@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ชาติเกิดอย่างไรควบคุมการเกิดอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสรุป อาการของสิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ของเหตุปัจจัยมาไว้แค่รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเท่านี้ แล้วท่านก็แจกออกให้พอสมควรไม่ต้องมาก แจกออกเป็นสังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ ตัณหา อุปาทาน ภพชาติ จบ 

เรียนรู้ว่าชาติมันเกิดอย่างไร มันเป็นอวิชชาเพราะชาติอย่างไรดับอวิชชาได้ ชาติจะเกิดก็เกิดสิเพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถควบคุมการเกิดของจิต หรือสามารถให้จิตมันเกิดเป็นจิตสะอาด เป็นจิตที่ไม่มีอะไรอวิชชาเข้ามาครอบ เข้ามาร่วม ไม่ให้กิเลสเข้ามาร่วมไม่ว่าจะเป็นกิเลสแบ่งเป็นกาม พยาบาท เป็นผลัก ดูด รักชัง นรก สวรรค์ จะแยกละเอียดไปเท่าไหร่ก็จะค่อยๆ รู้ไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:44:12 )

ชานาติ

รายละเอียด

รู้

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 93

อีคิวโลกุตระ หน้า 208 , 209 , 214 , 215, วิถีพุทธ หน้า 43


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:09:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:26:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:27:32 )

ชานโต

รายละเอียด

1. รู้อยู่ 

2. รู้ เข้าใจชัดลึกสัมผัสอยู่ถึงจุดนั้น ๆ ทีเดียว

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 93

ทางเอก ภาค 2 หน้า 21


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:06:36 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:01:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:29:10 )

ชานโต ปัสสโต  วิหรติ

รายละเอียด

1. การรู้ การเห็นชัดแจ้งของตนเองด้วยตนเอง

2. รู้อยู่ เห็นอยู่เป็นปัจจุบันนั่นเทียว

3. รู้อยู่ เห็นอยู่เป็นปัจจุบันนั้นเลย

4. กำลังเกิดหลัด ๆ ให้เราสัมผัสรู้อยู่เห็นอยู่เป็นปัจจุบัน

5. รู้แจ้งเห็นจริงความเป็นจริงทั้งหลายอยู่เป็นปัจจุบัน

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 183

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 99

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 151 

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 133

เปิดโลกเทวดา หน้า 56


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:08:33 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:03:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:31:48 )

ชานโต – ปัสสโต

รายละเอียด

รู้อยู่ เห็นอยู่

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 90


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:07:12 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:03:55 )

ชานโตปัสสโตวิหรติ

รายละเอียด

คือรู้อยู่ เห็นอยู่  สัมผัสอยู่ เป็นปัจจุบันนั่นเที่ยว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:27:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:35:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:33:08 )

ชานโตปัสสโตวิหรติ

รายละเอียด

ศัพท์บาลีบอกว่า ชานโตปัสสโตวิหรติ รู้อยู่เห็นอยู่สัมผัสอยู่เป็นปัจจุบันนั่นเทียว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:20:57 )

ชายผี / หญิงผี 14

รายละเอียด

คือชายหญิงที่เป็นคนเลว  มีลักษณะต่าง ๆ

1. เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาต)

2. ลักทรัพย์ (อทินนาทาน)

3. ประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจาร)

4. พูดเท็จ (มุสาวาท)

5. พูดส่อเสียด (ปิสุณาวาจา)

6. พูดคำหยาบ (ผรุสวาจา)

7. พูดเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปะ)

8. มีความเพ่งเล็งอยากได้ (อภิชฌา)

9. มีจิตพยาบาท (พยาปาท)

10. มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ)

11. เป็นคนทุศีล (ทุสสีโล)  ละเมิดศีล

12. มีบาปธรรม (ปาปธัมโม)  นิสัยชั่ว

13. มีใจตระหนี่ (มัจฉริยะ)

14. ด่าว่าสมณพราหมณ์ (อักโกสกปริภาสโก  สมณพราหมณา)             

ที่มา ที่ไป

 พระไตรปิฎกเล่ม 21 “สังวาสสูตร” ข้อ 54

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:46:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:22:20 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:34:34 )

ชายผี / หญิงผี 14

รายละเอียด

คือชายหญิงที่เป็นคนเลว มีลักษณะต่างๆ

1. เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาต)

2. ลักทรัพย์ (อทินนาทาน)

3. ประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจาร)

4. พูดเท็จ (มุสาวาท)

5. พูดส่อเสียด (ปิสุณาวาจา)

6. พูดคําหยาบ (ผรุสวาจา)

7. พูดเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปะ)

8. มีความเพ่งเล็งอยากได้ (อภิชฌา)

9. มีจิตพยาบาท (พยาปาท)

10. มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ)

11. เป็นคนทุศีล (ทุสสีโล) ละเมิดศีล

12.มีบาปธรรม (ปาปธัมโม) นิสัยชั่ว

13. มีใจตระหนี่ (มัจฉริยะ)

14. ด่าว่าสมณพราหมณ์(อักโกสกปริภาสโก สมณพราหมณา)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “สังวาสสูตร” ข้อ 54


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 11:01:52 )

ชายสามโบสถ์หญิงสามผัว หมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

หมายความว่าผู้ชาย ก็ไปบวชแล้วสึก บวชแล้วสึก 3 ครั้ง อย่างนี้เขาว่า ชักเป็นคนไม่ค่อยน่าไว้ใจ ไม่เอาจริงเอาจังไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไร เหมือนกับผู้หญิง 3 ผัว ก็ไม่น่าจะไว้ใจ อาจจะเพิ่มไปสัก 4 และ 5 ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกัน ชายสามโบสถ์ อาจจะมีโบสถ์ที่ 4 ที่ 5 สึกออกไปอีกก็มี เขาก็เลยถือว่า มันไม่ค่อยมั่นคงไม่ค่อยเอาจริงเอาจังเลย คงจะเป็นที่ หวังว่าจะมั่นคงได้ยาก ก็เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 13:37:19 )

ชายหญิงจบที่พระอรหันต์

รายละเอียด

ผู้ใดเกิดมาเป็นสัทธาจริตก็อย่าเพิ่งไปลงโทษตัวเองอย่าไปท้อถอย พากเพียรไปตามควรเลยไหนๆก็ไหนๆแล้ว หรือเช่นใครเกิดมาเป็นผู้หญิงก็อยากมาเป็นผู้ชายเป็นอรหันต์ผู้ชายก็ไม่ต้อง ให้จบพระอรหันต์ก่อน หมดทุกข์หมดโศกเท่ากัน แล้วบารมีของพระอรหันต์ถ้าดำเนินเป็นโพธิสัตว์ไปวันหนึ่งคุณก็ได้เป็นผู้ชาย แล้วคุณจะรู้เองว่าเป็นผู้ชายดีกว่า แล้วก็จะมีบารมีที่ทำถ้วนมาเอง ไม่ต้องอยาก หากอยากจะกลายเป็นกะเทย เอาธรรมะโลกุตรธรรมดีกว่า ไม่ต้องอยากเป็นผู้ชาย หากเป็นเองได้จะเป็นอย่างจริงถ้าอยากเป็นมันจะไม่จริง ความอยากมันทำให้เสียหาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:29:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:32 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:36:42 )

ชายเทวดา / หญิงเทวดา 14

รายละเอียด

คือชายหญิงที่มีจิตใจสูง  มีลักษณะดังนี้

1. เป็นผู้เว้นการฆ่าสัตว์ (ปาณาติปาตา  เวรมณี)

2. เว้นการลักทรัพย์ (อทินนาทานา  เวรมณี)

3. เว้นการประพฤติผิดในกาม (กาเมสุ  มิจฉาจารา  เวรมณี)

4. เว้นการพูดเท็จ (มุสาวาทา  เวรมณี)

5. เว้นการพูดส่อเสียด (ปิสุณาย  วาจาย  เวรมณี)

6. เว้นการพูดคำหยาบ (ผรุสาย  วาจาย  เวรมณี)

7. เว้นการพูดเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปา  เวรมณี)

8. ไม่มีความละโมภ (อนภิชฌา)

9. ไม่มีพยาบาท (อพยาปาท)

10. มีความเห็นถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ)

11. มีศีล (สีลวา)

12. มีกัลยาณธรรม (กัลยาณธัมโม)

13. มีใจปราศจากมลทินความตระหนี่ (วิคตมลมัจฉริยะ)

14. ไม่ด่าว่าสมณพราหมณ์ (อนักโกสกปริภาสโก  สมณพราหมณา)             

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21 “สังวาสสูตร” ข้อ 54

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:44:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:07 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:31:57 )

ชายเทวดา / หญิงเทวดา 14

รายละเอียด

คือชายหญิงที่มีจิตใจสูง มีลักษณะดังนี้

1. เป็นผู้เว้นการฆ่าสัตว์ (ปาณาติปาตา เวรมณี)

2. เว้นการลักทรัพย์ (อทินนาทานา เวรมณี)

3. เว้นการประพฤติผิดในกาม(กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี)

4. เว้นการพูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี)

5. เว้นการพูดส่อเสียด (ปิสุณาย วาจาย เวรมณี)

6. เว้นการพูดคําหยาบ (ผรุสาย วาจาย เวรมณี)

7. เว้นการพูดเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปา เวรมณี)

8. ไม่มีความละโมง (อนภิชฌา)

9. ไม่มีพยาบาท (อพยาบาท)

10. มีความเห็นถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ)

11. มีศีล (สีลวา)

12. มีกัลยาณธรรม (กัลยาณธัมโม)

13. มีใจปราศจากมลทินความตระหนี่(วิคตมลมัจฉริยะ)

14. ไม่ด่าว่าสมณพราหมณ์(อนักโกสกปริภาสโก สมณพราหมณา)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “สังวาสสูตร” ข้อ 54


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 10:51:06 )

ชาล , ชาละ

รายละเอียด

ข่าย

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 185


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 10:10:20 )

เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 16:04:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:31:27 )

ชาวนาชาวสวนชาวไร่ไม่ใช่คนต่ำต้อย

รายละเอียด

ร่วมกันคิดร่วมกันรังสรรค์รัฐบาลเองเป็นตัวหลัก ประชาชนต้องทำความเข้าใจต้องเปลี่ยนความยึดถือเปลี่ยนความยึดถือ เปลี่ยนทิฐิอะไรเปลี่ยนความยึดถือเป็นทิฏฐิว่าคนที่เป็นชาวไร่ชาวนาชาวสวนไม่ใช่คนด้อย ไม่ใช่คนต่ำต้อย ไม่ใช่คนพื้นราบที่ไม่มีเกียรติ เปลี่ยนใหม่ว่าเป็นคนมีเกียรติ เป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีบุญคุณ เป็นแต่เพียงว่าชาวไร่ชาวนาอย่าไปพยายามอย่าไปหลงตัวเอง ทำไปเถอะทำตามอาชีพ ทำตามความถนัด ให้เป็นวัฒนธรรมของปู่ย่าตายายที่ได้สืบทอดกันมาก็ทำไปให้ดีๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 10:54:50 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:25 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:33:13 )

ชาวนาเป็นผู้ที่สร้างทรัพย์อย่างยิ่งให้แก่โลก 

รายละเอียด

คนรู้จักพักรู้จักเพียร รู้จักสาระว่าอะไรควรทำดีที่สุดให้แก่สังคม สังคมมีอะไรเป็นวัตถุเป็นอุปสงค์และเราก็จะต้องทำให้ สร้างอันนี้อุปสงค์ที่ถาวรมากก็คือพืชพันธุ์ธัญญาหาร สิ่งที่มนุษย์จะต้องอาศัยร่วมกันใช้ ไม่ใช่อาตมาพูดแต่พระพุทธเจ้าตรัสมาก่อน อาหาร เป็นหนึ่งในโลก ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง พวกเรามาเป็นชาวกสิกรจึงมีงานมีอาชีพที่เป็นที่หนึ่งในโลก ซึ่งหนึ่งอาหารเป็นหนึ่งยิ่งมาเป็นชาวนาเป็นผู้ที่สร้างทรัพย์อย่างยิ่งให้แก่โลก 

พ่อครูยกหัวหอมใหญ่สีขาวพร้อมต้นใหญ่สวย  อาตมายิ่งซาบซึ้ง 

ขยายความธรรมะพระพุทธเจ้ายิ่งหยั่งลึกเข้าไปถึงสัจธรรมความจริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง อาหารเป็นหนึ่งในโลก มันซาบซึ้งชัดเจน ถ้าหากอาตมาไม่ได้รับหน้าที่ จนกระทั่งรับหน้าที่มาหลายชาติจนมาถึงชาตินี้มาสอนอีก อาตมาก็จะเจริญไปเป็นชาวนา คนที่รู้ดีเข้าใจดีว่าชีวิต มันเป็นชาวนา หมอฟากฟ้าหนึ่งบอกไว้ว่า ชาติหน้าเกิดมาจะขอเป็นชาวนา 


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:10:59 )

ชาวนาเป็นผู้ที่สร้างทรัพย์อย่างยิ่งให้แก่โลก 

รายละเอียด

คนรู้จักพักรู้จักเพียร รู้จักสาระว่าอะไรควรทำดีที่สุดให้แก่สังคม สังคมมีอะไรเป็นวัตถุเป็นอุปสงค์และเราก็จะต้องทำให้ สร้างอันนี้อุปสงค์ที่ถาวรมากก็คือพืชพันธุ์ธัญญาหาร สิ่งที่มนุษย์จะต้องอาศัยร่วมกันใช้ ไม่ใช่อาตมาพูดแต่พระพุทธเจ้าตรัสมาก่อน อาหาร เป็นหนึ่งในโลก ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง พวกเรามาเป็นชาวกสิกรจึงมีงานมีอาชีพที่เป็นที่หนึ่งในโลกซึ่งหนึ่งอาหารเป็นหนึ่งยิ่งมาเป็นชาวนาเป็นผู้ที่สร้างทรัพย์อย่างยิ่งให้แก่โลก 

พ่อครูยกหัวหอมใหญ่สีขาวพร้อมต้นใหญ่สวย  อาตมายิ่งซาบซึ้ง 

ขยายความธรรมะพระพุทธเจ้ายิ่งหยั่งลึกเข้าไปถึงสัจธรรมความจริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง อาหารเป็นหนึ่งในโลก มันซาบซึ้งชัดเจน ถ้าหากอาตมาไม่ได้รับหน้าที่ จนกระทั่งรับหน้าที่มาหลายชาติจนมาถึงชาตินี้มาสอนอีก อาตมาก็จะเจริญไปเป็นชาวนา คนที่รู้ดีเข้าใจดีว่าชีวิต มันเป็นชาวนา หมอฟากฟ้าหนึ่งบอกไว้ว่า ชาติหน้าเกิดมาจะขอเป็นชาวนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:56:10 )

ชาวบุญนิยมไม่เอาเปรียบเลยแล้วเสียสละส่วนตัวออกไปด้วย

รายละเอียด

พวกนายทุนทุนนิยมมีวิธีคิดซับซ้อน ไม่มีความขาดทุนให้แก่สังคมหรอกไม่มีความสุจริตไม่มีความจริงใจที่จะคิดขาดทุนให้กับสังคมหลอก ไม่มี มีแต่ชาวบุญนิยมคิดที่จะเสียสละให้ได้มากขึ้น ไม่เอาเปรียบเลยแล้วเสียสละส่วนตัวออกไปด้วย มากที่สุดที่จะเสียสละได้ก็ทำ คนอย่างนี้คือคนประเสริฐ อธิบายสัจธรรมไม่ได้ชมตัวเองนะ พูดสัจธรรมความจริง จะเป็นศาสนาในสังคมกลุ่มไหนก็ตรงกัน ไม่ได้เป็นเรื่อง ที่มีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น แต่มันเป็นสัจธรรม ผู้ใดที่รู้จักสัจธรรมอย่างนี้ทำอย่างนี้ ไม่ได้ช่วยแต่ประเทศไทยแต่ช่วยโลกด้วย อาตมาถึงบอกว่าประเทศไทยถ้ามี GDP อย่าเอาเปรียบประเทศนอกเขามา domestic ของคุณเอาของประเทศไทยเลี้ยงตัวเองให้ได้ จะได้องค์รวมเลี้ยงตัวเองรอด แล้วคุณยังสามารถไปเลี้ยงประเทศอื่นได้นี่ถือว่า GDP คุณเจริญ แต่นี่ของคุณเลี้ยงตัวเองยังไม่รอด เอาของต่างชาติมาบวกเอาเปรียบเขาได้เท่าไหร่ แล้วเอามาคิดว่านี่แหละคือ GDP ประเทศไทยเจริญ คุณไปเอาเปรียบประเทศอื่นเข้ามา คุณอย่ามาใช้คำว่า domestic ความเข้าใจตรงนี้อาตมาเห็นขัดแย้งกันอยู่กับเขา พวกนักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้คิดอย่างอาตมาหรอก อาตมาคิดอย่างนี้แล้วก็ทำอย่างนี้ด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:37:05 )

ชาวพุทธกระแสหลักยังเป็นโลกียะแต่ชาวอโศกเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

อาตมาพาพวกชาวอโศกทำ ไม่เหมือนชาวพุทธกระแสหลักจริงๆ เพราะนั่นยังเป็น โลกียะ นี่เป็นโลกุตระ ขออภัยไม่ได้พูดข่มยกตน แต่พูดสัจธรรม อาตมามั่นใจว่ามีผลสำเร็จ ในชาวอโศก มีผลได้จริง ไม่ใช่ว่าพูดแล้วไม่มีผลให้สัมผัส แต่ชาวโลกเขาไม่ค่อยเข้าใจ ศาสนาทั่วโลกมีศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่เป็นโลกุตระ แต่ในเมืองไทยเป็นเมืองพุทธแต่ได้ผิดเพี้ยนไปมากแล้ว ขนาดชาวไทยยังไม่ค่อยเข้าใจชาวอโศกเลย ไม่ต้องไปพูดถึงต่างประเทศ ที่เป็นเทวนิยม Deism กับ Atheism มันคนละทิศทางเลย หันหลังชนกันแล้วเดินกันไปคนละทาง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:50:05 )

ชาวพุทธกระแสหลักเต็มไปด้วยเดรัจฉานวิชชาไม่พาไปนิพพาน

รายละเอียด

มีเต็มไปหมดในวงการศาสนาพุทธกระแสหลัก ขออภัยไม่ได้ลงโทษไม่ได้หาเรื่อง ตรวจสอบตามพระไตรปิฎก ตั้งแต่ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่าจะเกิดความเสื่อม อาตมาก็พยายามเอาเนื้อแท้ขึ้นมา สร้างขึ้นมา สถาปนาลงไปในศาสนาพุทธแทนความเสื่อมความเน่าเฟะนั้น ไม่ได้มีความอกุศลทางจิต ไม่มี มีแต่กุศลจิตแท้ๆ แต่จำเป็นจะต้องพูดความจริงก็ต้องพูดความจริง อะไรมีความถูกต้องก็ว่าถูก อะไรมีความผิดก็ว่าไปตามผิด 

เดรัจฉานวิชชาคือ วิชาที่ไม่พาไปนิพพานเป็นวิชชาที่ขวางทางนิพพาน เป็นวิชชาที่ทำให้ไม่พ้นจากความเป็นสัตตาวาส  9 

สรุปแล้ว จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เช่น เดรัจฉานวิชชา ของชาวพุทธกระแสหลักเต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่น ไสยศาสตร์ เยอะแยะ เละเทะเต็มไปหมด ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติประพฤติกันอยู่ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเดรัจฉานวิชชาทั้งนั้น ไม่เป็นวิชชาที่พาไปนิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:29:36 )

ชาวพุทธกระแสหลักเป็นพญานาคได้อย่างไร

รายละเอียด

“พญานาค” ก็คือ “ชาวพุทธกระแสหลัก” ในยุคนี้ ในทุกวันนี้นั่นเอง ที่เป็นจริง ยืนยันความจริงนี้กันอยู่อย่างเห็นๆ 

เพราะ “หู” ของชาวพุทธกระแสหลักได้พิการไปหมดแล้ว วิตถารไปด้วยซ้ำ คือ รับรู้ได้แต่ “เสียงของโลกธรรม” ว่าไพเราะสุดซึ้งเสียเหลือเกิน จึงหลงเพลินไปกับ “โลกียธรรม” 

เนื่องจากเสียงของ “โลกียะ” กับเสียงของ “โลกุตระ” มันเป็นคลื่นเสียงคนละคลื่นกันจริงๆ จึงรับคลื่นโลกุตระไม่ได้

เมื่อ หูหนวกตาบอดกับเสียง “โลกุตระ” กันแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของ “สัตตบุรูษ” ที่จะต้องรักษา “หู-ตา” ให้แก่ชาวพุทธกระแสหลักให้หายจาก “หูหนวก-ตาบอด” ให้ได้ 

กระนั้นก็สุดยากแสนยากกันจริงๆ เพราะชาวพุทธกระแสหลักเขาได้พากันหลงยึดมั่นถือมั่นใน “มิจฉาทิฏฐิ” กันหนักหนาสาหัสจนได้ชื่อว่า  “พญานาค” กัน ดังที่เห็นและเป็นอยู่ แม้แต่ “กาย” เขาก็ยัง “มิจฉาทิฏฐิ” ไม่ "พ้นสักกายทิฏฐิ” กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 12:14:55 )

ชาวพุทธตั้งใจจน เพราะเต็มใจจนด้วยปัญญา

รายละเอียด

ชาวพุทธตั้งใจจน เพราะเต็มใจจนด้วย“ปัญญา” พวกเชน จนจริงๆ ไม่มีผ้าสักผืน มีแต่ภาชนะใส่อาหารใส่น้ำใบเดียว จนที่สุด แต่ไร้สาระ ไม่มีปัญญาไม่รู้เรื่องไม่มีประโยชน์คุณค่าอะไรเลย นี่ก็จนนะ เพราะฉะนั้นชาวพุทธไม่ได้จนอย่างนั้น จนอย่างพอเหมาะพอดีจนไปตามลำดับ จนอย่างมีคุณค่า ประโยชน์ต่อโลก พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) พวกเราสรุปมาเป็นเดือน บางเดือนพวกเราใช้รายได้ เฉลี่ยแล้ว ใช้ต่อคน บางเดือนเราได้ค่าตัวประมาณวันละ 34 บาทกว่า บางเดือนได้ 50 กว่าบาทต่อวัน แต่ไม่ถึง 100 บาทต่อวัน นอกนั้นพวกเรา ถ้าตีราคาว่า คนคนหนึ่งมีรายได้อย่างต่ำ 300 บาทต่อวัน เอาแค่เรทต่ำสุดอย่างโลกเขานะ อาตมาก็ว่าอาตมาใช้กิน 54 บาท นอกนั้น เอา 300-50 เหลือ 246 บาท มีเหลือก็สะพัดออกไป เราไม่เอาเงินไปเปลืองกับอบายเอาไปเล่นไปกินเที่ยวอะไร ก็จะเหลือรายได้เข้าส่วนกลางกัน สรุปเราให้แก่สังคมเศรษฐกิจ เดือนหนึ่ง ตัวเลขของราชธานีอโศก ให้เฉพาะคนงานเดือนละ 2-3 ล้านบาท เราให้อยู่ทุกเดือน เราก็เท่ากับช่วยรัฐบาลช่วยประชาชน ช่วยคนในประเทศให้มีอยู่มีกิน เราเลี้ยงชีวิตคนงาน ซึ่งเราก็หามาโดยชาวอโศก ไม่ได้เรี่ยไร ไม่ได้หาเงินทอง จะมาบริจาคเงินเราก็มีกฎเกณฑ์จะต้องมาที่นี่อย่างน้อย 7 ครั้งเข้าใจที่นี่หรือไม่ด้วยซ้ำ ตั้งแต่ต้นมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เราก็ไม่ได้เป็นหนี้ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรก็หมุนทำงานได้ นี่คือเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้า ที่อาตมาหมาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:03:12 )

ชาวพุทธต้องนิยมอิทธิบาท 4 ไม่ยินดีในปปัญจรามตา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว อย่างพวกเรานี้จึงเข้าใจสัจจะพวกนี้ แล้วมาปฏิบัติตนได้ ตามภูมิธรรม ตามบารมีของพวกเราแต่ละคน จึงมารวมกันเป็นสังคมกลุ่มคนที่มีโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้น สังคมคนที่มีโลกุตรธรรมก็อ่านออกได้ เป็นสังคมที่สมบูรณ์แบบ สังคมที่มีความเป็นอยู่ที่อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ มันจริงไหมที่พวกคุณฟังที่อาตมากำหนดไว้ แม้จะเป็นหัวข้อให้ อ่านสภาวะ สภาวะต่างๆ เหล่านั้น พวกคุณสัมผัสได้ไหม มากหรือน้อย อาตมาว่าได้นะพวกเราได้ จะมากหรือน้อยก็ตามบารมีของแต่ละบุคคล ที่สุดแล้วศาสนาพระพุทธเจ้านั้น จบในความเป็น ”0” (สูญ, ศูนย์)

“0” คืออะไร กิเลสหมดเกลี้ยงจากจิต ภาษาก็ว่ากิเลสหมดเกลี้ยงจากจิต มันเป็นอาการกิเลสยังไง หยาบ กลาง ละเอียด เราเรียนจริงๆ แล้วอ่านมันจริงๆ อย่าไปเที่ยวได้ทำเป็นอย่าง สีลัพพตุปาทาน หรือ สีลัพพตปรามาส ลูบๆ คลำๆ ฟังๆ เล่นๆ ฟังธรรมะอาตมาก็ฟังไป พูดละเอียดก็ฟังละเอียดไปอย่างนั้น แต่ไม่อ่านสภาวะตนแล้วก็ไม่ละลดของตน ไม่ประพฤติให้ตนหลุดพ้นไป ไม่ต้องกลัวเป็นอรหันต์เร็วหรอกน่า ให้มันบรรลุอรหันต์ให้ได้ไวๆ เถอะ จะชะลอมันทำไม มันไม่จำเป็นเลย เพราะฉะนั้นพยายามฟังธรรมดีๆ แล้วประพฤติไป อาตมาก็มีหน้าที่เร่งรัด ไม่มีหน้าที่ปล่อยปละละเลย ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อปปัญจรามตา 

ปปัญจรามตา ไม่ได้ไปยินดีในความเนิ่นช้า ต้องยินดีในความเร็ว ให้มันเร็วๆ ไปเนิ่นช้า อย่าไปรอ อย่าไปผัดผ่อน ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่เอา ธรรมะพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นพวกเรานี้ยังเป็นชาวพุทธ ที่ยังมี มังสะ ยังมีเนื้อหา มังสะนี้ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา คือมังสะนี่แหละ เป็นเนื้อแท้ๆ เป็น “วิ” เลย วิมังสะเลย เป็นเนื้ออย่างวิเศษเลย เนื้อคือแก่นสารสาระ อธิบายเป็นสภาวธรรม นี้เป็นภาษาที่พระพุทธเจ้าใช้ และเอาไปอธิบายสภาวะธรรม ผู้ที่มีอิทธิบาท 4 สมบูรณ์แบบ สุดท้ายก็จะได้เนื้อแท้ วิมังสา ได้เนื้อแท้ เป็นสมาธิสมบูรณ์แบบ คือ จิตตั้งมั่น เป็นจิตตั้งมั่นสมบูรณ์แบบอยู่กับเนื้อแท้ 

เพราะฉะนั้นเราเองเราได้ปฏิบัติธรรมมาเป็นลำดับๆ มา แค่เนื้อสัตว์ แน่นอนพวกเราไม่กินเนื้อคนแล้วก็ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเนื้อสัตว์ก็มีลำดับนะ บางคนบอกว่าไม่กินแล้วสัตว์ใหญ่ กินแต่สัตว์เล็ก บางคนบอกว่าไม่กินแล้วเนื้อสัตว์บก กินแต่เนื้อปลา ก็เป็นลำดับไป ก็ถูกนะ ก็เป็นไป แต่มันช้า ก็เนื้อสัตว์จะไปกินมันทำไม มันมีวิบาก อะไรพวกนี้ถ้าคนเข้าใจแล้วจะไปต่อวิบากทำไม อย่างพวกเราพูดกันได้อย่างตัดทิ้งเลย อย่างข้างนอกเขานี่ โอ้โห.. ไม่ได้หรอก เขาก็ไม่รู้ว่าเขาติดยึด อาลัยอาวรณ์ เขาทิ้งไม่ได้ เขาขาดไม่ได้ ทั้งๆที่ขาดได้เถอะ มันไม่ตายชักหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 สิงหาคม 2566 ( 13:09:42 )

ชาวพุทธต้องเรียนรู้และต้องเข้าถึง จรณะ 15 มีวิชชา 8

รายละเอียด

ซึ่งเรียนรู้ไม่ได้ง่ายๆ พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ตรัสรู้โลกุตรธรรม เทวนิยมทั่วโลก ไม่มีธาตุรู้ที่เรียกว่า ปัญญา ที่จะรู้โลกุตรจิต ที่จะรู้กิเลสจริงๆ มีวิธีทำให้กิเลสลดลงไปได้ มันไม่มี

เพราะฉะนั้น วิชชาจรณสัมปัณโณ หรือ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจริงๆ เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ที่ ชาวพุทธต้องเรียนรู้และต้องเข้าถึง วิชชาจรณะ เข้าถึงจรณะ 15 มีวิชชา 8 เป็นตัวช่วย ให้เกิดความกระจ่าง ความพัฒนาขึ้นมาเป็นพลังงานที่เรียกว่า ฌาน พลังงานทางจิต เป็นพลังงานมาเผาพลังงานราคะ โทสะ โมหะ

เป็นพลังงานที่เรียกเป็นภาษาไทยว่าพลังงานไฟ ซึ่งสามารถที่จะมีฤทธิ์ ฆ่ากิเลส นี่คือสัจจะมันเป็นเช่นนั้น 

เพราะฉะนั้นจรณะ 15 วิชชา 8 จึงเป็นวิชชาของพระพุทธเจ้า เรียกว่าวิชชาจรณสมบัติ 

อัมพัฏฐะมาถกกับ พระพุทธเจ้า ว่าเขาเองมี แต่พระพุทธเจ้าก็ไล่เรียงไปจนเขาจำนนว่าเขาไม่มี อัมพัฏฐะไม่รู้ มิจฉาทิฏฐิว่า วิชชาจรณะนั้นเขามีแต่ภาษา แต่การปฏิบัติธรรม เขาก็ยังสะกดจิต ฌานสมาธิ เป็นแบบสะกดจิต ฌานไม่ได้เกิดจากศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ในจรณะ 15 แล้วค่อยเกิดฌาน 1 2 3 4 ฌานเขาไม่ได้เกิดจากศีลแต่ละข้อ แล้วเกิดการปฏิบัติ มีอปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ 6 โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ 

ต้องสำรวมอินทรีย์ 6 มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ตื่นรู้สัมผัสกับของกินของใช้ เกิดกิเลสเมื่อไหร่ก็เรียนรู้แล้วล้างกิเลส มีวิธีล้างกิเลส จึงจะเกิด ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหุสัจจะ วิริยะ สติ  ปัญญา หนุนช่วย สังเคราะห์กันให้เกิด ฌาน 1 2 3 4 โดยมีวิชชาธาตุรู้ ปัญญาญาณ เข้าไปแทรกรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:22:06 )

ชาวพุทธที่ “หลับตา” ปฏิบัติ ยังไม่พ้นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ชาวพุทธที่ “หลับตา” ปฏิบัติก็ไม่สามารถจะ

พูดเรื่อง “อาสวะ” หรือ “อวิชชา” กันถูกเรื่องถูกสภาวะกันได้

      เพราะยังพูดถึง “กิเลส” ก็ดี ถึง “อาสวะ” ก็ดี ยังไม่ตรงกันเป็น “สัมมาทิฏฐิ”  มันยังมี “มิจฉาทิฏฐิ” ต่างกันไปได้สารพัด   

      จนกว่าจะเป็นผู้มี “สัมมาทิฏฐิ” เริ่มต้นในคำว่า “กาย” และ “สัญญา” กันก่อน จึงจะปฏิบัติมีมรรคผลใน “อาริยสัจ 4” บรรลุ “สัมมามรรค-สัมมาผล” ได้สำเร็จ

      นั่นคือ คนผู้นั้นต้องมี “สัมมาทิฏฐิ” ในความเป็น “กาย” กับความเป็น “สัญญา” ถูกต้องถ่องแท้จริง

      ถ้าใครไม่พ้น “มิจฉาทิฏฐิ” ในความเป็น “กาย” ได้ก่อนอื่น และยังไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงการแยก “กาย” แยก

“จิต” ใน “ธรรมนิยาม 5” โดยอาศัย “ผม” เป็นเครื่องใช้พิจารณาหรือใช้ “ขน” หรือใช้ “เล็บ” หรือใช้ “ฟัน” หรือใช้ “หนัง” อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องแยกแยะพิจารณา ก็ปฏิบัติธรรมให้สิ้น “อาสวะ” ด้วยการศึกษาจาก “อาริยสัจ 4” ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:24:58 )

ชาวพุทธที่ปฏิบัติธรรมถูกต้องจะไม่กลัวความเป็นความตาย

รายละเอียด

นี่ก็ยังทำไม่เก่ง ขออยู่คนเดียวทำจิต ถ้าเก่งแล้วไม่อยู่คนเดียวหรอก อยู่ยิ้มแย้ม  ดีไม่ดีก็ ไปละนะ จะบอกลาคำสุดท้าย ไปละนะ วับ ไปเลย นี่คือยอดทางพุทธ พุทธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จะไม่กลัวความตาย จะไม่กลัวความเป็น แม้เราเองจะยังไม่บรรลุอรหันต์ก็จะค่อยๆ รู้ความจริง จะลดความกลัวตาย กลัวเป็น จะเป็นเราก็พ้นทุกข์ พ้นทุกข์พ้นสุขแล้วเป็นอรหันต์แล้ว แต่ถ้าไม่เป็นอรหันต์ รู้แล้วก็รู้ว่ามันเป็นก็มี พอตายแล้วก็อยู่ที่เราว่าเราจะทำจิตของเราสลายให้เป็น 0 ไปหรือจะยังเกิดอยู่ เกิดมาก็ไม่กลัวแล้ว มีชีวิตอยู่ก็ไม่กลัวทุกข์กลัวสุข เพราะเราไม่ได้ติดทุกข์ติดสุขเรา รู้หมดแล้ว เราก็อาศัยสิ่งเหล่านี้อยู่ อาศัยเหตุปัจจัยที่มันปรุงแต่งเรียกว่าสังขารทั้งหลาย ทำงานไป อย่างอาตมาทำงานไป อยู่อาศัยสังขารไป ทุกวันนี้ก็ลากสังขารเต็มทีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2566 ( 18:06:33 )

ชาวพุทธที่ยังปฏิบัติหลับตาเป็นพญานาคเพราะอวิชชา

รายละเอียด

ที่จริงอาตมาก็รู้อยู่ว่า ยุคนี้คนผู้ “อวิชชา” นั้นมีมาก 50 กว่าปีแล้วที่อาตมาได้อุตสาหะพยายามใช้เรี่ยวแรงความสามารถปลุก “พญานาค” ก็มีแต่ผู้ที่มี “ดวงตา” หรือมี “ธุลีในดวงตาน้อย” จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่พอได้ยิน และได้ตื่นขึ้นมารู้โลกุตรธรรม และได้เรียนอบรมฝึกฝนจนกระทั่งบรรลุ “โลกุตรธรรม” ได้สำเร็จจริงจำนวนเล็กน้อย ส่วนใหญ่นอกนั้นก็ยังคงหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น เป็น “พญานาค” นอนเฝ้า “ถาดทองคำ” ของพระพุทธเจ้ากันอยู่ ที่จริงอาตมาก็รู้อยู่ว่า ยุคนี้คน "อวิชชา" นั้นมีมาก

แต่ก็ต้องพยายามกันอย่างยิ่ง เพราะ “กรรม” นั้นเจริญด้วย “ความพยายาม” แท้จริง จะท้อถอย “หยุดทำกรรม” ไม่ได้ โดยเฉพาะ “กรรมที่ดีที่วิเศษเป็นโลกุตระ” ที่ต้องพูดว่า เขายังเป็น “พญานาค” กันอยู่นั้น 

ก็เพราะ “เขา” ได้ยินเสียงวิเศษจริงๆ (เสียงของ “โลกุตระ” แท้ๆ นี่เอง) แต่เพราะความ “อวิชชา” สนิท ก็ “หูผึ่ง” ขึ้นมาแวบหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นหรืออวิชชาต่อไปตลอดระยะยาวนานที่เป็น “กาล” ว่า อ้อ! พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลก อีกพระองค์หนึ่งแล้วเหรอ? ว่าแล้วก็ “หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น” นั่นคือ อวิชชาต่อไป ทับถมให้ “อวิชชา” หนาหนักเพิ่มขึ้นยิ่งขึ้นๆ ด้วยการหลงใหลหลับใหลอยู่กับการ “หลับตา” ปฏิบัติเป็น “พญานาค” นอนเฝ้าถาดทองคำอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร ที่มีถาดทองคำซ้อนกันเป็นล้านๆ ถาด ซึ่งพระพุทธเจ้านั้นมีอุบัติขึ้นมาในโลกนับไม่ถ้วนเป็นล้านๆ พระองค์แล้ว และก็จะมีพระพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นๆ ไปกับกาลของโลกนี้แหละ “พญานาค” ก็จะหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นตัวจริง ยิ่งใหญ่ นอนเฝ้า “ถาดทองคำของพระพุทธเจ้าอยู่อย่างนั้นต่อไปลึกลงไปอีกๆๆๆ  ยิ่งขึ้นๆๆๆๆๆ ไม่มีสิ้นสุด เพราะในโลกจะมีคน “อวิชชา” จำนวนมากครองโลกเป็นปกติสามัญ ที่ไม่รู้จักแม้แต่ความเป็น “กาย” ก็ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง ยัง “พ้นสักกายทิฏฐิ” ไม่ได้ง่ายๆ ดังที่เป็นที่เห็นจริงกัน

8. “พญานาค” ก็ยังคงมีแม้ทุกวันนี้ คือ “งู” หรือคนที่มีลัทธิวิธี “หลับตา” หรือ “หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น” ก็เป็น “โจรปล้นพุทธศาสนา” อยู่นั่นเอง ที่พระราชาให้เจ้าพนักงานไปประหารเสีย

9. ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเปรยไว้ว่า “ผู้ทำลายศาสนา” นั้นคือ “โจร” ที่มีพระราชาผู้เป็นผู้รู้ว่าใครเป็นโจร จึงสั่งให้เจ้าพนักงานไปประหารเสีย ประหารด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้าแต่ “โจร” ก็ไม่ตาย ยังทำการปล้นทำลายศาสนาอยู่นั่นเอง พระราชาทรงพบเจ้าพนักงานก็ตรัสถามว่า โจรตายหรือยัง? เจ้าพนักงานก็ทูลตอบว่ายังไม่ตาย ก็สั่งให้ไปประหารอีกในตอนกลางวันด้วยหอกร้อยเล่ม ตกเย็นพระราชาพบเจ้าพนักงานก็จะถามอีกว่าโจรตายแล้วหรือ เจ้าพนักงานก็ทูลตอบอีกว่ามันยังไม่ตายพระเจ้าข้า ก็ทรงให้ไปประหารด้วยหอกร้อยเล่มในตอนเย็น โจรก็ยังไม่ตายอยู่ๆ (พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 244) ใครเห็น “พญานาค” กันได้บ้างเอ่ย? 

10. ทุกวันนี้ “พญานาค” ก็จึงยังไม่ตาย ยังพากันมาปลอมบวชในศาสนาพุทธ มาพาชาวพุทธผู้ด้อยปัญญาไป “หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น” เป็นคนไม่มี “จักษุ-ปัญญา-ญาณ-วิชชา -อาโลก” กันอยู่  เห็นไหมว่า “พญานาค” ก็ยังมีอยู่นั่นเอง นี่ปอกเปลือก “พญานาค” ให้ฟัง พญานาคมีจริงหรือพญานาคไม่มีจริงเป็นความรู้ระดับ “สิริมหามายา” กันทีเดียว!แต่ชาวพุทธที่ยังไม่เห็น “พญานาค” เพราะ “อวิชชา” นั้นมีอยู่มากจริงๆ ทั้งๆ ที่ตนเป็น “พญานาค” อยู่เองแท้ๆ  

ที่มา ที่ไป

 

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 14:21:03 )

ชาวพุทธที่หลงสุข น่าช่วยเหลือที่สุดเพราะโง่ซ้อน

รายละเอียด

ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าความเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตัว ความเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นนั้น มันมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนกระทั่งถึงยากที่สุด ผู้ที่มีความสุดโต่ง ความยาก ถ้าใครสามารถทำความยากในโลกไปช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยากที่สุดได้ดีที่สุดเลย ประเสริฐที่สุด เขาก็ไปช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยากที่สุด ในมวลของโลกมันก็มีจำนวนหนึ่ง 

คนที่หลงสุข ก็เป็นคนที่น่าช่วยเหลือที่สุดเหมือนกันเพราะมันโง่ซ้อน คนที่เป็นทุกข์ ออกจากความทุกข์ไม่ได้เพราะเขาไม่รู้จักกรรมวิบาก เขาก็ทุกข์ ก็พยายามช่วยเขาให้รู้จักกรรมวิบาก และเลิกสร้างกรรมวิบากไม่ดีต่อไปในอนาคต อีกร้อยปี พันปี แสนปี เขาก็จะพ้นทุกข์ ถ้าเขาชัดเจนและเป็นไปได้เขาก็หนีทุกข์ไปได้ เพราะกาละมันยาวนานสำหรับชีวิตมนุษย์ เขาเข้าใจแล้วเขาจะหลุดพ้นได้ พ้นทุกข์อย่างศาสนาพุทธและพุทธก็มีทางออกที่ว่าจะสลายธาตุรู้นี้ไปเลย ไม่ต้องอยู่กับพระเจ้าด้วย สลายไปเลยอย่างนี้เป็นต้น อันนี้คือ สุดยอด ถ้าเพื่อนคุณมาฟังจะได้ปัญญาเลยจะนับถือศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:19:34 )

ชาวพุทธที่แท้เริ่มต้นด้วยจิตยินดีในพระนิพพาน

รายละเอียด

เมื่อเริ่มแล้วมันก็จะมีภาวะศึกษาต่อ เพราะคนที่เริ่มต้นมีจิตยินดีตามมูลสูตร มูลสูตรมี 10 หลัก 

1.ฉันทะ 2.มนสิการ 3.ผัสสะ 4.เวทนา 5.สมาธิ  6.สติ 7.ปัญญา 8.วิมุติ 9.อมตะ 10.ปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

10 ข้อ 10 หลักของมูลสูตร เป็นหลักของศาสนาพุทธที่ให้ผู้ศึกษาได้เรียนรู้เลยว่า เราเริ่ม แม้แต่ข้อที่ 1 มีมูลมีราก เริ่มต้นเลย เรามีความยินดีในศาสนาพุทธ ในการปฏิบัติธรรม ศาสนาพุทธจะต้องไปโลกุตระไปนิพพานเรายินดีที่จะมีจิตไปนิพพานไหม ถ้ายังไม่มีจิตยินดียังไม่ใช่ 

เพราะฉะนั้นชาวพุทธทั่วไปทั้งหลายแหล่ ขออภัย พูดง่ายๆ พุทธขี้หมาทั้งนั้น ยังไม่มีจิตไปนิพพาน ยังมีแต่เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมด ยังไม่ได้แตะ มูลกา เริ่มต้นดีๆ ในพุทธศาสนา แล้วพุทธศาสนาจะยินดีในพระนิพพาน ต่อให้บวชกี่ชาติต่อให้เป็นเจ้าคุณในระดับไหนก็ตาม ถ้าจิตไม่เข้าใจในนิพพานต้องมีความรู้ตัวว่ามีจิตยินดีในนิพพาน คนมีจิตยินดีจะไขว่คว้าแสวงหาเอาเนื้อแท้ แสวงหาอันนี้นั่นคือคนมีจิตยินดี 

คนไม่มีจิตยินดีเริ่มต้นเป็นมูลกา โมฆะ เปล่าดาย ไม่ได้สาระของศาสนาพุทธหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
 


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:54:36 )

ชาวพุทธที่ไม่รู้จักเวทนา

รายละเอียด

คนที่ไม่รู้จักเวทนาจึงน่าสงสารมากในชาวพุทธ เป็นบริวารพระพุทธเจ้าแท้ๆ แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิไปหลงมาร หลอกให้ไปนั่งหลับตาแล้วไปหนีผัสสะ เวทนาจะเกิดได้ต้องมีลักษณะเป็นเหตุเป็นปัจจัย ในปฏิจจสมุปบาท หรือพระสูตรอีกหลายพระสูตรบอกไว้ เวทนาเกิดแล้วก็จะมีผัสสะ โดยเฉพาะผัสสะภายนอกทิ้งไม่ได้ ถ้าไปทิ้งแล้วก็ไม่มีจุดเริ่มต้นเพราะภายนอกเป็นตัวอย่างเป็นจุดเริ่มต้นก่อน ปฏิฆสัมผัสโสอยู่แต่มโนสัมผัส มันก็ไม่ไปไหนสักที มันเท่ากับทำใบมีดโกนยิลเลตต์อยู่ภายใน ด้ามมีดโกนก็ไม่มีสิทธิ์แล้วจับใบมีดโกนยิลเลตต์มาสู้กับอีโต้ภายนอกสู้กับสากกะเบือไม่ได้ คนถือใบมีดยิลเลตต์เมื่อสู้สากกะเบือก็ไม่ได้ เชื่อไหม ถูกไม้หน้าสามซัดเอา ขว้างยิลเลตต์ใส่เรากับเราขว้างสากกะเบือใส่ใครจะไปก่อนกัน ไม่ใช่เรื่องอุตริ แต่เป็นการอธิบายให้ชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:40:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:32:36 )

ชาวพุทธที่ไม่สัมมาทิฏฐินี่แหละเป็นโมฆะบุรุษแท้

รายละเอียด

โมฆบุรุษ คือ คนที่เกิดมาในชาติหนึ่งใช้เวลาทิ้งไปเปล่า ไม่ได้คุณธรรมที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะโลกุตรธรรม โดยเฉพาะเกิดมาในชาตินี้ สัมมาทิฏฐิยังไม่ได้เลย อย่างนี้ก็มีเยอะ อาจจะรู้ดีรู้ชั่ว แล้วพยายามสร้างความดีในแต่ละชาติ แต่ไม่ได้โลกุตรธรรม เข้าใจโลกุตรธรรมไม่ได้ โดยเฉพาะชาวพุทธ ที่พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของโลกุตรธรรม ที่ค้นพบและเอามาประกาศแก่มนุษยโลก เพราะฉะนั้นชาวพุทธนี่แหละเป็นโมฆบุรุษแท้ ส่วนพวกที่ไม่ใช่ชาวพุทธนั้นต้องเห็นใจเขา เขาไม่รู้เรื่องโลกุตรธรรม ตามประสาของเขา เขาไม่รู้เรื่อง เขาเกิดมาก็เอาแต่ดีๆๆ ดีมากสุดแล้วตายไปชาติหนึ่ง ได้ดีมากๆ ก็ลืมดีลืมต้น ได้ดีปลายก็ลืมต้น วนมาทำชั่ว หลงว่าชั่วเป็นดี วนเวียนดีเป็นชั่ว ชั่วเป็นดีอย่างนั้น เพราะคนเรามีสิทธิ์ลืม ซ้ำของเดิมได้เพราะโลกมันก็หมุนอยู่ 2 อย่าง ดีกับชั่ว ไม่รู้จักจบแล้วยาวนานมากมาย ไม่มีอื่น 

โลกุตระจึงมีอื่นออกมาว่า หยุดทีเถอะภาวะสอง คือหยุดดีชั่ว เลิกเลย ดีก็เป็นมายา ชั่วก็เป็นมายา แต่เอาละ ในประเด็นว่าดีมันดีกว่าชั่วไหมล่ะ ก็ใช่ แต่ดีที่ดีกว่าชั่ว มันจำเพาะในแต่ละกาละ แต่ละยุคๆ แต่ละหมู่ชนที่สมมุติกันไป มันมีความแตกต่างซ้อนอยู่ในความไม่เที่ยงแท้ นี่มันลึกซึ้งไปอย่างนั้น โมฆบุรุษ ก็มีทั้งนักบวชและฆราวาสได้ทั้งคู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย 

วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 12:52:04 )

ชาวพุทธมีแค่ศรัทธาไม่ใช่ฉันทะที่ยินดีในนิพพาน

รายละเอียด

ในมูลสูตร 10 มีฉันทะเป็นมูล มีความยินดีเป็นรากเค้าใหญ่เลย ชาวพุทธก็มีความยินดีในศาสนาพุทธทั้งนั้นแหละแต่ไม่ใช่ฉันทะ เป็นแค่ศรัทธา จิตที่ฉันทะ โอ้โหต้องทำใจมันยินดีแล้วจะต้องเอาให้ได้ๆ เอาโลกุตระ เอาอนัตตาให้ได้ เอานิพพานให้ได้ จะได้ต้องทำไง ก็ต้องทำใจ มนสิการ ต้องเข้าไปทำใจในใจให้เป็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 21:04:24 )

ชาวพุทธวันนี้สุดโต่ง ไม่ปฏิบัติตามลำดับภายนอก-ภายใน

รายละเอียด

ชาวพุทธทุกวันนี้ เพราะฟังคำสอนหรืออ่านคำตรัสของ

พระพุทธเจ้าไม่แตกฉานและเรียนรู้ไม่ถ่องแท้ 

ก็เลยพากันมุ่งปฏิบัติ “สุดโต่ง” 

บ้างก็มีแต่ภายนอก ปฏิบัติ “ใจในใจ” ไม่เป็น 

บ้างก็ลัดไปเอาแต่ภายใน “ใจ” ไม่ปฏิบัติเป็นลำดับจาก

ภายนอกไปก่อน

โดยทิ้งภายนอก ลัดเข้าไปเอาภายในกันเลย 

นั่นคือ หลับตา-ปิดหู-ปิดทวารภายนอก 5 ทวารทั้งหมด 

จึงมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ต้น

เมื่อไหร่หนอ คำอธิบาย สาธยายด้วยความพยายามเหล่านี้

จะเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ผู้ที่แสวงหาทั้งหลาย จะช่วยท่านได้บ้าง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 153 หน้า 136


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 05:28:52 )

ชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจอรหันต์ไม่ได้

รายละเอียด

ทุกวันนี้สังคมมนุษยชาติแม้แต่ในประเทศไทยเป็นชาวพุทธ ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์จะเกิด เขาเข้าใจอรหันต์ไม่ได้ เข้าใจอรหันต์เป็นเรื่องตลก เป็นเรื่อง magical เป็นเรื่องลึกลับ เป็นเรื่องพิสดารไปหมดเลย เป็นเรื่องวิเศษแปลกๆ  บ้าๆ บอๆ ซึ่งมันไม่ใช่ ที่จริงแล้วเป็นคนสามัญที่รู้โลกรู้ตน เป็นคนที่ช่วยโลกช่วยตนและมีอธิปไตย มีอำนาจมีพลัง พลัง พลังที่จะช่วยโลกได้ตามฐานะ อย่างพวกเราจะช่วยโลกได้ตามฐานะ พวกเรานี้ช่วยสังคมประเทศชาติ ช่วยมนุษยชาติ เราไม่ได้เห็นแก่ตัว โลกกับอัตตาอันเดียวกัน ไม่ได้เห็นแก่ตัวจึงเห็นแก่โลก ช่วยโลกไปหมดตัวหมดตน ก็ไม่ต้องมีตัวตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง

วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:10:49 )

ชาวพุทธหลงผิดว่า บุญเป็นสมบัติ

รายละเอียด

ชาวพุทธทุกวันนี้ “หลงผิด” กันไปมากไปไกลเหลือเกิน 

หลงผิดว่า “บุญ” เป็น “สมบัติ” 

เป็น “ภพ” เป็น “ชาติ” เป็น “ตัวตน” 

ที่จะได้มาเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นข้าวเป็นของ เป็นสถานที่ เป็น กลุ่มก้อน เป็นวิมาน เป็นดินแดน 

เป็นอะไรที่จะได้จับได้มี เป็นสิ่งสัมผัสได้

หรือยิ่งกว่านั้น หลงผิดว่า “บุญ” เป็น “ของวิเศษ” 

ถ้าใครได้ จะเป็น “สวรรค์วิมาน” จะเป็น “ข้าวของ” จะเป็น “ความมีอยู่”

ที่ใครได้ “ผลบุญ” แล้ว “บุญ” นั้นแหละจะทำให้ “รวย” 

หรือจะทำให้ “มี” เป็น “สมบัติ” ติดตัวตนไป แม้แต่เป็น “สุข”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 64 หน้า 80


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 20:15:02 )

ชาวพุทธอยู่ร่วมกันได้ด้วยการประนีประนอม

รายละเอียด

ซึ่งชาวพุทธจะไม่มีอย่างนั้น ในประวัติศาสตร์ 2500 กว่าปีที่จะไปรบราฆ่าฟันกัน หรือว่าในศาสนาเองก็มีความขัดแย้งกันบ้างเป็นธรรมชาติ ซึ่งมันห้ามไม่ได้เป็นความเห็นที่ต่างกัน ปรมาณู 2 หน่วยมันต่างกันแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ความต่างกันแต่อยู่ร่วมกันได้ด้วยการประนีประนอม ด้วยการจะอยู่อย่างรู้เรารู้เขา เหมือนซุนวูว่า ที่บอกว่ารู้เรารู้เขาก็ชนะอยู่ตลอดเวลาเป็นมุมมองในการเอื้อเฟื้อเจือจานไม่เอาเป็นเอาตายที่จะต้องอยู่ด้วยกันนะ มันก็ไม่เอากันตาย ขาดทุนบ้างกำไรบ้างก็แบ่งกันเป็นครั้งคราว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:27:11 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:34:58 )

ชาวพุทธเมืองไทยก็เป็นเดียรถีย์ไปหมดแล้ว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโผฏฐัพพะจะต้องมี การสัมผัสจะต้องมีคู่ อันเดียวจะไม่มีการสัมผัส มันดูอะไรไม่ได้ จะดูอะไรได้ต้องมีสัมผัส เพราะฉะนั้นมิจฉาทิฏฐิที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ในพรหมชาลสูตร พระสูตรแรกเลย ที่บอกว่า ในยุคพระพุทธเจ้าก็เห็นความเสื่อมเป็นเดียรถีย์ คนทุกวันนี้ชาวพุทธเมืองไทยก็เป็นเดียรถีย์ไปหมดแล้ว เรียนรู้โผฏฐัพพะไม่เป็น เรียนรู้กายไม่เป็น ไม่มีกายไม่มีโผฏฐัพพะ ไปนั่งหลับตาอยู่ในป่าเขาถ้ำหมดแล้ว มันไม่ตื่นทั้งกาย วจี มโน มันก็ไปตื่นอยู่ข้างใน ตื่นอยู่ในหลับ ตื่นอยู่ในหลบ ตื่นอยู่ในรู ตื่นอยู่ในถ้ำ นั่นแหละที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า เป็นผู้ที่ไกลจากวิเวกไกลจากความสงบ เพราะไปข้องอยู่ในถ้ำ สำนวนที่ว่าข้องอยู่ในถ้ำนี้ไปหลบอยู่ในรู ไม่ออกมาข้างนอก อันนี้มันไกลจากวิเวก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:06 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:16 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:33:49 )

ชาวพุทธเสื่อมอย่างไร

รายละเอียด

ก็ยิ่งเห็นละเอียดลออลงไปว่า เออเนาะ อาตมาเกิดมาชาตินี้มาทำงาน ก็มาเพื่อที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ผิด นำสิ่งที่ถูกเข้ามาใส่ลงไปแทน เพราะศาสนาพุทธมันเสื่อม ขออภัย ไม่ใช่ศาสนาพุทธเสื่อม ชาวพุทธ คนชาวพุทธนี่มันเสื่อม ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร เสื่อมก็คือไม่มีโลกุตระ เข้าใจโลกุตรธรรมผิด ที่จริงไม่รู้จักโลกุตระด้วยซ้ำ มันเสื่อมจนกระทั่งโลกุตระหายไป 

มันมีพยัญชนะในพระไตรปิฎก แต่น้อย ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ คำว่าโลกุตระ น้อย ในมหายานเขาจะมีมากกว่า เพราะว่า พระไตรปิฎกเป็นของฉบับพระกัสสปะ พระมหากัสสปะนี้เป็นเจโต เป็นสายศรัทธา ไม่ใช่ปัญญา ก็เลยยิ่งแคบ ในเรื่องของโลกุตระจึงน้อย 

อาตมาเป็นสายปัญญา ตรงกันข้ามกับพระมหากัสสปะ คนละขั้วกัน คนหนึ่งขั้วบวก คนหนึ่งขั้วลบเลย ทีนี้พระพุทธเจ้าคือปัญญาโดยแท้ คือโลกุตระเต็มรูป อาตมาเป็นสายตรงจากพระพุทธเจ้า และเป็นหน้าที่ที่พูดไปแล้ว ใครจะหมั่นไส้ ใครจะไม่เชื่อก็ว่าไป ขออภัยอาตมาพูดความจริง อาตมาอายุขัยก็ชักย่ำแย่แล้วก็ขอพูดหมดๆ ชัดๆ มันจะยังไงก็..ที่จริงอาตมาพูดง่าย แต่ก็ต้องระวังเท่านั้นเอง เพราะคนมันจะไปทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้มากๆ มันก็ทิ้งเลย มันก็เสียดาย สงสารเขา ก็ไม่อยากให้เขารู้สึกอย่างนั้น แต่ก็หลายอย่างก็ยาก อาตมาก็ต้องประมาณ ลำบาก 

สรุปแล้วในชาตินี้ เกิดมาปางนี้ โอ้โห! เจ้าประคุณเอ๋ย มันหมดจริงๆ โลกุตระ มันไม่มีเหลือเชื้อเลย อาตมาต้องมาทำ ค่อยๆ ดูไป ตั้งแต่ระดับต้นๆ ค่อยๆ หยั่งลงมาเป็นลำดับๆๆ จนมาถึงวันนี้ทำงานมา 50 กว่าปี ก็พอใจอยู่ ได้มาขนาดนี้ สามารถที่จะฟังรู้เรื่องเข้าใจจนกระทั่งปฏิบัติได้ กอบกู้ขึ้นมา จนสำเร็จผลเป็นสังคม สาราณียธรรม 6 และมีสาธารณโภคี สำเร็จเป็นรูปธรรม เป็นปึกแผ่นด้วย 

เป็นรูปธรรมเป็นปึกแผ่นมาตั้งแต่ต้นเลย ที่รวมคนเข้ามาเป็นชุมชน ตั้งชุมชนขึ้นมา ก็ สาธารณโภคี มาตั้งแต่ชุมชนแรกจนถึงบัดนี้ ถ้าเราจะนับว่าชุมชนที่เราตั้ง เอาล่ะ ยังไม่รวมตั้งแต่มันเกิดศีรษะอโศก ศาลีอโศกและมาเกิดชุมชนสันติอโศก ยังไม่นับเป็นต้นราก ไปนับเอาปฐมอโศกเป็นที่ 1 ก็ได้ เป็นชุมชนแรกชื่อว่า ปฐม ปฐมอโศกเป็นชุมชนแรกที่เป็น สาธารณโภคี เกิดพ.ศ. 2527 ก็กี่ปีแล้วล่ะ 39 ปีมา

พวกคุณคิดจะออกไปจากสาธารณโภคีไหม? (เสียงตอบ “ไม่”)  เสียงดังๆ  ทำเป็นเสียงดัง คำพูดพูดแล้วเป็นนายตัวเองนะ ระวังเหอะ “ไม่” แต่หายไปไหนหว่าคนนี้ ไม่ค่อยเห็นหน้า ยังอยู่ในชุมชนหรือเปล่า หรือไปๆ มาๆ ไปนานกว่ามา นานๆ มาที ไอ้พวกนี้เป็นความจริงทั้งนั้น ลักษณะจริงของมันตามเป็นจริง ก็พูดไป เอาละ ไม่ต้องต่อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:09:48 )

ชาวพุทธเสื่อมไม่ใช่ศาสนาพุทธเสื่อม

รายละเอียด

อาตมายืนยันว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุด มีแต่พวกที่ไม่มีศาสนา ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะ เห่ากวนอยู่นี่ ออกมาประท้วง แม้แต่พวกเด็กๆ ก็พูดเลอะเทอะ ลามกอนาจารกันอย่างหน้าด้าน เพราะมันไม่รู้ธรรมะจริงๆ ไปถือสามันไม่ได้ มันยิ่งกว่าเด็กไม่เดียงสา จะไม่ถือก็ไม่ได้เพราะมันโตแล้วไม่ใช่เด็กแล้ว มันซับซ้อน มันโตแล้วมันควรจะมีปฏิภาณ ควรจะรู้วัยวุฒิ รู้บ้าง แต่กลับกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้บ้าบอหนักหนาหน้าด้านหน้าทน เขาก็ต้องจัดการบ้าง มันซับซ้อน

เหตุเพราะอะไรเพราะว่าศาสนาพุทธเสื่อม ขออภัยไม่ใช่ศาสนาพุทธเสื่อม แต่ชาวพุทธของประเทศไทยมันเสื่อม ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อมหรอก แต่คนชาวพุทธนี่แหละแม้แต่ครูบาอาจารย์เสื่อม รับผิดชอบนะ อาตมาสบายใจนะว่าเกิดมาในชาตินี้ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบศาสนาแบบนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 15:45:27 )

ชาวพุทธแบบธิเบตกับชาวอโศก

รายละเอียด

ธิเบตนั้นหนักกว่าอิสลาม กราบไป นอนกราบ นั่งกราบ กราบกลางถนนรถชนตายก็ไม่กลัว รถก็ต้องคอยระวังเดี๋ยวชนคนกราบเดี๋ยวจะบาป เขาทำดีที่สุดแล้วก็ต้องอนุโมทนากราบไป เต็มไปหมดเลย ซึ่งเป็นชาวพุทธนะ 

พวกเรานี้มาเรียนรู้ มีวิธีการตามที่อาตมาเป็นผู้รู้ เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างไร พากันทำอย่างไร มาเรียนรู้ มีโพธิปักขิยธรรม 37 มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ แล้วก็มีใจนี่แหละควบคุม จัดการรูปนาม นามคือใจ รูปต่างๆ คือ 5 ตาหูจมูกลิ้นกาย พวกนั่งหลับตาไม่มีสัมผัสภายนอกนั้นเลิกเลย จึงจมอยู่อย่างน่าสงสารมีอยู่เยอะแยะเลย จึงเห็นว่าเป็นความเสื่อมจากสัจจะพระพุทธเจ้าฟังไม่ออก พอเราเอาสัจจะของพระพุทธเจ้ามาประกาศ ก็จะจัดการเราอีกแน่ะ แต่อาตมาไม่กลัว อาตมาไม่ใช่อสุรกาย ไม่กลัว แต่ไม่ใช่สำนวนคึกฤทธิ์หรอก มันหยาบ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:13:32 )

ชาวพุทธแบ่งความรู้เป็น 2 แบบ

รายละเอียด

ใช่ คุณก็รู้นี่ โดยเฉพาะชาวพุทธเราจะเรียกได้ว่าความรู้มี 2 แบบ แบบโลกียะกับแบบโลกุตระเท่านั้นแหละ แต่ในชาวโลกียะหรือชาวเทวนิยม ความรู้เขามีแบบเดียว มีแต่โลกียะ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าของเขามีแบบเดียว ของเขาบอกว่าเขามีหลากหลายแต่มันต่างในระดับสูงระดับต่ำ แยกผิดแยกถูกแยกชั่วเต็มไปเยอะแยะ มันก็ถูก ส่วนโลกุตระกับโลกียนั้นเป็นความรู้ที่เป็นแบบที่ไม่ใช่ที่คนจะเข้าใจได้ง่ายๆ คนจะเข้าใจความรู้ในระดับโลกุตระแตกต่างจากโลกียะ จะต้องมีปฏิภาณปัญญาชัดเจนเลยว่า เอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน เอาตัวความรู้ที่เรียกว่าปัญญา มีอัญญธาตุรู้จักโลกโลกีย์ที่เขารู้ในเทวนิยมดีชั่วสูงต่ำ ความสุขความทุกข์เขาก็ยังไม่ชัดเจนเพราะเขาเป็นสุขนิยมโลกียนิยม ส่วนโลกียะนั้นสูงสุดมีภพมีชาติ เป็นภวภพ แต่ของโลกุตระนั้นไม่มีภพชาติ ส่วนโลกุตระรู้เวทนา แยกเวทนาสองได้ ทวเยน เวทนายะ ความสุขความทุกข์มันเป็นภาวะ 2 แต่คนไม่รู้ไปลงภาวะความสุข โดยไม่รู้จักจะว่าความสุขมันไม่มีหรอกความสุขมันเป็นเพียงความตอแหล ภาษาบาลีบอกว่า สุขขัลลิกะ มีแต่ความทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป พระพุทธเจ้าบอกว่าให้หาเหตุแห่งความโง่ที่ไปหลงติดเหตุแห่งความทุกข์ ก็ต้องดับที่เหตุแห่งความทุกข์ได้ก็จบ ความสุขก็ดับไปด้วยความทุกข์ก็ดับไปด้วยศาสนาพุทธจึงค้นพบ ความหมดภพหมดชาติ หมดความสุขความทุกข์ อธิบายธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างสั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:00:53 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:34:26 )

ชาวพุทธในเมืองไทยเป็นเถรวาท

รายละเอียด

ที่อาตมาพูดเพราะอาตมามีสภาวะจริง ไม่ได้อธิบายอย่างในตำราที่มีในเถรวาท หรืออาจมีในอรรถกถาจารย์ของมหายาน แต่เถรวาทไม่มี ชาวพุทธในเมืองไทยเป็นเถรวาทไม่ได้เป็นมหายาน เขาก็เลยบอกว่าเอาอะไรมาพูด ...ก็เอาอันที่พูดไปนั่นแหละมาพูด เขาถามว่าเอามาจากไหน มันฟังพอได้ไหม เป็นเรื่องเป็นราวให้สืบต่อขยายความให้ละเอียดลึกซึ้งขึ้นหรือไม่ หรือว่าพูดไปแล้วมีใครรับรู้ได้ด้วยไหม เพ้อๆ พกๆ ฟุ้งซ่านไป ก็ไม่ใช่ แต่เอาไปปฏิบัติได้ในแต่ละคนมากบ้างน้อยบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 20:59:44 )

ชาวอโศก

รายละเอียด

ชาวอโศก  คือเป็นผู้ไม่โศก  ใครยังมีอาการโศกเศร้าในชีวิต ยังไม่ใช่ตระกูลนี้จริง

คำอธิบาย

คือ ผู้ที่อยู่แบบคนจน แต่แสนสบาย พ่อครูเลี้ยงพวกเราแบบคนจน ทำให้พวกเราเป็นคนจนโลกุตระ ทำงานเป็นประโยชน์ต่อโลกอีก เป็นทฤษฎีที่ลึกซึ้ง คนทำได้แต่มีเป็นจำนวนน้อย ธรรมะโลกุตระไม่เสียสตางค์แต่จนหมดตัว จิตเดิมแท้ของอรหันต์เท่านั้นจึงบริสุทธิ์จริง จิตเดิมของทุกคนเป็น อวิชชามาก่อนทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นคำอธิบายของท่านพุทธทาสบอกว่าจิตเดิมสะอาดบริสุทธิ์ ถ้างั้นเด็กเกิดมาจิตบริสุทธิ์ก็เป็นอรหันต์เลยสิ ซึ่งไม่ใช่แต่ว่าเกิดเพราะว่า
อวิชาพาเกิด ต้องมาศึกษาเรียนรู้จนกระทั่งเป็นอริยบุคคลได้จึงสะอาด เป็นจิตบริสุทธิ์ แล้วจิตบริสุทธิ์นี้ก็จะสะสม อย่างเช่นบรรลุอรหันต์แล้วจิตก็จะบริสุทธิ์สะอาดได้ เมื่อบริสุทธิ์สะอาดแล้ว พระอรหันต์องค์นี้ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังไม่ยอมจบจะบำเพ็ญสูงขึ้นไปสู่พุทธภูมิขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้จิตของพระอรหันต์มาเกิดหรือว่าจิตเดิมแท้ของพระอรหันต์นี้บริสุทธิ์ ถ้าอย่างนี้แหละ แต่ถ้าคนสามัญจะโมเมว่าจิตเดิมแท้บริสุทธิ์เลย อันนี้ไม่ถูก เกิดบริสุทธิ์ได้ถึงขั้นจิตมีความนิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)  จิตเดิมแท้ที่บริสุทธิ์ของอรหันต์จะมีความสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป จะเกิดมาอยู่ในโลกอาจจะถูกกระแสโลกครอบงำได้แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ก็จะไปตามกับเขาเป็นโลกๆกับเขา แม่ที่สุดบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมาเป็นคนในชาติสุดท้ายเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ก็ยังถูกมอมเมาไปกับโลกเขา ยังต้องไปมีแบบโลกๆแบบโลกีย์ มีกามมีพยาบาทมีโกรธ มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสตามเขาพอสมควรแต่ท่านก็ไม่จัดจ้าน ก็ยังเป็น อย่างพระพุทธเจ้าสมณโคดมก็เสียเวลาไปตั้ง 29 ปี มาบวชแล้วยังเสียเวลาอีก 6 ปีถูกครอบงำทางธรรมะถูกหลอกให้ไปเป็นฤาษีไปเป็นลัทธินอกรีตอีก 6 ปี จนท่านระลึกของตัวเองได้ อันที่ว่าระลึกตนเองได้ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก หาว่าท่านตรัสรู้ตอนนั้นที่จริงแล้วท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณมาก่อนแล้วก่อนจะเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ บรรลุมาเรียบร้อยหมดแล้ว   บรรลุมาจนกระทั่งรอเป็นพระเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วก็จะประกาศ เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีสัมมาสัมโพธิญาณมานานแล้ว เมื่อถึงวาระถึงคิวจะเป็นพระพุทธเจ้าท่านก็มาประกาศศาสนาแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป จะไปทำเล่น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:45:51 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:42:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:35:43 )

ชาวอโศก

รายละเอียด

คือ ผู้ที่อยู่แบบคนจน แต่แสนสบาย พ่อครูเลี้ยงพวกเราแบบคนจน ทำให้พวกเราเป็นคนจนโลกุตระ ทำงานเป็นประโยชน์ต่อโลกอีก เป็นทฤษฎีที่ลึกซึ้ง คนทำได้แต่มีเป็นจำนวนน้อย ธรรมะโลกุตระไม่เสียสตางค์แต่จนหมดตัว 

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช สภาวะของวิชชาจรณสัมปันโน วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 12:18:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:36:15 )

ชาวอโศก lock down อยู่ได้สบาย

รายละเอียด

เรา lock down กัน ก็ไม่มีอะไรเราก็อยู่กันไป คนที่มาอยู่ในชาวอโศกต้องมีภูมิธรรมระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะไปอยู่ในชุมชนไหน อยู่ในระบบเดียวกันสาราณียธรรม 6  เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา มีชีวิตอย่างชาวอโศกดำเนินไปแบบนี้มีสุคโตมาตลอดเวลา เมื่อมาถึงเวลานี้จะเห็นได้ว่าข้างนอกเขาเดือดร้อนกันมาก พวกเราที่นั่งอยู่นี่ทั้งหมด ใครเดือดร้อนบ้าง เมื่อโควิดเข้ามาใครเดือดร้อน (มีแต่ร้อน) เดือนห้านะตอนนี้ ต้องรู้สิภาษาว่าเดือดร้อนหมายถึงใจ ยังไม่ถึงเดือดหรอกไม่ถึง 40 องศาดี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:06:14 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:24 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:37:15 )

ชาวอโศก คือนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ของโลก

รายละเอียด

คือการแก้จนไม่ให้จน  คือให้ทุกคนรวยอย่างที่เขาพยายามแก้จน ทำวิธีไหนก็แล้วแต่  การแก้ความจนคือ พยายามตั้งใจให้คนมารวย  ก็จะให้คนรวยทุกคนในประเทศ  คนก็ต้องไปเอาจากประเทศอื่นมา ไปแย่งจากประเทศอื่น  ถึงบอกว่า  จีดีพีก็เอาจากของคนอื่นมา  อย่างนี้โกหกทั้งที่ไปเอาของคนอื่นมา เอาเปรียบเอารัด ขูดรีดจากเขามาแล้วมาเติมให้คนในประเทศของตน  แต่บอกว่าเป็น  GDP  Gross  ของตัวเองไปเอาของคนอื่นมา  จนอย่างชาวอโศก  เรามีผลผลิตของเราทำเองขึ้นมา  มี Gross  องค์รวมเหลือกิน เหลือใช้  แจกจ่ายผู้อื่นได้ ไม่ได้ไปแย่งชิงมาเลย  นี่แหละคือนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ของโลก ในสังคมมนุษยชิ ก็ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด  คานธีบอกว่า ในโลกมีทรัพย์ศฤิงคาร มีสมบัติของโลกเพียงพอสำหรับแบ่งกินใช้ให้ทุกคนอย่างทั่วถึง  แต่มันไม่พอสำหรับคนคนเดียวที่มีความโลภ อยากจะเอาไม่มีที่สิ้นสุด  อย่างไม่เอาใครก็เอาBill Gates

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:40:33 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:28 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:39:41 )

ชาวอโศก สุดยอดแห่งคอมมิวนิสต์ สุดยอดแห่งประชาธิปไตย

รายละเอียด

เรามีเวลาพอ เราพออยู่พอกิน เรามีสิ่งที่จะทำอะไรกับโลกก็เป็นไปกับโลกเขาบ้าง เพื่อที่จะเป็นตัวอย่างว่าเราก็มีวิสัยทัศน์ เรามีเจตคติอะไรของเราแบบเรา เราก็พยายามสร้างแบบที่ความคิดของเรา วิสัยทัศน์แบบเรา เจตคติแบบเรา ทำไป ซึ่งเราก็มีแกนของความรู้อยู่ว่าเป็นโลกุตรธรรม มันก็จะเป็นแบบที่เราทำ ชาวอโศกนี่คือสังคมตัวอย่างของหมู่ชนที่เป็นประชาธิปไตยแบบโลกุตระ ซึ่งบริบูรณ์ ทั้งความเป็นสังคมนิยม ประชาธิปไตยสุดยอดแบบพุทธ เป็นทั้งแบบสังคมนิยมสุดยอด เป็นสุดยอดแห่งคอมมิวนิสต์ และสุดยอดแห่งความเป็นประชาธิปไตยด้วย เป็นคอมมิวนิสต์สุดยอด ประชาธิปไตยสุดยอด นี่คือความจริงเลย 

แวะบอกนักประชาธิปไตยทั้งหลายเอ๋ย นักประชาธิปไตยตัวแท้จะไม่หาเสียง ฟังศัพท์นี้ก็แล้วกัน นักประชาธิปไตยตัวแท้จะไม่หาเสียง แต่จะทำงานจริงๆกับมวลประชาชน หาเสียงกับทำงานจริงๆ กับมวลประชาชนมันต่างกันนะ คนที่ทำงานจริงๆ กับมวลประชาชนนั่นคือนักประชาธิปไตย แต่คนที่ยังหาเสียงเอาแต่หาเสียง เน้นวิธีหาเสียง พัฒนาวิธีการที่จะหาเสียง พวกนี้เก๊ เป็นนักประชาธิปไตยเก๊ นักประชาธิปไตยแท้นั้นไม่กังวลหรอก ใครจะหาเสียงช่างหัวใคร ไม่ต้องไปเสียเวลา มุ่งหน้าทำงานกับประชาชนจริงจังเลย โดยเฉพาะเมืองไทยมีปัญญามีความรู้ในเรื่องของโลกุตระ ประชาธิปไตยจริงแล้วมองออก ถ้าไปทำอยู่ที่ตะวันตกอเมริกาพวกนี้ เขาก็มองกันไม่ออกเพราะว่าประชาชนเขาไม่ได้มีความรู้โลกุตระ เขายังไม่ออกจากกรอบแบบสมมุติสัจจะของเขา เพราะฉะนั้นก็จึงเป็นไปได้ยากอีก 

จะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่มีสังคมมนุษย์ที่มีภูมิธรรม ไกลกว่าชาวตะวันตกมาก ไกลกว่าอเมริกา ไกลกว่าตะวันตก เพราะว่าคุณธรรมของหมู่มวลมนุษย์ โดยเฉพาะชาวอโศก เป็นคุณธรรมที่จะมีศีลจริงๆ มีสมาธิจริงๆ มีปัญญาจริงๆ แม้ในเถรสมาคมก็มีศีลที่มิจฉาทิฏฐิ มีแต่ สีลพตุปาทาน สีลัพพตปรามาส มีศีลตามจารีตประเพณีไป มะยังภันเตแล้วก็ปฏิบัติแค่กายกับวาจาเท่านั้นนะ แต่จิต ก็ไปนั่งหลับตาสมาธิเอาซึ่งไปแยกจากกันมันผิดแล้ว แยกไม่ได้ กายวาจาใจ ไปแยกออกจากกันเลยพวกนั่งหลับตาเดียรถีย์ที่มีมิจฉาทิฏฐิของชาวพุทธ เพราะฉะนั้นศีล มันต้องมั่นคงด้วยปัญญา สมาธิ ก็ต้องมั่นคงด้วยปัญญา โดยเฉพาะปัญญานั้นต้องสัมมาทิฏฐิด้วยปัญญา 8 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1 วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กันยายน 2566 ( 15:24:46 )

ชาวอโศก เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

เป็นเหตุปัจจัยของโลกของประเทศของสังคม เป็นอจินไตยมันก็ต้องเจอต้องพบสิ่งเหล่านี้ อาตมาไม่ถือว่าประเทศไทย อย่างพิธา อย่างเหตุการณ์พวกนี้ อาตมามองไปตามประสาอาตมา ว่ามันเป็นสะเก็ดเศษที่เหลือและธุลีละอองของการเมืองประชาธิปไตยแบบไทย อาตมาวงเล็บเลยนะว่า ประชาธิปไตยแบบไทย เพราะประชาธิปไตยแบบไทยนี้ มันจะมีได้ อย่างพวกเราชาวอโศก เราเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เพราะเราดำเนินตามพระพุทธเจ้า และประชาธิปไตยมีคุณสมบัติพิเศษด้วยอธิปไตย 3 อายะ 3 ตอนนี้ขอผ่านไปก่อน ยังไม่รื้อฟื้นวันนี้ ผ่านไปก่อน เพราะฉะนั้น มันก็เป็นเหตุการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์ของโลก ของสังคมที่จะต้องเป็นไป ก็ศึกษาเอาละกัน

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 12:29:11 )

ชาวอโศก เป็นอนุวิทยาลัย 

รายละเอียด

อาตมาเลยจะเก็บตก เรื่อง “บริบูรณ์” เรื่องเก็บตกต่างๆ ซึ่งอธิบายไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ผ่านมา คบสัตตบุรุษ ที่เป็นผู้ที่มีความรู้จริง สัตตบุรุษคือผู้ที่มีความรู้จริง เป็นผู้ที่มีความรู้ความจริงที่จริง เพราะฉะนั้นเรื่องผู้ที่มีความรู้ที่จริงและท่านเป็นผู้ที่มีจริงนี้ มันไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่ เรียนรู้บัญญัติเรียนรู้พยัญชนะ ภาษา ตรรกะต่างๆ 

สำนักตักสิลาคือ สำนักที่เรียนรู้เหมือนมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย เป็นที่ให้ความรู้ทางบัญญัติ ทางภาษา แต่ อนุวิทยาลัย พวกชาวอโศก เป็นอนุวิทยาลัย ไม่ใช่มหาลัยน้อย เป็นอนุวิทยาลัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัย มีพวกผู้ที่เป็นผู้รู้กันในยุคนี้ เขา Facebook เขา LINE มาว่า มหาวิทยาลัยนี้เกิดมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา เขาว่าอย่างนั้น ลึกซึ้ง จริงนะ มหาวิทยาลัยสงฆ์ อย่างเมืองไทยก็มีมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 ฝ่าย มหานิกายกับธรรมยุต เกิดมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา อาตมาว่าจริง ลึกซึ้งมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:48:04 )

ชาวอโศก เรียนรู้ เข้าใจ แล้ว ลดละ

รายละเอียด

คือ ชาวอโศกปฏิบัติ ทำได้ เกิดจากการเรียนรู้  เกิดจาก การเข้าใจแล้วก็ลดละ 

1.  ลดละ  ไม่แย่ง  วัตถุ  ลาภ 

2. ไม่แย่ง  ยศ  อำนาจ 

3. ไม่หลงสรรเสริญ   แย่งชิงความเด่นดัง ทำดีไปเถอะแล้วมันจะได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นสัจธรรม ไม่ต้องอยากให้คนสรรเสริญเยินยอ ยกย่อง ไม่แย่ง ลาภ ยศ  สรรเสริญ  เข้าใจเรื่องความสุข

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:46:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:38:08 )

ชาวอโศกกล้าหาญมีสุรภาโวเป็นสุรกาย 

รายละเอียด

วันนี้วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก วันอโศกรำลึก รำลึกกันมาถึง 40 ปี ก็เห็นว่าพวกเรานี้ช่างกล้าหาญ มี สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส ครบสมบูรณ์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส มีภาวะที่แข็งกร้าว แรงกล้า ไม่อ่อนแอ เป็นสุรภาโว เป็น สุรกาย 

เป็นสุรกายนะ ไม่ใช่อสุรกายที่เป็นพวกไม่กล้า จะเป็นพวกกล้าหาญชาญชัย กล้าทำงาน กล้าทำความดี กล้าที่จะจัดการกับความชั่ว ไม่กลัวความชั่ว ไม่กลัวความชั่วไม่ใช่ว่าจะไปคบหาความชั่วนั้น จะปราบความชั่วเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 19:47:12 )

ชาวอโศกกินมังสวิรัติไม่เป็นพาหะจึงปิดทางมาของโควิดได้

รายละเอียด

เราพูดในบริบทของชาวอโศก ไม่ได้พูดในบริบทที่กว้างไกลอย่างชาวอินเดีย มันมีเหตุปัจจัยต่างๆที่ประกอบ อย่างพวกเรากินอาหารมังสวิรัติแล้วก็จะมีอย่างอื่นอีก พวกเราอยู่ภายในชุมชนอโศก 1.ทุกวันนี้ยังไม่มีคนติดเชื้อเลย ก็เป็นความสะอาดในกลุ่มชาวอโศก 2.เราป้องกันคนนอกที่จะเข้ามา ที่จะนำเชื้อมาเราต้องรักษาอันนี้ให้เคร่งครัด ตรวจสอบกักกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นคนของเราที่ออกไปเพ่นพ่านก็อย่าไปประมาท ยิ่งคนนอกต้องเคร่งครัด ต้องพิสูจน์ว่าเขาไม่มีเชื้อจริงๆจึงจะปล่อยเข้ามาข้างใน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ชาวอโศกเราผ่าน ชาวอโศกกินมังสวิรัติไม่เป็นพาหะ ซ้อนลงไปอีก โควิดมันมาจากสัตว์ มันไม่ได้มาจากพืชนะเราอยู่ในแวดวงกินพืช จึงปิดทางมาของโควิดได้ อาหารที่เขากินเป็นเนื้อสัตว์ไม่ได้ตรวจสอบว่ามาจากไหน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:54 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:29:00 )

ชาวอโศกก็มีชุมชนชาวอโศกสาธารณโภคีทุกชุมชน

รายละเอียด

เมืองไทยมีแก่นแกนที่มีเศรษฐศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จแล้วอยู่ในสังคมเมืองไทย จะว่าไปแล้ว ชาวอโศกก็มีชุมชนชาวอโศกสาธารณโภคีทุกชุมชน กระจายอยู่ในประเทศนี้ แม้จะไม่ได้มีมากมายเพราะมันไม่ง่าย แต่มันก็เป็นจริงไม่ใช่ว่าเป็นได้แค่กลุ่มเดียว คนทั้งหมดตั้ง 60 ล้าน 70 ล้าน เป็นได้นิดเดียว พันคนก็ไม่ถึงดีก็ไม่ใช่ มันก็มีหลายร้อยหลายพันอยู่ หลายหมู่บ้านเกินกว่า 10 ชุมชนในประเทศ ที่ดำเนินชีวิตอยู่อย่างนี้ เป็นอิสระเสรีภาพสมัครใจเป็นจริงไม่มีใครบังคับให้มาจน พูดให้เข้าเป้า มามีชีวิตอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดารวันพุธที่ 14 มีนาคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน สาธารณโภคีคือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดของเศรษฐกิจ


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:48:45 )

ชาวอโศกขาดทุนให้เห็นเป็น เอหิปัสสิโก

รายละเอียด

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส กับที่อาตมาพูดนั้นตรงกันเพราะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ในหลวงท่านไม่ได้ขยายความ อาตมาต้องมานั่งขยายความ นอกจากขยายความแล้วพาประชาชนมาขาดทุนให้เห็น อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นเอหิปัสสิโกเชิญมาดูได้จนกระทั่งขาดทุนให้แก่สังคม พวกเรามีวรรณะ 9 ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้ามีสาราณียธรรม 6 ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าเอามาเช็คได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:25:00 )

ชาวอโศกขายของแล้วได้เงินกลับคืนมาถือเป็นลาภแลกลาภไหม?

รายละเอียด

ไม่ใช่ เราเอาเข้ากองกลางเราไม่ได้เอาเข้าตัวเองที่ไหน กองกลางนั้นบริหารส่วนรวมไม่ใช่บริหารด้วยส่วนตัว เป็นเศรษฐศาสตร์สูงสุดเลย เป็นสาธารณโภคี แล้วไม่มีวิธีการใดที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ของพระพุทธเจ้าสุดยอดแล้ว ไม่ได้เอาเข้าตัว คนไม่ได้แบ่งเอาทรัพย์สินไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(มิจฉาอาชีวะ 5) ตอน เอาลาภแลกลาภกับไม่เอา เป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:13:17 )

ชาวอโศกควรจดทะเบียนคนจนเพื่อรับรัฐสวัสดิการเพิ่มไหม 

รายละเอียด

ชาวอโศกควรจดทะเบียนคนจนเพื่อรับรัฐสวัสดิการเพิ่มไหม 

พ่อครูถาม พวกเราตอบว่า..น่าจะหมายถึงโครงการภาครัฐที่มีให้ลงทะเบียนคนจน หรือกลุ่มที่ีสามารถใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พ่อครูว่า... เป็นสวัสดิการของรัฐสำหรับช่วยคน คนไหนเกิดเดือดร้อนลำบากก็เอามาเฉลี่ยกันใช้บ้าง เป็นการบริหารประเทศที่ดีแล้วจะเป็นอย่างนี้ ก็จะเฉลี่ยไป ดูความจริงว่าประชาชนผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่เกิดความจำเป็น ความพิการ ก็ช่วยกัน 

สำหรับพวกเรานี้มันพิเศษ ไม่ต้องไปจดหรอก พวกเราไม่ต้องเบียดเบียนเงินกองกลางของสังคม ให้ท่านบริหารสบายๆ เถอะ เพราะอะไร เพราะเราอยู่รอดแล้ว เราจน แล้วเราก็รักษาพฤติกรรมชีวิตของเรานี้ดีแล้ว เราไม่ไปโลภโมโทสัน ไปแย่งชิงอยากได้มาก เพราะเรามีวรรณะ 9 เราก็อยู่ด้วยสังคมสาธารณโภคี อยู่กับสังคมสาราณียธรรม 6 ซึ่งมันครบคำสอนพระพุทธเจ้าสมบูรณ์แล้ว มันจึงไม่เดือดร้อน ทุกข์ร้อนกับโลกที่เขาเดือดร้อน คนเขาเดือดร้อน โลกเขาเดือดร้อน รัฐก็บริการไป ส่วนเราไม่เดือดร้อนแล้วก็ไม่ต้องรบกวนรัฐ 

เพราะเรามันพอ มันมีสันโดษ มีสันตุฏฐิ แล้วมันก็สบาย แม้ที่สุดถึงขั้น อปจยะ เราไม่สะสม เราไม่มีเลย มีชีวิตเป็น 0 จริงๆ คงคลังหรือเก็บหมกเม็ดไว้ก็ไม่มี ใครจะมีไว้บ้าง 10 บาท 20 บาท 100 บาท 1,000, 2,000 บาทก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้กระดี๊กระด๊าหาทางออกดอกออกผลมากขึ้น มันไม่มีไว้ หนาวใจก็เลยมีไว้อุ่นใจหน่อย ใครหนาวมากก็มีไว้มากหน่อย ใครหนาวน้อยก็มีไว้น้อยหน่อยก็เท่านั้นเอง บางคนมีถึงเป็นแสนจึงอุ่นใจ บางคนมีเป็นล้านถึงจะอุ่นใจ 

แต่ชาวอโศกที่เป็น 0 ไม่มีเลยก็อยู่อย่างสบายไม่เดือดร้อนบางคน 10 ปี 20 ปี 30 ปี ยิ่งพวกสมณะ สิกขมาตุ หรือฆราวาส ก็อยู่สบาย ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน ก็ไม่ต้องไปจดทะเบียนคนจนหรอก เราไม่เป็นภาระให้กับคนที่ต้องจัดทำทะเบียน เรามีจุดพอแล้ว ไม่ต้องไปรบกวนเขา

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10

วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 15:29:37 )

ชาวอโศกควรมีอายุ 100 ปี เป็นมาตรฐาน

รายละเอียด

ใช้หลัก 8 หมื่นปี ไม่อยากจะใช้คำว่า 8 แสนปี เพราะว่าสมมุตินั้นมัน ซ้อนลงไปอีกสำหรับอาศัยสิ่งเล็ก สิ่งเล็กอายุยืน สิ่งหยาบอายุสั้น ซ้อนอีก เราเป็นคนก็หยาบกลางละเอียดก็สมมุติองค์ประกอบขนาดนี้ ถือว่าอายุ 100 ปีเป็นหนึ่งกัปป์ สมัยพระพุทธเจ้าถือว่า 120 ปีเป็นหนึ่งกัปป์ มาถึงยุคนี้ 100เป็นกัปป์ เพราะงั้นชาวอโศกหากอายุ 100 คือมาตรฐานของชาวอโศก ใครอายุน้อยกว่า 100 ก็ยังไม่ได้มาตรฐานทีเดียว อายุสมัยพระพุทธเจ้าอายุ 120 ถือว่าเป็นมาตรฐาน ชาวอโศกควรมีอายุ 100 ปี เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่พูดเล่นนะเราก็ควรจะทำให้ถึง พูดไปพูดมาตัวเองไม่ถึงร้อย ยุ่งเลยนะ(ฮา) คุณว่าอาตมาจะถึงร้อยไหม ..เชื่อ อาตมารู้สึกปึ๋งปั๋งขึ้น แข็งแรง Fresh up ขึ้นมา รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันเหลือแต่เหตุปัจจัยที่เป็นวิบาก มันไม่ได้ทรมานอะไร เรายอมรับมันก็ไม่รำคาญอะไร บางทีมันหนักก็บ่นให้มันบ้างว่าอะไรกันหนอ ตามประสา ยังมีเชิง อิตถีภาวะบ้าง ขี้บ่นถือเป็นภาวะแม่ พ่อไม่พูดมาก..พลั๊วะ จบ แม่พูดมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:15 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:01 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:27:31 )

ชาวอโศกคือกลุ่มสังคมประชาชนจัดตั้ง

รายละเอียด

เรียกด้วยสำนวนของการเมืองเขาเลย ชาวอโศกทุกอโศกคือกลุ่มสังคมประชาชนจัดตั้ง ของโพธิรักษ์ ถ้าหลวงปู่ลงสมัคร สส.พวกนี้จะลงคะแนนเสียงให้ไหม หมดเลย กลุ่มสังคมชุมชนอโศก สมมุติว่าเขาเลือกตั้งนายกจากประชาชนทั้งหมด คะแนนของชาวอโศกมา หลวงปู่ลงเลือกตั้งนายก หลวงปู่จะได้คะแนนจากประชาชนทั่วประเทศ อาจจะชนะใครต่อใครก็ได้ แม้ทุกวันนี้นะ คะแนนเสียง 

นอกจากชาวอโศกและคนที่เห็นดีเห็นด้วย ถ้าสมมุติว่าจะมีอย่างนั้น สมมุติว่าเลือกตั้งนายกในประเทศไทย โดยประชาชนทั้งประเทศเหมือนกับที่เค้าเลือกประธานาธิบดีของอย่างประเทศอื่น คนที่เขาเข้าใจโพธิรักษ์ แม้จะไม่ใช่ชาวอโศกเขาก็ต้องเลือกใช่ไหม 

หลวงปู่เชื่อว่าอาจจะ ไม่ใช่อาจจะเท่านั้น เชื่อว่าจะได้เป็นนายกเลือกตั้งเลย ทุกวันนี้มันถูกดิสเครดิตน้อยลงแล้ว แพร่ความจริงไปให้เข้าใจแล้ว เอ๊ะ คนนี้ไม่มีตัวตนนะ ทำเพื่อประเทศชาติ เพราะฉะนั้น คนนี้แหละบริหารประเทศยอดเยี่ยมเลย เป็นประชาธิปไตย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง

วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:24:53 )

ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง

รายละเอียด

พืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งเป็นตัวกลางที่มนุษยชาติ หรือสัตว์เดรัจฉานก็ตาม ได้อาศัย ชีวะได้อาศัยมากที่สุดเลยในพืชพันธุ์ธัญญาหาร อาตมาก็พูดย้ำมาไม่รู้เท่าไหร่แล้วว่า สำคัญที่สุดเลยมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารกัน สร้างให้คนได้กินได้ใช้กันทั่วโลก สำคัญต่อมนุษยชาติ สัตว์ก็สำคัญ แต่สัตว์ที่มันไม่กินพืช มันกินแต่เนื้อสัตว์ก็แล้วไป มันเป็นวิบากเป็นอจินไตยที่อธิบายได้ยาก แต่คน คนที่มีปัญญาแล้วรู้จักความจริงแท้ว่า คนเป็นสัตว์กินพืช 

แต่ก่อนนี้พวกชาวหรรษา (ฮันซา) อยู่บนภูเขา กินพืชเป็นหลักอายุยืนผ่องใสอยู่เป็นสุขดี เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่าคนไปเยี่ยมแล้วว่าเดี๋ยวนี้กินเนื้อ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงจามรี เลี้ยงควาย กินไข่กินเนื้ออะไรเพิ่มขึ้นแล้ว แล้วก็ติด กินแล้วก็ติด เป็นแฟชั่นติดกันไป เพราะฉะนั้นชาวหรรษา (ฮันซา) ก็ชักแย่ลงทุกที แต่พวกเราชาวอโศกนี้กลับไปสู่สัจจะนั้น 

หรรษา นี่แปลว่า ร่าเริงเบิกบาน ชาวหรรษา (ฮันซา) แต่ก่อนเขาร่าเริงเบิกบาน ทำให้เกิดชีวิตยาวยืนอายุ 100 ปี 200 ปีเขาอยู่ได้ มันเป็นธรรมชาติที่ส่งเสริมกัน พอมาเป็นพวกหลงใหลผิดธรรมชาติ ตัวเองไปกินเนื้อสัตว์อะไรต่างๆ ก็แย่ 

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อาตมานำความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราได้ชัดเจนขึ้นมาแล้วกลับมาสู่สภาพที่ดีที่สุด กลายเป็นคน กลายเป็นชาวหรรษา พวกอโศกนี่เป็นชาวหรรษาแท้ เอ้า จริง! เอาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นชาวที่เบิกบานร่าเริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 20:04:47 )

ชาวอโศกคือผู้ที่มีสุคติ ไม่ใช่ทุคติ

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ทำหน้าที่บริหารสังคมประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่ไม่ได้เป็นข้าราชการไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์อะไร แต่อาตมาทำหน้าที่พลเมือง ก็บริหารผู้ที่สนใจ ใคร่ศึกษาว่า จะมีระบบระบอบอะไรที่เยี่ยมยอดระบบระบอบโลกุตระที่เยี่ยมยอดของพระพุทธเจ้านี่แหละเป็นอารยธรรม อาตมาก็เอามาประกาศอธิบายเผยแพร่ พวกคุณชาวอโศกได้รับ โอ้ อันนี้ใช่ก็มาศึกษาแล้วมาประพฤติปฏิบัติ มาให้อาตมาบรรยาย มาให้อาตมาสอน มาให้อาตมาทำความเข้าใจให้แล้วเข้าใจเอาไปปฏิบัติจนบรรลุธรรม แล้วก็มาอยู่รวมกัน ตามธรรมชาติของน้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน เกิดสังคมกลุ่มชุมชนชาวอโศก เป็นชุมชนกระจัดกระจายอยู่ร่วมกันในประเทศไทย แล้วก็มีวัฒนธรรมมีการดำรงชีวิตดำเนินไปเป็นสุคโต อย่างที่เป็นนี่ละ่คือสุคโต ผู้ที่ไปดีแล้วสุคติ

นี่แหละคือผู้ที่มีสุคติไม่ใช่ทุคติ ไม่ใช่ไปอย่างทุรกันดารแต่ไปอย่างสุคติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครุเทศน์รายการโสเหล่โลกุตระออนไลน์ครั้งที่ 14 วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2563 ( 14:50:16 )

ชาวอโศกคือพรรคการเมืองพรรคหนึ่งโดยธรรมชาติ

รายละเอียด

ชาวอโศกก็เป็นพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่มากโดยธรรมชาติ ชาวอโศกคือพรรคการเมืองพรรคหนึ่งโดยธรรมชาติ ไม่ต้องจดทะเบียน แต่ก็ทำงานเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ ทำงานรัฐศาสตร์รัฐกิจ ทำงานการเมืองอยู่ในสังคมประเทศนี้แหละ 

อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเป็นสูตรใหญ่ มาเป็นทฤษฎีใหญ่หลักการใหญ่ มาสอนเศรษฐศาสตร์ จะเรียกโดยแยกเป็นเศรษฐศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ก็ตาม พวกคุณก็ได้สิ่งเหล่านั้น ก็เกิดการเป็นจริงเป็นปรากฏการณ์จริงเป็นพฤติการณ์จริงของแต่ละคน 

และพฤติการณ์จริงๆ พวกนี้ก็เป็นอยู่ในสังคม อาตมาก็บอกได้ว่าสังคมอโศกนี่ สบาย ได้ผลแล้ว เอาของพระพุทธเจ้ามา พวกคุณสบายไหมล่ะ สงบไหมล่ะ อบอุ่นไหม อิ่มเอมไหม เกษมใสไหม มีใจเกื้อกูลไหม เพิ่มพูนการเสียสละไหม 

นี่เป็นภาษาที่อาตมาเสริมเติมเข้าไปในยุคนี้ เป็นภาษาสมัยนี้ ที่อธิบาย แทนที่อาตมาจะอธิบายสาราณียธรรม 6 เท่านั้น จะอธิบายวรรณะ 9 เท่านั้น ความหมายเหล่านี้ก็คือสาราณียธรรม 6 คือวรรณะ 9 

สาราณียธรรม 6 จิตวิญญาณของพวกคุณมีพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์  GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:13:09 )

ชาวอโศกคือพวกมีสาราณียธรรม 6 และมีวรรณะ 9

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสาราณียธรรม 6 นี้จึงสุดยอด ชาวอโศกปฏิบัติเรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าที่อาตมาเอามาอธิบายจนกระทั่งเป็นจริงยืนยันได้ กลุ่มชนชาวอโศกคือพวกมีสาราณียธรรม 6 และมีวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย เป็นคนที่มักน้อย เป็นคนที่สันโดษใจพอ เป็นคนขัดเกลาตนเอง เป็นคนมีศีลเคร่ง ไปตามลำดับได้จริงๆ จนเกิดอาการที่น่าเลื่อมใส และเป็นคนไม่สะสม 

คนที่ไม่สะสมนี่แหละทำมาหาได้พากเพียรขยันหมั่นเพียร มีผลผลิตมีรายได้แต่ไม่สะสมสะพัดออก เพราะมักน้อยมีน้อยเอาความจนเข้าว่าเป็นหลัก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:35:59 )

ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร 

รายละเอียด

ในชาวอโศก มีโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แม้แต่เป็นฆราวาส เป็นผู้ชายเป็นผู้หญิง ก็มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ยืนยันได้จริง เอหิปัสสิโก เชิญให้มาดูได้ เชิญให้มาสัมผัสได้ 

เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งยืนยันความจริงว่า นี่คือ มนุษย์อัศจรรย์ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ 

คุณไปเห็นคนเหาะได้ว่าอัศจรรย์ คุณไปเห็นว่าคนมันเตะลูกบอลเข้าโกลเก่ง มีแทคติกมีทริคต่างๆ เก่ง อัศจรรย์ คนตีลังกาหกคะเมนได้เก่ง อัศจรรย์ คนเล่นหุ้นเก่งๆ อัศจรรย์ คนขี้โกงเก่งๆ อัศจรรย์ 

เพราะฉะนั้น คนอัศจรรย์ ต้องเข้าใจว่าคืออะไร เป็นโสดาบันก็สุดมหัศจรรย์แล้ว ยิ่งกว่านั้นมีสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อัศจรรย์น่าอัศจรรย์ อยู่กันอยู่เป็นชุมชนเป็นหมู่กลุ่ม อย่างเช่นชาวอโศก เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์กัน จะต้องศึกษา 

ถ้าไม่มีความรู้ก็แน่นอน จะไปทึ่ง จะไปอัศจรรย์ จะไปน่าประหลาดใจได้อย่างไร เพราะเขาไม่มีความรู้ จนกว่าคุณจะมีความรู้ แม้จะเป็นความรู้โดยปริยัติโดยบัญญัติมาก่อน อ๋อ.. ความรู้อย่างนี้คนมีจริงเป็นจริงได้หรือ จนกว่าจะถึงเวลานั้น 

เพราะฉะนั้นชาวอโศกเรามีหมดเลย ทั้ง โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นคนมหัศจรรย์จริงๆ แล้วต้องมาศึกษาว่า มันจริงอย่างไร มันเป็นอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 19:32:14 )

ชาวอโศกคือมหาสมุทรที่มีปาท่องโก๋มาอยู่กัน

รายละเอียด

ผู้ไม่ใช่พระภิกษุทั้งหลาย เห็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อยู่ในมหาสมุทรนี้ก็จะไม่อภิรมย์ เพราะเขาไม่รู้ นอกจากไม่รู้แล้วตาถั่ว ตามืด ตาบอด เห็นเป็นไม่ใช่ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา แต่เห็นเป็นปลาสร้อยปลาซิวด้วย ดีไม่ดีเห็นเป็นปลาเจ็บปลาป่วยด้วย เห็นเป็นปลาแปลก ปลาปลอมอยู่ในแม่น้ำนี้อีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ในชาวอโศกคือมหาสมุทรที่มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ มีปลาใหญ่ 

เขามองให้เป็นปลาซิว ปลาสร้อย ปลาแปลก ปลาปลอมอะไรด้วย แต่ที่จริง มหาสมุทรนี้คือปาท่องโก๋มาอยู่กัน ซึ่งก็แปลกนะ เราประกาศนานาสังวาสก็ประกาศบอกว่ามาสร้างร้านปาท่องโก๋ร้านเล็กๆ ท่านเป็นบริษัทใหญ่ทอดปาท่องโก๋ ทำเป็นบริษัทแข็งแรงอยู่รอด เราขอมาทำร้านเล็กๆ ข้างทาง ทอดปาท่องโก๋ขายไป ถ้าประชาชนเขานิยมสูตรที่เราทอดนี้ เขาก็มาอุดหนุนเรา เราก็ไปได้ ร้านเราอยู่ได้ อาตมาพูดอย่างนี้เลยต่อหน้าพระสังฆาธิการ 180 รูป 

ของท่านนั้นอาตมาว่าเป็นสูตรที่ผิดจากพระพุทธเจ้า คนกินแล้วท้องอืดท้องเฟ้อ อาตมาก็เห็นแล้วว่าอย่างนั้นไม่ได้ ทำลายมนุษยชาติให้เจ็บป่วย ก็จึงเอาสูตรแท้ๆ ของพระพุทธเจ้ามาทอด ขายอยู่ข้างทางตรงนี้ ขอแยกมาอยู่ตรงนี้ แยกนานาสังวาส สุดท้ายเขาก็ไม่ให้แยก เขาก็ทำผิดพระธรรมวินัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 21:11:50 )

ชาวอโศกจบกิจแล้วเป็นสังคมอรหันต์

รายละเอียด

มีความพอ อัปปิจฉะ สันตุฏฐิ ปวิเวกะ อสังสัคคะ วิริยารัมภะ

เป็นคนมีน้อย อัปปิจฉะ ไม่ต้องมีมาก มีพอควร สันตุฏฐิ

ปวิเวกะ คือกายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก

ชาวอโศก ถ้าจะพูดถึงหลักเกณฑ์ธรรมะแล้ว จบอรหันต์แล้ว สังคมอโศกเป็นสังคมอรหันต์ไปแล้ว คือมีกตญาณแล้ว จบกิจแล้ว รู้แล้วว่าเราจบแล้ว อยู่สบาย ก็ไม่ต้องคิดกังวลอะไรข้างหน้า บริหารอยู่กันอย่างนี้ สบาย ไม่มาก สงบสบาย ไม่ต้องแย่งชิงใคร แล้วสร้างสรร เหลือไปแจกจ่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 12:48:57 )

ชาวอโศกจะมีโอกาสที่เป็นสัมโภคกายที่กำหนดสัญญาไม่ตรงกันได้ไหม

รายละเอียด

เป็นสิ ถ้าคุณยังไม่มีปัญญาพอ ยังไม่สะอาดพอที่จะมีปัญญาแจกได้ชัดเจนพอ แต่ถ้าคุณเข้าใจแล้วต้องรู้ให้ชัดเจนจริงๆ นะ ว่าพูดกันไปพูดกันมานึกว่าไปด้วยกันมาด้วยกัน เลือดราชธานีอโศกแล้วไม่ใช่ แต่เป็นเลือดสุพรรณอยู่โว้ย​ เป็นเลือดอยู่ต่างถิ่นกันไม่ใช่เลือดราชธานีอโศกด้วยกันเลยนะ มันจะรู้เอง 

พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า คบหาร่วมอยู่ด้วยกัน คบกันจะรู้จักกันและกันดี 

เพราะฉะนั้นอาตมาหยิบเอาบุคคล 7 มาอธิบายก็ดี ก็ใช้กายใช้จิตเป็นเครื่องตัดสินเหมือนกัน อุภโตภาควิมุติ ปัญญาวิมุติ ทิฏฐิปัตตะ กายสักขี สัทธาวิมุติ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี  

อธิบายไปหลายทีแล้ว อุภโตภาควิมุติ ก็แน่นอนมันสมบูรณ์มันได้ทั้ง 2 อย่าง จะเป็นศรัทธาหรือปัญญาก็มีครบทั้งกายทั้งจิตพร้อม 

เพราะฉะนั้นก็เป็นอรหันต์ได้ อาสวะสิ้นหมดได้ 

พอเป็นบุคคลที่ 6 ปัญญาวิมุติ เออ ปัญญาวิมุตินี้ทำอาสวะสิ้นได้แล้ว ทำอาสวะสิ้นได้เหมือนอุภโตภาควิมุติ เป็นอรหันต์เหมือนอุภโตภาควิมุติ ก็แสดงว่ามีกายสิ แต่ในพยัญชนะบอกว่า 

ปัญญาวิมุตินั้นเป็นผู้หลุดพ้นด้วยปัญญาเท่านั้นคือ ท่านที่ไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย เขาไปแปลว่า ท่านที่ไม่มีการสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย เขาแปลจาก น เหว โข อัฏฐ วิโมกเขฯ เขาไปแปลว่าไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย อันนี้แหละคนไม่มีสภาวะ อาตมาก็เห็นใจ​ เขาก็แปลตามพยัญชนะง่ายๆ แต่มันมีความลึกซึ้งในความหมายของมันว่า ไม่ต้องไปพูดถึงอีก น เหวโข เพราะท่านมีกายมาแล้วตั้งแต่ ทิฏฐิปัตตะ แล้วก็มีกายสักขี 

พอมาถึงปัญญาวิมุติ ท่านก็เป็นผู้ที่มีกายมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปพูดถึง ท่านผ่านกายสักขีมาแล้ว เริ่มตั้งแต่ทิฏฐิปัตตะ ท่านก็เป็นบรรลุถึงทิฎฐิที่สัมมาแล้ว ทิฏฐิปัตตะ คือผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ปัตตะ คือผู้บรรลุรู้กายรู้จิตสัมมาทิฏฐิ 

สัทธาวิมุติบุคคลที่ 3 สายศรัทธาจึงยังไม่รู้ง่าย ยังไม่รู้ อาริยสัจ 4 คุณก็จะเป็นสัทธาวิมุติได้ คุณก็นั่งหลับตาวิมุติไม่ได้มีกาย เขาก็ว่าเขาวิมุติ เขานิโรธ เขาเป็นอรหันต์กันนะ สายหลับตามหาบัวสายนั่งหลับตาเขาก็มีวิมุติหลับตา 

นั่นแหละคือมิจฉาทิฏฐิที่ถาวร แล้วจะวนเกิดวนตายเป็น อาฬารดาบส อุทกดาบส ไปอีกนานนับชาติไม่ถ้วน แต่มหาบัวหลงผิดว่าตัวเองมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ซึ่งน่าสงสารจริงๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:13:07 )

ชาวอโศกจะสร้างอาหารให้แก่โลก

รายละเอียด

มันต้องเป็นเราถ้าไม่เป็นเราไม่รู้จะทำอย่างไร เราต้องทำช่วยเขานะแล้วก็เป็นโอกาสด้วยแล้วก็ไม่ใช่ว่าฉวยโอกาส แต่เป็นโอกาสที่เราจะสร้าง พืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วไม่ต้องสร้างอาวุธ ไม่ต้องสร้างคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องสร้างเทคโนโลยี ซึ่งมันพอใช้แล้วเทคโนโลยีที่ใช้ทุกวันนี้อาตมาว่าพอแล้ว ตาทิพย์ หูทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ ครบหมดแล้ว ใช้พอแล้วทิพย์ทั้งหลาย ไม่ต้องไปสร้างอีกแล้ว ไปสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร กวฬิงการาหาร ให้ร่างกายแข็งแรงมันเป็นสัจจะที่จะต้องกินใช้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นคนจนคนฉลาดคนโง่คนพิการ ทั่วโลกก็ต้องการข้าวกิน ส่งไปให้ขั้วโลกเหนือส่งไปให้ขั้วโลกใต้ ที่เขาไม่มีข้าวกินให้มาหัดกินข้าว ส่งพืชไปให้หัดกินให้มันกินพืช จะได้เจริญกว่านั้น การกินแต่เนื้อสัตว์นั้นอายุจะสั้นอายุแค่ 25 ปีก็เริ่มจะตายแล้วถือว่า 25 ปีนี้เจริญวัยเต็มที่ไปทางเสื่อมเลยสูงสุดไม่เกิน 40 ปี ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้เย็นจัดแล้วไม่มีที่จะปลูกพืชก็กินแต่เนื้อสัตว์ไม่กินปลาก็กินเนื้อสัตว์อื่นกินมีอย่างนี้เป็นต้น เนื้อหมีเนื้อสิงโตทะเล ซึ่งมันก็ยาก เขาก็ต้องกินปลากินเนื้อ เพราะพืชไม่มีมาก สัตว์ทางขั้วโลกเหนือก็ต้องมี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:50:22 )

ชาวอโศกจะอยู่กับสังคมไปอีกนาน แม้พ่อครูจากไปแล้ว

รายละเอียด

อโศกรำลึก เราก็รำลึกถึงคำว่าอโศกก่อน ทำไมใช้เรียกชื่อกลุ่มบุคคลของพวกเรา ซึ่งจะไปอีกนานชื่อชาวอโศก จะอยู่กับสังคมเขาไปอีกนาน อาตมาตายแล้วชาวอโศกก็ยังอยู่ แล้วดูเหมือนจะดีขึ้นด้วย อาตมายังอยู่นี่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยดี อาตมาตายแล้วอโศกจะดีกว่าดีขึ้นไปอีก 

ดีขึ้นหมายความว่าคนจะมาสนใจชื่อว่าอโศกมันคืออะไร มีอะไรบ้าง มันเป็นทั้งธรรมะมันเป็นทั้งหลักปฏิบัติ เป็นทั้งพฤติการณ์พฤติกรรม เป็นถึงขั้นวัฒนธรรมทั้งเป็นระบบ อโศกมี เศรษฐกิจแบบอโศก การเมืองแบบอโศก สังคมแบบอโศก มันก็มีลักษณะของมันจำเพาะ ไม่เหมือนใคร จะมีเหมือนนี้บ้างแต่รวมทั้งหมดแล้วไม่เหมือน ใครๆ มาลอกเลียนให้ครบสมบูรณ์แบบแบบอโศกไม่ได้ เจ้านั้นจะเอาบ้าง หรือมีบ้างส่วนนั้นส่วนนี้ส่วนนู้น คนละมุมคนละเชิง แต่จะเต็มๆ แบบอโศกไม่ง่าย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:38:06 )

ชาวอโศกจะเปิดหมู่บ้านจัดตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 

รายละเอียด

ปีใหม่ปีนี้ชาวอโศกตั้งใจอยู่นะว่าจะเปิด เปิดหมู่บ้าน เกรงใจ covid เขามากๆ แต่ก็ แหม! ก็พอบ้าง เกรงใจก็ถึงวาระก็ควรพอบ้าง เพราะที่อื่นเขาก็ปลดไปเยอะแล้ว เราก็กะปีใหม่จะเปิดชุมชน หมู่บ้าน แล้วก็จะจัดตลาดอาริยะ 

เราอยากจัดนะ อยากจัดเพราะตอนนี้ดูเหมือนเงินคงคลังเราจะมีเพิ่มขึ้นอยู่ ถึงเวลานั้นก็ต้องขอมาทำตลาดอาริยะ แต่ก่อนนี้ทำครั้งหนึ่งครั้งหนึ่ง 4 ล้าน 5 ล้าน แต่ก่อนเงินมันก็แพงนะ เดี๋ยวนี้เงินมันลดลง เงินมันค่าตกลงไปเยอะ ก็น่ะหลายๆล้านได้ก็ดี จัดตลาดอาริยะกันให้สนุกครื้นเครง โอ้โห! พรึ่บ เลยนะ คนมาตลาดอาริยะเต็มเลย ขายต่ำกว่าทุนกับแจกฟรี 

ต่ำกว่าทุนได้มากที่สุดเท่าไหร่ เราจะต้องแข่งกันขาย ไม่ว่าเจ้าไหนมาออกร้าน ต้องขายให้ต่ำกว่าทุนให้มากที่สุด แข่งกันให้หมดเนื้อหมดตัว แจกได้แจก เพราะฉะนั้นคนก็มากันจริงๆ เพราะของของเรานี้ของดี ของจำเป็น ของสำคัญ ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ของมอมเมาอะไรเลย มันก็เป็นของใช้ของกิน ของที่เป็นสาระของชีวิต ชาวบ้านสนุก แต่พวกไฮโซเขาไม่สนุกเท่าไหร่ ของมันไม่เข้ากับเขาก็ไม่เป็นไร เราก็ไม่เอา เราก็ไม่มีปัญหาอะไร 

เราก็มีคนพื้นฐานอย่างพวกเราเยอะ เยอะกว่าพวกไฮโซด้วยไม่มีปัญหาอะไร แต่ไฮโซเขาก็มีมาบ้างมาแทรกแซง ดีไม่ดีมีพวกมาแอบเข้าคิว มาหลายคนมาเข้าแถวซื้อโกยๆ ไป เราก็มีจำกัดว่าคนหนึ่งซื้อได้กี่ชิ้น เขาก็มีวิธีเวียนเทียนมา โอ้โห.. มันตะกละไม่จบ แต่สนุก สนุกแล้วก็สนุก 

การได้แจกได้ทำเพื่อผู้อื่นได้ให้คนอื่นเขานี่ มันเป็นเรื่องวิเศษเพราะฉะนั้นคนที่มีจิตจริง มีจิตใจจริงๆ เลยว่า การได้ให้ผู้อื่นเป็นสุดยอดสุข การเอาของผู้อื่นมามันกิลตี้ มันไม่สบายใจ ไปเอาของคนอื่น ไปโลภของคนอื่นมา มันเป็นสัจจะของคนนะ คนที่มีภาวะจริงอย่างนี้คือคนเจริญ คนที่ได้เปรียบเขาเอาๆ แล้วดีอกดีใจยังเป็นพวกไม่เจริญ ยังเป็นพวกมิลักขะ ยังไม่ใข่อาริยกะ ก็จริง 

นี่ก็เข้าแถว บาทเดียวบาทเดียว จักรยานคันหนึ่งบาทเดียว รำกันมาแล้ว เป๊งหยุด บาทหนึ่งมา สนุก มันสนุกจริงๆ ว่าไป ถึงเวลาวาระ ปี 66 เราจะได้จัดไหม มันจะลืมแล้วนะ โอ้โห.. เรา นานหลายปีแล้ว ไม่ได้จัดจนลืมแล้วนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 05:08:27 )

ชาวอโศกจะเป็นกลุ่มคนอายุ 100 ปีเป็นหลัก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นชาวอโศกเรากำลังตื่นตัว อาตมาก็พยายามจะพาทำ ไม่ยอมตายตั้งใจทำเลยพาทำเลย อาตมาก็ยืนยันว่าชาวอโศกจะเป็นคนอายุยืน แล้วจะเป็นกลุ่มคนอายุ 100 ปีเป็นหลัก อายุร้อยเป็นสามัญธรรมดา พวกที่นั่งอยู่นี้จงหวังไว้เถิดจะมีอายุ 100 ปีกันพากเพียรให้ดีๆ แต่อย่า “อภิชัปปา” ตัณหาล้ำหน้าไปนะ ค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ พวกเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:20:52 )

ชาวอโศกจะเป็นคนที่อายุยืน

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดไว้ว่าชาวอโศกจะเป็นคนที่อายุยืน ด้วยอาตมาเป็นคนที่นำ จริงๆ แล้ว ท่านดินดี นี่นะ ท่านยังไม่น่าตาย หากไม่อุบัติเหตุรถชน ก็ไม่น่าตาย หรือแม้แต่ท่านมุทุกันโตก็ไม่น่าจะตายหรอกแต่มีอุปัทวเหตุมีวิบาก จริงๆท่านจะอยู่ยืนยาว ไม่ว่าจะเป็นท่านดินดีหรือท่านมุทุ เพราะว่าได้สร้างพลังงานอย่างที่ว่านี้ ส่วนคนที่มีโรคภัยก็แล้วไป แต่คนที่ถ้าไม่มีอุบัติเหตุก็จะต่อได้ ท่านแข็งแรงนะ 2 ท่านนี้ ท่านมุทุ เดินได้วันละหลายสิบกิโลเมตร จนท่านตั้งปณิธานว่าไม่ขอขึ้นรถ ไม่ขอขึ้นเครื่องบินด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 07:41:53 )

ชาวอโศกจะเป็นเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

วันนี้กองผลหมากรากไม้บนโต๊ะพูนเต็มเลย มันมีแปลกมาอยู่ 2 อย่างคือกระท้อน กับอินทผาลัม กระท้อนมันลูกโต นอกนั้นอิททผาลัมเป็นพวงเต็ม อินทผาลัมก็มีหลายแบบ อันนี้ของที่ศาลีอโศก ที่บ้านราชอาตมาก็ชิมมาแล้ว ปีนี้ออกมากขึ้นปีหน้าก็คงออกลูกมากขึ้น คือเราปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ขอย้ำว่าพวกเราชาวอโศกจะเป็นเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นเจ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่ยึดถือเป็นเราเป็นของเราแต่จะเป็นผู้ที่ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์ให้งดงามให้ดี มีเนื้อหาสาระของมันอย่างดี วันนี้ก็มีเงาะจากศีรษะอโศก ทุเรียนมังคุดมาจากไวพลัง กระท้อนจากจันทบุรี ดูแล้วผู้ที่ยังมีน้ำลายไหลอยู่ก็ไหลไป ฟักทองลูกใหญ่ คนมีอาวุธเก่งแค่ไหนก็ตาม มีธนบัตรเก่งแค่ไหนก็ตายมีเพชรมีทองเก่งแค่ไหนก็ตาย และที่สำคัญที่สุดก็คือเรามีแล้วอย่าไปขายแพง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:12:25 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:29:54 )

ชาวอโศกจะไปยาก

รายละเอียด

จริงตอนนี้มัน nervous กันทั้งโลก แม้จะบอกว่า ตาย 1% ประสาท 100% ก็ตามก็ไม่เห็นจะมีปัญหาที่เราจะถ้าหากปิด แล้วเราก็จะต้องพึ่งพาตัวเองภายใน เราจะพึ่งพาตัวเองรอดไหม มันเป็นการพิสูจน์ชนิดหนึ่ง อาตมามั่นใจว่าชาวอโศกจะไปรอด จะอยู่กันรอด เพราะว่าเราเองเราเป็นกรรมกร หากไม่ใช่กรรมการเราเป็นคนอยู่หอคอยงาช้างนั้นไม่รอดหรอกหากปิด แต่เราเป็นกรรมกร เราปลูกเราสร้าง โดยเฉพาะปัจจัยในเรื่องอาหารการกินของกิน เราเน้นของกินมากกว่าของใช้ด้วยซ้ำ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:42:23 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 12:58:08 )

ชาวอโศกจะไม่เป็นตัวอย่างแก่สังคม นี่คือเราช่วยเศรษฐกิจแก่สังคมแล้วเรามีเขตของความพอ

รายละเอียด

อย่างในหลวงร.9 ที่ตรัสแบบคนจน ไม่ใช่คนธรรมดา โดยเฉพาะในยุคทุนนิยมที่แข่งกันรวยเละนี้มันไม่ใช่ภาษาธรรมดา เพราะฉะนั้นคำว่าคนจนนี้ศึกษาให้ดีเถิด แล้วเราก็จนได้สำเร็จ แล้วทุกวันนี้ จนได้สำเร็จอย่างไร คือเราเป็นคนที่ไม่ไปไล่แย่งชิงแล้วไม่สะสม อปจยะ มีวรรณะ 9 คืออยู่กันอย่างพอเพียง น้อยๆไม่มากมายอะไร แต่ละคนไม่สะสมเพิ่มขึ้น คนพวกนี้ ชาวอโศกจะไม่เป็นตัวอย่างแก่สังคม นี่คือเราช่วยเศรษฐกิจแก่สังคมแล้วเรามีเขตของความพอ ก็มีแค่นี้ก็พอแล้วเราไม่ไปรวย จะรวยเป็นพันหมื่นแสนล้าน พวกเราเลิกคิดแล้ว ที่จะไปแย่งชิง ชาตินี้จะต้องไปมีเงินล้าน บางคนก็อย่าว่าแต่เงินล้านเลยเงินแสนก็ไม่เอาไม่ไปสะสมแล้วบางคนพวกเราแค่ 10,000 ก็ไม่เอาแล้ว วงเงินแค่พันก็พอแล้ว เงินหมื่นสำหรับพวกเราเยอะนะ แต่เงินร้อยเงินพันก็ไม่เท่าไหร่ มีเขต คนพวกนี้คือคนที่มีคุณธรรมมีสิ่งประเสริฐอยู่ในสังคม ไม่ใช่เป็นตัวภาระทางเศรษฐกิจ ให้ผู้บริหารเขาช่วยเหลือ เป็นภาระ อย่างพวกเรานี้รัฐบาลจะมาแจกเงินคนละ 5,000 พวกเราก็ไม่แยแส เรามีสิทธิ์นะที่จะรับเพราะเราเป็นคนจนจริงด้วย แต่เราก็ไม่เอา ไปดูบัญชีเงินฝากพวกเราได้เลย พวกเราไม่ไปแย่งเขาไม่ใช่สิทธินี้ให้รัฐบาลทำงานได้สะดวกที่พูดมานี้ เท่ากับอาตมาได้ช่วยสังคมประเทศชาติช่วยบริหารประเทศทำให้ไม่เกิดการแย่งชิงกัน ลำบาก เป็นการช่วยเศรษฐกิจช่วยรัฐบาล อาตมาได้มาทำให้พวกคุณไม่ต้องไปหลงลาภยศสรรเสริญไม่ต้องไปแย่งชิงอย่างที่เราเขาทำ เป็นสิ่งที่จะช่วยมนุษยชาติไม่ว่าในยุคไหนไม่ว่าศาสนาไหนก็อย่างนี้ แต่เขาไม่รู้ทฤษฎีเช่นนี้ แต่เขาจะทำมาหาแบบนี้ ที่พูดนี้ชัดตรงไม่ลดเลี้ยว ตรงชัด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:03 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:06 )

ชาวอโศกชัดเจนว่าอาหารสำคัญกว่าเพชรนิลจินดา

รายละเอียด

แต่สรุปแล้ว ชาวอโศกเราได้ศึกษาความเป็นมนุษย์ และรู้จักการเป็นอยู่ อย่างที่มีอะไรที่ควรจะต้องมี ควรเป็น ควรได้ อะไรสำคัญก่อน สำคัญมาก สำคัญน้อย ไม่ได้หลงเละเหมือนชาวโลก ชาวโลกเห็นว่าเพชรนิลจินดา ธนบัตรสำคัญมาก แต่ของพวกเราเห็นว่าสำคัญน้อย เรามีข้าวเป็นหนึ่งในโลก อาหารเป็นหนึ่งในโลก สำคัญกว่าเพชรนิลจินดากันเยอะ ของเขาแย่งชิงเพชรนิลจินดา ของเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เราชัดเจนว่าอาหารสำคัญกว่าเพชรนิลจินดา เราจึงเอาชีวิต แรงงาน มาทำสิ่งเหล่านี้ทำให้เยอะๆ แล้วกระจายเผื่อแผ่ เราทุกคนอาศัยตรงนี้มากมาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:15:58 )

ชาวอโศกซื่อๆ อินโนเซ้นท์

รายละเอียด

คือ จะพูดไปแล้วพวกเราชาวอโศกมันเหมือนคนที่ซื่อๆ อินโนเซ้นท์ เก่งกันทุกคนหน้าตาเฉย คือไม่ค่อยได้มีมารยาทสังคม มารยาทสังคมคนที่เก่งเขาจะไม่พูดว่าตัวเองเก่ง จะทำเป็นเต๊ะจุ๊ย แต่นี่ซื่อๆไม่เดียงสา มีความจริงใจอย่างไร ก็พูดความจริงใจออกมาซื่อๆ อันนี้เป็นสิ่งที่วิเศษ มันลอกเลียนยาก คนก็พยายามลอกเลียนกัน มันไม่ง่าย เป็นเรื่องซับซ้อนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:15:07 )

ชาวอโศกดีเลิศ ประเสริฐศรี

รายละเอียด

ถามมาสั้นๆ แต่ถ้าจะตอบกันจริงๆก็คงนาน อันนี้มาล้วงตับล้วงไส้ชาวอโศกนะ ไม่บอกหมดหรอก แต่บอกน้อยๆก่อนก็แล้วกัน ชาวอโศกดีเลิศประเสริฐศรีคือ อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนรับใช้ นี่คือความดีเลิศประเสริฐศรีของชาวอโศก ต่อมาตอบยาวหน่อย ชาวอโศกดีเลิศประเสริฐศรีคือ ชาวอโศกยอมจน ยอมเป็นคนแพ้ แต่ไม่ขอผิด เว้นแต่สุดวิสัย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:26:00 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:28:08 )

ชาวอโศกตั้งใจประพฤติโลกุตระธรรม

รายละเอียด

คำว่าธรรมะคือลดละโลกธรรม คนก็พอฟังเข้าใจ แต่ไม่ได้ลดละจริง ไม่ได้ทำความเข้าใจด้วยปัญญาลดลงๆได้จึงไม่เกิดผลอะไร คนเราถ้าตั้งใจจริงๆพากเพียร พอเข้าใจในความหมาย แต่ตั้งใจจะพูดจริงๆมันจะได้ ชาวอโศกตั้งใจประพฤติ ก็มีมรรคผล ในแต่ละบุคคลแล้วมารวมกันเป็นหมู่กลุ่ม เป็นคนที่ได้ปฏิบัติธรรม ลดโลกธรรม มามีธรรมะตามบารมีแต่ละคนมากบ้างน้อยบ้างก็ตามจริงแต่ละคน บางคนกดข่ม บางคนไม่ได้กดข่มทำได้สบายก็อยู่ที่ตัวบุคคล 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่85 วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:17:32 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:50:37 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:41:16 )

ชาวอโศกตีธรรมะ 2 แตกได้อย่างไร

รายละเอียด

คุณฟังธรรมะพอเข้าใจใช้ได้ อะไรก็เริ่มกันที่ธรรมะ 2 คือ เทวฺ นี่แหละที่เป็นความยิ่งใหญ่ที่สุดในมนุษยชาติ ใครที่ไม่สามารสตีธรรมะ 2 นี้ให้แตกได้ แยกธรรมะ 2 แล้วก็ทำความเข้าใจว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นของแท้อะไรเป็นสิ่งไม่แท้ อะไรเป็นสิ่งที่คนอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควร แล้วก็ต้องเลือกเอาสิ่งที่ควร สิ่งที่ไม่ควร ถ้ามันติดยึดอยู่ก็ต้องทำออกๆ ธรรมะรวมทั้งหมดเลยมีแค่นี้ ทีนี้น่าสงสาร คนที่จมอยู่ในเทว จมอยู่ในความเป็น 2 ตีไม่แตก undistinguish ไม่สามารสตีแตกแยกแยะนี้ได้ คือพวกเทวนิยม ชาวพุทธก็ตีธรรมะ 2 ไม่แตก มีชาวอโศกตีธรรมะ 2 แตก แล้วเรียนรู้เวทนาในเวทนา ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:37:12 )

ชาวอโศกต่างจากองค์กรการกุศลหรือวัดอื่นๆ ที่ไม่มีการเรี่ยไร

รายละเอียด

อันนี้เด็ดขาด ตั้งแต่นำพาศาสนามาไม่พาให้เรี่ยไร ยกเว้นไปทำงานกับส่วนกลาง เช่น การชุมนุมประท้วง ก็เลยต้องมีการใช้จ่ายมากกับภายนอกด้วยไม่อย่างนั้นหมุนเวียนไม่ครบก็ จำเป็น มีการรับบริจาคบ้าง แม้ว่าเงินเหลือเราก็ตัดไว้ใช้กับกิจกรรมสาธารณะในโอกาสต่อไป เราชัดเจนแล้วทำอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:38:44 )

ชาวอโศกต้องนำขบวน ตั้งใจเป็นชาวกสิกร

รายละเอียด

พวกเราจะต้องสำคัญมั่นหมายอย่างจริงจังเลยว่า โดยเฉพาะพวกเรานี่แหละก่อนจะพูดว่าชาวไทยก็เอาชาวอโศกก่อน ชาวอโศกต้องนำขบวน ตั้งใจเป็นชาวกสิกร เป็นกสิกรแข็งขันกระดูกสันหลังของชาติ เป็นชาวนาให้เต็มที่ เป็นชาวสวนชาวไร่ให้เต็มที่ ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นมาให้อุดมสมบูรณ์ พยายามพัฒนาพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละ ขึ้นมาเป็นสิ่งเอกของโลกให้ได้ นี่อาตมาขอฝากความหวังไว้ว่า ชาวอโศกเราจะมีภูมิปัญญา เป็นภูมิปัญญาที่ประเสริฐ ภูมิปัญญาที่ดีให้รู้ว่า คนที่เป็นชาวไร่ชาวนา ชาวสวนเป็นผู้สร้างอาหาร เป็นผู้สร้างข้าว สวนผลไม้พืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:11:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:02:14 )

ชาวอโศกต้องมีจำนวนน้อยตามสัจธรรมอย่างไร

รายละเอียด

ก็ขอยืนยันว่าคนไทยทุกวันนี้จะเคารพอย่างเช่นหลวงพ่อคูณท่านพุทธทาส หรือพระอะไรอีกเยอะแยะ ที่เป็นอรหันต์ เก๊ ก็ต้องไปเคารพอย่างนั้นแหละ แต่คนที่รู้ว่าอรหันต์จริงคือใครจะมีจำนวนน้อยอย่างที่เป็นอยู่ อย่างชาวอโศกนี้เท่านั้น เป็นเรื่องจริงไม่ได้ประหลาดใจอะไร คุณมาพูดว่าถ้าเป็นพระแท้จะต้องได้รับความเคารพบูชาจากฆราวาสอย่างบริสุทธิ์ใจมากมาย ขนาดสมัยพระพุทธเจ้า พระสารีบุตรไปเจอพระพุทธเจ้า ก็ไปบอกอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร ว่าไปหาพระพุทธเจ้ากันไหม อาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตรก็ถามว่าจะไปหาพระพุทธเจ้าทำไม บอกว่าเราอยู่ทางนี้ดีกว่า สัญชัยก็ถามว่า ในโลกนี้มีคนโง่มากกว่าหรือคนฉลาดมากกว่า พระสารีบุตรก็บอกว่าคนโง่มีเยอะกว่า คนฉลาดมีน้อย สัญชัยเวลัฏฐบุตรก็บอกว่าให้ไปอยู่กับคนฉลาดก็แล้วกันเราจะอยู่ช่วยคนโง่ที่มีเยอะแยะ เราจะช่วยคนส่วนมากดีกว่า ส่วนคนฉลาดก็ไปอยู่กับคนฉลาดเถอะมันก็ถูกต้องแล้ว ชาวอโศกก็ต้องมีจำนวนน้อยชาวโลกก็ต้องมีจำนวนมาก ไม่เห็นเข้าใจผิดแต่อย่างใด คุณพูดอย่างสับสนวนเวียนไปมา คุณพูดนะ มันถูกแล้วชาวอโศกเป็นไปตามสัจธรรมคุณว่า พระที่แท้จริงต้องได้รับการเคารพบูชาจากทั้งประเทศ เพราะว่าประเทศไทยศาสนาพุทธได้เสื่อมไปแล้ว นี่อาตมาทำนี้ก็ยังมีคนตาดีรู้จักโลกุตรธรรมมีจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนพันเท่านี้ ในคน 67 ล้านคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:50:13 )

ชาวอโศกทำงานช่วยประเทศชาติอย่างไร

รายละเอียด

ซึ่งถ้าใครสนใจมาเอา เราก็ไม่ได้ไปเอาอะไรจากเขา เราจะไม่ได้อะไรจากเขาหรอก มีแต่เขาจะได้ สังคมส่วนใหญ่จะได้ อย่างนั้น อย่างพวกคุณมานี่ไม่ใช่อาตมาได้อะไร พวกคุณได้ สังคมได้ ประเทศชาติได้ จะว่าไปแล้ว พูดแล้วอย่าหาว่าพูดเอาดีใส่ตัวหรือทวงบุญคุณสังคมประเทศชาติ 

ชาวอโศกทำงานช่วยประเทศชาติ ง่ายๆ ทุกคนมาอยู่ที่นี่มีแต่คนขยันไม่ได้เป็นคนขี้เกียจเลย แล้วขยันทำงานที่ดีทำงานที่เป็นสาระทำงานที่เลือกเฟ้นแล้วด้วย งานที่ไร้สาระเสียเวลาเปล่าไปเตะฟุตบอลไปดีดดิ้นบ้าง เราก็จะมีเพียงเล็กน้อย เป็น amature เป็นเรื่องสมัครเล่นไม่ใช่เรื่องจริงจังไม่ใช่เรื่องอาชีพอะไร ก็เพียงนิดหน่อยอาศัยเพียงชั่วคราว นานๆ ที เป็นเรื่องจร แต่เราทำงานเป็นสาระกัน เพราะฉะนั้นจึงเกิดผลเกิดประโยชน์ในสังคมมนุษยชาติในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:50:58 )

ชาวอโศกทำงานอยู่กับสังคมอย่างไร

รายละเอียด

วันนี้วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561 ที่โรงเรียนผู้นำจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนอื่นมีคนให้ข้อมูลมา ที่ไม่ค่อยถูกต้อง ขออภัยก็ต้องแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ก็คือ เรื่อง ที่เราเองเราอยู่ในสังคม เราก็ได้ออกไปประท้วง ชาวอโศกเรายกกองทัพธรรมไปประท้วงมาก็นานหลายครั้งหลายปีมาแล้ว เราทำงานไปอยู่ในสังคมก็ไม่ใช่ดูดาย ไม่ใช่ใจดำ ไม่ใช่เห็นแก่ตัวเสียจนไม่ดูแลสังคมประเทศชาติอะไรเลย เราก็ช่วย สังคมประเทศชาติด้วยความจริงใจด้วยความปรารถนาดีของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:16:41 )

ชาวอโศกทำงานเสียสละเพื่อประชาชนจริงๆ

รายละเอียด

อโศกไม่ได้ออกกฎหมาย แต่มีอิสรเสรีภาพสมบูรณ์เพราะฉะนั้นอโศกก็ทำงานด้วยความสบายด้วยความอิสรเสรีภาพ

ใครเห็นด้วยกับพรรคการเมืองชาวอโศกก็มาทำงานในนี้ รัฐบาลเข้าใจก็เป็นบุญคุณสำหรับอโศกแล้ว ก็จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ชาวอโศกทำงานเสียสละเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่ได้มานั่งเอาเปรียบ ตัวเองเป็นคนกินน้อยใช้น้อยไม่สะสม มีแล้วก็สะพัดออก อาศัยความมีสมรรถนะและความขยันของตัวเองอย่างไม่กักตุน มีเงินคงคลังน้อย ทำเท่าที่ทำได้ ช่วยเหลือประเทศชาติอยู่ และเราเองไม่อ้าขาผวาปีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 22:02:39 )

ชาวอโศกทำงานแล้วเสียภาษี100%

รายละเอียด

ชาวอโศกที่มารวมกัน เรามีผลผลิตตามแรงงานที่เราสร้าง เราก็ไม่ได้ยึดถือเป็นของตัวของเรา มันจึงเป็นการสะสมผลผลิตที่สมบูรณ์แบบ ทำงานแล้วเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำงานเอาเข้าส่วนรวมทั้งหมด แล้วเราก็มีหลักเกณฑ์ในการมีชีวิต มักน้อยสันโดษ ขัดเกลากิเลส จนกลายเป็นคนรู้เหตุปัจจัยของชีวิตที่สำคัญ ไอ้ที่สุรุ่ยสุร่ายสงสัยก็ลดลง จนกระทั่งเอาเฉพาะเหตุปัจจัยสำคัญสำหรับสรีระร่างชีวิต แต่ปัญหาน้อย แต่ความลดลงมาหาปัจจัยที่น้อยและพอ สุดท้ายอาศัยเสื้อผ้าหน้าแพรไม่กี่ชิ้น อาศัยที่อยู่อาศัยเล็กน้อย อาศัยอาหารวันละมื้อ อาศัยยารักษาโรคหรือมีบริการประกอบ มีอุปกรณ์ที่จะใช้ อาจจะไปถึงขั้นคอมพิวเตอร์ เป็นบริขารก็เอา ทำงานเพื่อผู้อื่นไม่มีอะไรหรอก จะมีคอมพิวเตอร์หรือจอพวกนี้ไว้สำหรับขายออนไลน์ ไม่ใช่ เราไม่ได้เอามาเป็นเครื่องมือหาเงิน มาใช้เพื่อจะทำงานเพื่อมีอะไรบันทึกคิดอ่านเผยแพร่ ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นซับซ้อนอีก ผู้ที่มีความรู้มีปัญญาทำได้จริงตามทฤษฎีที่เขาพยายามทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:28:56 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:59 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:02:53 )

ชาวอโศกทำตามศาสตร์พระราชาได้เพราะเดินตามรอยพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ความซับซ้อนของเศรษฐศาสตร์ สาธารณโภคี ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเลย เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดินที่เข้าใจถึงเรื่องนี้อย่างดีและก็มาประกาศนำทำ พระองค์นำทำ แต่ขนาดนั้นข้าราชการข้าราชบริพารก็เข้าใจไม่ได้ ก็มีชาวอโศกทำ ไม่ใช่ชาวอโศกดัดจริตแกล้งทำเหมือน แต่ทำจริงเลย เพราะศาสตร์ของพระพุทธเจ้ากับของในหลวงเป็นอันเดียวกัน เราเดินตามรอยพระพุทธเจ้า ในหลวงก็ประกาศของพระพุทธเจ้ามันเป็นอันเดียว ไม่ใช่แกล้งทำให้ตรงกันกับของในหลวงตลอด ทำตามของพระพุทธเจ้าแล้วมันก็รวมเป็นอันเดียวกันกับของในหลวง เป็นโลกุตระ ไม่ใช่แกล้งพูดหรือทำสุ่มสี่สุ่มห้าไป เป็นเรื่องสัจจะของแท้จริง สูงสุดยอดของเศรษฐศาสตร์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 07:32:57 )

ชาวอโศกทำสำเร็จ เกิดมรรคผล ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาเอาวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาอธิบายมีคนฟังเข้าใจ ปฏิบัติตามจนเกิดมีมรรคผลก็เลยมารวมกัน เป็นหมู่กลุ่มชุมชนสังคมชาวอโศกที่มีวรรณะ 9 เมื่อมีวรรณะ 9 ผลจึงเกิดเป็นสาราณียธรรม 6 ผลเกิดความเป็นอยู่รวมกัน เป็นสังคมที่อยู่กันอย่างเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมและมีลาภที่ได้โดยธรรมเรียกว่า ลาภธัมมิกา ต่างคนต่างทำต่างสร้าง มันจึงเป็นลาภตามสิทธิของแต่ละคน แต่ก็ไม่เอามาเป็นของตัวเองเอามารวมกันเรียกว่าสาธารณโภคี มีลาภธัมมิกา ลาภโดยธรรมเอามารวมกัน กินใช้ร่วมกันอย่างที่ชาวอโศกเราทำสำเร็จเรียบร้อยและอยู่กันอย่างศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ศีล 5 เสมอกับศีล 5 ศีล 8 เสมอกับศีล 8 ศีล 10 ศีล 10 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลก็เสมอกับจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีความเห็นไปในทางทิศทางเดียวกันไม่ขัดแย้งกัน เป็นสาราณียธรรม 6 เพราะมีจิตตามพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ เกิดจริงเป็นจริงได้คำสอนพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นหมันเอามาเรียนรู้กับพูดได้จริง ในยุคนี้ความเป็นจริงของคนประพฤติได้และอาศัยในชีวิตดำเนินชีวิตอยู่อย่างสบาย ทุกวันนี้ชาวอโศกอาตมาทำงานมา 40-50 ปีมีผลงาน สำเร็จ ถึงสบายๆทุกวันนี้ จนอาตมาว่าจะเกษียณ บรรยายไว้หมดแล้ว ส่วนการบริหารก็โยนให้ผู้ที่เป็นสมณะ สิกขมาตุ ฆราวาสที่จะเอาภาระรับผิดชอบด้วยสำนึกไม่ได้แต่งตั้ง แต่เป็นความสำนึกเข้าใจความจริง ว่าตัวเองควรจะทำหน้าที่ขนาดนี้ และหมู่ฝูงก็ไม่ขัดข้อง มีบางคนไม่ค่อยเหมาะสมก็โดนขัดเกลาเองเป็นไปตามธรรม บางคนยังไม่ค่อยจะลงตัวยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่แต่ก็ แอค อยากจะทำ คนอื่นก็ค่อยขัดเกลา คนที่มีปฏิภาณปัญญารู้กัน มันจะเป็นไปด้วยสัจจะของมันเอง มันจะขัดเกลาไปในตัว ให้ได้สัดส่วนมีความสงบเรียบร้อย อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ มีผลอย่างนั้นจริงๆเลยพวกเราชาวอโศกถึงอยู่กันอย่างเรียบร้อย สงบ อาตมาพูดนำเสนอ เขาจะอ้วกอาเจียนเป็นโลหิตร้อนออกมา ในสิ่งที่อาตมาพูดแล้วพูดอีกนำเสนอแก่พวกเรา เขาฟังแล้วก็อยากจะฆ่าแล้วฆ่าอีก แต่ก็ฆ่าไม่ลงเพราะว่าอาตมาอ้างอิงหลักฐานตามพระไตรปิฎก หลักฐานที่อ้างอิงก็พอดีกับพวกเราปฏิบัติตรงตามหลักฐานนี้ได้ด้วย เขาเลยพูดไม่ออกได้แต่กรอกตา 

ที่มา ที่ไป

รายกาพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:04:16 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:49 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:30:57 )

ชาวอโศกทิฏฐิสามัญญตาหนึ่งเดียวกัน

รายละเอียด

แรกอาตมาไปเทศน์ที่วัดมหาธาตุ ก็บอกว่าพวกอโศกมันพูดเหมือนกันหมดเลยมันนัดกันมาหรืออย่างไร จริงแล้วต่างคนต่างเอาความจริงมาพูด ที่จริงแล้วก็พูดคนละสำนวนคนและพยัญชนะแต่ความเข้าใจของท่านทั้งหลายที่เป็นภิกษุพวกนั้นได้ฟังแล้วก็บอกว่าทำไมพูดเหมือนกันหมดเลยพวกอโศก แต่ที่จริงแล้วคนละสำนวนคนละภาษา ที่เป็นสำนวนลูกทุ่งก็พูดลูกทุ่ง คนที่พูดลูกกรุงก็พูดลูกกรุง แต่มันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเป็น 3 อันจะตามเป็นทิฏฐิสามัญญตาหนึ่งเดียวกันอย่างนี้เป็นต้น 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:27:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:31 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:03:17 )

ชาวอโศกที่ความสุขชนะฟินแลนด์

รายละเอียด

ตกลงชาวอโศกมีความสุขมากี่ปีแล้ว มีคนตอบว่า 40 กว่าปีแล้วพ่อครูว่าชนะฟินแลนด์ลิบเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:27:29 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:03:37 )

ชาวอโศกที่ติดสบายอยู่ภายนอกควรเพิ่มฐานตัวเองอย่างไร

รายละเอียด

คุณเปิดช่องนิดๆ เรียกว่าช่องหมาลอด เปิดช่องให้ผม ออกไปอธิบายดี ..ก็ต่อที่ท่านถ่องแท้พูดนำมาก่อน คือ ชาวอโศกติดสบาย นั่นแหละ คุณอยู่คนเดียว คุณทำได้ ลดอบายมุข ลดในสิ่งที่โลกธรรม เขาจัดจ้าน แย่งลาภ แย่งยศ แย่งสรรเสริญกันอยู่​ แล้วก็เลยติดสบาย สบายคำนี้คือสุข 

ทีนี้ คุณสบาย ก็เป็นรอบหนึ่ง ขนาดหนึ่งที่เราปฏิบัติธรรมแล้วสบาย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า กายกรรม วจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีก สบายนี้เป็นฐานอาศัยแล้ว มันเป็นสบาย หนี้ไม่มี ทำมาหากินเลี้ยงชีพ มีสันโดษพอสมควร ไม่มักมากกว่านี้มีความพอ เสร็จแล้วก็มีการขัดเกลาตัวเองอยู่พอสมควร 

ถ้าคุณอยู่กับโลกเขาคุณก็อยู่ได้แล้วสบาย เพราะกระทบสัมผัสอย่างหยาบนั้นคุณเหนือมันแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แบบหยาบคุณอยู่เหนือกว่าเขาแล้ว เข้ามาอยู่ในชุมชนชาวอโศกในหมู่กลุ่มนี้รับรองว่าละเอียดกว่านั้นเยอะ ตำรวจเยอะ โจทย์เยอะสมเหมาะกับฐานะ เพราะฉะนั้นอยากจะเลื่อนฐานจงเข้ามาอยู่ในชุมชนชาวอโศก หอบครอบครัวเข้ามาเลย ถ้าเข้ามาได้ ถ้าเข้ามายังไม่ได้ก็ต้องทำกันพอสมควร อย่าไปข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้าเดี๋ยวมันจะไปไม่ไหว มันจะเป็นภาระ คุณต้องรับวิบากเป็นสัมภาระวิบาก ไปมีครอบครัวมีลูก มีหลาน มีลูกเต้า ลูกเต้าไม่เท่าไหร่หรอก ข้อสำคัญคือคู่จะมาด้วยกันได้ไหม ถ้ามาได้ก็มาเลย 

ต้องเพิ่มฐานะ เพราะฉะนั้นสบายอยู่อย่างโลกๆ ก็สบายได้แล้ว ก็มาสบายอย่างโลกุตระสิ เป็นดินแดนโลกุตระ ชาวอโศกจะอยู่ไหนก็ได้ จะอยู่สังฆสถาน พุทธสถาน หรืออาวาสสถาน ที่ชาวอโศกที่คุณเหมาะใจจะอยู่ชุมชนไหนที่เป็นชุมชนชาวอโศกก็มา 

ไปอยู่ข้างนอกก็ต้องมอบตัวในทางที่ผิดอยู่ ไม่เข้ามาอยู่กับหมู่มวลมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี เพราะฉะนั้นคุณจะไม่เพิ่มความยินดี คุณจะไม่เพิ่มอธิศีล ตามหลักของ สุริยเปยยาล 7 คุณจะไม่ได้เพิ่มการลดอัตตา ไม่ได้เพิ่มทิฏฐิที่เป็นสัมมาทิฏฐิมากยิ่งขึ้น จะมีความประมาทเพราะมันติดสบายก็จะจมอยู่กับความประมาท สุริยเปยยาล ข้อที่ 6 การทำใจในใจก็ไม่ได้สูงกว่าที่ทำได้อยู่แล้ว มันก็จะแช่นิ่งมันก็จะติดแป้น กลายเป็นเทวดาที่ติดแป้น อยู่เป็นตัวที่ 7 ของเมถุนสังโยค 7 เป็นเทวดาติดแป้นอยู่ที่ตัวที่ 7 ซึ่งมันก็จะกลายเป็น  วัฏฏะภิรตโสดาบัน เหมือนอย่างนางวิสาขา เป็นพระโสดาบันที่ติดแป้นอยู่แค่นั้น ไปไม่รอด

เพราะฉะนั้นก็เอาคู่มาเลย พระโสดาบันนี้ยังมีคู่นะ แต่ก็มีผัวเดียวเมียเดียว เอาเข้ามาในนี้มาอยู่ในหมู่ชุมชนชาวอโศก อย่าไปอยู่เลยข้างนอก เพิ่มฐานแบบนี้ จะได้เป็นสัปปายะ 4 มีเสนาสนะใหม่ มีบุคคล สถานที่ มวลมิตรสหายใหม่แล้วก็มีอาหารเครื่องอาศัยใหม่ ใช่อยู่ที่โน่นก็มีอาหารเครื่องอาศัยไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหารวิญญาณาหาร แบบภายนอกแต่ที่นี่จะมีอาหาร 4 ที่สมบูรณ์แบบบวกกันอีกขัดเกลากันเพิ่มเติมเข้าไปอีก นี่เป็นสิ่งที่ถามมาว่าจะทำอย่างไรก็อธิบายให้ ที่พูดไปนี้ไม่ใช่บังคับคุณ แต่เป็นการบอกควรหรือไม่ควรจะมาอยู่หรือไม่มาอยู่ก็แล้วแต่ คุณตัดสินใจเอง ศาสนาพุทธไม่ได้ไปบังคับใคร บอกอันที่ควรจะเพิ่มฐานเพิ่มฐานะของตัวเองให้ดีขึ้น ก็บอกที่ควรเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:29:20 )

ชาวอโศกท้าทายให้มาพิสูจน์ความจริงได้

รายละเอียด

ในยุคนี้เป็นยุคใกล้กลียุคแล้ว ยังมีพวกคุณเป็นได้ นี่แสดงซึ่งสภาวะจริง มันพิสูจน์ความจริง อาตมาว่าอาตมาได้พาพิสูจน์ความจริงมาอย่างสำคัญ เอาชีวิตคนจริงๆ มามีชีวิตอยู่อย่างนี้จริงๆ ไม่อธิบายรายละเอียดต่างๆ หรอก

มาจนกระทั่งกลายเป็นสาธารณโภคีได้ โอ้โฮ อาตมาภาคภูมิใจมากเลยที่ตนเองทำได้สำเร็จ มาทำให้เกิดสังคม สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  เกิดจาก เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  ลาภที่ได้ก็เอามาเฉลี่ยเข้าส่วนกลาง ซึ่งคอมมิวนิสต์เขาก็ยังทำไม่ได้เลย แต่พวกเราทำได้สำเร็จ แล้วก็ศึกษากันไป ทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตาไปตามลำดับ สุดยอด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประเด็นโลกุตระจากงานศพอาจารย์สมเกียรติ วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2564 ( 11:57:21 )

ชาวอโศกนำพาเป็นกสิกรรมธรรมชาติให้เป็นหลักเลย

รายละเอียด

มาลงตรงนี้ก็ได้ อาชีพบริสุทธิ์ อาตมาก็ขอเน้น ประเทศไทยก็ตาม ควรจะต้องหันมาส่งเสริมอาชีพ กสิกรรม ให้เป็นโล้เป็นพาย ให้มันยิ่งใหญ่ มันยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่นะงานกสิกรรมของชาวไทย มันจะยิ่งใหญ่กว่านี้ ชาวอโศกก็พยายามจะให้ดีก็นำพามา อย่างน้อยชาวอโศกก็นำพามาเป็นกสิกรรมธรรมชาติกสิกรรมไร้สารพิษมาได้ขนาดนี้ ได้ผลผลิตต่างๆนานามาจนเป็นที่ยอมรับของสังคมพอสมควร ให้เขาได้ตื่นตัวหันมาสู่อาชีพกสิกรรมส่งเสริมอาชีพกสิกรรม ให้เป็นหลักเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:45:58 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:04:05 )

ชาวอโศกนี่คือคนชั้นสูง

รายละเอียด

คือคนชาวอโศกที่เข้าใจความจนแล้วมาเป็นคนจนที่มีคุณภาพ  เป็นคนจนที่มีประโยชน์  คุณค่าต่อสังคม  ต่อผู้อื่น  ไม่ก่อความวุ่นว่าย เดือดร้อน  พวกเราไม่ได้เป็นคน ก่อความวุ่นวาย เดือดร้อน ทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ  ไม่ได้เป็นคนวุ่นวายทางด้านการเมือง  ทางเศรษฐกิจ  ทางสังคม

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 15:01:39 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:04:30 )

ชาวอโศกนี่แหละปฏิบัติธรรมะประสบความสำเร็จ

รายละเอียด

คือที่รนอื่นเขาเดือดร้อนวุ่นว่าย  เขาจะแก้จน คนชาวอโศก  ของเราไม่ต้องไปแก้จน ก็เพราะมาจนแล้ว  พูดอย่างไรก็ลงตัวทุกอย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:42:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:54:15 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 13:05:17 )

ชาวอโศกนี้ New Normal แปลว่าใหม่เสมอเป็นปกติ อกาสิโก

รายละเอียด

อาตมาก็ขอสรุปว่า ชาวอโศกนี้ New Normal แปลว่าใหม่เสมอเป็นปกติ ไม่มีเก่าเลยไม่เสมอเก่าสมัย ไม่มีเก่าเลย เก่าทันสมัยอยู่ตลอด เก่าสมัยใหม่เสมอ ใหม่เสมอเป็นปกติ อกาลิโก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:49:22 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:15 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 14:20:54 )

ชาวอโศกนี้เป็นคนจนสมบูรณ์แบบสำเร็จรูปแล้ว

รายละเอียด

ทำให้คนเป็นคนจนสำเร็จ อย่างคนชาวอโศกนี้เป็นคนจนสำเร็จรูปแล้ว เป็นคนจนสมบูรณ์แบบ สบาย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส มีใจเกื้อกูล คนจนมีใจเกื้อกูล คนจนมีประโยชน์ นี่ ราชธานีอโศกนี้ ซาอุบลฯ คนมาทำงานที่นี่ คนชาวบ้านชาวช่องมาทำงานที่นี่ เอาเงินจ่ายไป ทำไป จ่ายไป ราไม่ได้ไปหาเงิน เขาก็เห็นว่าที่นี่มันรวยอย่างไร มันเอาเงินมาจากไหน  

ใช่ มันเอาเงินมาจากไหน ? มันก็ไม่ได้เที่ยวไป วัดวาก็ไม่เคย นี่ จัดงานแล้วก็จะได้มาทำทานบริจาค ไม่ได้ทำเลย ที่นี่มันยังไงมันเป็นพุทธหรือเปล่า ไม่เคยจัดงานหาเงินบริจาคเหมือนที่อื่นๆ เลย ปิดทองลูกนิมิต ทำไมมันไม่ทำเหมือนวัดวาอื่นเขาบ้าง ไม่ทำ ไอ้นั่นมันผิดไปจากศาสนาพุทธแล้ว มันเป็นบาป ปิดทองลูกนิมิต อย่างที่อาตมาพูดไปแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:48:37 )

ชาวอโศกนี้เหมือนพวกค้างคาว อย่างไร

รายละเอียด

เขาจะรู้แต่ในการที่จะยึดตัวตน ยึดพวกตน ยึดความรู้ของตน ยึดความยิ่งใหญ่ของตน ความเป็นกลุ่มเป็นหมู่ของตน ไม่เพิ่มที่จะรู้อันใหม่ เขาจะกลับเห็นอันใหม่ว่าเป็นของแปลกเป็นของที่ เฮ้ย! ดูพิสดาร ตัวอะไร? มันไม่เหมือนเขา มันจะนอนมันก็ห้อยหัวลง ธรรมดาสัตว์นอนมันก็นอนราบ ไอ้นี่มันนอนห้อยหัวลง ตัวอะไรเกาะไม้หัวห้อย มาดูกันละหน่อย ว่าตัวอะไร อีสานเรียกว่าอีเจีย ตัวค้างคาว มันประหลาด

พวกเราชาวอโศกนี้เหมือนพวก ค้างคาว นอนแล้วหัวห้อยลงมา เออ มันแปลก มันแปลกผิดประหลาดจากเขาแบบนั้น เอารูปธรรม เอาค้างคาวมายกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ เขารู้สึกอย่างนั้น แต่แท้จริงนั้นเราก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัย ไม่ได้เป็นอะไร เราก็เป็นสิ่งที่ ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดที่จะเป็นหนูก็ไม่ใช่ เป็นนกก็ไม่เชิง มีทั้งหูมีทั้งปีก นกมีหูหนูมีปีก มี 2

มีภาวะ 2  นี่แหละ ค้างคาว เป็นสัตว์ที่มีภาวะนกมีหูหนูมีปีก นกมันไม่มีหูนะ นกมันมีรูรับเสียงเท่านั้นหรือผัสสะเอา เป็นแผ่นๆ ปิดไปเลย ไม่มีใบหูอย่างนี้ แล้วหนูมันก็ไม่มีปีก แต่ชาวอโศกมีครบทั้งหูทั้งปีก มีครบ 2 อย่าง พวกที่บินได้กับเป็นพวกที่รู้ทิศ มีหูรู้สิ่งที่วิเศษ รู้สิ่งที่ลึกซึ้งสุดยอด นี่คือสัจจะความจริงของอจินไตย ความจริงของสัจธรรมที่ไม่ค่อยรู้ง่ายๆ แต่อาตมาอธิบายสู่ฟังแล้วเป็นสัจจะจริง อย่างพวกชาวอโศกเรามีความรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 15:09:26 )

ชาวอโศกนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบกิจแล้ว

รายละเอียด

ขอแวะหน่อยหนึ่งว่า ชาวอโศกนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบกิจแล้วแก้ปัญหาเศรษฐกิจเสร็จ มาสำรวจได้เลย เสร็จอย่างไร จบกิจอย่างไร มาเรียนรู้เอา โดยความหมายคำว่า เศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจของสังคม ชาวอโศกไม่มีปัญหาเรื่องเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ ไม่มี

ยกตัวอย่างเช่น ชาวอโศกนี่ กู้เงินกันไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย ในโลกเขาทำไม่ได้ เราไม่ได้ใช้คำว่ากู้ แต่เราใช้คำว่าเกื้อแล้วเงินที่เกื้อไป ไม่ได้ใช้คำว่าหนี้แต่เราใช้คำว่าเงินหนุน เงินที่อุดหนุนช่วยเหลือกัน 

อย่างปฐมอโศก กู้เงินจากกองกลางเอาไปซื้อที่ดิน 50 ล้าน ไม่ต้องเสีย ดอกเบี้ยสักบาท เอาเงินสดไปจ่ายด้วย เขาบอกมีด้วยหรือ จ่ายเงินสด เดี๋ยวนี้ไม่มี มีแต่เช็คเด้ง แถมเราก็บอกว่า มีก็กู้มาจากกองกลางไม่ใช่ของปฐมอโศกเองหรอก โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เขาก็ตาตั้งอีกมีด้วยหรือกู้เงินตั้ง 50 ล้านแล้วไม่เสียดอกเบี้ย เขาก็งงอีก เราก็บอกมี เออ.. โลกนี้ทุกวันนี้ยังมีอย่างนี้ด้วยหรือ นี่คือกลุ่มคนประหลาดของโลก เห็นไหม? แล้ว พวกเราเสแสร้งหรือเปล่า... ไม่ได้เสแสร้ง ทำด้วยความเข้าใจมีปัญญาบริสุทธิ์ เกื้อกูลกันช่วยเหลือเฟือฟายกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ทุกคนมีจิตวรรณะ 9 ที่อาตมา ภูมิใจมากเลยที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเผยแพร่ให้พวกเราได้ศึกษาปฏิบัติกันมีผลสำเร็จถึงขั้นมีสาราณียธรรม 6 แล้ว พวกเราเกิดคุณธรรม มีวรรณะ 9 แค่นี้ อาตมา ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะมันวิปลาสหลงผิดไปแล้ว เขาไม่รู้ตัวกันเลยหรือว่า เขาหลงบูชานับถือ “วัตถุเงินทอง-ตัวเลข” ที่หลงจำนวนตัวเลขกันหนักหนาสาหัส อันไม่ใช่
“วิญญาณ” หรือ “ธาตุรู้” หรื อ“จิตใจ” หรือ “พระเจ้า” กันเลย

มาเจาะลึกวินิจฉัยกันให้ละเอียดๆ ดูทีรึ? ว่า อะไร? ตรงไหน? ที่มันหลงกำหนดหมายผิดๆ เพี้ยนๆ กันอยู่ จะได้รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง รู้จบใน “ความถูกต้องถ่องแท้ของความหลงผิดนั้น” กันเสียที 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 20:34:48 )

ชาวอโศกบรรลุจุดสมบูรณ์ของเศรษฐกิจเป็นที่สุดของสังคม

รายละเอียด

สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ลาภที่ได้โดยธรรม ก็เอามารวมกันแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ไม่ต้องหวงแหน อุดมสมบูรณ์ เป็นการบรรลุเศรษฐกิจที่ทุกคนกำลังใฝ่หาในโลก 

แต่ละสังคมประเทศกำลังหาจุดสมบูรณ์ของเศรษฐกิจ ชาวอโศกบรรลุจุดสมบูรณ์ของเศรษฐกิจ เรียกว่าเป็น Absolute Ultimate ก็ได้ สูงสุดแล้ว มีประโยชน์สุดแล้ว มันเป็นที่สุดของชีวิตมนุษย์ วัฒนธรรมสังคมของมนุษย์ การดำเนินชีวิตไปของมนุษย์ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จักว่าอันนี้เป็นที่สุดของมนุษย์ มันเป็นอย่างนี้มีชีวิตอยู่ ทำอาชีพอย่างนี้ จะต้องมาปฏิบัติอย่างนี้มี กัมมันตะ จะต้องมาพูดด้วยกันเป็นภาษาคนชาวอโศก 

อย่างที่อาตมาพูด เป็นภาษาโลกุตระเป็นภาษาคนชาวอโศก คนข้างนอกจะบอกว่าไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย ก็ใช่ เขาไม่เข้าใจ เขาไม่ได้หยั่งรู้สิ่งนี้ได้จริงๆ หรอก เขาจะไม่ซาบซึ้ง แต่พวกที่ได้แล้วจริงจะซาบซึ้งเลย ซาบซึ้งจริงๆ ไม่เชื่อไปถามท่านสิริเตโชก็ได้ จริง ซาบซึ้งจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์จากพ่อครูผู้ตามรอยบาทพระศาสดา วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 11:04:43 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์