชน์ก็จะเกิดมากขึ้นไง เพราะเรารู้เขารู้เรา สำนวนของซุนวูเขา รู้เขารู้เรา รบไม่มีแพ้เลยชนะตลอดลูกเดียว รู้เขารู้เราให้เพียงพอทำงานอะไรก็สำเร็จหมดแหละ เรารู้มากและรู้ลำดับ อนุโลมปฏิโลมขนาดไหนแค่ไหนใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ของพระพุทธเจ้าเราก็จะใช้ประมาณได้อย่างสัดส่วนพอเหมาะๆๆ สิ่งที่จะเป็นประโยชน์คือความสมดุลมากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ดีง่ายๆ เป็นเรื่องสามัญ เราทำได้อย่างนั้นจริงๆจึงเป็นประโยชน์สูงประหยัดสุดที่แท้จริงไง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:00:33 )

รู้เท่าทันกามคุณ 5 จากการสัมผัสภายนอก

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถที่จะโยนิโสมนสิการ ทำใจในใจได้อย่างถูกต้อง มีการจัดการจิตใจของเราได้อย่างรู้จัก รูป รู้จักนาม รู้จักสภาพ 1 รู้ สองสิ่งที่ถูกรู้ตั้งแต่ภายนอก สัตว์ ข้าวของ สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย กามคุณ 5 แล้วก็รู้เท่าทันในกิเลสกามคุณ 5 สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย รู้ว่าสัมผัสกับสัตว์กับของ เข้าหลักเกณฑ์ของ 4 แล้วปฏิบัติ 3 ข้อนี้แหละ เป็นเรื่องใหญ่

1.สัมผัสกับของ 2.สัมผัสกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต อุตุนิยามพีชนิยาม รวมเข้าไปเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ที่จริง พืชมันมีชีวิต แต่พูดโดยอนุโลม คุณก็ไม่เกิดกิเลสอะไรกับสิ่งที่เป็น อุตุ ธนบัตร เพชรนิลจินดา ทองหยอง มันเป็นอุตุนิยาม สัมผัสแล้วคนก็เกิดกิเลสได้

ทีนี้สัมผัสกับสัตว์เดรัจฉาน หากว่าคุณอยากเอามากินเอามาเล่นเอามาเลี้ยง กับอยากจะฆ่าอยากจะทำร้ายทำลาย คุณสัมผัสกับคน คนก็คือสัตว์ สามารถทำให้เกิดกามพยาบาทได้ คุณก็ต้องเรียนรู้ทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน4 วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:08:10 )

รู้เท่าทันสังขารได้คือความจบของพระอรหันต์

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้านั้นเป็นสังขารปรุงแต่งกันเฉยๆ ถ้าเข้าใจแล้วแยกสังขาร แยกนามรูป แยกวิญญาณไม่ให้ปรุงแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราวเป็นภพเป็นชาติ ยิ่งไปมีตัวตัณหาอุปาทานยิ่งชัดเจนเลยว่า ตัวนี้เป็นตัวการทำให้เราแปรปรวนในเวทนา ในความรู้สึก 

เมื่อเข้าใจปฏิจจสมุปบาทดีแล้ว จะชัดเจนว่า แค่ความรู้ว่ามี วิชชา รู้จักสังขาร เท่านั้น นี่คือความจบของพระอรหันต์ รู้เท่าทันสังขาร จบ สังขารก็อยู่กับความปรุงแต่งด้วยอวิชชา เสื่อมไปเป็นธรรมดาแต่คนไม่อยากให้เสื่อม จะเสื่อมด้วยอะไรก็แล้วแต่ จะเสื่อมด้วยโลกธรรมเสื่อมด้วยความยึดถือ ติดยึดจากเป็นนั่นเป็นนี่ แม้ที่สุดเสื่อมไปสู่ความตาย ก็ไม่อยากให้ตาย แต่ก็ต้องตาย แล้วไม่ต้องกลัวหรอก คุณตายแล้วคุณต้องเกิดอีก แต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอีก เทวนิยมตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า จบเลยไม่มีอะไรต่อ ความรู้ก็อั้นตู้ อยู่แค่นั้นแหละ ไม่มีความจบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:17:09 )

รู้เนื้อแท้แก่นสาระแล้ว สรุปจบให้เป็น

รายละเอียด

อาตมายังรู้สึกว่าพวกเรารู้มากแล้วจบยังไม่ลง ที่จริงพวกคุณนี้จบกันได้เป็นอรหันต์กันได้ไม่ใช่น้อย ถ้ารู้จักสรุป จริงๆ รู้จักสรุป ถ้าคุณสรุปเป็นนะ คุณก็จะรู้เลยว่าคุณยังติดอันนี้อยู่นิดอันนี้อยู่หน่อย มันเรื่องเล็กจริงๆ ติดไอ้โน่นนิดอันนี้หน่อย กะปริดกะปรอย ที่จริงเป็นการรู้เนื้อแท้แก่นสารสาระหมดแล้ว โลกมันก็มี รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ถ้าไปภายในเป็น อัตตา ที่มันละเอียดหน่อยแล้วเราก็ไม่ชัดเจนมัน มันก็เหมือนกันนั่นแหละ น้ำหนักมันก็ต้องไป ลิ้มเล็มเป็นรส ก็เหมือนกับเรารู้จักรสกามแล้ว รสรูป อรูป มันก็เหมือนกันนั่นแหละคือ รสโง่ 

ติดรสอะไร ที่หยาบออกมา เหลือละเอียดก็เหมือนกันนั่นแหละเป็นรสเสพโลกีย์แล้วจะต่องแต่งเป็นรสทำไม มันไม่มีรสอะไรที่แปลกไปจากรสจริง ตาเห็นรูปเห็นสีมันก็มีเป็นอย่างนั้นไม่มีความสวยไม่สวย รสทางเสียงทางลิ้นไม่มีอะไรอะไรเลย แตะมันก็มีเปรี้ยวหวานมันเค็มอะไรของมันเป็นอย่างนั้น ก็เหมือนกันทุกชนชาติภาษาเป็นแต่เพียงภาษาเรียกต่างกันทั้งหมด มันก็รสเดียวกันเป็นของจริง 

แต่คุณไม่ใช่ต่างกันแค่ภาษา แต่อารมณ์มันต่างกันด้วย คนนี้ชอบรสนี้คนนี้ไม่ชอบรสนี้คนนี้ชอบ ใกล้เคียงกัน คนนี้ชอบตรงกันมากเลย ก็อยู่ด้วยกันปรุงด้วยกันปรุงหลอกกันไปหลอกกันมา ต่างคนต่างช่วยกันลงนรกกันไปแล้วก็หลงว่าได้สวรรค์กันไป คนกอดคอกันขึ้นสวรรค์ นี่คือคนกอดคอกันลงนรกไปด้วยกัน อองลองๆ ชอบอย่างนี้ไปด้วยกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:52:07 )

รู้เพียงอย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล

รายละเอียด

ก็เรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง สุนทรภู่ยังบอกว่ารู้แต่เพียงอย่างเดียวให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล อย่าไปเรียนเยอะแยะมากเลย อยากจะช่วยคนมากๆจะไปเรียนความรู้ ที่โลกเขามีมากๆ ภาษาพระพุทธเจ้าเรียกว่า โลกจินตา เป็นความคิดทางโลก ที่มากมายไม่รู้จบ เราเอาที่ได้จนเก่ง ชนะแล้วได้ 1 อย่างแล้ว วิธีพิจารณาให้ดีว่าเป็นงานที่ใช้ได้ดีนะกับคนทำดีเอางานนั้นให้ช่ำชอง อย่างที่สุนทรภู่ว่า อย่าเอาแบบเป็ด ที่ร้องก็สู้นกไม่ได้ บินก็สู้นกไม่ได้เดินก็สู้หมาไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:58:18 )

รู้เวทนา

รายละเอียด

รู้จักอาการของจิตในภาวะของสุขเวทนา หรืออาการจิตในภาวะของทุกขเวทนา หรือรู้อาการของจิตในภาวะของอุเบกขาเวทนา

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 487


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:55:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:40:46 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:32:21 )

รู้เองโดยไม่ต้องเชื่อผู้ใด

รายละเอียด

คุณก็ต้องล้างไปเรื่อยๆตั้งแต่ข้อต้น แล้วคุณจะได้รู้สภาวะอาการของอุปกิเลสต่างๆนี้ไปเรื่อยๆจนไปถึงข้อสุดท้าย ปมาทะ คุณจะรู้เองโดยไม่ต้องเชื่อผู้ใด คำนี้สำคัญนะจะรู้เองโดยไม่ต้องเชื่อผู้ใด คำนี้นี่ พระบาลีว่าอะไร คุณจะเชื่อตัวเองโดยไม่ต้องเชื่อผู้ใดเลย ปฏิบัติเลยจะรู้ว่าอาการอย่างนี้เองเป็นอาการไม่ประมาท มันจะต้องระมัดระวังอย่างนี้ สังวรแล้วก็รู้ว่าอย่างนี้ไม่ประมาทเป็นอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 12:56:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:50 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:52:50 )

รู้แจ้ง

รายละเอียด

มีสิ่งนั้นรู้สิ่งนั้นและเข้าใจองค์ประกอบของสิ่งนั้นว่ามันประกอบกันอยู่นั้น

หนังสืออ้างอิง

จากค้าบุญคือบาป หน้า 133


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:45:24 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:41:18 )

รู้แจ้งจริงย่อมหลุดพ้นทาส ย่อมมีอิสระเสรีสุดยอด!

รายละเอียด

จนกว่าคนผู้นั้นจะมี“โลกุตรธรรม”ถึงขั้นสามารถ“อยู่เหนือ(อุตตระ)” ทั้ง“โลก”ทั้ง“อัตตา”และทั้ง“ธรรม”ที่ยัง“อวิชชา”เพราะยังไม่“พ้นโลกีย์” 

จึงจะใช้“ธรรม”ที่เป็น“โลกุตระ”นั้นๆ ควบคุมหรือจัดการกับ“โลก”กับ“อัตตา”ได้อย่างเป็น“ธรรม”ชนิดที่เป็น“วิชชา 8” ซึ่งรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“โลก” ความเป็น“เทฺว-มาร-พรหม”บริบูรณ์ แล้วทำตน“หลุดพ้น”จากการเป็น“ทาส” ได้อย่างหมดสิ้นสมบูรณ์ เป็นผู้มี“อิสระเสรี”สุดยอด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 110 หน้า 110


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:57:25 )

รู้แจ้งจริงในกรรมวิบาก เริ่มสั่งสมสัมภารวิบากนับแสนนับล้านชาติ!

รายละเอียด

ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“กรรมวิบาก”ก็จะสั่งสม“สัมภารวิบาก”แต่ละชาติๆ นับชาติไม่รู้กี่ล้านชาติ มันนับชาติกันไม่ถ้วนกันหรอก กว่าจะสั่งสม“ปัจจัตตัง” มาเป็น“ปัจเจกภูมิ”ขั้นต้น และกว่าจะมี“ภูมิสูง”ถึงขั้น“โพธิสัตว์ระดับ 7” ชื่อว่า “สยัง อภิญญา”นั้น มันก็ต้องมีการบำเพ็ญบารมีกันมาจริงๆ ซึ่งมิใช่มีแค่รู้“ปริยัติ”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 416 หน้า 301


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 13:07:05 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:24:31 )

รู้แจ้งนามรูปด้วยปัญญาหมดปัญหาในวิญญาณาหาร

รายละเอียด

อาตมาอธิบายสภาวะลึกๆเข้าไปจากพยัญชนะที่ท่านใช้แทนสภาวะให้ฟังเพราะฉะนั้นในความรู้ ธาตุรู้ ที่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จม ยึดมั่นถือมั่น ไม่เกี่ยวกับ กาละ เทศะ ฐานะ ผ่านมาแล้วตั้งล้านปี คุณก็จมอยู่ตรงนั้นน่ะ โธ่เอ๋ย..เขาเปลี่ยนไปมากแล้วล่ะลุง เขาเปลี่ยนไปมากแล้วล่ะตา เขาเปลี่ยนไปมากแล้วล่ะทวด เขาเปลี่ยนไปถึงไหนๆแล้วล่ะ มันตั้งล้านปีแล้วคุณก็ยังอยู่อย่างเก่า คงที่เที่ยงแท้ แล้วคุณจะทันการณ์อะไรกับเขา คุณจะรู้จักสมัยอะไรกับเขาจะทันสมัยกับเขา 

นี่คือสัจจะที่มันไม่รู้จักสิ่งที่ไม่เที่ยง สิ่งที่เคลื่อนไปตลอดเวลาแล้วไม่มีอะไรเป็นอย่างเก่า มีแต่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยนไป จนกระทั่งมันหายไป มันนาน นานจนกระทั่งสุดท้ายมันเวียนวนกลับมาที่เก่าอีก แต่ไม่มีใครจำได้หรอก ผู้ที่จะระลึกชาติที่ย้อนเก่าไปได้ไกลสุดนั้น ก็ต้องมีอภิญญา บุพเพนิวาสานุสติญาณที่จะระลึกได้ ก็เอาเรื่องราวเก่าๆมาถอดแบบให้ศึกษา เสร็จแล้วก็จะรู้ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่คุณดับไม่เป็น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญญารู้ก็จะเห็นว่า โถ..สิ่งเหล่านี้มันแค่การปรุงแต่งของสภาพ 2 ปรุงแต่งกันปุ๊บก็เป็นวิญญาณ พระพุทธเจ้าท่านรู้วิญญาณทั้งนามรูป แต่ถ้ามันปิดก็เป็นดำมืดเลย 

ถ้าเข้าใจถึงอายะ เรียกว่า ประโยชน์หรือสิ่งที่ควรได้ ควรมี ควรเป็น ของตน คือ อายตนะ ถ้าเข้าใจได้ถึงจะรู้ คนนี้แหละถึงจะเป็นผู้จบสุดยอดในอายะ โดยรู้จักตนเองเป็นผู้มีประโยชน์ อายะ ประโยชน์ ตนะ รู้ตนเองเป็นผู้มีประโยชน์ แสดงเป็นผู้มีประโยชน์แล้ว อายะ สูงสุดคือหมดตนแล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น พหุชนหิตายะ(เพื่อประโยชน์หมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) ให้ผู้อื่นเป็นอยู่สุขสงบ จึงเป็นผู้อนุเคราะห์โลกช่วยโลก อุ้มชูไว้ ช่วยมนุษยชาติในโลกไว้ ยิ่งกว่าพระเจ้าที่แท้ โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) 

ผู้ที่สูงสุดในอายตนะเป็นอภิภายตนะ 8 คือรู้จักความแตกต่าง ที่ละเอียดมากเลย มีนัยยะของความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นความน้อยความมาก ไม่ว่าจะเป็นความนอกความใน หรือความเป็นชั้นอะไรทุกอย่างเลย สูงขึ้นเป็นอภิภู สูงสุดเป็น สยัมภู อาตมากำลังศึกษาอภิภู กำลังพยายามพัฒนาอภิภูต่างๆ ระดับ 8 นี่คือสัจจะที่อาตมาพูดอาจจะลึกอาจจะไกลไปหน่อย เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่รู้สิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่ระหว่างนามรูป แล้วมารวมเรียกว่าวิญญาณ ยิ่งไปเรียกว่าอายตนะ มืดเลย ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นก็ขยับมาที่วิญญาณ วิญญาณก็มาขยายเป็นนามรูป พอขยายเป็นนามรูปแล้วก็จะรู้จักสภาพต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านรู้แล้วขยายเป็น 4 อาหาร 4 กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร  

วิญญาณอาหารก็คือนามรูป คนรู้จักนาม รูป รู้จักสภาพ 2 แล้วศึกษานามรูปนี่แหละจะจบ แล้วรู้เท่าทันตั้งแต่มันเป็นกาม จาก กวฬิงการาหาร รู้มาถึงผัสสาหารว่ามันเกิดเวทนา กามมันก็อยู่ในเวทนาในสัญญา รู้ไปถึงเจตนา ให้มีความต้องการภายนอกทางโลกเรียกว่ากาม ลดกิเลสกามให้หมด อยู่กับอวจร อยู่กับโลกเขา ในกามาวจรโลกเขาเป็นกามาวจร แต่เราล้างกามหมดในจิตเรา เราก็หมด เราก็อวจรในอวจรอยู่ในอากาศในโลก เขามีอยู่เหมือนอยู่ในที่ว่างอยู่ในอวกาศ เพราะเราไม่มี กามแล้วแต่คนที่ยังไม่หมดภายในเรียกว่า รูปาวจร อรูปาวจรอีกที คุณก็ต้องรู้ อวจรของตนเอง เรายังเหลือส่วนใน กิเลสส่วนใน อกุศลเจตนาส่วนในที่เป็นตัณหาที่เหลือคุณก็ล้างต่ออีก แต่คุณอยู่กับอกามาวจรอย่างโลกุตรนะ อยู่เหนือมันแล้ว มันทำอะไรเราไม่ได้ เราอยู่สบาย 

กระทบกระเทือนยังไงเรารู้ทันมันหมด เราไม่ไปตามมัน เราจะช่วยด้วย ช่วยพวกที่ยังมีกิเลส กิเลสมาช่วยกิเลสด้วย กิเลสของคนอื่น ของตนเองไม่มีแล้ว จนเราหมด รูปาวจร หรือรูปราคะ อรูปราคะ ต่อไปอีกชั้น  2 ชั้นหมด พอหมดรูปราคะ อรูปราคะ คนนี้ก็สมบูรณ์แบบ เป็นผู้มีวิญญาณอันสะอาด ทีนี้คนไม่รู้จักแม้แต่นามรูป สภาวะ 2 ไม่รู้ความจริง คนนี้แหละคนที่เหมือนกับโจรร้ายในศาสนาพระพุทธเจ้า คนที่ไม่รู้จักวิญญาณคนที่แยกนามรูปของวิญญาณไม่ได้ แล้วจัดการกับนามรูปไม่ได้ ไม่เข้าใจสภาวะ 2 คือตัวปัญญากับตัวกิเลส คนเกิดปัญญา ปัญญาจะมีพลังงานกำจัดกิเลสได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 17:28:06 )

รู้แจ้งรู้จริงในอัตตาตัวตนจึงไม่ใช่เป็นของพระเจ้า!

รายละเอียด

ฉะนี้จึงเป็นการรู้จักรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ตัตน”คือ“อัตตา”หรือ“อาตมัน”จริง 

และยืนยันความเป็น“ตัวตน”ว่า “ตัวตน”เป็นของเรา ไม่ใช่“ตัวตน”ของ“พระเจ้า”แน่นอน พิสูจน์“ความจริง”นี้ได้สำเร็จเด็ดขาด“ด้วยตนเอง” เป็นวิทยาศาสตร์แท้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้“ความรู้-ความจริง”ทั้งหลายด้วยพระองค์เอง และทรงแสดงพระองค์เอง ทรงเปิดเผยยืนยันว่า คำสั่งคำสอนเป็นของพระองค์เองพระองค์เป็นเจ้าของธรรม

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 211 หน้า 176


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:12:46 )

รู้แจ้งโลกรู้อย่างไรเพื่ออะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นทรงรู้แจ้งโลก รู้โลกสารพัดต่างๆ ซึ่งเอามาพูด คนก็ไม่รู้เรื่องด้วย ก็เอามาพูดเฉพาะที่คนสามารถรู้เรื่องร่วมกันได้ตั้งแต่ต้นๆหยาบๆ ประกอบด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย หรือรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ทุกคนมีตาหูจมูกลิ้นกาย ยกเว้นคนตาบอดไม่มีตา ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรู้ เพราะตา เป็นองค์ประกอบใหญ่ เป็นสิ่งที่ครบพร้อมทั้ง อาโลก มีแสงสว่างมีพระอาทิตย์ เห็นท้องฟ้าได้คนตาบอดไม่เห็น ส่วนเรื่อง เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นเรื่องรอง ตาจึงเป็นเอก

เมื่อรู้แจ้งโลกทั้งหมด โลกวิทู รู้เรื่องโลกทุกอย่าง แล้วก็รู้จักมนุสโส เป็นสารถี ผู้ที่ฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ ท่านไม่ใช้คำว่ามนุษย์ แต่ใช้คำว่าบุรุษ บุรุษคือปุริสภาวะ ผู้ที่เป็นอิตถีภาวะยังสอนยาก เป็นอเวไนยสัตว์ ผู้ที่เป็นปุริสภาวะสอนง่ายกว่า ไม่สะดิ้งสะดีดแล้ว อิตถีภาวะยังสะดิ้งสะดีดอยู่ จับไม่ค่อยอยู่ แต่ปุริสภาวะ ขนาดไม่สะดิ้งแล้ว ตั้งใจเรียน ก็ยังยาก พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าไม่อวดเก่งอวดดีที่จะไปสอนอิตถี ท่านสอนปุริสภาวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 13:37:35 )

รู้แต่ความเป็นอรหันต์ไม่รู้ความเป็นโพธิสัตว์มันจะช้า

รายละเอียด

ผู้ที่เอามาให้แก่ตนแล้วก็นึกว่าสิ่งที่ดีที่ประเสริฐ ที่เป็นโลกุตระนั้น พวกนี้จะศึกษาแล้วจะช้า รู้แต่ความเป็นอรหันต์ไม่รู้ความเป็นโพธิสัตว์มันจะช้า ผู้ที่จะสร้างแต่ความเป็นอรหันต์แล้วขี้โรคนี่ช้า ไม่ได้หรอกต้องรู้ทั้งสอง อาตมาต้องพารู้ทั้งสองส่วน ที่อาตมาอธิบายยังไม่เก่งคือมัชฌิมาปฏิปทา มันมี 2 ส่วน 2 ส่วนพระพุทธเจ้าท่านใช้พยัญชนะว่า อันตา อันตาส่วนหนึ่งคือ กาม อันตาส่วนหนึ่งคือ อัตตา ซึ่งเราจะต้องปรับให้มันได้สัดส่วนทั้ง 2 ส่วนนี้ให้เข้ามา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:18 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:32:59 )

รู้แต่เปลือก

รายละเอียด

เรียนมากเป็นชาติๆ แล้วลืม แล้วก็ทิ้ง เพราะว่ามันไม่เข้าถึงจิต มันก็รู้เป็นแต่เพียงเปลือก ตายไปแล้วเกิดชาติหน้าชาติโน้น มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็ไม่ได้ฝังเข้าไปในจิต ไม่ได้จัดการจิตเลย มันก็มีแต่อะไรฉาบอยู่ข้างนอก พอตายไปแล้วก็เหมือนกับคุณมีขี้โคลนถูกเนื้อถูกตัว โดดลงน้ำตูม มันก็ละลายหายไป เหมือนกันอย่างนั้น ขึ้นมาจากน้ำ เมื่อกี้เรามีโคลนอยู่เหรอ เหมือนกับตายเกิดไปอีกชาติไม่ได้มีอะไรเหลือ น่าเสียดายเกิดมาแต่ละชาติในการศึกษาธรรมะ 

บางคนทั้งชาติทั้งชีวิตเรียนรู้ธรรมะตั้งแต่เป็นเด็ก จนกระทั่งบวชเป็นเณร จนกระทั่งแก่จนตาย แล้วก็ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้น โอ้โหได้รับการยอมรับนับถือเรื่องของเปลือกๆ เพราะคนมันเข้าไม่ถึงเนื้อ มันรู้แต่เปลือก ได้รับรางวัลทั่วโลก ทั่วโลกจะไปมีอะไรเป็นเทวนิยม เขาให้รางวัล เหมือนอย่างธัมมชโย ธรรมกายรางวัลบานตะโก้เลย เยอะแยะเลย แต่มีแต่เปลือกเน่าด้วย แล้วไปหลอกชาวโลกเขา เอาโลกียะปลอมๆ มายาไปมอมเมาโลก ธรรมกายปลอมธัมมชโย น่าสงสาร ทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็หลงงมงายอีกนาน 

อาตมาพูดไปแล้วก็พูดด้วยความสงสาร แต่เสร็จแล้วพูดไปก็รู้ว่าคนที่เขาศรัทธาเลื่อมใสจะหาว่าเราไปข่มเขา หาว่าไปดูถูกดูแคลนเขา แต่อาตมามันจำนน จำเป็น จำยอม จำต้องพูดความจริง เอาความจริงมายืนยันกัน ต้องย้ำ ต้องซ้ำ ว่ามันเป็นจริงอย่างไร ไม่เป็นจริงอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:11:25 )

รู้แบบนี้คือโลกียะ

รายละเอียด

นั่นคือ ยังเป็น“ความรู้-ความฉลาด”ที่ไม่มี“นิพพาน” ไม่มี“สุญญตา” ไม่มี“อนัตตา” ไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“วิญญาณ” หรือความเป็น“เทฺว”อย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์ ยังเชื่อว่า“วิญญาณ”หรือ“อัตตา-อาตมัน”มีอยู่นิรันดร

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 12 หน้า 51


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:54:25 )

รู้แบบนี้คือโลกียะ

รายละเอียด

นั่นคือ ยังเป็น“ความรู้่-ความฉลาด”ที่ไม่มี“นิพพาน” ไม่มี“สุญญตา” ไม่มี“อนัตตา” ไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“วิญญาณ” หรือความเป็น“เทฺว”อย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์ ยังเชื่อว่า“วิญญาณ”หรือ“อัตตา-อาตมัน”มีอยู่นิรันดร จึงไม่สามารถจัดการความเป็น“วิญญาณ”หรือ“เทฺว” และที่สำคัญที่สุดคือไม่สามารถ“สิ้นสุด“วิญญาณ”ของตนถึงขั้น“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ได้สำเร็จ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:33:10 )

รู้แบบนี้คือโลกุตระ

รายละเอียด

 จึงไม่สามารถจัดการความเป็น“วิญญาณ”หรือ“เทฺว” จนกระทั่งรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“ความรู้สึก(เวทนา)”ของตนว่า“ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์ในจิต” 

พิสูจน์ได้ว่า มันคือ“มายา”ที่เราหลงเป็นทาสมัน เราสามารถ หมดสิ้น“สุข-ทุกข์”ในความ“กิเลสกาม”ได้แท้ๆ นั่นคือ จิตเป็น“เนกขัมมสิตอุเบกขา”ได้จริง เป็นต้น 

ความรู้“โลกุตระ”ของพระพุทธเจ้าซึ่งชื่อว่า ศาสนาที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว” จนกระทั่งสามารถทำให้เป็น“อเทฺว”ได้สำเร็จ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:36:24 )

รู้และควบคุมให้เป็นประโยชน์ได้จากสองสภาพที่ต่างกัน

รายละเอียด

คนที่รู้ว่าอะไรคืออะไรจะไม่สับสน ทำงานกันอย่างชัดเจนไม่สับสน แต่คนที่ไม่รู้ แล้วมันอยู่ร่วมกันอย่างไร อยู่กันได้อย่างไร ยิ่งเห็นความต่าง ของสิ่งที่มันอยู่ด้วยกัน แล้วมันอยู่ด้วยกันได้อย่างไรมันรวมอยู่ได้อย่างไร ใครจัดการในสามเส้า คือจะมี 1 เป็นประธาน 2 เป็นอีก สองสภาพบวกกับลบ อิตถีภาวะ ปุริสภาวะ สองนี้ก็สภาพตลอดกาลที่มีประธานจัดการควบคุมได้ ควบคุมให้เป็นประโยชน์ได้อย่าให้มาทะเลาะกัน หรือแม้จะขัดแย้งกัน จะเป็นสภาพที่มีแรงทดมี resistance เกิดพลังงานขึ้นมาโดยคุณไม่รู้ตัวก็ตามก็ใช้คุณได้ คุณจะทะเลาะกัน แต่เราเอาพลังงานของคุณมาใช้ประโยชน์ได้ โดยที่คุณจะทะเลาะกันก็ทะเลาะกันอย่างอย่าแตกแยกเลยทีเดียว ทะเลาะให้เกิดพลังงานปฏิกิริยาแล้วเราก็เอาพลังงานนั้นมาใช้

นี่ คนที่สามารถรู้อย่างนี้แล้วทำอย่างนี้มันไม่มีทางจะแยกไปไหน แล้วได้ผลจากปฏิกิริยา Action Reaction + -  อย่างนี้ ตลอดกาลนาน นี่คือ สิ่งที่สุดยอดที่ผู้รู้สามารถจะนำสิ่งนี้มาใช้ตั้งแต่หยาบ ตั้งแต่พลังงานสสารวัตถุ หรือคน 2 คนขึ้นไปวัตถุ 2 ชิ้นขึ้นไปจนกระทั่งถึงนามธรรม จนกระทั่งถึงความคิดของคนสองคน เอามารวมกันผสมให้เป็นประโยชน์ให้ได้ นี่คือความสามารถ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:25:39 )

รู้และทำสภาวะของกายและจิตได้จริงคืออรหันต์

รายละเอียด

เจ้าทิฏฐิ บาลีว่าอย่างไร?อาตมาเห็นใจตัวเอง..ยากจริงหนอ คืออาตมาทำงานอธิบายบรรยายธรรมะ อาตมาเข้าใจทั้งความมีและความไม่มี เข้าใจสภาวะ 2 ในโลกที่คุณเองคุณเป็นคนที่ยังไม่ตาย พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ตาย พระโพธิสัตว์ตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปเป็นอรหันต์ขึ้นไปหรือระดับ 4 ขึ้นไป เป็นพระอรหันต์แล้ว จะรู้จักคำว่าเทวธัมมา ธรรมะ 2 มันมีทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นสภาพ 2 เป็นธรรมะ 2 ทั้งนั้น ก็เพราะว่าในความเป็นคนมันมีจิต กับ กาย  กาย กับ จิต ในสัตว์ที่เป็นชีวะ ศาสนาพุทธที่จะต้องเข้าใจคำว่าการให้ได้ว่า เมื่อใดไม่เป็นกาย และไม่เป็นกายในเมื่อนั้นเป็นอุตุธาตุไปแล้ว เมื่อใดไม่เป็นกายแต่ยังไม่เป็นอุตุธาตุ เป็นพีชธาตุ ในชีวิตในร่างกายเรานี่แหละ แม้แต่จิตก็เป็นพีชะ มันละเอียดไปจนถึง หากคุณเข้าใจถึงความไม่รับรู้สึกเวทนา ไม่มีความรู้สึกเลย ไม่รับความเจ็บปวด กระทบเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร เอาไฟมาจี้ก็เฉย คือดับเวทนาด้วยวิธีสมถะ ยังทำได้เลย แต่มันเป็นเรื่องเกินธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ฝืน ทุกรกิริยา เกินไป ทีนี้เมื่อไม่มีกาย เป็นอุตุธาตุ แม้ไม่มีกายเป็นพีชธาตุ ทีนี้มีกายเป็นจิตธาตุหรือจิตนิยาม ต้องรู้คำนี้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณแยกกายไม่เป็นเลย เมื่อใดไม่เป็นกาย เมื่อใดไม่เป็นกาย แต่ยังเป็น พีชธาตุ เมื่อใดไม่เป็นกายเลยแน่นอน เป็นจิตนิยาม แล้วก็อยู่กับกาย ไม่เป็นกายแต่อยู่กับกาย โดยไม่ได้รังแครังคัดความเป็นกายความเป็นสอง คุณเป็นรูปนามความเป็นกลางความเป็นจิต แต่กายกับจิตนั้น เป็นกายที่สมบูรณ์แบบแล้ว เป็นกายที่ไม่มีกิเลสแล้ว เป็นจิตที่ไม่มีกิเลสแล้ว ทั้งกายทั้งจิต แต่อยู่ในภาวะของกายก็รู้ อยู่ในภาวะของจิตก็รู้ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีสภาวะจริง และทำสภาวะนั้นได้จริงๆ นี่คืออรหันต์ คนมาถามว่า ทำไมอาตมาประกาศว่าตัวเองเป็นอรหันต์ อาตมารู้ได้อย่างไร ก็อธิบายอยู่นี่แหละ ที่อธิบายคือความรู้ของอาตมาทั้งนั้น แล้วตรงกับพระพุทธเจ้ามั้ย มาเปิดตำราพระไตรปิฎก อ้างอิงกินกันเลย ว่าอาตมาอธิบายผิดจากพระไตรปิฎกหรือไม่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:40:58 )

รู้แล้วทำจึงได้ผลวิบากสั่งสมลงเป็นตน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าไม่มาเรียนศีลไปทีละข้อๆ และปฏิบัติให้เกิดสิ่งที่จริง เกิดผลที่เป็นมรรคผลของตน เป็นผลวิบากของตน สั่งสมลงเป็นตนที่มีคุณวิเศษ มีคุณธรรม มีคุณสมบัติ อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์เป็นโลกุตรธรรม  คุณรู้แล้ว คุณมาทำ คุณก็ได้ ขยันทำพากเพียรก็ได้มากๆๆ ได้เร็ว เป็นธรรมดาธรรมชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:00:04 )

รู้แล้วละภพชาติอย่างไรด้วยปัญญาอันยิ่ง

รายละเอียด

ซึ่ง“ภพ-ชาติ”นั้นเป็น“เหตุ”เป็น“ปัจจัย”ซึ่งกันและกัน ตามหลัก“ปฏิจจสมุปบาท 11 (พระไตรปิฎก เล่ม 4 ข้อ 1 เล่ม 16 ข้อ 5)”

ก็ต้องมีความรู้ยิ่ง คือมี“ปัญญา” รู้ว่า “ภพ”เป็นยังไง? “ชาติ”เป็นไฉน นั่นคือ ต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“อาการ-ลิงคะ-นิมิต-อุเทศ”ของความเป็น“ภพ-ชาติ” จึงจะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง การทำ“ภพ” ทำ“ชาติ”ขึ้นมาในใจของตนว่า เป็นภาวะอย่างไร?  

แล้ว“ทำใจในใจของตน”อย่าให้เกิด อย่าให้มี“อาการ”นั้นๆ หรือ“นิมิต”นั้นๆในจิต ก็ต้องปล่อยวางจางคลายจากความเป็น“อาการ”เป็น“นิมิต”นั้นๆไปจาก“จิต”หรือจาก“ความมีอาการรับรู้”ใดๆเลย จึงจะเป็นการกำจัด“รูป”หรือ“อรูป”ของ“ภพ”ของ“ชาติ” ไม่มี“ภพ”ไม่มี“ชาติ” ในจิตใจได้เสร็จสัมบูรณ์

ฟังเข้าใจนะ เอาไปทำให้ตรงสภาวะให้ได้จริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:43:10 )

รู้แล้วไม่เอา

รายละเอียด

ในชีวิตที่อาตมามีผ่านมาแล้ว พูดทวนแล้ว จะเป็นการยกย่องตัวเอง แต่เป็นการไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยหลงเลอะเทอะไปทางโลก ไอ้โลกมันยั่วยวนให้อยากเป็นพระเอก อยากเป็นนักร้องดัง อยากจะรวย ได้รับความนับถือ ในสำนวนพระไตรปิฎกจะบอกว่า เป็นผู้ที่เก่ง ผู้ที่วิเศษ ก็ไปกับโลกเขาบ้าง แต่ไม่ทันไรก็รู้แล้วไม่เอา แม้แต่ไสยศาสตร์ก็ไม่อยากไปเก่งกับเขา วิทยาศาสตร์ก็ไปสะกดจิต 

แต่ทางวิศวกรรมศาสตร์อะไร อาตมาชาตินี้ไม่ยุ่ง ไม่ไปทางนั้น ขันน็อตก็ยังไม่ได้สำเร็จ ตอกตะปูก็ตอกแล้วรับรองมันงอทุกตัว คนอื่นทำไมมันออกแล้วจมมิด อาตมาทำไมตอกแล้วมันโค้งงอ ไม่เอาดีกว่า ไม่มีฝีมือเลยทางโน้น เลิกเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 16:30:47 )

รู้โครงสร้างทฤษฎีถูกต้องแล้วเหลือแต่ทำ

รายละเอียด

คุณไว้ใจ มาอธิบายเมื่อกี้นี้ อธิบายได้เรียงลำดับถูกต้องเลยเป็นสัมมาทิฏฐิ อาตมาก็อุ่นใจว่า อธิบายธรรมะพวกเราเข้าใจแล้วทำได้ คุณรู้โครงสร้างทฤษฎีถูกต้องแล้ว เหลือแต่ทำนี่แหละ ทำไปเดี๋ยวก็จะบรรลุเอง ถือศีล 8 พรหมจรรย์ไปเดี๋ยวก็เป็นเพื่อนกันได้ จบพรหมจรรย์ ก็เป็นเพื่อนเป็นญาติธรรมกันได้ทุกคนเป็นไปได้ไม่มีปัญหา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
 


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:18:14 )

รู้ให้จริงแล้วทำให้มากเป็นพหุลีกัมมัง

รายละเอียด

แต่รู้ให้จริง คนปฏิบัติสัมมาทิฏฐิแล้วจะลดละจางคลายได้ ทำใจในใจ วิราคานุปัสสี มันไม่เที่ยงหรอกมันมาหลอกอนิจจานุปัสสี เราจัดการมันได้ให้มันบางเบาลงเป็นวิราคานุปัสสี จนกระทั่งมันดับได้นิโรธานุปัสสี ดับตามแผนความดับได้มันไม่มีอาการอย่างนั้นอีก บางคนเป็นขั้นต้นก็ชั่วคราวจนแล้วก็กลับมาอีก จนกระทั่งนั่นเป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา คุณก็จะรู้ว่ามันดับได้เพราะว่าคนปฏินิสสัคคานุปัสสี ทำแล้วทำอีกทำซ้ำอย่างที่เราทำได้นี่แหละทำไปเรื่อย อาเสวนา แล้วทำให้มากเป็นพหุลีกัมมัง ก็สั่งสมแต่ความไม่หวั่นไหวแนบแน่น ปักมั่น มันหลงตัวเองก็ได้ แต่หลงแล้วมันจะฟื้นกลับกำเริบในอนาคต แต่ถ้ามันไม่กลับกำเริบมันจะเป็นไปตามลำดับจริงๆเลย เป็นโสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยต สัมโพธิปรายนะ เป็นลำดับของพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไปเป็นลำดับชัดเจนอย่างมีของจริง อาตมามั่นใจในของจริงพวกนี้แล้วอยากจะพิสูจน์จึงยังไม่อยากตายเร็ว ยังอยากจะอยู่ดูต่อไปอีกจากนี้ไปตอนนี้ 87 แล้ว อยู่สัก 151 ปีก็จะไม่เอาเกินกว่านั้นแล้ว หาก 150 ก็พอทำเนา ก็ดูท่าที มันก็ดูเข้าท่าอยู่นะ ก็ค่อยเป็นไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 11:25:45 )

รู้ได้ด้วยตน

รายละเอียด

แต่เราเอง แม้ว่าเราอโหสิกรรมแล้ว อโหสิกรรมคือไม่ทั้งผูกพันทำร้ายตอบแทนแก้แค้นกัน ไม่ทั้งผูกพันที่จะรัก ทั้งรักทั้งชังทั้งผลักทั้งดูดนี่ อาการทั้งสองอย่างนี้เป็นอาการเทวะคู่ใหญ่คู่สำคัญ เราก็ไม่มีจิต คิดว่าเราเป็นกลางๆ 

ถ้าจะร่วมกันด้วยกรรมกิริยาก็ทำด้วยประโยชน์เกื้อกูลกันช่วยเหลือกันส่งเสริมกันเท่านั้น ไม่มีกิเลสข้างเคียงที่จะมาเกิด เพราะฉะนั้นผู้ใดเข้าใจจริงๆแล้วรู้จักกิเลสมันเกิดอย่าง หยาบ กลาง ละเอียด หรือมันมีน้อยลงได้จนกระทั่งเหลือน้อยมาก คุณก็จะรู้ได้ด้วยตน ปัจจัตตัง รู้ได้ด้วยตน อ่าน จิตเจตสิก รูป

รูป คือสิ่งที่ถูกรู้ เราก็จะต้องรู้กายหรือสภาพที่เป็น 2 สรุปสั้นคือต้องรู้กายกับสัญญา สัญญาคือเจตสิกที่จะทำงานหนักตั้งแต่ต้น จนกระทั่งสุดท้าย สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาตั้งแต่ตัวต้นเลยตั้งแต่อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป 

คุณจะต้องเอาสัญญาเป็นตัวกำหนดแล้วรู้ไปทั้งหมดเลย เป็นตัวทำงาน  เจตสิกใหญ่มีสัญญา เวทนา สังขาร  

คุณก็เอาสัญญาเป็นตัวตั้ง คนที่ยังไม่เข้าใจว่าสัญญาคืออะไร ทำงานอย่างไร มันทำหน้าที่อย่างไร มันมี 2 สภาพสัญญา 

1. ความจำ ทำได้แล้วหรือไม่ได้ก็ตาม มิจฉาทิฏฐิหรือสัมมาทิฏฐิก็ตาม คุณก็ต้องทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ทำให้มันได้ผล ได้แล้วก็ตกผลึกสั่งสมลงเรียกว่าความจำหรือว่าเป็นคลังแห่งตัวอัตตา มันก็มีอยู่ในฐานของตัวเรา จิตของเรา ฐานะ ฐานตั้งอยู่ตรงนั้น

เราก็ทำให้มันเกิดผลสมบูรณ์ที่สุดไม่มีกิเลส แล้วเป็นการรู้ ไม่มีก็คือ เจโต จิตสะอาดรู้ก็คือปัญญาสมบูรณ์แบบด้วยเจโตและปัญญา 

เจโต สะอาดจากกิเลส ปัญญา ก็รู้ว่ากิเลสคืออะไรแล้วได้ทำถูกต้องตามเหตุปัจจัยตามทฤษฎีที่สัมมาทิฏฐิหมดแล้ว ไม่มีแล้วกิเลสบรรลุแล้วหลุดพ้นแล้ว 

แม้หลุดพ้นแล้วชีวิตเราก็ยังมีอยู่ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้ยิ่งไม่สำรอก กิเลสยิ่งหมดก็ยิ่งแข็งทื่อไม่ค่อยเอาเรื่องอะไร ไม่รู้จักสัมผัส ไม่รู้จักเวทนา ไม่ใช่เวทนาก็ยิ่งชัดเจน เวทนาก็ยิ่งใสสะอาด ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขเวทนา อย่างน้อย ก็เข้าใจละเอียดถึงทุกข์ถึงสุข 

แม้จะเป็นลักษณะของกุศล อกุศล เป็นดีเป็นชั่ว อันนี้เป็นโลกียะ รู้ก่อน แล้วทำได้ ทำได้สำเร็จแล้วเราก็ต้องอาศัยดีหรือกุศล ต้องอาศัยอันนี้จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันถึงจะเลิกกัน 

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าแท้ๆ จบบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วก็ยังไม่ได้พอหรอก ไม่สันโดษหรอกในกุศล กุศลมีอีกเท่าไหร่ก็ได้อาศัยดีขึ้นเท่านั้น ยิ่งกุศลดีกุศลวิเศษ กุศลประเสริฐเยี่ยมยอดขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งได้อาศัย ซึ่งมันเป็น อจินไตย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 05:58:24 )

รู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นอรหันต์

รายละเอียด

เขาถามว่าอาตมารู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นอรหันต์ ก็เพราะว่าอาตมารู้จิตเจตสิกต่างๆของตัวเอง จะมาอธิบายอย่างนี้ก็เอาของตัวเองมาอธิบายด้วยภาษาของอาตมาอย่างนี้ ทำเป็น 1 เป็น 0 ได้อย่างนี้ ไม่มีในอรรถกถาจารย์ไหน 

ทำจิตเป็น 1 เป็น 0 จาก 2  หมายถึงสภาวะที่เป็น อุตุธาตุ พีชธาตุ จิตธาตุ พวกคุณเข้าใจได้ไหมล่ะ มันไม่มีชีวิตชีวาอะไรแล้วแม้มีชีวิตชีวาก็ไม่ปรุงแต่งเป็นบาปเป็นบุญอะไรแล้วเป็นพืช เราก็เอาไว้อาศัย เรายังไม่ตาย เป็นชีวะอยู่ ส่วนอันไหนที่ทำให้เป็นอุตุได้แล้วก็ทำไป อย่างเช่นอบายมุขทั้งหลายเราก็ไม่มีกิเลสกับอบายมุขพวกนั้นหมดแล้ว มันก็เป็นอุตุไปหมดแล้ว ขอโทษเจอทีไรก็ไม่มีชีวะเลย อย่าว่าแต่ไม่ทุกข์ไม่สุขเลยกลางๆ รู้ว่ามันเป็นชีวะอยู่ มันไม่มีชีวิตินทรีย์ คุณก็รู้ตัวนี้อินทรีย์ของชีวะ ชีวิตรูป ก็มาเรียนอินทรีย์ของชีวิต ในรูป 24 อุปาทายรูป จาก ภาวรูป 2 เป็นหทยรูปมาเป็นอาหารรูป มาเป็นชีวิตรูป อินทรีย์ของรูป ก็รู้ว่าพลังงานชีวิตของมัน ยังมีชีวิตอยู่นะ แต่ชีวิตนี้มันก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงที่มีอยู่ก็อาศัยอันนี้เพราะเรายังมีชีวิต แต่ถ้าไม่ต้องสัมผัสมันก็เฉย สัมผัสมันก็ทิ้งไม่ได้ไปเกี่ยวกับชีวิตอะไรเราเลย เราก็ไม่เกี่ยว ดินน้ำไฟลมที่จะเอามาเป็นอาหารเราไม่เป็นไรกินดิน กินหินกินเหล็กกินปูน เราไม่กิน เรากินแต่พืช จริงมันอาจจะมีดินที่กินได้ เช่น เกลือมีดินอยู่บ้างเป็นต้น ก็กินบ้างก็เท่านั้นเอง เกลือมันก็ไม่มีชีวะ ดินน้ำไฟลม มหาภูตรูป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:48:36 )

รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์

รายละเอียด

อาตมาประกาศตนเป็นอรหันต์ คนก็ถามมา รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ..ถามโง่ๆไม่รู้แล้วเราจะบอกว่าเราเป็นอรหันต์ได้อย่างไร…เนาะ…เรามีเงินในกระเป๋าหรือเปล่า เราก็ต้องมีเงิน ก็มีเงินล้านอยู่ในกระเป๋าแล้วก็บอกโลกว่าเรามีเงินล้าน เขาบอกว่ารู้ได้ยังไงว่ามีเงินล้าน เราก็บอกว่าเราอยู่ในกระเป๋าเรามีเงินล้าน ก็ต้องรู้สิว่าเราเป็นคนมีเงินล้าน เราก็พูดไปได้ เพราะฉะนั้นถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นอรหันต์ก็คือฉัน ฉันเป็นอรหันต์คือไม่มีกิเลสแล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีกิเลส ก็คนโง่ก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่โง่ ฉันก็รู้ว่าไม่มีกิเลสแล้ว กิเลสฉันก็รู้แล้วฉันได้ทำออกหมดแล้ว อาการของจิตที่มันไม่มีกิเลสก็อย่างไร เราก็ต้องรู้ความจริงตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันยิ่งของเรา แล้วเราก็บอกไปตามความเป็นจริง คนที่เขาเองเขาไม่ได้ศรัทธา เขาก็ไม่เชื่อ ถ้าคนมีศรัทธาก็จะชัดเจนขึ้น โอ้โห พูดชัดเจนจังเลย คำความที่พูดนี้อาตมาพูดอย่างมั่นใจอย่างแรงหนักแน่น พูดเบาไม่ได้หรอกของหนักของจริง ของจริงต้องแรงและชัดเจน เดี๋ยวจะหาว่าไม่จริง มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่แพงค่ามากเลย ค่าของความไม่มีตัวตน มันเป็นนามธรรม 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:52:06 )

รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์

รายละเอียด

คนที่ถามอาตมา พูดได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์ อาตมาก็ต้องรู้ตัวเองว่าอุเบกขาแล้ว ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ทำการงานอยู่จิตก็ ปภัสสรา อาตมาไม่ได้ดูถูกดูแคลนคนตำหนิคนด่า แต่รับฟัง แล้วเอามาตรวจสอบ อาตมาตรวจสอบแล้วเขาท้วงผิดเกือบหมด มีถูกบ้าง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:00:00 )

รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ใครบอก

รายละเอียด

คนมาถามว่า บอกตัวเองเป็นอรหันต์แล้วรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ใครบอก เราก็บอกว่าใครจะมาบอกตัวเองก็ต้องบอกสิ ตัวเองมีความรู้ว่าอาการของจิตเจตสิกต่างๆ โดยเฉพาะเจตสิกเวทนา เวทนา 108 โอ้โห กระบวนการ 108 ของเวทนานี่ เป็นกรรมฐานหลักสำคัญของศาสนาพุทธเลย แต่เขาก็ได้ละเลยไป ไม่ให้มันเกิดเวทนา หลับตาหนีเข้าป่าไม่ให้เกิดเวทนา มันทำไมถึงได้เสื่อมถึงขนาดนี้หนอศาสนาพุทธ เสื่อมจนกระทั่งพูดอย่างไรก็ไม่รู้กระตุกอย่างไรก็ขึ้นยาก 

นี่มีพวกฟังรู้เรื่องแล้วก็มาทำตามอยู่ในนี้ เอ๊าะเจ๊าะ อยู่แค่นี้ พวกเรานี้ตาใสสะอาดสว่างกว่าพวกตาเปียกตาโป นี่มีอยู่กลุ่มเล็กๆ เอ๊าะเจ๊าะแค่นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:59:01 )

รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอะไร

รายละเอียด

คนข้างนอกเขาไม่รู้เรื่องเขาพูดว่าอะไร ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว อย่างมหาบัวนี้ เราก็ดูกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม โดยเฉพาะดูอาการทางกายทางวจี วจีก่อนก็ได้การติดการยึดการเสพอยู่คืออะไร คนที่ไม่เสพแล้วเป็นอย่างไร 

อย่างหลวงปู่นี้ประกาศตัวเองว่าเป็นอะไร เขาบอกว่ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอะไร เราก็บอกว่าเราไม่ได้เสพติดแล้วไม่ได้เสพอะไร ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้เสพ รูปรสกลิ่นเสียงก็ไม่ได้เสพ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขก็ไม่ได้เสพ โลกียสุขใดๆอาตมาก็ไม่ได้เสพ 

อาตมาก็รู้ความจริงว่าอาตมาไม่ได้เสพแม้แต่สุข สุขก็คือผีบ้าตัวหนึ่ง ที่มันไปด้วยกันอองลองๆ กับความทุกข์ 

อาการความสุขเป็นอย่างไร อาการความทุกข์ก็เป็นคู่กัน เราเอามันออกไป ไม่ให้เกิดอาการความทุกข์ความสุขในจิตเราอีกเลย โดยตัดต้นขั้วดับเหตุที่มันโง่ มันไม่รู้จัก แล้วก็ปล่อยให้มันมามีสุขมีทุกข์ในตัวเรา ล้างกิเลสได้หมดจริงๆแล้ว กิเลสเราก็ไม่มี จิตเราก็เป็นอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ก็เราเห็นจิตของเราเป็นอย่างนี้สะอาดอยู่อย่างนี้ แล้วเราก็ต้องรู้สิว่าเราเป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:56:45 )

รู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลชุดลุงตู่เป็นประชาธิปไตยดีที่สุด

รายละเอียด

แต่ในยุคนี้ไม่ใช่ในยุคนั้นไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั่วโลกทุกวันนี้ ใครที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่อย่างที่คิมจองอึนเป็น เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์เต็มใบก็ยังยาก คนก็ยังยากต้องระมัดระวัง แม้แต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ยังมีความเป็นทาส หรือไม่ให้สิทธิมนุษยชนไม่สมบูรณ์ก็ไปไม่รอด แต่เมืองไทยนี้ พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้ที่ให้สิทธิมนุษยชน ทุกวันนี้ที่เขาอนุโลมปฏิโลมกัน ก็ยังไม่รุนแรงให้ทำหน้าที่ไป พยายามรักษาความประนีประนอมปรองดองพยายามที่สุด แล้วก็ทำงานเต็มที่ แล้วก็กระเตื้องขึ้น กู้สถานะของประเทศไทยได้มากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา 28 รัฐบาล พลเอกประยุทธ์เป็นรัฐบาลที่ 29 อาตมาพูดตามภูมิของอาตมา ก็ขอจบตรงนี้ก็แล้วกัน เห็นว่าประชาธิปไตยของพลเอกประยุทธ์เป็นประชาธิปไตยแนวเดียวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นแนวเดียวกันกับของพระพุทธเจ้า อาตมาตอบไว้แค่นี้ก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:17:45 )

รู้ได้อย่างไรว่าสัมมาหรือมิจฉา

รายละเอียด

จะรู้ได้อย่างไรว่าสัมมาหรือมิจฉา อันนี้แหละก็ต้องตามสูตรวิญญาณฐิติ 7 ส่วนสัตตาวาส 9 นั้น มันเป็นความเป็นสัตว์ ปฏิบัติที่วิญญาณฐิตินี่ เมื่อปฏิบัติที่วิญญาณฐิติ 7 ขั้นจบที่อากิญจัญญายตนะก็จบเลย ความเป็นสัตว์ตายหมด เริ่มตั้งแต่ อสัญญีสัตว์ ก็ไม่เป็น ไม่ไปดับสัญญา แต่ไปทำสัญญาให้เต็ม ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้า แม้ไม่เต็ม สัญญายังไม่ค่อยคม ยังไม่ค่อยแม่นยังมะรำมะเรืองเป็น เนวสัญญานาสัญญายตนะก็ไม่เอา เอาให้สัญญามันแม่นคมตรงตื่นเต็มมีปัญญาเต็มๆ เวลาทำงานสัญญาก็เต็มปัญญาก็เต็มทำงานให้มันเต็มๆตื่นเต็มทั้งกายวาจาใจ อย่างนี้เป็นต้น แล้วปฏิบัติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:38:15 )

รู้ได้อย่างไรว่าเราเที่ยงแท้แล้ว

รายละเอียด

ไม่ง่าย คุณต้องรู้โดยปัจจัตตัง รู้ได้โดยภาษาพยัญชนะก่อนได้ ถ้ารู้ทางภาษาความหมายก่อนมันก็จะช่วยให้เรารู้สภาวะได้ง่ายขึ้น หากว่าภาษาบัญญัติคนก็ไม่รู้ สภาวะมาเลยมันก็ไม่ง่าย ถ้ามีทั้งสองสภาพมันก็จะช่วยกัน เพราะฉะนั้นต้องศึกษาทั้งภาษาศึกษาปริยัติทั้งปฏิบัติ ต้องมีทั้งสองส่วนเสมอ ให้ได้สัดส่วนพอดี จะได้ความเจริญตามลำดับที่น่าอัศจรรย์ไม่กระฉึกกระฉัก จะราบลื่นไปเหมือนฝั่งทะเล ผู้มีปัญญาคมก็จะปฏิบัติอย่างราบรื่นไม่กระตุกเกิดจาก อย่างเช่นพระพุทธเจ้าสายปัญญาใช้เวลาบรรลุ 20 อสงไขยกัปเศษแสนมหากัป ส่วนพระพุทธเจ้าสาย ศรัทธานั้นใช้เวลา 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ส่วนพระพุทธเจ้าสายวิริยาธิกะนั้นใช้เวลา 8-15 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 25 กันยายน 2563 ( 19:06:38 )

รู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางสายนี้ถูกต้อง 

รายละเอียด

เรื่องนี้ก็จริงนะ ถ้าถามก็คือมันรู้ได้อย่างไร เป็นเรื่องอจินไตย รู้ได้อย่างไรว่าถูกต้อง คนที่ถามมานี้ลึกๆ จะสะดุดใจว่า อาตมามาถูกต้องตรงทางหรือเปล่า รู้ได้อย่างไรว่าทางนี้ถูกต้อง เออ.. ของใครใครก็คงเข้าใจว่าถูกต้อง มหาบัวก็คงเข้าใจว่าของตนเองถูกต้อง ท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์หรือท่านมหาประยุทธ์ก็คงเข้าใจว่าของท่านถูกต้อง ของแต่ละคนแต่ละคนก็คงเข้าใจว่าของตนเองถูกต้อง 

แต่อาตมาขัดแย้งกับเขา ไม่อย่างเดียวกันกับมหาบัว กับมหาประยุทธ์ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนถูกต้อง ซึ่งมหาประยุทธ์และมหาบัวก็คงมีความมั่นใจของตัวเองเชื่อว่าตนเองถูกต้อง ตอบว่ารู้ได้อย่างไร ซึ่งมันก็ต้องมีของตนเอง มันเป็นของตนเอง เป็นอัตตาของตนเอง เป็นมานะ เห็นดีเห็นงาม ยึดดียึดงามนั้นเป็นของตน เข้าใจตามความรู้ ตามทิฏฐิ ตามสัญญา เข้าใจเชื่อมั่นว่าอย่างนี้น่ะถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 10:57:59 )

ร่มโพธิ์

รายละเอียด

ร่มโพธิ์ คือ ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ร่มเงาของพุทธธรรม ที่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์แก่เรา เรียกว่าร่มโพธิ์ศรี หมายกันง่ายๆ  ใครที่ปฏิบัติถูกก็จะได้พึ่งร่มโพธิ์ศรี ใครปฏิบัติไม่ถูกก็ไม่ได้พึ่งร่มโพธิ์ศรี ก็พยายามเชื่อมโยงไปถึงแม้แต่โรคทางโลกเขา มหาอำนาจเขาปล่อยเชื้อโรคออกมาฆ่ามนุษย์ก่อน ตอนนี้มีความรู้อันนี้แล้วก็ปล่อย อาตมาก็ไม่มีความรู้จริงเท็จอันนี้ เขาเรียกไวรัส Covid 19 คือ Corona Virus Disease 2019 ก็เลยเป็น Covid 19 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:08:16 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:49 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:33:37 )

ร่วมด้วยช่วยกันเสียสละร่วมกัน

รายละเอียด

แต่คนที่ยังติดโลกมากอยู่ก็ไปตามโลก โลกดึงไปมาก แต่ถ้าคุณเอาทางจิตอโศกนี้มาได้ดี เราอยากมามากแต่เรายังติดเรื่องวิบากหรือธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเผื่อว่าคุณเองคุณมาได้คุณก็จะมาใช่ไหม มันมีจิตยินดี มีสาราณียธรรมถึงกัน เพราะมันมี ปิยะ มีความรัก 

รักอันนี้เป็นความรักที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ความรักทางเพศ จะว่าเป็นความรักทางด้าน อัตตา ก็ยังได้เลย มันเป็นองค์รวม เป็น เอกีภาวะ เป็นอัตตาใหญ่เป็นภาวะหนึ่งเดียว เอกีคือหนึ่ง มันนึกถึงหมู่ใหญ่คือหมู่อโศก แหม มันน่ามาอยากมาวันสำคัญมีเหตุอย่างนี้อบอุ่นนะ ใช้ได้ อย่างนี้ นี่คือรูปธรรมที่ยืนยันได้ เอกีภาวะ มารวมกัน มันมีใจรักกัน เคารพกัน มาแล้วก็ได้เห็นกัน มันมีความเคารพในที มันเข้าใจ คนนี้ ทำอย่างนี้น่าสรรเสริญน่าชื่นใจ เราควรทำให้ได้ ถ้าไม่มีอัตตามานะมาก นอกจากไปหลงตัวว่าตัวเองยังไม่ได้เลยแล้วไปข่มคนอื่น อย่างนั้นก็แล้วไปเถอะ มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ 

แต่ถ้าเผื่อว่าไม่มีมิจฉาทิฏฐิอะไรมาก เห็นเขาทำอันนี้ได้ เราอ่อนน้อมถ่อมตน เสียสละขยันหมั่นเพียร ไม่ถือสา ใครว่าก็ไม่ติดใจ อะไรกระทบกระเทือนกระแทกอะไรก็ไม่ติดใจ มันจะเข้าใจ มันจะมองออกแล้วรู้สึกได้ เคารพกันแล้ว มาเสียสละ มาเกื้อกูล สังคหะ ใจเกื้อกูล มันจะออกมาร่วมกัน ร่วมด้วยช่วยกันเสียสละร่วมกัน คนนั้นคนนี้มีก็มาร่วมกัน มีงานหลายอย่าง โดยเฉพาะงานนี้ ไม่ใช่งานกสิกรรมทีเดียว เลยมามาก ถ้างานนี้ อาตมาบอกว่าอย่าทำเลย เรื่องค้าเรื่องขายพวกนี้ มาทำงานเกษตร จ้างก็ไม่มาเยอะหรอก ไม่มาหรอก ไม่มาเท่านี้หรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 13:06:08 )

ร่วมทำกับมติหมู่ส่วนกลาง

รายละเอียด

ก็ฟังกัน แล้วก็ปฏิบัติกันไป คนที่ไม่ปฏิบัติตามกันก็ไปห้ามกันไม่ได้หรอก สุดท้ายจะไปบังคับกันเราก็คงไม่ทำ จะทำอย่างไร การเห็นร่วมกันกับส่วนกลางส่วนใหญ่ไม่เอาอำนาจความเห็นของตัวเองเป็นเอกนี่ มันเป็นความดีงาม ถ้าเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นเอกมันเป็นความไม่ดีงาม ถ้าเราเป็นเอก ตายคนเดียวอยู่คนเดียวหน้าคนเดียวก็ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ ตอนนี้เราอยู่กับหมู่ก็ไม่น่าเอาตัวเองเป็นเอก อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้ลึกอะไร อันนี้เป็นสภาพที่อยู่กับส่วนรวมแล้วไม่เห็นแก่สภาพส่วนรวมมันก็ผิดแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเป็นจะตายคนเดียว แต่นี่อยู่ร่วมกับเพื่อนฝูง คุณก็น่าจะร่วมทำกับมติหมู่มติฝูงบ้าง

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:27:03 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:24:29 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:34:56 )

ร่วมมือออกกฎหมายทำแท้งเป็นกรรมวิบาก

รายละเอียด

คุณร่วมมือออกกฎหมายนี้ด้วย ออกกฎหมายก็เป็นกรรมวิบากของคุณแล้ว อนุญาตให้ฆ่าคนก็เป็นกรรมวิบากแล้วนะ คุณก็เป็นคนร่วมมืออนุญาตให้ฆ่าคนนี้มันบาปหรือยัง? จะพูดอะไรกันไปให้ยาวความมาก พระพุทธเจ้าท่านละเอียดไปถึง ชีวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:56:52 )

ร่วมโบสถ์กันไม่ได้แม้แค่สวดมนต์ฟังปาติโมกข์

รายละเอียด

จนกระทั่งทางเถรสมาคมเจ้าคณะจังหวัดสั่งมาว่า ต้องเข้าพรรษาในวัด เราอธิษฐานพรรษานอกวัดแล้วก็ต้องไปเข้าพรรษาในวัดหนองกระทุ่มอีก ตอนนั้นสร้างโบสถ์ก็ยังไม่เสร็จ ต้องเบียดเสียดกัน ทรมานทรกรรม นานเข้า ถึงเวลาไปสวดมนต์เราก็สวดกับท่านไม่ได้เพราะท่านสวดผิดพระธรรมวินัยสวดลากยาวสวดใส่ทำนอง หนักเข้า ร่วมโบสถ์กันไม่ได้แม้แค่สวดมนต์ นอกนั้นปลงอาบัติต่างๆก็จะปลงได้อย่างไร 

พระที่ไปปาติโมกข์ร่วมกันยังมีนิสสัคคิยปาจิตตีย์มีเงินอยู่ในกระเป๋าเยอะ แล้วก็ยังมาร่วมฟังปาติโมกข์ ดีไม่ดีอาตมายังไม่ได้สืบทราบว่ามีพระปาราชิกหรือเปล่ามาร่วมปาติโมกข์ แต่พระที่มีนิสสัคคิยปาจิตตีย์มีมากเลยแล้วจะให้ทำอย่างไร แล้วจะไปฟังปาติโมกข์ทั้งๆ ที่มันเป็นสังฆกรรมที่ไม่สะอาด อาตมาก็ทำไม่ได้ ก็เลยขอพากลับไปแดนอโศกอย่างเก่า แล้วก็เกิดเรื่องอะไรต่ออะไรอีก เป็นเรื่องยาว เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่หนังละคร 

จะให้อุปัชฌาย์ไปแก้อารมณ์ อาตมาก็ขอยืนยันว่าไม่ใช่หรอก อาตมาต่างหากมีอารมณ์ที่ถูกต้องดีหมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:18:53 )

ร่าง

รายละเอียด

สรีระ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 210


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:40:33 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:41:51 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:35:15 )

ร่างกาย

รายละเอียด

1. สังขาร ส่วนหนึ่งของมนุษย์

2. องค์ประชุมของโครงร่างภายนอกรวมกับองค์ประกอบภายใน คือมีจิตร่วมอยู่ด้วย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 366

ค้าบุญคือบาป หน้า 223


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:41:19 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:42:56 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:35:38 )

ร่างกายนี้มีอวัยว 32 จึงมีอาการ 32 เป็นอยู่อย่างปรุงแต่งคือ“สังขาร”!

รายละเอียด

“อาการ 32”ภาษาบาลีคือ ทวัตติงสาการ นี้คือ ส่วนประกอบที่มีลักษณะต่างๆกัน 32 อย่าง ในร่างกาย 

ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนังเนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า(อุจจาระ) มันสมอง ดี เสลด หนอง เลือดเหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร(ปัสสาวะ) 

ท่านทรงเรียก“อวัยวะทั้ง 32”นี้ว่า มันเป็นอยู่อย่างปรุงแต่งคือเป็น“สังขาร” 

จึงมี“อาการ”ของแต่ละอวัยวะ ทั้ง 32 เรียกกันสั้นๆก็เรียกว่า “อาการ”

แต่ละอวัยวะจึงมี“อาการ”ของแต่ละอวัยวะ 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 428 หน้า 311


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 15:24:55 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:27:01 )

ร่างกายป่วยแต่จิตไม่ป่วย

รายละเอียด

เอาโรคเอาอะไรสิ่งที่มันไม่ควรจะต้องมีโรคมีภัยมีอะไรแล้วแต่ คุณก็เรื่องของคุณเป็นคนทำเอง ร่างกายป่วย แต่จิตไม่ป่วย ทำงานอย่างมีความสุขแล้วกัน ก็ดูแลสังขารร่างกายที่มันปวดมันเจ็บก็รักษามัน ช่วยให้มันดี ป่วยเจ็บไม่ป่วยในอดีตและร่างกายมันมีวิบากก่อนๆด้วย วิบากปัจจุบันนี้ 7 อย่าง มันโง่อยู่แล้วก็ไปเอามา แต่ชาตินี้ก็รู้แล้วอย่าไปแสวงหามาอีก ไอ้ทิศทางที่มันจะเป็นหาความป่วยความจำความไม่อยู่เป็นสุข อย่าไปเอามา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 09:20:15 )

ร่างกายสมณะโพธิรักษ์ ผ่องใส 

รายละเอียด

ร่างกายสมณะโพธิรักษ์ ผ่องใส  คือ อาตมาผ่องใสตลอดเวลาเพราะอาตมาพยายามทำให้เกิด Coefficient  พลังงานสัมประสิทธิ์ที่อาตมาพยายามเพิ่มพลังให้แก่ตัวเองเสมอ  ที่ใช้พลังงานสัมประสิทธิ์ภาษาทางวิทยาศาสตร์ก็มี  Endorphin พลังสารสุข  ให้แก่ร่างกายให้ตัวเองผ่องใส  ซึ่งมาจากจิต  จิตทำได้หรือไม่  พวกเราฟังก็น่าจะทำให้แก่ตัวเองทุกคน  ทำได้ก็ทำ  ก็เรียนรู้ไปฝึกฝนไป   ทำจิตใจก็คือ  มนสิการ  การทำใจในใจ  นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับศาสนาพุทธเลย  แต่คนไม่เห็นความสำคัญของการทำใจในใจ  พยัญชนะบอกว่า มนสิสการ  เป็นกิริยา  คือ มนสิกโรติ  เป็นการทำใจในใจ  คือ เราทำใจของเราเองทำเป็นทำใจของเราได้  ทำให้เป็นใจหมอง  ทำให้เป็นใจใส  ไม่ต้องไปให้มันหมอง  อาตมาก็ทำ ทำได้เป็นอัตโนมัติทีเดียว  ทำใจใสไม่มีหมอง  คนที่ทำใจเป็นคือคนที่มีธรรมะของพระพุทธเจ้า  ถึงขั้นที่ยังจิตให้อยู่ในอำนาจ   การยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้  วสวัตติ  คือ ผู้มี  วสวัตตีโก  ผู้ยังจิตตนให้เป็นไปตามอำนาจจิตได้  ชาวอโศกเป็นผู้ไม่โศกใครยังมีอาการโศกเศร้าในชีวิต  ยังไม่ใช่ตระกูลนี้จริง  ยังมีแซมเศร้า  แซมโศกอยู่  คุณยังแอบเศร้าแอบโศกอยู่  แฝงโศกอยู่ใครจะเอาชื่อนี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:43:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:03:15 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:38:51 )

ร่างกายสรีระ

รายละเอียด

ร่างกายสรีระ  คือ พ่อแม่ให้ร่างกายเรามาเกิดจริงทางร่างกายสรีระ DNA  แต่จิตวิญญาณเป็นของตน  ไม่เกี่ยวกับพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จิตวิญญาณของใครก็ของใคร  ไม่มีการต่อเชื้อ เราเป็นทายาทของกรรมของเรา กัมมโยนิ กัมพันธุ เผ่าพันธุ์ของกรรมจึงเป็นของเราเท่านั้น จะชั่ว จะดี จะเลว จะเป็นโลกุตระ  จะเป็นโลกียะไปอีกนานเท่าไหร่  ของเราเองทั้งนั้น  สั่งสมลงเป็นเผ่าพันธุ์  ยิ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นอวิชชาเป็นสัตว์นรกมีมากเท่าไหร่ ก็สะสมเข้าไป คนในโลกไม่ได้เรียนรู้  เรื่องกิเลสจึงสะสมกิเลสต่อพันธุ์ของตัวเอง  เป็นเผ่าพันธุ์กิเลสไปทุกนาที  วินาที  ตลอดกาลเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 08:41:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:58 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:52:16 )

ร้านดินอุ้มดาว ที่ปฐมอโศก เป็นของวัดหรือเปล่า ทำไมขายของราคาแพงจัง

รายละเอียด

 อ้าว ปฐมอโศกฟัง มีคนเขาติ เขาเห็นว่าร้านดินอุ้มดาวที่ปฐมอโศกเป็นของวัดหรือเปล่า ทำไมขายของราคาแพง เป็นของวัดต้องขายของราคาถูกหน่อยนะ เขาติงมา ก็ดูว่ามันถูกลงได้หรือมันไม่แพงหรอก แต่คนเขาขี้เหนียวเขาเห็นว่าราคาอย่างนี้ก็ยังแพงก็เป็นไปได้ บางคนขี้เหนียวเห็นว่าของนี้ไม่น่าราคาอย่างนี้ก็ได้ ก็ดูที่มันสมควรไม่สมควรอย่างไร คนติงมาก็ต้องตรวจสอบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2566 ( 12:28:07 )

ร้านพิสูจน์จิตอาสาในอนาคตเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ไม่คิดหรอก คนจะมามากหรือน้อยมันก็เป็นไปตามจริง เราก็ทำตามเจตนาหรือว่าเราจะทำอย่างนี้ให้เกิดผลเสียสละช่วยเหลือคนอื่นไป แล้วก็ทำไป เราทำงานด้วยความจริงใจทำไป เหตุปัจจัยไหนมันจะบวกลบคูณหารกันเองมันก็ออกมาตามที่มันเป็น อาตมาจะไม่เดา จะอยู่กับความจริง จริง อาจจะมีบวกลบคูณหารกันเป็นอนาคตังสญาณมีความรู้ข้างหน้าไปบ้าง แต่อาตมาก็จะไม่พยายามพาพวกเราไปเดาอนาคต จะให้อยู่กับปัจจุบันให้มาก สิ่งที่รู้ที่จะทำต่อไปมีเหตุปัจจัยอะไรทำต่อไปบวกลบคูณหารที่จะทำเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่มันจะไปข้างหน้า มันก็พอจะรู้ว่าเรามีเหตุมีปัจจัยอย่างนี้ ก็ทำแล้วมันจะได้ผลอะไรข้างหน้า เราก็จะรู้บ้าง แต่เราก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้อย่างที่เราคาด เราก็ทำก็แล้วกัน หากคนไม่ได้อย่างที่เราคิดไว้แสดงว่าเหตุปัจจัยที่เราทำไม่ถูกต้อง เราก็ต้องตรวจสอบว่าเหตุปัจจัยนี้ที่เราเข้าใจมันเข้าใจผิดคืออะไรก็แก้ไขๆๆ อาตมาจะไม่พยายามชวนให้ไปข้างหน้า แต่พวกเราจะมีปฏิภาณมีอนาคตังสญาณ ปฏิภาณจะทำไปตามลำดับรู้ความจริง เราคิดว่าอนาคตควรจะได้อย่างนั้น แต่มันไม่ได้เราก็แสดงว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปที่ผ่านมานะ อย่างนี้เราก็จะจำไว้ ต่อไปในอนาคตมีอะไรคล้ายอย่างนี้อีกมันก็จะเกิดปฏิภาณหรือมีความรู้ซับซ้อนขึ้นมาเจริญขึ้น รู้จักความถูกมากยิ่งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:37:50 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์