@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ผู้ที่ควรส่งเสริมเสนอต่อสังคม

รายละเอียด

อาตมาจึงมีพลังใจพลังจิตที่จะฮึดสู้ทำต่อไป แม้แต่สังขารร่างกายร่วงโรยไป แต่ก็พยายามจะซ่อมแซม มีผู้ช่วยให้สังขารร่างกาย รูปธรรม แม้นามธรรมที่สำคัญของตัวเอง รูปธรรมก็ปล่อยให้เขาดูแล มันก็จะเดินไปได้ ไม่ให้ร่วงโรยจนกระทั่งจบชีวิตตายลงไป หมดสมรรถนะ ก็พยายามอยู่

พูดถึงอันนี้แล้วอาตมานึกถึง อ.ระพี ตอนนี้ศพตั้งที่วัดพระศรีมหาธาตุ กทม. เกิดปีเดียวกันแต่คนละรอบ รู้จักกันมาตั้งแต่หนุ่มแน่น อาตมาทำงานโทรทัศน์ อาจารย์ระพีก็เป็นนักวิชาการด้านการศึกษา มีความชำนาญเฉพาะด้านของท่าน อาตมาทำงานโทรทัศน์ สนิทกัน ก็เอามาอธิบายเผยแพร่ความรู้ให้แก่สังคม สนิทสนมกันเกิดปีเดียวกัน แต่แก่กันคนละรอบ ก็ทำงานร่วมกันช่วยกันมา จนกระทั่งแม้กระทั่งอายุมากแล้ว เราจัดงานให้ อ.ระพี ชาตกาล ครบรอบ เราก็เคยจัดให้ ซึ่งเป็นงานที่เราเอาผู้นี้มาส่งเสริมเสนอต่อสังคม เราก็จัดมาหลายคน อ.ระพี อังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นต้น

ในสังคมที่ร่วมกันอย่างนี้ แล้วเราก็ดูเหลี่ยมสาระชีวิตแต่ละคน อ.ระพี ก็พยายามยื้อสังขารตัวเอง เพื่อจะทำงานเพื่อประชาชน จนกระทั่งหมดพลังงาน จนทางการบอกว่าเป็นผู้หมดสมรรถภาพแล้ว ต้องออกกฎทางนิตินัยมาห้ามไม่ให้ทำงาน พอแล้ว ขนาดนั้นเลย ก็ดูใจอ.ระพีนี้ ซึ่งตัวเองจะสิ้นเรี่ยวแรง หมดชีพแล้วก็ยังอุตส่าห์ขวนขวายพยายาม จนเขาต้องสั่งว่าให้หยุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:29:50 )

ผู้ที่คิดสร้างอาวุธเป็นคนที่โหดร้าย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่คิดสร้างอาวุธ ยังเป็นคนที่โหดร้าย ยังเป็นคนที่ไม่มีความรู้แม้แต่ความเป็นสัตว์ สัตว์คือเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ต้องเอ็นดูกัน ปรานีกัน แล้วก็หวังประโยชน์เพื่อกันและกันให้ได้ แทนที่จะมาฆ่ากัน มาทำร้ายกัน มาเอาเปรียบกัน ไม่ต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

ดีชั่วเป็นสมมุติ สุขทุกข์เป็นปรมัตถ์


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:50:37 )

ผู้ที่จบปฏิจจสมุปบาทแล้วจะอนุโลมอย่างไร

รายละเอียด

ผู้ที่จบปฏิจจสมุปบาทจะยังมีชาติมีภพที่อนุโลมตามเขา มีอุปาทานที่ไม่เป็นอุปาทานแต่เป็นสมาทานเป็นความยึดถือตามโลกเขาไปบ้าง ตัณหาก็เป็นวิภวตัณหา ผัสสะก็มีได้ แต่อยู่เหนือเลย ลูบคลำหัวล้านของพระอาทิตย์เล่นสบาย ไม่ไหม้มือเราเลย นี่ผัสสะของผู้ที่ทวนกระแสแล้ว ปฏิโลมทวนมาบ้าง อยู่เหนือพระอาทิตย์แล้ว ก็สามารถลูบคลำหัวล้านพระอาทิตย์เล่นได้ ไม่มีร้อนไม่มีไหม้ อาตมาเคยพูดถึงลูบคลำหัวล้านพระอาทิตย์ไว้นานแล้วอยู่ในอิทธิวิธญาณ ลูบคลำหัวล้านพระอาทิตย์ได้เลย เหมือนทุกข์ ไปลูบหัวล้านเล่น ทุกข์ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูบหัวล้านพระอาทิตย์เหมือนกับลูบหัวล้านทุกข์ได้เลย พระอาทิตย์ไม่มีฤทธิ์เดชกับเรา มันมีอำนาจเหนืออย่างนั้น เป็นอจินไตย มีจริงแล้วก็จะรู้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดเอาเด่นเอาดังเอาอวดดีอะไรแต่มันเป็นจริง เป็นตถตา เป็นจริงอย่างนั้นเช่นนั้นจริงด้วย 

พวกที่ทำได้แล้ว จึงอนุโลม ชาติมีไหม?.. มี, ภพมีไหม?.. มี อุปาทานไม่มีแล้ว มีสมาทาน สมะคือ ผู้สงบ ถือได้ยึดได้ ด้วยความสงบมีฤทธิ์มีอำนาจ สมาทานแล้ว ต่อมามีตัณหาไหม มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:26:16 )

ผู้ที่จบสันตติ สายเจโต 100% อย่างสายพุทธของเมืองไทยไม่คิดเรื่องโพธิสัตว์

รายละเอียด

ผู้ที่จบสันตติ สายเจโต 100% อย่างพระมหากัสสปะ ต้องการชาติเดียว ไม่มีความคิดเรื่องโพธิสัตว์เลย เพราะฉะนั้นในสายศาสนาพุทธของเมืองไทยเป็นสายพระมหากัสสปะ พระไตรปิฎกก็ของพระมหากัสสปะ จริตก็พระป่ามหากัสสปะ แม้ว่าจะเป็นพระบ้าน ก็ยังเชื่อว่าจะต้องหลับตาอย่างพระมหากัสสปะ หรือออกป่านั่นแหละคือปฏิบัติแท้ เพราะมีสัทธินทรีย์ มีเชิงรู้ไปในแบบสัทธานุสารี 

พระมหากัสสปะเป็นสายสัทธานุสารี 100% ธัมมานุสารีนั้น เป็นสายที่ไม่ใช่ศรัทธา 100% เป็นอีกตระกูลหนึ่ง ธัมมานุสารีเป็นอีกตระกูลหนึ่งที่เรียกว่าอีกตระกูลหนึ่ง เพราะว่ายังไม่แบ่งเพศ ถ้าไปตกอยู่ในกลุ่มของศรัทธาด้วยกัน ธัมมานุสารีก็กลายเป็นศรัทธากับเขาด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหาก ธัมมานุสารี ออกไปนอกสายศรัทธาได้ เป็นตระกูลปัญญา ธัมมานุสารี ก็จะแยกเพศเลย แยกตระกูลเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:07:14 )

ผู้ที่จะกำจัดกิเลสได้  

รายละเอียด

ผู้ที่จะกำจัดกิเลสได้   คือ ผู้ที่ต้องมีฌานหรือสามารถสร้างจิตให้เป็นพลังงานที่เรียกว่าไฟ มีประสิทธิภาพเผากิเลสได้  ฌานที่ไม่สัมมาทิฏฐิตามความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจะกำจัดกิเลสไม่ได้จริงแท้

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:26:29 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:36:58 )

ผู้ที่จะต้องมีลักษณะที่เหนือกว่า

รายละเอียด

ก็มาแสดงตัวสิ หากเป็นผู้พี่จะต้องมีลักษณะที่เหนือกว่า ต้องมีหมู่กลุ่ม มีธรรมะที่วิจิตรพิสดารกว่า จะมีการเขียนมีหลักฐานที่ครบกว่า ก็เอามาแสดง บอกว่าตัวเองเป็นแต่ไม่มีอะไรอ้างอิงยืนยันก็ไม่ได้ (สู่แดนธรรมว่า..หากเขาบอกว่าเขาเป็นพี่ก็คงไม่มาหาน้องให้น้องไปหาพี่) ก็น้องยังไม่รู้จักพี่ จะให้น้องไปหาที่ไหนก็ต้องให้พี่มาหานั่นแหละ สถานที่บอกอะไร ก็จะได้ไปศึกษาดูจะไปเรียนรู้ว่าเป็นอย่างนี้เป็นอยู่อย่างนี้มีสิ่งแวดล้อมมีชีวิตสร้างสรรค์อะไรอย่างนี้มันก็จะได้เข้ารูปเข้าเรื่องบ้าง นี่พูดกันไม่ได้รู้เรื่องเลยบอกว่าตัวเองเป็นมันง่ายไปแล้วไม่มีหลักฐานอ้างอิง พูดอย่างมีหลักฐานอ้างอิงยืนยันได้ แม้ที่สุดอ้างอิงจากพระพุทธเจ้าอ้างอิงจากพระไตรปิฎก บอกมาว่ามีอย่างนี้ไง นี่ไม่ได้อวดดีท้าทายนะ พูดกันอย่างเป็นสัจจะสาระ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:57:08 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:14 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:37:46 )

ผู้ที่จะพบศาสนาพุทธนั้นยากแสนยากอย่างไร

รายละเอียด

จนกว่าศาสนาเทวนิยมหรือผู้ที่ไปยึดติดเทวนิยม จะค่อยๆซึมซับ เกิดมาอีกหลายชาติ ก็จะซึมซับว่า พุทธเขามีอะไรดีก็เข้ามาศึกษา เหมือนกับศาสดาทางศาสนาคริสต์ อิสลาม แต่อิสลามนั้นช้าหรือยากนานกว่าศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์หลายท่าน แม้แต่เป็นคนไทยก็หลายท่าน ศึกษาศาสนาพุทธ จนกระทั่ง ค่อนข้างจะอิน ไปในศาสนาพุทธเยอะ 

จนวันใดวันหนึ่งก็มาเกิดเป็นพุทธ ก็เริ่มจะไต่เต้าของศาสนาพุทธขึ้นมาเรื่อยๆ สนใจธรรมะ ก็จะมีวิบากบารมี ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มจากเทวนิยมที่มาหาอเทวนิยม หรือมาหาพุทธไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆเป็นไป พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ผู้ที่พบศาสนาพุทธนั้นยากแสนยาก แล้วยิ่งจะเชื่อมั่นเข้าใจเห็นดีตามศาสนาพุทธยิ่งยากกว่า แล้วไม่ต้องพูดถึงที่ยากกว่านั้น ที่จะมาปฏิบัติตามเป็นสัมมาทิฏฐิและได้มรรคผลยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:42:40 )

ผู้ที่จะมีศีลจะต้องมีสติ มีความรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา

รายละเอียด

ศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไปจนเข้าใจผิดบอกว่าศีลนั้นควบคุมกายวาจาเท่านั้น อยากควบคุมจิตใจก็ไปนั่งหลับตาแยกไปเลยนี่คือความผิดเพี้ยน ซึ่งไม่ใช่ ศีลสมาธิปัญญานี้อยู่ด้วยกัน เกิดด้วยกันแยกกันไม่ได้ ปฏิบัติศีล สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วมีใจร่วมรู้ไปตลอด และมีปัญญาเป็นยาดำแทรกอยู่ตลอด อยู่ร่วมไปตลอดกาลนาน เราต้องรู้ว่าเรามีศีลอยู่หรือไม่ ผู้ที่จะมีศีลจะต้องมีสติ มีความรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า ตาหูจมูกลิ้นกายเรากระทบกับอะไร ตาเรากระทบบักลอย(บวบเหลี่ยม) ยาวสวย อาตมาเกิดมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ จริงๆไม่ได้พูดเล่นยังไม่เคยเจอ บักลอย งามใหญ่ขนาดนี้ เท่าที่เคยเจอมีแต่ลูกเล็กๆ แต่นี่ลูกเดียวแกงเต็มหม้อเลย พูดไปก็อาหาร อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายความอธิบายต่างๆนานา บอกแล้วว่าเท่าที่อาตมาอธิบายไปแล้วนี้ผู้ที่เข้าใจแล้วจะเอาจุดไหนสำคัญจุดไหนไปทำให้ครบ คู่ รูปนาม รูปนามเป็นตัวสำคัญ พระพุทธเจ้าก็สรุปลงไปว่าที่สำคัญคือวิญญาณธาตุ วิญญาณของเราเป็นตัวที่จะศึกษา วิญญาณหรือจิต หรือมโน หรือจริงๆก็คือเทวะ เทวะนี่แหละคือคำยิ่งใหญ่ คำว่าเทวะ คือคำยิ่งใหญ่ เป็นธาตุที่มีธาตุรู้อยู่ในนั้นเป็น 2 คำว่าเทวะ พยัญชนะแปลว่า 2 อ่านว่า เดวะ ในศาสนาจึงมี 2 ในสภาพของมนุษยชาติ รู้เรื่อง 2 นี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อันหนึ่งเป็นปรมัตถ์ อันหนึ่งเป็นสมมุติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:55:04 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:26 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:38:18 )

ผู้ที่จะมีสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

ผู้ที่จะมีสัมมาทิฏฐิ  คือ

1. ต้องมีปรโตโฆษะ

2. ต้องมีโยนิโสมนสิการ   

       คนที่มีสัมมาทิฏฐิแล้วจะมีปรโตโฆษะ  แม้เขาจะพูดธรรมะผิดด้วยตัวเองเป็นผู้ตัดสินพิพากษาเองก็เป็นธรรมดา  ธรรมชาติ  เท่าที่เรามีภูมิตัดสินว่าอันนี้ถูก  อันนี้ผิด  อันนี้ดี  อันนี้ไม่ดี  หรือเป็นกลาง  ก็เป็นได้  3  อย่าง  คนที่เก่งมาก  ก็รู้อันไหนผิด  อันไหนถูก  คนที่เก่งจะรู้ได้มากขึ้น  แบบกลางๆ ตัดสินไม่ได้ก็แสดงว่าไม่เก่ง  ถ้าเก่งก็จะตัดสินได้มากกว่าใครๆ  ก็เป็นไก่ตัวพี่  อยู่ในสังคมยุคใดก็แล้วแต่เป็นไก่ตัวพี่ สำหรับพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าท่านเป็นไก่ตัวพี่  อาตมาเกิดมาในยุคนี้  มายืนยันว่ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้าถูกต้อง  และพูดสิ่งที่ถูกต้องไม่พูดสิ่งผิด  ไม่เคยพูดสิ่งที่ไม่จริง  พูดจริงตลอดเวลา  พูดอะไรออกไป  บางคนก็บอกว่าอวดตัวตนมากไป  แต่พูดอย่างไม่มีกิเลสด้วย  ก็พูดความจริง  และขอยืนยันว่าเป็นความจริงที่ไม่มีกิเลสซ้อนอยากอวดโอ่ตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้  ซึ่งคนฟังแล้วจะเชื่อโดยสนิทโดยไม่มีเรื่องแย้งเลย หรือบางคนมีแย้งนิดหนึ่งว่าจะจริงหรือ  ทั้งหมดหรือ  บางคนไม่เชื่อเลยบอกว่าพูดเกินไป  คนเหล่านี้ก็มีหลากหลาย  ไม่มีปัญหามันเป็นธรรมดาไม่ถือสา  พูดอย่างแข็งก็คืออย่าไปแคร์อะไรเป็นธรรมดา  ธรรมชาติ  คนที่ชังน้ำหน้า  พูดอะไรก็ขวางหูเขาทั้งนั้น  เพราะเขาเองไม่ชอบน้ำหน้า  ไม่เชื่อน้ำมนต์ไม่ศรัทธาอะไรเลยก็เป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:47:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:24 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:48:29 )

ผู้ที่จะมีอัญญธาตุเริ่มต้นรู้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะรู้จักความสงบ 2 อย่างในปัญญาข้อที่ 3 จึงไม่ใช่เรื่องสามัญ ความสงบ 2 อย่างคือสงบอย่างโลกียะ กับสงบอย่างโลกุตระ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะมี อัญญธาตุ เริ่มต้นรู้ รู้หน่วยหนึ่งแล้ว อัญญะหน่วยหนึ่งแล้ว ฟังเทศน์สะสม ใหม่อีก ปัญญาข้อที่ 2 เข้าไปไต่ถามซักไซ้ไล่เลียงอีก ก็จึงจะพอเข้าใจ อัญญธาตุ จึงจะพอเข้าใจโลกุตรธรรมไปตามลำดับ อัญญธาตุได้เป็น 2 ตัว 3 ตัว ต้องเลย 50 ตัวขึ้นไปถึงกึ่งหนึ่งแล้ว เป็น 60 70 จึงจะแสดงตัว ของธาตุโลกุตระหรือธาตุใหม่ที่เรียกว่า อัญญธาตุ โกณฑัญญะเป็นคนแรกของศาสนาพุทธ สมณโคดม พระพุทธเจ้านี้ มีโกณฑัญญะเป็นลูกศิษย์คนแรก ที่เริ่มต้นมี อัญญธาตุ เต็ม 

พอโกณฑัญญะมี อัญญธาตุ เต็มชัดถึง 50% สูงไปถึง 60% พระพุทธเจ้าจึงอุทานบอกว่า อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ มีธาตุรู้ที่เป็นโลกุตระเพียงพอแล้วหนอ ท่านก็สถาปนา ศาสนาพุทธขึ้นได้ เพราะมีคนเริ่มรับรู้ได้เป็นคนแรก พราหมณ์อีก 4 คนก็บรรลุได้ตามก็เริ่มจากพราหมณ์ 5 รูป ก็เป็นอรหันต์ชุดแรก 5 รูปแรก จากนั้นเป็นกลุ่มของพระยสะอีก 60 รูป จึงให้ออกกระจายไปแพร่ศาสนาพุทธ ตามประวัติตำนานที่รู้กัน มีต้น มีกลาง มีปลาย ขยายผลไปตามลำดับอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:36:22 )

ผู้ที่จะรู้สมาหิตะได้ต้องมี เจโตปริยญาณ 16 

รายละเอียด

สมาหิตะ คือ ผู้ที่รู้ได้ต้องมี เจโตปริยญาณ 16 

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่)   8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) . 13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น)  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)  

ลำดับแรก คู่แรกที่ได้ สายสัทธานุสารี เป็นสังขิตตังจิตตัง สายธัมมานุสารี เป็นวิกขิตตังจิตตัง มันไม่เกาะกันแน่น แต่สังขิตตังจิตตังจะเกาะกันแน่น เป็นสายสัทธานุสารี สายธัมมานุสารี ก็จะกระจาย แต่ถ้าเป็นมิจฉาทิฐิทาง วิกขิตตัง กระจัดกระจายกันมากเลย ส่วนถ้าเป็นมิจฉาทิฐิทาง สังขิตตัง จะเกาะกันแน่นเหมือนผมเป็นสังกะตัง ส่วนวิกขิตตังก็จะกระจาย

ต้องแก้ไข สายสัทธานุสารีก็แก้ ธัมมานุสารีก็แก้ เรียนรู้อย่าไปจมอยู่ตรงนั้นทำให้จิตมันเจริญขึ้นเรียกว่า สอุตระ จิตที่ดีขึ้น เจริญขึ้นแต่ดีกว่านั้นยังมีอีกยังไม่จบ ก็จะมีปฏิภาณรู้ว่ายังไม่จบยังไม่เป็น อนุตรังจิตตัง ยังเป็นแค่สอุตระ ยังไม่ใช่อนุตระ ยังไม่สมบูรณ์ 

ก็ทำให้ดีขึ้นไปอีกต่อจากนั้น จน หลักเกณฑ์ของการจบด้วย อนุตรังจิตตัง คือตั้งมั่นเป็นสมาหิโต สมาหิตัง 

สมาหิตัง นั่นคือสมาธิของพุทธ อสมาหิตังคือ ยังไม่ถึงขั้นตั้งมั่น เพราะฉะนั้นจิตตั้งมั่นของศาสนาพุทธที่เป็นฌานก็ดี สมาธิก็ดี จะเป็นวิมุตก็ดี ที่ตั้งมั่นนั้น เรียกว่า สมาหิตัง สมาหิโต

เป็นคำที่ไม่ใช่ของทั่วไปที่เรียกว่า สมาธิหรือเจโตสมาธิเท่านั้น เพราะมีวิมุติจริงๆ 

ก็ตรวจดีๆ หลุดพ้นสิ้นกิเลสจริงๆ ไม่ใช่เหลือเศษธุลีเหลือเศษของ อวิมุติอีก หมดเลย วิมุติ อวิมุติ จึงเป็นคู่สุดท้าย นี่คือ เจโตปริยญาณ 16 

อาตมามีสภาวะเหล่านี้สมบูรณ์จึงเอามาขยายความเป็นภาษาง่ายๆ  ภาษาแม่ Mother tongue เป็นภาษาไทยสามัญให้พวกคุณฟัง เข้าใจชัดขึ้นไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 15:59:46 )

ผู้ที่จะลงสังฆกรรมต้องสะอาด

รายละเอียด

มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าไม่สอนไม่ตรัส โมคคัลลานะก็ตรวจดูว่าคนนี้มีอาบัติหนักไม่ดีท่านก็ลากออกไปสำเร็จพระพุทธเจ้าจึงได้สอน คนที่เป็นสมีก็ดีในนี้ ผู้ที่ปาราชิกอยู่ในนั้น ก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นในสภาต้องสะอาดต้องมีคนสะอาดอยู่ในนั้นคนไม่บริสุทธิ์ไม่ให้เข้าโดยเฉพาะที่ประชุมสงฆ์ ถือว่าที่ประชุมสงฆ์ไม่สะอาด ผู้ที่จะลงสังฆกรรมจะต้องสะอาด นี่ก็เป็นเรื่องที่เรียนรู้กันกำหนดกันอย่างนั้น ถ้าทำตรงกันอย่างนี้ก็ไม่มีความเสื่อม แต่ถ้าทำโมเมมันก็เสื่อมจนไม่รู้จะเสื่อมอย่างไรแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:41:56 )

ผู้ที่จะสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

สัมมาทิฏฐิ 10 คุณต้องพบ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่  (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ  โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) คนนั้นต้องมีสยังอภิญญา สยัง แปลว่าของตน เริ่มแต่ปัจจัตตัง มาเป็นปัจเจก แล้วเป็นสยังอภิญญา พอมากขึ้นก็เป็นสยัมภูคือ ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า อาตมาพูดความจริง ไม่ได้พูดเท็จอวดอ้าง แต่คนไม่เชื่อ เพราะเขาอวิชชาเต็มสมอง อวิชชาเต็มทิฏฐิ เต็มความยึดติดอุปาทานทั้งหมดเลย แล้วเขาก็นับถืออย่างผิดๆ อาตมาจึงยาก ผู้ไม่สัมมาทิฏฐิจึงเชื่อว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:25:45 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:28 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:38:52 )

ผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ได้ต้องบรรลุพระอรหันต์ก่อน

รายละเอียด

ผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ได้ ต้องบรรลุพระอรหันต์ก่อน ผู้ยังไม่ได้บรรลุเป็นอรหันต์จะเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นปุถุชนโพธิสัตว์ไม่มี โพธิสัตว์ต้องมีความรู้ ตามลำดับ หนึ่งจะต้องรู้ความเป็นโสดาบัน ก็เรียกว่าโพธิสัตว์โสดาบัน ก็ต่อเป็น โพธิสัตว์สกิทาคามี แล้วก็ต่อเป็นโพธิสัตว์อนาคามี แล้วก็ต่อเป็นโพธิสัตว์อรหันต์ ก็จะรู้ชัดเจนว่าอรหันต์มี 4 ลำดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:03:28 )

ผู้ที่ตรัสรู้ใบไม้กำมือเดียวคือรู้อะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ตรัสรู้อันนี้แล้วแม้แต่เบื้องต้นใบไม้กำมือเดียวคือรู้จักอัตตาของตัวเอง รู้ว่ามันมีอะไรพาให้เกิด ก็อุปาทานหรือตัณหาของเราเกิด ดับอุปาทาน ดับตัณหาเสีย ก็ดับได้หมด ไม่พาเกิด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:56:05 )

ผู้ที่ต่อต้านคำสอนของสัตบุรุษจะไม่เกิดดวงตาเห็นธรรม

รายละเอียด

ใช่ ทันทีเลย ..อย่างที่พระพุทธเจ้าอุทานว่า โอ้.. อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ มันถึงจะเปิดทางเข้ามาหาศาสนาพุทธ ไม่เช่นนั้นไม่เข้ามาหาศาสนาพุทธ 

พูดตรงๆเลย คนที่ฟังธรรมอาตมาแล้วต่อต้าน ไม่มีทางที่จะเข้าสู่ธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าได้ แล้วเขาจะไม่เกิดศรัทธา แล้วเขาจะไม่มีหิริ เขาจะยึดถืออย่างที่เขาเข้าใจเชื่อถืออยู่ตลอดเวลา ยิ่งยึดมากเท่าไหร่ เขายิ่งเห็นว่าเราพูดตรงกันข้าม เขาก็จะยิ่งว่า เขาเข้าใจผิดแล้วว่าอาตมา 

ยกตัวอย่างเช่น มหาประยุทธหรือท่านพุทธโฆษาจารย์ ถ้าท่าน เกิดดวงตานะ สัมมาทิฏฐิรู้ว่าอาตมาเป็นสัตบุรุษจริง ท่านจะอายขนาดไหน ท่านทำไว้ขนาดนั้น แต่ อาตมาว่าไม่มีทางหรอก ตลอดชีวิตชาตินี้ท่านจะไม่รู้สึก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 19:29:13 )

ผู้ที่ถึงสูญภาพ

รายละเอียด

อาตมาเอง นี่เป็นอาตมาคิดนะ อาตมาสรุปรวมสิ่งเหล่านี้มาเป็นภาษาสมัยใหม่ สมัยนี้อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ ยังแถม สุนทรียภาพ กับ สุญภาพ อีก อันนั้นมันเป็นเรื่องลึกภายในเลย จิตเป็นสุนทรีย์ จิตเป็นสูญ นี่เป็นจิตของบุคคลที่สมบูรณ์แบบ 

จิตเป็นสุนทรีย์ จิตงดงาม สุนทรีย์ เบิกบานร่าเริง เห็นทุกอย่างงดงาม สิ่งไหนเขาหนักเขาร้ายก็รู้เขาอยู่ ก็ได้แต่สงสารเขา จะทำยังไงจะช่วยเขาได้ ก็รู้ว่าเขาเองเขายังไม่รู้ เขายังโง่งมงาย ยังหลงอย่างนั้นอย่างนั้นอยู่ ก็เข้าใจก็ช่วยกัน 

ผู้ที่ถึงสูญภาพ แม้อยู่กับหมู่ จิตเราก็เป็นสูญ เราก็ไม่ยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา เราไม่เอาเปรียบ เรารู้ว่าถ้าเราขยัน เราสามารถ เราก็สร้างสรรสิ่งที่ควร กัมมัญญา ทำสิ่งที่ควรกระทำด้วยความไม่เหยาะแหยะ รู้พัก รู้เพียร สร้างสรรสิ่งเหล่านี้อยู่กับสังคม 

คนคนหนึ่งจะไม่เก่งอย่างไร ก็มีสมรรถภาพ มีสมรรถนะที่จะทำงาน คุมตัวเอง เหลือกินเหลือใช้ เกิน เผื่อแผ่ผู้อื่นไว้ จะเป็นคนแก่ก็จะรู้ตัวว่าเราแก่ แต่ทำได้อยู่ ถ้าทำไม่ได้ก็ยังรู้สึกว่า โอ้! เราเป็นภาระหนอ อะไรอย่างนี้  มันเป็นเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องของความเข้าใจ เอ้อ! เราไม่ควรเป็นภาระใคร แต่มันถึงเวลาที่จะต้องเป็นภาระ เราก็ต้องจำนน เราก็ต้องจำเป็น ถึงเวลาแก่แล้ว ป่วยเจ็บแล้ว ถึงขีดที่เรา ถ้ามากกว่านี้ไปก็ไม่สมควร ไม่ดีแล้ว ถ้ายังทำได้อยู่ มันก็จะสำนึก ก็จะรู้ตัวว่าเราไม่ควรเป็นภาระใคร จะมีปัญญา จะมีศรัทธา ศรัทธานี้มีทั้งความรู้ มีทั้งความเชื่อมั่น มีทั้งธัมมวิจัยอยู่ในศรัทธานี้ เพราะฉะนั้นจะวิจัยแยกแยะอะไรออกได้ อะไรดี ดีที่สุด ไม่งมงาย ไม่หลงผิด เข้าใจในสิ่งที่ดี 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เกิดปัญญารู้ว่าสิ่งอะไรดี เช่น รู้จักคนดี รู้จักคนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ขออภัยยกตัวอย่าง อย่างอาตมานี้ คนที่รู้ว่าอาตมานี่มีสิ่งที่รู้ตามพระพุทธเจ้า รู้ถูกต้องจริง แล้วคนที่รู้เห็นว่า โอ้โห! คนนี้นี่เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาอธิบาย ใช่นะนี่ ใช่! ถ้ายิ่งเราแต่ก่อนนี้เรายังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดว่า โพธิรักษ์นี่มามีความเห็นอย่างนี้ ความเข้าใจอย่างนี้ แล้วก็มาแสดงออกอย่างนี้ มันผิดนะ มันไม่ใช่ คนนั้นตอนแรกเห็นอย่างนี้ พอตอนนี้มาก็เกิดเข้าใจ โอ้โห!!  ที่แท้โพธิรักษ์นี่คือตัวแท้นะ โอ้โห!!  เราเข้าใจผิด คนนี้จะสำนึกและละอายอย่างแรงกล้า นี่เป็นสัจจะที่พระพุทธเจ้าสอนไว้เป็นสัทธรรม 7 

สัทธรรม 7 พอเกิดศรัทธา เกิดปัญญา เกิดรู้จริง จะเกิดหิริโอตตัปปะ เพราะรู้ว่า โอ้โห!! เรานี่โง่มา แล้วเราแสดงความโง่ออกไปอย่างน่าละอาย มันน่าละอาย จะละอายอย่างแรงกล้า ถ้ายิ่งกล้า-ยอมปลงอาบัติเลย สารภาพเลยว่า โอ้! ท่าน แต่ก่อนนี้เข้าใจท่านผิดจริงๆ คนนี้เจริญแน่นอน ปลงอาบัตินี้แล้วเจริญเด็ดขาดเลย ตามธรรมะพระพุทธเจ้าพาทำมานี้ คนกล้าปลงอาบัติ รู้ว่าตัวเองผิดแล้วจะเจริญยิ่งๆขึ้น 

แต่ถึงแม้ว่าไม่ปลงอาบัติ เพราะว่าไม่มีความกล้าเพียงพอ เข้าใจแล้วสำนึกแล้วก็ยังดี ถ้ายังเข้าใจผิดอยู่ เรายังเห็นสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะซวยหรือจะเฮงล่ะ? ใช้ภาษาจีน จะซวยไม่ใช่เฮง ซวยแน่ เสื่อมแน่ ไม่เจริญแน่ 

ที่พูดนี่ไม่ได้ไปเบ่ง ไปข่ม ไม่ได้ไปยกตัวอะไรหรอก พวกคุณนี้เชื่ออาตมา อาตมาเชื่อว่าพวกคุณเชื่อว่าอาตมานี้เป็นตัวจริง เป็นตัวจริงของความจริงที่อาตมาบอกว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา เป็นผู้ที่มีอภิญญา มีความรู้ยิ่ง มีความรู้สัจธรรมโลกุตระของพระพุทธเจ้า เอง สยัง มีเองในตนเอง เป็นเองแล้ว ยังไม่ถึง อภิภู ยังไม่ถึงสยัมภูหรอก แต่เป็น สยังอภิญญา แล้ว ก็บอกความจริงนี้ตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งบัดนี้ก็ขยายความพิสูจน์ตัวเอง อธิบายธรรมะพาทำพาเป็น จนกระทั่งพวกคุณมาได้ธรรมะมากน้อยตามความเป็นจริงที่แต่ละบุคคลได้ ซึ่งยุคนี้มันเสื่อมมาก แต่ก็ยังกู้ขึ้น ยังกู้ได้สำเร็จ เก็บคืนมาได้ ยังมีรูปธรรมของสัจธรรมที่ยืนยันได้ พิสูจน์ได้ เป็นปรากฏการณ์จริง ไม่ใช่พูดไปแล้วไหนล่ะผลงาน ไหนล่ะสิ่งที่ยืนยัน ตรวจสอบได้ไหม อาตมายินดีให้ตรวจสอบตามคำสอน โชคยังดีที่ยังมีพระไตรปิฎก ยังมีคำสอนพระพุทธเจ้าที่ดี แม้ว่าคุณจะแปลเพี้ยนไปอย่างอื่น เราก็แปลไปอย่างเรา แล้วมันเป็นยังไงล่ะที่เราแปลกับคุณแปล ใครมันเหมาะควรกว่ากัน มันจะเข้ากันสอดคล้องกัน ตรงกันกับคำสอนพระพุทธเจ้าอันนู้นอันนี้ ไม่ขัดแย้งกัน มากกว่ากัน อะไรอันไหน 

อาตมาที่พูดอย่างนี้เพราะอาตมาทำงานมามีผลงานและพวกคุณก็ได้จนกระทั่งมาเป็นตัวจริง เป็นตัวอย่างให้อาตมายืนยันกับคนอื่น แม้ชาวพุทธด้วยกัน มาได้ขนาดนี้ ซึ่งอาตมาก็ได้ขอบคุณพวกเราแล้ว ก็ขอบคุณที่มาเป็นตัวอย่าง มาเป็นตัวจริง ให้อาตมาได้ยืนยันกับผู้คนเขา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 19:51:08 )

ผู้ที่ทำกายวิเวก

รายละเอียด

ผู้ที่ทำกายวิเวก คือ ทางง่ายๆ คือ เอาร่างกายทั้งร่างออกไปอยู่ไกล ในป่าช้า ที่เงียบสงบ ไกลจากผู้คน  สังคม  แล้วถือว่านี่เป็นขั้นที่ 1 ของกายวิเวก  นี่คือถูกในเบื้องต้นตื้นๆ แต่ถ้าให้ครบต้องมีจิตร่วมด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 21 ตุลาคม 2562 ( 09:11:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:46:14 )

ผู้ที่ทำที่สุดปัญญาวิมุติ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสไปถึงขั้นผู้ที่ทำที่สุด ปัญญาวิมุติ สามารถที่จะรู้กาย รู้จักทุกข์อาริยสัจ แล้วทำให้ความทุกข์อาริยสัจหมดไป ตั้งแต่บางอย่าง จนกระทั่งเป็นปัญญาวิมุติ ก็จะเจริญจากสัทธาวิมุติไปเป็นกายสักขีได้จะต้องมีปัญญาอันยิ่ง 

กายสักขี อาสวะบางอย่างหมดสิ้น ยังไม่สิ้นอาสวะทั้งหมด รายละเอียดของบุคคล 7 นี้ผู้ที่ไม่รู้ปรมัตถ์อย่างแท้จริงจะสับสน 

พระพุทธเจ้าถึงตรัสอันที่เป็นสัทธาวิมุตินั้น บอกว่าถึงแม้ว่า จะทำให้อาสวะบางส่วนสิ้นไปได้ในสัทธาวิมุติ ก็ต่างกันกับ ทิฏฐิปัตตะ ไม่เหมือนกันกับทิฏฐิปัตตะ เพราะสายปัญญากับสายเจโตจะต่างกัน 

เพราะฉะนั้นเมื่อบรรลุอรหันต์บุคคล 7 เป็นปัญญาวิมุตหรือ อุภโตภาควิมุติเป็นอรหันต์แล้ว ก็จะเป็นผู้ที่จะทำ กายแตกตาย กายัส เภทา ปรัมมรณา ก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปเลยได้ กายแตกตายก็ทำกายของตนเองให้เป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไป ไม่มารวมตัวกันเป็นจิตนิยามอีก 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นพระอรหันต์จึงเป็นอมตบุคคล ผ่านวิมุติแล้วเป็นอมตบุคคล คือรู้จักรอบเลย ไม่ลึกลับแล้วในเรื่องของ จิตเจตสิก รูป นิพพาน

เพราะฉะนั้นจะเกิดหรือจะตาย พระอรหันต์คือพระเจ้าที่จะสั่งเกิดสั่งตายให้แก่ตนเอง จะทำเกิดทำตายให้แก่ตนเองได้ แล้วตายเก่งกว่าพระเจ้าอีก ดับตัวเองเลยหมดความเป็นพระเจ้า ฆ่าพระเจ้าฆ่าจิตวิญญาณเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ศาสนาพุทธถึงขั้นทำลายพระเจ้าเลย ทำลายจิตวิญญาณนิรันดรของพวกอวิชชา พวกอวิชชาทำลายจิตวิญญาณตัวเองไม่ได้ แต่ศาสนาพุทธทำลายจิตวิญญาณ หรือทำลายพระเจ้าได้ พระเจ้าก็คือตัวเอง แต่เขาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 13:36:35 )

ผู้ที่ทำบุญไม่เป็น

รายละเอียด

ผู้ที่ทำบุญไม่เป็น หากไม่มาทำจิตใจให้เป็นจิตใจที่เจริญ จิตใจลดกิเลสแล้วเกิดภูมิปัญญาที่แท้จริงตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้าอันซับซ้อนลึกซึ้งมาก มันไม่มีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นอาริยบุคคลโลกุตระบุคคลได้ ผู้ที่ทำบุญไม่เป็น ก็คือคนที่กำจัดกิเลสไม่เป็นรู้จักกิเลสไม่ได้กำจัดกิเลสไม่ได้ ก็จะเพิ่มกิเลส โลภในดี โลภในทาน โลภในกุศล มีแต่ความโลภที่เก่ง เก่งรวยในวิธี จะพอมีความซื่อสัตย์สุจริตบ้างก็ทำไปตามประสา  แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าอย่างนี้เป็นเชิงชั้นแทคติก ความโกงซับซ้อน เขามีวิธีการที่ซับซ้อนไม่ให้คนรู้ทัน แต่ฉันสมโลภ อยากเรียนไปเรียนกับคุณทักษิณหรือธัมมชโยสิเขาเก่ง วิธีการสะสมความโลภ และมีความอำมหิตซับซ้อนอยู่ในความโลภ เอาความโลภออกมาเป็นประชานิยม ส่วนกรรมที่เขาไม่รู้ทันคือกรรมชั่วทุจริต ที่ทำให้เขารวย มีอำนาจหลอกให้คนเป็นบริวารด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณทักษิณหรือธัมมชโย ขอขอบคุณสองท่านไว้ ณ ที่นี้ เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็น แล้วเขาก็เก่งด้วย ธัมมชโยยังหาตัวไม่เจอ ทักษิณยังเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนแต่ยังหาตัวเจอ ถ้าจะจับจริงก็จับได้ อาตมาไม่รู้แล้วแต่วิบากใครจะจัดการ ก็ว่ากันไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:41:50 )

ผู้ที่ทำมาถูกต้องตั้งแต่ต้น

รายละเอียด

เพราะท่านเป็นผู้ที่ทำมาถูกต้องตั้งแต่ต้น มีกาย รู้จักกายทำกาย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปพูดว่า น เหวโข ไม่ต้องพูดว่าท่านจะต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่เขาก็ไปแปลอย่างเข้าใจสภาวะธรรมไม่ได้ก็ไปแปลว่าไม่มีไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ทั้งๆที่ท่านสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายมาตลอด 

ถ้าจะบอกว่าไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายคุณก็ พูดเป็นภาษาบาลีเต็มๆ ไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ไปเอา น เหวโข มาทำไม

นเหวโข คือละเว้นไว้ เพราะว่าสิ่งนั้นได้ทำสำเร็จแล้วไม่ต้องไปกล่าวถึงส่วนนั้นอีก ไม่ต้องพูดหรือกล่าวถึงส่วนนั้นอีกเพราะองค์นี้ท่านสัมมาทิฏฐิมาตั้งแต่ต้น ท่านถึงได้ทำอาสวะสิ้นได้หมด เป็นอรหันต์ได้แล้ว ก่อน อุภโตภาควิมุติ ซึ่งเป็นแกนของทางสายศรัทธาหรือสาย เจโต สัทธานุสารี ถ้าเป็นสายธัมมานุสารีเมื่อถึงปัญญาวิมุติทำอาสวะสิ้นก็จบแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 13:33:15 )

ผู้ที่ทำวรรณะ 9 ได้เท่าไหร่เป็นยอดนักประชาธิปไตยจริงๆเท่านั้น

รายละเอียด

ทีนี้ วรรณะ 9 นี้แหละ เป็นเครื่องชี้บ่งถึงมนุษย์แต่ละคน

วรรณะ 9 

  1. เลี้ยงง่าย  (สุภระ) 

  2. บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) 

  3. มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) 

  4. ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) 

  5. ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) 

  6. เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) 

  7. มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  

  8. ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  

  9. ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) 

จิตแม้สะอาดแล้ว ก็ต้องรู้จักสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ที่เหมาะสม มันไม่เที่ยงต้องจัดสรรไปตลอดให้ตรงกับ status quo นั้นๆ ทำตามหลักธูตะมีศีลต้นๆจนถึงอธิศีล คุณทำได้เคร่งครัด ก็เป็นปกติ ไม่โต่งอะไร อาการที่ได้กาย วาจา ใจ คนที่มีภูมิปัญญาจะเห็นว่าน่าเลื่อมใส ที่สุดยอดคือยอดขยันไม่สะสม 9 คุณสมบัติอันนี้ ผู้ที่ทำได้เท่าไหร่เป็นยอดนักประชาธิปไตยจริงๆเท่านั้น พระพุทธเจ้าเรียนรู้แค่เรื่องคนกับสังคม ให้คนดีที่สุด ให้สังคมดีที่สุด นี่คือเทวะของคู่ตัวเรากับสังคม โลกกับอัตตา มีที่สุดจบไปเลย นี่สุดยอด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:47:32 )

ผู้ที่ทำให้เกิดสิ่งที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

แม่ก็ทำให้เกิดสิทธัตถะ แม่ทำให้เกิดอัตถะที่มี สิทธะ เป็นสิ่งที่สำเร็จได้จริง อัตถะ

 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:15:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:02 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:40:15 )

ผู้ที่นั่งเจโตสมาธิ

รายละเอียด

ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร ยืนยันไว้ชัดได้แต่อดีต 18  และ อนาคต 44 และในอนาคต 44 ก็มีทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5 นี้อยู่ด้วย ก็ต้องมาขยายความให้ชัด ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิที่เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น เพราะฉะนั้นต้องปฏิบัติผิดวิธีแน่ เพราะถ้าปฏิบัติถูกต้องจะต้องเป็นทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ มันเป็นคำเดียวกันแต่มิจฉานั้นเป็นทิฏฐิที่มิจฉาอย่างหนึ่ง ทิฏฐิอีกอย่างหนึ่งเป็นสัมมา คนนั้นจะต้องมีปัญญารู้เอง คำว่า กาม ไม่มีสงสัยกันหรอก คนหลงเสพกามคุณ 5 แล้วถือว่าเป็นนิพพานก็มีอยู่ในกามสูตร คนว่าเสพกามให้ถึงที่สุดแล้วจะบรรลุนิพพาน เขาก็หลงเชื่อว่าการเสพกามทำให้ถึงนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 16:12:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:32 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:41:09 )

ผู้ที่นิโรธแล้วดับกิเลสแล้วเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้แล้ว

รายละเอียด

ผู้ที่มีนิโรธได้แล้วดับกิเลสไม่มีกิเลสแล้ว แต่ผู้นั้นก็ยังมีตัวเองอาศัย เป็นผู้ที่ไม่มีแล้วกิเลสไม่เกิดอีกเด็ดขาด นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เป็นอย่างนั้นเองตถตาเลยคุณถึงจะรู้ความจริงได้ ตถตามันเป็นเช่นนี้เอง ผู้ที่มีความรู้เองเป็นเองอย่างนี้เอง เป็นความจริงแบบนี้ซึ่งผู้นี้จะไม่เชื่อใครแม้แต่พระพุทธเจ้า แต่เชื่อที่ตัวเองเป็นของตัวเองได้แล้ว สุดยอด อาตมาอธิบายธรรมะที่พูดขยายความนี้อาตมาอธิบายจากสภาวะที่อาตมามี แล้วดีมากที่เมื่ออาตมาอธิบายไปแล้วในพระไตรปิฎกก็มีด้วย บางคนก็เห็นกับตาว่าพระไตรปิฎกมีแล้วก็เอามาขยายความได้ อาตมาเห็นแล้วก็รู้สภาวะได้เลย บางอย่างอาตมาก็มีสภาวะก่อนแต่ยังไม่เห็นในพระไตรปิฎก ไม่เจอรหัส เจอก็ยิ่งสบายใจและพยายามจำเอาพระไตรปิฎกเล่มนี้อันนี้มา คำว่า เชื่อ คำไทยว่า โดยไม่ต้องเชื่อใคร? เป็นการเชื่อที่ได้เห็นจริงด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเชื่อใคร นปจยา อะไร? อาตมามาชาตินี้หัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:50:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:06 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:41:46 )

ผู้ที่บรรลุขั้นในกามภพ

รายละเอียด

ผู้ที่บรรลุขั้นใน กามภพ ตาหูจมูกลิ้นกายนั้นบรรลุแล้ว แต่ก็มีตาลืม จมูกรับกลิ่น รับทุกอย่างแต่อยู่เหนือแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้วสบายๆลอยตัว ก็มาเหลือแต่ข้างในโสมนัสโทมนัส ก็มาล้างตัวนี้อีก หมดโสมนัสโทมนัส ก็มายึดติดเหลือภายในอีกก็มาล้างกิเลสให้เกลี้ยงให้จิตสะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส 

สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส สะอาดตอนแรกมีภูมิธรรมที่มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ไม่เก่ง ก็ไม่ชัด ก็ทำอีก ปฏิบัติอีกก็จะรู้ว่ายังมีสะอาดกว่านี้อีกหรือ สอุตรจิต ไปได้เรื่อยๆ ดี ดียิ่งกว่านี้ยังมีอีกหรือ จนกว่าถึงขั้นอนุตตระ ไม่มีดีกว่านี้อีกแล้ว ดีที่สุดแล้ว อนุตตระก็คือจะต้องตรวจสมาธิกับวิมุติ อีก 2 คู่ ของ เจโตปริยญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:10:05 )

ผู้ที่บรรลุนิยตโพธิสัตว์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุนิยตโพธิสัตว์แล้ว ตอนนี้พัฒนาภูมิไปได้เอง นี้คือไม่ต้องพึ่งพระพุทธเจ้าแล้ว พัฒนาธรรมะไปสู่มหาโพธิสัตว์ พึ่งผู้พี่และผู้พี่ก็ไปเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ พอปัจเจกสัมมาสัมพุทธะแล้ว ผู้ที่ไม่เวียนมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ไม่มาประกาศตน ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเอง นั่นก็คือผู้ที่สูงสุดในโพธิสัตว์ ที่เหนือกว่านั้นคือพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 13:25:23 )

ผู้ที่บรรลุวรรณะ 9 สมบูรณ์แบบคืออรหันต์ขึ้นไป

รายละเอียด

ยิ่งมีวรรณะ 9 คนใดที่บรรลุวรรณะ 9 สมบูรณ์แบบคนนั้นคืออรหันต์ขึ้นไป คนที่บรรลุธรรมวรรณะ 9 เป็น The Classic เป็นความสูงส่งครบครัน มาเป็นคนเลี้ยงง่าย วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, รู้จักปัจจัยชีวิตรู้จักเรื่องเบาภาระรู้จักเรื่องน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:38:13 )

ผู้ที่บรรลุแล้วบอกผู้อื่นไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิมีคติ 2 ทาง

รายละเอียด

แล้วยังเข้าใจผิดอีกว่าผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วบอกใครไม่ได้ ผู้ที่บรรลุแล้วบอกตัวเองบรรลุไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับ โลหิจสูตรของพระพุทธเจ้า พูดไปก็เกรงใจท่านทั้งหลายว่าท่านก็มีอะไรดีๆ อาตมาก็ได้เอามาใช้อาศัยอ้างอิง โดยเฉพาะท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ที่ถือว่าเป็นปราชญ์เอกทางศาสนาพุทธยอมรับกันทั่วโลก องค์กรต่างๆยอมรับ อาตมาไม่ได้มี hornor อย่างนั้น และเขาบอกว่าอาตมาไม่ได้ลงตัวและหยิ่งผยองอะไร อาตมาพูดความจริงเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:44:54 )

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญาแล้วจะมีวรรณะ 9

รายละเอียด

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าแล้ว เมื่อเกิดปัญญา จะเข้าใจจะมีวรรณะ 9 the classes วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับท่าน Lopen Gembo Dorji แห่งภูฏาน

เรื่อง การพัฒนาโรงเรียนและการวางรากฐานพุทธศาสนาในระดับมัธยมศึกษา วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ลานหินนั่งหน้าน้ำตกบวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 21:01:49 )

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมทางศาสนาพุทธมาเจริญดี ลดกิเลส นิพพานนั้นสุดยอด

รายละเอียด

คนที่หาเหตุผลมาแก้ตัว ว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมนั้นเป็นคนน่าสังเวช เป็นคนที่น่าเศร้าใจอย่างมากเลย เป็นคนที่หลงอยู่ในโลกโลกีย์ อย่างหน้ามืดตาบอด ไม่รู้ว่าสาระสำคัญของมนุษยชาตินั้นอย่างน้อยแม้ ในทางโลกีย์ ผู้มาศึกษาปฏิบัติธรรม ทางโลกีย์ก็คือคนมาเจริญมาดี ยิ่งศาสนาพุทธอย่าว่าแต่ดีเลย รู้จักทางลดกิเลส รู้จักทางนิพพาน เกิดเป็นคนแล้วนี่นะ ได้เรียนรู้ลดกิเลส แล้วก็ได้นิพพาน มันสุดยอดแล้ว ในการเกิดมาเป็นคนๆหนึ่งในโลกตั้งแต่เริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียว จนพัฒนามาเป็นสัตว์เดรัจฉาน สะสมวิบากกว่าจะได้เกิดมาเป็นคนผ่านมาไม่รู้กี่ล้านชาติ สะสมอวิชชามาเกิดมาเป็นคนแล้วคนก็สะสมทุกข์ สัตว์มันก็ทุกข์ แต่มันไม่โง่เหมือนคน มันไม่ต้องมาสนใจเรื่องลาภยศสรรเสริญโลกียสุข สัตว์เดรัจฉานไม่มีความสุขเท่าคนเพราะไม่โง่เท่าคน คนที่อวิชชาที่ว่านี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ก็บัญญัติคำศัพท์ว่าอวิชชาคือโง่บรมมหาโง่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2562-3


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 14:26:45 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:42:40 )

ผู้ที่ฝักใฝ่ในความเป็นคนคู่ ย่อมเศร้าหมอง

รายละเอียด

เอาคำตรัส ที่สมบูรณ์แบบเลย เอาที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า การตั้งตนเป็นคนโสด ผู้ที่ตั้งตนเป็นคนโสด ท่านเรียกว่าเป็นบัณฑิต ผู้ที่ฝักใฝ่ในความเป็นคนคู่ ไปแต่งงาน ไม่โสด ย่อมเศร้าหมอง พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ตรัสว่าโง่หรอก ย่อมเศร้าหมองเพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่า คุณเป็นภิกษุนี้ ท่านมีวินัยเลยว่าอย่าไปส่งเสริมให้เขาแต่งงานกัน เป็นพระเป็นเจ้าแล้วไปสนับสนุนให้เขาแต่งงานกัน ไปสวดงานแต่งงาน ไปอวยพรให้แต่งงานให้เป็นคู่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ต้องอาบัติสังฆาทิเสส อย่าไปเอื้ออวยให้คนแต่งงานเข้าไปหาทุกข์ ท่านให้วาง เลิก ปล่อย ให้เข้าใจถึงสัจจะอันนี้ 

อาตมาเคยเปรียบที่จะให้ไปแต่งงานในโบสถ์ของศาสนาพุทธ เขาเปรยกันมา อาตมาเหยียบเบรก 6 ล้อเลย 10 ล้อเลย รถสิบล้อต้องเบรกมันสิบล้อเลย เพราะสังฆาทิเสสกินหัวเลยนะ พูดแรงๆอย่างนี้ เป็นพระเป็นเจ้าไม่รู้จักวินัย พระพุทธเจ้าไม่ให้ส่งเสริม ไปส่งเสริมได้อย่างไรทำให้คนแต่งงานก็เป็นคนคู่ 

ความเสื่อมของศาสนาพุทธทุกวันนี้ บวชเป็นพระเป็นเจ้าเป็นใหญ่เป็นโตขนาดเป็นพระเป็นเจ้า จะมาจัดการพิธีการ พิธีกรรม มีอำนาจมีส่วนมีสิทธิ์จัดการสังคมศาสนาด้วย อยู่ในฐานะตำแหน่งจะต้องจัดการอย่างนี้ได้  ยังไม่รู้เรื่องแค่สังฆาทิเสสข้อนี้ 

ศาสนาอื่นเขาไม่รู้เรื่องก็เป็นเรื่องของเขาไป พระศาสดาของเขามีความรู้อย่างที่เขาเป็น เขาก็ว่ากันไป แต่ศาสนาพุทธนั้นเป็นเรื่องรู้ทุกข์อาริยสัจ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่รู้อย่างพระพุทธเจ้าก็ต้องปฏิบัติตามธรรมวินัยให้ได้ เข้าใจพระวินัยให้ได้ ถ้าเข้าใจพระธรรมวินัยแค่นี้ ขั้นสังฆาทิเสส อย่างหยาบแค่นี้ ยังละเมิดยังทำอยู่ได้ แล้วจะไปบริหารศาสนาพุทธได้ยังไง 

เพราะฉะนั้น เรื่องพระ อย่าไปยุ่งเรื่องคนเขาแต่งงานในศาสนาพุทธ แต่ถ้าเป็นฆราวาสไม่ได้อยู่ในฐานะ เป็นฆราวาสก็ไม่ใช่พระคนละฐานะ เพราะฉะนั้นฆราวาสจะไปแยกคู่กัน มองไปในแง่ปรมัตถ์ก็ดี แต่มองไปในแง่โลกๆประเดี๋ยวจะฆ่าแกงกัน มันก็มีมาแล้วเรื่องของเรื่อง มันเป็นไปตามธรรมชาติ ลึกไปกว่านั้นเลย 

ลึกไปกว่านั้นคือ คุณจะไม่ให้ผู้หญิงผู้ชายแต่งงานกันเลย โลกก็หมดสิคนน่ะ ลึกไปกว่านั้น เพราะฉะนั้นศาสนาพระพุทธเจ้าถึงบอกว่า เป็นอาริยะระดับต้น โสดาบันก็มีผัวเดียวเมียเดียว นี่คือวินัยของพระพุทธเจ้า ก็แต่งงานสิ ไม่งั้นคนก็หมดโลกสิ ผัวเดียวเมียเดียวได้ อย่านอกใจกัน อย่าไปเที่ยวได้มีเรื่องทุกข์ร้อนมากกว่านั้น อยู่กันให้ดี มีความรัก 10 มิติ สูงๆ จะแต่งงานก็ให้ความรักเจริญสูงๆขึ้นไป มิติที่ 3 ที่ 4 อะไรขึ้นไป ไม่ใช่ว่า แต่งงานก็เห็นแต่เรื่องเสพกาม มีลูกมาก็ฆ่าทิ้งอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่คนแล้ว มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้ว ก็อธิบายอย่างหนักๆนี้แหละ 

เพราะฉะนั้นอยู่ในฐานะของฆราวาส ก็ไม่ถึงขั้นเป็นสมณะนักบวช ก็อยู่ในฐานะหนึ่งก็มีคู่แต่งงานกันแบบผัวเดียวเมียเดียว ตามหลักเกณฑ์พระพุทธเจ้าก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปอะไรถึงขนาดนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 12:45:04 )

ผู้ที่พ้นสังโยชน์ 3 คือพระโสดาบัน

รายละเอียด

สังโยชน์ 3 มี 1 พ้นสักกายทิฏฐิ 2 พ้นวิจกิจฉา 3 พ้นสีลัพพตปรามาส ผู้ที่พ้นสังโยชน์ 3 คือพระโสดาบัน มีความเห็น ความรู้ ความเข้าใจขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่ใช่ความรู้จบ เป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้นแต่มันหลุดพ้นในเรื่องที่ไม่เข้าเรื่อง มันเป็นความรู้ที่เข้ากระแส เข้าไปสู่ภาวะนี้ซ้อนลงไป รู้จักขึ้นมา ชัดจะโอ้โห แต่ก่อนนี้ ถ้าเราเป็นฝรั่งกินพริกไม่ค่อยเป็น แต่ตอนนี้มาเจอรสของพริกเข้าก็ชัดเจนดีแฮะๆ ต้องหาพริกรสเผ็ดๆนี้มากินแล้ว คล้ายๆอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:24:38 )

ผู้ที่มากอบกู้ธรรมะโลกุตระ

รายละเอียด

อาตมาเป็นผู้ที่มากอบกู้ธรรมะโลกุตระที่มันเสื่อมตามคำตรัสพยากรณ์ไว้ของพระพุทธเจ้าในอาณีสูตร แล้วว่า ศาสนาพุทธคนชาวพุทธจะเสื่อม แล้วก็จะมีผู้มากอบกู้ 

ผู้จะมากอบกู้ก็ต้องมีคุณธรรมเพียงพอที่จะกอบกู้ได้ ถ้าหากไม่มีของจริงจะมาทำจริง มันเป็นไปไม่ได้ อาตมาก็มา เกิดมาชาตินี้จริงๆอาตมาไม่รู้ตัวหรอกว่าอาตมาเป็นใคร เกิดมาอาตมาก็เป็น ลิงลมอมข้าวพอง อยู่ 36 ปีอยู่กับโลกโลกีย์เขาแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข จะดีจะเด่นกับเขานะ ซึ่งมันก็พอได้ 

ทั้งๆที่อาตมานี่มันมีเครื่องพิสูจน์ว่าอาตมาเมื่อครั้งเป็นฆราวาส มีฐานะยากจน เรียกว่าจน ตามประวัติ ก็จน ก็ก่อร่างสร้างตัวทำอะไรขึ้นมาเจริญขึ้นมาเห็นๆเป็นไปได้ แต่สุดท้ายก็มาถึงขีด หมดพลังงานของ ลิงลมอมข้าวพอง ก็ไม่เอาแล้วโลกียะ อยู่ทางโลกไม่เอา ก็มาทางนี้ตั้งแต่บัดนั้น 

แล้วทำงานมาถึง 53 ปี ปีนี้ย่างปี 53 จะเต็ม 53 อยู่ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา อาตมาบวช 7 พฤศจิกายน 2513 ปีนี้ 2566 มันก็เต็ม 53 ปี ขึ้นปีที่ 54 นี่มันเดือนธันวาคมแล้ว เพิ่งจะผ่าน 7 พฤศจิกายนมาเดือนกว่าเอง เลย 53 ปีมาเดือนกว่า 

อาตมาก็มานึกถึงว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงงาน 70 พรรษา อาตมาก็มานึกว่าอาตมาจะทำน้อยกว่าท่านหรือ อาตมาทำ 53 ปีเองทำไมไม่ทำเติมให้ไปได้อีกสัก 17 ปี ถ้าหากเติมไปได้อีก 17 ปีอยู่ไปได้อีก 17 ปีมันก็ 70 ปีเท่าๆกันกับในหลวง 

ในหลวงท่านก็ทรงงานตามบารมีของท่าน ท่านเป็นทางรูปธรรม ท่านเป็นสายศรัทธาสายเจโต อาตมาเป็นสายปัญญา อันนี้ก็เป็นสัจจะที่พูดมาแล้วก็ย้ำยืนยันมา ก็ทำไปจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:38:43 )

ผู้ที่มาจนจะเป็นผู้กอบกู้สังคมส่วนผู้ที่ไปรวยจะทำลายสังคม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่มาจนจะเป็นผู้กอบกู้สังคม ผู้ที่ไปรวยจะทำลายสังคม เพราะมันขี้โลภและหวงแหนทำให้เสียของ เป็นสมบัติของตนเองคนอื่นมาแตะต้องแย่งชิงไม่ได้ผิดกฎหมาย ก็คุณใช้หลักเกณฑ์ของโลก Majority rule เพราะคุณเก่ง คุณเอาไปรวมไว้ได้มากเป็นหมู่ของคุณ คนอื่นก็ใช้ไม่ได้ ทำให้สังคมแหลกเหลวเสียหาย แต่คนก็เข้าใจยากเพราะเป็นกิเลสของเขา ที่เขาคงเห็นว่าอย่างนี้ดี เขาเห็นอย่างนั้นว่าเป็นสัมมาทิฏฐิที่จริงเป็นมิจฉาทิฐิอย่างร้ายแรง แต่เขาไม่รู้เขาก็ต้องทำตามที่เขารู้ มันเป็นสัจจะ เป็นธรรมาธรรมะสงครามที่จะพิสูจน์ความจริงไป 

เราจนเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเราไม่ได้แย่งชิง เป็นแต่เพียงว่าเราพยายามให้คนอื่นมีความรู้ว่ามาจนอย่างนี้ดี ก็มีมวลปริมาณพลเมืองของคนจนเพิ่มขึ้น แล้วเป็นคนจนที่มหัศจรรย์ เป็นคนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ เป็นคนจนที่มีสมรรถนะ เป็นคนจนที่ยอดเสียสละ เป็นคนจนที่ไม่ได้เป็นพิษภัยอะไรต่อโลกต่อสังคมต่อไปเลย มีแต่คุณค่าประโยชน์ต่อโลกต่อสังคม 

เป็นคนยอดขยัน ไม่สะสม อปจยะ วิริยารัมภะ 2 ตัวสุดท้ายของวรรณะ 9 ไม่สะสม ชัดเจนว่าสาธารณโภคีเป็นเศรษฐกิจที่สูงสุด มีส่วนกลาง แล้วเป็นคนมักน้อยสันโดษกินน้อยใช้น้อยอยู่แล้ว ดีไม่ดีแต่ละวันเราก็ทำงานสร้างสรรค์ให้แก่ชุมชนมากกว่าที่เรากินเราใช้ ได้มากเท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น ก็เป็นกุศลของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:52:01 )

ผู้ที่มาอยู่ที่นี่ชัดเจนมาอยู่เพื่อตั้งใจปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

ที่จริงมันมีพวกนี้ได้คนที่จะแอบแฝงมา เขาก็สบาย มีเวลาว่างก็ออกไปข้างนอกออกไประเริงของเขาไป มานั่งกินนอนกินอยู่ในนี้ คนที่เขาทำแบบนี้ เป็นความผิดของเขา ที่มันเป็นความเลวทรามเรียกว่าเป็นบาปอย่างหนาอย่างมาก คือไม่ได้มาเป็นประโยชน์อะไรไม่ได้มาศึกษาธรรมะอะไร มาแฝง อยู่แฝง ทำทีบ้างอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่จริงๆไม่ใช่ เจ้าตัวเขาจะรู้ตัวเองที่พูดไปนี้ แต่ผู้ที่มาอยู่ที่นี่ มีความชัดเจนมาอยู่อย่างตั้งใจปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะมีความสำนึกว่าเราจะอยู่ไปอย่างกินแรงเพื่อนเอาเปรียบเอารัด ไม่ดี การเอาเปรียบเอารัดด้วยกัน ต่างคนต่างเอาเปรียบเอารัดกัน มันก็ไม่บาป เท่าไหร่ แต่มาเอาเปรียบเอารัดผู้ที่ท่านไม่ได้เอาเปรียบเอารัดใครแล้ว หรือผู้ที่มาปฏิบัติตนเพื่อจะไม่เอาเปรียบเอารัดใครแล้วมันบาปมาก บาปหนักกว่ากัน ราคาของบาปมันสูง ยิ่งไปเอาเปรียบพระอรหันต์ เอาเปรียบพระพุทธเจ้าจะบาปอีกเท่าไหร่ ก็ขอบอกธรรมะไปอย่างนี้ก็แล้วกัน เป็นวิบากอาตมาที่ไปตำหนิแก่เขา มีปฏิกิริยากลับมา หากทำก็เป็นวิบากมาก ที่ทำก็เสียสละไป ก็ได้รับวิบาก เพราะว่าคู่วิบากจะสะท้อน Action reaction แต่นี่อาตมาเจตนาทำก็ต้องมีวิบาก เป็นการเสียสละชนิดหนึ่งของพระโพธิสัตว์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 10:41:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:26 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:44:17 )

ผู้ที่มาเจริญคือผู้ผลิตอาหารอย่างแท้จริง

รายละเอียด

คนเถื่อนที่นึกว่าตัวเองเจริญ เถื่อนแย่งลาภ ยศ เถื่อนเก่งในการฆ่ากัน อยู่อย่างนี้ แต่พวกเรานี้เลิกมาหมด เลิกแย่งทรัพย์สิน เลิกฆ่ากัน มาสร้างสรร อาหารเป็นหนึ่งในโลกก็เป็นผู้ที่มาเจริญคือผู้ผลิตอาหารอย่างแท้จริง ไม่โง่งมงาย ที่จะไปคิดสร้างอาวุธ ยิ่งจะไปสร้างระเบิดนิวเคลียร์อะไรก็ไม่ทำ 

เป็นคนฉลาดสร้างอาหาร สร้างให้อุดมสมบูรณ์เผื่อแผ่แจกจ่ายไปเลย ไม่ต้องกลัวเลย เป็นจุดสูงสุดในความเป็นมนุษย์ชาติแล้ว เป็นการงานที่จะลงพฤติกรรมกับการกระทำ เช้าตื่นขึ้นมาก็ทำ จนกว่าจะบรรลุอรหันต์จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน  เลิกอยู่ในวัฏสงสารนี้ อัตภาพเราสลายเป็นดินน้ำไฟลมไป ถ้ายังจะสมัครใจเป็นโพธิสัตว์เหมือนอาตมาก็เอา เพราะเรารู้แล้วว่าเราจะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:46:53 )

ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็พึ่งกรรมที่เป็นการรบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นกรรมเป็นที่พึ่ง ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็พึ่งกรรมที่เป็นการรบ ก็บาปอยู่ ผู้ที่ชนะศึกชนะการรบก็มาหา อรณะ อรณะก็สงบอบอุ่น อย่างพวกเรา ก็มาหาอรณะ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆศึกษาไปจึงจะรู้ความหมายของพยัญชนะ 

พยัญชนะที่ปราชญ์ทางศาสนาท่านรู้ ท่านรู้พยัญชนะ ซึ่งพยัญชนะมันได้เพี้ยนไปจากสภาวธรรมที่แท้จริง ที่เป็นปรมัตถ์สัจจะของพระพุทธเจ้าไกลออกไปแล้ว มันเพี้ยน แล้วก็ไปเชื่ออย่างนั้น แล้วก็มีนักรู้มาสร้างโครงสร้างของการเรียนรู้ไป ตามหลักของอะไร ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์  มีแต่พยัญชนะ หลักการ มีแต่บัญญัติ เหมือนอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัส มีแต่ตำราดูแต่ตำราเท่านั้น แต่ตำราของเราอะลุ่มอล่วยกันปรองดองกัน สงบอบอุ่นกันอย่างนี้ก็จะเป็นสังคม ที่ไม่มีใครสู้เราได้ จะเป็นสังคมที่เป็นหนึ่งในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 15:23:14 )

ผู้ที่มี พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ จริงๆ 

รายละเอียด

เป็นผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้เกื้อกูลโลก โลกานุกัมปายะให้ได้ เป็นผู้ที่มี พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 47 

วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 12:51:23 )

ผู้ที่มีความจริงของมูลสูตร 10 ครบแล้ว

รายละเอียด

ที่จริงท่านประสบความสำเร็จในความรู้ความจริงทั้งหลายที่ประดามีกันในมหาจักรวาลเอกภพนี้ จบความรู้ทั้งหมดไม่มีความไม่รู้อีกเลย รู้จริงๆ รู้จบรู้ครบ ผู้ที่รู้จบอย่างที่ว่านี้คุณจะอยู่เป็นคนก็ได้ คุณจะไม่อยู่เป็นคนจะสลายตัวเป็นดินน้ำไฟลมเลยก็ได้ จะอยู่เป็นคนไป อยู่ไปทำไม? อย่างอาตมานี่ รู้แล้ว ยังไม่ถึงเป็นพระพุทธเจ้าหรอก เป็นพระอรหันต์ก็รู้แล้วได้ชื่อว่าเป็นอรหันต์ก็คือผู้รู้จบครบแล้ว เป็นผู้ที่มีความจริงของมูลสูตร 10 ครบแล้ว เป็นผู้ที่มีฉันทะรู้จักฉันทะ รู้จักมนสิการ รู้จักผัสสะ รู้จักเวทนา รู้จักสมาธิ รู้จักสติ รู้จักปัญญา รู้จักวิมุติ รู้จักอมตะ รู้จักความปรินิพพานเป็นปริโยสาน รู้ครบเลย ท่านรู้มูลสูตร 10 โดยสภาวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:43:39 )

ผู้ที่มีความจริงมาก เป็นผู้ที่ทำความพอดีได้

รายละเอียด

ผู้ที่มีความจริงมาก เช่นมีมากแล้วจะเบิกบานมากร่าซ่าก็ไม่ใช่ ก็มีความเบิกบานพอดีพอดีได้ เป็นผู้ที่ทำความพอดีได้ ไม่ใช่ไปตามเหตุปัจจัยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นความรู้จักความพอเหมาะพอดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:38:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:52 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:45:45 )

ผู้ที่มีความรู้จุดสำคัญจุดเดียวกันกับของพระพุทธเจ้าผู้นั้นเป็นอภิภู

รายละเอียด

ซึ่งความตรัสรู้สิ่งเหล่านี้ พระพุทธเจ้านี้เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางชีวะ ทางจิตวิทยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราเอาชีวิตวันนี้ ตั้งแต่เรารู้มาจนกระทั่งถึงวันนี้ แล้วเราก็เอาชีวิตมาเรียนสิ่งนี้ ประพฤติสิ่งนี้ ให้ได้รับประโยชน์ได้รับผลของความจริงความรู้และความจริง ปฏิบัติให้เกิดความจริงได้จนถึงเท่าที่เราได้แต่ละคนๆ 

คุณทุกคนที่มาทำ ได้มากหรือน้อยในเวลาสั้นหรือยาวก็แล้วแต่ เห็นจริงว่าสิ่งนี้ดีที่สุดแล้ว คนนั้นมีความเห็นเดียวกันกับพระพุทธเจ้า ว่าไม่มีอะไรหรอก เกิดมากี่ชาติกี่ชาติก็อันนี้แหละดีที่สุด แม้คุณจะไม่มีภูมิเป็นระดับโพธิสัตว์ มีภูมิในระดับกัลยาณชนนี่แหละ แล้วก็เป็นอาริยชน เป็นคนที่มีโลกุตรธรรมรู้โลกุตรธรรม แล้วก็ได้ประพฤติแก่ตัวเองนี้ คุณมีความเห็นความเข้าใจเท่ากันกับของพระพุทธเจ้า ยิ่งใหญ่นะ ยิ่งใหญ่ อภิภูเลยนะ 

อภิภู แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะมีความรู้จุดสำคัญจุดเดียวกันกับของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นเรื่องพูดตลกพูดเทียบเคียงเล่น แต่เป็นเรื่องจริงความจริงที่ย้ำให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:45:03 )

ผู้ที่มีคุณธรรมโลกุตระ ในประเทศไทยก็จะออกมาแสดงตัวตน เป็นหน้าที่ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีคุณธรรมโลกุตระ ในประเทศไทยก็จะออกมาแสดงตัวตนไม่ได้ออกมาอวดโอ่แต่ออกมาทำงาน เป็นการปรากฏตัวตน แล้วก็ทำงานเป็นการเมืองตั้งแต่เล็กๆน้อยๆออกมาแสดงตัว ออกมาแสดงเสียง ไม่ได้ไปหาเสียงนะ ออกมาแสดงเสียงว่าฉันเป็นประชาชนคนไทยเหมือนกันนะ 1 หน่วย 1 คน 1 เสียงนะ ออกมารวมตัวกันชุมนุมประท้วง 

อย่างอาตมาพาพวกเราออกไปประท้วง มีกี่คนอาตมาไม่เคยกังวลหรอก  อาตมาไม่เคยกังวล ไม่เคยนับจำนวนอโศกที่ออกไปชุมนุมประท้วงไม่เคยนับ แต่ออกไปทำงานทำงานทำงานแล้วมีคนมาร่วมร่วมกินร่วมอยู่ร่วมเห็นด้วย จนกระทั่งเกิดการเห็นชัดเจนและมาร่วมกันโดยที่ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ เขาก็ทำงานการเมืองของเขา เขาก็มีประชาชนเข้าใจได้พาพรรคพวกมา ก็เลยเป็น กลุ่มที่มากกว่าชาวอโศก มาถึงสถานีรถไฟสามเสนรวมตัวกัน ก็เป็นกลุ่มนั้นมาสมทบกับพวกเราที่อยู่ในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อยู่บริเวณนั่นแหละที่อยู่แถวๆทำเนียบ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ เป็นแก่นแกนอยู่เป็นหลัก จำนวนไม่มากเท่าของสุเทพ 

พอสุเทพเข้ามารวมอีก ประชาชนหมู่ใหญ่ที่มีภูมิธรรมเข้าใจว่าอ๋อ.. อันนี้เป็นหมู่มวลประชาธิปไตยแท้ๆ ก็มาสมทบอีกเป็นล้านเลย ทีนี้กี่ล้านไม่รู้ เขาประเมินกันถึงขั้น 10 ล้าน จึงถือว่าเป็นการประท้วงที่เด็ดขาด ชนะหลุดลอย ซึ่งทำมาตั้งแต่ทักษิณ 

เริ่มทักษิณนั้นมีรูปแบบ พลเอกสนธิเข้ามาปฏิวัติหน่อยหนึ่ง จากนั้นมาทักษิณก็ออกฤทธิ์เอาสมัครมา เราก็ไปประท้วง แต่ก็ยังไปอยู่ในรูปแบบว่าไอ้นั่นมันศาลตัดสิน สมัครนั้นตกไปไม่ใช่เพราะประชาชน อ้าว..ทักษิณก็ไม่ยอม ก็ไปเอาน้องเขยมาอีก เอาสมชายมาเป็นนอมินีเป็นตัวแทนอีก สมชายมา พวกเราก็ประท้วงจนกระทั่งไม่ได้เข้าทำเนียบเลยสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าไปนั่งในทำเนียบเลย เพราะว่าพวกประท้วงไม่ให้เข้าได้ 

จนสมชายตกไปอีกก็ยังมีฤทธิ์เอายิ่งลักษณ์มาอีก เราก็ประท้วงอีก เป็นประชาชนประท้วง จนกระทั่งยิ่งลักษณ์ก็จะต้องตกไปเหมือนกัน ถูกศาลตัดสิทธิ์ให้เป็นอะไรต่ออะไรจนกระทั่งออกมาหมด ทั้งขี้โกงทั้งทำลายย่อยยับ สุดท้ายแล้วก็มีผู้รักษาการแทน ผู้รักษาการก็ถูกตัดสินไม่มีอำนาจที่จะไปบริหารอีกแล้ว พลเอกประยุทธ์ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้ารักษาการความสงบเรียบร้อยของประเทศ  เป็นหน้าที่ 

กว่าจะมารับลูกของประชาชนอยู่ตั้งนานแน่ะ พ.ศ 2557 เราออกไปชุมนุมประท้วงตั้งแต่ 2549  พอนายกประยุทธ์มารับลูกต่อ ก็ต้องอาศัยรูปแบบของสภาของประชาธิปไตยโลกเขาก่อน เข้ามาทำหน้าที่ซึ่งมันต้องทำและเขาก็ตีความว่านี่คือผู้ยึดอำนาจ ใช่ พลเอกประยุทธ์ใช้คำว่าอย่างนั้น ผมก็ขอยึดอำนาจง่ายๆนะไม่ได้มีปืนไปยิงสักแปะ เขายิงกันมาแล้ว พวกสายรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ยิงสักแปะ มีแต่พวกพวกโน้นยิงมา พวกเราประท้วงด้วยความสงบไม่มีอาวุธนี่เป็นความซ้อนอยู่ในพวกนี้ นักรัฐศาสตร์จะต้องศึกษารัฐศาสตร์บทนี้ให้ดีว่าประเทศไทยมีสองสมัยประชาธิปไตยมีประชาธิปไตยแบบพุทธ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะไม่มีใครมีหรอก เป็นปรากฏการณ์จริงประท้วงจริงๆเป็นประชาธิปไตยที่เป็นประชาชนเพื่อประชาชนโดยประชาชนจริงๆ นี่แหละคือประชาธิปไตยที่ประชาชนทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2566 ( 12:14:09 )

ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นอภิภู

รายละเอียด

ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นอภิภู รู้สัมผัสอื่นอยู่ ก็รู้ทั้งภายนอกภายใน มีภายในก็รู้ภายนอก ใครจะเปิดตำรามาเปรียบเทียบก็ได้ ฟังที่อาตมาพูดแล้วก็อ่านตำราพระไตรปิฎกด้วย เสร็จแล้วก็ยังมีความรู้อื่นๆ อีกพร้อมทั้งภายนอกภายใน มีความรู้ระดับ ปริตตัง เรียกว่า เล็กน้อย ระดับบริวาร แล้วก็ยังรู้ ทุพรรณะ สุพรรณะ รู้ขั้น รู้ชั้นของอะไรต่างๆนานา หยาบ กลาง ละเอียด ดีทราม ต่ำสูง มากน้อย วิเศษไม่วิเศษ ก็รู้ขั้นชั้นของอะไรต่างๆนานาที่เป็นดีกรีมิติต่างๆ 

จึงรวมแล้ว เป็นความรู้อยู่พร้อมกันเลยนะ รู้พร้อมกันหมดเลย รู้อยู่ในนี้ แต่คนไม่ถึงขั้นอภิภู จะรู้ทีละอย่าง รู้แต่ภายนอกภายในไม่รู้ตัว ไม่รู้เรื่อง ไปนั่งหลับดับ เข้าไปตรวจภายในแต่ทวารทั้ง 5 ไม่ได้ศึกษาฝึกฝนก็ได้เรียนรู้แต่เพียงภายใน ดีไม่ดีมีแต่ธาตุสัมภเวสีไปปรุงแต่งเป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เป็นกายเก๊ๆ เป็นของตัวเองแต่ทำทีเป็นรู้เรื่องอุปาทานหมู่ด้วยกัน เช่น คนตาบอดชมว่า ฟ้าสวยจริงๆ คนตาบอดอีกเป็นร้อยก็บอกว่าฟ้าสวยจริงๆ ทั้งที่มันไม่ได้มองของจริง แต่ก็ทำที่รู้เหมือนกัน ที่อยู่ในโลกเหมือนคนตาบอดชวนคนตาบอดไปชมท้องฟ้าสดใส แล้วยังชมว่าท้องฟ้าสดใสขึ้น คนตาบอดสอดตาเห็น อย่างนี้ในโลกที่มันสมมุติ ในโลกที่มันโมเม ในโลกที่มันไม่รู้จักความจริง มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น 

อาตมามาพูดความจริงให้ฟัง ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสจึงเป็นความจริงที่ละเอียด จนกระทั่งรู้ความจริง อัตตา จนกระทั่งเป็นอนัตตา  รู้แล้วปฏิบัติศึกษาปฏิบัติได้ จึงได้รู้ว่าพระเจ้าขี้โม้ พระเจ้าทำทีเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ เป็นเจ้าของความรู้ เจ้าของความจริง เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่ง มังคุดมันก็เป็นของมัน ไม่ได้มีพระเจ้าสร้างอะไรหรอก เปลี่ยนจากทุเรียนมาเป็นขนุนแล้ว บนโต๊ะ ขนุนก็เป็นของมันไม่ใช่พระเจ้าสร้างอะไรหรอก ช้างม้าวัวควายมันก็เป็นของมัน คนแต่ละคนก็เป็นตัวของตัวเองทั้งนั้น 

กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  ตนเองเป็นทายาทของกรรมตนเอง จะเป็นจะตายจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็เพราะว่ากรรมของคุณเองทั้งนั้น ไม่มีใครมาทำให้คุณเลย กัมมโยนิ คุณทำให้เกิดให้เป็นตัวคุณเองทั้งนั้น เสร็จแล้วคุณก็สั่งสมเป็นพันธ์ุของกรรมตัวเอง คุณสลายเผ่าพันธุ์ ความเป็นจิตธาตุความเป็นจิตนิยาม สลายเป็นดินน้ำไฟลมเลย ล้างเผ่าพันธุ์เลยสูญพันธุ์ไปเลยได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ งานอโศกรำลึก 2565 อภิภายตนะ 8 ตอน สังคมสาราณียธรรมที่จริงยิ่งกว่ายูโทเปีย วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2565 ( 13:58:14 )

ผู้ที่มีจิตมุ่งมั่นจะทำอะไรให้สำเร็จดังใจทุกอย่างกับการอยากฆ่าสัตว์เป็นปุริสภาวะหรือไม่

รายละเอียด

อยากฆ่าสัตว์ก็ไม่ใช่ปุริสภาวะแล้ว

การตั้งใจให้ได้ตามเป้าหมายที่จะให้สำเร็จมันก็เป็นเป้าหมาย คนมีเป้าหมายทำเป้าหมายแล้วรู้เหตุปัจจัยทำให้เกิดผลตามเป้าหมายได้ให้ถูกต้องก็แล้วกัน ไม่ต้องอยากได้นิพพานเลยแต่คุณศึกษาเหตุและทำเหตุให้ถึงนิพพาน 

เราอยู่ในฐานะของโสดาบันก็ยังไม่ได้ จะไปเอาสกิทาคามีพระอนาคามีก็ต้องศึกษา ให้เอาระดับโสดาบันก่อน ทำไปตามขั้นตอน คุณก็จะถึงเป้าหมายเอง ศึกษาพอรู้ทิศทางสำคัญต้องดูตัวเองแล้วทฤษฎีแต่ละขั้นตอน เราอยู่ในฐานะนี้เราก็ทำตามฐานะให้ตรงแล้วเราก็จะก้าวหน้าอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ไปตามลำดับ คุณจะเร็วแล้วได้จริง แต่ถ้าหากรู้มากแล้วทำไม่ได้ก็จะไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรวุ่นวายเละเทะไปหมดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 11:16:26 )

ผู้ที่มีจิตอุเบกขาเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

อุเบกขาแปลว่า จิตสะอาด แต่เขาแปลอุเบกขาว่าเฉย ซึ่งเฉยๆเขาก็ไปแปลอีกว่าไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ผลักไม่ดูด ก็ได้ เป็นคำแทนแบบง่ายๆตื้นๆ แต่จริงๆแล้วจิตไม่มีกิเลส อุเบกขา เป็นจิตบริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา นั่นคือองค์ 5 ของอุเบกขา 

มาเรียนรู้เอากิเลสออกจากจิต จิตใจก็สะอาด จนไม่มีกิเลสเลยเรียกว่าบริสุทธิ์ เป็นองค์ธรรมข้อที่ 1 ของอุเบกขา ก็คือ จิตปราศจากกิเลส บริสุทธิ์สะอาดจากกิเลส แล้วก็ปราศจากกิเลสมากยิ่งขึ้น ปริโยทาตา สั่งสมไว้ในแกนจิต ทั้งสภาพปัญญาทั้งสภาพเจโต ทั้งสองสภาพ ดีขึ้นเจริญขึ้นแข็งแรงขึ้นตลอดเวลาเลย มุทุภูตธาตุ จึงเป็นผู้มีกรรม มีการกระทำมีชีวิตที่เป็น กัมมัญญา มีการกระทำประกอบด้วย อัญญธาตุหรืออัญญา ปัญญา มีการกระทำที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นคนช่วยจัดการควบคุม ให้มีการกระทำ 

เพราะฉะนั้นการกระทำที่ควบคุมด้วยปัญญา การกระทำที่มี อัญญา เป็นเจ้าเรือน มีอัญญาหรือปัญญาเป็นพลังงานหลัก จัดการให้ทำกรรมกิริยาทุกอย่าง ก็ดีที่สุด แม้แต่กิเลสก็ไปจัดการ แต่มีปัญญามีความฉลาดก็ไปจัดการ ก็เป็นคนปภัสรา เป็นเทวดาชั้นสูงสุด เป็นผู้ที่สะอาดสว่างสงบ เสียสละ อยู่ในโลกอย่างมีประโยชน์คุณค่าให้แก่โลก เพราะเป็นคนมีจิตที่เป็นอุเบกขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:32:40 )

ผู้ที่มีธรรมทานอยู่ในตัว

รายละเอียด

คุณพรพิชัยอยู่ ชมร.เขาเป็นผู้ที่มีธรรมทานอยู่ในตัว พรพิชัย ชัดเจนเป็นก้อนธรรมะที่ไม่มีตัวตน ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง อาตมาอธิบายไปผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาจะเข้าใจ เป็นผู้ที่ไม่ได้ระลึกถึงตัวเองทำเพื่อคนอื่นตลอด สังคมต้องการสิ่งนี้คนประเสริฐที่ไม่มีอัตตาตัวตนไม่มีตัวเองไม่เห็นแก่ตัว ทำงานเพื่อผู้อื่นเสียสละเพื่อผู้อื่นตลอดเวลา พูดให้สวยก็คือรับใช้ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562 


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 20:38:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:15 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:45:11 )

ผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่

รายละเอียด

แม้แต่พุทธเอง อาตมาก็พูดไปแล้วผ่านไปเมื่อกี้ ว่าเมื่อมันเสื่อมไปจนเกือบหมด หรือถือว่าหมดยังได้เลย อาตมาก็เอามาปลูกฝังขึ้นใหม่ ซึ่งอาตมาก็พูดอย่างที่คนเขาหมั่นไส้เลยว่า ไม่มีใครจะมายืนยันอย่างนี้ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ นำอันนี้มายืนยัน ย้ำยืนยันประกาศแล้วก็อธิบาย จนพวกเราเข้าใจใหม่ว่า ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็เข้าใจได้ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ เด็ก หนุ่มสาว ผู้ใหญ่จนกระทั่งแก่เฒ่าตายไปก็เยอะแล้ว เพราะอาตมาทำงานมา 50 ปี คนเข้าใจ ผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อย มองเห็นเข้าใจได้ ก็มามุ่งมั่นพากเพียรศึกษาปฏิบัติฝึกฝนจนกระทั่งได้มรรคผลแล้วก็มาอยู่รวมกันเป็นชุมชนเป็นบวรต่างๆกระจายอยู่ทั่วประเทศ เป็นชุมชนต่างๆ 10 ชุมชน 20 ชุมชน 30 ชุมชนอย่างย่อยๆพวกนี้ไป ชุมชนใหญ่ๆก็ 10 กว่าชุมชน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 16:43:28 )

ผู้ที่มีนานาสังวาสเป็นผู้สูงกว่าอย่างไร

รายละเอียด

และผู้ที่มีนานาสังวาสนั้น จะเป็นผู้ที่สูงกว่า และเป็นผู้ที่ยอมแพ้ เพราะว่าไม่ต้องไป ดึงดันกับคนที่จะเอาชนะหรอก ถ้าเขามีความจริงที่ชนะ เขาก็เป็นความจริง แต่ถ้าเขาไม่มี ความจริงที่เป็นความชนะ เขาก็มีความจริงที่ไม่ชนะอยู่ดี เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ความแพ้ความชนะหรือผู้ที่รู้ความจริงว่า อะไรสูงกว่าอะไรแล้ว คุณไม่ต้องไปแข่งดี แข่งชนะ แข่งแพ้อะไรหรอก มันเป็นความจริง ที่สำคัญก็คือรู้ว่า เรานี่แหละเป็นผู้ที่ถูกต้องกว่า จริงกว่า อยู่เหนือกว่า จริงๆ เพราะฉะนั้นความคิด แพ้ได้ แต่ความจริงสูงกว่า 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่รู้จักความคิด ไม่รู้จักความจริง ก็ยกตนข่มความจริง ผู้ที่ยกตนข่ม ความจริงทั้งๆที่เขาไม่จริง เขาต่ำกว่าแต่เขายกตนสูงกว่า แล้วเขาก็นึกว่าเขาสูงกว่า เขาก็ จบอยู่ตรงที่ไม่จริง เขาเข้าใจความไม่จริงว่า จริง จบอยู่ที่ตรงนั้นแหละ เด็กๆฟังทันไหม

ศรัทธากับปัญญาขยายความไปได้อีก สักพันปี ก็ยังขยายได้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:47:50 )

ผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบก็จะดูออกว่ามันต่างจากเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แต่มีนัยยะ

รายละเอียด

ต้องดูองค์รวมแห่งการปฏิบัติ คนที่ปฏิบัติเพื่อแสดงออกในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่น ผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบก็จะดูออกว่ามันต่างจากเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แต่มีนัยยะหาเสียง ให้เขามานับถือให้เขามาเลือกตัวเอง ให้เราได้แต้ม เพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนจากการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นี้ มันก็ต้องดูพฤติกรรม ผู้ที่จะรู้ต้องมีภูมิปัญญาไหวพริบรู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้คนนี้ทำแล้วมันมีลักษณะที่สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล พฤติกรรมมันก็บอกว่ามันเป็นเชิงสะอาดหรือหาเสียงหาคะแนนให้ตัวเอง คนที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ถ้าผู้ที่มีไหวพริบดีมันก็ดูไม่ยากหรอก ถามอาตมาว่าจะแบ่งเขตอย่างไร ก็ตอบไม่ได้ แตกต่างกันตรงไหน ขีดเส้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:46 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:45:55 )

ผู้ที่มีประโยชน์คุณค่าแก่โลก เมืองพลาธิการ

รายละเอียด

ไม่ต้องขายแพงเลยและเราก็มาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า ชีวิตไม่จำเป็นต้องรวย ชีวิตได้แจกจ่ายเกื้อกูลผู้อื่นได้มากๆมันก็ไม่รวยหรอก นั่นแหละไม่ต้องรวยแต่มีแจกผู้อื่นให้มากๆมีสะพัดให้แก่ผู้อื่นให้มากๆไม่ต้องรวย ดูซิว่ามันจะมีชีวิตรอดไหม ...รอด ยิ่งใหญ่ด้วย เป็นผู้ให้แก่โลกเป็นผู้ที่มีประโยชน์คุณค่าแก่โลก คนจะเข้าใจไหม ชาติประเทศอื่นที่ไม่มีลัทธิอย่างที่ไทยเราพูดนี้ เขาก็จะเข้าใจ ใครจะมาทำร้ายเมืองไทยได้ในเมื่อเป็นเมืองที่เป็นเมืองพลาธิการ

ถ้าเรายิ่งเก่งเรื่องสุขภาพอีก ก็เป็นทั้งพลาธิการ อาหารและกาชาดของโลก มีนโยบายสร้างประเทศให้เป็นอย่างนี้ได้ไหม มันสมควรทำนะ แม้แต่วิธีการรักษาแบบไทย ก็คือแพทย์แผนไทย แบบไทยนี่แหละทำให้มันเจริญจริงๆเลย ก็ใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นหลัก พัฒนาสิ่งนี้ให้เป็นหลักใหญ่เลย ประเทศชาติจะยิ่งใหญ่ ไม่ต้องไปแข่งกับเขาหรอกไอ้อย่างที่เขายังไม่เข้าใจถึงสิ่งสำคัญของประเทศ เอาอันนี้ให้ยิ่งใหญ่ 

เจริญอย่างนี้แหละสำคัญไม่ต้องรวยไม่รวยนี่แหละ ชาติอื่นจะไม่ต้องริษยามาปล้นมาอยากได้ ไม่อยากได้เพราะมันจน ประเทศจนๆเขาไม่อยากจะมาทำอะไรหรอก แต่มันจะมีสิ่งที่เขาอยากได้เพราะ goodwill ของพวกเรามันมีทรัพยากร มันมีมากอยู่ที่คน ไม่ได้มากอยู่ที่ดินหรอก ดินมันก็มีขึ้นแต่แห้วหมูไม่มีอะไรให้กินได้มากหรอก มันก็ต้องอยู่ที่คนนี้แหละสำคัญ เพราะฉะนั้นเราก็เป็นคนที่สร้างสิ่งที่มันสำคัญให้แก่โลก ให้แก่ประเทศชาติ 

ทีนี้จะสมมุติเล่นๆในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วนะ สมมุติว่า เมืองไทยสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มากล้นเลย เสร็จแล้วก็ไม่ต้องขาย เลือกเอาไปแจกประเทศต่างๆแจกไปเฉยๆนี่ เพราะเราสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร เราก็มีกินเราอยู่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็แจกเพราะมันเหลือเฟือ เรามีชีวิตสร้างแล้วก็แจก แล้วก็กินสิ่งที่เราสร้างขึ้นมากินใช้ ขายบ้างนิดๆหน่อยๆพอจะมาซื้อของที่จำเป็นที่ขาดยังสร้างไม่เป็นยังสร้างไม่ได้ จะต้องใช้เช่นกัน สื่อสารจะต้องใช้ เทคโนโลยีที่เราไม่เก่งไม่เป็น บางทีรถราต่างๆนานามันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นทีเดียว ทุกวันนี้เมืองไทยเองในโรงงานสร้างรถ แต่เมืองไทยเองไม่มีเจ้าของคนไทยที่เป็นเจ้าของยี่ห้อของไทยเลยไม่มี (โยมว่ามีรถตุ๊กตุ๊ก) รถตุ๊กตุ๊กเราก็ไม่ได้สร้างเครื่องยนต์เองหรอก ไม่ได้หล่อเอง อาศัยอะหลั่ยของคนอื่นเข้ามาประกอบ ไม่ได้เป็นโรงงานเองเลยไม่ใช่ โรงงานหล่อตั้งแต่อุปกรณ์ต่างๆของตัวเองหมดเลย ไม่ได้เป็นโรงงานสมบูรณ์แบบ เมืองไทยไม่ได้เป็น ทางอุตสาหกรรมไม่ได้เป็น 

เรามาเอาดีทางกสิกรรมนี่ อาตมาไม่พาดพิงไปถึงปศุสัตว์และประมงเลยนะ แต่เขาก็ต้องทำไปตามประสา อาตมาไปห้ามเขาไม่ได้แต่อาตมาไม่ส่งเสริม เดี๋ยวมันเป็นวิบาก เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่จำเป็นต้องไปกินเนื้อสัตว์ ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ ไม่ต้องไปกินปูกินปลาอะไร อย่างพวกเราก็กินแต่พืชพันธุ์ธัญญาหาร  สบาย อายุยืนด้วย ขอยืนยันว่าอายุยืน 

 

ที่มา ที่ไป

 

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:17:04 )

ผู้ที่มีปัญญาแล้วจะมาเป็นคนจนยิ่งกว่าคนจน

รายละเอียด

ผู้มีปัญญาที่เป็นโลกุตระแล้ว จะไม่กลัวเลยความเป็นคนจน พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาแล้ว ท่านทิ้งความรวยหมดเลย แล้วมาเป็นคนจนยิ่งกว่าคนจนด้วย 

อย่างพวกเรา จนยิ่งกว่าชาวบ้านเขา เพราะเราไม่สะสมเหมือนกับชาวบ้าน จริง บางคนอาจจะเล็กๆน้อยๆบ้างแต่จิตของพวกคุณนี้ เข้าใจแล้ว คุณอยู่ในนี้เป็นสาธารณโภคีไม่เดือดร้อน แต่ชาวบ้านไม่ได้ เขาไม่มีความคิดที่จะเป็นคนวรรณะ 9 ถึงขั้นมักน้อยใจพอ เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  เขายังจิตไม่ถึงขนาดนั้น

ทีนี้ความจนมันเป็นโลกุตระ แล้วก็เป็นเรื่องของอริยบุคคลจริงๆเป็นความฉลาดความเจริญ รู้ว่าความจนเป็นความดี ความจนเป็นความประเสริฐเพราะอะไร 

เอาง่ายๆ เช่น เราเองเป็นคนจน ปล่อยให้คนอื่นเขารวยไป มันก็เกิดการไม่แย่งกัน แล้ว ในเบื้องต้นง่ายๆ ทรัพย์ศฤงคารหรือข้าวของเงินทองของกินของใช้อะไรก็แล้วแต่ ในโลก มันก็มีเท่าที่มันมี ถ้าเราไม่ไปแย่งชิง เอาแค่เราขยันหมั่นเพียรทำมาหากิน และก็กินก็ใช้ในสิ่งที่เรามีเหลือ เราก็รอดตัวแล้ว ไม่เป็นหนี้ไม่เป็นบาปเป็นบุญกับใครแล้ว เรามีแรงงาน ทำงานได้ไม่เป็นภาระใคร ไม่ทวงบุญคุณใคร นอกจากจำนนว่าเรา จะป่วย เจ็บ พิการ ทำไม่ไหวก็แล้วไป แต่ถ้าแข็งแรง ก็ไม่ต้องขี้เกียจ ก็สร้างสรร เราก็กินใช้อยู่ที่นี่แล้วก็ยังเหลือเฟือ เราก็ขวนขวายเป็นประโยชน์กุศลเพิ่มเติม แล้วเราก็ให้ เผื่อแผ่กันกิน

สังคมคนจนที่ขยัน ไม่สะสม มี สาธารณโภคีด้วย ไม่อดตายหรอก อย่างพวกเรานี้พิสูจน์เป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ตามโลกเขา แต่มหาวิทยาลัยใดๆก็คิดไม่ออก มหาวิทยาลัยในโลกนี้คิดไม่ออกสักมหาวิทยาลัย แม้แต่มหาวิทยาลัยจุฬา มหาลัยมกุฎ ไม่ต้องพูดถึงมหาวิทยาลัยเทวนิยมเลย

มีในหลวงเราตรัสให้มาเอาแบบคนจน มี รมต.เกาหลีฟังแล้วก็หูหัก บริหารแบบคนจนจะอยู่ได้อย่างไร เขาก็คิด เศรษฐศาสตร์แบบเล่นๆ สมมุติสัจจะง่ายๆ พวกเราไม่จนแต่มีน้อยๆอย่างนี้ทำได้ไหม จะไม่จน..(พวกเราตอบ)ได้.. พวกเราทำได้ 

เพราะฉะนั้นเราสมัครจน ตั้งใจจน พอใจจะจน นี่เป็นเรื่องปัญญา เป็นเรื่องความรู้ถึงขั้นปรมัตถ์ ถึงขั้นไปหาจิตวิญญาณ หมดความอยากสิ้นความเสพ ไปหานิพพาน

พวกเรามีปัญญารู้อันนี้ จึงมาทำความจนไม่ใช่งมงาย ไม่ใช่จนอย่างจำนน อย่างพวกเชน ไม่เอาอะไรเลย หรือนักปฏิบัติที่เข้าใจ ว่า การสะสมทรัพย์ศฤงคารไม่ถูก ก็กด ก็ข่ม ก็ทิ้งมา ไม่เอาทำเป็นลืมสนิท อย่างพระธุดงค์ไม่รับเงินเป็นต้น ทำจนไม่สะสม พอตอนหลังก็ร่ำรวย ตอนแรกก็เอาไปบริจาค ตอนหลังๆก็เงียบแล้ว คนมาบริจาคมากก็เก็บใส่พกใส่ห่อ อาตมารู้ทันอยู่นะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 18:24:34 )

ผู้ที่มีอกุศลกรรมหลุดพ้นแล้วจะรอดพ้นวิบาก

รายละเอียด

ก็เป็นเรื่องที่เป็นอจินไตย กรรมวิบาก ที่พระพุทธเจ้าตรัสไปหมายถึงกรรมวิบาก ผู้ที่ไม่มีกรรมไม่มีวิบาก เป็นพุทธะวิสัยที่ท่านตรัส ท่านก็รู้อจินไตย อาตมาไม่รู้ยิ่งกว่านั้น มันมีหลายสิ่งที่ลึกซึ้ง ผู้ที่มีวิบากหลุดพ้นจากสิ่งนั้นแล้ว ซึ่งเกิดจากกรรมที่เราได้สั่งสมวิบาก มันก็เป็นกรรมจะเป็นกุศล อกุศลก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอกุศลที่เขาได้หลุดพ้นแล้วมันยังไงๆก็ไม่เป็นอันนี้อย่าประมาท เราไม่รู้ได้ในปัจจุบัน แต่มันเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:40:39 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:58 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:47:04 )

ผู้ที่มีอาชีพสูงสุดในโลกคือ ผู้สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

รายละเอียด

ใช่ เสียสละพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็กำลังขยายความ คนมันหลงรายได้ที่ได้จากอาวุธ นึกว่ามันยิ่งใหญ่ นึกว่ามันเป็นเรื่องประเสริฐเรื่องเลอเลิศอะไร ที่จริงแล้วมันยิ่งชั่วมันยิ่งโง่มันยิ่งบาป ที่สร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคนได้เก่งเท่าไรมันก็ยิ่งบาปเท่านั้น ส่วนพืชพันธุ์ธัญญาหารนั้น มันเป็นเรื่องหนึ่งในโลกที่มนุษย์ทุกชาติ ทุกประเทศ ทุกภาษา ทุกคนต้องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร สร้างแล้วเสียสละ ไม่พยายามที่จะเอาเปรียบพยายามที่จะให้หรือขายแลกเปลี่ยนด้วยราคาที่ถูกหรือให้ฟรี เหมือนอย่างชาวอโศกที่เราทำ 

ฉะนั้นความแตกต่างระหว่างเงินกับอาหารก็ดี ความแตกต่างระหว่างค่าของรายได้จากการขายอาวุธหรือการเสียสละอาหารของมนุษย์ ค่าของรายได้จากอาวุธ กับค่าการเสียสละอาหารของมนุษย์ มนุษย์สร้างอาหารแล้วก็เสียสละ ไม่ใช่มานั่งเอาเปรียบนะ หรือขายแพง แต่สร้างอาวุธนี้สร้างขึ้นมาให้ขายราคาแพงๆ แล้วเอาไปฆ่าคน พืชพันธุ์ธัญญาหารนี้ ให้คนมีชีวิต แล้วเสียสละให้ด้วย มันย้อนกันคนละข้าง กลับกันเลย 

ชาวอโศกเข้าใจไหม ชาวอโศกสร้างอาวุธไหม มีรายได้จากอาวุธไหม ...ไม่มี แม้แต่ไม้กลัดเอาไปแทงเขา ก็ไม่ได้ทำไม้กลัดเอาไปแทง อย่าว่าแต่จะไปสร้างดาบเลย เขาเอาไปใช้ผิด ให้ไปทำสวนแต่เขาเอาไปฆ่ากัน มันก็ใช้ผิดประเภท บาปอีกเหมือนกัน ใช้ผิดประเภท เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีอาชีพสูงสุดในโลกคือ ผู้สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:12:37 )

ผู้ที่มีอำนาจคือมีสติตื่นเต็ม

รายละเอียด

สรุปลงที่ว่าพลังงานหรืออธิปไตย แรงงานหรืออำนาจ พลังงานทางกาย ทางวาจา ทางจิต โดยเฉพาะพลังงานทางจิตเป็นประธานสิ่งทั้งปวง เราเอาอำนาจคืนมา เอาพลังงานคืนมา เอาอธิปไตยคืนมา พระพุทธเจ้าตรัสว่า สติคืออธิปไตย ปัญญาคืออุตระ ในมูลสูตร 10  

ผู้ที่มีอำนาจคือมีสติตื่นเต็ม แม้นอนหลับก็มีสติ แต่ว่าไม่ได้ใช้อะไรมาก พักผ่อนสติพักผ่อน ไม่ต้องฟุ้งซ่านอะไรมาก อย่างอาตมานี้นอนก็ไม่ฟุ้งซ่าน อยู่กับธรรมะแล้วก็หลับ ตื่นมาก็อยู่กับธรรมะ ตรวจสอบธรรมะ ทบทวนธรรมะ มันก็ชัดเจนสบายเพราะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับภายนอก เพราะฉะนั้นธรรมะอะไรที่ยังไม่ละเอียดยังระลึกไม่ได้ก็ใช้ เตวิชโช หลับตาเข้าไปแล้วก็ เตวิชโช จะได้ประโยชน์เป็นอุปการะ ก็ทำงานใช้งานอย่างที่เอามาอธิบายสู่ฟัง ชีวิตก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ แล้วก็นำธรรมะพระพุทธเจ้ามาสืบทอดไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2 

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2566 ( 12:09:46 )

ผู้ที่มืดบอดกับคำว่าเทวะเป็นไฉน

รายละเอียด

ผู้ที่มืดบอดกับคำว่าเทวะ แล้วไปหลงว่าเทวเป็นหนึ่ง แยกไม่ได้แล้ว ตนเองโง่เอง แยกไม่ได้ แล้วนอกจากโง่เองแยกไม่ได้แล้ว  ห้ามใครแตะห้ามใครแยก ก็เสร็จสิครับ ใช่มั้ย

เขาเองไม่รู้ตัวเองแล้วไม่ยอมให้ใครมาแยกตัวเอง แล้วหลงว่า ตัวเองแยกไม่ได้ จบเลย เพราะตัวเองใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าก็ใหญ่ที่สุดท่านให้แย้งได้แยกได้ สุดท้ายพระพุทธเจ้าก็บอกว่า มันคือเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งกันอยู่ แม้จะเป็นพระพุทธเจ้าก็คือเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งกันอยู่ทั้งนั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน  อจินไตยของฌานวิสัย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 20:36:53 )

ผู้ที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่เป็นพระโสดาบันได้ไหม

รายละเอียด

ผู้ที่รู้กายแล้วก็ไม่ได้เป็นผู้มีกาย อันเป็นตน คือผู้พ้นสักกายทิฏฐิสังโยชน์นั่นแหละ เพราะจะไม่กินเนื้อสัตว์ให้เป็นกาย ไม่เอาเนื้อสัตว์หรือไม่เอากายอื่นมาเป็นกายตน

ผู้ไม่มีปัญญาที่บริบูรณ์อยู่อย่างแท้จริงก็จะยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ผู้ที่มีความรู้หรือมีปัญญารู้บริบูรณ์ดีก็จะไม่กิน ผู้มีจิตรู้คำว่า กาย ดี ก็เป็นพระโสดาบันก็ไม่กินเนื้อสัตว์แน่นอน ส่วนคนที่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องคำว่ากายดี ไม่มีทางบรรลุอรหันต์

สรุปว่าถ้าเป็นพระโสดาบันที่มีปัญญาเข้าไปเรื่อยๆจะไม่กินเนื้อสัตว์ในที่สุด แม้จะไม่เจริญกว่าโสดาบัน  เพราะงั้นตอนแรกอาจจะยังกินเนื้อสัตว์แต่ว่าเมื่อเป็นโสดาบันที่เจริญขึ้นสูงขึ้นก็จะรู้เองว่าไม่ควรกินเนื้อสัตว์ รู้ได้ด้วยตนเอง จะรู้คำว่ากาย จะรู้คำว่าเรา คำว่าเขา คำว่ากรรมวิบาก กายคือ จิต มโน วิญญาณ​ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆในการจองเวร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:42:04 )

ผู้ที่ยังหลงผิดกันทั้งมรรคทั้งผลมีอยู่มากมายเหลือเกิน    

รายละเอียด

ความเป็นไปตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์นี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109 มีความน่าอัศจรรย์ที่บอกแจ้งไว้ละเอียดชัดเจนครบพร้อมทั้งมรรคทั้งผลอันเป็นพุทธสมบัติ ผู้สนใจควรหาอ่านดูให้ได้อย่างยิ่ง  

ผู้ใดหลงผิดไปตามเดียรถีย์คนออกนอกพุทธศาสนา ที่พากันตัดลัดแล้วหลงว่าจะบรรลุมรรคผลได้เลย มันก็บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ได้ แน่ยิ่งกว่าแน่ ผู้หลงผิดไปตามเดียรถีย์ก็ไปได้“มิจฉาผล”กันโน่นแหละ แล้วก็จมงมงายใน“เทฺว”ที่มี“2” หลงว่ามี“1” ไม่เป็น“เทฺวนิยม”ให้ถูกต้องถ่องแท้ครบครัน

นั่นคือ ไม่เป็นผู้มี“ปัญญา 8”ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงเป็น“อนุปคัมมะ”หรือเป็น“อภิภู”คือผู้มี“อภิภุยฺย”ใน“อภิภายตนะ 8”อย่างถ่องแท้ลงไปถึงที่เกิด และดับในที่ดับ จึงกลายไปเป็น“เทฺวนิยม”ผู้ผิดเพี้ยนจาก“สัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว” อันมีทั้ง“ความมี”และมีทั้ง“ความไม่มี”เป็นผู้“อนุปคัมมะ” ไม่ไปมีแล้วใน“ทั้งความมี-ทั้งความไม่มี”

หรือชื่อว่าเป็นผู้บรรลุ“ความเป็นกลาง”คือ “มัชฌิมา” ในทุกวันนี้ ผู้ที่ยังหลงผิดกันทั้งมรรคทั้งผล เละเทะไปหมด ในชาวพุทธนี่แหละมีอยู่มากมายเหลือเกิน    

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 21:41:58 )

ผู้ที่ยังไม่รู้รายละเอียดก็บอกว่าตัวเองบรรลุมันรู้อย่างนั้นเหมือนกับมหาบัว

รายละเอียด

ผู้ที่ยังไม่รู้รายละเอียดก็บอกว่าตัวเองบรรลุมันรู้อย่างนั้นเหมือนกับมหาบัว ยังกินหมากอยู่ แต่ว่าตนเองมีมานะอัตตา มานะ อติมานะที่ว่าตัวเองยิ่งใหญ่หาเงินเข้าคงคลังได้เยอะแยะไปหมดเลย มีรูปธรรมมีคนเห็นจริงว่าเป็นคุณค่า มหาบัวช่วยประเทศชาติไว้อันนั้นเป็นความจริงที่ดีอยู่ ที่จริงมันก็เป็นเรื่องของประชาชนเพราะไม่ใช่มหาบัวคนเดียวมีองค์ประกอบนะ ถ้าไม่มีองค์ประกอบมหาบัวก็เรี่ยไรไม่ได้ขนาดนี้ ถ้าพูดมากไปก็คงไม่ดีมันมีความซับซ้อนลึกซึ้ง เรียนดูให้ดีแล้วก็จะรู้ว่า อย่างอาตมานี้ขออภัยที่พูดเรื่องนี้อีก เพื่อความเข้าใจชัดเจน มันเหมือนสูงแต่มันยิ่งต่ำ นี่คือสภาพสัจธรรม ที่เป็นสิริมหามายา ที่อาตมาต้องพูดเรื่องนี้ อาตมาก็พยายามที่จะใช้บุคคล อย่างใช้ท่านมหาบัว แต่องค์อื่นไม่ได้พูดไม่ได้เขียนไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นฤาษีลิงดำ แม้แต่อาจารย์มั่น อาจารย์เสาร์ แม้แต่ สายหลับตาอีกเยอะ ก็ไม่ได้ไปเขียน ไปพูดอะไรไว้เหมือนมหาบัว ซึ่งเขามีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ เพราะเหตุปัจจัยประกอบอะไรเยอะก็เลยมีคนตาม ก็เลยเอาอันนี้เป็นตัวอย่างที่จะมาขยายความอธิบายความ เป็นประโยชน์เรียนรู้ก็ขอบคุณมาหาบัว เหมือนกับเคยขอบคุณพระเทวทัตที่เป็นตัวอย่างให้ได้เอามาอาศัยอธิบายขยายความในพฤติกรรมของตนเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:21:14 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:15:48 )

ผู้ที่ยังไม่เข้าใจสภาวะกับพยัญชนะย่อมไม่เข้าใจผู้ที่เป็นสิริมหามายา

รายละเอียด

คุณเอาอาตมา พวกชุมชนอโศกไปเปรียบเทียบกับวัดต่างๆ แค่นี้คุณก็แยกไม่ออกในความต่างกันแล้ว ก็ไปที่ชอบที่ชอบก็แล้วกัน คุณชอบอันใดก็ไปอันนั้นเถอะ อาตมาก็ไปอันที่อาตมาไป ต่างคนต่างไปที่ชอบที่ชอบของใครของมันก็แล้วกัน ก็คงพูดกันอะไรไม่ได้มากสำหรับคุณ ดี เด่น ขนมไทยลูกชุบ คุณก็กินขนมไทยลูกชุบนี่ไปก่อนก็แล้วกัน ใช่ เขายังไม่เข้าใจสภาวะกับพยัญชนะ ภาษาพูดกับสภาวะความจริง บางทีมันก็เปลี่ยนแปลงไปมาก พวกที่เก่งในการทำให้คนสับสนเป็นนักมายากล ก็จะเอาสองอย่าง สภาวะกับพยัญชนะมาตีกิน ยืนยันกับคน คนรู้ไม่ได้ก็ไปหลงลมเขา อะไรมันขึ้นมาได้เขาก็จะเอาอันนั้น อะไรที่เขาจะได้ผลประโยชน์ก็เอาอันนั้นมาอธิบาย พวกเล่นกลนักมายากลจะใช้พวกนี้ แต่ผู้ที่เป็นสิริมหามายา คือ รู้ทันพวกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ในสังคมนี้ มันไม่เที่ยงแท้ มันเร็ว แต่รู้ทันทุกกาละเวลา แล้วก็ยืนยันสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ หนึ่งไม่รู้ เปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่รู้ มายากลไม่รู้ทัน นักมายากลรู้ทัน รู้แต่เอาไปหลอกคนอื่นต่อ แต่นี่มีแต่ความจริงรู้มายากลว่าเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงตลอดเวลาและบอกให้ทันทีให้ทัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:59:32 )

ผู้ที่ยึดความถูกต้องเป็นความไม่ถูกต้อง

รายละเอียด

แล้วบอกว่าสนุกสนานเฮฮาแบบนี้ไม่ใช่พระอรหันต์ อาตมาว่าไม่เหมือน อาตมาว่าไม่ได้ร้องแบบอย่างอาชีพ อาตมาเคยเป็นนักร้องอาชีพมาก่อน แต่นี่อาตมาก็ร้องแบบเล่นๆ เขาเรียกว่าร้องแบบสมัครเล่นๆ Amature ไม่ได้ร้องอย่างเอาจริงเอาจัง เล่นลูกคอ ทำเสียง อาตมาเป็นอาจารย์สอนร้องเพลงมาก่อนนะ สอนจนเป็นนักร้องดังหลายคน อาตมาทำงานนี้มาตั้งแต่ 70 ปีก่อน อาตมาเป็นดาราจัดรายการโทรทัศน์ ทำรายการแมวมอง นักร้องขวัญดาว ทำมาก่อนใครๆ เพราะเป็นโทรทัศน์ช่องแรกของประเทศ ทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม อาตมารุ่นต้นๆ ตอนนี้ตายไปเยอะแล้ว ยังนึกถึงอยู่เหมือนกันว่าเหลือใครบ้าง สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ก็ตายแล้ว มีอารีย์ นักดนตรี กำธรก็ตายแล้ว เหลือเจ้ารอง เค้ามูลคดี เขาเป็นรุ่นน้อง อาตมาจัดมารายการต่างๆมามีทั้งสารคดี รายการเด็ก เกมต่างๆ 

อาตมาไม่ได้เล่นดอกไม้ อาตมาเอามาใช้จริงๆ มากินจริงๆเลย อาตมาไม่ได้ยุ่งกับการเมืองแต่ทำให้หายยุ่งจริงๆ 

อาตมาได้พึ่งพาภาษา ทำให้คุณเข้าใจได้ดี คุณหัดฟังให้ดี ภาษาที่อาตมาใช้ มันไม่เหมือนกับคนที่จะไปฟังภาษาโลกีย์ อาตมาฉีกภาษาให้ตรง ซึ่งคุณพูดไม่เป็นหรอก ก็ฟังบ้างสิ 

อวดอดีตชาติ หากว่าอาตมาอวดล่ะจะมาก อาตมาพยายามเหนียมนะ แต่คนเขาอยากรู้ แต่คุณตั้งเรื่องไม่นับถือก็ว่าไปเถอะ ซึ่งอาจจะมาพิสูจน์ มีนัยยะที่จะพิสูจน์ อาตมาจะเป็นผู้นี้หรือไม่ อาตมามีเนื้อหาสาระตรงกับอย่างนี้ไหม หรือมีใครเหมือนกับอาตมาที่จะตรงเท่า แล้วก็ทำได้ดีเพิ่มเติมกว่าด้วย พูดไปก็จะดูน่าหมั่นไส้เพิ่มไปอีก 

คุณต่างหากไปยึดถือความไม่ถูกต้อง อาตมาว่าคุณจะไปยึดคนละข้างกับอาตมาซะละมั้ง ไปยึดถือความถูกต้องเป็นความไม่ถูกต้อง 

อาตมาไปยืนต่อหน้ากระสุนก็เคยมาแล้ว ไม่ได้ยึดตัวบุคคลดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี ประกาศว่าคนไหนเป็นอรหันต์ผิด แต่คุณตัดสินผิด อรหันต์จริงๆ มันผิดที่ไหน เป็นฆราวาสก็มี เป็นนักบวชก็มี อาตมาก็ประกาศไปแล้ว ก็พิสูจน์อยู่ตอนนี้ไม่เห็นจะผิดเพี้ยนอะไร 

ยังมีเรื่องที่ยอมรับลูกศิษย์ที่มีประวัติไม่งามทางเพศ ก็ไม่มีนะ อาตมาไม่ได้ส่งเสริมปศุสัตว์ หรือไอสไตน์ คุณเดชา อำพร ก็ติดตามกันไปเรื่อยๆนะ วันนี้หมดเวลาแล้ว ขออภัย เจริญธรรมทุกคนไม่ต้องสรุปแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:28:10 )

ผู้ที่ยึดเอามิจฉาทิฏฐิเป็นที่ตั้งจะไม่ยินดีในโพธิสัตว์หรือสัตบุรุษ

รายละเอียด

แต่เขายังไม่เข้าใจโพธิสัตว์ สัตบุรุษ ไม่เข้าใจในผู้สัมมาทิฏฐิ เขาจะไม่ยินดีในโพธิสัตว์ ไม่ยินดีในสัตบุรุษ เพราะไปยึดเอามิจฉาทิฏฐิเป็นที่ตั้ง เป็นที่นับถือ แล้วก็ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ยินดีนั้นแล้วด้วย จึงยากมากเลย ยากมากที่จะแกะออก เพราะทางโน้นเมื่อไปปฏิบัติ เมื่อไปประพฤติแล้ว อยู่ในหมู่คนมิจฉาทิฏฐิด้วยกัน มีอวิชชาด้วยกันก็จะหลงในสิ่งนั้น หลงในโลกียะนั้นว่าถูกต้อง หลงยินดีกับการได้อวยลาภ ยศ สรรเสริญสุข แก่กันและกันอยู่ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แกะไม่ออก ติดโลกียะหนัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 12:36:50 )

ผู้ที่ระมัดระวังดีก็คือผู้ที่ทำชาคริยา

รายละเอียด

ยิ่งมาศึกษาธรรมะก็จะต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แล้วเราก็รู้ อย่างไรเป็นภัยเป็นโทษ อย่างไรเป็นคุณเป็นประโยชน์ แล้วก็ควบคุมกาย วาจา ใจ แล้วก็ให้เกิดการสัมผัสสัมพันธ์อันดี ที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์ ไอ้ที่ไม่ดีเป็นโทษเป็นภัยเราก็จะเลิกให้ได้ นี่ก็เป็นคุณธรรมสามัญ ผู้ใดทำได้อย่างดีระมัดระวังอย่างดีเสมอๆ มันก็จะเกิดการพัฒนา ผู้ที่ระมัดระวังดีก็คือผู้ที่ทำชาคริยา ชาคริยะ หรือชาคระ เป็นผู้ที่จะตื่นรู้ เป็นผู้ที่จะต้องรู้ มีสติ รู้กายกรรม อาการทางกายกระทำภายนอก อาการการพูดวจีกรรม 

ผู้ศึกษาธรรมะต้องรู้อาการของใจ อันนี้เป็นจุดสำคัญเพราะใจเป็นประธาน จิตเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง จะต้องรู้อาการของใจ การทำความตื่นจึงจะต้องมีความรู้การตื่นทั้งทางกาย วาจา ใจ จึงจะเรียกว่าชาคริยาเต็ม ไม่ใช่หมายความว่าชาคริยะ คือ ตื่นจากการนอน เมื่อตื่นจากนอนแล้วก็คือตื่นแล้ว ถือว่าชาคริยาสำเร็จแล้ว ไม่ใช่ อันนั้นมันเป็นแค่การตื่นนอน หยาบๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 13:46:18 )

ผู้ที่รับสมอ้างเป็นหัวหน้าปฏิวัติคือพลเอกประยุทธ์

รายละเอียด

พลเอกประยุทธ์มีสภาวะ 2 ที่เป็นสิริมหามายา และก็บอกว่าตัวเองไม่ได้ปฏิวัติ ประชาชนปฏิวัติ เพราะตัวเองไม่ได้ไปร่วมชุมนุมกับประชาชน ก็ยังมีตำแหน่งหน้าที่ทำงานเป็นผบทบ. เป็นหัวหน้า คสช. ก็ดีแล้วล่ะที่ท่านไม่มา ถ้ากระทำเองแล้วเป็นหัวหน้าเองก็จะเหมือนมีตัวตน แต่นี้ไม่..เป็นแต่เพียงสิริมหามายาคำพูด 2 นัยยะ ตกลงประชาชนปฏิวัติหรือพลเอกประยุทธ์ปฏิวัติ ที่จริงแล้วประชาชนปฏิวัติ แล้วจริงๆผู้ที่รับสมอ้างเป็นผู้ปฏิวัติหัวหน้าปฏิวัติคือ พลเอกประยุทธ์ 

คำว่ารับสมอ้างหรือตัวแทนมาต่อไม้สืบทอดต่อและมาทำหน้าที่ เป็นผู้ดำเนินการเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ก็เคยพูดว่าแต่ก่อนผมเป็นทหารก็ใช่ แต่ตอนนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีผมไม่ได้เป็นทหาร แต่ผมปลดตำแหน่งทหารออกจากตัวเองไม่ได้ ไม่บังควรด้วย ก็พูดหมดทุกอย่าง อาตมาขอยืนยันว่านี่ก็ได้พูดกันมาทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:03:15 )

ผู้ที่รับใช้ประชาชนได้มากเรียกว่ามหาอำนาจ

รายละเอียด

ถูกต้อง ไม่ต้องไปหาคำตอบว่าอโศกเป็นมหาอำนาจไหม เพราะว่าเป็นได้อยู่แล้ว ไม่ใช่มหาอำนาจที่ไปเบ่งข่มคนอื่น แต่เป็นมหาอำนาจที่ไปรับใช้ผู้อื่น นี่คือมหาอำนาจจริงๆ คือมหาอำนาจที่รับใช้ประชาชน นี่คือสุดยอดมหาอำนาจ นี่แหละประชาธิปไตย ทำไมมีมหาอำนาจ ก็เป็นผู้ที่รับใช้ประชาชนได้มากเรียกว่ามหาอำนาจ เป็นอำนาจที่มาก มหา อำนาจอะไร อำนาจรับใช้ประชาชน ไม่ใช่ไปขูดรีดจากประชาชน ไปเบ่งทับประชาชนเหมือนอย่างประเทศที่เขาบอกว่าเป็นมหาอำนาจ เขาจะยิ่งใหญ่เขาจะเป็นเบอร์ 1 อย่างนั้น ไม่ใช่ คนละเรื่องกันเลย เพราะฉะนั้น Concept ของโดนัลด์ทรัมป์กับ Concept ของพระพุทธเจ้านี้ มันสุดฟ้ากับสุดเหวเลย คนละเรื่องกันเลย เป็นไปได้เพราะเราพิสูจน์แล้ว มีตำรามีทฤษฎีของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วพิสูจน์แล้ว ถามใจคนที่บรรลุ ถามใจคนที่เป็นได้แล้ว มีความทุกข์ไหม …สุข สบายไหม..สบาย เบิกบานร่าเริงไหม เบิกบาน แกล้งพูดหรือเปล่า…ไม่ เอาจากเวทนาแท้ๆของคุณ พูดจากความรู้สึกจริงๆ เพราะคุณได้ล้างเวทนาเปลือกๆผิวๆที่คุณได้หลงแต่ก่อนนี้ออกไปออกไป เหลือแต่แก่นแท้ๆความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบ มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:44:44 )

ผู้ที่รับไม้ต่อจากประชาชน

รายละเอียด

แต่แท้ที่จริงประชาชนปฏิวัติให้มารอผู้ที่รับไม้ต่อจากประชาชนไป นี่แหละคือการรับไม้ต่อของผู้ที่ไปบริหารประเทศ เพราะพลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคสช.อีก ก็มารับไม้ต่อและก็ขึ้นบริหาร ตอนแรกเขาก็ถือว่า เป็นพวกยึดอำนาจด้วยอำนาจทหาร เอาเรื่องของกฎระเบียบชนะแบบนั้นมายึดอำนาจ มันก็เป็นรูปธรรมที่คนเห็นทั้งโลก เขาก็บอกว่า เป็นการยึดอำนาจ 

เพราะฉะนั้น 4 ปีแรกของนายกประยุทธ์ เขาก็ถือว่า เป็นเผด็จการ เป็นการยึดอำนาจโดยทหาร แต่ประชาชนที่ไม่ยอมให้บริหารประเทศที่มันไม่เข้าเรื่องมา ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ ประท้วงหมด จนชนะมาหมด เมื่อประยุทธ์ขึ้นก็ไม่ได้ไปประท้วง ปล่อยให้ประยุทธ์ดำเนินไปเข้าตาประชาชนจนครบเทอม 4 ปี เมื่อครบเทอม 4 ปีแล้วเลือกตั้ง 

เลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เข้าพรรคไหนเลย เลือกตั้งเสร็จแล้ว เขาก็เสนอพลเอกประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี นี่แหละคือ ประชาธิปไตย 100% นายกประยุทธ์เป็นประชาธิปไตยเต็มใบเลย 100% เลย ไม่ได้อยู่พรรคไหน แต่ในสภาโหวตให้เป็นนายกแข่งกับธนาธร จึงเป็นประชาธิปไตย 100% มาตั้งแต่บัดนั้น จนเดี๋ยวนี้นายกประยุทธ์ก็ยังบริหารอยู่ จน 8 ปี กฎหมายบอกว่า เป็นต่อไม่ได้ อาตมาก็เลยรู้สึกว่าอันนี้คาคอ 8 ปีแล้วไปต่อไม่ได้ แต่เห็นว่าโพลทุกโพลก็เอานายกประยุทธ์นี่แหละ ก็ยังไม่เห็นว่า ใครจะขึ้นมาเป็นแคนดิเดตได้ อาตมาก็ยังนึกไม่ออก มองไม่ออกเหมือนกันว่า จะเป็นอย่างไรต่อ พวกนักกฎหมายจะพลิกแพลงอย่างไรสำหรับคนที่เห็นด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:21:57 )

ผู้ที่รู้จริงแล้วจะไม่กินเนื้อสัตว์เด็ดขาด

รายละเอียด

ละการฆ่าสัตว์ มันจะเข้าใจลึก อย่าไปทำอะไรเกี่ยวเนื่องกันเลย สัตว์ทั้งหลายตั้งแต่เซลล์เดียวเราเกี่ยวข้องกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่สัตว์เรามีทำประโยชน์ได้อีกเยอะแยะ จริงๆแล้วสัตว์เกือบทั้งนั้นยังมีวิบากร่วมกัน แต่เป็นแต่เพียงว่าชาตินี้เกิดมายุคนี้เวลานี้ด้วยกันมันก็ไปตามวิบาก พลัดพรายไป คนหนึ่งไปอยู่ขั้วโลกเหนือคนหนึ่งไปอยู่ที่ราชธานีอโศก เพราะฉะนั้นร้อยปีหรือไม่ถึงร้อยปีมันก็ไม่มีมาเจอกัน ก็ผ่านไปชาติหนึ่ง ชาติต่อๆไปมาใหม่ คิดไปไม่ไหว อจินไตย ผู้ที่รู้จริงรู้ชัดอย่างที่อาตมารู้นี้แล้วจะไม่กินเนื้อสัตว์เด็ดขาด และจะไม่ไปทำอะไรเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ละการฆ่าสัตว์ เว้นจาการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาสตรา ทัณฑะคืออาวุธไปทำร้ายเช่น ไม้หน้าสาม แต่ศาสตราคืออาวุธ ร้ายแรงขึ้นไปอีกกว่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:34:50 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:23 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:48:14 )

ผู้ที่รู้จักปลงภาระ

รายละเอียด

ความจำเป็นในเรื่องของธนบัตรที่เอาไปใช้ วนเวียนเรื่องธนบัตรลดน้อยลง ไม่ตะกละตะกลาม ไม่อยากสะสม มันมีก็เอาไปใช้เป็นค่ากับโลกเขา ดีไม่ดี ต้องระมัดระวัง ต้องรักษาอย่าให้หล่นอย่าให้หาย ถือเป็นของมีค่า รักษาไปตามสมมุติโลกไป ก็เป็นภาระไป

ผู้ที่รู้จักภาระ ปลงภาระ ไม่อยากเอาเป็นภาระ ก็มาอยู่ว่างๆ ทำงาน จะต้องใช้เงินเมื่อไหร่ก็ค่อยไปหาเอาธนบัตร จากที่ควรได้ ได้แล้วก็เอาไปแลกสิ่งที่เราจะเอามาทำงานมากินมาอยู่ แต่สิ่งที่กินที่อยู่ของพวกเรา เราก็สร้างอุดมสมบูรณ์ มากมายเพียงพอ หรือไปติดไปยึดสิ่งปรุงแต่ง อาหารขนมของปรุงข้างนอกเขา เขาปรุงหลอก แต่ก่อนเราก็หลงติดอย่างนี้ต้องมี จนกระทั่งเข้าใจแล้ว มาอยู่ในนี้ของกินของอยู่ อุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลืออยู่แล้ว ไม่กังวลไม่อาลัยอาวรณ์ มีมากกินได้ก็กิน ไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร ส่วนมากที่เป็นพิษเป็นภัยหลายคนก็ไม่กินแล้วของข้างนอกที่เขาส่งเข้ามามันปรุงแต่ง ก็กินของที่มันสะอาดบริสุทธิ์ ที่เราสร้างเองไม่มีสารพิษ เป็นพืชพันธ์ุธัญญาหารที่ไร้สารพิษ ไม่ได้ใช้คำว่า ปลอดสารพิษเท่านั้น ใช้คำว่าไร้สารพิษเลย เรามีอุดมสมบูรณ์ ชีวิตก็ครบแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 11:29:47 )

ผู้ที่รู้ที่สมารถแยกสัจจะ

รายละเอียด

 คือ การชอบหรือไม่ชอบ  ชอบหวาน หรือไม่ชอบหวาน อันนี้เป็นของเก๊ ของใครของมันมีสมณะโพธิรักษ์ พยายามแยกสัจจะเหล่านี้ให้ฟัง นอกนั้นไม่มีผู้รู้ที่แยกสัจจะเหล่านี้ให้ฟัง จึงไม่มีนิพพาน นิพพานถึงไม่มีรสของความสุข  ความทุกข์  ไม่มีรสของความชอบ ความชัง  สัมผัสแล้ว ก็รู้ความจริง ตามความเป็นจริงไม่เดือดร้อน สบาย ไม่รักไม่เกลียด รู้ความจริง ตามความเป็นจริง เหมือนคนอื่นเขารู้ ส่วนคนอื่นเขาดูแล้ว เขาจะมีความดูด ความผลัด เขาจะเป็นความทุกข์ ความสุข ก็ขึ้นอยู่กับตัวใครตัวมัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:41:04 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:49:08 )

ผู้ที่รู้ทุกข์คือผู้ที่เป็นอาริยะ จึงเรียกว่าทุกข์อาริยสัจ เป็นสัจจะขั้นอาริยะ อาริยบุคคลเท่านั้นที่จะรู้ทุกข์ 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธ รู้ว่าดีทำดีได้ เหมือนโลกียะทำดีที่สุด โลกุตระก็ทำดีที่สุดได้เหมือนกันเพราะมันเป็นโลกีย์ 

ส่วนโลกุตระนั้นไม่ใช่แค่ดีชั่ว เป็นเรื่องของสุขทุกข์ เป็นความสุขความทุกข์ แค่นี้ก็ไม่ใช่เข้าใจได้ง่ายในเรื่องโลกุตระ โลกียะยังบื้อ สุขทุกข์ดีชั่ว 

เขาบอกว่าสุขก็ดี ทุกข์มันก็ชั่ว ดึงเอาความสุขความทุกข์มาเป็นอันเดียวกับความดีความชั่ว 

ซึ่งไม่ใช่ สุขทุกข์เป็นเรื่องของโลกุตระ ดีชั่วเป็นเรื่องของโลกียะ แค่นี้ก็ไม่ใช่ง่าย

เพราะเขาไม่รู้ เขาหลงสนิทติดอุปาทานอยู่ในสุข เป็นสุขนิยม เทวนิยมทั้งหลายทั้งปวงเป็นพวกสุขนิยม เป็นความสุขเที่ยง แต่มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ แต่เขาไม่รู้ว่าทุกข์คืออะไร ผู้ที่รู้ทุกข์คือผู้ที่เป็นอาริยะ จึงเรียกว่าทุกข์อาริยสัจ เป็นสัจจะขั้นอาริยะ อาริยบุคคลเท่านั้นที่จะรู้ทุกข์ 

ไม่ใช่อาริยชนรู้ทุกข์ไม่ได้  ถูกครอบงำและหลงอยู่กับความสุข สุขัลลิกะ อัลลิกะ คือ เป็นความเก๊เป็นความปลอมซึ่งคุณก็ไปหลงอยู่ในสุข ความสุขก็เป็นมายาความทุกข์ก็เป็นมายา สุขก็มายา มันเป็นอนัตตาทั้งคู่ พระพุทธเจ้าทำให้มันหมดตัวตนได้ในความสุขความทุกข์ ทำได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆ ก็เป็นพระอรหันต์ 

ผู้หมดสุขหมดทุกข์ มีปัญญาเข้าใจ ทำได้ ไม่ใช่ไปกดข่มแล้วนึกว่าตัวเองได้ เป็นสมถะ มันอทุกขมสุขแบบสมถะได้ก็มี เขาก็ทำกันพวกนั่งหลับตา  โดยไม่ได้ล้างเหตุคือไม่รู้จักกิเลสไม่ได้ทำกิเลสให้ดับสนิทจนถาวร ดับจนกระทั่งกิเลสไม่ฟื้น ขึ้นมาอีกเขาทำได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:12:14 )

ผู้ที่รู้ธรรมะมีธรรมะแล้วเป็นนักการเมืองทุกคน

รายละเอียด

แล้วอาตมาไม่ได้พูดเล่นๆ แต่อาตมาพูดจริง พาพวกเราไปทำจริง พาพวกเราเริ่มต้นไปออกแสดง ที่จริงตั้งแต่เป็นนักปฏิบัติธรรมก็เป็นนักประชาธิปไตยมาตลอดเวลา ตั้งแต่เป็นผู้ที่รู้ธรรมะแล้วก็เป็นนักการเมือง ผู้ที่รู้ธรรมะมีธรรมะแล้วเป็นนักการเมืองทุกคน เพราะการเมืองก็คือ การทำงานกับประชาชน ให้มีสภาพดีขึ้นเจริญขึ้น ให้มีประโยชน์ ให้มีความสุข รับใช้ประชาชน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:41:43 )

ผู้ที่รู้อนัตตาจริงๆคือพระอรหันต์

รายละเอียด

ศัพท์ที่พูดพล่อยๆ ทุกอย่างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน สัพเพธัมมาอนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวใช่ตน ก็พูดไปเป็นภาษาพล่อยๆ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่คนจะเกิดสภาวะ เกิดปัญญา ปัญญาที่รู้ รู้ด้วยปัญญา ว่า อนัตตา ไม่ใช่รู้ด้วย ความรู้เฉโก ความรู้อวิชชา ความรู้โลกีย์ ไม่ใช่ ฉะนั้นผู้ที่รู้อนัตตาจริงๆคือพระอรหันต์ พระอรหันต์จะมีอนัตตา แล้วรู้จริงเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ รู้ของตนจริงๆเลยว่าอนัตตาเป็นอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:26:01 )

ผู้ที่รู้แจ้งจริงแล้วจึงช่วยผู้ที่ยังไม่สัมมาทิฐิได้

รายละเอียด

ผู้ที่รู้แจ้งจริงแล้วจึงช่วยผู้ที่ไม่รู้แจ้งจริงได้ และมีจิตใจที่หมดความโกรธความเคืองความถือสา มันดื้อด้านดึงดันโง่เง่าอย่างไรก็พยายามช่วยกัน 

อาตมานี่เห็นจริง เขาก็พากเพียรอุตสาหะวิริยะนะ เป็นภิกษุเป็นพระหรือนักปฏิบัติธรรม อุตสาหะทั้งชีวิต หลายคนมีเชื้อธรรมะตั้งแต่เด็กจนแก่พากเพียรมา เห็นแล้วแต่ยังไม่สัมมาทิฏฐิก็ยังมีอีกเยอะ มากกว่าครึ่งหนึ่งของศาสนาในพุทธกัปของสมณโคดม 5,000 ปี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

เป็นโลกุตระได้เพราะเหนือมนุษย์โลก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:40:49 )

ผู้ที่สงบกายสูงสุด

รายละเอียด

ความสงบกาย คือผู้ที่มีจิต  มุทุ ภูตธาตุ  จิตดีที่สุด  เหมือนลูกข่าง กินน้ำจั้น  หรือลูกข่างนอนวัน  หมุนนิ่งเลย  แม้เร็วจังเลย  นี่คือความสงบกาย  สงบจิต ทั้งกาย ทั้งจิตนะสองอย่าง อยู่เป็นอันหนึ่ง  อันเดียวกัน  เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เพื่อความเป็นเอกธรรมในความเป็นหนึ่งของกาย และใจนี้ จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:30:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:49:59 )

ผู้ที่สงบแล้วจะเป็นคน เช่นไร

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้มองโลกในเรื่องของสังคมศาสตร์ก็ดี รัฐศาสตร์หรือการเมืองก็ดี แม้แต่เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ อาตมาก็ไม่ได้มองอย่างที่เขาเรียนกันในมหาวิทยาลัยตะวันตกหรือในมหาวิทยาลัยประเทศอเมริกา แม้แต่ในจุฬา มหามกุฏ ก็ไม่ได้เรียนมาอย่างนี้แล้วก็ไม่เหมือนอย่างที่เขาเข้าใจ 

เมืองไทย เพราะว่าเป็นพุทธ มันน่าจะต้องมีความเข้าใจอย่างที่อาตมาพูด อาตมาสาธยายอยู่นี่ เขาก็ไม่ได้สาธยายกันแบบที่อาตมาสาธยายหรอก แม้แต่ความสงบที่ว่านี้ ความสงบของพระพุทธเจ้านั้น เป็นความสงบที่ คนผู้ที่สงบแล้วจะเป็นคนที่แคล่วคล่องว่องไว คนที่สงบ ไม่ได้อยู่นิ่งๆ 

กายปัสสัทธิ กายสงบแล้วก็ไม่ได้หมายความว่า กายอยู่เฉยๆ กายมีกายกรรม มีกายวิญญัติ มีการเคลื่อนไหว มีการสร้างสรรค์ ทำงาน ทำอะไรต่ออะไรอยู่ในสังคม แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม ไม่เป็นพิษเป็นภัย จะว่าไปแล้วต่อประเทศอื่นเลยด้วย ไม่เป็นโทษเป็นภัยไม่มีกลิหรือกายกลิ เพราะฉะนั้น มีกายกรรม ก็ไม่มีโทษภัย เพราะไม่มีกลิ กลิคือโทษภัย หรือปัจจัยของกิเลสมันไม่มี นี่เป็นความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:18:03 )

ผู้ที่สอนโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ราคานี้แพงกว่าประธานาธิบดีได้ไหม นี่พูดเป็นวิชาการไม่ได้ยกตัวยกตนนะ สรุปแล้วพระพุทธเจ้ามีหมดแล้วในยุคโน้น พยัญชนะอาจไม่เหมือนในยุคนี้ อาตมาจึงได้นำมาทำได้ มีรูปแบบทำงานฟรีสาธารณโภคี กินใช้อยู่ร่วมกันกับส่วนกลางอย่างนี้ ต่อไปถ้าเผื่อว่ายิ่งขยายผลสาธารณโภคีเป็นหมู่บ้าน หลายหมู่บ้านจนเป็นตำบลสาธารณโภคีได้ ตำบลนี้มี 5 หมู่บ้าน แต่ทั้ง 5 หมู่บ้านเป็นสาธารณโภคีหมด อันนี้ได้แล้วนะชาวอโศกมีมากกว่า 5 หมู่บ้านแต่กระจัดกระจายกัน ถ้าหากรวมกันเป็นปึกแผ่นแน่นเหนียวจะยิ่งดี อันจะเป็นตัวอย่างของโลก

เข้ารอบ 10 หมู่บ้านขึ้นไป มี cyclic ของตนเองแล้ว ถ้ามี 12 ถือว่ามี cyclic order ที่จะประสานกับภายนอกได้ connection relative ขยายไปอีกนี่เป็นเช่นนั้นเป็นสัจจะที่พูดรูปธรรมนามธรรมที่ขยายตัว

อาตมาไม่งงสงสัยหรอกอโศกตีไม่มีแตก มีแต่ขยายตัว เพราะความเข้าใจของโลกจะมาเอาแบบเหตุการณ์ 13 หมูป่ากันแล้ว พูดกันให้หมายถึงคุณธรรมแบบนั้น ที่ประชาชนโลกต้องมาช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก คนที่ได้รับพิษภัยก็ต้องมาช่วยกันอย่างนี้ ของเราช่วยได้แต่ไม่เก่งไม่มาก พูดไปก็เหมือนเตี้ยอุ้มค่อมยังไม่สง่าผ่าเผย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:43:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 07:43:52 )

ผู้ที่สามารถทำอภิสังขาร

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถทำอภิสังขาร แปลว่า ปรุงแต่งใจอย่างยิ่ง จัดการจิตใจอย่างยิ่งอย่างมีภูมิปัญญา รู้จักทำบุญแล้วให้บุญทำงาน บุญมีหน้าที่ฆ่ากิเลส กำจัดกิเลส พอฆ่ากิเลสหมดก็เป็น อปุญญาภิสังขาร ไม่มีบุญอีก แต่ผู้ที่เข้าใจบุญอย่างสัมมาทิฏฐิไม่ได้ก็ไปติดยึดอยู่แค่พยัญชนะ ว่าบุญคู่กับบาป เมื่อไม่มีบุญก็ต้องเป็นบาป  เป็นกรรมที่เป็นบาป แต่ความจริงท่านไม่ทำบาปแล้ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง เห็นไหมว่าความไม่เข้าใจเรื่องบุญก็เลยแปลผิดไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:19:37 )

ผู้ที่สามารถมนสิการอย่างถูกต้อง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถมนสิการได้อย่างถูกต้อง ก็ต้องเป็นผู้ที่สัมมาทิฏฐิ เป็นสัตตบุรุษขึ้นไป หรือเป็นอาริยะ ค่อยๆรู้ตามลำดับตั้งแต่ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จนกระทั่งเกิดโพธิสัตว์ เกิดอรหันต์เป็น 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นก็เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็มีสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าสุดยอดแล้ว ผู้ใดเรียนรู้ตามก็เป็นตาม 

อย่างอาตมาเรียนรู้ตาม จึงมาเป็นผู้ที่เอาความรู้ของพุทธ มาสาธยายอยู่นี่ แล้วโชคยังดีมากที่ในเมืองไทยยังมีพระไตรปิฎกบันทึกไว้ และก็โชคดีอีกที่สังคมสงฆ์หมู่ใหญ่ก็ยังนับถือพระไตรปิฏก โดยเฉพาะเถรวาทเรา ในประเทศไทยถือพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ แต่ก็มีคนพยายามจะเอาฉบับอื่นมาบ้าง แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าฉบับสยามรัฐ ที่เป็นของพระมหากัสสปะ อาตมาก็อาศัยอันนี้ แค่นี้ก็พอที่จะใช้ ตลอดชีวิตของอาตมาตาย ไม่มีปัญหา ซึ่งมันมีได้อีก ละเอียดได้กว่านี้อีก แต่ว่าเอาขนาดนี้ก็ยอดแล้ว พระไตรปิฎกฉบับนี้ ฉบับสยามรัฐ อธิบายมูลสูตรไปอีกคร่าวๆ ถ้าละเอียดก็ไม่พอหรอก 48 นาที 

เมื่อมนสิการถูก ก็ต้องรู้ว่าไอ้ที่ถูกนี่คืออย่างไร ผู้ที่มนสิการจิตวิญญาณของตนเอง ทำใจในใจหรือทำจิตวิญญาณของตนเองได้ ผู้ที่ทำได้ต้องมีผัสสะเป็นสมุทัย นี่คือมูลสูตรข้อที่ 3 ต้องมีผัสสะเป็นเหตุเกิด สมุทัยคือเหตุ การเกิดของจิตนิยาม จิตวิญญาณนี่แหละ ต้องมี ผัสสะเพราะฉะนั้นผู้ที่ไปนั่งหลับตาปฏิบัติก็ต้องขอถล่มอีก พูดอีกย้ำอีก ย้ำหัวตะปูจนเมื่อยแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำไมถึงยังไม่กระเตื้อง สะดุ้ง ฟังไม่ขึ้นหรืออย่างไร อาตมาไม่ได้ไปติดยึดพรรค ไม่ได้ไปติดยึดพวกนะ แต่ อยากจะให้ท่านฟังดีๆเข้าใจให้ได้ แล้วเลิกเสียสิไอ้สิ่งที่มันผิด ไปหลับตาปฏิบัตินั้นมันไม่มีทางที่จะบรรลุหรอก มันเป็นเดียรถีย์ 100% 

ยกตัวอย่างเช่น อุตรมานพ มาเฝ้าพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าก็ถามว่าอาจารย์เธอสอนว่าอย่างไร ก็ตอบว่า ปิดตาเสียอย่าให้เห็น ปิดหูเสียอย่าให้ได้ยิน ก็เหมือนพวกหลับตาปฏิบัตินั่นแหละ พูดเท่านี้แหละ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า อ๋อ… อาจารย์เธอสอนให้เป็นคนตาบอดหูหนวกหรือ เท่านั้นแหละ อุตระสะดุ้งโหยงเลย คอตกซบเซา ทำไมเราถึงโง่ขนาดนี้หนอ แล้วคนฟังอาตมาจะฉลาดขึ้นบ้างหรือไม่นี่ ไปนั่งหลับตากันอยู่นั่นแหละ อาตมาพูดซ้ำพูดซากเรื่องนี้เพราะว่า คณะนี้เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านไปเริ่มต้นตรัสรู้ ท่านก็ไปหาคณะ นี่แหละคณะใหญ่ๆ นี่เป็นคณะหนึ่งในหินยาน ยังมีคณะมหายานอีกนะ อาตมายังไม่กล้าไปถึงโน่น ก็เอาเถรวาทที่อยู่ในเมืองไทยนี่แหละ เหมือนพระพุทธเจ้าท่านจะไปโปรดใครดีก็ไปโปรดคณะสามพี่น้อง ชฎิล 3 ที่บูชาไฟบูชาน้ำอะไรกันอยู่ ไปโปรดก็ได้มาตั้งทีละเป็นหมู่ก็เกิด แต่อย่างว่าของพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมีบริวารก็ได้เลย แต่โพธิรักษ์นี้เมื่อย

เมื่อยเราก็ไม่เมื่อย เหนื่อยเราก็ไม่เหนื่อย ทำไปเรื่อยๆ เราไม่เมื่อยเราไม่เหนื่อย…ที่จริงเหนื่อยๆ ก็ต้องทำ ก็ต้องพยายาม อาตมาก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่เป็นกิจที่อาตมาต้องรับผิดชอบก็ต้องทำไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:31:44 )

ผู้ที่สามารถเรียนรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถเรียนรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้าจริง พูดถึงสภาวธรรมต่างๆเอาพยัญชนะบาลีมาพูดเป็นแบบไทยๆ แปลไปแปลมา แปลมาแปลไป เราเป็นคนไทยก็แปลอย่างไทยๆภาษาไม่จำกัด ภาษาไม่จำกัด สามารถจะพูดมุมนี้ประเด็นนี้นัยนี้เหลี่ยมนี้สู่กันฟังได้รอบถ้วนเลย เพราะมีสภาวะเป็นหลักแล้ว พยัญชนะมันไม่มีปัญหาอะไร 

แต่คนที่ติดยึดพวกพยัญชนะโดยเฉพาะยิ่งไม่มีสภาวะ โอ้โห คนนี้ยาก ยิ่งไปเจอเอาคนบรรลุธรรมแล้ว เป็นปฏิสัมภิทาญาณพูดรอบเลย กลิ้งเลยนะทุกมุม คนที่ไม่ค่อยรู้นี่จะบอกว่าไอ้นี่เอาอะไรมาพูดกันวะ อั๊วะไม่รู้เลย มันก็เป็นธรรมดานะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:32:30 )

ผู้ที่สามารถเห็นสัตบุรุษผู้นั้นเป็นอาริยะในตัว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถเห็นสัตบุรุษ ผู้นั้นเป็นอาริยะในตัว สมมุติคนนี้มีอาริยะภูมิในตัวมีภูมิโลกุตระในตัวแล้ว มาเห็นสัตบุรุษก็จะต้องรู้ว่านี่เป็นสัตบุรุษ อย่างน้อยเป็นสัตบุรุษที่ต่ำกว่าเรา ยิ่งสูงกว่าเรา ก็ยิ่งจะเห็นชัดเจน เพราะมันเป็นแนวเดียวกัน แนวตรงกัน มันไม่ต่างกัน มันมีต้นทางที่ตรงกัน เพราะฉะนั้นมันจะเข้าใจได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:33:38 )

ผู้ที่สิ้นบุญสิ้นบาป

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าตรัสว่าท่านเป็นผู้ที่สิ้นบุญสิ้นบาป  หรือพระอรหันต์หลายองค์ก็บอกว่าท่านเป็นคนไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว คำว่าบุญนี้ก็เป็นคำพิเศษ  อรหันต์หมดบุญเด็ดขาดบาปก็ไม่มี  บุญจึงไม่ใช่สิ่งที่จะยึดถือ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:19:50 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:50:26 )

ผู้ที่สูญคือผู้ที่สูง

รายละเอียด

มันซ้อนอยู่ที่มีบารมี แต่อย่าหลงว่าตัวเองมีบารมีมาก อย่าหลงเป็นอันขาด ถ้าคุณไม่หลงว่ามีบารมีมากบารมีจะช่วยคุณ คุณหลงว่ามีบารมีมากเมื่อไหร่พลาดมานั้นจำไว้ อย่ายึดตัวตน

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:50:41 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:11 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:50:49 )

ผู้ที่หมั่นไส้ควรมี ปรโตโฆษะ และโยนิโสมนสิการ

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าผู้ที่หมั่นไส้อาตมานี้ ควรจะลองมี ปรโตโฆษะ ฟังความอาตมา ตั้งใจฟังด้วยดี สุสูสัง ลภเต ปัญญัง ฟังให้ดี อย่ามีอคติ อย่าไปเพ่งโทษอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะรู้จักพอมารู้จักความจริงรู้จักสัจธรรมต่างๆว่า อ๋อ อาตมาพูดสัจธรรมแท้ๆจะได้รู้ความจริงของสัจธรรม จะได้เจริญพัฒนาขึ้นบ้าง จะได้มีสัมมาทิฏฐิในการที่ฟัง ปรโตโฆษะไปแล้ว จะได้ไปรู้จักจิตใจตัวเอง มนสิ รู้จักการทำจิตใจตัวเองได้เรียกว่ามนสิการ พัฒนาจิตใจตัวเองได้ เป็นผู้ที่มีมนสิการได้ 

ยิ่งเข้าใจลึกขึ้นก็เป็นโยนิโส ถ่องแท้ ละเอียดลออ แยบคาย ถูกต้องไปตามลำดับสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆก็จะทำให้ตัวเองมีจิตเจริญ มนสิการจิตตัวเองเจริญขึ้น เป็นผู้เจริญเป็นอาริยบุคคลตามลำดับๆ ขึ้นไปได้อย่างแท้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:29:14 )

ผู้ที่หยาบได้อย่างละเอียดยิ่ง

รายละเอียด

ผู้ที่ฉลาด(เฉก)ในการหลบเข้าไปซับซ้อนซ่อนความหยาบร้ายของตน อยู่ในความฉลาด(เฉกตา)ที่ทั้งหลอก ทั้งลวง ทั้งเล่ห์อยู่อย่างลึกอย่างลับในภายในใจของตน

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 169


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:11:08 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:30:23 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:51:24 )

ผู้ที่หลงตัวว่าตัวเองเป็นปราชญ์ก็ยังเป็น อนุปสัมบัน

รายละเอียด

ผู้ที่หลงตัวว่าตัวเองเป็นปราชญ์ก็ยังเป็น อนุปสัมบัน อยู่เลย เขาฟังธรรมะโลกุตระที่อาตมาอธิบายไม่ได้เช่นเรื่องของ กาย ของบุญ เป็นต้น ก็เป็นเรื่องที่ได้ผิดเพี้ยนมานานแล้ว 2,500 กว่าปี แล้วไปยึดผิดว่าเป็นถูก ยึดมั่นถือมั่นด้วย อาตมาพูดเข้าเขาก็แสลงหู ไม่เห็นอาจารย์คนไหนพูดเลย ก็ใช่ อาตมารู้จริงจึงเอามาพูด มันก็ต้องแตกต่างจากความไม่จริง ก็ดูสิว่าจริงนี้มันตรวจสอบกับพระไตรปิฎกแล้วก็ตรวจสอบกับผู้ปฏิบัติ ว่าปฏิบัติได้ อาตมาพาคนที่ปฏิบัติจริง มีน้อย เพราะคนที่จะมีญาณปัญญาที่จะมารับโลกุตรธรรมได้นั้นจะไปมีมากได้อย่างไร ยิ่งมาอยู่ในยุคเสื่อมขนาดหนัก อาตมากอบกู้มาได้ขนาดนี้ก็ โอ้โห! ต้องเต้นยิ่งกว่าพวกที่มันเตะลูกบอลเข้าโกล์อีก 3 ตลบ แค่เตะเข้าโกล์ก็ยังเต้นตีลังกาขนาดนั้น อาตมาต้องเต้นตีลังกา 3 ตลบ 5 ตลบ 

สติปัฏฐาน 4 เริ่มจากกาย กาย ภายนอกกับภายใน ก็ให้พิจารณาเข้าไปถึงภายในไปถึงเวทนา ไปศึกษาเวทนา 108 ขึ้นมา มันก็จะรู้จักจิต เจโตปริยญาณ 16 จิตในจิต เสร็จแล้วก็ปฏิบัติรู้จักโลกียธรรม รู้จักโลกุตรธรรม รู้จักกาย รู้จักเวทนา รู้จักจิต รู้จักธรรมรู้จัก กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม เป็นโพธิปักขิยธรรม 37   เป็นกระบวนการ หรือเต็มกระบวนธรรมของโลกุตรธรรม 37 ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงโลกุตรธรรม 37 ว่านี่แหละคือโพธิปักขิยธรรม 37 คือโลกุตรธรรม เขาฟังแล้วก็ฟังไม่ขึ้น 

เริ่มต้นกายไม่มีแล้ว ก็ไม่มีแล้วโลกุตระ กาย เขาก็หลับตาทิ้งเลย ทำให้หูหนวกตาบอดไป อาตมาเข้าใจว่าเขาฟังแล้วเขาไม่เก็ต อย่างอาตมาพูดนี้เขาไม่รู้สึกว่ามันน่าจะรับเอา มันน่าจะได้ น่าจะเอาอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 09:19:39 )

ผู้ที่หลุดพ้น

รายละเอียด

คือผู้ที่ไม่ต้องไปเสียเวลาไม่ต้องไปเสียแรงงานเสียทุนรอน อาตมาสรุปชีวิตคนคือ

1. เวลา เวลาเป็นของโลก มันผ่านไปแต่ละลมหายใจเข้าออกเสียไปโดยเปล่า

2.แรงงาน แรงงานก็คือของเรา

3. เสียทุนรอนสมบัติอะไรที่ต้องไปร่วม นี่คือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์

1. สูญเสียเวลา 2. สูญเสียแรงงาน ทั้งแรงกายแรงความคิดไปอยู่กับสิ่งไร้สาระ 3. ไปได้ขี้ขยะอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่เหตุปัจจัยของชีวิต ขี้ขยะ ดีไม่ดีไปสร้างของเป็นพิษภัยแก่ชีวิตให้แก่มนุษย์ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:01:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:08 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:53:19 )

ผู้ที่หลุดพ้นแล้วทำไมต้องมานั่งฟังพ่อท่านอบรมเปลี่ยนทิฏฐิกันอีก

รายละเอียด

ก็ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า มันยังมีความเจริญที่เจริญได้อีกเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ โพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 ระดับ 8 ระดับ 9 อธิบายไปแล้วแต่คุณยังไม่มีปัญญาตามที่อาตมาอธิบาย นั่นแหละมีสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดเลยแต่พวกที่เข้าป่าหลับตามีแต่สังกัปปะอยู่ในภพ วาจายังไม่พูดอะไรเลย กัมมันตะการงานไม่ทำเลย อาชีพไม่ต้องพูดเลย ขอเขากินอย่างเดียว บิณฑบาตกิน ไม่ทำการงานอะไรเลย เป็นหนี้นะ เอาแต่นั่งสมาธิแล้วก็บิณฑบาตกินแล้วก็นั่งสมาธิ เขามาประเคนให้กิน…เป็นหนี้เขาอย่างเดียว 

แล้วเขาก็ไปหลงว่าเขาจบอรหันต์ แล้วก็มาประกาศว่าฉันเป็นอรหันต์ให้มาทำทานกับข้าพเจ้า ซ้อนอีก กิเลสซับซ้อน แต่ตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้บรรลุจริงแล้วมาหลอกเขา อ้างอิงอะไรต่างๆนานา พูดแล้วก็ไปว่าสิ่งที่เคยว่า พวกหลับตาใสกับหลับตามืดถูกอาตมาว่าทั้งนั้น พวกตาบอดตาใสกับพวกตาบอดตามืด สองสายใหญ่ๆ สายธรรมกายกับสายอาจารย์มั่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:35:29 )

ผู้ที่ห้ามกั้นธรรมะหรือศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ให้เจริญเป็นอกุศล

รายละเอียด

ศาสนาพุทธ พวกคุณเชื่อแล้วแน่นอนอาตมามั่นใจ ว่านี่คือธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นของพระพุทธเจ้า แล้วเชื่อว่าอาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้มีอยู่ ที่เกิดมาในโลกยุคนี้ ถ้าหากไม่เชื่อก็จะไม่ตรงกับสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 โลกนี้เกิดมาคุณก็ไม่พบสัตบุรุษ พบแล้วคุณก็ไม่เอาเหมือนกามนิต หรือคุณไม่เชื่อก็ไม่เอามันก็ไม่ได้เหมือนกัน ดีไม่ดีไม่เชื่อธรรมดาก็จะชังด้วย ก็จะยิ่งบาปเข้าไป ชังอีกผลักอีกก็เป็นจริงของคุณ แต่ติดด้วยโลกียะ ติดด้วยลาภยศสรรเสริญ ติดด้วยสุข ยังพอใจที่จะอยู่อย่างนั้น จะวนเวียนอยู่แค่เท่าที่ได้ หรือสุขไม่เอาแล้วแต่ยังติดสรรเสริญ ให้คนมาเข้าข้างโพธิรักษ์ เดี๋ยวลูกศิษย์ลูกหาจะบอกว่าอาจารย์เขาเปลี่ยนไป ลูกศิษย์ลูกหาที่ไม่ศรัทธาอาตมา ก็จะหนีไป คุณก็จะเสียบริวาร ก็เสียเวลาคุณไป

คุณไม่ละลาบละล้วงอาตมาก็ดีแต่ไม่กล้าเปิดเผยก็เรียกอัตตามานะ อติมานะของตน ถ้าไม่ถือตัว ก็เปิดเผย สัจธรรมก็จะทับทวี ลูกศิษย์คุณก็จะมีจิตโน้มน้อมมาอธิมุตโต อาจารย์เรายังยอมรับเลย ก็จะได้มีแนวโน้มมีทิศทาง สัจจะก็จะยิ่งทวี มันก็ง่ายๆ ผู้ที่ห้ามกั้นธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ให้เจริญเป็นอกุศล ผู้ที่ห้ามกั้นศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ให้เจริญก็เป็นอกุศล ถ้าใครไม่คิดว่าจะสะสมอกุศล ก็ควรจะทำกุศลเพิ่ม นี่คือสัจจะมันเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้น สรุปจบ วาระนี้ที่ได้พบกัน เปิดเผยอะไรไป บอกตรงๆอาตมาไม่มีสาเฐยจิต อวดตัว พูดแล้วก็เบื่อตัวเองเลย อวดตัวเอง แต่มันเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องพูดถึงเวลาที่จะต้องพูดยืนยันอ้างอิง อาตมาไม่ได้อวดอย่างไม่มีอะไรอ้างอิงเป็นหลักฐาน มีองค์ประกอบสมบูรณ์อยู่ ขอยืนยันว่าอาตมามีความปรารถนาดีมีความจริงใจ ถ้าผู้ใดที่ยังสนใจที่จะฟังธรรมะอาตมา ก็โปรดติดตามอย่ากระพริบตา

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:17:48 )

ผู้ที่อยู่เหนือกาม

รายละเอียด

พวกเราได้ยินคำสอนของพระพุทธเจ้า ตื่นขึ้นมา เรียกว่าละหน่ายคลายจากอวิชชา เริ่มต้นจากกาม เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ผู้ที่พ้นแล้วจากกามนี้ไม่ได้หนีจากกาม ภาษาเรียกว่ากาม แต่คุณไม่มีกาม คุณไม่ได้ใคร่อยากมัน แต่คุณไม่ได้หนีจากมัน มันยังเป็นกายอยู่ มันยังเป็นภายนอก มันยังอยู่กับเรา แต่เราไม่มีกิเลสแล้ว พระอนาคามีขึ้นไปอยู่กับกาม แต่กามไม่มี มีกาย แต่กามไม่มี มีภายนอกมีภายใน เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจึงไม่เคยหนีไปจากกาย 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:03:07 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:53:53 )

ผู้ที่อยู่ในฐานะครู ยุคต่อมาที่ไม่มีพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เมื่อไม่มีพระพุทธเจ้า ก็เหลือแต่ครูแล้วแต่ผู้ที่อยู่ในฐานะของครู ถ้าหากโลกยุคไหน สมัยไหน  ไม่มีพระอาริยะครู  ไม่มีผู้ตั้งอยู่ ในสถานะของครูอย่างแท้จริง ที่มีภูมิอาริยธรรม  หรือ โลกุตระธรรม ก็มีเองไม่ได้  เพราะฉะนั้น  ครูที่ไม่ใช่ศาสดาสามารถที่จะได้ธรรมะที่เป็นพุทธธรรมแท้ เป็นโลกุตระธรรม  อย่างอาตมานำมาประกาศบอกว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญา  ฟังแล้วก็จะยิ่งชัดเจนว่า อาตมาไม่ได้พูดเล่น  ลอยลม  อย่างไม่มีหลักฐาน ไม่มีสาระแก่นแท้  มันชัดเจน  คุณก็จะยิ่งเชื่อถือวา  อาตมาพูดนี้ เป็นสารีบุตรที่แท้  เป็นลูกที่นำแก่นสาระ สารี  ผู้ที่มีสาระ  แก่นแท้ของศาสนาพระพุทธเจ้า  เป็นสารีบุตรที่แท้พูดกับพวกเรา  พวกคุณ ก็จะไมหลงไปเป็นตัวตน  บุคคล เราเขา  อาตมาเป็นอาริยธรรม  ปรมัตถธรรมแท้  ไม่ได้หมายถึงตัวตนบุคคลเราเขาเลย  พูดกลับไปอีก  ถ้าอาตมาจะเป็นสารีบุตร  อย่างที่เคยเกิดมาใน  ยุคพระพุทธเจ้าแล้วมาเกิดในยุคนี้  อาตมาก็คือผู้ที่มีแก่นแท้สาระที่ได้มา  จะเป็นตัวจริงมา หรือ แม้จะเป็นตัวจริงมา ก็จะต้องมี สาระที่แท้นั้นมา ใช่ไหม เพราะเอาปรมัตถ์ ร่างกายตัวร่างเพระสารีบุตรสมัยพระพุทธเจ้า ก็ตายไปตั้ง 2 พันกว่าปีแล้ว  แต่สาระแก่นสารที่มีเชื้อแท้ อันถูกตรงเอามาแจกแจงเป็นเนื้อแท้ เหมือนอาตมา เป็นเภสัชกร  มียายุคโน้น พอมาตอนนี้  เกิดมายุคนี้  ก็เอามานี้ติดตัวเองมา  ก็มาแจกยานี้แก่พวกเรา  แล้วยาที่อาตมาแจก  กินแล้วบรรลุธรรม  กินแล้วรักษาโรค กิเลสให้หายได้ตามจริง  พิสูจน์แล้วได้ผลจริง  ทำให้กิเลสลดละได้จริงอันนี้แหละ เป็นสัจจะ  ปัญญาอันที่ 1  สรุป  คือผู้มีอัญญธาตุได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  โดยได้รับฟังจากพระพุทธเจ้า  หรือผู้ที่ต้องอยู่ในฐานะครู  ได้มาด้วยความรัก ความเคารพ  ความละอาย  ความเกรงกลัว  อันที่ 1 ย้ำอีกที่ว่า ต้องได้มาจากพระศาสดา คุณจะไปมาเองไม่ได้  ต้องได้มาจากผู้ที่อยู่ในฐานะของครู แม้ไม่ใช่พระศาสดา  ก็ต้องมีสาระอย่างแท้จริง  ไม่ใช่ตัวตน  บุคคลเราเขาที่เป็นสารีบุตรจริง ถ้าจะเรียกทางเทวนิยม ก็เป็นพระบุตร  แต่ของศาสนาพุทธเรามันชัดเจนว่า  เนื้อหาสาระแท้  แล้วก็เป็นเนื้อหาสาระของธรรมะที่ไม่ตาย  มีองค์ประกอบ  ขึ้นอยู่กับกาลเทศะในโลกยุคแต่ละกาละองค์ประกอบไม่เหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:24:06 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:02 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:56:35 )

ผู้ที่อิสรเสรีภาพไม่ยึดอำนาจบาตรใหญ่มีแต่เมตตา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะอิสระเสรีภาพและรู้จักว่าไม่ต้องยึดอำนาจบาตรใหญ่ มีแต่เมตตา มีแต่ช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักการเกิดการตาย การเกิดการตายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย คนเราอายุ 100 ปีอย่างมากไม่ถึง 100 ปีดีนักก็ตาย ในยุคนี้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา ตายแล้วคุณก็ต้องมาเกิดอีกตามวิบาก วิบากดีคุณก็มาต่อวิบากดี วิบากชั่วคุณก็มาต่อวิบากชั่ว 

กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  

อ่านสภาวะให้จริง ให้รู้จักสภาวะ 2 เทียบกันทีละคู่ คุณจะรู้รายละเอียดของเทวะนี้มากเลยทีละคู่ อะไรควรหรือไม่ควร แล้วมันไม่เที่ยงด้วย ความควรหรือไม่ควรมันไม่เที่ยงด้วย ตามมหาปเทส 4 ไม่เที่ยง มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ กาละ เทศะ ฐานะ ใช้พยัญชนะเหล่านี้ย้ำยืนยันอธิบายแล้วก็จะรู้ว่า ความไม่เที่ยงนี้ยิ่งใหญ่อย่างนี้นะ แม้แต่ความเป็นเทวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 07:00:21 )

ผู้ที่เกิดตายได้เองไม่ใช่วิบากให้มาเกิด

รายละเอียด

ผู้ที่จะมาเกิดด้วยความรู้ด้วยเหตุปัจจัยของผู้ที่มีคุณธรรมจะต้องมาเกิด ก็ไม่ใช่วิบากให้มาเกิด เพราะฉะนั้นผู้ที่อยู่เหนือ มีจิตอยู่เหนือแล้ว เมื่อถึงคิวเมื่อถึงความสมควรแล้วท่านก็มาเกิด แม้ท่านมาเกิด พระพุทธเจ้าอยู่ที่ดุสิต จะมาเกิดในโลกมนุษย์แม้จะมาประกาศศาสนาจะมาทำงาน หรือจะเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องเกิดมา โดยที่ท่านจะต้องมาเรียนรู้โดยท่านไม่ประกาศตัวเลยก็ได้ ท่านก็เกิดได้ของท่าน เพราะท่านมีจิตรู้วาระตายวาระเกิดจริงๆ แล้วทำให้เกิดให้ตายได้ด้วย พระอรหันต์ที่มีอภิญญาเกิด กำหนดให้ตายไปเดินไปตายใน ก้าว ที่ 7 ก็ได้ ถ้าใช้วิธีสั่งสมด้วยเจโตมันก็จะทำได้แต่มันก็จะหลงแต่ถ้าสั่งสมด้วยปัญญามันก็จะได้จริงไม่หลง

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 08:50:15 )

ผู้ที่เกิดมาเพื่อกอบกู้ความเสื่อม

รายละเอียด

และจริงที่สุดอีก ก็คือ อาตมาเป็น“คนผู้ที่เกิดมาเพื่อกอบกู้ความเสื่อม”นี้โดยตรงโดยแท้ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน“สัมมาทิฏฐิ 10” นั่นเองครบชัดแล้ว นั้นก็คือ “ทั้ง 10 ข้อ”ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 10 จะปรากฏ“ความจริง”คือสัจจะขึ้นใน“โลก”   

ใน“ข้อที่ 10”ก็ตรัสระบุไว้ชัดเจนแจ่มแจ้งแท้ๆว่า ในโลกที่มีคนผู้“สยัง อภิญญา”อุบัติขึ้นมา ยุคใด ยุคนั้นผู้“สยัง อภิญญา”ที่เป็นผู้ดำเนินถูกต้อง ปฏิบัติถูกตรงแท้จริง ก็จะประกาศโลกนี้-โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะท่านเป็นผู้“รู้ยิ่งมีภูมิธรรมยิ่งนั้นๆด้วยตนเองมาแล้ว”จริง จึงชื่อว่า “สยัง อภิญญา” คำว่า “สยัง อภิญญา”นี้ หมายถึง “คนจริง”ที่มี “อภิญญาในตนเองแล้ว” “สยัง”คือ “เอง” ก็หมายเอา“ตัวตนของตน”นี่เอง

“อภิญญา”ที่เป็น“สัมมาทิฏฐิ”ของพุทธหมายถึง “ความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรมมีเองในคนผู้นั้นแล้ว”ไม่ใช่อภิญญาที่เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์อิทธิปาฏิหาริย์ รู้ใจคนเหาะเหินเดินน้ำดำดินได้ ไม่ใช่ แต่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นความรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม และโลกุตรธรรมนั้น มีเองในคนผู้นั้นแล้ว คนผู้นั้นก็คืออาตมายืนยันตัวเองว่าอาตมาเป็นคนมีโลกุตรธรรมในตัวเองแล้ว มีอภิญญาคือโลกุตรธรรมมีเอง 

“อภิญญา”จึงคือ ตัวอาตมานี้แหละ“สยัง อภิญญา” ตัวจริง ที่เกิดมาเพื่อมาทำงานนี้ ในยุคพ.ศ. 2500 นี้ 

“สยัง อภิญญา”คือ คนเช่นใด? 

“ความมี”อยู่ในตน มีอะไรบ้าง? 

และ“ชีวิตดำเนินไป” อย่างไร? 

“สยัง อภิญญา”แปลว่า คนผู้มีธรรมะที่เป็น“คุณวิเศษแบบ       ‘โลกุตระ’ขั้น‘อรหันต์’ในจิตตนเองแล้ว”มากถึงขั้นเรียกได้ว่า “เป็นของตนเองติดอนุสัยตนเองไปได้” ซึ่งเป็นคนที่มี“โลกุตรสมบัติ”ฝังใน“จิต”สูงขึ้นเกินกว่าขั้น“อรหันตวิสัย”ระดับ 1 หรือเป็น“โพธิสัตววิสัย”ระดับ 5 ขึ้นไป เป็นผู้มี“อรหันตธรรม”สะสมลงใส่“จิต”ตนเป็นผู้“อมตะ” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2566 ( 10:28:15 )

ผู้ที่เข้าถึงมูลสูตร 10 เป็นผู้ที่เข้าถึงราก

รายละเอียด

แต่ถ้าคุณฟังอาตมาพูดเท่าไหร่ๆคุณก็เฉย มันไม่ถึงขั้นยินดี ฟังดีๆนะ อาตมาจะเข้าถึงมูลสูตร 10 มันไม่เข้าถึงความยินดี ฉันทะจริง เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีฉันทะจริง จึงยากที่จะต่อไปจากนั้นอีก มันเป็นความยินดีที่ผิวเผิน มันไม่ยินดีถึงรากเค้ามูลกา มันยินดีเผินๆ โพธิรักษ์พูดดีเหมือนกันนะ แต่ไม่ถึงขั้นที่คุณจะนำมามนสิการตามที่อาตมาพาทำ ที่เป็นมูลสูตร ที่ 2 คุณจะไม่ มนสิการคุณก็จะทำอย่างมิจฉาเป็นอมนสิการ ทำใจในใจแบบนั่งหลับตาสะกดจิตไป ไม่มาทำตามจรณะ 15 วิชชา 8 ตามที่อาตมาอธิบายของพระพุทธเจ้านี้หรอก 

เมื่อคุณไม่มีมนสิการ เป็นโยนิโสมนสิการ ก็จบ มูลสูตรของข้อนี้คุณไม่ได้ จากนี้ไปคุณก็ไม่มีเลยไม่มีมูลไม่มีรากเลย รากแค่นี้ คุณก็ออกนอกรีตไปไกลแล้ว 

เพราะฉะนั้นผัสสะเป็นสมุทัยต่อจากนั้นคุณไม่เอาผัสสะคุณหลับตาหนีผัสสะ เพราะฉะนั้นคุณจะไม่มีเวทนาต่อจากนั้นไปแล้วคุณทำสมาธิ จะเป็นสัมมาสมาธิ จะเป็นสมาหิโตไม่ได้ สติก็โมฆะ สมาธิก็โมฆะ ปัญญาก็โมฆะ วิมุติก็โมฆะ อมตะก็โมฆะ จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นชาติสุดท้าย เห็นอุจจาระสุนัขไหม 

เอามูลสูตรยืนยันอ้างอิงขยายด้วย ก็ยิ่งครบชัดเลย ไม่ถึงรากไม่ถึงมูล ผู้ที่เข้าถึงมูลสูตร 10 ก็เป็นผู้ที่เข้าถึงรากหมดเลย รากของฉันทะ  รากของมนสิการ รากของผัสสะ รากของฉันทะเป็นมูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด ผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาเป็นที่ประชุมลง มีสมาธิเป็นประมุข มีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตตระ มีวิมุติเป็นสาระ มีอมตะเป็นที่หยั่งลง รากของปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เพราะมีอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แรม 10 ค่ำเดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2565 ( 21:20:49 )

ผู้ที่เข้าใจสภาวธรรมที่ถอดรูทของจิตวิญญาณออกไปได้ เป็นอรหันต์ได้

รายละเอียด

ผู้ที่จะเข้าใจได้ก็คือเข้าใจสภาวธรรม ที่ถอดรูท ถอดอะไรของจิตวิญญาณออกไปได้หมด จิตวิญญาณมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นต้น หรือมีรายละเอียดที่ลึกละเอียดเข้าไปจนถึง เวทนา 108 เป็นต้น หรือแม้แต่สมมติเรื่องที่มันเป็นคู่ๆ 

ดาบ มีด ด้ามมีด กาวกับด้ามมีด น้ำล้างด้ามกาว มันเป็นคู่ๆๆๆ มันจัดการกันได้หมด ผู้ที่เข้าใจอย่างนี้ สรุปให้ได้เถอะสภาวะจริงๆของจิตนิยาม สรุปแล้วเป็นอรหันต์ สรุปจบเกณฑ์ให้ได้เป็นอรหันต์ คนนี้เข้าเกณฑ์อรหันต์หมดแล้ว พวกเรานี้เข้าเกณฑ์อรหันต์เยอะ แต่สรุปไม่เป็น สรุปไม่ลง พูดไปหลายทีแล้วเรื่องนี้ แต่อย่าโมเมก็แล้วกัน พยายามรู้ให้จริง

สรุปไม่ลงเพราะมันรู้มากรู้เยอะ อาตมาสอนเยอะด้วย เพราะอาตมาเป็นพุทธิจริต เป็นสายปัญญา ก็เลยมาก สายศรัทธาเขาไม่มากหรอกสรุปจบง่ายสั้นเหมือนพระโมคคัลลา บรรลุอรหันต์เร็วกว่าพระสารีบุตร พระสารีบุตรเป็นอรหันต์ช้ากว่าพระโมคคัลลานะ  7 วัน พระโมคคัลลานะใช้เวลา 7 วันบรรลุ พระสารีบุตรใช้เวลาถึง 14 วันจึงบรรลุอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2565 ( 19:36:28 )

ผู้ที่เข้าใจโลกเข้าใจอัตตา

รายละเอียด

จะต้องการเป็นใหญ่เป็นผู้ชนะเป็นผู้ได้เปรียบแต่ผู้ที่เข้าใจโลกเข้าใจอัตตาแล้ว เขาจะอยู่ในความเป็นกลาง ไม่เอียงไปอย่างที่จะเป็นใหญ่ในโลกหรือในอัตตา แม้ที่สุด อยู่อย่างผู้เสียสละ หรือ อยู่อย่างผู้ไม่มีอัตตา ถอดตัวถอดตน เป็นผู้แพ้ เป็นผู้ไม่มี เป็นผู้มีก็ให้ เป็นผู้มีก็เสียสละให้ผู้อื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565  แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:51:15 )

ผู้ที่เป็นปราชญ์รู้มากแล้ว มากเกินต้องมาปฏิบัติตนเองให้เป็นอย่างที่รู้

รายละเอียด

โดยเฉพาะ ท่านเป็นปราชญ์ เป็นผู้รู้ที่รู้มากจริงๆ แต่ก็ยังไม่จบการรู้มาก นี่คือความไม่จบ ที่จริงท่านรู้มากแล้วมากเกิน เกินจนกระทั่งต้องเลิกเหมือนผู้ไม่รู้เสีย แล้วมาปฏิบัติตนเองให้เป็นอย่างที่ท่านรู้ คือมาเป็นพวกที่ติดดิน เป็นพวกที่ไม่อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งยศศักดิ์ต่างๆนานา แล้วก็เปิดจิตคบค้ากับผู้ที่จิตลึกๆของตัวเองเข้าใจว่าตนเองอยู่ในฐานะสูง ฐานะที่เขาเคารพยกย่องเชิดชูและก็ไปดูถูกผิด ไปดูถูกคนที่ถูกว่าผิด ก็เลยเข้าหาคนผิดไม่ได้ที่ตัวเองนึกว่าผิด ที่แท้เขาถูก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:43:48 )

ผู้ที่เป็นปัญญาวิมุตติ

รายละเอียด

ผู้ที่อาสวะดับสิ้นหมดนับเป็นพระอรหันต์ได้ขั้นต้น ปัญญาวิมุตติ คุณต้องเรียนรู้รายละเอียดของอนุสัยจนหมดอนุสัย เป็นอุภโตภาควิมุตติ คุณจึงจะเป็นพระอรหันต์ สมบูรณ์แบบเป็นบุคคลที่ 7 ในทักขิเณยบุคคล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:11:23 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:19 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:57:06 )

ผู้ที่เป็นสัทธาวิมุติหลงอสัญญีสัตว์ว่าเป็นวิมุติ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ที่เป็นสัทธาวิมุติ ไปหลงอสัญญีสัตว์ว่าเป็นวิมุติ ไปติดอยู่ตรงนั้นเพราะมันสบาย ไปติดอยู่ 7 วันเป็นต้น คนทำได้เก่งทำได้ 7 วัน หรือ อาจอยู่ได้นานกว่า 7 วันด้วย จะเอาเลข 7 เป็นเลขสูงสุด เป็นเลขกำลังสูงสุดมาเรียก ก็อยู่ไปมันไม่ใช่วิมุติแท้ 

วิมุติแท้ๆคืออะไร วิมุติแท้ๆคือ รู้จักกิเลสอย่างเห็นๆ ลืมตาสัมผัส หูได้ยินเสียง  จมูกได้กลิ่น  ลิ้นได้รับรสทุกอย่าง แล้วอ่านกิเลสในขณะจิตเปิด ไม่ใช่จิตในภวังค์ มีแต่จิตกับจิต มันแคบ แล้วมันก็เป็น นิรมาณกายได้ ได้ มันอยู่ในจิตของตัวเองเท่านั้น มันก็คิดไปได้ปั้นเป็นสูญก็ได้ ปั้นเป็นอะไรก็ได้เป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย 

เพราะฉะนั้นจึงยังเข้าใจได้ยากตัวเองเป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย กายลมแล้งเพ้อพก ก็ไม่รู้ตัวสร้างภพชาติจนกระทั่งสร้างไฟดับสนิทหรือคิดอะไรบอกว่าเป็นอิสรเสรีภาพ คุณก็ฝันเพ้อไป โดยที่มันไม่มีความจริงคือปัญญาที่มีความจริงก็คือปัจจุบัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 18:26:04 )

ผู้ที่เป็นอรหันต์ต้องมีโภชเนมัตตัญญุตา

รายละเอียด

สำรวมอินทรีย์แล้วต้องเรียนรู้ โภชเนมัตตัญญุตา กิเลสรวมอยู่ตรงนี้ทั้งนั้นเลย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่จะกระทบลิ้นสัมผัส แล้วเป็นรส เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเราต้องไม่งมงายอยู่กับสิ่งนั้น อย่างมหาบัว กินหมาก รสทางลิ้นไม่รู้เรื่องเลยไม่รู้จักกามคุณถ้าไม่รู้จักการติดยึดไม่รู้เลย แล้วคนก็ไปหลงว่าเป็นอรหันต์ อาตมาจึงได้สุดสงสารจริงๆเลย 

ไม่ใช่ว่าอาตมาจะไปเกลียดชังมหาบัวแต่สงสารท่าน แล้วก็สงสารคนที่ไปหลงงมงายตามมหาบัว ไปหลงเป็นอรหันต์ ไปหลงเป็นคนตามที่ท่านได้หลอก ขอยืนยันว่าท่านหลอก อาตมาไม่คิดว่าท่านไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นกิเลส เพราะตามประวัติได้ยินว่าท่านเคยได้หยุดกินหมาก แต่ท่านหยุดไม่ได้ ท่านก็เลยกลบเกลื่อนเลย กลบเกลื่อนว่า นี่มันไม่ใช่กิเลส มันเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ กลบเกลื่อนไปเลย มันเป็นอันตรายต่อนิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 19:20:47 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์