@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

คนเราพึ่งตนเองดีที่สุด

รายละเอียด

ดอกแค เก็บมาเรียงอยู่ข้างหน้านี้เยอะเลย ตอนนี้มะไฟก็สุก อะไรๆเก็บมากินมาใช้ เหลือเฟือก็เอาไปกองแจกเขาบ้าง เราขายก็ขายได้ยาก อุทยานเปิดอยู่ ขายของแห้ง เราก็พยายามอย่างที่เรียกว่าเราต้องระมัดระวังตัวเราบ้าง จะแจกจ่ายเจือจานก็ไม่ง่ายเหมือนอย่างเดิม ก็อย่างนี้แหละ 

สรุปแล้วมันจะเห็นว่า คนเราพึ่งตนเองดีที่สุดเห็นไหม พึ่งตนเองนี้ดีที่สุด อาตมาเคยอธิบายไปถึงขั้นว่า ถ้าเราอยู่คนเดียวไม่มีใครอยู่ด้วยเรามีที่แค่ 100 วาก็สบายแล้ว ไม่ถึงร้อยวาอยู่แค่ 10 วาก็อยู่ได้ จะปลูกอะไรไม่ได้ก็ปลูกผักคอนโด ทำกระถาง เชือกร้อยผูกขึ้นไป 10 ชั้น 20 ชั้น รดน้ำทีเดียวไหลมาหาชั้น 1 ทุ่นอีกเลย แล้วปลูกกระถางรอบหลังคาบ้านห้อยลงมา ห้าสิบกระถาง ห้าสิบอย่าง ปลูกวน แล้วเก็บกินไป แต่ละวันๆ แค่กระถาง ไม่มีที่ดินมันไม่อดตายหรอกไม่จนตายหรอก คุณจะปลูกคาร์โบไฮเดรต พืชที่ให้วิตามินอะไรก็ตามคุณก็มีความรู้ก็ปลูกวนเวียนกินไปไม่ตาย เราไม่ต้องไปจนแต้มถึงขนาดจะต้องไปอยู่คนเดียว มามีหมู่มีกลุ่มอย่างที่เรามี มีสิทธิในพื้นดินบ้างอย่างที่เรามี เราก็ไม่ได้ไปบุกรุกใคร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:18:38 )

คนเรามีสองจิตในร่างเดียวกันได้ไหม 

รายละเอียด

คำว่า 2 จิต ต้องเข้าใจคำว่า 2 จิต คืออย่างไร คนเรามี จิตมี 2 ลักษณะได้ แยกจิตเป็นเจตสิก 2 เจตสิกเป็นอันดับแรกเลย คือ “กายิกเจตสิก” กับ “เจตสิกเจตสิก” ได้ อย่างนี้เป็นต้น เริ่มตั้งแต่แยก 2 ของจิตของกาย 

เพราะฉะนั้นตั้งแต่เริ่มต้นที่จะเรียนรู้จิตก็ต้องรู้ตั้งแต่ กาย คือ กายกับจิต แยกกายแยกจิต จากจิตจริงๆก็จะมี 3 ขึ้นไปเราก็ต้องแยก 3 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:27:14 )

คนเราลึกๆ เชื่ออัตตาตัวเองมากกว่าเชื่อใคร

รายละเอียด

คุณเดชาฟังแล้วไม่เชื่อว่าจะมีคนปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ได้เขาไม่เชื่อว่าจะมีในยุคนี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าได้จริง แสดงว่าตัวเขาเองก็ไม่เชื่อว่าตัวเองปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าได้ แล้วเขาก็เชื่อมั่นว่าเขารู้ธรรมพระพุทธเจ้าได้มาก แล้วเขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้บรรลุธรรมะ

เพราะฉะนั้น เขาก็ไม่เชื่อว่าใครจะบรรลุธรรมะได้ คุณเดชาแกคิดอย่างนั้น แล้วก็ไม่เชื่อไปจนถึงกระทั่งคนจะมาบรรลุธรรมะแบบกิเลสหมดจริงๆ แน่ๆไม่เชื่อๆ คุณจะมาบอกว่าดับกิเลสเป็นอรหันต์หมดยิ่งไม่เชื่อใหญ่เลย จริงๆ เพราะฉะนั้นก็น่าเห็นใจคุณเดชา จะเชื่อได้อย่างไรเพราะคนเราลึกๆ มันเชื่ออัตตาตัวเอง กูทำไม่ได้ใครจะทำได้ ลึกๆ อัตตามันจะเข้าใจอย่างนั้น เพราะว่าอะไรเพราะว่าเขาศึกษานะ คุณเดชาเขาศึกษา ก็เพราะว่ากูศึกษาขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ แล้วเอ็งจะมาได้อย่างไร อย่างคุณไพศาล   พืชมงคล บอกว่าผมก็ศึกษามาจังเลยธรรมะทำไมผมไม่บรรลุโสดาบันเสียที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 11:45:20 )

คนเราอาศัยสองสิ่ง คือความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

เป็นคำสองคำที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า คนต้องอาศัยสิ่ง 2 สิ่งนี้แหละ คือความมีกับความไม่มี นี้ เป็นสิ่งที่เรียนรู้ไปจนกระทั่งจบ ไม่จบก็ไม่จบอยู่ที่ไม่รู้ความมีกับความไม่มี 

ถ้ารู้ความมี ความไม่มีเสียแล้ว ชัดเจนหมด จบเลยว่า อ้อ! มี มันเป็นอย่างนี้ ไม่มี มันเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ทำความไม่มีได้ เหมือนอย่างที่ท่านตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 (ดูภาคผนวก พตปฎ.เล่ม 16/ข้อ 43)

ความมีเป็นอย่างนี้ ความไม่มีเป็นอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกว่า อ๋อ ความมีนี้กับความไม่มีเพราะฉะนั้นเราก็ทำความไม่มีได้ 

เสร็จแล้วมามีความไม่มี เอ๊..อย่างไร

จบด้วยความไม่มี ทำให้เกิดความไม่มีให้ได้ แล้วก็มา มี อีกทีนึง แต่ก็จบด้วยความไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:32:38 )

คนเราเกิดมาเพื่อทำงานตัดกิเลส

รายละเอียด

ผู้ฟังธรรมะแล้วเข้าใจเนื้อหา อันนี้ดี ว่าคนเราต้องมาทำงานหน้าที่นี้นะ เกิดมาเป็นคน ถ้าไม่ทำงานอันนี้ชาติแล้วชาติเล่า คุณก็วนตกอยู่ในดีชั่วลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เวียนวนอยู่อย่างนั้น แย่งกันไปแย่งกันมา สมบัติผลัดกันชม ทุกข์ๆ สุขๆ อยู่ไม่รู้จักจบ พอรู้แล้วก็เลิกก็เพลาจากทางโน้น มาทางปฏิบัติธรรมอย่างพวกเรา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของมนุษยชาติด้วยกัน คนโลกีย์เขาก็เป็นของเขา ก็หน้าดำหน้าแดงหมาหอบแดดอยู่ทางโน้น กว่าจะมาเข้าใจอย่างพวกเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:54:18 )

คนเราเกิดมาเพื่ออะไร

รายละเอียด

เกิดมาเพื่อทำงาน ทำงานที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ประโยชน์เพื่อตนเอง ประโยชน์ที่ว่านี้ก็คือสิ่งที่มันทำออกไปแล้วผู้คนได้อาศัยกิน ใช้กินก็เพื่อเลี้ยงร่างกายเป็นอาหาร อาศัยใช้เป็นเครื่องไม้เครื่องมือองค์ประกอบเครื่องใช้ต่างๆ เครื่องใช้สารพัดประโยชน์มีมากมาย เพราะฉะนั้นทุกวันนี้จึงคัดเครื่องใช้ที่คนมันงมงายหลงเยอะ หรือเครื่องใช้ที่ไม่ควรใช้ในกาละอันไม่ควร ยังไม่เหมาะสมกับเรา เช่น ใช้มีด หากเด็กเอาไปก็ไปบาดมือเป็นพิษภัยต่อตนเอง ก็ไม่ให้ใช้ จนต่อมาใช้มีดเป็น ต่อมาใช้เครื่องมือที่มีอินเตอร์เน็ต พวกนี้ยังไม่สมควรจะใช้ก็อย่าเพิ่งใช้ เดี๋ยวนี้เด็กกดอินเตอร์เน็ตได้เก่งกว่าหลวงปู่อีก เครื่องใช้มีเยอะแยะ ส่วนเครื่องกินก็ต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง กินเพื่อให้ร่างกายได้อยู่ได้ดี ส่วนเครื่องใช้มีมาก ต้องพิจารณาต้องเลือกเฟ้นให้เหมาะสมกับตัวเรา เหมาะสมกับการทำงาน เหมาะสมกับโอกาส บางทีเครื่องใช้พวกนี้มันมีโอกาส อย่างพวกเรามีโอกาส บางทีไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือดีๆใช้ มีโอกาสมีบารมีแค่นี้ ก็ไม่ต้องไปดีดดิ้น ดิ้นรนอะไรมากมายก็พยายามสร้างสรรด้วยตัวเอง ไม่ได้ดีกว่านี้ได้แค่นี้ก็เอาอย่างนี้เป็นต้น ที่นี่พาทำอยู่แล้ว สังเกตดีๆอ่านให้ดี ทั้งการใช้เครื่องใช้ต่างๆ สอนแนะนำ ต้องทำความเข้าใจ ทำไมผู้ใหญ่ไม่ให้เราทำ เชื่อเถอะ ผู้ใหญ่ก็ต้องมีเหตุมีผล ก็ฟังไป ตามผู้ที่มีความรู้เป็นผู้ใหญ่กว่าก็ควรจะรู้ว่าคนไหนควรให้ใช้อะไร เราก็ให้ใช้ไปตามที่ควรได้ ไม่ต้องไปดิ้นรนดื้อดึง ไม่มีก็ดิ้นรนหาที่อื่น หรือไปดิ้นรนหาเงินซื้อมาให้ได้ ทำตามเหมาะควร อย่างนี้เหมาะใช้อย่างไรก็ให้ใช้ ที่นี่อนุโลมมากกว่าที่อื่นแล้ว บางทีเด็กๆบางคนมีความรู้ความสามารถพิเศษก็สามารถใช้อันนี้ได้เราก็ให้ใช้ เราไม่ได้หวงแหนหรอก บางทีใช้ก็เสียก็เสีย ทำเสียบ้างได้บ้าง ถ้ายังไม่สมควรให้ใช้ก็ต้องดูแลกันไม่ให้ใช้ เพราะฉะนั้นที่นี่ดีที่สุดแล้วมาอยู่ที่นี่แล้วก็พร้อมทุกอย่างมีประโยชน์ คำว่าประโยชน์จึงมีความหมายกว้างมาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตาภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:58:53 )

คนเราไม่เข้าใจในค่ารวมของ status quo

รายละเอียด

คนเราไม่เข้าใจในกาละปัจจุบันที่สุด ที่เป็นองค์รวมในขณะนี้ปัจจุบันนี้ คุณจะเอา กาละ ประมาณ เขาชอบสมมุติกันว่าภายใน 3 เดือน เขาเรียกว่าไตรมาสนั้นนี้ ภาพรวมอย่างนั้นอย่างนี้ ที่จริงอย่าว่าแต่ไตรมาสเลย  3 วันคุณก็รวมมาสิ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง เหตุปัจจัยทุกวันนี้เร็วยิ่งกว่าอะไร ทุกวินาทีมีข้อมูลใหม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคุณจะไปหนักใจอะไรกับมันนักหนา ความเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนไป เราก็ดูค่ารวมของ status quo เอาไตรมาสก็ไตรมาส 3 วัน ก็ 3 วัน มันได้เท่านี้ สุขสำราญเบิกบานใจ 3 เดือนหรือ 3 วันก็พอแล้ว เทียบกับ 1 ปีผ่านมา เทียบกับ 3 วัน เทียบกับวันผ่านมา 9 วันผ่านมา ใช่ไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:36:45 )

คนเรื่องมาก

รายละเอียด

ยังที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องคนที่มีลูกศรอาบยาพิษปักอยู่ ก็บอกว่าจะต้องรู้ก่อนว่าใครยิงมา ลูกศรทำจากไม้อะไร ทำจากพิษอะไร คนยิงชื่ออะไร ต้องให้รู้ก่อนแล้วค่อยยอมให้ถอนลูกศรออก คนนี้ เรื่องมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 11:27:19 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:06 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:59:40 )

คนเลี้ยงง่าย

รายละเอียด

คือ คนเลี้ยงไม่ยาก อัตตาน้อย คนที่เลี้ยงยากคือคนที่อัตตามาก จะไปก็ยากจะมาก็ยากจะกินก็ยากจะนอนก็ยากจะอยู่ก็ยาก อะไรก็ยากไปหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 11:26:05 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:00:06 )

คนเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายรู้จักสาระในสาระ

รายละเอียด

ผู้ที่เลี้ยงง่ายบำรุงง่าย สุภระ สุภโร เป็นคนอย่างนี้ ถ้าหากว่าพวกคุณเป็นคนเลี้ยงยากอาตมาก็คงจะเป็นไมเกรน เป็นมะเร็งในสมองตาย แต่ทีนี้พวกคุณเลี้ยงง่าย ไม่เชื่อเรื่องโมเมไม่ใช่เรื่องทำเล่น แต่พวกเราเป็นจริงมีคุณธรรม มาจากทุกทิศ แม้แต่ต่างประเทศก็มา เพราะต้องมีคุณธรรมที่สมส่วน เลี้ยงง่าย บำรุงได้หมายความว่าทำให้เจริญง่าย อย่างเช่นเย็นนี้ก็มานั่งฟังธรรม เช้าก็มาฟังธรรม ถ้าปฏิบัติได้ดีง่ายๆ อย่างไรอย่างไรก็มีการใฝ่ดีพากเพียรอุตสาหะวิริยะ ที่จะเอาธรรมะไปพัฒนาตัวเองเห็นความสำคัญกว่าที่จะเอาเวลาแรงงานไปหาเงินไปเที่ยวเตร่ไปสนุกสนานมาเอาอันนี้ดีกว่า เพราะว่าเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสาระอะไรเป็นความจำเป็นของชีวิตทุกวินาที คนเราเห็นความสำคัญในความสำคัญรู้จักสาระในสาระจึงจะสุดยอด สาธารณโภคีนี้เป็นหนึ่งเดียวเป็นที่หนึ่งขอยืนยันว่าคอมมิวนิสต์ก็เป็นไม่ได้ ประชาธิปไตยจะดีที่สุดแค่ไหนก็เป็นไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 11:29:24 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:43 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:00:51 )

คนเลี้ยงยากหมายถึงอะไร

รายละเอียด

คนที่เลี้ยงยากเพราะเป็นภาระของสังคม คนที่เป็นภาระสังคมอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นคุณธนินทร์ เป็นภาระของสังคมมาก เพราะว่าคนจะต้องหาดอกหาปันผลไปมอบให้แกอยู่เรื่อย บิลเกตส์ก็เหมือนกัน ก็จะต้องมีคนไปหาเงินปันผลให้แก แกเป็นเจ้าหนี้ทั้งนั้น คนก็ต้องส่งดอกให้แก แล้วแกก็เป็นเจ้าภาระเก็บดอก เก็บปันผล น่าสงสารจริงๆ คุณธนินท์เขาฟังแล้วจะว่า ใครต้องสงสารใครกันแน่ เขาจะมองว่าเราไม่มีเงิน ทำเป็นพูดเก๊กไป เคยได้ยินไหมเรื่องคนสร้างบ้าน สร้างแล้วก็รื้อใหม่ทำแล้วทำอีก คนรับเหมาก็ได้ทั้งนั้นแหละ ทั้งรื้อและสร้างก็ได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายทนความจู้จี้จุกจิกของเขาไม่ไหว ก็มาบ่น ไม่ได้ดั่งใจ เห็นไหม อัตตาของคน นี่ก็หยิบขึ้นมา ขอโทษนะ ลูกสาวคนไหนก็ไม่รู้หรอก ฟังเรื่องราวของเขาเท่านั้นเอง เอามาเล่า คนเลี้ยงยากต้องเข้าใจให้ชัดเลยว่าหมายถึงอะไร อย่างคุณธนินท์ อย่างบิลเกตส์ คนจะต้องส่งดอกให้เขาตลอดเวลา เขาก็ดูดไปทำให้คนเกิดภาระเยอะ ทำไมไม่ปันผลให้เขาบ้าง คุณเป็นคนที่เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่พอไม่รู้จักอิ่มจัดเต็ม เลี้ยงยากชะมัด แล้วเมื่อไหร่เขาจะอิ่มเขาจะเต็มตอบได้ไหม จ้าง ตายแล้วทั้งชาติก็ไม่อิ่ม เขาจะไม่เข้าใจไม่รู้สึกว่าพอ จะต้องสันโดษ หรอก อสันตุฏฐิ ไม่พอ พวกนี้เป็นพวก อวรรณะ 6 ทั้งนั้น เป็นคนชั้นต่ำ ต่ำว่า class

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:29:07 )

คนเวไนยสัตว์

รายละเอียด

คนเวไนยสัตว์ คือ คนที่สอนได้ คนจะรู้เรื่องกาม โลกุตระ แล้วต้องรู้เรื่องคู่กันภายนอกกับภายใน เรียกว่า กาย

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:12:03 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:10 )

คนเสพติดรสเก๊ของโลกียภูมิ

รายละเอียด

คือ คนเสพติดรสนี้หนักยิ่งหว่า คนเสพติดที่ติดเสพ หนักสุดเพราะเสพด้วยอวิชชา จึงสะกดจิตตนเองติดหนับ  แถมสะกดจิตคนอื่นเขาไปทั่ว ครอบงำคนทั้งหลายให้หลงมืดบอด ดำฤษณาตามตนเองให้หนัก จัดหนักหน้ามึนอย่างไม่หยุดหย่อน  ดังที่เห็นกัน เขาไม่รู้เลย เขาไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในเวทนา 2 (ทวเยนะ เวทนายะ) หรอกว่า อย่างไรคือ เวทนา รสแท้  อย่างไรคือ  เวทนา รสเก๊ ซึ่งเป็น เวทนา 2 อันเป็น ธรรม 2 (เทวธัมมา)ที่เราจะต้องศึกษา เวทนาในเวทนา และทำให้เป็นเวทนาเดียว(เอกัคตารมณ์ หรือเอกคตาจิต) สำเร็จเป็นที่สุด ธรรมรสหนึ่งเดียว จึงชื่อว่า จิตเป็นหนึ่ง ซึ่งแตกต่าง ความมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ของลัทธิหลับตาที่ทำการสะกดจิต ทำกันนั้นแน่นอน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:03:46 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:38:44 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:02:19 )

คนเสพติดรสเก๊ของโลกียภูมิ

รายละเอียด

ก็เพราะคน“เสพติดรสเก๊ของโลกียภูมิ”นี้หนักยิ่งกว่า“คนเสพติดที่ติดเสพ”หนักสุดใด เพราะเขาเสพด้วย“อวิชชา”จึงสะกดจิตตนเองติดหนับ แถมสะกดจิตคนอื่นเขาไปทั่วครอบงำคนทั้งหลายให้หลงมืดบอดดำฤษณาตามตนเองให้หนักจัดหนักหน้าขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ดังที่เห็นกัน เขาไม่รู้เลย เขาไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“เวทนา 2”(ทฺวเยนะ เวทนายะ)หรอกว่า อย่างไรคือ เวทนา“รสแท้” อย่างไรคือเวทนา“รสเก๊” ซึ่งเป็น“เวทนา 2”อันเป็น“ธรรม 2”(เทฺวธัมมา) ที่เราจะต้องศึกษา“เวทนาในเวทนา”และทำให้เป็น“เวทนาเดียว”(เอกัคคตารมณ์หรือเอกคตาจิต)สำเร็จเป็นที่สุด“ธรรมรสหนึ่งเดียว” จึงชื่อว่า “จิตเป็นหนึ่ง”ซึ่งแตกต่าง“ความมีอารมณ์เป็นหนึ่ง”ของลัทธิ“หลับตา”ที่ทำ“การสะกดจิต”ทำกันนั้นแน่นอน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:46:47 )

คนเสียชาติเกิดเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

มันจะรู้ว่าเราเป็นคนไม่เสียชาติเกิดนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ คนที่เกิดมาไม่เสียชาติเกิด 

คนที่เกิดมาเสียชาติเกิดก็คือ คนที่เกิดมาไม่ได้แก้ไขจิตวิญญาณตนเองให้กิเลสลด นี่คือคนเสียชาติเกิด 

ใครก็ดีที่เกิดมาแล้วไม่รู้จักกิเลส อ่าน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ของตนเองไม่ออก แยกจิตเจตสิก แยกกายแยกจิตไม่ได้ อ่านจิตเจตสิกไม่ได้ เพราะฉะนั้นแยกกิเลสที่มันแฝงในจิตและเราไม่ได้และทำให้กิเลสมันออกไปจากจิตไม่ได้ นั่นแหละคือคนเสียชาติเกิด มีเยอะไหม ....เยอะ

โลกเทวนิยมมีหมดเลย เกิดมาเสียชาติเกิดทั้งนั้น แล้วไม่เสียชาติเกิดเปล่า ซวยด้วย เกิดมาแล้วซวย เสียชาติเกิด เพราะเกิดมาแล้วถูกครอบงำด้วยกิเลส จะฆ่าแกงจะต้องเอาชนะ จะต้องเลิศด้วยทางรสนิยม รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส หรูหราฟู่ฟ่าเต็มสังคม กิเลสทั้งนั้น 

เพราะฉะนั้นคิดดูสิ คนเกิดมาเสียชาติเกิดนี้มีจำนวนตั้งเท่าไหร่ คนที่เกิดมาไม่เสียชาติเกิดมีเท่าไหร่ อย่างในประเทศไทยก็มีชาวอโศกอยู่จำนวนหนึ่ง
พวกที่เขานึกว่าเขาไม่เสียชาติเกิดเหมือนกัน เขาก็นึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ด้วยซ้ำ คือพวกไปนั่งหลับตา นึกว่าตัวเองบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์กัน นี่ก็ยิ่งน่าสงสารใหญ่เลย แล้วก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขานะคนพวกนี้ พวกที่นึกว่าหลับตาคือการดับกิเลส คือการทำให้อวิชชาไม่รู้จัก ยิ่งไม่รู้จักกิเลสใหญ่เลย หลับตาเข้าไปนั่งสะกดจิตไม่มีวันได้รู้กิเลส พวกนี้โมฆบุรุษ 100% เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 11:01:28 )

คนเสียสละ

รายละเอียด

คนที่ไม่เอาเปรียบเขาแต่เป็นคนมาเสียสละให้แก่โลกให้แก่คนอื่น เรามีสิทธิ์ที่จะเอาเปรียบ มีสิทธิ์ที่จะได้เปรียบ มีความรู้ความสามารถ มีความขยันมากกว่าเขา เราก็ขยันอยู่อย่างนี้แล้วทำอย่างมีความสามารถมีความรู้ทำอย่างนี้ แต่เราเอาไว้น้อยๆเรียกว่าจนไม่สะสมไว้มาก อปจยะ มีพอกินพอใช้อุดมสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนไม่ทรมานตน เหลือก็สะพัดให้คนอื่น ขายก็ขายให้ถูก ถ้าหากขายไม่ได้ก็แจกเลย เราทำอย่างนี้จริงๆ นี่แหละคือคนที่แก้ปัญหาให้แก่สังคมด้านเศรษฐกิจจบแล้ว คนที่เศรษฐกิจดีการเมืองก็จะดี ภาระบริหารง่ายไม่ได้เป็นภาระของผู้บริหาร ไม่ก่อโทษภัยให้แก่สังคมการเมืองก็ดี สังคมก็อยู่อย่างอบอุ่นผาสุข สุขสำราญเบิกบานใจ มันดีหมดเลย เมืองไทยผู้บริหารน่าจะฟังอาตมาบ้าง เพราะว่าไม่ได้เอาลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:43:10 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 15:58:33 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:03:12 )

คนเสียเปรียบให้กับสังคมเป็นคนเจริญ

รายละเอียด

ถามจริง นั่งอยู่ตรงนี้ใครเคยโกงอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง ...มีคนยอมรับ อย่าพูดเลยทุกหน้าเคยทำมา มันไม่รู้ตัวหรอก จริง แม้แต่อาตมาถูกลิงลมอมข้าวพองเหมือนเราไปโกงเขาด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่เราไม่ถือว่ามีเล่ห์เหลี่ยมนะเราถือว่าอย่างนี้ได้เปรียบ ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดวัฒนธรรมเพราะมันละเอียด อยู่ในสังคมมันไม่ซื่อ คนที่สูงสุดแล้วนี้นะนอกจากไม่เอาของเขาแล้วให้เขาด้วยเสียเปรียบด้วยนั่นแหละคือคนเจริญ คนที่อยู่ในสังคมเป็นคนเสียเปรียบให้กับสังคมเป็นคนเจริญ คนที่อยู่กับสังคมคุณจะทำตนให้เท่าทุนมันทำไม่ได้หรอก ไม่เสียเปรียบมันก็ได้เปรียบ

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีลักษณะ ได้เปรียบมาก ในวันหนึ่งคุณได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบคุณไม่ใช่แล้วคุณโกง แต่ถ้าในวันหนึ่งคุณเสียเปรียบ เฉลี่ยแล้ว เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ นี่คือ คนเจริญ คนมีคุณธรรมคนมีประโยชน์แก่สังคม ยิ่งคุณอยู่เสียเปรียบมากๆ เสียเปรียบสุดตัวหมดสุดไม่มีกว่านี้แล้ว อยู่กับหมู่ฝูงไปกินใช้หมู่กลุ่มให้ใช้เท่าไหร่ก็ใช้ ไม่ใช้ก็แล้วไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 20:37:06 )

คนเสื่อมทำให้เสียธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาว่า อาตมาพ้นขีดที่จะอยู่กับสังคมมนุษย์ว่า เห็นแล้วมีแต่น่าสงสารน่าช่วยเหลือมันเหนื่อยหนัก ยิ่งโลกเสื่อมทุกวันศาสนาพุทธเสื่อมลงก็ยิ่งยาก ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อมแต่คนเสื่อม เข้าใจผิดในความหมายศาสนาพุทธแล้วยึดถือผิด เอาไปปฏิบัติผิดน่าสงสารมาก จนไม่สามารถใช้ธรรมะพระพุทธเจ้าปฏิบัติให้ตนเองพ้นทุกข์ได้ ก็เสียเลย เสียธรรมะพระพุทธเจ้า เพราะท่านสอนไว้เพื่อให้คนเอามาศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน อัตภาพและสังสารวัฏ

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:07:18 )

คนเหนือโลก

รายละเอียด

คือ คนโลกใหม่ เป็นคนลักษณะทวนกระแสโลกเก่า คือ โลกโลกีย์ เป็นคนโลกต่างดาว มีความฉลาดแบบใหม่ ซึ่งฉลาดแบบคนต่างดาว แบบโลกุตระ คือ ปัญญาที่เป็นอุตตระจริงๆ พูดกับคนโลกเก่าก็ได้ คนโลกใหม่ก็ดี

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 38


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:20:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:27 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:03:48 )

คนเหาะได้คือคนมีอุตตริมนุสสธรรม

รายละเอียด

สรุปแล้ว อาตมานี่คือคนเหาะได้ พยายามฟังธรรมะที่อาตมาเปรียบเทียบใช้ภาษาธรรมะว่าเหาะได้ ไม่ได้เหาะลอยตุ๊บป่องไปในอากาศหมาเลียตูดไม่ถึง ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  เหาะนี่เป็นคำแทนว่า เป็นคนแปลก วิเศษ ทำอะไรได้เกิน เรียกว่า มีอุตตริมนุสสธรรม มีธรรมะที่เกินคนธรรมดาเขาทำได้นะ เป็นคนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เหมือนอย่างมีอิทธิปาฏิหาริย์ มีความสามารถหลายประการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:32:34 )

คนเห็นคุณค่าก็บอกว่ามี คนไม่เห็นคุณค่าก็บอกว่าไม่มี

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้ามาถึง 2500 กว่าปีแล้ว ข้อใดผิดเพี้ยนไปเลอะเลือนไปจนไม่มีใครเอามาพูดได้ อาตมาก็นำมาพูดได้ ขออภัยที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้คุยตัวอวดตัว แต่พูดตามภูมิธรรมที่อาตมามี หากไม่มีก็เอามาพูดไม่ได้หรอก ก็ตำราก็มี  จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลในพรหมชาลสูตรก็มีแต่ทั้งท่านพุทธทาสและมหาเถรสมาคมบอกว่าไม่มี มหาเถรสมาคมหรือท่านพุทธทาสก็พอรู้ว่ามีนะ ทำไมท่านจะไม่รู้จักศีล คุณเองไปดูถูกท่าน 

ก็ยืนยันว่าจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มี แต่คุณบอกว่าไม่มี ใครที่ไม่กล่าวถึงไม่เอาไม่น่าจะมีในพระไตรปิฎกเขาก็ทิ้ง อาตมาไม่ทิ้งแล้วนำมาให้พวกเราปฏิบัติ ได้ผลหรือไม่ ...ได้ เป็นประโยชน์และดี สบายขึ้น ประเสริฐ สุดยอด

คนที่เห็นค่าก็เอามาปฏิบัติประพฤติก็ได้คุณค่านั้นได้ความประเสริฐนั้น ส่วนคนไม่เห็นค่าก็ทิ้งไป มันไม่ได้แปลกอะไร ลิงมันเห็นแก้วแหวนก็บอกว่าสู้ถั่วไม่ได้ ไก่เจอเพชรพลอยไม่เอามันแข็ง ไปกินพืชผักดีกว่า คนเห็นคุณค่าก็บอกว่ามี คนไม่เห็นคุณค่าก็บอกว่าไม่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:13:09 )

คนเห็นผิดยังมีน้อยกว่าคนเห็นชอบ

รายละเอียด

คุณเชื่อไหม เมืองไทยคนเห็นชอบมากกว่าคนเห็นผิด ที่ไปประท้วงมีน้อยคนไม่ถึงร้อย เขาพยายามดิ้นรน เป็นอาตมาหยุดแล้ว อาตมาเคยพาพวกเราไปประท้วง ไม่ได้หยุดหรอก ประท้วงจนจบงาน ถ้าจะต้องไปอีกก็ไป ขอบอก อาตมามีแรงพาพวกเราไปประท้วงได้ ใครจะไปกับอาตมาบ้าง ...ไม่เจียมแก่กัน แก่กันมากแล้วนะ ตอนไปนั้นปี 49-57 ต่อเนื่องกัน 3-4 รัฐบาล เราช่วยทำจนจะตั้งหลักสร้างชุมชนดูไป ที่สวนลุม นี่ก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเล่น หากมีอะไรแรงๆอยู่ ป่านนี้ชุมชนดูไปคงยึดสวนลุมไปแล้ว เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าดู 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 13:42:22 )

คนเห็นสาระเป็นสาระเป็นผู้ที่ถึงสาระ

รายละเอียด

คือมีเอส เอ็ม เอส  แสดงความเห็นว่า ชาวอโศกช่วยสังคมโดยไม่เอาหน้า ไม่มีสื่อมาทำข่าว สังคมไม่ค่อยทราบข่าว สมณะโพธิรักษ์จึงกล่าวว่า  เราวิจารณ์คนเลว ก็เป็นข่าวดี เราชื่นชมคนดี ก็เป็นข่าวดี แต่คนเห็นสาระเป็นสาระเป็นผู้ที่ถึงสาระ คนที่เห็นสิ่งที่มีสาระเป็นสิ่งไร้สาระ คนนั้นเป็นคนไม่มีสาระ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:28:26 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:39 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:04:46 )

คนเอาปลายมาปฏิบัติก่อน

รายละเอียด

คือ คนที่หลับตาปฏิบัติเป็นพวกที่เอาปลายมาปฏิบัติก่อน คุณไม่มีเบื้องต้น ก็ไม่มีเบื้องกลาง ปลาย คุณจะปลูกต้นไม้เอากลางต้นไปปลูก คุณจะปลูกได้อย่างไร ก็ต้องเอาต้นที่ลงที่พื้นดิน ก็ต้องหาต้นที่มีราก มีตอมาปลูก หากต้นที่เอามาเสียบปลูกได้  ต้นปลูกได้ก็แล้วไป จะใช้ยอดมาปลูก ก็ต้องปลูกที่ต้นเป็นลำดับแล้วจะดี ลัทธิที่ไม่มีต้น กลาง ปลาย คำว่า “กาม” ก็ดีเป็นเบื้องต้น คนที่หลับตาปฏิบัติเป็นพวกที่เอาปลายมาปฏิบัติก่อนจะเอาสุดยอดเลย ลัดเลย พวกนี้จึงไกลจากวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:26:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:05:40 )

คนเอามรรคไปปฏิบัติจนเกิดผล

รายละเอียด

ผู้ที่รับได้มีภูมิธรรมโลกุตระอันประเสริฐก็ได้รับไปอย่างชาวอโศก และผู้ที่สามารถฟังรู้เรื่องขึ้นมาแล้วทุกวันนี้เพราะอาตมาบรรยายแล้ว มันมีปรากฏการณ์จริง มีผลรองรับจากวิธีการอธิบาย จากวิธีการปฏิบัติและคนเอามรรคไปปฏิบัติจนเกิดผล  เกิดขึ้นเรื่อยๆ แม้จะขอดขึ้นเรื่อยๆ หาผู้ที่รู้ เนยยะ มันมีเนยเน่าๆ เนยดีๆ ก็ชักจะหมดแล้ว เหลือแต่เนยเน่าๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็พยายาม รักษาเนยเน่าๆ ให้มันสดมันดีขึ้นมาหน่อย จะมารู้ขึ้นมาบ้าง ก็พยายามอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่ พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:36:14 )

คนเอาแต่ตัวคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครนั้นไม่รอด

รายละเอียด

คนเอาแต่ตัวคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครนั้น ไม่รอด ไม่เป็นอรหันต์ อรหันต์ไปทำอะไรคนเดียวไปคนเดียวมาคนเดียวไม่มีเพื่อนไม่มีทางเป็นอรหันต์ เพราะจะเป็นอรหันต์ต้องมีสภาวะ 2 ต้องมีรูป-นาม ต้องมีเทวะต้องมีคู่ เปรียบเทียบความแตกต่างตามความเป็นจริงจึงจะเกิดความรู้ ถ้าไม่มีอะไร 2 อย่างเปรียบเทียบกัน และก็รู้ว่าอะไรเหนือกว่าอะไร อะไรถูกกว่าอะไร อะไรดีกว่าอะไร อะไรเป็นโลกุตระ อะไรเป็นโลกียะ คุณไม่มีตัวเปรียบเทียบคุณจะรู้โลกุตระได้หนึ่งเดียว คุณจะรู้โลกุตระไม่ได้ 

หรือโลกุตระนั้นไม่มีหนึ่งเดียว นอกจากโลกุตระนั้นคือทำตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวทำตัวให้เป็น 0 ได้ นี่คือเงื่อนไข แต่ก็รู้ว่า ตราบที่มีชีวิต ชีวะ คุณยังไม่ตาย คุณต้องมี 2 

ในชีวะมนุษย์ ในสังคม ในระบบอะไรต้องมี 2 ต้องมีรูปกับนาม มนุษยชาติที่เจริญแล้วต้องเข้าใจ แม้แต่สัตว์เขาก็มีแต่เขาไม่รู้ แล้วมนุษย์ต้องทำสิ่งที่ดีที่ควรกว่าตามกาละเทศะฐานะที่ไม่เที่ยง อย่างนี้เป็นต้น นี่คือ ความรู้และความเป็นจริงที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 05:21:40 )

คนแก่ เด็ก คนเจ็บป่วย คนพิการ คนไร้สมรรถภาพ ยกไว้

รายละเอียด

มาเข้าเรื่องเศรษฐกิจ การจะจัดการเศรษฐกิจ อย่าไปสร้างเศรษฐกิจให้คนรวย ไหนบอกว่าจะทำให้คนรวยเท่าเทียมกันทั้งประเทศ ขี้ฟันร่วงเลย เรามีสมรรถภาพก็ทำไป นอกจากคนแก่ เด็ก คนเจ็บป่วย คนพิการ คนไร้สมรรถภาพ มี 5 อย่างนี้ นี่ยกไว้ต้องเลี้ยงดูกันในสังคมจนกว่าเขาจะสิ้นอายุขัยของเขาไป มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนขี้เกียจกับขี้โกงไม่ต้องไปเลี้ยงมัน ไล่มันไปอยู่นอกวงการเลย ไล่ไม่ออกก็ให้ตำรวจมาจัดการ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:42:24 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:08 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:06:14 )

คนแก่ที่จนแต่มีความสงบอบอุ่นเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ถามมานี้ฟังคำถามแล้ว มันไม่เห็นคำตอบของตัวเองว่าจะตอบยังไง อาตมาก็ไม่รู้ทั่วไปและคนชราทั่วไปนี้เขาใช้ชีวิตอย่างไร ก็เห็นคนที่เขาอยู่ตามวิบากของแต่ละคนน่าสงสารมาก แต่เราจะไปช่วยคนต่างๆที่ตกทุกข์ได้ยากตามวิบากของเขานั้น มันช่วยกันไม่หมดหรอก ช่วยกันไม่ไหว เราเองเราก็ไม่ได้เอาเปรียบเขา อาตมาว่า อย่างพวกเราบางคนนี่นะ ก็ไม่ได้ร่ำรวยกว่าคนที่ทุกข์ยาก เขาเป็นคนแก่ เป็นคนที่ยากจน พวกเรานี้ หลายคนก็แก่ก็ยากจนไม่ได้น้อยกว่าเขาหรอก แต่เรามีที่พึ่งทางใจที่เราได้ปฏิบัติธรรม กับเราได้พึ่งหมู่กลุ่มตามกรรมวิบากของเรา

คนที่เขาทั้งแก่ด้วยจนด้วยและก็ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีหมู่กลุ่ม มันก็เป็นวิบากของเขา เราจะไปทำเป็น เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง เอามาหมดเลยไม่ได้ ขนาดรัฐบาลเขาก็ยังทำไม่ได้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลด้วยซ้ำ เราก็เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจ กรรมวิบาก เราก็จะทุกข์มากทีเดียว แต่เราก็ไม่รู้จะทำไงได้ พวกเราหลายคนที่มีลักษณะอย่างคุณชลดา พออายุเยอะแล้วก็หาที่พักผ่อน อาตมาถึงบอกว่าคนเรารู้จักเราแก่ เราไม่สบายก็ประมาณตน อย่าไปทำเก่งเกินโดยไม่เจียมแก่ ไม่เจียมป่วย ต้องแก่ รู้จักแก่ ป่วยก็รู้จักป่วย เราก็ไม่ได้ออเซาะ ไม่ได้ดีดดิ้นอะไรเกินไป เราก็ดูตามเหมาะตามควร 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2566 ( 08:37:31 )

คนแบบ“โลกุตระ”

รายละเอียด

คนแบบ“โลกุตระ” คือ คนอย่างไร? มีอะไร“อื่น”ขึ้นมาเป็นเครื่องชี้บ่งสำคัญยิ่งไฉน? แบบไหนกันหรือ? 

คนแบบ“โลกียะ” คือ คนที่ยัง“ไม่พ้นสุข-ไม่พ้นทุกข์” เพราะยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จิต เจตสิก รูป นิพพาน” โดยเฉพาะ“นิพพาน”ที่เป็น“ความไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์”ใน“เวทนา”

คนผู้จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“นิพพาน” ก็คือ ผู้มี“ความรู้”แบบ“โลกุตระ”ที่มี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความจริง”ถูกต้อง“ความรู้”แบบ“โลกุตระ”คือ คนผู้หลุดพ้นจาก“อวิชชา”

คนผู้ยังมี“อวิชชา”อยู่ คือ คนยังไม่มี“ความรู้”ที่แปลกใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นความแตกต่างจากความรู้แบบ“เฉโก” นั่นคือ มันเป็นความรู้แบบ“ปัญญา”หรือ“ญาณ”หรือ“วิชชา”  อันเป็น“ความรู้”ที่เป็น“อื่น”จาก“เฉโก” ที่สามารถ“หลุดพ้น” 

“เฉโก”คือ “ความรู้”ที่ยัง“อวิชชา” จึงยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ปฏิจจสมุปบาท”ได้เลย ก็ไม่สามารถ“ดับเหตุ”ที่มันเป็น“ปัจจัย”ทำให้“เกิดภพ-เกิดชาติ”สำเร็จ

จึงไม่สามารถ“ดับภพ-ดับชาติ”ให้ตนจนกระทั่ง“ไม่มีภพ-จบชาติ”เด็ดขาดได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:34:55 )

คนแสดงกิเลสออกมาน่าเกลียดทั้งนั้น 

รายละเอียด

กิเลสที่เป็นรูปราคะ อรูปราคะต่อไปอีก ก็ลืมตาเห็นรูป หูได้ยินเสียงจมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส อยู่อย่างนั้นแหละ แต่จิตเป็นโลกุตระที่อยู่เหนือกิเลส ก็เหลือแต่กิเลสภายใน ภวตัณหา ในรูปภพ ก็เป็น รูปราคะ ก็ลดอีก อยู่กับการสัมผัสภายนอกนั่นแหละ กิเลสมันแค่รูปราคะ อยู่ภายในมันไม่ได้แสดงออกเลยภายนอก เป็นอนาคามีภูมิ เป็นต้น ไม่แสดงออกภายนอก ละอายอย่างแรงกล้า จนไม่กล้าแสดงออก รู้เลย ว่า มันน่าเกลียด การแสดงออกทางกามมันน่าเกลียด มันเป็นกิเลส คนแสดงกิเลสออกมาน่าเกลียดทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2566 ( 14:22:59 )

คนโกหก

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่โกหกทั้งๆที่รู้ รู้ว่าตัวเองโกหก คนที่โกหกทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองโกหก คนๆนี้จะทำชั่วได้ทุกอย่าง ไม่มีความชั่วใดที่คนนี้จะทำไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:35:31 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:37 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:56:39 )

คนโกหกมีสื่อมากเป็นเรื่องยากของความจริง

รายละเอียด

คนโกหกมีสื่อมาก เป็นเรื่องยากของความจริง พูดให้มันเป็นความคล้องจองละเนาะ อาตมาฟังแล้วก็เข้าใจ เออ คนโกหกนี่ ทีนี้ยุคนี้มันมีสื่อมาก คนโกหกยุคนี้มันมีสื่อมาก เพราะฉะนั้นมันก็ใช้สื่อนี่เพิ่มความโกหกของตัวเองด้วยอะไรต่างๆ นานา ในวิธีต่างๆ นานา ก็เป็นเรื่องยากของความจริง ก็ถูก มันเป็นภัยชนิดหนึ่งของสังคมโลก โลกทั้งโลกเลยนะไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ประเทศไทยก็เจอหนักเรื่องสื่อนี่ สื่อที่โอ้โห 

ยกตัวอย่างอย่างพิธานี่ สายพิธา ลิ้มฯ เขาแซ่ลิ้ม เป็นผู้ที่รู้จักสิ่งที่ได้เปรียบโดยการทำสื่อ เขาเป็นผู้ที่รู้มุมนี้ดีมาก แล้วเขาก็ใช้อันนี้มาตลอด เพราะฉะนั้นเขาจึงได้มวลที่เชื่อเขา เดี๋ยวนี้เขาก็ได้มาก คนยังเชื่อเขาอีกเยอะ ยังเชื่อเขาอีกเยอะด้วยการใช้สื่อ 

เพราะฉะนั้นความจริงที่จะปรากฏได้กจึงยากที่จะออกมา เขาขยันและสร้างมวลช่วยกันอีก ขยันแล้วก็สร้างมวลช่วยกันทำอันนี้ มันเลยเป็นน้ำหนัก เป็นน้ำหนักที่ทำให้เขาได้ประโยชน์จากอันนี้ เขาเห็นคุณค่าของอันนี้มากเลย นี่เป็นเรื่องของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 

คนแซ่ลิ้ม มีหลายลิ้มนะ คุณสนธิ ลิ้มอะไรนะ (เสียงตอบว่า ลิ้มทองกุล) เออ! อาตมานี่ขออภัย ความจำชักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันไม่น่าจะจำไม่ได้หรอกนะ มันก็เป็นบ้าง 

พิธาเขามองมุมนี้ และได้ประโยชน์จากมุมนี้ เฉกเช่น ทักษิณ ทักษิณได้มุมมากกว่าหลายมุมกว่าพิธา พิธาได้มุมเด่น แต่ทักษิณได้มุมหลายอย่าง เขาจึงเอามุมที่เขาเห็นว่า ประชาชน เขาครอบงำประชาชนได้ด้วยอย่างนี้อย่างนี้ นัยยะนี้ มุมนี้ แง่นี้ เขาก็ใช้มาตลอด อาตมาก็ไม่เก่งที่จะระบุลงไป แต่เห็นรู้อยู่ว่าทักษิณนี่มีความสามารถมากในการใช้สื่อด้วย เงินทองด้วย อำนาจตำแหน่งยศศักดิ์ด้วย กรรมวิธีในการบริหารด้วย อะไรพวกนี้ โอ้โห 

เพราะฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า ทักษิณนี่ครอบครองอำนาจ มีอิทธิพลในการบริหารประเทศไทย ทั้งๆที่เขาเป็นนักโทษ ที่ต้องออกไปอยู่นอกประเทศตั้ง 10 กว่าปี ก็ยังใช้อำนาจอิทธิพล ใช้คนของตัวเองให้คนของตัวเองในประเทศไทยบริหาร ตั้งแต่นายกฯสมัคร สุนทรเวช นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ก็กำลังจะเอานายก ตอนนี้เอานายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ขึ้น แล้วก็ต่อคิวไว้ ต่อจากนั้นก็คงจะเป็นอุ๊งอิ๊ง อย่างนี้เป็นต้น 

ทักษิณเขาใช้ได้ผลอยู่ อาตมามองในแนวลึกเห็นว่าประเทศไทยนี้มีตัวอย่างอันละเอียดลออ ละเอียดลออของเชิงกลวิธีการของการเมือง ที่ทักษิณเขาจะใช้ อื้อหือ สุดยอดแห่งการจบด็อกเตอร์ทางอาชญวิทยามาจริงเลย จุ๊ๆๆ ยอดจริงๆ 

ถ้าว่าแล้ว อาตมาเองอาตมาไม่ได้ไปลงโทษตัวเขานะ ว่าตามเนื้อผ้า ว่าตามสัจจะ เขาเกิดมาเป็นตัวอย่างที่จะทำให้เห็นทั้งแง่เชิงของสิ่งที่มันไม่ดีไม่งามนี่ได้ละเอียดซับซ้อนมาก จนทุกวันนี้คนก็ยังเชื่อถือเขา แม้แต่นายกปัจจุบันนี้ก็ยังยกย่องเชิดชู อย่างที่เห็นๆชัดเจน ก็ยังยกย่องเชิดชูกัน 

ที่เขาพูดชัดๆ อันหนึ่งก็คือ ที่นายกเศรษฐาเขาพูดว่า ทักษิณนี้เหนือชั้นกว่าพลเอกประยุทธ์ ทำผลงานให้แก่ประเทศอย่างนั้นอย่างนี้เขาก็พูดไป คุณเปลว สีเงินได้ยินเข้า หมั่นไส้ก็เลยซัดเข้าไปเต็มคอลัมน์เลย(ใน นสพ.ไทยโพสต์ 30 ก.ย. 66) เมื่อวานนี้หรือไง ซัดเข้าเต็มคอลัมน์เลย มีถุยด้วยนะ ถุยที่เศรษฐาพูดมา แล้วก็ค่อยร่ายละเอียด สอนไปทีละเรื่อง อ้างอิงหลักฐานวันเวลาเรื่องราวอันนั้นอันนี้ แม้แต่แค่เรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิ อะไรอย่างนี้เป็นต้น 

ซึ่งมันก็ดีนะ มีคนรู้เท่ารู้ทันอะไรต่ออะไรพวกนี้ แล้วก็มาบอกความจริงกัน ยืนยันอะไรต่ออะไรกัน ขนาดนั้นคนก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อไม่ค่อยจะเห็นด้วย ไม่ค่อยจะฟัง ไม่อะไรๆเลยนะ 

สื่อสารทุกวันนี้มันดีมีหลายมาก หลายมุม หลายเจ้า แล้วก็อย่าไปปฏิเสธอะไร ดูหมดทุกมุม แม้แต่มุมหมอปลาอาตมาก็ดู เขาก็ไปกันใหญ่ 

นี้ที่จอภาพ เขา Insert ภาพมา บทความคอลัมน์ 30 กันยายน “ ทักษิณทูนหัวของเศรษฐา” วันที่ 30 กันยายน ไม่ใช่วันที่ 1 วันที่ 1 วันอาทิตย์ เขาวรรคเว้นไม่ได้เขียน ธรรมดาเขาเว้นวันอาทิตย์ วันนี้วันจันทร์เขียนเรื่องอะไร มันเย็นแล้ววันจันทร์จะหมดวันแล้ว เขาเขียนเรื่องอะไรอาตมาก็ไม่ได้จำ ดูเหมือนอ่านผ่านไปแล้ว เอาละผ่านไปก่อน ของเปลว 

สรุป คนโกหกมีสื่อมาก เป็นเรื่องยากของความจริง อาตมาก็ขยายความแล้วนะ อย่างพิธาเป็นต้น ใช้สื่อมาก ทักษิณก็ใช้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข ทำความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 13:53:38 )

คนโกหกสับปรับแบบทักษิณมีอยู่ในโลกมาก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่โกหกสับปรับ พูดไม่จริง มีอยู่ในโลกมาก รู้ตัวก็มีไม่รู้ตัวก็มี แต่ที่จริงเอาเข้าจริงๆก็พอรู้ตัวทั้งนั้น แต่มันรู้ว่าหลอกได้ จนกระทั่งอย่างทักษิณบอกว่า พี่เหนาะ คนตาบอดมันไม่กลัวเสือหรอกนะ เป็นคำคมสูงมากเลยนะ คนไม่รู้ หลอกอะไร มันก็ไม่รู้เรื่องหรอก แปลว่าอย่างนั้น มันก็ไม่รู้เรื่องหรอกแปลว่าอย่างนั้น คนตาบอดมันไม่กลัวเสือเพราะมันไม่เห็น มันโง่ 

ทักษิณเขาต้องการให้คนโง่ เพราะฉะนั้นเขาจะมาบริหารประเทศ ก็พยายามทำให้คนโง่หมด เขาก็จะได้ปกครองคนโง่ ที่จริงซ้อนอีก เขาจะปกครองคนตาดีเหมือนคนตาบอด เขาจะทำอะไรก็ได้หมด เพราะคนตาบอดไม่กลัวเสือ เสือจะขบจะกัดเอา มันก็ไม่รู้ มันลึกซึ้งซับซ้อนอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 18:20:42 )

คนโง่คือคนเช่นไร

รายละเอียด

คนโง่คือคนที่ถือดีว่าตัวเองฉลาด คนอื่นรู้กว่าตัวเองไม่ได้ ใครมาพูดว่าตัวเองรู้กิเลสทำกิเลสหมดก็ไม่เชื่อ เพราะกูเองยังไม่หมดกิเลสทำไม่ได้ ตัวเองยังไม่เชื่อก็ทำไม่ได้ก็ดักดานต่อไป คนเขารู้ทำกิเลสออกหมดได้มาบอกก็ดันไม่เชื่อแล้วดันไม่ฟังอีก ก็โง่ไปอีกนิรันดร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:52:27 )

คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง

รายละเอียด

อาตมากำลังขยายจาก 3 อย่าง ความรู้ ความฉลาด ความจริง ความรู้อย่างปุถุชนก็รู้กันทั่วไปผิดบ้างถูกบ้างมั่วกันไป พอศึกษาคนอีกชั้นหนึ่ง ขึ้นมาเป็นขั้นกัลยาณชน เรียกว่า เป็นความฉลาด ในความดี ทำดีไม่ทำชั่ว ละชั่วให้ได้มากๆ ก็มีความรู้เรื่องชั่วเรื่องดี อยู่ในวงของโลกียะ 

จนกว่าจะข้ามขั้นมาเป็นอาริยชน หรือ เดิมเขาเรียก อริยชน อาตมาไม่ใช้คำว่าอริยชนแล้ว เพราะมันเพี้ยนไปเป็นแสวงบุญนอกขอบเขตพุทธไปแล้ว เข้าใจผิดในธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าก็เรียกตนเองว่าอริยะ ดีไม่ดีเรียกตัวเองถึงอรหันต์แต่มันไม่ใช่ อาตมาจึงไม่ขอใช้คำว่าอิรยะ แต่มาใช้คำว่า อาริยะแทน ทีนี้คำว่าอาริยชน คนก็มาแย้งอาตมาว่า ไม่มีคำนี้หรอกในภาษาธรรมะ มีแต่อริยะ หรือไม่โลกๆใช้คำว่า อารยะ เขาก็ใช้กันทั่วไป เป็นความเจริญคนโลกๆ เป็นประเทศเจริญ ประเทศอารยะ เขาก็ใช้กันทั่วไปเป็นสากล 

ส่วน อริยะ เขาใช้กันว่าเป็นผู้เจริญทางธรรมะ ซึ่งมันเพี้ยนไปแล้ว อาตมาก็เลยไม่เอา มาใช้คำว่า อาริยะ ซึ่งเขาแย้งอาตมา อาตมาก็ว่ามี ในศาสนาพุทธมีคำว่า ศรีอาริยเมตไตรย คนที่จะมีภูมิขั้นอาริยะจะต้องมีสัจจะที่จริงเพียงพอ อาตมาให้ความหมายอย่างนั้น ก็เป็นขั้น ปุถุชน กัลยาณชน อาริยชนคนทั่วไปรวมตัวกัน ที่รักความดีไม่ทำความชั่วเขาก็เรียกว่าอารยชน อย่างเก่งได้เป็นกัลยาณชน ในโลกทางตะวันตกเทวนิยมเขาก็เป็นคนดีเป็นกัลยาณชนแต่ดีแบบโลกีย์ ยังข้ามขั้นมาเป็นโลกุตระยังไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นอาริยชนจึงหมายถึงโลกุตรชน หรือโลกโลกุตระอีกโลกหนึ่ง อาตมาก็เลยใช้ ภาษาสรุปว่า คนที่มาเป็นปุถุชนมาเป็นกัลยาณชนมาเป็นอาริยชน ปุถุชนก็เป็นสังคมโลกียะ อาตมาก็สรุปว่า ก็ยังอยู่ในความโง่ความซวย โง่ซวย ต่อมาอีกขั้นหนึ่งเป็นขั้นกลาง กัลยาณชน อารยชน ก็ขึ้นมารวยเด่น โง่ซวย แล้วมารวยเด่น จนกว่าจะเป็นอาริยะชนเข้าขั้นโลกุตระจึงจะเป็น กลาง ว่าง สงบ สันติ สบาย(สัปปายะ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2565 ( 13:25:46 )

คนโง่ต้องทำอย่างคนโง่ คนดีมีแต่จิตสงสาร

รายละเอียด

ก็เคยพูดไป อย่าว่าแต่เลื่อยสองท่อน แม้จะทำให้ร่างกายของเราแตกละเอียดเลยเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปอาฆาตไม่ชอบใจคุณเลย จิตจะมีแต่สงสารว่า คุณไม่น่าทำเช่นนี้เลย จิตตัวนี้ อาตมาว่าเหมือนจิตที่พระพุทธเจ้าถูกพระเทวทัตกลิ้งหินทับพระบาท แน่นอน พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ถือสาพระเทวทัต ไม่มีการผูกพยาบาท จะไม่มีความคิด มีแต่จะสงสารว่าคนโง่ทำอย่างคนโง่ อาตมามีความจริงใจอันนี้ คนโง่มีแต่ทำโง่ ต้องด่าเรา กระทืบเรา จริงๆแล้วยังโง่เขาไม่มีความรู้เพียงพอว่าไม่น่าทำเลยเพราะมันไม่ถูกต้อง แต่เขาต้องทำเพราะเขาไม่รู้ นอกจากไม่รู้แล้วรู้ผิดด้วย นึกว่าเรามาทำร้ายสิ่งที่ดี ทั้งๆที่เราพยายามจะทำสิ่งที่ดีได้อย่างยากแต่คุณไม่เข้าใจเลย แล้วจะดึงคุณออกมา คุณก็ยิ่งเจ้าประคุณเอ๊ย เลยยิ่งหนักหนาสาหัส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:16:57 )

คนโง่ที่จะกลายเป็นคนที่อยู่ในกะลาครอบไปอีกนานเพราะเหตุใด

รายละเอียด

อาตมาพูด เขาก็จะยิ่งอาเจียนเป็นโลหิตร้อนพุ่งออกจากปากหรือเปล่า ก็ขออภัย อาตมานำสิ่งที่เป็นสัจจะ ที่เป็นปรโต ที่อาตมาพูดออกไปมันเป็น โฆษะ ที่คุณฟังแล้วมันจะต่างกับอันอื่นที่คุณเคยรู้ เพราะมันไม่ใช่ หรือคุณไม่เคยได้ยินได้ฟังมา แล้วอาตมาพูด ได้ยินได้ฟัง แล้วก็ไม่เหมือนกับที่เคยได้เรียนมา ที่เข้าใจมาว่าจะต้องอย่างนี้ แต่อันนี้มันไม่เหมือนเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ ถ้าคุณโง่อยู่อย่างนั้น คุณก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ในกะลาครอบไปอีกชั่วกาลนาน ไม่เปิดประตูรับสิ่งอื่นที่มันไม่เหมือนสิ่งที่คุณได้ยึดถือมา ไม่พยายามเปิดใจที่จะรับฟังที่จะเข้าใจให้ได้ ก็หมดประตูเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:20:17 )

คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด

รายละเอียด

ก็เป็นสัจจะยังมีอีกเยอะคนที่เชื่อแบบนั้น คนที่เชื่อแบบนั้น อย่างที่ท่านฟ้าไทว่า พระสารีบุตรเป็นลูกศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร แล้วเมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติก็มาชวนอาจารย์ไปอยู่กับพระพุทธเจ้าเถอะ สัญชัยเวลัฏฐบุตรบอกว่า ไม่หรอกเราจะเป็นเจ้าเป็นหัวหน้าลัทธินี่แหละ แล้วสุดท้ายก็ถามพระสารีบุตรว่า เธอว่าคนในโลกนี้โง่มากหรือคนฉลาดมากกว่ากัน พระสารีบุตรก็บอกว่าคนโง่มีมากกว่าคนฉลาด ก็เลยบอกว่าเธอจงไปอยู่กับคนหมู่น้อยเถอะเราจะอยู่กับคนหมู่มาก เขาก็ยอมอยู่กับคนโง่ที่มาก คุณฉลาดมีน้อยก็อยู่กับคนจำนวนน้อยก็แล้วกัน เป็นอิสระเสรีภาพเป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:32 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:04:39 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:06:52 )

คนโง่เป็นคนอวิชชาไม่รู้ความจริงของคำนิยามแม้คำว่ากาย

รายละเอียด

ยกตัวอย่าง อาตมาติงมาตั้งแต่ว่า กาย ฌาน สมาธิ บุญ กาย ตอนนี้มาเน้นคำว่า กาย ว่ามันเห็นต่างกัน กายนี้ คนจะมาบวชในศาสนาพุทธ อุปัชฌาย์ก็จะสอนเรื่องกายกับจิต ด้วยการแยกมูลกรรมฐาน 5 อย่างให้ชัดเจนว่า เมื่อใดมันเป็นกาย เมื่อใดมันเป็นจิต ระหว่างธาตุรู้ของเราเป็นจิตนิยาม สามารถที่จะรู้ถูกต้องว่า อย่างนี้ไม่มีกายแล้ว แต่ยังเป็นพีชะอยู่ กับอย่างนี้ไม่เป็นกาย เป็นอุตุนิยามไปเลย แตกต่างกันนะ อุตุนิยามไม่มีกาย พีชนิยามก็เริ่มไม่มีกาย

กายคือธาตุรู้ กายคือมโน คือจิต คือวิญญาณ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัด เรากล่าวว่า กายคือจิต คือมโน คือวิญญาณคำว่ากาย เน้นธาตุรู้เป็นหลัก ไม่ได้เน้นวัตถุเป็นหลัก แต่กายต้องมีสรีระ แต่สรีระก็จะต้องมีจิตร่วมด้วยเสมอ เป็นสองเสมอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2565 ( 13:54:44 )

คนโลก ๆ ใครจะขายขาดทุนเป็นสิบ ๆ ล้าน

รายละเอียด

เราขาดทุนมา 41 ปี เป็นร้อยๆ ล้านเลยนะ ไม่ใช่แค่ 10 ล้าน เราทำมาทั้งหมด 41 ครั้ง มันขาดทุนไปเกิน 10 ล้าน ร้อยล้าน เป็นพันล้านนั้นไม่แน่อาจจะถึงก็ได้ แรงงานฟรีด้วยค่าโสหุ้ยไม่มี ก็ใช่ ค่อยๆเดินมา เดินดีๆ อย่าให้สะดุด และอย่าไปชนตอ ให้มันตีนแตกตีนเจ็บล่ะ อย่าไปชน เดี๋ยวคนเขาท้วงว่า ไปชนทำไมตอ มันไม่เห็น ไปชนทำไมก็ว่าไม่เห็น ไม่เห็นแล้วทำไม ชนถูก เขาก็เลยทักท้วง มุกสนุกไปหน่อยนึง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:29:52 )

คนโลกานุกัมปายะเป็นชีวิตที่ไม่เสียเปล่า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญญารู้ว่า วินาทีแต่ละวินาทีผ่านไป เราไม่ได้ใช้ วินาทีไปกับการโง่ๆ ที่เขาหลงใหลเสียเวลา เวลาของเรามาทำสิ่งนี้ แล้วทำได้ เป็นจริงตามที่เรามีความรู้ว่าต้องทำให้เกิดอย่างนี้ อย่างนี้นะ ได้แล้ว โอ้โห.. พอกินพอใช้ คุ้มตัวเรา เผื่อคนอื่นได้ คนอื่นก็อาศัยใช้สอยจำเป็นทั้งนั้นไม่ว่าชาติไหน ศาสนาไหน สังคมไหน ศาสนาไหน ต้องอาศัย สำคัญจำเป็นต่อชีวิตทั้งนั้น ไม่ใช่สิ่งมอมเมา ไม่ใช่สิ่งเป็นพิษด้วยทำขึ้นมาให้มันมากๆ แจกจ่ายกันขึ้นไป 

คนนี้คือคนโลกานุกัมปายะ เป็นคนทำให้เกิดประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะได้มากขึ้นๆๆๆ มวลมนุษยชาติก็เป็นสุข พหุชนสุขายะเรื่อยๆๆได้เพิ่มขึ้น คำสอน พระพุทธเจ้า มีความสำคัญแล้วเราทำถูกต้อง ชีวิตที่เราอยู่จึงเป็นชีวิตที่ไม่เสียเปล่า ไม่เป็นบาป ไม่เป็นภัย ไม่เป็นหนี้ เป็นชีวิตที่คุ้มค่าที่เกิดมาเป็นชีวิต 

แต่ก่อนนี้เรายังโง่ เราเคยเป็นพิษเป็นภัย ดีไม่ดีไปมอมเมาคนอื่นหรือเปล่า แต่ก่อนเราทำหรือเปล่า เดี๋ยวนี้เรากอบกู้ความเหลวไหล ความเลวร้ายเหล่านั้นคืนมา ไม่เอาแล้วไม่ไปทำแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:00:03 )

คนโลกีย์

รายละเอียด

คนผู้วนเวียนเกิดขึ้น – ตั้งอยู่ – ดับไป ชนิดดับเหตุแท้ชนิดปรมัตถ์ไม่-เป็น ก็จะวนเวียนไม่ดับสนิทเด็ดขาด ยังมีภพไม่จบชาติสูญสิ้นนั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 117-118


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:18:24 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:40:52 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:07:16 )

คนโลกีย์ จะวนเวียนอยู่กับสมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คนโลกีย์ยังมีอวิชชา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องขี้ตู่ไม่ใช่เรื่องไปทับถม ไม่ใช่ว่านะ คนโลกีย์ธรรมดาเขายังไม่ได้ปฏิบัติธรรมเขายังไม่รู้เรื่องอะไร แม้แต่มาปฏิบัติแล้วมันยังไม่ใช่จะหมดอวิชชากันได้ง่ายๆ จะหมดกิเลสกันได้ง่ายๆ เขาไม่รู้เขายังมีความอวิชชาที่แปลว่าความโง่ เขายังมีความโง่ ยังไม่ฉลาดพอ 

เพราะฉะนั้น คนโลกีย์ทั้งหลายก็จะวนเวียนอยู่กับสมบัติผลัดกันชม ไม่สิ้นสุด หยุด ไม่จบกิจ แหม! คำว่า “จบกิจ” วันนี้อาตมาเอามาพูดซ้ำพวกเราฟังแล้วจะเข้าใจลึกซึ้งขึ้น มันมีกรอบของความจบกิจ ไม่ว่ากรอบของเรื่องเศรษฐศาสตร์ ไม่ว่ากรอบของเรื่องรัฐศาสตร์ แล้วก็แยกย่อยออกไปอีกแต่ละกรอบๆ แต่ละขนาดของมัน มันสำเร็จ ได้อันนี้ๆ นี่คือความเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า เห็นไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 12:40:38 )

คนโลกีย์ยังไม่รู้ความเลวร้าย ความชั่วไม่ควรกระทำเลย

รายละเอียด

อาวุธนี้เขาสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่าคนไม่ได้สร้างเพื่อฆ่าช้างฆ่าม้า แต่ก็ฆ่าด้วยเป็นของแถม แต่เขาสร้างมาเพื่อฆ่าคนเป็นหลักอาวุธนี่  ความคิดของคนที่สร้างเครื่องมือไว้ฆ่าคนจึงตกนรกหมกไหม้ โหดเหี้ยม ทำมาแล้วเอามาขายแพงอีก ข้าสร้างอาวุธประสิทธิภาพสูงเก่งนะ  คนโลกียะเขายังไม่รู้ความเลวร้ายความชั่ว ความไม่ควรกระทำเลย เขายังไม่รู้ ประเทศไทยไม่ต้องไปแข่งเขาหรอก แข่งสร้างอาวุธชั่วไม่ต้อง ที่ซื้อมาก็เป็นไม้กันหมา ของจิวแป๊ะทง อาวุธเอามาเป็นไม้กันหมา ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปแข่งอาวุธร้ายซื้อมาแพงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:54:55 )

คนโลกุตระ

รายละเอียด

ในยุคนี้ความชั่วมันก็ยังแรง ความดีที่เป็นขั้นโลกุตระ หลวงปู่ก็ต้องยืนหยัดความดีที่เป็นโลกุตระนี้ไว้อย่างสำคัญ พร้อมกันนั้นความชั่วก็จะปล่อยให้จมลงนรกไปมากเกินก็ไม่ไหวก็ต้องช่วยเขาด้วย แล้วคนก็เป็นอย่างนั้นเยอะด้วย คนดีที่เป็นคนโลกุตระยิ่งมีน้อย แต่น้อยไม่เป็นไรคนดีก็ปล่อยเขาได้ ยิ่งเป็นคนดีโลกุตระยิ่งปล่อยไปได้เลย ก็ไม่เป็นไร แต่คนชั่วสิจะแย่ จึงจำเป็นต้อง หลวงปู่จึงต้องพูดถึงความชั่วของคนชั่ว คนชั่วได้ยินได้รู้ พูดว่าจ้ำจี้จ้ำไชซ้ำซาก แรงๆ เพราะชั่วนี้พูดเบาๆก็ไม่ค่อยกระเทือนหนังหนาหนังแรด ต้องกระตุกอย่างแรงจึงจะได้ เป็นงานที่จำนนที่เลี่ยงไม่ออก ทำไมต้องว่าเขาหนักหนา ก็มันจำเป็น ถ้าไม่ทำขนาดนั้นมันก็ไม่ได้ผล เมื่อไม่ได้ผลแล้วทำไปเสียแรงงานเปล่า มันก็ต้องทำให้ได้ผล แทงหนังแรดก็ต้องแทงให้เข้า ถ้าแทงเบาก็ไม่เข้าหนังแรด

ที่มา ที่ไป

รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2562 ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:28:12 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:20 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:57:47 )

คนโลกุตระจะถูกกดขี่ได้หรือไม่ อย่างไร

รายละเอียด

เดี๋ยวๆ ตั้งหลักก่อนที่ถามมา เออ..สงครามของโลกีย์นั้น อย่างที่เห็นกันอยู่นี้ อย่างประเทศอิสราเอล พวกเขาไม่รู้เรื่องอิโหน่อิเหน่ ฆ่าแกงกันไป ชีวิตเป็นผักเป็นปลา จะเอาอำนาจบาติใหญ่ ชนะกันไปให้ได้ จะแย่งอำนาจหรือแย่งแผ่นดิน หรือแย่งทรัพย์สิน อะไรๆ ก็ตามใจเขาเถอะ มันเป็นโลกีย์  มันเป็นโลกๆ โลกีย์อย่างนั้นนะ  มันยิ่งหยาบๆ มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร 

ทีนี้ (จากที่เขียนถามมา) ”สงครามโลกุตระของคนอาริยะที่ยอมให้กดขี่อยู่ที่ประเทศอโศก ประเทศไทยได้ไหมคะ”  เอาประเด็นตรงนี้ “ประเทศอโศก” พวกเราอโศก คุณยอมให้กดขี่ไหม? ...เขาใช้ภาษานี้มา เขายอกย่องคนอโศกให้เป็นอาริยะด้วย อาริยะที่ยอมให้กดขี่ ถ้าเขาจะกดขี่คุณ ถามตรงนี้ เขากดขี่คุณได้ไหม? (เสียงโยมทั้งหลายตอบ ...ไม่ได้) ทำไมไม่ได้ล่ะ? คืออย่างนี้ มันไม่เกี่ยวกับว่ายอมหรือไม่ยอม มันเกี่ยวกับว่าคุณเอาชีวิตคุณเข้าไปสู่วงการโลกียะไหม คุณเอาตัวคุณ จิตวิญญาณคุณ ไปสู่วงการโลกียะไหม 

โลกียะมีลาภยศสรรเสริญสุขที่เขาแย่งกัน คุณไปแย่งกับเขาอยู่ไหม ก็ไม่ได้ไปแย่ง แล้วใครจะมากดขี่คุณได้ คุณจะเอาไปก็เอาไปสิ เรามีไหม ลาภยศสรรเสริญสุข เรามีไหม มี มีแต่เราไม่เอา เรามีไม่มากเราพอกินพอใช้แล้ว เรามีลาภนิดหน่อย มียศนิดหน่อย มีสรรเสริญนิดหน่อย เราก็พอแล้ว ไม่ได้ตะกละตะกลามอะไร แค่นี้ก็พอ พวกเรามีสันโดษ มีใจพอ จนกระทั่งไม่มีเลย เราไม่มีลาภเลย ลาภ แปลว่ารายได้  (1) รายได้ที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น มาจากคนอื่น (2) รายได้ที่ตนเองสร้างโดยธรรม ผลิตเองเป็นลาภโดยธรรม เราเป็นผู้ลงแรงงานเป็นผู้ที่ใช้ความรู้สร้าง ตัวอย่างเช่น ปลูกกล้วยขึ้นมา ได้ผลกล้วยเป็นลาภด้วยธรรม แล้วเราก็กินลาภโดยธรรมของเราเอง ใช้ลาภโดยธรรมของเราเอง แล้วพวกเราก็ฉลาด เราปลูกกล้วยเป็น แต่เราปลูกเผือกไม่เป็น เราก็ไปอยู่กับคนปลูกเผือกเป็น แบ่งกันกิน  คนนี้ทำอันนี้ไม่เป็น แต่เป็นความจำเป็นความสำคัญที่เราจะต้องอาศัย เช่น เราใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น เราทำที่จะสื่อสารสัมพันธ์กับโลกไม่เป็น แต่คนนี้เป็น แต่คนนี้เขาไม่ปลูกกล้วย แต่เขาทำสื่อสารนี้เพราะว่าต้องอาศัยในโลกสื่อสารกับเขาอยู่ ก็อาศัยซึ่งกันและกันอยู่ไป 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอาศัยจำเป็นเราก็มีได้อาศัยครบครัน อุดมสมบูรณ์อยู่ ไอ้เกินกว่านี้เราไม่เอานี่ เรามีกรอบของโลกที่โลกเขาหลงกัน คุณก็ไปแย่งกันเอาสิ แต่เราไม่แย่ง เราไม่เอาแล้ว เราอยู่ในนี้ แม้แต่ในนี้เรายังไม่แย่งกันเลย คุณปลูกกล้วยเก่ง เราก็ไม่แย่งกล้วยคุณ คุณทำคอมพิวเตอร์เก่งเราก็ไม่ได้แย่งคุณทำ คุณก็ทำหน้าที่  มีอะไรก็ช่วยกัน เราปลูกกล้วยให้คุณกิน คุณทำคอมพิวเตอร์ให้เรา เราทำคอมพิวเตอร์ให้คุณ เราขอกล้วยคุณกินนะ ก็พอแล้ว อยู่แล้ว กินเกินพุงเราเอง ใช้เกินที่เราอาศัยอยู่ ก็ไม่ต้องอาศัยมากกว่านี้ 

แม้ที่สุดขนาดธนบัตร เราก็ไม่ต้องไปแย่งชิงสะสมกันอะไรๆเลย จริงๆแล้วไม่ใช้ธนบัตรเลยนี่ ลองดูสิ ชีวิตเรานี่ปีนี้ทั้งปีเราจะไม่ใช้เลยธนบัตร เราจะอาศัยสิ่งที่อาศัยจำเป็นแค่นี้พอแล้ว นอกนั้นอะไรที่จะต้องใช้ธนบัตร ใช้เงินซื้อ เราไม่เอา ลองดูซิมันจะตายไหม จะอยู่รอดไหม ลองดูสิ ได้ไหม ได้ มีปัจจัย 4 ก็รอดแล้ว ปัจจัย 4 ของเรามีครบอยู่แล้วที่นี่ สบาย ปัจจัย 4 ของเราพอเพียงอยู่แล้ว บริขารเล็กๆน้อยๆ แว่นตามีได้บ้าง ปากกาจำเป็น ไม่ต้องปากกาก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้ปากกา เคาะอย่างเดียวก็ได้แล้ว(สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์) ค่าไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ตอะไรเขาก็จ่ายไป ส่วนกลาง สบาย ยิ่งอธิบายไป ยิ่งเห็นความรอด ความอยู่สบาย เยอะ ครบครัน

สงครามโลกุตระที่ยอมให้กดขี่อยู่ในประเทศอโศกไหม เขาอยากกดขี่เราเขาก็มากดขี่ไปแต่เราเองไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้คุณก็เอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นอำนาจกดขี่เราไม่ได้ คุณจะเอาเงินมาเป็นอำนาจกดขี่ เราก็ไม่ได้ต้องการเอาลาภ เอายศ เอาสรรเสริญมากดขี่ก็ไม่ได้ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 20:26:25 )

คนโลกุตระเหนือหรือวิเศษกว่าคนโลกียะ

รายละเอียด

สรุปแล้วก็มาลงที่โลกุตรธรรม ทำตามพระพุทธเจ้านี่แหละ คนเข้าใจไม่ได้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนเหมือนคนทุกคนในโลก ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน แขก ฝรั่ง เทวนิยม หรืออเทวนิยมก็เป็นคนเหมือนกัน คนแบบซาอุดิอาระเบีย คนแบบจีน ฝรั่ง อย่างไรก็เป็นคน สรีระมีอาการ 32 เหมือนกัน แต่มีความรู้ความคิดความอ่าน ต่างกันไปคนละขั้วเลย

จนท่านแยกเป็นโลกียะกับโลกุตระ จะใช้ภาษาว่าเหนือ มันก็ไม่ได้ ไปข่มเขา แต่มันควร ควรที่เป็นคนโลกุตระบุคคลนะ มีโลกุตรธรรม มีธรรมะอันเลอเลิศกว่าธรรมะที่เขามีกัน มีธรรมะอันวิเศษกว่า ที่ใช้กัน มันเหนือชั้นกว่า ไม่ได้ไปข่ม ภาษาคำว่าเหนือก็ดูเหมือนเป็นคำข่ม แต่มันพิเศษกว่า เศษ แปลว่าเหลือ มันมากกว่า แล้วก็มีภาษาซับซ้อน วิ คือไม่ มันมากกว่าไม่มาก มันไม่มากกว่ามาก หรือจะแปลว่าเหลือมาก ไม่มีอะไรยิ่งกว่าเท่าเทียมเลยก็ได้ หรือ วิ แปลว่าไม่มีเลยก็ได้ 

เป็นภาษาสิริมหามายา คำว่า วิ จะเป็นคำปฏิเสธ ภาษาจะเป็นว่ามากที่สุดหรือไม่มีเลยที่สุด ก็ได้ ใช้ภาษาสื่อแทนความจริงแล้วคำเดียวกันนี่แหละ จะเป็นอย่างนี้ก็ได้ อย่างโน้นก็ได้ หน้ามือหลังมือสลับกันมาได้ เจตนา อันเดียวกันเลย อันนี้แหละหมดคำพูดแล้ว สองในหนึ่ง หนึ่งในสอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:38:14 )

คนโลกเก่า

รายละเอียด

คือ คนโลกีย์ รู้แบบดวงดาวเก่า หมุนเวียนวนไปตามทิศทางเดิม จึงฉลาดตามความหมุนวนอยูเหมือนกันหมดตามความวนของโลกเก่า วนอยู่ตามเข็มทิศของสนามแม่เหล็กโลกีย์อย่างเดิมๆ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า79


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:22:28 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:59 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:07:51 )

คนโลกใหม่

รายละเอียด

คือ โลกโลกุตระ อันเป็นคนละโลกกับโลกที่ปุถุชนทั้งหลายอาศัย วนเกิด เวียนตาย วนสุข เวียนทุกข์ กันอยู่ที่ชื่อว่า โลกียะ โลกุตระจึงเป็นโลกอื่น หรือปรโลก อันเป็นปรโลก ตามความรู้อีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า อเทวนิยม ความรู้ชนิดนี้ มีลักษณะทวนกระแส (ปฏิโสตัง) กับโลกียะ จึงต้องได้ฟังจากผู้ที่มี ภูมิโลกุตระมาบอกให้

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 203


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:25:24 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:49:27 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:08:41 )

คนโสดคือคนเป็นบัณฑิตเป็นเช่นไร

รายละเอียด

อันนี้จะหมายถึงอย่างที่คุณว่า หมายถึงไม่มีกิเลสกาม ก็คือผู้ที่ลดกิเลสกามได้เรื่อยๆจริงๆ จนถึงขั้นคนไม่มีกิเลสกามก็เป็นอนาคามี ก็ต้องเป็นบัณฑิตแน่นอน เป็นผู้บรรลุธรรมแน่นอน คำว่าบัณฑิตคือผู้ที่บรรลุธรรม ผู้เจริญในธรรม เจริญจากปุถุชนสามัญธรรมดาขึ้นไปเรื่อยๆ 

คำว่าโสดคำนี้ จริงๆแล้วมันหมายถึงการไม่มีคู่ ที่เป็นผู้หญิงผู้ชายมาจับคู่แต่งงานกันเป็นคู่สมรส นั่นก็ชัดเจน ทุกคนก็รู้กันเป็นเรื่องปกติสามัญ ที่ใครๆก็รู้กัน ส่วนความโสดที่คุณหมายถึงการไม่มีกิเลสกาม โอ้โห มันลึกนะ มันลึกซึ้ง ก็ค่อยๆทำความเข้าใจ มันก็ดีทั้งนั้นแหละ โสดที่ไม่มีคู่ ในรูปธรรมธรรมดาก็ดี ไม่ต้องมีใครเป็นภาระ ไม่ต้องคอยก่อเรื่องให้มี คือคนเรามันมีเรื่องลึกลงจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของเราเองแท้ๆตัวคนเดียว เราก็ต้องระมัดระวังกระทบสัมผัสกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ 

ส่วนคนที่แต่งงานกันแล้ว มันลึก ไม่ใช่ว่าจะชาติไหนก็แล้วแต่ แต่งงานกันแล้วเท่ากับสัญญากับสังคมแล้วว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นครอบครัวเหมือนคนคนเดียวกัน มันก็เลยยิ่งหนัก ขนาดใจเราใจเดียวก็ยังหนัก เอาอีกใจหนึ่งมาคอยดูแล คอยระมัดระวังกัน มันก็ยิ่งหนักกันใหญ่ มันเป็นภาระ คนที่ฉลาดก็อยู่เป็นคนโสดนั่นแหละดีเป็นบัณฑิต ยิ่งลดกิเลสก็แน่นอนยิ่งเป็นบัณฑิตแท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:49:50 )

คนใจพอที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

ความเป็นคนใจพอจึงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากในโลก เราพอแล้วแต่เรามีสมรรถนะที่สูงเราก็สร้างสรรได้เกินที่เราใช้เผื่อแผ่ให้แก่สังคมสังคมก็ได้ประโยชน์นี่เป็นนัยยะของสังคมเศรษฐศาสตร์ที่ลึกซึ้งซับซ้อน อยากให้ดอกเตอร์หรือPost Doctorทางเศรษฐศาสตร์มาทำวิจัย เมื่อไหร่จะมีมาสัก 5 คน 10 คน มานั่งฟังโพธิรักษ์อธิบายเศรษฐศาสตร์ประเทศไทยจะไปได้อย่างเจริญรุ่งเรืองดีมหาศาลเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:39:37 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:18 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:58:25 )

คนใจเป็นกลางก็สามารถเห็นว่ามีคนชังชาติชังกษัตริย์อยู่จริง

รายละเอียด

คุณพูดเอาเป็นคำสวยๆ โดยไม่คิดถึงราก ถึงองค์ประกอบของมันเยอะๆ ว่าคนที่มองคนอื่น เห็นคนอื่นว่าเป็นคนชังชาติชังกษัตริย์ คนๆนั้นเขาจะมีใจไม่เป็นกลาง แต่ถ้าเมื่อคนใจเป็น กลางแล้วจะไม่มีวันมองคนอื่น มองใครว่าเป็นคนชังชาติ ชังกษัตริย์ คุณพูดได้ มันเป็นการหลอกตัวเองว่า คนที่เขามีความคิดชังชาติ ชังกษัตริย์ มันมีไหม? (เสียงตอบ) ...มี

แต่ทีนี้คนใจเป็นกลาง คุณก็ยกย่องคนใจเป็นกลางว่าเป็นคนสูงส่ง แล้วคุณก็พิพากษาเลยว่าคนใจเป็นกลางไม่มีวันมองคนอื่นว่าชังชาติ ชังกษัตริย์ อ้าวมันก็มีคนที่ชังชาติ ชังกษัตริย์อยู่จริงไหมล่ะ มันก็มี และคนที่ใจเป็นกลางต้องเป็นคนใจสูง ใจประเสริฐ เข้าใจสัจธรรมชัดแล้ว เห็นคนผิดว่าไม่ผิด เขาน่ะเป็นคนชังชาติเป็นคนใจเป็นกลาง คนที่ชังชาติชังกษัตริย์ก็เป็นอย่างที่เขาเป็น แต่คนใจเป็นกลางแล้วนี่ เขาไม่ได้มีความเป็นอย่างนั้น แล้วเขาก็ไม่มีความมองผิดด้วย เขาก็มองคนชังชาติ ชังกษัตริย์มันก็ต้องเป็นความจริงที่เขาชังชาติชังกษัตริย์ เขาจะมองออก 

เพราะจริงๆแล้วคนใจเป็นกลางจริงๆ จะเป็นคนที่ไม่โง่ ไม่กลัว ไม่เห็นผิด เป็นถูก ไม่กลัวเสื่อมลาภยศเสื่อมตำแหน่ง ไม่กลัวเสียหน้าหรอกคนเป็นกลาง คือคนบรรลุธรรมที่แท้จริง คนมีปัญญา ส่วนคนไม่มีปัญญา จะกลัว จะโง่ จะเห็นผิดตลอดเวลา

ส่วนคนที่มีปัญญาเป็นคนใจเป็นกลางจะเป็นคนเหมือนอยู่ที่สูง มองความจริงตามความเป็นจริง ชัดและได้มาก ได้ครบ ได้ถ้วนบริบูรณ์ เป็นผู้ที่มีปัญญาปาสาโท มองเหมือนอยู่บนโดรน มองท็อปวิวสูงๆ มองลงมาจะเห็นรอบกว้างได้ทั่วได้ครบ ไม่มีอะไรบัง อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นคนที่มีพฤติกรรมเป็นกลาง เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ดี มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมของคนต่างๆและรู้จักดี รู้จักจัดสรร แล้วก็พอช่วยอะไรกันได้ก็ช่วยกันไปด้วยดูตัวเราก็เท่านี้ ตัวเราจะสามารถช่วยได้ไหม ช่วยได้ก็ช่วยกัน ช่วยได้เท่าไหรก็เท่านั้น 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 31ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1 วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 เดือน 8 เดือนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2566 ( 14:36:51 )

คนใดยอมได้ คนนั้นเป็นตัวผู้จบ

รายละเอียด

ก็ยอมกันแล้ว ตกลงกันแล้ว กำหนดรู้ตามกันก็จบ ตอนนี้เราจะเอาอะไร ทีนี้มันก็อยู่คนที่ว่า คนใดยอมได้ คนนั้นเป็นตัวผู้จบ ผู้ใดยอมไม่ได้เขาก็ไม่จบ

จริงๆแล้ว ผมกับเถระสมาคม ผมยอม เรื่องก็จบ ถ้าผมไม่ยอม เพราะ ผมเอง ผมเชื่อว่าผมไม่ผิด เขาต่างหากผิด เขาต้องยอมผม แต่ผมจะไปกดหัวให้เขายอมผมได้ไง ผมก็ต้องยอมเองก่อน เสร็จแล้วผมก็สาธยายไป  ทุกวันนี้ผมก็สบาย ผมก็ตีหัวเขาเล่นได้สบายเลย แล้วเขาก็ไม่กล้ามาแอะอะไรกับผม

ที่มา ที่ไป

ธรรมะ 2 รวมเป็นเวทนา 1 โดยส่วน 2 ภาคประสานงาน

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน ธรรมะ 2 รวมเป็นเวทนา 1 โดยส่วน 2 ภาคประสานงาน วันที่ 13 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 14:59:54 )

คนในยุคนี้ถูกหลอกให้กินยาพิษ

รายละเอียด

สัตว์มันก็กินเท่าที่มันใช้ได้ ทางขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้เขากินเนื้อสัตว์เป็นหลัก ผักพืชเขาไม่ค่อยมีให้กินเลย เพราะฉะนั้นคนพวกนี้อายุเฉลี่ยแล้ว 20 กว่าปี สูงสุด 40 ปี สถิติของอายุพวกขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ 40 ปีตาย ค่าเฉลี่ย 20 ปีตาย คิดดูสิพวกเรา แต่ละคนพากเพียรไปเถอะ 120 นี้ มีผู้ที่ยืนยันด้วย ว่า ค่าเฉลี่ย 120 เป็นค่าเฉลี่ยอายุของคนในยุคนี้ 

แต่คนในยุคนี้ไปถูกหลอกให้กินยาพิษ ให้ไปกินอาหารเสีย มันก็เลยลดทอนตัดทอนให้ชีวิตสั้นลง แทนที่จะ 120 ก็ไม่ถึง 100 ด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราจะปรับใหม่ทำให้ถูกต้องตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า ไม่กินเนื้อสัตว์เท่านี้แหละจะอายุยืน ในนัยยะของทางวิบากมันก็ช่วยให้อายุยืนแล้ว ทางด้านสสาร  ทางด้านรูปธรรม มันก็ช่วยเหมือนกัน มันสอดคล้อง ถูกต้องทั้ง 2 ด้านเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:36:02 )

คนในโลกกำลังแสวงหาโลกุตรธรรม

รายละเอียด

คือสมณะโพธิรักษ์ไม่ต้องอยู่ถึง 151 ปีเลย คนจะรู้ความจรองที่มีความลึกซึ้ง โลกุตระได้อีกเยอะเลย ท่านไม่เคยกลัวเลยว่าในอนาคตจะไม่เป็นที่ยอมรับกับสังคม  ถ้าหากไม่ตายก่อน ถ้าหากก่อนก็รับได้แค่นี้ เฉพาะพวกคุณ ถ้าท่านอยู่ถึง 145 ปี รับรองว่า  คนในโลกกำลังแสวงหาโลกุตรธรรมที่สูงส่ง เป็นโลกุตระจริงๆ หากลากสังขารไปถึง 145 รับรองคนทั้งโลกยอมรับท่านหมด เพราะงั้นคอยดูไปอายุถึง 100 120 126 อัตราการยอมรับโลกุตะธรรมของโลก  สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันว่า นี่คือโลกุตระที่โลกต้องการ แต่เขายังเข้าใจยังไม่ได้ เขายังไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นในอนาคต จะมีคน อ๋อ เข้าใจใช่แล้ว เชื่อแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:37:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:49 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:09:50 )

คนได้รับประโยชน์จากการตำหนิ

รายละเอียด

คือ คุณได้รับประโยชน์จากการตำหนิแม้ไม่มีคนตำหนิคุณต้องพยายามสิอยู่ที่บ้านถ้าไม่มีใครก็มาที่นี่ (ราชธานีอโศก) สิเปิดประตูรับทุกวินาทีอยู่แล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้ด่าหยาบคายเก่งหรอกนะแต่มาที่นี่เจอแน่มาเถอะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:10:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:23 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:10:35 )

คนได้สภาวธรรมแล้ว ภาษาไม่จำเป็นมาก แค่อาศัย

รายละเอียด

เพราะจริงๆแล้วคนได้สภาวธรรมแล้ว ภาษาไม่จำเป็นมาก แต่ก็ต้องอาศัยบ้าง มีภาษาหลัก เช่น อาตมาชาตินี้มาใช้ภาษาไทย มีภาษาหลักจากบาลีเก่า แต่ บางทีมาชาตินี้ เขาก็แปลบาลีมาผิดเพี้ยนต่างๆ นานา แปลผิดไป เยอะแยะเลย มาอาศัยบาลีตามเขาแปลเขายึดถือไม่ได้ อาตมาต้องอาศัยสภาวะหลัก สภาวะธรรมแท้ที่ตนเองมีมา แล้วก็มาอาศัยบาลีแล้วก็ขยายเป็นภาษาไทย มันก็เลยแปลที่เขาเข้าใจผิด เขาได้แปลผิดไปแล้ว อาตมาแปลอย่างยืนยันด้วยสภาวะ มันก็เลยค้านแย้งกัน มันเป็นความจริง 

ก็เขาเสื่อมไป ผิดเพี้ยนไปแล้วไปยึดถือบัญญัติ หลงบัญญัติ ฉะนั้นผู้ที่ศึกษาบัญญัติทั้งหลาย เลิกยึดถือที่คุณเข้าใจมาฟังอาตมาอย่างง่ายๆ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย คุณจะบรรลุธรรมได้เร็ว คุณทิ้งอันนั้นได้เลย ขออภัยที่ต้องยืนยันว่าคุณเข้าใจภาษาผิดไป มันเจริญงอกงามเป็นความรู้ที่ปรุงแต่งใหม่ แล้วความรู้ ผู้รู้ก็ใช้เหตุ ใช้ผล ใช้ปัจจัยของตนเอง ปรุงไป กลายเป็นว่า วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์อะไร เรียนงอก งอกงามกระทั่งทางพยัญชนะบานเป็นโลกจินตา ไปออกนอกโลกไปไกล มันไม่บรรลุธรรมได้ง่ายๆ 

อันนี้ก็เป็นเรื่องที่อาตมาพูดติงพูดเตือน พยายามบอกให้รู้สึกตัว แต่เขาไม่เชื่ออาตมาว่าอาตมาบรรลุธรรม อาตมาเป็นผู้นำความจริงมาประกาศ เขาไม่เชื่อ อาตมายืนยันว่าชาตินี้อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ก็พูดไปหมด พูดจริงๆ ไม่ได้กระดากไม่ได้มังกุ ไม่มีเก้อเขินอะไรเลย พูดแต่ความจริงใจสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีอุปกิเลสเลยในตัว ไม่มี อุปกิเลสข้อไหนก็ไม่มี ในอุปกิเลส 16 ไล่เลย อาตมาไม่มีอุปกิเลสในนั้นสักตัวเดียว แม้แต่ในข้อที่ประมาทก็ไม่ได้ประมาทก็ระมัดระวัง มานะ อติมานะ ก็ไม่มี หมวดปลายของอุปกิเลส ก็ไม่ได้มีไม่ได้มานะถือตัวไม่ได้หยิ่งไม่มีความประมาทถือตัวอะไรเลยเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น ใครไม่เชื่อหรือเชื่อก็บังคับกันไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:34:43 )

คนไทยจะไปแพร่เมนูไปทั่วโลกเป็นบาปของคนไทย

รายละเอียด

ตอนนี้ก็รวยเพราะไปหลอกเขาคนโง่ก็หลงติด ถูกหลอกในเมนูอาหารปรุงแต่งใหม่ๆ อาตมาสมัยเป็นฆราวาสทำกับข้าวเอง ดัดแปลงเก่ง ตั้งแต่เด็กๆรอดตัวมาก็เพราะทำกับข้าวนี่แหละ อยู่กรุงเทพฯเรียนหนังสือไปรอดเพราะไปทำกับข้าวให้เขาบ้างเลี้ยงลูกให้เขาบ้างเอาตัวรอดมาได้ทำหลายที่ด้วย อิเลเซซังตอนมีวิบาก ตอนนั้นเลี้ยงลูกของคุณล้วน เจ้าแหลม เจ้าหลิม ส่วนลูกพี่เล็กนายหมึกยังอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 15:36:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:41 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:11:17 )

คนไทยทำไมไม่มีใครฉลาดเห็น

รายละเอียด

ก็เพิ่งเริ่มต้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเราหลายคนสะดุด ว่าทำไมให้ต่างประเทศเห็นคนไทยทำไมไม่มีใครฉลาดเห็น ความสำคัญอันนี้ ว่าเป็นผู้ที่สร้างสันติภาพจนต้องมาให้รางวัล แล้วสันติภาพนี้เป็นสิ่งที่เกิดมาให้แก่โลก แล้วคนไทยมีคนฉลาดเยอะแยะแต่ทำไมไม่เห็น มีอันหนึ่งอาตมาได้พระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ ที่พระปฐมเจดีย์ ตอนบิณฑบาตกลับพอดี ก็มีผู้หญิงมาใส่บาตร เขาก็เอาเงินมาใส่ เราก็คืนเงินเขา แล้วเขาก็บอกว่าเจอแล้ว แค่นั้นเขาก็รู้แล้ว เขาเอาเงินใส่บาตรเราก็เอาคืนไป เราก็ทำอย่างจริงใจของเราไม่ได้ทำเล่นลิเก เมื่อเราคืนเขาก็สะดุด เขาก็บอกว่าเจอแล้ว เจออะไร? เสร็จแล้วเขาก็ควักออกจากกระเป๋าหิ้วของเขา เป็นกล่องพลาสติกใส่ทอง เขาว่าเขาเก็บไว้รอให้คนสำคัญ เราก็ยังไม่เปิดดู เราก็ไม่รู้ว่าเป็นทองคำ เป็นแหวนเพชรอะไรหรือเปล่า อยู่กลางถนน จะไปดูมันก็ไม่งาม ถ้าเป็นลูกระเบิดก็ระเบิดใส่เรา พอมาถึงที่แล้วก็เปิดดู โอ้โห พระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ มีภาพถ่ายไว้ก่อนจะบรรจุ พอมาถึงที่สนามใต้ต้นมะขามใหญ่ พอนั่งสักประเดี๋ยว 1-2 ชั่วโมง แผ่นดินไหว มันไม่เป๊ะเลยทีเดียว เอาเล่าไป อันนี้ความจริงก็เล่าสู่ฟังเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:47:07 )

คนไทยพุทธ 95% ยังมีความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกุตรน้อย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในเรื่องของความเข้าใจ คนไทยนี้เป็นพุทธ 95% เดี๋ยวนี้เขาก็ตรวจสอบอยู่ก็ยังเป็นพุทธที่มีพลเมืองเพิ่มขึ้นอีก ศาสนาอื่นก็เข้าแทรกเพิ่มไม่ได้ ก็ยังมีค่าเฉลี่ย 95% เขายังเพิ่มพลเมืองของศาสนาอื่นไม่ได้ เราก็ไม่ได้รังเกียจต่อต้าน ใครจะนับถือศาสนาอะไรก็ไม่ได้บังคับ ให้อิสรเสรีภาพเต็มที่ คน 95% อย่างไรทุกวันนี้ก็ยังเป็นพุทธนะ ก็ยังมีความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกุตระ ยังน้อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:34:41 )

คนไทยมีภูมิธรรมเอาความสงบไปประหารความรุนแรงได้

รายละเอียด

รวมแล้วคนไทยมีภูมิธรรมที่เอาความสงบไปประหารความรุนแรง ร้ายแรง สำเร็จ เอาความสงบไปประหารความรุนแรงได้ จะบอกว่าไปฆ่าเขาหรือ ไม่ใช่หรอกแต่เอาความจริงเป็นเครื่องประหารเป็นการฆ่า ซึ่งมันลึกซึ้งนะเอาความจริงเอาความถูกต้องมายืนยันจนเขาจำนนต่อความจริงถูกต้องว่า คุณนั้นผิดแน่ๆ ที่ถูกมันต้องชนะ ที่ผิดมันต้องแพ้ ต้องหนีออกไปให้คนที่ถูกเป็นผู้บริหารทำงานกับประชาชน แต่คุณไม่ใช่ คุณผิด คุณก็ไป เขาก็ใช้อาชญวิทยาของเขา เขาโกงไปเป็นแสนล้าน ล้านล้าน อะไรอย่างนี้

นี่คือปรากฏการณ์จริงไม่ใช่พูดเล่น phenomenol หลายกาละ หลายพฤติการณ์ หลายปริเฉท เอามาอ้างอิงปรากฏการณ์ในชาติ ประเทศไทยเป็นตัวอย่างอันสวยสดงดงาม 

ต่อไปในอนาคตถ้าหากประชาชนไม่มีภูมิธรรม ไม่มีคุณธรรม ก็ปฏิวัติรัฐประหารอย่างนี้ไม่ได้ แต่เพราะประชาชนมวลส่วนใหญ่ของประเทศไหนมีภูมิธรรมของโลกุตระก็จะไม่เอาความรุนแรงฆ่าแกงคนอื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40 ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:26:55 )

คนไทยมีภูมิพอที่จะรับโลกุตระธรรม

รายละเอียด

ในเมืองไทยมีทั้งความจริง มีทั้งความรู้ มีทั้งการส่งเสริมช่วยให้เกิดความรู้ อย่างพวกเรา อย่างอาตมาทำหน้าที่นี้โดยตรง พยายามจะส่งเสริมให้รู้ ทำกันอยู่เต็มที่ ก็ได้ผลจริงๆเลย เพราะว่าคนไทยมีภูมิพอที่จะรับสิ่งที่เป็นโลกุตระ ความจริงความรู้ที่เป็นโลกุตระมันก็ได้ 

ถ้าไปทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ คนยังไม่มีภูมิ ยังมีความรับรู้ได้ต่ำ บังคับกันยังไงก็ไม่ได้ บีบบี้ให้รู้มันทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่รับได้ก็ต้องเป็นแต่ละคนรับได้เอง อย่างพวกเรานี้ มันมีองค์ประกอบ มีเหตุปัจจัย กาละ เวลา โอกาสให้พวกเราได้มานั่งศึกษา ได้มานั่งฟังธรรมปฏิบัติประพฤติรวมกันไป มันเป็นธรรมชาติเป็นอจินไตย เป็นเรื่องคิดเอาไม่ได้ แต่เป็นเพราะเหตุปัจจัยที่ครบสมบูรณ์ มันจะเป็นเช่นนี้ลงตัว 

มันจึงดูสวยงาม ดูพวกเราเด็กๆก็นั่งฟังธรรม นั่งเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อย ผู้ใหญ่ก็นั่งฟัง จดบันทึกไป เด็กๆเขาก็มีโต๊ะเขียน อาตมาก็มีเรี่ยวมีแรงมีกำลังวังชา ก็ทำเต็มที่ทำสิ่งที่ทำไปทำไป ตามหน้าที่ของแต่ละคนๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:35:57 )

คนไทยมีเลือดแห่งการแบ่งปันอยู่ในDNA

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพฤติการณ์ที่เกิดในเมืองไทย อาตมาว่าเป็นตัวอย่างของโลก เป็นตัวอย่างของมวลมนุษยชาติ เป็นพฤติกรรมที่จริงใจสะอาดบริสุทธิ์ เห็นแก่ชีวิตกันและกัน หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อยู่ไหนคำสอนศีลข้อที่ 1 หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ โดยเฉพาะสัตว์ที่เป็นคน คนด้วยกัน คนที่เกิดจิตอย่างนี้ขึ้นมาคนที่เอาไปทำตู้นี้ ไม่ได้เป็นคนร่ำรวย แต่เมืองไทยก็ทำกันเต็มไปหมด คนรวยไม่คิดจะทำหรอกเพราะถือว่าเป็นเรื่องกระจอก แต่คนที่ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยแต่มีจิตใจอย่างนี้ มันเป็นเรื่องจริงของจิต เขาจึงไปทำ คนร่ำรวยไม่ทำ อย่างธนาธร มีหลายพันล้านหมื่นล้านแต่ก็ไม่ทำ คนที่รวยกว่านั้นก็ไม่ทำ หากเขาทำ ก็จะต้องมีวิธีการออกข่าวอะไรเป็นนั่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงใจเป็นเรื่องซ้อนแฝง เป็นเรื่อง Propaganda ของตัวเอง สรุปแล้วคนไทยมีเลือดแห่งการแบ่งปัน อยู่ใน DNA เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:00:29 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:40:28 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:12:00 )

คนไทยลืมง่ายมีเมตตากรณีคุณทักษิณ แต่พ่อครูต้องย้ำเตือน

รายละเอียด

งง มึนงง งงกับโลกีย์ จริงๆ คนไทยเป็นคนที่ไม่ค่อยจะ จะว่าลืมง่ายก็ลืมง่าย แต่ว่ามีเมตตา จะว่ามันไม่โหดอะไรกันต่อกันเท่าไร ก็ได้ หรือว่าไม่ค่อยเอาเรื่องอะไรกันเท่าไหร่ นานๆ ไป ก็.. เอา เพราะอะไร

เพราะคนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน เข้าใจเรื่องกรรมเป็นของตัวของตน มันไม่มีปัญหา ใครทำกรรมใดก็เป็นของตน ชั่วดีตามสัจจะเลย มันก็ของใครของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครจะไปจัดการ ใครจะไปทำอะไร กรรมมันก็จัดการอยู่แล้ว เราไปจัดการ ดีไม่ดีก็สร้างวิบาก ดีไม่ดีก็ทะเลาะวิวาท ในขณะปัจจุบันนี้ช่วยเหลือเขาไม่ได้ง่ายๆ แล้วทักษิณนี่ 

เพราะฉะนั้น คนไทยก็ เห็นไหม..โอ้โห!! ขนาดนี้ มันเท่ากับเข็นเขาขึ้นครก ไปช่วยทักษิณนี้ยิ่งกว่าเข็นเขาขึ้นครก ไปช่วยทำอะไร เพราะฉะนั้น พวกคนไทยก็มีปฏิภาณปัญญาพวกนี้อยู่บ้าง ก็เลยว่าอย่าเอา..ไปทำอะไรล่ะ มันไม่เกิดประโยชน์อะไร มันไม่กระเตื้อง 

คืออาตมาว่า ภาษาไทยว่า เหลือเข็น นี่มันไม่พอ มันสุดเหลือเข็นแล้ว ต้องปล่อยให้เขาดิ่งลงนรกไป อย่างไรก็ปล่อยเขาไปเถอะ เขาไม่เข้าใจ เขาไม่รู้เรื่องนรกสวรรค์ ความดีความชั่วอะไร เขาไม่รู้ 

มันซับซ้อนนะ เขานึกว่าเขาได้สวรรค์แต่เขาได้นรก แล้วเขาก็มีสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็ทำเหมือนเขาได้เปรียบได้ชนะ เป็นสวรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็คือ นรกที่มันสูงเท่าไหร่ สวรรค์สูงเท่าไหร่  นรกก็ต่ำลึกเท่านั้น นี่เป็นสัจจะ อาตมาก็เคยอธิบายไปแล้วเรื่องนี้ 

เพราะฉะนั้น เขาทำด้วยจิตที่ ไม่มีปฏิภาณปัญญารู้ในเรื่องกรรมเรื่องวิบากอะไรพวกนี้เลย นี่อาตมาก็ ยุคพระพุทธเจ้ามีพระเทวทัต แสดงความ อาตมาว่า โอ้โห! เทวทัตเทียบทักษิณไม่ได้ พอนะ เทวทัตนี่เทียบทักษิณไม่ได้จริงๆ ทักษิณนี้ทำได้เก่งกว่าเทวทัต ในความสร้างนรกได้ลึกให้แก่ตัวเอง ก็ได้แต่สงสาร ก็สุดสงสาร มันช่วยไม่ได้จริงๆ อาตมาไม่มีทาง ไม่มีปัญญาที่จะไปช่วยอะไรเขา แล้วอาตมาก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครช่วยเขาได้ จนกว่าเขาจะเป็นพวกคางคก เลือดหัวไม่ตกยางไม่ออกเขาก็ไม่รู้สึก จนกว่าเขาจะรู้สึกว่า 

1. ตัวเขาไม่รู้สึก 2. กรรมวิบากยังไม่มาออกผลให้แก่เขา กรรมวิบากนี่ก็พูดยากเหมือนกัน จะมาออกผลให้เมื่อไหร่ มันก็ไม่มีใครไปบันดลบันดาลได้ เขายังมีอำนาจทางโลกียะมากมาย เขาก็ดันไม่ให้วิบากมาเล่นงานเขาได้ เขาก็ยังทด มันก็เป็นกรรมวิบากทดเพิ่มขึ้น กรรมวิบากทดไปแล้วมากมายที่มันเป็นจริง จำนวนเท่าไร เมื่อใดเมื่อนั้น แต่ตอนนี้กรรมวิบากยังไม่ออกผลเท่านั้นเอง เอาละ อธิบายแค่นี้ก็แล้วกัน 

อาตมาจำเป็น จำนน จำยอม จำต้อง พูดสัจธรรม เขาจะโกรธมันคงเป็นแน่ เขาได้ยินได้ฟังว่ามาด่ากู มาด่ากูอะไรนี้เนาะ 

อาตมาไม่ได้ด่า อาตมาไม่ได้พูดหยาบ การด่านี่คือการพูดหยาบ แต่การพูดความดีความชั่ว ความถูก ความผิดนี่มันเป็นสัจธรรม แยกให้ออก คำด่า คำหยาบ กับคำจริง ตำจริงที่ยิ่งถูก ยิ่งพูดถูกความจริงมันยิ่งแรง เพราะฉะนั้นคุณก็ไปเอาความหมายที่ว่ามันแรงไปกระทบเขาแรงๆ นี่มันคือคำด่า กระทบเขาแรงๆ นี่คือคำหยาบ มันไม่ใช่ 

มันเป็นความจริงต่างหาก มันมีคนจริงรองรับ อาตมาก็ยิ่งพูดจริง เพราะมันมีคนจริงปฏิบัติจริง พวกคุณฟังแล้วก็ เออ! จริงๆ แล้วมันก็กระทบคนจริงเขา ไม่กลัวเขาด่า อาตมาเองนี่มันไม่มีหรอกความกลัว ความกลัวที่จะไปเปิดเผยความจริง ยิ่งไม่มีใหญ่ 

เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์จะต้องเปิดเผยความจริงให้แก่คนจริงที่เขาโง่จริง เขาผิดจริง เขาทำชั่วจริง ให้เขารู้ตัว มันเป็นความเมตตาของอาตมาต่างหาก ใช่ไหม และอาตมาก็ต้องลงทุน คุณบอกว่าไม่กลัวเขาโกรธเหรอ ถ้ากลัวแล้วอาตมาจะได้ช่วยเขายังไง ถ้ากลัวอาตมาก็ต้องไม่บอกเขา อาตมาก็เห็นแก่ตัวสิ อาตมากลัวเขาจะมาว่าอาตมา แค่นี้ก็ไม่ได้หรือ เขาจะว่าอาตมายังไงก็ว่า จะด่ายังไงก็ด่า อาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นสัจธรรมอันนี้ยากที่จะอธิบายให้ฟัง..อธิบายได้เท่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:48:11 )

คนไทยหลงทุนนิยมหรือหลงไปรวยโง่ทุกคน

รายละเอียด

แต่มันทำไม่ได้เพราะอะไร ทำไม่ได้เพราะคนไทยที่ไปหลงทุนนิยม ไปหลงเป็นนายทุน ไปหลงติดลาภยศสรรเสริญโลกียสุข โดยเฉพาะไปติดในเงินทองในรายได้ จะต้องมีเงินทอง จะต้องรวยมีอะไรมากมายหรูหรา กอบโกยเอาไว้ ไปหลงความโง่จากมนุษย์ในโลกมาครอบงำ จะโง่ไปถึงไหน จะรวยไปถึงไหน 

คนที่จะไปสร้างตัวเองให้รวยนี่โง่ทุกคน แต่คนมาทำให้ตนเองจนลงไป แล้วอยู่อย่างสง่า อยู่อย่างคนจนที่ไม่อดอยาก เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ อุดมสมบูรณ์ด้วยของกินของใช้ โดยเฉพาะของกินแล้วก็แจกของกินที่มีนี้แหละ ให้แก่คนอื่น มีการแจกจ่ายเป็นหลัก ส่วนใครจะตอบแทนขึ้นมาด้วยราคาเท่าไหร่ก็แล้วแต่จะให้ ไม่ให้ก็ไม่ว่า ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้ นี่คือสุดยอดความเจริญของเศรษฐศาสตร์ ความเจริญของเศรษฐกิจ ประเทศไหนทำได้ประเทศนั้นสุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:03:54 )

คนไทยเป็นอาริยบุคคลทั้งปริมาณและปัญญา 

รายละเอียด

พวกนักสันติจะไม่ไปทำร้ายใคร มีแต่หลีกเว้น เพราะฉะนั้นการหลีกเว้นที่สูงสุดก็คือใช้ปัญญา รู้จักภูมิธรรม อยู่กับหมู่ชนที่เป็นหมู่ชนอาริยะ หมู่ชนที่เจริญ ปัจจุบันส่วนรวมอย่างประเทศไทย คนไทยเป็นอาริยบุคคล เทียบกับต่างประเทศแล้วคนไทยเป็นอาริยบุคคล ทั้งปริมาณและปัญญา 

มวล แม้จะมีแค่ 70 ล้านคน ก็มีอาริยะบุคคลเป็นมวล เฉลี่ยแล้วหลายสิบล้านคน ในมวลคนประชาชนที่ไม่รู้ตัวก็ตาม เป็นอจินไตยที่ลึกซึ้ง คนจะได้เกิดมาเป็นคนไทยนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:19:34 )

คนไปทำไม่ดีก็คือคนโง่ คนดื้อ

รายละเอียด

ดื้อดีไหมล่ะ ไม่ดี ก็ไม่ดี คนไปทำไม่ดีอยู่ก็คือคนโง่ ก่อนอื่นเลยมันต้องรู้ให้ดีอย่าดื้อ อย่าดื้อ มันดื้อมันโง่เราจะเป็นคนโง่หรือคนฉลาด อย่าไปดื้อ เป็นคนว่านอนสอนง่ายเป็นคนที่ไม่ต้องไปดึงดันทุรังอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 10:37:43 )

คนไม่กินเนื้อสัตว์คนนี้มีภูมิปัญญาพอ

รายละเอียด

ที่พูดว่าคนไม่กินเนื้อสัตว์ คนนี้มีภูมิปัญญาพอ ถือศีลข้อ 1 ถ้ามีความรู้ทาง อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติพอ เขาไม่กินหรอกเนื้อสัตว์ ไม่กิน โดยเฉพาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่าสัตว์ไม่ใช่อาหารของคน ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ 

รายละเอียดลึกๆ น้ำย่อย ของคนก็เป็นน้ำย่อยที่ย่อยพืชเป็นหลักแต่ก็ย่อยสัตว์ได้ด้วยเท่านั้นเอง นอกนั้นพิสูจน์ได้ ภายนอก คนเป็นสัตว์ที่มีเล็บเป็นกีบ มีฟันกรามก็เป็นฟันบดไม่ใช่ฟันเขี้ยวฉีกเหมือนสัตว์กินเนื้อ ลำไส้ก็ยาว อะไรต่างๆนานา 

การกินน้ำของสัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืช ก็จะมีลักษณะต่างกัน สัตว์กินเนื้อ เวลากินน้ำจะเลีย ส่วนสัตว์กินพืชเวลากินน้ำจะดูดเอา เห็นไหมแค่นี้ธรรมชาติลึกซึ้งไหม  มันต่างกัน รายละเอียดมีอีกเยอะแยะ ก็คุณจะเคร่งขนาดไหนก็แล้วแต่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 08:36:53 )

คนไม่ฆ่าสัตว์คือคนมหัศจรรย์

รายละเอียด

คำว่ามหัศจรรย์คำนี้ แม้แต่คุณรู้ว่าอันนี้ตรงกับพระพุทธเจ้าแล้ว เริ่มต้นไม่ฆ่าสัตว์ ตรงกับพระพุทธเจ้าอีก สัตว์ใดๆก็ไม่ฆ่า โดยเฉพาะคนยิ่งไม่ฆ่าใหญ่ คนที่เคยฆ่าคนนั้นยังชั่วมาก คนที่อย่างไรก็ไม่ฆ่าคน แต่เขายังฆ่าสัตว์ ฆ่าปู ฆ่าปลา ฆ่าเนื้อ ฆ่าวัวควายกิน ก็ยังดีกว่า คนที่เขาไม่ฆ่าคนแล้ว อย่างไรเขาก็ไม่ฆ่าคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:39:16 )

คนไม่ฆ่าสัตว์เจริญกว่าคนที่ยังฆ่าคนอยู่

รายละเอียด

ไม่ฆ่าสัตว์คือคนดีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าผู้ใดที่เข้าใจสำนึกและไม่ทำจริง เกิดมาในชาตินี้อย่างไรเราก็ไม่ฆ่าคน 2 ไม่ฆ่าคนแล้วยังป้องกันตัว 3 ยังหลีกหนีไม่ยอมตาย นี่คือคนไม่มีตัวตนยอมตายแต่ไม่ยอมฆ่าคน จากนั้นไม่ยอมฆ่าสัตว์ อ้างว่า ฆ่ามาเพื่อกินก็ไม่เอา ไม่ยอมฆ่าสัตว์ แต่ถ้าเผื่อว่าเขาไม่ยอมฆ่าสัตว์ คนคนนี้ต้องมีภูมิธรรมสูงกว่าต้องไม่ยอมฆ่าคนมาก่อน จึงจะไม่ยอมฆ่าสัตว์ต่อ 

เพราะฉะนั้นคนไม่ฆ่าสัตว์จึงคือคนเจริญกว่าคนที่ยังฆ่าคนอยู่ ถูกหรือผิด?.. ถูก เห็นมั้ย 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:42:31 )

คนไม่ฉลาดย่อมเข้าไม่ถึงความจริง

รายละเอียด

อาตมาชมพวกชาวอโศก แล้วชาวอโศกดีจริงไหม อาตมาเป็นคนตรงไม่เหลาะแหละ เมื่อบอกว่าชาวอโศกดี อาตมาถูกหรือผิด เห็นไหม คนๆนี้เอาภาษามาพูด คนไม่สุจริตจะประชดคนถูกด้วยการแดกดัน นี่คือนิสัยของคุณอัมพร จิตคุณเป็นจิตลามกอย่างนี้ เอาคำประชดมายัดอาตมา อาตมาพูดตรง เขาใช้ศัพท์ประชดว่าเตะเข้าโกลตัวเอง แต่อาตมาพูดชมตัวเอง สภาวะเดียวกัน แต่คำพูดเขาคือคำประชด เขาหาพวก คุณเดชานี่อาตมาจับส้นคุณได้ คุณหาพวกเท่านั้นเอง คุณไม่ได้เข้าถึงความจริง ถ้าตราบใดที่คุณยังไม่ฉลาด ก็ต้องเป็นอย่างนี้ 

คนดีอย่างอาตมาไม่แฝง มีแต่พูดเป็นหนึ่งไม่ดิ้นไปดิ้นมา คุณพูดสลับไปสลับมาเรียกว่านักมายากล ไม่ใช่สิริมหามายา โดยตนเองไม่รู้ตนเองว่าเป็นนักมายากล 

คุณใช้ภาษาขี้ตู่ยัดเยียดพวกเรา คุณต่างหากไม่รู้ใจว่า อาตมาไม่เคยรังเกียจผลักไสคนไม่ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:08:51 )

คนไม่ชอบพ่อครูเป็นเรื่องความโง่ของเขาทั้งนั้น

รายละเอียด

สายหลับตา กินหมากอย่างมหาบัว ไม่รู้เริ่มต้นการผัสสะ อาตมาให้ศึกษามหาบัว เพราะมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ มันมีความจำเป็นต้องพูดเพราะจะได้ประโยชน์มาก ลูกศิษย์เขาจะไม่ชอบอาตมามากนะ แต่อาตมาไม่กลัวหรอก คนไม่ชอบอาตมามันเป็นเรื่องความโง่ของเขาทั้งนั้น นี่ก็พูดตรงอีก ใครจะไม่เห็นว่าอาตมามีสิ่งที่น่านับถือ ฉลาดน้อยทั้งนั้น ก็แปลว่าโง่อยู่นั่นเอง จริงนี่พูดอย่างซื่อๆจริงใจ ไม่ได้มีมังกุ อุทธัจจะเก้อเขินอะไร เพียวๆ เป็นเรื่องจริงที่อาตมาพูดนี้เป็นเรื่องจริงไม่แฝงอะไรเลย โดยเฉพาะไม่แฝงสาเฐยยะ อยากอวดอยากโอ่ เขาไม่เชื่อก็ช่างศีรษะใครช่างศีรษะมัน ไม่เชื่อก็แล้วไป

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:33:21 )

คนไม่มีความคิดเป็นขี้ขยะของต้นไม้

รายละเอียด

ในต้นไม้ต้นหนึ่งมีแก่น มีเนื้อ มีกระพี้ มีเปลือก มีสะเก็ด แต่อันนี้ไม่มีแม้สะเก็ด มีแต่ขี้ขยะที่อยู่ข้างต้นไม้ ไม่ได้เป็นอะไรของต้นไม้เลย ไม่มีสักอย่างเลยของต้นไม้ รวมแล้วเป็นขี้ขยะของต้นไม้เต็มไปหมด มันแสดงให้เห็นเลยว่า คนมันไม่เป็นตัวตนไม่มีความคิด เป็นความหลงใหลคลั่งไคล้ติดยึดขนาดหนัก คือ จะเรียกว่าโง่ยกกำลังสิบก็น้อยไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:32:57 )

คนไม่มีที่จบที่เป็นความสูญไม่มีชีวิตอันพอเพียงได้

รายละเอียด

คนไม่มีที่จบที่เป็นความสูญ ไม่มีชีวิตอันพอเพียง ชีวิตที่มีความสำราญมีความสบาย นอกจากสบายที่เราแล้ว เราเป็นคนมีคุณค่าประโยชน์ เป็นผู้สร้าง สละ ให้แก่สังคม ทั้งๆที่เราเป็นคนไม่ได้มีมากมายมั่งมีร่ำรวยอะไรมากมาย แต่เราก็เป็นผู้สะพัดให้ออกไปตลอดเวลา ลองคิดค่าเฉลี่ยชาวอโศก มีแต่สะพัดให้แก่คนตลอดเวลา เพราะเราอยู่ที่ศูนย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:31:40 )

คนไม่มีบารมีไม่ได้มาอโศก

รายละเอียด

มันซ้อน พวกเราก็ไม่ค่อยมีลูกมากด้วย ก็ได้แต่เอาลูกคนอื่นมาก็ต้องคัดเลือกมา คนที่มีบารมีถึงจะได้มา คนไม่มีบารมีก็ไม่ได้มา มันซ้อนๆ ข้างใน ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องใช้เวลาอาตมาถึงบอกว่ามันตายไม่ลง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:42:03 )

คนไม่มีบุญ

รายละเอียด

ผู้ที่ทำบุญเสร็จ จบสิ้นอาสวะ คนนั้นก็หมดบุญ พระอรหันต์เป็นคนไม่มีบุญ หมดบุญ เป็นคนสิ้นบุญสิ้นบาป ปุญญปาปปริกขีโณ พระอรหันต์แต่ละองค์ ท่านบรรลุเสร็จท่านก็บอกว่า เราจบแล้ว เราเป็นคนไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว พระพุทธเจ้าก็เช่นกัน ท่านก็ตรัสของท่าน ว่าท่านจบกิจของท่าน แต่อรหันต์ของท่านคืออรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนพระอรหันต์ธรรมดานั้นมีหลายขั้น ตั้งแต่อรหันต์ขั้นต้น ขั้นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ อะไรอย่างนี้เป็นต้น เขียนไว้แล้วมากมาย ซึ่งลึกซึ้งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2566 ( 11:34:21 )

คนไม่มีบุญวาสนา ไม่มาสารถเห็นธรรม

รายละเอียด

ใช่ อย่างที่คนเขาไม่เห็นอาตมา อาตมาเป็นโพธิสัตว์แต่เขาไม่เห็น แม้แต่เขาเห็นเขาก็ไม่เข้าใจ แม้จะเข้าใจแต่เขาก็จะไม่ปฏิบัติตามได้ ถึงแม้ปฏิบัติตามก็ปฏิบัติตามได้ชั่วคราว มีหลายชั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:10:09 )

คนไม่มีบุญเรียกว่าอะไร

รายละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นโลกียะหรือโลกุตระเราก็ปฏิบัติให้ลดความเป็นโลกียะ ลดลงไปเรื่อยๆก็เป็นส่วนแห่งบุญ ก็ได้ส่วนทางการลดกิเลส ลดกิเลสหมดก็เรียกว่าได้ผลที่ ปฏิบัติธรรมลดกิเลสได้ครบ เมื่อลดกิเลสได้หมด บุญก็หมดหน้าที่ ก็หมดบุญ หมดบาป หมดอกุศลก็จบ เป็นคนไม่มีบุญเรียกว่า ปุญญปาปปริกขีโณ ทั้งบุญทั้งบาปก็ไม่มีแล้วเป็นศูนย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:43:40 )

คนไม่มีปัญญาก็มีปัญหา

รายละเอียด

ก็เป็นปัญหาเพราะว่าไม่มีปัญญา คนไม่มีปัญญาก็มีปัญหา ก็เห็นสันติอโศกเขาไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็มีปัญหาอยู่คนเดียว คนที่สันติอโศกเขาไม่เห็นมีปัญหาอะไร คนไม่มีปัญญาก็มีปัญหา จริงๆ แล้วไปมีความทุกข์ ทุกข์เพราะว่าไปแบก ไปแบกเหตุผล ไปแบกที่ตัวเองตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นอย่างนี้ เขาบอกว่าไม่มีความสำนึกในสาธารณะ แล้วคุณนั่นแหละไม่มีความสำนึกในสาธารณะ ที่จอดๆ กันอยู่นั้นก็เป็นเรื่องสาธารณะ ขนาดเจ้าหน้าที่เขายังไม่มายุ่งด้วยเลย จอดรถ เจ้าหน้าที่เทศกิจเขายังไม่มาว่าอะไรเลย เขาก็เห็นเป็นสาธารณะ ที่จริงถนนเป็นส่วนสาธารณะแล้ว เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เทศกิจเขาไม่ได้ติดใจอะไร แต่คุณนั้นเป็นประเด็นปัญหาเอง คุณคนที่ไปจัดการวุ่นวายหาว่าสันติอโศกเอาเปรียบสังคม  

ก็ที่นั่นเป็นสังคมกลุ่มของชาวอโศกเขาไม่มีปัญหา แต่คุณน้อยนี่มีปัญหาเอง ก็อยากจะเป็นนายแบกทุกข์ เพราะว่ามีปัญหาก็แบกไป ก็คงจะซักซ้อมไปเป็นนายกมั้ง ซ้อมแบกๆไปเดี๋ยวก็ได้เป็นนายกนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 เมษายน 2566 ( 20:14:41 )

คนไม่มีวันชราเป็นไฉน

รายละเอียด

[6] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชราและมรณะเป็นไฉน ความแก่ ภาวะของความแก่ ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์ ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่าชรา ก็มรณะเป็นไฉน ความเคลื่อน ภาวะของความเคลื่อน ความทำลาย ความอันตรธานมฤตยู ความตาย กาลกิริยา ความแตกแห่งขันธ์ ความทอดทิ้งซากศพ ความขาดแห่งชีวิตินทรีย์จากหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่ามรณะ ชราและมรณะ ดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่า ชราและมรณะ ฯ

ชรา มรณะของรูป วัตถุ เราเห็นได้ง่าย ชราคือเสื่อมไปๆ ตั้งไว้อีกหน่อยก็เน่าเสื่อมละลายเหม็น จุลินทรีย์ต่างๆ มาทำงานเปลี่ยนแปลงให้เป็นสภาวะอื่น พวกนี้เก็บมาใหม่ก็ดูสด เก็บมานานแล้วก็เหี่ยว เห็นชัดในเรื่องรูป เรื่องรูปก็เห็นง่ายชราง่าย สุดท้ายมันก็เสื่อมสลายไม่เหลือสภาพนั้นก็นึกว่าตาย 

วัตถุก็ดูง่าย แต่จิตวิญญาณมันไม่เป็นอย่างนั้น จิตวิญญาณมันก็ชรา มันก็ตาย แต่มันไม่จบ จิตวิญญาณของคนโง่ชรา คนที่ยอมรับว่าจิตวิญญาณชรา จิตวิญญาณไม่ Active มันไม่ไหวแล้ว คนนี้ก็ตายง่าย แต่คนนี้บอกว่ายังไม่แก่หรอก แก่ไม่เป็นหรอก จิตใจฉันยังไม่แก่ ร่างกายแก่ก็บอกว่าร่างกายไม่แก่ ก็ไม่ได้แต่มันจะช่วย จิตวิญญาณมันจะช่วยมันจะทำให้ไม่อ่อนแอไม่งอกแงกเร็วเกินไป แต่ใครบอกว่าตัวแก่แล้วแก่เลยทับถมตัวเอง แก่คนนี้ก็แก่แล้วแก่เลย ไม่ช้าไม่นานก็ตายมรณา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:26:57 )

คนไม่มีศีลคือคนไม่มีศิลปะ 

รายละเอียด

คนไม่มีศีล คือคนไม่มีศิลปะฯที่มีภาพของความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ต้องเป็นผู้มีศีล 5 อดีตศิษย์เก่าสถาบันเพาะช่างฯคนนี้ เอามาย้ำ เป็นคำพูดของอาตมา ก็จริง ไม่ขยายความล่ะ คนไม่มีศีลคือคนไม่มีศิลปะ ที่จริงก็ทั้ง 38 มงคล มงคลอันอุดม 38 มีศีลเป็นข้อหนึ่งใน 38 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 09:14:43 )

คนไม่มีสภาวะต้องฝึกฝน

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าง่ายแล้วนะ พยายามเขียนให้ง่ายๆ เป็นภาษาสามัญๆ ให้ได้ แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องใช้คำศัพท์คำบาลี คำพระ คำที่เป็นภาษาธรรมะ บางคำก็จำเป็นต้องสร้างคำเพื่อจะให้มันสื่อสภาวธรรม ก็อาจจะใหม่ หรืออาจจะไม่เคยได้ยิน หรือได้ยินก็ยังเข้าใจไม่ได้ เอาน่า ก็ค่อยๆ ศึกษาไป 

สื่อนี่ ภาษา ถ้าเราพอมีสภาวะแล้ว อ่านภาษาแล้วเราพอเข้าใจภาษาไทย จะสื่อเป็นคำประสมอย่างไร มันก็จะพอเข้าใจ ถ้าเรามีสภาวะรองรับจริงจะพอเข้าใจ แต่ถ้าไม่มีเลยก็ยาก มีสภาวะแล้วจะอ่านได้ง่าย คนไม่มีสภาวะต้องฝึกฝน ไม่อย่างนั้นต้องอ่านทวนแล้วทวนอีกนานหลายเที่ยวถึงจะค่อยๆเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เข้าใจพยัญชนะมาก่อน แล้วยิ่งไม่มีสภาวะเลย  ก็ยิ่งจะได้แต่เข้าใจพยัญชนะเหมือนกัน ก็ศึกษาไป อ่านหลายรอบนะ อาตมายังอ่านซ้ำเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 11:28:30 )

คนไม่มีหยุดไม่มีพอเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม

รายละเอียด

คือ ส่วนคนนี้ไม่มีหยุด ไม่มีพอ  อันนี้แหละเป็นเรื่องช้านาน ลำบาก เสร็จแล้ว ก็เป็นภัยเป็นพิษต่อสังคม  เพราะต้องอาศัย แม้แต่ที่สุดทุกวันนี้ ในโลกทั้งโลก แย่งกัน แย่งอะไร  แย่งกระดาษชำระ นี้ได้ตามกฎหมาย พูดให้มันฉ่ำใจ สะใจ แล้ว มันสะสมการะดาษชำระกัน อันนี้แปลงกรระดาษชำระมากดเอาเลยไม่ต้องไปแตะต้องกระดาษ เป็นความฉลาดแกมโกง แล้วพยายาม ตีราคาจัดระดับบาท ดอลล่าร์ ต้องเท่ากับ 35 บาทไทย เงินปอนด์เท่าไหร่แล้ว เงินหยวนเท่าไหร่แล้ว เงินหยวนตอนนี้ 4.29 บาท มันก็สมมุติค่ากันไปแล้วก็ใช้ตั๋วแลกค่านี้ เป็นตัวเลขแล้ว ก็ใช้เคลื่อนไหวแทน นอกนั้นก็เป็นของ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:55:38 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:41 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:13:48 )

คนไม่รู้จักทุกข์แล้วยังวิปลาสเห็นทุกข์เป็นสุข

รายละเอียด

มันจะไม่ทุกข์ได้อย่างไรเจอหอกตั้ง 100 เล่ม แต่ประเด็นก็คือคนไม่รู้จักทุกข์ นอกจากไม่รู้จักทุกข์แล้วยังวิปลาสเห็นทุกข์เป็นสุข จบ 

เขาหลงทุกข์เป็นสุขจริงๆ อาตมาไขแล้ว ทุกข์กับสุขเป็นตัวเดียวกันมันเป็นจอมมายา บอกว่าเป็นสุขๆ แท้จริงมันเป็นทุกข์ แยกไม่ออกด้วย สุขกับทุกข์เหมือนกระดาษแผ่นเดียวแยกไม่ได้ มันหลอกตัวเองสนิทเลย แล้วคนผู้นี้ คนที่โง่ขนาดเห็นทุกข์เป็นสุขนี่ มันไม่มีโง่อะไร ที่จะโง่อีกแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:37:43 )

คนไม่รู้ตัวเองว่าเป็นพระโสดาบันก็คือคนที่ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบันใช่หรือไม่

รายละเอียด

ก็ใช่สิ คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นพระโสดาบันก็คือยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน หรือแม้แต่เป็นพระโสดาบันแล้ว แต่ตัวเองไม่ได้ตรวจให้ดีว่าเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็มีเยอะ ไม่ใช่น้อย แต่คนที่ไม่ได้เป็นพระโสดาบันเลยตรวจให้ตายก็ไม่เป็น อันนี้ก็กำปั้นทุบดินจะไปถามทำไม เพราะฉะนั้นก็ลองตรวจดูตัวเองบ้าง ว่าเป็นอย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:05:20 )

คนไม่รู้โลก

รายละเอียด

คนที่เกิดมาทุกวันนี้ไม่รู้โลก ไม่รู้ทันโลก แล้วจะอยู่เหนือโลกอย่างไรไม่รู้ จะอาศัยอาหารอย่างไร

ถ้ามีความรู้ว่าเราอาศัยอย่างนี้จะได้ดี คนนั้นก็อยู่รอดอยู่ดี อยู่อย่างเจริญอยู่อย่างประเสริฐ แต่ถ้าไม่รู้ก็อยู่อย่างไม่ดีไม่เจริญไม่ประเสริฐ ยิ่งเข้าใจผิด อย่างคุณทักษิณอย่างธัมมชโยก็เข้าใจผิด หรืออย่างโดนัลด์ทรัมป์ เข้าใจว่าจะมีอำนาจจะร่ำรวยที่สุดในโลก จะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก็เลยไปกันอย่างที่เห็น หลงทาง หรือคนที่มุ่งหมายไปร่ำรวยไปแย่งชิงไปเอาเปรียบเอารัด รวย รวย รวย ก็คือไม่รู้ว่าตัวเองทำกรรมที่มันเป็นกรรมชั่ว เขาก็ปฏิบัติประพฤติไปในทางชั่ว ฟังดีๆ ฟังภาษาไทยแล้วใครยังเป็นยังรู้สึกว่าเรายังมีอาการอย่างนั้นลักษณะพฤติกรรมอย่างนั้นให้รู้สึกตัว แล้วเลิกลดละ สะพัดออก มีชีวิตเป็นคนจน เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า เกิดมาก็มีบัลลังก์เป็นลูกกษัตริย์ก็ไม่เอา ทิ้งมาเลยทันที ท่านมีบารมีขนาดนั้น ถ้าเราไม่มีบารมีขนาดนั้นคงจะทิ้งได้ยาก แต่คนที่มีบารมีแล้วก็สบายๆไม่ได้ติดยึดอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:39:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:49 )

คนไม่รู้โลกหน้า

รายละเอียด

คนจะรู้โลกนี้ก็ยังไม่รู้ โลกหน้าก็ไม่รู้จัก ยิ่งโลกหน้าเป็นโลกโลกุตระแยกเป็นโลกกัลยาณชน โลกของอาริยชน เข้าใจพฤติกรรมของเรา เป็นพฤติกรรมของกัลยาณชนเป็นคนดีหรือยัง เป็นพฤติกรรมที่เป็นโลกุตระ ได้หรือยัง ก็ต้องรู้ต้องเข้าใจแล้วก็ทำ แล้วมาบอกสอนผู้อื่นให้ทำตามได้ อาตมาสอนให้ผู้อื่นทำตามได้จนมีผล มีคนเอาชีวิตมาอยู่อย่างนี้เลยอยู่รอด อาตมารู้จัก มาตา ปิตา รู้จักแม่รู้จักพ่อ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:40:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 04:14:24 )

คนไม่ลดกิเลสคือคนไม่มีปัญญา

รายละเอียด

ใช่ อาตมาเคยย้ำเคยพูดเคยบอก แต่พวกเราก็ฟังแล้วเผินๆกันหรือทั่วไปก็ฟังเผินๆ กันว่า อาตมาพูดหรือเปล่า คนเราเกิดมานี่นะ ถ้าไม่ได้มาเรียนรู้เพื่อรู้จักตนเอง เพื่อรู้จักสังคม แล้วก็รู้จักเข้าไปถึงจิตตัวเอง มีกิเลสเป็นประธานจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง แต่ตัวจิตวิญญาณมันมีกิเลสบงการอยู่ แล้วแก้ไขตรงนี้ 

แก้ไขตรงนี้แล้วชาติต่อๆไปเราจะเกิดอีก เกิดอีกแน่ ถ้าเราไม่ตายจบแบบอรหันต์ตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ต้องเกิดมาทุกคน เกิดมาแล้วก็โง่ซ้ำโง่ซากด้วย ยิ่งเกิดยิ่งจะโง่ซ้ำซาก ถ้าไม่พบกับศาสนาพุทธ มันมีศาสนาโลกีย์ ที่เขาก็รู้เหมือนกันว่าวิธีที่จะทำให้จิตมันช้าลง เขาก็ทำสมาธินั่งสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิกดข่มไว้ ให้มันช้า กิเลสให้มันเกิดตามมาช้า อย่างนี้เป็นต้น พูดกันอย่างง่ายๆสบายๆให้เข้าใจ วิธีง่ายๆ ยื้อมันไว้เฉยๆมันก็ช้าลง แต่มันไม่ได้หมายความว่ากิเลสหมด เสียเวลากับชีวิตไปแต่ละชาติ เพราะมันจะช้าเท่านั้น แต่เสร็จแล้วมันก็กลับมาคืนอย่างเก่า ดีไม่ดีมันสะสมด้วยความไม่มีปัญญา มันจะสะสมซับซ้อน แรงขึ้นๆๆ ไปอีกชาติต่อๆไป ต่อๆไป 

ซึ่งมันโมฆะ มันไม่สมควรที่จะไปทำอย่างนั้น อย่างของพระพุทธเจ้านี้เรียนรู้อย่างมีเหตุมีผลมีตัวจริง ตามเข้าไปรู้ตัวเหตุแท้คือกิเลส แล้วก็จับกิเลสนี้ให้มั่นเลยนะ แล้วฆ่ามันด้วยปัญญา ด้วยความรู้ชัด ซึ่งไม่รู้จะพูดอย่างไรว่าปัญญานี้มันเป็นอิทธิฤทธิ์ มีธรรมฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่มาก ปัญญามันมีฤทธิ์ที่ประหารกิเลสอย่างที่เรียกว่า กิเลสจะต้องตายเพราะปัญญา เพราะพลังฤทธิ์ของปัญญา ปัญญามันจะมีฤทธิ์อย่างนั้นเลยจริงๆ 

คือกิเลสโง่ แล้วปัญญานี้มันฉลาด เพราะฉะนั้นตัวฉลาดนี้มันฆ่าตัวโง่อย่างแท้จริงเลย พูดเป็นภาษาไทยได้แค่นี้นะ เหมือนกับว่าดำกับขาว จะทำให้ดำมันลดลงเอาขาวมากลบ ขาวมีฤทธิ์มากก็ดับได้ ฤทธิ์ไม่มากก็สู้ดำไม่ได้ หรือเอาดำกลบขาว มันก็กลบได้ ก็เหมือนกันแหละ 

ธรรมะนี้ ถ้าไม่เป็นขาว ขาวที่มีฤทธิ์มากๆ มันจะกลบดำให้หมดไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นขาวต้องมีฤทธิ์มากๆ มีฤทธิ์แรงถึงจะกลบดำลงไปให้หมดได้ ถ้าไม่มีฤทธิ์ ดำมันกลบขาวง่าย เหมือนกิเลสนี้มันกินคนง่าย แต่ปัญญานี้มันจะกินคนยาก มันจะทำให้มันหายโง่ยาก เออ..ตรงนี้ชัด 

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า สอนคนให้หายโง่นี้มันยากจริงๆ แล้วโลกไม่ต้องมีปัญญาเลยทำให้คนโง่ได้เต็มไปหมด ตามๆ กันไปหมด นี่เป็นธรรมชาติที่มันต้องเป็นอย่างนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:03:03 )

คนไม่สุขไม่ทุกข์เป็นคนอย่างไร 

รายละเอียด

มาต่อ คนเหาะได้ ไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าเข้าใจคำเปรียบเทียบ ว่าพวกเราคือคนเหาะได้ เป็นคนน่าประหลาดมันเหาะได้ มีด้วยเหรอคนในยุคนี้ที่เหาะได้ ได้ นี่แหละ คือคนที่มีโลกุตรธรรม มีคุณธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นคนพ้นทุกข์ ลึกเข้าไปที่อาตมาอธิบายไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่ใช่ว่ามีแต่สุขเห็นไหมมันซับซ้อน ไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้วเป็นคนอย่างไร 

เป็นคนอย่างนี้ ไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นจิตบริสุทธิ์สะอาดจากความสุขความทุกข์ จากความเป็นเทวดา กับมาร มารกับเทวดาคือคู่กัน คือความเป็น 2 

พวกเทวนิยมไม่ศึกษาซาตาน ไม่ศึกษามารไม่รู้จักมาร เพราะฉะนั้นมารก็อยู่กับคุณด้วย โดยคุณไม่รู้ มันออกฤทธิ์เมื่อไหร่คุณก็เสร็จมัน จริงๆมันออกฤทธิ์กับคุณด้วยเพราะมันหลอกให้คุณว่าเป็นสุขคุณก็ถูกหลอกไป หนักหนาสาหัส หลอกด้วยสุขที่สูงที่เนียนที่จัดจ้านก็แล้วแต่ หลอกคุณก็ต้องแย่งชิงไปเสพสบาย กิเลสก็ยิ่งหนาก็ยิ่งหมุนเวียน คุณก็ยิ่งเจริญด้วยลาภยศสรรเสริญ สุขมันยิ่งจัดจ้านให้ต่ำลง คุณก็ได้เป็นผู้ที่เสพสุขลาภยศสรรเสริญมาก คุณก็ยิ่งหนักเข้าไปอีกคุณก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก จนหมดอำนาจของลาภยศสรรเสริญสุข คุณก็ตกลงไปสู่ต่ำหมุนวนอยู่อย่างนี้ โลกียะไม่มีจบ สุขทุกข์ไม่มีจบ ดีชั่วทุกข์ไม่มีจบ ทุกข์เพราะหลงสุข มันจะวนเวียนเป็นงูกินหาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 17:13:19 )

คนไม่อยากคบคนมีศีลคือคนโง่

รายละเอียด

เป็นเพราะเขาโง่ ไม่อยากคบคนมีศีลเพราะเขาโง่ เขาเห็นว่าไม่เหมือนกับเรา พวกนี้เป็นคนต่างดาว คนอะไรวะไม่ฆ่าสัตว์ ยุงกัดก็ไม่ตบ จะบ้าหรือไง ก็ตบหน่อยเดียวมันก็ตายแล้วยุง คนอะไรถ้าไปฆ่าสัตว์มากินว่าบาป พระพุทธเจ้าก็สอนเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่า อย่าฆ่าสัตว์ ฆ่าสัตว์ผิดศีลข้อที่ 1 ก็บาปแล้ว แม้คุณไม่ฆ่าแต่คนอื่นเขาฆ่ามาให้คุณ คุณก็เกี่ยวเนื่องไม่ได้ขาดกัน เท่ากับคุณเป็นคนว่าจ้างให้เขาฆ่ามา โดยไม่ต้องตกลงกัน คนฆ่าแล้วก็ไปที่ตลาดคุณก็ไปซื้อมาอีกที หรือว่าคนก็ทำอาหารให้คุณมากินอาหารเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้นเข้าใจว่าการกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นบาป บาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลยใน ชีวกสูตร 5 ข้อ

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)  

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส  

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า  “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”  

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส  

5. ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก  (ตถาคตํ   วา   ตถาคตสาวกํ  วา  อกปฺปิเยน  อสฺสาเทติ อิมินา   ปญฺจเมน   ฐาเนน  พหุง   อปุญฺญํ   ปสวตีติ)     ชีวกสูตร  ล.13   ข.60

เพราะฉะนั้นคนที่ไปบอกว่าพระพุทธเจ้าท่านฉันเนื้อสัตว์นี้ยังตื้นเขินมาก ขนาดเรียนจบเปรียญ 9 จบด็อกเตอร์ทางศาสนา ทางบาลี ทางสันสกฤตอะไรก็แล้วแต่ แต่อ่านคำตรัสของพระพุทธเจ้าไม่แตก ไม่ชัดเจน แล้วไปเบี้ยวบาลีว่า สัญจิตจ ปานัง ชีวิตาโวโรเปตุง สัญจิตจ คือมุ่งหมาย ปานัง คือชีวิต คือ ธาตุวิญญาณของชีวิต ไปทำให้มันตกร่วง เปตุง คือทำให้มันตกร่วง ชีพมันตก ชีวิตมันขาดตกไป ผู้มีเจตนาไปทำให้ชีวิตของสัตว์ตาย 

นี่คือผู้ที่มีความเจาะจงทำบาปเต็มรูปแล้ว เขาก็ไปเบี้ยวบาลีว่า  เจตนาฆ่าสัตว์เพื่อคนชื่อนี้ คนนี้กินไม่ได้ คนอื่นกินได้หมด เห็นไหมนักเบี้ยวบาลี เจาะจงสู่แดนธรรม สู่แดนธรรมกินไม่ได้นะสัตว์นี้เขาฆ่ามา แต่ท่านที่นั่งอยู่ ท่านดินไท ท่านแสนดินฉันได้ เขาไม่ได้เจาะจงท่าน เก่งไหมนักเบี้ยวบาลี โอ้โห!เก่งชิบหายเลย ชิบหายตัวเองด้วยเพราะตัวเองนั้นบาป เสร็จแล้วก็พาให้คนอื่นชิบหายไปด้วย นี่เป็นสัจจะ  

เพราะฉะนั้นอธิบายไป คนเขาเข้าใจอย่างพวกคุณพอรับได้ชัดเจน  ไม่ต้องมามีวิบากที่จะไปเกี่ยวเนื่องกับสัตว์ทั้งหลาย เพราะแต่ก่อนเรายังไม่รู้ เราก็มีวิบากแก่กัน เป็นวิบากบาปเป็นหมาไล่เนื้อตามไล่เราอยู่ เพราะฉะนั้นเราหยุดวิบากบาปแล้ว จงสร้างแต่กุศลวิบากไปนำหน้าหมาไล่เนื้อ ก็จะมีสิทธิ์หมาไล่ไม่ทัน แต่ถ้าคุณยังทำต่ออยู่ เดี๋ยวหมาก็งาบไปลงนรก ไล่ทัน วิบากบาปของเราไล่เราทัน 

อาตมาไม่ได้พูดเล่นนะ พูดจริง คนที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ วันหนึ่งคุณก็จะตกนรกเพราะกินเนื้อสัตว์ที่มีวิบากบาป มันมากท่วมจนกระทั่งคุณจะต้อง เหตุปัจจัยของคุณที่เป็นวิบากบาปถึงขั้นนรก คุณก็จะตกลงนรก เพราะกินเนื้อสัตว์ ฟังดีๆอาตมาไม่ได้พูดเล่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 12:16:06 )

คนไม่เจอสัตบุรุษจะไม่มีสัมมาทิฏฐิไม่มีทางรู้เช่นนี้ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในเรื่องของ กวฬิงการาหาร ซึ่งต้องเป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ที่ให้อาศัยจึงต้องอาศัยผัสสะให้เรียนรู้กิเลสตัณหา และอาศัยนามรูปในการศึกษา ภาวะ 2 รูป คือสิ่งที่ถูกรู้  นามคือตัวรู้ ผู้รู้ ถ้าไม่มีนาม กายไม่มี รูปนามไม่แยกกันฉันใด ในคนนั่นคือ นามรูปคือวิญญาณ นามรูปก็คืออายตนะ ในปฏิจจสมุปบาท 

นามรูป มีเหตุมีปัจจัยของอายตนะ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ จะสรุปรวมลงเป็นอายตนะ 2 เป็น 1 ก็เรียนรู้ อายตนะคือสภาพ 2 ที่มันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันแล้วมีความแตกต่างกัน 

2 สภาพมีความต่างกันทั้งนั้น ในระดับโพธิสัตว์ ระดับอภิภู จะเรียนรู้เรื่องอภิภายตนะ 8 ความแตกต่างระหว่างความละเอียดละออของ 2 สิ่ง จนกระทั่งถึงขั้นสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าบอกว่าต้องอาศัยสีเปรียบเทียบความแตกต่างของเฉดสี ตั้งแต่สีน้ำเงิน เหลือง ดำ เขียว แล้วก็แดง แล้วก็เหลือง เบาลงไปแล้วก็ขาว เทียบความแตกต่างระหว่างเฉดของสี 

ผู้ใดสามารถแยกจิตวิญญาณ ออกได้จาก วิญญาณขันธ์ แจกไปเป็นเจตสิก เวทนา สัญญา สังขาร โดยใช้สัญญาเป็นตัวสำคัญกำหนดรู้ กำหนดรู้กาย คือ ภายนอก ภายใน 

ยังมี ผัสสาหาร ท่านเทียบเหมือนวัวไม่มีหนัง และมี มโนสัญเจตนาหาร ที่เหมือนคนดึงลงหลุมถ่านเพลิง วิญญาณาหารเทียบเหมือนโจรถูกหอกแทงร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็น มันก็ยังไม่ตาย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 20:29:39 )

คนไม่เป็นภัยไม่เป็นโทษต่อโลก

รายละเอียด

เริ่มต้นเป็นโสดาบันก็เป็นคนไม่เป็นภัยไม่เป็นโทษต่อโลก อาจจะมี Error เป็นภาระบ้าง ถ้ายิ่งสกิทาคามี ก็ยิ่งน้อยลงในภาระ อนาคามีไม่เป็นภาระต่อโลกต่อสังคมแล้ว มีแต่จะช่วยโลก เป็นอรหันต์ถือว่าจบรอบ มีแต่ประโยชน์ถ่ายเดียวไม่มีโทษเลย 

เพราะฉะนั้นจะช่วยทั้งกิจที่เป็นเศรษฐศาสตร์ ทั้งกิจที่เป็นรัฐศาสตร์หรือการเมืองไม่มีปัญหา ไม่ก่อปัญหาให้แก่หมู่แก่สังคมแก่ประเทศ หมู่กลุ่มชุมชนชาวอโศกหรือชาวสันติอโศกที่คนทั่วไปเขาเรียกขานกันนี่แหละ

เป็นสังคมกลุ่มหมู่ที่ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่มีปัญหาการเมืองอยู่ในประเทศไทย เป็นกลุ่มหมู่ที่ไม่มีปัญหาไม่ว่าเศรษฐกิจหรือการเมืองอยู่ในประเทศไทย และ ในประเทศอื่นก็หาอย่างนี้ได้ยาก หรือจะไม่มีเอาด้วย 

ไม่มีนี่หมายความว่า ชาวอโศกนี้เป็นผู้ที่ไม่มีปัญหาแต่มีปัญญา เศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจก็ตาม การเมืองก็ตาม นอกจากไม่เป็นโทษเป็นภัย ไม่เป็นภาระของรัฐบาลแล้วยังช่วยด้วย ช่วยเศรษฐกิจ ช่วยการเมืองให้แก่สังคมประเทศชาติ ต่างกันกับอย่างพวกเชนเขาก็ไม่เป็นภัยให้แก่สังคม เอาตัวรอด แต่เขาไม่เป็นประโยชน์แก่สังคมเลย 

หรือศาสนาพุทธที่เพี้ยนๆ มิจฉาทิฏฐิไปหลับตานั่งสงบเข้าป่าก็แนวเดียวกันกับเชน แต่ยังไม่จัดจ้าน ไม่สุดโต่งเท่ากับเชนเท่านั้นเอง แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไม่เป็นภัย ไม่เป็นโทษอย่างสนิทเลย เด็ดขาดด้วย เพราะจิตวิญญาณล้างเหตุคือล้างกิเลสที่เป็นตัวเหตุหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีวันที่จะเป็นโทษเป็นภัย สัพพปาปัสสะ อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) นอกจากไม่เป็นภัยเป็นโทษแก่สังคมแล้วยังมีกุศลสมบูรณ์แบบเลย กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) นี่คือของพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ 

อาตมาก็ภาคภูมิใจว่าอาตมาเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราทำเป็นโลกุตตรธรรมทำได้ผลจนเกิดผลจริง 

วันนี้เขายังไม่เชื่อ เพราะถูกคณะใหญ่ที่คนนับถือมาตีตราว่าเรานอกรีต เราผิด เราไม่ถูก ก็เลยทำให้การเชื่อถือคณะใหญ่หลักใหญ่มีอยู่ เพราะเขาก็ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด ยิ่งเป็นโลกุตตระยิ่งรู้ยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:14:36 )

คนไม่เรียนรู้จะเป็นเศษสวะอยู่ในวัฏสงสาร

รายละเอียด

4 ปีนี้จะได้คัดเลือกเอาคนที่มีคุณธรรม อาตมาว่าธรรมชาติ ในความเป็นธรรมชาติเอง มีคุณธรรมในความเป็นธรรมชาติ ถ้าเราดูไปบางคนก็บอกว่า ธรรมชาติมีคุณธรรมอะไร แผ่นดินไหวอย่างนี้ ทรมานทับคนตาย ภูเขาไฟระเบิดอะไรอย่างนี้ ธรรมชาติฟ้าผ่าอะไรอย่างนี้ ธรรมชาติน้ำท่วมที่กำลังจะใกล้ๆนี้ จะบอกว่ามันดีได้อย่างไรธรรมชาติมีคุณธรรมอะไร อาจจะว่าอย่างนั้นก็ได้ จริงๆแล้ว อจินไตย ความลึกซึ้งของภาวะ โดยเฉพาะเรื่องโลกจินตา ความหมุนเวียนความเป็นอยู่ของสิ่งที่เป็นอยู่ ของเอกภพมหาจักรวาล เป็นสิ่งที่คุณไปเอาแต่คิดเอา(โลกจินตา) ไม่ได้หรอก มันลึกซึ้งมากจนพระพุทธเจ้าเอาไว้ร่วมกับ อจินไตย 4 ยิ่งใหญ่มาก เราไม่สามารถเรียนรู้ความละเอียดของสิ่งเหล่านี้ได้หมด ที่จริงธรรมชาติมีดีมากกว่าธรรมชาติโหด ที่เราบอกว่าธรรมชาติโหดก็เป็นอจินไตย โลกจินตา ที่คิดไม่ได้หรอก เป็นอจินไตยข้อที่ 4 มันเกี่ยวทั้งวิญญาณมันเกี่ยวทั้งวัตถุมหาภูตรูป นามธรรมที่สังเคราะห์สังขารกันอยู่ซับซ้อนเกินกว่าจะคิด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อจินไตย 4 เป็นความรู้สุดยอดยิ่งใหญ่ที่สุดครบครันที่สุด สูงสุดที่สุดในความเป็นโลกในความเป็นเอกภพมหาจักรวาล และในความเป็นจิตวิญญาณ คือมี 2 อย่างนี้มีรูปกับนาม รูปธรรมกับนามธรรม มันลึกซึ้งสุดยอดจริงๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่เรียนรู้สั่งสมการศึกษา ไม่ใช่ศึกษาแค่ฉาบฉวยเฉพาะบัญญัติภาษา แต่ศึกษาเข้าไปสัมผัสเข้าไปค้นถึงทางด้านนามธรรมจิตวิญญาณ อยู่กันอย่างไร เกี่ยวข้องกันอย่างไรสังเคราะห์สัมพันธ์กันอย่างไรจัดการกันอย่างไร เรียกว่าเก่งที่สุดดีที่สุดมากที่สุดเท่าที่คนจะค้นพบได้ ก็คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เราก็เอามาสอนเอาไว้ในแต่ละยุคที่สมควรแก่กาล ที่เจ้าความรู้ของพุทธเจ้ามาขยายให้พวกเราได้ใช้เป็นประโยชน์ แม้แต่มนุษยชาติแต่ละคนก็จะใช้มาเรียนรู้ คนไม่เรียนรู้จะเป็นเศษสวะอยู่ในวัฏสงสาร เศษสวะในวัฏสงสารคืออะไร ก็คือ คนที่ไม่ได้เรียนรู้อะไร ปล่อยไปตามยถากรรม ให้กรรมวิบากกับกิเลส มันเป็นตัวพาเป็นพาไป มันก็หมุนเวียนทุกข์ร้อนวุ่นวาย ไม่เป็นที่แน่นอน เรียกว่าอนิจจัง จับเอาอะไรไม่ได้ สั้นๆยาวๆทุกข์มากทุกข์น้อย นานมากหรือนานน้อยอะไรต่างๆ สูงต่ำ อะไรต่างๆ มันมีในทุกมิติแห่งความเป็นจริงของมนุษย์ แล้วแม้แต่วัตถุดินน้ำไฟลม มันก็เป็นสิ่งที่หลากหลาย ในขนาดในลักษณะในอำนาจของที่มันเป็นธาตุดินน้ำไฟลม แล้วธาตุดินน้ำไฟลมอากาศ มันก็มีพลังงานในตัวของมัน ที่จะออกมาเป็นพลังงานที่จะสังเคราะห์สังขารอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสรรพสิ่งในโลก ที่มันมีอยู่ในมหาเอกภพ มันจึงเป็นเรื่องที่เกินจะคิด ผู้ที่ศึกษาให้สูงสุด อาตมาจึงสรุปว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ศึกษาอะไรนอกจากการศึกษาความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมมนุษย์เท่านั้นเอง แล้วท่านก็รู้ลึกซึ้งที่สุดถึงความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมมนุษย์ แล้วก็เอามาเปิดเผยสั่งสอน ว่ามนุษย์ควรทำตัวอย่างนี้แล้วช่วยให้สังคมเป็นอย่างนี้ ดีที่สุด จนกระทั่งคุณจะทำงานอย่างนี้แหละ เมื่อคุณรู้แล้วคุณเป็นโพธิสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:15:18 )

คนไม่เอาการเมืองเป็นคนมิจฉาทิฎฐิ

รายละเอียด

หลวงปู่วันนี้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องการเมือง ซึ่งพวกเราจะต้องรู้เรื่องการเมือง เพราะการเมืองนี้เป็นเรื่องของคน คนที่ไม่เอาการเมืองคือคนที่เข้าใจผิด เรียกว่ามิจฉาทิฎฐิ คนที่ไม่เอาการเมืองที่เข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฐินั้น คือคนที่ ได้ฟังคำพูด คำสอนของคนอีกชนิดหนึ่ง หนีจากสังคม มนุษย์หรือคนไม่ได้เป็นสัตว์โขลงใหญ่เหมือนเสือหรือสิงโต แยกเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือตีกันทะเลาะกันแล้วแบ่งแยกกลุ่มไปเรื่อยๆ จะไม่เป็นกลุ่มใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:13:18 )

คนไม่เอาใจใส่ธรรมะกับการเมืองคือคนมีจิตเดรัจฉานอยู่ในตัว

รายละเอียด

เพราะการเมืองเป็นเรื่องของคน ศาสนาก็เป็นเรื่องของคน สัตว์เดรัจฉานเท่านั้นมันไม่มีธรรมะ มันไม่มีการเมือง สัตว์เดรัจฉานเท่านั้นมันไม่รู้เรื่องการเมืองมันไม่รู้เรื่องของธรรมะ คนๆๆ ยังมีความเป็นเดรัจฉานอยู่ในคน ฟังซ้อนตรงนี้ เขาจะไม่สนใจการเมืองไม่สนใจธรรมะ แต่ถ้าคนที่เจริญเป็นอาริยะจะสนใจธรรมะจะสนใจการเมือง 

คำว่าการเมืองนี้ไม่ใช่คำเสีย คำว่าการเมืองนี้คือคนเอาไปปฏิบัติ ทำการเมืองที่เลว ปฏิบัติทำการเมืองที่ไม่จริง ปฏิบัติทำการเมืองที่มิจฉาทิฏฐิผิดเพี้ยนมันจึงเป็นเรื่องเลวร้ายมันเสีย การเมืองต้องเป็นการงานที่ดีสำหรับพลเมืองทำให้พลเมืองอยู่เย็นเป็นสุขดี การเมืองต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่การเมืองเลวๆทำให้มนุษยชาติเลวร้ายลงนักการเมืองก็เสื่อมทรามเลวร้ายผิดเพี้ยนไปบาปกินหัวทั้งคู่ ทั้งประชาชนผู้รับ ทั้งตัวนักการเมืองเอง บาปด้วยสัจจะนะ อาตมาไม่ได้ไปใส่ความ 

ยังไม่มีธรรมะไม่ใช่การเมือง ถ้ายังไม่มีธรรมะ อยู่ร่วมกันกับพฤติกรรมที่ทำกับสังคมมนุษยชาติ ในสังคมมนุษยชาติทำงานธรรมะทำงานการเมือง ให้เกิดเจริญเป็นโลกุตรธรรม ถ้าเป็นแค่โลกียธรรม มันทำแล้วก็ดีนะ ได้อาศัยดีไม่ตกต่ำ มันก็ยังเป็นโลกียะก็ยังได้ขั้นหนึ่งเป็นขั้นกัลยาณธรรม ถ้าสามารถลดกิเลสได้ด้วยมันเป็นโลกุตรธรรมเลย ฉะนั้นมันจะรู้ได้จริงๆ ก็ต้องมีปัญญา จะรู้ ที่จะรู้ว่าการเมืองกับธรรมะคืออย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:11:14 )

คนไม่ได้ฐานโสดาบันจะไม่รู้จักสุขสำราญแท้

รายละเอียด

หากติดอบายมุข ก็เป็นโสดาบันไม่ได้ คนพ้นอบายมุขจึงเป็นโสดาบัน คุณหลุดพ้นมาถึงรับรสความหลุดพ้นไม่โง่ไปกับสุข ที่จริงมันทุกข์ แต่มันหลอกว่าสุข อย่างคนมาโซคิส ซาดิสม์ก็ชกปากคนอื่นแล้วอร่อย แต่ลองปากตนเองแตกสิจะรู้สึก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:50:53 )

คนไม่ได้ธรรมะโลกุตระนั้นเสียชาติเกิดน่าสงสาร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็อธิบายให้กันฟังแล้วก็พยายามฟังดีๆ ถ้ารักจะเอาธรรมะและอาตมาก็ย้ำแล้วว่า เกิดมาเป็นคนไม่ได้ธรรมะโลกุตระนั้นเสียชาติเกิด เกิดมาไม่ได้โลกุตระแล้ว แถมกิเลสหนาขึ้นไปอีก แต่ละชาติๆ น่าสงสารนะ คนมีเยอะในโลก ยิ่งสายเทวนิยมนี้น่าสงสาร ซับซ้อนร้ายกาจขึ้นทุกวัน 

จะเห็นความต่างของชาวอโศกกับชาวเทวนิยมทั้งหลาย แม้แต่ในเมืองไทย ก็ต่างกันจนกระทั่งเขาหาว่าพวกเราเป็นคนบ้าๆ บอๆ ไปทำลายศาสนาเขา อาตมาก็ไม่รู้จะสงสารอย่างไร มันสุดสาคร สุดสินสมุทรจริงๆ สุดสงสารสุดสาคร สุดสินสมุทร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:10:05 )

คนไม่ได้โลกุตระน่าสงสาร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ารู้จักสัจจะที่เป็นโลกุตระฉันใด ท่านก็เห็นค่าของโลกุตระเหมือนกัน อาตมาก็รู้ค่าของโลกุตระฉันเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านรู้สุดยอดแล้ว โอ้โห เกิดมาเป็นคนแล้วนี่ไม่ได้โลกุตระนี่เสียชาติเกิดเป็นคน อาตมาเคยพูดมาแล้ว เสียจริงๆ เพราะคุณถ้าคุณไม่ได้ คุณก็จะไปวนเวียนตามวิบากกรรมของคุณ กี่ชาติๆๆๆ มันน่าสงสารนะ 

คนที่ไม่ได้โลกุตรธรรม แล้วเขารู้วิบากเขาไหม? ไม่ เขาไม่รู้ กรรมวิบากเป็นอจินไตย หมาไล่เนื้อนี่มันวิ่งไล่ไม่หยุดนะ มันตามธรรม แล้วยิ่งคุณไม่รู้จักโลกุตรธรรม คุณก็มาปฏิบัติมาประพฤติ มีแต่โลกียะ เต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง คุณไม่ได้เรียนจริงมันซับซ้อนหลอกคุณเอง 

คำว่า “โกรธ” นี้นะ คนรู้ว่า โกรธ แสดงความ”โกรธ” ภาษาไทยเรารู้ดี อาการโกรธนี่แสดงหน้าแดงออกมาเลยนะ แล้วก็แสดงอาการกริยาทางกาย วาจา ออกมา แต่ถ้าโกรธอย่างคนที่มีความรู้ซ้อนว่า เฮ้ย! โกรธมันเป็นอาการแสดงออกมาไม่ดี อย่าแสดงนะ เขาก็จะซ่อนไว้ แต่ภาวะโกรธที่มันซุกซ่อนไว้นั้นมันมีจริงๆ อัดอั้น เป็นพลังระเบิด มากขึ้น มากขึ้น เก็บไว้มากขึ้น แล้วค่อยๆ แสดงออก โดยการคิดดอกเบี้ยต้นทุน ไม่ลดดอกเบี้ย ทบต้นนับไม่ถ้วน อันนี้เป็นสัจจะ ที่อาตมาเห็นอยู่ในคนทั้งหลาย ที่เขาเป็นคนยึดมั่นถือมั่น ไม่รู้จักธรรมะอันนี้ ซึ่งเป็นความเสื่อมมากๆ ของคน ผู้ที่เขาไม่รู้ เขาทำอยู่ ทุกวันนี้ก็ทำๆ กันอยู่ 

สรุปอีกเมื่อไหร่ก็สรุปอย่างนี้ ก็ยังไม่จุใจอาตมา สรุปเมื่อไหร่ก็ยังไม่จุใจ สรุปว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วไม่เอาธรรมะโลกุตระนี่ คุณจะชาติใดก็แล้วแต่ คุณไม่เอานี่ มันไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร บอกว่าโง่ก็ยังน้อยไป บอกว่าเกิดมาโง่ก็ยังน้อยไป ไม่รู้จะเอาภาษามาเรียกคำ ความไม่รู้จักสัจจะ ไม่รู้สาระในสาระ ไม่รู้จะทำยังไง 

อาตมาทำงานมาจนถึงวันนี้ โอ้! ลากสังขารขันธ์อาตมานี้ ก็เคยพูดบอกว่า โอ้! ควรตาย แต่มันก็ยังตายไม่ลง ก็เอา พะแงบๆ ได้ไป ดูไม่น่าเกลียดน่าชัง อาตมาพยายามที่จะไม่ให้สังขารมันน่าเกลียดน่าชัง เพราะฉะนั้นพวกคุณก็จะดูเห็นว่าอาตมาแข็งแรง ไม่น่าจะอ่อนแออะไร แต่ที่จริง โอ้โห.. คุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้ อาตมานอนวันละกี่ชั่วโมง 

กลางคืน ประมาณ 2-3 ทุ่ม ไม่เกิน 3 ทุ่ม 21:00 น ก็ไปนอนแล้ว แล้ว แล้วตื่น 6 โมงเช้า ไม่เคยขาดเลย เลย 6 โมงมาบ้าง บางทีกว่าจะลุก ก็ 7-8 โมง แต่ยังไม่เคยถึง 8 โมง มันก็เท่าไหร่ล่ะ? 2 ทุ่มถึง 7 โมง ก็รวมเป็น เป็น 11 ชั่วโมงแล้ว กลางวันนอนอีกเท่าไหร่ กี่ชั่วโมง ถามปัจฉาดูสิ ประมาณ 2 บ้าง 3 บ้าง นอนมันก็หลับ

ถึงแม้ว่าอาตมาจะหลับหรือไม่หลับ อาตมาหลับ ขีดของความหลับนี้ มันมีความต่างในคนที่ตระกูลศรัทธากับคนที่ตระกูลปัญญานี่ นอนหลับยังต่างกันเลย ศรัทธานอนหลับนี่จะหลับลึกปี๋เลย แต่ปัญญาไม่หลับลึกปี๋ไปอย่างนั้นหรอก หลับคุยกับเทวดาเยอะแยะ ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เวลาก็เลื่อนไปเรื่อยๆ บางทีคุยกับเทวดากว่าจะหลับปี๋ลงไป ผ่านไป 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง บางที พวกเราพูดแล้วเข้าใจ จะเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:48:39 )

คนไหนเป็นแม่นม คนไหนเป็นแม่เลี้ยง 

รายละเอียด

แม่เสียไปแล้ว พ่อก็ไม่ได้เลี้ยง อาตมาก็เลยกลายเป็นแม่เลี้ยงดูน้องๆ แม่คือผู้เลี้ยงดู ส่วนพ่อเป็นเป็นต้นธาตุต้นธรรม ส่วนแม่นั้นคือผู้ให้กำเนิด ถ้าบอกว่าพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตรเป็นแม่ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นพ่อ คนหนึ่งเป็นแม่เลี้ยง อีกคนหนึ่งเป็นแม่นม ลองทายดูสิคนไหนเป็นแม่นม คนไหนเป็นแม่เลี้ยง พระโมคคัลลานะเป็นแม่นม พระสารีบุตรเป็นแม่เลี้ยงไว้สอน จริงๆโดยจริงท่านไม่ได้เป็นแม่ ท่านเป็นผู้ชาย ท่านเป็นภิกษุ แต่ความเป็นแม่อยู่ที่หน้าที่ พฤติกรรมของคนนี่แหละ 

เพราะฉะนั้นความเป็นแม่ในสัมมาทิฏฐิ 10 ปิตา มาตา จึงไม่ได้หมายความว่า ตัวตนบุคคลผู้หญิงเป็นแม่ ผู้ชายเป็นพ่อ ไม่ใช่ อาตมาเคยอธิบายจนกระทั่งว่า ปัญญาเป็นพ่อ ศีลเป็นแม่ อย่างนี้เป็นต้น หรือโพชฌงค์ 7 เป็นพ่อ มรรคมีองค์ 8 เป็นแม่ อะไรอย่างนี้เป็นต้น นี่คือธรรมะที่เราจะต้องถึงขั้นธรรมในธรรม ไม่ติดอยู่แค่ตัวตนบุคคลเราเขา เช่น มีโวหารที่ตรัสไว้ในพระไตรปิฎกว่า พระสารีบุตรนี่ ได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้าที่เทศน์โปรดมารดาอยู่บนดาวดึงส์ ใครเคยได้ยินบ้าง พระสารีบุตรอยู่ตีนเขาแล้วก็ได้ยินพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดมารดาในดาวดึงส์ ความหมายก็คือ พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดพระมารดา เทศน์ โปรดแม่ว่างั้นเถอะ ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมในธรรมที่ลึกซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 18:45:36 )

คบมิตรดีสหายดีที่สัมมาทิฏฐิก็เริ่มปฏิบัติศีล

รายละเอียด

เมื่อได้คบมิตรสหายดี สัมมาทิฏฐิก็เริ่มปฏิบัติศีล ปฏิบัติศีลได้ผลก็เกิดความยินดีมีฉันทะ เมื่อรู้จักฉันทะแล้วก็จะรู้จัก อัตตา ซึ่ง อัตตาก็ขยายเป็นอัตตา 3 แล้วขยายอัตตาย่อยไปอีก ลดอัตตาจนหมดอัตตา โดยการปฏิบัติต่อ หรือเริ่มต่อไปที่ ทิฏฐิ เป็นข้อที่ 5 ของสุริยเปยยาลสูตร จะเข้าใจความรู้ความเห็น ซึ่งยังไม่ใช่ปัญญาทีเดียวแต่เป็นความรู้ความเห็นความเข้าใจที่จะทำอย่างนั้นต่อแล้ว เป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว จากนั้นคุณก็ไม่ประมาท เป็นข้อที่ 6 ข้อที่ 7 ก็เอาไปปฏิบัติให้เป็นโยนิโสมนสิการ 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 22:07:59 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์