@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พระโพธิสัตว์

รายละเอียด

เกิดเป็นพระโพธิสัตว์ผ่านพระอรหันต์มา เข้าใจแล้วก็ช่วยเขา เจตนาเป็นคนที่ไม่ต้องขึ้นต้องลง จิตของเราไม่วนเวียน จิตเป็นอุเบกขาปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา  มีแต่คุณสมบัติ 5 ประการที่เจริญขึ้นเป็นอเนญชาภิสังขาร เป็นโพธิสัตว์สูงขึ้นเท่าไหร่ก็เข้าใจตัวนี้ดีมากขึ้นเท่านั้น จะอยู่กับโลกที่หยาบและแรงจะอนุโลมปฏิโลม จะไปคลุกกับโลกต่ำแค่ไหนเราก็ไม่เสียท่า จิตของเราก็ไม่มีกระเทือนไม่มีแวบวาบหวั่นไหว จิตใจจะยิ่งแข็งแรงยิ่งจะสู้ได้ นี่คือสัจจะความจริงที่อาตมามีในตนแล้วเอามาอธิบายให้ฟัง

คณะใหญ่เขาผิดเพี้ยนไปกันมากแล้ว อาตมาทำอยู่คนเดียว ไม่ได้หรอก ถ้าจะมาทำงานมา 40 ปีมี 20 คนก็ไม่ไหว ทำไม่ออก มันไปไม่ได้หรอก แต่นี่มันก็ยังมีเป็นร้อยเป็นพันก็ยังพอเป็นไป นี่มันเป็นสัจจะ แม้จะอยู่อย่างนี้เราก็รู้ เหนื่อยหนักหนาแน่นอน พวกเราเป็นคนส่วนน้อยแล้วทวนกระแสใจกิเลสด้วย เราอยู่รอดถึงขนาดทุกวันนี้หนักหนา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:14:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:25:38 )

พระโพธิสัตว์ 2 องค์ที่มากอบกู้ศาสนา

รายละเอียด

ผ่านมากว่าครึ่งพุทธกาลของศาสนาพระพระสมณโคดม อาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่จะมากอบกู้ ถ้าจะว่าไปแล้วก็มี 2 องค์คือในหลวงรัชกาลที่ 9 กับอาตมา ตามที่โบราณาอาจารย์ท่านว่าไว้มี 2 องค์มากอบกู้ศาสนา อันนี้เรื่องจริง เพราะฉะนั้นคุณศึกษา ให้ดีแล้วจะรู้ว่าความจริง เป็นความจริงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น สถานะของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ก็ทำไปทำเป็นทางรูปธรรม ส่วนอาตมาทำทางนามธรรมก็ทำไป ก็บอกความจริงให้ฟังไปให้รู้ แล้วก็ต้องพูดว่าไม่มีใครจะมาบอกหรอกถ้าไม่ใช่อาตมา ก็พูดแค่นี้ยิ่งพูดยิ่งจะยกตัวเองสูงขึ้นไป ใหญ่มันเป็นความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:36:03 )

พระโพธิสัตว์ 9 ระดับ

รายละเอียด

1. โสดาบันโพธิสัตว์  

2. สกิทาคามีโพธิสัตว์  

3. อนาคามีโพธิสัตว์  

4. ขีณาสวโพธิสัตว์  

5. อนุโพธิสัตว์      

6. อนิยตโพธิสัตว์    

7. นิยตโพธิสัตว์

8. มหาโพธิสัตว์

9. พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:50:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:26 )

พระโพธิสัตว์ 9 ระดับ

รายละเอียด

คือ โพธิสัตว์ต้องได้ญาณขั้นไหน อาตมาแบ่งแยกโพธิสัตว์ไว้ถึง 9 ขั้น ขั้นที่ 9 คือขั้นสัมมาสัมโพธิญาณ จริงๆแล้วโพธิสัตว์ก็มี 8 ขั้น คันที่ 9 ก็เป็นสัมมาสัมโพธิญาณ หรือเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ก็มีตั้งแต่โสดาบัน เรียกว่าโสดาบันโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:14:17 )

พระโพธิสัตว์ 9 ระดับ 

รายละเอียด

พระโพธิสัตว์ 9 ระดับ 

1.โสดาบันโพธิสัตว์ 

2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 

3.อนาคามีโพธิสัตว์ 

4.อรหันต์โพธิสัตว์ 

5.อนุโพธิสัตว์ 

6.อนิยตโพธิสัตว์ 

7.นิยตโพธิสัตว์ 

8.มหาโพธิสัตว์ 

9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:45:12 )

พระโพธิสัตว์กระจายใบไม้เพิ่มในกำมือเดียว

รายละเอียด

และขอบอกเลยว่า พระพุทธเจ้าสมณโคดมสอนอยู่แค่ 45 ปี ใบไม้กำมือเดียว ท่านก็บอก ท่า ท่านไม่ได้บอกใบไม้ทั้งป่าที่เป็นความรู้ของพุทธศาสนา แล้วก็บอกให้สาวกของท่านกระจายใบไม้เพิ่มจากกำมือเดียว อาตมาเป็นต้น หนักหนาสาหัสจากสมัยพระพุทธเจ้ามาถึงตอนนี้ ยาก แต่ท่านก็เป็นของท่าน ไม่ใช่ว่าท่านทำงานน้อย ท่านก็ได้ทำงานมามากผ่านในยุคที่ท่านมีงานใหญ่งานที่เป็นพระโพธิสัตว์ ทำงานเทียบเคียงใกล้กับพระพุทธเจ้ารับผิดชอบอะไรมาก อาตมาไม่ได้รับผิดชอบมาก เมื่อเป็นขั้นที่ 8 ขั้นที่ 9 ก็จะรับผิดชอบหนักมากขึ้นเหมือนกับพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็พร้อมแล้วท่านก็ทำมาหมดแล้ว ท่านบอกว่าจบ ให้คนอื่นมาต่อเถอะ มันเป็นธรรมดาอันเดียวกัน แล้วก็ไม่ใช่มีคนเดียวหรอกมีตั้งเยอะคนรับผิดชอบกันไป 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:45:18 )

พระโพธิสัตว์กับพระอรหันต์

รายละเอียด

โพธิ คือความรู้ที่จำกัดแต่ว่าไม่ได้นอกเหนือไปจากความรู้เรื่องโลกุตระ คำว่าโพธิ หมายถึง ความรู้ทางโลกุตระ คือบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ส่วนอรหันต์ มาจากอรหะ + อัตตะ อรหะ คือไม่ลึกลับ อันตะคือที่สุด อะไรไม่ลึกลับ คือความไม่รู้เรื่องกิเลสที่ทำให้เราอยู่ติดโลก ติดอัตตา ความรู้เรื่องโลก ไม่ลึกลับ อัตตาก็ไม่ลึกลับ แล้วแบ่งความรู้โพธิ จากโลกอบาย เช่นเราติดฝิ่น เป็นอบายเป็นโลก ที่ต้องวนเวียนความสุขความทุกข์ จะมีความโทษภัยเสียหายไม่รู้ฉันชอบฉันติด ฉันติดหมากติดพลูก็กินหมากกินพลู ก็ติดไม่รู้ว่ามันเป็นอบาย คนพวกนี้ไม่รู้โลกไม่รู้อัตตา อัตตา เป็นตัวตนภายใน ก็เลยไม่รู้ที่สุดของความเป็นโลกความเป็นอัตตา ไม่อรหะ คือไม่หมดความลับ แจ้งสว่างแล้วหลุดพ้นด้วย ไม่มีโลก ไม่มีอัตตา กับอันนี้แล้วก็เป็นผู้จบไปเป็นรอบๆ แห่งโพธิ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ฌานวิสัยของอรหันต์และโพธิสัตว์ ศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 15:57:08 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:19 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:26:21 )

พระโพธิสัตว์คิดและตอบได้เป็นอัตโนมัติทันทีไม่มีเตรียมตัว

รายละเอียด

คิดได้ตอนนั้นเลย อัตโนมัติตอนนั้น ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้คิดว่าจะตอบอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะถามอะไรด้วย เขาถามวันนี้มาก็ตอบไปตามปฏิภาณตัวเองทันที ตอบอย่างนั้น คิดได้อย่างไร? อันนี้ลึกซึ้ง ตอบได้ว่า คิดได้ว่าคิดอย่างพระโพธิสัตว์ เลยตอบออกมาอย่างพระโพธิสัตว์ตอบ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 16:10:50 )

พระโพธิสัตว์จะต้องเหนื่อยกว่าพระพุทธเจ้าบำเพ็ญใช่ไหม

รายละเอียด

แน่นอนสิ ถามว่าพระโพธิสัตว์จะต้องเหนื่อยกว่าพระพุทธเจ้าใช่ไหม ก็ใช่สิ ยิ่งพระสมณโคดมเป็นยุคปลายแล้ว ท่านเหนื่อยน้อยที่สุด ทำใบไม้กำมือเดียว อายุ 80 ไปแล้ว บ๊ายบาย ทิ้งไว้ให้พระโพธิสัตว์แบก มันเป็นสัจจะ มันจะต้องเป็นเช่นนี้ Born To Be มันต้องเกิดแบบนี้แหละ มันต้องเกิดต้องเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ก็ไม่ใช่ของจริง ของจริงมันเป็นอย่างนี้ 

ยังไม่ได้ประกาศตัวเป็นพระพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรที่ถามมา ท่านมีปณิธานสูงใหญ่ ไม่รู้ท่านจะลดปณิธานนั้นแล้วก็มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อไร ก็เรื่องของท่าน ที่จริงมันเป็นบัญญัติ โลกุตรธรรม หรือกวนอิมเป็นบัญญัติ ที่เป็นบัญญัติของปณิธาน ใครจะมีปณิธานขนาดนั้นก็เอาสิ แต่จริงๆแล้วเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจริงแล้ว ท่านก็จะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ท่านก็จะไม่ดันทุรังทำไปจนถึง Impossible ท่านจะให้คนตรัสรู้หลุดพ้นเป็นอรหันต์หมดทุกคนทั้งโลกแล้วจึงจะปรินิพพานเป็นองค์สุดท้าย  มันเป็นเรื่อง Impossible มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก 

เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีลด เหมือนกันกับพิธา ถ้าลดซะบ้างนะ พิธาเอ๋ย อย่าไปเอาอย่างทักษิณเลย มันก็จะตายโครมเหมือนทักษิณนั่นแหละ เป็นแต่เพียงว่าคุณจะมีแผ่นดินอยู่หรือไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนทักษิณไหม เท่านั้นแหละ ดูไป 


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:11:45 )

พระโพธิสัตว์จะมีลูกจำนวนพันเป็นอเนก

รายละเอียด

พระโพธิสัตว์จะมีลูก จำนวนพันเป็นอเนกเสมอจึงจะชื่อว่าโพธิสัตว์ ถ้ามีลูกยังไม่ถึงพันไม่ชื่อว่าเป็นโพธิสัตว์ นี่ก็เป็นมาตรวัดอันหนึ่ง ลูกทางโลกุตระนะ ไม่ใช่ลูกทางโลก ลูกทางโลกไม่ต้องไปสร้างก็ได้ เอาลูกทางจิตวิญญาณ มีจำนวนพันเป็นอเนก อน+เอก คือไม่ใช่หนึ่งเดียว แต่มีมากกว่า 1 มากกว่า 1000 และ 1000 ก็จะมีพันสองพันสามพันสี่พันห้า อาตมาว่า บ้านราชจะให้มีสมาชิกเป็นพันคน อาตมาไม่เสียชื่อโพธิสัตว์ก่อนตายแน่ แต่ไม่ใช่ว่าถึงพันแล้วก็รีบตายกันนะ ให้เกินพันเลย สองพันสามพันรับได้นะ มีที่เป็นพันไร่ มีวิหารสถานที่มีที่กินใช้ มา ให้พันเป็นเอนก สองพันสามพันเป็นเอนก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:24:32 )

พระโพธิสัตว์ชั้นสูง

รายละเอียด

คือ พระโพธิสัตว์ ที่ไม่ติดใจในโลกธรรม ไม่มีสภาพของโลกียะเลย ไม่มียินดีในสรรเสริญ ไม่มียินร้ายกับทุกข์ นินทา กล่าวร้าย เฉยได้ วางได้ เป็นอัตภาพ ที่สุภาพสุญภาพ สุญตวิหาร เป็นเมตตาวิหาร เป็นเมตตาที่ไม่ต้องการอะไรแลกเปลี่ยน มีความเป็นพรหมอย่างสมบูรณ์

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.192


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:58:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:52 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:40:58 )

พระโพธิสัตว์ตายแล้วเกิดใหม่ทันที

รายละเอียด

ก็ตามเหตุปัจจัย มันเป็นเรื่องของความเหมาะควร พระโพธิสัตว์บางรูปท่านตายแล้วท่านไม่เกิดอีก ท่านก็ไม่เกิด บางรูปท่านจะเกิดอีกบ้าง ถ้าท่านเองสามารถกำหนด กาละของท่าน ท่านก็ทำได้ แต่ถ้าท่านไม่มีบารมีพอท่านจะกำหนดการเกิดการตายเองไม่ได้ มันจะมีเหตุปัจจัยของวิบากเรา ที่เป็นตัวพาเราเป็น ชีวิตวิบากพาเราเกิดเราเป็น เพราะเหตุปัจจัยของตัวเราที่สะสม เช่น เราสะสมกรรมวิบากที่ไม่ดีเป็นเหตุปัจจัยที่ไม่ดีก็พาให้เราเกิดไม่ดี มันจะฝืนไปจากนั้นไม่ได้ ไปแย่งของใครเอามาไม่ได้เพื่อจะเกิด เสแสร้งไม่ได้ สัจจะไม่บิดเบี้ยวสัจจะต้องเป็นจริง แต่ถ้าเราทำดีแล้วมีเหตุปัจจัยที่ดีมากกว่าไม่ดี มันก็ต้องดี ส่วนคำว่าดีนั้นละเอียดเป็นโลกียะหรือโลกุตระ ก็ค่อยๆรู้ซับซ้อนไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:43:48 )

พระโพธิสัตว์ที่ต่างเกาะความรู้พุทธตามความเข้าใจตน

รายละเอียด

อาตมาก็สร้างนะ แต่อาตมาไม่ได้สร้างวิลิศมาหรา วิจิตรอะไรต่ออะไร เหมือนเจ้าแม่บงกชเขาสร้าง ของเขาหรูหราสวยงาม ของอาตมาสร้างธรรมชาติ นี่ก็กำลังสร้างภูเขาไม่รู้จะออกมาในรูปไหนเลย เอาดินกับหินมาก่อกันใหญ่ สุดท้ายแล้วมันจะปั้นเป็นรูปไหนกันก็ไม่รู้ยังไม่รู้ได้เลย เพราะว่ามันปั้นไม่ง่ายเหมือนดินเหนียวนะภูเขานี่ ก็ทำไป ได้เท่าไหร่มันก็ออกมาเป็นภูเขาของมันจนได้แหละ ออกมารูปไหนก็ช่างมัน ทำได้สุดฤทธิ์สุดเดชเท่าไหร่ก็ทำไป ก็จะสร้างภูเขา อาตมาก็สร้างแค่ภูเขา และไม่ได้มีกำหนดว่ามันจะออกมารูปแบบไหน ก็คร่าวๆ เท่านั้นเอง มันออกมายังไงก็ช่างเถอะ ภูเขามัน Abstract อยู่แล้วไม่มีใครกำหนดรูปร่างมันได้ ก็ทำไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 11:31:39 )

พระโพธิสัตว์ที่ต้องทำงานทางด้านนามธรรม

รายละเอียด

ในสิ่งที่เป็นจริงเหล่านี้ก็ต้องใช้ชีวิตในแต่ละชาติศึกษา อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะต้องทำงานทางด้านนามธรรม ทางด้านความรู้ให้รอบและพร้อมกันนั้นก็มีรูปธรรม ก็เป็นรูปธรรมส่วนน้อย เพราะว่ามันไม่ใช่ง่ายๆต้องมีทั้งรูปทั้งนาม ถ้าไม่มีนามธรรมมันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ จึงมีจำนวนน้อย มันก็ต้องสมสัดส่วนของมัน 

แต่นามธรรมคุ้มตัว เป็นรังสีราศีที่จะรักษาเราเอง นามธรรมเป็นประธาน ไม่ใช่รูปธรรมมาเป็นประธาน มีฉัพพรรณรังสีเป็นสิ่งที่คุ้มครองรักษา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:42:10 )

พระโพธิสัตว์มีลูกจำนวนพันเป็นอเนก

รายละเอียด

 มีแต่การสร้างมิตรดีสหายดีสร้างลูกหลานไปเรื่อย เป็นลูกจริงหลานจริงทางจิตวิญญาณ พระโพธิสัตว์ก็มีลูกจำนวนพันเป็นอเนก นี่อยู่ในนี้ก็ยังไม่ถึงพันดีเลย วันนี้พันกว่า นี่ปลุกเสกฯหรือพุทธาภิเษกฯ จะได้ถึง 1,000 ก็ยากเลยตอนนี้ถึงพันกว่าแล้ว ก็หวังใจว่า อย่าเพิ่งไปหวัง สาเปกโข ว่า จะมากกว่านี้ขึ้นไปอีกในครั้งหน้า พุทธาภิเษกฯ ปลุกเสกฯไปข้างหน้าก็จะเป็นการวัดมวลผู้ที่สนใจ ผู้ที่จะตั้งใจมาเอา คุณที่มาคุณก็ได้ ได้ถ่ายเดียวเลย อาตมาไม่เอาอะไรจากคุณแน่นอน คุณก็มาเอาได้ แล้วก็พยายามให้ได้ ถ้าได้ไปแล้วมันก็ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือ วิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:45:34 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:56 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:27:31 )

พระโพธิสัตว์ยุคนี้

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาปี 2477 พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 7 อาตมาก็มาในยุคพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 8 ก็เห็นว่าท่านยังไม่ได้ทำอะไรมาก สำหรับ รัชกาลที่ 9 ก็รู้จักมากที่สุด ถึงรู้ว่ารัชกาลที่ 9 ท่านเป็นพระโพธิสัตว์แน่นอนอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นองค์อื่นไม่ได้ อาตมาไม่ได้ไปศึกษาประวัติศาสตร์อะไรมากมาย แล้วก็ไม่ได้คิดเที่ยวไประบุอันนั้นอันนี้ คนที่อาตมาระบุมา แม้แต่ระบุว่าคานธี ก็คือลักษณะอย่างนี้แหละอย่าไปยึดติดในตัวตนบุคคลเราเขา แม้แต่จะเป็นคนละศาสนาคนละเชื้อชาติก็แล้วแต่ แต่พฤติกรรมต่างๆ อย่างคานธี อาตมาก็พยายามดูทั้งพฤติกรรมทางกายกรรมวจีกรรมและพอที่จะทราบทางมโนกรรมบ้าง 

แม้แต่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ คนยิ่งยากที่จะเข้าใจว่าเป็นโพธิสัตว์ เพราะว่าในทางธรรม มันมีให้ใช้เป็นองค์ประกอบในการที่จะวินิจฉัย อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่ค่อยได้ แต่อาตมาก็อธิบายได้ยาก กรรมวิบากเป็นเรื่องอจินไตย แน่ใจว่าพฤติกรรมทางจิตวิญญาณของไอน์สไตน์ ที่อาตมาประมาณแล้ว ก็ให้ได้คำตอบว่า ประมาณนี้ เป็นโพธิสัตว์ เพราะว่าบวกลบคูณหารแล้ว ในด้านดี รู้ลึกถึงโลกุตระ ถึงได้บอกไม่ได้ แม้แต่มหาตมะคานธีก็มีรายละเอียดเยอะกว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ยิ่งรู้ง่ายกว่า ยิ่งเป็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ยิ่งใช่ แล้วก็มีอะไรอีกมากมายเยอะกว่านี้อีก 

อาตมาเกิด ในหลวงร.9 ทรงครองราชย์ 2489 อาตมาก็อายุ 11 ปี อาตมาทำอะไรเหมือนผู้ใหญ่เยอะแล้วนะ ทำงานทำการ อาตมาไม่ได้ขอเงินแม่ใช้หรอกหาเงินใช้เอง เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 17:29:30 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:26 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:24:21 )

พระโพธิสัตว์ระดับ 6 (พระอรหันต์)

รายละเอียด

พระโพธิสัตว์ยังไม่จบยังจะต่อเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป แต่ก็สามารถจะปรินิพพานเป็นปริโยสานไปก่อนได้ เพราะจบเป็นพระอรหันต์ก็สามารถทำได้แล้ว จะเป็นอนุโพธิสัตว์นิยตโพธิสัตว์ก็ทำได้แล้ว แม้แต่เป็นพระอรหันต์ระดับปัญญาวิมุติ ดับอาสวะสิ้นหมดแล้วก็ยังทำได้ เหลือโมเมนตั้มของนิวเคลียร์ฟิชชั่น มันก็ตรง มันไม่โค้ง มันไม่มีองศา มันก็ไปอีก เป็นชรตา แม้คุณเปลี่ยนใจเป็นอนิจจตา กลับมาก็ได้ เกิดมันง่าย แต่ปรินิพพานเป็นปริโยสานมันยาก  ยิ่งคุณรู้แล้วทำได้หรือรู้แล้วทำไม่ได้ แต่ให้ทำเลย  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:45:04 )

พระโพธิสัตว์ระดับ 7 (กรณีศึกษาที่ยิ่งใหญ่ทางวิชาการโลกุตระ)

รายละเอียด

  1. “อย่าบอกว่าอาตมาคือสารีบุตรเพราะว่าอาตมาเจริญยิ่งกว่านั้น” 

  2. อาตมาไม่รู้สึกหิวหรือกระหาย แม้แต่น้ำอาตมาก็ไม่กระหายมานาน เป็นอาการที่เป็นจริงไม่ได้ดัดจริตพูด แต่ก็เคยอดอาหาร อดอาหารหลายวัน กี่วันจำไม่ได้แล้ว ก็รู้สึกโหยไม่ใช่หิว ร่างกายมันก็ต้องการธาตุทดแทน อาการ 32 มันก็ต้องทำงาน หากว่ามันบกพร่องก็จะส่งสัญญาณบอกว่า ส่งวัตถุดิบมาหน่อยสิ ท้องก็บอกว่าไม่มี บ่จี๊ อาตมาไม่มีอาการนั้นไม่รู้สึกหิวไม่รู้สึกกระหาย ก็เป็นเรื่องของสัจธรรมที่เป็นสิ่งพิสูจน์ยืนยันได้ว่า แม้แต่คนเราไม่มีกิเลส กิเลสนี่เป็นตัวที่มันยังเต็มยังพออยู่เลยมันเหลือด้วยซ้ำมันก็ยังอยากอีกทั้งหิวทั้งกระหายอะไรก็ไม่รู้นี่แหละคือกิเลสของคนมันเกิน แม้แต่กิเลสไม่มีแล้ว ร่างกายที่จะต้องการที่จะเอาไปใช้ปรุงแต่งสังขาร มันก็จะเตือนเรียกว่าหิวหรือกระหาย อาตมาถึงบอกว่า ไม่รู้จักหิวไม่รู้จะกระหายมันก็คือการไม่มีแล้ว อาการที่จะเกินต้องการไม่มีแล้ว อาการที่ตามควรจะได้ ถ้าเราไม่เอาความรู้สึก เราก็จะกลายเป็นคนไม่กิน ไม่ดื่มก็จะตายไปเลย เราก็มีความรู้ตามความรู้สึกว่าควรจะต้อง ไม่ต้องใช้คำว่าหิว ไม่ต้องใช้คำว่ากระหาย เราควรจะปรุงแต่งกันไว้ กินแล้วก็ควรกิน ดื่มก็ควรดื่มตามควร 

ทีนี้ร่างกายอาตมาไม่ต้องใช้น้ำเท่าไหร่ เพราะร่างกายอาตมาปรุงธาตุอาโปธาตุได้เก่ง พอสมควรเลย เก่งในตัวเอง ผู้ดูแลก็พยายามให้ดื่มน้ำดื่มเดี๋ยวเดียวก็จะปัสสาวะออก อาตมาก็ว่านะจะให้ดื่มทำไมดื่มแล้วเดี๋ยวก็เยี่ยว มันไปสังเคราะห์มันก็เยี่ยวสะอาดอยู่อย่างเดิมอย่างนั้น ก็อาจจะมีส่วนที่จะไปล้างไปที่เซลล์ อธิบายเลยไปกว่าสิ่งที่ควรจะพูดมันโอเวอร์แล้ว 

    1. อาตมาเป็นคนแห้งมาแต่ไหนแต่ไร…ใช่ อาตมาไม่เคยอ้วน เคยน้ำหนักตอนเป็นฆราวาสเคยน้ำหนัก 60 กิโลกรัม รู้สึกสันทัดคนดี มีพุงน้อยๆ ตอนนั้นจำได้ว่า มองตากู กำลังดัง สั่งต่างประเทศมา มีกี่สีซื้อหมด มันมี 7 สี ซื้อมาหมดเลย ใส่ทุกวันวันละสีๆ มันเห่อตอนนั้น (ขึ้นภาพให้ดู) 

    2. อาตมาไม่มีรสอร่อย มีแต่รับรู้รสของความเป็นจริง เข้าใจกันไหมทำได้หรือยัง? แล้วลดลงมาบ้างไหม ลดลงมาก็ดี ถ้าเราอ่านรสอร่อยเรียกว่าอัสสาทะนี้ออก แล้วลดอัสสาทะ มันจริงนะไม่ใช่พูดแต่ปากจนชนะแต่ปากแต่ปฏิบัติจนมีสภาพความเป็นจริงปฏิบัติลดความอร่อย ผู้ที่อ่านเวทเวทนาเก๊๊คือรสอร่อย แล้วก็รู้ว่ากินก็ได้ กินส้มโอก็รู้รสส้มโอ กินมะนาวก็รู้รสของมะนาว เอาดอกลั่นทม จำปา ก็รู้รสดอกจำปา กินดอกอัญชันก็รู้รสของดอกอัญชัน กินดอกพุทธรักษาก็รู้รสของดอกพุทธรักษา ดอกดาวเรืองก็เคยกิน รสเฝื่อนฉุนมีกลิ่นจัด รู้รสจริงของมัน แต่เราไม่มีรสอร่อย บางทีจะรู้สึกว่ามันยากหน่อย มันก็จะรู้เวทนาของความรู้สึกของเรา เราปฏิบัติธรรมเพราะอ่านเวทนาเป็น รู้แต่รสเวทนา 1 ความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้น ส่วนเวทนาที่มันปรุงแต่งที่ยึดถือกันแต่ละคนนั้นมันหมดไป จนหมดเวทนาเก๊ หมดเวทนาตัณหาอุปทานมีแต่เวทนาจริงๆมีความรู้สึกรับรู้ความจริงตามความเป็นจริงก็จบ 

    3. อาตมาเคยถูกรถชนลอยกระเด็น กล้ามเนื้อแตกที่ขา กระดูกไม่แตก เกิดเป็นพังผืดมีรอยบุ๋มที่ขา 

    4. อาตมารับมอบหน้าที่จากพระพุทธเจ้าสมณโคดมให้มากอบกู้และสืบสานพระพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี อันนี้พูดไปแล้วดูใหญ่ ใครฟังแล้วไม่เชื่อเขาเขาจะหมั่นไส้ แต่อาตมาว่าอาตมาจริง อาตมารับผิดชอบมาจากพระโอษฐ์จะต้องมาเป็นผู้รับผิดชอบศาสนาพุทธให้ถึง 5,000 ปี อีก 2,500 กว่าปี ถ้าไม่ถึงโพธิรักษ์ผิดนะ แล้วอาตมาจะไปทำให้บกพร่องทำไม 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:47:40 )

พระโพธิสัตว์ศึกษาตามพระพุทธเจ้า เรื่องความเป็นมนุษย์กับสังคม

รายละเอียด

อาตมาว่าอาตมาเข้าใจเพราะได้มีชีวิตเผชิญเรื่องเหล่านี้มา มากพอสมควร พระโพธิสัตว์ศึกษาตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าศึกษาความเป็นมนุษย์กับสังคม สัมผัสสัมพันธ์กันเกิดประโยชน์เกิดโทษต่อกัน ก็เท่านี้ แล้วท่านก็ศึกษาเพื่อจะช่วยให้เขาอยู่กันอย่างไร จึงจะเป็นการอยู่อย่างสงบ สมานกันได้ จะไปบังคับให้คนมีความเข้าใจมีความคิดความรู้เท่ากันไปหมดไม่ได้หรอก จะทำได้อยู่อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะให้เท่ากันคือ คุณต้องทำให้ความรู้ที่สูงที่สุดที่คนจะทำได้คือเป็นพระพุทธเจ้า อาตมาก็มีความรู้ยังไม่ถึง แม้จะหนักหนาเหน็ดเหนื่อยยังไงก็สู้ นับวันยิ่งเหนื่อย เพราะว่ามันเสื่อมมาก คนเสื่อมมาก จะกอบกู้ช่วยเหลือคนให้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง เข้าใจรู้ทำให้ตนเองเจริญขึ้นก็พยายาม แล้วก็ช่างกระไร เขาก็ยิ่งทำตนให้แก้ยากขึ้นๆ

เขาไม่ได้เห็นใจเรา หากเขาเห็นใจเราก็คงไม่ได้ทำให้ตนเองแย่ จนกอบกู้ได้ยาก เขาไม่เห็นใจไม่รู้ว่าเราทำอะไร แต่เขาทำอย่างนั้นเพราะว่าเขาไม่รู้ว่ามันเสื่อมต่ำ แย่ลงๆ

อาตมาเองยิ่ง พัฒนาตัวเองขึ้นมา เป็นมนุษย์ที่รู้มนุษย์สังคมขึ้นมาเรื่อยๆ มันหลากหลาย ในความแตกต่างความยึดถือของมนุษย์ นับวันก็ยิ่งมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน อัตภาพและสังสารวัฏ วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม  2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:51:51 )

พระโพธิสัตว์สาธารณโภคี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความหมายของโลก มนุษยชาติต้องมี 2 มีจิตวิญญาณเป็นประธาน แล้วต้องมีสิ่งที่เป็นตัวตนบุคคล จึงเป็นสภาพที่ต้องมีพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินต้องเป็นอาริยบุคคล โดยเฉพาะอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 เรานี้ เป็นพระโพธิสัตว์สาธารณโภคีชัดๆ ท่านประกาศเลย มาเป็นคนจน เราเสียสละให้แก่คนอื่นนั้นแหละเราได้ ถ้าคนไม่มีสาระสัจจะอันนี้พูดออกมาไม่ได้หรอก โดยเฉพาะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พูดออกมาแล้วถ้าทำไม่ได้ แล้วเป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยได้อย่างไร พระพักตร์แตกเลยนะ ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:16:23 )

พระโพธิสัตว์หมดอาสวะแล้วมีอนุสัยไว้ทำประโยชน์ต่อ

รายละเอียด

ลึกซึ้งตรงที่ว่าโพธิสัตว์จะอยู่ในฐานปัญญาวิมุติ จะอยู่ในฐานนี้ มีวิภวตัณหา เพื่อที่จะปฏิบัติ ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว จะดับก็ดับได้ ปรินิพพานได้ เป็นปริโยสาน ไม่ดับก็ไม่สูญสิ้นอนุสัย แต่หมดอาสวะแล้ว มีอนุสัย เอาไว้ทำประโยชน์ต่อ พระโพธิสัตว์จะรู้จักอนุสัยดีแล้วแยก อนุสัย กับอาสวะได้ เหมือนอย่างเช่นอาตมาอธิบายนี้ ขอยืนยันว่าไม่มีใครอธิบายกันแยกแยะอาสวะกับอนุสัย และขอยืนยันว่าเป็นจริงอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:38:47 )

พระโพธิสัตว์เก๊

รายละเอียด

สรุปอีกทีหนึ่งว่า ต้องบรรลุอรหันต์ก่อนจึงเป็นโพธิสัตว์ได้ หากไม่บรรลุเป็นอรหันต์ก่อนเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ ผู้เป็นโพธิสัตว์บำเพ็ญช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ตนเองยังไม่เป็นอรหันต์นั้นเป็นพระโพธิสัตว์เก๊ แต่อรหันต์ไม่บรรลุพระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์จะเป็นอรหันต์ได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:19:47 )

พระโพธิสัตว์เป็นศาสดาอเทวนิยม

รายละเอียด

จะอยู่เป็นพระเจ้าวนเวียนกลับมาเกิดอีกสอนอีกนานเท่าไหร่ นิรันดรก็ได้ แต่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็บอกว่า เบื่อ เพราะพระโพธิสัตว์นี่ก็คือพระเจ้าที่เวียนวนมาเกิดแต่ละชาติๆนั่นแหละ เป็นศาสดารองจากพระเจ้า เป็นศาสดาที่รู้ด้วย รู้ว่าไม่ใช่ศาสดาเทวนิยม แต่เป็นศาสดาอเทวนิยม จะเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ รู้จักความเป็น 2 เทวฺ จะทำให้เป็นหนึ่ง เป็นอรหันต์เริ่มทำหนึ่งได้แล้ว เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 6 7 8 จนเป็นพระพุทธเจ้า ก็สามารถที่จะรู้ว่าเป็นศาสดา แต่เป็นศาสดาตามบารมี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:09:52 )

พระโพธิสัตว์เรียนรู้ไม่รู้กี่ชาติจึงรู้รายละเอียดสัจจะจริง

รายละเอียด

สรุปแล้วพระพุทธเจ้าถึงสรุปใช้คำว่าเรื่องเมถุนธรรมมีน้ำเป็นที่สุด น้ำที่ว่าคือเชื้อที่จะมีตัวสเปิร์ม เอาไปผสมเป็นพันธุ์ไป มีน้ำเป็นที่สุด ผู้ที่ลึกลงไปอีก พูดรายละเอียดเป็นวิชาการ โรงงานสร้างตัวสเปิร์ม ผู้ที่หยุดโรงงานสร้างสเปิร์มแล้วมันจะหยุด มันจะไม่สร้างตัวสเปิร์ม แล้วไอ้น้ำที่จะนำพาสเปิร์มก็จะแห้งและข้นไป ยากที่จะมีไปอีก เพราะฉะนั้นจึงป่วยการ รสก็ไม่นำพาจะให้ทำ พวกนี้โรงงานก็หยุดไป มันจะเป็นธรรมดาธรรมชาติของจิตของคุณมันจะหยุด เพราะฉะนั้นคุณจะมาบังคับให้มันสร้างโรงงานคุณเหนื่อยมาก คุณยากมากเลย ฟังขึ้นไหม ไม่ต้องทดสอบหรอก คุณจะรู้ แต่พระโพธิสัตว์จะได้เรียนรู้ไปอีกไม่รู้กี่ชาติจึงจะรู้รายละเอียดพวกนี้ตามสัจจะจริง เพราะฉะนั้นจึงไม่สงสัย ผู้ที่ยังต้องทดสอบอยู่คือผู้ที่ยังสงสัย ผู้ที่จบแล้วไม่สงสัยจะไปทำให้เมื่อยทำไมมันเสียแคลอรี่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:29:49 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:48 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:30:46 )

พระโพธิสัตว์ไม่มีอาสวะมีแต่อนุสัย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์จะรู้ดีเลยว่า ความต่างระหว่าง อาสวะกับอนุสัย ต่างกันอย่างไร และใช้ความหมดอาสวะ แต่รู้จักตัวอนุสัย เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์จะไม่มีอาสวะ จะใช้อนุสัยเป็นฐานจิตเจตสิกต่างๆ ที่จะศึกษาต่อไป ที่จะทำงานต่อไปที่จะใช้ไปจนกระทั่งฝึกฝนอบรม จนบรรลุเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้ามีสัมมาสัมโพธิญาณ สูงสุดหรือไม่สูงสุดก็ตาม สามารถจะดับตาย ดับสิ้นอาสวะไม่เกิดอีก อนุสยะ ตัวสยะ ตัวตน อนุ นี่ ก็ไม่ต้องไปห่วงอีก แม้จะไม่จบขั้นอุภโตภาควิมุติ คือวิมุติทั้งอาสวะวิมุติทั้งอนุสัย หรือวิมุติทั้งเจโตและปัญญา ใช้พยัญชนะอย่างนั้นก็ได้ แต่ใช้พยัญชนะอาสวะกับอนุสัยลึกซึ้งกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:07:43 )

พระโพธิสัตว์ไม่ใช่มีแต่ธรรมะ แต่บริหารได้ด้วย

รายละเอียด

 ก็ได้ อย่างนั้นมันก็ยากอยู่นะ จริงๆแล้ว คนนี่นะ ที่เป็นโพธิสัตว์ ไม่ได้หมายความว่า พระโพธิสัตว์จะมีแต่ธรรมะ พระโพธิสัตว์จะไปบริหารด้วย อย่างอาตมาบอกว่า อย่าว่าแต่โพธิสัตว์ไปบริหารเลย ไปคิดค้นเหมือนอย่างไอสไตน์ ไม่ได้บริหารอะไรนี่ ไอสไตน์หรืออาตมาว่า คานธีเป็นโพธิสัตว์ คานธี ก็ไม่บริหาร คานธีเป็นนักธรรมะ เป็น ที่ปรึกษาของเนห์รู เป็นที่ปรึกษาของนักการเมืองทั้งหลาย ไม่ได้ไปบริหาร ไม่ได้ไปรับผิดชอบ แต่เป็นผู้ที่บอกความรู้ แล้วก็เพราะความรู้นั่นแหละ ทางการเมืองนั้นแหละ เอาท่านไปติดคุกตั้งหลายเที่ยว ท่านก็ไม่ว่าอะไร เพราะว่าท่านเป็นนักธรรมะ เป็นโพธิสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 18:36:34 )

พระโมคคัลลานะตั้งจิตเป็นพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ด้วย อาตมาไม่ใช่พระโมคคัลลานะ แต่ก็พอตอบแทนได้ว่าท่านเป็นสายเจโต เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาก็เป็นคนละตระกูลกันแต่ต้องมีคู่กันอย่างนี้ซึ่งเป็นสัจธรรมของโลกเป็นอจินไตยที่เข้าใจให้จบแล้วก็จะไม่มีปัญหา บวกลบก็ต้องมีคู่กันอย่างนี้แหละแล้วก็จะรวมเป็นหนึ่งหน่วย ตกลงก็เป็นสามเส้ามีประธานและบวกลบนี่ก็คือcyclic order เป็นระบบที่หมุนอยู่ในโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:35:11 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:30 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:30:10 )

พระโสดาบัน

รายละเอียด

พระโสดาบัน  เป็นพระอาริยะเจ้าขั้นต้น  เป็นผู้ที่ยังมีภูมิน้อย ยังไม่รู้อะไรมากมายยังมีมุขสตี พูดทิ่มแทงกัน พูดกระแทกให้สะดุด แต่การให้ร้ายป้ายสีพระโสดาบันไม่มี พระโสดาบันก็ช่วยคนได้แล้วประมาณหนึ่ง พระโสดาบันที่มีความเฉลียวฉลาดมีความรู้ธัมมวิจัยเก่งก็สามารถให้ความรู้ให้ประโยชน์ได้ แต่แน่นอนที่พระโสดาบันก็ยังไม่เก่งเท่าพระสกิทาคามี พระสกิทาคามีก็ยังไม่เก่งเท่า พระอนาคามี พระอนาคามีก็ยังไม่เก่งเท่าพระอรหันต์...ไปจนถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเก่งที่สุด ก็ต้องมีขั้นตอนที่จริงไปตามลำดับ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างเป็นปฏิภาณเก่งกว่าในบางมุม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 82


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:55:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:47 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:45:21 )

พระโสดาบัน 3 แบบ

รายละเอียด

จริงแล้วธรรมะที่มันเหลื่อมซ้อนกัน สัตตักขัตตุปรมะ โกลังโกละ และเอกพีชี

“สัตตักขัตตุ” คือ อีก 7 ชาติ จึงเป็นพระอรหันต์ 7 หมายถึงเหลือสังโยชน์อีก 7 ได้สาม เหลือ 7 

“โกลังโกละ” ก็คือนับตั้งแต่ 2-6 สังโยชน์ที่เหลือ 

“เอกพีชี” คือ 1 คือ เหลืออีกชาติเดียว มีภูมิธรรมอีกน้อยเดียวก็เป็น สกิทาฯ​อนาคาฯได้แล้ว

ที่จริงแล้ว ธรรมะที่เหลื่อมซ้อนกัน  ก็ค่อยๆขยับไปเรื่อยๆๆๆ ถ้าพวกสั่งสมบารมีเกิน

กลายเป็นโกลังโกละ โกลังโกละอีก 2 3 4 ชาติ หรือชาติเดียว(เหลือชาติเดียว)

ก็เป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันหมดไปแล้ว(ในนี้) จะเป็นอนาคามีไปเลย

เพราะฉะนั้นเลื่อนจากสัตตักขัตตุ มาโกกังโกละ มาเป็นเอกพีชี

มันจะอยู่ในภพที่ยังไม่ถึงอนาคามี 

“สกิทาคามี” กับ “เอกพีชี” แปลว่าผู้ที่เกิดอีก 1 ครั้งเหมือนกัน

ที่ซ้อนกันไว้มีแค่ 3 ขั้นของพระโสดาบัน

แล้ววัฏฏภิรตโสดาบัน มาจากไหนครับ อาตมาไม่รู้ จริงๆนะไม่รู้ว่ามาจากไหน

จะเป็นของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้อาตมาก็ไม่มีความรู้อันนี้พอ

หรือไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าตรัส แต่เป็นอาจารย์รุ่นหลังเอามาเพิ่มขึ้นหรือไม่อาตมาไม่รู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:46:57 )

พระโสดาบันจนถึงอรหันต์ ก็ต้องรู้ในกรอบ

รายละเอียด

ผู้รู้ตรงกันเป็นหนึ่งเดียว เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันก็ต้องรู้ในกรอบใกล้ 1 สกิทาคามีก็รู้เป็นกรอบเข้าใกล้หนึ่งเข้าไปอีก อนาคามีก็เข้าใกล้หนึ่งเข้าไปอีก อรหันต์นั้นเป็นหนึ่งเดียวกันตรงกันหมด รู้โลก รู้จิตวิญญาณ รู้ความเกิดความตาย รู้ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับไป รู้ในขันธ์ 5 จัดการกับชีวิตจิตนิยามสบาย ครบหมด นี่คือสุดยอดแห่งความรู้  

ซึ่งยากสำหรับชาวเทวนิยม แม้แต่ชาวพุทธ อาตมาพูดอยู่ไม่ง่ายที่จะรู้ มันยาก กว่าจะเข้าใจ ก็ไปยึดถือสิ่งที่ผิดนั้น ไปเสพสุขทั้งที่ติดยึดนั้นอีกเยอะ ติดในความรู้บ้างติดในความสุขติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ติดอะไรอย่างนั้นมันยาก ก็ค่อยๆศึกษากันไป เพราะฉะนั้นคำว่าพระเจ้านี้จึงมีอีกซีกหนึ่ง ที่คนในโลก มีคนไม่ค่อยรู้นี้มากกว่าคนรู้ ความรู้โลกุตระนั้นเป็นความรู้เหมือนยอดปิระมิดจึงมีน้อย คนที่ไม่รู้เป็นฐานปิระมิดมีอีกเยอะก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ 

เพราะฉะนั้นคนกว่าจะมารู้โลกุตระ จะมาเข้าใจสุดยอดจบเป็นการจบกิจบริบูรณ์เลย บริบูรณ์นี้หมายความว่า คุณก็จะอยู่เป็นมนุษย์ต่อไปอีก จะเกิดอีกหรือคุณจะไม่เกิดอีก สูญสลายก็เลิกกับอัตภาพ ไม่มีพระเจ้าอะไร ไม่ต้องตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร ไม่มี สลายได้เลย พิสูจน์ได้เลย เป็นอนัตตา อย่างนี้เป็นต้น กว่าจะเจอเรื่องนี้ พวกที่ยอดปิรามิด พวกที่เป็นฐานปิระมิดไม่เจอ ยังไม่เจอพูดยังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจ ถ้ายังไม่มีบารมีพอ ที่จะรู้ได้เป็นธรรมดาธรรมชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:11:08 )

พระโสดาบันตั้งจิตปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ไหม

รายละเอียด

ไม่ได้ โสดาบันจะนิพพานเป็นปริโยสานไม่ได้ โสดาบันยิ่งไม่มีทางเลย อนาคามี ยังพอจะไปนิพพานหรือไม่ยอมเกิดมา ตายแล้วจะไม่เกิดมามีร่างกาย จะขอบำเพ็ญต่อ อยู่ในภพของจิต ก็จะเป็นไปตามบารมีแล้วแต่ว่าจะเป็นอนาคามีลักษณะแบบนี้ 

1. อันตราปรินิพพายี (ผู้เพียรทำปรินิพพานในระหว่างภพ) 

2. อุปหัจจปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานด้วยสามารถ) 

3. สสังขารปรินิพพายี (ผู้ทำปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก ประกอบปุญญาภิสังขารในภพตนให้มากๆ) 

4. อสังขารปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้การปรุงแต่งอภิสังขารให้มากนัก) 

5. อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (สภาวธรรมไม่เป็นสองรองใคร หรือไม่เป็นน้องใครอีก แล้วปรินิพพานไว) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:41:57 )

พระโสดาบันที่ฆ่ากิเลสอบายมุขตายแล้วจะไม่มีกิเลสอบายมุขกลับคืนเกิดอีก

รายละเอียด

พระโสดาบันที่ฆ่ากิเลสอบายมุขตายแล้วจะไม่มีกิเลสอบายมุขกลับคืนเกิดอีก แม้แต่พระสกิทาคามี แต่สกิทาคามีมันมีเยอะกำหนดได้ยาก มันเป็นภพภูมิของกามาวจร อย่างหยาบกลางละเอียดก็อยู่ในภูมิกามาวจร หมดกาม จึงเป็นอนาคามี 100% แต่มันมีเหลื่อม จะตัดเคิร์ฟของสกิทาคามีกับอนาคามียาก มันจะมีรอยต่อของสกิทาคามีอนาคามีอยู่จะตัดขาดทันทีเลยไม่ได้ ก็ฆ่ากิเลสในรูปภพกับอรูปภพอีกแล้วกิเลสน้อยเป็นสกิทาคามีก็เป็นอรูปไป จนกระทั่งมีรูปเป็นตัวแข็งแรง มี wall บังเกอร์บัง ไม่ให้สกิทาคามีภูมิเข้ามาได้ ก็เป็นพระอนาคามีสูงขึ้นไปหาอรหัตตมรรค อรหัตตผลไป นี่มันเป็นรายละเอียดของลำดับที่มหัศจรรย์มันเป็นนามธรรมทั้งนั้นเลยถ้าเราไม่มีสภาวะของ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย มาตามลำดับ จะเข้าใจได้ยาก อาจจะพอเข้าใจ คนที่ถนัดพยัญชนะจะเข้าใจได้เหมือนกันแต่สภาวะนั้นจะไม่ค่อยตรง มันจะต้องทำสภาะจึงจะชัดเจน คนที่เก่งสภาวะ พยัญชนะไม่ค่อยเก่งแต่ทำสภาวะได้ดี จนกระทั่งเป็นอรหันต์แล้วก็ไม่รู้ตัว ว่าคุณจบพระอรหันต์แล้วหรือ อย่างพระสารีบุตร ลูกศิษย์ตัวเองบรรลุอรหันต์แล้วทำไมไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:17:07 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:39:31 )

พระโสดาบันปัตติผล

รายละเอียด

ยิ่งกว่าเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน . ยิ่งกว่าสวรรคาลัย  ยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกทั้งปวง . . คือ พระโสดาปัตติผล  ต้องรู้จักอาการสวรรค์ อาการนรก อาการทุกข์ อาการสุข ต้องล้างมันทั้งสองอย่าง รู้สิ่งที่มีเราก็ทำให้มันหายไปเรามีการเปรียบเทียบ อาศัยสวรรค์ไม่ต้องอาศัยสวรรค์เลยเลิกสวรรค์ไม่มีนรกไม่ต้องอาศัยเลยเรียกว่ายิ่งกว่าสวรรคาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกทั้งปวง อธิปไตยคือพลังอำนาจ เป็นพลังอำนาจที่ชนะทุกอย่างเหนือกว่าทุกอย่าง แต่โรคอบายมุขเราพ้นแล้วอบายมุขมันจะมีอยู่ที่ไหนเราก็เหนือเป็นอธิปไตยเหนือกว่ายิ่งกว่า หมดสุขหมดทุกข์ หมดสิ่งที่เราจะไปคลุกคลีเกี่ยวข้องแต่เข้าไปอยู่ในนั้นได้ แต่ฤทธิ์เดชของอบายมุขพวกนรกที่มันหยาบ ไม่ระคายตัวเรา ไม่สามารถทำอะไรตัวเราได้เลย สรุปแล้วเราสูญก็ได้มีก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ทำให้สูญก็ได้ มีเป็นล้านก็ได้ ถ้าเก่งก็ไปได้เรื่อยๆ เจริญขึ้นก็สามารถมีกับเขาได้มากเพราะมีศูนย์เป็นฐานแล้ว จะมีมากเท่าไหร่ก็จบที่ศูนย์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:38:24 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:04 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:42:28 )

พระโสดาบันยังมีและเล็มเลียบเคียงเรื่องเงินทอง

รายละเอียด

ก็ยังมีอยู่สำหรับพระโสดาบันยังเป็นได้ ยังมีและเล็มเลียบเคียงเรื่องเงินทองเป็นได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:13 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:59 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:43:16 )

พระโสดาบันเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง

รายละเอียด

แม้แต่แค่ฐานพระโสดาบันก็จะเป็นนักประชาธิปไตยที่เป็นจริง แล้วก็ทำประชาธิปไตยได้ดีเพราะว่ามีอธิปไตยที่เหนือโลกไประดับหนึ่งแล้ว แล้วผู้ที่เป็นโสดาบันจริงๆก็จะมีความเป็น สัมโพธิปรายนะ โสดาบันเลยนิยตะเป็นต้นไป เข้ากระแสแล้ว อวินิปาตธรรมแล้ว เที่ยงเลย นิยตะจิตตั้งมั่น สัมโพธิปรายนะ ของจริงต้องไม่ตกต่ำ ถ้าตกต่ำก็ไม่ใช่ของจริงถ้าคุณรู้สึกว่าได้แล้วมันเสื่อมก็ไม่ใช่ของจริง มันเป็นของปลอมของปลอมก็จะมีเสื่อม ของแท้ก็จะไม่มีเสื่อมไปสู่ที่สูงที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:20:40 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:37 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:44:52 )

พระไตรปิฎก

รายละเอียด

พระมหากัสสปะนี่รวบรวมคณะพระอรหันต์ 500 รูป ท่านได้ช่วยกันรวบรวมพระคัมภีร์ คำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักเรียกว่า "พระไตรปิฎกฉบับเถรวาทนี่แหละ" คือเป็นลักษณะป่า เอียงไปข้างป่า คำสอนของพระพุทธเจ้ามิได้มีพระไตรปิฎกเพียงแค่ 45 เล่ม พระไตรปิฎกของมหายานมีตั้ง 300 กว่าเล่ม

หนังสืออ้างอิง

 สาธารณโภคีเศรษฐกิจชนิดใหม่ หน้า 125-126


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2562 ( 15:28:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:32 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:46:23 )

พระไตรปิฎก เล่มที่ 1

รายละเอียด

พระวินัยปิฎก
                        เล่ม 1
                มหาวิภังค์ ปฐมภาค
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
                    เวรัญชกัณฑ์
                เรื่องเวรัญชพราหมณ์
    [1] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์
สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป เวรัญชพราหมณ์
ได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่านผู้เจริญ พระสมณะโคดมศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูล
ประทับอยู่ ณ บริเวณต้นไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป ก็แลพระกิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้ว
อย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ
แม้เพราะเหตุนี้ ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้ เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้ ทรงทราบ
โลกแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็น
ศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพระ
ผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัด
ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพ
และมนุษย์ ให้รู้ ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศ
พรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็น
ปานนั้น เป็นความดี.

เวรัญชพราหมณ์กล่าวตู่พระพุทธเจ้า
    [2] หลังจากนั้น เวรัญชพราหมณ์ได้ไปในพุทธสำนัก ครั้นถึงแล้วได้ทูลปราศรัยกับ
พระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทูลปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิงเป็นที่ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เวรัญชพราหมณ์นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาค
ว่า ท่านพระโคดม ข้าพเจ้าได้ทราบมาว่า พระสมณะโคดม ไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่
ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ ข้อที่ข้าพเจ้าทราบมานี้
นั้นเป็นเช่นนั้นจริง อันการที่ท่านพระโคดมไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่ ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้
ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะนี้นั้น ไม่สมควรเลย.
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ใน
หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทพ และมนุษย์ เราไม่เล็งเห็นบุคคลที่เราควรไหว้ ควร
ลุกรับ หรือควรเชื้อเชิญด้วยอาสนะ เพราะว่า ตถาคตพึงไหว้ พึงลุกรับ หรือพึงเชื้อเชิญ
บุคคลใดด้วยอาสนะ แม้ศีรษะของบุคคลนั้นก็จะพึงขาดตกไป.
    ว. ท่านพระโคดมมีปกติไม่ไยดี.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมมีปกติไม่ไยดี
ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะความไยดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหล่านั้น ตถาคต
ละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีก
ต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมมีปกติไม่ไยดี ดังนี้ชื่อว่า
กล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมไม่มีสมบัติ.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่มีสมบัติ ดังนี้
ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะสมบัติ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหล่านั้น ตถาคตละได้แล้ว
ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็น
ธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่มีสมบัติ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่
ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมกล่าวการไม่ทำ.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวการไม่ทำ
ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวการไม่ทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เรากล่าวการ

ไม่ทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวการ
ไม่ทำ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมกล่าวความขาดสูญ.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวความขาดสูญ
ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวความขาดสูญแห่ง ราคะ โทสะ โมหะ เรากล่าวความ
ขาดสูญแห่งสภาพที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดม
กล่าวความขาดสูญ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมช่างรังเกียจ.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างรังเกียจ ดังนี้
ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรารังเกียจกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เรารังเกียจความถึงพร้อมแห่ง
สภาพที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างรังเกียจ
ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมช่างกำจัด.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างกำจัด ดังนี้
ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเราแสดงธรรมเพื่อกำจัด ราคะ โทสะ โมหะ แสดงธรรมเพื่อกำจัดสภาพ
ที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่างนี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างกำจัด ดังนี้ ชื่อว่า
กล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมช่างเผาผลาญ.
    ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างเผาผลาญ ดังนี้
ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวธรรมที่เป็นบาปอกุศล คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ว่า
เป็นธรรมที่ควรเผาผลาญ ธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งควรเผาผลาญ อันผู้ใดละได้แล้ว ตัดราก
ขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา
เรากล่าวผู้นั้นว่าเป็นคนช่างเผาผลาญ พราหมณ์ ธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศล ซึ่งควรเผาผลาญ
ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง
มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างเผาผลาญ
ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
    ว. ท่านพระโคดมไม่ผุดเกิด.


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:52:43 )

พระไตรปิฎกการทำ 2 ให้เป็น 1

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นปฏิภาณปัญญาที่รู้ชัดเจนที่สุดใน 2 กับ 1, 1 กับ 2 นี่แหละ ทำให้ลงตัว ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วน 2 (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 

คำว่า 1 ใน 2 หรือ 2 ใน 1 ผู้ที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์ จะต้องมี 1 ใน 2 หรือ 2 ใน 1 จะเป็นผู้มีอยู่ตลอดเป็นสิริมหามายา ถ้าเข้าใจไม่ทันมันจะเป็นมายาหลอกคุณ ถ้าเข้าใจได้ทันมันจะเป็นสิริมหามายา มันจะเป็นสภาวะ 2 ที่จะเป็นผู้ให้กำเนิด สิริมหามายาคือแม่ 

ผู้ที่จะให้กำเนิดอกุศลจิต ให้กำเนิดอวิชชา มันจะให้กำเนิดทุกข์ มันจะให้กำเนิดการทำกรรมบาปแก่ผู้อวิชชาตลอดกาล 

เพราะฉะนั้นใครที่ทำความจบ  ทำความเป็นปัญญาให้รู้สภาพ 1 ใน 2 , 2 ใน 1 ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ล.10 ข.60 

ทำให้ 2 เป็น 1 ให้สำเร็จเรียบร้อยให้ได้ให้เกิด 1 ในตัวเราจริงๆ แล้วเราก็รู้แล้วว่าเราทำสำเร็จก็จบ ตัวใดมาเราก็จัดการให้เป็น 1 ได้สำเร็จ อาศัย 1 อยู่ในขณะที่คุณยังไม่ตายเป็นปริโยสาน ยังไม่ตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็ยังมีชีวิต คุณก็ยังอยู่กับ 2 ตลอดกาล 

เพราะฉะนั้นในอะไรก็แล้วแต่ คนที่ไม่รู้ความจริงอย่างสมบูรณ์แบบด้วยปัญญา 2 ใน1 แล้วทำ 1 ใน 2 ได้อย่างสิริมหามายาสมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:08:12 )

พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ

รายละเอียด

อาตมาว่าทฤษฎีคำสอนพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐนี่แหละ ใช้ได้เลย อาจจะมีบกพร่อง 1-2 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีปัญหา แต่อาตมาว่าใช้ได้ นอกจากผู้แปลไม่แปลเต็มที่เท่านั้น ถ้าแปลเต็มที่ไม่มีปัญหา อาตมาเข้าใจเนื้อหาสาระอยู่

ยกตัวอย่างบุคคล 7

สายศรัทธา

1. สัทธานุสารี

3. สัทธาวิมุติ

5. กายสักขี  

(ต้องอาศัยวิโมกข์ 8)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:57:50 )

พระไตรปิฎกทำให้เถรวาทจำนน

รายละเอียด

คนเขาก็หาว่าอวดดี เอาอะไรมาพูดไม่เหมือนเขา ถ้าพูดเหมือนเขาก็ซวยสิ พูดเหมือนเขาที่เขาเป็นกันอยู่มันผิดหมด อาตมาไปเหมือนเขาก็ซวย ถูกมันไม่ใช่อย่างนั้น มันจึงขัดแย้งกัน อาตมาถึงได้ถูกคณะใหญ่เล่นงานมา แต่เล่นงานมายังไงก็ยากเพราะอาตมายืนหยัดอย่างดี โดยเฉพาะคนเขาก็ยอมรับนับถือพระไตรปิฎกฉบับนี้เหมือนกัน เถรวาท นับถือพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐนี่เหมือนกันก็เลยพูดกันรู้เรื่อง ตกลงกันพอได้ 

อาตมาจึงอยู่รอดปลอดภัยมา ทำมาได้จนป่านนี้ แต่ก็บุกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย จนกว่าที่จะมาพูดได้สบายป่านนี้ 50 กว่าปี แต่เขาก็ยังมีการแย้งอยู่หลายเหมือนกัน แต่ที่จำนนแล้วแย้งอาตมาไม่ได้ก็จึงเงียบ หมู่ใหญ่เงียบเพราะจำนน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:14:58 )

พระไตรปิฎกปกป้องภัย

รายละเอียด

เดี๋ยวนี้เข้าใจกันผิดที่เรียนกันเป็นตำราของพระพุทธโฆษาจารย์ ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค เป็นเรื่องออกนอกพุทธเป็นเดียรถีย์ เป็นเทวนิยม เป็นการปฏิบัตินอกพุทธ อาตมาพูดนี้เหมือนอาตมาถูกอยู่คนเดียวคนอื่นผิดหมด ก็เพราะว่ากระแสหลักรู้กันอย่างนั้นเข้าใจอย่างนั้นทั้งกระบวน อาตมาก็เข้าใจแบบนี้คนเดียว ถ้าอาตมาไม่ยิ่งใหญ่ อาตมาก็เท่ากับธุลีละออง ก็มันไปขัดแย้งความเชื่อความเข้าใจของเขาอย่างนั้นมันเท่ากับ ขนเอาของเขามาทิ้งหมดเลย ถ้าอาตมาพูดในยุคพระพุทธเจ้าได้ตายจริงๆ แต่ในยุคประชาธิปไตยอิสระเสรีภาพมีสิทธิอะไรหลายๆอย่าง ทั้งในการพูดด้วย ขนาดนั้นเขายังจะเอาให้ตายแต่อาตมาหนังเหนียว ขออภัยพูดเหมือนท้าทาย ก็ยังพอมีชีวิตรอดมาได้ เพราะอาตมาเกาะพระไตรปิฎกไว้แน่น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:17:05 )

พระไตรปิฎกพยายามรักษาพยัญชนะแปลไม่ให้ผิด

รายละเอียด

อาตมายังชมเชยพระไตรปิฎกที่พยายามรักษาพยัญชนะ แปลไม่ให้ผิด นี่ก็เป็นบุญคุณมาก ก็มีผิดเพี้ยนนิดหน่อยแต่มันก็พยายามเห็นใจเขา อย่างมนสิการ ก็ไปแปลว่า ไม่สำคัญมั่นหมาย อัชฌัตตัง อรูปสัญญี ปัสสติ ในวิโมกข์8 ข้อ2 เขาก็ไปแปลว่าไม่สำคัญมั่นหมายในอะไร ก็เจ๊งสิ แล้วท่านก็ไม่ได้ใช้คำว่า อรูปสัญญี ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีการกำหนดเป็นตั้งแต่ รูป อรูป ชัดเจนกำหนดเห็นสัมผัสภายนอก และแม้แต่สัมผัสภายใน ก็ต้องสัมผัสด้วย เพราะคำว่า ปัสสัทธิอยู่ข้างหน้า ต้องกำหนดรู้รูป และอรูป ทั้งภายนอก และภายใน ผู้ที่ไม่มีสภาวะก็แปลไปตามพยัญชนะอาตมาก็เห็นใจ เขาไปแปลว่า ผู้ไม่สำคัญในรูป หากไม่สำคัญในรูปในนามจะไปศึกษาอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:33:44 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:52 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:47:25 )

พระไตรปิฎกมีแต่คำสอนพระพุทธเจ้ากับพระเถระในยุคพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อย่างนั้นโมหะเกินไป พระไตรปิฎกมีคนนับถือทั่วโลกแต่พระพุทธทาสบอกว่าฉีกทิ้งได้ 60% ในพระไตรปิฎกมีแต่คำสอนพระพุทธเจ้ากับคำสอนของพระเถระในยุคพระพุทธเจ้าเท่านั้น คำสอนในยุคของพระพุทธเจ้าก็เป็นคำสอนในยุคของพระเถระที่น่านับถือมีอีกมากมาย ตัวเองตัดสินได้ไหมว่า คำนี้ เป็นคำของพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่จริง แล้วไปฉีกทิ้งได้อย่างไร ฟังดูใหญ่เหลือเกิน อาตมาไม่ได้ฉลาดยิ่งใหญ่ขนาดตัดสินฉีกทิ้งขนาดนั้น ฟังท่านพุทธทาสแล้วน่ากลัว

หรือท่านคึกฤทธิ์ให้เลือกเชื่อเอา แต่อาตมาว่า ที่ท่านบันทึกในพระไตรปิฎกคงไม่ใช่ของที่ขี้เหร่เท่าไหร่ แล้วเก่งอย่างไรให้เลือกเชื่อ อาตมาว่าหากเรายังไม่เข้าใจอย่าไปตีทิ้ง เอ็งเก่งขนาดไหนพิพากษาได้เลยตีทิ้งได้เลย ไม่ว่าจะเป็นยุคของท่านพุทธทาสหรือท่านคึกฤทธิ์ ที่จะเอาแต่พระวจนะ เขาเก่งกว่าพระเถระอื่นๆด้วย อาตมาว่าจองหองจังเลย

หากทิ้งจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลก็เท่ากับทิ้งศาสนาพุทธเลย มหาเถรสมาคมและท่านพุทธทาสทิ้ง ก็แสดงว่าไม่เหลือเลยศาสนาพุทธของท่าน ท่านบอกว่าฉีกทิ้งได้ตั้ง 60% ท่านไม่เห็นค่า แต่อาตมาเห็นค่า และอธิบายได้อธิบายยังไม่หมดเลยตอนนี้ หากอาตมาอยู่ถึง 100 กว่าปีก็ไม่รู้จะอธิบายหมดหรือเปล่า

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

 สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีที่ไหนในพระไตรปิฎก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:43:01 )

พระไตรปิฎกสยามรัฐไม่มีเรื่องของธรรมนิยาม 5 เพราะเหตุใด?

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ความรู้กับสภาวธรรมความจริงที่ละเอียดและออที่อาตมาเอามาแยกให้ฟัง มันเป็นสิ่งที่อาตมาเป็นอาตมามีเอามาขยายความด้วยภาษาของอาตมา ไม่ได้อ่านมาจากตำรา เอาสภาวธรรมจริงมา อาตมามีอย่างนี้จริงได้ ทำได้ จึงเอามาพูดได้ ไม่ได้ไปเก็บมาจากใครพูด เพราะฉะนั้นคนที่เขาไม่เชื่อว่า อาตมาไม่ได้พูดจากตำรา อีกแหละ พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่เชื่อในกาลามสูตร ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคก็มี อาตมาก็เอามาอธิบายเพราะเป็นสิ่งสำคัญ สำคัญมาก 

มันเสื่อมด้วยเหตุปัจจัย เช่น พระไตรปิฎกสยามรัฐไม่มีเรื่องของธรรมนิยาม 5 มันก็เป็นเหตุปัจจัยอันหนึ่ง มันไม่น่าตก แต่ทำไมเก็บตกหล่นกันได้อย่างไร พระอานนท์ก็รู้เยอะครบ เข้าทำสังคายนา รวบรวมเป็นพระไตรปิฎกฉบับนี้ด้วย เป็นคนสุดท้าย พระกัสสปะรวบรวม 500 รูปมาช่วยกันทำ แต่มันก็ตกหล่นจนได้ เพราะมีเหตุปัจจัย 

ถ้าอาตมาไม่มีความรู้ความชัดเจนจริง อาตมาก็ไม่นำมายืนยัน แต่อาตมาเห็นว่ามันขาดไป อย่างนี้ศาสนาก็ถึงอรหันต์ไม่ได้ เหตุปัจจัยยุคนี้ต้องใช้สยามรัฐ แต่ก็ยังดี เขาก็เอาวิสุทธิมรรคมาเรียนอยู่บ้าง แสดงถึงความเป็นเมืองไทย พุทธศาสนาเมืองไทยสำคัญกันอยู่ที่วิสุทธิมรรค พระไตรปิฎกก็เอาด้วย ที่อื่นก็เอาพระไตรปิฎกแต่เขาไม่เอาวิสุทธิมรรค มหายานบางเจ้าก็ไปเอาอะไรต่ออะไรสูตร สำคัญๆของเขา เขาก็ยึดกันไปคนละอย่าง มีเล่มอรรถกถาจารย์สำคัญๆ ซึ่งอรรถกถาจารย์ไม่ใช่เถรวาทมันเป็นอาจาริยวาท หมายความว่า มันเป็นคำสอนของพระรุ่นหลัง ไม่ใช่พระเถระที่เกิดในยุคเดียวกับพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 19:34:39 )

พระไตรปิฎกเป็นพระธรรมคำสอนหลักยืนยัน

รายละเอียด

อาตมายึดถือพระไตรปิฎกเป็นพระธรรมคำสอนที่เป็นหลักฐานยืนยัน ใครไม่ยอมรับนับถือพระไตรปิฎกนี้ก็ไม่เป็นไร คุณจะไปนับถือพระไตรปิฎกและหมื่นก็แล้วแต่คุณเถอะ แต่ถ้าเล่มเดียวกันก็พยายามตกลงทำความเข้าใจกันก็ขัดแย้งกันได้แน่นอน มีความเห็นไม่ตรงกันทั้งหมดหรอก ก็แย้งกันไปสวนแย้งกันไปกันมา ต่างคนต่างออกความเห็นการวิจัยวิจารณ์กัน ปฏิกโกสนา ค้านกันอย่างแรง ค้านให้คอแตกก็เรื่องของคุณ แต่อย่าเกิดอาการอารมณ์ที่สำคัญคืออย่าไปฟ้องร้องกัน อย่าทำให้เกิดอธิกรณ์อย่าไปฟ้องร้องกันเท่านั้นเอง เอาผิดกันทางอธิกรณ์ไม่ได้ไปก้าวล่วงกันทางอธิกรณ์ไม่ได้ จะไปลงโทษกันถึงขั้นอุกโกตนาก็ไม่ได้ ลงมือลงไม้ไม่ได้ จะแย้งกันด้วยคำพูดยกเหตุผลมาข่มขี่กันแรงอย่างไรก็ได้ไม่ถึงกับต้องด่ากันอย่างหยาบคาย พระพุทธเจ้าอธิบายเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของนานาสังวาส อาตมาก็ทำตามพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:07:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:26 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:48:32 )

พระไตรปิฎกเป็นหลักฐานยืนยันในการทำงานศาสนา

รายละเอียด

อาตมาทำงานมาด้วยจิตตัวนี้ อาตมารู้ว่าเราเกิดมาหัวเดียวกระเทียมลีบไม่เหมือนกับกระแสหลักทั้งหมดเลย กว่าจะบุกบั่นมาได้ถึงขนาดนี้จนกระทั่งเขายอม ถ้าไม่มีพระไตรปิฎกอาตมาไม่รอด  ลูกไม่รอดแน่ๆ แต่มีพระไตรปิฎกลูกถึงรอดมาได้เป็นหลักฐานยืนยัน แล้วก็ดีที่ว่าคนไทยยังยอมรับนับถือพระไตรปิฎกฉบับนี้แหละฉบับสยามรัฐ คนอื่นเขาตะแบงไม่เอาก็แล้วแต่ ต้องขอบคุณผู้รู้ที่แปลมา พยายามไม่ให้ผิดพยัญชนะ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ที่ใช้นี่ฉบับหลวง แปลมาถึง พศ. 2500 นี่สมบูรณ์แล้ว เป็นฉบับหลวง ตอนหลังมี ทางมหาจุฬาลงกรณ์กับของมกุฎราชวิทยาลัย มาแข่งกัน มีหลักฐานจากพระพุทธเจ้าหลายอย่างที่ได้มาจากพระไตรปิฎกถ้าไม่มีพระไตรปิฎกจะไม่รู้เลย มีพยัญชนะที่สัมผัสแล้วเราก็รู้ได้เลยเอามาขยายได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะบอกยังไงมันมีในตัวของตัวเอง ยกตัวอย่าง อธิบายเรื่องสมาธิ ฌาน หรือกาย บุญ ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ขยายอย่างนี้ แต่มีโดยปริยาย ก็เอามาอ้างอิงยืนยัน แม้ไม่ตรงเป๊ะ แต่ก็เอามาอธิบายได้ เข้าได้ แล้วอธิบายให้พวกเราไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง จริงๆแล้วในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ขยายความหมาย เช่นมูลกรรมฐานให้แยกกายแยกจิต หรือไม่ต้องเอาอะไรก็แล้วแต่ ธรรมนิยาม 5​ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ในพระไตรปิฎกไม่มีด้วยซ้ำไป มีแต่ธรรมะนิยาม ส่วนนิยามทั้ง 5 นี้มีอยู่ในอรรถกถาอาจารย์ เอามาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค อาตมาก็ยอมรับว่า อันนี้ไม่ใช่ของท่านพุทธโฆษาจารย์แต่เป็นของพระพุทธเจ้าขอยืนยัน พออาตมาเห็น อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม มันครบแล้ว แต่ท่านอธิบายไม่เหมือนกับที่อาตมาอธิบายเท่าไหร่แต่มั่นใจเหมือนกับที่ว่า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:38:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:11 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:51:19 )

พระไตรปิฎกเรียบเรียงหนักไปทางพระป่า

รายละเอียด

ที่พูดย้ำซ้ำซากเพื่อแคะท่านที่นั่งหลับตาปฏิบัติ ทั้งสายเถรสมาคม บริหารสงฆ์ ก็ยังยึดถือการนั่งหลับตา เพราะไปยึดถือ พระไตรปิฎกที่พระมหากัสสปะเก็บเรียบเรียงมามันก็หนักไปทางพระป่าแต่ดีนะที่มันไม่ออกมาทางมหายานมันไปทางเดียรถีย์

คำว่าเถรวาท คือ คำสอนของพระเถระรุ่นที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้า นอกนั้นเป็นอาจาริยวาทหมด เป็นคำสอนของอาจารย์หมด ไม่ถือว่าเป็นเถรวาทะ แล้วเขาก็ยึดถือเถรวาทะ  ท่านยึดถือไว้ดีมาก เพราะว่าพระสมณโคดมสอนไว้น้อย ท่านสอนใบไม้กำมือเดียว สอนไว้แต่อรหัตตผล จบบุคคลเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกฯ  ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน วิบากของอรหันต์ที่อภิญญาน้อย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:35:18 )

พระไตรปิฎกเล่ม 15 ข้อ 725

รายละเอียด

โขมทุสสสูตรที่ 12

[724] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิคมชื่อว่า โขมทุสสะของเจ้าศากยะ ในแคว้นสักกะ ฯ ครั้งนั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้วทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังโขมทุสสนิคม ฯ สมัยนั้น พราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม ประชุมกันอยู่ในสภาด้วยกรณียกิจบางอย่าง และฝนกำลังตกอยู่ประปราย ฯลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังสภานั้น ฯพราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้ว่า คนพวกไหนชื่อว่าสมณะโล้น และคนพวกไหน รู้จักธรรมของสภา ฯ

โขมทุสสสูตร

[725] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม ด้วยพระคาถาว่า ในที่ใดไม่มีคนสงบ ที่นั้นไม่ชื่อว่าสภา คนเหล่าใดไม่กล่าวธรรม คนเหล่านั้นไม่ชื่อว่าคนสงบ คนสงบละราคะ โทสะ และโมหะแล้วกล่าวธรรมอยู่ ฯ

สงบแบบไม่เคลื่อนไหว ไม่มี อิญฺชนาติ (การเคลื่อนไหว) ไม่ได้เป็นคนที่สงบจากกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ คนที่สงบจาก ราคะ โทสะ โมหะ เช่น พระอรหันต์เป็นต้น จะมี  กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา มีความคล่องแคล่วว่องไวของกายของวาจา เพราะจิตเป็นประธาน จิตแคล่วคล่องว่องไว จิตมีพลังกำลัง มีความรู้ความสามารถ และจะเป็นจิตตั้งมั่นที่สูงส่ง จะแสดงออกซึ่งมันตรงกันข้ามลักษณะพาซื่อแบบเดียรถีย์ ที่บอกว่าคนสงบคือคนที่นิ่งไม่เข้าสังคม ไม่ยิ้มไม่รับไม่แตะไม่ต้องไม่เข้ากับใครในสังคมเพราะว่าสู้ไม่ได้ ไม่ได้ปฏิบัติธรรมที่เป็นฌาน เป็นสมาธิแบบศาสนาพุทธหรือเป็นโลกุตระ ไปปฏิบัติแบบฌานฤาษี ฌานแบบดาบส เดียรถีย์ต่างๆ มันก็เลยมีมรรคมีผลกันคนละอย่าง 

คนสงบแบบนั้นไม่มีประโยชน์ต่อสังคม ไม่มีประโยชน์ต่อตนที่แท้ เป็นการดูเหมือนว่าได้ประโยชน์เพราะตัวเองสงบ ก็แต่ละชาติบรรเทาไป แล้วก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อนแบบเดียรถีย์ ไม่ใช่สิ้นทุกข์แบบโลกุตระ สิ้นทุกข์ดับทุกข์ได้ชั่วคราวแบบกดของแบบเดียรถีย์เท่านั้น 

เสร็จแล้วก็ไม่ยั่งยืนเปลี่ยนแปลงพลังงานสงบชั่วคราว แล้วมันก็จะขึ้นมาใหม่ ทนได้เท่าที่มีแรงสะกดได้ยาวได้นานแล้วก็ไม่เที่ยงแท้ ไม่ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) 

ไม่ถาวรเที่ยงแท้ยั่งยืนมันจะเวียนกลับ มันสังกุปปัง เวียนกลับตลอด แม้จะบรรลุเป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของเทวนิยม เป็นเจ้าศาสนาเลยก็เวียนกลับตกนรกใหม่ จิตมีกิเลสอีกอย่างเก่าเกิดตายตายเกิด แล้วก็ลืมไปไม่แน่นอนไม่มั่นคงไม่ได้ล้างกิเลสอย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนน้ำยิ่งขุ่น ยิ่งกดแน่น เหตุปัจจัยมันไม่ได้หายมันไม่ได้หมดเชื้อ ความสงบแบบนั้นไม่เที่ยงแท้ ไม่มั่นคง ไม่ยั่งยืน ไม่จบกิจ เป็นคนไม่จบกิจ 

[726] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ท่านพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น 

อาตมาก็จุดไฟแล้วคนที่ไม่มีจักษุอย่างไรก็ไม่เห็นแสงอาตมาจะพูดอย่างไรเขาก็จะมืดอย่างผู้ที่ไม่มีจักษุนั่นแหละ พวกข้าพระองค์เหล่านี้ขอถึงท่านพระโคดมผู้เจริญกับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ ขอท่านพระโคดมทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้

เหมือนพวกคุณเห็นอาตมากล่าวธรรมแล้วก็เข้าใจก็จึงเข้ามา มาปฏิญาณเป็นพุทธมามกะ จนกระทั่งได้เป็นพุทธบริษัท พุทธมามกะก็เข้ามาขออยู่ในวงนี้หน่อย เสร็จแล้วก็มาอยู่ไปก็ปฏิบัติธรรมได้ ก็บรรลุธรรมเป็นพุทธบริษัท 4 คือ เป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ขึ้นมาเพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่แม้แต่จะเป็นพุทธมามกะเขาก็เลยไม่เข้ามา เขาก็เลยจะท่อง พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ แต่เขาไม่มาขอตั้งใจที่จะเอามาเป็นที่พึ่ง อย่างที่ท่านเป็นกันนี่แหละเอามาเป็นที่พึ่งเขาก็ยังไม่มา เขาก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่นอกนอก ก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นพุทธบริษัทเลย เข้าใจพุทธศาสนิก พุทธมามกะและพุทธบริษัทได้ดีแล้วนะ นี่เป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:49:06 )

พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ แบบ [244]

รายละเอียด

“พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ แบบ

[244] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร เหมือนอย่างว่า พวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้กระทำผิดได้แล้วแสดงแก่พระราชาว่า ขอเดชะด้วยโจรผู้นี้กระทำผิด ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามที่ทรงเห็นสมควรเถิด จึงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญไปเถอะพ่อ จงประหารมันเสียด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้ เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ช่วยประหารนักโทษคนนั้นด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้า ต่อมาเป็นเวลาเที่ยงวันพระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เจ้านักโทษคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เขาพากันกราบทูลว่า ขอเดชะ เขายังมีชีวิตอยู่ตามเดิม จึงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ไปเถอะพ่อ จงช่วยกันประหารมันเสียด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ประหารนักโทษคนนั้นเสียด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเที่ยงวัน ต่อมาเป็นเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เจ้านักโทษคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เขาพากันกราบทูลว่า ขอเดชะ เขายังมีชีวิตอยู่ตามเดิม จึงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ไปเถอะพ่อ จงประหารมันเสียด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเย็นเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ประหารนักโทษคนนั้นด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเย็น ภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายยังเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน คือว่าเมื่อเขากำลังถูกประหารด้วยหอกร้อยเล่มตลอดวันอยู่นั้น จะพึงได้เสวยแต่ทุกข์โทมนัสซึ่งมีการประหาร นั้นเป็นเหตุเท่านั้น มิใช่หรือ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขากำลังถูกประหารอยู่ด้วยหอกแม้เล่มเดียว ก็พึงเสวยความทุกข์โทมนัสซึ่งมีการประหารนั้นเป็นเหตุ แต่จะกล่าวไปไยถึงเมื่อเขากำลังถูกประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า” 

เช้า 100 เล่มก็หักหมด กลางวันอีก 100 เล่มหอกก็หักหมด เย็นอีกร้อยเล่มหอกก็หักหมด หมดแรงนอนแผ่ โจรที่ ถูกแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นก็หมายถึงพวกอยู่ทั้งวัน วันหนึ่งมันมีแค่เช้ากลางวันเย็น กลางคืนไม่ทำงานด้วยนะ เอาแค่ตอนกลางวัน มันก็มีแต่ทุกข์ๆๆ เพราะถูกหอกแทง เป็นโจรที่ถูกหอกแทง เหมือน ผู้ทำผิด ศาสนาพุทธอยู่ทุกวันนี้ โพธิรักษ์ใช้หอกปาก มุขสตี แทงด้วยหอก ร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นแล้วนอนแผ่หมดแรง แต่โจรก็ยังหน้าตาเฉยทุกวันนี้ เอาแต่แค่ประเด็นนั่งหลับตาปฏิบัติ มันเป็นโจรทำลายศาสนา เขาก็หาว่าเราไปว่า อ้าว ก็มันผิดจะไม่ว่าได้อย่างไรมันไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่เชื่อ เขาก็ยังเป็นโจรหน้ามึนเป็นโจรปึ๊ก เป็นโจรไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้ไม่ชี้ อะไรวะ อาจารย์อั๊วสอนนั่งหลับตาทั้งนั้น เอ็งมาจากไหน จริงๆนะ..มันเป็นอย่างนี้ท่านผู้ชมทั้งหลาย 

มันก็ได้รับแต่ทุกข์เท่านั้นไม่มีอื่นเลย เมื่อเป็นโจรแล้วก็ทุกข์ ถูกผู้รู้อย่างอาตมาทิ่มแทงด้วยหอก ถ้าหากอาตมายังไม่ตาย อาตมาก็จะทิ่มหอกอยู่อย่างนั้น เช้ากลางวันเย็นจริงๆ อาตมาไม่ได้ปฏิบัติผิดจากที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เลย หอกนี่แทงเล่มเดียวก็ทุกข์มากแล้ว ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญา ทำไมพระราชาให้เจ้าหน้าที่มาประหารเรา มาแทงเรา นี่พูดอย่างสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระราชามีสิทธิ์ที่จะดูแลประชาชน เห็นประชาชนที่ไม่ดีก็ประหารเสีย ประชาชนที่ดีก็เอาไว้เป็นธรรมชาติของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พวกที่เป็นธรรมราชาจะเป็นอย่างนั้น “ข้อนี้ฉันใด เรากล่าวว่า จะพึงเห็นวิญญาณาหารฉันนั้นเหมือนกัน เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้วิญญาณาหารได้แล้วก็เป็นอันกำหนดรู้นามรูปได้แล้ว เมื่ออริยสาวกมากำหนดรู้นามรูปได้แล้ว เรากล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่อาริยสาวกจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว ฯ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 13:08:09 )

พระไตรปิฎกเล่ม 16 อัตถิราคสูตร

รายละเอียด

[246] ดูกรภิกษุทั้งหลาย 

ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก มีอยู่ในกวฬิงการาหารไซร้ วิญญาณก็ตั้งอยู่งอกงามในกวฬิงการาหารนั้นในที่ใด วิญญาณตั้งอยู่งอกงาม ในที่นั้น ย่อมมีการหยั่งลงแห่งนามรูป ในที่ใดมีการหยั่งลงแห่งนามรูป ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ในที่ใดมีความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ในที่นั้น ย่อมมีการเกิดในภพใหม่ต่อไป ในที่ใด มีการเกิดในภพใหม่ต่อไป ในที่นั้น ย่อมมีชาติชรามรณะต่อไป ในที่ใดมีชาติชรามรณะต่อไป เราเรียกที่นั้นว่ามีความโศก มีธุลี (คือราคะ) มีความคับแค้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย 

ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากมีอยู่ในผัสสาหารไซร้ ... 

ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก มีอยู่ในมโนสัญเจตนาหารไซร้ ... 

ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากมีอยู่ในวิญญาณาหารไซร้ 

วิญญาณก็ตั้งอยู่งอกงามในวิญญาณาหารนั้น ในที่ใดวิญญาณตั้งอยู่งอกงาม ในที่นั้น ย่อมมีการหยั่งลงแห่งนามรูป ในที่ใด มีการหยั่งลงแห่งนามรูป ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ในที่ใด มีความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ในที่นั้น ย่อมมีการเกิดในภพใหม่ต่อไป ในที่ใด มีการเกิดในภพใหม่ต่อไป ในที่นั้น ย่อมมีชาติชรามรณะต่อไป ในที่ใด มีชาติ ชรามรณะต่อไป เราเรียกที่นั้นว่ามีความโศก มีธุลี มีความคับแค้น ฯ

เราเรียนอันนี้ ทาง เถรสมาคม ทางนักการศึกษาธรรมะก็รู้จักปฏิจจสมุปบาทนี้ แต่เขาไม่ได้เอามาเรียนกันจริงๆ เอามาเรียนอย่างเข้าใจยินดี อย่างเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิจริงๆเลย มีฉันทะอย่างสัมมาทิฏฐิ แล้วคุณจะเกิดวิริยะอย่างสัมมาทิฏฐิ และคุณจะได้จิตเพราะคุณมนสิการ คุณทำอย่างสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธจึงจะเกิด ในมนสิการที่เป็นโยนิโส 

คนที่โยนิโสได้เพราะมีผัสสะมีเวทนา มีเวทนา ต่อจากเวทนาก็คือสมาธิเป็นราก ถ้าคุณทำเวทนาเรียนรู้เวทนาไม่ได้ ไม่ปฏิบัติกันที่มีเวทนาและลดกิเลสออกจริงๆออกไป โดยรู้จักกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม 

ถ้าไม่มีกาย เวทนา จิต ธรรม 4 อันนี้ ปฏิบัติ ไม่มีโลกุตระ โลกุตระของพระพุทธเจ้านั้น ในโลกุตระ 37 เริ่มจาก กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต แล้วก็ธรรมในธรรม เป็นสติปัฏฐาน 4 แล้วคุณจะต้องปฏิบัติสัมมัปปธาน 4 ปฏิบัติมีการสำรวมอินทรีย์และมีการประหาร บรรลุภาวนา ภาวนาไม่ใช่การปฏิบัติ แต่ภาวนาคือการเกิดผล นี่เขาก็เพี้ยนกันไปหมดแล้ว แล้วคุณต้องมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในอิทธิบาท 4

โพธิปักขิยธรรม 3 ข้อแรกก็คือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 นี่คือ 4 หมวด  4 กลุ่มของกระบวนธรรม 4 ก็คือ 3 หมวดนี้ 

หมวด 5 ก็จะเกิดอินทรีย์ 5 กับพละ 5 อีก 2 ซึ่งจะมีรูปนาม คู่ที่ปฏิบัติที่สำคัญก็คือโพชฌงค์ 7 กับมรรคมีองค์ 8 เราจึงย่อตัวเลขนี้ไว้ว่า 4 5 7 8 

เราเรียนรู้พวกนี้ จนกระทั่งใช้ตัวเลขแทนบ้าง สื่อบ้าง พวกเราก็เข้าใจและพวกเราก็ปฏิบัติจริง อาตมาพูดตรงๆ อย่างนี้แหละว่า พวกเรามาปฏิบัติจริง จึงมีมรรคผลจริง จึงบรรลุจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 21:23:55 )

พระไม่ควรยุ่งกับการเมือง ถูกต้องแล้วหรือ

รายละเอียด

เหตุเพราะคนพูดว่าพระไม่ควรยุ่งกับการเมือง เขาพูดถูกในสถานะของเขา คือสังคมที่มีจิตอ่อน สังคมที่ไม่มีภูมิธรรม มันก็ถูกการเมืองพวกที่นักหลอกนักล่อ เอามาเป็นหัวคะแนน ช่วยหาเสียงสิ ก็เสร็จเขา เอาเงินมาล่อให้เป็นหัวคะแนนก็หาเสียงให้หมด ฉะนั้นในวงการของคนหัวอ่อนในวงการสงฆ์ที่ไม่แข็งแรงอย่างนั้น ก็ไม่ควรจะไปยุ่ง อย่างเราก็ไม่ได้ไปยุ่งกับการเมืองพวกนั้นเลย เขาไม่ใช่ไม่ยุ่งหรอก เขาเข้ามาหาเราไม่ได้ด้วย เขาจะมาให้เราเป็นหัวคะแนน ไม่ได้ พวกนี้ อย่ามาเล่นเสียให้ยากเลย อย่างนี้เป็นต้น มันเป็นสัจจะของมันโดยตรง 

ศาสนาพุทธนั้นเป็นประโยชน์ต่อตน ต่อสังคม อย่างรอบถ้วน เพราะฉะนั้นจึงเป็นศาสนาที่มีการเมือง เป็นศาสนาที่ช่วยสังคม ช่วยเศรษฐกิจ ช่วยการเมือง ช่วยสังคม ไม่ว่าทางเศรษฐกิจ ทางรัฐกิจหรือสังคมกิจ ช่วยทั้งนั้นจริงๆ ฉะนั้นเข้าใจผิดก็เสื่อม นั่นแหละความเสื่อมที่เข้าใจผิดก็เสื่อมแล้ว ประเด็นที่อาตมาพูดมา เขาบอกว่าพระไม่ควรพูดถึงการเมืองก็อธิบายไปแล้ว พระที่ไม่มีภูมิปัญญา กลายเป็นคนที่จะถูกครอบงำ กลายเป็นหัวคะแนนเป็นต้น หรือเป็นพวกการเมือง เสือ สิงห์ กระทิง แรดเป็นต้น ก็ไม่ควรจะไปยุ่งพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 19:00:52 )

พระไม่ส่งเสริมให้คนมีคู่

รายละเอียด

คือ การเป็นพระเป็นเจ้าไปส่งเสริมให้มีแฟนหรือส่งเสริมให้คนแต่งงานกันไม่ควรจะไปส่งเสริมมันเป็นอาบัติ สังฆาทิเสสด้วยไปส่งเสริมให้คนเป็นผัวเป็นเมียกันเป็นอาบัติที่หนักรองจากปาราชิกเลยเพราะว่าการเป็นโสดนี้พระพุทธเจ้าก็ยังตรัสว่า การเป็นโสดเป็นความคิดของบัณฑิต การไปคิดมีคู่เป็นความคิดของคนโง่ไปสู่ความเศร้าคนที่ฉลาดเรียกว่าบัณฑิตคือคนโสด

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 15:05:43 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:33 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:52:18 )

พรากไม้ชุ่มด้วยยาง

รายละเอียด

ถูกต้อง เราพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำก่อน ไม้นี่ชุ่มด้วยยางคือกิเลสเหนียว แล้วก็แช่น้ำอีกก็ไม่มีวันแห้งได้ก็ต้องพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำก่อน ก็คือแทนที่จะอยู่กับหมู่ก็ไปปฏิบัติกับตัวเองก่อน แต่ระวังจะไปอยู่ในที่ส่วนตัวแล้วไปคลุกคลีกับหมู่ที่มิจฉาทิฏฐิ ก็แย่แน่ เสร็จอีด่าง ถ้าอย่างนี้ก็มาอยู่กับหมู่ดีกว่า มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี จะช่วยป้องกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:19:49 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:35 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:53:53 )

พราหมณกุมาร

รายละเอียด

ลูกชายตระกูลพราหมณ์ พราหมณ์มาณพ คือหนุ่มตระกูลพราหมณ์ก็ดี พราหมณ์กัญญา คือหญิงสาวตระกูลพราหมณ์ก็ดี ย่อมจะมีการเกิดได้โดยวิธีทางตามมาตรการจำกัดที่สร้างขึ้นจนสำเร็จอย่างนี้

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 137


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:35:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:26:31 )

พราหมณคหปติก

รายละเอียด

พราหมณ์ผู้ครองเรือน หมายถึงนักบวชที่เป็นคหบดี มีสิ่งที่จะต้องครอบครองรักษาตั้งแต่ทรัพย์สิน วัตถุสมบัติไปจนตลอดมีเวียงวัง

ผู้ครองเรือน เมื่อได้ยอมรับเต็มรูปแล้ว ผู้ประเสริฐ พระ หรือพราหมณ์ครองเรือนได้ สะสมร่ำรวยได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 136


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:35:59 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:09:54 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:58:16 )

พราหมณธรรม

รายละเอียด

ธรรมแห่งพราหมณ์ หรือหน้าที่ของพราหมณ์ กฎของพวกพราหมณ์เป็นหน้าที่ หรือกฎที่ตั้งขึ้นโดยค่อย ๆ แปรเปลี่ยนมาเรื่อย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 134


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:36:44 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:11:23 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:01:06 )

พราหมณมหาสาโล

รายละเอียด

พราหมณ์มหาศาล  พราหมณ์ผู้มีทรัพย์สินเงินทอง พราหมณ์ผู้มีหลักฐานสมบัติวัตถุมาก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 135


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:37:28 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:12:28 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:03:15 )

พราหมณรูป

รายละเอียด

รูปแห่งพราหมณ์  มีความเป็นพราหมณ์แค่รูป เหมือน ๆ กันกับพระภิกษุที่มีความเป็นพระ แค่นุ่งเหลือง โกนหัว ดังนี้เป็นต้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 137


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:39:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:12:35 )

พราหมณวัฒฑกี

รายละเอียด

พราหมณ์ช่างไม้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 137


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:39:47 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:13:21 )

พราหมณวาจนก

รายละเอียด

การบอกคัมภีร์พระเวทโดยพราหมณ์ หรือหอสวดมนต์ของพราหมณ์

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 135


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:40:25 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:55 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:13:59 )

พราหมณวาณิช

รายละเอียด

พราหมณ์ผู้เป็นพ่อค้า

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 137


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:41:04 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:16:41 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:14:26 )

พราหมณ์

รายละเอียด

พวกยึดปัญญา ยึดความนึกคิด ใช้กำลังปัญญาเป็นเอก ใช้ความสุขุมลึกซึ้งซับซ้อนภายในเป็นเอก ไม่เก่งทางกำลังกาย ไม่มีความถนัดในการใช้ความรุนแรง หรือใช้วัตถุหยาบ อาศัยกำลังปัญญาเป็นความถนัดเอก อาศัยกำลังกายเป็นความถนัดรอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 195


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:33:10 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:32 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:15:17 )

พราหมณ์ , พรหมวาส

รายละเอียด

ยังมีเชื้อของพรหมอยู่ ยังมีการสืบเชื้อสายของพรหมอยู่ ไม่ว่าจะสืบ ๆ ต่อ ๆ กันมารูปไหนก็โมเมนับว่าเป็นเทือกเถาเหล่ากอของพรหมกันทั้งนั้น เรียกว่ามันมีแต่ความเป็นพรหมฉาบ ๆ อยู่ มันมีเพียงผิว ๆ แตะ ๆ อยู่ดังกลิ่นหอมร่ำพรมอยู่แต่แค่ลม ๆ ลอย ๆ  ก็ยังเอาก็ยังเรียกว่า พรหมวาส คือยังมีคำว่า “พรหม” ร่วมด้วย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 131


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:34:29 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:19:55 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:16:37 )

พราหมณ์กับพุทธ ทิฏฐิต่างกัน

รายละเอียด

พราหมณ์กับพุทธนี้อันเดียวกัน แต่มาทิฏฐิต่างกัน แยกกันจนเป็น 2 แยกกันจนกระทั่งเป็นคู่ชกกันมาตลอดกาลนาน คู่รบกันมาตลอดกาลนาน จนกระทั่งสุดท้าย ก็เอาสภาวะเป็นหลัก ฉะนั้นผู้ที่ยึดสภาวะได้แท้ บัญญัติเหมือนกันหมด บัญญัติของพราหมณ์กับของพุทธ 

พราหมณ์สมัยพระพุทธเจ้ารู้หมดในเรื่องพระเวท ในเรื่องบัญญัติ ในเรื่องพยัญชนะ พราหมณ์มหาศาลทั้งหลายแหล่ ยกตัวอย่าง อัมพัฏฐมานพ ที่มาพบพระพุทธเจ้า มาบอกเขาเรียนมาจบพระเวท ใส่ใหญ่เลย พระพุทธเจ้าก็ไล่ให้เข้าเป้า ไปหาแค่ต้นตระกูลของผู้ที่จะพูดกันรู้เรื่อง เลยไปกว่านั้นมีอีกนะ แต่เอาแค่ต้นตระกูลที่พูดกันรู้เรื่อง 

คือ พราหมณ์เขาเรียนกัณหโคตร  ส่วนพุทธเขาก็เรียน กัณหโคตร ต้นตระกูล ไล่ไปสุดท้ายอัมพัฏฐมานพ จนแต้มด้วยตนเองไม่รู้ว่าตนเองเป็นลูกของกัณหะ คือเป็นลูกของทาสี พระเจ้าโอกกากราชมีลูกกับทาสีเป็นต้นตระกูลของกัณหโคตร พระพุทธเจ้าไล่เรียงจนอัมพัฏฐะจนมุมว่า ต้นตระกูลของเขาคือ นางกัณหะ เป็นทาสี เป็นทาสที่พระเจ้าโอกกากราชเอามาเป็นภรรยา แล้วก็มีต้นตระกูลเป็นอัมพัฏฐมานพ ซึ่งเรียนจบไตรเวท สุดท้ายเขาก็จำนน พระพุทธเจ้าท่านมาจากพระเจ้าโอกกากราช ที่เกิดกรณีที่จะต้องให้พระราชโอรสพระราชธิดา ถูกเนรเทศออกไปเสียเพื่อความสงบเรียบร้อย ทางโน้น ก็ไปสร้างตระกูลใหม่ จนกระทั่งมาเป็นตระกูลของพระพุทธเจ้า ส่วนกัณหะ ก็เป็นต้นตระกูลของ อัมพัฏฐะ ก็เรียนจบพระเวทมา แต่พระพุทธเจ้าเป็นลูกของมเหสี ไม่ใช่เป็นลูกของนางทาสี แต่เป็นลูกของพระบิดาองค์เดียวกัน พระเจ้าโอกกากราช แต่อัมพัฏฐะมาจากทาสี แต่พระพุทธเจ้ามาจากมเหสี อย่างนี้เป็นต้น อัมพัฏฐะ สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน  อจินไตยของฌานวิสัย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 20:53:39 )

พราหมณ์กับพุทธต่างก็มีจรณะ 15 วิชชา 8 เหมือนกันแต่วิธีปฏิบัติต่างกัน

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้ว ประเด็นที่สำคัญ อาตมาก็บอกแล้ว ในพระไตรปิฎก เล่ม 9 อัมพัฏฐสูตร พระพุทธเจ้าบอกไว้ศาสนาพุทธนั้น มี จรณะ 15 วิชชา 8 ก็ถกกับอัมพัฏฐะ ที่เขาก็เรียนรู้สืบสาน ซึ่งมันไปเป็นพราหมณ์ พราหมณ์ กับพุทธ ก็อันเดียวกัน แต่พอเข้าใจผิด ก็กลายเป็นพราหมณ์ พระพุทธเจ้าก็อุบัติขึ้นมาปรับใหม่ มาเรียกพุทธ 

จรณะ 15 ก็ยังมีบัญญัติเดียวกัน วิชชา 8 ก็ยังมีบัญญัติเดียวกัน 

จรณะ15 มีศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน 4 รวมเป็น 15 เหมือนกันพยัญชนะเดียวกัน 

วิชชา 8 มีวิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิญาณ อิทธิวิธญาณ โสตทิพยญาณ เจโตปริยญาณ บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ 

พยัญชนะเดียวกันแต่เขาเข้าใจผิดด้วยวิธีปฏิบัติสภาวธรรมนั้นต่างกัน เขาไปนั่งหลับตาปฏิบัติออกป่า เป็นความเสื่อมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ความเสื่อมของศาสนาพุทธนั้นเกิดจากการหลงออกป่า แล้วหลงคิดว่าจรณะ 15 วิชชา 8 จะอยู่กับพระอาจารย์ที่อยู่ในป่า ในเมืองไม่มีหรอก พระอาจารย์ที่มีจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่มีในเมือง เขาเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น มันเป็นอยู่ 3 แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:56:59 )

พราหมณ์ถูกโกนหัว คือถูกไล่ออกไป

รายละเอียด

พุทธโกนหัว พราหมณ์ไว้ผม หากพราหมณ์ถูกโกนหัว คือถูกไล่ออกไปนั่นเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:10:43 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:00 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 16:17:10 )

พราหมณ์บอกวิธีความเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธด้วยมหาปุริสลักษณะ 32

รายละเอียด

พราหมณ์โปกขรสาติตอบว่า พ่ออัมพัฏฐะ มหาปุริสลักษณะ 32 ประการมาแล้วในมนต์ของเรา ซึ่งพระมหาบุรุษประกอบแล้วย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้นไม่เป็นอย่างอื่น ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร 4 เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ 7 พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศาตรา ครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็นขอบเขต ถ้าเสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

พ่ออัมพัฏฐะ เราเป็นผู้สอนมนต์ พ่อเป็นผู้เรียนมนต์.

อัมพัฏฐมาณพรับคำพราหมณ์โปกขรสาติแล้ว ลุกจากที่นั่ง ไหว้พราหมณ์โปกขรสาติ กระทำประทักษิณ แล้วขึ้นรถม้าพร้อมด้วยมาณพหลายคน ขับตรงไปยังราวป่าอิจฉานังคลวันตลอดภูมิประเทศเท่าที่รถจะไปได้ ลงจากรถเดินตรงไปยังพระอาราม.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:20:56 )

พราหมณ์มหาศาลสมัยพุทธกาล ก็คือพระมหาศาลในยุคนี้ 

รายละเอียด

วันนี้มาเข้าสู่ประเด็นที่เราต่อเนื่องกันอยู่ใน อัมพัฏฐสูตร  พระพุทธเจ้าขึ้นต้นเมื่ออัมพัฏฐะยอมรับแล้วว่าเขามีแต่เปลือกคือภาษาว่า วิชชาจรณะ เขามีแต่ตรรกะบัญญัติ เหมือนกับสมัยนี้ที่ไม่เข้าหาเนื้อแท้ ไม่เข้าหาสภาวธรรม แล้วก็ให้พระพุทธเจ้าทรงอธิบายขยายความจรณะ 15 วิชชา 8 พระพุทธเจ้าก็เริ่มเลย ว่าธรรมะในโลกนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเป็นผู้ตรัสรู้ชอบเป็นอะไร ท่านก็ว่าไปตามพุทธคุณ 9 แล้ว 

หลังจากนั้น คนมาได้พบพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมะ ก็ศรัทธาเลื่อมใสออกบวชตาม เมื่อออกบวชตามก็พากเพียรศึกษา เมื่อศึกษาแล้วก็บรรลุธรรมตาม เกิดศาสนาพุทธขึ้นมา เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธก็เจริญงอกงาม เมื่อเจริญงอกงาม ตั้งอยู่ประมาณหนึ่งแล้วก็ต้องเสื่อม ความเสื่อมเป็นความเสื่อมจริงๆ คือเสื่อมเอามากๆก็ลงไปมากไกลลิบเลยไกลไปจากความจริง ความเสื่อม พระพุทธเจ้าก็อธิบายให้อัมพัฏฐะฟังว่า ศาสนาพุทธก็มีความเสื่อมเหมือนกัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเหมือนกัน นั่นคือความเสื่อมของจรณะและวิชชา 

เกิดเป็นฆราวาส เกิดเป็นกษัตริย์ เกิดเป็นนักบวช เป็นพราหมณ์ มันก็ไม่เที่ยงอยู่แล้วมันก็เสื่อม แต่มันยึดมั่นถือมั่นเป็นรูปธรรม เหมือนอัมพัฏฐะยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองเป็นนักบวชเป็นพราหมณ์ ทั้งๆที่เป็นพราหมณ์มีเมีย มีข้าวของ มีทรัพย์ศฤงคาร เป็นพราหมณ์มหาศาล นักบวชขี้หมาอะไร มีลูก มีเมีย มีผู้สืบสกุล เหมือนกับศาสนาพุทธทุกวันนี้ในญี่ปุ่น เป็นเจ้าของศาสนาพุทธเลย มีลูก มีเมีย  มีธนาคารของตัวเองเลย มีทรัพย์ศฤงคาร มีสมบัติอะไรต่ออะไรพร้อม พุทธศาสนาอยู่ในญี่ปุ่น เป็นพราหมณ์มหาศาล 

มหาศาล หมายถึงว่า สะสมมากมาย ร่ำรวย สมัยนี้ก็เป็นพระมหาศาล อย่างร่ำรวยเยอะแยะ ขนาดพระป่าอย่างหลวงปู่แสงก็มีเงินตั้ง 100 ล้าน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:49:45 )

พราหมณ์และพุทธเป็นอันเดียวกัน

รายละเอียด

ที่จริงแล้วพราหมณ์และพุทธเป็นอันเดียวกัน แม้แต่พระเวทต่างๆที่ท่องกันมาก็อันเดียวกัน แต่เนื้อหาสาระผิดเพี้ยน

ไปทางเทวนิยมไปแล้ว แต่ที่จริงพยัญชนะอันเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:52:48 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:50:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:41:58 )

พราหมัญญตา

รายละเอียด

ความเป็นพราหมณ์ หรือการปฏิบัติเครื่องเป็นประโยชน์เกื้อกูลให้เกิดความเป็นพรหม

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 138


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 20:41:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:45:02 )

พริกขี้หนูเชื่อม

รายละเอียด

อาตมาแนะนำเมนูให้คนไปทำ ทำพริกขี้หนูเชื่อม คงนิยมกัน มีร้านแรกในโลก พริกเชื่อม โดยเฉพาะพริกขี้หนูไทย เชื่อมขาย มันจะสู้ไหวไหมนี่หวานจะสู้เผ็ดไหวไหม เชื่อมให้มันลดความเผ็ดจนกระทั่งกินดีเลย เอ้า ฟุ้งซ่านไปเรื่อย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:34:46 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:46:17 )

พรแสวง

รายละเอียด

คือ ความรู้ที่ต้องพากเพียงสั่งสมเอาในชาติใหม่นี้

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 ” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.530


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:45:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:25 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:47:13 )

พฤติกรรม 4 ข้อในคน ควรเป็นเช่นไร

รายละเอียด

เมื่อกี๊เกริ่นๆไปกรายๆว่า แน่นอน ประเด็นความเห็นความเข้าใจหลายๆอย่างในบ้านเมืองในสังคมไทยขณะนี้ อาตมาสะดุดทันทีว่า คุณกับอาตมานี่ มีความเห็นที่ไม่ตรงกันทีเดียวอยู่แน่นอน เอาอาตมาพูดก่อนว่าอาตมาเห็นอย่างไร 

อาตมาเห็นว่าบ้านเมืองไทยขณะนี้นี่ มีความเป็นอยู่ดีมาก อาตมาเคยพูดหลายทีเลยว่า ดีมากโดยองค์รวม แง่เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ แง่การเมือง แง่ของสังคม ขณะนี้โดยองค์รวมของสิ่งที่เป็นได้ อาตมาถือว่าประเทศไทยเจริญที่สุดในโลก เพราะเป็นโลกุตรธรรม โลกุตรธรรมมันเป็นเครื่องประกัน ประกันอย่างไร ประกันว่า ผู้ที่มีโลกุตรธรรมคือคนดีแน่นอน คนไม่เห็นแก่ตัวแน่นอน คนที่เสียสละแก่ผู้อื่นแน่นอน จริงๆ เป็นคนดี เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนเสียสละ เป็นคนขยันหมั่นเพียร สร้างสรร

แค่ 4 ข้อนี้ ก็สุดยอดแล้วในคน แค่ 4ข้อนี้สุดยอดแล้ว มีพฤติกรรม 4 ข้อในคน
ไม่เห็นแก่ตน เสียสละ ขยัน สร้างสรร แค่นี้ก็เป็นหลักประกันของมนุษยชาติแล้ว และศาสนาพุทธสอนให้คนมีโลกุตรธรรมคือ มีความดีที่จริง มีความจริงที่ดี ที่มั่นคง ถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ตกต่ำอีกเลย มีแต่จะดียิ่งขึ้นสูงสุดเป็นพระเจ้า นี่สุดยอดของศาสนาพุทธเป็นคำสอน และเป็นได้จริง พิสูจน์ได้จริงด้วย เป็นอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 11:17:42 )

พฤติกรรม คำสอนอ้างอิง เกิดมรรคผล

รายละเอียด

ขอยืนยันว่าอาตมาพูดเป็นสัจธรรมเอาสัจธรรมมาอธิบายขยายความ นึกไม่ออกว่ามีใครอธิบายแบบนี้หรือไม่ อรรถกถาจารย์ต่างๆ ผู้เกี่ยวข้องกับทางศาสนาต่างๆ เขาเจอกันมั้ย อาตมาประกาศตนเป็นสยังอภิญญาไม่ได้ประกาศเพราะอยากอวด แต่เป็นการยืนยันความจริงเปิดเผยความจริง แล้วแสดงตัวความจริงออกไป ทั้งตัวเอง พฤติกรรม คำสอน สิ่งอ้างอิง เกิดมรรคผล เกิดหมู่กลุ่ม เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาตรวจสอบอีก แม้ยุคนี้มีน้อยคนจะมารับธรรมะได้ก็ยังมี ทำได้ถึงขั้นเป็นสังคมสาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา นี่คือสภาวะธรรมที่ยืนยันความจริงว่าทำได้นะซึ่งไม่ง่าย จุดไหนของโลกที่ทำได้ขนาดนี้ ลาภธัมมิกา กินใช้ร่วมกันเป็นสาธารณโภคี มีที่นี่ในประเทศไทย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:52:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:50:02 )

พฤติกรรมของกลุ่มชาวอโศกกับกลุ่มที่ไม่ใช่ชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมาว่ามั่นใจจริงๆและยิ่งมั่นใจมากขึ้น เพราะว่า มันได้มีพฤติกรรม พฤติการณ์ของมนุษยชาติเป็นตัวปรากฏการณ์จริง เห็นอยู่หลัดๆ คนกลุ่มที่ไม่ได้มีความคิดไม่ได้มีทิฐิแบบชาวอโศก สรุปง่ายๆว่าเขายังไม่เข้ากระแส เขายังไม่หันทิศมาทางเรา แล้วไม่ได้ประพฤติมีมรรคผลมา เขาก็จริงของเขาไม่ได้แกล้งของ เขามุ่งมั่นของเขา เขาไม่ได้แกล้ง แต่พวกเรามาปฏิบัติแล้ว จนกระทั่งเห็นจริงอย่างนี้แล้ว มาปฏิบัติจนบรรลุผล มาเป็นคนจน และก็มีคนที่เป็นเช่นเดียวกับเรา เป็นสัจจะหนึ่งเดียวอันตรงกัน นี่เรียกว่าสัจจะหนึ่งเดียว สัจจะของเขาทั้งหมดข้างนอกไม่ใช่สัจจะหนึ่งเดียว มันเป็นสัจจะของแต่ละคน ตามที่เขาจะใช้สัญญากำหนด สัญญาของเขานั้นไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวเหมือนกับพวกเรา พวกเรามันมีทิฏฐิสามัญญตา มีศีลสามัญญตา มีหลักเกณฑ์สอดคล้องตรงกัน เป็นแต่เพียงว่ายังไม่ถึงที่สุดเหมือนกันเท่านั้นเอง มีหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าอันเดียวกัน เข้าใจตรงกันเป็นสัมมาทิฏฐิ ก็ปฏิบัติกันไปได้ ถึงอยู่กันอย่างสงบสมบูรณ์ อย่างที่เป็นแล้วก็มีพฤติการณ์ของกลุ่มชาวอโศกกับพฤติกรรมของกลุ่มที่ไม่ใช่ชาวอโศกที่ข้างนอกเขาเป็นเขาเห็นกันอยู่ ดิ้นกันไป คำว่าไม่สงบ มันก็เห็นชัดๆว่าไม่สงบ ของเราสงบ แต่ไม่ได้สงบแบบมะรื่อทือแข็ง ไม่ เราก็มีสงบแต่แคล่วคล่องว่องไวทุกอย่าง แต่เรามีใจพอ มีจุดพอ มันรู้ว่าดิ้นมากกว่านี้มันก็เหนื่อยเราเปล่า เราพอเท่านี้อาศัยเท่านี้เราก็สบายมาก สบม ธมด ปกตหห จจ. มชยลล  สบายมาก ธรรมดา ปกติหายห่วง จริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:23:49 )

พฤติกรรมของความเป็นโลกุตรธรรมด้านเศรษฐศาสตร์ของชาวอโศก

รายละเอียด

ชาวอโศกรวมตัวกันมีพฤติการ มีพฤติกรรมของความเป็นโลกุตรธรรม ใช้ภาษาหยาบๆและสิ่งยืนยันกันว่า ลาภที่ได้โดยธรรม สิ่งที่ได้มาโดยสุจริตของเราด้วยการใช้เรี่ยวแรงสร้างสรร หรือมีสิทธิ์ในสิ่งนั้น เราก็มีได้มา อาจจะไม่ได้สร้าง แต่ว่าคนอื่นเอามาให้ เป็นสิทธิ์ของเราอย่างบริสุทธิ์ เราก็เอามารวม เป็นลาภโดยธรรม มารวมเป็นศูนย์กลาง แล้วแต่ละคนก็ร่วมกันใช้กันกิน แล้วแต่ละคนล้วนปฏิบัติตามหลักวรรณะ 9 เป็นคนง่ายๆ เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย เป็นไปง่าย ไม่เรื่องมาก พัฒนาให้เจริญได้ง่าย สุโปสะ มักน้อย ศูนย์นั่นแหละน้อยที่สุด แล้วสูญได้เป็นดี ถ้าจะต้องอาศัยก็ .0001 หรือ .00001 ไม่พยายามให้มาก

จะมากก็ต้องสร้างด้วยพลังงานของเรา ด้วยแรงของเราพฤติกรรมของเรา มันเป็นสิทธิ์ของเรา สร้างแล้วเราก็ใช้สิ่งที่เราสร้างนั่นแหละ เหลือจากที่เรากินเราใช้ด้วย แจกจ่ายผู้อื่นมันก็คุ้มตัวเรารอดตัวแล้ว ไม่เป็นหนี้ เพราะเราสร้างเองคุ้มตัวเรา เหลือคนอื่นด้วย ถ้าจะว่าแล้วเป็นเจ้าหนี้ได้เลย แต่เราไม่คิดไม่ยึดว่าเราเป็นเจ้าหนี้ สัจจะมันเป็นสัจจะเองไม่ต้องไปคิด 

คนที่มีความรู้อย่างนี้แล้วก็ปฏิบัติได้อย่างนี้จริง จึงเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ร่ำรวย เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ให้คนอื่นพึ่งได้ นอกนั้นมีแต่นักเศรษฐศาสตร์ที่เรียนอยู่ในโลกียะมีแต่เศรษฐศาสตร์ขี้โกง เศรษฐศาสตร์ที่จริงก็ต้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ผู้อื่นได้รับประโยชน์จากเรา แล้วเราก็ไม่ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา ไม่นับประเมินประมาณมา เป็นของเรา เราเป็นผู้ที่ได้ให้ เป็นผู้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างแท้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 35 จิตวิญญาณแห่งสาธารณโภคีที่มีในชาวอโศก วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2565 ( 13:27:22 )

พฤติกรรมของชาวอโศกเป็นนักเศรษฐกิจสุดยอดของโลก

รายละเอียด

มาสรุปเข้าเรื่องเศรษฐกิจของ พระพุทธเจ้า หรืออย่างในหลวงเราตรัส มาเอาแบบคนจน 

เราไม่ใช่คนจนที่เป็นภาระรัฐบาล เราไม่ใช่คนจนที่เป็นภาระสังคม แต่กลับเป็นคนจนที่ช่วยรัฐบาล เป็นคนจนที่เอื้อเฟื้อเจือจานช่วยเหลือสังคม ถูกไหม จริงไหม ไม่ได้พูดปากเปล่า ที่อาตมาพูดได้อย่างสง่าผ่าเผยชัดเจน เพราะพวกเราได้ศึกษาและได้ทำ มีปรากฏการณ์จริงขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่วันเดียวด้วย

เรามีตลาดอาริยะมาหลายปีหรือมีการแจกต่างๆ 40 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งเราทำด้วยปัญญาด้วยความฉลาด ด้วยความรู้ความเข้าใจจริงๆ ไม่ได้ทำอย่างมงาย ไม่ได้ทำเท่ๆ ไม่ได้ทำเพื่อภพชาติ แต่เป็นอานิสงส์โลกุตระอย่างแท้จริง เรียกว่าทานนี้มีผลมีอานิสงส์เป็นโลกุตระที่แท้จริง ด้วยปัญญาอันยิ่ง

เพราะฉะนั้นอันนี้แหละเมื่อจิตถึง การปฏิบัติถึง พฤติกรรมที่เกิดจากชาวอโศก จึงเป็นตัวอย่างของนักเศรษฐศาสตร์ ทำเศรษฐกิจสุดยอดของโลก เป็นนักเศรษฐกิจ สุดยอดของโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 18:26:51 )

พฤติกรรมของผู้หญิง

รายละเอียด

คือ  ส่วนประกอบกระดูกกล้ามเนื้อของผู้หญิงไม่เท่ากันกับผู้ชายต้องทำให้สมสัดส่วน แต่กายกรรม  ท่าทีกาย ท่าทีคำพูด ก็ไม่ต้องแข็งกระโดกกระเดก หรือจิตใจก็ยังไม่ต้องเลยก็ทำตามจริง แต่จิตไม่มีใครเห็น จิตควรจะให้แข็งแรงเป็นอย่างผู้ชายเลยก็ยิ่งดี แต่กายภายนอกก็ต้องประมาณ หรือกายวิญญัติไม่เกินความเป็นหญิง ไม่ดูแข็งกระด้างเกิน ต้องให้พอเหมาะ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 15:04:34 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:06 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:51:02 )

พฤติกรรมของมหาบัว จะเรียกว่าอุปกิเลสมีครบทั้ง 16

รายละเอียด

 

อธิบายให้เห็นแม้แต่พฤติกรรมของมหาบัว มีผู้คนยกย่องเต็มไปหมดแล้วมันซับซ้อนได้มาก็เอาเข้ากองกลางแต่ว่าอัตตามานะอติมานะเพิ่ม เข้าใจเพราะว่า กาม ก็ยังไม่ชัดเจนเพราะฉะนั้นอัตตามันละเอียดกว่ากรรมก็จะไม่เข้าใจ จึงมีแต่มานะอติมานะเต็มไปหมดแสดงท่าทีลีลาที่ จะเห็นได้เลยว่ามี ถัมภะ สารัมภะ จะเรียกว่าอุปกิเลสมีครบทั้ง 16 เลยตั้งแต่ 

  1. อภิชฌาวิสมโลภะ (เพ่งเล็งอยากได้) 

  2. พยาปาทะ (ปองร้ายเขา) 

  3. โกธะ (โกรธ) 

  4. อุปนาหะ (ผูกโกรธ) 

  5. มักขะ (ลบหลู่คุณท่าน) 

  6. ปฬาสะ (ยกตนเทียบเท่า, ตีเสมอท่าน) 

  7. อิสสายะ (ริษยา ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี) 

  8. มัจฉริยะ (ตระหนี่) 

  9. มายายะ (มารยา, มารยาทเสแสร้ง) 

  10. สาเฐยยะ (โอ้อวด, การโอ่แสดง) 

  11. ถัมภะ (หัวดื้อ, เชื่อมั่นหัวตัวเองมาก) 

  12. สารัมภะ (แข่งดี, เอาชนะคะคาน) 

  13. มานะ (ถือดี-ยึดดี จนถือสา) 

  14. อติมานะ (ดูหมิ่นท่าน) 

  15. มทะ  (มัวเมา) 

  16. ปมาทะ  (ประมาทเลินเล่อ) 

(พตปฎ.เล่ม 12  ข้อ 93) 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:45:28 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:20:02 )

พฤติกรรมของโลกุตรธรรมชาวอโศก

รายละเอียด

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แม้มันจะเสื่อม อาตมาก็เอาโลกุตรธรรมมาสถาปนาลงไปแล้ว 50 กว่าปีแล้ว มีคนรู้ มีคนรับได้ มีคนปฏิบัติบรรลุมรรคผล มีสมณะ 4 เหล่า มีพฤติกรรมของโลกุตรธรรมจนเป็นสังคมชาวอโศก อยู่กันอย่าง สาราณียธรรม 6 อย่างนี้เป็นต้น เป็นของจริงมาพิสูจน์ได้ ยืนยันได้ เป็นของจริง อาตมาจำเป็นจะต้องย้ำยืนยันอ้างอิงว่ามีของจริง คุณมาสัมผัสพิสูจน์ได้เรียกว่า เอหิปัสสิโก เชิญให้มาพิสูจน์ได้ ไม่ได้พูดลอยลมไม่ได้พูดแต่เฉพาะปากเปล่า 

เพราะฉะนั้น ในการเป็นการเมือง ที่คนพูดด้วยภาษาของความไม่รู้ของเขาว่าเป็นพระเป็นเจ้า เป็นนักธรรมะหมายถึงอย่างนั้น อย่ามายุ่งการเมือง ผิดวินัยสงฆ์ใช่ไหม ซึ่งไม่ผิดวินัยสงฆ์ แต่อาจจะผิดระเบียบของเถรสมาคมที่เขากำหนด อาตมาไม่รู้แท้ว่าเขากำหนดหรือไม่กำหนด แต่ก็คงจะเข้าใจอย่างนั้น ว่าพระอย่าไปยุ่งกับการเมือง ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วย พระของเถรสมาคม อย่าให้มายุ่งกับการเมืองเลย เพราะสู้เขาไม่ได้หรอก ถูกเขาเอามาเป็นหัวคะแนนเลย แน่นอนมันก็จะเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2566 ( 18:41:59 )

พฤติกรรมจบคืออะไร

รายละเอียด

อันนี้เป็นเรื่องที่ยืนยันความสงบเรียบร้อยแน่นอนเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติที่จะต้องมีความเห็นขัดแย้งกัน มันจะไม่เหมือนกันเป็นอันเดียวกัน มันจะเป็นอันเดียวกันทั้งหมดไม่ได้บังคับกันไม่ได้ แล้วมันต้องเป็น เป็นแต่เพียงว่า ที่จบ พฤติกรรมจบ คืออย่างไร พฤติกรรมจบก็คือ ไม่มีความเสียหายถึงขั้นเจ็บตาย นี่ล่ะ เป็นความเรียบร้อยสงบ พูดไปแล้วก็นึกถึงตัวเองที่ได้ไปทำงาน เกิดมาชาตินี้ก็ได้มาทำงานทางด้านการเมือง อาตมาทำงานด้านศาสนาตรงๆ แต่ก็ออกไปทำงานที่เขาเรียกแยกไปว่าการเมือง ไปต่อต้านรัฐบาลล้มล้างรัฐบาลจะใช้คำว่ารัฐประหารเลยก็ได้ ออกไปร่วมโดยวิธีการที่เราจะใช้ความสงบเป็น บุญญาวุธ เป็นธรรมาวุธ แท้ๆ แล้วเราก็ใช้ความสงบ บุญญาวุธ หรือธรรมาวุธแท้ๆ จนสำเร็จผล สามารถทำรัฐประหาร ทำให้รัฐบาลล้มเลิกไปหยุดไป แล้วก็ดิ้นใหม่ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:19:14 )

พฤติกรรมจริง กับ หลักเกณฑ์ของโลกเป็นเยี่ยงไร

รายละเอียด

ในความเป็นคนที่มี 1. พฤติกรรมจริง 2. กฎ หลักเกณฑ์ของโลก ไม่ว่าประเทศไหนก็มีหลักเกณฑ์ตามสมมุติ หลักเกณฑ์นั้นไม่แน่นอน แต่พฤติกรรมจริง เป็นของจริง ของแน่นอนของคน เพราะฉะนั้น ที่สุดแห่งที่สุดแล้วหลักเกณฑ์ไม่เที่ยง พฤติกรรมจริงของคนนี่เที่ยง พฤติกรรมจริงที่ทำแล้ว จบเป็นวาระสุดท้ายแล้วตามสำนวนของคุณทิพานัน จบแล้วไม่ได้แก้ไขแล้ว เป็นอดีตไปแล้วจบแล้ว ถ้าเรื่องนี้จบแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่ผิด มันก็คือความไม่ผิด 

แต่ถ้าสิ่งนี้จบแล้วเป็นวาระที่ผิด จะเป็นอย่างไร มันก็จบเหมือนกันแต่ผิด ยิ่งไปเทียบกับวาระตามรัฐธรรมนูญ ยังไม่ตัดสิน อาจจะถูกก็ได้ไม่ถูกก็ได้ เป็นแค่วาระตามรัฐธรรมนูญ ทีนี้เนื้อหาของวาระตามรัฐธรรมนูญนั้นมีว่าอย่างไร ก็มีว่าแค่ในมาตรานั้น อาตมาจำไม่ได้แล้วที่บอกว่า 8 ปีจบ ต่อไปไม่ได้ นี่แหละ องค์ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญจะต้องถกกัน ในรายละเอียดซึ่งมันละเอียดมากเลยว่า จะต้องนับเริ่มวาระเป็นตั้งแต่เมื่อใดต่างๆ นานา

สรุปแล้ว ถึงแม้ว่าตามวาระของรัฐธรรมนูญประยุทธ์ก็ยังอยู่ต่อไป แม้วาระตามรัฐธรรมนูญ แต่ทีนี้พวกที่จะให้หยุดมันจะให้หยุดเลย ซึ่งมันผิด เรื่องนี้ก็เอาเถอะ เดี๋ยวก็มีสัจธรรมออกมาเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 11:27:44 )

พฤติกรรมจริงๆกับหลักเกณฑ์ในสภาวะ 2 นี้ควรยึดอะไรสำคัญกว่า

รายละเอียด

เป็นเรื่องของพฤติกรรมจริงๆ มากกว่าหลักเกณฑ์. กฎหลักเกณฑ์ พฤติกรรมจริงๆมากกว่า จริงกว่าหลักเกณฑ์หรือพยัญชนะ เอาสภาวะจริง พฤติกรรมจริงนี่สิ คุณอย่าสับสนสิ คุณยังสับสน 2 ภาษา และก็ 2 สภาวะนี่แหละ กฎหลักเกณฑ์กับ พฤติกรรมจริง หรือพยัญชนะกับสภาวธรรม นี่แหละ คู่นี้เป็นคู่เอกของมหาจักรวาล ของเอกภพ

ก็ขอบคุณที่เคารพ ไม่วิจารณ์วิจัยต่อ ดี คุณศึกษาก็ดีแล้ว แต่พยายามสรุปลงที่สภาวะพฤติกรรมจริงให้ได้ อย่าไปวนเวียนอยู่แต่ในหลักเกณฑ์ อย่าไปวนเวียนอยู่ในเหตุผล ในพยัญชนะอะไรมากนัก มันเป็นของขยายความ จริงๆจะบอกว่ามันไม่มีความเป็นประโยชน์ก็ไม่ได้ เพราะมันมีประโยชน์มาก

มีแน่นอน แต่เราไม่อยากไปพูดหรอก ไม่อยากขยายความ กรรมเป็นอันทำ กรรมนิด กรรมน้อย แม้แต่คิด ยิ่งพูดมีเจตนาอย่างจริงจัง ดี ต่อไปจะเอาสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์จริงอยู่ในสังคมนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 13:47:48 )

พฤติกรรมที่อยู่ในตัวเอง

รายละเอียด

อาจาระ​ แปลว่า พฤติกรรมที่อยู่ในตัวเอง โคจร แปลว่าเคลื่อน มีอาการมีบทบาทต่อไป เรียกว่า โคจร 

เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของศีลอย่างมาก แล้วทำความเข้าใจหัวข้อของศีล ความหมายของศีล ปฏิบัติอย่างไรในระดับต้นกลางปลาย ปฏิบัติตามไปแล้วก็เห็นว่าปฏิบัติแล้วเกิดผลอย่างไร ปฏิบัติศีลก็เป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 20:03:05 )

พฤติกรรมนี้มีจริงเป็นจริง

รายละเอียด

พฤติกรรมนี้มีจริงเป็นจริง ยืนยันพิสูจน์ได้ ใช้เวลายืนยันได้ว่าเป็นเมตตาจริงๆ ไม่ใช่เสแสร้ง ไม่ใช่แกล้งหาเสียง ว่าจะช่วยนะจะช่วยนะ ไม่ใช่จะ แต่ช่วยจริงๆ ช่วยจนกระทั่งยั่งยืนถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นหนึ่งเดียว 

แล้วมาถึงข้อที่ 4 ลาภที่ได้โดยธรรมแล้วมาร่วม สาธารณโภคี กัน กินร่วมกันใช้ร่วมกันใน สาธารณโภคี ใน สาราณียธรรม 6 ข้อที่ 4 

ก็คือพวกเราชัดเจน ต่างคนต่างมาร่วมกัน แล้วพวกเราแต่ละคนก็ขยันหมั่นเพียรมีวรรณะ 9 มีพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  

มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

พยัญชนะบาลี 9 ตัว อาตมาก็ขยายความมาไม่รู้กี่ปีกี่ครั้งมาแล้ว มันมีพฤติกรรมจริงตรงไหม 

เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) 

ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) จิตมีความพอ สันโดษ สุดท้าย 0 ก็พอ มันเป็นระบบวิธี มันเป็นวัฒนธรรมที่สุดยอด เจริญ สมบูรณ์แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องสะสมอะไร

มี ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) ขัดเกลา กาย วาจา โดยเฉพาะมโน มีกิเลสอะไรเหลือก็ขัดเกลาไป 

เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) เป็นขั้นๆ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ  ไปตามลำดับๆๆ  พวกมิจฉาทิฏฐิจะบอกว่าธุดงค์คือออกป่าบุกดง ไปกันใหญ่เลย ไม่ใช่ 

แต่ธูตะ อยู่กับหมู่ฝูง อยู่กับหมู่กลุ่มแต่ปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาลืมตาปฏิบัติสามัญตามมรรคมีองค์ 8 ตามโพธิปักขิยธรรม 37 

จนกระทั่งได้มรรคได้ผล เป็นอาการที่ผู้รู้เห็นแล้วไม่ตำหนิ เป็นอาการที่น่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ผู้รู้ผู้มีภูมิปัญญาเห็นแล้วบอกว่าน่าเลื่อมใสเหมือนผู้ที่มองอยู่บนข้างบน เห็นเขาไต่ระดับขึ้นมาได้มรรคได้ผลอุตสาหะขึ้นมา น่าเลื่อมใส น่าส่งเสริม ปาสาทิโก มองจากยอดสูงไปหาผู้ที่ต่ำกว่า พากเพียรไต่ไปหาที่สูง 

จบที่ข้อสุดท้าย 2 ตัว ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) 

เป็นคนไม่สะสมสุดยอด แต่ละคนอ่านใจตัวเองจริงๆเลยว่า เรานี้แน่จริงขนาดไหนที่ไว้ใจกองกลาง ไว้ใจวัฒนธรรมของหมู่กลุ่ม ไว้ใจถึงสัจธรรม ที่ไม่มีปัญหาแล้ว มันสะอาดบริสุทธิ์ แล้วก็เป็นเรื่องที่อิสรเสรีภาพ เป็นเรื่องที่พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างแท้จริงๆ เป็นสัจธรรมซื่อสัตย์ไม่มีกบฏอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 18:56:32 )

พฤติกรรมประชาธิปไตย 100% เป็นเช่นใด

รายละเอียด

ประชาธิปไตยในเมืองไทยขณะนี้เป็นเมืองพุทธ และกำลังก้าวสู่โลกุตระ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นนักประชาธิปไตยที่โลกยอมรับ แต่เขาไม่เข้าใจคุณวิเศษนี้ เขาไม่มีชื่อเรียกว่าเป็นคุณวิเศษเป็นประชาธิปไตยสุดยอด แต่เขาก็พยายามแสวงหาประชาธิปไตย ทั่วโลกทุกวันนี้ต้องการประชาธิปไตย แต่เขาไม่รู้ เขาไม่ชัดเจน แต่เขาก็รู้ว่าคุณสมบัติอย่างนี้เป็นเรื่องยอดเยี่ยม แต่รูปธรรมของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์เป็นพฤตินัย พระจริยวัตรของพระองค์ทั้งหมดเป็นประชาธิปไตย 100% แต่เขาก็ขยายความไม่ออก เขาอธิบายรายละเอียดไม่ได้แต่เขารู้ นัยยะของอันนั้นแล้ว แต่อธิบายไม่ได้เอามาพูดเอาเนื้อฉลากยามาใส่ไม่ได้ อาตมาจึงจำเป็นจะต้องเอาฉลากยามาแปะ อธิบาย 

อาตมาจึงพูดเป็นภาษาธรรมะที่จะอธิบายถึงพฤติกรรมทางกายกรรม วจีกรรม ที่เป็นรูปธรรม ให้รู้ว่านี่คือพฤติกรรมประชาธิปไตย

เมืองไทยมันกำลังไปดีแล้ว นอกจากไม่อคติไม่มีกิเลสตัวตนทำงานเสียสละจริง แล้วยังเป็นผู้ที่มีบารมีที่มนุษย์อยากได้ 

คำว่าบารมีนี่รู้ยากมาก ในบารมีของคนต่างๆไม่ใช่ว่า แบบโลกๆที่ปูพื้นเอาไว้ อย่างเช่นโดนัล ทรัม สร้างค่ายกลเอาไว้จนกระทั่งได้สำเร็จเป็นประธานาธิบดี แล้วเป็นอย่างไร พาอเมริกาหมดท่าเลย พังระเนระนาดเลย เป็นงานหนักของ โจ ไบเดน มากเลย แต่เขาก็ต้องทำ มันต้องเป็นเขาซึ่งก็น่าเห็นใจ ก็ดูไปก็แล้วกัน ไม่ต้องดูไบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:01:42 )

พฤติกรรมผู้นำอเมริกาขณะนี้

รายละเอียด

อย่างชาวอโศกหรือเมืองไทยโดยค่าเฉลี่ย มีภูมิโลกุตระอยู่ จึงสงบสันติได้อย่างนี้ไม่มูมมามตะกรุมตะกรามแย่งชิงกัน ดูพฤติกรรมอย่าง ถ้าตัวเองสงบสุขเรียบร้อยจะดิ้นรนอย่างนี้หรือ พาสังคมประเทศชาติดิ้นอย่างนี้ มันส่อแสดงว่าประเทศสหรัฐอเมริกามันแย่แล้ว ผู้นำต้องพาดิ้นรนวุ่นวาย อยู่ดีๆไปอาละวาดทำร้ายคนอื่น แสดงว่า จิตใจตัวเองไม่มีความสงบไม่มีความอบอุ่น มีแต่ความกระเหี้ยนกระหือรือแย่งชิง มุ่งทำร้าย จิตไม่มีภูมิปัญญา จิตไม่มีความสงบไม่มีเมตตา เป็นจิตที่ใช้ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

วิธีอาริยธรรม บ้านราช   วันอาทิตย์ที่   5  มกราคม  2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 10:33:21 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:58:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:59:24 )

พฤติกรรมมนุษย์ที่ทำงานการเมืองควรเป็นอย่างไร

รายละเอียด

โดยเฉพาะที่อาตมานี่แหละเป็นผู้เข้าใจ นี่เป็นแบบของพระพุทธเจ้า สรุปง่ายๆอย่างนี้ก็แล้วกันแต่มันลึกซึ้งซับซ้อนอยู่นะ อาตมาก็ยังไม่เก่งกว่านี้ แบบพระพุทธเจ้าคือ

แบบไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลสที่มาบำเรอตน หรือแม้แต่บำเรอพรรคพวกของตน..ไม่มี เป็นการเสียสละ 100% รับใช้ประชาชน 100% และอาตมากล้าพูดด้วยว่าซื่อสัตย์ 100% ด้วย 

3-4 คำที่อาตมาพูดไปเมื่อกี้นี้ ใครจำได้ไหมมีอะไรบ้าง 

เสียสละ ไม่มีตัวตน รับใช้ ซื่อสัตย์ แค่ 4 ความหมายนี้ มันเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่ทำงานการเมืองเยี่ยมยอดแล้ว 

รับใช้ประชาชน เสียสละ ไม่มีตัวตน ซื่อสัตย์ แค่นี้ก็ยิ่งใหญ่แล้ว แต่มันจะทำได้ไม่มากนัก แต่เราทำเต็มที่ของเราแล้ว ที่ว่าไม่ได้มากนักก็อย่างนี้ มันมีแรงต้านของสังคม เราก็พยายามทำก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:32:11 )

พฤติกรรมสังคมจากธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ถ้าคนที่ไม่มีอคติในจิต จิตไม่ชัง กลางๆ หรือจิตที่มีความเข้าใจและชื่นชอบ ก็มาจะเห็นว่าที่นี่มีของดีเยอะ ที่ว่าของดีนี้พูดอย่างเหมือนคุยตัวหลงตัว แต่ไม่ใช่ เป็นเรื่องจริงเพราะอาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาปลูกฝังให้พวกเราเรียนรู้ปฏิบัติมันก็เลยได้ จนกระทั่งเป็นพฤติกรรมสังคม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:13:11 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:42 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:54:28 )

พฤติกรรมสังคมที่เข้าทิศทางคือไม่ต้องไปรวย

รายละเอียด

มาเข้าหานัยสำคัญอื่น ที่เป็นเศรษฐกิจโลกุตระ นักแก้ปัญหามีหน้าที่ต่อคนประเทศชาติ พยายามทำความเข้าใจให้ดี ว่าอย่าเอาความรวยนั้น มาใส่สมองคนอีกต่อไป น่าจะบอกว่าไม่ต้องไปรวยหรอก หรือยิ่งอาตมาพูดหนักเลยว่า รวยนั้นมันก็ชั่ว แต่ถ้าไม่กล้าแรงก็พูดเบาหน่อย อย่าไปเอาคำนี้ไปใช้ เพราะคนมีกิเลสก็ตั้งเป้าจะรวยทั้งนั้น ก็เกิดการทะเลาะฆ่าแกงกัน รวยก็เสริมพลังอัตตา พลังตัวตนมันพังหมด สังคมไม่สงบ อย่าไปเสริม

ถ้าเข้าใจแล้วและเราก็ปฏิบัติอยู่ พาให้เกิดปฏิกิริยาเกิดพฤติกรรมสังคม เข้าทิศทางขึ้นมา มันก็ไปดี ถ้าเผื่อว่า อาตมาไม่มีหน้าที่ไปรับตำแหน่งทางสังคม ทำอยู่นี่ เอ๊ อาตมาไม่ได้ทำ sideline นะ ช่วยสังคมประเทศชาติแก้ปัญหามันเป็นเมนไลน์ ไม่ใช่ไซด์ไลน์ อาตมาทำเต็มที่เลยนะ จริงจังมีหลักฐาน จะบอกว่าไซด์ไลน์ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นพล.ต.อ.สมยศบอกว่า ผมเป็นตำรวจไซด์ไลน์ ก็น่าเห็นใจนะ พวกตำรวจก็บอกว่ามาพูดดูถูกตำรวจ แล้วทำงานมาให้แก่สังคม

ผู้ที่มีลึกๆของจิตตัวเองก็มีอย่างนี้ ไม่ได้ศึกษาธรรมะถึงขั้นจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้รายละเอียดของเวทนาสังขารวิญญาณ จะแจ้งเวทนา 108 สัญญาต่างๆ มีทั้งสัญญาวิปลาส สัญญาที่เป็นพิเศษไม่ใช่วิปลาสก็มีผสมกัน สัญญาที่วิสุทธิ์ วิเศษ วิศิษฏ์ ก็มี ท่านแยกแยะขยายความไว้บริบูรณ์ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:02:58 )

พฤติกรรมสังคมภาวะปัจจุบันน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเพราะเหตุใด

รายละเอียด

โดยองค์รวมของพฤติกรรมสังคม ตอนนี้ภาวะปัจจุบันกำลังกดดันกำลังต่อสู้กัน หากมันคลี่คลายไปในทางดีขึ้นก็จะได้เห็น อาตมาก็เชื่อของอาตมาว่า มันน่าจะคลี่คลายขึ้น เพราะว่าค่ารวมองค์รวมของคนไทยนั้น มีโลกุตระธรรมกำลังพัฒนาขึ้น และเหตุปัจจัยแม้แต่เรื่องต่างๆเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้พวกเราปฏิบัติจริง ประชาชนคนไทยตอนนี้กำลังปฏิบัติจริง เพราะฉะนั้น โดยค่ารวมแล้วมันดี เพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะเลวลง แล้วยิ่งท่านนายกฯมาแถลงการณ์ วรยุทธของจอมยุทธอันนี้นี่ เป็นเคล็ดวิชาที่ (ยกนิ้วโป้งให้) สุภาพเรียบร้อยให้เกียรติ สรุปแค่นี้ก็น่าจะฟังได้นะ เพราะฉะนั้นในสังคมคนดี ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมคนดีเป็นคนเจริญ ไม่ใช่คนชั้นต่ำแล้ว เป็นคนชั้นสูงเป็นคนคลาสสิค เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ ตามที่อาตมาพูดตามภูมิของอาตมา อาตมาเชื่อว่ามันไม่เลวลงหรอก หากว่าอาตมาจะทำนายผิดก็ดูกันต่อไป อาตมาก็ไม่หลงตัวเองเกินไปหรอกก็วิจัยตามที่อาตมาพูดไปนั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 15:06:08 )

พฤติกรรมเทวนิยม กับ อเทวนิยม

รายละเอียด

อันนี้ก็ขอวิจัยแทรกให้ฟังนิดหนึ่งว่า อย่างคุณพิธา เขาได้รับการศึกษาผ่านเทวนิยมมา เขาก็ซาบซึ้งได้รับอิทธิพลของเทวนิยมเข้ามา จะว่าเต็มรูปก็เต็มรูป เขาไม่มีอิทธิพลของโลกุตรธรรม หรือของพุทธเลย เขาก็เลยมาแสดงออกเต็มที่ของเขา เขามีความเห็นของเขา ความเข้าใจของเขา มันจึงค้านแย้งกับพฤติกรรมตั้งแต่จิตวิญญาณมาจนกระทั่งถึงกรรมกิริยา ภาษาพูดที่ออกมา แสดงออกมาของลุงตู่หรือของพลเอกประยุทธ์ 

มันเป็นจริงที่ต้องค้านแย้งกัน เพราะอันหนึ่งเทวนิยม อีกอันหนึ่งมีวิญญาณของโลกุตระวิญญาณของอเทวนิยมของพุทธ เทวนิยมหรือความรู้ทางธรรม เทวนิยมของตะวันตก ไม่ได้เข้าใจโลกุตระได้เลย เขาไม่มีโลกุตระเลย เพราะฉะนั้นธรรมะของเขามีแต่โลกียธรรม ไม่มีโลกุตรธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #25 พ่อครูคือธัมมิกราษฎร์ ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 18:22:16 )

พฤติกรรมเป็นกลางของผู้ที่ไม่มีปัญญา

รายละเอียด

พฤติกรรมเป็นกลางของผู้ที่ไม่มีปัญญา

1.โง่ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกนี่โง่ชัดๆ

2. กลัวจะเสื่อมลาภเสื่อมยศเสื่อมตำแหน่ง กลัวเสียหน้า นี่คือลักษณะของคนที่ไม่เป็นกลางที่ไม่มีปัญญา ข้อที่

3. เห็นผิดมิจฉาทิฏฐิ คิดว่าเป็นกลางแล้วไม่ควรจะไปยุ่งกับฝั่งไหน นี่เป็นมิจฉาทิฐิอย่างร้ายกาจ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:31:00 )

พฤติกรรมเป็นกลางของผู้มีปัญญา

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายเรื่องนี้ พฤติกรรมเป็นกลางของผู้มีปัญญา ปาสาโท เหมือนคนที่อยู่ที่ปราสาทสูงมองลงมายังข้างล่าง คนที่มีปัญญาปาสาโท มโนกรรมย่อมรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก โดยไม่มีอคติ 4 วจีกรรมก็กล่าวคำตำหนิในสิ่งที่ควรตำหนิคนควรตำหนิ ยกย่องคนที่ควรยกย่องกายกรรมเข้าร่วมกระทำกับฝ่ายที่ถูกต้อง คือคบหาบัณฑิตนั่นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:28:54 )

พฤติกรรมเป็นกลางของผู้มีปัญญาปาสาโท

รายละเอียด

มโนกรรม  ย่อมรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก  โดยไม่มีอคติ 4

วจีกรรม    กล่าวตำหนิคนที่ควรติ  ยกย่องคนที่ควรยก.

กายกรรม  เข้าร่วมกระทำกับฝ่ายที่ถูกต้อง (คบหาบัณฑิต)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2562 ( 21:55:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:19 )

พฤติกรรมเป็นกลางของผู้ไม่มีปัญญา

รายละเอียด

1. โง่  ไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก   

2. กลัว  จะเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสียตำแหน่ง เสียหน้า

3. เห็นผิด  คิดว่า เป็นกลางแล้วไม่ควรไปอยู่กับฝ่ายไหน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2562 ( 21:56:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:57:04 )

พฤติกรรมแกนรากของจิต 7 ประการ

รายละเอียด

สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  

พวกเราชาวอโศกประพฤติได้จริง ในสาราณียธรรม 6 มีพุทธพจน์ 7 เป็นตัวฐานรากของจิต มีพฤติกรรมแกนรากของจิต 7 ประการ

สาราณียะ คือ ระลึกถึงกัน ไม่ใช่ระลึกถึงกันเพื่อไปแก้แค้น แต่เป็นการระลึกถึงกันอย่างเมตตา เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพอทรงตื่นขึ้นมาก็ระลึกถึงว่าจะไปโปรดใคร ช่วยเหลือใคร เราก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ก็ระลึกถึงคนนั้นคนนี้ พูดถึง ถามถึงกัน เป็นอย่างไรอยู่สบายดี หรือเกิดลำบากลำบน ควรจะช่วยเหลือกันไหม 

เป็น ปิยกรณะ เป็นความรัก ความรักที่ยิ่งกว่าญาติ ยิ่งกว่ามิตร รักกันด้วยเนื้อลึกๆว่า จะต้องหวังดีต่อกัน ปรารถนาดีต่อกัน ช่วยเหลือกัน หรือ ผู้ที่เราเคารพนับถือ

คุรุกรณะ ก็ระลึกถึงท่าน ท่านเป็นผู้ที่ทำงานหนักหรือเคยเป็นครูของเรา ครุก็คือหนักทำงานหนักหรือเป็นครูเรา ระลึกถึงท่าน เราจะช่วยเหลืออะไรท่านได้ไหมหนอ

สังคหะ ก็คือช่วย ได้ช่วย ได้เกื้อกูลช่วยเหลือ สงเคราะห์กัน อนุเคราะห์กันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 19:38:26 )

พฤติการณ์ของชาวอโศก เกี่ยวกับสังคมประเทศ

รายละเอียด

นี่เรื่องของพฤติการณ์ของชาวอโศก เกี่ยวกับสังคมประเทศ เป็นประเทศประชาธิปไตยที่เขาจะเรียกกันว่าการเมือง แล้วคนที่เขามีอคติมีความนึกคิดอยู่ว่า การเมืองกับพวกธรรมะต้องไม่เข้าไปร่วมกันอันนี้ก็พูดกันนักหนาแล้วว่าไม่จริงผิด คนที่มีความคิดเห็นและทำอย่างนั้นเป็นคนที่ทำลายประเทศชาติเลย การเมืองไม่ให้ธรรมะเข้าไปยุ่งนั้นเลอะเลย พรรคการเมืองนักการเมืองต้องให้ธรรมะเข้าไปช่วย หรือยิ่งเป็นนักการเมืองที่สนใจธรรมะร่วมกับธรรมะอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันเลยพากเพียรปฏิบัติตนให้เจริญในทางธรรมะด้วย เป็นอรหันต์เลย เป็นอนาคามี เป็นสกิทาคามี เป็นโสดาบันก็ยิ่งดีสิ ดีกว่าปล่อยให้ปุถุชนไปปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอยู่ทำไม ใช่ไหม นี่คือสัจจะที่จริง ก็ค่อยๆทำไป จะมีคนค่อยๆเข้าใจ 

พฤติการณ์ของโลกุตรธรรมพฤติการณ์ของมนุษย์ที่มีโลกุตรธรรม มันจะไม่เหมือนกับพฤติการณ์ของมนุษย์ชาวโลกียะที่เขาทำกันอยู่ ที่เขาประพฤติกันอยู่ พฤติการณ์ที่เป็นเขาจะไม่เหมือนแน่ เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาใหม่ๆแปลก ตั้งแต่อาตมาพามาทำนั้นมันใหม่มันแปลก แต่จนเขาเห็นว่าผิดเพราะมันไม่เหมือนเขา จนนานมาจนวันนี้แล้ว เอ๊ะ มันผิดหรือมันถูก โพธิรักษ์นำพา คนก็ชักหยุด หยุดที่จะคิด ว่าผิดไปเลยนี่ลงไปแล้วได้เรื่อง แต่แน่นอนไม่หมด จำนวนมากยังเห็นว่ายังไม่ใช่ ยังอะไรต่ออะไรอีกเยอะ ยังไม่ยอมรับนับถือว่า นี่เป็นผู้ที่จะมาแสดงธรรม นำธรรมะพระพุทธเจ้ามายังไม่ แต่ไม่มีปัญหา 

เพราะผู้ที่เห็นและเป็นมวล อย่างถูกต้องตามธรรมซึ่งเรายืนยันว่าเป็นมวลที่ประพฤติจนกระทั่งเกิด สาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีหลักเกณฑ์อะไรต่างๆนานาอ้างอิงธรรมะของพระพุทธเจ้าเลย ยืนยันได้ มีที่อ้างมีที่อิง มีหลักฐาน หลักฐานพระไตรปิฎกตรง พวกนี้เขาก็พูดไม่ออกแล้ว นี่คือความจริงเพราะฉะนั้น ก็พิสูจน์กันไปเรื่อยๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 14:18:52 )

พฤตินัย วุฒินัย สัจจนัย

รายละเอียด

พฤติ หมายความว่าความประพฤติ อาการกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของแต่ละคน เรียกว่าพฤตินัย  พฤตินัยแต่ละคนจะมีคุณวุฒิ มีการศึกษา ความเจริญ วุฒิ ขนาดไหนอย่างไรแค่ไหน แล้วความเจริญมีแบบโลกียะกับโลกุตระ สัจจนัยคือ นัยยะที่เป็นสัจจะสองอย่าง สัจจะของโลกียะกับโลกุตระ สัจจะของโลกุตระเป็นปรมัตถสัจจะจากของโลกียะเป็นสมมติสัจจะ เป็นสัจจะที่ร่วมกับโลก แต่ สัจจะที่เป็นโลกุตระนั้น เป็นสัจจะเฉพาะที่ทวนกระแส เป็นสัจจะที่หยั่งเข้าไปถึงปรมัตถ์ ไปถึงจิตเจตสิกต่างๆ แล้วลดกิเลสได้ การกระทำไม่มีกิเลสในตัวบุคคลเป็นอรหันต์ได้จริงเป็นคุณสมบัติที่เป็นคุณวิเศษของศาสนาพุทธ ของคนที่ลดกิเลสได้จริงนั้นเป็นพระอรหันต์จริงนั้น จะเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่นทั้งหมดเลยไม่มีตัวตนทำงานเป็น พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2562 ( 21:29:56 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:23 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:01:22 )

พฤตินัยของความเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น

รายละเอียด

เขาไม่รู้รายละเอียด จริงๆ รายละเอียดจริงๆ คือประชาชนไทยเข้ามาปฏิวัติหรือมาทำรัฐประหารรัฐบาล จนกระทั่งถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ข้างนอกเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้ ไม่เคยเห็นว่า ประชาชนที่มาปฏิวัติด้วยมือเปล่าจริงๆเลย แล้วก็เอาหน้าความจริง ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ โดยใช้เวทีประกาศความจริง จนกระทั่งประชาชนรู้กันทั่ว แล้วประชาชนก็เห็นด้วย ก็มีพลังของประชาชนที่ยอมรับ พฤตินัยของความเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น โดยประชาชน ส่วนรวมของประเทศ ยอมรับขึ้นมา จึงไม่เกิดอะไรขึ้น แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ยืนยงอยู่ทุกวันนี้ ก็มีพวกที่เห่าบ๊องๆ อยู่เป็นธรรมดาธรรมชาติ กระแสมันเป็นอย่างไร โพลออกมาอย่างไรก็เห็น ขนาดของเขามีพวกสีแสด สีแดง สีส้ม ออกมาให้เห็น ก็ยังเป็นอย่างที่เห็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 19:08:22 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์