@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

การยึดถือความเห็นของเราว่าถูกก็เป็นกาย

รายละเอียด

คุณยึด คุณก็รู้แล้วอ่านออกว่าคุณยึด ถูกต้องมันก็ต้องเป็นกายของคุณแน่นอน เพราะคุณยึดไว้ยังเป็นเราเป็นของเรา กาย เป็นของเรา คุณยังไม่หมดความเป็นกาย เมื่อยังไม่หมดความเป็นกาย จิตของคุณก็ยังไม่เป็นพีชธาตุ คุณก็ยังเป็นจิตนิยามที่ยังมีอวิชชา จนจิตนิยามของคุณหมดอวิชชา จิต ไม่มีกายเป็น พีชธาตุ ก็ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 12:56:42 )

การยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

ถ้าคนเราจะเอาอันนี้ให้ได้ๆ ไม่ได้ไม่ยอม ก็จะเจ็บปวดใจนี่คือ static ไม่ชอบใจจะต้องร้องไห้นี่คือ Static แต่ถ้าเผื่อว่าจะเอาอันนี้ให้ได้ แม่ก็บอกว่าอันนี้ไม่ได้หรอก อันนี้คนเขาต้องใช้ เราก็ยอม ไม่ต้องเอา ยอม อย่างนี้เป็น Dynamic แต่ถ้าจะเอาให้ได้ไม่ยอม ร้องไห้เจ็บปวดอยู่อย่างนั้นอย่างนี้เป็น static เรียกว่ายึดมั่นถือมั่น แต่ถ้าบอกว่า มีเหตุผล สลายให้คนอื่นได้อยู่แล้ว เราไม่เอาได้ก็จบ อย่างนี้คือ Dynamic ไม่ยึดมั่นถือมั่น เพราะฉะนั้นผู้ยอมแพ้ผู้ให้เขาเสีย จะไปยึดถือเป็นเราเป็นของเรา นี่แหละคือ Dynamic ถ้ายึดถือเป็นเราเป็นของเราอยู่ก็คือ static 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 16:55:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:40:31 )

การยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

เพราะว่าสมณะโพธิรักษ์มาพาให้กินมังสวิรัติโดดเด่น การยึดมั่นถือมั่น กับอีกอันหนึ่ง คือ ความยั่งยืนมั่นคง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) สิ่งที่เป็นเช่นนี้แล้วไม่แปรเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติอันยั่งยืนไม่ใช่ยึดมั่นถือมั่น แต่ผู้ที่มีความยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ว่าไม่รู้เราไม่รู้เขา เราไม่เปลี่ยนแปลงเราไม่อะไรเลยแต่เราอนุโลมปฏิโลมกับคนอื่นได้ อย่างนี้คือไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น ถ้าคุณยึดมั่นถือมั่นแต่คุณเลยแล้วคุณก็ไม่ยอมอนุโลมกับใครอื่นเลยคุณก็ไม่มีปัญญาที่จะอนุโลมปฏิโลม แสดงว่านั่นแหละคุณยึดมั่นถือมั่น ถ้าคุณไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้วคุณจะรู้ฐานของคนอื่นเขากับเรามันคนละเรื่องกัน เราจะรู้ว่าเขาก็ยังทำไม่ได้ยังจะต้องเป็น พยายามหาสิ่งที่มันมีภาวะเขาอยู่ในฐานนี้จะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ให้เขาเริ่มเพิ่มขึ้นก็ยังไม่ได้ จะให้เขาต่ำลงก็ยังไม่ดี เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็เพราะเขายึดมั่นถือมั่นอยู่ตรงนั้น แต่ไปเข้าใจอย่างท่านพุทธทาสอะไรก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ยังได้เช่นคุณไสว แก้วสมก็บอกว่ากินเบียร์อย่างไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยจิตว่าง เสพกามด้วยจิตว่าง ถึงขั้นว่า เมียคุณ คุณก็ไม่ต้องยึดถือเมียของคุณก็เอามาให้อาตมา พูดกันถึงขนาดนั้นเลยสมัยก่อน เขาก็บอกว่าหลวงพี่พูดอย่างนี้ก็ไม่ค่อยดีสิอะไรอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:01:38 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:00:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:13:14 )

การยืนยันความเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

การยืนยันความเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 คือ เป็นที่น่าสังเกต พุทธศาสนาในเมืองไทย หากว่าเชื่อว่ามีสัตบุรุษผู้เป็นพระอรหันต์แท้จริง แต่ก็หาได้มีลูกศิษย์จากสำนักไหน ก็ไม่ได้เคยได้ยินว่าอาจารย์ของอรหันต์แต่ละสำนัก รับรองตัวเองว่าเป็น สมณพราหมณ์ในสัมมาทิฏฐิข้อที่10  สยังอภิญญา เพราะถือว่าอรหันต์ต้องพอรู้สัมมาทิฏฐิ10 โดยเฉพาะข้อที่10 แต่นี่ยังไม่มีใครเลย ถ้าความรู้ของอรหันต์กี่องค์ก็ต้องเป็นความรู้แนวเดียวกัน ตรงกัน แต่ถ้าเชื่อว่าท่านเป็นอรหันต์ คนแย้งก็ไม่ใช่ คนไม่แย้งก็ไม่แน่ ท่านเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ7 อรหันต์ระดับอนุโพธิสัตว์ จะมาเป็นอนิยตโพธิสัตว์ ก็เป็นอีกล้านชาติ บางชาติอายุ 20-30 ปีก็ตาย บางชาติอายุร้อยกว่าก็มี สัมมาทิฏฐิ10 ก็ไม่ได้แสดง  แสดงว่าอรหันต์เหล่านั้นไม่มีสยังอภิญญา ทำไม สมณะโพธิรักษ์กล้าบอก เพราะท่านมีความจริง แต่ถ้าไม่จริงไม่กล้าบอก เดี๋ยวผู้รู้กว่ามาถล่มท่านมีความจำเป็น ไม่ได้อยากอวดแต่ต้องยืนยัน เพราะมันเข้าใจไม่ได้ มันไม่ค่อยเชื่อ ถึงต้องยืนยันบอกว่าเป็นอรหันต์

ทางสายอาจารย์บัวก็บอกว่า อาจารย์มั่นเป็นอาจารย์เขา อาจารย์มั่นต้องเป็นอรหันต์แล้ว อาจารย์มั่นเป็นลูกศิษย์อาจารย์เสาร์  ก็ต้องเป็นอรหันต์  อาจารย์มั่นไม่ได้เน้นว่าตนเป็นอรหันต์ เพราะว่า มีความเชื่อกันว่า สอนกันว่าไม่ให้บอกกันว่า เป็นอรหันต์  เพราะฉะนั้นถึงได้แต่เดา  อาจารย์มั่นเป็นอรหันต์ที่ลูกศิษย์เดาเอา เพราะว่าอาจารย์มั่นไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ แม้แต่อาจารย์มหาบัว ก็บอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ไม่ใช่จับผิดหรือไปว่า แต่ต้องยืนยันความถูกต้อง ยืนยันความจริง ไม่เช่นนั้นก็จะหลงผิดกับความไม่ถูกต้องไปอีกเท่าไหร่  หลงผิดทอนเงินผิดก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่ไปหลงผิดว่า ผู้ที่ไม่ใช่อรหันต์นะ บอกว่าเป็นอรหันต์  มันเป็นการทำลายศาสนาเป็นการแสดงบางทีแสดงออกไม่สมบูรณ์ หยาบๆ ด้วยซ้ำ เช่น อาจารย์มั่นยังบอกว่ามีวิญญาณล่องลอยเป็นตัวตนอยู่เลย กลางคืนสอนเทวดา ก็เป็นในฝันในนิมิต แล้วก็มีเทวดาเป็นชาวเยอรมันมาฟังธรรมท่าน ท่านก็สอนก็ยังเป็นตัวเป็นตน เอาความฝันมาเป็นตัวตน แทนที่จะเป็นแค่นิมิตสิ่งแทน แต่ท่านยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเทวดา  ท่านเข้าใจคำว่าเทวดาก็ไม่ได้ ต้องขออภัยไม่ได้ลบหลู่ดูแคลน แต่พูดถึงสัจธรรมให้รู้ว่า มันใช่อย่างไร มันไม่ใช่อย่างไร เป็นความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ท่านจึงจำเป็นเพราะไม่มีผู้ใดแสดงออกมา แม้แต่ในความเป็นจริงว่าตัวเองเป็นสยังอภิญญา แม้สยังอภิญญาเอาแต่สัมมาทิฏฐิ10  อย่าง ซึ่งมันไม่ง่ายที่จะอธิบาย หรือว่าไม่ได้มีบารมีถึงสยังอภิญญา ก็เลยไม่ได้ประกาศหรือว่าพระปฏิบัติในเมืองไทยไม่มีอรหันต์ผู้นั้นเลยในเมืองไทย การประกาศว่าตัวเองไม่มีครูบาอาจารย์ไม่ได้เลยนะ เขาถือว่าผู้ไม่มีครูบาอาจารย์นั้น คือ พระพุทธเจ้าองค์เดียว เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ คือ พระพุทธเจ้าองค์เดียวซึ่งมันไม่ใช่มันมีขีดขั้นอยู่ ก็พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มีสยังอภิญญา เป็นผู้มีปัญญาอันยิ่ง ผู้รู้ มีพลังงานความฉลาดโลกุตระในระดับปัญญาในระดับอภิญญา ก็ใช้คำว่า ยิ่ง ในพยัญชนะของข้อ 10 ท่านบอกไว้ชัดว่า “ผู้สยังอภิญญา” ไม่ใช่ “สยัมภู” สัมมาสัมพุทธโธ ไม่ใช่ สยัมภูด้วยแต่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รู้ได้ด้วยตัวเอง รู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรมด้วยตนเอง  รู้แล้วเอามาประกาศให้รู้แจ้ง สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ  พวกคุณรู้แจ้งตามได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 12:36:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:06 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:20:44 )

การยืนหยัดยืนยัน 

รายละเอียด

การยืนหยัดยืนยัน คือไม่ใช่ดื้อด้านดึงดัน แต่เป็นการยืนหยัด ยืนยันความถูกต้อง เพราะสมณะโพธิรักษ์  เกิดมาเพื่อแบกความถูกต้อง ความจริง การมาแก้ไขให้ถูกต้องเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องทำ ท่านจึงยืนหยัด ยืนยันที่จะทำ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:48:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:41 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:21:12 )

การยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นกิจของสงฆ์อย่างยิ่ง

รายละเอียด

ท่านเป็นแค่ที่ปรึกษา พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี พระเจ้าพิมพิสารก็ดี  ในยุคนั้น แคว้นใหญ่ นับถือพระพุทธเจ้าเป็นปุโรหิต เป็นอาจารย์ใหญ่ ในยุคนั้น ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คนในแคว้นของท่าน แต่ละแคว้น ๆ ก็เหมือนแต่ละประเทศนั้นแหละ ในอินเดีย อย่างแคว้นโกศล กับแคว้นมคธ สองแคว้นใหญ่ ก็เหมือนกับประเทศจีนกับประเทศอินเดียในยุคนี้ ในยุคนี้ทวีปมันกว้าง แต่ตอนนั้นมันแค่ทวีปในอินเดีย(ปัจจุบัน) 

คนในแคว้น ก็ยกให้พระพุทธเจ้า ทั้งสองพระองค์ ทั้งพระเจ้าปเสนทิโกศล  พระเจ้าพิมพิสาร ยกให้เลย จะมาเข้ารีต จะมาเอาคนของท่านไป ท่านสนับสนุนด้วย ถือว่า คนของท่านจะมาเจริญ ท่านสนับสนุน อุดหนุน เกื้อกูลด้วย อย่างนี้เป็นต้น เป็นสุดยอดนะ พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีสูง แต่อาตมาก็ไม่ได้ไปแย่งคนนะ พวกคุณมาเองทั้งนั้นเลย อาตมาก็ไม่ได้ไปแย่ง ไม่ได้ไปโฆษณาหว่านล้อมอะไรต่ออะไร ไม่หาเสียง ไม่หาสมาชิก แต่พวกคุณเป็นสมาชิกด้วยอิสระเสรีภาพเอง เป็นภูมิปัญญาปฏิภาณของพวกคุณรู้ว่าอย่างนี้ใช่ อย่างนี้ต้องเอาคุณก็มากันเอง เป็นความเฉลียวฉลาดของพวกคุณเอง 

ดี คุณถามมาก็ดีแล้ว อาตมาก็บอกให้นิดหน่อยก็แล้วกันว่า ที่หนูตัดสิน สิ่งที่อีกฝ่ายคิดเป็นสิ่งผิด ทั้งที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ ก็ลองติดตามดู ฝ่ายทางด้านที่หนูเคยได้ยินได้ฟังมาเยอะแยะนั้น ก็คงจะรู้บ้างแล้วล่ะ โดยเฉพาะประเด็นที่บอกว่า เป็นกิจของสงฆ์ด้วยหรือ ในเรื่องของการเมือง ก็ขอยืนยันว่าเป็นกิจของสงฆ์อย่างสำคัญ 

แต่ อาตมาก็อธิบายนัยละเอียดหลายทีแล้วว่า สงฆ์ยุคนี้ พระพุทธศาสนายุคนี้ ภิกษุเสื่อมไปจนกระทั่งไม่รู้เท่าทันนักการเมือง เขาก็เลยไม่ให้ไปยุ่งกับการเมือง ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นกลายเป็นลูกน้องนักการเมืองไปหมด ไปเป็นบริวารนักการเมืองหมด เขาซื้อไปเป็นหัวคะแนนอยู่ในประเทศไทยหมด เพราะฉะนั้นทางด้านเถรสมาคมก็เลยมีกฎของเถรสมาคมว่าอย่าให้ภิกษุไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถูกต้อง 

แต่ของอโศกนั้นเข้าใจเรื่องการเมือง เข้าใจในเรื่องพฤติกรรมสังคม และมีโลกุตรธรรมอยู่เหนือพวกนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีกฎหลักอะไรที่ต้องไปห้ามไม่ให้ยุ่งกับการเมือง จริงๆแล้วควรสอดส่องการเมือง เมื่อใดควรจะต้องลงมือไปช่วยตาม กาละ เทศะ ฐานะ ที่ควรช่วย อย่างที่เราทำมาหลายทีแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ  วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 19:48:54 )

การรบกันเป็นนโยบายการขายอาวุธ แต่ความฉิบหายก็คือประเทศที่อยู่ในสนามรบ

รายละเอียด

เรามาพูดถึงปัจจุบันธรรมขณะนี้ โลกทั้งโลก เราก็จะเห็นตัวอย่าง อาตมาก็ดูจากข่าวคราวของโลก ตัวอย่างที่เป็นไปตอนนี้ก็มาออกบทบาทสูงมาก ตัวละครสำคัญขณะนี้ มีอยู่ 3 ตัวคือ 1. ที่ยูเครน 2. รัสเซีย 3. อเมริกา นี่คือตัวปฏิกิริยาที่เกิดอยู่ตอนนี้ ที่เขามะรุมมะตุ้มอะไรกัน ความฉิบหายมันก็ตกอยู่ที่ยูเครน 

ยูเครนเป็นประเทศที่มันเกี่ยวเนื่องกับรัสเซียเขา เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ก็แยกตัวออกไป เสร็จแล้วเกิดกลียุคอะไรกันขึ้นมา  ดาราตลกได้มาเป็นประธานาธิบดี ข้างในประเทศก็เละกันใหญ่ รบกันยิงกันต่างๆนานาสารพัด รัสเซียก็ยื่นมือเข้าไป สหรัฐก็ยื่นมือเข้าไป ต่างบอกว่า ถ้ารัสเซียเข้า สหรัฐจะเข้านะ อะไรอย่างนี้ ซึ่งฟังๆแล้ว ต่างคนต่างจะเบ่งอำนาจกัน ดูแล้ว อาตมาว่าเหมือนเด็กๆเหลือเกิน ก็จะเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นผู้ใหญ่  ก็ควรจะว่ากันไปตามลำดับ จะส่งสารส่งข่าว จะมีการติดต่อเชื่อมโยงกัน ก็ปล่อยให้มันฆ่าแกงกันแล้วเขาก็จะได้ขายอาวุธ ซึ่งเป็นความซับซ้อนของมนุษยชาติในโลก รัสเซียก็ขายอาวุธ อเมริกาก็ขายอาวุธ ยูเครนก็สร้างอาวุธเขาได้ พอได้เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อฆ่ากันแล้วก็ต้องสั่งมา ผู้ใดมีอำนาจมากก็ยึดอาวุธของประเทศอื่นมาเป็นของตน ฝ่ายรัฐบาลก็ได้เปรียบ มันก็ต้องพึ่งพาอาวุธอีกฝ่าย นี่เป็นรายละเอียดต่างๆนานา 

สรุปรวมแล้วก็คือ มันทะเลาะกัน ทะเลาะกันจนกระทั่งถึงฆ่ากัน ยุคนี้ ไม่ใช่ยุคที่จะทะเลาะกันด้วยการฆ่ากันแล้ว คนนะ มนุสโส จิตสูงแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นเศษของความดิบเถื่อน เศษกิเลสของความดิบเถื่อนยังจะฆ่ากันอยู่ โดยเฉพาะคนฆ่ากัน มันน่าจะหมดไปแล้วจากยุคสมัยนี้ เพราะเจริญกันมากแล้ว แต่มันหมดไปไม่ได้ เพราะมันยังสร้างอาวุธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 15:01:16 )

การรบของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาแสดงออกแรง แต่เวลาไปรบอาตมาจะเบากว่านี้อีกเยอะ แต่เวลาอยู่ตรงนี้จะแรง แต่เวลาไปรบอาตมาจะสู้ด้วยความสงบ สู้ด้วยความเบา สู้ด้วยความไม่ร้ายสู้ด้วยความดี เอาความดีสู้เอาความถูกต้องสู้ จะเป็นอย่างนั้น นี่คือเครื่องมือรบของอาตมา อาตมาจะใช้ศาสตระ คำนี้ ใช้ได้ทั้งอาวุธที่จะไปรบและความรู้ เป็นเทวธัมมา ที่เป็นสองแง่ เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:03:41 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:37 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:41:47 )

การรวมตัวกันเป็นสังคมสาธารณโภคีทำให้เขาจำนน

รายละเอียด

จะจำนนด้วยอาตมายืนยันด้วยพระไตรปิฎก หรือจำนนด้วยอาตมาพาคนที่หลงผิดกัน เสื่อมกันนี่ พากันมา สอนให้รู้บอกให้รู้ว่า ถูกอย่างนี้เป็นอย่างนี้ พวกที่ดวงตามีธุลีน้อย อย่างพวกคุณเข้าใจ ว่าใช่ๆ ถึงมาพิสูจน์กันได้จริง รวมตัวกันยืนยันเป็นรูปร่าง สาราณียธรรม 6 เป็นกลุ่มชาวอโศกอยู่กันอย่างมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ร่วมกันสร้างผลผลิตรวมกับกองกลางเป็นสาธารณโภคีร่วมกันกินร่วมกันใช้ ลาภธัมมิกา สาธารณโภคีเป็นเศรษฐศาสตร์บทที่ยิ่งใหญ่ของโลก อาตมาพูดอย่างนี้ ชาวโลกนักเศรษฐศาสตร์ก็ยังไม่กระเตื้องที่เรียนเศรษฐศาสตร์แค่โลกียะหรือเทวนิยมแบบนายทุน แบบที่ยังไม่รู้จักอัตตาตัวตนหมดเนื้อหมดตัว หมดตัวหมดตน เขาเรียนอยู่อย่างตะวันตก อย่างอเมริกา อย่างอื่นๆที่ไม่ได้เป็นผู้เรียนรู้พุทธอย่างโลกุตระที่สัมมาทิฏฐิ มันก็ต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:17:58 )

การรวมตัวของแก๊สเป็นธาตุน้ำ

รายละเอียด

อากาศดินน้ำไฟลม ลมกับไฟ เป็นธาตุอากาศกับพลังงาน อากาศแก๊สสองแก๊สมารวมตัวกันเข้าเริ่มจับตัวกันได้ มีสามขา ตัวหนึ่งเป็นออกซิเจน มี 2 ขาจับกับไฮโดรเจนอีก 2 ตัว กลายเป็นธาตุน้ำ มีรูปเปลี่ยนไป ธาตุน้ำ คืออาโปธาตุ อณูปรมาณูของธาตุน้ำ เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ธาตุน้ำมารวมกันมันก็จะมีระบบของมัน กว่ามันจะจับตัวได้รูปร่าง มันมีอณูที่เกาะกลุ่มกันหลายรูปแบบ มีสัดส่วน จับตัวกันเป็นผลึก จะให้คนเห็นได้จะต้องมีแสงสะท้อนมุมเหลี่ยมคนก็รู้ได้เรียกมันว่าผลึก เหมือนกับปริซึมน้ำก็เช่นกันสะท้อนแสงได้เป็น spectrum กระจายแสงออกมา 7 เฉดแสง ก็คือเลข 7 สูงสุด เป็นปริซึ่ม ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง แล้วก็แตกเฉดออกไปได้อีก ก็มีความหมายที่เราจะรวบรวมความครบ รุ้ง 7 สีก็เป็นความครบ เป็นธรรมชาติที่มันจะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่านานจะทำลายมันไม่ได้หรอก เป็นองค์ประกอบที่มันเกิดอันนี้เพราะเหตุนี้ รวมกันเป็นสังขาร เกิดจากไอน้ำและแสงสะท้อน ก็คือปริซึม ให้ได้สัดส่วน เกิดเป็น วงโค้งกลม มีแสงสะท้อนเข้าตาเรา คนที่อยู่ในมุมเดียวกันก็จะเห็นเหมือนกันไม่ประหลาด เป็นสิ่งที่จะต้องเป็นอย่างนี้ ของอุตุ พีชะ จิต พระพุทธเจ้าแยกแก่ชัดเจน ถึงสังขารในโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:26:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:17:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:41:06 )

การระลึกชาติ

รายละเอียด

หรือการหยั่งสัญญา คือ การตามสิ่งเดิมของตนที่ได้ผ่านมาเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ที่บันทึกข้อมูลสั่งสมฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 200


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:19:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:18:33 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:42:10 )

การระลึกชาติ เตวิชโชต้องมาเรียนรู้กับผู้เป็นอาริยะมาตรวจเช็คกับอาริยะระดับ 7

รายละเอียด

พระพุทธเจ้านั่งแล้วก็ระลึกชาติ เตวิชโช คุณเป็นใคร คุณรู้จักโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผลแล้ว แล้วคุณจะไปนั่งระลึกของคุณ คุณต้องมาเรียนรู้กับผู้เป็น พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ โพธิสัตว์ เรียนรู้แล้ว ทำได้แล้วคุณก็ถึงระลึกได้อีก แม้มีแล้วก็เอามาเช็คกับอาตมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:26:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:19:07 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:14:38 )

การระลึกชาติที่ประเสริฐที่วิเศษ

รายละเอียด

ตอบ จะเกิดหรือไม่เกิดมาถ้าอาตมาเป็นพระพุทธเจ้าก็จะบอกได้ ตอนนี้อาตมาไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เลยไม่มีความสามารถไม่มีความรู้ยิ่งถึงขั้นขนาดจะไปรู้ว่าชาวอโศกเรานี้ตายไปแล้วจะมาเกิดกลับแล้วก็มาระลึกชาติได้ ทีนี้คำว่าระลึกชาติได้ การระลึกชาติได้ เราเข้าใจตื้นๆง่ายๆเพียงแต่ว่า พอคนที่เกิดมาในชาตินี้ก็นึกไปได้ว่าเราเคยเกิดเป็นนาย ก นาย ข หรือเป็นนาง ก นาง ข มีตัวตนอย่างนั้นมีโคตรตระกูลอย่างนั้น มีรูปร่างผิวพรรณอย่างนั้นมีความรู้อย่างนั้น มีวิถีชีวิตอย่างไรตายอย่างไรตายไปแล้วก็มาเกิดเป็นอันนี้ เขาก็จะระลึกชาติเป็นตัวตนเป็นรูปเป็นร่างไป แม้แต่ในพระไตรปิฎกบุพเพนิวาสานุสติญาณท่านก็ไปอย่างนั้น ทั้งที่ไม่มีคำว่าคนแบบมีตัวตน ต้องเข้าใจท่านอย่างนั้น ความจริงแล้วการระลึกชาติ คำว่า ชาติ คำนี้ มันเป็นความรู้ ชาติ สัญชาติ โอกกันตะ นิพพัตติ อภินิพพัตติ ในพระไตรปิฎกท่านสอนไว้ท่านแยกให้ฟัง ว่า ชาติ มันมีอะไรบ้าง ก็มีชาติ 5 อย่างนี้ ชาติ เป็นความหมายกว้างๆ สัญชาติ เช่น สัญชาตญาณ สัตว์โลกตายแล้วเกิดก็มีสัญชาตญาณติดตัวมา หมายความว่าความรู้ การเกิดความรู้ที่มันติดตัวมา เพราะฉะนั้นสัตว์ก็มีสัญชาตญาณของสัตว์เกิดมามันก็รู้ หมีแพนด้าลูกมันออกมาก็วิ่ง หรือจิงโจ้ลูกออกมาก็วิ่งมาหาเดินมาหากระเป๋าพ่อมัน คนก็มีสัญชาตญาณของคน มันก็รู้วิธี อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันสืบต่อกันมา นั่นคือระลึกชาติได้มันจำได้ ว่าความเกิดอย่างนี้ความเป็นอย่างนี้ความมีอย่างนี้คืออะไร อ๋อ เราเกิดมาอย่างนี้ เรามีอย่างนี้เป็นอย่างนี้มันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติเป็นไปได้นี่คือกันระลึกโดยอัตโนมัติ ส่วนการระลึกชาติใดที่สูงกว่านั้น ก็คือ การระลึกถึงสิ่งเก่า ถ้าเป็นคนที่สามารถฝึกฝนระลึกในทางตัวตนอย่างนั้นก็ใช่อย่างเช่นพระพุทธเจ้าหรือผู้ที่สามารถศึกษาฝึกฝนอย่างนี้ได้โดยตรงก็ระลึกชาติก่อนเป็นคนนั้นคนนี้ได้ ซึ่งส่วนมากมันไม่จริง ส่วนมากเดา ส่วนที่จริงมันมีแต่มันก็ต้องมี ภูมิธรรม ที่ได้ศึกษาฝึกฝนมาจริงการระลึกชาติอย่างมีตัวตนอย่างนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากมายเป็นการซ้ำซากจากอดีตที่ผ่านมา แต่ระลึกชาติ คือความรู้สัจธรรมที่เราเคยปฏิบัติมาเคยรู้มาได้ อย่างอาตมาเอามาพูดเอามาสอนนี้เป็นความรู้ ระลึกเอามาจากของเก่าทั้งนั้น นี่คือการระลึกชาติที่ประเสริฐที่วิเศษ ระลึกชาติ ที่เป็นประโยชน์มหาศาล นี่คือการระลึกชาติที่ ขอขยายความอธิบายให้ฟังให้ดีอย่างเข้าท่า ไม่เช่นนั้นก็ไประลึกชาติยังไม่ได้เรื่องได้ราว ทีนี้คุณคนนี้บอกว่า กลัวจะไปเกิดที่อื่นซึ่งเราห้ามไม่ได้หรอกถ้าจะเป็นเช่นนั้น มันมีวิบากไปตรงนั้นตรงนี้ก็ได้ แล้วก็แล้วแต่  จะหลุดออกมาได้ด้วยบารมี หากไม่มีบารมีก็ตกไปอีก ไม่รู้กี่ชาติจักกี่ชาติ แล้วบอกว่ากลัวมันจะไม่ได้กลัวจะเนิ่นนานกลัวจะไม่เสียประโยชน์อะไร คุณไปห่วงหาอาวรณ์คนอื่นไม่ได้หรอก เอาตัวของคุณเองก่อน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:08:08 )

การระลึกชาติที่เป็นธรรมะคืออย่างไร

รายละเอียด

สอนระลึกชาติที่เป็นธรรมะก็หมายความว่า ธรรมะที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้าตรัส เอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก คุณหยิบมาแล้ว คุณเข้าใจ คุณรู้ ติดตัวมาแต่ชาติก่อน ที่อาตมาก็ยืนยันว่า ตัวเองมีแต่ชาติก่อน เข้าใจแล้วก็เอามาอธิบาย อธิบายแล้วคนเข้าใจได้ เมื่อคนเข้าใจได้แล้วเอาไปปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วก็เกิดผลจริงบรรลุจริง เช่นอย่างชาวอโศก ปฏิบัติศีล ปฏิบัติอปัณณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติแล้วก็เกิดผลเป็น ฌาน ลดกิเลสเผากิเลสลงไป จนกระทั่งกลายมาเป็นคนที่ลดละหน่ายคลาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:19:16 )

การระลึกชาติแบบชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท

รายละเอียด

ระลึกชาติ ไม่ได้หมายความว่าต้องระลึกรู้ถึงว่า เกิดเป็นลิงเผือก เป็นลิงขาว เป็นลิงดำ เหมือนอย่างฤาษีลิงดำ เกิดเป็นช้างเผือกช้างดำ ไม่ใช่อย่างนั้น ระลึกชาติคือระลึกถึงความรู้ ระลึกถึงความจริงที่เราผ่านมา จำได้เอามาใช้กับชีวิต เอามาใช้กับมนุษยชาติ เอามาใช้กับสังคม เป็นประโยชน์ การไประลึกชาติอย่างนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก แล้วจะหลงตัวเองด้วยว่าฉันเก่งฉันระลึกชาติได้ มันก็ได้นะ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเสียเวลาเปล่า ไปงมงายกับมัน แต่อย่างนี้มันมีประโยชน์แท้เลย สืบสานมาได้เรื่อยๆเป็นความรู้ความจริง ระลึกให้ได้ 

ชาตินี้ 5 ชาติ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ 

1.ชาติ เป็นคำกลางๆต้นๆ คือการเกิด โดยเฉพาะง่ายๆก็คือการเกิดร่างกาย เกิดตัวตน เกิดเป็นคน สัตว์ต่างๆ ตัวตนเราเขา มีการสืบทอดชาติ ปู่ย่าตาทวด พ่อแม่ลูกหลานต่อไปเป็นเผ่าพันธุ์ 

2.สัญชาติ คือ การเกิดที่เป็นความจำ สัญญะ เป็นความรู้ที่มันติดจิตวิญญาณ ติดตัวมา อย่างอัตโนมัติ เรียกโดยศัพท์ว่าสัญชาติญาณ ซึ่งไม่ต้องศึกษาหรอกมันจะเป็นสัญชาตญาณของเรา สัญชาตญาณของจิงโจ้ ลูกมันเกิดออกมาก็ไต่ไปหากระเป๋า ไม่มีใครไปสอนมันหรอก หรือแม้แต่ สัตว์มีชีวิตอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็มีสัญชาตญาณ คนก็เหมือนกันก็มีสัญชาตญาณ คนนี่แย่กว่าสัตว์ด้วยซ้ำไป ในสัญชาตญาณของคน สัตว์มันก็เป็นไปตามสัญชาติญาณของมันโดยง่ายๆ แล้ว มันก็เป็นไปตามนั้นตั้งแต่ต้น จนมาเรียนรู้โลกใหม่ เกิดสัญชาตญาณปรุงแต่งกันใหม่ สั่งสมลงเป็นสัญชาตญาณ ก็ติดตัวไปอีก เกิดมาก็เอาสัญชาตญาณที่มีเพิ่มขึ้นปรุงแต่งมากเพิ่มขึ้นเอาไปใช้อีก ส่วนคนนั้นมีมาก กระทั่งได้หน้าลืมหลัง สัญชาตญาณของคนนั้นมีน้อยกว่าสัญชาตญาณของสัตว์ เพราะสัตว์มันไม่เฟ้อ มันมีแล้วก็ค่อยๆเป็นของมัน ส่วนคนมันเฟ้อ ก็เลยเอามาใช้ได้น้อยในสัญชาตญาณของคน 

3.โอกกันติ คือการเกิดในปัจจุบัน ที่คุณจะเกิดกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม เกิดกิเลสหรือเกิดปัญญา ปัญญาหรือว่าเกิดความรู้ ถ้าโลกียะก็มีแต่ความรู้เฉโก โอกกันติ ถ้ามีความรู้ วนเวียนอยู่ในความดีความชั่ว ดีเป็นอย่างนี้ไม่ดีเป็นอย่างนี้ก็วนแต่ดีกับไม่ดีไป ตามสมมุติโลก เกิดมายุคนี้ ประเทศนี้เขาสมมุติว่าอย่างนี้ดี ประเทศอื่นอาจจะถือว่าเสียด้วยซ้ำไป อย่างโน้นดีกว่า อะไรอย่างนี้ มันก็แล้วแต่จะยึดถือ มันไม่แน่มันไม่เที่ยง ไปยึดถือเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ จะให้เป็นเหมือนกันในมนุษย์ทั่วโลกในทั่วจักรวาลไม่ได้ เพราะฉะนั้นการเกิด โอกกันติ คือการเกิดเป็นปัจจุบันอันใหม่ที่สั่งสมลงไป โลกียะก็สั่งสมโลกียะ จนกระทั่งเข้ามาอีกฝั่งหนึ่ง มามี..

4.นิพพัตติ เป็นสิ่งที่เกิดใหม่เรียกว่าโลกุตรธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ โลกุตรธรรม

คือธรรมะที่จับตัวกิเลสได้ แล้วประหารกิเลสแล้วดับชาติไปได้เรื่อยๆ ทำให้ชาติมันน้อยลง ชาติที่จะเป็นหลง เลอะ เกิดแล้วเกิดอีกสั้นลงน้อยลง 

5.อภินิพพัตติ จบ จบความเกิดความดับ รู้มาหมดตั้งแต่ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ 

นิพพัตติ จบที่ อภินิพพัตติ  คือ นิพพัตติที่ยอดยิ่งแล้วจบ รู้การเกิดการตายทั้งหมด สมบูรณ์แบบแล้ว คือพระอรหันต์ ท่านแปลในพระไตรปิฎกท่านแปลไม่ค่อยออก ก็เลยใช้พยัญชนะภาษาไทยอย่างไม่ให้ผิดเพี้ยนมาก ชาติ ท่านก็แปลว่าความเกิด 

สัญชาติ มันก็ใช้ศัพท์ว่าความบังเกิด มันเป็นความเกิดที่เอาสัญญาเก่า เอาความจำมาใช้ แต่ผู้ที่ไม่ได้ศึกษามันก็เลยไม่รู้ก็เลยเหมือนกับเอามาบังไว้ อาตมาอธิบายสภาวะ บังคือ ปิดๆอยู่ ก็ต้องทำความปิดให้มันชัดๆ แต่สัญชาติ คุณเป็นอย่างนั้น แต่คุณไม่รู้ว่ามันทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ ทำไมเราต้องทำอย่างนี้ ก็เพราะมันมีมาเก่า ความไม่รู้มันบังคุณไว้ อาตมาก็พยายามอธิบายอนุโลมตามภาษาที่เขาแปลนะ อธิบายสิ่งที่ไม่เข้าท่าให้มันเข้าท่านะ 

โอกกันติ เขาแปลว่า ความหยั่งลง ก็คือปัจจุบันนี้แหละมีอะไรก็มาเทไว้ ของเก่าของใหม่ของเละเทะ จนกระทั่ง ถ้ามีคุณสมบัติสิ่งที่เกิดเป็น นิพพัตติ ตอนนี้มันก็มีความเกิดที่เป็นโลกุตรธรรมขึ้นมา ก็เทลงไปใส่ลงไป โอกกันติ หยั่งลงไปในนี้ เรียกว่าประชุมลง หรือโอคทา แปลว่าการหยั่งลง หยั่งลงสูู่ความเจริญเป็นโลกุตระ เช่น วิมุติ หยั่งลงสู่ ความเป็นอมตะในมูลสูตร ท่านก็ใช้คำว่า โอคทา คือการหยั่งลง เป็นโลกุตระ หยั่งลง มันก็มีที่จบ อภินิพัตติก็คือ จบการเกิดการตาย การปฏิบัติได้สมบูรณ์แบบก็จบเป็นพระอรหันต์ที่ อภินิพพัตติ การเกิดความเป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 14:42:43 )

การระลึกชาติแบบอนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์

รายละเอียด

คุณเดชา จะไม่รู้หรอกว่าการระลึกชาติอย่างอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ระลึกได้ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง หมื่นชาติบาง แสนชาติบ้าง เป็นกัปบ้าง เป็นคำสอนพระพุทธเจ้า ระลึกด้วยคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะ ไม่ได้ระลึกถึงเป็นตัวตนบุคคลเราเขา ถ้าไประลึกถึงตัวตนบุคคลเราเขาอยู่มันก็บ้ากันทั้งนั้น คุณเดชา ไปนึกว่า การระลึกชาติเป็นการระลึกถึงตัวตนบุคคลเราเขา ที่จริง มันเป็นปรมัตถธรรมทั้งนั้น แต่ไปเข้าใจเป็นสมมุติธรรม เป็นบัญญัติภาษา มันก็เลยเป็นตัวตนบุคคลเราเขาหมดเลย ยังอีกนานเนาะคุณเดชาจะเข้าใจสัจจะที่เป็นธรรมะ ถ้าไปอยู่กับอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ก็จะบอกว่า ไอ้ที่พูดนี้เป็นธรรมะหรือเปล่านะ ซึ่งที่พูดมายังไม่เป็นธรรมะเลย ยังติดในตัวตนบุคคลเราเขา พูดสมมุติธรรมอยู่ทั้งนั้นเลย 

อาตมาระลึกชาติ เจอ ธรรมะอาตมาก็รู้แล้วว่าแปลว่าอะไรแล้วแปลไม่เหมือนเขาด้วย นี่ล่ะคือธรรมะ โดยอาตมาบอกว่าอาตมามีของเก่ามาแต่ชาติก่อน ก็มาบอกว่าธรรมะนี้คืออย่างนี้อย่างนี้ไม่เหมือนกับที่เขาสอน ไม่เหมือนที่คุณเดชารู้อยู่ยึดอยู่อย่างนี้แหละ ไม่เหมือน คุณฟังอาตมาเข้าใจได้ยาก ยังยาก คุณเอ๋ย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 05:11:57 )

การระลึกชาติได้จะเป็นประโยชน์ต้องเป็นผู้มีพื้นฐานศีลธรรมดี

รายละเอียด

การระลึกอดีตชาติได้นั้นก็เป็นประโยชน์สำหรับผู้มีพื้นฐานศีลธรรมดี แต่ถ้าผู้ที่ไม่มีพื้นฐานศีลธรรมดีนั้น เรื่องการระลึกชาติได้นี้กลายเป็นเอาไปเป็นเครื่องมือในการที่จะหลอกชาวบ้าน อย่างเช่น พระนิกร พระยันตระ หรือใครต่อใครก็แล้วแต่ที่ไม่มีศีลธรรม แล้วก็เอาไปทำเละเทะ แต่ถ้าผู้มีศีลธรรมก็จะเป็นประโยชน์มาก อย่างเช่นอาตมาระลึกถึงอดีตชาติได้ ก็มาใช้ประโยชน์ที่แท้จริง อาตมาก็ไม่ได้ไปเอาอดีตชาติมาเพื่อที่จะเอามาเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เหมือนพระนิกร ซึ่งหนักเข้าลามกจกเปรตเสียหาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน2 ปีฉลู ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:06:08 )

การระลึกชาติได้โดยไม่ยากทำอย่างไร

รายละเอียด

เออ ฟังอาตมาฟังบรรยายบ้างหรือเปล่าคุณเดชา อาตมาเคยบรรยายนะ วิธีที่จะระลึกชาติได้โดยไม่ยากนั้นทำอย่างไร

ก็พูดอธิบายยังจำได้ว่า คุณก็ระลึกถึงเมื่อวานนี้ ก็ย้อนทวนว่าเมื่อวานนี้คุณกินอะไร อาหารเช้าเมื่อวานนี้ อาหารกลางวันอาหารเย็นกินอะไร ชีวิตคุณทำอะไร นี่คือการระลึกอดีตชาติ คุณไล่ไปๆ คุณก็จะเข้าใจชัดเจน ก็จะค่อยๆเก่งขึ้นแล้วนึกถึงอะไรได้ดีขึ้นๆ  

ส่วนจะระลึกข้ามชาติได้นั้น อย่าเพิ่งไปกล่าวเลย มันไม่มีใครย้ำยืนยัน ถ้าคุณสามารถมีภูมิธรรมระลึกได้จริงๆเลย ลึกเข้าไปถึงจิตเจตสิกของคุณ แล้วก็สามารถข้ามชาติ ซึ่งมันจะมีสัญญาเป็นความจำ สัญญาเป็นธาตุเจตสิกของจิตวิญญาณของอัตภาพ ที่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ 

มันจะบันทึก อย่างสัตว์ทั้งหลายจะมีสัญชาติญาณ นั่นแหละคือความจำเก่ามันออกมาแสดงตัว โดยที่คุณไม่ต้องระลึกแต่มันออกมามีจริง ตั้งแต่อดีตชาติเก่าๆ ชาตินี้คุณก็ทำได้โดยอัตโนมัติเลย เป็นไปโดยยังไม่ต้องไปสอน ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานจนกระทั่งถึงคน อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งศึกษาดีๆ แล้วจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันมีจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:17:27 )

การระลึกถึงความตายควรระลึกอย่างไร

รายละเอียด

อันนี้ก็สำคัญ ถ้าคุณเองกลัวความตายเป็นต้น ไม่อยากตายเป็นต้น คุณจะทุกข์มาก เพราะฉะนั้นใกล้ความตาย คุณจะเป็นทุกข์มาก เจ็บป่วยหรือแก่มากๆ กลัวความตาย ไม่อยากตาย มันไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ต้องระลึกให้เห็นว่า คนต้องตาย อาตมาตั้งชื่อให้พวกเราคนหนึ่งชื่อว่า “ต้องตาย” มันต้องตายนะคนเรา ต้องคิดเห็นให้ดี เพราะฉะนั้นเราจะไม่กลัวความตาย การตายการเกิดนี่ไปกลัวมันทำไม คนจะกลัวความตายเพราะกลัวว่าตายจากชีวิตนี้ไปแล้ว บาปตัวเองทำไว้มาก เกิดมามันจะไม่ได้อย่างนี้ เกิดมากลัวที่ใช้คำว่านรก เกิดมาอีกแย่กว่าเก่า นรกคือที่ต่ำ มันจะต่ำกว่าเก่าอีกก็ไม่อยากตาย 

ส่วนคนที่ทำดี มันก็จะสงบ มันจะตาย ทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจหรอกมันกลัวตายอยู่บ้างแต่จะกลัวน้อยกว่าสงบกว่า ต้องศึกษา ถึงยังไงพอถึงเวลาตาย บางทีไม่ควรตายด้วยซ้ำไปอายุยังน้อยยังไม่ควรตาย แต่มันจะตายมันก็ต้องตาย เพราะการตาย นึกถึงความตาย ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วตายเกิดนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องมีการเกิดการตาย การตายการเกิด เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ดับไปนี้ยังไม่ใช่นิโรธ ยังไม่ใช่ สุญโญ ต้องเกิดมาหมุนเวียนตายเกิด เกิดตาย

จึงต้องมาศึกษาว่า สิ่งที่จะเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่จะให้เราเกิด ตายแล้วก็เกิด เกิดมาดี ไม่ตกต่ำ ทั้งโลกียะและยิ่งโลกุตระแล้วอย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์รู้จักโลกุตระหลายขั้น เป็นอรหันต์หลายขั้น ยิ่งสบาย ยิ่งไม่มีความร้าย ความเลว ยิ่งมีแต่สิ่งประเสริฐ สิ่งที่ดี จนที่สุดตายอย่างนิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน คือตายอย่าง ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายอย่างเลิกเลยจบเลย สลายจิตนิยามให้เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย 

สุดยอดแห่งอัตตา สุดยอดแห่งจิตวิญญาณ สุดยอดแห่งการเกิดมา แม้คุณเองบรรลุอรหันต์แล้ว คุณก็ยังไม่อยากตาย คุณก็ไม่เป็นไร ร่างกายคุณจะต้อง กายสเภทา ปรัมมรณา หลังจากการตายแล้วก็ต้องตั้งจิตเกิดอีกอยู่ อนิหิตตัง จิตตัง ยังเกิดอีก ธรรมะที่บรรลุเป็น นิยตะ แล้ว เป็นอรหันต์แล้ว คุณก็เกิดมาได้ เมื่อเกิดแล้วไม่ได้เป็นภัยต่อใครเลย นี้เป็นหลักประกันของศาสนาพระพุทธเจ้า คุณจะมาเกิดเป็นมนุษย์อีก มีหลักประกันแล้วว่าจะยิ่งดีขึ้นไปอีก จะเป็นประโยชน์คุณค่าต่อสังคมมนุษยชาติไปได้อีก บำเพ็ญตนเองสูงขึ้นไปอีก สูงสุดก็เป็นพระพุทธเจ้า 

อาตมาอธิบายได้เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ ผ่านการเป็นโพธิสัตว์มา นี้ก็ขั้นที่ 7 แล้ว เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว ไม่ได้พูดเล่นอาตมาเป็นจริง อธิบายพวกนี้เป็นสัจธรรมฟังดีๆแล้วจะรู้ว่าอาตมาเป็นใคร อาตมาเป็นโพธิสัตว์ไง จะรู้ว่า อ๋อ โพธิสัตว์เป็นอย่างนี้หรือจะได้รู้สัจธรรมว่า ของจริงความเป็นจริงเป็นอย่างนี้เนาะ จะได้ชัดเจนขึ้น นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ สิ่งจริงพวกนี้  อาตมาเอามาพูดเอามาแสดงแล้วพากันเป็น พากันให้ศึกษา 

คุณจะเกิดมาอีก คุณจะได้ไปเป็นพระเจ้าแผ่นดิน คุณจะได้ไปเป็นเจ้าสัว คุณจะได้ไปเป็นคนดังคนเด่นอะไรในทางโลกยังไงนะ มันไม่เที่ยง แล้วมันก็หลงเลอะเทอะไป ตามอุปาทาน ตัณหาของคุณหมุนเวียนตกต่ำขึ้นสูง สมบัติผลัดกันชม เป็นโน่นเป็นนี่วนเวียนอยู่นั่นแหละ แล้วก็หลงว่าสุขว่าทุกข์ ไม่มีจบสิ้น มาเรียนรู้สัจธรรมนี้ แล้วคุณจะอยู่กับโลกอีก โลกก็ไม่มีปัญหา เป็นประโยชน์กับโลก เป็นคุณค่าให้แก่โลก ไม่ใช่หนักแผ่นดิน ไม่ใช่เปลืองข้าวเปลืองที่ดินเปลืองอะไรต่ออะไร แต่จะมีคุณค่า หาค่าบ่มิได้ ตีราคาไม่ได้ เป็นคนมีค่ามาก ประมาณค่ามิได้เลย 

เพราะฉะนั้นจบอรหันต์แล้วท่านถือว่าเป็นกรอบจบกิจ คุณจะเกิดมาอีกเท่าไหร่ก็ตีราคาไม่ได้ มันสุดยอดแล้ว เกิดอีกไม่เป็นโทษเลย มีแต่เป็นคุณค่าต่อโลกตลอดยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เป็นหลักประกันของจิตนิยาม หรือความเป็นได้ธาตุจิตนิยามมาเป็นสัตว์โลกแล้ว ถ้าได้จิตนิยามมาเป็นสัตว์โลกแล้ว ไม่มีวิชชา อวิชชาตลอดไม่มีทางสิ้นสุด ก็จะหมุนเวียนอยู่ในโลกนรกสวรรค์ ตลอดกาลนาน มีโลกุตระเป็นทางออก ของพระพุทธเจ้าเท่านั้นนะ อย่างนี้เป็นต้น 

การระลึกถึงความตายบ่อยๆ ทำให้เราเข้าใจการเกิดการตาย แล้วจะไม่กลัวความตาย ยิ่งปฏิบัติธรรมไปถึงที่สุด บรรลุอรหันต์ ก็จะรู้ถึงขั้นการเกิดการตายเป็นเรื่องปกตินะ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว

พวกเรานี้ บางคนยังไม่ถึงอรหันต์ก็เข้าใจแล้วตายก็ตาย ไม่ต้องดิ้นอะไรมาก ก็ไม่ได้ยึดถืออะไรมาก ยิ่งเราได้ปฏิบัติธรรม ได้ทำกุศลไว้มากก็ยิ่งสงบยิ่งไม่เดือดร้อน แต่ถ้าชาตินี้เราทำแต่บาปแต่ชั่วไปเยอะเลย มันจะไม่สงบ เพราะฉะนั้น จะตายก็ต้องศึกษาธรรมะแล้วก็จะรู้ว่าให้ระลึกถึงความตาย คุณต้องตายนะ ตายสงบหรือตายดิ้นพราดพราดก็เลือกเอา มันเข้าใจโดยปัญญาปฏิภาณแล้วจะรู้ว่า โอ้! คนต้องตาย แล้วจะตายดีหรือตายไม่ดี ให้เข้าใจเหตุผล เข้าใจความจริงเลยว่า ตายดีหรือตายไม่ดี ตายแล้วเกิดใหม่ดีหรือตายแล้วมีแต่ตกต่ำ ตายแล้วไม่ดี อันนี้มันก็จะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษแก่ตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 20:34:08 )

การระลึกรู้อดีตของเจ้าชายสิทธัตถะ

รายละเอียด

ท่านเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลยนะ ท่านเป็นแต่เพียงระลึกถึงเมื่อตอนมาบวชแล้ว นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ยาม1 ระลึกอดีตว่าเป็นมาอย่างไร ยาม 2 ก็ทบทวน ยาม3 ก็ได้ระลึกรู้ว่าท่านเป็นเจ้าของธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะสามีรู้ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ระลึกได้ว่า ท่านได้มีมาตั้งแต่ชาติก่อนๆ ไอ้ชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรเลย ท่านไปหลงผิดด้วยซ้ำไปว่าได้ปฏิบัติธรรมะเสียเวลาไป 6 ปี เส้นทางที่ ทุกรกิริยา ไม่ใช่สุกิริยา มันไม่ถูกต้องแล้วท่านก็ระลึกของท่านได้ในวันนั้น ท่านไม่ได้เอาของใคร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:17:58 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:25:41 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:22:00 )

การรักษาธรรมบทของพระพุทธเจ้าเอาไว้

รายละเอียด

สวดมนต์สมัยพระพุทธเจ้า มันไม่มีการบันทึก หนังสือก็ไม่มี คอมพิวเตอร์ก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีการสลักหินก็ยากมาก ตัวหนังสือก็ยังไม่ค่อยมี ก็เลยต้องอาศัยการสวดท่องจำธรรมบท เรียก ประณามคาถา มีพระวินัยห้ามไว้ชัดว่า อย่าเอาธรรมบทมาสวดพร้อมกัน 2 คน ต่อหน้าคฤหัสถ์ กันไว้แล้ว จะได้ไม่เอาการสวดธรรมบทมาสวดหากิน 

แต่คุณจะสวดพร้อมกันเป็นคำสรรเสริญคุณ คำประณามคาถานั้น ก็ห้ามไม่ได้หรอก เขาก็ต้องทำด้วย มันก็เป็นกุศลจิตที่ดี มันก็จะเป็นเนื้อหาของแต่ละบทของประณามคาถา ว่าจะไปหยิบเรื่องอะไรประเด็นอะไร มาเชิดชูว่าอะไรดีบ้างมีเชิงนั้นเชิงนี้ยังไง เพื่อให้คนฟังได้รู้ว่า ธรรมะพระพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีความดีมีความประเสริฐเช่นนี้ อย่างนี้หรือก็เป็นการยกย่องเชิดชูให้คนรู้ 

ส่วนธรรมบทนั้นรักษาไว้ ธรรมบทจะต้องสวดท่องคนเดียว เวลาสวดต้องสวดคนเดียว เช่นสวดปาฏิโมกข์เอาพระวินัยมาสวด  เราเอาบทพระสูตรมาสวดยิ่งสำคัญ ก็สวดขึ้นคนเดียวแล้วองค์อื่นๆก็นั่งฟัง ถ้าผิดไปจากที่เราเข้าใจที่เราจำได้ ก็ท้วงขึ้นมา คนอื่นๆก็ให้วินิจฉัยกัน ว่าคนที่สวดคนเดียวนั้นถูกหรือคนอื่นที่ท้วงถูก ก็คือการรักษาธรรมบทของพระพุทธเจ้าเอาไว้ อย่าให้ผิดเพี้ยน ก็เท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ประชาธิปไตย 3 อย่าง ในโลก วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 12:48:52 )

การรักษาพุทธศาสนาไว้ 

รายละเอียด

การรักษาพุทธศาสนาไว้  คือ การที่สมณะโพธิรักษ์ทำงานมาเกือบ 50 ปีแล้ว ก็ภาคภูมิใจเห็นจริงว่า เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสอนให้คนปฏิบัติลดละกิเลสได้ ทั้งสมณะ สิกขมาตุ ที่มาบวช ทั้งที่ไม่บวชมาปฏิบัติเป็นฆราวาส หญิง ชาย ก็ปฏิบัติกันได้มรรคผล ลด ละ กิเลสได้จริงตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาตรวจสอบได้  ถ้าหากว่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วจะมีมรรคผล

    1. ช่วยสังคมมนุษยชาติให้อยู่กันอย่างสงบร่มเย็น

    2. ช่วยตัวเองได้เป็นตัวหลัก

   3. รักษาศาสนาพุทธเอาไว้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะนอกรีตไปอีกเยอะทำลายศาสนาพุทธไปเยอะอันนี้แหละเป็นตัวสำคัญมาก เป็นการรักษาศาสนาไว้ แต่ที่เดี๋ยวนี้เอาอะไรมาหลอกว่าเป็นศาสนาพุทธ เสียเวลา และเอาขี้ขยะใส่ความรู้ใส่วิบากตัวเองเข้าไปอีก มันซวยไม่รู้กี่เด้ง น่าสงสารศาสนา ขออภัยที่ต้องพูดความจริงด้วยความเกรงใจ ด้วยใจไม่ได้โกรธเคืองแต่สงสาร แต่ศาสนาพุทธเสื่อมไปมากน่าสงสารจริงๆ พระพุทธเจ้าสอนไว้ดีๆ จะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำหลอกลวงว่านี่เป็นของพระพุทธเจ้า ทำไมถึงไปตีราคาพระพุทธเจ้าว่าโง่ขนาดนี้ ตัวเองโง่แต่ไปยัดเยียดว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า มันโง่ซ้ำซ้อนไปอ้างพระพุทธเจ้าเพื่อให้ตัวเองเหมือนฉลาด ตัวเองโง่แล้วไปยัดเยียดใส่คนอื่น ที่เขาไม่ได้โง่อย่างนั้น ดึงคนอื่นลงมาต่ำเป็นบาปซ้ำซ้อน แย่จริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:21:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:31:57 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:22:35 )

การรักษาสุขภาพแบบองค์รวม

รายละเอียด

คือองค์การอนามัยโลก  โดยงานวิจัยของหมอโกมาตย์ ใช้มรรคมีองค์   ส่วนงานวิจัยของจุฬาราชวิทยาลัยที่ศึกษาจากพระไตรปิฎกต้องใช้หลักโพชฌงค์   ในการรักษา ส่วนของชาวอโศกก็เอาทั้งสองมารวมกันเลย

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:27:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:33:28 )

การรักษาสุขภาพแบบองค์รวม

รายละเอียด

องค์รวมต้องมีทั้งโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 โดยไม่แยกกัน งานวิจัยของ หมอโกมาตย์   บอกว่าต้องใช้หลักมรรคองค์ 8 ส่วนงานวิจัยของจุฬาราชวิทยาลัย   ที่ศึกษาจากพระไตรปิฎก ต้องใช้หลักโพชฌงค์ 8 ในการรักษา ของเราก็เอามารวมกันเลย 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 17:38:45 )

การรัฐประหารโดยประชาชนอย่างแท้จริง

รายละเอียด

ดี เป็นเช่นนั้นเป็นอย่างที่คุณแก้วตะวันว่ามา ที่อาตมาพาทำ เป็นงานการเมือง คุณแก้วตะวันเขารู้สึกสนุกตามที่อาตมาเล่าไปแล้วก็เอามาทบทวนเอามาย้ำ ที่อาตมาเอามาทบทวนเอามาย้ำก็เป็นการสอน เป็นการย้ำให้ผู้ที่ยังเข้าใจไม่ได้ ที่เขาเข้าใจไม่ได้จริงๆ ที่อาตมาพาไปทำนี้อาตมาพาไปทำงานการเมืองหรือทำประชาธิปไตย ไปพาประชาชนไปทำรัฐประหาร รัฐบาล แล้วก็รัฐประหารไปได้ถึง 4 รัฐบาลถึง 5 รัฐบาล ยืนยันความจริง แต่คนไม่เข้าใจว่าการประหารโดยประชาชนเป็นเช่นนี้เองหรือ และเป็นการประหารอย่างเป็นประชาธิปไตยอันสมบูรณ์แบบ คือ ประหารด้วยสัจจะ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ ไม่มีความโหดร้ายอะไรเลย ใช้ความสุภาพเรียบร้อยใช้ความสงบสนิทสุภาพแล้วก็ยืนยันความจริง จนความจริงไปชนะข้าศึกศัตรูหรือรัฐบาลจำนนต่อความจริงว่าเขาผิด เขาแพ้เขาต้องออกไป แล้วให้ผู้อื่นที่สมมุติขึ้นมาทำหน้าที่รัฐบาลแทนแต่รัฐบาลของทักษิณนั่นแหละเป็นตัวจริงเลย(ขอพูดชื่อหน่อย) เก่ง ตัวเองไม่ได้ออกไประเหเร่ร่อนต่างประเทศก็สร้างนอมินีสร้างตัวแทนขึ้นมา 3 – 4 รัฐบาล โอ้โห เก่งจริงๆแต่ประชาชนก็ชนะได้ด้วยรัฐประหารโดยประชาชนนี่แหละ คนเขายังไม่เข้าใจ ว่าเขาฟังไม่ขึ้น เขาบอกว่าอันนี้มันเป็นไปไม่ได้ Impossible มือเปล่าๆเอาความสงบไปฆ่า ผู้ที่มีอาวุธ ฆ่ารัฐบาลที่เขามีอำนาจสั่งการทหาร จะไปปราบผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือ มันไม่ได้หรอก ไม่เชื่อ Incredible ไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นไปได้และเป็นไปได้ชนิดที่ ….(ทวนอีก)ทางโลกเขาก็ยังไม่เชื่อประเทศต่างๆที่เป็นประชาธิปไตยเขาก็ยังไม่เชื่อ มีหรือในโลกว่าประชาชนที่ไม่ได้เอามีดเอาดาบเอาอาวุธมาทำรัฐประหารมีด้วยหรือในโลก โดยเฉพาะเอาธรรมะมาประหาร เอาอธิปไตยคืออำนาจ อำนาจธรรมะมาประหารได้ด้วยหรือ ซึ่งเป็นรูปธรรมของธรรมะนะ..ที่เราไปทำ แต่ได้จริงๆ มีปรากฏการณ์จริง มีรูปธรรมชัดเจน แต่เขาก็เงอะๆงะๆ และพลเอกประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อ แล้วก็เป็นผู้ที่มียศตำแหน่งเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้าคสช. ก็เลยบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐประหารรัฐบาล ที่จริงแล้วรัฐบาลตอนนั้นไม่มีอำนาจแล้ว มีนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลเป็นคนสุดท้ายที่เป็นตัวแทน การไปยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ก็เพียงแต่ปากเปล่าก็ยึดได้แล้ว แต่มันก็ต้องบอกกันให้รู้เรื่อง คนก็ง่ายๆเพราะมันไม่มีตัวอย่างในโลกยังไม่เคยเกิด ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ประชาชนทำรัฐประหารอย่างสมบูรณ์แบบไม่รู้กี่รัฐบาลอย่าง Absolute สุดยอดเลยเด็ดขาดเลย และพลเอกประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อจากประชาชนไปบริหารประเทศเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเขาเข้าใจไม่ได้ยังงงอยู่ อย่างนี้แหละ ประชาธิปไตยอาตมาถึงบอกว่าประชาธิปไตยในโลกนั้นของไทยเป็นที่ 1 เสร็จแล้วประหารรัฐบาลไปถึง 4-5 รัฐบาล ประชาชนทำเสร็จแล้วนายกขึ้นมาทำงานก็ถึงทำได้เรียบร้อยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพ่อเด็กก็ยังมาให้สัมภาษณ์เลยว่าพลเอกประยุทธ์ให้ทำไปอีก 10 ปีเลย สบายๆเขาทำได้ดี พลเอกชวลิตก็ช่ำชองเคยเป็นนายกฯเคยเป็นทหาร เป็นมาหมดหัวหน้าพรรคก็เป็นมาหมดพลเอกชวลิตเขาช่ำชองคล่องแคล่วในทางการเมือง แต่นักรัฐศาสตร์ จบปริญญาเอกก็ยัง เงอะๆงะๆ ยังไม่เชื่อว่าประชาชนทำรัฐประหารได้ด้วยนะ ยังไม่เข้าใจยังไม่เชื่อ ยังไม่ยอมรับ ยังเห็นว่ารัฐบาลเป็นเช่นนี้อยู่ ที่บริหารอยู่นี้แม้แต่ได้เลือกตั้งแล้วก็ยังบอกว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ สำหรับพวกปากหอยปากปู พวกหาเรื่องก็พูดไป บอกว่าเป็นนายกเผด็จการทหาร ตำแหน่งเขาก็เป็นทหารไม่รู้จะทำอย่างไร นายกประยุทธ์เลยพูดว่าใช่ผมเคยเป็นทหารแต่ตอนนี้ผมเป็นนายกฯ เป็นประชาชน เขาก็ฟังไม่รู้เรื่องแยกไม่ออก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:58:53 )

การรับบริจาคของเรามีเงื่อนไขไม่ได้ทำหยาบอย่างเถรสมาคม

รายละเอียด

ประเด็นนี้ขอปฏิเสธ เป็นคำตู่ ไม่ได้เป็นกาฝากศาสนา คุณเห็นผิด ไม่ใช่ อาตมาไม่ได้ทำเพื่อคนมาบริจาค คุณนั่นแหละตรวจสอบแล้วคุณไม่มีสิทธิ์มาบริจาคหรือว่ามาบริจาคเราก็ไม่รับของคุณ การรับบริจาคของเรามีเงื่อนไข คนจะมีสิทธิ์บริจาคเงินเข้ากองกลางของเราจะต้องเข้าใจสาธารณโภคี มันมีแนวลึกซับซ้อนอยู่ให้มาศึกษาดีๆ อาตมามั่นใจว่าอาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ไม่ได้ทำอะไรหยาบเท่าที่วงการเถรสมาคมทำ ขอพูดอย่างนี้ล่ะ อาตมาขอยืนยัน คุณจะอยู่ฝ่ายไหนของเถรสมาคมก็ไปดูเลย อาตมาไม่ได้ทำหยาบอย่างเถรสมาคมนั้น แต่คุณอย่ารังเกียจอาตมา พยายามคบหาติดตามอาตมาบ้าง เผื่อว่าอาตมาเป็นกาฝากจริงคุณจะได้มาถล่มอาตมา กรุณาติดตามค้นหาความจริงนี้ให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:12:31 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 11:14:24 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:34:47 )

การรับบริจาคที่ผิดเพี้ยน

รายละเอียด

การรับบริจาค เป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องของจิตที่เป็นฐานของมนุษยชาติ การบริจาคมีการบริจาคข้าวของ  ปัจจัย 4 อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย อย่าง แต่เดี๋ยวนี้เพี้ยนเรียกเงินว่า ปัจจัย แท้จริงเงินคือวัตถุอนามาส ไม่ควรยุ่งเกี่ยว ชาวอโศก สมณะ สามเณรไม่ได้สะสมเงินทองได้แล้ว แต่เป็นความอ่อนแอของสงฆ์ทั่วไปที่ต้องใช้เงิน อ้างว่าเพื่อสร้างวัดวา ชาวอโศกไม่รับเงินจากคนนอกอโศก รับแต่เงินคนภายในอโศก แม้แต่ของที่จะรับบริจาค ผู้ที่ไม่ได้คบคุ้นเข้าเกณฑ์ เช่น อ่านหนังสือ 7 เล่ม เป็นต้น ก็ไม่มีสิทธิ์บริจาค เป็นการป้องกัน 

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่  10 มกราคม  2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 18:26:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 17:36:11 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:23:22 )

การรับบริจาคเงิน 

รายละเอียด

การรับบริจาคเงิน  คือ ต้องทำตามกฎกติกาของชาวอโศก  เราไม่ทำอย่างเอิกเกริก เราไม่เปิดรับบริจาคโล่งโจ้ง  ที่ศาสนาเสื่อมเพราะเรื่องอย่างนี้เยอะ คนมาหาช่องทางศาสนาเสพสุข  มีบาปกินหัว ทำลายศาสนาไป มันไม่เข้าท่า เราไม่ทำอย่างที่เขาทำ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:18:54 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 11:49:57 )

การรับรู้

รายละเอียด

อะไรคือกาย อะไรคือจิต มันเป็นความรู้ของศาสนาพุทธ ถ้าหากแยกอันนี้ไม่ได้ไม่สามารถบรรลุอรหันต์  แยก นิยาม อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามได้ โดยการจัดการกรรมนิยามให้ทรงสภาพเป็นธรรมนิยามได้ตามต้องการ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 66 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 18:59:07 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 17:13:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:47:23 )

การรับรู้เมื่อสัมผัสการ เกิด ดับ ของนามธรรม

รายละเอียด

คือ คุณสัมผัส อาการของคุณที่เป็นเวทนา อาการของคุณที่เป็นสัญญา อาการของคุณเป็นสังขาร  อาการของคุณที่เป็นวิญญาณ  มันเกิด  มันเป็น อยู่อย่างนี้ มันเกิดขี้นอยู่  มันเป็นอย่างนี้  มันไม่เกิด มันเสื่อม มันดับ  คุณก็รู้อาการทั้งหลายแหล่พวกนี้ มันเป็นนามธรรม  รูปเป็นสิ่งที่ถูกรู้ เป็นรูปธรรม  ดิน น้ำ ไฟ ลม  ก็ได้ แต่เป็นอาการของนามธรรมก็เป็นอาการของอรูปก็ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:07:34 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 11:53:51 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:24:25 )

การรับหน้าที่สืบต่อศาสนาพระพุทธเจ้าให้ครบ 5000 ปีของพ่อครู

รายละเอียด

มีอุตุธาตุ พืช มีจิตนิยาม ความจริงมีเท่านี้พระพุทธเจ้าตรัสรู้หลวงปู่ก็เรียนรู้ตามมาเห็นจริงว่าชีวิตเป็นอย่างนี้ ชีวิตนี้รู้ความจริงหมดแล้วล่ะ แต่จะต้องรักษาศาสนาพระพุทธเจ้าให้ครบ 5000 ปีต้องช่วยสืบทอดเนื้อหาของโลกุตระไปให้ได้ ก็เลยต้องรับหน้าที่อยู่ 

ก็ดีได้ช่วยเหลือ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ระดับ 8 ไปเรื่อยๆ ยังมีปณิธานสูงสุดเท่าที่จะสูงสุดได้เป็นระดับ 9 โพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่ง ก็ไปเรื่อยๆ ยังไม่ถอย จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบในโลกให้ได้ ถ้าไม่ถึงก็ไปเป็นปัจเจกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความรู้เท่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้วแต่ยังไม่เป็นโอกาสหรือเห็นแล้วว่าเมื่อยแล้ว ไม่ต้องหาเวลาโอกาสจะประกาศศาสนาหรอก ไม่ต้องไปแย่งคิวพระพุทธเจ้าองค์ใดหรือไม่ต้องไปเรียงลำดับที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ พอแล้ว มันก็เท่านี้ ชีวิตสูงสุดก็เท่านี้เท่าพระพุทธเจ้าแล้ว แม้จะไม่ได้ประกาศตัวเอง ให้โลกได้รับรู้บันทึกลงในทำเนียบว่า มีผู้นี้ชื่อนี้นามนี้เป็นธาตุจิตวิญญาณสะสมมามีความสามารถเก่งเท่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วประกาศตัวเองขึ้นมาทำงานเป็นปรากฏทุกคนก็ยอมรับความจริงนั้น แต่ท่านไม่ได้ทำ ไม่ต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรอก เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเองเป็นแล้วแต่ไม่ได้ประกาศให้โลกรู้แล้วก็ตาย ตายโดยปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายโดยแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยจบ ก็อยู่ที่ท่านว่า 

1 ท่านจะรักษาสถานะของพระพุทธเจ้าไหม คำทำนายแม่นนะ ถ้าเราเสียตรงนี้ก็จะเสียพระพุทธเจ้า เราจะยอมให้พระพุทธเจ้าเสียไหม  ก็ต้องทำให้ได้ถึงที่สุด เมื่อทำไม่ได้ถึงที่สุด แบบนี้โง่ ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่สูงสุดแล้วตัวเองจะเอาไปสิ่งที่สูงสุด ก็เอาที่สูงสุดได้แล้วเพียงแค่ไม่ประกาศตัวเอง ภูมิเท่ากับปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้า มันขัดแย้งกับความเป็นจริงท่านจะมีสำนึกอันนี้ชัดเจน เราทำเสียพระพุทธเจ้าได้อย่างไรเพราะเราเดินทางนี้มาแท้ๆ ได้แท้ๆเราไม่เอา ก็เป็นความเลวของเราที่เราไม่เอา หรือเป็นความด้อยของเราที่เราไม่เอา ต้องบอกว่าเธอถามเลยปัญหาไปแล้ว 

 

 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 13:42:32 )

การรายงานมรรคผลการปฏิบัติธรรมของลูกทำให้พ่อครูต่ออายุขัย

รายละเอียด

 

เราเรียนรู้ธรรมะแล้ว ที่รายงานมาพูดมาพวกนี้ มันเป็นเรื่องชัดเจน เป็นเรื่องที่ทำให้เห็นจริงว่า การศึกษาพวกเรามีผล ผลที่เป็นความถูกต้องด้วยนะ  เป็นผลที่ทำให้เกิดรู้จิตเจตสิก รูป นิพพาน เป็นโลกุตรธรรม เป็นการเห็นจริงอย่างแท้ๆจริงๆ 

อาตมาเองมีกำลังใจก็จากอันนี้แหละ จากพวกเราเรียนรู้โลกุตรธรรม เรียนรู้จักปรมัตถธรรม จิตเจตสิกรูปนิพพานต่างๆแล้วเข้าใจแล้วทำได้ บรรลุธรรมจริงๆ ได้ผลจริงๆขึ้นมา ทำให้อาตมามีกำลังใจและมีอิทธิบาท มี Co-efficient ทำให้ต่ออายุขัยตัวเองได้ อายุขัยมาทุกวันนี้ 

ถ้าไม่มีวิบาก โอ้โห อาตมาสบายเลยนะ ถ้าไม่มีวิบากอาตมาคงเหนื่อยน้อยกว่านี้ ไม่เหนื่อยมากเท่านี้ มันเหนื่อยมากเพราะว่ามันไอ มันกินแรงมากๆไอนี่ กินแรงมาก แต่ห้ามมันไม่ได้เหตุมันมีอยู่ มันเป็นวิบากอะไรก็แล้วแต่ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องรับมันไป 

ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่า ไอ้ตัวเหตุปัจจัยที่มันทำให้อาตมาต้องลำบากเนี่ย เหตุปัจจัยมันร้ายแรงขึ้นเรื่อย  แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เราก็ต้องยอมรับมัน 

แล้วก็ต้องพยายามที่จะผ่อนปรน ผ่อนหนัก ผ่อนเบาไปตามที่เราคิดว่าจะต้องทำให้มันได้เท่าที่ควร เท่าที่เป็นไป รู้จักพัก-รู้จักเพียร อัปปติฏฐัง อนายูหัง ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรานี้ เมื่อรู้จักพัก รู้จักเพียร อะไรต่ออะไรพอเป็นไป มันก็พอเป็นไปได้นะ

เราไม่พักอยู่ (อัปปติฏฐัง)เท่ากับยังเพียรต่อไป เราไม่เพียรอยู่ (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว (โอฆมตรินติ) (พตปฎ. เล่ม 15 ข้อ 1-3 โอฆตรณสูตรที่ 1)

เพราะฉะนั้นการที่จะยืดอายุก็ดี เพื่อที่จะอยู่ทำงานต่อไป ให้เป็นประโยชน์ ทั้งเป็นการต่อการบำเพ็ญพุทธภูมิของอาตมาด้วย ของตนเอง ได้รับอะไรที่เป็นรายละเอียด ได้รู้ ได้เห็น ได้เกิดภูมิปัญญา รู้รายละเอียดอะไรต่ออะไรของสัจธรรมขึ้นอีกเยอะเลย อย่างที่อาตมาถ่ายทอดต่อไปเรื่อยๆ พวกเราก็คงจะเห็นว่า โอ้โห มีรายละเอียดที่ละเอียดลึกซึ้งเข้าไปเรื่อยๆ พวกเราก็ยิ่งเข้าใจ ยิ่งได้รับ ใช่ไหม ยิ่งได้เห็นว่ามันละเอียดลึกซึ้งเข้าไป เข้าไป 

มันมีที่เชื่อมที่ต่อ มันมีที่เป็นที่ไป แล้วอาตมาก็ยิ่งเห็นว่าอาตมายังอธิบายไม่หมดไม่ครบ ยังน่าจะอธิบายประสานเชื่อมต่อตรงนั้นตรงนี้กัน ขยายผล มันยิ่งรู้สึกว่า โอ้โห มันวิจิตรพิสดารเหลือเกินสัจธรรมของสัจจะทุกสรรพสิ่งนี่ มันสุดยอดจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 04:13:18 )

การรีไทร์กลางทางของพระโพธิสัตว์ก่อนถึงความเป็นพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ตอนจบพระอรหันต์แล้ว ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าแต่ต่อไปไปๆมาๆก็บอกว่าไม่ไหวแล้วรีไทร์กลางทาง เลิก ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้เป็นสิทธิของเรา แล้วก็เลิกไปเยอะ ไปไม่ถึงที่หมายไปไม่ถึงความเป็นพระพุทธเจ้าเยอะไม่ใช่น้อย ที่ตั้งไปนั้น 100 จะได้สัก 5 ก็ยาก ตั้งเป็นโพธิสัตว์จะเป็นพระพุทธเจ้า 100 คนจะได้สัก 5 ก็ยาก อาตมาก็ไม่รู้จำนวนประมาณตรงนี้ท่านเคยตรัสไว้ไหมพระพุทธเจ้า อาตมาก็ใช้ปฏิภาณไหวพริบพูดไป น่าจะมีพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้บ้างตรงนี้ 100 คนที่ตั้งปณิธานจะเป็นพระพุทธเจ้า สุดท้ายรีไทร์ออกไปเสียมากจะได้เป็นพระพุทธเจ้าสัก 5 ไม่รู้ว่ามีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ไหม แต่ไม่เป็นปัญหาหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌

สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ 

วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:19:26 )

การรื่นเริงในธรรม

รายละเอียด

การรื่นเริงในธรรม  คือ  การฟังธรรมแล้วรู้สึกว่ามีธรรมรส  โดยเฉพาะลึกซึ้งวิมุติรส มันมี หิริ โอตตัปปะ  พหูสูต  ใครฟังธรรมแล้วเกิด ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ  พหูสูต ก็จะมี วิริยะ สติ ปัญญา ตามมา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:47:44 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 11:55:39 )

การรู้กิเลสเราลดลงจนบัดนี้เราชนะแล้ว เรียกว่าบุพเพนิวาสานุสติญาณได้หรือไม่

รายละเอียด

ได้ นี่แหละตัวจริงเลย เป็นตัวปฏิบัติแท้จริงเลย ที่ไประลึกชาติก่อน เราเกิดเป็นใครอย่างนั้นไม่มีใครยืนยัน และมันเป็นจริงได้เมื่อคุณมีภูมิมากจริงๆที่จะระลึกชาติก่อนได้ อันนั้นสำคัญน้อย 

ไอ้ที่พูดว่า บัดนี้ ปัจจุบันคือชาตินี้ หลัดๆ กิเลสหลัดๆ แต่ก่อนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 10 ปีที่แล้ว ที่ยังจำได้อยู่ในชาตินี้นี่แหละ หรือเมื่อวินาทีที่แล้ว เมื่อกี้นี้เสร็จเขา แต่ตอนนี้สติปัญญาเราเต็ม แสดงว่าเรามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก นี่แหละของจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:28:11 )

การรู้คำด่าด้วยปัญญา

รายละเอียด

อันนี้ไม่ใช่ว่าโดนด่าแต่หน้าด้าน ไม่ใช่ แต่ว่า เป็นการไม่ต้องทนแต่เป็นการรู้ด้วยปัญญา ว่า อ๋อ อันนี้เป็นคำด่า ด่าก็คือเขาด่าเขาไม่ชอบใจ ถ้าเขาด่ามาโดยไม่ให้เหตุผลเลย ด่าสาดเสียเทเสีย บางทีพยัญชนะด่ามาเลอะๆเทอะๆสาดเสียเทเสียอาตมาก็สาดเททิ้งไปไม่ใยดี คนนี้อารมณ์ไม่ดี ด่าด้วยไม่มีกุศลเจตนา ไม่มีจิตที่หวังดีอะไรต่อกันเลย ถ้าคนที่โกรธอาตมา โกรธเคืองแล้วด่ามาอาตมาจะพอรู้ว่าเขาด่ามาเพราะโกรธเคือง คนด่าแบบสติเสียกับด่าเพราะความโกรธ เขาบอกเหตุผลหลักฐานมามันต่างกันใช่ไหมกับคนด่าแบบสาดเสียเทเสีย ถ้าคนที่มีเหตุผลมีหลักฐานอ้างอิงพูดกันพอจะมีเนื้อความเนื้อหาสาระ แต่หากด่าอย่างสาดเสียเทเสียมีแต่คำหยาบคายอันนี้เราก็สาดต่อ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นการด่าก็ควรจะด่าให้มีคุณวุฒิวัยวุฒิอะไรบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:37:03 )

การรู้คุณคน

รายละเอียด

การรู้คุณคน เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้คุณคนนี้ มันร้ายเลวกว่าเดรัจฉาน เพราะฉะนั้นคนนี้แหละจะเป็นผู้ชื่อว่ารู้คุณคน คุณคือสิ่งที่ไม่ใช่โทษ เพราะฉะนั้นจะมีคนเอาสิ่งที่ดีที่สุดถึงขั้นสัมมาสัมโพธิญาณเอามาประกาศเอามาช่วยสอนตั้งแต่เริ่มต้น อาริยคุณ โสดาบัน สกิทาคามีไปเรื่อยๆก็แล้วแต่ เป็นเรื่องที่เหนือโลกียะ เป็นโลกุตรธรรม แม้หนึ่งจุด ก็มีไปอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ไม่ใช่สาธารณะทั่วไปของปุถุชน มันเป็นเรื่องเฉพาะของอาริยชน ไม่ใช่เรื่องสาธารณะของปุถุชน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:32:34 )

การรู้ตนเองเป็นอรหันต์

รายละเอียด

สมณโพธิรักษ์ มีความรู้จบเป็นปรินิพพาน  คนที่รู้จุดจบเป็นสุญญตา  นิพพาน  จึงเป็นอรหันต์  เพราะรู้ ทำได้จึงบอกได้  จุดสำคัญของพระพุทธเจ้าของศาสนา  ไม่เปิดเผยไม่ได้ ต้องเปิดเผย เพราะไม่มีสิทธิ์จะรู้เองได้ง่ายๆ ไม่มีใครรู้เองได้เอง พระเจ้าไม่รู้เรื่องนี้  พระเจ้าแบบเทวนิยมไม่รู้เรื่องนี้  พระพุทธเจ้า  เป็นเจ้าของความรู้เอามาถ่ายทอดให้คนอื่นรู้ต่างๆ พระโพธิสัตว์  พระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ มา ก็รู้มาจากพระพุทธเจ้าองค์ต่อมา  แล้วมีคนถามว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นองค์แรกมีหรือไม่อย่างไร  มีคนถามว่าพระพุทธเจ้า ท่านตอบว่า ไม่รู้ที่ต้น เราไม่จำเป็นต้องรู้ที่ต้นหรือรู้ที่จบ  แต่เรารู้ที่เรา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายราย การสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71   30 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 03 ตุลาคม 2562 ( 17:19:54 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 11:58:44 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:36:51 )

การรู้รูปนามด้วย อาการ ลิงค นิมิต ในปฏิจจสมุปบาท 

รายละเอียด

การรู้รูปนามด้วย อาการ ลิงค นิมิต ในปฏิจจสมุปบาท เรามาไล่ดู ปฏิจจสมุปบาท 11 อวิชชา สังขารวิญญาณนามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ  ชรา มรณะ โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ เด็กๆ ตั้งใจฟังดีๆนะ หลวงปู่จะอธิบายง่ายๆให้ฟัง อวิชชา เป็นตัวไม่รู้เป็นตัวโง่ๆ อวิชชาคือความโง่ และมีปัจจัยโง่ๆตามมา เหตุปัจจัยมันมี 2 อย่างคือตัวหนึ่งกับอีกตัวหนึ่งทำงานร่วมกันเรียกว่าเหตุกับปัจจัย มันเนื่องกันต่อกัน เป็นเหตุเป็นปัจจัย ทำปฏิกิริยาต่อกันสัมพันธ์กันเกี่ยวเนื่องกัน 

เพราะฉะนั้นคนเรานี้ อวิชชา คือ คนยังไม่รู้ ยังไม่เดียงสา ยังไม่มีความเข้าใจ ยังไม่ฉลาดพอ ไม่มีความรู้ มันไม่มีความรู้มาก่อนกันทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นที่ไม่ได้ศึกษากันอย่างถูกต้องอย่างจริงเลย มันไม่มีวันจะรู้หรอก รู้ก็เดาๆไป ตามที่ได้ยินได้ฟังมาต่างคนต่างเดาไปเยอะ เสร็จแล้วก็ได้เป็นครูเป็นอาจารย์ อธิบายตามที่ตัวเองรู้มันก็เลยเลอะเทอะมากที่สุด 

เพราะฉะนั้น อวิชชา เป็นตัวต้นความไม่รู้เป็นต้น มาทำตัวนี้ให้ค่อยๆรู้  รู้ไปตามลำดับๆ ตัวที่ 1 ไม่รู้ ไม่รู้อันแรกเลยที่ท่านให้ศึกษาคือ สังขาร คำว่า สังขาร หมายความว่าสภาพที่มันมีตั้งแต่ 2 ตั้งแต่ธาตุ 2 ธาตุเป็นธรรมะ 2 ธรรมะ สิ่ง 2 สิ่ง และมันต้องเกี่ยวกับนามธรรม ปฏิจจสมุปบาท ไม่ใช่สิ่ง 2 สิ่งคือ ไฟฟ้า บวกกับลบ ไม่ใช่ มันต้องมีรูปกับนาม 

สิ่งหนึ่งคือรูป หมายถึงสิ่งที่ถูกเราสัมผัสได้รู้ ตาเห็นก็คือ ถูกรู้ก็คือเห็นอันนั้น ตาเห็นหนังสืออันนี้ มันก็เป็นรูปให้เห็นเป็นหนังสือ ทางวิทยาศาสตร์ก็คือแสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนมาที่ม่านตา Retina ฉายภาพไปให้ประสาทรับรู้ รู้รูปนี้ที่ม่านตา ตัวรู้นั่นแหละคือนามธรรม คือธาตุรู้ ธาตุรู้นี้ก็แยกไปเยอะ ที่ท่านให้ไปศึกษาธาตุรู้ก็มี 5 อย่างคือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี่คือนามธรรม 5 ที่ท่านให้ศึกษากับรูป 28 อยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 พระสูตรแรกเลย ท่านตรัสถึงปฏิจจสมุปบาท ท่านก็แยก นามรูป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 14:24:05 )

การรู้อาการจิต

รายละเอียด

คือ การจับอาการจิตให้ถูกต้อง ทำให้เป็นอุตุได้ ทำให้เป็นพีชะได้ถูกต้อง ก็อยู่กับโลกเขากระทบสัมผัสแต่เห็นจิตคุณไม่ทุกข์ไม่สุขเป็นกลางอุเบกขา มันไม่มีอาการสุขไม่มีอาการทุกข์ คุณเป็นคนทำได้แล้วก็รู้อาการนั้นได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:20:11 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:01:37 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:24:52 )

การรู้โลกุตรธรรมกับการรู้โลกียธรรม

รายละเอียด

คือ การจะเอาความมีมากมายมหาศาลเป็นเครื่องตัดสินก็ขออธิบายว่า การรู้โลกุตรธรรม กับการรู้โลกียธรรมที่คนเป็นปุถุชนยินดีใน โลกียธรรม แล้วก็ปรุงแต่ง โลกียธรรมให้มีนรสชาติ  เป็นสิ่งที่น่าศรัทธา เลื่อมใส ชื่นใจ เขาเก่ง เกณฑ์ในการยกตัวอย่าง ยืนยันประโลมกิเลสของคน แล้วคน ก็ไปชอบกันมาก  ๆ  อาตมาไม่เห็นเป็นเรื่องเก่งที่น่าไปริษยา แต่อย่างใด  ทำอย่างนั้นก็ยิ่งตลก และจูงนำให้คนลงนรกมากมาย     ธรรมกายท่านไม่ได้กล่าวร้ายใครหรอก  และท่านก็จะไม่ทำไม่ชอบ   หรือว่าการชม ทำไมคนเขาจะไม่ชอบเอาแต่คำชม  แล้วท่านก็ชมตน  ชมพวกท่านก็ไม่ได้ไปชมคนอื่น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:30:46 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:04:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:38:40 )

การร้องไห้ 2 แบบทำอย่างไรได้ล้างอุปาทาน

รายละเอียด

ขี้แยหมายความว่าร้องไห้ง่าย การขี้แยที่มีความเศร้า ก็รู้สึกร้องไห้ ขี้แย เห็นอะไรที่มันสลดใจ น่าเสียใจ น่าอะไรก็ร้องไห้ ก็เชิงหนึ่ง หรือ ยินดี ซาบซึ้งใจ ก็น้ำตาไหล จะเรียกว่าร้องไห้ก็ใช้ศัพท์เดียวกับคนขี้แย 

คนร้องไห้เพราะความเศร้า หรือไม่ค่อยจะสบายใจเขาก็ร้องไห้ แม้สบายใจ ยินดีปรีดา ซาบซึ้งน้ำตาก็ไหล จะเรียกด้วยศัพท์เดียวกันว่าร้องไห้ ก็ใช้ร้องไห้ ศัพท์เดียวกันเท่านั้นเอง เป็นพยัญชนะภาษาไทยคำว่าร้องไห้ น้ำตาซึมออกมาถือว่าร้องไห้ 

แต่อาการของจิต อาการของความรู้สึกที่มีต่างกันอยู่ภายในนี่ เราเป็นนักปฏิบัติธรรม เราละเอียดลออเข้าไปถึงอย่างนี้ ให้เห็นได้ว่า การร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ แน่นอนมันก็ไม่ดี ถ้าร้องไห้อย่างซาบซึ้งประทับใจอะไร มันก็เป็นเชิงดี 

อย่าไปมิจฉาทิฏฐิแต่ว่ายินดีปรีดาในมิจฉาทิฏฐิ ยินดีปรีดาในเรื่องทุจริต ยินดีปรีดาในเรื่องที่เป็นภัยเป็นพิษต่อมนุษยชาติ สังคม แล้วก็หลงยินดีอย่างนั้น มันมีเยอะ เยอะ 

เอาง่ายๆ ยกตัวอย่าง คนที่ชนะ โดยเฉพาะชนะประเภทที่รุนแรงด้วย ฆ่าเขาตาย ชนะ ยินดีโห่ร้อง แม้แต่ชนะเรื่องเกมกีฬาก็ตาม ยินดีปรีดา โห่ร้อง ถือว่าเป็นความชนะ จริงๆแล้วการไปเอาชนะคะคานคนอื่นด้วยโลกียะซึ่งต้องมีวงเล็บตรงนี้ว่า (ชนะด้วยโลกียะ) ด้วยการชนะอย่างต้องการลาภ ต้องการได้รับยศ ชนะด้วยต้องการได้รับสรรเสริญเยินยอ ชนะไปแย่งสุขเขา นี่เป็นโลกีย์ นัยยะมันซ้อน 

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมโลกุตรธรรมแล้ว ไม่ปฏิบัติอย่างนั้น ไม่ไปเอาชนะใครในเชิงได้ลาภมากกว่าเขา ได้ยศสูงกว่าเขา แล้วก็ใช้ยศเป็นอำนาจเบ่งอะไรๆ จนกระทั่งมีอภิสิทธิ์ยิ่งใหญ่เหมือนอย่างทักษิณนี้ มันไม่รู้จบเลยในการทำอกุศล หรือทุจริต หรือชั่ว มันไม่มีที่สุดเลย มันหลงผิดอย่างนี้ แม้แต่จะไปหลงสุข จะได้สุขมากกว่าเขา สุขเป็นโลกีย์ 

โลกุตระไม่มีสุขไม่มีทุกข์ หรือรสสุข รสทุกข์ ที่เป็นรสโลกียะ มันหมด จิตกลางๆ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มีแต่ยินดีปรีดา อิ่มเอมเกษมใสเป็นธรรมดา นี่คือ อภิปโมทยังจิตตัง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันจะสลับซับซ้อน หมุนรอบเชิงซ้อนที่ลึกซึ้ง 

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีขั้นตอนหรือชั้นที่ซับซ้อนลึกซึ้ง ลึกซึ้ง ๆ ขึ้นไป แล้วจะมีชีวิตอยู่ในสังคมไม่เป็นภัยไม่เป็นพิษกับผู้ใด มีแต่เป็นคุณค่า เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่ในสังคม 

นี่เป็นลักษณะของคุณธรรมที่สุดประเสริฐแล้ว ค่อยๆเข้าใจไปเรื่อยๆ อาตมาก็จะค่อยๆขยายความ ซึ่งพวกเราจะเข้าใจดี ทางโลกเขายังไม่ละเอียด โลกียะเขายังหยาบคาย ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง เขายังแย่งชิงอะไรต่ออะไร ยิ่งไปในทางต้องฆ่าแกงกัน ต้องแย่งชิงกัน ต้องเอาเปรียบเอารัด เอาชนะคะคานกัน 

เพราะฉะนั้นคำว่า ผู้แพ้ โดยเฉพาะที่มีจุดอาการที่คุณจะชนะก็ชนะไปสิ แต่เรานี่เราไม่เอาชนะที่ได้เปรียบ เราไม่ได้เอาชนะที่จะได้มากกว่า เราไม่เอาชนะที่จะข่มเบ่งหรือมีอำนาจยิ่งใหญ่ ไม่ เราอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ เสียสละ เป็นผู้สร้างสรรให้แก่ผู้อื่น ไม่ใช่เป็นผู้ที่ไปได้ไปกอบไปโกย ไปขูดรีด ไปเอาเปรียบเอารัดกัน ไม่ใช่ 

พูดภาษาไทยง่ายๆ อธิบายขยายความฟังนี้ แล้วจะเข้าใจลึกซึ้งในความลึกซึ้งของความเป็นจริงของมนุษย์ เพราะฉะนั้นก็ขอจบตรงที่ว่า ชาวอโศกเรานี้ได้ปฏิบัติธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า เข้าถึงโลกุตรธรรมจริงๆ จึงมาเป็นคนโลกุตระที่มีธรรมะที่อยู่อย่าง สงบ 

อาตมาขึ้นต้นด้วยคำว่า อิสระ พวกคุณไม่ได้ถูกล่อลวง ไม่ได้ถูกสร้างภาพ แต่คุณเห็นภาพเอง รู้เอง มาเอง มาเองนะที่อาตมาบอกว่า ความอิสระนี่ อาตมาพูดไม่รู้กี่ที เราไม่ได้ไปล่อลวง เราไม่ได้ไป propaganda ไม่ได้หว่านล้อมให้มาเอา แต่คุณใช้ปัญญาของคุณตัดสินเอง แต่ละคนมีอิสรเสรีภาพส่วนตัว มาเอาอันนี้

หลายคนเข้าใจๆว่า ดีแต่เอาไม่ได้ก็หลุดไป คนที่ได้ก็ได้อยู่นี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่แปลกปลอม มันก็เลยสนิทเนียนสวยงามกันอยู่อย่างนี้

ที่คุณทำใจถามว่า แล้วทำอย่างไรจะล้างอุปาทานนี้ได้ คำว่าอุปาทาน มีหยาบ กลาง ละเอียด ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง 4 สภาพ ก็ขอตอบสรุปๆไว้ว่า ก็ต้องมาปฏิบัติธรรมไป อย่างที่เราพากันทำนี้มันเป็นลำดับดีอยู่แล้ว มีลำดับ สำคัญนะลำดับนี้ ถ้าไม่เป็นลำดับ มันจะวกวน มันจะซับซ้อนกลับไปกลับมา เสียเวลาหลายเที่ยว ถ้าเป็นลำดับดี มันจะเที่ยวเดียวๆๆๆ แล้วไปเรียบ ไม่สะดุดเลย มันสวยที่สุด ก็ค่อยๆมาปฏิบัติแล้วค่อยๆรู้ตัวเอง ไม่ง่ายหรอก แต่มันทำได้ดีแล้วของพวกเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:21:16 )

การรู้แจ้งกิเลสสร้างให้เกิดพลังงานฌาน พลังงานบุญ

รายละเอียด

เรียนรู้จนละกิเลสได้ จิตสะอาดจากกิเลส อย่างรู้แจ้งเห็นจริง รู้เลยว่า อาการของกิเลสมันเกิดแล้วก็สร้างให้เกิดพลังงานฌาน พลังงานบุญ ฌานก็ปัญญา บุญก็ปัญญา แต่เขาไม่เอาบุญมาเรียกปัญญา เพราะบุญเป็นเอกังสะ บุญเป็นสภาพธาตุเลว ธาตุประหาร ทำหน้าที่ประหาร ซึ่ง อาตมาว่า ถ้าอาตมาไม่เกิดมาชาตินี้ คนจะไม่เข้าใจแล้วว่าบุญคืออะไร จะไปเข้าใจว่าบุญคือกุศลเป็นสมบัติ แต่ที่จริงบุญคือวิบัติ เป็นตัวทำวิบัติ เอกังสะ อย่างเดียว มีปฏิ เป็น วิ ไม่ใช่ ปฏิเป็นสมะ ปฏิ หรือปันนะ ปัตตะ แปลว่าบรรลุ หรือว่าเข้าถึง หรือว่าเป็นความจริง ทำได้อย่างนั้น โดยการฆ่าอย่างเดียว ไม่ได้สะสมอะไรเลยด้วย ฆ่าแล้วหาย ฆ่าแล้วสูญ จึงเป็นนิพพาน จึงเป็นสุญญตา หากฆ่าแล้วมีอะไรเหลือก็เมื่อไหร่จะหมดสักที บุญ ซึ่งเป็นการทำให้สิ้นเพียงกิเลส อนุปาทิเสสนิพพานเลย บุญนี่ เป็นตัวสุดท้ายแล้วเมื่อเสร็จหน้าที่ของบุญก็หายไปด้วยบุญไม่มีอยู่ในสถานที่ ไม่ได้อยู่ใน กาละ อะไรเลย อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น กาละมีแต่ปัจจุบันเท่านั้นทำงานปัจจุบันแล้วหายไป ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีตกค้างไว้ในที่ไหนเลย ตกค้างอยู่ในจิตเป็นอนาคตก็ไม่มี เป็นตัวเดียวๆ ไม่เกี่ยวกับใคร ไม่เกี่ยวกับจิตเจตสิกอย่างอื่นเลยมีหน้าที่ ฆ่า  เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่จิตสร้างขึ้นมาในปัจจุบันนั้นเป็น ทิฏฐธรรม ทิฏฐกาละ เป็นสิ่งที่เกิดดับในตัวปัจจุบัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 08:59:21 )

การรู้แต่ภาษายังไม่ดี แต่ไปหลับตาปฏิบัติไม่ดียิ่งกว่า

รายละเอียด

ยิ่งไปหลับตา ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กายภายนอกสิ่งที่หยาบ ให้เกี่ยวข้องให้จิตมันรู้ ยิ่งจมหายไปกับเรื่อง ลมๆแล้งๆ สัมภเวสี ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกมันมี นิรมาณกาย สัมโภคกาย   อทิสมานกาย ไปหมดเลย พวกหลับตาไปนี่ เพ้อพกไปสารพัด ไม่ได้มีอะไรที่จะมีความจริงไปได้เลย มีแต่อดีตกับอนาคต อดีต 18 อนาคต 44 ไปโน่น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย สูญเปล่า น่าเสียดาย น่าสงสาร ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะได้รู้ตัว 

คำว่า ปัจจุบันนี้คือความจริง ทิฏฐธรรมหรือทิฏฐกาละ แปลว่าปัจจุบันชาติ ต้องมีความเกิดในปัจจุบันนี้ อันนี้คือความจริง นอกนั้น เป็นอดีตหรืออนาคต รู้จักความจริงที่ว่านี้ จมอยู่กับปัจจุบันอดีตกับอนาคตไม่ใช่ความจริง แล้วคุณจะไปอยู่กับความไม่จริงตลอดเวลา คุณจะได้อะไรขึ้นมาในชีวิต ชีวิตคุณจะได้อะไร ก็จมอยู่กับอดีตและอนาคตอยู่อย่างนั้น แล้วทำไปทำไม มันแก้ไขอะไรไม่ได้ มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ขยำซ้ำซากไปกับอดีตและอนาคตเฉยๆ 

เอาจิตวิญญาณเอาตัวเองมาอยู่กับปัจจุบันนี่ แล้วจัดการกับปัจจุบันนี้ จนกระทั่งรู้แล้วว่าปัจจุบันนี้สบาย ปัจจุบันนี้ อยู่กับทุกๆคนเป็นปัจจุบัน แล้วก็เกี่ยวข้องเป็นปัจจุบันนี้แล้วก็มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันนี้ โอ้โห อยู่กันอย่างมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขากายกรรม เมตตาวจีกรรมเมตตามโนกรรม แล้วก็อยู่กันอย่างมีกินมีใช้ ได้ลาภมา ลาภธัมมิกา ได้ลาภมาโดยธรรมก็มารวมกันเป็นส่วนกลาง กินใช้ร่วมกัน ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าสอน 

วรรณะ 9 ก็มีพุทธพจน์ 7 ก็มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  เราก็มีหมด วรรณะ 9  เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) เรามีหมด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:44:34 )

การลงคะแนนเสียงเป็นวิธีการของโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เมืองไทยที่พลเอกประยุทธ์เป็นตัวหลัก ดำเนินการบริหาร ดำเนินบทบาทในการที่จะ ทั้งให้คนอื่นเข้าใจ ทั้งพาประชาชนคนไทยทำ 8 ปี ได้ผลขนาดนี้อาตมาพอใจ ที่พอใจนี่คืออาตมามองไม่เห็นคนอื่น มองไปดูคนอื่นว่าใครจะมาแทนพลเอกประยุทธ์ อาตมาก็ใช้ภูมิปัญญาของอาตมา ดูทั้ง background ทั้งชีวิตของเขาที่ทำมา

ยกตัวอย่าง ตัวบุคคลเลย อุ๊งอิ๊งเหรอ พิธาเหรอ อนุทินเหรอ อาตมาใช้ปัญญาของอาตมาเทียบวัด อาตมาก็ว่า ยังสู้คุณประยุทธิ์ไม่ได้ ตกไปคนหนึ่งก็คือ คุณจุรินทร์ พรรคประชาธิปัตย์ อาตมาก็ว่ายังไม่ควรจะขึ้นมาหรือที่ซ้อนๆกันอยู่ ก็คือให้พลเอกป้อมขึ้นมา อาตมามองกว้างๆอย่างนี้

อาตมาพูดอย่างเปิดเผยใจให้ฟังว่า พลเอกป้อม ก็แน่นอน อยากจะเป็นนายกสักวาระหนึ่งในชีวิต ก็คงอยากจะเป็น ซึ่งพลเอกประยุทธ์เขาก็ไม่เกี่ยงเท่าไหร่ ถ้าพลเอกป้อมจะขึ้นมา อาตมาว่า พลเอกประยุทธ์นี้กึ่งๆ ถ้าพี่ป้อมจะขึ้นมาเป็นนายก พลเอกประยุทธ์ก็บายให้ได้ แต่มันจะสะดุด เพราะ พลเอกป้อม อาตมามองเห็นและว่าท่านเก่งในการสร้างมนุษย์ให้อยู่ในมวลของตนเอง มันไม่ใช่ประชาธิปไตยมันเป็นพรรค พรรค ไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยไม่มีพรรค ประชาชนทั้งมวลที่มีจิตวิญญาณร่วมด้วยคือพรรคของนายกฯ

พรรคของนายกคือหมู่มวลประชาชนที่มีจิตวิญญาณเป็นหลัก โดยไม่ต้องมาลงคะแนนเสียง เพราะการลงคะแนนเสียงเป็นวิธีการของโลก มีอะไรซับซ้อนอยู่ในนั้นเยอะเลยในการลงคะแนนเสียง ก็ได้คนนั้นคนนี้มา  เลือกมาเป็นตัวแทน เป็น สส. ประธาน เป็นรัฐมนตรีจนมาเป็นนายก หรือ วิธีการเลือกประธานาธิบดี ยิ่งซับซ้อนยิ่งกว่านั้น

เพราะฉะนั้นไม่จริงเลยมีแต่เต็มไปด้วยแทคติกในการที่จะทำให้ตัวผู้นำ ได้ผู้นำมาเป็นตัวปลอมทั้งนั้น ใช่ตัวประชาธิปไตยไม่ใช่ตัวจริงเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:25:48 )

การลดกิเลสกามและอัตตาไปพร้อมกันทำอย่างไร

รายละเอียด

ก็ต้องดูผัสสะ กามคือกิเลสภายนอกทางทวารทั้ง 5 เรียกกามคุณ 5  ตา  หูจมูก  ลิ้น  กาย เรียกว่ากามคุณ 5 เป็นขั้นต้นที่จะต้องเรียนรู้ก่อน เป็นธรรมชาติธรรมดาที่ต้องเรียนรู้ก่อน ทางสายหลับตานั้นละเลยเรื่องของ กาม แล้วไปปฏิบัตินั่งหลับตาเข้าไปมันผิดธรรมดาธรรมชาติ เหมือนกับคนที่จะทะลุเข้าไปข้างในภูเขา เข้าไปส่วนลึกกลางภูเขาที่เป็นส่วนว่าง ส่วนสะอาด ส่วนลึก คุณจะต้องทะลุภายนอกให้ได้ก่อน เข้าไปสู่ขั้นต่อไปจึงจะทะลุถึงกลางภายในได้ ตอนนี้เขาไม่รู้จักเลย เขาสมมุติว่าตัวเองทะลุ เข้าไปอยู่ข้างในได้เลยอันนี้จึงเป็นโมฆะในการปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นคำว่า กาม …คุณถามอย่างไรนะ คือกามกับอัตตา มันเป็นกิเลสของเราเองทั้งหมด พระพุทธเจ้าสอนเรา คำว่า กาย กายนี่แหละมีทั้งภายนอกและภายใน กามคือภายนอก อัตตาคือภายใน ใน ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน  สองอันนี้แหละมันทำงานร่วมกันอยู่ตลอดเวลา จึงเรียกว่า กาย หรือกายะ แยกให้ออก เรียกว่าแยกกายแยกจิต พูดไปพูดมาก็อธิบาย ภายนอกทิ้งไม่ได้ ต้องมีภายนอกประกอบตลอดเวลาและต้องอ่านภายในจิต กายภายนอก พระพุทธเจ้าถึงยืนยันว่า แม้แต่ภายนอกก็ยืนยันที่จิต จิต มโน วิญญาณ ภายนอกนั้นมีแต่เครื่องอาศัย จริงๆแล้วภายนอก ยิ่งเป็นสรีระเฉยๆ แล้วมีจิตวิญญาณร่วมอยู่ผสมอยู่ก็รับรู้การสัมผัสข้างนอกเรียกว่า กาม แล้วตัวอัตตานี่แหละ เป็นตัวแท้ๆของที่จะรู้อาการของมัน อาการ ลิงค นิมิต อุเทส คือคำอธิบาย รู้อาการจิตที่มันมีการเคลื่อนที่ รู้ว่ามันเป็นอาการนี้มันภายนอกและมีกิเลสร่วมหรือไม่ แล้วก็ต้องฆ่าล้างกิเลสภายนอกนี้ก่อน เมื่อล้างกิเลสภายนอกไปได้ก็จะเหลือกิเลสภายใน ตามมา ก็ฆ่ากิเลสภายในตามมา แล้วก็ฆ่ากิเลสภายในข้างในอีกจนหมดสุดจบก็เป็นอรหันต์ที่เป็นลำดับถูกต้องที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:30:20 )

การลดกิเลสมี 2 แบบ

รายละเอียด

สติทำให้เรารู้กิเลสไม่ว่าจะเป็นราคะโทสะ เราก็ต้องเรียนรู้ว่าจะลดได้อย่างไร การลดกิเลสมี 2 แบบพอรู้แล้วเราก็สะกดไว้ อันนี้เป็นธรรมดาธรรมชาติสะกดเป็นทุกคน กระทบแล้วเกิดกิเลสก็ไม่ให้กิเลสออกมาเต็มที่ไม่มีใครปล่อยออกมาเต็มที่หรอก เช่น กระทบอันนี้แล้วเกิดความโกรธก็จะแสดงความโกรธออกมาเต็มที่ก็ไม่ใช่หรอกจะต้องกดข่มไว้บ้าง

ราคะก็ตามเมื่อเกิดกิเลสตัวนี้จะแสดงออกมาหมดก็ไม่ใช่ มันจะต้องกดไว้ เป็นธรรมชาติ ยิ่งเรียนรู้ว่าตัวเองเกิดกิเลสแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ว่าราคะโทสะไม่ใช่ของจริงหรอก มันเป็นของคนโง่ เอ็งไม่ใช่ตัวจริงเอ็งไม่มีตัวตนอย่ามาหลอกข้าพระพุทธเจ้าบอกว่าอย่ามาหลอกเราเลย พระพุทธเจ้าตัดเรือนยอดของเอ็งได้หมดแล้ว พังทลายเรือนของเอ็งได้แล้ว อย่ามาทำเป็นแสดงออกมาเลย เอ็งไม่มีเรือนจะอยู่แล้ว

จะต้องมีสติรู้เท่าทันกิเลสราคะโทสะพิจารณาให้มันเป็นไตรลักษณ์ มันไม่ใช่ตัวจริงมันไม่เที่ยงหรอกมันมาแค่ตอนนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ไปเดี๋ยวมันก็มีตัวใหม่มา เกิดภพใหม่มีตัวใหม่มาตัวเก่าก็ผ่านไป ตัวใหม่มาแล้วก็ผ่านไปอีกเรื่อยๆ คนโง่ก็เจอมันตลอดเวลาแหละ คนฉลาดก็เจอตลอดเวลาเหมือนกันแล้วก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นมัน เห็นมันมีอาการอย่างนี้อย่าให้มันมีอาการ อย่าให้มันมีอำนาจในการที่ทำให้เราเกิดอาการจะต้องเอาต้องผลักต้องดูด ต้องไปกระทบสัมผัสกับคนอื่น ก็ให้เรียนรู้อย่าให้มันมีอาการเหล่านั้นให้ได้ ถ้าเราทำได้ก็จบ ทำยังไม่ได้ก็ต้องฝึกหัด ว่า อย่าให้มันมีอาการผลักหรือดูดในจิต จุดสำคัญก็อยู่ที่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นจะเกิดความผลักและดูดนี่แหละให้เราเรียนรู้ความผลักและความดูด ให้อยู่แต่กลางๆ เป็นแต่เพียงว่าเราสัมผัสแล้ว อันนี้เป็นสุจริตธรรมนะ สัมผัสแล้วน่าได้น่ามีแล้วเรามีสิทธิ์ไหมถ้าเรามีสิทธิ์ก็เอามาได้ตามควร อย่าไปตะกละตะกรามอย่าไปโลภมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน เตือนสติอย่างไรเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะตาย


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:35:45 )

การลดศีลพรตต้องทำอย่างไร

รายละเอียด

ถือ มันอาจจะหนักและยากเกินไปไม่เหมาะสมกับฐานะตัวเองก็ได้  ก็ลดลงเบาลงหน่อย แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องมีฐานศีล 5 ตั้งแต่ หยาบๆ จนละเอียดสูงขึ้น คุณก็ต้องเข้าใจว่า อธิศีลเป็นอย่างไร ก็จะสูงไปเรื่อยๆ ไม่ฆ่าสัตว์ ก็ไม่ลงมือฆ่าทางกาย วาจา ใจ ไม่ฆ่าทางกายได้แล้วดีแล้ว ทางวาจาก็ไม่ต้องไปบอกให้คนฆ่า ก็เนียนก็ไปหากายวาจาใจหรืออาการของจิตของคนมีความอยากให้เขาฆ่า กำหนดหมายให้ดี การรุนแรงกับสัตว์ รุนแรงกับคน รุนแรงกับใครเขา มันลดความรุนแรงของตัวเองลง เขาก็สัตว์เขาก็ชีวิตเราก็ชีวิต หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ เกื้อกูลกันเอ็นดูกัน ได้ช่วยเหลือกันแม้เขาจะทำชั่วทำผิดก็พยายามอย่าให้ทะเลาะกัน อย่าให้ปะทะกัน อย่าให้ทำร้ายกัน ให้เขารู้ ให้เขาเข้าใจ ว่า เราเป็นมนุษย์ด้วยกันได้ช่วยเหลือกันเกื้อกูลกัน พาให้กันเจริญมันดีกว่ามาอาฆาตมาดร้ายทำร้ายกันและกัน ซึ่งมันไม่ใช่ความรู้ลึกซึ้งอะไรมากมาย เป็นความรู้สามัญ ค่อยๆทำกันจริงๆ ปฏิบัติธรรมและความเจริญของจิตก็จะมีอยู่จริง เกิดจริงใจ จะมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขามันจะเกิดเห็นใจผู้อื่น เห็นใจสัตว์โลก มันไม่อยากทำร้ายกัน อาตมาเคยย้ำและอธิบายเสมอว่า ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวขึ้นมา เขาก็เป็นสัตว์แล้วเป็นจิตนิยาม ก็อย่าไปทำอะไรเขา มันจะเป็นวิบากกรรมและกันมันเป็นจริงๆเลย แม้ว่าทำดีแก่กันและกันก็เป็นวิบาก แต่เป็นวิบากที่ดีช่วยเหลือกัน แต่วิบากที่ไม่ดีไม่เอาไม่ควรทำ ก็ต้องละเลิกให้ได้ มันเป็นจริงทำแล้วก็เป็นอันทำ ของพระพุทธเจ้ากรรมเป็นอันทำ ทำกรรมแล้วไม่มีทางที่จะไม่ได้รับ บอกว่าไม่ใช่ของฉันมันไม่มีทางปฏิเสธได้เลย ปฏิเสธไม่ได้อย่างนี้เป็นต้น ต้องรับ มันก็เป็นของของเรา เราเป็นคนทำ กัมมสกตา กัมมทายาโท คุณต้องเป็นทายาทของกรรมตัวเอง พระพุทธเจ้าให้พิสูจน์เลย ท่านไม่ได้บังคับ จะว่าท้าทายก็ท้าทาย ให้พิสูจน์ความจริง แล้วคุณก็จะได้เจริญขึ้นตามลำดับ ศีลพรต ทำแล้วลดลงก็ต้องรู้ตัวเอง ทำแล้วเจริญจริง ต้องดูว่าอาการมันเจริญ มันเจริญอย่างไร มันเป็นประโยชน์คุณค่าอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:08:42 )

การละชั่วประพฤติดีเป็นกิเลสโลกีย์อย่างไร

รายละเอียด

อันนี้พูดเข้าท่า แต่การละชั่วประพฤติดีก็เป็นกิเลส ก็เป็นกิเลสโลกีย์ ของพระพุทธเจ้าต้องสร้างจิตให้เป็นพลังงานฌาน เผาไฟราคะโทสะโมหะได้ อันนี้แหละยากที่ฌาณฤาษี ถ้าสอนยังไม่สัมมาทิฏฐิก็ไม่มีฌานแบบของพระพุทธเจ้า ดับกิเลสไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:43:58 )

การละทิฎฐิ 3 

รายละเอียด

บุคคลรู้เห็นอายตนะ12  รู้เห็นวิญญาณ 6  รู้เห็นสัมผัส 6  รู้เห็นเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทั้ง 6 เป็นปัจจัย  รู้โดย ความเป็นของไม่เที่ยง (อนิจจโต)  จึงละมิจฉาทิฏฐิได้ . 

บุคคลรู้เห็นอายตนะ 12  รู้เห็นวิญญาณ 6  รู้เห็นสัมผัส 6  รู้เห็นเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทั้ง 6 เป็นปัจจัย  รู้โดย ความเป็นทุกข์ (ทุกขโต)  จึงละสักกายทิฏฐิได้ 

บุคคลรู้เห็นอายตนะ 12  รู้เห็นวิญญาณ 6  รู้เห็นสัมผัส 6  รู้เห็นเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทั้ง 6 เป็นปัจจัย  รู้โดย ความเป็นของไม่ใช่ตัวตน (อนัตตโต) จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ 

(พตปฎ. ล.18  ข.254 – 256) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:28:47 )

การละทิฏฐิโดยอาศัยไตรลักษณ์ของโลก

รายละเอียด

1. รู้-เห็น ด้วยองค์แห่งสัมผัส  รูป-ตา-จักขุวิญญาณ   รู้อยู่-เห็นอยู่แม้สุข-ทุกข์-ไม่สุขไม่ทุกข์ ที่เกิดโดยจักขุสัมผัส ฯลฯ ซึ่งรู้-เห็นโดยความไม่เที่ยง (อนิจจโต) จึงละมิจฉาทิฏฐิได้
2. ...ซึ่งรู้-เห็น ฯลฯ โดยเป็นทุกข์ (ทุกขโต) จึงละสักกายทิฏฐิได้
3. ...ซึ่งรู้-เห็น ฯลฯ โดยอนัตตา (อนัตตโต) จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ 
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 18  ข้อ 254 -256

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 12:30:26 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:13:09 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:18:21 )

การละเลิกเนื้อสัตว์นำไปสู่การได้ฌานได้หรือไม่

รายละเอียด

การละเลิกเนื้อสัตว์นำไปสู่การได้ฌาน ได้หรือไม่

พ่อครูว่า...ได้ ในศาสนาพุทธปัญญาเป็นฌาน เพราะว่า ฌาน เป็นพลังงานที่ฆ่ากิเลส จิตที่มีพลังงานกิเลสก็ถูกพลังงาน ปุญญาภิสังขาร เป็นพลังงานฆ่ากิเลสคนนี้แหละเป็นคนมีปัญญา สร้างพลังงานทำลายกิเลสได้กำจัดกิเลสได้เป็นลำดับ คนนี้แหละคือคนมีปัญญา ปัญญาเป็นพลังงานที่ไม่ใช่เฉโกหรือเฉกตา เป็นภาษาบาลีที่แปลว่าความฉลาดที่เป็นโลกียะฉลาดแบบปุถุชน ฉลาดแบบนายโดนัลด์ทรัมป์หรือนายทักษิณหรือธัมมชโย ฉลาดเฉโกฉลาดแบบโลกๆ ขออภัยฉลาดแม้จะเป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของโลกที่เป็นเทวนิยมก็ตาม ฉลาดถึงปานนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:53:33 )

การลืมตาทำให้เกิดสมาธิได้ตรงไหน

รายละเอียด

การลืมตาทำให้เกิดสมาธิได้ ..ได้ตรงไหน การลืมตานี่แหละเป็นการทำสมาธิของศาสนาพุทธ การหลับตาปฏิบัติสมาธิเป็นของเดียรถีย์ เป็นของนอกศาสนาพุทธ แต่พุทธก็รู้ พุทธก็ทำได้ พุทธก็เอามาใช้เป็นอุปการะมากด้วยเหมือนกัน ไม่มิจฉาทิฏฐิในการหลับตาทำสมาธิ ใช้ศัพท์ว่า ทำสมาธิ ก็หมายความว่า 

หลับตาแล้วก็คือให้จิตมันเป็นจิตตั้งมั่น จิตสะอาด จิตไม่มีกิเลส ก็ใช้จิตที่ไม่มีกิเลสนั่นแหละในขณะที่หลับตา ตรวจสอบ เตวิชโช เป็นต้น หรือ หลับพักผ่อนเป็นต้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็หลับตาแล้วก็ทำงานในจิต กิเลสเรายังไม่หมดไม่สะอาดสั่งสมลงเป็นสมาธิ เมื่อไม่มีอะไรกระทบสัมผัสในทวารอื่นข้างนอก ก็เหลือแต่ทวารใจ ก็ตรวจอาการของจิตในความจำไม่ใช่ความจริง 

จิตที่หลับตาแล้วเป็นจิตที่มีความจำไม่ใช่จิตที่มีความจริง ความจริงต้องมีปัจจุบันชาติ ตากระทบรูปในปัจจุบันนี้ หูกระทบเสียงในปัจจุบันนี้ ทวารทั้ง 5 กระทบสัมผัส รับรู้อยู่ในปัจจุบันเป็นวิญญาณฐิติ ถ้าไม่มีการลืมตาสัมผัสรู้ข้างนอกโดยพร้อมไปกับอาโลก มีแสงสว่าง รู้ร่วมกับคนอื่นเขา ไม่เรียกว่าเป็นความจริง แต่เป็นความจำส่วนตัว ของใครของมัน คนอื่นไม่รู้ด้วยเรา แต่ลืมตานี้ รู้ร่วมกันได้สัมผัสร่วมกันได้ มันต่างกันอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 16:13:50 )

การล้างกามตั้งแต่เบื้องต้น

รายละเอียด

เมื่อถูกกวนจากกิเลสต้องทำให้สงัดก่อนแล้วจึงสงบสงัด คุณก็ไม่สงัด เพราะกามของคุณอันเป็นของละได้ยาก ไม่ได้เป็นของละได้ง่าย คุณยังไม่ได้ทำเลย เพราะฉะนั้นคุณไม่ได้ทำการล้างกามตั้งแต่เบื้องต้น แต่คุณละเลยมาเสียแล้วไม่ใช่ละอย่างเว้นขาดออกจากแต่คุณละเลยมันมา พวกมีกิเลสมากปิดบัง จมอยู่ตั้งอยู่ในความหลง ห่างไกลลิบจากบันไดขั้นที่ 1 แล้วก็ทิ้งไปทำขั้นที่ 2 3 เลย คุณหลงตัวเอง คุณเพ้อฝันเองว่าคุณขึ้นไม่เป็นลำดับ ต้น กลาง ปลาย อย่างอัศจรรย์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28  ตุลาคม   2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:10:45 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:09:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:19:30 )

การล้างจิต

รายละเอียด

การทำนิสัยตนเองใหม่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม  2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:40:34 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:39:46 )

การล้างอวิชชา

รายละเอียด

 ต้องได้พบสัตบุรุษจึงล้างอวิชชาออกไปได้  ต้องตั้งใจเอาประโยชน์ให้ได้ มีความยินดีให้เต็มที่ เห็นคุณค่าแห่งความเป็นประโยชน์ เพื่อทำให้วิชชาจรณะสมบูรณ์ การไม่คบคุ้นกันกับสัตบุรุษมันรู้ไม่เต็ม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:20:06 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:16:15 )

การล้างอัตตา

รายละเอียด

การล้างอัตตา  คือ  ต้องมาเรียนรู้ความสุข  ความทุกข์ ความสุขความทุกข์นั้น  ล้างความสุขความทุกข์ออกจากความยึดติด  หรืออัตตา  ล้างสุขล้างทุกข์ออก  อัตตาคุณก็ลดลง  ความสุขความทุกข์ไม่มีปัญหา คุณปล่อยความสุขก็ได้ปล่อยความทุกข์  ก็ได้ปล่อยไปเลย  หมดเลยความสุขความทุกข์สูญเลย

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 15:31:09 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:18:13 )

การล้างอัตภาพ ล้างจิตนิยามที่มันยึดอยู่

รายละเอียด

ติดยึดตั้งแต่วัตถุโลกข้างนอกและภายในถึงรูปภพ อรูปภพ กว่าจะล้างหมดเกลี้ยงเป็นนิพพาน มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ ตรัสรู้ถึงการล้างอัตภาพ ล้างจิตนิยามที่มันยึดอยู่ เป็นธาตุจิตที่มันจับตัวมาตั้งแต่เป็น พีชนิยาม มาเป็นจิตนิยาม มันยึดติด มันมีอวิชชาหลงยึดติดมานานแสนนาน นาน ไม่ใช่เรื่องแค่ 5 ชาติ 10 ชาติแต่มันล้านล้านชาติ มันเกินกว่าที่จะคิดได้ อาตมาพูดไปนี้ไม่ได้หมายความว่าอาตมาคิดไปเอง มันไม่ใช่ความรู้ที่คิดเอาเองคิดง่ายๆ คิดเอาไม่ใช่ มันเป็นความรู้ที่อาตมาอาศัยการศึกษาการประพฤติปฏิบัติ จนมาเป็นโพธิสัตว์กว่าจะรู้เรื่องทำลายได้ ก็คือของเรา อัตภาพของเราที่มันติด แล้วที่จะพูดได้อย่างกว้างขวางอย่างที่อาตมาพูด มาเป็นโพธิสัตว์ และก็จะต้องเรียนรู้ของคนอื่นของเขาแล้วพิสดารแตกต่างกันไปอีก ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไม่เหมือนใครทั้งนั้น ไม่มีใครเลยที่จะมีระบบของชีวิตเกิดในแต่ละชาติมาแล้วมีกรรมมีวิบาก เหมือนกันเป๊ะหมดเลยไม่มี แต่ท่านก็ศึกษา แล้วก็พูดเข้าไปแล้วมันจะมาเหมือนกันตรงที่จะมาล้างจากมีความหลากหลาย ที่ไปติดหลากหลาย ก็มาหาน้อยลงน้อยลง และจะมาเหมือนกันเข้าใกล้กันก็คือน้อยลงน้อยลง ที่สุดมาเหลือ 2 หน่วย ก็จะใกล้กันที่สุดเหมือนกันที่สุด ใกล้กันที่สุด คล้ายกันที่สุด ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวที่จะเหมือนกันที่สุด และเหมือนที่สุด สุดๆแห่งที่จะเหมือนก็คือศูนย์ไปเลย ศูนย์ไปเลยนี่ เหมือนจนไม่มีอะไรไม่เหมือน

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:03:20 )

การวนเวียนของพลังงานอุตุ ชีวะ และจิตนิยาม

รายละเอียด

ได้ มันก็วนเวียน คือ พลังงานอุตุคือวัตถุธรรมดายังไม่มีชีวะ สักวันมันก็หลุดออกจากพลังงานที่เป็นวัตถุทั้งหลาย ที่เป็นพลังงานสสารของอุตุ หลุดออกมา จับตัวเป็นชีวะได้เป็นเซลล์แรก เซลล์แรกนี่ จะเป็นเซลล์พีชะก่อน พัฒนาจากอุตุมาเป็นพีชะเป็นชีวะ แล้วก็จะติดอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสว่ามันติดอยู่ในห้อง ครรภ์ทัพโภ ภาษาวิทยาศาสตร์คือ cytoplasm กับ protoplasm 

Protoplasm คือเปลือกนอกหรือห้อง Cytoplasm คือข้างใน ตัวชีวะ จะติดอยู่กับ photoplasm แยกไม่ออก จนกระทั่งเต็มที่เต็มตัวถึงจะหลุดออกมาแตกตัวออกมาเป็นตัวเองได้ ไข่นี่ ไม่ใช่มดลูก มดลูกเป็นโปรโตพลาสซึม เป็นห้องให้ไข่ผสมกับเชื้อของผู้ชาย ผสมและเกิดเป็นตัวตนรูปร่างขึ้นมาค่อยขยายขึ้นมาอีกที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:23:32 )

การวนแบบก้นหอย 

รายละเอียด

การวนแบบก้นหอย  คือ  ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะวน  แต่วนอย่างเป็นลำดับ วนมาเกือบ 50 ปี แต่วนแบบก้นหอย  แต่มีขั้นตอนที่สูงขึ้นๆ ไปหายอด แต่คนไม่รู้จะบอกว่าวน  มันก็ซ้าย ขวาอย่างเก่า  แต่มีขั้นเพิ่มขึ้นมา  คนไม่เข้าใจ  จะไม่รู้จัก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:48:47 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:19:53 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:21:31 )

การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์

รายละเอียด

อาตมาวันนี้คิดว่าจะเอา การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ สิ่งที่สร้างแล้วก็มาตีราคาตีค่ากันขึ้นมาแล้วก็วัดค่า การวัดค่า วัดคุณค่าของมนุษย์ เช่น ค่าของเงิน กับค่าของอาหารที่คนบริโภค เช่น รายได้ของอาวุธทำลาย กับการเสียสละพืชพันธุ์ธัญญาหาร 2 คู่นี้ อาตมาหยิบขึ้นมาเอาพยัญชนะจับสภาวะ 2 อย่างนี้ มาอธิบายในวันนี้

เอาคู่แรกก่อน ค่าของเงินกับค่าของอาหารที่คนบริโภค เงินเป็นกระดาษที่มาสมมุติขึ้น ตีราคาตีค่าตีตัวเลขได้ว่า เงิน เป็นกระดาษไม่มีค่าจริงๆเลย แต่ พืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นสิ่งที่มีค่า ของมนุษย์ มนุษย์ต้องกินอาหาร จะสูงส่งขนาดเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องฉันอาหาร เสวยอาหาร มีค่ายิ่งกว่ากระดาษเงิน มีค่าจริงๆ อาหารที่คนบริโภค กับเงิน เปรียบเทียบกันแล้ว ค่าของอาหารที่คนบริโภค สูงกว่าค่าของอาวุธ ต่อให้ประเสริฐ ต่อให้ทำลายได้เก่งมีประสิทธิภาพ ตูมเดียวประเทศนี้แหลกไปหมดทั้งประเทศเลยก็ตาม นั่นแหละยิ่งชั่วหนัก ยิ่งโง่หนัก ยิ่งบาปหนัก 

แต่อาหารนี่ เริ่มตั้งแต่ กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าวที่กินเข้าไปในปาก ทุกคนชาติไหนศาสนาไหนทุกคนต้องกินอาหาร เครื่องอาศัยที่กินเข้าไปสังเคราะห์ ปรุงแต่งร่างกาย ให้ร่างกายมันทรงอยู่ได้ ค่ามันต่างกันมากที่สุด แต่อาหารราคาแพงไม่ได้ อาวุธราคาแพงเท่าไหร่มันก็ใส่เข้าไป แพงเข้าไป เท่าไหร่ๆ ก็ไม่มีใครห้ามอยู่หรอก เอาเปรียบเอารัดมนุษย์พวกนี้บาปๆๆๆ นอกจากสร้างอาวุธมาเพื่อฆ่าคนแล้ว ยังมาโลภโมโทสัน ขายให้แพงสร้างอำนาจในการสร้างอาวุธได้เก่งแล้วก็เบ่งอำนาจกัน คนๆนี้ อย่างอเมริกาเบ่งกับยูเครนส่งอาวุธให้ยูเครน ยูเครนก็ต้องสยบแก่อเมริกา อเมริกาสร้างโดยวิธีส่งอาวุธให้แก่ยูเครนไปสู้กับรัสเซียอย่างนี้เป็นต้น สร้างอำนาจบาตรใหญ่ สร้างอาวุธมาเพื่อจะสร้างค่าให้แก่ตัวเอง อย่างสหรัฐทำนี้บาปกินหัวจริงๆสหรัฐเอ๋ย ไม่รู้จักสัจจะความจริงอันนี้น่าสงสาร อาตมาพูดนี้พูดจริงๆ สงสารอเมริกา ทำไมทำโง่ไม่เสร็จจริงๆเลย แล้วใหญ่ เดี๋ยวนี้เขาใหญ่ไม่เท่ากันหรอก อเมริกาลดลงไปเยอะแล้ว แต่เขาไม่รู้ตัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์  วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565  ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 11:42:53 )

การวิพากษ์วิจารณ์

รายละเอียด

หากไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์สังคมก็ไม่ก้าวหน้า ไม่กระเตื้อง จม ใครจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่างเขา เราก็ไม่ว่าใครอะไร คุณอยู่ในสังคมก็ไม่มีคุณค่าอะไรเลย แม้แต่สังคมนี้น่าช่วยเหลือกัน แต่ยิ่งไม่บอกใครเลย บุคคลก็ไม่มีวิพากษ์วิจารณ์ใคร สังคมก็ไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร อันนี้อาตมาไม่เอา ไม่มีประโยชน์คุณค่าต่อสังคมเป็นระบบ  เทวนิยมของฤาษี  หนีเข้าป่าขุดรูอยู่ อันนี้ไม่ใช่ลัทธิพุทธ ซึ่งเป็นลัทธิที่มีประโยชน์ต่อสังคม นั่นคือความเป็นพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 มกราคม  2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:00:25 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:22:41 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:25:34 )

การวิมุติหลุดพ้นของชาวอโศกมีรูปธรรมชัดเจน

รายละเอียด

ใช่ มันไม่งมงาย มันรู้จักประโยชน์คุณค่าหรือความไร้ประโยชน์และไร้คุณค่า นอกจากไร้ประโยชน์คุณค่าแล้วยังเพ้อพกละเมอไป มันยิ่งมีความจริงว่ามันเป็นนิรมานกาย เป็นสิ่งที่สร้างลมๆแล้งๆแล้วไปหลงใหลว่าเป็นทิพย์ เป็นสิ่งวิเศษอะไรต่ออะไรไปเป็นเรื่องลึกซึ้งของจิตวิญญาณที่สามารถเป็นได้ไปโน่นเลย มันก็เลยยิ่งไม่ได้ประโยชน์ไม่ได้คุณค่า และเพ้อเจ้อหลงใหลเลอะเทอะ หนักเข้าเป็นบ้าได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกฯ#45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:17:31 )

การวิเคราะห์พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์

รายละเอียด

คือ มีผู้ที่ขอให้สมณะโพธิรักษ์วิเคราะห์พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์  เพราะการแสดงออกของท่านเปลี่ยนไปมาก สมณะโพธิรักษ์ได้วิเคราะห์ว่าพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ถ้าจะพูดให้ชัดคือ เป็นคนที่หลงตัวเอง แล้วก็ไม่สำนึก แม้ใครจะมาตำหนิอะไรเขาก็ไม่สำนึก ขนาดถูกปราม ถ้าเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ทั้งตำแหน่งหน้าที่ฐานะที่ผ่านมา รับมา ได้ผ่านวาระมาถูกไล่ออกจากห้องประชุมสภาไปมัน ไม่ใช่เรื่องเล่น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:11:50 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:25:45 )

การศรัทธาผู้ที่อยู่ในฐานะครู

รายละเอียด

คือ  การศรัทธาเข้าไปฟัง ต้องเข้าไปอย่างจริงจัง  ไม่เช่นนั้น ทำอย่างเสแสร้ง ไม่ศรัทธานั้นไม่ได้กินหรอก  เข้าไปตั้งความละอาย  หิริ หรือเกรงกลัว  โอตตัปปะ  เป็นคุณธรรม ที่จะเป็นผู้ที่เจริญต่อไปเรียกว่า เป็นเทวดา  ถ้าไม่มีจริง ก็เป็นเทวดาเก๊  คุณต้องมีคุณธรรม มีความละอายต่อบาป  ละอายต่อความชั่ว  ละอายต่อสิ่งที่ไม่ดี  ไม่งามทั้งหลายตามฐานะ เช่นศีลข้อที่ 1 คุณก็ละอาย  ศีลข้อที่ 2  คุณก็ละอาย  ศีลข้อที่ 3 ยังไปติดในรูปรส กลิ่น เสียง สัมผัส  ก็ละอาย  มันเป็นคุณสมบัติ คุณธรรมของแต่ละคนที่รู้สึกเอง ระลึกเอง แม้เราไม่รู้สึกจริงก็ต้องทำความรู้ให้เป็นไปตามความรู้ที่เรารู้  สร้างความรู้สึกในความรู้สึก สร้างเวทนาในเวทนา เมื่อคนสร้างจนเกิดปัญญาจนเกิดภูมิธรรม จริงขึ้นมา  มันก็เป็นสัจจะตัวจริง ละอายจริง เกรงกลัวต่อสิ่งไม่ดี ไม่งามจริง จนถึงขีด  ละอายต่อสิ่งนี้  จน โอตตัปปะ เกรงกลัว ในปัญญาของพระโสดาบันข้อที่ 3 เหมือนกับเด็กน้อย มือถูกๆไฟร้อน  ก็รีบชักมือออก  เหมือนคนละอาย ก็จะหยุดไม่ทำชั่วต่อ  และจะรีบปลงอาบัติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศกวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:06:33 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:07 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:26:04 )

การศึกษา

รายละเอียด

"การศึกษาที่ไม่ลดกิเลส กู้ประเทศไม่ได้" ศึกษาได้สูงส่งมากหลาย เก่งเยี่ยมยอด ขนาดไหนก็ตาม ไม่ใช่หลักประกันของสังคม แต่กลับจะเป็นเครื่องทำลายสังคม

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 49


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2562 ( 12:34:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:08 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:22:38 )

การศึกษา 3

รายละเอียด

คือ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา หรือนี่เป็นการศึกษาของศาสนาพุทธมีเท่านี้แหละ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  ไตรสิกขา ก็คือ  จรณะ  15  วิชชา  8  ไม่มีอื่นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 25  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:37:10 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:10 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:26:45 )

การศึกษา พระไตรปิฎก

รายละเอียด

คือ สมณะโพธิรักษ์  อ่านศึกษาพระไตรฎก เข้าใจตามภูมิของท่านแล้วส่วนมากที่ท่านอธิบายขยายความ  สาธยายทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องของโลกุตระส่วนมากจนเกือบหมด  คนในโลกียะก็หาว่าท่านมาตำหนิติเตียน เพราะว่ามันตรงข้ามกัน  ค้านแย้งกัน เขาก็เลยเพ่งโทษท่าน  ก็ต้องได้แต่ขออภัยเขา ไม่ได้เจตนาจะทำให้เขาต้องเสียความรู้สึก  ยิ่งไปว่าคนที่เขาจะถือว่าเป็นอรหันต์ ท่านก็บอกว่าเป็นอรหันต์เก๊  มันก็เลยดูแรงมากก็เลี่ยงไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็จำนนที่จะต้องเป็นแบบนี้  แล้วที่จริงแล้วผู้ใดมีปฏิภาณไหวพริบ ก็จะชัดเจนว่าความจริงมันถูกต้องแล้ว เป็นความจริง เพราะท่านพูดสิ่งที่อธิบายว่า เป็นสิ่งที่ถูกมันไปค้านแย้งกับสิ่งที่เขายึดถือกันอยู่  อาจารย์สำนักต่างๆ แม้แต่เถระสมาคม แม้แต่อาจารย์สำนักใหญ่  ก็เลยยิ่งชัดเจนว่า  ถ้าพวกคุณว่าท่านผิด  พวกคุณก็ถูก  ถ้าพวกคุณผิดท่านก็ถูก เขาไม่ยอมหรอก  แต่ท่านจะไปประนีประนอม ไปยอมหยวนๆ มันไม่ได้ผิดก็ต้องว่าผิด  ผิดมากผิดน้อย  ผิดตรงกันข้ามเลย  ก็ต้องบอกความจริงให้กระจ่างท่านไม่เป็นคนประนีประนอม อมพะนำ ไม่ขี้ตู่ ไม่เก้อเขิน  ไม่เหนียม ไม่สะท้านแต่คนที่เขามองว่า  ท่านก็ว่าหน้าด้าน  แข็งเกิน ไม่ประนีประนอม ไม่ยืดหยุ่นไม่ปรองดอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:34:35 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:23:41 )

การศึกษาของปฐมอโศก

รายละเอียด

การศึกษา ปฐมอโศกปีนี้มีเด็กมาสมัคร ม.1 ทั้งหมด 20 คน ไม่ผ่าน 1คน ถอนใบสมัคร 1คน เหลือ 18 คน รายงานทางเฟสบุ๊คของโรงเรียนก็ 17 คน ชาย 9 คน หญิง 8 คน นี่ก็มีสอนกันทางออนไลน์ มีผอ. อาจ๋าย พี่โอ้ อาใจกลั่นสอนออนไลน์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 10:46:42 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:10 )

การศึกษาของพระพุทธเจ้าเรียนรู้สิ่งใด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการศึกษาของพระพุทธเจ้าจะเป็นการศึกษาที่ให้เรียนรู้ ในความเป็นคน ในความเป็นจิต ในความเป็นอัตภาพ ในความเป็นอัตตา แล้วรู้ครบหมดเลย อัตตา จิต คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก แล้วก็ดับ ความเป็นคนได้ด้วย เลิกความเป็นคน เลิกความเป็นจิตความเป็นอัตตาได้ ได้ตั้งแต่ตอนเราเป็นๆ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้จริงๆไม่ใช่พูดเล่น ไม่ใช่โวหารโก้ๆ จะอยู่ก็อยู่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:18:49 )

การศึกษาขั้นพื้นฐานกับการพัฒนาคุณธรรมไปด้วยกันได้อย่างไร

รายละเอียด

เรารู้ระดับของความเป็นเอกเป็นรอง ความเป็นเอกของจิตวิญญาณเป็นแก่น ความเป็นเรื่องของโลกเป็นเรื่องรอง เราไม่สับสน เราตัดสินได้ อย่างไรเราก็รู้ว่าเรามาจบที่จิตวิญญาณ ความเป็นโลกก็ได้เท่าที่สามารถทำได้เราไม่แข่งกับโลก โลกเขาเป็นโลกจินตา  ไปไม่หยุดไม่มีเขตแห่งความพอไม่มีจุดจบจุดพัก เพราะฉะนั้นเราไปตามเขาไม่ได้ เราจึงมีจุดพอจุดสบาย มีจุดที่มั่นใจว่าเรามีสันโดษ เรามีความเข้าใจชัดเจนตามคำสอนพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับท่าน Lopen Gembo Dorji แห่งภูฏาน

เรื่อง การพัฒนาโรงเรียนและการวางรากฐานพุทธศาสนาในระดับมัธยมศึกษา วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ลานหินนั่งหน้าน้ำตกบวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 20:38:15 )

การศึกษาควรเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เขาว่าอย่างนั้น ผู้ที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเรียนเพื่อจบแล้วจะได้ไม่มีงานทำ แล้ว แต่เรียนแล้วก็ตกงาน แต่ที่นี่เรียนแล้วก็รู้ว่าเราควรทำงานอย่างนี้อย่างนี้อย่างที่อาตมาพาทำ คือเป็นพวกที่รักษาตัวรอด พวกที่เรียนแล้วก็ไม่รู้จะไปทำอะไร เรียนจบมาแล้วก็ตกงานก็จริงเต็มไปหมด เตะฝุ่น บางคนปริญญาเอกปริญญาโทแบกกันว่ากูใหญ่กูใหญ่ หางานทำที่เหมาะสมกับตัวเองก็ไม่ได้

ที่ถามนี้ มันเข้ากับยุคสมัยจริงๆเขาไม่รู้ คนที่รู้อย่างพวกอโศกก็ได้ คนที่รู้ก็มาเอาคนที่ไม่รู้เขาก็ไป ไปบังคับกันได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การศึกษาบุญนิยม) ตอน การศึกษาควรเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:29:48 )

การศึกษาต้องมีข้อด้อยและข้อดี

รายละเอียด

การศึกษาต้องมีข้อด้อยและข้อดี การศึกษาที่หาแต่ข้อดี ไม่เอาข้อด้อย มันจึงไม่เต็มเต็ง จะบอกว่าเอาแต่ดีของเขา อย่าเอาความชั่วของเขาเลย อย่างที่ท่านพุทธทาสว่าไว้ มันก็ขาเป๋ขาหัก มันไม่เต็ม ใช้ไม่ได้ ต้องเรียนทั้งชั่วทั้งดี และเราก็ดีอย่างนี้จริงนะ คนเขาเป็นกันจริงๆได้ ไม่ใช่เรื่องใส่ไคล้หาความ แต่เป็นเรื่องจริงๆ ให้มาตรวจสอบเราก็อย่าไปทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างนั้น เอาแต่สิ่งที่ดีมาทำ ความดีที่ควรเป็นได้ อันไหนความดีที่เป็นไม่ได้ ก็ทำไม่ได้ บางอันคิดออกมาโดยที่เป็นจริงไม่ได้ เอาเรื่องประพฤติเลวร้ายอย่างไรมาสมมุติ มันก็คิดได้ หรือคนดีอย่างเลยเถิด ก็เอามาพูดได้ แต่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงตัวอย่างอ้างอิง จะเอามาพูดทำไม ท่านให้ใช้ที่มีหลักฐานอ้างอิงยืนยันได้ มีตำนานมีในประวัติ อยู่ในสิ่งที่พอจะอ้างอิงยืนยัน ถ้าไม่มีอะไรอ้างอิงยืนยัน มันเป็นการฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ เป็นอบายมุขเข้ามา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:41:08 )

การศึกษาต้องศึกษาทั้งผิดและถูกจะได้ชัดเจนที่สุด 

รายละเอียด

อาตมาพูดชัดเจนทุกความจริง ซึ่งเป็นความผิดของคุณก็เลยรู้สึกว่าอาจจะแรง เขาว่ามันด่ากูว่ากูผิด อย่างเช่นโดนัลด์ ทรัมป์ เขาก็บอกว่ากูไม่ผิดคนอื่นผิดทั้งนั้น ศาลจะตัดสินความผิดโดนัลด์ ทรัมป์ ตอนนี้จะพิจารณาคดีความผิดทางการเงินทางการใช้อำนาจบาตรใหญ่เขาจะเจออีกเยอะ อาตมาว่าน่าจะพิจารณาให้จบ โดนัลด์ ทรัมป์ คงไม่อยู่ให้พิจารณาจนจบ มันจะเป็นอย่างนั้น เอามาวิจัยวิจารณ์ว่าอย่าเอาเยี่ยงอย่างเช่นนี้ เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่ไม่ควรเอาอย่างแต่เป็นการศึกษา ขอบคุณเขาก็ได้ที่เขาให้มาเป็นตัวอย่างทำอะไรอย่างนี้มา เขาเป็นตัวอย่างให้เรา เหมือนอย่างที่อาตมาขอบคุณมหาบัว หรือพระเทวทัตก็เป็นตัวอย่างอย่างหนึ่งที่ไม่ดี การศึกษาต้องศึกษาทั้งผิดและถูก ศึกษาทั้งสองด้านมันจะได้ชัดเจนที่สุด 

คุณอยากรู้ขาวคุณจะต้องมีดำมาเทียบ คุณจะต้องมีเทาให้เทียบ บางทีมันเหมือนกับขาวมากเลย อย่างเช่นพระจูฬปัณถก ลูบผ้าขาวก็เห็นความไม่เที่ยงของผ้าขาวก็บรรลุธรรมได้ เห็นความไม่เที่ยง เห็นความปรุงแต่งว่ามันไม่ใช่อันเดิมมันไม่ใช่อันเก่า ก็เลยเห็นว่าตัวเองโง่มาทำอะไรปรุงแต่งอยู่ได้ การทำให้เกิดความดำขึ้นมา ก็เกิดจากการปรุงแต่งทำอยู่นั่นแหละเสียเวลาทุกข์ทรมาน ไม่ได้เรื่องเป็นความโง่ เกิดปฏิภาณรู้รอบ มีเหตุปัจจัยทำให้บรรลุได้ 

พระพาหิยะทารุจริยะฟังธรรมะพระพุทธเจ้าสี่กัณฑ์ สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าสัมผัส ได้รับรส เป็นอุคติตัญญู เป็นบัวที่ใกล้จะพ้นน้ำอยู่แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:19:56 )

การศึกษาต้องให้ความรู้ ไม่ใช่ให้อาวุธ

รายละเอียด

พูดแล้วก็ภูมิใจตัวเองที่อาตมาเกิดมาได้สร้างระบบเศรษฐกิจที่ดีที่สุด เอาคนมาปฏิบัติศึกษาให้เกิด “ปัญญา” ความรู้เพื่อมารับใช้มวลชน ผู้ได้ความรู้(“ศาสตร์”) ก็เป็นผู้เสียสละเพื่อมวลชน แต่ผู้ไปได้ ศาสตรา  ก็เอาศาสตราไปล่าปวงชน ใช้เป็นอาวุธในการที่จะไปเอาเปรียบเบียดเบียนปวงชน เพราะการศึกษาก็คือต้องให้ความรู้ (ศาสตร์)ไม่ใช่ให้อาวุธ (ศาสตรา)…..นี่เป็นสัจจะ!

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:42:21 )

การศึกษาที่มีคุณค่าต้องศึกษาทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เราทำการศึกษามา 20-30 ปีแล้วมันไม่เสียหาย พูดไปแล้วเหมือนจะยกย่องตัวเองเกินไป มันจะกลายเป็นยกย่องตัวเองเลอเลิศก็ไม่ขอพูดต่อ ก็ยกฐานะการศึกษาให้มีคุณค่ามีประโยชน์ โดยเฉพาะทางจิตวิญญาณ การศึกษาทุกวันนี้ ทางโลกๆทั่วไปเค้าไม่คำนึงถึงเรื่องจิตวิญญาณเลย พูดได้อย่างนั้นเลย จิตวิญญาณจึงเสื่อมลงเรื่อยๆ ในกาละเวลา แม้จะเป็นในวงการของศาสนา เช่นศาสนาคริสต์ อิสลามก็ตาม เขาเอาใจใส่ในเรื่องของศาสนา อิสลาม เขาเอาธรรมะไปผนวกกับการศึกษาเลย ขนาดนั้นก็ไม่ใช่ง่ายที่จะรักษาธรรมะให้มันดีสงบเนียน มีเนื้อหาเมตตากรุณากันจริงๆ มันไม่ทีเดียว ศาสนาคริสต์ อาตมาว่าการศึกษาของศาสนาคริสต์ยังดีกว่าการศึกษาของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธละเลยในการศึกษา การศึกษากับเรื่องธรรมะไปคนละทาง ดีไม่ดี การศึกษาในวงการพระ ในวงการมหาวิทยาลัยสงฆ์ ก็นำเอาเรื่องของฆราวาสไปปนเลอะเทอะเข้าไปอีก ทุกวันนี้ใครอยากได้ด็อกเตอร์ ก็ไปเข้ามหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ได้ด็อกเตอร์ ได้เร็วง่าย เอา ก็วิจารณ์หนัก ก็พอสมควร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม  2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 19:41:19 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:35 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:27:39 )

การศึกษาที่ไม่ลดกิเลส กู้ประเทศไม่ได้

รายละเอียด

อาตมาเน้นย้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว ว่า “การศึกษาที่ไม่ลดกิเลส กู้ประเทศไม่ได้” เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มีเรากระทำ สามารถฆ่ากิเลสได้ จัดการกิเลสได้ เพราะฉะนั้นการศึกษาในขั้นที่จัดลดกิเลสได้ อันนี้แหละผู้บริหารเอ๋ย อาตมาก็ขออภัยที่ต้องพูด เถรสมาคม เขาให้ไม่ได้แล้ว ในเรื่องของโลกุตระ เพราะว่าเขาไม่มีเขาไม่สามารถจะให้ได้ พวกคุณก็ต้องเกรงใจเถรสมาคมเพราะเป็นความหวังของประเทศ ก็อาตมาก็ยกให้ ไม่แย่งชิง เป็นแต่เพียงว่าคนก็เอาความรู้นี้ไปใช้สิมันเป็นเรื่องของนามธรรม เถรสมาคมจะทำเรื่องของรูปธรรมก็ทำไปเลยเต็มที่ อาตมาไม่ไปแย่งชิงแทรกแซง แต่ว่านามธรรมคุณมาเอาสิ คุณธรรมของพระพุทธเจ้ามาเอาอันนี้แล้วเอาไปใช้กับประชาชน เพื่อจะเปลี่ยนการศึกษาของประชาชนให้เป็นการศึกษาระดับโลกุตระที่มันสามารถ มีการลดกิเลส โรงเรียนประถม มัธยม อุดมศึกษา ปริญญาตรี โท เอก ก็คนมีความรู้อันนี้ไปด้วยอย่างที่ชาวอโศกทำ ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชชา อย่างนี้เป็นต้น จะได้จริงมากน้อยก็แล้วแต่ ถ้าได้องค์รวมระดับประเทศ อาตมาว่าประเทศไทยรุ่งโรจน์ เด็ดขาดเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:07:53 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:23 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:24:33 )

การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้

รายละเอียด

อาตมามองการศึกษาของโลกทั้งโลก เป็นการศึกษาแบบติดอาวุธให้มนุษย์ไปล่าลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขให้แก่ตนเองและพรรคพวกเสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็หวงอำนาจ หวงผลประโยชน์ ลุ่มหลงองค์ประกอบของชีวิตว่า มันต้องเต็มไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ  และโลกียสุข คนก็อยู่กับโลกธรรมเท่านี้แหละ สำหรับคนทั้งหลายที่ไม่ศึกษาสัจธรรม ฉะนั้น สรุปได้ว่าการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อความลดกิเลส ลดตัวตน อาตมาถึงออกคำขวัญ (Motto) ว่า “การศึกษาที่ไม่ลดกิเลส กู้ประเทศไม่ได้!” ฟังไว้ไม่ว่าจะเป็น Academy นี่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนจำไว้เชียว การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:43:59 )

การศึกษาธรรมะ

รายละเอียด

อาตมากำลังอธิบายธรรมะนะ การศึกษาธรรมะทำให้เราเกิดญาณ ปัญญา มีชีวิตหลุดพ้นห่างจากสิ่งเหล่านั้นไปด้วย  ทั้งในธรรมชาติธรรมดา ธรรมชาติธรรมดาผู้ที่หลุดพ้นไปได้อย่างดี จะมีกำแพงไร้สภาพมาป้องกัน โดยที่เราไม่รู้ตัว เรียกว่าบารมี

ยกตัวอย่างอาตมาไม่ได้พูดอย่างอวดดีท้าทาย อาตมาไปเข้าสู่สนามรบ คนมายิงปืนหรือระเบิดไม่ถูกอาตมาหรอก มันมีกำแพงไร้สภาพกันไว้ นี่คือเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมคนรู้ได้ยากแต่มีจริง อาตมาไม่ได้ประมาทนะ อาตมาอยู่ในสนามรบ เข้าไปประท้วงกับเขา มันยังมีวิบากอยู่ อาตมายังเจอกระแสแก๊สพิษบ้าง อาตมาอยู่บนนั้นอย่างท้าทายคงจะยิงก็ยิงไป คุณก็ไม่รู้ว่าเราคือเป้าหมาย ทั้งที่อาตมาควรจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่เขาจะเล็งปืนใส่ด้วยซ้ำ เขาก็ไปยิงใครไม่รู้ ระเบิดไปลงที่ไหนก็ไม่รู้ แต่อาตมานั้นเหมือนเขาไม่รู้ไม่เห็นความสำคัญ ทั้งที่อาตมาก็แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะอยู่นะ เป็นแม่ทัพใหญ่เป็นผู้บงการอยู่เขาก็ไม่... เห็นไหม นี่ไม่ได้พูดท้าทายอวดดีแต่พูดถึงเรื่องของสัจจะ เป็นเรื่องซับซ้อนที่รู้ได้ยากระวังอย่าประมาทถ้าบารมีไม่ถึงมันก็ตายอย่างเดียว ไปล่อเป้าเขา แต่อาตมาไม่ได้ล่อเป้า ไปอยู่ในนั้นเหมือนกันแต่เขาจะเห็นเหมือนไม่เป็นตัวสำคัญ มันหมุนเวียนกลับไปกลับมา เป็นสัจจะ

ราชธานีอโศกต้องการคน = ให้คนเข้ามาร่วมสร้างร่วมสรร มันจะมีสถานที่ อาตมาจะทำสถานที่ให้เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ จะเป็นตลาดวัตถุ ตลาดแรงงาน ให้คนได้มาซื้อมาขาย มาแลกเปลี่ยนให้เกิดเศรษฐกิจ ให้เกิดเศรษฐศาสตร์ที่มันเป็นของดี เป็นของสะอาดบริสุทธิ์แล้วก็ไม่ไปโลภโมโทสันเอาเปรียบเอารัดอะไรกัน เป็นเศรษฐศาสตร์ชนิดใหม่ เป็นเศรษฐศาสตร์ที่เอื้อเฟื้อเจือจารเกื้อกูลเป็นตัวอย่างของโลก ที่มีการค้าขายที่มีขายยันระดับแจกฟรี ระดับต่ำกว่าทุน ระดับเท่าทุน ระดับต่ำกว่าราคาตลาด

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:04:37 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:16 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:28:16 )

การศึกษาธรรมะทางโลกน่าสงสารอย่างไร

รายละเอียด

ยืนยันความจริงตามจิตเราแต่ละคน เราอยากรู้ว่าเราจะแค่ไหน ยิ่งพวกเราพยายามเอาบัญญัติพระพุทธเจ้ามาสรุป ตีกรอบ

โสดาบันต้องมีจิต กายวาจาใจอย่างนี้มันทำได้ เพราะว่ากรอบโสดาบันทำได้แต่กรอบสกิทาก็ยากขึ้นกรอบอนาคา อรหันต์ ผู้ได้ก็กำหนดกรอบตัวเองได้

พวกเราศึกษาธรรมะแล้วเอาจริงทำให้เกิดผล แต่ทางโลกน่าสงสาร ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ แล้วก็เหลิง การบวชเป็นอาชีพชนิดหนึ่งของมนุษย์ ส่วนผู้มาบวช ตั้งใจหลุดพ้นก็มีแต่เทียบกันไม่ได้ เขาถือว่าเป็นพระป่า พวกบวชไม่อยากได้หลุดพ้นเป็นพระบ้าน เทียบไม่ได้เลย พระสามแสนรูปจะมีพระป่าถึงห้าหมื่นไหม ไม่ถึง นอกนั้นเป็นพระบ้านหมด

ยิ่งดูแล้วน่าเห็นใจน่าสงสาร แต่ผู้บงการศาสนาคือผู้หันไปหานรก ก็เลยยากมากๆ พูดเขาก็ว่ามาจากไหน ทำเก่ง โบราณาจารย์สอนมาอีกแบบ คือเหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ คนตาบอดไปดูหนังมีเสียงก็ยังดี แต่นี่คนตาบอดจูงตาบอดไปดูหนังใบ้ คนตาบอดกับหูหนวกไปดูหนังใบ้ ตาก็ไม่เห็นหูก็ไม่ได้ยิน..จบหรือยังเขาว่าจบก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมประสิทธิ์) ตอน อัตราเร่งอย่างไรเรียกว่าสัมประสิทธิ์ วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561

 


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:43:48 )

การศึกษารู้ในคำว่ากายเพื่อจุดประสงค์อะไร

รายละเอียด

การศึกษาเรื่องความเป็นกาย เข้าใจความเป็นกายให้ถูกต้องสัมมาทิฏฐิ เพื่อจุดประสงค์ให้ถูกต้องไง ถ้าความเข้าใจคำว่ากายไม่ถูกต้องในศาสนาพุทธ คำแรกนี้เลย ล้มเหลวทั้งกระบวน กาย เป็นสัมมาทิฏฐิหรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ ผู้ที่ยังอวิชชา ยังมิจฉาทิฐิอยู่ ยังเป็นอยู่ ภาษาคำว่า กายะ เป็นบาลีของพระพุทธเจ้า เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธคนในศาสนาพุทธเสื่อมแม้แต่ในประเทศไทย 

คำว่ากายนี้ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่

 1. สัมมาทิฏฐิในสังโยชน์ข้อที่ 1 เรียกว่าเครื่องเกาะเครื่องผูกเป็นกิเลสสำคัญข้อที่ 1 เลยที่จะต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า กาย สัมมาทิฏฐิแท้ๆคืออย่างไร ถ้าคำว่า กาย ไม่สัมมาทิฏฐิตั้งแต่ข้อแรก เลิกเลย 

2.คำว่ากายนี้มันเป็นคำที่จะต้องมีจิตร่วมอยู่ตลอดเวลา คำว่ากายไปเข้าใจว่าเป็นแต่เพียงวัตถุสรีระอย่างเดียว ผิดเลย เพราะฉะนั้นมิจฉาทิฏฐิหนักที่สุดก็คือเข้าใจคำว่ากายเป็นวัตถุเป็นดินน้ำไฟลม เป็นภายนอกอย่างเดียว ไม่ได้ไปเน้นหาจิตหรือถ้าเน้นไปหาจิต ยังดีบ้าง ยังถูกต้องบ้าง ยังจะค่อยยังชั่ว ยังดีกว่า แต่มันก็ผิดอยู่ดีนะ เพราะว่ามันแยกไม่ได้ คำว่า กายจะต้องมีทั้งวัตถุและจิต มีแต่เน้นไปทางจิตโดยไม่เกี่ยวกับภายนอก มันก็ผิด แต่มันก็ดีกว่าเข้าใจแต่เพียงภายนอก 

คำว่า กายต้องมีทั้งภายนอกและภายใน กายต้องมีสองเสมอเป็น 2 ใน 1 และ 1 ใน 2 ซึ่งเป็นเรื่องสิริมหามายา เป็นเรื่องเข้าใจยากมาก เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจกายไม่ได้ แยกกายแยกจิตไม่ถูกว่า เมื่อใด จิต อารมณ์ของจิตหรือเวทนานี้มันมีกาย เมื่อใดเวทนาไม่มีกาย ตรงนี้แหละจะบรรลุธรรมหรือไม่บรรลุธรรมก็อยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเวลาคนมาบวช พระพุทธเจ้าให้อุปัชฌาย์จะต้องอธิบายการแยกกายแยกจิตให้ได้ ให้สัมมาทิฏฐิก่อน ถ้าไม่สัมมาทิฎฐิกายแล้วแยกกายแยกจิตไม่ถูกต้อง ล้มเหลวในการบวชเลย จะแยกธรรมนิยาม 5 ไม่ออก จะเข้าใจอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามและปฏิบัติด้วยกรรม ด้วยธรรม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ปฏิบัติไม่ได้เลย จะล้มเหลวไปทั้งกระบวน สูญเปล่า 

เพราะฉะนั้นอย่างในเถรสมาคมนั้น อาตมามั่นใจ คำว่ากายทุกวันนี้ มันมาเป็นพลเมืองของไทยหมดแล้ว เดิมกายเป็นพลเมืองของอินเดีย เดี๋ยวนี้กายแทบจะเป็นเชื้อชาติแล้วไม่ใช่แค่สัญชาติเท่านั้นเป็นเชื้อชาติไทยไปแล้วนะ คำว่ากาย แล้วเขาก็หมายคำว่ากายคือ ร่างภายนอก กายคือสรีระ แล้วก็เรียกกันด้วยศัพท์เต็มว่า ร่างกาย ก็ยิ่งชัดเจนว่าร่างกาย เขาหมายถึงจะเป็นภายนอก เป็นดินน้ำไฟลม ไม่ได้เข้ามาหาใจเลย อันนี้ผิดถนัดเลย นี้คือความล้มเหลวหรือความเสื่อมของศาสนาพุทธ 

เพราะฉะนั้นถามว่าการศึกษารู้ในคำว่ากายเพื่อจุดประสงค์อะไรก็เพื่อให้สัมมาทิฏฐิ เพราะถ้าไม่สัมมาทิฏฐิข้อนี้ข้อเดียวก็เลิกเลยศาสนาพุทธ นี่คือจุดประสงค์ อาตมาก็พูดมาตั้งนานแล้ว แล้วจะยังเข้าใจสัมมาทิฏฐิกันได้แค่ไหน ยังอีกนะ อาตมาว่าคนยังไม่เข้าใจครบถ้วนได้ง่ายๆนะเรื่องกาย อาตมาก็ยังไม่เก่งกว่านี้ พูดมาได้ขยายความได้เท่านี้ก็ไม่ใช่น้อยแล้ว คำว่ากายนี้ 

คุณต้องเข้าใจตั้งแต่สัมมาทิฏฐิข้อหนึ่ง แล้วคุณก็ยังจะต้องเข้าใจแยกกายแยกจิต แล้วไปปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม 37 ก็ต้องเริ่มต้นด้วยกาย พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ถ้าคุณพิจารณากาย คุณเข้าใจกายผิดตั้งแต่แรก คุณเข้าใจกายในกายไม่ได้แล้วคุณจะไปปฏิบัติอย่างไร พิจารณากายในกาย เอ้! กายนอกกาย กายในกาย  นอกมันอยู่ไหน ในมันอยู่ไหน เมื่อคุณเข้าใจว่ากายมีแต่ข้างนอก แล้วคุณจะไปเข้าใจกายในกายมันเป็นยังไง   ความหมายของกาย เวทนา จิต ธรรมนี้ เป็นอิทัปปัจจยตา ไม่ได้แยกกันนะ แยกกันไม่ได้ กายก็จะต้องมีเวทนา เวทนาใดที่ไม่มีกายไม่เป็นกาย แต่เวทนาที่จะเกิดนั้นต้องมีผัสสะภายนอก ถ้าไม่มีผัสสะภายนอก เวทนาไม่มี เมื่อมีเวทนาแล้วก็ต้องปฏิบัติเวทนาไม่ให้เป็นกาย 

กายคือความสุขความทุกข์ เพราะฉะนั้นสัมผัสภายนอกอยู่ เมื่อสัมผัสแล้วไม่มีสุขไม่มีทุกข์ นั่นคือความสำเร็จของเวทนา ความรู้สึกหรืออารมณ์สัมผัสภายนอกอยู่ ในสภาวธรรม เขาสัมผัสภายนอก คุณมีกายแล้ว แล้วคุณก็มีจิตมีเวทนา แล้วคุณก็ทำเวทนาของคุณไม่ให้มีกาย ไม่มีสภาพ 2 ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ได้ นี่แหละเป็นฐานปฏิบัติ ต้องรู้ 

แล้วเวลาปฏิบัติจริงๆ ต้องอ่านสภาวะของตัวเองออกในปัจจุบันนั้นๆ ไปนั่งคิดเอา ไปสัญญาคิด ผ่านมาแล้ว ไม่ใช่ของจริงหรอก คุณไม่รู้อารมณ์จริง ไม่รู้จักเวทนาตัวจริงที่เกิดในปัจจุบันชาตินั้นๆ คุณไม่รู้หรอก คุณก็ได้แต่เดาเอา มันก็ไม่ตรงสภาวะ ความรู้สึกจริงมันไม่ใช่สัจจะ (เพราะ)ไม่ใช่เวทนาขณะนั้น มันเป็นสัญญา มันเป็นเพี้ยนไปกำหนดสัญญา เอาความจำมาคิด แล้วคุณจะเจอความจริงจากมันได้อย่างไร มันต้องมีเวทนาเกิดอยู่หลัดๆ ถึงจะอ่านความจริงได้ว่า มันถึงจะอ่านได้ว่า มันไปหลงสุขหลงทุกข์ เป็นสุขเป็นทุกข์อยู่ มันเป็นอารมณ์ว่อบแว่บ เดี๋ยวทุกข์อย่างนี้ สุขอย่างนี้ เป็นความจริง คุณจะอ่านออกได้อย่างไร คุณไม่ได้ทำ ปัจจุบันคุณไม่ได้ทำ คุณไปทำแต่ในอดีตในอนาคต อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นการที่จะปิดหูปิดตา ไม่มีภายนอก  มันโมฆะเลยที่ปฏิบัติธรรมกัน มันเสื่อมสนิทจริงๆเลย นักปฏิบัติธรรมนึกว่านั้นจะได้บรรลุธรรมและหลงผิดว่าบรรลุด้วย มันน่าสงสาร นี้ดีที่พวกเรามาฟังแล้วอาตมากู้กลับศาสนาพุทธคืนมาได้ประมาณนี้ จนป่านนี้แล้วอาตมาก็มาถึงขั้นบ่นๆว่าไม่ควรจะอยู่แล้ว ได้ขนาดนี้ก็คงจะประมาณนี้นะ นอกนั้นก็ เหม! ความหวังมันยิ่งกว่าพิธานะนี่ แต่พิธาเขาหวังมากกว่าที่อาตมาคิดคาด เขายังเหลืออยู่มากกว่าอาตมาคิดคาด (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.พรรคก้าวไกล) ตอบแล้ว การศึกษาเรียนรู้ในการเป็นกาย เพื่อจุดประสงค์อะไรบ้าง ตอบไปบ้างแล้ว ยังมีมากกว่านี้ ก็เอาแค่นี้ก่อนละกัน

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ  วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 20:09:36 )

การศึกษาเวทนาต้องมีกาย

รายละเอียด

เมื่อศึกษาเวทนาในเวทนา เข้าใจสภาพนี้ให้ได้ เวทนาต้องมีกาย ถ้าไม่มีกาย เวทนาไม่มี วิญญาณไม่มี มีแต่สัญญากับสังขารก็เป็นพีชะ 

ถ้าไม่มีสัญญา มีแต่สังขาร ก็เป็นวัตถุเป็นอุตุนิยาม สังขารมันปรุงแต่งเป็นอุตุนิยาม พลังงาน ความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า มันก็ปรุงแต่งกัน เป็น  E=MC2  ของไอสไตน์ ซึ่งเขาก็ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นพลังงานของสสาร ไม่ใช่ชีวะ ไม่ใช่ไบโอโลจี 

เพราะฉะนั้นเมื่อมีเวทนา สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ซึ่งเป็นอาการ 3 อย่าง แบ่งแยกได้ ก็แยกภายนอก ภายใน แรงกับเบา ใช้พยัญชนะเรียกว่า ทุกข์ สุข แล้วก็อุเบกขา กับ โสมนัส โทมนัส แล้วก็​ อุเบกขาตัวเดียวกัน ก็เป็น 5 

สุข ทุกข์ หยาบ รวมเอาภายนอกด้วย มาอธิบายทั้งหมด ถ้าผู้ที่บรรลุภายนอกแล้ว เหลือแต่ภายในก็เรียกว่าเหลือแต่โสมนัสหรือโทมนัส แต่ไม่ได้หมายความว่าภายนอกไม่รู้ รู้แต่ว่าอยู่เหนือแล้วบรรลุแล้ว ลืมตาอยู่สัมผัสมี ไม่ได้หมายความว่าหลับตาจากข้างนอก แล้วค่อยมาเรียนโทมนัสโสมนัส ก็ไม่ใช่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:08:17 )

การศึกษาแบบบวรคือแบบใด

รายละเอียด

เขาแสวงหาที่จะรู้จริงรู้ดีเพิ่มขึ้น คือแกนของจิตทางภูฏานที่มาคือแกนศาสนาพุทธ เขาก็รู้ว่าศาสนาพุทธกลุ่มใดที่สอนอย่างไรอย่างไร เขาก็มารู้ว่าอโศกสอนอย่างนี้ เขาก็อยากรู้ ปมประเด็นที่หลวงปู่ให้เขาก็คือ ปมประเด็นของบวร การศึกษาแบบบวรคือการศึกษาแบบองค์รวมบ้านวัดโรงเรียนไม่ใช่แยกส่วน โรงเรียนก็ไปโรงเรียนบ้านก็อยู่สวนบ้านวัดก็อยู่ส่วนวัด ยิ่งนักเรียนทุกวันนี้ก็ไปบ้านกับโรงเรียนวัดไม่ไปเลยนี่เป็นสัจจะเลยไม่ไปวัด อย่างที่ว่าวัดก็ไม่น่าไปมีเยอะ วัดที่น่าไปก็มีน้อย ก็หาวัดที่น่าไปก็แล้วกันวัดอโศกที่น่าไป มันก็เข้าใจยาก ข้อบกพร่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:59:56 )

การศึกษาแบบสัมมาสิกขา

รายละเอียด

ให้โรงเรียนเขาเอาไปทำ คุณเอาไปจะได้ไหมนี่ มันไม่ง่ายแม้เราจะเอาไปยัดเยียดมันก็ไม่เกิดผล ให้เขาค่อยๆเกิดอย่างมีภูมิธรรมเห็นดีเห็นงามมาเอา มันค่อยๆเริ่มดีไปเรื่อยๆ 

เขามีสำนวนว่า จะกินอาหารอร่อย ต้องใจเย็นๆ นี่สำนวนโลกีย์เขานะเอามาใช้บ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:57:12 )

การศึกษาแบบหนึ่งของโลก ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา

รายละเอียด

ที่คุณพูดมานี่ก็ครบเนื้อหาที่พยายามเรียบเรียงมานี่ พูดจริงๆ อาตมาก็พอใจตัวเองนะ ที่ได้ทำการศึกษาศีลเด่น  เป็นงานชาญวิชา  ขึ้นมาจะเข้า 30 ปีมาแล้วเป็นการศึกษาโรงเรียน ช่วยรัฐบาลสังคมประเทศ ทำโรงเรียนเหมือนโรงเรียนเอกชน ไม่ใช่ของรัฐบาล แล้วเราไม่เคยเก็บเงินเก็บทองหาเงินหาทองกับการเรียนเลย เราจับจ่ายใช้สอยเลี้ยงดูด้วย เด็กมาเรียนอยู่เป็นโรงเรียนประจำ  กินอยู่หลับนอนด้วยเสร็จ เลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลาน เรียนฟรีแล้วก็เลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ทำมาอย่างนี้ยี่สิบกว่าปี เกือบ 30 ปี แล้ว ทำมาตั้งแต่ปี 2533 ก็ประมาณ 30 ปีแล้วอาตมาพอใจตัวเองที่ได้ช่วยรัฐบาล ช่วยประเทศชาติ ทำการศึกษาให้แก่เยาวชน สอนเหมือนกับหลักสูตรของรัฐบาลก็มีครบครัน เท่าเทียมเทียบเคียงก็เหมือนกัน ตอนแรกๆมีคนบอกว่า สอนในนี้จะไปสอบแข่งกับข้างนอกได้หรือ แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ไปเป็นดอกเตอร์ ปริญญาโทอะไรกัน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ดีไม่ดีออกจะเด่นด้วย ไม่ได้ด้อยเลย เด่นดีด้วย เพราะมันปราศจากสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเปลืองเปล่า   เหมือนระบบการศึกษาที่ล้มเหลวภายนอก ที่นี่มาเน้น ลดละสิ่งที่เป็นอบายมุข และบอกให้เข้าใจด้วยว่าอย่าไปฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยแบบเขา จนเดี๋ยวนี้เป็นจารีตประเพณีการศึกษาแบบชาวอโศกแล้ว ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะเอาลูกหลานมาเรียนที่นี่ก็เข้าใจแล้ว ก็เลยเป็นการศึกษาอีกแบบหนึ่งในโลก ไม่ใช่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช  จรณะ 15 พาให้เกิดสมาธิ และอุปธิวิเวก วันศุกร์ที่  10  มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 19:27:25 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:25:22 )

การศึกษาแบบโลกุตระ

ไฟล์แนบ : ศึกษาศาสตร์ แบบโลกุตระ ๑.pptx


เวลาบันทึก 29 กันยายน 2562 ( 17:12:35 )

การศึกษาโลกุตระ

รายละเอียด

แบบทดสอบ 1 มกราคม 2563

ลิ้งดาวน์โหลด แบบทดสอบ (กระดาษคำตอบ) : drive.google.com/open?id=1-y8nRAUQ69mjqCCBSThLaj9eERfhlcFSrRJQJj2KQpE

ลิ้งดาวน์โหลด แบบทดสอบ : drive.google.com/open?id=14z4MwxdO-N9ldh371xCEp5dMeuRaYmWmkqvVliUK5a4

ลิ้งดาวน์โหลด เฉลยข้อสอบ : www.youtube.com/watch?v=z_aM0Gs4RzU


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2563 ( 08:06:55 )

การศึกษาในกรอบของความรู้ที่โลกสมมุติ

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกคน วันนี้ก็เป็นวันฤกษ์ดีสำหรับผู้ที่จบการศึกษา ในกรอบของความรู้ที่โลกสมมุติตั้งขึ้นมา เป็นลำดับๆเป็นแผนกๆ เราก็จบกันในวันนี้ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 

คนเราก็มีพิธีกรรม ตกแต่ง องค์ประกอบ จัดสรรขึ้นมา เป็นจารีตประเพณีของมนุษยชาติแต่ละชาติ แต่ละเผ่า แต่ละประเทศ ก็ทำกันไป เพื่อให้เป็นเครื่องอาศัยเป็นสมมุติสัจจะ เป็นความจริงชนิดหนึ่งที่ร่วมรับรู้กันรับรองกัน แล้วก็ใช้ดำเนินไปกับชีวิต ในสังคม 

คนอยู่ในกลุ่มใดหมู่ใด สังคมใด ประเทศใด ก็มีสมมุติสัจจะของกลุ่มนั้น ประเทศนั้น สังคมนั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยสมมติ เพื่อจุดหมายเป้าหมายสำคัญก็คือ เพื่อใช้อาศัยที่จะมีสิ่งที่เข้ามาร่วม เข้ามากระทบ สัมผัสแล้วก็มีจิตวิญญาณของแต่ละคน เกิดความรู้สึกไปต่างๆ แตกต่างกันไป 

แต่เราก็พยายามที่จะมีจุดที่พร้อมเพรียงกัน สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน อยู่กันอย่างเป็นองค์รวม แนบแน่น แน่วแน่หรือว่า แข็งแรง อยู่กันอย่างเป็นปึกแผ่น ที่มีความสามัคคีสมบูรณ์ไม่ทะเลาะวิวาทกัน เลยเข้าใจกัน กายกรรม วจีกรรม 

โดยมีมโน เป็นตัวประธาน เท่าที่รู้แล้วมีสัญญากำหนดสั่งการให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ดีที่สุด ที่เราควรจะต้องทำ แต่ละคนก็ตัดสินใช้ภูมิปัญญาปฏิภาณความรู้ของตนๆ ตัดสินให้แก่ตนว่า ขณะนี้ปัจจุบันนี้มีองค์ประกอบมี กาละ เทศะ ฐานะ อย่างนี้ เราประพฤติออกกายกรรมอย่างนี้ วจีกรรมอย่างนี้ ดีที่สุดเท่าที่เราเห็นว่าควรจะทำ ส่วนใครที่ไม่เห็นว่าดี เขาก็ตำหนิ ส่วนใครที่เขาเห็นว่าดีก็ชม คนไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ติไม่ชมเฉยๆ ไม่เอาเรื่องไม่เอาราว ช่างหัวคุณประไรก็ได้ หรือคนรู้ หรือคนรู้แต่ไม่ชี้ รู้ว่าควรตำหนิหรือควรชม แต่เฉยๆก็มี 

หรือคนที่รู้ดีแล้วชัดเจนว่า ดี อย่างนี้ถูกต้อง ไม่ดี อย่างนี้ยังบกพร่อง แต่ไม่ชี้ก็มี ชี้ ก็มี 

คนชี้ ก็ต้องเป็นคนมีปัญญารู้ว่าดีถูกต้องเป็นถูกต้องแท้นะ ไม่ถูกต้องจริงๆนะ ก็มีการชมกัน ตำหนิกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:09:43 )

การศึกษาในกล่อง

รายละเอียด

ซึ่งเป็นการศึกษาอย่างศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม เขาเอาธรรมะเข้าไปเป็นแกนนำเป็นตัวสำคัญในการศึกษา แต่ในชาวพุทธไม่มี แต่ก่อนก็การศึกษาอยู่ในวัดก็ยังเข้าท่า ตอนนี้เอาออกมาจากวัดก็เลยเละเทะเหมือนขี้แพะท้องเสีย ขออภัยที่วิจารณ์แรงหนัก เพราะไปเอาแบบอย่างของตะวันตกเขามา ของตะวันตกเขาก็มีกรอบมีระเบียบแต่ของเราเอามาแล้วก็เอามาปนกันเละไม่มีกรอบไม่มีระเบียบ แต่ก่อนอยู่ในวัดวาก็ยังคุ้มภัยได้ ตอนนี้ออกมานอกวัดแล้วเอาเอง ตั้งเองเลย แล้วหัวไอ้เรือง จบดอกเตอร์ทางการศึกษา ก็ว่ากันเละเทะ อาตมาภูมิใจที่ได้เอาการศึกษามาให้ โดยเฉพาะในเมืองไทย เอามาสอนให้คนมีคุณธรรม ศีลเด่น   แล้วทำให้รู้จักการศึกษา ที่อาตมาว่า การศึกษาทางโลกแม้แต่การศึกษาแบบเมืองนอก การศึกษาของเขาเป็นการศึกษาแบบจับเด็กมาเข้ากล่อง เด็กไม่รู้จักสังคมที่ตนเองอยู่ด้วย เด็กไม่รู้จักชีวิตจริง เช้าหอบกระเป๋าเข้าโรงเรียน เย็นก็กลับบ้านมาทำการบ้าน เช้าก็หอบกระเป๋าไป พ่อแม่ก็ส่งให้เรียน จบมัธยม จบปริญญา ก็เหมือนกัน ให้เรียนแต่ในกล่องเรียนแต่ในตัวหนังสือ ไม่รู้จักสังคมที่ตนอยู่แท้ๆ  ดีไม่ดีส่งไปเรียนเมืองนอกต้องรู้จักสังคมเมืองนอกก็กลับมาเอาเศษกากของเมืองนอกมาเผยแพร่ในเมืองไทยอีก เละเป็นขี้แพะท้องเสียจริงๆ ขออภัยวิจารณ์แรง มันเป็นอย่างนั้น มันก็เลยเสียหายหมดเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช  วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 19:36:17 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:37 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:28:47 )

การสงบกายที่ถูกต้อง

รายละเอียด

ขอยืนยันว่าผิดถนัดเลย กายสงบของพระพุทธเจ้า กายยิ่งเป็น กายปาคุญญตา แต่เป็นความสงบที่ กิเลสมันตายไปจากจิตหมดเลย จิตก็ยิ่ง ปาคุญญตา กายก็ยิ่ง ปาคุญญตา กายก็ยิ่งแคล่วคล่อง จิตก็ยิ่งแคล่วคล่อง แต่กิเลสมันตาย กิเลสมันหายมันตายจ้อยไปจากจิต จิตก็สงบแคล่วคล่อง กิเลสสงบคือกิเลสตาย ไม่ใช่กิเลสสงบคือหยุดเคลื่อนที่ 

กายวิญญัติ วจีวิญญัติ เขาเข้าใจว่ากายและวจีไม่เคลื่อน บอกว่านี่แหละคือวิญญาณสงบนั้นผิดถนัดเลย เพราะฉะนั้นในอานาปานสติ ปัสสัมภยัง กายสังขารัง คุณไปนั่งหลับตาปฏิบัติเอาแต่ลมหายใจทำให้ลมหายใจมันสงบ แล้วมันสงบอย่างไร อย่างเก่งก็คงอธิบายว่ามันไม่ฟุ้งซ่าน ลมหายใจมันไม่ฟุ้งซ่านอย่างไร ฟุ้งซ่านหรือไม่ฟุ้งซ่านก็คือจิต จิตไม่ฟุ้งซ่านแล้ว แล้วลมหายใจไม่ฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร 

 ยิ่งความสงบกาย สงบจิต นี้ยากมหาศาล ถ้าไม่เข้าใจความจริงต้องจับอาการตัวกิเลสใดๆ หยาบ  คุณจะต้องรู้ภายนอกก่อน โอฬาริกอัตตาหรือกายหยาบภายนอก เกี่ยวข้องกับสิ่งภายนอกแล้วมันยังเกิดกิเลสตัวนี้ คุณก็ต้องรู้ด้วยปัญญาอันแจ้งอันจริง จนกิเลสมันไม่รอหน้า กิเลสมันหนีเลย ตาย จากภายนอกกิเลสตายแล้วก็เหลือข้างใน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 21:47:52 )

การสมานฉันท์

รายละเอียด

1 สมานฉันท์แบบบังคับเผด็จการ

2 แบบบังคับด้วยกฏเกณฑ์  กฎหมาย  วินัย

3 สมานฉันท์กันด้วยใจนิยมชมชอบไปในทางเดียวกัน

4 สมานฉันท์ด้วยประชาธิปไตยที่ยังบังคับด้วยกฎหมาย  หาพวกได้มาก 

5 สมานฉันท์ด้วยอิสรเสรีแห่งตน  สมัครใจด้วยปัญญา  เป็นปชธต.

6 สมานฉันท์จนกว่าจะมีปัญญาหลุดพ้น  คือ  ฉลาดแบบโลกุตระ

7 สมานฉันท์ที่เป็นประชาธิปไตยแท้ ๆ  มีปัญญา  เป็นอิสระ  ไม่มีอัตตา

8 สมานฉันท์สูงสุดคือ สร้างคน พากันศึกษาฝึกฝนจนบรรลุอิสระสูงสุด แม้มีนิรันดร ก็ไม่ติดนิรันดร 

ที่มา ที่ไป

ธรรมมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 14:41:27 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:44:30 )

การสรรเสริญที่ไม่จริงจะเป็นภัย

รายละเอียด

ถูกต้อง พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดเจน ยกพระสูตรที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้ว คำสรรเสริญเป็นของต่ำทราม ไม่มีค่าที่จะทำให้ละหน่ายจางคลายจากกิเลส คำสรรเสริญนั้นอย่าไปยินดีกับมันเลย อาตมานี้ พวกคุณสรรเสริญด้วยใจจริง ก็จบ แต่คำสรรเสริญที่ไม่รู้เหตุรู้ผล สรรเสริญอย่างไม่เข้าท่าพวกนี้เป็นภัย จะสรรเสริญก็ต้องรู้ความจริงว่าคุณสรรเสริญด้วยเหตุอันใด มีสิ่งใดดีที่คุณสรรเสริญ สิ่งนั้นจริงหรือเปล่า สอดคล้องถูกต้องตามธรรมไหม ขั้นโลกียะหรือขั้นโลกุตระ มันต้องมีความรู้จริงในสิ่งเหล่านี้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 19:11:34 )

การสร้างคนให้เป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

จึงเป็นการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนถาวรที่สุด  เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ถ้าคนไทยที่บริหารอยู่เข้าใจพุทธ  แล้วเอาพุทธไปทำอย่างที่อาตมาว่า ทำให้คนเป็นพระโสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์  ประเทศไทยจะยอดเยี่ยม  ธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ได้ขัดแย้งกับโลก ส่งเสริมโลก  แต่เขาว่าธรรมะอย่ามายุ่งกับโลก  อันนี้เป็นความเข้าใจผิด  อาตมาถือว่า  อาตมาไปช่วยสังคมประเทศชาติ  ช่วยโลก  ทั้งด้านเศรษฐกิจ  การเมือง  สังคม  ถ้ามีคนมากพอในอนาคต พวกเราจะไปบริการประเทศ  เมืองไทยจะเจริญที่สุด  แต่ตอนนี้มันยังไม่มากพอ  เราก็บริหารไปตามสัจจะ ไปตามลำดับ  สักวันหนึ่งเขาก็จะมาเชิญ คิดว่าไม่น่าจะเกินอีก  50 ปี ชาวอโศก คงมีมากพอ จะไปทำงานในสังคม  บริหาร ประชาชนจะมาดึงไปเองให้ไปสมัคร  ส.ส. แล้วพวกเราจะได้เข้าไปบริหาร  จะเป็นตัวอย่างให้แก่โลก  เพราะเป็นคนไม่มีทุจริตคอรัปชั่น เป็นคนรับใช้สังคม มนุษย์ชาติ อย่างแท้จริง  บริสุทธิ์ใจ  คิดดูสิ ถึงแม้ลดกิเลสไปตามลำดับ  พระโสดาบันก็กิเลสน้อยลง  พระสกิทาคามีก็น้อยลงไปอีก  ไม่ใช่เป็นคนที่มานั่งด่ากันโกงกันทุกวันนี้ สกิทาคามีก็ยิ่งเข้าใจ  อนาคามีก็ยิ่งดี  ไม่ใช่เรื่องของคน  ไม่ใช่มนุษย์  แต่เป็นเรื่องของมนุษย์ที่จะบริหารสังคมประเทศชาติให้เจริญ  แต่เขาเข้าใจเป็นเรื่องลึกลับเป็นเรื่องพิสดาร  เป็นเรื่องมหัศจรรย์ magical   เลอะเทอะ  แต่เป็นเรื่องที่โลกต้องการ   การลงสมัครไม่ต้องหาเสียง  คนมาเชิญก็ไปหาเสียงแทน ไม่ต้องลงทุนด้วย  คุณอยากได้ก็เลือกไปได้ แล้วดีไม่ดีทำงานฟรี  คุณจะเลี้ยงเอาไว้ไหมคนประเภทนี้  คุณไม่อดอยากหรอก รัฐบาลเขาก็เลี้ยงไว้อยู่แล้ว เงินเดือนที่รัฐบาลให้ก็เหลือกินใช้อยู่แล้ว  เป็นพระอรหันต์กินน้อยใช้น้อยอยู่แล้ว ค่าตัวนักการเมืองมันแพงมาก เหลือกินเหลือใช้ สบาย ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา  ชีวิตให้เขาเลี้ยงดูไว้ได้เลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 25  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 20:14:44 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:26:29 )

การสร้างฌาน

รายละเอียด

คือต้องสร้างฌานตามหลักเกณฑ์  11 ข้อนี้  1  ศีล  อปัณณกธรม 3 สัทธรรม  7 เกิดฌาน4 สำเร็จลงที่อุเบกขา ก็เพราะ  11 หลักนี้ จึงเกิดฌานไม่ใช่เกิดจากการนั่งหลับตา สะกดจิต  ลืมตาขึ้นมา เป็น ชานหมาก ลืมตาก็มาขอหมากเคี้ยวสิ  ไม่ได้ลบหลู่ แต่พูดไปให้รู้สัจจะ

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช  วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:44:04 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:19 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:29:27 )

การสร้างทำเท่าที่เราทำได้

รายละเอียด

อาตมาไม่รู้ สะพานโค้งรุ้งจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ อาตมาทำอะไรขึ้นมา สร้างอะไรขึ้นมาต่างๆนานา ไม่เคยกังวลกับงบประมาณว่าจะหมดเท่าไหร่ จะมีงบประมาณเท่าไหร่ ประมาณเท่าไหร่ ไม่เคยคิดเลย ทำไปเรื่อยๆสร้างไปเรื่อยๆมีอะไรก็ทำเท่าที่เราทำได้ แม้แต่อย่างพญาแร้งตัวข้างหลังนี้ พญาแร้งตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง เป็นโลหะทองเหลือง ไม่ใช่โฟม ไม่ใช่เรซิ่น ไม่ใช่วัสดุที่ราคาถูกอะไรต่ออะไร แต่เป็นโลหะทองเหลือง แต่ไม่บังอาจทำถึงทองคำ ก็ไม่รู้กี่สิบล้าน ลงทุนไปทำส่วนมากก็เป็นเรื่องของค่าแรงงานของคนงานที่มาช่วยบ้าง กับค่าวัสดุ ส่วนค่าศิลปิน ค่าผู้ออกแบบ ค่าผู้ที่ควบคุมการสร้างสรรค์มันไม่ได้มีค่าตัว ไม่ได้จ่าย ถ้าจ่ายนี้จะราคาแพง ค่าศิลปิน ค่าผู้ออกแบบ ค่าผู้ที่คุมการสร้างสรรค์มันจะแพง แต่ไม่ได้มีเราจะทำได้เพราะเราเป็นคนจน ถ้าเผื่อว่าเราไม่จนสงสัยจะยิ่งกว่านี้ แต่นี่จน มันซ้อนและมันย้อน 

คนก็บอกว่าทำแล้วมันผลาญพร่า อันนี้ไม่ตอบแล้วอธิบายไป มันมีนัยยะสำคัญทางจิตวิทยา ที่อาตมาทำอะไรต่ออะไร คนสัมผัสแล้วก็จะรู้ คนที่ไม่เคยสัมผัสแล้วมาสัมผัส บางคนก็สัมผัสมาแต่แค่ เฮือนศูนย์ฯ ยังไม่ทันอลังการอะไรมากแต่ก็ใหญ่ เขายังบอกว่า โอ้โห.. ใครนะที่มา...คุณประชา หุตานุวัฒน์ มาถึงเขาบอกว่ายิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ ว่างั้น ถ้ามาเจอขณะนี้ มาเจอแร้งตัวนี้ มาเจอหนุมานใหญ่ ที่กำลังจะตั้งขึ้นมา จะทำให้เสร็จให้เรียบร้อยช่วยกัน ใครมีเรี่ยวแรงมาช่วยกัน อาตมาตอบไม่ได้ว่า จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ก็ถามผู้รู้เขาจะบอกเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯคนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 11:51:47 )

การสร้างพลังงานจิตให้เป็นฌานทั้ง 4

รายละเอียด

การจะอ่านตัวอาการกิเลส การจัดสร้างพลังงานอภิสังขาร สร้างพลังงานจิตให้เป็นฌาน พลังงานฌานคือการสร้างพลังงานให้เกิดไฟ ตั้งแต่คำว่าวิตกวิจาร ฌานที่ 1 

ฌานที่ 1 มีวิตกวิจาร มีปีติ สุข ก็ยังไม่รู้สึกมากเพราะมันยังไม่สงบ ยังแรงอยู่ ยังจัดการอย่างเอาจริงเอาจัง ยังเข้มเคร่งอยู่ มันหนักหนาสาหัส มันจะเอาสุขที่ไหนมา ฌาน 1ฌาน 2 ท่านยังไม่ใช้คำว่าสุข 

อาการสุข จะเริ่มมีที่ ฌานที่ 3 อุเบกขาเรียกว่าสงบเริ่มที่ฌาน 3 

ฌาน 1 ฌาน 2 ยังยากอยู่ ฌาน 3 ถือว่าสงบ การเข้มเคร่งลดลง ค่อยได้หายใจ ค่อยได้หายเหนื่อย ค่อยได้พักขึ้นมา 

อาการของฌาน นี่พอฌาน 4 ก็เริ่มหมดกิเลส อุเบกขา ถือว่าสะอาดจากกิเลส ก็หยุดที่จะทำงานล้าง ก็พักได้ กิเลสมันไม่กล้ามาทำงานได้เรื่อยๆ ก็สั่งสม ตกผลึกสะอาด ได้จิตอุเบกขาคือจิตสะอาด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:36:21 )

การสร้างภาพดีชั่ว

รายละเอียด

ให้เป็นช่างภาพดีนั้นเป็นตัวเองเลย ดี นั้นติดกับตัวเองจะเป็นอัตโนมัติ จนไม่ต้องสร้างภาพแล้ว  มันเป็นโดยอัตโนมัติ ดีนะ คนไม่เคยสร้างภาพดี  แต่สร้างภาพชั่วๆนั่นแหละแย่  แล้วหลอกว่าตัวเองทำดีแต่ตัวเองไม่ทำดี มาบอกว่าจะทำดี ไม่ได้สร้างภาพมีแต่การพูดคุย แต่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติ  ไม่ได้สร้างภาพทางกายกรรมวจีกรรมให้คนอื่นเขาเห็น พูดดีแต่ไม่สร้างตัวเองไม่ประพฤติตัวเอง พูดดีแต่ตัวเองไปทำชั่วมีแต่ภาพชั่ว อย่างนี้สิ แล้วมาหลอกซ้อน ไปทำภาพชั่วแล้วมาหลอกว่าฉันทำดี เอ้ามันดีอะไรไปโกหกซ้ำอีก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:55:32 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:50:31 )

การสร้างวัตถุเพื่อเป็นหลักฐาน

รายละเอียด

สมณะโพธิรักษ์พยายาม เอาพลังงานมาใช้อธิบาย รวบรวมข้อมูลสาธยายทำให้มากขึ้น เรื่องสร้างนี้อาตมาว่าบ้านราช ขณะนี้เอาเถอะ มันจะไม่วิจิตรพิลึกพิลั่น คือ ถ้าใครที่รู้จักตำนานชาดก พระโพธิสัตว์ทุกองค์ จะสร้างวัตถุ จะเป็นสถาปัตยกรรม จะเป็นปฏิมากรรม ซึ่งมันจะอยู่นาน แม้แต่จะเป็นจิตรกรรมก็จะมีอยู่บ้าง แต่มันจะไม่นานเท่ากับปฏิมากรรมกับสถาปัตยกรรม เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์ ที่ท่านยึดมั่นถือมั่น จะต้องสร้างวัตถุเหล่านั้นไว้ว่าเป็นหลักฐาน  ว่าฉันเป็นโพธิสัตว์มาเกิดในยุคนี้ๆ ท่านก็ทำ แต่อาตมาผ่านมาแล้ว อาตมาจะไม่ไปสร้างนครวัดนครธม แม้แต่จะสร้างนารายณ์บรรทมสินธุ์ก็จะไม่สร้าง สร้างวัตถุเป็นภาพวาดภาพเขียนอะไร บอกแล้วว่าภาพเขียนยิ่งไม่นาน แต่ก็ยังมีอยู่ในถ้ำต่างๆ  ก็ยังมีอยู่ในผาแต้มก็ยังมี ทางตะวันตกเขาก็มี อาตมาก็ไม่เอาแค่นั้นไม่ทำแล้ว ชีวิตนี้เรียนจิตรกรรมมาโดยตรง แต่ว่าอาตมามีงานจิตรกรรมเหลืออยู่ชิ้นเดียวที่คนค้นพบ นอกนั้นสูญหายไปหมด ที่เขา copy มาด้วย ต้นฉบับก็ไม่มีแล้ว ชื่อภาพนี้ว่า

"จะสิ้นโลกแล้วฤา" ภาพนี้จะเน่าแหล่ไม่เน่าแหล่ แต่ทำสีที่เกือบเน่าแต่ไม่เน่านี้เก่ง จนกระทั่งเกิดสีสดใสสีเขียวมีชีวิตอยู่ ต้นไม้ใหญ่เหลือแต่กิ่งแห้ง เหลือยาสีเขียวอยู่นิดหน่อย กับกวางคู่สองตัวเท่านั้น จะสิ้นโลกแล้วฤา คนก็จะคิดยาก จะฟื้นโลกได้ยากหรือ จะถึงยุคไฟบรรลัยกัลป์แล้วหรือ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 7 มกราคม  2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:01:52 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:28:08 )

การสร้างสัมประสิทธิ์ของพ่อครู เป้าหมายน่าจะได้ 133 ปี

รายละเอียด

จริงๆแล้วเป็นเรื่องจริงของอาตมาที่ฝืนสังขารฝืนอายุขัย อายุขัยนั้น 72 นี่ก็ฝืนเลย 1 นักษัตรมาแล้ว 84 ถ้าไป 96 ก็ 2 นักษัตร ถ้าไปร้อยแปดก็เป็น 3 นักษัตร 

ตอนนี้ในใจลึกๆพยายามจะพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าว่าจะไปได้ไกลเท่าไหร่ก็แล้วแต่ มันก็เป็นการสร้างสัมประสิทธิ์ให้แก่ตนเอง ฝืนไปให้ได้ไกลสุด เป้าหมายที่กะไว้จริงๆ ถ้าได้จริงๆ น่าจะได้ 133 ปี เป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าด้วย แล้วก็ได้ทำงานไปด้วย 

การพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าด้วยการเอาชีวิตจริงๆมาพิสูจน์ โดยองค์ประกอบของเรา มันละเอียดเกินกว่าที่อาตมาจะอธิบาย มันเป็นเรื่องจริงที่ ทั้งพลังงานดินน้ำไฟลม จิตวิญญาณ วัตถุ สสาร ต่างๆนานา เราต้องปรุงแต่งให้พร้อมเลยได้สัดส่วนที่มันจะสามารถสังขารกันอยู่รอด ไปรอด ดูแต่ว่าจะขาดใจเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ก็ลองดู 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2564 ( 11:39:10 )

การสร้างอำนาจบาตรใหญ่รักประชาชนแบบไม่จริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการรักประชาชนที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม รักประชาชนแบบไม่จริงเอาประชาชนเป็นเครื่องมือ ก็จะเห็นว่าประเทศที่ใช้ประชาชนอ้างเอามาเป็นเครื่องมือแต่ที่แท้เป็นการสร้างอำนาจบาตรใหญ่เป็นการสร้างทั้งสิ่งที่เลวร้ายครอบงำ เอาเปรียบทำร้ายทำลายผู้อื่น พฤติบทพวกนี้ จะเกิดให้เราได้รู้ได้เห็นได้ศึกษา ดูไปเรื่อยๆ อาตมาว่า ที่พูดนี้ไม่ได้ไปทำร้ายหรือใส่ความ หรือข่มเขา แต่มันเป็นความจริงที่ต้องเกิดต้องมีต้องเป็นในโลก เช่นพระเทวทัตก็จะต้องเป็นอย่างนี้ ต้องมีต้องเกิดเพราะมันต้องมี หรือพระฉัพพัคคีย์ ในยุคพระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นตัวดิสรัป Disrupt ในสังคมสงฆ์พระพุทธเจ้า เป็นตัวป่วนตัววุ่นวายแต่มันก็ไม่ถึงกับแรงร้าย แต่มันยุ่งมากเลยป่วนอยู่อย่างนั้น หรืออย่างนี้ที่มีตัว Disrupt ในสังคมไทย นี่คือการดิสรัปชั่นDisruptionในสังคมมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:06:06 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์