คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:46:05 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 12:41:25 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:53 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:00:44 )
รายละเอียด
คือ อื่น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช (วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562)
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:16:39 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:27 )
รายละเอียด
1. รู้ทั่ว หรือรู้หมด
2. ปัญญาอันยิ่ง
3. ความรู้แจ้งแบบพิเศษเป็นโลกุตระ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 598, ค้าบุญคือบาป หน้า 274, คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 288 หน้า 49
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:28 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:52 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:16:33 )
รายละเอียด
ความรู้อื่น ความรู้ที่ไม่เหมือนความรู้ทางโลก เป็นความรู้ของโลกุตรชนรู้กัน
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:46:33 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:09 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:06:00 )
รายละเอียด
ความรู้อื่น ความรู้ที่ไม่เหมือนความรู้ทางโลก เป็นความรู้ของโลกุตรชนรู้กัน
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 15:45:16 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:36 )
รายละเอียด
คือ ความรู้ของโลกุตระ ที่เป็นความรู้ชนิดอื่น ที่แตกต่างจากความรู้โลกียะ ถ้าเป็นบุคคลก็เป็นโสดาบันบุคคลขึ้นไปเป็นโลกุตระ
ที่มา ที่ไป
(630302)
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 20:34:52 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:01 )
รายละเอียด
อัญญามาเป็นกัญญา แล้วมาเป็นฆัญญา จะฆ่ากิเลสหรือฆ่าอกุศล แต่ชีวะเราไม่ฆ่า พืชเราฆ่าได้ไม่มีวิบากก็อาศัยกันไป ไม่กินพืชจะให้ไปกินดินก็ไม่ไหว กินแต่น้ำไม่ให้กินพืช หรือกินลมกับไฟไม่ไหว ให้กินอากาศก็ไม่ไหว ขอกินพืชหน่อย อย่าให้กินแต่ดินน้ำลมไฟเลย ขอกินพืช ไม่มีวิบาก รับรองกินแต่พืชนี่จะมีขันธุ์อยู่ได้ตลอดเป็นสัตว์โลกที่เจริญไปจนถึงพระอรหันต์ไปจนถึงพระพุทธเจ้า กินแต่พืชไม่ต้องกินสัตว์เลยตลอดกาลนาน เชื่อไหมตอนนี้ แต่ก่อนไม่เชื่อไปกินเนื้อสัตว์กัน มันเป็นสัจจะอย่างนี้แหละท่านผู้ฟัง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:08:48 )
รายละเอียด
ทำอย่างเดียวกันนั่นแหละ แต่เป็นไปเพื่อนิพพานนั้นก็ประเภทหนึ่ง และทำอย่างเดียวกันนั่นแหละ แต่เป็นไปเพื่อลาภก็อีกประเภทหนึ่ง
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 90
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:29 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:59:56 )
รายละเอียด
อุเบกขาชนิดไม่มีญาณ ไม่ใช่อุเบกขาที่ได้จากการเกิดขึ้นด้วยความรู้ ความสามารถของวิชชา
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 88
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:22 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:53 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:42:00 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:11:43 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคำว่าปัญญา จึงเป็นความรู้ เดียวกันกับ อัญญา ไม่ใช่ความรู้ เฉกาหรือเฉกตา เฉโก ที่พยัญชนะกำกับไว้ ของชาวโลกีย์เทวนิยมที่ไม่ออกจากโลกวังวนโลกีย์ เขาจะไม่ออกจากกรอบเดิม แต่นี่ออกมาจากกรอบเดิม เป็นของพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตระธรรม พวกเรามีปัญญาออกจากกรอบของโลกียะ เข้าใจอย่างมีปัญญา อัญญธาตุนี้ เข้าใจตรงนี้ได้ นั่นแหละ จึงจะเจริญทางโลกุตรธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:20:47 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:57 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:40:35 )
รายละเอียด
เมื่อพระพุทธเจ้าท่านเทศน์กัณฑ์แรก ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อัญญาโกณฑัญญะเกิดอัญญธาตุตัวนั้นขึ้นมา พระพุทธเจ้าก็อุทานว่า อัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ ธาตุความรู้ตัวนี้เกิดขึ้นแล้วใน อัญญาโกณฑัญญะ เป็นความเจริญ โพธิ์คือความเจริญ วต คือวนเวียน เกิดขึ้นได้แล้วหนอ เกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นได้ โอ้โห..
ถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้าตามประสาเรานะ ไม่ใช่ตามประสาพระพุทธเจ้า ก็คงจะตื่นเต้น ของที่เราว่ามันสุดยอดแล้วนะ มีคนจะไม่รู้ได้ง่ายๆนะ นี่เอามาโชว์ คนก็รู้ได้ว่าอันนี้หรือ มันจะดีใจขนาดไหนว่ามีคนรู้ได้ แหม โลกนี้นี่ มีหวังๆๆ ไอ้หวังไม่ตายแน่ สิริมหามายานะ ผู้ที่บอกว่า ไอ้หวังตายแน่ก็อีกอย่างนึง ตอนนี้มาพูดไอ้หวังไม่ตายแน่ ก็สิริมหามายา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 09:25:49 )
รายละเอียด
1. ต้องรู้ ต้องเข้าใจให้แท้ ให้จริง
2. ความรู้แจ้ง ความรู้ยิ่ง ความไม่รู้ของผู้ไม่รู้ ความรู้ยิ่งของผู้รู้ยิ่ง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 163, สมาธิพุทธ หน้า 379
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:25 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:44 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:15:15 )
รายละเอียด
คนผู้ยังไม่รู้จักพุทธศาสนาอย่างถูกต้องแม้แต่ชาวพุทธผู้ยังไม่รู้จริง รู้ไม่ถูกต้อง
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 130
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:46 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:06:29 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:15:43 )
รายละเอียด
คนไม่รู้พุทธธรรมแท้ๆ
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 151
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:24:28 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:04:08 )
รายละเอียด
คือ โลกอันอื่น ดาวคนละดวง โลกคนละลูก โลกโลกียะก็โลกหนึ่ง โลกโลกุตระก็อีกโลกหนึ่ง
ที่มา ที่ไป
(630302)
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 20:35:55 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:38 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 10:13:21 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:22 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:42:03 )
รายละเอียด
อึดอัด, อึดอัดใจ
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 37, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 124
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:55 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:29 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:14:09 )
รายละเอียด
1. ไม่ชอบใจ
2. อึดอัด, คับแค้นใจ , ความไม่ชอบใจ
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 200, ทางเอก ภาค 3 หน้า 90
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:23 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:09:45 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:13:44 )
รายละเอียด
อัฏฏิยามิ คือ ความอึดอัด
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการสำมะปี๋ซี่วิต
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:07:59 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:01 )
รายละเอียด
ความเหนื่อยหน่าย
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 201
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:40:57 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:10:40 )
รายละเอียด
สาวกศิษย์ตถาคตนั้นมีบุคคลแปดจำพวก
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค หน้า 95
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:41:50 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:11:41 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:40:05 )
รายละเอียด
1. ต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำเร็จอิริยาบถอยู่
2. สัมผัสครบองค์ประชุมทั้งความรู้และปฏิบัติที่เกิดวิโมกข์ 8 อยู่ไม่ขาดสายแห่งการต่อเนื่องนั้น
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 35, 58
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:43:03 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:18 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:22:12 )
รายละเอียด
สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำเร็จอิริยาบถอยู่
หนังสืออ้างอิง
จากรู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 140
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:43:35 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:13 )
รายละเอียด
รู้จักรู้แจ้งรู้จริงด้วยการสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย(ของรูปและของนาม)สำเร็จอิริยาบถอยู่ และอาสวะทั้งหลายของบุคคลนั้นสิ้นไปแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญา
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 202
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:44:28 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:30 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:43:47 )
รายละเอียด
พระอาริยะบุคคล
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 265
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:44:59 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:08 )
รายละเอียด
ตอบให้ฟังวันนี้ล่ะประเด็นถามว่า เรื่องกระดูก อัฐิ คือกระดูก แสดงว่าองค์นั้นเป็นอรหันต์ใช่หรือไม่ ตอบ ใช่ก็ได้ไม่ใช่ก็ได้ ฤาษีต่างๆที่ตั้งสมาธิสะกดจิต จะเกิดธาตุเย็น ทำให้กระดูกมันมีการสังเคราะห์กัน เป็นกระดูกเย็น เพราะฉะนั้นกระดูกของฤาษีพอเวลาเผา แล้วจะเป็น ที่เรียกว่าเป็นพระธาตุก็มีรูปร่างจับตัวกันเป็นมัน เป็นสี เป็นอะไรต่างๆ หรือเป็นการสังเคราะห์กันเป็นพระธาตุ เป็นเลื่อมๆพรายๆขึ้นมาด้วย เป็นต้น ตามหลักฟิสิกส์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เกิดได้ ไปเอาอันนี้เป็นเครื่องตัดสินว่าเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ เอาพระธาตุเอากระดูกมา ถึงแม้ว่าคุณจะเอากระดูกนี้มาเป็นเครื่องตัดสินว่าเป็นพระอรหันต์ คุณก็ไม่ได้ประโยชน์จากองค์นี้หรอกเพราะตายแล้วเอาไปเผาแล้ว จะไปรู้ว่าเป็น พฤติกรรมคำสอนของเรื่อง อรหันต์อย่างไรตายไปแล้วเป็นกระดูกมา มันจะไปได้เรื่องอะไร มันต้องมาดูที่พฤติกรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้เป็นพระอนุสาสนี สอนศีลข้อที่ 1 นำมาปฏิบัติตรงใหม่ ลืมตาสัมผัสสัมพันธ์ ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของเกี่ยวกับพืชแล้วก็มาสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องใจเราเกิดกิเลส เกิดความรักความดูดเกิดความชอบความสงบเราก็รู้อาการใจของเราแล้วเราก็ลดกิเลสอ่านอาการใจเรารู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทศคือคำอธิบายที่อาตมาอธิบายอยู่คือ อุเทส แล้วเราก็ไปอ่านอาการ ลิงค นิมิต เมื่อเรามีผัสสะมีเหตุเกิดขึ้น เกิดการสังเคราะห์สังขารก็อ่านจิตอ่านใจ จนกระทั่งรู้จิตใจแล้วเราก็สามารถ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิจัยวิตกวิจาร จิตที่ดำริขึ้นมามีอะไร แยกได้ว่า นี้อาการจิตเจตสิก เป็นอย่างนี้มีธรรมะ 2 อันนี้มันเป็นส่วนของกิเลส เป็นสังขาริกัง เป็นตัวที่เข้าไปร่วมปรุงแต่งอยู่ในจิต แยกออกได้ เป็นตัณหาหรือเป็นอุปาทานปรุงแต่งเป็นเวทนา สุขเวทนาโสมนัสเวทนา อ่านอาการเหล่านี้ได้ชัดเจน คนที่รู้อนุสาสนี เหล่านี้ อาตมาก็เอามาสอน ท่านสอนไว้ตรง เราก็ได้ปฏิบัติตามพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ กิเลสมันจางคลาย กิเลสมันลดกิเลสมันดับก็บรรลุธรรม ที่ต้องรีบพูดเพราะเวลามันหมดไปแล้ว จะรีบจบตามเวลาที่มีให้ อย่างนี้แหละ มาเรียนรู้ตาม ค่อยๆเรียนรู้ไปตามศีลแต่ละข้อเรื่องของกินของใช้เรายังไม่เก่ง ก็เรื่องของสัตว์ ศีลข้อ 1 ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับวัตถุ เกี่ยวกับพืชจะทุจริตไม่ทุจริตอย่างไร ศีลข้อที่ 3 ก็อ่านละเอียดให้ถึงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเลย มันจะพาให้เกิดกิเลส ศีล 3 ข้อนี้ เป็นศีลหลัก อาตมาอธิบายไปเรื่อยๆ ให้พวกเราปฏิบัติก็จะเกิดรู้ว่ามันเกิดกิเลสจริงหรือไม่ก็ได้ประโยชน์ก็พิจารณาเป็น ไตรลักษณ์ มันไม่เที่ยงหรอก มันมาหลอกเดี๋ยวมันก็มีมาก เดี๋ยวมันก็มีน้อย เดี๋ยวมันก็ไม่มีอาการ เหมือนเป็นพระอรหันต์ จนสามารถมีปฏิภาณปัญญามีพลังงานของธาตุรู้ ฌานคือธาตุรู้ ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ปัญญาอยู่ที่ไหนฌานอยู่ที่นั่น วันอาสาฬหบูชา การเทศน์วันนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้เจริญธรรมทุกคน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:21:29 )
รายละเอียด
1. สัตว์ที่เกิดในไข่
2. การเกิดในไข่ แล้วจึงเกิดเป็นตัวอีกที
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 227, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 189
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:46:01 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:31 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:14:34 )
รายละเอียด
1. อวัยวะสืบพันธุ์ส่วนที่เป็นไข่
2. อวัยวะสืบพันธุ์ชายส่วนที่เป็นไข่ ตรงๆ กับภาษาอยู่นี่เอง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 239, หน้า 422
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:46:57 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:22:40 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:17:35 )
รายละเอียด
1. ตน
2. ตัวตน
3. อันนั้น ตัวนั้น สิ่งนั้น เป็นตัวตนอันหนึ่งนั่นเอง ซึ่งมันก็เป็นวิบาก หรือมีผลเหลืออยู่ในโลกนี้ เรียกว่าเป็น “ตัวตน” แต่มันไม่ใช่ของใคร
4. ตัวตนอันนั้น การยึดอย่างนั้นไว้ หรือทำให้เป็นอย่างนั้นตามที่มุ่งหมายยึดถืออยู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 8-22, หน้า 300, ภาค 2 หน้า 465, หน้า 15
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:48:20 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:25:01 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:44:59 )
รายละเอียด
1. เหน็ดเหนื่อยลำบากอยู่เพื่อบำเรอตน
2. ความหมายด้านศิลปะ หมายความว่าได้เหน็ดเหนื่อย ลำบากลำบน
3. ปั้นขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ก่อขึ้นเป็นตัวตน ฝันสร้างขึ้น ปรุงแต่งขึ้นให้เป็นตัวเป็นตนให้ได้ในที่สุดน้อย
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค1 หน้า 59, ทางเอก ภาค 2 หน้า 465
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:49:27 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:17 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:18:25 )
รายละเอียด
มีความเพียรทรมานตนเอง คือความสุดโต่ง
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 86
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:16:55 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:54:44 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:19:22 )
รายละเอียด
1. คนผู้เล่าเรียนก็ดี ประพฤติก็ดี จะถึงขั้นพากเพียรอุตสาหะปานใดก็ตาม ก็เป็นความเหนื่อยยาก สำบากเปล่า
2. ผู้ฝักใฝ่จิตนิยมทั้งหลายนั่นเอง เป็นพฤติภาพ
3. การประกอบความลำบากแก่ตน , ความพากเพียรอย่างลำบากอยู่ในความเป็นตัวตน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 81, ทางเอก ภาค 3 หน้า 35,พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 36,38
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:34 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:28:05 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:45:53 )
รายละเอียด
ขออธิบายเรื่อง อัตตกิลมถานุโยค มันเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนที่ลึกซึ้ง อัตตะแปลว่าตัวเอง กิลมถะ แปลว่าทำความลำบากให้แก่ตัวเอง แล้วยิ่งทำก็ยิ่งเกิดอัตตา มันมีความซับซ้อนฟังให้ดีนะ เป็นความหมายอันตื้นอันง่ายที่สุด เป็นการทรมานร่างกาย ทำให้เกิดความเจ็บปวดต้องอดทนแบบทุกข์ทรมานเดือดร้อน เข้าใจกันอย่างนั้นเยอะ จริงๆ มันลึกซึ้งในคำว่า อัตตา มันมี โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา อัตตา นี่มันลึกซึ้งถึง 3 ชั้น
กิลมถะ หมายความว่า มันเป็นการทรมานตนเอง ถ้าจะพูดกันอีกนัยยะหนึ่ง คนที่ไปหลงทางภายนอก ไม่ใช่เข้าไปภายใน หลงเข้าไปยึดติดในเรื่องภายนอก และปฏิบัติเอาเป็นเอาตาย จริงๆจังๆ อยู่กับภายนอก ภายนอกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็เรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข โลกียสุข ที่ไปหลงความรู้ นี่ล่ะเป็น อัตตา ชนิดที่หยาบใหญ่มาก แต่ลึกมาก หยาบใหญ่มากที่น่าจะรู้ แต่มันลึกมาก มันลึกก็เลยรู้ยาก หยั่งไม่ถึงความลึก ขนาดมันหยาบใหญ่ แต่อยู่ลึกถึงจับได้ยาก หลงไปใหญ่เลย อาตมาเห็นทุกวันนี้ หลงความรู้ ความรู้ของพระพุทธเจ้านี้จะมี เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย เป็นปริเฉทๆๆ ศีล สมาธิ ปัญญา
โสดาบันก็มีศีล สมาธิ ปัญญา ระดับหนึ่ง เช่น อาตมาเคยบอกว่าถือศีล 5 นี่แหละปฏิบัติให้บรรลุธรรมถือศีล 5 คุณจะเป็นโสดาบัน คุณปฏิบัติศีล 8 ถือศีล 8 ให้บรรลุธรรม คุณจะเป็นสกิทาฯ ถือศีล 10 คุณปฏิบัติเถอะศีล 10 ดีๆคุณจะได้เป็นอนาคามี สูงกว่าศีล 10 ขึ้นไปก็รวมเลย จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ก็แล้วแต่ ก็เป็นอรหันต์ นี่โดยบัญญัติภาษาง่ายๆ แล้วก็ทำให้ได้
แต่ผู้ที่สอน ผู้ที่รู้ ผู้ที่ปฏิบัติกันทุกวันนี้ในศาสนาพุทธ ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย แล้วไม่เอาจริงเอาจังด้วย เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธถึงสูญ เลย ไม่มีศีล ศีลไม่เป็นมรรคเป็นผล แม้แต่ไปบวชแล้ว มันชัดเจน ยืนยันเลยว่า ทุกวันนี้พระมีศีลไหม ไม่รู้ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 พอรู้เป็นจารีตประเพณี ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ที่เป็นเรื่องปรมัตถ์ เป็นเรื่องจริงเลย ไม่รู้ปฏิบัติไม่ถูก จารีตประเพณีถือกันมายังไงก็ถือตามจารีตประเพณี เป็นประเพณีเฉยๆ
เพราะฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติไปเรียนเปรียญ 9 ไปเรียนด็อกเตอร์ ไปปฏิบัติเป็นอะไรๆ จึงมองว่าเป็นชั้นพื้นฐาน อ้าว ไม่เอาพื้นฐานเหรอ ไม่เอามาปฏิบัติเลย ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 เขาก็เลยไม่มีศีลเลย เสร็จแล้วมันก็จะเสียสิ พระไม่มีศีลได้ยังไง ก็ไปยึดเอาวินัย 227 เป็นศีล โดยภาษาวินัยกับศีลมันคนละอย่างกันเลย ก็ไม่รู้ จนกระทั่งมันชัดเจนเลยว่าตกลงพระภิกษุมีศีลเท่าไหร่ 227 พูดกันหน้าตาเฉยเลย ภิกษุมีศีล 227 พูดกันหน้าตาเฉยเลย เห็นไหมว่าไม่มีศีล ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ใช่เลย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 10:42:54 )
รายละเอียด
รสโลกียสุขที่ตนได้สมใจที่ยึดถือนอกเหนือจากกาม
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 131
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:54 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:28:52 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:19:42 )
รายละเอียด
1. สุขเพราะยังบำเรออัตตา , สุขเพราะยังมีอัตตา , สุขจากการได้บำเรออัตตา
2. มีความสุข หรือมีสุขภาวะ มีความเจริญด้วยอัตตา , สุขในอัตตา 3
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 166,184, เปิดโลกเทวดา หน้า 21,29
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:52:37 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:44 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:20:08 )
รายละเอียด
1. สุขนอกจากกามคุณ 5 ที่ตนยึดติด
2. ประโยชน์ตนถ่ายเดียว
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 159,ค้าบุญคือบาป หน้า 246
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:53:26 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:32:40 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:46:31 )
รายละเอียด
สุขเพราะได้รับสิ่งที่บำเรออัตตาของตน
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 33
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:54:07 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:36 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:20:59 )
รายละเอียด
1. ความเห็นว่าเป็นตัวตน
2. ทิฏฐิที่ยึดความเป็นตนจนเกิดความเป็นอัตภาวะ
3. ความรู้อันเกี่ยวกับตัวตน
4. ทฤษฎีว่าด้วยตัวตน
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 34, หน้า 73 เปิดโลกเทวดา หน้า 138, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 71
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:07 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:47 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:47:20 )
รายละเอียด
เป็นผู้ถือตัวถือตนเป็นใหญ่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 7
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:56:06 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:19 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:22:30 )
รายละเอียด
คือ ความเป็นของตนได้อย่างมีสภาวะ ไม่มีในจิตตนแท้ “จิตเป็นกลาง”ไม่เอียงไปข้างฝ่าย (อันตา) ใดจริงๆ
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 52
เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 14:49:28 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:23 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:47:57 )
รายละเอียด
1. ของตน
2. สิ่งนั้นเป็นของเรา , เป็นของตน
3. ของกู , เป็นของตน
4. เป็นของเรา
5. ยึดมั่นเป็นของตน
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 282, หน้า 506,508,วิถีพุทธ หน้า 42, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 22 , 122,
อีคิวโลกุตระ หน้า 181,182, ค้าบุญคือบาป หน้า 77
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:58:30 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:57 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:23:08 )
รายละเอียด
2. เข้าครองความเป็นตน , ได้ตัวตน , ตนเองได้ความเป็นตน
2. เข้าครองอัตตา หรือได้อัตตา
3. ได้ครองตัวตนหรือได้ความเป็นตัวตนนั้นแล้วในจิตวิญญาณของตน
4. การเข้าครองอัตตาของจิต , จิตเข้าจับยึดความเป็นตัวตน
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 18 , 61 , 75, 61,เปิดโลกเทวดา หน้า 145 – 146,ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 276
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:02:06 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:46 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:49:05 )
รายละเอียด
การได้ความเป็นตัวตนในตน
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 143
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:02:54 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:40 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:23:27 )
รายละเอียด
1. อาการที่ปรากฏจริงของตัวตน
2. ความปรากฏจริงแห่งตัวตน
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 38, หน้า 73
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:03:48 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:45 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:28:06 )
รายละเอียด
อันให้การปรากฏอัตตาเกิดในนั้น
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 59
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:04:17 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:53 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:49:38 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:21:35 )
รายละเอียด
1. ยึดได้แต่เพียงภาษาเปล่า มีแต่ปากๆ ส่วนสภาวะไม่รู้เลย
2. เป็นผู้ยึดเอาได้แต่เพียงบัญญัติ แล้วก็หลงตน ยึดว่าตนได้บรรลุธรรม
3. ยึดภาษานั้นๆ เที่ยง เข้าใจสภาวธรรมได้ด้วยแค่ภาษาตายตัว ระดับเดียว
4. ยึดได้แค่วาทะ แค่บัญญัติ แค่สมมุติ เป็นตัวเป็นตนอยู่อย่างนั้น รับรู้ภาษาธรรมสูง ทำให้ยิ่งยึดมั่นถือมั่น หลงตน
5. พวกได้แต่พูด หรือพวกที่ยึดเอาได้แต่คำพูด ได้แค่ภาษาเท่านั้นแหละเป็นอัตตา เป็นตัวเป็นตน
6. ฉวยเอาได้แค่วาทะ แค่ภาษาอยู่เท่านั้นเอง เป็นเนื้อเป็นตัว เป็นภูมิแห่งตน
7. การยึดถือได้แค่คำพูดว่าตัวตน ว่าอัตตา
8. ความรู้ที่รู้ได้เพียงแค่พาดพิงไปสู่สิ่งที่สูงสุด ได้แค่เป็นบุรุษที่สามอันได้แต่พูดถึงเท่านั้น
9. ผู้ติดยึดแค่ภาษาเพราะไม่รู้สภาวะ
10. ยึดถือว่ามีอัตตาแต่รู้เพียงแค่พูดถึงได้เท่านั้น ไม่เคยสัมผัสของจริง
11. การยึดได้แค่วาทะ(คำพูดหรือลัทธิของตนเท่านั้นอาศัยใช้อยู่ในชีวิต)เป็นตัวตน
12. ยึดถือได้แค่คำพูดหรือวาทะที่พูดๆ ที่บอกที่เล่าที่อธิบายที่ยืนยันกันว่าคือความจริง เป็นของจริง ก็แค่นั้น ความเชื่อความยึดถือจึงมีเพียงคำพูดเท่านั้นตลอดกาลนาน
13. การยึดถือเอาได้แค่คำพูดเท่านั้นว่าเป็นสัจจะแห่งตัวตน เช่นที่พูดกันว่าพระเจ้ามีสภาพอย่างนี้ ยิ่งใหญ่อย่าง หรือมีความสุขสูงสุดที่ได้ไปอยู่กับพระเจ้าเป็นอย่างนี้ๆ นั่นก็เพียงได้แต่พูดๆ กันไปเท่านั้น ทว่าไม่ได้มีใครได้สัมผัสของจริงกันเลย มีแต่คำพูดกันเท่านั้นเอง
14. มีแค่ความฉลาดที่เป็นตรรกะ ยึดได้แค่ภาษาหรือแค่วาทะ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 36, 61, 41, 82, ทางเอก ภาค 2 หน้า 15, ทางเอก ภาค 3 หน้า 399,
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 14 , 77,
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:07:38 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:41 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:24:39 )
รายละเอียด
คือ ยังติดยึดอยู่แค่ได้ “รู้” และพูดถึงตัวตน = ยังไม่ถึงขั้นสัมผัสตัวตนได้จริง
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 223
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:56:03 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:08 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:50:17 )
รายละเอียด
คือ ยึดแต่คำพูด (ยังไม่ใช่สภาวะ) ที่ตนเชื่อว่าจริงของตน จนมีรสตามที่ตนเชื่อ จึงเป็นอยู่กับสภาวะเก๊
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า198
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:24:13 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:57 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:25:16 )
รายละเอียด
อัตตวาทุปาทาน มี 3 คำ อัตตา วาทะ อุปาทาน
คนที่ยังไม่พ้นอุปาทานข้อนี้เป็นข้อที่ 4 หนักที่สุด หยาบที่สุด แย่ที่สุด ใน 3 อันนั้น กามุปาทาน เป็นระบบ
ส่วนอุปาทานนี้มันนอกระบบ มันยังไม่มีภูมิทางโลกุตระธรรมเลย ผู้ที่ทำอยู่นี้ไม่มีโลกุตรธรรมเลย มันไปมีโลกียะแล้วโลกียะที่เป็นอัตวาทุปาทาน นี้ เขาไปอุปาทานในโลก แล้วก็เลยยิ่งจมไปในอัตตา
ฟังให้ดีนะ ไปหลงโลก โลกใหญ่ โลกกว้าง โลกพิสดาร โลกมากโลกมาย โลก Star Wars โลกทางลึกลับ โลกทางจิตวิญญาณที่หลากหลายอะไรต่ออะไร มากมายซับซ้อน แหม.. คนสอนคนรู้เรื่องโลกพวกนี้ ไม่ว่าโลก ทางวัตถุ ทาง Star Wars ทางสังคม วัตถุหรือทางนามธรรมเยอะแยะ พวกหลงความรู้เป็นพวกพญาครุฑ ที่หลงความรู้อย่าง เป็นพวก โอฬาริกอัตตา ที่มีอัตตาโอฬาร อลังการมากแต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอัตตา ทั้งๆที่อัตตาที่ตัวเองมีไม่ได้ถึงขั้นเข้าอัตตาคุณยังไม่รู้จักความเป็นอัตตาเลยในตัวคุณ แม้กายในกาย คุณก็ยังเข้าใจกายสัมมาทิฏฐิได้แค่ไหน เพราะฉะนั้นคุณยังไม่มีสภาวธรรมเลย คุณได้แต่วาทะ ได้แต่พยัญชนะ ได้แต่บัญญัติ ได้แต่พูด ๆๆๆ รู้แล้วก็เอามาพูดได้แต่คุณยังไม่เข้าถึงสภาวธรรมเลย ไม่บรรลุธรรมเลยในชาตินั้น
คุณรู้มาก เป็นอาจาระที่รู้มาก เป็นผู้ที่มีอาจาระ เป็นผู้ที่มีอาจารย์เหมาหมด รู้มาก โอฬาริกอัตตา แต่คุณไม่ได้แม้แต่คำว่า อัตตะ ก็ยังไม่ได้จัดการสลายอัตตาคุณเลย คุณได้แต่ความรู้วาทะบัญญัติภาษา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 18:49:55 )
รายละเอียด
อธิบายความแล้วปฏิบัติได้ จึงเกิดความจริงของคนปฏิบัติได้ จึงเกิดความจริงซึ่งคนปฏิบัติได้ มันก็เลยยืนหยัดยืนยันเอาไว้ แล้วอย่างนี้ใช่ไหม อย่างนี้ใช่อย่างพระพุทธเจ้าหมายไหม พวกคุณว่าใช่ แต่ต้องถามทางโน้นเขาก่อน เขาจะก็ยืนยันว่าไม่ใช่ ยกตัวอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ เช่น มาเป็นคนจน มาเป็นคนไม่มีอบายมุข มาเป็นคนไม่มีกาม
ไม่รู้เรื่อง โอฬาริกอัตตา คุณไม่รู้จักอัตตาที่อลังการ โอฬาริกอัตตา อัตตาใหญ่ ที่คุณหลง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทั้งกระบิเลย คุณไม่รู้ ลาภคุณก็ไม่รู้ คุณก็เอา ลาภ หรือแม้แต่ผู้ที่นับถือกันว่าเป็นเอกทางศาสนาพุทธอยู่ขณะนี้ก็ตาม ลาภไม่รู้ ยศไม่รู้ สรรเสริญไม่รู้ แต่แบกไว้ทั้งหมดเลยยึดถือไว้ทั้งหมดเลย เป็นโอฬาริกอัตตา เพราะอัตตาเป็นแนวลึกไม่ใช่กาย อัตตไม่ใช่โลภ แต่ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นโลภแต่เขามองไม่ออกว่าเป็นโลภ เขา ใคร่อยากได้อยู่ และเอาไปอยู่ โดยเอาไปบันทึกเป็นของกูของกูอยู่ในจิต เขามีเป็นโอฬาร ใหญ่โตมโหฬาร เป็นของเขานะ
เช่น ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องการลาภ ไม่ได้สะสมมาเป็นของเราแล้ว เป็นเงินทอง เป็นวัตถุ เป็นต้น แต่เราจะต้องการลาภนี้ เมื่อไหร่ขอให้เอ่ยปากมีคน support มีคนให้คุณทันทีเลย นี่ก็เป็น ความซับซ้อนของคุณรู้ว่าคุณเองคุณทำให้คนเขาเชื่อถือ จนกระทั่งคนจะยินดีสนับสนุน support คุณขอให้คุณเอ่ยปากเพราะเขาเชื่อถือคุณ คุณจะเอาไปทำอะไร เอามาใช้ในเรื่องศาสนา เรื่องธรรมะให้ประโยชน์แก่คนอื่น ก็ดูดีนะ แต่ธรรมะหรือศาสนาที่คุณให้นั้นคือ เปลือกพยัญชนะและวาทะเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นถึงแก่นถึงอัตตาเลย..ไม่ใช่ มีอัตตวาทุปาทาน
ไม่ต้องไปพูดถึง สีลัพพตุปาทาน ทิฏฐิคุณก็ ทิฏฐุปาทาน เพราะกามุปาทาน คุณยังใคร่อยากหลงใน โอฬาริกอัตตา ที่คุณมีอัตตาและคุณก็ได้ โอฬาริกอัตตา ไป โดยที่คุณไม่รู้ว่าคุณแบกสิ่งเหล่านี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:17:25 )
รายละเอียด
อัตตวาทุปาทาน ปราชญ์เอกของศาสนาพุทธก็ตาม ไม่ต้องไปพูดถึงทั่วโลกเทวนิยมทางตะวันตกที่ไม่ใช่พุทธ เขาได้แต่บัญญัติ เขาได้แต่วาทะ ได้แต่ตักกะวาทะกรรมเก่ง ไม่ต้องไปพูดถึง อัตตา
เพราะเขาไม่รู้จัก อัตตา เขาจึงหลง อัตตา ดังที่อาตมาอธิบายมาแล้วว่าทุกวันนี้เขาเต็มไปด้วย โอฬาริกอัตตา เขาไม่ได้อัตตาที่เป็น อนัตตา เขาไม่ได้เข้าไปถึงแก่นของความเป็นอัตตาแล้วจัดการปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าเพื่อล้างอัตตาไปตามลำดับ จนหมดอัตตา ยังไม่เลย แต่ภาษามี มีภาษาแล้วก็หลงภาษาสุดท้ายเขานึกว่าเขาได้เป็น โอฬาริกะ โอ้โห อลังการ มโหฬารใหญ่โต เขาได้อัตตาเป็น โอฬาริกะต่างหาก มันซับซ้อนหมุนกลับไปกลับมา เหมือนกับพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 14:39:47 )
รายละเอียด
อัตตวาทุปาทาน ของผู้ที่ไม่รู้ ได้แต่วาทะ อัตตายังไม่ได้เข้าใกล้เลย เพราะฉะนั้นอีกนานมาก กว่าคุณจะมีสัมมาทิฏฐิ พ้นทิฏฐุปาทาน กว่าคุณจะรู้จักวิธีปฏิบัติศีลพรต พ้นจาก สีลัพพตุปาทาน แล้วค่อยไปละ กามุปาทาน
ต้องสัมมาทิฏฐิก่อน ศีลพรต คุณก็ยังไม่สัมมาทิฏฐิเพราะแน่นอนคุณไม่ได้ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 อย่างสัมมาทิฎฐิดีจริงๆ เลยอาตมาเชื่อ คุณยังเชื่อว่า เช่น ไปนั่งหลับตาปฏิบัตินั่นคือทางที่จะบรรลุ แค่นี้ก็ผิดแล้ว เข้าใจว่า สักกายทิฏฐิ เข้าใจผิด แค่นี้ก็ไปไม่ออกแล้ว ไปไม่รอดแล้ว
เพราะฉะนั้นทิฏฐิอย่างแม้แค่กาย หรือศีลพรต ทิฏฐิคือตัวกลางนะ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทานแล้ว สีลัพพตุปาทาน
ทิฏฐิของคุณ คำว่า กามก็ยังยึดอยู่ศีลพรตคุณก็ยังมิจฉาทิฐิอยู่ แล้วมันจะไปได้ละกามได้อย่างไร เพราะฉะนั้นกามที่คุณยังแบก ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อยู่ ก็เป็นจริง ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้ามี ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เต็ม พอท่านบรรลุแล้วท่านก็ไม่เอา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 18:59:58 )
รายละเอียด
เอาแค่ภพ 3 นี้ก่อนก็แล้วกัน
อุปาทานก็มี 4
“อุปาทาน”
1. กามุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในกามภพ บำเรอรูปรสฯ)
2. ทิฏฐุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในทิฏฐิ เช่น เห็นว่าผีมีตัวตน)
3. สีลัพพตุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในศีลและวัตรปฏิบัติธรรม)
4. อัตตวาทุปาทาน (ถือมั่นเข้าใจในอัตตาหรืออาตมันได้แค่ วาทะ แต่ไม่เคยรู้เห็นอัตตาตัวปรมาตมันจริงๆนั้นเลย) . . .
(พตปฎ. เล่ม 11 ข้อ 262)
แย่ที่สุดคือ อัตตวาทุปาทาน พวกด็อกเตอร์ เปรียญ 9 ทั้งหลาย ติดในอัตตาวาทะ พวกนั่งหลับตาทั้งหลายยังมีความสงบได้บ้าง เป็นสภาวะ แต่พวกนี้ไม่ได้สงบได้เลย พวกเปรียญ 9 ก็ดี พวกด็อกเตอร์ก็ดี พวกที่เด่นดังเก่ง พูดอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้เข้าหาจิตเลย ติดในอุปาทาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10
วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:36:21 )
รายละเอียด
อัตตวาทุปาทานกอดกระดาษกับตัวหนังสือ อ้าว คุณยื่นดาบมาให้ก็เอา ฟัน พุทธวจนบ้าง อาตมาไม่ได้ไปตอแยกับพุทธวจนมากก็เพราะว่า ถ้าไปตอแยไปแตะเขา เขาก็จะยกพุทธวจนมายืนยัน แล้วยืนยันตามที่เขาเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ต้องหมายความว่าอย่างนี้ ซึ่งอาตมาไม่เชื่อว่าเขาจะเข้าใจ ที่เขาเข้าใจนั้นจะตรงกับอาตมา แต่ อาตมาเชื่อสนิทเลยว่า เขายึด พุทธวจน อย่างเหนียวแน่น เพราะฉะนั้นอาตมา ถ้าพูดไปแล้วมันก็จะแย้งได้ทั้งอย่างหยาบ กลาง ละเอียด ไปอีกเยอะเลย อาตมาแย้งได้ แล้วอาตมามั่นใจว่าอาตมาแก้ไขเขาไม่ได้ เพราะเขาติดอยู่ในพุทธวจน
พุทธวจนเป็นศาสดาของเขาแล้ว กระดาษตัวหนังสือเป็นศาสดาของเขาแล้ว แล้วเขาจะเอาคำแปลที่เขาเข้าใจเป็น Concept ของเขาแล้ว เขาคิดถึงอันนั้นอาตมาไปแก้ไขเขาไม่ได้ คนกลุ่มนี้ก็จะมีจริตอย่างนี้ อาตมารู้จักพวกนี้อาตมาไม่อยากไปแตะ เพราะเขากอดตัวหนังสือหรือพยัญชนะหรือว่าตำราที่เอามารวบรวม ขนาด พระพุทธสาวกเขาไม่เอานะ เขาเอาแต่พระพุทธวจน นะ เขาเลือกเฟ้นเลยนะ
เพราะฉะนั้นคนนี้ อัตตายึดติด พระพุทธเจ้า อื้อหือ! หนัก อาตมารู้อันนี้ลึกๆ เพราะฉะนั้นอาตมาไม่เสียเวลากับคนชนิดนี้ ปล่อยให้เขาเข้าใจไป ถ้าเขาเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิ ความหมายที่เขาเรียนพุทธวจนพระพุทธเจ้า แล้วเขาเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิ มันจะมาตรงกันกับของผู้ที่เขาถูกต้องจริง เช่น อาตมาว่า อาตมาถูกต้องจริง เขาก็จะมาตรงกับอาตมา อาตมาก็จะตรงกับเขา แต่อาตมาเชื่อว่าอย่างไรมันก็ไม่ตรง เพราะฉะนั้นอาตมาไม่เอา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 10:46:12 )
รายละเอียด
คือ มีได้แค่คำพูด (วาทะ) ว่าเขาได้แต่แท้จริงเป็นแค่อุปทานของเขาเท่านั้น
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม หน้า 296
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:32:34 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:51 )
รายละเอียด
1. การทำตนให้ตกนรกอย่างต่ำสุด หยาบสุด หรือฆ่าตัวเองตาย
2. การฆ่าตัวตายอย่างเปลืองที่สุด แพงที่สุด ทรมานกายที่สุดโดยการเสพยาเสพย์ติด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 331
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:08:20 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:36 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:50:54 )
รายละเอียด
คนที่ฆ่าตัวเองตาย
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 465
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:08:55 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:44 )
รายละเอียด
ธุลีแห่งความชอบ – ไม่ชอบ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 119
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:09:33 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:33 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:25:43 )
รายละเอียด
ความถึงพร้อมของตนของตัวเอง
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 127
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:10:02 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:41 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:26:03 )
รายละเอียด
ได้อย่างที่คุณตั้งข้อสงสัยก็ถูก ถ้าแปลให้ง่ายชัดขึ้นก็บอกว่า ถึงพร้อมด้วยการลดอัตตา แต่พูดว่า ถึงพร้อมด้วยอัตตา ก็เป็นการพูดว่า ตอนนี้เราเจออัตตาแล้ว
[133] อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค อันนี้ที่คุณสงสัยนี่แหละ ถึงพร้อมด้วยความลดอัตตา คุณก็จะต้องเข้าใจหลักเกณฑ์ที่สัตบุรุษ มิตรสหายดีสั่งสอนไว้ก็คือเริ่มต้นด้วยศีลและปฏิบัติศีลให้เป็นอธิศีล อธิปัญญา อธิมุติ ไปตามลำดับ พิจารณาอย่างไรเห็นอย่างไรเข้าใจอย่างไรก็จะต้องเรียนรู้ เราก็จะได้รู้จักอัตตา
อัตตา พระพุทธเจ้าแบ่งเป็น 3 โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา อันนี้ในพระไตรปิฎก 45 เล่มมีอยู่ในที่เดียว
1. การยึดครองหรือได้ตัวตนวัตถุภายนอก (โอฬาริกอัตตา ฯ)
2. การยึดครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ปั้นรูปสัญญา ไม่อาศัยวัตถุภายนอกหยาบๆ แล้ว (มโนมยอัตตา ฯ)
3. การยึดครองหรือได้อัตตาที่หารูปมิได้ หรือรูปละเอียดที่ปั้นสำเร็จขึ้นด้วยสัญญา (อรูปอัตตา ปฏิลาโภ) .
(โปฏฐปาทสูตร พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 302)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:48:31 )
รายละเอียด
เกิดแล้วในตน
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 17
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 09:10:36 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:37 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:26:23 )
รายละเอียด
อัตตสัมมาปณิธิ คือ สิ่งที่เราตั้งจิตปรารถนาขึ้น และทำให้เกิดภาวะนั้น เป็นโลกุตรธรรมที่คุณตั้งขึ้นมาเกิดขึ้นมาในตนขณะนี้เป็นโลกุตรธรรมอันสัมมาทิฏฐิแท้ มันก็ต้องมีในตนเองมาเป็นโลกุตระก่อน เพราะในชาตินี้คุณไม่ได้มีครูบาอาจารย์ไม่ได้พบเจอพระพุทธเจ้าไม่ได้พบเจอสัตบุรุษที่ไหน คุณก็ต้องระลึกเอาของตนเองมาคุณต้องมีมาเป็นของเก่าแล้ว เพราะฉะนั้นใครจะมาโมเมโดยที่ในยุคนี้ไม่มีพระพุทธเจ้า ในยุคนี้ก็ต้องมีสัตบุรุษเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอัตตะที่เป็นโลกุตรธรรม ตนเองใฝ่หาโลกุตรธรรม อัตตสัมมาปณิธิ คือ อัตตา สัมมา ปณิธิ คือ สิ่งที่ตนเองตั้งจิตปรารถนาขึ้น แล้วก็ทำให้เกิดภาวะนั้น ที่เป็นโลกุตรธรรม ขึ้นมาได้ดังจิตปรารถนาจะให้เกิดก็ตั้งขึ้นมาให้ได้ และตรงตามของพระพุทธเจ้าคือ สัมมา ระลึกขึ้นได้ก็ตรงตามพระพุทธเจ้า จึงมีภาวะนั้นเป็นตนขึ้นมาในจิต ศัพท์ก็คืออัตตา ก็จึงระลึกขึ้นมาได้ ตั้งขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นคำว่าอัตตสัมมาปณิธิ คำว่า อัตตา อันนี้เป็นโลกุตรธรรมที่พระอาริยบุคคลย่อมมีได้อย่างไม่ได้หลงเป็นมิจฉา ไม่ได้หลงยึดตนที่ผิดมา ต้องยึดตนที่ถูกต้องเป็นสัมมา ไม่ได้เป็นคนอุตริ ระลึกตั้งตนขึ้นมาเองเหมือนพระศรีอริยเมตไตรยสมัยนี้ แต่ตัวเองต้องมีอัตตสัมมาปณิธิมาแล้ว เพราะว่าตนเองได้เคยมีปุพเพกตปุญญตาคือได้ล้างกิเลสของตนเองอย่างเป็นสัมมาทิฏฐิมาก่อน แต่ปางก่อนแล้ว ติดตัวมา มาระลึกถึงได้ในชาตินี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:07:31 )
รายละเอียด
“อัตตสัมมาปณิธิ”นั้นคือ “สิ่งที่เราตั้งจิตปรารถนาขึ้น(ปณิธิ)และทำให้เกิดภาวะนั้น ที่เป็น“โลกุตรธรรม”อัน“สัมมา”แท้ ที่ต้อง“มีในตนเองแล้ว”
มีขึ้นในตน(อัตต)ใส่จิตตน(อัตต)สำเร็จได้มาแล้ว(ปุพเพกตปุญญตา)” จึงเป็น“อัตต”คือ “ตน”แท้
อัตตสัมมาปณิธิ = อัตต+สัมมา+ปณิธิ จึงได้แก่ สิ่งที่เราตั้งจิตปรารถนาขึ้น ศัพท์ก็ว่า“ปณิธิ” แล้วทำให้เกิดภาวะนั้นที่เป็น“โลกุตรธรรม”ได้ดังจิตปรารถนา และตรงตามพระพุทธเจ้า ศัพท์ก็“สัมมา” จึงมีภาวะเป็น“ตน”ขึ้นในจิต ศัพท์ก็ “อัตต”ไง!
ขยายความภาษาออกมา เขาเอาไปทำให้เกิดสภาวะขึ้นในตน คำว่าอัตตะ ต้องสร้างและก็ต้องทำลายด้วยนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:39:46 )
รายละเอียด
ผู้ที่จะหลับตาแล้วก็ระลึกชาติเอาโลกุตรธรรมเก่าที่ตนเองมีมาแล้ว แล้วก็มารู้ในชาตินี้ใหม่ขึ้นมาได้ คนผู้นั้นก็ต้องมีโลกุตรธรรมของตนเองมาแต่ชาติก่อนแล้ว ถ้าไม่มีแล้วจะมาระลึกขึ้นมาได้อย่างไร ระลึกเอาอย่างไรก็ไม่ได้ถ้าตนเองไม่เคยมีมาแต่ชาติก่อน หรือมารับรู้จากสัตบุรุษจากพระพุทธเจ้า หรือจากผู้ที่อยู่ในฐานะครูมาสอนมาพูดให้ฟังในชาติใหม่
หากคุณยังไม่เคยมีของเก่าในคลังสัญญาตนเองที่เป็นอัตตสัมมาปณิธิมาก่อน แล้วของเก่านั้นก็เป็นโลกุตรธรรมที่คุณได้เคยสั่งสมมาคือ บุพเพกตปุญญตา อีกด้วย
กำลังอธิบายในองค์ธรรม 2 ข้อ ของจักร 4 อัตตสัมมาปณิธิ กับปุพเพกตปุญญตา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 12:56:37 )
รายละเอียด
อัตตสัมมาปณิธิคือ ส่วนที่ได้บุพเพกตปุญญตา คือส่วนที่ได้กำจัดกิเลสแล้ว คือความเป็นผู้มีบุญเก่า แต่ไม่มีบุญนะไม่ได้อะไรนะ แต่ใช้ภาษามาเรียกเท่านั้น บุญเป็นของไม่มี ทำความไม่มีให้แก่ตัวเองได้แล้ว กตะ ก็ทำบุญ ได้แล้วมาแต่ปางก่อน พอมาถึงปางนี้ อย่างอาตมามีบุญเก่ามาแล้ว บุญเก่าคือความไม่มี ไม่มีกิเลส ไม่เกี่ยวกับไม่มีอย่างอื่นแต่ไม่มีกิเลสสิ้นอาสวะเลยตัวสุดท้ายเลย จะเข้าใจคำว่าบุญก็ไม่ง่ายเลย ถ้าไม่เข้าใจบุญอย่างสัมมาทิฏฐิคุณปรินิพพานไม่ได้ คำว่า กายก็ดี ฌานก็ดี บุญก็ดี ถ้าเข้าใจไม่สัมมาทำนิพพานแก่ตนไม่ได้ ทำได้แต่เพียงพักยก เหมือนพวกสมาธิหลับตา แต่ทำให้กิเลสตายไปอย่าง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
ทำได้มาแต่ชาติก่อน ปุพเพ ชาตินี้ไม่ต้องทำ เห็นใจคนแปลที่ไม่มีสภาวะเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่ไม่มีซึ่งอธิบายกันไม่ง่าย
บุญคือทำ 0 ได้แล้วเด็ดขาดแต่ยังไม่ตายก็ยังต้องอาศัย 1 อยู่ แต่ทำ 0 ได้แล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:32:34 )
รายละเอียด
อัตตะเราสร้างเอง อัตตะที่เราไม่ได้สร้างเองเป็น อัตตะ เกิดมาจาก อวิชชา พาเกิดมา ที่เราไม่ได้สร้างเอง ต้องมาตื่นรู้ทิศทางที่ว่า อัตตะที่สร้างมาเอง สร้างมาด้วยอวิชชาเป็นอาหาร
เลอะเลย แล้วอวิชชาคืออะไร คือนิวรณ์ ไปด้วยนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร
เอานิวรณ์ 5 เป็นอาหารก็เลยมีทุจริต 3 เป็นอาหาร
ทุจริต 3 เป็นอาหารก็เลยมีไม่สำรวมอินทรีย์ 6 เป็นอาหาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:41:07 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นเมื่อทำแล้วก็ต้องรู้ตัวเอง อัตตัญญุตา ต้องรู้จักตัวเองว่าตัวเราก็เท่านี้ ตัวเราก็ไม่ได้ใหญ่ ไม่ได้เก่งอะไรมากมายนะ อย่าอวดดีเกินนักเลย อวดแต่พอเหมาะพอสมพอตัวไว้แหละดีอย่างนี้เป็นต้น ก็แสดงไปเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและเราจะได้ประโยชน์จากผู้อื่นที่เราเพิ่มความรู้ รู้จักโลก รู้จักบุคคล รู้จักมวลองค์ประกอบอะไรอื่นอีกทั้งนั้น ทั้งวัตถุทั้งสัตว์ ทั้งพืช ทั้งบุคคล รู้เพิ่มเติมขึ้นมา แล้วเราก็เอามาจัดสรร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 20:01:11 )
รายละเอียด
รู้เรา
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 437
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:40:38 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:22 )
รายละเอียด
1. ประโยชน์ตน , ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับตน อันได้แก่ประโยชน์ภายนอก(โลกธรรม) กับประโยชน์ภายใน(สุข)ซึ่งเป็นคุกที่ตนขังไว้
2. ผู้ได้รับประโยชน์ตน
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 178,เปิดโลกเทวดา หน้า 21
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:42:59 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:46 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:52:17 )
รายละเอียด
ตัวตนของกิเลส
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:38:10 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:43 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:12:54 )
รายละเอียด
อัตตา คือ มี 3 ชนิด
1) โอฬาริกอัตตา
2) มโนมยอัตตา
3) อรูปอัตตา
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:15:54 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:01 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:15:57 )
รายละเอียด
1. ตัวตน
2. ตัวตนของจิต ของวิญญาณของตนเองที่พยายามปั้น ที่พยายามทำให้เกิดขึ้นให้ได้จนสำเร็จ
3. มี , ตน
4. ความมี
5. ตัวกู , เป็นตน , ตัวของตน
6. ตัว , เป็นตัวเป็นตน , เรา , ตัวการ , ตัวจริง
7. เป็นเรา
8. กู
9. ตัวตนขั้นปลายของสักกายะ เป็นตัวตนที่เหลือขั้นสุดท้าย
10. ตัวตนที่เกิดแล้วยังไม่ดับไป , ตัวตนของนามธรรมคือ จิต –เจตสิก – รูป – นิพพาน
11. คือกาย [องค์ประกอบของรูปนามเมื่อประกอบเข้าเป็นตัวตน]
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 355 , หน้า 484, ภาค 3 หน้า 13 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 13, 22 , 122, 129,
คนคืออะไร? หน้า 282,443 , 506 , 507 , 510 , 253, สมาธิพุทธ หน้า 267,279, ทางเอก ภาค 1 หน้า 219,
อีคิวโลกุตระ หน้า 181 , 182, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 112, วิถีพุทธ หน้า 47,
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:47:16 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:23 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:27:25 )
รายละเอียด
ตัวตนของกิเลส
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 15:22:59 )
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:46 )
รายละเอียด
ความยึดเป็นตัวตน (อัตตา) มี 3 อย่างคือ
1. โอฬาริกอัตตา (ตัวตนหยาบที่มีรูปร่าง) คน สัตว์ สิ่งของต่างๆ
2. มโนมยอัตตา (ตัวตนที่สำเร็จด้วยใจ) จิตปั้นจินตนาการต่างๆ
3. อรูปอัตตา (ตัวตนที่ไม่มีรูปร่าง) อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 9 "โปฏฐปาทสูตร" ข้อ 302
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2562 ( 20:52:54 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:40 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:27:47 )
รายละเอียด
1. การยึดครองหรือได้ตัวตนวัตถุภายนอก (โอฬาริกอัตตา ฯ)
2. การยึดครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ปั้นรูปสัญญา ไม่อาศัยวัตถุภายนอกหยาบๆ แล้ว (มโนมยอัตตา ฯ)
3. การยึดครองหรือได้อัตตาที่หารูปมิได้ หรือรูปละเอียดที่ปั้นสำเร็จขึ้นด้วยสัญญา (อรูปอัตตา ปฏิลาโภ) .
(โปฏฐปาทสูตร พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 302)
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562
หนังสืออ้างอิง
โปฏฐปาทสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 302
เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:00:15 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:34 )
เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2563 ( 20:58:43 )
รายละเอียด
ความยึดเป็นตัวตน (อัตตา) มี 3 อย่างคือ
1. โอฬาริกอัตตา (ตัวตนหยาบที่มีรูปร่าง)คน สัตว์ สิ่งของต่างๆ
2. มโนมยอัตตา (ตัวตนที่สําเร็จด้วยใจ)จิตปั้นจินตนาการต่างๆ
3. อรูปอัตตา (ตัวตนที่ไม่มีรูปร่าง)อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 9 “โปฏฐปาทสูตร” ข้อ 302
เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:27:50 )
รายละเอียด
ในเราคิดอะไร คุณ เก่าสมัย ใหม่เสมอ นี่เขาเขียนนะ คนนี้เขียนเก่ง เพราะเข้าใจคำว่าบุญไม่ถูก ศาสนาเลยฉิบหายวายป่วง อาตมาก็เชื่อมต่อจิ๊กซอ จนตอนนี้พอเข้าไปได้บ้างในเรื่องคำว่าบุญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน
ฉบับที่แล้ว 331 เรากำลังสาธยายมาถึงว่า
ผู้ไม่ศึกษาความเป็น“อัตตา 3” จะไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“โอฬาริกอัตตา-มโนมยอัตตา-อรูปอัตตา”ได้เลยเป็นอันขาด
เพราะมันเป็น“อัตตาหรือตัวตน ที่คนหลงยึดว่ามีจริง มัน“อุปาทาน”ตัวแท้ตัวจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561
ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู (สมาธิพุทธ) ตอน บุญคือ อธรรม มิใช่ ธรรมะ
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:18:42 )
รายละเอียด
อัตตา 3 มี
(1)โอฬาริกอัตตา (2) มโนมยอัตตา (3) อรูปอัตตา
การได้อัตตา 3 ประการ
[302] ดูกรโปฏฐปาทะ ความได้อัตตา 3 เหล่านี้ คือ ได้อัตตาที่หยาบ 1 ได้อัตตา
ที่สำเร็จด้วยใจ 1 ได้อัตตาที่หารูปมิได้ 1
ความได้อัตตาที่หยาบเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูป อันประกอบด้วยมหาภูต 4 บริโภคกวฬิงการาหาร นี้ความได้อัตตาที่หยาบ
ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง นี้ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
ความได้อัตตาที่หารูปมิได้เป็นไฉน คือ อัตตาอันหารูปมิได้ สำเร็จด้วยสัญญา นี้ความได้อัตตาที่หารูปมิได้.
(พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 302)
โอฬาริกอัตตา โอฬาริกะก็คือหยาบ-ใหญ่โอฬาร อัตตาใหญ่
มโนมยอัตตา คือ อัตตาที่เชื่อมต่อ มยะ มยัง เป็นของตัวเอง แล้วก็มีจิตเป็นตัวเชื่อมระหว่างภายนอกภายใน
ที่จริง โอฬาริกอัตตา ไม่ได้หมายความว่าอัตานี้มันตัวตนนี้(อย่างเดียว) ที่บอกว่า โอฬาริกะคือใหญ่ มันก็ประกอบกับภายนอก ประกอบกับเหตุปัจจัยหยาบทั้งหมดเลย มันก็ต้องมีจิตของตัวเองด้วยที่ยึดอัตตา
คุณลด ต้องใช้คำว่า คุณลดอัตตาโอฬารใหญ่หยาบไปได้นี้มันจึงจะเหลือมโนมยอัตตา เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจสับสนว่า ลำดับ ไม่เป็นลำดับ อยากจะมาทำมโนมยอัตตาโดยที่โอฬาริกอัตตาของคุณยังละไม่ได้ ยังลดไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์จะไปทำอะไรกับมโนมยอัตตา ยิ่งอรูปอัตตาคุณยังไม่มีสิทธิ์ คุณยังไม่มีอยู่ในฐานะที่จะไปจัดการกับกิเลสที่เหลือ มัน 3 ขั้นไง ขั้นต้น-กลาง-ปลาย ขั้นหยาบ-ขั้นกลาง- ขั้นละเอียด
เพราะฉะนั้นคุณจะไปทำสับสน ไปฆ่ากิเลสมโนมยอัตตาก่อน
(อุปมา)คุณจะกินเนื้อทุเรียนก่อนที่คุณจะปอกเปลือก เอาปากขย้ำเข้าไปเลย จะกินเนื้อทุเรียนโดยคุณไม่ปอกเปลือก เอาเลย กินได้ก็เก่ง เอาปากกระซวบเข้าไปเลย ซื๊ด!! อาตมาอยากจะดูนัก เหวอะเลยล่ะ มันจะไปได้ยังไง อาตมาก็ต้องพยายามอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดๆ มันต้องขจัด”กิเลสหยาบข้างนอก”ออกไปก่อน(กามรูป,กามภพ) มันจึงจะเหลือกิเลสที่เหลือเข้ามาเรื่อยๆ เป็น “มโนมยะ” เรียกว่ากิเลสของจิตนี้แหละ ที่เหลือในจิตนี่แหละ (มนะ)มโนคือจิต ที่ต่อเนื่องเข้ามาจากนอกที่มันไม่ใช่จิต มันเอาผูกพันข้างนอก เพราะฉะนั้นผูกพันลดลงๆ ก็เหลือเข้ามาหาจิตเราน้อยเข้า เรียก ยัง มโนมยัง เราก็เรียนรู้กิเลสลำดับต่อมา ให้ลดลงๆ จนดับจากข้างนอกหมด ก็เหลือแต่ มโนมยใน (มโนมย-ภายใน) มโนมยในก็เป็น รูปภพ-อรูปภพ นะ ในรูปภพ คุณก็ลดมโนมยอันนี้ลงไปก่อนจนหมด เมื่อทำรูปภพหมด ก็เหลือ อรูปภพ ก็เป็น อรูปอัตตา
พอสังเขปแล้วนะ โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อธิบายให้เห็นความเชื่อมต่อมา จนกระทั่งมันเหลือเป็น อรูปอัตตา รวม 3 อัตตาแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจก็ถามมาใหม่ เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ขนาดนี้ก็คิดว่าละเอียดพอสมควรแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 03:43:07 )
รายละเอียด
1.อัตตาที่ยังประกอบไปด้วยโลกอบาย (กิเลสขั้นสักกายะ) .
2.อัตตาที่ยังประกอบไปด้วยโลกกาม (กิเลสขั้นปริยุฏฐาน)
3.อัตตาที่ยังประกอบไปด้วยโลกธรรม 8 (ปริยุฏฐานฯ)
4.อัตตาที่ประกอบไปด้วยโลกอัตตา หรือมีแต่จิตวิญญาณที่เป็นโลกของโอปปาติกะล้วนๆ (โลกของอนาคามีที่ยังมีตัวตนเหลืออยู่ในขั้นอาสวะ หรืออนุสัยกิเลส unconscious)
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 19:34:47 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:26 )
รายละเอียด
มีบันทึกอัตตา 3 นี้ไว้ตรงนี้เท่านั้น ในพระไตรปิฎก 45 เล่ม
เป็นลาภที่ได้อัตตา มันเป็นอย่างไร มันน่าได้ไหม ได้อะไร โอฬาริกอัตตา อัตตาเบ้อเร่อเลย ไม่รู้ว่าคุณแสวงหาอะไร คุณต้องแสวงหาความหมดอัตตาและคุณก็ไปหอบได้อัตตามา การได้ครองหรือได้ตัวตนหมดทั้งภายนอกและภายใน โอฬาริกอัตตา คุณไม่รู้แม้ภายนอกภายใน รวมหมดเลย โอฬาร ตะกละตะกลาม สวาปาม หมดเลย ได้โลกธรรม 100% เลย
จนกระทั่งสามารถแยกออกว่า มโน จิตของเราไปหลงยึดอัตตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตตาภายนอก อัตตาภายใน มโนมยอัตตา ก็ลดอัตตาภายนอกก่อน หมดกามภพหยาบภายนอกแล้วก็เหลือภายใน รูปภพ อรูปภพ ก็ล้างรูปภพอีก หมดจนเหลืออรูป ก็เหลือสุดท้ายอรูปอัตตา ก็ยังมีลาภที่เหลืออรูปอัตตา ก็ล้างอรูปของตนเองหมดก็หมดอัตตาได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:30:35 )
รายละเอียด
ภาษาเป็นสิ่งที่จะสื่อให้เข้าใจกัน ยิ่งเชื้อชาติเดียวกันก็ยิ่งเข้าใจยิ่งกว่าคนละภาษาคนละชาติ แล้วสื่อแล้วก็ไปศึกษาอีกที ให้เข้าถึงสภาวะจริงๆเลย สภาวะอัตตาเป็นอย่างไร สภาวะอนัตตาเป็นอย่างไร อาตมาเห็นพระธรรมของพระพุทธเจ้าแต่ละสูตรในพระไตรปิฎกก็อยากจะอธิบาย เจอ อัตตา 3 ใน โปฏฐปาทสูตร
1. การยึดครองหรือได้ตัวตนวัตถุภายนอก (โอฬาริกอัตตา ฯ)
2. การยึดครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ปั้นรูปสัญญา ไม่อาศัยวัตถุภายนอกหยาบๆ แล้ว (มโนมยอัตตา ฯ)
3. การยึดครองหรือได้อัตตาที่หารูปมิได้ หรือรูปละเอียดที่ปั้นสำเร็จขึ้นด้วยสัญญา (อรูปอัตตา ปฏิลาโภ) .
(โปฏฐปาทสูตร พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 302)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 20:48:57 )
รายละเอียด
อัตตา หมายความว่า ตัวเรา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:11:53 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:59:58 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:16:47 )
รายละเอียด
มันมีอีกคำหนึ่งคือ อัตตา อัตตาคือตัวเรา อยากนี่มันอยากแล้ว หรือไม่อยากได้อยากทำลายก็ได้ อยากให้เอามาเป็นตัวตนเราหรืออยากจะทำลายเพื่อให้เราจะชนะเราจะได้เป็นใหญ่กว่าเขา อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันเป็นภัยเป็นพิษมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:27:46 )
รายละเอียด
คือ เป็นผู้มีตนอันพึ่งตนได้ พอเพียงจริงๆ
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า73
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:01:38 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:58:23 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:29:30 )
รายละเอียด
1. ตนทำ ตนได้ ตนต้องช่วยตน ตนต้องพึ่งตน
2. พึ่งตนของตนเอง
3. ตนเป็นที่พึ่งของตน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 88, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 134, เปิดโลกเทวดา หน้า 135, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 32
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:51:51 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:20 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:28:34 )
รายละเอียด
อัตตา คือ ตัวตน อัตตานี่แหละพาเราลำบาก จนสุดท้าย คนที่ไปปฏิบัติธรรมเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว ก็ยังอาศัยอัตตาตัวตนที่อาศัยเข้าใจอัตตาอาศัยโดยไม่ได้ยึดถือเป็นเราเป็นของเรา มันคือแท่งก้อนของขันธ์ แปลว่า กองหมวดหมู่
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 69 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:41:25 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:09:36 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:18:12 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:04:16 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 10:39:15 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:29:05 )
รายละเอียด
“เทฺวนิยม”ทั้งหลาย“ตีอัตตาตัวเอง” ไม่แตก แยกไม่ออก จำนนอยู่กับคำสั่งตายตัว
ทั้งๆที่เป็น“จิตวิญญาณของเราเอง” เป็น“จิตวิญญาณ”ที่สามารถ“รู้”อะไรต่ออะไรแยกย่อยออกไปอีกหลากหลายมากมายมหาศาลได้ นับไม่ถ้วน แต่ถูกจำกัดไว้เสียแล้วว่า อย่าเชียวนะ! ต้องอยู่ในกรอบ เชื่อ “เทฺว”ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ คือ “พระเจ้า”เท่านั้น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:28:19 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:10:56 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:30:13 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 12:38:39 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:17 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:35:06 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้ามาศึกษามาตรัสรู้แล้ว โอ้โห มันไม่มีจริงๆ เลยมันไม่ใช่ของจริงเป็นอนัตตา มันไม่มีตัวไม่มีตัวตนจริงมันรวมอยู่ พอมาเป็นจิตนิยามมันก็เลยมาเป็นอวิชชามีตัวโง่ โง่ก็เลยจับตัวกันกอดแน่นอยู่อย่างนั้น จับได้แล้ว เจ้า กอด
แต่ศาสนาที่มีพระเจ้าที่ออกเสียงว่า God ที่เรียกว่า กอด ก็ไม่รู้ว่าอัตตาคือความกอดแน่นของรูปนาม อัตตาหรือปรมาตมันหรือวิญญาณ มันคือความกอดแน่น กันอยู่ของธาตุหลัก 2 ตัวคือรูปกับนาม หรือ กายกับจิต หรือแยกแยะออกไป โอ้โห ก็คือทีละคู่ๆ ก็คือเทวะ พระพุทธเจ้ารู้ชัดครบเทวะหมดเลยสมบูรณ์แบบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8
วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:38:44 )
รายละเอียด
ถ้าคนไม่รู้อัตตาคืออะไร คุณจะทำให้อัตตานี้มันไม่เหลืออัตตา คือ ไม่เป็นอัตตา แต่ความจริงคนเกิดมามีอัตตา มีเหตุปัจจัยแล้ว รูปและนาม หรือกายกับจิต หรือสภาพสองอย่างปรุงแต่งกันขึ้นมาเป็นร่างกายแล้วตั้งแต่ดินน้ำไฟลม สังเคราะห์สังขารจนมาเป็นร่าง มีจิตวิญญาณ มีจิตนิยามอยู่ คุณเป็นแล้ว คุณมีสิ่งนั้นอยู่ในตัวทุกอย่างที่เป็นอัตตา เป็นแท่งวิญญาณ ครบแล้ว
อัตตานี้อยู่ในตัวเรานี่แหละ ตัวเราคือ สักกะ มันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งเรียกว่ากาย นี่แหละคนจะต้องมาเห็นสักกายะ คุณจะต้องเริ่มต้นฟังให้เข้าใจ แล้วก็มาเรียนรู้ สักกายะ เมื่อนั้นเริ่มเห็นอัตตา เพราะสักกายะคือตัวตน สักกายะคืออัตตา ใช้พยัญชนะมาเรียกแต่สภาวะตัวตนคืออะไร มันเป็นนามธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:28:11 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:13:33 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:32:58 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:32:07 )
รายละเอียด
เพราะไปมัวเมาหลงใหลยึดมั่น“หลับตา”ปฏิบัติกัน จึงไม่ได้ เริ่มต้นทำลาย“อัตตา”กันตั้งแต่“โอฬาริกอัตตา”เป็นภายนอกไปเป็น ขั้นต้นตามลำดับ แล้วจึงจะได้ทำลาย“มโนมยอัตตา”เป็น“อัตตา”ขั้น ต่อไปที่มีทั้ง“ภายนอกและภายใน” แล้วจึงจะถึงขั้นในปลายสุดท้ายให้ทำลาย“อรูปอัตตา”หมดสิ้นเกลี้ยงได้ถูกภาวะตามไปลำดับจริงๆ ผู้“หลับตา”ปฏิบัติตัดลัดขั้นตอนไปตั้ง 5 ทวารภายนอก มันก็หมดหวังที่จะพบกับ“สภาวะจริง”ที่จะได้เรียนรู้ตามสิ่งจริงที่มีจริงกันชัดๆ ความเป็น“อัตตา”ซึ่งเป็น“เทฺว”แท้ๆ คือ“ภาวะ 2”นี้ ถ้าห้ามแตะต้อง ตีแตกแยกไม่ได้เด็ดขาด ดังที่ชาว“เทฺวนิยม”ทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นยิ่งนักว่า “เทฺว”หรือ”พระเจ้า”มีนิรันดร“1 เดียว”นั้น ใครอย่าบังอาจไปไปวิจัยวิจารเป็นอันขาด อย่าแตะต้อง เพราะเป็นสิ่ง“ต้องห้าม”ที่ไม่มีใครจะสามารถ“สัมผัส”ได้ ก็“หมดหวัง”นิรันดรเช่นกัน ที่จะได้เรียนรู้และจัดการปลดปล่อย“อัตตา”สู่ความเป็น“อนัตตา”ไปตามลำดับได้
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 440-441 ข้อที่ 607
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2565 ( 14:49:22 )
รายละเอียด
ก็มีความประสงค์ต้องการที่จะทำงาน เป็นเจตนาที่จะเรียกว่าอยากก็ได้ แต่อยากเสพบำเรอตัวเองเลย บำเรออัตตา รูปภพ อรูปภพ รวมๆเรียกอัตตา โอฬาริกอัตตา คือกามหยาบ มโนมยอัตตาเหลือภายในคือรูปที่สำเร็จด้วยจิต เหลืออรูปอัตตา ทำให้หมดอีก อัตตา แต่ก็ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เหลือเป็นอัตตาที่อาศัยเวทนาจะว่าไม่มีก็มี จะมีคือไว้อาศัย
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:01:28 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:12:02 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:30:36 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น หมดกามภายนอกก็เคี่ยวข้นมาหาใน เรียกว่า อัตตาที่เหลือ สรุปกามข้างนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่เหนือหมดแล้ว เหลือภายใน เป็น รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา อุทธัมภาคิยสังโยชน์ อันที่พ้นแล้ว คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ เป็นอนาคามี แปลว่าไม่เวียนกลับ อาคามีหรืออาคต แปลว่า ไปๆ มาๆ แต่อันนี้ไม่ไปๆมาๆ แล้ว ก็เห็นอยู่นะ ดีไม่ดีคบหาด้วย แต่ไม่ได้เป็นอย่างเขาแต่ช่วยให้เขาเลิกมาได้ด้วย
อยู่กับเขาเพื่อที่จะช่วยเขา ไม่ได้ส่งเสริมให้เขาไปลงนรกต่ออีก ไม่ใช่ จะช่วยให้เขาขึ้นจากนรก ขึ้นจากที่ไม่สบาย อบาย ขึ้นมาตื่นขึ้นมาเลิกขึ้นมา มันต้องช่วยกันอย่างนี้ ผู้ที่พ้นแล้วไม่ช่วยคนอื่นใจดำอำมหิต เอาตัวรอดแต่คนเดียวอำมหิตมาก ไม่ดีเลย ต้องช่วยผู้อื่นด้วย ช่วยได้มากก็เก่งขึ้น สามารถขึ้นจริง แต่อย่าไปอ้าขาผวาปีกเกินตัว ประมาณว่าเราจะช่วยได้ประมาณนี้ ซึ่งมันมีเหตุปัจจัยแวดล้อมไว้เยอะ
อย่างอาตมา คนที่จะมาก็ มีอะไรกั้นไว้ ไอ้ที่แย่ๆ เข้ามาไม่ได้ มันเข้ามาก็ขนาดที่พอจะช่วยได้ ซึ่งมันเป็นความซับซ้อนที่ อจินไตย มากเลย ธรรมะพวกนี้ สรุปแล้วเราตัดกามข้างนอกไปหมดก่อน เหลือข้างในที่เรียกว่าอัตตาสภาพที่ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เป็นสังโยชน์อีก 5 ข้อ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 11:25:14 )
รายละเอียด
1. อำนาจตนเอง หรืออำนาจในตัวตน
2. อำนาจอัตตา
3. อำนาจในตน , อำนาจของตน
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 21, 258, 357
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:50:10 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:44 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 14:31:08 )
รายละเอียด
(อัตต + อนู = อัตตาที่แม้เล็ก แม้เป็นธุลีละเอียดลออ) อัตตาเศษเล็กเศษน้อย
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 415
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 13:52:29 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:35 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 13:57:53 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name