คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:00:05 )
รายละเอียด
มันจะเป็นไปตามฐานะของแต่ละคน คำว่าปิดทองหลังพระ หมายความว่า
1. เจตนาปกปิด
2. ไม่เจตนาปกปิดอะไรหรอก แต่ทำแล้วคนไม่เห็น คนไม่รู้หรือคนไม่เข้าใจ จะเรียกตีขลุมเอาว่าเป็นปิดทองหลังพระก็ได้
อย่างอาตมานี่ปิดทองหลังพระ เยอะ ทำแล้วก็ไม่รู้ว่าอาตมาเป็นตัวการ อาตมาเป็นตัวนำพาทำ เพราะว่ามันเป็นลักษณะของโลกุตระที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่งคือ ทำด้วยความไม่มีตัวตน อาตมาเคยใช้คำว่า ปิดทองในลำไส้พระ ไม่ใช่หลังพระ มันอยู่กลางตัวปิดบังหมดเลย ปิดทองในลำไส้พระ
ซึ่งจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม คุณทำความจริงความดีกันไปตามควร เป็นแต่เพียงว่าประมาณ บางทีมันมากมันใหญ่มันเยอะ อย่าเพิ่งมีเท่าไหร่ก็เทกระบะ เท่านั้นเอง แต่ทำไปตามควรว่ามีคนพอรับได้ แล้วก็ไม่มีคนหมั่นไส้อะไรมากนัก ก็ทำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:44:55 )
รายละเอียด
เราจะเปิดตลาดอาริยะ เข้ามานี้จะมาเจอ ภูเฮา ตอนนี้เรากำลังสร้างภูเฮา ตอนนี้ตั้งหินเอาดินมาก่อเอาดินมาตั้งเอาหินมาตั้ง ไม้ร่มก่อการไปเรื่อยๆ ไปเห็นก้อนสี่เหลี่ยมตั้งอยู่แล้วมีหินอีกก้อนตั้งอยู่บนหินก้อนสี่เหลี่ยม มันจะล้มหรือไม่ ภาษาอีสาน มันจะล้มร่วงลงมาใส่หรือไม่ เรียกว่าโหง่ย อาตมาก็เลยมีดำริว่า ก้อนนี้แหละจะเป็นลูกนิมิตของบ้านราช เพราะฉะนั้นเราก็ต้องปิดทองลูกนิมิตกัน เดี๋ยวใครเอาทองคำเปลวเป็นแผ่น เข้ามาให้ อาตมาจะปิดเป็นปฐมฤกษ์เลย
จริงๆเราทำตามเขานะ แต่เราไม่ได้ทำตามอย่างโง่ๆ เราทำไปทำไม ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เราปิดทองมันก็คือทองกับหิน มันไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร จะสอนเขา ว่าลูกนิมิตไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่จะไปล่อให้หาเงินหาทองด้วย ไม่ต้องฝังเลย ฝังให้โง่ทำไม ทองแท้เอามาโชว์เลย เขาทำได้เงินได้ทองเยอะแยะกว่าจะลงฝังนี้ เรียกร้องอีกนานได้อีกตั้งเท่าไหร่ ที่จริง นี่แหละปาราชิกจะเอาเงินที่เขามาทำทองปิดลูกนิมิต เอาไปใช้ส่วนตน ปาราชิกทั้งนั้น พูดบอกให้รู้ตัวด้วย ใครปาราชิกมาแล้วก็รู้ตัวเถอะ แต่หลงผิด ไม่ได้ตั้งใจทีเดียวก็ไม่ถึงปาราชิกทีเดียว แต่ถ้าหลงไปตามเขาแล้วถูกเขาหลอกก็ไม่ปาราชิกหมดหรอก แต่มันน่ากลัวนะปาราชิก นี่ พูดจริงๆ อาตมาว่าอาตมาจะปิดเป็นแผ่นแรก ปฐมฤกษ์ ใครจะมาปิดต่อก็ปิดไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2565 ( 12:32:35 )
รายละเอียด
ปิดบังกิเลส คือ คนที่ปิดบังกิเลสที่มีของคนทุกคน แต่แสดงพฤติกรรมของกิเลสออกมานั้นน่าอายกว่า
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:57:10 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:49:42 )
รายละเอียด
คุณไปนั่งหลับตาปฏิบัติ คนอื่นไม่ได้รู้ด้วยก็คือปิดบังไว้แล้ว ทั้ง กาย วาจา ใจ นรชนนั้นก็เลยหมักอยู่กับแบคทีเรียเชื้อโรคกิเลสแตกตัวมากมายเลย กิเลส คือ เครื่องหมักดองในอาสวะของคุณ มันแตกตัวขยายตัวน้ำหมัก กิเลสของคุณเจริญมาก ก็หยั่งลงในที่หลง หัวจิ้มดิ่งในที่หลงๆๆ ไม่มีทางไปทางที่ถูกเลย
1.ผู้ที่คิดว่าการปฏิบัติธรรมต้องเข้าป่าก็ผิดแล้ว ก็ไกลจากวิเวก
2. แล้วก็ไม่คิดว่าการนั่งในถ้ำหลับตา คือ การ ฝึกปฏิบัติธรรมอีกก็ยิ่งผิด ไม่มีภายนอกเลยก็ห่างไกลจากวิเวกไปอีก กายวิเวกไม่จำเป็นต้องเอาร่างกายที่มีสัมผัส 6 นี้ออกไปจากผัสสะบันไดขั้นแรก ก็ไม่มีแล้ว แต่คุณนึกว่าโดดเก่ง โดดไปขั้นที่ 2 ที่ 3 เลย ขาถ่างเลยโดยสัจจะของพระพุทธเจ้า และคุณก็ดันทุรัง ฟังสมณะโพธิ์รักษ์ให้ดี จะได้มาดันสุรังมาทางดี
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 12:46:22 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:52 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:26:05 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 02 เมษายน 2563 ( 12:30:07 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:27 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:23:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:42:40 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:17 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:22:05 )
รายละเอียด
เพราะเหตุฉะนี้เอง ถ้าแม้นคนผู้ที่จะศึกษาปฏิบัติเข้าใจคำว่า
“กาย”มิจฉาทิฏฐิอยู่
ไม่ทำความเข้าใจให้“พ้นมิจฉาทิฏฐิ”จนกระทั่งหมดสิ้น“วิจิกิจฉา”
ตาม“สังโยชน์ 10”ก็คือ คนผู้ไม่“สัมมาทิฏฐิ”เป็นขั้นต้นแล้ว
หรือคนผู้ที่“หลับตา”ปฏิบัติหลงผิดกันอยู่นั้น ก็จะคงเป็น “สัตว์”
พ้นความเป็น“สัตว์”ตาม“สัตตาวาส 9”นั้นไปไม่ได้เด็ดขาด
เท่ากับปิดประตูที่จะบรรลุธรรมของศาสนาพุทธสนิทแน่นไปเลย
เพราะผู้“หลับตา”ปฏิบัตินั้น จะเกิด“ปัญญา”ไม่ได้ เนื่องจาก
ไม่ครบกระบวนการของ“องค์ธรรม 6
ได้แก่ ปัญญา-ปัญญินทรีย์-ปัญญาพละ-ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์
-สัมมาทิฏฐิ-มรรคอันมีองค์ 8” ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 258
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 468 หน้า 349
เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2564 ( 08:26:54 )
รายละเอียด
เราไม่ได้ไปปิดสนามบิน แต่เราไปทำให้ไม่เกิดความรุนแรง เมื่อไม่มีความรู้มากพอก็เลยพูดไปสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วจะให้เราไปช่วยคนกรีดยางอีก ตั้งหลักให้ดีหน่อยเถอะตัวเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 13:34:43 )
รายละเอียด
หมายความว่าผู้ที่มีสิ่งดีในตัวนั่นแหละ เป็นเครื่องทำตัวเองให้เสื่อมลง หรือมีดีเป็นอาพาธ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 539
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:12:25 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:58 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:22:37 )
รายละเอียด
1. ผู้มีคุณลักษณะของพรหมขนาดหนึ่ง อันเป็นพรหมคุณที่ยิ่งใหญ่
2. เป็นพ่อยิ่ง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 94,ทางเอก ภาค 3 หน้า 427
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:47 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:15 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:23:33 )
รายละเอียด
พ่อ
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 200
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:15:45 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:09 )
รายละเอียด
1. ได้ยินดี
2. ความดีใจ ปลื้มใจ ฟูใจ
3. อาการดีใจ อิ่มใจ อิ่มเอมใจ เปรมใจ
4. เวทนาไปข้างชอบใจ
5. รู้ดี เห็นดี ยินดี
6. จะเห็นดี รู้ดี ได้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
7. ความชื่นชม
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 149,
ทางเอก ภาค 2 หน้า 300,
ทางเอก ภาค 3 หน้า 188, หน้า 500, หน้า 530,
คนคืออะไร? หน้า 187,
สมาธิพุทธ หน้า 238
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:19:59 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:24 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:24:45 )
รายละเอียด
คือ ได้ดี รู้ดี ยินดี ความปลาบปลื้มยินดีอิ่มใจในณาน อันมีได้ 5 อาการ
1. ขุททกาปีติ (ปีติเล็กน้อย)
2. ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ)
3. โอกกันติกาปีติ (ปิติเป็นพักๆ)
4. อุพเพงคาปีติ (ปีติแรงกล้า โลดลอย)
5. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน)
ที่มา ที่ไป
อรรถกถาแปลเล่ม 75 "จิตตุปปาทกัณฑ์" หน้า 321, จาก คัมภีร์วิสุทธิมรรค
หนังสืออ้างอิง
หนังสือธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2562 ( 15:29:37 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:06:08 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:25:31 )
รายละเอียด
เป็นผู้ทำความรื่นเริง ยินดี ปรีดาให้แก่ตนแล้วอย่างเก่ง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 538
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:21:20 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:23 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:26:49 )
รายละเอียด
ยังมีลักษณะสำคัญของความเป็นพรหมอยู่โดยอัตโนมัติ มันเป็นคุณธรรมแฝงฝังอยู่ในใจสัตว์โลกผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นแม่ คือยังมีความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาในลูกของตน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 140
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:14:42 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:21 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:26:02 )
รายละเอียด
ความรักกัน
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 102, วิถีพุทธ หน้า 10
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:22:14 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:25 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:26:51 )
รายละเอียด
ปิยกรณะ มีความรัก ความรักก็มีระดับมีขั้นเป็นความรักขั้นสูงขั้น 7 ขั้น 8 ขั้น 9 อย่างนี้เป็นต้น เป็นความรักที่ดี เป็นความรักเจริญ เป็นความรักประเสริฐ ไม่ใช่ความรักเห็นแก่ตัว แคบอยู่ในมิติต่ำๆ ซึ่งอาตมาก็อธิบายความรัก 10 มิติไว้แล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 11:35:22 )
รายละเอียด
พูดส่อเสียด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 512
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:24:05 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:33 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:26:26 )
รายละเอียด
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 116
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:09 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:50 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:26:51 )
รายละเอียด
พูดส่อเสียด
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 115
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:56 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:54 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:27:57 )
รายละเอียด
จนกระทั่งถึงพุทธศักราช 2532 เขาถึงค่อยรู้สึกว่าไม่ได้ต้องปราบ ปล่อยไปอีกไม่ได้หรอก เขาก็เลยขึ้นมารวมตัวกันทั้งธรรมยุตและมหานิกาย รวมกันเป็น 2 คณะ ซึ่งเอามารวมกันเป็นทางการเรียกว่าสังฆกรรม มาเล่นงานอาตมานั้นมันผิดพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว คณะปูรกะ นอกนิกายกันไม่ได้ เพราะว่าธรรมยุตกับมหานิกายเป็นคนละนิกายกันจริงๆเขามาทำก็ผิด รวมกันเป็นจำนวนพันรูปเลย พูดกันวิเคราะห์วิจัยอภิปรายกันจนใช้เวลาเป็นวันๆ เสร็จแล้วก็มีการลงมติก็ ไม่
กล้าเอาอาตมาไปร่วมในนั้นเรียกว่าทำแค่ สัมมุขาวินัย ไม่กล้าเอาตัวจำเลยเข้าไปในนั้น ประกาศ ปกาศนียกรรมว่าผิดอย่างนั้นอย่างนี้
อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาประกาศถูกต้องทุกอย่าง ตั้งแต่ประกาศนานาสังวาสตามพระธรรมวินัย สมเด็จพระสังฆราชเจริญ ญาณสังวร ท่านก็เป็นองค์หนึ่งในประวัติที่ร่วมกับธรรมยุต ลงชื่อร่วมประกาศนานาสังวาสกับมหานิกาย ซึ่งมีรัชกาลที่ 4 เป็นองค์ประธาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 13:55:58 )
รายละเอียด
1. ความดีใจ , ความยินดี
2. ความยินดีชื่นชม อิ่มใจ
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 79
เปิดโลกเทวดา หน้า 66
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:25 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:41 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:27:21 )
รายละเอียด
เป็นการรักษาให้ต่ออายุคนได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:25:55 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:30:52 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:28:22 )
รายละเอียด
คือความปลาบปลื้มยินดีอิ่มใจในฌานอันมีได้ 5 อาการ
1. ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อย)
2. ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ)
3. โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นพักๆ)
4. อุพเพงคาปีติ (ปีติโลดลอย)
5. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,อรรถกถาแปลเล่ม 75 “จิตตุปปาทกัณฑ์” หน้า 321
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:48:08 )
รายละเอียด
ปีติ มันมีความยินดีปลาบปลื้ม มันมีอาการที่ชื่นอกชื่นใจ ดีไม่ดีชื่นอกชื่นใจอย่างแรง ปีติ มี 5 อย่าง
1. ขุททกาปีติ (ปีติเล็กน้อย)
2. ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ)
3. โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นพักๆ) ปีติชัดขึ้นแรงขึ้น
4. อุพเพงคาปีติ (ปีติแรงกล้า โลดลอย) ยกตัวอย่างเตะบอลเข้าโกลได้เป็นต้น สักวันจะช็อคตายได้ คนเชียร์หน้าจอก็เคยมีตายได้
5. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน)
(จาก คัมภีร์วิสุทธิมรรค)
ฉันทะ เป็นความพอใจยินดีกลางๆ ที่มีเสมอ มีอยู่ในใจ หรือเป็นคนต้องมีความยินดีอยู่ในใจ นั่นคือจะต้องมีฉันทะ ถ้าคนไม่มีฉันทะไม่มีความยินดีในใจ เป็นคนเซ็งๆ ช้าๆจืดๆ เป็นคนไม่มีกำลังไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเกิดอะไร เฉื่อยๆรอวันตาย ฉันทะ ในมูลสูตร เป็นตัวตั้งต้นที่จะมีจะเป็นอะไรต่อไป ถ้าไม่มีตัวเริ่มต้นเป็นความยินดีพอใจ เช่น คุณจะมาศึกษาธรรมะแต่คุณไม่มีความยินดีไม่มีฉันทะ ก็ยากที่จะรู้และก็ยากยิ่งที่จะเกิดปัญญา ผู้ที่จะเกิดปัญญาได้จะต้องมีความแรงกล้า ในปีติ แรงกล้าในความเคารพความรัก หิริ โอตตัปปะ มีความละอายที่จะเริ่มมีปัญญา
ที่มา ที่ไป
รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562
หนังสืออ้างอิง
คัมภีร์วิสุทธิมรรค
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:45:53 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:32:18 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:28:01 )
รายละเอียด
1. ยินดี อิ่มเอมใจในสัมมาอาริยผล เป็นความยินดีที่ได้โลกุตรธรรม
2. ยินดีเพราะสมใจในวิภวตัณหาระดับโลกุตระ ระดับปรมัตถ์
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 292
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:33 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:51 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:29:26 )
รายละเอียด
คือ สมณะเดินดินว่าช่วงนี้บวรราชธานีอโศก อยู่ในช่วงฟื้นฟูจากอุทกภัย แต่ก็มีหลายองค์กรมาช่วยปรับปรุงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่เราสูญเสียแต่เราก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว พื้นที่ต้นไม้ตายสีน้ำตาล ตอนนี้ฟื้นฟูเป็นสีเขียวทั่วแล้วทำให้เราได้รับความซาบซึ้งใจจากเพื่อน พี่น้องหลายองค์กรที่มาร่วมช่วย ถ้าเป็นพวกเรากันเองคงทำอย่างหนักจนลุกไม่ขึ้น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:00:47 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:33:52 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:31:40 )
รายละเอียด
ขอพูดตรงๆตามสัจจะจริงว่ามันเป็นความเสื่อม ศาสนาพุทธนั้นเสื่อมมาก แม้แต่ผู้บริหารเองก็ยังหลงใหลได้ปลื้มกับใบไม้ผลไม้ ใบดอกของต้นไม้เขาก็ได้แค่นั้น มันเป็นความเสื่อมจริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ พ.ศ.2500 นี้ ศาสนาพุทธเสื่อมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้ไปลงโทษหรือใส่ความไปว่าอะไร แต่มันเป็นเรื่องจริงที่มันเกิดก็ต้องเอามาพูดอธิบายประกอบให้รู้ว่า มันเป็นจริงอย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:21:33 )
รายละเอียด
ตั้งแต่วันนั้น 7 สิงหาคม 2518 เราก็อิสรเสรี นานาสังวาส สำเร็จได้ด้วยทำมาตั้งแต่บัดนั้นมาก็อยู่ได้มาเรื่อยๆ เราก็มีภิกษุมากขึ้นหลายสิบขึ้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.2525 พันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ มาตีเราอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ จน พ.ศ.2532 มหาประยุทธ์เขียนหนังสือซัดเรา 3 เล่ม หมู่ใหญ่ก็เล่นงานเรา ตัดสิน โดยไม่เอาจำเลยเข้าไปอยู่ร่วม ผิดสัมมุขาวินัย พิพากษาเลย ใช้คำว่า อัปเปหิ อโศกหรือโพธิรักษ์ออกจากหมู่สงฆ์ เราก็เลยย้อนบอกว่า เราได้ประกาศนานาสังวาสจากท่านมาก่อนแล้วนะ ไม่ใช่ท่านมาอัปเปหิเรา เราประกาศนานาสังวาสตามธรรมวินัย ท่านอัปเปหิเรานั้นเป็นการผิดธรรมวินัย ท่านอธิกรณ์เราไม่ได้
2. ธรรมยุตกับมหานิกายรวมกันทำสังฆกรรมไม่ได้ผิดคณะปูรกะ อย่างนี้เป็นต้น ไปอ่านหนังสือประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส อาตมาเขียนเล่มนั้นพิมพ์ไปแจกจ่ายกันไป พูดตามหลักพระธรรมวินัยให้เห็นเลยว่า สงฆ์หมู่ใหญ่นี่ เพี้ยนไปจนไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ตรงตามพระธรรมวินัยเลย น่าเกลียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:58:01 )
รายละเอียด
ลักษณะวนเวียนไม่เหมือนกัน แต่ความละเอียดเนื้อในไม่เหมือนรายละเอียดต่างๆไม่เหมือน ปีใหม่เหมือนเก่า แต่มีอะไรประกอบใหม่อีกเยอะ ปีนี้แตกต่าง ยังมีปฏิภาณปัญญารู้นะ พูดไปใช้พยัญชนะอย่างเคยตัว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:26:26 )
รายละเอียด
ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่อาตมาออกแรงไป ใครรู้สึกไหมว่าวันนี้อาตมาพลังมาพะเรอ รู้สึกไหม ..ไม่ได้แกล้งนะแต่มันเป็นเอง คิดว่าปีนี้คงจะมีอะไรที่สดใหม่ มีอะไรที่ใสสะอาด มีอะไรที่ปราศจากความเลอะเทอะ ปราศจากความสกปรกอะไรไปได้มิใช่น้อย ควรจะมากๆๆ
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 09:34:58 )
รายละเอียด
ตัวที่ 7 ของแต่ละบุคคล เราก็คือคนหนึ่ง ปุคคลปโรปรัญญูตา คนอื่นก็คนหนึ่ง คนอื่นๆเขาก็มีความรู้ของเขา อัญญะของเขา หรือไม่ถึงอัญญะ ยังไม่ถึงโลกุตรธาตุ ก็ของใครของเขา ปุคละ ปโร แปลว่าอื่น อัญญะก็แปลว่าอื่น ปรัญญะ จึงอื่นตัวหนึ่ง ต้องหมายถึงอะไรอันหนึ่ง ถ้าเป็นสองก็หมายถึงบวกกับลบ อันหนึ่งต้องเป็นโลกีย์อันหนึ่งต้องเป็นโลกุตระ หรือว่าอันหนึ่งต้องเป็นรูปอันหนึ่งต้องเป็นนาม อันหนึ่งต้องเป็นภายนอกอีกอันหนึ่งต้องเป็นภายใน ก็คือคู่ก็คือความเป็นเทวะ
ปรกับอัญญา แปลว่าอื่นท้ั้งคู่ ปร ก็แปลว่าอื่น อัญญา ก็แปลว่าอื่น
แต่ละบุคคลที่เป็น ปร กับ อัญญะ ปรหรือปโร อันเดียวกัน คำว่า ประ มีสองตัว อัญญะ มีตัวเดียว
ปร กับ ปร มีสอง คือโลก อัญญ คือโลกุตระ แม้มี 2 อันก็ถูก อัญญะ อันเดียวนี้เป็นประธานควบคุมจัดการ 2 อันนี้ได้เลย ไม่ได้เดานะ ถ้าเดาก็เละเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 20:28:57 )
รายละเอียด
ปุริสินทรีย์ เป็นเอกัคคจิต = เอกบุรุษ
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 117
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:23 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:47 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:28:24 )
รายละเอียด
1. ชำระ ฟอก
2. เครื่องชำระกิเลส ความผ่องแผ้วแห่งจิต ความสะอาดจากกิเลสในจิต ความสุขเพราะจิตสงบจากกิเลสอกุศล , ธรรมชาติอันชำระ
3. บุญ
4. การชำระกิเลส ยังมีสิ่งที่ต้องชำระคือกิเลส คือบาป
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 388
สมาธิพุทธ หน้า 481
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 182
ค้าบุญคือบาป หน้า 288
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:32 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:06 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:33:05 )
รายละเอียด
ผู้มีบุญอันกระทำแล้ว
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:36 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:50 )
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:33:33 )
รายละเอียด
การกระทำ หรืออาการของนามธรรมถึงขั้นอภิสังขาร ทำการชำระกิเลสลงได้
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:22 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:46 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:28:59 )
รายละเอียด
ความสิ้นไปแห่งบุญ [อรหัตตผล]
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:37 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:41 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:35:35 )
รายละเอียด
1.สิ้นบุญสิ้นบาป [อรหัตตผล] , หมดสิ้นบุญ – หมดสิ้นบาป
2.สิ้นบุญสิ้นบาป (ไม่ใช่ผู้มีบุญมากอย่างที่บางคนเข้าใจ)
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57, หน้า 273
รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 23
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:41:36 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:43 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:36:28 )
รายละเอียด
ปุญญปาปปริกขีโณ แปลว่า สูญสิ้น สิ้นบาป สิ้นบุญ สิ้นบุญสิ้นบาป เพราะฉะนั้น ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขาร 3 ผู้ที่ไม่สัมมาทิฏฐิจะเข้าใจไม่ได้ เข้าใจว่า บุญเป็นกุศล ก็ยังไม่สัมมาทิฏฐิ อปุญญาภิสังขาร เขาจะไปอธิบายว่า อปุญญ ว่าเป็นอกุศล ที่จริงไม่ใช่ ที่จริง อปุญญาภิสังขาร เป็นกุศล คือเป็นอภิสังขารที่ไม่ต้องใช้บุญอีกแล้ว
แท้จริงนั้น บุญ คือ การชำระล้างกิเลสเท่านั้น ชำระกิเลสที่แปลงตัวในจิตสันดานให้หมดจด สันตานังปุนาติ วิโสเทติ ก็คือการชำระกิเลสที่มันแปลงตัวอยู่ในจิตให้สะอาดเกลี้ยง แล้วบุญก็สิ้นไปจากจิตเช่นเดียวกับบาปที่สิ้นไป เป็นผู้ไม่มีบุญไม่มีบาปอีกแล้ว นี่เป็นสภาพของ ปุญญปาปปริกขีโณ ตรงตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า บุญเมื่อชำระกิเลสเสร็จกิจ บุญก็หมดสิ้นไปพร้อมกับกิเลสหรือบาป ที่เป็น ซาตาน ให้หมดสิ้นไป ไม่เกิดในตนอีกแล้วตามที่บาลีว่า ปุญญปาปปริกขีโณ คนผู้นั้นจึงจะชื่อว่า มีนิพพานได้แท้จริง และเป็นผู้สิ้นบุญสิ้นบาป เป็นผู้จบกิจ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 12:15:56 )
รายละเอียด
คำว่าบุญนี้ ถ้าบุญทำงานในปัจจุบันได้สิ้นสุด ก็ปุญญปาปปริกขีโณ ก็สิ้นภพชาติ แต่ถ้าไปแปลว่า ไม่ใช่บุญก็เป็นบาปอีก อปุญญาภิสังขารไปแปลว่าเป็นบาป มันเลยทำลายอภิสังขาร ที่พระพุทธเจ้าจัดไปในอภิสังขาร 3 คือ ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร เขาแปลกันมา เขาถือว่าเขาเป็นยอดของศาสนาพุทธแล้วอาตมาเป็นใคร ก็ขออภัยที่คำพูดสัจจะวิชาการด้วยความจริงใจไม่ต้องการลบหลู่
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:19:19 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 10:34:49 )
รายละเอียด
จนกระทั่งหมดสิ้น“อาสวะ”ลง ก็ไม่ต้องใช้“พลังงานบุญ”กันอีก ก็เท่ากับเป็นคน
ผู้“สิ้นบุญ”หรือ“หมดบุญ”เพราะหมดสิ้น“บาป”ในตน บาลีว่า“ปุญญปาปปริกฺขีโณ” ก็เป็นคน“ไม่ต้องมีบุญ”กันต่อไปอีกที่บาลีว่า“อปุญญ” คือ “ไม่มีบุญ” ซึ่งมิใช่“บาป”นะ!
จิตที่สั่งสมความสะอาดปราศจากกิเลสเป็นสมาธิที่เรียกว่าเป็นความ ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ กระทบกระแทกกระเทือนอย่างไรก็ไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรม
คนที่มาฟังอาตมาหากเป็นพวกชาเต็มถ้วยก็ไม่เข้า แม้เทชาทิ้งแล้ว ถ้วยคุณก้นรั่วก็รับไปไม่ได้อีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:50:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:56:23 )
รายละเอียด
ปุญญปาปปริขีโน คือ หมดสิ้นบุญหายไปแล้ว บุญก็หาย บาปก็หาย พระอรหันต์ คือ คนไม่มีบุญไม่มีบาป ในพจนานุกรม แปลคำว่า บุญ ความหมายสุดยอดเลยศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่มีบุญไม่มีบาป อุตุนิยาม ไม่มีบุญไม่มีบาป
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 16:56:43 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:35:11 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:37:07 )
รายละเอียด
คือ พระอรหันต์ดับสุขดับทุกข์ ไม่มีบาปไม่มีบุญแล้ว มีจิตอมตะจะเกิดอยู่ในโลกอีกก็ได้แต่ไม่เวียนไปสู่โลกียะ ไม่มีสำนักไหนจะมาเน้นย้ำเรื่องนี้ เน้นว่าให้หมดบุญหมดบาปเป็นอรหันต์
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:18:20 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:35:57 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:37:36 )
รายละเอียด
ปุญญปาปริขีโณ คือ พระอรหันต์รู้จักทำใจในใจให้เป็นพีชะได้จึงไม่สุข ไม่ทุกข์ หมดบาปหมดบุญ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 14:45:32 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:36:39 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:38:02 )
รายละเอียด
1. เป็นส่วนแห่งบุญ
2. ผู้ปฏิบัติตามทฤษฎีมรรคองค์ 8 จนเป็นสัมมาทิฏฐิแท้ ๆ ถูก ๆ อยู่-นั้น
3. ส่วนแห่งบุญ , ส่วนของบุญ , ส่วนบุญ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 193, หน้า 298
อีคิวโลกุตระ หน้า 98
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 58
ค้าบุญคือบาป หน้า 57 หน้า 270
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:43:05 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:45 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:38:59 )
รายละเอียด
แปลว่า ได้ตัดกิเลสในส่วนที่ได้ให้ไปแล้ว แต่หากจะเอากลับมาก็ต้องทำบุญอีก พยัญชนะกลับไปกลับมา
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:39:58 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:37:16 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:40:40 )
รายละเอียด
ปุญญภาคิยา คือ ส่วนบุญ ส่วนบุญคือ ส่วนที่เสียไปกิเลสได้ถูกกำจัดคือส่วนบุญ บุญทำให้กิเลสตายไปได้ส่วนหนึ่ง สมมุติว่า บุญมี 100 ทำกิเลสออกไป 10 ก็เหลือส่วนที่เหลือถือว่าผู้ทำกิเลสออกไปได้ คือ เสขบุคคล
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 08:58:29 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:38:09 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:41:07 )
รายละเอียด
คือ เป็นส่วนแห่งบุญ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:54:40 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:39:16 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:41:33 )
รายละเอียด
คนผู้“ทำพลังงานจิตเป็นบุญ”ได้อย่างสัมมาทิฏฐิก็จะสามารถมีพลังงานนั้นกำจัดกิเลส แล้วก็จะเกิดมี“จิตสะอาด”จากกิเลสขึ้นเป็นส่วนๆ เรียกว่า “ส่วนบุญ” คือ ปุญญภาคิยา นับเป็น“เสขบุคคล”ไปตามลำดับ
การมี“ส่วนบุญ”จึงไม่ได้หมายความว่า“มีอะไรสะสมขึ้นในจิต” แต่เป็น“การหมดออกไปจากจิต” คือ“ล้างจิตส่วนบาป”ออกไปต่างหาก เป็น“การเสียไป”แท้ๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:07:02 )
รายละเอียด
ถ้าฌาน 1 ก็หมายความว่าสร้างพลังงานนั้นชำระกิเลสได้ ส่วนหนึ่งส่วนตน ปุญญภาคิยา ก็บุญนั้นแหละมันกำจัดกิเลสได้เป็นส่วนๆ เป็นเสขบุคคล ถ้ากำจัดได้อีกเป็นสกิทาคามีก็ได้อีกส่วนหนึ่ง ได้อีกเป็นอนาคามี ได้หมดเลยหมดสิ้นอาสวะก็เป็นอรหันต์ ได้ทีละขั้นๆ อธิบาย 4 ขั้น แต่ที่จริง มันมีกิเลสรายละเอียดเยอะ มีพลังงานมีดีกรีของมัน เราก็มีญาณปัญญารู้อาการ ลิงค นิมิต ตามที่อาตมาอธิบายอุเทส ปฏิบัติแล้วแยกอาการกิเลสจากจิตได้ คุณก็ประมาณเอา ว่าได้ส่วนหนึ่ง ถ้าแบ่งสี่ส่วนก็ได้ส่วนนี้นะ นี่ได้กี่ส่วน จนหมดสี่ส่วน นี่คือคำว่าฌาน กับคำว่าบุญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดารวันพุธที่ 14 มีนาคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน บุญกับฌานอะไรเก่งกว่ากัน
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:11:16 )
รายละเอียด
ผู้“ทำบุญเป็น”แล้ว แต่“กิเลส”ในตนยังไม่หมดสิ้น ทำได้เป็นบางส่วน คือผู้มี “ส่วนบุญ
(ปุญญภาคิยาหรือปุญญภาค)” ก็ต้องทำ“พลังงานบุญ”ขึ้นมาในจิตตนอีกที ก็เป็น“พลังงานบุญ”ภาวะใหม่ ที่ทำใหม่ ก็ต้องให้มีประสิทธิภาพเหมือน“บุญ”ที่เคยทำได้ขึ้นมาทำงานให้แก่เจ้าของพลังงานใหม่อีกที คือ“ชำระกิเลสได้”นั่นแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:58:40 )
รายละเอียด
ถ้าฌาน 1 ก็หมายความว่าสร้างพลังงานนั้นชำระกิเลสได้ ส่วนหนึ่งส่วนตน ปุญญภาคิยา ก็บุญนั้นแหละมันกำจัดกิเลสได้เป็นส่วนๆ เป็นเสขบุคคล ถ้ากำจัดได้อีกเป็นสกิทาคามีก็ได้อีกส่วนหนึ่ง ได้อีกเป็นอนาคามี ได้หมดเลยหมดสิ้นอาสวะก็เป็นอรหันต์ ได้ทีละขั้นๆ อธิบาย 4 ขั้น แต่ที่จริง มันมีกิเลสรายละเอียดเยอะ มีพลังงานมีดีกรีของมัน เราก็มีญาณปัญญารู้อาการ ลิงค นิมิต ตามที่อาตมาอธิบายอุเทส ปฏิบัติแล้วแยกอาการกิเลสจากจิตได้ คุณก็ประมาณเอา ว่าได้ส่วนหนึ่ง ถ้าแบ่งสี่ส่วนก็ได้ส่วนนี้นะ นี่ได้กี่ส่วน จนหมดสี่ส่วน นี่คือคำว่าฌาน กับคำว่าบุญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 03:59:03 )
รายละเอียด
สำเร็จด้วยบุญ
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:44:13 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:39 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:42:05 )
รายละเอียด
ผู้มีบุญ [คืออาริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป]
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:46:03 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:34 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:42:26 )
รายละเอียด
ไม่มีปุญญา ไม่มีพหูพจน์นะ มีเดี่ยวถ่ายเดียวเส้นเดียวตรงเดียวไม่มีโค้งไม่มีสองเลย เป็นตัวกำจัด กำจัดเสร็จแล้วหายไปเลย กำจัดไม่เสร็จก็ต้องสร้างพลังงานนี้ขึ้นมาใหม่ จนสามารถสร้างได้เก่งเรียกว่าทำฌาน ได้โดยไม่ยากไม่ลำบากซึ่งฌานทั้ง 4 จนเก่งจนชำนาญ จนเป็นบุญสำเร็จเกลี้ยง บุญก็ไม่ต้องทำอีกแล้ว แต่ฌานชำนาญมาก ก็เอาพลังงานที่กำจัดตัวที่ควรกำจัดมาใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
พระอรหันต์พระโพธิสัตว์ก็ต้องใช้ฌาน แม้พระโพธิสัตว์พระพุทธเจ้าก็ต้องใช้ ฌาน
แม้อรูปฌานในฌาน 8 ก็เข้าใจแล้วใช้ตรวจสอบได้ เข้าใจได้เป็นลำดับ เป็นฌาน 8 ด้วย พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสาน พระอนุรุธก็ตรวจสอบฌานของพระพุทธเจ้า จิตของพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็ทำ ฌานเป็นฌาน 1 2 3 4 ท่านจบที่ฌาน 4 ปรินิพพานตรงฌาน 4 ไม่ใช่ปรินิพพานฌาน 8 เป็นรายละเอียดที่เราไม่จำเป็นต้องลงก็ได้แต่รู้ก็ได้ ผู้ที่ถึงฐานแล้วมันจะใช้ได้ทำเป็นเอง
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 12:21:49 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:42:04 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:43:23 )
รายละเอียด
ปุญญภาคิยา หรือ ปุญญภาคิยะ แปลว่า ส่วนบุญ
ภาค แปลว่า ส่วน
ปุญญะ แปลว่า ชำระทุกอย่าง คำว่า มีส่วนบุญ คือมีส่วนที่คุณได้เสียไปแล้ว หากจะวนไปมีอีกก็ไม่จบ ปุญญภาคิยะ แปลว่าได้ตัดกิเลสในส่วนที่ได้ให้ไปแล้ว แต่หากจะเอากลับมาก็ต้องทำบุญอีก พยัญชนะกลับไปกลับมา คำว่าบุญนี้ยิ่งใหญ่อาตมาได้เปิดคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยม อย่าง ธัมมชโยเอาบุญไปใช้เละเทะเลย
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 07:39:42 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:43:47 )
รายละเอียด
คือเป็นไม้สุดท้ายของฌาน เป็นไม้เผด็จศึก ก็คือองค์รวมของฌานเด็ดขาดจบคำว่า บุญ คือ ตัวจบมันก็หาย บุญเป็นหน้าที่โชว์โก้ ๆ ฝีมือฉัน แต่กว่าจะมาเป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพให้คุณฟันขาด ฌานทำแทบตาย ฌานสร้างพลังงานรวมมาจนกระทั่งได้ยอดพลังงาน น๊อคสุดท้าย เด็ดขาด เสร็จ บุญเป็นไม้สุดท้าย เด็ดขาด อาตมาขยายความคำว่า บุญ มีนิยามสำคัญอย่างไร ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจคำว่าบุญ แต่ชาวพุทธเอาคำว่าบุญมาทำเละเทะ แม้แต่ปัญญา ก็เอามาทำเสียเละ ความรู้อะไร รู้บุญนี่แหละ หากมีความรู้คำว่า บุญ อย่างผิดเพี้ยน ประโยชน์คำว่า บุญอย่างเป็นกุศล ไม่มีอย่างเด็ดขาด กุศลไม่มีตาย มีแต่ปรินิพพานยกเลิกไป
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:39:50 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:44:51 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:44:56 )
รายละเอียด
เป็นพลังงาน ที่อาริยบุคคลสร้างขึ้นที่จิต สร้างพลังงานขึ้นมาในปัจจุบันนั้น บุญนอกปัจจุบันไม่มี บุญนอกจากปัจจุบันไม่มี บุญเกิดได้ในปัจจุบันเท่านั้น จบปัจจุบันในกาละใดไม่มีบุญอยู่ ถามว่าบุญจะสะสมได้ไหม...สะสมไม่ได้เลย คนที่ยังหลงสะสมบุญอยู่นั่นคือคนที่งมงายอยู่ตลอดกาล ยังเข้าใจบุญไหม เข้าใจบุญไม่ได้แล้วจะมาสร้างบุญได้อย่างไร..ก็ไม่ได้ ผู้ที่สร้างบุญให้เกิดได้ ก็ต้องรู้จักบุญที่ถูกต้องแท้จริงว่ามันหมายถึงสภาวะทำอย่างไร หมายถึงสภาวะที่เกิดในจิตปัจจุบัน พลังงานที่สร้างขึ้นมาทำอะไรสร้างขึ้นมาล้างกิเลสกำจัดกิเลส บุญนี้เป็น one way Traffic บุญนั้นเดินทางเดียว ฆ่ากิเลสอย่างเดียว นอกจากอย่างอื่นไม่ทำเลย ไม่แวะทำเลยมีหน้าที่เดียว เอกังเสนะ หนึ่งเดียว เอกเดียว ฆ่ากิเลสหน้าที่เดียวไม่มีหน้าที่อื่นเลย
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:48:20 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:46:13 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:45:24 )
รายละเอียด
ปุญญะ คือ พลังงานที่ฆ่ากิเลส เป็นพลังงานอุณหธาตุ พลังงานไฟ แปลเป็นภาษาไทยคือไฟ เป็นฌาน 630615
ที่มา ที่ไป
630615
เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2563 ( 04:12:43 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:50:44 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:47:56 )
รายละเอียด
ตัวเอกที่เรียกว่า ปุญญะ หรือบุญ แล้วก็มีพลังงานที่ไม่ตกค้างเป็นสมบัติเลย เป็นพลังงานเกิดในปัจจุบันที่ผู้ใดมีภูมิธรรมสามารถสัมผัสปรุงแต่งขึ้นมาสร้างตอนนี้ได้ ระเบิดนิวเคลียร์ที่เรียกว่าบุญของพระพุทธเจ้า เกิดอย่างเป็นนามธรรมสร้างได้แล้วทำปฏิกิริยาใช้งานทันที แม้ใช้งานได้แล้ว สู้กิเลสไม่ได้ก็มี สู้กิเลสได้บางส่วนก็มี ทำให้กิเลสดับสูญได้หมดเกลี้ยงเลยก็มีจบ คุณก็หายไปเมื่อกิเลสหมด ตราบใดที่มีกิเลสบุญก็เอามาใช้ได้ บุญเกิดอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น และดับไปในปัจจุบัน ความลึกซึ้งของคำว่าบุญไม่ใช่จะธรรมดา ความหมายคำว่าบุญได้ผิดเพี้ยนไปมากแล้ว บุญจึงกลายเป็นสมบัติไม่เป็นวิบัติ บุญเป็นเครื่องยนต์ที่จะสร้างสิ่งสะสม มันก็เลยคนละเรื่องคนละจุดหมายคนละหน้าที่กัน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 16:50:45 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:48:12 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:50:26 )
รายละเอียด
คำว่า ปุญญะ แล้วมาเป็น อปุญญะ มันเป็นการพิสูจน์คนที่เข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าหรือโลกุตรธรรมชัดไหม ถ้าเข้าใจตรงนี้ไม่ชัด แน่นอน ทำบุญก็ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ คำว่าบุญนี่ มันเป็นการบอกสภาวะ บอกกำลังสร้างพลังงาน ที่มาจัดการกับกิเลสเป็นสภาวธรรม คุณเข้าใจผิด คุณก็สร้างสภาวธรรมไม่ถูก เป็นพยัญชนะ คุณก็หมายความไปคนละอย่าง เพราะฉะนั้นเข้าใจบุญไม่ได้ จึงพลอยให้เข้าใจคำว่า ปุญญหรืออปุญญะ ผิดเหมือนกัน ก็ไปแปล อปุญญะว่าบาปอีก ก็เลยไม่รู้แล้ว
ก็ อปุญญาภิสังขาร คือ คนที่อภิสังขารไม่เป็นบาปไม่เป็นบุญอีกแล้ว ปุญญปาปปริกขีโณ ไม่มีทั้งบาปทั้งบุญ แต่เขาไม่ได้พูด อปุญญะปาปะ ก็มีแต่ อปุญญาภิสังขาร ก็เลยทำให้คนเข้าใจไม่ได้ไม่มีสภาวธรรมเป็นมิจฉาทิฐิก็เลยเข้าใจไม่ได้ มันก็เลยไม่มีทางสำเร็จ บรรลุธรรมไม่ได้แสดงว่าไม่ได้บรรลุ มันเป็นจุดสำคัญจริงๆสำหรับการจบกิจการทำงานบรรลุธรรมในชาตินั้นๆ
เพราะฉะนั้นในอภิสังขารข้อที่ 3 จึง คุณมีอภิสังขารข้อที่ 2 ตลอด อปุญญาภิสังขาร ๆๆ สิ่งที่ตกผลึกลงเป็น อาเนญชา เป็นอภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร จึงเป็นกิจที่ไม่มีบุญไม่มีบาปทั้งนั้น ที่ตกผลึกลงเป็น สมาหิโต ตกผลึกตั้งมั่นแข็งแรงมันจึงเป็นคุณสมบัติหรือเป็นคุณธรรมที่แตกต่างกับโลกียะ เป็นความตั้งมั่นของจิตที่สูงสุดบริสุทธิ์เสร็จเด็ดขาด เห็นไหม แล้วมันถึงค่อยสะสมๆ ตกผลึกเป็นสมาหิโต
คำว่าสมาธิของพระพุทธเจ้าใช้ศัพท์คำว่า สมาหิโต ซึ่งเป็นตัวคู่สุดท้ายของ เจโตปริยญาณ 16 คือ สมาหิตะกับอสมาหิตะ วิมุติกับอวิมุติ ที่คนท้วงว่า อนุตระแล้วทำไมไม่จบ มีต่อ เป็นการตรวจสอบ Static กับ Dynamic
สมาหิตะ เป็น Static ส่วนวิมุติเป็นการตรวจความรู้หลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้นเทวะคู่สุดท้าย ละเอียดลออปานนั้น ธรรมะพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น “อปุญญ”จึงไม่ใช่“ความวน”ที่จะกลับไปเป็น“บาป” อีกแล้ว คำว่า “อปุญญ”นี้เป็น“โลกุตรภูมิ” อย่าสับสน นี่เป็นการอธิบายสัจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องจบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 แรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2567 ( 15:55:21 )
รายละเอียด
คือ การปรุงแต่งเพื่อขัดเกลา ชำระกิเลส จึงมีได้ทั้ง ติเตียน ด่าว่า กล่าวโต้ กล่าวแก้ กล่าวแย้ง แจกแจง อธิบาย ชมเชย ยกย่อง ตามแต่อาริยชนนั้นๆจะประมาณและเห็นควร
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.453
เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:56:34 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:07 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:52:34 )
รายละเอียด
1. การปรุงที่เป็นแต่ฝักฝ่ายดี เป็นเรื่องเพื่อผู้อื่น เป็นมหากุศล
2. ปรุงให้ผู้อื่นล้วนเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นบุญอันแท้จริง
3. การสังขารที่เป็นบุญ คือชำระกิเลสในสันดานได้จริงไปตามลำดับ ขั้นปรมัตถ์
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 59, หน้า 284,ค้าบุญคือบาป หน้า 57, หน้า 290
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:47:41 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:36 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:57:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:45:25 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:19 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:08:48 )
รายละเอียด
“ตัวประธาน”ก็จะได้“จิตสะอาด”จากภายนอกนั้นๆเป็นพลังรวมกันเข้ากับ“จิตเดิมที่เป็นตัวสะอาดตั้งต้น”ไปเป็นลำดับๆ มีแรงเพิ่มขึ้นช่วยให้“จิต”ตนเองก้าวหน้าอย่างประณีต มีลำดับน่าอัศจรรย์ เยี่ยมยอดที่สุด
ผู้ทำให้มัน“สังขาร”กันเจริญขึ้นได้จึงเริ่มตั้งแต่“ปุญญาภิสังขาร” นั่นคือ สามารถปรุงแต่งจิตตนเองอย่าง“อภิ”ด้วย“บุญ”คือ “ปุญญ”นี่เอง กำจัดกิเลสได้จริงอย่างเก่งขั้น“โลกุตรภูมิ”เรียกว่า“อภิสังขาร” เป็นการผลิต“พลังงานบุญ”ขึ้นในจิตได้สำเร็จ จึงฆ่ากิเลสออกไปจากจิตตนได้แท้ไปตามลำดับๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:31:01 )
รายละเอียด
คำว่าปุญญาภิสังขาร เป็นการสังขารอย่างมีความรู้ เรียกว่าอภิสังขาร หากสังขารอย่างไม่มีวิชชาเป็นสามัญเรียกว่า สังขาร พาให้เกิดภพชาติ ชรา มรณะ โศก โทมนัส ทุกข์ อุปายาสะ ถ้าหากมีปัญญาก็จะเป็นสังขารที่เรียกว่า อภิสังขาร ต้องรู้จักคำว่าบุญคืออะไร บุญเป็นโลกุตระถ่ายเดียว บุญไม่ใช่แค่กุศล กุศลยังมีกุศลอกุศล แต่บุญนี้เป็นพลังงานพิเศษ ที่ปรุงแต่งมากำจัดกิเลสได้ เป็นปุญญาภิสังขาร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:21:34 )
รายละเอียด
ปุญญาภิสังขาร คือการปรุงแต่งจิตจัดการจิตให้กำจัดกิเลสลดกิเลสได้จนกระทั่งกิเลสหมดอาสวะตามขั้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นอรหันต์แล้วก็ อปุญญะ ไม่ต้องใช้บุญอีก พระอรหันต์คือผู้ไม่ต้องใช้บุญ หมดบุญ อปุญญะ
แต่ผู้เข้าใจสภาวธรรมไม่ได้ก็ไปแปล อปุญญะว่าบาป เป็นพระอรหันต์ที่เรียกว่า อปุญญะคือพระอรหันต์ แล้วไปแปลว่าพระอรหันต์มีบาปอีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:05:15 )
รายละเอียด
ปุญญาภิสังขารคือ สร้างบุญมาฆ่ากิเลสให้ได้ จนกิเลสมันตายมันก็ไม่มีบุญจึงเรียกว่า อปุญญาภิสังขาร จึงปรุงแต่งอย่างไม่ต้องเป็นบุญแล้ว จิตนั้นก็จะมีแต่จิตเจริญสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา มากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นยิ่ง มันไม่ได้สะสม จิตที่ไม่สะอาด จิตที่ไม่บริสุทธิ์ มีเจโตปริยญาณ 16 จนกระทั่งสะอาดหมดจดแล้ว เป็นอนุตรจิต จบแล้วไม่มีจิตเหนือกว่านี้ อนุตระ สอุตระ จิตที่เหนือกว่านี้ยังมีอีก อนุตระคือไม่มีอีกแล้วเอาตัวนี้ โดยอ่านวิมุติ แล้วก็อ่านสมาหิโต คือ จิตที่ตั้งมั่นตกผลึกลงตั้งมั่น จิตที่เอามาตกผลึกตั้งมั่นต้องเป็นจิตที่ตรวจแล้วตรวจอีก เป็นวิมุตติญาณทัสสนะ ตรวจแล้วตรวจอีก ว่ามันสะอาดแน่นะที่เอามาใส่ จะว่าเป็นธนาคารมันก็ไม่มีสภาวะแล้ว ใส่ในภาวะความว่างของเรา อาศัยคำว่า อัตตาที่อาศัยเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่สับสนเพราะเราไม่ได้ยึดเป็นเราเป็นของเราแล้วอัตตานี้ อัตตา อัตตนียาใดๆ เราก็ไม่ยึดเป็นเราเป็นของเราอาศัยสภาวะนี้ ไปสู่ความไม่ยึดมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา หมดแล้วภาษา ผู้ทำได้จริงมันก็เป็นปัจจัตตัง
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2566 ( 14:30:07 )
รายละเอียด
เพราะเราได้ดับกำจัดตัวเหตุเรียกว่า ปุญญาภิสังขาร แล้วก็มาทำความรู้ในสังขารและจัดการกับสังขารเรียกว่าอภิสังขาร จนกระทั่งทำให้อภิสังขารนี้ ทำให้ตัวที่มันดับ ตัวกลิ หรือกิเลสดับ กำจัดให้มันดับได้ก็เรียกว่า ปุญญาภิสังขาร เป็นอภิสังขารที่ทำให้เป็นบุญได้ บุญคืออะไร คือตัวประหารกิเลส บุญคือตัวประหารกิเลส ทำให้กิเลสตายสนิท ไม่เกิดอีกเลยสิ้นถาวรยั่งยืนได้เลย
พอทำให้สิ้นจบ พฤติการณ์ของบุญหรือพฤติกรรมของบุญ มีหน้าที่ประหารกิเลสอย่างเดียว ประหารกิเลสเสร็จก็หายไปเลย ไม่มีตัวตน เพราะถ้าขืนมีตัวตนต่อประหารกิเลสได้แล้วยังมีตัวตนอยู่ ตัวตนก็ไม่รู้จักจบ บุญมีหน้าที่ประหารกิเลส ที่จริงบุญนั้นอาตมาอธิบายรายละเอียดมาถึงพลังงานของธาตุรู้ พลังงานของจิตละเอียดมาแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:49:24 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น ปุญญาภิสังขาร คำว่า การปรับปรุง การสร้างสังขารที่ยิ่งใหญ่ การปรุงแต่งถ้ามันเป็นโลกโลกียะ สังขารก็เป็นสังขารธรรมดาของอวิชชา
อวิชชาสังขารปรุงแต่งเป็นอย่างโลกๆไปจนเจริญสูงสุดได้ถึงขั้นเป็นพระศาสดา องค์ใดองค์หนึ่ง ของเทวนิยม ที่มันไม่ใช่โลกุตระเลย มันเป็นโลกีย์ เก่งยอดได้ แต่ไม่ออกมานอกกรอบของโลกียะ มันไม่ทวนกระแส มันวนอยู่ในโลกเก่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:46:27 )
รายละเอียด
ดังนั้น ผู้มี“ความสามารถ”ไม่พอ หากทำ“บุญในปัจจุบันใหม่”อีกก็อาจจะทำไม่ได้ทุกครั้ง จึงต้องฝึกฝนอีกๆ จนกว่าจะเชี่ยวชาญชำนาญแท้จน“เก่ง”จริง กระทั่งสามารถเป็นอัตโนมัติ หรือยิ่งกว่าอัตโนมัติโน่นแหละ
จึงจะเป็น“ตถตา” ตถตาคือ เพียงแต่มี“เจตนา[เจตสิกที่มุ่งไปข้างหน้าแต่ยังไม่ถึงขั้นหวัง(สาเปกโข)]”ปุ๊บ! ก็มี“อภิสังขาร”ขึ้น“เป็นเช่นนั้นได้เอง”ปั๊บ!
“ปุญญาภิสังขาร”ต้องเก่งขั้นอัตโนมัติ โน่นทีเดียว จึงจะชื่อว่า “ตถตา”(คือเป็นได้เอง)
ต้องอย่างนี้ จึงจะชื่อว่า“ตถตา”
คือ“ฆ่ากิเลส”ได้สำเร็จผลหมดสิ้น ชนิดที่เป็นอัตโนมัติกันเลย ..ต้องขั้นอัตโนมัตินะ!
“ประสิทธิภาพ”ต้องขั้นนี้ จึงจะชื่อว่า“ตถตา”
“ตถตา”จึงไม่ใช่ภาษาที่เข้าใจกันตื้นๆเพี้ยนๆผิดๆ แต่มี“สภาวะ”ที่สูงส่งมากฉะนี้
“ตถตา”คุณค่าสูงส่งปานนี้ทีเดียว ผู้ไม่รู้จริง ก็มักจะพูด“ตถตา”กันพล่อยๆ ผิดๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:01:16 )
รายละเอียด
จัดการ(อภิสังขาร)ชำระกิเลสในจิตสันดานหมดสิ้นไปได้สะอาดหมดจด
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 270
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:49:09 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:23:27 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:09:05 )
รายละเอียด
พูดภาษาง่ายๆ แต่วิธีที่จะรู้ไปถึงอัตตาจริงเข้าไปถึง สักกะ กาย ต้องรู้ทั้งภายนอกภายในกระทบสัมผัสแล้วเกิดสังขารทั้งหลายแหล่ แล้วก็ทำอภิสังขารได้ โดยเกิดปุญญาภิสังขารนี่แหละ เป็นสังขารตัวที่สมบูรณ์แบบ สังขารคือ การปรุงแต่งอย่าง อภิ อภิปัญญา อภิปรัชญา เป็นความรู้ที่ยอดเยี่ยม
สามารถที่จะรู้จักปุญญะ ทำบุญได้สำเร็จ คำว่า บุญ เป็นโลกุตระที่สุดยอด บุญเป็นเรื่องไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็นเลย ใครยังมีบุญคนนั้นก็ยังมีกลิ เป็นโทษภัยในตัวอยู่ หมดบุญก็หมดบาป ปุญญปาปปริกขีโณ
แต่ก่อนเข้าใจผิดมิจฉาทิฏฐิว่าจะต้องได้บุญ แต่คุณทำบุญไม่เป็น ก็ไม่ได้สักอย่าง ศาสนาพุทธต้องเรียนรู้ทั้งบุญและบาป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:33:22 )
รายละเอียด
การหลั่งไหลแห่งบุญ , ผลของบุญ
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:17 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:03 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:08:45 )
รายละเอียด
ปุญญาวุธหมายเลข1 คือ สมณะโพธิรักษ์ได้พูดเรื่องการกินเนื้อสัตว์ตั้งแต่ก่อนบวชแล้วนำเรื่องมังสวิรัติเป็นปุญญาวุธหมายเลข1 ตั้งแต่ต้นจนมาบัดนี้ติดลมแล้วในประเทศไทย คือ ติดตลาดแล้ว ติดสังคม สังคมรู้สึกว่าจะมีแนวโน้มเห็นดีเห็นงามแล้วก็พากันเลิกกินเนื้อสัตว์กันเพิ่มขึ้น แล้วก็จะก้าวหน้าไปเป็นเรื่องๆ เป็นเรื่องของมนุษย์ผู้มีจิตเจริญ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:29:07 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:49:17 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:08:26 )
รายละเอียด
บุญฤทธิ์ , อิทธิอันสำเร็จด้วยบุญ [ฤทธิ์ที่ชำระกิเลสลงได้ เป็นวิชชาข้อที่ 2 คือมโนมยิทธิ ไม่ใช่ฤทธิ์ทางโลกียะ]
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:09 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:25 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:07:39 )
รายละเอียด
ขอบเขตของบุญ
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 56
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:38:43 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:06 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:07:18 )
รายละเอียด
โลกุตตระ , โลกที่เกิดด้วยอานุภาพแห่งบุญ [ไม่ใช่โลกที่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งกุศลเท่านั้น]
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 57
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:45:01 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:51 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:07:01 )
รายละเอียด
ผู้หมดบุญหมดบาป มีพระพุทธเจ้าทำได้ มีพระอรหันต์ทำได้ แต่ว่ากุศลไม่มีหมด ขนาดพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังไม่สันโดษในกุศล ขนาดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็ยังไม่หยุดเลย
ถ้าเข้าใจคำว่าบาปและบุญถูกต้อง ทำให้ถูกต้อง ก็เป็นอรหันต์ได้ในชาติใดชาติหนึ่ง อาจจะในชาตินี้ก็ได้ถ้าถูกต้องสัมมาทิฎฐิ ก็เป็นพวกใกล้ต่อนิพพาน หากไม่สัมมาทิฏฐิก็จะไม่รู้อีกกี่ล้านชาติ แม้จะเป็นผู้รู้ทางศาสนา ใช้ความรู้ทางศาสนาหากินอยู่ ที่จริงก็เป็นบาป ทำให้ศาสนาพระพุทธเจ้านั้นคนเข้าใจผิดไปจากสิ่งที่ถูกต้อง สอนให้คนพากันผิดก็เป็นบาป ทำให้ผิดไปจากสัจจะพระพุทธเจ้ามา น่าสงสาร เขาไม่รู้ตัว อย่างเช่นธัมมชโย น่าสงสารมาก
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:51:19 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:49:52 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:06:39 )
รายละเอียด
เล่ม 16 3. ปุตตมังสสูตร
[240] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่าง เพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิดอาหาร 4 อย่างนั้นคือ 1. กวฬิงการาหาร หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง 2. ผัสสาหาร 3. มโนสัญเจตนาหาร 4. วิญญาณาหาร ภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่างเหล่านี้แล เพื่อดำรงอยู่แห่งสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ
[241] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กวฬิงการาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า ภรรยาสามี 2 คน ถือเอาเสบียงเดินทางเล็กน้อย แล้วออกเดินไปสู่ทางกันดาร เขาทั้งสองมีบุตรน้อยๆ น่ารักน่าพอใจอยู่คนหนึ่ง เมื่อขณะทั้งสองคนกำลังเดินไปในทางกันดารอยู่ เสบียงเดินทางที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไป แต่ทางกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองยังข้ามพ้นไปไม่ได้ครั้งนั้น เขาทั้งสองคนคิดตกลงกันอย่างนี้ว่า เสบียงเดินทางของเราทั้งสองอันใดแลมีอยู่เล็กน้อย เสบียงเดินทางอันนั้นก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว แต่ทางกันดารนี้ยังเหลืออยู่ เรายังข้ามพ้นไปไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย เราสองคนมาช่วยกันฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียว ผู้น่ารัก น่าพอใจคนนี้เสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง
คนเรามีความเห็นแก่ตัว อย่างร้ายกาจขนาด เห็นแก่ตัวถึงขนาดว่าเมื่อไม่มีอะไรจะกินแล้ว จะตายจริงๆแล้ว เหลือลูก แล้วคนติดเนื้อด้วย ติดเนื้อสัตว์ด้วย หากว่าอยู่ในป่าเก็บผลไม้รากไม้พืชพันธุ์ธัญญาหารก็ยังไปได้ใช่ไหม แต่นี่โง่แถมอีก ต้องกินเนื้อ เห็นไหมคนกินเนื้อมันโง่ขนาดไหน จริง นี่พูดชัดๆ พูดสัจจะเลย ก็มันโง่ เดินอยู่ในทางกันดารในป่าในที่รกชัฏอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าในทะเลทราย ทุรกันดารมาก ก็คงจะอย่างนั้น ก็ยังเหลือแต่ลูก ความเห็นแก่ตัวจะต้องไปให้ถึงที่สุด ลูกก็ไม่รู้ล่ะ
เมื่อได้บริโภคเนื้อบุตร จะได้พากันเดินข้ามพ้นทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น ถ้าไม่เช่นนั้นเราทั้งสามคนต้องพากันพินาศหมดแน่ ครั้งนั้น ภรรยาสามีทั้งสองคนนั้น ก็ฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียวผู้น่ารัก น่าพอใจนั้นเสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง เมื่อบริโภคเนื้อบุตรเสร็จ ก็พากันเดินข้ามทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น เขาทั้งสองคนรับประทานเนื้อบุตรพลาง ค่อนอกพลางรำพันว่า ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ดังนี้ เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นอย่างไร คือว่าเขาได้บริโภคเนื้อบุตรที่เป็นอาหารเพื่อความคะนองหรือเพื่อความมัวเมา หรือเพื่อความตบแต่ง หรือเพื่อความประดับประดาร่างกายใช่ไหม ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า จึงตรัสต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้น เขาพากันรับประทานเนื้อบุตรเป็นอาหารเพียงเพื่อข้ามพ้นทางกันดารใช่ไหม ใช่ พระเจ้าข้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2565 ( 12:07:54 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าแยกรูปนามได้มีสภาวะ 2 พยัญชนะยิ่งใหญ่คือคำว่า เทวฺ แปลว่า 2 นี่แหละคือพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่พ้นโลกีย์ ก็อยู่ตรงนี้ พระพุทธเจ้าแยกรูปแยกนามได้ ว่า มันอาศัยรูปกับนามนี่แหละ วิญญาณนี่แหละ ใน ปุตตมังสสูตร ข้อที่ 4
วิญญาณถ้าแยกรูปแยกนามเป็นสภาพ 2 ไม่ได้ก็เสร็จ ถ้าวิญญาณแยกรูปนามได้มีปฏิภาณปัญญารู้ว่า รูปก็อย่างหนึ่ง นามก็อย่างหนึ่ง ถ้ารูปแท้ๆ คือพยัญชนะหรือสสาร ถ้านามแท้ๆ คือธาตุรู้ คือจิตวิญญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:42:40 )
รายละเอียด
สุดท้ายแล้วพระพุทธเจ้าก็สร้างเป็นพล็อตเรื่องว่า 3 คนพ่อแม่ลูกเดินทางไปแล้ว มีอาหารยังชีพไป หมดอาหารแล้ว ตายๆๆ จะทำอย่างไร พ่อแม่ 2 คนก็เห็นแก่ตัวจัด เมื่อไม่มีอาหารจะกินแล้ว และเป็นคนติดเนื้อสัตว์ด้วย ไม่มีอาหารแทนที่จะกินพืช จะเดินทางไปไหนอยู่แล้วไปป่าเขาถ้ำก็มีพืชทั้งนั้น แต่ดันไม่มีปัญญาจะกินพืช จะกินเนื้อ แล้วจะฆ่าสัตว์อื่นๆก็ไม่เป็นอีก มีลูกก็เอาคนนี้ล่ะวะ แหม.. นิทานพระพุทธเจ้านี้สุดแสบทรวงเลย เอาเนื้อลูกนี่แหละ
ผัวเมียก็ตัดสินใจฆ่าลูกกิน โอ้โห.. พล็อตเรื่องของพระพุทธเจ้านี้สุดแสบจริงๆ เลย ทมยันตีตายไปแล้วนะนี่ แกมีจินตนาการเก่ง ผูกเรื่องอะไรต่ออะไรขึ้นมา เขียนนิยายเก่ง แกเขียนได้ลึกซึ้งลึกลับ ยิ่งกว่า Harry Potter ด้วย กินเนื้อลูก ฆ่าลูกตายเอามากินแล้ว ก็ยังงงๆอยู่ว่า ลูกที่น่ารักของฉันหายไปไหน ปัดโธ่เอ๊ย! ก็เอ็งฆ่าลูกกินก็ยังลืมไปเลยไม่รู้ตัว โอ้โห.. พล็อตเรื่องของพระพุทธเจ้านี้ สุดโง่ สุดลืมโง่ดักดานจริงๆเลย นี่ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน ปุตตมังสสูตร อันนี้ข้อที่ 4 วิญญาณาหาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 11:03:13 )
รายละเอียด
คือ เงินผูกขา ลูกผูกคอ สามีภรรยาผูกมือ
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:46:40 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:50:57 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:05:52 )
รายละเอียด
1. นอกจาก ต่างหาก คนละฝ่าย หรือแปลว่า หนา ใหญ่
2. ยังหนา ยังทึบอยู่
3. หนา , อ้วน , มาก ใหญ่
4. มาก , หนา , โต , ใหญ่ , อ้วน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 153
ทางเอก ภาค 3 หน้า 329
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 122
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 155
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:53:11 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:43 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:05:21 )
รายละเอียด
ถ้าเผื่อว่าเราไม่เรียนรู้และกำจัดกิเลสพวกนี้ มันก็มีแต่สะสม หนาขึ้นเรียกว่า ปุถุชน คนที่ปุถุชนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสหนาอยู่ทุกวินาที เติมราคะโทสะโมหะหนาไปเรื่อย เพราะเขาไม่ระมัดระวัง ขนาดเราระมัดระวังยังไม่ง่าย พวกที่ไม่ปฏิบัตินี่น่าสงสาร แล้วเขาไม่รู้ตัวสะสมความโลภ สะสมราคะโทสะอยู่ตลอดเวลาเลย เขาไม่รู้ น่าสงสารไหม นี่คุณเห็นใจโพธิสัตว์ไหม โพธิสัตว์รู้เห็นจริงๆ มันน่าสงสาร อาตมาไม่ได้พูดเล่นนะว่า อาตมาสงสารคนที่เป็นอย่างนี้ พูดอยู่ตลอดเวลา ที่ทำอยู่นี้ก็เหนื่อยนะ มันก็ยากด้วย แล้วทำไมมันถึงดื้อดึงจัง แต่มันก็ต้องทำเพราะไม่มีอะไรดีกว่านี้
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:05:02 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:52:57 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:04:39 )
รายละเอียด
คำว่า ปุถุชน ก็ถือว่าคนดีบ้างไม่ดีบ้าง เอาแน่ไม่ได้ ไม่รู้ได้ แบ่งแยกไม่ได้ แล้วก็อยู่ในระดับที่เรียกว่ายังไม่เจริญ ปุถุชน ปุถุ แปลว่าหนา แปลว่าใหญ่ แปลว่ามากไปด้วยกิเลส หนาไปด้วยกิเลส มาเป็นกัลยาณชนเป็นคนดีขึ้น แต่เป็นการดีแบบเทวนิยม ดีแบบโลกียะตามสมมุติโลก สมมุติไม่เหมือนกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 13 เมษายน 2566 ( 20:11:35 )
รายละเอียด
1. คนผู้หนาใหญ่ไปด้วยการหลงยึดสักกายะ
2. คนอีกพวกหนึ่ง เป็นพวกที่หนา และก็หนาไปด้วยอารมณ์ทุกข์ อารมณ์กาม อารมณ์ธรรมเต็มอื้ออยู่นั่นเอง
3. ผู้ไม่มีปัญญาตรัสรู้
4. คนที่มีกิเลส ตัณหาอยู่ ต่างอย่างกันเยอะแยะ หลากหลายแง่หลายเรื่อง
5. คนผู้มาก – หนา – โต – ใหญ่ – อ้วนไปด้วยกิเลสอยู่ตลอดเวลา
6. คนที่กิเลสอ้วน กิเลสหนา ไม่ว่าจะเป็นกิเลสชอบหรือกิเลสชัง
7. คนที่ต้องการกิเลสด้วยความไม่รู้แท้ ๆ
8. ผู้ที่ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงธาตุที่เป็นองค์แห่งการรู้ ฐานหรือสิ่งที่รองรับการรู้ เป็นธาตุที่มีชีวะในตนซึ่งเป็นสัตว์ขั้นจิตนิยาม
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 179
ทางเอก ภาค 2 หน้า 153
ทางเอก ภาค 3 หน้า 100, หน้า 329
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 155
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 159
คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 286 หน้า 45
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:56:54 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:18 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:03:51 )
รายละเอียด
ปุถุชน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกับอะไรแล้วก็เกิดความสุขความทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ ในทวาร 6 จะเกิด 18 อย่างนี้ ในปุถุชนเป็นธรรมดาอย่างนี้เป็นเคหสิตเวทนา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:55:36 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:53:46 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:02:36 )
รายละเอียด
ปุถุชน คือ บุคคลที่ยังมีกิเลสหนาไม่มีสิทธิ์ทำบุญได้ แต่จะทำบุญได้ต้องทำฌานจะทำฌานได้ต้องมีจรณะ 15
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:31:51 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:53:39 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:02:15 )
รายละเอียด
คนผู้นี้ก็ยัง“อวิชชา”เต็มที่ คำว่า “กุศล” คือ ความดีงาม นี้คือโลกียธรรมที่คนปกติสามัญก็ต้องสั่งสมใส่ชีวิตของตนให้ได้ เป็นสมบัติที่ติด“อัตภาพ”ไปตลอดกาลนาน ที่คนในสังคมแต่ละคนจำเป็นต้องมี“กุศล”นี้เป็นเครื่องอาศัยของการมีชีวิตอยู่ ถือว่าเป็นคนเจริญในปุถุชนโลกีย์เข้าใจกัน
เพราะ“กุศล”เป็น“สมบัติ”ที่สะสมใส่ตนได้ และชีวิตต้อง
อาศัย“กุศล”คือ “ธรรมที่ดี”ไปให้ได้ตลอดที่คนผู้นั้นยังมี“อัตภาพ”
แต่“บุญ”เป็น“วิบัติ” สะสมเป็น“อัตภาพ”ใส่ตนไม่ได้
เพราะ“บุญ”ไม่ใช่“อัตตา” “บุญ”เป็นเพียง“พลังงาน”ที่ทำหน้าที่ ใน“ปัจจุบันขณะ”เท่านั้น “บุญ”จึงมีไม่ได้หากไม่ใช่ “ปัจจุบัน”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 50 หน้า 72
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 19:21:51 )
รายละเอียด
คุณจึงจะมี“ปัญญา”อันเป็น“อัญญา(ธาตุรู้ตัวใหม่ ที่เป็น“อื่น”แตกต่างจากที่เราเคยมีมา)”โดยท่านเริ่มใส่“เชื้อความรู้โลกุตระ”ให้แก่จิตเรา และจะเกิด“ปัญญา”เจริญครบ“ปัญญา 8”ได้
ปุถุชน“รู้”แบบ“ปัญญา”ขึ้นมาเองไม่ได้ ไม่มีใคร“รู้เอง”ได้
ได้พบสัตบุรุษ จึงมีสัมมาทิฏฐิได้ เพราะมีปรโตโฆษะ มีการทำใจในใจ (โยนิโสมนสิการ)
เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:11:45 )
รายละเอียด
ซึ่งคุณก็ยังเข้าใจแบบโบราณอยู่นะ เข้าใจอย่างเดียรถีย์เข้าใจอย่างปุถุชนคนทั่วไปว่าพระอรหันต์ต้องเหาะได้ หากเหาะไม่ได้ ยังไม่ใช่อรหันต์หรอก โอ้ คุณยังเข้าใจพระอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย ยังไปเข้าใจความยิ่งใหญ่ในทางอิทธิปาฏิหาริย์อาเทสนาปาฏิหาริย์ของฤาษีคันธารี ฤาษีมัลลิกากันอยู่ ก็ยังไกลๆ ตอบได้ว่ายังไกล ให้ศึกษาให้ดีๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:37:39 )
รายละเอียด
เขาก็อ้างกันว่า“โลก”ของพระเจ้าเป็น“โลกทิพย์”ที่ใครไม่บังอาจเข้าไปได้
เป็นที่เฉพาะ“พระเจ้า”ผู้เดียวเท่านั้น ก็ลึกลับแน่!
เมื่อยัง“ลึกลับ”อยู่ก็ไม่เป็น“ความรู้-ความจริง”สัมบูรณ์สุดได้ แล้วเมื่อไหร่“คน”จะสามารถกระจะกระจ่างความเป็น “โลกทิพย์”ได้
ตั้งแต่“โลกนรก-โลกของมาร”ไปครบหมดทั้ง“โลกเทวดา-โลกแห่งพรหมหรือโลกของพระเจ้า”กันสักที?
ในเมื่อ“ทิพย์”ของ“โลก”และ“ทิพย์”ของ“อัตตา” ล้วนเป็น “ความลึกลับ”อยู่ชั่วกาลนานนิรันดร
ไม่เคยเปิดเผยเป็นสากลให้“คน”สัมผัสด้วย“ตา,หู,จมูก,ลิ้นกาย”ได้เลย
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 26 หน้า 58
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 14:55:23 )
รายละเอียด
ปุถุชนเต็มไปด้วยอวิชชา คือ ผู้อยู่กับโลกียธรรมก็ใคร่อยากได้บุญ โดยหลงว่าบุญคือ กุศลอันเป็นโลกียธรรมแท้ๆ นั่นแหละที่มีกันเต็มที่ของแต่ละคนจึงต่างอยากได้บุญ ซึ่งเป็นอุปาทานด้วยความหลงเมา โมหะสุดเหวี่ยงในวงการศาสนาพุทธ โดยเห็นว่าหรือเข้าใจว่า บุญเป็นกุศล แน่นสนิท จึงต่างกอบโกยบุญ สะสมบุญ เมื่ออยากได้บุญเพราะหลงผิดว่าเป็นสมบัติ ก็มีวิธีปฏิบัติธรรมที่บาลีว่า สีลพต คือ วิธีปฏิบัติโดยยึดมั่นถือมั่นเป็นสีลัพพตุปาทานแน่นสนิท แล้วก็ปรุงแต่งวิธีเพื่อให้คนปฏิบัติที่จะได้บุญไปสารพัด เละเทะ เป็นบาปกันในทุกวันนี้ นี่แหละคือ กายกลิ คือ กลุ่มหรือกองของจิตที่เป็นโทษ สิ่งชั่วช้าที่อยู่ในกายตัวแท้
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:39:04 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:55:25 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:01:53 )
รายละเอียด
โพธิสัตว์ถ้ายังไม่มีอรหัตผล เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นมา อาริยธรรมเบื้องต้น ยังไม่ชื่อว่าเป็นโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้นปุถุชนเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ ปุุถุชนไม่มีความตรัสรู้แน่นอน แล้วจะบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ปุถุชน นั้นเป็นการเอาภาษาไปเล่นลิ้นเรียกเฉยๆ ความจริงคุณยังไม่มี โพธิ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:59:01 )
รายละเอียด
คุณที่เป้าเก็งเต็ง ที่ชื่อ ธีระ นี้บอกว่า เป็นปุถุชนโพธิสัตว์ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ พระโพธิสัตว์ต้องเป็นผู้ที่เข้ากระแสธรรมะ ตั้งแต่โสดาบันเป็นต้นไป เป็นปุถุชนยังเรียกโพธิสัตว์ไม่ได้หรอก เอาบัญญัติภาษามาเรียงต่อกันเท่านั้น แต่โดยสัจธรรมแล้วมันไม่ใช่มันเป็นไปไม่ได้ สภาวะก็อย่างหนึ่ง พยัญชนะก็อย่างหนึ่ง ปุถุชนโพธิสัตว์ไม่มี เริ่มต้นจะเป็นโพธิสัตว์ต้องเป็นโสดาปัตติมรรค เข้ากระแส ตั้งแต่มีตำนานของอัญญาโกณฑัญญะ ได้รับจิตเปลี่ยนใหม่เลยเป็นจิตอื่นอัญญะ เอออันนี้หันหลังกลับเลยโลกียะกับโลกุตระ มันคนละทิศเลย มันต้องเปลี่ยนทิศมา จะเดินตรงมันต้องเริ่มค่อยๆมีองศาออกมา หาก 90 องศาได้ก็เดินตรงเป็นกระแสโลกียะ โลกุตระ เส้นตรง 180 องศา จึงจะเรียกว่าโลกุตระได้
มีคนค้นหาชื่อคนที่อาตมากล่าวถึงปุถุชนโพธิสัตว์เมื่อกี๊ คือ อาจารย์ธีระ วงศ์โพธิ์พระ หรือ ใช้นามปากกาว่า ธ.ธีรทาส
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:53:48 )
รายละเอียด
1. ชำระ , ทำให้สะอาด
2. ชำระกิเลส , ชำระกิเลสในใจตนลงได้
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 182
ค้าบุญคือบาป หน้า 265, หน้า 267
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 11:33:04 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:39 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 04:01:12 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name